คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 189 ข้นั ตอนท่ี 2 ตวั ที่ 2 เลอื กตวั อกั ษรภาษาอังกฤษได 25 วธิ ี จากตวั อกั ษรท้งั หมด ที่ไมซ ้ํากับตวั ท่ี 1 ขน้ั ตอนที่ 3 ตัวท่ี 3 เลอื กตัวอกั ษรภาษาอังกฤษได 25 วธิ ี จากตวั อกั ษรทั้งหมดที่ ไมซาํ้ กบั ตวั ที่ 2 ข้นั ตอนที่ 4 ตวั ที่ 4 เลอื กตัวอกั ษรภาษาอังกฤษได 25 วธิ ี จากตวั อักษรท้ังหมดที่ ไมซ ํา้ กบั ตัวท่ี 3 ข้ันตอนท่ี 5 ตัวที่ 5 เลอื กตวั อกั ษรภาษาอังกฤษได 25 วิธี จากตวั อักษรทั้งหมดที่ ไมซํา้ กบั ตัวท่ี 4 จากหลกั การคูณ จึงไดว า มวี ิธสี รา งคาํ ทไ่ี มคาํ นึงความหมาย ซึง่ ประกอบดว ยตัวอักษร ภาษาองั กฤษ 5 ตวั โดยท่ตี ัวอกั ษร 2 ตัว ทีต่ ดิ กนั ตองแตกตางกันท้งั หมด 26 × 25× 25× 25× 25 =10,156, 250 วิธี 5. 1) รหสั ประจาํ ตวั พนักงานในบริษทั แหง น้ี ที่มเี ลขโดดซํา้ กันได ประกอบดว ย 2 สวน ดังนี้ สว นท่ี 1 ตวั อักษรภาษาอังกฤษ 1 ตัว มไี ด 26 แบบ สว นท่ี 2 เลขโดด 3 ตวั ทีไ่ มเ ปนศูนยพรอมกนั มีได 999 แบบ จาก 001 ถงึ 999 จากหลักการคณู จึงไดว า รหัสประจาํ ตัวพนักงานในบรษิ ัทแหงนี้ ทมี่ เี ลขโดดซาํ้ กันได มีท้งั หมด 26× 999=25,974 รหสั สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
190 คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 4 2) รหัสประจําตัวพนกั งานในบริษัทแหง นี้ ที่ไมม ีเลขโดดซํ้ากนั ประกอบดวย 2 สวน ดงั นี้ สว นท่ี 1 ตวั อักษรภาษาอังกฤษ 1 ตวั มไี ด 26 แบบ สวนที่ 2 เลขโดด 3 ตัว มี 3 ขน้ั ตอน ดังน้ี หลักที่ 1 หลักท่ี 2 หลักท่ี 3 ขน้ั ตอนท่ี 1 เลอื กเลขโดด 1 ตัว เปนหลกั ที่ 1 จากเลขโดด 0, 1, 2, 3, …, 9 ได 10 วิธี ข้ันตอนท่ี 2 เลือกเลขโดด 1 ตวั เปนหลกั ท่ี 2 จากเลขโดด 0, 1, 2, 3, …, 9 ทีไ่ มซ ้าํ กับเลขโดดในหลกั ท่ี 1 ได 9 วิธี ขน้ั ตอนที่ 3 เลอื กเลขโดด 1 ตัว เปน หลักท่ี 3 จากเลขโดด 0, 1, 2, 3, …, 9 ทไี่ มซาํ้ กบั เลขโดดในหลกั ท่ี 1 และ หลักท่ี 2 ได 8 วธิ ี จากหลกั การคณู จงึ ไดว า รหสั ประจําตวั พนกั งานในบริษัทแหง นี้ ทไ่ี มมเี ลขโดดซ้ํากนั มีทงั้ หมด 26×10× 9×8=18,720 รหัส 6. เน่อื งจากหมายเลขทะเบยี นรถยนตน ่งั สวนบคุ คลในกรุงเทพมหานคร มีองคป ระกอบ 3 สว น ไดแ ก สวนท่ี 1 เลขโดดที่ไมใช 0 มีได 9 ตวั ไดแก 1, 2, 3, , 9 สว นที่ 2 พยญั ชนะ 2 ตัว ทมี่ ีเง่ือนไขตามที่โจทยกาํ หนด มีได (35×35) − 4 แบบ สวนท่ี 3 จํานวนเต็มบวกท่ไี มเกิน 4 หลัก มไี ด 9,999 ตวั จากหลกั การคณู จึงไดว า หมายเลขทะเบยี นรถยนตน ัง่ สว นบุคคลในกรุงเทพมหานคร มไี ดไมเ กนิ 9×[(35× 35) − 4]× 9,999 =109,879,011 หมายเลข สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 4 191 7. สรางจํานวนสามหลักทม่ี ากกวา 300 จากเลขโดด 0, 1, 2, 3, 4 และ 5 โดยเลขโดด ในแตล ะหลกั ไมซ ้ํากัน สามารถทาํ ได 3 ข้นั ตอน ดังน้ี ข้นั ตอนท่ี 1 หลักรอย เลอื กเลขโดดได 3 วธิ ี จากเลขโดด 3, 4, 5 ข้ันตอนท่ี 2 หลักสิบ เลือกเลขโดดได 5 วธิ ี จากเลขโดด 0, 1, 2, 3, 4, 5 ทไ่ี มซ ํ้ากับเลขโดดในหลกั รอย ขัน้ ตอนที่ 3 หลกั หนว ย เลอื กเลขโดดได 4 วิธี จากเลขโดด 0, 1, 2, 3, 4, 5 ที่ไมซํ้ากบั เลขโดดในหลกั รอ ย และหลักสิบ จากหลักการคูณ จึงไดว า จํานวนสามหลักท่มี ากกวา 300 จากเลขโดด 0, 1, 2, 3, 4 และ 5 โดยเลขโดดในแตล ะหลักไมซํ้ากนั ทงั้ หมด 3× 4×5 =60 จาํ นวน 8. วธิ ีท่นี กั เรียนจะทาํ ขอสอบประเภทใหเ ลือกตอบวาจริงหรือเทจ็ ซ่ึงมี 10 ขอ โดยจะตอง ตอบคาํ ถามทกุ ขอ สามารถทําได 10 ขน้ั ตอน ดังนี้ ขน้ั ตอนท่ี 1 ขอ ที่ 1 เลือกตอบได 2 วิธี คือ จริงหรือเทจ็ ขน้ั ตอนที่ 2 ขอที่ 2 เลอื กตอบได 2 วิธี คอื จรงิ หรือเทจ็ ข้ันตอนที่ 3 ขอ ที่ 3 เลอื กตอบได 2 วิธี คือ จรงิ หรือเท็จ ขั้นตอนท่ี 10 ขอที่ 10 เลือกตอบได 2 วธิ ี คอื จริงหรอื เท็จ จากหลกั การคูณ จงึ ไดวา มีวธิ ีทีน่ กั เรยี นจะทาํ ขอสอบประเภทใหเ ลือกตอบวา จริงหรือเท็จ ซ่งึ มี 10 ขอ โดยจะตองตอบคําถามทกุ ขอ ท้ังหมด 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2= 210= 1,024 วธิ ี สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
192 คมู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 9. เขียนตารางแสดงแตม ท่ไี ดจากการทอดลกู เตา หนง่ึ ลูก สองครง้ั ไดดังนี้ ครัง้ ที่ 2 123456 คร้งั ท่ี 1 1 (1, 1) (1, 2) (1, 3) (1, 4) (1, 5) (1, 6) 2 (2, 1) (2, 2) (2, 3) (2, 4) (2, 5) (2, 6) 3 (3, 1) (3, 2) (3, 3) (3, 4) (3, 5) (3, 6) 4 (4, 1) (4, 2) (4, 3) (4, 4) (4, 5) (4, 6) 5 (5, 1) (5, 2) (5, 3) (5, 4) (5, 5) (5, 6) 6 (6, 1) (6, 2) (6, 3) (6, 4) (6, 5) (6, 6) 1) วิธที ี่ 1 จากตาราง จะไดจ าํ นวนวิธีทีผ่ ลรวมของแตมเทา กับ 7 เปน 6 วิธี วธิ ีท่ี 2 ขั้นตอนท่ี 1 แตม ที่ไดจ ากการทอดลูกเตาครง้ั ที่ 1 มไี ด 6 วิธี ขัน้ ตอนที่ 2 เนอ่ื งจากผลรวมของแตมท่ีไดจากการทอดลกู เตา เทากับ 7 จะไดวา แตมที่ไดจากการทอดลูกเตา ครง้ั ที่ 2 มไี ด 1 วธิ ี จากหลักการคูณ จะไดจ าํ นวนวธิ ีท่ีผลรวมของแตมเทากับ 7 เปน 6×1 =6 วธิ ี 2) วธิ ที ่ี 1 จากตาราง จะไดจ ํานวนวธิ ีที่ผลรวมของแตมไมเทากบั 7 เปน 30 วธิ ี วธิ ที ี่ 2 เน่อื งจากจํานวนวิธที ่ีแตมท่ไี ดจากการทอดลกู เตา หนึ่งลูก สองคร้งั ทาํ ได 6× 6 =36 วธิ ี แตจํานวนวธิ ที ี่ผลรวมของแตมท่ไี ดจ ากการทอดลกู เตา เทา กบั 7 ทําได 6 วธิ ี ดังน้นั จาํ นวนวิธีที่ผลรวมของแตมไมเ ทากบั 7 เปน 36 – 6 = 30 วิธี วธิ ีท่ี 3 ขนั้ ตอนท่ี 1 แตมท่ีไดจากการทอดลูกเตาครง้ั ที่ 1 มีได 6 วิธี ขั้นตอนท่ี 2 เนอื่ งจากผลรวมของแตมท่ีไดจากการทอดลูกเตา ไมเทากบั 7 จะไดว าแตมท่ีไดจากการทอดลูกเตาคร้งั ที่ 2 มีได 6 – 1 = 5 วธิ ี สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 4 193 จากหลกั การคูณ จะไดจาํ นวนวิธีท่ผี ลรวมของแตม ไมเ ทากับ 7 เปน 6× 5 =30 วิธี 10. วิธที ี่ 1 จาํ นวนวิธีในการจดั เรียงหนงั สอื 4 เลม จากหนงั สอื ที่แตกตางกนั 6 เลม วิธที ี่ 2 เปน แถวบนชั้น คอื 11. วธิ ีที่ 1 P6,4 = 6! (6 − 4)! = 6! 2! = 360 ดงั นั้น จาํ นวนวิธีในการจดั เรยี งหนังสือ เทากบั 360 วิธี เน่ืองจากการจัดหนังสือ 4 เลม จากหนังสือทแี่ ตกตา งกัน 6 เลม เปน แถวบนชัน้ ประกอบดว ย 4 ขัน้ ตอน ดงั น้ี ขั้นตอนท่ี 1 ตําแหนง ที่ 1 เลอื กหนงั สอื ได 6 วธิ ี จากหนังสอื ทั้งหมด 6 เลม ขัน้ ตอนที่ 2 ตําแหนงท่ี 2 เลอื กหนงั สอื ได 5 วิธี จากหนงั สอื ทเี่ หลอื ขน้ั ตอนท่ี 3 ตาํ แหนง ท่ี 3 เลือกหนังสือได 4 วิธี จากหนงั สอื ทเี่ หลือ ขัน้ ตอนท่ี 4 ตาํ แหนงที่ 4 เลอื กหนังสือได 3 วิธี จากหนังสือที่เหลือ จากหลกั การคูณ จงึ ไดว า จาํ นวนวธิ ีในการจัดเรยี งหนังสอื เทากบั 6 × 5× 4 × 3 =360 วธิ ี จาํ นวนวิธีในการเลอื กคณะกรรมการชุดน้ี ซงึ่ มี 4 ตาํ แหนง คอื นายกสมาคม อุปนายกสมาคม เลขานุการ และเหรัญญกิ ทําได P50, 4 = 50! = 5,527, 200 วิธี (50 − 4)! ดงั นั้น มีวิธใี นเลอื กคณะกรรมการได 5,527,200 วิธี สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
194 คูมอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 วธิ ีที่ 2 เนอื่ งจากคณะกรรมการชดุ น้ีมี 4 ตาํ แหนง คือ นายกสมาคม อุปนายก สมาคม เลขานุการ และเหรัญญิก การเลือกคณะกรรมการชดุ นี้จากผสู มคั ร 50 คน ประกอบดวย 4 ขัน้ ตอน ดงั น้ี ขั้นตอนท่ี 1 ตาํ แหนงนายกสมาคม เลอื กได 50 วิธี จากผูสมคั ร 50 คน ข้นั ตอนท่ี 2 ตําแหนง อปุ นายกสมาคม เลือกได 49 วธิ ี จากผสู มคั รท่เี หลือ 49 คน ข้ันตอนที่ 3 ตําแหนง เลขานุการ เลือกได 48 วธิ ี จากผูสมัครทเี่ หลอื 48 คน ขั้นตอนท่ี 4 ตําแหนง เหรญั ญิก เลอื กได 47 วธิ ี จากผสู มคั รทเ่ี หลือ 47 คน จากหลกั การคณู จงึ ไดว า มวี ธิ ีเลอื กคณะกรรมการได 50 × 49 × 48× 47 =5,527, 200 วิธี 12. จะมีสว นของเสน ตรงทีเ่ กิดจากการเช่ือมจดุ 2 จดุ จากจุด 10 จุด บนเสนรอบวงของ วงกลมวงหนึ่ง ทง้ั หมด C=10,2 =10! 45 เสน 8! 2! 13. วิธที ี่ 1 การจดั คน 5 คน ยืนเปน แถวเพือ่ ถายรูป โดยแตละคร้ังท่ถี ายรปู จะมี อยา งนอย 3 คน สามารถทาํ ได 3 กรณี ดงั น้ี กรณีท่ี 1 มีคน 3 คน ยืนเปนแถวเพ่ือถายรูป จะไดภาพทแ่ี ตกตา งกัน P5,3 ภาพ กรณีที่ 2 มีคน 4 คน ยนื เปน แถวเพื่อถายรปู จะไดภ าพทแี่ ตกตา งกนั P5,4 ภาพ กรณีที่ 3 มคี น 5 คน ยืนเปน แถวเพอ่ื ถายรปู จะไดภาพทีแ่ ตกตางกนั P5,5 ภาพ จากหลักการบวก จึงไดว า มีภาพทแี่ ตกตางกันทง้ั หมดจากการจัดคน 5 คน ยนื เปนแถวเพื่อถายรปู โดยแตล ะคร้งั ที่ถายรปู จะมีอยางนอย 3 คน เทากบั = 5! + 5! + 5! (5 − 3)! (5 − 4)! (5 − 5)! +ภาพP5,3 + P5, 4 P5,5 =60 +120 +120 =300 วธิ ที ่ี 2 การจัดคน 5 คน ยนื เปนแถวเพอ่ื ถายรปู โดยแตละคร้ังทถี่ ายรปู จะมี อยา งนอย 3 คน สามารถทําได 3 กรณี ดังน้ี สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 4 195 กรณที ี่ 1 มีคน 3 คน ยนื เปนแถวเพือ่ ถายรูป ประกอบดวย 3 ข้ันตอน ดังน้ี ข้ันตอนที่ 1 เลอื กคนที่หน่ึง ได 5 วิธี ขน้ั ตอนที่ 2 เลอื กคนที่สอง ได 4 วธิ ี จากคนที่เหลือ ข้นั ตอนท่ี 3 เลือกคนที่สาม ได 3 วิธี จากคนที่เหลือ จากหลักการคูณ จงึ ไดวา มีภาพทีแ่ ตกตางกนั จากการถายรูปคน 3 คน ทงั้ หมด 5× 4× 3 =60 ภาพ กรณีท่ี 2 มีคน 4 คน ยนื เปนแถวเพื่อถายรูป ประกอบดว ย 4 ขั้นตอน ดงั นี้ ขั้นตอนที่ 1 เลือกคนที่หนงึ่ ได 5 วธิ ี ขั้นตอนที่ 2 เลือกคนที่สอง ได 4 วิธี จากคนที่เหลือ ขั้นตอนท่ี 3 เลอื กคนที่สาม ได 3 วิธี จากคนที่เหลือ ข้นั ตอนที่ 4 เลอื กคนท่สี ี่ ได 2 วธิ ี จากคนทีเ่ หลอื จากหลักการคณู จงึ ไดวา มภี าพที่แตกตา งกันจากการถายรูปคน 4 คน ทง้ั หมด 5× 4× 3× 2 =120 ภาพ กรณที ่ี 3 มีคน 5 คน ยนื เปนแถวเพ่ือถายรปู ประกอบดว ย 5 ขัน้ ตอน ดังนี้ ขน้ั ตอนท่ี 1 เลือกคนทีห่ นึง่ ได 5 วิธี ขนั้ ตอนท่ี 2 เลือกคนที่สอง ได 4 วธิ ี จากคนทเ่ี หลอื ขนั้ ตอนที่ 3 เลอื กคนที่สาม ได 3 วิธี จากคนที่เหลือ ขน้ั ตอนที่ 4 เลือกคนทส่ี ่ี ได 2 วิธี จากคนที่เหลือ ขนั้ ตอนท่ี 5 เลอื กคนทห่ี า ได 1 วิธี จากคนท่เี หลอื จากหลกั การคูณ จึงไดว า มภี าพทีแ่ ตกตางกนั จากการถายรปู คน 5 คน ทั้งหมด 5× 4× 3× 2 ×1=120 ภาพ จากหลกั การบวก จงึ ไดว า มีภาพท่แี ตกตา งกันท้ังหมดจากการจัดคน 5 คน สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
196 คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 ยืนเปนแถวเพ่ือถายรูป โดยแตละครงั้ ที่ถา ยรปู จะมอี ยางนอย 3 คน เทากับ 60 +120 +120 =300 ภาพ 14. จํานวนวธิ ใี นการจัดคนทีม่ าสมัครเขา ทํางานในทที่ ํางานแหงนี้ ประกอบดว ย 2 ขนั้ ตอน ดังน้ี ข้ันตอนที่ 1 เลือกตําแหนงสําหรับผูชาย 3 ตาํ แหนง จากผสู มคั รเขา ทํางานเปน ผชู าย 6 คน ได P6,3 วิธี ขน้ั ตอนท่ี 2 เลือกตาํ แหนงสาํ หรบั ผูหญิง 2 ตาํ แหนง จากผูสมัครเขา ทํางานเปน ผหู ญงิ 5 คน ได P5,2 วธิ ี จากหลักการคูณ จงึ ไดวา มจี ํานวนวิธีจัดคนท่ีมาสมัครเขาทาํ งานไดทั้งหมด P6,3 × P5,2 = (6 6! × (5 5! = 120 × 20 = 2,400 วธิ ี − 3)! − 2)! 15. 1) ชมรมเลนหมากรกุ มสี มาชกิ ท่เี ปน ชาย 6 คน และหญงิ 4 คน นนั่ คือ ชมรมน้มี สี มาชิกทั้งหมด 10 คน เนือ่ งจากการจับคูเ ลน หมากรุกจะตองเลือกคน 2 คน จากสมาชกิ ของชมรม 10 คน ดงั น้ัน จะมีจํานวนวธิ ใี นการจับคเู ลนหมากรุกโดยทีไ่ มมีเง่ือนไข =C10, 2 =10! 45 วธิ ี (10 − 2)! 2! 2) การจับคูเ ลน หมากรุกโดยที่เพศตรงขา มกันหามจบั คูกนั สามารถเกดิ ขนึ้ ได 2 กรณี ดังน้ี กรณีที่ 1 ผูเลนเปนผชู ายทั้งคู ดงั นนั้ การจับคูเลนหมากรกุ จะตอ งเลือกคน 2 คน จากสมาชกิ ของชมรมที่ เปน ผูชาย 6 คน จะมีจํานวนวิธใี นการจับ=คูได C6, 2 =6! 15 วธิ ี (6 − 2)! 2! กรณีท่ี 2 ผเู ลน เปน ผหู ญิงทั้งคู สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 197 ดงั น้นั การจับคูเ ลน หมากรุกจะตอ งเลือกคน 2 คน จากสมาชกิ ของชมรมที่ เปนผูหญิง 4 คน จะมจี าํ นวนวธิ ใี นการจับคูได =C4, 2 =4! 6 วิธี (4 − 2)! 2! จากหลักการบวก จึงไดว า มีจํานวนวธิ ีในการจับคเู ลน หมากรกุ โดยท่ี เพศตรงขา มกันหามจบั คูกนั 15 + 6 =21 วิธี 16. การเลือกกรรมการชดุ น้ี ประกอบดวย 3 ขน้ั ตอน ดังนี้ ขั้นตอนท่ี 1 เลอื กนักเรียนชาย 2 คน จาก 20 คน ทาํ ได C20,2 วธิ ี ขั้นตอนท่ี 2 เลือกนักเรียนหญงิ 2 คน จาก 25 คน ทาํ ได C25,2 วิธี ขัน้ ตอนที่ 3 เลือกครู 1 คน จาก 7 คนทําได C7,1 วิธี จากหลักการคณู จงึ ไดวา มีจํานวนวิธใี นการเลือกกรรมการท้งั หมด 20! × 25! × 7! = 18! 2! 23! 2! 6!1! วิธีC20,2 × C25,2 × C7,1 = 399, 000 17. การเลอื กกรรมการ 3 คน จากคน 9 คน ซ่ึงเปน ผชู าย 4 คน และผูห ญงิ 5 คน โดยตองมผี ชู ายอยา งนอ ย 2 คน สามารถทาํ ได 2 กรณี ดังนี้ กรณที ่ี 1 มีผูชาย 2 คน เปน กรรมการ ประกอบดว ย 2 ขน้ั ตอน ดงั น้ี ขั้นตอนท่ี 1 เลือกผชู าย 2 คน จาก 4 คน ทาํ ได C4,2 วิธี ขัน้ ตอนท่ี 2 เลอื กผหู ญงิ 1 คน จาก 5 คน ทาํ ได C5,1 วิธี จากหลักการคูณ จึงไดว า มีวิธีเลือกกรรมการ 3 คน โดยมผี ูช าย 2 คน ทําได C4,2 × C5,1 วิธี กรณีท่ี 2 มีกรรมการเปนผชู ายท้ังสามคน ทาํ ได C4,3 วิธี จากหลักการบวก จึงไดว า มวี ิธใี นการเลอื กกรรมการชดุ นี้ ( ) วธิ ีC4,2 × C5,1 + C4,3 =4!×5!+4! = 2!2! 1!4! 1!3! 30 + 4 = 34 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
198 คูมอื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 บทท่ี 4 ความนาจะเปน แบบฝก หดั 4.1 1. ให S1 , S2 , S3 , S4 และ S5 เปน ปรภิ ูมติ วั อยา งของการทดลองสุมในขอ 1), 2), 3), 4) และ 5) ตามลาํ ดับ 1) เนอ่ื งจากในการหยบิ ลูกอม 1 เม็ด จากถุงท่กี ําหนดให จะหยบิ ไดล ูกอมรสสม รสองุน รสมะนาว หรือรสกาแฟ ดังน้ัน S1 = {รสสม , รสองุน, รสมะนาว, รสกาแฟ} 2) เนอ่ื งจากในการทําขอสอบแบบถกู ผิด 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน คะแนนสอบที่ เปน ไปได คอื 0, 1, 2, 3, …, 10 ดังน้ัน S2 = {0, 1, 2, 3, …, 10} 3) เนือ่ งจากในการแขง ขันวอลเลยบอลแตละครง้ั ผลการแขงขันทอ่ี าจเปน ได คือ ชนะ หรอื แพ ใหผลการแขงขันที่ชนะแทนดวย “ช” และผลการแขง ขันที่แพแ ทนดว ย “พ” จะได ผลลัพธของการแขงขันของทมี วอลเลยบ อลหญงิ ไทย 2 นัด ทอ่ี าจเปน ได คือ ชช, ชพ, พช หรือ พพ ดังน้ัน S3 = {ชช, ชพ, พช, พพ} 4) เน่ืองจากการทอดลูกเตา หนงึ่ ลูกหนงึ่ ครงั้ ผลลพั ธที่อาจเกิดข้นึ คือ แตม 1, 2, 3, 4, 5 หรอื 6 จะได ผลบวกของแตมบนหนาลูกเตา ท่ีอาจเกดิ ขึน้ ในการทอดลูกเตาสามลกู หน่งึ คร้ัง คอื 3, 4, 5, …, 18 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 4 199 ดังนัน้ S4 = {3, 4, 5, …, 18} 5) เนอื่ งจากในการขายพัดลม 5 เครอื่ ง จาํ นวนพดั ลมที่ขายไดอาจเปน 0, 1, 2, 3, 4 หรอื 5 เครอื่ ง ดงั น้นั S5 = {0, 1, 2, 3, 4, 5} 2. ให H แทนเหรยี ญข้นึ หัว T แทนเหรยี ญข้นึ กอย จะได ผลลัพธท ี่ไดจากการโยนเหรียญหนึ่งเหรยี ญสองครั้งท่เี ปนไปได คือ HH, HT, TH, TT 1) ให S เปนปริภูมติ ัวอยางของการทดลองสมุ จะได S = {HH , HT ,TH ,TT} 2) ให E1 เปน เหตกุ ารณท่ีเหรียญข้ึนหวั ท้ังสองคร้งั จะได E1 = {HH} 3) ให E2 เปน เหตุการณท ่ีเหรยี ญขึ้นหนาตา งกัน จะได E2 = {HT,TH} 3. ให S แทนปรภิ ูมิตัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี H แทนเหรยี ญขึน้ หวั T แทนเหรยี ญขน้ึ กอย ใหเลขโดด 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 แทนลูกเตา ขึ้นหนา 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 ตามลาํ ดับ สามารถเขียนแผนภาพแสดงผลลัพธข องการทดลองสุม ไดดงั นี้ สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
200 คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 H1 H2 H3 H H4 H5 H6 T1 T2 T3 T T4 T5 T6 โดยท่สี ัญลกั ษณ Hi หมายถึง เหรยี ญขึ้นหวั และลูกเตาขึน้ หนา i และสญั ลกั ษณ Ti หมายถึง เหรียญข้นึ กอยและลูกเตาขน้ึ หนา i เมื่อ i ∈{1, 2, 3, 4, 5, 6} 1) ให E1 เปน เหตกุ ารณท ่ีเหรียญข้ึนกอยและแตมบนหนา ลกู เตา เปน จาํ นวนค่ี จะได E1 = {T1, T 3, T 5} 2) ให E2 เปน เหตุการณที่เหรียญขึ้นหวั และแตม บนหนาลูกเตาเปน จาํ นวนคู จะได E2 = {H 2, H 4, H 6} 3) ให E3 เปนเหตกุ ารณท ่ีแตม บนหนาลกู เตาเปน จาํ นวนทห่ี ารดว ย 3 ลงตัว จะได E3 = {H 3, H 6, T 3, T 6} สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 201 4) ให E4 เปนเหตกุ ารณที่เหรียญขึ้นกอ ยและแตมบนหนา ลกู เตาเปน จาํ นวนท่ี หารดว ย 7 ลงตัว เนอื่ งจากไมมแี ตมใดบนหนา ลูกเตาทเี่ ปนจาํ นวนท่หี ารดว ย 7 ลงตวั จะได E4 = ∅ 5) ให E5 เปนเหตกุ ารณท ่ีแตมบนหนาลกู เตา เปนจํานวนท่ีหารดวย 7 ไมล งตัว เนอ่ื งจากแตม บนหนาลูกเตาเปน จํานวนทห่ี ารดว ย 7 ไมลงตัว จะได E5 = {H1, H 2, H 3, H 4, H 5, H 6, T1, T 2, T 3, T 4, T 5, T 6} น่นั คอื E5 = S แบบฝกหัด 4.2 1. ให S แทนปรภิ ูมติ ัวอยางของการทดลองสุมน้ี จะได n(S ) = 30 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ี่จบั สลากไดเ ปนชอื่ ของนักเรยี นชาย จะมีวธิ ีเลือกนักเรียนชาย 1 คน จากนกั เรยี นชาย 18 คน ได 18 วิธี น่ันคือ n(E1 ) =18 จะได P(E=1 ) 1=8 3 30 5 ดงั นัน้ ความนา จะเปนของเหตกุ ารณที่จบั สลากชอ่ื ของนักเรยี นหน่ึงคนไดเ ปน ชือ่ ของนักเรยี นชาย เทา กับ 3 5 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ีจ่ ับสลากไดเ ปนชอ่ื ของนักเรียนหญิง จะมีวิธีเลือกนักเรียนหญงิ 1 คน จากนักเรยี นหญิง 12 คน ได 12 วิธี สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
202 คูม ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 4 นน่ั คือ n(E2 ) =12 จะได P(E=2 ) 1=2 2 30 5 ดังนัน้ ความนาจะเปน ของเหตุการณท ่ีจับสลากชอื่ ของนักเรียนหนง่ึ คนไดเ ปน ช่อื ของนักเรยี นหญงิ เทากบั 2 5 2. ให S แทนปรภิ มู ิตัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n(S ) = 6 1) ให E1 แทนเหตุการณท ี่จะไดเ บีย้ ทม่ี ีหมายเลขเปนจาํ นวนเฉพาะ เน่ืองจากเบีย้ ทมี่ ีหมายเลขเปนจํานวนเฉพาะมี 3 อัน คือเบ้ียหมายเลข 3, 7 และ 11 ดังนน้ั จะมีวธิ หี ยิบเบ้ียทีม่ ีหมายเลขเปนจํานวนเฉพาะได 3 วธิ ี นั่นคอื n(E1) = 3 จะได P(E1 )= 3= 1 6 2 ดังนน้ั ความนา จะเปนที่จะไดเบ้ยี ทม่ี หี มายเลขเปน จํานวนเฉพาะ เทากับ 1 2 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ่ีจะไดเ บ้ยี ทีม่ หี มายเลขเปนจํานวนทห่ี ารดวย 3 ลงตวั เนื่องจากเบี้ยท่มี ีหมายเลขเปนจํานวนที่หารดวย 3 ลงตัวมี 2 อัน คือเบ้ีย หมายเลข 3 และ 9 ดังนน้ั จะมวี ิธหี ยิบเบ้ียทม่ี หี มายเลขเปน จาํ นวนทีห่ ารดวย 3 ลงตวั ได 2 วิธี นัน่ คอื n(E2 ) = 2 จะได P(E2 =) 2= 1 6 3 ดงั นน้ั ความนา จะเปน ทีจ่ ะไดเบีย้ ทม่ี ีหมายเลขเปนจาํ นวนท่ีหารดว ย 3 ลงตัว เทากบั 1 3 3) ให E3 แทนเหตุการณท จ่ี ะไดเบ้ยี ท่ีมีหมายเลขเปนจาํ นวนท่ีหารดว ย 6 ลงตวั สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 4 203 เนอ่ื งจากไมมีเบ้ยี ที่มีหมายเลขเปนจํานวนทหี่ ารดว ย 6 ลงตวั ดงั นน้ั จะมีวธิ ีหยิบเบ้ยี ที่มีหมายเลขเปน จาํ นวนทีห่ ารดว ย 6 ลงตัวได 0 วิธี นั่นคอื n(E3 ) = 0 จะได P(E3 )= 0= 0 6 ดังน้ัน ความนา จะเปน ท่ีจะไดเบ้ยี ท่ีมีหมายเลขเปน จํานวนที่หารดว ย 6 ลงตัว เทากบั 0 4) ให E4 แทนเหตุการณท จ่ี ะไดเบ้ยี ท่มี หี มายเลขเปนจาํ นวนทเี่ ปนกําลังสองสมบรู ณ เนือ่ งจากเบ้ยี ทมี่ หี มายเลขเปนจํานวนทเี่ ปน กําลังสองสมบูรณม ี 2 อนั คือ เบ้ยี หมายเลข 4 และ 9 ดังนน้ั จะมีวธิ ีหยิบเบย้ี ทีม่ หี มายเลขเปนจํานวนทีเ่ ปน กําลงั สองสมบรู ณได 2 วธิ ี น่ันคอื n(E4 ) = 2 จะได P(E4 =) 2= 1 6 3 ดงั นั้น ความนา จะเปนทจ่ี ะไดเบ้ยี ทมี่ ีหมายเลขเปน จํานวนท่ีเปน กําลงั สองสมบูรณ เทากบั 1 3 3. ให S แทนปรภิ มู ิตวั อยางของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S) =100 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ีจ่ ะไดเ หรียญทีม่ หี มายเลขเปนจาํ นวนเตม็ บวก ดังนัน้ จะมวี ิธีหยิบเหรยี ญท่ีมีหมายเลขเปน จํานวนเตม็ บวกได 100 วิธี นั่นคือ n(E1 ) =100 จะได P(E=1 ) 1=00 1 100 ดังนน้ั ความนา จะเปน ทจ่ี ะไดเหรียญทีม่ ีหมายเลขเปนจาํ นวนเต็มบวก เทากบั 1 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
204 คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 2) ให E2 แทนเหตุการณท่ีจะไดเ หรียญทีม่ หี มายเลขเปน จํานวนคู เนอ่ื งจากเหรียญที่มหี มายเลขเปน จาํ นวนคูมี 50 เหรยี ญ ไดแก เหรียญหมายเลข 2, 4, 6, …, 100 ดังนน้ั จะมีวธิ หี ยบิ เหรยี ญทม่ี ีหมายเลขเปนจํานวนคูได 50 วิธี นนั่ คอื n(E2 ) = 50 จะได P(E=2 ) 5=0 1 100 2 ดงั นนั้ ความนา จะเปนทีจ่ ะไดเหรียญที่มหี มายเลขเปนจํานวนคู เทา กบั 1 2 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ี่จะไดเ หรียญทม่ี หี มายเลขเปนจาํ นวนท่ีหารดวย 5 ลงตัว เนอื่ งจากเหรียญทม่ี หี มายเลขเปน จํานวนทห่ี ารดว ย 5 ลงตวั มี 20 เหรยี ญ ไดแ ก เหรียญหมายเลข 5, 10, 15, …, 100 จะมวี ิธหี ยิบเหรยี ญทม่ี หี มายเลขเปนจาํ นวนทหี่ ารดวย 5 ลงตัว ได 20 วิธี นั่นคอื n(E3) = 20 จะได P(E=3) 2=0 1 100 5 ดังนั้น ความนาจะเปนทจ่ี ะไดเหรยี ญทม่ี ีหมายเลขเปนจาํ นวนท่ีหารดวย 5 ลงตัว เทา กับ 1 5 4) วิธที ี่ 1 ให E4 แทนเหตกุ ารณท ี่จะไดเหรียญทม่ี ีหมายเลขเปนจาํ นวนที่ หารดว ย 5 ไมล งตัว จากขอ 3) มีเหรยี ญทม่ี หี มายเลขเปน จาํ นวนที่หารดวย 5 ลงตัว 20 เหรยี ญ ดงั นั้น มีเหรียญที่มีหมายเลขเปนจํานวนท่หี ารดว ย 5 ไมลงตัว 80 เหรยี ญ จะมวี ธิ หี ยิบเหรียญทม่ี ีหมายเลขเปนจาํ นวนที่หารดวย 5 ไมลงตัว ได 80 วธิ ี น่ันคือ n(E4 ) = 80 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 205 จะได P(E=4 ) 8=0 4 100 5 ดังน้นั ความนา จะเปน ทจ่ี ะไดเหรยี ญทมี่ ีหมายเลขเปน จํานวนที่ หารดว ย 5 ไมลงตวั เทากับ 4 5 วิธีที่ 2 ให E4 แทนเหตกุ ารณทจี่ ะไดเ หรียญท่ีมีหมายเลขเปนจํานวนท่ี หารดว ย 5 ไมล งตวั เน่อื งจาก ความนา จะเปน ท่ีจะไดเหรยี ญท่มี ีหมายเลขเปน จํานวนท่ี หารดวย 5 ลงตัว เทา กับ 1 5 จะได P ( E4 ) =1 − 1 =4 5 5 ดงั นน้ั ความนา จะเปน ทจี่ ะไดเหรยี ญทม่ี หี มายเลขเปน จาํ นวนที่ หารดวย 5 ไมลงตัว เทากบั 4 5 4. ให S แทนปริภูมติ วั อยา งของการทดลองสมุ นี้ จะได n(S) = 20 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ี่หยบิ ไดลูกปงปองสีแดง เน่อื งจากมีลกู ปง ปองสแี ดงอยู 15 ลูก ดังน้ัน จะมวี ธิ ีหยบิ ลูกปงปองสีแดงได 15 วิธี นั่นคอื n(E1) =15 จะได P(E=1 ) 1=5 3 20 4 ดงั นน้ั ความนา จะเปนทีจ่ ะหยิบไดลกู ปง ปองสแี ดง เทากบั 3 4 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ีห่ ยิบไมไดล ูกปงปองสดี ํา เนอ่ื งจากมีลูกปง ปองสีอื่นทไี่ มใชส ดี าํ อยู 19 ลูก สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
206 คูม อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 ดงั นั้น จะมวี ิธีหยิบไมไดลกู ปง ปองสีดาํ 19 วิธี น่นั คือ n(E2 ) =19 จะได P ( E2 ) = 19 20 ดงั นั้น ความนา จะเปนทจ่ี ะหยิบไมไ ดล ูกปง ปองสดี าํ เทา กับ 19 20 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณที่หยิบไดลกู ปง ปองสดี าํ หรือสขี าว กรณที ี่ 1 หยบิ ไดลกู ปงปองสีดํา เนอ่ื งจากมีลูกปงปองสีดาํ อยู 1 ลกู จะมีวธิ ีหยบิ ลูกปงปองสีดาํ ได 1 วธิ ี กรณที ี่ 2 หยบิ ไดลูกปง ปองสขี าว เน่ืองจากมลี กู ปง ปองสขี าวอยู 1 ลกู จะมีวิธหี ยบิ ลูกปงปองสขี าวได 1 วิธี โดยหลกั การบวก จะมีวธิ ีหยิบไดลูกปงปองสดี าํ หรือสขี าว 1 + 1 = 2 วธิ ี นนั่ คอื n(E3 ) = 2 จะได P(E=3 ) =2 1 20 10 ดังนั้น ความนาจะเปน ท่จี ะหยิบไดล ูกปง ปองสดี าํ หรือสีขาว เทากับ 1 10 5. ให S แทนปริภมู ิตัวอยา งของการทดลองสุมนี้ จะได n(=S ) C=5,2 10 ให E แทนเหตุการณทจี่ ะไดหลอดดี 1 หลอด และหลอดเสยี 1 หลอด ขัน้ ที่ 1 หยบิ หลอดไฟดี 1 หลอด จากหลอดดีทั้งหมด 3 หลอด จะได 3 วิธี ขั้นที่ 2 หยบิ หลอดไฟเสยี 1 หลอด จากหลอดเสยี ทั้งหมด 2 หลอด จะได 2 วธิ ี ดังนน้ั n(E) =3× 2 =6 จะได P(E=) 6= 3 10 5 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 207 ดงั นนั้ ความนาจะเปน ท่จี ะไดหลอดดี 1 หลอด และหลอดเสยี 1 หลอด เทากบั 3 5 6. ให S แทนปริภูมิตัวอยางของการทดลองสุม นี้ จะได n(=S ) C=4,2 6 ให E แทนเหตกุ ารณที่จะไดถงุ เทา ทั้งสองคเู ปน สเี ดยี วกัน กรณีท่ี 1 หยบิ ไดถงุ เทาท้ังสองคูเ ปนสขี าว มไี ด 1 วธิ ี กรณีท่ี 2 หยบิ ไดถ งุ เทา ทงั้ สองคเู ปน สีดํา มไี ด 1 วิธี น่นั คือ n(E) =1+1 = 2 จะได P(E)= 2= 1 63 ดังนน้ั ความนาจะเปนทจ่ี ะไดถุงเทา ท้ังสองคเู ปนสเี ดียวกัน เทากบั 1 3 7. ให S แทนปริภูมติ วั อยา งของการทดลองสุมน้ี จะได n(S ) = 6× 6 = 36 ให E แทนเหตุการณที่ผลคูณของแตม ที่ไดเปน จํานวนคู วธิ ีท่ี 1 ในการทอดลกู เตาทีเ่ ทยี่ งตรงสองลูกหนึง่ คร้ัง ผลคูณของแตม ทไี่ ดจะเปน จาํ นวนคเู ปน ได 3 กรณี กรณที ี่ 1 ทอดลกู เตา ท้ังสองลูกไดแ ตมเปนจาํ นวนคู จาํ นวนคู จาํ นวนคู ลูกที่ 1 ลกู ที่ 2 แตมท่ีไดในการทอดลูกเตาลูกที่ 1 เปนได 3 วธิ ี คือ 2, 4 หรอื 6 แตม ที่ไดในการทอดลูกเตาลูกท่ี 2 เปนได 3 วธิ ี คอื 2, 4 หรือ 6 จะมีจาํ นวนวิธีที่ผลคูณของแตมท่ไี ดเ ปนจํานวนคู 3×3 =9วิธี สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
208 คูม อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 กรณที ี่ 2 ทอดลกู เตา ลูกที่ 1 ไดแ ตมเปนจาํ นวนคเู พียงลูกเดียว จํานวนคู จาํ นวนคี่ ลกู ที่ 1 ลกู ที่ 2 แตม ท่ีไดในการทอดลกู เตา ลูกที่ 1 เปน ได 3 วิธี คอื 2, 4 หรอื 6 แตม ท่ีไดใ นการทอดลูกเตาลูกท่ี 2 เปน ได 3 วิธี คอื 1, 3 หรือ 5 จะมีจาํ นวนวิธีท่ีผลคูณของแตมที่ไดเ ปน จํานวนคู 3×3 =9วิธี กรณีที่ 3 ทอดลูกเตาลกู ท่ี 2 ไดแตมเปนจํานวนคเู พียงลูกเดียว จาํ นวนค่ี จํานวนคู ลกู ที่ 1 ลกู ที่ 2 แตม ท่ีไดในการทอดลกู เตาลูกที่ 1 เปนได 3 วิธี คือ 1, 3 หรือ 5 แตม ท่ีไดในการทอดลกู เตาลูกท่ี 2 เปน ได 3 วิธี คือ 2, 4 หรอื 6 จะมจี ํานวนวธิ ีท่ีผลคณู ของแตมท่ีไดเ ปน จํานวนคู 3×3 =9วิธี โดยหลกั การบวก จะมีวิธีทอดลกู เตา ทีผ่ ลคณู ของแตมท่ีไดเ ปน จาํ นวนคู 9 + 9 + 9 = 27 วิธี นนั่ คือ n(E) = 27 จะได P(E=) 2=7 3 36 4 ดงั นน้ั ความนา จะเปนทีผ่ ลคูณของแตม ท่ไี ดเ ปน จาํ นวนคู เทา กบั 3 4 วธิ ีที่ 2 ในการทอดลูกเตา ท่ีเทยี่ งตรงสองลูกหน่ึงคร้ัง ผลคูณของแตมทไ่ี ดจะเปน จาํ นวนค่เี มอ่ื แตมท่ีไดจ ากการทอดลูกเตา ทั้งสองลูกเปนจาํ นวนคี่ จะไดจาํ นวนวิธที ีไ่ ดผลคูณของแตมเปน จํานวนคี่ C3,1 ×C3,1 = 3×3 = 9 วิธี สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 209 ดังน้ันจาํ นวนวิธีท่ไี ดผ ลคณู ของแตม เปนจํานวนคู 36 – 9 = 27 วิธี น่นั คือ n(E) = 27 จะได P(E=) 2=7 3 36 4 ดังนัน้ ความนา จะเปนทผี่ ลคูณของแตมท่ไี ดเปนจํานวนคู เทากับ 3 4 8. 1) ให S1 แทนปรภิ มู ิตวั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(=S1 ) C=4,2 6 ให E1 แทนเหตุการณที่หยิบไดลกู บอลสแี ดงและสเี ขยี วอยา งละ 1 ลูก นั่นคอื ( )n E1 = C2,1 × C2,1 = 2 × 2 = 4 จะได P ( E1 =) 4= 2 6 3 ดงั นนั้ ความนาจะเปน ทีห่ ยิบไดล ูกบอลสีแดงและสเี ขยี วอยา งละ 1 ลกู เม่อื หยิบ ลูกบอลสองลูกพรอมกนั เทา กับ 2 3 2) ให S2 แทนปริภมู ติ ัวอยางของการทดลองสุมนี้ จะได ( )n S2 = C4, 1 × C3, 1 = 12 ให E2 แทนเหตุการณทหี่ ยิบไดลกู บอลสแี ดงและสีเขยี วอยา งละ 1 ลกู กรณีที่ 1 หยิบลูกบอลลกู แรกไดส ีแดง มีวิธีหยิบลกู บอลลูกแรกไดสีแดง C2,1 = 2 วิธี มวี ธิ ีหยบิ ลกู บอลลูกที่สองไดสีเขยี ว C2,1 = 2 วิธี ดงั นัน้ มีวิธหี ยิบลกู บอลลูกแรกไดสีแดง และลูกบอลลกู ท่สี องได สีเขียว 2× 2 =4 วธิ ี สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
210 คูมือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 4 กรณีท่ี 2 หยิบลูกบอลลูกแรกไดสีเขยี ว มีวธิ หี ยิบลูกบอลลูกแรกไดส เี ขยี ว C2,1 = 2 วธิ ี มวี ิธหี ยิบลูกบอลลูกทีส่ องไดสีแดง C2,1 = 2 วิธี ดังน้นั มีวธิ ีหยบิ ลูกบอลลูกแรกไดส เี ขยี ว และลูกบอลลูกทส่ี องได สแี ดง 2× 2 =4 วิธี โดยหลักการบวก จะไดจํานวนวิธหี ยิบไดลกู บอลสีแดงและสีเขียวอยา งละ 1 ลกู อยู 4 + 4 = 8 วธิ ี นนั่ คือ n(E2 ) = 8 จะได P ( E2=) 8= 2 12 3 ดังนั้น ความนาจะเปนทีห่ ยบิ ไดลกู บอลสีแดงและสีเขียวอยางละ 1 ลูก เมื่อหยิบ ลกู บอลทีละลูกโดยไมใสค ืนกอนจะหยบิ ลกู บอลลูกทีส่ อง เทากับ 2 3 3) ให S3 แทนปรภิ ูมิตวั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n( S3 ) = C4,1 × C4,1 = 4 × 4 =16 ให E3 แทนเหตกุ ารณท่ีหยบิ ไดล กู บอลสแี ดงและสีเขียวอยา งละ 1 ลกู กรณีที่ 1 หยบิ ลกู บอลลกู แรกไดส แี ดง มวี ธิ ีหยบิ ลกู บอลลกู แรกไดสแี ดง C2,1 = 2 วธิ ี มีวธิ ีหยิบลูกบอลลูกทส่ี องไดส ีเขยี ว C2,1 = 2 วิธี ดังน้ัน มวี ธิ ีหยบิ ลกู บอลลูกแรกไดส แี ดง และลกู บอลลกู ท่สี องได สีเขยี ว 2× 2 =4 วิธี กรณที ่ี 2 หยบิ ลูกบอลลกู แรกไดสเี ขยี ว มีวธิ ีหยบิ ลกู บอลลกู แรกไดสีเขยี ว C2,1 = 2 วธิ ี สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 211 มีวธิ ีหยบิ ลูกบอลลูกท่สี องไดส ีแดง C2,1 = 2 วธิ ี ดังนนั้ มวี ิธหี ยิบลกู บอลลกู แรกไดสีเขยี ว และลูกบอลลกู ทส่ี องได สแี ดง 2× 2 =4 วิธี โดยหลกั การบวก จะไดจ าํ นวนวิธีหยิบไดลกู บอลสีแดงและสเี ขียวอยา งละ 1 ลูก อยู 4 + 4 = 8 วธิ ี น่นั คือ n(E3 ) = 8 จะได P(E3=) 8= 1 16 2 ดงั น้ัน ความนา จะเปนท่หี ยบิ ไดล กู บอลสแี ดงและสเี ขยี วอยา งละ 1 ลกู เม่ือหยิบ ลูกบอลทลี ะลูกโดยใสคนื กอนจะหยบิ ลูกบอลลูกทส่ี อง เทากับ 1 2 แบบฝก หัดทา ยบท 1. ให H แทนเหรยี ญข้ึนหวั T แทนเหรยี ญขนึ้ กอ ย 1) ให S แทนปรภิ ูมิตวั อยา งของการทดลองสุมน้ี เนื่องจากผลลพั ธท ี่เปน ไปไดจ ากการโยนเหรยี ญหน่ึงเหรยี ญสามครงั้ คือ HHH, HHT, HTH, HTT, THH, THT, TTH และ TTT ดังนั้น S = {HHH , HHT , HTH , HTT , THH , THT , TTH , TTT} 2) ให E1 แทนเหตุการณท ีเ่ หรยี ญขึ้นหัวเพยี งหน่ึงครั้ง เน่อื งจากเหตกุ ารณท ่ีเหรยี ญขึ้นหวั เพยี งหนึ่งครง้ั ไดแ ก HTT, THT และ TTH ดงั นน้ั E1 = {HTT , THT, TTH} สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
212 คูม ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 3) ให E2 แทนเหตุการณท เ่ี หรยี ญข้ึนหวั สามคร้งั เน่อื งจากเหตกุ ารณท ี่เหรยี ญขึ้นหวั สามครง้ั คอื HHH ดังนน้ั E2 = {HHH} 4) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ีเ่ หรียญขน้ึ หัวอยา งนอยหนึ่งคร้ัง เนอ่ื งจากเหตกุ ารณที่เหรยี ญข้ึนหวั อยา งนอยหนึ่งคร้งั ไดแก HHH, HHT, HTH, HTT, THH, THT และ TTH ดงั นน้ั E3 = {HHH , HHT , HTH , HTT , THH , THT , TTH} 5) ให E4 แทนเหตกุ ารณทเี่ หรยี ญไมขึ้นหัวเลย เน่ืองจากเหตุการณทเี่ หรียญไมข้นึ หวั เลย คอื TTT ดังนน้ั E4 = {TTT} 2. ให R แทนลูกบอลสแี ดง W แทนลกู บอลสีขาว G แทนลกู บอลสีเขยี ว 1) ให S แทนปรภิ ูมติ ัวอยา งของการทดลองสุมนี้ เนือ่ งจากผลลัพธท ่ีเปนไปไดจากการหยิบลูกบอลทลี ะลูกแลวใสค ืนกอนหยิบ ลูกบอลลกู ทส่ี อง จากกลอ งท่ีบรรจุลกู บอลสแี ดง 1 ลูก สขี าว 1 ลกู และสีเขยี ว 1 ลกู คือ RR, RW , RG, WR, WW , WG, GR, GW และ GG ดงั นน้ั S = { RR, RW , RG, WR, WW , WG, GR, GW , GG } 2) ให E แทนเหตุการณทไ่ี ดล ูกบอลสีขาวและสแี ดงอยางละหนง่ึ ลูก เน่อื งจากเหตกุ ารณทไ่ี ดลูกบอลสขี าวและสแี ดงอยางละ 1 ลูก ไดแ ก RW และ WR ดังน้ัน E = {RW , WR} สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 213 3. ให S เปนปรภิ มู ิตวั อยา งของการทดลองสมุ จากตาราง มีใบสัง่ ซ้ือสนิ คา ทัง้ หมด 212 + 389 +124 +105 +170 =1000 ใบ จะได n(S ) = 1000 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท่ีใบสัง่ ซื้อสนิ คาทส่ี มุ มาจะเปน ใบสั่งซ้ือสินคาจากภาคเหนือ จากตาราง มใี บส่ังซอื้ สนิ คาจากภาคเหนอื 212 ใบ น่ันคอื n(E1) = 212 จะได P(=E1 ) 2=12 53 1000 250 ดังน้นั ความนาจะเปนทีใ่ บสั่งซือ้ สินคาทส่ี ุมมาจะเปนใบส่ังซ้อื สนิ คาจากภาคเหนือ เทา กับ 53 250 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ่ีใบสง่ั ซ้ือสินคา ท่สี ุมมาจะเปน ใบสงั่ ซื้อสนิ คา จากภาคกลาง จากตาราง มีใบสงั่ ซื้อสินคาจากภาคกลาง 389 ใบ นั่นคือ n(E2) = 389 จะได P ( E2 ) = 389 1000 ดงั นั้น ความนาจะเปนทีใ่ บสงั่ ซ้ือสินคาทีส่ ุมมาจะเปน ใบสง่ั ซอ้ื สนิ คา จากภาคกลาง เทากบั 389 1000 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท่ีใบสัง่ ซื้อสนิ คา ทีส่ ุมมาจะเปนใบสั่งซื้อสินคา จากภาคตะวนั ออก จากตาราง มใี บสงั่ ซอ้ื สินคาจากภาคตะวนั ออก 124 ใบ น่นั คือ n(E3) =124 จะได P(=E3 ) 1=24 31 1000 250 ดังนัน้ ความนาจะเปน ที่ใบสั่งซือ้ สินคา ที่สุมมาจะเปน ใบสั่งซ้ือสนิ คาจากภาคตะวันออก เทา กบั 31 250 4) ให E4 แทนเหตุการณที่ใบสง่ั ซ้ือสนิ คาทสี่ มุ มาจะเปนใบส่งั ซื้อสนิ คาจากภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
214 คูมือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 4 จากตาราง มีใบส่งั ซอื้ สนิ คา จากภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ 105 ใบ นัน่ คือ n(E4 ) =105 จะได P(=E4 ) 1=05 21 1000 200 ดงั น้นั ความนา จะเปน ท่ีใบสง่ั ซือ้ สนิ คา ที่สุมมาจะเปนใบสัง่ ซอื้ สินคาจากภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เทากบั 21 200 5) ให E5 แทนเหตุการณที่ใบส่ังซื้อสินคา ทีส่ ุมมาจะเปน ใบสงั่ ซื้อสนิ คาจากภาค ใต จากตาราง มีใบสง่ั ซื้อสินคาจากภาคใต 170 ใบ นนั่ คอื n(E5) =170 จะได P (=E5 ) 1=70 17 1000 100 ดังนน้ั ความนา จะเปนทใ่ี บสัง่ ซอ้ื สินคาที่สุมมาจะเปนใบสั่งซ้อื สินคาจากภาคใต เทา กับ 17 100 4. ให S แทนปริภูมติ วั อยางของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S ) =100 1) ให E1 แทนเหตุการณท น่ี กั เรยี นคนหนงึ่ จะสวมรองเทา เบอร 7 จากตาราง มนี ักเรียนที่สวมรองเทาเบอร 7 อยู 35 คน นน่ั คือ n(E1) = 35 จะได P(E=1 ) 3=5 7 100 20 ดังนน้ั ความนา จะเปนทีน่ กั เรียนคนหนง่ึ จะสวมรองเทาเบอร 7 เทากับ 7 20 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณทนี่ กั เรียนคนหน่ึงจะสวมรองเทาเล็กกวาเบอร 8 จากตาราง มีนักเรียนทส่ี วมรองเทา ขนาดเลก็ กวาเบอร 8 อยู 3 + 12 + 35 = 50 คน นนั่ คอื n(E2 ) = 50 จะได P(E=2 ) 5=0 1 100 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 4 215 ดงั นั้น ความนาจะเปน ท่ีนักเรียนคนหนึ่งจะสวมรองเทา เล็กกวา เบอร 8 เทา กบั 1 2 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท่นี ักเรียนคนหนง่ึ จะสวมรองเทาเบอร 8 หรือ 9 จากตาราง มีนักเรยี นท่สี วมรองเทาขนาดเบอร 8 หรอื 9 อยู 27 + 16 = 43 คน นัน่ คอื n(E3 ) = 43 จะได P ( E3 ) = 43 100 ดงั นัน้ ความนา จะเปน ทนี่ กั เรียนคนหน่ึงจะสวมรองเทาเบอร 8 หรอื 9 เทากับ 43 100 4) ให E4 แทนเหตุการณท ่นี ักเรยี นคนหนึ่งจะสวมรองเทาเบอร 5 หรือ 10 จากตาราง มีนักเรยี นทส่ี วมรองเทา ขนาดเบอร 5 หรือ 10 อยู 3 + 7 = 10 คน นนั่ คือ n(E4 ) =10 จะได P(E=4 ) 1=0 1 100 10 ดังน้ัน ความนา จะเปนท่ีนกั เรียนคนหน่งึ จะสวมรองเทาเบอร 5 หรือ 10 เทากบั 1 10 5) ให E5 แทนเหตกุ ารณท ี่นกั เรียนคนหนึ่งจะสวมรองเทา ใหญกวาเบอร 10 จากตาราง ไมมนี ักเรียนทส่ี วมรองเทาใหญก วา เบอร 10 น่ันคอื n(E5 ) = 0 จะได P(E5 ) = 0 ดังนั้น ความนาจะเปนที่นกั เรียนคนหนง่ึ จะสวมรองเทา ใหญก วาเบอร 10 เทากบั 0 5. ให S เปน ปริภมู ิตัวอยางของการทดลองสมุ จากตาราง มีจํานวนพนกั งานขายทงั้ หมด 30 + 50 + 80 + 70 + 20 =250 คน จะได n(S ) = 250 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
216 คูม อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 1) ให E1 แทนเหตุการณท ่ีพนักงานคนหน่งึ จะขายสินคาไดต งั้ แต 10,000 ถึง 19,999 บาท จากตาราง จํานวนพนักงานขายท่ขี ายสินคาไดตัง้ แต 10,000 ถงึ 19,999 บาท เทากับ 50 คน นัน่ คือ n(E1) = 50 จะได P(=E1 ) 5=0 1 250 5 ดังนัน้ ความนาจะเปนทพ่ี นักงานขายคนหนงึ่ จะขายสินคา ไดต ัง้ แต 10,000 ถงึ 19,999 บาท เทา กับ 1 5 2) ให E2 แทนเหตุการณท ่ีพนักงานคนหนึ่งจะขายสนิ คา ไดน อ ยกวา 20,000 บาท จากตาราง จาํ นวนพนักงานขายทขี่ ายสินคาไดน อยกวา 20,000 บาท เทา กบั 30 + 50 =80 คน นัน่ คอื n(E2 ) = 80 จะได P(E=2 ) 8=0 8 250 25 ดังนั้น ความนาจะเปน ทพ่ี นักงานขายคนหน่งึ จะขายสินคาไดน อยกวา 20,000 บาท เทากบั 8 25 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท่ีพนักงานคนหนงึ่ จะขายสนิ คา ไดต่าํ กวา 10,000 บาท หรอื อยางนอย 40,000 บาท จากตาราง จํานวนพนักงานขายทข่ี ายสินคา ไดตาํ่ กวา 10,000 บาท เทากับ 30 คน และจํานวนพนักงานที่ขายสนิ คา ไดอยางนอย 40,000 บาท เทา กับ 20 คน จะไดวา จํานวนพนักงานท่ีขายสินคา ไดต่ํากวา 10,000 บาท หรืออยางนอย 40,000 บาท เทา กบั 30 + 20 =50 คน สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 217 น่ันคอื n(E3) = 50 จะได P(E=3 ) 5=0 1 250 5 ดังนัน้ ความนา จะเปน ท่ีพนักงานขายคนหน่ึงจะขายสนิ คาไดต ่าํ กวา 10,000 บาท หรอื อยา งนอย 40,000 บาท เทากับ 1 5 6. ให S แทนปริภูมติ วั อยา งของการทดลองสุม น้ี จะได n(S) =10 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณทลี่ กู ศรจะชีท้ ชี่ องทม่ี ีเลขโดดเปน 1 จากรปู มีชอ งที่มีเลขโดดเปน 1 อยู 1 ชอ ง น่ันคอื n(E1) =1 จะได P ( E1 ) = 1 10 ดงั นนั้ ความนา จะเปน ท่ีลูกศรจะชท้ี ช่ี อ งท่ีมเี ลขโดดเปน 1 เทา กับ 1 10 2) ให E2 แทนเหตุการณท่ีลูกศรจะชท้ี ่ีชองที่มเี ลขโดดเปน 6 จากรูปมชี องที่มีเลขโดดเปน 6 อยู 2 ชอง นั่นคือ n(E2 ) = 2 จะได P(E2=) 2= 1 10 5 ดงั น้นั ความนาจะเปน ท่ลี กู ศรจะชที้ ี่ชองที่มเี ลขโดดเปน 6 เทากบั 1 5 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณที่ลกู ศรจะชีท้ ี่ชองที่มเี ลขโดดเปน จํานวนคู จากรปู มีชอ งท่มี ีเลขโดดเปน จํานวนคู คือ 2, 4 หรือ 6 อยทู ั้งหมด 6 ชอ ง นนั่ คือ n(E3 ) = 6 จะได P(E3=) 6= 3 10 5 ดงั นั้น ความนา จะเปนท่ลี ูกศรจะชท้ี ี่ชองท่ีมีเลขโดดเปน จํานวนคู เทา กับ 3 5 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
218 คมู อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 4) ให E4 แทนเหตุการณท ่ลี ูกศรจะชท้ี ่ชี อ งท่มี เี ลขโดดเปน จํานวนค่ี จากรปู มชี องทม่ี เี ลขโดดเปนจํานวนคี่ คือ 1, 3, 5 หรือ 7 อยทู ้งั หมด 4 ชอ ง น่นั คือ n(E4 ) = 4 จะได P(E4=) 4= 2 10 5 ดงั นน้ั ความนาจะเปนทีล่ ูกศรจะชท้ี ีช่ อ งที่มีเลขโดดเปน จํานวนค่ี เทากับ 2 5 5) ให E5 แทนเหตุการณท่ลี ูกศรจะช้ีทชี่ องท่มี เี ลขโดดเปน จํานวนเฉพาะ จากรูปมีชองที่มีเลขโดดเปน จํานวนเฉพาะ คอื 2, 3, 5 หรือ 7 อยทู ัง้ หมด 5 ชอ ง นั่นคอื n(E5 ) = 5 จะได P(E5=) 5= 1 10 2 ดังนั้น ความนา จะเปนทล่ี ูกศรจะช้ที ี่ชอ งท่ีมีเลขโดดเปน จํานวนเฉพาะ เทากับ 1 2 6) ให E6 แทนเหตุการณที่ลกู ศรจะชีท้ ช่ี องทีม่ เี ลขโดดเปนจํานวนท่ีนอ ยกวา 8 จากรปู มชี อ งท่ีมเี ลขโดดเปนจํานวนทนี่ อยกวา 8 คอื 1, 2, 3, 4, 5, 6 หรือ 7 อยูท ้ังหมด 10 ชอ ง น่ันคอื n(E6 ) =10 จะได P ( E6=) 1=0 1 10 ดังนั้น ความนาจะเปนทีล่ กู ศรจะชท้ี ช่ี อ งที่มีเลขโดดเปนจํานวนทนี่ อยกวา 8 เทา กบั 1 7. ให S แทนปรภิ ูมิตัวอยางของการทดลองนี้ เน่ืองจากใน 1 ป มี 365 วนั ดังนนั้ วันเกิดท่ีเปน ไปไดของคนหน่ึงคนมีได 365 วธิ ี จะไดว าวันเกิดทเี่ ปน ไปไดของคน 2 คน มไี ด 365×365 วิธี สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 219 นน่ั คอื n(=S) 365× 365 ให E แทนเหตกุ ารณทคี่ น 2 คน เกิดในวันท่แี ละเดอื นเดยี วกัน ข้ันที่ 1 วันเกดิ ของคนท่ี 1 มีได 365 วิธี ขน้ั ที่ 2 เน่อื งจากทัง้ สองคนเกดิ ในวนั ทแ่ี ละเดือนเดยี วกนั นัน่ คือวันเกดิ ของคนที่ 2 มไี ด 1 วิธี โดยหลกั การคณู เหตุการณที่คน 2 คน จะเกดิ ในวนั และเดือนเดียวกนั มีได 365×1=365 วธิ ี นนั่ คอื n(E) = 365 จะได= P(E) =365 1 365× 365 365 ดงั นัน้ ความนาจะเปน ท่ีคน 2 คน จะเกดิ ในวันที่และเดือนเดยี วกนั เทากบั 1 365 8. ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยา งของการทดลองสุมนี้ E แทนเหตุการณท่เี หรยี ญข้นึ หัวในการโยนเหรียญครัง้ แรก น่ันคอื n(S=) 2=5 32 เนื่องจากจํานวนวธิ ีทเ่ี หรยี ญขึ้นหวั ในการโยนเหรยี ญครั้งแรก ในการโยนเหรียญหนึง่ เหรียญ หา คร้งั มี 1× 2× 2× 2× 2 =16 วธิ ี น่นั คือ n(E) =16 จะได P(E=) 1=6 1 32 2 ดังนั้น ความนา จะเปน ทีเ่ หรยี ญแรกขึ้นหัว ในการโยนเหรยี ญคร้งั แรก เทา กับ 1 2 9. ให S แทนปริภมู ติ ัวอยา งของการทดลองสุม น้ี เนื่องจากบุตรแตล ะคนเปน เพศชายหรือเพศหญิง จะได n(S ) = 2× 2× 2 = 8 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
220 คมู อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณที่บตุ รทั้งสามเปนผูหญงิ ขน้ั ท่ี 1 เหตุการณทบ่ี ุตรคนท่ี 1 เปน ผูหญงิ มีได 1 วิธี ขัน้ ที่ 2 เหตุการณทบ่ี ุตรคนที่ 2 เปน ผหู ญงิ มีได 1 วิธี ขน้ั ที่ 3 เหตกุ ารณท่บี ุตรคนท่ี 3 เปน ผหู ญงิ มไี ด 1 วิธี โดยหลกั การคณู เหตุการณท่ีบตุ รทง้ั สามเปน ผูหญิง มีได 1×1×1=1 วธิ ี น่ันคอื n(E1 ) =1 จะได P ( E1 ) = 1 8 ดงั น้นั ความนาจะเปนทบ่ี ตุ รทั้งสามเปนผหู ญิง เทา กบั 1 8 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท่ีมีบตุ รชายอยา งนอย 3 คน เนือ่ งจากครอบครัวน้ีมีบุตร 3 คน ดังนัน้ เหตกุ ารณทมี่ ีบตุ รชายอยา งนอย 3 คน คอื เหตุการณท บ่ี ตุ รทั้งสามคนเปนผชู าย ขัน้ ท่ี 1 เหตุการณทบ่ี ุตรคนท่ี 1 เปนผชู าย มีได 1 วิธี ข้ันท่ี 2 เหตกุ ารณท ี่บุตรคนท่ี 2 เปนผชู าย มีได 1 วธิ ี ขั้นท่ี 3 เหตกุ ารณทีบ่ ุตรคนท่ี 3 เปน ผชู าย มีได 1 วิธี โดยหลกั การคณู เหตุการณท่ีมบี ตุ รชายอยา งนอย 3 คน มไี ด 1×1×1=1 วธิ ี น่ันคือ n(E2 ) =1 จะได P ( E2 ) = 1 8 ดงั นน้ั ความนาจะเปน ท่มี บี ุตรชายอยางนอย 3 คน เทา กับ 1 8 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท่ีบตุ รคนแรกและคนสุดทา ยเปน ผชู าย ข้ันที่ 1 เหตกุ ารณท่ีบุตรคนแรกเปนผูชาย มไี ด 1 วิธี ข้ันที่ 2 เหตกุ ารณท ่ีบุตรคนสุดทายเปนผูชาย มไี ด 1 วธิ ี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 221 ข้ันท่ี 3 เหตุการณท ่ีบุตรคนที่ 2 เปน ผูชายหรือผูห ญงิ มไี ด 2 วธิ ี โดยหลกั การคณู เหตุการณท่ีมีบตุ รคนแรกและคนสุดทา ยเปนผชู าย มีได 1×1× 2 =2 วิธี นั่นคอื n(E3 ) = 2 จะได P ( E3 =) 2= 1 8 4 ดังน้นั ความนาจะเปน ทมี่ ีบุตรคนแรกและคนสดุ ทายเปน ผูชาย เทากบั 1 4 10. ให S แทนปริภูมิตัวอยา งของการทดลองสุม นี้ จะได n(S) = 6× 6 = 36 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ีผ่ ลบวกของแตมบนหนา ลูกเตาทง้ั สองมากกวา 3 เนอ่ื งจากเหตกุ ารณท ี่ผลบวกของแตมบนหนาลกู เตา ทัง้ สองไมมากกวา 3 ไดแก (1, 1), (1, 2) และ (2, 1) น่ันคอื จํานวนวิธีท่ีผลบวกของแตมบนหนา ลกู เตาทงั้ สองไมมากกวา 3 มี 3 วธิ ี จะได จาํ นวนวธิ ที ่ีผลบวกของแตม บนหนา ลูกเตามากกวา 3 มี 36 – 3 = 33 วิธี นน่ั คือ n(E1 ) = 33 จะได P ( E=1 ) 3=3 11 36 12 ดังน้นั ความนา จะเปน ท่ผี ลบวกของแตมบนหนาลูกเตา มากกวา 3 เทากบั 11 12 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท แ่ี ตมบนหนาลกู เตาท้งั สองไมซ้ํากนั เน่ืองจากเหตุการณทแ่ี ตมบนหนาลูกเตาทั้งสองซํ้ากัน มี 6 วธิ ี ไดแก (1, 1), (2,2), (3,3), (4,4), (5,5) และ (6,6) จะได เหตุการณที่แตม บนหนาลกู เตา ทง้ั สองไมซ้ํากัน มี 36 – 6 = 30 วิธี น่นั คือ n(E2 ) = 30 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
222 คมู ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 จะได P ( E=2 ) 3=0 5 36 6 ดังนั้น ความนาจะเปน ทแ่ี ตมบนหนา ลกู เตาทง้ั สองไมซ ํา้ กัน เทา กับ 5 6 11. ให S แทนปรภิ ูมติ วั อยา งของการทดลองสุม น้ี จะได n(S) = 6× 6 = 36 ให E แทนเหตกุ ารณท ี่ผูประชมุ เขา และออกประตทู ่ีตา งกัน ขัน้ ท่ี 1 เลอื กประตเู ขา ได 6 วิธี ขั้นท่ี 2 เลอื กประตอู อกทีไ่ มซ ํ้ากับประตเู ขา ได 5 วิธี โดยหลักการคูณ จาํ นวนวธิ ที ี่ผูประชมุ เขา และออกประตูท่ีตางกนั ได 6×5 =30 วธิ ี น่ันคือ n(E) = 30 จะได P(E=) 3=0 5 36 6 ดังนนั้ ความนา จะเปน ท่ผี ูเขาประชมุ คนหนึ่งจะเขาและออกประตูท่ตี า งกนั เทา กบั 5 6 12. ให S แทนปริภูมติ ัวอยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S) = 5 ให E แทนเหตุการณท ่นี ักเรยี นคนนจ้ี ะตอบผิด เนือ่ งจากจาํ นวนวธิ ที ่ีนกั เรยี นคนนี้จะตอบถูก มีได 1 วิธี ดังนัน้ จํานวนวิธที น่ี กั เรียนคนนจ้ี ะตอบผดิ มีได 5 – 1 = 4 วธิ ี นนั่ คอื n(E) = 4 จะได P(E) = 4 5 ดังน้นั ความนาจะเปน ท่นี ักเรียนคนนีจ้ ะตอบผิด เทากับ 4 5 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 223 13. ให E1 เปน เหตุการณทีน่ ักเรียนจะด่ืมนํ้าสม ซ่งึ P(E1)= 1 ≈ 0.17 6 E2 เปนเหตุการณท่นี กั เรียนจะด่ืมน้ําเกกฮวย ซึ่ง P ( E2=) 3= 0.30 10 E3 เปน เหตกุ ารณที่นักเรียนจะด่ืมนม ซ่ึง P(E3 =) 2= 0.40 5 E4 เปนเหตกุ ารณที่นักเรยี นจะดื่มนาํ้ อัดลม ซ่ึง P ( E4=) 2 ≈ 0.13 15 นนั่ คอื P(E3 ) > P(E2 ) > P( E1 ) > P( E4 ) ดังนนั้ ถา รานคาตองการนาํ เครอ่ื งดื่มมาขายเพียง 3 ชนิด รานคาควรนํานม นา้ํ เกก ฮวย และน้ําสมมาขาย 14. ให S แทนปรภิ ูมิตวั อยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n( S ) = C10, 1 × C9, 1 = 90 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ่จี ะไดล กู บอลสแี ดงท้ังสองลกู ขัน้ ที่ 1 มวี ิธที ่ีจะหยิบลกู บอลลกู แรกไดลกู บอลสแี ดง C3,1 = 3 วธิ ี ขั้นท่ี 2 มีวิธที จ่ี ะหยบิ ลกู บอลลกู ท่ีสองไดล กู บอลสแี ดง C2,1 = 2 วิธี โดยหลกั การคูณ มวี ิธีที่จะหยิบไดล ูกบอลสแี ดงทัง้ สองลูก 3× 2 =6 วธิ ี น่นั คือ n(E1 ) = 6 จะได P( E=1 ) 6= 1 90 15 ดงั น้นั ความนาจะเปนทีจ่ ะไดลกู บอลสแี ดงท้ังสองลูก เทากับ 1 15 2) ให E2 แทนเหตุการณท ีจ่ ะหยิบไดล ูกบอลสขี าวและสดี ํา กรณีที่ 1 มวี ิธีท่จี ะหยิบลกู บอลลูกแรกไดเ ปน สีขาว C2,1 = 2 วิธี มวี ธิ ที ่จี ะหยิบลกู บอลลูกทีส่ องไดเปนสดี าํ C5,1 = 5 วิธี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
224 คูม ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 โดยหลกั การคูณ มีวธิ ีทีจ่ ะหยิบลูกบอลลกู แรกไดเปน สขี าว และหยบิ ลกู บอล ลูกท่ีสองไดเปน สีดํา 2×5 =10 วธิ ี กรณีที่ 2 มีวธิ ที ี่จะหยบิ ลูกบอลลกู แรกไดเปนสีดาํ C5,1 = 5 วิธี มีวธิ ีที่จะหยิบลกู บอลลูกทส่ี องไดเ ปน สีขาว C2,1 = 2 วธิ ี โดยหลกั การคณู มีวธิ ีที่จะหยิบลูกบอลลกู แรกไดเปน สีดํา และหยิบลูกบอล ลูกทส่ี องไดเปนสีขาว 5× 2 =10 วิธี โดยหลกั การบวก มีวธิ ีท่จี ะหยิบไดล ูกบอลสีขาวและสดี าํ 10 +10 =20 วธิ ี นน่ั คือ n(E2 ) = 20 จะได P ( E=2 ) 2=0 2 90 9 ดังนั้น ความนา จะเปนทจี่ ะไดลูกบอลสีขาวและสดี ํา เทากบั 2 9 15. ให S แทนปริภูมติ ัวอยางของการทดลองสุมนี้ จะได ( )n S = C8, 1 × C7, 1 × C6, 1 = 336 ให E แทนเหตกุ ารณทีจ่ ะหยิบลกู บอลครัง้ ท่ี 1 ไดล กู บอลสแี ดง และครัง้ ท่ี 2 และ 3 ได ลกู บอลสีเหลือง ข้ันที่ 1 มวี ิธีที่จะหยิบลูกบอลลกู แรกไดเปน สีแดง C2,1 = 2 วธิ ี ขัน้ ท่ี 2 มีวิธที ีจ่ ะหยิบลูกบอลลกู ทส่ี องไดเปน สีเหลือง C3,1 = 3 วิธี ขัน้ ที่ 3 มวี ิธีที่จะหยบิ ลูกบอลลูกท่ีสามไดเปน สีเหลือง C2,1 = 2 วิธี โดยหลักการคณู มีวิธีที่จะหยิบไดลกู บอลสแี ดง 1 ลูก และสีเหลือง 2 ลกู ตามลาํ ดับ 2 × 3× 2 =12 วิธี นนั่ คือ n(E) =12 จะได P(=E) 1=2 1 336 28 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 225 ดงั น้ัน ความนาจะเปนท่จี ะหยิบลกู บอลครั้งที่ 1 ไดล กู บอลสีแดง และคร้ังท่ี 2 และ 3 ได ลูกบอลสีเหลอื ง เทากับ 1 28 16. ให S แทนปริภมู ิตัวอยา งของการทดลองสุมนี้ จะได n=(S ) C=12, 3 12 ×11×10 3× 2 ให E แทนเหตุการณท่จี ะไดลูกแกว สีตา งกนั ทง้ั สามลูก นน่ั คอื ไดล กู แกว สเี ขยี ว 1 ลกู สชี มพู 1 ลูก และสฟี า 1 ลกู ขน้ั ท่ี 1 มีวิธีท่ีจะหยิบลูกแกวไดเปน สีเขียว C4,1 = 4 วิธี ขัน้ ที่ 2 มีวิธที ่ีจะหยบิ ลกู แกวไดเปน สีชมพู C3,1 = 3 วธิ ี ขน้ั ท่ี 3 มีวธิ ที ่จี ะหยบิ ลูกแกว ไดเปน สีฟา C5,1 = 5 วิธี โดยหลกั การคูณ มีวธิ ีท่ีจะหยิบลูกแกว 3 ลกู พรอมกัน ไดล กู แกวสีตางกนั ทงั้ สามลูก 4× 3× 5 วธิ ี น่นั คอื n(E) = 4× 3× 5 จะได P(E) = 4×3×5× 3×2 = 3 12 ×11×10 11 ดงั น้ัน ความนาจะเปน ที่ไดลกู แกวสตี างกันทั้งสามลกู เทากับ 3 11 17. ให S แทนปริภมู ติ วั อยางของการทดลองสุมน้ี จะได n=(S ) C=30, 2 435 ให E แทนเหตกุ ารณทเ่ี ลอื กนักเรยี นท้ังสองคนไดเปน เพศเดียวกัน กรณีท่ี 1 มวี ิธที ่ีจะเลือกไดน ักเรียนทงั้ สองคนเปน นักเรียนหญิง C18, 2 =153 วิธี กรณีท่ี 2 มีวิธที ่ีจะเลือกไดนักเรยี นทัง้ สองคนเปนนักเรียนชาย C12, 2 = 66 วิธี โดยหลกั การบวก มีวิธีทจี่ ะเลือกไดน ักเรียนทัง้ สองคนไดเปนเพศเดยี วกนั 153 + 66 =219 วธิ ี นนั่ คอื n(E) = 219 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
226 คูม ือครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 4 จะได P(=E) 2=19 73 435 145 ดงั นน้ั ความนาจะเปนท่จี ะเลือกไดนักเรยี นทง้ั สองคนเปน เพศเดียวกนั เทากบั 73 145 18. ให S แทนปริภมู ติ วั อยางของการทดลองสุม นี้ จะได n=(S ) C=10, 2 45 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณที่พนักงานท่ีถกู เลือกเปนกรรมการเปนชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคน ขัน้ ที่ 1 มีวธิ ที ีจ่ ะเลอื กพนักงานชายเปนกรรมการ 1 คน ได C7,1 = 7 วธิ ี ข้ันที่ 2 มวี ธิ ที ่จี ะเลือกพนักงานหญิงเปน กรรมการ 1 คน ได C3,1 = 3 วิธี โดยหลกั การคณู มวี ิธที ่จี ะเลือกกรรมการเปน ชายหนงึ่ คนและหญงิ หนงึ่ คนได 7 × 3 =21 วธิ ี นนั่ คือ n(E1 ) = 21 จะได P ( E=1 ) 2=1 7 45 15 ดงั นั้น ความนา จะเปนท่ีพนักงานทถี่ ูกเลือกเปนกรรมการเปนชายหนงึ่ คนและหญงิ หนึ่งคน เทากับ 7 15 2) ให E2 แทนเหตุการณทพี่ นักงานท่ีถูกเลือกเปน กรรมการเปน หญงิ อยา งนอยหนึง่ คน กรณที ่ี 1 กรรมการเปนผูหญิงหน่ึงคน มวี ิธีเลือกได C3,1 ×C7,1 =3× 7 = 21 วิธี กรณที ี่ 2 กรรมการเปนผูหญิงทั้งสองคน มีวิธีเลือกได C3, 2 = 3 วิธี โดยหลกั การบวก มวี ธิ ีทจี่ ะเลือกกรรมการเปน หญิงอยางนอยหนึง่ คนได 21+ 3 =24 วิธี น่นั คือ n(E2 ) = 24 จะได P ( E=2 ) 2=4 8 45 15 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 227 ดังนัน้ ความนา จะเปนทพี่ นักงานที่ถกู เลือกเปนกรรมการเปนหญงิ อยางนอยหน่ึงคน เทากบั 8 15 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณที่พนักงานทถี่ ูกเลือกเปน กรรมการเปนชายอยา งนอ ยหน่ึงคน กรณที ี่ 1 มวี ธิ ีที่จะเลือกพนกั งานชาย 1 คน เปนกรรมการได C7, 1 × C3, 1 = 7 × 3 = 21 วิธี กรณที ี่ 2 มวี ธิ ที จ่ี ะเลอื กพนักงานชาย 2 คน เปนกรรมการได C7, 2 = 21 วิธี โดยหลักการบวก มีวธิ ที ่ีจะเลือกกรรมการเปน ชายอยางนอยหนงึ่ คนได 21+ 21 =42 วิธี นน่ั คือ n(E3 ) = 42 จะได P ( E=3 ) 4=2 14 45 15 ดงั นั้น ความนาจะเปน ทีพ่ นักงานทถี่ ูกเลือกเปนกรรมการเปนชายอยา งนอ ยหนึ่งคน เทากบั 14 15 19. ให S แทนปริภมู ิตัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(=S ) C=5, 3 10 ให E แทนเหตุการณทไี่ ดผ ลรวมของหมายเลขบนบัตรมากกวา 10 เนอ่ื งจากเหตุการณทผ่ี ลรวมของหมายเลขบนบัตรเปน 11 มี 1 วธิ ี คือ หยบิ ไดบตั รซึ่งมี หมายเลข 2, 4 และ 5 และเหตุการณท ผ่ี ลรวมของหมายเลขบนบตั รเปน 12 มี 1 วธิ ี คอื หยิบไดบัตรซ่ึงมี หมายเลข 3, 4 และ 5 ดงั นั้น มวี ิธีทีจ่ ะหยิบไดบ ัตรไดผลรวมของหมายเลขบนบตั รมากกวา 10 อยู 1+1=2 วิธี น่นั คอื n(E) = 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
228 คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 จะได P(E=) 2= 1 10 5 ดงั นั้น ความนาจะเปน ที่จะหยิบบัตรไดผลรวมของแตม บนบัตรมากกวา 10 เทากับ 1 5 20. ให S แทนปริภมู ติ ัวอยางของการทดลองสุมน้ี จะได n(S ) = 40 ให E แทนเหตุการณทไ่ี ดน ักกีฬาท่ีมีฝาแฝด เนื่องจากมีนักกีฬาทีม่ ีฝาแฝด 3 คู ซ่ึงหมายถึงมีนักกีฬา 6 คนท่มี ีฝาแฝด นั่นคือ n(E) = 6 จะได P(E=) 6= 3 40 20 ดงั นัน้ ความนาจะเปน ทจี่ ะสุมไดนกั กฬี าทีม่ ฝี าแฝด เทากบั 3 20 21. ให S แทนปรภิ ูมติ ัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n=(S ) C=12, 4 12 ×11×10 × 9 4× 3× 2 ให E แทนเหตุการณทีไ่ ดเ งาะ 2 ผล และสม กับชมพูอยา งละ 1 ผล ขนั้ ท่ี 1 มวี ิธที ่จี ะหยบิ ไดเงาะ 2 ผล จะได C4, 2 = 4×3 วธิ ี 2 ข้ันที่ 2 มีวิธที ี่จะหยบิ ไดสม 1 ผล จะได C3,1 = 3 วธิ ี ข้นั ที่ 3 มวี ิธีที่จะหยิบไดช มพู 1 ผล จะได C5,1 = 5 วิธี โดยหลกั การคูณ มีวิธที ี่จะหยิบผลไมจ ากตะกรา 4 ผล พรอมกัน โดยไดเงาะ 2 ผล และสมกับชมพูอยางละ 1 ผล 4×3 ×3×5 วธิ ี 2 นน่ั คือ n(E=) 4× 3 × 3× 5 2 จะได P( E=) 4×3×3×5× 4×3×2 2 12 ×11×10 × 9 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 229 ดังน้ัน ความนา จะเปนที่จะหยิบผลไมจากตะกรา 4 ผล พรอมกัน โดยไดเ งาะ 2 ผล และสม กับชมพูอยา งละ 1 ผล เทา กบั 2 11 22. ให S แทนปรภิ ูมิตัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S ) = 5× 5× 5 ให E แทนเหตกุ ารณทีช่ ายคนน้ใี สจ ดหมายในตูไมซ ้าํ กันเลย น่นั คือ n(E) = 5× 4× 3 จะได =P(E) 5=× 4 × 3 12 5×5×5 25 ดังนัน้ ความนา จะเปนท่ีชายคนน้ีจะใสจ ดหมายในตูท ีไ่ มซ ้าํ กนั เลย เทากับ 12 25 23. ให S แทนปริภมู ติ วั อยา งของการทดลองสุมนี้ จะได ( )n S = C5, 1 × C5, 1 = 25 1) ให E1 แทนเหตุการณที่ไดบัตรท้งั สองใบมหี มายเลขเดยี วกัน มวี ธิ ีไดบตั รสองใบทีม่ หี มายเลขเดียวกัน 5 วิธี คอื (2, 2), (5, 5), (6, 6), (7, 7) และ (8, 8) นั่นคอื n(E1 ) = 5 จะได P ( E=1 ) 5= 1 25 5 ดังนนั้ ความนาจะเปน ทีไ่ ดบ ัตรทงั้ สองใบมหี มายเลขเดยี วกัน เทากบั 1 5 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณทไ่ี ดบ ัตรทัง้ สองใบมีหมายเลขไมซา้ํ กนั เนือ่ งจาก มีวธิ หี ยบิ ไดบัตรสองใบท่มี ีหมายเลขซํา้ กัน 5 วธิ ี ดังน้ัน มวี ิธหี ยบิ บตั รไดบัตรสองใบที่มหี มายเลขไมซ้าํ กัน 25 − 5 =20 วธิ ี นน่ั คือ n(E2 ) = 20 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
230 คูม อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 4 จะได P ( E=2 ) 2=0 4 25 5 ดงั นั้น ความนาจะเปน ที่ไดบตั รทง้ั สองใบมหี มายเลขไมซาํ้ กัน เทา กับ 4 5 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณทไ่ี ดบัตรท้ังสองใบมหี มายเลขเปน จาํ นวนคู เนื่องจาก บตั รทีม่ หี มายเลขเปนจํานวนคมู ี 3 ใบ คือ 2, 6 และ 8 นน่ั คอื ( )n E3 = C3, 1 × C3, 1 = 9 จะได P ( E3 ) = 9 25 ดังนั้น ความนาจะเปน ทไี่ ดบตั รทัง้ สองใบมีหมายเลขเปนจาํ นวนคู เทา กบั 9 25 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณทไ่ี ดบัตรทมี่ ผี ลบวกของหมายเลขบนหนา บัตรท้ังสองเปน จํานวนคู ในการหยิบใหไดบตั รท่ีมีผลบวกของหมายเลขบนหนา บัตรทัง้ สองเปนจํานวนคู เปน ได 2 กรณี กรณีท่ี 1 หมายเลขบนหนา บัตรท้ังสองเปน จํานวนคู จาํ นวนคู จาํ นวนคู ใบที่ 1 ใบที่ 2 มวี ิธหี ยบิ ไดบ ัตรสองใบมีหมายเลขเปน จํานวนคู C3,1 ×C3,1 =9 วธิ ี กรณที ี่ 2 หมายเลขบนหนาบตั รท้ังสองเปน จาํ นวนค่ี จํานวนค่ี จํานวนคี่ ใบท่ี 1 ใบท่ี 2 มวี ธิ ีหยบิ ไดบตั รสองใบมหี มายเลขเปนจํานวนคี่ C2,1 ×C2,1 =4 วธิ ี โดยหลกั การบวก จะมวี ธิ ีหยิบไดบ ตั รทีม่ ีผลบวกของหมายเลขบนบัตรท้งั สองเปน จํานวนคู 9 + 4 =13 วธิ ี สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 4 231 นน่ั คือ n(E4 ) =13 จะได P ( E4 ) = 13 25 ดงั นัน้ ความนาจะเปน ทหี่ ยบิ ไดบ ตั รทีม่ ีผลบวกของหมายเลขบนหนา บตั รท้ังสอง เปนจาํ นวนคู เทา กับ 13 25 24. ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยางของการทดลองสุม น้ี จะได n(S ) = P20, 4 = 20 ×19 ×18×17 ให E แทนเหตุการณทีส่ มศรีไดเปนนายกชมรมและสมปองไดเปน อุปนายกชมรม ขัน้ ท่ี 1 มีวิธีที่สมศรีไดเ ปนนายกชมรม 1 วิธี ขัน้ ท่ี 2 มวี ิธที ่ีสมปองไดเปนอุปนายกชมรม 1 วิธี ขั้นที่ 3 มวี ิธเี ลือกเลขานุการจากสมาชิก 18 คนที่เหลอื 18 วธิ ี ขัน้ ที่ 4 มวี ิธีเลือกเหรัญญกิ จากสมาชิก 17 คนที่เหลอื 17 วิธี โดยหลกั การคูณ มีวิธีเลือกคณะกรรมการทีส่ มศรีไดเปน นายกชมรมและสมปองไดเปน อปุ นายกชมรม 1×1×18×17 วิธี นน่ั คือ n(E=) 18×17 =จะได P(E) =18 ×17 1 20 ×19 ×18×17 380 ดังนน้ั ความนา จะเปนทส่ี มศรีไดเปนนายกชมรมและสมปองไดเ ปน อุปนายกชมรม เทากับ 1 380 25. ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S=) C52,=2 26 × 51 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท่ไี ดไพสีแดงท้งั สองใบ นัน่ คือ n( E1=) C26, =2 13× 25 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
232 คูม อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 4 จะได =P ( E1 ) 1=3× 25 25 26 × 51 102 ดงั น้นั ความนา จะเปน ท่จี ะไดไพสแี ดงทัง้ สองใบ เทากบั 25 102 2) ให E2 แทนเหตุการณท่ไี ดไพโพดาํ และโพแดง นน่ั คอื ( )n E2 =C13, 1 × C13, 1 =13×13 จะได P=( E2 ) 1=3 × 13 13 26 × 51 102 ดังน้นั ความนาจะเปน ท่ีจะไดไพโพดําและโพแดง เทากบั 13 102 3) ให E3 แทนเหตุการณทไ่ี ดไพ J ทง้ั สองใบ นัน่ คือ n( E=3 ) C=4, 2 6 จะได =P ( E3 ) =6 1 26 × 51 221 ดงั นัน้ ความนา จะเปน ทจี่ ะไดไพ J ท้ังสองใบ เทากับ 1 221 26. ให S1 แทนปรภิ ูมติ วั อยา งของการทดลองสุมหยบิ สลาก 2 ใบ โดยใสส ลากคืนกอนจะ หยิบสลากใบท่ีสอง จะได ( )n S1 = C10, 1 × C10, 1 =100 ให E1 แทนเหตุการณที่ผลบวกของหมายเลขบนสลากทั้งสองเทา กบั 10 เมอ่ื ใสส ลากคืนกอนหยบิ สลากใบทีส่ อง จะได E1 = {(1, 9), (2, 8), (3, 7), (4, 6), (5, 5), (6, 4), (7, 3), (8, 2), (9, 1)} นั่นคือ n(E1 ) = 9 จะได P ( E=1 ) =9 0.09 100 ให S2 แทนปริภมู ติ วั อยางของการทดลองสมุ หยิบสลาก 2 ใบ โดยไมใ สส ลากคนื กอนจะ หยิบสลากใบที่สอง สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 233 จะได ( )n S2 = C10, 1 × C9, 1 = 90 ให E2 แทนเหตุการณท ผ่ี ลบวกของหมายเลขบนสลากทงั้ สองเทากบั 10 เม่อื ไมใ สสลากคนื กอนหยบิ สลากใบท่ีสอง จะได E2 = {(1, 9), (2, 8), (3, 7), (4, 6), (6, 4), (7, 3), (8, 2), (9, 1)} นั่นคอื n(E2 ) = 8 จะได P ( E=2 ) 8 ≈ 0.089 90 เนอ่ื งจาก P(E1 ) > P(E2 ) นั่นคือ ความนาจะเปนที่ผลบวกของหมายเลขบนสลากทั้งสองเทากับ 10 เมื่อหยิบสลาก แบบใสคืนมากกวาความนา จะเปนทีผ่ ลบวกของหมายเลขบนสลากท้ังสองเทา กับ 10 เมอื่ หยบิ สลากแบบไมใ สค ืน ดงั น้ัน แหวนควรจะใสสลากคืนกอนจะหยบิ สลากใบท่ีสอง 27. ให S แทนปริภูมติ ัวอยา งของการทดลองสุม น้ี จะได ( )n S = C5, 1 × C4, 1 = 20 ให E แทนเหตกุ ารณท ช่ี ายคนน้ีจะสวมเส้อื และกางเกงสีตางกัน เน่ืองจาก มวี ธิ ีแตงตัวโดยสวมเสอ้ื และกางเกงสีเดียวกัน (เสอ้ื สีดาํ และกางเกงสีดํา) C1, 1 × C2, 1 =2 ดงั น้นั เหตุการณทช่ี ายคนน้จี ะสวมเสือ้ และกางเกงสีตา งกนั มีได 20 – 2 = 18 วธิ ี น่ันคือ n(E) =18 จะได P(E=) 1=8 9 20 10 ดังนั้น ความนา จะเปนที่ชายคนน้ีจะสวมเสอ้ื และกางเกงสีตางกนั เทากับ 9 10 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
234 คูมอื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 4 28. ให S แทนปริภูมติ วั อยา งของการทดลองสมุ นี้ จะได n(=S ) C=20 , 3 20 ×19 ×18 3× 2 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ี่จะไดพัดลมท่ีมีคุณภาพดีมากท้งั สามเครือ่ ง นั่นคือ n( E=1 ) C=8,3 8×7×6 3× 2 จะได P ( E1 ) =8× 7 × 6 × 3× 2 =14 3× 2 ×19 ×18 285 20 ดังนน้ั ความนา จะเปนที่จะไดพัดลมท่ีมีคุณภาพดมี ากทงั้ สามเครอ่ื ง เทา กบั 14 285 2) ให E2 แทนเหตุการณที่จะไดพ ัดลมทมี่ ีคุณภาพปานกลางท้ังสามเคร่ือง น่ันคอื n( E=2 ) C=3,3 1 จะได P ( E2 ) =1× 3× 2 =1 20 ×19 ×18 1140 ดงั นั้น ความนาจะเปน ทีจ่ ะไดพดั ลมท่ีมคี ณุ ภาพปานกลางท้ังสามเครอ่ื ง เทากับ 1 1140 3) วิธที ่ี 1 ให E3 แทนเหตกุ ารณท จ่ี ะไดพัดลมทม่ี ีคุณภาพปานกลางอยางนอ ยหนึ่งเคร่ือง ซงึ่ แบง เปน 3 กรณี ดังน้ี กรณีท่ี 1 มีวธิ ที ่ีจะไดพัดลมท่ีมีคุณภาพปานกลางเพยี งเครื่องเดียว วธิ ีC3,1 × C17,2 =408 กรณีท่ี 2 มวี ิธีทจ่ี ะไดพดั ลมท่ีมคี ุณภาพปานกลางสองเครื่อง C3,2 ×C17,1 =51 วธิ ี กรณีท่ี 3 มีวธิ ที ่ีจะไดพัดลมท่ีมีคุณภาพปานกลางทัง้ สามเคร่ือง C3,3 =1 วิธี โดยหลักการบวก จะมีวธิ ที จ่ี ะไดพ ัดลมคณุ ภาพปานกลางอยางนอ ยหน่ึงเครือ่ ง เทากับ 408 + 51+1 =460 วธิ ี น่นั คอื n(E3 ) = 460 จะได P ( E3 ) =460 × 3× 2 =23 20 ×19 ×18 57 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 235 ดังน้นั ความนาจะเปนท่จี ะไดพดั ลมท่ีมคี ุณภาพปานกลางอยางนอ ยหน่งึ เครอื่ ง เทากับ 23 57 วิธที ่ี 2 ให E3 แทนเหตกุ ารณท ี่ไมไดพัดลมทมี่ คี ุณภาพปานกลางเลย นั่นคือ n( E3 ) = C17, 3 = 17! = 17 ×16 ×15 = 17 ×8× 5 วธิ ี 14!3! 3× 2 จะได P ( E3 ) = 17 × 8× 5× 3× 2 = 34 20 ×19 ×18 57 ดงั นนั้ ความนาจะเปนทจ่ี ะไดพัดลมที่มีคณุ ภาพปานกลางอยางนอ ยหนง่ึ เครื่อง เทา กบั 1− P ( E3 ) =1 − 34 =23 57 57 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณทีจ่ ะไดพ ัดลมท่มี คี ุณภาพดีมากสองเครื่องและปานกลาง หนึง่ เคร่ือง น่นั คอื ( )nE4 = C8, 2 × C3,1 = 8×7×3 2 จะได P ( E4 ) =8 × 7 × 3 × 3× 2 =7 2 ×19 ×18 95 20 ดังนนั้ ความนาจะเปนทจ่ี ะไดพดั ลมท่ีมีคณุ ภาพดีมากสองเครอื่ งและปานกลาง หนงึ่ เครือ่ ง เทา กับ 7 95 5) ให E5 แทนเหตกุ ารณทีจ่ ะไดพ ัดลมท่ีมีคุณภาพดีมาก ดี และปานกลางอยางละเครือ่ ง นน่ั คือ ( )n E5 = C8,1 × C9,1 × C3,1 = 8 × 9 × 3 จะได P ( E5 ) = 8 × 9 × 3× 20 3× 2 = 18 ×19 ×18 95 ดังน้นั ความนา จะเปน ทจ่ี ะไดพดั ลมที่มคี ณุ ภาพดีมาก ดี และปานกลางอยา งละเคร่ือง เทา กับ 18 95 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
236 คมู อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 แหลงเรยี นรเู พม่ิ เตมิ forvo.com เปนเว็บไซตท่ีรวบรวมการออกเสียงคําในภาษาตาง ๆ กอต้ังข้ึนเม่ือ ค.ศ. 2008 โดยมีจุดมุงหมายเพอื่ พฒั นาการส่ือสารทางการพูด ผานการแลกเปล่ียนการออกเสียงคําในภาษา ตาง ๆ ท้ังจากบุคคลท่ีเปนเจาของภาษาและบุคคลท่ีไมใชเจาของภาษา forvo.com ไดรับคัดเลือก จากนติ ยสาร Times ใหเปน 50 เว็บไซตที่ดีท่ีสุดใน ค.ศ. 2013 (50 best websites of 2013) ปจจุบัน เว็บไซตน้ีเปนฐานขอมูลท่ีรวบรวมการออกเสียงที่ใหญท่ีสุด มีคลิปเสียงที่แสดงการออกเสียง คําศัพทป ระมาณสล่ี า นคาํ ในภาษาตา ง ๆ มากกวา 330 ภาษา ครูอาจใชเว็บไซต forvo.com เพื่อศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับการออกเสียงคําศัพทคณิตศาสตร หรอื ชอ่ื นกั คณิตศาสตรในภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ที่ปรากฏในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 ได เชน finite set และ infinite set ซ่ึงเปนคําศัพท คณติ ศาสตรใ นภาษาอังกฤษ หรอื Georg Cantor ซง่ึ เปนชอื่ นกั คณิตศาสตรชาวเยอรมัน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 237 บรรณานุกรม สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลย.ี (2524). คูมือครูวิชาคณิตศาสตร ค 012 ตาม หลักสูตรมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พุทธศักราช 2524 ของกระทรวงศกึ ษาธิการ. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พคุรุสภาลาดพรา ว. สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี. (2558). คูมือครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร เลม 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 4 – 6 กลมุ สาระการเรียนรูคณิตศาสตร ตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ สกสค. ลาดพราว. สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลย.ี (2556). คมู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร เลม 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 4 – 6 กลมุ สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ สกสค. ลาดพรา ว. สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลย.ี (2554). คูมือครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร เลม 4 ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 4 – 6 กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ สกสค. ลาดพรา ว. สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี. (2557). คูมือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร เลม 1 ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 – 6 กลมุ สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ สกสค. ลาดพราว. สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี. (2561). หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 ตามผลการเรยี นรูกลมุ สาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ สกสค. ลาดพรา ว. สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
238 คูมอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลย.ี (2557). หนังสือเรยี นรูเพ่ิมเตมิ เพ่ือเสริม ศกั ยภาพคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 4 – 6 ระบบจาํ นวนจริง. กรุงเทพฯ: พฒั นา คุณภาพวิชาการ. สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน. (2552). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพช มุ นุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย. สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256