๘๙ ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ภูมิปัญญาของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหวั แหลมท่ีใชใ้ นการประกอบอาชีพ ไดแ้ ก่ การทาบูบูอีกดั (ไซปลา), การทาบูบูนุยฮ (ไซปลาหมึก), การทาปูกยั จ ฮูรัก(อวนกุง้ ) , การดูกระแสน้า, ดูทิศทางลม, ดู การโคจรของดวงจนั ทร์และดวงดาว ภูมิปัญญาดา้ นหตั ถกรรม ไดแ้ ก่ การต่อเรือปลาจก๊ั การจกั สานฝาบา้ น เยบ็ จากมุงหลงั คาบา้ น ในอดีตเคยมีคนจกั สานเสื่อจากเตย ปัจจุบนั ไมม่ ีแลว้ ภูมิปัญญาดา้ นการถนอมอาหาร เช่น ทาน้าพริกปลายา่ ง, ปลาคว่ั เคร่ืองแกง, ปลาเค็ม (ปลา แหง้ ), หน่อไมด้ อง, สะตอดอง, การทากะปิ จากกุง้ เคยตวั เล็ก เป็นตน้ การละเล่น ในอดีตเด็กผูห้ ญิงชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหวั แหลมจะเล่น กระโดดกบ, หมากขุม, หมากเก็บ, ลากกาบหมาก (เตาะหมาก), กระโดดยาง (กิงก่องแกว้ ), ป่ี ซงั ขา้ ว, เล่นขา้ วหุงเลียง, แทะแทะ (โยนกอ้ น หิน), เด็กผชู้ าย ขวา้ งกระป๋ อง, เล่นซ่อนแอบ, เล่นตารวจจบั ผรู้ ้าย, เล่นยงิ ปื นเด็กชาวเลบา้ นหวั แหลม ปัจจุบนั มีการละเล่นตามสมยั นิยมเหมือนคนทว่ั ไป เช่น เล่นขายขา้ วแกง ขายก๋วยเต๋ียว ร้องเพลงเตน้ รา เล่นเป็นครูสอนเดก็ เล่นตุก๊ ตา ส่วนเด็กผชู้ าย เล่นน้า ข่ีคอกระโดด เล่นยงิ ปื น ตกเบด็ เป็นตน้ การละเล่นของเด็กชาวเลอรุ ักลาโว้ยบ้านหัวแหลม
๙๐ วถิ ีชีวติ จาแนกตามวฒั นธรรมปัจจยั ๔ ไดด้ งั น้ี ทอี่ ย่อู าศัย ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหวั แหลม สร้างที่พกั อาศยั เป็นกลุ่มใกล้ ๆ กนั เป็นบา้ นช้นั เดียวยกพ้ืนเต้ีย หลงั ไมใ่ หญ่ โครงสร้างบา้ นทาดว้ ยไมก้ ลม ฝาไมไ้ ผข่ ดั แตะ ปัจจุบนั บา้ นท่ีอยบู่ นเนินเปล่ียนเป็นบา้ นก่อ บ้านเรือนชาวเลอุรักลาโว้ยบ้านหวั แหลม อิฐถือปูน หลงั คามุงสังกะสี ส่วนบา้ นที่อยูร่ ิมฝ่ังทะเล เป็ นบา้ นช้นั เดียว เสาบา้ นจะยื่นลงไปในทะเล พ้ืนบา้ นยกสูงเหนือระดบั น้าทะเล การแต่งกาย ในอดีตชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหวั แหลม แต่งกายดว้ ยเส้ือผา้ ไม่มากชิ้น ผูช้ ายนุ่งผา้ ขาวมา้ ผืน เดียว หรือกางเกงชาวเลผา้ ขาวมา้ คาดเอว ไม่สวมเส้ือ ผูห้ ญิงเสลาอยูบ่ า้ นจะนุ่งผา้ กระโจมอก ไม่สวม เส้ือ ถา้ ออกไปขา้ งนอกจะสวมเส้ือและนุ่งผา้ ปาเต๊ะสีสด ๆ ปัจจุบนั ชาวเลส่วนใหญ่แต่งกายตามสมยั นิยม ผูช้ ายใส่เส้ือยืด กางเกงยืนส์ ส่วนผู้หญิงใส่เส้ือผ้าตามแฟช่ัน สีสดใส แต่งหน้า และใส่ เคร่ืองประดบั ส่วนชาวเลสูงวยั ผูช้ ายถ้าอยูก่ บั บา้ นจะนุ่งผา้ ขาวมา้ หรืกางเกงชาวเล ไม่สวมเส้ือ ส่วน ผหู้ ญิงถา้ อยกู่ บั บา้ นจะนุ่งผา้ ปาเตะ๊ สวมเส้ือคอกระเชา้ หรือเส้ือหลวม ๆ สบาย ๆ การรักษาโรค ชาวเลมีความเช่ือว่าการเจ็บป่ วย เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติหรือผีบรรพบุรุษ ถา้ เจ็บไขเ้ พียง เล็กนอ้ ยก็จะรักษาเองดว้ ยสมุนไพร หรือให้โต๊ะหมอรักษา และทาน้ามนต์ ปัจจุบนั ชาวเลเขา้ ถึงการ รักษาโรคแผนปัจจุบนั มากข้ึน แต่การรักษาโรคแบบพ้ืนบา้ นก็ยงั คงมีใช้ควบคู่ไปกบั การรักษาแผน ปัจจุบนั เช่น เด็กเจ็บไขเ้ ล็กนอ้ ย ปวดทอ้ งหรือเป็ นชนั ตุ จะรักษาเองดว้ ยการเค้ียวหมากพลู หรือใบไม้
๙๑ พอกลงไปตรงท่ีเจ็บ, ทอ้ งสัย จะเค้ียวยอดอ่อนของใบฝร่ัง,ปวดทอ้ ง ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ ใชม้ ือรมควนั ไฟ จากตะเกียงน้ามนั ก๊าดแลว้ เอาไปวางท่ีทอ้ งเด็ก เป็นตน้ อาหาร ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหัวแหลม มีอาหารทะเล ประเภท กุง้ หอย ปลา ปู ก้งั ปลาหมีก และ เพรียงทะเล เป็นอาหารหลกั นามาตม้ ยา่ ง เผา หรือกินสด ๆ เช่น หอยติเตบ (หอยนางรมตวั เล็ก) ยาหอ ยติเตบกินกบั น้าชุบเคย หอยติเตบผดั หม่ีหุน แกงกะทิหมี่หุนกบั หอยติเตบ ขา้ วมนั หอยติเตบเผา ปลา กระเบนย่าง ปลากระเบนตม้ เกลือ ปลาฉลามหนูย่าง ปลาฉลามหนูตม้ เกลือท้งั หนัง ปัจจุบนั จะปรุง อาหารหลากหลายประเภท เช่น แกงส้มปลาปักเป้า (มีหนามยาวๆ) แกงคว่ั ปลาปักเป้า(มีหนามเล็ก ๆ ) ควั่ ปลายา่ ง แกงส้ม ปลากระเบนผดั เผด็ น้าชุบเคย ปลากระเบนแกงกะทิ เค่ียวปลากระเบน เค่ียวปลา พอง (ปลาเน่า) ปลาทอด แกงไก่ แกงหมู แกงกะทิหอยโหละ หอยตาววั และหอยเวียน หอยเตาเข็มตม้ กะทิหรือแกงกะทิ ยาหอยโข่งใส่มะพร้าวคว่ั เป็ นตน้ ขนมหวาน ได้แก่ มนั ตน้ ตม้ น้าตาล, มนั ตน้ ตม้ คลุกมะพร้าวน้าตาลทราย, ตม้ บวดมนั (สวา้ นาแนะ) ตม้ บวดเผอื ก, มนั เช่ือม, เผือกเชื่อม, ขา้ วโพดตม้ คลุกน้าตาลและเกลือ อาหารชาวเลอุรักลาโว้ยบ้านหวั แหลม การประกอบอาชีพ ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหัวแหลม มีเรือประมงเป็ นของครอบครัว เครื่องมือประมงท่ีใช้ในการ ประกอบาชีพ ไดแ้ ก่ ไซปลา, ไซปลาหมึก, อวนปู, อวนกุง้ , อวนปลา, อวนจบั กุง้ เคย (อวนลอ้ ม) ซ่ึง เครื่องมือแตล่ ะชนิดสามารถใชห้ มุนเวยี นกนั ไปตลอดฤดูกาล ปัจจุบนั ชาวเลหนั มาประกอบอาชีพอื่น ๆ
๙๒ ไดแ้ ก่ คา้ ขาย, ลูกจา้ งหน่วยงานราชการ, รับจา้ งทว่ั ไป เช่น แบกหาม, ทาสวน, ดายหญา้ , ก่อสร้าง, พนกั งานเสิร์ฟ, แมบ่ า้ นในรีสอร์ทและโรงแรม เป็นตน้ การประกอบอาชีพชาวเลอรุ ักลาโว้ยบ้านหัวแหลม สภาพปัญหาอุปสรรค ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหวั แหลม มีปัญหา ดงั น้ี ๑. ที่ดินบางส่วนยงั ไมม่ ีเอกสารสิทธ์ิ ติดเขตกรมเจา้ ท่า, ๒. การทามาหากินและการเขา้ ถึงทรัพยากร เพราะถูกจบั จอง ครอบครอง และประกาศเป็ น พ้ืนที่คุม้ ครอง ๓. ปัญหาเก่ียวเนื่องกับการศึกษาเรียนรู้ ท่ีจะสนับสนุนการศึกษาในระดับท่ีสูงข้ึน และ สนบั สนุนอาชีพที่ต่อยอดจากความรู้และทกั ษะท่ีมีอยู่ ๔.การขาดความมน่ั ใจและภูมิใจในวถิ ีวฒั นธรรมด้งั เดิม เช่น ศิลปะการแสดง การสืบทอดภาษา อุรักลาโวย้ เป็นตน้
๙๓ ชาวเลอรุ ักลาโว้ยบ้านสังกาอู้ หมู่ท่ี ๗ ตาบลเกาะลันตาใหญ่ อาเภอเกาะลนั ตา จงั หวดั กระบ่ี
๙๔ แผนทชี่ ุมชนบ้านสังกาอู้ หมู่ท่ี ๗ ตาบลเกาะลนั ตาใหญ่ อาเภอเกาะลนั ตา จังหวดั กระบ่ี ทม่ี า : Google Earth กราฟิ กดีไซน์ : ฉันท์ชนิต สรรเพช็ ร
๙๕ ชาวเลอรุ ักลาโว้ยบ้านสังกาอู้ ประวตั คิ วามเป็ นมาของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ บา้ นสังกาอู้ เดิมมีช่ือวา่ หมู่บา้ นหัวแหลมสุด และไดแ้ ยกเป็ นหมู่ที่ ๗ตาบลเกาะลนั ตาใหญ่ อาเภอเกาะลนั ตา จงั หวดั กระบ่ี อย่างเป็ นทางการในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๐มีเน้ือที่ประมาณ ๑,๕๐๐ไร่ คาวา่ “สังกาอู”้ เป็ นภาษาอูรักลาโวย้ เพ้ียนสียงมาจาก “อีซกั กาอู”้ หมายถึง เหงือกปลา กระเบนราหู ชาวบา้ นเช่ือกนั วา่ มีปลากระเบนตวั ใหญ่ข้ึนมาเกยต้ืนอยูร่ ิมฝ่ังเม่ือน้าแห้งปลากระเบนตาย เหลือแตเ่ หงือก กลายสภาพมาเป็นหิน ดา้ นหลงั หมู่บา้ นจะเห็นกองหินขนาดใหญ่มีลกั ษณะคลา้ ยเหงือก ปลากระเบน มองเห็นไดเ้ ม่ือน้าทะเลลดหมู่บา้ นสังกาอูแ้ บ่งออกเป็ น ๔ กลุ่มบา้ น ไดแ้ ก่ สังกะอู้ อ่าว กลาง อา่ วมะพร้าว และอา่ วมะเละ สัญลกั ษณ์หมู่บ้านสังกาอู้ หินรูปเหงือกปลากระเบนราหู ประวตั ิการต้งั ถ่ินฐานของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ เดิมชาวเลอุรักลาโวย้ กลุ่มน้ีอาศยั อยูท่ ี่ หมู่บา้ น “หัวแหลม” ต่อมาไดอ้ พยพมาอยู่บริเวณที่เรียกว่า “หัวแหลมกลาง” ซ่ึงเมื่อก่อนข้ึนอยู่กบั หมู่บา้ นหัวแหลม หมู่ท่ี ๑ ชาวเลอุรักลาโวย้ จากบา้ นหวั แหลม สันนิษฐานว่าอยพมาอยูท่ ่ีบา้ นสังกาอู้ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เหตุที่อพยพยา้ ยถ่ินเพราะในอดีตชาวเลจะต้งั ถิ่นฐานเป็ นการชว่ั คราวตาม ชายฝ่ังทะเลเฉพาะช่วงฤดูมรสุม และยา้ ยถ่ินหากินไปอาศยั เป็ นการชว่ั คราวบริเวณหมู่เกาะต่าง ๆ ตาม
๙๖ ฤดูกาล และจะยอ้ นกลบั มาท่ีเดิมเม่ือถึงฤดูกาลเดิม แต่เม่ือยอ้ นกลบั มาก็พบวา่ มีคนกลุ่มอื่นเขา้ มาอาศยั อยแู่ ทนท่ี ชาวเลอุรักลาโวย้ จึงตอ้ งหาแหล่งท่ีอยใู่ หม่ เพราะไมช่ อบอยปู่ ะปนกบั คนต่างวฒั นธรรม และ เหตุที่ตอ้ งอพยพหนีไปอยูท่ ่ีหมู่บา้ นสังกาอูก้ ็มีอีกหลายปัจจยั เช่น ถูกบงั คบั ใหส้ ่งลูกเขา้ โรงเรียน, ถูก บงั คบั ใหผ้ ชู้ ายเกณฑท์ หาร ฯลฯ และก่อนยา้ ยออกไปกไ็ ดข้ ายท่ีดินใหเ้ พ่ือนบา้ นต่างกลุ่ม และยงั มีปัจจยั อ่ืน ๆ เช่น ตอ้ งการหาที่ทาสวน เม่ือเห็นว่าท่ีบา้ นสังกาอูส้ ามารถเพาะปลูกและอยูอ่ าศยั ได้ เลยอพยพ ตามกนั มา สมยั ก่อนชาวเลอุรักลาโวย้ ยงั ไม่มีกรรมสิทธ์ิในที่ดิน เพียงแต่จบั จองกนั ดว้ ยวาจา จนกระทงั่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ฯ รัชกาลที่ ๙ พระราชทานที่ดินใหก้ บั ชาวเลครอบครัวละ ๕ ไร่ เพื่อเป็ นท่ีอยู่อาศยั จึงมีคนไปทาเร่ืองเพ่ือขอเอกสารสิทธ์ิ น.ส.๒ หรือใบจอง แต่บางคนก็ไม่ สนใจอา้ งสิทธ์ิเพราะไม่รู้หนงั สือ จนกระทงั่ ปัจจุบนั ที่ส่วนใหญ่ชาวเลยงั ถือเอกสารสิทธ์ิ น.ส.๒ มีเพียง บางครอบครัวที่มีโฉนด การเขา้ มาอยูข่ องชาวเลอุรักลาโวย้ ในพ้ืนที่สังกาอู้ นอกจากจะหลบจากผคู้ นท่ี เขา้ มาจากภายนอกแลว้ ชาวเลอุรักลาโวย้ ยงั ถือว่าพ้ืนท่ีบริเวณน้ีเป็ นทาเลท่ีดี เพราะมีลกั ษณะเป็ นอ่าว สามารถจอดเรือได้ นอกจากน้ีทิศทางของลมก็มีความสาคญั กบั วถิ ีชีวิตของชาวเล การต้งั ถ่ินฐานเพื่อ หลบลมจึงเป็นปัจจยั หน่ึงที่ชาวเลเลือกในการต้งั ถ่ินฐาน (ประภารัตน์ สุขศรีไพศาล ๒๕๕๙, หนา้ ๓๐ - ๓๒) ทตี่ ้ังแหล่งที่อยู่อาศัย บา้ นสังกาอู้ หมู่ท่ี ๗ ตาบลเกาะลนั ตาใหญ่ อาเภอเกาะลนั ตา จงั หวดั กระบี่ ห่างจากท่ีทาการ เทศบาลตาบลเกาะลนั ตาใหญ่ (ท่ีวา่ การอาภอเก่า) ระยะทางประมาณ ๖กิโลเมตร พืน้ ทท่ี ากนิ ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ ทาประมงในเขตเกาะห้า เกาะรอก เกาะกระดาน เกาะไหง เกาะ หมา เกาะกลวง คลองปอ แถวปะการังเทียม ในเขตจงั หวดั กระบี่ พืน้ ทที่ างจิตวญิ ญาณ พ้ืนที่ทางจิตวญิ ญาณของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ ไดแ้ ก่ ศาลโตะ๊ สุริจนั ทร์ เป็ นศาลบรรพ บุรุษ, หินรูปเหงือกปลากระเบนราหู, ศาลโตะ๊ ราเมน, ศาลโตะ๊ กานนั ดา, ญีรัยจนูยูเบอลยั จ (สุสานหรือ เปรวโหนทราย)
๙๗ ศาลโต๊ะกานันดา จานวนประชากร บา้ นสังกาอูม้ ีชาวเลอุรักลาโวย้ อาศยั อยู่ ๑๔๙ ครัวเรือน จาแนกได้ดงั น้ี ชาย ๒๒๑ คน หญิง ๒๔๕ คน รวมเป็น ๔๖๖ คน ภาษา ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสงั กาอู้ ภาษาท่ีใชส้ ื่อสารในชีวติ ประจาวนั มีภาษาพูดแต่ไม่มีภาษาเขียน จะมีคาศพั ท์ท่ีเขา้ ใจกนั เฉพาะกลุ่มท่ีแสดงถึงอตั ลกั ษณ์ของกลุ่มชาติพนั ธุ์ แบ่งเป็ น หมวดอวยั วะเช่น ดากู หมายถึง คาง, โบะ หมายถึง ผม ปี งกั หมายถึง เอว เป็นตน้ หมวดเคร่ืองมือเคร่ืองใชใ้ นการทามา หากิน เช่น ตาลี หมายถึง เชือก, บูบู หมายถึง ลอบ,ไซดกั ปลา, ยาลา หมายถึง แห เป็ นตน้ หมวด เคร่ืองใชใ้ นบา้ น เช่น ซูดู หมายถึง ชอ้ น, ญาบ หมายถึง จาน, ตาแมะหมายถึง อีโต้ เป็ นตน้ (สานกั งาน วฒั นธรรมจงั หวดั กระบี่. มปป.,หนา้ ๑๒ – ๑๓) วฒั นธรรม ประเพณ/ี เทศกาล ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ มีประเพณีที่สาคญั ของชุมชน ดงั น้ี ประเพณเี ปอตัดญรี ัย (ประเพณีการแตง่ เปรว)
๙๘ เป็ นการทาความสะอาด บูรณะซ่อมแซม เปรวหรือสุสานท่ีฝังศพ และหลุมศพของแต่ละ ครอบครัวแต่ละสายสกุล พิธีจดั ในวนั ข้ึน ๗ ค่า เดือน ๔ ของทุกปี หลงั จากท่ีครอบครัวทาความสะอาด สุสานและหลุมฝังศพเสร็จแลว้ โตะ๊ หมอจะเป็ นผปู้ ระกอบพิธีบูชาบรรพบุรุษดว้ ยการนาเครื่องเซ่นไหว้ และอาหาร ที่สมาชิกนามาร่วมประกอบพธิ ี เม่ือเสร็จพธิ ีแลว้ จะมีการรับประทานอาหารร่วมกนั ร่วมสนุก ดว้ ยการร้องราทาเพลงจากวงรามะนา เพราะเชื่อกนั วา่ บรรพบุรุษจะมาร่วมสนุกกบั บรรดาลูกหลานดว้ ย ประเพณลี อยเรือ (อารีปลาจ๊ัก) ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสงั กาอูจ้ ะนาเรือปลาจก๊ั ไปทาพธิ ีร่วมกบั ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นหวั แหลม พิธีจดั ในช่วงวนั ข้ึน ๑๓ ค่า ถึงวนั แรม ๑ ค่า เดือน ๖ และเดือน ๑๑ ตามปฏิทินจนั ทรคติ ระยะเวลาจดั งานเป็นเวลา ๓ วนั โดยมีข้นั ตอนพิธีกรรม สรุปได้ ดงั น้ี วนั ข้ึน ๑๓ ค่า ผหู้ ญิงจะเตรียมทาขนมบวั ลอย ๗ สี เพื่อใชใ้ นพิธี ผูช้ ายจะสร้างที่พกั ชวั่ คราว ในบริเวณลานพิธี และจะไปรวมตวั กนั ท่ีศาลเจา้ โตะ๊ บาหลิว เพ่ือเซ่นไหว้ บอกกล่าว และเชิญให้บรรพ บุรุษมาร่วมในงานพธิ ี วนั ข้ึน ๑๔ ค่า ผชู้ ายจะเดินทางไปตดั ไมต้ ีนเป็ ดมาทา “เรือปลาจกั๊ ” และไมร้ ะกา มาทา “ตุ๊กตา ไม”้ เมื่อไดไ้ มม้ าแลว้ ก็จะมีพิธีแห่ ก่อนจะนาไปประกอบเป็นเรือปลาจกั๊ ท่ีมีความยาวประมาณ ๔ เมตร ผ้ชู ายไปตัดไม้ตนี เป็ ดมาทาเรือปลาจ๊ัก หรือมากกวา่ น้นั พร้อมท้งั ตกแตง่ เรือใหส้ วยงาม ช่วงบ่ายจะมีการแห่เรือมายงั สถานท่ีประกอบ พิธีกรรม จากน้นั ชาวเลจะนาอาหารและสิ่งของต่าง ๆ เช่น ขา้ วเปลือก ขา้ วสาร กะปิ เกลือ ไมข้ ีดไฟ หมาก พลู ใบจาก เงิน เล็บผม เป็ นตน้ รวมท้งั ตุก๊ ตาไมร้ ะกาแกะสลกั ต่างตวั เท่ากบั จานวนคนในบา้ น ใส่ลงไปในเรือปาจกั๊ ส่วนผหู้ ญิงจะเตรียมขนม ๗ สี ท้งั สุกและดิบ ขา้ วเหนียว ๗ สี หมาก พลู ใบจาก
๙๙ ยาเส้น ไก่ยา่ ง ไข่ไก่ดิบ กายาน ขา้ วตอก เทียน เงิน เครื่องใชไ้ มส้ อยและของจาเป็ นอ่ืน ๆ เพ่ือใชใ้ นพิธี บวงสรวงวิญญาณบรรพบุรุษในเวลาประมาณสี่โมงเย็น โดยมีโต๊ะหมอเป็ นผูป้ ระกอบพิธีกรรม ประมาณ ๑ ทุ่ม มีการฉลองเรือดว้ ยดนตรีและเพลงรามะนา ประมาณเท่ียงคืนจะมีพิธี “เลฮูบาเละฮู” หรือ ”พธิ ีสาดน้า” วนั ข้ึน ๑๕ ค่า เช้ามืด ชาวเลจะมารวมตวั กนั เพ่ือนาเรือลอยออกไปจากฝั่ง เม่ือนาเรือลอย ออกไปจากหมู่บา้ นไกลพอสมควรแล้ว ก็ปล่อยเรือลงน้า และเดินทางกลับโดยมีขอ้ แม้ว่าห้ามหัน กลบั ไปมองเรือปลาจกั๊ อีก ช่วงบ่ายผูช้ ายจะไปตดั ไมแ้ ละหาใบกะพอ้ เพ่ือทไมป้ าดก๊ั หรือไมก้ นั ผี และ ตอนกลางคืนก็จะมีพิธีฉลองเหมือนคืน ๑๔ ค่า พอใกลส้ ว่าง โต๊ะหมอจะทาพิธีเสกน้ามนต์ ทานาย โชคชะตา และสะเดาะเคราะห์ให้คนที่เขา้ ร่วมพิธีก่อนจะอาบน้ามนต์ และแยกยา้ ยกนั กลบั บา้ น พร้อม กบั นาไมป้ าดก๊ั ไปปักรอบบริเวณหมูบ่ า้ น หลงั พิธีลอยเรือหา้ มทุกคนออกทะเลในหน่ึงวนั ลอยเรือปลาจ๊ักออกสู่ทะเล ประเพณีลอยเรือปลาจกั๊ จดั ข้ึนเพื่อลอยเคราะห์และส่งวิญญาญบรรพบุรุษกลบั ไป”ฆูนุงฌีไร” (ภูเขาตน้ ไทร ในรัฐไทรบุรี ประเทศสหพนั ธรัฐมาเลเซีย) ซ่ึงชาวเลเช่ือวา่ เป็ นดินแดนศกั ด์ิสิทธ์ิท่ีบรรพ บุรุษเคยอยู่อาศยั และชาวเลตอ้ งทาพิธีลอยเรือ “ปลาจก๊ั ” เพ่ือเซ่นสรวงทุกคร้ังที่ลมมรสุมพดั เปล่ียน ทิศทาง และประเพณีน้ียงั ทาใหญ้ าติพนี่ อ้ งที่อยตู่ ่างถ่ินตา่ งทิศไดม้ ีโอกาสพบปะกนั
๑๐๐ องคป์ ระกอบในงานประเพณีลอยเรือ ไดแ้ ก่ พิธีบูชาเซ่นไหวบ้ อกกล่าวหลาโต๊ะ (ศาลบรรพ บุรุษ) แห่ไม้ การต่อเรือ แห่เรือ พิธีทาน้ามนตแ์ ละอาบน้ามนต์ การสะเดาะเคราะห์ปัดเป่ าสิ่งชวั่ ร้ายให้ ออกไปจากชุมชน หมดทุกขโ์ ศกโรคภยั และมีโชคลาภในการทามาหากิน ประเพณแี ต่งงาน ในอดีตหนุ่มสาวชาวเลอุรักลาโวย้ จะแต่งงานอายุประมาณ ๑๔ – ๑๘ ปี และมีพิธีสู่ขอหม้นั หมาย โดยผูใ้ หญ่ฝ่ ายชายจะไปขอถึง ๓ คร้ัง ถา้ ตอบรับก็จะไปขอหม้นั หรือ “ปากยั ตูนงั ก่อนแต่ง ๓ วนั ฝ่ ายชายจะตอ้ งอาสาทางานบา้ นผหู้ ญิง เช่น หาน้า ผา่ ฟื นเป็นตน้ วนั แตง่ งานขบวนแห่จะใหเ้ จา้ บ่าวขี่ คอเดินวนซ้ายรอบบา้ นเจา้ สาว ๓ รอบ ก่อนยา่ งเขา้ ประตูบา้ นผูใ้ หญ่ฝ่ ายเจา้ สาวจะถามว่า มีเรือไหม มี แหไหม มีฉมวกไหม เจา้ บา่ วตอบวา่ “มี” ก็จะมีคนลา้ งเทา้ ใหก้ ่อนขา้ มเขา้ ธรณีประตู เพื่อนเจา้ บ่าวจะนา เสื่อและหมอนไปวางในห้องเจา้ สาว เจา้ ถามจะประแป้งใหแ้ ขกที่มาร่วมงาน วนั รุ่งข้ึนพ่อแม่และญาติ พ่ีนอ้ งจะส่งตวั เจา้ บ่าวเจา้ สาวลงเรือไปผจญภยั ตามเกาะต่าง ๆ โดยมีขา้ วสาร น้าจืด เครื่องมือจบั ปลาไป ดว้ ย เพื่อพิสูจน์วา่ ฝ่ ายชายจะสามารถเล้ียงดูภรรยาไดข้ าไปผชู้ ายจะเป็ นคนกรรเชียงเรือโดยใหผ้ หู้ ญิงนงั่ หวั เรือ ขากลบั ผูห้ ญิงจะเป็ นฝ่ ายกรรเชียงเรือให้ผูช้ ายนง่ั หวั เรือ เป็ นท่ีเขา้ ไดไ้ ด่ว่าท้งั คู่เป็ นสามีภรรยา ตามพฤตินยั แลว้ เมื่อแต่งแลว้ ฝ่ ายชายจะตอ้ งเขา้ ไปอยบู่ า้ นฝ่ ายหญิง (อาภรณ์ อุกฤษณ์ ๒๕๕๔, หนา้ ๑๙๙) ปัจจุบนั ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ มีพิธีแต่งงานที่คลา้ ยกบั คนไทยพ้ืนถ่ิน เริ่มต้งั แต่หนุ่มสาว ชอบพอกนั ใหผ้ ใู้ หญ่ไปสู่ขอ มีสินสอดของหม้นั มีงานเล้ียงในหมู่ญาติและคนรู้จกั งานเล้ียงจะข้ึนอยู่ กบั ฐานะของคู่บา่ วสาว บางคูก่ ็มีการกินเล้ียงท่ีบา้ น จะมีพิธีรดน้าให้พร โดยมีโต๊ะหมอเป็ นผทู้ าพิธี และ ญาติผูใ้ หญ่ ชุดแต่งงานของคู่บ่าวสาวก็เป็ นไปตามสมยั นิยม ช่วงอายขุ องการแต่งงานประมาณย่ีสิบปี ข้ึนไป จะมีการแต่งงานงานระหวา่ งกลุ่มชาวเลดว้ ยกนั เองและต่างกลุ่ม หลงั จากแต่งงานแลว้ การท่ีจะ อยบู่ า้ นของฝ่ ายไหนกข็ ้ึนอยกู่ บั สะดวกและสถานที่ทางานของฝ่ ายน้นั พธิ ีกรรม ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ มีพธิ ีกรรมที่สาคญั ดงั น้ี พธิ ีศพ เม่ือมีสมาชิกในชุมชนเสียชีวติ จะก่อกองไฟไวห้ นา้ บา้ นผตู้ าย และจดั วางอาหารไวห้ นา้ กองไฟ ตลอก ๓ วนั ๓ คืน ถ้าเสียชีวิตในช่วงเช้าจะฝังศพช่วงเยน็ ถ้าเสียชีวิตหลังเท่ียงวนั จะทาพิธีฝังใน วนั รุ่งข้ึน ผชู้ ายจะช่วยกนั ทาโลง และมีการอาบน้าศพ โดยโตะ๊ หมอจะอาบใหเ้ ป็ นคนแรก ต่อดว้ ยญาติพ่ี นอ้ ง เพื่อนบา้ น หลงั จากน้นั จะแต่งตวั ให้ผูต้ ายและทาน้ามนั หอมก่อนบรรจุลงในโลงศพที่ปูดว้ ยเสื่อ และใชผ้ า้ ขาวยาว ๙ ศอก คลุมบนศพ นาขา้ วของเคร่ืองใชข้ องผตู้ ายใส่ไปในโลงศพดว้ ย แลว้ แห่ศพไป ฝังยงั สุสาน เมื่อโตะ๊ หมอทาพิธี ญาติพี่นอ้ งจะช่วยกนั กลบหลุมศพ และปลูกมะพร้าวที่มีหน่อไวป้ ลาย
๑๐๑ เทา้ ศพ หลงั จากน้ันอีก ๓ วนั จะเล้ียงอาหาร ดบั กองไฟ และทาบุญผูต้ ายอีกคร้ัง ในพิธีแต่งเปลว (อาภรณ์ อุกฤษณ์ ๒๕๕๔, หนา้ ๒๐๑) พธิ ียรี ัยจยุเบอลยั จ ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสงั กาอู้ เช่ือวา่ บรรพบุรุษที่ตายไปแลว้ วญิ ญาณจะไม่ไปไหน ยงั คอยดูแล คนในครอบครัว จึงตอ้ งมีการเซ่นไหวอ้ าหาร ซ่ึงประกอบดว้ ย อาหารคาว – หวาน น้าหวาน เหลา้ บุหร่ี หมาก พลู ใบจาก และยาเส้น พิธีน้ีจดั ในวนั ข้ึน ๙ ค่า เดือน ๔ ของทุกปี โดยมีโต๊ะหมอ ๓ คนเป็ นผู้ ประกอบพิธีสื่อสารกบั วิญญาณคนตาย เพื่อเชิญคนตายให้มารับประทานอาหารท่ีลูกหลานนามาเซ่น ไหว้ ในขณะที่โต๊ะหมอประกอบพิธีกรรม แต่ละครอบครัวจะจุดธูป ๑ กา และแจกจ่ายให้คนใน ครอบครัวนาไปปักท่ีหลุมศพของญาติ เมื่อโตะ๊ หมอทาพิธีเสร็จก็จะนาอาหารมาวางไวท้ ่ีหลุมศพ แลว้ ก็ ใหส้ มาชิกท่ีมารับประทานอาหารร่วมกนั (ยรี ัยจยเุ บอลยั จ มปป., หนา้ ๑ - ๑๑) พธิ ีบูชาศาลบรรพบุรุษ ศาลบรรพบุรุษของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ ช่ือว่า โต๊ะจนั ทร์ พิธีบูชาศาลบรรพบุรุษ ประกอบพิธีในวนั ข้ึน ๑ ค่า เดือน ๗ ของทุกปี เพื่อบอกกล่าวใหบ้ รรพบุรุษ ปกป้องตุม้ ครองลูกหลาน ให้อยูเ่ ยน็ เป็ นสุข พิธีจะเริ่มทาช่วงเวลา ๘ โมงเชา้ ชาวบา้ นจะเตรียมอาหารมาร่วมพิธี โตะ๊ หมอจะทา หน้าท่ีสื่อสารกบั วิญญาณบรรพบุรุษ ของที่นามาเซ่นไหว้ ได้แก่ เหล้าขาว อาหารคาว - หวาน ขา้ ว เหนียว ขา้ วตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เม่ือโต๊ะหมอทาพิธีเสร็จ ก็จะมีการบรรเลงเพลงรามะนาเพื่อความ สนุกสนาน ร่ืนเริง แลว้ ก็รับประทานอาหารร่วมกนั (เยาวลกั ษณ์ ศรีสุกใส ๒๕๔๔, หนา้ ๔๗ – ๔๘) พธิ ีบูชาแม่ย่านางเรือ ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสงั กาอู้ จะทาพธิ ีบูชาแม่ยา่ นางเรือเพ่ือความเป็นศิริมงคลในการทามาหากิน จะทาช่วงวนั ใดกไ็ ดท้ ่ีมีความพร้อม แต่ตอ้ งทาพธิ ีในช่วงน้าข้ึนเทา่ น้นั เป็นเคล็ดวา่ การทามาหากินจะได้ ดวงดีเหมือนน้าข้ึน โดยมีโตะ๊ หมอเป็นผปู้ ระกอบพิธี มีอาหารคาวหวาน เหลา้ ขาว น้าอดั ลม ขา้ เหนียว ขา้ วตอก มะนาว ใบมะกรูด น้าเปล่า น้าตาล หมาก-พลู บุหร่ี ผา้ าแดงไวผ้ กู หวั เรือ และเงินจานวนหน่ึง พธิ ีปูยาเกาะ (พธิ ีปูย่าปเู ลา) เป็ นพิธีบวงสรวงเกาะและโต๊ะท่ีอยู่ประจาเกาะ ชาวเลอุรักลาโวย้ ทุกชุมชนในเกาะลนั ตาจะ มาร่วมพธิ ี และยงั มีชาวเลอุรักลาโวย้ จากเกาะจา อาเภอเหนือคลอง และบา้ นราไวย์ จงั หวดั ภูเก็ต มาร่วม พิธีน้ีดว้ ย ช่วงเวลาท่ีประกอบพธิ ีระหวา่ งเดือนหกถึงเดือนสิบเอด็ สถานท่ีประกอบพิธีกรรม คือ แหลม มาลาตี ปากคลองศาลาด่าน เวลาในการประกอบพิธีกรรมจะเป็ นช่วงเชา้ หรือเยน็ ก็ได้ ถา้ ทาพิธีในช่วง น้าทะเลกาลงั ข้ึนจะดีมาก ในการประกอบพิธีกรรม (พ.ศ.๒๕๖๔) โตะ๊ หมอ คือ นายมะดีเอ็น ชา้ งน้า และรองโต๊ะหมอ คือ นายสัน ช้างน้า ทาหนา้ ท่ีเชิญโต๊ะต่าง ๆ ที่อยูใ่ นเกาะหรือในสถานท่ีท่ีเคยทาพิธี
๑๐๒ ใหม้ าร่วมรับของเซ่นไหว้ อาหารในพิธีกรรม มีดงั น้ี ขา้ วเหนียวขาวและขา้ วเหนียวเหลือง, ไก่ยา่ งหรือ ตม้ ท้งั ตวั , กุง้ หอยปูปลา (ถา้ มี), ผลไม,้ น้า น้าหวานและเหลา้ (ถา้ มี), หมาก, พลู, ขา้ วตอก, กายาน, เทียน ข้ีผ้ึง,ใบจาก, ยาเส้น, ผา้ แดง, มนั จนั ทร์และแป้งน้า,ธูป, กระดาษเงินกระดาษทอง และมีปาญีเป็ นไมผ้ ูก ผา้ ไวต้ รงปลายไม้ แทนสัญลกั ษณ์ของสถานที่ท่ีนบั ถือ ไมน้ ้ีเชื่อกนั ว่าจะมีโชคลาภ โตะ๊ หมอจะขอให้ สัตวน์ ้ามีความอุดมสมบูรณ์ ขอให้ทุกคนและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรงปลอดภยั จากอนั ตรายต่าง ๆ หลงั โตะ๊ หมอบอกกล่าวเสร็จ กจ็ ะใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมพิธีต้งั หมากพลูและบอกกล่าวขอพรกบั โตะ๊ ใหต้ นเองและ ครอบครัว บางครอบครัวก็ไปแกบ้ นเพราะสาเร็จผลตามท่ีไดบ้ นบานไว้ จากน้นั ก็นาของท่ีนามาเซ่น ไหวแ้ บง่ ส่งลงทะเลบางส่วน ส่วนปาญีหลงั เสร็จพิธีก็ปักไวท้ ่ี ณ สถานท่ีทาพิธี พธิ ีแก้บน(แก้เหลย) ชาวเลอุรักลาโวย้ บ้านสังกาอู้ จะมีการแก้บน เน่ืองจากได้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งเหนือ ธรรมชาติท่ีตนเคารพนบั ถือวา่ ใหต้ นเองและครอบครัวหายจากการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ่ วย หรือประสบผลสาเร็จ ในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง ถา้ เป็นไปเป็นตามท่ีไดข้ อหรือบนบานไว้ ก็ตอ้ งมาแกบ้ น เช่น จะจดั ใหม้ ีการแสดง รามะนา หรือถวายอาหารคาวหวาน กต็ อ้ งมาทาตามท่ีไดใ้ หพ้ นั ธะสัญญาไว้ คติ ความเชื่อ ตานาน ความเชื่อเร่ือง “โตะ๊ ” หรือ “ดาโตะ๊ ” ซ่ึงเป็ นวิญญาณบรรพบุรุษ แฝงตวั อยูร่ ่างต่าง ๆ ของสัตว์ เช่น เสือ ปลา นก งู จอมปลวก กอ้ นหิน หรือสถานที่ เป็นตน้ ความเช่ือเร่ืองโตะ๊ รายาสุริจนั ทร์ ชาวเลเช่ือกนั วา่ ท่านเป็ นมุสลิม มีภรรยา ๒ คน เป็ นเจา้ ป่ าเจา้ เขาในร่างของงูดาตวั ใหญ่มีลวดลายพนั รอบคอคลา้ ยสร้อยสังวาลประดบั เชื่อว่าเป็ นบรรพบุรุษที่คอย ปกป้องคุม้ ครองชาวเลอุรักลาโวย้ เป็นผดู้ ูแลอ่าวสังกาอู้ ความเช่ือเร่ืองโต๊ะกานนั ดา ศาลต้งั อยบู่ ริเวณอ่าวมาเละ ในเดือน ๗ จะมีพิธีเซ่นไหวด้ ว้ ยขนม ๗ สี ไก่ และเหลา้ ความเชื่อเร่ืองโต๊ะอีซกั กาอู้ หรือหินปลากระเบนราหู อนั เป็ นที่มาของช่ือหมู่บา้ น ชาวบา้ นเช่ือ วา่ เจา้ แห่งทะเลมาสิงสถิตยอ์ ยแู่ ละเป็นบรรพบุรุษของชาวเลอุรักลาโวย้ ความเช่ือเร่ืองโต๊ะราเมน ศาลต้งั อยู่บริ เวณอ่าวพร้าว เล่าสืบต่อกนั มาว่า โตะ๊ ราเมนเป็ นผูท้ ่ีมี ความรู้ มีคาถาอาคม มีพธิ ีกรรมเซ่นไหวใ้ นเดือน ๔ ของทุกปี ความเช่ือเร่ืองตดั ไมร้ ะกาหรือไมต้ ีนเป็ ดเพื่อใช้ในพิธีลอยเรือ ห้ามลบหลู่ส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิ ห้าม พดู จาไม่ดี, ความเชื่อเรื่องฟ้าแดง ในเวลาหา้ หรือหกโมงเยน็ ถา้ เกิดฟ้าเป็นสีแดงหรือสีส้มโดยไม่มีฝนต้งั
๑๐๓ เคา้ จะมีกุง้ ข้ึนเป็นจานวนมาก, ขอ้ หา้ มหินอีซกั กาอู้ หา้ มปี นไปบนหิน,หา้ มปัสสาวะท่ีหิน, ห้ามมาเล่น บริเวณหินอีซกั กาอู้ , ตานาน เช่น กาเนิดอุรักลาโวย้ , โตะ๊ อีซกั กาอู,้ โตะ๊ ลาแกกึตมั บาตู,คาสาปเกอเดอมยั , อุรักลาโวย้ เขา้ แขก, โตะ๊ แป๊ ะ, โต๊ะเมอเต็กฮูดือ, โตะ๊ เบอแล็บบึรายุค, โต๊ะแซะ,ปาโวฮญาญี, กาเนิดปลาดุยง (ดุห ยง) หรือปลาพยูน ตานานคล่ืนเจด็ ลูก หรือ อูมะฮ จูโญฮ ตานานโต๊ะบุหรง เป็ นตน้ (อาภรณ์ อุกฤษณ์. ๒๕๖๓, หนา้ ๓ – ๒๙) นิทาน ไดแ้ ก่ ปาโนะ ฮามา กูรา (กระจงกบั เตา่ ทะเล) ปลากระเบนยกั ษ์ ซูปะฮเกอเดอมยั เป็นตน้ ศิลปะการแสดง รองเง็ง เป็ นการแสดงท่ีมีการร้องและราคลา้ ยคลึงกบั การเล่นรามะนา บทเพลงขบั ร้องเป็ นภาษามลายู กลาง เริ่มต้นด้วยเพลงลาฆูดูวอ และเล่นเพลงสะปาอีตู้ เมาะอินัง เจ๊ะชูโล่ง อายมั ดีเต๊ะ ต่อไป ตามลาดบั รามะนา การแสดงพ้นื บา้ น ที่แสดงถึงอตั ลกั ษณ์ของชาวเลอุรักลาโวย้ ท้งั ดา้ นภาษาและเน้ือหาของเพลง ใช้เล่นในงานพิธีลอยเรือ ช่ือว่าเพลง “ลาจงั ” ขบั ร้องตอนนาเรือไปปล่อยในทะเล การแสดงรามะนา เพอื่ เป็นการบวงสรวงแสดงความเคารพและขอขมาลาโทษบรรพบรุษ และเล่นเพ่ือความบนั เทิงใน งาน แต่งเปลว งานแกบ้ น และงานดาโต๊ะ เครื่องดนตรีประกอบดว้ ย กลองรามะนา (บานา) ตวั แม่ และ กลองรามะนาตวั ลูก กลองทนตวั แม่ และกลองทนตวั ลูก ฆอ้ ง ฉาบ เพลงท่ีใชใ้ นการแสดง ไดแ้ ก่ เพลง ลงปง เพลงเลอาเล, เพลงโลยโลยอีนงั ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ภูมิปัญญาของชาวเลอุรักลาโวย้ บ้านสังกาอู้ ท่ีเก่ียวข้องกับการประกอบอาชีพ เช่น การดู กระแสน้า เวลาน้าใส จะมีกุง้ ปลาในทะเลมาก, การดูทิศทางลม ในฤดูฝนและฤดูแลง้ , การโคจรของ ดวงจนั ทร์และดวงดาว, ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอูจ้ ะมีวิธีการดูหอยวา่ จะเจาะตอนไหนได้ โดยจะดู ใบไมข้ า้ งทาง บางคนเรียกวา่ “ลาโวะตีเตะ๊ ” หากใบมีสีขาวแสดงวา่ หอยน้นั ตวั ใหญ่ สามารถเจาะไดว้ ธิ ีที่ สองคือการดูพระจนั ทร์ขา้ งแรม เป็นตน้
๑๐๔ ภูมิปัญญาดา้ นหตั ถกรรม เช่น การทาบูบูอีกดั (ไซปลา), การทาบูบูนุยฮ (ไซปลาหมึก), การทา ปูกยั จ ฮูรัก(อวนกุง้ ), การต่อเรือปลาจก๊ั , การจกั สานฝาบา้ น, การเยบ็ จากมุงหลงั คาบา้ น, จกั สานรากา (ตะกร้าหวายไวเ้ ก็บหอย) เป็นตน้ ภูมิปัญญาด้านการถนอมอาหาร เช่น ทาปลาเค็มตากแห้ง ในอดีตไม่มีเกลือและไม่มีน้าแข็ง วธิ ีการทา เอาปลาไปแช่น้าทะเล หรือเอาเกลือที่ระเหยจากน้าทะเลตามโขดหินมาคลุกท่ีตวั ปลา และเอา ปลาไปตากแดด การถนอมอาหาร การทาปลาเค็ม การละเล่น เด็กชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอูจ้ ะมีการละเล่นพ้ืนบา้ น ไดแ้ ก่ เล่นโตกโตก (ซ่อนแอบ) เล่น ปองปอง เล่นกายู ดูวา เบอลยั ฮ เล่นไม้ ๑๒ เล่นหมากเก็บ (แมะฮ กาลา อูรักลาโวยจ มารู้จกั อูรักลา โวยจ ๒๕๖๑, หนา้ ๑๑๐ – ๑๑๖) วถิ ีชีวติ ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ มีวถิ ีชีวติ ตามวฒั นธรรมปัจจยั ๔ ดงั น้ี ทอ่ี ย่อู าศัย จากเหตุการณ์ภยั พิบตั ิสึนามิ เม่ือปี พ.ศ.๒๕๔๗ ไดท้ าลายบา้ นเรือนของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ น สังกาอูเ้ สียหายท้งั หมด มูลนิธิศุภนิมิตจเขา้ มาช่วยเหลือ โดยสร้างบา้ นให้ใหม่ และแจกจ่ายอุปกรณ์ให้ ชาวบ้านสร้างบ้านกันเอง ปัจจุบนั บ้านแทบทุกหลังมีลักษณะเป็ นบา้ นปูนช้ันเดียว สีครีมส้ม มุง กระเบ้ืองขนาดไม่ใหญ่มากนกั ในบา้ นหน่ึงหลงั อาศยั อยปู่ ระมาณ ๒ – ๓ครอบครัว ประกอบดว้ ย ตา -
๑๐๕ ยาย พ่อ - แม่และลูก ๆ ถา้ ลูกแต่งงานแลว้ จะมีสามีหรือภรรยามาอาศยั ดว้ ย ก่อนเกิดเหตุการณ์สึนามิ บา้ นของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอูม้ ีลกั ษณะเป็ นบา้ นไมช้ ้นั เดียว มุงจาก ฝาบา้ นก้นั ดว้ ยฝาขดั แตะ สานเป็ นลวดลาย ส่วนใหญ่ชาวเลอุรักลาโวย้ จะสร้างบา้ นติดทะเล แต่ก็มีหลายครอบครัวสร้างบา้ นติด เชิงเขา บ้านชาวเลอรุ ักลาโว้ยบ้านสังกาอู้ การแต่งกาย ในอดีตชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสงั กาอูจ้ ะแตง่ กายดว้ ยเส้ือผา้ ไมม่ ากชิ้น ผชู้ ายนุ่งผา้ ขาวมา้ ผืนเดียว หรือกางเกงชาวเลผา้ ขาวมา้ คาดเอว ไม่สวมเส้ือ ผหู้ ญิงอยูก่ บั บา้ นจะนุ่งผา้ กระโจมอก ไม่สวมเส้ือ ถา้ ออกไปขา้ งนอกจะสวมเส้ือและนุ่งผา้ ปาเต๊ะสีสด ๆ ปัจจุบนั ชาวเลส่วนใหญ่แต่งกายตามสมยั นิยม ผูช้ ายใส่เส้ือยืด กางเกงยืนส์ ส่วนผูห้ ญิงใส่เส้ือผา้ ตามแฟชั่น สีสดใส แต่งหน้า ยอ้ มสีผม และใส่ เคร่ืองประดบั ส่วนชาวเลสูงวยั ผชู้ ายอยูบ่ า้ นจะนุ่งผา้ ขาวมา้ หรืกางเกงชาวเล ไม่สวมเส้ือ ส่วนผหู้ ญิงสูง วยั อยบู่ า้ นจะนุ่งผา้ ปาเตะ๊ กระโจมอก สวมเส้ือโปร่ง ๆ เพอื่ ความสบายตวั การแต่งกายของผู้หญงิ ชาวเลอุรักลาโว้ยสูงอายบุ ้านสังกาอู้
๑๐๖ การรักษาโรค ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู เช่ือวา่ การเจ็บป่ วย เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติหรือผบี รรพบุรุษ เรียกวา่ “ผกี ิน” ถา้ เจ็บไขเ้ พียงเล็กนอ้ ยก็จะรักษาเองดว้ ยสมุนไพร หรือให้โต๊ะหมอรักษา ดว้ ยการทา น้ามนต์ หรือเชิญผีให้ออกไปจากคนป่ วย ปัจจุบนั ชาวเลอุรักลาโวย้ เขา้ ถึงการรักษาโรคแผนปัจจุบนั มากข้ึน แต่การรักษาโรคแบบพ้ืนบา้ นก็ยงั คงมีใช้ เช่น ผูห้ ญิงหลงั คลอดบุตร จะกินยายา เป็ นสมุนไพร หลายชนิดมาผสมกนั ไดแ้ ก่ น้าตาลทรายแดง,พริกไทยดา, มะพร้าวควั่ , หอมแดง ควบคู่ไปกบั การ รักษาโรคแผนปัจจุบนั อาหาร อาหารหลกั ของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ คือ “อาหารทะเล” เช่น กุง้ หอย ปู ปลา ในอดีต ชาวเลมีการรับประทานเต่า และอาหารที่ไดม้ าจากป่ าบริเวณใกลก้ บั ชุมชน เช่น หมูป่ า แลน นกกวกั เป็นตน้ ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอูม้ ีอาหารและขนมพ้ืนถ่ินที่สาคญั สามอยา่ ง ไดแ้ ก่ “กูลยั กีซี” “โกย ตีแบว” และ “โกยจีจอ เล่าต่อกนั มาวา่ อาหารสามอยา่ งน้ี เป็ นอาหารท่ีบรรพบุรุษทากินตอนล่องเรือมา เพราะเป็ นวตั ถุดิบท่ีหาง่ายที่สุดในขณะน้นั เจอมะพร้าวก็เอามะพร้าว เจอปลาก็เอาปลา “โกยตีแบว” และ “โกยจีจอ” คือขนม ท่ีมีช่ือมาจากดอกไม้ ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ “ดอกตีแบว” และ “ดอกตีจอ” ดอกไมส้ องชนิดแตกต่างกนั ตรงสี ดอกตีแบวจะมีสีขาว และดอกตีจอจะมีสีม่วง ซ่ึงดอกไมช้ นิดน้ีหาได้ ในชุมชน ออกดอกเป็นฤดูกาลคือ ช่วงประมาณเดือนมกราคม และเดือนตุลาคม ส่วนอาหารประจาวนั ประกอบไปดว้ ย ขา้ วเปล่า กบั ขา้ วมีแกง สองสามอยา่ ง เช่น ปลา(แหง้ )ยา่ ง หรือปลา(แห้ง)ทอด, ปลา เปร้ียวหวาน, โวยวาย (หมึกสาย) ผดั น้ามนั หอย และน้าพริก ส่วนผกั ที่ รับประทานเคียงกบั อาหารจะ เป็นผกั พ้ืนถ่ิน เช่น ยอดอ่อนใบมะกอก และยอดออ่ นใบมะม่วงหิมพานต์ การประกอบอาชีพ ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ มีเรือหางยาวและเคร่ืองยนตเ์ ป็ นของครอบครัว เคร่ืองมือประมง ที่ใชใ้ นการประกอบอาชีพ ไดแ้ ก่ ไซ, แห, เบ็ด และอวน เคร่ืองมือหลายชนิดทามาจากวสั ดุธรรมชาติ เช่น “ไซดกั ปลา เป็นตน้ “ฉมวก” ใชใ้ นการแทงปลา “อวน” อวนมีหลายชนิด เช่น อวนเขียว อวนสาม ช้นั อวนปู อวนปลาทราย อวนปลากระบอก เป็นตน้ อวนแตล่ ะชนิดแตกตา่ งกนั ที่ขนาดตาของอวน เช่น อวนปูจะมีช้นั เดียว มีตาประมาณ ๓ - ๕นิ้ว อวนปลาทรายจะมีตาขนาด ๑นิ้ว เป็นตน้
๑๐๗ อาชีพของชาวเลอุรักลาโว้ยบ้านสังกาอู้ การหา “หอยติบ” หรือหอยนางรมชนิดเล็กตามโขดหิน ผูห้ ญิงในหมู่บา้ นยงั คงนิยมออกไปหา หอยติบ วธิ ีการไดห้ อยติบ มีสองวธิ ี ดงั น้ี (๑) ใชป้ ลายแหลมของคอ้ นเจาะเอาแต่เน้ือใส่ในกระปุก (๒) ใชค้ อ้ นทุบเพอ่ื เอาหอยออกมาท้งั หมด จะทาใหห้ อยมีความสด หรือการหาหอยโหละ หอยเข็ม หอยลิ้น ผี หอยทา้ ยเวียน และหอยตาววั ชาวเลจะใช้ไฟฉายส่องในหารหาหอยเหล่าน้ี นอกจากอาชีพประมง พ้ืนบา้ นแลว้ ยงั มีการประกอบอาชีพอื่นๆ เช่น เกษตรกรรม ไดแ้ ก่ การปลูกสะตอ และเม็ดมะม่วงหิม พานต์ เป็ นตน้ งานรับจา้ งใช้แรงงานทว่ั ไป หรือ เป็ นลูกจา้ ง แม่บา้ น พนกั งานเสริฟตามรีสอร์ท และ ร้านอาหาร หอยตบิ ทกี่ ระเทาะเปลือกแล้ว
๑๐๘ สภาพปัญหาอุปสรรค ชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสงั กาอู้ มีปัญหาและอุปสรรค ดงั น้ี ๑. ที่ดินที่อยอู่ าศยั ในพ้ืนท่ีใกลอ้ ่าวมาเละ เพราะที่ดินยงั ไม่มีเอกสารสิทธ์ิ จานวน ๓ แปลง ๒. พ้นื ที่ดา้ นจิตวญิ ญาณ ไมม่ ีเอกสารสิทธ์ิ ไดแ้ ก่ สุสานโหนทราย หมู่ที่ ๗ ซ่ึงเป็ นที่ฝังศพ และ ประกอบพธิ ีกรรมของชาวเลอุรักลาโวย้ บา้ นสังกาอู้ ต้งั อยใู่ กลช้ ายหาด และสถานที่ของเอกชน ยงั ไม่ได้ รับการรังวดั แนวเขตท่ีชดั เจน ทาใหเ้ ส่ียงตอ่ การถูกบุกรุก ๓. การทามาหากินและการเขา้ ถึงทรัพยากร เพราะถูกจบั จอง ครอบครอง และประกาศเป็ น พ้ืนที่คุม้ ครอง ๔. ปัญหาที่เก่ียวเน่ืองกบั การศึกษาเรียนรู้ ท่ีจะสนับสนุนการศึกษาในระดับท่ีสูงข้ึน และ สนบั สนุนอาชีพท่ีต่อยอดจากความรู้และทกั ษะที่มีอยู่ ๕. การขาดความมนั่ ใจและภูมิใจในวิถีวฒั นธรรมด้งั เดิม เช่น ศิลปะการแสดง การสืบทอด ภาษาอุรักลาโวย้ เป็นตน้
๑๐๙ ชาวเลอรุ ักลาโว้ยชุมชนโต๊ะบุหรง หมู่ท่ี ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จงั หวดั กระบ่ี
๑๑๐ แผนทชี่ ุมชนโต๊ะบุหรง หมู่ท่ี ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จังหวดั กระบ่ี ทมี่ า : Google Earth กราฟิ กดีไซน์ : ฉันท์ชนิต สรรเพช็ ร
๑๑๑ ชาวเลอรุ ักลาโว้ยชุมชนโต๊ะบุหรง ประวตั คิ วามเป็ นมาของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนโต๊ะบุหรง เดิมเคยต้งั กระท่อมอาศยั อยูบ่ ริเวณคอคอดของเกาะจานุย้ ต่อมาสมยั หสงครามโลก คร้ังท่ี ๒ มีทหารญ่ีป่ ุนเขา้ มาบริเวณน้ีเพื่อจบั ผชู้ ายไปเป็ นเชลย และเกิดโรค ฝีดาษระบาด (ภาษาชาวเลเรียกวา่ ยาเกะ๊ บิย)่ี ชาวเลจึงยา้ ยไปอยหู่ มูบ่ า้ นแห่งท่ีสองบริเวณท่ีเรียกวา่ “วนั ไพร” หรือเขตผีพราย เพราะบริเวณน้ีเคยเป็ นที่ฝังศพเด็กทารกที่คลอดก่อนกาหนด ต่อมามีเด็กและ ผใู้ หญ่ชาวเลเสียชีวติ กวา่ สิบคนจากการกินไขป่ ลาปักเป้าท่ีมีพิษ โตะ๊ หมอ ช่ือ “วะกาว” จึงเส่ียงทายโดย การดูเทียนแลว้ ให้ชาวเลยา้ ยไปอยู่ที่ “ลกั หง่าตอย” (บริเวณท่ีเกาะของนกอินทรีทะเล) ปัจจุบนั คือ บริเวณริมหาดใกล้ศาลโต๊ะบุหรง ต่อมา กานันตาบลให้ชาวเลอูรักลาโวย้ บางส่วนยา้ ยไปอยู่ด้าน ตะวนั ตกเฉียงใตข้ องเกาะ ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ “เซอบือละ” (หมายถึง ดา้ นขา้ งเกาะ) โดยจดั ให้มี เอกสารท่ีดิน หลงั จากน้นั มีชาวเลบางส่วนขายที่ดินไปจึงยา้ ยกลบั มาอยูบ่ ริเวณบา้ นกลางและบา้ นเกาะ จาอีกคร้ัง ทต่ี ้ังแหล่งท่อี ยู่อาศัย ชุมชนโตะ๊ บุหรง บา้ นเกาะจา หมู่ที่ ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จงั หวดั กระบี่ พืน้ ทท่ี ากนิ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนโตะ๊ บุหรง ทาประมงในเขต เกาะเหลากา เกาะยูง เกาะไผ่ เกาะคู่ เกาะ ลนั ตา เกาะเหลาหละ เกาะจานุย้ เกาะเหลาสี เกาะม่วง เกาะตูหลงั เกาะพีพี เกาะหมา เกาะบิหลนั เกาะ ซีม่า เกาะฮง่ั เกาะศรีบอยา อ่าวยาซ่า และบริเวณช่องเภา ในเขตจงั หวดั กระบ่ี รวมถึงบริเวณสันดอน ทรายในทะเล ชาวเลอูรักลาโวย้ จะเรียกว่า บอหอ เช่นท่ี บอหอสูง บอหอกลาง บอหอมานะ และใน พ้ืนที่ป่ าโกงกาง เช่น การหาปูดา การหาหอย และบนเกาะยงั หาวสั ดุที่มาทาเคร่ืองมือเครื่องใช้ เช่นไมไ้ ผ่ หวาย เตย ไม้ น้ามนั ยาง ไมท้ าบา้ น ไมท้ าเรือ ไมร้ ะกา ยางไมเ้ อามาทากายานใชใ้ นพิธีกรรม ผลไม้ ผกั น้าผ้งึ และยาสมุนไพร
๑๑๒ พืน้ ทที่ างจิตวิญญาณ พ้ืนที่ทางจิตวิญญาณของชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนโต๊ะบุหรง ได้แก่ ศาลโต๊ะบุหรง (ลกั หง่า ตอ้ ย) ชาวเลอูรักลาโวย้ เกาะจาเล่าวา่ เดิมมีจอมปลวกรูปร่างคลา้ ยหวั คนโผล่ข้ึนมาจากใตด้ ิน เชื่อกนั วา่ เป็ นเจา้ ท่ี เมื่อจอมปลวกใหญ่ข้ึนเรื่อย ๆ มีรูปร่างคลา้ ยลาตวั และแขน ชาวบา้ นจึงช่วยกนั แกะสลกั ไม้ เป็นรูปเพือ่ บูชา ต่อมามีการสร้างศาลาไมข้ ้ึนครอบบริเวณจอมปลวก ในภายหลงั มีผูบ้ ริจาคสร้างศาลา ปูนและทารูปป้ันปูนข้ึนมาแทนรูปเดิม และมีผศู้ รัทธาสร้างรูปป้ันปูนรูปนกอินทรีทะเลต้งั อยดู่ า้ นหนา้ ของศาลเจา้ , ศาลโต๊ะอาดมั ท่ีเกาะเหลาสี (ปูเลาเบอซี),โต๊ะแซะ ควนเกาะปู, โตะ๊ กราหมาดบูสาป ท่ี หลงั เกาะ โตะ๊ เล และพ้ืนท่ีทะเลท้งั หมด, สุสานท่ีฝังศพฃ ศาลโต๊ะบุหรง (ลกั หง่าต้อย) จานวนประชากร ชุมชนโต๊ะบุหรง มีชาวเลอุรักลาโวย้ อาศยั อยู่ ๔๑ ครัวเรือน จาแนก ไดด้ งั น้ี ชาย ๑๐๕ คน หญิง ๙๔ คน รวมเป็น ๑๙๙ คน ภาษา ภาษาชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนโต๊ะบุหรง ที่ใช้ส่ือสารในชีวิตประจาวนั มีแต่ภาษาพูดแต่ไม่มี ภาษาเขียน มีคาศพั ท์น้อย จะมีคาศพั ท์ท่ีเขา้ ใจกนั เฉพาะกลุ่มที่แสดงถึงอตั ลกั ษณ์ของกลุ่มชาติพนั ธุ์ ไดแ้ ก่ คาท่ีใชเ้ รียกชื่อสถานที่ ตา่ ง ๆ เช่น ปูเลา เกอจบ๊ั เดอมี หมายถึง เกาะจานุย้ , ลกั หง่า ตอ้ ย หมายถึง บริเวณท่ีเกาะของนกอินทรีทะเล, ตือโป๊ ะ ตืองะ หมายถึง บา้ นกลาง เป็นตน้
๑๑๓ วฒั นธรรม ประเพณ/ี เทศกาล ชาวเลชุมชนโตะ๊ บุหรง มีประเพณีที่สาคญั ไดแ้ ก่ ประเพณเี ปอตัดญรี ัย (ประเพณแี ต่งเปรว) ชาวเลอูรักลาโวย้ ชุมชนโตะ๊ บุหรง จะแต่งเปรวหรือหลุมฝังศพ ในเดือน ๔ ของทุกปี ก่อนถึงวนั งานจะมีคณะกรรมการไปถางหญา้ และตกแต่งหลุมฝังศพ ในวนั ทาพิธีช่วงตอนเช้า ผูห้ ญิงชาวเลจะ เตรียมทาขนม อาหารคาว หวาน เพื่อนาไปเซ่นไหว้ และรับประทานอาหารร่วมกนั โดยมีโต๊ะหมอเป็ น ผูท้ าพิธี มีการบรรเลงเพลงรามะนา ร้องเพลงเป็ นภาษาอูรักลาโวย้ และมีวงเตน้ ราเพลงสมยั ปัจจุบนั เวทีน้ีจะมีวยั รุ่นและเด็ก ๆ เตน้ รากนั ประเพณลี อยเรือ ตูละบาลา เป็นประเพณีความเช่ือท่ีชาวอูรักลาโวย้ เกาะจาทุกชุมชนใหค้ วามสาคญั มากที่สุด และถือปฏิบตั ิ สืบตอ่ กนั มาต้งั แต่บรรพบุรุษ จดั ข้ึนปี ละ๑ คร้ัง ในวนั แรม ๓ ค่า เดือน ๖ ช่วงเริ่มมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ หรือ“ลมพลดั ” เพือ่ สะเดาะเคราะห์ ส่งวิญญาณบรรพบุรุษกลบั ไป “ฆูนุงฌึรัย” ซ่ึงเชื่อวา่ เป็ นบา้ นเมือง เดิมของบรรพบุรุษ และส่งสัตวท์ ี่ฆ่ากินเป็ นอาหารกลบั ไปใหเ้ จา้ ของเดิมเพื่อไถ่บาป ชาวเลอุรักลาโวย้ เชื่อวา่ เมื่อประกอบพิธีกรรมน้ี จะทาให้วญิ ญาณบรรพบุรุษคุม้ ครองลูกหลาน ใหป้ ลอดภยั จากการออก ทะเล ภยั ธรรมชาติและโรคภยั ไขเ้ จบ็ เรือในพธิ ีตูละบาลา
๑๑๔ ในงานลอยเรือตูละบาลา มีการบรรเลงดนตรีประกอบพิธีลอยเรือ ดนตรีรามะนาจะเร่ิมบรรเลง หลงั จากทาพิธีไหวโ้ ต๊ะบุหรงและพิธีฉลองเรือก่อนท่ีจะนาออกไปลอยในทะเล ซ่ึงพิธีไหวโ้ ต๊ะบุหรง เป็ นพิธีกรรมแรกของพิธีลอยเรือ โดยลูกหลานชาวอูรักลาโวย้ จะนาเคร่ืองเซ่นไหว้ ที่ประกอบดว้ ย อาหารคาวหวานนามาวางไวห้ น้าโต๊ะบุหรง ซ่ึงเป็ นบรรพบุรุษของชาวเลในหมู่บา้ น เมื่อโต๊ะหมอทา พิธีกรรมเสร็จ นกั ดนตรีจะเริ่มบรรเลงเพลงรามะนา เร่ิมดว้ ยเพลงแรกที่มีเน้ือหาเก่ียวกบั การอญั เชิญ วิญญาณบรรพบุรุษให้มากินของเซ่นไหว้ และบรรเลงอีก ๖ เพลง ซ่ึงเพลงมีเน้ือหาเกี่ยวกบั วถิ ีชีวิตของ ชาวเลอูรักลาโวย้ ดนตรีรามะนาท่ีใช้บรรเลงในพิธีลอยเรือมีท้งั หมด ๗ เพลง ลกั ษณะของการขบั ร้อง บทเพลง จะมีคนร้องนาหน่ึงคน จะร้องนาก่อนในแต่ละวรรคเพลง โดยคนร้องท่ีเหลือเป็ นลูกคู่รับ คา ร้องของลูกคู่รับมีลกั ษณะคลา้ ยกบั คาร้องนา ร้องสลบั กนั ไปมาจนจบเพลง เทคนิคการขบั ร้องมีหลาย ลกั ษณะเช่น การลกั จงั หวะ การโยกเสียง การผา่ นเสียง การชอ้ นเสียง การสะบดั เสียง การโปรย และการ เน้นเสียง คาร้องของเพลงใช้ภาษาของชาวอูรักลาโวย้ ซ่ึงเป็ นภาษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตวั นักร้อง ท้งั หมดตีกลองรามะนาไปดว้ ยเพือ่ ประกอบจงั หวะ ประเพณแี ต่งงาน ในอดีตหนุ่มสาวชาวเลอุรักลาโวย้ จะแต่งงานช่วงอายปุ ระมาณ ๑๔ – ๑๘ ปี จะมีพิธีสู่ขอหม้นั หมาย โดยผใู้ หญ่ฝ่ ายชายจะไปขอถึง ๓ คร้ัง ถา้ ตอบรับก็จะไปขอหม้นั หรือ “ปากยั ตูนงั ก่อนแต่งงาน ๓ วนั ฝ่ ายชายจะตอ้ งอาสาทางานบา้ นผูห้ ญิง เช่น หาน้า ผ่าฟื นเป็ นต้น วนั แต่งงานขบวนแห่จะให้ เจา้ บ่าวขี่คอเดินวนซา้ ยรอบบา้ นเจา้ สาว ๓ รอบ ก่อนยา่ งเขา้ ประตูบา้ นผใู้ หญ่ฝ่ ายเจา้ สาวจะถามวา่ มีเรือ ไหม มีแหไหม มีฉมวกไหม เจา้ บ่าวตอบว่า “มี” ก็จะมีคนล้างเทา้ ให้ก่อนขา้ มเขา้ ธรณีประตู เพื่อน เจา้ บา่ วจะนาเสื่อและหมอนไปวางในหอ้ งเจา้ สาว เจา้ ถามจะประแป้งให้แขกท่ีมาร่วมงาน วนั รุ่งข้ึนพอ่ แม่และญาติพ่ีน้องจะส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวลงเรือไปผจญภยั ตามเกาะต่าง ๆ โดยมีข้าวสาร น้าจืด เคร่ืองมือจบั ปลาไปดว้ ย เพื่อพิสูจนว์ า่ ฝ่ ายชายจะสามารถเล้ียงดูภรรยาไดข้ าไปผชู้ ายจะเป็ นคนกรรเชียง เรือโดยใหผ้ หู้ ญิงนง่ั หวั เรือ ขากลบั ผหู้ ญิงจะเป็นฝ่ ายกรรเชียงเรือใหผ้ ูช้ ายนง่ั หวั เรือ เป็ นท่ีเขา้ ไดไ้ ด่วา่ ท้งั คู่เป็ นสามีภรรยาตามพฤตินยั แลว้ เมื่อแต่งแลว้ ฝ่ ายชายจะตอ้ งเขา้ ไปอยบู่ า้ นฝ่ ายหญิง (อาภรณ์ อุกฤษณ์ ๒๕๕๔, หนา้ ๑๙๙) ปัจจุบนั ชาวเลชุมชนโต๊ะบุหรง มีพิธีแต่งงานที่คลา้ ยกบั คนไทยพ้ืนถิ่น เร่ิมต้งั แต่ หนุ่มสาวชอบพอกนั ให้ผูใ้ หญ่ไปสู่ขอ มีสินสอดของหม้นั มีงานเล้ียงในหมู่ญาติและคนรู้จกั งานเล้ียง จะข้ึนอยูก่ บั ฐานะของคู่บ่าวสาว บางคู่ก็มีการกินเล้ียงที่บา้ น มีพิธีรดน้าใหพ้ ร โดยมีโต๊ะหมอเป็ นผทู้ า พิธี และญาติผูใ้ หญ่ ชุดแต่งงานของคู่บ่าวสาวก็เป็ นไปตามสมยั นิยม ช่วงอายขุ องการแต่งงานจะอยูท่ ่ี ยสี่ ิบปี ข้ึนไป จะมีการแต่งงานงานระหวา่ งกลุ่มชาวเลดว้ ยกนั เองและต่างกลุ่ม หลงั แตง่ งานแลว้ การท่ีจะ อยบู่ า้ นของฝ่ ายไหนกข็ ้ึนอยกู่ บั สะดวกและสถานที่ทางานของฝ่ ายน้นั
๑๑๕ ประเพณแี ลกเปลยี่ นสิ่งของและชิงเปรต ชาวอูรักลาโวย้ ชุมชนโตบ๊ ุหรง เดินทางไปทาบุญสารทเดือนสิบ ในตวั เมืองกระบี่ เหนือคลอง และวดั ปกาสยั ทุกปี โดยไปคา้ งแรมนอนที่ตลาดนดั เหนือคลอง โรงนดั เหนือคลอง พรุดินนา และวดั ป กาสัย จะเดินทางไปล่วงหน้า ๒ – ๓ วนั นาของทะเล เช่น ปลาเค็ม ปลาเบนย่าง ปะการัง กลั ปังหา เปลือกหอย กาไลกระ เป็นตน้ เพอ่ื ไปแลกกบั เส้ือผา้ อาหาร ขนมลาอบั น้าตาล ของใชจ้ าเป็ นกบั คนเมือง และร่วมพิธีชิงเปรต เพื่อเก็บขนมพอง ขนมลา ขา้ วปลาอาหาร และเงินที่ชาวพุทธนาไปต้งั ไหวเ้ ปรต แล้วนาไปเซ่นไหวบ้ รรพบุรุษ เพราะเชื่อว่า ลูกหลานตอ้ งไปรับบุญเพื่อให้วิญญาณบรรพบุรุษไม่อด อยาก พธิ ีกรรม การเกดิ ในอดีตเม่ือผหู้ ญิงชาวเลอุรักลาโวย้ ต้งั ครรภแ์ ละถึงกาหนดคลอด “โต๊ะบิดดั ” หรือหมอตาแยจะ ทาคลอดให้ เมื่อเดก็ คลอดออกมาแลว้ จะใชไ้ มไ้ ผท่ ่ีเหลาจนบางตดั สายสะดือใหเ้ ด็ก และอาบน้าเยน็ ให้ เดก็ ก่อนจึงอาบน้าอุน่ ตาม และใหเ้ ด็กทารกด่ืมน้าผ้งึ จนครบ ๓ วนั เพื่อใหเ้ ด็กถ่ายของเสียออก จึงใหด้ ่ืม นมแม่ หลงั คลอด ๓ วนั จะทาพิธีเซ่นไหวต้ ายายและเล้ียงฉลอง หรือ “ทานูหรี” โต๊ะบิดดั จะช่วยดูแล แม่และลูกในช่วงที่แม่อยไู่ ฟ ๗ – ๙ หรือ ๑๕ วนั เม่ือครบ ๔๔วนั พอ่ แม่จะทาพิธีเซ่นไหวต้ ายายอีกคร้ัง พธิ ีศพ เม่ือมีสมาชิกชาวเลอุรักลาโวย้ ในชุมชนเสียชีวิต จะก่อกองไฟไวห้ น้าบา้ นผูต้ าย และจดั วาง อาหารไวห้ นา้ กองไฟตลอด ๓ วนั ๓ คืน ถา้ เสียชีวติ ในช่วงเชา้ จะฝังศพตอนเยน็ ถา้ เสียชีวิตหลงั เที่ยงวนั จะทาพธิ ีฝังในวนั รุ่งข้ึน ผชู้ ายจะช่วยกนั ทาโลง และมีการอาบน้าศพ โดยโต๊ะหมอจะอาบให้เป็ นคนแรก ต่อดว้ ยญาติพ่นี อ้ ง เพ่ือนบา้ น หลงั จากน้นั จะแตง่ ตวั ใหผ้ ตู้ ายและทาน้ามนั หอมก่อนบรรจุลงในโลงศพที่ ปูดว้ ยเสื่อ และใชผ้ า้ ขาวยาว ๙ ศอก คลุมบนศพ นาขา้ วของเครื่องใชข้ องผตู้ ายใส่ไปในโลงศพดว้ ย แลว้ แห่ศพไปฝังยงั สุสาน เม่ือโต๊ะหมอทาพิธี ญาติพี่นอ้ งจะช่วยกนั กลบหลุมศพ และปลูกมะพร้าวท่ีมีหน่อ ไวป้ ลายเทา้ ศพ หลงั จากน้นั อีก ๓ วนั จะเล้ียงอาหาร ดบั กองไฟ และทาบุญผูต้ ายอีกคร้ัง ในพิธีแต่ง เปลว (อาภรณ์ อุกฤษณ์ ๒๕๕๔, หนา้ ๒๐๑) พธิ ีเซ่นไหว้บรรพชน ชาวเลอูรักลาโวย้ ท่ีอาศยั อยใู่ นชุมชนเดียวกนั จะทาพิธีเซ่นไหวว้ ญิ ญาณบรรพบุรุษร่วมกนั ปี ละ คร้ัง ในอดีตเคยมีพิธีเซ่นไหวว้ ญิ ญาณบรรพบุรุษท่ีสิงสถิตอยตู่ ามธรรมชาติ เช่น เจา้ ทะเล เจา้ ถ้า เจา้ เกาะ เจา้ แหลม ฯลฯ ก่อนหรือหลงั พิธีลอยเรือในเดือน๖ เพอื่ ออ้ นวอนบอกกล่าววา่ เมื่อลมพลดั (ลม
๑๑๖ มรสุมตะวนั ตกเฉียงใต)้ หรือลมออก (ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ) พดั มาขอใหล้ ูกหลานหาปลา ไดม้ าก ๆ พธิ ีแก้บน(แก้เหมรย) ชาวเลอุรักลาโวย้ จะมีการแก้บน เนื่องจากได้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่ตน เคารพนบั ถือเพ่อื ขอใหต้ นเองและครอบครัวหายจากการเจ็บไขไ้ ดป้ ่ วย หรือประสบผลสาเร็จในเร่ืองใด เรื่องหน่ึง ถา้ เป็ นไปเป็ นตามท่ีได้ขอหรือบนบานไว้ ก็ตอ้ งมาแกบ้ นตามที่ไดพ้ ูดไว้ เช่น จดั ให้มีการ บรรเลงรามะนา หรือถวายอาหารคาวหวาน เป็ นตน้ ก็ตอ้ งทาตามที่ไดใ้ หส้ ัญญาไว้ การแกบ้ นดว้ ยการ บรรเลงรามะนาน้นั มกั จะเป็ นการแกบ้ นใหญ่ๆ หมายถึง การบนบานศาลกล่าวในเรื่องเหนือธรรมชาติ เร่ืองความเป็นความตาย เร่ืองการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ่ วย หรือ ถูกลอ็ ตตารี่ พธิ ีในวนั ขนึ้ ๑๕ ค่า ของทุกเดือน พิธีท่ีชาวอูรักลาโวย้ ชุมชนโต๊ะบุหรง กระทากนั ทุกวนั ข้ึน ๑๕ ค่า ของทุกเดือน จะมีการเล่น ดนตรีรามะนาเพ่ือประกอบพิธีกรรม เพราะชาวเลมีความเช่ือวา่ เม่ือประกอบพิธีกรรมน้ีแลว้ จะทาให้ วญิ ญาณบรรพบุรุษคุม้ ครองลูกหลานชาวอูรักลาโวย้ ให้ปลอดภยั จากการออกทะเล ภยั ธรรมชาติและ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ข้นั ตอนของพิธีกรรม เริ่มจากทาพิธีไหวโ้ ต๊ะบุหรง ซ่ึงถือเป็ นบรรพบุรุษของชาวเลในหมู่บา้ น ลูกหลานชาวอูรักลาโวย้ จะนาเครื่องเซ่นไหวท้ ่ีประกอบด้วยอาหารคาวหวานนามาวางไวห้ น้าโต๊ะ บุหรง เมื่อโตะ๊ หมอทาพิธีกรรมเสร็จ นกั ดนตรีก็จะเร่ิมบรรเลงดนตรี โดยเคร่ืองดนตรีที่ใชค้ ือรามะนา คติ ความเชื่อ ตานาน ความเชื่อเร่ืองโต๊ะบุหรง คาว่า “บุหรง” เป็ นคาภาษามลายู แปลว่า นก ภาษาอูรักลาโวย้ จะ ออกเสียงว่า “บูรก” ชาวเลอุรักลาโวย้ เชื่อว่า “โต๊ะบุหรง” เป็ นวิญญาณบรรพบุรุษท่ีมีคาถาสามารถ หยดุ ลมและพายฝุ นได้ เคยมาปรากฎตวั ในร่างของนกเพ่ือช่วยชาวอูรักลาโวย้ ที่เผชิญคล่ืนลมใหพ้ น้ จาก อนั ตราย, ความเชื่อเรื่อง “โตะ๊ อาดา” ชาวเลเช่ือวา่ เป็ นส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิ ที่คอยดูแล ปกปักรักษาพ้ืนที่บริเวณ เหลาสี เวลาท่ีชาวอูรักลาโวย้ เดินทางสัญจรไปมาทางเรือจะผา่ นช่องระหวา่ งเกาะเหลาสีกบั เกาะจานุย้ เมื่อถึงบริเวณเกาะ จะมีการตีรามะนา เพ่ือบอกกล่าวว่าลูกหลานขอเดินทางผา่ นเส้นทางน้ี ขอให้โต๊ะ ช่วยปกป้องคุม้ ครองให้ปลอดภยั จากอนั ตรายต่าง ๆ ท้งั ขาไปและขากลบั ,ความเชื่อเกี่ยวกบั โต๊ะเล (ส่ิง ศกั ด์ิท่ีอยใู่ นทะเล) ชาวเลอูรักลาโวย้ มีวถิ ีชีวติ และความเช่ือด้งั เดิม ในเรื่องวญิ ญาณ ที่ปกป้องดูแลบริเวณ โดยรอบ มีความเชื่อว่าถ้าใครทาให้แหล่งน้าจืดสกปรกจะมีอาการเจ็บป่ วย, ความเช่ือเร่ืองโต๊ะกรา หมาดบูซบั เช่ือกนั วา่ เป็นส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิ เป็นบรรพบุรุษที่คอยดูแล ปกปักรักษาพ้นื ที่บริเวณหลงั เกาะ หรือ
๑๑๗ หน้าชายหาดของเกาะ, ความเช่ือเรื่อง โต๊ะแซะ ควนเกาะปู เม่ือตอ้ งการข้ึนไปหาวสั ดุ เพ่ือนามาเป็ น เครื่องมือเคร่ืองใช้ เช่น ไมท้ าเรือ ไมท้ าไซ หวาย หรือหวายทาลอบปลา ทาลอบหมึก น้ามนั ยาง หรือ สมุนไพร บริเวณควนเกาะปู จะมีการบอกกล่าว หรือขอจากโต๊ะแซะควนเกาะปูก่อน เพ่ือนามาใช้ เพราะเช่ือวา่ โตะ๊ แซะ ควนเกาะปูเป็นผปู้ กปักรักษา ดูแลพ้นื ท่ีบริเวณควนเกาะปู ความเชื่อและขอ้ ปฏิบตั ิของคนต้งั ครรภ์ เช่น หา้ มอาบน้ากลางคืน, หา้ มลงไปเดินเล่นนอกบา้ น หลงั พระอาทิตยต์ กดินเพราะผตี ายายจะติดตามตวั มา, ระหวา่ งท่ีต้งั ครรภ์ ๓ - ๗ เดือน ห้ามฆ่าหรือทุบตี สัตวท์ ุกชนิด, หา้ มนง่ั บนธรณีประตู, หา้ มขา้ มเชือกผกู หวั เรือ จะทาใหค้ ลอดยาก เป็นตน้ ขอ้ ห้ามสาหรับเด็ก เด็กห้ามกินไข่จนกวา่ จะคลานได้ และหา้ มกินปลาจนกวา่ จะพูดคาวา่ ปลา หรือ “อีกดั ” ได,้ ความเชื่อและขอ้ ห้ามขณะสามีออกทะเล ภรรยาที่อยทู่ ี่บา้ นห้ามขยบั ท่ีนอนสามี หา้ ม เย็บผา้ ห้ามสระผม ห้ามนอนกลางวนั และห้ามกวาดขยะใต้ถุนบ้าน เพราะเชื่อว่าสามีจะประสบ อุบตั ิเหตุ, ความเชื่อเร่ืองการออกไปหาปลาเมื่อลงจากบา้ นไปทะเล หากมีคนนงั่ ขวางบนั ได เชื่อวา่ เป็ น การขวางลาภ จบั ปลาไม่ได้ ,ขอ้ หา้ มอ่ืนๆ เช่น หา้ มนงั่ บนหินถ่วงไซ หรือหินลบั มีด เพราะเชื่อวา่ กน้ จะ หนกั หรือข้ีเกียจทางาน หา้ มออกจากครัวขณะหุงขา้ วเพราะผีตายโหงจะลงโทษ ห้ามเด็ก ๆ เล่นริมหาด โดยเฉพาะ วนั ข้ึน ๑๑ – ๑๒ ค่า เพราะ ผีตายายจะติดตวั กลบั มาบา้ น เป็ นตน้ , ความเชื่อเรื่องเคร่ืองราง ของขลงั ผชู้ ายจะใชเ้ ชือกรัดไวท้ ี่แขน เป็นเชือกท่ีโตะ๊ หมอทาพธิ ีใหเ้ พ่อื ปัดเป่ าส่ิงไมด่ ี ตานานโต๊ะบุหรง มีเร่ืองเล่าลืบต่อกนั มาวา่ ขณะท่ีบรรพบุรุษของชาวเลเผชิญกบั พายุคลื่นลม แรงกลางทะเล มีนกตวั หน่ึงบินมาเกาะเสากระโดงเรือ ทนั ใดน้นั พายคุ ล่ืนลมก็สงบลงทนั ที จึงเช่ือกนั วา่ โตะ๊ บุหรงสิงสถิตในตวั นก สามารถห้ามลมหา้ มฝนได้ โต๊ะหมอวา่ เล่า เมื่อคนท่ีเผชิญกบั พายคุ ลื่น ลมแรงกลางทะเล เม่ือกลบั มาถึงบา้ น ตอ้ งทาพิธีแกบ้ นโดยการราผา้ เจ็ดสี ซ่ึงหมายถึงการแกบ้ นใหญ่, ตานานกาเนิดชาวเล,ตานานคลื่นเจด็ ลูก หรือ “รูมกั ตูโยะ”, ศิลปะการแสดง รองเงง็ เป็นการแสดงท่ีมีท้งั การร้องและราคลา้ ยคลึงกบั การเล่นรามะนา บทเพลงจะขบั เป็ นภาษามลายู กลาง เรียกวา่ ขบั แขก จะเริ่มตน้ ดว้ ยเพลงลาฆูดูวอ ตอ่ ดว้ ยเล่นเพลอื่น ๆ ไปตามลาดบั
๑๑๘ นางรารองเง็ง รามะนา เป็นการแสดงที่ใชเ้ ล่นในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พธิ ีลอยเรือ แต่งเปลว พิธีแกบ้ น เครื่องดนตรีที่ใช้ ในดนตรีรามะนามีชนิดเดียวคือ กลองรามะนา ซ่ึงเป็ นกลองที่ทาดว้ ยไมข้ ึงหน้าหนงั ดา้ นเดียว โดยใน การบรรเลงจะใชร้ ามะนาจานวน ๒ – ๓ ใบ มีขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ๒๕ – ๒๘ เซนติเมตร ส่วนสูงวดั จากขอบประมาณ ๑๕ – ๒๐ เซนติเมตร ส่วนตวั กลองทาดว้ ยไมห้ นงั กลองมีการนาเอาหนงั ตะกวดและผา้ ใบสังเคราะห์ตรึงด้วยหวายหรือเชือกสังเคราะห์รอบขา้ งยึดให้ตึงการบรรเลงดนตรี รามะนา จะไม่มีพิธีการในการบรรเลงมากนกั โดยจะเริ่มดว้ ยเพลงแรกท่ีมีเน้ือหาเกี่ยวกบั การอญั เชิญ วญิ ญาณบรรพบุรุษให้มากินของเซ่นไหว้ และบรรเลงต่ออีก ๖ เพลง เน้ือหาของเพลงกล่าวถึงวถิ ีชีวิต ของชาวอูรักลาโวย้ ดนตรีรามะนาในพิธีมีเพลงท้งั หมด ๗ เพลง ลกั ษณะของบทเพลงมีคนร้องนาหน่ึง คนซ่ึงร้องนาก่อนในแต่ละวรรคเพลง โดยคนร้องท่ีเหลือเป็ นลูกคู่รับ คาร้องของลูกคู่รับมีลกั ษณะคลา้ ย กบั คาร้องนา ร้องสลบั กนั ไปมาจนจบเพลง เทคนิคการขบั ร้องหลายลกั ษณะเช่น การลกั จงั หวะ การโยก เสียง การผ่านเสียง การชอ้ นเสียง การสะบดั เสียง การโปรยและการเนน้ เสียง คาร้องของเพลงใชภ้ าษา ของชาวอูรักลาโวย้ การแสดงรามะนา
๑๑๙ ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ภูมิปัญญาของชาวเลชุมชนโต๊ะบุหรง ที่ใช้ในการประกอบอาชีพ ได้แก่ การทาบูบูอีกดั (ไซ ปลา), การทาบูบูนุยฮ (ไซปลาหมึก), การทาปูกยั จ ฮูรัก(อวนกุง้ ) การดูกระแสน้า, การดูทิศทางลม, การ โคจรของดวงจนั ทร์และดวงดาว, ภูมิปัญญาดา้ นหตั ถกรรม เช่น การต่อเรือปลาจก๊ั การจกั สานฝาบา้ น สานเส่ือ, เยบ็ จากมุงหลงั คา บา้ น การจกั สานตะกร้า กนั หมอ้ (ท่ีรองหมอ้ ), จงนง่ั ทาจากเตยดิน เป็นท่ีใส่ของ เช่น ใส่หมากพลู ส่รวง ขา้ ว ใส่ขา้ วห่อในเรือ สมุกไวใ้ ส่ยา เป็นตน้ ภูมิปัญญาดา้ นการถนอมอาหาร เช่น ทาปลายา่ ง, ทาปลาเคม็ (ปลาแห้ง), , การทาจาวหลู (เคย เคม็ ) การทากะปิ เป็นตน้ การละเล่น เด็กผูห้ ญิงชาวเลชุมชนโต๊ะบุหรง มีการละเล่น เช่น เล่นขา้ วหุงเลียง,ปิ ดตาลกั ซ่อน, หมากขุม, มอญซ่อนผา้ , เล่นพอ่ แม่ลูก, เล่นเตย,เป็ นตน้ ส่วนเด็กผูช้ ายจะเล่น ปลากดั ,ว่ายน้า, หาปลาหวั กวั , ตก ปลาตามหวั สะพาน ตามโขดหิน,ขวา้ งกระป๋ อง, เล่นซ่อนแอบ, เล่นตารวจจบั ผรู้ ้าย, เล่นยิงปื น เป็ นตน้ ส่วนเด็กชาวเลในปัจจุบนั มีการละเล่นตามสมยั นิยมเหมือนคนทว่ั ไป เช่น เล่นขายขา้ วแกง ร้องเพลง เตน้ รา เล่นตุก๊ ตา ส่วนเด็กผชู้ าย เล่นน้า ข่ีคอกระโดด เล่นยงิ ปื น ตกเบด็ เป็นตน้ วถิ ชี ีวติ จาแนกตามวฒั นธรรมปัจจยั ๔ ไดด้ งั น้ี ทอี่ ย่อู าศัย ชาวเลชุมชนโตะ๊ บุหรง สร้างที่พกั อาศยั เป็ นกลุ่มใกล้ ๆ กนั เป็ นบา้ นช้นั เดียวยกพ้ืนเต้ีย ๆ หลงั ไมใ่ หญ่ คลา้ ยเพิงพกั สภาพไมค่ ่อยแขง็ แรง และสร้างอยใู่ นที่ดินท่ีไมม่ ีเอกสารสิทธ์ิ ติดป่ าชายเลน
๑๒๐ บ้านชาวเลอรุ ักลาโว้ยชุมชนโต๊ะบุหรง การแต่งกาย ในอดีตชาวเลชุมชนโตะ๊ บุหรง จะแต่งกายดว้ ยเส้ือผา้ ไม่มากชิ้น ผชู้ ายนุ่งผา้ ขาวมา้ ผืนเดียว หรือ กางเกงชาวเลผา้ ขาวมา้ คาดเอว ไม่สวมเส้ือ ผูห้ ญิงเสลาอยู่บา้ นจะนุ่งผา้ กระโจมอก ไม่สวมเส้ือ ถ้า ออกไปขา้ งนอกจะสวมเส้ือและนุ่งผา้ ปาเต๊ะสีสด ๆ ปัจจุบนั ชาวเลส่วนใหญ่แต่งกายตามสมยั นิยม ผูช้ ายใส่เส้ือยืด กางเกงยืนส์ ส่วนผูห้ ญิงใส่เส้ือผา้ ตามแฟชน่ั สีสดใส แต่งหน้า ยอ้ มสีผม และชอบใส่ เครื่องประดบั ส่วนชาวเลสูงวยั ผูช้ ายถา้ อยู่กบั บา้ นจะนุ่งผา้ ขาวมา้ หรืกางเกงชาวเล ไม่สวมเส้ือ ส่วน ผหู้ ญิงถา้ อยกู่ บั บา้ นจะนุ่งผา้ ปาเตะ๊ สวมเส้ือคอกระเชา้ หรือเส้ือหลวม ๆ สบาย ๆ การรักษาโรค ชาวเลมีความเชื่อว่าการเจ็บป่ วย เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติหรือผีบรรพบุรุษ ถา้ เจ็บไขเ้ พียง เล็กน้อยก็จะรักษาเองดว้ ยสมุนไพร หรือให้โต๊ะหมอรักษา และทาน้ามนต์ ปัจจุบนั ชาวเลเขา้ ถึงการ รักษาโรคแผนปัจจุบนั มากข้ึน แต่การรักษาโรคแบบพ้ืนบา้ นก็ยงั คงมีใช้ควบคู่ไปกบั การรักษาแผน ปัจจุบนั เช่น เมื่อมีการเจ็บป่ วย โต๊ะหมอจะดูเทียนเป็ นลาดบั แรก เพ่ือปัดเป่ าสิ่งไม่ดี แลว้ ก็ดูเทียนต่อวา่ จะรักษาดว้ ยวธิ ีไหน การรักษาดว้ ยสมุนไพร เช่น โรคหิด จะใชน้ ้ามนั มะพร้าว ขมิ้น หวั ไพล ยาดา และ กระเทียม นาทุกอยา่ งมาตม้ รวมกนั แลว้ เค่ียวใหน้ ้างวด เอามาทาบริเวณที่เป็นจนกวา่ แผลจะหาย เป็นตน้ อาหาร ชาวเลชุมชนโต๊ะบุหรง มีอาหารทะเลประเภท กุง้ หอย ปลา ปู ก้งั ปลาหมีก และเพรียงทะเล เป็นอาหารหลกั นามาตม้ ยา่ ง เผา หรือกินสด ๆ เช่น หอยติเตบ (หอยนางรมตวั เล็ก) ยาหอยติเตบกินกบั น้าชุบเคย หอยตาชยั ผดั กระเทียมพริกไทย, ขา้ วยา,แกงกะทิหอยตาชยั กบั มะละกอหรือสับปะรด, ตม้ ส้ม
๑๒๑ หอยตาชยั , แกงกะทิหอยใส่มะพร้าวคว่ั ,ปลาจอ้ มอ้ งตม้ ส้ม, ขา้ วมนั หุงกบั น้ากะทิกินกบั หอยมีดพร้า, หมึกตม้ ตะไคร้,หมึกตม้ ส้ม ปลากระเบนยา่ ง, หอยโข่งยารีเสะ(มะพร้าวควั่ ) , ยาเห็ดหลุบ, แกงกะทิ เห็ดหลุบ เป็นตน้ การประกอบอาชีพ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนโตะ๊ บุหรง มีการประกอบอาชีพแบบด้งั เดิม ไดแ้ ก่ ตกเบ็ด ดาน้าแทง ปลา หาหอย เก็บแมงกระพรุน และล่าสัตวท์ ะเลเป็ นอาหาร เก็บมะพร้าว เก็บยอดผกั ล่าสัตวเ์ ล็ก ตาม ชายฝั่งสาหรับปรุงอาหาร เม่ือชาวเลข้ึนมาต้งั ถ่ินฐานบนฝ่ัง ก็เร่ิมเรียนรู้การทาไร่ปลูกขา้ ว ปลูกผกั ผลไม้ ทาสวนยางพารา ฯลฯ แต่ก็ยงั ยดึ อาชีพประมงเป็นหลกั ต่อมาชาวเลอุรักลาโวย้ เช่าซ้ืออวน เรือหางยาวพร้อมเครื่องเรือจากนายทุน โดยมีเง่ือนไขว่า จะตอ้ งจบั กุง้ หรือปลาส่งขายให้กบั นายทุนเพ่ือหักหน้ีสิน หลงั เหตุการณ์ภยั พิบตั ิจากคล่ืนสึนามิ จึง ไดร้ ับเรือและเคร่ืองมือหากินเป็ นของตนเอง และเมื่อการท่องเที่ยวเร่ิมเขา้ มาที่เกาะจา ชาวเลที่อยูใ่ กล้ แหล่งท่องเท่ียว ออกทะเลหาปลาไปขายร้านอาหาร รับจา้ งแรงงานในโรงแรม รีสอร์ท ขบั เรือนาเท่ียว บางคนมีบา้ นใหบ้ ริการแก่นกั ทอ่ งเที่ยวแตเ่ ป็นลกั ษณะกระท่อมเลก็ ๆ การประกอบอาชีพชาวเลอรุ ักลาโว้ยชุมชนโต๊ะบุหรง
๑๒๒ สภาพปัญหาอปุ สรรค ชาวเลอุรักลาโงย้ ชุมชนโตะ๊ บุหรง มีปัญหาอุปสรรค ดงั ต่อไปน้ี ๑.ความขดั แยง้ เรื่องสิทธิการครอบครองพ้ืนที่และการใช้ประโยชน์ในพ้ืนที่ของคนด้ังเดิม, ชาวเลอูรักลาโวย้ กบั หน่วยงานของรัฐ (ป่ าชายเลน กรมเจา้ ท่า ที่ราชพสั ดุ) , ๒.ปัญหาสาธารณูปโภคพ้ืนฐาน เช่น ประปาหมู่บา้ น ไฟฟ้า ถนนเขา้ ชุมชน การพฒั นายงั ไม่ ทวั่ ถึงบา้ นทุกหลงั ยงั มีบา้ นบางหลงั ตอ้ งพว่ งไฟฟ้ากบั บา้ นที่มีหมอ้ ไฟฟ้า และอีกหลายหลงั ที่พว่ งไฟฟ้า บา้ นอื่นเน่ืองจากยงั ไม่มีบา้ นเลขที่ ซ่ึงการขอบา้ นเลขท่ีน้นั บา้ นแต่ละหลงั ที่สร้างจะตอ้ งมีห้องน้า บา้ น ชาวอูรักลาโวย้ หลายหลงั ยงั ไม่มีห้องน้า และการขอบา้ นเลขที่ ในพ้ืนที่ของรัฐ จะตอ้ งมีหนงั สือยนิ ยอม จากหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ (บา้ นท่ีต้งั บนพ้ืนท่ีป่ าชายเลน ตอ้ งมีหนงั สือรับรองการใช้พ้ืนท่ี บา้ นท่ีอยู่ เขตพ้ืนที่กรมเจา้ ท่าก็ตอ้ งมีใบอนุญาตจากกรมเจา้ ท่า ส่วนที่ราชพสั ดุก็จะตอ้ งมีใบรับรองการใช้พ้ืนที่ จากหน่วยงานท่ี ราชพสั ดุ ๓. สภาพบา้ นไมค่ อ่ ยแขง็ แรงมนั่ คง ๔. พ้ืนที่ศกั ด์ิสิทธ์ิหรือพ้ืนท่ีทางจิตวิญญาณ ของชุมชนชาวเลอุรักลาโวย้ ประกอบดว้ ย ๑.) สุสาน มีขนาดพ้ืนที่ ๒ ไร่ ๑ งาน ๕๐ ตารางวา ถนนที่ลงไปยงั หนา้ หาดซ่ึงเอกชนเจา้ ของเอกสารสิทธ์ิ ไดป้ ักแนวเขตถนนให้แลว้ แต่ยงั ไม่มีเอกสาร ๒.) ศาลโต๊ะบุหรง มีขนาดพ้ืนที่ ๑ งาน ๓๓ ตารางวา ยงั ไม่ไดข้ ้ึนทะเบียนเป็ นศาลเจา้ ๓.) ศาลโต๊ะอาดมั มีขนาดพ้ืนท่ี70 ตารางวา ขณะน้ีประสบปัญหา ยงั ไมข่ ้ึนทะเบียนเป็นศาลเจา้ ๕. การทามาหากินและการเขา้ ถึงทรัพยากร เพราะถูกจบั จอง ครอบครอง และประกาศเป็ น พ้นื ท่ีคุม้ ครอง ๖. ปัญหาเก่ียวเน่ืองกับการศึกษาเรียนรู้ ท่ีจะสนับสนุนการศึกษาในระดับที่สูงข้ึน และ สนบั สนุนอาชีพที่ต่อยอดจากความรู้และทกั ษะที่มีอยู่ ๗. การขาดความมน่ั ใจและภูมิใจในวิถีวฒั นธรรมด้งั เดิม เช่น ศิลปะการแสดง การสืบทอด ภาษาอุรักลาโวย้ เป็นตน้
๑๒๓ ชาวเลอุรักลาโว้ยชุมชนมูตู หมู่ท่ี ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จังหวดั กระบ่ี
๑๒๔ แผนทชี่ ุมชนมูตู หมู่ที่ ๓ ตาบลเเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จังหวดั กระบ่ี ทมี่ า : Google Earth กราฟิ กดีไซน์ : ฉันท์ชนิต สรรเพช็ ร
๑๒๕ ชาวเลอรุ ักลาโว้ยชุมชนมูตู ประวตั คิ วามเป็ นมาของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู เดิมเคยต้งั กระท่อมอาศยั อยูบ่ ริเวณคอคอดของเกาะจานุย้ ต่อมา สมยั สงครามโลก คร้ังที่ ๒ มีทหารญี่ป่ ุนเขา้ มาบริเวณน้ีเพอื่ จบั ผชู้ ายเป็ นเชลย และเกิดโรคฝี ดาษระบาด ชาวเลจึงยา้ ยไปอยหู่ มู่บา้ นแห่งท่ีสองบริเวณที่เรียกวา่ “วนั ไพร” หรือเขตผพี ราย เพราะท่ีบริเวณน้ีเคย เป็นท่ีฝังศพเดก็ ทารกท่ีคลอดก่อนกาหนด ตอ่ มามีเดก็ และผใู้ หญ่ชาวเลเสียชีวิตกวา่ สิบคนจากการกินไข่ ปลาปักเป้าที่มีพิษ โต๊ะหมอ ชื่อ “วะกาว” จึงเสี่ยงทายโดยการดูเทียนแลว้ ใหช้ าวบา้ นยา้ ยไปอยูท่ ่ี “ลกั หง่าตอย” (หมายถึง บริเวณท่ีเกาะของนกอินทรีทะเล) ปัจจุบนั คือบริเวณริมหาดใกลศ้ าลโต๊ะบุหรง ตอ่ มา กานนั ตาบลใหช้ าวอูรักลาโวย้ บางส่วนยา้ ยไปอยดู่ า้ นตะวนั ตกเฉียงใตข้ องเกาะ ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ “เซอบือละ” (หมายถึง ดา้ นขา้ งเกาะ) โดยจดั ใหม้ ีเอกสารที่ดิน หลงั จากน้นั มีชาวเลบางส่วน ขายที่ดินไปจึงยา้ ยกลบั มาอยบู่ ริเวณบา้ นกลางและบา้ นเกาะจาอีกคร้ัง ส่วนชาวเลอุรักลาโวย้ ท่ีชุมชนมูตู อพยพมาจากชุมชนโตะ๊ บุหรง ทต่ี ้งั แหล่งทีอ่ ยู่อาศัย ชุมชนมูตู หมูท่ ่ี ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จงั หวดั กระบ่ี พืน้ ทที่ ากนิ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู ทาประมงในเขต เกาะเหลากา เกาะยงู เกาะไผ่ เกาะคู่ เกาะลนั ตา เกาะเหลาหละ เกาะจานุ้ย เกาะเหลาสี เกาะม่วง เกาะตูหลงั เกาะพีพี เกาะหมา เกาะบิหลนั เกาะซีม่า เกาะฮงั่ เกาะศรีบอยา อ่าวยาซ่า และบริเวณช่องเภา ในเขตจงั หวดั กระบี่ รวมถึงป่ าชายเลนใกล้ท่ีอยู่ อาศยั พืน้ ทที่ างจิตวิญญาณ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู มีพ้นื ท่ีทางจิตวญิ ญาณ ไดแ้ ก่ ศาลโตะ๊ บุหรง (ลกั หง่าตอ้ ย), ศาลโตะ๊ อาดมั ที่เกาะเหลาสี (ปูเลาเบอซี),โต๊ะแซะ ควนเกาะปู, โต๊ะกราหมาดบูสาป ที่หลงั เกาะ, โตะ๊ เล และ พ้ืนท่ีทะเลท้งั หมด, และสุสานท่ีฝังศพบริเวณพ้ืนท่ีริมทะเลตรงชายฝ่ังดา้ นตะวนั ตกของเกาะจา
๑๒๖ ประชากร ชุมชนมูตูมีชาวเลอุรักลาโวย้ อาศยั อยู่ ๒๙ ครัวเรือน จาแนก ไดด้ งั น้ี ชาย ๔๘ คน หญิง ๕๔ คน รวมเป็น ๑๐๒ คน ภาษา ภาษาชาวเลอุรักลาโวย้ ของชุมชนมูตู ที่ใชส้ ่ือสารในชีวติ ประจาวนั มีแต่ภาษาพูดแต่ไม่มีภาษา เขียน คาศพั ทม์ ีนอ้ ย จะมีคาศพั ทท์ ี่เขา้ ใจกนั เฉพาะกลุ่มที่แสดงถึงอตั ลกั ษณ์ของกลุ่มชาติพนั ธุ์ แบ่งได้ เป็ นหมวด ไดแ้ ก่ หมวดสัตวบ์ ก เช่น อีตี หมายถึง เป็ ด, ลีปัด หมายถึง ตะขาบ, บูรก หมายถึง นก , หมวดพืชผกั ผลไม้ เช่น กาจกั จบั ปัยจ หมายถีง ถวั่ พู , กาจกั ตูโมะ, หมายถึง ถวั่ งอก, กาจกั ปาญกั หมายถึง ถว่ั ฝักยาว เป็นตน้ หมวดคากริยา เช่น เกอละฮ หมายถึง หวั เราะ, ตีโนะ หมายถึง นอน, เมอเลา หมายถึง พูด เป็นตน้ (สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั กระบี่. มปป., หนา้ ๑๔ – ๑๖) วฒั นธรรม ประเพณี/เทศกาล ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู มีประเพณีที่สาคญั เหมือนกบั ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนอ่ืน ๆ ของเกาะจา เพราะเป็ นกลุ่มเดียวกัน อพยพโยกยา้ ยมาจากท่ีเดียวกัน จึงมีวฒั นธรรม ประเพณีท่ีไม่แตกตา่ งไดแ้ ก่ ประเพณเี ปอตัดญรี ัย (ประเพณแี ต่งเปรว) ชาวเลอูรักลาโวย้ ชุมชนมูตู มีพิธีแต่งเปรวหรือหลุมฝังศพ ในเดือน ๔ ของทุกปี ก่อนถึงวนั งานจะมี คณะกรรมการไปถางหญา้ และตกแต่งหลุมฝังศพปัจจุบนั ในวนั ทาพิธีช่วงตอนเช้า ผูห้ ญิงชาวเลจะ เตรียมทาขนม อาหารคาว หวาน เพื่อนาไปเซ่นไหว้ และรับประทานอาหารร่วมกนั โดยมีโต๊ะหมอเป็ น ผทู้ าพิธี มีการบรรเลงเพลงรามะนา ร้องเพลงเป็ นภาษาอูรักลาโวย้ และมีการเตน้ ราเพลงสมยั ปัจจุบนั ซ่ึงเวทีน้ีจะมีวยั รุ่นและเดก็ ๆ เตน้ กนั ประเพณลี อยเรือ “ตูละบาลา” เป็ นประเพณีความเชื่อท่ีชาวอูรักลาโวย้ ทุกชุมชนของเกาะจาให้ความสาคญั มากท่ีสุด และถือ ปฏิบตั ิสืบตอ่ กนั มาต้งั แต่บรรพบุรุษ จดั ข้ึนปี ละ๑ คร้ัง ในวนั แรม ๓ ค่า เดือน ๖ ช่วงเริ่มมรสุมตะวนั ตก เฉียงใต้ หรือ“ลมพลดั ” ประเพณีน้ีทาข้ึนเพ่ือสะเดาะเคราะห์ ส่งวิญญาณบรรพบุรุษกลบั ไป “ฆูนุงฌึ รัย” ซ่ึงเชื่อวา่ เป็นบา้ นเมืองเดิมของบรรพบุรุษ และส่งสตั วท์ ่ีฆา่ กินเป็นอาหารกลบั ไปใหเ้ จา้ ของเดิมเพ่ือ ไถ่บาป ชาวเลอุรักลาโวย้ เช่ือว่าเม่ือประกอบพิธีกรรมน้ีจะทาให้วิญญาณบรรพบุรุษคุม้ ครองลูกหลาน ใหป้ ลอดภยั จากการออกทะเล ภยั ธรรมชาติและโรคภยั ไขเ้ จบ็
๑๒๗ ในงานลอยเรือตูละบาลา มีการบรรเลงดนตรีรามะนาประกอบพิธีลอยเรือ โดยดนตรีรามะนา จะเริ่มบรรเลงหลงั จากทาพิธีไหวโ้ ต๊ะบุหรงและพิธีฉลองเรือก่อนท่ีจะนาออกไปลอยในทะเล ซ่ึงพิธี ไหวโ้ ตะ๊ บุหรงเป็ นพิธีกรรมแรกของพิธีลอยเรือ ซ่ึงลูกหลานชาวเลอูรักลาโวย้ จะนาเคร่ืองเซ่นไหว้ ท่ี ประกอบดว้ ยอาหารคาวหวานมาวางไวห้ นา้ โต๊ะบุหรง ซ่ึงถือเป็ นบรรพบุรุษของชาวเลอุรักลาโวย้ ใน หมู่บา้ น เม่ือโต๊ะหมอทาพิธีกรรมเสร็จ นกั ดนตรีเร่ิมบรรเลงเพลงรามะนา เริ่มตน้ ดว้ ยเพลงแรกที่มี เน้ือหาเก่ียวกบั การอญั เชิญวิญญาณบรรพบุรุษให้มากินของเซ่นไหว้ และบรรเลงต่ออีก ๖ เพลง โดย เพลงมีเน้ือหาเกี่ยวกบั วถิ ีชีวติ ของชาวเลอูรักลาโวย้ ดนตรีรามะนาท่ีใชบ้ รรเลงในพิธีลอยเรือมีท้งั หมด ๗ เพลง ลกั ษณะของการขบั ร้องบทเพลง จะมีคนร้องนาหน่ึงคน ซ่ึงร้องนาก่อนในแต่ละวรรคของเพลง ส่วนคนร้องท่ีเหลือเป็นลูกคูร่ ับ คาร้องของลูกคูร่ ับมีลกั ษณะคลา้ ยกบั คาร้องนา ร้องสลบั กนั ไปมาจนจบ เพลง เทคนิคการขบั ร้องมีหลายลกั ษณะเช่น การลกั จงั หวะ การโยกเสียง การผ่านเสียง การชอ้ นเสียง การสะบดั เสียง การโปรย และการเนน้ เสียง คาร้องของเพลงใชภ้ าษาของชาวอูรักลาโวย้ ซ่ึงเป็ นภาษาที่ มีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั นกั ร้องท้งั หมดตีกลองรามะนาไปดว้ ยเพอ่ื ประกอบจงั หวะ ประเพณแี ต่งงาน ในอดีตหนุ่มสาวชาวเลอุรักลาโวย้ จะแต่งงานเมื่ออายุประมาณ ๑๔ – ๑๘ ปี มีพิธีสู่ขอหม้นั หมาย ผูใ้ หญ่ฝ่ ายชายจะไปขอฝ่ ายหญิงถึง ๓ คร้ัง ถา้ ตอบรับก็จะไปขอหม้นั หรือ “ปากยั ตูนงั ” ก่อน แต่งงาน ๓ วนั ผูช้ ายจะตอ้ งอาสามาทางานบา้ นผูห้ ญิง เช่น หาน้า ผา่ ฟื น เป็ นตน้ วนั แต่งงานขบวนแห่ จะใหเ้ จา้ บา่ วข่ีคอเดินวนซา้ ยรอบบา้ นเจา้ สาว ๓ รอบ ก่อนยา่ งเขา้ ประตูบา้ นผูใ้ หญ่ฝ่ ายเจา้ สาวจะถามวา่ มีเรือไหม มีแหไหม มีฉมวกไหม เจา้ บ่าวตอบวา่ “มี” ก็จะมีคนลา้ งเทา้ ให้ก่อนขา้ มเขา้ ธรณีประตู เพื่อน เจา้ บ่าวจะนาเสื่อและหมอนไปวางในหอ้ งเจา้ สาว เจา้ ถามจะประแป้งให้แขกที่มาร่วมงาน วนั รุ่งข้ึน พ่อแม่และญาติพ่ีน้องจะส่งตวั เจา้ บ่าวเจา้ สาวลงเรือไปผจญภยั ตามเกาะต่าง ๆ โดยมีขา้ วสาร น้าจืด เครื่องมือจับปลาไปด้วย เพ่ือพิสูจน์ว่าฝ่ ายชายจะสามารถเล้ียงดูภรรยาได้ ขาไปผูช้ ายจะเป็ นคน กรรเชียงเรือโดยใหผ้ หู้ ญิงนง่ั หวั เรือ ขากลบั ผหู้ ญิงจะเป็นฝ่ ายกรรเชียงเรือใหผ้ ชู้ ายนงั่ หวั เรือ เป็ นท่ีเขา้ ใจ ไดว้ ่าท้งั คู่เป็ นสามีภรรยาตามพฤตินยั แลว้ เมื่อแต่งแลว้ ฝ่ ายชายจะตอ้ งเขา้ ไปอยู่บา้ นฝ่ ายหญิง (อาภรณ์ อุกฤษณ์ ๒๕๕๔, หนา้ ๑๙๙) ปัจจุบนั ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู จะมีพิธีแต่งงานท่ีคลา้ ยกบั คนไทยพ้ืน ถ่ิน เริ่มต้งั แต่หนุ่มสาวชอบพอกนั ให้ผูใ้ หญ่ไปสู่ขอ มีสินสอดของหม้นั มีงานเล้ียงในหมู่ญาติและคน รู้จกั งานเล้ียงจะข้ึนอยูก่ บั ฐานะของคู่บ่าวสาว บางคู่ก็มีการกินเล้ียงที่บา้ น อาหารในงานเล้ียง เช่นปลา ทอด น้าชุบหยา แกงไก่ แกงหมู เป็นตน้ จะมีพธิ ีรดน้าใหพ้ ร โดยมีโตะ๊ หมอเป็ นผทู้ าพิธี และญาติผใู้ หญ่ ชุดแตง่ งานของคูบ่ า่ วสาวกเ็ ป็นไปตามสมยั นิยม ช่วงอายขุ องการแต่งงานจะอยูท่ ี่ยี่สิบปี ข้ึนไป จะมีการ
๑๒๘ แต่งงานงานระหวา่ งกลุ่มชาวเลดว้ ยกนั เองและต่างกลุ่ม และหลงั จากแต่งงานแลว้ การท่ีจะอยบู่ า้ นของ ฝ่ ายไหนกข็ ้ึนอยกู่ บั สะดวกและสถานท่ีทางานของฝ่ ายน้นั ประเพณแี ลกเปลยี่ นสิ่งของและชิงเปรต ชาวเลอูรักลาโวย้ ชุมชนมูตู เดินทางไปทาบุญสารทเดือนสิบ ในตวั เมืองกระบ่ี เหนือคลอง และ วดั ปกาสัย ทุกปี โดยคา้ งแรมนอนที่ตลาดนดั เหนือคลอง โรงนดั เหนือคลอง พรุดินนา และวดั ปกาสัย โดยเดินทางไปล่วงหนา้ ๒ – ๓ วนั ชาวเลจะนาของทะเล เช่น ปลาเค็ม ปลาเบนยา่ ง ปะการัง กลั ปังหา เปลือกหอย กาไลกระ ไปแลกกบั เส้ือผา้ อาหาร ขนมลาอบั น้าตาล ของใชจ้ าเป็ นกบั คนเมือง และร่วม พิธีชิงเปรต เพื่อเก็บขนมพอง ขนมลา ขา้ วปลาอาหาร และเงินที่ชาวพุทธนาไปต้งั ไหวเ้ ปรต แลว้ นาไป เซ่นไหวบ้ รรพบุรุษ เพราะเช่ือวา่ ลูกหลานตอ้ งไปรับบุญเพือ่ ใหว้ ญิ ญาณบรรพบุรุษไมอ่ ดอยาก พธิ ีกรรม การเกดิ ในอดีตเมื่อผูห้ ญิงชาวเลต้งั ครรภแ์ ละถึงกาหนดคลอด “โต๊ะบิดดั ” หรือหมอตาแยจะทาคลอด ให้ เม่ือเด็กคลอดออกมาแลว้ จะใชไ้ มไ้ ผท่ ่ีเหลาจนบางตดั สายสะดือ แลว้ ให้เด็กอาบน้าเยน็ ก่อนจึงอาบ น้าอุน่ ตาม ใหเ้ ด็กทารกดื่มน้าผ้ึงจนครบ ๓ วนั เพื่อให้เด็กถ่ายของเสียออก จึงใหด้ ่ืมนมแม่ หลงั คลอด ๓ วนั จะทาพิธีเซ่นไหวต้ ายายและเล้ียงฉลอง หรือ “ทานูห้ รี” โตะ๊ บิดดั จะช่วยดูแลแม่และลูกในช่วงที่ แมอ่ ยไู่ ฟ ๗ – ๙ วนั หรือ ๑๕ วนั เม่ือครบ ๔๔วนั พอ่ แม่จะทาพิธีเซ่นไหวต้ ายายอีกคร้ัง พธิ ีศพ เม่ือมีสมาชิกในชุมชนเสียชีวติ จะก่อกองไฟไวห้ นา้ บา้ นผตู้ าย และจดั วางอาหารไวห้ นา้ กองไฟ ตลอด ๓ วนั ๓ คืน ถา้ เสียชีวิตในช่วงเช้าจะฝังศพตอนเยน็ ถ้าเสียชีวิตหลงั เที่ยงวนั จะทาพิธีฝังใน วนั รุ่งข้ึน ผชู้ ายจะช่วยกนั ทาโลง และมีการอาบน้าศพ โดยโตะ๊ หมอจะอาบใหเ้ ป็ นคนแรก ต่อดว้ ยญาติพี่ นอ้ ง เพ่ือนบา้ น หลงั จากน้นั จะแต่งตวั ให้ผูต้ ายและทาน้ามนั หอมก่อนบรรจุลงในโลงศพที่ปูดว้ ยเสื่อ และใชผ้ า้ ขาวยาว ๙ ศอก คลุมบนศพ นาขา้ วของเคร่ืองใชข้ องผตู้ ายใส่ไปในโลงศพดว้ ย แลว้ แห่ศพไป ฝังยงั สุสาน เม่ือโตะ๊ หมอทาพิธี ญาติพ่ีน้องจะช่วยกนั กลบหลุมศพ และปลูกมะพร้าวท่ีมีหน่อไวป้ ลาย เทา้ ศพ หลงั จากน้ันอีก ๓ วนั จะเล้ียงอาหาร ดับกองไฟ และทาบุญผูต้ ายอีกคร้ัง ในพิธีแต่งเปลว (อาภรณ์ อุกฤษณ์ ๒๕๕๔, หนา้ ๒๐๑) พธิ ีเซ่นไหว้บรรพชน ชาวเลอูรักลาโวย้ ท่ีอาศยั อยใู่ นชุมชนเดียวกนั จะทาพิธีเซ่นไหวว้ ญิ ญาณบรรพบุรุษร่วมกนั ปี ละ คร้ัง ในอดีตเคยมีพิธีเซ่นไหวว้ ิญญาณบรรพบุรุษท่ีสิงสถิตอยูต่ ามธรรมชาติ เช่น เจา้ ทะเล เจา้ ถ้า เจา้ เกาะ เจา้ แหลม ฯลฯ ก่อนหรือหลงั พิธีลอยเรือในเดือน๖ เพื่อออ้ นวอนบอกกล่าววา่ เมื่อลมพลดั (ลม
๑๒๙ มรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้) หรือลมออก (ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ) พดั มาขอให้ลูกหลานหาปลา ไดม้ าก ๆ พธิ ีแก้บน(แก้เหลย) ชาวเลจะมีการแกบ้ น เพราะไดบ้ นบานศาลกล่าวกบั สิ่งเหนือธรรมชาติที่ตนเคารพนบั ถือวา่ ให้ ตนเองและครอบครัวหายจากการเจ็บไขไ้ ดป้ ่ วย หรือประสบผลสาเร็จในเรื่องใดเร่ืองหน่ึง ถา้ เป็ นไป เป็ นตามท่ีไดข้ อหรือบนบานไว้ ก็ตอ้ งมาแกบ้ นตามท่ีไดพ้ ูดไว้ เช่น จดั ให้มีการบรรเลงรามะนา หรือ ถวายอาหารคาวหวาน เป็ นตน้ ก็ตอ้ งทาตามที่ไดใ้ หส้ ัญญาไว้ การแกบ้ นดว้ ยการบรรเลงรามะนาน้นั มกั จะเป็นการแกบ้ นใหญ่ ๆ หมายถึง การบนบานศาลกล่าวในเร่ืองเหนือธรรมชาติ เร่ืองความเป็ นความ ตาย เรื่องการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ่ วย หรือ ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล พธิ ีกรรมวนั ขนึ้ ๑๕ คา่ ของทุกเดือน พิธีที่ชาวอูรักลาโวย้ กระทากนั ทุกวนั ข้ึน ๑๕ ค่า ของทุกเดือน คือมีการเล่นดนตรีรามะนา ซ่ึง เป็ นการบรรเลงดนตรีประกอบพิธีกรรม ชาวเลมีความเช่ือว่าเมื่อประกอบพิธีกรรมน้ีแล้วจะทาให้ วญิ ญาณบรรพบุรุษคุม้ ครองลูกหลานชาวอูรักลาโวย้ ให้ปลอดภยั จากการออกทะเล ภยั ธรรมชาติและ โรคภยั ไขเ้ จบ็ พธิ ีกรรมวนั ขนึ้ ๑๕ ค่า ของทกุ เดือน ดนตรีรามะนาจะเร่ิมบรรเลงหลงั จากทาพิธีไหวโ้ ต๊ะบุหรง ซ่ึงถือเป็ นบรรพบุรุษของชาวเลใน หมู่บา้ น โดยพิธีไหวโ้ ต๊ะบุหรงจะเป็ นข้นั ตอนแรก ลูกหลานชาวอูรักลาโวย้ จะนาเคร่ืองเซ่นไหวท้ ี่
๑๓๐ ประกอบดว้ ยอาหารคาวหวานนามาวางไวห้ นา้ โตะ๊ บุหรง เมื่อโตะ๊ หมอทาพิธีกรรมเสร็จ นกั ดนตรีก็จะ เร่ิมบรรเลงดนตรี โดยเคร่ืองดนตรีท่ีใชค้ ือรามะนา คติ ความเช่ือ ตานาน ตานานโตะ๊ บุหรง คาวา่ “บุหรง” เป็ นคาภาษามลายู แปลวา่ นก หรือภาษาอูรักลาโวย้ จะออก เสียงวา่ “บูรก” เช่ือกนั วา่ “โตะ๊ บุหรง” เป็ นวิญญาณบรรพบุรุษท่ีมีคาถาสามารถจะหยดุ ลมและพายุ ฝนได้ และเคยมาปรากฎตวั ในร่างของนกเพื่อมาช่วยชาวอูรักลาโวย้ ท่ีเผชิญคล่ืนลมใหพ้ น้ จากอนั ตราย , ตานานกาเนิดชาวเล,ตานานคลื่นเจ็ดลูกหรือ “รูมกั ตูโยะ”,ความเช่ือเกี่ยวกบั โตะ๊ เล (ส่ิงศกั ด์ิที่อยูใ่ น ทะเล) ชาวเลอูรักลาโวย้ มีวถิ ีชีวิตและความเชื่อด้งั เดิม ในเรื่องวญิ ญาณ ท่ีปกป้องดูแลบริเวณโดยรอบ มี ความเช่ือวา่ ถา้ ใครทาใหแ้ หล่งน้าจืดสกปรกจะมีอาการเจบ็ ป่ วย เมื่อสาวชาวเลอูรักลาโวย้ ต้งั ครรภจ์ ะตอ้ งปฏิบตั ิตนตามความเชื่อและขอ้ ห้ามท่ีสืบทอดกนั มา เช่น หา้ มอาบน้ากลางคืน หา้ มลงไปเดินเล่นนอกบา้ นหลงั พระอาทิตยต์ กดินเพราะผีตายายจะติดตามตวั มา ระหวา่ งท่ีต้งั ครรภ์ ๓ - ๗ เดือน หา้ มฆ่าหรือทุบตีสัตวท์ ุกชนิด ห้ามนงั่ บนธรณีประตู ห้ามขา้ มเชือก ผกู หวั เรือ จะทาใหค้ ลอดยาก เป็นตน้ , ขอ้ หา้ มสาหรับเดก็ เด็กหา้ มกินไขจ่ นกวา่ จะคลานได้ และหา้ มกิน ปลาจนกวา่ จะพดู คาวา่ ปลา หรือ “อีกดั ” ได,้ ความเช่ือและขอ้ ห้ามขณะสามีออกทะเล ภรรยาท่ีอยูท่ ี่บา้ น หา้ มขยบั ท่ีนอนสามี หา้ มเยบ็ ผา้ หา้ มสระผม หา้ มนอนกลางวนั และหา้ มกวาดขยะใตถ้ ุนบา้ น เพราะเช่ือ วา่ สามีจะประสบอุบตั ิเหตุ, ความเชื่อเรื่องการออกไปหาปลาเม่ือลงจากบา้ นไปทะเล หากมีคนนงั่ ขวาง บนั ได เช่ือวา่ เป็ นการขวางลาภ จบั ปลาไม่ได้ ,ขอ้ ห้ามอ่ืนๆ เช่น ห้ามนงั่ บนหินถ่วงไซ หรือหินลบั มีด เพราะเชื่อวา่ กน้ จะหนกั หรือข้ีเกียจทางาน หา้ มออกจากครัวขณะหุงขา้ วเพราะผีตายโหงจะลงโทษ หา้ ม เด็ก ๆ เล่นริมหาดโดยเฉพาะ วนั ข้ึน ๑๑ – ๑๒ ค่า เพราะ ผตี ายายจะติดตวั กลบั มาบา้ น ห้ามทกั หรือช้ี เมื่อเห็นผพี ุ่งไต้ หรือดาวตก จะทาให้เกิดอนั ตรายกบั ตวั เอง เป็ นตน้ , ความเชื่อเรื่องเคร่ืองรางของขลงั ผชู้ ายจะใชเ้ ชือกรัดไวท้ ่ีแขน เป็นเชือกท่ีโตะ๊ หมอทาพธิ ีใหเ้ พ่ือปัดเป่ าสิ่งไมด่ ี ตานานโตะ๊ บุหรง มีเรื่องเล่าลืบต่อกนั มาวา่ ขณะที่บรรพบุรุษของชาวเลเผชิญกบั พายคุ ลื่นลม แรงกลางทะเล มีนกตวั หน่ึงบินมาเกาะเสากระโดงเรือ ทนั ใดน้นั พายคุ ลื่นลมก็สงบลงทนั ที จึงเช่ือกนั วา่ โต๊ะบุหรงสิงสถิตในตวั นก สามารถหา้ มลมห้ามฝนได้ โต๊ะหมอวา่ เล่า เมื่อคนท่ีเผชิญกบั พายคุ ลื่น ลมแรงกลางทะเล เม่ือกลบั มาถึงบา้ น ตอ้ งทาพธิ ีแกบ้ นโดยการราผา้ เจด็ สี ซ่ึงหมายถึงการแกบ้ นใหญ่
๑๓๑ ศิลปะการแสดง รองแง็ง เป็นการร้องและราท่ีคลา้ ยคลึงกบั การเล่นรามะนา บทเพลงจะขบั เป็ นภาษามลายกู ลาง เรียกวา่ ขบั แขก จะเริ่มตน้ ดว้ ยเพลงลาฆูดูวอ จะเล่นเพลงอ่ืน ๆ ไปตามลาดบั และยงั มีรองแง็งแก้บน เป็ นการ ร่ายราเฉพาะแกบ้ นหรืองานพิธีต่างๆซ่ึงมีการถ่ายทอดโดยความใกลช้ ิดของผูส้ อนกบั สมาชิกภายใน ครอบครัวหรือเครือญาติ ลกั ณะการถ่ายทอดจะเป็ นการถ่ายทอดจากผูใ้ หญ่สู่เด็กรุ่นใหม่ซ่ึงเป็ นญาติ เป็ นลูกหลาน โดยการสอนท่ารา เพลงต่างๆโดยการขบั สด ร้องสด ราสด ผูเ้ รียนบางคนจะอาศยั อยูก่ บั คนสอนเน่ืองจากถือวา่ เป็นญาติผใู้ หญ่ รามะนา เป็ นการแสดงพ้ืนบา้ น ท่ีใชเ้ ล่นในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีลอยเรือ แต่งเปลว พิธีแกบ้ น เคร่ือง ดนตรีที่ใชใ้ นดนตรีรามะนามีชนิดเดียวคือ กลองรามะนา ซ่ึงเป็นกลองท่ีทาดว้ ยไมข้ ึงหนา้ หนงั ดา้ นเดียว โดยในการบรรเลงจะใช้รามะนาจานวน ๒ – ๓ ใบ มีขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางประมาณ๒๕ – ๒๘ เซนติเมตร ส่วนสูงวดั จากขอบประมาณ ๑๕ – ๒๐เซนติเมตร ส่วนตวั กลองทาดว้ ยไมห้ นงั กลองมีการ นาเอาหนงั ตะกวดและผา้ ใบสังเคราะห์ตรึงดว้ ยหวายหรือเชือกสังเคราะห์รอบขา้ งยึดให้ตึงการบรรเลง ดนตรีรามะนา จะไม่มีพิธีการในการบรรเลงมากนกั โดยจะเร่ิมดว้ ยเพลงแรกท่ีมีเน้ือหาเกี่ยวกบั การ อญั เชิญวิญญาณบรรพบุรุษให้มากินของเซ่นไหว้ และบรรเลงต่ออีก ๖ เพลง เน้ือหาของเพลงกล่าวถึง วถิ ีชีวิตของชาวอูรักลาโวย้ ดนตรีรามะนาในพิธีมีเพลงท้งั หมด ๗ เพลง ลกั ษณะของบทเพลงมีคนร้อง นาหน่ึงคนซ่ึงร้องนาก่อนในแต่ละวรรคเพลง โดยคนร้องท่ีเหลือเป็ นลูกคู่รับ คาร้องของลูกคู่รับมี ลกั ษณะคลา้ ยกบั คาร้องนา ร้องสลบั กนั ไปมาจนจบเพลง เทคนิคการขบั ร้องหลายลกั ษณะเช่น การลกั จงั หวะ การโยกเสียง การผา่ นเสียง การชอ้ นเสียง การสะบดั เสียง การโปรยและการเนน้ เสียง คาร้องของ เพลงใชภ้ าษาของชาวอูรักลาโวย้ ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ภูมิปัญญาของชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู ที่ใชใ้ นการประกอบอาชีพ ไดแ้ ก่ การทาบูบูอีกดั (ไซ ปลา), การทาบูบูนุยฮ (ไซปลาหมึก), การทาปูกยั จ ฮูรัก(อวนกุง้ ), การดูกระแสน้า, การดูทิศทางลม, การ โคจรของดวงจนั ทร์และดวงดาว ภูมิปัญญาด้านหัตถกรรม เช่น การต่อเรือปลาจกั๊ การจกั สานฝาบา้ น สานเส่ือ, เย็บจากมุง หลงั คาบา้ น การจกั สานตะกร้า กนั หมอ้ (ที่รองหมอ้ ), จงนง่ั ทาจากเตยดิน เป็ นที่ใส่ของ เช่น ใส่หมาก พลู ส่รวงขา้ ว ใส่ขา้ วห่อในเรือ สมุกไวใ้ ส่ยา เป็นตน้
๑๓๒ ภูมิปัญญาดา้ นการถนอมอาหาร เช่น ทาปลายา่ ง, ทาปลาเคม็ (ปลาแห้ง), การทาจาวหลู (เคย เคม็ ) การทากะปิ เป็นตน้ ภูมปิ ัญญาการจักรสาน การละเล่น เดก็ ผหู้ ญิงชาวเลชุมชนมูตู จะมีการละเล่น เช่น เล่นขา้ วหุงเลียง,ปิ ดตาลกั ซ่อน, หมากขมุ , มอญ ซ่อนผา้ , เล่นพอ่ แมล่ ูก, เล่นเตย,เป็นตน้ ส่วนเดก็ ผชู้ ายจะเล่น ปลากดั ,วา่ ยน้า, หาปลาหวั กวั , ตกปลาตาม หวั สะพาน ตามโขดหิน,ขวา้ งกระป๋ อง, เล่นซ่อนแอบ, เล่นตารวจจบั ผรู้ ้าย, เล่นยงิ ปื น เป็ นตน้ ส่วนเด็ก ชาวเลในปัจจุบนั มีการละเล่นตามสมยั นิยมเหมือนคนทวั่ ไป เช่น เล่นขายขา้ วแกง ขายก๋วยเต๋ียว ร้อง เพลงเตน้ รา เล่นเป็นครูสอนเด็ก เล่นตุก๊ ตา ส่วนเดก็ ผชู้ าย เล่นน้า ขี่คอกระโดด เล่นยงิ ปื น ตกเบด็ เป็นตน้ วถิ ชี ีวติ จาแนกตามวฒั นธรรมปัจจยั ๔ ไดด้ งั น้ี ทอี่ ยู่อาศัย ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู สร้างท่ีพกั เป็ นบา้ นช้นั เดียวยกพ้ืนสูงกว่าระดบั น้าทะเล บางบา้ น เป็นฝ่ าขดั แตะ อยใู่ กลท้ า่ เรือมูตู แต่ท่ีดินไม่มีเอกสารสิทธ์ิ อยใู่ นเขตป่ าชายเลน
๑๓๓ บ้านชาวเลอรุ ักลาโว้ยชุมชนมูตู การแต่งกาย ในอดีตชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู แต่งกายดว้ ยเส้ือผา้ ไม่มากชิ้น ผูช้ ายนุ่งผา้ ขาวมา้ ผืนเดียว หรือกางเกงชาวเลผา้ ขาวมา้ คาดเอว ไม่สวมเส้ือ ผหู้ ญิงเสลาอยบู่ า้ นจะนุ่งผา้ กระโจมอก ไม่สวมเส้ือ ถา้ ออกไปขา้ งนอกจะสวมเส้ือและนุ่งผา้ ปาเต๊ะสีสด ๆ ปัจจุบนั ชาวเลส่วนใหญ่แต่งกายตามสมยั นิยม ผูช้ ายใส่เส้ือยืด กางเกงยืนส์ ส่วนผูห้ ญิงใส่เส้ือผา้ ตามแฟชนั่ สีสดใส แต่งหน้า สวมใส่เคร่ืองประดบั ส่วนชาวเลสูงวยั ผูช้ ายถา้ อยูก่ บั บา้ นจะนุ่งผา้ ขาวมา้ หรืกางเกงชาวเล ไม่สวมเส้ือ ส่วนผูห้ ญิงถา้ อยูก่ บั บา้ นจะนุ่งผา้ ปาเตะ๊ สวมเส้ือคอกระเชา้ หรือเส้ือหลวม ๆ สบาย ๆ การรักษาโรค ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตูมีความเช่ือวา่ การเจ็บป่ วย เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติหรือผีบรรพบุรุษ ถา้ เจบ็ ไขเ้ พยี งเล็กนอ้ ยก็จะรักษาเองดว้ ยสมุนไพร หรือใหโ้ ต๊ะหมอรักษา และทาน้ามนต์ ปัจจุบนั ชาวเล เขา้ ถึงการรักษาโรคแผนปัจจุบนั มากข้ึน แต่การรักษาโรคแบบพ้ืนบา้ นก็ยงั คงมีใชค้ วบคู่ไปกบั การรักษา แผนปัจจุบนั เช่น เมื่อมีการเจ็บป่ วย โตะ๊ หมอจะดูเทียนเป็ นลาดบั แรก เพ่ือปัดเป่ าส่ิงไม่ดี แลว้ ก็ดูเทียน ตอ่ วา่ จะรักษาดว้ ยวธิ ีไหน การรักษาดว้ ยสมุนไพร เช่น โรคหิด จะใชน้ ้ามนั มะพร้าว ขมิ้น หวั ไพล ยาดา และกระเทียม นาทุกอยา่ งมาต่มรวมกนั แลว้ เคี่ยวให้น้างวด เอามาทาบริเวณท่ีเป็ นจนกวา่ แผลจะหาย เป็ นตน้ อาหาร ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู มีอาหารทะเลประเภท กุง้ หอย ปลา ปู ก้งั ปลาหมีก และเพรียง ทะเล เป็ นอาหารหลัก นามาตม้ ย่าง เผา เช่น ยาหอยติเตบกินกบั น้าชุบเคย หอยตาชัยผดั กระเทียม พริกไทย, ขา้ วยา,แกงกะทิหอยตาชยั กบั มะละกอหรือสับปะรด, ตม้ ส้มหอยตาชยั , แกงกะทิหอยใส่ มะพร้าวควั่ ,ปลาจอ้ มอ้ งตม้ ส้ม, ปลาหมึกผดั ดา,ขา้ วมนั หุงกบั น้ากะทิกินกบั หอยมีดพร้า, หมึกตม้ ตะไคร้ ,หมึกตม้ ส้ม ปลากระเบนยา่ ง,ยาหอยยกษ,์ ยาเห็ดหลุบ, แกงกะทิเห็ดหลุบ เป็นตน้
๑๓๔ การประกอบอาชีพ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู ประกอบอาชีพ ได้แก่ ตกเบ็ด ดาน้าแทงปลา หาหอย เก็บ แมงกระพรุน และล่าสัตวท์ ะเลเป็ นอาหาร เก็บมะพร้าว เก็บยอดผกั ล่าสัตวเ์ ล็ก ตามชายฝ่ังสาหรับปรุง อาหาร เม่ือชาวเลข้ึนมาต้งั ถิ่นฐานบนฝ่ัง ก็เร่ิมเรียนรู้การทาไร่ปลูกขา้ ว ปลูกผกั ผลไม้ ทาสวนยางพารา ฯลฯ แตก่ ็ยงั ยดึ อาชีพประมงเป็นหลกั ในช่วงตอ่ มาชาวเลอุรักลาโวย้ เช่าซ้ืออวน เรือหางยาวพร้อมเครื่องเรือจากนายทุน โดยมีเงื่อนไข วา่ จะตอ้ งจบั กุง้ หรือปลาส่งขายให้กบั นายทุนเพ่ือหักหน้ีสิน หลงั เหตุการณ์ สึนามิ จึงไดร้ ับเรือและ เคร่ืองมือหากินเป็ นของตนเอง เม่ือการท่องเที่ยวเร่ิมเป็ นที่นิยมมากข้ึน ชาวเลท่ีอยู่ใกลแ้ หล่งท่องเที่ยว ออกทะเลหาปลาไปขายร้านอาหาร รับจา้ งแรงงานในโรงแรม รีสอร์ท อาชีพชาวเลอุรักลาโว้ยชุมชนมูตู สภาพปัญหาอุปสรรค ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนมูตู มีปัญหาอุปสรรค ดงั น้ี ๑.พ้ืนท่ีอยอู่ าศยั ส่วนใหญ่เป็ นพ้ืนที่ป่ าชายเลน ไม่มีเอกสารยนื ยนั เป็ นลายลกั ษณ์อกั ษรในการให้ ใชพ้ ้ืนท่ีของป่ าชายเลน ๒.พ้ืนที่อยู่อาศยั บางครอบครัวอยูบ่ นพ้ืนที่ของสานกั งานที่ดิน เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิแต่มี ภ.ท.บ.๕ ภาษีบารุงทอ้ งท่ี หรือ ภาษีดอกหญา้ ซ่ึง ภ.ท.บ.๕ เป็ นเพียงเอกสารท่ีรับรองการเสียภาษีของผู้ ท่ีครอบครองที่ดินดงั กล่าวใหก้ บั หน่วยงานทอ้ งถิ่นซ่ึงในที่น้ีคือ องคก์ ารบริหารส่วนตาบล(อบต) ๓.การทามาหากินและการเขา้ ถึงทรัพยากร เพราะถูกจบั จอง ครอบครอง และประกาศเป็ นพ้ืนที่ คุม้ ครอง ๔. ปัญหาเก่ียวเน่ืองกบั การศึกษาเรียนรู้ ท่ีจะสนบั สนุนการศึกษาในระดบั ที่สูงข้ึน และสนบั สนุน อาชีพท่ีต่อยอดจากความรู้และทกั ษะท่ีมีอยู่
๑๓๕ ชาวเลอุรักลาโว้ยชุมชนกลาโหม หมู่ท่ี ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จงั หวดั กระบ่ี
๑๓๖ แผนทชี่ ุมชนกลาโหม หมู่ท่ี ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จังหวดั กระบ่ี ทมี่ า : Google Earth กราฟิ กดีไซน์ : ฉันท์ชนิต สรรเพช็ ร
๑๓๗ ชาวเลอรุ ักลาโว้ยชุมชนกลาโหม ประวตั คิ วามเป็ นมาของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนกลาโหม เดิมเคยต้งั กระท่อมอาศยั อยู่บริเวณคอคอดของเกาะจานุ้ย ต่อมาสมยั สงครามโลก คร้ังที่ ๒ มีทหารญี่ป่ ุนเขา้ มาบริเวณน้ี และเกิดโรคฝี ดาษระบาด ชาวเลอุรักลา โวย้ เรียกว่า “ยาเก๊ะ บิยี่” ชาวเลจึงยา้ ยไปอยู่หมู่บา้ นแห่งที่สองบริเวณท่ีเรียกว่า “วนั ไพร” หรือเขตผี พราย เพราะที่บริเวณน้ีเคยเป็ นท่ีฝังศพเด็กทารกท่ีคลอดก่อนกาหนด ต่อมามีเด็กและผูใ้ หญ่ชาวเล เสียชีวติ กวา่ สิบคนจากการกินไข่ปลาปักเป้าที่มีพิษ โต๊ะหมอ ช่ือ “วะกาว” จึงเส่ียงทายโดยการดูเทียน แลว้ ให้ชาวบา้ นยา้ ยไปอยูท่ ่ี “ลกั หง่าตอย” (หมายถึง บริเวณที่เกาะของนกอินทรีทะเล) ปัจจุบนั คือ บริเวณริมหาดใกลศ้ าลโตะ๊ บุหรง ตอ่ มา กานนั ตาบลใหช้ าวอูรักลาโวย้ บางส่วนยา้ ยไปอยูด่ า้ นตะวนั ตก เฉียงใตข้ องเกาะ ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ “เซอบือละ” (หมายถึง ดา้ นขา้ งเกาะ) โดยจดั ให้มีเอกสาร ที่ดิน หลงั จากน้นั มีชาวเลบางส่วนขายท่ีดินไปจึงยา้ ยกลบั มาอยูบ่ ริเวณบา้ นกลางและบา้ นเกาะจาอีก คร้ัง ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ เกิดภยั พิบตั ิสึนามิ บา้ นเรือนหลายหลงั บริเวณริมหาดไดร้ ับความเสียหาย จึงมี การสร้างบา้ นถาวรข้ึน โดยได้รับการสนับสนุนการสร้างจากกระทรวงกลาโหม จึงเรียกว่า ชุมชน กลาโหม ชาวเลอุรักลาโวย้ บางครอบครัวที่ไดร้ ับผลกระทบจากภยั พิบตั ิสึนามิก็ได้ยา้ ยเขา้ มาอาศยั ที่ ชุมชนน้ี ทต่ี ้ังแหล่งท่อี ย่อู าศัย ชุมชนกลาโหม หมูท่ ี่ ๓ ตาบลเกาะศรีบอยา อาเภอเหนือคลอง จงั หวดั กระบ่ี พืน้ ทท่ี ากนิ ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนกลาโหม ทาประมงในเขต เกาะเหลากา เกาะยูง เกาะไผ่ เกาะคู่ เกาะ ลนั ตา เกาะเหลาหละ เกาะจานุย้ เกาะเหลาสี เกาะม่วง เกาะตูหลงั เกาะพีพี เกาะหมา เกาะบิหลนั เกาะ ซีม่า เกาะฮง่ั เกาะศรีบอยา อ่าวยาซ่า และบริเวณช่องเภา ในเขตจงั หวดั กระบ่ี รวมถึงป่ าชายเลนใกลท้ ่ี อยอู่ าศยั
๑๓๘ พืน้ ทที่ างจิตวิญญาณ พ้ืนท่ีทางจิตวญิ ญาญของชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนกลาโหม ไดแ้ ก่ ศาลโต๊ะบุหรง (ลกั หง่าตอ้ ย), ศาลโตะ๊ อาดมั ที่เกาะเหลาสี (ปูเลาเบอซี), ศาลโต๊ะแซะ ควนเกาะปู, โตะ๊ กราหมาดบูสาป ท่ีหลงั เกาะ, โตะ๊ เล และพ้ืนท่ีทะเลท้งั หมด, สุสานท่ีฝังศพบริเวณพ้ืนที่ริมทะเลตรงชายฝั่งดา้ นตะวนั ตกของเกาะจา ประชากร ชุมชนกลาโหมมีชาวเลอุรักลาโวย้ อาศยั อยู่ ๓๑ ครัวเรือน จาแนกไดด้ งั น้ี ชาย ๖๑ คน หญิง ๕๖ คน รวมเป็น ๑๑๗ คน ภาษา ภาษาชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนกลาโหม ที่ใช้สื่อสารในชีวติ ประจาวนั มีภาษาพูดแต่ไม่มีภาษา เขียน คาศพั ท์มีน้อย จะมีคาศพั ท์ท่ีเขา้ ใจกนั เฉพาะกลุ่มที่แสดงถึงอตั ลกั ษณ์ของกลุ่มชาติพนั ธุ์ เช่น ประโยคคาถาม เช่น เกา บวยจ นามา? หมายถึง เธอทาอะไร, ประโยคคาสั่ง เช่น ยางนั ลูปา มากดั นาซิ นอ หมายถึง อยา่ ลืมกินขา้ วนะ, ประโยคบอกเล่า เช่น กูญา มากดั ลาโวะ หมายถึง เขากินปลา เป็ นตน้ (ศูนยศ์ ึกษาและฟ้ื นฟูภาษาและวมั นธรรมในภาวะวกิ ฤต.๒๕๖๓, หนา้ ๓๒ – ๓๓) วฒั นธรรม ประเพณ/ี เทศกาล ชาวเลอุรักลาโวย้ ชุมชนกลาโหม มีประเพณีท่ีสาคญั เหมือนกบั ชาวเลอุรักลา โวย้ ชุมชนอ่ืน ๆ ของเกาะจา เพราะเป็ นกลุ่มเดียวกนั อพยพโยกยา้ ยมาจากที่เดียวกนั จึงมีวฒั นธรรม ประเพณีที่ไมแ่ ตกตา่ งกนั ไดแ้ ก่ ประเพณเี ปอตดั ญรี ัย (ประเพณแี ต่งเปรว) ชาวเลอูรักลาโวย้ ชุมชนกลาโหม จะทาพิธีแต่งเปรวหรือหลุมฝังศพ ในเดือน ๔ ของทุกปี ก่อน ถึงวนั งานจะมีคณะกรรมการไปถางหญา้ และตกแต่งหลุมฝังศพ ในวนั ทาพิธีช่วงตอนเชา้ ผหู้ ญิงชาวเล จะเตรียมทาขนม อาหารคาว หวาน เพื่อนาไปเซ่นไหว้ และรับประทานอาหารร่วมกนั โดยมีโตะ๊ หมอ เป็ นผูท้ าพิธี มีการบรรเลงเพลงรามะนา ร้องเพลงเป็ นภาษาอูรักลาโวย้ และมีการเตน้ ราเพลงสมยั ปัจจุบนั ซ่ึงเวทีน้ีจะมีวยั รุ่นและเด็ก ๆ เตน้ กนั ประเพณลี อยเรือ “ตูละบาลา” เป็ นประเพณีความเชื่อที่ชาวอูรักลาโวย้ เกาะจาให้ความสาคญั ที่สุด และถือปฏิบตั ิสืบต่อกนั มา ต้งั แต่บรรพบุรุษ จดั ข้ึนปี ละ๑ คร้ัง วนั แรม ๓ ค่า เดือน ๖ ช่วงเร่ิมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ หรือ“ลมพลดั ”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226