Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนการบริหารคุณภาพภายในองค์การ

แผนการสอนการบริหารคุณภาพภายในองค์การ

Published by mu.kenika, 2020-05-29 03:23:25

Description: วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนออนไลน์เพื่อใช้สำหรับประกอบการเรียนวิชาการบริหารคุณภาพภายในองค์การ

Keywords: e-book,pubhtml5

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรูห้ น่วยท่ี 1 จานวน 3 ชว่ั โมง รหสั 3001 -1001 รายวิชา การบรหิ ารงานคณุ ภาพในองค์การ หน่วยกติ 3 ช่อื หน่วย องค์กำรและกำรจัดองค์กำร 1. สาระสาคญั กำรศึกษำวชิ ำกำรบัญชีหำ้ งหุ้นสว่ นเปน็ วิชำสำคญั ท่ีช่วยให้รจู้ กั พัฒนำทักษะ ควำมรู้ และ ควำมสำมำรถรวมทั้งสติปญั ญำเพือ่ แกป้ ัญหำ ผู้เรียนวิชำน้ีนอกจำกจะได้ควำมรู้ทถี่ ูกตอ้ งแลว้ ยังสำมำรถนำไป ประยุกต์ใช้เพอ่ื เป็นเคร่ืองมือท่ีสำคญั ในกำรแก้ปญั หำในชีวติ ประจำวันอีกดว้ ยกำรศึกษำวิชำกำรบริหำร คณุ ภำพในองคก์ ำรเปน็ วิชำท่ีเนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั เพื่อปลกู ฝังให้พฒั นำตนเองเข้ำสอู่ ำชพี อย่ำงสมำ่ เสมอ และ นำไปประยุกต์ใชใ้ นกำรทำงำนสำหรับชวี ิตประจำวนั ตอ่ ไป และยังเปน็ กำรให้ผู้เรยี นได้มโี อกำสฝกึ ทกั ษะควำม ชำนำญกำรเรียนรดู้ ้ำนควำมรู้ ควำมสำมำรถเพื่อมีส่วนร่วมในกำรเรียนอยำ่ งเต็มที่ เพ่ือพัฒนำทกั ษะ ควำมรู้ และควำมสำมำรถรวมทงั้ สตปิ ัญญำเพื่อแก้ปญั หำได้ ผู้เรียนวิชำน้ีนอกจำกจะได้ควำมรูท้ ่ีถูกตอ้ งแลว้ ยงั สำมำรถ นำไปประยุกตใ์ ชใ้ นงำนเพื่อเพ่ิมประสทิ ธิภำพของงำน และสำมำรถแก้ปัญหำในชีวติ ประจำวันอีกด้วย 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. แสดงควำมร้เู กยี่ วกบั หลักกำรจัดกำรองคก์ ำร กำรบริหำรงำนคณุ ภำพและเพม่ิ ผลผลติ กำรจดั กำร ควำมเสี่ยง กำรจดั กำรควำมขัดแยง้ กำรเพ่ิมประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจดั กำรองค์กำร และเพิม่ ประสิทธิภำพขององคก์ ำรตำมหลักกำร 3. กำหนดแนวทำงจดั กำรควำมเสี่ยง และควำมขัดแย้งในงำนอำชพี ตำมสถำนกำรณ์ 4. เลือกกลยทุ ธ์เพอ่ื เพ่ิมประสิทธิภำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบรหิ ำรงำนคุณภำพและเพ่ิมผลผลิต 5. ประยุกต์ใชก้ จิ กรรมระบบคณุ ภำพและเพ่มิ ผลผลติ ในกำรจัดกำรงำนอำชพี

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ควำมหมำยขององค์กำร 2. ลกั ษณะขององคก์ ำร 3. โครงสร้ำงขององค์กำร 4. ประเภทขององค์กำร 5. เป้ำหมำยขององค์กำร 6. กำรจดั องค์กำร 7. ควำมสำคญั ของกำรจัดองค์กำร 8. หลักกำรจัดองค์กำร 9. ขน้ั ตอนกำรจดั องค์กำร 4. คุณธรรม/จรรยาบรรณวิชาชพี ( Profession Ethic ) ตามคา่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการ 1. มกี จิ นิสยั ในกำรทำงำน 2. มีควำมละเอียดรอบคอบ 3. มคี วำมรบั ผดิ ชอบ 4. มคี วำมซอ่ื สัตย์

ตารางวเิ คราะห์จดุ ประสงค์การเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ทางสายกลาง 3 ห่วง 2 เง่อื นไข ควำมรู้ คุณธรรม จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ พอประมำณ ีมเหตุผล หน่วยท่ี 1 ีมภู ิม ุ้คมกัน รอบรู้ เร่อื ง องค์กำรและกำรจดั องค์กำร รอบคอบ ระ ัมดระวัง ่ืซอสัตย์ ุสจริต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญำ แบ่ง ัปน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. ควำมหมำยขององค์กำร   33 2. ลักษณะขององค์กำร 3. โครงสร้ำงขององค์กำร     6 2 4. ประเภทขององค์กำร 5. เปำ้ หมำยขององค์กำร    7 1 6. กำรจัดองค์กำร 7. ควำมสำคญั ของกำรจัดองคก์ ำร     6 2 8. หลกั กำรจัดองค์กำร 9. ข้นั ตอนกำรจัดองค์กำร     6 2 รวม     6 2 ลาดบั ความสาคญั    7 1     6 2     6 2 45 - 5223142 21 - 1443524

แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 1 เรื่อง องคก์ ำรและกำรจดั องค์กำร ตอนท่ี 1 ใหเ้ ลอื กคาตอบทีถ่ ูกตอ้ งที่สุดเพยี งข้อเดียว 1. องคก์ ำรทดี่ ำเนนิ กำรเพ่ือผลประโยชน์ทำงกำรค้ำและบริกำร โดยผลประโยชนห์ รอื กำไรจะตกแกบ่ ุคคลหรอื กลุ่มบุคคล เป็นองค์กำรประเภทใด ก. องค์กำรเอกชน ข. องค์กำรรำชกำร ค. องค์กำรทำงสังคม ง. องค์กำรปฐมภูมิ 2. สถำบนั กำรเงนิ โรงงำนอตุ สำหกรรม หำ้ งหุ้นส่วน จดั เปน็ องค์กำรประเภทใด ก. องค์กำรเอกชน ข. องคก์ ำรรำชกำร ค. องคก์ ำรทำงสงั คม ง. องค์กำรปฐมภูมิ 3. สมำคม ชมรม สโมสร จัดเป็นองค์กำรประเภทใด ก. องค์กำรรปู นยั ข. องคก์ ำรอรปู นยั ค. องค์กำรเอกชน ง. องคก์ ำรกำรกุศล 4. กำรกำหนดทิศทำงกำรดำเนนิ กำรขององค์กำร โดยคอยกำกบั แนวทำงปฏบิ ัติ เพอื่ ให้องคก์ ำรดำเนนิ งำนได้ อยำ่ งชดั เจน หมำยถึงข้อใด ก. กำรจัดองค์กำร ข. กำรกำหนดเป้ำหมำยองค์กำร ค. กำรกำหนดแนวทำงปฏบิ ัติ ง. ลักษณะขององคก์ ำรทด่ี ี 5. องค์กำรทเี่ ปน็ หนว่ ยงำนของรัฐ จัดตง้ั เพื่อใหบ้ ริกำรแก่ประชำชน หรอื เพ่ือควำมเจรญิ ของประเทศโดย ส่วนรวม หมำยถงึ ขอ้ ใด ก. เป้ำหมำยทำงเศรษฐกจิ ข. เปำ้ หมำยดำ้ นบรกิ ำร ค. เปำ้ หมำยดำ้ นสงั คม ง. เปำ้ หมำยด้ำนองคก์ ำร 6. องค์กำรสำมำรถปรบั ตัวให้เข้ำกบั สภำพแวดล้อมทเ่ี ปลีย่ นไปได้ง่ำย ตำมควำมจำเปน็ หมำยถงึ ข้อใด ก. ประโยชนด์ ้ำนผูบ้ รหิ ำร ข. ประโยชนด์ ้ำนผปู้ ฏบิ ตั ิ ค. ประโยชนด์ ้ำนผู้มำตดิ ต่อหรอื ลูกคำ้ ง. ประโยชนด์ ำ้ นองคก์ ำร 7. กำรมอบอำนำจทำได้ง่ำย ขจดั ปญั หำกำรเก่ยี งกันทำงำน หรอื ควำมรบั ผดิ ชอบ หมำยถึงข้อใด ก. ประโยชน์ดำ้ นผู้บริหำร ข. ประโยชน์ดำ้ นผูป้ ฏิบตั ิ ค. ประโยชน์ดำ้ นผู้มำติดต่อหรือลกู ค้ำ ง. ประโยชนด์ ำ้ นองค์กำร 8. ขอ้ ใดถูกต้องตำมคำกล่ำวนี้ “ควำมสัมพันธ์ตำมลำดับขน้ั ระหวำ่ งผู้บังคับบญั ชำกบั ผู้ใต้บังคบั บญั ชำ เพอ่ื ให้ ทรำบว่ำกำรตดิ ต่อสอ่ื สำรมีทำงเดินอย่ำงไร” ก. สำยกำรบังคบั บญั ชำ ข. อำนำจกำรบงั คับบัญชำ

ค. กำรกระจำยอำนำจ ง. กำรแบง่ งำน 9. ข้อใดถูกต้อง แผนภมู ิแสดงตำแหนง่ และหนว่ ยงำนย่อย และบอกหนำ้ ท่ยี ่อๆ ของแตล่ ะตำแหนง่ ไว้ ก. แผนภูมโิ ครงสร้ำงหลัก ข. แผนภมู ิภำคปฏิบตั ิ ค. แผนภมู แิ สดงตัวบุคคล ง. แผนภูมแิ สดงตำแหน่งงำน 10. คำว่ำ Division of Work ตรงกับข้อใด ก. กำรดำเนนิ งำน ข. กำรกระจำยงำน ค. กำรควบคุมงำน ง. กำรแบง่ งำน

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง องคก์ ำรและกำรจดั องคก์ ำร เทคนคิ วิธีสอนแบบบรรยำย (Lecture Method) ด้วยกำรเล่ำอธิบำยให้ผู้เรียนเปน็ ผฟู้ งั และเปดิ โอกำสใหผ้ ู้เรยี นซักถำมปัญหำได้ในตอนทำ้ ยของกำรบรรยำยเก่ียวกบั ลักษณะขององค์กำรโดยทั่วไป ซ่ึงแบ่งออกเป็น 3 ลกั ษณะใหญๆ่ คือ 1). องค์กำรทำงสังคม เป็นองคก์ ำรที่มีวัตถุประสงคใ์ นกำรทำหนำ้ ท่ที ีเ่ กย่ี วข้องสมั พนั ธก์ ับสมำชกิ ในสงั คม ไดแ้ ก่ ครอบครวั มหำวิทยำลัย โรงเรยี น และกลุ่มกจิ กรรมตำ่ งๆ 2). องค์กำรทำงรำชกำร เป็นหน่วยงำนทำงรำชกำรต่ำงๆ ทท่ี ำหนำ้ ทีใ่ นทำงสำธำรณะ หรอื บริกำรประชำชน และเป็นองคก์ ำรที่มีระบบสลับซบั ซ้อนมำก ไดแ้ ก่ กระทรวง เทศบำล สุขำภิบำล และ องค์กำรตำ่ งๆ ทอ่ี ยใู่ นระบบรำชกำร 3). องคก์ ำรเอกชน เปน็ องค์กำรทมี่ ีกำรดำเนินกำรเพื่อผลประโยชน์ทำงกำรคำ้ และบริกำร โดย ผลประโยชนห์ รือกำไรจะตกแกบ่ ุคคลหรือกลุม่ บุคคลทีเ่ ปน็ เจ้ำของ ไดแ้ ก่ สถำบันกำรเงิน โรงงำนอุตสำหกรรม บริษทั ห้ำงหุ้นสว่ น เป็นต้น เทคนิควธิ สี อนแบบใชโ้ สตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เปน็ วธิ ีสอน ท่ีนำอปุ กรณ์โสตทศั น์วสั ดมุ ำช่วยพฒั นำคณุ ภำพกำรเรยี นกำรสอน โสตทศั น์วัสดดุ งั กลำ่ ว ได้แก่ Power Point เพือ่ แสดงใหผ้ ้เู รียนไดเ้ รยี นรโู้ ครงสร้ำงขององค์กำร เปน็ กำรมององค์กำรในลกั ษณะที่คงที่ ที่เก่ยี วกับ ควำมสัมพนั ธ์ และบทบำทหน้ำทที่ ีเ่ ปน็ ระบบ เพื่อกำรจัดกำรและบริหำรให้มีประสิทธภิ ำพสงู สุด เพ่ือ ควำมสำเรจ็ ขององค์กำร โครงสร้ำงขององค์กำรจะประกอบด้วยส่วนสำคัญดงั น้ี 1). มีเป้ำหมำยและวตั ถปุ ระสงค์ เป็นสิ่งทอี่ งค์กำรจะต้องกำหนดเอำไวใ้ นกำรจดั ตง้ั องคก์ ำร ว่ำ ตงั้ ขน้ึ มำเพ่ืออะไรบำ้ ง 2). มีภำรกิจหน้ำท่ี องคก์ ำรทุกประเภทจะต้องกำหนดภำรกจิ หนำ้ ท่ีอย่ำงชดั เจน โดยท่ัวไปแลว้ จะ กำหนดไวอ้ ย่ำงถำวร 3). มกี ำรแบ่งงำนกันทำ โดยมอบอำนำจหนำ้ ท่ีและควำมรบั ผิดชอบ เป็นกำรแบ่งงำนหรือจดั กลุม่ งำน แลว้ มอบหนำ้ ท่ีให้แต่ละคนหรอื แตล่ ะกลุม่ รบั ผิดชอบอย่ำงเป็นระบบ 4). มีสำยกำรบังคับบัญชำ เป็นกำรจดั ตำมควำมสัมพันธ์ของอำนำจหนำ้ ที่ และควำม รบั ผิดชอบ ตำมขอบเขตอำนำจหนำ้ ที่ควำมรับผิดชอบแต่ละคน หรอื แตล่ ะหนว่ ยงำน 5). มีชว่ งกำรควบคุม เปน็ เทคนคิ สำคญั ในกำรจดั องค์กำร เพอื่ แสดงใหเ้ หน็ วำ่ ใครมขี อบเขตอำนำจ หน้ำที่ และควำมรบั ผิดชอบเพียงใด มผี ใู้ ตบ้ ังคับบัญชำกค่ี น มหี น่วยงำนทอ่ี ยใู่ ต้ควำมรับผิดชอบกห่ี นว่ ย 6). มีควำมเอกภำพ หรอื ควำมเปน็ อนั หนึ่งอันเดียวกันในกำรบังคบั บญั ชำ เปน็ กำรจดั อำนำจกำร ควบคุมบังคบั บัญชำใหร้ วมอยู่กับบุคคลใดบุคคลหนง่ึ หรือคณะบคุ คลใดบุคคลหน่งึ อย่ำงชัดเจน เพ่ือกำรปฏบิ ตั ิ หน้ำทไ่ี มซ่ ้ำซอ้ นกนั และไม่ก้ำวกำ่ ยกัน

