ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมดุ แหง่ ชาติ #ราคาของการมีลกู เม่อื งานและลกู ผูกอยบู่ นเชอื กเส้นเดียวกัน / มนสกิ าร กาญจนะจติ รา… [และคนอนื่ ๆ]. -- พมิ พค์ รั้งท่ี 1. -- นครปฐม: สถาบนั วจิ ัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลยั มหดิ ล, 2562. (เอกสารทางวิชาการ/สถาบนั วิจัยประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล; หมายเลข 488) ISBN 978-616-443-329-8 1. มารดาและบุตร. 2. บิดามารดาและบุตร. 3. บดิ ามารดาและบุตร -- ความสัมพนั ธ์ ในครอบครัว. 4. บตุ ร -- การดแู ล. 5. ความสัมพันธใ์ นครอบครวั . 6. ครอบครัวไทย. 7. การ ท�ำงานและครอบครัว. 8. มารดาที่ท�ำงานนอกบา้ น. I. มนสกิ าร กาญจนะจิตรา. II. ทรงพนั ธ์ เจิมประยงค์. III. กัญญาพัชร สทุ ธิเกษม. IV. รีนา ตะ๊ ด.ี V. มหาวทิ ยาลัยมหิดล. สถาบันวจิ ัยประชากรและสงั คม. VI. จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณะอักษรศาสตร์. VII. ชอื่ ชุด. HQ674.55 ร399 2562
#ราคาของการมีลูก เมื่องานและลกู ผกู อย่บู นเชือกเส้นเดียวกนั ทป่ี รึกษา ศาสตราจารย์เกยี รติคณุ ปราโมทย์ ประสาทกุล ศาสตราจารย์เกียรติคณุ อภชิ าติ จ�ำรสั ฤทธิรงค์ คณะผู้จัดท�ำ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. มนสกิ าร กาญจนะจิตรา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ทรงพันธ์ เจิมประยงค์ นางสาวกญั ญาพัชร สุทธเิ กษม นางสาวรีนา ตะ๊ ดี สถาบนั วจิ ัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1 ตลุ าคม 2562 จ�ำนวนพมิ พ ์ 200 เลม่ พมิ พ์ท ่ี บริษทั โรงพิมพ์ เดอื นตลุ า จำ� กัด 39/205-206 หมู่ 9 ถนนวภิ าวดี-รงั สิต แขวงสกี ัน เขตดอนเมอื ง กทม 10210. โทรศพั ท:์ 0-2996-7392-4. อีเมล: [email protected] สนบั สนุนการจดั พมิ พ์โดย สำ� นักงานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ัย (สกว.) ชัน้ 14 อาคารเอส เอม็ ทาวเวอร์ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400 โทรศัพท์ 0-2298-0455-75 โทรสาร 0-2298-0476-9 สงวนลขิ สทิ ธ์ิ 2562สำ� นักงานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั
สารบัญ 1 ลกู และงาน: ทางแยกทต่ี ้องเลอื ก 4 คา่ ของเวลากับการตดั สนิ ใจท�ำงาน 6 ทางเลอื กในการทำ� งานของผู้หญงิ หลงั มบี ตุ ร 9 โลกของแม่ผา่ นภาษา: เสยี งสะท้อนจากโลกออนไลน์ 10 สารสกัดขอ้ มลู ออนไลน์ 14 ภาษาของแม่เตม็ เวลากับแม่ทำ� งาน 16 ประเด็นตอกย�ำ้ ดว้ ยคำ� ท่ใี ชบ้ อ่ ย 23 ความสมั พนั ธ์ของค�ำส�ำคัญ: ความซับซ้อนในโลกของแม่ 85 แม่เตม็ เวลา: ความภูมใิ จบนความเปราะบาง 86 เหตุแห่งการเลอื กอยกู่ ับลกู เตม็ เวลา 93 ผลกระทบจากการเปน็ แมเ่ ตม็ เวลา: อารมณ์ ตัวตน และความมนั่ คง 107 แม่ท�ำงาน: ชวี ิตท่ยี ากจะหาสมดลุ 108 เมื่อต้องตดั สนิ ใจเปน็ แม่ทำ� งาน 122 “วิ่งวนุ่ ”: ผลกระทบของการเป็นแมท่ �ำงาน
133 จากผ้หู ญิงเปราะบางสูแ่ นวนโยบาย: บทเรยี นจากต่างประเทศ 134 ปัจจยั ท่ีส่งผลตอ่ การปรับเปล่ยี นวถิ ีการทำ� งาน 142 ผลกระทบโดยท่ัวไปหลงั การเปล่ยี นแปลงวถิ ีการท�ำงาน 150 นโยบายเพ่อื ช่วยเหลือครอบครวั ทม่ี ีบุตร และการสง่ เสรมิ คณุ ภาพชวี ติ ของครอบครัว 159 เพือ่ ครอบครวั ไทยรนุ่ ใหมท่ ่เี ข้มแข็ง: ขอ้ เสนอแนวนโยบาย 160 ความสมดลุ ของเวลาสคู่ วามเปราะบางของครอบครัว 166 นโยบายเพอ่ื การสร้างครอบครัว: มองปจั จุบันสอู่ นาคต 178 บรรณานกุ รม 182 ดชั นี 184 เกย่ี วกบั ผู้แต่ง
สารบัญรูปภาพ รปู 1 ความสมั พันธ์แบบสองทศิ ทางระหว่างการมบี ุตรและพฤติกรรมการท�ำงาน 2 รปู 2 ข้ันตอนของการเก็บรวบรวมข้อมูล การคดั เลอื ก ตลอดจนการวเิ คราะห์ข้อมูล 11 รปู 3 สัดส่วนข้อความท่เี ขยี นโดยแม่ท�ำงานและแม่เตม็ เวลาบนเว็บไซต์พันทิปและเฟซบุ๊ก 15 รปู 4 ความสัมพันธ์ระหว่างค�ำ กลุ่มเล้ยี งลกู เตม็ เวลา 25 รูป 5 ความสัมพนั ธ์ระหว่างคำ� ของค�ำว่า “สาม”ี กลุ่มเลย้ี งลูกเต็มเวลา 28 รูป 6 ความสัมพันธ์ระหว่างคำ� ของค�ำว่า “ภรรยา” กลุ่มเล้ยี งลูกเต็มเวลา 32 รปู 7 ความสัมพันธ์ระหว่างคำ� ของคำ� ว่า “เวลา” กลุ่มเลย้ี งลกู เตม็ เวลา 34 รูป 8 ความสมั พันธ์ระหว่างค�ำของค�ำว่า “เงนิ ” กลุ่มเล้ยี งลกู เต็มเวลา 36 รูป 9 ความสัมพนั ธ์ระหว่างค�ำของค�ำว่า “รู้สกึ ” กลุ่มเล้ยี งลกู เต็มเวลา 40 รูป 10 ความสัมพนั ธ์ระหว่างคำ� ของค�ำว่า “เครยี ด” กลุ่มเล้ยี งลกู เตม็ เวลา 42 รปู 11 ความสมั พนั ธ์ระหว่างคำ� ของคำ� ว่า “เหน่อื ย” กลุ่มเล้ยี งลูกเต็มเวลา 44 รูป 12 ความสมั พนั ธ์ระหว่างคำ� ของค�ำว่า “มคี วามสุข” กลุ่มเล้ยี งลูกเตม็ เวลา 46 รูป 13 ความสมั พนั ธ์ระหว่างคำ� ของค�ำว่า “ตวั เอง” กลุ่มเล้ยี งลูกเต็มเวลา 49 รูป 14 ความสัมพนั ธ์ระหว่างค�ำของค�ำว่า “ส่วนตวั ” กลุ่มเล้ยี งลูกเตม็ เวลา 50 รปู 15 ความสัมพันธ์ระหว่างค�ำของค�ำว่า “คนเดยี ว” กลุ่มเล้ยี งลูกเตม็ เวลา 54 รปู 16 ความสมั พันธ์ระหว่างคำ� กลุ่มแม่ทำ� งาน 57 รูป 17 ความสัมพนั ธ์ระหว่างค�ำของค�ำว่า “สาม”ี กลุ่มแม่ทำ� งาน 59 รูป 18 ความสมั พนั ธ์ระหว่างค�ำของคำ� ว่า “ภรรยา” กลุ่มแม่ทำ� งาน 62 รูป 19 ความสัมพันธ์ระหว่างค�ำของคำ� ว่า “รู้สกึ ” กลุ่มแม่ทำ� งาน 63 รูป 20 ความสัมพนั ธ์ระหว่างคำ� ของคำ� ว่า “รอ” กลุ่มแม่ท�ำงาน 65 รูป 21 ความสัมพนั ธ์ระหว่างคำ� ของค�ำว่า “ไม่ม”ี กลุ่มแม่ทำ� งาน 67 รปู 22 ความสมั พันธ์ระหว่างค�ำของค�ำว่า “เหนอ่ื ย” กลุ่มแม่ทำ� งาน 69 รูป 23 ความสัมพันธ์ระหว่างคำ� ของคำ� ว่า “เงนิ ” กลุ่มแม่ทำ� งาน 71 รูป 24 ความสัมพนั ธ์ระหว่างคำ� ของคำ� ว่า “เงนิ เดือน” กลุ่มแม่ทำ� งาน 73 รูป 25 ความสัมพนั ธ์ระหว่างค�ำของค�ำว่า “เวลา” กลุ่มแม่ทำ� งาน 75
คำ�นำ� ผู้เขียน i
ประชากรวยั แรงงานของประเทศไทยทกุ วนั นท้ี ำ� งานนอกบา้ นมากขนึ้ กวา่ ในอดตี จากประเทศทป่ี ระชากร ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ปัจจุบันพบว่าสัดส่วนแรงงานภาคเกษตรของประเทศไทยลดลงอย่าง ตอ่ เนอื่ ง ในขณะทส่ี ดั สว่ นแรงงานในภาคการผลติ เพม่ิ ขน้ึ จากอดตี ทก่ี ารทำ� งานเปน็ เรอื่ งของอตุ สาหกรรม ในครัวเรือน การงานและการเรือนเป็นสิ่งท่ีด�ำเนินควบคู่กันไปได้ ความขัดแย้งระหว่างการท�ำงานและ การสร้างครอบครัวจึงมีน้อย แต่ทุกวันน้ี การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ ท�ำให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายใน วยั แรงงานจ�ำเป็นตอ้ งทำ� งานนอกบ้านมากขน้ึ เม่อื งานอย่หู า่ งจากบ้าน ความขัดแย้งระหวา่ งการใชเ้ วลา ในการทำ� งานเพื่อหาเงินเล้ยี งชีพกบั เวลาในการดแู ลครอบครัวจึงเกิดข้นึ โดยทว่ั ไปแลว้ ผหู้ ญงิ ประสบปญั หาความขดั แยง้ นม้ี ากกวา่ ผชู้ าย ดว้ ยบรรทดั ฐานของสงั คมและวฒั นธรรม ก�ำหนดบทบาทใหผ้ ้หู ญิงเปน็ ผ้ดู แู ลครอบครวั และเป็นผเู้ ลย้ี งบุตรเปน็ หลกั แต่เม่ือผหู้ ญงิ ทำ� งานนอกบ้าน มากขนึ้ เวลาทจ่ี ะใชใ้ นการดแู ลครอบครวั และเลยี้ งดบู ตุ รยอ่ มถกู บดบงั ไป ความขดั แยง้ ระหวา่ งสองบทบาท ของผหู้ ญงิ จงึ เกดิ ขนึ้ เมอื่ ผหู้ ญงิ มบี ตุ ร หลายครง้ั จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งปรบั เปลย่ี นวถิ กี ารทำ� งาน เชน่ การออกจาก งานเพื่อมาเลยี้ งดูบตุ รอยา่ งเตม็ เวลา การลดช่ัวโมงการท�ำงาน หรือ การเปลย่ี นงานทีม่ คี วามยืดหยนุ่ ขึน้ เพ่ือให้มีเวลาในการดูแลบุตรมากข้ึน ในขณะเดียวกันก็ยังจ�ำเป็นท่ีจะต้องหารายได้เพื่อสร้างความมั่นคง ทางเศรษฐกจิ ของตนเองและครอบครวั การปรบั เปลย่ี นวถิ กี ารทำ� งานอนั เนอ่ื งมาจากการมบี ตุ รสง่ ผลทง้ั ในระดบั ประเทศและระดบั ครอบครวั การ ท่ีผู้หญิงต้องออกจากตลาดแรงงานเป็นการสูญเสียก�ำลังแรงงานในการผลิตของประเทศ ย่ิงในปัจจุบันผู้ หญงิ มีระดบั การศึกษาที่สูงข้ึน คา่ เสยี โอกาสที่เกดิ จากการออกจากตลาดแรงงานย่ิงสูงข้นึ ในบรบิ ทนกี้ าร เปน็ แมม่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ รปู แบบการทำ� งานของผหู้ ญงิ มากกวา่ การเปน็ เพศหญงิ ผลจากการศกึ ษาวจิ ยั ในหลาย ประเทศชวี้ า่ ระดบั การจา้ งงานระหวา่ งผชู้ ายกบั ผหู้ ญงิ ทไี่ มม่ บี ตุ รไมไ่ ดม้ คี วามแตกตา่ งกนั มาก แตเ่ มอื่ เปรยี บ เทียบกับผู้หญิงท่ีมีบุตรจะพบว่าระดับการจ้างงานมีความแตกต่างสูง (Boeckmann, Misra, & Budig, 2014) นอกจากน้ีการมีบุตรเป็นตัวแปรส�ำคัญที่ท�ำให้เกิดช่องว่างของค่าแรงระหว่างชายหญิง เน่ืองจาก การมีบตุ รท�ำใหผ้ หู้ ญงิ ขาดโอกาสกา้ วหน้าในหน้าทก่ี ารงาน และสง่ ผลต่อการขาดรายไดใ้ นระยะยาวด้วย (Parker, 2015) โดยเฉพาะในกลุ่มแมท่ ีม่ ีรายไดต้ �ำ่ (Budig & Hodges, 2014) นอกจากนจี้ ำ� นวนบุตรยัง ii
สง่ ผลตอ่ คา่ จา้ งในระยะยาวดว้ ย กลา่ วคอื ผหู้ ญงิ ทม่ี บี ตุ ร 3 คนขนึ้ ไป จะไดร้ บั คา่ จา้ งตลอดชวี ติ การทำ� งาน ที่ตำ่� ลง (Kahn, Garcia-Manglano, & Bianchi, 2014) การที่ผู้หญิงมีบุตรจ�ำเป็นต้องลาออกจากงานไปดูแลบุตรท�ำให้ขาดประสบการณ์การท�ำงานในช่วงเวลา ดังกล่าว นอกจากน้ีการดูแลบตุ รไปด้วยอาจทำ� ใหป้ ระสิทธภิ าพการท�ำงานลดลง ในขณะท่ผี ้หู ญิงท่มี ีบุตร บางคนเลือกที่จะท�ำงานท่ีมีความยืดหยุ่นมากกว่างานที่ได้ค่าจ้างสูง ผู้หญิงท่ีมีบุตรบางรายถูกกีดกันจาก นายจ้าง เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นที่มาของการที่ผู้หญิงที่มีบุตรมีแนวโน้มท่ีจะได้ค่าจ้างต่�ำกว่าผู้หญิงที่ไม่มี บตุ ร (Budig & England, 2001) นอกจากนหี้ ากผหู้ ญงิ ตดั สนิ ใจลาออกจากงานเพอื่ ไปดแู ลบตุ ร การกลบั เขา้ ตลาดแรงงานอกี ครง้ั กไ็ มใ่ ชเ่ รอ่ื ง ง่าย ผหู้ ญงิ ทีต่ ดั สนิ ใจลาออกในช่วงอายุ 20-30 ปี (ในชว่ งวยั ท่ีมีบตุ ร) หากอยากจะกลับไปท�ำงานต่อเม่ือ อายุ 35 ปีหรอื มากกว่านัน้ ก็อาจจะไม่ได้รับการจา้ งงานในภาคอตุ สาหกรรม เพราะเง่อื นไขทั้งในเร่อื งวัย และประสบการณ์การท�ำงาน ในประเทศญ่ีปุ่น การกลับไปท�ำงานของผู้หญิงมักมีปัญหาอ่ืนแทรกเข้ามา ด้วย เช่น การไม่สามารถหาสถานรับเลี้ยงเด็กได้ เพราะสถานรับเลี้ยงเด็กมีเด็กที่ดูแลเต็มจ�ำนวนแล้ว นอกจากภาระเรื่องลูกแล้ว ผู้หญิงบางคนยังต้องดูแลพ่อแม่สูงอายุอีกด้วย การปรับตัวไปท�ำอาชีพอิสระ หรอื ทำ� ธรุ กจิ ส่วนตัวจึงเปน็ ทางเลือกของผหู้ ญงิ ที่มบี ุตรในหลายประเทศ (Ashida, 2016) การปรบั เปลย่ี นวิถกี ารท�ำงานส่งผลกระทบในระดบั ครอบครัวด้วยเชน่ กนั ครอบครวั ทพ่ี ่อและแม่มรี ายได้ ย่อมมีความม่ันคงทางเศรษฐกิจมากกว่าครอบครัวท่ีมีรายได้จากเพียงคนใดคนหนึ่ง ผลการส�ำรวจของ ศนู ยว์ จิ ัย New Pew Research Center (2015) พบว่า ในสหรัฐอเมรกิ า ค่ามธั ยฐานรายไดค้ รวั เรอื นของ ครอบครวั ทมี่ ลี กู อายตุ ำ่� กวา่ 18 ปี อยา่ งนอ้ ยหนงึ่ คน และทง้ั พอ่ และแมท่ ำ� งานทง้ั คอู่ ยทู่ ป่ี ระมาณ 102,400 เหรยี ญสหรฐั ตอ่ ปี ในขณะทคี่ รวั เรอื นทมี่ พี อ่ หรอื แมท่ ำ� งานเตม็ เวลาเพยี งคนเดยี วมคี า่ มธั ยฐานรายไดเ้ พยี ง ประมาณ 84,000 เหรยี ญสหรัฐตอ่ ปี ทง้ั นีค้ รวั เรอื นท่มี พี ่อท�ำงานเพียงคนเดียวโดยทแี่ ม่ไม่ได้ทำ� งาน มีค่า มัธยฐานรายได้เพยี งประมาณ 55,000 เหรยี ญสหรัฐต่อปี iii
หลายคนมองวา่ การทแี่ มท่ ำ� งานนอ้ ยลงหรอื ลาออกจากงานเพอ่ื มาดแู ลบตุ รทำ� ใหไ้ ดม้ เี วลากบั บตุ รมากขน้ึ อาจส่งผลดตี อ่ บุตรในหลายดา้ น เชน่ ชวี ติ ความเปน็ อยู่ พฒั นาการดา้ นสตปิ ัญญา หรือพฤติกรรมของบุตร และอาจน�ำไปสโู่ อกาสทบ่ี ตุ รจะประสบความสำ� เรจ็ ในชวี ติ ในอนาคตมากข้ึน อย่างไรก็ตาม การศกึ ษาเชิง ประจักษ์จ�ำนวนมากในต่างประเทศไม่สามารถช้ีชัดได้ว่าการท�ำงานของแม่มีความสัมพันธ์ในทางลบกับ คณุ ลกั ษณะของบตุ ร (เชน่ Baker, & Milligan; 2015; Johnson, Kendall, Strazdins, & Jacoby; 2013; Wills, & Brauer; 2012) ในทางตรงกันข้าม งานวิจยั บางชิน้ ชใี้ หเ้ ห็นถึงข้อดที ่เี กิดขึ้นกับบตุ รจากการท่แี ม่ ทำ� งานนอกบา้ น ยกตวั อยา่ ง ผลการศกึ ษาครอบครัวใน 29 ประเทศทวั่ โลก (McGinn, Ruiz Castro, & Lingo, 2015) ชวี้ า่ บตุ รสาวทเ่ี ตบิ โตครอบครวั ทมี่ แี มท่ ำ� งานมแี นวโนม้ ทจ่ี ะมงี านทำ� และมเี งนิ เดอื นสงู กวา่ คนทเ่ี ตบิ โตมาในครอบครวั ทแ่ี มไ่ มไ่ ดท้ ำ� งาน ในขณะที่ บตุ รชายทม่ี แี มท่ ำ� งานเมอ่ื โตขนึ้ มแี นวโนม้ ทจ่ี ะชว่ ย เหลอื งานบา้ นภรรยามากกวา่ บุตรชายท่มี ีแม่ไม่ได้ท�ำงาน ซงึ่ ถือเป็นนัยที่ดีในด้านความเทา่ เทยี มทางเพศ อย่างไรก็ตามท้ายท่สี ดุ แล้วผลกระทบทส่ี ำ� คัญของการมีบตุ รน้ันตกอย่ทู ีพ่ ่อและแม่ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ คน ที่เป็นแม่ เน่ืองจากบริบทของสังคมไทยยังแสดงทีท่าที่ก�ำหนดให้ผู้หญิงเป็นผู้เล้ียงบุตรเป็นหลัก และแม้ สัญชาตญาณแห่งความเป็นแม่จะทำ� ให้ผหู้ ญิงส่วนใหญร่ ับบทบาทนอ้ี ยา่ งมคี วามสุข แตส่ ภาพเศรษฐกิจท่ี บบี คนั้ และศกั ยภาพในการแสดงความสามารถนอกบา้ นทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ทำ� ใหผ้ หู้ ญงิ ทม่ี บี ตุ รจำ� เปน็ ตอ้ งวางแผน และแบ่งเวลาให้ดีเพื่อสร้างสมดุลระหว่างภาระอันส�ำคัญท้ังสองนี้ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อ อารมณ์ ความรู้สึก และคุณภาพชีวิตของผู้หญิงและครอบครัวที่มีบุตรในยุคปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความซบั ซอ้ นทปี่ รากฏในภาพของการรกั ษาสมดลุ ระหวา่ งงานและการเลย้ี งดบู ตุ รเหลา่ นี้ ยงั อาจจะสง่ ผล ตอ่ ทศั นคตขิ องคนรนุ่ ใหมท่ ่ยี ังไม่มีบตุ รและการตัดสินใจเกย่ี วกับการวางแผนชีวิตครอบครวั อกี ด้วย การท�ำความเขา้ ใจปรากฏการณ์การปรับเปล่ยี นวถิ ีการทำ� งานของครอบครวั ไทยภายหลงั การมีบุตร โดย เฉพาะในกลมุ่ ผูห้ ญงิ จึงอาจช่วยทำ� ให้เห็นสภาพปัญหาทางสังคมท่ีซ่อนเรน้ อยู่ จากมมุ มองของครอบครัว ซงึ่ เปน็ หนว่ ยทางสงั คมทสี่ ำ� คญั และนำ� ไปสแู่ นวทางในการแกไ้ ขปญั หาสงั คมในหลายดา้ น ไมว่ า่ จะเปน็ การ พัฒนาทางด้านประชากรศาสตร์ ความเสมอภาค สิทธิ เสรีภาพ ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจทั้งในระดับ มหภาคและจุลภาค หนังสือเล่มนี้พยายามน�ำเสนอเรื่องราวของการปรับเปลี่ยนวิถีการท�ำงานในหลาก หลายมิติ ท้ังในแง่สาเหตุท่ที ำ� ใหต้ อ้ งปรับเปลีย่ นการท�ำงาน และผลกระทบท่เี กดิ ขนึ้ จากการปรับเปล่ียน ไม่ว่าจะเป็นในด้านความม่ันคงทางการเงิน ความก้าวหน้าทางการงาน ความสัมพันธ์ในครอบครัว และ คุณภาพในการเลี้ยงดูบุตร เพ่ือน�ำไปสู่ข้อเสนอแนะแนวทางนโยบาย เป็นทางออกให้ครอบครัวสามารถ แบ่งเบาภาระและลดอุปสรรคในการท�ำงานและเลี้ยงดบู ุตรของตนได้ iv
เร่ืองราวที่น�ำเสนอในหนังสือเล่มนี้ได้มาจากการวิเคราะห์บทสนทนาบนส่ือสังคมออนไลน์จาก เว็บไซต์พันทิปและเพจสาธารณะของเฟซบุ๊กที่เก่ียวข้องกับการเลี้ยงลูกและการท�ำงาน ในช่วงตั้งแต่ปี 2558-2561 จำ� นวนทั้งสน้ิ 1,801 ข้อความ และการสัมภาษณเ์ ชงิ ลกึ ผ้หู ญิงมีการปรับเปลี่ยนงานหรือได้ รับผลกระทบท่ีเกี่ยวข้องกับงานเนื่องจากการมีบุตรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจ�ำนวน 23 คนในช่วงเดอื นพฤษภาคมถงึ สงิ หาคม 2561 ส่ือสังคมออนไลน์หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า โซเชียลมีเดีย เป็นผลผลิตทางเทคโนโลยีที่มีผลกระทบ ตอ่ ชวี ติ ประจำ� วนั ของมนษุ ยใ์ นยคุ ปจั จบุ นั เปน็ อยา่ งมาก ปฏสิ มั พนั ธท์ ม่ี นษุ ยม์ กี บั สอื่ สงั คมออนไลนเ์ หลา่ นี้ มีหลากหลายรปู แบบและเกิดขนึ้ ในทุกเส้ียววินาที ในหนงั สอื How the world changed social media ของ Daniel Miller และคณะ (2016) ไดพ้ ยายามอธบิ ายคุณลกั ษณะส�ำคัญของส่ือสังคมออนไลนห์ ลาย ประการ ในท่ีน้ี ส่ือสังคมออนไลน์ไม่ได้เป็นเพียงเคร่ืองมือในการส่ือสารเท่าน้ัน แต่ผู้ใช้มองว่าเป็นพื้นท่ี แหง่ การอยอู่ าศยั หลายคนใชเ้ วลาบนสอื่ สงั คมออนไลนใ์ นการใชช้ วี ติ รว่ มกบั คนในครอบครวั มากกวา่ การ ใช้เวลาร่วมกันแบบตัวต่อตัว นอกจากนี้ด้วยคุณลักษณะพิเศษของสื่อสังคมออนไลน์ท�ำให้ความเป็นส่วน ตัวและความเป็นสาธารณะสามารถอยู่ได้ในพื้นที่เดียวกัน กล่าวคือ ผู้ใช้สามารถจัดการได้ว่าข้อความใด จะเป็นข้อความท่ีเปิดเผยสู่สาธารณะหรือข้อความใดควรเปิดเผยเฉพาะกลุ่มคนไม่กี่คน อย่างไรก็ตาม ประเด็นท่ีส�ำคัญท่ีสุดประการหน่ึงที่ค้นพบในงานวิจัยของ Daniel Miller และคณะ ก็คือ มนุษย์ใช้ส่ือ สังคมออนไลนใ์ นการตอบสนองความตอ้ งการเฉพาะกลมุ่ กล่าวอกี นัยหนึ่ง สอื่ สงั คมออนไลนช์ ว่ ยใหเ้ กดิ การแสดงออกทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ส่ือสังคมออนไลน์ท�ำให้กลุ่มทางสังคมที่มี อยแู่ ลว้ เขม้ แขง็ มากข้ึน เน่อื งจากสมาชกิ ในกลมุ่ สามารถมีปฏสิ มั พนั ธร์ ่วมกนั ไดบ้ อ่ ยโดยไมจ่ ำ� กดั เวลาและ สถานที่ แตใ่ นขณะเดยี วกนั สอ่ื สงั คมออนไลนก์ ย็ งั เปน็ พนื้ ทท่ี ท่ี ำ� ใหเ้ ราสามารถแลกเปลยี่ นความรู้ ความคดิ ประสบการณ์ และความรู้สึก กับคนท่ีมีความสนใจตรงกันที่อาจจะไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ได้ ซง่ึ ปรากฏการณน์ ้เี ปน็ ส่งิ ท่เี กิดข้ึนไดย้ ากในโลกออฟไลน์ การเล้ียงดูบุตรเป็นประสบการณ์ส�ำคัญของชีวิตที่มีความซับซ้อนและมีรายละเอียดหลายประการ การ แลกเปล่ียนความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึก ตลอดจนบทเรียนท่ีได้จากการเล้ียงดูบุตร ผ่านสื่อสังคม ออนไลน์ นับเป็นกจิ กรรมหน่งึ ทสี่ ร้างความมั่นใจในการใช้ชวี ิตของผหู้ ญงิ ทม่ี ีบตุ ร ไมว่ า่ จะเป็นผหู้ ญิงทลี่ า ออกจากงานเพื่อดูแลบุตร หรือปรับเปล่ียนการท�ำงาน รวมไปถึงผู้หญิงท่ีได้รับผลกระทบจากการ ท่ปี ระสทิ ธิภาพในการทำ� งานลดลงอันเน่ืองจากการมบี ุตร v
มีงานวิจัยจำ� นวนมากจากท่วั โลกทศี่ กึ ษาการใช้งานส่อื สังคมออนไลนข์ องกลมุ่ ผู้หญิงทีม่ ีบุตร หลายคนใช้ ส่อื สังคมออนไลนใ์ นการหาข้อมูลทางดา้ นสขุ ภาพและข้อมลู ทีเ่ กยี่ วข้องกับการดแู ลบตุ ร (เช่น Logsdon, Mittelberg & Myers, 2014) ในขณะเดียวกนั การใชส้ ือ่ สังคมออนไลนม์ ีผลกระทบสำ� คัญและเป็นกระจก สะท้อนภาพลักษณ์ที่มีต่อผู้หญิงท่ีมีบุตรด้วย ยกตัวอย่าง การเล่าเร่ืองของตนเองบนสื่อสังคมออนไลน์ ในผหู้ ญงิ ทเี่ พง่ิ คลอดบตุ รมแี นวโนม้ ทจ่ี ะชว่ ยสรา้ งความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั (รวมถงึ ครอบครวั ขยายดว้ ย) นอกจากนี้การใช้สื่อสังคมออนไลน์ยังเป็นการขยายต้นทุนทางสังคม (เช่น Drentea & Moren-Cross, 2005) ท�ำใหผ้ ู้หญงิ สามารถเข้าถึงการสนับสนนุ ทางสังคมซ่งึ มบี ทบาทสำ� คัญตอ่ สุขภาวะของผหู้ ญิงที่มีลูก ในด้านต่าง ๆ ไม่วา่ จะเปน็ การสร้างสมดุลในภาระหน้าทตี่ า่ งๆ ภายในครอบครวั การลดความวติ กกังวลท่ี มีต่อการเล้ียงดูบุตร และความเครียดในชีวิตประจ�ำวัน (McDaniel, Coyne, & Holmes, 2012) ในขณะเดยี วกนั การใชง้ านสอ่ื สงั คมออนไลนย์ งั มผี ลตอ่ การสรา้ งภาพของความเปน็ แมใ่ นอดุ มคติ การเปรยี บ เทยี บทางสังคม รวมไปถึงความรสู้ กึ ถงึ การแขง่ ขนั กนั ในกลมุ่ ของผู้หญิงทมี่ ีบตุ รดว้ ย (Chae, 2014) ดังน้นั ขอ้ มลู ทปี่ รากฏบนสอื่ สงั คมออนไลนจ์ งึ ถอื เปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ทนี่ า่ สนใจทจ่ี ะสะทอ้ นมมุ มองของผหู้ ญงิ ทมี่ บี ตุ ร ทม่ี ีตอ่ การทำ� หนา้ ท่ีเลีย้ งดบู ตุ รและการเปลย่ี นแปลงวิถีในการท�ำงาน หลายคนอาจตง้ั ขอ้ สงสยั วา่ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากสอื่ สงั คมออนไลนแ์ ละวธิ กี ารวเิ คราะหจ์ ะมคี วามนา่ เชอ่ื ถอื มาก น้อยเพียงใด เมือ่ เทยี บกับข้อมลู รปู แบบอน่ื ๆ ข้อสงั เกตดังกล่าวมขี อ้ ถกเถยี งกนั อยา่ งกวา้ งขวางในหมูน่ ัก วชิ าการทใ่ี ชข้ อ้ มลู ออนไลน์ ถึงแม้ว่าข้อมลู เหล่านอี้ าจจะไม่สามารถระบตุ ัวตนของผเู้ ขยี นขอ้ ความได้ แต่ การใชน้ ามแฝงบนสอื่ สงั คมออนไลนท์ ำ� ใหค้ นกลา้ ทจี่ ะบอกเลา่ ความรสู้ กึ ทแ่ี ทจ้ รงิ ของตนเองไดโ้ ดยไมก่ ลวั การตคี ณุ คา่ จากผอู้ น่ื จะเหน็ ไดว้ า่ บอ่ ยครงั้ ผใู้ ชส้ งั คมออนไลนเ์ หลา่ นี้ ขอบคณุ สมาชกิ ในชมุ ชนคนอนื่ ทท่ี ำ� ให้ รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจอประสบการณ์ต่างๆ เพียงคนเดียว และกล่าวว่าสื่อสังคมเหล่านี้เป็นเพียงช่องทาง เดียวทจี่ ะระบายความรสู้ ึก ทัศนคติออกมา ซึง่ ท�ำใหเ้ ห็นวา่ การใช้ข้อมลู จากสอ่ื สังคมออนไลน์จะท�ำให้ได้ ขอ้ มลู ทม่ี คี วามแตกตา่ งจากขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสมั ภาษณห์ รอื การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในรปู แบบอนื่ ทจ่ี ะตอ้ ง มีปฏิสมั พันธ์กันโดยตรง ถงึ แมข้ อ้ มลู จากเวบ็ ไซตพ์ นั ทปิ ทน่ี ำ� มาใชใ้ นงานชนิ้ นผี้ า่ นคดั กรองอยา่ งเปน็ ระบบโดยใชเ้ กณฑก์ ารคดั เลอื ก ที่มีความเฉพาะเจาะจง ข้อมูลที่ได้จากเฟซบุ๊กไม่สามารถใช้วิธีการคัดเลือกแบบเดียวกันได้ ท�ำให้ต้องใช้ การคดั เลอื กมาเพยี งบางสว่ น ซงึ่ อปุ สรรคทสี่ ำ� คญั อยทู่ ขี่ อ้ มลู สว่ นใหญเ่ ปน็ ขอ้ มลู ทไ่ี มส่ ามารถเขา้ ถงึ ไดอ้ ยา่ ง สาธารณะ ดงั นนั้ ขอ้ มลู สอ่ื สงั คมออนไลนท์ ใี่ ชใ้ นงานวจิ ยั ชนิ้ นจ้ี งึ ไมส่ ามารถอนมุ านไปถงึ ครอบครวั โดยทว่ั ไป ไดท้ ้ังหมด แตก่ ็สามารถเปน็ ตวั แทนของครอบครัวท่มี ีบตุ รท่ใี ช้ส่ือสังคมออนไลน์ในระดับหนึง่ กอปรกับผู้ เขียนส่วนใหญ่ไม่ระบุข้อมูลตัวตน จึงอนุมานได้ยากว่าข้อมูลท่ีได้จากเว็บไซต์เหล่านี้สามารถเป็นตัวแทน vi
ของครอบครัวกลุ่มใดโดยเฉพาะหรือไม่ การน�ำข้อมูลในหนังสือเล่มน้ีไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะในส่วน ของข้อมลู จากส่อื สงั คมออนไลนค์ วรใชค้ วามระมดั ระวัง ความยากในการตรวจสอบ “ความจริง” ในบทสนทนาบนสอ่ื สงั คมออนไลน์ในบางกรณอี าจมากกวา่ หรือ นอ้ ยกวา่ การตรวจสอบในบทสนทนาแบบตวั ตอ่ ตวั การทตี่ อ้ งเปดิ เผยตวั ตนในการใหข้ อ้ มลู ไมว่ า่ จะเปน็ การ สมั ภาษณ์ การตอบแบบสอบถาม รวมไปถึงการสนทนากลมุ่ ยอ่ ย ผู้ใหข้ อ้ มลู อาจกลัวเสียภาพลกั ษณห์ รอื ไดร้ บั ผลกระทบต่อตนเองในทางตรง จงึ อาจไม่สามารถใหข้ ้อมลู ท่เี ป็นความจรงิ ได้ทั้งหมด ดงั นนั้ จึงกล่าว ไมไ่ ดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ ขอ้ มลู แบบใดมคี วามนา่ เชอื่ ถอื มากกวา่ กนั เนอ่ื งจากขอ้ มลู แตล่ ะประเภทตา่ งมขี อ้ เดน่ และข้อด้อยแตกต่างกัน ข้อมูลท่ีได้จากสือ่ สังคมออนไลนส์ ามารถนำ� มาใชเ้ พอื่ รวบรวมความคดิ เหน็ ทศั นคติ และประสบการณ์ที่ หลากหลายในการปรบั เปลยี่ นวถิ กี ารทำ� งานเมอ่ื มบี ตุ รของครอบครวั ในระดบั กวา้ งในการสรา้ งความเขา้ ใจ สถานการณโ์ ดยรวม ในขณะเดยี วกนั เพอ่ื เปน็ การลดชอ่ งวา่ งขอ้ ดอ้ ยของขอ้ มลู จากสอ่ื สงั คมออนไลนเ์ พยี ง อย่างเดียว นักวิจัยได้ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้หญิงท่ีมีการเปล่ียนแปลงหรือได้รับผลกระทบในการ ท�ำงานจากการมีลูก เพ่ือเจาะประเด็นท่ีต้องการเข้าใจในระดับลึกซ้ึง เป็นการเสริมสร้างความเข้าใจ รวมถึงชว่ ยยนื ยันความนา่ เชื่อถอื ของขอ้ ค้นพบจากการวิเคราะหต์ วั บทจากสอ่ื สังคมออนไลนด์ ้วย การสมั ภาษณก์ ลุม่ เป้าหมาย ครอบคลมุ ผูห้ ญิงทมี่ กี ารปรบั เปลีย่ นงานในหลายรูปแบบหลงั การมีบตุ ร ทีม นกั วจิ ยั เลอื กผหู้ ญงิ เปน็ ผใู้ หส้ มั ภาษณเ์ ปน็ หลกั เนอ่ื งจากการศกึ ษางานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งในเบอ้ื งตน้ พบวา่ ผู้ หญิงเปน็ กลุม่ ท่ีได้รบั ผลกระทบต่อการงานจากการมีบุตรมากที่สดุ โดยกลุ่มเปา้ หมาย เป็นผหู้ ญิงทอี่ าศัย อยใู่ นกรงุ เทพมหานครหรอื ปรมิ ณฑล แตง่ งานและมบี ตุ รแลว้ ทงั้ นคี้ ำ� ถามสมั ภาษณจ์ ะมคี วามแตกตา่ งกนั ไปเฉพาะกลมุ่ การคดั เลอื กคนเขา้ สมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก ค�ำนึงถึงความหลากหลายในด้านอาชีพ รปู แบบการปรับเปลยี่ นงาน จำ� นวนและอายุของลกู ลกั ษณะการอยูอ่ าศัย และฐานะทางเศรษฐกิจ เนือ้ หาในหนงั สือเลม่ น้ี เริม่ ดว้ ยการท�ำความเข้าใจผหู้ ญิงในมติ เิ ร่ืองลูกและงาน มาดูกันว่า ผูห้ ญิงจะเลอื ก อย่างไหน ผู้หญิงให้คุณค่ากับบุตรและงานในรูปแบบใด และหากต้องการกลับไปท�ำงานหลังจากมีบุตร ผหู้ ญงิ จะมที างเลอื กใดไดบ้ า้ ง จากนน้ั จะชวนทา่ นไปทำ� ความเขา้ ใจโลกของแมผ่ า่ นทางภาษาในสอื่ ออนไลน์ เช่น คำ� ที่แม่ใชบ้ ่อยท่ีสุด หรือคำ� ท่ีอยู่แวดล้อมทส่ี ัมพันธก์ ัน ซง่ึ จะสะทอ้ นให้เห็น ทัศนคติ ความรสู้ ึก ความ กงั วล ทสี่ ะท้อนผา่ นการใชค้ �ำตา่ งๆ เหลา่ นัน้ ตอ่ ด้วยขอ้ มลู เชงิ ลกึ โดยการเข้าไปทำ� ความเขา้ ใจ แมเ่ ฉพาะ vii
กลมุ่ โดยเรม่ิ จากกลมุ่ แมท่ ำ� งาน ซงึ่ เปน็ ชวี ติ ทไ่ี มส่ มดลุ ทง้ั บทบาทเรอ่ื งงานและการเลยี้ งดลู กู แตแ่ มท่ เี่ ลอื ก ทำ� งาน กม็ คี ำ� อธบิ ายมากมายทที่ ำ� ใหเ้ ขา้ ใจเหตผุ ลของการตดั สนิ ใจเลอื กเชน่ นนั้ สว่ นเรอื่ งของแมเ่ ตม็ เวลา ที่นำ� เสนอในบทถัดมา จะสะทอ้ นใหเ้ ห็นผลกระทบของการเลือกเปน็ แม่เตม็ เวลา ทีท่ �ำใหแ้ มก่ ลมุ่ น้ีกลาย เป็นกลุ่มเปราะบาง ทง้ั ดา้ นรายได้ สัมพันธภาพ ชีวิตส่วนตัว สภาพจิตใจ ความภาคภมู ใิ จ เป็นตน้ จากนนั้ เราจะเรยี นรบู้ ทเรยี นจากตา่ งประเทศ เพอ่ื คน้ หาแนวทางสนบั สนนุ แมเ่ ตม็ เวลาใหพ้ น้ จากความเปราะบาง ทา้ ยทส่ี ดุ เราตอ้ งการเหน็ ครอบครวั ไทยรนุ่ ใหมม่ คี วามเขม้ แขง็ อยา่ งยง่ั ยนื เพราะครอบครวั เปน็ พลงั สำ� คญั ของสงั คม การทำ� ความเขา้ ใจนโยบายการสรา้ งครอบครัวจึงมีความส�ำคัญ เชน่ นโยบายการลาคลอดบุตร เงินอุดหนุนบุตร นโยบายลดหย่อนภาษี หรือนโยบายท่ีช่วยสนับสนุนแม่ท่ีต้องพาลูกไปเลี้ยงในที่ท�ำงาน เปน็ ตน้ โดยไดจ้ ดั ทำ� ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบายไวท้ า้ ยเลม่ และชวนทา่ นวเิ คราะหค์ วามเปน็ ไปไดข้ องนโยบาย ดงั กลา่ ว นอกเหนอื จากความรเู้ ชงิ ลกึ ทเี่ กยี่ วขอ้ งแลว้ หนงั สอื เลม่ นไ้ี ดพ้ ยายามถอดบทเรยี นวธิ กี ารและแนวนโยบาย จากหลายประเทศที่จะช่วยลดภาวะตึงเครียดและกดดันท่ีเกิดข้ึนจากความไม่สมดุลระหว่างการดูแล ครอบครวั และการทำ� งาน ครอบครัวเป็นหน่วยทางสังคมที่เล็กท่ีสุด แต่เป็นฐานรากส�ำคัญของการพัฒนาในระดับท่ีสูงข้ึนไป การ เสรมิ สรา้ งครอบครวั ทเี่ ขม้ แขง็ จะทำ� ใหป้ ระเทศมรี ากของการพฒั นาทมี่ นั่ คง หนงั สอื เลม่ นพ้ี ยายามจะชว่ ย ตอ่ จก๊ิ ซอว์ท่สี �ำคัญในการเสริมสรา้ งครอบครวั ที่มคี วามเปราะบางใหเ้ ข้มแขง็ มากยิ่งขึน้ โครงการวจิ ยั ช้นิ น้ีเป็นหนึ่งในชดุ โครงการ “การดแู ลครอบครัวเปราะบางในสถานการณ์การเปลีย่ นแปลง โครงสรา้ งประชากรและสังคมไทย” ซ่ึงมีโครงการวจิ ัยทน่ี า่ สนใจและเกี่ยวขอ้ งอีกจ�ำนวน 4 โครงการจาก นกั วจิ ยั ของสถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากสำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) และมผี ทู้ ม่ี สี ว่ นรว่ มทำ� ใหง้ านวจิ ยั ชนิ้ นสี้ ำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดอี กี จำ� นวนมาก โดย เฉพาะผชู้ ว่ ยนกั วจิ ยั อกี สองทา่ น ไดแ้ ก่ คณุ ภมู ิ ฟงุ้ สรอ้ ยระยา้ และคณุ ธรี พนั ธ์ุ วรรณดี ทช่ี ว่ ยพฒั นาโปรแกรม คอมพวิ เตอรท์ ใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมและวเิ คราะหข์ อ้ มลู จำ� นวนมากนี้ ทข่ี าดไมไ่ ดค้ อื ตอ้ งขอขอบพระคณุ ผู้เขียนบนส่ือสงั คมออนไลนแ์ ละผ้ใู ห้สัมภาษณ์ทุกท่านที่รว่ มแบง่ ปนั ประสบการณ์ ทัศนคติ ความรสู้ ึก ที่ ทำ� ให้เราเข้าใจโลกของแม่ในยคุ ปจั จุบนั ไดอ้ ย่างลกึ ซ้งึ ยง่ิ ข้นึ เราขอใหก้ ำ� ลงั ใจทกุ ครอบครวั ไมว่ า่ จะเปน็ ครอบครวั ในรปู แบบใดหรอื ทำ� งานในรปู แบบใดกต็ าม การดแู ล ครอบครัวและการท�ำงาน ถึงแม้ว่าในหลายครั้งจะเป็นส่ิงที่ไปด้วยกันไม่ได้จนกลายเป็นความท้าทายใน หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองส่วนตัว ครอบครัวตนเอง ครอบครัวขยาย ชุมชน สังคม และประเทศชาติ viii
แตบ่ ทเรยี นหนง่ึ ทเี่ ราไดเ้ หน็ จากการงานวจิ ยั ชน้ิ นคี้ อื ความรกั ความอดทน ความเขา้ ใจซง่ึ กนั และกนั และ การวางแผนทีด่ ีทำ� ใหห้ ลายครอบครวั สามารถฝา่ ฟันอุปสรรคตา่ ง ๆ จนทำ� ใหค้ รอบครวั ท่ีเปราะบางหลาย ครอบครัวยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เราหวังว่าหนังสือเล่มน้ีจะช่วยสะท้อนไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งท่ี เก่ียวข้องและไม่เก่ียวข้องกับครอบครัว รวมถึงสังคมในวงกว้างเพ่ือให้ร่วมกันหันกลับมาเสริมสร้างความ เข้มแขง็ ของหนว่ ยสังคมเล็กๆ ทเ่ี รยี กวา่ ครอบครัว ถึงแมค้ รอบครัวหนงึ่ ๆ จะประกอบไปดว้ ยคนเพยี งไม่ กี่คน แตพ่ ลงั ของคนไมก่ ่ีคนเหลา่ น้ีสามารถส่งตอ่ และมีผลตอ่ ชวี ิตของคนอื่นอีกเป็นจำ� นวนมาก นอกจากเน้ือหาของหนังสือน้ีจะมีประโยชน์ต่อการวางแผนนโยบายทางสังคมแล้ว การศึกษาในคร้ังน้ียัง เป็นงานวิจัยทางสังคมศาสตร์ของประเทศไทยชิ้นแรกๆ ที่บูรณาการความรู้ทางด้านเทคนิคด้าน ภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์และสารสนเทศศาสตร์มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะภาษาไทย เป็นสาขาวิชาทม่ี คี วามต้องการอย่างสูงมากของประเทศ การจะพัฒนาคอมพวิ เตอร์ ให้ฉลาด สามารถช่วยงานมนุษย์โดยเฉพาะกับงานท่ีต้องใช้ความรู้และทักษะข้ันสูงนั้น จ�ำเป็นท่ีจะต้อง อาศัยความรูแ้ ละความเขา้ ใจทางด้านภาษาศาสตร์คอมพวิ เตอรท์ ั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นหนง่ึ ในรากฐานสำ� คญั ต่อการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) อีกด้วย เราหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยจุดประกายให้นัก สังคมศาสตร์ไม่ว่าจะในสาขาวิชาใดก็ตาม ได้เห็นโอกาสและมาช่วยกันพัฒนาเคร่ืองมือท่ีช่วยท�ำให้เรา สามารถเข้าใจสงั คมไทยที่มีความซับซอ้ นน้ีได้อีกหลากหลายมุมมองมากยงิ่ ขึ้น ix
ลกู และงาน ทางแยกที่ตอ้ งเลือก 1
ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผา่ นมาน้ี หลายประเทศทว่ั โลกได้ประสบกบั การ ลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราเกิดของประชากร อันเป็นผลจากการ เปล่ียนแปลงทางบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เม่ือ ประกอบกับอายุคาดเฉลี่ยของประชากรท่ียืนยาวข้ึน โครงสร้างอายุ ประชากรของหลายประเทศจึงก�ำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านคร้ังส�ำคัญ (Demographic transition) ข้อมูลเชิงประจักษ์เก่ียวกับโครงสร้าง ประชากรของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า อัตราเกิดท่ี ลดลงนัน้ มีความสัมพันธ์เชงิ ลบกบั พฤติกรรมการท�ำงาน โดยเฉพาะใน กลมุ่ ของผ้หู ญงิ กลา่ วคอื ในชว่ งทีผ่ ูห้ ญงิ มจี ำ� นวนบตุ รลดลง มกั พบวา่ อตั ราการมีส่วนรว่ มในก�ำลงั แรงงานของสตรจี ะเพิ่มสูงข้ึน ความกังวลเก่ียวกับผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นจากการเปล่ียนแปลง โครงสร้างอายุประชากรในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะโครงสร้างที่มี สดั สว่ นประชากรผสู้ งู อายสุ งู มากขน้ึ หรอื ทเ่ี ราเรยี กกนั ตดิ ปากวา่ สงั คม สงู อายุ ทำ� ใหค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการมบี ตุ รและพฤตกิ รรมการทำ� งาน เป็นประเด็นท่ีได้รับความสนใจในแวดวงนักวิชาการและผู้ก�ำหนด นโยบายมากยง่ิ ขนึ้ ในชว่ งเวลาไม่นานมาน้ี รปู 1 ความสัมพันธ์แบบสองทิศทางระหว่างการมีบตุ รและพฤติกรรมการทำ�งาน 2
โดยท่ัวไปแล้ว การศึกษาเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างการมีบุตรและ ผลกระทบทางสงั คม พฤติกรรมการทำ� งาน เป็นประเด็นที่มคี วามซับซอ้ นอยา่ งยิ่ง เนอื่ งจาก ที่กล่าวมาข้างต้นเปน็ ไม่มีความแน่ชัดว่าการมีบุตรน้ันส่งผลต่อพฤติกรรมการท�ำงาน หรือ สมมติฐานอันสำ�คญั พฤตกิ รรมการทำ� งานสง่ ผลตอ่ การมบี ตุ รกนั แน่ ในทางทฤษฎแี ลว้ ความ ที่ใช้เปน็ พื้นฐานใน สมั พนั ธส์ ามารถเปน็ ไปไดท้ งั้ สองทาง ดงั แสดงในรปู 1ความสมั พนั ธแ์ บบ การเน้นทำ�ความเข้าใจ สองทศิ ทางระหว่างการมีบุตรและพฤติกรรมการท�ำงาน กลา่ วคือ การ สภาพการณ์การทำ�งาน มบี ตุ รทำ� ใหพ้ อ่ แมต่ อ้ งใชเ้ วลาในการดแู ลบตุ รมากขน้ึ จงึ ทำ� ใหม้ เี วลาใน ของครอบครวั ที่มีบุตร การทำ� งานนอ้ ยลง หรอื ในทางกลบั กนั การทผี่ หู้ ญงิ มรี ะดบั การศกึ ษาท่ี แล้ว เพื่อจะนำ�ไปสู่การ สูงขึ้นและมีรายได้ท่ีสูงข้ึน ท�ำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มในการเลือกท�ำงาน ค้นหาแนวทางในการปรับ มากกว่าการมบี ุตร เนอ่ื งจากมีคา่ เสยี โอกาสทีม่ ากขน้ึ โครงสร้างประชากรตั้งแต่ อย่างไรก็ตาม การมีบุตรถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ส�ำคัญในชีวิตของมนุษย์ ระดับครอบครัวต่อไป ดงั ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม เนื่องจากการมีบุตรเป็นเหมือนพันธะสัญญา น้ันในหนงั สือเล่มนี้จึงเน้น ท่ีต้องรับผิดชอบในระยะยาว การมีบุตร นับเป็นสถานการณ์ส�ำคัญท่ี การสำ�รวจผลกระทบของ ท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงทั้งต่อตัวบุคคลและครอบครัวของตนเอง การมีบุตรต่อวิถีการทำ�งาน อยา่ งหลกี เล่ยี งไมไ่ ด้ นอกจากนี้ การมีบุตรของครอบครวั หนง่ึ ยังส่งผล ของผู้หญิงเป็นหลกั กระทบไปยังครอบครัวอื่น ชุมชน ตลอดจนถึงสังคมในวงกว้างด้วย โดยมองการมีบุตรเปน็ ในทางจติ วทิ ยา การตดั สนิ ใจมบี ตุ ร นอกจากจะเกดิ ขนึ้ จากแรงผลกั ดนั สาเหตุและการปรบั เปลีย่ น ภายในตนเอง (Intrinsic drive) ไม่วา่ จะเป็นทัศนคติ ความรูส้ ึก ความ วิถีการทำ�งานเป็น ตอ้ งการ หรอื ความพรอ้ มแลว้ ผลกระทบทางสงั คม (Social influence) ผลกระทบที่ตามมา ยังมีบทบาทส�ำคัญต่อการตัดสินใจมีบุตรอีกด้วย Bernardi (2003) นักประชากรศาสตร์สายเส้นทางชีวิต (Life course) อธิบายว่าผล กระทบทางสงั คมทม่ี สี ว่ นสำ� คญั ตอ่ การตดั สนิ ใจมบี ตุ รสามารถแบง่ ออก ได้เป็น 4 ด้าน ได้แก่ การเรียนรู้ทางสังคม (Social learning) ความกดดันจากสังคม (Social pressure) ความรู้สึกผูกมัดท่ีจะต้อง ท�ำตามส่ิงที่คิดว่าคนอื่นคาดหวัง (Subjective obligation) และ การแพรก่ ระจายทางสังคม (Social contagion) ไมว่ ่าจะเป็นจากทาง ญาติพ่ีน้อง เพื่อน และสังคมภายนอก โดยเฉพาะจากคนที่มี ประสบการณ์มบี ตุ รแล้ว 3
คา่ ของเวลา กับการตัดสินใจทำ�งาน เราสามารถเร่ิมต้นท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับการตัดสินใจท�ำงานจากมุมมองของการรักษาสมดุลของการ ท�ำงานและชีวติ ส่วนตวั โดยใช้ทฤษฎีอปุ สงคใ์ นการพกั ผอ่ น (Demand for leisure) ทอี่ ธบิ ายวา่ มนุษย์ เรามีเวลาที่จ�ำกัด และเราสามารถท่ีจะเลือกใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจ�ำกัดน้ันในการท�ำงานหรือพักผ่อนก็ได้ ทัง้ น้ี การทำ� งานจะนำ� มาซึ่งรายไดท้ ี่จะนำ� ไปสกู่ ารอปุ โภคบริโภค ในขณะที่การพกั ผอ่ นเปน็ สง่ิ ท่ีมนษุ ยท์ ุก คนพงึ ปรารถนาอยู่แล้วเป็นพน้ื ฐาน อยา่ งไรก็ตามระดบั รายไดเ้ ป็นปจั จยั ส�ำคญั ทก่ี ำ� หนดการเลือกท�ำงาน หากรายไดส้ ูงขนึ้ คนจะมแี นวโนม้ ทำ� งานมากขึน้ ผ่านผลด้านการทดแทน (Substitution effect) ท่ที �ำให้ ตน้ ทุนของการพกั ผ่อนสงู ขึ้น แตใ่ นทางกลบั กัน คนอาจจะทำ� งานนอ้ ยลงไดผ้ ่านผลดา้ นรายได้ (Income effect) เนอื่ งจากรายไดท้ ี่สูงขน้ึ ท�ำให้คนมีก�ำลังในการซอื้ สินค้าอปุ โภคบรโิ ภคไดม้ ากขึ้น ซึง่ รวมถึงเวลา ในการพักผ่อนด้วย ค่าเสียโอกาสของเวลาส�ำหรับคนแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา ประสบการณ์ท�ำงาน และระดับทักษะ (Mammen & Paxson, 2000) อยา่ งไรก็ตาม Mincer (1962) นักเศรษฐศาสตร์แรงงานคนส�ำคญั มองว่าในความเปน็ จรงิ ยังมีอกี กจิ กรรม ทสี่ ำ� คญั นอกเหนอื การทำ� งาน (ทไี่ ดค้ า่ ตอบแทน) และการพกั ผอ่ น นน่ั คอื งานทไ่ี มไ่ ดร้ บั คา่ ตอบแทน ไดแ้ ก่ การท�ำงานดูแลบ้าน และการเลี้ยงดูบุตร ซ่ึงงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนน้ีเป็นส่วนส�ำคัญของชีวิตผู้หญิง ดงั นัน้ Mincer จงึ ไดเ้ สนอว่าการวิเคราะหพ์ ฤตกิ รรมการทำ� งาน (ท่ไี ด้ค่าตอบแทน) จ�ำเป็นต้องค�ำนงึ ถึง งานบา้ นและการเล้ียงดบู ุตรดว้ ย ตามทฤษฎขี อง Mincer ครัวเรอื นถอื เป็นหน่วยการวิเคราะหท์ ส่ี �ำคัญ โดยมองการอุปโภคบรโิ ภคของครวั เรอื นขนึ้ อยกู่ บั รายไดท้ งั้ หมดของสมาชกิ ในครวั เรอื น การทส่ี มาชกิ ในครวั เรอื นคนใดคนหนง่ึ มคี า่ ตอบแทน ที่เปล่ยี นไป จะส่งผลกระทบตอ่ การเลือกท�ำงานของทุกคนในครวั เรอื น สว่ นจะเปล่ียนอยา่ งไร ขึ้นอยกู่ บั การแบง่ งานในบา้ น ซง่ึ ขนึ้ กบั หลายปจั จยั ทงั้ ความชอบสว่ นบคุ คล คา่ นยิ มทางสงั คม และระดบั รายไดข้ อง แต่ละคนในครอบครัว สมาชิกครวั เรือนท่ีมีระดบั รายไดส้ ูงกวา่ หมายถึงตน้ ทนุ ในการท�ำงานบ้านหรอื การ พกั ผ่อนจะสงู กวา่ คนทีม่ ีระดบั รายไดต้ ำ�่ กว่า สำ� หรบั ผหู้ ญงิ การเลอื กวา่ จะจดั สรรเวลาอยา่ งไร ระหวา่ งการทำ� งานนอกบา้ น ทำ� งานในบา้ น หรอื พกั ผอ่ น ข้ึนอยู่กับว่างานบ้านน้ันมีความสามารถในการทดแทนได้มากน้อยเพียงใด เช่น การดูแลความสะอาด 4
ในบ้านอาจทดแทนได้ด้วยการจ้างแม่บ้าน หรือการใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีในการทุ่นแรง การเตรียม อาหารอาจทดแทนไดด้ ว้ ยการซอ้ื อาหารสำ� เรจ็ รปู ในกรณนี ท้ี ง่ี านในบา้ นสามารถหาสง่ิ ทดแทนไดค้ อ่ นขา้ ง ง่าย ค่าตอบแทนจากการท�ำงานนอกบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น จะหมายถึงการลดเวลาการท�ำงานในบ้านท่ีมาก กว่า แตห่ ากงานในบา้ นเปน็ ส่งิ ที่หาตวั เลอื กทดแทนไดย้ ากกวา่ เชน่ การดูแลลูกเลก็ ค่าตอบแทนจากการ ทำ� งานนอกบา้ นทเี่ พม่ิ สงู ขนึ้ จะไมส่ ง่ ผลตอ่ การลดเวลาการทำ� งานในบา้ นมาก แตจ่ ะไปลดเวลาการทำ� งาน นอกบา้ นมากขึน้ แทน ผหู้ ญิงทม่ี ีลูกเลก็ จึงมโี อกาสทจ่ี ะลดการท�ำงานนอกบา้ นมากกวา่ ดังน้นั ในแตล่ ะ ช่วงชีวติ ของผหู้ ญงิ ต้นทนุ ของการทำ� งานนอกบ้านจงึ เปลย่ี นไปตามอายขุ องผู้หญิง และจำ� นวนและอายุ ของบุตรทีม่ ี งานวจิ ยั ทางเศรษฐศาสตรใ์ นยคุ หลงั ๆ เชน่ งานของ Bloom และคณะ (2009) แมว้ า่ จะเหน็ พอ้ งกบั Mincer ทมี่ องวา่ อรรถประโยชนข์ องผหู้ ญงิ ขน้ึ อยกู่ บั การบรโิ ภคของครวั เรอื นและการมเี วลาพกั ผอ่ นสว่ นตวั อกี ทง้ั การบริโภคภายในครัวเรือนมาจากรายได้จากการท�ำงานของสมาชิกในครัวเรือน แต่ Bloom และคณะ ยงั รวมจำ� นวนบตุ รทมี่ เี ขา้ ไปในสมการอรรถประโยชนข์ องผหู้ ญงิ ดว้ ย กลา่ วอกี นยั หนงึ่ นอกจากการบรโิ ภค และการพักผ่อนแล้ว การมีบตุ รถือว่าเปน็ อกี ส่ิงท่ใี ห้อรรถประโยชน์แกผ่ ู้หญงิ ด้วย จากแนวคิดดังกล่าว ผู้หญิงจะเลือกจัดสรรเวลาท่ีมีระหว่างการท�ำงาน การพักผ่อน และการดูแลลูกท่ี ทำ� ใหไ้ ดอ้ รรถประโยชนส์ งู สดุ นอกจากนี้ Bloom และคณะ ยงั ไดเ้ พม่ิ คา่ เสยี เวลาในการเดนิ ทางไปทำ� งาน ด้วย โดยมองว่าคนทีม่ ชี วี ติ อยู่ในเมืองจะต้องมคี า่ เสยี เวลาเพิ่มข้นึ จากการเดนิ ทางไปท�ำงาน เนื่องจากคน ท่ีอาศัยในเมืองมักมีที่ท�ำงานท่ีไกลจากตัวบ้าน ในขณะท่ีคนที่อยู่ในชนบทสามารถท�ำงานในพื้นท่ีบ้านได้ (เชน่ การทำ� เกษตรกรรม) ทำ� ใหค้ นในชนบทสามารถทจี่ ะสลบั บทบาทการทำ� งานกบั บทบาทดแู ลครอบครวั ได้ง่ายกว่า เป็นการสะท้อนถึงต้นทุนในการท�ำงานนอกบ้านที่แตกต่างกันระหว่างคนในเมืองและคน ในชนบท จะเหน็ ไดว้ า่ จากทฤษฎีอุปสงค์ในการพักผ่อน ท�ำใหเ้ ราเห็นภาพความขัดแยง้ ในเร่ืองการจดั สรรเวลาของ ครอบครัวโดยเฉพาะผู้หญิงท่ีมีบุตรเป็นส�ำคัญ การจัดสรรเวลาท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุดในบริบทของการมี บุตรอาจไม่ได้วัดท่ีเพียงแต่เรื่องรายได้เท่าน้ัน หากแต่ยังรวมไปถึงความรู้สึกทางจิตใจส่วนบุคคลและ ความสมั พนั ธข์ องคนในครอบครวั เปน็ สำ� คญั อกี ดว้ ย ดว้ ยปจั จยั ทมี่ คี วามซบั ซอ้ นผนวกกบั การเปลยี่ นแปลง ของสังคมท่ีด�ำเนินไปอย่างรวดเร็ว ท�ำให้รูปแบบทางเลือกในการท�ำงานของผู้หญิงหลังการมีบุตรจึงมี ความหลากหลายมากยิ่งข้ึน 5
ทางเลือกในการทำ�งาน ของผหู้ ญิงหลงั มีบุตร การเลือกจดั สรรเวลาของ กลมุ่ 1 ผ้หู ญิงภายหลงั การมีบตุ ร มีความหลากหลายและ กลุ่มผู้หญิงที่เลี้ยงลูกเต็มเวลา ไม่ได้ท�ำงานประจ�ำ และไม่มีรายได้จาก ซับซอ้ นเนือ่ งจากปจั จัย งานประจ�ำ ในกลุ่มน้ีเป็นผู้หญิงที่อาจเคยมีงานประจ�ำที่มีรายได้แน่นอน หลายประการ ภายหลังจากมีบุตร ได้ลาออกจากงานประจ�ำเพ่ือมาดูแลบุตรเต็มตัว ในภาพรวม สามารถจ�ำแนก บางรายอาจทำ� หนา้ ทีแ่ ม่บา้ นเต็มตัว บางรายอาจมรี ายได้สว่ นตวั จากสามี รูปแบบการท�ำงานของผู้ บางรายอาจมีรายได้ท่ีเกิดข้ึนจากทางอ่ืน เช่น การลงทุนในตลาดหุ้น หญิงหลงั มีบุตรออกเป็น เป็นตน้ กลุ่มนี้เราจะร้จู ักกนั ดใี นชื่อท่ีเรียกว่า แมฟ่ ลู ไทม์ 3 กล่มุ ใหญ่ ดงั นี้ กลุม่ 2 กลุ่มผู้หญิงท่ีเปลี่ยนงาน/อาชีพเนื่องจากมีบุตร รวมถึงการเปล่ียนมาช่วย งานหรือกิจการในครอบครัว ผู้หญิงในกลุ่มนี้จ�ำเป็นต้องมีการเปล่ียนงาน ประจ�ำหรืออาชีพ อันเน่ืองมาจากการมีบุตร (รวมถึงการต้ังครรภ์) ยก ตวั อยา่ งเชน่ งานประจำ� เดิมอยูไ่ กลเกนิ ไป หรือลกั ษณะงานทที่ �ำไมเ่ หมาะ สมกบั คนมบี ตุ รหรอื ตงั้ ครรภ์ ไมว่ า่ จะเปน็ งานทม่ี เี วลาปฏบิ ตั งิ านไมแ่ นน่ อน งานทต่ี อ้ งอาศยั แรงงานมาก เป็นต้น นอกจากนย้ี งั รวมไปถงึ คนทีล่ าออก จากงานประจำ� เพอื่ มาประกอบอาชพี สว่ นตวั และคนทชี่ ว่ ยงานหรอื กจิ การ ในครอบครัว (รวมถงึ กิจการของครอบครัวสามี) ถงึ แมว้ า่ จะไมม่ เี งินเดือน ที่แน่นอน แต่รายได้จากกิจการดังกล่าวสามารถน�ำมาใช้ในการดูแล ครอบครวั ได้ ทงั้ นกี้ ารเปลยี่ นแปลงอาจเกดิ ขนึ้ กอ่ นหรอื ภายหลงั การมบี ตุ ร แลว้ ระยะหน่งึ เชน่ เมือ่ ทำ� งานไประยะหน่ึงหลังจากมีบุตรแล้วพบว่า งาน ทที่ ำ� อยไู่ ม่เหมาะกบั แบบแผนการดแู ลบุตร จึงเปล่ียนไปทำ� งานอืน่ 6
กลุ่ม 3 กลุ่มผู้หญิงที่ไม่ได้เปล่ียนงาน/อาชีพ กลุ่มนี้เป็นผู้หญิงท่ียังคงท�ำงาน ท่ีเดิม ภายหลังการใช้สิทธ์ิลาคลอดแล้วจึงกลับมาท�ำงานตามเดิม ทง้ั นเี้ มอ่ื กลบั ไปทำ� งานแลว้ อาจมกี ารเปลยี่ นแปลงทง้ั ในทางทด่ี ขี นึ้ หรอื แย่ลงตอ่ การท�ำงาน เช่น ประสิทธภิ าพการท�ำงาน อยา่ งไรกต็ าม เวลาเปน็ บรบิ ทสำ� คญั ของการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงภายหลงั การมีบตุ ร อาจเกิดขึน้ ต้ังแต่วนั แรกท่คี ลอดบุตร หลายคนอาจเกิดข้ึนตั้งแตต่ ง้ั ครรภห์ รือก่อนตัง้ ครรภ์ หลายคนอาจ มีการเปล่ียนแปลงหลังจากที่บุตรเริ่มเติบโตไประยะหนึ่งแล้ว เราจะพบว่า มีผู้หญิงหลายคนลาออกจาก งานประจ�ำหรือมีการเปลี่ยนงาน/อาชีพเพื่อมาดูแลบุตรเต็มตัว โดยเฉพาะเมื่อบุตรมีอายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึงก่อนวัยเข้าโรงเรียน เมื่อเวลาผ่านไปจนบุตรเข้าโรงเรียนแล้ว ผู้หญิงหลายคนอาจกลับเข้าท�ำงาน ประจ�ำ ท้ังน้ีอาจเป็นงานเดิมในที่ท�ำงานเดิม หรืองานลักษณะเดิมในท่ีท�ำงานใหม่ รวมไปถึงการเปล่ียน ลักษณะงานหรืออาชีพ หรือประกอบอาชีพส่วนตัว ซึ่งจะเห็นว่าการมีบุตรน้ันมีผลกระทบต่อการ เปล่ยี นแปลงวถิ กี ารท�ำงานทีม่ ีความซับซ้อนมากข้ึนเม่ือเวลาผา่ นไป ดังน้ันการจะพิจารณาผลกระทบของการมีบุตรท่ีมีต่อการปรับเปล่ียนวิถีการท�ำงานจึงจ�ำเป็นที่จะต้องมี กรอบเวลาทชี่ ดั เจน ผหู้ ญงิ ทใ่ี หส้ มั ภาษณร์ วมถงึ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากสอ่ื สงั คมออนไลนเ์ ปน็ แมท่ มี่ บี ตุ รตง้ั แตอ่ ายุ 3 เดอื น (กล่าวคอื ภายหลังการใชส้ ทิ ธิล์ าคลอด) จนถึง 3 ปี นอกจากน้เี ราได้สมั ภาษณผ์ หู้ ญิงท่ีมกี ารกลบั เข้าท�ำงานประจ�ำหรือมีการเปล่ียนแปลงการท�ำงานหลังจากที่บุตรอยู่ในวัยเข้าโรงเรียนแล้ว (3 ปีจนถึง 15 ป)ี อกี จำ� นวนหนงึ่ เพอื่ ทำ� ใหเ้ หน็ ภาพความซบั ซอ้ นของการตดั สนิ ใจและการเปลยี่ นแปลงในภาพกวา้ ง ข้นึ ด้วย 7
เอกสารอา้ งอิง Bernardi, L. (2003). Channels of social influence on reproduction. Population Research and Policy Review, 22(5/6), 527-555. Mammen, K., & Paxson, C. (2000). Women’s work and economic development. Journal of Economic Perspectives, 14(4), 141-164. Mincer, J. (1962). Labor force participation of married women: A study of labor supply. In Aspects of Labor Economics (pp. 63-105). Princeton University Press. Bloom, D. E., Canning, D., Fink, G., & Finlay, J. E. (2009). Fertility, female labor force participation, and the demographic dividend. Journal of Economic Growth, 14(2), 79-101. 8
โผเลสโ่ียาลกงกนสขอะภอทอนอ้ าไงนลษจแนา์มาก ่ 9
การสกัดข้อมูลออนไลน์ ผู้หญิงจ�ำนวนมากเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการบอกเล่าและแลก เปลย่ี นประสบการณ์ ทศั นคติ รวมไปถงึ อารมณแ์ ละความรสู้ กึ ทเี่ กดิ ขน้ึ ทง้ั กอ่ น (เชน่ แตง่ งาน การตงั้ ครรภ)์ และภายหลงั การมบี ตุ ร หากเพยี ง แต่ใช้เคร่ืองมือช่วยค้น เช่น Google เราก็อาจสามารถจะสืบค้นและ อา่ นขอ้ มลู เหลา่ นไ้ี ดไ้ มย่ ากนกั แตด่ ว้ ยจำ� นวนขอ้ มลู ทม่ี ปี รมิ าณมาก การ จะใช้คนไล่เรียงอ่านเพียงอย่างเดียว ต้องใช้เวลาและทรัพยากรเป็น จำ� นวนมาก ดงั นนั้ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในสอื่ สงั คมออนไลนจ์ งึ ผสมผสาน เทคนิควิธีที่ใช้มนุษย์และคอมพิวเตอร์ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล โดย น�ำเทคนิคการท�ำเหมืองข้อมูล (data mining) มาใช้ในการดึงข้อมูล และใช้คนมาช่วยในการคดั เลอื กข้อมูลที่เก่ยี วขอ้ ง นำ� ข้อมูลที่เกยี่ วข้อง นนั้ มาประมวลผลทางภาษา เพอื่ ใหส้ ามารถเชอื่ มโยงความสมั พนั ธข์ อง คำ� ตา่ งๆ ทป่ี รากฏในขอ้ มลู เหลา่ นนั้ ได้ หลงั จากนน้ั จงึ ใชค้ นมาชว่ ยศกึ ษา แบบแผนและอา่ นเชิงลึก ดังปรากฏในรูป 2 แสดงข้นั ตอนของการเกบ็ รวบรวมข้อมูล การคัดเลือก ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลพร้อมท้ัง เปรยี บเทยี บขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการสัมภาษณอ์ ีกทหี น่ึง 10
รูป 2 ขั้นตอนของการเกบ็ รวบรวมข้อมลู การคดั เลือก ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูล 11
แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ีได้มาจากข้อความในกระทู้บนเว็บไซต์พันทิปท่ีเขียนข้ึนในช่วงต้ังแต่ ปี 2558 ถงึ 2560 และข้อความบนเฟซบ๊กุ เพจทเ่ี ขียนข้ึนในชว่ งปี 2560 โดยใชเ้ ทคนคิ web scraping ซึ่งมีโปรแกรมอัตโนมัติในการเปิดชมเว็บไซต์ทีละหน้าและบันทึกข้อมูลตัวบทท่ีปรากฏในแต่ละหน้า ลงในฐานข้อมูลที่พัฒนาข้ึนโดยเฉพาะ ก่อนที่จะมีการบันทึกข้อมูล จ�ำเป็นจะต้องมีการสืบค้นหากระทู้ พันทิปหรอื เฟซบุ๊คเพจทีม่ ีความเปน็ ไปได้ที่จะมเี นอื้ หาท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั หัวข้อที่จะศกึ ษา ส�ำหรบั กระทเู้ วบ็ ไซต์พนั ทิป ค�ำคน้ ทใ่ี ช้จะเป็นค�ำทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเล้ียงดูบุตร และการท�ำงานเป็นส�ำคญั อย่างไรก็ตามค�ำที่มีนิยามหรือนัยเก่ียวข้องกับการเล้ียงดูบุตรและการท�ำงานมีจ�ำนวนมาก ดังนั้นในการ ก�ำหนดค�ำค้นเพื่อหากระทู้ที่เก่ียวข้องจึงใช้วิธีการแตกขยายค�ำ (word stemming) ให้ครอบคลุมทั้ง ในเชงิ ความหมาย เช่น พิจารณาลำ� ดับชั้นของค�ำในแนวทางเดยี วกันกบั การพัฒนาอภิธานศัพทท์ จ่ี ะตอ้ ง พจิ ารณาคำ� ทมี่ คี วามหมายกวา้ งกวา่ (broader terms) และแคบวา่ (narrow terms) และคำ� อนื่ ทม่ี คี วาม สัมพนั ธ์กนั (related terms) และการแตกขยายค�ำตามรูปแบบไวยากรณ์ทเี่ ปลี่ยนไป เชน่ พยางคห์ น้า หรือพยางคท์ ้าย เปน็ ตน้ เมอ่ื รวบรวมคำ� คน้ ทง้ั หมดแลว้ จงึ เรม่ิ ตน้ สบื คน้ กระททู้ ป่ี รากฏคำ� คน้ ทงั้ หมด ทำ� ใหไ้ ดจ้ ำ� นวนทง้ั สนิ้ 5,283 กระทู้ อย่างไรก็ตามเม่ือตรวจสอบกระทู้ท่ีมีความซ้�ำซ้อนกัน พบว่ามีกระทู้ที่ไม่ซ้�ำซ้อนกันจ�ำนวน ทั้งส้นิ 4,733 กระทู้ ส�ำหรับข้อมูลท่ีได้จากเฟซบุ๊ก เนื่องจากข้อมูลมีขนาดใหญ่และมีข้อจ�ำกัดในด้านความเป็นส่วนตัว ผู้วิจัยจึงคัดเลือกเฉพาะหน้าเพจสาธารณะที่ได้รับความนิยมในหัวข้อที่เก่ียวข้องกับการเลี้ยงดูลูกมา จ�ำนวน 8 กระททู้ ี่มกี ารอภิปรายเกี่ยวกับชีวิตในมิตติ ่าง ๆ ของการเปน็ แม่ หลงั จากนน้ั จึงเรม่ิ ทำ� การคัดเลือกขอ้ ความจำ� นวน 19,391 ขอ้ ความที่ปรากฏใน 4,733 กระทูบ้ นเว็บไซต์ พันทิปและเฟซบ๊กุ เพจอีกจ�ำนวน 8 กระทู้ ในขน้ั ตอนนจี้ ะมีการคดั เลือกขอ้ ความ โดยพิจารณาจากเกณฑ์ คดั เขา้ และเกณฑค์ ดั ออกทชี่ ดั เจน จนไดข้ อ้ ความทมี่ เี นอื้ หาเกย่ี วขอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงวถิ ชี วี ติ การทำ� งาน เมือ่ มีบตุ ร ผลการคดั เลือกพบขอ้ ความที่เกี่ยวขอ้ งจำ� นวน 1,801 ข้อความ แบง่ เปน็ ข้อความท่ไี ดจ้ ากเว็บไซตพ์ นั ทปิ จำ� นวน 1,555 ขอ้ ความ และเวบ็ ไซตเ์ ฟซบกุ๊ อกี จำ� นวน 246 ขอ้ ความ นอกจากนย้ี งั จำ� แนกประเภทขอ้ ความ บทสนทนาเหล่านอ้ี อกเปน็ 2 กลมุ่ ตามประเภทของผเู้ ขียน ไดแ้ ก่ ข้อความของแม่เล้ียงลูกเต็มเวลา และ แมท่ ี่ท�ำงานไปด้วยและเล้ยี งลกู ไปดว้ ย 12
ภาษาเปน็ เครอื่ งมอื สำ� คญั ในการแสดงออกถงึ ตวั ตน ทศั นคติ ความรสู้ กึ จำ�แนกประเภทข้อความ พทุ ธปิ ญั ญาของมนษุ ย์ และเพอ่ื ใหก้ ารวเิ คราะหข์ อ้ มลู บทสนทนาบนสอ่ื บทสนทนาเหล่านี้ออก สังคมออนไลนม์ คี วามเทยี่ งตรงมากยงิ่ ขนึ้ การวเิ คราะห์ข้อมลู ท่ไี ด้จาก เปน็ 2 กลุ่มตามประเภท สื่อสังคมออนไลน์ จึงน�ำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล ของผู้เขียน เชิงภาษาศาสตร์ ในที่นี้จะใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงวากยสัมพันธ์ บางรายการ ได้แก่ จ�ำนวนความถ่ีของค�ำศัพท์ และรูปแบบความ ขเแตม้อม็ ค่เลเววีย้ าลงมาลขกู อง สัมพันธ์ระหว่างค�ำโดยพิจารณาจากการปรากฏร่วมของค�ำ (Word embedding) เข้ามาชว่ ยในการค้นหาประเด็นทีม่ คี วามสำ� คญั ไแทแปลลำ�ดงะะาว้แเลนยมีย้ ไ่ทปงี่ ลดูก้วย อนงึ่ ลกั ษณะ วธิ กี ารและคณุ ภาพของเครอื่ งมอื และเทคนคิ การวเิ คราะห์ ข้อมูลแบบภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่น�ำมาใช้ในงานวิจัยช้ินน้ียังมีข้อ จ�ำกัด ไม่ว่าจะเป็นเคร่ืองมือในการตัดค�ำ การกล่ันกรองค�ำต้องห้าม (Stop words) และการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างค�ำ เครื่องมือ เหล่าน้ีท่ีใช้ในการวิเคราะห์ภาษาไทยยังมีข้อจ�ำกัด เช่น ขาดระบบ จ�ำแนก/ระบุชื่อเฉพาะออกจากคลังค�ำ (เช่น ชื่อคน ช่ือหน่วยงาน) และรายการค�ำศัพท์ท่ีไม่ต้องการที่มีประสิทธิภาพ การตัดค�ำที่ไม่ได้ เฉพาะเจาะจงในบริบทของงานวิจัยชิ้นนี้ท�ำให้ค�ำที่ตัดหลายค�ำเป็นค�ำ ทไี่ มม่ นี ยั ยะหรอื ไดค้ ำ� มคี วามหมายทก่ี วา้ งเกนิ ไป นอกจากนก้ี ารกำ� หนด ตวั แปร เชน่ คำ� ทปี่ รากฏในพจนานกุ รมคำ� ศพั ท์ รวมไปถงึ จำ� นวนความถ่ี ขน้ั ตำ่� ของคำ� ทจ่ี ะนำ� มาใชใ้ นการวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคำ� และ กลมุ่ ค�ำ มผี ลต่อการวิเคราะห์ ดงั นน้ั ในการน�ำขอ้ มูลไปใช้ ตอ่ ยอด หรอื อา้ งอิงจำ� เปน็ ที่จะตอ้ งมีความระมดั ระวัง การนำ� ผลท่ไี ดไ้ ปใชป้ ระกอบ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ จะทำ� ใหข้ อ้ มลู ทไ่ี ดม้ คี วามนา่ เชอื่ ถอื มากข้นึ 13
กภบัาษแามข่ทอำ�งงแามนเ่ ตม็ เวลา ความท้าทายส�ำคัญประการหน่ึงของการวิเคราะห์บทสนทนาบนสื่อ สงั คมออนไลน์ คอื การวิเคราะหค์ ณุ ลกั ษณะของผ้เู ขยี น ในบทสนทนา สว่ นใหญม่ กั จะเปน็ เรอ่ื งเลา่ ทไ่ี มม่ โี ครงสรา้ งชดั เจน ผเู้ ขยี นหลายคนอาจ ใหบ้ รบิ ทเกยี่ วกบั ตนเองไมม่ ากนกั ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นไมท่ ราบไดว้ า่ ผเู้ ขยี นเปน็ ใคร ส�ำหรับงานช้ินน้ี ทมี นักวิจยั ตอ้ งการจะเปรียบเทียบความแตกตา่ ง ของผูท้ ี่มกี ารเปลยี่ นแปลงวถิ ีการท�ำงานในรูปแบบตา่ ง ๆ แตเ่ น่ืองจาก ข้อจ�ำกัดดังกล่าว ท�ำให้การวิเคราะห์ข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์สามารถ จ�ำแนกกลมุ่ ผ้เู ขยี นได้ออกเปน็ 2 กล่มุ หลัก ได้แก่ 1 กลมุ่ แม่เต็มเวลา คือ ผ้หู ญงิ ที่ไมไ่ ด้ทำ�งานประจำ� และเลี้ยงดูบุตรเต็มเวลา 2 กล่มุ แม่ทำ�งาน คอื กลมุ่ แม่ทยี่ งั คงทำ�งานอยู่ และมภี าระหน้าที่ท้งั การทำ�งานและ การเล้ยี งดูบตุ ร โดยงานท่ที ำ�อยู่อาจเป็นงานเดิมทีท่ ำ�อยกู่ ่อนมีบตุ ร หรือเป็นงานหรืออาชพี อ่นื ท่ีแตกต่างไปจากงานหรืออาชพี เดิมก่อน การมบี ุตร 14
ทั้งนี้ข้อมูลท่ีได้จากสื่อสังคมออนไลน์มีข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลท่ีสามีเป็นผู้เขียน ไม่ว่าจะเขียนถึงผล “ กระทบทม่ี ตี อ่ การทำ� งานของภรรยาหรอื เขยี นผลกระทบทมี่ ตี อ่ การทำ� งานตนเอง ถงึ แมจ้ ะมสี ดั สว่ นทนี่ อ้ ย มาก ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนภาพความสัมพันธ์ระหว่างการมีบุตรและภาวะการท�ำงานของครอบครัว ดังน้ันในการศกึ ษาครัง้ นจี้ ึงน�ำขอ้ มูลท่ีเขียนโดยฝ่ายชายมาใช้ในการวเิ คราะหด์ ว้ ย คำ� ว่า “แมเ่ ตม็ เวลา” และ “แม่ทำ� งาน” ในท่ีน้ี จึงหมายรวมถงึ “พอ่ เต็มเวลา” และ “พอ่ ท�ำงาน” ตามล�ำดบั ด้วย เม่ือน�ำข้อความท่ีเก่ียวข้องกับการดูแลบุตรและการท�ำงานทั้งหมดกว่า 1,801 ข้อความ มาวิเคราะห์ คณุ ลกั ษณะของผเู้ ขยี น ทำ� ใหไ้ ดข้ อ้ ความทสี่ ามารถระบกุ ลมุ่ ของผเู้ ขยี นตามการจำ� แนกขา้ งตน้ ไดเ้ พยี ง 603 ข้อความ เม่ือพิจารณาจากสัดส่วนจ�ำนวนข้อความที่เขียนโดยแม่เต็มเวลาและแม่ท�ำงาน จะพบว่า บทสนทนาทเ่ี ขยี นโดยแมเ่ ตม็ เวลามจี ำ� นวนสงู กวา่ ขอ้ ความทเ่ี ขยี นโดยแมท่ ำ� งาน ดงั แสดงในรปู ที่ 3 ขอ้ ความ ทีเ่ ขียนโดยแมเ่ ตม็ เวลามที ง้ั ส้ิน 386 ข้อความ คิดเปน็ รอ้ ยละ 64 ของขอ้ มูลทัง้ หมด ในขณะทีแ่ มท่ �ำงาน เขยี นลงบนเว็บไซต์พนั ทปิ และเฟซบกุ๊ ทั้งหมด 217 ขอ้ ความ คิดเปน็ ร้อยละ 36 ของขอ้ มูลท้ังหมด แต่เม่อื พิจารณาจากความยาวของข้อความจะพบว่า แม่เต็มเวลาโดยเฉล่ียจะเขียนข้อความยาวกว่าแม่ท�ำงาน (507.4 ค�ำและ 435 ค�ำตอ่ กระท/ู้ ข้อความ ตามลำ� ดับ) “ รูป 3 สัดส่วนข้อความทีเ่ ขียนโดยแม่ทำ�งานและแม่เต็มเวลาบนเวบ็ ไซต์พันทิปและเฟซบุ๊ก 15
ประเดน็ ตอกย้�ำ แม่เตม็ เวลา: ดว้ ยคำ�ที่ใชบ้ อ่ ย เรแคควาล่ควู ลยาะราไมตอดรวัง้ สู้เอกึ ง ข้อความท่ีผ่านการคัดเลือกท้ังหมดน�ำ มาตัดค�ำด้วยโปรแกรมตัดค�ำอัตโนมัติ ค�ำต้องห้าม (stop words) จะถูกคัด ออก เน่ืองจากมีค�ำที่พบทั้งหมดเป็น จ�ำนวนมาก ในการวิเคราะห์ผลการตดั ค�ำ จะพิจารณาเฉพาะค�ำที่ปรากฏ ความถ่ีสูงสุด 100 คำ� แรก และคดั ค�ำที่ ไม่ได้เป็นส่วนหน่ึงของค�ำสืบค้นออก เพ่ือช่วยลดอคติของผลการวิเคราะห์ ขอ้ มลู ความถ่ขี องค�ำสามารถใชใ้ นการ บ่งชป้ี ระเด็น หัวขอ้ ปญั หา บรบิ ทหรือ สถานการณ์ท่ีปรากฏข้ึนบ่อยหรือเป็น ประเด็นท่ีเกิดข้ึนร่วมกันบ่อยคร้ังในชุด ข้อความของผหู้ ญงิ ในแต่ละกลุม่ 16
ค�ำที่ปรากฏในข้อความของแม่เต็มเวลา (หลังจากตัดค�ำต้องห้ามออก) มีจ�ำนวนท้ังสิ้น 4,133 ค�ำ เมื่อ คัดเลือกค�ำท่อี ยู่ในคำ� สบื คน้ ออก จะพบวา่ ค�ำทม่ี ีความถ่ีสูงสุดอนั ดบั แรก คอื “สามี” จ�ำนวน 875 ครั้ง ตามมาด้วยคำ� วา่ ดี (468 คร้งั ) รสู้ ึก (384 ครง้ั ) แฟน (379 คร้ัง) ไมม่ ี (343 ครั้ง) เวลา (340 ครัง้ ) ถาม (330 ครง้ั ) เงนิ (293 ครง้ั ) ตวั เอง (258 ครงั้ ) และ มลี กู (229 ครัง้ ) ในขอ้ ความบนสอื่ สงั คมออนไลนท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงภาวะการทำ� งานเมอ่ื มบี ตุ รในกลมุ่ แมเ่ ตม็ เวลา การกล่าวถึงคู่ครอง ท้งั คำ� ว่า “สามี” “แฟน” และ “ภรรยา” ในฐานะสรรพนามบคุ คลที่สามจึง เป็นค�ำที่ปรากฏบ่อยคร้ังโดยเฉพาะ “สาม”ี เน่อื งจากผู้เขียนส่วนใหญ่เปน็ ผหู้ ญิง การปรากฏคำ� เหลา่ น้ี บอ่ ยครงั้ มลี กั ษณะการใชง้ านในหลายลกั ษณะ ไมว่ า่ จะเปน็ การกลา่ วถงึ ความสมั พนั ธก์ บั คคู่ รองในฐานะ บรบิ ทของเรอื่ ง (“อยู่กับสามีมา 7 ปี” “ส่วนคณุ สามที �ำงานค่ะ”) การกลา่ วถงึ พฤตกิ รรมและความคดิ ของคู่ครองเป็นเน้ือเร่ืองหลัก (“แฟนบอกให้พาแม่เรามาอยู่ด้วยเพ่ือช่วยเลี้ยงหลาน” “ภรรยาไปค�้ำ ประกนั เงินกไู้ ว้” “สามีชอบสงั สรรค์ แตอ่ ้าง ‘ธุรกจิ ’ สว่ นเรา ‘เลีย้ งลกู ’”) การเลา่ พฤติกรรมและความ คดิ ของผเู้ ขยี นเองโดยอา้ งเหตหุ รอื ผลกระทบจากคคู่ รอง (“ทะเลาะกบั สามที กุ เรอ่ื งและการเลยี้ งลกู ดว้ ย” “มีสามีเพียงคนเดียวที่เข้าใจและท�ำให้เรากล้าตัดสินใจดูแลลูกเอง”“ต้องช่วยสามีหาเงิน” “สามีให้ลา ออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก” “วางแผนกับสามีว่าจะโฮมสคูลให้ลูก” “รู้สึกเหมือนสามีมีก๊ิก”) นอกจากนยี้ ังมีใชค้ �ำเหลา่ นีแ้ ทนตนเอง เชน่ “ใครเป็นสามที ี่ท�ำงานคนเดยี วเลย้ี งลกู เมยี บา้ งครับ” การปรากฏของคำ� สรรพนามทกี่ ลา่ วถงึ คคู่ รองทสี่ งู เชน่ นี้ ทำ� ใหเ้ หน็ ถงึ บทบาทและอทิ ธพิ ลของคคู่ รองทมี่ ี ต่อการตดั สนิ ใจด้านการงาน การเลย้ี งดบู ตุ ร รวมไปถงึ คุณภาพชวี ิตท้งั ของตนเองและครอบครวั ดงั นั้น ในการสง่ เสริมครอบครวั ใหม้ คี วามเขม้ แขง็ การพจิ ารณาความสมั พนั ธ์ระหว่างคูค่ รองจงึ ควรเป็นสง่ิ ท่ีได้ รบั ความส�ำคัญเปน็ ล�ำดบั ตน้ ๆ คำ� ทบ่ี ง่ ชถี้ งึ ทรพั ยากรเปน็ อกี กลมุ่ คำ� หนงึ่ ทปี่ รากฏขน้ึ บอ่ ยครง้ั ในกลมุ่ ผทู้ มี่ ไิ ดท้ ำ� งาน ไมว่ า่ จะเปน็ “เวลา” หรือกลุ่มค�ำท่ีหมายถงึ การเงิน เช่น “เงนิ ” “เงนิ เดือน” “มีเงนิ ” “รายได”้ “คา่ ใช้จา่ ย” ค�ำเหลา่ นีบ้ ง่ ช้ี ใหเ้ หน็ บทบาทของเวลาและการเงนิ ในฐานะตวั แปรสำ� คญั ในการรกั ษาสมดลุ ระหวา่ งการเลยี้ งดบู ตุ รและ การท�ำงาน การปรากฏของค�ำในกลมุ่ ทรัพยากรเหลา่ น้ีบนส่ือสังคมออนไลนเ์ กิดข้นึ ใน 2 ลกั ษณะสำ� คัญ ไดแ้ ก่ 1) การขาดสมดลุ หรอื ความมน่ั คงในการจดั การทรพั ยากรเปน็ ปญั หาหลกั ของตนเองหรอื ครอบครวั เช่น “คิดวา่ ผิดไหมคะถ้าจะรสู้ กึ อดึ อัดใจกบั เรอ่ื งเงนิ ทส่ี ามมี ชี ื่อทุกอย่าง” “ตอนนเ้ี รารสู้ ึกว่างมาก อยาก ทำ� งานมเี งินเป็นของตวั เอง เพราะสามใี หเ้ งนิ ใช้สว่ นตวั วันละ 100 เรารสู้ กึ ไรค้ า่ คะ่ ” และ 2) ทรัพยากร 17
เป็นบริบทหรือสถานการณ์ที่มีอิทธิพลต่อการจัดการปัญหา เช่น ข้อความของ “ไมม่ เี วลาอาบนำ�้ ” “เพราะเรามเี วลา เราอยกู่ บั ลูกเรากเ็ ลยเห็น อย่าง ผู้ท่ดี ูแลบุตร น้นั เราก็ไมเ่ หน็ นะ่ ” “ตอนนี้ในหวั มแี ตล่ ูก อว้ นแก่ ไม่สดใส เวลาดแู ล เต็มเวลา ตัวเองนอ้ ยมาก” เปน็ ต้น เต็มไปดว้ ย ค�ำที่ปรากฏบ่อยท่ีสุดอีกกลุ่มหน่ึงส�ำหรับผู้ท่ีไม่ได้ท�ำงาน คือค�ำแสดง ข้อความท่ี ความร้สู กึ ไดแ้ ก่ ค�ำว่า “ด”ี “รูส้ ึก” “เหนื่อย” “รกั ” “กลวั ” “เครยี ด” กล่าวถงึ บรบิ ท “ขอบคุณ” และ “มีความสุข” ค�ำเหล่าน้ีปรากฏข้ึนในบริบทและ สถานการณ์ สถานการณ์ที่แตกต่างกัน การปรากฏของค�ำเหล่านี้เป็นการย�้ำถึง หรอื ปญั หา ผลลัพธ์ท่ีส�ำคัญประการหน่ึงในการจัดการชีวิตส่วนตัวและครอบครัว ของตนเอง ของแม่เต็มเวลา คือ อารมณ์และความรู้สึกของตนเอง หากพิจารณา โดยทว่ั ไปจะพบทั้งค�ำทแี่ สดงความร้สู ึกและอารมณ์ในด้านบวก เชน่ ดี รกั ขอบคณุ มคี วามสขุ และคำ� ทแ่ี สดงความรสู้ กึ และอารมณใ์ นดา้ นลบ เชน่ เหน่ือย กลวั เครียด ซงึ่ ช้ใี หเ้ ห็นความรสู้ กึ ทีม่ ตี ่อภาระงานท่หี นกั ในการดแู ลบุตรและครอบครัวแบบเตม็ เวลา นอกจากน้ียังมีข้อสังเกตของชุดค�ำที่มีความถ่ีอีกชุดหนึ่งคือ การใช้ค�ำ ท่พี ูดถึงตนเองอยู่บอ่ ยคร้งั เช่น “ตัวเอง” “ชวี ติ ” “คนเดยี ว” “ส่วน ตัว” (ค�ำสรรพนามแทนตนเอง เช่น ดิฉัน ฉัน ผม เป็นค�ำต้องห้าม ท่ีถูกคัดออก) ท�ำให้สามารถตีความได้ว่า ด้วยสภาพชีวิตที่ไม่ได้ มีปฏิสัมพันธ์กับภายนอกมากนัก ท�ำให้ข้อความของผู้ที่ดูแลบุตรเต็ม เวลา เต็มไปด้วยข้อความท่ีกล่าวถึงบริบท สถานการณ์ หรือปัญหา ของตนเอง 18
ตาราง 1 แสดงคำ�ทีป่ รากฏความถี่สูงสดุ ในกล่มุ แมเ่ ต็มเวลา (เรียงลำ�ดับจากซ้ายไปขวา บนลงลา่ ง) ลกู สามี แม่ เลีย้ งลกู ทำ�งาน ดี รู้สึก แฟน งาน ไมม่ ี เวลา ถาม เลยี้ ง เงนิ คุย ตัวเอง มีลูก เด็ก คนเดียว กลับมา พ่อ ครอบครัว ซอื้ ชอบ ออกมา ออกจาก ลา ชวี ติ งาน เจอ คนอ่นื เลือก ไมร่ ู้ รายได้ พ่อแม่ เล่น ตัว โรงเรียน เพอื่ น เหน่ือย คลอด นอน ทอ้ ง ไม่ตอ้ ง ตอนนน้ั ขอบคณุ ตัดสนิ ใจ ผหู้ ญิง ขาย ตดิ กลัว ดแู ล รกั แตง่ งาน เรยี น ภรรยา จา่ ย ปกติ เลา่ ท่ีทำ�งาน เงนิ เดือน เครยี ด ฟงั แม่บ้าน ท้ิง ลาออก อา่ น มีความสุข เสื้อผา้ เดิน โทร ตอ้ งการ รอ ปัญหา มีเงิน ทำ�ได้ กลับไป ต่นื เลกิ ทำ�งาน ค่าใชจ้ ่าย ไม่มีใคร คอย ทะเลาะ รถ ดแู ลลูก ฝาก จบ แอบ มปี ัญหา ย้าย หลับ หลาน งานประจำ� ส่วนตัว ไมด่ ี ร้อง เขา้ มา ตี มากขน้ึ แนน่ อน 19
แม่ทำ� งาน: แคเเคงวลนู่คินละรชาเอว่ ดงยินเทลี้ยางง ผลการตัดค�ำในข้อความที่เขียนโดยแม่ท่ีท�ำงาน พบว่า มีค�ำที่ปรากฏ จ�ำนวนทั้งสิ้น 2,595 ค�ำ ค�ำท่ีมีความถี่สูง ยังเป็นค�ำว่า “สามี” (594 คร้ัง) ค�ำท่ีมีความถี่ในล�ำดับรองลงมา ได้แก่ มีลูก (377 คร้ัง) เวลา (337 คร้ัง) ไม่มี รู้สึก (325 ครั้งเท่ากัน) ดี (304 คร้ัง) เงิน (234 คร้ัง) ตัวเอง (229 ครั้ง) แฟน (214 คร้ัง) และครอบครัว (204 คร้ัง) ในภาพรวม ค�ำที่ปรากฏบ่อยหลายค�ำในชุดข้อความของแม่เต็มเวลา ปรากฏในชุดข้อความของกลมุ่ แม่ท�ำงานดว้ ย ได้แก่ คำ� สรรพนามท่ีใช้ กลา่ วถงึ หรืออา้ งองิ คคู่ รอง เชน่ สามี แฟน ภรรยา เป็นต้น แสดงใหเ้ ห็น ถึงบทบาทที่ส�ำคัญของคู่ครองที่เกี่ยวข้องกับการดูแลบุตรและการ ท�ำงาน 20
ในขณะเดียวกันค�ำที่แสดงอารมณ์และความรู้สึกมีจ�ำนวนค�ำท่ีปรากฏ ขณะที่ นอ้ ยลง ทง้ั นเี้ นอื่ งจากมคี ำ� ทแ่ี สดงถงึ บรบิ ทหรอื เงอ่ื นไขทพ่ี บบอ่ ยในกลมุ่ แมท่ ำ� งานนน้ั ผู้ที่ท�ำงานเพมิ่ มากขึน้ ไดแ้ ก่ ค�ำว่า “ท่ที �ำงาน” “การทำ� งาน” “กลบั ไป ปัจจยั เรื่องของ ทำ� งาน” “บรษิ ทั ” “ธรุ กิจ” และ “เจ้านาย” คำ� เหลา่ นี้ ล้วนแลว้ แต่ การท�ำงาน แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ของงานและบรบิ ทของงานในฐานะปจั จยั ท่ี และการเดนิ ทาง มผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลงวิถกี ารท�ำงาน รวมถึงเป็นผลกระทบท่ีเกดิ ขน้ึ เป็นสง่ิ ท่ไี ด้รับ จากการมบี ตุ ร ในขณะทคี่ ำ� เหลา่ นป้ี รากฏไมบ่ อ่ ยในขอ้ ความของแมเ่ ตม็ การพดู ถงึ เวลา อยูเ่ สมอ ในกลุ่มค�ำที่แสดงถึงทรัพยากร นอกเหนือจากค�ำว่า “เวลา” และค�ำ ท่ีเก่ียวข้องกับทรัพยากรทางการเงิน ทรัพยากรอีกกลุ่มหน่ึงที่มี บทบาทส�ำคัญส�ำหรับแม่ท�ำงาน คือ ผู้ช่วยเลี้ยงดูบุตร ตัวอย่างค�ำ ท่ีปรากฏบ่อย ได้แก่ “พี่เล้ียง” “ยาย” “ฝาก” “หลาน” เป็นต้น แม่ท�ำงานส่วนมากจ�ำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้อ่ืนในการช่วยดูแลบุตร ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว พ่อแม่ ท�ำให้ข้อความท่ีปรากฏในสื่อสังคม ออนไลนจ์ งึ มกี ารกลา่ วถงึ กลุ่มผ้ชู ว่ ยเลีย้ งดูบตุ รเหล่านี้ นอกจากน้ีในกลุ่มแม่ท�ำงาน ยังมีค�ำที่แสดงให้เห็นมิติที่ส�ำคัญประการ หนึง่ ทแ่ี ตกตา่ งจากกล่มุ แม่ท่ีไม่ทำ� งาน คือ คำ� ทีแ่ สดงให้เหน็ ความแตก ตา่ งในเชงิ พน้ื ท่ี เชน่ “ตา่ งจงั หวดั ” “กลบั บา้ น” คำ� เหลา่ นเ้ี ปน็ คำ� ทช่ี ใ้ี ห้ เห็นสภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึนจากความแตกต่างเชิงพื้นท่ี ยกตัวอย่างเช่น ความจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งฝากลกู ไวก้ บั ญาตซิ งึ่ อาศยั อยใู่ นพน้ื ทที่ หี่ า่ งไกลจาก พนื้ ทีท่ �ำงานของตนเอง 21
ตาราง 2 แสดงคำ�ทีป่ รากฏความถีส่ งู สุดในกล่มุ แมท่ ำ�งาน (เรียงลำ�ดับจากซา้ ยไปขวา บนลงล่าง) ลกู ทำ�งาน แม่ งาน สามี มีลูก เลยี้ งลกู เวลา ไมม่ ี รู้สกึ เลยี้ ง ดี เงนิ ตวั เอง แฟน ครอบครวั ตอนน้ัน พอ่ แม่ ลา พ่อ เหน่อื ย คุย กลบั มา ไม่รู้ เด็ก ทที่ ำ�งาน คนเดยี ว ชีวติ เงนิ เดือน นอน ออกมา ถาม ท้อง รายได้ ดูแล เพื่อน ออกจาก เจอ งาน คลอด แต่งงาน เรียน โรงเรยี น ขาย ซอื้ เครยี ด ชอบ คา่ ใช้จ่าย ปกติ ตดั สินใจ Time* การทำ�งาน เลอื ก ตัว จ่าย ไม่ตอ้ ง ติด ผหู้ ญิง เลน่ ลาออก ยาย หมอ ยา้ ย ตน่ื ป๊มั คนอนื่ เชา้ เต็มที่ ภรรยา วางแผน ปว่ ย ขอบคุณ เหมือนเดมิ ฝาก จบ กลวั บรษิ ัท พีเ่ ล้ยี ง โทร หลาน รอ หยุด กลับบ้าน เลกิ มปี ญั หา ทน่ี ่ี ทำ�ได้ รถ เสาร์ ธรุ กิจ ต่างจังหวัด กลับไป full เจ้านาย ทำ�งาน มีความสขุ หลกั สว่ นตวั ลาคลอด ไม่ไหว ปัญหา จะเห็นได้ว่าประเด็นท่ีมีการพูดถึงบ่อยในทั้งสองกลุ่มถึงแม้ว่าจะมีความใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะอิทธิพล ของคู่ครองและความส�ำคัญของเวลาและรายได้ แต่ส�ำหรับแม่เต็มเวลา การพูดถึงความรู้สึกของตนเอง รวมถึงความคิดและทัศนคติที่มีต่อตนเองเป็นส่ิงท่ีพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่แม่ท�ำงานน้ัน ปัจจัยเร่ือง ของการท�ำงานและการเดินทาง เป็นส่ิงที่ได้รับการพูดถึงอยู่เสมอ หากยังจ�ำทฤษฎีว่าด้วยอุปสงค์ในการ พักผ่อนในบทแรกของหนังสือเล่มนี้ได้ จะพบว่าประเด็นเหล่าน้ีล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นท่ีท�ำให้เกิดการ ตดั สินใจท่เี กยี่ วข้องกับการทำ� งานของผ้หู ญงิ เมอื่ มบี ุตรทั้งสิ้น แต่นอกเหนือไปจากน้นั อทิ ธิพลของคู่ครอง ดูเหมือนจะเป็นประเด็นที่มีน�้ำหนักมากกว่าอรรถประโยชน์อื่น ๆ ของแม่ท้ังสองกลุ่ม ซึ่งเป็นประเด็นที่ จะต้องหาข้อมูลในเชงิ ลึกต่อไป 22
คคววาามมสมั ซพับันซธ์ข้ออนงคใำน�สโำ�ลคกัญของแม่ ความสัมพันธ์ของค�ำที่ปรากฏในข้อความส่ือสังคมใช้วิธีวิเคราะห์แบบ คำ�ที่อยใู่ นกลุ่ม Word Embedding โดยความสมั พนั ธเ์ หลา่ นเี้ กดิ ขน้ึ จากการพจิ ารณาการ ทีม่ ีความถี่สูงสุด ปรากฏรว่ มของคำ� ในบริบท เนอื่ งจากความถขี่ องค�ำมีผลต่อการพิจารณา ความเปน็ ไปไดข้ องความสมั พันธร์ ะหวา่ งค�ำ ดงั นั้นในการวิเคราะหค์ วาม เปน็ คำ�ตง้ั ตน้ สัมพนั ธ์ของค�ำจึงเลือกคำ� ที่มีความถอ่ี ย่างน้อย 5 ครั้งข้นึ ไป เพือ่ สืบเสาะไปยงั เน่ืองจากความสัมพันธ์ของค�ำมีหน่วยข้อมูลจ�ำนวนมาก การศึกษาใน คำ�อื่นๆ ทีม่ ีความ คร้ังนี้จึงใช้เทคนิคการแสดงผลออกมาเป็นภาพ (visualization) โดยใช้ สัมพันธ์กบั คำ�ที่มี โปรแกรม VOSViewer รนุ่ 1.6.9 เปน็ เครอื่ งมอื ในการสรา้ งภาพ เพอื่ ทำ� ให้ เหน็ ความสมั พนั ธท์ งั้ ในภาพกวา้ งและความรวมโดยเฉพาะ ในการวเิ คราะห์ ความถีส่ งู สุด ภาพ ขนาดของวงกลมแสดงถงึ ความถข่ี องค�ำ ในขณะทเ่ี สน้ ทขี่ ดี ระหว่าง เหล่านน้ั วงกลมจะแสดงถึงการปรากฏร่วมของค�ำ ระยะห่างระหว่างค�ำแสดงให้ เห็นถึงความถขี่ องความสมั พนั ธร์ ะหว่างสองคำ� หากคำ� ค่ใู ดมีตำ� แหน่งอยู่ ใกลก้ นั ก็หมายความวา่ เปน็ ค�ำทมี่ กั จะปรากฏรว่ มกนั ทัง้ น้รี ะยะห่างของ ค�ำที่ปรากฏในเครือข่ายค�ำนี้ ยังได้มีการปรับต�ำแหน่งตามความสัมพันธ์ ของค�ำในภาพรวมท้งั หมด ดงั แสดงในรูป 4 และ รูป 16 การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธข์ องคำ� สำ� คญั นนั้ จะใชผ้ ลทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะห์ ความถ่ี กลา่ วคอื คำ� ทอ่ี ยใู่ นกลมุ่ ทม่ี คี วามถสี่ งู สดุ เปน็ คำ� ตง้ั ตน้ เพอ่ื สบื เสาะ ไปยังคำ� อ่นื ๆ ทีม่ คี วามสัมพันธ์กับค�ำทม่ี ีความถี่สูงสุดเหลา่ นั้น ความสมั พนั ธข์ องคำ� ชว่ ยในการคน้ หาประเดน็ รว่ มทมี่ กั เปน็ ทพี่ ดู ถงึ ในกลมุ่ ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ประเด็นร่วมเหล่าน้ีอาจเป็นได้ทั้งสาเหตุ รูปแบบ หรอื ผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ จากการเลี้ยงดบู ุตร 23
แมเ่ ตม็ เวลา ผลการวเิ คราะหใ์ นภาพรวมในกลมุ่ แมเ่ ตม็ เวลา พบวา่ คำ� ทมี่ คี วามถ่ี เกนิ จำ� นวนขน้ั ต่ำ� ท่ีก�ำหนดไว้มีจ�ำนวนทง้ั สน้ิ 909 คำ� จากจ�ำนวน ทั้งหมด 4,133 ค�ำ เม่ือพิจารณาต�ำแหน่งของค�ำจะพบว่า มีการ กระจายตวั ของคำ� คอ่ นขา้ งสงู มาก กลมุ่ คำ� ทมี่ คี วามโดดเดน่ คอื กลมุ่ ค�ำท่ีอยู่ใกล้กับค�ำว่า “เลี้ยงลูก” ซึ่งมักจะมีค�ำว่า “คนเดียว” “ครอบครัว” “งาน” “ชวี ิต” อยใู่ นระยะทีใ่ กล้เคยี งกนั ภาพรวม ของความสัมพันธ์ระหว่างค�ำในข้อความบนส่ือสังคมออนไลน์ของ แม่เตม็ เวลา ปรากฏดังรปู 4 ในการพจิ ารณาความสัมพนั ธ์ของค�ำ ผวู้ ิจยั ได้เลือกกลุ่มคำ� ท่ีมีความถ่ีสงู สุดมาเปน็ ค�ำตง้ั ต้นว่ามคี วามสมั พนั ธก์ ับ คำ� ใดบ้าง คำ� ที่มีความสัมพันธใ์ นระดับสงู จะมีระยะคำ� ทใ่ี กลเ้ คยี ง กัน โดยมีกลมุ่ คำ� ทีม่ ีความถสี่ งู สดุ จำ� นวน 4 กลุ่มดงั นี้ 1 กล่มุ คำ�ทีม่ ีนยั ยะเกีย่ วกบั คคู่ รอง 2 กลุ่มคำ�ที่มีนยั ยะเกีย่ วกับทรัพยากรในครอบครวั 3 กลุม่ คำ�แสดงอารมณแ์ ละความรู้สึก 4 กลมุ่ คำ�ที่กลา่ วถึงตนเอง รายละเอยี ดของความสัมพนั ธข์ องค�ำต่างๆ ในแต่ละกลุ่มมดี งั น้ี 24
รูป 4 ความสมั พันธ์ระหว่างคำ�กลุ่มเลี้ยงลกู เต็มเวลา 25
กล่มุ ที่ 1 กลมุ่ คำ�ทีม่ ีนยั ยะเกีย่ วกับคู่ครอง คำ� ทม่ี ีความถี่สูงสุดในกลมุ่ คำ� ทีม่ ีนัยยะเกย่ี วกับคู่ครอง มจี �ำนวน 3 ค�ำ ไดแ้ ก่ สามี แฟน และภรรยา โดยคำ� ทม่ี ีความสัมพันธก์ ับค�ำวา่ สามี เรียงตามลำ� ดบั ระยะหา่ งระหว่างคำ� ไดแ้ ก่ ตัวเอง ท�ำงาน ไมต่ ้อง เงนิ ผ้หู ญิง คลอด ชวี ติ ครอบครวั เลยี้ งลูก มากขนึ้ หาย ดี ตอนนัน้ พ่อแม่ รายได้ แฟน และถาม เมื่อพจิ ารณาจากความสัมพนั ธ์ในกลมุ่ ค�ำ เหลา่ นจ้ี ะพบวา่ การพูดถงึ สามี มกั เป็นการ พูดถงึ อิทธพิ ลของค่คู รองท่มี ีตอ่ การตัดสนิ ใจ ทำ� งานหรอื ไมท่ ำ� งานของผ้หู ญิง 26
ใชเ่ ลย_ตอนน้ีอาชพี ช้นั คือ อาชีพเลย้ี งลกู คนรอบขา้ ง,เพือ่ นรว่ ม ธรุ กจิ ,ลูกคา้ เค้าเหลา่ น้นั ตา่ งไม่เขา้ ใจว่าทำ� ไมเราถงึ ปิดธรุ กจิ ลงทั้ง ทธ่ี รุ กิจกไ้ ปได้สวย มีสามเี พยี งคนเดียวทีเ่ ข้าใจและทำ� ให้เรากล้า ตดั สินใจดูแลลูกเอง100% ทงั้ มารยาท,การเรยี น,การออกกำ� ลงั กาย,แมแ้ ต่ความคดิ เชิงบวกที่เราตอ้ งคอยสอนเคา้ เราคดิ ว่ามัน คมุ้ จริงๆ ย่งิ ได้ฟังลกู เลา่ เรอื่ งแสดงความคดิ เห็นวา่ เพอ่ื นทร่ี ร บางคนทำ� กริ ิยาอย่างไร ท่ีเรยี กว่าไม่มมี ารยาท ย่ิงท�ำใหค้ ิดว่า เรามาถูกแล้ว แตน่ อ้ ยนักทจ่ี ะมีใครเข้าใจ “อาชีพเลย้ี งลกู ” (แมเ่ ต็มเวลา เฟซบุก๊ ) เรามีลูก 2 คน คนโตขวบกวา่ คนเล็กกำ� ลงั ท้อง สามีเราดี นสิ ัยดี หน้าที่การงานดแี ต่ต้องไปเทคแคร์ลกู ค้าตามเลาจน์วีไอพีบ่อย หน้าตาดี ไม่มเี รอ่ื งช้สู าวใดๆ รกั ครอบครวั ทำ� งาน 6-7 วนั ต่ออาทิตย์ ไมค่ ่อยมเี วลาใหค้ รอบครวั เราเขา้ ใจและไม่เคยรูส้ กึ ขาดอะไร อยูก่ ินกนั มาเร่ิมจากศนู ย์ ก่อนแตง่ งานเราท�ำงานที่โอเคระดับนงึ พอแตง่ งานต้องย้ายและเงนิ เดือนลดลงฮวบกโ็ อเค อย่กู นั มคี วามสุขดี ตอนนส้ี ามีเปล่ียนงาน มเี งนิ ทองมากขึน้ เราทำ� งานแลว้ ลาออกอยู่บ้านเลยี้ งลูก ก่อนมีลูก กช็ ลิ กบั งานมีความสขุ ดี พอช่วงน้หี ลังมีลกู เร่ิมคิดและก็รู้สึกอึดอดั ใจในความไมม่ ั่นคงในชวี ติ ของตวั เอง (แม่เต็มเวลา พันทิป) 27
“สามี” รูป 5 ความสมั พนั ธ์ระหว่างคำ�ของคำ�ว่า “สามี” กลุ่มเลี้ยงลูกเตม็ เวลา 28
เมือ่ มกี ารอธบิ ายหรอื บอกเลา่ เก่ยี วกับ การเงินและรายได้ทั้งของส่วนตวั และ ครอบครัว การพดู ถงึ สามเี ปน็ สิ่งทีป่ รากฏข้ึน บอ่ ยครง้ั ดว้ ยเชน่ กนั บ้านนแี้ ม่อยุบ้านเลี้ยงน้องเองคะ่ สามีทำ� งานหาเงินคนเดยี ว เมอ่ื กอ่ นได้นอ้ งคนแรกต้องท�ำงานคะ่ ฝากยายเลีย้ งกลาย เปน็ วา่ น้องมพี ฒั นาการช้า ( สมาธิสน้ั ) คือเลย้ี งให้นอ้ งอยุ กะทวี ี นอ้ งจะไดไ้ ม่กวน คนที่สองตอนน้ี 1 ขวบ 10 เดอื น พอ่ ใหแ้ มห่ ยุดงานอยบุ า้ นเลยี้ งน้องเองค่ะ เลีย้ งนมเอง ไม่ให้ ใครเลย้ี งคะ่ ตอนน้มี คี วามสขุ มากค่ะ บอกพ่อบ้านว่าอยาก จะมนี ้องเพม่ิ อีกคะ่ เพราะคนที่สองก�ำลงั จะไป ร. ร อแิ ม่กลัว เหงาคะ่ ไมอ่ ยากไปท�ำงาน อยากอยุบ้านเล้ยี งลกู ๆค่ะ (แมเ่ ต็มเวลา เฟซบุก๊ ) แต่ตอนนี้เรารสู้ กึ ว่างมาก อยากทำ� งานมเี งนิ เปน็ ของตัวเอง เพราะสามใี ห้เงนิ ใช้สว่ นตัววนั ละ 100 เรารูส้ ึกไร้คา่ คะ่ รสู้ ึกว่าตวั เองหาได้มากกวา่ น้แี น่นอน ปัญหาคอื สามีไม่ช่วยท�ำงานบ้านแน่นอน ลกู กท็ �ำอะไร ไม่ค่อยถกู ใจพอ่ เคา้ สกั เท่าไหร่ เราเองกค็ งไม่มีเวลามาทำ� ให้ เป๊ะ ท่สี �ำคัญอีกขอ้ คอื พอเรามีเงนิ เปน็ ของตัวเองสามี จะไม่ค่อยรับผิดชอบ จะบอกเราว่าไม่มเี งนิ จา่ ยคา่ นู่นนนั่ นี่ แล้วใหเ้ ราจ่าย เรากต็ ้องจา่ ยเพราะเป็นรายจ่ายจ�ำเปน็ จนเราไม่มีเงนิ สว่ นตวั ต้องมาขอเงนิ สามีไปทำ� งาน วนั ละ 100-200 (แม่เต็มเวลา พนั ทิป) 29
ค�ำวา่ สามียังมักจะ เราคบกับสามีมาทัง้ หมด 24 ปี แต่งานกนั มา 10 ปี มลี กู 2 ปรากฏเมือ่ มกี ารพูดถึง คนเปน็ แฝด ตั้งแต่เราคลอดลกู เราออกจากงานมาดูแลลกู ปญั หาชสู้ าวในครอบครวั เพราะไม่มคี นเล้ียงลกู ซง่ึ ตอนน้นั เรายงั อยากท�ำงานอยู่แต่ (ค�ำว่า ผ้หู ญงิ สดุ ท้ายก็ออก สามเี ราเปน็ คนหาเงินเข้าบ้าน เรามีหนา้ ท่ดี ูแล ในทน่ี ีม้ กั เป็นการพดู ถงึ ลูกทุกอยา่ ง ต้ังแตม่ ลี ูกเราและสามีดูจะห่างกันเรอ่ื ยๆ “ผหู้ ญิงอนื่ ” ทะเลาะกนั บา้ ง เร่ือง sex นอ้ ยลงมาก สามเี ป็นคนไม่เจ้าชู้ ท่มี คี วามสมั พันธก์ ับสาม)ี ไมร่ นู้ ะเราคดิ แบบน้นั ชว่ งลูกไดส้ ัก 1 ขวบ สามชี อบกีฬา ตีกอล์ฟมาก เราเป็นผ้หู ญงิ ทีไ่ มต่ าม ไมจ่ ิก อะไรท้ังสน้ิ เพราะไวใ้ จ สามีมตี ้องไปท�ำงานต่างจงั หวัดบ้างแตไ่ ม่บอ่ ย มาก ออกไปสังสรรค์บา้ ง เราก้อไมไ่ ด้ตามอะไร แตใ่ นใจก็ เหมอื นคิดนะว่าเคา้ อาจจะมคี นอื่นเหมอื นมเี ซนท์ แตก่ ค็ ดิ ว่า เราท�ำเพือ่ ลูก จนเม่อื ปลายเดือนทแ่ี ลว้ ได้รับ message จากผู้หญงิ คนนงึ แคปหน้าจอมา Line คุยกบั สามเี รา มีรปู ถ่ายคกู่ นั มีคลปิ ตอนมอี ะไรกันกะสามเี รา ณ จดุ น้ัน ท่เี ราอา่ นเราเห็นไมม่ ีนำ้� ตาสกั หยดไมใ่ ชไ่ มเ่ สียใจแตจ่ กุ เรา Line ไปถามสามีเราซึง่ ตีกอล์ฟอยู่ เคา้ รีบกลับมาบา้ น เราถามผู้หญิงคนน้นั วา่ คบกันนานเท่าไหรแ่ ล้ว เคา้ บอก ปคี รงึ่ สามีเราใหเ้ ค้าออกจากงานซึ่งเคา้ เป็นพรติ ต้แี คดด้ี อยทู่ ่สี นามกอลฟ์ ปัญญา เลย้ี งดู ไปหาเกอื บทกุ วนั 30
เค้าดูแลสามีเราอยา่ งดที กุ เรื่อง เราน่ี นอกจากนค้ี ำ� ว่าสามมี บี ทบาท แทบจะอยากหยุดหายใจไปเลยตอนนน้ั อยา่ งมากเมอื่ พดู ถึงการคลอด คิดไมถ่ ึงจรงิ ๆ เราดูรปู เคา้ ถา่ ยคกู่ ันเรา บตุ ร การเลย้ี งบุตร และชีวติ เห็นแววตาของสามเี ราดูมคี วามสุขมาก ครอบครัวในภาพรวมอกี ดว้ ย กก เราถามสามเี ราวา่ ทำ� ไมเคา้ ถึงทำ� ในทางกลับกันเม่ือสามีพูดถงึ ภรรยา หรือมีการกลา่ ว แบบนี้ เค้าบอกว่าแค่เล่นๆ สนกุ ๆ ถึงค�ำว่าภรรยาในฐานะบุคคลที่สาม ค�ำที่มักปรากฏ แตเ่ ราคดิ ว่าเล่นๆ ปีคร่งึ เลยนะ เค้า อยู่ส่วนใหญ่ไม่ได้แตกต่างจากค�ำว่าสามีมากนัก บอกว่าเค้าพยายามเลิกหลายคร้งั แต่ก็ ซ่ึงค�ำท่ีปรากฏร่วมกับค�ำว่าภรรยา ได้แก่ค�ำว่า กลับไปหาทกุ ครั้ง ตอนนีเ้ ราคดิ แตว่ ่า ครอบครัว ชอบ คุย เหน่ือย เงินเดือน รอ ถาม ดี จะทำ� เพื่อลูก เคา้ บอกว่าไมม่ ีอกี แลว้ ไม่ตอ้ ง แฟน ตัว ตัวเอง เพ่อื น ตัดสนิ ใจ พ่อแม่ และ สัญญา แต่เราให้อภยั นะแต่อดคิดไมไ่ ด้ ผู้หญิง อย่างไรก็ตามในชุดค�ำที่มีความสัมพันธ์กับค�ำ จริงๆ ทุกวนั นี้ยงั คดิ คดิ ทกุ เรือ่ งว่า วา่ ภรรยาน้ี มีคำ� ท่ีบง่ ชี้อารมณค์ วามรสู้ ึกอยา่ งชัดเจน เวลาปคี รงึ่ เราไปไถนาอยทู่ ไ่ี หนอยู่ ไดแ้ ก่ ค�ำว่าชอบและเหนือ่ ย อยากถามท้ังคณุ ผชู้ ายและคุณผู้หญิง นอกจากน้ีความสัมพันธ์ระหว่าง “ภรรยา” และ ถ้าคณุ เจอสถาณการณอย่างเราจะท�ำ “ตัดสินใจ” เป็นอีกคู่ค�ำท่ีน่าสนใจ เน่ืองจากค�ำว่า ยังงัยกนั ขอบคณุ ล่วงหนา้ ดว้ ยคะ “ตัดสนิ ใจ” ไม่ไดป้ รากฏคู่กับค�ำวา่ “สาม”ี ทัง้ นใ้ี น (แมเ่ ตม็ เวลา พันทปิ ) สถานการณ์ที่ฝ่ายชายเล่าถึงภรรยา มักจะกล่าวถึง เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจ ในขณะที่ ภรรยาเมอื่ กลา่ วถงึ สามมี กั จะไมไ่ ดพ้ ดู ถงึ การตดั สนิ ใจ เนอื่ งจากมกั ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นฐานะเปน็ ผทู้ ตี่ ดั สนิ ใจ โดยมาก ฝา่ ยสามจี ะเปน็ ฝา่ ยท่ีตดั สนิ ใจมากกวา่ 31
“ภรรยา” รปู 6 ความสัมพนั ธ์ระหว่างคำ�ของคำ�ว่า “ภรรยา” กลุ่มเลี้ยงลูกเตม็ เวลา 32
กลุ่มที่ 2 ทกลรพัุ่มคยาำ�กทรี่มใีนนัยคยระอเบกคี่ยรวัวกับ คำ� ทมี่ นี ยั ยะเกย่ี วกบั ทรพั ยากรในครอบครวั ทมี่ คี วามถส่ี งู สดุ ไดแ้ ก่ เวลา เงิน เงินเดือน มีเงิน รายได้ ในชุดค�ำนี้ ค�ำว่า เวลา เป็นค�ำท่ีมีความ สมั พนั ธก์ บั คำ� อนื่ มากทส่ี ดุ โดยคำ� ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั คำ� วา่ เวลา ไดแ้ ก่ ผหู้ ญงิ มคี วามสุข เด็ก เดนิ ทาง แม่บา้ น ตวั เอง ฟงั ตัว แนน่ อน ไม่ไหว คอย ตอนนน้ั พ่อแม่ หาย ไม่มี พอ่ ติด ไม่มใี คร เพ่ือน ไม่ต้อง แอบ กลัว ดี ท่นี ่ี หมอ เหนอ่ื ย คยุ อ่าน อาหาร ลกู เจอ ครอบครัว กลับมา งาน รู้สึก ดชิ ้ัน รอ้ งไห้ ปกติ ดูแล ชอบ เลอื ก โทร ถาม จะเห็นได้ว่าค�ำ ทม่ี คี วามสัมพันธ์กับค�ำวา่ เวลามีความหมายทค่ี ่อนข้าง กระจัดกระจาย เนื่องจากค�ำว่าเวลาสามารถน�ำไปใช้เป็นค�ำกริยาวิเศษณ์เพ่ือระบุ สถานการณ์หรือเหตุการณ์หนึ่งๆ เช่น เวลามีความสุข เวลาเดินทาง เวลาฟงั เวลาพ่อแม่ 33
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202