Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสร้างตราสินค้า รวมไฟล์

การสร้างตราสินค้า รวมไฟล์

Published by Udomporn Petanon, 2022-04-17 12:11:55

Description: การสร้างตราสินค้า รวมไฟล์

Search

Read the Text Version

จติ วทิ ยาการเลือกฟอนต์สาหรับโลโก้แบรนด์

Logo โลโก้แบรนด์เปรี ยบเสมือนเคร่ื องหมายหรื อ สัญลกั ษณ์ของแบรนด์ ที่จะสื่อสารไปยงั ผูบ้ ริโภค หรื อกลุ่มลูกค้าท่ีเป็ นกลุ่มเป้าหมายของเราให้ สามารถจดจาแบรนดข์ องเราได้ ฟอนต์ในโลโก้จึงเป็ นสิ่ งสาคัญท่ีช่วยส่ งเสริ ม ภาพลักษณ์ของแบรนด์ การออกแบบฟอนต์ท่ี เหมาะสมก็จะย่ิงส่งผลต่อจิตวิทยาของลูกค้าให้มี ความรู้สึกร่วมกบั แบรนดอ์ ีกดว้ ย

อกั ษรแบบ Serif เริ่ มต้นด้วยตัวอักษะแบบ ด้งั เดิมหรือ Seriff มีลกั ษณะ คือมีหาง ให้ความรู้สึกเป็ น ทางการ คลาสสิ ก และ น่าเชื่อถือ แบรนด์ส่วนใหญ่ ท่ี ใช้มัก จะมี ภ า พลัก ษ ณ์ แสดงถึงอานาจและความ ยง่ิ ใหญ่ ตวั อยา่ งแบรนด์ ROLEX, TIME, GAP, Dior, VOGUE, GUCCI, Wikipedia

อกั ษะแบบ Slab Serif ฟอนต์แบบ Slab Seriff จุ ด เ ด่ น คื อ มี ฐ า น ที่ ห น า ตัวอักษรต้ังตรง เหมาะ สาหรับใช้เป็ นเน้ือความ และสามารถเป็ นตวั พาดหัว ไดด้ ว้ ย แสดงถึงความมน่ั ใจ เข้มแข็ง และกล้าหาญ เ ห ม า ะ ส า ห รั บ แ บ ร น ด์ ท่ี ต้องการสร้างความมั่นใจ ใหก้ บั ลูกคา้ ตัวอย่ างแบรนด์ SONY, HONDA, VOLVO

อกั ษรแบบ Sans Serif Sans Serif เป็นฟอนตท์ ่ี ทันสมัย ด้วยตัวอักษรดู เรียบๆ แต่ทรงพลงั เหมาะ สาหรับแบรนด์ท่ีต้องการ ส่ื อ ส า ร ถึ ง ค ว า ม ก้า ว ห น้า ทันสมัย ซ่ึงส่วนใหญ่จะ เป็ นบริษทั เทคโนโลยีหรือ สตาร์ทอพั ตวั อย่างแบรนด์ Google, Microsoft, Facebook, Pinterest

อกั ษรแบบ Script จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือเป็ นอกั ษรที่เขียนด้วยมือ แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ แรงบนั ดาลใจ ให้ความรู้สึก ไ ม่ เ ป็ น ท า ง ก า ร แ ต่ น่ า หลงใหล แต่ต้องม่ันใจว่า รูปแบบตวั อกั ษรท่ีนามาใช้ น้นั อ่านง่าย ตัวอย่างแบรนด์ Coca-cola, CupaChup, Ford, Disney, Instagram

อกั ษรแบบ Modern รู ปแบบอักษรสมัยใหม่ ออกแบบมาให้ดูเรี ยบง่าย อ่านง่าย แต่ใส่ลูกเล่นด้วย ความหนา-บาง ระยะห่าง ตัว อัก ษ ร สื่ อ ถึ ง ค ว า ม ทันสมัย รวมถึงสามารถ ออกแบบให้เหมาะสมกับ แบรนด์ได้ง่าย ช่วยดึงดูด ลูกคา้ รุ่นใหม่ ตัวอย่างแบรนด์ Redbull, Dunkin, Mizuno, Calvin Klein