ประเภทขององค์กำร ไดแ้ ก่ 1). องค์กำรแบบปฐมและมธั ยม 1.1 องค์กำรแบบปฐม (Primary Organization) เป็นองค์กำรทเ่ี กิดขนึ้ ตำมธรรมชำติ โดย สมำชกิ ขององคก์ ำรมีควำมสนิทสนมคุ้นเคยกันดี และรปู แบบของควำมสมั พันธ์นั้นเปน็ ไปตำมลกั ษณะสว่ นตัว ไม่มีพิธรี ีตองและเป้ำหมำย เชน่ ครอบครวั เพื่อนบำ้ น 1.2 องค์กำรแบบมัธยม (Secondary Organization) เปน็ องค์กำรท่สี มำชกิ มคี วำมสัมพันธก์ นั อยำ่ งมเี หตุผล อนั เป็นผลสืบเนื่องมำจำกบทบำทท่ีกำหนดข้ึนไวภ้ ำยในองค์กำร ควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งสมำชกิ เป็นไปแบบไมเ่ ป็นส่วนตวั และวัตถุประสงค์ในกำรจดั ต้ังชัดเจน เชน่ หน่วยงำนทำงรำชกำร หน่วยงำนทำง เอกชน เป็นต้น 2). องค์กำรรปู นยั และอรปู นยั 2.1 องค์กำรรูปนัย หรือองค์กำรทเี่ ป็นทำงกำร (Formal Organization) เปน็ องค์กำรท่ีมี รูปแบบ มรี ะเบียบแบบแผนที่ชดั เจน เป็นองค์กำรทจี่ ดั ตัง้ ขึ้นตำมกฎหมำย มสี ำยกำรบงั คบั บัญชำ มีกำรแบง่ งำนกนั ทำตำมควำมสำมำรถของแตล่ ะบุคคล เพ่ือดำเนนิ กำรให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ี่ได้กำหนดไว้ 2.2 องค์กำรอรปู นยั คือ องค์กำรท่ีไม่เปน็ ทำงกำร (Informal Organization) เปน็ องค์กำรที่ เกิดขึ้นจำกควำมสัมพนั ธ์ของสมำชกิ ในองค์กำรทมี่ ีลักษณะเป็นส่วนตวั ไมเ่ ปน็ ทำงกำร ไมม่ ีโครงสรำ้ ง กฎ ระเบยี บ สำยกำรบังคบั บัญชำ และวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ชัดเจนแน่นอน โดยต้งั อยู่บน พืน้ ฐำนควำมพอใจ ควำมสมัคร ใจ และควำมศรทั ธำตำมธรรมชำติของมนุษย์ เช่น สมำคม ชมรม สโมสร เปน็ ต้น อภปิ รำยเปำ้ หมำยขององคก์ ำร ซึ่งแบง่ ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คอื 1). เป้ำหมำยทำงเศรษฐกิจหรือกำไร 2). เปำ้ หมำยเกยี่ วกบั กำรให้บรกิ ำร 3). เป้ำหมำยด้ำนสงั คม หลกั กำรจัดองค์กำร โดยมีหลักสำคัญดังนี้ 1). กำรกำหนดหนำ้ ท่ีกำรงำน กำรกำหนดหน้ำทขี่ องงำน (Function) นัน้ ขึน้ อย่กู ับวัตถปุ ระสงคข์ ององค์กำร หนำ้ ทกี่ ำรงำนและ ภำรกิจจงึ หมำยถึง กจิ กรรมที่ตอ้ งปฏิบตั ิ เพ่อื ใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ขององค์กำร หนำ้ ท่กี ำรงำนจะมีอะไรบำ้ ง มี กก่ี ล่มุ ขึน้ อยกู่ บั เป้ำหมำยขององค์กำร ลกั ษณะขององค์กำร และขนำดขององค์กำรดว้ ย 2). กำรแบ่งงำน กำรแบง่ งำน (Division of Work) หมำยถึง กำรแยกงำนหรอื รวมหน้ำทีก่ ำรงำนทีม่ ีลักษณะ เดียวกนั หรือใกลเ้ คียงกนั ไว้ด้วยกนั หรือแบ่งงำนตำมลักษณะเฉพำะของงำน แล้วมอบงำนนัน้ ๆ ใหแ้ ก่บุคคลที่ มีควำมสำมำรถหรอื ควำมถนัดในกำรทำงำนน้ันๆ โดยตัง้ เปน็ หน่วยงำนยอ่ ยขึ้นมำรบั ผดิ ชอบ 3). สำยกำรบังคับบัญชำ

3.1. จำนวนระดับชัน้ แตล่ ะสำยไมค่ วรให้มีจำนวนมำกเกนิ ไป จะทำให้ไม่สะดวกแก่กำร ควบคมุ อำจทำใหง้ ำนคัง่ ค้ำงได้ 3.2. สำยบงั คับบญั ชำควรมีลกั ษณะชดั เจนว่ำใครเปน็ ผู้มีอำนำจสง่ั กำร และสั่งไปยงั ผู้ใด และ จะมกี ำรรำยงำนต่อใคร มีทศิ ทำงเดนิ ไปในทิศทำงใด 3.3. สำยกำรบงั คับบญั ชำไม่ควรให้กำ้ วก่ำยกัน หรือซอ้ นกัน งำนอยำ่ งหนึง่ ควรมี ผรู้ บั ผิดชอบ เพยี งคนเดียว 4). อำนำจกำรบังคับบญั ชำ 4.1. กำรรวมอำนำจ (Centralization) หมำยถึง ระบบบริหำรที่รวมศูนย์อำนำจอยู่ที่ ผบู้ งั คับบัญชำ หรอื หน่วยงำนระดบั สงู เพยี งจดุ เดียว จะตดั สินใจเร่ืองใดต้องรอใหผ้ ้บู รหิ ำรระดับสูงตัดสินใจส่ังกำร ก่อนจงึ จะดำเนินกำรได้ ทำงำนไดล้ ำ่ ช้ำ ผูบ้ ริหำรระดบั ลำ่ งไม่ตอ้ งรับผดิ ชอบใดๆ จึงไม่มีควำมคดิ จะรเิ ร่มิ งำนหรือ พฒั นำงำนเท่ำที่ควร 4.2. กำรกระจำยอำนำจ (Decentralization) หมำยถึง ระบบบริหำรท่ีกระจำยอำนำจลงไป ใหผ้ ูบ้ ริหำรระดับล่ำง หรอื หน่วยงำนทอ้ งถ่นิ เปน็ ผตู้ ดั สินใจในหนำ้ ท่ีกำรงำนทตี่ นรบั ผิดชอบ โดยกระจำย อำนำจส่วนใหญล่ งไปให้ผู้บริหำรระดบั ล่ำงสำมำรถตดั สนิ ใจไดท้ นั ที 5). ชอ่ งกำรควบคมุ ช่องกำรควบคุมจะกว้ำงหรือแคบ ขน้ึ อยู่กบั องค์ประกอบดังต่อไปนี้ 5.1. ควำมสำมำรถของผู้ใต้บังคับบัญชำ 5.2. กำรได้รบั กำรฝึกฝนอบรมของพนักงำน 5.3. ควำมยุ่งยำกสลบั ซับซ้อนของงำน 5.4. ควำมสมั พนั ธก์ ับหน่วยงำนอ่นื 6). แผนภมู อิ งค์กำร 6.1. แผนภมู โิ ครงสร้ำงหลัก (Skeleton Chart) เป็นแผนภมู แิ สดงกำรจดั โครงสรำ้ งท้งั หมด ขององค์กำร วำ่ ประกอบดว้ ยหนว่ ยย่อยอะไร มีควำมสมั พันธก์ นั อยำ่ งไร หนว่ ยงำนย่อยใดข้ึนกบั หนว่ ยงำนใด 6.2. แผนภูมแิ สดงตัวบุคคล (Personnel Chart) เป็นแผนภูมิแสดงตำแหน่งและหนว่ ยงำน ยอ่ ย และบอกหนำ้ ทยี่ ่อๆ ของแตล่ ะตำแหน่งไว้ด้วย ผู้เรยี นอภิปรำยร่วมกนั เปน็ กลุ่มวำ่ ปจั จบุ ันองค์กำรรำชกำรใชห้ ลักกำรจัดองคก์ ำรแบบใด พรอ้ มทง้ั ให้ เหตผุ ลประกอบให้ชัดเจน ผู้เรียนสำรวจกำรจัดองค์กำรของหน่วยงำนประเภทสมำคม สถำบันกำรเงนิ แลว้ ใหส้ รุปหน่วยงำน เหล่ำนน้ั ประสบผลสำเรจ็ อย่ำงไร พร้อมอธบิ ำยเหตุผลประกอบ กำรจดั องคก์ ำรใหม้ ปี ระสทิ ธิภำพตำมทเี่ ออร์เนสต์ เดล ได้เสนอแนะไว้เบ้ืองต้น 3 ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1). กำรกำหนดรำยละเอียดของงำน เพือ่ ให้องค์กำรบรรลุเป้ำหมำยที่องค์กำรได้ต้ังขึ้นมำ เพือ่ ให้ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์อยำ่ งใดอย่ำงหนึง่ งำนต่ำงๆ ขององค์กำรยอ่ มมีมำกน้อยต่ำงกนั ตำมประเภท ลักษณะ และ ขนำดขององค์กำร กำรแจกแจงรำยละเอยี ดของงำนว่ำมีอะไร เปน็ สงิ่ จำเปน็

2). กำรแบง่ งำนให้แต่ละคนในองค์กำรได้รับผดิ ชอบตำมควำมเหมำะสม และตำมควำมสำมำรถ 3). กำรประสำนงำน เม่ือไดจ้ ัดแบง่ งำนให้แตล่ ะฝ่ำย แต่ละแผนกแล้ว ขน้ั ตอ่ ไป คือ กำรประสำนงำน ระหว่ำงแผนกตำ่ งๆ เพื่อให้กำรดำเนินงำนเปน็ ไปอย่ำงรำบร่ืน และบรรลเุ ปำ้ หมำยอย่ำงมีประสิทธภิ ำพ แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 1 เรือ่ ง องคก์ ำรและกำรจดั องค์กำร ตอนที่ 1 ใหเ้ ลอื กคาตอบทีถ่ ูกต้องที่สุดเพียงขอ้ เดียว 1. องค์กำรท่ีดำเนินกำรเพ่ือผลประโยชน์ทำงกำรค้ำและบริกำร โดยผลประโยชนห์ รือกำไรจะตกแก่บุคคลหรอื กลมุ่ บคุ คล เป็นองค์กำรประเภทใด ก. องค์กำรเอกชน ข. องคก์ ำรรำชกำร ค. องคก์ ำรทำงสงั คม ง. องคก์ ำรปฐมภูมิ 2. สถำบันกำรเงิน โรงงำนอุตสำหกรรม หำ้ งหุ้นส่วน จดั เป็นองค์กำรประเภทใด ก. องค์กำรเอกชน ข. องค์กำรรำชกำร ค. องคก์ ำรทำงสงั คม ง. องค์กำรปฐมภมู ิ 3. สมำคม ชมรม สโมสร จัดเปน็ องค์กำรประเภทใด ก. องค์กำรรูปนยั ข. องคก์ ำรอรปู นัย ค. องค์กำรเอกชน ง. องคก์ ำรกำรกุศล 4. กำรกำหนดทิศทำงกำรดำเนินกำรขององค์กำร โดยคอยกำกบั แนวทำงปฏบิ ัติ เพื่อให้องค์กำรดำเนนิ งำนได้ อยำ่ งชัดเจน หมำยถึงข้อใด ก. กำรจัดองคก์ ำร ข. กำรกำหนดเปำ้ หมำยองคก์ ำร ค. กำรกำหนดแนวทำงปฏิบัติ ง. ลักษณะขององค์กำรที่ดี 5. องคก์ ำรทเ่ี ป็นหน่วยงำนของรฐั จัดตัง้ เพื่อให้บริกำรแก่ประชำชน หรอื เพ่ือควำมเจรญิ ของประเทศโดย สว่ นรวม หมำยถึงขอ้ ใด ก. เป้ำหมำยทำงเศรษฐกิจ ข. เป้ำหมำยด้ำนบริกำร ค. เป้ำหมำยดำ้ นสังคม ง. เปำ้ หมำยด้ำนองคก์ ำร 6. องคก์ ำรสำมำรถปรับตวั ให้เข้ำกบั สภำพแวดลอ้ มทีเ่ ปล่ยี นไปได้ง่ำย ตำมควำมจำเป็น หมำยถงึ ข้อใด ก. ประโยชน์ด้ำนผบู้ รหิ ำร ข. ประโยชนด์ ้ำนผู้ปฏิบตั ิ ค. ประโยชนด์ ้ำนผู้มำตดิ ตอ่ หรอื ลูกคำ้ ง. ประโยชนด์ ้ำนองคก์ ำร 7. กำรมอบอำนำจทำไดง้ ่ำย ขจัดปญั หำกำรเกย่ี งกนั ทำงำน หรือควำมรับผิดชอบ หมำยถงึ ข้อใด ก. ประโยชนด์ ำ้ นผบู้ ริหำร ข. ประโยชนด์ ำ้ นผปู้ ฏบิ ัติ ค. ประโยชน์ดำ้ นผมู้ ำติดต่อหรอื ลูกค้ำ ง. ประโยชนด์ ำ้ นองค์กำร 8. ข้อใดถูกต้องตำมคำกล่ำวนี้ “ควำมสมั พนั ธ์ตำมลำดับขั้นระหวำ่ งผู้บังคบั บัญชำกับผูใ้ ต้บงั คับบญั ชำ เพื่อให้ ทรำบวำ่ กำรติดต่อสื่อสำรมีทำงเดินอยำ่ งไร”

ก. สำยกำรบงั คบั บญั ชำ ข. อำนำจกำรบงั คบั บัญชำ ค. กำรกระจำยอำนำจ ง. กำรแบง่ งำน 9. ข้อใดถูกต้อง แผนภูมิแสดงตำแหนง่ และหนว่ ยงำนย่อย และบอกหนำ้ ทีย่ ่อๆ ของแตล่ ะตำแหนง่ ไว้ ก. แผนภูมโิ ครงสร้ำงหลัก ข. แผนภูมภิ ำคปฏิบัติ ค. แผนภูมิแสดงตัวบุคคล ง. แผนภูมแิ สดงตำแหน่งงำน 10. คำวำ่ Division of Work ตรงกบั ข้อใด ก. กำรดำเนนิ งำน ข. กำรกระจำยงำน ค. กำรควบคุมงำน ง. กำรแบง่ งำน

กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรียน - สอบถำมผเู้ รยี นถึงองคก์ ำรและกำรจดั องค์กำร 2. ข้ันสอน - ครอู ธบิ ำยถงึ ควำมหมำยขององค์กำร - ครอู ธบิ ำยถงึ ลักษณะขององคก์ ำร - ครูอธบิ ำยถงึ โครงสรำ้ งขององค์กำร - ครอู ธิบำยถงึ ประเภทขององคก์ ำร - ครอู ธิบำยถงึ เป้ำหมำยขององค์กำร - ครอู ธบิ ำยถึงกำรจดั องคก์ ำร - ครอู ธบิ ำยถึงควำมสำคญั ของกำรจัดองค์กำร - ครูอธิบำยถงึ หลักกำรจดั องคก์ ำร - ครอู ธบิ ำยถงึ ข้ันตอนกำรจดั องค์กำร 3. ข้นั สรุป ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหำท่ีเรียน

งานท่ีมอบหมาย/ผลงาน/ชิ้นงาน 1. กอ่ นเรยี น - ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเรือ่ ง องค์กำรและกำรจดั องค์กำร 2. ขณะเรยี น - ศึกษำเนื้อหำหนว่ ยท่ี 1 องค์กำรและกำรจดั องค์กำร - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหว่ำงเรียน 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง องค์กำรและกำรจดั องคก์ ำร - ศึกษำเพ่มิ เติมจำกบทเรียนออนไลน์ ( E-Learning ) ท่เี วบ็ ไซต์ E-Library วิทยำลัยเทคนคิ จนั ทบุรี 4. ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเรจ็ ของผู้เรยี น - สมดุ จดบันทกึ เนื้อหำสำระกำรเรยี นรู้ในช้ันเรยี น - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง องค์กำรและกำรจัดองค์กำร ผ่ำนเกณฑ์ร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ ของ แบบทดสอบ สอ่ื การเรียน/การสอน - Power Point เรอ่ื ง องค์กำรและกำรจัดองคก์ ำร - ใบควำมรู้ เรื่อง องค์กำรและกำรจัดองค์กำร - สื่อกำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) แหลง่ การเรยี นรู้ /สถานที่ - สำนักงำนบญั ชี - สถำนประกอบกำร

- สอื่ กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เว็บไซต์ E-Library วทิ ยำลัยเทคนคิ จันทบุรี การบรู ณาการ/ความสมั พันธก์ บั วชิ าอืน่ - กำรบัญชีเบ้ืองตน้ 2 - กำรบัญชีสนิ คำ้ - กำรบญั ชอี ตุ สำหกรรม การวัดและประเมินผล 1. กอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี นเร่ือง องค์กำรและกำรจัดองค์กำร 2. ขณะเรยี น - แบบสงั เกตขณะเรยี น - แบบประเมนิ พฤติกรรมผเู้ รียนตำมค่ำนยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประกำร 3. หลังเรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ควำมรู้องค์กำรและกำรจัดองค์กำร ผ่ำนเกณฑร์ อ้ ยละ 80 เปอร์เซน็ ต์ ของแบบทดสอบ กิจกรรมเสนอแนะ 1. ผเู้ รยี นวำงแผนกำรศกึ ษำวิชำกำรบริกำรงำนคณุ ภำพในองค์กำร 2. ทำกิจกรรมใบงำน และทบทวนเนื้อหำ

แผนการจดั การเรียนรู้หนว่ ยท่ี 2 จานวน 3 ชวั่ โมง รหสั 3001 - 1001 วิชา กำรบรหิ ำรงำนคุณภำพในองคก์ ำร หนว่ ยกิต 3 ชื่อหน่วย กำรเพม่ิ ประสิทธิภำพในองค์กำร 1. สาระสาคญั ควำมมปี ระสิทธิผลขององค์กำร (Organizational Effectiveness) เป็นเรือ่ งที่สำคัญอย่ำงยิง่ ตอ่ กำร วิเครำะห์ และขัดเกลำพฤติกรรมทเ่ี กิดจำกกำรบรหิ ำรงำน วำ่ มีประสทิ ธภิ ำพมำกน้อยเพียงใด ควำมมี ประสิทธิผลขององค์กำร นจ้ี ะมขี นึ้ ไดน้ น้ั ยอ่ มขนึ้ อยู่กับเง่ือนไขทีว่ ่ำ องค์กำรสำมำรถทำประโยชนจ์ ำก สภำพแวดล้อมจนบรรลุผลสำเร็จ ตำมเปำ้ หมำยที่ตัง้ ไว้ แตส่ ิ่งทส่ี ำคัญที่อย่เู บ้ืองหลงั ควบคกู่ ันกับประสิทธิผลก็ คือ ควำมมปี ระสิทธภิ ำพ (Efficiency) หมำยถงึ กำรมสี มรรถนะสูง สำมำรถมรี ะบบกำรทำงำน สรำ้ งสม ทรัพยำกรและควำมมัน่ คงเก็บเกี่ยว ไวภ้ ำยในเพื่อกำรขยำยตัวตอ่ ไป และเพื่อเอำไปไวส้ ำหรับรองรับ สถำนกำรณ์ทอ่ี ำจเกดิ วิกฤตกำรณจ์ ำกภำยนอก ไดด้ ว้ ย ด้วยเหตุตำมท่ีกลำ่ วมำน้ีเอง ประสทิ ธิภำพขององค์กำรท่ีจะชี้วำ่ องค์กำรมีประสิทธิผลจริงหรอื ไม่ เพยี งใด จึงอยทู่ ี่เกณฑ์กำรวดั คือ กำรอยรู่ อด ซ่ึงจะเกดิ ข้นึ ได้ตอ่ เมื่อองค์กำรตอ้ งสำมำรถปรับตวั ต่อ สภำวกำรณแ์ ละ ส่ิงใหม่ๆ ท่เี กิดขนึ้ และสำมำรถมีประสทิ ธิภำพกำรปฏิบัตงิ ำนภำยในพร้อมกนั ไปด้วยเสมอ 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรียนรู้ 1. แสดงควำมรเู้ กี่ยวกับหลักกำรจดั กำรองค์กำร กำรบรหิ ำรงำนคณุ ภำพและเพ่ิมผลผลิต กำรจัดกำร ควำมเสี่ยง กำรจดั กำรควำมขัดแยง้ กำรเพ่มิ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจัดกำรองค์กำร และเพิ่มประสิทธภิ ำพขององคก์ ำรตำมหลกั กำร 3. กำหนดแนวทำงจัดกำรควำมเสยี่ ง และควำมขดั แย้งในงำนอำชีพตำมสถำนกำรณ์ 4. เลือกกลยุทธเ์ พ่อื เพม่ิ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบรหิ ำรงำนคณุ ภำพและเพิ่มผลผลิต 5. ประยุกต์ใชก้ จิ กรรมระบบคุณภำพและเพิ่มผลผลติ ในกำรจัดกำรงำนอำชีพ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกควำมหมำยของกำรเพ่ิมประสิทธิภำพในองคก์ ำรได้ 2. อธบิ ำยข้อแตกต่ำงของคำว่ำประสทิ ธผิ ลกบั ประสิทธภิ ำพได้ 3. บอกปรชั ญำและอดุ มกำรณ์กำรเพมิ่ ประสทิ ธิภำพในองคก์ ำรได้ 4. อธิบำยวธิ ีกำรใชต้ ัวเกณฑ์วัดประสทิ ธิภำพขององค์กำรได้

5. อธิบำยกำรสรำ้ งองค์กำรแหง่ คุณภำพได้ 4. คณุ ธรรม/จรรยาบรรณวิชาชีพ ( Profession Ethic ) ตามค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ 1. มีกจิ นสิ ัยในกำรทำงำน 2. มีควำมละเอียดรอบคอบ 3. มีควำมรบั ผิดชอบ 4. มคี วำมซื่อสตั ย์ ตารางวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ทางสายกลาง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3 ห่วง 2 เงอื่ นไข หนว่ ยท่ี 2 ควำมรู้ คุณธรรม พอประมำณ เร่ือง กำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรทำงำน มีเห ุตผล มีภูมิ ุ้คมกัน รอบรู้ รอบคอบ ระ ัมดระวัง ื่ซอ ัสตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิตปัญญำ แบ่งปัน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. บอกควำมหมำยของกำรเพิ่มประสิทธิภำพใน    33 องค์กำรได้    62 2. อธิบำยข้อแตกตำ่ งของคำว่ำประสิทธิผลกบั    71 ประสทิ ธิภำพได้    62 3. บอกปรชั ญำและอุดมกำรณ์กำรเพม่ิ    62 ประสทิ ธิภำพในองค์กำรได้ 4. อธิบำยวธิ กี ำรใชต้ วั เกณฑว์ ัดประสทิ ธภิ ำพ ขององค์กำรได้ 5. อธิบำยกำรสรำ้ งองคก์ ำรแห่งคณุ ภำพได้ 6. บอกควำมสำเร็จขององค์กำรในยคุ    7 1 โลกำภวิ ัฒนไ์ ด้ รวม 2 3 - 3 2 - 3 1 2 - ลาดบั ความสาคญั 21 - 12 - 132 -

แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยที่ 2 เร่ือง กำรเพิ่มประสทิ ธภิ ำพในองค์กำร ตอนท่ี 1 ใหเ้ ลอื กคาตอบทถี่ ูกตอ้ งท่ีสดุ เพยี งข้อเดียว 1. ขอ้ ใดกลำ่ วถงึ คำวำ่ ประสิทธิผลได้ถกู ต้อง ก. ควำมสำเร็จในควำมสำมำรถใช้ทรพั ยำกรได้อย่ำงเต็มท่ี ข. ควำมสำเรจ็ ในควำมสำมำรถดำเนนิ งำนกจิ กำรใหบ้ รรลุเปำ้ หมำยท่กี ำหนดไว้ ค. กำรเปรียบเทยี บกำรใช้ทรัพยำกรกับผลของงำนท่ีทำอยู่ปจั จบุ นั ง. กำรเปรยี บเทยี บควำมสำเร็จในกำรใชท้ รัพยำกร กับผลสำเรจ็ ของงำนตำมเป้ำหมำยขององค์กำร 2. ควำมมปี ระสทิ ธภิ ำพขององค์กำรแบบดั้งเดมิ ยงั คงขำดกำรวิเครำะห์ที่ไมล่ ึกซ้ึงเพยี งพอ โดยขำดกำร ประมำณกำรในเรื่องใด ก. ควำมสำเรจ็ ในเชงิ ปริมำณ ข. ควำมสำเร็จในเชิงคุณภำพ ค. เปำ้ หมำยของระยะเวลำ ง. เปำ้ หมำยของกำรแข่งขัน 3. ตัวเกณฑว์ ัดประสิทธภิ ำพขององคก์ ำรในข้อใด ทผี่ ู้บริหำรนิยมนำไปใช้ในกำรบรหิ ำรองคก์ ำร ก. เกณฑ์กำรบริหำรประสิทธภิ ำพเชิงระบบ ข. เกณฑว์ ดั ผลสำเร็จตำมเป้ำหมำย ค. เกณฑ์กำรบริหำรประสิทธิภำพตำมสภำพแวดลอ้ ม ง. เกณฑใ์ ชว้ ธิ กี ำรแขง่ ขนั คณุ ค่ำ 4. ระบบ TQM มีววิ ฒั นำกำรจำกประเทศใด ก. อังกฤษ ข. ญปี่ ุน่ ค. สวเี ดน ง. สหรัฐอเมริกำ 5. ระบบ TQM เรยี กช่ือเต็มวำ่ อะไร ก. ระบบบริหำรคณุ ภำพภำยในองค์กำร ข. ระบบกำรปรบั ร้ือองค์กำร ค. ระบบบริหำรคณุ ภำพทั่วทั้งองค์กำร ง. ระบบบรหิ ำรคณุ ภำพ ISO 9001 6. ระบบทีเ่ ป็นพ้ืนฐำนในกำรสรำ้ งวินยั ในองค์กำร โดยให้พนกั งำนกระทำด้วยตนเอง คือระบบใด ก. ระบบ 5 ส ข. ระบบ TQM ค. กลุ่ม QCC ง. วงจร PDCA 7. กล่มุ ระบบ QCC เป็นกิจกรรมทพ่ี นักงำนรว่ มมือกนั ทำงำนในองค์กำร โดยวธิ ีกำรทำงำนจะยดึ หลกั กำรของ ระบบบรหิ ำรแบบใด ก. ระบบ TQM ข. ระบบ 5 ส

ค. วงจร PDCA ง. ระบบ ISO 9000 8. กำรสร้ำงนิสยั แห่งคณุ ภำพใหบ้ ุคลำกรในองคก์ ำร เพื่อประสทิ ธิภำพขององค์กำร นสิ ัยแห่งคณุ ภำพประกำรท่ี 6 คอื อะไร ก. กำรทำงำนเป็นทีม ข. กำรมุ่งท่ีกระบวนกำร ค. กำรศกึ ษำและฝึกอบรม ง. กำรประกนั คุณภำพ 9. วงจร PDCA องคป์ ระกอบของคำ A (Act) คอื อะไร ก. กำรนำแผนไปปฏบิ ัติ ข. กำรแกไ้ ขข้อบกพร่อง ค. กำรตรวจสอบกำรปฏิบัตงิ ำน ง. กำรเขยี นแผนงำน 10. ควำมสำเรจ็ ขององคก์ ำรในยุคโลกำภิวตั น์ เปน็ ผลสำเรจ็ ท่อี งค์กำรจะต้องปรบั ตวั เองใหส้ อดคล้องเง่ือนไข ใหมๆ่ คืออะไร ก. สภำพแวดล้อม ข. เทคโนโลยี ค. กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ง. มนษุ ยสมั พนั ธ์

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง กำรเพิม่ ประสทิ ธภิ ำพในองค์กำร เทคนคิ กำรบรรยำยเพอ่ื อธิบำยควำมหมำยของกำรเพิ่มประสิทธภิ ำพในองคก์ ำร (Organization Efficiency) ซงึ่ หมำยถึง กำรเพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพขององค์กำร โดยกำรเปรยี บเทยี บทรัพยำกรทใ่ี ช้ไปกับผลท่ีได้ จำกกำรทำงำนว่ำดีขนึ้ อย่ำงไร แค่ไหน ในขณะท่ีกำลังทำงำนตำมเปำ้ หมำยขององคก์ ำร โดยหลักกำรแลว้ องค์กำรควรมีท้ังประสทิ ธผิ ลและประสทิ ธภิ ำพควบคู่กันไป แต่กป็ รำกฏว่ำได้เหน็ บอ่ ยครัง้ ว่ำ มีองค์กำรจำนวน มำกท่สี ำมำรถทำได้เพียงอยำ่ งใดอย่ำงหนง่ึ กล่ำวคือ องคก์ ำรบำงแห่งอำจทำให้มปี ระสทิ ธผิ ลบรรลเุ ปำ้ หมำยได้ แตก่ ลบั มีกำรใช้จ่ำยทรัพยำกรส้นิ เปลือง ซงึ่ อำจปรำกฏในรูปแบบต่ำงๆ กนั เช่น กำรต้องใชว้ ัตถุดบิ หรือวสั ดุ อุปกรณ์มำกเกินไป หรอื เกนิ ควำมจำเปน็ และรวมถึงกำรใช้แรงงำนคนอย่ำงส้ินเปลือง บอกข้อแตกตำ่ งของคำวำ่ ประสทิ ธผิ ลกบั ประสทิ ธภิ ำพ - ประสิทธิผล (Effectiveness) หมำยถึง ควำมสำเร็จในกำรทสี่ ำมำรถดำเนนิ กจิ กำรกำ้ วหนำ้ ไป และสำมำรถบรรลเุ ปำ้ หมำยต่ำงๆ ทีอ่ งค์กำรตง้ั ไว้ได้ - ประสทิ ธภิ ำพ (Efficiency) หมำยถึง กำรเปรียบเทียบทรัพยำกรท่ีใชไ้ ปกับผลทไี่ ดจ้ ำกกำรทำงำน ว่ำดขี ้ึนอยำ่ งไร แค่ไหน ในขณะทก่ี ำลงั ทำงำนตำมเป้ำหมำยขององค์กำร ปรัชญำและอุดมกำรณ์กำรเพ่ิมประสทิ ธภิ ำพในองคก์ ำร สำหรบั ตวั เกณฑ์ที่ใช้ศึกษำควำมมปี ระสิทธิภำพขององค์กำรที่ไดน้ ำมำใช้ John P. Campbell ได้ สรปุ ไว้ โดยประกอบดว้ ยตวั เกณฑต์ ำ่ งๆ 30 ตวั เกณฑ์ ดงั น้ี 1). ประสิทธผิ ลรวม 16). กำรวำงแผนและกำรกำหนดเป้ำหมำย 2). ผลผลิต 17). ควำมเห็นทสี่ อดคล้องกนั ของสมำชิกตอ่ เปำ้ หมำย 3). ประสิทธภิ ำพ 18). กำรยอมรบั ในเปำ้ หมำยขององค์กำร 4). กำไร 19). กำรเขำ้ กนั ได้ของบทบำทของสมำชกิ 5). คณุ ภำพ 20). ควำมสำมำรถในทำงมนุษยสัมพนั ธ์ของ ผู้บริหำร 6). อุบตั ิเหตุที่เกดิ 21). ควำมสำมำรถในส่วนงำน 7). กำรเติบโต 22). กำรบรกิ ำรขอ้ มูลและกำรติดตอ่ สอื่ สำร 8). กำรขำดงำน 23). ควำมพร้อมในด้ำนต่ำงท่ีมอี ยู่ 9). กำรลำออกจำกงำน 24). ควำมสำมำรถทำประโยชน์จำก สภำพแวดลอ้ ม 10). ควำมพอใจในงำน 25). ทัศนะและกำรสนับสนุนจำกกลุ่มตำ่ งๆ ภำยนอก

11). แรงจูงใจ 26). ควำมมนั่ คง 12). ขวญั และกำลงั ใจ 27). คุณค่ำของทรัพยำกรด้ำนบุคคล ของ องค์กำร 13). กำรควบคุม 28). กำรมสี ว่ นร่วมและกำรร่วมแรงรว่ มใจ 14). ควำมขัดแย้งและควำมสำมคั คบี ุคคล 29). ควำมตั้งใจและทุ่มเทในด้ำนกำรอบรมและ พัฒนำ 15). ควำมคล่องตัวและกำรปรบั ตวั 30). กำรมุ่งควำมสำเร็จ อธิบำยวิธีกำรใชต้ ัวเกณฑ์วดั ประสิทธภิ ำพขององค์กำร สำมำรถนำมำสรุปเป็นแนวทำงใหญ่ๆ สำคญั ๆ ดังน้ี 1). เกณฑ์วัดผลสำเร็จตำมเป้ำหมำย (The Goal-Attainment Approach) 2). เกณฑ์กำรบริหำรประสทิ ธภิ ำพเชงิ ระบบ (The Systems Approach) 3). เกณฑ์กำรบรหิ ำรประสิทธภิ ำพโดยอำศยั กลยทุ ธต์ ำมสภำพแวดลอ้ มเฉพำะส่วน กำรใชว้ ิธีกำรแขง่ ขนั คุณคำ่ (The Competing-Values Approach) วิธีกำรบริหำร องค์กำรใหม้ ี ประสิทธภิ ำพสงู วธิ ีหน่ึง ทีถ่ ือไดว้ ำ่ เปน็ วิธขี องกำรประเมนิ ประสิทธิภำพเปน็ เชิงรวม ซ่งึ จะอำศยั ชุดกำรแขง่ ขนั 3 ชุดด้วยกนั คอื 4.1 ชุดทเี่ ก่ยี วกับโครงสร้ำงองคก์ ำร แนวทำงท่เี นน้ โครงสรำ้ งองค์กำรที่คล่องตัว 4.2 ชุดที่เกยี่ วขอ้ งกับท่ีองคก์ ำรมงุ่ เน้น แนวทำงที่มุง่ เน้นถึงชวี ติ ควำมเป็นอยู่ท่ีดี และพฒั นำคน ท่อี ยู่ในองค์กำร 4.3 ชุดทเ่ี กย่ี วกับหนทำงและผลสุดทำ้ ย เปน็ แนวทำงพิจำรณำให้นำ้ หนักกับหนทำง หรอื กระบวนกำรทำงำนตำ่ งๆ ควบคูก่ บั พิจำรณำใหน้ ้ำหนกั ผลสำเร็จ ซึง่ เป็น ผลสุดท้ำย โดยท้ัง 3 ชุด จะแสดง ออกมำใหเ้ หน็ ตำมภำพขำ้ งลำ่ งน้ี กำรท่อี งค์กำรจะไปสู่คณุ ภำพนั้น จำเปน็ จะต้องปรับองค์กำร โดยทั่วไปนิยมใช้ 3 วิธี คอื 1). กำรลดตน้ ทนุ (Cost Reduction)

2). กำรเพ่ิมผลผลติ อย่ำงต่อเนอื่ ง (Continuous Productivity Improvement) 3). กำรปรับปรุงคุณภำพอย่ำงต่อเนื่อง (Continuous Quality Improvement) บอกนสิ ยั แห่งคุณภำพ มี 7 ประกำร ซึ่งมดี ังน้ี ประกำรที่ 1 : ควำมเป็นระเบียบเรยี บร้อย ประกำรท่ี 2 : กำรทำงำนเป็นทีม ประกำรท่ี 3 : กำรปรบั ปรุงอยำ่ งต่อเน่ือง ประกำรท่ี 4 : กำรมงุ่ ที่กระบวนกำร ประกำรที่ 5 : กำรศึกษำและฝกึ อบรม ประกำรท่ี 6 : ประกนั คุณภำพ ประกำรที่ 7 : กำรสง่ เสรมิ ให้พนกั งำนมีสว่ นรว่ ม กลยุทธก์ ำรบริหำรเชงิ คณุ ภำพ ซึ่งมีดังน้ี 1). วงจร PDCA หรือวงล้อ PDCA คือ วธิ ีกำรปฏบิ ัตงิ ำนที่เปน็ ขน้ั ตอน เพอ่ื ทำให้งำนเสร็จสมบรู ณ์ อย่ำง ถกู ตอ้ ง มปี ระสิทธิภำพ และเชอื่ ถือไว้ใจได้ วงจร PDCA จะประกอบด้วย กำรเขียนแผนงำน (Plan) กำรนำแผนงำนไปปฏบิ ัติ (Do) กำรตรวจสอบกำรปฏบิ ตั งิ ำน (Check) กำรแก้ไขข้อบกพร่อง (Act) โดยแสดงออกเป็นภำพได้ดงั น้ี หำกกระบวนกำรดำเนนิ งำนทั้ง 4 ขนั้ ตอนเป็นไปในลักษณะตอ่ เนอื่ ง และมีประสิทธภิ ำพ ย่อมทำให้กำร ปฏิบตั ิงำนต่ำงๆ ขององค์กำรมีคุณภำพ และบรรลุเป้ำหมำยทกี่ ำหนดไว้ทุกประกำร เชน่ เมือ่ ฝำ่ ยบรหิ ำร กำหนดนโยบำยและเป้ำหมำยกำรดำเนนิ กำร ฝำ่ ยปฏิบตั ิตอบสนองด้วยกำรใชว้ งจร PDCA ในกำรปฏบิ ตั งิ ำน โดยจะแสดงออกมำเป็นภำพไดด้ ังนี้

2). ระบบ 5 ส หรอื 5 S เปน็ ระบบกำรบรหิ ำรงำนทีม่ ีแนวทำงปฏบิ ัติ 5 อยำ่ ง โดยเนน้ ให้พนกั งำน กระทำด้วยตนเองอยำ่ งต่อเนื่อง จนกลำยเปน็ สว่ นหนงึ่ ของกำรทำงำน และชวี ิตประจำวัน ซึ่งเปน็ พนื้ ฐำนใน กำรสรำ้ งวินัยของคนไดเ้ ป็นอยำ่ งดี ระบบ 5 ส มำจำกภำษำญ่ีป่นุ คอื 2.1. SEIRI (เซริ) สะสำง SORT 2.2. SEITON (เซตง) สะดวก SYSTEMISE 2.3. SEISO (เซโซ) สะอำด SWEEP 2.4. SEIKETSU (เซเคทซุ) สุขลกั ษณะ SUSTAIN 2.5. SHITSUKE (ชทิ ซุเกะ) สรำ้ งนิสัย SELF DISCIPLINE โดยสำมำรถแสดงออกมำเปน็ ภำพไดด้ ังน้ี

3). กล่มุ ระบบ QCC (Quality Control Circle : QCC) หลักกำรของกลุ่มกจิ กรรม QCC 3.1. ทกุ คนในกลุ่มมีสว่ นรว่ มในกำรแก้ไขปัญหำและปรบั ปรุงงำน 3.2. กำรปฏิบตั กิ จิ กรรมเปน็ ไปตำมอสิ ระ โดยนำเคร่อื งมอื กำรแก้ปัญหำมำใช้ 3.3. มกี ำรควบคุมและติดตำม ตลอดจนดำเนินกำรปรบั ปรุงอย่ำงต่อเน่อื ง ข้นั ตอนกำรจัดทำกลมุ่ กจิ กรรม QCC 4). ระบบกำรปรบั ร้ือ (Re-engineering) เป็นเทคนคิ ท่ีเนน้ กำรปรับเปล่ียนวิธกี ำรทำงำนใหม่ แทน วิธีกำรทำงำนเก่ำ ใหส้ อดคล้องกับสภำพควำมเปลยี่ นแปลงทีเ่ กดิ ขนึ้ เพอื่ วตั ถุประสงค์ คือ ลดค่ำใชจ้ ่ำย เพม่ิ ประสิทธิภำพของงำน และบริกำรรวดเรว็ ทันควำมต้องกำรของลูกคำ้ ด้วยกำรใชเ้ ทคนคิ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ และกำรมีวิสัยทัศนท์ ี่กวำ้ งไกล นิยมใชใ้ นธรุ กิจทมี่ ีกำรผลติ หรือกำรบริกำรมำกๆ และต้องกำรควำมรวดเร็วและ ประหยดั เวลำ 5). ระบบ TQM (Total Quality Management) เป็นระบบกำรบรหิ ำรคุณภำพทวั่ ทัง้ องค์กำร ได้ ววิ ฒั นำกำรข้นึ ในประเทศสหรัฐอเมรกิ ำ เมื่อปี ค.ศ. 1980 เพอื่ ให้ทุกคนมสี ่วนรว่ มกันบริหำรองค์กำร และ สำมำรถแก้ปญั หำกำรทำงำนทเี่ ก่ียวข้องกบั ปัจจยั สำคญั 5 ประกำร คอื คุณภำพ (Quality) ตน้ ทุน (Cost) กำรส่งมอบ (Delivery) ควำมปลอดภยั (Safety) ขวญั กำลงั ใจ (Morale) ระบบ TQM มีคุณลักษณะทสี่ ำคญั 7 ประกำร คอื 5.1. ทุกคนมสี ่วนรว่ ม ตั้งแตป่ ระธำนบรษิ ัทลงมำจนถึงพนักงำนระดบั ล่ำง 5.2. มกี ำรปฏิบตั ิในทกุ แผนกงำน ไมเ่ ฉพำะแตใ่ นสำยงำนกำรผลิตเพยี งอยำ่ งเดยี วเทำ่ น้ัน

5.3. มีกำรปฏิบัตใิ นทุกๆ ข้นั ตอนของกำรทำธุรกิจ 5.4. ส่งเสรมิ ให้มคี วำมใส่ใจปรับปรุงมำตรฐำนกำรทำงำนในสว่ นอน่ื ๆ ท่วั ท้ังบรษิ ัทเพื่อใหว้ งลอ้ PDCA หมนุ ได้ไมห่ ยดุ ในกิจกรรมกำรทำงำน 5.5. ควบคุมและปรับปรงุ QCDSM คือ Quality, Cost, Delivery, Safety และ Morale 5.6. ให้ควำมสำคญั ต่อปรชั ญำ และวิธกี ำรแก้ไขปัญหำแบบควบคมุ คุณภำพ 5.7. ใช้ประโยชนจ์ ำกเครอ่ื งมือและวธิ ีปฏบิ ตั แิ บบควบคมุ คุณภำพ สอนเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั กำรทำหนำ้ ท่เี ป็นพลเมืองดีของสงั คมไทย รจู้ ักเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ต่อผู้อื่น

แบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยที่ 2 เร่ือง กำรเพมิ่ ประสิทธภิ ำพในองค์กำร ตอนท่ี 1 ใหเ้ ลอื กคาตอบทถี่ ูกตอ้ งท่ีสดุ เพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดกลำ่ วถงึ คำวำ่ ประสิทธิผลได้ถกู ต้อง ก. ควำมสำเร็จในควำมสำมำรถใชท้ รพั ยำกรได้อย่ำงเตม็ ที่ ข. ควำมสำเรจ็ ในควำมสำมำรถดำเนนิ งำนกิจกำรใหบ้ รรลุเป้ำหมำยทกี่ ำหนดไว้ ค. กำรเปรียบเทยี บกำรใช้ทรัพยำกรกับผลของงำนที่ทำอยู่ปจั จุบนั ง. กำรเปรยี บเทยี บควำมสำเร็จในกำรใช้ทรัพยำกร กับผลสำเรจ็ ของงำนตำมเป้ำหมำยขององค์กำร 2. ควำมมปี ระสทิ ธภิ ำพขององค์กำรแบบด้ังเดมิ ยังคงขำดกำรวิเครำะห์ที่ไมล่ กึ ซง้ึ เพียงพอ โดยขำดกำร ประมำณกำรในเรื่องใด ก. ควำมสำเรจ็ ในเชงิ ปริมำณ ข. ควำมสำเร็จในเชิงคณุ ภำพ ค. เป้ำหมำยของระยะเวลำ ง. เป้ำหมำยของกำรแขง่ ขัน 3. ตัวเกณฑว์ ัดประสิทธภิ ำพขององคก์ ำรในข้อใด ท่ผี ูบ้ ริหำรนิยมนำไปใชใ้ นกำรบรหิ ำรองค์กำร ก. เกณฑ์กำรบริหำรประสิทธภิ ำพเชงิ ระบบ ข. เกณฑว์ ดั ผลสำเร็จตำมเป้ำหมำย ค. เกณฑ์กำรบริหำรประสิทธิภำพตำมสภำพแวดล้อม ง. เกณฑใ์ ชว้ ธิ กี ำรแขง่ ขนั คณุ ค่ำ 4. ระบบ TQM มีววิ ฒั นำกำรจำกประเทศใด ก. อังกฤษ ข. ญปี่ ุน่ ค. สวเี ดน ง. สหรัฐอเมรกิ ำ 5. ระบบ TQM เรยี กช่ือเต็มวำ่ อะไร ก. ระบบบริหำรคณุ ภำพภำยในองค์กำร ข. ระบบกำรปรบั ร้ือองค์กำร ค. ระบบบริหำรคณุ ภำพทั่วทั้งองค์กำร ง. ระบบบรหิ ำรคณุ ภำพ ISO 9001 6. ระบบทีเ่ ป็นพ้ืนฐำนในกำรสรำ้ งวินยั ในองค์กำร โดยให้พนักงำนกระทำด้วยตนเอง คือระบบใด ก. ระบบ 5 ส ข. ระบบ TQM ค. กลุ่ม QCC ง. วงจร PDCA 7. กล่มุ ระบบ QCC เป็นกิจกรรมทพ่ี นักงำนร่วมมือกนั ทำงำนในองคก์ ำร โดยวิธกี ำรทำงำนจะยึดหลักกำรของ ระบบบรหิ ำรแบบใด ก. ระบบ TQM ข. ระบบ 5 ส

ค. วงจร PDCA ง. ระบบ ISO 9000 8. กำรสร้ำงนิสยั แห่งคณุ ภำพใหบ้ คุ ลำกรในองคก์ ำร เพ่อื ประสทิ ธภิ ำพขององค์กำร นิสัยแห่งคุณภำพประกำรที่ 6 คอื อะไร ก. กำรทำงำนเปน็ ทมี ข. กำรมงุ่ ท่ีกระบวนกำร ค. กำรศกึ ษำและฝึกอบรม ง. กำรประกนั คณุ ภำพ 9. วงจร PDCA องคป์ ระกอบของคำ A (Act) คืออะไร ก. กำรนำแผนไปปฏบิ ตั ิ ข. กำรแก้ไขข้อบกพร่อง ค. กำรตรวจสอบกำรปฏิบตั ิงำน ง. กำรเขียนแผนงำน 10. ควำมสำเรจ็ ขององค์กำรในยุคโลกำภวิ ัตน์ เป็นผลสำเรจ็ ทอี่ งค์กำรจะต้องปรับตัวเองให้สอดคล้องเง่ือนไข ใหมๆ่ คืออะไร ก. สภำพแวดล้อม ข. เทคโนโลยี ค. กำรค้ำระหวำ่ งประเทศ ง. มนุษยสมั พนั ธ์

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน - สอบถำมผู้เรยี นถึงกำรเพมิ่ ประสทิ ธิภำพในองค์กำร 2. ข้นั สอน - ครอู ธิบำยถึงควำมหมำยของกำรเพ่ิมประสทิ ธิภำพในองค์กำร - ครูอธิบำยถงึ ข้อแตกต่ำงของคำว่ำ ประสิทธิผลกับประสิทธิภำพ - ครอู ธิบำยถงึ ปรชั ญำและอดุ มกำรณ์กำรเพ่ิมประสิทธภิ ำพในองค์กำร - ครูอธบิ ำยถึงวธิ ีกำรใชต้ วั เกณฑว์ ดั ประสิทธิภำพขององค์กำร - ครอู ธิบำยถึงกำรสรำ้ งองคก์ ำรแห่งคุณภำพ - ครอู ธิบำยถงึ ควำมสำเร็จขององค์กำรในยุคโลกำภิวฒั น์ 3. ข้ันสรุป - ครูให้ผู้เรียนรำยงำนสิ่งท่ีได้สังเกตเห็นแลกเปลี่ยนกัน เปิดโอกำสให้ผู้เรียนซักถำม ผู้สอนเตรียม คำถำมไว้กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดด้วยผเู้ รียนอภิปรำยแลกเปลี่ยนควำมรู้ควำมคิดทแ่ี ต่ละคนได้รบั จำกกำรสำธิตของ ผสู้ อนและร่วมกนั สรุปกำรเรียนร้ทู ี่ได้รับ

งานท่มี อบหมาย/ผลงาน/ช้นิ งาน 1. กอ่ นเรียน - ใหผ้ ้เู รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเรื่อง กำรเพ่มิ ประสิทธิภำพในองคก์ ำร 2. ขณะเรยี น - ศกึ ษำเน้ือหำหน่วยที่ 2 กำรเพ่มิ ประสิทธิภำพในองค์กำร - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหวำ่ งเรยี น 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง กำรเพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพในองคก์ ำร - ศกึ ษำเพิ่มเติมจำกบทเรยี นออนไลน์ ( E-Learning ) ทีเ่ วบ็ ไซต์ E-Library วทิ ยำลัยเทคนคิ จนั ทบุรี 4. ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผเู้ รียน - สมดุ จดบนั ทกึ เน้ือหำสำระกำรเรียนรใู้ นชัน้ เรยี น - ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง กำรเพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพในองคก์ ำร ผ่ำนเกณฑ์ร้อยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของแบบทดสอบ สือ่ การเรียน/การสอน - Power Point เรื่อง กำรเพม่ิ ประสทิ ธิภำพในองค์กำร - ใบควำมรู้ เร่ืองกำรเพิ่มประสิทธิภำพในองคก์ ำร - สือ่ กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) แหลง่ การเรียนรู้ /สถานท่ี - สำนกั งำนบัญชี - สถำนประกอบกำร - สอ่ื กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เว็บไซต์ E-Library วิทยำลัยเทคนิคจันทบุรี

การบูรณาการ/ความสมั พันธก์ บั วชิ าอน่ื - กำรบญั ชีเบือ้ งต้น 2 - กำรบญั ชสี ินค้ำ - กำรบัญชอี ตุ สำหกรรม การวดั และประเมนิ ผล 1. ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียนเร่ือง กำรเพ่ิมประสทิ ธิภำพในองค์กำร 2. ขณะเรยี น - แบบสังเกตขณะเรยี น - แบบประเมนิ พฤติกรรมผ้เู รียนตำมคำ่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประกำร 3. หลังเรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง กำรเพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพในองค์กำร ผ่ำนเกณฑร์ ้อยละ 80 เปอรเ์ ซ็นต์ ของแบบทดสอบ กจิ กรรมเสนอแนะ 1. แนะนำให้ผเู้ รยี นอำ่ นทบทวนเนื้อหำเพม่ิ เตมิ 2. ทำกิจกรรมใบงำน และแบบฝึกหดั

แผนการจัดการเรยี นรหู้ นว่ ยท่ี 3 จานวน 3 ช่วั โมง รหัส 3001 - 1001 วิชา กำรบรหิ ำรงำนคุณภำพในองคก์ ำร หนว่ ยกติ 3 ชือ่ หน่วย วฒั นธรรมองค์กำร 1. สาระสาคญั เมอ่ื อำรยธรรมเจริญขน้ึ มนุษย์ไดร้ วมกลุ่มเปน็ สงั คมที่มีขนำดใหญแ่ ละซับซอ้ นขนึ้ มำตำมลำดบั โดยมี พฒั นำกำรจำกครอบครัวเปน็ หมู่บ้ำน หมูบ่ ำ้ นเปน็ เมือง เมืองเป็นรัฐ และรฐั เปน็ อำณำจักรส่งผลให้ปรมิ ำณและ ควำมซบั ซ้อนของงำนมีมำกข้ึนจนบุคคลเพียงคนเดยี วหรอื กลุม่ เดียวหรือกลุ่มเล็กๆ ไม่สำมำรถปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ย่ำงมี ประสิทธิภำพ มนุษย์จึงต้องมีกำรจดั แบ่งลำดับชัน้ และมีกำรแบง่ งำนกนั ทำ เพือ่ ให้กำรดำรงชพี สำมำรถดำเนนิ ไปอยำ่ งสะดวกกว่ำในอดตี กำรแบง่ งำนกนั ทำสง่ ผลใหค้ วำมสำมำรถในกำรผลิตสินค้ำและบรกิ ำรขยำยตวั มำก ขน้ึ ทง้ั ในดำ้ นปริมำณและคุณภำพ ตลอดจนระยะเวลำในกำรตอบสนองควำมต้องกำรที่สนั้ ลง นอกจำกนง้ี ำน หลำยประเภททสี่ ำมำรถกระทำไดโ้ ดยอำศยั กำรรว่ มแรงรว่ มใจและกำรจดั กำรที่มีประสิทธภิ ำพ เช่น กำรสร้ำง โครงสรำ้ งขนำดใหญ่ กำรชลประทำน กำรสรำ้ งนวตั กรรมทำงเทคโนโลยีขนั้ สูง เป็นต้น จำกทีก่ ลำ่ วมำขำ้ งต้นกจ็ ะมลี กั ษณะเหมือนกับวฒั นธรรมขององค์กำร ซงึ่ จดั เปน็ สังคมหนึง่ เชน่ กัน ท่ีมี วัฒนธรรมอยำ่ งเหนยี วแน่นสำหรับสมำชกิ ในกลมุ่ นั้นๆ ซึง่ จะแตกต่ำงกนั ออกไปแตล่ ะองคก์ ำรนน้ั ๆ แต่สิง่ ท่ี คล้ำยคลงึ กนั คอื กำรมเี อกลักษณะควำมเปน็ วัฒนธรรมขององค์กำรนนั้ ๆ - แนวคดิ วฒั นธรรมองค์กำร - องค์ประกอบองคก์ ำร - คณุ ลกั ษณะวัฒนธรรมองค์กำร - กำรส่งเสริมวฒั นธรรมองคก์ ำร 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรียนรู้ 1. แสดงควำมรูเ้ ก่ียวกบั หลักกำรจดั กำรองค์กำร กำรบริหำรงำนคุณภำพและเพ่มิ ผลผลิต กำรจัดกำร ควำมเส่ียง กำรจัดกำรควำมขัดแยง้ กำรเพ่ิมประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจดั กำรองค์กำร และเพิ่มประสิทธภิ ำพขององคก์ ำรตำมหลักกำร 3. กำหนดแนวทำงจัดกำรควำมเสีย่ ง และควำมขดั แย้งในงำนอำชพี ตำมสถำนกำรณ์ 4. เลอื กกลยุทธเ์ พือ่ เพมิ่ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบรหิ ำรงำนคุณภำพและเพิ่มผลผลิต 5. ประยกุ ตใ์ ชก้ ิจกรรมระบบคณุ ภำพและเพ่ิมผลผลติ ในกำรจดั กำรงำนอำชีพ

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ควำมหมำยวัฒนธรรมองค์กำร 2. แนวคดิ วฒั นธรรมองคก์ ำร 3. องค์ประกอบของวัฒนธรรมองคก์ ำร 4. คุณลกั ษณะวัฒนธรรมองค์กำร 5. ระดับวัฒนธรรมขององค์กำร 6. กำรส่งเสรมิ วัฒนธรรมองค์กำร 4. คุณธรรม/จรรยาบรรณวชิ าชีพ ( Profession Ethic ) ตามคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ 1. มีกิจนสิ ัยในกำรทำงำน 2. มีควำมละเอียดรอบคอบ 3. มีควำมรบั ผดิ ชอบ 4. มีควำมซอื่ สตั ย์ ตารางวิเคราะหจ์ ุดประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ทางสายกลาง จดุ ประสงคก์ ารเรียบนรู้ 3 ห่วง 2 เงอื่ นไข หน่วยท่ี 3 ควำมรู้ คุณธรรม พอประมำณ เร่อื ง สมกำรบญั ชี ีมเหตุผล มีภูมิ ุ้คมกัน รอบ ู้ร รอบคอบ ระมัดระวัง ่ืซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน มีสติปัญญำ แบ่งปัน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. ควำมหมำยวฒั นธรรมองค์กำร   33 2. แนวคิดวฒั นธรรมองคก์ ำร 3. องคป์ ระกอบของวฒั นธรรมองค์กำร     6 2 4. คุณลักษณะวัฒนธรรมองค์กำร 5. ระดับวฒั นธรรมขององค์กำร    7 1 6. กำรส่งเสริมวฒั นธรรมองค์กำร รวม     6 2    7 1     6 2 23 - 32 - 312 -

แบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยที่ 3 เรือ่ ง วัฒนธรรมองค์กำร ตอนที่ 1 ใหเ้ ลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดียว 1. ข้อใดกล่ำวถงึ วัฒนธรรมได้ถกู ต้อง ก. ค่ำนยิ มร่วมของพนักงำนในองค์กำร ข. วิถีชีวติ ของหม่คู ณะ ค. ค่ำนิยม งำนพิธี เร่ืองรำวท่ีกระตนุ้ ควำมรู้สึก ควำมผกู พันในบรรดำสมำชิกในองค์กำร ง. สมมตฐิ ำน ควำมเชอื่ และบรรทดั ฐำนร่วมกัน ทีผ่ ูกพันสมำชกิ ในองค์กำร 2. วัฒนธรรมองคก์ ำรเรยี กอกี อย่ำงหนึ่งวำ่ อย่ำงไร ก. ควำมเช่อื ทำงสงั คม ข. คำ่ นยิ มทำงสังคม ค. กำวทำงสงั คม ง. วฒั นธรรมทำงสงั คม 3. องคก์ ำรทีม่ ีควำมเขม้ แข็งจะมีองคป์ ระกอบตำมข้อใด ก. กำรมีสว่ นร่วมของพนกั งำนในองค์กำร ข. สภำพแวดลอ้ มทำงธุรกจิ ท่ีเหมำะสม ค. เครือข่ำยวัฒนธรรมทเ่ี ขม้ แข็ง ง. ค่ำนยิ มทยี่ ดึ ถือปฏบิ ัติ 4. ข้อใดหมำยถึงองคป์ ระกอบของวฒั นธรรมทเี่ ปน็ แกน ก. คำ่ นิยมหรือประเพณี ข. ประเพณหี รือควำมเชอื่ ค. ควำมเชอื่ หรอื วีรบุรุษ ง. ค่ำนยิ มหรอื ควำมเช่อื 5. โดยทั่วไปแล้ววัฒนธรรมองคก์ ำรจะแบง่ ได้ 2 ลักษณะ คือข้อใด ก. วัฒนธรรมพ้นื ฐำนกับวฒั นธรรมประยุกต์ ข. วัฒนธรรมท่ีสังเกตไดก้ ับวฒั นธรรมประเพณี ค. วัฒนธรรมทส่ี งั เกตไดแ้ ละวัฒนธรรมทเ่ี ปน็ แกน ง. วัฒนธรรมท่เี ป็นแกนกับวัฒนธรรมพื้นฐำน 6. องค์ประกอบของวฒั นธรรมองคก์ ำรตำมแนวคดิ ของดิสและเคนเนดี ได้เสนอแนวคดิ ไวต้ ำมข้อใด ก. สภำพแวดล้อมทำงธุรกจิ ข. วัฒนธรรม-ประเพณี ค. สญั ลักษณ์ ง. ค่ำนิยมแกน 7. เมื่อค่ำนยิ มและควำมเชือ่ ได้ถกู ยอมรบั ทัว่ ท้ังองค์กำร และพนักงำนกระทำตำมค่ำนยิ มเหลำ่ นแ้ี ล้วจะมผี ล ตำมข้อใด ก. สังคมจะมีควำมสมบูรณ์ ข. องค์กำรจะมีควำมเข้มแข็ง ค. บุคลำกรจงรกั ภกั ดีองคก์ ำร ง. สรำ้ งบรรทัดฐำนแกอ่ งค์กำร

8. วัฒนธรรมทสี่ งั เกตได้ หมำยถึงข้อใด ก. คำ่ นยิ ม-วฒั นธรรมองค์กำร ข. ควำมเชื่อ-ธรรมเนียมปฏบิ ัติ ค. ส่งิ ทีบ่ คุ คลมองเห็นและได้ยนิ หรือวถิ ีทำงของบุคคลในองค์กำร ง. ควำมชัดเจนดำ้ นนโยบำยและเป้ำหมำย 9. วฒั นธรรมขององค์กำรจะถูกถ่ำยทอดผำ่ นเครอื ข่ำยท่ไี ม่เปน็ ทำงกำร เร่ืองรำวของอุดมกำรณ์ อดุ มคติ และ วรี บรุ ุษขององค์กำรก่อนหน้ำนจ้ี ะถูกรบั ร้รู ่วมกันท้งั องค์กำร และระหว่ำงรนุ่ ของสมำชิกในองค์กำร หมำยถึงข้อ ใด ก. ค่ำนยิ ม ข. วีรบรุ ุษ ค. ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิ ง. เครอื ขำ่ ยทำงวฒั นธรรม 10. ควำมเช่ือทนี่ ำทำงค่ำนยิ มทสี่ รำ้ งรำกฐำนทำงสังคม ปรัชญำ เพอื่ ทิศทำงขององค์กำร โดยทว่ั ไปควำมเชอื่ จะสะท้อนให้เหน็ บุคลกิ ภำพและเปำ้ หมำยของผู้ก่อต้ัง หรือผบู้ รหิ ำรระดับสงู เป็นควำมหมำยตรงกับขอ้ ใด ก. คณุ ลกั ษณะของวฒั นธรรมองค์กำร ข. รำกฐำนทำงวัฒนธรรมองค์กำร ค. เครอื ขำ่ ยทำงวฒั นธรรมองคก์ ำร ง. ควำมเช่อื ท่ีเปน็ บรรทัดฐำนในองค์กำร

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่ือง วัฒนธรรมองค์กำร ควำมหมำยของวฒั นธรรม (Culture) โดยในมมุ มองของนักวชิ ำกำร ได้ให้ควำมหมำยไดด้ ังน้ี - สิ่งทีท่ ำใหเ้ จรญิ งอกงำมแกห่ มู่คณะ - วถิ ีชวี ิตของหม่คู ณะ - ลักษณะท่แี สดงถึงควำมเจริญงอกงำม ควำมเป็นระเบียบเรียบร้อย ควำมกลมเกลยี ว ก้ำวหนำ้ ของ ชำติ และศลี ธรรมอนั ดีของประชำชน - พฤตกิ รรมและสิง่ ท่ีคนในหมู่คณะสร้ำงข้นึ ดว้ ยกำรเรียนรู้ซ่ึงกันและกัน และรว่ มใช้ใน หมู่พวกของตน ถำ้ จะแปลตำมรปู ศัพท์ ก็จะไดว้ ำ่ ควำมเจรญิ ควำมงอกงำม คิดวฒั นธรรมองค์กำร โดยวัฒนธรรมองค์กำรน้ันถูกหยั่งรำกลึกในอดีต แตจ่ ะถูกกระทบจำกปัจจบุ ัน และควำม คำดหวงั ในอนำคต แนวคดิ ของวัฒนธรรมในองค์กำรจะมรี ำกฐำนมำกจำกมำนุษยวิทยำ วัฒนธรรม ขององค์กำรจะเป็นกำรสะสมของควำมเช่อื ค่ำนิยม งำนพิธี เรอื่ งรำว ตำนำน และภำษำพเิ ศษท่ี กระตุ้น ควำมรู้สึก ควำมผกู พันภำยในบรรดำสมำชิกในองค์กำร บุคคลบำงคนจะเรียกวัฒนธรรมของ องค์กำรว่ำเปน็ “กำวทำงสงั คม” ทจี่ ะผกู สมำชิกขององคก์ ำรเข้ำดว้ ยกัน สอนเรอื่ งองค์ประกอบของวัฒนธรรมองค์กำร ซึ่งในแนวคิดของดสิ และเคนเนดี ไดเ้ สนอแนะไว้ 5 ประกำร คอื 1). สภำพแวดล้อมทำงธรุ กิจ 2). คำ่ นิยม 3). วีรบุรษุ 4). ธรรมเนียมปฏบิ ัติ คณุ ลกั ษณะวัฒนธรรมองค์กำร ซงึ่ รำกฐำนรองรับของวัฒนธรรมองค์กำร คือ ควำมเชือ่ ท่ีนำทำง คำ่ นิยมท่สี ร้ำงรำกฐำนทำงสังคม ปรัชญำเพือ่ ทิศทำงขององค์กำรข้ึนมำ โดยทั่วไปควำมเชอ่ื จะสะท้อนใหเ้ ห็น บคุ ลกิ ภำพและเปำ้ หมำยของผู้กอ่ ตั้งหรือผูบ้ รหิ ำรระดบั สูง ควำมเช่อื เหล่ำน้จี ะกำหนดบรรทดั ฐำนเพื่อ พฤติกรรมประจำวนั ข้ึนมำภำยในองค์กำร เมอื่ ค่ำนยิ มและควำมเช่ือไดถ้ กู ยอมรบั ทั่วท้งั องคก์ ำร และพนักงำน กระทำตำมค่ำนยิ ม เหลำ่ นีแ้ ลว้ องคก์ ำรจะมคี วำมเขม้ แขง็ องคป์ ระกอบของวฒั นธรรมท่ีเขม้ แข็ง ดงั น้ี

แสดงรูปภำพประกอบกำรอธบิ ำยระดับวัฒนธรรมขององค์กำร กำรส่งเสรมิ วัฒนธรรมองค์กำร ซึ่งวัฒนธรรมองค์กำรจะกำหนดกำรกระทำของบุคคลภำยในองค์กำร ประสิทธิผลขององค์กำรหน่งึ จะไดร้ บั อิทธิพลจำกวัฒนธรรมองค์กำร ซง่ึ มีผลกระทบต่อหน้ำที่กำรจดั กำรในกำร วำงแผนกำรจัดองคก์ ำร กำรจัดบคุ คลเข้ำทำงำน และกำรควบคุม ซึ่งแสดงได้โดยภำพดงั น้ี

แบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยท่ี 3 เรอื่ ง วัฒนธรรมองค์กำร ตอนที่ 1 ใหเ้ ลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดียว 1. ข้อใดกล่ำวถงึ วัฒนธรรมได้ถกู ต้อง ก. ค่ำนยิ มร่วมของพนักงำนในองค์กำร ข. วิถีชีวติ ของหม่คู ณะ ค. คำ่ นิยม งำนพิธี เร่ืองรำวท่ีกระตนุ้ ควำมรู้สึก ควำมผูกพันในบรรดำสมำชิกในองค์กำร ง. สมมตฐิ ำน ควำมเชอื่ และบรรทดั ฐำนร่วมกัน ท่ผี ูกพนั สมำชิกในองคก์ ำร 2. วัฒนธรรมองคก์ ำรเรยี กอกี อย่ำงหนึ่งวำ่ อย่ำงไร ก. ควำมเช่อื ทำงสงั คม ข. คำ่ นยิ มทำงสังคม ค. กำวทำงสงั คม ง. วฒั นธรรมทำงสงั คม 3. องคก์ ำรทีม่ ีควำมเขม้ แข็งจะมีองคป์ ระกอบตำมข้อใด ก. กำรมีสว่ นร่วมของพนกั งำนในองค์กำร ข. สภำพแวดล้อมทำงธรุ กจิ ท่ีเหมำะสม ค. เครือข่ำยวัฒนธรรมทเ่ี ขม้ แข็ง ง. ค่ำนยิ มที่ยึดถือปฏิบัติ 4. ข้อใดหมำยถึงองคป์ ระกอบของวฒั นธรรมทเี่ ป็นแกน ก. ค่ำนิยมหรือประเพณี ข. ประเพณีหรือควำมเชื่อ ค. ควำมเชอื่ หรอื วีรบุรุษ ง. คำ่ นิยมหรือควำมเชื่อ 5. โดยทั่วไปแล้ววัฒนธรรมองคก์ ำรจะแบง่ ได้ 2 ลักษณะ คือข้อใด ก. วัฒนธรรมพ้นื ฐำนกบั วฒั นธรรมประยุกต์ ข. วัฒนธรรมท่ีสังเกตไดก้ ับวฒั นธรรมประเพณี ค. วัฒนธรรมทส่ี ังเกตไดแ้ ละวัฒนธรรมทเ่ี ปน็ แกน ง. วัฒนธรรมท่เี ป็นแกนกับวัฒนธรรมพื้นฐำน 6. องค์ประกอบของวฒั นธรรมองคก์ ำรตำมแนวคดิ ของดสิ และเคนเนดี ได้เสนอแนวคดิ ไวต้ ำมข้อใด ก. สภำพแวดล้อมทำงธุรกจิ ข. วฒั นธรรม-ประเพณี ค. สัญลักษณ์ ง. ค่ำนิยมแกน 7. เมื่อค่ำนยิ มและควำมเชือ่ ได้ถกู ยอมรบั ทัว่ ท้ังองค์กำร และพนักงำนกระทำตำมค่ำนยิ มเหล่ำนีแ้ ลว้ จะมผี ล ตำมข้อใด ก. สงั คมจะมีควำมสมบูรณ์ ข. องคก์ ำรจะมีควำมเข้มแขง็ ค. บคุ ลำกรจงรกั ภกั ดีองคก์ ำร ง. สรำ้ งบรรทัดฐำนแกอ่ งค์กำร

8. วัฒนธรรมทสี่ งั เกตได้ หมำยถึงข้อใด ก. คำ่ นยิ ม-วฒั นธรรมองค์กำร ข. ควำมเชื่อ-ธรรมเนียมปฏบิ ัติ ค. ส่งิ ทีบ่ คุ คลมองเห็นและได้ยนิ หรือวถิ ีทำงของบุคคลในองค์กำร ง. ควำมชัดเจนดำ้ นนโยบำยและเป้ำหมำย 9. วฒั นธรรมขององค์กำรจะถูกถ่ำยทอดผำ่ นเครอื ข่ำยท่ไี ม่เปน็ ทำงกำร เร่ืองรำวของอุดมกำรณ์ อดุ มคติ และ วรี บรุ ุษขององค์กำรก่อนหน้ำนจ้ี ะถูกรบั ร้รู ่วมกันท้งั องค์กำร และระหว่ำงรนุ่ ของสมำชิกในองค์กำร หมำยถึงข้อ ใด ก. ค่ำนยิ ม ข. วีรบรุ ุษ ค. ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิ ง. เครอื ขำ่ ยทำงวฒั นธรรม 10. ควำมเช่ือทนี่ ำทำงค่ำนยิ มทสี่ รำ้ งรำกฐำนทำงสังคม ปรัชญำ เพอื่ ทิศทำงขององค์กำร โดยทว่ั ไปควำมเชอื่ จะสะท้อนให้เหน็ บุคลกิ ภำพและเปำ้ หมำยของผู้ก่อต้ัง หรือผบู้ รหิ ำรระดับสงู เป็นควำมหมำยตรงกับขอ้ ใด ก. คณุ ลกั ษณะของวฒั นธรรมองค์กำร ข. รำกฐำนทำงวัฒนธรรมองค์กำร ค. เครอื ข่ำยทำงวฒั นธรรมองคก์ ำร ง. ควำมเช่อื ท่ีเปน็ บรรทัดฐำนในองค์กำร

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน - สอบถำมผเู้ รยี นถงึ วฒั นธรรมองคก์ ำร 2. ข้นั สอน - ครูอธบิ ำยถงึ ควำมหมำยวัฒนธรรมองค์กำร - ครูอธบิ ำยถึงแนวคิดวัฒนธรรมองค์กำร - ครอู ธบิ ำยถึงองคป์ ระกอบของวัฒนธรรมขององคก์ ำร - ครูอธบิ ำยถึงคุณลักษณะวฒั นธรรมองค์กำร - ครอู ธบิ ำยถงึ ระดับวัฒนธรรมขององคก์ ำร - ครูอธิบำยถงึ กำรสง่ เสริมวัฒนธรรมองค์กำร 3. ขนั้ สรุป - ครูให้ผู้เรียนรำยงำนสิ่งท่ีได้สังเกตเห็นแลกเปล่ียนกัน เปิดโอกำสให้ผู้เรียนซักถำม ผู้สอนเตรียม คำถำมไวก้ ระตนุ้ ใหผ้ ู้เรยี นคิดด้วยผู้เรียนอภิปรำยแลกเปลี่ยนควำมรคู้ วำมคิดท่แี ตล่ ะคนได้รบั จำกกำรสำธิตของ ผูส้ อนและร่วมกันสรปุ กำรเรียนรู้ทีไ่ ด้รบั

งานที่มอบหมาย/ผลงาน/ชิน้ งาน 1. กอ่ นเรยี น - ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเร่ือง วฒั นธรรมองค์กำร 2. ขณะเรียน - ศึกษำเน้ือหำหนว่ ยท่ี 3 วฒั นธรรมองค์กำร - ถำม – ตอบ ข้อคำถำมระหว่ำงเรยี น 3. หลงั เรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง วัฒนธรรมองค์กำร - ศึกษำเพิ่มเติมจำกบทเรียนออนไลน์ ( E-Learning ) ทีเ่ ว็บไซต์ E-Library วิทยำลยั เทคนคิ จนั ทบรุ ี 4. ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสาเร็จของผู้เรียน - สมดุ จดบนั ทกึ เน้ือหำสำระกำรเรยี นรใู้ นช้ันเรยี น - ทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง วัฒนธรรมองค์กำร ผำ่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของ แบบทดสอบ สื่อการเรยี น/การสอน - Power Point เร่อื ง วัฒนธรรมองค์กำร - ใบควำมรู้ เร่ือง วัฒนธรรมองคก์ ำร - สอ่ื กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) แหลง่ การเรียนรู้ /สถานท่ี - สำนักงำนบญั ชี - สถำนประกอบกำร - สอ่ื กำรสอนออนไลน์ ( E-Learning ) เวบ็ ไซต์ E-Library วิทยำลัยเทคนคิ จนั ทบรุ ี การบูรณาการ/ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอน่ื

- กำรบัญชเี บ้อื งตน้ 2 - กำรบญั ชสี นิ คำ้ - กำรบัญชอี ตุ สำหกรรม การวดั และประเมนิ ผล 1. ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง วัฒนธรรมองค์กำร 2. ขณะเรยี น - แบบสงั เกตขณะเรยี น - แบบประเมินพฤติกรรมผเู้ รียนตำมค่ำนิยมหลกั ของคนไทย 12 ประกำร 3. หลังเรียน - ทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง วฒั นธรรมองค์กำร ผ่ำนเกณฑร์ ้อยละ 80 เปอร์เซน็ ต์ ของ แบบทดสอบ กิจกรรมเสนอแนะ 1. ทำกจิ กรรมใบงำน 2. อำ่ นและทบทวนบทเรียน

แผนการจดั การเรียนรหู้ นว่ ยที่ 4 จานวน 3 ช่วั โมง รหัส 3001 - 1001 วิชา กำรบริหำรงำนคุณภำพในองคก์ ำร หน่วยกิต 3 ชอื่ หน่วย พฤติกรรมกำรทำงำน 1. สาระสาคญั ในกำรทำงำนของทุกคนคงเคยไดย้ นิ ประโยค “คำ่ ของคน อยู่ท่ผี ลงำน” คนไหนที่ทำงำนดีทำงำนเก่ง เรำจะรถู้ ึงคณุ ค่ำของเขำท่มี ีต่อองค์กำร ตอ่ ผบู้ งั คับบัญชำ ต่อหนว่ ยงำน ตอ่ เพือ่ นร่วมงำน ผลงำนเขำเปน็ เคร่ืองบง่ ช้วี ำ่ เขำมคี ำ่ แค่ไหน อย่ำงไร ควำมรูส้ กึ ทเ่ี ห็นคำ่ ของเขำนัน้ ควรเกดิ ขน้ึ ตลอดเวลำทเ่ี ขำทำงำน ซึง่ ก็ ข้ึนอยู่กับพฤติกรรมกำรทำงำนในองค์กำรของแต่ละคนแตกต่ำงกันออกไปตำมพฤติกรรมในองคก์ ำรแต่ละ หน้ำที่ ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน องค์ประกอบท่มี ผี ลตอ่ ควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน กำรสำรวจเพือ่ กำร วินิจฉัยงำน วธิ กี ำรเพิม่ ปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำน และงำนวิจัยเกี่ยวกบั ควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน สิง่ เหลำ่ นีจ้ ะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมกำรทำงำนในองคก์ ำรนัน้ ๆ โดยตรง 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. แสดงควำมรู้เกย่ี วกับหลักกำรจัดกำรองคก์ ำร กำรบรหิ ำรงำนคณุ ภำพและเพ่มิ ผลผลติ กำรจดั กำร ควำมเสี่ยง กำรจดั กำรควำมขัดแยง้ กำรเพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพกำรทำงำน 2. วำงแผนกำรจดั กำรองค์กำร และเพ่มิ ประสิทธิภำพขององค์กำรตำมหลักกำร 3. กำหนดแนวทำงจัดกำรควำมเส่ยี ง และควำมขดั แย้งในงำนอำชพี ตำมสถำนกำรณ์ 4. เลือกกลยทุ ธเ์ พ่อื เพมิ่ ประสิทธิภำพกำรทำงำนตำมหลักกำรบริหำรงำนคณุ ภำพและเพ่ิมผลผลติ 5. ประยุกตใ์ ชก้ ิจกรรมระบบคณุ ภำพและเพ่ิมผลผลติ ในกำรจดั กำรงำนอำชพี 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. พฤตกิ รรมในองคก์ ำร 2. ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน 3. ควำมหำยของควำมพึงพอใจในกำรทำงำน 4. ควำมสำคัญของควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน 5. องคป์ ระกอบทม่ี ีผลต่อควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน 6. วธิ กี ำรเพ่ิมปรับปรงุ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำน 7. กำรสำรวจเพ่ือกำรวินิจฉัยงำน

8. งำนวจิ ัยเก่ียวกับควำมพึงพอใจในกำรทำงำน 4. คุณธรรม/จรรยาบรรณวิชาชีพ ( Profession Ethic ) ตามค่านิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ 1. มกี จิ นิสัยในกำรทำงำน 2. มีควำมละเอียดรอบคอบ 3. มคี วำมรับผิดชอบ 4. มคี วำมซอื่ สัตย์

ตารางวิเคราะห์จุดประสงค์การเรยี นรู้ โดยบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ทางสายกลาง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข หนว่ ยที่ 4 ควำมรู้ คุณธรรม พอประมำณ เร่ือง พฤตกิ รรมกำรทำงำน ีมเหตุผล ีมภู ิม ุ้คมกัน รอบรู้ รอบคอบ ระ ัมดระวัง ่ืซอสัตย์ ุสจริต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญำ แบ่ง ัปน รวม ลาดับความสา ัคญ 1. พฤตกิ รรมในองคก์ ำร   33 2. ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน     6 2 3. ควำมหำยของควำมพึงพอใจในกำรทำงำน        7 1 4. ควำมสำคญั ของควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน        7 1 5. องคป์ ระกอบทม่ี ผี ลต่อควำมพงึ พอใจในกำร     71 ทำงำน   62 6. วธิ ีกำรเพ่ิมปรบั ปรุงประสิทธภิ ำพกำรทำงำน   7. กำรสำรวจเพือ่ กำรวินิจฉยั งำน    7 1 8. งำนวจิ ัยเกี่ยวกับควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน        7 1 รวม 45 - 54 - 534 - ลาดับความสาคญั 21 - 12 - 132 -

แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 4 เร่อื ง พฤติกรรมกำรทำงำน ตอนที่ 1 ให้เลอื กคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพยี งข้อเดียว 1. องคป์ ระกอบทส่ี ำคัญของพฤติกรรมบุคคลในองค์กำร หมำยถงึ ข้อใด ก. กำรรบั รู้ ข. ควำมเชอ่ื ค. ค่ำจ้ำง ง. งำน 2. ข้อใดเปน็ ผลกระทบท่เี กิดจำกกำรแสดงออกของพฤตกิ รรมกลุ่ม ก. ประสิทธิภำพ – คำ่ นิยม ข. ควำมพงึ พอใจ – กำรรับรู้ ค. ประสทิ ธภิ ำพ – ควำมพึงพอใจ ง. กำรรับรู้ – ประสทิ ธิภำพ 3. พฤตกิ รรมในองคก์ ำร สว่ นใหญ่จะไดร้ บั อิทธพิ ลมำจำกข้อใด ก. ผู้ปฏิบตั ิ ข. ผู้นำ ค. ผูบ้ รโิ ภค ง. ผ้กู ำกบั ติดตำม 4. ข้อใดกล่ำวถกู ต้อง “สภำวะของอำรมณ์ ควำมรู้สึกและเจตคตขิ องบุคคลที่มีต่อกำรปฏิบตั ิงำน” ก. ควำมเป็นอสิ ระในกำรทำงำน ข. ควำมสำคัญของกำรทำงำน ค. บรรยำกำศของกำรทำงำน ง. ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน 5. ข้อใดหมำยถึงองคป์ ระกอบพื้นฐำนทีม่ ีผลต่อควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน ก. ควำมเชอื่ – ควำมพึงพอใจ ข. คำ่ จำ้ ง – ควำมเชื่อ ค. งำน – ค่ำจำ้ ง ง. งำน – คำ่ นิยม 6. วธิ กี ำรบรหิ ำรแบบวทิ ยำศำสตร์ เปน็ แนวคิดกำรบรหิ ำรของใคร ก. Tayler ข. Oldman ค. Hackman ง. Hackman and Tayler 7. แนวกำรบริหำรวธิ ีกำรมนุษยสมั พันธ์ สมำชกิ ในองค์กำรนอกจำกมีหนำ้ ทีห่ ลักทีต่ ้องปฏิบตั ิ ยังมหี นำ้ ทรี่ องทีต่ ้องปฏบิ ัติ หนำ้ ท่รี องลงมำนี้เรียกอีกอยำ่ งหนึง่ วำ่ อะไร ก. หนำ้ ทีข่ องสังคม ข. หน้ำทต่ี ำมประเพณี ค. หนำ้ ทป่ี ระจำ ง. หนำ้ ทที่ ีไ่ ดร้ บั มอบหมำย 8. ขอ้ ใดเปน็ วิธีกำรบริหำรที่เนน้ วตั ถปุ ระสงค์ (MBO) ก. กำรบริหำรเชิงคุณภำพ ข. กำรบริหำรทรพั ยำกรมนุษย์ ค. กำรบรหิ ำรแบบวทิ ยำศำสตร์ ง. กำรบริหำรมนษุ ยสมั พันธ์ 9. กำรบริหำรทีใ่ ชแ้ นวคดิ ท่ตี ้องกำรใหผ้ ปู้ ฏิบัตงิ ำนมีส่วนรว่ มในกำรกำหนดเปำ้ หมำยของงำน

เพือ่ ใหง้ ำนได้เป็นไปตำมวตั ถุประสงค์ ตรงกบั ข้อใด ก. กำรบรหิ ำรเชงิ คุณภำพ ข. กำรบรหิ ำรทรพั ยำกรมนุษย์ ค. กำรบริหำรแบบวิทยำศำสตร์ ง. กำรบริหำรมนุษยสมั พันธ์ 10. จำกผลกำรวิจยั ควำมพึงพอใจในงำนของผูป้ ฏิบัติงำน ปจั จยั สำคญั อะไรที่ทำใหเ้ กดิ ควำม พึงพอใจในงำน ก. เพอ่ื นร่วมงำน ข. สภำพกำรใชเ้ ทคโนโลยี ค. บรรยำกำศกำรทำงำนขององค์กำร และสภำพแวดลอ้ มกำรทำงำน ง. นวตั กรรมใหมใ่ นองค์กำร

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง พฤติกรรมกำรทำงำน พฤติกรรมองคก์ ำร ซึง่ มีกำรศึกษำ 3 ระดบั คือ พฤติกรรมบุคคล (Individual Behavior) มีองคป์ ระกอบหลำยอย่ำงท่เี ก่ยี วข้องกบั พฤติกรรมของ บคุ คล ซึง่ จะแบ่งไดเ้ ปน็ 4 องค์ประกอบ คอื - กำรรบั รู้ (Perception) - ทัศนคติ (Attitudes) - ค่ำนิยม (Values) - กำรจูงใจ (Motivation) พฤติกรรมกลุ่ม (Group Behavior)

พฤติกรรมองค์กำร (Organization Behavior) รูปแบบของพฤติกรรมในระดับต่ำงๆ ทง้ั สำมระดับที่กลำ่ วมำแล้ว ต่ำงก็มคี วำมสมั พันธ์และมผี ลซึ่งกนั และกัน ซง่ึ สำมำรถจะเขียนเปน็ แผนภูมไิ ด้ดงั นี้ ควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน ว่ำเป็นเรอ่ื งท่ีไดร้ บั ควำมสนใจมำก ท้งั จำกนักจิตวทิ ยำ นกั วิชำกำรและ นกั บรหิ ำรงำน ผูป้ ฏิบตั ทิ ่ีมคี วำมพงึ พอใจในกำรทำงำน ยอ่ มปฏิบัตงิ ำนได้ประสบผลสำเรจ็ ดมี ำกกวำ่ ผ้ทู ี่ไม่พงึ

พอใจในกำรปฏิบตั งิ ำน ดังนั้น ในกำรบริหำรงำนจำเป็นจะต้องศึกษำให้เข้ำใจเพรำะควำมพงึ พอใจในกำร ทำงำน เปน็ กระบวนกำรทำงจติ วิทยำท่ีไมส่ ำมำรถมองเหน็ และสงั เกตได้ เพยี งอำศยั กำรคำดคะเนและสงั เกต พฤติกรรมเท่ำน้ัน ควำมหมำยควำมพึงพอใจในกำรทำงำน หมำยถึง สภำวะของอำรมณ์ ควำมรสู้ ึก และเจตคตขิ องบุคคลที่ มีตอ่ งำนที่เขำปฏบิ ตั ิอยู่ โดยแสดงออกมำเป็นควำมสนใจ กระตือรือรน้ เตม็ ใจและสนกุ ร่ำเริง เป็นต้น ดังนั้น เมอ่ื ผู้ปฏบิ ตั งิ ำนเกิดควำมพึงพอใจในงำนที่ทำ เขำก็จะมคี วำมพยำยำม อุตสำหะ มีควำมสขุ ในกำรทำงำน มี ควำมรบั ผดิ ชอบ และมงุ่ มั่นจนงำนนนั้ สำเร็จตำมวัตถปุ ระสงค์ ควำมสำคญั ของควำมพึงพอใจในกำรทำงำน โดยแยกในประเด็นได้ดังน้ี 1). เสริมสร้ำงบรรยำกำศและควำมตง้ั ใจในกำรปฏิบตั งิ ำน 2). เสริมสร้ำงควำมเปน็ อิสระในกำรทำงำน 3). สง่ เสรมิ กำรบริหำรแบบประชำธปิ ไตย 4). สง่ เสริมประสิทธภิ ำพในกำรปฏิบตั งิ ำน อธบิ ำยองค์ประกอบท่ีมีผลตอ่ ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน องค์ประกอบพื้นฐำนที่สำคัญ ทม่ี ีผลตอ่ ควำม พงึ พอใจมีดงั ต่อไปน้ี 1). งำน (Job) 2). คำ่ จำ้ ง (Wage) คำ่ จ้ำงแรงงำน 3). โอกำสที่ได้เล่อื นตำแหนง่ (Promotion) 4). กำรยอมรบั (Recognition) 5). สภำพกำรทำงำน (Working Condition) 6). ผลประโยชน์ (Benefit) และสวัสดิกำร (Services) 7). หวั หนำ้ งำนหรือผบู้ งั คบั บัญชำ (Leader) 8). เพือ่ นร่วมงำน (Co-Workers) 9). องค์กำรและกำรจัดกำร (Organization and Management) องคป์ ระกอบที่มผี ลกระทบตอ่ ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน โดยแสดงเหตผุ ลประกอบอยำ่ งชดั เจน วธิ กี ำรเพ่มิ ปรับปรงุ ประสิทธิภำพกำรทำงำน ซง่ึ มวี ธิ ีกำรใหญท่ ี่ใชอ้ ยู่ 3 วิธกี ำร คือ 1). วิธกี ำรบริหำรแบบวทิ ยำศำสตร์ (Scientific Managerial Approach) 2). วธิ ีกำรมนษุ ยสัมพันธ์ (Human Relation Approach) 3). วธิ กี ำรบริหำรทรัพยำกรมนษุ ย์ (Human Resources Management)

แบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยที่ 4 เร่อื ง พฤติกรรมกำรทำงำน ตอนที่ 1 ใหเ้ ลือกคาตอบท่ถี ูกตอ้ งท่ีสุดเพียงขอ้ เดียว 1. องค์ประกอบทีส่ ำคัญของพฤตกิ รรมบุคคลในองค์กำร หมำยถงึ ข้อใด ก. กำรรับรู้ ข. ควำมเชอื่ ค. ค่ำจำ้ ง ง. งำน 2. ข้อใดเปน็ ผลกระทบทีเ่ กิดจำกกำรแสดงออกของพฤติกรรมกลมุ่ ก. ประสทิ ธิภำพ – คำ่ นิยม ข. ควำมพึงพอใจ – กำรรับรู้ ค. ประสิทธภิ ำพ – ควำมพึงพอใจ ง. กำรรบั รู้ – ประสทิ ธิภำพ 3. พฤตกิ รรมในองคก์ ำร สว่ นใหญ่จะได้รับอิทธพิ ลมำจำกข้อใด ก. ผู้ปฏบิ ตั ิ ข. ผนู้ ำ ค. ผบู้ รโิ ภค ง. ผกู้ ำกับติดตำม 4. ข้อใดกลำ่ วถูกต้อง “สภำวะของอำรมณ์ ควำมรู้สึกและเจตคตขิ องบุคคลท่ีมีต่อกำรปฏิบัติงำน” ก. ควำมเป็นอิสระในกำรทำงำน ข. ควำมสำคัญของกำรทำงำน ค. บรรยำกำศของกำรทำงำน ง. ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน 5. ข้อใดหมำยถงึ องค์ประกอบพ้ืนฐำนทมี่ ีผลต่อควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน ก. ควำมเชือ่ – ควำมพงึ พอใจ ข. ค่ำจำ้ ง – ควำมเช่ือ ค. งำน – ค่ำจ้ำง ง. งำน – ค่ำนิยม 6. วธิ กี ำรบรหิ ำรแบบวิทยำศำสตร์ เป็นแนวคดิ กำรบรหิ ำรของใคร ก. Tayler ข. Oldman ค. Hackman ง. Hackman and Tayler 7. แนวกำรบริหำรวิธกี ำรมนุษยสมั พนั ธ์ สมำชิกในองค์กำรนอกจำกมหี น้ำท่หี ลักท่ตี ้องปฏิบตั ิ ยังมีหน้ำทรี่ องท่ตี ้องปฏิบัติ หนำ้ ทรี่ องลงมำน้ีเรยี กอกี อย่ำงหนึง่ ว่ำอะไร ก. หนำ้ ทข่ี องสังคม ข. หน้ำทตี่ ำมประเพณี ค. หน้ำท่ปี ระจำ ง. หน้ำทที่ ไี่ ดร้ ับมอบหมำย 8. ข้อใดเปน็ วิธีกำรบริหำรที่เน้นวตั ถุประสงค์ (MBO) ก. กำรบรหิ ำรเชิงคณุ ภำพ ข. กำรบรหิ ำรทรัพยำกรมนุษย์ ค. กำรบริหำรแบบวิทยำศำสตร์ ง. กำรบริหำรมนุษยสัมพนั ธ์ 9. กำรบรหิ ำรทใี่ ช้แนวคิดท่ีต้องกำรให้ผปู้ ฏิบตั งิ ำนมีสว่ นร่วมในกำรกำหนดเป้ำหมำยของงำน เพอื่ ให้งำนได้เปน็ ไปตำมวตั ถุประสงค์ ตรงกับข้อใด ก. กำรบริหำรเชิงคณุ ภำพ ข. กำรบรหิ ำรทรัพยำกรมนุษย์

ค. กำรบรหิ ำรแบบวทิ ยำศำสตร์ ง. กำรบรหิ ำรมนุษยสัมพนั ธ์ 10. จำกผลกำรวจิ ยั ควำมพึงพอใจในงำนของผู้ปฏิบตั งิ ำน ปจั จยั สำคญั อะไรท่ีทำใหเ้ กดิ ควำม พงึ พอใจในงำน ก. เพอื่ นร่วมงำน ข. สภำพกำรใช้เทคโนโลยี ค. บรรยำกำศกำรทำงำนขององค์กำร และสภำพแวดลอ้ มกำรทำงำน ง. นวตั กรรมใหม่ในองค์กำร

กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรยี น - สอบถำมผู้เรยี นถึงพฤตกิ รรมกำรทำงำน 2. ข้ันสอน - ครอู ธิบำยถงึ พฤติกรรมในองค์กำร - ครอู ธิบำยถงึ ควำมพึงพอใจในกำรทำงำน - ครอู ธบิ ำยถงึ ควำมหำยของควำมพึงพอใจในกำรทำงำน - ครอู ธบิ ำยถึงควำมสำคญั ของควำมพึงพอใจในกำรทำงำน - ครอู ธิบำยถงึ องคป์ ระกอบท่ีมผี ลต่อควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน - ครอู ธบิ ำยถงึ วิธกี ำรเพมิ่ ปรบั ปรงุ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำน - ครูอธบิ ำยถึงกำรสำรวจเพ่อื กำรวนิ ิจฉยั งำน - ครอู ธบิ ำยถงึ งำนวจิ ัยเกีย่ วกับควำมพึงพอใจในกำรทำงำน 3. ข้ันสรุป - ครูให้ผู้เรียนรำยงำนส่ิงที่ได้สังเกตเห็นแลกเปลี่ยนกัน เปิดโอกำสให้ผู้เรียนซักถำม ผู้สอนเตรียม คำถำมไว้กระต้นุ ใหผ้ ู้เรยี นคิดดว้ ยผ้เู รียนอภิปรำยแลกเปลี่ยนควำมรคู้ วำมคิดท่แี ตล่ ะคนได้รบั จำกกำรสำธิตของ ผูส้ อนและร่วมกนั สรุปกำรเรียนรู้ทไ่ี ดร้ บั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook