Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดาราศาสตร์กับวิถึชีวิตคนล้านนา

ดาราศาสตร์กับวิถึชีวิตคนล้านนา

Description: ดาราศาสตร์กับวิถึชีวิตคนล้านนา

Search

Read the Text Version

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง142 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา คนทกุ ขร์ อ้ นเขญ็ ใจอยใู่ นเมอื งทง้ั หลายกเ็ ขา้ ไปสอู่ ารามชาวเจา้ ทงั้ หลาย กเ็ อาเขา้ ตงั หลาย มาหอื้ หมากนิ ชายทกุ ขะตะคนนน้ั กอ็ ยากขา้ วมากนกั หนั แมห่ มาตวั นนั้ กนิ ขา้ วเลกิ ซาก กับด้วยอาหารสันนั้นอาจกล่าวว่า โอยหนอส่วนว่ากูน้ีบ่ห่อนว่าจักได้กินยังข้าวน�้ำ โภชนะอาหารบ่เท่าหมาหมู่น้ีสักตัว ชาวเจ้าได้ยินค�ำสันนั้นก็เอาข้าวหื้อมานพผู้นั้น กนิ จนอ่มิ ชายผูห้ นึ่งบอ่ าจจกั อยไู่ ด ้ ตายแลว้ ไปเขา้ ทอ้ งแม่หมาตวั นั้นเกดิ ออกไปเปน็ หมาตวั หนงึ่ แหง่ นอ้ งญงิ ชาวเจา้ นอ้ งญงิ ชาวเจา้ กเ็ อาไปเลย้ี งหมานอ้ ยตวั นนั้ ตราบเตา้ ใหญ่มา คนท้งั หลายหันฉันน้ันเขากเ็ ยาะยายเลน่ ว่าเป็นผัวนาง นางแม่ญงิ กเ็ ขนิ นัก นางผนู้ น้ั ก็เอาไหมาผกู กับคอหมาตัวน้นั ก็เอาไปทอดเสยี ยังในแมน่ ำ้� หั้นแล เทวดา ใคร่ห้ือปรากฏแก่คนทั้งหลายเหตุเข้าใจผิดจึงแปลงรูปหมากับไหน้�ำผูกกับคอเอาไว้ ในอากาศแล คนตงั หลายทไี่ ดเ้ กดิ มาในฤกษ์ตัวนจี้ ักได้พลดั พรากพ่อแม่แตน่ อ้ ยจกั ได้ ทกุ ข์ไรเ้ ขญ็ ใจ จักไดไ้ ปทางต่างประเทศแหง่ อืน่ หอื้ ไดแ้ หนโภชนะอาหารแลน�้ำเยยี ว จักว่าไดต้ ายดกิ น�้ำ๙๐ ชะแลฤกษต์ วั นีเ้ หมือนดง่ั ชาวเจา้ หมายคนขท้ี ุกข์กว็ า่ แล ๑๖. กลมุ่ ดาววสิ าขะ หรอื ดาวง๙ู ๑ หมวดฤกษเ์ พชฌฆาต นทิ านดาววสิ าขาฤกษ์ กลา่ วไว้วา่ ยังมพี ราหมณ์ผู้หน่งึ มีลูกศิษย์ ๔๐๐ คนมาเรียนศาสตร์แลศลิ ป์ล�ำลูกศิษย์ ๔๐๐ คนนั้นมผี ู้หนงึ่ กระท�ำมจิ ฉาจารกับเมยี พรามณผ์ ูเ้ ปน็ อาจารยแ์ หง่ ตน พายหนา้ แตน่ ้นั อาจารย์ก็หันเหตแุ ตน่ น้ั กเ็ อาเหลก็ เสยี บเสยี ลวดตายไปเข้าท้องแม่งวั ตวั หน่ึง พราหมณอ์ าจารยถ์ ามพญาอนิ ทรว์ า่ มนั ไปเกดิ ทใี่ ดพญาอนิ ทรว์ า่ มนั ไปเขา้ ทอ้ งแมง่ วั แล วา่ อ้นั พรามณก์ ไ็ ปเอาในทอ้ งแม่งัวมาแล้วกลา่ วว่ากูบใ่ ครห่ ันสูทัง้ หลายกระทำ� รา้ ย แก่ครูบาอาจารย์วา่ อ้นั แลว้ ก็ขดุ ดินเปน็ หลุมแลว้ ก็เอาลกู งัวตวั น้ันไปฝังเสยี งวั ตัวนน้ั ไดเ้ ปน็ วสิ าขะฤกษแ์ ล คนตงั หลายทไ่ี ดเ้ กดิ มาในฤกษต์ วั นจี้ กั กระทำ� รา้ ยแกพ่ นี่ อ้ งวงศา ครบู าอาจารย์ตายแล้ว จักไปปรากฏเปน็ ฤกษ์วิสาขา ๑๗. กล่มุ ดาวอนรุ าช หรอื ดาวคันฉัตร๙๒ หมวดฤกษร์ าชา นิทานดาวอนุราช ฤกษ์กล่าวไว้วา่ ยงั มชี ายผู้หนึ่งไปแปลงรา้ นในนาแล้วอย่เู ฝ้านาหั้นและละอ่อนน้อย ๙๐ จมน้ำ� ตาย ๙๑ ฉบบั วดั ปงสนกุ เหนอื เรยี กวา่ ดาวไมส้ า้ ว ในผงั กระบวนดาวฤกษฉ์ บบั วดั ศาลาหมอ้ เรยี กวา่ ดาวมอนไต บางฉบับเรียกว่า ดาวด้งมอน ๙๒ บางฉบบั เรยี กวา่ ดาวฉตั รพญาอนิ ทร์

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชัย ท�ำ ทอง 143 ลูกเจา้ นาผนู้ น้ั ร้องไหเ้ อาลกู นกเหนอื ปลายไม้ ชายผพู้ อ่ มันกย็ งิ นกด้วยหน้าไมก้ ็ถูกนก ปกั กับต้นไมต้ ิดอยูห่ ้นั แล เทวดาก็เอามอื ไวใ้ นอากาศซากนกตวั นน้ั ลมพดั ตกลงมาหั้น เหตนุ ้ัน คนตังหลายที่ได้เกดิ มาในฤกษต์ วั น้จี กั เป็นพยาธิมากนักต้ังแต่น้อยจนใหญ่ จกั มศี ตั รมู ากนกั ๑๘. ดาวเชษฐะ หรอื วา่ ดาวไห๙๓ หมวดฤกษ์สมโณ นทิ านดาวเชษฐะฤกษ์ กล่าวไว้ว่า ยงั มีเจ้าระษีตนหน่ึงเดินบณิ ฑิบาตยงั มเี ทวดาตนหน่งึ ช่ือมณโี ทสะหนั เจ้า ระษตี นนน้ั กถ็ ามวา่ เจา้ กอู ยทู่ ใี่ ดจา เจา้ ระษกี ก็ ลา่ ววา่ เราอยนู่ นั ทะณอี นั ควรชมชนื่ ยนิ ดี พ้นุ แล เทวดากก็ ลา่ วว่าผา้ อันเจา้ นุ่งน้ันเป็นอนั งามนักแท้นอ มีทใ่ี ดจา เจา้ ระษกี ลา่ ว ว่ามที ี่กัลป์ละปัณณะสาลาเรารอดจกุ �ำแล เทวดากต็ อบว่าข้าจกั ตามเจา้ ไปขา้ ใครไ่ ด้ ผา้ จวี ร ระษีก็ตอบวา่ ยงั มมี ากนักจักใคร่ได้เทา่ ใดกไ็ ด้ตามพึงใจ เทวดาก็เมือตามหลัง เจ้าระษีรอดถึงสาลาแล นางเทวดาถามระษีวา่ ต้นไม้ผา้ จีวรมที ี่ใดจา เจา้ ระษีจงึ บอก ว่านางจุ่งอยู่หั้นกองผ่อเตอ๊ ะต้นไมผ้ า้ จวี รนัน้ ๗ วนั ผา้ จงึ มานางก็อยเู่ สย้ี งกาละกับเจา้ ระษแี ลว้ ก็ประสูติได้ลกู ชายผู้หน่ึงแล ลกู ผู้นนั้ ใหญม่ าดง่ั อ้ันพญากนิ เมืองกจ็ ุตติ ายหา ผจุ้ กั แทนบไ่ ดก้ เ็ อากมุ ารนอ้ ยผนู้ นั้ มาเสวยราชสมบตั ิ เมอ่ื จตุ ติ ายกไ็ ดม้ าเกดิ เปน็ ฤกษเ์ ชษฐะ คนตงั หลายอันไดเ้ กิดในฤกษ์นจี้ กั ได้เสวยราชสมบตั แิ ม่จักประเสรฐิ กวา่ พอ่ ก็มแี ล ๑๙. กลมุ่ ดาวมูลละ หรือดาวช้างน้อย หมวดฤกษ์ทลทิ โท นทิ านดาวมูลละ ฤกษก์ ลา่ วว่า มบี คุ คลสองพนี่ ้องอยู่ในบา้ นอนั หน่งึ ผ้นู อ้ งมีเมยี ผพู้ ่ีบ่มเี มีย เมอื่ ชายผู้ น้องไปไถนาชายผพู้ ก่ี ็ท�ำมิจฉาจารกบั เมยี ผูน้ อ้ งยังสงเสพด้วยกันดั่งอน้ั งูอสรพษิ ก็มา ตอดขาท้ังสองตายผู้น้องก็หันขาทั้งสองบ่พรากกันสันนี้ก็ลือชาไปรอดยังท้าวพญา ปรากฏไปช้นั ฟ้าท้งั ๖ เทวดาว่าบคุ คลผกู้ ระทำ� โทษแก่ผู้ตายกบ็ ่จกั พรากกนั ไดส้ นั นี้ก็ จกั ใคร่หื้อปรากฏแก่โลกตงั มวลกเ็ อาเม่ือไวใ้ นอากาศกเ็ กดิ เป็นฤกษช์ า้ งนอ้ ย คนตัง หลายอันเกดิ มายงั ในฤกษ์ตัวนยี้ อ่ มกระท�ำด้วยมิจฉาจารกับเมียท่านแล ๒๐. กลุ่มดาวปพุ พาสาฬห หรอื ดาวกุณฑล๙๔ หมวดฤกษ์ มหัทธโน นทิ าน ๙๓ ฉบับวดั ปงสนุกเรยี กว่า ดาวสายดือ ๙๔ บางฉบับเรียกว่าดาวแมจ่ ไี ฟ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง144 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ดาวปพุ พาสาฬห กลา่ วไวว้ า่ ยังมีไม้ผ้าด�ำตน้ หนงึ่ มีอนั ไกลบ้านอนั หน่ึง มนี กมาอยใู่ น ไม้ตน้ น้ันก็มาออกลกู คาบหน่งึ แม่นกกไ็ ปคาบเอาหนนู อ้ ยตัวหนึ่ง มาไวใ้ นรงั แลว้ ใส่ใจว่าลูกหนูน้อยตวั นั้นเป็นลูกแหง่ ตวั กป็ ้อนลกู หนูตัวน้นั ใหญอ่ อกมาเลน่ กับลูกนก วนั หนงึ่ ลกู หนนู นั้ กข็ บปากลกู นกไดพ้ ลดั ตกไปยงั นำ้� สมทุ รแลว้ เกดิ ยงั ในฤกษป์ พุ ภาสาคะ คนตังหลายอันได้เกดิ มาในฤกษ์นี้จกั มีพยาธแิ ลจักไดพ้ ลัดพรากพ่อแมแ่ ตน่ ้อย ๒๑. กล่มุ ดาวอตุ ราสาฬห หรือดาวขอไล่หมวดฤกษ์โจโร นทิ านดาว อตุ รสาฬหฤกษก์ ลา่ วไวว้ า่ ยงั มเี จา้ ระษผี หู้ นง่ึ มลี กู ญงิ ผหู้ นง่ึ พญาครฑุ ใครไ่ ดล้ กู ระษตี นนนั้ กไ็ ดเ้ นรมติ เปน็ มานพมาอปุ ฐากระษตี นนน้ั ในกาละลางคาบกส็ งั่ เจา้ ระษเี มอื หานางเทวี เจา้ ระษีใส่ใจวา่ เป็นคนแต้ก็หอื้ ลกู ญงิ แก่พญาครฑุ นนั้ แล พญาครุฑกร็ กั นางผู้น้ันมาก นักก็เมือเอาไว้ในปราสาทนางผนู้ น้ั กท็ รงคพั พะ พญากอ็ ุปฐากรักษานางนั้นไดย้ ังกลิ่น รสแลว้ มัวเมาตายไปพญาครฑุ กไ็ ดม้ าสสู่ ำ� นกั เจ้าระษีกม็ าบังเกิด โศกทกุ ขก์ บ็ ินไปใน อากาศ ลมพดั ปลายปีกพญาครฑุ กต็ ายไปเกิดเปน็ ฤกษช์ ่อื ว่าอุตรสาคะ คนตังหลายท่ี ได้เกิดมาฤกษ์น้ีจักมีวิริยะอุตสาหะห้ือท่านผู้อ่ืนรักตนแม้นผู้ญิงคันว่าทะรงก็แสลง อาหารตายด้วยเหตุอนั กินอาหาร แมน้ ผ้ชู ายจกั ตายดว้ ยเหตผุ ญู้ ิงหรือเมยี ตนแล ๒๒. กลมุ่ ดาวศรวณะหรอื ดาวคานหาม๙๕ หมวดฤกษ์ ภูมปิ าโล นทิ านดาว ศรวณะฤกษ์กล่าวไวว้ ่า ยงั มีต้นตาลและตน้ มะปนิ ๙๖ ใหญน่ ักอยู่ใกลก้ นั มกี ระต่ายตวั หนงึ่ เขา้ ไปนอนอยู่ใต้ต้นตาลกาละเมอื่ เดอื น ๗ มะปินกส็ กุ หล่นใส่ใบตาล เสียงดังขะ โลม้ โทม้ ทม้ั กระต่ายก็สะดงุ้ ตกใจร่ำ� เปงิ ว่าแผน่ ดินจกั หลม่ ไปพายใตก้ ด็ เี ป็นดงั่ ว่าฟ้า ล่นั ลงหนบี กบั ดนิ ก็ดีก็จกั ตายเสยี นน้ั ชะแล มันคดิ ฉนั นม้ี ะปนิ กต็ กลงใสใ่ บตาลแถม มันก็สะดุ้งตกใจกลัวก็เต้นแล่นหนีสัตว์ทั้งหลายในป่าเขาหันกระต่ายแล่นหนีสันนั้นก็ ถามวา่ วา่ ทา่ นแลน่ หนดี ว้ ยเหตสุ นั ใด กระตา่ ยกลา่ ววา่ แผน่ ดนิ ฟา้ หลงั่ ลงมาพายหลงั น้ี สัตวท์ ้ังหลายก็แลน่ มวั เมาด้วยคำ� กระต่ายนัน้ แล คนตงั หลายทไ่ี ดเ้ กดิ มาในฤกษต์ วั นี้ จักฟงั ค�ำส่อคำ� ร่ายบม่ คี �ำร้พู ิจารณาแล ๙๕ ฉบับวดั ปงสนุกเหนือและในผังกระบวนดาวฤกษฉ์ บบั วดั ศาลาหมอ้ เรยี กวา่ ดาวเหล็กจาร บางฉบบั ก็ เรยี กวา่ ดาวคานหามผี ๙๖ มะตมู

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 145 ๒๓. กลุ่มดาวธนษิ ฐา หรือดาวไซหลวง๙๗ หมวดฤกษ์เทศาตรี นิทานดาว ธนษิ ฐาฤกษ์กล่าวไว้ว่า ยังมีคนปาลาผหู้ นึ่งไปหาหลวั หันควายเถ่ือนในปา่ ก็มาเจียรจา กนั ซึ่งว่าดูราเพ่ือนทัง้ หลายขา้ ได้หนั ยงั ควายตวั หน่งึ ดกี ลา่ วไปหาหลวั วา่ อนั้ แลว้ กไ็ ป ไลเ่ อาควายตัวนัน้ ควายตวั นั้นก็ขวิดตายก็ได้เปน็ ฤกษช์ อ่ื ทะณิสาทะ คนทั้งหลายท่ี ไดเ้ กดิ มาในฤกษ์ตวั น้ี คนั ไปแอว่ ป่าหอ้ื แหนแก่สัตว์ร้านทง้ั หลายนเี้ ตอ๊ ะ ๒๔. กลมุ่ ดาวศตภิษชั หรอื ดาวไมส้ ้าว๙๘ หมวดฤกษ์เทวี ศตภิษัชฤกษ์ยงั มี ควายผู้ ๔ ตัวปากนั ไล่ขบหมเู ถ่อื นตวั หนง่ึ มกี ำ� ลงั มากนัก แมน่ ว่าพรานป่าทัง้ หลาย เฝ้าแวดอยู่หมูเถ่ือนตัวนั้นแล่นหนีบ่อาจจักพ้นได้ก็ถึงซึ่งอันวินาศตายไปแล้วก็ได้เกิด เปน็ ฤกษ์สัตตะภิสสะ คนตังหลายอนั ไดเ้ กิดมายงั ในฤกษ์น้จี กั มีภยั มากนักแล ๒๕. กลมุ่ ดาวปพุ พภัทรบท หรือดาวนราชนอ้ ย๙๙ หมวดฤกษเ์ พชฌฆาต นทิ านดาวปพุ พภทั รบทฤกษก์ ลา่ วไวว้ า่ ยงั มมี หาเศรษฐผี หู้ นงึ่ ขา้ วของฉบิ หายตายเสย้ี ง ก็ยงั เหลือลูกญงิ ผหู้ น่ึงเอาเจ้ามหาเศรษฐผี ูห้ นง่ึ มขี ้าวของมากนักประมาณว่าได้ ๘๐ โกฏิเศรษฐีผู้นั้นเอ็นดูขูณาเคารพคบย�ำมากนักก็แปลงเรือนห้ืออยู่พายวันออกเรือน แหง่ ตนยามเศรษฐผี นู้ น้ั จตุ ติ ายไปสวรรค์ เศรษฐหี ลวงผนู้ น้ั กเ็ อานางผนู้ น้ั เปน็ เมยี แทนอยู่ กนั กม็ ลี กู ผหู้ นงึ่ แถมบน่ านเทา่ ใดนางกไ็ ดจ้ ตุ ติ ายไปเกดิ เปน็ ฤกษป์ พุ พะภทั รา คนตงั หลาย อนั เกดิ มายังฤกษ์ตัวนจี้ ักไดแ้ ทนเรือนอันใหญจ่ ักไดเ้ ป็นดจี กั มีขา้ วของมากนักแล ๒๖. กล่มุ ดาวอตุ ราภัทรบท หรอื ดาวนางสาลาราม๑๐๐ หมวดฤกษร์ าชา นิทานดาวอตุ ราภทั รฤกษก์ ล่าวไวว้ ่า ยงั มีพญาตนหน่ึงเอาธนูไปปา่ ไปยงิ กวางตวั หนง่ึ ใหญ่มีก�ำลังมากนักมันก็เข้ามาก๋วมต้นขาพญาก็หักเสียจักลุกก็บ่ได้มันก็ค่อยคลาน เข้าไปสู่โก๋นไม้๑๐๑จึงพ้นภัยเม่ือลูนก็ลวดตายเสียห้ันลวดได้เกิดเป็นฤกษ์อุตระภัทร คนตังหลายทไ่ี ดเ้ กดิ มายงั ฤกษ์ตวั นีห้ ้อื หลกี เว้นภัยอันเหลอื ก�ำลังตนนน้ั เตอ๊ ะ ฤกษน์ ี้ รวมกันเรียกว่าพิดานหลวงแล ๙๗ บางฉบบั เรยี กวา่ ดาวสายกุบ ดาวเกียงปืน ๙๘ ฉบับวดั ปงสนุกเหนือเรยี กวา่ ดาวตนี กา ๙๙ ในผงั กระบวนดาวฤกษ์ฉบบั วดั วัดศาลาหม้อ เรียกวา่ ดาวพิดานหลวง ดาวทรายค�ำตัวผู้ ๑๐๐ ฉบบั วดั ปงสนกุ เหนอื เรยี กวา่ ดาวพดิ านหลวงกำ�้ เหนอื บางฉบบั เรยี กวา่ ดาวชา้ งอา้ ยกำ่� ดาวทรายคำ� ตวั แม่ ๑๐๑ โพรงไม้

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง146 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ๒๗. กลุ่มดาวเรวตี หรือดาวปลาสะเพยี น๑๐๒ หมวดฤกษส์ มโณ นทิ านดาว เรวตีฤกษ์กลา่ วไว้ว่า ยงั มชี ายผหู้ น่ึงมีลกู สามคนพ่อลูกพากนั ไปดักไซใหญ่ในแม่น�้ำ มี วันหนึ่งปลาใหญ่ก็เข้าไปถูกยังไซหลวงอันนั้นพรานปลาสี่คนพ่อลูกก็ขี่เรือไปยอไซก็บ่ อาจจะยกไซได้ ก็จ�ำลูกผู้หนึง่ ดำ� ลงไปปลาตวั ใหญก่ ก็ ลนื กินเสยี ปางนนั้ ผู้พอ่ กด็ ำ� ลง เล่าน้�ำก็พัดไปในไซปลาตัวน้ันก็จวกกินแถมลูกผู้หนึ่งว่าเขาสังบ่ออกมาจึงด�ำลงไป แถมปลาก็จวกกินแถม ลูกผหู้ น่ึงกล็ งไปแถมปลากจ็ วกกินแถมปลากก็ นิ เสีย้ ง ๔ คน พ่อลูกเหตุนั้นเทวดาจักใคร่หื้อปรากฏแก่โลก จงึ ไดเ้ มือในอากาศเพือ่ ห้ือคนท้ังหลาย รู้ว่ากระท�ำอันใดบ่พิจารณาแลย่อมฉิบหายดั่งพรานปลาสี่คนน้ันแลคนทั้งหลายท่ี เกดิ ในฤกษ์นก้ี ระทำ� การอันใดบพ่ ิจารณาแลควรแหนควรเว้นบ่ควรรีบกระท�ำแล นอกจากนี้ในผังกระบวนฤกษ์แบบล้านนายังมีดาวช้างหลวงที่อยู่ศูนย์กลาง จกั รราศี ซง่ึ จะขน้ึ ทางทศิ เหนอื และหมนุ รอบตวั เอง ในตำ� ราไดจ้ ำ� แนกชอ่ื กลมุ่ ดาวชา้ งหลวง ทลี ะดวงไวด้ งั น้ี ลกู เกา๊ ชอ่ื ขตุ ลกู ถว้ นสองชอ่ื มฬู หะ ถว้ นสามชอื่ ปตุ ยะ ลกู ถว้ นสชี่ อ่ื อถั รี ลูกถ้วนหา้ ชือ่ องั คาระ ลกู ถ้วนหกชอ่ื วสมี ะ ลูกถ้วนเจ็ดชอ่ื มะลิจิ ลูกนอ้ ยอนั เรียงกนั อยนู่ ัน้ ชอ่ื รทุ ธนั ติ จากนทิ านดาวฤกษท์ ก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ นน้ั ยงั พบการใชด้ าวฤกษใ์ นการทำ� นาย ทายทกั ชะตาเกิดของผู้ท่เี กดิ วันต่างๆดว้ ยวธิ เี อาเกณฑเ์ ดือนตงั้ เอา ๒ คูณบวกด้วย ดถิ วี ัน จ�ำนวนท่ไี ดเ้ ป็นตำ� แหน่งดาวฤกษ์ประจ�ำชะตาเกิด แตห่ ากคูณและบวกแลว้ มี จำ� นวนเกนิ ๒๗ กใ็ หเ้ อา ๒๗ ลบ แลว้ นบั เศษทเ่ี หลอื เปน็ ฤกษเ์ กดิ โดยมฝี อยทำ� นายชะตา ของคนทเี่ กดิ ในฤกษต์ ่างๆซึง่ อาศยั สรุปจากเน้อื หานทิ านดาวฤกษ์ข้างตน้ ดังน๑้ี ๐๓ บคุ คละญงิ ชายเกดิ ฤกษต์ วั ท่ี ๑ มปี ญั ญาฉลาดมากนกั แมน่ ทา่ นจกั ปองฆา่ กบ็ ไ่ ด้ เหตอุ ัสสะวณิ หี ากรักษา แมน่ ผ้ญู งิ กจ็ กั ได้เป็นเทวีใหญ่กว่าเพ่ิน แหนดว้ ย ท้าวพญา หมอโหราอาจารย์ สัตว์ท้ังหลาย ราชสหี ์ชา้ งมา้ ววั ควาย เสือหมี ผปี า่ มีท่นี ัน้ เตอ๊ ะ บุคคละญงิ ชายเกิดฤกษ์ตวั ท่ี ๒ ตัวภรณี ผใู้ ดเกดิ ร่วมฤกษ์ตัวน้ี จักไดเ้ ป็น ท้าวพญาแตน่ ้อยแล ทา่ นจกั ปองฆา่ มันกบ็ ่ไดเ้ หตุพระภรณีหากรักษาย่งิ กฉ็ ันเดยี วแล บุคคละญิงชายเกดิ ฤกษ์ตัวท่ี ๓ จกั มีตวั รปู งามปญั ญามากมี เป็นศตั รแู ก่ ครบู าอาจารย์ มักกระท�ำมจิ ฉาจารกบั ด้วยเมียท่านผู้ใหญ่ ยิ่งก็ฉันเดียวแล บคุ คละญิงชายเกดิ ฤกษ์ตวั ที่ ๔ มกั กระท�ำมิจฉาจารกบั ด้วยเมียท่าน ย่งิ กฉ็ นั เดยี วแล ๑๐๒ ฉบบั วัดนาคตหลวงเรียกวา่ ดาวนางราชหลวง ๑๐๓ ตน้ ฉบับจากพบั สาวดั ชมพูหลวง อ.เมอื ง จ.ล�ำปาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 147 บคุ คละญงิ ชายเกดิ ฤกษ์ตวั ท่ี ๕ เทียรยอ่ มมโี ศกทกุ ข์ หาสุขบไ่ ด้ น�้ำตาตก บข่ าดหนา้ แล บุคคละญงิ ชายเกดิ ฤกษ์ตัวท่ี ๖ จกั มปี ญั ญาฉลาดนัก จกั ได้เปน็ ใหญ่แตน่ ้อย เทา่ บอ่ ยทู่ ี่เกดิ มักพลัดพรากพอ่ แม่เมอ่ื ยามนอ้ ย บุคคละญงิ ชายเกดิ ฤกษต์ วั ท่ี ๗ มกั มรี ูปผางร้ายนกั เทา่ ว่ามีวัตถุสมบตั ิมาก นักจกั มลี กู ผเู้ ดยี วเป็นท่อี าศยั แหง่ ท่านแล บุคคละญิงชายเกดิ ฤกษต์ ัวที่ ๘ อยจู่ ักวฒุ ิจ�ำเรญิ ด้วย พหุธนา จักไดแ้ ทนท่ี สมบัติ มีรูปงามนกั แล บคุ คละญิงชายเกิดฤกษต์ วั ที่ ๙ ไปสสู่ งครามจกั ตาย บอ่ ั้นจักทกุ ข์กอ่ นทา่ น ท้ังหลาย บคุ คละญงิ ชายเกดิ ฤกษต์ วั ท่ี ๑๐ หอ้ื หมน่ั กระทำ� พาชนยิ กรรม๑๐๔ จกั สมฤทธี เท่าหอื้ แหนสัตวใ์ นบ้านในป่าอนั พฤษะเพงิ กลวั น้ันแล บุคคละญิงชายเกดิ ฤกษ์ตวั ที่ ๑๑ จกั มสี ุขแลปญั ญา จกั ไดเ้ ปน็ คหบดี อามาตยผ์ ูใ้ หญ่แล เทา่ มกั กระท�ำร้ายแก่ตนมศี ีลแล บุคคละญงิ ชายเกิดฤกษ์ตวั ที่ ๑๒ มีรปู งาม หมนั่ ปฏิบัติท้าวพญา จักได้เปน็ ขุนผู้ใหญ่ เทา่ แหนเมียทา่ นแท้เตอะ บุคคละญิงชายเกดิ ฤกษ์ตวั ที่ ๑๓ บ่ควรไปสภู่ ริยาตระกลู ใหญ่กวา่ ตนคันจัก เปน็ ใหญเ่ ที่ยงจักวนิ าศ บ่วุฒสิ กั อนั แล เทา่ ดีกระท�ำไรน่ าคา้ ขายส่ิงเดียวแล บุคคละญงิ ชายเกิดฤกษ์ตัวท่ี ๑๔ จกั มีปญั ญาและมีรปู งาม เป็นท่อี าศัยแหง่ คนทั้งหลายจักมีภัยแต่นที บ่ดีค้าขายทางเรือจักมักเป็นภัย เท่าดีเสพกับด้วย ท้าวพญา ๑๐๕ จักมีสขุ แล บุคคละญิงชายเกิดฤกษ์ตัวที่ ๑๕ จักได้พลัดพรากจากพ่อแม่แต่น้อย มกั เปน็ พยาธิ หาอาหารในนทใี หญ่ สระหนองบ่ดีไปมกั เป็นภยั ควรมีสมบัติไวช้ อุ ันแล บุคคละญิงชายเกิดฤกษ์ตัวที่ ๑๖ มักกระท�ำร้ายแก่ครูบาอาจารย์ตน มสี ขุ แตน่ ้อย เมอื่ แกเ่ ปน็ ทุกข์นกั แล ๑๐๔ การคา้ ขาย ๑๐๕ คบคา้ สมาคมกบั ขุนนาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง148 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา บุคคละญิงชายเกิดฤกษ์ตวั ที่ ๑๗ มักเปน็ พยาธเิ จ็บหวั ขัดแหล่ขัดหลัง มกั เปน็ ลมแตน่ อ้ ย คนั ไปคำ่� มาคนื ทา่ นมกั ยกโทษใส ่ หอ้ื แหนปา่ ศตั รอู ยใู่ กลต้ น อยา่ ใจบาป หอื้ หมัน่ กระทำ� บุญจักพน้ ภัยชุอนั แล บคุ คละญงิ ชายเกดิ ฤกษต์ วั ที่ ๑๘ ตระกลู ฝา่ ยแม่ ประเสรฐิ กวา่ ตระกลู ฝา่ ยพอ่ จกั มีสุขแต่น้อยแล บคุ คละญงิ ชายเกดิ ฤกษต์ วั ที่ ๑๙ มกั กระทำ� มจิ ฉาจารเลน่ ชกู้ บั ดว้ ยเมยี ทา่ นแล บคุ คละญงิ ชายเกดิ ฤกษต์ ัวที่ ๒๐ พอ่ แม่ตายแต่นอ้ ย บไ่ ดอ้ ยทู่ ีเ่ กดิ ตนแล บุคคละญิงชายเกดิ ฤกษ์ตวั ท่ี ๒๑ มกั มีอตุ สาหะ วิริยะ เปน็ ท่ีจำ� เริญใจแก่คน และเทวดาทัง้ หลาย คนั ผญู้ งิ ทรงคพั ภะ๑๐๖ หื้อแต่งอาหารหอมหวานกินดี คันผูช้ าย จกั ตายเพอื่ รกั ลกู เมยี อยา่ ไปคำ่� มาคนื มักเป็นภยั แกต่ น บคุ คละญงิ ชายเกดิ ฤกษต์ วั ที่ ๒๒ จักฉิบหายด้วยโกรธะมานะแห่งตนแล บคุ คละญงิ ชายเกิดฤกษ์ตัวที่ ๒๓ มักโกรธะนักจะกนิ แหนงใจเมอื่ ภายลนู อยา่ ไปอยปู่ า่ มกั เปน็ ภัย บุคคละญงิ ชายเกดิ ฤกษ์ตัวท่ี ๒๔ ไปสงครามจักมีภัย อยา่ ใจบาปจกั ฉิบหาย บ่วุฒิแล บคุ คละญิงชายเกิดฤกษ์ตัวที่ ๒๕ จกั มขี ้าวของมากนัก เช้ือไพร่จกั ไดเ้ ป็นขนุ ผใู้ หญ่ จกั ได้เมยี ผูห้ นุ่มหื้ออย่ตู ามกอง๑๐๗ เต๊อะ บุคคละญิงชายเกดิ ฤกษต์ วั ที่ ๒๖ หอ้ื แหมผใู้ หญ่ และสตั วป์ ่าท้งั หลายแล บคุ คละญงิ ชายเกิดฤกษ์ตัวที่ ๒๗ จักกระท�ำอนั ใดกด็ ีหื้อพจิ ารณาดหู อื้ หัน แจง้ ก่อนแล้วจึงกระทำ� บอ่ ้นั มักเป็นพยาธิภยั เท่าดเี สพกับด้วยกลั ยาณมติ รผู้ดีแล ๑๐๖ ต้ังครรภ์ ๑๐๗ คลองจารตี ประเพณี

ธวชั ชัย ท�ำ ทอง 149 ภาพโยคสะเปา โหราศาสตรแ์ บบลา้ นนาทใ่ี ช้ตัวเลขดาวฤกษ์ท้ัง ๒๗ ตัว วางไว้บนต�ำแหนง่ ต่างๆ ของสะเปาเพอ่ื การท�ำนายดวงชะตาของบุคคลตามฤกษ์ก�ำเนดิ และอายุ ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง150 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ต�ำราพรหมชาตลิ ้านนา คนล้านนาเช่อื ว่ามนุษย์เกดิ จากพรหม จงึ เปน็ ทีม่ าของค�ำวา่ พรหมชาติ แท้ ที่จริงน่าจะเป็นต�ำราที่รับอิทธิพลจากความเชื่อเร่ืองชาติก�ำเนิดของระบบวรรณะใน อนิ เดยี เปน็ การระบทุ ม่ี าแหง่ ชาตกิ ำ� เนดิ ของคนในวรรณะชน้ั ตา่ งๆ ทม่ี าจากพระผเู้ ปน็ เจา้ ภายหลังอาจจะมาคล่ีคลายให้เข้ากับสังคมวัฒนธรรมในภูมิภาคนี้ซึ่งมีคติความเช่ือ เรื่องขวัญเปน็ ทุนเดิมคอื การแตกกระจายตัวของขวัญ ท่อี ยูใ่ นร่างกายคน จงึ ผกู โยง เร่อื งของวิญญาณท่ีจะมาเกิดน้ันแตกออกมาจากขวัญสว่ นต่างๆ ของพรหม โดยใช้ ระบบปีเกิดมาเป็นตวั กำ� หนดทมี่ าแห่งการกำ� เนดิ จากการคน้ ควา้ ท�ำใหพ้ บว่าตำ� รา พรหมชาติในล้านนามีมากมายหลายส�ำนวนซ่ึงผู้เขียนได้เลือกจ�ำแนกออกมาเป็น ตวั อย่างเพื่อพอใหเ้ ห็นภาพรวมดงั นี้ ประเภทท่ี ๑ ต�ำราระบวุ ่าเม่อื วญิ ญาณถือกำ� เนิดออกมาจากพรหมน้ันจะมี การแบง่ วญิ ญาณนนั้ เป็นวรรณะตา่ งๆ คือ เทวดา คน และยกั ษ๑์ ๐๘ เมอ่ื จะมาเกดิ เปน็ มนษุ ยว์ ญิ ญาณจะตอ้ งเขา้ ไปพกั หรอื ไปสงิ ตามตน้ ไมป้ ระจำ� ปเี กดิ กอ่ น เมอ่ื มาเกดิ แลว้ ตอ้ งมขี องมงคลประจำ� ตวั อะไรบ้างและควรจะเลอื กคู่ครองลกั ษณะใดดังนี้ บุคคลผ้ใู ดเกดิ ปไี จ้ ลุกหวั พรหมลงมาเกดิ วงศาเทวดา สงิ ไม้ไคร๑้ ๐๙ นามหนู ธาตนุ ำ�้ อาทติ ยเ์ ปน็ ใจมนั อยนู่ น้ั ยงั มสี มบตั เิ สยี ไรน่ ากนิ ดเี ตา้ หอ้ื ฟงั คำ� อยแู่ กจ้ งึ ดแี ล ทอื ดาบ ๑๗ ไม้แทก๑๑๐ ปลายเพยี ง ทอื แก้วปัทรา ผิวแดงคันบอ่ ัน้ กแ็ ก้วมหานลิ กับทั้งทอง ขวานฟา้ ผ่า จงึ ดี บม่ ีศาสตรศ์ ลิ ปเ์ ปน็ รูปหนเู ล้ียงงวั แดงไว้เงิน ๗ กำ� รองพนื้ ถงเปง้ ๑๑๑ ขุนนางรกั แล เอาเมยี แมน่ ้อยต�่ำดำ� แดงกะดนี ักแล บอ่ ้นั กแ็ ม่หม้ายขาวสูงดแี ล ปเี ป้าลกุ บ่าพรหมลงมาเกดิ วงศายักษ์สงิ ไม้กล้วย๑๑๒ นามวา่ ธาตุดิน ๔ เปน็ ใจมันยงั มปี ระหยาห้ือขา้ วของแดงไว้เปน็ ของหม้ันดแี ล หื้อเอาแกว้ ฟ้าลกู ๑ กบั ทองขวานฟา้ ลกู เปง้ รูปงัว ทือแก้วเหลอื งแกว้ ขาว ถงเปง้ ขาวเหลอื งแก้วมุก ทือดาบ ๑๐๘ บางฉบบั ระบุเป็นผีเส้ือ ๑๐๙ บางฉบบั เปน็ ไม้มะพรา้ ว ๑๑๐ แตก้ หมายถงึ การทาบเพอ่ื วัดขนาด ๑๑๑ ถงเปง้ หมายถงึ ถงุ ใส่ลกู เปง้ ซ่ึงจะมรี ะบุว่าตอ้ งเปน็ รปู อะไรสว่ นใหญจ่ ะเปน็ รูปปนี กั ษัตรประจำ� ปี เกดิ เป้งทำ� มาจากโลหะสำ� ริด ความหมายของถุงเป้งคอื กระเปา๋ เงินของคนโบราณ ๑๑๒ บางฉบบั ระบุไม้ตาล

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 151 ๑๗ ไม้ แทกปลายเพยี งดี คันบอ่ ้นั ๑๘ ไมแ้ ทกปลายบวั กด็ ีไวเ้ งนิ ๘ กำ� รองพ้ืนถงเป้ง เอาเมียแมน่ ้อยขาวเหลือง คันบ่ขาวแดงตำ�่ กะเลี้ยงงวั เหลอื งดีนักแล เกิดปยี ลี ุกบ่าซ้ายพรหมลงมาเกิดวงศายกั ษ์ สิงไม้รงั นามเสอื ธาตุไม้ ราหู เปน็ ใจยงั มปี ระหยาแล ลกู เปง้ รปู เสอื ถงเปง้ ลายแดงทา่ น จา่ งสนสอ่ หวั เสยี ขวญั ทอื ดาบ ๑๙ ไมแ้ ทกปลายเพยี ง ทือแกว้ ประกำ� รากแล แก้วปพั ภา นำ้� ด�ำก็ดี ทือดาบ ๑๗ ไม้ แทกกด็ แี ก้วชายคำ� ก็ดีเล้ียงงัวแดงไว้เงิน ๔ ก�ำรองพ้ืนถงเป้ง เอาเมียแมน่ อ้ ยสูงแว้น ด�ำแดงผิวเสา้ ดอกเนื้อ ขุนนางรกั แล เกิดปเี หมา้ ลุกบา่ มือพรหมมาเกดิ วงศาคนสงิ ไมห้ วาย๑๑๓ นามหมา ถงเป้ง ขาวธาตุไม้ ๖ เป็นใจ ก�ำมันบห่ มัน้ บ่เท่ยี งมคี ันบห่ มารูปเปน็ รูปหมาตวั ๑ ถงเปง้ ขาว หมน่ ไวถ้ ง ๑ ไว้กับถงอย่าห้อื ขาด ทอื ดาบ ๑๗ ไมแ้ ทกปลายเหล้ียม ทอื แกว้ วฑิ รู ย์นำ�้ ค้�ำก่ดี แก้วบัวระกตยอดเตา้ กด่ ี เอาเมยี แมน่ อ้ ยคงิ แลบขาวเขียวคนั บ่อัน้ กแ็ ดงตำ�่ ๑ เล้ียงงวั ผวิ มกุ ผวิ ซายเหดิ ดีนักแล เกดิ ปีสี ลกุ หวั เข่าพรหมมาเกิดวงศาเทวดาสงิ ไมส้ รี บอ่ ัน้ ก็ไมส้ ะเคยี น นามงู ตัวหลวง ธาตดุ ิน ๗ เปน็ ใจดีเม่ือยงั นอ้ ย ดีแก่มาเป็นทุกขบ์ ่มสี ขุ สกั คาบแล ถงเปง้ ลาย ดำ� ลกู เปง้ รปู นาค คนั บอ่ น้ั กร็ ปู ราชสกี ด็ ี ทอื แกว้ วฑิ รู นำ้� เผงิ้ แกว้ ปะจำ� กาน แกว้ นำ�้ เขา้ แกว้ ปลกี กบั ทองขวานฟ้า๑๑๔ จึงดีเทวดารักษาแล เลีย้ งงัวมุกงัวแกว้ ทือดาบ ๑๔ ไม้ แทกปลายบวั กด็ ี ๑๕ ไม้แทกปลายก้อยก็ดี หอเรือนนอนคนื นางรกั เอาเมียแมใ่ หญ่ ขาวสูงไว้เงิน ๓ ก�ำในถงเปง้ อย่าขาดดีแล เกดิ ปใี ส้ ลุกฝ่าตนี พรหมมาเกดิ วงศาคนสงิ ไม้ยาง๑๑๕ นามงนู ้อยธาตุไฟ ๑ เปน็ ใจยามนอ้ ยทกุ ข์มากนกั เมื่อแก่จงึ ดีแล ลกู เปง้ รปู งู ถงเปง้ ดำ� แดง บอ่ ้ันก็เหลือง ภายนอกขาวปอดไว้เงินขวัญถง ๓ ก�ำ ทือดาบ ๑๒ ไมแ้ ทกปลายเหลีย้ ม บ่อัน้ ก็ ๑๗ ไมแ้ ทกปลายเพยี งไว้ขา้ งซา้ ย แกว้ วชิระเปก๊ แก้วปลกี ขาวเหลือง กบั ดว้ ยทองขวาน ฟ้า เอาเมยี แม่นอ้ ยสงู แวนดแี ล เล้ยี งงัวด�ำปอดดีแล เกิดปีสะง้า ลกุ สายดอื พรหมมาเกดิ วงศาเทวดาสงิ ในเกา๊ กลว้ ย บ่อ้ันกเ่ ก๊า ออ้ ย นามม้า ธาตุไฟ ๑ เปน็ ใจ ลูกเปง้ รูปมา้ ถงเป้งหมน่ ไวเ้ งิน ๔ กำ� เปน็ ขวญั ถง ทือ แก้วประท�ำราก แกว้ มหามณีแล เล้ียงงัวดำ� ๑๑๓ บางฉบบั ระบไุ ม้งิ้ว ๑๑๔ ขวานทองสำ� ริด ๑๑๕ บางฉบบั เป็นต้นไทร

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง152 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ทอื ดาบ ๑๘ ไม้ บ่อน้ั แทก ๑๔ ไม้ปลายบัวไว้ขา้ งนอน เอาเมียแม่ใหญ่ดำ� แดง คันบ่ ขาวแดงแม่น้อยงามเท่ียงดีนักแล เกดิ ปเี ม็ด ลุกตนี ซา้ ยพรหมมาเกิด วงศาเทวดาสิงไม้ตาล๑๑๖ ธาตุดนิ ๓ เป็นใจนามแพะ มันบฟ่ ังคำ� ไผแล ถงเป้งหม่นภายนอกดำ� ในแดง ลูกเปง้ รปู แพะไว้เงิน ขวัญถง ๗ กำ� อย่าขาด ทือดาบ ๑๖ ไมแ้ ทกคันบอ่ น้ั ก็ ๑๗ไม้ แทกปลายเพยี งแล ทอง ขวานฟ้าไว้ในถง เล้ียงงวั ด�ำหมน่ คันบ่อนั้ แดง ทือแก้วปะท�ำรากแก้ววิฑูรแกว้ นิล เอา เมียดำ� แดงมอยดนี ักแล เกิดปสี นั ลุกหวั เข่าพรหมมาเกดิ วงศายักษส์ ิงไมเ้ ดื่อ๑๑๗ นามวอกธาตุเหลก็ ๔ เปน็ ใจเม่ือยามนอ้ ยทกุ ขม์ ากนกั แก่จงึ ดีมสี ุขแล ลกู เปง้ รปู วอก ถงเปง้ ขาวภายนอก ด�ำแล ทือแกว้ มหานลิ คนั บ่อน้ั ก็แก้วปะทบ ไว้ถง ๑ ก�ำเปน็ ขวัญถงเปง้ แล ทือดาบ ๑๗ ไม้แทกปลายเหล้ยี มก็ดี ๑๘ ไมแ้ ทกปลายเพยี งก็ดบี ่มสี ัตรแู ล เลี้ยงงัวมกุ งวั แดง เอาเมียแมด่ �ำแดงกด็ มี ีข้าวของดแี ล เกิดปีเล้า ลกุ หลงั พรหมมาเกิดวงศายักษน์ ามไกส่ งิ ไม้มว่ ง ธาตุเหลก็ ๕ เปน็ ใจเป็นนกั บวชจึงดีแล เปน็ คนแก่มาจักสุขสนอ้ ย ลูกเป้งรูปไก่ถงเปง้ ในขาวนอก เหลอื ง คันบ่อั้นในลายนอกขาว ทือแก้วประท�ำรากดี แกว้ ปัพภานำ้� เหลอื ง ทือดาบ ๑๙ ไมแ้ ทกปลายเพียง เอาเมยี แมข่ าวเหลืองไวเ้ งิน ๙ ก�ำเป็นขวัญถงเป้งอย่าห้ือขาด เอาเมยี แมข่ าวเหลอื งหนา้ กวา้ งเลี้ยงงวั นิลผงิ คำ� จอมเปน็ เก๊าดแี ล เกิดปเี สด็ ลุกกวงเหนา่ ๑๑๘ พรหมมาเกิด วงศายกั ษ์สงิ ไม้ทนั ๑๑๙ เป็นที่รกั แก่ ท่าน ธาตเุ หลก็ นาม กระตา่ ย ๔ เป็นใจเม่ือนอ้ ยเปน็ ทุกขเ์ มื่อใหญ่จึงดมี ีสุขแล ถงเป้ง ลายหม่นภายในแดงรปู เป้งรูปกระตา่ ยแลว้ ไว้เงินขวญั ถงกำ� ๑ เป็นขวญั ถงอยา่ หื้อ ขาด ทือแกว้ บัวระกด แกว้ มหานิลแล แก้วนิลประทบ ทือดาบ ๑๕ ไมแ้ ทกปลายเหลี้ ยมบ่อน้ั ก็ ๑๙ ไมแ้ ทกก็ดไี ว้ขา้ งท่ีนอนป่างซา้ ย เอาเมียแมน่ อ้ ยขาวเขยี วเลย้ี งงวั ด�ำไว้ ของที่เมียจงึ ดแี ล ๑๑๖ บางฉบบั ระบุเปน็ ไม้บริกาชาติ ๑๑๗ บางฉบบั เปน็ ต้นมะขุน ๑๑๘ รกู ลวงท่หี วั เหน่า ๑๑๙ บางฉบับระบวุ า่ เปิง้ หนองสระดอกบัว

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 153 เกดิ ปไี ก้ ลุกบา่ เกา๊ แร๑้ ๒๐ พรหมมาเกดิ วงศาคนมาสิงไม้เทา่ นามช้างธาตุนำ�้ เป็นใจฮอมสงั บส่ ขู้ ้นึ หลายถงเป้ง ๒ ช้ันน้อยขาวในแดงลูกเป้งรูปชา้ งไว้ชา้ งก�ำเป็น ขวญั ถงอย่าห้ือขาด ทือแกว้ ผิงเหลืองวิฑูรน�้ำคำ� เลีย้ งงัวฮา่ งดอก คนั บ่งวั ค�ำทอื ดาบ ๑๕ ไม้แทกปลายบัว ไว้ปายข้างสลีอยู่ เอาเมยี ใหญ่ขาวเหลอื งหอื้ เป็นเจา้ เข้าของจึงดี แล กลา่ วปีเกดิ ทง้ั หลายกแ็ ลว้ นแ้ี ล ประเภทท่ี ๒ คือความเช่อื เรื่องชาตกิ ำ� เนดิ ทเ่ี กิดจากปู่แถนยา่ แถนเปน็ ผูน้ ำ� พามาเกิดโดยปูแ่ ถนจะเปน็ ผู้ปน้ั หรือหลอมหล่อใหอ้ อกมาเป็นมนษุ ย์ ในต�ำราระบุ ถึงบุคคลควรจะระลึกถึงบุญคุณปู่แถนย่าแถนด้วยการท�ำพิธีส่งแถนบูชาแถนเพื่อให้ อยู่วุฒิจ�ำเริญสวัสดี แต่หากไม่ส่งไม่บูชาก็ถือว่าเป็นคนท่ีไม่รู้จักกตัญญูรู้คุณผู้ให้ ก�ำเนิดปู่แถนย่าแถนก็จะสาปแช่งบุคคลที่เกิดในปีเกิดแต่ละปีไว้พร้อมระบุกาลชะตา ทีเ่ จบ็ ป่วยหรอื เสียชีวติ ดังน้ี ทน่ี ี้จักกลา่ วดว้ ยก�ำเนดิ ปเี กิดคนทงั้ หลายญงิ ชายลงมาเกดิ กอ่ นแล ผใู้ ดเกิด ปีรวายไจ้ถือหาบลงมา เกดิ ปีเต่าไจน้ ง่ั และถอื ถงลงมาเกิด ปเี ปกิ ไจ้ตกตน้ ไม้ตายแลว้ ลงมาเกดิ ปกี าบไจ้นนั้ ถือถงลงมาเกดิ ธาตนุ ้�ำแล เม่อื ลูนปูแ่ ถนหลวงบอกห้ืออย่แู ปลง เบา้ ได้อยนู่ อ้ ยหนึง่ รงุ้ คาบเอาหนแี ลสวั ะตก แล้วได้มาเกิดหลอ่ ออกแล้ว ได้กับเสยี เท่ากนั แล นางหลวงไดส้ ัง่ วา่ ห้ือไดส้ ง่ ครัวกหู อื้ พอ่ แมซ่ ่ินผืน ๑ เสอื้ ผืน ๑ เงนิ บาท ๑ สรอ้ ยสังวาลย์เครื่อง ๑ ขา้ วเปลือกฉาง ๑ ขา้ วสารฉาง ๑ แล้วกูจักค้�ำชูข้าวของห้ือ ไหลหลง่ั มา เปน็ ดมี สี ุขทุกอนั ชะแล คนั ว่ามึงบ่ส่งห้อื กนู ้ันหือ้ อายุมึงนัง่ ๑๗ ปีหอ้ื มึง ตายแท้ ห้ือมงึ ตายลงดำ� ลงแดงบวมพองตายว่าอ้นั แล ปแู่ ถนแช่งว่าสันนเ้ี ยื่อง ๑ ว่า หอื้ ตายเสือขบงตู อด ว่าอั้นปู่แถนแชง่ วา่ ฉันนี้ พีน่ อ้ งตระกูลได้เล้ียงมึงหอื้ ชงั มงึ คันว่า มงึ บส่ ง่ หื้อกูหอ้ื มงึ มอี ายุได้ ๗๗ ปีหนั้ ตายเดอื น ๓ ออก ๓ คำ�่ ห้ันหอ้ื มงึ วายหน้ั แทแ้ ล ผู้ใดเกิดมาปดี บั เป้าถือดาบลงมาเกิด ปเี มิงเปา้ ข่ีสะเปาลงมาเกดิ ปกี ดั เป้า ช้างแทงตายแล้วลงมาเกดิ ปีลว้ งเปา้ เพิ่นกัง๑๒๑ ลงมาเกิด ปกี า่ เป้ามีม้าลงมาเกิดผวั เมยี เดยี วกันธาตดุ นิ เตาไฟ ลกุ ทป่ี ู่แถนมาเกดิ ปู่อมลมปั้นหล่อได้ดี ไดก้ นิ แหนงมีลกู ๒ คนเอาเมยี แมร่ ้างแมห่ ม้ายพอประมาณเปน็ สาวจ๋จี งึ ดี คนผู้น้ีป้าว๑๒๒ มันมกี ลางขา ๑๒๐ รักแร้ ๑๒๑ ผกู หรือมดั ตวั ๑๒๒ รอยตำ� หนิ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง154 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ตาบอดเบอ้ื งขวาแล ป่แู ถนแช่งวา่ หอ้ื มงึ เปน็ พยาธิอายไุ ด้ ๑๑ ปีห้ันทนี ่งึ ได้ ๕๑ ห้ันที นึ่ง แนแ่ ท้แล เยอ่ื ง ๑ หอ้ื มันตกตน้ ไมต้ ายช้างแทงตายงวั ขวิดตาย เพ่นิ ข้าฆา่ ตายเพนิ่ ฟนั แทงแชง่ วา่ สนั นแ้ี ล เหตวุ า่ จา่ ยมภบิ านเอาดนิ มาปน้ั เบา้ เตาไฟปแู่ ถนกว็ า่ จา่ ยมภบิ าล๑๒๓ ก็ว่าแล คางจักหวิดก�ำซ้ายผีเทวดาล้อมอยู่ทุกวัน ปู่แถนว่าห้ือส่งหื้อกูห้ือมี ซ่ินผนื ๑ เส้ือผนื ๑ เงิน ๒ ต่อมคำ� ๓ ซกี เบีย้ ๒ ร้อยไก่ ๙ ตัวส่งหอ้ื พอ่ แมเ่ ตอ๊ ะคนั วา่ บส่ ง่ หือ้ กู ปู่แถนย่าแถนแชง่ ว่าห้อื มงึ ตายจมนำ�้ หลทุ ้อง ถกู คนท�ำร้ายทา่ นตาย บอ่ ัน้ ก็ ห้ือเสือหมีหมา วอ้ ขบตาย คันวา่ มึงส่งห้อื กูแลว้ ห้อื มึงล้างมอื เป็นดมี อี ายหุ มั้นยนื ยาว ได้ ๘๐ ปีตายเดือน ๖ ออก ๘ คำ�่ แล ผใู้ ดเกิดมาปีรวายยีถอื จ้อง ลงมาเกดิ ปกี าบยีถอื ถงลงมาเกิดมีผีตัว ๑ ใหญ่ เท่าควายมาใจหาปแู่ ถนดาปัน้ เบา้ แล ซ�้ำส่งั หอ้ื กมู ีไกค่ ู่ ๑ เงนิ บาท ๑ เบ้ยี ๕๐๐ ซิ่น ผืน ๑ เสือ้ ผืน ๑ ข้าวเปลือกฉาง ๑ ขา้ วสารฉาง ๑ คันบ่สง่ หือ้ กูหอื้ มึงฉบิ หายตายเปน็ บ้าเมาไปใบ้ง่าว งก เปน็ แห้งแข็งขาหกั ตาบอดอายุได้ ๑๗ ปีทหี นงึ่ ๑๙ ปีทนี ่ึงคันวา่ มึงสง่ ห้ือกูห้อื มงึ มีอายุหมัน้ ยืนยาวสมฤทธีเปน็ ดีแลเตอ๊ ะ ผู้ใดเกดิ ปีเมงิ เหมา้ ขี่ปราสาทลงมาเกดิ ปลี ้วงเหมา้ ดูกหกั แตกตายแล้วลงมา เกดิ ปกี ่าเหมา้ ขี่ปราสาทลงมาเกดิ ปีดับเหม้าถือหาบลงมาเกดิ กำ� เสียมลงมาเกดิ ธาตุ ไมล้ กู นางสิขาเลีย้ งนางมโนรา ปู่แถนหลวงมักข้ีค้านกระท�ำเพียร นางอสั สะมกุ ขปี ้นั เบ้าปู่แถนหลอ่ ออกซำ�้ สัง่ ว่าหอื้ มงึ สง่ ห้ือกูมไี ก่ตัว ๑ เบีย้ พัน ๑ หมากพนั ๑ เกลอื กอ้ น ๑ เงิน ๓๐ เฟอ้ื งห้อื สง่ ไปหาพอ่ พญาแถนเตอ๊ ะหากจกั เปน็ ดมี สี ุขชะแลคนั มงึ มา บส่ ง่ หื้อกมู ึงตายเมือ่ อายไุ ด้ได้ ๒๙ ปจี งึ ลาภะสะการอันใหญ่แล ๗๙ ปหี นั้ ตายบ่อ้นั ก็ หอื้ เป็นเปีย้ เป็นงอ่ ยสบิ วนั หวานซาววนั ไขเ้ ตอ๊ ะ ๗๐ ปหี ัน้ ตายคนั วา่ มึงสง่ หอื้ กู ห้อื มงึ มอี ายุหมนั้ ยืนยาวได้ ๙๙ ตายแท้แล ผู้ใดเกิดปีสีทา่ นหามมาเกิด ปกี ดสที ่านกงั ลงมาเกิดแล ปเี ตา่ สีท่านหามลง มาเกดิ ปีกาบสขี ี่ควายลงมาเกดิ ปรี วายสที ่านมดั ลงมาเกดิ ธาตุดินดูกเงอื ก ลูกอ้าย แถนเอาดนิ ใต้ลุ่มมาปนั้ เบา้ หล่อ เอาเมยี แม่รา้ งแมห่ ม้ายดี แปลงเรอื นขนึ้ วาคืบดีห้ือ ได้สง่ มาห้อื กหู ้ือซิ่นผืน ๑ เสอ้ื ผืน ๑ หมาตัว ๑ เงินบาท ๑ คำ� ๓ ซกี หอื้ ส่งไปหาปู่แถน ย่าแถนเตอ๊ ะ จกั มีอายุหมั้นยนื ยาว ๗๐ ปหี นั้ ชะแลคันว่าบ่สง่ หื้อกูปู่แถนซำ้� แช่งวา่ หอ้ื มึงมีอายุได้ ๙ ปีหนั้ จักตายทีห่ น่ึง ๑๒ หน้ั ที่ ๑ ห้อื เพนิ่ เอามดี ฟันแทงบบุ ตีบวมพอง ตายฟา้ ผา่ ควายขวดิ หลุท้องเป็นฝตี ายป่แู ถนย่าแถนแชง่ วา่ สนั น้ีแล ๑๒๓ จ่ายมพบาล

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ทำ�ทอง 155 ปีเมิงไสก้ นิ เหล้าแลว้ ลงมาเกดิ ปดี ับไสข้ สี่ ะเปา ลงมาเกิดแลห้อื ส่งเสยี ห้อื มีเงนิ ๓ กำ� สิน้ ผนื ๑ เสอ้ื ผนื ๑ ไก่ตวั ๑ ส่งเสยี หนทางไวห้ นเหนือเต๊อะ มอี ายไุ ด้ ๗๐ ปหี น้ั จักตายแน่ คันบส่ ่งหื้อกปู ่แู ถนแช่งวา่ หอ้ื มงึ ตายหลุท้องบวมพองลงเลือดตายกิ้ว เลอื ดกว้ิ ยางตายลงตายภายแล คนั ว่าส่งหอ้ื กูยงั ดมี เี ม่อื เถา้ ชะแลลกุ ตนี แถนมาเกดิ แล ผู้ใดเกิดปกี าบสะง้าทา่ นหามลงมาเกดิ แล ปีเต่าสะงา้ ขีส่ ะเปาลงมาเกดิ ปีร วายสะงา้ กำ� ละบตั หมากคำ� ลงมาเกดิ ปเี ปกิ สะงา้ ทอื กง๋ จงู งวั ลงมาเกดิ สวกไมเ้ ทา้ ลงมาเกดิ ลกุ ตนี แถนลงมามผี ะหยาปญั ญามักสอนทา้ วพญาแล ปรุ สิ ารทปนั้ เบ้าปูแ่ ถนนอ้ ยปั้น ลงมาหล่อ ธาตไุ ฟใจรีบบ่กลัวใจไผมีบ่ปอดเป็นป้าวเปน็ ฝหี ือ้ ได้สง่ ไปหาพอ่ แม่ ห้ือมี เบี้ยพนั ๑ ฝา้ ยพัน ๑ เกลอื ๒ กอ้ นไก่ ๒ ตัวเปด็ ตวั ๑ปลา ๙ ตวั นกตัว ๑ สง่ หือ้ กูแลว้ กจ็ ักมง่ั มูลด้วยขา้ วของสมั ปัตติชะแล อายุได้ ๑๙ จักได้หนีเสยี ทอ่ี ยู่อายุได้ ๗๐ หน้ั ที่ หน่ึงคนั วา่ ส่งห้ือกูแล้วจักหอ้ื มอี ายุหมน้ั ยนื ยาวได้ ๙๒ หั้นรำ�่ น้นั อยดู่ ว้ ยบุญชะแล ปลี ว้ งเม็ดช้างแทงแล้วลงมาเกดิ ปกี ัดเม็ดนอนกินนำ�้ ถือหาบลงมาเกิด ปกี า่ เมด็ ถือคอ้ นเหล็กแลว้ ลงมาเกดิ ปีดบั เมด็ ถืออาวุธลงมาเกดิ ปีเมิงเมด็ ชา้ งแทงตาย แล้วลงมาเกิดยงั จิ่มข้าวของแล อรหนั ตาป้นั เบา้ พญาจงุ่ หล่อออกเกดิ มาแลว้ ทา่ นมกั ชงั อายไุ ด้ ๑๐ ปีจกั ตายควายขวดิ ท่ีหนง่ึ ๑๓ ห้นั ทหี่ น่งึ ๑๕ หน้ั จักตายท่ี ๑ แลหอ้ื มงึ สง่ หอ้ื กหู อ้ื มซี น่ิ ผนื ๑ ผา้ ผนื ๑ เงนิ ๓ กำ� คำ� ๑ ซกี ไกเ่ หลอื งตวั ๑ เบย้ี รอ้ ย ขา้ วเปลอื กฉาง ๑ ขา้ วสารฉาง ๑ พรกิ หนอ้ ย ๑ เกลอื หอ่ ๑ สง่ หอ้ื กเู ตอ๊ ะ จกั มอี ายไุ ด้ ๙๗ เสย้ี งหนั้ แล คันวา่ มงึ บ่ส่งหอ้ื กูปู่แถนแชง่ ว่าห้อื มึงตายหลอดหลุลงเลอื ด หอื้ ตายก้นั ตายอยากแล อยา่ ได้ห้ือหันหน้าพน่ี อ้ งสักคนหือ้ เป็นกำ� พร้า หอ้ื เปน็ ข้าไรห้ วั เรือนไปปากยำ� ค�ำพษิ สดุ แตล่ ะออ่ นกห็ อื้ ดา่ ลกู มงึ เปน็ ดง่ั ลกู หมาลกู งวั ควายนนั้ เตอ๊ ะปแู่ ถนยา่ แถนแชง่ ไวด้ งั่ น้ี ผ้ใู ดเกดิ ปีเต่าสนั ถอื ดาบลงมาเกิด ปกี าบสนั เพิ่นจงู แขนลงมาเกิด ปีรวายสนั ขส่ี ะเปาลงมาเกดิ ปีเปกิ สันเพ่นิ มดั ศอกลงมาเกิด ปีกดสันถอื หาบลงมาเกิดแลลกุ ปากแถนลงมาเกิด ผเี ส้ืออย่จู อมหัวเอาเก๊าไมส้ รีมาปัน้ เบา้ ทา้ วทงั้ ๙ หล่อแล้วห้ือได้ สง่ หอ้ื กูหอ้ื มผี า้ ๙ ผนื เงินกำ� ๑ค�ำ ๓ ซกี เบ้ีย ๔ รอ้ ยห้อื สง่ ไปหาพ่อแม่เตอ๊ ะหากจกั มี เขา้ ของเงนิ ค�ำหลา้ งมเี ป็นดีมีอายุยืนได้ ๙๓ ปหี ้ันแล คันวา่ บ่ส่งหื้อกูห้ือมึงเป็นเป้ีย เปน็ คอ่ มเปน็ เหลอื งเปน็ ปา้ งเป็นปมุ๋ แม่ญงิ ก็หอ้ื อัตตาแอวหัก หหู นวก เงกิ ขา้ งขู บ เจ็บทอ้ งไฟไหมเ้ ปน็ ลอก ตายตกนำ�้ ตายเต๊อะแถนแชง่ ว่าสนั น้แี ล

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง156 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ปีลว้ งเล้าขี่ช้างลงมาเกดิ ปกี า่ เล้าข่ีคอแมม่ าเกิด ปเี มิงเลา้ ถอื ถงนอนลงมา เกดิ ลกุ ตนี แถนลงมาเกดิ แลเทวดาปน้ั เบา้ จา่ ยมภบิ าลหลอ่ มกั เสยี ของพนี่ อ้ งแล พน่ี อ้ ง มกั ชังเมอื่ ภายลนู เขากย็ ังออ่ นหาอย่างเก่าแลอายุ ๙๙ ปีหั้นตายแนก่ นั วา่ บส่ ง่ หือ้ กู ยามนอ้ ยท่านจักดูแควนอายุ ๙ ปเี ปน็ รา้ ยทีนึ่ง ได้ ๑๓ ทีน่งึ จกั ตายกบ็ ่ ๗๗ หนั้ บอ่ ้นั ก็ ๙๐ ห้ันปู่แถนแชง่ วา่ หอื้ มึงตายกด๊ั ขี้ก๊ัดเยยี่ วบวมพอง เปน็ น่วิ เปน็ ฝตี ายกิ้วเลือดก้วิ ยางตายไฟไหมเ้ สอื ขบทา่ นผมู้ ดั ใสก่ งั กาตายเตอ๊ ะแชง่ วา่ สนั นแี้ ลว้ หอื้ สง่ หอ้ื กมู หี มตู วั ๑ เส้ือผนื ๑ เงินบาท ๑ เบย้ี รอ้ ยพริกหอ่ ขา้ วเปลอื กฉาง ๑ ขา้ วสารฉาง ๑ ส่งเสียเตอ๊ ะ ผใู้ ดเกดิ ปกี าบเสด็ ถอื วลี งมาเกดิ ปรี วายเสด็ ถอื ดาบกบั ลา่ ฟนั กนั มาเกดิ ดกู หมา ปีเปกิ เส็ดฟ้อนแลน่ ลงมาเกิด ปีกดเสด็ ถอื หาบลงมาเกดิ ปเี ตา่ เสด็ ถืออาวธุ ลงมาเกิด มอื ขวาถอื ดอกบัวลงมาแล ปู่แถนปัน้ เบา้ หล่อยามขวายใจร้อนนักคันว่าบส่ ่งห้อื กูมัน ซำ้� แชง่ วา่ หอ้ื มงึ เปน็ รา้ งเปน็ หมา้ ย หอื้ ไดถ้ กู ราชวตั รผใู้ หญห่ อื้ ตายเพนิ่ แทงหอ้ื เพน่ิ บาป ไหมใสโ่ ทษ พีน่ ้องมงึ ก็อย่าหือ้ ได้นบั มึงมเี ข้าของกห็ อื้ มผี มู้ าเบยี นมงึ เตอ๊ ะ ๓ ปีไปหา ๕ ปหี อ้ื เปน็ เปย้ี เปน็ คอ่ มเปน็ งอ่ ยตาจติ าฟางตามดื ไป คนั วา่ บใ่ ชผ่ มู้ บี ญุ อยา่ โผดมงึ ได้ อายไุ ด้ ๙ ปี ๑๐ ปหี นั้ ทนี ง่ึ บอ่ ้นั เดือน ๙ เดือน ๔ จกั ตายบอ่ ัน้ ๗๐ จักตายทีน่งึ หอ้ื มึงเป็นทุกข์ ดว้ ยผัวเมยี ๓๐ ปีห้นั จักเป็นเคราะห์แล จกั มโี ชคน้อยหนึ่ง ๕๐ ปีหัน้ ทหี น่ึง ๕๙ ปีจกั ไดพ้ รากท่อี ยู่พ่ีนอ้ งปแู่ ถนแช่งวา่ สันน้หี อื้ ไปส่งเหีย ห้ือเบย้ี พนั ๑ ฝ้าย ๗ เส้น หอ้ื ปอ วา่ หมาตวั ๑ เกลอื รอ้ ย ๑ เงนิ บาท ๑ ค�ำ ๓ ซีก ผา้ ผนื ๑ เสือ้ ผืน ๑ ส่งหือ้ พอ่ แม่เตอ๊ ะ หากมเี ข้าของมากนักชะแลจึงจกั มีอายุหมั้นยนื ยาว ได้ ๘๓ หัน้ จกั ตายแทน้ าบ่ได้จุแล ผใู้ ดเกดิ ปดี ับไก๊ สวกเทา้ ลงมาเกิด ปเี มงิ ไก๊ถือถงลงมาเกดิ ปกี ดไกข๊ ป่ี ราสาท ลงมาเกดิ แล ดูกหมา ปลี ้วงไก๊ ถือกงกาลงมาเกดิ ปีก่าไกก๊ อดแม่แล้วจ่งิ ลงมาเกดิ เปน็ ลกู เกา๊ แถน แถนเถา้ อยปู่ ากแจง่ เอาดนิ ทางหลวงมาปน้ั เบา้ ปแู่ ถนหากหลอ่ หากเผาแล มักเจบ็ หวั แลคนั วา่ ไปอยไู่ หนก็บ่มัน่ ห้นั แล คันวา่ บ่สง่ หอ้ื กูปแู่ ถนแชง่ ว่าดงั นี้ หื้อมึงยะ อนั ใดอย่าสมฤทธสี กั อันหอ้ื กนิ บกจกลง ริปองอนั ใดกห็ อ้ื เพ่ินบาปไหมใส่โทษมึง มี ชา้ งมา้ งัวควายก็หอ้ื ฉิบหายตายเสยี้ ง ตวั มึงก็หือ้ ตายเพ่นิ ฆ่าฟันแทงห้ือท่านมดั ผกู บุบ ตแี ลห้อื เป็นพยาธิรา้ ยเป็นหิวเปน็ แจ แม่นว่ามึงมผี วั และมีเมยี กห็ อ้ื เลน่ ช้จู ากกัน ห้ือ ไดเ้ ป็นขา้ ไรห้ วั เรอื นไปแม่นวา่ มลี ูกก็หอ้ื สอนยาก หื้อตายเป็นร้างเป็นหมา้ ยปู่แถนย่า แถนแชง่ วา่ ดงั นี้แล คันวา่ จกั สง่ ไปหากูน้ัน ห้ือมี ผ้าผืน ๑ เสือ้ ผนื ๑ คำ� ๓ ซีกเบยี้ รอ้ ย

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชัย ทำ�ทอง 157 ภาพการกำ� หนดลักษณะบคุ คลตามปีเกดิ โดยใช้ดาวพระเคราะห์วางไว้บนต�ำแหน่งต่างๆ ของร่างกาย ๑ พริกหม้อ ๑ เกลอื หมอ้ ๑ ขา้ วเปลอื กฉาง ๑ ขา้ วสารฉาง ๑ ข้าวตอกดอกไม้เทียน คู่ ๑ ส่งเสียเตอ๊ ะหากจักมอี ายุหมน้ั ยืนยาวเป็นดมี ขี า้ วของมากนกั ชะแล ประเภทที่ ๓ ต�ำราพรหมชาตอิ ีกประเภทหน่งึ กำ� หนดลักษณะบุคคลที่เกดิ ในแตป่ ี ดว้ ยการใชต้ ัวเลขซงึ่ เปน็ สญั ลักษณ์ของดวงดาวเป็นตวั ก�ำหนดลักษณะบุคคล ตามความหมายของดาวน้นั ๆ บคุ คลผใู้ ดเกดิ ปไี จแ้ ล ปเี มด็ ๑ เปน็ หวั เจยี รจาบถ่ กู ใจคนตงั หลายแล ทา้ วพญาแลผู้ ญงิ ยอรักสนอ้ ย ๓ เปน็ ใจมกั เหล้นชหู้ ลายคันผู้ญิงจักมีลูก ๒ คนจกั ไดก้ ินแรงแตว่ ่ามัก เคยี ดสน้อยแล ๖ อยู่ลิงกาม๑๒๔ แรงนักแล ๔ และ ๒ เปน็ มือกระทำ� การดีพอเล้ียง ตนแล ๕ และ ๗ อยู่ตนี เทียวทางบส่ อู้ ดเมอื่ อายุได้ ๑๕ ปีจักได้พรากทอ่ี ย่ตู นแลว้ เมอื่ ลูนจักมีโชคสนอ้ ย เม่อื ยามน้อยญาติพี่น้องจักพ่ึงบ่ได้ ได้ ๑๑ ปีร้ายที่ ๑ ได้ ๑๖ รา้ ยที่ ๑ อายไุ ด้ ๖๓ จงึ ตายแล ผ้ใู ดเกิดปีเปล้า ปีสนั ๒ เปน็ หัวเจยี รจารูห้ ลวกเพงิ ใจผู้ญิงเรยี นคณุ ดี คนั ใจ ประสงคเ์ ป็นจาค�ำดี ช่วยท่านวา่ หาคุณบไ่ ดแ้ ล ๔ เปน็ ใจดีเท่าว่าใจอ่อนมักจาเถิง ถอ้ ยค�ำมกั สอ่ เสียหอื้ มีคำ� ร้ายแก่ท่าน เทา่ ว่าขางเมยี สน้อยแล ๗ เปน็ ลิงกามแรงนัก ๑๒๔ กามารมณ์

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง158 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ผู้หญงิ ใคร่หือ้ ใฝน่ อนงนั จุวนั แล ๕ แล ๓ เปน็ มือ ๖ อยู่ตีน เทียวทางอดเปน็ พ่อค้าดี จักมลี ูกสบิ คน จักมเี งนิ ๕ พัน อายุ ๓๑ รา้ ยทีนึง่ อายุได้ ๗๐ ตายแล ผู้ใดเกิดปียี ปีเล้า ๓ เปน็ หัวปากจาท่านบเ่ พิงใจหลาย ๒ เปน็ ใจมักใจอ่อน คนั เปน็ ผหู้ ญงิ มกั เคยี ดนกั เทา่ พลนั หาย เปน็ ดมี ขี า้ วของ เทา่ เมยี มบี ซ่ อื่ ตอ่ แล ๗ เปน็ ตนี เมอื่ ยามน้อยเปน็ ทุกข์สนอ้ ย อายุ ๓๑ ปเี ลี้ยงตน มีพี่น้องพ่งึ บไ่ ด้ ย่อมพง่ึ ท่านผอู้ น่ื ต่อ เถ้าอายุได้ ๘๔ ตายแล ผู้ใดเกดิ ปีเสด็ ปเี หม้า ๔ เปน็ หวั เทา่ พอใจผหู้ ญงิ มกั มีช้หู ลายแล ๖ เป็นใจ มักอวดอา้ งทา่ นเท่าทุกข์ตวั เองมีคนรักแล ๒ เป็นลิงกามแรงนักยงั รู้หลวกดีแล ๑ กับ ๓ เป็นตนี แรงป้อยนักไปค้าขายดี จกั มเี งิน ๕ พัน ขา้ ๕ คน ยะไร่นาสวนดี เมอื่ ยงั นอ้ ยทกุ ข์สน้อย อายุได้ ๑๐ปรี า้ ยทีน่งึ ๒๕ ร้ายทีนึง่ อายุได้ ๖๑ ตายแล ผูใ้ ดเกิดปีไก๊ ปสี ี ๕ เปน็ หวั ยังรูห้ ลวกเจยี รจาค�ำผฟู้ ังคำ� ๗ เปน็ ใจแรงเคียด สนอ้ ยเทา่ ปนั หาย ยงั ใจบุญมักชว่ ยทา่ นกระทำ� การแต่เท่าวา่ หาคณุ บ่ได้ ๓ อยูล่ งิ กาม แรงนกั ผหู้ ญงิ ใฝเ่ พงิ ใจนกั แล ๖ เปน็ มอื กระทำ� การศาสตรศ์ ลิ ปด์ ี ๒ แล ๔ เปน็ ตนี มกั แรง เทยี วทางดี อายไุ ด้ ๑๒ ปรี า้ ยทนี ง่ึ จกั ไดพ้ ลดั จากทอ่ี ยตู่ น ไปอยทู่ อี่ นื่ อายไุ ด้ ๙๓ ตายแล จักได้กินแรงลกู เอย้ อา้ ย จกั มบี ุญกว่าท่าน จักมเี งนิ ๒ ชั่งคำ� กบั ๕ พันกับทง้ั ข้าคนแล ผใู้ ดเกดิ ปใี ส้ ๖ เป็นหัวเจยี รจาบ่ปอใจผ้หู ญิงน่งึ ซอื่ ตอ่ ชนู้ ึง่ ลูกเมยี น่งึ ๔ เป็นลิงกามพอประมาณ ๗ กบั ๒ เป็นมือ กระทำ� การนานแลเทา่ ว่าดี ๓ กับ ๕ เป็น ตนี มักเทียวทางทกุ แห่ง อดอาสาขนุ จักได้เปน็ ใหญด่ ี จกั ได้เปน็ ดียอ้ นเมยี แลท่านผอู้ ื่น อายุ ๑๖ ไปหาซาวปจี กั มโี ชค อายุ ๒๐ ถึง ๒๖ ปจี กั อยสู่ บายมีข้าหญิงขา้ ชาย ๑๐ คนชะแล ๒๗ รา้ ยทนี งึ่ อายุ ๘๙ เส้ยี งห้ันแล ผู้ใดเกดิ ปีสงา้ ๗ เปน็ หวั เจยี รจาถอ้ ยค�ำบก่ ลัวไผ ๒ เปน็ ใจ เปน็ พระดี ๓ เปน็ มือกระท�ำการบ่สู้จา่ งหลาย ๖ เป็นตนี เทียวทางบอ่ ด เมือ่ น้อยพอ่ แมไ่ ด้กนิ แรง อายุ ๒๑ ปเี ปน็ ทุกข์ทีนง่ึ ๓๑ ปีทนี งึ่ อายุ ๖๓ จึงตายแล ประเภทท่ี ๔ การก�ำหนดชะตาปีเกิดของบคุ คลที่เกิดปตี า่ งๆ ดว้ ยฝอย ท�ำนาย๑๒๕ ตามหลกั เลข ๗ ตวั หรอื เลขแปดตวั โดยจะมีตารางปเี กิดท่ีสมั พันธ์กับฝอย ท�ำนายเสมอ ๑๒๕ หมายถึงค�ำอธบิ าย

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ทำ�ทอง 159 ภาพตารางวิชาเลข ๗ ตวั ซึ่งเปน็ หนึ่งในต�ำราโหราศาสตรภาคพยากรณแ์ บบลา้ นนา

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง160 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา โหราเลข ๗ ตัวของบุคคลผู้เกดิ ปีใดพิจารณาดูเตอ๊ ะ ๑ เป็นธนาบ่มีขา้ วของ ย่อมหุมเสยี้ ง คันใครห่ อ้ื อยยู่ งั ของแห่งตนห้อื แปลงถงเป้งในแดงนอกดอกค�ำ เงนิ ขวัญถง ๔๐ แกว้ นำ้� คำ� ดาบ ๑๗ ไมป้ ลายเหลยี้ มเอาเมยี แม่น้อยผิวแดงหน้ามน สน้อยดแี ล ๒ เปน็ ธนามขี า้ วของมากนกั จ่ายสนอ้ ย ถงเปง้ ในเหลอื งนอ้ ยเดยี วเงิน ๒๐ เป็นขวัญถง ทือดาบ ๑๒ ไมป้ ลายเพียง ทอื แกว้ นำ�้ ข้าวของ แกว้ เหลือง เอาเมียแม่ น้อยสูงแลบขาวเหลืองหนา้ เหลี้ยมสนอ้ ยดีแต้แล ๓ เป็นธนามขี ้าวของบ่สูอ้ ยูห่ ลาย ถงเปง้ ในหม่นน้อยแดงก�่ำเงิน ๓๐ เปน็ ขวญั ถง ทือดาบ ๑๕ ไมป้ ลายเหล้ยี มแกง้ มกุ แดงเอาเมียต�ำ่ ดำ� แดงหน้ายาวดแี ล ๔ เป็นธนามขี า้ วของมากถงเป้งในเขียวนอกขน เงนิ ๔๐ เป็นขวญั ถงตือดาบ ๑๕ ไม้ปลายเหล้ียม ทือแกว้ บวั ระกดเอาเมียแม่ต่�ำขาวดี แล ๕ เปน็ ธนาข้าวของบส่ ้หู มนั้ เต้าไดก้ นิ ยอ้ นผะหยาตน ถงเป้งในขนนอกแดงดอก คำ� เอาเมียแมห่ ลวงขาวสูงแดงหน้าลายดีแล ๖ เป็นธนามขี ้าวของบไ่ ร้ ถงเป้งในขาว กางขนนอกเหลือง ทือดาบ ๑๒ ไม้แก้วลายแกว้ น�้ำเขา้ เงนิ ๔๐ เป็นขวัญถง เอาเมีย แม่หลวงสูงขาวหนา้ ลายออ้ นสน้อยดีแล ๗ เปน็ ธนามขี า้ วของมัน่ ถงเปง้ ในแดงดอก คำ� นอ้ ยดำ� ทอื แกว้ นำ�้ ผง้ึ งวั ไหมเปน็ เกา๊ เงนิ ๗๐ เปน็ ขวญั เอาเมยี แมส่ งู ดำ� เพงิ ดแี ทแ้ ล ประเภทท่ี ๕ ตำ� ราพรหมชาติท่รี ะบลุ ักษณะบุคคลด้วยระบบทกั ษาโดยจะ ตีความหมายจากภูมทิ กั ษากบั ต�ำแหน่งรา่ งกาย ยกตัวเชน่ มูลละกับขาขวา หมายถงึ บคุ คลน้นั พึงจากบา้ นเดินทางไปท�ำงานหาเงนิ เลย้ี งชีพ หรือ มนตรีกบั องคชาติ หมาย ถงึ บุคคลนัน้ จะต้องมีค่ทู อี่ ายมุ ากกวา่ ศรอี ยู่หน้าผาก หมายถงึ บคุ คลในปีนั้นมักเปน็ คนมีช่ือเสียงเป็นท่ีนับหน้าถือตาเป็นต้น จุดที่พึงระวังในชะตาเกิดคือกาลกิณีซ่ึง เป็นการเตือนเจ้าชะตาเกิดให้พึงระวังเช่น กาลกิณีอยู่หน้าผากให้ระวังเสียชื่อเสียง กาลกิ ณิ อี ยขู่ า้ งขวาอาจจะพลดั พรากจากพอ่ ตงั้ แตเ่ ลก็ เปน็ ตน้ ทงั้ นต้ี อ้ งดอู งคป์ ระกอบ อนื่ ๆ คอื เดอื นเกดิ และวนั เกดิ ประกอบกนั โดยแตล่ ะปจี ะมตี ำ� แหนง่ ทกั ษาทต่ี า่ งกนั ดงั น้ี บคุ คลหญิงชายผใู้ ดเกดิ ปไี จ้ บรวิ ารอยบู่ ่ากำ�้ ขวา อายุอย่หู นา้ ผาก เตจ๊ะอยู่ บา่ ซ้าย ศรีอยู่ขา้ งกำ�้ ซา้ ย มูลละอย่ขู ากำ�้ ซ้าย อุตสาหะอยู่องคชาติ มนตรอี ยู่ขาขวา กาลกณิ อี ย่ขู า้ งกำ�้ ขวา เกดิ ปเี ป้า บริวารอยูห่ น้าผาก อายุอย่บู า่ ซา้ ย ศรอี ยูข่ วาซ้าย มูลละอยู่

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 161 องคชาติ อุตสาหะอยขู่ าขวา มนตรีอยู่ข้างกำ้� ขวา กาลกิณีอยบู่ ่าขวา เกิดปียี บริวารอย่บู ่าขา้ งซา้ ย อายอุ ย่ขู ขี้ ้างซ้าย เตจ๊ะอยูข่ ข้ี า้ งซ้าย ศรอี ยู่ องคชาติ มูลละอยู่ขาขวา อุตสาหะอย่ขู า้ งกำ�้ ขวา มนตรอี ยขู่ ้างก้�ำขวา กาลกิณอี ยู่ บ่าข้างขวา เกิดปีเหม้า บรวิ ารอยู่ขา้ งกำ�้ ซา้ ย อายอุ ยูข่ ้างก้�ำซา้ ย เตจ๊ะอยอู่ งคชาติ ศรี อยขู่ าขวา มลู ละอยหู่ นา้ ผาก อตุ สาหะอยู่บา่ ขวา มนตรอี ย่ขู ขี้ ้างป่างขวา กาลกิณีอยู่ บ่าซ้าย เกดิ ปีสี บรวิ ารอยู่ขาก�ำ้ ซ้าย อายุอยู่องคชาติ เตจ๊ะอยขู่ ากำ�้ ขวา ศรอี ยขู่ ขี้ ้าง ก้ำ� ขวา มูลละอยู่บา่ ขวาอุตสาหะอยหู่ น้าผาก มนตรีอยู่บ่าซา้ ย กาลกิณอี ยูข่ ้ขี า้ ง ปา่ งซา้ ย เกดิ ปีใส้ บรวิ ารอยูอ่ งคชาติ อายุอยขู่ าขวา เตจะ๊ อยขู่ ้างขวา ศรีอยูบ่ ่าขวา มลู ละหน้าผาก อุตสาหะอยู่บา่ ซ้าย มนตรอี ย่ขู า้ งซา้ ย กาลกิณีอยขู่ าซา้ ย เกดิ ปีสะงา้ บริวารอยู่ขาขวา อายอุ ยู่ข้างขวา เตจะ๊ อยูบ่ ่าขวา ศรอี ยู่หนา้ ผาก มลู ละบา่ ซ้าย อตุ สาหะอยู่ขา้ งกำ้� ซา้ ย มนตรอี ยู่ขาซา้ ย กาลกณิ ีอยอู่ งคชาติ เกดิ ปเี มด็ บรวิ ารอยขู่ า้ งขวา อายอุ ยบู่ า่ ขวา เตจะ๊ อยหู่ นา้ ผาก ศรอี ยบู่ า่ ซา้ ย มูลละอยู่ขา้ งซา้ ย อุตสาหะอยู่ขาซา้ ย มนตรอี ยอู่ งคชาติ กาลกิณอี ยขู่ ้างกลำ�้ ขวา เกิดปสี ัน บริวารอยู่บา่ ขวา อายุอยหู่ น้าผาก เตจ๊ะอย่บู ่าปา่ งซ้าย ศรอี ยู่ ขา้ งซา้ ย มลู ละขาซา้ ย อตุ สาหะอยอู่ งคชาติ มนตรอี ยขู่ าขวา กาลกณิ อี ยขู่ ขี้ า้ งปา่ งขวา เกดิ ปเี ลา้ บรวิ ารอยหู่ นา้ ผาก อายอุ ยบู่ า่ ซา้ ย เตจะ๊ อยขู่ า้ งกำ้� ซา้ ย ศรอี ยขู่ าซา้ ย มูลละองคชาติ อตุ สาหะอยู่ขาขวา มนตรอี ยขู่ า้ งขวา กาลกณิ อี ยู่บา่ ขวา เกิดปเี สด็ บริวารอยู่บา่ ซ้าย อายอุ ยู่ข้างซ้าย เตจะ๊ อยขู่ าซ้าย ศรอี ยู่องคชาติ มูลละอยู่ขาขวา อตุ สาหะอยู่ข้างกำ�้ ขวา มนตรอี ยูบ่ ่าขวา กาลกณิ ีอยู่หนา้ ผาก เกดิ ปไี ก๊ บรวิ ารอยู่ข้างป่างซ้าย อายอุ ยขู่ าข้างซา้ ย เตจ๊ะอยอู่ งคชาติ ศรีอยู่ ขาขวา มูลละอยู่ขา้ งก�้ำขวา อตุ สาหะอยู่บ่าขวา มนตรีอยู่หน้าผาก กาลกิณอี ยู่บ่าซา้ ย นอกจากนยี้ งั มีต�ำราพรหมชาตลิ ้านนาสำ� นวนอนื่ ๆ อกี มากทร่ี ะบุลกั ษณะ ของบุคคลทเี่ กิดในแต่ละปวี ่ามบี ุคลิก ลกั ษณะเฉพาะเป็นอยา่ งไร พึงกระท�ำการใดให้

162 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา เปน็ มงคลกบั ตนเอง โดยจะระบุไวว้ า่ คนเกิดปีไหนควรสรา้ งกองบญุ กุศลด้วยวิธใี ด เชน่ สร้างบ่อน้�ำ สร้างศาลา ธรรมมาส วหิ าร อุโบสถ สรา้ งถนน สะพาน เพอ่ื อานิสงสท์ ่ไี ด้จะค�้ำจุนผู้ทเ่ี กดิ ปนี นั้ ๆ ให้เจรญิ รุ่งเรืองตอ่ ไป นอกจากนยี้ ังมีธรรม ประจำ� ปีเกิด และพระธาตปุ ระจ�ำปีเกดิ เพื่อให้ผทู้ เ่ี กิดในปตี า่ งๆได้หาโอกาสในการ เดินทางไปไหว้พระธาตุประจ�ำปีเกิดของตนหรือหากไม่สามารถเดินทางไปได้ก็พึง ระลกึ และสวดมนตใ์ นบทค�ำไหวพ้ ระธาตุตนเองเสมอ จากภาพรวมในเรื่องพรหมชาตลิ ้านนาน้นั สะท้อนให้เห็นว่า คนลา้ นนาให้ ความสำ� คัญกับเร่อื งพรหมชาติและดวงดาวเปน็ อย่างมาก แต่ละส�ำนวนชใี้ ห้เห็นว่า วิถีชีวิตของคนล้านนาโบราณถูกก�ำหนดกรอบพ้ืนฐานการด�ำรงค์ชีวิตด้วยต�ำราต่างๆ เหล่าน้ี ซึ่งปัจจุบนั ยังสามารถพบเห็นไดจ้ ากจารีตประเพณที ีย่ ังคงสบื ทอดกันอยู่ เช่น การฟังธรรมปเี กดิ หรอื การไหว้พระธาตุประจำ� ปีเกิด สว่ นข้าวของเคร่ืองใช้ทรี่ ะบไุ ว้ ตามต�ำราทเี่ ปน็ ของมงคลบางส่วนเลอื นหายไป แต่ก็คงปรากฏให้พบเหน็ เป็นโบราณ วตั ถตุ า่ งๆ ที่สร้างข้นึ จากต�ำราดังกลา่ ว ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 163 ภาพแสดงตารางนับอายุเพื่อการทำ� นายชะตาอายุจร โดยใช้หลักการนบั เลขสตั ตเคราะห์ คือเลข ๗ ตัว ภาพแสดงตารางนับอายุเพื่อการทำ� นายชะตาอายุจรตามผังจกั ราศี

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง164 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ภาพแสดงตารางนบั อายุเพ่อื การทำ� นายชะตาอายจุ ร ตามผังทกั ษาดาวอฐั เคราะห์ ภาพตำ� ราเพื่อใช้ตรวจดวงชะตาเพอื่ พิธีกรรมการส่งเคราะห์นรา

ธวชั ชัย ทำ�ทอง 165 ขวัญกับดวงดาว ขวญั คือวิญญาณหรอื พลังงานทสี่ ถติ อยู่ในร่างกายมนุษย์ สัตว์ รวมไปถึง พืชพรรณธรรมชาติต่างๆ ภูเขา ป่าไม้ ชุมชนหมบู่ า้ น และเมอื ง เปน็ ความเชอื่ โบราณ ของผคู้ นในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตม้ ายาวนาน ความเชอ่ื เรอื่ งขวญั เป็นความ เชื่อมีมาควบคู่กนั กบั ความเชอ่ื เรื่องผี ก่อนท่ีพทุ ธศาสนาจะเขา้ มาครอบงำ� องค์ความรู้ และความเชื่อในพนื้ ทส่ี ว่ นใหญใ่ นภูมิภาคนี้ จะเห็นไดจ้ ากประเพณกี ารบายศรสี ู่ขวญั หรอื ประเพณที ี่เก่ียวกับขวัญท่มี ีอยู่โดยท่วั ไปโดยเฉพาะในกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุไท ความเชอ่ื เรือ่ งขวัญในกลุ่มชาวไทเขินและไทล้อื น้ันจะเรียกขวญั ว่า ก๋วน ซ่ึง ในภาษาท้องถิ่นลา้ นนาค�ำว่า ก๋วน ตรงกบั ภาษาไทยกลางคือ กวน เปน็ ค�ำกิรยิ าท่ี หมายถงึ การหมุนหรอื วน เช่น กวนขนม กวนขา้ วทิพย์ เป็นต้น ลักษณะของขวญั โดยทั่วไปหมายถึงจุดท่ีขนหรือเส้นผม ขมวดเข้าหาศูนย์กลางเป็นรูปแบบก้นหอย ตามจุดต่างๆ ในร่างกาย ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ภาพถ่ายจกั รราศีที่มลี ักษณะการขดม้วน เป็นรปู ก้นหอยหรอื รูปขวัญ ที่มา:http://board.postjung.com

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง166 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา เม่ือศาสนาพุทธได้เข้ามาเผยแผ่ในภูมิภาคน้ีความเช่ือเรื่องขวัญก็ยังคงอยู่ โดยได้ผนวกเช่อื มโยงกับพทุ ธศาสนาในแง่ของหลกั คิดเร่อื ง วญิ ญาณ หรือพลงั งานที่ สงิ สถิตอยู่ในทีต่ า่ งๆ ดังได้กลา่ วมาแล้ว โดยมคี วามเชอ่ื มโยงและความต่างระหวา่ ง ของใหม่คอื พุทธศาสนาและของเดมิ ท่ีเป็นความเชอ่ื เร่อื งผีซอ้ นทับกนั อย่ดู งั น้ี ตามความเชอื่ เรอื่ ง ขวญั หรือ วิญญาณของมนษุ ย์นนั้ จะถูกแบง่ ออกเปน็ ๓๒ สว่ น โดยเรยี กว่า ๓๒ ขวญั ตามองคป์ ระกอบหรอื อวยั วะของร่างกายทีแ่ บง่ เปน็ ๓๒ ประการ โดยเช่ือว่า อวัยวะทุกสว่ นของร่างกายมขี วัญกำ� กบั อยู่ หากมองตาม หลกั ปรชั ญาของพุทธศาสนา อวยั วะหรอื รา่ งกายมนษุ ย์ คอื รปู ธรรม ส่วนขวัญหรอื วิญญาณ คอื นามธรรม ซึ่งในความเช่ือเรอ่ื งวิญญาณน้ี ปรชั ญาทางพุทธศาสนา และ ความเชือ่ เรื่องผนี ัน้ มีความแตกตา่ งกันคอื ตามหลักพทุ ธศาสนา วญิ ญาณของมนษุ ย์ และสัตวน์ ้นั ถือวา่ เป็น เอกวิญญาณ คือวญิ ญาณเป็นหนง่ึ เดียวไมแ่ บง่ แยกเมือ่ ตาย หรือเกดิ ใหม่ ผลกรรมของสตั ว์เหลา่ น้ันจะนำ� พาวิญญาณให้ไปสภู่ พภมู ติ ามผลแห่ง อตั ตะภาวะกรรมของตน๑๒๖ แต่ในขณะทค่ี วามเชอื่ เร่ืองผีนัน้ ถอื ว่า วญิ ญาณหรอื ขวัญ จะถกู แบ่งเป็นหน่วยยอ่ ย ๓๒ สว่ น โดยแต่ละส่วนนน้ั สามารถแตกแยกกระจายกนั ไป เกดิ ใหมไ่ ดข้ วญั สามารถหลดุ ออกจากรา่ งกายกอ่ นหรอื หลงั เสยี เสยี ชวี ติ กไ็ ด้ มคี วามเชอ่ื วา่ บุคคลคนหนงึ่ เม่ือเสยี ชวี ิตไปแล้วขวัญ หรอื วิญญาณ สามารถกระจายไปเกิดใหม่ ไดอ้ กี เป็นจ�ำนวนหลายคน บางครั้งเชื่อวา่ เดก็ ทารกหลายคนเกดิ จากขวญั ของคนๆ เดียว โดยแตล่ ะคนนั้นจะมาจากขวญั ส่วนตา่ งๆ ของผูท้ เ่ี สียชีวิตไปแลว้ ๑๒๗ ความเช่ือเกี่ยวกับขวัญในล้านนา สะท้อนผ่านพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธี บายศรีสู่ขวัญ พิธีเล้ียงขวญั การบูชาขวญั การผูกขอ้ มือในโอกาสตา่ งๆ เป็นต้น โดย สาเหตุท่ีจะประกอบพธิ ีดังกลา่ วนั้นมีหลายประการ เช่น งานแตง่ งาน งานขน้ึ บ้าน ใหม่ งานทำ� บญุ วันเกดิ หรอื การทำ� พิธกี ่อนท่ีบุคคลจะออกเดินทางไกล การกลบั มา จากแดนไกลโดยสวสั ดภิ าพ รวมไปถงึ ในยามทแี่ ขกตา่ งถนิ่ มาเยอื นและสะเดาะเคราะห์ ให้กับผู้ทป่ี ระสบอบุ ัตเิ หตเุ จบ็ ป่วยด้วยอาการต่างๆ เชอื่ ว่าสาเหตตุ ่างๆ ทก่ี ล่าวมาน้ี เป็นเหตใุ ห้ขวญั ในร่างกายหลดุ ลอ่ งลอย หรอื ตกหล่นไป เนอ่ื งจากขวัญร้สู กึ หลงใหล ๑๒๖ ในทางพุทธศาสนา วิญญาณถือเป็นส่วนหน่ึงในขันธ์ ๕ คือองค์ประกอบของมนุษย์ โดยมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เมื่อสิ่งใดส่ิงหนึ่งแตกขับไปอาจจะท�ำให้เสียชีวิตหรือเป็นคนไม่ สมประกอบได้ ๑๒๗ ยกตัวอย่างในปัจจุบันมักจะมีพระสงฆ์ในล้านนาหลายรูปอ้างตัวว่าเกิดมาจากขวัญต่างๆ ของ ครบู าศรีวชิ ัย ซึง่ การท่ีหลายรูปอ้างว่าตนเองมีอดตี ชาติเปน็ ครูบาศรีวิชยั เหมอื นกนั จงึ ไม่ใช่เร่อื งแปลก ส�ำหรบั สังคมลา้ นนา ดว้ ยเหตุผลเพราะความเชอื่ เร่อื งขวญั นนั่ เอง

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 167 ลืมตวั ตกใจ หรือตืน่ กลัว เม่ือขวญั บางส่วนหลดุ ออกไปจากรา่ งกาย ร่างกายมนษุ ย์ จงึ ไม่ครบองคป์ ระกอบ ๓๒ ขวญั รา่ งกายทีไ่ มส่ มดลุ จงึ เปน็ สาเหตุของความเจบ็ ป่วย ไม่สบายต่างๆ นานา ถือวา่ เปน็ คนพิการในนามธรรม๑๒๘ จงึ จ�ำเป็นตอ้ งประกอบ พธิ กี รรมต่างๆ ข้ึน เพือ่ เรียกขวัญกลบั มาสรู่ ่างกายให้ครบสมบรู ณ์ทั้ง ๓๒ ขวัญ พธิ กี รรมทเี่ กย่ี วกบั ขวญั นนั้ มหี ลายรปู แบบ โดยทนี่ ยิ มกนั มากทสี่ ดุ คอื พธิ กี าร สูข่ วัญ เรยี กขวญั หรือ ฮอ้ งขวญั พธิ กี รรมนี้จะมอี งคป์ ระกอบสำ� คัญคอื บายศรี ซ่งึ ภายในมกั จะใสข่ ้าวสุก ไขต่ ้ม กล้วยนำ�้ วา้ สุก และขนมหวานตา่ งๆ และจะมปี ่อู าจารย์ หรอื พอ่ หนานเปน็ ผู้ประกอบพิธี โดยจะกล่าวคำ� ฮ้องขวญั หรอื เรยี กขวญั ด้วย บทวรรณกรรมท่ปี ระพันธข์ น้ึ แล้วอา่ นด้วยทำ� นองที่ไพเราะอ่อนช้อยตามสำ� เนยี งและ ทว่ งทำ� นองพนื้ ถ่นิ โดยเน้ือหาของบทฮ้องขวญั มกั จะกลา่ วเรยี กขวัญทีห่ ลดุ ล่องลอย ไปจากรา่ งกายบุคคลน้นั ๆ ใหก้ ลับมาสู่รา่ งกายดงั เดมิ โดยมีของลอ่ ขวญั คือบายศรที ี่ ตกแตง่ อย่างสวยงามด้วยดอกไมห้ รือกระดาษที่มสี สี ัน รวมถึงอาหาร ทอ่ี ย่ใู นบายศร ี การฮ้องขวัญท่ีมีลักษณะการหลอกล่อด้วยท่วงท�ำนองคล้ายบทเพลงและของล่อ ขวัญ สะท้อนใหเ้ ห็นว่าลักษณะจริตของขวัญนัน้ เหมือนเด็ก ทต่ี อ้ งคอยหลอกลอ่ หรือปลอบประโลมดว้ ยวธิ ีการต่างๆ และ ในตอนจบของพธิ ฮี อ้ งขวญั จะตอ้ งมกี ารผกู ข้อมอื ด้วยด้ายสขี าวเสมอ เพอื่ รับขวัญ หรือมัดขวญั ไมใ่ หไ้ ปไหนโดยมกั กล่าววา่ มัด มอื ซ้ายขวญั มา มัดมอื ขวาขวัญอยู่ สามสิบสองขวญั เจ้าหอ้ื อยูก่ บั เจ้ากับจอม หรือ การใหพ้ รอวยพรให้หายเจ็บปว่ ย หรือเดินทางโดยสวสั ดภิ าพ เจรญิ รุ่งเรือง เป็นต้น บางคร้ังมกี ารให้พรด้วยภาษาบาลีทีเ่ ปน็ มงคลคาถาต่างๆ นอกจากนย้ี งั เชอ่ื วา่ ในรา่ งกายของคนเรามจี ดุ ที่ ขวญั ออ่ น อยทู่ กุ คน จดุ นน้ั จะเป็นทางออกของขวญั หรือจะเปน็ สาเหตุของความเจบ็ ปว่ ยไมส่ บายวิธีการตรวจ สอบว่าบุคคล มีขวญั อ่อนท่ีจุดใดบา้ ง โหราจารยล์ ้านนาจะใช้วิธกี ารตรวจดวงชะตา โดยใช้วันเดอื นปเี กิดของบุคคลนั้นๆ มาตรวจสอบแล้ววางตำ� แหนง่ ดวงดาวไวต้ ามจดุ ตา่ งๆ ของร่างกาย๑๒๙ จุดใดกต็ ามท่ีเปน็ จุดกาลกณิ ี หรือจุดใดก็ตามทว่ี างตำ� แหน่ง ๑๒๘ เฉกเชน่ เดียวกันกบั บุคคลท่ีพกิ ารทางรปู ธรรม หรือร่างกายไมค่ รบองคป์ ระกอบ ๓๒ ประการ ในภาษา ล้านนาจะเรียกว่า คนไมส่ ม องก๊ะ คือคนไม่สมองคป์ ระกอบนั่นเอง ๑๒๙ ดังไดก้ ลา่ วไวใ้ นบทเรอ่ื งพรหมชาติล้านนา

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง168 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ภาพต�ำราพรหมชาตไิ ทเขนิ ท่ีระบตุ ำ� แหนง่ ดวงดาวไว้บนร่างกายคนตามปีเกดิ ต�ำแหนง่ ท่เี สียในร่างกายถือวา่ เป็นตำ� แหน่งที่ขวัญอ่อน

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชัย ทำ�ทอง 169 ดาวแลว้ เปน็ ดาวคศู่ ตั รใู หโ้ ทษของเจา้ ชะตาจดุ นนั้ ของรา่ งกายถอื วา่ เปน็ จดุ ทข่ี วญั ออ่ น จดุ ทขี่ วญั ออ่ นนถ้ี อื วา่ มสี ำ� คญั เปน็ อยา่ งมาก จงึ ตอ้ งดแู ลรกั ษาขวญั ใหอ้ ยดู่ เี สมอ ตำ� แหนง่ ขวญั ออ่ น มกั จะมีผลต่อลกั ษณะของบุคคลในรปู แบบตา่ งกัน เชน่ บุคคลใดกต็ ามท่ี ขวญั ออ่ นบรเิ วณหวั มกั จะเปน็ ผทู้ ม่ี สี ตไิ มส่ มประกอบ หรอื เปน็ คนทสี่ ามารถสอ่ื วญิ ญาณ เปน็ รา่ งทรงหมอผี หรอื บคุ คลทม่ี ขี วญั ออ่ นบรเิ วณมอื มกั จะเกดิ อบุ ตั เิ หตกุ บั มอื บอ่ ยๆ หรือมอื ไม่มีแรงมือพิการ เปน็ ต้น ในกลุ่มชาวไทใหญ่จะใช้วธิ ีตรวจสอบดวงชะตาเพ่อื หาจุดที่ขวญั ออ่ นเช่นกัน เม่อื ตรวจจนไดต้ �ำแหน่งทีแ่ น่นอนแลว้ จะมีการ สักตึด ค�ำว่า ตึด ในทีห่ มายถงึ การปิด กั้นไมใ่ หข้ วัญหนแี ละเพอ่ื เพม่ิ พลงั อำ� นาจแกข่ วญั ในต�ำแหน่งน้ัน หรือการปอ้ งกนั ภยั ทจี่ ะเกิดขน้ึ ตรงจุดท่ขี วัญออ่ น โดยจะสกั เปน็ รูปเส้นวนแบบก้นหอย หรือรูปขวญั ติด อยบู่ รเิ วณนน้ั ๆ นอกจากนยี้ งั มกี ารดแู ลรกั ษาขวญั ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ เชน่ การเลย้ี งขวญั การเหนบ็ ดอกไม้บนมวยผมการโพกผา้ บนศรี ษะเพือ่ รกั ษาขวัญไมใ่ หห้ นี เน่อื งจาก ถอื วา่ ขวญั ทอ่ี ยู่บนหัวเป็นจุดท่สี �ำคญั ท่ีสดุ นอกจากนกี้ ารผกู ข้อมอื หรือนำ� ฝา้ ยมาผกู ทค่ี อเดก็ กเ็ ปน็ นยั ยะหนง่ึ ของการรกั ษาขวญั โดยอาศยั คณุ อำ� นาจของดาวนพเคราะหท์ งั้ ๙ ดวง โดยใชฝ้ ้ายขาว ๙ เส้นเป็นสัญลักษณ์ เปน็ ต้น นอกจากความเช่อื เรอื่ งขวัญทม่ี ใี นมนษุ ยแ์ ลว้ ยงั เชื่อวา่ ทุกสรรพสง่ิ ในโลก ล้วนมขี วญั หรือวิญญาณสถติ อยู่ ความเช่ือเหลา่ นีส้ ะทอ้ นผ่านพธิ กี รรมและนทิ านมขุ ปาฐะ เช่น กล่าวกนั ว่าในคร้ังบุพกาล คน สัตวต์ น้ ไม้หรือกอ้ นหนิ สามารถพูดสือ่ สาร กนั ได้ นิทานท้องถิน่ ในเขตจังหวดั ลำ� ปางเรอ่ื งหนึ่ง ไดอ้ า้ งถงึ เหตกุ ารณ์เมอ่ื ครง้ั มกี าร สร้างวัดพระธาตุลำ� ปางหลวงวา่ ท้ังคน สัตว์ และสรรพสิ่งต่างๆ ลว้ นรว่ มแรงร่วมใจ ในกองบุญกศุ ลในการสรา้ งพระธาตลุ ำ� ปางหลวง ข่าวได้แพรก่ ระจายไปท่วั สารทศิ คร้ังหน่งึ บา่ ผา๑๓๐ จ�ำนวนมากไดก้ ลิง้ มาเพ่อื จะไปรว่ มสร้างพระธาตลุ ำ� ปางหลวง พอ มาถงึ กลางปา่ แห่งหนงึ่ ไดพ้ บนกกระถวั หงอก๑๓๑ บา่ ผาจงึ ได้เอ่ยถามถงึ เสน้ ทางไปยัง พระธาตลุ ำ� ปางหลวง แตน่ กกระถัวไดต้ อบบ่าผาว่า “ขา้ อยู่น่มี าจนหัวหงอกกย็ งั บ่ ร้จู กั วดั ลำ� ปางหลวงเลย” เม่อื บา่ ผาได้ยนิ ดังนนั้ จงึ หยุด กองทับถมกัน ณ บริเวณนั้น กลายเป็นทีต่ ัง้ ของวัดทา่ ผา อ�ำเภอเกาะคา ในปัจจบุ ัน ด้านหลังของวดั เปน็ ปา่ ชมุ ชน มชี อ่ื วา่ แพะผายาย๑๓๒ เนอ่ื งจากปรากฏกอ้ นหนิ ขนาดใหญว่ างเรยี งตวั กนั เปน็ แนวยาว ๑๓๐ ก้อนหินผา ๑๓๑ นกกระตว้ั ๑๓๒ ค�ำว่า ยาย ในท่ีน้หี มายถงึ การเรยี งตัวเปน็ แนว หรือการแผก่ ระจาย

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง170 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ตรงสวู่ ดั ท่าผา จงึ โยงเขา้ กับนทิ านว่า บ่าผาทเี่ รยี งแถวกลิ้งกันมาน้นั ได้หยุดชะงกั เพยี งแคน่ น้ั และสรา้ งเปน็ วดั ทา่ ผาแทน เปน็ ตน้ นทิ านลกั ษณะนจ้ี ะพบวา่ มอี ยมู่ ากในลา้ นนา โดยแต่ละทอ้ งถน่ิ จะมีเร่อื งราวต่างกนั ออกไป สงิ่ ส�ำคญั ทีไ่ ดจ้ ากนทิ านดงั กล่าวคือ การสะท้อนแนวคิดของของคนโบราณว่าทุกอย่างในโลกล้วนมีขวัญหรือวิญญาณ สถิตอยู่ ซึ่งขดั กบั ความเช่ือทางพุทธศาสนา เน่ืองจากทางพทุ ธศาสนาถือวา่ มนุษย์ และสัตว์บางจ�ำพวกเท่าน้นั ท่ีมวี ญิ ญาณ หรือประกอบด้วยขันธ์ห้า สว่ นสงิ่ มชี วี ติ ที่ เหลือถือวา่ ถือไมม่ ีวิญญาณ แตม่ สี ญั ชาติญาณ เช่น แมลงถือว่าไม่มีวญิ ญาณ แตม่ ี สัญชาตญิ าณ ร้จู กั การกนิ การขับถ่าย และการสบื พันธ์ุ หรือตน้ ไมยราบทีใ่ บจะมี การขยบั ห่อใบเมอื่ ถูกสัมผสั ก็เนื่องจากสญั ชาติญาณของตน้ ไมยราบนน้ั แต่ไมใ่ ช่ ดว้ ยเหตุผลทางมโนวิญญาณ เปน็ ตน้ ภาพตำ� ราการดขู วัญม้า ในสมัยโบราณจะต้องดูลกั ษณะมา้ ทม่ี ีรูปรา่ งทด่ี ีและเลอื กมา้ ตัว ทมี่ ีตำ� แหนง่ ขวัญมงคลตามต�ำรา

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ทำ�ทอง 171 ในส่วนพธิ กี รรม จะเหน็ ได้จากพิธกี ารบายศรีส่ขู วัญหรอื เอาขวญั ใหก้ ับสตั ว์ หลายชนดิ เช่น ควาย ช้าง ม้า หรือ การทำ� ขวัญขา้ ว เป็นตน้ แตล่ ะพธิ นี น้ั ไดส้ ะทอ้ น ถงึ แนวคดิ เรอื่ งขวญั หรอื วญิ ญาณ ของสรรพสง่ิ เปน็ การใหค้ วามสำ� คญั กบั สงิ่ เหลา่ นน้ั ในฐานะผมู้ พี ระคณุ และรกั ษาไวเ้ พอ่ื เปน็ ประโยชนต์ อ่ มนษุ ย์ จงึ ตอ้ งทะนถุ นอมขวญั ของ สิ่งตา่ งๆ ดังกลา่ ว พิธีสู่ขวัญของคนในล้านนา มีการแบ่งแยกออกเป็นหลายประเภท เช่น การสู่ขวญั ผปู้ ว่ ย การส่ขู วัญลูกแก้ว การสูข่ วัญบคุ คลธรรมดา และสขู่ วญั เจ้านาย เปน็ ต้น แตล่ ะพธิ จี ะมเี น้อื หาในวรรณกรรมทใ่ี ช้ประกอบพธิ ีท่ีต่างกนั เนอ่ื งด้วยความ แตกต่างทางดา้ นเหตุผล จุดมุง่ หมายหรือบริบทของบคุ คลนน้ั ๆ เชน่ การสู่ขวญั ผู้ ป่วยม่งุ เนน้ การให้ขวญั กลบั มาสู่สภาวะทีร่ ่างกายสมบรู ณเ์ ปน็ ปกติ การสู่ขวญั ลูกแกว้ มงุ่ เน้นให้ขวัญของผ้ทู จ่ี ะบวชเรยี นนนั้ สมบูรณ์ เพ่อื ท่ีไดม้ ีสตปิ ัญญาทด่ี ใี นการศกึ ษา พระธรรม และระลกึ ถงึ ผ้มู พี ระคณุ เปน็ ตน้ นอกจากน้ีผู้เขียนไดพ้ บพบั สาฉบบั หน่งึ โดยบงั เอญิ จากรา้ นขายของโบราณ ในพบั สามขี อ้ ความระบปุ ที เี่ ขยี นวา่ ศกั ราช ๑๒๒๘ ตวั ปรี วายยี เดอื นเจยี งออก ๔ คำ่� วนั ๗ ตรงกบั วนั เสารท์ ี่ ๑๓ เดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๐๙ เนอ้ื หาระบวุ า่ เปน็ ค�ำเรยี กขวญั เจา้ หลวงเชียงใหม่ ประพันธ์โดยพญาพ้ืนพทิ ธาจารย์ ผเู้ ขยี นจงึ ไดต้ ดั ทอนบางสว่ นเพอ่ื ใหเ้ หน็ เนอื้ หาในการเรยี ก ขวญั เจา้ นาย พอสงั เขปดงั น้ี .....อชั ชะสุอชั เช ศักราชขนึ้ เรอื งฤทธิ์ มหิทธโิ กแวนยิง่ เทพท้าวมิ่งมเหศกั ด์ิ อัครบวรสรุ ยิ ะตนใหญ่ เสด็จยาตร์ยายยามดี จันธิมาราศยี ายถูก ลุลาบลกู มหาชัย องั คารไปส่เู มษ ไดก้ ระเษตรตัวดี ๑๓๓ ศกุ รเ์ ตียววถิ ถี ึงตาช่งั ๑๓๔ พุธน่ังตากนั ย์ ๑๓๕ พระหสั เทียวผนั เขา้ สู่ เขา้ รว่ มหมปู่ ลาสะเพยี น ๑๓๖ ราหเู วยี นเปน็ คเู่ ขา้ รว่ มอยดู่ าวไซ ๑๓๗ รงุ่ เรอื งไรด้วยโสมะโชค อตุ มะโยคคำ�้ คณุ คง นวางค์ลงในตาเกษตร ราศเี มษแม่น ภมุ โม ๑๓๘ จุง่ เต่ือมแถมมโนเชาลกู ประเสริฐ ลกู น้ีเลศิ ลไิ ทย โลกลอื ไกลซราบ เปน็ ชยั ยะปราบศตั รู พระสัพพัญูผ่านแผว้ นั่งแทน่ แกว้ ผาบพ้นมาร มหามังคละการวันดี พเิ ศษ โลกเนกอโนมยั คุณาคุนงั อธิปตั ตัยยะเตโชชยั ซราบ ริตตาผาบเปรมปรีด์ ๑๒๘ ดาวองั คารเป็นดาวเกษตรเจา้ เรือนในราศเี มษ ๑๒๙ ดาวศกุ ร์เปน็ ดาวเกษตรเจา้ เรอื นในราศีตุลย์ สญั ลกั ษณร์ ูปตราช่งั ๑๓๐ หมายถงึ ดาวพธอยใู่ นช่องราศกี นั ย์ ความหมายคือดาวพธุ เปน็ ดาวเกษตรเจ้าเรือนในราศีกัน ๑๓๑ ดาวพฤหสั เขา้ รว่ มหมปู่ ลาสะเพยี นหมายถงึ ดาวปลาสะเพยี นเปน็ ดาวฤกษท์ อ่ี ยปู่ ระจำ� ในราศมี นี การท่ี ดาวพฤหสั เขา้ รว่ มกบั ดาวปลาสะเพยี นกห็ มายถงึ ดาวพฤหสั อยใู่ นราศมี นี ซง่ึ เปน็ ดาวเกษตรเจา้ เรอื น ๑๓๒ ราหเู ขา้ รว่ มดาวไซหมายถงึ ราหสู ถติ อยใู่ นราศกี มุ ภซ์ งึ่ เปน็ เกษตรเจา้ เรอื น ๑๓๓ ภมุ โม หมายถงึ ดาวองั คาร

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง172 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา อัชชะสุ อชั ไชยะสวัสสะดีไขขา่ ว มงั คละกล่าวกถา ชาติกากำ� เนดิ พระองคเ์ กดิ มา อเนกชาปางกอ่ น บห่ ยุดหย่อนด้วยศรัทธา กัตตกาธิการ ป่�ำเปงสมภารแก่กลา้ ได้ เกดิ ในฟากฟ้าเมืองสวรรค์ สว่ นบญุ พาผนั ลงมาเกิด เอาปฏิสนธกิ �ำเนิดในมหาสา ระขะกูล ลวดได้ทะรงปญั ญาธคิ ุณอนั สักสวาด เจอ่ื งเจ้าหากไดต้ ง้ั กำ� ปรารถนา บพุ ชาตกิ ากำ� เนดิ พระองคเ์ จา้ กำ� เนดิ มาพายหลงั อนนั ตงั หลายเผา่ เกดิ แลว้ เลา่ หลายครา เจ้าเกิดมาเปน็ ทค่ี นลือชาอวดอ้าง เป็นเกตเุ กล้าหมวดปฐวี สมภารมไี ด้สร้างแล้ว จุ่ง เปน็ แกว้ แก่อุบตั ตเิ หตเุ สี้ยงกเิ ลสสนั ตาระเม่อื น้ัน จิตตะวิญญาณเทา่ เส้นผมผ่าแปด จ่งึ แขวดเข้าต้งั ในกระหมอ่ มจอมขวัญ แหง่ พระองคพ์ ระพอ่ อันหลอมหลอ่ ในกระดกู พระองคเ์ จา้ จงึ่ เกดิ มาเปน็ ลกู เอาปฏสิ นธ์ิ กจุ สมิ งั พน้ จากทอ้ งราชมาดาวชิ าตก อายตนะ ทง้ั หกเกดิ พรอ้ มบวั รมวล กระสดควรสงั เวท เวทนาตดิ ขอ้ งอยใู่ นโลกา เปน็ อนั สบื สายกนั มาบ่ พราก เอาปฏสิ นธยิ ากใส่จดั เปน็ ปรวตั ถะว่าไดส้ ิบเดอื นเตม็ ตนั นับวนั ว่าได้ ๒๙๕ วัน ป๋ันเป็นยามวา่ ได้ ๔๗๒๐ ยาม นับนาทเี ตอื่ มตามว่าได้ ๑๗๗๐๐ ลูกลมกมั มัชชะวาด ต้องถูก ขันธะห้าลูกเจา้ เกิดมา รปู าขันธะลกู เก๊าอาจารยเ์ จ้าเรยี กวา่ ขันใสด่ ิน วญิ ญาณขนั ธ์ใสล่ ม เวทนาขนั ธใ์ สน่ ำ้� สงั ขาระขันธ์ซ�้ำใส่ไฟ มีแต่ใบขนั เปลา่ อาจารย์ เจา้ เรยี กวา่ สญั ญาณะขนั ธ์ อัชชะสุมา สวสั เส ลำ� ดบั ปแี ละเดือนวันยามใหม่หม้า แต่ หน่มุ หน้าปานกลาง สุขะทุกขาอทกุ ขะมะสขุ ากายนยงั สารูป จักสะหลูบด้วยคาถา.. คราบัดน้ีผขู้ า้ พระบาททง้ั หลาย หมายมีพระราชปิตา ราชมาดา เจ้าพอ่ เจ้า แม่ วรเชษฐา แล พระอนุชา เจา้ พี่ เจา้ น้อง เจ้าปา้ เจา้ อา เจ้าลกู เจ้าหลาน เจ้าเหลน อคั รชะเป็นเชอื้ ชาติ วงศานศุ าส สโมธมาส พรอ้ มความคุณ ทั้งทา้ วพญาขุน ผนู้ อ้ ย ผ้ใู หญ่ ท้ังชาวบา่ วไพร่ ปชั ชาชม ไวยยาวัจจกั ก๋ม บรุ ีสทิ ธิโย... สามสิบสองพระเทพาเจ้า จงุ่ มาเสวยกู ทกุ เสี้ยงหมูม่ ามวล หันทะควรแม่น ขวญั เจา้ ไปอยเู่ มอื งอดุ รกรคู ลาดคอ้ ย ทพ่ี ระยอดสรอ้ ยเมอื งใจ มจั ฌาตปิ งิ คอื ปลาหลดิ ไหลลมุ่ นำ้� งเู งอื กถ�้ำโคหาต๋าวเท สามสบิ สองขวัญอย่าไปหยดุ อยู่ชา้ ทุกเส้ียงกูมามา กายทั ธะวะติ๋งสา อยา่ ไปอยดู่ อยดา่ นห้วย เหวเล้กิ หว้ ยหนิ ผา พลิกไพลห่ น้าแหงนถี่ บใ่ ช่เป็นท่เี มอื งคน หากเปน็ ทีพ่ นาสนไกลกวา้ งกวา่ อย่าไปลักลา่ เลน่ เทยี วหนี อยา่ ไปอยจู่ ่มิ แม่หรู ีปากกวา้ ง ทย่ี ่าคิงสว่างดำ� นิล เปน็ ทบ่ี ่เกยไป คือที่แม่ห่มดินทางผ่า

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 173 หม่ ฟา้ หมอกเหมยขาว ทน่ี น้ั เปน็ ทต่ี กึ๊ หนาวควรพราก แมน่ เมอื งนาคและฟากฟา้ ตงั หก สะดือดงปา่ คูตาวะเตวะกายาสพั เพ ขวัญเจา้ อย่าไปสนุกเสพสู่ ลักลา่ เลน่ ชยู้ นิ ดี สามสบิ สองขวญั เจา้ อยา่ ไปอยทู่ เี่ มอื งกนิ รแี ลเขตคา้ ย เมอื งผแี มนมหานทสี มทุ รแมก่ วา้ ง ยาวยานคว้างสาคร สามสิบสองขวัญเจา้ อยา่ ลงลา่ เล่นจรผายผ้า หากเปน็ ท้องนำ้� ทา่ ท่ปี ลาอานนท์ ตาวะเตอยา่ ไปหลงเววนร้องไห้ แกป่ า่ ไมด้ อยดิน สามสิบสองขวญั เจา้ อย่าไปเววนแว่ อยา่ ไปอยเู่ งอ้ื มแฮ่หินผา พน้ื สมุทรคงคาต�่ำไต้ ทีท่ ับนอ้ ยใหญส่ ุมกัน อยา่ ไปทสี่ ตั ตภณั ฑเ์ จด็ ยอด อยา่ ไปกดึ๊ จอดดาไป ทนี่ นั้ ไกลบใ่ ชใ่ กล้ อยา่ กดึ๊ ไดไ้ หลหา จุ่งมาเสวยนคราเมืองม่ิง สุขสรา้ งสงิ่ นพบุรี จุง่ มาอยสู่ ขุ ศรีสะอาด ในหอมุนธิรรา ชนเิ ว-สน อนั เปน็ ไชยมงคลใหญก่ วา้ ง ปอแหลง่ ชา้ งไดแ้ สนพาย ๓๔๕๗ หลงั ยายแผก่ วา้ ง จงุ่ มานง่ั สวา่ งเสวยรมณ์ กบั นางนาฏสนมแฝงใฝ่ กบั แกว้ แกน่ ไธแ้ มเ่ ทวี มาทรงมกฏุ เภณี เคร่ืองง้า ตังขะหมวดเกล้ามาลา ทรงเครื่องภณั ฑาแสนสิ่ง เครื่องยศยิง่ แสนสี สบุ สอดปน๋ั สามทมี กุ มาศรอ้ ย ทงั เครอ่ื งสรอ้ ยสงั วาล เครอ่ื งเคราคราญครบคราด รตั ตะคต คาดเข็มขัด กณั ฑลทัดต่อต๊าง สะเองคาดข้างทอทำ� ใสแพงค�ำเครื่องทา้ ว แขนสอด ม้าวสุบแหวน คา่ ควรแสนควรลา้ น ควรค่าบา้ นเมอื งไท ถือสะหลีกญั ไชยวะวาด ข้า เสกิ ขยาดกลวั ต๋าย ทรงเสือ้ น�้ำค�ำลายเขม้ ขาบ เมอื งมาบแดงเหลือง ผา้ ยกผ้าปมู เรือง หลายหลาก ทงั กระโถนคนโทพานหมาก พระเจอ่ื งเจา้ หากเคยเสวย จุ่งมาสถติ ชมเชยสายศ พระกรดสปั ปะโทนวิเศษเทยี มเงา นั่งแผน่ ผืนโกเชาเจ๋ือลวด เหนือแท่น ทา้ วอาสนา ประเหมือนดั่งอนิ ตาธริ าช อย่ทู ่ามกลางเทวะชาตสิ าวสวรรค์ หื้อเสมอ ดัง่ พระจันทร์เทียวหวา่ ยฟ้า ปราศจากกลบี ฝ้าอยกู่ ลางดาว จงุ่ หือ้ เป็นฉตั รคนั ยาวใบ ใหญ่ ปกห่มใควเ่ ยน็ เมือง เตจ๊ะเรอื งใหญ่กว้าง เป็นเจา้ ช้างเปิง้ ปถวี มหานคระบรุ ี เมอื งเทศ เมอื งลูกนีว้ เิ ศษเชียงคราน มีทาสทา้ วปราการเขื่อนขน้ั ทอ่ นำ้� ดน้ั เข้าแจ่ง หวั ริน ยตุ ่างกินยตุ ่างอาบ แก่นสุภาพวา่ นพบรุ ี อินทขลิ มีหมายโลก ม่ังมลู โชคลาภามี พทุ ธศาสนาแลอาวาส พระบาทพระธาตทุ ไี่ หวแ้ ลปจู า พระพทุ ธพระธรรม พระสงั ฆา อันสักสวาด ไตรรัตนชาตยิ ่ิงอลุ ลาน ยตุ า่ งทำ� ทานผายแผ่กวา้ ง ยุตา่ งสร้างกองกศุ ล เป็นมหามณฑลเมืองเทศ มพี ระเพชรราชธานี ดรุ ยิ ะนนถมี ่นี นั เกิดก้อง พพิ าดฆอ้ ง สง่ เสยี ง มระนาดตะโพนสลบั สง่ิ หมากโขงหมากหง่ิ เดงกงั สะดาน ระฆงั ปแ่ี ตรถะแหลเหนิ ขลุ่ยแคนแนผบั เผนิ แผ่นเกดิ กอ้ ง กะโลงซอจอ๊ ยร้องขับเสพา ทำ� เพลงทอ้ งมาสทกุ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง174 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ภาษา สงเสพพระราชาใฝ่เฝา้ ทุกคำ่� เช้าหากปนุ วอน ประดจุ ดง่ั สวรรค์นครฟากฟา้ ลอื โลกหลา้ แดนดิน สามสบิ สองขวญั พระภมู ินทรเ์ จือ่ งเจา้ จ่งุ อยูเ่ ป็นปริ ะเกา๊ แกร่ ะถะ ประชา เป็นท่ปี ยิ ะวันตาเรืองรุ่ง สุขจุ่งนริ ันดรเ์ สมอดัง่ วฑิ ูรยท์ นั ทอ้ งเทศ ลกู วเิ ศษค่า ควรเมือง หอ้ื มีเตจ๊ะเรือ่ งโลกหลา้ ใต้ล่มุ ฟา้ อยา่ มอี นั ใดมาประจน ห้ือมีฤทธที นแพร่ กว้าง จุง่ อยเู่ ป็นเจ้าชา้ ง เปิ้งปฐวแี ด่เตอ๊ ะ ชยะตภุ ะวัง.....ถวายไหวส้ า จากวรรณกรรมดงั กลา่ วสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ บรบิ ทของเจา้ นายทเ่ี ปน็ สมมตุ เิ ทพ ดังน้ันเม่ือขวัญเจ้านายหลุดล่องลอยไปย่อมไปหลงอยู่ในภพภูมิท่ีสูงกว่าขวัญของ บคุ คลธรรมดา ในเนอ้ื หาไดร้ ะบวุ า่ ขวญั เจา้ นายไดล้ อ่ งลอยหลงไปอยตู่ ามปา่ หมิ พานต์ เขาสัตบรภิ ณั ฑท์ ้ัง ๗ เมอื งนาคบาดาล ซงึ่ สถานทีต่ ่างๆ เหลา่ นถ้ี ือว่าไมใ่ ชส่ ถานทีบ่ น โลกมนุษย์ จึงเชญิ ขวัญให้กลับมาด้วยของล่อขวัญท่พี ิเศษกว่าบุคคลธรรมดาสามัญที่ ใชเ้ พียงข้าว ไข่ตม้ ขนมหวาน เส้อื ผ้าใหม่ แต่ของล่อขวัญเจ้านายนั้นคอื เครอ่ื งยศ เครอื่ งประดับตา่ งๆ ผ้าไหมแพรพรรณ ราชบลั ลังก์ เสนาอำ� มาตย์ และนางสนม บรวิ าร ของลอ่ ขวญั ทสี่ ำ� คญั อกี ประการหน่ึงคอื การใหข้ วญั ของเจา้ หลวงกลับมาสู่ เมอื งเชยี งใหม่อนั เปน็ เมอื งทีง่ ดงาม อุดมสมบูรณ์ และพรง่ั พรอ้ มด้วยโภคทรพั ย์ตา่ งๆ เพอ่ื ใหเ้ จา้ หลวงไดเ้ ปน็ ท่ีพึ่งหรือเป็นม่งิ ขวญั แก่ประชาไพร่ฟ้าสืบต่อไป นัน่ เอง นอกจากนี้ ขวญั ยงั มีบทบาทท่ีส�ำคญั ทั้งในระดบั ชุมชนและระดบั เมือง คน โบราณถอื วา่ ชมุ ชนและเมอื งนนั้ มชี วี ติ ดงั นนั้ การวางตำ� แหนง่ สถานทตี่ า่ งๆ ของเมอื ง จงึ กำ� หนดให้มนี ามดง่ั สิง่ มชี ีวิต เชน่ หวั เมือง ตวั เมือง ใจบา้ น สะดอื เมือง เปน็ ต้น จะ พบว่าผังเมืองต่างๆในล้านนานั้นส่วนใหญ่จะมีต�ำแหน่งที่เรียกว่าสะดือเมืองเป็น จดุ ศนู ยก์ ลางเมือง โดยมักเปน็ ที่ตงั้ วัดประจำ� เมอื ง หรือเสาหลกั เมืองเสมอ ยกเว้น เพยี งเมอื งนา่ นและเมอื งแพรเ่ ทา่ นนั้ ทเ่ี รยี กตำ� แหนง่ นวี้ า่ มง่ิ เมอื ง โดยเสาหลกั เมอื งนา่ น จะเรยี กว่า เสามิ่ง ค�ำวา่ ม่งิ แท้จรงิ แล้วหมายถงึ มงคล หรือดีงามในภาษาไทย ต่อมานิยมใช้ ค�ำว่ามงคลซ่ึงมาจากค�ำว่ามงั คละในภาษาบาลแี ทน บางครัง้ ใชร้ ่วมกนั วา่ มิง่ มงคล โดยตำ� แหน่งของ เสามงิ่ หรอื วัดมิง่ เมอื งน้ัน คอื ต�ำแหน่งเดียวกนั กบั เสาหลักเมือง และวดั สะดอื เมอื งของหวั เมอื งอ่นื ๆ ในลา้ นนา นอกจากนี้ยงั ปรากฏคำ� ว่า มิ่งขวญั

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 175 ซึง่ มักจะหมายถึงจุดศูนย์รวมท่ีดงี าม หรอื เป็นมงคล เช่น ในหลวงคอื ม่งิ ขวญั ของปวง ชนชาวไทย ดงั นัน้ ในหลวงคอื จุดศนู ย์รวมจติ ใจของประชาชนคนไทย เปน็ ตน้ จาก ข้อความดังกล่าว ท�ำใหส้ ามารถแตกประเด็นไปถงึ เรอ่ื งของการวางผงั เมอื งของคน โบราณว่า ต�ำแหน่งที่เรียกวา่ สะดอื เมอื ง หรือมง่ิ เมืองนนั้ แท้ที่จรงิ แล้วน่าจะเป็น ความเช่อื เรอ่ื งขวญั นน่ั เอง กล่าวคอื หากพจิ ารณาลักษณะนามของคำ� วา่ ขวญั ท่ี กล่าวมาข้างตน้ คือการวนขดเปน็ ก้นหอยเขา้ มาสจู่ ุดศนู ยก์ ลาง ซึง่ สอดคล้องสัมพันธ์ กับการสร้างเมืองโบราณท่ีเป็นรูปหอยสังข์ รูปแบบของหอยและขวัญมีลักษณะ เดียวกันดังนั้น แนวคิดการสร้างเมืองโบราณจึงจ�ำเป็นต้องมีขวัญเมือง คือ จุดศนู ย์กลางของเมอื ง ซ่ึงการขดหรอื วนของกน้ หอยนัน้ ไม่จำ� เปน็ ตอ้ งอยู่ศูนย์กลาง เมืองเสมอไปแตใ่ หค้ วามสำ� คัญกับตำ� แหนง่ ของขวัญเมืองที่เหมาะสม เปน็ ตำ� แหนง่ ที่ เป็นภูมสิ ถานทเ่ี ปน็ มงคล เพื่อเปน็ จุดเช่อื มระหวา่ งฟ้ากับเมือง คอื จุดเชอื่ มระหวา่ งผี แถนซึ่งเป็นผู้ปกป้องกับเมืองอุปมาดังสายสะดือที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างแม่กับลูก นน่ั เอง ภาพการสร้างเจดีย์ทรายเพือ่ การสะเดาะเคราะห์โดยการเรยี งขดเป็น รูปก้นหอยเขา้ หาศูนย์กลาง ทม่ี า : อ.ฐาปกรณ์ เครือระยา

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง176 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา นอกจากน้ียังพบผังแบบก้นหอยหรือการขดของขวัญได้ในพิธีกรรมอื่นๆ เชน่ การถวายเจดยี ท์ ราย ๑๐๘ กอง ของชาวเชยี งตงุ และชาวลำ� ปาง เพอ่ื สะเดาะเคราะห์ และอทุ ิศแด่ผ้ทู ลี่ ว่ งลบั โดยจะวางเจดยี ท์ รายทง้ั หมดเรยี งเปน็ รูปขวัญ หรอื ก้นหอย เขา้ สศู่ นู ยก์ ลางซง่ึ เปน็ เจดยี ท์ รายกองใหญ่ สอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ บั คตกิ ารสรา้ งพระธาตุ กลางเมืองหรือต�ำแหน่งสะดือเมือง นอกจากนี้ยังพบการวนลักษณะดังกล่าว ใน พิธีกรรมฟ้อนผี ท่ีจะต้องใช้ผ้าเวียนผามที่วนจากรอบนอกผามหรือปะร�ำพิธีเข้า สู่ศนู ย์กลางเป็นรปู ขวัญหรือก้นหอย ซงึ่ จุดศูนยก์ ลางของผามฟ้อนผนี จี้ ะเป็นจุดที่ ส�ำคัญในการในการลงผีหรอื เข้าทรง เป็นตน้ การนับภูมิทักษาตามหลักทักษาปกรณ์คือเวียนขวาและเม่ือนับวนจนครบ ทกชอ่ งแลว้ จะตอ้ งวนเข้าส่จู ุดศูนย์กลางก่อนจงึ จะกลับไปนับทีจ่ ดุ เร่ิมตน้ อีกครงั้ เมื่อ ลากเส้นตามการนับทักษาปกรณแ์ ล้วจะพบวา่ เปน็ การนับวนลักษณะคล้ายก้นหอย เช่นกนั ดงั นน้ั การสร้างเมือง หรือผงั ทีเ่ กี่ยวข้องกับหอยหรือขวัญ ทม่ี กั จะโยงไปถึง เรื่องจุดศูนย์กลางของเมืองคอื ใจเมือง สะดือเมือง ขวัญเมือง หรอื มิ่งเมือง อาจจะ เป็นคตคิ วามเชอ่ื ดง้ั เดิมในการจ�ำลองจกั รวาลแบบโบราณของคนแถบน้ี กอ่ นทีร่ ะบบ ความเชื่อเร่ืองดวงดาวและจักรวาลจากอินเดียจะเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลต่อวิถี ชวี ิตของคนล้านนา จึงเปน็ เหตผุ ลท่ีผู้เขียนระบไุ ว้ในเรอ่ื งทกั ษาเมอื งวา่ ตำ� แหนง่ ดาว เกตุ หรอื เกตเุ มอื ง กบั สะดอื เมืองนน้ั มาจากคนละคติความเชือ่ เพียงแต่ทง้ั สองอยู่ ร่วมกนั มานานดังได้กลา่ วไว้แลว้ ในขา้ งตน้ ภาพวธิ ีการนับตารางทักษาวนเป็นรปู กน้ หอย

สาํ นักศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ลําปาง ธวชั ชยั ท�ำ ทอง 177 ภาพแผนภมู ทิ ักษาปกรณ์

178 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ระบบทักษา ค�ำว่า ทกั ษา มาจากรากศพั ทค์ ำ� วา่ ทักษณิ า หมายถงึ การเวยี นขวา โดยจะมี ภมู ทิ กั ษาซงึ่ โหราจารยส์ มยั โบราณไดม้ กี ารเขยี นกำ� หนดแผนภมู ทิ กั ษาขน้ึ เพอื่ กำ� หนด วางต�ำแหนง่ ดาวพระเคราะห์ คอื ดาวอัฐเคราะห์ หรือพระเคราะหท์ ้ัง ๘ ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจนั ทร์ พระอังคาร พระพุธ พระเสาร์ พระพฤหสั บดี พระราหู และ พระศุกรต์ ามล�ำดบั ซ่ึงจะแบ่งออกเปน็ ๘ ช่องตามทิศทัง้ ๘ คือ อีสาน บรู พา อาคเนย์ ทกั ษณิ หรดี ประจิม พายพั และอุดร โดยเร่มิ จาก ๑ หรอื พระอาทิตย์ แล้วเวยี น ทกั ขิณาวัฏไปทางหมายเลข ๒ ๓ ๔ ๗ ๕ ๘ และ ๖ ตามล�ำดับตวั เลขข้างตน้ โดย แตล่ ะดาวพระเคราะหจ์ ะถือว่าเป็นเทวดาผูร้ ักษาทิศตา่ งๆ ประจำ� ทศิ ท่ีเกิดของดาว กล่าวคือ พระอาทติ ยเ์ กดิ ทศิ อสี าน พระจันทรเ์ กดิ ทศิ ตะวนั ออก พระอังคารเกิดทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ พระพุธเกิดทิศใต้ พระเสาร์เกิดทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้ พระพฤหัสบดี เกดิ ทิศตะวนั ตก พระราหเู กดิ ทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนอื และพระศกุ ร์เกิดทศิ เหนอื ต่อ มาภายหลังมีการเพ่มิ ดาวข้นึ อกี ๑ ดวงกลายเป็นดาวนพเคราะหค์ อื ดาวเกตุ จึงวาง ตำ� แหน่งดาวเกตไุ ว้ทศ่ี ูนย์กลางผงั ทักษานัน่ เอง สิ่งสำ� คัญของระบบทักษาอกี อย่างหนง่ึ คอื ภมู ทิ ักษาหรือทกั ษาปกรณ์ทจ่ี ะ ใชต้ ีความหมายของเรือ่ งราวตา่ งๆ ตามค่าของดาวประจำ� ทิศนนั้ ๆ คอื บริวาร อายุ เดช ศรี มูลละ อุตสาหะ มนตรี และกาลกณิ ี ท้ังหมดนี้ลว้ นมคี วามหมายท่ีแตกต่าง กนั ออกไป การตคี วามหมายของทกั ษาปกรณน์ น้ั ขนึ้ อยกู่ บั วา่ จะใชท้ กั ษาตคี วามเรอื่ งใด เชน่ ทกั ษากบั ตวั บคุ คล ทกั ษากบั ตวั บา้ นเรอื นทอี่ ยอู่ าศยั วดั วาอาราม หรอื ทกั ษาเมอื ง โดยจะจ�ำแนกระบบทักษาและความหมายของการใช้สอยใน วถิ ีชวี ติ คนลา้ นนาให้ เห็นพอสังเขปดังนี้ ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง

ธวชั ชัย ทำ�ทอง 179 ทกั ษากบั ตวั บคุ คล ในวถิ ชี ีวติ คนลา้ นนาระบบทกั ษานั้นจะมีส่วนสมั พนั ธ์เกย่ี วข้องอยู่ในวิถชี ีวิต ตลอดเวลา ตัง้ แตเ่ กดิ จนตาย ความเช่อื จารตี ประเพณีหลายอยา่ ง ลว้ นมที ม่ี าจาก แนวคดิ ในระบบทกั ษาท้ังส้ิน ตง้ั แตก่ ารเกิด เรามักจะผกู ตดิ กับการจดจำ� วนั เกิดของ ตวั เราเอง เชอ่ื วา่ ผทู้ เ่ี กดิ ในชว่ งเวลาของแตล่ ะวนั จะอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลของดวงดาวนน้ั ๆ เมือ่ ก�ำหนดรดู้ วงดาวประจ�ำตวั แล้ว ความหมายของดาวในดา้ นต่างๆ กจ็ ะมผี ลทำ� ให้ ผทู้ เี่ กดิ ภายใตอ้ ทิ ธพิ ลของดวงดาวนน้ั มบี คุ ลกิ ลกั ษณะหรอื รปู รา่ งเปน็ ไปตามความหมาย ของดาวไปดว้ ย ดงั นน้ั บคุ คลทเ่ี กดิ ในแตล่ ะวนั พงึ อาศยั ความเปน็ มงคลตามความหมาย ของดวงดาวประจำ� ตวั เพอ่ื ใหช้ วี ติ สมบรู ณแ์ ละเจรญิ กา้ วหนา้ ตอ่ ไป ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ภาพตำ� แหนง่ สตั ว์ตวั เป้ิงในผังทกั ษา นอกจากนโี้ หราจารยล์ า้ นนาไดก้ ำ� หนดรปู สตั วต์ า่ งๆ เปน็ ตวั แทนของดวงดาว โดยกำ� หนดใหแ้ ต่ละชอ่ งในผังทกั ษาจะมีสตั ว์ประจ�ำหนงึ่ ตวั ซง่ึ สัตวเ์ หลา่ น้นั กจ็ ะเป็น สตั วป์ ระจำ� ทศิ ไปดว้ ย สตั วท์ ี่เปน็ สญั ลักษณ์ของวนั เกิดจึงถือว่ามคี ณุ แก่ตน จึงเรยี ก สัตวเ์ หล่านน้ั ว่า “ตัวเปง้ิ ” หรอื มกั จะเรียกวันเกิดอีกอย่างว่านาม เช่น นาม ๑ นาม ๒ หรือ นามวัว นามร้งุ กไ็ ด้ ตามตำ� ราดาวเสวยอายุ นับตามอายุตกตามช่องทกั ษา หาก

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง180 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา อายุตกที่ชอ่ งตรงกันขา้ มกบั วนั เกดิ แล้วเกณฑ์ชะตาอยู่ในตำ� แหนง่ ทเ่ี สยี หรอื ไม่ สบายเจบ็ ปว่ ย กม็ กั จะมีพธิ ีการส่งเคราะหท์ เ่ี รยี กว่า “สง่ เปงิ้ ส่งชน” โดยจะทำ� สะตวง เป็นรปู ตารางเกา้ หอ้ ง ซึง่ ตารางเกา้ ห้องกค็ ือการจำ� ลองมาจากผงั ทกั ษา แลว้ ปั้นรูป สตั วท์ เี่ ป็นตวั เปิง้ ใสล่ งไป สว่ นตวั ชนนน้ั หมายถงึ สตั ว์ค่ตู รงขา้ ม นน่ั เอง เรมิ่ จากการเกดิ คนลา้ นนาจะตงั้ ชอ่ื ใหเ้ ดก็ ทเี่ กดิ ใหมง่ า่ ยๆ ตามวนั เกดิ ของตน เชน่ เกดิ วนั จนั ทร์ กช็ อ่ื จนั เกดิ วนั พธุ ชอ่ื ปดุ๊ เกดิ วนั พฤหสั บดชี อื่ ผดั เปน็ ตน้ นอกจากนี้ ยงั มชี อ่ื อนื่ ๆ ทมี่ คี วามหมายตรงกบั วนั เกดิ เชน่ ชอื่ แกว้ เกดิ วนั จนั ทร ์ ชอื่ เขยี วเกดิ วนั พธุ ชื่อออนเกิดวันอังคาร เป็นต้น หากเป็นขุนนางหรือเจ้านายการตั้งชื่อมักจะวิจิตร มากกวา่ สามญั ชนท่วั ไป โดยการตง้ั ชอื่ น้นั อาศยั หลกั การดงั นี้ การตง้ั ชอ่ื บคุ คลจะอาศัยหลัก อายตนะ หรือ มหายตนะ อนั มคี วามหมาย ว่า การเช่ือมตอ่ เครือ่ งติดตอ่ ภาษาหรือสิง่ ทีเ่ ปน็ สื่อสำ� หรับตดิ ต่อกันเพอื่ ใหเ้ กิดการ รับรู้ ท�ำให้เกดิ ความรสู้ ึกข้นึ อายตนะตามหลกั พุทธศาสนามี ๖ อย่างคอื หู ตา จมกู ลน้ิ กาย ใจ ซึง่ ทัง้ หมดนจ้ี ะเป็นเครื่องมอื รับรู้ รูป เสียง กล่ิน รส สัมผัส จติ ใจ อารมณ์ ตามลำ� ดบั อายตนะ ๖ นีส้ ่งผลถึงเจา้ ชะตาในมมุ มองของความรูส้ กึ นึกคิด นสิ ัยใจคอ และมมุ มองของคนรอบขา้ งทมี่ ตี ่อเจ้าชะตา อายตนะในการตง้ั ชอ่ื ตามหลักทกั ษาน้นั จะมีหลกั การคดิ คำ� นวณแบบเดยี วกันกบั เลขศาสตร์ โดยใจความหลัก คอื ตัวอักขระ แตล่ ะตวั จะมเี ลขกำ� ลังดาวพระเคราะห์ กำ� ลงั เทวดาทั้ง ๘ แฝงอยู่ ซึ่งจะส่งผลตอ่ ถึง นิสยั ใจคอของเจ้าชะตา อายตนะดังกล่าวแบง่ ตามดาวพระเคราะห์ ในหลักทักษา ได้ดังน้ี นาม ๑ พระอาทิตย์ อ และ สระตา่ งๆ แบบล้านนา คอื อะอาออี ุอูเอโ้ อ้ นาม ๒ พระจนั ทร ์ ก , ข , ค , ฆ , ง นาม ๓ พระองั คาร จ , ฉ , ช , ซ , ฌ , ญ นาม ๔ พระพุธ ฎ , ฏ , ฐ , ฑ , ฒ , ณ นาม ๗ พระเสาร ์ ด , ต , ถ , ท , ธ , น นาม ๕ พระพฤหสั บด ี บ , ป , ผ , ฝ , พ , ฟ , ภ , ม นาม ๘ พระราหู ย , ร , ล , ว นาม ๖ พระศกุ ร ์ ศ , ษ , ส , ห , ฬ , ฮ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 181 (หมวดอกั ษรทัง้ หมดล้านนาจะออกเสียงอะ เช่นวรรคแรกออกเสยี งว่า กะ ขะ ก๊ะ ฆะ งะ เป็นต้น) เมื่อทราบพื้นฐานดังนี้แล้ว การจะต้ังชื่อให้เป็นมงคลน้ัน จะอาศัยหลัก ทักษาปกรณข์ องคนเกิดวันตา่ งๆ มาก�ำหนดตามความหมาย ยกตวั อย่างเช่น คนเกดิ วนั อาทติ ย์ ใหพ้ งึ เว้น นาม ๖ หรอื ดาวศุกร์เป็นหลกั คืออักษร ศ, ษ, ส, ห, ฬ, ฮ เน่ืองจาก ดาว ๖ เป็นกาลกิณแี ก่วันอาทิตย์จึงถอื วา่ ไม่เป็นมงคล เปน็ ต้น ควรเลือก อกั ษรในหมวดทีเ่ ปน็ ตำ� แหนง่ บริวาร อายุ เดช ศรี มลู ละ หรอื มนตรเี ป็นตน้ บาง ต�ำราใหเ้ ว้นอตุ สาหะ เนือ่ งจากจะท�ำให้เจา้ ชะตาเหนอื่ ยยากล�ำบาก หรอื มอี ปุ สรรค ในชีวติ ต�ำราการตง้ั ชอื่ แบบล้านนานั้นมหี ลายสำ� นวน สว่ นใหญจ่ ะอาศยั หลกั ทกั ษา ทั้งส้ิน ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ผวิ า่ ลูกผใู้ ดเกิดวัน ๑ ห้อื ใส่ช่อื นาม ๒ จกั มอี ายุยนื แล ผิวา่ เกิดวนั ๒ หือ้ ใส่ช่อื นาม ๔ นาม ๕ จกั ไดเ้ ปน็ ใหญ่แกท่ า่ นทง้ั หลายแล ผวิ า่ เกิดวัน ๓ หื้อใสช่ ือ่ นาม ๖ นาม ๗ จกั เป็นผ้รู ู้หลวก ผวิ ่าเกิดวัน ๔ หื้อใส่ชอ่ื นามจนั ทร์มนั รกั พอ่ แม่ ผวิ ่าเกดิ วัน ๕ ห้ือใสช่ อ่ื นาม ๑ นาม ๕ มีประหยา๑๓๙ อายยุ ืน ผิวา่ เกดิ วนั ๖ ใสช่ อ่ื นาม ๖ นาม ๓ อายุยนื แล ผวิ า่ เกิดวนั ๗ ห้อื ใส่ชือ่ นาม ๕ นาม ๑ มีประหยาอายุยืนแล นอกจากการตั้งชือ่ บุคคลทัว่ ไปแลว้ การบวชพระสงฆใ์ นพุทธศาสนาจะต้อง มีการต้ังช่ือหรือฉายาใหม่ไม่เอาช่ือทางโลกหรือช่ือเดิม เพราะคนที่บวชในบวร พทุ ธศาสนาถือวา่ ได้เกดิ ใหม่ โดยพระอปุ ชั ฌายจ์ ะต้งั ชือ่ ใหมใ่ ห้โดยอาศัยหลักทกั ษา ในการต้งั ชอื่ ทัง้ พระภิกษุ และสามเณร (ปจั จบุ ันคงเหลอื แต่พระภิกษุเทา่ นนั้ ) โดย อาศัยเกณฑอ์ ยู่สามประการคือ วนั เกดิ ของเจา้ ชะตา วันบวช และวนั เกดิ หรอื อายพุ อ่ แมส่ มั พนั ธก์ บั ผบู้ วช ดงั นแ้ี ลว้ จงึ ตงั้ ชอ่ื ใหมใ่ หโ้ ดยจะเวน้ อกั ษรทมี่ าจากตำ� แหนง่ กาลกณิ ี เป็นสำ� คัญ ยกตวั อย่างเช่น พระสงฆ์ท่เี กดิ วันอาทติ ย์จะได้ฉายาว่า อทุ ะโย อนาลโย อภินันโท เปน็ ตน้ หรอื เกิดวนั จนั ทรจ์ ะได้ช่ือฉายาใหม่วา่ กติ ติญาโณ กตปุญโญ กัน ตะสโี ล เปน็ ตน้ ๑๓๙ หมายถึง ปัญญา

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง182 ดาราศาสตร์กับวิถีชีวิตคนล้านนา ทกั ษากับการรักษาโรค ในยุคสมยั ทวี่ ิทยาการการแพทย์ยงั ไม่เจริญเหมือนดงั ปัจจุบัน หลกั การและ วิธีการรักษาผู้ป่วยของคนโบราณน้ันล้วนอาศัยหลักการจากวิชาโหราศาสตร์ซึ่งจะ แตกออกมาเป็นวิชาโลกธาตุที่เน้นเรื่องของธาตุอันเป็นแม่ธาตุปรุงแต่งที่ท�ำให้เกิด มนุษยข์ ้ึนมาโดยประกอบดว้ ย ธาตุทง้ั สี่คอื ธาตุดิน (ปฐวธี าต)ุ ธาตนุ ำ้� (อาโปธาตุ) ธาตลุ ม (วาโยธาตุ) และธาตุไฟ (เตโชธาตุ) โดยการรักษาผู้ป่วยในสมัยโบราณนน้ั จะ อาศยั วิชาทักษาและธาตปุ ระจำ� ดวงดาวเป็นหลกั กลา่ วคอื อาทติ ยแ์ ละเสาร์ ธาตุไฟ จันทร์และพฤหัสบดีธาตุดิน อังคารและราหูเป็นธาตุลม พุธและศุกร์เป็นธาตุน�้ำ นอกจากนี้วันเดือนปีเกิดหรือดวงชะตาของผู้ป่วยยังเป็นปฐมบทของการวินิจฉัย เบอ้ื งตน้ ของอาการปว่ ย เนอื่ งจากหมอผรู้ กั ษานน้ั ตอ้ งศกึ ษาถงึ ธาตกุ ำ� เนดิ ของผปู้ ว่ ยกอ่ น กลา่ วคือ ภาพตารางธาตุในผงั ทกั ษา

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ท�ำ ทอง 183 ธาตกุ ำ� เนิด หมายถึง การถอดรหสั ธาตตุ ามวันเดือนปเี กิดของบุคคลนัน้ เพ่อื รู้ถึงธาตใุ นรา่ งกายโดยยึดหลกั การจากเร่อื งดวงดาวทงั้ หมด โดยจะดูธาตปุ ระจำ� ปีเกดิ ธาตุประจ�ำเดือนเกิด และธาตุประจำ� วันเกิดท้งั สามธาตุ แล้วสรปุ ผลจาก ตำ� แหนง่ ดาวในวนั เดอื นปเี กดิ วา่ บคุ คลนน้ั ประกอบดว้ ยธาตอุ ะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ งเชน่ คนเกดิ ปีฉลหู รือปีเปา้ เดือน ๖ วนั อาทติ ย์ สามารถถอดธาตุกำ� เนดิ ไดด้ ังนี้ ปฉี ลูเป็น ธาตุดนิ เดือน ๖ เปน็ ธาตไุ ฟ และวนั อาทติ ยธ์ าตไุ ฟ แสดงว่าบุคคลนีใ้ นรา่ งกายมธี าตุ ไฟสูง ไม่ควรทานอาหารรสเผ็ดรสจัด เพราะจะท�ำให้ธาตุไฟก�ำเริบง่ายหรือมักจะ กำ� เรบิ ออกมาในลกั ษณะตมุ่ หรอื ฝี ไมช่ อบอากาศรอ้ น หรอื เปน็ คนใจรอ้ นหงดุ หงดิ งา่ ย เม่ือทราบดังนี้หมอผู้รักษาพึงตรวจสอบอาการและแก้ไขโดยการปรับธาตุให้สมดุล ก่อนที่จะรกั ษาขั้นต่อไป เปน็ ตน้ นอกจากนก้ี ารโคจรของดวงดาวแตล่ ะวนั เดอื นปี ยงั สง่ ผลทำ� ใหธ้ าตใุ นรา่ งกาย แปรปรวนไปดว้ ย ในชว่ งทเ่ี จบ็ ป่วยไม่สบายจะถอื ว่าเกดิ จากธาตุต่างๆ บกพรอ่ ง จึง มกี ารปรุงยาพ้นื ฐานเพอื่ ปรบั สภาพของธาตุในรา่ งกายใหเ้ กิดความสมดุลปกติ ยาท่ี เปน็ พื้นฐานของต�ำรายาของหมอโบราณ๑๔๐ เรียกวา่ ยาธาตุ คอื ยาทีก่ ินเพือ่ ปรบั ธาตุ ในรา่ งกายโดยจะมสี มนุ ไพร ๔ ชนิดท่ีเป็นสมุนไพรแมธ่ าตคุ อื ปด๊ิ ปวิ แดง๑๔๑ เปน็ สมุนไพรประจ�ำธาตุไฟ ขงิ แกง เป็นสมุนไพรประจำ� ธาตดุ นิ ดปี ลแี ละปูนก๑๔๒ เปน็ สมนุ ไพรประจ�ำธาตุลม และจะคา่ น๑๔๓ เป็นสมนุ ไพรประจ�ำธาตนุ ำ้� วิธีการคอื น�ำ สมนุ ไพรทง้ั สต่ี วั น้ีมาตากแหง้ แล้วตำ� หรอื บดให้ละเอียด ผสมน�้ำผ้งึ กินเพ่ือปรบั ธาตุ ใหส้ มดุลในเบื้องต้น ภาพดอกป๊ิดปวิ หรือเจตมลู เพลิงอันเป็นแม่ธาตไุ ฟมีทั้งสแี ดงและสีขาว ๑๓๖ เจตมลู เพลงิ แดง หรอื ไฟใต้ดนิ ๑๓๗ ใบชะพลู ๑๓๘ เถาสะคา้ น

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง184 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา เม่ือหมอพิจารณาและถอดรหัสธาตุก�ำเนิดแล้วก็จะกลับมาตรวจสอบอายุ ว่าอายุจรในปที เ่ี จ็บปว่ ยนี้ลงตามผังของตารางดาวอฐั เคราะห์ท้ัง ๘ ในช่องใด เมอ่ื ได้ ต�ำแหน่งอายุจรแล้วก็จะให้ปรับเรื่องอาหารการกินเป็นเบ้ืองต้นตามความหมายของ ต�ำแหน่งดาว ดงั ตัวอย่างของตำ� ราการปรบั อาหารให้ถูกตอ้ งตามธาตุเกดิ และอายจุ ร แบบล้านนาดงั นี้ สิทธิการพห่ี นานนอ้ ยจักกลา่ วธาตุคนญงิ จายทงั้ หลายก่อนแล บคุ คละผู้ใด เป็นพยาธิโรคาบ่รู้หายน้ันหื้อดูธาตุเต๊อะตกอันใดเสียจักรู้ชะแลหื้อไล่ตางสิบลงตาง ล่มุ เทา่ อายุแลว้ ดูของกินผเู้ ปน็ พยาธนิ น้ั เตอ๊ ะ คันว่าตก ๑ หือ้ กนิ หมากกอก มะริดไม้ กลว้ ยใต้ แตงลาย ออ้ ยเล่ม ปลาเต๊าะ ปลา สะวาย ปลาดกุ ปลาสป้าก แกงใสย่ อดสม้ ป่อย จนิ้ หมจู น้ิ ฟานแล ยาชะเอมก่อ ซหี ิง เขยี ว ก่องขา้ วเขยี วฝนกนิ หากเจ็บหัวใบขม้ินตง้ั ต�ำครอบหัวแล คันวา่ ตก ๒ หอื้ กินหมากกอก หมากนอย หมากแตง มะกลว้ ยกา๋ นำ้� นมมะตัน มะฮืน น้�ำอ้อย น�้ำตาล จ้นิ เป็ด ไข่เปด็ ปลาคา้ ว ปลาก่อ ปลาหลิมแกงใส่สม้ หมากนาว ผัก ขข้ี วง มะเขอื ก้าว ปลาเตา๊ ะ ปลาสะวาย ปลาสปา้ ก ปลาแข้ ปลากด ปลาแกด กงุ้ จ้นิ ไกเ่ ผอื ก ยามนั ไมห้ างกา่ น ไมข้ เ้ี หลก็ เดอ่ื ปอง แกนขา้ วสาลี ผกั หมิ แดง งาดำ� พรกิ นอ้ ย ขิงแกง ตำ� เป็นก้อนกินแลคนั ว่าเจบ็ หัวหื้อเอาใบสม้ ป่อย ขมิน้ ต�ำครอบแล คันว่าตก ๓ ห้อื กนิ หมากชุกหมากเตา้ มะกล้วยเต้ด กลว้ ยใต้ อ้อยเลม่ มนั แกว มะ ถวั่ มะบวบ มะหอ่ ย บะนอย ผักบงุ้ ผกั เดื่อเกย๋ี ง หนอ่ ไม้รวก กนั เจบ็ หัวเอาสม้ เตงเคงตำ� ขม่ หัวแล คนั วา่ ตก ๔ หอื้ กินมะกล้วยเตด้ นำ�้ นม มะต๋ืน มะตนั หน่อไมร้ วก มะเขอื ก้าว ผกั ขี้ขวง ผักเผด็ ปลาหลิม ปลาก่อ ปลาค้าวแกงใส่นำ�้ มะนาว ไก่ด�ำ จิ้นเป็ดไขเ่ ปด็ คนั วา่ ตก ๕ หอ้ื กนิ แตงซง้ั แตงลาย โปง่ กอก มะเฟอื ง มะขาม ปลาเตา๊ ะ ปลาสะวาย ปลาสปา้ กปลาเพ้ีย ปลาดุก ปลากด ปลาแกด แกงใส่ยอดส้มป่อย หน่อปง ผกั แคบ ผกั ขี้ขวง หมากนะ ยาหอ้ื เอาขมิ้นข้ึน แก่นจนั ตำ� เป็นลูกกลอนกนิ แล คนั ว่าตก ๖ หือ้ กินเดอ่ื เกลยี้ ง หนอ่ ไม้รวก หมากนอนข้อง ผักบ้งุ ปิง๋ ผกั กาดน�้ำ หมาก พรา้ ว แตงลาย แตงซั้ง หมากเฟอื ง หมากโอ หมากม่วง หมากฝาง หมากฟัก ผกั หม ผักหนอก ผักแคบออ้ ยดำ� แล ยาเปา้ ทัง้ สอง ใบหนดั นำ�้ เผิ้ง ดินไฟ ตำ� เป็นลูกกินแล

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชัย ทำ�ทอง 185 คนั วา่ ตก ๗ หอื้ กนิ กลว้ ยนำ�้ นม นำ้� ตาลกอ้ น หมากตนื๋ หมากตนั หมากหนดั หมากหนนุ หมากฟักแก้ว มะเขอื กา้ ว ผักเผ็ดผกั ข้ขี วง มะฟกั หมน่ จิ้นเปด็ ไขเ่ ปด็ นำ้� ผ้ึง ดว้ งตอ่ ปลาคา้ ว ปลากอ่ ปลาหลมิ แกงใสน่ ำ�้ สม้ หมากนาว ยาไมต้ นื๋ ไมต้ นั ไมห้ นนุ ฝนกนิ หายแล คันว่าตก ๘ หอ้ื กินนำ�้ ตาลทราย หมากพรา้ ว กล้วยเชยี งราย หมากฟักหมน่ ผักกาด จน้ิ งวั จนิ้ ควาย จนิ้ หมู หมากเฟอื ง หมากเกย๋ี ง หมากมว่ ง หมากฝาง หมากลว้ิ หมากโว ยาหวั สามเปอ่ื น รากหมากโอ ฝนใสเ่ หลา้ กนิ กอ่ ได้ คนั วา่ อดิ ใจ รากหญา้ คา หญา้ ผากควาย รากแคว้งขาว ตม้ ใส่ข้าวจา้ วกินดแี ล นอกจากนย้ี งั มวี ธิ วี นิ จิ ฉยั โรคเฉพาะทางอน่ื ๆ ทมี่ กี ารรกั ษาหลากหลายรปู แบบ โดยหลกั การคอื การรกั ษาดว้ ยสมนุ ไพร นอกจากเรอ่ื งของธาตใุ นรา่ งกายบกพรอ่ งแลว้ คนโบราณเช่ือกันวา่ สาเหตุของความเจบ็ ป่วยนัน้ มอี กี หลายประการ โดยส่วนใหญม่ ัก จะกลา่ วถงึ สาเหตขุ องความเจบ็ ปว่ ยวา่ มาจากการถกู ผี โดนผที ัก หรือไปกระท�ำการ ไม่เหมาะสมกับบรเิ วณทม่ี ผี ีสิงสถติ อยู่ ซึง่ เปน็ เหตุให้หมอโบราณจ�ำเป็นตอ้ งประกอบ พธิ กี รรมทางไสยศาสตร์ เพอ่ื ชว่ ยในการรกั ษาอกี วธิ หี นงึ่ หมอจงึ ตอ้ งเรยี นรคู้ าถาอาคม และพิธีกรรมตา่ งๆ ซ่งึ เราจะเห็นไดว้ ่าพธิ กี รรมในทอ้ งถ่ินหลายอยา่ งทำ� ข้นึ เพ่ือรักษา อาการความเจบ็ ปว่ ย เชน่ พธิ กี รรมการสบื ชะตา การสง่ เคราะหแ์ บบตา่ งๆ ยกตวั อยา่ ง พิธีการสง่ เทวดา ๙ หมู่ ซึง่ เป็นตัวแทนของดาวนพเคราะห์ เพื่อขอคณุ อ�ำนาจแหง่ ดาวนพเคราะห์น้ันช่วยปกป้องคุ้มครองหรือดลบันดาลให้ผู้ป่วยมีสุขภาพท่ีดีและ หายจากความเจ็บปว่ ย โดยมีคำ� กล่าวโองการท่ีมเี นอื้ หา ดังน้ี เทวตาดูรา เทวดา ๙ ตนบัดน้ีผูม้ ชี ื่อว่าดง่ั นก้ี ่มาทะรงยังพยาธิโรคาเป็นสันน้ี จกั ถกู ตอ้ ง ปอ้ นลคั นาชาตาปเี ดอื นวนั ยามเยอ่ื งใดกบ่ ร่ ู้ จกั พาถกู ตวั เปง้ิ ตวั ชนแลตวั เสวย แลยอดโหราทบั ต้องโหราก่บ่รูใ้ ดอันใดเปน็ ใหญ่กว่าเคราะหท์ ้ังหลายก่เท่าเทวดา ๙ ตนหากครอบง�ำตังมวลสนั นี้ ตูขา้ ก่ตกแตง่ เคร่ืองขยี าปูชาต่างๆสันนี้เพื่อหอื้ เจ้าพยาธิ ผู้นี้อยู่ดีมสี ุขพน้ จากอปุ ทั วะกังวล อนทะรายตงั มวลแต้ดีหลี เทวเตดรู าเทวดา ๙ ตน คือวา่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙ คละรักเลยเทยี ว เทศท้าวทัสสะ ๑๒ รวายสีหาก มาบังเกิดมีตามโลกแต่ปะถะมะกับหัวที่ลัคนาศัตรูแลปาปะเคราะห์เทียวเทศเถิงย่อม ปองห้ือเป็นโทษพอ่ งหอื้ เปน็ โสกามะระณาเม้ียนชาติ พอ่ งห้ือพลดั พรากทอ่ี ยู่ ห้ือ

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง186 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา บงั เกดิ เปน็ หมโู่ รคาฝงู เปน็ มติ รกย็ งั มเี มตตาหอ้ื มลี าบหากเปน็ สภาวะแหง่ เทวดาทง้ั หลาย บัดนีป้ าปะเคราะหห์ ากมา ต้องลคั นาชาตามชี ่อื ว่า ......ดงั เหตนุ ้ันผู้ขา้ จึงจักไดม้ า ตกแต่งยังโภชนะอาหารแลเคร่ืองขียาปูชานะขะตะฤกษ์เพื่อห้ือหายยังโรคาแล อากาศหอื้ หายยงั พยาธิกงั วลเมอื งพะ หอื้ หายทะเคราะห์ ในตนจุเยื่องจปุ ระการจึงได้ ตกแตง่ เครอ่ื งนะขตั ตะฤกษท์ งั้ หลายแลตบั ตองโหราชาตา ดว้ ยขา้ วนำ�้ โภชนะอาหารนาๆ ตา่ งๆ ท้งั ขาทะนยิ ะโภชะนิยะแกงสม้ แกงหวานของไขวใ่ ส่เบี้ยร้อยหมากไหมใส่เปน็ สัมบัตติ มจี ิ้นเนอื้ แลปลาปงิ้ ใหม่ ลูกไมใ้ ส่คลิ า มตี ังบพุ ผาแลข้าวตอกดอกไมแ้ ลหมาก พลแู ต่งตามสะพราด กข็ อองั คราด ราธนาเจ้าทงั้ หลาย เสียกบั บรวิ ารเลยมะหมู่ เอา กนั อยสู่ �ำราญแรกแตก่ าลนี้ไปพายหนา้ หือ้ เจ้าพยาธอิ ันใดมาปชู านจ้ี ุง่ หื้อหายเสียยัง โสกาแลอาพาธ จงุ่ หอื้ หายตังพยาธิแลกงั วลอยา่ หือ้ มีเคราะห์เกตใุ นตนสกั หยาด ห้อื เหมือนดงั่ ตอ่ มนำ�้ กล้ิงตกจากใบบัวใบบอน ภัยยะโรคาอนั เปงิ กลัวมี ๕ ตนวา่ จมนำ�้ จมไฟอนั ย่ิงทา้ วพญาเสนาอำ� มาตยภ์ ยั ยาอนั เกดิ แตเ่ ชือ้ ชาตเิ นื้อกล้าคะนองแล ภยั ยา อนั เกดิ แตพ่ ื้นกองหญ้าหอกดาบ กห็ ื้อหายไปด้วยอานภุ าพอนั ได้ปูชาเทวดา ๙ หมู่ ต้งั แตว่ นั น้ีไปเมื่อหน้า จงุ่ ห้ือเจ้าพยาธผิ ู้นีอ้ ยสู่ ขุ สำ� ราญ จุ่งห้ือมีลาภะสะการต่อหนา้ ห้ือไดเ้ สื้อผ้าแลเงนิ คำ� กระท�ำอนั ใดก็หอื้ สมฤทธี จเุ ย่อื งห้ือมอี ายยุ ่ิงยนื ยาวกวา่ ร้อยปี จุ่งหอ้ื มสี วสั ดแี กเ่ จ้าหอเจ้าเรือนแลของเลยี้ งของดู จเุ ย่อื งจปุ ระการดหี ลแี ดเ่ ตอ๊ ะ นอกจากนผี้ ังดวงดาวในหลกั ทักษานั้นยังมคี ติเร่อื ง ตัวเปิ้งตวั ชน คือการ กำ� หนดคา่ ดาวใหก้ ลายเปน็ รปู สตั ว์ ประจำ� วนั เกดิ ของตนคอื ตวั เปง้ิ หากหมอตรวจสอบ ดวงชะตาแล้วมเี คราะหห์ รืออิทธิพลของดาวอืน่ ๆ ให้โทษดงั นีแ้ ลว้ ก็จะทำ� พธิ ีส่งหรือ บชู าเพือ่ ร้องขอคณุ ดาวที่ใหโ้ ทษน้นั ให้ลดเคราะหห์ ายเบาบางลงไป คอื ตวั ชน ดงั ตวั อยา่ งเนอื้ หาในพธิ กี ารสง่ ชนดังนี้ ดูราเจ้าพญาชนทั้งหลายคือว่าชนตัวอยู่พายหลังอย่าได้มาอยู่ถ้าชนตัวพาย หน้า อยา่ ได้อย่สู ัพพะกองท้ังหลายคอื วา่ ชนงวั ชนควายตัวกล้าชนชา้ งชนมา้ ชนราชสี ก็อยา่ ไดม้ าราวชี นเสือชนหมผี ปี ่าชนครฑุ นาคนำ้� กอ็ ยา่ มาขบ ชนกบชนเขียดหมูแมว อยา่ ไดม้ าใกล้ชนเจ็บชนไข้อยา่ ได้มีสักยาด ชนหอกชนดาบ เถ่ียนกล้า ชนมีดพร้าก็ อย่าหอื้ ได้มาฟนั ชนสพั พะการทกุ อันทกุ ส่ิง กอ็ ย่าหอื้ ได้มาบบี เบียนจุ่งหื้อได้อยู่สุข

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวชั ชยั ทำ�ทอง 187 เสถียรทกุ คำ�่ เชา้ แลงงาย สพั พะกงั วล อนทะราย๑๔๔ แลพยาธกิ ็หือ้ ไดค้ าคลาดจากสัน ตระแหง่ ตนตวั คนผนู้ แ้ี ลว้ ขอราทธะนาเจา้ พญาชนทง้ั หลายจงุ่ มารบั เอายงั สพั พะบณั ณาการ หลายเยือ่ งหลายอัน แล้วน�ำมายงั เปน็ เครอ่ื งปะริก�ำปชู าแก่สทุ ่านทั้งหลายขอหือ้ หาย เสียยงั โรคาแล อากาศหื้อหายเสยี ยังพยาธิทัง้ มวลหอื้ ไดอ้ ย่สู รวงสวรรคท์ กุ ค�่ำเช้าอัน ดว้ ยได้มาปูชาแกส่ เู จา้ ทงั้ หลายในกาละวันน้ีแดเ่ ต๊อะ ภาพสะตวง ๙ ห้อง เม่อื ดวงชะตาของบคุ คลใดตกในต�ำแหน่งมเี คราะหห์ รอื ดวงชะตา ตกในต�ำแหน่งเสยี จงึ มักมีการสง่ เคราะห์ หรอื บูชาพระเคราะห์ทั้ง ๙ ด้วยสะตวง ๙ ห้อง ตามผงั ทกั ษาพรอ้ ม ใส่เครอื่ งพลตี ่างๆ ลงใน สะตวงแต่ละช่อง บางครั้งมีการปน้ั รปู สตั ว์ ตัวเปงิ้ ลงไป ในสะตวงด้วยจึงเรยี กว่าสง่ เป้ิงส่งจน ๑๔๔ อนั ตราย

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง188 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา ภาพตารางทกั ษาทีใ่ ช้กำ� หนดในพิธกี รรมถวายข้าวเพ่ือสะเดาะเคราะหต์ ามทศิ และกำ� ลงั ของดาวพระเคราะห์ ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างเรื่องพิธีกรรมกับการรักษาโรคมาพอสังเขปท่ีจริงแล้ว ยังมีพิธีกรรมอีกมากมายอันเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาผู้ป่วยตามความเชื่อโบราณ เชน่ การสบื ชะตา การส่งเคราะหน์ รา สง่ เคราะห์ ๙ ห้อง ส่งแถน บูชาพ่อเกดิ แมเ่ กดิ รดน�้ำมนต์ ท�ำเทยี นบชู า ฯลฯ ท้ังน้ีเป็นไปตามวถิ ีความเชอ่ื ของคนโบราณซึ่งระบบ การรักษายังไมป่ ระสบความสำ� เร็จนกั การรกั ษาดว้ ยยาสมุนไพร และวนิ ิจฉยั โรคเป็น ไปตามน้ี ทำ� ใหค้ นในสมยั โบราณเจ็บปว่ ยและเสยี ชวี ติ โดยง่าย ระบบทกั ษาท่กี ล่าว มาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งท่ีเก่ียวข้องกับวิถีชีวิตคนท่ัวไปนอกจากนี้ยังมีเร่ืองการ ใช้หลักทักษามาเป็นตัวก�ำหนดอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้หลายประการดังปรากฏใน ตำ� ราพรหมชาติลา้ นนา เช่น การระบสุ ถี ุงเป้งหรอื กระเป๋าเงนิ ใหถ้ ูกตอ้ งตามโฉลกสี ในทกั ษา อญั มณปี ระจ�ำตัว การใช้ดาบประจ�ำตัวที่อาศัยหลกั ก�ำลงั ดาวมาเปน็ ตัว กำ� หนดความยาวของใบดาบ หรอื ปลายดาบแบบต่างๆ ซึง่ กำ� หนดมาจากวนั เดอื นปี ของผ้ใู ช้ รวมถึงการทิศทางของบ้าน ตำ� แหน่งของบา้ นกบั ทดี่ นิ ซือ้ สัตวเ์ ขา้ บา้ น

ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง ธวัชชยั ทำ�ทอง 189 ภาพผังต�ำแหน่งการสร้างเรอื นตามทศิ ทกั ษา ภาพผังจกั รราศที ่ใี ชใ้ นการหาฤกษย์ ามในการซอ้ื สัตว์เล้ียง ตัวอย่างจากต�ำราทักษาในการดูทิศทางต�ำแหน่งบ้านเรือนแบบล้านนา ฉบบั หนงึ่ ไดก้ ล่าวถึงตำ� แหนง่ ต่างๆ ของบา้ นไว้ดังนี้ ผวิ ่า บรวิ าร อยพู่ ายใดห้ือไว้งวั แมง่ ัวนมแล ลูกบ้านอยพู่ ายนั้นเนอ้ อายุ อยู่ หนใดหื้อไว้พอ่ แม่ผู้เฒา่ ผู้แก่อย่พู ายนั้น น้�ำบอ่ กอ็ ยู่พายนั้นดีแล เตชะ อยูพ่ ายใดหือ้ ไว้หอกดาบ สรอี ยู่พายใดหื้อไว้แกว้ ทง้ั สามอย่พู ายนน้ั อุตสาหะหื้อไว้ลกู บ้านอยพู่ าย นั้น มลู ละไวเ้ สียข้าวอยูพ่ ายน้ัน อตุ สาหะหื้อไวง้ วั นาควายนาอยพู่ ายนั้น หนกาละกณิ ี อย่หู นใด หื้อไว้กองหญ้ากองขเ้ี หย้อื แลมูตตะอาจมแล

190 ดาราศาสตร์กบั วิถีชีวิตคนล้านนา นอกจากนใ้ี นวถิ ชี วี ติ ผคู้ นลา้ นนา มกั จะผกู พนั กบั การหาฤกษย์ ามทด่ี สี ำ� หรบั การดำ� เนินชวี ิตเสมอ มักเรยี กกนั วา่ หาม้ือจนั ทร์วนั ด ี ซงึ่ ม้ือจนั ทรว์ นั ดีนี้ หรอื วันท่ี เปน็ มงคลและอปั มงคลน้ันแทท้ ่ีจริงเกดิ จากการตคี ่าความหมายดาว และการเปลย่ี น สัญลกั ษณ์ดาวเคราะหต์ ่างๆ ให้เป็นตัวเลข มื้อจนั ทร์วนั ดจี ึงหมายถงึ ตวั เลขของวนั เดือนปที ี่สัมพันธก์ นั แล้วตคี วามตามความหมายตามหลกั ของดวงดาว จงึ เกิดเป็นวนั มงคลและวันอวมงคล ทา่ นพระครูอดุลสลี กติ ต์ เจ้าอาวาสวดั ธาตคุ �ำ เมอื งเชียงใหมผ่ ู้ เปน็ ปราชญแ์ หง่ ลา้ นนาทา่ นหนง่ึ ไดก้ ลา่ วเกยี่ วกบั มอ้ื จนั ทรว์ นั ดไี วว้ า่ “ตำ� ราทเี่ กยี่ วขอ้ ง กบั วนั ดวี นั เสยี เปน็ ศาสตรแ์ ขนงหนง่ึ ทเ่ี รยี กกนั วา่ โหราศาสตร์ ซง่ึ เกดิ จากการคดิ คำ� นวณ โดยอาศัยธรรมชาติสงิ แวดลอ้ ม และจากการบญั ญตั ิขน้ึ ของผมู้ ีอิทธิพลในสงั คม เชน่ ผนู้ �ำประเทศ ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ นกั ดาราศาสตร์ นกั พยากรณ์ ได้ท�ำการ รวบรวมเปน็ ต�ำราไว้ และใช้สืบต่อกนั มานานจนเกดิ การลอกเลยี นแบบต่อๆกันมา” ตัวอย่างของความสัมพันธ์ตัวเลขกับค่าดาวกับวันที่นิยมใช้กับงานมงคลท่ี ชัดเจนต�ำราหน่ึงคอื วนั ดิถีทัง้ ห้า คอื ปณุ ณาดถิ ี ไชยยาดถิ ี รติ ตาดิถี ภัตราดถิ ี และ นนั ตาดถิ ี วันต่างๆเหล่านี้ล้วนเกดิ จากความสัมพันธข์ องตวั เลขทผี่ ่านการเปล่ียนคา่ ความหมายมาจากดวงดาวทง้ั สน้ิ เชน่ วนั นนั ตาดถิ นี ั้น ต้องเป็นวนั ศกุ รข์ ้ึนหรอื แรม ๑ คำ่� ๖ ค�ำ่ ๑๑ ค�ำ่ นน่ั คือการจบั คตู่ ัวเลข ๑ กบั ๖ หมายถึงคพู่ ระอาทิตยก์ ับดาวศกุ ร์ เปน็ ดาวคมู่ ติ รทใ่ี หค้ ุณแก่กัน จงึ เหมาะแกง่ านมงคลเปน็ ตน้ นอกจากการจบั คู่ดาวที่ เป็นดาวคมู่ ติ รแลว้ ยงั มี ดาวคธู่ าตุ คสู่ มพงศ์ อื่นๆ เชน่ คู่ ๓ กับ ๘ เป็นวันไชยยาดิถี คู่ ๔ กับ ๒ เปน็ ภทั ราดิถี นอกจากจะจบั คูด่ าวแลว้ การยำ�้ ก�ำลงั ดาวกถ็ อื เปน็ สว่ นหนึ่งใน การใชก้ �ำหนดวันดิถที ้งั ๕ ดว้ ยเชน่ วนั พฤหัส ขนึ้ หรอื แรม ๕ ค�่ำ เป็นปณุ ณาดิถี หรือ วนั ศุกร์ ขนึ้ หรือแรม ๖ คำ�่ กเ็ ป็นวันนนั ตาดิถเี ป็นต้น ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง

ธวชั ชยั ทำ�ทอง 191 ภาพตารางวิธกี ารดูฤกษ์มงคล วนั ดถิ ีทัง้ หา้ จากความเช่อื เร่ืองอ�ำนาจแหง่ ดวงดาวดงั กล่าว ชใ้ี หเ้ ห็นว่าที่จรงิ แลว้ การหา ฤกษ์ยามดีแบบล้านนานั้น ล้วนมีที่มาจากการก�ำหนดสัญลักษณ์ดวงดาวให้เป็น ตัวเลขแลว้ จบั คู่ และก�ำหนดวนั ตามความหมายของดาว หรอื ขอ้ หา้ มของวันข้นึ มาให้ เหมาะสมกบั กจิ การต่างๆ ในวถิ ชี ีวิต ซง่ึ ความเชอื่ เรอื่ งฤกษง์ ามยามน้ี ปจั จุบันยงั มี ความส�ำคัญและคงอยใู่ นวถิ ชี วี ิตคนลา้ นนา ํสา ันกศิลปะและ ัวฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ัภฏ ํลาปาง