๙๔ บันทึก วันท.ี่ .............เดอื น............................................พ.ศ. ๒๕........... เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายไดแ จง ขอ ความในหมายใหแ กผ เู กย่ี วขอ งทราบและไดส ง หมายใหต รวจ ดแู ลว ..................................................................เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมาย ขา พเจาผมู ชี อ่ื ขางทายนี้ไดร ับทราบขอ ความในหมาย และไดตรวจดูหมายแลว .......................................................ผูรบั ทราบ (..................................................) คาํ เตือน เจาพนักงานผูจัดการตามหมายพึงปฏิบัติตามกฎหมาย และตองแจงขอกลาวหา ใหผ ถู กู จบั ทราบ แสดงหมายจบั ตอ ผถู กู จบั พรอ มทงั้ แจง ใหผ ถู กู จบั ทราบถงึ สทิ ธติ ามประมวลกฎหมาย วิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓
๙๕ (คํารอง) ที่................./๒๕.......... ขอออกหมายจบั รบั คาํ รอ ง ศาล................................................................... เรียกสอบ วันท่.ี .........เดอื น...............................พทุ ธศกั ราช ๒๕....... ....................ผูพพิ ากษา ความอาญา ...................................................................................................ผูรอ ง ขา พเจา ..................................................................ตาํ แหนง ......................................... อาย.ุ .............ป อาชพี รับราชการ สถานที่ทํางาน............................................................................. แขวง/ตาํ บล...................................เขต/อาํ เภอ...................................จงั หวดั ................................... โทรศพั ท............................ขอยนื่ คํารองขอออกหมายจบั ตอศาล ดงั มีขอ ความทจ่ี ะกลาวตอไปนี้ ขอ ๑. ดว ย .................................................................................................. มาแจงความรอ งทุกขต อพนกั งานสอบสวน ปรากฏจากการสบื สวน/สอบสวนของ........................................... ...................................................................................................................................................... วา .................................................................................................................................................. อาย.ุ ........ป เชอ้ื ชาต.ิ ......................สญั ชาต.ิ .................................อาชพี ......................................... อยบู า นเลขท.ี่ ..............................หมทู .่ี ..........................ถนน.......................................................... ตรอก/ซอย...............................ใกลเ คยี ง.................................ตาํ บล/แขวง...................................... เขต/อาํ เภอ......................................จงั หวดั ......................................โทรศพั ท. ................................. ตามตําหนริ ปู พรรณผกู ระทาํ ความผดิ ที่แนบมาพรอมน้ี ไดห รือนาจะไดกระทําความผดิ อาญารา ยแรงซึง่ มอี ตั ราโทษจําคกุ ตัง้ แต ๓ ปข ึน้ ไป ไดหรือนาจะไดกระทําความผิดอาญา และนาจะหลบหนีหรือจะไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐาน หรอื กออันตรายประการอนื่ เหตเุ กดิ ท.ี่ ......................................................................................................................................... เมอ่ื วนั ท.ี่ .............เดอื น.....................................พทุ ธศกั ราช........................เวลา..........................น. มพี ฤติการณกระทําความผิดท่เี กย่ี วกบั เหตุออกหมายจบั คอื ............................................................ ......................................................................................................................................................
๙๖ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... เปน การกระทาํ ความผดิ ฐาน............................................................................................................ ตามกฎหมาย.................................................................................................................................... รายละเอียดขอมลู และพยานหลกั ฐาน ปรากฏตามเอกสารท่ีแนบมาพรอ มนี้ ขอ ๒. ผรู อ งประสงคจ ะทาํ การจบั กมุ .......................................................................... จงึ ขอใหศาลออกหมายจับ....................................................มาดําเนนิ คดี ในการยน่ื คาํ รอ งน้ี ผรู อ งไดม อบหมายให ..................................................................... ............................ตําแหนง...................................................................ซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชา เปน ผูนําคาํ รองมาย่ืนตอศาล และหากศาลเรียกสอบถามเมื่อใด ผูร อ งพรอมจะมาใหศ าลสอบในทนั ที ผูรอง เคย ไมเคย รอ งขอใหศาล...........................................................ออก หมายจบั บคุ คลดงั กลา ว โดยอาศยั เหตแุ หง การรอ งขอเดยี วกนั นี้ หรอื เหตอุ น่ื (ระบ)ุ ............................. ....................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... และศาลมคี าํ สงั่ ............................................................................................................................... ควรมิควรแลว แตจ ะโปรด ลงชื่อ.......................................................ผรู อง
๙๗ õ.ò ¡ÒâÍÍÍ¡ËÁÒ¨ºÑ ดงั ทกี่ ลา วมาแลว ขา งตน วา การจบั กมุ นนั้ เปน การกระทาํ ทเี่ ปน การละเมดิ สทิ ธสิ ว นบคุ คล การทเ่ี จา พนกั งานตาํ รวจจะจบั กมุ บคุ คลใดทสี่ งสยั วา เปน ผทู กี่ ระทาํ ความผดิ จะกระทาํ มไิ ด เวน แตเ ปน กรณีที่กฎหมายใหอํานาจไวเปนกรณีพิเศษตามที่กําหนดไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา มาตรา ๗๘ ดังน้ัน กรณีโดยท่ัวไปน้ัน เจาพนักงานตํารวจจะจับกุมบุคคลใดไดตอเม่ือมีËÁÒ¨Ѻ ËÃÍ× ¡Ã³ÕࢌҢŒÍ¡àǹŒ ·Õè¡®ËÁÒÂãËอŒ าํ ¹Ò¨¨Ñºä´Œâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕËÁÒ¨Ѻ ซงึ่ การที่จะมีหมายจบั ไดน ้ัน เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งรอ งขอตอ ศาลใหอ อกหมายจบั โดยจะμÍŒ §Ãк¶Ø §Ö àËμ¼Ø Åวา ทาํ ไมจงึ ตอ งรอ งขอ ใหศาลออกหมายจบั และเหตทุ ีจ่ ะขอใหศาลออกหมายจบั นนั้ ไดกําหนดไวใ น มาตรา ๖๖ กลาวคอื ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ บัญญัติไววา “เหตุท่ีจะออก หมายจบั ได มีดงั ตอ ไปนี้ (๑) เมอื่ มีหลกั ฐานตามสมควรวาบุคคลใดนา จะไดกระทาํ ความผิดอาญา ซ่ึงมีอตั ราโทษ จําคกุ อยา งสูงเกนิ สามป หรือ (๒) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิดอาญา และมีเหตุ อันควรเชอื่ วาจะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลกั ฐาน หรอื กอ เหตอุ นั ตรายประการอืน่ ถาบุคคลนั้นไมมีที่อยูเปนหลักแหลง หรือไมมาตามหมายเรียกหรือตามนัด โดยไมมี ขอแกต ัวอันควร ใหสันนษิ ฐานวา บคุ คลน้นั จะหลบหน”ี นอกจากน้ี จากÃÐàºÂÕ ºÃÒª¡Òý҆ ÂμÅØ Ò¡ÒÃÈÒÅÂμØ ¸Ô ÃÃÁ ÇÒ‹ ´ÇŒ Âá¹Ç»¯ºÔ μÑ ãÔ ¹¡ÒÃÍÍ¡ ËÁÒ¨ºÑ áÅÐËÁÒ¤¹Œ 㹤´ÍÕ ÒÞÒ ¾.È.òõôõ áÅТ͌ º§Ñ ¤ºÑ ¢Í§»ÃиҹÈÒÅ®¡Õ ÒÇÒ‹ ´ÇŒ ÂËÅ¡Ñ à¡³± áÅÐÇÔ¸Õ¡ÒÃà¡ÕÂè ǡѺ¡ÒÃÍÍ¡คาํ ʧÑè ËÃ×ÍËÁÒÂÍÒÞÒ ¾.È.òõôø ไดกาํ หนดสาระสําคัญไว คอื ๑) เจา พนกั งานตาํ รวจผทู จ่ี ะรอ งขอใหศ าลออกหมายจบั นน้ั จะตอ งเปน ผมู อี าํ นาจหนา ท่ี เกยี่ วขอ งกบั การสบื สวนหรอื สอบสวนคดที รี่ อ งขอนนั้ และตอ งพรอ มทจ่ี ะมาใหศ าลออกสอบถามกอ น ออกหมายทนั ที (ระเบยี บราชการฝา ยตุลาการฯ ขอ ๕, ขอบังคบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๙) ๒) ตองเปนเจาพนักงานตํารวจซ่ึงมียศตั้งแตรอยตํารวจตรีขึ้นไป (ระเบียบราชการ ฝา ยตลุ าการฯ ขอ ๕, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๙) ๓) การรองขอใหออกหมายจับนั้นผูรองขอตองàʹ;ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹μÒÁÊÁ¤ÇÃวา ผจู ะถกู จบั นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญาซงึ่ มอี ตั ราโทษอยา งสงู เกนิ ๓ ป หรอื นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญาและมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา ผนู นั้ จะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลกั ฐาน หรอื กอ เหตอุ นั ตราย ประการอื่น (ระเบียบราชการฝายตุลาการฯ ขอ ๑๐, ขอบังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๔) นอกจากน้ี คํารองขอ μÍŒ §ÃкªØ ×èÍ Ã»Ù ¾Ãó ÃÐºÍØ Òª¾Õ ËÁÒÂàÅ¢»ÃШíÒμÇÑ »ÃЪҪ¹ ¢Í§ºØ¤¤Å·èըж١¨ºÑ à·‹Ò·Õ·è ÃÒº ตามแบบพิมพที่กําหนดไว รวมทั้งขอมูลหรือพยานหลักฐานท่ีสนับสนุนเหตุแหงการออกหมาย (ระเบยี บราชการฝายตุลาการฯ ขอ ๖, ขอบังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๐)
๙๘ สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทนี่ าํ เสนอเพอื่ ใหศ าลเหน็ วา มเี หตสุ มควรในการออกหมายจบั นนั้ ไดแ ก (๑) ขอ มลู ทไี่ ดจ ากการสบื สวนสอบสวน เชน บนั ทกึ การสอบสวน บนั ทกึ ถอ ยคาํ ของ สายลบั หรือของเจาพนักงานที่ไดจากการแฝงตวั เขาไปในองคก รอาชญากรรม ขอมูลท่ีไดจ ากรายงาน ของแหลง ขาวของเจา พนักงานหรือการหาขา วจากผูก ระทําความผิดทที่ ําไวเปน ลายลกั ษณอกั ษร และ ขอมูลทีไ่ ดจากรายงานการเฝา สงั เกตการณของเจา พนกั งานท่ีทําไวเปน ลายลกั ษณอ กั ษร เปน ตน (๒) ขอมูลที่ไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือท่ีไดจากการใชเคร่ืองมือ ทางวิทยาศาสตรหรือเทคโนโลยี เชน เคร่ืองมือตรวจพิสูจนลายพิมพนิ้วมือ เคร่ืองมือตรวจพิสูจน ของกลาง เครอ่ื งจับเท็จ เคร่ืองมือตรวจโลหะ และเครือ่ งมอื ตรวจพิสูจนทางพนั ธกุ รรม เปน ตน (๓) ขอมูลท่ีไดจากส่ืออิเล็กทรอนิกส เชน ขอมูลท่ีไดจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส หรอื อินเทอรเ น็ต เปน ตน (๔) ขอมูลที่ไดจากหนังสือของพนักงานอัยการเรื่องขอใหจัดการใหไดตัวผูตองหา (อ.ก.๒๙) (ระเบยี บราชการฝายตลุ าการฯ ขอ ๑๔, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๗) ๔) ตองระบุเหตุที่จะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ พรอมท้ังสําเนาเอกสารซึ่งสนับสนุนเหตุแหงการออกหมายจับ (ระเบียบราชการฝายตุลาการฯ ขอ ๖ (๑) ขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๐) ๕) แนบแบบพิมพหมายจับท่ีกรอกขอความครบถวนแลวพรอมสําเนา รวมทั้ง เอกสารอน่ื ทเี่ กี่ยวขอ ง เชน บนั ทกึ คํารอ งทกุ ข หนังสือมอบอํานาจใหร อ งทกุ ข เปนตน มาทายคํารอง (ระเบยี บราชการฝา ยตลุ าการฯ ขอ ๖ (๑), ขอบงั คับประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๐) à¢μอาํ ¹Ò¨¢Í§ËÁÒ¨ºÑ หมายจบั ทศี่ าลออกใหน นั้ ใหã ªäŒ ´·Œ ÇèÑ ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à (มาตรา ๗๗) ดงั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจ สามารถนําหมายจับไปจับกุมผูท่ีมีชื่อในหมายจับนั้นได ไมวาบุคคลนั้นจะอยูท่ีใดในราชอาณาจักร นอกจากหมายจับที่เปนตนฉบับท่ีศาลออกใหแลว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๗ วรรคสอง ยังระบุเพ่ิมเติมอีกวา การจัดการตามหมายจับนั้น จะจัดการตามเอกสาร หรอื หลกั ฐานอยา งหน่งึ อยา งใดดงั ตอ ไปน้ีได (๑) สาํ เนาหมายจับอนั รบั รองวาถูกตองแลว (๒) โทรเลขแจง วา ไดออกหมายจบั แลว (๓) สําเนาหมายจับท่ีสงทางโทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ประเภทนัน้ ทกี่ ําหนดไวใ นขอบังคับของประธานศาลฎกี า
๙๙ อยางไรก็ตามหากเปนการจับกุมโดยใชโทรเลขที่ไดแจงวาไดออกหมายจับแลวหรือ สําเนาหมายทสี่ ง ทางโทรสาร สอื่ อิเลก็ ทรอนกิ ส หรอื สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศอ่นื จะตองสง หมายจับ หรือสําเนาหมายจับทีร่ บั รองแลว ไปยังผูจัดการตามหมายจบั โดยพลนั (มาตรา ๗๗ วรรคทาย) หมายจับ ไมวาจะเปนตนฉบับหรือสําเนาหมายจับที่ไดมีการรับรองวาถูกตองแลว ตามหลักเกณฑ มาตรา ๗๗ น้ัน เม่ือไดออกแลวจะใชจับผูมีชื่อในหมายจับนั้นไดทั่วราชอาณาจักร และ㪌䴌¨¹¡Ç‹Ò¨Ð¨Ñºä´Œเวนแตความผิดอาญาตามหมายนั้นไดขาดอายุความหรือศาลผูออกหมาย นนั้ ไดถอนหมายคนื (มาตรา ๖๘) õ.ó ¼ÁŒÙ ÕÍíÒ¹Ò¨¨Ñº ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา ไดกาํ หนดใหบุคคล ๒ ประเภท ทจี่ ะมอี ํานาจ ในการจับได คอื ๑. เจาพนกั งานฝายปกครองหรอื ตาํ รวจ พนักงานสอบสวน ๒. ราษฎร ซึ่งในแตละประเภทน้ันจะมีอํานาจจับกุมไดน้ันตองเปนไปตามหลักเกณฑที่กฎหมาย กาํ หนดไว กลาวคือ õ.ó.ñ ¡ÒèºÑ â´Â਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹½Ò† »¡¤ÃͧËÃÍ× ตําÃǨ เจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะมีอํานาจจับกุมบุคคลท่ีตองสงสัยวา เปนผกู ระทําความผิดได แบงออกเปน ๑) การจับโดยมีหมายจบั ๒) การจบั โดยไมม ีหมายจับ ¡ÒèѺâ´ÂÁÕËÁÒ¨Ѻ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดกําหนดหลักเกณฑวิธีการจัดการ ตามหมายอาญาซง่ึ รวมถงึ หมายจับซึง่ เปน หมายอาญาประเภทหน่งึ ซึ่งพอจะสรุปไดดังนี้ ๑) เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายนนั้ จะตอ งแจง ขอ ความใหแ กผ เู กย่ี วขอ งทราบ และถามีคาํ ขอรอ งใหสงหมายนน้ั ใหเ ขาตรวจดู (มาตรา ๖๒ วรรคแรก) ๒) ตองบันทึกการแจงขอความในหมายและการสงหมายใหตรวจดู ตลอดจน บนั ทกึ วนั เดือน ป ทีจ่ ดั การนน้ั ดวย (มาตรา ๖๖ วรรค ๒) ๓) เมอ่ื เจา พนกั งานไดจ ดั การตามหมายแลว ใหบ นั ทกึ รายละเอยี ดในการจดั การ นนั้ ถาจดั การตามหมายไมไ ดใหบนั ทึกพฤติการณไ วแ ลวใหสงบันทึกนนั้ ไปยังศาลทีอ่ อกหมายโดยเร็ว (มาตรา ๖๓)
๑๐๐ ๔) เมอ่ื จบั บคุ คลตามหมายจบั ไดห รอื คน พบคนหรอื สง่ิ ของทม่ี หี มายใหค น แลว ถาสามารถจะทําไดใหสงบุคคลหรือส่ิงของนั้นโดยดวนไปยังศาลที่ออกหมายหรือเจาพนักงานตามท่ี กาํ หนดไวใ นหมายแลว แตกรณี เวน แตจ ะมีคําสั่งเปน อยางอนื่ (มาตรา ๖๔) ๕) ถาบุคคลที่ถูกจับตามหมายจับนั้นหลบหนีหรือมีผูชวยใหหนีไปได ใหเ จาพนักงานผจู ับมอี าํ นาจติดตามจบั กมุ ผูนน้ั ไดโ ดยไมตองมหี มายจับอีก (มาตรา ๖๕) ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ â´ÂäÁÁ‹ ÕËÁÒ¨ѺμÒÁ¢ÍŒ ¡àÇŒ¹¢Í§¡®ËÁÒ เนื่องจากในบางกรณีมีการกระทําผิดเฉพาะหนาหรือเหตุการณที่มีความจําเปน เรง ดว นทไี่ มอ าจจะไปรอ งขอหมายจบั ได ดงั นนั้ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาจงึ ไดก าํ หนด เปนขอยกเวนไววา กรณีใดบางที่เจาพนักงานตํารวจสามารถดําเนินการจับกุมผูกระทําความผิดได โดยไมตอ งมีหมายจบั ดงั ปรากฏหลกั เกณฑในมาตรา ๗๘ ÁÒμÃÒ ÷ø “พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะจับผูใดโดยไมมีหมายจับ หรือคาํ สั่งของศาลน้นั ไมได เวนแต (๑) เมอื่ บุคคลนั้นไดกระทาํ ความผิดซงึ่ หนาดงั ไดบัญญตั ิไวในมาตรา ๘๐ (๒) เม่ือพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ันนาจะกอเหตุรายใหเกิด ภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่นโดยมีเครื่องมือ อาวุธหรือวัตถุอยางอ่ืนอันสามารถอาจใช ในการกระทาํ ความผิด (๓) เมือ่ มเี หตุทีจ่ ะออกหมายจบั บุคคลนน้ั ตามมาตรา ๖๖(๒) แตมคี วามจําเปน เรง ดวนทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลน้นั ได (๔) เปนการจับผูตองหาหรือจําเลยท่ีหนีหรือจะหลบหนีในระหวางถูกปลอย ชัว่ คราวตามมาตรา ๑๑๗” (ñ) ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ ¡Ã³¤Õ ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ñ) เจา พนกั งานตาํ รวจ จับไดโดยไมตองมหี มายจบั หากวาเปนความผดิ ซ่ึงหนา จากบทบัญญัติมาตรา ๗๘ (๑) จะเห็นไดวากฎหมายใหอํานาจในการจับกุม หากเจาพนักงานตํารวจไดพบเห็นวามีบุคคลได¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒ ซ่ึงความผิดซ่ึงหนาท่ีกฎหมาย ไดบญั ญัตหิ ลักเกณฑท ี่ใหถือวาเปนการกระทาํ ความผิดซ่ึงหนา นนั้ ไวใ นมาตรา ๘๐ ¤ÇÒÁ¼Ô´«Öè§Ë¹ŒÒ “ความผิดซึ่งหนาท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๐ ไดบ ญั ญัติไว มาตรา ๘๐ ทเ่ี รียกวา ความผดิ ซง่ึ หนา ไดแ ก ความผดิ ซึง่ เหน็ กาํ ลังกระทํา หรือพบในอาการใดซึง่ แทบจะไมม คี วามสงสัยเลยวา เขาไดกระทําผดิ มาแลว สด ๆ อยางไรก็ดี ความผิดอาญาดังระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายน้ีใหถือวา ความผิดนนั้ เปน ความผดิ ซึ่งหนาในกรณีดังนี้ (๑) เมอ่ื บุคคลหนงึ่ ถกู ไลจบั ดงั ผกู ระทําโดยมเี สียงรอ งเอะอะ
๑๐๑ (๒) เมื่อพบบุคคลหนึ่งแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทําผิดในถิ่นแถว ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตนุ นั้ และมสี ง่ิ ของทไ่ี ดม าจากการกระทาํ ผดิ หรอื มเี ครอ่ื งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สนั นษิ ฐานไดว า ไดใ ชใ นการกระทาํ ผดิ หรอื มรี อ งรอยพริ ธุ เหน็ ประจกั ษท เี่ สอ้ื ผา หรอื เนอื้ ตวั ของผนู น้ั ” ดงั นั้น จะเห็นไดวา กรณีจะเปน ความผิดซง่ึ หนานน้ั จะเปนได ๒ กรณใี หญคือ ñ) ¡Ã³Õ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒÍ‹ҧ᷌¨ÃÔ§ ตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘๐ วรรคแรก ซึ่งแบง เปน ๒ ประเภทคือ (๑) àËç¹¢³Ðà¢Ò¡íÒÅ§Ñ ¡ÃзíÒ¤ÇÒÁ¼Ô´¹éѹ หมายความถึงกรณีที่਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ䴌àËç¹´ŒÇÂμҢͧμ¹àͧวา บคุ คลนัน้ ไดกระทําความผิด μÇÑ Í‹ҧ เจาพนักงานตํารวจบังเอิญพบเห็นนายแดงกําลังจําหนายยาเสพติด ซึ่งเปนการกระทําผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษฯ เชนนี้เจาพนักงานตํารวจเขาจับนายแดง ไดโดยไมตองมีหมายจับ เพราะเจาพนักงานตํารวจผูจับเห็นถึงการกระทําความผิดของนายแดง ดวยตนเองจึงเปน การกระทาํ ความผดิ ซ่งึ หนา (ฎีกาท่ี ๑๓๒๘/๒๕๔๔) ความผดิ ซง่ึ หนา ในกรณนี ้ี à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ¼¨ŒÙ ºÑ ¨ÐμÍŒ §à»¹š ¼àŒÙ ˹ç àͧ มิใชมผี อู นื่ เห็นแลว มาบอกเลา แกเ จาพนักงานตาํ รวจอีกทอดหนงึ่ (ฎกี าท่ี ๓๑๑/๒๕๔๙) อยางไรก็ตามความผิดซึ่งหนาในกรณีน้ีไมจําเปนที่เจาพนักงานตํารวจ พบการกระทําความผิดโดยบังเอิญเทาน้ัน ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจμÑé§ã¨ä»´ÙÇ‹ÒÁÕ¡ÒáÃÐทํา ¤ÇÒÁ¼´Ô ¨Ã§Ô ตามขอ มลู ทไี่ ดร บั มาหรอื ไม แลว จงึ ไปเพอ่ื ดเู หตกุ ารณว า เปน อยา งไร เมอื่ เหน็ วา มพี ฤตกิ ารณ เชน น้นั จรงิ เชนน้กี ถ็ อื วา เปนความผดิ ซ่งึ หนา ไดเชนกนั μÇÑ Í‹ҧ พ.ต.ท. ส. แอบซุมดูอยูหางจากหนาหองเกิดเหตุประมาณ ๘ เมตร เห็นจําเลยสงมอบเมทแอมเฟตามีน ๑๐ เม็ด ใหแกสายลับเมื่อพบเห็นจําเลยกําลังกระทําความผิด ฐานจําหนายและมียาเสพติดประเภท ๑ ไวในครอบครองเพื่อจําหนาย อันเปนความผิดซ่ึงหนา ตาม ป.วอิ าญา มาตรา ๘๐ จงึ มีอาํ นาจคน และจับจําเลยไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน และหมายจับตาม มาตรา ๗๘ (๑) และ ๙๒ (๒) (ฎีกาที่ ๒๘๔๘/๒๕๔๗) μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ öùø/òõñö วินิจฉัยวาคืนวันเกิดเหตุมีการลักลอบเลนการพนัน กันบนบานอันเปนที่รโหฐาน เจาพนักงานตํารวจไดรับคําสั่งใหไปจับกุม จึงพากันไปยังบานที่เกิดเหตุ แตไมมีหมายจับหรือหมายคนไปดวย ไปถึงไดแอบดูเห็นคนหลายคนกําลังเลนการพนันกันอยู กรณีเชนนี้ถือวาเปนความผิด ซ่ึงเห็นกระทําลงอันเปนความผิดซึ่งหนา ความตามความหมาย แหง ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๐
๑๐๒ (๒) ¾ºã¹ÍÒ¡ÒÃã´«èÖ§á·º¨ÐäÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁʧÊÑÂàÅÂÇ‹Òà¢Òä´Œ¡ÃÐทํา ¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅÇŒ Ê´æ หมายความวา แมวาเจาพนักงานตํารวจไมไดเห็นเหตุการณที่เกิดขึ้น ดวยตาของตนเองกต็ าม áμÁ‹ Õ¾ÄμÔ¡ÃÃÁ·ÂèÕ ×¹Â¹Ñ Í‹ҧäÁÁ‹ բ͌ ʧÊÑÂNjҺؤ¤Å¹é¹Ñ ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ขณะท่ี ส.ต.ต.แดง กาํ ลงั ออกตรวจพนื้ ทใ่ี นซอยเปลยี่ วแหง หนงึ่ เมอ่ื ไป ถงึ บรเิ วณหนา บา นทเี่ กดิ เหตุ ส.ต.ต.แดง เหน็ นายดาํ ถอื ปน อยใู นมอื กาํ ลงั ทะเลาะอยกู บั นางขาว จงึ รบี ไปยงั รถสายตรวจซ่งึ จอดอยใู นบรเิ วณใกลเ คยี งเพือ่ ขอกําลงั มาชวย ขณะนน้ั เองไดยนิ เสยี งปน ลัน่ และ เหน็ นางขาวนอนจมกองเลือดอยู ขณะที่ปนยังอยใู นมือของนายดาํ เชนนแ้ี มว า ส.ต.ต.แดง มิไดเ หน็ ขณะที่นายดํายิงนางขาวก็ตาม แตจากพฤติการณทั้งหมดทําใหเห็นวา ส.ต.ต.แดง พบในอาการใด ซงึ่ แทบจะไมมขี อสงสยั เลยวา นายดาํ ไดก ระทาํ ความผดิ มาแลวสด ๆ ò) ¡Ã³·Õ ¡èÕ ®ËÁÒÂã˶Œ ×ÍÇ‹Ò໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è§Ö ˹ŒÒ จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๐ วรรคสอง เปน กรณที ก่ี ฎหมายบญั ญตั โิ ดยใหถ อื วา หากมพี ฤตกิ ารณท มี่ บี คุ คลใดบคุ คลหนง่ึ ถกู ไลจ บั มาโดยมเี สยี งรอ ง เอะอะ ราวกบั วา บคุ คลทถ่ี กู ไลจ บั เปน ผกู ระทาํ ความผดิ มาเชน น้ี หรอื ในกรณที ่ี “เหน็ ” หรอื “พบ” บคุ คลใด บุคคลหน่ึงแทบจะทันที หลังจากไดมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นในบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน บุคคลน้ัน มีส่ิงของ มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุอยางอื่น ซึ่งเม่ือพิจารณาแลวเห็นไดวา ส่ิงของ เครื่องมือหรืออาวุธน้ัน เปนสิ่งที่ไดมาจากการกระทําความผิด หรือไดใชในการกระทําความผิด หรือพบเหน็ รองรอยพริ ุธทเ่ี สื้อผา เนื้อตวั ของบุคคลน้นั อยา งเหน็ ไดช ดั ประกอบกบั ความผิดท่ีเกิดข้ึน ณ ที่เกิดเหตุน้ัน เปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เชนน้ี กฎหมายใหถ ือวาพฤตกิ ารณดงั กลา วเปน ความผิดซงึ่ หนา ดังนั้น กรณีใดจะเปนความผิดซึ่งหนาไดตามความหมาย ในมาตรา ๘๐ วรรคสอง จะตอ งประกอบดว ย ๒ สวน คือ (๑) ตอ งเปน ความผดิ ทร่ี ะบไุ วใ นบญั ญตั ทิ า ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญา เม่ือมีการกระทําความผิดเกิดข้ึน ความผิดนั้นจะμŒÍ§à»š¹¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè ÃÐºäØ Ç㌠¹ºÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸¾Õ Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ความผิดในกฎหมายลกั ษณะอาญา ทีม่ าตรา ๗๙ อา งถึง ซึ่งราษฎรมอี ํานาจจับไดโดยไมตอ งมีหมาย ---------------------- ประทษุ รายตอ พระบรมราชตระกลู มาตรา ๙๗ และ ๙๙ (มาตรา ๑๐๗ - ๑๑๑) ขบถภายในพระราชอาณาจกั ร มาตรา ๑๐๑ ถงึ ๑๐๔ (มาตรา ๑๑๓ - ๑๑๘)
๑๐๓ ขบถภายนอกพระราชอาณาจักร มาตรา ๑๐๕ ถงึ ๑๑๑ (มาตรา ๑๑๙ - ๑๒๙) ความผิดตอทางพระราชไมตรกี บั ตางประเทศ มาตรา ๑๑๒ (มาตรา ๑๓๐ - ๑๓๑) ทาํ อันตรายแกธง หรือเครอื่ งหมายของตางประเทศ มาตรา ๑๑๕ (มาตรา ๑๓๕) ความผดิ ตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๑๙ ถงึ ๑๒๒ และ ๑๒๗ หลบหนจี ากท่ีคุมขงั (มาตรา ๑๓๘ - ๑๔๒, ๑๔๕) มาตรา ๑๖๓ ถงึ ๑๖๖ (มาตรา ๑๙๐ - ๑๙๑) ความผิดตอ ศาสนา มาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๓ กอการจลาจล (มาตรา ๒๐๖ - ๒๐๗) กระทาํ ใหเกิดภยนั ตรายแกส าธารณชน มาตรา ๑๘๓ และ ๑๘๔ ทําใหส าธารณชนปราศจากความสะดวก (มาตรา ๑๒๗, ๒๒๙ - ๒๓๑, ๒๓๕, ๒๓๗) ในการไปมาและการสงขา วและของถึงกนั มาตรา ๑๘๕ ถงึ ๑๙๔, ๑๙๖, ๑๙๗ และกระทําใหส าธารณชนปราศจากความสขุ สบาย และ ๑๙๙ ปลอมแปลงเงินตรา มาตรา ๒๐๒ ถงึ ๒๐๕ และ ๒๑๐ ขม ขืนกระทําชาํ เรา (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙) ประทษุ รา ยแกชีวติ มาตรา ๒๔๓ ถงึ ๒๔๖ (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙) ประทุษรายแกร างกาย มาตรา ๒๔๙ ถงึ ๒๕๑ ความผิดฐานกระทาํ ใหเ สอ่ื มเสียอิสรภาพ (มาตรา ๒๘๘ - ๒๙๐) ลักทรพั ย มาตรา ๒๕๔ ถงึ ๒๕๗ (มาตรา ๒๙๕ - ๒๙๘) วงิ่ ราว ชงิ ทรพั ย ปลน ทรัพย และโจรสลดั มาตรา ๒๖๘, ๒๗๐ และ ๒๗๖ กรรโชก (มาตรา ๓๐๙ - ๓๑๐, ๒๘๔) มาตรา ๒๘๘ ถงึ ๒๙๖ (มาตรา ๓๓๔ - ๓๓๕) มาตรา ๒๙๗ และ ๓๐๒ (มาตรา ๓๓๖, ๓๓๙, ๓๔๐) มาตรา ๓๐๓ (มาตรา ๓๓๗, ๓๓๙) (๒) เจา พนักงานตํารวจตองเหน็ พฤติการณต ามทกี่ ําหนดไว นอกจากจะเปนความผิดท่ีระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ดังกลาวแลว เจาพนักงานตํารวจตองพบเหน็ พฤตกิ ารณด ังนีด้ ว ย
๑๐๔ (๑) àÁèÍ× ºØ¤¤Å˹Öè§¶¡Ù äŨ‹ ºÑ ´Ñè§¼¡ŒÙ ÃÐทาํ â´ÂÁÕàÊÕ§ÌͧàÍÐÍÐ μÇÑ ÍÂÒ‹ § ส.ต.ต.ดาํ เหน็ ชาวบา นกลมุ หนงึ่ วง่ิ ไลต ามนายแดง และรอ งวา “ขโมย ๆ ชว ยดว ย ไอน มี่ นั ขโมยของ” เรอ่ื งนเี้ หน็ ไดว า เขา หลกั เกณฑค อื ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย เปน ความผดิ ทอี่ ยู ในบัญชีทายประมวลฯ ประกอบกับมีการไลจับนายแดงโดยมีเสียงรองเอะอะ เชนน้ี ส.ต.ต.ดํา จบั นายแดงไดโดยเปน การท่ีกฎหมายใหถอื วาเปนความผดิ ซง่ึ หนา ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑) (๒) àÁèÍ× º¤Ø ¤Å˹§Öè á·º¨Ð·Ñ¹·Õ·¹Ñ ã´ ËÅ§Ñ ¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ã¹¶¹Ôè á¶Çã¡ÅŒà¤ÂÕ §¡ºÑ ·èÕà¡Ô´àËμ¹Ø Ñé¹ áÅÐÁÕÊèÔ§¢Í§·äÕè ´ÁŒ Ò¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÕà¤ÃÍ×è §Á×Í ÍÒÇ¸Ø ËÃÍ× ÇμÑ ¶ÍØ ÂÒ‹ §Í¹è× Í¹Ñ Ê¹Ñ ¹ÉÔ °Ò¹ä´ÇŒ Ò‹ ä´ãŒ ªãŒ ¹¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ËÃÍ× ÁÃÕ Í‹ §Ã;ÃÔ ¸Ø àË¹ç »ÃШ¡Ñ É· àÕè ÊÍ×é ¼ÒŒ ËÃ×Íà¹é×ÍμÇÑ ¢Í§¼¹ÙŒ éѹ ในกรณมี าตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) นนั้ เปน การจบั กมุ บคุ คลซงึ่ ä´¡Œ ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅŒÇ และความผิดนั้นเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ขณะเดียวกันผูน้ัน มีพฤติการณและหลักฐาน เชน มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุท่ีพอจะสันนิษฐานไดวาผูน้ันไดใชในการ กระทําความผิด หรืออาจพบรองรอยพิรุธที่เห็นไดชัดตามเนื้อตัวหรือเส้ือผาที่เขาสวมใสอยู เชน รอยเลือดสด ๆ ท่ีกระเดน็ ติดอยูบนเส้ือผาทีส่ วมใสอยู รอยขดี ขว น บาดแผลสด ตามเน้ือตัว เปนตน μÑÇÍÂÒ‹ § ส.ต.ต.ดาํ เหน็ รถยนตค นั หนงึ่ จอดอยใู นลานจอดรถแหง หนงึ่ เมอื่ เขา ไป ใกล ๆ จึงพบเห็นรองรอยของการงดั แงะตรงบรเิ วณประตดู า นคนขับ ซ่งึ ดานหลงั ของรถยนตดงั กลา ว พบนายแดงยนื ถอื ไขควงและอปุ กรณใ นการงดั แงะอยใู นมอื ขา งหนงึ่ และอกี ขา งหนงึ่ ถอื กระเปา ถอื ของ สุภาพสตรี ยืนอยใู นอาการกระสับกระสา ยมีพริ ุธ เชนนี้ ส.ต.ต.ดาํ สามารถจบั นายแดงไดโดยไมต องมี หมายจบั เพราะพบนายแดงแทบจะทนั ทที นั ใดหลงั จากการกระทาํ ผดิ ในถน่ิ ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตุ และ มีส่ิงของหรือมีเคร่ืองมืออันสันนิษฐานไดวาไดใชในการกระทําความผิด และความผิดฐานลักทรัพย ก็เปน ความผดิ ท่ีอยูในบญั ชที ายประมวลฯ (ò) ¡Ã³¾Õ ºº¤Ø ¤Å·ÁèÕ ¾Õ Äμ¡Ô ÒÃ³Í ¹Ñ ¤ÇÃʧÊÂÑ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ò) เจาพนักงานตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เมื่อพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ัน นาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่น โดยมีเครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุ อยางอ่ืนอันสามารถอาจใชในการกระทาํ ความผิด” การจับโดยไมต องมีหมายจับ ตามมาตรา ๗๘ (๒) น้ี มคี วามใกลเคยี ง กับมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) มาก หากแตกตางคอื ในÁÒμÃÒ ÷ø (ò) ¹Õàé »¹š ¡Òþº¡‹Í¹à¡Ô´àËμØ
๑๐๕ ¢³Ð·ÁèÕ ÒμÃÒ øð ÇÃäÊͧ (ò) ໹š ¡ÒþºËÅ§Ñ ¨Ò¡ÁàÕ Ëμ¡Ø ÒáÃÐทาํ ¼´Ô à¡´Ô ¢¹Öé áÅÇŒ มาตรา ๗๘ (๒) เปน กรณเี จา พนกั งานตาํ รวจไดพ บบคุ คลมพี ฤตกิ รรมทนี่ า สงสยั วา จะไปกอ เหตรุ า ย ทาํ ใหเ กดิ อนั ตรายแก บคุ คลหรอื ทรพั ยสินของผอู น่ื โดยพิจารณาจากพยานหลกั ฐานทีป่ รากฏ เชน อาวธุ อุปกรณที่สามารถ นาํ ไปใชในการงัดแงะขโมยของ เปนตน μÑÇÍ‹ҧ ส.ต.ต.ขาวข่ีจักรยานยนตไปตรวจในซอยแหงหนึ่งซ่ึงคอนขางเปลี่ยว ขณะท่ีขร่ี ถจกั รยานยนตตรวจทองท่อี ยนู ั้น ไดพบนายเขียวซงึ่ ใสชดุ ดาํ อาํ พรางตวั ในมอื มสี วาน ไขควง อุปกรณชางซึ่งสามารถใชงัดแงะประตูบานได แลวมีไฟฉาย เชือก และถุงผาดําขนาดใหญกําลังยืน ดอ มๆ มองๆ เขา ไปในบานหลงั ใหญแ หง หน่ึง ใกลๆ กนั มรี ถกระบะจอดอยู ในรถคนั ดงั กลา วมีบันได สาํ หรบั พาดทสี่ งู อยู เชน นเ้ี ชอื่ ไดว า จากพฤตกิ ารณด งั กลา วทาํ ใหเ กดิ ความสงสยั ไดว า นายเขยี วจะเขา ไป ลกั ทรพั ยใ นเคหสถาน เชน น้ี เพอื่ เปน การปอ งกนั มใิ หเ กดิ เหตขุ า งตน ส.ต.ต.ขาวสามารถจบั กมุ นายเขยี วได โดยไมต องมีหมายจบั เพราะเขาหลกั เกณฑม าตรา ๗๘ (๒) จะเหน็ ไดวา แมยงั ไมม กี ารกระทําความผิด กต็ าม กฎหมายกใ็ หอ าํ นาจเจา พนกั งานตาํ รวจจบั บคุ คลทค่ี วรสงสยั นน้ั ไดเ พอื่ ความปลอดภยั ของสงั คม สวนนายเขียวจะตอ งรับผิดหรือไมน ้นั ตอ งเขากระบวนการสอบสวนดาํ เนินคดีตอไป (ó) ¡Ã³·Õ ÁèÕ ¤Õ ÇÒÁจาํ ໚¹àç‹ ´‹Ç¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ó) เจา พนักงาน ตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เม่ือมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลนั้นตามมาตรา ๖๖ (๒) แตมี ความจําเปนเรงดวนทไ่ี มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนั้นได” การจบั ตามมาตรา ๗๘ (๓) นี้ จะตอ งประกอบหลกั เกณฑ ๒ ประการคอื ๑. เม่ือมีËÅÑ¡°Ò¹μÒÁÊÁ¤ÇÃวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิด อาญา และมีàËμØÍѹ¤ÇÃàªè×Íวาจะหลบหนีหรือจะไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือกอเหตุอันตราย ประการอื่น (ขอ ความจากมาตรา ๖๖ (๒) áÅÐ ๒. ม¤ี ÇÒÁจาํ ໹š àç‹ ´Ç‹ ¹ทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนนั้ ได - เจา พนกั งานตาํ รวจผทู าํ หนา ทจี่ บั นน้ั ตอ งมหี ลกั ฐานตามสมควร วา บคุ คลที่ตนจะจับนัน้ นา จะไดก ระทําความผดิ áÅÐ - มีเหตุอันควรเชื่อวาบุคคลที่จะจับน้ันจะหลบหนี (กรณีท่ี บคุ คลน้ันมที อ่ี ยไู มเ ปนหลกั แหลง มาตรา ๖๖ วรรคสอง ใหส นั นิษฐานวา เปน การจะหลบหน)ี áÅÐ - มีความจําเปนเรงดวนที่ไมอาจขอใหศาลออกหมายจับ บุคคลนนั้ ได ดังนั้น หากขาดพฤติการณขอใดขอหน่ึง เชน ไมมีพฤติการณวา จะหลบหนี มีท่ีอยูเปนหลักแหลง หรือไมมีความจําเปนเรงดวน เชนนี้ ก็ไมสามารถจับกุมได เจาพนักงานตาํ รวจคงตองไปขอใหศ าลออกหมายจับตามมาตรา ๖๖ กอ น
๑๐๖ μÇÑ ÍÂÒ‹ § มีรายงานการสืบสวน ทําใหทราบวานายดําเปนบุคคลท่ีนาจะเปน ผกู ระทาํ ความผดิ ลกั รถยนตจ ากจงั หวดั สระแกว เพอ่ื นาํ ไปขายยงั ประเทศเพอื่ นบา น และขณะนน้ี ายดาํ กําลังขับรถยนตคันดังกลาวมุงหนาไปยังดานชายแดน และกําลังจะผานแดนออกไปยังตางประเทศ เพ่อื หลบหนี กรณเี ชน นี้ เมือ่ พจิ ารณาจากพฤติการณท ่ีขับรถมงุ หนาไปยังดานชายแดน หากจะรอขอ หมายจบั จากศาลกอ็ าจจบั นายดําไมได จงึ เปนความจําเปน เรงดวน ประกอบกบั มรี ายงานการสบื สวน ซง่ึ ถอื ไดว า มหี ลกั ฐานตามสมควร เชน นเี้ จา พนกั งานตาํ รวจสามารถจบั นายดาํ ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั (ô) ¡Ã³Õ¨Ñº¼ÙŒμŒÍ§ËÒËÃ×ÍจําàÅ·ÕèËź˹ÕμÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ô) เจา พนกั งานตาํ รวจจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยไดเ มอื่ “เปน การจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทหี่ นหี รอื จะหลบหนี ในระหวา งถกู ปลอ ยช่วั คราว ตามมาตรา ๑๑๗” การจับตามมาตรา ๗๘ (๔) นี้ เจาพนักงานตํารวจจะจับผูตองหา หรอื จาํ เลยไดใน ๒ กรณี กลาวคือ ๑. ผทู จ่ี ะถกู จบั μÍŒ §à»¹š ¼μŒÙ ÍŒ §ËÒËÃÍ× จาํ àÅ·äÕè ´ÃŒ ºÑ ¡ÒûÅÍ‹ ªÇÑè ¤ÃÒÇ ระหวา งการสอบสวนหรอื ระหวา งการพจิ ารณาคดขี องศาล และเจา พนกั งานตาํ รวจพบวา ผนู น้ั หลบหนี หรอื จะหลบหนี ๒. การทเ่ี จา พนกั งานตาํ รวจมไิ ดเ ปน ผพู บดว ยตวั เองวา จะมกี ารหลบหนี แตไดรับคําขอจากผูประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันผูตองหาหรือจําเลยท่ีไดรับการปลอยชั่วคราวน้ัน ขอใหจ ับà¾ÃÒмٹŒ ¹Ñé Ëź˹ËÕ ÃÍ× ¨ÐËÅºË¹Õ จะเหน็ ไดว า การทผ่ี ตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ถอื วา เปน เหตุ จาํ เปน อกี ประการหนง่ึ ทจี่ บั ได โดยไมต อ งมหี มายจบั เพราะไมอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั ไดท นั ทว งที ประกอบกับผูตองหาหรือจําเลยก็ไดเคยถูกจับมาแลวในอดีตโดยผานกระบวนการตรวจสอบโดยศาล โดยการออกหมายจับแลว หรือมิฉะนั้นก็เปนการที่จับไดโดยไมตองมีหมายจับจนถึงข้ันท่ีมีการปลอย ชัว่ คราวมาแลว (เกียรตขิ จร วัจนะสวัสด์,ิ ๒๕๕๓) อยา งไรกด็ ี ถา เปน กรณที ผ่ี ตู อ งหาหรอื จาํ เลยทมี่ หี มายจบั นนั้ ไดถ กู จบั แลว แตตอมาไดม ีการหลบหนี หรือมีบคุ คลชวยใหหลบหนีไปได เชน น้ี มาตรา ๖๕ ใหอ าํ นาจเจา พนกั งาน ผจู บั มอี าํ นาจตดิ ตามจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทก่ี าํ ลงั หลบหนไี ดโ ดยไมต อ งขอหมายจบั อกี เพราะเปน การ บังคบั ใหเ ปนไปตามหมายจับนั้นเอง มใิ ชเปน การจบั โดยอาศยั เหตุทเี่ กดิ ขนึ้ มาใหมแตอ ยา งใด นอกจากน้ี ยงั มกี รณกี ารจบั โดยไมม หี มายจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา “เม่ือไดมีการแจงขอกลาวหามาแลว ถาผูตองหาไมใชผูถูกจับหรือและยังไมไดมีการออกหมายจับ แตพ นกั งานสอบสวนเหน็ วา มเี หตทุ จี่ ะออกหมายขงั ผนู นั้ ไดต ามมาตรา ๗๑ พนกั งานสอบสวนมอี าํ นาจ สง่ั ใหผ ตู อ งหาไปศาลเพอื่ ขอออกหมายจบั โดยทนั ที แตถ า ขณะนน้ั เปน เวลาทศ่ี าลปด หรอื ใกลจ ะทาํ การ
๑๐๗ ปด ทาํ การ ใหพ นกั งานสอบสวนสง่ั ใหผ ตู อ งหาไปศาลในโอกาสแรกทศี่ าลเปด ทาํ การ กรณเี ชน วา นใี้ หน าํ มาตรา ๘๗ มาใชบ งั คบั แกก ารพจิ ารณาออกหมายขงั โดยอนโุ ลม หากผตู อ งหาไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั ของ พนักงานสอบสวนดงั กลาว ใหพนกั งานสอบสวนมีอํานาจจบั ผตู องหาน้นั ได โดยถือวา เปนกรณีจําเปน เรง ดว นทจี่ ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมม หี มายจบั และมอี าํ นาจปลอ ยชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ตวั ผตู อ งหานน้ั ไว” ซงึ่ การจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา น้ี เปน การจบั โดย¾¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ ท่ีสามารถจับผูตองหาโดยไมมีหมายจับได หากเปนกรณีที่แจงขอกลาวหาแลว แตผูตองหายังไมได ถูกจับและยังไมไดมีการออกหมายจับ แตพนักงานสอบสวนเห็นวามีเหตุออกหมายขังผูตองหาได และพนักงานสอบสวนสั่งใหผูตองหาน้ันไปศาลเพ่ือใหศาลออกหมายขัง แตผูตองหาไมยอมไปศาล ตามคําสั่งของพนักงานสอบสวน ใหพนักงานสอบสวนมีอํานาจจับผูตองหานั้นได โดยถือวาเปนการ จาํ เปน เรง ดว นทจ่ี ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั และมอี าํ นาจปลอ ยชวั่ คราวหรอื ควบคมุ ผตู อ งหา นั้นไวไดเ ชน กัน õ.ó.ò ¡ÒèºÑ â´ÂÃÒɮà ในอดีตประเทศไทยเราก็มีกฎหมายที่ใหอํานาจแกราษฎรในการจับตัวผูกระทํา ความผิด กลาวคือในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่สามแหงกรุงรัตนโกสินทร ไดประกาศใชกฎหมายลักษณะโจรหาเสน ซึ่งมีสาระสําคัญคือ หากมีเหตุการณโจรปลนเกิดข้ึน ทอ งทใี่ ด ราษฎรที่อาศยั อยใู กลกบั ทเ่ี กดิ เหตใุ นระยะไมเ กินหา เสน (๒๐๐ เมตร) จะตองชว ยเจาหนาที่ จบั โจร มฉิ ะนน้ั จะมคี วามผดิ และหากคนรา ยปลน ทรพั ยไ ปได ราษฎรทไี่ มเ ขา ชว ยเหลอื กจ็ ะถกู การปรบั ตามศกั ดนิ า คอื ผมู ศี ักดินา ๑๕ - ๑๕๐ ไร ปรับ ๕ ตําลงึ ผทู ม่ี ศี กั ดนิ า ๒๐๐ ไรขึ้นไปถงึ ๑๐,๐๐๐ ไร ใหป รบั มากขึ้นตามสว น สวนพวกทมี่ ีศักดินา ๕ - ๑๕ ไร ใหเ ฆี่ยนแทนคา ปรับคนละ ๑๕ ที จะเหน็ ไดว า กฎหมายลกั ษณะโจรหา เสน น้ี มจี ดุ ประสงคใ หร าษฎรชว ยกนั ปอ งกนั และรักษาความสงบเรียบรอยภายในรัศมีที่ตนอาศัยอยู ซึ่งหลักการเชนน้ีสอดคลองกับบทบัญญัติ ในประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๙ “ราษฎรจะจบั ผูอ่นื ไมไ ดเ วนแตจ ะเขา อยใู นเกณฑแหง มาตรา ๘๒ หรือเมื่อผนู ัน้ กระทําความผดิ ซึ่งหนา และความผดิ นัน้ ไดระบไุ วใ นบญั ชีทา ยประมวลกฎหมายนีด้ วย” จากมาตราดงั กลาว เหน็ ไดว าÃÒɮèºÑ ºØ¤¤Åä´Œตอ เม่ือ ๑) กรณเี ขา หลกั เกณฑต ามมาตรา ๘๒ กลา วคอื เมอื่ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¨ŒÙ ´Ñ ¡ÒÃμÒÁ ËÁÒ¨ºÑ ÃÍŒ §¢Í¤ÇÒÁªÇ‹ ÂàËÅÍ× จากบคุ คลใกลเ คยี งเพอื่ ใหจ บั การตามหมายนน้ั ได ผทู ไี่ ดร บั การรอ งขอ จึงมีอํานาจจับได μÇÑ ÍÂÒ‹ § ส.ต.ต.แดงจะจับนายขาวตามหมายจับ แตปรากฏวานายขาวว่ิงหนีไปทิศทาง ที่นายเขียวยืนอยู ส.ต.ต.แดงจึงรองขอใหนายเขียวชวยจับตัวนายขาวไว เชนน้ี นายเขียวสามารถจับ
๑๐๘ นายขาวได แตอยางไรก็ตามในกรณีท่ีเห็นวานายขาวมีอาวุธรายแรงอยูในมือ ส.ต.ต.แดงจะบังคับให นายเขียวชวยจบั ไมไ ด เพราะอาจเกดิ อันตรายแกนายเขยี วได (มาตรา ๘๒) ๒) เมอื่ ราษฎรพบบคุ คลนน้ั ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ áÅФÇÒÁ¼´Ô ¹¹éÑ ä´ÃŒ ÐºäØ ÇŒ 㹺ÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ในกรณีดังกลาวราษฎรจะมีอํานาจจับไดตอง ประกอบดวย ๒ กรณี คือ (๑) ตองเปนการกระทําความผิดซึ่งหนา ซ่ึงหมายความวาราษฎรผูจับนั้น ได¾ºàË繡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´´ŒÇÂμÇÑ àͧ¨ÃÔ§æ áÅÐ (๒) ราษฎรจะจับไดเฉพาะกรณีท่ีความผิดท่ีกระทํานั้นเปน¤ÇÒÁ¼Ô´à©¾ÒÐ ทีถ่ กู ระบุไวใ นบญั ชที ายประมวลน้ีเทา นั้น μÑÇÍÂÒ‹ § นายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลกั จกั รยานยนตข องนายดาํ อยู เชน นนี้ ายแดงสามารถ จบั นายขาวได เพราะการท่ีนายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลักทรพั ยด วยตนเองนนั้ เปน การกระทําความผิด ซง่ึ หนา และความผิดฐานลกั ทรัพยก็เปนความผิดท่ีอยใู นบญั ชีทายประมวล μÇÑ Í‹ҧ นายฟา ยืนอยูหนา ตลาดสด เหน็ คนกลมุ หน่งึ ว่ิงไลต ามนายเหลืองพรอมกับรอ ง ตะโกนวา “ขโมย ๆ ชวยจบั หนอย มนั ขโมยของมา” เชนนีแ้ มวา นายฟา จะไมไ ดเห็นขณะทีน่ ายเหลือง กาํ ลงั ขโมยของก็ตาม แตจากพฤติการณดังกลาว มาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑) ถือวา เปน ความผิดซ่ึงหนา และความผดิ ฐานลกั ทรัพยก็เปนความผดิ ทีร่ ะบไุ วในบัญชที ายประมวล ¢ŒÍ椄 à¡μ หาก¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹äÁ‹ä´ŒÃкØäÇŒในบัญชีทายประมวลฯ ÃÒɮáçäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº แมจะเห็นวากําลังกระทําความผิด อยูต อหนาตนก็ตาม μÇÑ Í‹ҧ นายสม เหน็ นายมว งขายยาเสพตดิ ใหก บั นายฟา อยตู อ หนา ตนกต็ าม นายสม กไ็ มอ าจจบั นายมว งได เพราะความผดิ ตามพระราชบัญญตั ิยาเสพติดใหโ ทษไมไ ดร ะบุไวในบัญชที า ยประมวลฯ นอกจากมาตรา ๗๙ ทไ่ี ดใ หอ าํ นาจแกร าษฎรในการจบั ผกู ระทาํ ความผดิ ดงั ทก่ี ลา ว มาแลว ขา งตน ยงั คงมกี รณที ก่ี ฎหมายใหอ าํ นาจราษฎรจบั ไดอ กี ในมาตรา ๑๑๗ ซงึ่ เปน เรอื่ งนายประกนั หรอื ผเู ปน หลกั ประกนั สามารถจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทห่ี นหี รอื จะหลบหนตี ามเงอ่ื นไขในมาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๗ “เมอ่ื ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ใหพ นกั งานฝา ยปกครอง หรือตํารวจท่ีพบการกระทําดังกลาวมีอํานาจจับผูตองหาหรือจําเลยนั้นได แตใ นกรณีที่บุคคลซึ่งทํา สัญญาประกนั หรือเปน หลักประกันเปนผูพบเห็นการกระทําดงั กลา ว อาจขอใหพ นกั งานฝา ยปกครอง
๑๐๙ หรือตํารวจที่ใกลท ส่ี ดุ จับผูตองหาหรือจาํ เลยได ถาไมสามารถขอความชว ยเหลอื จากเจา พนกั งานได ทนั ทวงที กใ็ หมอี าํ นาจจับผูตอ งหาหรอื จําเลยไดเ อง แลว สงใหพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจทีใ่ กล ทสี่ ดุ และใหเ จา พนกั งานนน้ั รบี จดั สง ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยไปยงั เจา พนกั งานหรอื ศาล โดยคดิ คา พาหนะ จากบคุ คลซง่ึ ทาํ สัญญาประกันหรอื หลักประกนั นัน้ ” กรณี ตามมาตรา ๑๑๗ นนั้ เปนการที่ผตู อ งหาหรอื จําเลยไดรบั การปลอยตวั มา แลวหลบหนหี รือจะหลบหนี เชน นี้ ผทู ําสัญญาประกันหรอื ผทู ี่เปน หลกั ประกนั มสี ิทธิขอใหพ นกั งาน ฝา ยปกครองหรอื ตํารวจท่ีใกลท ่ีสดุ จบั ตัวไวได แตตัวผูทําสัญญาประกันหรือผูที่เปนหลักประกันดังกลาว ไมสามารถขอ ความชวยเหลือไดทันทวงที เชนน้ีกฎหมายใหอํานาจผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันนั้น จบั ผตู องหาหรอื จําเลยได และสง มอบใหเ จาพนกั งานฝายปกครองหรือตาํ รวจทีใ่ กลท ส่ี ุด ¢ŒÍÊѧà¡μ ในกรณีที่จําเลยหลบหนีเชนน้ี ผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันตัวจําเลยในคดีอาญา จะมาขอใหศาล ออกหมายจบั และหมายคน เพอ่ื ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจจบั ตวั จาํ เลย โดยอา งวา จาํ เลยมเี จตนาหลบหนหี าไดไ ม เพราะเปน เรอ่ื ง ที่ผทู ําสญั ญาประกันอาจจัดการไดเองตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๗ อยูแ ลว (คําสัง่ คาํ รองท่ี ๖๔๙/๒๕๑๗) อํา¹Ò¨¡ÒèºÑ ¡ÁØ ¢Í§ÃÒɮà à·Õº¡Ñº¡ÒèºÑ ¡ÁØ ¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ อาํ นาจในการจบั กมุ ของราษฎรในขอ นี้ ซงึ่ เกยี่ วกบั การจบั กมุ ความผดิ ซงึ่ หนา และ ความผดิ ซงึ่ หนา นน้ั จะตอ งเปน ความผดิ ทรี่ ะบไุ วใ นบญั ชที า ย ป.ว.ิ อาญา กม็ ขี อ คลา ยคลงึ กบั อาํ นาจของ พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจทม่ี อี าํ นาจจบั ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั แตค งมขี อ แตกตา งกนั บา ง ดงั น้ี ๑. เจาพนักงานมีอํานาจจับกุมผูกระทําความผิดซ่ึงหนาในคดีทุกประเภท แตร าษฎรจับไดเ ฉพาะประเภทท่ีระบุไวในบญั ชที าย ป.ว.ิ อาญา เทานนั้ ๒. นอกจากความผิดซ่ึงหนาแลว เจาพนักงานมีอํานาจจับตามพฤติการณ ตามมาตรา ๗๘ (๒) (๓) และ (๔) แตร าษฎรไมมีอํานาจจบั ไดตามพฤติการณเ หลา น้ัน μÇÑ ÍÂÒ‹ §คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óøø/òôùö วินิจฉยั วา ผกู ระทําผิดไดใชปนยิงบคุ คลอน่ื ตอ หนา ราษฎร ราษฎรจะเขาจับกุม แตผูถูกจับไมยอมใหจับและชักมีดออกมาทํารายราษฎร ราษฎรจึงเขา กอดปล้ําแยงมีดไดแลวแทงผูถูกจับ ๑ ที ผูถูกจับตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยวา ราษฎรมีอํานาจจับ เพราะเปน ความผิดซ่ึงหนา ตามบญั ชที า ย ป.วิ.อาญา เม่ือผถู ูกจับทํารา ย ราษฎรจงึ ตอ สปู อ งกันตนเอง ในกรณีนเ้ี ปน การปองกนั ตวั พอสมควรแกเหตุ ราษฎรจงึ ไมม คี วามผดิ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñùôñ/òõñô วินิจฉัยวา ราษฎรมีเหตุเพียงสงสัยวา ผูอ่ืนจะมา พยายามลกั ทรพั ยข องตน ราษฎรนน้ั ไมม อี าํ นาจตามกฎหมายทจี่ ะจบั กมุ และใชป น ขบู งั คบั ผตู อ งสงสยั
๑๑๐ เพื่อจะพาไปหาผูใหญบาน อยางไรก็ตาม กฎหมายตองการความรวมมือจากราษฎรในการระงับ และปราบปรามการกระทาํ ผดิ จงึ บัญญตั เิ ปน ขอ ยกเวน ใหร าษฎรมีอาํ นาจจับไดใ นบางกรณี ¢ŒÍ椄 à¡μ ราษฎรมีอํานาจจับไดเฉพาะกรณีความผิดน้ันเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาเทานั้น เพราะอํานาจในการจับของราษฎรน้ันมีนอยกวาเจาพนักงานฝายปกครอง ตํารวจแมวาเปนการกระทํา ความผดิ ซ่งึ หนา ไมวา จะเปนการกระทําความผดิ ซง่ึ หนา อยางแทจ รงิ (ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๐ วรรคหน่ึง) หรือกรณที ่ี ถือวา กระทาํ ความผิดซ่งึ หนา (ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง) กต็ าม หากความผิดนนั้ ไมไดร ะบไุ วใ นบญั ชีทา ยประมวลฯ ราษฎรกไ็ มมีอํานาจจับ แมจ ะเหน็ กาํ ลงั กระทาํ ความผิดก็ตาม μÑÇÍÂÒ‹ § นายขาวราษฎรเห็นนายแดงขณะลักทรัพยนายดํา นายขาวจับนายแดงไดโดยอาศัยอํานาจตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๗๙ ประกอบกบั มาตรา ๘๐ ตามตัวอยางนี้ เปนกรณีทีน่ ายขาวเห็นนายแดงกาํ ลงั กระทาํ และความผดิ ฐานลักทรพั ย นัน้ ระบุในบัญชที ายประมวลฯ ดว ย μÇÑ Í‹ҧ นายขาวราษฎรเหน็ นายดาํ วง่ิ ตามหลงั นายแดงพรอ มกบั รอ งวา “ขโมย ๆ” นายขาวจบั นายแดงได โดยอาศยั อาํ นาจ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๗๙ ประกอบกบั มาตรา ๘๐ ตามตัวอยางน้เี ปนกรณที ่ีนายขาวเหน็ นายแดง “ถูกไลจบั ด่งั ผกู ระทาํ (ความผดิ ) โดยมีเสียงรองเอะอะ” และความผิดฐานลกั ทรัพยน้ันก็ระบไุ วบ ญั ชที ายประมวลฯ ดวย ¢ŒÍáμ¡μ‹Ò§ã¹·Ò§»¯ºÔ μÑ Ô¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨÃÐËNjҧ¡Ã³Õà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹à»š¹¼ŒÙ¨ºÑ áÅСóÃÕ ÒɮèºÑ ÁÒʧ‹ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¨ºÑ ÃÒɮèѺáÅÇŒ ʧ‹ Áͺà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ๑. แจงขอกลาวหา (ซง่ึ แจงครั้งหนง่ึ แลว ขณะจบั กมุ ๑. ผรู บั มอบตวั จะตอ งบนั ทกึ รายละเอยี ดเกย่ี วกบั ตามรายละเอยี ดเกย่ี วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผ ถู กู จบั ผูจับและพฤติการณแหงการจับ แลวใหผูจับ ทราบ ลงลายมือชือ่ กํากบั (มาตรา ๘๔ (๒)) ๒. อา นหมายจบั ใหผ ถู กู จบั ฟง (ในกรณมี หี มายจบั ) และ ๒. แจงขอกลาวหาและรายละเอียดแหงการจับ มอบสาํ เนาบนั ทกึ การจบั แกผ ถู กู จบั (มาตรา ๘๔ (๑)) ใหผถู กู จบั ทราบ (มาตรา ๘๔ (๒)) ๓. แจงสิทธิใหผูถูกจับทราบวา เขามีสิทธิท่ีจะใหการ ๓. แจงใหผูถูกจับทราบวา ผูถูกจับมีสิทธิที่จะ หรอื ไมก ไ็ ด และถอ ยคาํ นน้ั อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐาน ใหการหรือไมใหการก็ได และถอยคําของ ในการพิจารณาคดี และมีสิทธิพบหรือปรึกษา ผถู กู จบั อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณา ทนายความ (มาตรา ๘๓ วรรคสอง) คดีก็ได (มาตรา ๘๔ (๒)) ¼Å¢Í§¡Ò÷èÕÃÒÉ®ÃÁÕอํา¹Ò¨¨ºÑ ¡Ã³Õ·èÕÃÒÉ®ÃÁอÕ าํ ¹Ò¨¨Ñº ราษฎรยอมไดร บั การคุมครองโดยกฎหมาย กลาวคือ ก) หากราษฎรดงั กลา วไดก ระทาํ โดยเปน การชว ยเหลอื เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายจบั และหากวาผูจะตองถูกจับไมยินยอมใหจับ จะมีความผิดฐานตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงาน
๑๑๑ หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหนาท่ีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ และหากมีการตอสูโดยไดทํารายหรือฆาราษฎรที่เขาชวยเหลือยอมมีโทษหนักกวา ทาํ รา ยหรือฆาประชาชนธรรมดาตามมาตรา ๒๙๖ ประกอบมาตรา ๒๙๕, มาตรา ๒๙๘ ประกอบ มาตรา ๒๙๗ และมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๒๘๙ ข) หากราษฎรจับผูกระทําความผิดซึ่งหนาและเปนความผิดดังท่ีระบุไวในบัญชีทาย ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา แมราษฎรจะไมไ ดรับความคมุ ครองอยางขอ ก) แตร าษฎร ก็มีอํานาจใชกําลังหรือใชการปองกันเพื่อการจับไดตามสมควรแกกรณีโดยไมมีความผิด ในทางตรงกันขามผูที่จะถูกจับไมสามารถอางวาเปนการกระทําเพื่อปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาได หากทาํ รา ยราษฎรผทู ีจ่ ะจบั ก็มคี วามผดิ ฐานทาํ รา ยรา งกายผูอ น่ื หรือความผดิ อืน่ ๆ แลว แตก รณี ¡Ã³ÕÃÒɮèѺâ´ÂäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº ราษฎรผูจับจะไมไดรับการคุมครองจากกฎหมาย และผูที่จะถูกจับกุมยอมมีอํานาจท่ีจะกระทําเพ่ือปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาที่จะไมใหถูกจับได โดยไมมีความผิดดวย ดงั นน้ั การจบั ไมว า จะเปน พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรอื จะเปน ราษฎรจะทาํ การ จับกุมผูใด จะตองปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ กฎหมายจึงจะคุมครองการกระทําของ เจาพนกั งานหรือราษฎรผจู บั นัน้ แตห ากไมป ฏิบตั ิตามกฎหมายเสียแลวกย็ อมจะไมไดรบั การคมุ ครอง จากกฎหมาย õ.ô ¢ŒÍจํา¡Ñ´ã¹¡ÒèºÑ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจะใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจ มอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม หากการจบั นนั้ เปน การกระทาํ ทก่ี ระทบสทิ ธเิ สรภี าพสว นบคุ คล จงึ ตอ งมขี อ จาํ กดั บางประการ กลา วคอื การใชอ าํ นาจในการจบั ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ น้นั ไดม ีขอจํากัดไว ๒ ทาง คอื õ.ô.ñ ¢ŒÍจาํ ¡´Ñ ã¹àÃèÍ× §¢Í§อาํ ¹Ò¨¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ แมว า ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญากาํ หนดใหพ นกั งานฝา ยปกครอง หรอื ตาํ รวจมอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม แตอ าํ นาจของแตล ะฝา ยไมเ หมอื นกนั ดงั ทไ่ี ดม คี าํ พพิ ากษาของ ศาลฎกี าไดว างบรรทัดฐานไว กลาวคอื ¡Ã³Õ·¼èÕ Ù¨Œ Ñºà»¹š ¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤Ãͧ พนกั งานฝา ยปกครองจะมอี าํ นาจจบั ไดà ©¾ÒÐÀÒÂã¹à¢μ·μèÕ ¹ÁอÕ าํ ¹Ò¨´á٠ž¹é× ·èÕ ¹Ñ¹é æ à·Ò‹ ¹Ñ¹é เนอ่ื งจากพระราชบัญญัติลกั ษณะปกครองสวนทอ งถน่ิ ฯ ไดกําหนดอํานาจและหนา ที่ ของกรรมการอาํ เภอ ในเร่อื งทเี่ ก่ยี วกับความผิดอาญาไวใ นมาตรา ๑๐๑ ขอ ๒ “ความอาญาเกิดขน้ึ ในทองท่ีอําเภอใดหรือตัวจําเลยมาอาศัยอยูในทองท่ีอําเภอใด ใหกรรมการอําเภอ (นายอําเภอ, ปลัดอําเภอ) มีอาํ นาจทีจ่ ะสง่ั ใหจับผตู องหามาไตส วนใหค ดเี ร่ืองนัน้ ในชัน้ ตน”
๑๑๒ นอกจากนี้ไดมีคําพิพากษาศาลฎีกายืนยันถึงอํานาจการจับของเจาพนักงาน ฝา ยปกครองวา à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧÁอÕ าํ ¹Ò¨¨ºÑ ÀÒÂã¹à¢μ·μÕè ¹ÁÕÍÒí ¹Ò¨´áÙ Å¾×¹é ·è¹Õ éѹ෋ҹÑé¹ μÑÇÍ‹ҧคาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñöñò - ñöñó/òõðø ผใู หญบ านเปน เจาพนกั งานฝา ยปกครอง มอี าํ นาจจบั กมุ ผูกระทาํ ผิดอาญาในหมบู านของตนได และมอี ํานาจไปจบั ผูรายในหมูบานใกลเ คยี งได ตอเม่ือมีเหตุรายสําคัญ เม่ือความผิดฐานลักทรัพยไมใชเหตุรายสําคัญ ผูใหญบานจึงไมมีอํานาจ ไปจบั กุมคนรายนอกเขตหมบู า นของตน ¡Ã³·Õ ¼Õè Ù¨Œ Ѻ໚¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ เน่ืองจากพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติฯ มาตรา ๖ ไดกําหนดอํานาจหนาท่ี เอาไว กลา วคือ มอี ํานาจหนา ท่ปี อ งกนั และปราบปรามความผดิ อาญา (มาตรา ๖ (๓)) ตลอดจนรกั ษา ความสงบเรยี บรอ ยและความปลอดภยั ของประชาชน และความมน่ั คงของราชอาณาจกั ร (มาตรา ๖ (๔)) จึงแสดงใหเห็นไดวา เจาพนักงานตํารวจมีอํานาจจับไดท่ัวราชอาณาจักร ซ่ึงในกรณีดังกลาวไดมี คําพพิ ากษาฎีกายนื ยันอํานาจจบั ของเจาพนักงานตํารวจ μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñòôõ/òõðò จําเลยท่ี ๑ เปนเจา พนกั งานตาํ รวจมอี ํานาจจบั กมุ ผูกระทําความผิด สวนอํานาจหนาที่ของพลตํารวจ จันดา จําเลยน้ันปรากฏจากคําเบิกความของ นายพนั ตาํ รวจโท มนู เศวตวรรณ ผกู ํากับการตํารวจภธู รจังหวัดมหาสารคาม ซ่งึ ศาลลา งไดฟงมาวา พลตํารวจภูธรประจํากองตํารวจภูธรจังหวัดมีอํานาจสืบสวนจับกุมผูกระทําความผิดในเขตจังหวัด แมใ นทางปฏิบตั ิกรมตาํ รวจไดว างระเบียบไวว า จะตอ งมคี ําสงั่ จากผูบังคบั บัญชาต้ังแตช้ันผูบงั คับกอง ขึ้นไป พลตํารวจจึงจะออกไปสืบสวนจับกุมผูกระทําผิดไดก็ดี แตก็ยังมีคําส่ังกระทรวงมหาดไทยไววา พลตํารวจภูธรไปปรากฏตัว ณ ที่ใด แมจะเปนท่ีนอกเขตอํานาจของพลตํารวจผูน้ัน ถาปรากฏวามี ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา พลตาํ รวจภธู รผนู น้ั กม็ อี าํ นาจจบั กมุ ได ศาลฎกี าจงึ เหน็ การกระทาํ ของพลตาํ รวจจนั ดา จาํ เลยดงั กลา วเปน การกระทาํ ของเจา พนกั งานผใู ชอ าํ นาจในตาํ แหนง โดยมชิ อบ ขม ขนื ใจใหน ายบญุ ศรี กับพวกมอบปลาใหเ ปนประโยชนแ กตน คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñòõù/òõôò แมจ าสบิ ตาํ รวจ ส. เปนเจา พนกั งานตํารวจประจํา สถานตี ํารวจนครบาลบางขนุ เทยี นก็ตามแต ป.วิ.อาญา มาตรา ๒ (๑๖) จา สบิ ตํารวจ ส. มอี ํานาจและ หนาท่ีในการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนทําการจับกุมปราบปรามผูกระทําผิดกฎหมายได และยังมีอาํ นาจทาํ การสืบสวนคดอี าญาไดต าม ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๑๗ อาํ นาจจบั กุมผกู ระทาํ ผดิ และ สืบสวนคดีอาญาดังกลาวน้ี ไมมีบทบัญญัติกฎหมายใดจํากัดใหปฏิบัติหนาท่ีไดเฉพาะในเขตของท่ี ท่ีเจาพนักงานตํารวจผูนั้นประจําการอยูเทานั้น เจาพนักงานตํารวจดังกลาว จึงมีอํานาจจับกุม ผกู ระทาํ ผดิ และสบื สวนคดอี าญาไดท่ัวราชอาณาจักร
๑๑๓ õ.ô.ò ¢ŒÍจํา¡Ñ´ã¹àÃèÍ× §Ê¶Ò¹·èÕ เนอ่ื งดว ยการจบั กมุ นนั้ เปน การละเมดิ สทิ ธพิ น้ื ฐานของบคุ คล ดงั นนั้ จงึ ตอ งมกี าร ระมดั ระวงั ในการใชอ าํ นาจเปน อยา งมาก นอกจากทก่ี ลา วมาขา งตน เกยี่ วกบั การจบั ทจี่ ะตอ งมหี มายจบั หรือกรณีจําเปนซ่ึงกฎหมายกําหนดเปนขอยกเวนใหจับไดโดยไมตองมีหมายจับดังที่ไดระบุใน มาตรา ๗๘ และในการจบั บคุ คลนน้ั ไมว า จะมหี มายจบั หรอื จบั โดยไมม หี มายจบั เพราะเหตเุ ขา ขอ ยกเวน ก็ตาม แตก ฎหมายยงั กาํ หนดËŒÒÁÁãÔ ËŒ¨ºÑ º¤Ø ¤ÅÀÒÂã¹Ê¶Ò¹·ºèÕ Ò§á˧‹ ดังที่บญั ญตั ิไวใ นมาตรา ๘๑ และ ๘๑/๑ กลาวคอื ๑) ËŒÒÁ¨Ñºã¹·ÕÃè â˰ҹ มาตรา ๘๑ “ไมวาจะมีหมายจับหรือไมก็ตาม หามมิใหจับในท่ีรโหฐาน เวน แตจะไดท ําตามบทบัญญตั ใิ นประมวลกฎหมายนี้ อนั วา ดวยการคน ในที่รโหฐาน” จากมาตราดังกลาวจะเห็นไดวา ¡ÒèѺºØ¤¤Åã¹·èÕÃâ˰ҹ ไมวาจะเปน การจบั ตามหมายจบั หรอื จะเปน การจบั โดยอาศยั ขอ ยกเวน ตามมาตรา ๗๘ กต็ าม ÂÍ‹ Á¨Ð¡ÃÐทาํ äÁä‹ ´Œ àǹŒ á쨋 ÐÁËÕ ÁÒ¤¹Œ ËÃÍ× ÁÕàËμàØ ¢ŒÒ¤¹Œ ä´âŒ ´ÂäÁμ‹ ŒÍ§ÁÕËÁÒ¤Œ¹μÒÁÁÒμÃÒ ùò ท้งั นี้ ดว ยเหตุผลที่ วาการทจ่ี ะเขาไปจับบุคคลในทีร่ โหฐานนั้น เทา กบั วาเปนการเขาไปคนหาตัวบุคคลไปดวย เพราะเปน การเขาไปในท่ีรโหฐานเพ่ือหาตัวบุคคลตามความหมายมาตรา ๕๗ วรรคแรก จึงจําตองพิจารณา ถงึ อาํ นาจในการคน ควบคกู นั ไปกบั อาํ นาจจบั ดว ย จะพจิ ารณาเฉพาะอาํ นาจจบั อยา งเดยี วหาเพยี งพอไม μÑÇÍÂÒ‹ §คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ö÷õ/òôøó วาคําวินิจฉัยเรื่องจับในที่รโหฐาน ตองพิจารณา อยา งเรื่องการคนคละไปดว ย ÊÃØ» การจะจบั บคุ คลใดในทร่ี โหฐาน จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนในเรอ่ื งการคน ในทร่ี โหฐานดว ย ซงึ่ ในสวนทเ่ี ก่ยี วขอ งกบั การจบั กมุ บคุ คล มีดังนี้ (๑) บคุ คลทจ่ี ะถกู จบั นนั้ ไดม กี ารออกหมายจบั ไวแ ลว และไดม หี มายคน เพอ่ื พบตวั บคุ คล ตามหมายจับนน้ั (๒) บุคคลที่จะถูกจับน้ันไดมีการออกหมายจับไวแลว และบุคคลดังกลาวเปน਌ҺŒÒ¹ (รวมถงึ คูส มรสของเจาบาน) μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö ÇÔ¹Ô¨©ÑÂäÇŒÇ‹Ò คําวา “਌ҺŒÒ¹” หมายความถึง ผเู ปน หวั หนา ของบคุ คลทพี่ กั อาศยั อยใู นบา นหลงั นน้ั และรวมตลอดถงึ คสู มรสของผเู ปน หวั หนา เทา นนั้ เพราะบคุ คลดงั กลาวเปนผรู บั ผดิ ชอบในการครอบครองบานและปกครองผูอยูอาศยั ในบานหลังนน้ั
๑๑๔ (๓) บุคคลน้ันอาจถูกจับไดตามประมวลกฎหมายน้ี และมีพฤติการณที่ผูจับ อาจเขาไปในทีร่ โหฐานไดโ ดยไมตอ งมีหมายคน ตามนยั มาตรา ๙๒ (๑) - (๓) เชน มเี สียงรอ งใหชว ย ดงั มาจากในทรี่ โหฐาน เจา พนกั งานมอี าํ นาจเขา ไปไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน และเมอ่ื พบตวั ผกู ระทาํ ผดิ ซ่งึ หนา ก็สามารถจับกุมตัวได หรือพบเห็นการกระทําผิดซึ่งหนา ในท่รี โหฐาน เชน เลน การพนันในบาน เจาพนักงานก็มีอํานาจเขาไปจับกุมไดโดยไมตองมีหมายคนและหมายจับ และถาเปนการไลติดตาม ผกู ระทาํ ผดิ ซง่ึ หนา หลบหนเี ขา ไปในทรี่ โหฐาน เจา พนกั งานกม็ สี ทิ ธติ ดิ ตามเขา ไปจบั กมุ ในทรี่ โหฐานนนั้ ได ¢ÍŒ Êѧà¡μ ๑. หากเปน บคุ คลตามหมายจบั หลบหนเี ขา ไปในทร่ี โหฐาน จะตอ งไปขอหมายคน ไมม อี าํ นาจตดิ ตามเขา ไปจบั กมุ อยา งความผดิ ซงึ่ หนา ๒. กรณีราษฎรเปนผูจับ ÃÒɮùéѹäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñºã¹·ÕèÃâ˰ҹ แมวากําลังพบเห็นความผิดซึ่งหนา และเปน ความผิดทร่ี ะบไุ วใ นบัญชที า ยประมวลฯ กต็ าม เพราะราษฎรไมมีอํานาจในการคน ๒) ËŒÒÁ¨Ñºã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃÒªÇѧ ¾ÃÐÃÒªÇ§Ñ Ç§Ñ ¢Í§¾ÃкÃÁǧÈÒ¹ÇØ §È ÁÒμÃÒ øñ/ñ ºÑÞÞÑμÔÇ‹Ò “ไมว าจะมีหมายจบั หรือไมก ็ตาม หามมใิ หจ ับ ในพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง วังของรัชทายาทหรือของพระบรมวงศต้ังแตสมเด็จเจาฟาข้ึนไป พระราชนเิ วศน พระตาํ หนกั หรอื ในทซี่ ง่ึ พระมหากษตั รยิ พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศต งั้ แต สมเด็จเจาฟาขึ้นไป หรือผสู าํ เรจ็ ราชการแทนพระองค ประทับหรือพาํ นกั เวน แต (๑) นายกรฐั มนตรี หรอื รฐั มนตรซี งึ่ นายกรฐั มนตรมี อบหมายอนญุ าตใหจ บั และไดแ จงเลขาธกิ ารพระราชวัง หรือสมุหราชองครักษรบั ทราบแลว (๒) เจา พนกั งานผถู วายหรอื ใหค วามปลอดภยั แดพ ระมหากษตั รยิ พระราชนิ ี พระรัชทายาท พระบรมวงศต้ังแตสมเด็จเจาฟาข้ึนไป หรือผูสําเร็จราชการแทนพระองค เปนผูจับ ตามกฎหมายวาดว ยราชองครกั ษ หรอื ตามกฎหมาย กฎ หรอื ระเบยี บเกี่ยวกบั การใหค วามปลอดภยั ” ¡Ã³¨Õ ѺºØ¤¤ÅÀÒÂã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃÒªÇ§Ñ การจบั ในกรณมี าตรา ๘๑/๑ น้ี แยกเปน ๒ กรณคี อื ๑. เขตทเี่ ปน พระบรมมหาราชวงั พระราชวงั วงั ของรชั ทายาทหรอื พระบรมวงศ ตงั้ แตส มเด็จเจา ฟาข้ึนไป พระราชนิเวศน พระตาํ หนัก ๒. เขตหรอื สถานท่ี ซง่ึ พระมหากษตั รยิ พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศ ตงั้ แตส มเดจ็ เจา ฟา ขนึ้ ไป ประทบั หรอื เขตทผี่ สู าํ เรจ็ ราชการแทนพระองคพ าํ นกั อยู เชน บรเิ วณพลบั พลา ที่ประทับขณะทําพิธีแรกนาขวัญ ณ บริเวณสนามหลวง หรือบริเวณหองประทับรับรองระหวางที่ พระราชทานปรญิ ญาของมหาวิทยาลยั เปน ตน ดังนั้น การจะจับบุคคลภายในสถานที่ดังกลาว äÁ‹Ç‹Ò¨Ð໚¹¡ÒèѺμÒÁ ËÁÒ¨ѺËÃ×Í¡ÒèѺâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕËÁÒ¨Ѻà¾ÃÒÐà¢μࢌҢŒÍ¡àÇŒ¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø ¡çμÒÁ ¨Ð¡ÃÐทาํ ÁäÔ ´Œ เวน แต ไดร บั อนญุ าตจากนายกรฐั มนตรหี รอื รฐั มนตรี ซงึ่ นายกรฐั มนตรมี อบหมายกอ น และตอ งแจง เลขาธิการพระราชวงั หรอื สมุหราชองครักษรับทราบกอ น
๑๑๕ ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจจะเขาจับกุมบุคคลในสถานท่ีดังกลาว จะตอง ขออนุญาตจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก สํานักนายกรัฐมนตรีเปนผูบังคับบัญชา สํานักงานตํารวจ แหงชาตอิ ยู ¢ÍŒ 椄 à¡μ ๑. การจบั บคุ คลภายในสถานทตี่ ามมาตรา ๘๑/๑ น้ี เปน การจบั บคุ คลทวั่ ไปทอ่ี ยภู ายในเขตสถานทด่ี งั กลา วเทา นน้ั ๒. ถาจะจบั บุคคลซึง่ เปน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÍÂÙ‹¶ÇÒ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ” ตามพระราชบญั ญตั ริ าชองครกั ษ พ.ศ.๒๔๘๐ ซึ่งไดแกราชองครักษ สังกัดกรมราชองครักษ น้ันจะตองดําเนินการตามพระราชบัญญัติราชองครักษ พ.ศ.๒๔๘๐ มาตรา ๑๐, ๑๐ ทวิ และ ๑๐ ตรี ซีง่ึ ใหอ ํานาจแกสมหุ ราชองครักษ หรือเจา พนักงานที่สมหุ ราชองครกั ษแ ตงต้งั ข้ึน ใหบ คุ คล ดังกลา วมอี ํานาจและหนาทเี่ ชนเดยี วกบั พนกั งานฝายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ๓. เขตพระราชวังบางแหงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเปนท่ีμÑ駢ͧʶҹ·èÕÃÒª¡Òà ÁÔä´ŒÍÂً㹤ÇÒÁ´ÙáÅ ¢Í§สํา¹Ñ¡¾ÃÐÃÒªÇѧ เชน วังสราญรมย วังสวนสุนันทา เปนตน เชนนี้ äÁ‹¶×ÍÇ‹Ò໚¹à¢μ¾ÃÐÃÒªÇѧตามความหมายของ มาตรา ๘๑/๑ ¢ÍŒ ¾Ö§ÃÐÇѧสําËÃºÑ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ㹡ÒèºÑ ¡ÁØ จะเห็นไดวาหลักเกณฑการจับกุมบุคคลท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได กําหนดไว เปนหลักเกณฑที่ใชกับบุคคลท่ีเกี่ยวกับการกระทําความผิดอาญาทั่วไป แตอยางไรก็ตาม มีบุคคลบางประเภทที่ไดมีกฎหมายบัญญัติเงื่อนไขไวเปนสําคัญ เชนน้ี เจาพนักงานตํารวจจะตองนํา หลกั เกณฑท กี่ ฎหมายน้นั ๆ มาใชบ งั คับ เชน ¡Ã³Õ¨Ñºà´ç¡ จะตองปฏิบัติตามหลักเกณฑที่กําหนดไวในพระราชบัญญัติศาลเยาวชน และครอบครวั และวิธีพจิ ารณาคดีเยาวชนและครอบครวั ฯ ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ º¤Ø ¤Å¼ÁŒÙ ¤Õ ÇÒÁ¼´Ô »¡μ·Ô Ò§¨μÔ กจ็ ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพจติ ฯ ¡Ã³Õ¨Ñº·ËÒà จะตองปฏิบัติตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย การปฏิบัติและ ประสานงานกรณที หารถูกหาวา กระทาํ ความผดิ อาญา พ.ศ.๒๕๔๔ ¡Ã³¨Õ ºÑ μÇÑ á·¹·Ò§¡Ò÷μÙ จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั วิ า ดว ยเอกสทิ ธแ์ิ ละความคมุ กนั ทางทูตฯ พระราชบัญญัติวาดวยเอกสิทธิ์และความคุมกันของกงสุลฯ และอนุสัญญากรุงเวียนนา วาดวยความสัมพนั ธท างทตู ค.ศ.๑๙๖๑ ขอ ๒๒, ๒๙ ¡Ã³Õ¨ÑºÊÁÒªÔ¡ÊÀҼٌ᷹ÃÒɮà หรือสมาชิกวุฒิสภาในระหวางสมัยประชุม จะตอง ปฏิบตั ติ ามรฐั ธรรมนญู แหงราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา ๑๒๕
๑๑๖ õ.õ ¢Ñé¹μ͹»¯ÔºμÑ Ô㹡ÒèºÑ ¡ÁØ เน่ืองจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาใหอํานาจในการจับกุมแกพนักงาน ฝายปกครองหรือตํารวจ และใหอํานาจจับกุมแกราษฎรท่ีสามารถจับกุมผูกระทําความผิดซึ่งหนาได ในบางกรณี ดงั นัน้ จึงขอแยกขนั้ ตอนปฏบิ ตั ใิ นการจบั กมุ เปน ๒ กรณี กลา วคอื õ.õ.ñ ¡Ã³àÕ ¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹à»¹š ¼ÙŒ¨Ñº ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดวางหลักเกณฑสําหรับการปฏิบัติ สําหรับการเขา ทาํ การจับกมุ ซึง่ พอสรุปไดดังนี้ ๑) ในการจบั นน้ั จะตอ งแจง แกผ ทู จ่ี ะตอ งถกู จบั กมุ นน้ั วา à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง ให ผูถูกจับนั้นไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนทองที่ท่ีถูกจับพรอมกับผูจับ แตถาสามารถนําตัว ผถู กู จบั นน้ั ไปทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนนั้ กใ็ หน าํ ตวั ไป ณ ทที่ าํ การดงั กลา ว และหากผทู ่ีจบั น้ันเหน็ วา จาํ เปนก็ใหจ บั ตวั ไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก) ๒) เจาพนักงานผูจับตองᨌ§¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒใหผูถูกจับทราบ หากมีหมายจับก็ให แสดงหมายจับนนั้ ตอผูถ กู จับ พรอ มทง้ั ᨧŒ ÊÔ·¸¢Ô ͧ¼ŒÙ¶Ù¡¨ºÑ ดงั นี้ ก) มีิสทิ ธทิ ่จี ะไมใหก ารหรือใหการก็ได ข) ถอ ยคาํ ของผถู กู จบั นน้ั อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดไี ด ค) ผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ ๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมที่ สามารถดาํ เนนิ การไดโ ดยสะดวก และไมเ ปน การขดั ขวางการจบั หรอื การควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ทาํ ใหเ กดิ ความไมปลอดภยั แกบุคคลหนึง่ บคุ คลใด ก็ใหเจา พนักงานอนญุ าตใหผถู ูกจับดําเนินการไดต ามสมควร แกก รณี (กรณนี เี้ ปน เรอื่ งทผ่ี ถู กู จบั รอ งขอ มใิ ชเ ปน การบงั คบั ใหเ จา พนกั งานผจู บั ตอ งแจง ใหท ราบ) ในกรณนี ใ้ี หเ จา พนกั งาน ผจู บั น้นั บันทึกการจบั ดงั กลา วไวดวย (มาตรา ๘๓ วรรคสอง) ๔) ถา บคุ คลซง่ึ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม จะหลบหนี ผูจบั มอี าํ นาจใชÇ¸Ô ËÕ Ã×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·Ñé§ËÅÒÂà·‹Ò·Õàè ËÁÒÐÊÁ᡾‹ Äμ¡Ô Òóแหง เรือ่ งในการ จับน้ันได (มาตรา ๘๓ วรรคทาย) ๕) เจา พนกั งานผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวน ทอ งทที่ รี่ ะบไุ วใ นมาตรา ๘๓ และเมอ่ื ถงึ ทน่ี น้ั แลว ใหส ง ตวั ผถู กู จบั แกพ นกั งานตาํ รวจของทท่ี าํ การของ พนกั งานสอบสวนดังกลาว เพอ่ื ดําเนินการตอไป การนาํ ตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวน นอกจากมกี ารแจง ขอ กลา วหา และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแหงการจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบ และอา นใหฟ ง และมอบสําเนาบนั ทกึ การจบั แกผูถูกจับนน้ั (มาตรา ๘๔ (๑)) ๖) ใหพ นกั งานตาํ รวจซง่ึ มผี นู าํ ผถู กู จบั มาสง (ผรู บั มอบตวั ) แจง ผถู กู จบั ใหท ราบ ถึงÊÔ·¸ÔμÒÁÁÒμÃÒ ÷/ñ ã¹âÍ¡ÒÊáá กลาวคอื แจง ใหเ ขาทราบวา เขามสี ิทธิ ดังน้ี
๑๑๗ - มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติหรือผูซึ่งใหถูกจับหรือ ผูตองหาไววางใจทราบถึงการถกู จบั กุม สถานทีท่ ถี่ กู ควบคมุ ในโอกาสแรก - พบและปรึกษาผซู ึ่งจะเปน ทนายความเปน การเฉพาะตัว - ใหทนายความหรือผูซึ่งตนไววางใจเขาฟงการสอบปากคําตนไดในช้ัน สอบสวน - ไดร ับการเยยี่ มหรอื ตดิ ตอกับญาติไดตามสมควร - ไดรับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกดิ การเจ็บปว ย รวมทง้ั จัดใหผูถ กู จับสามารถติดตอกับญาติหรือผซู ่งึ ตนไววางใจ เพอ่ื แจง ให ทราบถึงการจับกุมและสถานท่ีท่ีถูกควบคุมไดในโอกาสแรก เมื่อผูถูกจับมาถึงท่ีทําการของพนักงาน สอบสวน หรือถากรณีผูถูกจับรองขอใหพนักงานตํารวจเปนผูแจง ก็ใหจัดการ ตามคาํ รอ งขอนนั้ โดยเรว็ และใหเ จา พนกั งานตาํ รวจบนั ทกึ การทผ่ี ถู กู จบั ไดแ จง กบั ญาตหิ รอื ผทู ไ่ี วว างใจ หรือการไดจัดการแจงให (ทางปฏิบัติ พนักงานสอบสวนจะไดบันทึกใหปรากฏไวในบันทึกพนักงาน สอบสวน) ในการน้มี ิใหเ รยี กคาใชจ า ยใดๆ จากผถู กู จับ (มาตรา ๘๔ วรรคสอง) ๗) ในกรณีท่ีมีผูนําผูถูกจับมาสง และถาเปนการจับโดยมีหมายของศาล ใหร บี ดาํ เนนิ การสง บคุ คลนนั้ มายงั ศาลทอ่ี อกหมายหรอื พนกั งานเจา หนา ทที่ กี่ าํ หนดไวใ นหมายโดยดว น แตถ า ไมอ าจสง ไปไดใ นขณะนน้ั เนอ่ื งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทาํ การ ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจ ผรู บั ตวั ผถู กู จบั นน้ั มอี าํ นาจปลอ ยตวั ชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ (มาตรา ๘๔/๑) ๘) ในกรณีจําเปนเจาพนักงานตํารวจซึ่งทําการจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับ กอ นนาํ ตัวมาสงพนกั งานสอบสวนกไ็ ด (มาตรา ๘๔ วรรคสาม) ๙) เจาพนักงานผูรับตัวผูถูกจับไว มีอํานาจคนตัวผูตองหา และยึดส่ิงตางๆ ท่อี าจใชเปนพยานหลกั ฐานไวได (ตามมาตรา ๘๕) ๑๐) เม่ือเจาพนักงานตํารวจจับบุคคลตามหมายจับไดแลว ใหรายงานศาลที่ ออกหมายจับทราบโดยเร็วแตตองไมชากวา ๗ วัน นับแตวันจับ (ขอบังคับประธานศาลฎีกาวาดวย หลักเกณฑแ ละวิธีการเกยี่ วกับการออกคําส่ังหรือหมายอาญา ขอ ๒๓) นอกจากวิธีจัดการตามหมายจับท่ีกําหนดไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาฯ แลว สํา¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨáË‹§ªÒμäÔ ´ÁŒ คÕ ําÊÑè§ã¹¡ÒÃกํา˹´á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºμÑ §Ô Ò¹¢Í§ à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ·àèÕ ¡èÂÕ Ç¢ŒÍ§¡Ñº¡ÒÃอํา¹Ç¤ÇÒÁÂμØ Ô¸ÃÃÁ㹤´ÍÕ ÒÞÒänj໹š ¡ÒÃ੾ÒÐ ¤Í× คาํ ʧÑè สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ ·èÕ ôñù/òõõö àÃÍè× § ¡ÒÃอาํ ¹Ç¤ÇÒÁÂμØ ¸Ô ÃÃÁ 㹤´ÍÕ ÒÞÒ ¡ÒÃทาํ สาํ ¹Ç¹¡ÒÃÊͺÊǹáÅÐÁÒμáÒäǺ¤ÁØ μÃǨÊͺàç‹ Ã´Ñ ¡ÒÃÊͺÊǹ¤´ÍÕ ÒÞÒ ลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซงึ่ ไดก ลาวถึงการจบั กุมไวใ นบทท่ี ๒ ซึ่งพอทจ่ี ะสรปุ ไดด ังเปนแนวทาง ปฏิบตั ิในการจบั กุมตามคําส่ัง ตช. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ดงั น้ี
๑๑๘ ๑) การจบั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งᨧŒ ᡼‹ ·ŒÙ ¨Õè ж¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ áÅŒÇสั่งใหผูถูกจับไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองที่ท่ีถูกจับพรอมดวยผูจับทันที เวน แตส ามารถนาํ ไปทที่ าํ การพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนนั้ ใหน าํ ไปทที่ าํ การของพนกั งาน สอบสวนผรู ับผดิ ชอบนัน้ แตถา จาํ เปน ก็ใหจ ับตวั ไป (คําสงั่ ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๒) ๒) μŒÍ§á¨§Œ ¢ÍŒ ËÒใหผ ูถ กู จบั ทราบ หากมีหมายจับใหแสดงตอ ผูถ กู จบั และแจง ดวยวาผูถูกจับมีสิทธิ์ที่จะใหการหรือไมใหการก็ได หากใหการถอยคํานั้นอาจใชเปนพยานหลักฐาน ในการพจิ ารณาคดไี ด และผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ์ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความ หรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความได โดยใหเจา พนกั งานตาํ รวจพูดขอ ความในลกั ษณะตอ ไปนี้ ¡Ã³Õ໚¹¡ÒèѺâ´ÂäÁ‹ÁËÕ ÁÒ¨Ѻ “คณุ (ทา น) ถกู จบั แลว ในขอ หา................... คณุ (ทา น)มสี ทิ ธท์ิ จี่ ะใหก ารหรอื ไมใ หก ารกไ็ ด ถา คณุ (ทา น)ใหก ารถอ ยคาํ น้ันอาจใชเปน พยานหลักฐานในการพจิ ารณาคดไี ด คณุ (ทา น)มีสิทธท์ิ ่จี ะพบและปรึกษาทนายหรือผูซ ึ่งจะเปนทนายความได” ¡Ã³Õ໹š ¡ÒèºÑ â´ÂÁËÕ ÁÒ¨ѺËÃ×ÍคําÊÑ§è ¢Í§ÈÒÅ “คุณ(ทาน) ถูกจับตามหมายจับของศาล..............ที่.............../๒๕...........ลงวันที่................ในขอหา ..............................................คณุ (ทา น)มสี ทิ ธ์ิทีจ่ ะใหก ารหรือไมใ หก ารกไ็ ด ถาคณุ (ทาน)ใหการถอยคาํ นัน้ อาจใชเปน พยาน หลักฐานในการพิจารณาคดไี ด คุณ(ทา น)มสี ทิ ธิท์ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายหรอื ผซู ่งึ จะเปน ทนายความได” นอกจากนี้ใหเจาพนักงานผูจับºÑ¹·Ö¡à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃᨌ§ÊÔ·¸Ôดังกลาวขางตนไว 㹺ѹ·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁดวย โดยใหปรากฏขอความวา “ผจู บั ไดแจงใหผ ูถกู จบั ทราบแลววาทา นตอ งถกู จบั ในขอหาดังกลาวและมีสิทธิท่ีจะใหการหรือไมใหการก็ได ใหการถอยคําน้ันอาจใชเปนพยานหลักฐาน ในการพจิ ารณาคดไี ดแ ละมสี ทิ ธท์ิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู งึ่ จะเปน ทนายความได” จากนนั้ จึงบนั ทึกคําใหการของผูถ ูกจบั ลงในบันทกึ การจบั (คําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๓) ๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซึ่งตนไววางใจทราบถึงการจับ หากเปนการสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผูถูกจับหรือทําใหเกิดความไม ปลอดภัยแกบุคคลใดใหเจาพนักงานอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควรแกกรณี (คําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๔) ๔) หากบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ หรือหลบหนีหรือ พยายามจะหลบหนี ผูทําการจับมีอํานาจใชวิธีหรือการปองกันท่ีเหมาะสมแกพฤติการณแหงเร่ืองใน การจับน้นั (คาํ สงั่ ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๕) ๕) เจา พนกั งานตาํ รวจหรอื ราษฎรผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การ ของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีที่ถูกจับพรอมดวยผูจับ เวนแตสามารถนําไปท่ีทําการของพนักงาน สอบสวนผรู บั ผิดชอบไดใ นขณะนน้ั ใหนาํ ไปที่ทําการของพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบดงั กลาว กรณพี นักงานสอบสวนแหง ทองที่ที่ถกู จบั เปน คนละทอ งท่ีกบั พนกั งานสอบสวน ผรู บั ผดิ ชอบ ใหห วั หนา หนว ยงานทม่ี อี าํ นาจสอบสวนแหง ทอ งทท่ี ถ่ี กู จบั รบี สง ตวั ผถู กู จบั ไปยงั พนกั งาน
๑๑๙ สอบสวนทอ งทที่ ร่ี บั ผดิ ชอบโดยทนั ที และใหค าํ นงึ ถงึ ระยะเวลาในการควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาดว ย (คาํ สั่ง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๖) ๖) กรณีเจาพนักงานตํารวจเปนผูจับใหแจงขอหาและรายละเอียดเกี่ยวกับ เหตุการณจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบและอานใหฟง โดยบันทึกไวใน รายงานประจําวันเกี่ยวกับคดีขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุม โดยใหผูถูกจับลงลายมือชื่อรับทราบไว และ มอบสําเนาบนั ทึกการจับกมุ แกผ ูถกู จับนนั้ โดยใหผูถูกจับลงลายมอื ชอ่ื รบั สําเนาไวใ นบันทึกการจับกุม (คําส่ัง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๗) õ.õ.ò ¡Ã³ÃÕ ÒɮèѺ เนอื่ งจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๗๙ ไดใ หอํานาจแก ราษฎรในการจับกุมได เมื่อเขาหลักเกณฑท่ีกฎหมายกําหนดดังท่ีกลาวมาแลวขางตนคือตองเปนการ กระทําความผิดซึ่งหนาและความผิดนั้นจะตองเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญาและเมื่อราษฎรจับผูกระทําความผิดซึ่งหนาไดแลวน้ัน ประมวลกฎหมาย มาตรา ๘๓ ยังไดก าํ หนดหนาท่ใี หราษฎรผจู บั นน้ั ดําเนินการดังตอ ไปน้ี ๑. μÍŒ §á¨§Œ ᡼‹ ·ŒÙ ¨Õè ж¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง่ั ใหผ ถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การ ของพนกั งานสอบสวนแหง ทอ งทที่ ถี่ กู จบั พรอ มกบั ผจู บั แตห ากสามารถนาํ ตวั ไปยงั ทที่ าํ การของพนกั งาน สอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดในขณะนนั้ กใ็ หนําไป และหากจาํ เปนก็ใหจบั ตัวไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก) ๒. ราษฎรผูจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังสถานท่ีที่ทําการของพนักงานสอบสวน ดงั กลาวตามมาตรา ๘๓ โดยทันที และเมอ่ื ถงึ ที่นน้ั แลวใหÊ §‹ μÑǼٶŒ Ù¡¨Ñºãˌᡋ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹μíÒÃǨของ ท่ีทาํ การของพนกั งานสอบสวนน้นั ๓. ใหเจาพนักงานตํารวจซ่ึงรับมอบตัว ŧºÑ¹·Ö¡ª×èÍ ÍÒªÕ¾ ·ÕèÍÂÙ‹¢Í§¼ÙŒ¨Ñº ÃÇÁ¶Ö§¢ŒÍ¤ÇÒÁáÅоÄμÔ¡ÒóáË‹§¡ÒèѺ¹éѹäÇŒ และให¼ÙŒ¨ÑºÅ§ÅÒÂÁ×ͪ×èÍ¡íҡѺÃÇÁ·éѧᨌ§ ¢ÍŒ ¡ÅÒ‹ ÇËÒáÅÐÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¡ÒèºÑ ã˼Œ ¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒºáÅÐᨧŒ ã˼Œ ¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒº´ÇŒ ÂÇÒ‹ ¼¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ÁÊÕ ·Ô ¸Ôì ¨ÐäÁã‹ Ë¡Œ ÒÃËÃÍ× ãË¡Œ Òáäç ´áŒ Åж͌ ¤Òí ¢Í§¼¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ÍÒ¨ãªàŒ »¹š ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ã¹¡Òþ¨Ô ÒóҤ´äÕ ´Œ โดยบันทึกไวในบันทึกประจําวันเก่ียวกับคดี ขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุมและใหผูถูกจับลงลายมือช่ือ รับทราบไว (มาตรา ๘๔ วรรคแรก (๒) และคําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๘) ๔. ถา บคุ คลซงึ่ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม จะหลบหนีผูทําการจับอาจมีอํา¹Ò¨ãªŒÇÔ¸ÕËÃ×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·éѧËÅÒÂà·‹Ò·èÕàËÁÒÐÊÁá¡‹¾ÄμÔ¡Òó áË‹§àÃ×èͧในการจบั (มาตรา ๘๓ วรรคสาม) ๕. ในการจับนั้นราษฎรซ่ึงทําการจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับเสียกอนนําตัว มาสง เจาพนกั งานตํารวจก็ได (มาตรา ๘๔ วรรคสาม)
๑๒๐ õ.ö ¡ÒÃทาํ º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèºÑ ¡ÁØ บันทึกการจับกุมเปนหลักฐานสําคัญอยางย่ิงตอการดําเนินคดี เพราะบันทึกการจับกุม จะประกอบไปดวย วัน เวลา สถานท่ี ในการจบั กุม ตลอดจนพฤติการณข องผูตอ งหา หรอื บุคคลท่อี ยู ในขณะเกดิ เหตุ คาํ ใหก ารของผตู อ งหา ของกลางทพ่ี บ ดงั นน้ั เจา พนกั งานตาํ รวจจะตอ งใหค วามสาํ คญั กบั การบนั ทกึ การจับกมุ น้เี ปน อยางย่ิง ÊÒÃÐสํา¤ÑÞ㹺¹Ñ ·Ö¡¡ÒèºÑ ¡ÁØ ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ถงึ ความสาํ คญั ของบนั ทกึ การจบั กมุ ซง่ึ ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งมี สาระสาํ คัญ คอื ๑) บนั ทกึ การจับกมุ เปน ไปตามแบบที่ ตร. ไดกําหนดไว (แบบ ส.๕๖ - ๒๗) สง่ิ สําคัญย่งิ ในการทําบันทึกการจับกุมคือ จะตองÃкØÃÒÂÅÐàÍÕ´áË‹§¾ÄμÔ¡Òó เนื่องจากพนักงานสอบสวน สามารถนาํ ขอ เทจ็ จรงิ นน้ั กาํ หนดไวใ นสาํ นวนคดฟี อ งรอ งแกผ กู ระทาํ ความผดิ เพอ่ื ใหศ าลสามารถนาํ ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั มารับโทษตามทกี่ ฎหมายกําหนดได ๒) ขอเท็จจริงท่ีระบุไวในบันทึกการจับกุมตองÊÍ´¤ÅŒÍ§à»š¹àËμØà»š¹¼Å ไมขัดตอ ความเปน จรงิ เพราะหากผจู บั กมุ ระบขุ อ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณไ มส มเหตสุ มผล อาจทาํ ใหค ดเี สยี หายได หรือหากใบบันทึกจับกุมบางสวนมีขอพิรุธ อาจสงผลใหบันทึกการจับกุมทั้งฉบับหมดความนาเชื่อถือ ไปได และดว ยเหตอุ นั ควรสงสยั ทเี่ กดิ จากความบกพรอ งน้ี อาจสง ผลใหศ าลพจิ ารณาพพิ ากษายกฟอ ง เพราะเหตดุ ังกลาวได ๓) ขอ เทจ็ จรงิ ที่ปรากฏในบันทกึ จบั กมุ จะตอ งÊÍ´¤ÅÍŒ §μç¡ÑººÑ¹·¡Ö คาํ ãËŒ¡Òà เพราะ หากขดั แยงกันทาํ ใหเ กิดขอ พิรุธและสง ผลกระทบตอการดําเนนิ คดี ๔) ผูท่ีลงชื่อในบันทึกจับกุม¨ÐμŒÍ§à»š¹¼ÙŒ·èÕÁÕʋǹËÇÁ㹡ÒèѺ¡ØÁน้ัน เพราะจะทราบ ขอ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณท เี่ กดิ ขนึ้ ในขณะจบั กมุ สามารถเปน พยานในชน้ั ศาลได และจะทาํ ใหก ารเบกิ ความ ของพยานสอดคลองกนั เพราะหากพยานคเู บกิ ความขัดแยงกันกจ็ ะสงผลใหศ าลยกฟองคดีน้นั ได ๕) ใหºÑ¹·Ö¡¶ŒÍÂคํา¢Í§¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºÍ‹ҧÅÐàÍÕ´ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย ทรี่ ะบไุ วว า ถอ ยคาํ รบั สารภาพของผถู กู จบั วา ตนไดก ระทาํ ความผดิ นน้ั กฎหมายหามมิใหรับฟง เปน พยานหลักฐานก็ตาม แตถ อยคาํ อนื่ ๆ ทีผ่ ถู ูกจับไดกลา วกับเจาพนักงาน ผจู บั นนั้ เชน คาํ บอกกลา วถงึ เหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขนึ้ สง่ิ ทเ่ี กยี่ วขอ งเหลา น้ี ศาลจะรบั ฟง เปน พยานหลกั ฐาน เพ่อื พิสูจนความผิดของผถู ูกจับได แตจ ะตองมกี ารแจงสทิ ธิ์แกผูถกู จับนนั้ แลว (มาตรา ๘๔ วรรคทาย) ๖) บนั ทกึ การจบั กมุ ไมว า จะเขยี นดว ยหมกึ หรอื พมิ พก ต็ าม ถา Á·Õ ¼Õè ´Ô ·ãÕè ´ ËÒŒ ÁÁãÔ Ë¢Œ ´Ù ź แตใหขีดฆาคําผิดน้ันแลวเขียนใหม แลวใหเจาพนักงานผูแกไขน้ันลงนามยอรับรองไวขางกระดาษ กรณีถอยคําตกเตมิ เมอ่ื เติมขอ ความแลวเจา พนักงานผเู ตมิ ขอ ความตอ งลงนามยอ กํากบั ไว
๑๒๑ ๗) สาระสําคัญที่ตองระบุในบันทึกการจับกุมนั้น นอกจากสถานท่ีทําบันทึกการจับกุม วนั เดอื นปท ท่ี าํ การจบั กมุ ชอ่ื ตาํ แหนง ผจู บั กมุ ชอื่ อายุ สญั ชาติ ภมู ลิ าํ เนาของผถู กู จบั แลว สงิ่ ทสี่ าํ คญั คือ ๑. จะตอ งมีขอ ความทีร่ ะบุวาไดÁ¡Õ ÒÃᨌ§Ç‹Òà¢ÒμŒÍ§¶¡Ù ¨Ñº ¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒ áÅÐä´ŒÁÕ ¡ÒÃᨌ§Ê·Ô ¸ìáÔ ¡‹ผูถูกจับ ๒. การกระทาํ ท้งั หลาย ทอ่ี างวาผูถูกจบั ไดกระทําความผดิ ๓. วนั เดอื น ป และเวลา ตลอดจนสถานท่ี ซง่ึ เกิดการกระทําความผิด และจบั กมุ ๔. ถอ ยคาํ (คําใหการ) ของผูถูกจบั ๕. ขอเทจ็ จรงิ รายละเอยี ดทเี่ กีย่ วขอ ง ๖. ของกลาง, พยานหลักฐาน ๗. การเขียนแผนทเ่ี กิดเหต,ุ ภาพถา ยสถานทีเ่ กดิ เหตุ ๘. ลายมอื ช่อื ผูถูกจับ ผูจับ ผบู ันทึก และพยาน
๑๒๒ ¢ÍŒ Êѧà¡μ ๑) ในการจบั กมุ ใชห ลกั เกณฑท ก่ี าํ หนดไวใ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา นอกจากน้ี ไดม คี าํ พพิ ากษา ศาลฎกี าท่ไี ดว างหลักเกณฑในเร่ืองของการจับกมุ ไว กลา วคอื (๑) การจบั แมจ ะเปน การ¨ºÑ º¤Ø ¤Åã¹·ÊÕè Ò¸ÒóР¡¨ç ÐμÍŒ §ÁËÕ ÁÒ¨ºÑ เวน แตจ ะเขา ขอ ยกเวน ตามประมวล กฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๘ (๒) กรณมี ¼ี ¢ŒÙ Íã˨Œ ºÑ â´ÂᨧŒ ÇÒ‹ º¤Ø ¤Å¹¹Ñé ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô áÅÐᨧŒ ´ÇŒ ÂÇÒ‹ ä´ÃŒ ÍŒ §·¡Ø ¢ä ÇμŒ ÒÁÃÐàºÂÕ º¹¹Ñé äÁ‹à»š¹¢ŒÍ¡àÇŒ¹·èÕãËŒอํา¹Ò¨¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧËÃ×ÍตําÃǨ¨Ñºâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕคําÊÑè§ËÃ×ÍËÁÒ¢ͧÈÒÅ เน่ืองจากมิใชกรณี เปนความผิดซึง่ หนาหรอื มเี หตุจําเปนอยางอนื่ ท่ีใหจบั ได (บันทกึ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรอ่ื งเสร็จที่ ๔๕๒/๒๕๔๖ (หารือปญ หาขอกฎหมายเดยี วกบั การจบั กมุ ฯ)) ดงั น้นั กรณดี ังกลา วจงึ จบั กมุ มไิ ด (๓) การทาํ บันทกึ การจับกุมจะบนั ทึก ณ ทีเ่ กิดเหตุ หรอื สถานีตํารวจ ก็สามารถกระทําไดเพราะ¡®ËÁÒ äÁ‹ä´ŒºÑ§¤ÑºÇ‹Ò ¨ÐμŒÍ§ทําºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁã¹Ê¶Ò¹·èÕ·èըѺ¡ØÁ การทําบันทึกการจับกุมที่สถานีตํารวจซึ่งกระทําในเวลา ไลเ ลี่ยกัน จึงกระทําได (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๒๘๙๒/๒๕๓๖) (๔) แมป ระมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย จะบญั ญตั มิ ใิ หน ําคาํ รับสารภาพ น้ันจับกุมเปนพยานหลักฐานก็ตาม แต¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ×蹫Öè§à»š¹¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·Õè»ÃÒ¡¯ã¹คําÃѺÊÒÃÀÒ¾ กฎหมายมิไดหามนํามา รับฟงเสียทีเดียว ดังน้ัน ขอความหรือขอเท็จจริงใด ซ่ึงมิใชคํารับสารภาพวาเปนผูกระทําความผิด หากเจาพนักงานตํารวจ ไดแจง สิทธใิ นขณะทผี่ นู ัน้ ถูกจบั แลว กฎหมายไมไ ดห ามมิใหรบั ฟง เสียทเี ดยี ว (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๑๒๘๐/๒๕๕๗) (๕) ¡ÒÃäÁ‹á¨Œ§ÊÔ·¸Ôตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ทําãËŒºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁ äÁÍ‹ Ò¨ÃѺ¿˜§ä´Œ (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๔๐๖๓/๒๕๔๙) ๒) บันทึกการจับกุมเปนสิ่งสําคัญอยางยิ่งตอการสอบสวนดําเนินคดี เพราะจะเปนสิ่งท่ีบงบอกวามีการ กระทําความผดิ หรือไม ดงั น้ัน (๑) ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งŧÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¾Äμ¡Ô Òóต า งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ขอ เทจ็ จรงิ ทเี่ จา พนกั งานตาํ รวจ ผูเขา ทาํ การจบั กุมไดดําเนินการอะไรบาง เชน กอ นเขาทําการจบั กมุ ไดมกี ารเฝาสะกดรอยตดิ ตามผูกระทาํ ความผดิ มีการใช สายลับเขา ไปสงั เกตการณเ กบ็ ขอมลู และไดข อเทจ็ จริงอยา งไรบาง (๒) จะตองมีรายละเอียดท่ีแสดงใหเห็นวาผูกระทําความผิดนั้นä´Œ¡ÃÐทํา¡ÒÃáÅÐ㪌ÇÔ¸Õ¡ÒÃÍ‹ҧäÃบาง ทเี่ ขา องคป ระกอบความผิด (๓) มีÀÒ¾¶‹ÒÂáÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ÍÐäÃบางท่ีสามารถนําไปในการยืนยันถึงการกระทําความผิด ตลอดจนการทาํ แผนผงั แสดงใหเ หน็ ถงึ การเชอ่ื มโยงของผรู ว มกระทาํ ความผดิ วา ใครทาํ หนา ทอี่ ยา งไรในการทกี่ ระทาํ ความผดิ ไดท าํ เปน ขบวนการ เพราะจะสามารถดาํ เนนิ คดกี บั ผกู ระทาํ ความผดิ ทกุ คนทเ่ี กยี่ วขอ งไดอ ยา งถกู ตอ งและในขอ หาทหี่ นกั ขน้ึ ได (๔) ในกรณีผูเสียหายเปนเด็ก จะตองºÑ¹·Ö¡äÇŒãËŒªÑ´à¨¹Ç‹Òà´ç¡àÃèÔÁ¶Ù¡ÅÐàÁÔ´ËÃ×Ͷ١¡ÃÐทํา¤ÃÑé§áá μéѧáμ‹àÁ×èÍäËË และ¤ÇÃนําคําÊÑÁÀÒɳ¢Í§¹Ñ¡¨ÔμÇÔ·ÂÒËÃ×͹ѡÊѧ¤ÁÇÔ·ÂÒ·ÕèࢌÒËÇÁÊÑÁÀÒɳà´ç¡¹Ñé¹ÁÒÃÇÁ¡Ñº ºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁดวย เพ่ือยืนยันความชัดเจน กรณีไมชัดเจนเรื่องอายุเด็ก ควรจะตองบรรยายไวดวยวา จากการสังเกต เรื่องพฤตกิ รรมการพูดคุย ลกั ษณะรูปราง มีเหตอุ นั ควรเชอ่ื ไดว า ผูเ สียหายอายตุ า่ํ กวา ๑๘ ป
๑๒๓ ป.จ.ว.ขอ...................เวลา.........................น. คดีอาญาท่.ี ................................................... บญั ชีของกลางลาํ ดับที่................................... º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèѺ¡ØÁ สถานทบ่ี นั ทกึ ............................................................................................................................................ วนั /เดอื น/ป ทบ่ี นั ทกึ ................................................................................................................................... วนั /เดอื น/ป ทจ่ี บั กมุ .................................................................................................................................... สถานทจ่ี บั กมุ ท.ี่ ....................................................................บา นเลขท.่ี ......................หม.ู ................. ตรอก/ซอย......................................แขวง/ตาํ บล.....................................เขต/อาํ เภอ.................................. จงั หวดั ...................................นามเจา พนกั งานตาํ รวจทท่ี าํ การจบั กมุ .....(ระบยุ ศ ชอ่ื นามสกลุ ตาํ แหนง สังกดั ของเจา พนักงานตาํ รวจทีท่ ําการจบั กมุ ทุกคน)....................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ไดร วมกันจบั กมุ ตวั ......................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... พรอ มดว ยของกลางม.ี ........................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... (Ê õö - ò÷)
๑๒๔ (๒) ตาํ แหนง ทพ่ี บของกลาง........................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. โดยกลา วหาวา ..................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... พรอมทั้งแจง ใหผูถกู จบั ทราบดว ยวา ๑. ผถู กู จับมสี ิทธิทจ่ี ะไมใหการหรอื ใหการก็ได ๒. ถอยคําของผถู ูกจบั น้นั อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด ๓. ผูถ ูกจับมีสทิ ธิจะพบและปรึกษาทนายหรือผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ ๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ีสามารถ ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม ปลอดภยั แกบ คุ คลหนง่ึ บคุ คลใด เจา พนกั งานสามารถอนญุ าตใหผ ถู กู จบั ดาํ เนนิ การไดต ามสมควรแกก รณี ขณะจบั กมุ ผถู กู จบั รบั ทราบขอ กลา วหา และสทิ ธขิ องผถู กู จบั ดงั กลา วขา งตน แลว และใหก าร.................. ............................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. เหตเุ กดิ ท.่ี .............................................................................................................................................. เมอื่ วนั ท.ี่ ...................เดอื น...........................................พ.ศ. .................. เวลา............................น. อนง่ึ ในการจบั กมุ ครงั้ นี้ เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั มไิ ดท าํ ใหท รพั ยส นิ ของผใู ดเสยี หาย สญู หาย หรอื เส่ือมคา แตป ระการใด และมิไดท ําใหผ ูใดไดร ับอนั ตรายแกกาย หรือจิตใจแตอ ยา งใด ไดอ านบันทึกน้ใี หผถู กู จับฟงแลว รับวา ถูกตอ ง จงึ ใหลงช่อื ไวเ ปนหลักฐาน (Ê õö - ò÷) (ลงชื่อ) ........................................................ผถู ูกจบั (ลงชือ่ ) ........................................................ผูถกู จับ (ลงชอื่ ).........................................................ผจู ับ ตําแหนง...................................................... (ลงชอ่ื ).........................................................ผูจบั ตาํ แหนง ...................................................... (ลงช่ือ).........................................................ผูจบั /บนั ทกึ /อาน ตําแหนง ......................................................
๑๒๕ º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèѺ¡ÁØ ¼ŒÙμŒÍ§ËÒ·èÕ໹š à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹ สถานท่ีทาํ บันทกึ ............................................................................................................................................................. วัน/เดือน/ป ท่บี ันทกึ .......................................................................................................................................................... วนั /เดือน/ป ท่ีจับกุม ............................................................................................................................................................ สถานที่จบั กมุ ............................................................................................................................................................. เจาหนา ทีต่ าํ รวจผจู บั ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไดแ จง แกผทู ่ถี กู จับตามรายชือ่ ขางลา งวา เขาตองถูกจับ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. เจาหนา ท่ีตาํ รวจผจู ับไดแจง ขอกลาวหาใหผ ถู กู จับทราบวา ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไดแจงใหผ ูถกู จบั ทราบวา ๑. ผูถูกจบั มีสทิ ธทิ ี่จะไมใ หก ารหรอื ใหก ารกไ็ ด ๒. ถอยคําของผูถ กู จับน้ันอาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดีได ๓. ผถู กู จบั มีสทิ ธจิ ะพบและปรกึ ษาทนายหรอื ผูซ่งึ จะเปน ทนายความ ๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมที่สามารถ ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม ปลอดภัยแกบุคคลหนึ่งบุคคลใด เจาพนักงานสามารถอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควร แกกรณี (ส ๕๖ - ๒๘)
๑๒๖ (๒) ผูถูกจับรับทราบสทิ ธิแลว ( ) ไมขอดาํ เนินการตามขอ ๔ ( ) ขอดําเนนิ การตามขอ ๔ และไดด าํ เนินการเรียบรอ ย ( ) ขอใหการรับวาเปนบคุ คลตามหมายจับ และยังไมเ คยถกู ดําเนินคดนี ี้มากอ น ในการจับกมุ ผูตองหาครั้งนี้ เจาหนา ทตี่ าํ รวจชดุ จบั กุมไดก ระทาํ ไปตามอาํ นาจและหนา ที่ โดย มีหมายจบั มคี าํ ส่ังศาล กระทําความผดิ ซ่ึงหนา ดงั ไดบ ญั ญัติไวในมาตรา ๘๐ มีพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ันนาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแก บคุ คลหรอื ทรพั ยส นิ ของผอู นื่ โดยมเี ครอื่ งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สามารถอาจใชใ นการกระทาํ ความผดิ เมอ่ื มเี หตทุ จี่ ะออกหมายจบั บคุ คลนนั้ ตามมาตรา ๖๖ (๒) แตม คี วามจาํ เปน เรง ดวนท่ีไมอาจขอใหศาลออกหมายจบั บคุ คลนน้ั ได เปน การจบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทหี่ นหี รอื จะหลบหนใี นระหวา งถกู ปลอ ย ชั่วคราว ตามมาตรา ๑๑๗ การปฏบิ ตั ิของเจาพนกั งานผจู ับตอ เดก็ หรือเยาวชนผถู ูกจับ กระทําโดย (ม.๖๙) แจงแกเ ด็กหรือเยาวชนวาเขาตอ งถกู จับ แจง ขอกลาวหารวมทง้ั สทิ ธิตามกฎหมายใหท ราบ กรณีมหี มายจบั ไดแสดงตอ ผถู กู จับ นาํ ตัวไปยังที่ทาํ การของพนักงานสอบสวนแหง ทองทท่ี ่ีถูกจบั ทันที แจง เหตแุ หง การจบั กมุ ใหบ ดิ า มารดา ผปู กครอง บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร ซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศยั อยูดว ย กรณอี ยดู ว ยในขณะจับกุม / ในโอกาสแรกเทา ที่สามารถทําได ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ โดยแจง ขอ กลา วหาและรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผ ถู กู จบั ทราบ และไดก ระทําตอหนา ผปู กครอง บคุ คลหรือผูแทนองคก ารซง่ึ เด็กหรอื เยาวชนอยูดวย ในกรณี ทขี่ ณะทําบนั ทกึ มีบคุ คลดังกลา วอยดู วย ในการจบั กมุ และควบคมุ ไดก ระทาํ โดยละมนุ ละมอ ม โดยคาํ นงึ ถงึ ศกั ดศิ์ รคี วามเปน มนษุ ย และไมเ ปน การประจานมไิ ดใ ชว ธิ กี ารเกนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอื่ ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอ่ื ความปลอดภยั ของเด็กหรอื เยาวชนผูถูกจบั หรือบคุ คลอนื่ และมิไดใชเครอื่ งพนั ธนาการแกเ ด็ก เจาหนาที่ตํารวจผูจับไดอานบันทึกใหผูถูกจับฟงแลวและผูถูกจับไดอานดวยตนเองแลว รบั วา ถกู ตอ งและไดม อบสาํ เนาบนั ทกึ การจบั กมุ ใหแ กผ ถู กู จบั เรยี บรอ ย จงึ ใหล งลายมอื ชอ่ื ไวเ ปน หลกั ฐาน (ลงช่อื )....................................................ผูถกู จับ (ลงช่ือ) ...................................................ผปู กครอง (ถาม)ี (ลงชือ่ ).............................................ผจู บั กุม (ลงชื่อ)........................................ผูจบั กุม (ลงชอื่ ).............................................ผจู บั กมุ (ลงชอ่ื )........................................ผูจบั กุม (ลงช่ือ).............................................ผจู บั กุม (ลงชอื่ ).........................................ผจู บั กมุ /บนั ทกึ (ส ๕๖ - ๒๘)
๑๒๗ μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò ¡ÒèѺ ñ. ¡ÒÃᨌ§Ê·Ô ¸Ô คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè óðóñ/òõô÷ นายดาบตํารวจ ป. พบ ส. ผูตองหาซ่ึงมีการออก หมายจับไวแลว นายดาบตํารวจ ป. ยอมมีอํานาจจับกุมตัวไดโดยไมตองมีหมายคน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๗๘(๓) เปน การปฏิบัติหนา ที่ โดยชอบดวยกฎหมาย คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ôðöó/òõôù เม่ือมีการจับกุมตัวจําเลยท้ังสามและแจงขอหาแก จาํ เลยทง้ั สามแลว ไมป รากฏวา ไดม กี ารแจง สทิ ธใิ หจ าํ เลยทง้ั สามทราบ ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๗ ทวิ (เดมิ ) ซึ่งเปนบทบังคับใหผูจับมีหนาที่ตองแจงสิทธิใหผูตองหาทราบถึงสิทธิ รวม ๓ ประการ โดยเฉพาะ ประการที่ ๑ คือพบและปรึกษาผูท่ีเปนทนายสองตอสอง ดังนั้น บันทึกการจับกุมของจําเลยท้ังสาม จึงไมอ าจรับฟง ได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè øñôø/òõõñ บนั ทกึ การจบั กมุ ทจี่ าํ เลยใหก ารรบั สารภาพนน้ั จบั กมุ ไมมีขอความวาผูถูกจับมีสิทธิจะใหการหรือไมใหการก็ได กับไมมีขอความวาถอยคําของผูถูกจับนั้น อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดีได จึงไมอ าจอางเปน พยานหลกั ฐานได เพราะเปนพยาน หลกั ฐานชนดิ ท่เี กิดขึ้น โดยไมช อบ ò. ¡ÒÃนาํ μÇÑ ¼Œ¶Ù ¡Ù ¨ºÑ ä»Â§Ñ ·Õèทํา¡Òþ¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ·Ñ¹·Õ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ôò÷÷/òõõõ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง บัญญัติให เจาพนักงานผูทําการจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนโดยทันที การท่ี พยานโจทกกับพวกไมไดนํา ฉ. และจําเลยพรอมของกลางสงมอบแกพนักงานสอบสวนสถานี ตํารวจภูธรเมืองชลบุรี ซ่ึงเปนทองท่ีเกิดเหตุในทันที แตกลับนํา ฉ. และจําเลยไปตรวจปสสาวะและ สารเสพตดิ จากนัน้ นําไปที่สถานีตาํ รวจทางหลวง ๑ เขตลาดกระบงั กรงุ เทพมหานคร และควบคมุ ตวั ไวท่ีสถานีตํารวจทางหลวง ๑ อีกหลายช่ัวโมง จึงไดนําบุคคลท้ัง ๒ ไปสงมอบแกพนักงาน สอบสวนสถานีตํารวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไมปรากฏเหตุผลและความจําเปนใดๆ ที่ตองทําเชนน้ัน ถงึ แมว า เจา พนกั งานผจู บั กมุ จะอา งวา เพอ่ื ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ ทาํ ประวตั อิ าชญากรและสบื สวนขยายผล ก็ตาม ก็เปนเหตุผลที่ฟงไมข้ึน ขัดตอ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง สวนบันทึกการจับกุม ที่ระบุวาจําเลยใหการรับสารภาพน้ันก็ไมสามารถนํามารับฟงเปนพยานหลักฐานไดตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคสุดทา ย
๑๒๘ ó. º¹Ñ ·Ö¡¡ÒèѺ¡ÁØ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óñò/òõõõ ศาลไมไดรับฟงคําใหการรับสารภาพของจําเลย ทงั้ สามวา ไดก ระทาํ ความผดิ ในชนั้ จบั กมุ มารบั ฟง ใหเ ปน ผลรา ยแกจ าํ เลยทงั้ สาม เพยี งแตร บั ฟง ถอ ยคาํ ๆ ทป่ี ระกอบรายละเอยี ดของบนั ทกึ การจบั กมุ เกย่ี วกบั การตดิ ตอ นาํ เงนิ มาใชล อ ซอื้ เมทแอมเฟตามนี ของ เจาพนักงานตาํ รวจเทา นัน้ ซงึ่ ไมมีกฎหมายหา มมิใหร บั ฟง คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñøôù/òõõõ แม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคทาย จะบญั ญัติมิใหน ํา คาํ รบั สารภาพชนั้ จบั กมุ เปน พยานหลกั ฐานกต็ าม แตข อ ความอนื่ ซง่ึ เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทปี่ รากฏในคาํ ใหก าร รับสารภาพน้ัน กฎหมายมิไดหามนํามารับฟงเสียทีเดียว มิฉะน้ันแลว คงไมตองทําบันทึกการจับกุม และสอบถามคําใหก ารของผถู ูกจับไวตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสาม คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ õùõ÷/òõõõ ถอยคําตามบันทึกการจับกุมท่ีวา มีการตรวจคน พบธนบัตรท่ีใชลอซื้อและจําเลยรับวาเปนธนบัตรท่ีตนไดมาจากการจําหนายเมทแอมเฟตามีนจริง กบั คาํ เบกิ ความของเจา หนา ทต่ี ํารวจผจู ับกมุ ท่ยี นื ยันวา จาํ เลยรับวาตนกัญชาตนเปนผปู ลูก เปนเพยี ง ถอ ยคาํ อน่ื ทจ่ี าํ เลยใหไ วแ กเ จา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ มใิ ชค าํ รบั สารภาพในชนั้ จบั กมุ จาํ เลย เมอ่ื ปรากฏตาม บนั ทกึ จบั กมุ วา เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ แจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยครบถว นตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๓ วรรคสอง แลว การท่ีศาลอุทธรณภาค ๕ นําถอยคําอื่นของจําเลยมารับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน ความผดิ จาํ เลยในฐานความผิดดังกลา วได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñòøð/òõõ÷ จาํ เลยทง้ั สองขบั รถหลบหนที นั ทที เ่ี หน็ เจา พนกั งานตาํ รวจ จนถกู ตดิ ตามจบั กมุ ตวั ได พรอ มกบั มปี ระแจและคมี อนั เปน เครอื่ งมอื ทอี่ าจใชใ นการลกั รถจกั รยานยนตไ ด โดยงา ย แลว รบั ในขณะนน้ั วา รว มกนั กอ เหตลุ กั รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายและของบคุ คลอนื่ อกี หลายราย ในหลายทองที่แลวถอดแผนปายทะเบียนทิ้งบอนํ้าและนํารถจักรยานยนตไปขายใหรานขายของเกา ในเขตอาํ เภอพานทองตามบนั ทกึ การจบั กมุ และเจา พนกั งานตาํ รวจยงั ตามไปตรวจยดึ ไดแ ผน ปา ยทะเบยี น รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายในบอ นา้ํ ตามทจ่ี าํ เลยทง้ั สองนาํ ช้ี บนั ทกึ การจบั กมุ ดงั กลา วนอกจากเปน ถอยคํารับสารภาพของจําเลยทั้งสองแลว ยังมีรายละเอียดเก่ียวกับสถานท่ีนําทรัพยท่ีลักไปขายและ การนําช้ีจุดทิ้งแผนปายทะเบียนดวย อันเปนถอยคําอื่นท่ีอาจรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน ความผดิ ของจาํ เลยทงั้ สองได ทง้ั ปรากฏวา เจา พนกั งานตาํ รวจแจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยทงั้ สองกอ นทจี่ ะใหถ อ ยคาํ ดงั กลา วแลว จงึ ไมต อ งหา มมใิ หร บั ฟง ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคทา ย นอกจากนใ้ี นชน้ั สอบสวนจาํ เลย ทงั้ สองกใ็ หก ารรบั สารภาพมขี อ เทจ็ จรงิ อนั เปน รายละเอยี ดสอดคลอ งกบั พฤตกิ ารณแ หง การกระทาํ ความผดิ ของจําเลยท้ังสอง โดยพนักงานสอบสวนไดแจงสิทธิของผูตองหาแกจําเลยท้ังสองทราบกอนใหการ และจาํ เลยทงั้ สองลงลายมอื ชอ่ื ในบนั ทกึ คาํ ใหก ารนนั้ แลว จงึ รบั ฟง เปน พยานหลกั ฐานในการพสิ จู นค วามผดิ ของจาํ เลยทัง้ สองไดต าม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๑๓๔/๔ แมบันทกึ การจบั กุมและคาํ ใหการชน้ั สอบสวนเปน พยานบอกเลา ซึ่งตอ งรับฟง ดวยความระมัดระวงั แตตามสภาพ ลกั ษณะ แหลงทีม่ า และขอ เทจ็ จริง แวดลอมของบันทึกการจับกุมและคําใหการดังกลาวซึ่งตรงกับที่จําเลยท้ังสองนําช้ี และพบบนแผน
๑๒๙ ปายทะเบียนของกลาง นาเช่ือวาจะพิสูจนความจริงไดและมีคุณคาเชิงพิสูจนที่สามารถสนับสนุนให คาํ เบกิ ความของพยานโจทกม คี วามนา เชอ่ื ถอื มากขน้ึ จงึ มนี า้ํ หนกั รบั ฟง ได ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๑) และมาตรา ๒๒๗/๑ ô. à¨ÒŒ ºŒÒ¹ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö คําวา เจาบาน ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๒(๕) หมายถึง ผูเปนหัวหนาของบุคคลท่ีอาศัยอยูในบานหลังน้ัน และรวมตลอดถึงคูสมรสของผูเปน หัวหนาเทาน้ัน เพราะบุคคลดังกลาวเปนผูรับผิดในการครอบครองบานและปกครองผูอยูอาศัยใน บานหลังนั้น หาไดรวมถึงผูท่ีอยูในบานทุกคนไม ตามทะเบียนบานหลังเกิดเหตุ บ. บิดาจําเลยเปน หัวหนา มีช่ือจําเลยอยูในฐานะเปนบุตร จําเลยจึงไมไดอยูในฐานะเปนเจาบานตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๒(๕) การทผ่ี เู สยี หายกบั พวกเขา ไปจบั กมุ จาํ เลยในบา นดงั กลา วตามหมายจบั แตไ มม หี มายคน ทงั้ ผเู สยี หายกบั พวกมใิ ชต าํ รวจชน้ั ผใู หญท จี่ ะทาํ การคน โดยไมต อ งมหี มายคน จงึ เปน การจบั กมุ โดยมชิ อบตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๑ และเปนการจับกุมโดยไมมีอํานาจ จําเลยจึงชอบท่ีจะปองกันสิทธิของตน ใหพ น จากภยนั ตรายอนั เกดิ จากการจบั กมุ โดยมชิ อบเชน นนั้ ได หากจาํ เลยจะชกตอ ยผเู สยี หายจรงิ กเ็ ปน การกระทําเพ่ือปองกันสิทธิของตนพอสมควรแกเหตุ และไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน ในการปฏบิ ัติการตามหนา ทแ่ี ละทาํ รายรางกาย บ. บิดาจําเลยเปนหวั หนา เปน เจาบาน ถา บ. ถกู ออก หมายจับแลวเจาพนกั งานตาํ รวจไปพบ บ. ในทร่ี โหฐานซง่ึ เปนบา นของ บ. ซ่งึ เปนบุคคลท่ีมีหมายจบั ของศาลกส็ ามารถเขา ไปจบั ได เพราะผถู กู จบั เปน เจา บา นไมจ าํ ตอ งมหี มายคน แตค นถกู จบั เปน ลกู ของ เจา บา นไมใ ชเ จา บา น เมอื่ จาํ เลยทาํ รา ยรา งกายตอ เจา พนกั งานกเ็ ปน การกระทาํ เพอ่ื ปอ งกนั สทิ ธขิ องตน พอสมควรแกเ หตุ แตไ มม คี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั หิ นา ทแี่ ละทาํ รา ยรา งกาย
๑๓๐ õ.÷ ¡ÒäǺ¤ØÁ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๒ (๒๑) ไดใ หน ยิ าม ควบคุม หมายความถึง “การควบคุมหรือกักขังผูถูกจับโดยพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจ ในระหวา งสบื สวนและสอบสวน” จะเหน็ ไดว า การควบคมุ เปนผลท่ีเกิดตามมาจากการจับกมุ เม่ือผถู กู จบั ตกอยใู นอาํ นาจ ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจแลว จะทาํ ใหผ ถู กู จบั นน้ั ถกู บน่ั ทอนอสิ รภาพในการเคลอื่ นไหว หรือเคลื่อนยาย และเม่ือผูถูกจับถูกควบคุมตัวแลว อํานาจควบคุมน้ีจะมีผลตอเน่ืองไปจนกวาจะพน กําหนดระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาตใหทําการควบคุม หรือเมื่อผูถูกจับไดรับการปลอยช่ัวคราว หรือศาลมีคาํ ส่ังขงั แทนการควบคมุ ¼ÙÁŒ Õอาํ ¹Ò¨¤Çº¤ØÁ จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔ น้ัน ทําใหเห็นไดวา ผูมอี ํานาจในการควบคุมตวั ผถู ูกจบั ไดแ ก - พนักงานฝายปกครองหรือตาํ รวจ - ราษฎร ในกรณีที่ราษฎรมีอํานาจจับตามกฎหมาย ซึ่งจะตองนําตัวผูถูกจับมาสง ใหก ับพนักงานฝา ยปกครองหรือตาํ รวจ - พนักงานสอบสวน ซ่ึงเปนการควบคมุ ในระหวางทาํ การสอบสวน õ.÷.ñ Ç¸Ô Õ¡ÒäǺ¤ÁØ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๖ ไดระบุไวอยางชัดเจน วา “หามมใิ หใ ชว ิธีควบคมุ ผถู กู จับเกนิ กวา ท่จี ําเปน เพ่ือปองกันมิใหเ ขาหนเี ทานนั้ ” และจากคําส่งั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรอ่ื ง การอาํ นวยความยตุ ธิ รรมในคดอี าญา การทาํ การสอบสวน และมาตรการควบคมุ ตรวจสอบ เรงรดั การสอบสวนคดีอาญา ขอ ๔๓ ก็ไดร ะบุเชนเดียวกนั วา “หา มมิใหค วบคุมผถู กู จับไว เกินกวาความจําเปนแกพฤติการณแหงคดี และใหพนักงานสอบสวนน้ันทราบถึงอํานาจการควบคุม ของพนักงานสอบสวนและศาล” เนอ่ื งจากการควบคมุ ตวั นน้ั เปน การจาํ กดั สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐานของบคุ คลในการมอี สิ รภาพ ตอการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนท่ีอันกระทบตอสิทธิมนุษยชน แตเน่ืองจากมีเหตุการณท่ีบงช้ีวาบุคคล ที่ถูกควบคุมตวั นัน้ อาจมสี ว นหรอื เกี่ยวของกับการกระทําความผดิ ซ่ึงหากปลอยปละละเลยกอ็ าจสง ผลกระทบตอ ความสงบและเรียบรอยทางสงั คมได กฎหมายจงึ ตองใหอ าํ นาจแกเ จาพนักงานรัฐในการ ท่ีจะควบคุมบุคคลที่ถูกจับนั้นได แตเปนการกําหนดในลักษณะทั่วไป คือ ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¹Ñé¹ ¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÑ´ÊÔ¹ã¨Ç‹Ò¨Ð㪌ÇÔ¸Õ¡ÒäǺ¤ØÁÍ‹ҧã´äÁ‹ãËŒà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹à¾×èÍ»‡Í§¡Ñ¹ÁÔãËŒ ¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºË¹Õ «è§Ö ¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÒÁ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô áÅÇŒ áμ¡‹ óæÕ ä»
๑๓๑ ¢ŒÍ·àÕè ¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼Ù¤Œ Ǻ¤ÁØ ¼Œ¨Ù Ѻ¤ÇèÐ㪾Œ ¨Ô ÒÃ³Ò ¤×Í ๑) ควรจะตองนาํ พฤตกิ ารณทีเ่ กดิ ข้นึ วา ผถู กู จับมแี นวโนม ท่ีจะหลบหนีหรือไม ๒) ความผดิ ท่ีผูถกู จบั ถูกกลา วหา ๓) ลักษณะรปู พรรณของผูถกู จบั ๔) โอกาสท่จี ะหลบหนนี ัน้ มาเปน ขอ มลู ในการพจิ ารณาวา จะใชว ธิ กี ารในการควบคมุ ผถู กู จบั อยา งไร เพราะหาก เจา พนักงานผูควบคุมนนั้ ใชวิธกี ารควบคมุ ทไ่ี มเ หมาะสม อาจถูกดาํ เนินคดไี ดในภายหลงั μÇÑ ÍÂÒ‹ §คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ÷ôô/òõðñ ในกรณีทกี่ ารควบคมุ ผตู องหา ผูควบคุมตองพเิ คราะห ไมใ ชว ธิ เี กนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั มใิ หห นี หากใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา มใิ ชเ พอื่ มใิ หห นแี ตเ พอ่ื ใหไ ดอ าย แมจ ะไมม เี จตนาแกลง อนั เปน การสว นตวั หากเพอื่ ปราบปรามเจา มอื สลากกนิ รวบ กเ็ ปน ความผดิ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè øøù/òôøñ กรณีที่กํานันจับกุมลามโซขอมือบุคคลที่แสดงวาจา ไมเคารพตอกํานันขณะท่ีกระทําการตามหนาที่ ซึ่งกํานันเห็นวาเปนความผิดก็ตาม แตการที่กํานันใช วิธีลามขอมือน้ัน เปนวิธีการควบคุมผูถูกจับเกินกวาความจําเปนเพื่อปองกันมิใหเขาหนี กํานันจึงมี ความผิดตอ เสรภี าพได อยางไรก็ตาม เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคแรก ไดกําหนดหลักเกณฑในเรื่องการควบคุมไวแตเพียงวา หามมิใหควบคุมผูถูกจับเกินกวาท่ีจําเปนตาม พฤตกิ ารณแ หงคดี เมือ่ พจิ ารณาจากบทบญั ญัติมาตรา ๘๖, ๘๗ ¼¨ŒÙ ºÑ ¡ÁØ μÍŒ §ãªŒÇÔ¨ÒóÞҳ㹡Òà ¤Çº¤ØÁãËàŒ ËÁÒÐÊÁ¡ÑºÊ¶Ò¹¡Òó㠹¢³Ð¹Ñé¹ อยางไรก็ตาม หากมีการเทียบเคียงกับÃÐàºÕº¢ŒÒÃÒª¡Òý†ÒÂμØÅÒ¡ÒÃÈÒÅÂØμÔ¸ÃÃÁ NjҴŒÇÂá¹Ç»¯ÔºÑμÔ㹡ÒÃÍÍ¡ËÁÒ¢ѧ㹤´ÕÍÒÞÒ ¾.È.òõôõ แมวาจะเปนกรณีที่ศาลจะ ใชหลักเกณฑในการออกหมายขังก็ตาม แตในเรื่องของการขังก็เปนเรื่องของการจํากัดสิทธิ ในการเคลอื่ นไหวของบคุ คลนนั้ เชน เดยี วกบั การควบคมุ เพยี งแตเ มอื่ การควบคมุ นน้ั อยใู นกระบวนการชนั้ ศาลแลว จะเรยี กวา เปน การขงั และจากระเบยี บดงั กลา ว ซงึ่ ไดก าํ หนดแนวทางปฏบิ ตั ใิ หก บั ศาลไวใ นขอ ๑๑ ดงั น้ี ขอ ๑๑ กอ นออกหมายขังจะตอง»ÃÒ¡¯¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾Õ§¾Í··Õè íÒãËŒÈÒÅàªè×Íไดว า ๑๑.๑ ผตู อ งหาหรอื จาํ เลย¹Ò‹ ¨Ðä´¡Œ ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒÃÒŒ Âáçตามทก่ี ฎหมาย บัญญัติ แตในระหวางที่ยังมิไดมีกฎหมายดังกลาว ก็ควรถือแนวปฏิบัติในการใชดุลพินิจของศาลวา หมายถึงความผิดทมี่ ีอัตราโทษจาํ คุกอยางสงู เกนิ สามป หรือ ๑๑.๒ ผูตองหาหรือจําเลยนาจะไดกระทําความผิดอาญา และมีàËμØÍѹ¤Çà àªÍ×è NjҼ¹ŒÙ ¹Ñé ¹Ò‹ ¨ÐËÅºË¹Õ ËÃ×ͨÐä»Âا‹ àËÂÔ§¡Ñº¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ ËÃ×͋͡ àËμÍØ ѹμÃÒ»ÃСÒÃÍè×¹
๑๓๒ ถาผูตองหาหรือจําเลยท่ีศาลจะออกหมายขังน้ันเปนผูซึ่งศาลไดออกหมายจับไว หรอื ตอ งขงั ตามหมายศาลอยแู ลว ไมว า จะมผี รู อ งขอหรอื ไมศ าลจะออกหมายขงั ผนู นั้ โดยไมต อ งไตส วน ถึงเหตุแหงการออกหมายตามวรรคหนึ่งก็ได เวนแตมีผูกลาวอางหรือปรากฏตอศาลเองวาไมมีเหตุ ทจี่ ะขงั ผูนนั้ ตอ ไป ก็ใหศ าลไตส วนหรือมีคาํ ส่งั ไดต ามท่ีเห็นสมควร ดงั นน้ั จากขอ กาํ หนดดงั กลา ว หากจะนาํ มาเทยี บเคยี งกบั เรอื่ งของการควบคมุ ผถู กู จบั นน้ั ผูจบั จะทาํ การควบคุมตวั ผูถูกจับไดมากนอ ยเพียงใด ควรจะตอ งคํานึงวา ๑. ผตู อ งหาหรอื ผถู กู จบั นน้ั นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญารา ยแรงตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ มากนอยเพยี งใด ๒. ผูตองหาหรือผูถูกจับนั้น นาจะไดกระทําความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อวา เขาผูน้ันนา จะหลบหนหี รอื จะไปยุงเหยิงกบั พยานหลกั ฐาน หรือกอ เหตุอันตรายประการอน่ื หรอื ไม ¢ÍŒ Êѧà¡μ ในประเทศสหราชอาณาจกั รอังกฤษ ในการพิจารณาวา ผูถูกจบั ควรจะตองถูกควบคมุ ตวั ไวท่ีสถานีตํารวจหรอื ควร จะไดร ับอนุญาตใหประกันตวั ไดห รือไม จะมีหลักเกณฑใ นการพิจารณาดงั น้ี ๑. เพื่อเปน การรกั ษาพยานหลักฐานที่เกีย่ วขอ งกับความผิด ๒. เพ่ือตองการสอบปากคําเพิ่มเตมิ และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ ตวั ผตู อ งหาไว ตามเงอ่ื นไขทกี่ ฎหมายกาํ หนด และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ ตัวผูตองหาไว ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกําหนด และเพื่อทราบระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดใหเจาพนักงานตํารวจควบคุมตัว แลว และมีความจําเปนท่ีจะตองเอาตัวผูตองหาไวดูแลน้ัน จะตองเปนเร่ืองการขอหมายขัง ซึ่งศาลอังกฤษจะออกหมายขัง หรือไมน ั้น จะพิจารณาจาก ๑. ความผิดทผ่ี ูตอ งหากระทาํ เปน ความผิดอกุ ฉกรรจห รือไม ๒. การควบคุมตัวผูตองหาไวตอไปจะเปนการปองกันพยานหลักฐานหรือเพื่อความจําเปนที่ตองสอบปากคํา เพ่มิ เตมิ หรอื ไม และ ๓. การสอบสวนไดกระทําจนเปน ท่ีพอใจของศาลหรอื ไม (อุดม จติ ธรรม, ๒๕๔๘) ÊÃ»Ø ดงั นน้ั พอจะกลา วไดโ ดยสรปุ วา การทเี่ จา พนกั งานตาํ รวจจะควบคมุ ตวั ผถู กู จบั หรอื ไมน นั้ ส่ิงท่ีเจาพนักงานตํารวจจะตอ งตระหนักคือ ๑. จะตอ ง¾¨Ô ÒóҨҡ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹àºÍé× §μ¹Œ ·ÊèÕ ÒÁÒöº§‹ ªäéÕ ´ËŒ ÃÍ× äÁว‹ า ผถู กู จบั เปน ผกู ระทาํ ความผิด และความผดิ นั้นรา ยแรงมากนอยเพียงใด ๒. มàี ËμÊØ Á¤Ç÷¨èÕ Ð¤Çº¤ÁØ μÇÑ à¢ÒËÃÍ× äÁ‹ เชน มพี ฤตกิ ารณว า จะหลบหนหี รอื ไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลักฐาน หรือกอ เหตุอันตรายประการอืน่ หรอื ไม ๓. หากเจาพนักงานตํารวจใชอํานาจในการควบคุมตัวโดยไมเหมาะสม อาจสงผลให ถกู ฟอ งรองดาํ เนินคดไี ดด งั กลา วมาแลวขา งตน
๑๓๓ μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óòö-óò÷/òõðõ วินิจฉัยวา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๗ วางหลักเปนประกันสิทธิเสรีภาพไว ๒ ตอน ตอนตนจะควบคุมผูตองหา เกนิ กวา จาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดไี มไ ด ตอนทสี่ องความจาํ เปน จะมเี พยี งใดกต็ าม กค็ วบคมุ เกนิ กวา กาํ หนดเวลาดงั บญั ญตั ไิ วไ มไ ด เพราะฉะนน้ั ประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ ๑๒ ลงวนั ท่ี ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๐๑ เปน การแกไ ขและขยายระยะเวลาขนั้ สงู ดงั กลา วในมาตรา ๘๗ แตไ มไ ดย กเลกิ หลกั ใหญข องมาตรา ๘๗ ที่ใหควบคุมผูตองหาไดเทาท่ีจําเปนเทาน้ัน ประกาศน้ีใหอํานาจควบคุมผูตองหาในกรณีทําผิดตอ พระราชบญั ญตั คิ อมมวิ นสิ ตไ ดเ ทา ทจ่ี าํ เปน แกก ารสอบสวนเทา นน้ั ไมใ ชใ หค วบคมุ โดยไมม กี าํ หนดเวลา คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè òñóñ/òõòñ วนิ จิ ฉยั วา การทจ่ี ะควบคมุ บคุ คลทเี่ ปน ภยั ตอ สงั คมได ตอ งมหี ลกั ฐานพอสมควรทจ่ี ะฟง วา มพี ฤตกิ ารณเ ชน น้ี มใิ ชเ พยี งหลกั ฐานเลอ่ื นลอยคลมุ เครอื เปน การ ยนื ยนั หลกั การทวี่ า ตอ งมเี หตสุ มควรเชอื่ ไดว า กระทาํ ความผดิ และเหตสุ มควรเชอ่ื นต้ี อ งมพี ยานหลกั ฐาน สนับสนุนเพยี งพอ õ.÷.ò ÃÐÂÐàÇÅÒ㹡ÒäǺ¤ÁØ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ ไดบัญญัติหลักเกณฑ ในเร่ืองของระยะเวลาในการควบคมุ ไวดงั นี้ มาตรา ๘๗ “หามมิใหค วบคุมผถู ูกจบั ไวเ กนิ กวาจาํ เปนตามพฤตกิ ารณแ หง คดี ในกรณคี วามผดิ ลหโุ ทษ จะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดเ ทา เวลาทจี่ ะถามคาํ ใหก าร และ ท่จี ะรูตวั วาเปนใครและท่อี ยขู องเขาอยูท ี่ไหนเทา นน้ั ในกรณที ผี่ ถู กู จบั ไมไ ดร บั การปลอ ยชวั่ คราว และมเี หตจุ าํ เปน เพอ่ื ทาํ การสอบสวน หรอื การฟอ งคดี ใหน าํ ตวั ผถู กู จบั ไปศาลภายในสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตเ วลาทผี่ ถู กู จบั ถกู นาํ ตวั ไปถงึ ทที่ าํ การ ของพนกั งานสอบสวนตามมาตรา ๘๓ เวน แตม เี หตสุ ดุ วสิ ยั หรอื มเี หตจุ าํ เปน อยา งอนื่ อนั มอิ าจกา วลว ง เสียได โดยใหพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการย่ืนคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว ใหศาลสอบถามผูตองหาวาจะมีขอคัดคานประการใดหรือไม และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวน หรอื พนกั งานอยั การมาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอื่ ประกอบการพจิ ารณากไ็ ด ในกรณีความผิดอาญาที่ไดกระทําลงมีอัตราโทษจําคุกอยางสูงไมเกินหกเดือน หรอื ปรับไมเกนิ หารอยบาท หรอื ทง้ั จําทง้ั ปรับ ศาลมอี าํ นาจสง่ั ขังไดค รัง้ เดยี ว มีกาํ หนดไมเ กินเจด็ วัน ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู เกนิ กวา หกเดอื นแตไ มถ งึ สบิ ป หรอื ปรบั เกนิ กวา หา รอ ยบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั ศาลมอี าํ นาจสงั่ ขงั หลายครงั้ ตดิ ๆ กนั ได แตค รงั้ หนง่ึ ตอ ง ไมเ กินสบิ สองวัน และรวมกันทั้งหมดตอ งไมเ กนิ ส่ีสบิ แปดวัน ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตส บิ ปข น้ึ ไป จะมโี ทษปรบั ดว ย หรือไมกต็ าม ศาลมีอํานาจสัง่ ขังหลายครั้งติดๆ กนั ได แตค รง้ั หนึ่งตองไมเกินสบิ สองวัน และรวมกัน ท้ังหมดตอ งไมเกนิ แปดสบิ สว่ี ัน
๑๓๔ ในกรณีตามวรรคหก เมื่อศาลสั่งขังครบส่ีสิบแปดวันแลว หากพนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวนย่ืนคํารองขอตอศาลเพ่ือขอขังตอไปอีกโดยอางเหตุจําเปน ศาลจะสั่งขังตอไป ไดตอเม่ือพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนไดแสดงถึงเหตุจําเปน และนําพยานหลักฐานมาให ศาลไตส วนจนเปนท่พี อใจแกศ าล ในการไตสวนตามวรรคสามและวรรคเจ็ด ผูตองหามีสิทธิแตงทนายความ เพือ่ แถลงขอ คัดคาน และซกั ถามพยาน ถาผตู องหาไมมีทนายความเนือ่ งจากยังไมไดม กี ารปฏิบัติตาม มาตรา ๑๓๔/๑ และผตู อ งหารอ งขอใหศ าลตงั้ ทนายความให โดยทนายความนนั้ มสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ รางวลั และคา ใชจ ายตามท่กี าํ หนดไวในมาตรา ๑๓๔/๑ วรรคสาม โดยอนโุ ลม ถา พนกั งานสอบสวนตอ งไปทาํ การสอบสวนในทอ งทอี่ น่ื นอกเขตของศาลซง่ึ ไดส ง่ั ขงั ผตู อ งหาไว พนกั งานสอบสวนจะยน่ื คาํ รอ งขอใหโ อนการขงั ไปยงั ศาลในทอ งทที่ จี่ ะตอ งไปทาํ การสอบสวน นัน้ ก็ได เม่ือศาลทส่ี ่ังขงั ไวเปน การสมควรกใ็ หส่ังโอนไป” จากบทบัญญัติมาตรา ๘๗ น้ัน ไดวางหลักเกณฑเรื่องของระยะเวลาในการควบคุม ผูถูกจับ ซึง่ พอสรุปไดดงั นี้ ๑) ËŒÒÁÁÔãËŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹μÒÁ¾ÄμÔ¡ÒóáË‹§¤´Õ (มาตรา ๗๘ วรรคแรก) ซึ่งหมายความวา เจาพนักงานตํารวจจะมีอํานาจในการควบคุมผูถูกจับไดนานเพียงใดน้ัน ขน้ึ อยกู บั ความจาํ เปน ทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั ซงึ่ เจา พนกั งานตาํ รวจจะμÍŒ §¾¨Ô ÒóҶ§Ö ¤ÇÒÁจาํ ໹š ·ÇÕè Ò‹ ¹¹Ñé ¨Ò¡¾Äμ¡Ô Òóá Ë‹§¤´Õã¹¢³Ð¹¹éÑ à»š¹ÊíÒ¤ÑÞ ซงึ่ ความจาํ เปนทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั นี้ ไดแ ก ๑. จําเปนเพ่ือถามคําใหก าร ๒. จาํ เปน เพอื่ สอบปากคําใหทราบวา ผูถกู จบั เปน ใครและอยูที่ไหน ๓. จําเปนเพื่อปองกันมิใหผูถูกจับหลบหนี เชน เฉพาะกรณีที่ผูถูกจับไมมีที่อยู เปน หลักแหลง ๔. จาํ เปนเพื่อปอ งกันมิใหผถู ูกจบั ไปยงุ เหยิงกบั พยานหลกั ฐาน เชน อาจไปทําลาย พยานเอกสาร พยานวตั ถุทส่ี ําคญั ของคดี หรอื อาจไปขม ขพู ยานบคุ คล เปน ตน ๕. จําเปนเพ่ือปองกันภัยอันตราย หรือความเสียหายที่ผูถูกจับอาจจะไปกอเหตุ ซึง่ หากวา ไมไดทําการควบคมุ ตัวเอาไว ๒) การควบคมุ ตัวผูถูกจบั หรือผตู อ งหาน้ัน ¨ÐμÍŒ §¤Çº¤ØÁäÁà‹ ¡Ô¹¡Ç‹Òกํา˹´ÃÐÂÐàÇÅÒ ·¡èÕ ®ËÁÒÂกาํ ˹´äÇใŒ นมาตรา ๘๗ ซง่ึ ขน้ึ อยกู บั ความรา ยแรงของความผดิ ทผ่ี ตู อ งหาถกู กลา วหา ดงั น้ี (๑) ในกรณีความผดิ ลหุโทษ ความผิดลหุโทษ หมายถึง ความผิดทีร่ ะบุไวใ นประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๓ ซงึ่ เห็นไดวา ความผิดลหโุ ทษน้นั จะมลี กั ษณะท่ัวไปดงั นี้ ๑. เปน ความผดิ เพราะละเมดิ ในสง่ิ ทกี่ ฎหมายกาํ หนดหา มไว ซง่ึ เปน เรอ่ื งเลก็ ๆ นอ ยๆ เทา นน้ั ทร่ี ฐั ออกกฎหมายมาเพอ่ื คมุ ครองความเปน อยขู องคนในสงั คมใหอ ยอู ยา งรม เยน็ เปน สขุ เชน หา มมใิ หบ คุ คลทาํ ใหท อ ระบายนา้ํ อนั เปน สงิ่ สาธารณะเกดิ ขดั ขอ ง (ป.อาญา มาตรา ๓๗๕) เปน ตน
๑๓๕ ๒. เปนความผิดท่ีมีคุณลักษณะทางกฎหมายเกี่ยวกับผลประโยชนของรัฐ เปน สําคญั เพ่อื ใหสงั คมสงบสุข เชน หามทําใหเกิดปฏิกลู แกน าํ้ ในบอ สระ หรือทีข่ งั นน้ั อนั มีไวสาํ หรบั ประโยชนใ ชส อย (ป.อาญา มาตรา ๓๘๐) ๓. มคี วามรนุ แรงหรอื ความกา วรา วของการกระทาํ ไมม ากนกั ภยั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ ตอ บคุ คลหรอื สงั คมไมม ากนกั ซงึ่ สงั คมใหอ ภยั การกระทาํ นนั้ ได เชน หา มสง เสยี งดงั ออื้ องึ โดยไมม เี หตุ อนั ควรจนทาํ ใหประชาชนเดือดรอ นราํ คาญ (ป.อาญา มาตรา ๓๗๐) ๔. สามารถระงบั คดไี ดโ ดยงา ยจากการลงโทษปรบั เชน หา มกระทาํ การอนั ควร ขายหนา ตอ หนา ธารกาํ นลั โดยการเปลอื ยกาย ซง่ึ มโี ทษปรบั ไมเ กนิ หา พนั บาท (ป.อาญา มาตรา ๓๘๘) และมีอัตราโทษไมสูงนกั เชน จาํ คกุ ไมเกินหนึ่งเดอื น ปรับไมเ กินหน่ึงหมื่นบาท เจา พนกั งานจะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดà ·Ò‹ àÇÅÒ·¨èÕ Ð¶ÒÁคาํ ãË¡Œ Òà áÅз¨Õè ÐÃμŒÙ ÇÑ ÇÒ‹ ໚¹ã¤Ã áÅзÕÍè ¢ً ͧà¢ÒÍ‹ٷèÕä˹෋ҹé¹Ñ μÇÑ Í‹ҧ คดีเสพยสุราจนเมาครองสติไมได และประพฤตติ วั วนุ วายกอ ความเดอื ดรอนแก ชาวบา นทวั่ ไปขณะอยใู นถนนสาธารณะหรอื สาธารณสถานใดๆ อนั มโี ทษปรบั ไมเ กนิ ๕๐๐ บาท เชน นี้ เจาพนักงานตํารวจสามารถควบคุมบุคคลผูนั้น เทาที่ระยะเวลาที่สามารถมีสติพอที่จะบอกช่ือ ท่ีอยูไดเ ทา นัน้ เมือ่ ทราบวาเขาผนู ัน้ เปนใคร อยูท ่ไี หน (๒) 㹡ó¤Õ ÇÒÁ¼Ô´ÍÒÞÒอ่ืน ในกรณีความผดิ อาญาอื่น นอกจากคดีลหุโทษน้ัน เจาพนักงานตาํ รวจอาจตอง ใชเวลาพอสมควรในการสอบปากคําจากผูถูกจับโดยตรง แตอยางไรก็ตามเจาพนักงานตํารวจมีระยะ เวลาในการควบคุมเพียงÊèÕÊԺỴªÑèÇâÁ§ ¹Ñºáμ‹àÇÅÒ·Õè¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºä»¶Ö§·Õèทํา¡Òâͧ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ (มาตรา ๘๗ วรรคสอง) หากวา ภายในระยะเวลาสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตท นี่ าํ ตวั ผถู กู จบั มาถงึ ทท่ี าํ การของ พนักงานสอบสวนแลวนั้น พนักงานสอบสวนพิจารณาแลวเห็นวายังมีเหตุท่ีจะตองควบคุมตัวผูถูกจับ นน้ั ตอ ไป เชน นี้ พนกั งานสอบสวนจะขอขยายระยะเวลาการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั ไดต อ เมอื่ ÁàÕ ËμÊØ ´Ø ÇÊÔ ÂÑ ËÃÍ× ÁàÕ ËμจØ ํา໹š Í‹ҧÍ×¹è Í¹Ñ Á¤Ô ÇáŒÒÇŋǧàÊÕÂä´Œ แตอยางไรกต็ าม มาตรา ๘๗ วรรคสาม ไดกําหนดใหพ นกั งานสอบสวน (หรือ พนักงานอัยการ) ยื่นคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว ซึ่งกรณีนี้ศาลจะสอบถามผูตองหาวา จะมขี อ ใดคดั คา นประการใดหรอื ไม และในกรณขี อขยายเวลาดงั กลา ว ศาลอาจเรยี กพนกั งานสอบสวน (หรอื พนกั งานอยั การ) มาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน นน้ั หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา ก็ได (มาตรา ๘๗ วรรคสาม)
๑๓๖ ¢ŒÍ椄 à¡μ หากไมมีเหตุสุดวิสัยหรือไมมีเหตุจําเปนอยางอ่ืนอันมิอาจกาวลวงเสียได ดังกลาว เม่ือควบคุมครบระยะเวลา สสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตม าถงึ ทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวนแลว พนกั งานสอบสวนไมม อี าํ นาจขอใหศ าลออกหมายขงั ผตู อ งหา ตามมาตรา ๘๗ วรรคสามได จะตอ งปลอ ยตัวผูตอ งหาไป อยางไรก็ตาม แมกฎหมายจะใหขยายระยะเวลาไดโดยอาศัยเหตุสุดวิสัย หรอื มเี หตจุ าํ เปน อนั มอิ าจกา วลว งเสยี ไดก ต็ าม มาตรา ๘๗ ยงั คงกาํ หนดกรอบระยะเวลาในการสงั่ ขงั ไว โดยอาศยั อตั ราโทษตามความผิดอาญาน้ี ผตู องหาไดก ระทําลงไป ซึ่งพอจะสรปุ ไดดังตอไปน้ี ๑. กรณที ม่ี อี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §Ê§Ù äÁà‹ ¡¹Ô ö à´Í× ¹ หรอื »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô õðð ºÒ· หรือทัง้ จาํ ท้ังปรบั ศาลมีอาํ นาจสง่ั ขงั ไดค รง้ั เดียว มีกาํ หนดไมเ กิน ๗ วนั ๒. กรณีที่มอี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §ÊÙ§à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ ö à´×͹ áμä‹ Á¶‹ Ö§ ñð »‚ หรอื »ÃºÑ à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ õðð ºÒ· หรือทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ ศาลมีอาํ นาจสั่งขงั หลายครง้ั ตดิ ๆ กนั ได แตครง้ั หน่งึ ตอ ง ไมเ กิน ๑๒ วัน รวมกนั ทงั้ หมดตองไมเ กนิ ๔๘ วัน ๓. คดีท่ีมีอัตราโทษจํา¤Ø¡Í‹ҧÊÙ§μÑé§áμ‹ ñð »‚¢Öé¹ä» จะมีโทษปรับดวย หรอื ไมก ต็ าม ศาลมอี ํานาจสั่งขังหลายครัง้ ตดิ ๆ กันได แตค ร้ังหน่ึงตอ งไมเกิน ๑๒ วัน และรวมกัน ท้งั หมดตอ งไมเกนิ ๘๔ วัน และหากวาเม่ือครบ ๘๔ วันแลว พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ ตอ งการขอขยายระยะเวลาตอ เชน น้ี มาตรา ๘๗ วรรคเจด็ กาํ หนดใหพ นกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน อัยการท่ีรองขอขยายระยะเวลาเพื่อขอขังตอไปโดยอางเหตุจําเปนน้ัน ศาลจะส่ังขังตอไปได ตอเมื่อ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไดáÊ´§¶Ö§àËμØจํา໚¹·ÕèNjҹÑé¹ áÅÐμŒÍ§นํา¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ ÁÒãËÈŒ ÒÅäμÊ‹ ǹ¨¹à»¹š ·¾Õè Íã¨á¡È‹ ÒÅ เชน นี้ ศาลจงึ จะอนญุ าตขยายระยะเวลา (มาตรา ๘๗ วรรคส่ี ถึงวรรคเจ็ด) ในการขอขยายระยะเวลาในการขอศาลขงั ของพนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน อัยการน้ัน มาตรา ๘๗ วรรคแปด กฎหมายใหสิทธิแกผ ตู อ งหาในการที่จะแตงทนายความเพือ่ แถลง คัดคา นและซกั ถามพยานได แตห ากไมมที นายความและผตู องหารอ งขอ ศาลจะตั้งทนายความให õ.ø ¢ŒÍ»¯ÔºμÑ ãÔ ¹¡ÒäǺ¤ÁØ ในการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั นนั้ นอกจากตอ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑข องประมวลกฎหมายวธิ ี พจิ ารณาความอาญา ทไ่ี ดกลา วมาแลวขา งตนนนั้ ยงั คงมคี ําสง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เร่ือง การอาํ นวย ความยุติธรรมในคดีอาญา การทําสํานวนการสอบสวน และมาตรการควบคุมตรวจสอบ เรงรัด การสอบสวนคดีอาญา บทที่ ๒ ขอ ๔ การควบคมุ ไดก ําหนดขอ ปฏบิ ตั ิในการควบคุมไว ดังน้ี ๑. ใหเจาพนักงานตํารวจซึ่งรับมอบตัวผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุม แจงสิทธิของ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาซง่ึ ถกู ควบคมุ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ใหผ ถู กู จบั
๑๓๗ หรือผูตองหาทราบในโอกาสแรก รวมท้ังจัดใหผูถูกจับหรือผูตองหาสามารถติดตอกับญาติหรือผูซ่ึง ผถู กู จับหรือผตู องหาไวว างใจเพือ่ แจง ใหทราบถึงการจับ และสถานท่ีทีถ่ ูกควบคมุ ถาผถู ูกจับรองขอให เจา พนักงานตาํ รวจเปน ผูแจงตามสิทธิดงั กลาว กใ็ หจ ดั การตามคํารอ งขอนน้ั โดยเร็ว และใหบ นั ทกึ การ จดั การดงั กลา วไวใ นรายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดเี ปน หลกั ฐานไว ในการนห้ี า มไมใ หเ รยี กคา ใชจ า ยใด ๆ จากผูถ กู จับ การแจงสิทธิดังกลาวใหบันทึกไวในรายงานประจําวันเกี่ยวกับคดีขอเดียวกับบันทึก รายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดขี อ ทรี่ บั ตวั ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาไวค วบคมุ โดยไมต อ งบนั ทกึ เรอื่ งการแจง สทิ ธดิ งั กลา วไวใ นบนั ทกึ คาํ ใหก าร และไมต อ งจดั ทาํ บนั ทกึ การแจง สทิ ธอิ กี โดยใหม ขี อ ความปรากฏดงั น้ี “................(ยศ ชอ่ื สกลุ ตาํ แหนง )...............เจา พนกั งานตํารวจผรู ับตัว นาย/นาง/ นางสาว...............................ผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุมไดแจงสิทธิของผูถูกจับหรือผูตองหาตาม กฎหมายใหทราบแลว ดงั นี้ (๑) มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงผูถูกจับ หรือผูตองหา ไวว างใจทราบถงึ การจับกุมและสถานท่ีทถ่ี ูกควบคมุ ในโอกาสแรก (๒) มสี ทิ ธพิ บและปรกึ ษาผูซ ึง่ จะเปนทนายความเปนการเฉพาะตวั สอบสวน (๓) มีสิทธิใหทนายความหรือผูซึ่งตนไววางใจเขาฟงการสอบสวนปากคําตนในชั้น (๔) มีสทิ ธไิ ดร บั การเย่ยี มหรือติดตอ กับญาติไดตามสมควร (๕) มสี ิทธิไดรบั การรักษาพยาบาลโดยเร็วเม่ือเกดิ การเจ็บปวย นาย/นาง/นางสาว......................................ผูถูกจับหรือผูตองหาซึ่งถูกควบคุม ไดท ราบสิทธิของตนแลว จงึ ลงลายมอื ชื่อรบั ทราบสิทธิตามกฎหมายไวเ ปนหลกั ฐาน (ลงช่อื ).................................................ผูถูกจบั /ผตู อ งหา (ลงชอ่ื ).................................................ผูร บั มอบตัว” หากพนักงานอัยการตองการบันทึกการแจงสิทธิ ใหพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ สาํ เนาบนั ทกึ รายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดขี อ ทแ่ี จง สทิ ธมิ อบใหพ นกั งานอยั การ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๑) ๒. เจา พนกั งานตาํ รวจผรู บั ตวั ผถู กู จบั จะปลอ ยผถู กู จบั ชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวก ไ็ ด แตถาเปนการจับโดยมีหมายหรือคําสั่งของศาลใหรีบดําเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญามาตรา ๖๔ และในกรณีท่ีตองสงผูถูกจับไปยังศาล แตไมสามารถสงไปไดในขณะน้ัน เนอ่ื งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทาํ การใหเ จา พนกั งานตาํ รวจทรี่ บั ตวั ผถู กู จบั ไวม อี าํ นาจปลอ ย ผถู กู จบั ชว่ั คราว หรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ (คาํ สง่ั ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๒) ๓. หา มมใิ หค วบคมุ ผถู กู จบั ไวเ กนิ กวา ความจาํ เปน แกพ ฤตกิ ารณแ หง คดี และใหพ นกั งาน สอบสวนพึงทราบถึงอาํ นาจการควบคุมของพนักงานสอบสวนและศาล (คําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๓)
๑๓๘ ๔. กรณที ม่ี กี ารจบั กมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาตามหมายจบั หรอื คาํ สงั่ ของศาล ใหพ นกั งาน สอบสวนตรวจสอบหมายจับที่ขอความ “ดวยผูรองย่ืนคํารองวา...” วามีเหตุผลพิเศษในการขอให ศาลออกหมายจับหรือไม หากมีเหตุผลพิเศษใหพึงระมัดระวังเก่ียวกับอํานาจการควบคุมผูถูกจับ หรอื ผตู องหาของพนักงานสอบสวน (คําสง่ั ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๔) ๕. เมื่อมีการอางวาบุคคลใดตองถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบดวย กฎหมาย ใหพนักงานสอบสวนยื่นคํารองตอศาลแหงทองท่ีที่มีอํานาจพิจารณาคดีอาญาขอใหปลอย ผูถ ูกคุมขังโดยมชิ อบได กรณีเจาหนาที่ตํารวจ พบวามีการคุมขังผูตองหา หรือผูถูกจับ หรือบุคคลใด โดยมิชอบดวยกฎหมาย ใหแจงหัวหนาหนวยงานทราบ และใหเปนหนาที่และความรับผิดชอบ ของหวั หนา หนว ยงานทจ่ี ะตอ งพจิ ารณาและวนิ จิ ฉยั สงั่ การหรอื มอบหมายใหพ นกั งานสอบสวนยนื่ คาํ รอ ง ตอ ศาลแหง ทอ งทท่ี ม่ี อี าํ นาจพจิ ารณาคดอี าญาขอใหป ลอ ยผถู กู คมุ ขงั โดยมชิ อบนนั้ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๕) ● ¢ŒÍ¾§Ö ÃÐÇ§Ñ ã¹¡ÒÃãªàŒ ¤ÃÍ×è §¾Ñ¹¸¹Ò¡Òà การใชเครื่องพันธนาการในการควบคุมตัวผูกระทําผิดน้ันจะกระทําไดก็ตอเมื่อมี ความจําเปน เพอื่ ปอ งกันมใิ หผ กู ระทําความผิดหลบหนีไปจากการควบคมุ ของเจาหนา ท่ี อยางไรกต็ าม ถงึ แมเ จา หนา ทต่ี าํ รวจจะมอี าํ นาจในการควบคมุ ตวั และมอี าํ นาจทจ่ี ะใชเ ครอื่ งพนั ธนาการกบั ผทู ก่ี ระทาํ ความผิดได แตก็เปนการใชอํานาจที่กระทบตอสิทธิเสรีภาพของบุคคล แตเมื่อบุคคลใดก็ตามกระทํา ความผิดอันมีโทษตามกฎหมายก็สมควรที่จะตองไดรับการลงโทษ ซ่ึงการลงโทษผูกระทําความผิดนั้น เปนไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ดังนั้น การใชอํานาจดังกลาวของเจาหนาท่ีตํารวจ ก็μŒÍ§คํา¹§Ö ¶Ö§ÈÑ¡´ÔìÈÃÕ¤ÇÒÁ໚¹Á¹ÉØ Âด ว ย ¡ÒÃ㪌à¤Ã×èͧ¾Ñ¹¸¹Ò¡ÒâͧตําÃǨ ตองเปนไปตามประมวลระเบียบการตํารวจ เก่ยี วกับคดี ลกั ษณะ ๖ บทที่ ๔ ขอ ๑๔๖ โดยจะตอ งคาํ นงึ ถึง ดงั นี้ ๑. การกระทําผดิ เปน คดปี ระเภทใด อตั ราโทษสงู หรือไม ๒. บุคคล มีบุคคลบางจําพวกที่ควรจะใหเ กยี รติ เชน (ก) ขา ราชการ (ข) พระภกิ ษุ สามเณร นักพรตตาง ๆ (ค) ทหารสวมเคร่อื งแบบ (ง) ชาวตา งประเทศ ชน้ั ผูด ี (จ) หญิง คนชรา เดก็ คนพกิ าร และคนปวยเจบ็ ซ่งึ ไมสามารถจะหลบหนไี ดด วยกําลังตนเอง (ฉ) พอ คา คฤหบดี ซึง่ มีชอื่ เสียง และมีหลักฐานการทาํ มาหากนิ โดยสจุ รติ บุคคลดังกลาว ถา ไมไ ดก ระทาํ ความผิดอกุ ฉกรรจ หรือไมไ ดแ สดงกิรยิ าจะขดั ขนื หรือหลบหนี ไมควรใชกุญแจมือ เด็กอายุต่ํากวา ๑๔ ป ถาไมไดกระทําความผิดที่มีอัตราโทษจําคุก เกนิ กวา ๑๐ ป และเฉพาะหญงิ คนชรา เดก็ คนพิการและคนปว ยเจบ็ ซ่งึ ไมส ามารถจะหลบหนีไดด วย กาํ ลังตนเอง หามใชเ ครอื่ งพนั ธนาการเปนอันขาด
๑๓๙ ๓. สถานที่ ใหพิเคราะหถึงสถานที่ท่ีจะควบคุมไป มีโอกาสท่ีผูตองหาจะหลบหนี หรือทาํ อันตรายแกผคู วบคุมไดง าย หรือไม ๔. เวลา เปนเวลากลางวันหรอื กลางคนื หรือจําเปนตอ งพักคา งแรม ๕. กริ ิยาความประพฤติ ความประพฤติในอดตี เปน อยางไร ขอ ๑๔๗ การใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา ตอ งไมใ หห ลวมหรอื คบั เกนิ ไป เพราะถา หลวมมาก ก็จะหลุดจากขอมือไดงาย ถาคับมากก็จะเปนการทรมานผูตองหา เม่ือใสกุญแจมือแลว ในกรณี ที่มีความจําเปนจะมีโซรอยสําหรับถือควบคุมไปก็ได ใหผูตองหาเดินหนาผูควบคุมถือชายโซเดิน ตามหลงั หรอื เดินไปขาง (สนธยา รตั นธารส, ๒๕๕๘) μÇÑ ÍÂÒ‹ §คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò ¡ÒäǺ¤ÁØ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ÷ôô/òõðñ การควบคุมตัวผูตองหา ผูควบคุมตองพิเคราะหไป ใชวิธีเกินกวาที่จําเปนเพ่ือปองกันไมใหหนี ถาใสกุญแจมือผูตองหามิใชเพ่ือมิใหหนีแตเพ่ือใหไดอาย แมจะไมเจตนาแกลงเปนสวนตัว หากแตเพ่ือปราบปรามเจามือสลากกินรวบ เปนการไมชอบดวย ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๘๖ กเ็ ปน ความผดิ ตามกฎหมายลกั ษณะอาญา มาตรา ๑๔๕ (ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๑๕๗) คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ òñóñ/òõòñ ทจี่ ะควบคมุ บคุ คลทเ่ี ปน ภยั ตอ สงั คมไดต อ งมหี ลกั ฐาน พอสมควรท่ีจะฟงวามีพฤติการณเชนนั้น มิใชเพียงหลักฐานเลื่อนลอยคลุมเครือ ศาลส่ังใหปลอย ผถู กู ควบคุมได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óôô/òõòò ศาลมอี าํ นาจวนิ จิ ฉยั วา บคุ คลทถี่ กู ควบคมุ ฐานเปน ภยั ตอสังคมตามคําส่ังคณะปฏิรูปการปกครองแผนดิน ฉบับที่ ๒๒ มีพฤติการณที่เปนภัยตอสังคม ตามที่ระบกุ รณีไวหรอื ไม เมือ่ ศาลสัง่ อยางไร ผรู อ งหรอื ผคู ัดคานอุทธรณฎีกาได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ óõùø/òõóñ (»ÃЪÁØ ãËÞ)‹ วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๒๘ เจา หนา ท่ี ตํารวจจับกมุ ก. สง พนักงานสอบสวนในขอ หาวา ใชรถจักรยานยนตไ มตดิ ปายทะเบียนและเปน บุคคล ตา งดา วเขา มาในราชอาณาจกั รโดยไมไ ดร บั อนญุ าต พนกั งานสอบสวนรบั ตวั ก. ควบคมุ ไว สาํ หรบั ขอ หาแรก พนกั งานสอบสวนไดเ ปรยี บเทยี บปรบั ไปแลว แตค งควบคมุ ตวั ก. ไวต ลอดมาโดยมไิ ดย น่ื คาํ รอ งตอ ศาล ขอใหห มายขัง ก. ไว จนถึงวันท่ี ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๘ จําเลยซง่ึ ทําหนาท่สี บิ เวรทท่ี ําหนา ทค่ี วบคมุ ดูแลผูตองหาไดปลอยให ก. หลบหนีไป เชนนี้ เม่ือพนักงานสอบสวนรับตัว ก. ควบคุมไวโดยมิได ปลอยตัวไปตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสอง การควบคมุ ก. จึงเปนการควบคมุ ตามอาํ นาจพนกั งาน สอบสวน แตเ พอื่ มใิ หก ารควบคมุ เกนิ ความจาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดี ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๗ จงึ ไดว าง หลกั เกณฑก ารควบคมุ ผถู กู จบั ไวเ ปน ขนั้ เปน ตอน ดงั น้ี แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี าร
๑๔๐ ที่ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๗ วางไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิดกฎหมาย ซง่ึ บุคคลดงั ระบุไวใ น ป.วิ.อ. มาตรา ๙๐ มอี าํ นาจยน่ื คํารองตอศาลขอใหป ลอ ยได แตการควบคมุ นนั้ ก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูรับตัวผูถูกจับไว การท่ีจําเลย ปลอยตัว ก. ไป จงึ เปน การทําใหผ ทู ี่อยใู นระหวา งคมุ ขงั นั้นหลุดพนจากการคุมขงั ไป เปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๐๔ คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ôòôó/òõôò จาํ เลยเปน เจา พนกั งานตาํ รวจเขาจบั กมุ ผูเสียหาย ทไี่ ดก อ การทะเลาะววิ าทกอ นหนา นน้ั แตเ หตแุ หง การทะเลาะววิ าทไดย ตุ ลิ งแลว เหตวุ วิ าทยงั ไมช ดั แจง วาฝายใดเปนฝายผิด ไมใชการกระทําผิดซึ่งหนา โดยมีคูกรณีกับผูเสียหายชี้ใหจับ แตมิไดรองทุกข ไวต ามระเบยี บ อกี ทง้ั ไมใ ชก รณที มี่ เี หตสุ งสยั วา กระทาํ ความผดิ มาแลว จะหลบหนี จาํ เลยซงึ่ ไมม หี มายจบั ไมม ีอาํ นาจโดยชอบดวยกฎหมายทจี่ ะจบั ผูเสยี หาย จําเลยจบั ผเู สียหายโดยไมแจง ขอหา ไมท าํ บนั ทกึ จับกุม ไมสงมอบตัวใหพนักงานสอบสวนดําเนินคดี กลับนําไปควบคุมที่ดานตรวจ ช้ีเจตนาจําเลย วากระทําโดยโกรธแคน แสดงอํานาจ เพ่ือขมขูกลั่นแกลงผูเสียหายใหเดือดรอนเสียหาย การกระทํา ของจําเลยจึงเปนความผิดฐานเปนเจาพนักงานปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบและทําใหผูอ่ืนปราศจากเสรี ภายในรา งกาย พฤตกิ ารณแ หง คดเี ปน เรอ่ื งรนุ แรงตอ ความรสู กึ ของประชาชนไมม เี หตทุ จี่ ะรอการลงโทษ)
๑๔๑ º··Õè ö ¡Ò乌 ö.ñ ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧ¡Ò䌹 “¤¹Œ ” ตามความหมายทปี่ รากฏในพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน หมายถงึ พยายาม หาใหพบ โดยวธิ สี บื เสาะ แสวง เปน ตน ¨Ðà˹ç ä´ÇŒ Ò‹ àÁÍè× Á¡Õ ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒà¡´Ô ¢¹Öé ʧÔè สาํ ¤ÞÑ ¢Í§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ ¤Í× ¨ÐμÍŒ §ดาํ à¹¹Ô ¡ÒÃã´æ à¾Í×è ãËäŒ ´ÁŒ Ò«§èÖ μÇÑ º¤Ø ¤Å¼·ŒÙ ¶èÕ ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒÇÒ‹ à»¹š ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¢³Ðà´ÂÕ Ç¡¹Ñ ¨ÐμÍŒ §áÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹à¾Í×è ·¨èÕ Ðนาํ ÁÒÂ¹× Â¹Ñ ¶§Ö ¡ÒáÃÐทาํ ¢Í§¼¶ŒÙ ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒ¹¹éÑ ÇÒ‹ à¢Òà»¹š ¼·ŒÙ èÕ ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÊÕ ‹Ç¹à¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡ºÑ ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õèà¡´Ô ¢éÖ¹¹¹éÑ æ ซ่ึงโดยปกติและผูท่ถี ูกกลาวหาวา เปน ผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั เมอื่ กระทาํ การใดแลว มกั จะหลบซอ นตวั จากการจบั กมุ ตวั ของเจา พนกั งานตาํ รวจ หรอื อาจนาํ อปุ กรณ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ นการกระทาํ ความผดิ นนั้ หรอื วตั ถทุ ไ่ี ดม าจากการกระทาํ ความผดิ นน้ั ไปซุกซอ น ทาํ ใหเ จา พนกั งานตํารวจปฏิบัตงิ านดวยความยากลําบาก ในการทจี่ ะนาํ ตวั บคุ คลหรอื วตั ถุ ส่ิงของนั้นออกจากท่ีที่เขาซุกซอนได เพราะรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยฯ ไดใหความคุมครอง บคุ คลในการทจี่ ะอยอู าศยั และครอบครองเคหสถานโดยปกตสิ ขุ แตอ ยา งไรกต็ ามเพอ่ื ใหเ กดิ ความสงบสขุ ของสังคม เจาพนักงานตํารวจซึ่งมีหนาท่ีโดยตรงในการปองกันและปราบปรามการกระทําความผิด ขณะเดยี วกนั มหี นา ทใี่ นการนาํ ตวั ผถู กู กลา วหาวา เปน ผกู ระทาํ ความผดิ นนั้ มาเขา สกู ระบวนการยตุ ธิ รรม เพอื่ พสิ จู นว า บคุ คลดงั กลา วนน้ั เปน ผทู ก่ี ระทาํ ความผดิ จรงิ และสมควรจะไดร บั โทษหรอื ไม รฐั ธรรมนญู แหงราชอาณาจักรไทยฯ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเฉพาะแกบุคคล บางประเภทท่ีสามารถจะดําเนินการคน ได ¼ÁŒÙ Õอาํ ¹Ò¨ã¹¡Ò乌 ดงั ทก่ี ลา วมาแลว วา การคน จะเปน การลว งละเมดิ สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐาน ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน ท่ีใหบุคคลมีสิทธิเสรีภาพในที่อยูอาศัยของตน การที่จะใหบุคคลใดบุคคลหนึ่งเขาไปดําเนินการใดๆ อนั เปนการกระทบกระท่งั สิทธดิ ังกลาวยอ มจะตองมีกฎหมายใหก ารรองรับ ซ่งึ ในประมวลกฎหมายวิธี พจิ ารณาความอาญาไดก ําหนดใหบุคคลบางประเภทที่จะเขา ไปดาํ เนนิ การตรวจคน ได คือ ๑) พนักงานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจ (มาตรา ๙๒, ๙๓) ๒) พนักงานสอบสวน (มาตรา ๑๓๒)
๑๔๒ ö.ò ¡ÒâÍËÁÒ¤Œ¹ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจเขาทําการคนบุคคลหรือสถานท่ีไดก็ตาม แตหากการคนดังกลาวจะเปนการลวงละเมิด สิทธิของประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่เปนสถานที่รโหฐาน ซึ่งผูครอบครองยอมมีสิทธิโดยสมบูรณ ภายในสถานทดี่ งั กลา ว การทเี่ จา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ มคี วามจาํ เปน ทจี่ ะตอ งเขา ไปคน เพ่ือหาตัวบุคคลหรือส่ิงของที่ตองการไดนั้น จะทําไดตอเม่ือมีหมายคน เวนแตจะเขาขอยกเวน ของกฎหมาย ดงั ทป่ี รากฏในประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๒ อยางไรก็ตาม ในกรณีที่เจาพนักงานตํารวจจะตองคนโดยตองมีหมายคนนั้น การขอ หมายคน นน้ั จะตอ งเปน ไปตามระเบยี บราชการฝา ยตลุ าการศาลยตุ ธิ รรม วา ดว ยแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการ ออกหมายจบั และหมายคน ในคดอี าญา พ.ศ.๒๕๔๕ และขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าวา ดว ยหลกั เกณฑ และวธิ กี ารเกย่ี วกบั การออกคําสงั่ หรอื หมายอาญา พ.ศ.๒๕๔๘ กลา วคอื ๑. จะตอ งยน่ื คาํ รอ งขอใหศ าลออกหมายคน ตอ ศาลทมี่ เี ขตอาํ นาจเหนอื ทอ งทท่ี จ่ี ะทาํ การคน (ระเบียบราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๔, ขอ บังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๘) ๒. ผรู อ งขอใหศ าลออกหมายคน จะตอ งเปน ผทู ม่ี อี าํ นาจเกยี่ วขอ งกบั การสบื สวนสอบสวน คดีที่รองขอออกหมายนั้น ซึ่งกรณีเจาพนักงานตํารวจตองมีชั้นยศต้ังแตรอยตํารวจตรีข้ึนไป (ระเบียบ ราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๕, ขอ บังคบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๙) ๓. ในคํารอ งขอออกหมายคน จะตองมรี ายละเอียด และเอกสารประกอบคอื (๑) ระบุลักษณะ สิ่งของที่ตองการหา และยึด ชื่อ รูปพรรณ อายุของบุคคล ทต่ี อ งการหา และสถานทที่ จ่ี ะคน ระบบุ า นเลขที่ เจา ของหรอื ผคู รอบครองเทา ทท่ี ราบ หากไมส ามารถ ระบุบานเลขท่ีที่จะคนได ใหทําแผนที่ของสถานที่ท่ีจะคนและบริเวณใกลเคียงแทน ตามแบบพิมพ ท่กี ําหนด รวมท้ังขอมูลหรอื พยานหลักฐานท่ีสนบั สนุนเหตแุ หงการออกหมายคน (๒) แนบหมายคน พรอมสําเนา รวมทัง้ เอกสารอน่ื เชน บันทึกคํารอ งทกุ ข หนังสือ มอบอาํ นาจใหรอ งทุกขม าทา ยคํารอ ง (ระเบยี บราชการฝา ยตุลาการ ขอ ๖, ขอ บังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๑) ๔. ผูรองขอออกหมายคน ตองเสนอพยานหลักฐานใหเพียงพอที่ทําใหเช่ือไดวาบุคคล หรือสง่ิ ของท่ีคน หานา จะอยูในสถานท่ที ีจ่ ะคน กรณีเปนส่ิงของ จะตองเปนสิ่งของท่ีจะเปนพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไตสวนมูลฟอง หรือพิจารณา และสิ่งของน้ันเปนส่ิงของท่ีมีไวเปนความผิด หรือไดมาจากการ กระทําความผดิ หรือมีเหตอุ ันควรสงสัยวาไดใ ชหรอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทําความผดิ หรอื เปน สิ่งของ ท่ตี อ งยึดหรือรบิ ตามคาํ พิพากษา คําสั่งศาล (ระเบยี บราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๑.๑, ขอบงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๕.๑)
๑๔๓ กรณีเปนบุคคล จะตองเปนบุคคลท่ีถูกหนวงเหน่ียวกักขังโดยมิชอบ หรือเปนผูถูก ออกหมายจับ (ระเบยี บราชการฝายตุลาการ ขอ ๑๑.๒, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๕.๒) ๕. สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทจี่ ะเสนอตอ ศาลเพอ่ื แสดงถงึ เหตอุ นั สมควรทจ่ี ะขอออกหมายคน ไดแก (๑) ขอมลู จากการสืบสวน เชน บันทึกการสบื สวน บันทกึ ถอยคําสายลบั ขอ มลู จาก แหลง ขาว ขอมลู จากการเฝาสงั เกตการณ เปนตน (๒) ขอมูลท่ีไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือที่ไดจากเคร่ืองมือทาง วิทยาศาสตรเ ทคโนโลยี เชน เครื่องจับเท็จ เคร่ืองตรวจโลหะ เครอ่ื งตรวจพสิ จู นลายพมิ พน ้วิ มอื (ระเบียบราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๔, ขอบังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๗)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234