คูมือครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 239 ( )จาก Sn = a1 1 − r n 1− r 1 ( 5, 832 ) − 2 6 3 1 3 จะได = = 5,320 S6 1− 2 3 นนั่ คือ เม่ือครบ 6 วนั ใชน ้ําไปทั้งหมด 5,320 ลิตร ดังน้ัน เมอื่ ครบ 6 วนั จะมนี ้ําเหลอื อยใู นถัง 5,832 − 5,320 =512 ลิตร 7. จาก รถยนตมมี ลู คา ลดลง 20% หมายความวา ราคารถยนตคันนจี้ ะลดลง 20% ของราคา รถยนตคันน้ใี นปกอ นหนา บริษัทซื้อรถยนตค ันน้ีมาราคา 1,000,000 บาท เมือ่ ครบ 1 ป รถยนตค นั นจ้ี ะมรี าคาลดลง 0.2(1,000,000) บาท ทาํ ใหมูลคาของรถ เทา กบั 1,000,000 − 0.2(1,000,000) =0.8(1,000,000) บาท เมอื่ ครบ 2 ป รถยนตค นั นี้จะมีราคาลดลง 0.2(0.8(1,000,000)) บาท ทาํ ใหมลู คา ของรถ เทากบั 0.8(1,000,000) − 0.2(0.8(1,000,000)) =(0.8)2 (1,000,000) บาท เมือ่ ครบ 3 ป รถยนตคนั นีจ้ ะมรี าคาลดลง ( )0.2 (0.8)2 (1,000,000) บาท ทําใหม ลู คา ของรถ ( )เทา กับ (0.8)2 (1,000,000) − 0.2 (0.8)2 (1,000,000) =(0.8)3 (1,000,000) บาท ในทาํ นองเดียวกนั เม่ือครบ n ป รถยนตคนั นจี้ ะมรี าคาลดลง ( )0.2 (0.8)n−1 (1,000,000) บาท จะไดว า เมื่อครบ 1, 2, 3, , n, ป รถยนตค นั น้ีจะมรี าคาลดลง เทากับ ( ) ( )0.2(1000000), 0.2(0.8(1000000)), 0.2 (0.8)2 (1000000) , , 0.2 (0.8)n−1 (1000000) , ซึ่งเปน ลําดบั เรขาคณิตที่มีพจนแรกเปน 0.2(1000000) และอตั ราสวนรวมเปน 0.8 ให Sn แทนผลรวมของราคาที่ลดลงของรถยนตคนั นี้ เม่ือครบ n ป ดังนัน้ ผลรวมของราคาที่ลดลงของรถยนตคนั นี้ เมอ่ื ครบ 5 ป คอื S5 ( )จาก Sn = a1 1− rn 1− r ( )จะได S5 = 0.2(1,000,000) 1− (0.8)5 = 672,320 1 − 0.8 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
240 คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 1 นั่นคือ ผลรวมของราคาที่ลดลงของรถยนตค นั นี้ เมือ่ ครบ 5 ป คอื 672,320 บาท ดังนน้ั เมอ่ื ครบหา ป รถยนตคันน้ีจะมมี ูลคา 1,000,000 − 672,320 =327,680 บาท 8. ใ=ห a1 1=60, r 3 และ Sn = 2,110 2 ( )จาก Sn = a1 r n −1 r −1 จะได 2,110 = 3 n 160 2 − 1 3 −1 2 160 3 n − 2 1 2,110 = 1 2 2,110 = 3 n 320 2 − 1 3 n −1 = 211 2 32 3 n = 243 2 32 3 n = 3 5 2 2 n=5 ดังนั้น 9. ให a1, a2 , a3, เปน ลําดบั เรขาคณิตทม่ี ี a1 + a2 =−3 และ a5 + a6 =− 3 16 จาก an = a1rn−1 จะได a1 + a2 = −3 a1 + a1r = −3 ------ (1) a1 (1+ r ) = −3 และ a5 + a6 = −3 16 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 241 a1r 4 + a1r5 = −3 16 a1r4 (1+ r ) = −3 ------ (2) 16 จาก (1) และ (2) จะได r4 = 1 16 นน่ั คอื r = 1 หรอื r = − 1 22 กรณี r = 1 จาก (1) จะได a1 = −2 2 ( )จาก Sn = a1 1 − r n 1− r −2 − 1 8 1 2 จะได S8 = − 255 = 1− 1 64 2 กรณี r= −1 จาก (2) จะได a1 = −6 2 ( )จาก Sn = a1 1 − r n 1− r ( −6 ) − − 1 8 1 2 นั่นคือ S8 = = − 255 1 64 1 − − 2 ดงั นั้น ผลบวกของ 8 พจนแรกของอนุกรมน้ี คือ − 255 64 10. ณ เวลาปจ จบุ ัน มีแบคทีเรยี 1,000 เซลล และแบคทเี รยี จะแบงเซลลโ ดยมจี าํ นวนเพิ่มขนึ้ 20% ในแตล ะชัว่ โมง จะไดวา เมื่อเวลาผา นไป 1 ชว่ั โมง จะมีแบคทีเรียเพิ่มข้ึนจากเริ่มตนจาํ นวน 1,000(0.2)เซลล ดงั นนั้ เม่ือเวลาผานไป 1 ช่ัวโมง จะมีแบคทีเรยี รวม 1,000 +1,000(0.2) =1,000(1.2) เซลล เมื่อเวลาผานไป 2 ชั่วโมง มีแบคทีเรยี เพิ่มขน้ึ จากชว่ั โมงท่ี 1 จํานวน 1,000(1.2)(0.2) เซลล ดังน้นั เม่ือเวลาผานไป 2 ชว่ั โมง จะมแี บคทเี รียรวม 1,000(1.2) +1,000(1.2)(0.2) =1,000(1.2)2 เซลล เมื่อเวลาผานไป 3 ชว่ั โมง มีแบคทีเรยี เพ่ิมข้นึ จากชวั่ โมงท่ี 2 จํานวน 1,000(1.2)2 (0.2) เซลล สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
242 คูม ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 1 ดงั นัน้ เม่ือเวลาผานไป 3 ชั่วโมง จะมีแบคทีเรยี รวม 1,000(1.2)2 +1,000(1.2)2 (0.2) =1,000(1.2)3 เซลล ในทํานองเดยี วกัน เม่ือเวลาผา นไป t ช่วั โมง จะมแี บคทเี รยี เพิม่ ข้นึ จากชวั่ โมงที่ t −1 จํานวน 1,000(1.2)t−1 (0.2) เซลล จะไดวา เมื่อเวลาผานไป 1, 2, 3, , t, ชวั่ โมง จะมีแบคทเี รยี เพิ่มข้ึน เทากับ 1000(0.2), 1000(1.2)(0.2), 1000(1.2)2 (0.2), , 1,000(1.2)t−1 (0.2), ซ่งึ เปน ลําดับเรขาคณติ ท่มี ีพจนแรกเปน 1,000(0.2) และอตั ราสวนรวมเปน 1.2 ให St แทนผลรวมของจาํ นวนแบคทเี รียทเี่ พิม่ ขน้ึ เม่ือครบ t ชวั่ โมง ดังนน้ั ผลรวมของจํานวนแบคทีเรยี ที่เพิ่มขึน้ เม่ือครบ t ชัว่ โมง คอื St ( )จาก St = a1 1 − rt 1− r ( ) ( )จะได (1,000(0.2)) 1− (1.2)t St = = 1,000 (1.2)t −1 1 −1.2 ดังนัน้ จํานวนแบคทเี รียทั้งหมดเมื่อเวลาผานไป t ช่วั โมง คอื ( )1,000 + S=t 1,000 +1,000 (1.2)t −1= 1,000(1.2)t เซลล พจิ ารณาเม่อื เวลาผานไป 10 ชั่วโมง จะไดว า จาํ นวนแบคทีเรียท้งั หมดเทา กับ 1,000(1.2)10 ≈ 6,191 เซลล ดังนัน้ สูตรทใี่ ชในการหาจาํ นวนแบคทีเรยี เมื่อเวลาผา นไป t ชั่วโมง และเม่ือเวลาผา นไป 10 ชัว่ โมง จะมีแบคทีเรยี ท้ังหมดประมาณ 6,191 เซลล สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 243 แบบฝกหัด 1.3.3 1. 1) จากอนุกรม 3+2+ 4 + + 3 2 n−1 + จะได 3 3 S1 = 3 S2 = 3 + 2 = 5 S3 = 3+2+ 4 = 19 3 3 พิจารณาผลบวกยอย n พจนแรกของอนุกรมนี้ (Sn ) จากอนุกรมท่ีกาํ หนดใหเปน อนุกรมเรขาคณิต ที่มี a1 =3 และ r = 2 3 และผลบวกยอย n พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณิต คอื Sn = ( )a1 1− rn 1− r 3 − 2 n n 1 3 1 จะไดว า Sn = = 9 − 2 1− 2 3 3 ดงั นัน้ ลาํ ดับของผลบวกยอ ยของอนุกรมนี้ คอื 3, 5, 19 , , 9 − 2 n , 3 1 3 2) จากอนุกรม 1 + 5 + 25 + + 1 (5)n−1 + จะได 22 2 2 S1 1 = 2 S2 = 1+5 = 3 22 S3 = 1 + 5 + 25 = 31 22 2 2 พจิ ารณาผลบวกยอย n พจนแรกของอนุกรมนี้ (Sn ) จากอนุกรมท่ีกําหนดใหเปน อนกุ รมเรขาคณติ ท่ีมี a1 = 1 และ r =5 2 และผลบวกยอ ย n พจนแรกของอนุกรมเรขาคณติ คอื Sn = ( )a1 1− rn 1− r สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
244 คูมือครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 1 5n −1 =2 ( ) ( )Sn จะไดวา = 1 5n −1 5−1 8 ดงั น้ัน ลําดับของผลบวกยอยของอนุกรมน้ี คือ 1 , 3, 31, , (1 5n −1), 22 8 3) จากอนุกรม 1 + − 1 + 1 + + ( )−1 n−1 + จะได 2 4 8 2n 1 S1 = 2 S2 = 1 + − 1 = 1 2 4 4 S3 = 1 + − 1 + 1 = 3 2 4 8 8 พิจารณาผลบวกยอย n พจนแรกของอนุกรมน้ี (Sn ) จากอนุกรมท่ีกําหนดใหเ ปน อนุกรมเรขาคณิต ท่ีมี a1 = 1 และ r = −1 2 2 และผลบวกยอ ย n พจนแรกของอนุกรมเรขาคณติ คือ Sn = ( )a1 1− rn 1− r 1 − − 1 n 1 − − 1 n n 2 1 2 2 1 2 1 จะไดว า Sn = = = 1 − − 1 1 3 3 2 1 − − 2 2 ดังนั้น ลําดบั ของผลบวกยอยของอนุกรมนี้ คอื 1, 1, 3 , , 1 − − 1 n 2 4 8 3 1 2 , 4) จากอนุกรม 2 + (−1) + (− 4) + + (5 − 3n) + จะได S1 = 2 S2 = 2 + (−1) = 1 S3 = 2 + (−1) + (−4) = −3 พิจารณาผลบวกยอย n พจนแรกของอนุกรมน้ี (Sn ) จากอนุกรมที่กาํ หนดใหเ ปนอนุกรมเลขคณิต ทม่ี ี a1 = 2 และ d = −3 และผลบวกยอ ย n พจนแรกของอนุกรมเลขคณิต คอื S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 245 จะไดว า Sn = n (2(2) + (n −1)(−3)) = 7n − 3n2 2 2 ดงั นนั้ ลําดบั ของผลบวกยอยของอนุกรมนี้ คอื 2, 1, − 3, , 7n − 3n2 , 2 5) จากอนุกรม 3 + 9 + 27 + + 3 n + จะได 4 16 64 4 3 S1 = 4 S2 = 3+ 9 = 21 4 16 16 S3 = 3 + 9 + 27 = 111 4 16 64 64 พจิ ารณาผลบวกยอย n พจนแรกของอนุกรมนี้ (Sn ) จากอนุกรมท่ีกาํ หนดใหเ ปน อนกุ รมเรขาคณิต ท่ีมี a1 = 3 และ r = 3 4 4 และผลบวกยอ ย n พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณติ คอื Sn = ( )a1 1− rn 1− r 3 − 3 n 3 − 3 n n 4 1 4 4 1 4 31 จะไดว า Sn = = = − 3 1− 3 1 4 44 ดงั นน้ั ลําดบั ของผลบวกยอ ยของอนุกรมน้ี คอื 3 , 21 , 111 , , 3 − 3 n , 4 16 64 1 4 6) จากอนุกรม − 1 + 1 − 1, 1 + + −1 n + จะได 10 100 000 10 S1 = −1 10 S2 = −1+ 1 = −9 10 100 100 S3 = −1+ 1 − 1 = − 91 10 100 1,000 1, 000 พจิ ารณาผลบวกยอย n พจนแรกของอนุกรมน้ี (Sn ) จากอนุกรมที่กําหนดใหเปนอนกุ รมเรขาคณิต ที่มี a1 = −1 และ r = −1 10 10 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
246 คูม ือครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 และผลบวกยอ ย n พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณิต คือ Sn = ( )a1 1− rn 1− r − 1 − − 1 n − 1 − − 1 n n 10 1 10 10 1 10 1 จะไดวา Sn = = = − 1 − − 1 1 11 11 10 1 − − 10 10 ดังนนั้ ลําดับของผลบวกยอยของอนกุ รมน้ี คอื − 1 ,− 9 , − 91 , , − 1 − − 1 n , 10 100 1, 000 11 1 10 7) จากอนุกรม 100 +10 +1+ 0.1+ +103−n + จะได S1 = 100 S2 = 100 +10 = 110 S3 = 100 +10 +1 = 111 พจิ ารณาผลบวกยอย n พจนแรกของอนุกรมน้ี (Sn ) จากอนุกรมที่กําหนดใหเ ปน อนุกรมเรขาคณติ ท่ีมี a1 = 100 และ r =1 10 และผลบวกยอ ย n พจนแรกของอนุกรมเรขาคณติ คอื Sn = ( )a1 1− rn 1− r 100 − 1 n 100 − 1 n n 1 10 1 10 1 จะไดวา Sn = = = 1, 000 − 1 9 10 1− 1 9 10 10 ดงั นนั้ ลําดับของผลบวกยอยของอนุกรมนี้ คอื 100, 110, 111, , 1, 000 1 n 9 1 − 10 , 8) สาํ หรบั จาํ นวนนบั k ใด ๆ จะไดว า 1 = 1 ⋅ k +1 − k −1 k +1+ k −1 k +1 + k −1 k +1 − k −1 = k +1− k −1 (k +1) − (k −1) = k +1 − k −1 ----- (1) 22 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 247 จาก (1) เขียนผลบวกยอ ย n พจนแ รกของอนุกรมไดใหมดังนี้ Sn 2− 0 + 3− 1 + 4− 2 + 5− 3 + + n −1 − n−3 = 2 2 2 2 2 2 2 2 2 2 n− n− 2 + n+1 − n −1 + 2 2 2 2 ( )= 1 − 1 + n + n +1 2 ( )= 1 n + n +1 −1 2 จะได ( )=S1 1 2 2 1 + 1+1 −=1 2 1 2 + 2 +1 −=1 1 2 2 ( ) ( )=S2 2 + 3 −1 1 3 + 3 +1 −=1 1 2 2 ( ) ( )=S3 3 + 4 −1 ดงั น้ัน ลําดับของผลบวกยอ ยของอนกุ รมนี้ คอื ( ) ( ) ( )2 , 1 2 + 3 −1 , 1 3 + 4 −1 ,, 1 n + n +1 −1 , 22 2 2 4 2 n −1 เปน อนกุ รมเรขาคณิตท่ีมี และ 2 3 3 3 2. 1) 3+2+ + + 3 + a1 =3 r = เนื่องจาก r= 2 <1 จะไดว า อนุกรมน้ีเปนอนุกรมลเู ขา 3 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = 3 = 9 1− r 1− 2 3 2) 1+5+ 25 + + 1 ( )5 n−1 + เปน อนุกรมเรขาคณติ ท่ีมี a1 = 1 และ r =5 22 2 22 เน่อื งจาก r= 5 >1 จะไดวา อนุกรมน้ีเปน อนกุ รมลูออก สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
248 คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 3) 1 + − 1 + 1 + + ( )−1 n−1 + เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a1 = 1 และ r = −1 2 4 8 2 2 2n เนอื่ งจาก r= 1 <1 จะไดว า อนุกรมน้ีเปนอนกุ รมลเู ขา 2 1 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = 2 = 1 1 1− r − − 2 3 1 4) 2 + (−1) + (−4) ++ (5 − 3n) + เปนอนกุ รมเลขคณิต ทม่ี ผี ลบวกยอ ย n พจนแรก คอื Sn = 7n − 3n2 2 จากลําดับของผลบวกยอยของอนกุ รมซง่ึ คือ S1, S2, S3, , Sn, n2 2 2 n2 = 7n−=2 3 พจิ ารณา lim=1 lim −23=n2 lim lim =0 0 Sn→∞ 7n n→∞ 7 0−3 n→∞ n2 n − 3 n→∞ n n จากทฤษฎีบท 4 จะไดวา ลาํ ดบั นเี้ ปนลําดับลอู อก ดงั นั้น อนกุ รมนี้เปน อนุกรมลูออก 5) 3 + 9 + 27 + + 3 n + เปน อนุกรมเรขาคณติ ท่ีมี a1 = 3 และ r = 3 4 16 64 4 4 4 เนอ่ื งจาก r= 3 <1 จะไดวา อนุกรมน้ีเปนอนุกรมลเู ขา 4 3 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = 4 = 3 1− r 1− 3 4 6) − 1 + 1 − 1 + + − 1 n + เปน อนกุ รมเรขาคณติ ที่มี a1 = −1 และ r = −1 10 100 1000 10 10 10 เนือ่ งจาก =r 1 <1 จะไดวา อนุกรมน้ีเปนอนุกรมลเู ขา 10 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = −1 = −1 10 1− r 1 − − 1 11 10 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 249 7) 100 +10 +1 + 0.1 + +103−n + เปน อนกุ รมเรขาคณิตที่มี a1 = 100 และ r =1 10 เนอ่ื งจาก =r 1 <1 จะไดว า อนุกรมนี้เปนอนกุ รมลเู ขา 10 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = 100 = 1000 1− r 1− 1 9 10 8) 1 + 1 + 1 + + 1 + 2+ 0 3+ 1 4+ 2 n +1 + n −1 เปน อนกุ รมทีม่ ผี ลบวกยอย n พจนแรกคอื =Sn 1( n+ )n +1 −1 2 จากลําดบั ของผลบวกยอยของอนกุ รมซ่งึ คือ S1, S2, S3, , Sn, พิจารณา lim 1 = lim 2 Sn→∞ n +1 −1 n→∞ n+ n 2 n n = lim n+1 − n n n→∞ n+ 1 n n 2 = lim n n→∞ 1 1+ n+1 − n n 2 n = lim 1+ 1 1 n→∞ 1+ − n n lim 2 n n→∞ = 1 lim 1+ 1+ 1 − n→∞ n n 2 lim 1 n n→∞ = lim1+ lim 1+ 1 − lim 1 n→∞ n→∞ n n→∞ n สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
250 คูมือครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 1 2(0) = 1+ 1+0 −0 =0 2 =0 จากทฤษฎีบท 4 จะไดว า ลําดับน้ีเปนลาํ ดับลูออก ดังนน้ั อนุกรมนี้เปนอนุกรมลูออก 3. 1) อนกุ รม 3+ 3+ 3 + 3 ++ 3 + เปน อนกุ รมเรขาคณิตทม่ี ี a1 =3 และ r = 1 2 48 2n−1 2 เนื่องจาก r= 1 <1 จะไดว า อนกุ รมนี้เปน อนกุ รมลเู ขา 2 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = 3 = 6 1− r 1− 1 2 ดังน้ัน ผลบวกของอนุกรมน้ี คือ 6 2) เนอื่ งจาก 4 +1 + 8+1 + 16 +1 + + 2n+1 + 1 + 9 27 81 3n+1 = 4 + 8 + 16 ++ 2n+1 + + 1 + 1 + 1 ++ 1 + 9 27 81 3n+1 9 27 81 3n+1 พจิ ารณา อนกุ รม 4 + 8 + 16 + + 2n+1 + ซ่งึ เปนอนุกรมเรขาคณิตท่มี ี a1 = 4 9 27 81 3n+1 9 และ r = 2 3 เนอื่ งจาก r= 2 <1 จะไดว า อนกุ รมนี้เปนอนุกรมลเู ขา 3 4 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = 9 = 4×3= 4 ----- (1) 1− r 1− 2 9 3 3 พจิ ารณา อนุกรม 1 + 1 + 1 + + 1 + เปนอนกุ รมเรขาคณติ ทมี่ ี a1 = 1 9 27 81 3n+1 9 และ r = 1 3 เนือ่ งจาก r= 1 <1 จะไดวา อนกุ รมนีเ้ ปนอนุกรมลเู ขา 3 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 251 1 และผลบวกของอนุกรม คือ a1 = 9 =1×3 =1 ----- (2) 1− r 1− 1 92 6 3 จาก (1) และ (2) จะไดว า 4 +1 + 8+1 + 16 +1 ++ 2n+1 + 1 + = 4 + 1 = 3 9 27 81 3n+1 3 6 2 ดังนนั้ ผลบวกของอนุกรมน้ี คือ 3 2 3) เม่อื x เปนจํานวนจรงิ จะได 2 1 + (2 1 )2 + (2 1 )3 ++ (2 1 )n + เปนอนุกรมเรขาคณติ ที่มี + x2 + x2 + x2 + x2 a1 = 2 1 และ r= 1 + x2 2 + x2 เนอื่ งจาก x2 ≥0 จะได 2 + x2 ≥ 2 และ 0 < 2 1 ≤ 1 <1 + x2 2 ดงั น=นั้ r 1 <1 2 + x2 1 จะไดวา อนุกรมนี้เปนอนุกรมลูเ ขา และผลบวกของอนกุ รม คอื a1 = 2 + x2 = 1 1− r 1 1+ x2 1 − + x2 2 1+ 1 1 1 1 2 + x2 2 + x2 2 + x2 2 + x2 = 1+ x2 ( ) ( ) ( )ดงั นัน้ + 3 ++ n + 2 สาํ หรบั ทกุ x ทเ่ี ปน จํานวนจริง 4. จาก 0.9 = 0.9999 = 0.9 + 0.09 + 0.009 + 0.0009 + = 9 + 9 + 9 + 9 + 10 100 1000 10000 = 9 + 9 + 9 + 9 + 10 102 103 104 จะไดว า 9+ 9 +9 +9 + เปน อนกุ รมเรขาคณิตท่ีมี a1 =9 และ r =1 10 102 103 104 10 10 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
252 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 เนือ่ งจาก =r 1 <1 จะไดว า อนุกรมนี้เปน อนุกรมลูเขา และผลบวกของอนุกรม คือ 10 99 a1 = 10 = 10 =1 1−r 1− 1 9 10 10 ดงั นั้น 0.9 =9 + 9 +9 + 9 + =1 10 102 103 104 5. 1) จาก 0.21 = 0.212121 = 0.21+ 0.0021+ 0.000021+ = 21 + 21 + 21 + 100 10000 1000000 = 21 + 21 + 21 + 100 1002 1003 จะไดวา 21 + 21 + 21 + เปน อนุกรมเรขาคณิตท่มี ี a1 = 21 และ r= 1 100 1002 1003 100 100 เนอื่ งจาก=r 1 <1 จะไดวา อนุกรมนี้เปน อนกุ รมลเู ขา และผลบวกของอนุกรม 100 21 21 คือ a1 = 100 = 100 =7 1−r 1− 1 99 33 100 100 จะไดว า 0.21 = 21 + 21 + 21 + = 7 100 1002 1003 33 2) จาก 0.6104 = 0.6104104104 = 0.6 + 0.0104 + 0.0000104 + 0.0000000104 + = 6 + 104 + 104 + 104 + 10 10,000 10,000,000 10,000,000,000 = 6 + 104 + 104 + 104 + 10 104 107 1010 จะไดวา 104 + 104 + 104 + เปนอนุกรมเรขาคณิตทีม่ ี a1 = 104 และ r = 1 104 107 1010 104 103 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 253 เน่ืองจาก =r 1 <1 จะไดวา อนกุ รมนี้เปน อนกุ รมลเู ขา และผลบวกของอนุกรม 103 104 104 คือ a1 = 104 = 10, 000 = 104 1− r 1 999 9, 990 1 − 103 1, 000 จะไดวา 0.61 04 =6 + 104 + 104 + 104 + =6 + 104 =3, 049 10 104 107 1010 10 9, 990 4, 995 3) จาก 7.256 = 7.2565656 = 7.2 + 0.056 + 0.00056 + 0.0000056 + = 72 + 56 + 56 + 56 + 10 1,000 100,000 10,000,000 = 72 + 56 + 56 + 56 + 10 103 105 7 10 จะไดว า 56 + 56 + 56 + เปนอนุกรมเรขาคณิตทม่ี ี a1 = 56 และ r = 1 103 105 7 103 102 10 เน่อื งจาก=r 1 < 1 จะไดว า อนกุ รมนีเ้ ปนอนกุ รมลูเขา และผลบวกของอนุกรม 102 56 56 คอื a1 = 103 = 1000 = 28 1− r 1 99 495 1 − 102 100 จะไดวา 7.256 = 72 + 56 + 56 + 56 += 72 + 28 = 3, 592 10 103 105 7 10 495 495 10 4) จาก 4.387 = 4.3878787 = 4.3 + 0.087 + 0.00087 + 0.0000087 + = 43 + 87 + 87 + 87 + 10 1,000 100,000 10,000,000 = 43 + 87 + 87 + 87 + 10 103 105 107 จะไดว า 87 + 87 + 87 + เปน อนุกรมเรขาคณิตท่ีมี a1 = 87 และ r = 1 103 105 107 103 102 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
254 คมู ือครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 เน่ืองจาก =r 1 < 1 จะไดว า อนุกรมน้ีเปน อนกุ รมลเู ขา และผลบวกของอนุกรม 102 87 87 คอื a1 = 103 = 1000 = 29 1− r 1 99 330 1 − 102 100 จะไดว า 4.38 7 = 43 + 87 + 87 + 87 += 43 + 29 = 724 10 103 105 107 10 330 165 5) จาก 0.0737373 = 0.073 + 0.00073 + 0.0000073 + = 73 + 73 + 73 + 1,000 100,000 10,000,000 = 73 + 73 + 73 + 103 105 107 จะไดว า 73 + 73 + 73 + เปน อนุกรมเรขาคณิตทมี่ ี a1 = 73 และ r = 1 103 105 107 103 102 เนื่องจาก =r 1 < 1 จะไดวา อนุกรมนเ้ี ปน อนกุ รมลเู ขา และผลบวกของอนุกรม 102 73 73 คอื a1 = 103 = 1000 = 73 1− r 1 99 990 1 − 102 100 จะไดว า 0.0737373 = 73 + 73 + 73 + = 73 103 105 107 990 6) จาก 2.999 = 2 + 0.9 + 0.09 + 0.009 + = 2+ 9 + 9 + 9 + 10 100 1,000 จะไดว า 9 + 9 + 9 + เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a1 =9 และ r= 1 10 100 1,000 10 10 เนอ่ื งจาก =r 1 <1 จะไดว า อนุกรมนี้เปน อนุกรมลเู ขา และผลบวกของอนุกรม 10 99 คือ a1 = 10 = 10 =1 1−r 1− 1 9 10 10 จะไดว า 2.999 =2 + 9 + 9 + 9 + =2 +1 =3 หรือ 3 10 100 1,000 1 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 255 6. ให x เปน จํานวนจริงใด ๆ พิจารณา 1+ x + x2 + x3 + + xn−1 + ซึ่งเปนอนกุ รมเรขาคณิตท่ีมี a1 =1 และ r = x จาก 1+ x + x2 + x3 + + xn−1 + =2 จะไดวา อนกุ รมนี้ลเู ขา และมผี ลบวกเทา กบั 2 33 ดงั นน้ั r <1 และผลบวกของอนุกรมคอื a1 = 2 1−r 3 น่นั คือ x <1 และ =a1 =1 2 1−r 1− x 3 จะได x = − 1 ซึ่ง x =− 1 <1 22 ดงั นนั้ คาํ ตอบของสมการน้ี คือ − 1 2 7. 1) เนอ่ื งจากรูปส่เี หลย่ี มจตั ุรสั ใหญม ีเสนรอบรูปยาว 20 หนว ย จะได รูปสีเ่ หลี่ยมรูปใหญมีดานยาวดานละ 5 หนว ย นนั่ คอื คร่งึ หนง่ึ ของดา นของรูปส่ีเหลีย่ มจัตรุ ัสยาว 2.5 หนว ย ดงั รปู 5 2.5 จะได ดานของรปู สี่เหลี่ยมจัตุรสั รปู เล็กยาว 5 2 + 5 2 = 25 =5 2 หนวย 2 2 22 ดงั นั้น รูปสีเ่ หลย่ี มจตั รุ สั รปู เลก็ มเี สน รอบรูปยาว 4× 5 2 =10 2 หนวย 2 2) ในทาํ นองเดยี วกันกับขอ 1) เมือ่ กระบวนการเกิดรูปใหมของรปู สีเ่ หล่ียมจตั ุรสั เกิดขึน้ อกี 1 คร้งั จะไดรปู สเ่ี หลี่ยมจัตรุ สั รปู ท่ีสาม ซ่งึ มีดานแตล ะดานยาว 5 2 2 + 5 2 2 = 5 หนวย และมเี สน รอบรปู ยาว 4× 5 =10 หนว ย 4 4 2 2 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
256 คมู ือครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 ในทาํ นองเดยี วกัน เม่ือกระบวนการเกิดรูปใหมของรูปสี่เหลี่ยมจตั รุ ัสเกิดข้ึน อีก 1 ครงั้ จะไดรปู สี่เหลี่ยมจัตรุ สั รูปที่สี่ ซึ่งมดี านแตล ะดานยาว 5 2 + 5 2 = 52 หนว ย และมเี สนรอบรปู ยาว 4× 5 2 =5 2 หนวย 4 4 4 4 ดงั น้ัน เมอ่ื กระบวนการเกิดรูปใหมของรูปส่เี หลี่ยมจตั รุ ัสเกิดขนึ้ อยางตอ เนื่องไมส้นิ สดุ จะได ผลบวกของความยาวของเสน รอบรปู ของรูปสเี่ หลี่ยมจตั ุรสั ทั้งหมดเปน 20 +10 2 +10 + 5 2 + หนว ย พิจารณาอนกุ รม 20 +10 2 +10 + 5 2 + เปน อนกุ รมเรขาคณติ ทมี่ ี a1 = 20 และ r = 2 2 เน่ืองจาก =r 2 <1 จะไดว า อนกุ รมนเี้ ปนอนุกรมลเู ขา 2 และผลบวกของอนุกรมนี้ คือ a1 = 20 = 40 + 20 2 1−r 1− 2 2 ดงั นน้ั เมอื่ กระบวนการเกดิ รูปใหมของรูปส่เี หลีย่ มจตั รุ สั เกิดขน้ึ อยา งตอ เน่ืองไมสนิ้ สุด จะได ผลบวกของความยาวของเสนรอบรูปของรูปสี่เหลย่ี มจตั รุ ัสท้งั หมดเปน 40 + 20 2 หนวย 8. ในการแกวงครั้งแรก หัวเรือไวกิ้งจะแกวง จากตําแหนงซา ยสุดไปถงึ ขวาสดุ วดั ระยะทางได 75 เมตร เนื่องจาก การแกวง แตละครัง้ หัวเรือไวก้ิงจะแกวง ไดร ะยะทางสัน้ ลงเปน 3 เทา ของระยะทาง 5 ในการแกวง คร้ังกอนหนา จะไดว า ในการแกวงคร้งั ทส่ี อง หัวเรอื ไวกง้ิ จะแกวงไดระยะทาง 3(75) เมตร 5 ในการแกวง ครง้ั ทสี่ าม หวั เรือไวกิ้งจะแกวงไดร ะยะทาง 3 3 ( 75) = 3 2 ( 75) เมตร 5 5 5 ในการแกวง คร้งั ทส่ี ่ี หวั เรอื ไวกิ้งจะแกวง ไดระยะทาง 3 3 2 ( 75) = 3 3 ( 75) เมตร 5 5 5 นั่นคือ ระยะทางทั้งหมดท่หี วั เรือไวกิง้ แกวง คือ 75 + 3 (75) + 3 2 (75) + 3 3 ( 75) + เมตร 5 5 5 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 257 พิจารณาอนุกรม 75 + 3 ( 75) + 3 2 ( 75) + 3 3 ( 75) + ซง่ึ เปนอนกุ รมเรขาคณติ ท่ีมี 5 5 5 a1 = 75 และ r=3 5 เน่ืองจาก r= 3 <1 จะไดวาอนกุ รมนีเ้ ปน อนุกรมลูเขา 5 และผลบวกของอนุกรมน้ี คือ a1 = 75 = 375 1− r 1− 3 2 5 ดังน้ัน หากไมม ีการหยุดกะทันหนั หัวเรอื ไวกิง้ จะแกวงไปมาตัง้ แตเรมิ่ ตนเปนระยะทาง ทั้งหมด 375 เมตร 2 9. 1) ไมถ ูกตอ ง เพราะ 1+ 2 + 4 + 8 +16 + 32 + เปน อนกุ รมเรขาคณติ ที่มี r = 2 เนือ่ งจาก r= 2 >1 จะไดวาอนุกรมนีเ้ ปนอนุกรมลูออก นนั่ คอื ไมมจี ํานวนจรงิ ใดท่มี คี าเทา กบั ผลบวกของอนกุ รมนี้ ดังนน้ั การให x ท่ีเปนจาํ นวนจรงิ แทนผลบวกของอนุกรมจึงไมสามารถทําได 2) ไมถ ูกตอ ง เพราะ 1− 2 + 4 − 8 +16 − 32 + 64 − เปนอนุกรมเรขาคณติ ท่ีมี r = −2 เนอ่ื งจาก r= 2 >1 จะไดวา อนุกรมนเ้ี ปนอนกุ รมลูออก นน่ั คือ ไมมีจํานวนจริงใดที่มีคาเทา กับผลบวกของอนกุ รมนี้ ดังนนั้ การให S ทเ่ี ปน จํานวนจริง แทนผลบวกของอนุกรมจงึ ไมสามารถทําได สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
258 คูมอื ครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 แบบฝกหดั 1.4 4 ∑1. 1) 2i = 2(1) + 2(2) + 2(3) + 2(4) i =1 6 ∑2) (3i − 2) = (3⋅ 4 − 2) + (3⋅ 5 − 2) + (3⋅ 6 − 2) i=4 7 3) ∑ (2 − i) = (2 − 2) + (2 − 3) + (2 − 4) + (2 − 5) + (2 − 6) + (2 − 7) i=2 52 ∑4) (i + 2) = (1+ 2) + (2 + 2) + (3 + 2) + + (51+ 2) + (52 + 2) i =1 4 5) ∑ (10 − 2k ) = (10 − 2(1)) + (10 − 2(2)) + (10 − 2(3)) + (10 − 2(4)) k =1 ∑ ( )20 ( ) ( ) ( ) ( ) ( )6) i2 + 4 = 12 + 4 + 22 + 4 + 32 + 4 + + 192 + 4 + 202 + 4 i =1 5 5 5(5 +1) 3j =3 j j =1 j =1 ∑ ∑2. 1) = 3 2 = 45 50 = 50 × 8 = 400 2) ∑8 k =1 44 ( )∑ ∑3) i2 (i − 3) = i3 − 3i2 i=1 i=1 44 ∑ ∑= i3 − 3 i2 =i 1=i 1 4(4 +1) 2 4(4 +1)(8 +1) = − 3 2 6 = 100 − 90 = 10 ∑6 k + 4 = 2+4 + 3+4 + 4+4 + 5+4 + 6+4 2−1 3−1 4−1 5−1 6−1 4) k=2 k −1 = 6 + 7 + 8 + 9 + 10 234 5 = 197 12 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 259 ∑ ( ) ∑ ∑5 5 5 5) k 2 + 3 = k 2 + 3 k =1 =k 1=k 1 = 5(5 +1)(10 +1) + (5× 3) 6 = 55 +15 = 70 15 15 15 6) ∑(i + 5) = ∑i +∑5 i =1 =i 1 =i 1 = 15(15 +1) + (15× 5) 2 = 120 + 75 = 195 20 20 9 7) ∑ (2i +1) = ∑ (2i +1) − ∑ (2i +1) i=10 =i 1 =i 1 ∑ ∑ ∑ ∑ 20 20 9 9 = 2 i + 1 − 2 i + 1 = i 1=i 1 = i 1=i 1 = 2 20 ( 20 + 1) + ( 20 ×1) − 2 9(9 + 1) + ( 9 ×1) 2 2 = (420 + 20) − (90 + 9) = 341 ∑ ∑( )15 15 8) (k + 5)(k − 5) = k 2 − 25 k =1 k =1 15 15 = ∑ k2 − ∑ 25 =k 1 =k 1 = 15(15 +1)(30 +1) − (15× 25) 6 = 1, 240 − 375 = 865 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
260 คูมือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 20 20 ∑ ∑( )9) j2 (2 j − 3) = 2 j3 − 3 j2 j=1 j=1 20 20 ∑ ∑= 2 j3 − 3 j2 =j 1 =j 1 20(20 +1) 2 20(20 +1)(40 +1) = 2 − 3 2 6 = 88, 200 − 8,610 = 79,590 10 10 ∑ ∑( )10) (i − 2)3 = i3 − 6i2 + 12i − 8 i=1 i=1 10 10 10 10 = ∑ i3 − 6∑ i2 +12∑ i − ∑ 8 =i 1 =i 1 =i 1 =i 1 = 10 (10 + 1) 2 − 10 (10 + 1)( 20 + 1) + 10 (10 + 1) − (10 × 8) 6 12 2 6 2 = 3,025 − 2,310 + 660 − 80 = 1,295 ∞ 3. 1) 1⋅ 3 + 2 ⋅ 4 + 3⋅ 5 + + n(n + 2) + = ∑i(i + 2) i =1 2) 1 + 1 + 1 + + 1 ∑n 1 456 n = i=4 i 3) 2 + 4 + 6 + + 2n n = ∑ 2i i =1 ( )4) 1 + 1 + 1 + + 1 + ∑ ( )∞ 1 (3) 2n−1 = 3 6 12 ( )i=1 3 2i−1 1 + 1 + 1 ++ 1 ∞ 1 + = ∑5) 2+ 1 3+ 2 4+ 3 n + n −1 i=2 i + i −1 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 261 n n ∑4. 1) 6i = 6∑i i =1 i =1 n(n +1) = 6 2 = 3n(n +1) k kk 2) ∑(2i +1) = 2∑i + ∑1 i =1 =i 1=i 1 = 2 k ( k+ 1) + k (1) 2 ( )= k 2 + k + k = k2 + 2k m m ∑3) 3⋅ 4i ∑= 3 4i i =1 i =1 ( )= 3 4 + 42 + 43 + + 4m เนื่องจาก 4 + 42 + 43 + + 4m เปน อนกุ รมเรขาคณิตทีม่ ี =a1 4=, r 4 ( ) ( ) ( )a1 1− rm และมผี ลบวก เทากับ 4 1− 4m =− 4 1 − 4m = 1−r 1−4 3 m 3 4 3 3⋅ 4i = 3 4 + 42 + 43 + + 4m i =1 ∑ ( ) ( )ดังน้นั 4m+1 = − 1− 4m = − 4 n nn 4) ∑(i2 − i) = ∑i2 − ∑i i=1 =i 1 =i 1 n(n +1)(2n +1) n(n +1) =− 62 = 2n3 + 3n2 + n − 3n2 − 3n 6 = 2n3 − 2n 6 = n3 − n 3 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
262 คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 5. 1) ผลบวก 10 พจนแรกของอนุกรมนี้ คอื 10 ∑1⋅ 2 + 2 ⋅ 3 + 3⋅ 4 + +10 ⋅11 = i (i +1) i =1 10 = ∑ (i2 +i) i =1 10 10 = ∑ i2 + ∑ i =i 1=i 1 = 10(10 +1)(20 +1) + 10(10 +1) 62 = 385 + 55 = 440 2) ผลบวก 10 พจนแรกของอนุกรมน้ี คอื 1⋅ 4 ⋅ 7 + 2 ⋅ 5 ⋅8 + 3⋅ 6 ⋅ 9 + 4 ⋅ 7 ⋅10 + +10 ⋅13⋅16 10 = ∑i(i + 3)(i + 6) i =1 10 ∑ ( )= i3 + 9i2 +18i i =1 10 10 10 ∑ ∑ ∑= i3 + 9 i2 +18 i =i 1 =i 1 =i 1 10(10 +1) 2 10(10 +1)(20 +1) 10(10 +1) = +9 +18 2 6 2 = 3,025 + 3, 465 + 990 = 7,480 3) ผลบวก 10 พจนแ รกของอนุกรมน้ี คือ 1(2 + 3) + 4(4 + 3) + 9(6 + 3) + +100(20 + 3) 10 ∑= i2 (2i + 3) i =1 10 ( )∑= 2i3 + 3i2 i =1 10 10 ∑ ∑= 2 i3 + 3 i2 =i 1 =i 1 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 263 10(10 +1) 2 10(10 +1)(20 +1) = 2 + 3 2 6 = 6,050 +1,155 = 7,205 4) ผลบวก 10 พจนแ รกของอนุกรมน้ี คอื 10 ∑12 + 32 + 52 + 72 + + 192 = (2i −1)2 i =1 ∑( )10 = 4i2 − 4i +1 i =1 10 10 10 = 4∑i2 − 4∑i + ∑1 =i 1 =i 1 =i 1 = 4 10 (10 + 1) ( 20 + 1) − 4 10 (10 + 1) + 10 (1) 6 2 = 1,540 − 220 +10 = 1,330 5) ผลบวก 10 พจนแ รกของอนกุ รมนี้ คอื 11 + 1 + 2 1 + 1 + 31 + 1 + + 10 1 + 1 ∑= 10 i 1 + 1 1 2 3 10 i =1 i 10 = ∑ (i +1) i =1 10 10 = ∑i+∑1 =i 1=i 1 = 10(10 +1) +10(1) 2 = 55 +10 6. 1) 1⋅ 2 ⋅ 3 + 2 ⋅ 3⋅ 4 + 3⋅ 4 ⋅ 5 + +10 ⋅11⋅12 = 65 10 = ∑ i(i +1)(i + 2) i =1 ∑ ( )10 = i3 + 3i2 + 2i i =1 10 10 10 ∑ ∑ ∑= i3 + 3 i2 + 2 i =i 1=i 1 =i 1 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
264 คมู อื ครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 10(10 +1) 2 10(10 +1)(20 +1) 10(10 +1) = + 3 + 2 2 6 2 = 3,025 +1,155 +110 = 4,290 99 ∑2) 1⋅ 2 + 2 ⋅ 3 + 3⋅ 4 + 4 ⋅ 5 + + 99 ⋅100 = n(n +1) n=1 ∑ ( )99 = n2 + n n=1 99 99 = ∑ n2 + ∑ n =n 1 =n 1 = 99(99 +1)(198 +1) + 99(99 +1) 62 = 328,350 + 4,950 = 333,300 7. จาํ นวนเตม็ ตง้ั แต 1 ถึง 100 ท่ีนอยทส่ี ุดที่หารดว ย 4 แลว เหลือเศษ 3 คื=อ 3 4(0) + 3 และจํานวนเต็มต้งั แต 1 ถึง 100 ที่มากทส่ี ดุ ที่หารดว ย 4 แลว เหลือเศษ 3 คอื=99 4(24) + 3 จะไดวา ลําดับของจาํ นวนเต็มตง้ั แต 1 ถึง 100 ที่หารดวย 4 แลว เหลือเศษ 3 คือ 3, 7, 11, , 99 ซ่งึ เปน ลําดับเลขคณิตท่ีมีพจนแรกเปน 3 ผลตา งรวมเปน 4 และพจนที่ n เปน 99 จาก an = a1 + (n −1) d จะไดว า 99 =3 + (n −1)(4) นัน่ คอื n = 25 จากผลบวกของจํานวนเตม็ ต้งั แต 1 ถึง 100 ท่ีหารดวย 4 แลว เหลอื เศษ 3 คอื 3 + 7 +11+ + 99 พจิ ารณา 3 + 7 +11+ + 99 = 3 + 7 +11+ + (3 + (25 −1)(4)) 25 = ∑(3 + (i −1)(4)) i =1 25 = ∑(4i −1) i =1 25 25 = ∑(4i) − ∑1 =i 1 =i 1 25 25 = 4∑i − ∑1 =i 1=i 1 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 265 = 4 25( 25 + 1) − ( 25 ×1) 2 = 1,300 – 25 = 1,275 ดังน้นั ผลบวกของจาํ นวนเตม็ ตัง้ แต 1 ถึง 100 ทหี่ ารดว ย 4 แลว เหลอื เศษ 3 คือ 1,275 1) ให n1 Sn = i=1 i (i + 1) ∑8. เนือ่ งจาก i 1 1)= (i +1) − i 1− 1 i (i +1) = i i +1 (i + ∑ดังน้ันSn = n 1 − i 1 1 i =1 i + = 1 − 1 + 1 − 1 + 1 − 1 + + 1 − 1 + 1 − 1 2 2 3 3 4 n −1 n n n +1 = 1− 1 n +1 =n n +1 จะได S20 = 20 = 20 20 +1 21 ดงั นน้ั ผลบวก n พจนแรกของอนกุ รมน้ี คอื n และผลบวก 20 พจนแ รกของ n +1 อนุกรมนี้ คอื 20 21 n1 Sn = i=1 (2i −1)(2i +1) ∑2) ให เนื่องจาก (2i −=1)1(2i +1) 1 ( (22i i+−11))−=(2(2i i+−11)) 1 1 − 1 2 2 2i + ( 2i −1) ( 1) ∑ดังนนั้Sn = n 1 1 − 1 i =1 2 2i −1 2i +1 ∑= 1n 1 − 1 2 i=1 2i −1 2i +1 = 1 1 − 1 + 1 − 1 + 1 − 1 + + 1 3 − 1 + 1 − 1 1 2 3 3 5 5 7 2n − 2n −1 2n −1 2n + สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
266 คมู ือครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 = 1 1 − 1 2 2n +1 =n 2n +1 จะได 20 20 41 S20 = 2(20) +1 = ดงั น้นั ผลบวก n พจนแ รกของอนุกรมน้ี คอื n และผลบวก 20 พจนแ รกของ 2n +1 อนกุ รมน้ี คอื 20 41 ให n1 Sn = i=1 i (i +1)(i + 2) ∑3) เน่อื งจาก i (i +=1)1(i + 2) 1 i 1 − (i + 1 + 2) 2 (i +1) 1)(i ∑ดงั นัน้ n 1 1 − 1 Sn = =1 2 i ( i+ 1) ( i + i + 2 ) 1)( i ∑= 1 n 1 − (i 1 + 2) 2 i =1 i (i +1) + 1) ( i = 1 1 − 1 + 1 − 1 + 1 − 1 + + (n 1 n − n 1 1) 2 2 6 6 12 12 20 −1) (n + + n ( 1 − ( n + 1 n + 2) n +1) 1)( = 1 1 − (n + 1 n + 2) 2 2 1)( จะได S20 = 1 1 − 1 = 115 2 2 21⋅ 22 462 ดังน้นั ผลบวก n พจนแ รกของอนุกรมน้ี คือ 1 1 − ( n + 1 + 2) 2 2 1) ( n และผลบวก 20 พจนแรกของอนุกรมนี้ คอื 115 462 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 267 n1 Sn = i=1 i (i + 2) ∑4) ให เนอื่ งจาก i (i 1+=2) 1 (i + 2+)2−=)i 1 1 − i 1 2 2 2 i + i (i ∑ดงั นน้ัSn = n 1 1 − i 1 2 i =1 2 i + ∑= 1n 1 − i 1 2 2 i=1 i + = 1 1 − 1 + 1 − 1 + 1 − 1 + + n 1 2 − 1 2 3 2 4 3 5 − n + 1 − 1 + 1 − 1 n −1 n +1 n + n 2 = 1 1 + 1 − 1 − n 1 2 2 2 n +1 + = 1 3 − ( n 2n + 3 2) 2 2 +1)(n + จะได S20 = 1 3 − 43 = 325 2 2 21⋅ 22 462 ดังนัน้ ผลบวก n พจนแ รกของอนุกรมนี้ คือ 1 3 − ( n 2n +3 2) 2 2 + 1) (n + และผลบวก 20 พจนแรกของอนุกรมน้ี คือ 325 462 9. 1) ผลบวก n พจนแรกของอนุกรมนี้ คอื 0 + 3 + 8 + + (n2 −1) = n ( i 2 − 1) ∑ i =1 nn = ∑i2 − ∑1 =i 1 =i 1 = n(n +1)(2n +1) − n 6 2n3 + 3n2 − 5n = 6 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
268 คูมือครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 2) ผลบวก n พจนแ รกของอนุกรมนี้ คือ 10. 1) ( )−1 + 0 + 9 + + n3 − 2n2 ∑( )n 2) = i3 − 2i2 i =1 nn ∑ ∑= i3 − 2 i2 =i 1 =i 1 n(n +1) 2 n(n +1)(2n +1) = − 2 2 6 = n (n + 1) n (n + 1) − 2n + 1 3 4 ( )n(n +1) 3n2 − 5n − 4 = 12 ∑ ∑เน่อื งจาก ∞ ∞1 e−(n−1) = n=1 en−1 n=1 จะได ∞ = 1+ 1 + 1 ++ 1 + เปนอนกุ รมเรขาคณติ ท่ีมี e e2 en−1 ∑ e−(n−1) n=1 a1 =1 และ r=1 e เน่ืองจาก r= 1 <1 จะไดว า อนุกรมน้เี ปน อนุกรมลเู ขา e และผลบวกของอนุกรมน้ี คือ =a1 1=−1 1 e 1− r e −1 e ดงั น้นั ∞ เปนอนุกรมลเู ขา และผลบวกของอนุกรมคือ e e −1 ∑ e−(n−1) n=1 ∑เน่ืองจาก ∞ (−1)n−12n−1 =1− 2 + 22 − 23 + 24 − 25 + n=1 จะเห็นวา ∞ เปน อนุกรมเรขาคณติ ท่มี ี a1 = 1 และ r= −2 ∑ (−1)n−12n−1 n=1 เนอ่ื งจาก r =−2 =2 >1 ดงั น้ัน อนุกรมน้ีเปนอนุกรมลูออก สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 269 3) เนื่องจาก ∑∞ 9 = ∑∞ 9 = 9 + 9 + 9 + เปนอนุกรมเรขาคณติ ทีม่ ี 102 104 106 n=1 100n n=1 102n a1 = 9 และ r = 1 102 102 เนื่องจาก =r 1 <1 จะไดว า อนกุ รมนีเ้ ปนอนุกรมลูเขา 102 9 และผลบวกของอนุกรมนี้ คือ=a1 =102 1 1 11 1− r 1 − 102 ดังนัน้ ∑∞ 9 เปน อนุกรมลูเขา และผลบวกของอนุกรมคือ 1 n=1 100n 11 4) สาํ หรบั จาํ นวนนบั k ใด ๆ จะไดว า 5 = 5 1 − k 1 k +1 k (k +1) เขียนผลบวกยอย n พจนแรกของอนกุ รมไดใ หม ดงั น้ี Sn = 5 1 − 1 + 1 − 1 + 1 − 1 + + 1 − n 1 1 2 2 3 3 4 n + = 5 1 − n 1 1 + = 5n n +1 เนอ่ื งจาก lim Sn = lim 5n n→∞ n +1 n→∞ = lim 5n 1 n→∞ n 1 + n = lim 5 n→∞ 1 + 1 n lim 5 = n→∞ lim1+ lim 1 n→∞ n→∞ n =5 1+ 0 =5 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
270 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 ดงั น้ัน อนกุ รมนี้เปนอนุกรมลูเขา และผลบวกของอนกุ รม คือ 5 5) เขียนผลบวกยอ ย n พจนแ รกของอนุกรมไดด ังนี้ Sn = 1 − 1 + 1− 1 + 1− 1 + + 1− 1 2 2 3 3 4 n n +1 = 1− 1 n +1 เนื่องจาก lim Sn = lim 1 − 1 = 1 n +1 n→∞ n→∞ ดงั นั้น อนุกรมน้ีเปน อนุกรมลเู ขา และผลบวกของอนกุ รม คือ 1 เนือ่ งจาก ∞ 4n+1 16 16 4 16 4 2 ∑6) n=1 5n = 5 + 5 5 + 5 5 + เปน อนกุ รมเรขาคณติ ท่ีมี a1 = 16 และ r = 4 5 5 เนอ่ื งจาก r= 4 <1 จะไดว าอนุกรมนเี้ ปน อนกุ รมลเู ขา 5 16 และผลบวกของอนุกรมน้ี คือ =a1 =5 16 1− 4 1− r 5 ดังนนั้ อนกุ รมน้ีเปนอนุกรมลูเขา และผลบวกของอนกุ รม คือ 16 11. จาก พจนท ี่ n ของอนุกรมนี้ คือ 2n − 5 นน่ั คือ a=n 2n − 5 พิจารณาผลบวก 15 พจนแ รกของอนุกรมนี้ คือ 15 15 ∑an = ∑(2n − 5) n=1 n=1 15 15 = 2∑ n − ∑ 5 =n 1 =n 1 = 2 15(15 + 1) − (15 × 5) 2 = 240 − 75 = 165 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 271 12. 1) จํานวนเตม็ ท่อี ยูระหวาง 9 ถงึ 199 ทีน่ อยทส่ี ุดทหี่ ารดวย 8 ลงตัว คอื 16 = 8(2) 2) และจาํ นวนเตม็ ท่ีอยรู ะหวา ง 9 ถึง 199 ท่ีมากทส่ี ุดทหี่ ารดว ย 8 ลงตวั คอื 192 = 8(24) จะไดวา ลําดบั ของจํานวนเตม็ ทอี่ ยูระหวาง 9 ถงึ 199 ทีห่ ารดวย 8 ลงตวั คือ 16, 24, 32, , 192 ซึ่งเปนลําดับเลขคณติ ท่ีมีพจนแรกเปน 16 ผลตา งรวมเปน 8 และพจนท ่ี n เปน 192 จาก an = a1 + (n −1) d จะไดว า 192 =16 + (n −1)(8) น่นั คอื n = 23 จากผลบวกของจํานวนเต็มที่อยูระหวา ง 9 ถึง 199 ท่ีหารดว ย 8 ลงตัว คือ 16 + 24 + 32 + +192 พจิ ารณา 16 + 24 + 32 + +192 = 16 + 24 + 32 + + (16 + (23 −1)(8)) 23 = ∑(16 + (i −1)(8)) i =1 23 = ∑(16 + 8i − 8) i =1 23 = ∑(8 + 8i) i =1 23 23 = ∑8 + ∑8i =i 1 =i 1 23 = 23(8) + 8∑i i =1 = 184 + 23( 23 + 1) 8 2 = 184 + 2, 208 = 2,392 ดงั นน้ั ผลบวกของจาํ นวนเต็มทีอ่ ยรู ะหวา ง 9 และ 199 ทหี่ ารดวย 8 ลงตัว เทา กบั 2,392 กาํ หนดให เอกภพสัมพัทธ U คือ เซตของจํานวนเตม็ ทั้งหมดทอ่ี ยูร ะหวา ง 9 และ 199 A แทนเซตของจาํ นวนเต็มท้งั หมดที่อยูระหวาง 9 และ 199 ทีห่ ารดวย 8 ลงตัว จะไดว า เซตของจาํ นวนเต็มท่ีอยรู ะหวา ง 9 และ 199 ท่ีหารดวย 8 ไมล งตัว คอื A′ และ A=′ U − A ดังนน้ั ผลบวกของจาํ นวนเต็มทีอ่ ยูระหวาง 9 และ 199 ท่ีหารดว ย 8 ไมล งตัว หาไดจาก สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
272 คูม อื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 ผลบวกของจํานวนเต็มท้งั หมดท่ีอยูระหวา ง 9 และ 199 ลบดวยผลบวกของจาํ นวนเตม็ ท่อี ยูระหวาง 9 และ 199 ท่หี ารดวย 8 ลงตัว จากจํานวนเตม็ ท่ีอยรู ะหวา ง 9 และ 199 คือ 10, 11, 12, , 198 ซ่ึงมี 189 จํานวน 198 10 +11+12 + +198 = n ∑จะได n=10 198 9 = ∑n−∑n =n 1 =n 1 = 198(198 +1) − 9(9 +1) 22 = 19,701 − 45 = 19,656 จากขอ 1) จะไดวา ผลบวกของจาํ นวนเต็มท่ีอยูระหวา ง 9 และ 199 ท่ีหารดว ย 8 ไมล งตัว เทากับ 19,656 − 2,392 =17,264 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 273 แบบฝก หัด 1.5 1. 1) ในท่นี ้ีไมม กี ารฝากและถอนในระหวาง 10 ปน ี้ =ให P 1=00000, n 10 และ i = 4 จะไดว า =r =i 0.04 100 จากทฤษฎีบท 9 จะไดว า จํานวนเงินเม่อื ฝากเงนิ ครบ 10 ป คือ 100,000(1+ 0.04)10 หรือประมาณ 148,024.43 บาท 2) จากเงินตน 100,000 บาท จะไดว า จาํ นวนเงินรวมเพิ่มข้ึนเปน 3 เทา ของเงินตน คือ จาํ นวนเงินรวม 300,000 บาท ให n แทนจาํ นวนปที่จะทาํ ใหมีเงนิ เพ่ิมขึน้ เปน 3 เทา ของเงินตน จากทฤษฎีบท 9 จะไดวา 300,000 = 100,000(1+ 0.04)n (1.04)n = 3 log (1.04)n = log 3 จะไดว า n = log 3 ≈ 28.01 log 1.04 ดงั น้นั ตอ งฝากเงนิ ครบ 29 ป จะทําใหมเี งนิ เพิ่มขึน้ เปน อยา งนอยสามเทาของเงินตน 2. 1) ดอกเบ้ียทีไ่ ดจ ากการฝากเงนิ ตน P บาท โดยธนาคารคิดดอกเบย้ี ในอัตรา i% ตอ ป และคดิ ดอกเบีย้ ใหค รัง้ สุดทายครงั้ เดียวเม่อื ฝากเงนิ ครบ n ป เทากบั P i n บาท 100 จาก P = 100,000 และ i = 3 ดงั นัน้ ดอกเบี้ยทไ่ี ดจากการฝากเงินนีเ้ ปนเวลา n ป เทา กับ 100, 000 3 n = 3, 000n บาท 100 จะไดว า จํานวนเงนิ ในบัญชเี มื่อครบปท่ี n เมอื่ ธนาคารคิดดอกเบีย้ ใหครง้ั สดุ ทา ยครง้ั เดยี ว เทากับ 100,000 + 3,000n บาท 2) ให P =100000 และ i = 3 จะไดว า=r =i 0.03 100 จากทฤษฎีบท 9 จะไดวา จํานวนเงินเม่ือฝากเงนิ ครบ n ป คือ 100,000(1+ 0.03)n บาท สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
274 คูมอื ครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 3. ให =P 100000=, k 4=, n 10 และ i = 4 จะไดว า =r =i 0.04 100 จากทฤษฎีบท 10 จะไดวา จํานวนเงนิ รวมเม่ือฝากเงินครบ 10 ป คอื 100, 000 1 + 0.04 4(10) 4 หรือประมาณ 148,886.37 บาท 4=. ให P 1=00000, n 10 และมีเงนิ รวม 141,060 บาท จากทฤษฎีบท 9 จะไดว า 100,000(1+ r )10 = 141,060 (1+ r )10 = 1.4106 1 + r = 10 1.4106 r = 10 1.4106 −1 r ≈ 0.035 ดงั นั้น ธนาคารแหงน้ีใหอัตราดอกเบ้ียประมาณ 3.5% ตอ ป 5. เมื่อตนปปญ ญาฝากเงิน 100,000 บาท กบั ธนาคารแหง หนึ่ง และฝากเงินเพมิ่ อีก 100,000 บาท ทกุ ตนป โดยธนาคารกาํ หนดอัตราดอกเบ้ยี 3% และคดิ ดอกเบ้ยี แบบทบตนทุกป เขยี นแผนภาพแสดงการฝากเงินและมลู คาของเงนิ เม่ือฝากเงินครบ 15 ป ไดด งั นี้ จากแผนภาพจะไดวา เมื่อฝากเงนิ ครบ 15 ป เงินฝากเม่ือตนปท ่ี 1 จะมีมลู คา 100,000(1.03)15 บาท เงินฝากเมื่อตนปที่ 2 จะมมี ลู คา 100,000(1.03)14 บาท สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 275 เงินฝากเมื่อตน ปที่ 3 จะมมี ลู คา 100,000(1.03)13 บาท เงินฝากเม่ือตน ปท ี่ 15 จะมีมลู คา 100,000(1.03) บาท ดังนัน้ เมอ่ื ฝากเงินครบ 15 ป จะไดร บั เงนิ รวม 100,000(1.03)15 +100,000(1.03)14 +100,000(1.03)13 + +100,000(1.03) บาท หรือ 100,000(1.03) +100,000(1.03)2 + +100,000(1.03)15 บาท ซงึ่ เปน อนุกรมเรขาคณิตท่ีมี 15 พจน พจนแรก คอื 100,000(1.03) และอตั ราสว นรวม คอื 1.03 จะได ผลบวก 15 พจนแ รกของอนกุ รมน้ี คอื 100,000(1.03)(1.03)15 −1 1.03 −1 หรือประมาณ 1,915,688.13 บาท ดังนน้ั เม่ือฝากเงนิ ครบ 15 ป จะมีเงินรวมประมาณ 1,915,688.13 บาท 6. 1) ให= S 1000000=, i 4=, n 20 จะไดว า =r =4 0.04 100 จะได มูลคา ปจ จบุ นั ของเงินรวม 1,000,000 บาท คือ P = 1,000,000(1+ 0.04)−20 ≈ 456,386.95 บาท ดังนนั้ ราตรตี อ งฝากเงนิ ตนไวอยา งนอย 456,386.95 บาท 2) จาก ฝากเงนิ ตน P บาท เม่ือตน ปท ่ี 1 และฝากเพม่ิ อกี ปละ 2,000 บาท เขยี นแผนภาพแสดงการฝากเงินและมูลคาของเงนิ เมื่อฝากเงนิ ครบ 20 ป ไดด ังนี้ สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
276 คูมอื ครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 จากแผนภาพจะไดว า อีก 20 ปขางหนา เงนิ ฝากตน ปท ี่ 1 จาํ นวน P บาท จะมีมูลคา P(1.04)20 บาท เงินฝากตน ปที่ 2 จํานวน 2,000 บาท จะมีมูลคา 2,000(1.04)19 บาท เงนิ ฝากตนปท ่ี 3 จาํ นวน 2,000 บาท จะมีมูลคา 2,000(1.04)18 บาท เงินฝากตนปท่ี 20 จาํ นวน 2,000 บาท จะมีมลู คา 2,000(1.04) บาท นั่นคือ อีก 20 ปข า งหนา ราตรจี ะมีเงนิ รวม P (1.04)20 + 2,000(1.04)19 + 2,000(1.04)18 + + 2,000(1.04) บาท ( )จะได 2,000(1.04) (1.04)19 −1 1,000,000 = P (1.04)20 + 1.04 −1 P ≈ 430,119.07 บาท ดังนัน้ ราตรตี อ งฝากเงินตน ไวอยา งนอย 430,119.07 บาท 7. อนนั ตก เู งินจากวิเชียรจํานวน 2 ยอด โดยยอดแรกตองชําระ 12,682.42 บาท ในอีก 3 ป ขางหนา ยอดท่ี 2 ตองชําระ 26,115.36 บาท ในอีก 7 ปข า งหนา และวเิ ชียรกําหนดอัตรา ดอกเบ้ยี 8% ตอ ป โดยคดิ ดอกเบยี้ แบบทบตน ทุก 3 เดือน พิจารณาการชาํ ระเงินยอดแรกในอีก 3 ปขางหนา ให =S 12682.42=, i 8=, k 4 และ n = 3 จะไดว า=r =8 0.08 100 จะได มูลคาปจ จุบนั ของเงนิ 12,682.42 บาท คือ 12, 682.42 1 + 0.08 − 4(3) 4 หรือประมาณ 10,000 บาท พิจารณาการชาํ ระเงนิ ยอดท่ี 2 ในอีก 7 ปข างหนา ให =S 26115.36=, i 8=, k 4 และ n = 7 จะไดว า =r =8 0.08 100 จะได มลู คา ปจจบุ นั ของเงิน 26,115.36 บาท คอื 26,115.36 1 + 0.08 −4(7) 4 หรอื ประมาณ 15,000 บาท ดังนั้น อนันตกเู งินจากวเิ ชยี รประมาณ 10,000 +15,000 =25,000 บาท สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 277 8. สดุ าฝากเงนิ 2,000 บาท เขา บญั ชีธนาคารทกุ ตน เดือน ไดรับอตั ราดอกเบี้ย 3% ตอป 3 (หรอื อตั ราดอกเบย้ี ตอเดือน คอื 3 % ) จะไดวา =r 1=2 0.0025 12 100 เขยี นแผนภาพแสดงการฝากเงินและมลู คาของเงินเม่ือส้ินปท่ี 5 (ส้ินเดือนที่ 60) ไดด ังนี้ จากแผนภาพจะไดว า เม่ือส้นิ ปท่ี 5 เงนิ ฝากเมื่อตน เดือนท่ี 1 จาํ นวน 2,000 บาท จะมีมูลคา 2,000(1.0025)60 บาท เงนิ ฝากเม่ือตนเดือนท่ี 2 จํานวน 2,000 บาท จะมมี ูลคา 2,000(1.0025)59 บาท เงนิ ฝากเมื่อตนเดือนที่ 3 จาํ นวน 2,000 บาท จะมมี ูลคา 2,000(1.0025)58 บาท เงินฝากเม่ือตน เดือนที่ 60 จํานวน 2,000 บาท จะมมี ลู คา 2,000(1.0025) บาท นน่ั คอื เม่ือสน้ิ ปท ่ี 5 สุดาจะไดเงนิ รวม 2,000(1.0025)60 + 2,000(1.0025)59 + 2,000(1.0025)58 + + 2,000(1.0025) บาท หรือ 2,000(1.0025) + 2,000(1.0025)2 + 2,000(1.0025)3 + + 2,000(1.0025)60 บาท ซึง่ เปนอนุกรมเรขาคณิตท่มี ี 60 พจน พจนแรก คอื 2,000(1.0025) และอตั ราสว นรว ม คือ 1.0025 ( )จะได ผลบวก 60 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณติ น้ี คือ 2,000(1.0025) (1.0025)60 −1 1.0025 −1 หรอื ประมาณ 129,616.66 บาท ดงั น้นั เมอื่ ส้ินปที่ 5 สุดาจะไดเงินรวมประมาณ 129,616.66 บาท สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
278 คมู อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 9. ทอแสงฝากเงนิ 3,000 บาท เขาบญั ชีธนาคารทุกสน้ิ ไตรมาส (1 ไตรมาส เทา กบั 3 เดือน) ไดรบั อัตราดอกเบีย้ 6% ตอ ป (หรอื อัตราดอกเบยี้ ตอไตรมาส คอื 6 % ) 4 6 จะไดวา =r =4 0.015 100 เขียนแผนภาพแสดงการฝากเงินและมูลคาของเงนิ เม่ือส้ินปท่ี 4 (รวมทั้งหมด 16 งวด) ไดดังน้ี จากแผนภาพจะไดว าเมื่อสิน้ ปที่ 4 เงนิ ฝากเม่ือสิน้ งวดที่ 1 จํานวน 3,000 บาท จะมมี ูลคา 3,000(1.015)15 บาท เงนิ ฝากเมื่อสิ้นงวดท่ี 2 จํานวน 3,000 บาท จะมีมลู คา 3,000(1.015)14 บาท เงนิ ฝากเมื่อส้ินงวดที่ 3 จํานวน 3,000 บาท จะมีมูลคา 3,000(1.015)12 บาท เงินฝากเม่ือสิ้นงวดที่ 15 จํานวน 3,000 บาท จะมีมลู คา 3,000(1.015) บาท เงนิ ฝากเม่ือสน้ิ งวดท่ี 16 จาํ นวน 3,000 บาท จะมีมูลคา 3,000 บาท นั่นคอื เม่ือสิ้นปท ี่ 4 หรอื ส้นิ งวดท่ี 16 ทอแสงจะไดเงนิ รวม 3,000(1.015)15 + 3,000(1.015)14 + 3,000(1.015)13 + + 3,000(1.015) + 3,000 บาท หรอื 3,000 + 3,000(1.015) + 3,000(1.015)2 + 3,000(1.015)3 + + 3,000(1.015)15 บาท ซง่ึ เปน อนุกรมเรขาคณิตท่มี ี 16 พจน พจนแรก คือ 3,000 และอตั ราสวนรว ม คือ 1.015 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 279 จะได ผลบวก 16 พจนแ รกของอนกุ รมน้ี คือ (3,000 (1.015)16 −1) 1.015 −1 หรอื ประมาณ 53,797.11 บาท ดงั น้นั เม่อื สิน้ ปท่ี 4 ทอแสงจะไดเงินรวมประมาณ 53,797.11 บาท 10. ใบเตยซื้อรถยนตร าคา 700,000 บาท โดยจา ยเงินดาวน 200,000 บาท และผอนชาํ ระสวนท่ี เหลอื เทากันทุกเดือน เดือนละ R บาท เปน เวลา 5 ป โดยผอ นชาํ ระทุกสิ้นเดอื น อัตราดอกเบย้ี 3% ตอป (หรอื อตั ราดอกเบี้ยตองวด คือ 3 % ) 12 3 จะไดว า =r 1=2 0.0025 100 เขยี นแผนภาพแสดงการจา ยเงินซือ้ รถยนตของใบเตยเปนเวลา 5 ป (60 งวด) ไดดังน้ี จากแผนภาพจะไดวา มูลคา ปจจบุ ันของเงินผอนงวดที่ 1 คอื R(1.0025)−1 บาท มลู คาปจ จบุ นั ของเงนิ ผอนงวดท่ี 2 คอื R(1.0025)−2 บาท มูลคา ปจ จุบันของเงินผอนงวดท่ี 3 คอื R(1.0025)−3 บาท มูลคาปจจุบันของเงินผอนงวดท่ี 60 คือ R(1.0025)−60 บาท สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
280 คมู อื ครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 นน่ั คือ เม่ือครบ 5 ป ยอดเงนิ รวมที่ใบเตยจา ยเพอื่ ผอนรถยนตเทา กบั R (1.0025)−1 + R (1.0025)−2 + R (1.0025)−3 + + R (1.0025)−60 บาท ซ่งึ เปนอนุกรมเรขาคณิตทม่ี ี 60 พจน พจนแ รก คือ R(1.0025)−1 และอัตราสว นรวม คอื (1.0025)−1 ( )จะไดผ ลบวก 60 พจนแ รกของอนกุ รมน้ี คอื R (1.0025)−1 1 − (1.0025)−60 บาท 1 − (1.0025)−1 เนือ่ งจาก ใบเตยตองจา ยเงินเพอื่ ผอนรถยนต 700,000 – 200,000 = 500,000 บาท ( )จะได 500,000 = R (1.0025)−1 1 − (1.0025)−60 1 − (1.0025)−1 น่ันคอื ( )500,000 1− (1.0025)−1 ≈ 8,984.35 ( )R = (1.0025)−1 1 − (1.0025)−60 ดงั นัน้ ใบเตยจะตองผอนชาํ ระเดอื นละประมาณ 8,984.35 บาท 11. วชั ระฝากเงนิ 10,000 บาท เขาบญั ชีธนาคารทุกตน เดอื น ไดรับอัตราดอกเบ้ยี 3.6% ตอป (หรอื อตั ราดอกเบีย้ ตอเดือน คอื 3.6 % ) 12 3.6 จะไดว า=r 1=2 0.003 100 เขียนแผนภาพแสดงการฝากเงินและมลู คาของเงินเม่ือส้ินปที่ 4 (48 เดอื น) ไดดงั นี้ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 281 จากแผนภาพจะไดว าเมื่อส้นิ ปท ี่ 4 เงนิ ฝากเม่ือตนเดือนท่ี 1 จํานวน 10,000 บาท จะมีมลู คา 10,000(1.003)48 บาท เงนิ ฝากเมื่อตนเดือนท่ี 2 จาํ นวน 10,000 บาท จะมีมูลคา 10,000(1.003)47 บาท เงนิ ฝากเม่ือตนเดือนที่ 3 จํานวน 10,000 บาท จะมมี ูลคา 10,000(1.003)46 บาท เงนิ ฝากเมื่อตน เดือนที่ 48 จํานวน 10,000 บาท จะมีมลู คา 10,000(1.003) บาท นั่นคอื เมื่อสิน้ ปท ี่ 4 วัชระจะไดเงนิ รวม 10,000(1.003)48 +10,000(1.003)47 +10,000(1.003)46 + +10,000(1.003) บาท หรอื 10,000(1.003) +10,000(1.003)2 +10,000(1.003)3 + +10,000(1.003)48 บาท ซ่ึงเปน อนุกรมเรขาคณิตท่มี ี 48 พจน พจนแ รก คือ 10,000(1.003) และอตั ราสว นรว ม คอื 1.003 ( )จะไดผ ลบวก 48 พจนแ รกของอนุกรมน้ี คือ 10,000(1.003) (1.003)48 −1 1.003 −1 หรือประมาณ 516,996.95 บาท ดงั นั้น เมือ่ สิน้ ปท ี่ 4 วัชระจะไดเงนิ รวม 516,996.95 บาท สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
282 คมู อื ครูรายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 แบบฝก หัดทา ยบท 1. 1) เนอื่ งจาก a1 =− 4, d =−5 และ an = a1 + (n −1)d จะได a8 = − 4 + (8 −1)(−5) = − 4 − 35 = −39 ดงั นั้น a8 = −39 2) เนอ่ื งจาก a1 =−5, d =2 และ an = a1 + (n −1)d จะได a9 = −5 + (9 −1)(2) = −5 +16 = 11 ดงั นั้น a9 =11 3) เนอ่ื งจาก a1 =− 1 , d =−2 และ an = a1 + (n −1) d จะได 2 a15 = − 1 + (15 −1)(−2) 2 = − 1 − 28 2 = − 57 2 ดังน้ัน a15 = − 57 2 4) เนอ่ื งจาก=a1 4=, d 1 และ an = a1 + (n −1) d จะได 3 3 a15 = 4 + (15 − 1) 1 3 3 = 4 + 14 33 =6 ดงั น้นั a15 = 6 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 283 2. จาก an = a1 + (n −1)d จะได ----- (1) ----- (2) 5 = a1 + (7 −1) d 10 = a1 + (12 −1) d จาก (1) และ (2) จะได d =1 และ a1 = −1 นนั่ คือ a100 = −1+ (100 −1)(1) = −1+ (99)(1) = 98 ดงั นน้ั พจนท่ี 100 ของลาํ ดบั เลขคณิตนี้ คือ 98 3. ลําดับเลขคณิตท่กี าํ หนดใหม ี a1 = 20 และ d =16 − 20 =−4 จาก an = a1 + (n −1) d จะได −96 = 20 + (n −1)(−4) n = 30 ดงั นน้ั −96 เปน พจนท่ี 30 ของลําดับเลขคณติ น้ี 4. จาก=a1 5=, a7 29 และ an = a1 + (n −1) d จะได 29 = 5 + (7 −1)d นั่นคือ d =4 a2 = a1 + d = 5 + 4 = 9 a3 = a2 + d = 9 + 4 = 13 a4 = a3 + d = 13 + 4 = 17 a5 = a4 + d = 17 + 4 = 21 a6 = a5 + d = 21 + 4 = 25 ดังนั้น พจนห าพจนด ังกลาว ไดแก 9, 13, 17, 21 และ 25 5. จะแสดงวา a2, b 2 , c2 เปน ลําดับเลขคณิต โดยพจิ ารณาวา b 2− a2 = c2 − b 2 หรือไม เน่อื งจาก 1,1,1 เปน ลาํ ดบั เลขคณติ b+c c+a a+b จะไดผ ลตา งรวมของลาํ ดับเลขคณิตนี้หาไดจ าก 1 − 1 หรือ 1 − 1 c+a b+c a+b c+a น่ันคอื 1−1 = 1−1 c+a b+c a+b c+a สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
284 คูมอื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 1 2 = 1+1 c+a a+b b+c 2 = b+c+a+b c+a ab + ac + b 2 +bc 2ab + 2ac + 2b 2 +2bc = ab + ac + a2 + ab + bc + c2 + ac + bc ดังนั้น b 2− a2 = c2 − b 2 จงึ ไดวา a2, b 2 , c2 เปนลําดบั เลขคณติ 6. ผลบวกของมุมภายในของรูปสามเหลี่ยม เทา กบั 180 องศา ผลบวกของมมุ ภายในของรูปสี่เหล่ยี ม เทา กับ 360 องศา ผลบวกของมมุ ภายในของรูปหา เหล่ยี ม เทา กับ 540 องศา จะเหน็ วา ผลบวกของมมุ ภายในของรปู สามเหล่ยี ม รูปสี่เหล่ียม รูปหาเหล่ยี ม … เทา กับ 180,360,540, ซง่ึ เปน ลําดบั เลขคณิตที่มี a1 =180 และ d =180 จาก an = a1 + (n −1) d จะได an = 180 + (n −1)(180) นัน่ คือ an =180n เน่อื งจาก ผลบวกของมุมภายในของรูปสามเหลีย่ ม เทากับ a1 องศา ผลบวกของมุมภายในของรูปสี่เหล่ียม เทากบั a2 องศา ผลบวกของมมุ ภายในของรูปหา เหล่ยี ม เทา กบั a3 องศา ดังน้ัน ผลบวกของมุมภายในของรูป n เหลยี่ ม เทา กบั an−2 องศา น่ันคือ ผลบวกของมมุ ภายในของรูป n เหลย่ี ม เทากับ 180(n − 2) องศา สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 285 7. การจดั แผนไมตามเงอ่ื นไขทีก่ าํ หนดเปนดงั รปู ช้นั ท่ี n แผนไม 7 แผน ชชช้นัน้ั้นั ททที่่่ีี 4 แแแผผผนนน ไไไมมม 49 แแแผผผนนน 3 50 2 51 ช้นั ที่ 1 แผนไม 52 แผน จากการจัดวางแผน ไมในช้นั ที่ 2 โดยใหแ นวก่งึ กลางตามดานยาวของแผน ไมแตล ะแผนอยู ตรงกบั รอยตอ ของแผนไมแตละคูในช้ันแรก จะไดว า ชน้ั ท่ี 2 มีแผนไมทีว่ างจํานวนท้ังหด 52 – 1 = 51 แผน จากการจัดวางแผน ไมในชัน้ ที่ 3 โดยใหแนวกึง่ กลางตามดา นยาวของแผน ไมแ ตละแผนอยู ตรงกบั รอยตอของแผน ไมแ ตละคูในช้ันที่ 2 จะไดวา ช้ันที่ 3 มีแผน ไมท ี่วางจํานวนท้ังหมด 51 – 1 = 50 แผน ให n เปนช้ันที่มีแผน ไมทีว่ างจาํ นวนท้ังหมด 7 แผน จะไดว า จาํ นวนแผนไมท วี่ างในช้นั ที่ 1, 2, 3, …, n คือ 52, 51, 50, …, 7 ซึง่ เปน ลําดับ เลขคณิตทม่ี ีพจนแ รกเปน 52 พจนที่ n เปน 7 และผลตางรว มเปน −1 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 7 = 52 + (n −1)(−1) 7 = 52 − n +1 n = 46 ดังน้นั แผนไมก องนีม้ ีแผน ไม 46 ชัน้ เนือ่ งจาก แผน ไมแ ตละแผนหนา 3 เซนตเิ มตร ดังน้นั ความสูงของแผน ไมก องน้ี คือ 46×3 =138 เซนตเิ มตร หรือ 1.38 เมตร สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
286 คมู ือครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 8. พจิ ารณาการออมเงนิ ของฟางขาว ซงึ่ มเี งนิ เกบ็ เร่มิ ตน 4,200 บาท และออมเงินเพม่ิ เดือนละ 300 บาท ต้งั แตเดือนตลุ าคม 2560 จะไดว า เม่อื ส้นิ เดอื นที่ 1 (ตุลาคม 2560) ฟางขา วจะมเี งินเกบ็ ท้งั หมด 4, 200 + 300 =4,500 บาท เม่ือส้ินเดือนท่ี 2 (พฤศจกิ ายน 2560) ฟางขาวจะมเี งินเก็บทงั้ หมด 4,500 + 300 =4,800 บาท เมอื่ สน้ิ เดือนท่ี 3 (ธนั วาคม 2560) ฟางขาวจะมเี งนิ เก็บทง้ั หมด 4,800 + 300 =5,100 บาท จะเห็นวา เม่ือสิ้นเดือนที่ 1, 2, 3, … ฟางขา วจะมเี งนิ เกบ็ ทง้ั หมด 4500, 4800, 5100, … บาท ซึ่งเปนลาํ ดบั เลขคณิตท่ีมีพจนแรก คือ 4,500 และผลตา งรวม คอื 300 ใหล ําดบั an แทน ลําดับของเงนิ เก็บท้ังหมดของฟางขาวเม่ือส้ินเดือน ตงั้ แตเดอื นตลุ าคม 2560 โดยพจนทว่ั ไป คอื a=n 4,500 + (n −1)30=0 4,200 + 300n ----- (1) พจิ ารณาการออมเงินของใยบัว ซง่ึ มีเงนิ เกบ็ เริม่ ตน 7,000 บาท และออมเงินเพิ่ม เดอื นละ 250 บาท ตงั้ แตเ ดือนตุลาคม 2560 จะไดว า เมอ่ื ส้นิ เดือนท่ี 1 (ตุลาคม 2560) ใยบัวจะมเี งินเกบ็ ท้ังหมด 7,000 + 250 =7, 250 บาท เมือ่ ส้ินเดือนท่ี 2 (พฤศจกิ ายน 2560) ใยบัวจะมเี งินเกบ็ ทั้งหมด 7, 250 + 250 =7,500 บาท เม่อื สน้ิ เดอื นท่ี 3 (ธนั วาคม 2560) ใยบัวจะมเี งินเก็บทัง้ หมด 7,500 + 250 =7,750 บาท จะเห็นวา เมือ่ สน้ิ เดือนท่ี 1, 2, 3, … ใยบวั จะมีเงินเกบ็ ทงั้ หมด 7250, 7500, 7750, … บาท ซ่ึงเปนลาํ ดบั เลขคณิตท่ีมีพจนแรก คอื 7,250 และผลตา งรวม คือ 250 ใหลาํ ดับ bn แทน ลําดบั ของเงินเก็บทั้งหมดของใยบวั เม่ือส้นิ เดือน ต้งั แตเ ดอื นตลุ าคม 2560 โดยพจนท่ัวไป คือ b=n 7,250 + (n −1)25=0 7,000 + 250n ----- (2) 1) สมมติให เมอ่ื สิน้ เดือนที่ n ฟางขาวมีเงินเกบ็ ทง้ั หมด 12,300 บาท น่ันคอื an =12,300 จาก (1) จะได 12=,300 4,200 + 300n ดงั น้ัน n = 27 น่ันคือ เม่ือส้ินเดือนที่ 27 หรือสน้ิ เดือนธนั วาคม 2562 ฟางขา วมเี งินเกบ็ ทง้ั หมด 12,300 บาท พจิ ารณาจาํ นวนเงนิ เกบ็ ของใยบวั เมือ่ ส้ินเดือนท่ี 27 โดยแทน n ดวย 27 ใน (2) สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 287 จะได b27= 250(27) + 7,000= 13,750 ดังนั้น เมื่อสนิ้ เดือนท่ี 27 หรือสน้ิ เดอื นธนั วาคม 2562 ใยบวั จะมีเงนิ เกบ็ ทั้งหมด 13,750 บาท 2) จาก ใยบวั ตองการนําเงินเกบ็ ไปซือ้ คอมพวิ เตอรร าคา 24,700 บาท จะไดวา ใยบัวตอ งมีเงินเก็บมากกวา หรือเทากับ 24,700 บาท สมมตใิ ห เมือ่ ส้นิ เดอื นที่ n ใยบวั มเี งนิ เกบ็ มากกวา หรือเทากับ 24,700 บาท นนั่ คือ bn ≥ 24,700 จาก (2) จะไดว า 7,000 + 250n ≥ 24,700 n ≥ 354 =70.8 5 จาก n เปน จาํ นวนเตม็ บวก จะไดว า ใยบวั จะตองออมเงินอยา งนอย 71 เดือน ตั้งแตเดือนตลุ าคม 2560 จงึ จะสามารถซอื้ คอมพวิ เตอรได 3) สมมติให เม่อื สิน้ เดอื นท่ี n ฟางขาวมเี งนิ เกบ็ มากกวา ใยบวั นนั่ คือ an > bn จะไดว า 300n + 4, 200 > 250n + 7,000 50n > 2800 n > 56 ดงั น้นั เมอ่ื สน้ิ เดอื นที่ 57 หรอื สน้ิ เดือนมิถนุ ายน 2565 ฟางขา วมเี งินเก็บมากกวา ใยบวั 9. จาก an = a1rn−1 อนกุ รมท่กี าํ หนดใหม ี a1 = −162 และ r = −1 3 จะได a12 =− 162 − 1 12−1 =2 3 2,187 ดังนัน้ พจนท ่ี 12 ของลําดบั เรขาคณติ น้ี คือ 2 2,187 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
288 คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 10. เนือ่ งจาก ลาํ ดบั เรขาคณิตน้มี ี a2 = 8 และ a5 = 64 3 81 จาก an = a1rn−1 จะได= a2 a=1r2−1 a1r และ=a5 a=1r5−1 a1r4 ดังนนั้ 8 = a1r ----- (1) 3 และ 64 = a1r 4 ----- (2) 81 จาก (1) และ (2) จะได r3 = 8 นั่นคือ r = 2 27 3 ดงั นนั้ อตั ราสวนรวมของลาํ ดับเรขาคณิตนี้ คือ 2 3 11. เนื่องจาก ลาํ ดับเรขาคณติ นมี้ ี a1 =7, a2 =−21, a3 =63 และ a4 = −189 จาก an = a1rn−1 จะได −21 =7r2−1 นน่ั คือ −21 =7r ----- (1) และ 63 = 7r3−1 นนั่ คือ 63 = 7r2 ----- (2) จาก (1) และ (2) จะได r = −3 นนั่ คือ a=n 7( )−3 n−1 7 ( )−3 n−1 เมอ่ื an = 5,103 จะได 5,103 = 729 = ( )−3 n−1 น่ันคอื (−3)6 = ( )−3 n−1 n −1 = 6 จะได n = 7 ดงั น้ัน 5,103 เปน พจนท ่ี 7 ของลําดับเรขาคณติ นี้ สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 568
Pages: