Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสร้างตราสินค้า รวมไฟล์

การสร้างตราสินค้า รวมไฟล์

Published by Udomporn Petanon, 2022-04-17 12:11:55

Description: การสร้างตราสินค้า รวมไฟล์

Search

Read the Text Version

ขน้ั ตอนของการใชเ้ คร่ืองมือ STP มีอยู่ 3 สว่ น คือ 1. การแบ่งส่วนตลาด Segmentation • แบง่ ตามหลกั ประชากรศาสตร์ (Demographic Segmentation) • แบง่ ตามหลกั ภูมิศาสตร์ (Geographic Segmentation) • แบง่ ตามหลกั จิตวิทยา (Psychographic Segmentation) • แบง่ ตามหลกั พฤติกรรมศาสตร์ (Behavior Segmentation) 2. การกาหนดตลาดเป้าหมาย Targeting • ประเมินสถานการณต์ ลาด • เลือกตลาดเป้าหมาย 3. การวางตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ Positioning

การแบ่งส่วนตลาด (Market Segmentation) หมายถึง การแบง่ กลุม่ ผูซ้ ้ือ ซ่ึงมีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ออกเป็นกลุม่ ยอ่ ย ๆ หรือตลาดยอ่ ย ๆ ซ่ึงกลุม่ ยอ่ ยเหลา่ น้ีจะ ถูกแบง่ เป็นตลาดเป้าหมาย (Target Market) เพ่ือจดั สว่ น ประสมทางการตลาดใหเ้ หมาะสมกบั ลูกคา้ แตล่ ะกลุม่ เพ่ือ เสนอและสรา้ งความพึงพอใจอยา่ งสูงสุดกบั กลุม่ เป้าหมาย

เกณฑท์ ใ่ี ช้ในการแบง่ ส่วนตลาดผู้บริโภค เกณฑภ์ ูมิศาสตร์ เกณฑป์ ระชากรศาสตร์ เกณฑจ์ ิตวทิ ยา เกณฑพ์ ฤติกรรมศาสตร์ ในทางปฏิบตั ิ นกั การตลาดจะเลือกใชเ้ กณฑใ์ ดกไ็ ด้ ใชก้ ี่เกณฑก์ ไ็ ด้ แต่ตอ้ งสามารถแบ่งความตอ้ งการของผบู้ ริโภคที่แตกต่างกนั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน

หลกั เกณฑใ์ นการแบ่งส่วนตลาดผบู้ ริโภค (Bases for Segmenting Consumer Markets) ประเภทหลกั เกณฑ์การแบ่งส่วนตลาด 1. การแบ่งส่วนตลาดตามลกั ษณะภูมศิ าสตร์ - ภาค (Region) - ภูมิอากาศ (Climate) - ขนาดของเมือง (City Size) - ความหนาแน่น (Density)

1. เกณฑภ์ มู ศิ าสตร์ (Geographic Segmentation)  แบง่ สว่ นตลาดตามสถานท่ีตง้ั ทางภูมิศาสตรท์ ่ีแตกตา่ งกนั ท่ีตง้ั : ทวีป ประเทศ ภูมิภาค จงั หวดั ขนาดของพ้ืนท่ี : เมืองใหญ่ เมืองเล็ก ลกั ษณะการอยูอ่ าศยั : ในเมือง ชานเมือง ชนบท สภาพภูมิอากาศ : เขตหนาว เขตรอ้ น  เหมาะสาหรบั ธุรกิจท่ีมุง่ เนน้ ทาการตลาดในระดบั ทอ้ งถ่ิน หรือกรณีท่ีความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคแตกตา่ งกนั ตาม ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์

2. การแบ่งส่วนตลาดตามลกั ษณะประชากรศาสตร์ - อายุ (Age) - เพศ (Sex) - ขนาดของครอบครัว (Family size) - วฎั จกั รครอบครัว และสถานภาพ - รายได้ (Income) - อาชีพ (Occupation) - การศึกษา (Education) - ศาสนา (Religion) - เช้ือชาติ (Race)

2. เกณฑป์ ระชากรศาสตร์ (Demographic Segmentation)  แบง่ สว่ นตลาดตามลกั ษณะทว่ั ไปของบุคคล ชว่ งอายุ : เด็ก วยั รุ่น วยั กลางคน ผูส้ ูงอายุ วงจรชีวิตครอบครัว : โสด คูแ่ ตง่ งานใหม่ ครอบครัวมีเด็กเล็ก อาชีพ : ขา้ ราชการ พนักงานบริษทั เจา้ ของกิจการ เกณฑอ์ ่ืน ๆ เชน่ รายได้ การศึกษา ขนาดครอบครวั ฯลฯ  แบง่ สว่ นตลาดตามรูปแบบการดารงชีวิต (Lifestyle) ตวั อยา่ ง : สาวออฟฟิศ แมบ่ า้ นทนั สมยั แมศ่ รีเรือน ลกั ษณะทว่ั ไปของบุคคลใชแ้ บ่งส่วนตลาดไดง้ ่าย แต่อาจไม่แตกต่างจริง รูปแบบการดารงชีวิต = กิจกรรมท่ีทา Activities (A) + ความสนใจ Interests (I) + ความคิดเห็น Opinions (O)

MK212 25

3. การแบ่งส่วนตลาดตามลกั ษณะทางสังคมและจิตวทิ ยา - ชนช้นั ของสงั คม (Social Class) - วิถีการดาเนินชีวติ (Life Style) - บุคลิกลกั ษณะ (Personality)

3. เกณฑจ์ ติ วทิ ยา (Psychographic Segmentation)  แบง่ สว่ นตลาดโดยพิจารณาจากเหตุผลทางจิตวิทยา ซ่ึงอาจมีผลมาจากปัจจยั ดา้ นสงั คมท่ีกาหนดใหเ้ กิดความคิด ข้ึนในใจของผูบ้ ริโภค ชนั้ ทางสงั คม : ชนชน้ั ลา่ ง ชนชน้ั กลาง ชนชน้ั สูง บุคลิกลกั ษณะ : สาวมน่ั หนุ่มเทห่ ์ คนไฟแรง สามารถแสดงความแตกตา่ งของกลุม่ ผูบ้ ริโภคไดม้ ากกวา่ การใชเ้ กณฑป์ ระชากรศาสตร์ แตต่ อ้ งอาศยั ขอ้ มูลจาก การวิจยั

MK212 28

4. การแบ่งส่วนตลาดตามพฤตกิ รรมศาสตร์ - ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ - สถานการณ์การใช้ - อตั ราการใช้

4. เกณฑพ์ ฤตกิ รรมศาสตร์ (Behavioral Segmentation)  แบง่ สว่ นตลาดตามพฤติกรรมท่ีเกิดข้ึนจริง โอกาสในการซ้ือ : โอกาสปกติ โอกาสพิเศษ ผลประโยชนท์ ่ีตอ้ งการ : ประหยดั เนน้ คุณภาพ ความภูมิใจ สถานะของผูใ้ ช้: ลูกคา้ ประจา ลูกคา้ ขาจร อตั ราการใช้ : ใชม้ าก ใชป้ านกลาง ใชน้ อ้ ย สถานภาพความซ่ือสตั ย์ : ซ่ือสตั ยแ์ ทจ้ ริง ซ่ือสตั ยบ์ างครงั้

MK212 31

ตวั แปรในการแบง่ ส่วนตลาดผู้บริโภค (4) 4. ตัวแปรทางพฤติกรรม (Behavioristic variable) * นกั การตลาดส่วนใหญ่เห็นวา่ เป็นเกณฑ์ ท่ีเหมาะสม ท่ีสุดในการแบ่งส่วนตลาด 4.1 ผลประโยชนท์ ่ีลูกคา้ แสวงหา (Benefit sought) 4.2 อตั ราการใช้ (Usage rate) 4.3 ความซ่ือสตั ย์ (Brand Loyalty)

การแบง่ ส่วนตลาดในทางปฏบิ ตั ิ การแบ่งส่วนตลาดท่ีดี จะตอ้ งจาแนกความตอ้ งการและพฤติกรรมของผบู้ ริโภค แต่ละกลุ่มไดอ้ ยา่ งชดั เจน แต่ละส่วนตลาดมีขนาดใหญ่พอท่ีธุรกิจจะทากาไรได้ เกณฑใ์ นการแบ่งส่วนตลาด สามารถใชห้ ลายเกณฑร์ ่วมกนั Geo-demographic Segmentation Demo-psychographic Segmentation หรือใชเ้ กณฑเ์ ดียวท่ีมีความชดั เจนกไ็ ด้ เช่น Benefit Segmentation Lifestyle Segmentation

การแบ่งส่วนตลาดในทางปฏบิ ัติ  การแบ่งส่วนตลาด เป็นส่วนหน่ึงของกลยทุ ธก์ ารตลาดที่สาคญั ใน การวางแผนการตลาดของกิจการ โดยทวั่ ไปแลว้ กิจการต่าง ๆ จะไม่เปิ ดเผยการแบ่งส่วนตลาดของ ตนเอง กิจการที่เป็นคู่แข่งขนั กนั ไม่จาเป็นตอ้ งใชเ้ กณฑเ์ ดียวกนั แบ่ง ส่วนตลาด การใหข้ ่าวผา่ นส่ือ กิจการจะบอกเพยี ง กลุ่มลูกคา้ เป้าหมายของ กิจการ  ผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการแบ่งส่วนตลาดคือ คาอธิบายส่วนตลาด (Segment Profile) ที่อธิบายลกั ษณะของผบู้ ริโภคที่จดั อยใู่ นส่วน ตลาดน้นั ๆ  หลงั จากที่ไดแ้ บ่งส่วนตลาด (S) แลว้ ข้นั ตอนต่อไปตามแนวคิด STP Marketing กค็ ือ การเลือกตลาดเป้าหมาย (T)

ขน้ั ตอนของการใชเ้ ครื่องมือ STP มีอยู่ 3 สว่ น คือ 2. การกาหนดตลาดเป้าหมาย Targeting • ประเมินสถานการณต์ ลาด • เลือกตลาดเป้าหมาย

การกาหนดตลาดเป้าหมาย (Market Targeting) การกาหนดตลาดเป้าหมาย หมายถึง การนาผลจาก การแบ่งส่วนตลาด Segmentation หรือการแบ่งกลุ่มลูกค้า ออกเป็ นกลุ่มย่อยๆ แล้ว มาเลือกกลุ่มลูกค้าที่มีความ น่าสนใจที่สุด และธุรกิจคัดเลือกกลุ่มดังกล่าวมาเป็ นกลุ่ม ลูกค้าหลัก โดยมุ่งทาการตลาดกับกลุ่มน้ัน เป็ นกลุ่มแรก ซึ่งจะเป็ นกล่มุ ทคี่ าดว่าจะทากาไรสูงสุดให้กบั ธุรกจิ ได้

การกาหนดตลาดเป้าหมาย Targeting Marketing หลกั ในการพจิ ารณาตลาดเป้าหมาย 1. ตลาดมขี นาดใหญ่และมกี ารเตบิ โตของตลาด 2. โครงสร้างของตลาด จานวนคู่แข่งขนั อานาจซื้อของผู้ ซื้อ การผูกขาด 3. ทรัพยากรและวตั ถุประสงค์ของบริษทั มเี พยี งพอและ ปรับปรุงได้

กลยุทธก์ ารเลือกใช้วิธีการแบ่งส่วนตลาด 1. การตลาดทไ่ี ม่มคี วามแตกต่าง (Undifferentiated marketing) 2. การตลาดที่มคี วามแตกต่าง (Difference Marketing) 3. การตลาดทมี่ ุ่งเน้นส่วนแบ่งทางการตลาดใดตลาด หนึ่ง (Concentrated Marketing) “Niche Marketing”

การวางตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ Product positioning คือ การสร้างจุดเด่นเฉพาะทีเ่ ข้าไป ครองใจกลุ่มผู้ซื้อ ให้เกดิ การยอมรับและจดจาและเลือก ผลติ ภณั ฑ์เราเสมอ

ข้นั ตอนในการกาหนดตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ (Steps in positioning strategy) ปริศนา มจี ินดา (2550, หน้า 66 – 71) ระบุข้นั ตอนในการกาหนดตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ เป็ น กระบวนการที่ประกอบไปด้วยข้ันตอนต่างๆ ข้นั ท่ี 1 การระบุถงึ ข้อได้เปรียบทางการแข่งขนั ข้นั ท่ี 2 การเลือกข้อได้เปรียบทางการแข่งขนั ท่ีเหมาะสม ข้นั ที่ 3 การเลือกกลยุทธ์การกาหนดตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์โดยรวม ข้นั ที่ 4 การออกแบบลกั ษณะทจ่ี ะส่ือสารตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ให้เกดิ ประสิทธิผลสูงสุด ข้นั ที่ 5 การส่ือสารและการส่งมอบตาแหน่งผลติ ภัณฑ์ท่เี ลือกสรร

ตัวอย่างการเขยี นแผนผงั ตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ (Product positioning map) กาหนดแกนคณุ สมบตั ิเด่นสินคา้ 2 ประการ ใหส้ ินคา้ เนสเล่โยเกิต 1.ไขมนั สงู 1.ไขมนั ตา่

กาหนดคณุ สมบตั ิเด่นประการที่ 2 1.ไขมนั สงู 2. รสชาติไม่อร่อย 2.รสชาติอร่อย ไขมนั ตา่

กาหนดตาแหน่งผลติ ภัณฑ์ท่ีเด่นชัดให้เห็นใน Positioning Map 1.ไขมนั สงู 2. รสชาติไม่อร่อย 2.รสชาติอร่อย เนสเล่ โยเกิต ไขมนั ตา่

รถกระบะ สว่ นมากจะกาหนด Positioning คือ ความคุม้ คา่ ความคงทน เม่ือเทียบกบั ราคาสินคา้ นนั้ รถสปอร์ต อย่าง BMW Z4 มี Positioning คือ ความหรูหราแบบวยั รุ่น ส่วน Benz จะมี Positioning ท่ีความหรูหรา ภูมิ ฐานแบบนักบริ หารท่ ีประสบความสาเร็ จ

แบบจาลองพฤติกรรมของผบู้ ริโภค model of consumer behavior)

ปัจจยั ทสี่ ่งผลกระทบต่อพฤตกิ รรมผู้บริโภค ปัจจยั ทางวฒั นธรรม (cultural factors) ปัจจยั ทางสงั คม (social factors) • วฒั นธรรมหลกั • กลุม่ อา้ งอิง (reference group) • อนุวฒั นธรรม • ครอบครัว (family) • ชน้ั ทางสงั คม • บทบาทและสถานภาพของบุคคล (role and status) ปัจจยั ส่วนบคุ คล (personal factors) ปัจจยั ทางดา้ นจิตวิทยา (Psychological factors) • อายุ (age) • การจูงใจ • วฏั จกั รชีวิตครอบครวั (family life cycle) • การรับรู้ • อาชีพ (Occupation) • การเรียนรู้ • รายไดส้ ว่ นบุคคล (Personal income) • ความเช่ือและทศั นคติ • รูปแบบการดาเนินชีวิต (life styles)

กระบวนการตดั สินใจของผูบ้ ริโภค 1 การยอมรับปัญหา (problem recognition) 2 การเสาะแสวงหาสารสนเทศ (information search) 3 การประเมินทางเลือก (alternatives evaluation) 4 การตดั สินใจซ้ือ (Purchase decision) 5 พฤติกรรมหลงั การซ้ือ (post purchase behavior)

การยกระดบั ตราสินคา้ (Leveraging the brand) ขน้ั ท่ี 1 Market & Self Analysis : ตอ้ งทาการประเมินสถานการณ์ ปัจจุบนั ของตวั เองวา่ สินคา้ หรือตราสินคา้ อยูจ่ ุดใดในใจผูบ้ ริโภคเป้าหมาย ขน้ั ที่ 2 Positioning : ตวั ตนของตราสินคา้ เพราะเป็นจุดท่ีองคก์ รจะใชใ้ น การ ส่ือสารกบั ลูกคา้ ตลอดไปอยา่ งไมห่ ลงทาง ขนั้ ท่ี 3 Communication : การส่ือสาร เม่ือกาหนดตวั ตนของตราสินคา้ แลว้ ดาเนินการส่ือสารดา้ นการตลาดตอ่ กลุม่ ลูกคา้ ตามเป้าหมายท่ีวางไว้ ขนั้ ที่ 4 Evaluation : ดาเนินการประเมินผลองคก์ รหรือตราสินคา้ อยา่ ง สม่าเสมอเพ่ือดาเนินการแกไ้ ขปรับปรุงตอ่ ไป

การปรบั ภาพลกั ษณอ์ งคก์ ร: โดยพิจารณาจาก 1 ใชจ้ ุดแข็งของตราสินคา้ ใหเ้ ป็นประโยชน์ 2 เนน้ ใชก้ ารดีไซน์ 3 จากดั ชอ่ งทางการจาหน่าย 4 สรา้ งตราสินคา้ ดว้ ยฉลากเขียวเพ่ือส่ิงแวดลอ้ ม

1 การเสริมแรงตรา (Brand reinforcement) • คุณสมบตั ิของตรา • ลกั ษณะของตรา • ปรับปรุงผลิตภณั ฑ์ • การเสริมแรงคุณคา่ ตรา 2 การทาตราใหม้ ีชีวิตข้ึนมาใหม่ (Brand revitalization) • ขยายความลึก (Depth) • ปรับปรุงความผูกพนั ในตรา 3 วิกฤตตรา (Brand crisis)

ขอ้ ควรพิจารณาในการเสริมแรงตรา 1 ความเป็นผูน้ า (Leadership) 2 ความมน่ั คง (Stability) 3 การเติบโตของตลาด ( Market growth) 4 การกระจายทางภูมิศาสตร์ (Geographic spread) 5 แนวโนม้ (Competent trend) 6 การใหก้ ารสนับสนุน (Support) 7 การปกป้อง (Protection)

การสรา้ งตราใหป้ ระสบความสาเร็จ มีดงั น้ี 1 ตอ้ งเป็นท่ีรูจ้ กั ของลูกคา้ (Brand awareness) 2 ตอ้ งมีความรูใ้ นตรา (Brand knowledge) 3 ตอ้ งมีการขยายตรา (Brand extension) 4 ตราท่ีย่ิงใหญต่ อ้ งสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ลูกคา้ (Brand association) 5 ตอ้ งใหค้ วามสาคญั (Brand relevance)

กจิ กรรรมในช้ันเรียนวเิ คราะห์ STP “ธุรกจิ ตามโครงการ” 1. นศ.ใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่งลูกค้าออกเป็ นกลุ่ม 1-2 เกณฑ์ (Segmentation) 2. ลูกค้าเป้าหมายหลกั คือใคร ลูกค้าเป้าหมายรองคือใคร (Target) 3. วาดแผนทตี่ าแหน่งผลติ ภณั ฑ์ให้เห็นคุณสมบัตเิ ด่น 2 ประการ และวางตาแหน่งให้เห็นชัดเจน (Positioning)

วเิ คราะห์ STP ของซุปไก่สกดั ตราแบรนด์

S: Segmentation การแบ่งส่วนตลาด แบรนดซ์ ุปไก่มีสกดั มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 92 % เพิ่มข้ึนจากปี ท่ีผา่ นมา ท่ีมีส่วนแบ่งอยู่ 85% จากตลาดรวมท่ีมีมูลค่าประมาณ 2800 ลา้ นบาท โดยส่วนแบ่งที่เพิ่มข้ึนมาจากท้งั คู่แขง่ และ ตลาดท่ี เติบโตข้ึนดว้ ย ปัจจุบนั แบรนดซ์ ุปไก่สกดั มีส่วนแบ่ง 85-92% แบรนดร์ ังนก 65-70% ขณะท่ีรายไดข้ องวีตา้ คิดเป็น 10% ของ รายไดร้ วมของผลิตภณั ฑแ์ บรนด์ แบ่งเป็น พรุน 70% เบอร์ร่ี 30%

แบ่งตามลกั ษณะของผู้บริโภค เพราะสินคา้ เป็นผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหาร เคร่ืองดื่ม เพ่ือสุขภาพ บารุงสมอง ดังน้ันการแบ่งส่วน ตลาดอยู่ที่คนรักสุขภาพและตอ้ งใชค้ วามคิดใน การเรี ยนและการทางานเป็ นส่วนใหญ่

แบ่งตลาดตามพฤติกรรม  โดยใชห้ ลกั เกณฑท์ ี่ตอบสนองต่อคุณสมบตั ิผลิตภณั ฑ์ และ โอกาสในการซ้ือ เช่น มีการแบ่งชนิดผลิตภณั ฑ์ เป็นท้งั แบบ ชนิดด่ืม และชนิดเมด็ เพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการและ พฤติกรรมของผบู้ ริโภค  แบ่งตามชนิดของผลิตภณั ฑ์ แบรนดช์ นิดเมด็ แบรนดซ์ ุปไก่สกดั แบรนดจ์ ูเนียร์ แบรนดร์ ังนก แบรนดว์ ีตา้

T: Target Group มีทุกกลุ่ม ท้งั เดก็ วยั รุ่น ผใู้ หญ่ และ ปัจจุบนั จะ เนน้ ที่คนรุ่นใหม่ เพอื่ ใหเ้ ป็นสินคา้ ร่วมสมยั

P:Positioning การวางตาแหน่งทางการตลาด คือ จะวางในกลุ่ม ของเครื่องดื่มเพือ่ สุขภาพ บารุงสมองตาม ประเภทของผลิตภณั ฑ์ มีการวางจาหน่ายผลิตภณั ฑอ์ ยา่ งทว่ั ถึงท้งั หา้ งสรรพสินคา้ ซุปเปอร์มาร์เกต็ และ ร้านคา้ สะดวกซ้ือ และในเทศกาลต่างๆ อาจวางในกลุ่ม ก๊ิฟเซ็ตของขวญั

กลยุทธ์ทางการตลาด  แบรนดใ์ ชก้ ารส่งเสริมการตลาด Promotion แบบกวา้ ง ( MAass Communication) 1. การโฆษณา ผา่ นทางโทรทศั น์ หนงั สือพิมพ์ นิตยสาร และส่ิงพิมพ์ โดยใชร้ ูปแบบการสาเสนอแบบ Informational Appeal เพ่อื ประโยชน์ของสินคา้ ท่ีมีผล ต่อสุขภาพดีมาเป็นจุดขายควบคู่ไปกบั อารมณ์รัก ความห่วงใย และความรู้สึกดีๆ (Emotional Marketing) ระหวา่ งคนในครอบครัวท่ีทุกคนมีต่อกนั ทุกวนั โดย เริ่มตน้ จาก

 Capaign “ส่งต่อเช้าดๆี ” พร้อมสื่อสารการตลาด 360 องศา เน้นออนไลน์ ออฟไลน์ ต้งั เป้าครองตาแหน่งผู้นา อนั ดบั หน่ึงตลาดซุปไก่สกดั ต่อเนื่อง ถ่ายทอดเร่ืองราว และสถานการณ์หลงั คลายลอ็ กดาวน์ โดยมอี เลก็ ซ์ เรน เดลล์ เข้ามารับหน้าทส่ี ื่อสารแบรนด์ โดยมกี ลุ่มเป้าหมาย คือ คนทว่ั ไป ท้งั วยั ทางาน และเดก็ นักเรียน นักศึกษา ได้ เตรียม โปรโมทแคมเปญ ครอบคลุมท้งั สื่อออนไลน์ และ ออฟไลน์ อาทิ ช่องทางท้งั Digital OOH สื่อ POS (ระบบ ขายหน้าร้าน) ณ ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอเี ลฟเว่น ท้ังใน กรุงเทพฯ และต่างจงั หวดั และสื่อวทิ ยุ เพ่ือขยายการรับรู้ กบั ผู้บริโภคทว่ั ประเทศ

การส่ งเสริมการขาย  โดยการส่งเสริมการขายกบั ผบู้ ริโภคโดยตรง ซ่ึงเป็น รูปแบบของการใหส้ ่วนลด ของแถม และชิงโชค  การจดั กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์ ไดแ้ ก่ โครงการ BRAND’S Club ,BRAND’S  Junior Club ซ่ึงจดั กิจกรรมต่างๆมากมาย ไม่วา่ จะเป็นสม นาวชิ าการกบั แพทย์ คนดงั กิจกรรมวนั วา่ งสาหรับ ครอบครัว หรือกิจกรรมพเิ ศษท่ีกลุ่มสมาชิกแจง้ ความ ประสงคใ์ หท้ ีมงานจดั ให้ หรือโครงการแบรนดซ์ มั เมอร์ แคมป์ และ โครงการแก๊งคล์ าดคิดส์กบั แบรนดจ์ ูเนีย เป็น ตน้

\"อซี ี่โก โออชิ ิ\" การแบ่งส่วนการตลาด การกาหนดกลุ่มเป้าหมาย และการวางตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ (STP)

Segmentation  Segmentation •แบ่งตามพ้นื ที่ (Geographic Segmentation) ผบู้ ริโภคท่ีพกั อาศยั อยใู่ นกรุงเทพฯ และปริมณฑล หวั เมืองใหญ่ในแต่ละภาค •แบ่งตามประชากรศาสตร์ (Demographic Segmentation) ผบู้ ริโภคท่ีอยใู่ นวยั ทางาน อายรุ ะหวา่ ง 25-34 ปี •แบ่งตามจิตศาสตร์ (Psychographic Segmentation) ผบู้ ริโภควยั ทางานยคุ ใหม่ที่ตอ้ งออกจากบา้ น ต้งั แต่เชา้ กวา่ จะกลบั กด็ ึก คนหนุ่มสาวกระฉบั กระเฉง เร่งรีบ ทางาน มีไลฟ์ สไตลท์ ่ีทนั สมยั มนั่ ใจในตวั เอง มีความคิด เป็ นของตนเอง มกั จะพกั อาศยั อยคู่ นเดียว

Target Market  Target Market •PRIMARY TARGET เป็นคนรุ่นใหม่วยั ทางาน อายุ 25-34 ปี มีไลฟ์ สไตลท์ ่ีทนั สมยั ผบู้ ริโภคท่ีมีความจาเป็นในเร่ืองเวลาที่เร่งด่วน อาศยั อยใู่ นเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และหวั เมืองใหญ่ทุกภูมิภาค •SECONDARY TARGET ครอบครัวเดี่ยว มีขนาด ครอบครัวประมาณ 3 – 4 คน ไม่นิยมการทาครัว แต่ยงั ตอ้ งการอาหารที่มีคุณภาพดี สดใหม่

Positioning  Positioning การวางตาแหน่งของสินคา้ อาหารสาเร็จรูปแช่แขง็ EZYGO จะอยรู่ ะดบั ราคาปานกลางคืออยทู่ ี่ 29-40 บาท ผบู้ ริโภคสามารถซ้ือไดส้ ะดวก สามารถรับประทานได้ ทนั ที

Marketing Strategies (4P’s) กลยุทธ์ทางการตลาด  Product - อาหารแช่แขง็ อีซีโกแบ่งเป็น 6 กลุ่ม ไดแ้ ก่ กลุ่มขา้ วและกบั ขา้ ว,กลุ่ม เสน้ ,กลุ่มโจ๊กเก้ียวและขา้ วตม้ ,กลุ่มขา้ วผดั , กลุ่มกบั ขา้ วและกลุ่มขา้ วเปล่าและขา้ วกอ้ งรวม26 เมนู - ปรับปรุงพฒั นา packaging ของผลิตภณั ฑใ์ หต้ รงตามตาม lifestyle ของกลุ่มเป้าหมายชูจุดเด่นในเร่ืองบรรจุภณั ฑช์ าม ใส่มีฝาปิ ดพร้อมกบั มีชอ้ นทาใหผ้ บู้ ริโภคสะดวก สามารถรับประทาน ไดท้ นั ทีที่เวฟเสร็จ - เนน้ ผลิตเมนูใหม่ๆอยา่ งต่อเน่ืองเพอื่ ไม่ใหล้ ูกคา้ เกิดความจาเจ โดย จะเพม่ิ เมนูใหม่ๆอยา่ งนอ้ ยเดือนละ2 เมนู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook