คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 5 241 แบบฝก หัด 3.2.2 ( )1. 1) จาก Sn = a1 1 − rn 1− r จะได 3(1− 24 ) S4 = 1− 2 3(24 −1) = 2 −1 = 45 ดงั น้นั ผลบวก 4 พจนแ รกของอนกุ รมเรขาคณิตน้ี คือ 45 ( )2) จาก Sn = a1 1 − rn 1− r จะได 5(1− 47 ) S7 = 1− 4 5(47 −1) = 4 −1 = 5 (47 −1) 3 ดังน้ัน ผลบวก 7 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณติ นี้ คือ (5 47 −1) 3 ( )3) จาก Sn = a1 1 − rn 1− r จะได S9 = (−3)(1− 59 ) 1−5 (−3)(59 −1) = 5 −1 ( )= − 3 59 −1 4 ดงั นัน้ ผลบวก 9 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ (− 3 59 −1) 4 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
242 คมู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 ( )4) จาก Sn = a1 1 − rn 1− r ( )จะได S11 = (−7) 1− 311 1−3 ( )(−7) 311 −1 = 3−1 ( )= − 7 311 −1 2 ดงั นน้ั ผลบวก 11 พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณติ นี้ คือ (− 7 311 −1) 2 ( )5) จาก Sn = a1 1 − rn 1− r ( )จะได S14 = (−5) 1− (−2)14 1− (−2) ( )= 5 214 −1 3 ดังนน้ั ผลบวก 14 พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณิตน้ี คอื (5 214 −1) 3 2. 1) อนุกรมเรขาคณติ ท่ีกําหนดใหมี a1 = 2 และ r = 3 แทน n ดว ย 9 ใน Sn = ( )a1 1− rn จะได 1− r 2(1− 39 ) S9 = 1− 3 (2 39 −1) = 3−1 = 39 −1 ดังนั้น ผลบวก 9 พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณติ นี้ คือ 39 −1 2) อนุกรมเรขาคณิตที่กําหนดใหมี a1 = 9 และ =r 1=2 4 9 3 แทน n ดว ย 8 ใน Sn = ( )a1 1− rn จะได 1− r สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 5 243 9 − 4 8 1 3 S8 = 1− 4 3 9 4 8 3 − 1 = 4 −1 3 = 4 8 9 3 − 1 1 3 = 27 4 8 − 3 1 ดังนั้น ผลบวก 8 พจนแ รกของอนกุ รมเรขาคณติ นี้ คือ 27 4 8 3 − 1 3) อนุกรมเรขาคณิตที่กาํ หนดใหมี a1 = 2 และ r= 2 3 3 แทน n ดว ย 10 ใน Sn = ( )a1 1− rn จะได 1− r 2 − 2 10 3 1 3 = S10 1− 2 3 = 2 − 2 10 1 3 ดงั นั้น ผลบวก 10 พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 2 − 2 10 1 3 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
244 คมู อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 3. 1) อนุกรมท่ีกําหนดใหม ี a1 = 9, r = 3 และ an = 729 จาก an = a1rn−1 จะได ( )729 = 9 3n−1 81 = 3n−1 34 = 3n−1 น่ันคือ n −1 = 4 n =5 แทน n ดว ย 5 ใน Sn = ( )a1 1− rn จะได 1− r 9(1− 35 ) S5 = 1− 3 9(35 −1) = 3−1 = 9 (243 −1) 2 = 1,089 ดงั น้ัน ผลบวกของอนุกรมเรขาคณติ นี้ คือ 1,089 2) อนุกรมท่ีกําหนดใหมี a1 = 4, r=1 และ an = 1 2 512 จาก an = a1rn−1 จะได 1 1 n −1 512 2 = 4 1 = 1 n−1 211 2 1 11 = 1 n−1 2 2 น่นั คอื n −1 = 11 n = 12 แทน n ดว ย 12 ใน Sn = ( )a1 1− rn จะได 1− r สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 245 4 − 1 12 1 2 S12 = = 1− 1 2 − 1 12 81 2 ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 8 − 1 12 1 2 3) อนกุ รมทีก่ าํ หนดใหมี a1 =1, r = −2 และ an = 256 จาก an = a1rn−1 จะได 256 = 1(−2)n−1 (−2)8 = (−2)n−1 นน่ั คือ n −1 = 8 n=9 แทน n ดว ย 9 ใน Sn = ( )a1 1− rn จะได 1− r ( )1 1− (−2)9 S9 = 1− (−2) = 1 (1+ 512) 3 = 171 ดังนั้น ผลบวกของอนกุ รมเรขาคณติ นี้ คือ 171 4. จํานวนเงนิ ท่ีมงั กรต้ังใจจะออมในแตล ะวัน เขียนเปน ลําดับเรขาคณติ ดังนี้ 1, 2, 4, 8, จากลาํ ดบั เรขาคณติ ทไ่ี ดมี a1 =1 และ r = 2 หาจํานวนเงนิ ท้ังหมดท่ีมงั กรออมไว 15 วนั ได โดยแทน n ดวย 15 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r ( )จะได 1 1 − 215 S15 = 1 − 2 ( )1 215 −1 = 2 −1 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
246 คมู อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 S15 = 215 −1 = 32,767 ดงั นัน้ เมือ่ ครบ 15 วัน มังกรจะมเี งินออมท้งั หมด 32,767 บาท 5. เมือ่ ครบไตรมาสที่ 2 เขาจะทํายอดขายได 300,000 + 300,000(0.03) = 300,000(1+ 0.03) = 300,000(1.03) บาท เมอ่ื ครบไตรมาสท่ี 3 เขาจะทํายอดขายได 300,000(1.03) + 300,000(1.03)(0.03) = 300,000(1.03)(1+ 0.03) = 300,000(1.03)2 บาท จะเห็นวา ยอดขายท่ีผจู ัดการคนน้ตี ้ังใจทจ่ี ะทาํ ในทกุ ๆ ไตรมาส เปน ลําดบั เรขาคณิต 300000, 300000(1.03), 300000(1.03)2 , ที่มี a1 = 300,000 และ r = 1.03 จากพจนท ี่ n ของลาํ ดบั เรขาคณติ คือ an = a1rn−1 จะได an = 300,000(1.03)n−1 = 300,000(1.03)n−1 ดังนัน้ พจนท ี่ n ของลาํ ดบั เรขาคณิตน้ี คือ an = 300,000(1.03)n−1 1) ในทีน่ ้ี n = 9 จะได a9 = 300,000(1.03)8 ≈ 380,031.02 ดงั นน้ั ไตรมาสแรกของปท ี่ 3 เขาควรจะทํายอดขายไดป ระมาณ 380,031.02 บาท 2) หาจํานวนยอดขายรวมเมื่อครบสองป โดยการแทน n ดว ย 8 ใน ( )a1 1− rn Sn = 1− r ( )จะได 300000 1−1.038 S8 = 1 − 1.03 ( )300000 1.038 −1 = 1.03 −1 ≈ 2,667,700.81 ดงั นัน้ เมอื่ ครบสองป เขาควรจะทาํ ยอดขายรวมจากวันท่ีเขาวางแผนไดป ระมาณ 2,667,700.81 บาท สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 5 247 6. วธิ ที ่ี 1 เรมิ่ ตนถังใบหนึ่งมนี ํ้า 5,832 ลิตร เมอื่ ครบวนั ท่ี 1 จะเหลอื น้ําในถัง 5,832 − 1 (5,832) 3 = 5,832 1 − 1 3 = 5, 832 2 ลิตร 3 เม่ือครบวนั ท่ี 2 จะเหลือนาํ้ ในถัง (5, 832) 2 − 1 ( 5, 832 ) 2 3 3 3 = ( 5,832) 2 1 − 1 3 3 = (5,832) 2 2 ลิตร 3 เม่ือครบวนั ที่ 3 จะเหลือนาํ้ ในถงั (5,832) 2 2 − 1 ( 5, 832 ) 2 2 3 3 3 = ( 5, 832) 2 2 1 − 1 3 3 = ( 5, 832) 2 3 ลติ ร 3 พจิ ารณาลําดับ 5832 2 , 5832 2 2 , 5832 2 3 , พบวา ลําดับดงั กลา ว 3 3 3 เปน ลาํ ดับเรขาคณิตทีม่ ี a1 = 5,832 2 และ r = 2 3 3 แทน n ดวย 6 ใน an = a1rn−1 จะได a6 = 5, 832 2 2 6−1 3 3 = 5, 832 2 6 3 = 512 ดงั นน้ั เม่ือครบ 6 วัน จะมนี ํ้าเหลอื อยใู นถงั 512 ลิตร สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
248 คมู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 วธิ ที ่ี 2 พิจารณาลําดบั 1 ( 5832 ) , 1 ( 5832 ) 2 , 1 ( 5832) 2 2 ซึ่งแทนนํา้ ทีใ่ ชไ ป 3 3 3 3 3 เมอ่ื ครบวันที่ 1, 2 และ 3 ตามลําดับ ลาํ ดบั ดังกลา วเปน ลําดบั เรขาคณติ ทม่ี ี a1 = 1 (5,832) และ r = 2 3 3 แทน n ดวย 6 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r 1 (5, 832 ) − 2 6 3 1 3 จะได S6 = = 5,320 1− 2 3 นนั่ คือ เมื่อครบ 6 วนั ใชน้าํ ไปท้ังหมด 5,320 ลิตร ดงั นัน้ เม่อื ครบ 6 วนั จะมีนา้ํ เหลอื อยูใ นถงั 5,832 − 5,320 =512 ลติ ร 7. เมอื่ ครบ 1 ป รถยนตค นั นจ้ี ะมมี ลู คา ลดลง 20 (1,000,000) = 200,000 บาท 100 นั่นคอื มลู คารถยนตจะเหลือ 800,000 บาท เมือ่ ครบ 2 ป รถยนตค ันนจ้ี ะมีมลู คา ลดลง 20 (800,000) =160,000 บาท 100 นั่นคือ มลู คารถยนตจ ะเหลือ 640,000 บาท เมอื่ ครบ 3 ป รถยนตค ันน้จี ะมมี ูลคา ลดลง 20 (640,000) =128,000 บาท 100 นั่นคือ มูลคารถยนตจ ะเหลอื 512,000 บาท จะเห็นวา มูลคารถยนตที่ลดลงในปท ่ี 1, 2, 3, เปนลาํ ดบั เรขาคณิตที่มี a1 = 200,000 และ r = 4 5 น่ันคอื มลู คา รถยนตทีล่ ดลงเม่อื เวลาผา นไป 5 ป คือ S5 ( )Sn แทน n ดว ย 5 ใน = a1 1− rn 1− r 200, 000 − 4 5 1 5 จะได S5 = = 672,320 1− 4 5 ดังนั้น เม่อื ครบหา ปรถยนตคันนีจ้ ะมมี ูลคา 1,000,000 − 672,320 =327,680 บาท สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 249 แบบฝก หดั 3.3 1. 1) ในท่นี ี้ =P 100000,=k 1,=n 10 และ r = 0.04 จะไดจ ํานวนเงนิ รวม คือ 100,000(1+ 0.04)10 หรอื ประมาณ 148,024.43 บาท ดังน้ัน เม่อื ฝากเงนิ ครบ 10 ป จะมีเงินรวมประมาณ 148,024.43 บาท 2) ใหจํานวนเงินรวมเพม่ิ ขนึ้ เปน สามเทา ของเงนิ ตน จะได 300,000 = 100,000(1+ 0.04)n (1.04)n = 3 เนอ่ื งจาก (1.04)28 ≈ 2.9987 และ (1.04)29 ≈ 3.1187 จะไดวา ตองฝากครบ 29 ป จะทาํ ใหมเี งินเพมิ่ ขึน้ เปนอยา งนอยสามเทาของเงนิ ตน 2. 1) ถา ธนาคารคิดดอกเบยี้ ใหค รงั้ สดุ ทายครง้ั เดยี ว จะได จํานวนเงินในบัญชี เม่ือครบปท ่ี n คือ 100,000 + 3 (100,000) n =100,000 + 3,000n บาท 100 2) ถา ธนาคารนําดอกเบีย้ เขา บญั ชีเงินฝากทุก ๆ ป จะได จาํ นวนเงินบญั ชีเมื่อครบปท ่ี n คือ 100,000(1+ 0.03)n =100,000(1.03)n บาท 3. ในที่น้ี=P 100000=, k 4=, n 10 และ r = 0.04 จะไดจํานวนเงนิ รวม คือ 100, 000 1 + 0.04 40 หรือประมาณ 148,886.37 บาท 4 ดังนั้น เมื่อฝากครบ 10 ป จะมีเงินรวมประมาณ 148,886.37 บาท 4. =ในที่นี้ P 1=00000, k 1 และ n =10 และมเี งนิ รวม 141,060 บาท จะได 100,000(1+ r )10 = 141,060 (1+ r )10 = 1.4106 1 + r = 10 1.4106 r = 10 1.4106 −1 r ≈ 0.035 ดงั นั้น ธนาคารแหงนีใ้ หอัตราดอกเบ้ยี ประมาณ 3.5% ตอป สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
250 คมู อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 5. 01 2 เม่ือฝากเงนิ ครบ 15 ป เงนิ ฝากในคร้งั แรกจะมมี ลู คา ในอนาคตเทากบั 100,000(1.03)15 บาท เงินฝากในคร้งั ที่สองจะมีมลู คาในอนาคตเทากบั 100,000(1.03)14 บาท เงนิ ฝากในครง้ั ทีส่ ามจะมีมลู คาในอนาคตเทา กบั 100,000(1.03)13 บาท และเงนิ ฝากในครงั้ สดุ ทาย จะมีมลู คา ในอนาคตเทา กบั 100,000(1.03) บาท ดงั น้นั เม่อื สนิ้ ปท ี่ 15 จะไดรับเงินรวม 100,000(1.03)15 +100,000(1.03)14 +100,000(1.03)13 + +100,000(1.03) หรอื 100,000(10.3) +100,000(1.03)2 + +100,000(1.03)15 ซ่ึงเปนอนุกรมเรขาคณิตท่ีมี 15 พจน พจนแรก คือ 100,000(1.03) และอัตราสว นรว ม คือ 1.03 จะได เงนิ รวม คือ 100, 000 (1.03) 1 − (1.03)15 หรือประมาณ 1,915,688.13 บาท 1 − 1.03 ดงั นั้น เมอ่ื ฝากเงินครบ 15 ป จะมีเงินรวมประมาณ 1,915,688.13 บาท 6. 1) ใน=ทนี่ ี้ S 10000=00, r 0=.04, n 20 และ k = 1 จะได มลู คาปจจุบนั ของเงนิ รวม 1,000,000 บาท คือ P = 1000000(1+ 0.04)−20 = 456,386.95 บาท ดงั น้ัน ราตรีตอ งฝากเงินตน ไวอ ยา งนอย 456,386.95 บาท สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 251 2) ให P เปน เงินฝาก เม่ือครบ 1 ป จะมีเงินรวม P + P(0.04) =P(1.04) บาท และฝากเงินเพิม่ อีก 2,000 บาท นน่ั คอื จะมเี งนิ รวม 2,000 + P(1.04) บาท เมื่อครบ 2 ป จะมีเงนิ รวม 2,000 + P(1.04) + (2,000 + P(1.04))(0.04) = 2,000(1.04) + P (1.04)2 และฝากเงินเพ่ิมอีก 2,000 บาท นน่ั คือ จะมีเงินรวม 2,000 + 2,000(1.04) + P(1.04)2 บาท เม่ือครบ 3 ป จะมีเงินรวม ( )2,000 + 2,000(1.04) + P(1.04)2 + 2,000 + 2,000(1.04) + P(1.04)2 (0.04) = 2,000(1.04) + 2,000(1.04)2 + P(1.04)3 บาท น่ันคือ เม่ือสิน้ ปท ี่ 20 จะมีเงนิ รวม 2,000(1.04) + 2,000(1.04)2 + + 2,000(1.04)19 + P (1.04)20 บาท พจิ ารณาอนกุ รม 2,000(1.04) + 2,000(1.04)2 + + 2,000(1.04)19 ซึ่งเปนอนุกรม เรขาคณติ ทีม่ ี 19 พจน พจนแ รก คอื 2,000(1.04) และอัตราสว นรว ม คือ 1.04 ( )จะได ผลบวกของอนุกรมน้ี เทากับ 2,000(1.04) 1− (1.04)19 1 −1.04 ( )น่ันคอื เม่ือสนิ้ ปท ่ี 20 มีเงนิ รวม 2,000(1.04) 1− (1.04)19 + P(1.04)20 บาท 1 −1.04 ( )จะได 1,000,000 = 2,000(1.04) 1− (1.04)19 + P (1.04)20 1 −1.04 P = 430,119.07 บาท ดังนั้น ราตรตี องฝากเงินตน ไวอยา งนอย 430,119.07 บาท 7. เนือ่ งจากอนนั ตมกี ําหนดชาํ ระหนี้ 2 งวด ดงั นน้ั จะตองหามลู คาปจจุบนั ของเงนิ แตล ะงวด แลว จงึ นาํ มารวมกนั งวดที่ 1 ในทน่ี =้ี S 12682.42=, k 4=, n 3 และ r = 0.08 จะได มลู คาปจจบุ ันของเงิน 12,682.42 บาท คอื 0.08 −12 12, 682.42 1 + 4 หรอื ประมาณ 10,000 บาท สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
252 คูมอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 งวดที่ 2 ในทนี่ ้ี =S 26115.36=, k 4=, n 7 และ r = 0.08 จะได มลู คาปจจุบนั ของเงิน 26,115.36 บาท คอื 0.08 −28 26,115.36 1 + 4 หรอื ประมาณ 15,000 บาท 8. ดังนน้ั อนันตก ูเงินจากวเิ ชยี รประมาณ 10,000 +15,000 =25,000 บาท 01… สดุ าฝากเงินตอนตน งวดทุกเดือนเปน เวลา 5 ป ในทน่ี ี้ =R 2000,=i 3= 0.25, =n 60 แล=ะ r 0=.25 0.0025 12 100 ดงั นัน้ เม่ือสิ้นปที่ 5 เงินรวมของสุดา คือ 2,000(1.0025) + 2,000(1.0025)2 + + 2,000(1.0025)60 ซึง่ เปนอนุกรมเรขาคณติ ที่มี 60 พจน พจนแ รก คอื 2,000(1.0025) และอัตราสวนรวม คือ 1.0025 จะได เงินรวม คือ ( ) ( )2,000(1.0025) 1− (1.0025)60 2,000(1.0025) (1.0025)60 −1 หรอื = 1 −1.0025 1.0025 −1 ประมาณ 129,616.66 บาท ดังนัน้ เม่อื สนิ้ ปท ี่ 5 สดุ าจะไดเงนิ รวมประมาณ 129,616.66 บาท สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 253 9. 0 1… ทอแสงฝากเงนิ ตอนสิน้ งวดทุกเดือนเปนเวลา 4 ป ในท่นี ี้ R= 3000, =i 6= 1.5, n= 16 และ=r 1=.5 0.015 4 100 ดังนน้ั เม่อื สน้ิ ปที่ 4 เงินรวมของทอแสง คือ 3,000 + 3,000(1.015) + 3,000(1.015)2 + + 3,000(1.015)15 ซง่ึ เปนอนุกรมเรขาคณิตทีม่ ี 16 พจน พจนแรก คือ 3,000 และอตั ราสว นรวม 1.015 ( ) ( )จะได เงนิ รวม คือ 3,000 1 − (1.015)16 3,000 (1.015)16 −1 หรอื = 1 −1.015 1.015 −1 ประมาณ 53,797.11 บาท ดงั น้นั เม่อื สิน้ ปท ี่ 4 ทอแสงจะไดเ งนิ รวมประมาณ 53,797.11 บาท สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
254 คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 3 … 59 60 10. 012 ให R แทนคา งวดท่ีใบเตยตองผอ นชําระทุกสิน้ เดือน ในที่น้ี =i 3= 0.25 และ=r 0=.25 0.0025 12 100 เน่อื งจากใบเตยจา ยเงินดาวน 200,000 บาท ทาํ ใหเ หลอื เงินทีต่ องชาํ ระอีก 500,000 บาท โดยใบเตยจะผอ นชําระทุกเดือนเปนเวลา 60 เดือน จะตองหามูลคา ปจ จุบนั ของเงินผอน แตล ะงวด แลว จึงนํามารวมกัน เนอ่ื งจาก มูลคาปจจบุ นั ของเงินผอนงวดที่ 1, 2, …, 60 คือ R (1.0025)−1 , R (1.0025)−2 ,, R (1.0025)−60 ผลรวมของมูลคา ปจ จบุ ันของเงนิ ผอนแตล ะงวด คือ R (1.0025)−1 + R (1.0025)−2 + + R (1.0025)−60 ซึ่งเปนอนุกรมเรขาคณติ ทมี่ ี 60 พจน พจนแ รก คือ R(1.0025)−1 และอตั ราสวนรวม คือ (1.0025)−1 ( )จะได ผลรวมของมูลคาปจจบุ นั ของเงนิ ผอนทั้งหกสิบงวด คือ R (1.0025)−1 1 − (1.0025)−60 1 − (1.0025)−1 เน่ืองจากใบเตยเหลอื เงนิ ทตี่ องชําระอีก 500,000 บาท จะไดว า สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 255 500,000 = ( )R (1.0025)−1 1− (1.0025)−60 1 − (1.0025)−1 ( )500,000 1− (1.0025)−1 ( )R = (1.0025)−1 1 − (1.0025)−60 ≈ 8,984.35 ดังนั้น ใบเตยจะตองผอนชําระเดอื นละประมาณ 8,984.35 บาท 11. วัชระฝากเงนิ ตอนตน งวดทกุ เดือนเปน เวลา 4 ป ในที่น้ี =R 10000=, i 3=.6 0.3,=n 48 และ=r 0=.3 0.003 12 100 ดงั นัน้ เม่อื สิ้นปท่ี 4 เงินรวมของวัชระ คือ 10,000(1.003) +10,000(1.003)2 + +10,000(1.003)48 ซ่งึ เปน อนุกรมเรขาคณิตท่ีมี 48 พจน พจนแ รก คือ 10,000(1.003) และอตั ราสว นรว ม คอื 1.003 ( ) ( )จะได เงินรวม คือ 10,000(1.003) 1− (1.003)48 1 −1.003 10,000(1.003) (1.003)48 −1 = 1.003 −1 หรอื ประมาณ 516,996.95 บาท ดงั นนั้ เม่ือส้ินปท ่ี 4 วัชระจะไดเงนิ รวมประมาณ 516,996.95 บาท แบบฝกหดั ทา ยบท 1. 1) จาก a1 = − 4 และ d = −5 จะได a8 = − 4 + (8 −1)(−5) = − 4 − 35 = −39 2) จาก a1 = −5 และ d = 2 จะได a9 = −5 + (9 −1)(2) = −5 +16 = 11 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
256 คูม อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 3) จาก a1 = −1 และ d = −2 2 จะได a15 = − 1 + (15 −1)(−2) 2 = − 1 − 28 2 = − 57 2 4) จาก a1 = 4 และ d = 1 3 3 จะได a15 = 4 + (15 − 1) 1 3 3 = 4 + 14 33 =6 2. 1) จากลําดับ −2, 4, 10, จะได d = 4 − (−2) = 6 และ a1 = −2 เนือ่ งจากพจนท่ัวไปของลําดบั เลขคณติ คือ an = a1 + (n −1)d จะได an = −2 + (n −1)(6) = −2 + 6n − 6 = 6n − 8 ดังนน้ั พจนท ่วั ไปของลําดบั เลขคณติ นี้ คอื 6n −8 2) จากลําดบั − 1 , 1 , 1 , 662 จะได d= 1 − − 1 = 2= 1 และ a1 = −1 6 6 6 3 6 เน่ืองจากพจนทัว่ ไปของลําดับเลขคณติ คือ an = a1 + (n −1)d จะได an = − 1 + (n − 1) 1 6 3 = −1+1n−1 63 3 = 1n−1 32 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 257 ดังน้ัน พจนท ว่ั ไปของลาํ ดบั เลขคณติ นี้ คือ 1 n − 1 32 3) จากลําดบั 11, 27 , 16, 2 จะได d= 27 −11 = 5 และ a1 = 11 2 2 เน่ืองจากพจนท ่วั ไปของลาํ ดับเลขคณติ คือ an = a1 + (n −1)d จะได an = 11 + ( n − 1) 5 2 = 11+ 5 n − 5 22 = 5 n + 17 22 ดงั น้นั พจนทั่วไปของลําดับเลขคณติ น้ี คอื 5 n + 17 22 4) จากลําดบั 19.74, 22.54, 25.34, จะได d = 22.54 −19.74 = 2.8 และ a1 = 19.74 เนอ่ื งจากพจนท ่วั ไปของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + (n −1)d จะได an = 19.74 + (n −1)(2.8) = 19.74 + 2.8n − 2.8 = 2.8n +16.94 ดังนนั้ พจนท ว่ั ไปของลาํ ดบั เลขคณิตนี้ คือ 2.8n +16.94 5) จากลาํ ดับ x, x + 2, x + 4, จะได d = ( x + 2) − x = 2 และ a1 = x เนอื่ งจากพจนท่วั ไปของลําดบั เลขคณติ คือ an = a1 + (n −1)d จะได an = x + (n −1)(2) = x + 2n − 2 = 2n + x − 2 ดงั น้นั พจนท ่วั ไปของลาํ ดับเลขคณิตน้ี คือ 2n + x − 2 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
258 คมู ือครูรายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 5 6) จากลําดับ 3a + 2b, 2a + 4b, a + 6b, จะได d =(2a + 4b) − (3a + 2b) =−a + 2b และ a=1 3a + 2b เนอ่ื งจากพจนทั่วไปของลาํ ดับเลขคณติ คือ an = a1 + (n −1)d จะได an = 3a + 2b + (n −1)(−a + 2b) = 3a + 2b + (−a + 2b) n + a − 2b = 4a + (−a + 2b) n ดังนน้ั พจนท ่วั ไปของลาํ ดบั เลขคณิตน้ี คือ 4a + (−a + 2b)n 3. จาก an = a1 + (n −1) d --------- (1) จะได 5 = a1 + (7 −1)d --------- (2) และ 10 = a1 + (12 −1) d จาก (1) และ (2) จะได d =1 และ a1 = −1 ดงั นนั้ a100 = −1+ (100 −1)(1) = −1 + 99 = 98 ดงั น้นั พจนท ่ี 100 ของลาํ ดับเลขคณติ น้ี คือ 98 4. จาก p, 5p, 6 p + 9 เปน สามพจนในลาํ ดับเลขคณติ จะไดวา 5p − p = (6p + 9) − 5p 4p = p+9 p =3 นัน่ คือ สามพจนน้ี คือ 3, 15, 27 ซ่ึงมี d =12 และถา ให 3, 15 และ 27 เปนสามพจนแ รกของลาํ ดับน้ี จะไดส่ีพจนถ ดั ไป คือ a4 = a3 + d = 27 + 12 = 39 a5 = a4 + d = 39 + 12 = 51 a6 = a5 + d = 51 + 12 = 63 a7 = a6 + d = 63 + 12 = 75 ดงั นัน้ p = 3 และสี่พจนถดั ไปของลําดบั น้คี อื 39, 51, 63 และ 75 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 259 5. จากสามพจนแรกของลําดับเลขคณิต คือ 20, 16 และ 12 จะได a1 = 20 และ d =16 − 20 =− 4 จากพจนท ี่ n ของลําดับเลขคณิต คอื an = a1 + (n −1)d จะได −96 = 20 + (n −1)(− 4) −96 = 20 − 4n + 4 4n = 120 n = 30 ดังนั้น −96 เปนพจนท่ี 30 ของลําดับน้ี 6. ให a1 = 5 และ a7 = 29 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 29 = 5 + (7 −1)d น่นั คือ 29 = 5 + 6d d =4 ดงั นั้น a, b, c, d และ e คอื 9, 13, 17, 21 และ 25 ตามลาํ ดับ 7. วธิ ีท่ี 1 ให a1, a1 + d, a1 + 2d เปน สามพจนแ รกของลาํ ดับเลขคณิต จะได a1 + (a1 + d ) + (a1 + 2d ) = 12 3a1 + 3d = 12 --------- (1) a1 + d = 4 และ a13 + (a1 + d )3 + (a1 + 2d )3 = 408 จาก (1) จะได (4 − d )3 + 43 + (4 + d )3 = 408 ( ( ) ) ( ( ) )64 − 3 42 d + 3(4)d 2 − d 3 + 43 + 64 + 3 42 d + 3(4)d 2 + d 3 = 408 วิธที ี่ 2 64 +12d 2 + 64 + 64 +12d 2 = 408 24d 2 = 216 d2 = 9 นัน่ คอื d = 3 และ d = −3 จาก (1) ถา d = 3 จะได a1 =1 จะไดพจนท่วั ไปของลําดับนี้ คือ an =1+ (n −1)(3) =3n − 2 ถา d = −3 จะได a1 = 7 จะไดพจนทว่ั ไปของลําดบั นี้ คือ an =7 + (n −1)(−3) =−3n +10 ให a − d, a, a + d เปน สามพจนแ รกของลําดับเลขคณติ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
260 คมู ือครูรายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 5 จะได (a − d ) + a + (a + d ) = 12 = 408 3a = 12 a =4 และ (a − d )3 + a3 + (a + d )3 = 408 นน่ั คอื (4 − d )3 + 43 + (4 + d )3 = 408 ( ( ) ) ( ( ) )64 − 3 42 d + 3(4)d 2 − d 3 + 43 + 64 + 3 42 d + 3(4)d 2 + d 3 64 +12d 2 + 64 + 64 +12d 2 = 408 24d 2 = 216 d2 = 9 นน่ั คือ d = 3 และ d = −3 ถา d = 3 จะได a1 = a − d = 4 − 3 = 1 จะไดพจนทว่ั ไปของลําดับน้ี คือ an =1+ (n −1)(3) =3n − 2 ถา d = −3 จะได a1 = a − d = 4 − (−3) = 7 จะไดพจนท ั่วไปของลําดับน้ี คือ an =7 + (n −1)(−3) =−3n +10 8. เนอ่ื งจากจํานวนแผน ไมที่อยูชั้นบนจะนอยกวาจาํ นวนแผนไมทอ่ี ยูชั้นลางในลําดับตดิ กนั อยู 1 แผน นั่นคือ ลาํ ดบั ของจํานวนแผน ไมในแตล ะช้ัน คือ ลาํ ดับเลขคณิต 52, 51, 50, , 7 ท่ีม=ี a1 5=2, an 7 และ d = −1 จะได 7 = 52 + (n −1)(−1) 7 = 52 − n +1 n = 46 นั่นคือ กองไมก องนี้มี 46 ช้นั ดงั นน้ั กองไมน ้สี ูง 46×3 =138 เซนติเมตร หรือ 1.38 เมตร 9. 1) จากลาํ ดับเรขาคณิต −3, − 6, −12, จะได a1 = −3 และ=r −=6 2 −3 จากพจนท ่ี n ของลําดบั เรขาคณติ คอื an = a1rn−1 จะได an = −3( )2 n−1 = − 3 (2n ) 2 ดงั นน้ั พจนท ่ี n ของลําดบั เรขาคณติ น้ี คือ − 3 (2n ) 2 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 261 2) จากลาํ ดับเรขาคณติ 10, − 5, 5 , 2 จะได a1 = 10 และ r = −5 = −1 10 2 จากพจนท ี่ n ของลําดบั เรขาคณติ คือ an = a1r n−1 จะได an = 10 − 1 n−1 2 ดังนั้น พจนท ่ี n ของลําดับเรขาคณติ นี้ คือ 10 − 1 n−1 2 3) จากลําดับเรขาคณิต 1 , 5 , 25 , 44 4 5 จะได a1 = 1 และ =r 4= 5 4 1 4 จากพจนท ี่ n ของลําดบั เรขาคณิต คอื an = a1r n−1 จะได an = ( )1 5n−1 4 ดังนน้ั พจนท ่ี n ของลาํ ดับเรขาคณิตนี้ คือ ( )1 5n−1 4 4) จากลําดับเรขาคณติ 5 , 5 , 10 , 63 3 5 จะได a1 = 5 และ =r 53= 2 6 6 จากพจนท ่ี n ของลําดับเรขาคณิต คอื an = a1rn−1 จะได an = ( )5 2n−1 6 ดังนน้ั พจนท่ี n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ ( )5 2n−1 6 5) จากลําดบั เรขาคณิต − 2 , 1 , − 1 , 9 12 32 1 จะได a1 = −2 และ r= 12 = −3 9 −2 8 9 จากพจนท ี่ n ของลาํ ดับเรขาคณิต คอื an = a1rn−1 จะได an = − 2 − 3 n−1 9 8 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
262 คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 ดงั น้ัน พจนท ่ี n ของลาํ ดบั เรขาคณิตนี้ คือ − 2 − 3 n−1 9 8 6) จากลําดับเรขาคณิต ab3, a2b2, a3b, เมอื่ a ≠ 0 และ b ≠ 0 จะได a1 = ab3 แล=ะ r a=2b2 a ab3 b จากพจนท ี่ n ของลําดบั เรขาคณิต คือ an = a1rn−1 จะได an = ab3 a n−1 = anb4−n b ดงั นนั้ พจนท่ี n ของลําดบั เรขาคณิตน้ี คือ anb4−n จาก10. an = a1rn−1 จากลาํ ดับเรขาคณิต −162, 54, −18, 6, จะได a1 = −162 และ r= 54 = −1 −162 3 จะได a12 = −162 − 1 12−1 3 = −162 − 1 11 3 =2 2,187 ดังน้ัน พจนท่ี 12 ของลาํ ดบั เรขาคณิตนี้ คอื 2 2,187 จาก11. an = a1rn−1 จากลาํ ดับเรขาคณติ 1, a , a2 , a3 , เมอื่ a ≠ 0 24 8 a จะได a1 = 1 และ =r 2= a 1 2 จะได a10 = 1 a 10−1 2 = a 9 2 = a9 512 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 263 ดงั นน้ั พจนท ี่ 10 ของลาํ ดับเรขาคณติ นี้ คอื a9 512 12. วิธีที่ 1 จาก a2 = 8 3 จะได 8 = a1r 2−1 -------- (1) 3 -------- (2) และจาก a5 = 64 81 จะได 64 = a1r 5−1 81 จาก (1) และ (2) จะได 8 = r3 27 r =2 3 ดงั นนั้ อัตราสวนรว มของลาํ ดับเรขาคณิตน้ี คอื 2 3 วธิ ที ี่ 2 จาก a5 = a1r 4 = (a1r ) r3 = a2r3 จะได 64 = 8 r 3 81 3 น่นั คือ r3 = 8 27 r =2 3 ดังนัน้ อัตราสวนรว มของลําดับเรขาคณิตน้ี คอื 2 3 13. จากลําดับเรขาคณิต 7, − 21, 63, −189, จะได a1 = 7 และ r = − 21 = −3 7 จาก an = a1rn−1 จะได 5,103 = 7(−3)n−1 729 = ( )−3 n−1 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
264 คมู ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 (−3)6 = ( )−3 n−1 นัน่ คือ n −1 = 6 n =7 ดงั นน้ั 5,103 เปน พจนที่ 7 ของลําดบั เรขาคณติ น้ี จาก14. 1) an = a1r n−1 จะได −1, 215 = −15r5−1 r4 = 81 น่ันคือ r = 3 และ r = −3 ดงั นน้ั เม่ืออตั ราสวนรวมเปน 3 จะได a, b และ c คือ −45, −135 และ −405 ตามลําดบั และเม่ืออัตราสวนรว มเปน −3 จะได a, b และ c คือ 45, −135 และ 405 ตามลาํ ดบั จาก2) an = a1rn−1 จะได 27 = 4 r5−1 64 3 r4 = 81 256 น่นั คอื r = 3 และ r = − 3 44 ดงั น้ัน เม่ืออตั ราสวนรวมเปน 3 จะได a, b และ c คอื 1, 3 และ 9 ตามลาํ ดบั 4 4 16 และเมื่ออตั ราสว นรวมเปน − 3 จะได a, b และ c คอื −1, 3 และ − 9 ตามลําดบั 4 4 16 15. ให a เปน จํานวนทต่ี องการ จะได 5 + a, 22 + a และ 107 + a เปนลําดับเรขาคณิต น่ันคือ 22 + a = 107 + a 5 + a 22 + a (22 + a)(22 + a) = (107 + a)(5 + a) 484 + 44a + a2 = 535 +112a + a2 68a = −51 a = − 51 68 ดงั นนั้ จาํ นวนทต่ี องการ คือ − 51 68 16. วิธที ่ี 1 ให a1, a1r และ a1r2 เปนสามพจนแ รกของลําดับเรขาคณติ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 265 จะไดว า a1 + a1r + a1r2 = −3 --------- (1) --------- (2) และ ( )(a1 )(a1r ) a1r2 = 8 จาก (2) จะได a13r3 = 8 a1r = 2 จาก (1) จะได a1 + 2 + a1r 2 = −3 −5 a1 + a1r 2 = −5 2 + 2 r 2 = r r −5r 0 2 + 2r2 = 0 2r2 + 5r + 2 = (2r +1)(r + 2) = นั่นคอื r = − 1 หรอื r = −2 2 ถา r= −1 จะได a1 = −4 และพจนทวั่ ไปของลาํ ดับน้ี คอื 2 1 n −1 2 an = −4 − = − − 1 −2 − 1 n−1 2 2 = − − 1 n−3 2 ถา r = −2 จะได a1 = −1 และพจนท วั่ ไปของลําดับน้ี คือ an = −1( )−2 n−1 = −(−2)n−1 วธิ ีท่ี 2 ให a , a, ar เปน สามพจนแ รกของลําดับเรขาคณิต r จะไดวา a + a + ar = −3 -------- (1) r และ a ( a ) ( ar ) = 8 --------- (2) r จาก (2) จะได a3 = 8 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
266 คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 นน่ั คอื a = 2 แทน a ดวย 2 ใน (1) จะได 2 + 2 + 2r = −3 r 2 + 2r + 2r2 = −3r 2r2 + 5r + 2 = 0 (2r +1)(r + 2) = 0 นั่นคือ r = − 1 หรือ r = −2 2 ถา r= −1 จะได a1 = a= 2 = −4 และพจนทว่ั ไปของลําดับนี้ คือ 2 r −1 2 an = −4 − 1 n−1 2 1 −2 1 n −1 2 2 = − − − = − − 1 n−3 2 ถา r = −2 จะได a1 = a= 2= −1 และพจนท ั่วไปของลําดบั นี้ คือ r −2 an = −1(−2)n−1 = −( )−2 n−1 17. เน่อื งจากปท่เี ร่มิ ตนการรณรงคมจี ํานวนถงุ พลาสตกิ ที่ใชแลว 100,000 ถงุ ในปท่ี 1 จํานวนถงุ พลาสติกที่ใชแลว จะลดลง 5% จะมีจํานวนถุงพลาสติกที่ใชแ ลว 100,000 − 5 (100,000) =95 (100,000) ถงุ 100 100 ในปที่ 2 จํานวนถงุ พลาสติกที่ใชแลวจะลดลง 5% จะมีจํานวนถุงพลาสติกทใ่ี ชแ ลว 95 (100, 000) − 5 95 (100, 000) = 95 2 (100, 000 ) ถุง 100 100 100 100 ในปท่ี 3 จาํ นวนถุงพลาสติกท่ีใชแลวจะลดลง 5% จะมจี ํานวนถุงพลาสติกที่ใชแลว 95 2 (100, 000) − 5 95 2 (100, 000 ) = 95 3 (100, 000 ) ถงุ 100 100 100 100 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 267 จะเห็นวา จาํ นวนถงุ พลาสติกท่ใี ชแ ลว ในปท ี่ 1, 2, 3, …, n คือลําดับเรขาคณติ 95 (100000) , 95 2 (100000 ) , 95 2 (100000 ) , , an ท่ีมี a1 = 95 (100000) 100 100 100 100 และ r = 95 100 จาก an = a1rn−1 ให an แทนจาํ นวนถุงพลาสติกท่ีใชใ นปท ี่ n จะได an = 95 (100, 000) 95 n−1 100 100 = (100, 000) 95 n 100 และ a10 = (100, 000) 95 10 หรือประมาณ 59,873.69 100 ดงั นั้น สูตรการคาํ นวณจาํ นวนถงุ พลาสติกที่ใชแ ลว ในแตล ะป คอื an = (100, 000 ) 95 n 100 และจํานวนถงุ พลาสติกท่ีใชแลว ในปที่ 10 มีประมาณ 59,874 ถุง 18. 1) เปนลาํ ดบั เลขคณิต ท่ีมีผลตางรว มเปน 2 2) เปนลําดบั เรขาคณิต ท่มี ีอัตราสว นรวมเปน −1 3) เปนลําดับเลขคณิต ท่ีมผี ลตางรว มเปน −2 4) เปนลําดับเรขาคณิต ทมี่ ีอตั ราสว นรว มเปน 1 3 5) ไมเปนทั้งลําดับเลขคณติ และลาํ ดบั เรขาคณิต 19. 1) เน่ืองจาก d = 27 −11 = 16 − 27 = 5 2 22 ดงั นน้ั ลาํ ดับนีเ้ ปน ลําดบั เลขคณติ ทมี่ ี a1 = 11 และ d = 5 2 จะได a4 = a3 + d = 16 + 5 = 37 2 2 a5 = a4 + d = 37 + 5 = 21 22 a6 = a5 + d = 21 + 5 47 2 = 2 ดงั นัน้ พจนท ่ขี าดหายไป คือ 37 , 21 และ 47 ตามลาํ ดับ 22 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
268 คูมอื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 27 เนื่องจาก 2 = 27 และ 16 = 32 ซง่ึ 27 ≠ 32 11 22 27 27 22 27 2 ดงั น้ัน ลําดบั นไ้ี มเ ปน ลาํ ดบั เรขาคณิต 2) เนอื่ งจาก 11 − 7 =72 7 11 77 ถาลําดับนเี้ ปน ลาํ ดับเลขคณติ จะตองไดว า a4 = 265 77 จาก an = a1 + (n −1) d จะไดว า a4 = 7 + ( 4 − 1) 72 11 77 = 7 + 216 11 77 = 265 77 ดงั นนั้ ลาํ ดับนี้เปนลาํ ดับเลขคณติ ท่ีมี a1 =7 และ d = 72 11 77 จะได a3 = a2 + d = 11 + 72 = 193 7 77 77 a5 = a4 + d = 265 + 72 = 337 77 77 77 a6 = a5 + d = 337 + 72 = 409 77 77 77 ดังนัน้ พจนท ี่ขาดหายไป คอื 193, 337 และ 409 ตามลาํ ดบั 77 77 77 11 ถา ลําดับนเี้ ปน ลาํ ดบั เรขาคณิต จะตองไดวา =r =77 121 และ a4 = 265 49 77 11 จาก an = a1rn−1 7 121 4−1 จะไดวา a4 = 11 49 a4 = 7 11 6 11 7 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 269 = 11 5 7 น่ันคือ a4 ≠ 265 77 ดงั น้นั ลําดับน้ีไมเปนลาํ ดับเรขาคณิต 8 3) เน่ืองจาก r= 4= 3= 2 643 ดังน้นั ลาํ ดบั นเี้ ปน ลาํ ดบั เรขาคณติ ท่มี ี a1 =6 และ r = 2 3 จะได a4 = a3r = 8 2 = 16 3 3 9 a5 = a4r = 16 2 = 32 9 3 27 a6 = a5r = 32 2 = 64 27 3 81 ดังน้นั พจนท ่ขี าดหายไป คือ 16 , 32 และ 64 ตามลาํ ดับ 9 27 81 เน่อื งจาก 4 − 6 =− 2 แต 8 − 4 =− 4 33 ดงั น้นั ลําดบั น้ีไมเ ปนลําดับเลขคณิต 4) เน่ืองจาก −5 = −2 3 5 6 ถา ลาํ ดบั น้ีเปน ลําดับเรขาคณิต จะตอ งไดว า a4 = − 20 3 จาก an = a1rn−1 จะไดว า a4 = 5 ( )−2 4−1 6 = 5 (−8) 6 a4 = − 20 3 ดงั น้ัน ลําดับน้เี ปนลําดบั เรขาคณิต ท่มี ี a1 = 5 และ r = −2 6 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
270 คูมือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 จะได a3 = a2r = − 5 (−2) = 10 33 a5 = a4r = − 20 (−2) = 40 33 a6 = a5r = 40 (−2) = − 80 33 ดงั นั้น พจนที่ขาดหายไป คือ 10 , 40 และ − 80 ตามลําดบั 33 3 ถาลําดบั น้ีเปนลาํ ดบั เลขคณติ จะตองไดวา d =− 5 − 5 =− 5 36 2 และไดว า a3 =a2 +d =− 5 − 5 =− 25 32 6 a4 =a3 + d =− 25 − 5 =− 20 6 2 3 a5 =a4 +d =− 20 − 5 =− 55 3 2 6 a6 =a5 + d =− 55 − 5 =− 35 6 2 3 ดังน้ัน พจนท ขี่ าดหายไป คอื − 25 , − 55 และ − 35 ตามลาํ ดบั 66 3 20. ใหส ามพจนแ รกของลําดบั เลขคณิตเปน 10,10 + d และ 10 + 2d และสามพจนแ รกของลาํ ดับเรขาคณติ เปน 10,10r และ 10r2 เนื่องจากสองลําดบั นี้มีพจนที่สองเทากนั จะไดว า 10 + d = 10r d = 10r −10 -------- (1) และเน่ืองจากพจนท่สี ามของลาํ ดับเรขาคณิตมากกวาพจนทีส่ ามของลําดบั เลขคณิตอยู 2.5 จะไดว า 10r2 − (10 + 2d ) = 2.5 จาก (1) จะไดวา 10r2 − (10 + 2(10r −10)) = 2.5 10r2 − (10 + 20r − 20) = 2.5 10r2 − 20r +10 = 2.5 10r2 − 20r + 15 = 0 2 4r2 − 8r + 3 = 0 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 271 (2r − 3)(2r −1) = 0 จะไดวา r = 3 และ r = 1 22 ถา r = 3 จะได d = 5 2 พจนทว่ั ไปของลาํ ดับเลขคณติ คือ 10 + (n −1)(5) หรอื 5n + 5 พจนท ว่ั ไปของลําดับเรขาคณิต คือ 3 n −1 2 10 ถา r = 1 จะได d = −5 2 พจนท ่วั ไปของลาํ ดับเลขคณติ คือ 10 + (n −1)(−5) หรือ −5n +15 พจนท ั่วไปของลําดับเรขาคณิต คือ 1 n −1 2 10 21. 1) พิจารณาบริษทั A เนื่องจากบริษทั A ใหเงินเดือนเร่ิมตน 20,000 บาท และแตล ะปจ ะข้ึนเงนิ เดือน ให 1,500 บาท จะไดลาํ ดับของเงนิ เดอื น คือ 20000, 21500, 23000, ซงึ่ เปน ลาํ ดบั เลขคณติ ท่ีมี a1 = 20,000 และ d =1,500 จาก an = a1 + (n −1)d จะได an = 20,000 + (n −1)(1,500) = 1,500n +18,500 พจิ ารณาบริษัท B เนอ่ื งจากบริษทั B ใหเงินเดือนเรม่ิ ตน 20,000 บาท และแตล ะปจ ะขึน้ เงนิ เดือน ให 5% จะไดลาํ ดบั ของเงนิ เดือน คอื 20000, 21000, 22050, ซ่งึ เปนลําดับ เรขาคณิตทม่ี ี a1 = 20,000 และ r =1.05 จาก an = a1rn−1 จะได an = 20,000(1.05)n−1 ดังน้ัน ลําดับแทนเงินเดือนตาํ แหนง เจาหนาที่ฝา ยทรัพยากรบคุ คลของบรษิ ัท A และบริษัท B คอื 1,500n +18,500 และ 20,000(1.05)n−1 ตามลําดบั 2) เงนิ เดอื นในปท่ี 10 คือพจนท ่ี 10 ของลําดบั ในบรษิ ทั A จะได a10 = 1,500(10) +18,500 = 33,500 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
272 คูม อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 5 ในบริษทั B จะได a10 = 20,000(1.05)10−1 = 20,000(1.05)9 ≈ 31,026 ดังนั้น ผลตา งของเงนิ เดือนในปท ่ี 10 ของเจาหนา ทฝี่ า ยทรัพยากรบุคคลของท้ัง สองบรษิ ทั ประมาณ 33,500 − 31,026 =2,474 บาท 22. จากอนุกรมเลขคณิต 19 + 23 + 27 + + 999 จะได=a1 1=9, d 4 และ an = 999 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 999 = 19 + (n −1)(4) 999 = 19 + 4n − 4 n = 246 จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 น่ันคือ S246 = 246 (19 + 999) 2 = 125,214 ดังน้ัน 19 + 23 + 27 + + 999 = 125,214 23. 1) จากลําดบั เลขคณิต 2, 6,10,14, จะได a1 = 2 และ d = 4 จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S40 = 40 (2(2) + (40 −1)(4)) 2 = 3,200 ดังนน้ั ผลบวก 40 พจนแรกของลาํ ดับเลขคณติ น้ี คือ 3,200 2) จากลาํ ดบั เลขคณติ 20,17,14,11, จะได a1 = 20 และ d = −3 จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S70 = 70 (2(20) + (70 −1)(−3)) 2 = −5,845 ดังน้ัน ผลบวก 70 พจนแรกของลําดับเลขคณติ นี้ คือ −5,845 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 273 3) จากลําดับเลขคณติ − 1 , 1 ,1, 5 , 33 3 จะได a1 = −1 และ d = 2 3 3 จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S100 = 100 2 − 1 + (100 − 1) 2 2 3 3 = 9,800 3 ดังน้นั ผลบวก 100 พจนแรกของลําดบั เลขคณิตนี้ คือ 9,800 3 24. ลาํ ดบั ของจํานวนท่ีหารดว ย 7 ลงตัว ตัง้ แต 9 ถงึ 357 คอื 14, 21, 28,, 357 ซ่ึงเปนลาํ ดับ เลขคณติ ที่ม=ี a1 1=4, d 7 และ an = 357 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 357 = 14 + (n −1)(7) 357 = 14 + 7n − 7 n = 50 จาก =Sn n ( a1 + an ) 2 จะได S50 = 50 (14 + 357) 2 = 9,275 ดังน้ัน ผลบวกของจํานวนที่ 7 หารลงตัว ตงั้ แต 9 ถงึ 357 คอื 9,275 25. จาก a4 = 11 และ a9 = − 4 จะได 11 = a1 + (4 −1)d -------- (1) − 4 = a1 + (9 −1) d -------- (2) จาก (1) และ (2) จะได d = −3 และ a1 = 20 จาก a12 + a13 + + a25 = S25 − S11 และ S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S25 = 25 (2(20) + (25 −1)(−3)) 2 = − 400 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
274 คูม ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 และ S11 = 11(2(20) + (11−1)(−3)) 2 = 55 นน่ั คือ S25 − S11 =− 400 − 55 =− 455 ดงั นนั้ ผลบวกของพจนท่ี 12 ถงึ พจนท ี่ 25 คือ −455 26. จาก a4 = 20 และ a9 = 10 จะได 20 = a1 + (4 −1)d -------- (1) 10 = a1 + (9 −1) d -------- (2) จาก (1) และ (2) จะได d = −2 และ a1 = 26 จาก a7 + a8 + + a17 = S17 − S6 จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S17 = 17 (2(26) + (17 −1)(−2)) 2 = 170 และ S6 = 6 (2(26) + (6 −1)(−2)) 2 = 126 น่ันคอื S17 − S6 = 170 −126 = 44 ดงั นัน้ ผลบวกของพจนท่ี 7 ถงึ พจนท ี่ 17 คือ 44 27. ลําดบั ของเงินเดอื นของยงยทุ ธในแตล ะป คือ ลําดับเลขคณิต 17500,18700,19900, =ท่ีมี a1 1=7500, d 1200 ดังนนั้ เงนิ เดือนของยงยทุ ธใน พ.ศ. 2590 คือ a31 จาก an = a1 + (n −1) d จะได a31 = 17,500 + (31−1)(1, 200) = 53,500 และเงนิ รวมท้งั หมดทเ่ี ขาไดร ับ คือ 12(S31) จาก =Sn n ( a1 + an ) 2 จะได 12( S31 ) = 12 31 (17, 500 + 53, 500 ) 2 = 13,206,000 ดงั นั้น เงนิ เดือนของยงยุทธใน พ.ศ. 2590 คือ 53,500 บาท และเงนิ รวมทงั้ หมดที่เขา สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 275 ไดรับคือ 13,206,000 บาท 28. 1) ลาํ ดับของจาํ นวนเกา อี้แตละแถวในโรงละคร คือ ลาํ ดับเลขคณติ 12,14,16, ทม่ี =ี a1 1=2, d 2 ดงั นั้น จํานวนเกาอ้ีท้ังหมดใน 20 แถว ของโรงละคร คือ S20 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S20 = 20 (2(12) + (20 −1)(2)) 2 = 620 ดงั น้นั ถาตอ งการจดั เกา อี้ไวท ้ังหมด 20 แถว จะมเี กา อ้ีท้งั หมด 620 ตัว 2) จากขอ 1) ถา จดั เกา อี้ 20 แถว จะมีเกาอีท้ ง้ั หมด 620 ตวั แตต อ งการจัดเกาอ้ีเพียง 600 ตวั ดงั นนั้ จะพจิ ารณาวา ถามเี กาอ้ี 19 แถว จะมีเกา อี้ทงั้ หมด S19 ตัว จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S19 = 19 (2(12) + (19 −1)(2)) 2 = 570 น่นั คือ ตองเพ่ิมเกา อใ้ี นแถวสุดถายอีก 30 ตวั จงึ จะมเี กา อี้ครบ 600 ตัว ดังนน้ั จะตอ งจดั เกาอ้ที ั้งหมด 20 แถว และในแถวสดุ ทา ยมีเกา อ้ี 30 ตวั 29. 1) ระยะหางในการนาํ ลูกปงปองจากจุดวางตะกราไปใสใ นชามใบท่ี 1 เทา กับ 5 เมตร 2) ระยะหางในการนาํ ลูกปงปองจากจุดวางตะกรา ไปใสใ นชามใบที่ 2 เทา กับ 5 + 3 =8 เมตร 3) ระยะหา งในการนาํ ลูกปง ปองจากจุดวางตะกรา ไปใสในชามใบที่ 3 เทา กับ 5 + 3 + 3 =11 เมตร 4) เนื่องจากระยะหา งในการนําลูกปงปองจากจดุ วางตะกราไปใสใ นชามใบที่ 1, 2, 3, … เปนลําดบั เลขคณิตทมี่ ี a1 = 5 และ d = 3 จาก an = a1 + (n −1) d จะได an = 5 + (n −1)(3) an = 5 + 3n − 3 = 3n + 2 ดังน้นั ระยะหางในการนําลูกปงปองจากจดุ วางตะกรา ไปใสในชามใบท่ี n เทา กับ 3n + 2 เมตร 5) ใหก ารแขงขนั นี้มีชาม n ใบ สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
276 คมู ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 5 จากขอ 4) จะไดวา 23 = 3n + 2 n=7 ดังน้ัน จาํ นวนชามทง้ั หมด เทากับ 7 ใบ 6) 6.1) ถาผูเ ขา แขงขันไมทําลูกปง ปองตกเลย จะไดร ะยะทางจากจุดเร่ิมตนจนส้ินสดุ การแขง ขัน คือ 2S7 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S7 = 7 (2(5) + (7 −1)(3)) 2 = 98 ดังนน้ั ถาผูเขาแขงขันไมทาํ ลูกปง ปองตกเลย จะได ระยะทางจาก จดุ เร่มิ ตนจนส้ินสุดการแขงขัน คือ 2(98) =196 เมตร 6.2) ถาผเู ขา แขงขนั ทําลกู ปง ปองตกระหวางทีน่ ําลูกปงปองไปใสในชามใบที่ 4 โดย ทําตกหา งจากตะกรา 3 เมตร จะไดวา ระยะทางที่เพ่ิมข้ึนเปน 3 + 3 =6 เมตร ดังน้ัน ถา ผูเ ขา แขง ขันทําลกู ปงปองตกระหวา งทีน่ ําลกู ปง ปองไปใสใ น ชามใบที่ 4 โดยทําตกหา งจากตะกรา 3 เมตร จะไดระยะทางทง้ั หมด คือ 196 + 6 =202 เมตร 30. ปรมิ าตรของอิฐชน้ั ลา งสุดท่ีมีความสูงเทากับบันไดขัน้ ท่ี 1 คือ 1× 0.25× (0.35×15) =1.3125 ลกู บาศกเ มตร ปรมิ าตรของอฐิ ชั้นท่สี องทมี่ ีความสูงเทา กบั บันไดขนั้ ที่ 2 คือ 1× 0.25× (0.35×14) =1.225 ลกู บาศกเ มตร ปริมาตรของอิฐช้ันท่สี ามท่ีมีความสงู เทากบั บันไดขนั้ ที่ 3 คอื 1× 0.25× (0.35×13) =1.1375 ลูกบาศกเ มตร จะเห็นวา ลําดับของปริมาตรอิฐท่ีใชส รางบนั ไดน้ี คือ ลาํ ดบั เลขคณิต 1.3125,1.225,1.1375,, 0.0875 ท่ีมี a1 = 1.3125, d = −0.0875 และ n = 15 นัน่ คอื ปรมิ าตรของอฐิ ท่ีใชสรา งบนั ไดน้ี คือ S15 จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S15 = 15 (2(1.3125) + (15 −1)(−0.0875)) 2 = 10.5 ดงั น้นั ปริมาตรของอฐิ ทใ่ี ชส รางบันไดแหง น้ี คือ 10.5 ลกู บาศกเมตร สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 277 31. จากอนุกรมเรขาคณติ 6 +18 + 54 + +1,458 จะได =a1 6=, r 3 และ an =1,458 จาก an = a1rn−1 จะได 1,458 = 6(3)n−1 243 = ( )3 n−1 35 = ( )3 n−1 นน่ั คือ n −1 = 5 จะได n = 6 ( )Sn แทน n ดว ย 6 ใน = a1 1− rn 1− r จะได 6(1− 36 ) S6 = 1− 3 6(36 −1) = 3−1 = 2,184 ดงั นนั้ 6 +18 + 54 + +1,458 =2,184 32. 1) จากลําดับเรขาคณิต 1, 4,16, 64, จะได a1 =1 และ r = 4 แทน n ดว ย 30 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r ( )จะได 1 1 − 430 S30 = 1 − 4 ( )1 430 −1 = 4 −1 ( )= 1 430 −1 3 2) จากลาํ ดับเรขาคณิต − 3 , 3 , − 3 , 3 , 32 16 8 4 จะได a1 = −3 และ r = −2 32 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
278 คมู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 แทน n ดว ย 43 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r − 3 1 − (−2)43 ( )จะได S43 = 32 1− (−2) (−2)43 −1 = 32 3) จากลําดบั เรขาคณติ 27 , 9 , 3, 1 , 32 16 8 4 จะได a1 = 27 และ r=2 32 3 แทน n ดว ย 28 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r 27 − 2 28 32 1 3 จะได S28 = 1− 2 3 = 81 − 2 28 32 1 3 33. จาก − 4 = a1r5−1 --------- (1) และ 1 = a1r8−1 --------- (2) 2 จาก (1) และ (2) จะได r = −1 และ a1 = − 64 2 เนอ่ื งจาก a2 + a3 + a4 + + a9 = S9 − S1 = S9 − a1 − 64 − − 1 9 1 2 จาก S9 = 1 1 − − 2 = −171 4 จะได S9 − a1 = −171 − (−64) = 85 4 4 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 279 ดงั นน้ั ผลบวกของพจนท ี่ 2 ถึงพจนที่ 9 คือ 85 4 34. จาก 6 = a1r3−1 --------- (1) และ 24 = a1r7−1 --------- (2) จาก (1) และ (2) จะได r = 2 หรอื r = − 2 และ a1 = 3 1) เนื่องจาก a7 + a8 + + a17 = S17 − S6 31 − 2 17 = 3 2 17 −1 1− 2 2 −1 ถา r = 2 จะได ( ) ( )S17 = 31 − 2 6 = 3 2 6 −1 1− 2 2 −1 ( ) ( )และ S6 = S17 − S6 = 3 2 17 −1 − 3 2 6 −1 2 −1 2 −1 ( ) ( )จะได ( )= 3 2 17 −1− (8 −1) 2 −1 ( )= 3 2 17 − 8 2 −1 31 − − 2 17 = 31 + 2 17 (( )) ( )ถา r = − 2 จะได 2 S17 = 1− − 2 1+ 31− − 2 6 = 31 − 2 6 1− − 2 1+ 2 (( )) ( )และ S6 = 31 + 2 17 − 31 − 2 6 1+ 2 1+ 2 ( ) ( )จะได S17 − S6 = S17 − S6 ( )= 31+ 2 17 − (1− 8) 1+ 2 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
280 คูม อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 ( )= 3 2 17 + 8 1+ 2 ดังนน้ั ถา r = 2 แลว ผลบวกของพจนที่ 7 ถงึ พจนท่ี 17 คอื (3 )2 17 − 8 2 −1 ถา r = − 2 แลว ผลบวกของพจนท่ี 7 ถงึ พจนที่ 17 คอื (3 )2 17 + 8 1+ 2 ( )( ) ( )2) จาก a3a4 a26 = a1r 2 a1r3 a1r 25 ( )= a124 r 2+3++25 = a124 r 24 ( 2 + 25) 2 ( )= a124 r324 ถา r = 2 จะได ( ) ( )a124 r324 324 = 324 2 = 2162324 ถา r = − 2 จะได ( ) ( )a124 r324= 324 − 324 2 ( )( )= 324 −1 324 324 2 = 2162324 ดงั นน้ั ผลคูณของพจนท่ี 3 ถึง พจนท ี่ 26 คอื 2162324 35. วิธที ่ี 1 วนั แรก วิทยาจะเหลือเงนิ 6, 561 − 1 (6,561) =6,561 32 บาท 3 วันทส่ี อง วิทยาจะเหลือเงิน 6, 561 2 − 1 6, 561 2 =6,561 32 2 บาท 3 3 3 วันที่สาม วิทยาจะเหลือเงิน 6, 561 2 2 − 1 6, 561 2 2 =6,561 23 3 บาท 3 3 3 จะเหน็ วา ลาํ ดับของจาํ นวนเงินทเี่ หลือในแตละวัน คอื ลําดับเรขาคณิต สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 281 6561 2 , 6561 2 2 , 6561 2 3 , , a8 ท่มี ี a1 = 6, 561 2 และ r= 2 3 3 3 3 3 นนั่ คอื จํานวนเงินที่เหลือในวันที่ 8 คอื a8 จาก an = a1rn−1 จะได a8 = 6, 561 2 2 8−1 = 256 3 3 ดังนัน้ เมอื่ ครบ 8 วนั วิทยาจะเหลือเงิน 256 บาท วธิ ีท่ี 2 ลําดบั ของจาํ นวนเงนิ ที่วิทยาใชไ ปในแตล ะวนั คือ ลําดบั เรขาคณติ 1 ( 6, 561) , 1 ( 6, 561) 2 , 1 ( 6, 561) 2 2 , ท่มี ี a1 = 1 (6,561) และ r = 2 3 3 3 3 3 3 3 นั่นคอื ผลรวมของจาํ นวนเงนิ ทวี่ ทิ ยาใชไ ปเม่ือครบ 8 วัน คอื S8 ( )จาก Sn = a1 1− rn 1− r 1 ( 6, 561) − 2 8 3 1 3 จะได S8 = = 6,305 1− 2 3 นนั่ คือ วทิ ยาใชเงินไป 6,305 บาท ดงั นั้น เม่ือครบ 8 วัน วทิ ยาจะมีเงนิ เหลือ 6,561− 6,305 =256 บาท 36. เงนิ เดอื นของวบิ ลู ยในแตล ะป คอื 21000, (21000)(1.09), (21000)(1.09)2 ,, a6 เปน ลาํ ดบั เรขาคณิตทมี่ ี a1 = 21000 และ r =1.09 น่ันคือ เงนิ เดือนของวบิ ูลย เม่ือขน้ึ ปที่ 6 คือ a6 จาก an = a1rn−1 จะได a6 = 21,000(1.09)6−1 ≈ 32,311.10 และ เงินรวมทว่ี ิบลู ยไ ดรบั เมื่อทํางานครบ 15 ป คอื 12× S15 ( )จากSn = a1 1− rn 1− r ( )จะได S15 = 21,000 1 − (1.09)15 1 −1.09 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
282 คูมอื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 ( )21,000 (1.09)15 −1 = 1.09 −1 ≈ 616,579.24 นน่ั คือ เมื่อทาํ งานครบ 15 ป วิบูลยไ ดร ับเงนิ รวม 12× 616,579.24 = 7,398,950.88 บาท ดงั นั้น เมอ่ื ขึน้ ปท่ี 6 วิบูลยไดรบั เงนิ เดือน 32,311.10 บาท และเมื่อทํางานครบ 15 ป เงินรวมท่วี บิ ลู ยไดรบั ประมาณ 7,398,950.88 บาท 37. 1) ลาํ ดับของจาํ นวนคใู นการแขงขนั แตละรอบ คือ ลาํ ดบั เรขาคณติ 16, 8, 4,,an ทมี่ ี a1 =16 และ r=1 2 จ=ะได an 1=6 12 n−1 32 1 n 2 ดังนนั้ ในรอบที่ n มีผูเ ขาแขงขัน 32 1 n คู 2 2) เนื่องจากรอบสุดทา ยทจ่ี ะไดผ ูชนะ จะมกี ารแขง ขนั เพยี ง 1 คู นนั่ คือ หา n ที่ทาํ ให an =1 จะไดวา 1 = 32 1 n 2 1 = 1 n 32 2 1 5 = 1 n 2 2 นั่นคือ n = 5 ดงั นนั้ รายการลกู ทุงเสียงทองมีการแขง ขันทั้งหมด 5 รอบ 3) จาํ นวนคใู นการแขงขันทงั้ หมด คือ S5 ( )จาก Sn = a1 1− rn 1− r 16 − 1 5 1 2 จะได S5 = = 31 1− 1 2 ดงั น้นั รายการลูกทุงเสียงทองมกี ารแขงขนั ทั้งหมด 31 คู สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 5 283 38. 1) เนื่องจากอตั ราการลดลงของจาํ นวนแมลงสาบเปน 17% ตอวัน 2) 3) ดังนั้น จํานวนแมลงสาบท่ีถูกกําจัดในวนั ทีเ่ ร่ิมโครงการ เทากบั 17 (6,000) =1,020 ตัว 4) 100 จํานวนแมลงสาบทเี่ หลอื อยหู ลังจากดําเนนิ โครงการไปแลว 1 วนั เทา กับ 6,000 − 17 (6,000) = 6, 000 83 = 4, 980 ตัว 100 100 ลาํ ดับของจาํ นวนแมลงสาบท่ีถูกกําจัดในแตล ะวัน คือ ลาํ ดับเรขาคณิต 6000 17 , 6000 17 83 , 6000 17 83 2 , ทีม่ ี a1 = 6000 17 100 100 100 100 100 100 และ r = 83 100 น่นั คือ จํานวนแมลงสาบท้งั หมดทถ่ี ูกกําจัดหลังจากดาํ เนนิ โครงการไปแลว 7 วนั คือ S7 ( )จาก Sn = a1 1− rn 1− r 6, 000 17 − 83 7 100 1 100 จะได S7 = ≈ 4,372 ตวั 1− 83 100 ดงั นน้ั จาํ นวนแมลงสาบท้ังหมดท่ีถูกกาํ จัดหลังจากดาํ เนินโครงการไปแลว 7 วนั ประมาณ 4,372 ตัว วธิ ที ี่ 1 จากขอ 3) จํานวนแมลงสาบทเี่ หลืออยหู ลังจากดําเนินโครงการไปแลว 7 วัน ประมาณ 6,000 − 4,372 =1,628 ตัว วธิ ที ่ี 2 ลาํ ดับของจาํ นวนแมลงสาบทเ่ี หลอื อยู คือ ลําดับเรขาคณิต 2 3 6000 83 , 6000 83 , 6000 83 , ท่ีมี a1 = 6000 83 100 100 100 100 และ r = 83 100 น่ันคือ จํานวนแมลงสาบท่ีเหลืออยหู ลังจากดําเนนิ โครงการไปแลว 7 วัน คือ a7 จาก an = a1rn−1 จะได a7 = 6, 000 83 83 7−1 100 100 ≈ 1,628 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
284 คูม อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 ดังน้นั จาํ นวนแมลงสาบท่เี หลืออยูห ลังจากดําเนินโครงการไปแลว 7 วนั ประมาณ 1,628 ตัว 39. 1) พิจารณาจํานวนวนั ในการปฏิบัตภิ ารกิจ 25 วัน แบบท่ี 1 จะเสยี คาตอบแทน 25× 50,000 =1,250,000 บาท แบบที่ 2 ลําดบั ของจาํ นวนเงินท่ีตองจายในแตล ะวนั หนว ยเปน สตางค คือ ลําดับเรขาคณติ 5,10, 20, ทีม่ ี a1 = 5 และ r = 2 น่ันคือ จาํ นวนเงินท่ีตองจายในการปฏิบตั ภารกิจ 25 วัน คอื S25 ( )จาก Sn = a1 1− rn 1− r ( )จะได 5 1 − 225 S25 = 1 − 2 ( )5 225 −1 = 2 −1 = 167,772,155 นนั่ คือ ตอ งเสียเงิน 167,772,155 สตางค หรอื 1,677,721.55 บาท จะเห็นวา ถา จาํ นวนวันมากกวา 25 วัน คาใชจา ยแบบท่ี 2 จะมากกวา แบบที่ 1 เสมอ ดังน้นั เศรษฐคี วรเลอื กจายคาตอบแทนแบบที่ 1 จงึ จะประหยัดเงนิ ทสี่ ดุ 2) ถาใชเ วลาปฏบิ ตั ิภารกจิ 30 วนั แบบท่ี 1 จะเสียคา ตอบแทน 30× 50,000 =1,500,000 บาท ( )5 1− 230 = (5 230 −1) หรือเทากบั แบบท่ี 2 จะเสียคา ตอบแทน S30 = 1− 2 2−1 5,368,709,115 สตางค หรือ 53,687,091.15 บาท ดงั น้นั ถา เลือกจา ยคาตอบแทนแบบท่ี 1 จะประหยัดเงินกวาการจา ยคา ตอบแทน แบบที่ 2 เปน จาํ นวนเงนิ 52,187,091.15 บาท สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 285 3) พจิ ารณาจํานวนวนั ในการปฏิบตั ิภารกิจ 24 วนั 40. 1) แบบที่ 1 จะเสยี คา ตอบแทน 24× 50,000 =1,200,000 บาท ( )5 1− 224 = (5 224 −1) หรอื เทากับ 2) แบบที่ 2 จะเสยี คาตอบแทน S24 = 2 −1 1− 2 83,886,075 สตางค หรอื 838,860.75 บาท ดงั นนั้ ถาใชเวลาปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ไมถงึ 25 วนั การจายคาตอบแทนแบบที่ 1 จะไมป ระหยัด กวา แบบท่ี 2 2 + 8 + 32 + + 8,192 เปน อนกุ รมเรขาคณิต ท่ีมี =a1 2=, r 4 และ an = 8,192 จาก an = a1rn−1 จะได 8,192 = 2(4)n−1 4,096 = 4n−1 46 = 4n−1 นัน่ คอื n −1 = 6 n =7 ( )Sn แทน n ดวย 7 ใน = a1 1− rn 1− r จะได 2(1− 47 ) S7 = 1− 4 2(47 −1) = 4 −1 = 10,922 ดังนั้น ผลบวกของอนกุ รมน้ี คือ 10,922 7 +14 + 21+ + 98 เปน อนกุ รมเลขคณิต ที่มี=a1 7=, d 7 และ an = 98 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 98 = 7 + (n −1)(7) 98 = 7 + 7n − 7 n = 14 แทน n ดวย 14 ใน =Sn n ( a1 + an ) 2 จะได S14 = 14 (7 + 98) = 735 2 ดังนน้ั ผลบวกของอนกุ รมนี้ คือ 735 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
286 คูม ือครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 3) 1 +1+ 3 + + 30 เปน อนุกรมเลขคณติ ท่ีม=ี a1 1=, d 1 และ an = 30 2 2 2 2 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 30 = 1 + ( n − 1) 1 2 2 30 = 1 + 1 n − 1 22 2 n = 60 แทน n ดวย 60 ใน =Sn n ( a1 + an ) 2 จะได S60 = 60 1 + 30 2 2 = 915 ดังนั้น ผลบวกของอนกุ รมนี้ คือ 915 4) 16 + 8 + 4 + + 1 เปนอนกุ รมเรขาคณิต ทีม่ =ี a1 1=6, r 1 และ an =1 32 2 32 จาก an = a1rn−1 จะได 1 = 16 1 n−1 32 2 1 = 1 n−1 512 2 1 9 = 1 n−1 2 2 นน่ั คือ n −1 = 9 n = 10 ( )Sn แทน n ดวย 10 ใน = a1 1− rn 1− r 16 − 1 10 1 2 จะได S10 = 1− 1 2 = 1,023 32 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 287 ดงั นน้ั ผลบวกของอนกุ รมนี้ คือ 1,023 32 5) (−1) + 3 + (−9) + + (−729) เปน อนุกรมเรขาคณิต ท่มี ี a1 =−1, r =−3 และ an = −729 จาก an = a1rn−1 จะได −729 = (−1)(−3)n−1 729 = ( )−3 n−1 (−3)6 = ( )−3 n−1 นน่ั คอื n −1 = 6 n =7 ( )Sn แทน n ดว ย 7 ใน = a1 1− rn 1− r ( )จะได (−1) 1− (−3)7 = −547 S7 = 1− (−3) ดังนนั้ ผลบวกของอนกุ รมน้ี คือ −547 6) −10 − 6 − 2 + + 90 เปน อนกุ รมเลขคณิต ทมี่ ี a1 =−10, d =4 และ an = 90 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 90 = −10 + (n −1)(4) 90 = −10 + 4n − 4 n = 26 แทน n ดว ย 26 ใน =Sn n ( a1 + an ) 2 จะได S26 = 26 (−10 + 90) = 1,040 2 ดงั นนั้ ผลบวกของอนุกรมนี้ คือ 1,040 41. ในท่ีนี้ =P 5000=, k 4=, n 3 และ=r 1=.5 0.015 100 จะไดจ าํ นวนเงินรวม คือ 5, 000 1 + 0.015 12 หรอื ประมาณ 5,229.70 บาท 4 ดงั น้ัน เมื่อฝากเงนิ ครบ 3 ป จะมเี งินในบัญชี 5,229.70 บาท สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
288 คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 5 42. ในท่นี ้ี =P 18600=, k 2=, n 15 และ=r =4 0.04 100 จะไดจ ํานวนเงินรวม คือ 18, 600 1 + 0.04 30 หรอื ประมาณ 33,691.33 บาท 2 ดังนน้ั เมือ่ ฝากเงนิ ครบ 15 ป จะมเี งนิ ในบัญชปี ระมาณ 33,691.33 บาท 43. พิจารณา ธนาคาร A ในที่น=้ี P 1000000=0, k 1=2, n 10 และ=r 1=2 0.12 100 จะไดจ าํ นวนเงินรวม คือ 10, 000, 000 1 + 0.12 120 หรือประมาณ 33,003,868.95 บาท 12 พิจารณา ธนาคาร B ในทน่ี ี้ =P 10000000,=k 1,=n 10 และ=r 1=2.5 0.125 100 จะไดจ ํานวนเงินรวม คือ 10,000,000(1+ 0.125)10 หรอื ประมาณ 32,473,210.25 บาท ดังน้นั แมข องสทุ ัศนค วรเลือกฝากเงนิ กบั ธนาคาร A จงึ จะไดเ งินรวมมากทส่ี ดุ และเม่ือสน้ิ ปท่ี 10 จะไดเงนิ รวมประมาณ 33,003,868.95 บาท 44. =ในท่นี ี้ P 1=00000, k 2 และ n =10 จะได 148,595 = 100, 000 1 + r 20 2 1.48595 = 1 + r 20 2 น่นั คอื 1 + r = 20 1.48595 2 ( )r = 2 20 1.48595 −1 r ≈ 0.04 ดังน้ัน ธนาคารแหงนี้กําหนดอัตราดอกเบีย้ ประมาณ 4% ตอ ป 45. ตนตระการจะตองชาํ ระดอกเบีย้ ใหวทิ วัสเปน เงิน 5,000×52× 2 =520,000 บาท นัน่ คอื เมื่อครบ 2 ป ตน ตระการจะตองจายเงนิ ใหวทิ วสั ทง้ั หมด 720,000 บาท =ในท่นี ้ี P 2=00000, k 52 และ n = 2 จะได 720,000 = 200, 000 1 + r 104 52 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 289 3.6 = 1 + r 104 52 น่นั คอื 1 + r = 104 3.6 52 ( )r = 52 104 36 −1 r ≈ 1.82 ดังนั้น ดอกเบี้ยท่วี ทิ วสั เรยี กเกบ็ สามารถคดิ เปนอัตราดอกเบย้ี รอยละ 182 ซง่ึ อัตราดอกเบยี้ ดังกลาวไมเ ปนไปตามที่กฎหมายกําหนด 46. ในทนี่ ้ี =S 250000,=k 1,=n 10 และ=r =5 0.05 100 จะได มลู คาปจ จุบันของเงินรวม 250,000 บาท คือ P = 250,000(1+ 0.05)−10 ≈ 153,478.31 บาท ดงั นัน้ วิชยั ตอ งฝากเงนิ ตนไวอ ยางนอย 153,479 บาท 47. ในที่นี้ =S 122079.42=, k 4=, n 10 และ=r =2 0.02 100 จะได มูลคาปจจุบนั ของเงินรวม 122,079.42 บาท คือ 0.02 −40 P = 122, 079.42 1 + 4 ≈ 100,000 บาท ดังนน้ั ธีระตอ งฝากเงินไวป ระมาณ 100,000 บาท 48. ฝากเงนิ ตอนตน งวดทกุ เดอื นเปน เงิน 1,000 บาท ในทน่ี ้ี =R 1000=, i 2=.4 0.2 และ=r 0=.2 0.002 12 100 ดงั นั้น เงินรวมหลังจากการฝากครั้งท่ี n คือ 1,000(1.002) +1,000(1.002)2 + +1,000(1.002)n ซึง่ เปนอนุกรมเรขาคณิตทีม่ ี n พจน พจนแ รกคือ 1,000(1.002) และอัตราสว นรวม คอื 1.002 ( ) ( )จะไดเงนิ รวม คือ 1,000(1.002) 1− (1.002)n หรอื 501,000 (1.002)n −1 บาท 1 −1.002 ดังนั้น เงนิ รวมหลังจากฝากครั้งที่ n คือ (501,000 (1.002)n −1) บาท 49. หมากฝากเงินตอนสน้ิ งวดทุกเดือนท้งั หมด 24 ครง้ั ในท่นี ี้ =R 2000,=i 3= 0.25, =n 24 และ=r 0=.25 0.0025 12 100 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
290 คูมือครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 24 0 1… ดังนน้ั เม่ือฝากครบ 24 ครั้ง เงินรวมของหมาก คือ 2,000 + 2,000(1.0025) + 2,000(1.0025)2 + + 2,000(1.0025)23 ซึ่งเปน อนุกรม เรขาคณติ ทม่ี ี 24 พจน พจนแ รกคอื 2,000 และอตั ราสว นรว ม คือ 1.0025 ( )จะได เงินรวม คอื 2,000 1− (1.0025)24 หรือประมาณ 49,405.64 บาท 1 −1.0025 ดงั นัน้ เมอ่ื ฝากครบ 24 ครงั้ หมากจะมเี งินรวมประมาณ 49,405.64 บาท 50. มะปรางฝากเงนิ ตอนสน้ิ งวดทุกเดือนเปน เวลา 2 ป เน่อื งจากมะปรางมีรายรับเดือนละ 20,000 บาท และจะออมเงินเดอื นละ 10% ของรายรบั จะไดวา มะปรางออมเงนิ เดือนละ 10 (20,000) = 2,000 บาท 100 ในที่นี้ =R 2000,=i 1=2 1, =n 24 และ=r =1 0.01 12 100 0 1… 24 ดงั นัน้ เมื่อเวลาผานไป 2 ป เงินออมของมะปราง คือ สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311