อกั ษรแบบ Decorative สุ ด ท้ า ย คื อ ฟ อ น ต์ แ บ บ Decorative เป็นรูปแบบตวั อกั ษะท่ีสร้างสรรค์ได้มาก ท่ี สุ ด ช่ ว ย ใ ห้ แ บ ร น ด์ ส า ม า ร ถ เ ส ริ ม ส ร้ า ง เ อ ก ลัก ษ ณ์ แ ล ะ จุ ด เ ด่ น ไ ด้ อยา่ งเตม็ ที่ ตัวอย่างแบรนด์ Lego, IBM, CNN, BBC, H&M

Slogan 1. สโลแกนตอ้ งครบถว้ น โดดเดน่ และดึงดูด 2. สโลแกนบง่ บอกถึงตวั ตนของธุรกิจ 3. สโลแกนตอ้ งสน้ั และกระชบั 4. ความหมายของสโลแกนมีคา่ มากกวา่ ตวั อกั ษร 5. สโลแกนชว่ ยสง่ เสริมภาพลกั ษณท์ ่ีดี 6. สโลแกนเป็นทงั้ เอกลกั ษณแ์ ละอตั ลกั ษณ์ 7. หลีกเล่ียงการบญั ญตั ิศพั ทใ์ หมโ่ ดยเด็ดขาด 8. สโลแกนส่ือสารและจดจาไดง้ า่ ย

การกาหนดบุคลกิ ภาพของแบรนด์

ขอ้ มลู ประกอบการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ • ขอ้ มูลดา้ นการตลาด ไดแ้ ก่ สถานท่ีจดั จาหน่าย ฤดูกาล • รูปแบบการกระจายสินคา้ (ปลีก/สง่ ) พฤติกรรมผูบ้ ริโภค • ปริมาณและมูลคา่ ของสินคา้ ในตลาด (สว่ นแบง่ ทางการตลาด ) • ขอ้ มูลเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ ประวตั ิความเป็นมา • คาอธิบาย จุดเดน่ ประโยชน์ ขนาดปริมาณบรรจุ ความถ่ี/ปริมาณการใชท้ ่ีใชต้ อ่ คร้งั ราคาและตน้ ทุนขอ้ ควรระวงั

ขน้ั ตอนการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ 1. กาหนดกลุม่ เป้าหมาย 2. กาหนดช่ือตราสินคา้ ลกั ษณะท่ีดีของตราสินคา้ ท่ีดี • สนั้ กะทดั รัด จดจาไดง้ า่ ย ออกเสียงไดง้ า่ ย • แปลเป็นภาษาตา่ งประเทศไดง้ า่ ยมีความหมายท่ีเหมาะสม • สามารถบอกถึงคุณสมบตั ิท่ีสาคญั ของผลิตภณั ฑ์ • สอดคลอ้ งกบั คา่ นิยมและวฒั นาธรรม3. วสั ดุท่ีใชท้ าบรรจุภณั ฑ์ 4. รูปทรง บรรจุภณั ฑ์ 5. สีสนั และกราฟิก

การออกแบบบรรจุภณั ฑท์ ่ีดี 1. ป้องกนั ผลิตภณั ฑ์ บรรจุภณั ฑท์ ่ีเหมาะสมในการบรรจุอาหารจะตอ้ งสามารถ ป้องกนั ไมใ่ หอ้ าหารสมั ผสั กบั บรรยากาศภายนอก ซ่ึงอาจจะเกิดการร่วั การซึม แสง ความรอ้ นเย็น 2. เก็บรักษาคุณภาพของผลิตภณั ฑ์ บรรจุภณั ฑท์ ่ีตอ้ งสามารถรักษาคุณภาพของ ผลิตภณั ฑม์ ิใหเ้ ปล่ียนแปลงไป ไมว่ า่ จะเป็นกล่ินหรือรสชาติ 3. ยืดอายุผลิตภณั ฑ์ จะตอ้ งสามารถนาเทคโนโลยีท่ีสลบั ซบั ซอ้ นมาชว่ ยในการ ออกแบบ เพ่ือใหบ้ รรจุภณั ฑ์ สามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภณั ฑใ์ หม้ ีอายุยืนยาว 4. ความสะดวกในการใชง้ าน 5. ความประหยดั ในการขนสง่

หนา้ ที่ของบรรจุภณั ฑด์ า้ นการตลาด(Marketing Functions) 1. หนา้ ท่ีสง่ เสริมการขาย 2. หนา้ ท่ีสรา้ งมูลคา่ เพ่ิม 3. หนา้ ท่ีใหค้ วามถูกตอ้ ง รวดเร็วในการขาย 4. หนา้ ท่ีรักษาส่ิงแวดลอ้ ม 5. หนา้ ท่ีในการรณรงคเ์ ร่ืองตา่ งๆ

บทบาทของสีบนบรรจุภณั ฑท์ ่ีมีต่อการขาย สีของบรรจุภณั ฑจ์ ะมีความสาคญั มากตอ่ การตดั สินใจซ้ือ ในกรณีท่ี • ความภกั ดีของลูกคา้ ตอ่ สินคา้ เส่ือมลง • ราคาและคุณภาพของสินคา้ ไมต่ า่ งกนั มาก • ยอดการจาหน่ายไมแ่ น่นอน

ขนั้ ตอนในการออกแบบตราสินคา้ 1. การส่ืออารมณข์ องตราสินคา้ ในรูปแบบท่ีตอ้ งการ 2. ตอ้ งการใหโ้ ลโกม้ ีความหมายอยา่ งไร 3. โลโกจ้ ะมีอายุการใชง้ านมากนอ้ ยแคไ่ หน 4. โลโกม้ ีลกั ษณะท่ีโดดเดดเดน่ เฉพาะหรือไม่ 5. ยงั จดจาโลโกไ้ ดห้ รือไมเ่ ม่ือเปล่ียนเป็นสีขาวดา 6. เม่ือโลโกม้ ีขนาดเล็กยงั สงั เกตหรือจดจาโลโกน้ ้ันไดห้ รือไม่

หน่วยท่ี5

ปัจจยั ดา้ นความผกู พนั ในตราสินคา้ (Brand Association) ความผูกพนั ในตราสินคา้ (Brand Association) หมายถึง ลูกคา้ เคย ใชส้ ินคา้ หรื อบริการในตราสินคา้ เดิมอยา่ งเป็นประจา ทาใหเ้ กิดความ เคยชินและไวใ้ จในตราสินคา้ ประเภทน้ันๆ เม่ือเกิดการเปรียบเทียบ ระหวา่ งตราสินคา้ ใหมแ่ ละตราสินคา้ เกา่ ลูกคา้ จะเลือกตราสินคา้ เกา่ ท่ี ซ้ือแลว้ แน่นอน

ทศั นคติที่ดีต่อตราสินคา้ นั้นเกิดจาก 3 สว่ น ท่ีสาคืั คือ 1. ความเช่ือมนั่ (Confidence) ผูบ้ ริโภคจะมีทศั นคติท่ีดีตอ่ ตราสินคา้ เม่ือเกิดความเช่ือมน่ั ในตราสินคา้ นั้นในสถานการณท์ ่ีผูบ้ ริโภคตอ้ งการซ้ือ สินคา้ ถา้ ผูบ้ ริโภค 2. การเขา้ ไปอย่กู ลางใจผบู้ ริโภค (Centrality) ความภกั ดีในตรา สินคา้ เกิดจากการท่ี ตราสินคา้ สามารถเช่ือมโยงกบั ระบบความเช่ือของ ผูบ้ ริโภคไดแ้ ละทาใหผ้ ูบ้ ริโภคเช่ือและประทบั ตราสินคา้ อยูใ่ นใจ 3. ความง่ายในการเขา้ ถึง (Accessibility) ความภกั ดีในตราสินคา้ เกิดข้ึนเม่ือตราสินคา้ น้ันมีความงา่ ยในการเขา้ ถึงความคิดของผูบ้ ริโภค

ปัจจยั ดา้ นการรบั รถู้ ึงตราสินคา้ (Brand Awareness) คือ การเช่ือมโยงกนั ระหวา่ งตราสินคา้ กบั ตวั สินคา้ ผูบ้ ริโภคไดร้ บั รู้ ถึงตราสินคา้ ผา่ นชอ่ งทางการส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพส่งผลตอ่ ความ เช่ือมน่ั ในตวั สินคา้ และกระบวนการทางความคิดในการตดั สินใจเลือก ซ้ือสินคา้ ของผูบ้ ริโภค การสรา้ งตราจึงเป็นการสรา้ งการรับรูแ้ ละความ ประทบั ใจของผูเ้ ก่ียวขอ้ งท่ีมีตอ่ ตราสินคา้ เกิดจากแรงกระตุน้ ทาง อารมณห์ รือความรูส้ ึกท่ี สามารถกระตุน้ ใหเ้ กิดการตดั สินใจเชิงเหตุผล ไดอ้ ยา่ งนุ่มนวล

ปัจจยั ดา้ นภาพลกั ษณต์ ราสินคา้ (Brand Image) ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ประเภทของความเช่ือมโยงตราสินคา้ (Types of Brand Association) • คุณลกั ษณะ (Attributes) • คุณประโยชน์ (Benefits) • ทศั นคติ (Attitude) 2) ความช่ืนชอบของความเช่ือมโยงตราสินคา้ (Favorability of Brand Associations) 3) ความแข็งแรงของความเช่ือมโยงตราสินคา้ (Strength of Brand Associations) 4) ความเป็นเอกลกั ษณข์ องความเช่ือมโยงตราสินคา้ (Uniqueness of Brand Associations)

ปัจจยั ดา้ นการรบั รใู้ นคุณภาพ (Perceived Quality) ผูบ้ ริโภควดั ไดจ้ ากการรับรูถ้ ึงคุณภาพและบริการท่ีไดร้ ับจากสินคา้ รวมถึง ภาพรวมท่ีลูกคา้ ประเมินออกมาจากตวั สินคา้ หรื อบริการ ผูบ้ ริโภคใชเ้ กณฑ์ การตดั สินถึงการรับรูใ้ นคุณภาพไดจ้ าก 1. ส่ิงท่ีสมั ผสั ไดท้ างกายภาพของตวั สินคา้ 2. ปัจจยั ภายนอกท่ีไมเ่ ก่ียวขอ้ งกบั ตวั สินคา้

อิทธิพลที่มีต่อการรบั รคู้ ณุ ภาพของผูบ้ ริโภค 1. ผลงานของสินคา้ (Performance) 2. ลกั ษณะของสินคา้ (Feature) 3. การปฏิบตั ิตามในรายละเอียดท่ีตงั้ ไว้ (Conformance with Specifications) 4. ความไวว้ างใจ (Reliability) 5. ความคงทนถาวร (Durability) 6. ความสามารถในการใหบ้ ริการ (Service Ability) 7. ความเหมาะสมพอดีหรือผลงานขนั้ สุดทา้ ย (Fit and Finish)

ปัจจยั ดา้ นการรบั รใู้ นความคมุ้ ค่า (Perceived Value) แบง่ เป็นสองมิติท่ีสาคืั คือ • ผลประโยชนท์ ่ีไดร้ บั (เศรษฐกิจ และ สงั คม) • การเสียสละ (เงินท่ีเสียไป เวลาและการอานวยความสะดวก)

ปัจจยั ดา้ นความภกั ดีในตราสินคา้ (Brand Loyalty) แบง่ ออกเป็นกลุม่ 4 กลุม่ ดงั น้ี 1) กลุม่ ท่ีไมใ่ ชล่ ูกคา้ (Non-customer) 2) กลุม่ ท่ีออ่ นไหวตอ่ ราคา (Price-switcher) 3) กลุม่ ท่ีใชส้ องหรือสามแบรนด์ (Fence Sitter) 4) กลุม่ ท่ีหนักแน่นมน่ั คงตอ่ แบรนด์ (Committed Loyalty)

หน่วยท่ี6

การสื่อสารการตลาดแบบบรู ณาการ (IMC : Integrated Marketing Communication) หมายถึง กระบวนการพฒั นาแผนงานการส่ือสารการตลาดท่ีตอ้ งใช้ การส่ือสารหลายรูปแบบกบั กลุม่ เป้าหมายอยา่ งตอ่ เน่ือง เป้าหมาย คือ การท่ีจะมุง่ เนน้ สรา้ งพฤติกรรมของกลุม่ เป้าหมายให้ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด โดยการพิจารณาวิธีการส่ือสารตรา สินคา้ เพ่ือใหผ้ ูบ้ ริโภคกลุม่ เป้าหมายไดร้ ูจ้ กั สินคา้ ซ่ึงจะนาไปสูค่ วามรู้ ความคุน้ เคยและมีความเช่ือมน่ั ในสินคา้

หนา้ ที่ของ IMC 1. หนา้ ท่ีในการติดตอ่ ดว้ ยบุคคล (Personal Connection: Personal Selling and Direct Sales) 2. หนา้ ท่ีในการชกั จูงใหล้ ูกคา้ กลุม่ เป้าหมายหนั มาพิจารณา ตราสินคา้ มากข้ึน (Intensifying Consideration: Sales Promotion) 3. หนา้ ท่ีในการสรา้ งประสบการณใ์ หแ้ กล่ ูกคา้ เป้าหมาย (Experiential Contacts: Event, Sponsorship and Customer Services) 4. หนา้ ท่ีในการติดตอ่ กบั ลูกคา้ แบบตวั ตอ่ ตวั (Direct Marketing: One-to-One Connection)

รปู แบบต่าง ๆ ของ IMC 1. การโฆษณา (Advertising) 1.1 ตอ้ งการสรา้ งความแตกตา่ งในผลิตภณั ฑ์ (Differentiate Product) 1.2 ตอ้ งการยึดตาแหน่งครองใจสินคา้ (Brand Positioning) 1.3 ใชก้ ารโฆษณาเม่ือตอ้ งการสรา้ งผลกระทบ (Impact) ท่ีย่ิงใหญ่ 1.4 ถา้ สินคา้ เป็นท่ีรูจ้ กั ดีอยูแ่ ลว้ ไมต่ อ้ งใหค้ วามรูก้ บั คน (Educated) 2. การขายโดยใชพ้ นกั งาน (Personal Selling) 2.1 เม่ือสินคา้ นั้นเหมาะสมกบั การขายโดยใชพ้ นักงาน 2.2 เม่ือลกั ษณะสินคา้ ตอ้ งมีความรูเ้ ก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์ (Product Knowledge) 2.3 หน่วยงานขายจาเป็นตอ้ งใชใ้ นกรณีท่ีสินคา้ นั้นตอ้ งการบริการท่ีดี (Good sales services)

3. การส่งเสริมการขาย (Sale Promotion) 3.1 การดึงลูกคา้ ใหม่ (Attract New Users) 3.2 การรักษาลูกคา้ เกา่ ไว้ (Hold Current Customer) 3.3 การสง่ เสริมลูกคา้ ในปจั จุบนั ใหซ้ ้ือสินคา้ ในปริมาณมาก (Load Present User) 3.4 การเพ่ิมอตั ราการใชผ้ ลิตภณั ฑ์ (Increase Product Usage) 3.5 การสง่ เสริมการขายทาใหผ้ ูบ้ ริโภคเกิดการยกระดบั (Trade Up) 3.6 การเสริมแรงการโฆษณาในตราสินคา้ (Reinforce Brand Advertising) 4. การใหข้ ่าวและการประชาสมั พนั ธ์ (Publicity And Public Relations) 4.1 ใชก้ ารใหข้ า่ วและประชาสมั พนั ธเ์ พ่ือสรา้ งภาพลกั ษณ์ (Image) 4.2 การใหข้ า่ วและประชาสมั พนั ธจ์ ะใชเ้ ม่ือตอ้ งการใหค้ วามรูก้ บั บุคคล 4.3 เม่ือมีขอ้ มูลขา่ วสารจานวนมากท่ีจะสรา้ งมูลคา่ เพ่ิม (Added Values)

5. การตลาดทางตรง (Direct marketing) 5.1 เมื่อมีฐานขอ้ มูล (Database) ท่ีดีพอ 5.2 เมื่อตอ้ งการสร้างการตลาดที่มีความเป็นส่วนตวั (Personalized Marketing) 5.3 ใชเ้ พื่อเป็นกลยทุ ธ์ติดตามผล (Follow Up Strategy) 5.4 เป็นการเตือนความทรงจา (Remind)

IMC กบั การสรา้ งตราสินคา้ มี 3 วิธี ไดแ้ ก่ 1. กลยุทธด์ า้ นความแตกต่าง (Differentiation) เป็นการนาเอา ตรา สินคา้ ไปเปรียบเทียบกบั คูแ่ ขง่ เพ่ือสรา้ งจุดยืนของตราสินคา้ ในใจผูบ้ ริโภค 2. กลยุทธด์ า้ นคณุ ค่าเพ่ิม (Added Value) เป็นการเนน้ ทงั้ การสรา้ งคุณคา่ เพ่ิม (Added Value) และคุณคา่ พิเศษ (Extra Value) ท่ีลูกคา้ กลุม่ เป้าหมายไดร้ บั จากตราสินคา้ 3. กลยุทธด์ า้ นการผสมผสาน (Integration) ความสาคญั ของ IMC ก็คือ การผสมผสานเคร่ืองมือดา้ นตา่ งๆ ของ IMC เขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งกลมกลืนเป็นหน่ึง เดียวอยา่ งสม่าเสมอและคงท่ี เพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมาย ของตราสินคา้ ท่ีกาหนดไว้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ

การคา้ ขายผ่านเครือข่ายสงั คม เครือข่ายสงั คม ( Social Network) หมายถึงโครงสรา้ งทางสงั คมท่ีสรา้ ง ข้ึนจากกลุม่ ของผูก้ ระทา (เชน่ ปัจเจกบุคคลหรือองคก์ าร) และความสมั พนั ธ์ ทวิภาคระหวา่ งผูก้ ระทาเหลา่ น้ี ทศั นมิติเครือขา่ ยสงั คมชว่ ยใหส้ ามารถวิเคราะห์ โครงสรา้ งของหน่วยสงั คมทงั้ มวลไดอ้ ยา่ งกระจา่ งแจง้ การศึกษาโครงสรา้ ง เหลา่ น้ีใชก้ ารวิเคราะหเ์ ครื อขา่ ยสงั คมเพ่ือระบุแบบอยา่ งทอ้ งถ่ินหรื อทว่ั โลก คน้ หาหน่วยสงั คมท่ีมีอิทธิพล และตรวจวดั พลวตั ของเครือขา่ ย

รปู แบบการทาการตลาดผ่านเครือข่ายสงั คมออนไลน์ มีดงั น้ี 1. ใชเ้ ป็นชอ่ งทางส่ือสารและใหค้ วามรูเ้ ก่ียวกบั สินคา้ หรือบริการ 2. ใชเ้ ป็นชอ่ งทางในการสอบถามความคิดเห็น 3. ใชเ้ ป็นชอ่ งทางการจดั กิจกรรมทางการตลาด

การวิเคราะหส์ ถานการณท์ างการตลาด SWOT Analysis ของ ธรุ กิจท่ีประยุกตใ์ ชก้ ารตลาดผ่านเครือข่ายสงั คมออนไลน์ Strengths (S) • ใชเ้ งินลงทุนไมส่ ูงนัก และสามารถวดั ผลไดจ้ ากสถิติของผูเ้ ป็นสมาชิกใน ชุมชนออนไลน์ และการเขา้ มาเย่ียมชม หรือร่วมกิจกรรม • ผูบ้ ริโภคสามารถเขา้ ถึงไดส้ ะดวก โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการเย่ียมชมผา่ น อุปกรณเ์ คล่ือนท่ีตา่ งๆ • ชอ่ งทางทางการตลาดเนน้ ความทนั สมยั และความคิดสรา้ งสรรคเ์ หมาะ สาหรบั กลุม่ ผูบ้ ริโภคยุคใหมท่ ่ีมีกาลงั ซ้ือสูง • สามารถเขา้ ถึงกลุม่ ลูกคา้ เป้าหมาย และติดตอ่ ส่ือสาร รวมถึงเก็บ รวบรวมขอ้ มูลความคิดเห็นไดโ้ ดยตรง

Weaknesses (W) • กลุม่ ผูบ้ ริโภคท่ีใชง้ านเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์สว่ นใหญจ่ ะอยูใ่ นกลุม่ ผูบ้ ริโภครุ่น ใหม่ ซ่ึงแมว้ า่ จะมีการเติบโตสูงแตย่ งั มีจานวนไมม่ าก เม่ือเทียบกบั จานวน ผูบ้ ริโภคในชอ่ งทางส่ือสารการตลาดแบบเดิม • ผูป้ ระกอบการท่ียงั ขาดความชานาญในชอ่ งทางการส่ือสารสมยั ใหม่ อาจตอ้ งมี ตน้ ทุนสว่ นเพ่ิมในการจา้ งบุคลากรในสายงานท่ีมีความชานาญเขา้ มาปฏิบตั ิงาน • ธุรกิจอาจไมส่ ามารถควบคุมการแสดงความคิดเห็นในแงล่ บตอ่ สินคา้ หรื อบริการ ซ่ึงมีผลตอ่ ภาพลกั ษณข์ องธุรกิจได้ • ธุรกิจตอ้ งใชค้ วามระมดั ระวงั ในการส่ือสารอยา่ งมาก เน่ืองจากเป็นการส่ือสาร ผา่ นชอ่ งทางออนไลน์ ซ่ึงสามารถสง่ สารถึงผูร้ บั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถา้ หากส่ือสาร ผิดพลาดจนสรา้ งความเขา้ ใจคลาดเคล่ือนใหก้ บั ผูบ้ ริโภค อาจแกไ้ ขไดย้ ากลาบาก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook