ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วดั พระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วดั โพธ)ิ์ เลม 1 คำปรวิ รรต จารกึ แผนท่ี 23 แผนนวดควำ่ 46 ๏ ลกั ษณแผนคว่ำรูปนบ้ี อกที่แกใ นกองมนั ทะอาโปประชุมในกองเสมหะ ตามอาจารยิ แนะไว ๚ะ๛ ๏ เสนนแ้ี กล มราชยักษ ๚ะ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสน นแี้ กใหสำรอก ๚ะ ๏ เสนน้แี กปวดสลักอก ๏ เสนนแี้ กกระไสยดาน แลไหลก ็ดเี พื่อเสมหะ ๚ะ เกิดแตก องวทุ ฒโิ รค ๚ะ ๏ เสน นแี้ กชวิ ะหาสดม ๏ เสนน้ีแกป วดทอ ง ตลอดกระดกู สันหลงั ๚ะ จับใหน ง่ิ ไป ๚ะ ๏ เสนนี้แกล มสรรนบิ าต ๏ เสน น้แี กสอกึ เพอ่ื เสมหะสมถุ าน ๚ะ ข้นึ สงู มกั ใหอ าเจียรลง ๚ะ 137
ชดุ ตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแผนไทย ฉบบั อนรุ ักษ คำอา นปจจบุ ัน จารึกแผน ท่ี 23 แผนนวดคว่ำ ลกั ษณะแผนควำ่ รปู นี้ บอกที่แกในกองมนั ทะอาโป ประชุมในกองเสมหะ ตามอาจารยแ นะไว เสนน้ี แกล มราชยักษ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสนนี้แกใหสำรอก เสนนี้ แกปวดสลักอก เสนนแ้ี กก ระษัยดาน แลไหลก ็ดเี พ่อื เสมหะ เกดิ แตกองวฒุ ิโรค เสนนี้ แกป วดทอง เสน นี้แกช วิ หาสดมภ ตลอดกระดกู สนั หลัง จับใหน่งิ ไป เสนน้ี แกสะอึกเพื่อ เสนนแี้ กลมสันนิบาต เสมหะสมฏุ ฐาน ข้ึนสูงมักใหอ าเจียนลง 138
สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม 1 ภาพตน ฉบับ จารึกแผน ที่ 24 แผนนวดหงาย 139
ชดุ ตำราภมู ิปญ ญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ คำปรวิ รรต จารึกแผน ท่ี 24 แผนนวดหงาย 47 ๏ ลกั ษณแผนหงายรูปน้บี อกท่แี กใ นกองสมะวาโยประชุมในกองสมถุ าณตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ เสน นี้แกลมใหจกั ษุพรา ง ๚ะํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสน นี้ชือ่ ทิพจกั ษขุ ้นึ ศีศะ ๏ เสนนช้ี ่อื ทกั ขณิ คุณ จบั ใหจ กั ษมุ ืด ๚ะ จับใหศศี ะส่ันเจรจามไิ ด ๚ะ ๏ เสนนีแ้ กลมเปลยี วดำ ๚ะ ๏ เสนนี้ชอ่ื รัตคุณจบั ให ๏ เสน น้ีชวิ ะหาสดมจบั เหื่อตกสทกทังตัว ๚ะ ๏ เสน น้อี ำภาทธิ์จบั ให ตน ล้นิ เจรจามิได ๚ะ จักษมุ ืดมวั ยิ่งนกั ๚ะ ๏ เสน น้แี กส ลักเพช็ ให 140 จับสลกั อกยอกอก ๚ะ
ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารกึ วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธ)์ิ เลม 1 คำอา นปจจุบนั จารึกแผนท่ี 24 แผนนวดหงาย ลักษณะแผนหงายรูปน้ี บอกทแ่ี กในกองสมะวาโย ประชุมในกองสมฏุ ฐานตามอาจารยแนะไว เสนนีแ้ กล มใหจักษุพรา งํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสนนชี้ ือ่ ทพิ จกั ษุข้ึนศรี ษะ เสน น้ชี ือ่ ทักขณิ คณุ จบั ใหจ ักษุมืด จบั ใหศ ีรษะสั่น เจรจามิได เสน นแี้ กล มเปลย่ี วดำ เสน นชี้ ื่อรัตตคณุ จับให เสน นีช้ วิ หาสดมภจับ เหงื่อตกสะทกทงั้ ตัว ตนลนิ้ เจรจามไิ ด เสนนีอ้ ัมพาตจับให เสน น้แี กส ลักเพชร ให จักษุมดื มวั ย่งิ นัก จับสลกั อกยอกอก 141
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ภาพตน ฉบับ จารึกแผนที่ 24 แผนนวดควำ่ 142 สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ)์ิ เลม 1 คำปรวิ รรต จารึกแผน ที่ 24 แผนนวดควำ่ 48 ๏ ลกั ษณแผนควำ่ รูปนีบ้ อกทีแ่ กในกองสมะวาโยประชุมในกองสมถุ าณตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ เสน นี้แกคลื่นเหยี ร ๚ะํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสนนแ้ี กอาเจียรมอิ อก ๚ะ ๏ เสนนี้แกย อกตะโภก ๏ เสนนแี้ กลมมกั กระ ทำใหขยอนราก ๚ะ ถงึ สันหลงั ใหต ึงตวั ๚ะ ๏ เสน น้แี กลมจับกระทำ ๏ เสนน้ีแกลมพัดกอง เสมหะใหเ ฟอ ง ๚ะ ใหเปนเหน็ด ๚ะ ๏ เสนนแี้ กลมแนน ๏ เสนน้แี กองคก ำเหนิด หนาอกใหตงึ ตวั ๚ะ ตายปสาวะมิไดโชน ๚ะ 143
ชดุ ตำราภมู ิปญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบับอนุรกั ษ คำอานปจจบุ ัน จารึกแผน ท่ี 24 แผนนวดคว่ำ ลกั ษณะแผนคว่ำรปู น้ี บอกทแี่ กใ นกองสมะวาโย ประชุมในกองสมุฏฐาน ตามอาจารยแนะไว เสน นีแ้ กคลื่นเหยี นํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสนน้แี กอาเจยี นมอิ อก เสน นี้แกย อกสะโพก เสน น้แี กล มมกั กระ ถงึ สันหลงั ใหตึงตวั ทำใหขยอ นราก เสนนแ้ี กลมจับกระทำ เสนนี้แกลมพดั กอง ใหเ ปนเหน็บ เสมหะใหเฟอง เสนน้ีแกองคกำเนิด เสน น้แี กลมแนน ตายปส สาวะมิไดโ ชน หนา อกใหตึงตวั 144
สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม 1 ภาพตน ฉบับ จารึกแผน ที่ 25 แผนนวดหงาย 145
ชุดตำราภูมิปญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบับอนรุ กั ษ คำปริวรรต จารึกแผนท่ี 25 แผนนวดหงาย 49 ๏ ลักษณแผนหงายรูปน้ีบอกท่ีแกในกองวิสมะวาโยเกิดแตอะนันทะจักระหวัตตามอาจารย ทานแนะไว ดงั น้ี ๚ะ๛ ๏ ชอื่ เพรำพะวาตาจบั ใหใ จ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ ชอ่ื พะหวิ าตาจับกระทำ หมนุ ด่งั กังหนั ใหเหน่อื ย ๚ะ พศิ รา ยนกั ดั่งสรบั ปะพิศ ๚ะ ๏ ช่อื หทั ยะวาตจบั ใหม นึ ๏ ชอ่ื สักกะวาตจบั ใหเจบ็ ตงึ ใหใจลอยอยเู ปนนจิ ๚ะ ทกุ ชิ้นเนอ้ื ท่วั ทงั กาย ๚ะ ๏ ช่อื อศั ฎากาษจบั หาสติ ๏ ชื่อสมุ ะนาจับใหอ้นั ไป มไิ ดเ ขมนทังกายใหชา ทังกายมไิ ดร สู ึกตน ๚ะ ไปทงั ตวั ใหแสยง ๚ะ ๏ ชื่อวปิ ศณวาตะจับใน ๏ ชือ่ พยตั วิ าโยมรรคะ รวางท่ตี ้งั แหง จับในทร่ี วางใจสงดั ๚ะ นิมิตรทงั ปวง ๚ะ 146
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม (วัดโพธ์ิ) เลม 1 คำอา นปจ จบุ ัน จารกึ แผนที่ 25 แผนนวดหงาย ลักษณะแผนหงายรูปนี้ บอกที่แกในกองวิสมะวาโยเกิดแตอนันทจักรวรรดิ ตามอาจารยทานแนะ ไว ดังน้ี ชอ่ื เพรำพะวาตาจบั ใหใจ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยชอื่ พหิวาตาจับกระทำ หมุนดังกังหนั ใหเหนื่อย พิษรา ยนักดงั สรรพพษิ ชื่อหทยั วาตะจบั ใหม นึ ตึงใหใ จลอยอยูเ ปน นจิ ช่ือสักวาตจบั ใหเจบ็ ทุกชนิ้ เนื้อท่วั ทัง้ กาย ชือ่ อัศฎากาศจับหาสติ มไิ ดเ ขมน ทัง้ กายใหช า ช่ือสมุ นาจับใหอั้นไป ทง้ั กายมิไดร สู กึ ตน ไปทั้งตัวใหแ สยง ช่ือวิปสสนวาตาจับใน ช่ือพยัติวาโยมรรคะ ระหวางที่ต้งั แหง จบั ในท่รี ะหวา งใจสงดั นมิ ิตรท้งั ปวง 147
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ภาพตน ฉบับ จารึกแผนที่ 25 แผนนวดควำ่ 148 สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วดั โพธ)์ิ เลม 1 คำปรวิ รรต จารกึ แผนที่ 25 แผนนวดคว่ำ 50 ๏ ลักษณแผนควำ่ รปู น้ี บอกทแ่ี กใ นกองวสิ มะวาโย ประชมุ ในกองวาตะโรค ตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ เสนนี้แกปวดเสมหะ ๚ะ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสน นีแ้ กจ กุ อก ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กมอื แลเทา ๏ เสน นีแ้ กบ ริโภกอา หารมไิ ดไมม ีรศ ๚ะ ตายทังสองขาง ๚ะ ๏ เสนนี้แกห ิวหาแรงมไิ ด ๚ะ ๏ เสนน้แี กร ากลมเปลา ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กคางทมู แล ๏ เสนนี้แกป วดสขี า ง หายใจขดั อกสอนื้ ๚ะ แลชายโครงทังสอง ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กห อบเปนกำ ๏ เสน นแ้ี กต ัวโกง อยู ลงั มกั เกดิ ลมมพี ิศ ๚ะ มใิ หต ึงตัวได ๚ะ ๏ เสน นี้แกร อ นในอก ๚ะ ๏ เสนนีแ้ กตัวแขง ๚ะ 149
ชุดตำราภมู ิปญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ ักษ คำอา นปจ จุบนั จารกึ แผน ท่ี 25 แผนนวดควำ่ ลกั ษณะแผนคว่ำรปู น้ี บอกท่แี กในกองวสิ มะวาโย ประชมุ ในกองวาตะโรค ตามอาจารยแ นะไว เสน น้แี กปวดเสมหะ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสนนีแ้ กจกุ อก เสนนแี้ กบรโิ ภคอา เสน นแ้ี กม อื แลเทา ตายทงั้ สองขา ง หารมไิ ด ไมมีรส เสน นี้แกรากลมเปลา เสนนแ้ี กหวิ หาแรงมไิ ด เสนนี้แกค างทูมแล เสนน้แี กป วดสขี า ง หายใจขัดอกสะอืน้ แลชายโครงท้งั สอง เสน นี้แกห อบเปนกำ เสน นีแ้ กตวั โกง อยู ลังมักเกิดลมมพี ษิ มใิ หตงึ ตัวได เสนนแ้ี กร อ นในอก เสน นแ้ี กตัวแขง็ 150
สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม 1 ภาพตน ฉบับ จารึกแผน ที่ 26 แผนนวดหงาย 151
ชุดตำราภูมปิ ญ ญาการแพทยแ ผนไทย ฉบับอนุรักษ คำปรวิ รรต จารกึ แผนท่ี 26 แผนนวดหงาย 51 ๏ ลักษณ แผนหงายรูปน้ี บอกท่แี กใ นกองกะติกะวาโย เกิดในกองเพรำพะวาตะ ตามอาจารยแนะไว ดังน้ี ๚ะ๛ ๏ ชื่อวายกุ าลสงิ คลจี ับใหํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ ชอื่ ชวิ ะหาสดมจบั ใหน ่ิงไป ดว ยหลับแกม ิฟน ๚ะ หนาเขยี วใหใจสั่นใหผ ดุ ๏ ชื่อมะหาสดมจับใหห าวนอน ๚ะ ดำ แดง ๏ ชื่อจับปราบจับด่ังตอ งป เปนวง ขาว ก็มี ๚ะ ศาจใหต วั ส่นั ๚ะ เหลือง ๏ ช่ือบาทยักษจ บั สะทกใหทองแขง ๚ะ ๏ ชือ่ ทักขิณโรศจับดิ้น ยึดมิอยเู จรจามไิ ด ๚ะ ๏ ชอ่ื ตะดยิ าวโิ รศจับแตแมเทา ข้ึนมาหัวใจใหตายไปทงั ตัว ๚ะ วิหกะวาตจบั ใหตวั เยนให ล้ินกะดา งใหหวิ 152
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วดั โพธิ์) เลม 1 คำอานปจ จุบัน จารกึ แผน ที่ 26 แผนนวดหงาย ลักษณะแผนหงายรูปนี้ บอกที่แกในกองกตกิ ะวาโย เกดิ ในกองเพรำพะวาตะ ตามอาจารยแนะไว ดงั นี้ ช่ือวายกุ าลสิงคลจี ับให ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย ชอ่ื ชิวหาสดมภจบั ใหนิ่งไป หนาเขียวใหใจสน่ั ใหผ ุด ดวยหลับแกม ิฟน เปนวงดำ-แดง-ขาว-เหลืองก็มี ชือ่ มหาสดมภจบั ใหหาวนอน ช่ือทกั ขิณโรธจบั ดิน้ ยึดมอิ ยูเจรจามไิ ด ชื่อจับปราบจบั ดังตอ งป ศาจใหต วั ส่นั ช่อื ตตยิ าวโิ รธจบั แตแมเทา ข้ึนมาหัวใจใหตายไปทง้ั ตัว ชอื่ บาดทะยักษจ บั สะทกใหทองแขง็ วหิ กะวาตจับใหตัวเย็นใหล้ินกระดา งใหห ิว ฯ 153
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ภาพตน ฉบับ จารึกแผนที่ 26 แผนนวดควำ่ 154 สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารกึ วัดพระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วัดโพธ)์ิ เลม 1 คำปริวรรต จารกึ แผนท่ี 26 แผนนวดคว่ำ 52 ๏ ลกั ษณแผนคว่ำรูปน้ี บอกทแ่ี กใ นกองกะติกะวาโย ประชุมในสรรพิศ ตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ เสนนแี้ กพ ิศทำใหรอน๚ะํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสนนแี้ กลิ้นแขง ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กล มกระทำ ๏ เสนนี้แกก ระทำพิศม ใหเ จบ็ ไปทกุ ขมุ ขน ๚ะ มิใหรสู กึ ตนแนไ ป ๚ะ ๏ เสน นีแ้ กเ ขมนส่ันไป ๏ เสน นีแ้ กก ระทำพิศ ใหรองคราง ๚ะ ทังตัวใหเ สยี ว ๚ะ ๏ เสน นีแ้ กช ักสดงุ ๏ เสนนแี้ กเสียวไป ทงั กายใหตงึ ๚ะ รองไหเหือ่ ตก ๚ะ 155
ชดุ ตำราภูมปิ ญ ญาการแพทยแ ผนไทย ฉบับอนรุ กั ษ คำอา นปจ จุบัน จารึกแผน ท่ี 26 แผนนวดควำ่ ลกั ษณะแผนควำ่ รูปน้ี บอกทแี่ กในกองกติกะวาโย ประชุมในสรรพพษิ ตามอาจารยแ นะไว เสนนแ้ี กพ ษิ ทำใหรอนํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสนนีแ้ กลิน้ แขง็ เสนน้ีแกกระทำพษิ ใหเจ็บไปทกุ ขุมขน เสน นีแ้ กล มกระทำ เสน น้แี กก ระทำพษิ มิใหรสู กึ ตนแนไ ป ใหร องคราง เสน นี้แกเสยี วไป เสนน้ีแกเ ขมนสน่ั ไป ทงั้ กายใหตงึ ทัง้ ตวั ใหเสียว 156 เสนนแ้ี กชักสะดงุ รอ งไหเหงือ่ ตก
สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม 1 ภาพตน ฉบับ จารึกแผน ที่ 27 แผนนวดหงาย 157
ชุดตำราภูมปิ ญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบับอนุรักษ คำปริวรรต จารึกแผนท่ี 27 แผนนวดหงาย 53 ๏ ลักษณแผนหงายรปู นี้ บอกทีแ่ กใ นกองมันทะวาโย เกิดแตพ ะหิวาตะสรรนบิ าต ตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ ช่อื บาทจติ รจ ับใหํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ ช่อื ลมงมุ ขณะเมอื่ จบั ใหงอไปขา งหนา ๚ะ เภอคลง่ั ไมม สี ะติ ๚ะ ๏ ช่ือลมแหงนงอไปหลัง ๚ะ ๏ ชือ่ พุทธยักษจับขบฟน ๚ะ ๏ ช่อื อนิ ตนูจบั โทษเสมหะ ๏ ชอ่ื ราชยกั ษจบั มพี ิศมตอตายผดุ ขนึ้ ๚ะ ให มือ กำคางแขง ๚ะ ๏ ชอ่ื อคั มขุ ีจับดิน เทา รองแลว แนน ิ่งไป ๚ะ ๏ ชอื่ กมุ พันทยกั ษ จับใหช กั เทากำมอื ๚ะ 158
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธ์)ิ เลม 1 คำอานปจ จุบนั จารึกแผนที่ 27 แผนนวดหงาย ลักษณะแผนหงายรูปนี้ บอกทแี่ กใ นกองมันทะวาโย เกิดแตพ หวิ าตะสนั นิบาต ตามอาจารยแนะไว ช่อื บาทจติ จบั ใหํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยชื่อลมงุมขณะเม่ือจบั ใหง อไปขางหนา เพอคล่งั ไมมสี ติ ชื่อพุทธยกั ษจ ับขบฟน ช่ือลมแหงนงอไปหลัง ชอ่ื อนิ ธนจู บั โทษเสมหะ ช่ือราชยกั ษจับ มีพษิ ตอ ตายผดุ ขนึ้ ใหม อื เทากำ คางแข็ง ช่ืออคั มุขีจบั ดนิ้ จบั ใหชักเทา กำมือ รองแลว แนน ิ่งไป ชอื่ กมุ ภัณฑยกั ษ 159
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ภาพตน ฉบับ จารึกแผนที่ 27 แผนนวดควำ่ 160 สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวดั พระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม (วดั โพธ)ิ์ เลม 1 คำปริวรรต จารึกแผน ที่ 27 แผนนวดควำ่ 54 ๏ ลกั ษณแผนควำ่ รปู นี้ บอกท่แี กในกองมันทะวาโยประชมุ ในกองเสมหะ ตามอาจารยแ นะไว ๚ะ๛ ๏ เสนนแ้ี กคลั่งใหส งบ ๚ะํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสนน้แี กล มหลังโกง ๚ะ ๏ เสนนี้แกต งึ ตวั ยอ ตวั ลง ๏ เสนนี้แกฟ นชิดคัดมิ ขนึ้ ใหนิ่งไปใหตัวเย็น ๚ะ มไิ ดใ หแนน อก ๚ะ ๏ เสนนี้แกชักเทา กำ ๏ เสนนี้แกพิศมใ ห มือกำทงั สองขา ง ๚ะ รอนตัวเปนเปลว ๚ะ ๏ เสน นีแ้ กแ ขง ๏ เสน น้แี กจับใหนิง่ กะดา งทังตวั แนไ ปใหส มปะดี ๚ะ 161
ชุดตำราภมู ิปญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบบั อนรุ ักษ คำอานปจ จุบัน จารกึ แผน ที่ 27 แผนนวดควำ่ ลักษณะแผนควำ่ รปู น้ี บอกท่แี กในกองมนั ทะวาโย ประชุมในกองเสมหะ ตามอาจารยแ นะไว เสน นีแ้ กค ล่งั ใหส งบํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสน นแี้ กล มหลงั โกง เสนนแี้ กฟน ชดิ คัดมิ เสนน้แี กต ึงตวั ยอตวั ลง ขนึ้ ใหน งิ่ ไปใหตัวเยน็ มไิ ดใหแ นน อก เสน นแี้ กชกั เทา กำ เสน นีแ้ กพษิ ให มอื กำทง้ั สองขา ง รอนตวั เปน เปลว เสน นแ้ี กจ ับใหน ง่ิ เสน น้ีแกแขง็ แนไปใหส มประดี ๚ะ กระดางทั้งตัว 162
สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม 1 ภาพตน ฉบับ จารึกแผน ที่ 28 แผนนวดหงาย 163
ชดุ ตำราภมู ปิ ญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ คำปรวิ รรต จารกึ แผนท่ี 28 แผนนวดหงาย 55 ๏ ลักษณแผนหงายรูปน้ีบอกท่ีในกองสมะปถวีเกดิ แตอะนนั ทะจกั ระหวตั ตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ เสนนีอ้ ำมะภาทธิลมเดิน ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสนนแ้ี กอ ำมะพฤกษ เปนอุทังมกั จับใหตายไป เดนิ เปนอะโทมักกระทำ จำหระหนึง่ ใหล ้ินหด๚ะ ใหเ ทา รอนเปนพศิ ม ๚ะ ๏ เสนน้ีแกค างแขง ๚ะ ๏ เสน นี้แกเ จรจามิออก ๏ เสน นีแ้ กแสยงเทา ๚ะ แลมกั ลืมหลง ๚ะ ๏ เสน นแี้ กล มกามจรหา ๏ เสนนีแ้ กจบั เพอ่ื พิศไข กำลงั มิไดใ หม กี ำลัง ๚ะ เจลียงสทา น รอน ๚ะ ๏ เสนน้ีแกองคชาตติ าย ๚ะ หนาว 164 ๏ เสน นแ้ี กหิวบรโิ ภคอา หารมิไดม กั ใหราก ๚ะ ๏ เสน นแี้ กหอบยง่ิ นัก ๚ะ
ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวดั พระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วัดโพธ์)ิ เลม 1 คำอา นปจจบุ ัน จารึกแผนท่ี 28 แผนนวดหงาย ลกั ษณะแผนหงายรูปน้ี บอกท่ีในกองสมะปถวีเกดิ แตอ นนั ทจกั รวรรดิ ตามอาจารยแ นะไว เสน นอี้ มั พาตลมเดนิํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสน นี้แกอมั พฤกษ เปน อุทธังมักจบั ใหตายไป เดินเปนอโธมกั กระทำ ใหเทา รอนเปน พษิ จำหระหน่งึ ใหลิน้ หด เสนน้แี กแสยงเทา เสน นีแ้ กค างแข็ง เสน นแี้ กจับเพื่อพษิ ไข เจลียงสะทา นรอ นสะทา นหนาว เสนนแ้ี กเจรจามอิ อก เสน นแ้ี กห วิ บรโิ ภคอา แลมกั ลืมหลง หารมไิ ดมกั ใหราก เสน นีแ้ กหอบย่ิงนัก เสนนแ้ี กล มกามจรหา กำลังมไิ ดใ หมีกำลงั 165 เสนนี้แกอ งคชาตติ าย
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ภาพตน ฉบับ จารึกแผนที่ 28 แผนนวดควำ่ 166 สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารึกวดั พระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธ์)ิ เลม 1 คำปรวิ รรต จารกึ แผน ท่ี 28 แผนนวดควำ่ 56 ๏ ลักษณแผนควำ่ รูปน้ี บอกทแี่ กใ นกองสมะปถวี เกิดแตอะนันทะจกั ระหวดั ตามอาจารยแ นะไว ๚ะ๛ ๏ เสน นแี้ กศ ศี ะสนั่ ๚ะํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย ๏ เสนน้แี กไ หลลด ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กไหลตาย ๚ะ ๏ เสนน้ีแกส บักจม ๚ะ ๏ เสนน้ีแกย อกสบัก ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กม ือชาใหเยน็ ๚ะ ๏ เสน นีแ้ กย กแขนมขิ ้ึน ๚ะ ๏ เสนนี้แกนว้ิ กะดกิ มิได ๚ะ ๏ เสนนแี้ ก ฃาตาย ๚ะ เพลีย ๏ เสน นี้แกข าทังสองตงึ ๚ะ ๏ เสนน้แี กรอน ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กเ ทาเย็นเปนเหน็ด ๚ะ ๏ เสนน้แี กล มหลังโกง ๚ะ ๏ เสนน้แี กหลังแขง ๚ะ ๏ เสนน้ีแกเ สยี ดชายโครง ๚ะ ๏ เสนน้แี กเบือนฅอมิได ๚ะ ๏ เสนนี้แกเสียดตลอดศีศะ ๚ะ ๏ เสน นี้แกฅอแขง ๚ะ 167
ชุดตำราภูมปิ ญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบบั อนุรักษ คำอานปจ จุบัน จารกึ แผนที่ 28 แผนนวดคว่ำ ลกั ษณะแผนคว่ำรูปนี้ บอกที่แกใ นกองสมะปถวี เกดิ แตอนนั ทจกั รวรรดิ ตามอาจารยแนะไว เสน น้ีแกศ ีรษะสนั่ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสน นแ้ี กไ หลตาย เสนนแี้ กไหลลด เสน น้แี กสะบักจม เสน นีแ้ กยอกสะบัก เสน นแี้ กยกแขนมิข้นึ เสนน้ีแกมือชาใหเ ยน็ เสน น้ีแกขาตาย แกเพลยี เสน น้แี กนวิ้ กระดิกมิได เสนน้ีแกรอ น เสนน้ีแกห ลังแขง็ เสนนี้แกข าท้งั สองตงึ เสนนแี้ กเ สยี ดตลอดศีรษะ เสน นี้แกค อแข็ง เสน นแ้ี กเทาเย็นเปน เหนบ็ เสนน้แี กลมหลงั โกง 168 เสน นแี้ กเ สยี ดชายโครง เสนน้แี กเ บือนคอมไิ ด
สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม 1 ภาพตน ฉบับ จารึกแผน ที่ 29 แผนนวดหงาย 169
ชุดตำราภูมิปญญาการแพทยแผนไทย ฉบบั อนุรกั ษ คำปรวิ รรต จารึกแผน ที่ 29 แผนนวดหงาย 57 ๏ ลกั ษณแผนหงายรูปน้ี บอกทแี่ กใ นกองวสิ มะปถวี เกิดแตกองตรกี ุฏวาต ตามอาจารยแ นะไว ๚ะ๛ ๏ เสน นอ้ี ันทะภาทธิแกล ม ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสน นอี้ นั ทะพฤกษ แกวุทธโิ รคสมมตุ วิ า ถวงฝกใหปวดสมมตุ ิ กลอนแลอุงเดนิ ไกล มิไดใหตงึ ถว ง ๚ะ วาใสเล่ือนโดยกำลัง ๏ เสน น้แี กป วดฝก เสน นน้ั พองข้ึน ๚ะ ใหเสยี วถึงองคชาต ๚ะ ๏ เสน นีแ้ กฝ กฟกใหเจบ็ ๏ เสนน้ีแกปสาวะเดิน ระบมมพี ิศม ๚ะ มิไดสะดวกแลปสาวะ ดำ แดง ขาว เหลือง ๚ะ ๏ เสน นแ้ี กล มใหห ต ขึ้นใหหยอ นฝก แลแก เม่อื ยตะโภคแลตนฃา ๚ะ 170
ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม (วัดโพธิ์) เลม 1 คำอานปจจุบัน จารกึ แผนที่ 29 แผนนวดหงาย ลักษณะแผนหงายรปู น้ี บอกที่แกใ นกองวสิ มะปถวี เกิดแตกองตรกี ฏุ วาต ตามอาจารยแ นะไว เสนน้ีอณั ฑพาตแกลม ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสนนแี้ กอณั ฑพฤกษ แกวุทธิโรคสมมตวิ า ถวงฝก ใหป วดสมมติ กลอนแลองุ เดินไกล มไิ ดใหต งึ ถวง วาไสเ ล่อื นโดยกำลัง เสนนแ้ี กปวดฝก เสน นนั้ พองข้นึ ใหเสยี วถงึ องคชาต เสน นีแ้ กฝก ฟกใหเจบ็ เสน นีแ้ กป สสาวะเดนิ ระบมมีพษิ มไิ ดสะดวกแลปส สาวะ ดำแดงขาวเหลอื ง เสนน้ีแกลมใหห ด ขึ้นใหหยอ นฝก แลแก เมอ่ื ยสะโพกแลตน ขา 171
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ภาพตน ฉบับ จารึกแผนที่ 29 แผนนวดควำ่ 172 สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม (วดั โพธ)์ิ เลม 1 คำปริวรรต จารกึ แผน ที่ 29 แผนนวดคว่ำ 5๘ ๏ ลกั ษณแผนคว่ำรปู นี้ บอกท่ีแกในกองวสิ มะปถวี เกดิ แตก องตรีกฏุ วาต ตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ เสน น้ีแกล มขนึ้ สงู กระํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสน นแี้ กลมใหจ กั ษุมัว ๚ะ ทำใหจักษมุ ัวไป ๚ะ ๏ เสนนแ้ี กลมยดื ตวั มิ ๏ เสน นแ้ี กลมใหย อก ขนึ้ ใหย อกสนั หลัง ๚ะ ไหลแ ลใหม อื ชาใหเ ย็น ถึงขอ สอกเปนเหนด็ ๚ะ ๏ เสน น้ีแกส นั หลงั เหน็ด แลชาไปทงั้ ตวั ๚ะ ๏ เสน น้ีแกฅ อแขง เบือนฅอมิไดใหเจบ็ ๚ะ ๏ เสน น้ีแกเ ทากา วมิ ออกใหตงึ ใหแ ขงให ๏ เสนนแ้ี กหนักตะโพก เมื่อยขบเปนกำลัง ๚ะ ไหวตวั ข้ึนมไิ ดใ หแขง กะดา งใหเ มือ่ ยยิ่งนัก ๚ะ 173
ชดุ ตำราภมู ปิ ญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบบั อนรุ ักษ คำอา นปจจบุ ัน จารึกแผน ที่ 29 แผนนวดคว่ำ ลักษณะแผนควำ่ รปู น้ี บอกท่แี กใ นกองวิสมะปถวี เกดิ แตกองตรีกฏุ วาต ตามอาจารยแนะไว เสนน้ีแกล มขึน้ สงู กระ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสน นแี้ กลมใหจักษุมัว ทำใหจ ักษมุ วั ไป เสนนีแ้ กลมใหย อก เสน น้แี กลมยืดตัวมิ ไหลแลใหมอื ชาใหเ ย็น ข้ึนใหย อกสนั หลัง ถงึ ขอศอกเปนเหนบ็ เสน น้ีแกสนั หลงั เหน็บ เสน นแี้ กค อแขง็ แลชาไปท้งั ตัว เบอื นคอมไิ ดใ หเจบ็ เสน นแี้ กเ ทากา วมิ เสนน้ีแกหนกั สะโพก ออกใหตงึ ใหแ ขง็ ให ไหวตัวข้นึ มไิ ดใ หแ ข็ง เม่อื ยขบเปน กำลัง กระดา งใหเ ม่อื ยยิง่ นัก 174
สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม 1 ภาพตน ฉบับ จารึกแผน ที่ 30 แผนนวดหงาย 175
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแผนไทย ฉบบั อนรุ ักษ คำปรวิ รรต จารึกแผนท่ี 30 แผนนวดหงาย 59 ๏ ลกั ษณแผนหงายรปู นี้ บอกทแ่ี กใ นกองกะตกิ ะปถวี เกิดแตก องอำมพฤกษ ตามอาจารยแนะไว ๚ะ๛ ๏ เสน น้ีมตุ ฆาตขวา ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสนน้ีมุตฆาตซา ยแก แกปสาวะหยดยอย ๚ะ ปสาวะบอยบอ ย ๚ะ ๏ เสน นีแ้ กสันตฆาตขวา แกยอกอกสลกั อก ๚ะ ๏ เสน นสี้ นั ทฆาตซาย แกเจบ็ อกดงั เปนหนอง๚ะ ๏ เสนน้ีปศ ฆาตขวา แกย อตวั มลิ งใหแ ขง ๚ะ ๏ เสน น้ีปศ ฆาตซาย แกครัน่ ตัวตงึ ตัว ๚ะ ๏ เสนนี้รัตฆาตขวา แกเ สียดราวขา งแล ๏ เสนนี้รัตฆาตซาย แกจ ับเจรียงมพี ศิ ๚ะ แกเ อีย้ วตัวมิไดแ กจบั สรรนิบาตมพี ิศ ๚ะ 176
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วดั พระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธ)ิ์ เลม 1 คำอานปจ จุบัน จารึกแผนท่ี 30 แผนนวดหงาย ลักษณะแผนหงายรปู น้ี บอกท่แี กใ นกองกตกิ ะปถ วี เกิดแตก องอัมพฤกษ ตามอาจารยแ นะไว เสน น้ีมุตฆาตขวา ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสน นม้ี ุตฆาตซา ยแก แกปสสาวะหยดยอ ย ปส สาวะบอ ยๆ เสนนแี้ กสัณฑฆาตขวา เสนน้ีสัณฑฆาตซา ย แกย อกอกสลกั อก แกเจ็บอกดังเปนหนอง เสน นีป้ ตคาดขวา เสนนี้ปต คาดซาย แกยอตวั มลิ งใหแ ขง็ แกค รัน่ ตวั ตึงตัว เสน นีร้ ตั ฆาตขวา เสน นี้รตั ฆาตซาย แกเสียดราวขา งแล แกเอยี้ วตัวมไิ ดแ กจ ับ แกจ บั เจลียงมพี ิษ สนั นบิ าตมพี ษิ 177
ชุดตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ภาพตน ฉบับ จารึกแผนที่ 30 แผนนวดควำ่ 178 สํานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตำราแผนนวดไทย ในศิลาจารึกวดั พระเชตพุ นวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ)์ เลม 1 คำปริวรรต จารกึ แผน ที่ 30 แผนนวดควำ่ 60 ๏ ลักษณแผนควำ่ รปู นี้ บอกท่แี กในกองกะติกะปถ วี เกิดแตกองอำมพฤกษ ตามอาจารยแ นะไว ๚ะ๛ ๏ เสนน้ีแกป วดศศี ะ ๚ะ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย๏ เสนนแี้ กลมเบื้องบนใหออก ๚ะ ๏ เสนน้ีแกป วดปสาวะ๚ะ ๏ เสนนี้แกม ูตอะติสาร ๚ะ ๏ เสน นแ้ี กเ สียบสนั หลงั ๏ เสน นี้แกตึงสนั หลัง ตลอดหนาอก ๚ะ ใหเจ็บดั่งเอาเขม็ แทง ๚ะ ๏ เสน แกหลงั ยืดมขิ ้ึน ๚ะ ๏ เสนนี้แกฅอแกง ใหปวด ๚ะ ๏ เสน แกห ลัง ๏ เสน นแ้ี กเ กลยี วฅอ แขงดัง่ เสยี บ ๚ะ เบือนมิไดใ หปวดขบ๚ะ ๏ เสน น้ีตึงราว ๏ เสน น้ีแกลมเขาเสน ขางใหย อกเสยี ด ๚ะ ใหเ สน พองขน้ึ ใหบวม ๚ะ 179
ชุดตำราภูมิปญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบับอนุรักษ คำอา นปจจุบนั จารกึ แผน ท่ี 30 แผนนวดคว่ำ ลักษณะแผนควำ่ รปู นี้ บอกท่ีแกในกองกตกิ ะปถวี เกิดแตก องอัมพฤกษ ตามอาจารยแ นะไว เสนนี้แกปวดศีรษะ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยเสน น้แี กลมเบ้ืองบนใหอ อก เสน นแี้ กป วดปสสาวะ เสน น้แี กม ตู รอตสิ าร เสน น้ีแกเ สียบสันหลัง เสน น้ีแกตงึ สนั หลงั ใหเจ็บด่งั เอาเข็มแทง ตลอดหนา อก เสนนี้แกคอแข็งใหป วด เสนแกห ลังยืดมิขึน้ เสน แกหลัง เสนนแี้ กเ กลยี วคอ แขง็ ดังเสยี บ เบือนมไิ ดใหปวดขบ เสน น้ีแกต ึงราว เสนนแ้ี กล มเขา เสน ขา งใหย อกเสยี ด ใหเ สน พองขน้ึ ใหบวม 180
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วดั โพธิ)์ เลม 1 กระหายนำ้ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย อภธิ านศพั ท กระหมอม กลอ น อาการไข ทำใหร ูสึกคอแหง อยากดม่ื น้ำบอย ๆ น. สวนของกะโหลกอยูตรงแนวศีรษะแตต่ำกวาสวนสูงสุดลงมาใกลหนาผาก ในเด็กแรก กลอนลงฝก เกิดจนถึง ๒ ขวบสวนน้ีจะมีเน้ือเย่ือออนปดรอยประสานกะโหลกที่ยังเปดอยู หลังจากน้ัน กษัย (กระษัย) เนื้อเย่ือออนนี้จะกลายเปนกระดูก, โดยปริยายหมายรวม ๆ วา หัว เชน เปากระหมอม ลงกระหมอม, ขมอ ม ก็วา โรคกระษัยชนดิ หนึ่ง เรยี กวา กระษยั กลอน ก็มี อาการของ โรค เกิดแตส มฏุ ฐานธาตุ ๔ มี ๕ ชนดิ คือ ๑. กระษัยกลอนดิน หรือกระษัยดิน หรือกลอนดิน เกิดข้ึนเพราะปถวีธาตุ หรือธาตุดินใน รางกายผันแปรผิดปกติ ทำใหเกิดอาการตาง ๆ เชน ทำใหทองอืด เสนทองตึง เจ็บสะเอว จกุ เสียด ทอ งผูกมากจนเปน พรรดกึ มอื เทา ชา นยั นต าฟาง เปนตน ๒. กระษัยกลอนน้ำ หรือกระษัยน้ำ หรือกลอนน้ำ เกิดข้ึนเพราะอาโปธาตุ หรือธาตุน้ำใน รางกายผิดปกติ ทำใหเกิดอาการตาง ๆ เชน ทำใหมีอาการปวดขัดยอก จุกเสียดแนนใน ทอ งถึงยอดอก และทางเดนิ อาหาร น้ำปส สาวะผิดปกติ เปนตน ๓. กระษัยกลอนไฟ หรือกระษัยไฟ หรือกระษัยเพลิง เกิดขึ้นเพราะเตโชธาตุ หรือธาตุไฟ ในรางกายผิดปกติ ทำใหเกิดอาการจุกแนนข้ึนในทรวงอก ภายในกายรอนรุมมีเหง่ือออก ทกุ ขมุ ขน เปน ตน ๔. กระษัยกลอนลม หรือกระษัยลม หรือกลอนลม เกิดขึ้นเพราะวาโยธาตุ หรือธาตุลมใน รา งกายผดิ ปกติ ทำใหเ กิดอาการตา งๆ เชน ทำใหม ีอาการจุกเสียด ทองลัน่ เจบ็ ปวดในทอง เปน ลมแนน ขึ้นในอก เปน ตน ๕. กระษัยเถา เกิดเปนลมขึ้นในกายอยางตอเนื่อง เสียดไปตามชายโครงถึงยอดอก เสียว ตลอดขึ้นไปถึงลำคอ ทำใหเจ็บปวดแนนในอกกระทบไปถึงระบบขับถาย ทำใหน้ำปสสาวะ ขนุ เปนตะกอนเปน ตน น.โรคเกิดเพราะเสนเล่ือนลงสูอัณฑะ ทำใหถุงอัณฑะโต ปสสาวะขัด เปนตน ดังตำรายา ศลิ าจารกึ ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม [๔/๑๔๐] ตอนหน่งึ วา “...โรคนน้ั บังเกิดขึ้นดว ย โทษดานและกระษัยกลอน มักบังเกิดแตสะดือลงมาหนาเหนา เดิมใหขัดปสสาวะ คือ กลอนลงฝกถึงองคกำเนิดใหองคกำเนิดบวม แลวกระทำใหแสบรอน ใหปสสาวะมิไดโชน และออ นไปหยดยอ ย...”. ชื่อโรคชนิดหนึ่ง เกิดจากความเส่ือมหรือความผิดปรกติของรางกาย จากความเจ็บปวยที่ไม ไดรับการรักษาหรือรักษาแลวไมหาย ทำใหรางกายซูบผอม กลามเนื้อและเสนเอ็นรัดตึง โลหิตจาง ผิวหนังซีดเหลือง ไมมีแรง มือเทาชา เปนตน ตำราการแพทยแผนไทยแบงโรค กษัยออกเปน ๒ กลุมใหญ ๆ ตามสาเหตุของการเกิดโรค คือ กษัยที่เกิดจากธาตุสมุฏฐาน (มี ๘ ชนิด ไดแก กษัยกลอน ๕ ชนิด กษัยน้ำ กษัยลม และกษัยไฟ) กับกษัยที่เกิดจาก 181
ชดุ ตำราภมู ปิ ญญาการแพทยแ ผนไทย ฉบับอนุรักษ กษยั (กระษยั ) (ตอ ) อุปปติกะโรค (มี ๑๘ ชนิด ไดแก กษัยลม กษัยราก กษัยเหล็ก กษัยปู กษัยจุก กษัยปลาไหล กษัยปลาหมอ กษัยปลาดุก กษัยปลวก กษัยล้ินกระบือ กษัยเตา กษัยดาน กษัยทน กษัยเสียด กษัยเพลิง กระษัยน้ำ กระษัยเชือก และกษัยลม) ดังคัมภีรกระษัย [๑/๑๕-๑๖] ตอนหนึ่งวา “...จะกลา วลกั ษระกระไสยโรค ซ่งึ พระอาจารยเจา ประมวนไวม ี ประเภท ๒๖ จำพวก แตกระไสย ๘ จำพวกนั้นคือกระไสยกลอน ๕ กระไสยน้ำ ๑ กระไสยลม ๑ กระไสยเพลิง ๑ ทั้ง ๘ จำพวกนี้ เกิดแตกองสมุฏฐานธาตุ แจงอยูในคัมภีร วุฒิโรค กลาวคือ กรอน ๕ ประการโนนเสรจแลว ในท่ีนี้จะกลาวแตกระไสยอันบังเกิด เปนอุปาติกะโรค ๑๘ จำพวกน้ี คือกระไสยลน กระไสยราก กระไสยเหลก กระไสยปู ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยกระไสยจุก กระไสยปลาไหล กระไสยปลาหมอ กระไสยปลาดกุ กระไสยปลวก กระไสยลิน้ กระบือ กระไสยเตา กระไสยดาน กระไสยทน กระไสยเสียด กระไสยเพลิง กระไสยน้ำ กระไสยเชือก กระไสยลม ประมวนเปน ๑๘ จำพวกดว ยกันดังกลา วมานี้...”. กษัยกลอนน้ำ น. กษัยกลอนชนิดหนึ่ง เกิดจากความผิดปรกติของธาตุน้ำ ไดแก เลือด น้ำเหลือง หรือ เสมหะ อยา งใดอยางหนึง่ หรือทงั้ ๓ อยาง เปนไดท้งั ผชู ายและผหู ญงิ รักษายาก ผปู ว ยมัก มีอาการเจ็บปวดมากบริเวณยอดอก อาจลามถึงตับและหัวใจได ดังคัมภีรกระษัย [๑/๕๓] ตอนหนึ่งวา “...จะกลาวดวยลักษณกระไสยโรคอนึ่ง อันบังเกิดเพื่อ อาโปธาตุวิบัดน้ันเปน เคารบ ๒๑ แลเม่ือลักษณจะบังเกิดนั้น มีประเภท ๓ ประการ ประการหนึ่งเกิดเพื่อโลหิต ประการหน่ึงเกิดเพื่อน้ำเหลือง ประการหน่ึงเกิดเพ่ือเสมหะ แลกำเนิดซ่ึงกลาวมาน้ี จะ เปนแตประการใด ประการหนึ่งก็ดี แลเปนท้ัง ๓ ประการนี้ก็ดีทานเรียกวากระไสยโลหิต ถาสัตรีเกิดใตสะดือ ๓ นิ้ว ลักษณดังนี้อยูในคัมภีรโรคนิทานโนนแลว ถาบุรุษยตั้งเหนือ สะดือ ๓ น้ิว ดุจจะกันกับสตรีอันนี้ วิถารอยูในคัมภีรมุจฉาปกขันทิกาโนน ในทีนี้อาจาริย เจา ยกกลาวแตล กั ษณกระไสยโรคนน้ั อยา งเดียว ถา แลกระไสยจำพวกนบี้ ังเกดิ ข้นึ แกบุทคล ผูใดแลว กระทำใหปวดขบถึงยอดอกใหเจบปวดดังจะขาดใจตาย บางทีตั้งลามขึ้นไปตับแล หัวใจ ดุจฝมะเรงทรวงแล ฝปลวก ตามอาจารยกลาวไวดังน้ี...”, กษัยเลือดหรือ กษัยโลหิต ก็เรยี ก. กษยั ดาน น.กษัยอันเกิดจากอุปปาติกะโรคชนิดหนึ่ง เกิดที่ยอดอก ทำใหกลามเน้ือตั้งแตยอดอกถึง หนาทองแข็งมาก ผูปวยมีอาการปวด จุกเสียดแนน กินขาวไมได ถาลามลงถึงทองนอย ทำใหปวดอยูตลอดเวลา ถูกความเย็นไมได แตถาลามลงไปถึงหัวหนาวจะรักษาไมได ดัง คัมภีรกระษัย [๑/๓๔-๓๕] ตอนหน่ึงวา “...จะกลาวลักษณกระไสยโรคอันบังเกิดขึ้น เปนอุปาติกะ คือกระไสยดานอันเปนเคารบ ๑๒ ตั้งอยูยอดอกแขงดังแผนสินลา ถาตั้งลาม ลงไปถึงทองนอยแลวเมื่อใด กระทำใหรองครางอยูทั้งกลางวันกลางคืน ถูกเยนเขามิได ถา ถูกรอนคอยสงบลงนอยหน่ึง แลวกลับปวดมาเลากระทำใหจุกเสียดแนนนาอก บริโภค อาหารมิได ถาลามลงไปถึงหัวเหนาแลวเม่ือใด เปน อะติสยะโรค แพทยจะรักษามิไดเลย ถาจะรักษารักษาแตยังมิลงหัวเหนา ดจุ กลา วไวดงั นี.้ ..”. 182
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารกึ วดั พระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม (วดั โพธ)์ิ เลม 1 กำเดา อาการทเ่ี กดิ จากลมและกำเดาใหโทษ คือลกั ษณะหน่งึ โสด เพอื่ ทวุ ันโทษลมกำเดา จบั หนาว สะทานเลาใหรอนเรากระหายชล เหงื่อตกระส่ำระสาย ไมสบายในกายตน วิงเวียนเปน สาละวน ปวดสงู พนจะทนทาน กำเรบิ ลักษณะอาการของโรคท่ีเกิดจากสมุฏฐานใดสมุฏฐานหนึ่ง มีความรุนแรงมากข้ึนกวาปกติ จำแนกได ๒ ชนิด คือ ๑. ธาตใุ ดธาตหุ นง่ึ ในรา งกายมาการผิดปกติ เกิดเปน พษิ ขึ้นเรยี กวา ธาตุกำเริบ ๒. อาการไขที่เปนอยูแลว แตมีส่ิงท่ีทำใหอาการไขน้ันทวีความรุนแรงข้ึนอยางรวดเร็ว เชน รบั ประทานอาหาร ผิดสำแดงเขา ไป ทำใหอ าการไขห นักมากขน้ึ เรียกวา ไขกำเรบิ ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทย ไขด ัน น. ตอมน้ำเหลืองท่ีอยูใตผิวหนังของบริเวณขาหนีบท้ัง ๒ ขาง ซึ่งเปนแนวตอระหวางลำตัว กับตนขา ทำหนาที่กักและทำลายเช้ือโรคที่อาจผานเขามาในรางกายทอนบน, ฟองดัน กเ็ รยี ก. ไข ๑. น. ความเจ็บปวยทางกายหรือทางจิต เชน ไขพิษ ไขกาฬ ไขเหนือ ไขหวัด นอกจากนี้ ในทางการแพทยแผนไทยยังมีไขตัวเย็นอันเกิดจากธาตุไฟพิการ ๒. ก. อาการคร่ันเนื้อ ครั่นตัว สะบัดรอนสะทานหนาว ปวดเมื่อย. โดยทั่วไปหมายถึงอาการท่ีมีอุณหภูมิของ รา งกายสงู ขนึ้ ผดิ จากระดบั ปรกติ เนื่องจากความเจ็บปว ย ไขเจลยี ง น.โรคกลุมหน่ึง ผูปวยมีอาการไขวันเวนวัน ในทางการแพทยแผนไทย มีหลายชนิด เชน ไขเจลยี งอากาศ ไขเ จลยี งพระสมทุ ร ไขเ จลยี งไพร. ครัง่ ตัวตงึ ตัว อาการของโรคทำใหมีอาการรอนๆ หนาวๆ หรอื ทเี่ รียกวา สะบัดรอ น สะบดั หนาว คลืน่ เหียน ก. มอี าการคลนื่ ไส จะอาเจียน. คางคา ง อาการของโรคชนดิ หนึ่ง ทำใหอวยั วะสว นขากรรไตร เคลอื่ นไหวไมได คางทมู อาการของโรคชนดิ หนึง่ ทำใหมกี ารอกั เสบ บวมขากรรไกรทงั้ สองขา ง บางทบี วมขา งเดียว คถู ทวาร น. ทวารหนกั เคลิ้มคลงั่ อาการผิดปกติ กระวนกระวาย เสียสติ ของรางกายและจิตใจ มี ๒ ชนิด คือ โรคที่เกิดข้ึน ในจิตใจ อารมณแปรปรวน ทำใหฟ ุง ซา น คลัง่ ขึน้ กับเกิดอาการคลัง่ เพราะพษิ ไขใ นรางกาย อันอาจมาจากการถกู พษิ หรอื ท่ีเรียกวา โรคทางกายทำใหคลง่ั จับโปง (ลมจบั โปง) น.โรคชนิดหน่ึง ทำใหมีอาการปวดบวมตามขอมีน้ำใสในขอ โดยเฉพาะขอเขา และขอเทา แบง ออกเปน ๒ ชนิด คอื จบั โปงน้ำ และจับโปงแหง ดังคัมภีรต กั กศิลา [๒/๙๖] ตอนหนง่ึ วา “...ถาแลใหเจบท่ัวสารพางค แลใหทองแขงเปนดานใหแกรอบสดือ ชื่อวาลมอันตคุณก็ วา ถาแลใหเสียดเขาช่ือวาลมจะโปงสะคริวก็วา...”, จะโปง ลมจับโปง หรือ ลมจะโปง ก็เรยี ก จำหระ น. แถบ ซีก (ใชก บั รางกาย) เชน จำหระเบ้อื งซา ย จำหระเบอื้ งขวา, ตำหระ กเ็ รียก. เตโชกำเรบิ ใหมีอาการฟนแหง ปากแหง ไมนึกอยากอาหาร นอนแลวขี้เกียจลุกข้ึน ปวดศีรษะ ตามืดมัว น้ำตาไหล ไอแหง พอใจอยูในท่ีสงัดแตผูเดียว มีสติหลงลืม พูดแลววาไมไดพูด เจ็บระบมไปท่ัวทง้ั กาย 183
ชดุ ตำราภูมปิ ญ ญาการแพทยแ ผนไทย ฉบบั อนรุ ักษ เตโชธาตุถอย ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยหยอนไปใหโทษมา ใหขัดในอุรา ใหแสบไสใหตัวเย็น จะนอนไมสบาย พลิกขวาซายวิบัติ (หยอ น) เห็น ตางๆ เพื่อใหเปน มิใครหลับสนิทนาน ครั้นหลับสะดุงไหว กายนั้นมักใหรำคาญ เตโชธาตุสมุฐาน มักอยากกินอาหาร ของสดคาวเปนนานา อาหารกินนอย หิวบอยๆ หลายเพลา อาการสิบ เตโชพกิ าร นี้นา เรงรูไ วใ หชดั เจน ในทน่ี บ้ี อกสาเหตกุ ารเกิดโรคจากธาตุไฟ กำหนดไว ๔ คอื เตโชหยอน ๑. ปรนิ ามคั คี คือ ไฟธาตยุ อยอาหาร เตโชออก ๒. ปรทิ ยั หคั คี คอื ไฟทำใหร อ นภายนอก ทุราวสา ๓. ชรัคคี คอื ไฟเผาใหร า งกายแก ๔. สนั ตัปปค คี คอื ไฟทำใหรา งกายอบอนุ อาการของธาตไุ ฟท้ัง 4 พกิ ารมดี งั้ นี้ ๑. ปรินามัคคี ใหรอนในอกในใจ ใหบวมมือและเทา ใหไอเปนมองครอ ใหทองข้ึน เฟอ พะอดื พะอม ๒. ปริทัยหัคคี ใหมือเทาเย็น ชีพจรไมเตน ชีพจรเดินๆ หยุดๆ ใหตัวเย็นเปนน้ำ แตภ ายในรอ น ใหเหงื่อเมด็ โตออกมาก ๓. ชัคคี หนาผากตึง จักษุมองเห็นบางไมเห็นบาง หูตึงไมไดยินเลย เดี๋ยวไดยินบาง ไมไดยินบาง จมูกไดกลิ่นบางไมไดกล่ินบาง ลิ้นรูรสบางไมรูรสบาง กายรูสึกสัมผัสบาง ไมร สู ึกบาง ๔. สนั ตปั ปคคี ใหเย็นในอก ใหว ิงเวยี นในอก รับประทานอาหารไมไ ด ถาบรโิ ภคอาหารอม่ิ มกั ใหจ กุ เสยี ดขดั ในอก เม่ือหยอนไปใหโ ทษมา ใหขดั ในอุรา ใหแสบไสใหต ัวเยน็ จะนอนไมส บาย พลกิ ขวาซายวบิ ตั ิ เห็น ตางๆ เพ่ือใหเปน มิใครหลับสนิทนาน ครั้นหลับสะดุงไหว กายน้ันมักใหรำคาญ มัก อยากกินอาหาร ของสดคาวเปนนานา อาหารกินนอย หิวบอยๆ หลายเพลา อาการสิบน้ี นา เรง รไู วใหช ัดเจน เตโชออกจากกาย ใหรอนปลายเทาหัตถา เจ็บปวดเปนพิษมา ดังเขี้ยวงาจนตลอดตน แปร ไปใหบวมเลา หลังมือเทาปวดสุดทน แปรไปผุดทั้งตน เปนเม็ดแดงแลดำมี แลวจมลงทำ ทอ ง อกเลอื ดหนองแกจ งดี มือเทา ท้งั สองนี้ ใหเ ปน เหน็บขาตายไป โรคนใ้ี หเรง แก น. ๑. ความผิดปรกติของน้ำปสาวะพวกหน่ึง เกิดกับผูชาย ผูปวยมีอาการปวดหัวหนาว เจ็บขัดแสบองคชาตเวลาถายปสสาวะ น้ำปสสาวะอาจมีสีและลักษณะตางกันได ๔ แบบ คือ สีขาวขุนคลายน้ำขาวเช็ด สีเหลืองคลายน้ำขม้ินสด สีแดงคลายน้ำฝาง และสีดำคลาย น้ำครำ ดังคัมภีรมุจฉาปกขันทิกา [๒/๒๙๔] ตอนหน่ึงวา “...ทีนี้จะวาดวยทุลาวะสา ๔ ประการ คือวาดวยน้ำปศสาวะ ๔ ประการ คือน้ำมูตรเมื่อออกมาน้ันขาวขนดังน้ำเขาเชด ถา เหลืองดงั นำ้ ขม้ินสด ถาเปนโลหิตสด ๆ กด็ แี ดง ดงั น้ำฝางตมก็ดี ดำดังน้ำครามกด็ ี ยอม ใหปวดหัวเหนาใหแสบองคชาติ ใหสบัดรอนสะบัดหนาวเปนเวลา...” เขียนวา ทุราวสา หรือ ทุราวะสา กด็ ี. 184
ตำราแผนนวดไทย ในศลิ าจารึกวัดพระเชตพุ นวิมลมังคลาราม (วดั โพธิ์) เลม 1 ธาตุกำเริบํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยน. ภาวะท่ีธาตุใดธาตุหนึ่งทำหนาท่ีมากผิดปรกติ จนทำใหเกิดโทษข้ึน เชน ธาตุไฟกำเริบ ธาตพุ ิการ (สนั ตัปปคคกี ำเริบ) จะทำใหเกิดอาการตัวรอน มไี ข. น. ภาวะทีธ่ าตใุ ดธาตหุ นึง่ สญู เสยี หนา ท่กี ารทำงานไปมากจนเกิดความผดิ ปรกตอิ ยา งรนุ แรง ธาตุหยอ น ดังคัมภีรโรคนิทาน [๒/๓๒๙] ตอนหนึ่งวา “...เดือน ๑๑, ๑๒, ๑, ๓ เดือนน้ีกินผักแล นำ้ เขฬะใส อาหารท้ังปวงผิดสำแลงอาโปธาตุคือดีพิการมักขึ้งโกรธมักสะดุงใจ คือเสมหะพิการ กิน บพุ โพ(บบุ โพ) อาหารไมรูจักรศ หนองพิการมักใหเปนหืดไอ โลหิตพิการ ใหคลั่งเพอพกใหรอน เห่ือพิการ ปรเมหะ (ปะระ-) มักใหเชื่อมซึม มันขนพิการ มักใหตัวชาสากไป น้ำตาพิการมักใหปวดศีศะเจบตา มันเหลว พิการมักใหบวมมือเทาเปนน้ำเหลืองตกมักใหผอมแหงไป น้ำฬายพิการมักใหเปนไขมักให ปถ วธี าตุพกิ าร ฅอแหงฟนแหง น้ำมูตรพิการ มักใหปวดศีศะ ไขขอพิการมักใหเม่ือยทุกขอทุกกระดูก คือ มตู รพิการใหปสสาวะแดง ขัดปส สาวะๆ เปนโลหติ ปวดเจบเนอื งๆ แล ธาตุนำ้ ท้งั น้ีประมวล เขาดวยกันท้ัง ๑๒ จำพวกนั้น จ่ึงเรียกวาธาตุพิการ แพทยพึงรูเถิด...”, ตำราการแพทย แผนไทยบางเลมวา ธาตพุ ิการมคี วามหมายเดียวกับธาตแุ ตก. น. ภาวะที่ธาตุใดธาตุหนึ่งทำหนาที่นอยผิดปรกติจนทำใหเกิดโทษขึ้น เชน ธาตุไฟหยอน (ปริณามัคคีหยอน) จะทำใหอ าหารไมยอ ย เกดิ อาการทอ งอดื เฟอ . น้ำลาย เปน องคป ระกอบ ๑ ใน ๑๒ ส่ิงของธาตนุ ้ำ ในทน่ี ้ีหมายถึง หนองในทน่ี ้ีหมายน. น้ำหนอง เปนองคป ระกอบ ๑ ใน ๑๒ ส่ิงของธาตนุ ้ำ. น. ๑. ตำราการแพทยแผนไทยฉบับหนึ่งไมปรากฏชื่อผูแตง มีเนื้อหาสำคัญกลาวถึงโรคท่ี เกิดจากน้ำปสสาวะ. ๒. เมอื กมนั หรือเปลวแขง็ ซงึ่ มีลักษณะขุนขนคลายหนอง คมั ภรี ม ุจฉา ปกขันทกิ าวา มี ๒๐ ประการ ไดแก สนั ทฆาต ๔, องคสตู ร ๔, อปุ ทม ๔, ช้ำรั่ว ๔ และไส ดวน ๔. ธาตุดนิ พิการแบง ออกไดด ังน้ี ๑. ผม ถาพกิ าร ใหเจบ็ หนังศีรษะ ใหเจ็บรากผม ใหค ันศรี ษะ ศรี ษะมักหงอก มักเปน รงั แค ๒. ขน ถา พกิ าร ใหเจบ็ ทกุ เสนขนทวั่ สรรพางคกาย ๓. เลบ็ ถาพิการ ใหตนเล็บเจ็บชำ้ ดำเขยี ว ชำ้ โลหติ เจบ็ เสยี ว ๆ นว้ิ มอื นิว้ เทา ๔. ฟน ถาพิการ ใหเจ็บไรฟน บางทีเปนรำมะนาด บางทีใหเปนโลหิตออกตามไรฟน ใหฟน หกั ฟน คลอน ๕. หนัง ถา พกิ าร ใหแสบและรอนเปนกำลัง บางทใี หเ ปน ผื่นคนั ที่ตัวดงั เปนผด ๖. เน้ือ ประมาณ 500 ช้ิน ถาพิการมักทำใหนอนสะดุงไมสมประดี มักใหฟกขึ้นที่น้ัน บวมขึ้นท่ีน้ี บางทีใหผุดขึ้นเปนสีแดง สีเขียวท้ังตัว เปนลมพิษ สมมุติวาเปนประดง เปน เหือด หัดตาง ๆ ๗. เอน็ ถาพิการใหเ สนประธาน 10 เสน และเสนบริวาร 2,700 เสน ใหหวาดหว่ันไปส้นิ ทง้ั นนั้ ท่ีกลากก็ ลา ท่ีแข็งกแ็ ข็ง ท่ตี ั้งดานก็ต้งั ดาน ทีข่ อดก็ขอดเขาเปน กอนเปนเถาไป ท่ีจะ เปนโทษหนักนั้น แตเสนอันช่ือวาสุมนา และอัมพฤกษ เสนสุมนาน้ันผูกดวงใจมีแตจะให สวิงสวายทุรนทุราย หิวโหยหาแรงมิได อันวาเสนอัมพฤกษนั้นมีแตจะใหกระสับกระสาย ใหรอน ใหเย็น ใหเม่ือย ใหเสียวไปทุกเสนทุกเอ็นท่ัวท้ังตัว ต้ังแตศีรษะตลอดลงไปถึงท่ีสุด 185
ํสา ันก ุ้คมครองภู ิม ัปญญาการแพท ์ยแผนไทยชดุ ตำราภูมปิ ญ ญาการแพทยแผนไทย ฉบับอนรุ กั ษ ปถวธี าตพุ กิ าร (ตอ) จนเทา บางทีใหเจบ็ เปน เวลา แตเสน อมั พฤกษนนั้ ใหโ ทษ 11 ประการ ถาใหโ ทษพรอมกัน 2,700 เสนแลวกต็ ายแล ถาเปนแต 1,2,3,4,หรอื 5 เสน ยงั แกไ ด ๘. กระดกู กระดูกแหงเราทา นทั้งหลายมี 300 ทอน เมอื่ พิการก็ดี แตกออกกด็ ี ซ่ึงจุกอยู ในขอนั้นละลายออกแลวใหเจ็บปวดกระดูก ดุจดังวาจะเคลื่อนคลาดออกจากกันทั้ง 300 ทอน โทษดังน้ีจะแกเปน อนั ยากนกั แตทา นไวย าใหแกตามบญุ เถดิ ๙. สมองกระดูกพกิ าร ใหป วดศรี ษะเปน กำลัง ๑๐. มามพกิ าร ทำใหมา มหยอ น ๑๑. หัวใจ ถาพิการก็ดี แตกก็ดี มักใหคนน้ันเปนบา ถายังออนอยูใหคุมดีคุมราย มักขึง โกรธ บางทีใหระสำ่ ระสาย ใหหิวโหย หาแรงมไิ ด ใหเ ปนไปตางๆ นานา ๑๒. ตับ แตก หรอื พกิ ารก็ดี เปนโทษ 4 ประการ ลวงเขาลกั ษณะอตสิ าร คอื กาฬผุดข้ึนใน ตับ ใหตับหยอนและทรุด บางทีเปนฝข้ึนในตับ ยอมใหลงเปนเลือดสดๆ ออกมา อันน้ีคือ กาฬมูตรผุดข้ึนตนลิ้นกินอยูในตับ ใหลงเสมหะและโลหิตเนา ปวดมวนเปนกำลัง ใหลงวัน ละ 20 หรอื 30 หน ใหต าแข็งและแดงเปนสายเลอื ดผา นตาไป แพทยไมร สู งึ สำคัญวาเปน บิด โทษกาฬมูตรกระทำตาง ๆ ยอมนั่งกมหนาอยูมิไดดูคน สมมุติวาปศาจกระสือเขา ปลอมกิน เพราะคนไขน้ันมักใหเพอหาสติมิได ยอมเจรจาดวยผี มิใชปศาจและกระสือเลย โรคหมูน้ีมันหากเปนเอง เปนเพราะโทษปถวีธาตุแตก มันใหระส่ำระสายเปนกำลัง บริโภค อาหารมิได ใหหายใจไมถึงทองนอย ลักษณะท้ังน้ีคือปถวีธาตุแตกใหโทษ 4 ประการดัง กลา วมานี้ ถา พรอมกนั แลว แพทยผจู ะแกเปนอันยาก เปน โรคตัดแล ๑๓. พังผืดพกิ าร มกั ใหอกแหง กระหายน้ำ อยางน้ี คือ โรครดิ สดี วงแหงนนั้ แล ๑๔. พุงพกิ าร ใหขัดอก ใหทองขน้ึ ทอ งพอง ใหแนน ในอกในทอ ง กนิ อาหารมิได ๑๕. ปอด ถาพิการ กระทำอาการดุจดังไขพิษ กาฬขึ้นในปอดจึงใหรอนในอก กระหายน้ำ ใหหอบดุจดังสุนัขหอบแดดจนโครงลด ใหกินน้ำจนปอดลอยจึงหายอยากแล บางทีกินจน อาเจียนนำ้ ออกมาจงึ หายอยาก ๑๖. ไสนอ ย ถาพกิ าร ใหก นิ อาหารผดิ สำแลง ใหปวดทองใหข ัดอก บางทีใหล ง ใหอ าเจียน อันนี้คือลมกรรมมัชวาต พัดเอาแผนเสมหะใหเปนดาน กลัดเขาในทองในทรวงอก ก็ตัด อาหาร ทา นวา ไสตบี ไป ๑๗. ไสใ หญ ถา พิการ ใหวิงเวยี นหนาตา จะลุกข้นึ ใหหาวใหเ รอ ใหข ัดอกและเสียดขาง ให เจ็บหลังเจ็บเอว ใหไอเสมหะขึ้นคอ ใหรอนคอรอนทองนอย มักใหเปนลมเรอโอก ใหตก เลอื ดตกหนอง ๑๘. อาหารใหม ถาพิการน้ัน คือกินขาวเขาไปอิ่มแลว เมื่อใด มักใหรอนทองนัก บางทีลง ดุจกินยารุ บางทีใหสะอึกขัดหัวอก แลวใหจุกเสียดตามชายโครง พะอืดพะอม สมมติวา ไฟธาตุน้ันหยอนโรค ท้ังน้ียอมใหโทษ เพราะอาหารมิเคยบริโภคนั้นอยาง 1 กินอาหารดิบ อยา ง 1 ลมในกจุ ฉสิ ยาวาตพดั ไมต ลอดมักแปรเปน ตาง ๆ บางทใี หลงทอง บางทใี หผกู เปน พรรดกึ ใหแ ดกขน้ึ แดกลงกินอาหารมิได ๑๙. อาหารเกา ถาพิการ คือซางขโมยกินลำไส ถาพนกำหนดซางแลว คือเปนริดสีดวงนั้น เองแล 186
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218