Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง บทเรียนการนำร่วมจากผู้ขับเคลื่อนสังคม

ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง บทเรียนการนำร่วมจากผู้ขับเคลื่อนสังคม

Description: ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง บทเรียนการนำร่วมจากผู้ขับเคลื่อนสังคม

Search

Read the Text Version

ถ้าเรามีแกนนำ�หลากหลาย มันกจ็ ะกระจายการทำ�งาน  แต่ละคนกพ็ ัฒนาคนไปเป็นทอดๆ ตามแนวทางทต่ี นถนดั   แตต่ อ้ งมกี ารตดั สนิ ใจรว่ มกันอยู่เสมอ ไมแ่ ยกกนั ทำ�แบบ ตัวใครตัวมัน  เมอ่ื ทำ�ไดแ้ บบนี้ งานทุกๆ ด้านจะพฒั นาไป พร้อมกันไดร้ วดเร็วขึ้น ไปถึงเป้าหมายไดง้ ่ายข้ึน  ไม่ตอ้ งกังวลวา่ จะไมม่ ใี ครแทนใคร พวกเรานักวิจัยในโครงการนี้ก็เคยต้ังค�ำถามกับกลุ่มแกนน�ำในสถาบันไทย เบง้ิ ฯ วา่  ถา้ วนั หนง่ึ แกนนำ� เหลา่ นไ้ี มอ่ ย ู่ อนาคตของโคกสลงุ จะเปน็ อยา่ งไร ต่อไป  พ่ีมุ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า จริงๆ แล้วเร่ืองอนาคตของโคกสลุง เปน็ สงิ่ ทพ่ี อ่ มดื และพม่ี ยุ่ รวมไปถงึ แกนน�ำทกุ คนตา่ งกก็ งั วลและค�ำนงึ ถงึ อยู่ บอ่ ยครง้ั  จงึ พยายามหาแนวทางแกไ้ ขปญั หาเพอื่ ลดความกงั วลใหแ้ กท่ กุ คน ท่ีท�ำงานด้วยกัน โดยเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2559 สมาชิกในกลุ่มสถาบัน  ไทยเบงิ้ ฯ ไดล้ องแบง่ หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบของแกนนำ� แตล่ ะคนในกลมุ่ ใหม้ คี วาม บทเรยี นการนำ�ร่วมจากผขู้ ับเคลือ่ นสงั คม 151

ชดั เจนวา่ ใครทำ� หนา้ ทใี่ ด เชน่  ผพู้ นั ดเู รอื่ งสวสั ดกิ าร พอ่ มดื ดเู รอ่ื งวฒั นธรรม ครเู สอื กด็ เู รอื่ งศลิ ปะเพอ่ื การพฒั นาวฒั นธรรม พมี่ ยุ่ ดเู รอ่ื งเยาวชน โดยเปน็ ที่  ปรกึ ษาใหน้ นท ์ เพราะอยากใหน้ นทข์ นึ้ มารบั หนา้ ทใ่ี นสว่ นของเยาวชนเตม็ ตวั พมี่ ยุ่ เสรมิ อกี วา่ จรงิ ๆ แลว้ หนา้ ทข่ี า้ งตน้ เปน็ สง่ิ ทเี่ จา้ ตวั ทำ� อยแู่ ตเ่ ดมิ แลว้   แต่การแบ่งหน้าท่ีอย่างชัดเจนท�ำให้รูปแบบการท�ำงานมีความชัดเจนย่ิงข้ึน หลังจากแบ่งหน้าที่รับผิดชอบกันเรียบร้อยแล้ว สิ่งท่ีแต่ละคนจะต้องไปทำ� คือพยายามหาแนวทางพัฒนาสิ่งที่ตนเองรับผิดชอบให้มีความเข้มแข็งมาก ขน้ึ  “เราคดิ วา่ นแ่ี หละวธิ กี ารทจ่ี ะแทนใครสกั คน  ถา้ เรามแี กนนำ� หลากหลาย มนั กจ็ ะกระจายการทำ� งาน แตล่ ะคนกพ็ ฒั นาคนไปเปน็ ทอดๆ ตามแนวทาง ที่ตนถนัด แต่ต้องมีการตัดสินใจร่วมกันอยู่เสมอ ไม่แยกกันทำ� แบบตัวใคร ตวั มนั เพราะจะทำ� ให้อ่อนแอ  เมื่อท�ำได้แบบน้ี งานทกุ ๆ ดา้ นจะพัฒนาไป พรอ้ มกนั ไดร้ วดเรว็ ขน้ึ  ไปถงึ เปา้ หมายไดง้ า่ ยขนึ้  ไมต่ อ้ งกงั วลวา่ จะไมม่ ใี คร แทนใคร” (พมี่ ยุ่ , 21 ตุลาคม 2559)   พ่อมืดกล่าวถึงอีกเร่ืองที่ส�ำคัญอย่างยิ่งซ่ึงเร่ิมท�ำควบคู่ไปกับการแบ่ง งานกันพัฒนาอย่างเป็นระบบ คือการพยายามท�ำให้ทุกคนมองเห็นภาพ เดยี วกนั อยา่ งชดั เจนวา่ ตอนนชี้ มุ ชนเราอยตู่ รงจดุ ใดของสงั คม ก�ำลงั จะเดนิ ไปยงั ทศิ ทางไหน มเี ปา้ หมายรว่ มกนั อยา่ งไร และมใี ครมาเกย่ี วขอ้ งกบั ชมุ ชน เราบา้ ง  หากทกุ คนมองเหน็ ภาพเดยี วกนั กจ็ ะเขา้ ใจอยา่ งชดั เจนวา่ ตนเองมี ความสัมพันธ์กับชุมชนในแง่มุมใด และมีอะไรหรือใครบ้างสัมพันธ์กับงาน ท่ตี นเองทำ� อยู่   เราสงั เกตเหน็ ความพยายามของพอ่ มดื ในเรอื่ งนไี้ ดใ้ นการอบรมแกนน�ำ  จิตสาธารณะ ซึ่งพ่อมืดได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเครื่องมือในการท�ำงาน ชุมชนให้แกนน�ำคนอื่นๆ เริ่มจากการแสดงยุทธศาสตร์ 30 ปีในการขับ  เคล่ือนชุมชนไทยเบ้ิง อันเป็นหัวใจสำ� คัญในการดำ� เนินโครงการต่างๆ ของ 152 ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง 

ชมุ ชนมาตลอด 17 ป ี จากนนั้ ในการอบรมครงั้ ตอ่ มาพอ่ มดื จะเรม่ิ ใหท้ กุ คน ไดล้ องตงั้ เปา้ หมายของตนเอง และลองเชอื่ มโยงงานทตี่ นเองทำ� อยกู่ บั สว่ น ตา่ งๆ ทง้ั ภายในและภายนอกชมุ ชน  ลักษณะการทำ� งานแบบที่ทุกคนมองเห็นภาพเดียวกันเช่นน้ีปรากฏใน การจัดงานลานวัฒนธรรมไทยเบิ้งครั้งล่าสุด โดยผู้เข้าอบรมแกนน�ำจิต สาธารณะตา่ งกส็ ะทอ้ นวา่ รสู้ กึ เหมอื นตนเองเปน็ เจา้ ของงานจรงิ ๆ ไมใ่ ชแ่ ค่ คนท่ีมาช่วยงาน มีความเข้าใจว่าจะต้องทำ� อะไรหรือต้องไปเติมส่วนไหน ท�ำให้อยากลองจัดงานเองบ้าง ในขณะท่ีพ่ีมุ่ยสะท้อนจากด้านตรงข้ามว่า การท่ีตนเองไม่ได้ถือทุกอย่างหรือรู้ทุกเร่ืองท�ำให้การท�ำงานสะดุดน้อยลง เพราะทุกคนเขา้ ใจภาพรวมตรงกนั   การท�ำงานในลักษณะที่ทุกคนได้เห็นภาพรวมตรงกัน มีการถ่ายโอน ข้อมูลให้กันและกันอยู่เสมอ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงอันส�ำคัญอีกครั้งใน งานขับเคลื่อนชุมชนโคกสลุง  การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการทำ� งานคร้ังนี้ จึงไม่ได้เปล่ียนแค่ตัวผู้น�ำ แต่ยังเปลี่ยนวิธีการไปสู่รูปแบบใหม่ จากที่เคย หวงแหนทกุ อยา่ งไวก้ บั ตนเองโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ขอ้ มลู  กเ็ ปลยี่ นมาถา่ ยทอด ใหแ้ กก่ นั และกนั  เพอื่ ใหท้ กุ คนมคี วามรสู้ กึ เปน็ เจา้ ของรว่ มกนั ในการท�ำงาน แตล่ ะชนิ้  และยงั รดู้ ว้ ยวา่ สง่ิ ทต่ี นเองท�ำอยจู่ ะสง่ ผลกระทบอยา่ งไรตอ่ ใครบา้ ง การท�ำงานพัฒนาชุมชนมาเกือบ 20 ปีท�ำให้ชุมชนต้องปรับเปล่ียน  ตัวเองหลายครั้ง จากการตามหาผู้น�ำท่ีแท้จริงมาสู่การปรับเปลี่ยนวิถีการ ท�ำงาน จากท่ีมีคนเพียงกลุ่มเล็กๆ เป็นผู้ก�ำหนดทิศทางการพัฒนามาสู่ การกระจายอ�ำนาจในการตัดสินใจ และพยายามกระจายข้อมูลให้ทุกคน สามารถเข้าใจสถานการณ์ มองเห็นปัญหา และมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม (ภาพที่ 4)  การเปล่ียนแปลงท่ีเพ่ิงเกิดข้ึนน้ีมีท่ีมาจากความท้าทายส�ำคัญ  ในเรอื่ งความย่ังยนื ของงานพฒั นาชมุ ชน บทเรียนการนำ�ร่วมจากผูข้ บั เคล่ือนสงั คม 153

สวู ิถนี ํารว ม แกนนาํ จิตสาธารณะ สรา งผนู าํ เมลด็ ขา วเปลือกไทยเบิง้ รุนใหม เรมิ่ ขับเคลอ่ื น วฒั นธรรมไทยเบง้ิ พพิ ิธภณั ฑพ ้นื บานไทยเบงิ้ ฯ เขื่อน/ความกลัวสงั คมลมสลาย ภาพที่ 4 เส้นทางการขบั เคล่อื นชมุ ชนโคกสลงุ ทม่ี า : ผลการศกึ ษา ผลจากการเปล่ียนแปลงวิถีการทำ� งานอาจสะท้อนออกมาในลักษณะ ท่ีทุกคนในกลุ่มมีความสุขและรู้สึกเป็นเจ้าของมากขึ้น แต่คงยังเร็วเกินไป หากจะประเมนิ วา่ การเปลยี่ นแปลงครง้ั นจ้ี ะนำ� ไปสรู่ ปู แบบการพฒั นาชมุ ชน ทดี่ กี วา่   เพอ่ื จะสกู้ บั ความทา้ ทายทเ่ี กดิ ขน้ึ  ชมุ ชนตอ้ งไมล่ มื ดว้ ยวา่ นอกจาก การพฒั นาศกั ยภาพคนในชมุ ชนใหม้ คี วามเขม้ แขง็ แลว้  ทกุ คนในกลมุ่ ยงั ตอ้ ง รจู้ กั การทำ� งานเปน็ ทมี  ไมค่ วรจ�ำกดั เครอื่ งมอื การทำ� งาน องคค์ วามร ู้ ตลอด จนการตัดสินใจหรือก�ำหนดเป้าหมาย ไว้ท่ีคนคนเดียว หมั่นทบทวนจุดยืน ของตนเอง และมองเหน็ เป้าหมายเดียวกันอยู่เสมอ ท้งั หมดน้ีล้วนเป็นองค์ ประกอบสำ� คัญ ไม่อาจละเลยสว่ นใดส่วนหน่ึงไปได้ 154 ใจคน ชมุ ชน การเปล่ยี นแปลง 

สง่ิ ท่ซี อ่ นอยู่ ภายใตง้ านพฒั นาชุมชน การออกเดนิ ทางหรอื ไดป้ ระสบพบเจอประสบการณต์ า่ งๆ ชว่ ยหลอ่ หลอม ให้คนเราเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเสมอ  ในกรณีโคกสลุง ภาพความ เปล่ียนแปลงของผู้เข้าร่วมการอบรมพัฒนาแกนน�ำจิตสาธารณะสะท้อนให้ เหน็ ไดจ้ ากวธิ กี ารพดู  วธิ กี ารฟงั  และการรว่ มกจิ กรรมของผเู้ ขา้ อบรมแตล่ ะ คน  เม่ือพูดคุยกันแต่ละคร้ังเราจะสังเกตเห็นถึงความไว้วางใจ ความรู้สึก เปน็ พวกพอ้ ง ไปจนถงึ การคดิ ถงึ เรอื่ งสว่ นรวมมากขนึ้   แตก่ ารเปลยี่ นแปลง ของมนษุ ยน์ น้ั สามารถเกดิ ขนึ้ ไดท้ ง้ั ในรปู ของการกระทำ�  ความคดิ  หรอื แมแ้ ต่ เปลย่ี นคณุ คา่ บางอยา่ งทเ่ี ราเคยยดึ ถอื   การทำ� งานถอดบทเรยี นภาวะการนำ� รว่ มครง้ั นน้ี อกจากจะชว่ ยฉายภาพของผนู้ �ำทแ่ี ทจ้ รงิ  และสะทอ้ นวถิ กี ารน�ำ ของชุมชนในแต่ละช่วงเวลา ยังท�ำให้มองเห็นเร่ืองราวท่ีซ่อนอยู่อีกชั้นหน่ึง นั่นคือเส้นทางการเติบโตภายในของใครหลายๆ คน ซ่ึงเกิดข้ึนจากการ ท�ำงานพัฒนาชุมชนอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนท่ีท�ำงาน พัฒนาชุมชนมานานอย่างเยาวชนรุ่นใหญ่ของกลุ่มเมล็ดข้าวเปลือกไทยเบ้ิง และพ่อมืด ในฐานะแกนน�ำกลุ่มสถาบันไทยเบ้ิงฯ ผู้ริเร่ิมท�ำงานน้ีมาต้ังแต่ ตน้  และเปน็ หวั ใจหลกั ท่เี ราจะพูดถงึ ในหวั ขอ้ น้ ี เมลด็ พนั ธ์อุ นั หลากหลาย “พี่แท็ป มากินข้าวด้วยกันก่อน” คือประโยคท่ีฉันได้ยินทุกคร้ังเมื่อมา บทเรียนการนำ�ร่วมจากผูข้ บั เคลื่อนสังคม 155

ท�ำงานที่โคกสลุง  เจ้าของประโยคน้ีจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “สิงห์” เยาวชนในกลุ่มเมล็ดข้าวเปลือกไทยเบิ้ง  ถ้าเวทีกระบวนการกลุ่มคือพื้นที่ ของนนท์ ครัวและโต๊ะกินข้าวของทุกคนที่เข้าร่วมกระบวนการก็คือพื้นท ี่ ของสิงห์  การพบกันหลายคร้ังในพื้นท่ีโคกสลุงและในการอบรม Social  Facilitator รนุ่ ท ่ี 2 ของโครงการผนู้ ำ� แหง่ อนาคตทำ� ใหฉ้ นั กบั สงิ หไ์ ดม้ โี อกาส  พูดคุยและแลกเปลี่ยนมุมมองกันหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องของสิงห์ในฐานะ เมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบงิ้ จดุ เรม่ิ ตน้ ทน่ี ำ� สงิ หไ์ ปสกู่ ารทำ� งานกบั กลมุ่ เมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบงิ้ เกดิ จากความสงสัยว่านนท์เพื่อนเขามาท�ำอะไรที่พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านไทยเบ้ิงฯ ทุกวัน  ความสงสัยท�ำให้สิงห์ตามนนท์เข้ามาสังเกตการณ์จนในที่สุดได้ รบั คำ� เชอ้ื เชญิ ใหม้ าเขา้ คา่ ยดว้ ยกนั   สงิ หบ์ อกวา่ พอเขา้ คา่ ยแลว้ รสู้ กึ สนกุ  ได้ เจอคนใหมๆ่  ไดไ้ ปในทท่ี ไ่ี มเ่ คยไป และไดเ้ จอโลกทก่ี วา้ งกวา่ เพอื่ นคนอน่ื ๆ ในละแวกบ้าน จึงรสู้ ึกติดใจและชว่ ยงานในกลุ่มเรอื่ ยมา  ถ้าถามว่าสิงห์ท�ำหน้าท่ีใดในกลุ่มเมล็ดข้าวเปลือกไทยเบ้ิง สิงห์จ�ำกัด ความวา่ ตวั เองคอื ฝา่ ยสวสั ดกิ าร คอยดแู ลเรอื่ งซอื้ ของ เรอื่ งอาหาร ไมถ่ นดั ทำ� กระบวนการหรอื นำ� กจิ กรรมอยา่ งทนี่ นทท์ �ำ แตส่ งิ หก์ ม็ คี วามสขุ ดกี บั การ ทำ� หนา้ ทเี่ หลา่ น ี้  ปจั จบุ นั สงิ หท์ �ำอาชพี รบั จา้ งหลายอยา่ ง โดยเฉพาะอยา่ ง ยง่ิ อาชพี ขบั รถซงึ่ ทำ� ใหส้ งิ หไ์ มอ่ าจอยรู่ ว่ มกจิ กรรมของกลมุ่ ไดท้ กุ ๆ ขนั้ ตอน เหมือนคนอ่ืน แต่สิงห์ก็มักจะแวะเวียนมาคุยกับพ่ีมุ่ย พ่อมืด หรือมาช่วย งานในกลุม่ เสมอ  สงิ หเ์ รมิ่ เขา้ มาเปน็ สว่ นหนง่ึ ในกลมุ่ เมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบงิ้ ตอนทเี่ รยี น อยู่ช้ัน ม. 3 - ม. 4  ตอนน้ีสิงห์อายุ 23 ปีแล้ว นั่นแปลว่าเขาเป็นส่วนหน่ึง  ของกลุ่มเยาวชนกลุ่มน้ีมาเกือบ 10 ปี จากเด็กที่คอยวิ่งซื้อของ ขับรถ  มาถึงตอนน้ีสามารถช่วยท�ำบัญชี ควบคุมค่าใช้จ่ายในการซ้ือของกินของใช้ ทกุ อย่างท่เี กิดข้ึนในคา่ ย   156 ใจคน ชมุ ชน การเปลี่ยนแปลง 

ฉันถามสิงห์ว่าได้อะไรบ้างจากการเป็นเมล็ดข้าวเปลือกไทยเบ้ิง  เขาตอบอยา่ งเรยี บงา่ ยและตรงๆ ตามแบบฉบบั ของตวั เองวา่  “เวลาท�ำคา่ ย  เราได้ฝึกหลายอย่าง อย่างน้อยก็ต้องข่มใจเวลาจะท�ำอะไร เช่น กินเหล้า  หรอื เลน่ โทรศพั ทม์ อื ถอื  เพราะเราตอ้ งคอยบอกเดก็ วา่ อะไรควรทำ� ไมค่ วรทำ�   ถา้ เราเทยี่ วไปบอกคนอนื่ แลว้ กม็ าท�ำเอง อนั นค้ี อื เรากำ� ลงั ถม่ นำ�้ ลายรดหนา้   ตัวเอง” (สงิ ห์, 6 พฤศจกิ ายน 2559)  นอกจากสงิ หก์ บั นนทซ์ งึ่ เปน็ เมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบง้ิ รนุ่ แรกๆ ทฉ่ี นั ได้ เหน็ ฝไี มล้ ายมอื ในเวทแี กนน�ำจติ สาธารณะอยเู่ สมอแลว้  ในการลงพน้ื ทคี่ รง้ั นน้ั ฉนั ยงั ไดค้ ยุ กบั นอ้ งๆ เมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบงิ้ อกี  2 คนทบี่ งั เอญิ มาเตรยี ม  คา่ ยเมลด็ ขา้ วเปลอื กรนุ่ ใหมอ่ กี ดว้ ย นนั่ คอื ไกแ่ ละไอซ ์  จดุ เรม่ิ ตน้ ทที่ ำ� ใหท้ งั้ คเู่ ขา้ มาเปน็ เมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบงิ้ ไมไ่ ดแ้ ตกตา่ งจากสงิ หม์ ากนกั  พวกเขา ตามเพอื่ นมาเขา้ คา่ ยเยาวชนทสี่ ถาบนั ไทยเบงิ้ ฯ เพราะความอยากเลน่ สนกุ ไก่เข้ามาในค่ายเล่านิทานตอน ป. 4 ในขณะที่ไอซ์เข้ามาในค่ายฝึกภาษา  องั กฤษตอน ป. 6 จากนน้ั กไ็ ดร้ บั การทาบทามใหเ้ ขา้ มาทำ� คา่ ยจนถงึ ปจั จบุ นั   ซ่ึงทั้งสองเรียนอยู่ชั้น ม. ปลาย และก�ำลังเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ไก่และไอซ์ท�ำหน้าที่คล้ายกับนนท์ คือเป็นผู้น�ำกระบวนการกลุ่มและ งานนันทนาการ  ไก่เล่าว่าตัวเองชอบท�ำกิจกรรมและชอบเข้าค่ายอยู่แล้ว การทำ� นนั ทนาการจงึ เปน็ กจิ กรรมทไี่ กท่ �ำไดค้ อ่ นขา้ งด ี  สว่ นไอซบ์ อกวา่ ตวั เองเป็นคนข้ีอายมาก ไม่ค่อยกล้าพูดต่อหน้าคนมากๆ แต่พอเห็นไก่น�ำ นันทนาการ น�ำน้องเล่นเกมได้ ก็อยากลองดูบ้างว่าตัวเองจะทำ� ได้หรือไม่ โดยเรม่ิ จากไปลองยนื ขา้ งๆ ไกใ่ นตอนแรก จากนน้ั คอ่ ยๆ สงั เกตทไี่ กท่ ำ� แลว้ ลองท�ำตาม ช่วยไก่มาเร่ือยๆ จนตอนน้ีไอซ์รู้แล้วว่ากระบวนการท่ีตัวเอง สามารถน�ำได้ดีคือกระบวนการที่เป็นเกมซึ่งใช้ทักษะ ความคิด ไม่ใช่เกมท่ี ต้องเคล่อื นไหวรา่ งกายให้เต็มทอ่ี ยา่ งที่ไก่ท�ำ ไอซ์ยังบอกอีกว่าตอนมาร่วมกิจกรรมช่วงแรกก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมา บทเรียนการนำ�ร่วมจากผ้ขู บั เคลอ่ื นสังคม 157

พัฒนาอะไร คิดแค่จะมาเล่นสนุกกับเพ่ือนเท่าน้ัน แต่พอเข้าร่วมหลายๆ คา่ ยกเ็ รมิ่ รสู้ กึ วา่ ตนเองมคี วามคดิ เปลยี่ นแปลงไปพอสมควร ไมเ่ พยี งมคี วาม กล้าท่ีจะพูดต่อหน้าคนมากๆ เท่าน้ัน ทว่ายังได้พัฒนาให้รู้จักการวางแผน และมองเห็นภาพรวม ซึ่งเป็นส่ิงจำ� เป็นมากส�ำหรบั การท�ำงานคา่ ย การพูดคุยกับสิงห์ ไก่ และไอซ์ ท�ำให้ฉันรู้ว่าก่อนท่ีแต่ละคนจะได้ขึ้น มาทำ� หนา้ ทน่ี ำ� กจิ กรรมและจดั การคา่ ยดว้ ยตนเอง พวกเขาตอ้ งใชเ้ วลาสงั่ สม ประสบการณ์ค่อนข้างมาก เร่ิมจากเป็นผู้ร่วมกิจกรรม มาเป็นพี่เล้ียงกลุ่ม ลองทำ� หนา้ ทต่ี า่ งๆ ในคา่ ยเพอื่ คน้ หาสง่ิ ทตี่ นเองท�ำไดด้  ี จนกระทงั่ สามารถ จัดค่ายได้ด้วยตนเอง  กว่าจะมาถึงจุดนี้แต่ละคนล้วนเคยผ่านการล้มลุก คลกุ คลานและท�ำงานผดิ พลาดมาแลว้ ทงั้ สิน้ ทั้งสามคนเล่าตรงกันว่า ค่ายท่ีพวกเขาประทับใจมากท่ีสุดคือค่าย พฒั นาศกั ยภาพทม่ี โี จทยใ์ หท้ ดลองจดั การคา่ ยดว้ ยตนเองทง้ั หมด และมผี ล การท�ำงานท่คี ่อนขา้ งแย่ คอื นอ้ งๆ ท้ังสองโรงเรียนแยกกันเปน็ กล่มุ ๆ ไมม่ ี ใครสนใจฟงั หรอื สนใจรว่ มกจิ กรรมทจ่ี ดั ขน้ึ  เรยี กวา่ ไมส่ ามารถควบคมุ อะไร ไดเ้ ลย จนกระทง่ั พซ่ี ง่ึ เปน็ วทิ ยากรหลกั  (วทิ ยากรจากภายนอก) เขา้ มาแกไ้ ข จนสถานการณ์ค่อยๆ ดีข้ึน  ความล้มเหลวจากค่ายคร้ังนั้นท�ำให้พวกเขา อยากท�ำค่ายอีกคร้ัง เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังท�ำได้ดีกว่านั้น และผลักดันให้ ท�ำคา่ ยเรื่อยมาจนถงึ ปจั จบุ นั หลังจากคุยถึงเร่ืองในอดีตของแต่ละคนแล้ว ฉันชวนน้องๆ คุยต่อถึง อนาคตของตัวเอง กลุ่มเมล็ดข้าวเปลือกไทยเบ้ิง และวัฒนธรรมไทยเบิ้งใน อนาคต ทง้ั สามมมี มุ มองคลา้ ยคลงึ กนั วา่  โลกทเี่ ปลย่ี นแปลงไปทกุ วนั นบั เปน็   อุปสรรคส�ำคัญที่ท�ำให้งานด้านวัฒนธรรมไปต่อได้ยาก ความเปล่ียนแปลง  ที่ว่าน้ีไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่รวมถึงค่านิยมด้านเศรษฐกิจด้วย  การให้ คุณค่ากับความสามารถในการหารายได้มีส่วนผลักดันให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้ังความหวังต่อการเรียนและการหารายได้ของลูกหลานในอนาคต เม่ือ  158 ใจคน ชมุ ชน การเปลี่ยนแปลง 

สงิ่ สำ�คญั ท่ผี มได้รบั จากท่ีนค่ี อื กระบวนการเรียนร้ ู กระบวนการพฒั นาคน  การไปลงชุมชนทำ�ให้เรารวู้ า่   ถ้าต้องการความรู้อะไรสักอย่างจะต้องทำ�ยังไง  สดุ ท้ายแลว้ การรกั ษาวฒั นธรรมมันเปน็ แค่  เครื่องหลอมคนหลายๆ คนใหม้ าทำ�งานรว่ มกัน  เรยี นรู้กระบวนการทำ�งานไปดว้ ยกนั ลูกหลานมาท�ำงานส่วนรวมโดยไม่มีรายได้จึงเป็นเร่ืองท่ียากจะเข้าใจ  ตัว เยาวชนเองก็ยังต้องพยายามเข้าเรียนต่อในเมือง ในมหาวิทยาลัยดีๆ ส่วน หนงึ่ ก็เพราะไม่อยากทำ� ใหพ้ ่อแมผ่ ดิ หวัง ฉะนั้นสิง่ ท่พี อทำ� ไดใ้ นฐานะเมล็ด ข้าวเปลือกไทยเบิ้งจึงเป็นความพยายามส่งต่อความรู้ทางวัฒนธรรม ภูมิ  ปญั ญา ตลอดจนวิธีการพัฒนาศักยภาพตนเองใหน้ อ้ งๆ รนุ่ ตอ่ ไป ในฐานะเมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบงิ้  แมย้ งั ไมไ่ ดร้ บั ปากวา่ จะท�ำงานพฒั นา ท้องถิ่นต่อไป แต่ตลอดเส้นทางการท�ำค่ายและสืบทอดวัฒนธรรมชุมชน  โคกสลงุ คงทำ� ใหพ้ วกเขาไดเ้ รยี นรบู้ ทเรยี นหลายๆ เรอื่ งทส่ี ง่ ผลใหแ้ ตล่ ะคน เติบโตในรูปแบบแตกต่างกันไป หนึ่งในบทเรียนนั้นปรากฏอยู่ในถ้อยค�ำที่ นนทใ์ หส้ มั ภาษณ์ไว้วา่   บทเรียนการนำ�รว่ มจากผูข้ บั เคล่ือนสังคม 159

“วัฒนธรรมมันมีวันเปล่ียนแปลงได้ อีก 20 ปีข้างหน้าการรำ� โทนอาจ จะอยู่แค่ในหนังสือ ทุกอย่างท่ีคนแก่ที่น่ีท�ำอาจจะเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ตายไป หมดเลย แตส่ งิ่ สำ� คญั ทผี่ มไดร้ บั จากทน่ี คี่ อื กระบวนการเรยี นร ู้ กระบวนการ พฒั นาคน  การไปลงชมุ ชนท�ำใหเ้ ราร้วู า่ ถา้ ตอ้ งการความรอู้ ะไรสกั อย่างจะ ต้องท�ำยังไง จัดการยังไง หรือเราจะเขียนโครงการยังไง  สุดท้ายแล้วการ รกั ษาวัฒนธรรมมนั เป็นแค่เคร่ืองหลอมคนหลายๆ คนใหม้ าทำ� งานรว่ มกัน เรียนร้กู ระบวนการทำ� งานไปดว้ ยกัน” (นนท,์  21 ตลุ าคม 2559) กา้ วข้ามอัตตาของตัวเอง การท�ำงานในชุมชนโคกสลุงท�ำให้ฉันได้รู้จักพ่อมืดในหลายแง่มุม นอกจากเรื่องวิธีการท�ำงานพัฒนาชุมชนซึ่งพ่อมืดช่วยสอนอยู่เป็นประจำ� แล้ว ยังมีเร่ืองราวชีวิตส่วนตัว ความโลดโผนในวัยรุ่น ที่พ่อมืดมักจะเล่าให้ ฟังอย่างสนุกสนานในชว่ งทีเ่ ราลอ้ มวงกินขา้ วกนั   พ่อมืดเล่าว่าเม่ือก่อนไม่มีร้านเหล้าร้านไหนในหมู่บ้านไม่รู้จักพ่อมืด เพราะตนกินเหล้าแทบทุกวัน ถ้าเจ้าของร้านไม่เปิดให้เป็นต้องมีเร่ือง จน กระท่ังได้เข้ามาท�ำงานพัฒนาชุมชนกับหน่วยงานราชการภายนอกอย่าง จริงจัง โดยเฉพาะอย่างย่ิงกับ สสส. ซ่ึงเป็นหน่วยงานด้านสุขภาวะ ท�ำให้ ตนเปล่ียนแปลงตัวเองจากที่เคยกินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ทุกวัน กลายเป็น เลิกแตะอบายมุขทุกอย่าง  การท�ำตัวให้เหมาะสมและน่าเชื่อถือเป็นสิ่ง ส�ำคัญอย่างยิ่งส�ำหรับผู้ท�ำงานด้านพัฒนาศักยภาพคน ผู้ที่ต้องน�ำแนวคิด ต่างๆ ไปบอกหรือสอนคนอ่ืนๆ ในสังคม โดยเฉพาะอย่างย่ิงเร่ืองวิถีชีวิต และวัฒนธรรม  ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ การท�ำงานรว่ มกบั คนอนื่  โดยเฉพาะคนเฒา่ คนแก ่ ยงั กอ่ 160 ใจคน ชมุ ชน การเปล่ียนแปลง 

ให้เกิดการเปล่ียนแปลงกับพ่อมืดหลายอย่าง เช่นเม่ือก่อนเป็นคนใจร้อน  ไม่เคยฟังใคร แต่พอได้มาทำ� งาน ได้เติมความรู้จากอาจารย์ว่าต้องรู้จักฟัง ให้ดี อย่าด่วนตัดสินคนอื่น และได้ฝึกการฟังมากๆ ท�ำให้สามารถทลาย  กำ� แพงหลายๆ อยา่ งของตนเองออกไปได ้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ก�ำแพงอตั ตา ซงึ่ เปน็ อปุ สรรคสำ� คญั ทท่ี ำ� ใหก้ ารประสานงานกบั คนทตี่ นเองไมพ่ อใจทำ� ได้ ยากขึ้น  “สงิ่ ทยี่ ากทสี่ ดุ ในการทำ� งานชมุ ชนไมใ่ ชก่ ารประสานงาน หางบประมาณ  หรือคิดแผนยุทธศาสตร์ แต่เป็นการก้าวข้ามอัตตาของตนเอง ซึ่งเป็น อปุ สรรคสำ� คญั ทท่ี ำ� ใหง้ านไม่สำ� เร็จ  การละวางสงิ่ นเ้ี ปน็ เรอื่ งยาก ผมเองก็ เคยท�ำไม่ได้ แต่ถ้าเรามองไปยังเป้าหมายหลักที่ต้ังเอาไว้ เราก็จะละวาง ความเปน็ ตัวตนนนั่ ได”้  (พอ่ มดื , 21 ตุลาคม 2559)  มองโคกสลงุ จากวันน้ีถึงวนั หน้า ระยะเวลาการท�ำงานเกือบ 20 ปีในการขับเคลื่อนชุมชนของสถาบัน ไทยเบ้ิงโคกสลุงเพื่อการพัฒนาท�ำให้เกิดเรื่องราวหลายอย่างข้ึนในชุมชน  ท้ังพิพิธภัณฑ์ กลุ่มคนท�ำงานสืบสานวัฒนธรรมไทยเบิ้ง และการร้ือฟื้น  ประเพณีไทยเบิ้งภายใต้ความมุ่งหวังที่จะให้ชุมชนโคกสลุงกลายเป็นชุมชน น่าอยู่ดังท่ีได้ตั้งเป้าหมายไว้  โคกสลุงเดินทางมาไกลแค่ไหน เข้าใกล ้ บทเรียนการน�ำ รว่ มจากผู้ขบั เคลือ่ นสังคม 161

ปลายทางที่มุ่งหวังแล้วหรือไม่ มีสิ่งใดท่ียังเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางบ้าง คงมแี ต่คนทำ� งานมาตลอดเท่านน้ั ท่สี ามารถตอบคำ� ถามเหลา่ นี้ได้ แรงยดึ เหนี่ยวและความส�ำเร็จ ของการท�ำงานชุมชน พวกเราทมี นกั วจิ ยั ในโครงการเคยนงั่ สนทนากบั สมาชกิ ในกลมุ่ สถาบนั ไทยเบิ้งฯ ถึงสิ่งที่เป็นแรงยึดเหนี่ยวให้พวกเขายังอยากท�ำงานเพ่ือชุมชน ภาพท่คี นท�ำงานมองตนเองในแงค่ วามส�ำเร็จของงานขบั เคล่ือนชุมชน และ สง่ิ ทีช่ มุ ชนคาดหวังวา่ จะเกิดขนึ้ ในวนั ขา้ งหน้า ครูเสือ ในฐานะคนต้นคิดเร่ืองพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยเบ้ิงฯ มองว่า ตง้ั แตเ่ กดิ กระบวนการพฒั นาชมุ ชนขน้ึ มาจนถงึ ปจั จบุ นั กป็ ระสบความส�ำเรจ็ เร่ือยๆ ตามล�ำดับข้ัน ถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์ก็น่าจะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะความต้ังใจของครูเสือคือการได้น�ำความรู้ท่ีตนเองมีมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ในทางปฏิบัติ  ครูเสือได้น�ำวิทยานิพนธ์ด้านศิลปะในวัฒนธรรม ไทยเบิ้งมาใช้เป็นแนวทางพัฒนาศิลปวัฒนธรรมของชุมชนโคกสลุงซึ่งเป็น ชมุ ชนบ้านเกิดอย่างเปน็ รูปธรรม “ผมเป็นนักเรียนทุนครูต�ำบล เง่ือนไขคือต้องกลับมาท�ำงานที่บ้าน ต้ังแต่นั้นมาก็ไม่ได้ย้ายไปไหนนับสามสิบปี  ผมแค่อยากท�ำเรื่องเล็กๆ ใน บา้ นเกดิ  ใหเ้ ขารจู้ กั ตวั ตน  ตอนนถ้ี ามวา่ พอใจหรอื ยงั  ผมอยากตอบวา่ พอใจ  ร้อยเปอร์เซ็นต์  ผมเริ่มต้นจากการเอารูปธรรมมาล่อ อย่างตัวพิพิธภัณฑ์ แต่เหตุผลที่ยังท�ำงานต่อเพราะหมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ คนอาจ จะรู้จักมากแล้ว แม้ม่ันใจว่าเกินครึ่งแน่นอน แต่ในฐานะครูก็ยังอยากจะ สอื่ สารเผยแพรอ่ อกไป...เปา้ หมายสงู สดุ คอื ความสขุ รว่ มกนั ในชมุ ชน ทกุ คน 162 ใจคน ชมุ ชน การเปลีย่ นแปลง 

เข้าใจว่าเราคือใคร อยู่กันแบบอบอุ่น อยู่ร่วมกันเหมือนเก่า มีแกงมีอะไรก็ แบ่งปันกันเหมือนเดิม  ถ้ามีปัญหาอุปสรรคเข้ามา เราก็สามารถเอาสิ่งดีๆ เหลา่ นี้ไปยนั ไปส”ู้  (ครเู สือ, 21 ตลุ าคม 2559) สว่ นนนท์ เยาวชนเมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบง้ิ  มองวา่ ตอนนโ้ี คกสลงุ เปน็ ชมุ ชนทน่ี า่ อย ู่ เพราะมคี นทยี่ งั สนใจทำ� งานเพอ่ื สว่ นรวม โคกสลงุ โชคดมี าก ที่มีคนแบบน้ี และอยากให้เป็นเช่นนี้ไปเร่ือยๆ “ผมมาอยู่กับคนเหล่านี้ ผม เหน็ ตลอดเลยวา่ เขามองเหน็ คนอน่ื เสมอ เหน็ ถงึ ความงามในจติ ใจของแตล่ ะ คน ท�ำให้เราร้สู กึ อบอุ่น รู้สึกด ี ไมเ่ หน็ แก่ตวั ” สง่ิ ทนี่ นทต์ ง้ั ใจจะทำ� และคาดหวงั วา่ จะตอ้ งเกดิ ขนึ้ ในสองสามปขี า้ งหนา้ คอื  ทกุ คนในกลมุ่ ตอ้ งรกู้ ระบวนการใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ  และรชู้ ดั เจนวา่ เปา้ หมาย คืออะไร  ส่วนตัวเขาเองอยากท�ำตัวให้ทันพ่อมืด ครูเสือ และผู้พัน เพ่ือให้ สามารถทำ� งานพฒั นาชมุ ชนบา้ นเกดิ ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งและจรงิ จงั  “สงิ่ ทที่ �ำได้ คอื ตอ้ งพฒั นาทกุ คนใหแ้ ทนกนั   ถา้ เปน็ ไปไดผ้ มกอ็ ยากจะสอบบรรจใุ หไ้ ดท้ ่ี โคกสลุงเลย  ผมคงอยู่ที่นี่แหละครับ ที่ไหนก็ไม่น่าอยู่เท่าบ้านเราอีกแล้ว” (นนท,์  21 ตุลาคม 2559)    ขณะทพ่ี อ่ มดื มองความสำ� เรจ็ ของการขบั เคลอื่ นชมุ ชนโคกสลงุ ไดอ้ ยา่ ง ชดั เจนวา่  การพฒั นาชมุ ชนมคี วามสำ� เรจ็ มาเปน็ ระยะๆ แตถ่ า้ ใหม้ องวา่ ตอน นเ้ี ดนิ ทางมาถงึ จดุ มงุ่ หมายทต่ี นเองตงั้ ไวห้ รอื ยงั  กต็ อบไดว้ า่ สำ� เรจ็ ไปแคบ่ าง สว่ น ทวา่ ดว้ ยแนวทางทว่ี างแผนเอาไวก้ ค็ อ่ นขา้ งแนใ่ จวา่  หากไมม่ เี รอื่ งราว หนกั หนาสาหสั อะไรใหต้ อ้ งเผชญิ  เปา้ หมาย “โคกสลงุ นา่ อย”ู่  กน็ า่ จะมที าง เกิดข้ึนได้ในอีก 13 ปี  สาเหตุที่พ่อมืดตอบได้อย่างม่ันใจว่าตนเองเดินมา  ถูกทางก็เพราะมองเหน็ ความสำ� เร็จ 3 ดา้ นพร้อมกันคอื   ความสำ� เรจ็ ดา้ นคนในชมุ ชน : พอ่ มดื มองวา่ ปจั จบุ นั คนในหมบู่ า้ นตา่ ง ก็เขา้ ใจแล้ววา่ ตนเองคือคนไทยเบ้งิ  กล่มุ แกนนำ� จติ สาธารณะก็สามารถลุก ขนึ้ มาเตรยี มงาน เตรยี มการตอ้ นรบั นกั ทอ่ งเทย่ี วไดเ้ องแลว้  ขาดกแ็ ตก่ ารนำ� บทเรียนการนำ�รว่ มจากผู้ขบั เคล่อื นสังคม 163

กระบวนการเท่านั้นที่ยังต้องพัฒนาต่อไปในอนาคต  ส่วนแกนน�ำเชิง ยุทธศาสตร์ทุกคนของสถาบันไทยเบิ้งฯ ต่างเข้าใจกระบวนการท�ำงานทุก อยา่ งเกอื บเทา่ กันแลว้  ดังนน้ั ใครหายไปสักคนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ ่ ความส�ำเร็จด้านการประสานงานกับหน่วยงาน : การท�ำงานพัฒนา อย่างต่อเน่ืองท�ำให้ปัจจุบันชุมชนเล็กๆ อย่างโคกสลุงเป็นที่รู้จักในทางท่ีดี มากขน้ึ ทงั้ ทเี่ ปน็ การขบั เคลอื่ นโดยคนกลมุ่ เลก็ ๆ เทา่ นนั้   เมอื่ ชมุ ชนประสาน งานไดด้  ี หนว่ ยงานตา่ งๆ กจ็ ะใหก้ ารสนบั สนนุ ทงั้ ในแงง่ บประมาณและองค์ ความรู้ทางวิชาการ จนโคกสลุงกลายเป็นชุมชนหน่ึงในจังหวัดลพบุรีที่มี ความเขม้ แขง็ อยา่ งมาก “เราพดู ไดแ้ บบไมข่ ดั เขนิ วา่ เราเขม้ แขง็ ทส่ี ดุ ในจงั หวดั เพราะเราไมใ่ ชแ่ คเ่ อาคนมารำ� โทน แตเ่ ราบอกไดว้ า่ การรำ� โทนมนั พฒั นาคน ไดย้ งั ไงบา้ ง  ในเรอ่ื งยทุ ธศาสตรจ์ งั หวดั กม็ เี รอ่ื งราวของบา้ นเราอยแู่ ลว้  สว่ น เร่ืองการท่องเท่ียวท่ีนำ� ไปผลักดันในนโยบายระดบั จังหวดั กเ็ ปน็ ผลจากการ ทำ� งานของพวกเรา” (พอ่ มืด, 7 พฤศจิกายน 2559) ความสำ� เรจ็ ดา้ นวชิ าการ : พอ่ มดื มองวา่ หนทางทจ่ี ะทำ� ใหอ้ งคค์ วามรู้ ทงั้ หลายยงั คงมชี วี ติ อยคู่ อื การนำ� มาใชใ้ นชวี ติ จรงิ  และเราไมอ่ าจเขา้ ใจทฤษฎี  ต่างๆ ที่เรียนมาได้อย่างแท้จริงหากไม่นำ� มาประยุกต์ใช้ ดังนั้นโคกสลุงจึง เป็นพ้ืนท่สี ำ� คญั ทท่ี �ำใหค้ วามรูท้ างวชิ าการ “สำ� แดงเดช” ข้นึ มาได ้     การเมอื ง ความขดั แย้ง  และความทา้ ทายเรอื่ งการมีสว่ นรว่ ม ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า การขับเคล่ือนด้านวัฒนธรรมของโคกสลุง ประกอบไปด้วยคนท�ำงาน 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มสถาบันไทยเบิ้ง  โคกสลุงเพื่อการพัฒนา กลุ่มเมล็ดข้าวเปลือกไทยเบิ้ง กลุ่มครูภูมิปัญญา 164 ใจคน ชมุ ชน การเปลยี่ นแปลง 

และกลมุ่ แกนนำ� จติ สาธารณะ ซงึ่ เปน็ เพยี งคนกลมุ่ เลก็ ๆ ในชมุ ชน ดงั นน้ั จงึ มักมีค�ำถามเกิดขึ้นเสมอว่าคนอ่ืนๆ ในชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้วย หรอื ไม ่ พม่ี ยุ่ กลา่ ววา่ ถา้ จะมองเรอื่ งการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน เราตอ้ งถามตอ่ วา่ เปน็ การมสี ว่ นรว่ มระดบั ใด เพราะจรงิ ๆ แลว้ คนในโคกสลงุ ทกุ คนตา่ งรดู้ วี า่ กลมุ่ สถาบนั ไทยเบงิ้ ฯ พฒั นาชมุ ชนดา้ นวฒั นธรรมกนั อยา่ งไร แตอ่ าจไมไ่ ด้ มาเข้าร่วมกระบวนการกลุ่ม เวทีเสวนา หรือไม่ได้เข้ามาช่วยทำ� งานอย่าง เต็มตัว เน่ืองจากชาวบ้านต้องใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการประกอบอาชีพ ยกเว้นคนท่ีเสียสละหรือไม่มีงานประจำ� อย่างจริงจัง  ในมุมมองของพี่มุ่ย ขอแค่ชาวบ้านรู้ว่ากลุ่มสถาบันไทยเบิ้งฯ ท�ำอะไร และมองว่าส่ิงที่ท�ำเป็น เรอ่ื งดีกพ็ อแลว้    คำ� ตอบของพม่ี ยุ่ สอดคลอ้ งกบั ค�ำบอกเลา่ ของชาวบา้ นทไ่ี มไ่ ดเ้ ขา้ มาท�ำ กระบวนการหรืออบรมที่พิพิธภัณฑ์ ว่าตนเองดีใจท่ีมีนักท่องเที่ยวมาท่ี หมบู่ า้ น ทำ� ใหส้ นิ คา้ บางอยา่ งขายไดด้ ขี น้ึ   พวกเขามองวา่ การทำ� พพิ ธิ ภณั ฑ์ เป็นเร่ืองที่ดี แต่ไม่สามารถมาช่วยงานท่ีพิพิธภัณฑ์ได้เพราะต้องขายของ ต้องท�ำงานหลายอยา่ ง  อย่างไรก็ตาม ยังมีคนบางกลุ่มในชุมชนท่ีมีความเห็นตรงกันข้ามหรือ ขดั แยง้ กบั การทำ� งานของกลมุ่ สถาบนั ไทยเบง้ิ ฯ ดว้ ยเหมอื นกนั   จากการพดู คุยกับน้องๆ หลายคนในกลุ่มเมล็ดข้าวเปลือกไทยเบ้ิงท�ำให้ฉันรู้ว่า การที ่ ผู้ปกครองไม่สนับสนุนให้ลูกหลานมาท�ำกิจกรรมชุมชนเป็นปัญหาส�ำคัญ อยา่ งหนงึ่ ทเี่ ดก็ ๆ ตอ้ งพบเสมอเมอ่ื มาทำ� คา่ ยทพ่ี พิ ธิ ภณั ฑพ์ นื้ บา้ นไทยเบง้ิ ฯ ผปู้ กครองจำ� นวนหนง่ึ อยากใหล้ กู หลานใชเ้ วลาอยบู่ า้ นเพอ่ื อา่ นหนงั สอื  ชว่ ย งานบา้ น หรอื ชว่ ยทำ� งานเกษตรมากกวา่ มาทำ� งานทไ่ี มก่ อ่ ใหเ้ กดิ รายไดอ้ ะไร ในมมุ มองของพมี่ ยุ่  การแกไ้ ขปญั หานอ้ี าจทำ� ไดโ้ ดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง ในการทำ� งาน ขอใหค้ า่ ยตา่ งๆ ทจ่ี ดั ขน้ึ เปน็ กจิ กรรมของโรงเรยี น ซงึ่ จะชว่ ย บทเรียนการนำ�รว่ มจากผขู้ ับเคล่อื นสังคม 165

ให้ผ้ปู กครองเข้าใจได้มากกวา่ การบอกวา่ เปน็ กจิ กรรมของชมุ ชน นอกจากนี้ในเส้นทางการขับเคล่ือนชุมชนโคกสลุงยังมีเหตุการณ์บาง อยา่ งทที่ ำ� ใหผ้ นู้ ำ� ทางการในยคุ ปจั จบุ นั อยคู่ นละขวั้ กบั กลมุ่ สถาบนั ไทยเบงิ้ ฯ พมี่ ยุ่ และผพู้ นั เลา่ ตรงกนั วา่  เมอื่ กอ่ นแทบจะทำ� งานดว้ ยกนั ไมไ่ ด ้ เพราะยนื กันคนละฝั่ง แต่ตอนน้ีทางกลุ่มพยายามปรับแนวคิดหรือกลยุทธ์ต่างๆ ให้ สามารถท�ำงานร่วมกันได้ดีข้ึน เช่นใช้วิธีให้ความส�ำคัญ อย่างในกรณีที่ พิพิธภัณฑ์มีงาน หรือมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักโฮมสเตย์ ทางกลุ่มก็จะแจ้ง ขา่ วใหผ้ ใู้ หญบ่ า้ นหรอื  อบต. ทราบเรอ่ื งกอ่ น หรอื เมอ่ื มกี ารอบรมกเ็ ชญิ ชวน ให้เข้าร่วมทุกครั้ง ทว่าดูเหมือนความพยายามเหล่าน้ีจะยังไม่ประสบผล สำ� เรจ็ นัก  เมอ่ื กอ่ นพอ่ มดื เคยคดิ วา่ เรอื่ งนเ้ี ปน็ ปญั หาส�ำคญั  ถา้ แกไ้ ขไมไ่ ด ้ ชมุ ชน กจ็ ะไมพ่ ฒั นา แตป่ จั จบุ นั มองวา่ ตนไดก้ า้ วขา้ มค�ำวา่  “ปญั หา” มาแลว้  สงิ่ นี้ ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะจริงๆ แล้วการมีส่วนร่วมในงานพัฒนาชุมชน สามารถท�ำไดห้ ลายแบบ ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งเขา้ มาท�ำงานรว่ มหวั จมทา้ ยดว้ ยกนั ไปตลอด  แค่หน่วยงานท้องถ่ินต่างๆ พัฒนาถนนให้ดี ตัดหญ้าหรือดูแล สภาพแวดลอ้ มในชมุ ชนใหส้ ะอาดนา่ อย ู่ ทำ� หนา้ ทไ่ี ปตามทต่ี นเองรบั ผดิ ชอบ ให้ดีเท่าน้ัน กน็ ับวา่ มีสว่ นรว่ มในการพัฒนาแลว้   ในมุมมองของพ่อมืด เราจะมองเร่ืองใดว่าเป็นปัญหาหรือไม่ก็ได้ เช่น ถา้ มองวา่ การออกมาเปน็ องคก์ รอสิ ระทไี่ มม่ เี งนิ สนบั สนนุ จากภาครฐั แลว้ ทำ� อะไรไม่ได้ เราก็คงไม่ได้คิดริเริ่มท�ำอะไรเลย  เราต้องไม่เริ่มคิดจากส่ิงที่ ท�ำให้หมดหวัง แต่ต้องคิดก่อนว่าเราอยากท�ำอะไรให้ชุมชน วางแผนให้ดี จากนั้นจึงไปคุยกับหน่วยงานต่างๆ ว่าควรท�ำอย่างไรบ้าง  เม่ือไม่มองว่า เร่ืองนน้ั เป็นปัญหา มนั กไ็ ม่ใชป่ ญั หาอกี ตอ่ ไป 166 ใจคน ชมุ ชน การเปลย่ี นแปลง 

เราจะมองเรอื่ งใดว่าเปน็ ปญั หาหรอื ไม่กไ็ ด ้ เชน่ ถา้ มอง ว่าการออกมาเป็นองค์กรอิสระทีไ่ ม่มีเงินสนับสนุนจาก  ภาครัฐแล้วทำ�อะไรไมไ่ ด ้ เรากค็ งไมไ่ ดค้ ิดริเริ่มทำ�อะไรเลย เราตอ้ งไมเ่ ร่ิมคดิ จากส่ิงท่ีทำ�ให้หมดหวงั แต่ต้องคิดกอ่ นว่าเราอยากทำ�อะไรใหช้ มุ ชน เมอื่ ไม่มองวา่ เรื่องน้นั เป็นปญั หา มันก็ไมใ่ ช่ปญั หาอกี ตอ่ ไป สรุปบทเรยี นการน�ำรว่ ม ในที่สุดเราก็เดินทางมาจนถึงบทสรุปของบทเรียนเก่ียวกับวิถีการทำ� งาน ขับเคล่ือนชุมชนที่เกิดขึ้นในต�ำบลโคกสลุง  การเดินทางอันยาวนานเกือบ 20 ปีถูกย่นย่อให้ส้ันลงผ่านค�ำบอกเล่าของคนท�ำงานในพื้นที่ ช่วยให ้ คนนอกอย่างฉันเข้าใจเรื่องราวท้ังหมดได้ใน 8 เดือน และน�ำมาเรียบเรียง  ลงในหนังสือเล่มนี้เพอ่ื ให้ผอู้ า่ นไดร้ บั รเู้ รอื่ งราวทัง้ หมดในเวลาอนั รวดเรว็   บทเรยี นการน�ำ รว่ มจากผูข้ บั เคลือ่ นสังคม 167

บนเส้นทางการท�ำงานของคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้มีบทเรียนมากมายให้ เราเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งไมร่ จู้ บ แตห่ ากกลา่ วถงึ เฉพาะปจั จยั ทท่ี �ำใหช้ มุ ชนเกดิ การ เปล่ียนแปลงในทัศนะของฉัน การเปล่ียนแปลงของชุมชนเกิดจากการผสม ผสานองค์ประกอบหลายอย่าง อย่างแรกคือ ประเด็นที่ใช้ขับเคลื่อนเป็น ประเด็นเย็น  ช่วงแรกที่โคกสลุงได้รับผลกระทบจากการสร้างเข่ือน ชาว ชุมชนมีโอกาสเข้าใจทั้งปัญหาท่ีเกิดขึ้นในชุมชนพร้อมๆ กับเข้าใจทุนทาง สังคมท่ีตนเองมี  ในช่วงเวลานั้นบางชุมชนอาจเลือกการพุ่งไปแก้ท่ีปัญหา โดยตรง แต่โคกสลุงเลือกพัฒนาส่วนท่ีเป็นคุณค่าของตัวเองให้มีความเด่น ชดั มากขนึ้   การเลอื กประเดน็ เยน็ ทไ่ี มข่ ดั กบั ผลประโยชนใ์ ครยอ่ มท�ำใหง้ าน ขับเคลื่อนด�ำเนินไปได้โดยไม่มีอุปสรรค แต่ในทางกลับกันก็ต้องยอมรับข้อ จ�ำกัดอีกด้านท่ีว่า เม่ือไม่มีใครเป็นผู้เสียผลประโยชน์โดยตรงในงานด้าน วฒั นธรรม การเชญิ ชวนใหค้ นลกุ ขนึ้ มาท�ำงานตรงนจี้ งึ ไมใ่ ชเ่ รอื่ งงา่ ยนกั  โชค ดที โ่ี คกสลงุ มกี ลไกและปจั จยั หนนุ เสรมิ หลายประการซง่ึ ท�ำใหก้ ารขบั เคลอื่ น นั้นเกดิ ขนึ้ ไดจ้ ริง (ภาพท่ ี 5)  168 ใจคน ชมุ ชน การเปลีย่ นแปลง 

ประเดน็ เยน็ เติมความรู ทางวชิ าการ มีเครือขา ยภาครัฐ และเอกชนที่หลากหลาย มุง พัฒนาคนทุกกลุม ใหค วามสาํ คญั กับเรือ่ งคณุ คากอนมลู คา ลุกขน้ึ มาขบั เคลอ่ื นชมุ ชนดวยตัวเอง ภาพท ่ี 5 องคป์ ระกอบในการขบั เคล่อื นชมุ ชนโคกสลงุ ทีม่ า : ผลการวจิ ัย ปัจจัยหนุนเสริมประการแรกคือ ชุมชนมีการเติมความรู้ทางวิชาการ อยา่ งตอ่ เนื่อง  จากการคยุ กนั หลายครง้ั  พ่อมดื บอกอย่างชดั เจนวา่ การขบั เคลื่อนประเด็นทางสังคมในปัจจุบัน “เราต้องสู้ด้วยความรู้ ไม่ใช่สู้ด้วย อารมณ์”  แม้ชุมชนจะรู้ว่าสิ่งท่ีตนเองมีอยู่มีคุณค่ามากเท่าใด แต่มันก็เป็น เพียงคำ� บอกเลา่ ไรห้ ลักฐานทจ่ี ับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม  โคกสลุงทำ� งาน พฒั นาชมุ ชนรว่ มกบั นกั วจิ ยั และองคก์ รทางวชิ าการตา่ งๆ มาโดยตลอด ทงั้ นักวิจัยท่ีเข้ามาศึกษาเรื่องราวในพื้นท่ี และแกนน�ำของชุมชนเองท่ีออกไป อบรมเตมิ ความรดู้ า้ นตา่ งๆ อยเู่ สมอ  เรอื่ งราวทางวฒั นธรรมของชมุ ชนได้ บทเรียนการนำ�ร่วมจากผู้ขับเคลื่อนสังคม 169

รับการศึกษาซำ้� แล้วซ�ำ้ เล่า ภายใต้แง่มุมอันแตกต่างหลากหลาย ส่ิงเหล่าน้ี ทำ� ใหค้ วามเป็นไทยเบ้งิ ย่งิ มีความชดั เจนและหนกั แนน่ เพิ่มมากข้นึ    อย่างไรก็ตาม ความรู้ทางวิชาการ สถานการณ์ในสังคม ตลอดจน นโยบายต่างๆ ของประเทศย่อมเปล่ียนแปลงเสมอ ดังน้ันปัจจัยส�ำคัญอีก ประการหนงึ่ ทที่ �ำใหช้ มุ ชนสามารถแกป้ ญั หาบางเรอ่ื ง เชน่ การเปลยี่ นแปลง ผงั เมอื ง ไดอ้ ยา่ งทนั ทว่ งทคี อื การมเี ครอื ขา่ ยทงั้ ภาครฐั และเอกชนทม่ี คี วาม หลากหลาย  เครือข่ายต่างๆ จะช่วยบอกข่าวสารอันเป็นประโยชน์ให้แก่ ชมุ ชนได้อย่างเปน็ ปจั จบุ นั เสมอ   ปัจจัยต่อมาคือการมุ่งพัฒนาคนทุกกลุ่ม  ชุมชนโคกสลุงมีแนวทาง พัฒนาศักยภาพคนในชุมชนหลายแนวทาง เริ่มจากการพัฒนากลุ่มผู้น�ำ ทางการ ตอ่ มาเปน็ โครงการกลมุ่ เมลด็ ขา้ วเปลอื กไทยเบง้ิ ทมี่ จี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื พัฒนาเยาวชนในชุมชนให้มีความเป็นผู้น�ำ และเข้ามามีส่วนร่วมในการ สืบทอดภูมิปัญญาโดยท�ำงานร่วมกับครูภูมิปัญญาซึ่งเป็นผู้สูงอายุท่ีมีความ สุขกับการถ่ายทอดสิ่งท่ีตนเองรู้ให้แก่เด็กรุ่นหลัง  นอกจากนี้ยังมีโครงการ พัฒนาแกนน�ำจิตสาธารณะท่ีดึงเอาคนที่มีจิตสาธารณะในชุมชนให้ก้าวข้ึน มาทำ� งานขับเคล่อื นสงั คมอยา่ งเปน็ รปู ธรรมมากขนึ้    การทมุ่ เทท้งั เวลา ก�ำลังกาย และงบประมาณในการพฒั นาคนยังบง่ ชี้ ใหเ้ หน็ ถงึ ปจั จยั หนนุ เสรมิ อกี ประการ นนั่ คอื  ใหค้ วามสำ� คญั กบั เรอื่ งคณุ คา่ กอ่ นมลู คา่   การมเี ครอื ขา่ ยและมคี นทำ� งานทกุ วยั ทำ� ใหช้ มุ ชนโคกสลงุ มคี น พร้อมที่จะท�ำงาน และสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จ�ำเป็นอย่างรวดเร็ว ตรงกับ สถานการณ์ แต่ขณะเดียวกันความรู้หรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป  ตลอดเวลากอ็ าจท�ำใหช้ มุ ชนไหลไปตามกระแสทเี่ กดิ จากความตอ้ งการของ สงั คมภายนอก จนหลงลมื ตวั ตนหรอื เปา้ หมายแทจ้ รงิ ทช่ี มุ ชนตอ้ งการมงุ่ ไป ใหถ้ งึ  เชน่ การเขา้ มาของกระแสพพิ ธิ ภณั ฑพ์ นื้ บา้ นหรอื กระแสการทอ่ งเทย่ี ว ชุมชน ซ่ึงท�ำให้ชุมชนต้องปรับเปล่ียนตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการ 170 ใจคน ชุมชน การเปล่ียนแปลง 

ของตลาด  ดงั นน้ั การวางตำ� แหนง่ ของตนเองวา่  “ไมใ่ ชแ่ คส่ บื สานวฒั นธรรม แตใ่ ชว้ ฒั นธรรมเปน็ เครอ่ื งหลอมคนเขา้ ดว้ ยกนั ” หรอื  “ใชก้ ารทอ่ งเทยี่ วเปน็ เพียงจุดเล็กๆ ในการเพิ่มรายได้ให้แก่คนท่ีมาท�ำงานให้ส่วนรวม” จึงเป็น เกราะปอ้ งกนั การไหลไปตามกระแสสงั คมได้เป็นอยา่ งดี  อย่างไรก็ตาม ฉันมองว่าปัจจัยทุกประการที่กล่าวมาข้างต้นจะไม่ทรง พลงั หรอื ไมม่ คี วามตอ่ เนอ่ื งเลยหากการเปลย่ี นแปลงชมุ ชนนน้ั ไมไ่ ดเ้ กดิ จาก คนในชุมชนเอง  การลุกขึ้นมาขับเคลื่อนชุมชนด้วยตัวเองจึงนับเป็น รากฐานอันม่ันคงท่ีท�ำให้งานพัฒนาโคกสลุงเดินทางมาไกลจนถึงทุกวันนี้ เพราะการพัฒนาใดๆ ก็ตามหากเป็นส่ิงที่เกิดมาจากภายนอกย่อมไม่พ้น การเปน็ นโยบายหรอื ขอ้ เสนอแนะทางวชิ าการ ซงึ่ อาจตรงกบั ความตอ้ งการ ของชุมชนหรือไม่ก็ได้ แต่การก�ำหนดยุทธศาสตร์และท�ำงานด้วยตนเองน้ัน ย่อมหมายถงึ ส่ิงทชี่ มุ ชนต้องการให้เกิดข้ึนอย่างแทจ้ รงิ หากการนำ� ร่วมคือการเปิดพ้ืนที่ให้คนทุกคนได้เข้ามามีบทบาทในการ กำ� หนดทศิ ทางการพฒั นา การลกุ ขนึ้ มากำ� หนดเสน้ ทางของชมุ ชนรว่ มกบั รฐั ภายใต้รูปแบบการบูรณาการแผนร่วมกัน คงเป็นการน�ำร่วมระหว่างชุมชน กบั รฐั อีกรปู แบบหนง่ึ ทนี่ า่ สนใจ และน่าจะเป็นความหวังทีแ่ สดงให้เห็นการ  กระจายอ�ำนาจไปสู่ทอ้ งถน่ิ อยา่ งเปน็ รูปธรรม  ในกล่มุ นักวิจยั ของเรามพี คี่ นหน่งึ ทเ่ี ป็นนกั ดนตรี ฉันเคยถกู ตงั้ ค�ำถาม ว่าหากเปรียบเป็นเพลง การท�ำงานขับเคล่ือนของโคกสลุงจะเป็นเพลง ประเภทใด  วันน้ันฉันไม่สามารถตอบค�ำถามได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าจะ เปน็ เพลงอะไรไปไมไ่ ดน้ อกจากเพลงร�ำโทน เพลงพนื้ บา้ นแทๆ้  ของคนไทย เบง้ิ  ซง่ึ เปน็ การแตง่ เนอ้ื เพลงขน้ึ มาสดๆ เปลยี่ นแปลงไปตามเหตกุ ารณบ์ า้ น เมือง แต่ท่วงท�ำนองและส�ำเนียงยังคงเป็นเอกลักษณ์ ฟังเมื่อไรก็รู้ได้ทันที ว่าเป็นเพลงร�ำโทนของคนไทยเบิ้ง  วัฒนธรรมและแนวทางในการพัฒนา ชุมชนคงต้องถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกาลเวลาท่ีเปล่ียนไป แต่เป้า บทเรยี นการนำ�ร่วมจากผขู้ ับเคลอื่ นสงั คม 171

หมายของการพัฒนายอ่ มตอ้ งมัน่ คงและหนกั แนน่ ดงั เดิม   ระยะเวลา 8 เดอื นในการลงพน้ื ทช่ี มุ ชนโคกสลงุ และรว่ มลงพนื้ ทช่ี มุ ชน  อ่ืนๆ ท�ำให้มุมมองท่ีฉันมีต่อการพัฒนาประเทศเปลี่ยนไปจากเดิม  ตลอด หลายเดอื นฉนั นกึ ถงึ แนวคดิ การกระจายอำ� นาจสทู่ อ้ งถนิ่ ทเ่ี คยไดย้ นิ มาตงั้ แต่ เด็ก พร้อมกับเกิดค�ำถามเล็กๆ ข้ึนในใจว่า อ�ำนาจนั้นกระจายไปสู่ท้องถ่ิน ใดหนอ เหตุใดทุกพ้ืนท่ีที่ฉันได้มีโอกาสสัมผัสจึงต้องต่อสู้หรือพยายาม  ต่อรองกบั สง่ิ ที่เรยี กว่านโยบายของรฐั อยู่ร่ำ� ไป  172 ใจคน ชุมชน การเปลีย่ นแปลง 

เอกสารอา้ งองิ กาสัก เต๊ะขันหมาก, พนิตสุภา ธรรมประมวล, กานดา เต๊ะขันหมาก, และสภา  วัฒนธรรมต�ำบลโคกสลุง อ�ำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี. (2558). พิพิธภัณฑ ์ มชี วี ติ  ภมู ปิ ัญญาไทยเบิง้ . กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเทพสตรี.  ชาญวทิ ย ์ ตรี ประเสรฐิ . (2548). พพิ ธิ ภณั ฑพ์ น้ื บา้ น การแสดงทางวฒั นธรรม และกระ-  บวนการรอื้ ฟน้ื ความเปน็ ไทยเบง้ิ . (วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ ). มหาวทิ ยาลยั   ธรรมศาสตร,์  คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา, สาขามานษุ ยวทิ ยา.  ภธู ร ภมู ะธน. (2541). รายงานการศกึ ษาเรอ่ื ง มรดกวฒั นธรรมไทยเบง้ิ  ลมุ่ แมน่ ำ�้ ปา่ สกั   ในเขตที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเข่ือนป่าสัก. ลพบุรี: ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม  สถาบนั ราชภัฏเทพสตรี. สถาบันไทยเบิ้งโคกสลุงเพื่อการพัฒนา. (2559). โครงการพัฒนาแกนน�ำจิตสาธารณะ  ต�ำบลโคกสลุง ในเวทีประชุมช้ีแจงวัตถุประสงค์โครงการและภาพรวมการด�ำเนิน  งานของชุมชน. ลพบุรี: ผู้แตง่ . บทเรยี นการนำ�รว่ มจากผขู้ บั เคลอ่ื นสงั คม 173

สถานีที่ ท ร า เ ว ล ล์ วาสนา ศรีปรชั ญาอนันต์ 174 ใจคน  ชุมชน  การเปลี่ยนแปลง 

ภาพ : ทราเวลล์ บทน�ำ เช้าวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ฉันและเพื่อนอีกสองคน  รีบบ่ึงไปยังย่านพระนคร โชคดีจริงท่ีกรุงเทพมหานครยังไม่ตื่นเต็มท่ี รถ จึงแล่นผ่านถนนหลานหลวงมาได้อย่างรวดเร็ว  เม่ือเริ่มเห็นก�ำแพงสีขาว ตั้งตระหง่านอยู่ทางซ้าย ฉันรีบบอกคนขับให้จอด พวกเรากระโดดลงจาก รถ เดินต่ออีกสามสี่ก้าวก็เห็นป้ายสีขาวด�ำดีไซน์แบบมินิมอลลิสม์เขียน วา่  “ปอ้ มมหากาฬ” ดา้ นลา่ งมสี ญั ลกั ษณ ์  Mahakan Model สดี ำ�   “ขา้ งใน จะเป็นยังไงนะ” ฉันนึกในใจขณะเดินผ่านประตูป้อมซ่ึงปกติจะมีคนน่ังเฝ้า แตว่ ันนี้กลบั ไมเ่ ห็นเงาใครเลย บทเรยี นการน�ำ ร่วมจากผขู้ ับเคลอื่ นสังคม 175

เมอื่ กา้ วพน้ ประตเู ขา้ มา ภาพทเี่ หน็ เบอื้ งหนา้ ท�ำใหฉ้ นั รสู้ กึ เหมอื นยอ้ น เวลากลับไปสู่อดีต ทางข้างหน้าเป็นตรอกเล็กๆ ค่ันอยู่ระหว่างบ้านไม้ โบราณสองชั้นขนาดไม่ใหญ่นัก หน้าบ้านแต่ละหลังมีต้นไม้ปลูกอยู่ใน กระถางวางแซมไว้ริมรั้ว ดูร่มรื่นตา ด้านบนเหนือทางเดินประดับด้วยธง ราว 3 แบบ คอื  ธงตราสญั ลักษณส์ ีเหลอื งที่มอี ักษรพระปรมาภไิ ธย ภ.ป.ร. ธงตราสญั ลกั ษณส์ ฟี า้ ทมี่ อี กั ษรพระนามาภไิ ธย ส.ก. และธงชาตไิ ทย แขวน สลบั กนั   พวกเราไดย้ นิ เสยี งคนอยไู่ กลๆ จงึ เดนิ ตามเสยี งไปจนถงึ ลานกวา้ ง ทีม่ ีเก้าอวี้ างเปน็ แถวอย่เู ต็มไปหมด มคี นก�ำลังสาธติ ทำ� เคร่อื งป้นั ดนิ เผารูป เศียรพ่อแก่อยู่ด้านข้าง แต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่ ตรงหนา้ ทมี่ ผี า้ สดี ำ� แขวนลงมาเกอื บถงึ พนื้   พวกเรารบี ตรงไปและมดุ ผา้ เขา้ สู่ด้านใน เห็นผู้คนนั่งเบียดเสียดกันอยู่ใต้ถุนบ้านเพ่ือดูภาพยนตร์สารคดี เรื่อง The Human Scale ซ่ึงพูดถึงการพัฒนาเมืองท่ีให้ความส�ำคัญกับ มนุษย์ การออกแบบพ้ืนที่ให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตและการมีปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกัน มากกว่าให้ความส�ำคัญกับยานพาหนะหรือส่ิงปลูกสร้างอัน ทันสมัย เพราะการพัฒนาเมืองจะมีประโยชน์อันใดเล่า หากมันกลายเป็น เมืองทไ่ี ร้มนษุ ย ์   ยอ้ นกลบั ไปกอ่ นหนา้ นนั้ ไมน่ าน ภาพยนตรเ์ รอ่ื งนคี้ อื จดุ เปลย่ี นทที่ �ำให้ คนรนุ่ ใหมก่ ลมุ่ หนง่ึ ตดั สนิ ใจเรม่ิ ตน้ การท�ำงานพฒั นาเมอื ง และน�ำไปสกู่ าร ก่อต้งั กลมุ่ ทีม่ ีชื่อวา่  “ทราเวลล”์  (Trawell)  176 ใจคน ชมุ ชน การเปลีย่ นแปลง 

ก�ำเนดิ Trawell = travel + well ชื่อ “ทราเวลล์” (Trawell) มาจากค�ำว่า “travel” ที่แปลว่า ท่องเท่ียว  กบั คำ� วา่  “well” ทแ่ี ปลวา่  ด ี  แลว้ ทอ่ งเทย่ี วอยา่ งไรละ่ จงึ เรยี กวา่ ดี สโลแกน ของทราเวลล์ท่ีว่า “When your travel makes a better city” (ภาพที่ 1) นา่ จะตอบคำ� ถามนไี้ ดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่  กเ็ มอ่ื การทอ่ งเทย่ี วของคณุ ชว่ ยเปลย่ี น แปลงเมืองไปในทางที่ดีขึ้น และท�ำให้ชุมชนสามารถอยู่อย่าง “ย่ังยืน” ได้ ซ่ึงนอกจากการกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนแล้ว การช่วยให้คนในชุมชนเห็น คุณค่าในตนเองและเตรียมพร้อมสำ� หรับการเปลี่ยนแปลงที่กำ� ลังจะเกิดขึ้น กเ็ ป็นสง่ิ ท่กี ลุ่มทราเวลลใ์ ห้ความส�ำคัญไม่ย่งิ หย่อนไปกว่ากัน  ภาพที่ 1 177 โลโกท้ ราเวลล์ บทเรียนการน�ำ รว่ มจากผขู้ บั เคลื่อนสังคม

ทราเวลลเ์ รม่ิ ตน้ จากการรวมตวั ของคนหนมุ่ สาว 5 คน ไดแ้ ก ่ ศานนท์ หวังสร้างบุญ (ศา) ธันยมัย อนันตกรณีวัฒน์ (มัย) กีรติ วุฒิสกุลชัย (ลี่) สพณ พิทักษ์ (แบงค์) และ สุรัชนา ภควลีธร (นุ่น) ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงใน เยาวชน 100 คนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมค่ายผู้น�ำรุ่นใหม่เพื่อสังคม (Thai Young Leaders Programme) และเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้า ร่วมการประชุมสุดยอดผู้น�ำเยาวชนระดับโลก หรือ One Young World Summit 2015 ณ กรงุ เทพมหานคร เม่ือเดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2558 ในเวทีการประชุมมีการน�ำเสนอแนวคิดหลากหลายเพ่ือเปลี่ยนแปลง สังคม หนึ่งในนั้นคือแนวคิดของหนุ่มสาวกลุ่มน้ีท่ีมองว่าการท่องเที่ยวคือ เครื่องมือที่มีศักยภาพในการต่อกรกับความยากจนซึ่งเป็นปัญหาหลัก ของสังคมไทย เนื่องจากแต่ละปีมีนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา ในประเทศไทยจำ� นวนหลายสบิ ลา้ นคน รายไดจ้ ากนกั ทอ่ งเทยี่ วชาวตา่ งชาติ ในป ี พ.ศ. 2558 มมี ลู คา่ สงู ถงึ  1.44 ลา้ นลา้ นบาท1 แตเ่ งนิ สว่ นใหญก่ ระจกุ อยตู่ ามสถานทที่ อ่ งเทย่ี วหลกั  เชน่  วดั พระแกว้  ถนนขา้ วสาร ยา่ นสลี ม ฯลฯ ขณะท่ชี ุมชนเลก็ ๆ ซ่งึ มเี สนห่ แ์ ละเอกลักษณ์เฉพาะตัวแทบไม่มีส่วนรว่ มใน เมด็ เงนิ เหลา่ นเี้ พราะไมเ่ ปน็ ทร่ี จู้ กั ของชาวตา่ งชาตหิ รอื แมก้ ระทง่ั คนไทยเอง เอกลกั ษณท์ ่ีซ่อนอยู่จึงคอ่ ยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา  คนรนุ่ ใหมท่ งั้ หา้ ตอ้ งการคน้ หาและฟน้ื ฟเู อกลกั ษณช์ มุ ชนใหค้ งอยแู่ ละ ด�ำเนินไปอย่างสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคม พวกเขาจึงน�ำ 1 จาก รายงานภาวะเศรษฐกิจท่องเท่ียว  ฉบับที่ 2  ตุลาคม-ธันวาคม 2558  จัดทำ� โดยสำ�นักงานปลดั กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 178 ใจคน ชุมชน การเปลย่ี นแปลง 

เสนอแผนธรุ กจิ เพอื่ สงั คมทใี่ ชก้ ารทอ่ งเทย่ี วเปน็ เครอื่ งมอื  และวางโมเดลให้ เป็นธุรกิจแบบเจ้าของร่วม (co-ownership business) กับคนในชุมชน แผนธรุ กจิ ของพวกเขาชนะการประกวดในเวท ี One Young World Summit 2015 โดยคว้าเงินรางวลั  2 ลา้ นบาทเพ่อื น�ำไปใชพ้ ฒั นาธุรกิจนีต้ ่อไป ด้วยเหตุท่ีทราเวลล์เกิดขึ้นจากเวทีการประกวดและยังไม่มีโอกาสใน การศึกษาน�ำร่อง ดังนั้นช่วงที่ทีมนักวิจัยลงพ้ืนที่สัมภาษณ์และเข้าไปดู การท�ำงานในปีแรกจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการลองผิดลองถูกของคนกลุ่มนี้ อยา่ งไรกด็  ี มกี ระบวนการสำ� คญั บางอยา่ งทเ่ี รม่ิ มาตงั้ แตก่ อ่ นคา่ ยผนู้ ำ� รนุ่ ใหม่ เพ่ือสังคมเสียอีก นั่นคือการค้นหาและท�ำความรู้จักกับชุมชนในย่าน พระนคร  ในช่วงเวลาน้ันศากับเพ่ือน (มิก-ภัททกร ธนสารอักษร) ร่วมกัน ก่อต้ังโฮสเทลช่ือว่า Once Again Hostel ข้ึนในซอยส�ำราญราษฎร์ ใกล้ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ทั้งสองมีความสนใจในการท�ำงานร่วมกับ ชมุ ชนเปน็ ทนุ เดมิ  และไดท้ ำ� การสำ� รวจชมุ ชนเกา่ บรเิ วณรอบโฮสเทลไปบา้ ง แลว้  ทำ� ใหเ้ ลง็ เหน็ ศกั ยภาพทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศลิ ปวฒั นธรรมของชมุ ชน โดยรอบ เนื่องจากสมัยก่อนชุมชนเหล่าน้ีเป็นแหล่งท�ำส่ิงของเคร่ืองใช้เพ่ือ น�ำไปถวายในวัง และด้วยความใกล้ชิดกับวังหลวง ชาวบ้านในชุมชนจึงได้ รับอิทธิพลเร่ืองการท�ำอาหาร ท�ำให้ยังมีอาหารคาวหวานตามแบบแผน ชาววังปรากฏอยู่ นับเป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหาส�ำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และคนไทยรุ่นใหม่  แตข่ ณะเดยี วกนั การสำ� รวจยงั ทำ� ใหค้ น้ พบวา่ เอกลกั ษณใ์ นหลายชมุ ชน ได้หมดส้ินไปแล้ว เช่น การท�ำใบลาน ดินสอพอง น�้ำอบ ฯลฯ และมีอีก หลายชุมชนท่ีมีแนวโน้มจะสูญหาย เช่น ชุมชนป้อมมหากาฬ ชุมชน บ้านบาตร ฯลฯ แม้กระน้ันก็นับว่าโชคดีท่ียังหลงเหลือชุมชนที่มีชีวิตอยู่ นน่ั คอื  ชุมชนบางล�ำพแู ละชมุ ชนนางเลงิ้  (ภาพที่ 2)     บทเรยี นการน�ำ ร่วมจากผูข้ ับเคลือ่ นสังคม 179

ภาพท ่ี 2   แผนท่ีส�ำ รวจชมุ ชนในเขตพระนครของ Once Again Hostel ดว้ ยเหตทุ  ี่ Once Again Hostel ตง้ั อยใู่ นตำ� แหนง่ ทเ่ี ปน็ จดุ ศนู ยก์ ลาง ระหว่างชุมชนเหล่าน้ี กลุ่มทราเวลล์จึงใช้พื้นที่โฮสเทลเป็นฐานทัพในการ รวมพลเพ่ือวางแผน คุยงาน จัดกิจกรรม และแม้กระท่ังพกั อาศัย โดยมีศา เปน็ ตวั เชอ่ื มในการทำ� งานรว่ มกนั ระหวา่ งทราเวลลก์ บั  Once Again Hostel 180 ใจคน ชมุ ชน การเปล่ยี นแปลง 

รจู้ กั ชุมชนน�ำร่อง 4 แห่ง ในปีแรกทราเวลล์ท�ำงานร่วมกับชุมชนน�ำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ ชุมชนวัง  กรมพระสมมตอมรพนั ธ ์ (เรยี กสนั้ ๆ วา่  ชมุ ชนวงั กรมฯ) ชมุ ชนปอ้ มมหากาฬ ชมุ ชนบา้ นบาตร และชมุ ชนนางเลงิ้  แตล่ ะชมุ ชนมเี อกลกั ษณแ์ ตกตา่ งกนั ไป ดังน้ี ชมุ ชนวงั กรมฯ : เปน็ ชมุ ชนเลก็ ๆ ซง่ึ ทด่ี นิ สว่ นใหญเ่ คยเปน็ ทตี่ ง้ั วงั ของ กรมพระสมมตอมรพันธ์  ชาวบ้านในชุมชนมีอาชีพรับจ้างและค้าขาย ใน อดีตเป็นแหล่งผลิตเคร่ืองสังฆภัณฑ์ที่ครบครัน แต่ปัจจุบันหลงเหลือเพียง การเย็บสัปทนและผ้าไตร เช่น จีวร สบง อังสะ ฯลฯ  อีกทั้งเป็นที่รู้จักใน ฐานะแหลง่ จำ� หนา่ ยเครอื่ งสงั ฆภณั ฑม์ ากกวา่   บรเิ วณปากทางเขา้ ชมุ ชนยงั มีร้านบัวลอยไข่หวานของป้าจัน เป็นร้านเก่าแก่และข้ึนช่ือเรื่องความอร่อย บางครั้งเวลามีการจัดทัวร์ลงชุมชน ทราเวลล์จะติดต่อให้ป้าจันช่วยสาธิต และสอนนกั ทอ่ งเทย่ี วทำ� บวั ลอยด้วย  ชุมชนป้อมมหากาฬ : นอกจากการท�ำกรงนกเขาชวาและการปั้น เศียรพ่อแก่ท่ีสืบต่อกันมาจากคนรุ่นก่อน คนในชุมชนยังอนุรักษ์บ้านไม้ โบราณที่สร้างข้ึนตั้งแต่สมัยรัชกาลท่ี 3 และมีวิถีชีวิตท่ีปฏิบัติต่อคนใน ชมุ ชนเสมอื นเปน็ ครอบครวั เดยี วกนั  เชน่ การมลี านตากผา้ สว่ นกลางทเ่ี กอื บ ทุกบ้านน�ำมาตากรวมกัน หากฝนตกหรือบางคนไม่มีเวลาก็วางใจได้ว่าจะ มคี นอน่ื ช่วยเก็บผ้าให ้ บทเรียนการน�ำ รว่ มจากผูข้ ับเคลอื่ นสังคม 181

ชมุ ชนบา้ นบาตร : เปน็ ชมุ ชนขนาดเลก็  และเปน็ แหง่ เดยี วในกรงุ เทพฯ ท่ียังคงท�ำบาตรด้วยมือโดยผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน แต่ละครัวเรือน มีความช�ำนาญในขั้นตอนที่แตกต่างกันไป จึงต้องอาศัยความร่วมมือที่ดี ภายในชุมชน  บาตรที่ท�ำด้วยมือมีความละเอียดประณีตและคุณค่าในเชิง ศิลปะมากกวา่ บาตรปั๊มจากโรงงาน สวยงามคงทนกว่า ทัง้ ยังเป็นบาตรทีม่ ี ลกั ษณะถกู ตอ้ งตามหลกั พระธรรมวนิ ยั   นอกจากนบ้ี า้ นบาตรยงั มกี ลมุ่ รำ� วง ที่อนุรกั ษส์ บื ทอดตอ่ กันมายาวนาน  ชุมชนนางเลิ้ง : เป็นชุมชนน�ำร่องท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุด ครอบคลุมพ้ืนที่ 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนวัดสุนทรธรรมทาน ชุมชนศุภมิตร 1 และศุภมิตร 2 ยา่ นนางเลง้ิ นนั้ มขี องดมี ากมาย ในอดตี ทนี่ เี่ คยเปน็ แหลง่ รวมความบนั เทงิ ท่ี มที กุ อยา่ ง จนคนพน้ื ทรี่ นุ่ เกา่ ถงึ กบั กลา่ ววา่ ถา้ เทยี บกบั ปจั จบุ นั  นางเลง้ิ เปน็ ยิ่งกว่าสยามพารากอนเสียอีก ยกตัวอย่างเช่น ศาลาเฉลิมธานี อาคารไม้ สองชนั้ เกา่ แก่ซ่งึ เคยเปน็ โรงหนังในอดีต ปจั จุบันมอี ายเุ กอื บ 100 ป ี  บ้าน เต้นร�ำเคยเป็นแหล่งรวมตัวของหนุ่มสาวให้ได้มาเต้นลีลาศกันเมื่อ 60 ปี ทแี่ ลว้  ตอ่ มาจดั ทำ� เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑแ์ ละโรงเรยี นสอนเตน้ รำ�   ตรอกละครชาตรี มีคณะละครชาตรีท่ียังถ่ายทอดศิลปะการแสดงให้แก่เด็กรุ่นใหม่  บ้านนรา ศิลป์ คณะนาฏศิลป์ท่ีก่อต้ังข้ึนในสมัยรัชกาลท่ี 6 มีชื่อเสียงด้านการแสดง โขน   สว่ นในเรอ่ื งของกนิ นนั้  ปจั จบุ นั ตลาดนางเลงิ้ มอี าหารคาวหวานอนั ลอื ชอื่ ใหเ้ ลอื กชมิ มากมาย อยา่ งไสก้ รอกปลาแนม กว๋ ยเตย๋ี วเนอ้ื  กว๋ ยเตยี๋ วเปด็ ขนมไทย สาคูไส้หมู ฯลฯ  นอกจากนี้นางเลิ้งยังเป็นชุมชนท่ีพระเอกผู้เป็น ที่รักยิ่งอย่าง มิตร ชัยบัญชา เคยอาศัยอยู่อีกด้วย  เอกลักษณ์เหล่านี้เป็น เหมือนเรื่องเร้นลับส�ำหรับคนรุ่นใหม่ รวมถึงตัวฉันเองที่เกิดและเติบโตใน กรุงเทพฯ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นหรือสัมผัสประสบการณ์เหล่าน้ีท่ีก�ำลัง 182 ใจคน ชุมชน การเปล่ียนแปลง 

จะหายไป ภัยคุกคามที่ท�ำให้เอกลักษณ์ของชุมชนน�ำร่องท้ังสี่แห่งน้ีมีแนวโน้มที่ จะหายไป ส่วนหน่ึงเกิดจากทัศนคติท่ีใช้ตัดสินคุณค่าส่ิงต่างๆ ในสังคมมี การเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและยุคสมัย อีกประการหนึ่งคือความ สามารถทจี่ ะดำ� รงอยบู่ นผนื แผน่ ดนิ นน้ั  คนในชมุ ชนไมไ่ ดม้ กี รรมสทิ ธใิ์ นทดี่ นิ ที่พวกเขาอาศัยอยู่ เพราะพื้นท่ีส่วนใหญ่ในชุมชนวังกรมฯ บ้านบาตร และ นางเลิ้ง เป็นท่ีดินของส�ำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ ชุมชนป้อมมหากาฬต้องยื้อกับกรุงเทพมหานครเร่ืองการเวนคืนท่ีดินเพ่ือ ตอบสนองนโยบายรัฐที่ต้องการสร้างพื้นท่ีสาธารณะสีเขียวให้แก่คนเมือง มากขึน้   ศาและมิกได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนป้อมมหากาฬเพื่อเปิดมุมมอง ใหม่เกี่ยวกับ “การพัฒนาเมืองที่มีคน” ให้แก่เจ้าหน้าท่ีรัฐ ว่าไม่จ�ำเป็นต้อง ไลค่ นออกจากปอ้ มเพอื่ สรา้ งสวนสาธารณะ แตร่ ฐั ควรกลบั มาตง้ั คำ� ถามใหม่ วา่  ทำ� อยา่ งไรเลา่  พน้ื ทนี่ น้ั จะกลายเปน็ พนื้ ทส่ี าธารณะทมี่ ปี ระโยชนต์ อ่ คน ทั่วไป ขณะเดียวกันคนในชุมชนก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในพ้ืนท่ีน้ันได้  กลุ่ม ทราเวลล์ คนในชุมชนป้อมมหากาฬ พร้อมท้ังนักวิชาการ สถาปนิกชุมชน และบุคคลท่ัวไปอีกจ�ำนวนมาก จึงร่วมแรงกันเสนอให้เปล่ียนแปลงพื้นที่ ปอ้ มมหากาฬเปน็ พพิ ธิ ภณั ฑม์ ชี วี ติ  โดยใหค้ นในชมุ ชนเปน็ ผดู้ แู ลรกั ษา และ น�ำเสนอพพิ ธิ ภณั ฑ์แหง่ นผี้ ่านการใชช้ ีวิตของพวกเขา  ทว่าทางกรุงเทพมหานครได้เริ่มด�ำเนินการร้ือถอนและเวนคืนที่ดิน บางส่วน โดยให้เหตุผลว่าหลายครัวเรือนได้รับเงินชดเชยการเวนคืนไป แลว้ แตไ่ มย่ อมยา้ ยออก อกี ทงั้ ในชมุ ชนยงั มกี ารขายสง่ิ ผดิ กฎหมายอยา่ งพลุ และมกี ารแข่งนก  ถงึ กระนนั้ วกิ ฤตจิ ากภายนอกเหลา่ นกี้ ลบั กลายเปน็ แรงผลกั ดนั ใหค้ นใน ป้อมมีความแน่นแฟ้นกันมากข้ึนผ่านการน�ำอันเข้มแข็งของพ่ีกบ ประธาน บทเรียนการน�ำ ร่วมจากผูข้ ับเคล่ือนสังคม 183

ชมุ ชนวยั  58 ป ี ผมู้ บี รรพบรุ ษุ อาศยั อยหู่ ลงั ปอ้ มมานานอยา่ งนอ้ ย 3 ชว่ั อายุ คน  พ่ีกบกล่าวถึงการต่อสู้ของคนในป้อมว่า พวกเขา “เลือก” ท�ำสิ่งที่ยาก โดยยืนหยัดว่าจะใช้สันติวิธีในการไกล่เกล่ียกับรัฐบาลจนวินาทีสุดท้าย หลายคนอาจตง้ั คำ� ถามวา่ ทำ� ไมคนในปอ้ มจงึ ดงึ ดนั จะอยใู่ นพนื้ ทที่ หี่ ลายคน มองว่าเป็นสลัม ค�ำตอบคือ บ้านก็คือบ้าน และความผูกพันระหว่างคน เหล่าน้ีกับพ้ืนท่ีแห่งน้ีด�ำเนินมาอย่างยาวนานจนยากจะหาพ้ืนท่ีอ่ืนมา ทดแทน ดงั ทพ่ี ก่ี บเปรยี บคนเราเปน็ ดงั่ ตน้ ไม ้ ยงิ่ อยทู่ ใี่ ดนานกย็ งิ่ หยงั่ รากลกึ ลงไปในแผน่ ดนิ น้ัน  “คุณลองไปล้อมเขาสิ แล้วเอาเขาย้ายจากท่ีน่ีไปปลูกที่ใหม่ คุณคิดว่า เขาดำ� รงชวี ติ ได้ม้ัย  แต่นน่ั แค่ชีวิตตน้ ไมน้ ะ ผมชวี ิตคนนะครับ คุณแน่ใจได้ ยังไงว่าผมจะด�ำรงชีวิตอยู่ได้...มันยากแล้วครับกับการที่ผมจะต้องปรับตัว แล้วไปเร่ิมนับหนึ่งใหม ่  ผมคิดว่าคนเราถ้าอยู่ท่ีไหนนานๆ มันก็จะเป็นส่ิง สิง่ นนั้  เพราะฉะนั้น ผมคือปอ้ มมหากาฬ” (พ่กี บ, 30 สิงหาคม 2559)  ฉันไม่มีวันลืมประโยคสุดท้ายของพี่กบ มันท�ำให้ฉันเข้าใจว่าการต่อสู้ ของพกี่ บและคนอนื่ ๆ เพอ่ื จะไดอ้ ยตู่ อ่ ในปอ้ มหาใชเ่ พราะพวกเขายดึ ตดิ กบั ทรัพย์สิน แต่เพราะพื้นท่ีแห่งน้ีเต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจ�ำอันมี คุณค่าต่อจติ ใจ และท้ายทสี่ ดุ มนั คือชีวติ  คือตวั ตนของพวกเขา สว่ นทชี่ มุ ชนนางเลงิ้  แมค้ นในชมุ ชนจะมเี ปา้ หมายคลา้ ยคลงึ กนั  คอื การ ฟื้นฟูให้นางเล้ิงกลับมามีชีวิตชีวาอีกคร้ัง อีกท้ังยังไม่ประสบกับแรงกดดัน จากภายนอกมากนัก แต่ท่ีนี่กลับเผชิญปัญหาความแตกแยกภายใน มีการ แบง่ เขาแบง่ เราระหวา่ งกลมุ่  จนกลายเปน็ อปุ สรรคใหญใ่ นการพฒั นาชมุ ชน คนนอกอย่างฉันได้รับรู้ถึงผลกระทบจากปัญหาน้ีเมื่อลงพื้นท่ีนางเล้ิงเป็น คร้ังท่ี 2 เพ่ือสัมภาษณ์ลี่  วันน้ันเป็นหน่ึงวันก่อนการจัดงานร�ำลึก 46 ปี มติ ร ชยั บญั ชา ทห่ี นา้ โรงหนงั ศาลาเฉลมิ ธานี พวกเรานดั กนั ทต่ี ลาดนางเลงิ้ เพราะลี่ต้องช่วยเตรียมงานนี้ด้วย  เม่ือล่ีมาถึง เธอสั่งข้าวราดแกงท่ีร้าน 184 ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง 

การท่องเท่ยี วย่อมสง่ ผลกระทบตอ่ คนในชมุ ชน ไม่ทางตรงก็ทางออ้ ม การจดั การทอ่ งเท่ียวในรูปแบบ ของทราเวลลจ์ งึ ตอ้ งการการรับฟงั ความคดิ เห็นจาก ผ้มู ีสว่ นเกีย่ วขอ้ งทุกฝา่ ย เพือ่ ใหท้ ุกฝา่ ยได้รบั ประโยชน์ ทางใดทางหนง่ึ  ขณะเดยี วกนั คนในชมุ ชนก็ดำ�เนนิ ชวี ิตได้ อยา่ งมคี วามสขุ  และไม่ถูกรุกรานจากการท่องเท่ียว อาหารเจดว้ ยทา่ ทสี นทิ สนม และถามเจา้ ของรา้ นวา่ จะมาขายอาหารในงาน นี้หรือเปล่า ค�ำตอบท่ีได้รับกลับกลายเป็นค�ำถามว่า “งานอะไรเหรอ” ท้ังท่ี ตลาดอยูห่ า่ งจากโรงหนงั เพียงรอ้ ยเมตร   ก่อนหน้าน้ีในการประชุมน�ำเสนอข้อเสนอโครงการวิจัย “การฟื้นฟู ย่านนางเล้ิงด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเท่ียวโดยชุมชน” โดยความร่วมมือระหว่างส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กับ กลมุ่ ทราเวลล ์ และคนในยา่ นนางเลงิ้  หนง่ึ ในผทู้ รงคณุ วฒุ ซิ งึ่ มปี ระสบการณ์ การท�ำงานวิจัยแบบมีส่วนร่วมกับชุมชนในหลายพ้ืนที่ได้ตั้งข้อสังเกต เกย่ี วกบั  “กระบวนการมสี ว่ นรว่ ม” ทแี่ กนนำ� ยา่ นนางเลง้ิ และกลมุ่ ทราเวลล์ นำ� เสนอวา่  มนั เปน็ การมสี ว่ นรว่ มของคนในชมุ ชนจรงิ หรอื  และคนในชมุ ชน ทีก่ ลา่ วมานั้นหมายรวมถึงใครบา้ ง   บทเรยี นการน�ำ รว่ มจากผ้ขู บั เคลือ่ นสังคม 185

แกนนำ� ไมไ่ ดต้ อบคำ� ถามนอ้ี ยา่ งชดั เจน เพยี งแตย่ อมรบั วา่ ความขดั แยง้ เป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดข้ึนกับคนหมู่มาก  ส่วนลี่ในฐานะตัวแทนทราเวลล์ กล่าวว่า ทราเวลล์ได้ปรึกษากับแกนน�ำในชุมชนบ้างแล้ว และได้บทสรุป วา่ การลงพน้ื ทเ่ี กบ็ ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ โดยพดู คยุ สอบถามความตอ้ งการของคนใน ชุมชนนางเลิ้งเป็นส่ิงส�ำคัญ เน่ืองจากการท่องเที่ยวย่อมส่งผลกระทบต่อ คนในชุมชนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม การจัดการท่องเท่ียวในรูปแบบของ ทราเวลล์จึงต้องการการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ทางใดทางหน่ึง ขณะเดียวกันคนในชุมชนก็ ดำ� เนนิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ  และไมถ่ กู รกุ รานจากการทอ่ งเทย่ี ว  ทส่ี ำ� คญั คือการเข้ามาของทราเวลล์ไม่ควรท�ำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนใน ชุมชนมากขึ้นกว่าเดิม แต่ในขณะน้ันทราเวลล์ยังไม่สามารถเช่ือมความ สัมพนั ธร์ ะหวา่ งแกนนำ� ทงั้ สองกลมุ่ ในนางเลงิ้ ได้ ภัยคุกคามอ่ืนๆ ท่ีส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสืบทอดเอกลักษณ์ ชุมชน ได้แก่ ช่องว่างระหว่างวัยในการถ่ายทอดทักษะการท�ำผลิตภัณฑ์ ชุมชน  ปัญหานี้เห็นได้ชัดท่ีชุมชนบ้านบาตร ซ่ึงแม้หลายครอบครัวยังท�ำ บาตรดว้ ยมอื กนั อยู่ แตก่ ไ็ มไ่ ดถ้ า่ ยทอดทกั ษะนใ้ี หแ้ กเ่ ยาวชนรนุ่ ใหม่ เพราะ ผู้ใหญ่บางคนมองว่าเป็นงานท่ีล�ำบาก อยากให้ลูกหลานท�ำงานอื่นที่ดีกว่า บางคนก็มองว่าเด็กไม่สามารถท�ำงานแบบนี้ได้ ช่องว่างดังกล่าวท�ำให้เด็ก ขาดความรสู้ กึ ผกู พนั และความภมู ใิ จในการเปน็ สว่ นหนงึ่ ของบา้ นบาตร  ภยั คุกคามสุดท้ายคงหนีไม่พ้นเรื่องจ�ำนวนคนรุ่นใหม่ท่ีจะสานต่อทักษะและ เอกลกั ษณเ์ หลา่ น ี้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ชมุ ชนขนาดเลก็ อยา่ งชมุ ชนวงั กรมฯ ท่ี มีเด็กอยู่น้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กซ่ึงยังไม่สามารถเรียนรู้ทักษะ การท�ำงานหัตถศิลปไ์ ด้ 186 ใจคน ชมุ ชน การเปลย่ี นแปลง 

ธรุ กจิ คือหนทางส่ ู ความย่งั ยืน สงิ่ หนง่ึ ทที่ ำ� ใหท้ ราเวลลแ์ ตกตา่ งจากอกี สองพนื้ ทใ่ี นงานวจิ ยั ชนิ้ น ้ี (มลู นธิ ิ บา้ นครนู ำ้�  และโคกสลงุ ) คอื การเปน็ ธรุ กจิ เพอื่ สงั คม ซงึ่ สว่ นหนง่ึ เปน็ เงอ่ื นไข ทกี่ �ำหนดขน้ึ ในเวที One Young World Summit 2015 และอกี สว่ นหนงึ่ เกิดจากทัศนคติของทราเวลล์ท่ีมองว่าธุรกิจเป็นหนทางสู่ความม่ันคงและ ย่ังยืนในการท�ำงานเพื่อสังคม เน่ืองจากก่อนหน้าน้ีศาและสมาชิกบางคน ในกลมุ่ เคยทำ� งานอาสาสมคั ร เชน่ กลมุ่  “ปลาจะเพยี ร” ในชว่ งวกิ ฤตนิ ำ้� ทว่ ม แลว้ พบวา่ งานอาสาสมคั รมกั มคี นเขา้ ออกตลอดเวลาขนึ้ อยกู่ บั เวลาวา่ งของ แตล่ ะคน สง่ ผลใหก้ ารทำ� งานขาดความตอ่ เนอ่ื ง  แตห่ ากทำ� ในรปู แบบธรุ กจิ สร้างรายได้ให้เลี้ยงตนเองได้โดยไม่ต้องหวังพ่ึงเงินสนับสนุนจากภายนอก เพยี งอยา่ งเดยี ว2 คนทำ� งานกจ็ ะมรี ายไดป้ ระจ�ำ สามารถทมุ่ เททง้ั เวลาและ แรงกายเพ่ือการท�ำงานได้อย่างเต็มตัวและต่อเนื่อง  การมีรายได้อันม่ันคง จึงเป็นหนทางสู่ความอยู่รอดของหลายองค์กร โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจ ชะลอตัว ขาดการสนับสนนุ ดา้ นงบประมาณจากทง้ั ภาครฐั และเอกชน 2 ปี พ.ศ. 2555 รายรับส่วนใหญ่ขององค์การเอกชนท่ีไม่แสวงหากำ�ไรในประเทศไทย เป็นเงินและส่ิงของที่ได้รับบริจาคและสนับสนุนคิดเป็น 61%  ส่วนรายรับจากการ จำ�หน่ายสินค้าและบริการขององค์การมีเพียง 11.5% (สำ�นักงานสถิติแห่งชาติ, 2557) บทเรียนการนำ�ร่วมจากผขู้ บั เคลอื่ นสังคม 187

ธรุ กิจเพื่อสงั คมและธุรกิจแบบเจ้าของร่วม “ธุรกิจเพื่อสังคม” (social enterprise) หรือท่ีส�ำนักงานสร้างเสริม กจิ การเพอื่ สงั คมแหง่ ชาต ิ (สกส.) เรยี กวา่  “กจิ การเพอื่ สงั คม” เกดิ จากฐาน ความคิดเกี่ยวกับ “การประกอบการเพื่อสังคม” (social entrepreneur- ship) ซ่ึงจนถึงปัจจุบันยังมีค�ำจ�ำกัดความท่ีหลากหลาย แต่โดยรวมบ่งชี้ ถึงแนวทางการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือนวัตกรรมที่มีเป้าหมายหลักใน การสร้างคุณค่าทางสังคม สามารถเกิดข้ึนได้ท้ังในภาครัฐ ภาคธุรกิจที่ แสวงหาก�ำไร และองค์กรท่ีไม่แสวงหาก�ำไร (ส�ำนักงานสร้างเสริมกิจการ เพื่อสังคมแห่งชาติ, ม.ป.ป.; Austin, Stevenson, & Wei-Skillern, 2006) แต่ส่วนใหญ่มักกล่าวถึงหน่วยงานสองประเภทหลัง  ในประเทศ ไทยมีผู้ประกอบกิจการเพ่ือสังคมอยู่กว่า 120,000 แห่งที่ได้รับการ สนบั สนนุ จาก สกส. (One Young World, n.d.) บ่อยครั้งธุรกิจเชิงพาณิชย์กับองค์กรเพ่ือสังคมมักถูกมองว่าเป็นข้ัว ตรงข้ามกัน เหมือนด�ำกับขาว แต่หากพิจารณากระบวนการท�ำงานและ เป้าหมายย่อย เราอาจเห็นว่าการหาก�ำไรกับการท�ำเพื่อสังคมเป็นข้ัว ตรงข้ามท่ีอยู่บนความต่อเน่ือง (Austin et al., 2006) เหมือนการมีหลาก หลายเฉดสีต้ังแต่ด�ำ เทาเข้ม เทา เทาอ่อน ไปจนถึงขาว  ธุรกิจเพื่อสังคม เปรียบได้กับเฉดสีเทาเพราะมีการผสมผสานระหว่างการด�ำเนินกิจการท่ี ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพ่ือสร้างก�ำไร กับการกระจายรายได้หรือผล ประโยชน์ด้านต่างๆ สู่สังคม เป็นธุรกิจท่ีมีความรับผิดชอบต่อสังคมเป็น ตวั นำ� ทาง ดงั ทม่ี ยั อธบิ ายไวส้ น้ั ๆ แตเ่ ขา้ ใจงา่ ยวา่  “มนั กค็ อื การทเี่ ราขายของ มีรายได้ แต่ระหว่างท่ีเราท�ำรายได้ไปด้วยเน่ีย ก�ำไร การลงทุนต่างๆ มัน ต้องกลับมาสู่สังคม” (มัย, 23 มนี าคม 2560) ในเวที One Young World Summit 2015 ทราเวลล์น�ำเสนอแผน 188 ใจคน ชมุ ชน การเปลีย่ นแปลง 

ธุรกิจเพื่อสังคมท่ีใช้โมเดลแบบเป็นเจ้าของร่วม คือเป็นการผสมผสาน ระหว่างแนวคิดธุรกิจในระบบทุนนิยมกับฐานคิดแบบสหกรณ์ออมทรัพย์ ผู้ประกอบการซึ่งเป็นชาวบ้านจะมีหุ้นอยู่อย่างน้อยครึ่งหน่ึงในธุรกิจน้ัน ท่ีเหลือเป็นหุ้นที่สมาชิกในชุมชนและนักลงทุนถือร่วมกัน (ภาพที่ 3)  แนว ทางนจ้ี ะทำ� ใหช้ าวบา้ นทเี่ ปน็ เจา้ ของธรุ กจิ มคี วามตนื่ ตวั ทจ่ี ะบรหิ ารธรุ กจิ ให้ รุ่งเรืองเพราะตนเองถือหุ้นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันชาวบ้านคนอ่ืนๆ ก็ยินดี จะอดุ หนนุ ธรุ กจิ นใี้ นฐานะเจา้ ของรว่ มผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี กบั ผลประกอบการ ทางธุรกิจ ทราเวลล์จึงมองว่าธุรกิจแบบนี้แหละที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืน ข้ึนในชมุ ชน  ภาพท่ี 3 โมเดลธรุ กิจแบบเป็นเจา้ ของร่วม บทเรยี นการนำ�ร่วมจากผขู้ ับเคลื่อนสงั คม 189

ทวา่ เนอ่ื งจากทผ่ี า่ นมามตี วั อยา่ งความลม้ เหลวเมอื่ นายทนุ เขา้ ไปลงทนุ ในชุมชน เช่นตลาดน�้ำอัมพวาท่ีถูกท�ำให้เปลี่ยนแปลงจากตลาดท่ีชาวบ้าน มาแลกเปลยี่ นซอ้ื ของกนั  กลายเปน็ ตลาดทม่ี แี ตน่ ายทนุ จากภายนอกเขา้ ไป กวา้ นซอื้ รา้ นคา้  ทำ� ใหไ้ มเ่ กดิ การกระจายรายไดใ้ นชมุ ชน และกลายเปน็ เพยี ง สถานทตี่ อ่ ยอดกำ� ไรใหแ้ กน่ ายทนุ เหลา่ นน้ั  ดงั นนั้ ในเวทกี ารประชมุ นำ� เสนอ ข้อเสนอโครงการวิจัยการฟื้นฟูย่านนางเลิ้งฯ ผู้ทรงคุณวุฒิท่านหน่ึงของ โครงการวจิ ยั นจ้ี งึ แสดงขอ้ กงั ขากบั การเขา้ มาของทราเวลล ์ ทนี่ ำ� เอาแนวคดิ เรอ่ื งการทอ่ งเทย่ี วเขา้ มาจบั กบั การฟน้ื ฟเู มอื งเกา่  (urban renewal) ผา่ นการ ท�ำให้วัฒนธรรมกลายเป็นสินค้าชิ้นใหม่ (commodification of culture) เพื่อดึงดูดนักท่องเท่ียวต่างชาต ิ  ประเด็นนี้ยิ่งถูกต้ังค�ำถามมากขึ้นเมื่อมอง วา่ ทราเวลลเ์ ปน็ คนนอกซง่ึ จะไมไ่ ดร้ บั ผลกระทบใดๆ หากเกดิ ความลม้ เหลว ข้ึนในชุมชน ดังถ้อยค�ำบางส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิท่านนี้ที่ว่า “คุณจะมาอ้าง ความเป็นหุ้นส่วนร่วมอะไรกับเขา บ้านเขา  ถ้าโครงการคุณล้มเหลวหรือ สรา้ งผลกระทบขนึ้ มา ทราเวลลไ์ มเ่ ดอื ดรอ้ น แตม่ นั จะอยกู่ บั ชาวบา้ นตลอด ไป เพราะเขาหนีไม่ได้  ถ้าสองบ้านน้ีไม่ถูกกันเพราะโครงการน้ี เขาจะหนี ไปไหน หลังชนฝา”  ค�ำถามน้ีท�ำให้คนในทีมทราเวลล์หลายคนเกิดอาการ สนั่ คลอน และตอ้ งกลบั มาคุยท�ำความเขา้ ใจกนั ใหม่  ส�ำหรับศา เขามองจากอีกมุมหนึ่ง และยืนกรานจุดยืนของตนเองว่า การพัฒนาอย่างย่ังยืนจะเกิดข้ึนได้เม่ือเราไม่มองว่าโลกธุรกิจกับโลกของ ชุมชนเป็นคนละข้ัวกัน และในความเป็นจริงผลประโยชน์หรือผลตอบแทน ในการท�ำงานถือเป็นสิ่งจ�ำเป็นท่ีจะช่วยผลักดันให้คนพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้น อยา่ งเสมอตน้ เสมอปลาย  แนวคดิ ธรุ กจิ แบบเปน็ เจา้ ของรว่ มตอ้ งการดงึ ให้ คนทอ่ี าจมองวา่ ตนไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ธรุ กจิ หรอื ชมุ ชนนเ้ี ขา้ มามสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ดว้ ยกนั  เพอื่ ใหค้ นทงั้ ชมุ ชนรสู้ กึ ถงึ ความเปน็  “เจา้ ของรว่ ม” ในพนื้ ทน่ี นั้  และ หันกลับมาผนึกก�ำลังกันพัฒนาชุมชน สุดท้ายแล้วคนในชุมชนก็จะได้ท�ำ 190 ใจคน ชุมชน การเปลยี่ นแปลง 

การพัฒนาอยา่ งย่งั ยนื จะเกดิ ขน้ึ ไดเ้ ม่ือเราไมม่ องว่า โลกธุรกจิ กับโลกของชุมชนเปน็ คนละข้วั กัน และในความ เป็นจรงิ ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนในการทำ�งาน ถอื เป็นสิ่งจำ�เปน็ ท่จี ะชว่ ยผลกั ดนั ใหค้ นพัฒนาธุรกิจ ใหด้ ีขึ้นอยา่ งเสมอต้นเสมอปลาย สงิ่ ที่ตนเองรักและสามารถสรา้ งรายไดจ้ ากสงิ่ น้ัน แตก่ วา่ ทท่ี กุ คนจะเขา้ ใจและใหค้ วามรว่ มมอื กบั แนวคดิ นจ้ี นการทำ� งาน เปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ งตามทว่ี างแผนไวก้ ต็ อ้ งอาศยั ความไวว้ างใจในระดบั หนง่ึ ความไว้วางใจนี้จะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเม่ือคนในชุมชน “ยอมรับและให้ใจ” กับ ทราเวลล์ก่อน  ศากล่าวว่าส�ำหรับคนในชุมชนส่วนใหญ่ “มันเป็นเร่ืองของ ใจ มนั เปน็ เรอ่ื งของ ‘ฉนั รกั คนน’้ี   ถา้ เขาไมช่ อบอะไรทเ่ี ราคดิ ซกั เรอื่ งนงึ  มนั กจ็ ะพลอยให้ความไว้วางใจหายไปเลย” (ศา, 8 ธันวาคม 2559)    นอกจากทราเวลล์จะเป็นคนกลางในการเช่ือมโยงชุมชนกับแหล่งเงิน ทนุ แลว้  พวกเขายงั เปน็ ตวั เชอื่ มโยงกบั ทรพั ยากรทจ่ี �ำเปน็  ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ น เทคโนโลยี ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านการตลาด รวมท้ังเชื่อมโยงกับ เจา้ ของพนื้ ทอี่ ยา่ งสำ� นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ  ์ หรอื องคก์ รอนื่ ๆ เช่น สกว. เปน็ ต้น  บทเรียนการน�ำ ร่วมจากผูข้ ับเคล่ือนสังคม 191

ชอ่ งทางสรา้ งรายไดใ้ หธ้ ุรกจิ และชมุ ชน ช่องทางสร้างรายได้ของทราเวลล์มีท้ังการท�ำทัวร์ และการจ�ำหน่าย ผลิตภัณฑ์ท่ีทราเวลล์ออกแบบ แล้วให้คนในชุมชนผลิต ซึ่งนอกจากท�ำให้ ทราเวลลม์ ีรายได้เลยี้ งตวั เองไดแ้ ล้ว คนในชุมชนกม็ รี ายไดเ้ พ่มิ ข้ึนด้วย “เรอ่ื งของธรุ กจิ  เรากต็ อ้ งมองใหม้ นั เปน็ ธรุ กจิ เลยนะ เราทำ� ธรุ กจิ กต็ อ้ ง ท�ำตัวเองให้รอดในฝั่งธุรกิจ...แรกๆ เราได้เงินสนับสนุนมาหนึ่งก้อน ด้วย การท่ีเรามีไอเดียแล้วเอาไปขายเหมือนสตาร์ตอัปทั่วไปเลย แล้วพอเราได้ เงนิ มากต็ อ้ งเอามารนั ธรุ กจิ ตวั เองใหอ้ ยรู่ อด คา่ เชา่  คา่ จา้ ง  เราพยายามคดิ หาสินค้าขึ้นมา อย่างเช่นเราท�ำเรื่องท่องเที่ยว เราก็มีทัวร์ มีการดูงานเกิด ขน้ึ ...เราใชร้ ปู แบบทวี่ า่ ชมุ ชนเปน็ เจา้ บา้ น เราเปน็ แคค่ นอำ� นวยความสะดวก ไป เราเป็นแค่ตัวกลางในการเก็บค่าใช้จ่ายมา แล้วไปกระจายสู่บ้านต่างๆ อนั นค้ี อื หนงึ่ รายได ้  รายไดท้ ส่ี อง เราพยายามทำ� สง่ิ ทจ่ี บั ตอ้ งไดม้ ากขน้ึ  เชน่ สินค้าประจ�ำชุมชน พวกผลิตภัณฑ์ชุมชน อย่างเช่นมีชุมชนวังกรมฯ ท่ีขาย จีวรส่งบ�ำรุงเมือง เขาจะมีเศษจีวรอยู่ เราไปเห็น เอ๊ะ จะเอามาท�ำอะไรดี เป็นเศษจีวรสามเหล่ียม ก็ให้เขาลองเย็บเป็นแพตเทิร์น ได้ผ้าเป็นผืน เป็น ผ้าสามเหล่ียมต่อๆ กัน เสร็จแล้วเราก็เอาไปเย็บกระเป๋า รู้สึกว่า เออ มัน นา่ จะท�ำเปน็ กระเปา๋ ได้ กเ็ ลยน�ำไปปรกึ ษาพท่ี เี่ ปน็ ดไี ซเนอร์ อนั นก้ี เ็ ลยเปน็ สงิ่ ทก่ี ำ� ลงั ทำ� ในการเลย้ี งตวั เองของทราเวลลอ์ ย”ู่  (มยั , 23 มนี าคม 2560) นอกจากผลิตภัณฑ์ของทราเวลล์เองแล้ว พวกเขายังวางแผนช่วย พัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนในด้านรูปลักษณ์ บรรจุภัณฑ์ และเรื่องราวที่ เพ่ิมคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้รายได้เข้าสู่ชุมชนโดยตรง และเป็นการ เสริมสร้างความแข็งแรงในการเป็นแหล่งท่องเท่ียวของชุมชน  ที่ผ่านมา ทราเวลลไ์ ดล้ งพนื้ ทไ่ี ปคยุ กบั คนในชมุ ชนปอ้ มมหากาฬและชมุ ชนบา้ นบาตร เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับการเป็นของที่ระลึกส�ำหรับนักท่องเที่ยว 192 ใจคน ชมุ ชน การเปล่ียนแปลง 

ชาวต่างชาติ มีการปรึกษาคนท�ำบาตรในชุมชนบ้านบาตรเก่ียวกับการผลิต ฝาบาตรเพ่ือน�ำมาเป็นของตกแต่งภายในของ Once Again Hostel ท�ำให้ ชุมชนบ้านบาตรท่ีเคยท�ำแต่บาตรเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันสามารถผลิต ฝาบาตรไดด้ ว้ ย ท�ำไมคนรุ่นใหมล่ กุ ขนึ้ มาท�ำธุรกจิ เพ่อื สังคมกนั มากข้ึน อีกสิ่งหน่ึงที่น่าสนใจคือ กลุ่มผู้ก่อต้ังหรือแกนน�ำทราเวลล์ล้วนเป็น คนรุ่นใหม่ที่เป็นคนชนชั้นกลาง แม้หลายคนไม่ใช่คนกรุงเทพฯ โดยก�ำเนิด แต่กใ็ ชช้ ีวิตในกรงุ เทพฯ มาสักระยะ อกี ทั้งทราเวลล์ยังทำ� งานพัฒนาชมุ ชน ด้วยสถานะคนนอก ทีมนักวิจัยจึงรู้สึกว่าข้อแตกต่างเหล่านี้เป็นเสน่ห์ท่ีท�ำ ใหท้ ราเวลลม์ แี นวคดิ และวธิ กี ารทำ� งานแตกตา่ งจากครนู ำ�้ และแกนนำ� ชมุ ชน โคกสลุง   หนง่ึ ในคำ� ถามทท่ี มี วจิ ยั มใี นใจตง้ั แตแ่ รกคอื  ทำ� ไมคนรนุ่ ใหมอ่ ยา่ งพวก เขาถงึ ลกุ ขน้ึ มาทำ� ธรุ กจิ เพอ่ื สงั คมกนั มากขน้ึ  การทำ� ธรุ กจิ เพอื่ สงั คมเปน็ แค่ แนวโนม้ ของโลกปจั จบุ นั หรอื เปลา่   คำ� ตอบสว่ นหนง่ึ อยใู่ นสงิ่ ทก่ี ลา่ วไปแลว้ ขา้ งตน้ เกยี่ วกบั แรงบนั ดาลใจในการทำ� งานของพวกเขาทตี่ อ้ งการสรา้ งความ เปลย่ี นแปลงใหเ้ กดิ ขนึ้ ในสงั คม แตค่ ำ� อธบิ ายเพม่ิ เตมิ ตอ่ ไปนกี้ ช็ ว่ ยใหค้ ำ� ตอบ กระจ่างชัดขึ้น  แบงค์ : ทุกคนมัวแต่ต้ังค�ำถามกันต้ังแต่มหา’ลัยว่าท�ำไมอันน้ันลง ทะเบียนไม่ได้ หรือว่าค�ำถามรถติด ควัน การเมือง  แล้วพอมันมีช่องทาง มีคนที่จุดว่าจริงๆ คุณท�ำแบบน้ีได้ เราก็เป็นคนเสพส่ือพวกนี้ แล้วก็อิน คนพวกนีเ้ ลยกระโจนเข้ามาท�ำ เอ้อ...เราไมต่ อ้ งรอแล้ว เราทำ� เอง  บทเรียนการนำ�ร่วมจากผู้ขับเคลื่อนสงั คม 193

มัย : มีคนจุดประกายเยอะมากข้ึน ด้วยส่ือด้วยอะไร เหมือนเขา ปรากฏตัวขึ้นมาท�ำใหอ้ ยากเป็นตาม  แบงค์ : ทุกคนอยากเป็นฮีโร่ในสิ่งท่ีตัวเองถนัดอยู่แล้ว พอเห็นว่า ทำ� ความดีแบบน้ไี ด ้ ก็เลยท�ำ มยั  : และมนั อาจจะถงึ ยคุ ทพี่ อผใู้ หญเ่ ขาทำ� งานมาทงั้ ชวี ติ  เขาเกษยี ณ ไปปุ๊บก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีข้ึน เขามาสะท้อนให้เราฟังว่า โอ้ ไปอยู่บริษัท มันก็ไม่ได้ดีหรอก โดนไล่ออกตอนอายุ 55 มันเริ่มมีตัวอย่างที่ไม่ดีเกิดข้ึน เร่ิมมีความไม่แน่ใจว่าจริงๆ ท�ำงานตามระบบปกติก็ไม่ใช่ว่าจะดี ลองเส่ียง มาท�ำแบบนด้ี ูมัย้ (แบงคแ์ ละมยั , 11 ตุลาคม 2559) นอกจากคนรุ่นใหม่จะได้รับแรงบันดาลใจจากการทำ� ความดีในระดับ ปัจเจกท่ีปรากฏให้เห็นและมีการส่งต่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากข้ึน พวก เขายังเริ่มต้ังค�ำถามเก่ียวกับการท�ำงานเพื่อรายได้ท่ีม่ันคงและจุดมุ่งหมาย ในการใช้ชวี ติ วา่  มันอาจมีอะไรมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน “อาจเพราะคนรุ่นเราเร่ิมมีชนช้ันกลางมากข้ึน แนวคิดการสร้างเน้ือ สรา้ งตวั แบบรนุ่ พอ่ รนุ่ แมอ่ าจจะนอ้ ยลง  จดุ มงุ่ หมายในการทำ� ธรุ กจิ ของวยั รุ่นยุคนี้อาจไม่ใช่เพื่อรวยสุดๆ แบบเม่ือก่อน แต่ท�ำเพ่ือคนอ่ืนด้วย  ทุกวัน นเ้ี รายงั เหน็ สงิ่ ทเ่ี ราอยากแก ้ เหน็ สงิ่ ทเี่ ราไมพ่ อใจอยเู่ ตม็ ไปหมด  ในชว่ งชวี ติ หนึ่งท่ียังพอเขียนหนังสือได้ ถ่ายรูปได้ มีก�ำลังสมอง ก�ำลังกาย แล้วลงมือ ทำ� ได ้ กท็ ำ� ไปเทา่ ทท่ี ำ� ได ้ อาจจะไมไ่ ดด้ ขี น้ึ ในยคุ เรา ในชว่ งชวี ติ เรา แตถ่ า้ เรา เปน็ สว่ นหนงึ่ ในการแกป้ ญั หากน็ า่ จะทำ� ใหช้ วี ติ มคี ณุ คา่ ขนึ้ ” (เนย, 8 ธนั วาคม 2559) เม่ือได้ฟังค�ำอธิบายเช่นนี้ ฉันรู้สึกชื่นชมวิธีคิดของพวกเขาที่สวนทาง กับวิถีของโลกยุคปัจจุบัน โลกวัตถุนิยมที่เงินเข้ามามีบทบาทอย่างมากใน 194 ใจคน ชมุ ชน การเปลยี่ นแปลง 

จดุ มงุ่ หมายในการทำ�ธรุ กิจของวยั รนุ่ ยุคนี้ อาจไม่ใช่เพอ่ื รวยสุดๆ แตท่ ำ�เพ่ือคนอน่ื ด้วย ทุกวันนี้เรายงั เห็นสิง่ ทเี่ ราอยากแก้อยูเ่ ต็มไปหมด ในช่วงชวี ิตหน่ึงทยี่ งั พอมกี ำ�ลงั สมอง กำ�ลังกาย ก็ทำ�ไปเท่าที่ทำ�ได ้ อาจจะไมไ่ ดด้ ีขึน้ ในชว่ งชวี ิตเรา แต่ถ้าเราเป็นสว่ นหนง่ึ ในการแก้ปัญหา ก็น่าจะทำ�ให้ชีวติ มีคณุ คา่ ขึ้น ชีวิต ธุรกิจพยายามลดต้นทุนเพ่ือหวังก�ำไร พนักงานต้องการเลื่อนขั้นสูงๆ และมีเงินเดือนมากๆ  เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินและหน้าท่ีการงานเป็นส่ิง จ�ำเป็นในการด�ำรงชีวิตตามกระแสทุนนิยม แต่ส�ำหรับหลายคน เงินอาจ ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของการมีชีวิตอยู่ ดังที่แบงค์และเนยบอก  การได้ ช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะเป็นฮีโร่ท่ีคนรู้จักหรือปิดทองหลังพระ น่าจะเป็น สง่ิ ทท่ี ำ� ใหช้ วี ติ เรามคี ณุ คา่ มากกวา่ การอยเู่ พอ่ื ตนเองเทา่ นน้ั  คณุ คา่ ในตนเอง จงึ เป็นสิง่ ท่ีจดุ ประกายให้คนรนุ่ ใหมส่ นใจทำ� ธุรกิจเพือ่ สังคมมากขึน้ บทเรยี นการน�ำ รว่ มจากผูข้ บั เคลือ่ นสงั คม 195

กระบวนการท�ำงาน  ของทราเวลล์ในปีแรก การท�ำงานของทราเวลล์แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ด้านการ ท่องเท่ียวชุมชน และด้านการพัฒนา ซึ่งมีท้ังทางกายภาพ เช่น การพัฒนา ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การสร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์ผ่านเร่ืองเล่า (story) ไปจนถงึ การพฒั นาคนเพอ่ื การสบื สานเอกลกั ษณช์ มุ ชน โดยเฉพาะ กลมุ่ เดก็ และเยาวชนในชมุ ชน  กระบวนการทำ� งานทขี่ อหยบิ ยกมานำ� เสนอ ในงานวิจยั ชน้ิ นี้มดี ังน้ี สร้างความไว้วางใจ อุปสรรคใหญ่อย่างแรกในการเข้าไปท�ำงานกับชุมชนคือสถานะการ เปน็ คนนอก  แมศ้ าจะเปน็ คนกรงุ เทพฯ และเปน็ เจา้ ของโฮสเทลทอ่ี ยใู่ นรศั มี 1 กิโลเมตรจากชุมชนนำ� ร่อง แต่เขาและเพื่อนๆ ในทีมทราเวลล์ก็ไม่ใช่คน ในพน้ื ที่ ความทา้ ทายจงึ เรมิ่ จากการสรา้ งความไวว้ างใจกอ่ น  ในระยะแรก ทราเวลลใ์ ชเ้ วลาสว่ นใหญไ่ ปกบั การลงพนื้ ทเ่ี พอ่ื ท�ำความรจู้ กั กบั คนในชมุ ชน โชคดีว่าพวกเขาไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ซะทีเดียว เนื่องจากช่วงที่ศากับมิก เร่ิมท�ำโฮสเทล พวกเขาได้มีโอกาสท�ำความรู้จักกับคนในชุมชนท้ังสี่แห่งมา บา้ งแลว้  ผนวกกบั มกิ เปน็ คนในพนื้ ที่ จงึ ทำ� ใหท้ ราเวลลส์ ามารถตอ่ ยอดการ ทำ� งานจากตรงนน้ั ได้  แต่โจทย์นี้ก็ทวีความท้าทายมากข้ึนเมื่อเป็นการท�ำงานกับชุมชนป้อม มหากาฬทผี่ ่านความบอบช�ำ้ มานานกว่า 20 ปี ดังค�ำบอกเล่าของเนย  196 ใจคน ชุมชน การเปลย่ี นแปลง 

“พก่ี บเคยพดู วา่ มคี นเขา้ มาในปอ้ มเยอะมาก มคี นแบบพวกคณุ นแ่ี หละ ท่ีอยากมาช่วย อยากท�ำอย่างนี้เยอะมาก สุดท้ายก็หายไป และสุดท้ายก็ บงั คบั เขาเกนิ ไป  เหมอื นมนั ตอ้ งใชเ้ วลา เหมอื นเราเปน็ คนใหมท่ ย่ี า้ ยเขา้ ไป ในนั้น  โอเค อาจจะไม่ได้ไปอยู่ด้วยคลุกคลีด้วยตลอดเวลา วิถีชีวิตไม่ เหมอื นกนั  แตม่ นั ตอ้ งใชเ้ วลา...คนเรากวา่ จะผกู พนั กนั กต็ อ้ งใชเ้ วลาท�ำใหเ้ ขา เหน็ วา่ จะมาชว่ ยจรงิ ๆ ไมไ่ ดจ้ ะมาตกั ตวงผลประโยชนอ์ ะไร หรอื ไมต่ อ้ งการ เปลี่ยนใหเ้ ขาเป็นแบบท่ีเราอยากให้เป็น เพียงแต่ว่าเป็นเพ่อื นกนั ก็อยากให้ เพือ่ นดขี ้ึน” (เนย, 8 ธนั วาคม 2559)   ดังนั้นเวลาคือส่ิงส�ำคญั ท่จี ะชว่ ยพสิ ูจน์ความจรงิ ใจและความต้ังใจจริง ในการท�ำงานของพวกเขา  วางคนให้เหมาะกบั งาน ทุกคนในทีมทราเวลล์ต่างเข้ามาด้วยความสนใจ ความเช่ียวชาญ และแรงบันดาลใจอันหลากหลาย แต่สิ่งหน่ึงที่พวกเขามีเหมือนกันคือการ หาความหมายในส่ิงท่ีตนเองท�ำอยู่ จนในที่สุดได้พบค�ำตอบในการท�ำงาน เพือ่ สงั คม   ก่อนเข้ามาท�ำงานท่ีทราเวลล์ ลี่เคยจัดทริปท่องเท่ียวชุมชนในเมือง เชียงราย ชื่อ “เชียงรายโฮมทาวน์” และเคยท�ำรายการสารคดีท่ีทีวีบูรพา ส่วนมัยยังคงท�ำงานเป็นผู้ประกาศข่าว  ทั้งสองคนท�ำงานเป็นผู้ถ่ายทอด เรอ่ื งราวชวี ติ และปญั หาสงั คม แตร่ สู้ กึ วา่ ทำ� เสรจ็ แลว้ กจ็ บไป จงึ อยากเขา้ ไป สรา้ งความเปล่ียนแปลงหรือชว่ ยเหลอื คนอย่างจรงิ จงั   ส่วนศาเป็นคนชอบแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองเล็กน้อยอย่างการ จดั กจิ กรรมรบั นอ้ งในมหาวทิ ยาลยั  ไปจนถงึ การทำ� ธรุ กจิ เพอ่ื ตอบโจทยก์ าร บทเรียนการน�ำ ร่วมจากผูข้ ับเคล่ือนสงั คม 197

ใช้ชีวิตของคนในครอบครัว  แต่หลังจากท�ำไปแล้วมักเกิดค�ำถามกับตนเอง ว่า “แล้วไงต่อล่ะ”  เหตุการณ์น้�ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 คือจุดเปล่ียน ในชวี ติ เมอ่ื เขาไดท้ �ำงานอาสาสมคั รในกลมุ่ ปลาจะเพยี ร “จากการแกป้ ญั หา โง่ๆ ที่ไม่เก่ียวกับสังคม พอได้มาแก้ปัญหาเกี่ยวกับสังคม เรารู้สึกฟิน รู้สึก มปี ระโยชน ์ รู้สึกมนั มีความหมาย” (ศา, 8 ธันวาคม 2559)  แบงคเ์ ขา้ มาทำ� งานดว้ ยทศั นคตทิ ค่ี ลา้ ยๆ กนั   กอ่ นหนา้ นเ้ี ขาสนใจการ ออกแบบนวัตกรรมส�ำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ เคยส่งผลงาน ประกวดอยเู่ รอ่ื ยๆ แตไ่ มเ่ คยมผี ใู้ ชจ้ รงิ  จนไดม้ าลองทดสอบผลติ ภณั ฑท์ ต่ี น ออกแบบกบั ผสู้ งู อายทุ กี่ ลว้ ยนำ้� ไท จงึ เหน็ วา่ สง่ิ ทท่ี ำ� กส็ ามารถนำ� มาชว่ ยเหลอื คนได้จรงิ   พวกเขาเหล่านี้จึงหันมาท�ำธุรกิจเพื่อสังคมร่วมกัน โดยน�ำเอาจุดแข็ง และความสนใจของแตล่ ะคนเขา้ มาใชใ้ นการทำ� งาน  แตน่ อกจากมใี จรกั แลว้ การท�ำงานกับชุมชนยังต้องการทักษะเฉพาะหลายอย่าง ซึ่งบางอย่างเป็น ทักษะที่ผู้ก่อต้ังไม่เช่ียวชาญ ทราเวลล์จึงเร่ิมรับคนเข้ามาเพ่ิมในทีม “ให้ เหมาะกับงาน” มากข้ึน จากตอนเร่ิมต้นท่ีมีผู้ก่อต้ัง 5 คน ตอนน้ีทราเวลล์ มีสมาชิกถึง 9 คน โดยมีเม ปอ เนย และแวน เป็นสมาชิกใหม่ หน้าท่ีและ ความรบั ผดิ ชอบในการทำ� งานของแตล่ ะคนจงึ มขี อบเขตชดั เจนมากขนึ้  เชน่ ศาดูแลพ้ืนท่ีชุมชนป้อมมหากาฬ ล่ีประสานงานกับคนในชุมชนนางเล้ิง เมดูแลเร่ืองเกี่ยวกับชุมชนบ้านบาตร มัยท�ำหน้าท่ีเป็นซีอีโอดูแลเรื่องการ จัดการและการเงิน ในขณะที่แบงค์เน้นด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ชุมชน ปอดแู ลเนอ้ื หาในเวบ็ ไซตแ์ ละเนน้ หนกั ดา้ นประชาสมั พนั ธ์ เนยชว่ ยเพมิ่ เตมิ ด้านเนื้อหาในเว็บไซต์ พร้อมจัดท�ำระบบจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลชุมชน แวนท�ำด้านกราฟิกดีไซน์ อาทิ ป้ายภายในป้อมมหากาฬ และส่ือประชา สัมพันธ์ในงานตา่ งๆ  ตัวงานทงั้ หมดนม้ี ีศาเปน็ ตัวจดุ ประกายและชใี้ ห้เหน็ 198 ใจคน ชมุ ชน การเปลีย่ นแปลง 

วิสัยทัศน์ใหญ่รว่ มกนั 3  ทวา่ เมอื่ แตล่ ะคน “อนิ ” กนั คนละเรอื่ ง จงึ นำ� ไปสกู่ ารนยิ ามความสำ� เรจ็ และเป้าหมายท่ีแตกต่างกัน เช่นส�ำหรับมัย ภายใน 2-3 ปีต้องการให้ ทราเวลล์เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับชุมชนในพื้นท่ีย่านพระนครและกลายเป็น แหล่งข้อมูลให้แก่ทุกฝ่ายที่สนใจ  เมผู้มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงและ สนใจการลงชมุ ชนอยากใหเ้ ดก็ ในชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาชมุ ชน ของตนเองมากข้ึน และร่วมกันสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ๆ ให้ชุมชน โดยอาจน�ำ ดนตรีเข้ามาช่วยในการเรียนรู้ของเด็กๆ  ปออยากให้ทุกคนในกรุงเทพฯ สามารถเล่าเร่ืองเกี่ยวกับวิถีชีวิตและของดีในพ้ืนที่ย่านพระนครได้  ส่วน แบงค์อยากให้ผลิตภัณฑ์ของชุมชนเป็นที่รู้จักและมีวางจ�ำหน่ายในห้าง สรรพสนิ คา้  แตท่ ส่ี �ำคญั กวา่ นนั้ แบงคม์ องวา่ การพฒั นาจะมคี วามยงั่ ยนื เมอื่ เปน็ การพฒั นาจากภายใน คอื เดก็ รนุ่ ใหมใ่ นแตล่ ะชมุ ชนกลบั มาสนใจพฒั นา ผลิตภัณฑ์ชุมชนของตนเอง เพราะคนในชุมชนย่อมเข้าใจความต้องการ และเขา้ ถงึ วิถีชวี ติ  เข้าถงึ ภมู ิปัญญาบรรพบรุ ษุ ได้มากกวา่ คนนอก ช่วงแรกทกุ ฝา่ ยในทราเวลลท์ �ำงานไปพรอ้ มๆ กนั  คนทล่ี งชมุ ชนอยา่ ง ล่ีและเมติดต่อประสานงานกับคนในชุมชนเพื่อจัดทริปท่องเที่ยว ฝ่ายท�ำ เนอ้ื หาลงเวบ็ ไซตอ์ าจออกสำ� รวจพนื้ ทกี่ อ่ นเพอื่ นำ� มาเขยี นเปน็ คอลมั นเ์ ลก็ ๆ เรียกน�้ำย่อยให้คนทั่วไปที่สนใจ และกลับมาท�ำงานกับฝ่ายกราฟิกเพ่ือ ออกแบบสอ่ื โปรโมตทรปิ ลงในเฟซบกุ๊  ในวนั จดั งานจรงิ กม็ ผี ชู้ ว่ ยทเี่ ขน็ ลำ� โพง ขยายเสยี งเพอื่ ใหล้ กู ทัวรไ์ ด้ยินเสียงไกด์ชมุ ชนได้อย่างทัว่ ถึง  3 ที่กล่าวมานี้ยังขาดผู้ก่อตั้งอีกหนึ่งคนคือ นุ่น  ระหว่างการเก็บข้อมูล ผู้เขียนไม่เคย เจอนุ่น เน่ืองจากเธอต้องดูแลบริษัทการท่องเที่ยวเพื่อชุมชนช่ือว่า Local Alike ที่มี การจัดการท่องเท่ยี วอยทู่ ัว่ ประเทศ บทเรียนการนำ�ร่วมจากผู้ขับเคล่อื นสงั คม 199

ในการจัดทัวร์แต่ละคร้ังทราเวลล์ท�ำหน้าท่ีเป็นผู้ประสานงานพานัก ท่องเที่ยวเข้าไปในชุมชน และมีคนในชุมชนเป็นผู้น�ำทัวร์ เช่นในวันจัดงาน ร�ำลึก 46 ปี มิตร ชัยบัญชา ฉันได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมผัสวิถีชีวิต ศิลป- วฒั นธรรม และของดใี นชมุ ชนนางเลง้ิ  โดยมคี ณุ ลงุ ทเ่ี ปน็ คนพนื้ ทนี่ ำ� พวกเรา เดนิ เทา้ จากหนา้ โรงหนงั ศาลาเฉลมิ ธานี ดใู บแจง้ หนรี้ อ้ ยปี ชมิ ของอรอ่ ยใน ตลาดนางเล้ิง ดูวิธีการเก็บความเย็นของโรงน้�ำแข็งโบราณ เยี่ยมชม ร้าน “นางเล้ิงอ๊าร์ต” ท่ียังคงท�ำล็อกเกตภาพถ่ายระบายสีด้วยมือ และเข้า ชมวัดสุนทรธรรมทาน วัดท่ีเก็บอัฐิของ มิตร ชัยบัญชา  เนื่องจากทริปน้ี เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า จึงมีคนเข้าร่วม เยอะกวา่ ปกต ิ ประกอบกบั ตอ้ งเขน็ ลำ� โพงใหอ้ ยใู่ นระยะสญั ญาณไมโครโฟน ของไกด ์ ทำ� ใหก้ ารเดนิ ทางเปน็ หมคู่ ณะใหญค่ อ่ นขา้ งทลุ กั ทเุ ลพอสมควร แต่ ฉนั กส็ นกุ ทไี่ ดส้ มั ผสั และเรยี นรใู้ นสงิ่ ทเี่ ราอาจมองขา้ มไป เชน่  ใบแจง้ หนรี้ อ้ ย ปีบนผนังปูน หรอื ของดีท่ีซ่อนอยู่ในชุมชนโดยเฉพาะอาหารและขนมหวาน ในตลาดนางเล้ิง ถึงแม้ทราเวลล์จะเป็นธุรกิจท่ีมีเป้าหมายด้านการท่องเท่ียวเป็นหลัก และต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะความสัมพันธ์กับคนในชุมชนเพ่ือเตรียม ความพร้อมให้ชาวบ้านคุ้นชินกับนักท่องเที่ยวและพร้อมให้ข้อมูลเก่ียวกับ ของดีในชุมชนแก่นักท่องเท่ียวท่ีเข้าไปเยี่ยมชม แต่เมื่อได้มีโอกาสคลุกคลี กบั ชมุ ชนมากขนึ้ และเหน็ ภยั คกุ คามทเี่ ขา้ มา โดยเฉพาะปญั หาเรง่ ดว่ นอยา่ ง การถูกไล่ร้ือที่ป้อมมหากาฬ ทราเวลล์ก็เลือกท่ีจะหยุดพักการขายทริป ทอ่ งเทีย่ วในปอ้ ม  “ในสภาพการณ์ของป้อม เราใช้การขายทริปไม่ได้ คือเราต้องการ มวลชน ก็เลยจัดเป็นทริปฟรี...เพราะจุดประสงค์คือสร้างการรับรู้ว่ามันมี ชุมชนน้อี ยนู่ ะ และชุมชนนีม้ นั ดนี ะ” (ล่,ี  2 ธนั วาคม 2559)  ทราเวลล์หันมาจับมือกับคนในป้อมมหากาฬเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาภัย 200 ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง