Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดาราศาสตร์กับวิถึชีวิตคนล้านนา

ดาราศาสตร์กับวิถึชีวิตคนล้านนา

Description: ดาราศาสตร์กับวิถึชีวิตคนล้านนา

Search

Read the Text Version

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง92 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา หนั ดาวควนั ออกสีขาวสเี ขียว บ้านเมืองจกั ไดอ้ ยู่เปน็ สขุ อม่ิ เตม็ ผวิ ่าหัน ควนั ดาว สดี ำ� กด่ ี สแี ดงกด่ ี กจ่ กั มศี กึ มเี สอื คนทงั้ หลายจกั ไดเ้ จบ็ ไขม้ ากนกั เดือนผ่าดาวดังน้ีเมื่อพญาอภัย จักตายวันน้ันแผ่นดินเมืองก่แตกเป็น สองกบี เดือนกผ่ ่าดาววดี าวเขียงคอ่ มก่ออกควัน หันดาวควนั ท้ังสลี่ ูกควนั ออกส่ีทิศ ปรากฏในเมืองใดเมืองนัน้ จักเปน็ ศกึ ส่ี ทิศดง่ั กันเสีย้ งแล วัน ๑ หันดาวควันพายวนั ตกดัง่ อัน้ เมอื งพายวนั ออกจักมศี ึกแล วัน ๒ หันดาวควนั พายวันออก บ้านเมอื งพายวนั ตกจักมีศกึ จา วัน ๓ ผิหันดาวควนั เจา้ เมอื งอันอยู่รมิ ฝงั่ นำ้� ใหญ่จกั มาตกเมอื ง วัน ๔ ผหิ นั ดาวควัน ขุนเมืองจักไดพ้ รากจากกัน วนั ๕ ผิหนั ดาวควัน เจ้าเมอื งจกั ไดช้ า้ งหลวงงวงใหญ่บค่ ลาดแล

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ทำ�ทอง 93 วัน ๖ ผิหันดาวควนั คนผูม้ ีรูปงามจกั มาตเิ ตยี นเจ้าเมือง ผิหนั ดาวควันวนั ๗ ฝนจักตกมากนกั ชะแล ดาว ๕ ดาว ๖ มาผ่าเดือนจกั แพ้นางเมอื ง จกั คัดยากใจแก่คนทัง้ หลาย ดาว ๗ ผา่ เดอื นศึกจกั มียังขอบบา้ นรมิ เมอื ง ดาว ๓ ผ่าเดือน ศกึ จกั มฝี นจกั แล้งข้าวจกั แพง ดาวดวงใดผ่าเดือนไปวันตกวันออกหนเหนือและหนใต้ จักแพ้สมณะ พราหมณ์และนางทา้ วพญาแล เดือนผ่าเรยี งดาวห่างเรือนจกั แพ้ขนุ เมือง เดอื นมาผา่ ดาวตอ่ ไก่ ขนุ ผู้มบี ุญผูน้ ง่ึ จักมาเกิด เมื่อพญาจักกวตั มิ าเกิด กด่ ัง่ นี้ เมื่อเจา้ สีธาตุ ๕๒ มาเกดิ เปน็ พระเจ้าก่มสี นั น้ี ๕๒ เจ้าชายสิทธัตถะ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง94 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ดาวหา่ งเรือนและดาวต่อไกไ่ ปทางเหนอื เดอื น จกั แพ้ผใู้ หญ่ เม่ือพระเจ้า จะเขา้ สู่นิพพานก่มีสันน้ี บา้ นเมอื งจกั เสียแล ดาวออกควัน พระจันทรก์ ต่ อื พระอาทติ ยก์ ต่ ือรว่ มวนั บา้ นเมืองจักสนั่น หวนั ไหว คนเมืองจกั ต่นื ต้วง อามาตยข์ นุ ใหญ่จกั เปน็ ไพร่ อบุ าทว์ใหญ่ พยาธิใ์ หญ่จกั มีแล หนั ดาวสะเปาเปน็ ด่ังหยอ่ นลงมา แผ่นดนิ นัน้ ขนุ เสนาอามาตย์จกั เพยี ร ลาจากขนั ธ์ท้ังหา้ เดอื นพายเหนือทอ้ งดาวสะเปาลายพอ้ ย จกั แพ้ช้างม้างวั ควายสัตว์สีต่ ีน แพ้ชอุ ันแล ดาวสข่ี เ่ี หนอื เดอื นไป จกั เปน็ ภยั แกน่ างเทวแี ละนางเจา้ เรอื นหลวง ๕๓ แล ตะวันตอื กบุ วัน ๑ ตะวันตอื กบุ ไฟจักไหมเ้ มือง บ่อนั้ พายวนั ออกจักมศี กึ แล วัน ๒ ตะวันตือกุบ ขุนเมืองจักไดเ้ มยี ผูด้ ผี ้งู าม ๕๓ นางเรือนหลวงคอื ภรรยาของขุนนาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 95 วนั ๓ ตะวนั ตอื กุบ แขกบา้ นนายเมืองจักเอาเครอ่ื งปัณณาการของฝาก มาสืบปฏิญาณบา้ นเมือง แตไ่ ฟจักไหม้หื้อกระทำ� บญุ เสียจิง่ ดี วัน ๔ ตะวนั ตอื กบุ บา้ นเมืองจักมีศกึ มเี สือบ้านเมอื งจกั ตนื่ ตว้ งแล วัน ๕ ตะวันตือกุบ อามาตย์ขุนเมืองจกั ปองฆ่ากนั ตายแล วนั ๖ ตะวันตอื กบุ เจ้าเมืองจกั ไดล้ าภะอนั ยง่ิ วนั ๗ ตะวันตือกบุ ฟา้ ฝนจักดคี นทง้ั หลายจักอิ่มเต็มแล แล้วจักมีศึกแล ผิว่าตะวนั ตือกบุ เปน็ สองขอบซ้อนกนั นานไดส้ องเดอื นปลาย ๒๑ วัน เจ้าเมืองจักฆ่าฟันกันตายบ่คลาดแล ตะวันออกมาแล้วยามน่ึงพ้อยตอื กบุ เจ้าบา้ นเจ้าเมอื งจกั ตาย บา้ นเมือง จักยุง่ แล ตะวันเท่ยี งแลว้ ตือกบุ เจ้าเมืองนางเมอื งจกั เป็นอุบาทว์

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง96 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ตะวันจา้ ยแล้วพ้อยตือกุบจกั เปน็ ภัยอบุ าทว์ ตะวนั ตกแล้วตือกุบจกั มศี ึกแล พระจนั ทร์ตือกุบ ๕๔ วนั ๑ พระจนั ทร์ตอื กบุ ฟ้าฝนดี วัน ๒ พระจันทรต์ ือกุบฟา้ ฝนดขี า้ วไร่ข้าวนาเต้าแตงดี วัน ๓ พระจันทรต์ ือกบุ ฝนบ่มีหลายจกั เปน็ ภัยแก่เจา้ บ้านเจา้ เมอื ง วัน ๔ พระจนั ทร์ตือกบุ ฝนตกดคี นทัง้ หลายจกั ได้อ่มิ เต็มอยู่เป็นสุข วัน ๕ พระจันทร์ตือกุบเจ้าเมืองจกั ไดน้ างแลชา้ งม้าชะแล วัน ๖ พระจันทรต์ ือกุบสะค่วยเศรษฐีจกั อย่ดู มี โี ชค ไดล้ าภใหญ่ดี ๕๔ พระจันทร์ทรงกลด

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ทำ�ทอง 97 วัน ๗ พระจันทร์ตือกุบ ขอบบา้ นริมเมอื งจักต่ืนต้วง คนทง้ั หลายจกั เจ็บ ไขม้ ากนัก ดาว ๓ ดาว ๗ ดาวม้าหางฮ่อน ดาวก้อนเส้าค�ำ ดาวส่ีลูกนีม้ าตอมเข้ากนั เจา้ ขนุ ผใู้ หญ่กินบ้านกินเมอื ง เจา้ หัวศกึ จักตายแล ดาว ๗ มาเขา้ ดาวสวนผักด่งั อ้ันคนท้งั หลายจกั กัน้ อยาก ดาว ๕ ไปก่อนหน้าดาว ๗ ไปตวยหลงั ดาว ๓ไปตามหลงั ดั่งอนั้ คนเมือง ใหญจ่ กั ตายจกั ไดเ้ จบ็ ไขก้ นั้ อยากมากนกั แล เมอื่ เจา้ สารามจกั มา้ งปญั จขนั ธ์ ดาวก่เรียงกันด่ังนีด้ าว ๖ กอ่ อกควนั แล การสงั เกตเมฆฝ้า ตะวนั กำ� ลงั ออกออกมามฝี า้ เปน็ รปู นกเกา๊ ๕๕ จบั อยเู่ หนอื ตะวนั คนทงั้ หลาย จกั ผดิ กนั จักเปน็ ภยั แกเ่ จา้ เมืองแล เมอ่ื เดอื นกำ� ลงั ออกมา ทางเหนอื เดือนมีฝ้าเปน็ รปู นกยางขาว บา้ นเมือง จักอย่ดู ีมีสขุ ผิวา่ เป็นรูปราชสหี ์ ขนุ หัวศึกจักไดเ้ ป็นใหญ่ ไพร่ผูน้ ้อยจกั ได้ เป็นขุนบ่คลาดชะแล ๕๕ นกเคา้ แมว, ตำ� ราดดู าวฉบบั วัดหนองเงอื กกลา่ วว่า หากเกิดเงารูปนกเค้าแมวในตะวันจะเกดิ อุบาทวแ์ กเ่ มอื ง หากเปน็ รปู กาในตะวนั คนจกั เปน็ โทษมากนัก

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง98 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ฝา้ เปน็ รปู เสืออยเู่ หนือเดอื น คนทั้งหลายจักเป็นภัยอุบาทว์ ฝ้าเป็นรปู นาค คนท้ังหลายจกั ไดเ้ จ็บไข้มากนกั แล ฝา้ เปน็ รปู ชา้ งดงั่ น้ี ขอบบา้ นรมิ เมอื งจกั อยเู่ ยน็ ใจ เจา้ เมอื งจกั ไดข้ า้ สว่ ยไร่ นามาแถมชะแล เดือนออกมาแล้วเอาปากไปทางวันตกดั่งนี้ต้ังเดือนนั้นไปพายหน้า ได้ ๖ เดอื นจกั เปน็ อบุ าทว์แกช่ า้ งม้า ข้าคนจกั เสียชะแล ประการนง่ึ เมอ่ื ยามหวั คำ่� กด่ ี ยามเทยี่ งวนั กด่ ี ยามเชา้ กด่ ี ยามจา้ ยกด่ ี ฝา้ เปน็ รูปตุงออกมาปายหนเหนอื เปน็ สายไปวนั ตกผา่ นท้องฟ้าอยู่ด่ังน้ี คน ทง้ั หลายจักอ่มิ เตม็ เปน็ ดมี ีสุข ผิว่าออกหนเหนือไปวันออกกด่ ไี ปหนใต้ ก่ดี บ้านเมืองพายฝ่ายนนั้ จกั มเี จบ็ ไขม้ ากนักแล ยามกลางวันเท่ียงหันฝ้าเป็นรูปตุงเป็นสายไปในอากาศกลางหาวเมือวัน ตกวันออกก่ดี เรียงตะวันไปวันตกวนั ออกด่งั อน้ั บา้ นเมืองจกั เสีย กันไป หนใต้หนเหนอื บา้ นเมอื งจกั หวนั่ ไหวชะแล ผิว่าหนั ฝา้ รปู ตงุ หนวนั ออกไปเหนอื วัน ๑ จกั เปน็ ศึกลชู่ ิงกัน ฝนหา่ ใหญ่ จักตกข้าวน้ำ� เต้าแตงจกั ดี หล้าปีฝนบ่มแี ล

ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 99 หนั ฝา้ เปน็ รปู ตงุ พายเหนอื วนั ๒ คนทง้ั หลายจกั อยดู่ มี สี ขุ ฝนหวั ปกี ลางปดี ี หลา้ ปบี ม่ ี เต้าแตงของปลูกบ่ดหี ลาย ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง หันฝ้าเปน็ รปู ตงุ วัน ๓ หนหรดจี กั เป็นเสิก จักเจ็บไข้ ฝนหัวปบี ่ดี หางปดี ี หนั ฝ้ารปู ตุงวนั ๔ หนหรดี บ้านเมอื งพายนัน้ จกั มีอบุ าทว์ฝนบม่ ีหลาย หนั ฝา้ เปน็ รปู ตงุ วนั ๕ เจา้ เมอื งหนนน้ั จกั ไดล้ าภสว่ ยเชาชา้ งมา้ ขา้ คนมากนกั แล หนั ฝ้าเปน็ รปู ตุงวัน ๖ ขอบบา้ นรมิ เมอื งจกั มศี กึ ท้าวขุนฝงู รหู้ ลวกจักมี อุบาทว์ ฝนหวั ปีจกั ดแี ล หนั ฝา้ เป็นรปู ตงุ วนั ๗ บา้ นเมืองจักอยเู่ ยน็ ใจ คนทงั้ หลายอ่มิ เตม็ ฟา้ ฝน ขา้ วกล้าไร่นาดีจแุ หง่ แล หันเมฆะในอากาศเม่ือโสธการด่ังน้ีริพลโยธาหารจักส่ัน ระสายมากนกั แล

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง100 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ดาวฤกษ์กบั ลางบอกเหตุ เดอื นเขา้ ดาวภรณี ดาวเขยี งคอ่ ม ดง่ั อน้ั เมอื งพกุ ำ�่ จกั เสยี แล กติ ตกิ า ดาววเี ข้า เดอื น เมืองทั้งหลายจกั เสียแล โรหิณดี าวคางเขา้ เดือน เมืองสงิ ขยาจกั เสยี แล มคิ คสลี ะดาวหวั เนอ้ื กอ้ นเสา้ คำ� เขา้ เดอื น เมอื งตะโกง้ จกั เสยี แล อทั รา ดาวเรอื นหา่ ง เขา้ เดอื น เมอื งทวาย หรอื เมอื งละเขอื งกว่ า่ แล จกั เสยี แล ปณุ นพั พสั สุ ดาวสะเปา เขา้ เดอื น เมอื งลงั กาจกั เสยี แล ปษุ สยะ ดาวขาเปย้ี เขา้ เดอื น เมอื งขรอมจกั เสยี แล อัสเลส ดาวคอกม้าเขา้ เดือน เมอื งบอ่ แสงจกั เสีย มาฆะดาวรวงขา้ วเขา้ เดือน เมือง เวสาลี แลเมอื งสะถงุ่ กว่ า่ แล จกั เสยี เมอื งแล ปรุ พผลคณุ ณี ดาวตนี เถอ่ื นกำ้� หนา้ เขา้ เดอื น เมอื งพาราณสจี กั เสยี แล เมอื งองเครก กว่ า่ แล อตุ รผลคณุ ดี าวตนี เถอื่ นกำ้� หลงั เขา้ เดอื น เมอื งมถิ ลี านครจกั เสยี แล หสั สถะ ดาวทบศอกเขา้ เดอื น เมอื งจำ� ปานครจกั เสยี แล จติ ตะ ดาวหมกู างคำ� ดาวใตไ้ ฟหลวงกว่ า่ เขา้ เดอื นเมอื งสาวตั ถกี ว่ า่ เมอื งธญั วดกี ว่ า่ จกั เสยี เมอื ง ชะแล สวสั ติ ดาวไตไ้ ฟนอ้ ยกว่ า่ เขา้ เดอื นเมอื งเจตดุ รนครจกั เสยี แล วสิ าขา ดาวกงเกยี รดาวดง้ กว่ า่ เขา้ เดอื นเมอื งตกั สลี ากว่ า่ เมอื งซางทอยก่ว่าจักเสียแล อนุราธะ ดาวฉัตรคัน คดเข้าเดือนเมืองอังครัฐจักเสียแล เชษฐะดาวชา้ งพงั ของ ดาวสายดอื กว่ า่ เขา้ เดอื น เมอื งกลงิ คราชจกั เสยี แล มลู ละ ดาวงาชา้ งน้อยเข้าเดือนเมืองเปียรชนาเลกจักเสีย ปุพพสาธะ ดาวตีนช้างน้อยก้�ำหน้าเข้าเดือนเมืองมุตะมะจักเสียชะแล อุตราสาธะ ดาวตนี ชา้ งนอ้ ยกำ้� หลงั เขา้ เดอื นเมอื งวเิ ทหราชจกั เสยี ชะแล ศรวณะ ดาวคานหามผเี ขา้ เดอื นเมอื งยวนสโุ ขกว่ า่ เมอื งละกอนกว่ า่ จกั เสยี ชะแล ธนษิ ฐา ดาวเกยี งปนื กว่ า่ ดาวสายกบุ กว่ า่ เข้าเดอื นเมืองโกสัมพีจักเสียแล ศตภิษัช ดาวไม้ส้าวเข้าเดือน เมืองราชคหะนคร จกั เสยี แลปพุ พภทั รบท ดาวทรายคำ� ตวั ผเู้ ขา้ เดอื น เมอื งอนิ ทปฐั นครจกั เสยี ชะแลอุตร ภัทรบท ดาวทรายค�ำตัวแม่ เข้าเดือนเมืองกบิลภัตรจักเสียชะแล เรวตีดาวปลา สะเพียนเขา้ เดอื นเมอื งกุสินารายจักเสียชะแล ๕๖ ดาวฤกษ์กบั นามเมอื ง อัสสวิณี มา้ หางฮอ่ นเปน็ นามเมืองขอม ๕๖ หัวเมืองเมอื งต่างๆโดยเฉพาะเมืองในพุทธประวัติทีป่ รากฏบางเมอื งเปน็ ช่ือหวั เมืองในล้านนา

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 101 ภรณี ดาวเขยี งคอ่ มเปน็ นามเมอื งพุกาม กิตติกา ดาววี เป็นนามเมืองหริภุญชัย โรหณิ ี ดาวคางเปน็ นามเมอื งอโยธิยา มคิ สลี ะ ดาวหวั เนอ้ื เป็นนามเมอื งหงสาวดี อัทรา ดาวเรือนห่างเปน็ นามเมอื งมูลเขือง ปุนพั พสุ ดาวสะเปาเปน็ นามเมอื งลังกา ปุสยะ ดาวขาเป้ยี ก่ว่า ดาวเรอื นห่างกว่ า่ เปน็ นามพญาจักรวัตติราช อสั เลส ดาวม้าฆาเหลอื ง เป็นนามเมืองบ่อแสง มาฆะ ดาวรวงข้าว ดาวงกู ่วา่ เปน็ นามเมอื งเวสาลี

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง102 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ปุพผลคณุ ดาวตีนเถ่ือนกำ�้ หน้า ก่ว่าดาวเน้อื ทรายตัวผกู้ ่วา่ เป็นนาม เมืองพาราณสี อตุ รผลคณุ ดาวตนี เถอื่ นกำ�้ หลงั กว่ า่ ดาวเนอ้ื ทรายตวั แมก่ ว่ า่ เปน็ นาม เมืองมถิ ลิ านคร หสั ถะ ดาวทบศอก เป็นนามเมอื งจำ� ปานคร จติ รา ดาวมุกางค�ำก่วา่ ดาวไฟใต้หลวงกว่ า่ เปน็ นามเมือง สาวัตถี สวสั สะติ ดาวไฟใต้น้อย เปน็ นามเมืองเชตุตลุ นคร วสิ าขา ดาวกงเกวยี น เปน็ นามเมอื งตักสีลา อนุราธ ดาวฉตั รคนั คด เปน็ นามเมืององั ครฐะ เชษฐะ ดาวชา้ งพงั ของ เป็นนามเมืองกลงิ ครฐะ มลู ละ ดาวงวงช้างนอ้ ยเปน็ นามเมือง เปียรชนาเลก

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ทำ�ทอง 103 ปพุ สาทะ ดาวตนี ชา้ งนอ้ ยกำ้� หนา้ เปน็ นามเมืองมทุ ทะหม อตุ ราสาทะดาวตีนชา้ งน้อยกำ�้ หลงั เป็นนามเมืองวิเทหะ สลาวัณณะ ดาวไม้คานหามผี เปน็ นามเมือง สโุ ข ก่วา่ ไทว่าละกอน ธนษิ ฐา ดาวเกยี งปนื เปน็ นามเมอื งโกสัมพี ศตภิษชั ดาวไมส้ ้าวแงม่ เปน็ นามเมอื งราชคหะ ปพุ พภัทรบท ดาวทรายค�ำตวั ผู้ เปน็ ฤกษ์มหาสารบี ุตรเถรเจ้าแล อตุ ราภทั รบท ดาวทรายคำ� ตวั แมเ่ ปน็ ฤกษม์ หาโมคคลั ลานเถรเจา้ แลเปน็ นามเมอื งกบลิ พัสดุ์ เรวตี ดาวปลาไนคำ� เปน็ ฤกษน์ างศรมี หามายา เปน็ นามเมอื งกสุ นิ ารายณ์

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง104 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ดวงดาวกบั ลางบอกเหตใุ นประวตั ิศาสตร์ เหตุอบุ าทว์สมยั พระยาเมอื งเกษเกลา้ ท่ีน้ีจักกล่าวเหตุอุบาทว์อันปรากฏในรัชสมัยพระยาเมืองเกษเกล้าก่อนแล ปกี ดยี สักราชได้ ๘๙๒ ตวั ไฟไหมโ้ รงหลวงหลังเจ้าพระยาเมืองแก้ว สร้างนนั้ เสยี ปรี ว้ งเหมา้ สกั ราชได้ ๘๙๓ ตวั เดอื น ๖ ไฟไหมบ้ า้ นทา่ แพ เสยี ของคนทง้ั หลายมากนกั เจ้าพระยาเกษแม่ลูกย่าหลานทานเงินแก่ชาวท่าแพ พุ่น ๒ หมื่นเงิน ปีเต่าสี สกั ราชได้ ๘๙๔ ตวั ปกโรงหางหลงั หลวงแทน ปกี า่ ไส้ สกั ราชได้ ๘๙๕ ตวั เจา้ พระยาเกษ เอาแขกใต้ไปไหวพ้ ระธาตุละพนู เถงิ เดือน ยอ่ี อก ๘ ค�่ำ เมง็ วนั ไทกาบยี ยามกลอง คราด หนั อบุ าทวผ์ พี งุ่ ใต้ ในอากาศทวั่ ทศิ ทงั มวลหนั อากาศเปน็ ดงั ดาวชดิ นน้ั เถงิ เดอื น ๓ ไมห้ มากยงั เมอื งหนองขวางตน้ ใหญพ่ อตกปลี รู้ย้ายคลาจากทไี่ ปทว่ั ทศิ ทงั มวล หนเหนอื ไปพุ่น ๑๑ วา ปกี าบสงา้ สักราช ๘๙๖ ตวั เดอื นเจยี ง มหาเทวีอโนชา แมพ่ ระยาเกษสุรคุต กลา่ วด้วยเหตุในสมยั พระยาเมอื งเกษเกล้ากบ็ ัวรมวลลง เท่านี้ กอ่ นแล เหตุอุบาทว์ในสมยั พระยาแม่กุ กล่าวด้วยอุบาทว์ในรัชสมยั พระยาแม่กกุ ป็ รากฏมดี ง่ั น้ีแล ปรี วายยีสักราช ได้ ๙๑๘ ตัว เดอื นย่ี พระเป็นเจ้าแม่กุเสด็จไปกระทำ� บญุ พระมหาธาตุล�ำปางยงั เมอื ง ตาล๕๗ หันอบุ าทว์เกิดมี ๒ อนั เยื่อง ๑ หันรูปฝ้า เป็นนาคเทียวเอาหวั เมือวนั ตก เอา หางเมอื วันออก เอาหลังเมือเหนอื ท้องเมอื ใต้ ยาวพุ่น ๗ วาปลาย อนั หนั ดาวพฤหสั เป็นควันเปน็ หาง ทวนกระแสเมือเหนือนานเดือนปลายจึง หาย ถดั นัน้ มาปีเมอื งไส้ สักราชได้ ๙๑๙ ฟ้ามงั ทราหงสาวติเขา้ เวียงพงิ ค์ เถิงวนั เดือน๗ เปง็ วนั ๗ ไท ยามกลองงายได้เวยี งเชียงใหมแ่ ล ๕๗ ปจั จบุ นั อยใู่ นเขตตำ� บลเวียงตาล อำ� เภอหา้ งฉตั ร จังหวัดล�ำปาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชัย ทำ�ทอง 105 เหตุลางอนั ม่านจักเสอื่ มถอยฤทธ์ิจากลา้ นนา ทีน้จี ักกล่าวเหตุลางอันมา่ นจกั เส่ือมถอยฤทธไี ปจากเวยี งเชยี งใหม่กอ่ นแล สกั ราช ๑๑๓๐ ตวั ปเี ปกิ ไจ้ ฉัตรธาตุเมอื งแช่หนองหักลง เดือน ๙ แรม ๖ ค�่ำ เอาฉตั รธาตลุ ะ พูนขึน้ ตา่ ง อภัยคามณีตายแล้ว แมงแหนมวยคามณีมาแทน อยเู่ ชยี งใหม่ สกเดียวนี้ เถงิ สักราช ๑๑๓๑ ตัว ปกี ดั เดือน ๑๑ ออก ๔ คำ�่ วนั ๑ ดาวควันทิศวนั ออก เดอื น เจียงแรม ๖ ค�่ำ ดาวควันแถมควันเชือนไปวนั ตก เถงิ เดอื น ๔ เชคคายนอ้ ยพรหม ฟน้ื แมงเหนมวยโปห่ วั ขาวยงั เชยี งใหมบ่ แ่ พ้ เชคคายนอ้ ยพรหมตายกป็ นี น้ั โปซ่ กุ ขปุ ปสหี แลชุโป่ ไปตีผ้าขาวพันนาได้นางสาม...มาถวายกษัตริย์อังวะก็ปีน้ัน ฟ้าผ่าเล่มข้าว ของกษตั รยิ อ์ งั วะกป็ นี น้ั มา่ นปา่ วกนั ควากหทู อื ลาน๕๘ กป็ นี นั้ แล สก ๑๑๓๒ ตวั ปกี ดยี อังคารเทียวร่วมศุกร์ อุบาทว์เกดิ แกส่ ตั วส์ ่ตี ีนสองตนี มากนัก กระตา่ ยตัวหน่งึ มีหัว เดยี วมีตัว ๓ ตัว ยังเกาะเชียงภลู เดอื น ๗ ออก ๓ ค่�ำ วนั ๒ ทพั ชาวใตพ้ ระโกษาปาน เป็นหวั มีคน ๗ พนั มารบเชยี งใหม่ มาต้งั อยปู่ ระตู หล่ายแคงได้ ๙ วนั เถงิ วนั ๓ เดอื น ๗ ออก ๑๑ ค�่ำ แตกหนลี ่องไป เดอื น ๗ แรม ๘ ค�ำ่ ไฟไหม้เมอื งองั วะ ไหมห้ นอสี าน เก้ยี วไปเหนอื เกย้ี วไปวนั ตก เถิงวัดพระนอนจงึ ดบั จาดว้ ยทัพชาวใต้บแ่ ล้วเดอื น ๘ ออก ๑๑ คำ่� ยามมดื ซะลมุ้ ทพั ชาวใต้แตกไป หมชู่ าวเชยี งใหมท่ วยรบเอ็งทุ่งพระบาท สีนาท๕๙ชาวใต้ถกู เชคคายซ้ายตาย สก ๑๑๓๓ ตัว ปรี ้วงเหมา้ ๖๐ ดวงดาวกับลางบอกเหตุจากบันทกึ ครบู าอาโนชัย ศกั ราชได้ ๑๑๘๑ ปีกัดเหมา้ สงั ขารไปเดือน ๖ แรม ๔ คำ�่ เนา่ ๒ วนั วนั ๗ เปน็ พระยาวนั แล เดอื นเจยี งออกพรรษาได้ ๑ วนั จนั ทคราสกนิ เสยี้ ง เชยี งใหมไ่ ดช้ า้ งเผอื ก เดอื นย่ี แจ้หม่ เมอื งละกอนกไ็ ดช้ ้างเผือก ปี ๑๑๘๒ สงั ขารไปเดือน ๗ ออกคำ�่ พระยา วันออก ๓ คำ่� เดือน ๗ แรม ๗ คำ�่ วัน ๔ ดาวบิ่นขนึ้ เมอื เหนือ๖๑ชหุ น่วยแรม ๑๐ ค�่ำ วัน ๗ ซ้�ำบ่ินเมอื เหนือแถมมาก อศั จรรยใ์ จมมี ากแล ศกั ราชได้ ๑๒๒๐ เดือน ๑๑ ออก ๒ ค�่ำวนั ๔ พญาธนญั ชัยกินขา้ วแล้วไป ไลค่ วายเข้าสวน ขนึ้ มาตำ� หมากบ่ตันเคย้ี วลวดตาย ถงึ ๑๒ คำ่� วัน ๗ พญาอำ� นาจ ๕๘ เจาะหูเพอื่ ใส่ลาน คำ� วา่ ลานในทีน่ ี้หมายถึงเคร่อื งประดบั ท�ำจากแผ่นโลหะมคี า่ รดี บางเป็นแผ่นยาวแลว้ มว้ นส�ำหรบั ใสร่ หู ู ๕๙ ปืนคาบศลิ า ๖๐ สรรพ์นพิ นธ์ล้านนาคดเี ลม่ ที่ ๑ หนา้ ๖ ๑๐ และ ๑๒ ๖๑ ดาวหันหนา้ ขึ้นด้านเหนือ

106 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ลมข้ึนลวดตาย ๑๔ ค�่ำ เอาพญาธนัญชยั ไปเสีย ถงึ เดือนเปง็ วนั ๓ ยามตดู จ้ายแผน่ ดินไหว ถึงปถมะยามจันทคราสจบั กัน ถึงเวลามัชฌิมยามพญาบุญชไู ข้สะอนื้ ลวดตาย แถมอายุ พญาธนญั ชยั ได้ ๘๐ ทดั อายพุ ญาอำ� นาจได้ ๖๔ อายพุ ญาบญุ ชไู ด้ ๗๕ ปแี ล ศักราชได้ ๑๒๒๓ ตวั ปีลวงเล้า เดอื น ๙ แรม ๑๒ ค่ำ� วนั ๔ ดาวควันออก เดอื น ๑๐ ออก ๑๐ ค่ำ� เจ้าแม่ฟองแก้วไข้ลกุ บ้านดอนมูลมาตายใส่หล้อง๖๒วนั ๑๑ คำ�่ วัวกระทงิ มาขวดิ ยังคนบา้ นเอ้อื ม คนทงั้ หลายยงิ บ่ถกู ใกลก้ ล็ วดยิงบ่ออกแถมหนไี ป ทางใดบร่ แู้ ล เจา้ หลวงกบั เจา้ หอหนา้ ก็บ่ทัดบ่แม่นกนั ๖๓ ตัง้ แต่เดอื น ๙ จึงไปเชญิ เอา เจ้าหลวงเชียงใหมเ่ ขา้ มารอดเมอื งละกอน เดือน ๑๒ ดับ วัน ๕ ไทยกาบสนั เจา้ ทงั้ สองเปน็ ฉันทะกันแลว้ เจา้ หลวงเชียงใหม่จึงออกจากเมืองละกอน ในเดอื นเจยี งออก ๑๓ คำ�่ วัน ๔ ไทเปิกเสด็ อายเุ จ้าหลวงญาณรงั สีได้ ๗๔ อายเุ จ้าหอหนา้ ได้ ๖๖ บ่ทัด กันห้ันกำ� นงึ่ ดาวควันกอ่ อกถึงเดือน ๓ ออก ๑๒ คำ่� วัน ๖ ไทรวายสนั ฝา้ อยบู่ นฟา้ ก็ เป็นรปู ตงุ หวา่ ยหนา้ ไปวนั ออกซว้ ยเหนือแล ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง บุพพนมิ ิตรา้ ยแกบ่ ้านเมอื ง นำ�้ ตาพระพุทธรูปตก เหงื่อพระพทุ ธรูป เจตยิ ะแตก เลือดออก เหง่อื ออก พทธพมิ พสวลา ปีต สถปู แตกเปน็ ควันออก เกทโลหิตดุปงั ฟ้าผ่าทีอ่ ย่แู ล้วทัง้ ๓ ที่วิเศษ ถูปสุสภิชุชเต ถปู งั ผยี กั ษ์ขบั ผไี ห้ ผีใครห่ วั อสสุ ผลิ เตภคฺคัง แผน่ ดนิ แตกแผ่นดินควนั ออกไฟไหม้แผน่ ดิน ยกฺขวา รุตฺตคีตัง สระนำ้� เป็นเลือดเป็นหนอน มหทิ ญผลเิ ต ตัวป่ามีต้นว่าเสือ หมี เขา้ เมอื ง สตั ว์ตวั .. โตยากมิ ิรุธรี ัง ห่อนมาพ้อยมา พยัคฆาทปิ เุ รปวิฎฐงั ชาวเจ้าสมณะมักผิดกัน หนั พรายยงิ ธนใู นอากาศเม่อื วัน เม่อื คนื เปน็ สมณกุลวิวาทัง ผรี ุง่ ในอากาศ อินทธนุขติ ตฺ อากาเส ๖๒ โลงศพ ๖๓ ไม่ลงรอยกัน

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ท�ำ ทอง 107 รวินโฺ ท ยมโก หันพระอาทติ ย์ ๒ ลูก ปพุ ฺพนมิ ติ ทังหลายฝูงน้ี อันบอ่ ห่อนเกดิ มีแต่กอ่ น หลอนเกดิ มสี นั ก็ห้ือ ทวายวา่ รา้ ยเต๊อะ๖๔ นอกจากต�ำราทก่ี ลา่ วมาแลว้ นั้น ยังมเี รื่องเลา่ จากการสังเกตดวงดาวต่างๆ เพ่ือใช้ประโยชนใ์ นการเดนิ ทางของคนโบราณ โดยเฉพาะกลุม่ พอ่ คา้ กองคาราวาน ววั ตา่ ง ท่ตี ้องเดินทางข้ามปา่ เขาไปค้าขายแลกเปลี่ยนสนิ คา้ ตา่ งเมอื ง โดยปกตพิ ่อค้า วัวต่างจะเดนิ ทางวันละ ๖ – ๗ ชัว่ โมงเทา่ นั้น กล่าวคอื เริ่มเดินทางตง้ั แตต่ อนเช้ามดื แล้วไปหยุดพักชว่ งก่อนเที่ยง เพอ่ื ปลดสมั ภาระและปล่อยววั พกั ออกไปหากิน จะไม่ นยิ มเดนิ ทางกนั ในชว่ งบา่ ยเนอื่ งจากอากาศรอ้ น อาจจะทำ� ใหว้ วั หงดุ หงดิ และเดนิ ไมไ่ หว เน่อื งจากของที่ต่างบนหลังวัวจะมีน�ำ้ หนักมาก เม่อื พักผ่อนแล้วเวลาเชา้ มืดพอ่ คา้ วัว ต่างจะคอยสงั เกตดาวช้างหลวงว่า เม่อื ไหรก่ ต็ ามท่ีดาวช้างหลวงปกงวง คือดาวสว่ น ทเ่ี ปน็ งวงชา้ งตง้ั ขน้ึ แสดงวา่ เปน็ เวลาใกลส้ วา่ ง กจ็ ะเตรยี มสมั ภาระออกเดนิ ทางตอ่ ไป และในเวลาพลบค่�ำทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้จะมีดาวอีกกลุ่มหน่ึงชื่อว่า ดาว พรา้ วเจยี น๖๕ เป็นดาวที่นกั เดินทางใชส้ งั เกตยามพลบค�่ำ เพื่อระบตุ ำ� แหน่งทิศหรือ เปน็ แผนทบ่ี นทอ้ งฟา้ ในยามทดี่ าวชา้ งหลวงยงั ไมป่ รากฏ นอกจากนย้ี งั มดี าวหมกู อง หรอื ดาวผกาย๖๖ ซง่ึ เชื่อวา่ เป็นดาวท่หี มูปา่ จะคอยใช้ดูเปน็ สญั ญาณออกหากนิ พรานป่าจะสังเกตดาวดวงนี้เพื่อออกล่าสัตว์ในป่า นอกจากน้ียังมี ดาวหมาหลับ เปน็ ดาวทโ่ี จรขโมยรอคอย เนอื่ งจากหากดาวดวงน้ขี น้ึ ตรงหัว หมาจะหลบั รวมไปถงึ กลมุ่ ชาวประมงเมืองฮอดและดอยเตา่ จะสงั เกตดาวปลาตะเพยี นขึ้นกลางหวั ถือ เป็นเวลาทเี่ หมาะกบั การออกหาปลาในยามกลางคนื เน่ืองจากปลาจะออกมาว่ายเล่น บนผิวน�ำ้ เป็นต้น ๖๔ สุรยิ ยาตรา และจุฬามณสี าร หน้า ๑๓๕ ๖๕ หมายถึงต้นมะพร้าวท่ีเอียง ดาวกลุ่มน้ีไม่ทราบว่าเป็นดาวกลุ่มใดบนท้องฟ้า ข้อมูลจากการ สัมภาษณ์พ่อหนาอ่ินค�ำ ธนัญชัย บ้านพร้าวหนุ่ม อ�ำเภอแม่แจ่ม และหลวงพ่อเบญจมิน สุตา วัด บ้านดงหาดนาค อ�ำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ๖๖ หมายถึงดาวศุกร์ บางคร้ังเรียกดาวประกายพรึก

108 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ค�ำสอนของครูบาอภิชัยขาวปีได้กล่าวถึงการเอาตัวรอดจากการหลงป่า ด้วยการสงั เกตดวงดาวบนทอ้ งฟ้าไดก้ ลา่ วอธบิ ายไว้ว่า ถา้ หลงป่าเม่อื คืนห้อื แหงน ผอ่ ฤกษ์ดาวตามฤดู ถงึ เดอื น ๑๒ เดือนเก๋ียง เดือนยี่ เดือน ๓ ใน ๔ เดือนนห้ี อื้ ผ่อดู ดาวชา้ งนอ้ ยมหี นใดหนนนั้ เปน็ ทศิ ตะวนั ตก หวั ชา้ งนอ้ ยมหี นใดหนนน้ั เปน็ ทศิ ตะวนั ออก ทอ้ งช้างนอ้ ยมีหนใดหนน้นั เป็นทศิ ใต้ หลังชา้ งนอ้ ยมีหนใดหนนนั้ เปน็ ทิศเหนอื ถ้ารู้ ทิศตา่ งๆแล้วหือ้ พจิ ารณาถ้าเราออกจากบา้ นมาทศิ ใดหือ้ กลับไปตามทศิ แห่งดาวนน้ั ในเดือน ๔ เดอื น ๕ เดือน ๖ และเดอื น ๗ ใน ๔ เดือนนี้ดาวสะเปาออกมา หอื้ แหงนผ่อดูดาวสะเปา ท้ายหวั ดาวสะเปามหี นใดหนน้ันเป็นทิศตะวันตก ท้องดาว สะเปามหี นใดหนน้นั เปน็ ทศิ ตะวันออก ถ้ารทู้ ศิ เหนอื ทศิ ใต้แล้วยงั บ่รหู้ นเหนือหนใต้ หอ้ื ผ่อดูดาวเตา่ ที่อยใู่ นทอ้ งสะเปาน้ัน หัวเต่ามีหนใดหนนน้ั เป็นทิศเหนือ กน้ ดาวเตา่ มหี นใด หนนน้ั เปน็ ทศิ ใต้ หากพจิ ารณาดูหอ้ื ถ่ีเตอ๊ ะ ในเดอื น ๘ เดือน ๙ เดือน ๑๐ และเดือน ๑๑ ใน ๔ เดือนนด้ี าวชา้ งหลวง ออกมา หอื้ แหงนดดู าวชา้ งหลวง ปลายงวงชา้ งหลวงมหี นใดหนนน้ั เปน็ ทศิ ตะวนั ออก หวั ชา้ งหลวงมหี นใด หนนน้ั เปน็ ทศิ ตะวนั ตก ทอ้ งชา้ งหลวงมหี นใดหนนนั้ เปน็ ทศิ เหนอื หลังช้างหลวงมหี นใดหนนั้นเป็นทศิ ใต้ หากอากาศเปน็ ฝ้าเปน็ หมอกผ่อบ่หันดาวหอื้ นอนหลบั เสียทีน่ ัน้ เต๊อะ อยา่ ได้เดนิ ไปจกั หลงปา่ เป็นแน่ หากนอนอยู่ทีน่ ้ันจนแจ้ง ตะวนั ออกเราจักรู้ทศิ แล การสังเกตดวงดาวของคนล้านนานัน้ ยงั มอี กี มาก แต่ละท้องถิน่ จะมีวธิ ีการ สังเกตดวงดาวบนท้องฟ้าท่ีแตกต่างกันออกไป เมื่อความเจริญเข้ามาสู่ท้องถ่ินท้ัง ไฟฟ้า ถนนหนทาง รถยนต์ โทรศัพท์ วิถชี ีวิตทตี่ ้องพงึ่ พาการสังเกตท้องฟา้ และ ดวงดาวจงึ คอ่ ยๆ เลือนหายไปจากวถิ ีชวี ติ คนล้านนา ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 109 การตคี วามหมายดาวนพเคราะห์ ท�ำใหว้ ิชาดาราศาสตร์กลายเป็นโหราศาสตร์ ดาวนพเคราะห์ ดาวนพเคราะหต์ ามความหมายแลว้ หมายถงึ ดวงดาว ๙ ดวง อนั หมายถึง พระอาทติ ย์ จนั ทร์ องั คาร พุธ พฤหสั ศุกร์ เสาร์ ราหู และเกต ุ แทท้ ่ีจริงกลุ่มดาว นพเคราะห์ท้ังหมดนม้ี ดี วงดาวทเ่ี กดิ จากธาตุทงั้ ส่ี หรอื มหาภูติรปู เพียง ๗ ดวง เท่านน้ั โหราจารยส์ มยั โบราณไดเ้ พม่ิ ราหซู ่งึ เป็นจุดคราสของดวงดาวเข้ามาเปน็ ดาว เคราะห์ด้วย จึงเรยี กวา่ ดาวอัฐเคราะห์ ต่อมาใหเ้ พ่มิ พระเกตุข้ึนมาโดยถอื เปน็ อีก ด้านหนึ่งของจดุ คราสหรือฝง่ั ตรงข้ามราหู ตามตำ� นานฝา่ ยฮนิ ดูไดก้ ล่าวถึง พระราหู ว่าได้แอบเข้าไปด่มื น�้ำอมฤทธิ์ซง่ึ เปน็ น�้ำแห่งความเป็นอมตะ แต่พอกนิ ลงไปแค่ครึ่ง ตัวก็ถูกกงจกั รแหง่ พระนารายณต์ ดั เหลอื ครง่ึ ท่อน ท่อนลา่ งที่ถูกตดั ไปจึงกลายเปน็ พระเกตุ ถอื เปน็ วิญญาณธาตุ เมือ่ รวมเอาพระเกตเุ ขา้ ร่วมกบั กลุ่มดาวอัฐเคราะห์คอื ๘ ดวงเดมิ จึงกลับกลายเปน็ ดาวนพเคราะหท์ ัง้ ๙ ดวง ซงึ่ เรยี กติดปากกนั โดยท่วั ไป ทง้ั ๆ ที่โลกวิทยาศาสตร์ปัจจบุ นั ไดพ้ บดาวเคราะหใ์ นจักรวาลน้ีเพิ่มเตมิ อีกหลายดวง เชน่ ดาวพลโู ต เนปจูน แตก่ ็ยังนิยมเรียกกลมุ่ ดาวเคราะห์ว่า ดาวนพเคราะห์ เช่นเดิม คนโบราณให้ความส�ำคัญกับดาวเคราะห์ในยุคแรกเร่ิมด้วยการก�ำหนดเป็น วันตา่ งๆ ตามชอื่ ดวงดาวท้ังเจ็ดวนั คอื วนั อาทติ ย์ วนั จันทร ์ วันองั คาร วันพุธ วัน พฤหสั บดี วนั ศกุ ร์ และวันเสาร์ ต่อมาในภายหลังได้เพ่มิ ราหเู ข้ามา แตก่ ไ็ ม่สามารถ ขยายวันเพิ่มขึ้นได้เน่ืองจากจะท�ำให้ระบบปฏิทินเดิมเปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็น เรื่องใหญ่ โหราจารย์จึงเลือกวางราหูไว้ทว่ี นั พุธกลางคืน ซ่ึงเป็นจุดกงึ่ กลางในสัปดาห์ พอด ี นอกจากนี้ ดาวพระเคราะหท์ ง้ั ๘ ดวงยังเข้ามามีอิทธพิ ลตอ่ ช่วงเวลาในแต่ละ วันเรียกวา่ ยามอัฐกาล ซ่ึงจะแบง่ เป็นชว่ งกลางวัน ๘ ยาม กลางคนื ๘ ยาม โดยดาว พระเคราะหต์ ่างๆจะหมนุ เวียนกันเข้ามาครองเวลา ในลา้ นนากแ็ บ่งออกเป็น ๘ ยาม เชน่ กนั ตามตารางดงั น้ี

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง110 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ภาพตารางยามปัญจขนั ธ์ฟา้ ฟกี หรือยามอฐั กาลแบบลา้ นนาจากวดั ศาลาหลวง อำ� เภอเกาะคา จังหวัดลำ� ปาง นอกจากน้ียังพบว่าระบบการนับวันของล้านนามีหลายประเภท หาก สงั เกตการนบั วนั ในปฏทิ นิ ล้านนานั้นจะพบวา่ มสี ามระบบ กลา่ วคอื ระบบท่ี ๑ เรียกว่าวันเม็ง หรือการนับแบบมอญ คือนับวันอาทิตย์ วันจนั ทร์ วันอังคาร จนถึงวนั เสาร์ ระบบท่ี ๒ คือการนบั วันแบบจนั ทรคติกล่าวคอื การนบั วนั ขา้ งขน้ึ วันข้างแรม ระบบที่ ๓ คอื การนับวันแบบหนไต การนับแบบน้ีจะมีแม่ม้อื และลูกมือ้ ก�ำกบั กนั อยู่ จะมวี ธิ กี ารคำ� นวณท่ีซับซ้อน๖๗ แม่มอ้ื วันไตท้งั หมดมี ๑๐ ช่ือคอื กาบ ดับ รวาย เมอื ง เปกิ กดั กด ร้วง เต้า ก่า ลูกมอ้ื มที ้ังหมด ๑๒ ตวั คอื ไจ้ เปา้ ยี เห มา้ สี ไส้ สะง้า เมด็ สัน เลา้ เสด็ ไก๊ การนับจะต้องนำ� แมม่ ้อื และลกู มอ้ื มาจบั คกู่ ัน เช่น กาบเส็ด กา่ เหม้า เมอื งเป้า เปกิ ยี เปน็ ต้น ๖๗ หาวนั แมม่ อ้ื ลกู มอ้ื ตอ้ งอาศยั เศษตวั เลขทา้ ยจากการคำ� นวณหรคณุ วนั ซงึ่ จะอยใู่ นวธิ กี ารคำ� นวณปก๊ั ขะตนื หรอื ปฏิทนิ ล้านนา ซ่ึงผ้เู ขยี นไมข่ อกล่าวถงึ ในทนี่ เี้ นือ่ งจากมีรายละเอยี ดมาก จึงเขยี นให้ทราบพอเปน็ พื้นฐานเท่านัน้

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 111 จดุ เปลย่ี นทที่ ำ� ใหห้ ลกั วชิ าดาราศาสตรก์ ลายเปน็ โหราศาสตร์ คอื การตคี วามหมาย และก�ำหนดสัญลักษณ์ของดวงดาวต่างๆ ซึ่งท้ังหมดล้วนมาจากการสังเกตดวงดาว บนท้องฟ้าของคนโบราณพบวา่ ระบบการโคจรของดวงดาวแตล่ ะดวงนนั้ มีอทิ ธิพล ตอ่ ความเปลย่ี นแปลงในธรรมชาตเิ สมอ เชน่ พระอาทติ ยม์ ผี ลตอ่ ฤดกู าลและอณุ หภมู ิ พระจนั ทรม์ ผี ลตอ่ ความเปลยี่ นแปลงตอ่ ระบบนำ�้ ขนึ้ นำ�้ ลงในแมน่ ำ�้ และทะเล การหมนุ โคจร ไปในราศตี ่างๆ ของดวงดาวจะสร้างปรากฏการณ์ในธรรมชาตขิ ้ึนมาแบบซำ้� ๆ และมี การจดบนั ทึกเป็นต�ำราสถติ ขิ ึ้น จึงมกี ารศึกษาความสัมพนั ธข์ องดวงดาว และตคี วาม หมายเพอ่ื ใช้ในเชิงสถติ จิ นเปน็ ตำ� ราท่ีใชใ้ นการท�ำนายทายทัก และคาดเดาเหตุการณ์ สภาวะธรรมชาตไิ วล้ ว่ งหนา้ ซง่ึ ตอ่ มาถกู ปรบั เปลยี่ นคลค่ี ลายและนำ� มาใชใ้ นการคาดเดา หรอื ดดู วงชะตาเสยี เปน็ สว่ นใหญ่ วชิ าดาราศาสตรจ์ งึ ถกู แยกออกมาเปน็ วชิ าโหราศาสตร์ ซ่งึ แท้ทจ่ี ริงแลว้ คือเร่ืองเดียวกนั การสังเกตการเคลื่อนตัวของดาวพระเคราะห์แต่ละดวงกับการโคจรผ่าน ราศแี ตล่ ะราศนี ัน้ จะใชเ้ วลาในการเดินทางไมเ่ ท่ากัน การเดินทางของดาวตา่ งๆ เหล่านีเ้ รยี กวา่ “ดาวจร” โดยเรยี งล�ำดับพระเคราะหต์ ่างๆ ไดด้ งั นี้ ๑. พระอาทิตย์ อัตราการโคจร ราศลี ะประมาณ ๑ เดอื น เมอ่ื พระอาทติ ย์ จรจนครบ ๑๒ ราศจี งึ เปน็ ๑ ปี การจรหรือการเดินของพระอาทติ ย์เปน็ การเดินแบบ ปกติ ไม่เดนิ แบบวิกลคติ ๖๘ ๒. พระจนั ทร์ อัตราการโคจรราศลี ะ ๒ วันครึ่ง เมอื่ โคจรรอบ ๑๒ ราศี แล้ว จึงเปน็ ๑ เดอื นการโคจรของพระจันทรเ์ ปน็ การเดนิ ปกติ ไมเ่ ดินแบบวกิ ลคต ิ ๓. ดาวองั คาร อตั ราการโคจรราศีละประมาณ ๔๕ วัน แตก่ ไ็ ม่มคี วาม แน่นอนบางครั้งกพ็ ักนงิ่ อย่ใู นราศีเดยี วถึง ๘ เดอื นกม็ ี ๔. ดาวพธุ อตั ราการโคจร ราศลี ะประมาณ ๒๙-๓๑ วนั หรอื โดยเฉลยี่ ๓๐ วนั แต่ก็ไมม่ คี วามแนน่ อนหรอื ไมเ่ สถียรมากที่สดุ ในกลมุ่ บรรดาดาวเคราะห์ บางครั้ง น่ิงอยู่กับท่ี บางคร้งั เดินเรว็ บางครง้ั ถอยหลัง จงึ มักนยิ มกล่าวกันว่า วันพธุ รวนเร ๕. ดาวพฤหสั บดี อตั ราการโคจร ราศีละประมาณ ๑ ปี เปน็ การจรแบบ เดินปกติ ไมเ่ ดนิ แบบวิกลคติ แต่ก็มีบางคร้งั ทม่ี กี ารเดนิ เร็วหรอื ช้ากว่าปกตเิ ลก็ นอ้ ย ๖๘ หมายถึงการโคจรที่ใช้เวลาไม่แน่นอน

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง112 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ๖. ดาวศุกร์ อตั ราการโคจร ราศีละประมาณ ๓๐ วัน เหมอื นกับดาวพุธ คือ โคจรราศีละ ๒๙- ๓๑ วนั ๗. ดาวเสาร์ อัตราการโคจร ราศลี ะประมาณ ๒ ปี ๖ เดือน การจรแบบ เดินปกติ ไม่เดินแบบวกิ ลคติ ๘. ราหู อตั ราการโคจร ราศลี ะ ๑ ปี ๖ เดือนเปน็ การเดนิ ปกติ ไมเ่ ดนิ แบบ วกิ ลคติ แต่เดนิ สวนทางกับดาวอื่นๆ ๙. เกตุ อตั ราการโคจร ราศลี ะประมาณ ๕๕ วนั เดนิ ปกติ ไมเ่ ดนิ แบบวกิ ลคติ แตเ่ ดินสวนทางกับดาวอ่นื เช่นเดียวกันกับราหู จากการท่ีดาวพระเคราะห์แตล่ ะดวงจรไปในราศตี ่างๆ ดว้ ยเวลาทต่ี ่างกัน จึงท�ำให้รูปแบบของดาวพระเคราะห์ท่ีจรอยู่ในจักรราศีมีการเปลี่ยนแปลงต�ำแหน่ง อย่ตู ลอดเวลา การสงั เกตการณโ์ คจรของดวงดาวแตล่ ะดวงกับการทำ� มมุ สัมพันธก์ นั ของดาวพระเคราะหใ์ นผงั จักรราศีท้งั ๑๒ ราศี จึงย่อมมคี วามเปลี่ยนแปลงตอ่ สภาวะ ต่างๆ บนโลกดว้ ยเชน่ กนั โดยมีชอ่ื เรยี กตา่ งกันตามตำ� แหน่งดาว เชน่ ดาวสองดวงอยู่ ในราศเี ดยี วกนั เรยี กวา่ ดาวกมุ ตำ� แหนง่ ดาวในสองดวงอยใู่ นราศตี รงขา้ มกนั เรยี กวา่ ดาวเล็ง หรือท�ำมมุ ฉาก ๙๐ องศา เรียกว่าจตุโกณ หรอื ท�ำมมุ ฉาก เปน็ ต้น อีกประการหนึ่งคือการสังเกตการโคจรของดาวพระเคราะห์ที่ไปสถิตร่วม กับดาวฤกษ์ในราศีตา่ งๆ ซง่ึ จะตคี วามหมายตามดาวพระเคราะห์ร่วมกบั ความหมาย ของฤกษท์ ร่ี ่วมกนั อยู่ โดยดาวฤกษท์ งั้ ๒๗ ดวงน้ันตา่ งก็มคี วามหมายทีแ่ ตกตา่ งกนั ไปมที ง้ั ดีและเสีย จึงเป็นคติสำ� คญั ของคนไทยโบราณที่นิยมในการหาฤกษย์ ามทด่ี ีใน การกระท�ำการมงคลต่างๆ อยูเ่ สมอ โดยการสังเกตพระจนั ทร์ ซงึ่ เป็นดวงดาวท่ี สงั เกตไดง้ า่ ยและโคจรรวดเรว็ ทสี่ ดุ ในบรรดาดาวนพเคราะหท์ ง้ั หมด การจรเขา้ สฤู่ กษ์ ของพระจันทรจ์ ะเรียกว่า จันทร์เสวยฤกษ์ แมด้ าวพระเคราะหด์ วงอืน่ จะโคจรอยู่กบั ดาวฤกษเ์ ช่นเดยี วกันกบั พระจันทร์ แตจ่ ะให้ความส�ำคัญกับพระจนั ทร์เปน็ หลัก สว่ น ดาวเคราะห์ดวงอ่ืนๆ กค็ วรอยูใ่ นตำ� แหนง่ ทด่ี ี ฤกษท์ ด่ี ี และราศีที่ดีเหมาะสมการงาน มงคลนัน้ ๆ ดว้ ยเช่นกนั

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 113 รปู พรรณของดาว และความหมายของดาวพระเคราะหต์ ามคัมภีร์เฉลิม ไตรภพ เปน็ ทท่ี ราบกนั โดยทว่ั ไปวา่ ศาสตรห์ รอื ตำ� ราทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ดวงดาวในลา้ นนา หรอื ภมู ภิ าคน้ที งั้ หมดลว้ นมที ่มี าจากอินเดยี โดยรับผา่ นมาทางศาสนาฮนิ ดู ดงั นน้ั พนื้ ฐานเรอ่ื งดวงดาวและโหราศาสตรต์ า่ งๆ นน้ั จงึ มรี ากเดยี วกนั แตม่ กั จะมกี ารปรบั ปรงุ หรอื เพม่ิ เติมตามเหตปุ ัจจยั ต่างๆ เชน่ ศาสนาพทุ ธ หรือลัทธิความเชือ่ ทอ้ งถนิ่ โดยการ ตดั ทอนเนอ้ื หาทไี่ มเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ความเชอ่ื ของตน และสอดแทรกเนอื้ หาทส่ี มั พนั ธก์ บั ลทั ธิ ตนขนึ้ โดยนกั บวชหรอื ปราชญโ์ หราจารยข์ องบา้ นเมอื งนนั้ ๆ ไดเ้ ขยี นหรอื แตง่ เพมิ่ เตมิ จนเป็นตำ� ราเฉพาะถิ่นขึ้นมา ดังน้ันเมอ่ื เราพดู ถงึ เรือ่ งลกั ษณะพืน้ ฐานของดวงดาวจึง มกั จะมีทม่ี าหรอื ต�ำนานจากเรื่องเดยี วกนั แมใ้ นปัจจุบันก็ยงั มีการปรบั ปรุงเนือ้ หา ความหมายของดาวข้ึนใหมอ่ ยเู่ รอ่ื ยๆ เพ่อื ให้ทันกบั ยคุ สมยั โดยจะเขียนเป็นตำ� ราไว้ ส�ำหรับผทู้ ีศ่ ึกษาวิชาโหราศาสตร์ เพอ่ื เป็นนกั พยากรณ์หรอื หมอดูมอื อาชีพ เมอื่ เขา้ ใจพน้ื ฐานความหมายของดาวตามตำ� ราแลว้ ผทู้ จี่ ะเปน็ นกั พยากรณจ์ ำ� เปน็ จะตอ้ งรจู้ กั การพลิกแพลงในการตีความหมายของดาวอย่เู สมอ จึงเปน็ เหตใุ ห้หลายคนมองวา่ โหราศาสตร์เป็นศาสตรท์ ีไ่ มเ่ สถยี ร จึงไมค่ อ่ ยมคี วามนา่ เช่อื ถอื ในวงวิชาการมากนกั ความหมายของดาวพระเคราะห์แบบพ้ืนฐานท่ีใช้ในเรียนการสอนวิชาโหราศาสตร์ ปจั จุบันมดี ังนี้ ๑. พระอาทติ ย์ กำ� เนดิ ขน้ึ จาก พระอศิ วรเปน็ ผรู้ า่ ยพระเวทยใ์ หร้ าชสหี ์ ๖ ตวั ปน่ เปน็ ธลุ แี ลว้ หอ่ ดว้ ยผา้ สแี ดงและพรมดว้ ยนาํ้ อำ� มฤต แลว้ จากนน้ั จงึ เกดิ เปน็ เทวบตุ ร มีสกี ายสีแดง วมิ านสีแดง ทรงราชสีหเ์ ป็นพาหนะ พระอาทติ ย์จงึ มีกำ� ลัง ๖ เป็นดาว บาปเคราะห์ บางตำ� รากว็ า่ เปน็ อพั ยากฤต คอื เปน็ กลาง พระอาทติ ย์ เปน็ ดาวธาตไุ ฟ ใชส้ ญั ลักษณ์เป็นเลข ๑ เป็นดาวเกษตร หรอื เจ้าเรือน๖๙ ในราศีสงิ ห์ ราศีธาตุไฟ ซึง่ ใน บรรดาดาวทั้งหมดมดี าวอาทติ ย์ กับราหู เท่านน้ั ท่เี ป็นเจา้ เรอื น ราศีธาตทุ ต่ี รงกับ ธาตตุ นเอง ทมี่ ีไฟลุกโชติชว่ งมีแสง พลงั งานในตัวเอง เปน็ ดาวท่ใี หญท่ ีส่ ดุ ในระบบ สรุ ยิ ะจักรวาล เป็นดาวท่ีให้แสงสว่างแกด่ าวเคราะห์ดวงอ่ืน ๖๙ ในผงั จักราศที ้งั ๑๒ ช่องจะมีการกำ� หนดดวงดาวประจ�ำราศที ุกราศี เรยี กว่าดาวเจ้าเรือน

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง114 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ความหมายทว่ั ไป คอื ผชู้ าย ร่างกาย สามี บดิ า อำ� นาจ ยศศักด์ิ ชอ่ื เสียง สูงศกั ดิ์ ผนู้ �ำ รักศกั ดศิ์ รี มีความเช่อื มน่ั ในตวั เองสูง ความเยอ่ หย่ิง ทฐิ ิ หรูหราโออ่ า่ รักความยตุ ิธรรม จรงิ จงั ใจรอ้ นว่วู าม ไฟ ความรอ้ น ไฟฟา้ แสงสวา่ ง อุปกรณ์ไฟฟ้า ภาษาโหราศาสตรท์ วั่ ไปจะเรยี กวา่ ทายยศศกั ดอิ์ คั รฐานใหด้ จู ากตำ� แหนง่ ของพระอาทติ ย์ วา่ อยูใ่ นราศีหรอื ภพทด่ี หี รือไม ่ บุคคล พระราชา เช้ือพระวงศ์ นายกรัฐมนตรี เจ้านาย หัวหนา้ ผบู้ ังคบั บัญชา ผมู้ อี ำ� นาจ ขา้ ราชการ บดิ า สามี สถานที่ พระราชวัง สถานท่ีราชการ รัฐสภา สถานท่ีมไี ฟ แสงสว่าง ความร้อนสูง โรงไฟฟ้า รปู ร่าง ผวิ สองสี ขาวแดง หน้ามน หนา้ ผากแคบ ตาเป็นประกาย มี สีแดง ผวิ ไม่หยาบไม่ละเอียด ๒. พระจันทร์ ถือก�ำเนิดขึ้นจาก พระอิศวรเปน็ ผู้ร่ายพระเวทย์ให้นางฟ้า ๑๕ องคเ์ ปน็ ธลุ ี แลว้ หอ่ ดว้ ยผา้ สนี วล ประพรมดว้ ยนำ้� อำ� มฤต บงั เกดิ เทวบตุ ร ผวิ กาย สีนวล วมิ านแกว้ สมี กุ ดา ทรงม้าเปน็ พาหนะ พระจันทรจ์ ึง มกี �ำลงั ๑๕ เปน็ ดาว ศภุ เคราะห์ ใชส้ ญั ลกั ษณแ์ ทนดว้ ยเลข ๒ ดาวจนั ทรเ์ ปน็ บรวิ ารของโลก เปน็ ดาวธาตดุ นิ หรือดนิ ชมุ่ น้ำ� เพราะดาวจันทรเ์ ป็นดาวเกษตร แมธ่ าตุนำ้� ในราศีกรกฏ ดาวจันทร์ เปน็ ดาวทค่ี ่กู ับ ดาวอาทติ ย์ อยา่ งสนทิ แนบแนน่ แต่ก็เป็นไปในลกั ษณะค่ขู นานกันไป คอื พระราชา พระราชิน ี ขวา ซ้าย กลางวัน กลางคืน ความหมายทัว่ ไป ดาวจนั ทร์คอื สตรี จุดเจา้ ชะตาหญงิ ภรรยา มารดา ประชาชนคนทัว่ ไป ครอบครัว หลกั ฐาน ฐานะ จิตใจ อารมณ์ จนิ ตนาการ ชา่ งฝนั นยั น์ตา (ตาซ้าย) การเดินทาง ขนสง่ น้�ำ เอ้อื เฟือ้ เผื่อแผ่ มนี ำ้� ใจ สภุ าพอ่อนหวาน รกั ครอบครัว สิง่ ที่ท�ำเปน็ กจิ วตั รประจำ� วนั ทายจริต จิตใจ ใหด้ จู ากตำ� แหนง่ ของ พระจนั ทร์ วา่ อยู่ในราศีหรือภพทีด่ หี รือไม่ บคุ คล พระราชนิ ี สตรีสงู ศักด์ิ พยาบาล แม่บา้ น แมค่ รวั คนครวั นักเดนิ ทาง กะลาสเี รือ คนขบั รถ ชาวประมง แพทย์ผดงุ ครรภ์ ผใู้ ห้บรกิ ารแกบ่ ุคคลทว่ั ไป ประชาชนทั่วไป

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ทำ�ทอง 115 สถานท่ี โรงพยาบาล ทา่ เรอื ท่ารถ ท่าขนส่ง สถานท่ที ี่เกย่ี วกบั นำ�้ สระว่ายน�ำ้ บอ่ น้�ำ แหลง่ น�้ำตา่ งๆ ตลาด แหลง่ ชมุ ชน รูปร่าง อรชร ผวิ งามตางาม ผวิ ขาว หรอื ขาวเหลือง มีน้�ำมนี วล หน้ารปู ไข่ ๓. พระองั คาร ก�ำเนดิ ขน้ึ จาก พระอศิ วรรา่ ยพระเวทย์ ใหก้ ระบือ ๘ ตัว เปน็ ธลุ ี ห่อดว้ ยผา้ สีแก้ว เพทาย ประพรมดว้ ยนำ�้ อ�ำมฤต บังเกดิ เปน็ เทวบุตร สีกาย เปน็ สีแก้วเพทาย อาภรณ์คือแก้วโกเมน วิมานสที ับทมิ ทรงมหงิ สาเปน็ พาหนะ พระอังคารจึงมีก�ำลัง ๘ เปน็ ดาวบาปเคราะห์ ใชส้ ัญลกั ษณ์แทนด้วยเลข ๓ ลักษณะ ท่วั ไปของดาวองั คาร มีขนาดใกลเ้ คยี งกบั โลก เปน็ ดาวธาตลุ ม หรือลมกรด เพราะ ดาวองั คาร เปน็ เกษตร เจา้ เรอื นราศีเมษ ธาตไุ ฟ ซึ่งเด่นกว่า ท่รี าศีพิจิก ธาตุน�้ำ ดาวองั คารมสี ีแดง โหราศาสตรถ์ อื วา่ พระองั คารเป็นเทพแห่งสงคราม ความหมายทวั่ ไป ผ้ชู าย วยั ฉกรรจ์ สามี การกระท�ำ การงาน ความขยัน กลา้ แขง็ กลา้ หาญ เอาจรงิ เอาจงั กระตอื รอื รน้ ภาระ ความรนุ แรง แตกหกั ความขดั แยง้ การตอ่ ส ู้ แขง่ ขนั อบุ ตั เิ หตุ กะทนั หนั ทำ� ลาย ของแหลมคม โลหะ อาวธุ เครอื่ งจกั รกล ทายความกล้าแข็ง ขยันให้ดูทดี่ าวองั คาร บุคคล ทหาร ตำ� รวจ เจา้ หน้าที่ปราบปราม ผู้ถอื อาวธุ นายชา่ ง ชา่ งเทคนคิ ชา่ งทม่ี ีความเช่ียวชาญเฉพาะดา้ น ศลั ยแพทย์ ช่างตัดผม ช่างตีเหล็ก นักมวย นักกฬี า ครูพละ สถานท่ี คา่ ยทหาร สถานตี ำ� รวจ สรรพาวธุ รา้ นขายอาวธุ รา้ นเหลก็ สนามกฬี า ตกึ ศลั ยกรรม รปู รา่ ง หนา้ กระดกู ลำ่� เตย้ี แบบมะขามข้อเดยี ว เกรง็ ก�ำย�ำล่�ำสัน มกี ลา้ มเน้อื หุน่ นกั กฬี า ผวิ ขาวแดง (บางตำ� ราว่า ดำ� หรือด�ำแดง) กร้านหยาบ ตาโปน ผมหยักศก ๔. พระพุธ ถอื ก�ำเนดิ จากพระอิศวร รา่ ยพระเวทย์ดว้ ย คชสาร ๑๗ เชือก ป่นเป็นธลุ ี หอ่ ดว้ ยผา้ สีเขยี วมรกต ประพรม น้�ำอ�ำมฤต บงั เกิดเป็นเทวบตุ รสกี ายเปน็ สีแก้วมรกต ทรงช้างเป็นพาหนะ พระพุธจงึ มกี ำ� ลัง ๑๗ เป็นดาวศภุ เคราะห์ ใช้

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง116 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา สญั ลกั ษณแ์ ทนดว้ ยเลข ๔ เปน็ ดาวเคราะห์ดวงเล็กท่ีสุด ในระบบสุริยะจกั รวาล และ อย่ใู กล้ดวงอาทิตย์มากทีส่ ดุ ตามหลกั โหราศาสตร์ ดาวพธุ จะอยหู่ า่ งจาก ดาวอาทิตย์ ได้ไม่เกนิ ๒๘ องศา ถ้าดาวพุธอย่หู า่ งจากดวงอาทติ ย์ ตง้ั แต่ ๒๗ – ๒๘ องศา ดาวพุธ จะใหค้ ณุ ในดวงชะตาอยา่ งเตม็ ท่ี ดาวพธุ เปน็ ดาวธาตนุ ำ้� อนั หมายถงึ นำ้� ทะเล, นำ�้ บอ่ เพราะดาวพธุ ไดต้ �ำแหนง่ เข้มแข็งในราศีกนั ย์ ธาตุดนิ จงึ เปน็ ดนิ ท่ีอุม้ นำ้� ดาวพุธมี ลกั ษณะการโคจรทปี่ รวนแปร รวนเร มักจะเดนิ วกิ ลคติ อยบู่ อ่ ยๆ จงึ เป็นเหตใุ ห้ โบราณมกั จะไมเ่ ริ่มตน้ ท�ำอะไร หรือใหฤ้ กษ์ กับกิจการทตี่ ้องการใหด้ �ำเนนิ การคงอยู่ ยดื ยาวออกไป เชน่ การแตง่ งาน เพราะพธุ รวนเร ความหมายท่วั ไป อ่อนวัย สงิ่ ใหม่ การตดิ ต่อสื่อสาร ความคดิ การวางแผน การเจรจา การตดิ ต่อสอ่ื สาร ค�ำพูด ชา่ งพดู งานเขยี น เอกสาร ตวั แทน นายหน้า เพือ่ น ขอ้ มูลขา่ วสาร ไหวพรบิ ปฏิภาณ เปล่ียนใจงา่ ย รวนเร ปรับตัวเข้ากับคนอืน่ หรือสภาพแวดลอ้ มไดด้ ี ทายเจรจาออ่ นหวานให้ดดู าวพุธ บคุ คล นักพดู นักเขยี น นักคิด นักวางแผน ตัวแทนนายหน้า คนกลาง ล่าม พ่อคา้ แม่คา้ นักบัญชี บุรษุ ไปรษณีย์ คนถา่ ยเอกสาร เสมียน นักการทูต คนมาใหม่ พ่อเลยี้ งแม่เลีย้ งรปู ร่างหน้าแป้นหน้ามน รูปรา่ งไม่ใหญ่ เจา้ เน้อื ท้วม ผิวขาว ตะโพกใหญ่ หน้าอกใหญ่ คอสัน้ ผมเรียบดก สถานที่ โรงพิมพ์ องค์การโทรศพั ท์ ห้องประชมุ เวทีปราศรัย ประตู หน้าต่าง หอ้ งประชาสัมพันธ์ ตกึ ใหม่ อาคารใหม่ ๕. พระพฤหสั ก�ำเนิดจากพระอิศวรร่ายพระเวทย์ใหฤ้ ๅษี ๑๙ ตน เปน็ ธลุ ี แลว้ หอ่ ด้วยผ้าสแี ก้วไพฑูรย์ ประพรมน�้ำอำ� มฤต บงั เกดิ เปน็ เทวบตุ ร มีสีกายดงั่ แก้ว ไพฑรู ย์ มีวมิ านบษุ ราคมั ทรงกวางทองเปน็ พาหนะ พระพฤหสั บดี มีกำ� ลัง ๑๙ เป็น ศุภเคราะหใ์ ช้สัญลกั ษณ์แทนดว้ ยเลข ๕ ดาวพฤหสั บดเี ป็นดาวเคราะห์ ดวงใหญ่ ท่ีสุดในระบบสุริยะจักรวาล ทางโหราศาสตร์ ถือว่าเป็นประธานของฝ่าย ดาวศุภเคราะห์ ดาวพฤหัสบดเี ป็น ดาวธาตุดนิ คอื ดนิ แข็ง เพราะดาวพฤหัสบดีอยู่ ราศี ธนู ธาตไุ ฟ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 117 ความหมายทัว่ ไป คุณธรรมความดี ใฝใ่ นบุญกุศล โชคลาภ ความส�ำเร็จ การเจรญิ เติบโต การเกิด การปกปอ้ งค้มุ ครอง การชว่ ยเหลอื กฎหมาย ระเบียบ แบบแผน หลกั การ ประเพณี การพิพากษา ตดั สนิ ความต่างๆ ครอู าจารย์ พระ นักบวช ผู้ทรงศลี ความมีสติ การอดทนอดกลน้ั ยับย้งั ชัง่ ใจ ศาสนา วชิ าการ ความรู้ ตา่ งประเทศ ทายปัญญาบริสทุ ธ์ิ ทายพฤหสั บดี บคุ คล ครูอาจารย์ ผูห้ ลักผู้ใหญ่ พระ นักบวช ผ้ทู รงศีล นกั กฎหมาย ทนาย ผู้พิพากษา แพทย์ ผูค้ ุ้มครอง รปู รา่ ง รปู ร่างใหญท่ ว้ ม เจา้ เน้ือ ค่อนขา้ งอว้ น ผวิ สองสีค่อนขาว หนา้ ใหญ่ หน้าผากใหญ่ แกม้ ใหญ่ มแี ผลเปน็ ตำ� หนทิ ่ีใบหน้า สถานท่ี โรงเรียน มหาวทิ ยาลยั โรงพยาบาล วัด รฐั สภา หอสมุด ศาล สถานทศ่ี ักดิ์สทิ ธ์ิ ศาลาพักร้อน หอประชุมทางศาสนา ๖. พระศุกร์ กำ� เนิดจาก พระอศิ วร รา่ ยพระเวทให้โค ๒๑ ตัว ป่น เปน็ ธลุ ี ห่อดว้ ยผ้าสีประภัสสรประพรมนำ้� อ�ำมฤต บังเกิดเป็นเทพ มีกายเปน็ สปี ระภัสสร มี วมิ านสีทอง ทรงโคอสุ ภุ ราชเปน็ พาหนะ พระศุกรจ์ ึง มกี �ำลงั ๒๑ เป็นศุภเคราะห์ ใช้ สัญลักษณ์แทนด้วยเลข ๖ ลกั ษณะทัว่ ไป เปน็ ดาวธาตุน้�ำ อันหมายถงึ น้ำ� ฝน น�้ำท่ี เคลอ่ื นไหวได้ เพราะดาวศุกรเ์ ปน็ เกษตร ในราศีตลุ ย์ ธาตุลม ดาวศกุ รม์ องเหน็ ได้ เฉพาะในเวลาเช้ามดื หรือหวั ค�่ำเทา่ นั้น ขณะปรากฏในทอ้ งฟ้าเวลาหวั ค�่ำทางทิศ ตะวนั ตก เรยี กว่า “ดาวประจำ� เมือง” พรานป่าล้านนาจะเรียกวา่ “ดาวหมกู อง” ภาคกลางนิยมเรียกว่า “ดาวประกายพรกึ ” หรอื “ดาวร่งุ ” ในดา้ นความร�่ำรวย ความสุขสมหวัง ความรัก จึงใช้ดาวศุกร์ตีความในเรือ่ งกเิ ลส กำ� หนัด โภคทรพั ย์ ใหด้ ู จากดาวศกุ ร์ ความหมายทว่ั ไป ผหู้ ญงิ ภรรยา ความรัก ความหวัง ความสุข ความ สวยงาม ศิลปะ บนั เทงิ ร่นื รมย์ ดนตรี เพศสมั พนั ธ์ กิเลส การเงิน เงนิ สด สง่ิ หอม หวาน ส่งิ ฟุม่ เฟอื ย บุคคล กวี ศลิ ปนิ นักรอ้ ง นกั ดนตรี ดารา นักแสดง นางแบบ ครสู อนศลิ ปะ นายธนาคาร สมุหบ์ ัญชี แม่สอ่ื พ่อสอื่ บคุ คลท่ีเก่ยี วขอ้ งกับสถานบรกิ ารใหค้ วาม

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง118 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา รื่นรมยท์ างเพศ พ่อคา้ ปลกี คนทำ� ขนม คนขายนำ้� หอม รูปร่าง หน้าแปน้ (บางตำ� ราวา่ หน้ายาว) สงู เพรยี ว หน้าท้องแบนราบ หนุ่ ดี มีเสน่ห์ ผวิ ค่อนข้างขาว (บางตำ� ราก็วา่ ขาวผอ่ ง) คอยาว แขนขายาว ผมบางและ สลวย สถานท่ี สถานทท่ี ี่เก่ยี วข้องกับเงนิ เชน่ ธนาคาร กระทรวงการคลัง โรงกษาปณ์ รา้ นขายของค้าปลีก และสถานทที่ ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั สิ่งรน่ื รมย์ โรงแรมโรง ละคร หอ้ งแสดงศิลปะ โรงเรยี นสอนร้องเพลง เต้นรำ� ๗. พระเสาร์ กำ� เนดิ จาก พระอศิ วร ร่ายพระเวทย์ด้วยพยคั ฆ์ ๑๐ ตัว ป่น เปน็ ธุลี หอ่ ด้วยผ้าสดี �ำ ประพรมนำ้� อ�ำมฤต บังเกิด เปน็ เทพ มีสกี ายเป็นสดี ำ� วิมาน สีมรกต ทรงเสือเปน็ พาหนะ พระเสารจ์ งึ มีกำ� ลัง ๑๐ เปน็ ดาวบาปเคราะห์ ใช้สญั ลักษณแ์ ทนดว้ ยเลข ๗ ลกั ษณะท่ัวไปของดาวเสาร์ถือว่าเป็นดาวขนาดใหญ่ รองจากดาวพฤหสั บดี เป็นประธานของดาว บาปเคราะห์ เป็นดาวธาตุไฟ คอื ไฟ สุมขอนทีค่ อ่ ยๆร้อนแต่ร้อนนาน เพราะดาวเสาร์เปน็ เกษตร ราศีมงั กร ธาตดุ ิน ความหมายทัว่ ไป เป็นดาวทีใ่ หค้ ณุ ใหโ้ ทษชา้ ๆ แต่หนกั แน่นม่ันคง สะสม ในระยะยาวในเชิงลบ จงึ นิยมกลา่ วว่า ทายโทษทกุ ข์ ให้ทายจากดาวเสาร์ เปน็ ดาวที่ ให้ความทุกข์ แต่ในทางบวกก็ใหค้ วามทรหดอดทนต่อสภาพทเ่ี ลวรา้ ยไดด้ ี มีลกั ษณะ เป็นดงั ไฟสมุ ขอน คุกรนุ่ แล้วดบั ยาก เมื่อเข้ารว่ มกับดาวดวงใดมกั หนว่ งเหนย่ี วให้ เฉอ่ื ยชาลง คดิ รอบคอบ ตรกึ ตรอง วติ กกงั วล วสั ดุ ลา่ ชา้ เนน่ิ นาน เกา่ โบราณ ของเกา่ เหนด็ เหนือ่ ย โรคเรอ้ื รัง สนั โดษ ความทกุ ข์ โทษ ความยากจน การพลัดพราก โยกย้าย ความตระหน่ี มธั ยสั ถ์ บคุ คล คนแก่ คนหวั โบราณ ผู้ใช้แรงงาน คนงาน เจ้าของโรงงาน เกษตรกร สัปเหรอ่ คนที่ยงุ่ เก่ยี วกับงานศพ ชา่ งก่อสรา้ ง คนทเ่ี กยี่ วข้องกบั งาน เกษตรกรรม อสังหาริมทรัพย์ ป่าไม้ ผู้คมุ นักโทษ คนแขก รปู รา่ ง รูปร่างสงู ผิวคลำ้� คอ่ นข้างดำ� กรา้ น หนา้ กระดกู และตกกระโหนก แก้มสงู ควิ้ เขม้ จมูกง้มุ รมิ ฝปี ากหนา หน้าตาออกเป็นคนแขก

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 119 สถานที่ พืน้ ท่เี กษตรกรรม ทีน่ า ไร่ สวน กระทรวงเกษตรฯ กรมปา่ ไมป้ า่ ไม้ โรงสีข้าว โกดงั เกบ็ วัสดุต่างๆ ปา่ ช้า หอ้ งเกบ็ ศพ เรอื นจ�ำ สถานท่ีโบราณ อาคารเกา่ ๘.พระราหู ก�ำเนดิ จากพระอิศวร ร่ายพระเวทดว้ ยหัวผีโขมด ๑๒ หัว เป็น ธุลี หอ่ ดว้ ยผ้าสที องสัมฤทธ์ิ ประพรมน�ำ้ อำ� มฤต บังเกดิ เป็นเทพ สีกายเป็นทองส�ำริด วมิ านสนี ิล ทรงครุฑเปน็ พาหนะ พระราหู จึงมกี �ำลัง ๑๒ เป็นดาวบาปเคราะหใ์ ช้ สญั ลกั ษณแ์ ทนดว้ ยเลข ๘ ราหู ในทางโหราศาสตร์ ไมจ่ ดั วา่ เปน็ ดาว เพราะเปน็ จดุ คราส เกิดจากจดุ ตดั ของการโคจรของโลก ราหูจึงเป็นเงา แตก่ ็เรียกๆ กนั ไปวา่ ดาวราหู เพราะเรยี กกนั ติดปากราหนู ้ันทำ� ใหเ้ กิดจนั ทรุปราคา และสุริยุปราคา ราหู เปน็ ธาตุ ลม อนั หมายถงึ ลมพายุ เพราะราหเู ปน็ เจ้าเรอื นเกษตรในราศกี ุมภ์ ธาตลุ ม เชน่ กนั ความหมายทัว่ ไป ความมืดมวั เงา มายา ภาพยนตร์ โจร ความลุม่ หลง เล่หเ์ หลยี่ ม ไหวพริบปฏิภาณ การเปลีย่ นแปลงท้งั ในด้านดแี ละร้าย ผนั ผวนไม่ แนน่ อน เส่ียงโชค คดคี วาม สิ่งผิดกฎหมาย การหลอกลวง ภยั มืด อบุ ัตเิ หตุหลบซอ่ น อบายมุข สงั คม ยาเสพตดิ สุรา สิ่งมอมเมา สารเคมี ของหมกั ดอง ขยะ บุคคล นกั เลง ผู้มอี ิทธพิ ล นกั พนนั นกั คา้ ของเถอ่ื น คนขายเหล้า ผตู้ ดิ ยา เสพติด ตดิ เหล้า โจร ขโมย คนจรจดั คนจนี นักมายากล รปู รา่ ง รปู รา่ งอว้ นลำ่� ใหญ่ ลงพงุ ผวิ ดำ� แขนขาใหญ่ ศรี ษะใหญ่ หวั ลา้ น หวั เถกิ ผมบาง ตาวาว ตาพอง ตาหยี มลี ักษณะเหมอื นคนจนี หรือเปน็ คนจนี ญีป่ ุ่น เกาหลี สถานที่ โรงเหล้า สถานท่ีทเ่ี ป็นแหลง่ อบายมุข สง่ิ เสพตดิ โรงภาพยนตร์ กจิ กรรม โรงงานเคมี โรงกลน่ั นำ�้ มัน ๙. พระเกตุ ตามคมั ภีร์กลา่ ววา่ พระอิศวรทรงรา่ ยพระเวทย์ ใหพ้ ระยานาค ๙ ตวั เปน็ ธุลี หอ่ ดว้ ยผ้าสีทองคำ� ประพรมด้วยนํา้ อ�ำมฤต บังเกิดเปน็ เทพ มีสีกาย ทองค�ำ อนั สุกสกาวดงั เปลวไฟ ทรงนาค เปน็ พาหนะเกตุ มีก�ำลงั ๙ เป็นดาวบาป เคราะหใ์ ชส้ ญั ลกั ษณแ์ ทนดว้ ยเลข ๙ ลกั ษณะทวั่ ไปดาวเกตุ ไมม่ เี รอื นเกษตรของตวั เอง เป็นวญิ ญาณธาตุ เป็นท่อนหางของราหโู หราศาสตร์สากลทัว่ ไป กำ� หนดให้เกตุและ ราหู มีระยะเชิงมุมหา่ งกัน ๑๘๐ องศาเสมอ คืออยู่ในมมุ เล็งหรือตรงขา้ มกนั ตลอด

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง120 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา แต่ส�ำหรับโหราศาสตร์ไท ใช้วิธีการค�ำนวณแบบสุริยยาตรา เกตุจึงไม่ได้อยู่ใน ตำ� แหน่งเล็งราหแู บบสากล เกตเุ มอื่ เข้าร่วมกับ ดาวใด ก็มกั จะสนับสนุนใหด้ าวน้นั ท�ำหนา้ ที่ได้มากย่ิงขึ้น มีพลงั มากข้ึน ความหมายท่วั ไป แสง รังสี กระแสคล่นื ดาวหาง การเคลอื่ นไหว คนบา้ วกิ ลจริต คนผิดปกติ ความผันผวน วนุ่ วาย กงั วล ความผดิ ปกติ ผดิ ธรรมชาติ เหนือ ธรรมชาติ สมั ผัสทีห่ ก วญิ ญาณ เทพ ส่ิงศกั ดิ์สิทธิ์ เดนิ ทางไกล ตา่ งแดนถนิ่ ไกล ตา่ ง ประเทศ โหราศาสตร์ อทิ ธิฤทธ์ิ บคุ คล นกั เดินทาง นักผจญภยั จารชน คนตา่ งชาติ โหร หมอดู คนทรง ช่าง วทิ ยุโทรทศั น์ ผู้แสวงบุญ คนแก่ คนพิการ หญงิ มคี รรภ์ สถานท่ี วัดรา้ ง เทวาลัยร้าง บ้านร้าง สถานที่ท่ีมวี ญิ ญาณสงิ สถิต สถานท่ี ลกึ ลบั ตกึ สงู สถานทศ่ี กั ดส์ิ ทิ ธิ์ วดั โบสถ์ ตำ� หนกั รา่ งทรง สถานวี ทิ ยโุ ทรทศั น์ โรงไฟฟา้ ในเน้ือหาทีม่ าของดาวพระเคราะหท์ งั้ ๙ ทกี่ ล่าวมาขอ้ งตน้ น้เี ป็นเน้ือหา ต�ำราทไี่ ด้รับมาจากคตใิ นศาสนาฮินดู โดยไดป้ ระพันธ์ขึน้ มาเป็นนิทานต้นกำ� เนดิ ดาว พระเคราะห์พร้อมกับนิทานชาติเวรซ่ึงจะเป็นท่ีมาของเหตุผลและความหมายของ การกระทบกันของดาวโดยเขียนระบุละเอียดไว้อย่างมากซ่ึงแตกต่างจากของล้านนา ซึง่ เขียนสรุปโดยสั้นๆ ดงั ท่ีกล่าวมาในบทกำ� เนดิ โลกและดวงดาว ซงึ่ เน้อื หาที่มามี ลักษณะท่ีคล้ายคลึงกันแต่ผิดเพีย้ นกนั ในสว่ นรายละเอียดทีม่ าบางประการ ต�ำรา ลักษณะนิสัยประจ�ำวันเกิดของคนล้านนาได้สรุปลักษณะบุคคลและนิสัยใจคอของ บุคคลทเ่ี กดิ ในวนั ตา่ งๆ โดยอ้างอิงตามลักษณะดาวข้างต้นไว้เป็นภาพรวมโดยมกั ประพันธ์เป็นวรรณกรรมบทคา่ วกลอนไว้หลายส�ำนวนโดยตัวอยา่ งดังน้ี คนเกดิ วันอาทติ ย์ ยอ่ มมีใจหาญ หนั เมียทา่ นงาม มกั ม่ายเขา้ ฟน้ั มนั บ่กลัว ขามทกุ ขโ์ ทษเมอื่ อน้ั พายลนู มนั โลภเมถนุ กระทำ� คณุ แกท่ า่ นบข่ นึ้ จนั โทเรยมรี ปู กาย งามตำ่� ตยุ้ หวั หลดู บา่ ลยุ้ สมแสงหนา้ บญุ แยง องั คารเรย มนั ชา่ งจาแขง็ คำ� แรงโกรธกอ้ ม จาค�ำใดมาเยยี ะคอ้ นแลไม้ จาส่องหน้าเก่งปนู เคย พธุ โธเรย มีปญั ญาญาณท่นุ ช้า หน้าเหดิ แหน้ เอายาวเป็นที่รัก หมรู่ ้างชมุ สาว มีตวั ยาว ขาวดำ� ตำ่� ตุ้ยราหูแถม ว่าหอื้ มี พรอ้ มชู่เยี่ยง อนั น้ันแล พระหสั มสี ตปิ ระหญา ปัญญาเร่งแรงแกก่ ล้า สตปิ ญั ญามชี ุ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 121 เย่ืองอนั สกุ ขะ สปั ปะหลี้ จากค�ำดนี อกลนิ้ จาค�ำหวาน มาพานน้�ำมิน้ จาสอ่ งหน้า เกง่ ปนู เคย โสรเี รย ใจหาญหาดกลา้ ยา่ งชา้ ยอ่ มกดั ใน ความคดเลย้ี ว บม่ ใี นใจ จาคำ� ได ช่างปดุ สะบน้ั เหตวุ า่ โวหาร คำ� มนั บน่ ัก ค�ำหลวกบห่ ลาย มางืดในชาย มันทงึ ทนุ่ ช้า คนั ไดเ้ ปน็ พานิชพอ่ คา้ กจ็ ักพาเป็นเหย่อื แมงงนุ นอกจากนใ้ี นลา้ นนายงั พบวา่ มกี ารประพนั ธน์ ทิ านตน้ กำ� เนดิ ดาวพระเคราะห์ ทน่ี า่ จะมีการคดั ลองและปรบั ปรุงจากของดงั้ เดิมคอื อินเดยี ซง่ึ มีการปรับเปลย่ี นทม่ี า บางประการออกไปเพอ่ื ลดความซบั ซ้อน เนอื่ งจากต�ำนานการกำ� เนิดดาวของอินเดยี นน้ั มักจะอา้ งถึงเทพเจา้ ของศาสนาฮินดเู สมอ ซง่ึ เทพเจ้าเหลา่ น้ันไม่ไดอ้ ย่ใู นวิถคี วาม เชอื่ ของชาวล้านนา จงึ มกี ารดัดแปลงนิทานดงั กล่าวให้เข้ากบั ความเชื่อท้องถิ่นและ พุทธศาสนา จากเทพเจา้ ผู้สรา้ งจกั รราศแี ละดวงดาวคอื พระนารายณ์ กลับกลายเปน็ พระสิทธฤิ ๅษี พระราหูท่ีถูกกงจกั รของพระนารายณ์ก็ถกู ปรับเปลยี่ นไปวา่ พระราหู ถูกดาบสลกี ัญชัยของพระอินทรฟ์ นั ขาด เป็นตน้ ยกตัวอยา่ งนทิ านกำ� เนดิ ดาวส�ำนวน ลา้ นนาดงั นี้ ที่นจ่ี กั จาด้วยนยิ ายวันก่อนแล เม่อื ปฐมกัปปห์ ัวทีวนั นั้นยงั มีระษีตนหนงึ่ ช่อื วา่ พระสิทธริ ะษีวา่ อน้ั ระษเี จา้ ตนนั้นจึงขงขวายหามายังพญา ๖ ตน แลว้ น�ำมา หลอมหลอ่ หอื้ เปน็ ผเู้ ดยี ว ใสช่ อื่ วา่ หนง่ึ หรอื วา่ พระอาทติ ย์ วา่ อน้ั จงึ หามายงั นาง ๑๕ คน มาหลอ่ ห้อื เปน็ ผู้เดยี วใสช่ อื่ วา่ สองหรือพระจันทรแ์ ล ว่าอนั้ จึงหาคนหาญ ๘ คน มา หล่อหือ้ เปน็ ผเู้ ดียว ใส่ช่อื วา่ สามหรือองั คารแล ว่าอั้นจงึ หามายงั จ่าเมือง ๑๗ คน มา หลอ่ ห้อื เป็นผ้เู ดียวใสช่ อ่ื ว่าสี่หรอื พธุ แล วา่ อั้นจึงหามายงั นักปราชญ์ ๑๙ คน มาหล่อ ห้ือเป็นผู้เดยี ว ใสช่ อ่ื วา่ หา้ หรือพฤหัสแล วา่ อั้นจึงหามายังนางเฒา่ แก ่ ๒๑ คนมา หล่อหอ้ื เป็นผูเ้ ดยี วใสช่ ื่อวา่ ศุกรห์ รือหกนน้ั แล ว่าอ้ันจงึ เอามายังนายช้าง ๑๐ คน มา หล่อหื้อเป็นผูเ้ ดียวใสช่ ่ือวา่ เสาร์หรือวา่ เจด็ แล วา่ อ้ันจงึ หามายงั แม่หม้าย ๑๒ คน มี ผวั ตงึ ๑๒ กต็ ายเสี้ยงมาหล่อกับกนั ห้ือเป็นผเู้ ดียว ใส่ช่อื วา่ ราหู หรือว่าแปดอ้นั แล จากนทิ านดงั กลา่ วจึงเปน็ ท่มี าของก�ำลังดวงดาวพระเคราะห์ สัญลกั ษณ์ วัตถุท่นี ำ� มาสร้างดาวต่างๆ นนั้ จะสะทอ้ นถงึ ความหมายของดาวนั้นๆ ซงึ่ จะกล่าวใน บทตอ่ ไป

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง122 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา นทิ านชาตเิ วร ท่มี าของดาวคู่มิตรคศู่ ัตรูแบบลา้ นนา การศึกษาโหราศาสตร์นัน้ นอกจากจะรู้ความหมายของดาวแลว้ ส่ิงส�ำคัญ อีกเร่ืองหนึ่งทพี่ ึงรู้ในหลกั โหราศาสตร์คือ การอา่ นคา่ ดาวกระทบ หรอื การผสมดาว ต่างๆ กล่าวคอื เมือ่ ดาวเคราะห์โคจรหรอื ทำ� มุมสง่ ถึงกันในลักษณะตา่ งๆ ยอ่ มสง่ ผลที่ มีความหมายตอ่ เรอื่ งราวทจี่ ะใชใ้ นการพยากรณน์ น้ั ๆ โหราจารยล์ า้ นนาไดก้ ำ� หนด พ้ืนฐานคู่ดาวไว้ตายตัวโดยได้ผูกนิทานชาติเวรแบบพื้นบ้านไว้ท่องจ�ำและเข้าใจ บรบิ ทหรือสาเหตุแหง่ การเป็นมิตรหรือศัตรูไวอ้ ยา่ งครา่ วๆ ดังน้ี มิตรป ี แบ่งเปน็ สก่ี ลมุ่ คือ ปีไจ้ปสี ง้าปสี ัน ปีเปา้ ปเี มด็ ปเี ลา้ ปียปี ีสีปเี ส็ด และ ปีเหม้า ปใี ส้ ปไี ก๊ ศัตรปู ี แบ่งเป็นสก่ี ลุม่ เชน่ กนั คือ ปีไจป้ ีเม็ดปีย ี ปเี หมา้ ปีเสด็ ปีใส้ ปสี ะง้าปีเปา้ ปสี ัน และปีเลา้ ปสี ปี ไี ก๊

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ท�ำ ทอง 123 วนั มติ รน้อย ๑ กบั ๖ ๓ กบั ๕ ๒ กับ ๘ ๗ กับ ๔ วันมิตรหลวง ๑ กบั ๕ ๒ กับ ๔ ๓ กับ ๖ ๗ กับ ๘ วันศัตรหู ลวง ๑ กับ ๓ ๒ กับ ๕ ๔ กับ ๘ ๖ กบั ๗ วนั ศัตรูน้อย ๑ กบั ๗ ๒ กบั ๘ ๓ กับ ๕ ๔ กบั ๖ นทิ านชาติเวรในส�ำนวนล้านนา จักกล่าวยงั นทิ านเหตุแห่งดาวทั้งหลายเข้ากันอนั ดีบด่ ีแล จนั ทร์เปน็ ลูกผดั อาทิตย์เป็นพญา ผัดว่าจกั หอ้ื จันทรแ์ ก่อังคารวา่ อน้ั อาทติ ย์ คนงิ ใจว่ากูได้เปน็ พญา ควรกเู รยี นสบิ ประคุณหื้อถองแตว้ า่ อน้ั จงึ ไปเรียนสิบประคุณกบั ด้วยผดั จนจบถอง แตผ้ ดั จึงลวดหอื้ จนั ทร์แก่พญาอาทิตย์ เมอื่ พญาอาทิตย์ได้จันทรแ์ ล้วก็เอาจนั ทรใ์ ส่ ในขะอูป๗๐ อมไปแล ยงั มวี นั หนง่ึ อาทติ ยก์ า้ ย๗๑ แลว้ คายอูบออก องั คารมฤี ทธีนกั ลวดเขา้ อยู่ดว้ ยจันทรใ์ นอูปน้นั อาทิตย์บ่รู้เร่อื ง ผดั จงึ บอกอาทิตย์เม่อื อาทติ ยร์ จู้ งึ เคียด๗๒ ถอดมดี สะหลีกญั ไชยไลฆ่ ่าอังคารไปห้นั แล องั คารเป็นผีฮงุ่ แล่นข้ึนอากาศ ซดั มดี สะหลีกัญไชยลวดถกู หัวอาทิตย์แล จนั ทร์ลวดเคียดห้อื ผดั วา่ บดั น้ี ขา้ หากเล่นช้ดู ้วยองั คารดาย บัดน้ผี ัดผ้เู ป็น พ่อพอ้ ยบอกอาทติ ยผ์ ้เู ปน็ ผัวแหง่ ข้าเป็นเหตุห้ืออาทติ ย์ไล่ฆา่ อังคารไปฉนั น้ี ดว้ ยเหตุ นจี้ ันทร์ลวดเคียดหนีจากผัดแล เหตอุ นั อาทิตยเ์ คียดถอดมดี สะหลีกญั ไชยพงุ่ ขน้ึ ไป ถกู องั คารห้นั เหตนุ ัน้ องั คารถูกอาทิตยก์ เ็ ป็นศตั รูกนั แล อนั หนงึ่ พุธไปกู้เงินราหู เมือ่ ไดเ้ งนิ แลว้ ลวดลักหนีไป ราหูลวดเคียดใช้เสาร์ ไปทวงเงนิ คนื มา พธุ จงึ เอาเงนิ หอ้ื ราหแู ตร่ าหลู วดบา่ เอา จหุ๊ มาขบพธุ เสยี หน้ั แล เหตนุ ้ี ราหถู ูกพุธกเ็ ปน็ ศตั รูกนั แล เสาร์กับราหู จงึ เป็นมติ รกันแล เสาร์เป็นงูองั คารเป็นเขยี ด ยงั มีในวนั หนง่ึ งูกนิ เขยี ด ศกุ รเ์ ปน็ รกุ ขเทวดา อยู่ รักษาต้นไมผ้ ่อหันก็ คนงิ ใจว่า จะยะอยา่ งใดงบู ่หือ้ เคยี ดเขียดบห่ ือ้ ตายชะแล ว่าอ้นั จงึ เอากงิ่ ไมซ้ ดั ลงถกู หลงั งู งกู อ่ ลวดเคยี ด เหตนุ น้ั ศกุ รแ์ ละเสารถ์ กู กนั กอ่ เปน็ ศตั รกู นั แล องั คารกับศุกรจ์ ึงเป็นมติ รกนั แล ราหเู ปน็ ช่าง อาทิตย์เปน็ พญา จนั ทร์เป็นเทวี อังคารเปน็ คนหาญ พุธเป็น ๗๐ อปู หรอื ขะอปู เปน็ ภาชนะเคร่ืองเขนิ ชนิดหนง่ึ มีฝาปิดยอดแหลมนยิ มสร้างจากไม้กลึงหรือไมไ้ ผ่ สานขดแล้วทายางรกั ตกแตง่ ลวดลาย ๗๑ เบ่อื หน่าย ๗๒ โกรธ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง124 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา พวกนอ้ ย ผัดเปน็ อาจารย์ ศุกรเ์ ป็นเสนา เสารเ์ ปน็ นายช้าง นัยยะหนง่ึ วา่ เมอื่ ปฐมกัป ป์หวั ที วนั นน้ั พญาเคราะห์ทัง้ ๘ ตน เปน็ ต้นว่าอาทิตย์ถึงราหู เกิดมารว่ มพอ่ แม่ เดียวกัน ยงั มีวนั หนงึ่ เขาตงั หลายอ้จู ากันวา่ เราตงั หลายอยจู่ ๋ิม๗๓ กนั อ้ี เปน็ อันยาก ภายหนา้ ชะแล เราท้งั หลายจะเยยี ะดังฤๅดีจา ว่าอั้นจงึ สมมุติอาทติ ย์เป็นพญา หอ้ื ผัด เป็นอาจารยิ ะแล อังคารและศุกรเ์ ปน็ อำ� มาตย์ อาทิตย์ห้อื อย่หู นอสี าน จันทร์หอื้ อยู่ หนบพุ พะ องั คารห้อื อยู่หนอาคไนย์ พธุ หอื้ อยู่หนทกั ขิณะ ผดั ห้ืออยู่หนปัจจมิ ศุกร์ หือ้ อยู่หนอุตระ เสารห์ ้อื อย่หู นหรดี หนพายัพน้ันหาไผอยบู่ า่ ได้แล้วจงึ ห้อื ผเี ส้อื ผู้หนงึ่ อยรู่ กั ษา คอื วา่ ราหูเทวดานมิ ติ หอ้ื เขา เปน็ เทวดาอยูร่ ว่ มห้นั แล ยงั มีวันหนึ่ง อาทติ ยแ์ ละจนั ทร์เทียวไปอุปถากผัด องั คารมักชอบจนั ทร์ ผดั รู้ว่าเขามาจ่ิมกัน ๓ คน จึงปูสาดไว้รอถ้าเขา ๓ คน อาทติ ยม์ ารอดจึงถามผดั ว่า จักปู สาดไว้ ๓ ผืนอั้นจักเยยี ะดงั ฤๅจา ผดั กค็ นงิ ใจวา่ อาทิตยบ์ ่รวู้ า่ จนั ทร์มชี ู้สมสู่มกั กับ ดว้ ยองั คารชะแล ผัดจึงคนิงใจวา่ ฉนั นี้ เม่ือกบู ่บอกพญาอาทติ ย์ดังอ้นั พญาก็จักตาย เมอื่ กูบอกพญาอาทติ ย์ อังคารก็จกั ตาย เมือ่ กูบอกสองขากจ็ ักตายผหู้ น่งึ บบ่ อกกจ็ ัก ตายผูห้ นึ่ง เม่อื กูบอกฉันน้ีสองขากบ็ ่ตายซกั คนชะแล ผัดจึงกลา่ วว่า ดูรามหาราช สูมาจิม่ กัน ๓ คนดาย วนั นเี้ หตดุ งั อน้ั เราจึงปสู าดไวถ้ ้า ๓ อันเพอ่ื อัน้ แล ยามนน้ั อังคารได้ยนิ จงึ แล่นหนีไป ยามน้ันอาทติ ย์ร้จู งึ เคยี ดแกอ่ ังคาร ถอดมดี สะหลีกัญไชย ไลฆ่ ่าองั คารไป ผัดจึงหา้ มว่า ดูรามหาราชเจ้า ขา้ จักห้ามผิวา่ บ่ฟงั กำ� ขา้ ดังอ้นั แต่นี้ เมอ่ื หน้า ทา่ นอย่ามาสู่ข้าเน้อ พญาอาทิตยบ์ ่ฟงั แล พญาอาทิตยล์ วดแปลงหน้าล่อผดั ซัดมดี สะหลกี ัญไชยไปถูกองั คาร เหตุดังน้พี ระอาทิตยถ์ ูกอังคารเลือดจกั ตกด้วยเหตุ น้ีแล จนั ทรจ์ ึงเคียดแก่ผัด ว่ากหู ากเล่นชกู้ บั อังคารดาย ผัดอันเป็นพ่อกพ็ ้อยบอกผวั กูไลฆ่ ่าองั คารไปฉันนจี้ า เหตุดังอ้นั ผดั ถกู กับจันทร์จักเป็นค�ำด้วยผ้หู ญิง อาทิตยถ์ กู กับองั คารผัวเมียผิดกัน อาทิตย์ถกู ผดั จักมลี าภชะแล ยังมวี นั หนึง่ เสาร์มกั หลบั นัก ศุกรต์ ม้ น�้ำอาบหอ้ื ผดั จวุ นั ศุกรต์ ม้ นำ้� อาบ แล้ว เสารห์ ลับตนื่ มันรู้วา่ น�้ำอนุ่ แล้ว มันก็ฟั่งไปบอกผดั ว่าในกาลบดั นี้ควรแกเ่ จา้ กู แล้วแล ผดั กไ็ ปตามคำ� จุวันแล วันหน่ึง ศกุ ร์คนงิ ใจวา่ กอู ุปถากผดั ฉนั น้ีหาเหตกุ ารณ์ หาคณุ บ่ได้ ผกิ ูจักสำ� แดงคณุ วิเศษแก่เสาร์กอ่ น ยงั มใี นวนั หนง่ึ ศกุ รต์ ้มน้�ำอาบไว้แล้ว ๗๓ รวมกนั

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชัย ทำ�ทอง 125 เอาไปไวท้ ล่ี บั ทหี่ นงึ่ เสารห์ ลบั ตน่ื ไปบอกผดั ดงั่ จวุ นั นนั้ แล เมอ่ื นน้ั ผดั ไปหานำ�้ อาบบห่ นั ผดั ลวดเคยี ดแก่เสาร์นนั้ แล เสารล์ วดเคยี ดแก่ศกุ รว์ า่ แต่นี้ไปเมอื่ หนา้ ราเปล่ียนมือ ตม้ นำ้� อาบแกก่ นั แลวนั แลเทือ่ เต๊อะ วา่ อน้ั ศกุ รก์ ล่าวว่าสนั นีก้ ันราต้มน�้ำอาบหอื้ มึง เอาผา้ อาบน�้ำกบั เกบิ ตีนไปไว้เนอ วา่ อน้ั ยังมีในวันหนง่ึ เสาร์ต้มนำ้� อาบไวท้ หี่ นึง่ มัน ป้อยเขา้ อยู่ในหมอ้ น�้ำอาบท่ีนั้น ศุกร์หลบั ตืน่ คนิงใจว่า กูจกั ดนู ้�ำอาบก่อน เสารป์ อ้ ย กระทำ� ตอ่ กเู ลา่ จาวา่ อนั้ ศกุ รล์ วดไปดนู ำ้� อาบแตห้ น้ั แลศกุ รป์ อ้ ยหนั เสารล์ งอยใู่ นหมอ้ นำ�้ ศุกร์จงึ เอาไม้ เหลย้ี มแทงลงไปถูกหวั เสารเ์ ลา่ แล เหตุดงั น้นั ศกุ รแ์ ละเสาร์ถกู กันจึง เจ็บหวั เพื่ออ้นั แล จงึ มใี นวันหนึง่ ศุกร์หลบั บา่ ตื่นเท่อื เสาร์อุม้ เอาศกุ รท์ อดตกแอวลวดหกั ไป แล เหตดุ ังอ้นั ศกุ ร์ถูกเสาร์อย่าขึ้นตน้ ไมใ้ หญ่ ห้อื แหน๗๒ ชา้ งมา้ งวั ควาย๗๓ เดียวจักเสีย องกะ๊ จะแล ยังมวี นั หน่งึ พธุ หนั ราหูกินนำ้� ใจใคร๗่ ๔ พญาอนิ ทร์ พุธไปบอกพญาอินทรว์ า่ ราหูลกั กินนำ�้ ใจใคร่ ว่าอั้นพญาอนิ ทรถ์ ามว่า ดูรา ราหูมงึ มาลักกนิ น�้ำใจใครก่ เู ยีย ะสงั เด ราหกู ล่าววา่ ข้าบ่ไดก้ ิน ผใู้ ดวา่ ขา้ กิน พุธฟังดง่ั อ้นั จึงกล่าววา่ มงึ กนิ แลเหตุใด มงึ จงึ ว่าบ่กนิ วา่ อน้ั พญาอนิ ทรล์ วดเอามดี สะหลกี ญั ไชยซัดไปตกแอวราหูปดุ ไปหั้น แล เหตุวา่ ดังอั้นราหูถกู พธุ จา่ งเจ็บแอวเมื่อนัน้ แล ยงั มใี นวันหนึง่ อาทิตย์และจนั ทรเ์ ทียวไปหันราหหู ลงั บม่ ี จึงกล่าววา่ ดูรา ราหู ท่านมกี ำ� ลังแรงนกั ยังจกั แลน่ ขดเผือไดบ้ จ่ า ราหูลวดเคียดแกอ่ าทิตย์และจนั ทร์ หัน้ แล มันก็กลา่ ววา่ เขืออวดวา่ เขือมยี ศหนักศักดิ์ใหญ่ แม่นวา่ ท้าวพญาใหญ่กบ็ ด่ แู ค วนกูได้แล ว่าอน้ั กก็ าไวห้ ั้นกอ่ น รากูจกั กระทำ� หอื้ เขือทั้งสองอายแกท่ า่ น หือ้ หายศบ่ ได้แมน่ แต้จะแล วา่ อ้ันเหตนุ น้ั ราหถู กู อาทิตย์ท่านจักดแู ควน เมอื่ อั้นแล นยิ ายวัน แล้วเทา่ อกี้ อ่ นแล เนอ้ื หาจากนิทานดาวนน้ั จึงเปน็ สาเหตแุ ห่งการจับคดู่ าวตา่ งๆ ว่ามคี ณุ หรอื โทษตอ่ กนั อยา่ งไร เมอ่ื ดาวตา่ งๆ กระทบกนั จะเกดิ เหตกุ ารณด์ รี า้ ยกข็ น้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะ ของดาว ความหมายและดาวกระทบ เป็นท่มี าของความเชื่อในแขนงอ่ืนๆ มากมาย ๗๒ ระวัง ๗๓ พิการ ๗๔ ในตำ� นานของฮินดูคือนำ�้ อมฤต

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง126 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา จากเน้อื หานิทานดาวดงั กล่าว พบการใชค้ ติการกำ� หนดคา่ ดาวแบบลา้ นนาเพอื่ ใชใ้ น การหาวันทเี่ หมาะกับการทำ� ไร่นาอกี ส�ำนวนหน่ึงวา่ ๗๕ นักปราชญ์ครบู าว่าไว้ วัน ๑ เท่าดีแรกนาต้ังไถนา วนั ผดั เปน็ อาจารยค์ วรดี หว่านกลา้ วนั ศุกรเ์ ป็นชา่ งคำ� ควรปลูกไม ้ วันพุธเปน็ พ่อครัวเกา๊ ควรเกี่ยวข้าวดเี อา วนั เสาร์เป็นนายคมนาคม เอาข้าวใส่เยยี ดีเท่ียงหมน้ั วันจันทร์เปน็ นางเทวีเกา๊ ควร เอาข้าวออกเยยี ดี วันอังคารเป็นพวกนอ้ ยผกู้ ล้า ควรดแี รกเพ้ียวไรน่ าดีแล นอกจากนี้การศึกษาและทำ� ความเขา้ ใจดาวพระเคราะหน์ นั้ ยังมกี ารจำ� แนก กลมุ่ ดาวออกเปน็ สองกลมุ่ คอื ดาวโสมะเคราะหห์ รอื ดาวศภุ เคราะห์ และดาวยายหี รอื ดาวปาปะเคราะห์ กลา่ วคอื ดาวศภุ เคราะหค์ อื ความหมายของดาวทดี่ ี ศภุ ะ หมายถงึ ความดงี าม ความสุขต่างๆ อนั ประกอบดว้ ย จันทร์ พธุ พฤหสั และศกุ ร์ ซึ่งแสดงเปน็ ตัวเลขประจำ� ตัวของกลมุ่ ดาวศุภเคราะห์ไดแ้ ก่ ๒ ๔ ๕ ๖ ซึง่ ตัวเลขท้ังสน่ี ้ี ในตำ� รา ล้านนาการค�ำนวณหาวนั ฟ้าตีแส่ง เศษท่ีค�ำนวณได้จำ� นวน ๒ ๔ ๕ ๖ ถือวา่ เปน็ วันดี ควรแก่กระทำ� การมงคล เนือ่ งจากตัวเลขเหล่าน้มี าจากเลขของดาวศุภเคราะหน์ ีเ่ อง สว่ นเศษทล่ี งจำ� นวน ๐ ๑ ๓ ๗ ๘ ถอื ว่าไม่ดี ไมค่ วรกระทำ� การมงคล เน่อื งจากกลมุ่ หลงั นจี้ ดั เปน็ ดาวปาปะเคราะห์ หมายถงึ ดาวท่ีให้โทษทกุ ข์หรือดาวพระเคราะห์ฝา่ ย ที่บันดาลให้โทษมากกว่าให้คณุ อันได้แก่ อาทติ ย์ อังคาร เสาร์ ราหแู ละเกตุ บาง ตำ� ราพระอาทิตย์จัดใหอ้ ยูห่ มวดกลางๆ ไม่ดีไมร่ ้าย ตวั เลขสญั ลกั ษณข์ องดาวปาปะ เคราะห์เรยี งตามล�ำดับไดแ้ ก่ ๑ ๓ ๗ ๘ ๙ ๗๕ ต้นฉบับพบั สาจากวัด ชมพหู ลวง ตำ� บลชมพู อ.เมืองลำ� ปาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชัย ท�ำ ทอง 127 กำ� ลงั ดาวพระเคราะห์ จากต�ำนานดาวพระเคราะห์จะพบว่าดาวแต่ละดวงจะถูกสร้างข้ึนจากวัตถุ หรอื สง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ และจำ� นวนทตี่ า่ งกนั จงึ เปน็ ทมี่ าของกำ� ลงั ดาวพระเคราะหด์ งั กลา่ ว นนั่ เองยกตวั อย่างเช่น พระจนั ทร์สร้างจากนางฟา้ ๑๕ คน กำ� ลงั ดาวของพระจันทร์ จึงเทา่ กับ ๑๕ ดงั น้นั กำ� ลังดาวตา่ งๆ จึงมีความต่างกันท้งั หมด มีผลกับการทำ� นาย ทายทักทางโหราศาสตรเ์ ป็นอยา่ งมาก นยิ มใช้คำ� นวณชว่ งอายุของบคุ คลโดยจะมี ดาวพระเคราะห์ เหล่านีเ้ ขา้ มามอี ิทธิพลตอ่ เจา้ ชะตาในแต่ละชว่ งอายุ และสัมพนั ธ์ กบั วนั เกดิ ของบคุ คลเจา้ ชะตาเรยี กกนั วา่ ดาวเสวยอายุ ยกตวั อยา่ งเชน่ บคุ คลเกดิ วนั อาทติ ย์ พระอาทิตย์ กำ� ลัง ๖ เสวยอายุ ตั้งแต่ แรกเกดิ ถงึ ๖ ปี พระจันทร์ กำ� ลัง ๑๕ เสวยอายุ ตัง้ แต่ ๖ ป ี ถงึ ๒๑ ปี พระองั คาร กำ� ลัง ๘ เสวยอายุ ต้ังแต ่ ๒๑ ปี ถงึ ๒๙ ปี พระพธุ กำ� ลงั ๑๗ เสวยอายุ ตง้ั แต ่ ๒๙ ป ี ถึง ๔๖ ปี พระเสาร์ กำ� ลงั ๑๐ เสวยอายุ ตง้ั แต ่ ๔๖ ป ี ถึง ๕๖ ปี พระพฤหัสบดี กำ� ลัง ๑๙ เสวยอายุ ตง้ั แต ่ ๕๖ ป ี ถึง ๗๕ ปี พระราหู กำ� ลงั ๑๒ เสวยอายุ ตัง้ แต ่ ๗๕ ป ี ถึง ๘๗ ปี พระศุกร์ กำ� ลัง ๒๑ เสวยอายุ ตั้งแต ่ ๘๗ ปี ถึง ๑๐๘ ปี การทดี่ าวตา่ งๆ เขา้ มาเสวยอายหุ มายถงึ ดวงดาวเหลา่ นนั้ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความเปน็ ไปของเจา้ ชะตา เชน่ พระอังคาร เสวยอายุ ๘ ปสี ง่ ผลใหต้ กต�่ำอย่างมากในทกุ ดา้ น ของการด�ำเนนิ ชีวิต ไม่วา่ ความรกั การงาน คู่ครอง การลงทนุ การค้าขาย อบุ ตั ิเหตุ การสูญเสยี ทรพั ยส์ นิ ทะเลาะขัดแย้งกนั เป็นคดคี วาม จิตใจจะว่นุ วายมาก ไมส่ งบสขุ แตเ่ ม่ือพ้นจากอ�ำนาจของดาวองั คารแล้วเกณฑด์ าวเสวยอายุต่อมาคอื ดาวพธุ กจ็ ะ ตคี วามวา่ ตอ่ ไปภาคหนา้ อกี ๑๗ ปตี ามกำ� ลงั ดาวพธุ เสวยอายุ ๑๗ ปี จะสง่ ผลใหเ้ จา้ ชะตา มโี ชคดีหรือโดดเดน่ ในด้านความรกั และหน้าทกี่ ารงาน จะมีโชคลาภ จติ ใจสงบ อยากเขา้ หาธรรมะ มจี ติ ใจปลอดโปรง่ ถา้ ยงั ไมม่ คี กู่ จ็ ะมคี ู่ ยงั ไมแ่ ตง่ งานจะไดแ้ ตง่ งาน หรอื คนรกั คู่ครองท่จี ากไปจะหวนกลบั มาคนื ดกี ันเปน็ ตน้ แต่ใชว่ ่าดาวพระเคราะห์ แตล่ ะดวงจะมผี ลตอ่ ดวงชะตาตลอดเวลาทคี่ รองอายเุ สมอไป เนอื่ งจากยงั มดี าวแทรก

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง128 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ในชว่ งดาวพระเคราะหเ์ สวยอายุ อาจจะทำ� ใหเ้ จา้ ชะตามชี วี ติ ผกผนั ในชว่ งระยะเวลาสนั้ ๆ ดังค�ำที่นิยมพูดกันกับชะตาบุคคลที่ชีวิตก�ำลังเจริญรุ่งเรืองแต่ก็มีเหตุขัดข้องท�ำให้ วนุ่ วายหรอื ชีวติ ตกตำ่� คือ “พระศกุ รเ์ ข้า พระเสารแ์ ทรก” กลา่ วคอื ดาวศุกรเ์ ปน็ ดาว ศภุ เคราะห์ เมือ่ เข้าเสวยอายุจึงให้คณุ แก่เจ้าชะตา เมือ่ ดาวเสารเ์ ป็นดาวบาปเคราะห์ เมื่อเขา้ แทรกอายุจงึ ให้โทษ ตามนิทานชาติเวรทีก่ ล่าวถึงท่มี าของเหตขุ องดาวศุกร์ และดาวเสาร์ว่าเป็นคู่ดาวที่ขัดแย้งกัน ด้วยเหตุน้ีผู้ท�ำนายก็จะตีความว่าชีวิตของ บุคคลผู้เป็นเจา้ ชะตาจะขึ้นลงไม่แนน่ อนน่นั เอง นอกจากนี้ เกณฑเ์ สวยอายยุ งั สมั พนั ธก์ บั การไหวพ้ ระประจำ� วนั เกดิ ซง่ึ ตามหลกั แลว้ จะต้องไหว้พระประจ�ำวันเกดิ แล้วเวยี นต่อไปตามดาวพระเคราะหเ์ สวยอายุ เชน่ เกดิ วันอาทิตย์พระประจ�ำวันเกิดคอื ปางถวายเนตร เมื่อพน้ ครบ ๖ ปแี ล้วก็จะเปลีย่ น เปน็ บชู าพระปางหา้ มญาตแิ ทน เนอื่ งจากเปน็ ปางประจำ� วนั จนั ทรท์ กี่ ำ� ลงั เสวยอายอุ ยู่ และพอครบ ๑๕ ปแี ลว้ จงึ เปลยี่ นเปน็ การบชู าพระปางไสยาสน์ ซึ่งเปน็ พระประจำ� วันองั คารเปน็ ตน้ ก�ำลังของดวงดาวตา่ งๆ ที่ปรากฏในตำ� ราโหราศาสตร์ ยงั สง่ ผลถึงตำ� รา พรหมชาตแิ บบล้านนาในเร่ืองอ่ืนอกี เชน่ การใชด้ าบประจ�ำตัว ควรใชด้ าบที่มีความ ยาวกไ่ี ม้ ซึ่งจ�ำนวนของความยาวมกั จะเปน็ จำ� นวนของกำ� ลงั ดาวพระเคราะห์เหลา่ น้ี ทง้ั สิน้ นอกจากน้ยี ังระบุถงึ ลักษณะของปลายดาบ ว่าควรใช้ปลายแบบไหนจงึ จะ เหมาะสมกับดวงชะตา โดยถอื ตามโฉลกของคนทเี่ กดิ ในช่วงปีนกั ษตั รต่างๆ สัมพันธ์ กับรูปร่างสัณฐานของคนในทวีปต่างๆ ในจักรวาล ซึ่งมีสัณฐานของใบหน้าเป็น วงกลม ส่เี หล่ยี มแหลมโคง้ ดั่งพระจนั ทร์เสี้ยวและโค้งรี อนั เปน็ ท่ีมาของดาบปลายตดั ปลายแหลมใบคา ดาบปลายว้าย ดาบปลายบวั เปน็ ตน้ นอกจากนี้ยงั มกี ารระบสุ ี ของเชือกดาบใหส้ ัมพนั ธ์ชะตาเพื่อเปน็ มงคลกับตนเอง รวมถึงระบุ เร่อื ง ถงุ เป้ง ซง่ึ หมายถงึ กระเปา๋ เงนิ ของคนโบราณ วา่ ควรใช้สไี หนอยา่ งไรจงึ จะเปน็ มงคล และ อัญมณมี งคลใดที่ควรเหมาะกับเจา้ ชะตาควรจะเลือกหามาเกบ็ ไวต้ ิดตัว เปน็ ต้น

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ทำ�ทอง 129 ภาพโยคม้า พน้ื ฐานโหราศาสตร์แบบล้านนาทใี่ ช้ตัวเลขดาว พระเคราะห์วางไวบ้ นต�ำแหน่งตา่ งๆ ของมา้ ภาพโยคชา้ ง พื้นฐานโหราศาสตร์แบบลา้ นนาที่ใช้ตัวเลขดาวพระ เคราะห์วางไวบ้ นต�ำแหน่งตา่ งๆ ของชา้ ง เชน่ เดียวกนั กับโยคมา้

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง130 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ความหมายของดาวฤกษแ์ บบล้านนา การศึกษาเร่อื งดาวฤกษ์น้นั พึงทำ� ความเข้าใจองคป์ ระกอบอืน่ ๆ อกี สาม หัวข้อหลักดงั นี้ ๑. จกั รราศี คอื การแบ่งวงโคจรของดวงดาวทงั้ หมดออกเปน็ ๑๒ สว่ นโดย แบง่ ออกเป็นสว่ นละ ๓๐ องศา เรยี กว่า ๑ ราศี รวมทั้งหมดมี ๑๒ ราศีก็จะเป็น วงกลม ๓๖๐ องศาพอดี หรอื ที่เรยี กกนั ว่า กลุ่มนักษัตร เป็นการแบ่งเพื่อการค�ำนวณ เวลาและฤดกู าล ราศที ัง้ ๑๒ ราศมี ีชื่อกำ� กับซงึ่ เป็นทมี่ าของชอื่ เดอื นต่างๆ เรยี งตาม ลำ� ดบั แบบสากลคือ ๑. ราศีเมษ (Aries) รูปแกะ ๒. ราศีพฤษภ (Taurus) รูปโค ๓. ราศีเมถุน (Gemini) รปู คนคู่ ๔. ราศกี รกฏ (Cancer) รปู ปู ๕. ราศสี งิ ห์ (Leo) รปู สงิ โต ๖. ราศกี ันย์ (Virgo) รปู หญงิ สาวถือรวงขา้ ว ๗. ราศตี ลุ ย์ (Libra) รปู คนถอื ตราชง่ั ๘. ราศีจกิ (Scorpio) รูปแมงปอ่ ง ๙. ราศีธนู (Sagittarius) รูปคนโก่งคันศร ๑๐. ราศมี กร (Capricorn) รปู มกรหรอื แพะทะเล ๑๑. ราศกี มุ ภ์ (Aquarius) รูปคนเทนำ้� ๑๒. ราศมี ีน (Pisces) รูปปลาคู่ ความต่างในเรื่องของราศีในต�ำราล้านนานั้นมีความผิดเพี้ยนไปจากสากล ทว่ั ไปบา้ งเลก็ นอ้ ย กลา่ วคอื รปู สญั ลกั ษณข์ องราศมี คี วามตา่ งกนั จากคมั ภรี ส์ รุ ยิ ยาตรา ฉบบั วดั ชมพหู ลวงไดร้ ะบวุ า่ ราศเี มษมรี ปู แพะ ราศปี ระสบมรี ปู งวั ราศเี มถนุ มรี ปู บา่ วสาว กอดกนั ราศีกรกฏั มรี ูปปลาและปู ราศีสงิ ห์มีรูปเสือและสิง ราศกี นั ย์มรี ูปสาวกบั

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 131 แม่ร้างปัน่ ฝ้าย ราศีตลุ ยม์ ีรูปช่ังกับยอย ราศีประจกิ มีรูปปลาเป้า ราศธี นมู รี ูปคนยงิ ธนู มังกรมรี ูปนาคแลมงั กร ราศีกุมภม์ รี ปู ไหดอกไม้ ราศมี ีนมีรูปฟองน้�ำสมุทร สว่ น เนื้อหารายละเอียดอ่ืนๆ นน้ั เปน็ ไปตามหลกั สากลท่ัวไป นอกจากน้ีแตล่ ะราศีจะถกู แบง่ ย่อยออกเป็น ๓ สว่ นๆ ละ ๑๐ องศาเรียกวา่ ตรยี างค์ ดงั นน้ั ๑ ราศจี ะเทา่ กบั มี ๓ ตรยี างค์ ใน ๑ ตรยี างคแ์ บง่ ยอ่ ยออกเปน็ ๓ นวางค์ ๑ นวางศเ์ ทา่ กับ ๓ องศา ๒๐ ลิปดา ๑ องศา เทา่ กับ ๖๐ ลปิ ดา ๑ ลปิ ดาเท่ากบั ๖๐ ฟลิ ปิ ดา ภาพการแบ่งจกั ราศอี อกเป็นหนว่ ยยอ่ ย วงกลมนอกสุดคือต�ำแหน่งดาวฤกษ์ ๒๗ กลมุ่ วงท่ี ๒ คอื ต�ำแหนง่ นวางศ์ วงที่ ๓ คอื ต�ำแหน่งตรยี างค์ วงท่ี ๔ คือต�ำแหนง่ ดาวเจา้ เรือน ใน ๑๒ ราศี ในสมยั โบราณการบันทึกวันเวลา มิได้มปี ฏิทนิ ส�ำเร็จรูปดงั ปจั จุบนั ผ้บู นั ทึก ตอ้ งมคี วามเขา้ ใจเรอ่ื งดาราศาสตรเ์ ปน็ เบอ้ื งตน้ มกั จะเขยี นบนั ทกึ วนั เวลาตามตำ� แหนง่ ดวงดาวบนทอ้ งฟา้ จรงิ ยกตวั อยา่ งเชน่ ยามกองงาย วนั ๑ เดอื นกติ ตกิ าเปง็ ปกี ดั เปา้ คำ� วา่ เดอื นกติ ตกิ า หมายถงึ ชอ่ื เดอื นทม่ี าจากกลมุ่ ดาวฤกษท์ สี่ ถติ ตายตวั อยใู่ นราศตี า่ งๆ หากระบุว่าเป็นเดือนกิตติกาแสดงว่า ช่วงเวลาน้ันพระอาทิตย์ก�ำลังเข้าเสวยฤกษ์

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง132 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา กิตติกาอยใู่ นราวชว่ งเดอื น ๘ เหนอื ในราศีพฤษภ ขณะท่ีบางต�ำราจะบนั ทึกว่าเป็น เดอื นวิสาขะ ดว้ ยเหตผุ ลวา่ โดยปกติแล้ววันทพ่ี ระจนั ทร์เพญ็ เตม็ ดวง พระอาทติ ย์ และพระจันทรจ์ ะต้องอยรู่ าศีตรงข้ามกนั เสมอ ดว้ ยเหตนุ เี้ ดือน ๘ เปง็ พระจันทร์ จะต้องอยูใ่ นราศีตรงขา้ มพระอาทติ ย์ตามกฏ เม่ืออาทิตยอ์ ยูส่ ถิตร่วมกบั ดาวกติ ติกา ในราศพี ฤษภ พระจนั ทรจ์ ึงจะต้องอยูใ่ นราศพี ิจิกซ่งึ เป็นราศีตรงขา้ ม โดยพระจันทร์ จะเสวยฤกษ์วิสาขะพอดีจึงได้บันทึกเป็นเดือนวิสาขะ ดังน้ันต้องพึงสังเกตเสมอว่า ผ้บู ันทึกตง้ั ใจระบเุ ดอื นจากต�ำแหน่งพระอาทติ ยห์ รือเดือนพระจนั ทร์ ๒. ฤกษห์ ลวง มี ๙ ฤกษ์ คือการจัดหมวดหมู่ กลมุ่ ดาวฤกษท์ ง้ั ๒๗ ตวั ให้ เข้าหมวดหม่ตู ามความหมายของดาวฤกษน์ ้ันๆ มกั จะใช้เปน็ ตัวเลอื กหลักในการหา ฤกษ์ยามในการท�ำการมงคลโดยมีความหมายตา่ งๆ ตามฤกษด์ งั นี้ ๑. ทลิทโทฤกษ์ หรอื ตำ� ราลา้ นนาบางฉบับเรียก อตั ตะโนฤกษ์ รวมเอาฤกษบ์ นกลมุ่ ท่ี ๑ ๑๐ และ ๑๙ หมายถงึ ฤกษแ์ หง่ ผขู้ อ หรอื ขอทาน ผมู้ กั นอ้ ย ผทู้ ีม่ ีความมานะบากบั่นด้วยตนเอง สร้างด้วยฐานะด้วยตนเอง ฤกษน์ ีน้ ยิ มใช้กับการเจรจาความ การร้องทุกข์ การกยู้ ืม การสู่ขอแตง่ งาน สมคั รงาน เป็นตน้ ๒. มหทั ธโนฤกษ์ รวมเอาฤกษบ์ นกลุม่ ท่ี ๒ ๑๑ และ ๒๐ คอื ฤกษ์ แหง่ พอ่ คา้ คหบดี เศรษฐี ผูร้ งุ่ เรือง เป็นฤกษ์ทน่ี ยิ มใช้กับงานมงคลตา่ งๆ เช่นข้นึ บา้ นใหม่เปิดร้าน บางแหง่ ใช้ เปน็ ฤกษแ์ ต่งงาน หรือลาสิกขาบท เป็นต้น ๓. โจโรฤกษ์ รวมเอาฤกษ์บนกล่มุ ที่ ๓ ๑๒ และ ๒๑ คือฤกษ์แหง่ ผ้ปู ล้น ขโมย นักเดินทาง ผคู้ น้ หา ไมน่ ยิ มให้เป็นฤกษ์การมงคลเท่าไหรน่ กั สมยั โบราณใชฤ้ กษน์ ใี้ นการออกรบ ชงิ บา้ นเมอื งหรอื ปลน้ คา่ ย ฤกษน์ ดี้ ผู วิ เผนิ จะเปน็ ฤกษ์เสียแต่กใ็ ห้คณุ ใน ดา้ นการขนสง่ การเดนิ ทาง การค้นคว้า นกั วจิ ัย เป็นตน้ ๔. ภมู ปิ าโลฤกษ์ รวมเอาฤกษ์บนกลมุ่ ที่ ๔ ๑๓ และ ๒๒ หมายถงึ ผู้รักษาแผ่นดิน เป็นฤกษ์ที่นิยมใช้กับการเกษตร การซ้ือที่ดิน ก่อสร้าง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชัย ท�ำ ทอง 133 ยกศาลพระภูมิ เป็นตน้ ๕. เทศาตรฤี กษ์ หรือบางตำ� ราเรียกว่า เทศสันถี รวมเอาฤกษบ์ น กลมุ่ ที่ ๕ ๑๔ และ ๒๓ คอื ฤกษแ์ หง่ นกั ทอ่ งเทยี่ ว หญงิ บรกิ าร นกั บรกิ รตา่ งๆ นกั รอ้ ง นักแสดง นักดนตรี ฯลฯ เป็นฤกษ์ทใี่ ชก้ ับโรงมหรสพ ร้านอาหาร ร้านเหล้า สถานบริการ ดา้ นตา่ งๆ หรอื ตลาด เป็นต้น ๖. เทวฤี กษ์ รวมเอาฤกษ์บนกลุ่มที่ ๖ ๑๕ และ ๒๔ หมายถึง นางพญา ความงาม ความหรหู รามีเสน่ห์ นิยมใช้กับการเปดิ ร้านเสรมิ สวย หรือเขา้ หาผู้ใหญ่ทเี่ ป็นผู้หญงิ คนทเ่ี กดิ ในฤกษ์น้ีหากเป็นหญิงจะสบายหากเป็นชายก็จะเรียกว่านารี อปุ ถัมภน์ ่ันเอง ๗. เพชฌฆาตฤกษ์ รวมเอาฤกษบ์ นกลมุ่ ท่ี ๗ ๑๖ และ ๒๕ คือ ฤกษ์แหง่ นักฆา่ เหมาะสำ� หรับผทู้ ีข่ ายเนือ้ สัตว์ หรอื ทหารต�ำรวจ หมอ พยาบาล ไมน่ ิยมใชก้ บั งานมงคลแต่ใช้ ในเร่ืองอ่นื ๆ เช่นการตัดสนิ คดคี วาม การเดนิ ทัพในสมัยโบราณ หรอื ประกอบ พิธีกรรมต่างๆ ๘. ราชาฤกษ์ รวมเอาฤกษบ์ นกลมุ่ ท่ี ๘ ๑๗ และ ๒๖ คอื ผเู้ ปน็ ใหญ่ พระเจ้าแผน่ ดิน เหมาะสำ� หรับงานของบ้านเมอื ง ราชพิธี การเขา้ รับ ต�ำแหนง่ ใหม่ หรือเข้าหาผู้ใหญ่เปน็ ตน้ ๙. สมโณฤกษ์ รวมเอาฤกษ์บนกลุ่มที่ ๙ ๑๘ และ ๒๗ หมายถึง ฤกษแ์ ห่งนักบวช ผทู้ ่ชี อบสันโดษ หรอื ถกู กักขงั กไ็ ด้ ฤกษ์น้นี ยิ มใช้กับ งานบวช งานวดั หรือพธิ กี รรมในศาสนา เป็นตน้ ๓. ดาวฤกษ์ มี ๒๗ กลมุ่ เรียกว่าฤกษ์บน หรอื ฤกษน์ อ้ ย เมื่อเขา้ ใจกลุ่มฤกษ์ หลวงทัง้ ๙ ฤกษแ์ ลว้ ตามหลกั โหราศาสตร์แล้ว ฤกษ์หลวงท้ังหมดจะมฤี กษ์ย่อย ประจ�ำแต่ละฤกษ์โดยจะมจี �ำนวนเท่ากันคือ ๑ ฤกษห์ ลวงจะมี ๓ ฤกษย์ อ่ ย รวม จำ� นวนเป็น ๒๗ ฤกษ์พอดดี ังไดอ้ ธิบายไวใ้ นข้างต้น โดยกล่มุ ดาวฤกษ์ทัง้ ๒๗ นีจ้ ะ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง134 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ภาพตำ� แหนง่ ดาวฤกษ์ทส่ี ถติ ย์ อยู่ในแต่ละราศี ทมี่ า:สมดุ ภาพไตรภูมิ ฉบับอักษรธรรมลา้ นนาและ อกั ษรขอม.กรมศลิ ปากร กระจายอยู่ในราศีตา่ งๆโดยมรี ะยะหา่ งท่ไี ม่เท่ากัน แต่จะคงอยใู่ นราศแี ต่ละราศตี าม สภาพน้นั ตลอดเวลาไม่เคลอ่ื นท่ี การทก่ี ลมุ่ ดาวฤกษ์อยปู่ ระจ�ำที่ เม่อื พระจนั ทร์โคจร ผ่านเข้าไปในหมดู่ าวฤกษน์ น้ั ครบ ๒๗ ฤกษ์ กจ็ ะเปน็ เวลา ๑ เดอื นตามหลักจันทรคติ การหาฤกษด์ กี ค็ อื จงั หวะชว่ งทพ่ี ระจนั ทรโ์ คจรไปพบกบั ดาวฤกษก์ ลมุ่ ตา่ งๆทม่ี คี วามหมาย ท่ีดี จงึ มกี ารสมมติชอ่ื กลุม่ ดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ กลมุ่ พรอ้ มความหมายของหมูด่ าว แต่ละ ฤกษ์ทีด่ รี ้ายแตกตา่ งกนั ออกไปโดยจะมนี ิทานดาวฤกษท์ ่จี ะบอกท่มี าและความหมาย ของแต่ละดวงดาวกำ� กบั ไวด้ ังน๗้ี ๖ ๑. ดาวอัศวินี หรือดาวมา้ หางฮ่อน๗๗ หมวดฤกษท์ ลทิ โท ตามต�ำนานนทิ าน ดาวฤกษ์กล่าวว่า กาลครงั้ หนง่ึ มีเศรษฐผี ้หู นึง่ มีขา้ วของ ๑๘ โกฏกิ ็ฉบิ หายเสย้ี ง ลวด เปน็ คนทุกข์ไร้เข็ญใจ วนั หนึ่งน้นั คนตังหลายเลน่ มหรสพลกู ชายเศรษฐจี ง่ึ กลา่ วกับ พ่อแม่ว่าจุ่งประดับตัวข้าด้วยเคร่ืองประดับท้ังหลายข้าจักเล่นมหรสพดีหลีเศรษฐีท้ัง ๗๖ ตน้ ฉบบั นทิ านดาวฤกษท์ ใี่ ชป้ รวิ รรตนเี้ ปน็ พบั สาเรอ่ื งนทิ านดาวฤกษข์ องวดั ศาลาหมอ้ อำ� เภอเกาะคา จงั หวดั ลำ� ปางเปน็ หลกั และเปรยี บเทยี บชอื่ ดาวฤกษก์ บั สำ� นวนอน่ื ๆ ๗๗ ฉบบั วดั ปงสนกุ เหนอื กลา่ ววา่ “อสั สวณิ มี ี ๙ ลกู เปน็ ดงั่ หวั มา้ ชอ่ื วา่ งหู อ้ ยสา้ วแล ในผงั กระบวนดาวฤกษ์ ฉบบั วดั ศาลาหมอ้ เรยี กดาวงนู อ้ ย”

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 135 สองก็กล่าวว่าเจ้าลูกรักเราท้ังหลายฉิบหายเสียเสี้ยงเป็นคนทุกข์ไร้เข็ญใจลูกเศรษฐี นอ้ ยใจยงิ่ นัก จึงกลา่ วกับพ่อแม่เป็นเจ้าจงุ่ ขงขวายหาค�ำปนั หนึ่งเพอ่ื ข้าจักไปเมอื งตกั ศิลาเพื่อเรียนเอาศาสตร์และศิลป์เพ่ือเป็นของจ้างแก่อาจารย์เม่ือนั้นเศรษฐีท้ังสองก็ เขาะขอดขา้ วของพอได้ ๕๐๐ คำ� ไปยมื ผู้อ่ืน ๕๐๐ คำ� ลูกเศรษฐีผนู้ น้ั ก็ไปเรียนเอา ศาสตร์และศิลป์กเ็ นรมติ เอารูปสตั ว์ทงั้ หลายประมาณปีหนง่ึ เจา้ ค�ำ ๕๐๐ กถ็ ามเอา เงินว่าจะเอาพันหน่ึงลูกเศรษฐีกล่าวว่าพ่อแม่เป็นเจ้าอย่าได้เคิงใจเต๊อะที่น้ันลูก เศรษฐจี ึงเนรมติ รปู สัตวต์ ่างๆไปขายมากนกั ลวดเป็นดมี ขี ้าวของมาดง่ั เก่าพายหนา้ แตน่ น้ั ลกู เศรษฐกี ไ็ ดเ้ นรมติ ตนเปน็ รปู มา้ มงั คละแลว้ บอกพอ่ ตนเอาไปขายแกพ่ ญาเจา้ เป็นค่าค�ำพันหนึ่งเหตุนั้นบุคคลตังหลายอันเกิดมายังฤกษ์ตัวน้ีมีประหยารู้ศาสตร์ และศลิ ป์แมน้ ท่านใครห่ ือ้ ตายก็บต่ ายแล ยังมีสหายผู้ประเสริฐอันประกอบไปดว้ ย กำ� ลงั บริสทุ ธิ์มากนักไดเ้ ป็นใหญ่แกท่ ่านท้ังหลายเม่อื ได้จตุ ิก็ได้มาเกดิ เปน็ ดาว ๙ ลกู แม่นผ้หู ญงิ ไดเ้ กดิ มาฤกษ์ตัวน้กี ฉ็ นั เดียวกนั แล ๒. กลมุ่ ดาวภรณี หรอื ดาวเขยี งก้อม บ้างก็เรยี กเขยี งค่อม หมวดฤกษ์ มหัทธ โน คนท้งั หลายท่ีไดเ้ กดิ มาในฤกษ์ตวั นจี้ กั ไดเ้ ป็นใหญเ่ ป็นท้าวพญาในเม่ือยังนอ้ ยแล แม่นว่าขา้ ศึกศัตรูมากระท�ำเบียนหื้อตายดัง่ อ้นั กบ็ ่ตาย เทวดารกั ษาในผทู้ ี่เกดิ มาฤกษ์ น้ีอุปปทั วะทง้ั หลายมีมากข้าศกึ จกั มาผจญกอ็ าจแพ้ได้ จักสมมโนรสความปรารถนา แหง่ ตนเปน็ คนผนู้ อ้ ยจักได้เป็นนายช้างฤกษต์ วั นม้ี รี ปู เสมอดัง่ กบุ มี ๘ ลูกนา ๓. กลุ่มดาวกติ ติกา หรือดาววี ๗๘ หมวดฤกษ์หลวง โจโร ฤกษ์ นทิ านดาว กติ ตกิ าฤกษก์ ลา่ วไวว้ า่ ยงั มพี ญาตนหนง่ึ มกั ใครห่ อื้ ลกู ยงิ ผหู้ นงึ่ แกอ่ าจารยผ์ ปู้ ระกอบดว้ ย ประหยายังมีชายหนุ่มผู้ประกอบด้วยประหยารู้ศาสตร์แลศิลป์ตังมวลมีวัณณะงาม มากนักเป็นลูกศิษย์ผู้น้ันรู้ว่าพญาจะห้ือลูกสาวแก่อาจารย์ตนศิษย์ผู้น้ันใคร่ได้ลูกสาว พญาก็มาส�ำแดงตนแห่งศาสตรแ์ ลศลิ ป์แหง่ ตนมากนกั สำ� แดงคณุ มากเท่าใดเสนา อ�ำมาตย์ก็เจยี รจาว่าจะหื้อลกู ยงิ แกอ่ าจารย์ มานพรำ่� เปิงวา่ จกั หื้อลูกพญาเข้าอำ� นาจ ๗๘ วี หมายถึงพดั ภาคกลางเรยี กดาวกลุม่ นว้ี า่ ดาวลกู ไก่ วรรณกรรมลา้ นนา หรอื นทิ านทมี่ ักจะเอามา แตง่ เป็นขบั ซอจงึ มีช่ือตำ� นานไก่น้อยดาววี

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง136 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา แก่กเู ม่ือถงึ วันถว้ น ๗ อาจารยก์ ็รำ่� เปิงวา่ จักหือ้ นางผ้นู ัน้ เข้าอ�ำนาจแหง่ กูเม่อื น้นั ลกู ศิษย์กร็ ู้คำ� มักแก่พญา กม็ าแตลง๗๙ มาเปน็ แมงภจู่ ับอยู่ดวงดอกไมอ้ ันลกู สาวพญา เลน่ นนั้ อาจารย์หันลกู ศิษยจ์ บั อยดู่ วงดอกไม้ลกู สาวพญาก็ขอเอาดวงดอกไมอ้ นั นนั้ แก่ลูกสาวพญานั้นแล มานพก็สอนลูกพญานน้ั แลวา่ อยา่ เอาใสม่ ือท่านอาจารย์เน้อ จ่งุ ซดั ตกเหียลานหนั้ เต๊อะ สว่ นอาจารยก์ ส็ ำ� แดงศาสตร์แลศิลป์แกพ่ ญาได้เล็งดมู านพ ก็รำ�่ เปิงวา่ ผิวา่ บไ่ ดไ้ ปกับลกู สาวพญาอาจารย์ก็เที่ยงได้ลูกสาวพญา อาจารย์จงึ กล่าว แก่พญาว่าข้าแด่มหาราชเจ้าข้าขอดอกไม้แห่งลูกมหาราชเจ้าพญาจึงกล่าวกับลูกสาว ตนวา่ เจา้ ลกู ยงิ จงุ่ ไดเ้ อาดอกไมห้ อ้ื อาจารยเ์ ตอ๊ ะ ลกู สาวพญาวา่ อาจารยใ์ ครไ่ ดก้ เ็ อาเตอ๊ ะ นางกบ็ ่ใส่มืออาจารย์ลวดซดั ตกลงดินแมงภตู่ วั นั้นกแ็ ปรเป็นเม็ดขา้ วสาร อาจารยก์ ็ แปรเปน็ ไก่ผสู้ บั กินขา้ วสารอันน้นั ลูกศษิ ยว์ า่ กจู ักแพไ้ ก่ผู้จงึ แปรเป็นเสือแผว้ อาจารย์ ก็แปรเป็นเสือโคร่งปรากฏแก่หมู่คนท้ังหลายคนทั้งหลายก็ห้ามเสือบ่หื้อกระร้ายแก่ กนั ไดล้ วดแปลเปน็ ลกู ศษิ ยด์ งั่ เกา่ ในกาละนนั้ ลกู ศษิ ยก์ เ็ อาลกู สาวพญาเปน็ เมยี อยตู่ อ่ เตา้ อายุก็จุติตายได้มาเกิดเป็นฤกษ์กิตติกาแลคนท้ังหลายท่ีเกิดมาในฤกษ์ตัวนี้จักมีรูป อนั งามมีประหยาฉลาดรู้ศาสตร์และศิลป์ จกั มกั กระท�ำโทษแกอ่ าจารย์บ่รคู้ ณุ ท่าน กระท�ำมจิ ฉาจารกจ็ ักได้เมียผปู้ ระเสรฐิ จักเสียองกะ๊ เหตุศตั รูมีมากนกั ศตั รจู กั กระท�ำ ดง่ั อนั้ หอื้ ตาย กบ็ ต่ าย พน้ จากศตั รดู ง่ั พระจนั ทรพ์ น้ จากราหนู น้ั แลฤกษต์ วั นม้ี รี ปู เสมอ ดง่ั ก่องขา้ วเปลือกก็วา่ มสี ณั ฐานดัง่ เขาแพะกว็ า่ แล ๔. กลมุ่ ดาวโรหิณี หรือดาวคาง๘๐ หมวดฤกษ์ ภมู ิปาโล ตำ� นานนทิ าน ดาวฤกษ์โรหณิ ีฤกษ์กลา่ ววา่ ยงั มแี ม่ยกั ษข์ ณี ีผหู้ นง่ึ มลี ูก ๔ คนเดินหาอาหารทิศทงั้ ๔ ทิศละคนแม่ยักษ์ผู้น้ันได้ชายผู้หน่ึงมาร�่ำเปิงว่าจักฆ่ากินว่าอ้ันก็เอาไปไว้หน้าตูบแห่ง ตนสว่ นวา่ ชายผู้นั้นผู้เปน็ ผัวลกู ยักษท์ ั้ง ๔ พายลนู กไ็ ดเ้ ปน็ ผวั แม่ยกั ษ์เล่าแลแม่ยกั ษก์ ็ ฆา่ ลกู ท้ัง ๔ เสียยกั ษ์ตัวน้ันตายกไ็ ด้มาเกิดเปน็ ฤกษโ์ รหณิ ีในอากาศบคุ คลท้งั หลายที่ เกิดมาในฤกษต์ ัวน้จี กั มโี กรธามากนัก หาคำ� พิจารณาบ่ไดจ้ ักกระทำ� ตามโกรธะแห่ง ตนจกั ฉบิ ไปดง่ั อน้ั แล ๗๙ แปลงกาย ๘๐ บา้ งก็เรียกว่าดาวคางหมู บา้ งกเ็ รยี กดาวขะโจมหวั

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 137 ๕. กลุม่ ดาวมคิ คสลี ะ หรือดาวหวั เนอ้ื หมวดฤกษห์ ลวงเทศาตรี ต�ำนาน นทิ านไดก้ ลา่ วถึงกลมุ่ ดาว มคิ คสลี ะฤกษ์ไว้ว่า ยงั มพี ญาตนหนงึ่ ร้ศู าสตรแ์ ลศลิ ป์อัน ยิงธนูไปไล่เน้ือทั้งหลายในป่าก็หันยังลูกเนื้อสัตว์ตัวหนึ่งพญาร�่ำเปิงว่าเหตุกูไล่แม่มัน หนแี ลก็เกิดสงั เวทอนิ ดจู ่งิ เอามาเลี้ยงไว้รักษาใกล้โรงแหง่ ตนในกาละน้ัน พญากไ็ ปใจ ดเู น้อื ตวั นน้ั นางเทวีหนั พญาไปส่เู น้ือดงั่ อัน้ ก็บังเกดิ หวงแหน นางก็ห้อื ฆ่าเนอ้ื ตวั น้ัน เสยี เมอ่ื ภายลูน พญารวู้ า่ เน้ือตัวน้ันตายกน็ อ้ ยใจมากนกั ร่�ำเปงิ วา่ ลกู เน้อื ตวั นี้กอู ินดู จึงเอามาเลีย้ งนางเทวีพอ้ ยห้ือท่านฆ่าเสยี พญาบังเกดิ โศกทกุ ข์มากนกั ลวดตายไปเกดิ เป็นฤกษ์มิคคะสีละฤกษ์ตัวน้ีมีรูปเสมือนดั่งหัวเน้ือคนท้ังหลายเกิดมาในฤกษ์ตัวน้ีมี ทกุ ขม์ ากนัก จักตายทุกขเวทนานอ้ ยใจตาย นอ้ ยใจในสเิ นหาท่านผอู้ น่ื แล ๖. กลมุ่ ดาวอารทราหรือดาวหมาแดง๘๑ หมวดฤกษห์ ลวงเทวฤี กษ์ นิทาน ดาวอารทราฤกษก์ ลา่ ววา่ มีนางผู้หนงึ่ ทรงคัพพะมรี ูปโฉมอนั งามนกั นางผ้นู ้นั เคยี ด แก่ผัวตนหนีไปสู่ป่าเกิดลูกในป่าลวดละเสียเทวดาอินดูกุมารผู้นั้นก็เอาไปเลี้ยงไว้บ่ หื้อมีอันตรายรายกุมารผู้นั้นใส่ใจยังเทวดาอันรักษาตนว่าเป็นพ่อเป็นแม่อยู่ในป่าที่นี้ คนท้ังหลายก็ถามกุมารว่าเจ้าลุกที่ใดมาอยู่ที่น่ีกุมารตอบว่าข้าลุกแต่ฟ้าลงมาแลว่า อ้ัน คำ� อันนนั้ ก็เล่าลือชาปรากฏไปรอดพญา พญาอศั จรรยใ์ จมากนักกห็ ้อื คนไปเฝา้ เล้ยี งดดู ว้ ยใจอนั ดมี ากนกั คนลกุ จากทิศทง้ั ๔ มากระท�ำปูชาแลกุมารได้เครื่องปูชา มากนักก็เรียนเอาศาสตร์แลศิลป์มีประหยารู้จบเพททั้งมวลแล้วก็หื้อยศบริวารแก่ กุมารแลตั้งไว้ในฐานันตะอันวิเศษอยู่เส้ียงกาละอันนานต่อเต้าอายุตนจุติตายก็ได้ เมือเกิดเป็นฤกษ์อทะราแลคนตังหลายเกิดในฤกษ์ตัวนี้จักได้พลัดพรากพ่อแม่แต่ น้อยไปอย่ทู ่อี ่ืนจักสมฤทธบิ ริมวล รศู้ าสตร์และศลิ ปม์ ากนัก ๗. กลมุ่ ดาวปนุ พั พสุ หรอื ดาวสะเปา หมวดฤกษเ์ พชฌฆาต นทิ านดาวปนุ พั พสฤุ กษ์ กล่าวว่ายังมีแม่ยักษ์ผู้หนึ่งเนรมิตเป็นคหบดีผู้มีข้าวของมากอยู่ในทิศหนวันออกกับ ลูกชายทงั้ หลายกม็ ลี ูกผหู้ น่ึงอยเู่ สี้ยงกาละอันนาน แม่ยักษ์ผนู้ ั้นก็ตายคนท้งั หลายก็ ส่งสการซากแม่ยักษ์น้ันจึงแต่งแป๋งใส่รถว่าชักไปเผาลวดข้ึนไปในอากาศกับรถน้ัน เทวดาท้ังหลายว่าจุ่งห้ือปรากฏแก่คนท้ังหลายอันอยู่ในโลกน้ีเต๊อะขอห้ือรถอันน้ัน ๘๑ บางฉบบั เขียนเปน็ ดาวหมากแดง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง138 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ปรากฏเป็นฤกษ์ในอากาศแลคนตังหลายอันเกิดมาในฤกษ์ตัวนี้สมฤทธิมีข้าวของ มากนักแต่เตา้ วา่ มีรปู ผางรา้ ยเป็นด่ังแม่ยกั ษน์ ้ันแล จกั มีลกู ผเู้ ดยี วฤกษ์ตวั นีม้ ีรปู เปน็ ด่ังสะเปาและผูช้ ายอนั เกดิ มาในฤกษ์สมฤทธมิ ีขา้ วของมากนกั อดรอ้ นอดหนาวทุก อันไดเ้ ปน็ ท่พี ่ึงที่อาศัยแก่คนมากนกั ๘. กลมุ่ ดาวปษุ ยะ หรอื ดาวหางเหลอื ง๘๒ หมวดฤกษห์ ลวง ราชาฤกษ์ นทิ าน ดาวปุษยะฤกษก์ ล่าวว่า ยังมีพญาตนหน่ึงเสวยราชสมบตั ิบา้ นเมอื งชอบราชธรรม มากนักด้วยอานุภาวะปฏบิ ัตดิ ีกล็ ือชาไปทั่วทศิ จ�ำเริญใจแกเ่ ทวดาทงั้ หลายนัก พญา ตนน้ันคันตายคนทั้งหลายกระท�ำสรีระส่งสการเอาข้ึนใส่จองค�ำขึ้นเมือในอากาศ พญาตนลูกก็ได้เป็นพญาแทนพ่อร�่ำเปิงว่ากูได้เสวยราชสมบัติแทนพ่อกูก็บ่ห้ือเสีย กองปฏิบตั ิตามประเวณพี ่อตนบ่หอ้ื ถอยสกั อัน กป็ รารถนาว่ากตู ายกห็ ือ้ ขน้ึ เมอื เกดิ กบั จองค�ำอนั น้เี ต๊อะว่าอั้นแล้วกเ็ อาเชอื ก ๔ เส้นผกู กับจองค�ำแขวนไว้ แลพญาตนลกู อยู่ต่อเต้าเส้ียงอายุคันจุติตายบ่ทันเผาก็ข้ึนเมือเกิดมาในฤกษ์ตัวนั้นบุคคลที่เกิดใน ฤกษ์ตัวน้ีจักปฏิบัติตามประเวณีขะกูลพ่อแม่ จักได้แทนพ่อแม่ตนตัวจักมีรูปงาม เหมอื นยวงฝ้าย ฤกษต์ ัวนีม้ สี ณั ฐานดง่ั เสาป้องก๋อนมวี ัณณะเป็นดง่ั ไฟไหม้แล ๙. กลมุ่ ดาวอสเิ ลส ดาวคอกม้า หรือดาวเรอื นห่าง หมวดฤกษ์สมโณ นิทาน ดาวอาสเลสฤกษ์ กลา่ วไวว้ ่ายังมพี ญาตนหนึง่ เสวยราชสมบตั ิหาลูกชายบไ่ ด้คันตาย แล้วอ�ำมาตย์ผู้ใหญ่แทนเป็นพญาส่วนนางเทวีก็อยู่ด้วยยักษ์ผู้หนึ่งบ่นานเท่าใดก็ ประสตู ิลกู ชาย ลกู ผนู้ ัน้ ก็ถงึ วัยใหญข่ น้ึ มาแล้วก็รวู้ ่าราชสมบตั ทิ างแม่มีมากนกั ก็ได้ ไปขงขวายหาริพลท้ังหลายกไ็ ดร้ ิพลคนศึก ๘๐๐ คนไปตง้ั ทางทศิ หนวนั ออกเวยี งห้นั แล ในกาละน้นั ทา้ วพญาทัง้ หลายต่างประเทศกม็ าดว้ ยคำ� วา่ เมอื งอนั นกี้ ็มีแตร่ าชเทวี ก็บ่ได้เสวยราชสมบัติอ�ำมาตย์ผู้น้อยก็บ่ควรเป็นเจ้าเสตะฉัตรเราจักไปเอาสมบัติก็มา จักรบเอาเมอื งน้ัน เมื่อนนั้ อำ� มาตย์ผู้เป็นพญาจง่ิ จาด้วยรพิ ลว่าราชสมบตั ิทัง้ มวลฝูงน้ี จุ่งไว้แต่แม่เทวีเสวยเต๊อะเราจักพร้อมกันรบพร้อมด้วยริพลท้ังหลายฝูงน้ีอ�ำมาตย์แล ลูกราชเทวีคันไปแล้วหับประตูเวียงไว้ล้ีพลท้ังหลายก็ไปกับด้วยกันก็ได้ฆ่าลูกยักษ์ ผนู้ ั้นตายเทวดาก็ไวเ้ ส้ียงกาละอันนานก็ปาดชิ้นเป็น ๗ สว่ นตากไวแ้ ลว้ ลกู ยักษ์ผนู้ นั้ ก็ ๘๒ ฉบบั วดั ปงสนกุ เหนอื เรียกว่า ดาวพญาธรรม

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 139 ไปเกดิ เปน็ ฤกษอ์ าสาเลสบคุ คลทเี่ กดิ ภายใตฤ้ กษน์ ค้ี นั วา่ ไดไ้ ปสสู่ งครามจกั ตายกอ่ นทา่ น อายบุ ่ยนื ฤกษต์ วั นี้มี ๓ ลกู เหตวุ า่ ลพี้ ลมีสามตนแล ๑๐. กลุ่มดาวมาฆะ หรือดาวรปู นาค๘๓ หมวดฤกษ์ทลทิ โท นทิ านมาฆะฤกษ์ กล่าวว่า ยังมพี ญาตนหนึ่งมนี างเรือนหลวง ๕๐๐ คนบม่ ีลูกสักคนพญาหาลกู ชายบ่ได้ สักคนพญาก็ออกจากเวียงกับด้วยนางทั้งหลายไปสู่ป่าถามเจ้าระษีว่าใคร่ห้ือมีลูกจัก หอื้ กระทำ� ดว้ ยประการสันใด เจา้ ระษีกล่าววา่ ผวิ า่ มหาราชเจ้าจกั ใคร่ไดล้ ูกชายนัน้ จุ่ง ปิดเอาลูกไม้หัวมันท้ังหลายกระท�ำปูชาเต๊อะพญาก็ห้ือนางเรือนหลวงทั้งหลาย กระท�ำปูชาตามค�ำเจ้าระษีกล่าวนั้นปูชาแล้วปรารถนาเอาลูกผู้ชายก็ได้ตามค�ำมักค�ำ ปรารถนาแต้แลคนตังหลานอันได้เกิดมาในฤกษ์ตัวน้ีมีข้าวของมากนักเปิงแหนที่สัตว์ ในป่าในดอยเตอ๊ ะฤกษต์ ัวน้เี ปน็ ด่ังปากงอนไถ ๑๑. กลมุ่ ดาว ปรุ พผลคนุ ี หรอื แพะตวั ผ๘ู้ ๔ หมวดฤกษม์ หทั ธโน นทิ านดาวฤกษ์ ปุรพผลคนุ ฤี กษ์ ยงั มีเจ้าระษตี นหนงึ่ ภาวนาอยใู่ นป่าหิมพานตใ์ กล้ท่ีอยูย่ ักษ์ผู้หน่ึง ยักษ์ผนู้ นั้ ได้ยนิ เสยี งระษตี นนัน้ ภาวนาก็ขนลุกเส้ียงจเุ ส้น ยักษ์ผนู้ น้ั มีใจมกั ใคร่ฆา่ เจา้ ระษภี ายหน้าแต่นนั้ วนั หน่งึ เจ้าระษลี มื กรรมฐานภาวนาด่ังอันยักษผ์ ูน้ ้นั แปรมาเป็น เสือโคร่งมาฆ่าเจ้าระษีก็ตายไปเสือโคร่งตัวนั้นก็ตายไปสันเดียวกันเทวดากล่าวว่าสัน นี้ส่วนผียักษ์ผู้น้ันมันมีก�ำลังมากนักได้กระท�ำร้ายแก่เจ้าระษีตนมีศีลมันก็ถึงอัน ฉิบหายตายไปเทวดาก็เมือเอาไว้ในอากาศเพ่ือห้ือโลกทั้งหลายรู้ว่ากระท�ำร้ายแก่ผู้มี ศลี เหตนุ ั้นแล คนตงั หลายอันเกิดมาในฤกษ์ตวั นจ้ี ักมปี ระหยามากนกั จักกระทำ� กุศล บุญมาก แมน้ จตุ ิตายกไ็ ด้มาเกดิ บนอากาศด้วยกุศลบุญอันได้กระทำ� คนทัง้ หลายที่ ได้เกิดมาในฤกษต์ ัวนจี้ ักสุขใจได้เปน็ คหบดีเศรษฐเี พงิ เหียแทแ้ ล ๑๒. กลมุ่ ดาวอตุ ตรผลคุนี หรอื ดาวแพะตัวเมยี ๘๕ หมวดฤกษ์โจโร นิทาน ดาวอตุ รผลคุนฤี กษ์กลา่ วไว้ว่า ยังมเี ศรษฐีผหู้ นึง่ จะเดินแอ่วคา้ ยังมวี ันหน่ึงมนั ล�ำบาก ๘๓ ฉบบั วดั ปงสนกุ เหนอื เรยี กวา่ ดาวงหู อ้ ยสา้ วนอ้ ย ในผงั กระบวนดาวฤกษฉ์ บบั วดั ศาลาหมอ้ เรยี กวา่ ดาวงหู ลวง ๘๔ บางต�ำราเรียกวา่ ดาวพิดานนอ้ ย กำ้� วนั ออก ๘๕ บางฉบบั เรียกว่า ดาวพดิ านนอ้ ย ก�้ำเหนือ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง140 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ด้วยอันเทียวทาง มันหนั ไมน้ ิโครธต้นหนึ่งมีลมอนั เย็นมันกเ็ ข้าไปนอนในร่มไมใ้ นเม่อื ปทั มะยามลว่ งแลว้ ถงึ ปจั ฉมิ ะนางเทวธดิ าตนหนง่ึ กเ็ อาเพศเปน็ ดงั่ ผหู้ ญงิ คนหนงึ่ กเ็ ขา้ มา ในทีน่ นั้ ลูกชายเศรษฐหี ันใจใสวา่ ผหู้ ญงิ คนนค้ี วรกระทำ� สัพพะด้วยนางเทวธิดาผนู้ น้ั ลกุ เสพเสยี้ งกาละหลายคาบลวดประสตู ไิ ดล้ กู ชายผหู้ นงึ่ เมอ่ื ถงึ วยั ขน้ึ ใหญ่ กไ็ ปบำ� เรญิ พญาเสยี้ งกาละ อนั นนั้ กเ็ ปน็ อำ� มาตยใ์ หญม่ รี ปู อนั งามนกั นางเทวแี หง่ พญามใี จปฏบิ ตั กิ บั ดว้ ยอำ� มาตยผ์ ูน้ น้ั กล็ วดกระทำ� มิจฉาจารกนั ดว้ ยราชเทวหี ้นั แล พญารู้ว่าอำ� มาตยแ์ ล นางเทวกี ระทำ� สภาวะเสพด่ังอ้ันพญาก็ฆา่ ยังอำ� มาตยใ์ หญผ่ ู้น้ันเสยี แลเทวดาก็เอา เครอ่ื งประดบั เมอื ไวใ้ นอากาศวมิ านหอื้ โลกทง้ั หลายไดห้ นั ยงั กรรมอนั บค่ วรกระทำ� แล คนตงั หลายอนั ได้เกดิ มาในฤกษต์ วั นี้ มีรูปอันงามอาสาขุนจักไดเ้ ป็นใหญจ่ กั ตายดว้ ย เมยี ท่านแล ฤกษต์ วั น้รี อมกันเหมอื นจองน้นั แล ๑๓. กลุ่มดาวหัตถะ ดาวศอกคู้ หรอื ดาวทบศอก หมวดฤกษ์ภูมปิ าโล นทิ านดาวหัตถะหรือหัสสะฐะฤกษไ์ ดก้ ลา่ วไว้วา่ ยงั ราชสสี ามตนยังมีในปา่ หิมพานต์ และยงั มีราชสีตวั หน่ึงอย่ใู นคูหาค�ำแลมหี มาจ้งิ จอกอย่ใู นคูหาแกว้ ผลึก หมาจงิ้ จอก ตวั นนั้ กไ็ ปสรู่ าชสตี วั หนง่ึ อยใู่ นคหู าคำ� ทนี่ น้ั ในเมอ่ื ราชสตี วั พไ่ี ปหากนิ อาหารไปท่ นั มาเทอ่ื หมาจงิ้ จอกตวั นน้ั กว็ า่ แกน่ อ้ งญงิ ราชสวี า่ ดรู านางจงุ่ เปน็ บาทบรจิ าคบำ� เรญิ ขา้ ทงั้ มวลเตอ๊ ะ น้องญิงราชสีไดย้ ินดง่ั อนั้ กเ็ คียดมากนักก็กลา่ ววา่ หมาจิ้งจอกขี้เรือ้ นดงั่ ลอื จักมาเปน็ ผวั กดู ง่ั อนั้ หมาจงิ้ จอกตวั นนั้ บค่ วรกลา่ วตอ่ ราชสี บอ่ าจจะเดนิ ไปหากนิ อาหารกเ็ ขา้ ไป นอนอยู่ในคูหาท่ีนั้นนางราสีตนน้องคันว่าพ่ีเอาอาหารมาว่าดูราน้องญิงจุ่งกินอาหาร เตอ๊ ะ นางราชสีตนนนั้ กก็ ลา่ วว่าข้าบอ่ าจกนิ อาหารได้แลว้ อันบอกเหตุอันหมาจ้ิงจอก มาบอกตนแกร่ าชสตี นพ ี่ ราชสตี นพก่ี ม็ คี วามเคยี ดมากนกั กแ็ ลน่ ไปดว้ ยอนั รบี หมาจง้ิ จอก อยู่แก้วคหู าอันผลึกใส่ใจวา่ อากาศจกั ผลกึ ขนึ้ อกราชสตี นน้นั ถึงเหลย้ี มคหู าลวดตาย ห้ันแล ราชตวั พีถ่ ้วนสองมาเลา่ แลกบ็ อกสนั เดยี วกันนั้นมนั กเ็ คียดแลน่ ไปด้วยดว่ นรีบ ทม่ิ คูหาเหลี้ยมก็ลวดตายไป ราชสีตวั ถ้วนสามมานางกบ็ อกเหตทุ ง้ั มวล ราชสตี ัวพ่ี กล่าวว่าหมาจ้ิงจอกตัวถ่อยร้ายมันอยู่ท่ีใดรอยมันอยู่คูหาแก้วผลึกพิจารณาหันรอย ตีนเทียวเข้าเทียวออกในคูหาอันนั้นก็ร้องด้วยเสียงอันดังมากจิ้งจอกตัวนั้นก็ขดตาย อยใู่ นคหู าแกว้ ผลึกน้นั แล เทวดาจึงใครห่ ื้อปรากฏแก่โลกจงึ เอารอยตนี หมาจิง้ จอก

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ทำ�ทอง 141 ตวั นน้ั เมอื ไวใ้ นอากาศปรากฏเปน็ ฤกษห์ สั สะฐะดง่ั นแ้ี ล ศอกคกู้ ว็ า่ แลฤกษต์ วั นม้ี สี ณั ฐาน เหมอื นศอกคเู้ ปน็ ดง่ั ดอกปมุ๋ ปา๋ นน้ั แล คนตงั หลายอนั ไดเ้ กดิ มาในฤกษต์ วั นกี้ ระทำ� ไรน่ า ศาสตร์และศิลป์จักสมฤทธิเป็นดีมีข้าวของคนท่ีได้เกิดมาในฤกษ์นี้จักได้เป็นสมณะ พรามณเ์ ท่าแป้นฝ่ามือขอกนิ จกั ได้เล้ียงชวี ิตแล ๑๔. กลุ่มดาวจติ รา หรือดาวไฟน้อย๘๖ หมวดฤกษ์เทศาตร ี นทิ านดาวจติ รา ฤกษ์กล่าวว่า๘๗ยังมีพญาตนหน่ึงมีลูกญิงประกอบด้วยรูปอันงามนักในกาละเมื่อนาง เกดิ มา พรามณท์ งั้ หลายทำ� นายวา่ ลกู ญงิ ผนู้ จี้ กั เข๘้ ๘ จะขบตาย วา่ อน้ั พญาวา่ เปน็ ฉนั นนั้ แท้ เราจักรักษานางไว้นานประมาณเท่าใดจึงจักพ้นจากภัยอันจักเข้กินน้ันจาพราหมณ์ ตอบวา่ รกั ษาไวน้ านซาวปจี งึ พน้ หอ้ื พญารกั ษาไวพ้ อนางอายไุ ดซ้ าวปบี ห่ อื้ ลงนำ�้ กาละนนั้ พญาตนพอ่ ไปแอว่ เลน่ ในปา่ ลกู สาวพญานนั้ ไปไหวแ้ มต่ นวา่ ใครล่ งนำ้� ในดนิ แลพญาตน แมก่ ล่าวว่าบตุ รตรดี ูราเจา้ ลูกรักแม่นจักเข้จักกินเจา้ เสีย นางผลู้ กู กก็ ล่าวว่าบ่ไปเล่น ท่ีไกลที่ลึกแม่ตนเจ้าจึงไดข้ ดุ สระอนั หน่ึงไวว้ นั ออกกระท่อมทีน่ ้ีหื้อขา้ เตอ๊ ะ นางผู้แม่ กก็ ระทำ� ตามลกู ตนนางกห็ อ้ื เอาเรอื เลม่ ใหญใ่ สน่ ำ้� เตม็ เรอื หอ้ื เปน็ สระแลว้ นางลกู ญงิ กับ เพอ่ื นทั้งหลายกเ็ ล่นนำ้� ในมหานาวานัน้ หนาวนัก ก็ขน้ึ นัง่ เหนอื แคมเรือผิงแดดอยู่ใน กาละน้ันยังมีพญานาคตัวหน่ึงเอาหัวมาบุ่นออกมาพ้นแผ่นดินลูกสาวพญาหันตา พญานาคใส่ใจว่าเป็นแกว้ ใครไ่ ด้มากนักหื้อเพอ่ื นเล่นลงไปเอา พญานาคก็หลับตา เสยี บห่ นั พอลกู พญาเลง็ ดนู าคตวั นนั้ กเ็ มนิ ตาลกู สาวพญาลงไปเพอ่ื วา่ จกั เอาพญานาคตวั นน้ั กแ็ ปรเปน็ จกั เข้ ยบั เอาลกู สาวพญาไปเหตนุ น้ั เทวดาทง้ั หลายกห็ อื้ ปรากฏแกโ่ ลกทงั้ มวล ห้อื รู้วา่ เปน็ กรรมวิบากบ่อาจจะพ้นไดแ้ ล จงึ เมือเอาไวใ้ นอากาศเปน็ ฤกษช์ ื่อว่าฤกษ์ จติ รานั้นแลคนตงั หลายท่ีไดเ้ กิดมาในฤกษ์ตัวน้จี กั มีภัยอนั เกิดแตน่ �้ำ ๑๕. กลมุ่ ดาวสวัสติ หรอื ดาวไฟหลวง๘๙ หมวดฤกษ์เทวี นิทานดาวสาตหิ รือ เรยี กอกี ชอ่ื ว่าดาวสวสั ติฤกษ์ได้กลา่ วไว้วา่ ยงั มีมานพผ้หู นึ่งพ่อแม่ตายแตน่ อ้ ยเป็น ๘๖ ฉบับวัดปงสนุกเหนอื เรยี กว่า ดาวใตไ้ ฟน้อย ๘๗ ท�ำนาย ๘๘ จระเข้ ๘๙ ฉบบั วดั ปงสนกุ เหนือเรยี กวา่ ใตไ้ ฟหลวง บางฉบับเรยี กวา่ ดาวดง้ มอน