คมู ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 237 2. รอ ยละของลูกคา ท่ีซอ้ื คอมพวิ เตอร 10100%0 12.6 21.9 909%0 13.4 808%0 23.3 707%0 54.8 606%0 18.9 หญิง 505%0 9.4 404%0 ระดบั ราคาที่ 3 : 45,001 – 55,000 บาท 303%0 ระดับราคาท่ี 6 : 202%0 45.7 สงู กวา 75,000 บาท 101%0 0%0 ชาย ระดบั ราคาท่ี 1 : ระดับราคาที่ 2 : ตํ่ากวา 35,001 บาท 35,001 – 45,000 บาท ระดบั ราคาที่ 4 : ระดับราคาท่ี 5 : 55,001 – 65,000 บาท 65,001 – 75,000 บาท 3. 1) เพศ จาํ นวนนักเรียน ชาย 7 5 หญิง 12 รวม จาํ นวนนกั เรยี น 2) 5 7 บุคคลทพ่ี กั อาศยั ดว ย 12 บิดา/มารดา ญาติ รวม สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
238 คมู อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 6 3) เพศ รวม ชาย หญงิ บุคคลทพ่ี กั อาศัยดว ย 5 32 7 บดิ า/มารดา 12 ญาติ 43 รวม 75 4) ญาติ 4. 1) มีนักเรียนท่ีช่ืนชอบมะมวงคิดเปนรอยละ 10 + 14 + 13 + 12 ×100 =24.5 ของ 45 + 51 + 56 + 48 นักเรียนทสี่ าํ รวจทงั้ หมด 2) มีนักเรียนและครทู ี่ชนื่ ชอบแตงโมหรือมะมวงคิดเปน รอ ยละ 60 + 65 ×100 ≈ 51.02 ของนกั เรยี นและครทู ่ีสาํ รวจทง้ั หมด 245 3) เนอ่ื งจากมีนักเรียนที่ชน่ื ชอบแตงโม 53 คน มนี กั เรยี นที่ชื่นชอบมะมว ง 49 คน มีนกั เรียนทีช่ น่ื ชอบฝรง่ั 54 คน และ มนี กั เรยี นท่ีชน่ื ชอบสับปะรด 44 คน ดังน้ัน ผลไมท่ีนักเรียนช่ืนชอบจากมากท่ีสุดไปนอยท่ีสุด คือ ฝร่ัง แตงโม มะมวง และ สบั ปะรด ตามลาํ ดับ 4) เน่อื งจากรอยละ 25 ของนักเรยี นและครทู ีส่ าํ รวจท้ังหมด เทา กับ 25 × 245 =61.25 คน 100 นั่นคือ ถาผลไมชนิดใดมีนักเรียนและครูชื่นชอบไมนอยกวา 62 คน จะไดวาผลไม ชนิดนั้นมีนักเรียนและครูช่ืนชอบมากกวารอยละ 25 ของนักเรียนและครูท่ีสํารวจ ทั้งหมด ดงั นั้น โรงเรยี นแหง นจี้ ะมมี ะมวงและฝรง่ั มาวางขาย 5. 1) เว็บไซตรานคา e – Commerce สองอันดับแรกมีจํานวนผูเขาชมตางกันประมาณ 44 – 31 = 13 ลานคน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 239 2) จํานวนผูเขา ชมเวบ็ ไซต Shopee TH คดิ เปนประมาณ 31 = 31 เทาของจํานวนผเู ขาชม 1 เวบ็ ไซต Shop 24 6. 1) แผนภูมริ ูปภาพ XS S M L XL XXL แทนจาํ นวนนกั เรียน 2 คน แผนภมู ริ ูปวงกลม จํานวนนักเรียน XS S 6 22 M L 8 XL XXL 10 12 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
240 คมู อื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 6 แผนภูมิแทง จํานวนนกั เรียน 14 12 10 8 6 4 2 0 XS S M L XL XXL 2) ขนาดเส้อื ยดื จํานวนนักเรียน ความถส่ี มั พทั ธ (รอ ยละ) XS 2 5 S 8 20 M 12 30 L 10 25 XL 6 15 XXL 2 5 รวม 40 100 3) มีนักเรียนที่ใสเส้ือยืดตั้งแตขนาด L ขึ้นไป คิดเปนรอยละ 25 +15 + 5 =45 ของ นกั เรยี นที่สํารวจทงั้ หมด 7. 1) เครือขา ยสสี ม 2) สมมติวา ผูใชบ รกิ ารโทรศพั ทมือถอื ท้ังหมดใน พ.ศ. 2560 มจี าํ นวน x คน เน่ืองจากใน พ.ศ. 2560 มีผใู ชบรกิ ารโทรศพั ทมือถือเครือขา ยสนี ้าํ เงนิ รอ ยละ 25.19 จะได 25.19 x = 24, 480, 000 100 x ≈ 97,181, 421.2 ดังนัน้ มผี ูใ ชบ รกิ ารโทรศัพทมอื ถือท้งั หมดใน พ.ศ. 2560 ประมาณ 97,181,421 คน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 241 3) เนือ่ งจากในปตอ ๆ ไป จะมีจาํ นวนผูใชบ รกิ ารเพมิ่ ขึ้นปล ะ 1% ของปก อ นหนา จะไดวา ใน พ.ศ. 2560 มผี ใู ชบ รกิ ารโทรศัพทม ือถอื ทงั้ หมด 101 × 90, 000, 000 =90, 900, 000 คน 100 และใน พ.ศ. 2561 มีผใู ชบรกิ ารโทรศพั ทมอื ถือท้ังหมด 101 ×90,900,000 =91,809,000 คน 100 ดังนั้น ใน พ.ศ. 2561 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมกับสีเขียวตางกัน ประมาณ 44.96 − 31.89 ×91,809, 000 ≈ 11,999, 436 คน 100 4) 4.1) สามารถสรปุ ไดว าเปน จริง เนื่องจากตลอดทั้งสามป รอยละของผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีเขียว มากกวารอ ยละของผใู ชบริการโทรศัพทมือถอื เครอื ขายสีนาํ้ เงินและสสี ม 4.2) ไมสามารถสรุปไดว าเปน จริงหรอื เท็จ เนอ่ื งจากถา จํานวนผใู ชบ รกิ ารโทรศัพทมือถอื เทา กนั ในแตละป จะไดว า จาํ นวนผูใชบ ริการโทรศัพทม อื ถือเครอื ขา ยสีสมเพิ่มขึน้ ทุกป แตถาสมมติวาใน พ.ศ. 2559 มีจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือทั้งหมด 90,000,000 คน และใน พ.ศ. 2560 มีจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือท้ังหมด 80,000,000 คน จะไดวามีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมใน พ.ศ. 2559 จํานวน 27.24 ×90,000,000 =24, 516, 000 คน และมีผูใชบริการโทรศัพทมือถือ 100 เครือขายสสี ม ใน พ.ศ. 2560 จาํ นวน 30.27 ×80,000,000 =24, 216,000 คน 100 นั่นคือมีผูใชบริการโทรศพั ทมือถือเครือขายสสี ม ลดลงจากปก อนหนา 4.3) สามารถสรุปไดวาเปนเท็จ เนอื่ งจากใน พ.ศ. 2559 มผี ูใชบรกิ ารโทรศัพทม อื ถอื เครือขา ยสีเขียว 45.57 × 90, 000, 000 =41, 013, 000 คน 100 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
242 คูมือครรู ายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 และใน พ.ศ. 2561 มีผใู ชบ รกิ ารโทรศพั ทมือถอื เครอื ขายสเี ขยี ว 44.96 ×91,809,000 =41, 277,326.4 ≈ 41, 277,326 คน 100 ดังนัน้ จํานวนผูใ ชบริการโทรศัพทมือถือเครอื ขายสเี ขียวใน พ.ศ. 2561 มากกวา จาํ นวนผูใ ชบ ริการโทรศัพทมอื ถอื เครือขายสเี ขยี วใน พ.ศ. 2559 8. 1) เน่อื งจากแตล ะหมบู า นมชี าวบานทีต่ อบแบบสํารวจจาํ นวนเทากนั จะไดวามีชาวบานตอบแบบสํารวจหมบู า นละ 200 คน ดังนั้น มีจํานวนชาวบานที่รับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการทอดเปนประจําทั้งหมด 22 + 25 + 18 + 11 × 200 =152 คน 100 100 100 100 2) เน่ืองจากชาวบา นทต่ี อบแบบสาํ รวจจากหมูบาน A จาํ นวน 100 คน จะไดวามีชาวบานในหมูบาน A ท่ีรับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจํา จํานวน 31 ×100 =31 คน 100 เน่ืองจากสํารวจชาวบานจากหมูบาน 4 แหง จํานวน 800 คน โดยมีชาวบานที่ตอบ แบบสํารวจจากหมูบาน A จํานวน 100 คน จากหมูบาน B จํานวน 150 คน และจาก หมูบา น D จาํ นวน 50 คน จะไดวามีชาวบานในหมูบาน C ท่ีรับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจํา จํานวน 20 × (800 −100 −150 − 50) =100 คน 100 ดังนั้น มีชาวบานในหมูบา น A ที่รับประทานอาหารทปี่ รุงดวยการผัดเปนประจํานอยกวา ชาวบานในหมูบาน C ท่ีรับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจําอยู 100 − 31 =69 คน 3) 3.1) สามารถสรุปไดว า เปน จริง เน่ืองจากในแตละหมูบานมีรอยละของชาวบานท่ีตอบแบบสํารวจที่รับประทาน อาหารท่ีปรุงดวยการทอดเปนประจํานอ ยกวารอยละของชาวบานทีร่ ับประทาน อาหารท่ีปรงุ ดวยการตม เปน ประจาํ สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 243 3.2) ไมสามารถสรุปไดว าเปน จรงิ หรือเปน เท็จ เน่ืองจากถาสมมติวามีจํานวนชาวบานท่ีตอบแบบสํารวจจากหมูบาน B และ C เทากัน จะไดวาในกลุมผูตอบแบบสํารวจ ชาวบานในหมูบาน B ที่รับประทาน อาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํามีจํานวนมากกวาชาวบานในหมูบาน C ท่ีรบั ประทานอาหารที่ปรงุ ดว ยการปง /ยา งเปน ประจํา แตถาสมมติวามีชาวบานที่ตอบแบบสาํ รวจจากหมบู าน B จํานวน 100 คน และมี ชาวบานท่ีตอบแบบสํารวจจากหมูบาน C จํานวน 200 คน จะมีชาวบานท่ีตอบ แบบสํารวจจากหมูบาน B ท่ีรับประทานอาหารดวยการผัดเปนประจํา จํานวน 25 ×100 =25 ค น แ ล ะ มี ช า ว บ า น ท่ี ต อ บ แ บ บ สํ า ร ว จ จ า ก ห มู บ า น C 100 ทร่ี ับประทานอาหารดว ยการปง/ยา งเปนประจาํ จํานวน 14 × 200 =28 คน 100 นั่นคือ ในกลุมผูตอบแบบสํารวจ จะไดวาชาวบานในหมูบาน B ที่รับประทาน อาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํามีจํานวนนอยกวาชาวบานในหมูบาน C ทร่ี บั ประทานอาหารที่ปรงุ ดวยการปง /ยา งเปน ประจาํ 3.3) ไมสามารถสรุปไดวาเปนจรงิ หรอื เปน เท็จ เนื่องจากถาสมมติวามีจํานวนชาวบานท่ีตอบแบบสํารวจจากทั้ง 4 หมูบาน เทากัน จากขอ 1) จะไดวามีชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการทอด เปนประจํา 152 คน และมีชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปน ประจาํ 31 + 25 + 20 + 7 × 200 =166 คน 100 100 100 100 นน่ั คือ ในกลมุ ตอบแบบสาํ รวจ ชาวบานท่ีรบั ประทานอาหารท่ปี รุงดวยการทอด เปนประจํามีจํานวนนอยกวาชาวบานทีร่ ับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผดั เปน ประจํา แตถาสมมติวามีชาวบานท่ีตอบแบบสํารวจจากหมูบาน A, B, C และ D เปน 100, 100, 100 และ 500 คน ตามลาํ ดับ จะมชี าวบานท่ีรบั ประทานอาหารทีป่ รุงดวยการทอดเปน ประจาํ ท้งั หมด 22 ×100 + 25 ×100 + 18 ×100 + 11 × 500 =120 คน 100 100 100 100 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
244 คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 6 และมีชาวบานทรี่ ับประทานอาหารทีป่ รุงดวยการผดั เปนประจําท้งั หมด 31 ×100 + 25 ×100 + 20 ×100 + 7 × 500 =111 คน 100 100 100 100 น่ันคือ ในกลุมผูตอบแบบสํารวจ ชาวบานท่ีรับประทานอาหารท่ีปรุงดวย การทอดเปนประจํามีจํานวนมากกวาชาวบานท่ีรับประทานอาหารท่ีปรุงดวย การผดั เปนประจํา 9. 1) จากแผนภูมิรูปวงกลม มีนักเรียนที่ตอบแบบสํารวจจากโรงเรียน A ทั้งหมด 30 ×10,000 =3,000 คน 100 ดังนน้ั มนี กั เรยี นจากโรงเรียน A ทชี่ ่ืนชอบภาพยนตรแอกชนั 30 × 3,000 =900 คน 100 2) มนี กั เรียนทชี่ น่ื ชอบภาพยนตรผจญภัยทง้ั หมด 17 × 30 ×10, 000 + 20 × 24 ×10, 000 + 10 × 26 ×10, 000 100 100 100 100 100 100 + 25 × 20 ×10, 000 =1, 750 คน 100 100 3) นักเรยี นจากโรงเรยี น A ทช่ี นื่ ชอบภาพยนตรต ลกมี 20 × 30 ×10, 000 =600 คน 100 100 นกั เรยี นจากโรงเรยี น D ท่ชี น่ื ชอบภาพยนตรผจญภัยมี 25 × 20 ×10, 000 =500 คน 100 100 ดังนั้น จํานวนนักเรียนจากโรงเรียน A ที่ช่ืนชอบภาพยนตรตลกมากกวาจํานวน นักเรียนจากโรงเรียน D ท่ชี น่ื ชอบภาพยนตรผ จญภัย 4) มีนกั เรยี นจากโรงเรยี น B และ C ท่ีช่นื ชอบภาพยนตรผจญภัยและภาพยนตรช วี ติ รวม ทัง้ หมด 20 + 8 × 24 ×10, 000 + 10 + 14 × 26 ×10, 000 100 100 100 100 100 100 = 1,296 คน 5) มีนักเรยี นจากโรงเรยี น D ท่ีชนื่ ชอบภาพยนตรป ระเภทอ่ืน ๆ อยู 7 × 20 × 10, 000 =140 คน ซ่ึงคิดเปน รอยละ 140 ×100 =1.4 ของจาํ นวน 100 100 10, 000 นกั เรียนทส่ี าํ รวจท้งั หมด สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 245 เฉลยแบบฝกหดั บทที่ 3 การวเิ คราะหและนําเสนอขอ มลู เชงิ ปรมิ าณ แบบฝก หดั 3.1 1. จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 9 ชั้น คาเริ่มตนคือ 8,000 และคาสุดทายคือ 9,800 สามารถเขียนตารางความถ่ีไดดังนี้ 1. คํานวณความกวา งของอนั ตรภาคชน้ั ไดดังน้ี คา สุดทาย – คา เรมิ่ ตน 9=,800 − 8,000 200 จําน=วนอนั ตรภาคชน้ั 9 ดงั นัน้ ความกวางของอนั ตรภาคชนั้ คือ 200 เซลลต อเลือด 1 ลูกบาศกมลิ ลเิ มตร 2. เขียนอนั ตรภาคชน้ั ไดด ังนี้ อนั ตรภาคชั้น คาเร่ิมตน คาสดุ ทาย ชั้นที่ 1 8, 000 8,000 + 200 −1 =8,199 ชนั้ ท่ี 2 8, 200 8, 200 + 200 −1 =8,399 ช้นั ท่ี 3 8, 400 8, 400 + 200 −1 =8,599 ช้นั ที่ 4 8, 600 8,600 + 200 −1 =8,799 ชน้ั ท่ี 5 8,800 8,800 + 200 −1 =8,999 ชน้ั ที่ 6 9, 000 9,000 + 200 −1 =9,199 ชน้ั ที่ 7 9, 200 9, 200 + 200 −1 =9,399 ชั้นที่ 8 9, 400 9, 400 + 200 −1 =9,599 ชั้นที่ 9 9, 600 9,600 + 200 −1 =9,799 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
246 คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 3. หาจํานวนขอ มูลทัง้ หมดทอี่ ยูในแตละอนั ตรภาคชน้ั โดยทํารอยขดี ไดด ังนี้ อนั ตรภาคช้ัน รอยขีด 8,000 − 8,199 ||| 8,200 − 8,399 8,400 − 8,599 |||| 8,600 − 8,799 |||| 8,800 − 8,999 |||| |||| 9,000 − 9,199 |||| | 9,200 − 9,399 |||| || 9,400 − 9,599 |||| 9,600 − 9,799 | 4. เขยี นตารางความถ่ี ไดดังน้ี ความถี่ อนั ตรภาคชน้ั 8,000 − 8,199 3 8,200 − 8,399 0 8,400 − 8,599 5 8,600 − 8,799 5 8,800 − 8,999 9 9,000 − 9,199 6 9,200 − 9,399 7 9,400 − 9,599 4 9,600 − 9,799 1 จากตารางความถี่ อาจสรุปไดวา • ครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,800 − 8,999 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มิลลเิ มตร มจี ํานวนมากท่ีสดุ โดยมีจาํ นวน 9 คน รองลงมาคอื ครทู ี่มเี ซลลเมด็ เลอื ด ขาวอยูในชวง 9,200 − 9,399 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศกมิลลิเมตร โดยมีจํานวน 7 คน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 247 • ครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,400 − 8,599 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มิลลิเมตร และชวง 8,600 − 8,799 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศกมิลลิเมตร มีจํานวน 5 คน เทากนั • ไมมีครูท่ีมีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,200 − 8,399 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มลิ ลิเมตร 2. 1) จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 6 ชั้น คาเริ่มตนคือ 8 และคาสดุ ทาย คอื 44 สามารถเขยี นตารางความถ่ไี ดดงั น้ี 1. คํานวณความกวางของอนั ตรภาคชัน้ ไดด ังน้ี คา สุดทาย – คาเริม่ ตน 4=4 − 8 6 จาํ นวนอนั ตรภาค=ช้ัน 6 ดังนั้น ความกวา งของอนั ตรภาคชน้ั คือ 6 ฉบับ 2. เขยี นอนั ตรภาคชั้นไดดังน้ี อันตรภาคชั้น คา เริ่มตน คา สุดทา ย ชั้นท่ี 1 8 8 + 6 −1 =13 ชั้นที่ 2 14 14 + 6 −1 =19 ชน้ั ท่ี 3 20 20 + 6 −1 =25 ช้นั ที่ 4 26 26 + 6 −1 =31 ชนั้ ท่ี 5 32 32 + 6 −1 =37 ชน้ั ที่ 6 38 38 + 6 −1 =43 3. เขียนตารางความถี่ ไดดังน้ี อันตรภาคชน้ั ความถี่ 8 −13 3 14 −19 11 20 − 25 10 26 − 31 5 32 − 37 1 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
248 คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 อันตรภาคชั้น ความถ่ี 38 − 43 1 2) อันตรภาคช้นั 14 −19 มีความถ่ีสูงทส่ี ดุ 3) อันตรภาคชนั้ ที่ 5 มีความถส่ี ัมพัทธในรูปรอ ยละเทากบั 1 ×100 หรอื ประมาณ 3.2 31 4) จํานวนวันทกี่ นกวรรณไดรบั อเี มลนอ ยกวา 32 ฉบับ คิดเปน รอยละ 3 +11+10 + 5 ×100 ≈ 93.5 ของจาํ นวนวนั ท้งั หมดในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 31 3. 1) เขยี นตารางความถพ่ี รอมทงั้ แสดงความถส่ี มั พทั ธไ ดดังน้ี อนั ตรภาคชัน้ ความถี่ ความถ่สี ัมพทั ธ สดั สว น รอยละ ตํา่ กวา 1,100 2 2 = 0.04 4 50 1,100 −1,199 4 4 = 0.08 8 50 1, 200 −1, 299 11 11 = 0.22 22 50 1,300 −1,399 13 13 = 0.26 26 50 1, 400 −1, 499 14 14 = 0.28 28 50 1,500 −1,599 5 5 = 0.10 10 50 1,600 −1,699 1 1 = 0.02 2 50 2) ลูกคาท่ีมียอดชําระเงินอยูในอันตรภาคช้ัน 1,400 −1,499 มีจํานวนมากท่ีสุด และคิด เปนรอยละ 28 ของจาํ นวนลกู คาท่เี ก็บขอมลู ทั้งหมด 3) จํานวนลูกคา ทมี่ ยี อดชําระเงนิ ตาํ่ กวา 1,200 บาท มีจํานวน 6 คน จํานวนลูกคาท่ีมียอดชาํ ระเงินตั้งแต 1,500 บาทขึ้นไป มีจาํ นวน 6 คน ดังนั้น จํานวนลูกคาที่มียอดชําระเงินต่ํากวา 1,200 บาท เทากับจํานวนลูกคาท่ีมียอด ชาํ ระเงนิ ตัง้ แต 1,500 บาทขน้ึ ไป สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 6 249 4) คาํ ตอบมีไดห ลากหลาย เชน • ลูกคาทม่ี ียอดชําระเงินต้งั แต 1,400 ถึง 1,499 บาท มีจํานวนมากทีส่ ดุ • ลกู คาทมี่ ยี อดชาํ ระเงนิ ต้งั แต 1,600 ถงึ 1,699 บาท มจี ํานวนนอยทส่ี ดุ • สวนใหญล ูกคา มยี อดชําระเงินอยใู นชว ง 1,200 ถึง 1,499 บาท 4. 1) จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 7 ชั้น คาเร่ิมตนคือ 30 และคาสุดทาย คือ 101 สามารถเขียนตารางความถ่ีไดดังน้ี 1. คํานวณความกวา งของอันตรภาคช้นั ไดด งั นี้ คา สุดทาย – คาเรม่ิ ตน 101 − 30 ≈ 10.14 จํานวนอันตรภ=าคชั้น 7 ดงั นน้ั ความกวา งของอันตรภาคชนั้ คอื 11 คะแนน 2. เขียนอันตรภาคชน้ั ไดด งั น้ี อนั ตรภาคชนั้ คาเรม่ิ ตน คา สุดทาย ช้นั ท่ี 1 30 30 +11−1 =40 ชั้นท่ี 2 41 41+11−1 =51 ชั้นท่ี 3 52 52 +11−1 =62 ชน้ั ท่ี 4 63 63 +11−1 =73 ชั้นที่ 5 74 74 +11−1 =84 ช้ันที่ 6 85 85 +11−1 =95 ชนั้ ท่ี 7 96 96 +11−1 =106 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
250 คูมอื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 3. เขียนตารางความถพ่ี รอมท้งั แสดงความถ่ีสะสม ความถ่ีสัมพัทธ และความถส่ี ะสม สมั พัทธ ไดด งั นี้ อันตรภาคช้ัน ความถ่ี ความถ่ี ความถสี่ ัมพัทธ ความถีส่ ะสมสัมพัทธ สะสม สัดสวน รอยละ สดั สว น รอ ยละ 30 − 40 1 1 1 ≈ 0.02 2 0.02 2 60 5 28 41− 51 2 3 2 ≈ 0.03 3 0.05 58 60 93 98 52 − 62 14 17 14 ≈ 0.23 23 0.28 100 60 63 − 73 18 35 18 ≈ 0.30 30 0.58 60 74 − 84 21 56 21 ≈ 0.35 35 0.93 60 85 − 95 3 59 3 ≈ 0.05 5 0.98 60 96 −106 1 60 1 ≈ 0.02 2 1 60 2) มีนักเรียนทีไ่ ดคะแนนต้งั แต 85 คะแนนขึน้ ไป จํานวน 3 +1 =4 คน 3) นักเรยี นท่ไี ดค ะแนนนอยกวา 52 คะแนน คดิ เปนรอยละ 5 ของจํานวนนักเรยี นทงั้ หมด 4) นักเรียนท่ีไดคะแนนต้ังแต 52 คะแนน ถึง 84 คะแนน คิดเปนรอยละ 93 – 5 = 88 ของจาํ นวนนักเรยี นทั้งหมด 5. 1) พิจารณา 341− 380 ซึ่งเปนอันตรภาคช้ันแรก จะได ความกวางของอันตรภาคชั้น คอื 380 − 341+1 =40 และเขียนตารางความถี่ ไดดังน้ี อนั ตรภาคช้ัน ความถี่ 341− 380 2 381− 420 7 421− 460 5 461− 500 14 501− 540 11 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 6 251 อนั ตรภาคช้นั ความถี่ 541− 580 11 581− 620 11 621− 660 3 661− 700 1 701− 740 1 2) มีหมบู านทีม่ ีประชากรอาศยั อยูตาํ่ กวา 501 คน จํานวน 2 + 7 + 5 +14 =28 หมูบา น 3) มีหมูบา นท่มี ปี ระชากรอาศัยอยตู ง้ั แต 381 ถึง 580 คน จาํ นวน 7 + 5 +14 +11+11 =48 หมบู าน 4) จาํ นวนหมูบ า นท่ีมีประชากรอาศยั อยมู ากกวา 660 คน คดิ เปนรอยละ 2 ×100 ≈ 3.03 66 ของจาํ นวนหมูบา นทัง้ หมด แบบฝกหดั 3.2 1. จากขอ มูลสามารถเขียนฮิสโทแกรมไดด ังน้ี จํานวนนกั เรียน (คน) 6 5 4 3 2 1 คะแนน 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
252 คูม อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 6 2. 1) หาความถขี่ องแตล ะอันตรภาคชั้นจากความถีส่ ะสมไดด ังน้ี อันตรภาคชั้น ความถส่ี ะสม ความถ่ี 61 − 67 3 3 68 − 74 6 3 75 − 81 9 3 82 − 88 24 15 89 − 95 47 23 96 − 102 63 16 103 − 109 76 13 110 − 116 80 4 ดังน้ัน ครูมีระดับนํ้าตาลในเลือดอยูในชวง 89 − 95 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มากท่ีสุด โดยมจี าํ นวน 23 คน 2) จากขอมูลสามารถเขยี นฮสิ โทแกรมไดด งั น้ี จาํ นวนครู (คน) 24 20 16 12 8 4 0 60.5 67.5 74.5 81.5 88.5 95.5 102.5 109.5 116.5 ระดับนํ้าตาลในเลอื ด (มิลลกิ รัมตอเดซลิ ิตร) 3) ขอสรุปดังกลาวไมเปนจริง เนื่องจากถาสมมติวาครูทั้ง 16 คน ที่มีระดับนํ้าตาลในเลือด อยูในชวง 96 −102 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มีระดับนํ้าตาลในเลือดสูงกวา 100 มิลลิกรัม ตอเดซิลิตร จะไดว ามคี รูท่มี ีระดับนํ้าตาลในเลือดสูงกวา 100 มิลลกิ รัมตอ เดซลิ ติ ร หรือ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 253 อยูในชวง 100 −125 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร ทั้งหมด 16 +13+ 4 =33 คน ซ่ึงคิดเปน รอยละ 33 ×100 =41.25 ของครูท้ังหมด 88 ดังนั้น ครูท่ีมีความเส่ียงตอการเปนโรคเบาหวานจึงมีนอยกวารอยละ 42 ของครู ทั้งหมด 3. 1) มี 29 +11 =40 เขตท่ีอัตราสวนพ้ืนที่สีเขียว 10 ประเภท ตอจํานวนประชากร นอ ยกวา 40 ตารางเมตรตอคน 2) มี 1+1+1 =3 เขตที่อัตราสวนพ้ืนที่สีเขียว 10 ประเภท ตอจํานวนประชากร ไมนอยกวา 80 ตารางเมตรตอคน 3) จากฮิสโทแกรม เขตที่มีอัตราสวนพ้ืนท่ีสีเขียว 10 ประเภท ตอจํานวนประชากร มากทสี่ ุดมีอัตราสว นพนื้ ที่สเี ขยี วตอจํานวนประชากรอยใู นชวง 280 −300 ตารางเมตร ตอคน และเนอ่ื งจากเขตน้มี ีประชากร 182,235 คน ดังนัน้ ในเขตนี้จะมีพืน้ ท่ีสีเขยี วอยางนอย 280×182,235 = 51,025,800 ตารางเมตร นน่ั คอื สามารถสรุปไดวา พ้ืนท่ีสีเขียวในเขตนั้นไมนอ ยกวา 50,000,000 ตารางเมตร 4. 1) แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนที่สุมมามีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดอยูในชวง 190 − 200 มลิ ลิกรมั ตอเดซิลิตร มากท่สี ดุ และมแี พทยอยูในชวงนี้ 9 คน 2) ระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดของแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลที่สุมมา มีคาสูงสุดอยูใ นชวง 240 − 250 มิลลิกรมั ตอเดซิลิตร และมีแพทยอ ยูใ นชวงนี้ 2 คน 3) 3.1) จากฮิสโทแกรม มีแพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนที่มรี ะดับคอเลสเตอรอลรวมใน เลอื ดสูงกวาคาปกติ 5 + 2 + 5 +1+1 =14 คน ซึ่งคดิ เปนรอยละ 14 ×100 ≈ 46.67 30 ของจาํ นวนแพทยประจาํ โรงพยาบาลเอกชนทส่ี มุ มาทง้ั หมด 3.2) จากฮิสโทแกรม มีแพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนและแพทยประจํา โรงพยาบาลรัฐบาลที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงกวาคาปกติ 14 + (9 + 7 + 4 + 4 + 2) =40 คน ซึ่งคิดเปนรอยละ 40 ×100 ≈ 66.67 ของ 60 จาํ นวนแพทยท ส่ี มุ มาทัง้ หมด สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
254 คูมอื ครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 3.3) แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือด สูงกวาคาปกติมีจํานวนนอยกวาแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีระดับ คอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงกวาคา ปกตอิ ยู 26 −14 =12 คน 4) คาํ ตอบมีไดหลากหลาย เชน • แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดอยูในชวง 190 − 200 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มีจํานวนมากที่สุด โดยแพทยประจําโรงพยาบาล เอกชนท่ีมีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดปกติมีจํานวนมากกวาแพทยประจํา โรงพยาบาลเอกชนที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงกวาคาปกติอยู 16 −14 =2 คน • แพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดอยูในชวง 200 − 210 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มีจํานวนมากที่สุด รองลงมาคือ ชวง 210 − 220 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร โดยแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลท่ีมีระดับคอเลสเตอรอล รวมในเลือดปกติมีจํานวนนอยกวาแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีระดับ คอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงกวาคาปกติอยู 26 − 4 =22 คน • แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนท่ีมีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดปกติมีจํานวน มากกวา แพทยป ระจาํ โรงพยาบาลรัฐบาลอยู 16 − 4 =12 คน 5. 1) จากขอ มลู สามารถเขียนแผนภาพจดุ ไดดงั นี้ 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 24 26 28 30 32 34 จํานวนภาพยนตร (เรื่อง) ท่ีนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 จํานวน 50 คน ชมในหนง่ึ ป สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 255 จากขอ มลู สามารถเขยี นแผนภาพลาํ ตน และใบไดด ังน้ี 035567779 10025556666666777788899 200012234555566788 3223 2) นักเรียนที่ชมภาพยนตรมากกวา 12 เรื่อง ในหนึ่งป คิดเปนรอยละ 39 ×100 =78 50 ของจํานวนนกั เรยี นท้ังหมด 6. นักเรียนที่ไดคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรต้ังแตรอยละ 90 ขึ้นไปของคะแนนเต็ม คือ นักเรยี นท่ีไดค ะแนนสอบ 45 คะแนนข้นึ ไป ซงึ่ มจี าํ นวน 19 + 24 +19 +18 +12 + 5 =97 คน และนักเรียนท่ีไดคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษตั้งแตรอยละ 90 ขึ้นไปของคะแนนเต็ม คือ นักเรยี นท่ไี ดค ะแนนสอบ 45 คะแนนขนึ้ ไป ซ่งึ มจี ํานวน 24 +12 + 5 + 3 + 2 =46 คน ดังน้นั มีนักเรียนที่ไดรางวัลในวิชาคณิตศาสตรและวิชาภาษาอังกฤษ จํานวน 97 และ 46 คน ตามลาํ ดับ สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
256 คูมอื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 7. 1) เขียนแผนภาพลําตน และใบของคะแนนสอบวชิ าภาษาไทยและวชิ าคณติ ศาสตรไ ดดังนี้ วิชาภาษาไทย วิชาคณิตศาสตร 604579 2502256799 83603455679 998877777665400070001344577889 8776433221111118011225 8422905 2) จากแผนภาพลําตนและใบในขอ 1) เขียนตารางความถ่ีแสดงจํานวนนักเรียนท่ีไดเกรด ตา ง ๆ ของแตล ะวิชา ไดดังน้ี เกรด จาํ นวนนกั เรียน (คน) วชิ าภาษาไทย วชิ าคณติ ศาสตร 44 2 3 15 6 2 16 13 12 8 0 3 11 3) นักเรียนที่คะแนนวิชาคณิตศาสตรขาดไปเพียง 1 คะแนน แลวจะไดเกรดดีข้ึนคือ นกั เรยี นท่ไี ดคะแนน 59, 69 และ 79 ซึง่ มที ัง้ หมด 4 คน 4) เม่อื เปรียบเทยี บจากเกรด พบวา นกั เรยี นสว นใหญใ นหอ งนี้ถนัดวิชาภาษาไทยมากกวา วิชาคณติ ศาสตร 8. 1) เรียงขอ มลู จากนอ ยไปมากไดด งั นี้ 5 6 6 7 7 8 9 9 10 10 10 11 12 12 13 14 14 15 15 16 16 16 17 17 17 18 18 18 19 20 20 ขอ มูลมที ั้งหมด 31 ตัว จะได Q1 อยูใ นตําแหนง ที่ 31 +1 = 8 ดงั น้นั Q1 = 9 4 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครูรายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6 257 Q2 อยใู นตาํ แหนง ที่ 2(31+1) = 16 ดังนนั้ Q2 = 14 4 และ Q3 อยูในตาํ แหนง ที่ 3( 31 + 1) = 24 ดังน้นั Q3 = 17 4 ดังน้ัน ควอรไทลที่ 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลท่ี 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 9, 14 และ 17 คนั ตามลําดบั 2) แทน Q1 และ Q3 ดว ย 9 และ 17 ตามลาํ ดับ ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 9 −1.5(17 − 9) =− 3 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 9 และ 17 ตามลาํ ดับ ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 17 +1.5(17 − 9) =29 เนื่องจากไมม ขี อ มลู ที่มีคา นอ ยกวา −3 หรอื มากกวา 29 ดังนัน้ ขอมูลชุดน้ีไมมคี านอกเกณฑ 3) จากขอ มูลสามารถเขยี นแผนภาพกลองไดดงั นี้ 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 4) จากแผนภาพกลอง จะเห็นวาจํานวนรถจักรยานยนตท่ีมาจอดบริเวณหนาบานของ นภาพักตรในชวง 9 ถึง 14 คัน มีการกระจายมากที่สุด รองลงมาคือชวง 5 ถึง 9 คัน สวนชว ง 14 ถึง 17 คนั และชว ง 17 ถงึ 20 คนั มกี ารกระจายนอยใกลเคยี งกัน 9. 1) เรียงขอ มูลจากนอ ยไปมากไดด ังนี้ 3.6 5.0 5.4 5.5 5.6 5.8 5.8 5.9 6.0 6.0 7.2 6.1 6.3 6.4 6.5 6.7 6.8 6.9 7.0 7.0 7.2 7.3 7.5 7.5 7.7 8.0 8.0 ขอมูลมีทั้งหมด 27 ตวั จะได Q1 อยูในตําแหนง ที่ 27 + 1 = 7 ดงั นน้ั Q1 = 5.8 4 Q2 อยใู นตาํ แหนงท่ี 2(27 +1) = 14 ดงั นน้ั Q2 = 6.5 4 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
258 คูมอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 และ Q3 อยูใ นตําแหนงท่ี 3(27 +1) = 21 ดงั นัน้ Q3 = 7.2 4 ดังน้ัน ควอรไทลท่ี 1 ควอรไทลท่ี 2 และควอรไทลที่ 3 ของขอมูลชุดนี้ คือ 5.8, 6.5 และ 7.2 เซนติเมตร ตามลาํ ดบั 2) แทน Q1 และ Q3 ดว ย 5.8 และ 7.2 ตามลําดบั ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 5.8 −1.5(7.2 − 5.8) =3.7 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 5.8 และ 7.2 ตามลําดบั ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 7.2 +1.5(7.2 − 5.8) =9.3 จากขอ มูล มี 3.6 นอยกวา 3.7 แตไ มมขี อ มูลท่มี ากกวา 9.3 ดังน้นั ขอมูลชุดนี้มีคา นอกเกณฑ คอื 3.6 3) จากขอมูลสามารถเขยี นแผนภาพกลอ งไดดงั นี้ 5 5.8 6.5 7.2 8 3.5 4 4.5 5 5.5 6 6.5 7 7.5 8 4) จากแผนภาพกลอง จะเห็นวาความยาวของกลวยทอดในชวง 5 ถึง 5.8 เซนติเมตร ชวง 5.8 ถึง 6.5 เซนติเมตร ชวง 6.5 ถึง 7.2 เซนติเมตร และชวง 7.2 ถึง 8 เซนติเมตร มีการกระจายใกลเ คยี งกนั 10. 1) คะแนนตํ่าสุดของนักเรียนกลุมน้ีคือ 60 คะแนน และคะแนนสูงสุดของนักเรียนกลุมน้ี คอื 67 คะแนน 2) เน่ืองจาก 91 ตรงกับ Q3 จึงมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6/2 ที่ไดคะแนนมากกวา 91 คะแนน ประมาณ 25% สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 259 3) เน่ืองจาก 75 ตรงกับ Q2 จึงมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6/1 ที่ไดคะแนนนอยกวา 75 คะแนน ประมาณ 50% 4) เน่ืองจาก 77 ตรงกับ Q1 จึงมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6/2 ที่ไดคะแนนมากกวา 77 คะแนน ประมาณ 75% 5) คําตอบมีไดห ลากหลาย เชน นาจะมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6/2 ไดเกรด 4 ในวิชาคณิตศาสตรมากกวานักเรียน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6/1 เนื่องจากควอรไ ทลท ี่ 2 ของคะแนนของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษา ปท่ี 6/2 คือ 85 คะแนน ซ่ึงมากกวา 80 คะแนน ดังนั้น นาจะมีนักเรียนในหองน้ี มากกวาครึ่งหน่ึงที่ไดเกรด 4 ในขณะที่ควอรไทลที่ 2 ของคะแนนของนักเรียน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6/1 คอื 75 คะแนน ซึง่ นอยกวา 80 คะแนน ดังน้ัน นา จะมนี กั เรียน ในหองนน้ี อ ยกวา คร่งึ หนึ่งทีไ่ ดเ กรด 4 11. จากขอมูลสามารถเขยี นแผนภาพการกระจายไดด งั น้ี 70 60 ํ้นาห ันก (กิโลก ัรม) 50 40 30 20 10 0 140 145 150 155 160 165 170 ความสงู (เซนติเมตร) จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเม่ือความสูงของนักเรียนมากข้ึน นํ้าหนักของ นกั เรยี นจะมแี นวโนมมากข้นึ ดวย ดังนนั้ ความสูงและนาํ้ หนักของนกั เรียนมีความสัมพนั ธใ นทิศทางเดยี วกนั สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
260 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 12. จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเมื่อความสูงจากระดับนํ้าทะเลปานกลางมากขึ้น ความดนั อากาศจะมีแนวโนม ลดลง ดังน้ัน ความดันอากาศและความสูงจากระดับน้ําทะเลปานกลางมีความสัมพันธในทิศทาง ตรงกันขา ม 13. จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเมื่ออายุมากขึ้น จํานวนเพื่อนสนิทของนักเรียนไมได มากขน้ึ หรือนอยลงตาม ดงั น้นั จํานวนเพอ่ื นสนทิ และอายุของนักเรียนไมมีความสัมพนั ธเชิงเสน แบบฝกหดั 3.3.1 1. 1) พิจารณาขอ มูลคาจางรายวนั ของพนักงานชวั่ คราวในรา นท่ี 1 จะได คาเฉล่ียเลขคณติ ของคา จางรายวนั ของพนกั งานช่ัวคราวในรานท่ี 1 คอื 248 + 225 + 280 + 324 + 346 + 320 + 284 + 275 + 325 + 375 = 300.20 บาท 10 เรียงขอมูลคาจา งรายวนั ของพนักงานชวั่ คราวในรานท่ี 1 จากนอยไปมากไดดงั นี้ 225 248 275 280 284 320 324 325 346 375 เนื่องจากมธั ยฐานอยใู นตําแหนงที่ 10 + 1 = 5.5 2 ดังนัน้ มธั ยฐานของคาจา งรายวันของพนักงานชว่ั คราวในรานท่ี 1 คอื 284 + 320 = 302 บาท 2 เนื่องจากขอมูลคาจางรายวันของพนักงานช่ัวคราวในรานท่ี 1 มีความถี่เปน 1 เทากนั หมด ดงั นน้ั ไมมฐี านนยิ มของคา จางรายวนั ของพนกั งานชัว่ คราวในรานที่ 1 พจิ ารณาขอมูลคา จางรายวนั ของพนกั งานชั่วคราวในรา นท่ี 2 จะได คาเฉลี่ยเลขคณิตของคาจางรายวันของพนักงานชั่วคราวในรานที่ 2 คือ 260 + 232 + 245 + 220 + 256 + 248 + 276 + 235 + 244 + 280 = 249.60 บาท 10 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 6 261 เรียงขอ มลู คา จางรายวนั ของพนักงานชั่วคราวในรานท่ี 2 จากนอยไปมากไดดังนี้ 220 232 235 244 245 248 256 260 276 280 เน่ืองจากมัธยฐานอยใู นตําแหนง ที่ 10 +1 = 5.5 2 ดังนัน้ มัธยฐานของคา จางรายวนั ของพนักงานชว่ั คราวในรา นท่ี 2 คือ 245 + 248 = 246.50 บาท 2 เนื่องจากขอมูลคาจางรายวันของพนักงานชั่วคราวในรานท่ี 2 มีความถี่เปน 1 เทากนั หมด ดงั น้ัน ไมมฐี านนิยมของคาจา งรายวันของพนกั งานช่ัวคราวในรานท่ี 2 2) ควรเลอื กทํางานรา นที่ 1 เนื่องจากโดยเฉลย่ี แลว จะไดรบั คาจา งรายวันมากกวารา นที่ 2 2. 1) เรียงขอมูลจากนอ ยไปมากไดดังน้ี 7 9 11 11 12 12 13 13 14 14 14 14 15 15 15 15 16 16 16 17 17 18 18 19 19 27 28 ขอ มลู มีทง้ั หมด 27 ตัว จะได Q1 อยใู นตาํ แหนง ที่ 27 +1 = 7 ดงั น้นั Q1 = 13 4 และ Q3 อยใู นตาํ แหนงท่ี 3(27 +1) = 21 ดงั นน้ั Q3 = 17 4 แทน Q1 และ Q3 ดวย 13 และ 17 ตามลาํ ดบั ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 13 −1.5(17 −13) =7 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 13 และ 17 ตามลาํ ดบั ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 17 +1.5(17 −13) =23 จากขอ มลู ไมมีขอ มลู ทนี่ อ ยกวา 7 แตม ี 27 และ 28 ท่ีมากกวา 23 ดงั นั้น คานอกเกณฑ คือ 27 และ 28 2) คาเฉลี่ยเลขคณิตของระยะเวลาที่ลูกคาจํานวน 27 คน ใชในการทําธุรกรรมท่ีธนาคาร แหง น้ี คือ 415 ≈15.37 นาที 27 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
262 คูม อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี 6 3) คา เฉล่ยี เลขคณติ ของระยะเวลาทล่ี ูกคาใชใ นการทาํ ธรุ กรรมท่ีธนาคารแหง น้ี โดยไมร วม คานอกเกณฑ คือ 415 − (27 + 2=8) 3=60 14.4 นาที 25 25 4) ถึงแมขอมูลชุดนี้จะมีคานอกเกณฑถึงสองคา แตคาเฉลี่ยเลขคณิตท่ีไดจาก ขอ 2) และ 3) ไมแตกตางกันมาก เน่ืองจากขอมูลสวนใหญมีคาใกลเคียงกัน และ คา นอกเกณฑท งั้ สองคา มีคา ใกลเคยี งกนั และไมต า งจากขอมลู ทมี่ คี ามากทีส่ ุดมาก 3. เนอ่ื งจากคะแนนสอบยอยวิชาคณิตศาสตรแตละครั้งมีคะแนนเตม็ 100 คะแนน และคิดเปน รอยละ 15 ของคะแนนทง้ั หมด จะได นํ้าหนักของการสอบยอ ยแตล ะคร้ังคอื 15 = 0.15 100 เน่ืองจากคะแนนสอบปลายภาควิชาคณิตศาสตรมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน และคิดเปน รอยละ 70 ของคะแนนทง้ั หมด จะได นาํ้ หนกั ของการสอบปลายภาคคือ 70 = 0.7 100 ดงั นน้ั คะแนนเฉล่ยี วิชาคณติ ศาสตรของนักเรียนคนน้คี ือ 0.15(74) + 0.15(80) + 0.7(62) = 66.5 คะแนน 0.15 + 0.15 + 0.7 4. 1) คาเฉลยี่ เลขคณติ ของจาํ นวนการตายของไกปา ในพื้นทสี่ ํารวจทงั้ 14 พ้นื ที่ คอื 61 ≈ 4.36 ตัว 14 เรียงขอ มูลจํานวนการตายของไกปาในพื้นท่ีสาํ รวจทงั้ 14 พนื้ ที่ จากนอยไปมากไดดงั น้ี 0002234 5 5 6 7 8 9 10 เน่อื งจากมัธยฐานอยูในตําแหนงท่ี 14 +1 = 7.5 2 ดังนน้ั มัธยฐานของจํานวนการตายของไกปา ในพื้นที่สาํ รวจทัง้ 14 พ้ืนที่ คอื 4 + 5 = 4.5 ตัว 2 จากขอ มูล จะเห็นวา 0 มคี วามถี่สงู สุด ดงั น้ัน ฐานนิยมของจาํ นวนการตายของไกปาในพน้ื ทีส่ าํ รวจทั้ง 14 พืน้ ท่ี คือ 0 ตวั สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 6 263 จะเห็นวาไมควรใชฐานนิยมเปนตัวแทนของขอมูลชุดน้ี เพราะทําใหเขาใจวาพื้นที่ สวนใหญไมมีไกปาตาย ท้ังที่ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 มีพื้นที่ถึง 11 พื้นที่ ที่มีไกปา ตายตั้งแต 2 −10 ตวั 2) คา เฉลี่ยเลขคณิตของจํานวนการเกิดของไกปาในพน้ื ทสี่ ํารวจท้ัง 14 พื้นท่ี คือ 699 ≈ 49.93 ตวั 14 เรยี งขอ มลู จาํ นวนการเกดิ ของไกป าในพน้ื ทสี่ ํารวจท้งั 14 พ้ืนท่ี จากนอยไปมากไดด งั นี้ 26 28 30 31 32 34 38 40 42 46 46 48 126 132 เนอื่ งจากมธั ยฐานอยูในตําแหนงที่ 14 + 1 = 7.5 2 ดังน้ัน มธั ยฐานของจํานวนการเกดิ ของไกปาในพ้นื ทีส่ าํ รวจทั้ง 14 พ้ืนที่ คอื 38 + 40 = 39 ตัว 2 จากขอ มูล จะเห็นวา 46 มีความถสี่ งู สุด ดังนัน้ ฐานนิยมของจํานวนการเกดิ ของไกปาในพ้นื ทสี่ าํ รวจทงั้ 14 พืน้ ท่ี คอื 46 ตวั จะเห็นวาควรใชเปนมัธยฐานเปนตัวแทนของขอมูลชุดนี้ เนื่องจากคาเฉล่ียเลขคณิต และฐานนิยมมคี ามากกวาขอ มูลสว นใหญ 5. เนื่องจากคาเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยมของจํานวนจดหมายรับรองของผูสมัคร จํานวน 148 คน คือ 2.9, 3 และ 3 ฉบับ ตามลําดับ สามารถอธิบายไดวาผูสมัครสวนใหญ ย่ืนจดหมายรับรองครบทั้ง 3 ฉบับ แตยังคงมีผูสมัครบางคนท่ีย่ืนจดหมายรับรองไมครบ 3 ฉบับ 6. สมมตวิ า น้าํ หนักของนกั เรียน 3 คนนีค้ อื x, x และ 46 กิโลกรมั เนอ่ื งจากคา เฉลี่ยเลขคณติ ของน้ําหนกั ของนกั เรยี น 3 คน คอื 38 กิโลกรัม จะได 46 + x + x = 38 3 x = 34 ดงั นน้ั นักเรยี นสองคนท่เี หลือหนกั คนละ 34 กิโลกรัม สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
264 คูม อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 7. วธิ ที ี่ 1 เน่อื งจากขอ มูลชุดนีม้ ี 7 ตัว และมคี า เฉล่ียเลขคณิตคือ 81 จะได ผลรวมของขอมลู ทั้ง 7 ตวั เปน 7×81 =567 ถา ตัดขอ มูลออกไป 1 ตัว จะเหลอื ขอมลู 6 ตวั และมคี า เฉลีย่ เลขคณิตคอื 78 จะได ผลรวมของขอมูล 6 ตวั ท่เี หลอื เปน 6× 78 =468 ดังนั้น ขอ มูลท่ีถูกตัดออกไปมีคาเทา กบั 567 − 468 =99 วธิ ีที่ 2 สมมติขอ มลู ทถี่ กู ตัดออกไปคือ a สว นขอ มลู 6 ตัวที่เหลอื คอื x1, x2, , x6 เนือ่ งจากเมอ่ื ตัด a ออกไป ขอ มูล 6 ตวั ทเี่ หลอื มีคาเฉลีย่ เลขคณติ คือ 78 ดังนั้น 6 = 78 ∑ xi i =1 6 6 ∑ xi = 468 i =1 แตเน่ืองจากขอ มลู 7 ตวั น้ีมคี า เฉล่ยี เลขคณิตคอื 81 6 a + ∑ xi จะได i=1 = 81 7 a + 468 = 81 7 a = 99 ดงั นน้ั ขอ มูลทีถ่ ูกตดั ออกไปมีคา เทากับ 99 8. สมมติวาคะแนนสอบยอยวิชาคณติ ศาสตรท้ัง 5 ครั้ง ของนอยหนา เมื่อเรียงจากนอยไปมาก เปน x1, x2 , x3, x4 , x5 เนื่องจากมัธยฐานของขอมลู ชุดนี้คอื 87 คะแนน จะได x3 = 87 เนื่องจากฐานนยิ มของขอ มลู ชดุ นคี้ อื 80 คะแนน จะได x=1 x=2 80 เนื่องจากคา เฉลย่ี เลขคณติ ของขอ มลู ชดุ นคี้ ือ 86 คะแนน จะได 80 + 80 + 87 + x4 + x5 = 86 5 x4 + x5 = 183 เนื่องจากคะแนนสอบยอยวิชาคณิตศาสตรทั้ง 5 คร้ังของนอยหนาเปนจํานวนเต็ม และ 87 < x4 < x5 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 265 จะไดวา x5 มีคา สงู ท่สี ุดทเี่ ปน ไปได เม่ือ x4 = 88 และจะได x5 = 183−88 = 95 ดังน้นั คะแนนสอบยอ ยท่สี งู ที่สดุ ทเี่ ปนไปไดของนอ ยหนา คือ 95 คะแนน แบบฝก หัด 3.3.2 1. เรยี งขอ มูลจากนอ ยไปมาก ไดด งั น้ี 24 28 32 32 36 38 40 42 44 46 54 จะได พสิ ัยของเวลาที่ใชในการติดตง้ั ประตูคือ 54 − 24 =30 นาที เนอ่ื งจาก Q1 อยใู นตําแหนงท่ี 11 + 1 = 3 จะได Q1 = 32 4 และ Q3 อยใู นตาํ แหนง ที่ 3(11 + 1) =9 จะได Q3 = 44 4 ดังนัน้ พสิ ยั ระหวา งควอรไ ทลของเวลาที่ใชใ นการตดิ ตัง้ ประตคู ือ 44 − 32 =12 นาที เน่อื งจากขอ มลู ทีก่ าํ หนดในโจทยเปน ขอ มูลของตัวอยาง ให xi แทนเวลาทีใ่ ชใ นการติดตง้ั ประตบู านท่ี i เม่ือ i ∈{1, 2, 3, ... , 11} และ x แทนคาเฉลี่ยเลขคณิตของเวลาท่ีใชในการติดต้ังประตู จะได=x 24 + 28 + 32 + 32 + 36 + 38 + 40 + 42 + 44 + 46 +=54 416 ≈ 37.8 11 11 จากขอ มูล จะได xi xi − x ( xi − x )2 24 –13.8 190.44 28 –9.8 96.04 32 –5.8 33.64 32 –5.8 33.64 36 –1.8 3.24 38 0.2 0.04 40 2.2 4.84 42 4.2 17.64 44 6.2 38.44 46 8.2 67.24 54 16.2 262.44 ∑11 ( xi − x )2 =747.64 i=1 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
266 คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 ดังน้ัน สว นเบี่ยงเบนมาตรฐานของเวลาที่ใชในการติดต้ังประตูคือ 747.64 ≈ 8.65 นาที 11 − 1 และความแปรปรวนของเวลาท่ีใชในการตดิ ต้ังประตูคอื 747.64 = 74.764 นาที2 10 2. 1) เรียงขอมูลในตารางจากนอยไปมาก ไดด ังนี้ 117 337 337 344 444 475 519 522 553 717 933 จะได พิสัยของปริมาณพลังงานของอาหารจานเดียวชุดนี้คือ 933 −117 =816 กิโลแคลอรี เนอ่ื งจาก Q1 อยใู นตาํ แหนงท่ี 11 + 1 = 3 จะได Q1 = 337 4 และ Q3 อยูใ นตาํ แหนงที่ 3(11 + 1) = 9 จะได Q3 = 553 4 ดังน้ัน พิสัยระหวางควอรไทลของปริมาณพลังงานของอาหารจานเดียวชุดนี้คือ 553 − 337 =216 กโิ ลแคลอรี 2) พิสัยระหวางควอรไทลเหมาะสําหรับใชอธิบายลักษณะการกระจายของขอมูลชุดนี้ มากกวาพิสยั เนอื่ งจากเมือ่ พิจารณาผลตา งของขอ มูล 2 ตวั ใด ๆ จะไดวาสวนใหญแลว ขอมูลไมไดตางกันมากถึง 816 กิโลแคลอรี โดยผลตางของขอมูลจะใกลเคียงกับ พิสยั ระหวา งควอรไทลทค่ี ํานวณได ซ่งึ เทา กับ 216 กโิ ลแคลอรี 3. เนื่องจากขอ มลู ท่ีกําหนดในโจทยเ ปน ขอ มลู ของประชากร ให µ1 และ σ 1 แทนคาเฉลี่ยเลขคณิตและสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิก ในครอบครวั นใี้ นปจ จุบัน ตามลําดบั ให µ2 และ σ 2 แทนคาเฉล่ียเลขคณิตและสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิก ในครอบครวั น้ใี นอีก 5 ปข างหนา ตามลําดบั จะได µ1 = 45 + 42 + 20 +17 +16 5 = 28 σ1 = (45 − 28)2 + (42 − 28)2 + (20 − 28)2 + (17 − 28)2 + (16 − 28)2 5 = 814 5 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 6 267 σ 1 ≈ 12.76 และ σ 2 = 814 1 5 = 162.8 ดังน้ัน สวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิกในครอบครัวน้ีมีคาประมาณ 12.76 ป และความแปรปรวนของอายุของสมาชิกในครอบครัวนคี้ อื 162.8 ป2 และจะได µ2 = (45 + 5) + (42 + 5) + (20 + 5) + (17 + 5) + (16 + 5) 5 = 33 และ σ2 = (50 − 33)2 + (47 − 33)2 + (25 − 33)2 + (22 − 33)2 + (21 − 33)2 5 = 814 5 ≈ 12.76 ดังน้ัน สวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิกในครอบครัวนี้ในอีก 5 ปขางหนา มคี า ประมาณ 12.76 ป จะเห็นวาในอีก 5 ปขางหนา สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิกในครอบครัวนี้ ยงั คงเทากับสวนเบีย่ งเบนมาตรฐานของอายขุ องสมาชิกในครอบครัวนี้ในปจจบุ นั 4. เรียงขอมลู จากนอ ยไปมาก ไดด งั น้ี 870 1,236 1,423 1,458 1,506 1,633 1,664 จะได พสิ ัยของขอมูลชุดนค้ี ือ 1,664 − 870 =794 ราย เนือ่ งจาก Q1 อยใู นตาํ แหนง ที่ 7+1 = 2 จะได Q1 = 1, 236 4 และ Q3 อยูในตาํ แหนงที่ 3(7 +1) =6 จะได Q3 = 1,633 4 ดังน้ัน พสิ ยั ระหวา งควอรไ ทลข องขอ มูลชุดนีค้ อื 1,633 −1,236 =397 ราย เนอื่ งจากขอมลู ท่ีกําหนดในโจทยเ ปนขอมลู ของประชากร ให xi แทนจํานวนผบู าดเจบ็ รวมตั้งแต พ.ศ. 2556 – 2558 ในวนั ท่ี i ของชวง 7 วนั อนั ตราย ของเทศกาลปใ หม เมอ่ื i ∈{1, 2, 3, ... , 7} และ µ แทนคา เฉลย่ี เลขคณิตของขอ มูลชดุ นี้ สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
268 คมู ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 จะได µ = 870 +1, 236 +1, 423 +1, 458 +1,506 +1,633 +1,664 = 7 9, 790 ≈ 7 จากขอมลู จะได 1,398.57 xi xi − µ ( xi − µ )2 870 –528.57 279,386.24 1,236 –162.57 26,429.00 1,423 24.43 596.82 1,458 59.43 3,531.92 1,506 107.43 11,541.20 1,633 234.43 54,957.42 1,664 265.43 70,453.08 ∑7 ( xi − µ )2 ≈ 446,895.68 i=1 ดังนน้ั สวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของขอ มูลชุดน้ีคอื 446,895.68 ≈ 252.67 ราย 7 5. สัมประสิทธิ์การแปรผันของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 หอง 1 คือ 4.8 ≈ 0.066 73.2 และสมั ประสิทธก์ิ ารแปรผนั ของคะแนนสอบวชิ าคณิตศาสตรข องนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 หอ ง 2 คอื 3.6 ≈ 0.069 52.4 เน่ืองจากสัมประสิทธิ์การแปรผันของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปที่ 6 หอง 2 มากกวาสัมประสิทธิ์การแปรผันของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 หอ ง 1 เพียงเล็กนอ ย สรุปไดวาคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 หอง 2 มีการ กระจายมากกวา คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรข องนักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 หอ ง 1 เพียง เล็กนอย หรือกลาวไดวาคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 269 หอง 1 เกาะกลุมกันมากกวาคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 หอง 2 เพยี งเลก็ นอ ย 6. เนือ่ งจากขอ มูลท่กี ําหนดในโจทยเ ปนขอมูลของประชากร ให xi และ yi แทนอุณหภูมิสูงสดุ และอุณหภูมิตํา่ สุดของจังหวัดขอนแกน ใน พ.ศ. 2548 + i เมื่อ i ∈{1, 2, 3, ... , 10} ตามลาํ ดับ µ x และ µ y แทนคาเฉล่ียเลขคณิตของอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิตํ่าสุดของจังหวัด ขอนแกน ต้งั แต พ.ศ. 2549 – 2558 ตามลําดบั และ σ x และ σ y แทนสว นเบ่ียงเบนมาตรฐานของอุณหภูมสิ งู สุดและอุณหภูมติ ํา่ สุดของ จังหวดั ขอนแกน ต้ังแต พ.ศ. 2549 – 2558 ตามลาํ ดับ จะได µx = 39.3 + 41.1 + 38.5 + 39.6 + 41.2 + 39.3 + 39.0 + 41.8 + 40.5 + 41.0 10 = 40.13 และ µy = 12.0 +12.6 +11.9 +10.2 +13.5 +11.6 +15.0 +11.6 +10.2 +11.6 10 = 12.02 จากขอมลู จะได xi − µ x 2 ( )xi xi − µ x 39.3 –0.83 0.69 41.1 0.97 0.94 38.5 –1.63 2.66 39.6 –0.53 0.28 41.2 1.07 1.14 39.3 –0.83 0.69 39.0 –1.13 1.28 41.8 1.67 2.79 40.5 0.37 0.14 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
270 คมู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 xi − µ x 2 ( )xi xi − µ x 41.0 0.87 0.76 ∑( )10 xi − µ x 2 ≈ 11.37 i=1 และ yi − µ y 2 ( )yi yi − µ y 12.0 –0.02 0.00 12.6 0.58 0.34 11.9 –0.12 0.01 10.2 –1.82 3.31 13.5 1.48 2.19 11.6 –0.42 0.18 15.0 2.98 8.88 11.6 –0.42 0.18 10.2 –1.82 3.31 11.6 –0.42 0.18 ∑( )10 yi − µ y 2 ≈ 18.58 i=1 ดงั นั้น σ x ≈ 11.37 ≈ 1.07 และ σy ≈ 18.58 ≈ 1.36 10 10 จะได สัมประสิทธิ์การแปรผันของอุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 คอื 1.07 ≈ 0.03 40.13 และสัมประสิทธ์ิการแปรผันของอุณหภูมิต่ําสุดของจังหวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 คอื 1.36 ≈ 0.11 12.02 เนื่องจากสัมประสิทธิ์การแปรผันของอุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดขอนแกน ต้ังแต พ.ศ. 2549 – 2558 นอยกวาสัมประสิทธิ์การแปรผันของอุณหภูมิต่ําสุดของจังหวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 271 สรุปไดวาอุณหภูมสิ ูงสุดของจังหวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 มีการกระจายนอยกวา อุณหภูมิต่ําสุดของจังหวัดขอนแกน หรือกลาวไดวาอุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 เกาะกลมุ กนั มากกวาอุณหภูมติ ่ําสดุ ของจังหวัดขอนแกน แบบฝก หัด 3.3.3 1. 1) เรียงขอมลู จากนอ ยไปมาก ไดด งั นี้ 12.00 12.00 19.00 25.20 30.00 36.00 39.00 40.00 84.00 136.00 240.00 300.00 500.00 720.00 779.20 เนอ่ื งจาก Q1 อยูในตําแหนง ที่ 15 +1 = 4 จะได Q1 = 25.20 4 Q2 อยูในตาํ แหนง ท่ี 2(15 +1) =8 จะได Q2 = 40.00 4 และ Q3 อยใู นตาํ แหนง ที่ 3(15 +1) = 12 จะได Q3 = 300.00 4 ดังน้ัน ควอรไทลท่ี 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลที่ 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 25.20, 40.0 และ 300.00 เมกะวตั ต ตามลําดับ 2) กําลังผลิตที่มีโรงไฟฟาพลังนํ้าเข่ือนขนาดใหญจํานวนครึ่งหน่ึงมีกําลังผลิตนอยกวา คือ Q2 ซงึ่ เทากับ 40.00 เมกะวตั ต 3) เน่อื งจาก Q3 = 300.00 ดังน้ัน โรงไฟฟาพลังนํ้าเขื่อนขนาดใหญท่ีมีกําลังผลิตมากกวาควอรไทลที่ 3 คือ เขือ่ นภูมพิ ล เขือ่ นสริ ิกิติ์ และเขอื่ นศรีนครินทร 2. 1) เรยี งขอมูลจากนอ ยไปมาก ไดด งั นี้ 289 304 305 311 313 324 324 329 341 342 345 353 เน่ืองจาก Q1 อยูในตาํ แหนงท่ี 12 +1 = 3.25 4 ดังน้ัน Q1 อยูระหวางขอมูลในตําแหนงที่ 3 และ 4 ซึ่งมีคาอยูระหวาง 305 และ 311 ในการหา Q1 จะใชการเทยี บบัญญตั ไิ ตรยางศ ดังนี้ สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
272 คูมือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เน่ืองจากขอมูลในตําแหนงท่ี 3 และ 4 มีตําแหนงตางกัน 4 − 3 =1 มีคาตางกัน 311− 305 =6 จะไดวาตาํ แหนงตางกนั 3.25 − 3 =0.25 มคี าตา งกนั 0.25× 6 = 1.5 1 ดงั น้นั Q1 = 305 +1.5 = 306.5 เนอ่ื งจาก Q3 อยูในตําแหนง ท่ี 3(12 +1) = 9.75 4 ดังนั้น Q3 อยรู ะหวางขอ มูลในตําแหนง ที่ 9 และ 10 ซ่ึงมีคา อยรู ะหวา ง 341 และ 342 ในการหา Q3 จะใชก ารเทยี บบญั ญตั ไิ ตรยางศ ดังน้ี เนื่องจากขอมูลในตําแหนงท่ี 9 และ 10 มีตําแหนงตางกัน 10 − 9 =1 มีคาตางกัน 342 − 341 =1 จะไดวาตาํ แหนงตา งกนั 9.75 − 9 =0.75 มีคาตา งกนั 0.75×1 = 0.75 1 ดังนั้น Q3 =341+ 0.75 =341.75 จะไดวาควอรไทลท่ี 1 และควอรไทลท่ี 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 306.5 และ 341.75 คน ตามลาํ ดบั 2) เนอื่ งจาก Q1 = 306.5 ดังนั้น เดือนที่มีจํานวนทารกแรกเกิดนอยกวาควอรไทลท่ี 1 คือ เดือนมกราคม กุมภาพันธ และพฤศจิกายน 3) เน่อื งจาก Q3 = 341.75 ดังนั้น เดือนที่มีจํานวนทารกแรกเกิดมากกวาควอรไทลท่ี 3 คือ เดือนเมษายน กรกฎาคม และกันยายน 3. 1) เรียงระยะเวลาตั้งทองเฉลี่ยของสัตวเลี้ยงลูกดวยน้ํานม 10 ชนิดน้ีจากนอยไปมาก ไดด งั นี้ 100 105 166 201 238 330 365 406 425 660 เน่อื งจาก P20 อยูในตําแหนงท่ี 20(10 +1) = 2.2 100 ดงั นนั้ P20 อยูระหวา งขอมูลในตาํ แหนง ท่ี 2 และ 3 ซึ่งมีคา อยรู ะหวา ง 105 และ 166 ในการหา P20 จะใชการเทยี บบญั ญตั ไิ ตรยางศ ดังนี้ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 273 เนื่องจากขอมูลในตําแหนงที่ 2 และ 3 มีตําแหนงตางกัน 3 − 2 =1 มีคาตางกัน 166 −105 =61 จะไดวา ตาํ แหนงตา งกัน 2.2 − 2 =0.2 มคี าตางกนั 0.2× 61 = 12.2 1 ดงั นัน้ P20 =105 +12.2 =117.2 เนอ่ื งจาก P80 อยูในตาํ แหนงที่ 80(10 +1) = 8.8 100 ดังนน้ั P80 อยูร ะหวา งขอ มูลในตําแหนง ที่ 8 และ 9 ซ่งึ มีคา อยรู ะหวา ง 406 และ 425 ในการหา P80 จะใชการเทียบบญั ญตั ไิ ตรยางศ ดงั นี้ เนื่องจากขอมูลในตําแหนงที่ 8 และ 9 มีตําแหนงตางกัน 9 − 8 =1 มีคาตางกัน 425 − 406 =19 จะไดว าตาํ แหนง ตา งกนั 8.8 − 8 =0.8 มคี าตา งกัน 0.8×19 = 15.2 1 ดังนน้ั P80 = 406 +15.2 = 421.2 จะไดวาเปอรเซน็ ไทลที่ 20 และเปอรเซ็นไทลท ่ี 80 ของระยะเวลาต้งั ทอ งเฉลย่ี ของสัตว เลยี้ งลูกดว ยน้ํานม 10 ชนดิ นี้ คอื 117.2 และ 421.2 วนั ตามลาํ ดับ 2) เรียงอายุขยั เฉลีย่ ของสัตวเ ลี้ยงลูกดวยนํา้ นม 10 ชนดิ น้ีจากนอ ยไปมาก ไดด งั น้ี 8 10 12 15 15 15 16 20 35 41 เนอื่ งจาก P20 อยใู นตําแหนง ท่ี 20(10 +1) = 2.2 100 ดงั น้ัน P20 อยูร ะหวา งขอมลู ในตําแหนงที่ 2 และ 3 ซงึ่ มีคา อยูระหวาง 10 และ 12 ในการหา P20 จะใชก ารเทยี บบญั ญัตไิ ตรยางศ ดังน้ี เนื่องจากขอมูลในตําแหนงที่ 2 และ 3 มีตําแหนงตางกัน 3 − 2 =1 มีคาตางกัน 12 −10 =2 จะไดวาตําแหนง ตางกัน 2.2 − 2 =0.2 มีคาตา งกัน 0.2× 2 = 0.4 1 ดงั นน้ั P20 =10 + 0.4 =10.4 เนื่องจาก P80 อยูในตําแหนง ที่ 80(10 +1) = 8.8 100 ดงั นน้ั P80 อยูร ะหวา งขอ มลู ในตําแหนง ท่ี 8 และ 9 ซึ่งมคี าอยรู ะหวา ง 20 และ 35 ในการหา P80 จะใชการเทยี บบัญญตั ไิ ตรยางศ ดังน้ี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
274 คมู อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เนื่องจากขอมูลในตําแหนงที่ 8 และ 9 มีตําแหนงตางกัน 9 − 8 =1 มีคาตางกัน 35 − 20 =15 จะไดวาตาํ แหนง ตา งกัน 8.8 − 8 =0.8 มคี า ตา งกัน 0.8×15 = 12 1 ดังนน้ั P80 = 20 +12 = 32 จะไดวาเปอรเซ็นไทลที่ 20 และเปอรเซ็นไทลที่ 80 ของอายุขัยเฉลี่ยของสัตวเล้ียงลูก ดวยน้ํานม 10 ชนิดน้ี คอื 10.4 และ 32 ป ตามลาํ ดับ 3) สัตวที่มีระยะเวลาต้ังทองเฉลี่ยมากกวาเปอรเซ็นไทลท่ี 80 คือ สัตวท่ีมีระยะเวลา ต้งั ทอ งเฉลี่ยมากกวา 421.2 วนั ซึ่งไดแก ยรี าฟและชาง สัตวท่ีมีอายุขัยเฉลี่ยนอยกวาเปอรเซ็นไทลท ี่ 20 คือ สัตวที่มีอายุขัยเฉล่ียนอยกวา 10.4 ป ซึ่งไดแ ก กวางและยรี าฟ ดังน้นั สวนสตั วแหง นี้จะเลอื กเพม่ิ จํานวนยรี าฟ ชา ง และกวาง 4. เรียงคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6/2 จากนอยไปมาก ไดดงั นี้ 27 31 35 37 43 49 49 54 55 56 57 59 60 61 61 64 67 68 70 70 73 73 74 77 78 78 78 82 86 88 เนอ่ื งจาก P90 อยใู นตําแหนง ท่ี 90(30 +1) = 27.9 100 ดังนั้น P90 อยูระหวา งขอมูลในตาํ แหนงที่ 27 และ 28 ซงึ่ มคี าอยรู ะหวา ง 78 และ 82 ในการหา P90 จะใชการเทยี บบัญญัตไิ ตรยางศ ดังนี้ เน่ืองจากขอมูลในตําแหนงท่ี 27 และ 28 มีตําแหนงตางกัน 28 − 27 =1 มีคาตางกัน 82 − 78 =4 จะไดวา ตําแหนง ตางกนั 27.9 − 27 =0.9 มีคา ตา งกัน 0.9× 4 = 3.6 1 ดงั นนั้ P90 =78 + 3.6 =81.6 จะไดวาเปอรเซ็นไทลท่ี 90 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปท ่ี 6/2 คือ 81.6 คะแนน สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 6 275 จากตัวอยางท่ี 24 จะได เปอรเซ็นไทลที่ 80 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 6/1 คอื 81.6 คะแนน ดังนั้น ขอสรุปท่ีวา “เปอรเซ็นไทลท่ี 90 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6/2 มากกวาเปอรเซ็นไทลท่ี 80 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของ นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 6/1” ไมเปนจรงิ 5. 1) คาเฉล่ียเลขคณิตของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาตรี คือ 298,924 ≈ 15,732.84 บาท 19 สวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุที่มีวุฒิปริญญาตรี มคี า ประมาณ 1,984.83 บาท สัมประสิทธ์ิการแปรผันของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาตรี คอื 1, 984.83 ≈ 0.13 15, 732.84 คาเฉล่ียเลขคณิตของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาโท/เอก คอื 594,163 ≈ 29,708.15 บาท 20 สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุทม่ี ีวุฒิปริญญาโท/เอก มีคา ประมาณ 11,625.01 บาท สัมประสิทธ์ิการแปรผนั ของเงินเดอื นของพนักงานใหมแ รกบรรจทุ ่มี วี ฒุ ิปริญญาโท/เอก คือ 11,625.01 ≈ 0.39 29, 708.15 เน่ืองจากสัมประสิทธิ์การแปรผันของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมี วุฒิปริญญาตรีนอยกวาสัมประสิทธิ์การแปรผันของเงินเดือนของพนักงานใหมแรก บรรจุที่มวี ุฒิปริญญาโท/เอก ดังนั้น เงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุที่มีวุฒิปริญญาตรีมีการกระจายนอยกวา เงินเดอื นของพนกั งานใหมแ รกบรรจทุ ม่ี วี ฒุ ปิ รญิ ญาโท/เอก สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
276 คูมอื ครูรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 6 2) เรียงขอมูลเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาโท/เอก จากนอยไปมาก ไดดังน้ี 18,028 19,940 20,957 21,050 21,342 22,643 23,125 23,454 23,823 24,163 26,555 26,686 28,677 30,879 32,505 33,050 37,871 39,526 56,807 63,082 เน่อื งจาก P30 อยใู นตําแหนงท่ี 30(20 +1) = 6.3 100 ดังนั้น ตําแหนงของพนักงานใหมแรกบรรจุที่มีวุฒิปริญญาโท/เอก ที่ไดเงินเดือน นอยกวาเปอรเซ็นไทลท่ี 30 ไดแก ตําแหนงเจาพนักงานการเงินและบัญชี เจาหนาท่ี บัญชี และเจาหนาท่ีการเงิน ตําแหนงนักวิเคราะหนโยบายและแผน และนักวางแผน ตําแหนงนักทรัพยากรบุคคล เจาหนาที่ฝกอบรม เจาหนาที่ทรัพยากรบุคคล และ เจาหนาท่ีวิเทศสัมพันธ ตําแหนงนักประชาสัมพันธ และเจาหนาท่ีประชาสัมพันธ ตําแหนงนักวิชาการคอมพิวเตอร และนักเขียนโปรแกรม และตําแนงเศรษฐกร และ นักเศรษฐศาสตร แบบฝกหดั ทา ยบท 1. 1) ยอดชําระ ความถ่ี ความถ่สี ัมพทั ธ ความถส่ี ะสมสัมพทั ธ เงนิ (บาท) สะสม สดั สว น รอ ยละ ตํา่ กวา 100 ความถี่ สัดสว น รอ ยละ 2 0.04 4 100 – 199 2 2 = 0.04 4 4 6 50 8 0.12 12 200 – 299 11 4 = 0.08 22 13 17 50 26 0.34 34 300 – 399 14 11 = 0.22 28 5 30 50 10 0.60 60 400 – 499 13 = 0.26 44 50 0.88 88 500 – 599 14 = 0.28 49 50 0.98 98 5 = 0.10 50 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 6 277 ยอดชําระ ความถ่ี ความถ่ี ความถีส่ มั พทั ธ ความถสี่ ะสมสัมพัทธ เงนิ (บาท) สะสม สัดสว น รอ ยละ สดั สว น รอ ยละ 600 – 699 1 50 1 = 0.02 2 1.00 100 50 2) ลกู คามียอดชําระเงนิ อยใู นอันตรภาคช้นั 400 – 499 มากทส่ี ุด 3) ลูกคาที่มียอดชําระเงินต่ํากวา 100 บาท มี 2 คน ซ่ึงมีจํานวนมากกวาลูกคาที่มียอด ชาํ ระเงินตัง้ แต 600 – 699 บาท ซ่งึ มเี พยี ง 1 คน 4) ลูกคาที่มียอดชําระเงินตั้งแต 400 บาทขึ้นไป คิดเปนรอยละ 28 +10 + 2 =40 ของ จํานวนลกู คา 50 คนนี้ 5) ลูกคาที่มียอดชําระเงินตั้งแต 200 บาท แตนอยกวา 500 บาท คิดเปนรอยละ 88 −12 =76 ของจํานวนลูกคา 50 คนน้ี 2. 1) ความถ่ี ปริมาณฟลูออไรด (x) 0 ≤ x < 0.5 15 0.5 ≤ x < 1 7 1 ≤ x < 1.5 4 1.5 ≤ x < 2 1 x≥2 3 จากตารางความถ่ี อาจสรุปไดวาย่ีหอน้ําดื่มบรรจุขวดท่ีมีปริมาณฟลูออไรดอยูในชวง ตั้งแต 0 แตนอยกวา 0.5 มิลลิกรัมตอลิตร มีจํานวนมากท่ีสุด รองลงมาคือชวงต้ังแต 0.5 แตน อ ยกวา 1 มิลลกิ รัมตอ ลติ ร สวนชวงต้งั แต 1.5 แตนอยกวา 2 มิลลิกรมั ตอ ลติ ร เปน ชวงท่มี จี าํ นวนยีห่ อน้ําดื่มบรรจุขวดนอยที่สดุ โดยมีเพียงยีห่ อ เดียว 2) จํานวนยี่หอน้ําด่ืมบรรจุขวดที่มีปริมาณฟลูออไรดต้ังแต 2 มิลลิกรัมตอลิตรข้ึนไป คดิ เปน รอยละ 3 ×100 =10 ของจํานวนยี่หอนาํ้ ดม่ื บรรจขุ วดท่สี ํารวจทง้ั หมด 30 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
278 คูม อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 6 3. จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคช้ันเทากับ 5 ช้ัน คาเร่ิมตนคือ 0 มิลลิเมตร และ คาสดุ ทายคือ 510 มลิ ลเิ มตร สามารถเขยี นตารางความถไี่ ดด ังนี้ 1. คํานวณความกวางของอันตรภาคชนั้ ไดด งั น้ี คาสดุ ทา ย – คาเรม่ิ ตน 5=10 − 0 102 จาํ นวนอนั ตรภ=าคชั้น 5 ดงั นัน้ ความกวา งของอันตรภาคชน้ั คือ 102 มิลลเิ มตร 2. กําหนดอันตรภาคช้ันในรูปชวง โดยแบงเปน 5 ชั้น พรอมท้ังหาจํานวนขอมูลทั้งหมด ที่อยใู นแตละอันตรภาคช้นั จะไดตารางความถ่ี ดังน้ี ปรมิ าณนํ้าฝนรายเดือน (x) ความถ่ี 0 ≤ x < 102 19 102 ≤ x < 204 9 204 ≤ x < 306 5 306 ≤ x < 408 2 408 ≤ x < 510 1 จากตารางความถ่ี อาจสรุปไดว า ต้ังแต พ.ศ. 2554 – 2556 ปรมิ าณนาํ้ ฝนรายเดอื นของ จังหวดั ระยองในชว งตั้งแต 0 แตนอ ยกวา 102 มลิ ลเิ มตร มีความถี่สูงทส่ี ุด รองลงมาคอื ชวงต้ังแต 102 แตนอยกวา 204 มิลลิเมตร สวนชวงต้ังแต 408 แตนอยกวา 510 มลิ ลิเมตร มีความถี่ตํา่ ทีส่ ดุ 4. 1) เกรด ความถ่ี (คน) 48 3 13 2 10 1 12 02 2) นกั เรยี นหองน้ไี ดเกรด 3 มากทีส่ ุด สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 279 3) นักเรียนที่ไดตั้งแตเกรด 3 ขึ้นไป คิดเปนรอยละ 8 +13 ×100 ≈ 46.67 ของจํานวน 45 นักเรียนทงั้ หมด 5. 1) จากโจทย กาํ หนดจํานวนอนั ตรภาคชน้ั เทากบั 5 ชั้น คา เริ่มตน คอื 0 ชน้ิ และคาสุดทาย คอื 25 ชน้ิ สามารถเขียนตารางความถ่ไี ดดังนี้ 1. คํานวณความกวา งของอันตรภาคชน้ั ไดด งั นี้ คาสดุ ทา ย – คา เริ่มตน 2=5 − 0 5 จาํ นวนอนั ตรภา=คชนั้ 5 ดังนนั้ ความกวา งของอันตรภาคชั้นคอื 5 ช้นิ 2. จะไดตารางความถขี่ องขอมูลเปนดังน้ี จํานวนสนิ คา ขอบลา ง – ขอบบน ความถี่ 0–4 –0.5 – 4.5 8 5–9 4.5 – 9.5 15 10 – 14 9.5 – 14.5 3 15 – 19 14.5 – 19.5 3 20 – 24 19.5 – 24.5 1 2) จากขอ มูลสามารถเขียนฮสิ โทแกรมไดดังน้ี จํานวนคน 16 14 12 10 8 6 4 2 จํานวนสนิ คา (ช้นิ ) -0.5 4.5 9.5 14.5 19.5 24.5 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
280 คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 3) จากขอมลู สามารถเขยี นแผนภาพจดุ ไดด ังน้ี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 4) เรียงขอมูลจากนอ ยไปมาก ไดดงั น้ี 2233344455 5566777888 9 9 9 12 13 14 15 16 19 22 จากโจทย มีขอ มลู 30 ตวั มีคา ตํ่าสุดคอื 2 และคา สงู สดุ คือ 22 หา Q1, Q2 และ Q3 ไดด งั น้ี เนือ่ งจาก Q1 อยูในตาํ แหนงท่ี 30 + 1 = 7.75 4 ดังนน้ั Q1 = 4 เนอื่ งจาก Q2 อยูในตาํ แหนง ท่ี 2(30 +1) = 15.5 ดงั นนั้ Q2 = 7 4 เนื่องจาก Q3 อยูใ นตาํ แหนงที่ 3(30 +1) = 23.25 4 ดงั น้ัน Q3 อยรู ะหวางขอ มลู ในตาํ แหนงท่ี 23 และ 24 ซงึ่ มคี าอยรู ะหวา ง 9 และ 12 ในการหา Q3 จะใชก ารเทียบบญั ญัติไตรยางศ ดังนี้ เนอื่ งจากขอ มลู ในตาํ แหนง ที่ 23 และ 24 มตี าํ แหนงตา งกนั 24 − 23 =1 มีคาตา งกนั 12 − 9 =3 จะไดวาตําแหนง ตางกัน 23.25 − 23 =0.25 มคี าตา งกัน 0.25× 3 = 0.75 1 ดังนนั้ Q3 =9 + 0.75 =9.75 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 6 281 จะไดวาควอรไทลท่ี 1 ควอรไทลท่ี 2 และควอรไทลที่ 3 ของจํานวนสินคา คือ 4, 7 และ 9.75 ช้นิ ตามลําดับ หาคา นอกเกณฑไดดงั น้ี แทน Q1 และ Q3 ดว ย 4 และ 9.75 ตามลาํ ดบั ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 4 −1.5(9.75 − 4) =− 4.625 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 4 และ 9.75 ตามลําดับ ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 9.75 +1.5(9.75 − 4) =18.375 จากขอ มลู ไมม ขี อมูลทีน่ อ ยกวา −4.625 แตม ี 19 และ 22 ทมี่ ากกวา 18.375 ดังนน้ั คานอกเกณฑ คือ 19 และ 22 จากขอมลู สามารถเขียนแผนภาพกลอ งไดด ังน้ี 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 24 6. 1) จํานวนนกั เรยี นที่จาํ คาํ ศัพทไดมากกวา 92 คาํ คิดเปนรอ ยละ 7 + 3 + 2 + 3 ×100 ≈ 33.33 ของจํานวนนักเรียนท้ังหมด 45 2) จํานวนนักเรยี นท่จี ําคําศัพทไ ดม ากกวา 70 คํา แตไ มเกนิ 80 คํา คดิ เปน รอ ยละ 1+ 2 + 4 + 6 + 2 ×100 ≈ 33.33 ของจํานวนนักเรียนทง้ั หมด 45 3) จากฮิสโทแกรม จะไดวาจํานวนคําศัพททนี่ ักเรียนจํานวนมากทส่ี ุดจําไดอยูในชวง 92 – 94 คํา สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
282 คมู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 7. 1) เขียนตารางความถ่ีที่แสดงขอบลางของชั้นและขอบบนของช้ันของแตละอันตรภาคช้ัน ของผลการทดสอบการอานภาษาไทยของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปท ่ี 1/1 ไดด งั น้ี คะแนน ขอบลา ง – ขอบบน จาํ นวนนักเรยี น ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ 1/1 20 – 22 19.5 – 22.5 1 17 – 19 16.5 – 19.5 8 14 – 16 13.5 – 16.5 12 11 – 13 10.5 – 13.5 15 8 – 10 7.5 – 10.5 11 5–7 4.5 – 7.5 3 เขียนฮิสโทแกรมแสดงผลการทดสอบการอานภาษาไทยของนักเรียนช้ันประถมศึกษา ปท ่ี 1/1 ไดดังน้ี จํานวนนกั เรียน (คน) 16 14 12 10 8 6 4 2 คะแนน 0 4.5 7.5 10.5 13.5 16.5 19.5 22.5 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 283 2) เขียนตารางความถี่ที่แสดงขอบลางของชั้นและขอบบนของชั้นของแตละอันตรภาคชั้น ของผลการทดสอบการอา นภาษาไทยของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที่ 1/2 ไดดงั น้ี คะแนน ขอบลา ง – ขอบบน จาํ นวนนกั เรียน ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ี่ 1/2 20 – 22 19.5 – 22.5 0 17 – 19 16.5 – 19.5 11 14 – 16 13.5 – 16.5 28 11 – 13 10.5 – 13.5 11 8 – 10 7.5 – 10.5 0 5–7 4.5 – 7.5 0 เขียนฮิสโทแกรมแสดงผลการทดสอบการอานภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปท ี่ 1/2 ไดด ังนี้ จํานวนนกั เรยี น (คน) 28 26 24 22 20 18 16 14 12 10 8 6 4 2 คะแนน 0 4.5 7.5 10.5 13.5 16.5 19.5 22.5 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
284 คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 3) เม่ือพิจารณาฮิสโทแกรมของนักเรียนทั้งสองหอง พบวา คะแนนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปที่ 1/1 มีการกระจายมากกวาคะแนนของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 1/2 เน่ืองจากความกวางของแทงของฮิสโทแกรมของนักเรียนทั้งสองหองเทากัน แตจํานวนแทงของฮิสโทแกรมของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 1/1 มีมากกวาจํานวน แทงของฮิสโทแกรมของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 1/2 โดยท่ีคะแนนของนักเรียน ช้ันประถมศึกษาปที่ 1/1 อยูในชวง 5 – 22 คะแนน และคะแนนของนักเรียนชั้น ประถมศกึ ษาปท ่ี 1/2 อยูใ นชว ง 11 – 19 คะแนน 8. 1) ขอ มลู มีทงั้ หมด 20 ตัว เน่ืองจาก Q1 อยูในตาํ แหนง ท่ี 20 +1 = 5.25 4 ดังน้ัน Q1 อยรู ะหวา งขอมลู ในตาํ แหนงที่ 5 และ 6 ซึ่งมคี า อยรู ะหวา ง 7 และ 8 ในการหา Q1 จะใชการเทยี บบัญญตั ไิ ตรยางศ ดังนี้ เนื่องจากขอมูลในตําแหนงท่ี 5 และ 6 มีตําแหนงตางกัน 6 − 5 =1 มีคาตางกัน 8 − 7 =1 จะไดว าตาํ แหนง ตางกนั 5.25 − 5 =0.25 มคี า ตา งกัน 0.25×1 = 0.25 1 ดังนั้น Q1 =7 + 0.25 =7.25 เนอ่ื งจาก Q2 อยใู นตําแหนงท่ี 2(20 +1) = 10.5 ดงั นั้น Q2 = 8 4 เนือ่ งจาก Q3 อยูในตาํ แหนงที่ 3(20 +1) = 15.75 ดงั นั้น Q3 = 9 4 จะไดวาควอรไทลที่ 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลท่ี 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 7.25, 8 และ 9 คะแนน ตามลาํ ดับ 2) แทน Q1 และ Q3 ดว ย 7.25 และ 9 ตามลาํ ดบั ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 7.25 −1.5(9 − 7.25) =4.625 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 285 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 7.25 และ 9 ตามลาํ ดับ ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 9 +1.5(9 − 7.25) =11.625 จากขอมูล มี 1 และ 3 ทีน่ อ ยกวา 4.625 แตไมม ีขอมูลทมี่ ากกวา 11.625 ดังน้นั คานอกเกณฑ คอื 1 และ 3 3) จากขอ มูลสามารถเขยี นแผนภาพกลองไดดงั นี้ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 จากแผนภาพกลอง จะเห็นวาขอมูลในชวง 5 ถึง 7.25 มีการกระจายมากที่สุด รองลงมาคือชวง 8 ถึง 9 และชวง 9 ถึง 10 สวนชวง 7.25 ถึง 8 มีการกระจาย นอ ยทส่ี ดุ 9. เปนไปไมไดที่แผนภาพกลอ ง (3) จะแสดงคะแนนเฉล่ียจากการสอบท้ังสองครั้งของนักเรียน แตละคนในกลุมน้ี เน่ืองจากถาแผนภาพกลอ ง (3) แสดงคะแนนเฉลี่ยจากการสอบทั้งสองคร้ัง ของนักเรียนแตละคนในกลุมนี้ จะไดวามีนักเรียนที่ไดคะแนนเฉล่ียจากการสอบทั้งสองคร้ัง เปน 80 คะแนน แตจากแผนภาพกลอง จะเห็นวาคะแนนสูงสดุ จากการสอบครั้งที่ 2 คือ 80 คะแนน และคะแนนสูงสุดจากการสอบคร้ังที่ 1 คือ 70 คะแนน ดังนั้น คะแนนเฉลี่ยจาก การสอบท้ังสองครั้งของนกั เรยี นแตล ะคนจะตองไมเกิน 80 + 70 = 75 คะแนน 2 10. เมื่อพิจารณาจากฮิสโทแกรม จะไดวาลักษณะการกระจายของขอมูลชุดน้ีคลายกับ การแจกแจงสมมาตร และมัธยฐานหรือ Q2 ควรมีคาประมาณ 15,000 บาท ดงั นัน้ แผนภาพกลอ งท่ีไดจ ากฮสิ โทแกรมดังกลา วคอื แผนภาพกลอ ง ข สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
ํจานวนสาย ัพน ุธ ืพช ตอ ้ืพนท่ี 0.04 ตารางเมตร286 คมู ือครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 11. จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเมื่อจํานวนเว็บเพจท่ีลูกคาเย่ียมชมมากข้ึน จํานวนเงิน ทลี่ กู คา สั่งซื้อสนิ คาจะมแี นวโนม มากขึ้นดวย ดังนั้น จํานวนเงินที่ลูกคาส่ังซ้ือสินคาและจํานวนเว็บเพจท่ีลูกคาเย่ียมชมมีความสัมพันธใน ทิศทางเดียวกนั 12. จากขอ มูลสามารถเขียนแผนภาพการกระจายไดดังน้ี 20 18 16 14 12 10 8 6 4 2 0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0 1.2 1.4 1.6 1.8 2.0 ความสงู จากระดบั นาํ้ ทะเลปานกลาง (กโิ ลเมตร) จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเมื่อความสูงจากระดับนํ้าทะเลปานกลางมากข้ึน จํานวนสายพันธพุ ชื ตอ พื้นท่ี 0.04 ตารางเมตร จะมีแนวโนม ลดลง ดังนั้น จํานวนสายพันธุพืชตอพื้นท่ี 0.04 ตารางเมตร และความสูงจากระดับน้ําทะเล ปานกลางมคี วามสมั พันธใ นทศิ ทางตรงกนั ขาม สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327