Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นักธรรมเอก

Description: นักธรรมเอก

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org ๓. ผู้นนดับแล้วฬรือเป็นแต่ไม่มีตว หรือว่าจะตั้งอยู่ยงรนหา อันตรายมิได้? พระทุทธเจ้า•ทรงวิสัชนาว่า เมื่อผู้นั้นขจัดธรรมทั้งหลาย (มี ขันธเป็น่ด้น)ได้แล้วก็ไม่ด้องก่ล่าวถึงว่าผู้นันจะไปเกิดเป็นอะไรอีก ๗. นันทมาณพ นันทมาณพได้กราบทูลถามป๋ญหาเป็นคนที่ ๗ ว่า ' ๑, ชนทั้งหลายกล่าวว่า มุนีมีอยู่ในโลกนี้ ข้อนี้เป็นอย่างไร เขาเรืยกคนถึงพร้อมด้วยฌานหรือการเลี้ยงชีพว่าเป็นมุนี? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ผู้ฉลาดไม่กล่าวคนว่าเป็นมุนีด้วย การเห็น การฟัง การรู้ เรากล่าวว่า ผู้ใดทำตนให้ปราศจากกองกิเลส หากิเลสมิได้ ผู้นั้นแลชีอว่าเป็นมุนี ๒. สมณพราหมณ์ที่กล่าวความบรืสุทธิ้ด้วยการเห็น การฟัง ศีล พรต และวิธีอื่น ๆแล้วประพฤติในวิธีนั้น ๆ ข้ามฟันชาติ ชราได้ แล้ว มีอยู่บ้างหรือไม่? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า แม้ประพฤติเซ่นนั้น เราก็กล่าวว่า ข้ามฟันชาติ ชราไม่ได้ ๓. ถ้าเซ่นนี้ ใครเล่าในเทวโลก มนุษยโลก ที่ข้ามฟันชาติ ชรา ได้แล้ว ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า เราไม่กล่าวว่า สมณพราหมณ์ถูก ชาติ ช่รา ครอบงำแล้วทุก่คน แต่เรากล่าวสมณพราหมณ์ผู้ละอารมณ์ ที่ได้เห็น ได้ฟัง ได้รู้.และศีลพรตทั้งหมด กำ หนดรู้ดัณ่หาว่าเป็นโทษ ควรละแล้ว เป็นผ้หาอาสวะมิได้ ข้ามฟันชาติ ชราได้แล้ว ๑๐๐

www.kalyanamitra.org ๘. เหมกมาณพ เหมกมาณพได้กราบทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๘ ว่า ในปางก่อนแต่ศาสนาพระองค อาจารย์ได้ยืนยันว่า อย่างนี้เคย มีมาแล้วอย่างนี้จ้กมีต่อไป ล้วนแต่จะทำความตรึกให้ฟิงมากขึ๊น ข้า พระองค์ไม่พอใจในคำนั้นเลย ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเป็นเหตุถอน ตัณหาที่ข้าพระองค์ทราบแล้วจะพึงเป็นคนมีสติ ล่วงตัณหาทีทำให้ติด อยู่ในโลกได้ ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ชนเหล่าใดรู้ว่า พระนิพพานเป็นที่ บรรเทาความกำหนัดในอารมณ์ที่รักซึ๋งได้เห็นแล้ว ได้ฟังแล้ว ได้ ทราบแล้วเป็นต้น และเป็นธรรมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นคนมีสติตับ กิเลสได้แล้ว ชนเหล่านั้นล่วงตัณหาที่ทำให้ติดอยู่ในโลกได้ โ?^V\" รุ?. 4 เ^รุ.

www.kalyanamitra.org ๙.โตเทยยมาณพ โตเทยยมาณพได้กราบทลถามป๋ญหาเป็นคนที่ ๙ ว่า ๑. กามไฝมีในพด ต'ณหาของผู้ใดไม่มี และผู้ใดข้ามความ สงสัยได้ ความพนของผู้นันเป็นอย่างไร? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ความพ้นของผู้นั้น จะไม่เปลี่ยน เป็นอย่างอื่นอีก คือผู้นั้นพ้นฺจากกามสัณหา และความสฺงสัยแล้ว ความพ้นของ^นเป็นอันคงที่ ไม่แปรผนเป็นอย่างอื่น ๒. ผู้นันเป็นคนมีความหวังทะเยอทะยานหรือไม่ เป็นคนมี ป๋'ญญาแท้จริง หรือเป็นแดใข้ป๋'ญญาทำให้ตัณหาและทิฏฐิเกิดขึ้น ข้า พระองค์จะรู้จักท่านผู้เป็นมุนีนั้นได้อย่างไร? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ผู้นั้นเป็นคนไม่มีความหวัง ทํะเยอทะยานมีปัญญาแท้จริง จะไมใช้ปัญญาก่อตัณหาและทิฏฐิให้เกิด ท่านจงรู้จักมุนีว่า เป็นผู้โม่มีกังวล ไม่ฅิดอยูในกามภพุอย่างนี้เกิด ๑0. กัปปมาณพ กัปปมาณพได้กราบทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๑๐ ว่า ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ๋งของชนผู้ชรามรณะมาถึง รอบข้าง ดุจเกาะเป็ใ^ที่พานักของซนผู้อยู่กลางสมุทรเมื่อเกิดคลี่นใหญ ที่นีากสัวแก่ข้าพรฺะองค์อย่าให้ทุกข้&โด้อีก ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า เรากล่าวว่า นีพฺพานอันไม่มีกิเลส เครื่องกังวล ไม่มีตัณหาเคฺรื่องถือมั่น เป็นที่สิ้นแท่งชราและมรณะนี้แล ว่าเป็นดุจเกาะ คนเหล่าใดรู้นีพพานนั้นแล้ว เป็นคนมีสติเห็นธรรม แล้ว ตับกิเลสได้แล้ว คนเหล่านั้นไม่ด้องอยูในอำนาจของมาร ไม่ต้อง เดนดามทางของมารเลย ๑๐๒

www.kalyanamitra.org ๑๑. ชดุกัณณีมาณพ ชตุกณณืมาณพได้กรๅบทลถามฟ้ฌหาเป็นคนที่ ๑๑ ว่า ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเครื่องละชาติ ชรา ในอัตภาพนี้แก่ ข้าพระองค์ด้วยเถิด.? พระพทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ท่านจงกำจัดความกำหนัดในกาม ให้หมดสิน กิเลสเครื่องกังวลที่ท่านยึดไว้ด้วยตัณหาและที่ฏฐิ ควรสละ เสียอย่าให้เสิยดแทงใจท่านได้อีก ท่านจงตัดกังวลที่มีอยู่ให้สงบ ระงับุ เหือดแห้งไป อาสวะอันเป็นเหตุ^ถึงอำนาจมัจจุราชของช่นผู้ปราศจาก ความกำหนัดในนามรูปโดยฺอาการทั้งปวงก็มีไฝได้ ๑๒. ภทราวุธมาณพ กัทราวธมาณพได้กราบทลถามมัญหาเป็นคนที่ ๑๒ ว่า คนที่มาจากชนบทตางๆ อยากฟังพระวาจาของพฺระองค์ คณั้ ได้ฟังแล้'วจะกลับไปจากที่นี้ ขอพระองค์ทรงแก้มัญหาเพื่อชนเหล่านั้น เพราะว่าธรรมนั้นพระองค์ได้ทราบแล้ว ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า หม่ชนเหล่านี้ควรนำตัณหาเป็น เหตุถือมนในส่วนเบื้องบน เบื้องดํ่า และท่ามกลางให้หม่ดสิน เพราร JIf เรุ๚□ยูเฑพเฑพูผพ ฟผูพพยยู1.1H) สติไม่ถือมั่นฺกังวลในโลกทั้งปว่ง ๑๓. อทยมาณพ อุทยมาณพได้กราบทูลถามป๋ญหาเป็นคนที่ ๑๓ ว่า ๑. ขอพระองค์ทรงแสดงธรรมเครื่องพ้นํ (จากกิเลส) ที่ควรรู้ ๑๐๓

www.kalyanamitra.org ทั่ว.ถึงร่งเป็นเครื่องทำลายอวิชชาเสีย พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า เราเรียกธรรมเครื่องละคว่านพอใจ ในกาม และโทมนัสบรรเท่าความง่ว่ง ห้ามความรำคาญ มอุเบกขากับ สตเป็นธรรมบริสุทธิ้ มีคว่ามตรีกไนฺธรรมเป็นเบื้องหนัาว่า เป็นธรรม เครื่องพ้นจากกิเลส ซึ่งเป็นเครื่องทำลายอวิชชา . ๒. โลกมีอะไรผูกพนไว้ อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ทำ นกลาว่ว่านิพพาน•ๆดังนั้เพราะละอะไรได้?- พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า โลกมีความเพลิดเพลินผูกพนไว้ ความตรีกเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ทำ นกลาวว่านั้พพานๆ ดังนี้ เพราะละดัณหาเสียได้ ๓. บุคคลมีสติระลึกอยู่อย่างไร วิญญาณจึงจฺะดับ ขอให้พวก ด้าพระอง่คได้ฟังพระวาจาของพระองคเถิด ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชฺนฺาว่า เมื่อบุคคลไม่เพลิดเพลินในเวทนา -ทั้งหลายในภายนอกมีสติระลึกอยู่อย่างนี้ วิญญาณจึง.จะดับ ๑๔. โปสาลมาณพ โปสาลมาณพได้กราบทูลถามปัญหาเป็นคนท ๑๔ ว่า ขาพระองคขอทูลถามถึงญาณของบุคคลผู้มีคว่ามกัาหนค หมายในรูปแจ้ง่ชัด (คือได้บรรลุรูปฌานแล้ว) ละรูปารมณทั่งหมดได้ แล้ว (คือบรรลุฌานสูงกลารูปฌฺานขึ้นไปแล้ว) เห้นทั้งภายในฺและ ภายนอกวาไม่มีอะไรเลย (คือบรรลุอรูปฌาน) บุคคลเช่นนั้นจะควร แนะนำสั่งสอนให้ทำอย่างไรต่อไป ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ตถาคตทราบภูมีเป็นทื่ตงแหง วิญญาณทั้งหมด จึงทราบบุคคลเช่นนั้นแม้ยุ้งอยู่ในโลฺกนี้ว่า มี อัธยาศัยน้อมไปในอากิญจึญญายตนภพ มีความเพลิดเพลินรนดี ๑๐(ร:

www.kalyanamitra.org เป็นเครื่องประกอบ ตฺอจากนั้นย่อมพิจารณาเห็นสหชาตธรรมใน อากิญจัญํญายตนฌานแจ้งชัดิโดยลักษณะ ๓ อย่าง (คอไม่เที่ยง .เป็น ทุกข์ ไม่ใช่ตน) ข้อนี้เป็นฌานอันอ่องแท้ของบุคคลเช่นนั้น ผู้มี พรหมจรรย์ได้ประพฤติจบแล้ว ฯ ๑๔.โมฆราชมาณพ โมฆราชมาณพได้กราบทุลถามป๋ญหาเป็นคนที่ ๑๙ ว่า ข้าพระองคจะพิจารณาเห็นโล่กอย่างไร มัจจุราชจึงจะไม่แลฺ เห็น สือฺจะตามไม่ทัน? พระพุทธเจ้าท้รงวลัชนาว่า ท้านจง์เป็นคนมีสติพิจารณาเห็น. โลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความเห็นว่าติ'วของเราทุกเมื๋อ ท้านจะข้ามพ้นมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ เมึ่อท้านพิจารณาเห็น โล่กอย่างนี้แล มัจจุราชจึงจะไม่แลเห็น คือตามไม่ทัน ๑๖. ปีงคิยมาณพ ปีงติยมาณฺพได้กราบทูลถามมัญหาเป็นคนที่ ๑๖ ว่า ๑. ข้าพระองค์แก่แล้ว ขออย่าให้ข้าพระองค์หลงพบความ เสื่อมเสียในระหว่างเลย ขอพระอ่งค์ตรัสบอกธรรมเครื่องล่ะชาติชราใน อัตภาพนี้แก่ข้าพระองค์เถิด ? พระพุทธเจ้าทรงวิลัชนาว่า ท้านเห็นว่าซนทั้งหลายผู้ประมาท แล้วย่อมเดือดร้อนเพราะรูปเป็นเหตุ เพราะฉะนั้นท้านจงเป็นคนไม่ ประมาท ละความพอใจในรูปเสียจะได้ไม่เถิดอีก ๒. ทิศใหญ่สื่ ทิศน้อยสี่ ทิศเบื้องบน และทิศเบื้องล่างที่ พระองค์ไม่ได้เห็น.ไม่ได้พิง ไม่ทราบ ไม่รู้แม้หน่อยหนึ่งมีได้มีในฺโลก ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเครื่องละชาติชราในชาตินี้? ๑๐dr

www.kalyanamitra.org พระพุทธฬาทรงวิสัชนาว่า เมื่อทานเห็นว่า มนุษยถูกตัณหา ครอบ่งาแล้วฝ็ความเดือดร้อนเกิดขึ้น อนช่ราถึงรอบดืานแล้ว เหตุนี้ ท่านจงอยาประมาท ละตัณหาเถึย จะได้ไม่เกิด่อีก หล้งจากได้ฟั3คาวิสัชนาปัญหาที่ตนกราบทูลถามจากพ^พุทธเจ้า แล้ว มาณพ ๑๔ คนคือ อชิตมาณพถึงโมฆราชมาณพ ได้รู้แจ้งเห็น ธรรม สำ เร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ปิงคิยมาณพขึ้งได้ทูลถามป๋'ญหาเป็นคนสดท้าย ในขณะที่ กำ ลังฟังคำวิสัชนาป๋'ญหาอยู มิจิตกระสับกระส่ายฟังซ่านเพราะคิดถึง พราหมณ์พาวรีผู้เป็นลุงของตน อยากให้ลุงได้ฟังพระธรรมเทศนาที่ ไพเราะด้วย จึงไม่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ สำ เร็จเพียงพระโสดาบัน เท่านั้น ภายหลังได้ฟังธรรมเทศนาและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หลังจากนั้นมาณพทั้ง ๑๖ คน ได้ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระพุทธเจ้าประทานอนุญาตให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ในบรรดาพระภิกษุทั้งหมดนั้น พระโมฆราชเป็นผู้ยินดีในการครองจีวร เศร้าหมอง ฉะนั้นพระพุทธองค์ทรงยกย่องไว้ในตำแหน่งเอดหัคคะ .ว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย.ผู้ทรงจีวฺรเศร้าหมอง บัญหาและเฉลยปริเฉทที่ ๘ ๑. บัญ่หาว่า \"อะไรเป็นภิยใหญ่ข่องสัตว์โลก\" พระพุทธเจ้าตรัสตอบุ อชิตมาณพว่าอย่างไร ? ก. ลาภเป็นภัยใหญ่ ข. ทุกขเป็นภัยใหญ่ ค. ยศเป็นภัยใหญ่ ง. ความโกรธเป็นภัยใหญ่ ๒. ศิษย์ของพราหมณ์พาวflครได้รับ่ยกย่องเป็นเอตหัคคะ? ก. ปิงคิยมาณพ ข. อชิดมาณพ ค.■เมตดคมาณพ . ง.โมฆราชมาณพ (ร)

www.kalyanamitra.org ๓.ใครตั้งสำนักอยู่ที่สุ่งแม่นํ้าโคราวารี.? ; ก. ชฎิล ๓ พี่น้อง ข. สัญชัยปริพาชก ค. อาฬารดาบส ง. พาวรีพราหมณ ๔. ข้อใด เรียกว่าปฎิปุจฉาพ,ยากรณ์? ก. ทรงย้อนถามแล้วจงแก้ปัญหา . ข. ทรงแยกปัญหาแก้ทีละข้อ ค. ทรงแก้ปัญหานั้นโดยส่วนเดียว .ง. ทรงระงับไม่แก้ปัญหานั้น ๔.ในมาณพ ๑๖,คนนั้น ใครได้รับเอดทคคะ? ก. โมฆราชมาณพ . ข. ปีงคิยมาณพ ค. อชัตมาณพ ง. ปุณณกมาณพ ๖.\"อะไรเป็นเครื่องห้ามความอยากอันไหลไปส่อารมณ์ต่างุๆ แล่ะจะ ละได้เพรฺาะธรรมอะไร\" เป็นปัญหาของใคร? ก. อชิตมาณพ ข. ปีงคิยมๆณพ ค. ดีสสเมตเตยยมาณพ ง. ปุณณกมาณพ ๗. พระสาวกรูปใด ไมใช่ศิษย์ของพราหมณ์พาวรี? - ก. พระโมฆราช ข. พระปิงศิยะ ศ. พระฦทํทิยะ ง. พระอุทยะ ๘. มาณพ ๑๖ คุนุไปเฝืาพระพทธเจ้า เพี่อ'ยูลถามปัญห่าที่ไหน? ก. ปาสาณเจดีย์ ขฺ. อานันทเจดีย์ ค. ปาวาลเจดีย์ ' ง. ป้ามหารัน ๙. \"อะไรเป็นภัยใหญ่ของสัตย์โลก\" เป็นปัญหาของใคร ? ก. ภัจจายนปุโรหิต ข. อซตมาณพ ค. ปีงศิยมาณพ . ง. อนาถปิณฑิกเศรษฐี ๑๐.\"อะไร(ป็นฺเครื่องห้ามความอยากดุจกระแสนํ้า\" เป็นคำถามของใคร? ก. โมฆราชฺมาณพ ข. ปีงศิยมาณพ ค. ดีสสเมตเตยยมาณพ ง. อชิตมาณ'พุ ๑๐๙

www.kalyanamitra.org ๑๑. จากข้อความุในข้อบนนน พระพุทธเจ้าตรัสตฺอิบอยางไร? ก. สติเป็นเครื่องหามกระแสความอยาก ข. ข้นติเป็นเครื่องห้ามกระแสได้ ค. สมาธิเป็นเครื่องห้ามกร^แสนาได้ , ง. ปัญญาเป็นเครื่องห้ามกระแสนํ้าได้ ๑๒.ใครทูลถามพระพุทธเจ้า'ฑ่ 'ไครเล่าข้ามพ้นซาติและชราได้แล้ว\"? ก..นันทมานพ ข. เหมุกมานพ ค. เมตตลูมานพ ง. โรเตยยมานพ ๑๓. อข้ตมาณพทูลถามปัญหาเป็นคนแรก ปัญหาที่ถามมีกี่ข้อ ? ก. ๑ ข. ๒ ค.๓ ง. ๕ ๑๔.\"ปัญญา สติ กบนามเป'ฒั้. จะด้บไป่ ณ ที!่ หน\" ปัญหานี้ใครเป็น คนทูลถาม? ก. อชิตมาณพ .ข. ปุณณกมาณพ ค. เมตตคูมานพ ง. ติสสเมตเตยยมานพ ๑๔. ปัญหาในข้อ ๑๔ นัน้ พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์วา นาม รูป ดับ ไป ณที่นั้นเอง เพราะ...? ก. เพราะดับอุปาทานได้ ข. เพราะดับเวทนาได้ ค. เพราะดับตณหาได้ ง. เพราะวิญญาณดับไปก่อน ๑๖. ปัญหาวิา \"โลกมีอะไรผูกพันไว้\" ใครเป็นผู้ทูลถาม? ก. โมฆราชมาณพ ข. อชิตมาณพ ค. ปีงคิยมาณพ ง. อุทยมาณพ ๑๗. ปัญหาในข้อ ๑๖ พระพุทธองค์ตอ่บ'ว่าอยางไร? ๑๐0»

www.kalyanamitra.org ๑๘. ข้อใดที่.อาจารย์กลับเป็นศิษย ศิษย์กลับเป็นอาจารย์? ' ก. พราหมณุพาวรี กับปิงศิยมาณพ ข. พระสารีบุตรกับราธพราหมณ ค. พระมหากัสส่ปะกับปุณณมันตานีบุตร ง. พระมหากัจจายนะกับพระเจ้ามธุรราช ๑๙.ใครเป็นผู้ฒั้ปัญหาให้มาณพ'^•๑๖ คนที่!ปทูลถามพระพุทธเจ้า? ก. พราหมณพาวรี ข. ลัญชัยปริพาชก ค.][ทณพราหมณ ง.ค^ศวามิตร ๒๐. มาณพ ๑๖ คน ใคร่ถือ่กัววามีมัญญาเหนีอผู้อื่น? ก. อชิตมาณพ ข. ปีงศิยมาณพ ค.โมฆราช - ง..ปุณณกมาณพ ๒๑. \"ท่านกล่าวว่านิพพาน ๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้\" มัญหานี้ใคร .เrปti็นผVู้ถาม ?ท . ' ก. อุทยมาณพ ข. โปสาลมาณพ ค. โมฆราชมาณพ ง.ุ ภัทราวุธมาณพ ๑. ข ๒. ง เฉลย ๔. ก ๔. ก ๖. ก ๗. ค ๙. ข ๑๐. ง ๑๑. ก ๑๒. ก ๓. ง ๑๔. ก ๑๔. ง ๑๖. ง ๑๗.ก ๘. ก ๑๙. ก ๒๐. ค ๒๑. ค ๑๓. ง ๑๘. ก ๑๐๙

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๙ ว่าด้วยการอนุญาตญัตติจตตถกรรมวาจา ญัตสิจตุตถกรรมวาจา ญัตติจ่ตุตถกรรมวาจา หมายถึง การอุปสมบทด้วยกรรมมี ญัตติเป็นทสิ เป็นวิธีอุปสมบทที่สงฆเป็นผู้กระทํๆอย่างที่ใช้!นปัจจุบัน โดยภิก^ระชุมครบกำหนดในเขตพัทธสิมา แล้วกล่าวประกาศเรอง ความที่จะรับดุนนั้นเช้าหมู่ และได้รับความยินยอมจากภิกษุผู้เช้า ประชุมเป็นสงฆ์นั้น่ การอุปสมบทด้วยวิธีนี้มี ๒ ขั้นดอนคือ ๑. ญัตติ คือการประกาศช้อของผู้อุปสมบทให้สงฆ์ทราบ ๒. อนุสาวนา คือการประกาศให้สงฆ์ทราบว่าสงฆ์ได้1ห้อุปสมบท คนชื่อนั้น ๓ ครั้ง สมบด๔ การอุปสมบทนี้เป็นสังฆกรรมอย่างหนึ่งที่บัญ^ไว้ในพระวินัย และด้องประกอบด้วยสมปัด ๔ ได้แก่ ๑. รัตอุสมปัติ คือรัดอุถึงพร้อม เช่น ผู้อุปสมบทเป็นชายอายุ ครบ ๒๐ ปี ๑๑0

www.kalyanamitra.org ๒. ปริสสมฺบสิ คือฺภิกษุผู้ให้อุปสมบทประชุมกันครบตาม จำ 1ทนํที่กำหนด ' ๓. สืมาสมบด คอเขตชุมนุมถึงพร้อม เชน สีมามีนิมิตถูก ต้องตามพระวินัย แสะประชุมในเขตสีมา ๔. กรรมวาจาสมบเ คือกรรมวาจาถึงพร้อม สวดประกาศถูก ต้องครฺบถ้วน สถานะเดิมพระราระ พระราธะ ชื๋อเดมวิา ราธะ บิดาและมารดาไม่ปรากฏซื่อ เกดใน วรรณะพราหมณที่เมืองราชคฤห้ แคว้นมคธ ต่อมาไต้แต้งงานกับ หญิงสาวคนหนึ่ง เพราะมีความยากจนพอแกํตัวกถูกลูกเมียรังเกียจ ขับไล่ออกจากบ้าน ไต้ไปอาศยอยู่ที่รัดเช่ตวัน อุนัฏฐากพระภิกษุและ สามเณร นัด กวาด เช็ดถูเสนาสนะเป็นอย่างดี จนเป็นที่รักของพระ ภิกษุและส่ามเณร มูลเหตุของการออกบวช วันหนึ่งรฺาธะอยากจะบวชแต่ไมมีใครบวชให้ ท่านเสียใจจน ร่างกายซูบผฺอมฺผิว.พรรณเศร้าหมอง พระพุทธองค์เสด็จไปโปรดตรสถาม ถึงความเป็นอยู่ของราธะ ครั้นไต้ทราบความจริงแล้วตรัสรับสั่งให้ ประชุมพระภิกษุ ได้ต^ลามท่ามกลาง4jร.ะใฒว่า ใครระลึกถึงอุปการคุณ ของพราหมณนไต้บ้าง พระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าพรฺะองค์ระลึกไต้ พราหมณ์นี้.คยลวายข้าวข้าพระองค์หนึ๋3ห้พพี ทรงอนุญาตให้พระสารีบุตร เป็นพระอุนัชฌายบวชให้ราธะ พระสารีบุตรไต้บวชให้ราธะต้ว,ยวิธี ญิตดิจตุดลกรรมวาจา ซึ่งพระราธะเป็นคนแรกที่บวชต้วยวิธีนี้ ใน นัจจุบนนี้พระภิกั๋ษุทุกรูปก็บวชต้วย่วิธีนี้ (ร)ร)Q

www.kalyanamitra.org ๗ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หลังจากบวชแล้ว พระราธะได้เข้าเฝืาพระพุทธองค์ ทูลขอให้ แสดงธรรมย่อ ๆ พอเกิดกำลังใจในการบำเพญเพียร จึงตรัสว่า \"ราธะ สิ่งใดเป็นมาร ท่านจงละความกำหนัดพอใจในสิ่งนั้นเสีย อะไรเล่าชื่อ ว่ามาร ขันธ์ ๔ คือ รูป เวทนา 'สัญญา สังขาร และวิญญาณ ซึ่งไม่ เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความสินไปเสีอมไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เป็นธรรมดา ชื่อว่ามาร เธอจงละความกำหนัดความพอใจรักใคร่ใน ขันธ์ ๕ นั้นเสีย\" ท่านรบโอวาทแล้วจาริกไปกิ'บพระสารีบุตร ปฏิบ้ติตาม พระโอวาทmแป็นอย่างดี ต่อมาไม่นานก็โด้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์ ตำ แหน่งเอตทัคคะ พระราธะเป็นพระที่บวชเมื่อแก่แต่เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย ทำ ให้

www.kalyanamitra.org พระพุทธองคและพระอุป๋'ซฌาย์เป็นต้น มีความเมตตาสงสอนทาน เสมอ จึงทำให้ฟานมีป๋'ญญาแจ่มแจ้งในเทศนา เพราะไต้ฟังธรรมะ บ่อยๆ พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านวา \"เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผ้ มีปฏิภาณ คือ ความรู้แจ่มแจ้งในพระธรรมเทศนา\" พระราธะเป็นกำลิงสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาองค์หนึ๋ง ท่านดำรงอายุสังขารพอสมควรแก่อัตภาพแล้วก็ไต้นิพพานในที่สุด สถานะเดิมพรุะปุณณมีนตานึบุตร พระปุณณมันตานีบุตร ชื่อเดิมว่า ปณณะ บดาไม่ปรากฏชื่อ มารดาชื่อว่า นางมันตานี เกิดในวรรณะพราหมณ์ ที่หม่บานโทณวัตถุ ใกล้เมีองกบิลพัสฺดุ มารดาของท่านเป็นน้องสาวของพระอัญฌาโกณ- ฑญญ่ะ คนส่วนมากเรียกท่านว่า ปุณณมันตานีบุตร่ เพราะว่าเป็นบุตร ของนางมัน่ตานี มูลเหตุของการออกบวช พระปุณณมันตานีบุตรบวชในพระพุทธศาสนา โดยการซักซิวน ของพระอัญญาโกณฑัญญะร่ป็เป็นหลวงลุง มีหลวงลุงเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อปฏิปัดิตามคำสอนของพระอุปัชฌาย์ไม่นาน'ก็ไต้บรรลุธรรมเป็น พระอรหันค์ ท่านตั้งมั่นอย่ในคุณ่ธรรม ๑๐ ประการ ■ซังเรียกว่า กถาวัตถุ ๑๐ งานประกาศพระศาสนา ครั้แบวชแล้วท่านกสับไปเมีองกบิล์พัสค์ สั่งสอนประชาชนจน เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก และที่ออกบวชก็ ๑๑๓

www.kalyanamitra.org เป็นจำนวนมาก โดยมีท่านเป็นพระอุป๋ชฌาย1ห้ พวกลูกศิษย์ล้วนยึด มั่นปฏิป้สิในกถาวัตถุ ๑๐ ประการ เหมือนพระอุปัชฌาย์ คือ ๑. อัปป็จฉกถา .ถ้อยคำเรื่องความมกน้อย ๒. สันตุฏเกถา ถ้อยคำเรื่องความสันโดษ ๓. ปวิเวกกถา ถ้อยคำเรื่องความสงัด ๔. อสังสัคคกถา ถ้อยคำเรื่องความไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๔.วิริยาวัมภกถา ถ้อยคำเรื่องการปรารภความเพียร ๖. ลีลกถา ถ้อยคำเรื่องศีล ๗. สมารกถา ถ้อยคำเรื่องสมาธิ ๘.ปัญญากถา ถอยคำเรื่องปัญญา ๙.วิมุตดุกถา ถ้อยคำเรื่องความหลุดพ้น ๑๐. วิมุตติญาณฑสสนกถา ถ้อยคำเรื่องความรู้ความเห็นว่า หลุดพ้น และเมื่อครั้งที่พระอานนท่บวชใหม่ๆ ท่านสอนพระอานนท์ เรื่องกถาวัตถุ ๑๐ ทำ ให้พระอานนท์บรรลุธรรมเป็นพรฟ้สดาบัน สนทนาธรรมกับพระสารีบุตร พระสารีบุตรได้พีงพระลูกศิษย์ของพระปุณณมันตานีบุตร พูดถึงคณธรรม ๑๐ ประการของพระอุบัชณาย์ จึงอยากสนทนาธรรม ด้วย เมือได้พบแล้วสนทนากันเรื่องวิสุทธิ ๗ ประการ ๑. ลีลวิสุทธิ ความหมดจดแห่งศีล ๒. จิตดวิสุทธิ ความหมดจดแห่งจิต ๓. ทิฏเวิสุทธิ ความหมดจดแห่งทิฏเ ๔. กังขาวิดุรณวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้าม พ้นความสงสัย' ๑๑(รr

www.kalyanamitra.org ๙. มัดคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็น เครื่องว่าทางมิใช่ทาง ๖. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็น เครื่องเห็นทางปฏิบติ ๗. ญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ ห่านอุปมาวิสุทธิ ๗ เหมือนรถ ๗ ผลัด รับส่งมุ่งตรงต่อ พระนิพพานฺ ต่างก็ยินดีต่อธรรมภารตของลันและกัน เรื่องวิสุ่ทธิ ๗ อยู่ในรถวินีตสูตร ตำ แหนงเอตทัคคะ พระปุณณมันตานีบุตร มืวาทะในการแสดงธรรมอันลึกสังด้วย อุปมาอุปมัย และดำรงมั่นอยู่ในกถาวัตถุ ๑๐ ประการ เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์ทรงยกย่องห่านวา \"เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็น พระธรรมกลึก\" พระปุณณมันตานีบุตร เป็นกำลังสำกัญในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาองค์หนึ่ง ห่านดำรงอายุขัยพอสมควารแก่อัดภาพแล้ว ก็ได้นีพพานในที่สุด ป้ญหาและเฉลยปริเฉททั้ ๙ ๑. พระสาวกรูปใดได้ร้บยกย่องว่าเป็นยอดพระนักเทศน์? ก. พระราธะ ข. พระปุณณมันตานีบุตร ค. พระโสณถุฏิลัณณะ ง. พระโสณโกห็วิสะ ๒.ใครได้รับการอุปสมบทเพราะอๅนีสงสถวายข้าวเพียงทัพพีเดียว ? ก. พุระราธะ ข. พระพุาห็ยะ ค. พระวักกสิ ง. พระพาถุละ . ๑6)<2r

www.kalyanamitra.org ๓. พระราธะอุปสมบทด้วยวิธีใ,ด่? ก. เอหิภิกขุอุปสัมปทา ข.โอวาทปฎิศคห่ณูปสัมปทา ค. ตสรณคมนูปสัมปทา ง. ญัตติจตุคถกรรมอุปสัมปทา ๔. ใครเป็นพระอุ!โซฌาย์ของพระปุณณมนตานีบุตร ? ก. พระสัญญาโกณฑัฌญะ; ข. พระสัสสชิ ค. พระมหากุสสปะ ง. พระกาพุทายี ๔. พระสาวกรูปใดตั้งอยู้ในกถาวัตถุ ๑๐ ประการ มีมกน้อย สันโดษ เป็นด้น ? ก. พระยมกะ ข. พระปุณณมันตานีบุตร ค. พระสารีบุตร ง. พระพากุละ ๖. ธรรมเปรียบด้วยรถ ๗ ผสัด ที่พระปุณณมันตานีบุตรสนทนาสับ พระสารีบุตร ว่าด้วยเรื่องอะไร? ก. อริยสัจ ๔ ข. วิสุทธิ ๗ - ค. มรรค ๘ ง. โพชณงค ๗ ๗. พระราธะ เป็นที่มาของเรื่องใด ? ก. การทำบุญตักบาตร ข. ติสรณคมนูปสัมปทา ค. เอหิภิกขุอุปสมบท ง. ญตติจตุตถกรรมวาจา ๘. \"สิงใดเป็นมาร เธอพึงละความพอใจสิงนั้นเสืย\" ตรัสแกใคร? ก. พระสัททวัคคีย ข. พระราธะ ค. พระนันทะ ง. พระอานนทํ ๙.ใครอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจา เป็นรูปแรก? ก. พระรัฐบาล ข. พระอานนที่ ค. พระราธะ ง. พระสุภัฑทะ ๑๐. พุทธานุพุทธประวิติปริเฉทที่ ๙ อ้างอิงใครกอน? ก. พระสารีบุตรเถระ ข. พระราธเถระ ค. พระโมคตัลลานเถระ ง. พระมหาสัสสปเถระ ๑๑^

www.kalyanamitra.org ใครเป็นพระอุป็ซฺฌายของพระราธะ ? ก. พระอัฌญๆโกณฑฌญะ ข. พระพุทธเจ้า ค. พระสารีบุตร ง. พระโมคคัลลานะ ๑๒. พระเถระรูป่ใดได้รับยกย่องว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้มีความ กตัญฌูกตเวที ? ก. พระราหล ข. พระอัสสชิ ค. พระราธะ ง. พระสารีบุตร่ ๑๓.รถวินีตสูตร กล่าวถึงธรรมข้อใด ? ก. สิกขา ๓ ข. ญาณ ๓ ค. อริยสัจ ๔ ง. วิสุทธิ ๗ ๑. ข ๒. ก เฉลย ๔. ก ๔. ข ๖. ข ๗. ง ๙. ค ๑๐.ข ๑๑.ค ๑๒. ง \\ ๓. ง ๘.ข ๑๓.ง ๑๑๙

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๑๐ ว่าด้วยการเสด็จเมืองกบิลพัสดุ พระเจ้าสุทโรทนะ หลังจากที่พระมหาบุฆุ2mรงตรัสรู้พระอนุตตรสมมาสัมโพธิญาณ แล้ว ขณะประทับอยู่ที่รัดพระเวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห พระเจ้าสุทโธทนะมืพระประสงค์จะสดับพระธรรมเทศนา จึงรับสั่งให้ อำ มาตย์และบริวาร ๑,๐๐๐ คน ไป'ทูลเชิญเสด็จมาส่เมือุงกบิลพัสดุ อำ มาตย์พร้อมด้วยบริวาร เมื่อไปถึงแล้วกราบถวายบังคม และพังธรรมเทศนาจบแล้ว'ทั้งหมดได้บรรลุธรรมเป็นพระอรทันค์ กรุาบ'ทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ประทาน อนุญาตให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุทั้งหมด กาฬุทายีออกบวช ฝ่ายพระเจ้าสุทโธทนะ เมื่อไม่เห็นอำมาตย์คณะที่ส่งไป'ทูล อาราธนากลับมา จึงได้ส่งอำมาตย์พร้อมทั้3บริวารไปอีก แต่ก็เป็นไปใน ลักษณะเดิม เป็นอยาง^ง ๙ คณะ ๚นครั้3สุด'ท้ายทรงร้บสั่3ให้กาฬุทายี อำ มาตย์ไปกราบ'กล กา'^flๆายีอำมาตย์ถึอโอกาสกราบทลขออุปสมบท GiGiCS

www.kalyanamitra.org เมอมาถึงพระเวฬุวันมหาวิหารแล้วได้เฃ้าแ^าพระพุทธเจ้า ได้ ฟังพระธรรมเทศนาบรรลุธรรมเป็นพระอรหนตพร้อมทั้งบริวาร และได้ ทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา หลังจากอุปสมบทแล้วได้กราบทูลพระพุทธเจ้าเสด็จไปเมือง กบิลพัสดุ ทรงรับคำอาราธนาของพระกาฬทายี จึงได้เสด็จ พระราชดำเนินพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกประมาณสองหมื่นรูปไปยัง เมืองกบิลพัสดุ ซึ่งมืระยะทางราว ๖๐ โยชน์ พระกาฬุทายีได้ไปแจ้ง เหตุการณ์เสด็จแด่พระเจ้าสทโธทนะทุกวัน s ■■■โร^. เสดจถงเมองกบลพสดุ ครั้นเสด็จถึงเมืองกบิลพัสดุแล้ว ประทับที่นิโครธารามซึ่ง พระประยูรญาติได้สร้างไว้รอรับเสด็จ ในขณะนั้นเหล่าพระประยูรญาติ ถือว่าตัวมีอายุมากกว่าไม่ยกหัตถึนมัสการ พระพุทธองค์ทรงทราบเหตุจึง

www.kalyanamitra.org ทรงแสดงอิทธิฤทธิ้เหาะขึ้นไปบนอากาศยังธุลีละอองพระบาทให้ตกบน ลีรษะของเหล่าประยูรญาติทำลายทิฏฐิจนหมดสิ้น และได้ตรัสธรรม เทศนาชื่อ \"พุทธวงศ์\" พระเจ้าสุทโธทนะพร้อมด้วยพระประยูรญาติได้ ประนมหัตถ์ควายใฒสการด้วยความชื่นชมโสมนสเป็นอย่างยิ่ง ฝนโบกฃุรพรรษตก ลำ ดับนั้นฝนโบกขรพรรษ ชื่งมีลี'กษณะเป็นสีแตงตกลงในทำม กลางแห่งสมาคมพระประยูรญาติเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ สำ หรับฝน โบกขรพรรษตกลงมาแล้วผู้ถูกฝนต้องการจะให้เปียกก็เปียก ไม่ต้อง การให้เปียกก็ไม่เปียก เหมือนอับนั้าฝนที่ตกลงบนใบบัวไม่เปียกใบบัว พวกภิกษุเห็นเหตุอัศจรรย์เซ่นนั้นต่างโจษจันอันไปทั่ว พระพุทธเจ้าตร้สแกพวกภิกษุว่า ษุพั้หลาย ฝนโบกฃรพุรรษ ดกในกาลนึ้เทำนั้นหามิได้ ในอดีตกาลเมึ๋อตถาคตเสวยพระชาติเป็น พระเวสอันตร ฝนโบกขรพรรษนี้ก็เคยตกมาแล้วเซ่นอัน\" จากนั้น ทรงแสตงเวสสันดรชาตก หลังจากแสดงพระธรรมเทศนาจบ เหล่า พระประยูรญาติต่างก็ทูลลากลับ แต่ไม่มืใครกราบทูลอาราธนาให้เสด้จ ไปเสวยอัตตาหารในพระราชวัง รุ่งขึ้นพระพุทธองศ์ได้เสด็จบิณฑบาต ในเมืองกบิลพัสดุตามลำดับตรอก เพื่อโปรตชาวเมืองตามประเพณี ของพระพุทธเจ้าทุกพระองศ์ พระพุทธบิดาบรรลุธรรม ขณะนั้นพระนางยโสธราสดับว่า พระพุทธอฺงศ์กำลังเสด็จรับ บาตรจากชาวเมือง จึงพาราทุลกุมารไปยืนดูที่ซ่ฮงสีหบัญชร (หน้าต่าง) เห็นพระพุทธองศ์ทรงรุ่งเรืองด้วยพระฉัพพรรณรังสีจึงตรัสสรรเสริญ จากนั้นได้กราบทูลให้พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบ ๑๒๐

www.kalyanamitra.org พระเจ้าสุทโธทนะทรงสดับเช่นนี้แล้ว รีบเสด็จไปประทับยืน เฉพาะพระพักตร์แล้วตรัสห้ามไม่ให้บิณฑบาต เพราะเป็นการเสื่อม เสียเกียรติวงศ์ตระกูล พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า \"มหาบพิตร การออก บิณฑบาตเป็นประเพณีของพรร?พุทธเจ้าทั้งหลาย\" จากนั้นทรงแสดง ธรรมเทศนาโปรดพระพุทธบิดาด้วฺยพระคาถาว่า \"ผู้ใดไม่ประมาทใน บิณฑบาตอนบุคคลพิงลกขึ้นยืนรีบ มีอุดสาหะประพฤติสุจริตธรรม ผู้ นั้นพิงฺอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหนา\" ครั้นจบพระธรรมเทศนา พระเจ้าสุทโธ่ทนะบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบิน ทรงอาราธนาพระพุทธเจ้า เสด็จเสวยภัตตาหารในพระราชวัง พระนางปชาบดีและพระพุทธบิดาบรรลุธรรม เช้าวนที่สอง พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปเสวยภัตตาหารในพระราชวั3 ทรงแสดงเทศนาโปรดพระนางปชาบดีโคตมีด้วยพระคาถาว่า \"บคคลใด ประพฤติสุจริตธรรม ไม่ประกอบทุจริต บุคคลนั้นย่อมอยู่เป็นสุขทัaโลกนี้ และโลกหน้า\" จบแล้วพระนางปชาบดีโคตมีได้บรรลุธรรมเป็น พระโสดาบัน ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะได้บรรลุธรรมเป็นพระสกทาคามี และในวันที่สามได้เสด็จไปเสวยภัตตาหารในพระราชวั3อีก ตรัส มหาธรรมปาลชาดกจบ พระพุทธบิดาได้บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี พระนางพิมพาบรรลุโสดาบัน พระพุทธองศ์เสด็จไปเสวยภัตตาหารในพระราชวังเป็นเวลาถึง สามวันแล้ว แต่พระนางพิมพากียังไม่ได้เสด็จมาเช้าเฝืา วันที่สื่ พระเจ้าสุทโธทนะจึงรับสั่งให้นางสนมไปเชิญเสด็จ แต่พระนางกียังไม่ เสด็จมาเข้าแ!า พระเจ้าลุทโธทนะจึงทูลอาราธนาขอให้พระพุทธองค เสด็จไปเยี่ยม พระพุทธองศ์จึงเสด็จพร้อมด้วยพระอัครสาวกทั้งสอง ๑๒๑

www.kalyanamitra.org พอได้เห็นพระพุทธองค์เท่านั้น พระนางพิมพาก็ทรงกนแลงนํ้า พระเนตรท่วมพระพักตร์ แล้วก้มศีรษะซบพระบาทของพระพุทธองค์ โอกาสนั้นพระเจ้าสุทโรทนะทูลแด่พระพุทธองค์ว่า \"ข้าแด่พระผู้มี พระภาคเจ้า จะหาสตรีใดที่เสมอได้ยากยง พระนางมีความจงรักภักดี เป็นที่สุด จำ เดิมตั้งแด่พระองค์เสดีจออกบรรพชา พระนางมีแด่ความ ระทมทุกข์ แม้จะนั้งนอนยืนเดินก็ไม่สำราญพระทัย มีแด่ความทุกข์ โศกมิเหือดหาย และแม้พระประยรญาติจะรับกลับไปบำรุงเลี้ยงดู พระนางก็ไม่ปรารถนา มีความตั้งใจสวามิภักดิซอลัตย์เฉพาะด่อ พระองค์เท่านั้น ขอพระองค์ประทานชีวดแก่พระนางผู้มีความจงรัก ภักดีด้วยเถิด\" พระพุทธเจ้าตรัสว่า \"มหาบพิตร พระนางพิมพามีจิดเสน่หา สวามิภักดิ๋ด่อเราตถาคตในชาดินี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในอดีตชาติ พระนางก็มีอุปการคุณช่วยดถาคดบำเพ็ญบารมีมาเป็นอเนกชาติเลยที เดียว\" จากนั้นทรงแสดงจ้นทกินรีชาดกโดยพิสดาร เพื่อบำบัดความ เศร้าโศกของพระนางพิมพาให้เบาบางลง หลังแสดงจบลงแล้วพระนาง ได้บรรลธรรมเป็นพระโสดาบัน

www.kalyanamitra.org พระนันทกุมารออกบวช ในวันที่ฬ้า พระพุทธเจ้าเสด็จไปรับบิณฑบาตในพรุะราชวังของ นันทกุมารผู้เป็นพุทธอนุชา และวันนั้นเป็นวันวิวาหมงคลของนันทกุมาร กับนางชนบทกัลยาณี ทรงทำกัดกิจ่เสร็จแล้วประทานบาตรให้นันทกุมาร ถือ จากmตร้สมงคลกถา จบแล้วเสด็จออกจากพระราชวั3ไปโตยมิได้ร้บ บาตรจากนนทกุมาร และนันทกุมารfiไม่ทูลเตือนแต่ถือบาตรตามเสด็จถึง นิโครธาราม พระพุทธเจ้าตร้สว่า \"นันทะ เธอจะบวชหรือ\" แม!ม่อยาก บวชแต่นันทกุมารก็กราบทูลฺรับว่า \"จะบวช\" เพราะความเคารพนิบถือใน .พระพุทธเจ้า และได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระราหลกุมารบรรพชา .* ในวันที่เจ็ต พระนางพิมพาจัตนจงประดับตกแต่งราหุลกุมาร แล้วส่งไปหาพระพุทธเจ้ารํงกำลังเสด็จบิณฑบาตพร้อมกับตรัสสั่งว่า \"สมณะนั้นเป็นบิดาของลูก ลูกจงทูลขอทร้พย์สมบิดกับพระองค์เถืด\" ครั้แแล้วราหุลกุมารกลับชื่นชมพระพุทธองค์ หลังจากเสวยภัตตาหาร เสร็จทรงอนุโมทนาแล้วเสด็จกลับพระวิหาร ราหุลกุมารตามส่งเสด็จไปถึงพระวิหารแล้วทูลขอสมบิตื ทรงดำริ ว่า ทรัพยสมบิตเป็นของที่จะเวียนไปในสังสารวัฏ ดังนั้นเราจักให้ อริยทร้พยแก่ราหุลกุมาร แล้วตร้สกับพระสารีบุตรว่า \"เธอจงบรรพชาให้ ราหุลกุมาร\" พระสารีบุตรร้บพุทธบัญชาแล้วบวชราหุลกุมารเป็นสามเณร สามเณรราหุลจึงได้ชื่อว่า เป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา ๑๒๓

www.kalyanamitra.org พระเจ้าสทโธท'แะขอพร พระเจ้าสุทโธทนะทราบข่าวการบวชของร่าหุลกมาร มี พระ'ทยโทมนัสเพราะทรงดำริว้า จักให้สิทธัตถกุมารหรือนันทกุมาร ครองราชสมบัติสืบแทน แต่ทั้งสองก็ออกบวชเสืย และทรงหวังว้า ราหุลกุมารจักครองราชยแทน แม้ราหุลกุมารก็ออกบรรพชาอีกองค หนึ่ง จึงเข้าเฝึาพระ'หุทธเจ้าที่พระวิหาร 'ทูลขอพรว้า ทั้3แต่นี้ไปกุลบุตร ผู้ใคร่จะบวช ถ้ารดามารดาไม่ยินยอมอนุญาตให้บวช ขอจงอย่า บรรพชาอุปสมบทให้กุลบุตรผู้นั้น พระ'หุทธองคทรงอนุมติตามที่ พระพทธบิดาทลขอทกประการ <j ขิ () พระราหุลบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ วันหนึ่งพระพุทธองค์ตรัสสอนพระราหุลเรื่องบัญญาเปรืยบ ด้วยกระจกเงา คือก่อนทำงานด้วยกายวาจาและใจ ด้องใข้บัญฌา 'พิจารณาว้า เดือดร้อนตัวเอง เดือดร้อนผู้อึ่น เดือดร้อนทั้งตัวเองและผู้ อื่นไม่ควรกระทำ ตรัสสอนถึงธาตุ ๔ อย่าง คือธาตุติน ธาตุนํ้า ธาตุ ลม ธาตุไฟ อากาศธาตุว้าไม่ควรยึดมนถึอมั่น พรหมวิหาร ๔ อสุภะ อนิจจสัญญา ควรทำให้มากเจริญให้มากย่อมมีอานิสงส์!หญ่ ต่อมา ได้ฟังเรื่องอายตนะภายในและอายตนะภายนอก ท่านส่งใจไปตาม พระธรรมเทศนาได้บรรสุธรรมเป็นพระอรหันต์ พระราหุลเป็นผู้!คร่ในการคืกษาพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่งตั้ง แต่ยังเป็นสามเณร ตังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงยกย่องท่านว้า \"เป็นผู้ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู!้ คร่ในการคืกษา\" ๑๒(ET

www.kalyanamitra.org ป๋ญหาและเฉลยปริเฉทที่ ๑๐ ๑. ธรรมะเปรียบด้วยกระจกเงา ที่พระศาสดาตรัสแก่สามเณรราหุลว่า ด้วยเรื่องอะไร ? - ก. การเสิยสละ ข. ความมีเมตตา ค. การทำงานด้วยปัญญา ง. การไฝกล่าวเท็จ ๒.วิวาฟ้ล่มเกิตขึ้นแก่พระสาวกรูปไต ? ก. พระมหากัสสปะ ข. พระนันทะ ค. พระอานนท์ ง. พระอุนุรุทธะ ๓. ฝนโบกขรพรรษที่ตกลงในท่ามกลางสมาคมพระญาติของ พระพุทธเจ้า มีสีอะไร? ก. แตง ข. แตงเข้ม ค. ขาวใส ง. เหลือง ๔. ใครทูลเชิญพระศาสตาเสด็จไปกรุงกบิลพัส^ด้สำเร็จ ? ก. พระกาพุทายี ข. พระอานนท์ ค. พระอุบาลื ง..พระราหุล ๙.ใครทูลขอให้บวชกุลบุตรที่มารตาบิตาอนุญาตเสียก่อน? ก* พระเจ้าพิมพิสาร ข. พระเจ้าอชาตศัตรู ค. พระเจ้าสุทโธทนะ ง. พระเจ้าโกรัพยะ ๖. พระสาวกรูปใต ได้รับเอตทัคคะทำตระถูลให้เลื่อมใส? ก. พระกาพุทายี ข. พระโสภิตะ ค. พระพากุละ ง. พระรัฐบาล - ๗.พระคาสตา แสตงธรรมโปรตพระเจ้าสุทโธทนะครั้งแรกที่ไหน? ก. บุพพาราม ข. เวพุวนาราม ค. นิโครธาราม ง. อัมพวนาราม ๑๒๙

www.kalyanamitra.org ๘.ฝนโบกขรพรรษตกในคราวเสดจไปณที่ใด? ก. กรุงราชคฤห์ ข. กรุงกบิลพสดุ ค. กรุงเจสาลี ง. กรุงเทวทหะ ๙. พระเจ้าสุทโธทนะฟังธรรมอะไร จึงบรรลุพระอรหัต? ก. อนุปพพิกถา ข. อนิจจาทิปฏิสังยุต ค. ธรรมปาลชาดก ง. เวสสันดรชาดก ๑๐. สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือใคร? ก. สามเณรสังกิจจะ ข. สามเณรสานุ ค. สามเณรชัยเสนะ ง. สามเณรราหุล ๑. ค ๒.ข เฉลย ๔. ก ๔,ค ๖. ก ๗.ค ๓! ก ๙. ข ๑๐. ง ๘. ข

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๑๑ ว่าด้วยศากยวงส์ฮอกบวช ปรารภเหตุศากยวงส์ออกบวช สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด\"^จาริกสู่มหาชนบทประทับอยู่ที่ อนุปียอัมพวัน นึ่งเป็นสวนแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในเขตอนุปียนิคม แขวง มัลลชนบท เมืองพาราณฺสี ในการmเจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะ ได้ปรารภกบน้องชาย คืออนุรุทธะว่า ในตระกูลฃฺองเราไม่มืใครออกบวชตามเสด็จพระบรม ศาสดาเลย เราทั้งสองจักต้องออกบวชผู้หนึ่3 เธอจักบวชหรือเราจักบวช อนุรุทธะทูลว่า ขอให้เจ้าพี่ออกบวชเถิด ดังนี้แล้ว มหานามะได้แนะนำ เกี่ยวอับการทางๆนเลื๊ยงชีพมืกสิกรรมและพาณิชยกรรมเป็นด้น เมื่อฟ้ง จบแล้ว อนรุทธะเกิดความท้อแท้เบื่อหน่าย เห้นว่าการงานเป็นเรื่อง ยุ่งยากไม่มืสิแสุดจึงดัดสินใจออกบวช ครั้นตกลงอัน่เช่นนั้นแล้ว อนุรุทธะได้ขออนุญาตพระมารดา เพี่อออกบวช แต่พระมารดาตรัสห้ามถึง ๓ ครั้ง จนในที่สุดกิจำยอม อนุญาตว่า ถ้าเจ้าภัททิยราชกุมารออกบวช เจ้ากิจงออกบวชเถิด จึง ได้ไปชวนเจ้าภททิยะให้ออกบวช นึ่งเจ้าภัทท้ยราชกุมารตกลงบวช ด้วยเช่นอัน ๑๒๙

www.kalyanamitra.org เจาชายศาก!ยะและโกสิยะทั้ง ๖ ออกบวช จากนั้นเจ้าชายศากยะ ๕ พระองค์ คือ เจ้าชายภัฑฑิยะ เจ้าชายอนุรุทธะ เจ้าชายอานนท์ เจ้าชายภ้คคุ เจ้าชายกิมฟิละ และ เจ้าชายฝ่ายโกสิยะ ๑ พระองค์ คือ เจ้าชายเฑวทัด ได้ซักชวนนาย อุบาลี 'ผู้เป็นช่างกัลบก(ช่างตัดผม) ประจำราชสำนักออกบวชด้วย รวฺม เป็น ๗ คน ได้พากันเดินทางไปเข้าเฝืาพระพุทธองค์ซังประทัปอยู่ที่ อใรุเยอัมพว้น ถวายอภิวาทแล้วทูลขออุปสมบทว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองุค์ทั้รหลายเป็นกษัตริย์ผู้มีซัตดิยมานะแรงกล้า ขอพระองฟืปรด ประทานให้การอุปสมบทแก่อุบาลีผู้เป็นอำมาตย์ติดตามรับไข้ข้า พระพุทธเจ้าก่อน แล้วจึงบรรพชาให้พวกข้าพระองค์Iนภายหลง เพึ๋อ่ ที่จะได้ทำความเคารพกราบไหว้อุบาลีผู้บวชก่อน จ้กบรรเทาเลียได้ซึ๋ง ซัดติยมานะให้ฒาบางลงได้ พระพุทธองค์ประทานอุปสมบทให้แก่อุบาลี ก่อน แล้วบวชให้เจ้าศากยราชทั้ง ๖ ตามความประสงค์ตามสำตับ ห่ลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว แต่ละ ทำ นได้ขวนขวายในการบำเพ็ญเพียรตามกำลังสดิป๋ญญาของตน และ ได้บรรลุธรรมต่าง ๆ กันตามบุญบารมีที่ได้สั่งสมมาตังนี้ พระอุบาลี พระอุบาลี เรียนกัมมัฏฐานจากพระพุทธเจ้าแล้วบำเพ็ญเพียร อย่างยิ่งยวด จากนั้นไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นฺพระอรหันค์ สำ เร็จ เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ทำนยังมีคุณสมบ้ต พิเศษกล่าวคือ เป็นผู้ทรงจำพระวินัยปีฎกได้แม่นยำ พระพุทธเจ้าทรง ยกย่องไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะทางด้านเป็นผู้ทรงจำพระวินย และใน คราวทำลังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก ทำ นได้รับหน้าที่เป็นผู้ วิลัชนาพระวินัย ๑๒

www.kalyanamitra.org พระภัททิยะ พระภัททิยะบำเพ็ญกัมมัฏฐานอย่างยิ่งยวด แล้วได้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ในพรรษาแรกเฟานั้น เมื่ออยู่ในป่าก็ดี อยู่ใต้ร่มไม้ก็ดี หรือในเรือนร้างก็ดี มักเปล่งอุทานว่า สุขหนอๆ พวกภิกษุคิดว่า. ท่านอุทานถึงความสุขที่เคยได้รับตอนเป็นเจ้าชาย จึงกราบทูลแด่ พระพุทธองค์ ทรงเรืยกท่านมาตรัสถาม ทราบความจริงว่าที่อุทาน เซ่นนั้น เพราะมีความสุขจากการบรรลุธรรม จึงตรัสสรรเสริญและทรง ยกย่องท่านว่าเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีตระกูลสูง MM m It? :*

www.kalyanamitra.org พระอนุรุทธะ พระอนุรุทธะบวชแล้วเรียนกรรมฐานในสำนกของพระสารีบุตร ไปบำเพ็ญเพียรอยู้ที่ปาจีนวงสทายวน แคว้นเจฺตี ตรีกถึงมหา.ปุริสวิตก ๗ ข้อ คอ ๑. ธรรมนี้เป็นธรรมของผ้มีความปรารถนาน้อย ไมใช่ของผมี ความมกามาก ๒. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สันโดษยินดีด้วยของที่มีอยู่ ไม่ใช่ ของผู้ไม่สันโดษ ๓. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สงัดแล้ว ไมใช่ของผู้ยินด1นหม่คณะ ๔. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้ปรารถนาความเพียร ไม่ใช่ของผู้ เกียจคร้าน ๕. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีสดีมั๋นคง ไมใช่ของคนหลง •๖. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีใจมฺนคง ไมใช่ของผู้มีใจไม่มั่นคง ๗. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีป๋ญญา ไมใช่ของผู้ทรามป๋ญญา พระพทฐฺองค์ทรงทราบว่า ทานลำบากในการตรีกมหาฟ้สวิตก ข้อที่ ๘ จีงเสดีจไปยังที่นั้นฺและตรัสอรียวังสปฏิปทา .ว่าด้วยข้อปฏิบํต ของวงค์พระอรียเจ้า คือความสันโดษในป๋จจัย ๔และยินดีในการ เจรีญกคลธรรม แล้วตรัสข้อที่ ๘ ว่า ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้ยินดีในธรรมที่ไม่เนิ่นข้า ไม่ใช่ของผู้ ยินดีในธรรมที่เนิ่นข้า พระอนุรุทธะตรีกตรองตามพระโอวาท ตั้งใจปฏิบํตธฺรรมด้วย ความไม่ประมาทในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหนค์ ณ ที่นัน และ เป็นผู้ฃวนขวายในการเจรีญสดีifฏฐาน ๔ นอกจากนี้ทานยังมี คุณสมบตพีเศษกล่าวคือ มักพีจารณาลูสัตวโลกด้วยตฺาพีพยัอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้พระพทธเจ้าจีงทรงยกย่องทานว่า เป็นเลิศกว่าก็กชฑงหส!ย ผู้มีทิพพจีกชุญาณ ๑๓0

www.kalyanamitra.org พระอานนท์ พระอานนท์หลังจากบวชแล้วได้ฟังโอวาทของพระปุณณมัน- ตานีบุตรแล้วได้บรรลุธรรมเป็นโสดาบัน ท่านเป็นผู้มีบทบาทหนาที่ สำ คัญไนพระพุทธศาสนา คือหลังจากพระพุทธองคตรัสรู้และเผยแผ่ พระพุทธศาสนามา ๒๐ ปี ไม่มีพระภิกษุผู้ทำหนาที่อุมัฏฐากเป็น ประจำ ต่อมาพระภิกษุสงฆเลือกพระอานนท์เป็นอุมัฏฐาก กอนทำ หน้าที่อุมัฏฐากท่านทูลขอพร ๘ ประการ คือ ๑. อย่าประทานจีวรอันประณีตแก่ข้าพระองค ๒. อย่าประทานป็ณฺฑบาตอันประณีตแก่ข้าพระองค์ ๓. อย่าโปรดให้ข้าพระองค์อยูในที่ประทับของพระองค์ ๔. อย่าทรงพาข้าพระองค์ไปในที่นิมนค์ ๔. จงเสด็จไปสู่ที่นิมนค์ที่ข้าพระองค์รับไว้ ๖. ขอให้ข้าพระองค์พาบริษ้ทร่งมาเข้าเฝืาแต่ที่ไกลได้เข้าเฝืา ในขณะที่มาได้ทันที ๗. ถ้าข้าพระองค์เกิดความสงลัยขํ้นเมื่อใด ขอให้เข้าแ3าทูล ถามได้เมื่อนั้น ๘. ถ้าพระองค์ทรงแสดงธร่รมเทศนาเรื่องใดในที่ลับหลังข้า พระองค์ ขอพระองค์ทรงตรัสพระธรรมเทศนาเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์ วัตธุประสงค์ในการทูลขอพร พระอานนท์ทูลขอพร ๔ ประการข้างด้น่นั้น เพอป็องกันคน ภายนอกตำหนิว่า อุมัฏฐากเพื่อด้องการลาภ ๓ ข้อเบื้องปลายเพื่อ ป็องกันข้อครหาว่า อุมัฏฐากไปทำไมแม้กิจเพียงแค่นั้น พระพุทธองค์ ยังไม่ทรงอนุเคราะท์ และข้อสุดท้ายเพื่อป็องกันข้อครหาว่า เฟ้าดาม เสด็จอย่ดุจเงาดามคัว แม้ธรรมนึ้ก็ไม่รู้ว่าพระพุทธองค์ทรงแสดง .๑๓๑

www.kalyanamitra.org ที่ไหนและเมื่อไร พระพุทธเจ้าประทานอนุญาตตามที่ขอทุกประการ นอกจาก นั้นท่านยังมีคุณสมบตพิเศษกล่าวคือ มีความพากเพยรทรงจำพระ วนยได้แม่นยำ .และฉลาดในการแสดงธรรม ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึง ทรงยกย่องท่านว่า เป็นเลศกว่าภิกษทั้งหลายผู้เป็นพหสูต มีสติ มีคติ มีธิติ(มีความเพียร) และเป็นพุทธอุปัฏฐาก บรรลุธรรมเป็นพระอรหนต พระอานนท์หลังจากที่พระพุทธองคดับขันธปรินิพพานแล้วได้ ๓ เดือน ก่อนทำปฐมลังคายนาหนึ่งวัน ท่านทำความเพียรอย่างหนัก หวังจักสำเร็จเป็นพระอรหันต์ก่อนทำลังคายนา แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะ จิตไจพีง'ย่าน จึงหยุดจงกรมนึ่งลงบนเตียง เอียงกายลงด้วยประสงต์จะ พักผ่อน พอยกเท้าขึ้นจากพื้น ศีรษะยังไม่หันถึงหมอน ตอนนั้นเอง จิตของท่านก็หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ท่านองต์เดืยวเท่านั้นที่บรรลุพระอรหันต์ไม่อยู่ในอิริยาบถ ๔ คือ ยืน: เดิน นึ่ง และ'นอน งานประกาศพระศาสนาที่สำคัญ คือ ได้รับคัดเลือก จากพระสงฆ์ ๔๐๐ องต์ ให้เป็นพูส้ชนาพระธรรม คือ พระสุดด้นตปิฎก และพ้ระอภิธรรมปิฎก เมื่อคราวทำลังคายนาครั้งแรก ขึ้งเป็นเหตุให้ พระพุทธคาสนิานึ่นคงถาวร เผยแผ่มาถึงปัจจุบันนี้ พระภัคตุและพระภิมพิละ ส่วน พระภัคตุ และ พระกิมพีละ ได้ขวนขวายในก่ารบำเพ็ญ เพียรไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัตผล ท่านทั้งสองได้เป็นกำลังสำคัญใน การประกาศพระศาสนาเป็นอย่างมาก ๑๓๒

www.kalyanamitra.org พระเทวทัตน้อยใจ ในบรรดาเจ้าชายที่ออกบวช่พร้อมกับอุบาลีนั้น พระเทวทัต สำ เร็จเพียงโลกิยฌาน ในครั้งที่พระพทธเจ้าประทับที่เมืองโกสัมพี ทรงไดรับการสักการบูชาจากมหาซนเปีนจำนวนมาก พร่ะเทวทัตเกิด ความน้อยใจคิดว่า เราก็เปีนขัตติยราชเหมือนกัน ทำ ไมไม่มืใครนับถือ เลย ครั้นแล้วพิจารณาว่าจักทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูเลื่อมใสให้ได้ แล้วเริ่มแผนการโดยได้เนรมิตเปีนฺกุมารน้อยพันกายด้วยอสรพิษแสดง แกพระราชกุมาร ทำ ให้เจ้าชายอชาตศัตรูตกพระทัยกสัว จึงปลอบโยน ให้หายจากตกพระทัย แล้วแสดงตฺนเปีนพระภิกษุ ฝ่ายเจ้าชายอชาตศัตรูเห็นปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์เช่นนั้น เกิดความเลื่อมใส น้อมถวายลาภสักการะมากมาย ต่อมาพระเทวทัต คิดอีกว่า จักปกครองภิกษุสงฆแทนพระพุทธเจ้า จึงเข้าไปเฝ่า พระพุทธเจ้าที่พระเวฬุวันมหาวิหาร แล้วกราบทูลว่า \"ข้าแต่พระผู้มื พระภาคเจ้า บัตนี้พระองค์ทรงชราภาพแล้ว จงพระสำราญใน ทฎฐธรรมสุขวิหารเถิด ขอพระองค์ทรงมอบภาระแห่งสงฆ์ให้แก่ ข้าพระองค์เถิด\" พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต จึงเป็นเหตุให้พระเทวทัตผูก ^ อาฆาตในพระพุทธองค์ เจ้าชายอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา พระเทวทัตได้ปรึกษากับเจ้าชายอชาตศัตรูให้ปลงพระชนม์ พระบิดาแล้วสถาปนาเปีนกษัตริย์ ส่วนตนเองจะปลงพระชนม์ พระพุทธเจ้า.แล้วปกครองคณะสงฆ์แทน พระราชกุมารเชื่อตามคำที่ พระเทวทัตทลจึงปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผ้เปีนพระบิดาแล้ว ข สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษตริย์แทน ๑๓๓

www.kalyanamitra.org พระเทวทัตทำอนันตริยกรรม พระเทวทัตได้สมคบกับเจ้าชายอชาตศัตรูในการปลงพระชนม์ พระพุทธเจ้าด้วยวิธีกฺารตาง ๆ กล่าวคือ ครั้งที่ ๑ สั่งนายขมังธนูไปปลงพระชนม์พระพุทธองค แต่ นายขมังธนูฟังธรรมแล้วได้บรรลุโสดาปัตติผล ครั้งที่ ๒ ขึ้นไปบนภูเขาคิชฌกูฏกลิ้งศิลาลงมาเพี่อให้ทบ พระพุทธองค์ แต่ด้วยพระบารมีของพระพุทธองค์ ก้อนศิลาได้กลิ้งไป ผิดทางกระทบพื้นแตกกระจายมีเพียงสะเก็ดหินกระเด็นไปกระทบ พระบาททำให้ห้อพระโลหิต - ครั้งที่ ๓ พระเทวทัตปล่อยช้างนาฬาคืรีขึ้งดุร้าย เพี่อปลง พระชนม์ในขณะที่พรฺะพุทธองค์กำลังเสด็จบิณฑบาต แต่พระองค์ทรง ทรมานช้างนาฬาคืรีจนหมดพยศในที่ลุต ตั้งแต่นั้นมามหาชนต่างโจษจันถึงพฤติกรรมของพระเทวทัต พระเจ้าอชาตศัตรูทรงสดับข่าวเช่นนั้นแล้วละอายพระฟัย จึงรับสั่งให้ เลิกจัดอาหารถวายพระเทวทต และไม่เสด็จไปหาพระเทวทัตเหมีอน อย่างเคย ทูลขอวิ'ตถุ ๔ ประการ พระเทวทัตเมื่อกลับกลายเป็นผู้เลิอมจากสาภลักการะ ทงจาก พระเจ้าอชาตศัตรูและชาวเมีอง จงศิตหาวิธีการดารงชีพด้วยฺการ หลอุกลวงว่าเป็นผู้เคร่งครัด เช้าไปเผิาพระพุทธเจ้าทูลของรัตถ ๔ ประการ แล้วกล่าวอีกว่า ถ้าภิกษุรูปใดจะถือช้อใดให้ถือปฐปัติข้อนั้น โดยเคร่งครัดตลอดชีพไม่มีช้อยกเว้น แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาต โตยตรัสว่า ควรปฐปัติได้ตามแต่ศรัทธา เพราะทรงดำริว่า เป็นการ ยากแกการ่ปฏิบัติ ควรดำเนินทางสายกลางคือมัชฌิมาปฏิปทา

www.kalyanamitra.org วัตถุ ๕ ประการที่พระเทวทัดทูลขอ คือ ๑. ให้อยู่ป่าเป็นวัตร(ห้ามจำพรรษาในบ้าน) ๒. ให้อยู่โคนไม้เป็นวัตร (ห้ามอยู่ในเสนาสนะที่เขาถวาย) ๓. ให้นุ่งผ้าบังสุกุลเป็นวัตร (ห้ามใช้ผ้าที่เขาถวาย) ๔. ให้บิณฑบาตเป็นวัตร (ห้ามรับกิจนิมนต์) ๔.ให้เว้นการบริโภคเนื้อและปลา (ให้ฉันมังสวิร้ติ) I /• f

www.kalyanamitra.org ปรารภทำสังฆ๓ท พระเทวทุ้ตเมื่อเห็นพระพุทธองคทรงปฏิเสธเซ่นนั้น จึงกล่าวยก โทษพระพุทธองคว่าคาสอนของตนประเสริฐกว่า พวกภิกษุประมาณ ๔๐๐ รูป ผู้มีสติปัญญาน้อยหลงเชื่อตามคำสอนของพระเทวทัต ยอมตน เป็นสาวก พระเทวทัตปรารภทำสังฆ่๓ทจากพระพุทธเจ้า พระพุทธองคํทรงทราบแล้วตรัสเรียกพระเทวทัตเข้าเฝืาเพื่อตรัส ถาม ครั้นทรงทราบความจริงแล้วตรัสตกเตือนรโห้พระเทวทัตทำ สิ'งฆเภท แม้กระนันพระเทวทัตก็ไม่เอื้อเพื่อในพระดำร้สของพระพุทธ่เจ้า จึงพาบริวารออกไปจนถึงเมืองราชคฤห็ ในที่นั้นได้พบกับพระอานนทํ กล่าวว่า \"จำเติมแต่รันฺนี้ไป เราจักเว้นจากพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ ทํงปวง ทำ สิงฆอุโบสถเฉพาะพวกเราเท่านั้น\" เมื่อถึงวันทำอโบสถ พระเทวทัตพาภิกษุบริวารประชุมทำสังฆกรรมแยกจากพระสงฆทํงมวล จากน้นพาพวกภิกษุบริวารไปคยาสีสประเทศ พระพุทธองคํรับสง ให้พระอ้ครสาวก่พาภิกษุทั้3หลายกลับสำน้ภพระพุทธองส์ตามเดิม พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ ขณะน้นพระโกกาลักะชื่งเป็นติษย์ผู้ใหญ่ของพระเทวทัตเห็น พฤติการณเซ่นน'น จึงเดือดดาลกล่าวโทษและทำร้ายพระเทวทัตจน อาเจียนเป็นโลหิตอาพาธหนักนานถึง ๙ เตือน ตอมาคดว่าชีวิตของ ตนคงจะไม่รอดแล้ว ตืองการกราบทูลขอขมาต่อพระพุทธเจ้า จึงขอให้ ศิษยพาไปเฝืาพระพุทธเจ้า ครั้^ถึงสระโบกขรณีพระเทวทัตประสงคํจะ สรงนํ้า พอเท้าห้อยแตะพื้นตินเท่านั้นแผ่นดินได้แยกออกเป็นซ่องสูบ เอาร่าง■พระเทวทัตจมลงจนถึงคอ ในขณะนั้นพระเทวทัตติดว่า วาระสูดท้ายของตนได้มาถึงแล้ว จึงกล่าวคาถาบูชาพระพุทธเจ้าและถวายกระดูกคางเป็นเครื๋องสกการะ ๑๓๖

www.kalyanamitra.org ว่า \"ข้าพระองค์ขอถวายกระดูกคางและศีรษะนี้เป็นพุทธบชาแด่พระ ลพพัฌฌูเจ้า และขอถึงพระองค์เป็นสรณะ\" ครั้นแล้วก็จมหายไปใน มหาปฐพีบังเกิดในอเวจีมหานรก พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสาวก และพุทธบริษัทได้แด่สังเวชสลด่ใจ แล้วตรัสเทศนาว่า \"ภกษุทั้งหลาย บุคคลผ้ทำความชํ่ว ย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง ดือทั้งในโลกนี้แลฺะ โลกหน้า คือไปด่ทุคติแล้วก็ย่อมเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปด้วยคิดว่า เราทำ ซํ่วแล้วจีงได้เสวยทุกข์เช่นนี้\" บุคคลที่ถูกแผ่นดินสูบในสมัยพุทธกาล ในสมัยพุทธกาลมีบุคคลที่ถูกแผ่นตินสูบอยู่ ๔ คน คือ ๑. พระเจ้าสุปปพุทธะ เพราะโทํษคือปีดทางบิณฑบาตของ พระพุทธเจ้า ๒. พระเทวทฺต เพราะโทษคือทำสังฆ๓ท ๓. นางจีญจมาณริกา เพราะโทษคือใส่ร้ายพระพุทธเจ้าด้วย อสัทธรรม ๔. นันทมาณพ เพราะโทษคือข่มขืนภิกษณีอุบลวรรณาเถรี ๔.น้นทยักษ์ เพราะโทษคือเอากระบองตีศีรษะพระสาริบุตร บัญหาแสะเฉลยปริเฉทที่ ๑๑ ๑. เจ้าศากยะและเจ้าโกลิยะทั้ง ๖ ให้อุบาลีบวชก่อนเพราะเหตใต? ก. เพราะด้องการละมานะความถือตัว ข. เพราะอุบาลีมีอายุมากกว่า ค. เพราะเคยมีอุปการคุณต่อกัน - ง. เพราะเป็นพุทธประสงค์ ๑๓๙

www.kalyanamitra.org ๒.ใครสอนวิธีทาการเก32^ตร แก่พระอนุ^ธศากยะ? ก. พระเจ้ามหานามะ ข. พระเจ้าภัฑทิยะ ค. พระเจ้าอรโตทนะ ง. พระเจ้าสุกโกท!เะ .๓ พระสาวกรูปใด บรรลุพระอรหันต์ในอิริยาบถแปลกถ่ว่าพระสาวก รูปอื่น? ก. พระอานนท ข. พระอุบำลี ค. พระอนุรุทธะ ง. พระสารีบุตร ๔. พระเถระรูปใด บวชก่อน? ก. พระภัคคุ ข. พระกิมพิละ ค. พระอานนท ง. พระอุบาลี ๔. พระอานนท์ได้บรรลุโสดาป๋ตติผล เพราะได้ฟังธรรมจากใคร? ก. พระพุทธเจ้า ข. พระสารีบุตร ค. พระปุณณมันตานีบุตร ง. พระอัสสชิ ๖. \"ธรรมนี้เป้นของผู้มีสติดั้งมั่น ไมไชิของผ้มีสติหลงลืม\" เป้นความ ตรีกของพระเถระรูปใด ? ก. พระภัททิยะ ข, พระอานนท์ - ค. พระอนุรุทธะ ง. พระอุบาลี ๗.ใครทำหน้าที่วินิจฉัยอธีกรณ เรื่องมารดาของพระกุมารภัสสปะ? ก. พระสารีบุตร ข. พระโมคคัลลานะ ค. พระลีวลี ง. พระอุบาลี ๘. พระสาวกรู!นิดได้ริบยกย่องให้เป็นนักกฎหมายในพระศาสนา? ก. พระอุบาลี ข. พระนทีภัสสปะ ค. พระอานนท์ ง. พระมหาภัสสปะ ๙. พระเทวหัตไม่ได้บรรลุมรรคผล เพราะสาเหตุใด ?' ก. ถือตัวว่าเป็นกษ้ตริย ข. ถูกลาภสักการะครอบงำ ค.ไม่ได้บวชด้วยศริทธา ง. มีป๋ญญาด้วยกว่าผู้อื่น ๑๓6?

www.kalyanamitra.org ๑๐. เพราะเหตุไร นายภูษามาลาซื่ออุบาลีจึงได้บวชก่อนเจ้าชาย'ฌั้ ๖? ก. อุบาลีมีอายุมากกว่า ข. ด้องการละมา%เะ ค. เคยมีอุปการะต่อก่น ง. เป็นพุทธประสงค ๑๑. \"ความสงสัยเกิดขึ้นเมื่อใด ขอข้าพระองค์ทลถามได้เมื่อนั้น\" เป็นคำพูดของใคร ? ก. พระภัททิยะ ข. พระมหานามะ ค. พระอานนท ง. พระอนุรุทฮะ ๑๒. พระอนุรุทธะออกบวช ขณะพระพุทธเจ้าประทบอยู่ที่ไหน? ก. ป้าอันธวัน ข. วัดเวฬุวัน ค. วัดเชตวัน ง. อนุปียอมพวัน ๑๓. พระสาวกรูปใด ไม่ได้บรรลุพระอรหันต์ในอิริยาบถทั้ง ๔? ก. พระสารีบุดร ข. พระอานนท์ ค. พระอุบาล ง.. พระอนุรุทธะ ๑๔. มารดาของพระภัททิยศากยะคือใคร ? ก. น่างกีสาโคดมี ข. นางปมิตา ค. นางกาฟ็โคธา ง. พระนางปชาบดีโคตมี ๑๙. ผู้ปรารภให้ชาวศากยะออกบวชดามพระพุทธองค์คือใคร? ก. อนุรุทธศากยะ ข. อมิโดทนศากยะ ค. มหานามศากยะ ง. นันทศากยะ . ๑๖.ใครที่บวชพร้อมกับพระเทวทัต ? ก. พระโกณฑัญญะ ข. พระอุรุเวลกัสสปะ ค. พระอานนท์ ง. พระภททวัคคืย ๑๗. พระอนุรุทธะเป็นผู้เลิศในด้านใด ? ก. มกัญญามาก «4 4\" ข. มฤทธมาก ค. มีดาทิพย 'ง. มีหทิพย ๑๓๙

www.kalyanamitra.org ๑. ก is3i ก s ■.เฉล;ย; ^ /- ๖.ค ๗.ง - ๓. ก ๔. ง่ ๔. ค ๑๑1 ค่ ๑๒. ง ฝ.ก ๙i ขฺ ๑ดแ ข ๑๖, ค ๑๗. ค ๑๓. ข ๑๔. ค ๑๔. ค ๑ร:๐

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๑๒ ว่าด้วยพระโสณโกฟึริสะ และพระ^าออกบวช สถท^เดิมพรรโสณโกฟึริสเถระ พระโสณโกฟ้'วิสะ ชื่อเดิมว่า โสณะ เพราะเป็นผู้มีพิวพรรณ ผุดผ่องเหมือนทองคำ ส่วนโกฟ็วิสะ เป็นชื่อแห่งโคตร บิดาชื่อว่า อุสภเศรชุ อยู่ที่เมืองจำปา แคว้นอังคะ มารดาไม่ปรากฏชื่อ เกดใน วรรณะแพศย์ ท่านมืลักษณะพิเศษคือ ตอนที่ท่านเกิดมืขนปรากฏที่ ผ่าเท้า'mสองข้าง เป็นผู้ชำนาญในการฺดีดพิณ ๓ สาย เป็นคนละเอียด .อ่อน บิดาได้สร้างปราสาท ๓ หลังใท้ฟ้กใน ๓ ฤดู มลเหดุของการออกบวช พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าแผ่นดินแคว้นมคธ มืพระประสงค์ จะทอด'หระเนตรขนที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้างของนายโสณะ จึงรับสงให้ เข้าเฝืา เมึ่อได้ทอดพระเนตรแล้ว ทรงร้บ^ใ'พ้โสณะพร้อมประชาชน ๘๐,๐๐๐ คน เข้าเฝ่าพระ'หุทธองค์ ชื่งประ'อับอยู่ที่ภูเขาคืชฌกฏใกล้

www.kalyanamitra.org กรุงราชคฤหได้ฟังอนุปุพพิกถาและอริยสัจ ๔ เกิดความเลื่อมใส ทูลขอ บวชในพระว' เพราะเห็นว่าการครองเรือนพั้เจะประพฤติพรหมจรรย1ห้ ปริ^ฒริบรณกระทำได้ยาก ทรงประทานการบวชให้ตามประสงค์ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ คณั้บวชแล้ว ไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ป่าสืตว่'น เขตเมืองราชคฤห์ ท่านเตินจงกรมจนเท้าแตก เลือดไหล เมื่อเดินไม่ได้จึงคลานด้วยเข่า และฝ่ามือทั้งสองข้าง จนกระทั้งเข่าและฝ่ามือทั้งสองแตกอีก แม้ กระนั้นก็ยังไม่ได้บรรลุมรรคผลอะไร เกิดความเบื่อหน่ายอยากจะสึก ไปครองเรือน พระพุทธองค์ได้เสด็จไปสอนให้ท่านทำความเพียรพอ ปานกลาง โดยยกพิณ ๓ สายเข้ามาเปรืยบเทียบ ท่านตั้งใจปฏิบติ ตามพระโอวาท เร่งบำเพ็ญเพียรด้วยความไม่ประมาท ในที่สุด่ก็ได้ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ i.

www.kalyanamitra.org งานประกาศํพระศาสนา พระโสณโกฟิรสะ เรนตัวอย่างที่ดีสำหร้บบุคคลผู้ต้องการบรรลุ ธรรม โดยการทำตัวเองให้ลำบากจนเกินไป ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมไต้ ผู้ที่จะบรรลุธรฺรมไต้นั้นต้องบำเพ็ญเพียรในทางสายกลาง ไม่ตึงหรือย่อ หย่อนจนเกินไปนัก หลังจากการบรรลุธรรมเปีนพระอรหันต์ ท่านแสดง คุณสมบํตฺของพระอรหันต์นั้นน้อมจิตไปในคุณ ๖ ประการ คือ ๑. น้อมเข้าไปในบรรพชา. ๒. น้อมเข้าไปในความสงัด ๓. น้อมเข้าไปในความสำรวมไม่เบียดเบียน ๔. น้อมเข้าไปในความไม่ถือมั่น ๔. น้อมเข้าไปในความไม่มีความอยาก ๖.น้อมเข้าไปในความไม่หลง พระโสณโกพี'วิสะ ครั้งยังไม่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ไต้ บำ เพ็ญเพียรอฺย่างแรงกล้า พระพุทธองต์ทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเลิศ กว่าภกษุทั้งหลาย ผู้ปรารภความเพียร\" พระโสณโกพีวิสะ ไต้ช่วย พระพุทธองต์ประกาศพระศาสนา ดำ รงอายุลังขารพอสมควรแก่ อัดภาพุแล้ว ก็นิพพานในที่ลุด สถานะเดิมพระรฐบาลเถระ พระรัฐบาล ชื่อเดิมว่า รัฐบาล แปลว่าผู้รักษฺาแว่นแคว้น เพราะตระกูลของท่านไต้ช่วยกอบกู้แว่นแคว้นที่อยู่อาตัยชื่งล่มสลาย ทางเศรษฐกิจเอาไว้ไต้ ท่านจึงไต้ชื่ออย่างนั้น บิดาและมารดาไม่ ปรากฏนาม บิดาของท่านเป็นเศรษฐีหัวหน้าหมู่บ้าน เกิดในวรรณะ แพศย์ ในถุลลโกฎฐตนิคม แคว้นกูรุ ๑(^๓

www.kalyanamitra.org มูลเหดของการออกบวช ครั้งห์นึ่งเมื่อพระพุทธองคเสด็จไปยังโกฏฐิตนิคม แคว้นกุรุ บ้านเกิดของท่าน ชาวกุรุเป็นจำนวนมากได้มาฟังธรรม รัฐบาลก็มา ฟังธรรมด้วย หลังจากประชาชนกลับไปแล้ว ได้เข้าไปเK1าพระพุทธองค ทูลขอบวชทรงตรัสบอกให้ไปขออนุญาตบิดาและมารดาก่อน เขากลับไปบ้านขออนุญาตบิดาและมารดาบวช ท่านทั้งสองไม่ อนุญาต จึงประห้วงด้วยการอดอาหาร.บิดาและมารดากลัวลูกชายจะ ดายจึงอนุญาตให้บวช ท่านเข้าไปเ15าพระพุทธองคทูลขอบวช ทรง อนุญาตให้พระเถระรูปหนึ่งเป็นพระอุบ้ชฌายบวชให้ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หลังจากบวชแล้วท่านได้ดามเสด็จพระพุทธองคไปฟักอยูที่รัด เชดรัน เป็นผู้ไม่ประมาท ตั้งใจบำเพญเพยร ใช้เวลา ๑๒ ปี จึงบรรลุ ธรรมเป็นพระอรหันต์ พระรัฐบาล มีความเลื่อมใสในธรรมะตั้งใจจะออกบวช แต่กว้า จะได้บวชก็ยากลำบาก ด้องยอมอดอาหารเอาชีวิตเช้าแลกจึงได้บวช ดังนั้นพรุะพุทธองต์ทรงยกย่องท่านว้า \"เป็นเลิศกว้าภกษุทั้งหลาย ผู้ บวชด้วยศรัทธา\" งานประกาศพระศาสนา เมื่อบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วท่านกลับไปยังแคว้นกุรุ บ้านเกิด โปรดโยมบิดาและมารดาให้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่าน ฟักอยู่ที่สวนมีคจิรรัน พระราชอุทยานของพระเจ้าโก่รัพยะ เจ้าเมีอง แคว้นกร

www.kalyanamitra.org อยู่มาวันหนึ่งพระราชาเสด็จไปยังพระราชอุทยาน ทอดพระเนตรเห็น ท่านทรงจำได้ และได้เข้าไปหาเพื่อสนทนาธรรมด้วย ทรงตรัสถามถึง ความเสื่อม ๔ ประการ ที่บุคคลบางคนประสบเข้าแล้วจึงออกบวช คือ ๑. ความแก่ชรา ๒. ความเจึบฺป่วย ๓. ความสิ้นโภคทรัพย์ ๔. ความสิ้นญาติพื่น้อง แต่ท่านไฝได้เป็นอย่างนึ่น ท่านรู้เห็นอย่างไรจึงได้อ่อกบวช พระเถระได้ทูลตอบถึง ธรรมุทเทศ คือ หัวข้อธรรม่ ๔ ประการ ที่ พระพุทธองค์ทรงแสตงไว้ อาตมาภาพรู้เห็นตามธรรมนั้นจึงออกบวช ธรรมุทเทศ ๔ ประการ คือ ๑.โลกคือหมู่สัตว์ สันชรานำเข้าไปใกล้ความตายไม่ยั่งยืน ๒.โลกคือฺหมู่สัตว์ ไม่ม่ผู้ป็องกันไม่มีใครเป็นใหญ่เฉพาะตน ๓. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของๆ ตน จำ ต้องละทิ้งสิ้งทั้a ปวงไป ๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแฟง ตัณหา พระเจ้าโกรพยะทรงเลื่อมใสในธรรมะของท่าน ตรัสชมเชยแล้ว ทรงลากลับไป ปัญหาและเฉลยปริเฉทที่ ๑๒ .๑. ข้อไต ไม่จัตเข้าในความเลื่อม ๔ อย่าง ที่พระเจ้าโกรัพยะตรัสวา เป็นเหตุให้คนออกบวช? ก. แก่ ข. เจึบ ค. ผิตหวัง ง. สิ้นโภคทรัพย์ ๑(Td:

www.kalyanamitra.org ๒.พระสาวกรูปใดยอมอดอาหาร เพราะไฝได้รับอนุญาตให้บวช? ก. พระรัฐบาล ข. พระอนุรุทธะ ค. พระภัททิยะ ง. พระราธะ ๓. พระสาวกรูป่ใด อยู้Iนครร/)มารดานานถึง ๗ปี ๗ เดือน ๗ ว้น? . ก. พระอุบาล ข. พระสีวลี ค. พระวกกสิ ง. พระโสภิตะ ๔. พระโสณโกฟ้รสะ ได้ร้บเอตทัคคะด้านใด ? ก. ปรารภความเพียร ข. สวดเสียงไพเราะ . ค. แสดงธรรมพิสดาร ง. มักน้อยสันโดษ ๙. พระเจ้าจัณฑมัชโชตทรงสดับธรรมจากใครเป็นครั้งแรก ? , ก. พระมหาทัจจายนะ ข. พระโมคดัลลานะ ค. พระมหากัสสปะ ง. พระพุทธเจา ๖.ใครกลาว่า \"พราหมดฒอดัท่าประเส^ริสุทร.^จากพรหม\"? ก. พระเจ้าจัณฑมัชโชด ข. พระเจ้ามธุรราช ค. พระเจ้าโกรัพยะ ง. ปุณณกมาณพ ๗. ธรรมที่พระรั^าลเถระแสดงไว้ว่า \"โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็น นิตย์ ไม่เจักอิม เป็นทาสแหงตณหา\" เรียกชื๋อวาอย่างไร? ก. ธรรมจักร ข. ธรรมจรียา ค. ธรรมุทเทศ ง. ธรรมจักษุ ๘. พระสาวกรูปใด บวชด้วยศรัทธา ? ก. พระราธะ ข. พระรัฐบาล ค. พระอนุรุทธะ ง. พระภัททิยะ ๙. ธรรมุทเทศ ๙ ใครแสดงแก่ใคร? .ก. พระสารีบุตรแสดงแก่พระเจ้าพีมพีสาร ข. พระอานนทัแสดงแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล ค. พระรัฐบาลแสดงแก่พระเจ้าโกรัพุยะ ง. พระมหากัจจายนะแสดงแก่พระเจ้าจัณฑมัชโชต

www.kalyanamitra.org ๑๐. พระสาวกรูปใด เดินจงกรมจนเท้าแตก ? ก. พระรัฐบาล ข. พระโสณกุฏิกัณณะ ค. พระโสณโกฟิ'วิสะ ง. พระภัททิยะ ๑๑. พระรัฐบาลใช้วิธีใด จึงได้บวชเป็นพระภิกษุ? ก. หนีบวชร่งหน้า ข. อดอาหาร ค. บวชตามเพื่อน ง, ขอร้องบิดามารดา ๑๒. ธรรมุทเทศ ๔ ช้อ ๑ คือความที่วำ โลกคือหมู่สัตว์...? ก.ไม่มีผู้ป็องกัน ข. ถูกชรานำไป ค.ไม่มีอะไรเป็นของตน ง. พร่องอยูเป็นนิตย์ไม่รู้จักอิ่ม ๑๓. พระเจ้าโกรัพยะตรัสถามพระรัฐบาลด้วยเรื่องอะไร ? ก. เหตุคือความเจริญของผู้ออกบวช ข. เหตุคือความเสื่อมของผู้ออกบวช ค. เหตุคือความเจริญที่จะให้คนออกบวช ง. เหตุคือความเสื่อมที่ทำให้คนออกบวช ๑. ค ๒. ก เฉลย ๔. ก ๔. ก ๖. ข ๗. ค ๙. ค ๑๐. ค ๑๑. ข ๑๒. ข ๓. ข ๘. ข ๑๓. ง ๑<£C/

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๑๓ ว่าด้วยการเสดจโปรดพระบิดา พระมารดา และการเสด็จดับขันรปรินิพพาน โปรดพระพุทธบิดา พรรษาที่ ๔ พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่กูฏๆควรศาลา ในุป่ามหาว้น ใกล้เมืองพาราณสี ทรงทราบว่าพระเจ้าสุทโธทนะประชวรหนัก พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสงฟ้สาวกได้เสดจไปเยี่ยม ที่งขณะนั้น พระเ^สุทโธทนะเสวยทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า พระพุทธองค์ทรงเหยียดพระทัตถ์ขวาแล้วทรงทำสัตยาธิษฐาน เพื่อปาบดโรคาพาธ และทรงลูบพระเศียรของพระพุทธบิดา พระอานนท์ ยิกมือลูบที่พ่ระกรเบื้องขวา พระนันทะลูบพระพาหาเบื้อง^าย พระราหุล ยกพระทัตถ์ลูบพระปฤษฎางค์ จนพระเจ้าสุทโธทนะทรงคลายจาก ทุกขเวทนาแลวทรงลุกขึ้นปร่ะฟ้บนั้3ถวายบิงคมพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า พระพุทธบิดาจะมีพระชนมายุ ดำ รงอยูได้เพียง ๗ ว้นเทำนั้น ทรงพิจารณาถึงอปนิสัยแห่งมรรคผลแล้ว แสดงอนิจจาทิปฏิสังยุดและอริยสัจ ๔ ตลอดทิงกลางวันและกลางคืน และในที่สุดพระพุทธบิดาทรงบรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์พร้อมด้วย ปฏิสัมภิทาในวนที่ ๗ Gi(£cs

www.kalyanamitra.org ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะคณั้ทรงพิจารณาพระซนมายุแล้วดำริว่า คงจะสิ้แสุดเพียงเท่านี้ จึงกราบทูลลาพระทุทฮเจ้าเข้าณูพพาน พระนางปชาบดีออกบวช พระนางปชาบดีผู้เป็นพระมารดาเลี้ยงของพระพุทธองค์ มี พระทัยฝักใฝ่ในการบรรพชา ได้เสด็จไปเฝ่าพระพุทธเจ้า€งประทับที่ นิโครธาราม แล้วทูลขออนุญาตบรรพซาในพระธรรมวินัย แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต ทำ ให้พระนางเศร้าโศกเสียใจ กันแสงเสด็จกลับพระราชวัง ขณะนั้นพระพุทธองค์เสด็จประทับที่ กูฏาคารศาลา พระนางปชาบดีปรารถนาจะออกบวชอย่างแรงกล้า จึงปลงพระเกศาครองผ้ากาสาวพี'สตร้ แล้วเสด็จพร้อมด้วยบริวารไป เมีองเวสาลี ทรงกันแสงอยู่ที่ข้มประตู