๑๘๙ ๗. ต้นนนทรี หรือ กระถ่ินป่ า ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ อาซับฆาโวะฮ ส่วนที่นามาปรุงยา คือ ส่วนท่ีเป็ นยอดอ่อน มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเริม วิธีทา เวลาเด็ดยอด นนทรี ตอ้ งรอใหน้ ้าทะเลลดลง เม่ือน้าลดลงแลว้ ใหเ้ ด็ดยอดนนทรีมา ๓ ยอด ในช่วงท่ีเด็ดจะตอ้ งกล้นั หายใจ พอไดค้ รบท้งั สามยอดแลว้ นาไปลา้ งให้สะอาด นายอดนนทรีท่ีไดม้ าตาให้ละเอียด ใส่เกลือลง ไปเลก็ นอ้ ย แลว้ นาไปทาบริเวณท่ีเป็นเริม ๘. ต้นผกั บุ้งทะเล ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ โลยตือโล๊ย ส่วนท่ีนามาปรุงยา คือใบ มีสรรพคุณช่วยแกพ้ ษิ หรือบรรเทาอาการปวดจากการโดนพษิ จากสัตวท์ ะเล เช่น แมงก ๙. ต้นรักทะเล ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ บลอ็ ก บลอ็ ก ส่วนท่ีนามาปรุงยา คือ ผลที่สุก มีสรรพคุณช่วยแกต้ าฟาง และรักษาอาการตาแดง วธิ ีทานาผลที่ สุกมีสีขาว นามาหยดท่ีดวงตา ก็จะช่วยรักษาอาการดาแดงได้
๑๙๐ ๙. ต้นสะวาด ภาษาอูรักลาโวย้ เรียกวา่ แรกแี ร่ ส่วนท่ีนามาปรุงยา คือ เมล็ด มีสรรพคุณช่วยในเรื่องการขบั พยาธิ วิธีทา นาเมล็ดไปเผาไฟให้ ไหมเ้ กรียม นามาตาใหล้ ะเอียด แลว้ ทาบริเวณหนา้ ทอ้ งและสะดือ ส่วนใหญ่จะใชก้ บั เดก็ ๆ ส่วนการทาคลอดของชาวเลในอดีต จะมีหมอตาแยหรือโต๊ะบิดดั ทาคลอด ก่อนทาการคลอดจะ มีการท่องบทสวด อุปกรณ์ที่ใชท้ าคลอด ไดแ้ ก่ ๑.มีดไมไ้ ผ่ คือการนาไมไ้ ผม่ าเหลาจนมีความแหลมคมเหมือนมีด ใชใ้ นการตดั สายสะดือเด็ก แรกเกิด ๒. หินใชใ้ นการอยไู่ ฟ ๓.น้าร้อนใชใ้ นการทาความสะอาดอุปกรณ์การทาคลอด และผสมน้าอุน่ เช็ดทาความสะอาดตวั เด็ก ๔.ผา้ ขาวมา้ หรือผา้ ปาเตะ๊ ท่ีสะอาด ใชใ้ นการห่อหุม้ ตวั เด็กหลงั จากทาความสะอาดตวั เดก็ เสร็จแลว้ อาหาร ชาวเลบา้ นแหลมตง มีอาหารทะเล ประเภท กุง้ หอย ปลา ปู ก้งั ปลาหมีก และเพรียงทะเล เป็ น อาหารหลัก นามาต้ม ย่าง เผา หรือกินสด ๆ เช่น หอยติเตบ (หอยนางรมตัวเล็ก) และมีอาหาท่ี รับประทานประจาวนั ไดแ้ ก่ ยาปลิงทราย (กาบูท้ อนนั่ ),หมึกผดั น้าดา (นุย้ รือนกั เบาะฮ อาเย่ ฮีต้บั ), แกง พริกหอยข้ีดาใส่มะละกอ (ฆูลยั ซีโป้ยตาฮี เบาะฮ ตีม่อนกาย)ู ,เพรียงทรายตม้ ใส่เกลือ (รือบุย้ ฮ วตั ฮ), ไข่ เมน่ ยา่ ง (ตะแอม่ ซาไล)้
๑๙๑ อาหารชาวเลบ้านแหลมตง การประกอบอาชีพ ชาวเลบา้ นแหลมตง มีอาชีพประมงเป็นหลกั และทาไร่ทาสวน มีสตั วน์ ้านานาชนิด ท่ีชาวเลหา ไดแ้ ก่ หอย, เพรียงทราย, ปลาปักเป้า, ปลาฉลามหูดา, ปลิงทราย, ไข่เม่นทะเล , ปลิงขาว ,หอยนางรม, หอยน้าพริก (หอยโละ), หอยแครงเลือด, ปลาไหลมอร์เร่ (ปลาม่าหลง), ปลากระเบน, ปลาหมึก กระดอง, หอยมุกแกลบ, หอยชกั ตีน,หอยข้ีดา, หอยทา้ ยเหลี่ยม, หอยขวาน,หอยนมสาว,หอยหนา้ ยกั ษ์, กุง้ เคย, กงุ้ ฝอย, กุง้ มงั กรทุกชนิด, ปลาทุกชนิด, ปูมา้ , ปูดาว, ปูไก่, ดอกไมท้ ะเล(เห็ดหลุบ) และสาหร่าย พวงองุ่น อุปกรณ์ในการทาประมง ไดแ้ ก่ แวน่ ตาดาน้า, ฉมวกแทงปลา, เบด็ ตกปลา, ลอบไมไ้ ผ,่ เหล็ก เจาะหอย, ตะกร้าไมห้ วาย ในอดีตช่วงมรสุม ชาวเลจะทาสวน พืชท่ีชาวเลปลูก ไดแ้ ก่ มะพร้าว มะม่วงหิมพานต์ มะม่วง ส้ม ละมุดฝรั่ง ส้มโอ กลว้ ย มะกอก สับปะรด หน่อไม้ มะขาม มะละกอ มนั สาปะหลงั กระทอ้ น ขนุน และผกั สวนครัว เช่น พริกข้ีหนู บวบ ข้ีพร้า ข้าวโพด มะเขือ มะระข้ีนก แตงกวา ตะไคร้ ขมิ้น ข่า มะกรูด มะนาว ผกั บุง้ กระถิน และปลูกขา้ วไร่ปี ละคร้ัง ในการปลูกขา้ วจะมีการลงแขกช่วยกนั ของคน ในหมู่บา้ น นอกจากน้ีชาวเลยงั เล้ียงไก่ เล้ียงเป็ ดไวเ้ ป็ นอาหารดว้ ย ปัจุบนั พ้ืนที่ทาสวนเป็ นเขตอุทยาน แห่งชาติ ทาใหช้ าวเลไมส่ ามารถใชพ้ ้ืนท่ีในการเพาะปลูกได้ บางคนจึงประกอบอาชีพทางการท่องเที่ยว เช่น ขบั เรือรับจา้ งพานกั ท่องเท่ียวไปตามสถานท่ีต่าง ๆ รับจา้ งตามโรงแรมและรีสอร์ท เป็นตน้
๑๙๒ สภาพปัญหาอปุ สรรค ชาวเลบา้ นแหลมตงมีปัญหาอุปสรรค ดงั น้ี ๑. ชุมชนยงั ไม่มีการประกาศใหเ้ ป็นโฉนดชุมชนชาวเลบา้ นแหลมตง เกาะพพี ี จงั หวดั กระบ่ี ๒. ทางสาธารณะไปโรงเรียนถูกรีสอร์ทปิ ดป้ายประกาศ ห้ามบุคคลภายนอกเขา้ ก่อนไดร้ ับ อนุญาตส่งผลใหก้ ารสญั จรไปมา ระหวา่ งชุมชนและโรงเรียนสะดวกเทา่ ที่ควร ๓. พ้นื ท่ีสาธารณะหนา้ ชายหาดของชาวเลถูกรุกล้าเพื่อต้งั ร้านอาหาร ๔. พ้นื ท่ีทากินทางทะเลมีปัญหากบั เจา้ หนา้ ที่อุทยานบ่อยคร้ัง ๕. พ้นื ท่ีศกั ด์ิสิทธ์ิหรือพ้ืนท่ีทางจิตวญิ ญาณ ของชุมชนชาวเลแหลมตงเกาะพีพี ประกอบดว้ ย ๕.๑ ดาโตะ๊ (โตะ๊ มะ๊ อีซา-โตะ๊ มาเน๊อะ) มีขนาดพ้ืนท่ี ๕๐ ตารางเมตร ประสบปัญหาดา โต๊ะอยู่ในเขตของเอกชน คือโรงแรมพีพีเนเจอรัล รีสอร์ท มีความลาบากในการทาพิธีกรรมซ่ึงตอ้ งขอ อนุญาตโรงแรมก่อนที่จะมีการทาพธิ ี ๕.๒ ดาโต๊ะใตต้ น้ ไทรใหญ่หนา้ หมู่บา้ น (ดาโต๊ะปูโฮดกายา่ ) มีขนาดพ้ืนท่ี ๕๐ ตาราง เมตร ประสบปัญหามีการสร้างร้านอาหารของผูป้ ระกอบการล้อมรอบต้นไทรใหญ่ ส่งผลให้การ ประกอบพธิ ีกรรมไมส่ ามารถดาเนินการได้ พ้ืนท่ีถูกปิ ด ๕.๓ พ้ืนท่ีสุสานปัจจุบนั (ปาตยั ยรี ัจ) มีขนาดพ้ืนท่ี ๒ ไร่ ประสบปัญหานายทุนออก เอกสารทบั ที่บริเวณสุสาน
๑๙๓ ภาคผนวก
๑๙๔ ภาคผนวก จากการศึกษากลุ่มชาติพนั ธุ์ชาวเลจงั หวดั กระบี่ พบวา่ ชาวเลจงั หวดั กระบี่ผา่ นยุคธรณีกาลเขา้ สู่ ยคุ โบราณคดี ” ตามหลกั การสากลของกลุ่มชาติพนั ธุ์ ที่แบ่งยุคสมยั ไวด้ งั น้ี ยุคธรณีกาล ยคุ โบราณคดี และยคุ ประวตั ิศาสตร์ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกนั จากหลกั ฐานการปรากฏตวั ของชาวเลท่ีเดินทางมายงั เกาะลนั ตา จงั หวดั กระบ่ี ในปลายกรุงศรีอยธุ ยา แมน้ กั วชิ าการโบราณคดีจะเทียบอา้ งวา่ เผา่ พนั ธุ์มนุษย์ เริ่มมาต้งั แต่ ๔.๔ ลา้ นปี ตามหลกั ฐานการขุดคน้ พบโครงกระดูกในประเทศเอธิโอเปี ย และหลกั ฐาน การมีมนุษยล์ ูซี่ เม่ือ ๓.๕ ลา้ นปี ก็ตาม แต่หลกั ฐานของชาวเล ก็ยอ้ นกลบั ไปไดไ้ ม่ไกลมากนกั ชาวเลจงั หวดั กระบ่ี ไดใ้ ช้ลายลกั ษณ์อกั ษร สร้างหนังสือทามือ เมื่อ พ.ศ.๒๕๖๒ เช่น เรื่อง บากดั นอนเกาะ (มอภ.จห.15566) หนงั สือทามือ ๑ เร่ืองในจานวน ๖ เรื่อง ที่เยาวชนชาวเลบา้ นสังกาอู้ เกาะลันตา สร้างข้ึนมา ทาให้ชาวเลจังหวดั กระบ่ีได้เปลี่ยนผ่านจากยุคโบราณคดีมาเป็ นยุค ประวตั ิศาสตร์ สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั กระบี่ ได้สร้างเครือข่ายอูรักลาโวย้ กระบี่ (มอภ.จห. 15607) ใน โปรแกรม LINE เมื่อวนั ที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ชาวเลหลายคนไดเ้ ขา้ ไปเล่าเรื่องกลุ่มชาติพนั ธุ์ ชาวเลดว้ ยความสมคั รใจ เช่น สมจิตร ทะเลลึก เดี่ยว ทะเลลึก ทศั ธยา ชา้ งน้า พรสุดา ประโมง กิจ นารี วงสายชล และในวนั ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ มาตูแดง (จนั ดี) ชา้ งน้า ชาวเลจากบา้ นคลอง ดาว ไดบ้ นั ทึกลาฆูตีปูบริโกะนามะตีโหนะ (เพลงกล่อมเด็ก) จานวน ๘ เพลง เช่น เพลงฮูยนั ดาตงั (เพลงฝนตก) (มอภ.จห.15606) เป็นการสนบั สนุนวา่ ชาวเลจงั หวดั กระบี่เขา้ สู่ยคุ ประวตั ิศาสตร์ของกลุ่ม ชาติพนั ธุ์ชาวเล จากหลกั ฐานดงั ต่อไปน้ี
๑๙๕
๑๙๖ เนื้อเพลงชมลูกชมหลาน (ทูเท้งอานน) ทมี่ ะตูแดง ช้างนา้ ยงั จาได้ (จันทรดี ช้างนา้ ให้ข้อมูล ๒๕๖๔) ข้อเสนอแนะสาหรับการศึกษาคร้ังต่อไป ๑. ควรศึกษาภูมิปัญญาชาวเลในเร่ืองการรักษาโรคโดยใชส้ มุนไพร เพราะนบั วนั จะสูญหายไป เร่ือย ๆ ๑.๑ ควรเก็บรวบรวมการใชย้ าสมุนไพรของชาวเลไวท้ ุกขนาน ๑.๒ ยาสมุนไพรทางด้านเวชบาบดั ควรมีการตรวจสอบคุณสมบตั ิในทางเคมี และ ทดลองใชใ้ หม้ ีผลในการรักษาบาบดั โรค ๒.ควรศึกษาเร่ือง “บาฆดั ” ของชาวเลในเชิงลึก เพราะเป็ นวถิ ีชีวติ ด้งั เดิมของชาวเล แต่ปัจจุบนั มีปัญหากบั อุทยานแห่งชาติ ๓. ควรศึกษาเฉพาะพ้ืนท่ี เฉพาะชุมชน เพราะจะไดข้ อ้ มูลเชิงลึก การเก็บขอ้ มูลหลายชุมชน หลายพ้ืนที่ในเวลาเดียว ทาได้ยากมาก ท้งั การเดินทาง ท้งั การให้ขอ้ มูลของกลุ่มตวั อย่าง ท้งั เวลาท่ีมี จากดั สภาพภูมิอากาศไม่เอ้ืออานวย โรคระบาดที่เส่ียงท้งั ผเู้ กบ็ ขอ้ มูลและผใู้ หข้ อ้ มูล คา่ ใชจ้ ่ายท่ีควบคุม ไมไ่ ดเ้ พราะการเดินทางต่างพ้ืนท่ี ๔. ภาษาชาวเล ๔.๑ ควรจดั ทา ดรรชนีคา ใหส้ ามารถเช่ือมโยง (Link) ถึงความหมายและเน้ือเร่ืองได้
๑๙๗ ๔.๒ ควรจดั ทาพจนานุกรมภาษาชาวเล ประกอบภาพ เพ่อื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจ”คา” ตรง กบั “ภาพ” ๔.๓ ดว้ ยหลกั ภาษาไทยใต้ ไดใ้ ชอ้ กั ษรกลาง (กจฎฏดตบปอ) เป็ นเสียงระดบั กลาง ใช้ อกั ษรสูง (ขฃฉฐถผฝศษสห) เป็นระดบั เสียงสูง และอกั ษรต่า เป็นเสียงระดบั ต่า การมีอกั ษรต่าคู่ จึงแยก ใชอ้ กั ษรตามเสียงสูงต่า และเสียงชาวเลมีเสียงใกลเ้ คียงระหวา่ งระเบิดสิถิลกบั ระเบิดธนิต เช่น บากดั -บา ฆดั ลากู-ลาฆู ขดั แยง้ กบั เสียงภาษาไทยกลางมาตรฐาน ที่ใชอ้ กั ษรสูงเป็นเสียงระดบั ต่า ใชอ้ กั ษรต่าเป็ น เสียงระดบั สูง ภาษาชาวเลมีใชใ้ นภาคใต้ อิทธิพลของภาษาไทยถิ่นใตจ้ ึงมีผลกบั เสียงภาษาชาวเล แต่ เม่ือชาวใตแ้ ละชาวเลไดศ้ ึกษาเล่าเรียนเป็ นภาษาไทยกลาง ความสับสนในการเขียนรูปแบบคาจึงทาให้ ปะปนจนแยกไม่ได้ว่าคาไหนจะเขียนคาในรู ปแบบอย่างไร ถึงแม้ในงานวิจัยจะมีนิยามเป็ น เฉพาะงาน แตก่ ค็ วรมีหลกั ในการเขียนภาษาชาวเลเป็นภาษาไทย การกาหนดสัทอกั ษร ถา้ เป็ นไปได้ ก็ควรพิจารณาร่วมกนั สัทอกั ษรระดบั เสียงวรรณยกุ ต์ ราช บณั ฑิตยสภาก็กาหนด ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ไวต้ ่างจากพจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ ในประเทศไทยเดียวกนั ถา้ ต่างภูมิภาคเป็นอิสระ ตา่ งส่วนตา่ งใช้ จะก่อใหเ้ กิดความสบั สนต่อผใู้ ชภ้ าษา การใชร้ ูปแบบอกั ษรเพอ่ื ใชใ้ นภาษาชาวเล อีกประการหน่ึงคือคาที่มีเสียงทา้ ยคา จะกาหนดให้ มีหรือไม่ให้มี เช่น อูรักลาโวย้ จ มี จ ตาม ในแต่ละจงั หวดั ที่มีการใช้ภาษาชาวเลอูรักลาโวย้ ได้แก่ จงั หวดั สตูล จงั หวดั กระบี่ และจงั หวดั ภูเก็ต จึงควรมีกาหนดร่วมกนั ในการใชอ้ กั ษรแทนเสียง และภาษา มอแกนซ่ึงเป็ นกลุ่มชาวเลในจงั หวดั ระนอง จงั หวดั พงั งาและจงั หวดั ภูเก็ต ก็ควรจะไดพ้ ิจารณารูปแบบ การใชอ้ กั ษรแทนเสียงที่ไม่ตา่ งกบั ภาษาอูรักลาโวย้ การจดั ทาบทความ และ/หรืองานวจิ ยั ควรมีคาศพั ทภ์ าษาอูรักลาโวย้ ไวใ้ นเอกสารน้นั สถานศึกษาควรจดั เป็ นสอนการใชภ้ าษาอูรักลาโวย้ ทุกระดบั ช้นั เรียน อยา่ งน้อยสัปดาห์ละ ๑ ชวั่ โมง ในการเรียนการสอน ควรสอนคาศพั ทอ์ ูรักลาโวย้ ที่จะนาภาษาอูรักลาโวย้ มาใชใ้ นชีวติ ประจาวนั และการประพนั ธ์ มีกิจกรรมสร้างหนงั สือทามือ จดั นิทรรศการในวนั มีพธิ ีกรรม ประกวดคาประพนั ธ์ เช่น .
๑๙๘ “วรรณกรรมชาวเล” ‘แสงวนั สวรรค์คืน’ ← คลกิ้ ฟังเสียง (มอภ.จห.๑๕๖๑๐) . . มาตาอารี ซูโละฮฺ โซะฮฺ ปาฆี้ ตาปี บูหล้ดั ซูโละฮฺ โซะฮฺ มาหล้บั . แสงวนั สวรรค์คืน พระอาทติ ย์ส่องวนั พระจันทร์ส่องคืน . พระอาทติ ย์ส่องสว่างในตอนเช้า แต่พระจันทร์ ส่ องแสงยามค่าคืน (พรสุดา ประโมงกิจ ใหข้ อ้ มูล ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) ... อกี เร่ืองคือ . ดาวเคยี งเดือน . ตหี ย่งู อาเย่ ฆารี อกี ด๊ั ตีหย่งู บูหล้ดั ฆารี บีต้ัก รูโซะญา . มองนา้ เห็นปลา มองเดือนเหน็ ดาวอยู่เคียงข้าง (พรสุดา ประโมงกจิ ให้ข้อมูล ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔)
๑๙๙ ตวั อย่างหนังสือทามือ เบอนีกะฮ์ หนังสือทามือของศันศนีย์ ทะเลลกึ เป็ นภาษาอูรักลาโว้ย ไม่แปลเป็ นภาษาไทย กล่าวถึงพธิ ีการ แต่งงาน มภี าพประกอบท้งั ๙ หน้า (มอภ.จห.๑๕๕๖๕) ๕. รองเงง็ ๕.๑ สถานศึกษาควรคดั เยาวชนใหฝ้ ึกฝนการใชไ้ วโอลิน ใหม้ ีนกั ดนตรีไวโอลิน ทุกช้นั ปี อยา่ งนอ้ ยทุกช้นั ปี ละ ๑ คน ๕.๒ ลาฆูรองเงง็ ตอ้ งมีเน้ือร้องเป็นภาษาอูรักลาโวย้ แต่สงั คมชาวเล เร่ิมเบ่ียงเบนจาก ภาษาอูรักลาโวย้ มาเป็ นภาษาไทย ชาวเลวยั ผูใ้ หญ่เพียงรู้คาภาษาอูรักลาโวย้ จึงใชภ้ าษาอูรักลาโวย้ ปน กบั ภาษาไทย เยาวชนชาวเลมีนอ้ ยคนท่ีจะใชภ้ าษาอูรักลาโวย้ เมื่อภาษาอูรักลาโวย้ เลือนหายไป เน้ือ ร้องลาฆูรองเง็งก็ลดลงตาม จึงเห็นควรให้สถานศึกษาคดั เลือกและฝึ กฝนเยาวชนไวส้ ่วนหน่ึงให้มี ศกั ยภาพพอที่จะรักษาเน้ือร้องรองเง็งไว้ ๖. งานวจิ ยั ๖.๑ ดว้ ยเหตุที่ชาวเลมีกลุ่มท่ีพกั ที่อาศยั เป็นหลกั แหล่ง มีแหล่งบาฆดั ที่ถูกหน่วยงาน รัฐกาจดั ขอบเขตให้ชาวเลพิการทางการประมง มีภาษาอูรักลาโวย้ ใช้ประจากลุ่มชาติพนั ธุ์ท่ีมีแนวโนม้ สูญหายในช่วงหลานเหลน มีประเพณีท่ีปราศจากชีวิตและจิตวิญญาณ แมม้ ีงานวิจยั ช่วยพยุง ต่าง หน่วยงาน ต่างสถาบนั ต่างปฏิบตั ิการ ไม่มีเอกภาพ แมง้ านวิจยั จะมีระบบให้ศึกษาทบทวน วรรณกรรม แต่งบประมาณตอ้ งเป็ นไปตามวาระระบบระเบียบของรัฐ ไม่เอ้ือต่อปัญหาที่เขา้ มาขวาง ก้นั จะเห็นไดว้ า่ มีงานวจิ ยั ซ้าซอ้ นเกิดข้ึน ๗. คณะกรรมการปฏิรูประบบบริหาร สภาขบั เคล่ือนปฏิรูปประเทศ ได้สรุปปัญหาชาวเลไวจ้ านวนมากรายการ มีการต้งั กรรมการ พิจารณากรรมการงานให้ทนั เวลา ปรากฏอยใู่ นรายงานขอ้ เสนอการปฏิรูปเพ่ือส่งเสริมชุมชนกลุ่มชาติ พนั ธุ์เขม้ แขง็ : กรณีกลุ่มชาติพนั ธุ์ชาวเล จึงขอเสนอให้มีคณะกรรมการชาวเลแห่งชาติ เป็ นศูนยป์ ฏิบตั ิการเพ่ือชาวเลในจงั หวดั สตูล จงั หวดั กระบ่ี จงั หวดั ภูเกต็ จงั หวดั พงั งา และจงั หวดั ระนอง เพือ่ ปฏิบตั ิงานใหก้ บั ชาวเลตามท่ีปรากฏใน ๗.๑ ในช่วงท่ีไม่มีคณะกรรมการชาวเลแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งกบั ชาวเล ท่ีมี
๒๐๐ ตน้ สังกดั ต่างกนั มีงบประมาณสนบั สนุนชาวเลที่ไม่มีเอกภาพและไร้ประสิทธิภาพ ควรร่วมมือฟัง ความคิดเห็นและสร้างแนวทางในการปฏิบตั ิอย่างมีสัมพนั ธภาพ ศูนยป์ ระสานงานกลางชาวเลควร จดั ทาเวบ็ ไซต์ชาวเล เป็ นเวบ็ ไซต์ DATABASE ท่ีเป็ นสาธารณะ ให้เป็ นท่ีรวมงานวิจยั ที่สัมพนั ธ์กบั ชาวเลท้งั ๒ เผา่ ภาษา นาขอ้ เสนอแนะทางดา้ นภาษามาไวใ้ นเวบ็ ไซต์ ให้เป็ นเสมือนพจนานุกรมชาวเล และ/หรือสารานุกรมชาวเล ท่ีใหข้ อ้ มูลจากทุกงานวจิ ยั ทุกบทความ ทุกคาส่งั ของรัฐ ๗.๒ เวบ็ ไซตช์ าวเล ควรมีสาระจากงานวจิ ยั ชาวเลทุกเรื่อง จากบทความชาวเลทุก เรื่อง มีคาภาษาชาวเลท้งั ๒ กลุ่ม มีภาพ มีเสียงคาภาษาชาวเล แต่ละคาที่เป็ นคานาม สรรพนาม ให้มี ภาพประกอบ ทุกคามีความหมายเป็นภาษาไทย และ/หรือเทียบภาษาไทย ท้งั ภาษาถ่ินใตแ้ ละภาษากลาง มาตรฐาน ใหม้ ีคาคน้ ที่คน้ คา คน้ ภาพ คน้ เสียงได้ เป็ นเวบ็ ไซตท์ ี่สามารถเพ่ิมเติมขอ้ มูลใหม่ ๆ ไดใ้ น อนาคต เพอื่ เป็นฐานขอ้ มูลชาวเลให้ผูว้ ิจยั ใชเ้ ป็ นขอ้ มูลทบทวนวรรณกรรมชาวเล งานวจิ ยั เร่ืองใหม่จะ ไดพ้ ฒั นาช่วยชาวเลไดอ้ ยา่ งเห็นผลเป็นที่ประจกั ษ์ การจดั ทาเวบ็ ไซตช์ าวเลดงั กล่าว ควรทาก่อนงานใด ๆ เพื่องานวจิ ยั ที่ไดใ้ ชเ้ วบ็ ไซต์ ชาวเล เป็นงานวจิ ยั บทที่ ๒ การทบทวนวรรณกรรม และงานวจิ ยั ในบทอื่น ๆ ที่กรรมการพึงตรวจและ/ หรือติดตามงาน ก็ปรากฏความกา้ วหนา้ ในเวบ็ ไซตน์ ้ี ท้งั น้ี มิไดห้ มายถึงการตรวจสอบกา้ วก่ายงาน แต่ ให้เป็ นไปเพ่ือมิให้งานซ้าซ้อน และต่อยอดซ่ึงกนั และกนั ได้ เพื่อใชง้ บประมาณอนั จากดั ไดเ้ ขา้ ถึงและ แกป้ ัญหาใหก้ บั ชาวเลไดต้ รงจุด
๒๐๑
๒๐๒ แบบสอบถามกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุชาวเลในจงั หวดั กระบ่ี ข้อมูลส่วนตวั ของผ้ใู ห้สัมภาษณ์ ช่ือ.............................................................................สกลุ ................................................................................. เพศ............................................................................อาย.ุ ................................................................................. ที่อย.ู่ .................................................................................................................................................................. ๑. ประวตั ิความเป็ นมาของชุมชน.............................................................................................................. ๒. พ้นื ท่ีทากิน............................................................................................................................................ ๓. พ้ืนท่ีทางจิตวญิ ญาณ............................................................................................................................. ๔. ภาษา..................................................................................................................................................... ๕. วฒั นธรรม ๕.๑ ประเพณี /เทศกาล....................................................................................................................... ๕.๒ พธิ ีกรรม.................................................................................................................................... ๕.๓ คติ ความเชื่อ ตานาน.................................................................................................................. ๖. ศิลปะการแสดง ศิลปิ น......................................................................................................................................... ๗. ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น................................................................................................................................................ ๘. การละเล่น............................................................................................................................................................. ๙. วถิ ีชีวติ ๙.๑ ท่ีอยอู่ าศยั ..................................................................................................................................... ๙.๒ การแตง่ กาย................................................................................................................................ ๙.๓ การรักษาโรค............................................................................................................................. ๙.๔ อาหาร........................................................................................................................................ ๑๐. การประกอบอาชีพ ............................................................................................................................................ ๑๑. สภาพปัญหาอปุ สรรค........................................................................................................................................
๒๐๓ บรรณานุกรม
๒๐๔ บรรณานุกรม กนก ชูลกั ษณ์. (๒๕๓๑). “การแต่งงานของชาวเล” ในประเพณเี กาะภูเกต็ หน้า ๘๒ – ๘๘. ภูเก็ต : วทิ ยาลยั ครูภูเก็ต. กลุ่มชาติพนั ธุ์พ้ืนท่ีในจงั หวดั ลาปาง. (๒๕๖๓). ลาปาง : สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ลาปาง “ข้อมูลทว่ั ไปจังหวดั กระบ่ี”. อรุณรัตน์ สรรเพช็ ร คน้ จาก http://krabi.thailocal link.com /content/general เม่ือกนั ยายน ๒๕๖๔. เขมชาติ เทพไชย พลู ศรี รัตนหิรัญ และรวยร่ืน รัตนพงศ.์ (๒๕๒๙). “ชาวเล” ในสารานุกรมวฒั นธรรมภาคใต้ เล่ม ๓ หน้า ๙๖๓ – ๙๗๓. เขมชาติ เทพไชย และวสิ ิฎฐ์ มะยะเฉียว. (๒๕๒๘). “ชาวเล” รูสมแิ ล ๘(๒) : ๕๔ – ๖๓ ; มกราคม – เมษายน. จรัส งะ๊ สมนั . (๒๕๓๔). การศึกษานิทานชาวเลจังหวดั สตูล. วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิตสาขาไทยคดีศึกษา มหาวทิ ยาศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา. จารุวฒั น์ นวลใย. (๒๕๖๔). ข้อมูลภูมปิ ัญญากล่มุ ชาติพนั ธ์ุชาวเลภูเกต็ . ภูเกต็ : สานกั งานวฒั นธรรม จงั หวดั ภูเกต็ . จารุวฒั น์ นวลใย เฉลิมศกั ด์ิ พกิ ลุ ศรี และเรวดี อ้ึงโพธ์ิ. ดนตรีรูเงกในพธิ ีกรรมแก้บนของกลุ่ม ชาติพนั ธ์ุอรู ักลาโว้ย. ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. เจน จรจดั (นามแฝง). (๒๕๒๕). “อูรักลาโว้ย วิญญาณอสิ ระแห่งท้องทะเล”. อสท. ๒๒(๓) ๔๗- ๔๘ ; มีนาคม ๒๕๒๕. ฉนั ทสั ทองช่วย. (๒๕๒๘). “ชาวเลและภาษาชาวเลเกาะสิเหร่” ในรายงานการสัมมนาประวตั ิศาสตร์ ถลาง หน้า ๒๖๒ – ๒๗๖. ภูเกต็ : องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ภูเก็ต. ชาวเลมอแกน มอแกลน อูรักลาโวย. (๒๕๖๓). กรณชี ุมชนท้องถ่ินด้ังเดมิ กล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุชาวเล. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิชุมชนไทย. ทวชี ยั ทะเลลึก และพิชิต ประมงกิจ. (๒๕๖๓). ยรี ัยจยุเบอลยั . กระบี่ : สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และสถาบนั วจิ ยั ภาษา และวฒั นธรรม เอเชีย มหาวทิ ยาลยั มหิดล ๑๑ หนา้ .
๒๐๕ บรรณานุกรม (ต่อ) ทีมวจิ ยั ชุมชนชาวอูรักลาโวย. (๒๕๖๑). แมะฮ กาลา อรู ักลาโวย. กระบ่ี : กระทรวงวฒั นธรรม, มูลนิธิ เพอ่ื การฟ้ื นฟูภาษาและภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน, สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการวิจยั (สกว.), ศูนญ์ ศึกษาและฟ้ื นฟูภาษา : วฒั นธรรมในภาวะวกิ ฤต และสถาบนั วจิ ยั ภาษาและวฒั นธรรมเอเชีย มหาวทิ ยาลยั มหิดล ๑๑๙ หนา้ . นฤมล ขนุ วชี ่วย และมานะ ขนุ วชี ่วย. (๒๕๕๓). ชีวติ และวฒั นธรรมชาวเลอูรักลาโว้ยแห่งท้องทะเล อนั ดามนั . หนา้ ๑๒. นฤมล หิญชีระนนั ทน์ อรุ โณทยั . (๒๕๔๒). ชีวติ พวกเราชาวทะเล We, the Sea People ก่ามอย ออลางมอแกน ก่ามี่ อูรักลาโว้ย. (สนบั สนุนโดยรัฐบาลองั กฤษ) กรุงเทพฯ : สถาบนั วจิ ยั สงั คม จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . นฤมล อรุโณทยั พลาเดช ณ ป้อมเพชร และจีระวรรณ์ บรรเทาทุกข.์ (๒๕๔๙). ชีวติ พวกเราชาวอูรักลาโว้ย แหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ ภูเกต็ . กรุงเทพฯ : โครงการนาร่องอนั ดามนั สถาบนั วจิ ยั สงั คม จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . นฤมล อรุโณทยั และคนอ่ืน. (๒๕๕๗). ทกั ษะวฒั นธรรมชาวเล ร้อยเร่ืองราวชาวเล – มอแกน มอแกลน และอูรักลาโว้ย ผู้กล้าแห่งอันดามนั . ๒๕๓ หนา้ . ประทีป ชุมพล. (๒๕๒๔). “ชาวเลข้อสังเกตบางประการเกย่ี วกบั สังคมชีวติ และการศึกษา”. และใต.้ ๕(๒) : ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ – พฤษภาคม. ประเทือง เครือหงส์. (๒๕๑๙). ชาวเล (ชาวนา้ ) ในเมืองไทย. กรุงเทพ ฯ : ห.จ.ก. บรรณกิจเทรดดิ้ง ๑๗๕ หนา้ . ประพนธ์ เรืองณรงค.์ (๒๕๑๗). “ชาวนา้ ทเี่ กาะอาดัง” วทิ ยาสาร. : ๓๒ - ๓๘ ; เมษายน. ประภารัตน์ สุขศรีไพศาล. (มปป.). วถิ กี ารทามาหากนิ ในปัจจุบันของชาวเลอรู ักลาโวย หมู่บ้านสังกะอู้ อาเภอเกาะลันตา จังหวดั กระบี่. ภาคนิพนธ์สาขาเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตศ้ ึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ๒๕๕๙. ประสิทธ์ิ เอ้ือตระกลู วทิ ย.์ (๒๕๓๔). “พธิ ีกรรมและความเชื่อของชาวเล : ศึกษาจากภาพเขียนสี สมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร์ในภาคใต้ของประเทศไทย”. สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตร์บณั ฑิต ภาควชิ าโบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร.
๒๐๖ บรรณานุกรม (ต่อ) ปรีดา คงแป้น บรรณาธิการ. (๒๕๕๕). วกิ ฤติชีวติ ชาวเล. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิชุมชนไทยพวงผกา. เชาวนไ์ วย.์ (๒๕๕๙). วถิ ีชีวติ ชาวเล ชุมชนบ้านสะปา. ภูเกต็ : สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ภูเก็ต ๕๔ หนา้ . พวงผกา เชาวนไ์ วย.์ (๒๕๕๙). วถิ ีชีวติ ชาวเล บ้านหินลูกเดียว. ภูเกต็ : สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ภูเก็ต ๕๒ หนา้ . ________________. (๒๕๖๐). วถิ ชี ีวติ ชาวเล ชุมชนบ้านแหลมหลา. ภูเกต็ : สานกั งานวฒั นธรรม จงั หวดั ภูเกต็ ๕๒ หนา้ . พฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษยจ์ งั หวดั กระบ่ี, สานกั งาน รายงานสถานการณ์ทางสังคม จงั หวดั กระบ่ี พ.ศ.๒๕๖๔. (๒๕๖๔). หนา้ ๘. พไิ ลวรรณ ประฤติ. (๒๕๕๘). การศึกษาความยัง่ ยืนของการดารงชีพบนเกาะขนาดเลก็ ของชาวเล อูรักลาโว้ย : กรณศี ึกษาเกาะหลเี ป๊ ะ ประเทศไทย. ปริญญาปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าการ จดั การทรัพยากรเกษตรเขตร้อน มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์. พ้ืนที่จิตวิญญาณ. (มปป.). โครงการสิทธิทางวฒั นธรรม. ไมป่ รากฏสถานที่พิมพ.์ มูลนิธิชุมชนไทย เครือข่าวชาวเล. วกิ ฤตชุมชนชาวเล. เม่ือ “พ้นื ท่ีทางกายภาพและจิตวญิ ญาณ” ถูก คุกคาม สานกั ขา่ วอิศรา ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ สอดคลอ้ งกบั นฤมล อรุโณทยั พลาเดช ณ ป้อมเพชร และจิระวรรณ์ บรรเทาทุกข์ (๒๕๔๙ หนา้ ๒). เยรินี วิเคราะห์เคา้ เง่ือนประวตั ิศาสตร์ถลาง สุเทพ ปานดิษฐ์ และสมหมาย ปิ่ นพทุ ธศิลป์ แปลและเรียบเรียง ใน www.phuketdata.net. เยาวนิตย์ ศรีละมุล. (๒๕๔๑). ศึกษาวฒั นธรรมเกย่ี วกบั ปัจจัยพืน้ ฐานการดารงชีวติ ของชาวเลเกาะ ลเิ ป๊ ะ ตาบลเกาะสาหร่าย อาเภอเมือง จังหวดั สตูล. วทิ ยานิพนธ์สาขาไทยคดีศึกษา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ : สงขลา. เยาวลกั ษณ์ ศรีสุกใส. (๒๕๔๕). การเปลยี่ นแปลงทางสังคม-เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม : ศึกษากรณี ชาวเลสังกาอู้ อ.เกาะลนั ตา จ.กระบี่. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . บทคดั ยอ่ . ราชบณั ฑิตยสถาน. (๒๕๑๒). สารานุกรมไทยฉบบั บัณฑิตยราชสถาน เล่มที่ ๑๐. หนา้ ๖๒๒๕.
๒๐๗ บรรณานุกรม (ต่อ) วฒั นธรรมจงั หวดั กระบี่, สานกั งาน. (๒๕๕๓). รายงานผลการดาเนินงานฟื้ นฟูวถิ ีชีวิตกล่มุ ชาติพนั ธ์ุ ชาวเลและชาวกะเหร่ียงตามมติคณะรัฐมนตรี ๒๕๕๓ จังหวดั กระบี่. “๑๐ ปี มติคณะรัฐมนตรี กา้ วยา่ งสู่ความยงั่ ยนื ของกลุ่มชาติพนั ธุ์” ๒๕๖๓. วฒั นธรรมจงั หวดั กระบ่ี, สานกั งาน. (๒๕๖๒). ฉันคือใคร อูรักลาโวย. กระบ่ี : สานกั งานวฒั นธรรม จงั หวดั กระบ่ี ๔๓ หนา้ . วสิ ิฏฐ์ มะยะเฉียว. (๒๕๒๘). “สภาพปัจจุบันของชาวเลภูเกต็ ชาวเลและภาษาชาวเลเกาะสิเหร่” ในรายงานกาสัมมนาประวตั ิศาสตร์ถลาง ๒๔๖ - ๒๕๒. ภูเกต็ : องคก์ ารบริหารส่วน จงั หวดั ภูเกต็ . ไวยง่ิ ทองบือ และคนอื่น. (๒๕๖๒). “มอแกน มอแกลน อรู ักลาโว้ย” เครื่องแต่งกาย กลุ่มชาติพนั ธ์ุ ในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : เครือขา่ ยส่ือชนเผา่ พ้ืนเมือง และสภาชนเผา่ พ้นื เมืองแห่ง ประเทศไทย ๙๕ หนา้ . ศนั สนีย์ ทะเลลึก และคนอื่น. (๒๕๖๓). ยรี ัยจยุเบอลยั . กระบ่ี : สานกั งานกองทุนสนบั สนุน การสร้างเสริมสุขภาพ และสถาบนั วจิ ยั ภาษาและวฒั นธรรมเอเชีย มหาวทิ ยาลยั มหิดล ๙ หนา้ . สมเกียรติ สัจจารักษ.์ (๒๕๕๔). แนวทางการส่งเสริมการเรียนรู้เพ่ือรักษาอตั ลกั ษณ์ชาวเลมอแกน. วทิ ยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์ดุษฎีบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร สาวติ ร์ พงศว์ ชั ร์. (๒๕๓๗). รองแงง็ : ระบาพืน้ เมืองในภาคใต้ของไทย. วทิ ยานิพนธ์มหาบณั ฑิต, ศิลปกรรมศาสตร์ (นาฏยศิลป์ ) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั บณั ฑิตวทิ ยาลยั : บทคดั ยอ่ . สาวติ ร์ พงศว์ ชั ร์ และยทุ ธพงศ์ ตน้ ประดู่. (๒๕๖๑). การศึกษากล่มุ ชนพืน้ เมือง กรณีศึกษาจังหวดั ภูเกต็ พงั งา กระบ่ี สู่งานสร้างสรรค์ระบาชาติพนั ธ์ุอนั ดามนั . สืบคน้ จาก https://so๐๕.tci- thaijo.org บทคดั ยอ่ ) อนุรักษร์ ากเหงา้ ชาวเลอูรักลาโวย้ . “รองแงง็ ชาวเล”. ออนไลน์ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓. อภินนั ท์ บวั หภกั ดี. (๒๕๓๑). “มอแกน.ชาวเลกล่มุ สุดท้าย”. อสท.๒๘ (๑๑) : ๙๒ – ๑๐๕ ; มิถุนายน. อรุณรัตน์ สรรเพช็ ร. (๒๕๖๒). ชาวเลบ้านราไวย์. ภูเก็ต : สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ภูเก็ต. อาภรณ์ อุกฤษ. (๒๕๕๔). พลวตั การปฏิสัมพนั ธ์และชาติพนั ธ์ุธารงชาวเลเกาะลนั ตา จังหวดั กระบี่. ปริญญาปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าวฒั นธรรมศึกษา มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ ๓๒๐ หนา้ . อาภรณ์ อุกฤษณ์. (๒๕๓๑). “ตานานชาวเล” เมืองโบราณ ๔(๓). ๑๗ : กรกฎาคม – กนั ยายน ๒๕๓๑.
๒๐๘ บรรณานุกรม (ต่อ) อาภรณ์ อุกฤษณ์. (๒๕๓๒). พธิ ีลอยเรือ : ภาพสะท้อนสังคมและวฒั นธรรมของชาวเล กรณีศึกษาชุมชนบ้านหัวแหลม เกาะลนั ตา จังหวดั กระบี่. กระบ่ี. อาภรณ์ อุกฤษณ์. (๒๕๖๓). เรื่องเล่าอูรักลาโว้ย ชาวเลแห่งอนั ดามนั . กระบ่ี : มหาวิทยาลยั การกีฬา แห่งชาติ วทิ ยาเขตกระบี่ ๓๓ หนา้ . อุทยั หิรัญโต. (๒๕๑๖). “เรื่องของชาวนา้ ”. กระบี่ ๑.ปฐมฤกษ์ : ๔๗-๕๐; มกราคม. Hogen,DavidW. “Men Of The Sea : Coastal Tribes Of South Thailand’s West Coasts,” Journal of The Siam Society.
๒๐๙ นามานุกรม
๒๑๐ นามานุกรม กาญจนา จนั ทร์จารัส เพศหญิง เกิด ๒๕๑๖ ภูมิลาเนาบา้ นหวั แหลมเกาะลนั ตากระบ่ี อยทู่ ่ี ๑๒๘ ม.๑ ต.เกาะลนั ตาใหญ่ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบ่ี จนั ทรดี ชา้ งน้า เพศหญิง เกิด ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ภูมิลาเนาศาลาด่าน เกาะลนั ตา อยทู่ ่ี ๑๓ หมู่ ๓ บา้ นคลองดาว ศาลาด่าน อาเภอเกาะลนั ตา จงั หวดั กระบ่ี เจ แถวเถ่ือน เพศชาย เกิด ๒๕๒๓ อยทู่ ่ี ๑๔๔/๒ ม.๓ คลองดาว ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบ่ี เกาะลนั ตา กระบ่ี โทร.๐๖๒๖๘๕๕๕๔๘ โทร.๐๖๑๑๙๖๑๒๖๖ เดียว ทะเลลึก เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๒๐ ภูมิลาเนาบา้ นในไร่ อยทู่ ่ี ๘๕ ม.๑ บา้ นในไร่ ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบ่ี ทนั วตั ชา้ งน้า เพศชาย อายุ ๔๙ ปี ๕๒ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ทศั ธนา ชา้ งน้า เพศชาย เกิด พ.ศ. ๒๕๒๒ ภูมิลาเนาจงั หวดั กระบี่ อยทู่ ่ี ๒๙๙ ม.๓ ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบ่ี นนทวฒั น์ ชา้ งน้า เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๓๙ ภูมิลาเนาบา้ นเกาะจา อยทู่ ี่ ๑๘๓ ม.๓ บา้ นเกาะจา ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ นารี วงศาชล เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๕๑๒ ภูมิลาเนาจงั หวดั กระบี่ อยทู่ ี่ ๑ ม.๕ บา้ นติงไหร ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ บีดะ ทะเลลึก เพศหญิง เกิดวนั ที่ ๒ มิถุนายน ๒๔๖๙ ภูมิลาเนาบา้ นศาลาด่าน อยทู่ ่ี ๑๐๓ หมู่ ๑ บา้ นในไร่ ศาลาด่าน อาเภอเกาะลนั ตา จงั หวดั กระบี่ พรสุดา ประโมงกิจ เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๕๓๑ ภูมิลาเนาบา้ นแหลมตง เกาะพีพี จงั หวดั กระบี่ อยทู่ ่ี ๗๗ หมู่ ๘ บา้ นแหลมตง ตาบลอา่ วนาง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบ่ี ภานุวฒั น์ เกม ชา้ งน้า เพศชาย เกิด พ.ศ. ๒๕๔๒ อยทู่ ่ี ๑๔๔/๒ ม.๓ คลองดาว ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบี่ เกาะลนั ตา กระบี่ โทร.๐๖๒๖๘๕๕๕๔๘ โทร.๐๖๑๑๙๖๑๒๖๖ มะดีเอน็ ชา้ งน้า เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๔๘๔ ภูมิลาเนาศาลาด่านเกาะลนั ตา อยทู่ ี่ ๓๖๙ ม.๑ โตะ๊ บาหลิว ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบี่ มะตูแดง ชา้ งน้า เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๔๙๗ ภูมิลาเนาศาลาด่าน ๑๓ ม.๓ ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบี่ มาหนนั ชา้ งน้า เพศชาย เกิด ๑ มกราคม ๒๔๙๙ ๑๔๗ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบ่ี
๒๑๑ นามานุกรม (ต่อ) ยาเกะ๊ บิยี่ อยทู่ ี่เกาะจา ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ รัตดาวรรณ ประโมงกิจ เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๕๒๔ อยทู่ ี่ ๑๕๐ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบ่ี ฤทยั ทิพย์ ชา้ งน้า เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๕๑๖ อยทู่ ี่ ๕๗ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ วรรณ์ภา สองสมุทร เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๕๑๔ อยทู่ ี่ ๑๙๒ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบ่ี แวน้ หมิเด็น เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๔๙๗ ภูมิลาเนาเกาะพีพี กระบ่ี อยทู่ ี่ ๒๔ หมู่ท่ี ๘ บา้ นแหลมตง เกาะพีพี ตาบลอา่ วนาง อาเภอเมืองกระบี่ จงั หวดั กระบ่ี ๘๑๒๑๐ สปิ้ ง ชา้ งน้า เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๔๙๗ อยทู่ ี่ ๕๘ หมู่ ๓ บา้ นกลาง ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ สมคิด ศรีศกั ดา เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๑๔ ภูมิลาเนาจงั หวดั สุราษฎร์ธานี อยทู่ ี่ ๓๗๒ ม.๑ บา้ นโตะ๊ บาหลิว ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบี่ โทร. \"สมจิตร ทะเลลึก เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๑๖ ภูมิลาเนาจงั หวดั กระบ่ี อยทู่ ี่ ๖๖ หมู่ ๗ บา้ นหวั แหลม ต.เกาะลนั ตาใหญ่ อ.เมืองกระบ่ี จ.กระบี่ สาวตู ชา้ งน้า เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๔๙๑ ภูมิลาเนาศาลาด่าน ๗๐ ม.๑ ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบ่ี สิทธิชยั (เอียด) คงศรี เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๒๙ ภูมิลาเนาจงั หวดั พทั ลุง อยทู่ ่ี อยทู่ ี่ ๑ ม.๕ บา้ นติงไหร ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ สุภาพร ดาดี เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๕๒๖ ภูมิลาเนาเกาะจา อยทู่ ี่ ๖๖ หมู่ ๒ เกาะปู ต.ศรีบอยา อ.เหนือคลอง จงั หวดั กระบ่ี เหละหนา วารีกุล เพศหญิง เกิด พ.ศ. ๒๔๙๑ บา้ นเลขท่ี ๔๓ ม.๕ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบ่ี อรุุณ ชา้ งน้า เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๒๕ อยทู่ ่ี ๑๕๓ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ อารม อินทศร เพศหญิง เกิด พ.ศ. ๒๕๓๐ ภูมิลาเนาบา้ นเกาะจา อยทู่ ่ี ๓๒๓ ม.๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ อานวย (ชล) ชา้ งน้า เพศชาย เกิด พ.ศ. ๒๕๒๑ อยทู่ ่ี ๑๔๔/๒ ม.๓ คลองดาว ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบี่ เกาะลนั ตา กระบี่ อานาจ บา้ เหร็ม เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๒๕ ๑๗๘ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบ่ี
๒๑๒ นามานุกรม (ต่อ) อีเกง้ ชา้ งน้า เพศชาย เกิด พ.ศ.๒๕๐๐ ภูมิลาเนาบา้ นเกาะจา อยทู่ ี่ ๑๔๘ หมู่ ๓ บา้ นมูตู เกาะจา ต.ศรีบอยา อาเภอคลองท่อม จงั หวดั กระบ่ี อีนอ้ ม ชา้ งน้า เพศชาย ๑๐ มิถุนายน ๒๕๐๘ อยทู่ ่ี ๑๔๙ หมู่ ๓ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบ่ี
ทป่ี รึกษา ๒๑๓ นายโกมาต แป้นเกิด นางสาวศิริทิพย์ แป้นคง คณะผู้จดั ทา รวบรวมเรียบเรียง วฒั นธรรมจงั หวดั กระบี่ ดร.อรุณรัตน์ สรรเพช็ ร นกั วชิ าการวฒั นธรรมชานาญการ บนั ทกึ ภาพ กลุ่มผสู้ นใจประวตั ิศาสตร์เมืองภูเกจ็ ผศ.สมหมาย ป่ิ นพุทธศิลป์ นางสาวฉนั ทช์ นิต สรรเพช็ ร หมายเหตุรักษ์ มทศ. นกั วชิ าการอิสระ ศิลปกรรม นางสาวชรินทร์ทิพย์ โขงรัมย์ นกั วชิ าการอิสระ อรุณรัตน์ สรรเพช็ ร. (๒๕๖๔). กล่มุ ชาติพนั ธ์ุชาวเลจังหวดั กระบ่ี. กระบี่ : สานกั งานวฒั นธรรม จงั หวดั กระบ่ี.
๒๑๔
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226