คูมือครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 287 13. 1) สายการบนิ D ตรงเวลาทสี่ ุด และสายการบนิ J ไมต รงเวลามากทีส่ ดุ 2) สายการบิน I เกิดเหตุการณที่กระเปาเดินทางสูญหายมากที่สุด และสายการบิน A เกดิ เหตุการณท ก่ี ระเปา เดนิ ทางสูญหายนอ ยทส่ี ุด 3) ขอสรุปท่ีวา “สายการบิน J เกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสญู หายบอยกวาสายการบิน B ประมาณ 2 เทา” ไมเปนจริง เนื่องจากสายการบิน J มีจํานวนครั้งของการเกิด เหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายอยูระหวาง 7 – 8 คร้ังตอผูโดยสาร 1,000 คน แตสายการบิน B มีจํานวนครั้งของการเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหาย อยรู ะหวาง 5 – 6 ครงั้ ตอ ผูโ ดยสาร 1,000 คน ดังนั้น สายการบิน J มีจํานวนครั้งของการเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหาย มากกวา สายการบิน B ไมถ งึ 2 เทา 4) ขอสรุปที่วา “สายการบินท่ีเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายบอย มีแนวโนม ท่ีจะตรงเวลา” ไมเปนจริง โดยจากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเมื่อจํานวนคร้ังของ การเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายมากขึ้น รอยละของเที่ยวบินตรงเวลา จะมแี นวโนมลดลง ดังนั้น จํานวนคร้ังของการเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายและรอยละของ เทย่ี วบินตรงเวลามีความสมั พันธในทศิ ทางตรงกันขาม 14. ขอ มูลชุด ก คา เฉลี่ยเลขคณิต = 5(5) + 3(6) + 2(7) + 2(8) + 2(9) + 2(10) ขอมูลชุด ข 16 = 6.9375 มธั ยฐาน = 6 + 7 2 = 6.5 ฐานนยิ ม = 5 คาเฉล่ียเลขคณิต = 4(1) + 3(2) + 2(3) + 4 + 30 11 ≈ 4.55 มัธยฐาน = 2 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
288 คูมือครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 6 ฐานนยิ ม = 1 15. 1) ขอมลู ชดุ ก คาเฉล่ียเลขคณติ = 2 + 2(3) + 3(5) + 2(7) + 8 +10 + 2(14) +19 13 ≈ 7.85 มธั ยฐาน = 7 ฐานนยิ ม = 5 ขอมูลชุด ข คาเฉลี่ยเลขคณติ = 0.9 +1.2 +1.7 + 2.1+ 2.5 + 2.8 + 3.2 + 3.3 + 3.7 + 4.8 + 5.7 11 = 2.9 มธั ยฐาน = 2.8 ขอ มูลชดุ นี้ไมมฐี านนยิ ม ขอ มูลชดุ ค คา เฉลี่ยเลขคณติ = 59 + 73 + 82 + 87 + 87 + 90 6 ≈ 79.67 มัธยฐาน = 82 + 87 2 = 84.5 ฐานนยิ ม = 87 2) ขอ มูลชุด ก พสิ ยั = 19 − 2 = 17 ขอ มูลชดุ ก มี 13 ตัว เนือ่ งจาก Q1 อยใู นตาํ แหนงที่ 13 +1 = 3.5 4 ดังนัน้ Q1 คอื คาเฉลยี่ เลขคณติ ของขอมูลในตาํ แหนง ที่ 3 และ 4 ซึง่ คอื 3+5 = 4 2 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6 289 เน่ืองจาก Q3 อยใู นตําแหนง ท่ี 3(13 +1) = 10.5 4 ดังนนั้ Q3 คอื คา เฉล่ยี เลขคณติ ของขอมลู ในตําแหนงที่ 10 และ 11 ซงึ่ คอื 10 +14 = 12 2 จะได พสิ ยั ระหวา งควอรไทล = 12 − 4 = 8 ให xi แทนขอมลู ชดุ ก ตัวที่ i เมอ่ื i ∈{1, 2, 3, ... , 13} และ x แทนคาเฉล่ียเลขคณติ ของขอ มลู ชุด ก จาก 1) จะไดว า x ≈ 7.85 จากขอมูลชุด ก จะได xi xi − x ( xi − x )2 2 –5.85 34.22 3 –4.85 23.52 3 –4.85 23.52 5 –2.85 8.12 5 –2.85 8.12 5 –2.85 8.12 7 –0.85 0.72 7 –0.85 0.72 8 0.15 0.02 10 2.15 4.62 14 6.15 37.82 14 6.15 37.82 19 11.15 124.32 ∑13 ( xi − x )2 ≈ 311.66 i=1 ดังนนั้ สว นเบีย่ งเบนมาตรฐานของขอ มลู ชุด ก คอื 311.66 ≈ 5.10 13 −1 และความแปรปรวนของขอมลู ชดุ ก คือ 311.66 ≈ 25.97 12 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
290 คมู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 ขอ มลู ชดุ ข พิสยั = 5.7 − 0.9 = 4.8 ขอมลู ชดุ ข มี 11 ตวั เน่ืองจาก Q1 อยใู นตําแหนงที่ 11 + 1 = 3 ดังนนั้ Q1 = 1.7 4 และ Q3 อยูใ นตาํ แหนง ที่ 3(11 + 1) =9 ดังนนั้ Q3 = 3.7 4 จะได พิสยั ระหวางควอรไ ทล = 3.7 −1.7 = 2 ให yi แทนขอ มลู ชุด ข ตวั ที่ i เมอื่ i ∈{1, 2, 3, ... , 11} และ y แทนคา เฉล่ยี เลขคณติ ของขอ มลู ชุด ข จาก 1) จะไดว า y = 2.9 จากขอ มลู ชุด ข จะได yi yi − y ( yi − y )2 0.9 –2.0 4.00 1.2 –1.7 2.89 1.7 –1.2 1.44 2.1 –0.8 0.64 2.5 –0.4 0.16 2.8 –0.1 0.01 3.2 0.3 0.09 3.3 0.4 0.16 3.7 0.8 0.64 4.8 1.9 3.61 5.7 2.8 7.84 ∑11 ( yi − y )2 =21.48 i=1 ดงั น้นั สว นเบย่ี งเบนมาตรฐานของขอ มูลชุด ข คอื 21.48 ≈ 1.47 11 −1 และความแปรปรวนของขอ มูลชดุ ข คอื 21.48 = 2.15 10 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 6 291 ขอ มลู ชดุ ค พสิ ัย = 90 − 59 = 31 ขอมลู ชดุ ค มี 6 ตัว เน่อื งจาก Q1 อยูใ นตาํ แหนงท่ี 6 +1 = 1.75 4 ดังนนั้ Q1 อยรู ะหวา งขอมลู ในตําแหนงท่ี 1 และ 2 ซ่งึ มีคา อยรู ะหวาง 59 และ 73 ในการหา Q1 จะใชก ารเทยี บบญั ญัติไตรยางศ ดงั น้ี เนื่องจากขอมูลในตําแหนงท่ี 1 และ 2 มีตําแหนงตางกัน 2 −1 =1 มีคาตางกัน 73 − 59 =14 จะไดวาตาํ แหนง ตา งกนั 1.75 −1 =0.75 มีคา ตา งกัน 0.75×14 = 10.5 1 ดังนน้ั Q1 =59 +10.5 =69.5 เนอ่ื งจาก Q3 อยูในตําแหนง ที่ 3(6 +1) = 5.25 4 ดังนัน้ Q3 อยูระหวางขอมลู ในตําแหนงท่ี 5 และ 6 ซ่ึงมีคา อยูระหวาง 87 และ 90 ในการหา Q3 จะใชการเทยี บบัญญัติไตรยางศ ดังนี้ เนื่องจากขอมูลในตําแหนงที่ 5 และ 6 มีตําแหนงตางกัน 6 − 5 =1 มีคาตางกัน 90 − 87 =3 จะไดว าตาํ แหนงตางกนั 5.25 − 5 =0.25 มีคา ตางกัน 0.25× 3 = 0.75 1 ดงั น้นั Q3 =87 + 0.75 =87.75 จะได พิสยั ระหวา งควอรไ ทล = 87.75 − 69.5 = 18.25 ให zi แทนขอ มลู ชุด ค ตวั ที่ i เมื่อ i ∈{1, 2, 3, 4, 5, 6} และ z แทนคาเฉล่ียเลขคณิตของขอ มลู ชุด ค จาก 1) จะไดว า z ≈ 79.67 จากขอ มูลชุด ค จะได zi zi − z ( zi − z )2 59 –20.67 427.25 73 –6.67 44.49 82 2.33 5.43 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
292 คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 6 zi zi − z ( zi − z )2 87 7.33 53.73 87 7.33 53.73 90 10.33 106.71 ∑6 ( zi − z )2 ≈ 691.34 i=1 ดงั น้ัน สว นเบี่ยงเบนมาตรฐานของขอ มลู ชดุ ค คอื 691.34 ≈ 11.76 6 −1 และความแปรปรวนของขอ มลู ชดุ ค คือ 691.34 ≈ 138.27 5 3) ขอ มลู ชดุ ก มสี มั ประสิทธิ์การแปรผัน คือ 5.10 ≈ 0.65 7.85 ขอ มูลชดุ ข มสี มั ประสทิ ธิก์ ารแปรผนั คือ 1.47 ≈ 0.51 2.9 และขอมูลชดุ ค มสี มั ประสทิ ธกิ์ ารแปรผัน คือ 11.76 ≈ 0.15 79.67 เนือ่ งจากขอ มูลชดุ ก มีสมั ประสทิ ธ์ิการแปรผนั มากกวาขอมูลชดุ ข และ ค ดังนน้ั ขอ มูลชดุ ก มีการกระจายมากทส่ี ดุ 16. ให a, b, c และ d แทนคะแนนสอบวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร ภาษาอังกฤษ และ คอมพวิ เตอรของศิรวิ ทิ ย ตามลําดบั เนื่องจากคาเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบของวิชาคณิตศาสตรและภาษาไทยเทากับ 21.5 คะแนน นั่นคอื a + b = 21.5 จะได a + b =43 − − −(1) 2 เน่ืองจากคา เฉล่ียเลขคณิตของคะแนนสอบของวชิ าภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอรเ ทา กับ 28.5 คะแนน น่ันคอื c + d = 28.5 จะได c + d =57 − − −(2) 2 จาก (1) และ (2) จะได a + b + c + d =100 ดังน้นั คาเฉล่ยี เลขคณติ ของคะแนนสอบทงั้ ส่วี ิชานี้คือ 100 = 25 คะแนน 4 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 6 293 17. เนือ่ งจากคา เฉลย่ี เลขคณิตของอายนุ กั เรยี น = ผลรวมของอายขุ องนักเรยี น จาํ นวนนกั เรยี น จะได ผลรวมของอายนุ กั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 3 =15×60 =900 ป ผลรวมของอายนุ ักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 =17×50 = 850 ป ผลรวมของอายนุ ักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 5 =18× 40 =720 ป ดังนน้ั คาเฉลี่ยเลขคณิตของอายนุ กั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3 – 5 ของโรงเรียนแหงน้ีคอื 900 + 850 + 720 ≈ 16.47 ป 60 + 50 + 40 18. 1) การหาเกรดเฉล่ียคือการหาคาเฉล่ียเลขคณิตถวงน้ําหนัก โดยที่ขอมูลคือเกรดของ แตล ะวชิ าและนํ้าหนกั ของแตละขอมลู คือหนวยกิตของแตละวชิ า ดงั น้นั เกรดเฉลย่ี = ผลรวมของผลคณู ของหนวยกติ และเกรดของแตล ะวิชา ผลรวมของหนว ยกติ จากผลการเรียนภาคเรียนสุดทายของนักเรียนคนนี้จะสามารถหาผลรวมของผลคูณ ของหนวยกติ และเกรดของแตล ะวิชา และผลรวมของหนว ยกติ ไดดงั น้ี ชือ่ วชิ า หนวยกติ เกรด หนวยกิต × เกรด ภาษาไทย 6 1.0 3.5 3.5 คณิตศาสตร 6 1.0 3 3 สงั คมศกึ ษา 6 0.5 4 2 พระพุทธศาสนา 6 0.5 4 2 ศลิ ปะ 5 0.5 3 1.5 เครอื ขายและโครงงานคอมพิวเตอร 0.5 2.5 1.25 ภาษาองั กฤษ 6 1.0 4 4 เสรมิ ทกั ษะภาษาไทย 2 1.0 3.5 3.5 วทิ ยาศาสตรเพ่ิม 2 0.5 2 1 ชีวิตกับสขุ ภาพ 3 0.5 4 2 กฬี ากับสขุ ภาพ 3 0.5 4 2 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
294 คูม ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 6 ชอ่ื วิชา หนวยกิต เกรด หนว ยกิต × เกรด ภาษาญ่ีปนุ 6 3.0 4 12 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่อื สาร 6 0.5 3.5 1.75 ภาษาองั กฤษเพ่อื การอา น – เขยี น 6 1.0 4 4 ภาษาอังกฤษรอบรู 6 1.0 4 4 รวม 13.0 - 47.5 ดังน้ัน เกรดเฉล่ียของภาคเรียนสุดทายของนักเรยี นคนนค้ี อื 47.5 ≈ 3.65 13.0 2) เน่ืองจาก เกรดเฉลีย่ ของ 5 ภาคเรยี น = ผลรวมของผลคูณของหนวยกติ และเกรดเฉล่ียของแตล ะภาคเรียนจาํ นวน 5 ภาคเรียน ผลรวมของหนว ยกติ ของทง้ั 5 ภาคเรยี น จะได ผลรวมของผลคูณของหนวยกิตและเกรดเฉลี่ยของแตล ะภาคเรียนจาํ นวน 5 ภาคเรียน 3.75 = 75.0 ดังน้ัน ผลรวมของผลคูณของหนวยกิตและเกรดเฉลี่ยของแตละภาคเรียนจํานวน 5 ภาคเรยี น คอื 3.75× 75.0 =281.25 เน่อื งจากเกรดเฉลีย่ ของทง้ั 6 ภาคเรียน = ผลรวมของผลคณู ของหนวยกติ และเกรดของแตละวชิ าของภาคเรยี นที่ 6 + ผลรวมของผลคณู ของหนว ยกติ และเกรดเฉลีย่ ของแตล ะภาคเรยี นจํานวน 5 ภาคเรียน ผลรวมของหนว ยกิตของทงั้ 6 ภาคเรยี น ดงั นน้ั เกรดเฉลี่ยของทงั้ 6 ภาคเรยี นของนักเรยี นคนน้ีคือ 47.5 + 281.25 ≈ 3.74 13.0 + 75.0 19. สมมติวาขอ มูลชดุ นเี้ มอ่ื เรียงจากมากไปนอยคือ a, b, c, d, e เน่อื งจากขอมูล 2 ตัวสดุ ทา ย คือ 102 และ 99 ตามลาํ ดบั จะได d = 102 และ e = 99 เนื่องจากคาเฉลยี่ เลขคณิตของจาํ นวนเต็ม 5 จาํ นวนนี้ คอื 360 จะได a + b + c +102 + 99 = 360 5 = 1,599 a+b+c สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 295 a = 1,599 − b − c เนือ่ งจากขอ มลู ชดุ น้เี รยี งจากมากไปนอยคือ a, b, c, 102, 99 ดังนนั้ a มีคา มากท่ีสดุ ที่เปน ไปได เม่ือ b= c= 102 จะได a = 1,599 −102 −102 = 1,395 ดังนน้ั คา ที่มากทสี่ ดุ ทีเ่ ปนไปไดของขอ มลู ชดุ น้ีคือ 1,395 20. สมมตวิ าขอมูลชุดนเ้ี มอ่ื เรยี งจากนอยไปมากคือ a, b, c, d, e เน่อื งจากมัธยฐานของขอ มูลชดุ นค้ี ือ 5 จะได c = 5 เนือ่ งจากพสิ ัยของขอมูลชดุ นค้ี ือ 5 จะได e − a =5 นนั่ คือ e= a + 5 เนื่องจากคา เฉลยี่ เลขคณติ ของขอมูลชุดน้คี ือ 5 จะได a + b + 5 + d + (a + 5) = 5 5 2a + b + d = 15 ถา a ≥ 4 จะได b + d ≤ 7 ซงึ่ เปนไปไมได เนอื่ งจาก 4 ≤ b ≤ d ดงั นน้ั a < 4 เน่ืองจากฐานนยิ มของขอ มลู ชดุ นค้ี ือ 5 ดงั นน้ั ขอ มูลทม่ี คี า เทา กับ 5 จะตอ งมีความถ่อี ยางนอย 2 ถา b= d= 5 จะได 2a = 5 ดงั น้นั a = 2.5 ซงึ่ เปน ไปไมไ ด เนอ่ื งจาก a เปนจาํ นวนเต็ม ดังนน้ั จะมีเพยี งตัวใดตัวหนึ่งใน b และ d ทีเ่ ทา กบั 5 กรณี 1 b = 5 เนอ่ื งจาก a < 4 จะไดว า a อาจเปน 1, 2 หรือ 3 สมมติวา a = 1 เนือ่ งจาก e= a + 5 จะได e = 6 และเนอ่ื งจาก b = 5 และ 2a + b + d =15 จะได d = 8 ซ่ึงเปน ไปไมไ ด เนื่องจาก d ≤ e สมมตวิ า a = 2 เนือ่ งจาก e= a + 5 จะได e = 7 และเนอ่ื งจาก b = 5 และ 2a + b + d =15 จะได d = 6 ดังนัน้ 2, 5, 5, 6, 7 เปนชุดขอ มูลหนง่ึ ท่เี ปน ไปได สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
296 คูม อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 สมมติวา a = 3 เนอ่ื งจาก e= a + 5 จะได e = 8 และเนอื่ งจาก b = 5 และ 2a + b + d =15 จะได d = 4 ซึง่ เปน ไปไมไ ด เน่อื งจาก b ≤ d กรณี 2 d = 5 เนื่องจาก a < 4 จะไดวา a อาจเปน 1, 2 หรอื 3 สมมติวา a = 1 เน่ืองจาก e= a + 5 จะได e = 6 และเน่อื งจาก d = 5 และ 2a + b + d =15 จะได b = 8 ซึง่ เปนไปไมได เนือ่ งจาก b ≤ c สมมตวิ า a = 2 เน่ืองจาก e= a + 5 จะได e = 7 และเนือ่ งจาก d = 5 และ 2a + b + d =15 จะได b = 6 ซง่ึ เปน ไปไมได เน่ืองจาก b ≤ c สมมตวิ า a = 3 เนอื่ งจาก e= a + 5 จะได e = 8 และเน่ืองจาก d = 5 และ 2a + b + d =15 จะได b = 4 ดงั นนั้ 3, 4, 5, 5, 8 เปน ชุดขอ มูลหนึง่ ทีเ่ ปน ไปได ดงั นน้ั ชุดของขอ มลู ที่เปน ไปไดท้ังหมด คือ 2, 5, 5, 6, 7 และ 3, 4, 5, 5, 8 21. 1) เรียงขอ มูลจากนอ ยไปมาก ไดด งั น้ี 30 65 67 75 75 78 80 85 90 92 125 ขอ มูลชดุ นี้มี 11 ตวั เน่อื งจาก Q1 อยูในตาํ แหนง ท่ี 11+1 = 3 ดงั นนั้ Q1 = 67 4 Q2 อยูใ นตําแหนง ที่ 2(11+1) = 6 ดงั นน้ั Q2 = 78 4 และ Q3 อยใู นตําแหนง ท่ี 3(11 + 1) = 9 ดงั นน้ั Q3 = 90 4 ดังน้ัน ควอรไทลที่ 1 ควอรไทลท่ี 2 และควอรไทลท่ี 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 67, 78 และ 90 ชิน้ ตามลาํ ดบั สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 6 297 2) พสิ ยั ของขอมลู ชดุ นี้ คอื 125 − 30 =95 ชน้ิ พสิ ยั ระหวางควอรไ ทลของขอ มูลชุดน้ี คือ 90 − 67 =23 ชิน้ เน่ืองจากเม่ือพิจารณาผลตางของขอมูล 2 ตัวใด ๆ จะไดวาสวนใหญแลวขอมูลไมได ตางกันมากถึง 95 ช้ิน โดยผลตางของขอมูลจะใกลเคียงกับพิสัยระหวางควอรไทล ที่คาํ นวณได ซึ่งเทา กับ 23 ช้นิ ดังนั้น พิสัยระหวางควอรไทลเหมาะสําหรับใชอธิบายการกระจายของขอมูลชุดนี้ มากกวาพสิ ยั 3) เนื่องจา=ก P25 Q=1, P50 Q2 และ P75 = Q3 ดังน=น้ั P25 6=7, P50 78 และ P75 = 90 เนื่องจาก P90 อยใู นตําแหนงที่ 90 (11 + 1) = 10.8 100 ดังน้ัน P90 อยรู ะหวา งขอมูลในตําแหนงท่ี 10 และ 11 ซงึ่ มคี าอยูร ะหวาง 92 และ 125 ในการหา P90 จะใชการเทยี บบัญญตั ไิ ตรยางศ ดังนี้ เนือ่ งจากขอ มูลในตาํ แหนง ที่ 10 และ 11 มตี าํ แหนงตา งกัน 11−10 =1 มคี า ตางกนั 125 − 92 =33 จะไดว า ตาํ แหนง ตางกัน 10.8 −10 =0.8 มคี าตางกัน 0.8×33 = 26.4 1 ดงั นัน้ P90 =92 + 26.4 =118.4 ดังน้ัน เปอรเซ็นไทลท่ี 25 เปอรเซ็นไทลที่ 50 เปอรเซ็นไทลที่ 75 และเปอรเซ็นไทลที่ 90 ของขอมลู ชดุ นี้ คือ 67, 78, 90 และ 118.4 ชิน้ ตามลําดบั 22. 1) จากขอ มลู สามารถเขียนแผนภาพลําตนและใบไดด ังนี้ นกั กฬี าบาสเกตบอลชาย นกั กฬี าบาสเกตบอลหญิง 15 3 4 7 16 0 1 3 6 7 8 8 8 9 6 5 17 0 1 1 2 2 4 5 9 8 5 3 1 0 0 0 18 1 2 8 8 6 5 5 5 0 0 19 6 20 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
298 คูมอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 2) จากแผนภาพในขอ 1) จะเห็นวาขอมูลความสูงของนักกีฬาบาสเกตบอลชายและหญิง ไมม ขี อมลู ใดทม่ี ีคาแตกตา งจากขอมลู ตวั อ่นื ในแตล ะชดุ มาก ดงั นนั้ จงึ ควรใชค า เฉลยี่ เลขคณิตเปน ตวั แทนของขอมูลแตล ะชดุ 3) คาเฉลี่ยเลขคณิตของความสูงของนักกีฬาบาสเกตบอลชายคือ 3,759 = 187.95 20 เซนตเิ มตร จะไดวา มนี ักกีฬาบาสเกตบอลชายทีส่ ูงมากกวา คาเฉล่ียเลขคณิตอยู 11 คน ดังน้ัน นักกีฬาบาสเกตบอลชายท่ีสูงมากกวาคาเฉล่ียเลขคณิตคิดเปนรอยละ 11 ×100 =55 ของจํานวนนกั กีฬาบาสเกตบอลชายท้ังหมด 20 23. เนือ่ งจากขอ มลู ทก่ี ําหนดในโจทยเปน ขอ มลู ของตัวอยาง ให xi และ yi แทนเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหนึ่งวันของนักเรียนหอง 1 และ หอง 2 คนที่ i เมอ่ื i ∈{1, 2, 3, ... , 10} ตามลาํ ดบั x และ y แทนคาเฉลี่ยเลขคณิตของเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหน่ึงวันของ นักเรียนหอ ง 1 และหอ ง 2 ท่สี มุ มา ตามลําดบั และ sx และ sy แทนสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหน่ึงวัน ของนักเรียนหอง 1 และหอง 2 ที่สมุ มา ตามลาํ ดบั จะได= x 3=54 35.4 และ=y 5=01 50.1 10 10 จากขอ มูล จะได xi xi − x ( xi − x )2 0 –35.4 1,253.16 20 –15.4 237.16 30 –5.4 29.16 42 6.6 43.56 35 –0.4 0.16 82 46.6 2,171.56 54 18.6 345.96 28 –7.4 54.76 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 299 xi xi − x ( xi − x )2 0 63 –35.4 1,253.16 27.6 761.76 และ ∑10 ( xi − x )2 =6,150.4 i=1 yi yi − y ( yi − y )2 45 –5.1 26.01 40 –10.1 102.01 62 11.9 141.61 10 –40.1 1,608.01 24 –26.1 681.21 15 –35.1 1,232.01 30 –20.1 404.01 60 9.9 98.01 95 44.9 2,016.01 120 69.9 4,886.01 ∑10 ( yi − y )2 =11,194.9 i=1 =ดงั น้ัน sx 6,150.4 ≈ 26.1=4 และ sy 11,194.9 ≈ 35.27 10 −1 10 −1 ดงั น้ัน สัมประสทิ ธิ์การแปรผนั ของเวลาท่ใี ชใ นการอานหนังสอื ในหน่งึ วนั ของนักเรยี นหอ ง 1 คือ 26.14 ≈ 0.74 35.4 และสัมประสิทธ์ิการแปรผันของเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหน่ึงวันของนักเรียนหอง 2 คือ 35.27 ≈ 0.70 50.1 เน่ืองจากสัมประสิทธ์ิการแปรผันของเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหน่ึงวันของนักเรียน หอ ง 1 มากกวา นักเรียนหอ ง 2 ดังนั้น เวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหนึ่งวันของนักเรียนท่ีสุมมา 10 คน จากหอง 1 มีการ กระจายมากกวาเวลาท่ใี ชใ นการอานหนังสือในหน่งึ วันของนักเรียนทสี่ ุมมา 10 คน จากหอง 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
300 คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 6 24. 1) มธั ยฐานของจาํ นวนลกู เกดท่ีใสใ นขนมปง แตล ะอนั ของรา นท่ี 1 คือ 30 เมด็ และมธั ยฐานของจํานวนลูกเกดท่ใี สในขนมปง แตละอันของรา นที่ 2 คือ 31 เมด็ 2) จากแผนภาพกลอ งของรา นที่ 1 จะได Q3 = 31 ดังน้ัน ขนมปงจากรานที่ 1 ท่ีมีจํานวนลูกเกดนอยกวา 31 เม็ด คิดเปนรอยละ 75 ของ ขนมปง ทซ่ี อ้ื จากรานที่ 1 ทง้ั หมด 3) จากแผนภาพกลองของรานที่ 2 จะไดวาควอรไทลท่ี 3 ของจํานวนลูกเกดท่ีใสใน ขนมปง แตละอันทซี่ ื้อจากรา นที่ 2 คือ 33 เม็ด 4) อรรถฤทธ์ิควรซ้ือขนมปงลกู เกดจากรานที่ 1 เนื่องจากเม่ือพิจารณาจากแผนภาพกลอง จะเห็นวาแผนภาพกลอ งของรานที่ 1 มีความกวางนอยกวารา นที่ 2 มาก ดังน้นั จํานวนลกู เกดในขนมปงแตล ะอนั ของรานที่ 1 ใกลเคยี งกันมากกวา รานที่ 2 5) อรรถฤทธิ์ควรซื้อขนมปงลูกเกดจากรานท่ี 2 เนื่องจากมีจํานวนขนมปงของรานที่ 2 ประมาณรอยละ 25 ที่มีจํานวนลูกเกดมากกวาขนมปงของรานท่ี 1 นอกจากนี้ ยังมีแนวโนมสูงวามีจํานวนขนมปงของรานท่ี 2 ไมถึงรอยละ 25 ที่มีจํานวนลูกเกด นอ ยกวา ขนมปง ของรานท่ี 1 25. วธิ ที ่ี 1 สมมตคิ าขนมของมานี ชใู จ และปติ คือ a, b และ c บาท ตามลําดับ เนอ่ื งจากคา เฉล่ียเลขคณิตของคาขนมของทงั้ สามคน คือ 50 บาท และสวนเบีย่ งเบนมาตรฐานของคา ขนมของทัง้ สามคน คอื 0 บาท จะได (a − 50)2 + (b − 50)2 + (c − 50)2 = 0 3 (a − 50)2 + (b − 50)2 + (c − 50)2 =0 แตเน่ืองจาก (a − 50)2 ≥ 0, (b − 50)2 ≥ 0 และ (c − 50)2 ≥ 0 จะได (a − 50)2 = (b − 50)2 = (c − 50)2 = 0 a − 50 = b − 50 = c − 50 = 0 ดังนัน้ a = b = c = 50 สมมติคาขนมของมานะคือ d บาท เนื่องจากคา เฉลีย่ เลขคณิตของคาขนมของท้ังสค่ี น คือ 45 บาท จะได 50 + 50 + 50 + d = 45 4 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 301 d = 30 ดังนั้น สวนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของคาขนมของทัง้ ส่ีคน คอื (50 − 45)2 + (50 − 45)2 + (50 − 45)2 + (30 − 45)2 ≈ 8.66 บาท 4 วิธที ่ี 2 เน่อื งจากสวนเบยี่ งเบนมาตรฐานของคา ขนมของทงั้ สามคน คือ 0 บาท จะไดวาทง้ั สามคนไดคาขนมจากผูปกครองเทา ๆ กนั และเนื่องจากคาเฉลยี่ เลขคณติ ของคา ขนมของท้ังสามคนคือ 50 บาท ดังน้ัน มานี ชูใจ และปติ ไดค า ขนมจากผูป กครองคนละ 50 บาท สมมตคิ าขนมของมานะคือ d บาท เน่อื งจากคา เฉลย่ี เลขคณิตของคาขนมของท้ังสค่ี น คือ 45 บาท จะได 50 + 50 + 50 + d = 45 4 d = 30 ดังน้นั สว นเบ่ียงเบนมาตรฐานของคา ขนมของทงั้ สี่คน คือ (50 − 45)2 + (50 − 45)2 + (50 − 45)2 + (30 − 45)2 ≈ 8.66 บาท 4 26. 1) ตองการยกตัวอยางขอมูลชุด ก และ ข ที่สวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของขอมูลชุด ก มากกวา สว นเบ่ยี งเบนมาตรฐานของขอมลู ชดุ ข ดงั นนั้ ขอ มูลชุด ก ควรมีความแตกตา งในชุดขอ มลู มากกวา ขอ มลู ชุด ข คาํ ตอบมีไดห ลากหลาย เชน ใหขอมูลชดุ ก ประกอบดวย 1, 2, 5, 8, 9 และขอมลู ชุด ข ประกอบดว ย 11, 12, 13, 14, 15 จะได คาเฉลีย่ เลขคณติ ของขอ มลู ชดุ ก คือ 1+ 2 + 5 + 8 + 9 = 5 5 คา เฉลี่ยเลขคณติ ของขอมลู ชดุ ข คอื 11+12 +13 +14 +15 = 13 5 สวนเบยี่ งเบนมาตรฐานของขอ มูลชดุ ก คือ (1− 5)2 + (2 − 5)2 + (5 − 5)2 + (8 − 5)2 + (9 − 5=)2 10 ≈ 3.16 5 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
302 คูม อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 และสว นเบย่ี งเบนมาตรฐานของขอมูลชุด ข คือ (11−13)2 + (12 −13)2 + (13 −13)2 + (14 −13)2 + (15 −13)2 = 2 5 ≈ 1.41 จะเห็นวาสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของขอมูลชุด ก มากกวาสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของ ขอ มลู ชดุ ข 2) เน่ืองจากสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของขอมูลแตละชุดเปน 0 ก็ตอเม่ือขอมูลทุกตัวมีคา เทากัน แตจากโจทย กําหนดใหขอ มูลแตละชดุ ประกอบดว ยจํานวนเต็มที่แตกตางกนั ดังนน้ั ไมม โี อกาสท่สี วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของขอ มลู แตละชดุ จะเปน 0 3) ตองการยกตัวอยางขอมูลชุด ก และ ข ท่ีสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของขอมูลชุด ก เทา กบั สวนเบยี่ งเบนมาตรฐานของขอ มูลชุด ข ดังนั้น ผลบวกของกําลังสองของผลตางของขอมูลใด ๆ กับคาเฉล่ียเลขคณิตของขอมูล ทั้งสองชุดตองเทากนั คําตอบมีไดหลากหลาย เชน ใหขอมูลชุด ก ประกอบดวย 1, 2, 3, 4, 5 และขอมูล ชดุ ข ประกอบดว ย 11, 12, 13, 14, 15 จะได คา เฉลี่ยเลขคณติ ของขอ มูลชุด ก คอื 1+ 2 + 3 + 4 + 5 = 3 5 คาเฉลย่ี เลขคณิตของขอมลู ชุด ข คือ 11+12 +13 +14 +15 = 13 5 สวนเบยี่ งเบนมาตรฐานของขอ มลู ชดุ ก คอื (1− 3)2 + (2 − 3)2 + (3 − 3)2 + (4 − 3)2 + (5 − 3)2 = 2 5 และสว นเบีย่ งเบนมาตรฐานของขอมูลชุด ข คอื (11−13)2 + (12 −13)2 + (13 −13)2 + (14 −13)2 + (15 −13)2 = 2 5 จะเห็นวาสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของขอมูลชุด ก เทากับสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของ ขอมลู ชุด ข สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 6 303 27. เน่ืองจากคาเฉลีย่ เลขคณิตของขอมูลชดุ นีเ้ ทา กับ 3 จะได 1+ 2 + x + 3 + 3 + y + 6 = 3 7 x+ y = 6 y = 6−x เน่อื งจากสว นเบย่ี งเบนมาตรฐานของขอมูลชุดนเ้ี ทา กับ 47 7 จะได (1− 3)2 + (2 − 3)2 + ( x − 3)2 + (3 − 3)2 + (3 − 3)2 + ( y − 3)2 + (6 − 3)2 = 4 7 77 ( x − 3)2 + ( y − 3)2 = 2 ( x − 3)2 + ((6 − x) − 3)2 = 2 ( x − 3)2 + (3 − x)2 = 2 ( x − 3)2 + ( x − 3)2 = 2 ( x − 3)2 = 1 x − 3 =−1 หรือ x − 3 =1 ดังน้นั x = 2 หรอื x = 4 เนอ่ื งจากขอ มลู ชุดนเ้ี รียงจากนอยไปมากคือ 1, 2, x, 3, 3, y, 6 จะได x = 2 เนอ่ื งจาก y= 6 − x จะได y = 4 28. สมมตวิ า ขอมูลท่บี ันทกึ ถูกตองจํานวน 19 ตัว คือ x1, x2, , x19 เนือ่ งจากคา เฉล่ยี เลขคณติ ของขอ มูลชดุ ที่มีขอ มลู ท่บี ันทึกผดิ 1 ตวั เทา กับ 10 จะได 19 = 10 ∑ xi + 8 i=1 20 19 ∑ xi = 192 i=1 เนอ่ื งจากสวนเบีย่ งเบนมาตรฐานของขอมูลชุดทม่ี ขี อ มลู ที่บันทกึ ผดิ 1 ตวั เทา กับ 2 จะได ∑19 ( xi −10)2 + (8 −10)2 i=1 = 2 20 −1 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
304 คมู อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 ∑19 ( xi −10)2 = 72 i=1 19 ∑ xi +12 ดังนั้น คาเฉลย่ี เลขคณิตทีถ่ กู ตองของขอ มลู ชดุ นี้ คือ 1=92 +12 10.2 i ==1 20 20 และความแปรปรวนทถ่ี ูกตอ งของขอ มูลชดุ น้ี คือ ∑19 ( xi −10.2)2 + (12 −10.2)2 19 ( ( xi − 10 ) − 0.2)2 + 3.24 i =1 ∑ = i=1 20 −1 19 ( )∑19 ( xi −10)2 − 0.4( xi −10) + 0.04 + 3.24 = i=1 19 )−=10 2 − 0.4 i191=( xi −10) + i191 ∑ ∑ ∑19 ( xi (0.04) + 3.24 == i 1 19 72 − 0.4 19 =xi + 0.4 i191 ( 0.04) = i 1 ∑ ∑= 10 + 19 + 3.24 19 = 72 − 0.4(192) + 0.4(190) + 0.76 + 3.24 19 ≈ 3.96 29. 1) ไมถูกตอง เน่ืองจากคะแนนสอบของสมชายตรงกับ P30 หมายความวามีนักเรียน ประมาณรอยละ 30 ท่ีไดคะแนนนอ ยกวาสมชาย 2) โดยท่ัวไปแลวไมถูกตอง เนื่องจากคะแนนสอบของสมหญิงตรงกับ P40 หมายความวา มนี ักเรียนประมาณรอยละ 60 ทไี่ ดคะแนนมากกวาสมหญงิ 30. 1) เนอ่ื งจากผทู ่สี อบผา นจะตองไดคะแนนไมตํ่ากวารอยละ 70 ของคะแนนเตม็ ดังนน้ั ผูทีส่ อบผา นจะตอ งไดค ะแนนมากกวา หรือเทากับ 70 ×80 =56 คะแนน 100 จากขอมูล จะไดวาถาใชเกณฑในการสอบผานนี้ คะแนนตํ่าสุดของผูท่ีสอบผานคือ 59 คะแนน สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 305 2) เรียงขอ มลู จากนอ ยไปมาก ไดด ังนี้ 25 26 38 38 41 44 59 62 69 72 เนือ่ งจาก P70 อยใู นตาํ แหนงที่ 70(10 +1) = 7.7 100 ดงั นน้ั ถาใชเ กณฑในการสอบผานน้ี คะแนนต่ําสดุ ของผทู ส่ี อบผา นคอื 62 คะแนน 31. 1) เรียงขอมูลจากนอยไปมาก ไดด ังนี้ 84 112.2 142.5 164 197.5 214.2 220.9 224.7 229.1 299.4 320.6 365.2 392.4 423.2 เนื่องจาก P87 อยใู นตําแหนงท่ี 87(14 +1) = 13.05 100 ดงั นัน้ P87 อยูระหวา งขอมูลในตําแหนง ท่ี 13 และ 14 ซ่งึ มีคาอยรู ะหวา ง 392.4 และ 423.2 ในการหา P87 จะใชก ารเทียบบัญญตั ไิ ตรยางศ ดังน้ี เนือ่ งจากขอ มูลในตาํ แหนงท่ี 13 และ 14 มตี าํ แหนงตางกัน 14 −13 =1 มีคาตา งกนั 423.2 − 392.4 =30.8 จะไดวา ตําแหนง ตางกนั 13.05 −13 =0.05 มีคา ตา งกนั 0.05× 30.8 = 1.54 1 ดงั น้นั P87 = 392.4 +1.54 = 393.94 จะไดวาปริมาณนํ้าฝนที่มีจังหวัดในภาคเหนือประมาณรอยละ 87 มีปริมาณนํ้าฝน นอ ยกวาคอื 393.94 มิลลิเมตร 2) เน่ืองจาก P40 อยูในตาํ แหนง ท่ี 40(14 +1) =6 จะไดว า P40 = 214.2 100 ดังน้ัน ปริมาณน้ําฝนที่มีจังหวัดในภาคเหนือประมาณรอยละ 60 มีปริมาณนํ้าฝน มากกวา คอื 214.2 มลิ ลเิ มตร 32. 1) เน่อื งจาก Q2 อยใู นตาํ แหนง ที่ 2(40 +1) = 20.5 จะได Q2 = 65 4 ดงั น้นั คะแนนที่มีนักเรียนประมาณคร่งึ หนึง่ ของช้ันไดคะแนนตา่ํ กวา คอื 65 คะแนน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
306 คูมือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 2) เนื่องจาก Q3 อยใู นตําแหนงที่ 3(40 +1) = 30.75 จะได Q3 = 78 4 ดังนน้ั คะแนนที่มีนักเรยี นประมาณหนงึ่ ในสขี่ องชัน้ ไดค ะแนนสงู กวาคอื 78 คะแนน 3) เน่อื งจาก P60 อยใู นตําแหนง ที่ 60(40 +1) = 24.6 100 ดังน้ัน P60 อยรู ะหวางขอ มลู ในตําแหนงท่ี 24 และ 25 ซง่ึ มีคาอยรู ะหวาง 69 และ 74 ในการหา P60 จะใชการเทยี บบัญญตั ิไตรยางศ ดังน้ี เนือ่ งจากขอ มูลในตําแหนง ท่ี 24 และ 25 มตี าํ แหนงตางกัน 25 − 24 =1 มคี าตางกนั 74 − 69 =5 จะไดวา ตาํ แหนงตา งกนั 24.6 − 24 =0.6 มคี า ตางกนั 0.6× 5 = 3 1 ดังน้นั P60 = 69 + 3 = 72 จะไดวาคะแนนทม่ี นี กั เรยี นประมาณหกในสบิ ของชั้นไดค ะแนนต่ํากวา คือ 72 คะแนน 4) เนือ่ งจาก P25 อยูใ นตําแหนงท่ี 25(40 +1) = 10.25 100 ดังนั้น มีนักเรียนทไี่ ดคะแนนนอ ยกวาเปอรเซน็ ไทลท ่ี 25 อยู 10 คน จะไดวาจํานวนนักเรียนท่ีตองเขารวมกิจกรรมพัฒนาทักษะการคิดอยางมีวิจารณญาณ คือ 10 คน 33. 1) มธั ยฐานและคา สูงสุดของอัตราเรว็ สูงสดุ ในการเคลือ่ นท่ีของสัตวป า คอื 40 และ 70 ไมล ตอ ชว่ั โมง ตามลําดบั มัธยฐานและคาสูงสุดของอัตราเร็วสูงสุดในการเคล่ือนที่ของสัตวเล้ียงคือ 38 และ 49 ไมลต อช่ัวโมง ตามลําดบั 2) พิสัยระหวางควอรไทลของอัตราเร็วสูงสุดในการเคล่ือนที่ของสัตวปาคือ 45 − 25 =20 ไมลตอชว่ั โมง พสิ ยั ระหวา งควอรไทลของอัตราเรว็ สงู สุดในการเคลือ่ นทข่ี องสัตวเล้ียงคอื 40 − 30 =10 ไมลตอ ชวั่ โมง 3) จากแผนภาพกลอง จะไดวามีสัตวปาประมาณรอยละ 75 ท่ีมีอัตราเร็วสูงสุดในการ เคล่ือนท่นี อ ยกวา 45 ไมลตอช่ัวโมง สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 307 ดังนั้น จึงสามารถสรุปไดวาสัตวปาสวนใหญมีอัตราเร็วสูงสุดในการเคล่ือนท่ีนอยกวา 49 ไมลต อชวั่ โมง 34. 1) คาตํ่าสุด มัธยฐาน และคาสูงสุดของจํานวนคร้ังของการดาวนโหลดแอปพลิเคชัน A นอ ยกวา คา ตา่ํ สดุ มธั ยฐาน และคาสงู สุดของจาํ นวนครงั้ ของการดาวนโ หลดแอปพลเิ คชัน B ตามลําดับ 2) พิสัยระหวางควอรไทลของจํานวนครั้งของการดาวนโหลดแอปพลิเคชัน A นอยกวา พิสยั ระหวางควอรไ ทลข องจาํ นวนครงั้ ของการดาวนโหลดแอปพลิเคชนั B 35. 1) เมือ่ พิจารณาจากคาตํา่ สดุ ของดชั นคี วามสขุ ของประเทศที่สุมมาจากแตละทวปี จะไดวาแผนภาพกลอง (1), (2) และ (3) แสดงดัชนีความสุขของประเทศท่ีสุมมาจาก ทวีปเอเชยี อเมริกา และยุโรป ตามลําดบั 2) เรียงคาต่ําสุดของดัชนีความสุขของประเทศที่สุมมาจากแตละทวีปจากนอยไปมาก ไดดงั น้ี อเมริกา เอเชีย ยุโรป เรียงมัธยฐานของดัชนีความสุขของประเทศที่สุมมาจากแตละทวีปจากนอยไปมาก ไดดงั นี้ เอเชยี ยุโรป อเมรกิ า เรียงคาสูงสุดของดัชนีความสุขของประเทศท่ีสุมมาจากแตละทวีปจากนอยไปมาก ไดด งั น้ี เอเชยี อเมรกิ า ยโุ รป 3) ทวีปอเมริกามีการกระจายของดัชนีความสุขมากที่สุด เพราะแผนภาพกลองมี ความกวา งมากทสี่ ดุ 4) เม่ือพิจารณาเฉพาะประเทศที่สุมมา ทวีปยุโรปมีดัชนีความสุขมากที่สุด เน่ืองจาก ดัชนีความสุขอยูในชว ง 5.195 – 7.537 และแผนภาพกลองมีความกวางนอย แสดงวา ขอมูลทั้งหมดเกาะกลุมกันอยูในชวงดังกลาว นอกจากนี้คาสูงสุดของดัชนีความสุข ของประเทศที่สุมมาจากทวีปยุโรปยังมากกวาอีกสองทวีป และคาต่ําสุดของดัชนี ความสุขของประเทศท่สี มุ มาจากทวีปยโุ รปกม็ ากกวา อกี สองทวปี สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
308 คมู ือครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 36. 1) เนื่องจากเพลงรพิณได 28 คะแนน และคะแนนของเพลงรพิณตรงกับเปอรเซ็นไทล ท่ี 90 แสดงวามีผูเขาสอบที่ไดคะแนนนอยกวาเพลงรพิณประมาณ 90% ของ ผูเขา สอบท้ังหมด ดงั น้นั สามารถสรปุ ไดวา เพลงรพณิ ไดค ะแนนมากกวา ผเู ขาสอบสวนใหญ 2) ขอสอบท่ีใชในการวัดผลครั้งน้ีนาจะยากเกินไปสําหรับผูเขาสอบสวนใหญ เนื่องจาก มีผูเขาสอบมากถึง 90% ของผูเขาสอบท้ังหมดท่ีไดคะแนนนอยกวา 28 คะแนน จากคะแนนเตม็ 100 คะแนน 3) เนือ่ งจากเพลงรพิณได 28 คะแนน และคะแนนของเพลงรพิณตรงกับเปอรเซ็นไทลที่ 90 ดังน้ัน มีผูเขาสอบท่ีไดคะแนนมากกวาเพลงรพิณประมาณ 10% ของผูเขาสอบท้ังหมด ซึง่ เทา กบั 10 × 6=21,519 62,151.9 ≈ 62,152 คน 100 4) เปน ไปไมไ ด โดยจากขอ 3) มผี เู ขาสอบประมาณ 62,152 คน ที่ไดคะแนนมากกวา เพลงรพิณ จะไดวา มีผูเขาสอบประมาณ 621,519 − 62,152 −1 =559,366 คน ที่ไดคะแนนนอยกวา เพลงรพณิ สมมติวาผูเ ขา สอบทุกคนท่ไี ดคะแนนนอ ยกวาเพลงรพิณไดค ะแนนเทา กนั คือ 27 คะแนน และผูเขาสอบทุกคนที่ไดคะแนนมากกวาเพลงรพิณไดคะแนนเทากันคือ 100 คะแนน จะไดวา คา สูงท่ีสุดท่ีเปนไปไดข องคาเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบคือ (559,366× 27) + 28 + (62,152×100) ≈ 34.3 คะแนน ซึ่งนอยกวา 38 คะแนน 621, 519 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 309 บรรณานุกรม กฤษณะ เนียมมณี. (2562). คณิตศาสตรการเงินในชีวิตประจําวัน. สืบคนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2562, จ า ก https://www.mebmarket.com/ebook-101208-ค ณิ ต ศ า ส ต ร ก า ร เ งิ น ในชีวติ ประจําวนั สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี. (2559). Microsoft ® Excel ® 2016 MSO (16.0.4266.1001) 32-bit [โ ป ร แ ก ร ม ค อ ม พิ ว เ ต อ ร ]. Redmond, WA: Microsoft Corporation. สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี. (2563). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 3 เลม 1 ตามมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด กลุมสาระการเรียนรูค ณติ ศาสตร (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ สกสค. ลาดพรา ว. สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี. (2563). หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 ตามมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด กลุมสาระ การเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ สกสค. ลาดพรา ว. สํานักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). พจนานุกรมศัพทสถิติศาสตร ฉบับราชบัณฑิตยสภา (พมิ พค ร้งั ท่ี 2). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พแ หงจฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลัย. Encyclopedia Titanica. Encyclopedia Titanica: Titanic Facts, History and Biography. Retrieved August 1, 2019, from https://www.encyclopedia-titanica.org International GeoGebra Institute. Quartile1 Command. Retrieved August 1, 2019, from https://wiki.geogebra.org/en/Quartile1_Command Kaggle. Titanic: Machine Learning from Disaster. Retrieved August 1, 2019, from https://www.kaggle.com/c/titanic Weiss, N. A. (2017). Introductory Statistics (10th ed). Essex, England: Pearson Education Limited. สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
310 คมู อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 คณะผูจัดทาํ ท่ีปรกึ ษา สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ศ. ดร.ชูกจิ ลมิ ปจํานงค คณะผจู ดั ทาํ คมู ือครู นายประสาท สอา นวงศ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี รศ. ดร.สมพร สตู นิ นั ทโ อภาส สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี รศ. ดร.สริ พิ ร ทพิ ยค ง สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางสาวจนิ ตนา อารยะรงั สฤษฏ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นายสเุ ทพ กติ ตพิ ิทักษ สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางสาวจําเริญ เจียวหวาน สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ดร.อลงกรณ ตงั้ สงวนธรรม สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี วาท่รี อ ยเอก ดร.ภณัฐ กว ยเจริญพานิชก สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางภญิ ญดา ดาํ ดว ง สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ดร.จณิ ณวัตร เจตนจ รงุ กจิ สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี รศ. ดร.กัลยา วานชิ ยบ ัญชา ขาราชการบํานาญ รศ. ดร.พาชิตชนัต ศริ ิพานิช สถาบนั บัณฑิตพฒั นบริหารศาสตร ผศ. ดร.จุฑาภรณ สนิ สมบูรณท อง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร รศ. ดร.ณฐั กาญจน ใจดี จฬุ าลงกรณม หาวิทยาลยั รศ. ดร.สญั ญา มิตรเอม มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร นางนงนุช ผลทวี โรงเรยี นทับปดุ วิทยา จงั หวดั พงั งา คณะบรรณาธกิ าร จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั รศ. ดร.สุพล ดุรงคว ัฒนา สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางสาวอมั ริสา จนั ทนะศริ ิ สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางสาวปฐมาภรณ อวชัย สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี นายพัฒนชยั รวิวรรณ สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 311 ฝา ยสนบั สนุนวชิ าการ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางสาวเบญจพรรณ กวเี ลิศพจนา สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดร.จฬุ าลกั ษณ แกวหวงั สกลู สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี นายกฤษณะ ปอมดี มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร วทิ ยาเขตหาดใหญ นางสาวปย าภรณ ทองมาก ดร.พรฑิตา ทิวทศั น ออกแบบปก บรษิ ัท พิงค บลู แบล็ค แอนด ออเรจน จาํ กัด สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
สถาบนั สง� เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ� ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327