Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนการบริหารคุณภาพภายในองค์การ

แผนการสอนการบริหารคุณภาพภายในองค์การ

Published by mu.kenika, 2020-05-29 03:23:25

Description: วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนออนไลน์เพื่อใช้สำหรับประกอบการเรียนวิชาการบริหารคุณภาพภายในองค์การ

Keywords: e-book,pubhtml5

Search

Read the Text Version

งานท่มี อบหมาย/ผลงาน/ชิน้ งาน 1. กอ่ นเรียน - ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเร่อื ง พฤตกิ รรมกำรทำงำน 2. ขณะเรยี น - ศกึ ษำเน้ือหำหนว่ ยที่ 4 พฤติกรรมกำรทำงำน - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหวำ่ งเรียน 3. หลังเรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง พฤติกรรมกำรทำงำน - ศึกษำเพิ่มเติมจำกบทเรียนออนไลน์ ( E-Learning ) ท่เี วบ็ ไซต์ E-Library วิทยำลัยเทคนิคจนั ทบุรี ) 4. ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสาเร็จของผูเ้ รียน - สมดุ จดบันทึกเนื้อหำสำระกำรเรียนรใู้ นชั้นเรยี น - ทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง พฤติกรรมกำรทำงำนผ่ำนเกณฑ์ร้อยละ 80 เปอรเ์ ซ็นต์ ของ แบบทดสอบ สอ่ื การเรยี น/การสอน - Power Point เรอ่ื ง พฤติกรรมกำรทำงำน - ใบควำมรู้ เรอ่ื ง พฤติกรรมกำรทำงำน - สือ่ กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) แหลง่ การเรียนรู้ /สถานที่ - สำนักงำนบญั ชี - สถำนประกอบกำร - สอ่ื กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เว็บไซต์ E-Library วทิ ยำลยั เทคนคิ จันทบุรี

การบูรณาการ/ความสัมพันธ์กบั วิชาอื่น - กำรบญั ชเี บอื้ งต้น 2 - กำรบัญชสี ินค้ำ - กำรบัญชอี ุตสำหกรรม การวัดและประเมนิ ผล 1. กอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียนเร่ือง พฤติกรรมกำรทำงำน 2. ขณะเรยี น - แบบสังเกตขณะเรยี น - แบบประเมนิ พฤติกรรมผเู้ รียนตำมค่ำนิยมหลกั ของคนไทย 12 ประกำร 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง พฤตกิ รรมกำรทำงำนผำ่ นเกณฑ์ร้อยละ 80 เปอร์เซน็ ต์ ของ แบบทดสอบ กิจกรรมเสนอแนะ 1. ครแู นะนำใหผ้ เู้ รยี นอ่ำนทบทวนเนอ้ื หำ และทำกิจกรรมใบงำน 2. ผู้เรยี นควรหำข้อมูลเพิ่มเติมจำกสื่ออินเตอรเ์ น็ต

แผนการจดั การเรยี นร้หู น่วยท่ี 5 จานวน 3 ชัว่ โมง รหสั 3001 - 1001 วิชา กำรบริหำรงำนคุณภำพในองค์กำร หน่วยกิต 3 ชื่อหน่วย กำรจัดกำรควำมเสย่ี ง 1. สาระสาคัญ ควำมเสี่ยงเป็นเหตกุ ำรณท์ ี่อำจเกิดขนึ้ ภำยใตส้ ถำนกำรณ์ทไี่ ม่แน่นอน และจะสง่ ผลกระทบสร้ำง ควำม เสียหำย ควำมลม้ เหลวหรอื ลดโอกำสท่ีจะบรรลคุ วำมสำเร็จตอ่ กำรบรรลเุ ป้ำหมำยและวัตถปุ ระสงคใ์ นระดับ องค์กำร ดงั นัน้ จงึ จำเป็นตอ้ งมีวิธกี ำรจดั กำรควำมเส่ยี งท่เี หมำะสม โดยนำกระบวนกำรจัดกำรควำมเสีย่ งมำใช้ ในองค์กำรเพ่ือดำเนินกำรใหบ้ รรลุเป้ำหมำยทีว่ ำงไว้ เน่อื งจำกกำรจัดกำรควำมเสยี่ งเป็นกำรคำดกำรณ์ใน อนำคตอย่ำงมีเหตผุ ล มีหลกั กำร และหำทำงลดหรือป้องกนั ควำมเสยี หำยในกำรทำงำนแตล่ ะข้ันไวล้ ่วงหนำ้ กรณที ่ีพบกบั เหตุกำรณ์ท่ไี มค่ ำดคดิ หรอื โอกำสท่ีจะประสบปัญหำ ที่ไม่มีกำรเตรียมกำรมำก่อนนน้ั อำจเกิดขน้ึ ได้ หำกเกดิ วกิ ฤตนน้ั ข้นึ ก็อำจทำใหเ้ กดิ ควำมเสยี หำยตำมมำโดยยำกทีจ่ ะแก้ไข ดังนัน้ กำรนำกระบวนกำร บริหำรควำมเสย่ี งมำช่วยเสรมิ ร่วมกบั กำรทำงำนจะช่วยให้ภำระงำนทป่ี ฏิบัติกำรอยู่เป็นไปตำมเป้ำหมำยท่ี กำหนดไว้ 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. แสดงควำมร้เู ก่ียวกับหลักกำรจัดกำรองค์กำร กำรบรหิ ำรงำนคณุ ภำพและเพิ่มผลผลติ กำรจดั กำร ควำมเส่ยี ง กำรจดั กำรควำมขัดแย้ง กำรเพิม่ ประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจดั กำรองค์กำร และเพิม่ ประสิทธภิ ำพขององคก์ ำรตำมหลักกำร 3. กำหนดแนวทำงจัดกำรควำมเสี่ยง และควำมขดั แย้งในงำนอำชพี ตำมสถำนกำรณ์ 4. เลือกกลยุทธเ์ พอ่ื เพิ่มประสิทธภิ ำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบรหิ ำรงำนคณุ ภำพและเพ่ิมผลผลิต 5. ประยุกตใ์ ชก้ ิจกรรมระบบคุณภำพและเพิ่มผลผลติ ในกำรจดั กำรงำนอำชีพ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ควำมหมำยและประเภทของควำมเสี่ยง 2. กำรจัดกำรควำมเสีย่ ง 3. แนวคดิ กำรจดั กำรควำมเส่ียง 4. กำรจัดกำรควำมเสี่ยงขององค์กำรเชงิ บรณู ำกำรตำมแนวทำง 5. กำรจดั กำรควำมเสย่ี งตำมมำตรฐำนของออสเตรเลียและนวิ ซีแลนด์

6. กำรจดั กำรควำมเสี่ยงเชิงบรณู ำกำรตำมกรอบโครงสร้ำงของ Treasury Board of Canada 7. กำรจดั กำรควำมเสย่ี งตำมมำตรฐำนสำกล ISO/DIS 31000 8. กำรจัดกำรควำมเสี่ยงตำมมำตรฐำนของ Bank for International Settlements (BASEL II) 4. คุณธรรม/จรรยาบรรณวิชาชพี ( Profession Ethic ) ตามคา่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการ 1. มีกจิ นสิ ยั ในกำรทำงำน 2. มีควำมละเอียดรอบคอบ 3. มีควำมรับผิดชอบ 4. มคี วำมซ่ือสตั ย์ ตารางวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทางสายกลาง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3 ห่วง 2 เงอ่ื นไข หน่วยท่ี 5 ควำมรู้ คณุ ธรรม พอประมำณ เร่ือง กำรจดั กำรควำมเสีย่ ง มีเห ุตผล มีภูมิ ุ้คมกัน รอบรู้ รอบคอบ ระ ัมดระวัง ื่ซอ ัสตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิตปัญญำ แบ่งปัน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. ควำมหมำยและประเภทของควำมเส่ยี ง    33    62 2. กำรจัดกำรควำมเสยี่ ง    71    71 3. แนวคิดกำรจดั กำรควำมเส่ียง    71 4. กำรจัดกำรควำมเสย่ี งขององค์กำร    62 5. กำรจัดกำรควำมเส่ียงตำมมำตรฐำนของ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์    7 1 6. กำรจัดกำรควำมเส่ียงเชงิ บรูณำกำรตำม    7 1 กรอบโครงสร้ำงของ Treasury Board of 45 - 54 - 534 - Canada 7. กำรจัดกำรควำมเสีย่ งตำมมำตรฐำนสำกล 8. กำรจดั กำรควำมเส่ียงตำมมำตรฐำนของ รวม

ลาดับความสาคัญ 21 - 12 - 132 - แบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยท่ี 5 เรอ่ื ง กำรจดั กำรควำมเสีย่ ง ตอนที่ 1 ให้เลอื กคาตอบทีถ่ ูกตอ้ งที่สุดเพยี งข้อเดียว 1. ข้อใดคือควำมเส่ยี งจำกปัจจัยภำยนอกองค์กำร ก. กระบวนกำรปฏบิ ัตงิ ำน ข. กฎ ระเบยี บ ขอ้ บังคับขององค์กำร ค. โครงสร้ำงองค์กำร ง. กำรเมอื ง เศรษฐกิจ และสภำพสังคม 2. ขอ้ ใดเปน็ “เทคนิค” ทใี่ ชใ้ นกำรคน้ หำและระบุควำมเส่ียง ก. ตอบแบบสอบถำมกำรควบคุมภำยใน ข. กำรสัมภำษณ์ ค. กำรประชุมระดมสมอง ง. ก. ข. และ ค. 3. ขอ้ ใดกลำ่ วได้ถูกตอ้ งทสี่ ดุ ก. กำรคน้ หำและระบุควำมเสี่ยงวิธตี อบแบบสอบถำมทำให้ได้ข้อมูลควำมเสี่ยง ข. กำรเทยี บรอยไมเ่ หมำะสมท่จี ะนำมำใช้ในกำรค้นหำและระบคุ วำมเสยี่ ง ค. กำรบรหิ ำรจัดกำรควำมเสย่ี งดว้ ยวธิ ี “ลดควำมเส่ยี ง” ไม่มีต้นทุนเกดิ ขน้ึ ง. กำรทำประกนั ภยั ถอื เปน็ ทำงเลือกหนงึ่ ในกำร “โอนควำมเส่ยี ง” 4. ข้อใดกลำ่ วไดถ้ ูกตอ้ งทีส่ ุด ก. ควำมเสีย่ งของหน่วยงำนไมเ่ กยี่ วข้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ ข. กำรใช้ทรัพยำกรอย่ำงไมค่ ุ้มค่ำหรือสิน้ เปลือง ถือเปน็ ควำมเส่ยี งของหน่วยงำน ค. กำรดำเนินงำนอยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพแตไ่ ม่มีประสิทธผิ ลเป็นควำมเส่ยี งของหน่วยงำน ง. ถกู ทั้งข้อ ข. และ ค. 5. กำรจัดทำระบบกำรบริหำรควำมเสี่ยงและกำรควบคุมภำยในตำมเกณฑ์ระดบั ควำมสำเร็จของกำรจัดทำ ระบบกำรจดั กำรควำมเสีย่ ง มุ่งเน้นกำรจัดกำรควำมเสย่ี งดำ้ นใด ก. ด้ำนกลยทุ ธ์ ข. ดำ้ นกำรดำเนินงำน ค. ดำ้ นกำรรำยงำน ง. ด้ำนกำรปฏิบตั ติ ำมกฎหมำย 6. ถำ้ ประเมนิ งำนของฝ่ำยผลติ ว่ำมีควำมเส่ียงและหำวธิ ีกำรจดั กำรควำมเสีย่ งแล้วพบวำ่ “ตน้ ทุนในกำรบริหำร จดั กำร” มคี วำมเสีย่ งสูงกวำ่ ผลประโยชนท์ ค่ี ำดว่ำจะไดร้ บั และไมม่ ีวธิ อี น่ื แล้ว อีกท้งั งำนฝ่ำยผลิตยกเลกิ หรอื เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ควรเลือกเทคนิคใดในกำรจดั กำรควำมเสีย่ ง ก. ยอมรบั ควำมเส่ยี ง ข. โอนควำมเสย่ี ง ค. ลดควำมเส่ยี ง ง. หลีกเล่ียงควำมเส่ียง

7. ใน พ.ศ. 2558 บริษทั สำนักพิมพเ์ อมพนั ธ์ จำกดั ตง้ั อยทู่ ี่กรุงเทพฯ มแี ผนทจี่ ะเปิดโรงงำน ผลติ สอ่ื ส่งิ พมิ พ์ ขนำดใหญ่ในประเทศไทย โดยไดน้ ำพลงั งำนแสงอำทติ ย์มำใชใ้ นโรงงำน กำรประเมินควำมเส่ียงของบริษัท พบว่ำอำจจะไดร้ บั ผลเสียหำยจำกนำ้ ทว่ ม มลภำวะ ค่ำแรงงำน จนอำจทำใหต้ ้องขำดทนุ ดังนั้นบรษิ ทั จึง ตัดสินใจท่ีจะยำ้ ยฐำนกำรผลติ ไปในจังหวัดเชยี งใหม่ ซึ่งมคี วำมเสีย่ งนอ้ ยกวำ่ จำกข้อมลู ข้ำงตน้ บรษิ ทั ใช้วิธกี ำรจัดกำรควำมเส่ยี งประเภทใด ก. ยอมรับควำมเส่ยี ง ข. โอนควำมเสี่ยง ค. ลดควำมเสย่ี ง ง. หลกี เลีย่ งควำมเส่ยี ง 8. กำรจัดกำรควำมเส่ียงแบบ Basel II นยิ มนำไปประยกุ ต์ใชไ้ ดก้ ับองค์กำรประเภทใด ก. โรงพยำบำล ข ธนำคำร ค. โรงเรียนเอกชน ง. หน่วยงำนรำชกำรพืน้ ทกี่ ำรปกครอง 9. ขอ้ ใดเป็นหลกั กำรของกำรจัดกำรควำมเสย่ี งตำมมำตรฐำนสำกล ISO/DIS 31000 ก. กำรสรำ้ งคุณค่ำเป็นอันหน่ึงอันเดียวกับกระบวนกำรขององค์กำร ข. มกี ระบวนกำรทบทวนโดยผู้กำกบั ดูแล ค. ข้อกำหนดกำรรำยงำนตำมกฎหมำย ง. กำรจดั กำรควำมเส่ยี งเชงิ บูรณำกำร 10. แนวคิดกำรจดั กำรควำมเส่ยี งรปู แบบใดทเี่ นน้ กำรจดั กำรเชิงบรู ณำกำร ก. COSO ข. ออสเตรเลียและนวิ ซีแลนด์ ค. ISO/DIS 31000 ง. Basel II

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เรื่อง กำรจดั กำรควำมเสี่ยง ควำมหมำยของควำมเสยี่ ง (Risk) หมำยถงึ เหตุกำรณ์ใดๆ ทอี่ ำจจะเกดิ ขน้ึ ภำยใตส้ ถำนกำรณท์ ี่ ไม่ แน่นอน และจะมผี ลกระทบต่อกำรดำเนนิ แผนงำน โครงกำรขององค์กำร ซง่ึ อำจสง่ ผลให้เกดิ ควำมเสยี หำย หรือส่งผลใหไ้ มบ่ รรลเุ ปำ้ หมำยขององค์กำร ทั้งทเี่ ปน็ ตัวเงนิ และไมเ่ ปน็ ตัวเงิน หรือกอ่ ใหเ้ กิดควำมลม้ เหลวหรอื ลดโอกำสท่ีจะบรรลเุ ป้ำหมำยตำมภำรกจิ และพันธกิจหลกั ขององคก์ ำร เช่น กำรเปลี่ยนแปลงอัตรำดอกเบย้ี กำรเปลยี่ นแปลงอัตรำแลกเปลย่ี น ภยั ธรรมชำติ กำรทจุ ริต ควำมเสียหำยของระบบส่ือสำร ควำมเส่ียง แบง่ ออกไดด้ ังน้ี 1). ควำมเสย่ี งท่เี ปน็ อปุ สรรคหรืออนั ตรำย (Hazard) เป็นเหตกุ ำรณใ์ นเชิงลบ หรือเหตกุ ำรณไ์ ม่ดีที่ หำกเกดิ ขึ้นแลว้ อำจจะเปน็ อันตรำยหรอื สรำ้ งควำมเสียหำยต่อองคก์ ำร เช่น กำรเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี กำรแขง่ ขนั ทำงกำรตลำดทง้ั สินค้ำและบริกำร กำรเปลีย่ นแปลงนโยบำย กลยุทธ์ ศักยภำพ ควำมสำมำรถของ ผู้บริหำรและพนักงำน 2). ควำมเสย่ี งที่เป็นควำมไมแ่ น่นอน (Uncertainly) เปน็ เหตกุ ำรณ์ที่ทำใหผ้ ลที่องค์กำรไดร้ ับจำก เหตุกำรณ์ไม่เปน็ ไปตำมทคี่ ำดกำรณ์ไว้ หรือไม่สำมำรถคำดกำรณ์เหตุกำรณ์ลว่ งหนำ้ ได้แนน่ อน อนั เนื่องมำจำก สำเหตุต่ำงๆ เชน่ ตน้ ทนุ ที่เกิดขน้ึ จรงิ สงู กวำ่ งบประมำณทต่ี ั้งไว้ 3). ควำมเสี่ยงที่เปน็ โอกำส (Opportunity) เป็นเหตุกำรณ์ทท่ี ำให้องคก์ ำรเสียโอกำสในกำรแขง่ ขนั กำรดำเนินงำนและกำรเพ่มิ มูลค่ำของผ้มู ผี ลประโยชนร์ ว่ ม เช่น กำรไมส่ ง่ เสรมิ หรือพฒั นำบุคลำกรใหม้ ีทักษะใน กำรปฏิบัตงิ ำน เพื่อยกระดบั ประสทิ ธิภำพขององค์กำร กำรจัดกำรควำมเสีย่ ง ซง่ึ มหี ลำยวิธี ไดแ้ ก่ 1). กำรยอมรับควำมเส่ยี ง องค์กำรจะยอมรบั ควำมเสย่ี งเมื่อเหน็ วำ่ ไม่คุ้มค่ำท่ีจะควบคมุ หรอื ปอ้ งกันควำมเสยี่ ง 2). กำรลดควำมเสี่ยงหรือควบคมุ ควำมเส่ียง เปน็ กำรปรับกระบวนกำรทำงำนหรือวำงรูปแบบกำร ทำงำนใหม่เพ่ือลดโอกำสกำรเกิดเหตกุ ำรณค์ วำมเส่ียง หรือลดผลกระทบของ ควำมเส่ยี งใหอ้ ยู่ในระดับที่ องค์กำรยอมรับได้ 3). กำรกระจำยควำมเสี่ยง คอื กำรกระจำยหรือถำ่ ยโอนควำมเสยี่ งไปใหผ้ ้อู น่ื 4). กำรหลกี เล่ยี งควำมเสย่ี ง คือ กำรจัดกำรกับควำมเสีย่ งที่จะส่งผลกระทบต่อองคก์ ำร ถ้ำหำกมี ควำมเส่ยี งเกิดข้นึ จะเกดิ ควำมเสยี หำยมำก กำรจดั กำรควำมเสีย่ ง มโี ครงสรำ้ งองค์กำร กระบวนกำร และวัฒนธรรมองค์กำร ประกอบเขำ้ ด้วยกันมี ลักษณะทีส่ ำคัญ ได้แก่ 1). ผสมผสำนและเปน็ ส่วนหน่งึ ขององค์กำร 2). กำรจัดกำรควำมเสยี่ งควรสอดคล้องกบั แผนกำรดำเนินงำนต่ำงๆ ขององค์กำร 3). พจิ ำรณำควำมเส่ยี งทั้งหมด

4). กำรจัดกำรควำมเส่ยี งมีควำมคดิ แบบมองไป 5). ไดร้ บั กำรสนบั สนนุ และมีสว่ นรว่ ม แนวคิดกำรจัดกำรควำมเสย่ี งมีหลำยวธิ ี เช่น 1). กำรจดั กำรควำมเสีย่ งขององค์กำรเชิงบูรณำกำรตำมแนวทำง The Committee of Sponsoring Organization of the Tread-way Commission (COSO) ของประเทศสหรัฐอเมริกำ 2). กำรจดั กำรควำมเส่ียงตำมมำตรฐำนของออสเตรเลียและนวิ ซแี ลนด์ (AS/NZS 4360:2004) ของประเทศออสเตรเลยี 3). กำรจัดกำรควำมเสีย่ งเชงิ บูรณำกำรตำมกรอบโครงสร้ำงของ Treasury Board of Canada ของประเทศแคนำดำ 4). กำรจัดกำรควำมเส่ียงตำมมำตรฐำนสำกล ISO/DIS 31000 International Organization For Standardization (ISO) 5). กำรจดั กำรควำมเส่ยี งตำมมำตรฐำนของ Bank for International Settlements (BASEL II) ของ Bank for International Settlements (BIS) กำรจัดกำรควำมเส่ียงขององค์กำรเชงิ บรู ณำกำรตำมแนวทำง COSO ซ่งึ มสี ำระสำคญั ดงั นี้ -กำรจดั กำรควำมเสยี่ งตำมแนวคดิ นี้ จะมีส่วนชว่ ยองค์กำรไดด้ งั น้ี 1). ช่วยกำหนดกลยุทธ์ให้ไปในทิศทำงเดียวกับระดับควำมเสยี่ งทีย่ อมรับได้ 2). ชว่ ยใหก้ ำรตัดสินใจตอบสนองต่อควำมเสยี่ งไดด้ ขี ึ้น 3). ชว่ ยลดเหตุกำรณอ์ นั ไม่คำดคดิ และควำมสญู เสียทเ่ี ก่ียวข้องในกำรปฏิบตั ิงำน 4). ช่วยเออ้ื ประโยชน์ตอ่ กำรตอบสนองควำมเส่ียงในองคร์ วมใหด้ ีขึ้น 5). ชว่ ยสนบั สนุนกำรดำเนนิ งำนเชิงรุกในกรณที ่ีเหตุกำรณน์ ้ันเป็นโอกำสทำงธรุ กิจ 6). ช่วยในกำรบริหำรเงนิ ทุนใหด้ ขี นึ้ ทง้ั แหลง่ ท่ีมำและแหล่งที่ใชไ้ ปของเงนิ ทนุ -สรุปแนวควำมคดิ พื้นฐำนของกำรจดั กำรควำมเสย่ี งตำมวธิ ี COSO ได้แก่ 1). เป็นกระบวนกำรที่ดำเนินอย่แู ละกระทำอย่ำงต่อเน่ืองท่ัวท้งั องค์กำร 2). เปน็ กระบวนกำรทีถ่ ูกกำหนดข้นึ และนำไปใช้โดยทุกระดับ 3). ถูกออกแบบมำเพื่อระบเุ หตุกำรณ์ที่อำจจะเกดิ และผลกระทบ 4). ใชใ้ นกำรกำหนดกลยทุ ธ์ 5). ใชจ้ ัดกำรควำมเส่ยี งในภำพรวม 6). ใช้บริหำรควำมเสีย่ งท่ีอำจจะเกิดให้อยู่ในระดบั ที่ยอมรับได้ 7). ใหค้ วำมเชือ่ ม่นั อยำ่ งมผี ลต่อฝำ่ ยจดั กำรและคณะกรรมกำรวำ่ องคก์ ำรจะบรรลุวัตถุประสงค์ และเป็น วถิ ที ำงทนี่ ำไปสู่ควำมสำเร็จ -วัตถปุ ระสงคต์ ำ่ งๆ ในองคก์ ำรตำมแนวทำง COSO 1). วตั ถปุ ระสงค์เชิงกลยทุ ธ์

2). วัตถุประสงค์ด้ำนกำรปฏบิ ัตกิ ำร 3). วตั ถปุ ระสงค์ด้ำนรำยงำน 4). วัตถุประสงค์ด้ำนกำรปฏบิ ัตติ ำมกฎระเบยี บ -กำรจัดกำรควำมเสี่ยงยังมีองคป์ ระกอบซ่ึงสำมำรถประยุกตเ์ ขำ้ กบั ทกุ วัตถปุ ระสงค์ ได้แก่ 1). สภำพแวดล้อมภำยใน 2). กำรกำหนดวัตถุประสงค์ 3). กำรระบุเหตุกำรณ์ 4). กำรประเมินควำมเสยี่ ง 5). กำรตอบสนองควำมเสย่ี ง 6). กจิ กรรมควบคมุ 7). สำรสนเทศและกำรส่ือสำร 8). กำรตดิ ตำมประเมินผล ครูบอกกำรจัดกำรควำมเส่ียงตำมมำตรฐำนของออสเตรเลียและนิวซแี ลนด์ ได้แก่ 1). กำรกำหนดบริบท 2). กำรแยกแยะควำมเสยี่ ง 3). กำรวเิ ครำะห์ควำมเสีย่ ง 4). กำรประเมนิ ควำมเสย่ี ง 5). กำรจดั กำรควำมเส่ยี ง 6). กำรติดตำมและกำรทบทวน 7). กำรสอ่ื สำรและกำรปรึกษำหำรือ กำรจดั กำรควำมเสยี่ งเชงิ บูรณำกำรตำมกรอบโครงสร้ำงของ Treasury Board of Canada

แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 5 เรือ่ ง กำรจัดกำรควำมเสย่ี ง ตอนที่ 1 ให้เลือกคาตอบทีถ่ ูกต้องท่ีสุดเพยี งข้อเดียว 1. ข้อใดคือควำมเส่ยี งจำกปัจจัยภำยนอกองค์กำร ก. กระบวนกำรปฏบิ ัติงำน ข. กฎ ระเบยี บ ขอ้ บังคับขององค์กำร ค. โครงสร้ำงองค์กำร ง. กำรเมือง เศรษฐกิจ และสภำพสังคม 2. ขอ้ ใดเป็น “เทคนิค” ทใ่ี ชใ้ นกำรค้นหำและระบุควำมเสีย่ ง ก. ตอบแบบสอบถำมกำรควบคมุ ภำยใน ข. กำรสัมภำษณ์ ค. กำรประชมุ ระดมสมอง ง. ก. ข. และ ค. 3. ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องที่สุด ก. กำรคน้ หำและระบุควำมเสี่ยงวธิ ีตอบแบบสอบถำมทำให้ไดข้ ้อมูลควำมเสี่ยง ข. กำรเทยี บรอยไม่เหมำะสมทจ่ี ะนำมำใชใ้ นกำรค้นหำและระบคุ วำมเสีย่ ง ค. กำรบริหำรจดั กำรควำมเสย่ี งดว้ ยวิธี “ลดควำมเสี่ยง” ไมม่ ตี น้ ทนุ เกิดขน้ึ ง. กำรทำประกนั ภยั ถอื เป็นทำงเลอื กหนงึ่ ในกำร “โอนควำมเสีย่ ง” 4. ขอ้ ใดกล่ำวได้ถูกตอ้ งท่สี ุด ก. ควำมเสี่ยงของหน่วยงำนไม่เก่ียวข้องกับวัตถุประสงค์ ข. กำรใชท้ รพั ยำกรอย่ำงไมค่ ุ้มคำ่ หรอื สน้ิ เปลือง ถอื เป็นควำมเสย่ี งของหน่วยงำน ค. กำรดำเนินงำนอย่ำงมปี ระสิทธภิ ำพแต่ไม่มปี ระสิทธิผลเปน็ ควำมเสยี่ งของหน่วยงำน ง. ถูกทัง้ ข้อ ข. และ ค.

5. กำรจดั ทำระบบกำรบริหำรควำมเสี่ยงและกำรควบคุมภำยในตำมเกณฑร์ ะดับควำมสำเรจ็ ของกำรจดั ทำ ระบบกำรจดั กำรควำมเส่ียง มุ่งเน้นกำรจดั กำรควำมเสีย่ งดำ้ นใด ก. ด้ำนกลยทุ ธ์ ข. ดำ้ นกำรดำเนินงำน ค. ดำ้ นกำรรำยงำน ง. ดำ้ นกำรปฏบิ ัติตำมกฎหมำย 6. ถำ้ ประเมินงำนของฝำ่ ยผลติ ว่ำมคี วำมเสี่ยงและหำวิธีกำรจัดกำรควำมเสยี่ งแลว้ พบวำ่ “ตน้ ทนุ ในกำรบริหำร จดั กำร” มีควำมเสย่ี งสูงกวำ่ ผลประโยชน์ทค่ี ำดว่ำจะได้รบั และไมม่ วี ธิ อี ื่นแล้ว อกี ท้ังงำนฝำ่ ยผลติ ยกเลิกหรอื เปล่ยี นแปลงไม่ได้ ควรเลือกเทคนิคใดในกำรจัดกำรควำมเสย่ี ง ก. ยอมรบั ควำมเส่ียง ข. โอนควำมเส่ยี ง ค. ลดควำมเส่ยี ง ง. หลกี เลย่ี งควำมเสยี่ ง 7. ใน พ.ศ. 2558 บรษิ ทั สำนกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จำกัด ต้งั อยู่ท่ีกรงุ เทพฯ มีแผนทจ่ี ะเปิดโรงงำน ผลติ ส่อื สง่ิ พมิ พ์ ขนำดใหญใ่ นประเทศไทย โดยไดน้ ำพลังงำนแสงอำทิตย์มำใช้ในโรงงำน กำรประเมนิ ควำมเสยี่ งของบริษัท พบวำ่ อำจจะไดร้ บั ผลเสียหำยจำกนำ้ ท่วม มลภำวะ ค่ำแรงงำน จนอำจทำใหต้ ้องขำดทุน ดังนน้ั บริษทั จึง ตดั สินใจทจ่ี ะย้ำยฐำนกำรผลติ ไปในจงั หวัดเชียงใหม่ ซงึ่ มีควำมเสยี่ งนอ้ ยกว่ำ จำกข้อมลู ขำ้ งต้น บริษทั ใช้วธิ ีกำรจดั กำรควำมเสี่ยงประเภทใด ก. ยอมรับควำมเสย่ี ง ข. โอนควำมเสี่ยง ค. ลดควำมเสย่ี ง ง. หลีกเล่ียงควำมเส่ยี ง 8. กำรจดั กำรควำมเส่ยี งแบบ Basel II นยิ มนำไปประยกุ ต์ใช้ได้กับองค์กำรประเภทใด ก. โรงพยำบำล ข ธนำคำร ค. โรงเรยี นเอกชน ง. หนว่ ยงำนรำชกำรพน้ื ทก่ี ำรปกครอง 9. ขอ้ ใดเป็นหลักกำรของกำรจดั กำรควำมเส่ียงตำมมำตรฐำนสำกล ISO/DIS 31000 ก. กำรสร้ำงคณุ ค่ำเป็นอันหนึ่งอันเดยี วกับกระบวนกำรขององค์กำร ข. มีกระบวนกำรทบทวนโดยผกู้ ำกบั ดูแล ค. ข้อกำหนดกำรรำยงำนตำมกฎหมำย ง. กำรจัดกำรควำมเสีย่ งเชิงบูรณำกำร 10. แนวคดิ กำรจัดกำรควำมเสย่ี งรปู แบบใดท่ีเนน้ กำรจดั กำรเชิงบรู ณำกำร ก. COSO ข. ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ค. ISO/DIS 31000 ง. Basel II

กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น - สอบถำมผู้เรียนถึงกำรจัดกำรควำมเสย่ี ง 2. ข้นั สอน - ครอู ธบิ ำยถงึ ควำมหมำย และประเภทของควำมเสีย่ งได้ - ครอู ธิบำยถงึ กำรจดั กำรควำมเสีย่ ง - ครูอธบิ ำยถึงแนวคิดกำรจดั กำรควำมเส่ียง - ครูอธบิ ำยถึงกำรจัดกำรควำมเสยี่ งขององค์กำรเชงิ บรูณำกำรตำมแนวทำง - ครูอธบิ ำยถึงกำรจัดกำรควำมเสี่ยงตำมมำตรฐำนของออสเตรเลียและนิวซแี ลนด์ - ครูอธิบำยถงึ กำรจัดกำรควำมเสย่ี งเชิงบรูณำกำรตำมกรอบโครงสรำ้ งของ Treasury Board of Canada - ครอู ธิบำยถึงกำรจัดกำรควำมเสีย่ งตำมมำตรฐำนสำกล ISO/DIS 31000 ครอู ธบิ ำยถงึ กำรจดั กำรควำมเสย่ี งตำมมำตรฐำนของ Bank for International Settlements (BASEL II) 3. ขน้ั สรุป

- ครูให้ผู้เรียนรำยงำนส่ิงที่ได้สังเกตเห็นแลกเปลี่ยนกัน เปิดโอกำสให้ผู้เรียนซักถำม ผู้สอนเตรียม คำถำมไว้กระต้นุ ใหผ้ ู้เรียนคิดด้วยผเู้ รียนอภิปรำยแลกเปลี่ยนควำมรู้ควำมคดิ ท่ีแตล่ ะคนได้รบั จำกกำรสำธิตของ ผู้สอนและรว่ มกันสรุปกำรเรียนรทู้ ี่ไดร้ บั งานท่มี อบหมาย/ผลงาน/ชิ้นงาน 1. กอ่ นเรียน - ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเรื่อง กำรจดั กำรควำมเสย่ี ง 2. ขณะเรียน - ศึกษำเนื้อหำหน่วยท่ี 5 กำรจัดกำรควำมเสย่ี ง - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหวำ่ งเรยี น 3. หลังเรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง กำรจัดกำรควำมเสย่ี ง - ศกึ ษำเพม่ิ เติมจำกบทเรยี นออนไลน์ ( E-Learning ) ท่เี ว็บไซต์ E-Library วิทยำลยั เทคนิคจันทบุรี ) 4. ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเรจ็ ของผู้เรยี น - สมดุ จดบันทึกเนื้อหำสำระกำรเรยี นร้ใู นชัน้ เรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง กำรจัดกำรควำมสย่ี ง ผำ่ นเกณฑ์ร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ ของ แบบทดสอบ

สื่อการเรียน/การสอน - Power Point เรือ่ ง กำรจัดกำรควำมเสี่ยง - ใบควำมรู้ เรอ่ื ง กำรจัดกำรควำมเสย่ี ง - สื่อกำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) แหลง่ การเรียนรู้ /สถานที่ - สำนกั งำนบญั ชี - สถำนประกอบกำร - สอ่ื กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เวบ็ ไซต์ E-Library วิทยำลัยเทคนิคจันทบรุ ี การบรู ณาการ/ความสมั พนั ธก์ บั วิชาอน่ื - กำรบัญชเี บ้ืองต้น 2 - กำรบัญชีสนิ ค้ำ - กำรบัญชีอุตสำหกรรม การวัดและประเมนิ ผล 1. ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง กำรจัดกำรควำมเส่ียง 2. ขณะเรียน - แบบสังเกตขณะเรยี น - แบบประเมนิ พฤติกรรมผเู้ รียนตำมคำ่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประกำร 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง กำรจดั กำรควำมเสยี่ ง ผำ่ นเกณฑ์ร้อยละ 80 เปอร์เซน็ ต์ ของ แบบทดสอบ กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครแู นะนำให้ฝกึ ปฏบิ ตั ิทำกิจกรรมใบงำน และอำ่ นทบทวนเนื้อหำ 2. ควรศกึ ษำข้อมลู เพม่ิ เติมจำกส่อื อนิ เตอร์เน็ต

แผนการจดั การเรยี นรูห้ นว่ ยที่ 6 จานวน 3 ชว่ั โมง รหัส 3001 - 1001 วิชา กำรบริหำรงำนคุณภำพในองค์กำร หนว่ ยกิต 3 ชอ่ื หน่วย กำรจัดกำรควำมขัดแย้งในองค์กำร 1. สาระสาคญั ควำมขัดแย้งยอ่ มเกิดข้นึ ได้ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ เนื่องจำกมนษุ ย์ต้องอยูร่ ่วมกันเปน็ สงั คมหรือ ตอ้ ง ทำงำนเป็นกลุม่ นอกจำกควำมขดั แย้งระหวำ่ งบุคคลแลว้ ยงั จะมีควำมขดั แย้งระหว่ำงกลุ่มด้วย หำก สมำชิกกล่มุ มี ควำมแตกต่ำงกนั มำกในหลำยด้ำน ควำมขัดแยง้ ก็จะเกดิ มำกข้นึ จงึ อำจจะกล่ำวไดว้ ่ำเป็นกำร ยำกทบ่ี ุคคลจะ ทำงำนร่วมกันในองค์กำรได้ โดยปรำศจำกควำมขัดแยง้ ดงั น้นั ผบู้ รหิ ำรจงึ ควรศึกษำและหำวิธี จัดกำรควำม ขัดแยง้ อยำ่ งมีประสทิ ธิภำพ 2. สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้ 1. แสดงควำมรเู้ ก่ียวกบั หลักกำรจัดกำรองค์กำร กำรบริหำรงำนคณุ ภำพและเพมิ่ ผลผลติ กำรจดั กำร ควำมเสยี่ ง กำรจดั กำรควำมขัดแยง้ กำรเพม่ิ ประสทิ ธิภำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจดั กำรองค์กำร และเพ่มิ ประสทิ ธิภำพขององคก์ ำรตำมหลกั กำร 3. กำหนดแนวทำงจัดกำรควำมเสยี่ ง และควำมขัดแย้งในงำนอำชีพตำมสถำนกำรณ์ 4. เลือกกลยุทธเ์ พื่อเพิม่ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบรหิ ำรงำนคณุ ภำพและเพิ่มผลผลติ 5. ประยกุ ต์ใช้กจิ กรรมระบบคุณภำพและเพิม่ ผลผลิตในกำรจัดกำรงำนอำชีพ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ทฤษฎคี วำมขัดแยง้ 2. ควำมหมำยของควำมขดั แยง้ 3. ประเภทของควำมขัดแย้ง 4. ปจั จัยทเ่ี ป็นสำเหตุของกำรเกิดควำมขัดแยง้ 5. แนวทำงกำรจดั กำรควำมขัดแย้ง 6. กระบวนกำรจัดกำรควำมขัดแยง้ ในองค์กำร 7. บอกวิธีจัดกำรควำมขดั แย้งได้

4. คุณธรรม/จรรยาบรรณวชิ าชีพ ( Profession Ethic ) ตามค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ 1. มกี จิ นิสัยในกำรทำงำน 2. มีควำมละเอียดรอบคอบ 3. มีควำมรับผิดชอบ 4. มีควำมซือ่ สัตย์ ตารางวเิ คราะห์จดุ ประสงค์การเรียนรู้ โดยบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทางสายกลาง 3 ห่วง 2 เงือ่ นไข ควำมรู้ คณุ ธรรม จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ พอประมำณ มีเห ุตผล หนว่ ยท่ี 6 มีภูมิ ุ้คมกัน รอบรู้ เรื่อง กำรจดั กำรควำมขัดแย้งในองค์กำร รอบคอบ ระ ัมดระวัง ื่ซอ ัสตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิตปัญญำ แบ่งปัน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. ทฤษฎคี วำมขัดแยง้   33 2. ควำมหมำยของควำมขดั แย้ง     6 2 3. ประเภทของควำมขัดแย้ง    7 1 4. ปัจจยั ทเ่ี ปน็ สำเหตุของกำรเกดิ ควำมขดั แย้ง       6 2 5. แนวทำงกำรจดั กำรควำมขัดแยง้    7 1 6. กระบวนกำรจดั กำรควำมขัดแยง้ ในองค์กำร       6 2 7. บอกวิธีจดั กำรควำมขัดแย้งได้    7 1 รวม 2 3 - 3 2 - 3 1 2 - ลาดบั ความสาคญั 21 - 12 - 132 -

แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 6 เรอื่ ง กำรจดั กำรควำมขัดแย้งในองค์กำร ตอนท่ี 1 ให้เลอื กคาตอบท่ถี ูกตอ้ งที่สุดเพยี งขอ้ เดียว 1. ทฤษฎีควำมขัดแยง้ ของคำรล์ มำรก์ ซ์มคี วำมเชือ่ วำ่ ควำมขดั แย้งเริม่ ท่ปี ระเด็นใด ก. ควำมกลมเกลียว ข. เศรษฐกิจ ค. สงั คม ง. ควำมปรองดองกนั มำกเกินไป 2. ทฤษฎีควำมขัดแย้งใดมคี วำมเช่อื ว่ำควำมขดั แยง้ ระหวำ่ งสองฝำ่ ยแสดงควำมสมั พนั ธ์กัน โดยจะเกิดควำม กลมเกลียวภำยในกล่มุ แตค่ วำมกลมเกลียวน้ีจะเป็นต้นเหตุของควำมขัดแยง้ ก. ทฤษฎคี วำมขัดแย้งของคำร์ล มำรก์ ซ์ (Karl Marx) ข. ทฤษฎกี ำรขดั แยง้ ของยอร์จ ซิมเมล (Georg Simmel) ค. ทฤษฎีกำรขดั แยง้ ของลวิ อิส เอ. โคเซอร์ (Lewis A.Coser) ง. ทฤษฎกี ำรขัดแยง้ ของรำล์ฟ ดำรเ์ รนดอร์ฟ (Ralf Dahrendorf) 3. ผ้ทู ่ีเสนอแนวคิดวำ่ ควำมไม่เท่ำเทยี มกนั ในสังคมเกดิ จำกควำมไมเ่ ทำ่ เทยี มกันเรื่องสิทธิ ก. ทฤษฎคี วำมขัดแย้งของคำร์ล มำรก์ ซ์ (Karl Marx) ข. ทฤษฎีกำรขดั แยง้ ของยอร์จ ซมิ เมล (Georg Simmel) ค. ทฤษฎีกำรขัดแย้งของลวิ อิส เอ. โคเซอร์ (Lewis A.Coser) ง. ทฤษฎีกำรขดั แย้งของรำล์ฟ ดำร์เรนดอร์ฟ (Ralf Dahrendorf) 4. ข้อใดเปน็ ควำมขดั แย้งระหวำ่ งบคุ คล (Interpersonal Conflict) ก. ควำมขัดแย้งระหวำ่ งบุคคลเกิดขึน้ มผี ลมำจำกควำมแตกตำ่ งของบุคคลในดำ้ นกำรรับรู้ พ้ืนฐำน กำรศกึ ษำและครอบครัว ข. ควำมขัดแย้งทเี่ กิดขน้ึ จำกบคุ คลตอ้ งเลอื กทำสิ่งใดระหว่ำงตวั เลือกท่ีมมี ำกกว่ำ 1 ตวั และทกุ ตวั เลอื กเปน็ สิ่งทจี่ ะให้ผลทำงบวก ซ่ึงให้ผลประโยชนแ์ ละน่ำสนใจเท่ำกัน ค. ควำมขดั แย้งที่เกดิ ขนึ้ เนอ่ื งจำกตอ้ งเลอื กทำงเลือกใดทำงหนง่ึ ซ่งึ ได้ผลไมน่ ำ่ พอใจ ง. ควำมขัดแย้งท่ีเกิดขน้ึ เน่อื งจำกตอ้ งเลอื กทำในสิ่งที่เปน็ ทั้งผลบวกและผลลบ 5. ข้อใดเป็นควำมขดั แยง้ ในองค์กำร ควำมขดั แย้งภำยในองค์กำร ก. Vertical Conflict ข. Horizontal Conflict ค. Line – Staff Conflict และ Role Conflict ง. ถกู ทกุ ขอ้ 6. เม่ือมีสถำนกำรณ์ขัดแยง้ ทเ่ี ป็นปญั หำเลก็ น้อย ควรแกป้ ญั หำตำมวิธีใด ก. กำรหลกี เลี่ยง ข. กำรปรองดอง ค. กำรร่วมมอื ซึ่งกนั และกัน ง. กำรแขง่ ขัน

7. เม่ือหวั หนำ้ งำนมีอำนำจเท่ำกัน แตย่ ดึ ม่นั ในเปำ้ หมำยแตกตำ่ งกนั ควรใช้วธิ ีใดจดั กำรข้อขดั แย้ง ก. กำรร่วมมือซ่ึงกันและกนั ข. กำรปรองดอง ค. กำรประนปี ระนอม ง. กำรหลกี เล่ียง 8. ถำ้ ใชว้ ิธจี ดั กำรควำมขัดแย้งในองคก์ ำรแบบบงั คบั (Force) จะมีผลอยำ่ งไรบ้ำง ก. ลกั ษณะของกำรชนะ-แพ้ (Win – Lose) ข. ลกั ษณะของกำรแพ้-แพ้ (Lose – Lose) ค. ลกั ษณะของกำรชนะ-ชนะ (Win – Win) ง. ถกู ทุกขอ้ 9. กลยุทธก์ รอบควำมคดิ ในกำรตอ่ รอง โดยมุ่งงำน (Task) น้นั ผ้เู จรจำจะเน้นถงึ เรื่องใด ก. ควำมสัมพันธ์กับคูเ่ จรจำ ข. ปัจจยั เชิงวตั ถุท่ีเปน็ ขอ้ ขดั แยง้ ค. เนน้ ต้องชนะและได้ประโยชน์สงู สดุ ง. ได้ประโยชน์สงู สุดต่อทง้ั สองฝำ่ ย 10. กลยุทธก์ รอบควำมคดิ ในกำรตอ่ รองที่มุ่งควำมรว่ มมอื ผู้เจรจำจะเน้นเรือ่ งใด ก. ไดป้ ระโยชนส์ ูงสดุ ต่อทั้งสองฝำ่ ย ข. ใช้ควำมรูส้ ึกดำ้ นอำรมณ์ต่อกรณี ค. เนน้ ทีค่ วำมสัมพันธก์ ับคเู่ จรจำ ง. ปัจจัยเชงิ วัตถทุ ่ีเปน็ ขอ้ ขดั แยง้

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 เรื่อง กำรจัดกำรควำมขดั แย้งในองคก์ ำร กระบวนกำรจัดกำรควำมขดั แยง้ ในองค์กำร ไดแ้ ก่ 1). กำรเผชญิ หนำ้ กบั ควำมขัดแย้ง 2). ทำควำมเข้ำใจสถำนภำพของแตล่ ะฝ่ำย 3). ระบปุ ญั หำ 4). แสวงหำทำงเลือกและประเมนิ ทำงเลอื ก 5). สรุปแนวทำงและนำทำงเลอื กทเ่ี หมำะสมไปใช้ ควำมขัดแย้งในองค์กำร ซง่ึ วธิ แี กไ้ ขควำมขัดแย้งแบ่งเปน็ วิธีกำรทใี่ ชใ้ นกำรแก้ไขควำมขัดแย้งเกย่ี วกบั บุคคลและวิธกี ำรแก้ไขควำมขัดแยง้ ทีเ่ กี่ยวข้องกับโครงสรำ้ งองค์กำร ซง่ึ แตล่ ะดำ้ นมีดงั ตอ่ ไปน้ี - วธิ กี ารแกไ้ ขความขัดแย้งท่ีเกี่ยวกับบุคคล ได้แก่ 1). กำรบงั คบั (Force) 2). กำรหลบหนี (Avoidance) 3). กำรประนีประนอม (Compromise) 4). กำรปรองดอง (Accommodation) 5). กำรแก้ปัญหำหรือกำรร่วมมือกนั (Problem Solving หรอื Collaboration) - การจัดการความขดั แย้งเก่ียวกบั โครงสรา้ ง 1). เปลี่ยนแปลงกระบวนกำร 2). เปล่ียนแปลงโครงสรำ้ งขององค์กำร 3). เปล่ียนแปลงสภำพแวดลอ้ มขององค์กำร ในกำรจดั กำรกบั ควำมขดั แย้งนัน้ เปน็ หน้ำทข่ี องผู้บริหำรหรือหวั หนำ้ ท่จี ะต้องทรำบและเข้ำใจทงั้ สำเหตุและ วิธกี ำรจัดกำร ซ่งึ อำจจะพิจำรณำขน้ั ตอนต่ำงๆ ดังน้ี 1). ให้ควำมสนใจกับประเภทต่ำงของควำมขัดแยง้ 2). กำรติดต่อส่อื สำรทช่ี ัดเจนต่อเน่ือง 3). กำรสรำ้ งเปำ้ ประสงค์ หรอื คำ่ นิยมรว่ ม 4). พิจำรณำธรรมชำตขิ องควำมเป็นอสิ ระซ่งึ กันและกัน 5). ตอ้ งพรอ้ มทจ่ี ะเส่ยี ง 6). แสดงควำมมีอำนำจ 7). ตอ้ งจำกัดขอบเขตในส่งิ ที่ทำสำเร็จแลว้ 8). กำรสรำ้ งควำมเช่ือมนั่ ร่วมกัน

กระบวนกำรจัดกำรควำมขดั แยง้ ในองค์กำร เปน็ แนวทำงในกำรจัดกำรควำมขัดแยง้ ทีเ่ กดิ ข้นึ ใน ชีวติ ประจำวนั ของตนไดอ้ ย่ำงไร อธิบำยเรื่องวธิ ีจัดกำรควำม ไดแ้ ก่ 1). กำรเจรจำต่อรอง กลยทุ ธ์ในการเจรจาตอ่ รอง 1.1. กลยุทธเ์ ฉพำะ (Specific tactics) 1.2. กลยุทธก์ รอบควำมคิดในกำรต่อรอง (Cognitive frames in bargaining) 1.3. กลยุทธ์กำรเนน้ ขอ้ ยุตแิ บบชนะ-ชนะแทนแบบชนะ–แพ้ (Win-win versus win–lose orientation) 1.4. กลยทุ ธใ์ ช้บุคคลท่สี ำมเข้ำแทรกแซง (Third–party intervention) 2). ไกล่เกลย่ี ขน้ั ตอนในกำรไกลเ่ กลยี่ ขั้นที่ 1 ลดภำวะอำรมณ์ กำรลดภำวะอำรมณ์ จำกควำมขุ่นเคือง โกรธแคน้ มำสูค่ วำมต้องกำร หำทำงแก้ไขปัญหำรว่ มกนั ได้แก่ - กำรมีสติ - ควำมเปน็ มิตร - ควำมรว่ มมือ ขนั้ ที่ 2 ทำควำมเขำ้ ใจสถำนกำรณ์ควำมขดั แย้ง ไดแ้ ก่ - อำรมณ์ควำมรู้สกึ เมอ่ื ควำมขดั แย้งปรำกฏตวั ขน้ึ จะสง่ ผลใหเ้ กดิ แรงกดดันในตัวเองและเกบ็ กด อำรมณเ์ อำไว้ เมอ่ื แสดงอำรมณอ์ อกมำกจ็ ะมำพร้อมกบั ควำมโกรธและควำมขุ่นเคืองซึง่ อำรมณ์ท่ีถกู เก็บกดน้ี จะมีผลตอ่ พฤติกรรมและกำรตัดสนิ ใจของคขู่ ดั แยง้ และเม่ือควำมขดั แยง้ ถกู พฒั นำไปสู่อำรมณค์ วำมโกรธ เกลยี ด เริ่มมกี ำรกระทบกระท่งั โตต้ อบกันและปฏเิ สธฝำ่ ยตรงข้ำม สง่ิ ทตี่ ำมมำคอื กำรป้องกนั ตนเองและควำม ขนุ่ เคอื งของทงั้ สองฝำ่ ย ดงั น้ันผ้ไู กล่เกลย่ี จำเป็นต้องรวู้ ่ำ ก. แต่ละฝำ่ ยมคี วำมร้สู กึ อยำ่ งไรกบั ตนเองในควำมขัดแย้ง ข. แตล่ ะฝำ่ ยมีควำมรู้สึกอยำ่ งไรกับอีกฝำ่ ยในควำมขัดแย้ง ค. แตล่ ะฝ่ำยคิดว่ำอกี ฝ่ำยเข้ำใจควำมรสู้ ึกของตนเองมำกน้อยแค่ไหน - มุมมองของแตล่ ะฝำ่ ย ในฐำนะของผไู้ กลเ่ กลี่ยต้องมคี วำมสำมำรถทจ่ี ะมองปญั หำจำกมุมมองของ แต่ละฝำ่ ย เพ่อื ท่จี ะเขำ้ ใจแตล่ ะฝำ่ ยได้อยำ่ งแท้จริง อำจสรำ้ งควำมเข้ำใจใหเ้ กดิ ขึน้ ขณะท่ีคยุ กับผูข้ ัดแย้งโดยใช้ คำถำมเหล่ำนี้ - กำรเข้ำใจทัศนะของค่ขู ัดแยง้ ก. แต่ละฝำ่ ยเข้ำใจถงึ ประเดน็ ของควำมขัดแยง้ อย่ำงไร และมคี วำมคดิ เห็นหรือเหตผุ ลอยำ่ งไร

ข. แตล่ ะฝ่ำยเห็นว่ำอีกฝ่ำยหนงึ่ เข้ำใจถึงประเดน็ ทีข่ ดั แย้งอยำ่ งไร และเห็นอีกฝำ่ ยมีควำม คิดเหน็ หรอื เหตผุ ลอย่ำงไร - ผไู้ กลเ่ กลยี่ ตอ้ งให้ควำมสนใจในเรอ่ื งต่อไปนี้ ก. ควำมรู้ควำมเขำ้ ใจในสถำนกำรณ์ สว่ นใดบ้ำงทยี่ ังขำดหำยไป ข. เรอื่ งใดบำ้ งทีค่ ู่ขัดแย้งเข้ำใจอีกฝำ่ ยหนึง่ ผดิ ไป ซ่งึ จำเป็นต้องสรำ้ งควำมเข้ำใจที่ถูกต้อง ค. ประเด็นใดบ้ำงท่ยี ังเข้ำใจสับสน และตอ้ งทำใหเ้ กดิ ควำมเข้ำใจทีช่ ัดเจน ง. หลังจำกทรี่ บั รู้มมุ มองของแต่ละฝ่ำยแลว้ ผูไ้ กล่เกลีย่ เหน็ ว่ำมีควำมเข้ำใจผิดตรงจดุ ใดบำ้ งที่ ตอ้ งแกไ้ ข - ศึกษำประวตั ิศำสตรก์ ำรแก้ไขปญั หำวำ่ เคยแก้ไขปัญหำไปอย่ำงไรบ้ำง และสง่ ผลอยำ่ งไร ข้นั ที่ 3 วเิ ครำะหค์ วำมขัดแย้ง ได้แก่ - จดุ ยืนของแต่ละฝ่ำย จดุ ยนื เปน็ แนวทำงกำรแก้ไขควำมขัดแย้งทีก่ ำลงั ดำเนินอยู่ ซง่ึ เปน็ จดุ ทีท่ ำให้ ควำมขดั แย้งยังไมอ่ ำจคล่คี ลำยได้ หรอื ยังไม่อำจเขำ้ มำส่กู ำรหำข้อตกลงรว่ มกัน - อะไรคอื ควำมต้องกำรหรือควำมเข้ำใจที่แท้จริง กำรท่คี วำมขัดแย้งยังคงดำรงอยูส่ ิ่งสำคัญสว่ นหนึง่ มำจำกกำรที่ทง้ั สองฝำ่ ยไม่เขำ้ ใจควำมตอ้ งกำรหรือไมเ่ ข้ำใจควำมเข้ำใจท่ีแทจ้ ริง เชน่ ปญั หำควำมขัดแย้งดำ้ น ผลประโยชน์หำกทำให้เขำ้ ใจควำมตอ้ งกำรท่ีแทจ้ รงิ กอ็ ำจจัดสรรผลประโยชนไ์ ดล้ งตวั ได้ ส่วนปญั หำควำม ขดั แย้งด้ำนข้อมูลหรือควำมเข้ำใจ หำกสำมำรถหำได้ว่ำควำมเข้ำใจท่ีแท้จรงิ คืออะไร กจ็ ะทำใหเ้ รอ่ื งยุตไิ ด้ โดยง่ำย - สง่ิ ท่อี ุปสรรคและขอ้ จำกดั ซึ่งอำจมำจำกทำงฝำ่ ยคู่ขัดแย้ง ตวั ผ้ไู กลเ่ กลีย่ สถำนกำรณแ์ วดลอ้ ม ฯลฯ ส่ิงสำคญั อยูท่ วี่ ำ่ ต้องรถู้ ึงปัจจยั ตำ่ งๆ เหล่ำนี้หรอื ไม่ เพ่อื ทจี่ ะได้เตรียมหำแนวทำงขจัดไปให้ได้ หรอื จำกัด อปุ สรรคและข้อจำกดั ท่ีมี ขัน้ ท่ี 4 หำทำงออกหรือข้อตกลงรว่ มกัน เปน็ กำรแยกกำรกระทำสำมอย่ำงออกจำกกนั คือ จินตนำกำร กำรประเมินผล และกำรตัดสินใจ - จนิ ตนำกำร สำมำรถจินตนำกำรให้พ้นจำกกรอบควำมเคยชินเดิมๆ ไดด้ ว้ ยกำรรวบรวมทำงเลือก ให้มำกทส่ี ุดเท่ำทีจ่ ะมำกได้ ก่อนทจ่ี ะประเมินข้อดีข้อเสยี อย่ำงจริงจงั - กำรประเมิน สำมำรถประเมนิ ขอ้ แนะนำแตล่ ะขอ้ ไดโ้ ดยพจิ ำรณำวำ่ มีข้อดีข้อเสียอยำ่ งไรบ้ำง วธิ ีนี้ จะชว่ ยป้องกนั ไม่ใหร้ ีบตัดสนิ ใจเลือกทำงใดทำงหนึ่งก่อนที่จะมีกำรคิดให้รอบคอบ - กำรตัดสินใจ ควรให้ค่ขู ดั แย้งเปน็ ผ้ตู ดั สินใจด้วยตนเอง 3). อนุญำโตตุลำกำร คอื วธิ กี ำรระงับข้อพิพำทที่คกู่ รณีตกลงกนั เสนอข้อพิพำทท่ีเกดิ ข้ึนแล้วหรอื ท่ี จะเกิดขึน้ ในอนำคตใหบ้ ุคคลภำยนอกซงึ่ เรียกว่ำ อนญุ ำโตตุลำกำร ทำกำรพิจำรณำชี้ขำด โดยคกู่ รณผี กู พันท่ี จะปฏิบตั ติ ำมคำชี้ขำดของอนุญำโตตลุ ำกำร อนุญาโตตลุ าการแบง่ ได้หลายประเภท ดังนี้ 3.1). อนญุ ำโตตลุ ำกำรในศำลกบั อนญุ ำโตตุลำกำรนอกศำล

- อนุญำโตตุลำกำรในศำล คือ กรณที ค่ี ู่กรณซี ่ึงมคี ดีอยใู่ นระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลตก ลงกันให้มีอนุญำโตตลุ ำกำรช้ีขำดไดโ้ ดยควำมเหน็ ชอบของศำลตำมประมวลกฎหมำยวิธพี ิจำรณำควำมแพ่ง แต่ วิธนี ีไ้ มเ่ ป็นท่ีนิยมเพรำะเมอ่ื มีคดขี ึ้นไปสศู่ ำลแล้ว คคู่ วำมมกั ไมต่ ้องกำรใหบ้ คุ คลอืน่ มำช่วยช้ขี ำดให้ แต่ตอ้ งกำร ให้ศำลตัดสินคดีนั้นมำกกว่ำ -อนญุ ำโตตลุ ำกำรนอกศำล คือกรณีที่คู่กรณีตกลงกนั เสนอข้อพพิ ำทให้อนุญำโตตลุ ำกำร พจิ ำรณำช้ีขำดโดยไม่ได้ฟ้องคดตี อ่ ศำล ซ่ึงอำจตกลงกนั ไวล้ ่วงหนำ้ กอ่ นมี ขอ้ พพิ ำทหรืออำจตกลงกนั ภำยหลัง จำกทม่ี ีขอ้ พิพำทแล้วก็ได้ 3.2). อนญุ ำโตตลุ ำกำรเฉพำะกจิ กับอนญุ ำโตตุลำกำรโดยสถำบนั - อนญุ ำโตตุลำกำรเฉพำะกิจ (Ad Hoc Arbitration) - อนญุ ำโตตลุ ำกำรโดยสถำบัน (Institutional Arbitration) 4). ฟอ้ งร้อง เม่ือหำข้อยตุ กิ นั ไมไ่ ด้ ก็ต้องมีกำรฟ้องร้องกนั ในท่ีสดุ ซึง่ สำมำรถฟ้องได้ทั้งคดีแพ่งและ คดอี ำญำ ทั้งนข้ี ึน้ อย่กู ับลักษณะของควำมผดิ นั้นนนั้ ๆ คดแี พ่ง คือ คดที ่ีฟ้องเพ่ือเรยี กเงินระหวำ่ งกนั เช่น คดีก้ยู ืมเงนิ คดผี ดิ สัญญำ คดเี ช่ำทรพั ย์ คดีตั๋ว เงิน คดจี ำนอง คดีซ้ือขำย คดีมรดก เป็นต้น คดีแพ่ง เปน็ คดีที่เก่ียวกบั เรื่องสว่ นตัวของบุคคล 2 ฝำ่ ย ทม่ี ีกำรทำผดิ สัญญำหรือโตแ้ ย้งสทิ ธิกัน เป็นเรอ่ื งทีผ่ ู้ไดร้ ับกำรโตแ้ ย้งสทิ ธิ จะฟ้องรอ้ งอีกฝำ่ ยที่ทำกำรโต้แย้งสทิ ธิ หรือทำผิดสัญญำ คดอี ำญำ คอื คดที ่ีฟ้องร้องกันเน่ืองจำกมกี ำรกระทำควำมผดิ ทำงอำญำ หรือว่ำฟ้องร้องเพื่อให้ อกี ฝ่ำยตดิ คกุ หรอื รับโทษอื่นๆ ในทำงอำญำ เช่น ใหป้ รับ ใหป้ ระหำรชวี ิต เชน่ คดที ำร้ำยร่ำงกำย คดีลกั ทรัพย์ คดชี ิงทรพั ย์ คดปี ล้นทรัพย์ คดีฆ่ำคนตำย คดีประมำททำใหผ้ ู้อ่ืนบำดเจ็บ หรอื เสยี ชวี ิต คดรี ับของโจร เป็นตน้

แบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยที่ 6 เรอื่ ง กำรจัดกำรควำมขัดแย้งในองค์กำร ตอนที่ 1 ใหเ้ ลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสดุ เพยี งข้อเดียว 1. ทฤษฎคี วำมขัดแย้งของคำรล์ มำรก์ ซม์ ีควำมเช่ือวำ่ ควำมขัดแย้งเร่ิมที่ประเด็นใด ก. ควำมกลมเกลยี ว ข. เศรษฐกิจ ค. สงั คม ง. ควำมปรองดองกันมำกเกินไป 2. ทฤษฎคี วำมขัดแย้งใดมีควำมเชือ่ ว่ำควำมขัดแยง้ ระหวำ่ งสองฝำ่ ยแสดงควำมสัมพนั ธ์กัน โดยจะเกิดควำม กลมเกลียวภำยในกลุ่ม แตค่ วำมกลมเกลยี วนีจ้ ะเปน็ ตน้ เหตุของควำมขดั แยง้ ก. ทฤษฎีควำมขดั แยง้ ของคำร์ล มำรก์ ซ์ (Karl Marx) ข. ทฤษฎกี ำรขัดแยง้ ของยอร์จ ซมิ เมล (Georg Simmel) ค. ทฤษฎีกำรขดั แย้งของลวิ อิส เอ. โคเซอร์ (Lewis A.Coser) ง. ทฤษฎีกำรขัดแยง้ ของรำล์ฟ ดำรเ์ รนดอร์ฟ (Ralf Dahrendorf) 3. ผทู้ เ่ี สนอแนวคดิ วำ่ ควำมไม่เท่ำเทียมกันในสงั คมเกิดจำกควำมไม่เท่ำเทยี มกนั เร่ืองสทิ ธิ ก. ทฤษฎีควำมขัดแยง้ ของคำรล์ มำร์กซ์ (Karl Marx) ข. ทฤษฎกี ำรขดั แย้งของยอร์จ ซมิ เมล (Georg Simmel) ค. ทฤษฎีกำรขดั แยง้ ของลวิ อิส เอ. โคเซอร์ (Lewis A.Coser) ง. ทฤษฎกี ำรขดั แยง้ ของรำล์ฟ ดำรเ์ รนดอร์ฟ (Ralf Dahrendorf) 4. ขอ้ ใดเปน็ ควำมขัดแย้งระหว่ำงบุคคล (Interpersonal Conflict) ก. ควำมขัดแยง้ ระหวำ่ งบคุ คลเกดิ ขึ้นมีผลมำจำกควำมแตกต่ำงของบคุ คลในด้ำนกำรรบั รู้ พืน้ ฐำน กำรศึกษำและครอบครวั ข. ควำมขัดแยง้ ท่เี กดิ ขนึ้ จำกบคุ คลต้องเลือกทำส่ิงใดระหว่ำงตัวเลอื กท่ีมมี ำกกว่ำ 1 ตวั และทกุ ตัวเลอื กเป็นส่ิงท่จี ะให้ผลทำงบวก ซง่ึ ให้ผลประโยชน์และน่ำสนใจเท่ำกัน ค. ควำมขัดแยง้ ท่ีเกดิ ข้ึนเน่อื งจำกต้องเลอื กทำงเลือกใดทำงหนึง่ ซึง่ ไดผ้ ลไมน่ ำ่ พอใจ ง. ควำมขัดแยง้ ที่เกดิ ขน้ึ เนอื่ งจำกตอ้ งเลอื กทำในส่ิงที่เปน็ ทั้งผลบวกและผลลบ 5. ข้อใดเป็นควำมขดั แยง้ ในองคก์ ำร ควำมขัดแย้งภำยในองค์กำร ก. Vertical Conflict ข. Horizontal Conflict ค. Line – Staff Conflict และ Role Conflict ง. ถูกทกุ ข้อ 6. เม่ือมสี ถำนกำรณ์ขดั แยง้ ท่ีเป็นปัญหำเลก็ นอ้ ย ควรแก้ปัญหำตำมวธิ ใี ด ก. กำรหลกี เล่ยี ง ข. กำรปรองดอง

ค. กำรร่วมมือซ่ึงกนั และกัน ง. กำรแข่งขนั 7. เม่อื หัวหนำ้ งำนมีอำนำจเท่ำกนั แตย่ ดึ มัน่ ในเปำ้ หมำยแตกตำ่ งกนั ควรใชว้ ิธใี ดจัดกำรข้อขดั แย้ง ก. กำรร่วมมือซ่ึงกันและกนั ข. กำรปรองดอง ค. กำรประนีประนอม ง. กำรหลีกเล่ยี ง 8. ถำ้ ใช้วิธจี ดั กำรควำมขัดแย้งในองค์กำรแบบบงั คบั (Force) จะมีผลอย่ำงไรบ้ำง ก. ลักษณะของกำรชนะ-แพ้ (Win – Lose) ข. ลกั ษณะของกำรแพ้-แพ้ (Lose – Lose) ค. ลกั ษณะของกำรชนะ-ชนะ (Win – Win) ง. ถูกทกุ ข้อ 9. กลยุทธก์ รอบควำมคดิ ในกำรต่อรอง โดยมุ่งงำน (Task) นั้น ผ้เู จรจำจะเนน้ ถึงเรื่องใด ก. ควำมสมั พนั ธก์ บั คู่เจรจำ ข. ปัจจัยเชิงวตั ถุที่เปน็ ขอ้ ขดั แยง้ ค. เนน้ ตอ้ งชนะและได้ประโยชนส์ งู สดุ ง. ไดป้ ระโยชน์สูงสุดตอ่ ทัง้ สองฝ่ำย 10. กลยทุ ธ์กรอบควำมคิดในกำรตอ่ รองท่ีมงุ่ ควำมร่วมมอื ผู้เจรจำจะเนน้ เรอื่ งใด ก. ไดป้ ระโยชน์สงู สดุ ต่อทั้งสองฝ่ำย ข. ใช้ควำมรสู้ กึ ด้ำนอำรมณต์ ่อกรณี ค. เนน้ ทคี่ วำมสัมพนั ธ์กบั คเู่ จรจำ ง. ปัจจัยเชิงวตั ถุทีเ่ ปน็ ข้อขดั แยง้

กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียน - สอบถำมผ้เู รยี นถงึ กำรจัดกำรควำมขัดแย้งในองคก์ ำร 2. ขัน้ สอน - ครอู ธิบำยถงึ ทฤษฎีควำมขดั แยง้ - ครูอธิบำยถงึ ควำมหมำยของควำมขดั แย้ง - ครอู ธิบำยถงึ ประเภทของควำมขดั แยง้ - ครูอธิบำยถงึ ปัจจัยท่ีเปน็ สำเหตขุ องกำรเกิดควำมขัดแย้ง - ครูอธิบำยถงึ แนวทำงกำรจัดกำรควำมขัดแย้ง - ครูอธิบำยถงึ กระบวนกำรจัดกำรควำมขัดแยง้ ในองค์กำร - ครอู ธิบำยถงึ บอกวธิ ีจัดกำรควำมขัดแย้งได้ 3. ขั้นสรปุ - ครูให้ผู้เรียนรำยงำนสิ่งท่ีได้สังเกตเห็นแลกเปลี่ยนกัน เปิดโอกำสให้ผู้เรียนซักถำม ผู้สอนเตรียม คำถำมไว้กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดดว้ ยผู้เรียนอภิปรำยแลกเปลี่ยนควำมรคู้ วำมคิดที่แตล่ ะคนได้รบั จำกกำรสำธิตของ ผสู้ อนและร่วมกนั สรุปกำรเรยี นรู้ที่ได้รบั

งานท่ีมอบหมาย/ผลงาน/ช้นิ งาน 1. ก่อนเรียน - ให้ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนเร่ือง กำรจดั กำรควำมขดั แยง้ ในองค์กำร 2. ขณะเรยี น - ศึกษำเน้ือหำหนว่ ยท่ี 6 กำรจดั กำรควำมขัดแย้งในองคก์ ำร - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหว่ำงเรยี น 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง กำรจัดกำรควำมขดั แยง้ ในองค์กำร - ศึกษำเพิม่ เติมจำกบทเรียนออนไลน์ ( E-Learning ) ทีเ่ ว็บไซต์ E-Library วทิ ยำลยั เทคนิคจนั ทบุรี ) 4. ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสาเร็จของผูเ้ รยี น - สมุดจดบันทึกเนื้อหำสำระกำรเรียนรใู้ นชนั้ เรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง กำรจดั กำรควำมขดั แย้งในองค์กำร ผ่ำนเกณฑ์รอ้ ยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของแบบทดสอบ สือ่ การเรียน/การสอน - Power Point เรื่อง กำรจัดกำรควำมขดั แยง้ ในองคก์ ำร - ใบควำมรู้ เรอื่ ง กำรจัดกำรควำมขดั แย้งในองค์กำร - สอ่ื กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) แหลง่ การเรยี นรู้ /สถานที่ - สำนกั งำนบัญชี

- สถำนประกอบกำร - ส่ือกำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เวบ็ ไซต์ E-Library วทิ ยำลัยเทคนคิ จันทบรุ ี การบรู ณาการ/ความสมั พนั ธ์กับวิชาอืน่ - กำรบญั ชเี บื้องต้น 2 - กำรบัญชสี นิ คำ้ - กำรบญั ชีอตุ สำหกรรม การวดั และประเมินผล 1. กอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี นเรื่อง กำรจัดกำรควำมขดั แย้งในองคก์ ำร 2. ขณะเรยี น - แบบสงั เกตขณะเรียน - แบบประเมินพฤติกรรมผเู้ รียนตำมค่ำนิยมหลักของคนไทย 12 ประกำร 3. หลังเรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง กำรจัดกำรควำมขดั แย้งในองค์กำรผ่ำนเกณฑ์ร้อยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของแบบทดสอบ กิจกรรมเสนอแนะ 1. แนะนำให้ผู้เรียนทำกิจกรรมใบงำน 2. อ่ำนและทบทวนเนือ้ หำ

แผนการจดั การเรยี นรู้หน่วยท่ี 7 จานวน 3 ชั่วโมง รหสั 3001 - 1001 วิชา กำรบริหำรงำนคุณภำพในองค์กำร หน่วยกิต 3 ชอ่ื หน่วย กลยุทธก์ ำรเพิม่ ประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำนในองคก์ ำรดว้ ยกำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรทำงำน 1. สาระสาคญั กลยุทธก์ ำรเพิ่มประสิทธภิ ำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรทำงำนกอ่ ให้เกิด ควำมพอใจในกำรทำงำนและพฒั นำบคุ คล นับวำ่ เป็นขั้นตอนแรกทสี่ ง่ เสรมิ ให้พนกั งำนและองค์กำรมีโอกำส ก้ำวหนำ้ และมีส่วนรว่ มในกำรทำงำนให้องค์กำรมำกข้ึน เป็นกำรสร้ำงควำมรู้สกึ ในทำงสร้ำงสรรค์และส่งเสรมิ ให้พนกั งำน ใชค้ วำมรู้ควำมสำมำรถอย่ำงเต็มที่ ผลท่ไี ดร้ บั ย่อมนำไปสู่เป้ำหมำยองค์กำร และทำให้คุณภำพของ งำนสูงข้นึ อย่ำงไรก็ตำม กลยุทธ์กำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรทำงำนในองค์กำรควรกำหนดไวใ้ หส้ อดคล้องกันทกุ ดำ้ นเพื่อให้ เกดิ ควำมเท่ำเทยี มกนั จะช่วยสง่ เสริมกำลังใจในกำรทำงำน เพรำะรู้ว่ำตนได้รับควำมเป็นธรรม ก่อให้เกิดควำม มัน่ คงในอำชีพและทกุ คนจะปฏิบตั ิงำนเพื่อมงุ่ หวังใหเ้ กิดประโยชนต์ ่องำนมำกที่สดุ 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. แสดงควำมร้เู กยี่ วกบั หลักกำรจัดกำรองคก์ ำร กำรบรหิ ำรงำนคุณภำพและเพ่มิ ผลผลติ กำรจัดกำร ควำมเสี่ยง กำรจดั กำรควำมขัดแย้ง กำรเพิม่ ประสทิ ธิภำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจดั กำรองค์กำร และเพม่ิ ประสทิ ธิภำพขององคก์ ำรตำมหลกั กำร 3. กำหนดแนวทำงจดั กำรควำมเสยี่ ง และควำมขดั แย้งในงำนอำชพี ตำมสถำนกำรณ์ 4. เลือกกลยทุ ธ์เพื่อเพ่มิ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบรหิ ำรงำนคุณภำพและเพ่ิมผลผลิต 5. ประยกุ ต์ใชก้ ิจกรรมระบบคุณภำพและเพ่มิ ผลผลติ ในกำรจัดกำรงำนอำชพี 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ควำมหมำย ของกลยทุ ธใ์ นองค์กำร 2. กำรจัดชุดของทรัพยำกรที่จะใช้งำนในองค์กร 3. กลยุทธใ์ นฐำนะเปน็ เครื่องมือใช้จดั ใหส้ ภำพแวดล้อมสอดคลอ้ งกับทรัพยำกร 4. กลยทุ ธก์ ำรบริหำรที่ทรงประสิทธภิ ำพ 5. บรรยำกำศในองค์กำร 6. บรรยำกำศในองค์กำรและควำมพึงพอใจในกำรทำงำน 7. กำรสร้ำงบรรยำกำศในองค์กำรกบั ควำมกำ้ วหนำ้ ของบุคลำกร

4. คณุ ธรรม/จรรยาบรรณวิชาชีพ ( Profession Ethic ) ตามคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ 1. มกี ิจนสิ ัยในกำรทำงำน 2. มคี วำมละเอียดรอบคอบ 3. มคี วำมรับผดิ ชอบ 4. มคี วำมซ่อื สตั ย์ ตารางวเิ คราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทางสายกลาง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ควำมรู้ คุณธรรม จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ พอประมำณ มีเห ุตผล หนว่ ยที่ 7 มีภูมิ ุ้คมกัน รอบรู้ เรอื่ ง กำรผ่ำนรำยกำรไปยงั บัญชีแยกประเภท รอบคอบ ระ ัมดระวัง ื่ซอ ัสตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิตปัญญำ แบ่งปัน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. ควำมหมำย ของกลยทุ ธใ์ นองค์กำร   33 2. กำรจัดชุดของทรัพยำกรท่ีจะใช้งำนใน    62 องค์กร    71 3. กลยทุ ธ์ในฐำนะเปน็ เครื่องมือใช้จัดให้    71 สภำพแวดลอ้ มสอดคลอ้ งกบั ทรัพยำกร 4. กลยทุ ธก์ ำรบรหิ ำรที่ทรงประสทิ ธิภำพ 5. บรรยำกำศในองค์กำร     6 2 6. บรรยำกำศในองค์กำรและควำมพึงพอใจใน    71 กำรทำงำน    71 7. กำรสร้ำงบรรยำกำศในองค์กำรกับ ควำมก้ำวหน้ำของบุคลำกร รวม 3 4 - 4 3 - 4 2 3 - ลาดบั ความสาคัญ 21 - 12 - 132 -

แบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยที่ 7 เร่อื ง กลยทุ ธ์กำรเพ่ิมประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรทำงำน ตอนที่ 1 ให้เลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพยี งขอ้ เดียว 1. กลยทุ ธอ์ งค์กำร หมำยถึงข้อใด ก. กำรทอ่ี งคก์ ำรใช้เทคนิควธิ เี พ่อื ปรบั ตัวเองตำมกำรเปลยี่ นแปลงของสภำพแวดลอ้ ม ข. ควำมสัมพนั ธข์ องสภำพแวดลอ้ มกับกลมุ่ ตำ่ งๆ ขององค์กำร ค. กลยุทธ์ในฐำนะเป็นเคร่ืองมอื ในกำรบรหิ ำรองคก์ ำร ง. กำรจดั ชดุ ทรพั ยำกรทมี่ ีควำมเหมำะสมกับองค์กำร 2. กลยุทธ์กำรบริหำรทท่ี รงประสิทธภิ ำพ หมำยถึงข้อใด ก. กำรใช้วิธีจูงใจเพอื่ เพ่ิมผลผลิต ข. กำรบรหิ ำรท่ีสรำ้ งประสิทธิภำพและประสิทธผิ ลใหเ้ กิดข้ึนทกุ แง่มมุ ทวั่ ท้ังองคก์ ำร ค. กำรเพมิ่ ประสทิ ธิภำพโดยกำรเรียนรเู้ อำชนะคแู่ ขง่ ขัน ง. กำรบรหิ ำรแบบวำงแผนสมบรู ณ์ 3. ข้อใดหมำยถึงบรรยำกำศในองค์กำร ก. กำรเพิ่มประสิทธิภำพขององค์กำรโดยส่วนรวม ข. กำรอำศัยระบบควบคมุ โดยสร้ำงสรรค์ ค. กำรรบั ฟงั ควำมคิดเหน็ จำกเบื้องล่ำงสู่เบื้องบน ง. กำรสรำ้ งแผนกลยุทธใ์ นกำรพัฒนำองค์กำร 4. กำรบริหำรท่มี ปี ระสทิ ธิภำพโดยอำศยั เปำ้ หมำยเป็นเคร่ืองมือ จะสำเร็จได้นน้ั จะต้องอำศยั คำตอบข้อใด ก. ผู้ปฏิบตั งิ ำนท่ีมปี ระสิทธิภำพ ข. ผบู้ ริหำรท่ีมพี ร้อมดว้ ยภมู ิปญั ญำ ค. ผู้บรหิ ำรทใี่ ชก้ ลยทุ ธท์ ีย่ อดเยี่ยม ง. ผ้ปู ฏิบตั งิ ำนจะตอ้ งมสี ว่ นร่วมพจิ ำรณำเปำ้ หมำยด้วย 5. กลยทุ ธก์ ำรบรหิ ำรที่ทรงประสิทธภิ ำพ อนั ไดแ้ ก่ กำรบริหำรเชงิ รวม ซ่ึงเป็นควำมหมำยตำมข้อใด ก. กำรจัดระบบกำรวำงแผนที่สมบูรณ์ ข. กำรเรียนร้เู ทคโนโลยีและทรพั ยำกร ค. ควำมเปิดเผยในกำรสื่อสำรในองค์กำร ง. กำรให้กำรสนับสนุนและสร้ำงบรรยำกำศในองคก์ ำร

6. ขอ้ ใดหมำยถึงกำรสรำ้ งบรรยำกำศในองคก์ ำรกบั ควำมก้ำวหนำ้ ของบุคลำกร ก. จัดโครงสรำ้ งองค์กำรใหเ้ หมำะสมทนั สมยั เสมอ ข. องค์กำรควรจะกำหนดโครงกำรฝกึ อบรมตำมควำมต้องกำรของบุคลำกร เพ่ือส่งเสริมควำมก้ำวหนำ้ ของบุคลำกรในกำรทำงำน ค. กำรอำศัยกระบวนกำรรว่ มวำงแผนและตง้ั เปำ้ หมำยร่วมกนั ง. กำรอำศัยแผนกลยทุ ธ์ในกำรเสรมิ สร้ำงประสทิ ธิภำพ 7. คำวำ่ Effectiveness หมำยถึงข้อใด ก. กำรมีเป้ำหมำย ข. กำรมีค่ำนยิ ม ค. กำรมีประสทิ ธิผล ง. กำรมปี ระสิทธภิ ำพ 8. คำวำ่ Goal-Oriented Management หมำยถึงข้อใด ก. กำรบรหิ ำรแบบมุ่งหมำย ข. กำรบรหิ ำรแบบเป้ำหมำย ค. กำรบรหิ ำรแบบวัตถปุ ระสงค์ ง. กำรบริหำรแบบกลยุทธ์ 9. กำรจดั ระบบกำรวำงแผนที่สมบูรณ์ เพ่ือให้องค์กำรมีควำมเข้มแขง็ มรี ะบบกำรวำงแผนระยะยำว เพ่ือให้ บรรลุเปำ้ หมำยรว่ มกนั ทง้ั สองฝำ่ ย หมำยถึงข้อใด ก. ฝำ่ ยบรหิ ำรและฝ่ำยบุคคล ข. ฝำ่ ยบริหำรและฝำ่ ยปฏบิ ตั ิ ค. ฝำ่ ยปฏบิ ตั ิและฝ่ำยบคุ คล ง. ฝำ่ ยบริหำรและฝำ่ ยวำงแผน 10. กำรบริหำรโดยใช้ MBO เป็นเครอ่ื งมือ หมำยถงึ ข้อใด ก. กำรบรหิ ำรโดยเนน้ เปำ้ หมำย ข. กำรบรหิ ำรโดยเนน้ กลยุทธ์ ค. กำรบรหิ ำรโดยเน้นคำ่ นิยม ง. กำรบรหิ ำรโดยเน้นปฏบิ ตั ิ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 เร่ือง กลยทุ ธ์กำรเพ่มิ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรทำงำน ควำมหมำยของงกลยุทธข์ ององคก์ ำร ซงื่ หมำยถึง กำรท่ีองค์กำรได้แสดงควำมสมั พันธ์กับ สภำพแวดลอ้ ม โดย ใช้วธิ กี ำรบรหิ ำรทอ่ี งค์กำรไปเกีย่ วข้องกับสภำพแวดล้อมทม่ี ีกลุ่มต่ำงๆ ตวั บคุ คล องค์กำร อน่ื และ สถำบนั ประเภทอืน่ ทั้งหลำยทอ่ี ย่ภู ำยในองค์กำรและนอกองค์กำร แต่ในเวลำเดียวกนั ขณะท่ี สภำพแวดล้อมไดม้ ีข้อจำกัดควบคมู่ ำด้วยนนั้ ในสภำพแวดล้อมเองก็ได้เปิดโอกำสตำ่ งๆ ข้นึ มำ ดว้ ย ท้งั นีโ้ อกำส ตำ่ งๆ ที่เปิดขน้ึ จะชว่ ยใหอ้ งค์กำรสำมำรถใชค้ วำมสำมำรถพิเศษของตนทมี่ ีอยู่ และทรพั ยท์ เี่ ปน็ จดุ แขง็ ตลอดจนควำมคิด ควำมอำ่ น ที่จะดำเนินประโยชนจ์ ำกสภำพแวดลอ้ มที่ เปดิ โอกำส น้ันได้ กำรจัดชุดของทรพั ยำกรทีจ่ ะใช้งำนในองค์กำร ซงึ่ องค์กำรจะมกี ำรจดั ชุดทรพั ยำกรเพ่ือท่จี ะใชส้ ำหรับ ปฏิบัติ โดยทั่วไปแลว้ องค์กำรทุกแห่งต่ำงก็จะมสี ่วนผสมของควำมสำมำรถ ทรพั ยส์ ิน ทรพั ยำกร และ ประสบกำรณ์ต่ำงๆ ท่ชี ำนำญไปคนละทำง เพือ่ ใช้ทำงำนเพ่ือเผชิญกบั ข้อจำกัดตำ่ งๆ ทเ่ี กิดขนึ้ ตลอดจนกำรใช้ เพอื่ สร้ำงควำมสำเรจ็ จำกโอกำสท่เี ปิดข้นึ ให้ดว้ ย ในกำรจดั ชดุ ทรพั ยำกรเพื่อใชใ้ นกำรบริหำร องคก์ ำรจะมี วิธกี ำรจัดทีแ่ ตกต่ำงกันออกไป โดยทรพั ยำกรต่ำงๆ ดังกลำ่ วสำมำรถทจ่ี ะนำมำพลกิ แพลงและจัดทำขน้ึ เพื่อ สนองตอ่ แผนงำนในรูปแบบท่ีต่ำงกนั ไป สุดแต่ควำมเหมำะสม เชน่ อำจจะจดั เพ่ือมุ่งใหก้ ำรสนใจตอ่ ผลิตภัณฑ์ หรอื จดั เพ่ือทุ่มเทม่งุ สู่ ตลำดใดตลำดหนงึ่ ทีต่ ั้งเป้ำไว้ หรืออำจจะจดั ขึน้ เพ่ือท่มุ เทไปกับเทคโนโลยีอยำ่ งใดอย่ำง หน่งึ เปน็ พเิ ศษ หรอื อำจจะนำมำใชก้ ระจำยไปยังส่ิงต่ำงๆ ท่กี ลำ่ วมำให้ครบทุกดำ้ นกไ็ ด กลยทุ ธใ์ นฐำนะเปน็ เครอ่ื งมอื สำหรับใชจ้ ัดใหส้ ภำพแวดลอ้ มสอดคล้องกบั ทรพั ยำกร

กำรบริหำรที่ทรงประสิทธิภำพ คอื กำรบรหิ ำรเชงิ รวมทเี่ ป็นภำรกจิ ทำงกำรบรหิ ำรของผูบ้ ริหำรทม่ี อี ยู่ เปน็ พิเศษ คอื 1). กำรใช้วิธบี ริหำรแบบม่งุ หมำย (Goal-Oriented Management) เป็นสำคญั ทง้ั นีก้ ็เพรำะใน ภำวะเศรษฐกจิ ท่ีประสบปญั หำวกิ ฤตน้ัน ประสิทธภิ ำพผลผลติ ท่ที ำไดจ้ ะเปน็ เร่ืองสำคัญยิ่งที่ นักบริหำรจะตอ้ ง วดั ผล และคิดตำมตลอดเวลำ กำรต้งั เป้ำหมำยผลสำเร็จทต่ี ้องกำร และกำรติดตำมผลงำนท่ที ำได้ตำ่ งก็ต้อง อำศยั เป้ำหมำยเป็นเครื่องมอื ที่จะขำดเสียมิได้ 2). กำรจดั ระบบกำรวำงแผนที่สมบูรณ์ ท้ังน้ีกเ็ พ่ือให้องค์กำรมีควำมเข้มแข็งจำกกำรมีระบบกำร วำงแผนกลยทุ ธ์สำหรบั ระยะยำว รวมทั้งกำรมรี ะบบกำรวำงแผนท่ีสำมำรถระบเุ ปำ้ หมำยผลสำเร็จตำ่ งๆ ท่จี ะ สำมำรถนำมำใชบ้ ริหำรงำน เพ่ือผลสำเร็จร่วมกนั ทั้งสองฝำ่ ย คือ ฝ่ำยบริหำร และฝำ่ ยปฏบิ ัติ 3). กำรจัดระบบกำรบรหิ ำรงำนในข้ันปฏิบัตทิ ดี่ ีพร้อม นน่ั คอื กำรใชร้ ะบบกำรวัดผล ประเมนิ ผล กำรจงู ใจทรัพยำกรบุคคล ตลอดจนระบบกำรควบคุม เพอ่ื ใช้เปน็ เคร่ืองมือที่เหมำะสมสำหรบั กำรเสริมสร้ำง ประสิทธภิ ำพผลผลติ ใหส้ ูงขึน้ ได้ตลอดเวลำ องค์กำรทีม่ ีผลกระทบตอ่ กำรรับรูท้ ีน่ ำไปสูก่ ำรลงควำมเหน็ เกีย่ วกบั บรรยำกำศขององค์กำรโดยรวม 6 ประกำร คอื 1). ควำมสำคัญของมนุษย์ในองค์กำร สมำชิกขององค์กำรจะร้สู กึ ว่ำพวกเขำสำมำรถปฏบิ ตั ติ ำม แนวทำงที่พวกเขำปฏิบัติอยู่มำกเท่ำไร พวกเขำจะมีควำมพึงพอใจบรรยำกำศขององค์กำรโดย ส่วนรวมมำกข้นึ 2). กำรสง่ ข่ำวสำรในองค์กำร สมำชกิ ขององคก์ ำรรสู้ ึกว่ำพวกเขำสำมำรถปฏบิ ตั ติ ำม แนวทำงที่ พวกเขำปฏิบัติอยู่ และบุคคลอ่ืนสำมำรถปฏบิ ตั ิตำมแนวทำงเดียวกับท่ีพวกเขำปฏิบตั ิอยู่ กำรสง่ ข่ำวสำร เพยี งพอมำกเท่ำไร พวกเขำจะพงึ พอใจบรรยำกำศขององค์กำรโดยรวมมำกข้นึ 3). วธิ ีกำรตดั สนิ ใจ สมำชกิ ขององค์กำรร้สู ึกว่ำกำรกระทำของพวกเขำและกำรกระทำของบุคคล อ่ืนมีมลู เหตุจำกวธิ ีกำรตดั สินใจท่ีดี พวกเขำจะมีควำมพงึ พอใจบรรยำกำศขององคก์ ำรมำกข้นึ 4). วธิ กี ำรจงู ใจ สมำชกิ ขององคก์ ำรรู้สกึ ว่ำกำรกระทำของพวกเขำ และกำรกระทำของบุคคลอื่น มกี ำรจูงใจในทำงทีด่ ี พวกเขำจะพึงพอใจบรรยำกำศขององค์กำร 5). เทคโนโลยแี ละทรพั ยำกร ถ้ำหำกว่ำสมำชกิ ขององคก์ ำรพจิ ำรณำวำ่ วสั ดุและอปุ กรณ์ ตลอดจนระเบียบวิธปี ฏิบัตขิ ององค์กำรมีควำมทนั สมัย และรกั ษำสภำพให้ใช้งำนได้ ทำให้พวกเขำสำมำรถ ปฏบิ ตั ิงำนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ พวกเขำจะมีควำมพึงพอใจบรรยำกำศขององคก์ ำร 6). อทิ ธิพลจำกเบอื้ งลำ่ งสเู่ บ้ืองบน สมำชิกขององค์กำรจะมคี วำมพึงพอใจบรรยำกำศของ องค์กำรมำกกว่ำ ถำ้ หำกพวกเขำรูส้ ึกว่ำพวกเขำมีอิทธพิ ลบำงอย่ำงต่อสิง่ ท่ีเกดิ ขึน้ ภำยในแผนกของพวกเขำ และสมำชกิ ขององค์กำรจะมคี วำมพึงพอใจในบรรยำกำศขององค์กำรน้อยลง ถ้ำพวกเขำรู้สึกวำ่ พวกเขำไม่ สำมำรถมีอทิ ธิพลต่อบคุ คลที่บงั คับบญั ชำพวกเขำอย เพมิ่ เติมว่ำบรรยำกำศในองคก์ ำร จะนำไปส่คู วำมพงึ พอใจในกำรทำงำน เมื่อบุคลำกรมี ควำมสมั พันธ์อันดีระหวำ่ งกนั มคี วำมเขำ้ ใจในวัตถุประสงค์ขององค์กำรเป็นอย่ำงดี มคี วำมไวเ้ น้ือเชื่อใจกนั และ

กนั สงู ยอ่ มสง่ ผลถึงกำรมีบรรยำกำศในกำรทำงำน มคี วำมพึงพอใจในกำรทำงำนมำกขน้ึ ผลงำน ดขี ึ้น โดยท่ี บคุ ลำกรไมเ่ บอ่ื หน่ำยในกำรทำงำน และปฏบิ ตั หิ นำ้ ที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมำยไดเ้ ปน็ อยำ่ งดี กำรสรำ้ งบรรยำกำศในองค์กำรกบั ควำมก้ำวหน้ำของบุคลำกร และกำรพฒั นำองค์กำรจำเปน็ ต้องมลี ำดับขนั้ ตอนในกำรดำเนินงำน เพ่ือนำไปสคู่ วำมสำเร็จขององค์กำร ซึง่ พอสรปุ ไดด้ ังต่อไปน้ี 1). องค์กำรควรจะกำหนดแผนระยะยำว ซง่ึ ในแผนนนั้ จะต้องมีเปำ้ หมำย และวัตถุประสงค์ เฉพำะเจำะจง รดั กมุ ชดั เจน 2). องค์กำรจะต้องกำหนดควำมต้องกำรดำ้ นกำลังคนจำกวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ำหมำย เพ่อื บุคลำกรปจั จบุ นั จะไดเ้ ตรยี มตวั หรืออำจแสวงหำควำมร้เู พิม่ เตมิ เพ่ือควำมก้ำวหน้ำในกำรทำงำนของเขำ 3). องค์กำรควรทำกำรสำรวจบคุ ลำกรท่ีมีอยู่ เพ่อื จะไดร้ ้วู ำ่ ปัจจุบนั มกี ำลังคนทมี่ ีลักษณะและ คุณสมบตั ิอย่ำงไร 4). องค์กำรควรคำนึงถงึ กำลังคนทมี่ ีอยู่ปจั จุบัน กบั ควำมตอ้ งกำรกำลังคนขององค์กำรใน กิจกำรงำนที่สำคัญตำ่ งๆ เพอ่ื จะได้จดั คนใหเ้ หมำะสมกบั งำนหรอื หนำ้ ท่ี 5). องค์กำรควรจะกำหนดโครงกำรฝกึ อบรมตำมควำมต้องกำร เพื่อส่งเสริมบคุ ลำกรใหม้ ี ควำมกำ้ วหนำ้ ในกำรทำงำน หรือปรบั ตัวให้ทนั กบั เทคโนโลยสี มยั ใหม่ หรือกำรสรรหำบคุ ลำกรเพ่มิ เตมิ ตำม ควำมจำเป็นขององค์กำร 6). องค์กำรควรจะส่ือสำรบอกกล่ำวให้บุคลำกรรู้ถึงควำมต้องกำรกำลังคนประเภทตำ่ งๆ เพ่ือใหบ้ ุคลำกรไดม้ ีควำมกระตือรือรน้ ในกำรพฒั นำตนเองเสมอ 7). องค์กำรควรจัดรบั สมัคร สัมภำษณ์ คัดเลอื ก และตระเตรียมบุคลำกรให้อย่ใู นสภำพพรอ้ มที่ จะทำงำน จัดทำคำบรรยำยลักษณะงำนไว้อยำ่ งชดั เจน วำงแผนงำนใหเ้ หมำะสมตำมสภำพกำลงั คนท่มี ีอยู่ และท่ีรบั เข้ำมำใหม่ 8). องค์กำรควรมีระบบตรวจสอบกำรสอื่ สำรภำยใน เพ่อื รักษำบรรยำกำศขององคก์ ำร ผูเ้ รียนแสดงควำมคดิ เหน็ วำ่ “บรรยำกำศในองค์กำร” นนั้ จะก่อใหเ้ กิดควำมพงึ พอใจและ กลยุทธ์ในกำร บริหำรองค์กำรอย่ำงไร พรอ้ มยกตวั อยำ่ งประกอบ

แบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยที่ 7 เรอ่ื ง กลยทุ ธ์กำรเพ่มิ ประสิทธิภำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรทำงำน ตอนท่ี 1 ใหเ้ ลอื กคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพยี งขอ้ เดียว 1. กลยทุ ธ์องค์กำร หมำยถึงข้อใด ก. กำรที่องค์กำรใช้เทคนิควธิ เี พื่อปรับตวั เองตำมกำรเปล่ยี นแปลงของสภำพแวดลอ้ ม ข. ควำมสัมพนั ธข์ องสภำพแวดล้อมกบั กลมุ่ ตำ่ งๆ ขององคก์ ำร ค. กลยุทธ์ในฐำนะเป็นเคร่ืองมอื ในกำรบริหำรองคก์ ำร ง. กำรจัดชุดทรพั ยำกรที่มีควำมเหมำะสมกบั องค์กำร 2. กลยุทธ์กำรบรหิ ำรท่ที รงประสิทธิภำพ หมำยถงึ ข้อใด ก. กำรใชว้ ธิ จี งู ใจเพื่อเพ่มิ ผลผลิต ข. กำรบริหำรท่สี ร้ำงประสิทธิภำพและประสิทธผิ ลให้เกดิ ขึ้นทุกแง่มมุ ทว่ั ทั้งองค์กำร ค. กำรเพ่ิมประสทิ ธภิ ำพโดยกำรเรยี นรเู้ อำชนะคู่แข่งขัน ง. กำรบริหำรแบบวำงแผนสมบรู ณ์ 3. ข้อใดหมำยถงึ บรรยำกำศในองค์กำร ก. กำรเพ่ิมประสิทธภิ ำพขององค์กำรโดยส่วนรวม ข. กำรอำศยั ระบบควบคุมโดยสร้ำงสรรค์ ค. กำรรับฟังควำมคิดเหน็ จำกเบอื้ งล่ำงสเู่ บื้องบน ง. กำรสรำ้ งแผนกลยทุ ธ์ในกำรพฒั นำองคก์ ำร 4. กำรบรหิ ำรทม่ี ีประสิทธภิ ำพโดยอำศยั เปำ้ หมำยเป็นเครื่องมือ จะสำเร็จไดน้ ัน้ จะต้องอำศัย คำตอบข้อใด ก. ผปู้ ฏิบัติงำนทมี่ ปี ระสิทธภิ ำพ ข. ผ้บู ริหำรท่มี พี รอ้ มดว้ ยภูมิปัญญำ ค. ผู้บรหิ ำรท่ีใช้กลยุทธท์ ่ียอดเยยี่ ม ง. ผูป้ ฏิบัตงิ ำนจะตอ้ งมีส่วนรว่ มพิจำรณำเปำ้ หมำยด้วย 5. กลยทุ ธก์ ำรบรหิ ำรทีท่ รงประสทิ ธภิ ำพ อนั ได้แก่ กำรบริหำรเชงิ รวม ซ่งึ เปน็ ควำมหมำยตำมข้อใด ก. กำรจดั ระบบกำรวำงแผนท่ีสมบูรณ์ ข. กำรเรียนรูเ้ ทคโนโลยแี ละทรพั ยำกร ค. ควำมเปดิ เผยในกำรส่ือสำรในองค์กำร ง. กำรใหก้ ำรสนับสนนุ และสร้ำงบรรยำกำศในองคก์ ำร

6. ขอ้ ใดหมำยถึงกำรสรำ้ งบรรยำกำศในองคก์ ำรกบั ควำมก้ำวหนำ้ ของบุคลำกร ก. จัดโครงสรำ้ งองค์กำรใหเ้ หมำะสมทนั สมยั เสมอ ข. องค์กำรควรจะกำหนดโครงกำรฝกึ อบรมตำมควำมต้องกำรของบุคลำกร เพ่ือส่งเสริมควำมก้ำวหนำ้ ของบุคลำกรในกำรทำงำน ค. กำรอำศัยกระบวนกำรรว่ มวำงแผนและตง้ั เปำ้ หมำยร่วมกนั ง. กำรอำศัยแผนกลยทุ ธ์ในกำรเสรมิ สร้ำงประสทิ ธิภำพ 7. คำวำ่ Effectiveness หมำยถึงข้อใด ก. กำรมีเป้ำหมำย ข. กำรมีค่ำนยิ ม ค. กำรมีประสทิ ธิผล ง. กำรมปี ระสิทธภิ ำพ 8. คำวำ่ Goal-Oriented Management หมำยถึงข้อใด ก. กำรบรหิ ำรแบบมุ่งหมำย ข. กำรบรหิ ำรแบบเป้ำหมำย ค. กำรบรหิ ำรแบบวัตถปุ ระสงค์ ง. กำรบริหำรแบบกลยุทธ์ 9. กำรจดั ระบบกำรวำงแผนที่สมบูรณ์ เพ่ือให้องค์กำรมีควำมเข้มแขง็ มรี ะบบกำรวำงแผนระยะยำว เพ่ือให้ บรรลุเปำ้ หมำยรว่ มกนั ทง้ั สองฝำ่ ย หมำยถึงข้อใด ก. ฝำ่ ยบรหิ ำรและฝ่ำยบุคคล ข. ฝำ่ ยบริหำรและฝำ่ ยปฏบิ ตั ิ ค. ฝำ่ ยปฏบิ ตั ิและฝ่ำยบคุ คล ง. ฝำ่ ยบรหิ ำรและฝำ่ ยวำงแผน 10. กำรบริหำรโดยใช้ MBO เป็นเครอ่ื งมือ หมำยถงึ ข้อใด ก. กำรบรหิ ำรโดยเนน้ เปำ้ หมำย ข. กำรบรหิ ำรโดยเนน้ กลยุทธ์ ค. กำรบรหิ ำรโดยเน้นคำ่ นิยม ง. กำรบรหิ ำรโดยเน้นปฏบิ ตั ิ

กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน - สอบถำมผเู้ รียนถึงกลยทุ ธก์ ำรเพิ่มประสทิ ธิภำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสรำ้ งบรรยำกำศใน กำรทำงำน 2. ขัน้ สอน - ครอู ธบิ ำยถึงควำมหมำย ของกลยทุ ธใ์ นองค์กำร - ครอู ธบิ ำยถงึ กำรจัดชุดของทรพั ยำกรท่ีจะใช้งำนในองค์กร - ครูอธิบำยถงึ กลยุทธใ์ นฐำนะเปน็ เครื่องมือใชจ้ ัดให้สภำพแวดล้อมสอดคล้องกบั ทรัพยำกร - ครูอธบิ ำยถึงกลยุทธก์ ำรบริหำรทีท่ รงประสิทธภิ ำพ - ครอู ธบิ ำยถงึ บรรยำกำศในองค์กำร - ครอู ธบิ ำยถงึ บรรยำกำศในองค์กำรและควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน - ครูอธิบำยถงึ กำรสรำ้ งบรรยำกำศในองค์กำรกับควำมกำ้ วหน้ำของบุคลำกร 3. ขัน้ สรุป - ครูให้ผู้เรียนรำยงำนสิ่งที่ได้สังเกตเห็นแลกเปลี่ยนกัน เปิดโอกำสให้ผู้เรียนซักถำม ผู้สอนเตรียม คำถำมไวก้ ระตนุ้ ให้ผู้เรยี นคิดดว้ ยผู้เรียนอภิปรำยแลกเปล่ียนควำมรู้ควำมคดิ ที่แตล่ ะคนได้รบั จำกกำรสำธิตของ ผ้สู อนและรว่ มกนั สรปุ กำรเรียนรู้ทไ่ี ด้รบั

งานท่มี อบหมาย/ผลงาน/ชิน้ งาน 1. ก่อนเรยี น - ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเรื่อง กลยทุ ธก์ ำรเพิ่มประสิทธภิ ำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำร สร้ำงบรรยำกำศในกำรทำงำน 2. ขณะเรยี น - ศกึ ษำเนื้อหำหนว่ ยท่ี 7 กำรกลยุทธก์ ำรเพ่ิมประสิทธภิ ำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสร้ำง บรรยำกำศในกำรทำงำน - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหวำ่ งเรยี น 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง กลยุทธ์กำรเพิม่ ประสิทธิภำพกำรทำงำนในองคก์ ำรด้วยกำรสรำ้ ง บรรยำกำศในกำรทำงำน - ศกึ ษำเพ่ิมเติมจำกบทเรียนออนไลน์ ( E-Learning ) ทเ่ี วบ็ ไซต์ E-Library วิทยำลยั เทคนคิ จนั ทบรุ ี ) 4. ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเร็จของผู้เรียน - สมดุ จดบนั ทึกเน้ือหำสำระกำรเรียนรู้ในช้ันเรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง กลยทุ ธ์กำรเพิ่มประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำนในองคก์ ำรดว้ ยกำรสรำ้ ง บรรยำกำศในกำรทำงำน ผ่ำนเกณฑร์ ้อยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของแบบทดสอบ สอ่ื การเรยี น/การสอน - Power Point เรือ่ ง กลยุทธก์ ำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสร้ำงบรรยำกำศ ในกำรทำงำน - ใบควำมรู้ เรอ่ื ง กลยุทธ์กำรเพ่ิมประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำนในองค์กำรดว้ ยกำรสร้ำงบรรยำกำศในกำร ทำงำน - ส่ือกำรสอนออนไลน์ ( E-Learning )

แหลง่ การเรยี นรู้ /สถานท่ี - สำนกั งำนบัญชี - สถำนประกอบกำร - สื่อกำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เว็บไซต์ E-Library วทิ ยำลยั เทคนคิ จนั ทบุรี การบูรณาการ/ความสมั พนั ธก์ ับวิชาอนื่ - กำรบญั ชเี บอ้ื งต้น 2 - กำรบญั ชีสินคำ้ - กำรบัญชีอตุ สำหกรรม การวัดและประเมนิ ผล 1. ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี นเร่ือง กลยทุ ธก์ ำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรทำงำนในองคก์ ำรด้วยกำรสร้ำง บรรยำกำศในกำรทำงำน 2. ขณะเรียน - แบบสังเกตขณะเรียน - แบบประเมนิ พฤติกรรมผู้เรียนตำมค่ำนยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประกำร 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง กลยุทธ์กำรเพิม่ ประสิทธิภำพกำรทำงำนในองค์กำรด้วยกำรสรำ้ ง บรรยำกำศในกำรทำงำน ผ่ำนเกณฑร์ ้อยละ 80 เปอร์เซน็ ต์ ของแบบทดสอบ กิจกรรมเสนอแนะ 1. ฝึกทักษะโดยทำกจิ กรรมใบงำน แบบฝกึ หัด 2. อำ่ นและทบทวนบทเรียน

แผนการจัดการเรยี นรหู้ น่วยที่ 8 จานวน 3 ชว่ั โมง รหัส 3001 - 1001 วิชา กำรบริหำรงำนคุณภำพในองคก์ ำร หน่วยกิต 3 ช่อื หน่วย กิจกรรมกลุ่มเพอ่ื เพ่มิ ประสทิ ธภิ พกำรทำงำน 1. สาระสาคัญ กจิ กรรมกลมุ่ คือ กำรทำงำนร่วมกนั โดยมีเป้ำหมำยคุณภำพรว่ มกนั เพือ่ เสรมิ สร้ำงประสิทธิภำพกำร ทำงำนประกอบดว้ ย กจิ กรรม 7 ส. เปน็ กจิ กรรมเพื่อควำมพรอ้ มและประสิทธภิ ำพของกำรทำงำน กจิ กรรม QCC เปน็ กิจกรรมทีบ่ คุ ลำกรร่วมกันคดิ แกไ้ ขปัญหำที่ได้พบ เพรำะเปน็ ปัญหำของกลมุ่ ท่ีจะนำไปสู่ปญั หำกำร ทำงำน หำกไมม่ ีกำรแก้ไขกจิ กรรมข้อเสนอแนะปรบั ปรุงงำน เปน็ กจิ กรรมท่ีส่งเสริมนโยบำยบรหิ ำรงำนอยำ่ งมี สว่ นร่วม ของบุคลำกรทุกคนในองค์กำร และกิจกรรมกำรบำรงุ รักษำแบบทวผี ลทุกคนมสี ่วนร่วม เพ่ือเพิ่ม ประสิทธภิ ำพ ของเทคโนโลยหี รอื เครอื่ งจกั ร 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรียนรู้ 1. แสดงควำมรู้เกยี่ วกับหลักกำรจัดกำรองค์กำร กำรบรหิ ำรงำนคุณภำพและเพ่ิมผลผลติ กำรจัดกำร ควำมเส่ยี ง กำรจดั กำรควำมขัดแยง้ กำรเพมิ่ ประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจัดกำรองค์กำร และเพม่ิ ประสิทธิภำพขององคก์ ำรตำมหลกั กำร 3. กำหนดแนวทำงจดั กำรควำมเสย่ี ง และควำมขัดแย้งในงำนอำชีพตำมสถำนกำรณ์ 4. เลือกกลยุทธเ์ พอ่ื เพ่ิมประสิทธภิ ำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบรหิ ำรงำนคณุ ภำพและเพ่ิมผลผลติ 5. ประยุกต์ใช้กจิ กรรมระบบคณุ ภำพและเพ่ิมผลผลิตในกำรจัดกำรงำนอำชีพ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. กิจกรรม 7 ส. 2. กิจกรรม QCC 3. กจิ กรรมข้อเสนอแนะปรบั ปรงุ งำน 4. กจิ กรรมกำรบำรุงรกั ษำแบบทวีผลทุกคนมีสว่ นรว่ ม 4. คณุ ธรรม/จรรยาบรรณวชิ าชพี ( Profession Ethic ) ตามคา่ นยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ 1. มกี จิ นิสัยในกำรทำงำน 2. มีควำมละเอยี ดรอบคอบ 3. มีควำมรับผิดชอบ

4. มีควำมซ่อื สัตย์ ตารางวิเคราะห์จุดประสงค์การเรยี นรู้ โดยบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทางสายกลาง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข หน่วยท่ี 8 ควำมรู้ คุณธรรม พอประมำณ เร่ือง กจิ กรรมกล่มุ เพ่ือเพม่ิ ประสทิ ธภิ พกำร ีมเหตุผล ีมภู ิม ุ้คมกัน ทำงำน รอบรู้ รอบคอบ ระ ัมดระวัง ่ืซอสัตย์ ุสจริต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญำ แบ่ง ัปน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. กิจกรรม 5 ส.    33    62 2. กิจกรรม QCC   71    71 3. กิจกรรมข้อเสนอแนะปรับปรุงงำน 4. กจิ กรรมกำรบำรุงรกั ษำแบบทวีผลทุกคนมี  ส่วนร่วม รวม 34 - 43 - 423 - 21 - 12 - 132 - ลาดบั ความสาคญั

แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 8 เร่อื ง กิจกรรมกล่มุ เพ่ือเพมิ่ ประสิทธิภพกำรทำงำน ตอนท่ี 1 ใหเ้ ลือกคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งที่สุดเพยี งข้อเดียว 1. กำรจดั ทำปำ้ ยเพื่อบอกถึงอุปกรณ์ตำ่ งๆ เป็นกจิ กรรมใดในกำรทำกิจกรรม 5 ส ก. สะสำง ข. สะดวก ค. สะอำด ง สขุ ลักษณะและสร้ำงนสิ ยั 2. ข้อใดคือสิง่ ท่ีเกิดข้นึ จำก สุขลักษณะ ก. มีพืน้ ทใ่ี นกำรทำงำนมำกขึ้น ข. มีควำมปลอดภยั ในกำรทำงำน ค. สำมำรถหำสิ่งของไดอ้ ย่ำงรวดเร็ว ง. มีควำมสุขในกำรทำงำน 3. วงจร PDCA เปน็ วงจรทสี่ ำมำรถพัฒนำองคก์ รในดำ้ นใด ก. พัฒนำคน ข. พฒั นำงำน ค. พัฒนำกจิ กรรมกำรทำงำน ง. พัฒนำผู้ร่วมกันทำงำน 4. ข้อใดหมำยถึงกจิ กรรม QCC ก กำรทำงำนด้วยควำมรว่ มมือรว่ มใจ ข. กำรทำงำนด้วยควำมมรี ะเบยี บวนิ ัย ค. กำรทำงำนดว้ ยควำมสำมคั คีกนั ง. กำรทำงำนด้วยควำมตั้งใจ 5. ข้อใดต่อไปน้เี ปน็ กำรพัฒนำทมี งำน ก. ใหก้ ำรยอมรบั และควำมเคำรพควำมเป็นสมำชิกในองค์กร ข. มีควำมสมัครใจ และร่วมใจทำงำนอยำ่ งตอ่ เนอ่ื ง ค. ให้โอกำสทกุ คนได้แสดงควำมคดิ เห็น ง. ใชก้ ำรระดมสมอง ให้เกดิ ควำมริเริม่ สร้ำงสรรค์ 6. กำรฝึกอบรม มีควำมสำคัญต่อกำรจัดกำรงำนอยำ่ งไร ก. สำมำรถสรำ้ งควำมตะหนักในกำรทำงำน ข. สำมำรถช่วยในกำรประเมินผลกำรทำงำน ค. สำมำรถชว่ ยปรบั ปรงุ งำนอย่ำงตอ่ เนื่อง ง. ช่วยให้สำมำรถรับค่ำจ่ำงกำรทำงำนท่ีเหมำะสม 7. กำรปรบั ปรุงงำนอย่ำงต่อเนือ่ งเกดิ จำกข้อใดมำกท่ีสุด ก. นโยบำยขององค์กำร ข. ควำมต้องกำรของลูกคำ้ ค. ควำมต้องกำรของพนักงำน ง. ควำมตอ้ งกำรของฝำ่ ยประเมนิ ผล 8. กำรใชแ้ ผนภูมิกำ้ งปลำวิเครำะห์สำเหตขุ องปัญหำ มวี ัตถุประสงค์ทสี่ ำคัญคืออะไร ก. มองเห็นปัญหำได้อย่ำงชดั เจนและเป็นระบบ ข. คนสว่ นใหญช่ อบกนิ ปลำและปลำมีกำ้ งมำก

ค. ทำให้กำรแสดงปัญหำนำ่ สนใจมำกข้ึน ง. เพรำะปลำมีมำกในเมืองไทย 9. ข้อใดไมใ่ ช่เป้ำหมำยของกำรบำรงุ รกั ษำแบบมีส่วนรว่ ม ก. ควำมคงทนถำวร ข. มคี วำมพร้อมใช้งำน ค. ลดคำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรซ่อมแซม ง. ลดเวลำกำรทำงำนของพนักงำนซ่อมบำรงุ 10. กจิ กรรม QCC พัฒนำมำจำกอะไร ก. SQC เป็น TQC เป็น QCC ข. TQC เป็น QCC เป็น SQC ค. SQC เป็น QCC เป็น TQC ง. TQC เป็น SQC เป็น QCC

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 เร่อื ง กจิ กรรมกลุ่มเพ่อื เพิม่ ประสิทธิภพกำรทำงำน กจิ กรรม 5 ส. คอื กจิ กรรมที่มงุ่ ปรับปรงุ สภำพและสถำนที่ทำงำน เพ่ือเอื้ออำนวยตอ่ กำร ปฏบิ ัติงำนอยำ่ งมปี ระสิทธิภำพ เกิดควำมปลอดภยั สร้ำงควำมม่นั ใจและภำคภมู ิใจแกพ่ นกั งำน และยังทำให้ ลกู คำ้ และชุมชนยอมรบั และใหค้ วำมเชอื่ มนั่ กับองคก์ ำร หรือหน่วยงำนดว้ ย กิจกรรม 7 ส. ยงั เปน็ กิจกรรม พ้ืนฐำนทนี่ ำไปสู่ระบบกำรประกนั คุณภำพขององค์กำร กจิ กรรม 5 ส. มาจากคาภาษาญ่ปี ุ่น 5 คา ไดแ้ ก่ Seri (เซริ) คือ กำรสะสำง Seiton (เซตง) คอื ควำมสะดวก Seiso (เซโซ) คือ ควำมสะอำด Seiketsu (เซเค็ทซึ) คือ สขุ ลกั ษณะ Shitsuke (ซิซเุ กะ) คอื สร้ำงนสิ ยั ปัจจุบันมีหลำยองค์กำร ไดเ้ พิ่มกิจกรรมขึ้นอีก 2 กิจกรรม คือ สร้ำงควำมประทับใจ และ ส่ิงแวดล้อมของ ชุมชน เพ่มิ เติมเก่ียวกับกิจกรรม 5 ส. กำรสะสำง คอื คดั แยกสง่ิ ของทีต่ ้องกำรออกจำกสิ่งของทไ่ี ม่ตอ้ งกำรใช้ และหำแนวทำงขจัดส่ิงท่ไี ม่ ต้องกำรนั้นอย่ำงเหมำะสม ควำมสะดวก คอื กำรจัดวำงอุปกรณ์และส่ิงต่ำงๆ ทจ่ี ำเป็นต้องใช้ให้เป็นระเบียบและเกิดควำมสะดวก เมอื่ ต้องกำรใช้ ควำมสะอำด คือ กำรดแู ลรักษำสถำนที่ทำงำน เครอื่ งมืออุปกรณ์ และสง่ิ ต่ำงๆ ในทีท่ ำงำนให้มีควำม สะอำด ปรำศจำกฝุ่นผง รอยเปือ้ น หยำกไย่ อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งจักรไดร้ บั กำรบำรงุ รักษำใหพ้ ร้อมใช้งำนเสมอ ขั้นตอนกำรทำควำมสะอำด สขุ ลักษณะ คือ กำรดแู ลรักษำสถำนทที่ ำงำน ใหม้ คี วำมปลอดภยั มกี ำรระบำยอำกำศที่ดี มีแสงสว่ำง เพียงพอ ปรำศจำกเสยี งและกลิน่ รบกวนสมำธิกำรทำงำน ปัจจบุ ันคือ หลกั กำรอำชวี -อนำมัย ทำให้พนักงำนมี ควำมพร้อมในกำรทำงำน และทำงำนอยำ่ งมีควำมสุข ควำมปลอดภยั และมีควำมมั่นใจ สรำ้ งนสิ ยั คือ กำรปฏิบัตกิ จิ กรรม 4 ส. ข้ำงตน้ อยำ่ งต่อเนื่อง และยงั ต้องรักษำระเบียบวนิ ยั ขององค์กำร อยำ่ งเคร่งครัดด้วย สร้ำงควำมประทบั ใจ คือ กำรบริกำรลกู ค้ำ หรอื หน่วยงำนท่ีเกยี่ วข้องด้วยควำมเตม็ ใจ และพร้อม ใหบ้ รกิ ำรเมื่อลูกค้ำต้องกำร กำรบริกำรมใิ ชจ่ ะมแี ต่เฉพำะฝ่ำยขำย หรอื ฝำ่ ยบรกิ ำร เท่ำน้ัน ในระบบ ควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งหนว่ ยงำน หรือควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงบคุ ลำกรย่อมมีกำรบรกิ ำรรวมอย่ใู นกำรทำงำนด้วย เช่น ฝำ่ ยกำรตลำดให้ขอ้ มูลแกฝ่ ำ่ ยผลิต ฝ่ำยผลติ ให้ขอ้ มลู กับฝำ่ ยจัดซือ้ ควำมเกี่ยวข้องกันด้วยข้อมูลกเ็ ปน็ ส่วน หนงึ่ ของกำรบริกำร

ข้ันตอนกำรดำเนินกิจกรรม 5 ส. ประกอบดว้ ย 1). จัดต้งั คณะกรรมกำรสง่ เสรมิ กิจกรรม 5 ส. ขององค์กำร 2). จัดตัง้ กล่มุ กจิ กรรม 5 ส. เพ่อื รบั ผิดชอบพนื้ ท่ีท่จี ัดแบ่งโดยคณะกรรมกำร 3). ประชุมกล่มุ กิจกรรม 5 ส. เพอ่ื วำงแผนกำรดำเนนิ งำนและเขยี นแผนกำรดำเนินงำน โดยใชว้ งจร คุณภำพ PDCA และกำหนดเป้ำหมำยของแผนงำนให้ตรงกับนโยบำยคุณภำพขององค์กำร 4). จดั ทำปำ้ ยประกำศกจิ กรรม 5 ส. ติดต้ังหนำ้ หนว่ ยงำนหรือพืน้ ทรี่ ับผิดชอบ 5). ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5 ส. ตำมแผนกำรดำเนนิ งำน 6). จัดทำรำยงำนผลกำรดำเนินงำน 7). เชิญผูต้ รวจประเมินมำทำกำรตรวจประเมิน บำงองคก์ ำรจะกำหนดกำรตรวจประเมินไว้ลว่ งหนำ้ 8). นำผลกำรตรวจประเมินมำวำงแผนปฏิบตั กิ ิจกรรม 5 ส. คร้ังตอ่ ไป กิจกรรม 5 ส. ได้อย่ำงไรบ้ำง โดยถ่ำยรูปภำพประกอบก่อนทำ 5 ส. และหลังทำ 5 ส. ดงั น้ี 1). หอ้ งนอน 2). ห้องครัว 3). หอ้ งนำ้ 4). บริเวณพักผ่อน 5). บริเวณอื่นๆ ท่จี ำเป็น ควำมหมำยและควำมเป็นมำของกิจกรรม QCC กจิ กรรม QCC คอื กิจกรรมท่ีสร้ำงควำมรว่ มมือรว่ มใจในกำรสรำ้ งผลงำนใหไ้ ด้คุณภำพตำมเปำ้ หมำย โดยกำรค้นหำจุดอ่อน และหำสำเหตแุ หง่ ปัญหำ แลว้ ระดมปญั ญำแก้ไข ปรับปรุง และวำงแผนคุณภำพอยำ่ ง เป็นระบบ

แบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยที่ 8 เรื่อง กิจกรรมกลุม่ เพ่ือเพ่ิมประสทิ ธิภพกำรทำงำน ตอนที่ 1 ใหเ้ ลือกคาตอบท่ถี ูกตอ้ งที่สุดเพียงข้อเดียว 1. กำรจดั ทำปำ้ ยเพ่ือบอกถึงอุปกรณ์ตำ่ งๆ เป็นกจิ กรรมใดในกำรทำกจิ กรรม 5 ส ก. สะสำง ข. สะดวก ค. สะอำด ง สุขลกั ษณะและสรำ้ งนิสยั 2. ขอ้ ใดคือส่งิ ทเี่ กดิ ขึ้นจำก สขุ ลักษณะ ก. มพี นื้ ท่ีในกำรทำงำนมำกขึ้น ข. มคี วำมปลอดภยั ในกำรทำงำน ค. สำมำรถหำสิง่ ของได้อยำ่ งรวดเรว็ ง. มีควำมสุขในกำรทำงำน 3. วงจร PDCA เป็นวงจรที่สำมำรถพัฒนำองค์กรในด้ำนใด ก. พฒั นำคน ข. พัฒนำงำน ค. พฒั นำกิจกรรมกำรทำงำน ง. พฒั นำผู้ร่วมกันทำงำน 4. ขอ้ ใดหมำยถงึ กจิ กรรม QCC ก กำรทำงำนดว้ ยควำมร่วมมือร่วมใจ ข. กำรทำงำนด้วยควำมมีระเบียบวินัย ค. กำรทำงำนด้วยควำมสำมคั คีกัน ง. กำรทำงำนด้วยควำมต้ังใจ 5. ข้อใดต่อไปนเี้ ป็นกำรพัฒนำทมี งำน ก. ให้กำรยอมรับ และควำมเคำรพควำมเปน็ สมำชกิ ในองค์กร ข. มีควำมสมัครใจ และร่วมใจทำงำนอยำ่ งต่อเนอื่ ง ค. ให้โอกำสทุกคนไดแ้ สดงควำมคิดเหน็ ง. ใชก้ ำรระดมสมอง ให้เกดิ ควำมรเิ รม่ิ สร้ำงสรรค์ 6. กำรฝึกอบรม มคี วำมสำคัญตอ่ กำรจดั กำรงำนอยำ่ งไร ก. สำมำรถสรำ้ งควำมตะหนักในกำรทำงำน ข. สำมำรถช่วยในกำรประเมินผลกำรทำงำน ค. สำมำรถช่วยปรับปรงุ งำนอย่ำงตอ่ เน่ือง ง. ช่วยใหส้ ำมำรถรับค่ำจำ่ งกำรทำงำนทเี่ หมำะสม 7. กำรปรับปรุงงำนอย่ำงต่อเนือ่ งเกดิ จำกข้อใดมำกทสี่ ุด ก. นโยบำยขององค์กำร ข. ควำมต้องกำรของลูกค้ำ ค. ควำมต้องกำรของพนักงำน ง. ควำมต้องกำรของฝำ่ ยประเมินผล 8. กำรใช้แผนภมู ิกำ้ งปลำวเิ ครำะห์สำเหตุของปัญหำ มวี ัตถุประสงค์ทีส่ ำคัญคืออะไร ก. มองเหน็ ปัญหำได้อยำ่ งชดั เจนและเปน็ ระบบ

ข. คนส่วนใหญ่ชอบกนิ ปลำและปลำมีก้ำงมำก ค. ทำใหก้ ำรแสดงปัญหำน่ำสนใจมำกขึน้ ง. เพรำะปลำมีมำกในเมืองไทย 9. ขอ้ ใดไมใ่ ชเ่ ปำ้ หมำยของกำรบำรงุ รกั ษำแบบมสี ว่ นร่วม ก. ควำมคงทนถำวร ข. มคี วำมพร้อมใช้งำน ค. ลดค่ำใช้จ่ำยในกำรซ่อมแซม ง. ลดเวลำกำรทำงำนของพนักงำนซ่อมบำรงุ 10. กิจกรรม QCC พฒั นำมำจำกอะไร ก. SQC เป็น TQC เป็น QCC ข. TQC เป็น QCC เป็น SQC ค. SQC เป็น QCC เป็น TQC ง. TQC เป็น SQC เป็น QCC

กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น - สอบถำมผเู้ รยี นถึงกจิ กรรมกลมุ่ เพอ่ื เพิ่มประสิทธิภพกำรทำงำน 2. ขน้ั สอน - ครอู ธบิ ำยถงึ กิจกรรม 7 ส. - ครูอธบิ ำยถงึ กิจกรรม QCC - ครูอธิบำยถงึ กจิ กรรมขอ้ เสนอแนะปรับปรุงงำน - ครูอธบิ ำยถึงกิจกรรมกำรบำรุงรกั ษำแบบทวีผลทุกคนมสี ่วนรว่ ม 3. ขัน้ สรปุ - ครูให้ผู้เรียนรำยงำนส่ิงที่ได้สังเกตเห็นแลกเปลี่ยนกัน เปิดโอกำสให้ผู้เรียนซักถำม ผู้สอนเตรียม คำถำมไว้กระตนุ้ ให้ผู้เรยี นคิดด้วยผเู้ รียนอภิปรำยแลกเปล่ียนควำมรู้ควำมคิดท่แี ตล่ ะคนได้รบั จำกกำรสำธิตของ ผู้สอนและร่วมกันสรปุ กำรเรยี นร้ทู ่ีไดร้ ับ

งานที่มอบหมาย/ผลงาน/ชิน้ งาน 1. ก่อนเรียน - ใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรอื่ ง กิจกรรมกลุ่มเพื่อเพ่มิ ประสทิ ธิภพกำรทำงำน 2. ขณะเรยี น - ศึกษำเนื้อหำหน่วยท่ี 8 กจิ กรรมกลมุ่ เพื่อเพ่ิมประสิทธภิ พกำรทำงำน - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหวำ่ งเรียน 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง กจิ กรรมกลุ่มเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภพกำรทำงำน - ศกึ ษำเพิ่มเติมจำกบทเรยี นออนไลน์ ( E-Learning ) ท่ีเวบ็ ไซต์ E-Library วิทยำลัยเทคนิคจนั ทบุรี ) 4. ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเร็จของผูเ้ รียน - สมุดจดบนั ทึกเนื้อหำสำระกำรเรียนรู้ในชั้นเรยี น - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง กิจกรรมกลมุ่ เพื่อเพิ่มประสทิ ธภิ พกำรทำงำน ผ่ำนเกณฑ์รอ้ ยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของแบบทดสอบ สื่อการเรยี น/การสอน - Power Point เร่อื ง กจิ กรรมกลุม่ เพ่อื เพม่ิ ประสทิ ธิภพกำรทำงำน - ใบควำมรู้ เรอ่ื ง กิจกรรมกลุ่มเพ่ือเพิ่มประสทิ ธิภพกำรทำงำน - สือ่ กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) แหล่งการเรยี นรู้ /สถานท่ี - สำนกั งำนบัญชี - สถำนประกอบกำร - สอ่ื กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เวบ็ ไซต์ E-Library วิทยำลยั เทคนคิ จันทบรุ ี

การบรู ณาการ/ความสัมพนั ธก์ ับวชิ าอนื่ - กำรบัญชีเบอื้ งตน้ 2 - กำรบัญชสี นิ คำ้ - กำรบัญชีอตุ สำหกรรม การวดั และประเมนิ ผล 1. กอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี นเรื่อง กจิ กรรมกลมุ่ เพื่อเพม่ิ ประสทิ ธภิ พกำรทำงำน 2. ขณะเรียน - แบบสังเกตขณะเรียน - แบบประเมินพฤติกรรมผเู้ รียนตำมคำ่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประกำร 3. หลังเรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง กจิ กรรมกล่มุ เพ่ือเพิ่มประสิทธภิ พกำรทำงำน ผำ่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 80 เปอร์เซ็นต์ ของแบบทดสอบ กจิ กรรมเสนอแนะ 1. แนะนำใหฝ้ ึกทักษะในกิจกรรมใบงำน แบบฝึกปฏิบัติ เพ่ือฝกึ ทักษะในกำรเรยี นรู้ 2. อำ่ นและทบทวนเนือ้ หำ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook