Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Book26_กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

Book26_กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

Published by thanatphat2606, 2020-04-19 00:09:41

Description: Book26_กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

Keywords: Book26_กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

Search

Read the Text Version

๙๔ บันทึก วันท.ี่ .............เดอื น............................................พ.ศ. ๒๕........... เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายไดแ จง ขอ ความในหมายใหแ กผ เู กย่ี วขอ งทราบและไดส ง หมายใหต รวจ ดแู ลว ..................................................................เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมาย ขา พเจาผมู ชี อ่ื ขางทายนี้ไดร ับทราบขอ ความในหมาย และไดตรวจดูหมายแลว .......................................................ผูรบั ทราบ (..................................................) คาํ เตือน เจาพนักงานผูจัดการตามหมายพึงปฏิบัติตามกฎหมาย และตองแจงขอกลาวหา ใหผ ถู กู จบั ทราบ แสดงหมายจบั ตอ ผถู กู จบั พรอ มทงั้ แจง ใหผ ถู กู จบั ทราบถงึ สทิ ธติ ามประมวลกฎหมาย วิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓

๙๕ (คํารอง) ที่................./๒๕.......... ขอออกหมายจบั รบั คาํ รอ ง ศาล................................................................... เรียกสอบ วันท่.ี .........เดอื น...............................พทุ ธศกั ราช ๒๕....... ....................ผูพพิ ากษา ความอาญา ...................................................................................................ผูรอ ง ขา พเจา ..................................................................ตาํ แหนง ......................................... อาย.ุ .............ป อาชพี รับราชการ สถานที่ทํางาน............................................................................. แขวง/ตาํ บล...................................เขต/อาํ เภอ...................................จงั หวดั ................................... โทรศพั ท............................ขอยนื่ คํารองขอออกหมายจบั ตอศาล ดงั มีขอ ความทจ่ี ะกลาวตอไปนี้ ขอ ๑. ดว ย .................................................................................................. มาแจงความรอ งทุกขต อพนกั งานสอบสวน ปรากฏจากการสบื สวน/สอบสวนของ........................................... ...................................................................................................................................................... วา .................................................................................................................................................. อาย.ุ ........ป เชอ้ื ชาต.ิ ......................สญั ชาต.ิ .................................อาชพี ......................................... อยบู า นเลขท.ี่ ..............................หมทู .่ี ..........................ถนน.......................................................... ตรอก/ซอย...............................ใกลเ คยี ง.................................ตาํ บล/แขวง...................................... เขต/อาํ เภอ......................................จงั หวดั ......................................โทรศพั ท. ................................. ตามตําหนริ ปู พรรณผกู ระทาํ ความผดิ ที่แนบมาพรอมน้ี ไดห รือนาจะไดกระทําความผดิ อาญารา ยแรงซึง่ มอี ตั ราโทษจําคกุ ตัง้ แต ๓ ปข ึน้ ไป ไดหรือนาจะไดกระทําความผิดอาญา และนาจะหลบหนีหรือจะไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐาน หรอื กออันตรายประการอนื่ เหตเุ กดิ ท.ี่ ......................................................................................................................................... เมอ่ื วนั ท.ี่ .............เดอื น.....................................พทุ ธศกั ราช........................เวลา..........................น. มพี ฤติการณกระทําความผิดท่เี กย่ี วกบั เหตุออกหมายจบั คอื ............................................................ ......................................................................................................................................................

๙๖ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... เปน การกระทาํ ความผดิ ฐาน............................................................................................................ ตามกฎหมาย.................................................................................................................................... รายละเอียดขอมลู และพยานหลกั ฐาน ปรากฏตามเอกสารท่ีแนบมาพรอ มนี้ ขอ ๒. ผรู อ งประสงคจ ะทาํ การจบั กมุ .......................................................................... จงึ ขอใหศาลออกหมายจับ....................................................มาดําเนนิ คดี ในการยน่ื คาํ รอ งน้ี ผรู อ งไดม อบหมายให ..................................................................... ............................ตําแหนง...................................................................ซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชา เปน ผูนําคาํ รองมาย่ืนตอศาล และหากศาลเรียกสอบถามเมื่อใด ผูร อ งพรอมจะมาใหศ าลสอบในทนั ที ผูรอง เคย ไมเคย รอ งขอใหศาล...........................................................ออก หมายจบั บคุ คลดงั กลา ว โดยอาศยั เหตแุ หง การรอ งขอเดยี วกนั นี้ หรอื เหตอุ น่ื (ระบ)ุ ............................. ....................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... และศาลมคี าํ สงั่ ............................................................................................................................... ควรมิควรแลว แตจ ะโปรด ลงชื่อ.......................................................ผรู อง

๙๗ õ.ò ¡ÒâÍÍÍ¡ËÁÒ¨ºÑ ดงั ทกี่ ลา วมาแลว ขา งตน วา การจบั กมุ นนั้ เปน การกระทาํ ทเี่ ปน การละเมดิ สทิ ธสิ ว นบคุ คล การทเ่ี จา พนกั งานตาํ รวจจะจบั กมุ บคุ คลใดทสี่ งสยั วา เปน ผทู กี่ ระทาํ ความผดิ จะกระทาํ มไิ ด เวน แตเ ปน กรณีที่กฎหมายใหอํานาจไวเปนกรณีพิเศษตามที่กําหนดไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา มาตรา ๗๘ ดังน้ัน กรณีโดยท่ัวไปน้ัน เจาพนักงานตํารวจจะจับกุมบุคคลใดไดตอเม่ือมีËÁÒ¨Ѻ ËÃÍ× ¡Ã³ÕࢌҢŒÍ¡àǹŒ ·Õè¡®ËÁÒÂãËอŒ าํ ¹Ò¨¨Ñºä´Œâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕËÁÒ¨Ѻ ซงึ่ การที่จะมีหมายจบั ไดน ้ัน เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งรอ งขอตอ ศาลใหอ อกหมายจบั โดยจะμÍŒ §Ãк¶Ø §Ö àËμ¼Ø Åวา ทาํ ไมจงึ ตอ งรอ งขอ ใหศาลออกหมายจบั และเหตทุ ีจ่ ะขอใหศาลออกหมายจบั นนั้ ไดกําหนดไวใ น มาตรา ๖๖ กลาวคอื ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ บัญญัติไววา “เหตุท่ีจะออก หมายจบั ได มีดงั ตอ ไปนี้ (๑) เมอื่ มีหลกั ฐานตามสมควรวาบุคคลใดนา จะไดกระทาํ ความผิดอาญา ซ่ึงมีอตั ราโทษ จําคกุ อยา งสูงเกนิ สามป หรือ (๒) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิดอาญา และมีเหตุ อันควรเชอื่ วาจะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลกั ฐาน หรอื กอ เหตอุ นั ตรายประการอืน่ ถาบุคคลนั้นไมมีที่อยูเปนหลักแหลง หรือไมมาตามหมายเรียกหรือตามนัด โดยไมมี ขอแกต ัวอันควร ใหสันนษิ ฐานวา บคุ คลน้นั จะหลบหน”ี นอกจากน้ี จากÃÐàºÂÕ ºÃÒª¡Òý҆ ÂμÅØ Ò¡ÒÃÈÒÅÂμØ ¸Ô ÃÃÁ ÇÒ‹ ´ÇŒ Âá¹Ç»¯ºÔ μÑ ãÔ ¹¡ÒÃÍÍ¡ ËÁÒ¨ºÑ áÅÐËÁÒ¤¹Œ 㹤´ÍÕ ÒÞÒ ¾.È.òõôõ áÅТ͌ º§Ñ ¤ºÑ ¢Í§»ÃиҹÈÒÅ®¡Õ ÒÇÒ‹ ´ÇŒ ÂËÅ¡Ñ à¡³± áÅÐÇÔ¸Õ¡ÒÃà¡ÕÂè ǡѺ¡ÒÃÍÍ¡คาํ ʧÑè ËÃ×ÍËÁÒÂÍÒÞÒ ¾.È.òõôø ไดกาํ หนดสาระสําคัญไว คอื ๑) เจา พนกั งานตาํ รวจผทู จ่ี ะรอ งขอใหศ าลออกหมายจบั นน้ั จะตอ งเปน ผมู อี าํ นาจหนา ท่ี เกยี่ วขอ งกบั การสบื สวนหรอื สอบสวนคดที รี่ อ งขอนนั้ และตอ งพรอ มทจ่ี ะมาใหศ าลออกสอบถามกอ น ออกหมายทนั ที (ระเบยี บราชการฝา ยตุลาการฯ ขอ ๕, ขอบังคบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๙) ๒) ตองเปนเจาพนักงานตํารวจซ่ึงมียศตั้งแตรอยตํารวจตรีขึ้นไป (ระเบียบราชการ ฝา ยตลุ าการฯ ขอ ๕, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๙) ๓) การรองขอใหออกหมายจับนั้นผูรองขอตองàʹ;ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹μÒÁÊÁ¤ÇÃวา ผจู ะถกู จบั นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญาซงึ่ มอี ตั ราโทษอยา งสงู เกนิ ๓ ป หรอื นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญาและมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา ผนู นั้ จะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลกั ฐาน หรอื กอ เหตอุ นั ตราย ประการอื่น (ระเบียบราชการฝายตุลาการฯ ขอ ๑๐, ขอบังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๔) นอกจากน้ี คํารองขอ μÍŒ §ÃкªØ ×èÍ Ã»Ù ¾Ãó ÃÐºÍØ Òª¾Õ ËÁÒÂàÅ¢»ÃШíÒμÇÑ »ÃЪҪ¹ ¢Í§ºØ¤¤Å·èըж١¨ºÑ à·‹Ò·Õ·è ÃÒº ตามแบบพิมพที่กําหนดไว รวมทั้งขอมูลหรือพยานหลักฐานท่ีสนับสนุนเหตุแหงการออกหมาย (ระเบยี บราชการฝายตุลาการฯ ขอ ๖, ขอบังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๐)

๙๘ สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทนี่ าํ เสนอเพอื่ ใหศ าลเหน็ วา มเี หตสุ มควรในการออกหมายจบั นนั้ ไดแ ก (๑) ขอ มลู ทไี่ ดจ ากการสบื สวนสอบสวน เชน บนั ทกึ การสอบสวน บนั ทกึ ถอ ยคาํ ของ สายลบั หรือของเจาพนักงานที่ไดจากการแฝงตวั เขาไปในองคก รอาชญากรรม ขอมูลท่ีไดจ ากรายงาน ของแหลง ขาวของเจา พนักงานหรือการหาขา วจากผูก ระทําความผิดทที่ ําไวเปน ลายลกั ษณอกั ษร และ ขอมูลทีไ่ ดจากรายงานการเฝา สงั เกตการณของเจา พนกั งานท่ีทําไวเปน ลายลกั ษณอ กั ษร เปน ตน (๒) ขอมูลที่ไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือท่ีไดจากการใชเคร่ืองมือ ทางวิทยาศาสตรหรือเทคโนโลยี เชน เคร่ืองมือตรวจพิสูจนลายพิมพนิ้วมือ เคร่ืองมือตรวจพิสูจน ของกลาง เครอ่ื งจับเท็จ เคร่ืองมือตรวจโลหะ และเครือ่ งมอื ตรวจพิสูจนทางพนั ธกุ รรม เปน ตน (๓) ขอมูลท่ีไดจากส่ืออิเล็กทรอนิกส เชน ขอมูลท่ีไดจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส หรอื อินเทอรเ น็ต เปน ตน (๔) ขอมูลที่ไดจากหนังสือของพนักงานอัยการเรื่องขอใหจัดการใหไดตัวผูตองหา (อ.ก.๒๙) (ระเบยี บราชการฝายตลุ าการฯ ขอ ๑๔, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๗) ๔) ตองระบุเหตุที่จะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ พรอมท้ังสําเนาเอกสารซึ่งสนับสนุนเหตุแหงการออกหมายจับ (ระเบียบราชการฝายตุลาการฯ ขอ ๖ (๑) ขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๐) ๕) แนบแบบพิมพหมายจับท่ีกรอกขอความครบถวนแลวพรอมสําเนา รวมทั้ง เอกสารอน่ื ทเี่ กี่ยวขอ ง เชน บนั ทกึ คํารอ งทกุ ข หนังสือมอบอํานาจใหร อ งทกุ ข เปนตน มาทายคํารอง (ระเบยี บราชการฝา ยตลุ าการฯ ขอ ๖ (๑), ขอบงั คับประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๐) à¢μอาํ ¹Ò¨¢Í§ËÁÒ¨ºÑ หมายจบั ทศี่ าลออกใหน นั้ ใหã ªäŒ ´·Œ ÇèÑ ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à (มาตรา ๗๗) ดงั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจ สามารถนําหมายจับไปจับกุมผูท่ีมีชื่อในหมายจับนั้นได ไมวาบุคคลนั้นจะอยูท่ีใดในราชอาณาจักร นอกจากหมายจับที่เปนตนฉบับท่ีศาลออกใหแลว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๗ วรรคสอง ยังระบุเพ่ิมเติมอีกวา การจัดการตามหมายจับนั้น จะจัดการตามเอกสาร หรอื หลกั ฐานอยา งหน่งึ อยา งใดดงั ตอ ไปน้ีได (๑) สาํ เนาหมายจับอนั รบั รองวาถูกตองแลว (๒) โทรเลขแจง วา ไดออกหมายจบั แลว (๓) สําเนาหมายจับท่ีสงทางโทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ประเภทนัน้ ทกี่ ําหนดไวใ นขอบังคับของประธานศาลฎกี า

๙๙ อยางไรก็ตามหากเปนการจับกุมโดยใชโทรเลขที่ไดแจงวาไดออกหมายจับแลวหรือ สําเนาหมายทสี่ ง ทางโทรสาร สอื่ อิเลก็ ทรอนกิ ส หรอื สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศอ่นื จะตองสง หมายจับ หรือสําเนาหมายจับทีร่ บั รองแลว ไปยังผูจัดการตามหมายจบั โดยพลนั (มาตรา ๗๗ วรรคทาย) หมายจับ ไมวาจะเปนตนฉบับหรือสําเนาหมายจับที่ไดมีการรับรองวาถูกตองแลว ตามหลักเกณฑ มาตรา ๗๗ น้ัน เม่ือไดออกแลวจะใชจับผูมีชื่อในหมายจับนั้นไดทั่วราชอาณาจักร และ㪌䴌¨¹¡Ç‹Ò¨Ð¨Ñºä´Œเวนแตความผิดอาญาตามหมายนั้นไดขาดอายุความหรือศาลผูออกหมาย นนั้ ไดถอนหมายคนื (มาตรา ๖๘) õ.ó ¼ÁŒÙ ÕÍíÒ¹Ò¨¨Ñº ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา ไดกาํ หนดใหบุคคล ๒ ประเภท ทจี่ ะมอี ํานาจ ในการจับได คอื ๑. เจาพนกั งานฝายปกครองหรอื ตาํ รวจ พนักงานสอบสวน ๒. ราษฎร ซึ่งในแตละประเภทน้ันจะมีอํานาจจับกุมไดน้ันตองเปนไปตามหลักเกณฑที่กฎหมาย กาํ หนดไว กลาวคือ õ.ó.ñ ¡ÒèºÑ â´Â਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹½Ò† »¡¤ÃͧËÃÍ× ตําÃǨ เจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะมีอํานาจจับกุมบุคคลท่ีตองสงสัยวา เปนผกู ระทําความผิดได แบงออกเปน ๑) การจับโดยมีหมายจบั ๒) การจบั โดยไมม ีหมายจับ ¡ÒèѺâ´ÂÁÕËÁÒ¨Ѻ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดกําหนดหลักเกณฑวิธีการจัดการ ตามหมายอาญาซง่ึ รวมถงึ หมายจับซึง่ เปน หมายอาญาประเภทหน่งึ ซึ่งพอจะสรุปไดดังนี้ ๑) เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายนนั้ จะตอ งแจง ขอ ความใหแ กผ เู กย่ี วขอ งทราบ และถามีคาํ ขอรอ งใหสงหมายนน้ั ใหเ ขาตรวจดู (มาตรา ๖๒ วรรคแรก) ๒) ตองบันทึกการแจงขอความในหมายและการสงหมายใหตรวจดู ตลอดจน บนั ทกึ วนั เดือน ป ทีจ่ ดั การนน้ั ดวย (มาตรา ๖๖ วรรค ๒) ๓) เมอ่ื เจา พนกั งานไดจ ดั การตามหมายแลว ใหบ นั ทกึ รายละเอยี ดในการจดั การ นนั้ ถาจดั การตามหมายไมไ ดใหบนั ทึกพฤติการณไ วแ ลวใหสงบันทึกนนั้ ไปยังศาลทีอ่ อกหมายโดยเร็ว (มาตรา ๖๓)

๑๐๐ ๔) เมอ่ื จบั บคุ คลตามหมายจบั ไดห รอื คน พบคนหรอื สง่ิ ของทม่ี หี มายใหค น แลว ถาสามารถจะทําไดใหสงบุคคลหรือส่ิงของนั้นโดยดวนไปยังศาลที่ออกหมายหรือเจาพนักงานตามท่ี กาํ หนดไวใ นหมายแลว แตกรณี เวน แตจ ะมีคําสั่งเปน อยางอนื่ (มาตรา ๖๔) ๕) ถาบุคคลที่ถูกจับตามหมายจับนั้นหลบหนีหรือมีผูชวยใหหนีไปได ใหเ จาพนักงานผจู ับมอี าํ นาจติดตามจบั กมุ ผูนน้ั ไดโ ดยไมตองมหี มายจับอีก (มาตรา ๖๕) ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ â´ÂäÁÁ‹ ÕËÁÒ¨ѺμÒÁ¢ÍŒ ¡àÇŒ¹¢Í§¡®ËÁÒ เนื่องจากในบางกรณีมีการกระทําผิดเฉพาะหนาหรือเหตุการณที่มีความจําเปน เรง ดว นทไี่ มอ าจจะไปรอ งขอหมายจบั ได ดงั นนั้ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาจงึ ไดก าํ หนด เปนขอยกเวนไววา กรณีใดบางที่เจาพนักงานตํารวจสามารถดําเนินการจับกุมผูกระทําความผิดได โดยไมตอ งมีหมายจบั ดงั ปรากฏหลกั เกณฑในมาตรา ๗๘ ÁÒμÃÒ ÷ø “พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะจับผูใดโดยไมมีหมายจับ หรือคาํ สั่งของศาลน้นั ไมได เวนแต (๑) เมอื่ บุคคลนั้นไดกระทาํ ความผิดซงึ่ หนาดงั ไดบัญญตั ิไวในมาตรา ๘๐ (๒) เม่ือพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ันนาจะกอเหตุรายใหเกิด ภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่นโดยมีเครื่องมือ อาวุธหรือวัตถุอยางอ่ืนอันสามารถอาจใช ในการกระทาํ ความผิด (๓) เมือ่ มเี หตุทีจ่ ะออกหมายจบั บุคคลนน้ั ตามมาตรา ๖๖(๒) แตมคี วามจําเปน เรง ดวนทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลน้นั ได (๔) เปนการจับผูตองหาหรือจําเลยท่ีหนีหรือจะหลบหนีในระหวางถูกปลอย ชัว่ คราวตามมาตรา ๑๑๗” (ñ) ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ ¡Ã³¤Õ ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ñ) เจา พนกั งานตาํ รวจ จับไดโดยไมตองมหี มายจบั หากวาเปนความผดิ ซ่ึงหนา จากบทบัญญัติมาตรา ๗๘ (๑) จะเห็นไดวากฎหมายใหอํานาจในการจับกุม หากเจาพนักงานตํารวจไดพบเห็นวามีบุคคลได¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒ ซ่ึงความผิดซ่ึงหนาท่ีกฎหมาย ไดบญั ญัตหิ ลักเกณฑท ี่ใหถือวาเปนการกระทาํ ความผิดซ่ึงหนา นนั้ ไวใ นมาตรา ๘๐ ¤ÇÒÁ¼Ô´«Öè§Ë¹ŒÒ “ความผิดซึ่งหนาท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๐ ไดบ ญั ญัติไว มาตรา ๘๐ ทเ่ี รียกวา ความผดิ ซง่ึ หนา ไดแ ก ความผดิ ซึง่ เหน็ กาํ ลังกระทํา หรือพบในอาการใดซึง่ แทบจะไมม คี วามสงสัยเลยวา เขาไดกระทําผดิ มาแลว สด ๆ อยางไรก็ดี ความผิดอาญาดังระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายน้ีใหถือวา ความผิดนนั้ เปน ความผดิ ซึ่งหนาในกรณีดังนี้ (๑) เมอ่ื บุคคลหนงึ่ ถกู ไลจบั ดงั ผกู ระทําโดยมเี สียงรอ งเอะอะ

๑๐๑ (๒) เมื่อพบบุคคลหนึ่งแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทําผิดในถิ่นแถว ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตนุ นั้ และมสี ง่ิ ของทไ่ี ดม าจากการกระทาํ ผดิ หรอื มเี ครอ่ื งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สนั นษิ ฐานไดว า ไดใ ชใ นการกระทาํ ผดิ หรอื มรี อ งรอยพริ ธุ เหน็ ประจกั ษท เี่ สอ้ื ผา หรอื เนอื้ ตวั ของผนู น้ั ” ดงั นั้น จะเห็นไดวา กรณีจะเปน ความผิดซง่ึ หนานน้ั จะเปนได ๒ กรณใี หญคือ ñ) ¡Ã³Õ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒÍ‹ҧ᷌¨ÃÔ§ ตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘๐ วรรคแรก ซึ่งแบง เปน ๒ ประเภทคือ (๑) àËç¹¢³Ðà¢Ò¡íÒÅ§Ñ ¡ÃзíÒ¤ÇÒÁ¼Ô´¹éѹ หมายความถึงกรณีที่਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ䴌àËç¹´ŒÇÂμҢͧμ¹àͧวา บคุ คลนัน้ ไดกระทําความผิด μÇÑ Í‹ҧ เจาพนักงานตํารวจบังเอิญพบเห็นนายแดงกําลังจําหนายยาเสพติด ซึ่งเปนการกระทําผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษฯ เชนนี้เจาพนักงานตํารวจเขาจับนายแดง ไดโดยไมตองมีหมายจับ เพราะเจาพนักงานตํารวจผูจับเห็นถึงการกระทําความผิดของนายแดง ดวยตนเองจึงเปน การกระทาํ ความผดิ ซ่งึ หนา (ฎีกาท่ี ๑๓๒๘/๒๕๔๔) ความผดิ ซง่ึ หนา ในกรณนี ้ี à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ¼¨ŒÙ ºÑ ¨ÐμÍŒ §à»¹š ¼àŒÙ ˹ç àͧ มิใชมผี อู นื่ เห็นแลว มาบอกเลา แกเ จาพนักงานตาํ รวจอีกทอดหนงึ่ (ฎกี าท่ี ๓๑๑/๒๕๔๙) อยางไรก็ตามความผิดซึ่งหนาในกรณีน้ีไมจําเปนที่เจาพนักงานตํารวจ พบการกระทําความผิดโดยบังเอิญเทาน้ัน ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจμÑé§ã¨ä»´ÙÇ‹ÒÁÕ¡ÒáÃÐทํา ¤ÇÒÁ¼´Ô ¨Ã§Ô ตามขอ มลู ทไี่ ดร บั มาหรอื ไม แลว จงึ ไปเพอ่ื ดเู หตกุ ารณว า เปน อยา งไร เมอื่ เหน็ วา มพี ฤตกิ ารณ เชน น้นั จรงิ เชนน้กี ถ็ อื วา เปนความผดิ ซ่งึ หนา ไดเชนกนั μÇÑ Í‹ҧ พ.ต.ท. ส. แอบซุมดูอยูหางจากหนาหองเกิดเหตุประมาณ ๘ เมตร เห็นจําเลยสงมอบเมทแอมเฟตามีน ๑๐ เม็ด ใหแกสายลับเมื่อพบเห็นจําเลยกําลังกระทําความผิด ฐานจําหนายและมียาเสพติดประเภท ๑ ไวในครอบครองเพื่อจําหนาย อันเปนความผิดซ่ึงหนา ตาม ป.วอิ าญา มาตรา ๘๐ จงึ มีอาํ นาจคน และจับจําเลยไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน และหมายจับตาม มาตรา ๗๘ (๑) และ ๙๒ (๒) (ฎีกาที่ ๒๘๔๘/๒๕๔๗) μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ öùø/òõñö วินิจฉัยวาคืนวันเกิดเหตุมีการลักลอบเลนการพนัน กันบนบานอันเปนที่รโหฐาน เจาพนักงานตํารวจไดรับคําสั่งใหไปจับกุม จึงพากันไปยังบานที่เกิดเหตุ แตไมมีหมายจับหรือหมายคนไปดวย ไปถึงไดแอบดูเห็นคนหลายคนกําลังเลนการพนันกันอยู กรณีเชนนี้ถือวาเปนความผิด ซ่ึงเห็นกระทําลงอันเปนความผิดซึ่งหนา ความตามความหมาย แหง ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๐

๑๐๒ (๒) ¾ºã¹ÍÒ¡ÒÃã´«èÖ§á·º¨ÐäÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁʧÊÑÂàÅÂÇ‹Òà¢Òä´Œ¡ÃÐทํา ¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅÇŒ Ê´æ หมายความวา แมวาเจาพนักงานตํารวจไมไดเห็นเหตุการณที่เกิดขึ้น ดวยตาของตนเองกต็ าม áμÁ‹ Õ¾ÄμÔ¡ÃÃÁ·ÂèÕ ×¹Â¹Ñ Í‹ҧäÁÁ‹ բ͌ ʧÊÑÂNjҺؤ¤Å¹é¹Ñ ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ขณะท่ี ส.ต.ต.แดง กาํ ลงั ออกตรวจพนื้ ทใ่ี นซอยเปลยี่ วแหง หนงึ่ เมอ่ื ไป ถงึ บรเิ วณหนา บา นทเี่ กดิ เหตุ ส.ต.ต.แดง เหน็ นายดาํ ถอื ปน อยใู นมอื กาํ ลงั ทะเลาะอยกู บั นางขาว จงึ รบี ไปยงั รถสายตรวจซ่งึ จอดอยใู นบรเิ วณใกลเ คยี งเพือ่ ขอกําลงั มาชวย ขณะนน้ั เองไดยนิ เสยี งปน ลัน่ และ เหน็ นางขาวนอนจมกองเลือดอยู ขณะที่ปนยังอยใู นมือของนายดาํ เชนนแ้ี มว า ส.ต.ต.แดง มิไดเ หน็ ขณะที่นายดํายิงนางขาวก็ตาม แตจากพฤติการณทั้งหมดทําใหเห็นวา ส.ต.ต.แดง พบในอาการใด ซงึ่ แทบจะไมมขี อสงสยั เลยวา นายดาํ ไดก ระทาํ ความผดิ มาแลวสด ๆ ò) ¡Ã³·Õ ¡èÕ ®ËÁÒÂã˶Œ ×ÍÇ‹Ò໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è§Ö ˹ŒÒ จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๐ วรรคสอง เปน กรณที ก่ี ฎหมายบญั ญตั โิ ดยใหถ อื วา หากมพี ฤตกิ ารณท มี่ บี คุ คลใดบคุ คลหนง่ึ ถกู ไลจ บั มาโดยมเี สยี งรอ ง เอะอะ ราวกบั วา บคุ คลทถ่ี กู ไลจ บั เปน ผกู ระทาํ ความผดิ มาเชน น้ี หรอื ในกรณที ่ี “เหน็ ” หรอื “พบ” บคุ คลใด บุคคลหน่ึงแทบจะทันที หลังจากไดมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นในบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน บุคคลน้ัน มีส่ิงของ มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุอยางอื่น ซึ่งเม่ือพิจารณาแลวเห็นไดวา ส่ิงของ เครื่องมือหรืออาวุธน้ัน เปนสิ่งที่ไดมาจากการกระทําความผิด หรือไดใชในการกระทําความผิด หรือพบเหน็ รองรอยพริ ุธทเ่ี สื้อผา เนื้อตวั ของบุคคลน้นั อยา งเหน็ ไดช ดั ประกอบกบั ความผิดท่ีเกิดข้ึน ณ ที่เกิดเหตุน้ัน เปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เชนน้ี กฎหมายใหถ ือวาพฤตกิ ารณดงั กลา วเปน ความผิดซงึ่ หนา ดังนั้น กรณีใดจะเปนความผิดซึ่งหนาไดตามความหมาย ในมาตรา ๘๐ วรรคสอง จะตอ งประกอบดว ย ๒ สวน คือ (๑) ตอ งเปน ความผดิ ทร่ี ะบไุ วใ นบญั ญตั ทิ า ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญา เม่ือมีการกระทําความผิดเกิดข้ึน ความผิดนั้นจะμŒÍ§à»š¹¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè ÃÐºäØ Ç㌠¹ºÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸¾Õ Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ความผิดในกฎหมายลกั ษณะอาญา ทีม่ าตรา ๗๙ อา งถึง ซึ่งราษฎรมอี ํานาจจับไดโดยไมตอ งมีหมาย ---------------------- ประทษุ รายตอ พระบรมราชตระกลู มาตรา ๙๗ และ ๙๙ (มาตรา ๑๐๗ - ๑๑๑) ขบถภายในพระราชอาณาจกั ร มาตรา ๑๐๑ ถงึ ๑๐๔ (มาตรา ๑๑๓ - ๑๑๘)

๑๐๓ ขบถภายนอกพระราชอาณาจักร มาตรา ๑๐๕ ถงึ ๑๑๑ (มาตรา ๑๑๙ - ๑๒๙) ความผิดตอทางพระราชไมตรกี บั ตางประเทศ มาตรา ๑๑๒ (มาตรา ๑๓๐ - ๑๓๑) ทาํ อันตรายแกธง หรือเครอื่ งหมายของตางประเทศ มาตรา ๑๑๕ (มาตรา ๑๓๕) ความผดิ ตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๑๙ ถงึ ๑๒๒ และ ๑๒๗ หลบหนจี ากท่ีคุมขงั (มาตรา ๑๓๘ - ๑๔๒, ๑๔๕) มาตรา ๑๖๓ ถงึ ๑๖๖ (มาตรา ๑๙๐ - ๑๙๑) ความผิดตอ ศาสนา มาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๓ กอการจลาจล (มาตรา ๒๐๖ - ๒๐๗) กระทาํ ใหเกิดภยนั ตรายแกส าธารณชน มาตรา ๑๘๓ และ ๑๘๔ ทําใหส าธารณชนปราศจากความสะดวก (มาตรา ๑๒๗, ๒๒๙ - ๒๓๑, ๒๓๕, ๒๓๗) ในการไปมาและการสงขา วและของถึงกนั มาตรา ๑๘๕ ถงึ ๑๙๔, ๑๙๖, ๑๙๗ และกระทําใหส าธารณชนปราศจากความสขุ สบาย และ ๑๙๙ ปลอมแปลงเงินตรา มาตรา ๒๐๒ ถงึ ๒๐๕ และ ๒๑๐ ขม ขืนกระทําชาํ เรา (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙) ประทษุ รา ยแกชีวติ มาตรา ๒๔๓ ถงึ ๒๔๖ (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙) ประทุษรายแกร างกาย มาตรา ๒๔๙ ถงึ ๒๕๑ ความผิดฐานกระทาํ ใหเ สอ่ื มเสียอิสรภาพ (มาตรา ๒๘๘ - ๒๙๐) ลักทรพั ย มาตรา ๒๕๔ ถงึ ๒๕๗ (มาตรา ๒๙๕ - ๒๙๘) วงิ่ ราว ชงิ ทรพั ย ปลน ทรัพย และโจรสลดั มาตรา ๒๖๘, ๒๗๐ และ ๒๗๖ กรรโชก (มาตรา ๓๐๙ - ๓๑๐, ๒๘๔) มาตรา ๒๘๘ ถงึ ๒๙๖ (มาตรา ๓๓๔ - ๓๓๕) มาตรา ๒๙๗ และ ๓๐๒ (มาตรา ๓๓๖, ๓๓๙, ๓๔๐) มาตรา ๓๐๓ (มาตรา ๓๓๗, ๓๓๙) (๒) เจา พนักงานตํารวจตองเหน็ พฤติการณต ามทกี่ ําหนดไว นอกจากจะเปนความผิดท่ีระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ดังกลาวแลว เจาพนักงานตํารวจตองพบเหน็ พฤตกิ ารณด ังนีด้ ว ย

๑๐๔ (๑) àÁèÍ× ºØ¤¤Å˹Öè§¶¡Ù äŨ‹ ºÑ ´Ñè§¼¡ŒÙ ÃÐทาํ â´ÂÁÕàÊÕ§ÌͧàÍÐÍÐ μÇÑ ÍÂÒ‹ § ส.ต.ต.ดาํ เหน็ ชาวบา นกลมุ หนงึ่ วง่ิ ไลต ามนายแดง และรอ งวา “ขโมย ๆ ชว ยดว ย ไอน มี่ นั ขโมยของ” เรอ่ื งนเี้ หน็ ไดว า เขา หลกั เกณฑค อื ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย เปน ความผดิ ทอี่ ยู ในบัญชีทายประมวลฯ ประกอบกับมีการไลจับนายแดงโดยมีเสียงรองเอะอะ เชนน้ี ส.ต.ต.ดํา จบั นายแดงไดโดยเปน การท่ีกฎหมายใหถอื วาเปนความผดิ ซง่ึ หนา ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑) (๒) àÁèÍ× º¤Ø ¤Å˹§Öè á·º¨Ð·Ñ¹·Õ·¹Ñ ã´ ËÅ§Ñ ¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ã¹¶¹Ôè á¶Çã¡ÅŒà¤ÂÕ §¡ºÑ ·èÕà¡Ô´àËμ¹Ø Ñé¹ áÅÐÁÕÊèÔ§¢Í§·äÕè ´ÁŒ Ò¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÕà¤ÃÍ×è §Á×Í ÍÒÇ¸Ø ËÃÍ× ÇμÑ ¶ÍØ ÂÒ‹ §Í¹è× Í¹Ñ Ê¹Ñ ¹ÉÔ °Ò¹ä´ÇŒ Ò‹ ä´ãŒ ªãŒ ¹¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ËÃÍ× ÁÃÕ Í‹ §Ã;ÃÔ ¸Ø àË¹ç »ÃШ¡Ñ É· àÕè ÊÍ×é ¼ÒŒ ËÃ×Íà¹é×ÍμÇÑ ¢Í§¼¹ÙŒ éѹ ในกรณมี าตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) นนั้ เปน การจบั กมุ บคุ คลซงึ่ ä´¡Œ ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅŒÇ และความผิดนั้นเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ขณะเดียวกันผูน้ัน มีพฤติการณและหลักฐาน เชน มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุท่ีพอจะสันนิษฐานไดวาผูน้ันไดใชในการ กระทําความผิด หรืออาจพบรองรอยพิรุธที่เห็นไดชัดตามเนื้อตัวหรือเส้ือผาที่เขาสวมใสอยู เชน รอยเลือดสด ๆ ท่ีกระเดน็ ติดอยูบนเส้ือผาทีส่ วมใสอยู รอยขดี ขว น บาดแผลสด ตามเน้ือตัว เปนตน μÑÇÍÂÒ‹ § ส.ต.ต.ดาํ เหน็ รถยนตค นั หนงึ่ จอดอยใู นลานจอดรถแหง หนงึ่ เมอื่ เขา ไป ใกล ๆ จึงพบเห็นรองรอยของการงดั แงะตรงบรเิ วณประตดู า นคนขับ ซ่งึ ดานหลงั ของรถยนตดงั กลา ว พบนายแดงยนื ถอื ไขควงและอปุ กรณใ นการงดั แงะอยใู นมอื ขา งหนงึ่ และอกี ขา งหนงึ่ ถอื กระเปา ถอื ของ สุภาพสตรี ยืนอยใู นอาการกระสับกระสา ยมีพริ ุธ เชนนี้ ส.ต.ต.ดาํ สามารถจบั นายแดงไดโดยไมต องมี หมายจบั เพราะพบนายแดงแทบจะทนั ทที นั ใดหลงั จากการกระทาํ ผดิ ในถน่ิ ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตุ และ มีส่ิงของหรือมีเคร่ืองมืออันสันนิษฐานไดวาไดใชในการกระทําความผิด และความผิดฐานลักทรัพย ก็เปน ความผดิ ท่ีอยูในบญั ชที ายประมวลฯ (ò) ¡Ã³¾Õ ºº¤Ø ¤Å·ÁèÕ ¾Õ Äμ¡Ô Òó͏ ¹Ñ ¤ÇÃʧÊÂÑ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ò) เจาพนักงานตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เมื่อพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ัน นาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่น โดยมีเครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุ อยางอ่ืนอันสามารถอาจใชในการกระทาํ ความผิด” การจับโดยไมต องมีหมายจับ ตามมาตรา ๗๘ (๒) น้ี มคี วามใกลเคยี ง กับมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) มาก หากแตกตางคอื ในÁÒμÃÒ ÷ø (ò) ¹Õàé »¹š ¡Òþº¡‹Í¹à¡Ô´àËμØ

๑๐๕ ¢³Ð·ÁèÕ ÒμÃÒ øð ÇÃäÊͧ (ò) ໹š ¡ÒþºËÅ§Ñ ¨Ò¡ÁàÕ Ëμ¡Ø ÒáÃÐทาํ ¼´Ô à¡´Ô ¢¹Öé áÅÇŒ มาตรา ๗๘ (๒) เปน กรณเี จา พนกั งานตาํ รวจไดพ บบคุ คลมพี ฤตกิ รรมทนี่ า สงสยั วา จะไปกอ เหตรุ า ย ทาํ ใหเ กดิ อนั ตรายแก บคุ คลหรอื ทรพั ยสินของผอู น่ื โดยพิจารณาจากพยานหลกั ฐานทีป่ รากฏ เชน อาวธุ อุปกรณที่สามารถ นาํ ไปใชในการงัดแงะขโมยของ เปนตน μÑÇÍ‹ҧ ส.ต.ต.ขาวข่ีจักรยานยนตไปตรวจในซอยแหงหนึ่งซ่ึงคอนขางเปลี่ยว ขณะท่ีขร่ี ถจกั รยานยนตตรวจทองท่อี ยนู ั้น ไดพบนายเขียวซงึ่ ใสชดุ ดาํ อาํ พรางตวั ในมอื มสี วาน ไขควง อุปกรณชางซึ่งสามารถใชงัดแงะประตูบานได แลวมีไฟฉาย เชือก และถุงผาดําขนาดใหญกําลังยืน ดอ มๆ มองๆ เขา ไปในบานหลงั ใหญแ หง หน่ึง ใกลๆ กนั มรี ถกระบะจอดอยู ในรถคนั ดงั กลา วมีบันได สาํ หรบั พาดทสี่ งู อยู เชน นเ้ี ชอื่ ไดว า จากพฤตกิ ารณด งั กลา วทาํ ใหเ กดิ ความสงสยั ไดว า นายเขยี วจะเขา ไป ลกั ทรพั ยใ นเคหสถาน เชน น้ี เพอื่ เปน การปอ งกนั มใิ หเ กดิ เหตขุ า งตน ส.ต.ต.ขาวสามารถจบั กมุ นายเขยี วได โดยไมต องมีหมายจบั เพราะเขาหลกั เกณฑม าตรา ๗๘ (๒) จะเหน็ ไดวา แมยงั ไมม กี ารกระทําความผิด กต็ าม กฎหมายกใ็ หอ าํ นาจเจา พนกั งานตาํ รวจจบั บคุ คลทค่ี วรสงสยั นน้ั ไดเ พอื่ ความปลอดภยั ของสงั คม สวนนายเขียวจะตอ งรับผิดหรือไมน ้นั ตอ งเขากระบวนการสอบสวนดาํ เนินคดีตอไป (ó) ¡Ã³·Õ ÁèÕ ¤Õ ÇÒÁจาํ ໚¹àç‹ ´‹Ç¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ó) เจา พนักงาน ตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เม่ือมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลนั้นตามมาตรา ๖๖ (๒) แตมี ความจําเปนเรงดวนทไ่ี มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนั้นได” การจบั ตามมาตรา ๗๘ (๓) นี้ จะตอ งประกอบหลกั เกณฑ ๒ ประการคอื ๑. เม่ือมีËÅÑ¡°Ò¹μÒÁÊÁ¤ÇÃวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิด อาญา และมีàËμØÍѹ¤ÇÃàªè×Íวาจะหลบหนีหรือจะไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือกอเหตุอันตราย ประการอื่น (ขอ ความจากมาตรา ๖๖ (๒) áÅÐ ๒. ม¤ี ÇÒÁจาํ ໹š àç‹ ´Ç‹ ¹ทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนนั้ ได - เจา พนกั งานตาํ รวจผทู าํ หนา ทจี่ บั นน้ั ตอ งมหี ลกั ฐานตามสมควร วา บคุ คลที่ตนจะจับนัน้ นา จะไดก ระทําความผดิ áÅÐ - มีเหตุอันควรเชื่อวาบุคคลที่จะจับน้ันจะหลบหนี (กรณีท่ี บคุ คลน้ันมที อ่ี ยไู มเ ปนหลกั แหลง มาตรา ๖๖ วรรคสอง ใหส นั นิษฐานวา เปน การจะหลบหน)ี áÅÐ - มีความจําเปนเรงดวนที่ไมอาจขอใหศาลออกหมายจับ บุคคลนนั้ ได ดังนั้น หากขาดพฤติการณขอใดขอหน่ึง เชน ไมมีพฤติการณวา จะหลบหนี มีท่ีอยูเปนหลักแหลง หรือไมมีความจําเปนเรงดวน เชนนี้ ก็ไมสามารถจับกุมได เจาพนักงานตาํ รวจคงตองไปขอใหศ าลออกหมายจับตามมาตรา ๖๖ กอ น

๑๐๖ μÇÑ ÍÂÒ‹ § มีรายงานการสืบสวน ทําใหทราบวานายดําเปนบุคคลท่ีนาจะเปน ผกู ระทาํ ความผดิ ลกั รถยนตจ ากจงั หวดั สระแกว เพอ่ื นาํ ไปขายยงั ประเทศเพอื่ นบา น และขณะนน้ี ายดาํ กําลังขับรถยนตคันดังกลาวมุงหนาไปยังดานชายแดน และกําลังจะผานแดนออกไปยังตางประเทศ เพ่อื หลบหนี กรณเี ชน นี้ เมือ่ พจิ ารณาจากพฤติการณท ่ีขับรถมงุ หนาไปยังดานชายแดน หากจะรอขอ หมายจบั จากศาลกอ็ าจจบั นายดําไมได จงึ เปนความจําเปน เรงดวน ประกอบกบั มรี ายงานการสบื สวน ซง่ึ ถอื ไดว า มหี ลกั ฐานตามสมควร เชน นเี้ จา พนกั งานตาํ รวจสามารถจบั นายดาํ ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั (ô) ¡Ã³Õ¨Ñº¼ÙŒμŒÍ§ËÒËÃ×ÍจําàÅ·ÕèËź˹ÕμÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ô) เจา พนกั งานตาํ รวจจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยไดเ มอื่ “เปน การจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทหี่ นหี รอื จะหลบหนี ในระหวา งถกู ปลอ ยช่วั คราว ตามมาตรา ๑๑๗” การจับตามมาตรา ๗๘ (๔) นี้ เจาพนักงานตํารวจจะจับผูตองหา หรอื จาํ เลยไดใน ๒ กรณี กลาวคือ ๑. ผทู จ่ี ะถกู จบั μÍŒ §à»¹š ¼μŒÙ ÍŒ §ËÒËÃÍ× จาํ àÅ·äÕè ´ÃŒ ºÑ ¡ÒûÅÍ‹ ªÇÑè ¤ÃÒÇ ระหวา งการสอบสวนหรอื ระหวา งการพจิ ารณาคดขี องศาล และเจา พนกั งานตาํ รวจพบวา ผนู น้ั หลบหนี หรอื จะหลบหนี ๒. การทเ่ี จา พนกั งานตาํ รวจมไิ ดเ ปน ผพู บดว ยตวั เองวา จะมกี ารหลบหนี แตไดรับคําขอจากผูประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันผูตองหาหรือจําเลยท่ีไดรับการปลอยชั่วคราวน้ัน ขอใหจ ับà¾ÃÒмٹŒ ¹Ñé Ëź˹ËÕ ÃÍ× ¨ÐËÅºË¹Õ จะเหน็ ไดว า การทผ่ี ตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ถอื วา เปน เหตุ จาํ เปน อกี ประการหนง่ึ ทจี่ บั ได โดยไมต อ งมหี มายจบั เพราะไมอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั ไดท นั ทว งที ประกอบกับผูตองหาหรือจําเลยก็ไดเคยถูกจับมาแลวในอดีตโดยผานกระบวนการตรวจสอบโดยศาล โดยการออกหมายจับแลว หรือมิฉะนั้นก็เปนการที่จับไดโดยไมตองมีหมายจับจนถึงข้ันท่ีมีการปลอย ชัว่ คราวมาแลว (เกียรตขิ จร วัจนะสวัสด์,ิ ๒๕๕๓) อยา งไรกด็ ี ถา เปน กรณที ผ่ี ตู อ งหาหรอื จาํ เลยทมี่ หี มายจบั นนั้ ไดถ กู จบั แลว แตตอมาไดม ีการหลบหนี หรือมีบคุ คลชวยใหหลบหนีไปได เชน น้ี มาตรา ๖๕ ใหอ าํ นาจเจา พนกั งาน ผจู บั มอี าํ นาจตดิ ตามจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทก่ี าํ ลงั หลบหนไี ดโ ดยไมต อ งขอหมายจบั อกี เพราะเปน การ บังคบั ใหเ ปนไปตามหมายจับนั้นเอง มใิ ชเปน การจบั โดยอาศยั เหตุทเี่ กดิ ขนึ้ มาใหมแตอ ยา งใด นอกจากน้ี ยงั มกี รณกี ารจบั โดยไมม หี มายจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา “เม่ือไดมีการแจงขอกลาวหามาแลว ถาผูตองหาไมใชผูถูกจับหรือและยังไมไดมีการออกหมายจับ แตพ นกั งานสอบสวนเหน็ วา มเี หตทุ จี่ ะออกหมายขงั ผนู นั้ ไดต ามมาตรา ๗๑ พนกั งานสอบสวนมอี าํ นาจ สง่ั ใหผ ตู อ งหาไปศาลเพอื่ ขอออกหมายจบั โดยทนั ที แตถ า ขณะนน้ั เปน เวลาทศ่ี าลปด หรอื ใกลจ ะทาํ การ

๑๐๗ ปด ทาํ การ ใหพ นกั งานสอบสวนสง่ั ใหผ ตู อ งหาไปศาลในโอกาสแรกทศี่ าลเปด ทาํ การ กรณเี ชน วา นใี้ หน าํ มาตรา ๘๗ มาใชบ งั คบั แกก ารพจิ ารณาออกหมายขงั โดยอนโุ ลม หากผตู อ งหาไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั ของ พนักงานสอบสวนดงั กลาว ใหพนกั งานสอบสวนมีอํานาจจบั ผตู องหาน้นั ได โดยถือวา เปนกรณีจําเปน เรง ดว นทจี่ ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมม หี มายจบั และมอี าํ นาจปลอ ยชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ตวั ผตู อ งหานน้ั ไว” ซงึ่ การจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา น้ี เปน การจบั โดย¾¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ ท่ีสามารถจับผูตองหาโดยไมมีหมายจับได หากเปนกรณีที่แจงขอกลาวหาแลว แตผูตองหายังไมได ถูกจับและยังไมไดมีการออกหมายจับ แตพนักงานสอบสวนเห็นวามีเหตุออกหมายขังผูตองหาได และพนักงานสอบสวนสั่งใหผูตองหาน้ันไปศาลเพ่ือใหศาลออกหมายขัง แตผูตองหาไมยอมไปศาล ตามคําสั่งของพนักงานสอบสวน ใหพนักงานสอบสวนมีอํานาจจับผูตองหานั้นได โดยถือวาเปนการ จาํ เปน เรง ดว นทจ่ี ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั และมอี าํ นาจปลอ ยชวั่ คราวหรอื ควบคมุ ผตู อ งหา นั้นไวไดเ ชน กัน õ.ó.ò ¡ÒèºÑ â´ÂÃÒɮà ในอดีตประเทศไทยเราก็มีกฎหมายที่ใหอํานาจแกราษฎรในการจับตัวผูกระทํา ความผิด กลาวคือในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่สามแหงกรุงรัตนโกสินทร ไดประกาศใชกฎหมายลักษณะโจรหาเสน ซึ่งมีสาระสําคัญคือ หากมีเหตุการณโจรปลนเกิดข้ึน ทอ งทใี่ ด ราษฎรที่อาศยั อยใู กลกบั ทเ่ี กดิ เหตใุ นระยะไมเ กินหา เสน (๒๐๐ เมตร) จะตองชว ยเจาหนาที่ จบั โจร มฉิ ะนน้ั จะมคี วามผดิ และหากคนรา ยปลน ทรพั ยไ ปได ราษฎรทไี่ มเ ขา ชว ยเหลอื กจ็ ะถกู การปรบั ตามศกั ดนิ า คอื ผมู ศี ักดินา ๑๕ - ๑๕๐ ไร ปรับ ๕ ตําลงึ ผทู ม่ี ศี กั ดนิ า ๒๐๐ ไรขึ้นไปถงึ ๑๐,๐๐๐ ไร ใหป รบั มากขึ้นตามสว น สวนพวกทมี่ ีศักดินา ๕ - ๑๕ ไร ใหเ ฆี่ยนแทนคา ปรับคนละ ๑๕ ที จะเหน็ ไดว า กฎหมายลกั ษณะโจรหา เสน น้ี มจี ดุ ประสงคใ หร าษฎรชว ยกนั ปอ งกนั และรักษาความสงบเรียบรอยภายในรัศมีที่ตนอาศัยอยู ซึ่งหลักการเชนน้ีสอดคลองกับบทบัญญัติ ในประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๙ “ราษฎรจะจบั ผูอ่นื ไมไ ดเ วนแตจ ะเขา อยใู นเกณฑแหง มาตรา ๘๒ หรือเมื่อผนู ัน้ กระทําความผดิ ซึ่งหนา และความผดิ นัน้ ไดระบไุ วใ นบญั ชีทา ยประมวลกฎหมายนีด้ วย” จากมาตราดงั กลาว เหน็ ไดว าÃÒɮèºÑ ºØ¤¤Åä´Œตอ เม่ือ ๑) กรณเี ขา หลกั เกณฑต ามมาตรา ๘๒ กลา วคอื เมอื่ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¨ŒÙ ´Ñ ¡ÒÃμÒÁ ËÁÒ¨ºÑ ÃÍŒ §¢Í¤ÇÒÁªÇ‹ ÂàËÅÍ× จากบคุ คลใกลเ คยี งเพอื่ ใหจ บั การตามหมายนน้ั ได ผทู ไี่ ดร บั การรอ งขอ จึงมีอํานาจจับได μÇÑ ÍÂÒ‹ § ส.ต.ต.แดงจะจับนายขาวตามหมายจับ แตปรากฏวานายขาวว่ิงหนีไปทิศทาง ที่นายเขียวยืนอยู ส.ต.ต.แดงจึงรองขอใหนายเขียวชวยจับตัวนายขาวไว เชนน้ี นายเขียวสามารถจับ

๑๐๘ นายขาวได แตอยางไรก็ตามในกรณีท่ีเห็นวานายขาวมีอาวุธรายแรงอยูในมือ ส.ต.ต.แดงจะบังคับให นายเขียวชวยจบั ไมไ ด เพราะอาจเกดิ อันตรายแกนายเขยี วได (มาตรา ๘๒) ๒) เมอื่ ราษฎรพบบคุ คลนน้ั ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ áÅФÇÒÁ¼´Ô ¹¹éÑ ä´ÃŒ ÐºäØ ÇŒ 㹺ÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ในกรณีดังกลาวราษฎรจะมีอํานาจจับไดตอง ประกอบดวย ๒ กรณี คือ (๑) ตองเปนการกระทําความผิดซึ่งหนา ซ่ึงหมายความวาราษฎรผูจับนั้น ได¾ºàË繡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´´ŒÇÂμÇÑ àͧ¨ÃÔ§æ áÅÐ (๒) ราษฎรจะจับไดเฉพาะกรณีท่ีความผิดท่ีกระทํานั้นเปน¤ÇÒÁ¼Ô´à©¾ÒÐ ทีถ่ กู ระบุไวใ นบญั ชที ายประมวลน้ีเทา นั้น μÑÇÍÂÒ‹ § นายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลกั จกั รยานยนตข องนายดาํ อยู เชน นนี้ ายแดงสามารถ จบั นายขาวได เพราะการท่ีนายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลักทรพั ยด วยตนเองนนั้ เปน การกระทําความผิด ซง่ึ หนา และความผิดฐานลกั ทรัพยก็เปนความผิดท่ีอยใู นบญั ชีทายประมวล μÇÑ Í‹ҧ นายฟา ยืนอยูหนา ตลาดสด เหน็ คนกลมุ หน่งึ ว่ิงไลต ามนายเหลืองพรอมกับรอ ง ตะโกนวา “ขโมย ๆ ชวยจบั หนอย มนั ขโมยของมา” เชนนีแ้ มวา นายฟา จะไมไ ดเห็นขณะทีน่ ายเหลือง กาํ ลงั ขโมยของก็ตาม แตจากพฤติการณดังกลาว มาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑) ถือวา เปน ความผิดซ่ึงหนา และความผดิ ฐานลกั ทรัพยก็เปนความผดิ ทีร่ ะบไุ วในบัญชที ายประมวล ¢ŒÍ椄 à¡μ หาก¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹äÁ‹ä´ŒÃкØäÇŒในบัญชีทายประมวลฯ ÃÒɮáçäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº แมจะเห็นวากําลังกระทําความผิด อยูต อหนาตนก็ตาม μÇÑ Í‹ҧ นายสม เหน็ นายมว งขายยาเสพตดิ ใหก บั นายฟา อยตู อ หนา ตนกต็ าม นายสม กไ็ มอ าจจบั นายมว งได เพราะความผดิ ตามพระราชบัญญตั ิยาเสพติดใหโ ทษไมไ ดร ะบุไวในบัญชที า ยประมวลฯ นอกจากมาตรา ๗๙ ทไ่ี ดใ หอ าํ นาจแกร าษฎรในการจบั ผกู ระทาํ ความผดิ ดงั ทก่ี ลา ว มาแลว ขา งตน ยงั คงมกี รณที ก่ี ฎหมายใหอ าํ นาจราษฎรจบั ไดอ กี ในมาตรา ๑๑๗ ซงึ่ เปน เรอื่ งนายประกนั หรอื ผเู ปน หลกั ประกนั สามารถจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทห่ี นหี รอื จะหลบหนตี ามเงอ่ื นไขในมาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๗ “เมอ่ื ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ใหพ นกั งานฝา ยปกครอง หรือตํารวจท่ีพบการกระทําดังกลาวมีอํานาจจับผูตองหาหรือจําเลยนั้นได แตใ นกรณีที่บุคคลซึ่งทํา สัญญาประกนั หรือเปน หลักประกันเปนผูพบเห็นการกระทําดงั กลา ว อาจขอใหพ นกั งานฝา ยปกครอง

๑๐๙ หรือตํารวจที่ใกลท ส่ี ดุ จับผูตองหาหรือจาํ เลยได ถาไมสามารถขอความชว ยเหลอื จากเจา พนกั งานได ทนั ทวงที กใ็ หมอี าํ นาจจับผูตอ งหาหรอื จําเลยไดเ อง แลว สงใหพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจทีใ่ กล ทสี่ ดุ และใหเ จา พนกั งานนน้ั รบี จดั สง ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยไปยงั เจา พนกั งานหรอื ศาล โดยคดิ คา พาหนะ จากบคุ คลซง่ึ ทาํ สัญญาประกันหรอื หลักประกนั นัน้ ” กรณี ตามมาตรา ๑๑๗ นนั้ เปนการที่ผตู อ งหาหรอื จําเลยไดรบั การปลอยตวั มา แลวหลบหนหี รือจะหลบหนี เชน นี้ ผทู ําสัญญาประกันหรอื ผทู ี่เปน หลกั ประกนั มสี ิทธิขอใหพ นกั งาน ฝา ยปกครองหรอื ตํารวจท่ีใกลท ่ีสดุ จบั ตัวไวได แตตัวผูทําสัญญาประกันหรือผูที่เปนหลักประกันดังกลาว ไมสามารถขอ ความชวยเหลือไดทันทวงที เชนน้ีกฎหมายใหอํานาจผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันนั้น จบั ผตู องหาหรอื จําเลยได และสง มอบใหเ จาพนกั งานฝายปกครองหรือตาํ รวจทีใ่ กลท ส่ี ุด ¢ŒÍÊѧà¡μ ในกรณีที่จําเลยหลบหนีเชนน้ี ผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันตัวจําเลยในคดีอาญา จะมาขอใหศาล ออกหมายจบั และหมายคน เพอ่ื ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจจบั ตวั จาํ เลย โดยอา งวา จาํ เลยมเี จตนาหลบหนหี าไดไ ม เพราะเปน เรอ่ื ง ที่ผทู ําสญั ญาประกันอาจจัดการไดเองตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๗ อยูแ ลว (คําสัง่ คาํ รองท่ี ๖๔๙/๒๕๑๗) อํา¹Ò¨¡ÒèºÑ ¡ÁØ ¢Í§ÃÒɮà à·Õº¡Ñº¡ÒèºÑ ¡ÁØ ¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ อาํ นาจในการจบั กมุ ของราษฎรในขอ นี้ ซงึ่ เกยี่ วกบั การจบั กมุ ความผดิ ซงึ่ หนา และ ความผดิ ซงึ่ หนา นน้ั จะตอ งเปน ความผดิ ทรี่ ะบไุ วใ นบญั ชที า ย ป.ว.ิ อาญา กม็ ขี อ คลา ยคลงึ กบั อาํ นาจของ พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจทม่ี อี าํ นาจจบั ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั แตค งมขี อ แตกตา งกนั บา ง ดงั น้ี ๑. เจาพนักงานมีอํานาจจับกุมผูกระทําความผิดซ่ึงหนาในคดีทุกประเภท แตร าษฎรจับไดเ ฉพาะประเภทท่ีระบุไวในบญั ชที าย ป.ว.ิ อาญา เทานนั้ ๒. นอกจากความผิดซ่ึงหนาแลว เจาพนักงานมีอํานาจจับตามพฤติการณ ตามมาตรา ๗๘ (๒) (๓) และ (๔) แตร าษฎรไมมีอํานาจจบั ไดตามพฤติการณเ หลา น้ัน μÇÑ ÍÂÒ‹ §คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óøø/òôùö วินิจฉยั วา ผกู ระทําผิดไดใชปนยิงบคุ คลอน่ื ตอ หนา ราษฎร ราษฎรจะเขาจับกุม แตผูถูกจับไมยอมใหจับและชักมีดออกมาทํารายราษฎร ราษฎรจึงเขา กอดปล้ําแยงมีดไดแลวแทงผูถูกจับ ๑ ที ผูถูกจับตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยวา ราษฎรมีอํานาจจับ เพราะเปน ความผิดซ่ึงหนา ตามบญั ชที า ย ป.วิ.อาญา เม่ือผถู ูกจับทํารา ย ราษฎรจงึ ตอ สปู อ งกันตนเอง ในกรณีนเ้ี ปน การปองกนั ตวั พอสมควรแกเหตุ ราษฎรจงึ ไมม คี วามผดิ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñùôñ/òõñô วินิจฉัยวา ราษฎรมีเหตุเพียงสงสัยวา ผูอ่ืนจะมา พยายามลกั ทรพั ยข องตน ราษฎรนน้ั ไมม อี าํ นาจตามกฎหมายทจี่ ะจบั กมุ และใชป น ขบู งั คบั ผตู อ งสงสยั

๑๑๐ เพื่อจะพาไปหาผูใหญบาน อยางไรก็ตาม กฎหมายตองการความรวมมือจากราษฎรในการระงับ และปราบปรามการกระทาํ ผดิ จงึ บัญญตั เิ ปน ขอ ยกเวน ใหร าษฎรมีอาํ นาจจับไดใ นบางกรณี ¢ŒÍ椄 à¡μ ราษฎรมีอํานาจจับไดเฉพาะกรณีความผิดน้ันเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาเทานั้น เพราะอํานาจในการจับของราษฎรน้ันมีนอยกวาเจาพนักงานฝายปกครอง ตํารวจแมวาเปนการกระทํา ความผดิ ซ่งึ หนา ไมวา จะเปนการกระทําความผดิ ซง่ึ หนา อยางแทจ รงิ (ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๐ วรรคหน่ึง) หรือกรณที ่ี ถือวา กระทาํ ความผิดซ่งึ หนา (ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง) กต็ าม หากความผิดนนั้ ไมไดร ะบไุ วใ นบญั ชีทา ยประมวลฯ ราษฎรกไ็ มมีอํานาจจับ แมจ ะเหน็ กาํ ลงั กระทาํ ความผิดก็ตาม μÑÇÍÂÒ‹ § นายขาวราษฎรเห็นนายแดงขณะลักทรัพยนายดํา นายขาวจับนายแดงไดโดยอาศัยอํานาจตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๗๙ ประกอบกบั มาตรา ๘๐ ตามตัวอยางนี้ เปนกรณีทีน่ ายขาวเห็นนายแดงกาํ ลงั กระทาํ และความผดิ ฐานลักทรพั ย นัน้ ระบุในบัญชที ายประมวลฯ ดว ย μÇÑ Í‹ҧ นายขาวราษฎรเหน็ นายดาํ วง่ิ ตามหลงั นายแดงพรอ มกบั รอ งวา “ขโมย ๆ” นายขาวจบั นายแดงได โดยอาศยั อาํ นาจ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๗๙ ประกอบกบั มาตรา ๘๐ ตามตัวอยางน้เี ปนกรณที ่ีนายขาวเหน็ นายแดง “ถูกไลจบั ด่งั ผกู ระทาํ (ความผดิ ) โดยมีเสียงรองเอะอะ” และความผิดฐานลกั ทรัพยน้ันก็ระบไุ วบ ญั ชที ายประมวลฯ ดวย ¢ŒÍáμ¡μ‹Ò§ã¹·Ò§»¯ºÔ μÑ Ô¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨÃÐËNjҧ¡Ã³Õà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹à»š¹¼ŒÙ¨ºÑ áÅСóÃÕ ÒɮèºÑ ÁÒʧ‹ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¨ºÑ ÃÒɮèѺáÅÇŒ ʧ‹ Áͺà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ๑. แจงขอกลาวหา (ซง่ึ แจงครั้งหนง่ึ แลว ขณะจบั กมุ ๑. ผรู บั มอบตวั จะตอ งบนั ทกึ รายละเอยี ดเกย่ี วกบั ตามรายละเอยี ดเกย่ี วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผ ถู กู จบั ผูจับและพฤติการณแหงการจับ แลวใหผูจับ ทราบ ลงลายมือชือ่ กํากบั (มาตรา ๘๔ (๒)) ๒. อา นหมายจบั ใหผ ถู กู จบั ฟง (ในกรณมี หี มายจบั ) และ ๒. แจงขอกลาวหาและรายละเอียดแหงการจับ มอบสาํ เนาบนั ทกึ การจบั แกผ ถู กู จบั (มาตรา ๘๔ (๑)) ใหผถู กู จบั ทราบ (มาตรา ๘๔ (๒)) ๓. แจงสิทธิใหผูถูกจับทราบวา เขามีสิทธิท่ีจะใหการ ๓. แจงใหผูถูกจับทราบวา ผูถูกจับมีสิทธิที่จะ หรอื ไมก ไ็ ด และถอ ยคาํ นน้ั อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐาน ใหการหรือไมใหการก็ได และถอยคําของ ในการพิจารณาคดี และมีสิทธิพบหรือปรึกษา ผถู กู จบั อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณา ทนายความ (มาตรา ๘๓ วรรคสอง) คดีก็ได (มาตรา ๘๔ (๒)) ¼Å¢Í§¡Ò÷èÕÃÒÉ®ÃÁÕอํา¹Ò¨¨ºÑ ¡Ã³Õ·èÕÃÒÉ®ÃÁอÕ าํ ¹Ò¨¨Ñº ราษฎรยอมไดร บั การคุมครองโดยกฎหมาย กลาวคือ ก) หากราษฎรดงั กลา วไดก ระทาํ โดยเปน การชว ยเหลอื เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายจบั และหากวาผูจะตองถูกจับไมยินยอมใหจับ จะมีความผิดฐานตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงาน

๑๑๑ หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหนาท่ีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ และหากมีการตอสูโดยไดทํารายหรือฆาราษฎรที่เขาชวยเหลือยอมมีโทษหนักกวา ทาํ รา ยหรือฆาประชาชนธรรมดาตามมาตรา ๒๙๖ ประกอบมาตรา ๒๙๕, มาตรา ๒๙๘ ประกอบ มาตรา ๒๙๗ และมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๒๘๙ ข) หากราษฎรจับผูกระทําความผิดซึ่งหนาและเปนความผิดดังท่ีระบุไวในบัญชีทาย ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา แมราษฎรจะไมไ ดรับความคมุ ครองอยางขอ ก) แตร าษฎร ก็มีอํานาจใชกําลังหรือใชการปองกันเพื่อการจับไดตามสมควรแกกรณีโดยไมมีความผิด ในทางตรงกันขามผูที่จะถูกจับไมสามารถอางวาเปนการกระทําเพื่อปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาได หากทาํ รา ยราษฎรผทู ีจ่ ะจบั ก็มคี วามผดิ ฐานทาํ รา ยรา งกายผูอ น่ื หรือความผดิ อืน่ ๆ แลว แตก รณี ¡Ã³ÕÃÒɮèѺâ´ÂäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº ราษฎรผูจับจะไมไดรับการคุมครองจากกฎหมาย และผูที่จะถูกจับกุมยอมมีอํานาจท่ีจะกระทําเพ่ือปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาที่จะไมใหถูกจับได โดยไมมีความผิดดวย ดงั นน้ั การจบั ไมว า จะเปน พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรอื จะเปน ราษฎรจะทาํ การ จับกุมผูใด จะตองปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ กฎหมายจึงจะคุมครองการกระทําของ เจาพนกั งานหรือราษฎรผจู บั นัน้ แตห ากไมป ฏิบตั ิตามกฎหมายเสียแลวกย็ อมจะไมไดรบั การคมุ ครอง จากกฎหมาย õ.ô ¢ŒÍจํา¡Ñ´ã¹¡ÒèºÑ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจะใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจ มอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม หากการจบั นนั้ เปน การกระทาํ ทก่ี ระทบสทิ ธเิ สรภี าพสว นบคุ คล จงึ ตอ งมขี อ จาํ กดั บางประการ กลา วคอื การใชอ าํ นาจในการจบั ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ น้นั ไดม ีขอจํากัดไว ๒ ทาง คอื õ.ô.ñ ¢ŒÍจาํ ¡´Ñ ã¹àÃèÍ× §¢Í§อาํ ¹Ò¨¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ แมว า ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญากาํ หนดใหพ นกั งานฝา ยปกครอง หรอื ตาํ รวจมอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม แตอ าํ นาจของแตล ะฝา ยไมเ หมอื นกนั ดงั ทไ่ี ดม คี าํ พพิ ากษาของ ศาลฎกี าไดว างบรรทัดฐานไว กลาวคอื ¡Ã³Õ·¼èÕ Ù¨Œ Ñºà»¹š ¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤Ãͧ พนกั งานฝา ยปกครองจะมอี าํ นาจจบั ไดà ©¾ÒÐÀÒÂã¹à¢μ·μèÕ ¹ÁอÕ าํ ¹Ò¨´á٠ž¹é× ·èÕ ¹Ñ¹é æ à·Ò‹ ¹Ñ¹é เนอ่ื งจากพระราชบัญญัติลกั ษณะปกครองสวนทอ งถน่ิ ฯ ไดกําหนดอํานาจและหนา ที่ ของกรรมการอาํ เภอ ในเร่อื งทเี่ ก่ยี วกับความผิดอาญาไวใ นมาตรา ๑๐๑ ขอ ๒ “ความอาญาเกิดขน้ึ ในทองท่ีอําเภอใดหรือตัวจําเลยมาอาศัยอยูในทองท่ีอําเภอใด ใหกรรมการอําเภอ (นายอําเภอ, ปลัดอําเภอ) มีอาํ นาจทีจ่ ะสง่ั ใหจับผตู องหามาไตส วนใหค ดเี ร่ืองนัน้ ในชัน้ ตน”

๑๑๒ นอกจากนี้ไดมีคําพิพากษาศาลฎีกายืนยันถึงอํานาจการจับของเจาพนักงาน ฝา ยปกครองวา à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧÁอÕ าํ ¹Ò¨¨ºÑ ÀÒÂã¹à¢μ·μÕè ¹ÁÕÍÒí ¹Ò¨´áÙ Å¾×¹é ·è¹Õ éѹ෋ҹÑé¹ μÑÇÍ‹ҧคาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñöñò - ñöñó/òõðø ผใู หญบ านเปน เจาพนกั งานฝา ยปกครอง มอี าํ นาจจบั กมุ ผูกระทาํ ผิดอาญาในหมบู านของตนได และมอี ํานาจไปจบั ผูรายในหมูบานใกลเ คยี งได ตอเม่ือมีเหตุรายสําคัญ เม่ือความผิดฐานลักทรัพยไมใชเหตุรายสําคัญ ผูใหญบานจึงไมมีอํานาจ ไปจบั กุมคนรายนอกเขตหมบู า นของตน ¡Ã³·Õ ¼Õè Ù¨Œ Ѻ໚¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ เน่ืองจากพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติฯ มาตรา ๖ ไดกําหนดอํานาจหนาท่ี เอาไว กลา วคือ มอี ํานาจหนา ท่ปี อ งกนั และปราบปรามความผดิ อาญา (มาตรา ๖ (๓)) ตลอดจนรกั ษา ความสงบเรยี บรอ ยและความปลอดภยั ของประชาชน และความมน่ั คงของราชอาณาจกั ร (มาตรา ๖ (๔)) จึงแสดงใหเห็นไดวา เจาพนักงานตํารวจมีอํานาจจับไดท่ัวราชอาณาจักร ซ่ึงในกรณีดังกลาวไดมี คําพพิ ากษาฎีกายนื ยันอํานาจจบั ของเจาพนักงานตํารวจ μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñòôõ/òõðò จําเลยท่ี ๑ เปนเจา พนกั งานตาํ รวจมอี ํานาจจบั กมุ ผูกระทําความผิด สวนอํานาจหนาที่ของพลตํารวจ จันดา จําเลยน้ันปรากฏจากคําเบิกความของ นายพนั ตาํ รวจโท มนู เศวตวรรณ ผกู ํากับการตํารวจภธู รจังหวัดมหาสารคาม ซ่งึ ศาลลา งไดฟงมาวา พลตํารวจภูธรประจํากองตํารวจภูธรจังหวัดมีอํานาจสืบสวนจับกุมผูกระทําความผิดในเขตจังหวัด แมใ นทางปฏิบตั ิกรมตาํ รวจไดว างระเบียบไวว า จะตอ งมคี ําสงั่ จากผูบังคบั บัญชาต้ังแตช้ันผูบงั คับกอง ขึ้นไป พลตํารวจจึงจะออกไปสืบสวนจับกุมผูกระทําผิดไดก็ดี แตก็ยังมีคําส่ังกระทรวงมหาดไทยไววา พลตํารวจภูธรไปปรากฏตัว ณ ที่ใด แมจะเปนท่ีนอกเขตอํานาจของพลตํารวจผูน้ัน ถาปรากฏวามี ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา พลตาํ รวจภธู รผนู น้ั กม็ อี าํ นาจจบั กมุ ได ศาลฎกี าจงึ เหน็ การกระทาํ ของพลตาํ รวจจนั ดา จาํ เลยดงั กลา วเปน การกระทาํ ของเจา พนกั งานผใู ชอ าํ นาจในตาํ แหนง โดยมชิ อบ ขม ขนื ใจใหน ายบญุ ศรี กับพวกมอบปลาใหเ ปนประโยชนแ กตน คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñòõù/òõôò แมจ าสบิ ตาํ รวจ ส. เปนเจา พนกั งานตํารวจประจํา สถานตี ํารวจนครบาลบางขนุ เทยี นก็ตามแต ป.วิ.อาญา มาตรา ๒ (๑๖) จา สบิ ตํารวจ ส. มอี ํานาจและ หนาท่ีในการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนทําการจับกุมปราบปรามผูกระทําผิดกฎหมายได และยังมีอาํ นาจทาํ การสืบสวนคดอี าญาไดต าม ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๑๗ อาํ นาจจบั กุมผกู ระทาํ ผดิ และ สืบสวนคดีอาญาดังกลาวน้ี ไมมีบทบัญญัติกฎหมายใดจํากัดใหปฏิบัติหนาท่ีไดเฉพาะในเขตของท่ี ท่ีเจาพนักงานตํารวจผูนั้นประจําการอยูเทานั้น เจาพนักงานตํารวจดังกลาว จึงมีอํานาจจับกุม ผกู ระทาํ ผดิ และสบื สวนคดอี าญาไดท่ัวราชอาณาจักร

๑๑๓ õ.ô.ò ¢ŒÍจํา¡Ñ´ã¹àÃèÍ× §Ê¶Ò¹·èÕ เนอ่ื งดว ยการจบั กมุ นนั้ เปน การละเมดิ สทิ ธพิ น้ื ฐานของบคุ คล ดงั นนั้ จงึ ตอ งมกี าร ระมดั ระวงั ในการใชอ าํ นาจเปน อยา งมาก นอกจากทก่ี ลา วมาขา งตน เกยี่ วกบั การจบั ทจี่ ะตอ งมหี มายจบั หรือกรณีจําเปนซ่ึงกฎหมายกําหนดเปนขอยกเวนใหจับไดโดยไมตองมีหมายจับดังที่ไดระบุใน มาตรา ๗๘ และในการจบั บคุ คลนน้ั ไมว า จะมหี มายจบั หรอื จบั โดยไมม หี มายจบั เพราะเหตเุ ขา ขอ ยกเวน ก็ตาม แตก ฎหมายยงั กาํ หนดËŒÒÁÁãÔ ËŒ¨ºÑ º¤Ø ¤ÅÀÒÂã¹Ê¶Ò¹·ºèÕ Ò§á˧‹ ดังที่บญั ญตั ิไวใ นมาตรา ๘๑ และ ๘๑/๑ กลาวคอื ๑) ËŒÒÁ¨Ñºã¹·ÕÃè â˰ҹ มาตรา ๘๑ “ไมวาจะมีหมายจับหรือไมก็ตาม หามมิใหจับในท่ีรโหฐาน เวน แตจะไดท ําตามบทบัญญตั ใิ นประมวลกฎหมายนี้ อนั วา ดวยการคน ในที่รโหฐาน” จากมาตราดังกลาวจะเห็นไดวา ¡ÒèѺºØ¤¤Åã¹·èÕÃâ˰ҹ ไมวาจะเปน การจบั ตามหมายจบั หรอื จะเปน การจบั โดยอาศยั ขอ ยกเวน ตามมาตรา ๗๘ กต็ าม ÂÍ‹ Á¨Ð¡ÃÐทาํ äÁä‹ ´Œ àǹŒ á쨋 ÐÁËÕ ÁÒ¤¹Œ ËÃÍ× ÁÕàËμàØ ¢ŒÒ¤¹Œ ä´âŒ ´ÂäÁμ‹ ŒÍ§ÁÕËÁÒ¤Œ¹μÒÁÁÒμÃÒ ùò ท้งั นี้ ดว ยเหตุผลที่ วาการทจ่ี ะเขาไปจับบุคคลในทีร่ โหฐานนั้น เทา กบั วาเปนการเขาไปคนหาตัวบุคคลไปดวย เพราะเปน การเขาไปในท่ีรโหฐานเพ่ือหาตัวบุคคลตามความหมายมาตรา ๕๗ วรรคแรก จึงจําตองพิจารณา ถงึ อาํ นาจในการคน ควบคกู นั ไปกบั อาํ นาจจบั ดว ย จะพจิ ารณาเฉพาะอาํ นาจจบั อยา งเดยี วหาเพยี งพอไม μÑÇÍÂÒ‹ §คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ö÷õ/òôøó วาคําวินิจฉัยเรื่องจับในที่รโหฐาน ตองพิจารณา อยา งเรื่องการคนคละไปดว ย ÊÃØ» การจะจบั บคุ คลใดในทร่ี โหฐาน จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนในเรอ่ื งการคน ในทร่ี โหฐานดว ย ซงึ่ ในสวนทเ่ี ก่ยี วขอ งกบั การจบั กมุ บคุ คล มีดังนี้ (๑) บคุ คลทจ่ี ะถกู จบั นนั้ ไดม กี ารออกหมายจบั ไวแ ลว และไดม หี มายคน เพอ่ื พบตวั บคุ คล ตามหมายจับนน้ั (๒) บุคคลที่จะถูกจับน้ันไดมีการออกหมายจับไวแลว และบุคคลดังกลาวเปน਌ҺŒÒ¹ (รวมถงึ คูส มรสของเจาบาน) μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö ÇÔ¹Ô¨©ÑÂäÇŒÇ‹Ò คําวา “਌ҺŒÒ¹” หมายความถึง ผเู ปน หวั หนา ของบคุ คลทพี่ กั อาศยั อยใู นบา นหลงั นน้ั และรวมตลอดถงึ คสู มรสของผเู ปน หวั หนา เทา นนั้ เพราะบคุ คลดงั กลาวเปนผรู บั ผดิ ชอบในการครอบครองบานและปกครองผูอยูอาศยั ในบานหลังนน้ั

๑๑๔ (๓) บุคคลน้ันอาจถูกจับไดตามประมวลกฎหมายน้ี และมีพฤติการณที่ผูจับ อาจเขาไปในทีร่ โหฐานไดโ ดยไมตอ งมีหมายคน ตามนยั มาตรา ๙๒ (๑) - (๓) เชน มเี สียงรอ งใหชว ย ดงั มาจากในทรี่ โหฐาน เจา พนกั งานมอี าํ นาจเขา ไปไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน และเมอ่ื พบตวั ผกู ระทาํ ผดิ ซ่งึ หนา ก็สามารถจับกุมตัวได หรือพบเห็นการกระทําผิดซึ่งหนา ในท่รี โหฐาน เชน เลน การพนันในบาน เจาพนักงานก็มีอํานาจเขาไปจับกุมไดโดยไมตองมีหมายคนและหมายจับ และถาเปนการไลติดตาม ผกู ระทาํ ผดิ ซง่ึ หนา หลบหนเี ขา ไปในทรี่ โหฐาน เจา พนกั งานกม็ สี ทิ ธติ ดิ ตามเขา ไปจบั กมุ ในทรี่ โหฐานนนั้ ได ¢ÍŒ Êѧà¡μ ๑. หากเปน บคุ คลตามหมายจบั หลบหนเี ขา ไปในทร่ี โหฐาน จะตอ งไปขอหมายคน ไมม อี าํ นาจตดิ ตามเขา ไปจบั กมุ อยา งความผดิ ซงึ่ หนา ๒. กรณีราษฎรเปนผูจับ ÃÒɮùéѹäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñºã¹·ÕèÃâ˰ҹ แมวากําลังพบเห็นความผิดซึ่งหนา และเปน ความผิดทร่ี ะบไุ วใ นบัญชที า ยประมวลฯ กต็ าม เพราะราษฎรไมมีอํานาจในการคน ๒) ËŒÒÁ¨Ñºã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃÒªÇѧ ¾ÃÐÃÒªÇ§Ñ Ç§Ñ ¢Í§¾ÃкÃÁǧÈÒ¹ÇØ §È ÁÒμÃÒ øñ/ñ ºÑÞÞÑμÔÇ‹Ò “ไมว าจะมีหมายจบั หรือไมก ็ตาม หามมใิ หจ ับ ในพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง วังของรัชทายาทหรือของพระบรมวงศต้ังแตสมเด็จเจาฟาข้ึนไป พระราชนเิ วศน พระตาํ หนกั หรอื ในทซี่ ง่ึ พระมหากษตั รยิ  พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศต งั้ แต สมเด็จเจาฟาขึ้นไป หรือผสู าํ เรจ็ ราชการแทนพระองค ประทับหรือพาํ นกั เวน แต (๑) นายกรฐั มนตรี หรอื รฐั มนตรซี งึ่ นายกรฐั มนตรมี อบหมายอนญุ าตใหจ บั และไดแ จงเลขาธกิ ารพระราชวัง หรือสมุหราชองครักษรบั ทราบแลว (๒) เจา พนกั งานผถู วายหรอื ใหค วามปลอดภยั แดพ ระมหากษตั รยิ  พระราชนิ ี พระรัชทายาท พระบรมวงศต้ังแตสมเด็จเจาฟาข้ึนไป หรือผูสําเร็จราชการแทนพระองค เปนผูจับ ตามกฎหมายวาดว ยราชองครกั ษ หรอื ตามกฎหมาย กฎ หรอื ระเบยี บเกี่ยวกบั การใหค วามปลอดภยั ” ¡Ã³¨Õ ѺºØ¤¤ÅÀÒÂã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃÒªÇ§Ñ การจบั ในกรณมี าตรา ๘๑/๑ น้ี แยกเปน ๒ กรณคี อื ๑. เขตทเี่ ปน พระบรมมหาราชวงั พระราชวงั วงั ของรชั ทายาทหรอื พระบรมวงศ ตงั้ แตส มเด็จเจา ฟาข้ึนไป พระราชนิเวศน พระตาํ หนัก ๒. เขตหรอื สถานท่ี ซง่ึ พระมหากษตั รยิ  พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศ ตงั้ แตส มเดจ็ เจา ฟา ขนึ้ ไป ประทบั หรอื เขตทผี่ สู าํ เรจ็ ราชการแทนพระองคพ าํ นกั อยู เชน บรเิ วณพลบั พลา ที่ประทับขณะทําพิธีแรกนาขวัญ ณ บริเวณสนามหลวง หรือบริเวณหองประทับรับรองระหวางที่ พระราชทานปรญิ ญาของมหาวิทยาลยั เปน ตน ดังนั้น การจะจับบุคคลภายในสถานที่ดังกลาว äÁ‹Ç‹Ò¨Ð໚¹¡ÒèѺμÒÁ ËÁÒ¨ѺËÃ×Í¡ÒèѺâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕËÁÒ¨Ѻà¾ÃÒÐà¢μࢌҢŒÍ¡àÇŒ¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø ¡çμÒÁ ¨Ð¡ÃÐทาํ ÁäÔ ´Œ เวน แต ไดร บั อนญุ าตจากนายกรฐั มนตรหี รอื รฐั มนตรี ซงึ่ นายกรฐั มนตรมี อบหมายกอ น และตอ งแจง เลขาธิการพระราชวงั หรอื สมุหราชองครักษรับทราบกอ น

๑๑๕ ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจจะเขาจับกุมบุคคลในสถานท่ีดังกลาว จะตอง ขออนุญาตจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก สํานักนายกรัฐมนตรีเปนผูบังคับบัญชา สํานักงานตํารวจ แหงชาตอิ ยู ¢ÍŒ 椄 à¡μ ๑. การจบั บคุ คลภายในสถานทตี่ ามมาตรา ๘๑/๑ น้ี เปน การจบั บคุ คลทวั่ ไปทอ่ี ยภู ายในเขตสถานทด่ี งั กลา วเทา นน้ั ๒. ถาจะจบั บุคคลซึง่ เปน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÍÂÙ‹¶ÇÒ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ” ตามพระราชบญั ญตั ริ าชองครกั ษ พ.ศ.๒๔๘๐ ซึ่งไดแกราชองครักษ สังกัดกรมราชองครักษ น้ันจะตองดําเนินการตามพระราชบัญญัติราชองครักษ พ.ศ.๒๔๘๐ มาตรา ๑๐, ๑๐ ทวิ และ ๑๐ ตรี ซีง่ึ ใหอ ํานาจแกสมหุ ราชองครักษ หรือเจา พนักงานที่สมหุ ราชองครกั ษแ ตงต้งั ข้ึน ใหบ คุ คล ดังกลา วมอี ํานาจและหนาทเี่ ชนเดยี วกบั พนกั งานฝายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ๓. เขตพระราชวังบางแหงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเปนท่ีμÑ駢ͧʶҹ·èÕÃÒª¡Òà ÁÔä´ŒÍÂً㹤ÇÒÁ´ÙáÅ ¢Í§สํา¹Ñ¡¾ÃÐÃÒªÇѧ เชน วังสราญรมย วังสวนสุนันทา เปนตน เชนนี้ äÁ‹¶×ÍÇ‹Ò໚¹à¢μ¾ÃÐÃÒªÇѧตามความหมายของ มาตรา ๘๑/๑ ¢ÍŒ ¾Ö§ÃÐÇѧสําËÃºÑ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ㹡ÒèºÑ ¡ÁØ จะเห็นไดวาหลักเกณฑการจับกุมบุคคลท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได กําหนดไว เปนหลักเกณฑที่ใชกับบุคคลท่ีเกี่ยวกับการกระทําความผิดอาญาทั่วไป แตอยางไรก็ตาม มีบุคคลบางประเภทที่ไดมีกฎหมายบัญญัติเงื่อนไขไวเปนสําคัญ เชนน้ี เจาพนักงานตํารวจจะตองนํา หลกั เกณฑท กี่ ฎหมายน้นั ๆ มาใชบ งั คับ เชน ¡Ã³Õ¨Ñºà´ç¡ จะตองปฏิบัติตามหลักเกณฑที่กําหนดไวในพระราชบัญญัติศาลเยาวชน และครอบครวั และวิธีพจิ ารณาคดีเยาวชนและครอบครวั ฯ ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ º¤Ø ¤Å¼ÁŒÙ ¤Õ ÇÒÁ¼´Ô »¡μ·Ô Ò§¨μÔ กจ็ ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพจติ ฯ ¡Ã³Õ¨Ñº·ËÒà จะตองปฏิบัติตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย การปฏิบัติและ ประสานงานกรณที หารถูกหาวา กระทาํ ความผดิ อาญา พ.ศ.๒๕๔๔ ¡Ã³¨Õ ºÑ μÇÑ á·¹·Ò§¡Ò÷μÙ จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั วิ า ดว ยเอกสทิ ธแ์ิ ละความคมุ กนั ทางทูตฯ พระราชบัญญัติวาดวยเอกสิทธิ์และความคุมกันของกงสุลฯ และอนุสัญญากรุงเวียนนา วาดวยความสัมพนั ธท างทตู ค.ศ.๑๙๖๑ ขอ ๒๒, ๒๙ ¡Ã³Õ¨ÑºÊÁÒªÔ¡ÊÀҼٌ᷹ÃÒɮà หรือสมาชิกวุฒิสภาในระหวางสมัยประชุม จะตอง ปฏิบตั ติ ามรฐั ธรรมนญู แหงราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา ๑๒๕

๑๑๖ õ.õ ¢Ñé¹μ͹»¯ÔºμÑ Ô㹡ÒèºÑ ¡ÁØ เน่ืองจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาใหอํานาจในการจับกุมแกพนักงาน ฝายปกครองหรือตํารวจ และใหอํานาจจับกุมแกราษฎรท่ีสามารถจับกุมผูกระทําความผิดซึ่งหนาได ในบางกรณี ดงั นัน้ จึงขอแยกขนั้ ตอนปฏบิ ตั ใิ นการจบั กมุ เปน ๒ กรณี กลา วคอื õ.õ.ñ ¡Ã³àÕ ¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹à»¹š ¼ÙŒ¨Ñº ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดวางหลักเกณฑสําหรับการปฏิบัติ สําหรับการเขา ทาํ การจับกมุ ซึง่ พอสรุปไดดังนี้ ๑) ในการจบั นน้ั จะตอ งแจง แกผ ทู จ่ี ะตอ งถกู จบั กมุ นน้ั วา à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง ให ผูถูกจับนั้นไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนทองที่ท่ีถูกจับพรอมกับผูจับ แตถาสามารถนําตัว ผถู กู จบั นน้ั ไปทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนนั้ กใ็ หน าํ ตวั ไป ณ ทที่ าํ การดงั กลา ว และหากผทู ่ีจบั น้ันเหน็ วา จาํ เปนก็ใหจ บั ตวั ไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก) ๒) เจาพนักงานผูจับตองᨌ§¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒใหผูถูกจับทราบ หากมีหมายจับก็ให แสดงหมายจับนนั้ ตอผูถ กู จับ พรอ มทง้ั ᨧŒ ÊÔ·¸¢Ô ͧ¼ŒÙ¶Ù¡¨ºÑ ดงั นี้ ก) มีิสทิ ธทิ ่จี ะไมใหก ารหรือใหการก็ได ข) ถอ ยคาํ ของผถู กู จบั นน้ั อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดไี ด ค) ผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ ๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมที่ สามารถดาํ เนนิ การไดโ ดยสะดวก และไมเ ปน การขดั ขวางการจบั หรอื การควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ทาํ ใหเ กดิ ความไมปลอดภยั แกบุคคลหนึง่ บคุ คลใด ก็ใหเจา พนักงานอนญุ าตใหผถู ูกจับดําเนินการไดต ามสมควร แกก รณี (กรณนี เี้ ปน เรอื่ งทผ่ี ถู กู จบั รอ งขอ มใิ ชเ ปน การบงั คบั ใหเ จา พนกั งานผจู บั ตอ งแจง ใหท ราบ) ในกรณนี ใ้ี หเ จา พนกั งาน ผจู บั น้นั บันทึกการจบั ดงั กลา วไวดวย (มาตรา ๘๓ วรรคสอง) ๔) ถา บคุ คลซง่ึ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม จะหลบหนี ผูจบั มอี าํ นาจใชÇ¸Ô ËÕ Ã×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·Ñé§ËÅÒÂà·‹Ò·Õàè ËÁÒÐÊÁ᡾‹ Äμ¡Ô Òóแหง เรือ่ งในการ จับน้ันได (มาตรา ๘๓ วรรคทาย) ๕) เจา พนกั งานผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวน ทอ งทที่ รี่ ะบไุ วใ นมาตรา ๘๓ และเมอ่ื ถงึ ทน่ี น้ั แลว ใหส ง ตวั ผถู กู จบั แกพ นกั งานตาํ รวจของทท่ี าํ การของ พนกั งานสอบสวนดังกลาว เพอ่ื ดําเนินการตอไป การนาํ ตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวน นอกจากมกี ารแจง ขอ กลา วหา และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแหงการจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบ และอา นใหฟ ง และมอบสําเนาบนั ทกึ การจบั แกผูถูกจับนน้ั (มาตรา ๘๔ (๑)) ๖) ใหพ นกั งานตาํ รวจซง่ึ มผี นู าํ ผถู กู จบั มาสง (ผรู บั มอบตวั ) แจง ผถู กู จบั ใหท ราบ ถึงÊÔ·¸ÔμÒÁÁÒμÃÒ ÷/ñ ã¹âÍ¡ÒÊáá กลาวคอื แจง ใหเ ขาทราบวา เขามสี ิทธิ ดังน้ี

๑๑๗ - มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติหรือผูซึ่งใหถูกจับหรือ ผูตองหาไววางใจทราบถึงการถกู จบั กุม สถานทีท่ ถี่ กู ควบคมุ ในโอกาสแรก - พบและปรึกษาผซู ึ่งจะเปน ทนายความเปน การเฉพาะตัว - ใหทนายความหรือผูซึ่งตนไววางใจเขาฟงการสอบปากคําตนไดในช้ัน สอบสวน - ไดร ับการเยยี่ มหรอื ตดิ ตอกับญาติไดตามสมควร - ไดรับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกดิ การเจ็บปว ย รวมทง้ั จัดใหผูถ กู จับสามารถติดตอกับญาติหรือผซู ่งึ ตนไววางใจ เพอ่ื แจง ให ทราบถึงการจับกุมและสถานท่ีท่ีถูกควบคุมไดในโอกาสแรก เมื่อผูถูกจับมาถึงท่ีทําการของพนักงาน สอบสวน หรือถากรณีผูถูกจับรองขอใหพนักงานตํารวจเปนผูแจง ก็ใหจัดการ ตามคาํ รอ งขอนนั้ โดยเรว็ และใหเ จา พนกั งานตาํ รวจบนั ทกึ การทผ่ี ถู กู จบั ไดแ จง กบั ญาตหิ รอื ผทู ไ่ี วว างใจ หรือการไดจัดการแจงให (ทางปฏิบัติ พนักงานสอบสวนจะไดบันทึกใหปรากฏไวในบันทึกพนักงาน สอบสวน) ในการน้มี ิใหเ รยี กคาใชจ า ยใดๆ จากผถู กู จับ (มาตรา ๘๔ วรรคสอง) ๗) ในกรณีท่ีมีผูนําผูถูกจับมาสง และถาเปนการจับโดยมีหมายของศาล ใหร บี ดาํ เนนิ การสง บคุ คลนนั้ มายงั ศาลทอ่ี อกหมายหรอื พนกั งานเจา หนา ทที่ กี่ าํ หนดไวใ นหมายโดยดว น แตถ า ไมอ าจสง ไปไดใ นขณะนน้ั เนอ่ื งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทาํ การ ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจ ผรู บั ตวั ผถู กู จบั นน้ั มอี าํ นาจปลอ ยตวั ชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ (มาตรา ๘๔/๑) ๘) ในกรณีจําเปนเจาพนักงานตํารวจซึ่งทําการจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับ กอ นนาํ ตัวมาสงพนกั งานสอบสวนกไ็ ด (มาตรา ๘๔ วรรคสาม) ๙) เจาพนักงานผูรับตัวผูถูกจับไว มีอํานาจคนตัวผูตองหา และยึดส่ิงตางๆ ท่อี าจใชเปนพยานหลกั ฐานไวได (ตามมาตรา ๘๕) ๑๐) เม่ือเจาพนักงานตํารวจจับบุคคลตามหมายจับไดแลว ใหรายงานศาลที่ ออกหมายจับทราบโดยเร็วแตตองไมชากวา ๗ วัน นับแตวันจับ (ขอบังคับประธานศาลฎีกาวาดวย หลักเกณฑแ ละวิธีการเกยี่ วกับการออกคําส่ังหรือหมายอาญา ขอ ๒๓) นอกจากวิธีจัดการตามหมายจับท่ีกําหนดไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาฯ แลว สํา¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨáË‹§ªÒμäÔ ´ÁŒ คÕ ําÊÑè§ã¹¡ÒÃกํา˹´á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºμÑ §Ô Ò¹¢Í§ à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ·àèÕ ¡èÂÕ Ç¢ŒÍ§¡Ñº¡ÒÃอํา¹Ç¤ÇÒÁÂμØ Ô¸ÃÃÁ㹤´ÍÕ ÒÞÒänj໹š ¡ÒÃ੾ÒÐ ¤Í× คาํ ʧÑè สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ ·èÕ ôñù/òõõö àÃÍè× § ¡ÒÃอาํ ¹Ç¤ÇÒÁÂμØ ¸Ô ÃÃÁ 㹤´ÍÕ ÒÞÒ ¡ÒÃทาํ สาํ ¹Ç¹¡ÒÃÊͺÊǹáÅÐÁÒμáÒäǺ¤ÁØ μÃǨÊͺàç‹ Ã´Ñ ¡ÒÃÊͺÊǹ¤´ÍÕ ÒÞÒ ลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซงึ่ ไดก ลาวถึงการจบั กุมไวใ นบทท่ี ๒ ซึ่งพอทจ่ี ะสรปุ ไดด ังเปนแนวทาง ปฏิบตั ิในการจบั กุมตามคําส่ัง ตช. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ดงั น้ี

๑๑๘ ๑) การจบั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งᨧŒ ᡼‹ ·ŒÙ ¨Õè ж¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ áÅŒÇสั่งใหผูถูกจับไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองที่ท่ีถูกจับพรอมดวยผูจับทันที เวน แตส ามารถนาํ ไปทที่ าํ การพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนนั้ ใหน าํ ไปทที่ าํ การของพนกั งาน สอบสวนผรู ับผดิ ชอบนัน้ แตถา จาํ เปน ก็ใหจ ับตวั ไป (คําสงั่ ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๒) ๒) μŒÍ§á¨§Œ ¢ÍŒ ËÒใหผ ูถ กู จบั ทราบ หากมีหมายจับใหแสดงตอ ผูถ กู จบั และแจง ดวยวาผูถูกจับมีสิทธิ์ที่จะใหการหรือไมใหการก็ได หากใหการถอยคํานั้นอาจใชเปนพยานหลักฐาน ในการพจิ ารณาคดไี ด และผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ์ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความ หรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความได โดยใหเจา พนกั งานตาํ รวจพูดขอ ความในลกั ษณะตอ ไปนี้ ¡Ã³Õ໚¹¡ÒèѺâ´ÂäÁ‹ÁËÕ ÁÒ¨Ѻ “คณุ (ทา น) ถกู จบั แลว ในขอ หา................... คณุ (ทา น)มสี ทิ ธท์ิ จี่ ะใหก ารหรอื ไมใ หก ารกไ็ ด ถา คณุ (ทา น)ใหก ารถอ ยคาํ น้ันอาจใชเปน พยานหลักฐานในการพจิ ารณาคดไี ด คณุ (ทา น)มีสิทธท์ิ ่จี ะพบและปรึกษาทนายหรือผูซ ึ่งจะเปนทนายความได” ¡Ã³Õ໹š ¡ÒèºÑ â´ÂÁËÕ ÁÒ¨ѺËÃ×ÍคําÊÑ§è ¢Í§ÈÒÅ “คุณ(ทาน) ถูกจับตามหมายจับของศาล..............ที่.............../๒๕...........ลงวันที่................ในขอหา ..............................................คณุ (ทา น)มสี ทิ ธ์ิทีจ่ ะใหก ารหรือไมใ หก ารกไ็ ด ถาคณุ (ทาน)ใหการถอยคาํ นัน้ อาจใชเปน พยาน หลักฐานในการพิจารณาคดไี ด คุณ(ทา น)มสี ทิ ธิท์ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายหรอื ผซู ่งึ จะเปน ทนายความได” นอกจากนี้ใหเจาพนักงานผูจับºÑ¹·Ö¡à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃᨌ§ÊÔ·¸Ôดังกลาวขางตนไว 㹺ѹ·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁดวย โดยใหปรากฏขอความวา “ผจู บั ไดแจงใหผ ูถกู จบั ทราบแลววาทา นตอ งถกู จบั ในขอหาดังกลาวและมีสิทธิท่ีจะใหการหรือไมใหการก็ได ใหการถอยคําน้ันอาจใชเปนพยานหลักฐาน ในการพจิ ารณาคดไี ดแ ละมสี ทิ ธท์ิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู งึ่ จะเปน ทนายความได” จากนนั้ จึงบนั ทึกคําใหการของผูถ ูกจบั ลงในบันทกึ การจบั (คําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๓) ๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซึ่งตนไววางใจทราบถึงการจับ หากเปนการสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผูถูกจับหรือทําใหเกิดความไม ปลอดภัยแกบุคคลใดใหเจาพนักงานอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควรแกกรณี (คําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๔) ๔) หากบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ หรือหลบหนีหรือ พยายามจะหลบหนี ผูทําการจับมีอํานาจใชวิธีหรือการปองกันท่ีเหมาะสมแกพฤติการณแหงเร่ืองใน การจับน้นั (คาํ สงั่ ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๕) ๕) เจา พนกั งานตาํ รวจหรอื ราษฎรผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การ ของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีที่ถูกจับพรอมดวยผูจับ เวนแตสามารถนําไปท่ีทําการของพนักงาน สอบสวนผรู บั ผิดชอบไดใ นขณะนน้ั ใหนาํ ไปที่ทําการของพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบดงั กลาว กรณพี นักงานสอบสวนแหง ทองที่ที่ถกู จบั เปน คนละทอ งท่ีกบั พนกั งานสอบสวน ผรู บั ผดิ ชอบ ใหห วั หนา หนว ยงานทม่ี อี าํ นาจสอบสวนแหง ทอ งทท่ี ถ่ี กู จบั รบี สง ตวั ผถู กู จบั ไปยงั พนกั งาน

๑๑๙ สอบสวนทอ งทที่ ร่ี บั ผดิ ชอบโดยทนั ที และใหค าํ นงึ ถงึ ระยะเวลาในการควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาดว ย (คาํ สั่ง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๖) ๖) กรณีเจาพนักงานตํารวจเปนผูจับใหแจงขอหาและรายละเอียดเกี่ยวกับ เหตุการณจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบและอานใหฟง โดยบันทึกไวใน รายงานประจําวันเกี่ยวกับคดีขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุม โดยใหผูถูกจับลงลายมือชื่อรับทราบไว และ มอบสําเนาบนั ทึกการจับกมุ แกผ ูถกู จับนนั้ โดยใหผูถูกจับลงลายมอื ชอ่ื รบั สําเนาไวใ นบันทึกการจับกุม (คําส่ัง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๗) õ.õ.ò ¡Ã³ÃÕ ÒɮèѺ เนอื่ งจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๗๙ ไดใ หอํานาจแก ราษฎรในการจับกุมได เมื่อเขาหลักเกณฑท่ีกฎหมายกําหนดดังท่ีกลาวมาแลวขางตนคือตองเปนการ กระทําความผิดซึ่งหนาและความผิดนั้นจะตองเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญาและเมื่อราษฎรจับผูกระทําความผิดซึ่งหนาไดแลวน้ัน ประมวลกฎหมาย มาตรา ๘๓ ยังไดก าํ หนดหนาท่ใี หราษฎรผจู บั นน้ั ดําเนินการดังตอ ไปน้ี ๑. μÍŒ §á¨§Œ ᡼‹ ·ŒÙ ¨Õè ж¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง่ั ใหผ ถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การ ของพนกั งานสอบสวนแหง ทอ งทที่ ถี่ กู จบั พรอ มกบั ผจู บั แตห ากสามารถนาํ ตวั ไปยงั ทที่ าํ การของพนกั งาน สอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดในขณะนนั้ กใ็ หนําไป และหากจาํ เปนก็ใหจบั ตัวไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก) ๒. ราษฎรผูจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังสถานท่ีที่ทําการของพนักงานสอบสวน ดงั กลาวตามมาตรา ๘๓ โดยทันที และเมอ่ื ถงึ ที่นน้ั แลวใหÊ §‹ μÑǼٶŒ Ù¡¨Ñºãˌᡋ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹μíÒÃǨของ ท่ีทาํ การของพนกั งานสอบสวนน้นั ๓. ใหเจาพนักงานตํารวจซ่ึงรับมอบตัว ŧºÑ¹·Ö¡ª×èÍ ÍÒªÕ¾ ·ÕèÍÂÙ‹¢Í§¼ÙŒ¨Ñº ÃÇÁ¶Ö§¢ŒÍ¤ÇÒÁáÅоÄμÔ¡ÒóáË‹§¡ÒèѺ¹éѹäÇŒ และให¼ÙŒ¨ÑºÅ§ÅÒÂÁ×ͪ×èÍ¡íҡѺÃÇÁ·éѧᨌ§ ¢ÍŒ ¡ÅÒ‹ ÇËÒáÅÐÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¡ÒèºÑ ã˼Œ ¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒºáÅÐᨧŒ ã˼Œ ¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒº´ÇŒ ÂÇÒ‹ ¼¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ÁÊÕ ·Ô ¸Ôì ¨ÐäÁã‹ Ë¡Œ ÒÃËÃÍ× ãË¡Œ Òáäç ´áŒ Åж͌ ¤Òí ¢Í§¼¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ÍÒ¨ãªàŒ »¹š ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ã¹¡Òþ¨Ô ÒóҤ´äÕ ´Œ โดยบันทึกไวในบันทึกประจําวันเก่ียวกับคดี ขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุมและใหผูถูกจับลงลายมือช่ือ รับทราบไว (มาตรา ๘๔ วรรคแรก (๒) และคําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๘) ๔. ถา บคุ คลซงึ่ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม จะหลบหนีผูทําการจับอาจมีอํา¹Ò¨ãªŒÇÔ¸ÕËÃ×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·éѧËÅÒÂà·‹Ò·èÕàËÁÒÐÊÁá¡‹¾ÄμÔ¡Òó áË‹§àÃ×èͧในการจบั (มาตรา ๘๓ วรรคสาม) ๕. ในการจับนั้นราษฎรซ่ึงทําการจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับเสียกอนนําตัว มาสง เจาพนกั งานตํารวจก็ได (มาตรา ๘๔ วรรคสาม)

๑๒๐ õ.ö ¡ÒÃทาํ º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèºÑ ¡ÁØ บันทึกการจับกุมเปนหลักฐานสําคัญอยางย่ิงตอการดําเนินคดี เพราะบันทึกการจับกุม จะประกอบไปดวย วัน เวลา สถานท่ี ในการจบั กุม ตลอดจนพฤติการณข องผูตอ งหา หรอื บุคคลท่อี ยู ในขณะเกดิ เหตุ คาํ ใหก ารของผตู อ งหา ของกลางทพ่ี บ ดงั นน้ั เจา พนกั งานตาํ รวจจะตอ งใหค วามสาํ คญั กบั การบนั ทกึ การจับกมุ น้เี ปน อยางย่ิง ÊÒÃÐสํา¤ÑÞ㹺¹Ñ ·Ö¡¡ÒèºÑ ¡ÁØ ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ถงึ ความสาํ คญั ของบนั ทกึ การจบั กมุ ซง่ึ ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งมี สาระสาํ คัญ คอื ๑) บนั ทกึ การจับกมุ เปน ไปตามแบบที่ ตร. ไดกําหนดไว (แบบ ส.๕๖ - ๒๗) สง่ิ สําคัญย่งิ ในการทําบันทึกการจับกุมคือ จะตองÃкØÃÒÂÅÐàÍÕ´áË‹§¾ÄμÔ¡Òó เนื่องจากพนักงานสอบสวน สามารถนาํ ขอ เทจ็ จรงิ นน้ั กาํ หนดไวใ นสาํ นวนคดฟี อ งรอ งแกผ กู ระทาํ ความผดิ เพอ่ื ใหศ าลสามารถนาํ ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั มารับโทษตามทกี่ ฎหมายกําหนดได ๒) ขอเท็จจริงท่ีระบุไวในบันทึกการจับกุมตองÊÍ´¤ÅŒÍ§à»š¹àËμØà»š¹¼Å ไมขัดตอ ความเปน จรงิ เพราะหากผจู บั กมุ ระบขุ อ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณไ มส มเหตสุ มผล อาจทาํ ใหค ดเี สยี หายได หรือหากใบบันทึกจับกุมบางสวนมีขอพิรุธ อาจสงผลใหบันทึกการจับกุมทั้งฉบับหมดความนาเชื่อถือ ไปได และดว ยเหตอุ นั ควรสงสยั ทเี่ กดิ จากความบกพรอ งน้ี อาจสง ผลใหศ าลพจิ ารณาพพิ ากษายกฟอ ง เพราะเหตดุ ังกลาวได ๓) ขอ เทจ็ จรงิ ที่ปรากฏในบันทกึ จบั กมุ จะตอ งÊÍ´¤ÅÍŒ §μç¡ÑººÑ¹·¡Ö คาํ ãËŒ¡Òà เพราะ หากขดั แยงกันทาํ ใหเ กิดขอ พิรุธและสง ผลกระทบตอการดําเนนิ คดี ๔) ผูท่ีลงชื่อในบันทึกจับกุม¨ÐμŒÍ§à»š¹¼ÙŒ·èÕÁÕʋǹËÇÁ㹡ÒèѺ¡ØÁน้ัน เพราะจะทราบ ขอ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณท เี่ กดิ ขนึ้ ในขณะจบั กมุ สามารถเปน พยานในชน้ั ศาลได และจะทาํ ใหก ารเบกิ ความ ของพยานสอดคลองกนั เพราะหากพยานคเู บกิ ความขัดแยงกันกจ็ ะสงผลใหศ าลยกฟองคดีน้นั ได ๕) ใหºÑ¹·Ö¡¶ŒÍÂคํา¢Í§¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºÍ‹ҧÅÐàÍÕ´ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย ทรี่ ะบไุ วว า ถอ ยคาํ รบั สารภาพของผถู กู จบั วา ตนไดก ระทาํ ความผดิ นน้ั กฎหมายหามมิใหรับฟง เปน พยานหลักฐานก็ตาม แตถ อยคาํ อนื่ ๆ ทีผ่ ถู ูกจับไดกลา วกับเจาพนักงาน ผจู บั นนั้ เชน คาํ บอกกลา วถงึ เหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขนึ้ สง่ิ ทเ่ี กยี่ วขอ งเหลา น้ี ศาลจะรบั ฟง เปน พยานหลกั ฐาน เพ่อื พิสูจนความผิดของผถู ูกจับได แตจ ะตองมกี ารแจงสทิ ธิ์แกผูถกู จับนนั้ แลว (มาตรา ๘๔ วรรคทาย) ๖) บนั ทกึ การจบั กมุ ไมว า จะเขยี นดว ยหมกึ หรอื พมิ พก ต็ าม ถา Á·Õ ¼Õè ´Ô ·ãÕè ´ ËÒŒ ÁÁãÔ Ë¢Œ ´Ù ź แตใหขีดฆาคําผิดน้ันแลวเขียนใหม แลวใหเจาพนักงานผูแกไขน้ันลงนามยอรับรองไวขางกระดาษ กรณีถอยคําตกเตมิ เมอ่ื เติมขอ ความแลวเจา พนักงานผเู ตมิ ขอ ความตอ งลงนามยอ กํากบั ไว

๑๒๑ ๗) สาระสําคัญที่ตองระบุในบันทึกการจับกุมนั้น นอกจากสถานท่ีทําบันทึกการจับกุม วนั เดอื นปท ท่ี าํ การจบั กมุ ชอ่ื ตาํ แหนง ผจู บั กมุ ชอื่ อายุ สญั ชาติ ภมู ลิ าํ เนาของผถู กู จบั แลว สงิ่ ทสี่ าํ คญั คือ ๑. จะตอ งมีขอ ความทีร่ ะบุวาไดÁ¡Õ ÒÃᨌ§Ç‹Òà¢ÒμŒÍ§¶¡Ù ¨Ñº ¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒ áÅÐä´ŒÁÕ ¡ÒÃᨌ§Ê·Ô ¸ìáÔ ¡‹ผูถูกจับ ๒. การกระทาํ ท้งั หลาย ทอ่ี างวาผูถูกจบั ไดกระทําความผดิ ๓. วนั เดอื น ป และเวลา ตลอดจนสถานท่ี ซง่ึ เกิดการกระทําความผิด และจบั กมุ ๔. ถอ ยคาํ (คําใหการ) ของผูถูกจบั ๕. ขอเทจ็ จรงิ รายละเอยี ดทเี่ กีย่ วขอ ง ๖. ของกลาง, พยานหลักฐาน ๗. การเขียนแผนทเ่ี กิดเหต,ุ ภาพถา ยสถานทีเ่ กดิ เหตุ ๘. ลายมอื ช่อื ผูถูกจับ ผูจับ ผบู ันทึก และพยาน

๑๒๒ ¢ÍŒ Êѧà¡μ ๑) ในการจบั กมุ ใชห ลกั เกณฑท ก่ี าํ หนดไวใ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา นอกจากน้ี ไดม คี าํ พพิ ากษา ศาลฎกี าท่ไี ดว างหลักเกณฑในเร่ืองของการจับกมุ ไว กลา วคอื (๑) การจบั แมจ ะเปน การ¨ºÑ º¤Ø ¤Åã¹·ÊÕè Ò¸ÒóР¡¨ç ÐμÍŒ §ÁËÕ ÁÒ¨ºÑ เวน แตจ ะเขา ขอ ยกเวน ตามประมวล กฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๘ (๒) กรณมี ¼ี ¢ŒÙ Íã˨Œ ºÑ â´ÂᨧŒ ÇÒ‹ º¤Ø ¤Å¹¹Ñé ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô áÅÐᨧŒ ´ÇŒ ÂÇÒ‹ ä´ÃŒ ÍŒ §·¡Ø ¢ä ÇμŒ ÒÁÃÐàºÂÕ º¹¹Ñé äÁ‹à»š¹¢ŒÍ¡àÇŒ¹·èÕãËŒอํา¹Ò¨¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧËÃ×ÍตําÃǨ¨Ñºâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕคําÊÑè§ËÃ×ÍËÁÒ¢ͧÈÒÅ เน่ืองจากมิใชกรณี เปนความผิดซึง่ หนาหรอื มเี หตุจําเปนอยางอนื่ ท่ีใหจบั ได (บันทกึ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรอ่ื งเสร็จที่ ๔๕๒/๒๕๔๖ (หารือปญ หาขอกฎหมายเดยี วกบั การจบั กมุ ฯ)) ดงั น้นั กรณดี ังกลา วจงึ จบั กมุ มไิ ด (๓) การทาํ บันทกึ การจับกุมจะบนั ทึก ณ ทีเ่ กิดเหตุ หรอื สถานีตํารวจ ก็สามารถกระทําไดเพราะ¡®ËÁÒ äÁ‹ä´ŒºÑ§¤ÑºÇ‹Ò ¨ÐμŒÍ§ทําºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁã¹Ê¶Ò¹·èÕ·èըѺ¡ØÁ การทําบันทึกการจับกุมที่สถานีตํารวจซึ่งกระทําในเวลา ไลเ ลี่ยกัน จึงกระทําได (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๒๘๙๒/๒๕๓๖) (๔) แมป ระมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย จะบญั ญตั มิ ใิ หน ําคาํ รับสารภาพ น้ันจับกุมเปนพยานหลักฐานก็ตาม แต¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ×蹫Öè§à»š¹¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·Õè»ÃÒ¡¯ã¹คําÃѺÊÒÃÀÒ¾ กฎหมายมิไดหามนํามา รับฟงเสียทีเดียว ดังน้ัน ขอความหรือขอเท็จจริงใด ซ่ึงมิใชคํารับสารภาพวาเปนผูกระทําความผิด หากเจาพนักงานตํารวจ ไดแจง สิทธใิ นขณะทผี่ นู ัน้ ถูกจบั แลว กฎหมายไมไ ดห ามมิใหรบั ฟง เสียทเี ดยี ว (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๑๒๘๐/๒๕๕๗) (๕) ¡ÒÃäÁ‹á¨Œ§ÊÔ·¸Ôตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ทําãËŒºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁ äÁÍ‹ Ò¨ÃѺ¿˜§ä´Œ (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๔๐๖๓/๒๕๔๙) ๒) บันทึกการจับกุมเปนสิ่งสําคัญอยางยิ่งตอการสอบสวนดําเนินคดี เพราะจะเปนสิ่งท่ีบงบอกวามีการ กระทําความผดิ หรือไม ดงั น้ัน (๑) ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งŧÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¾Äμ¡Ô Òóต า งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ขอ เทจ็ จรงิ ทเี่ จา พนกั งานตาํ รวจ ผูเขา ทาํ การจบั กุมไดดําเนินการอะไรบาง เชน กอ นเขาทําการจบั กมุ ไดมกี ารเฝาสะกดรอยตดิ ตามผูกระทาํ ความผดิ มีการใช สายลับเขา ไปสงั เกตการณเ กบ็ ขอมลู และไดข อเทจ็ จริงอยา งไรบาง (๒) จะตองมีรายละเอียดท่ีแสดงใหเห็นวาผูกระทําความผิดนั้นä´Œ¡ÃÐทํา¡ÒÃáÅÐ㪌ÇÔ¸Õ¡ÒÃÍ‹ҧäÃบาง ทเี่ ขา องคป ระกอบความผิด (๓) มีÀÒ¾¶‹ÒÂáÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ÍÐäÃบางท่ีสามารถนําไปในการยืนยันถึงการกระทําความผิด ตลอดจนการทาํ แผนผงั แสดงใหเ หน็ ถงึ การเชอ่ื มโยงของผรู ว มกระทาํ ความผดิ วา ใครทาํ หนา ทอี่ ยา งไรในการทกี่ ระทาํ ความผดิ ไดท าํ เปน ขบวนการ เพราะจะสามารถดาํ เนนิ คดกี บั ผกู ระทาํ ความผดิ ทกุ คนทเ่ี กยี่ วขอ งไดอ ยา งถกู ตอ งและในขอ หาทหี่ นกั ขน้ึ ได (๔) ในกรณีผูเสียหายเปนเด็ก จะตองºÑ¹·Ö¡äÇŒãËŒªÑ´à¨¹Ç‹Òà´ç¡àÃèÔÁ¶Ù¡ÅÐàÁÔ´ËÃ×Ͷ١¡ÃÐทํา¤ÃÑé§áá μéѧáμ‹àÁ×èÍäËË และ¤ÇÃนําคําÊÑÁÀÒɳ¢Í§¹Ñ¡¨ÔμÇÔ·ÂÒËÃ×͹ѡÊѧ¤ÁÇÔ·ÂÒ·ÕèࢌÒËÇÁÊÑÁÀÒɳà´ç¡¹Ñé¹ÁÒÃÇÁ¡Ñº ºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁดวย เพ่ือยืนยันความชัดเจน กรณีไมชัดเจนเรื่องอายุเด็ก ควรจะตองบรรยายไวดวยวา จากการสังเกต เรื่องพฤตกิ รรมการพูดคุย ลกั ษณะรูปราง มีเหตอุ นั ควรเชอ่ื ไดว า ผูเ สียหายอายตุ า่ํ กวา ๑๘ ป

๑๒๓ ป.จ.ว.ขอ...................เวลา.........................น. คดีอาญาท่.ี ................................................... บญั ชีของกลางลาํ ดับที่................................... º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèѺ¡ØÁ สถานทบ่ี นั ทกึ ............................................................................................................................................ วนั /เดอื น/ป ทบ่ี นั ทกึ ................................................................................................................................... วนั /เดอื น/ป ทจ่ี บั กมุ .................................................................................................................................... สถานทจ่ี บั กมุ ท.ี่ ....................................................................บา นเลขท.่ี ......................หม.ู ................. ตรอก/ซอย......................................แขวง/ตาํ บล.....................................เขต/อาํ เภอ.................................. จงั หวดั ...................................นามเจา พนกั งานตาํ รวจทท่ี าํ การจบั กมุ .....(ระบยุ ศ ชอ่ื นามสกลุ ตาํ แหนง สังกดั ของเจา พนักงานตาํ รวจทีท่ ําการจบั กมุ ทุกคน)....................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ไดร วมกันจบั กมุ ตวั ......................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... พรอ มดว ยของกลางม.ี ........................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... (Ê õö - ò÷)

๑๒๔ (๒) ตาํ แหนง ทพ่ี บของกลาง........................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. โดยกลา วหาวา ..................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... พรอมทั้งแจง ใหผูถกู จบั ทราบดว ยวา ๑. ผถู กู จับมสี ิทธิทจ่ี ะไมใหการหรอื ใหการก็ได ๒. ถอยคําของผถู ูกจบั น้นั อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด ๓. ผูถ ูกจับมีสทิ ธิจะพบและปรึกษาทนายหรือผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ ๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ีสามารถ ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม ปลอดภยั แกบ คุ คลหนง่ึ บคุ คลใด เจา พนกั งานสามารถอนญุ าตใหผ ถู กู จบั ดาํ เนนิ การไดต ามสมควรแกก รณี ขณะจบั กมุ ผถู กู จบั รบั ทราบขอ กลา วหา และสทิ ธขิ องผถู กู จบั ดงั กลา วขา งตน แลว และใหก าร.................. ............................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. เหตเุ กดิ ท.่ี .............................................................................................................................................. เมอื่ วนั ท.ี่ ...................เดอื น...........................................พ.ศ. .................. เวลา............................น. อนง่ึ ในการจบั กมุ ครงั้ นี้ เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั มไิ ดท าํ ใหท รพั ยส นิ ของผใู ดเสยี หาย สญู หาย หรอื เส่ือมคา แตป ระการใด และมิไดท ําใหผ ูใดไดร ับอนั ตรายแกกาย หรือจิตใจแตอ ยา งใด ไดอ านบันทึกน้ใี หผถู กู จับฟงแลว รับวา ถูกตอ ง จงึ ใหลงช่อื ไวเ ปนหลักฐาน (Ê õö - ò÷) (ลงชื่อ) ........................................................ผถู ูกจบั (ลงชือ่ ) ........................................................ผูถกู จับ (ลงชอื่ ).........................................................ผจู ับ ตําแหนง...................................................... (ลงชอ่ื ).........................................................ผูจบั ตาํ แหนง ...................................................... (ลงช่ือ).........................................................ผูจบั /บนั ทกึ /อาน ตําแหนง ......................................................

๑๒๕ º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèѺ¡ÁØ ¼ŒÙμŒÍ§ËÒ·èÕ໹š à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹ สถานท่ีทาํ บันทกึ ............................................................................................................................................................. วัน/เดือน/ป ท่บี ันทกึ .......................................................................................................................................................... วนั /เดือน/ป ท่ีจับกุม ............................................................................................................................................................ สถานที่จบั กมุ ............................................................................................................................................................. เจาหนา ทีต่ าํ รวจผจู บั ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไดแ จง แกผทู ่ถี กู จับตามรายชือ่ ขางลา งวา เขาตองถูกจับ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. เจาหนา ท่ีตาํ รวจผจู ับไดแจง ขอกลาวหาใหผ ถู กู จับทราบวา ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไดแจงใหผ ูถกู จบั ทราบวา ๑. ผูถูกจบั มีสทิ ธทิ ี่จะไมใ หก ารหรอื ใหก ารกไ็ ด ๒. ถอยคําของผูถ กู จับน้ันอาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดีได ๓. ผถู กู จบั มีสทิ ธจิ ะพบและปรกึ ษาทนายหรอื ผูซ่งึ จะเปน ทนายความ ๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมที่สามารถ ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม ปลอดภัยแกบุคคลหนึ่งบุคคลใด เจาพนักงานสามารถอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควร แกกรณี (ส ๕๖ - ๒๘)

๑๒๖ (๒) ผูถูกจับรับทราบสทิ ธิแลว ( ) ไมขอดาํ เนินการตามขอ ๔ ( ) ขอดําเนนิ การตามขอ ๔ และไดด าํ เนินการเรียบรอ ย ( ) ขอใหการรับวาเปนบคุ คลตามหมายจับ และยังไมเ คยถกู ดําเนินคดนี ี้มากอ น ในการจับกมุ ผูตองหาครั้งนี้ เจาหนา ทตี่ าํ รวจชดุ จบั กุมไดก ระทาํ ไปตามอาํ นาจและหนา ที่ โดย มีหมายจบั มคี าํ ส่ังศาล กระทําความผดิ ซ่ึงหนา ดงั ไดบ ญั ญัติไวในมาตรา ๘๐ มีพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ันนาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแก บคุ คลหรอื ทรพั ยส นิ ของผอู นื่ โดยมเี ครอื่ งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สามารถอาจใชใ นการกระทาํ ความผดิ เมอ่ื มเี หตทุ จี่ ะออกหมายจบั บคุ คลนนั้ ตามมาตรา ๖๖ (๒) แตม คี วามจาํ เปน เรง ดวนท่ีไมอาจขอใหศาลออกหมายจบั บคุ คลนน้ั ได เปน การจบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทหี่ นหี รอื จะหลบหนใี นระหวา งถกู ปลอ ย ชั่วคราว ตามมาตรา ๑๑๗ การปฏบิ ตั ิของเจาพนกั งานผจู ับตอ เดก็ หรือเยาวชนผถู ูกจับ กระทําโดย (ม.๖๙) แจงแกเ ด็กหรือเยาวชนวาเขาตอ งถกู จับ แจง ขอกลาวหารวมทง้ั สทิ ธิตามกฎหมายใหท ราบ กรณีมหี มายจบั ไดแสดงตอ ผถู กู จับ นาํ ตัวไปยังที่ทาํ การของพนักงานสอบสวนแหง ทองทท่ี ่ีถูกจบั ทันที แจง เหตแุ หง การจบั กมุ ใหบ ดิ า มารดา ผปู กครอง บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร ซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศยั อยูดว ย กรณอี ยดู ว ยในขณะจับกุม / ในโอกาสแรกเทา ที่สามารถทําได ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ โดยแจง ขอ กลา วหาและรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผ ถู กู จบั ทราบ และไดก ระทําตอหนา ผปู กครอง บคุ คลหรือผูแทนองคก ารซง่ึ เด็กหรอื เยาวชนอยูดวย ในกรณี ทขี่ ณะทําบนั ทกึ มีบคุ คลดังกลา วอยดู วย ในการจบั กมุ และควบคมุ ไดก ระทาํ โดยละมนุ ละมอ ม โดยคาํ นงึ ถงึ ศกั ดศิ์ รคี วามเปน มนษุ ย และไมเ ปน การประจานมไิ ดใ ชว ธิ กี ารเกนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอื่ ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอ่ื ความปลอดภยั ของเด็กหรอื เยาวชนผูถูกจบั หรือบคุ คลอนื่ และมิไดใชเครอื่ งพนั ธนาการแกเ ด็ก เจาหนาที่ตํารวจผูจับไดอานบันทึกใหผูถูกจับฟงแลวและผูถูกจับไดอานดวยตนเองแลว รบั วา ถกู ตอ งและไดม อบสาํ เนาบนั ทกึ การจบั กมุ ใหแ กผ ถู กู จบั เรยี บรอ ย จงึ ใหล งลายมอื ชอ่ื ไวเ ปน หลกั ฐาน (ลงช่อื )....................................................ผูถกู จับ (ลงช่ือ) ...................................................ผปู กครอง (ถาม)ี (ลงชือ่ ).............................................ผจู บั กุม (ลงชื่อ)........................................ผูจบั กุม (ลงชอื่ ).............................................ผจู บั กมุ (ลงชอ่ื )........................................ผูจบั กุม (ลงช่ือ).............................................ผจู บั กุม (ลงชอื่ ).........................................ผจู บั กมุ /บนั ทกึ (ส ๕๖ - ๒๘)

๑๒๗ μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò ¡ÒèѺ ñ. ¡ÒÃᨌ§Ê·Ô ¸Ô คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè óðóñ/òõô÷ นายดาบตํารวจ ป. พบ ส. ผูตองหาซ่ึงมีการออก หมายจับไวแลว นายดาบตํารวจ ป. ยอมมีอํานาจจับกุมตัวไดโดยไมตองมีหมายคน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๗๘(๓) เปน การปฏิบัติหนา ที่ โดยชอบดวยกฎหมาย คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ôðöó/òõôù เม่ือมีการจับกุมตัวจําเลยท้ังสามและแจงขอหาแก จาํ เลยทง้ั สามแลว ไมป รากฏวา ไดม กี ารแจง สทิ ธใิ หจ าํ เลยทง้ั สามทราบ ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๗ ทวิ (เดมิ ) ซึ่งเปนบทบังคับใหผูจับมีหนาที่ตองแจงสิทธิใหผูตองหาทราบถึงสิทธิ รวม ๓ ประการ โดยเฉพาะ ประการที่ ๑ คือพบและปรึกษาผูท่ีเปนทนายสองตอสอง ดังนั้น บันทึกการจับกุมของจําเลยท้ังสาม จึงไมอ าจรับฟง ได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè øñôø/òõõñ บนั ทกึ การจบั กมุ ทจี่ าํ เลยใหก ารรบั สารภาพนน้ั จบั กมุ ไมมีขอความวาผูถูกจับมีสิทธิจะใหการหรือไมใหการก็ได กับไมมีขอความวาถอยคําของผูถูกจับนั้น อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดีได จึงไมอ าจอางเปน พยานหลกั ฐานได เพราะเปนพยาน หลกั ฐานชนดิ ท่เี กิดขึ้น โดยไมช อบ ò. ¡ÒÃนาํ μÇÑ ¼Œ¶Ù ¡Ù ¨ºÑ ä»Â§Ñ ·Õèทํา¡Òþ¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ·Ñ¹·Õ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ôò÷÷/òõõõ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง บัญญัติให เจาพนักงานผูทําการจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนโดยทันที การท่ี พยานโจทกกับพวกไมไดนํา ฉ. และจําเลยพรอมของกลางสงมอบแกพนักงานสอบสวนสถานี ตํารวจภูธรเมืองชลบุรี ซ่ึงเปนทองท่ีเกิดเหตุในทันที แตกลับนํา ฉ. และจําเลยไปตรวจปสสาวะและ สารเสพตดิ จากนัน้ นําไปที่สถานีตาํ รวจทางหลวง ๑ เขตลาดกระบงั กรงุ เทพมหานคร และควบคมุ ตวั ไวท่ีสถานีตํารวจทางหลวง ๑ อีกหลายช่ัวโมง จึงไดนําบุคคลท้ัง ๒ ไปสงมอบแกพนักงาน สอบสวนสถานีตํารวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไมปรากฏเหตุผลและความจําเปนใดๆ ที่ตองทําเชนน้ัน ถงึ แมว า เจา พนกั งานผจู บั กมุ จะอา งวา เพอ่ื ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ ทาํ ประวตั อิ าชญากรและสบื สวนขยายผล ก็ตาม ก็เปนเหตุผลที่ฟงไมข้ึน ขัดตอ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง สวนบันทึกการจับกุม ที่ระบุวาจําเลยใหการรับสารภาพน้ันก็ไมสามารถนํามารับฟงเปนพยานหลักฐานไดตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคสุดทา ย

๑๒๘ ó. º¹Ñ ·Ö¡¡ÒèѺ¡ÁØ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óñò/òõõõ ศาลไมไดรับฟงคําใหการรับสารภาพของจําเลย ทงั้ สามวา ไดก ระทาํ ความผดิ ในชนั้ จบั กมุ มารบั ฟง ใหเ ปน ผลรา ยแกจ าํ เลยทงั้ สาม เพยี งแตร บั ฟง ถอ ยคาํ ๆ ทป่ี ระกอบรายละเอยี ดของบนั ทกึ การจบั กมุ เกย่ี วกบั การตดิ ตอ นาํ เงนิ มาใชล อ ซอื้ เมทแอมเฟตามนี ของ เจาพนักงานตาํ รวจเทา นัน้ ซงึ่ ไมมีกฎหมายหา มมิใหร บั ฟง คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñøôù/òõõõ แม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคทาย จะบญั ญัติมิใหน ํา คาํ รบั สารภาพชนั้ จบั กมุ เปน พยานหลกั ฐานกต็ าม แตข อ ความอนื่ ซง่ึ เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทปี่ รากฏในคาํ ใหก าร รับสารภาพน้ัน กฎหมายมิไดหามนํามารับฟงเสียทีเดียว มิฉะน้ันแลว คงไมตองทําบันทึกการจับกุม และสอบถามคําใหก ารของผถู ูกจับไวตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสาม คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ õùõ÷/òõõõ ถอยคําตามบันทึกการจับกุมท่ีวา มีการตรวจคน พบธนบัตรท่ีใชลอซื้อและจําเลยรับวาเปนธนบัตรท่ีตนไดมาจากการจําหนายเมทแอมเฟตามีนจริง กบั คาํ เบกิ ความของเจา หนา ทต่ี ํารวจผจู ับกมุ ท่ยี นื ยันวา จาํ เลยรับวาตนกัญชาตนเปนผปู ลูก เปนเพยี ง ถอ ยคาํ อน่ื ทจ่ี าํ เลยใหไ วแ กเ จา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ มใิ ชค าํ รบั สารภาพในชนั้ จบั กมุ จาํ เลย เมอ่ื ปรากฏตาม บนั ทกึ จบั กมุ วา เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ แจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยครบถว นตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๓ วรรคสอง แลว การท่ีศาลอุทธรณภาค ๕ นําถอยคําอื่นของจําเลยมารับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน ความผดิ จาํ เลยในฐานความผิดดังกลา วได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñòøð/òõõ÷ จาํ เลยทง้ั สองขบั รถหลบหนที นั ทที เ่ี หน็ เจา พนกั งานตาํ รวจ จนถกู ตดิ ตามจบั กมุ ตวั ได พรอ มกบั มปี ระแจและคมี อนั เปน เครอื่ งมอื ทอี่ าจใชใ นการลกั รถจกั รยานยนตไ ด โดยงา ย แลว รบั ในขณะนน้ั วา รว มกนั กอ เหตลุ กั รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายและของบคุ คลอนื่ อกี หลายราย ในหลายทองที่แลวถอดแผนปายทะเบียนทิ้งบอนํ้าและนํารถจักรยานยนตไปขายใหรานขายของเกา ในเขตอาํ เภอพานทองตามบนั ทกึ การจบั กมุ และเจา พนกั งานตาํ รวจยงั ตามไปตรวจยดึ ไดแ ผน ปา ยทะเบยี น รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายในบอ นา้ํ ตามทจ่ี าํ เลยทง้ั สองนาํ ช้ี บนั ทกึ การจบั กมุ ดงั กลา วนอกจากเปน ถอยคํารับสารภาพของจําเลยทั้งสองแลว ยังมีรายละเอียดเก่ียวกับสถานท่ีนําทรัพยท่ีลักไปขายและ การนําช้ีจุดทิ้งแผนปายทะเบียนดวย อันเปนถอยคําอื่นท่ีอาจรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน ความผดิ ของจาํ เลยทงั้ สองได ทง้ั ปรากฏวา เจา พนกั งานตาํ รวจแจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยทงั้ สองกอ นทจี่ ะใหถ อ ยคาํ ดงั กลา วแลว จงึ ไมต อ งหา มมใิ หร บั ฟง ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคทา ย นอกจากนใ้ี นชน้ั สอบสวนจาํ เลย ทงั้ สองกใ็ หก ารรบั สารภาพมขี อ เทจ็ จรงิ อนั เปน รายละเอยี ดสอดคลอ งกบั พฤตกิ ารณแ หง การกระทาํ ความผดิ ของจําเลยท้ังสอง โดยพนักงานสอบสวนไดแจงสิทธิของผูตองหาแกจําเลยท้ังสองทราบกอนใหการ และจาํ เลยทงั้ สองลงลายมอื ชอ่ื ในบนั ทกึ คาํ ใหก ารนนั้ แลว จงึ รบั ฟง เปน พยานหลกั ฐานในการพสิ จู นค วามผดิ ของจาํ เลยทัง้ สองไดต าม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๑๓๔/๔ แมบันทกึ การจบั กุมและคาํ ใหการชน้ั สอบสวนเปน พยานบอกเลา ซึ่งตอ งรับฟง ดวยความระมัดระวงั แตตามสภาพ ลกั ษณะ แหลงทีม่ า และขอ เทจ็ จริง แวดลอมของบันทึกการจับกุมและคําใหการดังกลาวซึ่งตรงกับที่จําเลยท้ังสองนําช้ี และพบบนแผน

๑๒๙ ปายทะเบียนของกลาง นาเช่ือวาจะพิสูจนความจริงไดและมีคุณคาเชิงพิสูจนที่สามารถสนับสนุนให คาํ เบกิ ความของพยานโจทกม คี วามนา เชอ่ื ถอื มากขน้ึ จงึ มนี า้ํ หนกั รบั ฟง ได ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๑) และมาตรา ๒๒๗/๑ ô. à¨ÒŒ ºŒÒ¹ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö คําวา เจาบาน ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๒(๕) หมายถึง ผูเปนหัวหนาของบุคคลท่ีอาศัยอยูในบานหลังน้ัน และรวมตลอดถึงคูสมรสของผูเปน หัวหนาเทาน้ัน เพราะบุคคลดังกลาวเปนผูรับผิดในการครอบครองบานและปกครองผูอยูอาศัยใน บานหลังนั้น หาไดรวมถึงผูท่ีอยูในบานทุกคนไม ตามทะเบียนบานหลังเกิดเหตุ บ. บิดาจําเลยเปน หัวหนา มีช่ือจําเลยอยูในฐานะเปนบุตร จําเลยจึงไมไดอยูในฐานะเปนเจาบานตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๒(๕) การทผ่ี เู สยี หายกบั พวกเขา ไปจบั กมุ จาํ เลยในบา นดงั กลา วตามหมายจบั แตไ มม หี มายคน ทงั้ ผเู สยี หายกบั พวกมใิ ชต าํ รวจชน้ั ผใู หญท จี่ ะทาํ การคน โดยไมต อ งมหี มายคน จงึ เปน การจบั กมุ โดยมชิ อบตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๑ และเปนการจับกุมโดยไมมีอํานาจ จําเลยจึงชอบท่ีจะปองกันสิทธิของตน ใหพ น จากภยนั ตรายอนั เกดิ จากการจบั กมุ โดยมชิ อบเชน นนั้ ได หากจาํ เลยจะชกตอ ยผเู สยี หายจรงิ กเ็ ปน การกระทําเพ่ือปองกันสิทธิของตนพอสมควรแกเหตุ และไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน ในการปฏบิ ัติการตามหนา ทแ่ี ละทาํ รายรางกาย บ. บิดาจําเลยเปนหวั หนา เปน เจาบาน ถา บ. ถกู ออก หมายจับแลวเจาพนกั งานตาํ รวจไปพบ บ. ในทร่ี โหฐานซง่ึ เปนบา นของ บ. ซ่งึ เปนบุคคลท่ีมีหมายจบั ของศาลกส็ ามารถเขา ไปจบั ได เพราะผถู กู จบั เปน เจา บา นไมจ าํ ตอ งมหี มายคน แตค นถกู จบั เปน ลกู ของ เจา บา นไมใ ชเ จา บา น เมอื่ จาํ เลยทาํ รา ยรา งกายตอ เจา พนกั งานกเ็ ปน การกระทาํ เพอ่ื ปอ งกนั สทิ ธขิ องตน พอสมควรแกเ หตุ แตไ มม คี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั หิ นา ทแี่ ละทาํ รา ยรา งกาย

๑๓๐ õ.÷ ¡ÒäǺ¤ØÁ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๒ (๒๑) ไดใ หน ยิ าม ควบคุม หมายความถึง “การควบคุมหรือกักขังผูถูกจับโดยพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจ ในระหวา งสบื สวนและสอบสวน” จะเหน็ ไดว า การควบคมุ เปนผลท่ีเกิดตามมาจากการจับกมุ เม่ือผถู กู จบั ตกอยใู นอาํ นาจ ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจแลว จะทาํ ใหผ ถู กู จบั นน้ั ถกู บน่ั ทอนอสิ รภาพในการเคลอื่ นไหว หรือเคลื่อนยาย และเม่ือผูถูกจับถูกควบคุมตัวแลว อํานาจควบคุมน้ีจะมีผลตอเน่ืองไปจนกวาจะพน กําหนดระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาตใหทําการควบคุม หรือเมื่อผูถูกจับไดรับการปลอยช่ัวคราว หรือศาลมีคาํ ส่ังขงั แทนการควบคมุ ¼ÙÁŒ Õอาํ ¹Ò¨¤Çº¤ØÁ จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔ น้ัน ทําใหเห็นไดวา ผูมอี ํานาจในการควบคุมตวั ผถู ูกจบั ไดแ ก - พนักงานฝายปกครองหรือตาํ รวจ - ราษฎร ในกรณีที่ราษฎรมีอํานาจจับตามกฎหมาย ซึ่งจะตองนําตัวผูถูกจับมาสง ใหก ับพนักงานฝา ยปกครองหรือตาํ รวจ - พนักงานสอบสวน ซ่ึงเปนการควบคมุ ในระหวางทาํ การสอบสวน õ.÷.ñ Ç¸Ô Õ¡ÒäǺ¤ÁØ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๖ ไดระบุไวอยางชัดเจน วา “หามมใิ หใ ชว ิธีควบคมุ ผถู กู จับเกนิ กวา ท่จี ําเปน เพ่ือปองกันมิใหเ ขาหนเี ทานนั้ ” และจากคําส่งั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรอ่ื ง การอาํ นวยความยตุ ธิ รรมในคดอี าญา การทาํ การสอบสวน และมาตรการควบคมุ ตรวจสอบ เรงรดั การสอบสวนคดีอาญา ขอ ๔๓ ก็ไดร ะบุเชนเดียวกนั วา “หา มมิใหค วบคุมผถู กู จับไว เกินกวาความจําเปนแกพฤติการณแหงคดี และใหพนักงานสอบสวนน้ันทราบถึงอํานาจการควบคุม ของพนักงานสอบสวนและศาล” เนอ่ื งจากการควบคมุ ตวั นน้ั เปน การจาํ กดั สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐานของบคุ คลในการมอี สิ รภาพ ตอการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนท่ีอันกระทบตอสิทธิมนุษยชน แตเน่ืองจากมีเหตุการณท่ีบงช้ีวาบุคคล ที่ถูกควบคุมตวั นัน้ อาจมสี ว นหรอื เกี่ยวของกับการกระทําความผดิ ซ่ึงหากปลอยปละละเลยกอ็ าจสง ผลกระทบตอ ความสงบและเรียบรอยทางสงั คมได กฎหมายจงึ ตองใหอ าํ นาจแกเ จาพนักงานรัฐในการ ท่ีจะควบคุมบุคคลที่ถูกจับนั้นได แตเปนการกําหนดในลักษณะทั่วไป คือ ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¹Ñé¹ ¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÑ´ÊÔ¹ã¨Ç‹Ò¨Ð㪌ÇÔ¸Õ¡ÒäǺ¤ØÁÍ‹ҧã´äÁ‹ãËŒà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹à¾×èÍ»‡Í§¡Ñ¹ÁÔãËŒ ¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºË¹Õ «è§Ö ¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÒÁ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô áÅÇŒ áμ¡‹ óæÕ ä»

๑๓๑ ¢ŒÍ·àÕè ¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼Ù¤Œ Ǻ¤ÁØ ¼Œ¨Ù Ѻ¤ÇèÐ㪾Œ ¨Ô ÒÃ³Ò ¤×Í ๑) ควรจะตองนาํ พฤตกิ ารณทีเ่ กดิ ข้นึ วา ผถู กู จับมแี นวโนม ท่ีจะหลบหนีหรือไม ๒) ความผดิ ท่ีผูถกู จบั ถูกกลา วหา ๓) ลักษณะรปู พรรณของผูถกู จบั ๔) โอกาสท่จี ะหลบหนนี ัน้ มาเปน ขอ มลู ในการพจิ ารณาวา จะใชว ธิ กี ารในการควบคมุ ผถู กู จบั อยา งไร เพราะหาก เจา พนักงานผูควบคุมนนั้ ใชวิธกี ารควบคมุ ทไ่ี มเ หมาะสม อาจถูกดาํ เนินคดไี ดในภายหลงั μÇÑ ÍÂÒ‹ §คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ÷ôô/òõðñ ในกรณีทกี่ ารควบคมุ ผตู องหา ผูควบคุมตองพเิ คราะห ไมใ ชว ธิ เี กนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั มใิ หห นี หากใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา มใิ ชเ พอื่ มใิ หห นแี ตเ พอ่ื ใหไ ดอ าย แมจ ะไมม เี จตนาแกลง อนั เปน การสว นตวั หากเพอื่ ปราบปรามเจา มอื สลากกนิ รวบ กเ็ ปน ความผดิ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè øøù/òôøñ กรณีที่กํานันจับกุมลามโซขอมือบุคคลที่แสดงวาจา ไมเคารพตอกํานันขณะท่ีกระทําการตามหนาที่ ซึ่งกํานันเห็นวาเปนความผิดก็ตาม แตการที่กํานันใช วิธีลามขอมือน้ัน เปนวิธีการควบคุมผูถูกจับเกินกวาความจําเปนเพื่อปองกันมิใหเขาหนี กํานันจึงมี ความผิดตอ เสรภี าพได อยางไรก็ตาม เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคแรก ไดกําหนดหลักเกณฑในเรื่องการควบคุมไวแตเพียงวา หามมิใหควบคุมผูถูกจับเกินกวาท่ีจําเปนตาม พฤตกิ ารณแ หงคดี เมือ่ พจิ ารณาจากบทบญั ญัติมาตรา ๘๖, ๘๗ ¼¨ŒÙ ºÑ ¡ÁØ μÍŒ §ãªŒÇÔ¨ÒóÞҳ㹡Òà ¤Çº¤ØÁãËàŒ ËÁÒÐÊÁ¡ÑºÊ¶Ò¹¡Òó㏠¹¢³Ð¹Ñé¹ อยางไรก็ตาม หากมีการเทียบเคียงกับÃÐàºÕº¢ŒÒÃÒª¡Òý†ÒÂμØÅÒ¡ÒÃÈÒÅÂØμÔ¸ÃÃÁ NjҴŒÇÂá¹Ç»¯ÔºÑμÔ㹡ÒÃÍÍ¡ËÁÒ¢ѧ㹤´ÕÍÒÞÒ ¾.È.òõôõ แมวาจะเปนกรณีที่ศาลจะ ใชหลักเกณฑในการออกหมายขังก็ตาม แตในเรื่องของการขังก็เปนเรื่องของการจํากัดสิทธิ ในการเคลอื่ นไหวของบคุ คลนนั้ เชน เดยี วกบั การควบคมุ เพยี งแตเ มอื่ การควบคมุ นน้ั อยใู นกระบวนการชนั้ ศาลแลว จะเรยี กวา เปน การขงั และจากระเบยี บดงั กลา ว ซงึ่ ไดก าํ หนดแนวทางปฏบิ ตั ใิ หก บั ศาลไวใ นขอ ๑๑ ดงั น้ี ขอ ๑๑ กอ นออกหมายขังจะตอง»ÃÒ¡¯¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾Õ§¾Í··Õè íÒãËŒÈÒÅàªè×Íไดว า ๑๑.๑ ผตู อ งหาหรอื จาํ เลย¹Ò‹ ¨Ðä´¡Œ ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒÃÒŒ Âáçตามทก่ี ฎหมาย บัญญัติ แตในระหวางที่ยังมิไดมีกฎหมายดังกลาว ก็ควรถือแนวปฏิบัติในการใชดุลพินิจของศาลวา หมายถึงความผิดทมี่ ีอัตราโทษจาํ คุกอยางสงู เกนิ สามป หรือ ๑๑.๒ ผูตองหาหรือจําเลยนาจะไดกระทําความผิดอาญา และมีàËμØÍѹ¤Çà àªÍ×è NjҼ¹ŒÙ ¹Ñé ¹Ò‹ ¨ÐËÅºË¹Õ ËÃ×ͨÐä»Âا‹ àËÂÔ§¡Ñº¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ ËÃ×͋͡ àËμÍØ ѹμÃÒ»ÃСÒÃÍè×¹

๑๓๒ ถาผูตองหาหรือจําเลยท่ีศาลจะออกหมายขังน้ันเปนผูซึ่งศาลไดออกหมายจับไว หรอื ตอ งขงั ตามหมายศาลอยแู ลว ไมว า จะมผี รู อ งขอหรอื ไมศ าลจะออกหมายขงั ผนู นั้ โดยไมต อ งไตส วน ถึงเหตุแหงการออกหมายตามวรรคหนึ่งก็ได เวนแตมีผูกลาวอางหรือปรากฏตอศาลเองวาไมมีเหตุ ทจี่ ะขงั ผูนนั้ ตอ ไป ก็ใหศ าลไตส วนหรือมีคาํ ส่งั ไดต ามท่ีเห็นสมควร ดงั นน้ั จากขอ กาํ หนดดงั กลา ว หากจะนาํ มาเทยี บเคยี งกบั เรอื่ งของการควบคมุ ผถู กู จบั นน้ั ผูจบั จะทาํ การควบคุมตวั ผูถูกจับไดมากนอ ยเพียงใด ควรจะตอ งคํานึงวา ๑. ผตู อ งหาหรอื ผถู กู จบั นน้ั นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญารา ยแรงตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ มากนอยเพยี งใด ๒. ผูตองหาหรือผูถูกจับนั้น นาจะไดกระทําความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อวา เขาผูน้ันนา จะหลบหนหี รอื จะไปยุงเหยิงกบั พยานหลกั ฐาน หรือกอ เหตุอันตรายประการอน่ื หรอื ไม ¢ÍŒ Êѧà¡μ ในประเทศสหราชอาณาจกั รอังกฤษ ในการพิจารณาวา ผูถูกจบั ควรจะตองถูกควบคมุ ตวั ไวท่ีสถานีตํารวจหรอื ควร จะไดร ับอนุญาตใหประกันตวั ไดห รือไม จะมีหลักเกณฑใ นการพิจารณาดงั น้ี ๑. เพื่อเปน การรกั ษาพยานหลักฐานที่เกีย่ วขอ งกับความผิด ๒. เพ่ือตองการสอบปากคําเพิ่มเตมิ และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ ตวั ผตู อ งหาไว ตามเงอ่ื นไขทกี่ ฎหมายกาํ หนด และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ ตัวผูตองหาไว ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกําหนด และเพื่อทราบระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดใหเจาพนักงานตํารวจควบคุมตัว แลว และมีความจําเปนท่ีจะตองเอาตัวผูตองหาไวดูแลน้ัน จะตองเปนเร่ืองการขอหมายขัง ซึ่งศาลอังกฤษจะออกหมายขัง หรือไมน ั้น จะพิจารณาจาก ๑. ความผิดทผ่ี ูตอ งหากระทาํ เปน ความผิดอกุ ฉกรรจห รือไม ๒. การควบคุมตัวผูตองหาไวตอไปจะเปนการปองกันพยานหลักฐานหรือเพื่อความจําเปนที่ตองสอบปากคํา เพ่มิ เตมิ หรอื ไม และ ๓. การสอบสวนไดกระทําจนเปน ท่ีพอใจของศาลหรอื ไม (อุดม จติ ธรรม, ๒๕๔๘) ÊÃ»Ø ดงั นน้ั พอจะกลา วไดโ ดยสรปุ วา การทเี่ จา พนกั งานตาํ รวจจะควบคมุ ตวั ผถู กู จบั หรอื ไมน นั้ ส่ิงท่ีเจาพนักงานตํารวจจะตอ งตระหนักคือ ๑. จะตอ ง¾¨Ô ÒóҨҡ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹àºÍé× §μ¹Œ ·ÊèÕ ÒÁÒöº§‹ ªäéÕ ´ËŒ ÃÍ× äÁว‹ า ผถู กู จบั เปน ผกู ระทาํ ความผิด และความผดิ นั้นรา ยแรงมากนอยเพียงใด ๒. มàี ËμÊØ Á¤Ç÷¨èÕ Ð¤Çº¤ÁØ μÇÑ à¢ÒËÃÍ× äÁ‹ เชน มพี ฤตกิ ารณว า จะหลบหนหี รอื ไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลักฐาน หรือกอ เหตุอันตรายประการอืน่ หรอื ไม ๓. หากเจาพนักงานตํารวจใชอํานาจในการควบคุมตัวโดยไมเหมาะสม อาจสงผลให ถกู ฟอ งรองดาํ เนินคดไี ดด งั กลา วมาแลวขา งตน

๑๓๓ μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óòö-óò÷/òõðõ วินิจฉัยวา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๗ วางหลักเปนประกันสิทธิเสรีภาพไว ๒ ตอน ตอนตนจะควบคุมผูตองหา เกนิ กวา จาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดไี มไ ด ตอนทสี่ องความจาํ เปน จะมเี พยี งใดกต็ าม กค็ วบคมุ เกนิ กวา กาํ หนดเวลาดงั บญั ญตั ไิ วไ มไ ด เพราะฉะนน้ั ประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ ๑๒ ลงวนั ท่ี ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๐๑ เปน การแกไ ขและขยายระยะเวลาขนั้ สงู ดงั กลา วในมาตรา ๘๗ แตไ มไ ดย กเลกิ หลกั ใหญข องมาตรา ๘๗ ที่ใหควบคุมผูตองหาไดเทาท่ีจําเปนเทาน้ัน ประกาศน้ีใหอํานาจควบคุมผูตองหาในกรณีทําผิดตอ พระราชบญั ญตั คิ อมมวิ นสิ ตไ ดเ ทา ทจ่ี าํ เปน แกก ารสอบสวนเทา นน้ั ไมใ ชใ หค วบคมุ โดยไมม กี าํ หนดเวลา คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè òñóñ/òõòñ วนิ จิ ฉยั วา การทจ่ี ะควบคมุ บคุ คลทเี่ ปน ภยั ตอ สงั คมได ตอ งมหี ลกั ฐานพอสมควรทจ่ี ะฟง วา มพี ฤตกิ ารณเ ชน น้ี มใิ ชเ พยี งหลกั ฐานเลอ่ื นลอยคลมุ เครอื เปน การ ยนื ยนั หลกั การทวี่ า ตอ งมเี หตสุ มควรเชอื่ ไดว า กระทาํ ความผดิ และเหตสุ มควรเชอ่ื นต้ี อ งมพี ยานหลกั ฐาน สนับสนุนเพยี งพอ õ.÷.ò ÃÐÂÐàÇÅÒ㹡ÒäǺ¤ÁØ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ ไดบัญญัติหลักเกณฑ ในเร่ืองของระยะเวลาในการควบคมุ ไวดงั นี้ มาตรา ๘๗ “หามมิใหค วบคุมผถู ูกจบั ไวเ กนิ กวาจาํ เปนตามพฤตกิ ารณแ หง คดี ในกรณคี วามผดิ ลหโุ ทษ จะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดเ ทา เวลาทจี่ ะถามคาํ ใหก าร และ ท่จี ะรูตวั วาเปนใครและท่อี ยขู องเขาอยูท ี่ไหนเทา นน้ั ในกรณที ผี่ ถู กู จบั ไมไ ดร บั การปลอ ยชวั่ คราว และมเี หตจุ าํ เปน เพอ่ื ทาํ การสอบสวน หรอื การฟอ งคดี ใหน าํ ตวั ผถู กู จบั ไปศาลภายในสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตเ วลาทผี่ ถู กู จบั ถกู นาํ ตวั ไปถงึ ทที่ าํ การ ของพนกั งานสอบสวนตามมาตรา ๘๓ เวน แตม เี หตสุ ดุ วสิ ยั หรอื มเี หตจุ าํ เปน อยา งอนื่ อนั มอิ าจกา วลว ง เสียได โดยใหพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการย่ืนคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว ใหศาลสอบถามผูตองหาวาจะมีขอคัดคานประการใดหรือไม และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวน หรอื พนกั งานอยั การมาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอื่ ประกอบการพจิ ารณากไ็ ด ในกรณีความผิดอาญาที่ไดกระทําลงมีอัตราโทษจําคุกอยางสูงไมเกินหกเดือน หรอื ปรับไมเกนิ หารอยบาท หรอื ทง้ั จําทง้ั ปรับ ศาลมอี าํ นาจสง่ั ขังไดค รัง้ เดยี ว มีกาํ หนดไมเ กินเจด็ วัน ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู เกนิ กวา หกเดอื นแตไ มถ งึ สบิ ป หรอื ปรบั เกนิ กวา หา รอ ยบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั ศาลมอี าํ นาจสงั่ ขงั หลายครงั้ ตดิ ๆ กนั ได แตค รงั้ หนง่ึ ตอ ง ไมเ กินสบิ สองวัน และรวมกันทั้งหมดตอ งไมเ กนิ ส่ีสบิ แปดวัน ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตส บิ ปข น้ึ ไป จะมโี ทษปรบั ดว ย หรือไมกต็ าม ศาลมีอํานาจสัง่ ขังหลายครั้งติดๆ กนั ได แตค รง้ั หนึ่งตองไมเกินสบิ สองวัน และรวมกัน ท้ังหมดตอ งไมเกนิ แปดสบิ สว่ี ัน

๑๓๔ ในกรณีตามวรรคหก เมื่อศาลสั่งขังครบส่ีสิบแปดวันแลว หากพนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวนย่ืนคํารองขอตอศาลเพ่ือขอขังตอไปอีกโดยอางเหตุจําเปน ศาลจะสั่งขังตอไป ไดตอเม่ือพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนไดแสดงถึงเหตุจําเปน และนําพยานหลักฐานมาให ศาลไตส วนจนเปนท่พี อใจแกศ าล ในการไตสวนตามวรรคสามและวรรคเจ็ด ผูตองหามีสิทธิแตงทนายความ เพือ่ แถลงขอ คัดคาน และซกั ถามพยาน ถาผตู องหาไมมีทนายความเนือ่ งจากยังไมไดม กี ารปฏิบัติตาม มาตรา ๑๓๔/๑ และผตู อ งหารอ งขอใหศ าลตงั้ ทนายความให โดยทนายความนนั้ มสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ รางวลั และคา ใชจ ายตามท่กี าํ หนดไวในมาตรา ๑๓๔/๑ วรรคสาม โดยอนโุ ลม ถา พนกั งานสอบสวนตอ งไปทาํ การสอบสวนในทอ งทอี่ น่ื นอกเขตของศาลซง่ึ ไดส ง่ั ขงั ผตู อ งหาไว พนกั งานสอบสวนจะยน่ื คาํ รอ งขอใหโ อนการขงั ไปยงั ศาลในทอ งทที่ จี่ ะตอ งไปทาํ การสอบสวน นัน้ ก็ได เม่ือศาลทส่ี ่ังขงั ไวเปน การสมควรกใ็ หส่ังโอนไป” จากบทบัญญัติมาตรา ๘๗ น้ัน ไดวางหลักเกณฑเรื่องของระยะเวลาในการควบคุม ผูถูกจับ ซึง่ พอสรุปไดดงั นี้ ๑) ËŒÒÁÁÔãËŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹μÒÁ¾ÄμÔ¡ÒóáË‹§¤´Õ (มาตรา ๗๘ วรรคแรก) ซึ่งหมายความวา เจาพนักงานตํารวจจะมีอํานาจในการควบคุมผูถูกจับไดนานเพียงใดน้ัน ขน้ึ อยกู บั ความจาํ เปน ทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั ซงึ่ เจา พนกั งานตาํ รวจจะμÍŒ §¾¨Ô ÒóҶ§Ö ¤ÇÒÁจาํ ໹š ·ÇÕè Ò‹ ¹¹Ñé ¨Ò¡¾Äμ¡Ô ÒóᏠˋ§¤´Õã¹¢³Ð¹¹éÑ à»š¹ÊíÒ¤ÑÞ ซงึ่ ความจาํ เปนทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั นี้ ไดแ ก ๑. จําเปนเพ่ือถามคําใหก าร ๒. จาํ เปน เพอื่ สอบปากคําใหทราบวา ผูถกู จบั เปน ใครและอยูที่ไหน ๓. จําเปนเพื่อปองกันมิใหผูถูกจับหลบหนี เชน เฉพาะกรณีที่ผูถูกจับไมมีที่อยู เปน หลักแหลง ๔. จาํ เปนเพื่อปอ งกันมิใหผถู ูกจบั ไปยงุ เหยิงกบั พยานหลกั ฐาน เชน อาจไปทําลาย พยานเอกสาร พยานวตั ถุทส่ี ําคญั ของคดี หรอื อาจไปขม ขพู ยานบคุ คล เปน ตน ๕. จําเปนเพ่ือปองกันภัยอันตราย หรือความเสียหายที่ผูถูกจับอาจจะไปกอเหตุ ซึง่ หากวา ไมไดทําการควบคมุ ตัวเอาไว ๒) การควบคมุ ตัวผูถูกจบั หรือผตู อ งหาน้ัน ¨ÐμÍŒ §¤Çº¤ØÁäÁà‹ ¡Ô¹¡Ç‹Òกํา˹´ÃÐÂÐàÇÅÒ ·¡èÕ ®ËÁÒÂกาํ ˹´äÇใŒ นมาตรา ๘๗ ซง่ึ ขน้ึ อยกู บั ความรา ยแรงของความผดิ ทผ่ี ตู อ งหาถกู กลา วหา ดงั น้ี (๑) ในกรณีความผดิ ลหุโทษ ความผิดลหุโทษ หมายถึง ความผิดทีร่ ะบุไวใ นประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๓ ซงึ่ เห็นไดวา ความผิดลหโุ ทษน้นั จะมลี กั ษณะท่ัวไปดงั นี้ ๑. เปน ความผดิ เพราะละเมดิ ในสง่ิ ทกี่ ฎหมายกาํ หนดหา มไว ซง่ึ เปน เรอ่ื งเลก็ ๆ นอ ยๆ เทา นน้ั ทร่ี ฐั ออกกฎหมายมาเพอ่ื คมุ ครองความเปน อยขู องคนในสงั คมใหอ ยอู ยา งรม เยน็ เปน สขุ เชน หา มมใิ หบ คุ คลทาํ ใหท อ ระบายนา้ํ อนั เปน สงิ่ สาธารณะเกดิ ขดั ขอ ง (ป.อาญา มาตรา ๓๗๕) เปน ตน

๑๓๕ ๒. เปนความผิดท่ีมีคุณลักษณะทางกฎหมายเกี่ยวกับผลประโยชนของรัฐ เปน สําคญั เพ่อื ใหสงั คมสงบสุข เชน หามทําใหเกิดปฏิกลู แกน าํ้ ในบอ สระ หรือทีข่ งั นน้ั อนั มีไวสาํ หรบั ประโยชนใ ชส อย (ป.อาญา มาตรา ๓๘๐) ๓. มคี วามรนุ แรงหรอื ความกา วรา วของการกระทาํ ไมม ากนกั ภยั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ ตอ บคุ คลหรอื สงั คมไมม ากนกั ซงึ่ สงั คมใหอ ภยั การกระทาํ นนั้ ได เชน หา มสง เสยี งดงั ออื้ องึ โดยไมม เี หตุ อนั ควรจนทาํ ใหประชาชนเดือดรอ นราํ คาญ (ป.อาญา มาตรา ๓๗๐) ๔. สามารถระงบั คดไี ดโ ดยงา ยจากการลงโทษปรบั เชน หา มกระทาํ การอนั ควร ขายหนา ตอ หนา ธารกาํ นลั โดยการเปลอื ยกาย ซง่ึ มโี ทษปรบั ไมเ กนิ หา พนั บาท (ป.อาญา มาตรา ๓๘๘) และมีอัตราโทษไมสูงนกั เชน จาํ คกุ ไมเกินหนึ่งเดอื น ปรับไมเ กินหน่ึงหมื่นบาท เจา พนกั งานจะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดà ·Ò‹ àÇÅÒ·¨èÕ Ð¶ÒÁคาํ ãË¡Œ Òà áÅз¨Õè ÐÃμŒÙ ÇÑ ÇÒ‹ ໚¹ã¤Ã áÅзÕÍè ¢ً ͧà¢ÒÍ‹ٷèÕä˹෋ҹé¹Ñ μÇÑ Í‹ҧ คดีเสพยสุราจนเมาครองสติไมได และประพฤตติ วั วนุ วายกอ ความเดอื ดรอนแก ชาวบา นทวั่ ไปขณะอยใู นถนนสาธารณะหรอื สาธารณสถานใดๆ อนั มโี ทษปรบั ไมเ กนิ ๕๐๐ บาท เชน นี้ เจาพนักงานตํารวจสามารถควบคุมบุคคลผูนั้น เทาที่ระยะเวลาที่สามารถมีสติพอที่จะบอกช่ือ ท่ีอยูไดเ ทา นัน้ เมือ่ ทราบวาเขาผนู ัน้ เปนใคร อยูท ่ไี หน (๒) 㹡ó¤Õ ÇÒÁ¼Ô´ÍÒÞÒอ่ืน ในกรณีความผดิ อาญาอื่น นอกจากคดีลหุโทษน้ัน เจาพนักงานตาํ รวจอาจตอง ใชเวลาพอสมควรในการสอบปากคําจากผูถูกจับโดยตรง แตอยางไรก็ตามเจาพนักงานตํารวจมีระยะ เวลาในการควบคุมเพียงÊèÕÊԺỴªÑèÇâÁ§ ¹Ñºáμ‹àÇÅÒ·Õè¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºä»¶Ö§·Õèทํา¡Òâͧ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ (มาตรา ๘๗ วรรคสอง) หากวา ภายในระยะเวลาสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตท นี่ าํ ตวั ผถู กู จบั มาถงึ ทท่ี าํ การของ พนักงานสอบสวนแลวนั้น พนักงานสอบสวนพิจารณาแลวเห็นวายังมีเหตุท่ีจะตองควบคุมตัวผูถูกจับ นน้ั ตอ ไป เชน นี้ พนกั งานสอบสวนจะขอขยายระยะเวลาการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั ไดต อ เมอื่ ÁàÕ ËμÊØ ´Ø ÇÊÔ ÂÑ ËÃÍ× ÁàÕ ËμจØ ํา໹š Í‹ҧÍ×¹è Í¹Ñ Á¤Ô ÇáŒÒÇŋǧàÊÕÂä´Œ แตอยางไรกต็ าม มาตรา ๘๗ วรรคสาม ไดกําหนดใหพ นกั งานสอบสวน (หรือ พนักงานอัยการ) ยื่นคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว ซึ่งกรณีนี้ศาลจะสอบถามผูตองหาวา จะมขี อ ใดคดั คา นประการใดหรอื ไม และในกรณขี อขยายเวลาดงั กลา ว ศาลอาจเรยี กพนกั งานสอบสวน (หรอื พนกั งานอยั การ) มาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน นน้ั หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา ก็ได (มาตรา ๘๗ วรรคสาม)

๑๓๖ ¢ŒÍ椄 à¡μ หากไมมีเหตุสุดวิสัยหรือไมมีเหตุจําเปนอยางอ่ืนอันมิอาจกาวลวงเสียได ดังกลาว เม่ือควบคุมครบระยะเวลา สสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตม าถงึ ทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวนแลว พนกั งานสอบสวนไมม อี าํ นาจขอใหศ าลออกหมายขงั ผตู อ งหา ตามมาตรา ๘๗ วรรคสามได จะตอ งปลอ ยตัวผูตอ งหาไป อยางไรก็ตาม แมกฎหมายจะใหขยายระยะเวลาไดโดยอาศัยเหตุสุดวิสัย หรอื มเี หตจุ าํ เปน อนั มอิ าจกา วลว งเสยี ไดก ต็ าม มาตรา ๘๗ ยงั คงกาํ หนดกรอบระยะเวลาในการสงั่ ขงั ไว โดยอาศยั อตั ราโทษตามความผิดอาญาน้ี ผตู องหาไดก ระทําลงไป ซึ่งพอจะสรปุ ไดดังตอไปน้ี ๑. กรณที ม่ี อี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §Ê§Ù äÁà‹ ¡¹Ô ö à´Í× ¹ หรอื »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô õðð ºÒ· หรือทัง้ จาํ ท้ังปรบั ศาลมีอาํ นาจสง่ั ขงั ไดค รง้ั เดียว มีกาํ หนดไมเ กิน ๗ วนั ๒. กรณีที่มอี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §ÊÙ§à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ ö à´×͹ áμä‹ Á¶‹ Ö§ ñð »‚ หรอื »ÃºÑ à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ õðð ºÒ· หรือทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ ศาลมีอาํ นาจสั่งขงั หลายครง้ั ตดิ ๆ กนั ได แตครง้ั หน่งึ ตอ ง ไมเ กิน ๑๒ วัน รวมกนั ทงั้ หมดตองไมเ กนิ ๔๘ วัน ๓. คดีท่ีมีอัตราโทษจํา¤Ø¡Í‹ҧÊÙ§μÑé§áμ‹ ñð »‚¢Öé¹ä» จะมีโทษปรับดวย หรอื ไมก ต็ าม ศาลมอี ํานาจสั่งขังหลายครัง้ ตดิ ๆ กันได แตค ร้ังหน่ึงตอ งไมเกิน ๑๒ วัน และรวมกัน ท้งั หมดตอ งไมเกนิ ๘๔ วัน และหากวาเม่ือครบ ๘๔ วันแลว พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ ตอ งการขอขยายระยะเวลาตอ เชน น้ี มาตรา ๘๗ วรรคเจด็ กาํ หนดใหพ นกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน อัยการท่ีรองขอขยายระยะเวลาเพื่อขอขังตอไปโดยอางเหตุจําเปนน้ัน ศาลจะส่ังขังตอไปได ตอเมื่อ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไดáÊ´§¶Ö§àËμØจํา໚¹·ÕèNjҹÑé¹ áÅÐμŒÍ§นํา¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ ÁÒãËÈŒ ÒÅäμÊ‹ ǹ¨¹à»¹š ·¾Õè Íã¨á¡È‹ ÒÅ เชน นี้ ศาลจงึ จะอนญุ าตขยายระยะเวลา (มาตรา ๘๗ วรรคส่ี ถึงวรรคเจ็ด) ในการขอขยายระยะเวลาในการขอศาลขงั ของพนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน อัยการน้ัน มาตรา ๘๗ วรรคแปด กฎหมายใหสิทธิแกผ ตู อ งหาในการที่จะแตงทนายความเพือ่ แถลง คัดคา นและซกั ถามพยานได แตห ากไมมที นายความและผตู องหารอ งขอ ศาลจะตั้งทนายความให õ.ø ¢ŒÍ»¯ÔºμÑ ãÔ ¹¡ÒäǺ¤ÁØ ในการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั นนั้ นอกจากตอ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑข องประมวลกฎหมายวธิ ี พจิ ารณาความอาญา ทไ่ี ดกลา วมาแลวขา งตนนนั้ ยงั คงมคี ําสง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เร่ือง การอาํ นวย ความยุติธรรมในคดีอาญา การทําสํานวนการสอบสวน และมาตรการควบคุมตรวจสอบ เรงรัด การสอบสวนคดีอาญา บทที่ ๒ ขอ ๔ การควบคมุ ไดก ําหนดขอ ปฏบิ ตั ิในการควบคุมไว ดังน้ี ๑. ใหเจาพนักงานตํารวจซึ่งรับมอบตัวผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุม แจงสิทธิของ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาซง่ึ ถกู ควบคมุ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ใหผ ถู กู จบั

๑๓๗ หรือผูตองหาทราบในโอกาสแรก รวมท้ังจัดใหผูถูกจับหรือผูตองหาสามารถติดตอกับญาติหรือผูซ่ึง ผถู กู จับหรือผตู องหาไวว างใจเพือ่ แจง ใหทราบถึงการจับ และสถานท่ีทีถ่ ูกควบคมุ ถาผถู ูกจับรองขอให เจา พนักงานตาํ รวจเปน ผูแจงตามสิทธิดงั กลาว กใ็ หจ ดั การตามคํารอ งขอนน้ั โดยเร็ว และใหบ นั ทกึ การ จดั การดงั กลา วไวใ นรายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดเี ปน หลกั ฐานไว ในการนห้ี า มไมใ หเ รยี กคา ใชจ า ยใด ๆ จากผูถ กู จับ การแจงสิทธิดังกลาวใหบันทึกไวในรายงานประจําวันเกี่ยวกับคดีขอเดียวกับบันทึก รายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดขี อ ทรี่ บั ตวั ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาไวค วบคมุ โดยไมต อ งบนั ทกึ เรอื่ งการแจง สทิ ธดิ งั กลา วไวใ นบนั ทกึ คาํ ใหก าร และไมต อ งจดั ทาํ บนั ทกึ การแจง สทิ ธอิ กี โดยใหม ขี อ ความปรากฏดงั น้ี “................(ยศ ชอ่ื สกลุ ตาํ แหนง )...............เจา พนกั งานตํารวจผรู ับตัว นาย/นาง/ นางสาว...............................ผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุมไดแจงสิทธิของผูถูกจับหรือผูตองหาตาม กฎหมายใหทราบแลว ดงั นี้ (๑) มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงผูถูกจับ หรือผูตองหา ไวว างใจทราบถงึ การจับกุมและสถานท่ีทถ่ี ูกควบคมุ ในโอกาสแรก (๒) มสี ทิ ธพิ บและปรกึ ษาผูซ ึง่ จะเปนทนายความเปนการเฉพาะตวั สอบสวน (๓) มีสิทธิใหทนายความหรือผูซึ่งตนไววางใจเขาฟงการสอบสวนปากคําตนในชั้น (๔) มีสทิ ธไิ ดร บั การเย่ยี มหรือติดตอ กับญาติไดตามสมควร (๕) มสี ิทธิไดรบั การรักษาพยาบาลโดยเร็วเม่ือเกดิ การเจ็บปวย นาย/นาง/นางสาว......................................ผูถูกจับหรือผูตองหาซึ่งถูกควบคุม ไดท ราบสิทธิของตนแลว จงึ ลงลายมอื ชื่อรบั ทราบสิทธิตามกฎหมายไวเ ปนหลกั ฐาน (ลงช่อื ).................................................ผูถูกจบั /ผตู อ งหา (ลงชอ่ื ).................................................ผูร บั มอบตัว” หากพนักงานอัยการตองการบันทึกการแจงสิทธิ ใหพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ สาํ เนาบนั ทกึ รายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดขี อ ทแ่ี จง สทิ ธมิ อบใหพ นกั งานอยั การ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๑) ๒. เจา พนกั งานตาํ รวจผรู บั ตวั ผถู กู จบั จะปลอ ยผถู กู จบั ชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวก ไ็ ด แตถาเปนการจับโดยมีหมายหรือคําสั่งของศาลใหรีบดําเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญามาตรา ๖๔ และในกรณีท่ีตองสงผูถูกจับไปยังศาล แตไมสามารถสงไปไดในขณะน้ัน เนอ่ื งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทาํ การใหเ จา พนกั งานตาํ รวจทรี่ บั ตวั ผถู กู จบั ไวม อี าํ นาจปลอ ย ผถู กู จบั ชว่ั คราว หรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ (คาํ สง่ั ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๒) ๓. หา มมใิ หค วบคมุ ผถู กู จบั ไวเ กนิ กวา ความจาํ เปน แกพ ฤตกิ ารณแ หง คดี และใหพ นกั งาน สอบสวนพึงทราบถึงอาํ นาจการควบคุมของพนักงานสอบสวนและศาล (คําส่ัง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๓)

๑๓๘ ๔. กรณที ม่ี กี ารจบั กมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาตามหมายจบั หรอื คาํ สงั่ ของศาล ใหพ นกั งาน สอบสวนตรวจสอบหมายจับที่ขอความ “ดวยผูรองย่ืนคํารองวา...” วามีเหตุผลพิเศษในการขอให ศาลออกหมายจับหรือไม หากมีเหตุผลพิเศษใหพึงระมัดระวังเก่ียวกับอํานาจการควบคุมผูถูกจับ หรอื ผตู องหาของพนักงานสอบสวน (คําสง่ั ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๔) ๕. เมื่อมีการอางวาบุคคลใดตองถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบดวย กฎหมาย ใหพนักงานสอบสวนยื่นคํารองตอศาลแหงทองท่ีที่มีอํานาจพิจารณาคดีอาญาขอใหปลอย ผูถ ูกคุมขังโดยมชิ อบได กรณีเจาหนาที่ตํารวจ พบวามีการคุมขังผูตองหา หรือผูถูกจับ หรือบุคคลใด โดยมิชอบดวยกฎหมาย ใหแจงหัวหนาหนวยงานทราบ และใหเปนหนาที่และความรับผิดชอบ ของหวั หนา หนว ยงานทจ่ี ะตอ งพจิ ารณาและวนิ จิ ฉยั สงั่ การหรอื มอบหมายใหพ นกั งานสอบสวนยนื่ คาํ รอ ง ตอ ศาลแหง ทอ งทท่ี ม่ี อี าํ นาจพจิ ารณาคดอี าญาขอใหป ลอ ยผถู กู คมุ ขงั โดยมชิ อบนนั้ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๕) ● ¢ŒÍ¾§Ö ÃÐÇ§Ñ ã¹¡ÒÃãªàŒ ¤ÃÍ×è §¾Ñ¹¸¹Ò¡Òà การใชเครื่องพันธนาการในการควบคุมตัวผูกระทําผิดน้ันจะกระทําไดก็ตอเมื่อมี ความจําเปน เพอื่ ปอ งกันมใิ หผ กู ระทําความผิดหลบหนีไปจากการควบคมุ ของเจาหนา ท่ี อยางไรกต็ าม ถงึ แมเ จา หนา ทต่ี าํ รวจจะมอี าํ นาจในการควบคมุ ตวั และมอี าํ นาจทจ่ี ะใชเ ครอื่ งพนั ธนาการกบั ผทู ก่ี ระทาํ ความผิดได แตก็เปนการใชอํานาจที่กระทบตอสิทธิเสรีภาพของบุคคล แตเมื่อบุคคลใดก็ตามกระทํา ความผิดอันมีโทษตามกฎหมายก็สมควรที่จะตองไดรับการลงโทษ ซ่ึงการลงโทษผูกระทําความผิดนั้น เปนไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ดังนั้น การใชอํานาจดังกลาวของเจาหนาท่ีตํารวจ ก็μŒÍ§คํา¹§Ö ¶Ö§ÈÑ¡´ÔìÈÃÕ¤ÇÒÁ໚¹Á¹ÉØ Âด ว ย ¡ÒÃ㪌à¤Ã×èͧ¾Ñ¹¸¹Ò¡ÒâͧตําÃǨ ตองเปนไปตามประมวลระเบียบการตํารวจ เก่ยี วกับคดี ลกั ษณะ ๖ บทที่ ๔ ขอ ๑๔๖ โดยจะตอ งคาํ นงึ ถึง ดงั นี้ ๑. การกระทําผดิ เปน คดปี ระเภทใด อตั ราโทษสงู หรือไม ๒. บุคคล มีบุคคลบางจําพวกที่ควรจะใหเ กยี รติ เชน (ก) ขา ราชการ (ข) พระภกิ ษุ สามเณร นักพรตตาง ๆ (ค) ทหารสวมเคร่อื งแบบ (ง) ชาวตา งประเทศ ชน้ั ผูด ี (จ) หญิง คนชรา เดก็ คนพกิ าร และคนปวยเจบ็ ซ่งึ ไมสามารถจะหลบหนไี ดด วยกําลังตนเอง (ฉ) พอ คา คฤหบดี ซึง่ มีชอื่ เสียง และมีหลักฐานการทาํ มาหากนิ โดยสจุ รติ บุคคลดังกลาว ถา ไมไ ดก ระทาํ ความผิดอกุ ฉกรรจ หรือไมไ ดแ สดงกิรยิ าจะขดั ขนื หรือหลบหนี ไมควรใชกุญแจมือ เด็กอายุต่ํากวา ๑๔ ป ถาไมไดกระทําความผิดที่มีอัตราโทษจําคุก เกนิ กวา ๑๐ ป และเฉพาะหญงิ คนชรา เดก็ คนพิการและคนปว ยเจบ็ ซ่งึ ไมส ามารถจะหลบหนีไดด วย กาํ ลังตนเอง หามใชเ ครอื่ งพนั ธนาการเปนอันขาด

๑๓๙ ๓. สถานที่ ใหพิเคราะหถึงสถานที่ท่ีจะควบคุมไป มีโอกาสท่ีผูตองหาจะหลบหนี หรือทาํ อันตรายแกผคู วบคุมไดง าย หรือไม ๔. เวลา เปนเวลากลางวันหรอื กลางคนื หรือจําเปนตอ งพักคา งแรม ๕. กริ ิยาความประพฤติ ความประพฤติในอดตี เปน อยางไร ขอ ๑๔๗ การใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา ตอ งไมใ หห ลวมหรอื คบั เกนิ ไป เพราะถา หลวมมาก ก็จะหลุดจากขอมือไดงาย ถาคับมากก็จะเปนการทรมานผูตองหา เม่ือใสกุญแจมือแลว ในกรณี ที่มีความจําเปนจะมีโซรอยสําหรับถือควบคุมไปก็ได ใหผูตองหาเดินหนาผูควบคุมถือชายโซเดิน ตามหลงั หรอื เดินไปขาง (สนธยา รตั นธารส, ๒๕๕๘) μÇÑ ÍÂÒ‹ §คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò ¡ÒäǺ¤ÁØ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ÷ôô/òõðñ การควบคุมตัวผูตองหา ผูควบคุมตองพิเคราะหไป ใชวิธีเกินกวาที่จําเปนเพ่ือปองกันไมใหหนี ถาใสกุญแจมือผูตองหามิใชเพ่ือมิใหหนีแตเพ่ือใหไดอาย แมจะไมเจตนาแกลงเปนสวนตัว หากแตเพ่ือปราบปรามเจามือสลากกินรวบ เปนการไมชอบดวย ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๘๖ กเ็ ปน ความผดิ ตามกฎหมายลกั ษณะอาญา มาตรา ๑๔๕ (ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๑๕๗) คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ òñóñ/òõòñ ทจี่ ะควบคมุ บคุ คลทเ่ี ปน ภยั ตอ สงั คมไดต อ งมหี ลกั ฐาน พอสมควรท่ีจะฟงวามีพฤติการณเชนนั้น มิใชเพียงหลักฐานเลื่อนลอยคลุมเครือ ศาลส่ังใหปลอย ผถู กู ควบคุมได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óôô/òõòò ศาลมอี าํ นาจวนิ จิ ฉยั วา บคุ คลทถี่ กู ควบคมุ ฐานเปน ภยั ตอสังคมตามคําส่ังคณะปฏิรูปการปกครองแผนดิน ฉบับที่ ๒๒ มีพฤติการณที่เปนภัยตอสังคม ตามที่ระบกุ รณีไวหรอื ไม เมือ่ ศาลสัง่ อยางไร ผรู อ งหรอื ผคู ัดคานอุทธรณฎีกาได คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ óõùø/òõóñ (»ÃЪÁØ ãËÞ)‹ วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๒๘ เจา หนา ท่ี ตํารวจจับกมุ ก. สง พนักงานสอบสวนในขอ หาวา ใชรถจักรยานยนตไ มตดิ ปายทะเบียนและเปน บุคคล ตา งดา วเขา มาในราชอาณาจกั รโดยไมไ ดร บั อนญุ าต พนกั งานสอบสวนรบั ตวั ก. ควบคมุ ไว สาํ หรบั ขอ หาแรก พนกั งานสอบสวนไดเ ปรยี บเทยี บปรบั ไปแลว แตค งควบคมุ ตวั ก. ไวต ลอดมาโดยมไิ ดย น่ื คาํ รอ งตอ ศาล ขอใหห มายขัง ก. ไว จนถึงวันท่ี ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๘ จําเลยซง่ึ ทําหนาท่สี บิ เวรทท่ี ําหนา ทค่ี วบคมุ ดูแลผูตองหาไดปลอยให ก. หลบหนีไป เชนนี้ เม่ือพนักงานสอบสวนรับตัว ก. ควบคุมไวโดยมิได ปลอยตัวไปตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสอง การควบคมุ ก. จึงเปนการควบคมุ ตามอาํ นาจพนกั งาน สอบสวน แตเ พอื่ มใิ หก ารควบคมุ เกนิ ความจาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดี ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๗ จงึ ไดว าง หลกั เกณฑก ารควบคมุ ผถู กู จบั ไวเ ปน ขนั้ เปน ตอน ดงั น้ี แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี าร

๑๔๐ ที่ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๗ วางไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิดกฎหมาย ซง่ึ บุคคลดงั ระบุไวใ น ป.วิ.อ. มาตรา ๙๐ มอี าํ นาจยน่ื คํารองตอศาลขอใหป ลอ ยได แตการควบคมุ นนั้ ก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูรับตัวผูถูกจับไว การท่ีจําเลย ปลอยตัว ก. ไป จงึ เปน การทําใหผ ทู ี่อยใู นระหวา งคมุ ขงั นั้นหลุดพนจากการคุมขงั ไป เปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๐๔ คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ôòôó/òõôò จาํ เลยเปน เจา พนกั งานตาํ รวจเขาจบั กมุ ผูเสียหาย ทไี่ ดก อ การทะเลาะววิ าทกอ นหนา นน้ั แตเ หตแุ หง การทะเลาะววิ าทไดย ตุ ลิ งแลว เหตวุ วิ าทยงั ไมช ดั แจง วาฝายใดเปนฝายผิด ไมใชการกระทําผิดซึ่งหนา โดยมีคูกรณีกับผูเสียหายชี้ใหจับ แตมิไดรองทุกข ไวต ามระเบยี บ อกี ทง้ั ไมใ ชก รณที มี่ เี หตสุ งสยั วา กระทาํ ความผดิ มาแลว จะหลบหนี จาํ เลยซงึ่ ไมม หี มายจบั ไมม ีอาํ นาจโดยชอบดวยกฎหมายทจี่ ะจบั ผูเสยี หาย จําเลยจบั ผเู สียหายโดยไมแจง ขอหา ไมท าํ บนั ทกึ จับกุม ไมสงมอบตัวใหพนักงานสอบสวนดําเนินคดี กลับนําไปควบคุมที่ดานตรวจ ช้ีเจตนาจําเลย วากระทําโดยโกรธแคน แสดงอํานาจ เพ่ือขมขูกลั่นแกลงผูเสียหายใหเดือดรอนเสียหาย การกระทํา ของจําเลยจึงเปนความผิดฐานเปนเจาพนักงานปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบและทําใหผูอ่ืนปราศจากเสรี ภายในรา งกาย พฤตกิ ารณแ หง คดเี ปน เรอ่ื งรนุ แรงตอ ความรสู กึ ของประชาชนไมม เี หตทุ จี่ ะรอการลงโทษ)

๑๔๑ º··Õè ö ¡Ò乌 ö.ñ ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧ¡Ò䌹 “¤¹Œ ” ตามความหมายทปี่ รากฏในพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน หมายถงึ พยายาม หาใหพบ โดยวธิ สี บื เสาะ แสวง เปน ตน ¨Ðà˹ç ä´ÇŒ Ò‹ àÁÍè× Á¡Õ ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒà¡´Ô ¢¹Öé ʧÔè สาํ ¤ÞÑ ¢Í§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ ¤Í× ¨ÐμÍŒ §ดาํ à¹¹Ô ¡ÒÃã´æ à¾Í×è ãËäŒ ´ÁŒ Ò«§èÖ μÇÑ º¤Ø ¤Å¼·ŒÙ ¶èÕ ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒÇÒ‹ à»¹š ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¢³Ðà´ÂÕ Ç¡¹Ñ ¨ÐμÍŒ §áÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹à¾Í×è ·¨èÕ Ðนาํ ÁÒÂ¹× Â¹Ñ ¶§Ö ¡ÒáÃÐทาํ ¢Í§¼¶ŒÙ ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒ¹¹éÑ ÇÒ‹ à¢Òà»¹š ¼·ŒÙ èÕ ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÊÕ ‹Ç¹à¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡ºÑ ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õèà¡´Ô ¢éÖ¹¹¹éÑ æ ซ่ึงโดยปกติและผูท่ถี ูกกลาวหาวา เปน ผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั เมอื่ กระทาํ การใดแลว มกั จะหลบซอ นตวั จากการจบั กมุ ตวั ของเจา พนกั งานตาํ รวจ หรอื อาจนาํ อปุ กรณ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ นการกระทาํ ความผดิ นนั้ หรอื วตั ถทุ ไ่ี ดม าจากการกระทาํ ความผดิ นน้ั ไปซุกซอ น ทาํ ใหเ จา พนกั งานตํารวจปฏิบัตงิ านดวยความยากลําบาก ในการทจี่ ะนาํ ตวั บคุ คลหรอื วตั ถุ ส่ิงของนั้นออกจากท่ีที่เขาซุกซอนได เพราะรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยฯ ไดใหความคุมครอง บคุ คลในการทจี่ ะอยอู าศยั และครอบครองเคหสถานโดยปกตสิ ขุ แตอ ยา งไรกต็ ามเพอ่ื ใหเ กดิ ความสงบสขุ ของสังคม เจาพนักงานตํารวจซึ่งมีหนาท่ีโดยตรงในการปองกันและปราบปรามการกระทําความผิด ขณะเดยี วกนั มหี นา ทใี่ นการนาํ ตวั ผถู กู กลา วหาวา เปน ผกู ระทาํ ความผดิ นนั้ มาเขา สกู ระบวนการยตุ ธิ รรม เพอื่ พสิ จู นว า บคุ คลดงั กลา วนน้ั เปน ผทู ก่ี ระทาํ ความผดิ จรงิ และสมควรจะไดร บั โทษหรอื ไม รฐั ธรรมนญู แหงราชอาณาจักรไทยฯ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเฉพาะแกบุคคล บางประเภทท่ีสามารถจะดําเนินการคน ได ¼ÁŒÙ Õอาํ ¹Ò¨ã¹¡Ò乌 ดงั ทก่ี ลา วมาแลว วา การคน จะเปน การลว งละเมดิ สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐาน ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน ท่ีใหบุคคลมีสิทธิเสรีภาพในที่อยูอาศัยของตน การที่จะใหบุคคลใดบุคคลหนึ่งเขาไปดําเนินการใดๆ อนั เปนการกระทบกระท่งั สิทธดิ ังกลาวยอ มจะตองมีกฎหมายใหก ารรองรับ ซ่งึ ในประมวลกฎหมายวิธี พจิ ารณาความอาญาไดก ําหนดใหบุคคลบางประเภทที่จะเขา ไปดาํ เนนิ การตรวจคน ได คือ ๑) พนักงานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจ (มาตรา ๙๒, ๙๓) ๒) พนักงานสอบสวน (มาตรา ๑๓๒)

๑๔๒ ö.ò ¡ÒâÍËÁÒ¤Œ¹ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจเขาทําการคนบุคคลหรือสถานท่ีไดก็ตาม แตหากการคนดังกลาวจะเปนการลวงละเมิด สิทธิของประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่เปนสถานที่รโหฐาน ซึ่งผูครอบครองยอมมีสิทธิโดยสมบูรณ ภายในสถานทดี่ งั กลา ว การทเี่ จา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ มคี วามจาํ เปน ทจี่ ะตอ งเขา ไปคน เพ่ือหาตัวบุคคลหรือส่ิงของที่ตองการไดนั้น จะทําไดตอเม่ือมีหมายคน เวนแตจะเขาขอยกเวน ของกฎหมาย ดงั ทป่ี รากฏในประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๒ อยางไรก็ตาม ในกรณีที่เจาพนักงานตํารวจจะตองคนโดยตองมีหมายคนนั้น การขอ หมายคน นน้ั จะตอ งเปน ไปตามระเบยี บราชการฝา ยตลุ าการศาลยตุ ธิ รรม วา ดว ยแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการ ออกหมายจบั และหมายคน ในคดอี าญา พ.ศ.๒๕๔๕ และขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าวา ดว ยหลกั เกณฑ และวธิ กี ารเกย่ี วกบั การออกคําสงั่ หรอื หมายอาญา พ.ศ.๒๕๔๘ กลา วคอื ๑. จะตอ งยน่ื คาํ รอ งขอใหศ าลออกหมายคน ตอ ศาลทมี่ เี ขตอาํ นาจเหนอื ทอ งทท่ี จ่ี ะทาํ การคน (ระเบียบราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๔, ขอ บังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๘) ๒. ผรู อ งขอใหศ าลออกหมายคน จะตอ งเปน ผทู ม่ี อี าํ นาจเกยี่ วขอ งกบั การสบื สวนสอบสวน คดีที่รองขอออกหมายนั้น ซึ่งกรณีเจาพนักงานตํารวจตองมีชั้นยศต้ังแตรอยตํารวจตรีข้ึนไป (ระเบียบ ราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๕, ขอ บังคบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๙) ๓. ในคํารอ งขอออกหมายคน จะตองมรี ายละเอียด และเอกสารประกอบคอื (๑) ระบุลักษณะ สิ่งของที่ตองการหา และยึด ชื่อ รูปพรรณ อายุของบุคคล ทต่ี อ งการหา และสถานทที่ จ่ี ะคน ระบบุ า นเลขที่ เจา ของหรอื ผคู รอบครองเทา ทท่ี ราบ หากไมส ามารถ ระบุบานเลขท่ีที่จะคนได ใหทําแผนที่ของสถานที่ท่ีจะคนและบริเวณใกลเคียงแทน ตามแบบพิมพ ท่กี ําหนด รวมท้ังขอมูลหรอื พยานหลักฐานท่ีสนบั สนุนเหตแุ หงการออกหมายคน (๒) แนบหมายคน พรอมสําเนา รวมทัง้ เอกสารอน่ื เชน บันทึกคํารอ งทกุ ข หนังสือ มอบอาํ นาจใหรอ งทุกขม าทา ยคํารอ ง (ระเบยี บราชการฝา ยตุลาการ ขอ ๖, ขอ บังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๑) ๔. ผูรองขอออกหมายคน ตองเสนอพยานหลักฐานใหเพียงพอที่ทําใหเช่ือไดวาบุคคล หรือสง่ิ ของท่ีคน หานา จะอยูในสถานท่ที ีจ่ ะคน กรณีเปนส่ิงของ จะตองเปนสิ่งของท่ีจะเปนพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไตสวนมูลฟอง หรือพิจารณา และสิ่งของน้ันเปนส่ิงของท่ีมีไวเปนความผิด หรือไดมาจากการ กระทําความผดิ หรือมีเหตอุ ันควรสงสัยวาไดใ ชหรอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทําความผดิ หรอื เปน สิ่งของ ท่ตี อ งยึดหรือรบิ ตามคาํ พิพากษา คําสั่งศาล (ระเบยี บราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๑.๑, ขอบงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๕.๑)

๑๔๓ กรณีเปนบุคคล จะตองเปนบุคคลท่ีถูกหนวงเหน่ียวกักขังโดยมิชอบ หรือเปนผูถูก ออกหมายจับ (ระเบยี บราชการฝายตุลาการ ขอ ๑๑.๒, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๕.๒) ๕. สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทจี่ ะเสนอตอ ศาลเพอ่ื แสดงถงึ เหตอุ นั สมควรทจ่ี ะขอออกหมายคน ไดแก (๑) ขอมลู จากการสืบสวน เชน บันทึกการสบื สวน บันทกึ ถอยคําสายลบั ขอ มลู จาก แหลง ขาว ขอมลู จากการเฝาสงั เกตการณ เปนตน (๒) ขอมูลท่ีไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือที่ไดจากเคร่ืองมือทาง วิทยาศาสตรเ ทคโนโลยี เชน เครื่องจับเท็จ เคร่ืองตรวจโลหะ เครอ่ื งตรวจพสิ จู นลายพมิ พน ้วิ มอื (ระเบียบราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๔, ขอบังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๗)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook