www.kalyanamitra.org ขณะนันพระอานนท์เห็นเข้าจึงเข้าไปถามทราบความจริง แล้วพาไปเราพระพุทธองค์ทูลขอให้ทรงอนุฌ่าตให้สตรีออกบวชใน พระธรรมวนยได้ พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ถ้าหากพระนางปชาบดีโคตมี ยอมเบปฏิบตครุธรรม ๘ ประการ ข้อนั้นจงเป็นการอุปสัมปทาของ พระนางเถิด\" ครุธรรม ๘ ครุธรรม ๘ ประการที่ผู้จะออกบวชตองประพฤติให้ได้ คือ ๑.ภิกษุณีแผวชมา'เ^ยปีต้องกราบไหว้ภิก^แฒวชในวน ๒. ภิกษุณีด้องจำพรรษาอยูในวัดที่มีภิกษุ ๓. ภิกษุณีด้องไปถามวันอุโบสถและรับฟังโอวาทจากภิกษุทุก กึ่งเดือน ๔.ภิกษุณีด้องปวารณาในสงฆสองฝ่ายหสังจำพรรษาแล้ว ๔.ภิกษุณีต้องประพฤติมา'&ในสงฆสองฝ่ายเมื่อต้องอาบติหฟ้า ๖. ภิกษุณีต้องเป็นนางสิกขมานา ๒ ปี จึงขออุปสมบทในสงฆ์ สองฝ่ายได้ - . ๗. ภิกษุณีต้องไม่บริภาษด่าว่าภิกษุไมว่ากรณีใตๆ ๘. ภิกษุณีจะว่ากล่าวตกเตือนภิกษุไม่ได้ แต่ภิกษุว่ากล่าว ตักเตือนได้ พระอานนท์'แาครุธรรมนั้3 ๘ ประการ ที่พระพุทธเจ้าต^สอน แจ้งให้แก่พระนางปชาบดีทราบ พระนางทราบแล้วยินดีรับปฏิบ้ติตาม พระดำรัสของพระพุทธองค์ ภายหลังจึงไต้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา พร้อมด้วยเหล่านางกษ้ตริย์บริวาร ตั้งแต่นั้นมา ได้มีเหล่าสตรีที่มีจิตเลื่อมใสออกบวชใน พระพุทธศาสนาแล้วได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหนต เป็นพระสาวิกา ผู้ใหญ่จำนวน ๑๓ รูปตังนี้ ๑&ซ
www.kalyanamitra.org ภิกษุณีเอตทัคคะ ๑๓ รูป ๑. พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี เอตทัคคะทางรัตตัฌฌู ๒. พระเขมาเถรี เอตทัคคะทางมีป๋ญญามาก ๓. พระอุบลวรรณาเถรี เอตทัคคะทางมีฤทธิ้มาก ๔. พระธรรมทินนาเถรี เอตทัคคะทางเป็นธรรมกถึก ๙. พระปฏาจาราเถรี เอตทัคคะทางผู้ทรงพระวินัย ๖. พระสกุลาเถรี เอตทัคคะทางผู้มีรักษุทิพย์ ๗. พระกีสาโคตมี เอตทัคคะทางมีจีวรเศร้าหมอง ๘. พระนันทาเถรี เอตทัคคะทางผู้ยินดีในฌาน ๙. พระภัททากุณฑลเกสีเถรี ..เอตทัคคะทางรู้แจ้งได้เร็ว ๑๐. พระภัททกาปีลานีเถรี เอตทัคคะทางระลึกชาติได้ ๑๑. พระโสณาเถรี เอตทัคคะทางฺปรารภความเพียร ๑๒. พระสิงคาลมาตาเถรี เอตทัคคะทางหลุดพ้นด้วยศรัทธา ๑๓. พระภัททากัจจานาเถรี{พิมพาหรือยโสธรา) เอตทัคคะ ทางบรรลุมหาภิญญา เศรษฐีอยากรู้จีกพระอรทันต์ คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร เมีอ่งราชคฤห ขณะนั้นเศรษฐีผู้หนึ่งด้องการลงเล่นนํ้าในแม่นํ้าคงคา จีงสั่งให้ลูกน้องขึงตาข่ายทัาเป็นรั้วล้อมเพึ่อป็องกันอันตราย มีไม้ จันทน์แดงท่อนหนึ่งลอยมาติดตาข่าย เศรษฐีติดว่าชนทั้งหลายต่าง กล่าวอวดอ้างว่าตนเป็นพระอรทันต์ เรามิอาจรู้!ด้ว่าใครเป็นพระอรหนต์ ที่ควรเคารพกราบไหว้ ดังนี้แล้วจึงให้ข่างท่าการกลึงไม้จันทน์แดงให้ เป็นบาตร แขวนไว้ที่ปลายไม้ไผ่นึ่งต่อกันสูงถึง ๑๔ วา แล้วกล่าว ว่าหากผู้ใตเหาะมาเอาบาตรไปได้ เราจะยอมรับนับถึอผู้นั้นว่าเป็น ๑รโ๑
www.kalyanamitra.org พระอรหันต์ และเราพร้อมทั้งบุตรและภรรยาจะเคารพนับถือผู้นนเป็น สรณะที่พึ่งตลอดชีวิต ต่อมาครูทั้เ ๖ คือ ^ณกัสสปะ มักขลโคสาล อชีดเกสกัมพล ปกุฑธกัจจายนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร และนัดรนถนาฏบุตร มีความ ต้องการอยากได้บาตรไม้จันทนัแดงของเศรษฐี จึงขอกับเศรษฐีแต่ เศรษฐีไม่ยอมใหั โดยกล่าวว่าถ้าใครอยากไต้ก็จงเหาะขึ้นไปเอาเถิด นิครนถ์นาฏบุตรแสดงท่าเหาะ ในวันที่ ๖ นิครนถ์นาฏบุตรใช้ให้คืษย์บอกเศรษฐีว่าบาตรนี้ สมควรแก่อาจารย์ของเรา อย่าให้ฟานแสดงอิทธิฤทธิ้เหาะมาเพราะ บาตรใบนี้เลย จงมอบให้แก่อาจารย์ของเราเถิด เศรษฐีก็ยืนยันเช่น เดิม นิครนถ์นาฏบุตรจึงเดินทางไปด้วยตนเองโดยทำการนัดศิษย์ว่า ถ้าเราทำท่าว่าจะเหาะ พวกเจ้าจงจับมีอและเท้าของเราไว้ แล้ว่กล่าว ห้ามว่า ทำ ไมท่านอาจารย์ถึงทำอย่างนี้ ท่านอย่าไต้แสดงคุณความ เป็นอรหันต์ที่ปกปีดไว้เพียงเพราะบาตรใบเดียวเลย แล้วไต้ไปขอบาตรกับเศรษฐีอีก แต่เศรษฐีก็ยังกล่าวเช่นเดิม นิครนถ์นาฏบุตรจึงทำทีท่าว่าจะเหาะศิษย์ต่างเช้าไปจับํไว้แล้วกล่าว ห้ามตามที่ตกลงกันไว้ นิครนถ์นาฏบุตรกล่าวกับเศรษฐีว่า เราจะเหาะ ขึ้นไปเอาบาตร แต่ศิษย์ก็ห้ามไว้. ขอท่านจงให้บาตรแก่เราเถิด ถึง กระนนเศรษฐีก็ยังไม่ยอมให้เช่นเดิม พระอรหันต์มีจริง ในวันที่ ๗ พระมหาโมคคัลลานะและพระปีณโฑลภวรทวาชะ เตรียมคัวจะเช้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห้ ขณะที่กำลังยืนห่มจีวร อยูใต้ยินมหาชนกล่าวว่า \"ครูทั้ง ๖ ต่างกล่าวอ้างว่าเป็นพระอรหันต์ ๑ร:๒
www.kalyanamitra.org บัดนี้ย่างเข้าวันที่ ๗ แล้ว บังไม่มีใครเหาะมาเอาบาตรของเศรษฐี พระอรหันตดง?เะไม่มีในโลกแน่นอน\" พระมหาโมคคัลลานะได้ฟังดังนั้น จึงปรึกษากับพระปีณโฑล- ภารทวาชะว่า \"ท่านภารทวาชะ ท่านได้ยินคำพูตที่ดูหมิ่นพระพุทธศาสนา หรึอไม่ ท่านจงเหาะไปเอาบาตรมาเถิต\" พระปีณโฑลภารทวาชะจึงเข้า .จตุตถฌานสมาบติ แสตงอิทธิฤทธึ๋เหาะขึ้นไปบนอากาศพร้อมแผ่นศิลฺาที่ ยืนอยู่เหาะเวียนรอบกรุงราชคฤหัแล้วห่ยุตอ^ล้งคาเรึอนของเศรษฐี บัญญัติหัามพระสาวกแสดงปาฏิหาริย์ เศรษฐีเห็นเหตุการณดังนั้น จึงนิมนต์ให้พระเถระนำบาตรลง มาและบรรจุด้วยอาหารบันประณีต พระเถระวับแล้วกลับบังพระเวฬุวัน ตามเดิม ฝ่ายประชาชนที่เห็นอิทธิฤทธิ้ตางแห่แหนตามขอร้องให้ พระเถระแสตงฤทธิ้อีก พระศาสดาทรงทราบจึงตำหนิพระเถระพร้อม กับวับสั่งให้ทำลายบาต่รนั้นแล้วบดท่า.เป็นยาหยอดตา จากนั้นทรง บัญ^ห้ามพระสาวกแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เดียรถีย์ท้าแข่งปาฏิหาริย์ พวกเดียรถีย์ได้ฟังดังนั้นก็พากันดีใจ ประกาศท้าว่าจักทำ ปาฏิหาริย์แข่งกับพระพุทธเจ้า ฝ่ายพระเจ้าอชาตศัตรูทราบดังนั้นจึง กราบทูลแด่พระพุทธเจ้าว่า \"ทราบว่าพระองต์ทรงบัญญ้ตห้ามมิให้ พระสาวกแสดงปาฏิหาริย์ บัตนี้พวกเดียรถีย์จะทำปาฏิหาริย์แข่งกับ พระองต์ พระองต์จะทำเช่นไรหรือ\" พระพุทธเจ้าตวัสตอบว่า \"มหาบพิตร ตถาศตบัญญัติห้าม เฉพาะพระสาวกเท่านั้น จะบัญญ้ตห้ามตนเองหามิได้\" พระราชาทูล ถามด่ออีกว่า \"พระพุทธองต์จักทำปาฏิหๆริย์ที่ไหน และเมิ่อใดหรือ\" ๑&:๓
www.kalyanamitra.org พระพุทธองค์ตรัสว่า \"มหาบพิตร เราจะทำปาฏิหาริยแต่นี้ไปอก ๔ เดือน ในรันอาสาฬหปุรณมี ที่โคนต้นมะม่วง ใกล้เมีองสารัตถี\" พวก เดืยรถีย์ทราบข่าวจึงสั่งให้ดืษยตัดต้นมะม่วงที่บริเวณนั้นทิ้งทั้งหมด s ต้นคณฑามพฤกษ .คฑั้^ถีงรันเพิญเดือน ๘ อาสาฬหมาส พระพุทธเจ้าไต้เสด็จไป ในกรุงสารัดถี ขณะนั้นนายตัณฑะคนเ?5าพระราชอุทยาน เห็นมะม่วง สุกผลหนึ่งจึงเก็บเพื่อนำไปถวายแด่พระราชา แด่ไต้พบพระพุทธเจ้า ก่อนจึงน้อมถวายแด่พระพุทธองค์ พระอานนทเถระรับมะม่วงทำนั้าปานะถวายให้เสวยแล้วทรง รับสั่งให้นายตัณฑะนำเมล็ดมะม่วงปลูกลงพึ๊นดิน ทรงอธิษฐานเอานํ้า ล้างพระหัตถ์รดลงที่เมล็ดมะม่วงนั้น ต้วยพุทธานุภาพมะม่วงแตกออก เป็นลำต้น แล้วแดกกิ่งก้านสาขาเป็นต้นมะม่วงข่นาดใหญ่ ผลิดอก ออกผลบานสะพรั่งมีนามว่า\"ตัณฑามพฤกษ์\" ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ขณะนั้นพระพุทธเจ้าทรงดำริว่า บัดนี้สมควรที่จะทำปาฏิหาริย์ แล้วไต้เสด็จไปประทับที่ต้นมะม่วง พระสาวกและสาวิกาทราบตังนั้น จึงกราบทูลขอทำปาฏิหาริย์แข่งกับพวกเดืยรถีย์แทน แด่พระองค์ไม่ ทรงอนุญาต ด่อมาทรงเริ่มทำปาฏิหาริย์ โดยทรงเข้าจตุตถฌานสมาบดิอัน เป็นที่ตั้งแห่งอภิญญา เหาะขึ้นไปในอากาศแล้วเสด็จจงกรมไปมา และ ทรงเนรมิตพระพุทธเนรมีดt.หมีอนพระองค์อีกองค์หนึ่ง แสดงอิริยาบถ สลับกันไปมากล่าวคือ เมื่อพระองค์ประทับยืน พระพุทธเนรมิตประทับ นั้งเป็นต้น แล้วเสด็จลงจากอากาศประทับนั้งบนรัดนบัลลังถ์ ทรงแสดง ๑&:a:
www.kalyanamitra.org ธรรมแ สมควร
www.kalyanamitra.org เสด็จสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลำดับนั้นพระพุทธเจ้าทรงดำริว่า พระพุทธเจ้าแต่ปางก่อนหลัง จากแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้ว ได้เสด็จไปจำพรรษาที่ใด ทรงทราบว่า พระพุทธเจ้าปางก่อนทุกพระองค์ เมื่อทำยมกปาฏิหาริย์แล้วย่อมเสด็จ ขึ้นไปจำพรรษาที่สวรรค์ดาวดึงส์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดา สนองพรเร่คุณด้วยกดัญฌูกดเวทิดาธรรม แล้วทรง.ดำริว่าจักดำเนิน ตามพุทธประเพณีนั้น จากนั้นได้เสด็จลุกขึ้นจากรัตนบัลลังก ขึ้งตั้งอยู่เหนือยอด ดัณฑามพฤกษ์ เส่ด็จไปประทับนั้งบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสนใด้ร่มไม้ .ปาริชาดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขณะนั้นท้าวสักกะทรงทราบว่า พระบรมศาสดาเสด็จประทับในเทวโลก ทรงปีติโสมนัสประนมทัดถ ถวายอภิวาทํพระพุทธองค์ และขอประทานวโรกาสไปป่าวประกาศให้ เหล่าเทพยดาชุมนุมกันเพื่อสดับพระธรรมเทศนา แสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จะแสดงธรรมแก่พระพุทธมารดา แต่ไม่ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสถามท้าวลักกะว่า \"พระมารดาของ ตถาคตประทับอยู่ที่ไหน\" ท้าวลักกะทรงทราบพุทธประสงค์แล้ว เสด็จขึ้นไปทุลเชิญพระนางมหามายาเจ้า ขึ้งจุติเป็นเทพบุตรสถิตอยู่ ในสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อเสด็จมาถึงพระพุทธองค์ตรัสประกาศพระคุณ ของพระมารดา จบแล้วทรงปรารภแสดงพระอภิธรรม ๗ ดัมภิร โปรดพุทธมารดาดลอดไตรมาส ๓ เดือน เหล่าเทวดาขึ้งมาประชุมฟัง ธรรมในสมาคมนั้นได้บรรลุมรรคผลดามสติบัญญาของตนๆ เมื่อทรง แสดงดัมภีริมหาบัฏฐานขึ้งเป็นดัมภีริที่ ๗ จบแล้วพระพุทธมารดาได้ บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน
www.kalyanamitra.org มหาชนครํ่าครวญถึงพระพุทธองคุ เมื่อพระบรมศาสดาทรงทำปาฏิหาริยแล้วเสด็จซึ้ฟ้.ปจำพรรษาที่ .สวรรคmดาวดึงส์มหาชนที่สมาคมกันในที่นั้นต่างสงสัยเศร้าโศกกันว่า พระพุทธองคเสด็จไปสู่ภูเขาคิชฌกูฏหรือคันธมาทน เราทั้งหลายมิได้เห็น พระองคในกาลบัดนี้แล้วเข้าไปถามพระมหาโมคคัลลานะว่า \"ข้าแต่ พระผูเป็นเจ้าพระบรมศาสดาของเราทั้งหลายเสด็จํไปสลิดอยูที่ไหน\" พระมหาเถระจึงกล่าวว่า \"พวกท่านจงถามท่านอนุรุทธะเลิด\" มหาชนได้ ไปถามพระอนุรุทธะ พระเถระบอกว่า \"พระพุทธองคัเสด็จขึ้นไปจำพรรษา ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสนโนดาวดึงส์เทวโลก เพื่อดรัสพระธรรมเทศนา อภิธรรม ๗ คมภีรโปรดพระพุทธมารคุา คเ4ดร้สเทศนาพระอภิธรรมปีฎก ถ้วนไตรมาสแล้ว พอถึงวัใฒหาปวารณาจึงจะเสด็จมายง์มนุษยโลกนี้' เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มหาชนจึงกล่าวกับพระมหาโมคคัลลานะว่า ถ้ามิได้เห็นองค์ เข้าไปหาพระโมคคัลลานะแล้วกล่าวว่า \"พระผู้เป็นเจ้าควรที่จะรูวันที่ พระสัพพัญฌูจะเสด็จลงจากเทวโลกให้แน่นอน และพวกข้าพเจ้ามิได้ เห็นพระบรมศาสดาแล้วจะไม่ไปจากที่นี่\" พระมหาเถระจึงสำแดงฤทธิ้ เหาะขึ้นไปสู่ภพดาวดึงส์ ประคองอัญชลีกราบทูลว่า \"พระพุทธองค์จฺะ เส่ด็จลงจากเทวโลกในกาลใด\" ■พระพุทธองค์มีพระดำรัสว่า \"โมคคัลลานะ ต่อนี้ไปอีก ๗ วัน จะถึงวันมหาปวารณา ดถาคดจะลงจากเทวโลกที่ ใกล้ประตเมืองสังกัสสนคร ในวันนั้น ผิว่ามหาชนใคร่จะได้เห็นดถาคด จงไปที่นนเธอจงไปแจ้งแก่มหาชนดามคำของดถาคดนี้\" ครั้นแล้ว พระมหาโมคคัลลานะได้กลับมาแจ้งข่าวนั้นแก่มหาชน ๑^๙
www.kalyanamitra.org เสด็จลงที่ประตูเมืองสังกัสสะ พอถึงวันขึ้น ๑๔ คํ่า เดือน ๑๑ พระบรมศาสดาทรงปวารณา ออกพรรษาแล้ว ตรัสบอกแก่ท้าวสักกะว่า \"ดก่อนเทวราช ตถาคตจะ
www.kalyanamitra.org ลงไปส์มนุษยโลกรันนี้\" ท้าวสักกะจึงได้เนรมิตimไดทิพย์ ๓ บนได คือ บันไดทองอนู่บื้องขวา ฬัเไดเงินอนู่บึ๊องซ้าย {ผไดแก้วอยู่ท่ามกลาง เซ้งบันไดทั้ง ๓ ตั้งอยู่บนพื้นปฐพีใกล้ประตูเมืองสังกัสสะ หัวบันได เบื้องบนจรดยอดภูเขาสิเนรุอันเป็นที่ตั้งแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์บันได ทองเป็นที่ลงของเหล่าเทวดา บันไดเงินเป็นที่ลงของพรหม ล่วนบนได V ะ' *1 _ v_ แก้วนันเบนทิเสด็จลงของพระพทธเจ้า เปีดภพสาม สมเด็จพระบรมศาสดาประหับยืนที่ฐานศีรษะบันได ใน ท่ามกลางเทพบริษัททั้งมวล ครั้นแล้วได้ทรงทำโลกวิวรณปาฏิหาริย์ บันดาลเป็ดภพทั้ง ๓ คือ สวรรค์ มนุษย์ และนรก ให้แลเทินกันไม่มี สิ่งใดกีดกั้น เทวดามองเทินมนุษย์ และนรก มนุษย์มองเทินเทวดาใน สวรรค์ และสัตว์ในนรกกีเทินมนุษย์ตลอดถึงเทวดาในสวรรค์ .แล้ว ประทานพระธรรมเทศนา เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้วภิกษุ ๔๐๐ รูป ซ้งเป็นสัทธิวิหาริกของพร่ะสารีบุตรกีบรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์ พุทธบริษัททั้งปวงได้ดวงตาเทินธรรมบรรลุมรรคผลเป็นจำนวนมาก พระพุทธเจ้าประชวร หสังจากที่พระมหาบุรุษตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แล้ว.ทรงบำเพ็ญพุทธกีจเพื่อโปรดเวไนยชน โดยทรงบำเพ็ญพุทธกิจ กล่าวคือ กิจรัตรที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญประจำรันมี ๔ อย่าง คือ ๑. เวลาเช้าเสด็จรณฑบาต ๒. เวลาเย็นทรงแสดงธรรม ๓. เวลาคํ่าประทานโอฺวาทแก่เหล่าพระภิกษุ ๔. เที่ยงคืนทรงตอบบัญหาเทวดา ๑ร:๙
www.kalyanamitra.org ๙.เวลาmมืดทรงตรวจลูสืตว์1ลกที่ควรเสด็จไปโปรด พระพทธเจ้าทรงบำเพญพุทธกิจ ๕ ประการนี้เป็นประจ้า ตลอด ๔๔พรรษาในพรรษาที่๔๔ร่งเป็นพรรษาสุดท้ายประทบที่ บ้านเวฬุวคาม เฃดเมืองเวสาลี พระพุทธองคประชวรหนัก และทรง เยียวยาด้วยอธิวาสนขนด หลังจากออกพรรษาแล้วเสด็จไปประทับที่ วัดพระเซตวัน เมืองสาวัตถี พทธกิจ ๔๔ พรรษๆ 9 พรรษๆที่ ๑ ประท้บจำพรรษาพี่!hiสิปตนมฤคทายร้น เมืองพาราณสื แสดงปฐมเทศนาโปรดพระป๋ญจวัคคฺย พรรษาที่ ๒,๓,๔ ประทับจ้าพรรษาที่วัดพระเวฬุวันมหาวิหารเมือง ราชคฤหโปรดพระเจ้าพมพิสารและได้พระอัครสาวก พรรษาที่ ๔. ประทับจำพรรษาที่กูฏาคารศาลา ใกล้เมืองเวสาลีโปรด พระรดาใหIต้บรรลุอรห้ตตผล เกิดภิกษุณีสงฆ์ พรรษาที่ ๖ ประทับจำพรรษาที่มกุลบรรพต แคว้นมคธ ทรงทรมาน อสูร เทวดา และมนุษย์ให้ละพยศ พรรษาที่ ๗ ประทับจำพรร่ษาที่บัณฑุอัมพลศิลาอาสน สวรรคm ดาวดึงส์ แสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา พรรษาที่ ๘ ประทับจำพรรษาที่เภสกลามิคทายวัน(ป่าไม้ลีเสียด) เมืองสุงสุมารดีI แควแภิคคะ พบฺนกุลบิดาและนกุลมารดา พรรษาที่ ๙ ประทับจำพรรษาที่โฆสิตาราม เมืองโกลัมพี พรรษาที่ ๑๐ ประท้บจำพรรษาที่ป่าปาริเลยยกะ เมืองโกลัมพี คราว ภิทษุชาวโกลัมพีทะเลาะอัน พรรษาที่ ๑๑ ประทับจำพรรษาที่หมู่บ้านเอกนา.ลา แคว้นมคธ พรรษาที่ ๑๒ ประทับจำพรรษาที่ร่มไม้ปุจิมิณฑพฤกษ์ เมืองเวร้ญชา
www.kalyanamitra.org พิรรษาที่.๑๓ ประทับจาพรรษาที่จาลฺยบรรพต.เมืองจาลิกา พรรษาที่ ๑๔ ประทับจำพรรษาที่วัดพระเซตาน เมืองสาวัตถี พรรษาที่ ๑๔ ประทับจำพรรษาที่วัดนิโคิรธาราม เมืองกบลพัสดุ พรรษาที่ ๑๖ ประทับจำพรรษาที่อคคาฬวเจฺดีย์ เมืองอาฬวี ทรง ทรมานอาฬวกยกษ์ พรรษาที่ ๑๗ ประทับจำพรรษาที่วัตพระเวฬุวัน เมืองราชคฤห พรรษาที่ ๑๘,๑๙ ประท้บจำพรรษาที่จาลิยบรรพต.เมืองจาลิกา พ่รรษาที่ ๒๐ ประทับจำพรรษาที่วัดพระเวฬุวัน เมืองราชคฤห โปรด โจรองคุลิมาส - พรรษาที่ ๒๑-๔๔ ประทับจำพรรษาที่วัดพระเชตวัน และว้ดบุพพาราม สลับกุน พรรษาที่ ๔๔ ประทับจำพรรษาที่บ้านเวฬุวคาม เมืองเวสาลี พระสารีบุตรทูลลาพระพุทธเจ้านิพพาน ขณะที่พระพุทธเจ้าประชวร พระสารีบุตรได้ถวายการปรนนิบ้ต และได้กราบบังคมทูลลฺาพระพุทธเจ้ากลับสูที่พัก แล้วนั่งขัดสมาธิเข้า สมาบ้ติพจารณาอายุลังขารทราบํว่า จักมืชีวิตอยู้ได้อีกเพียง ๗ วัน เทานั้น และคิดต่อไปอีกว่า เราจักนิพพานไนที่ไหนหนอ พระราหุล นิพพานที่บัณฑุกัมพลคิลาอาสน์ ส่ว่นพระกัญญาโกณฑัญญะนิพพาน ที่สระฉัททันต์ '. จำ กนั้นได้ปรารภถึงมารดาของท่านว่า มารดาของเราเป็น มารดาของพระอรทันต์ ๗ องต์ แต่ก็ไม่มืจิตเลื่อมใสไนพระรัตนตรัย เลย อุปนิลัยแฟงมรรคและผลจะพีงมืแก่มารดาของเราหรือไม่หน'อ ก็ได้ทราบว่ามารดาเป็นผู้มือุปนิลัยแฟงพระโสดาบัน จึงดำรีที่จะไป นิพพานที่เรือนของมารดา ๑^๑
www.kalyanamitra.org พระสารีบุต่รได้พาภิกษุ ๔0๐ รูป กราบบงคมทูลลาพระพุทธองค ว่า \"ข้าแตพระองค์ผู้เจริญ ifeiuชีวิตของข้าพระองค์เหลือเพียง ๗ วัน เทานน ข้าพระองค์ขอถวายifงคม่ลาเพอนพพาน\" พระพุทธเจ้าตรส ถามว่า \"สารีบุตร เธอจักนิพพานที่ไหน\" ท่านกราบทูลว่า \"ข้าพระองค์ จักไปนิพพานที่เรีอนแท่งมารดาของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า\" พระสารีบุตรอาพาธ พร;;พุทธองค์รับสั่งให้ท่านแสดงธรรม พระเถระได้เหาะขึ้นไป ในอากาศแสดงธรรมแกฺภิกฺษุทั้งมวล จากนั้นจึงลงจากอากาศกราบ ถวายํบังคมลาพระVฒธองค์แลวออกเดินทางไปยงนิาลื'นทาชีงเป็น บ้านเภิดของท่าน ครนถึงแล้วมารดาของท่านทราบ่ข่าวสั่งให้จัดแจง ที่พีกแก่พระเถระและภิกษุบริวาร แล้วํใฟ้.ห้อุปเรวตะผู้เป็นหลานชาย นิมนตพระเถระเข้ามาในบ้าน พวกภิกษุพกภายนอก ส่วนพระเถระพัก อยูที่ห้อ่งเดิมที่ท่านเกิด ในเวลาคาพระเถระเจ็บป่วยด้วยโรคาพาธอย่างแรงจนอาเจึยน เป็นเลือด มารดาเห็นดังนั้นเกิดกระวนกระวายใจนั้งเKาดูพระเถระที่ หน้าประตห้อง ข่ เทวฺดาและท้าวมหาพรหมมาเยี่ยม ต่อนดิกเทวดาและห้าว§4หาพรหมได้พากันมาเยี่ยมพระเถระ มารดาของท่านเกิดความสงกัยจึงสอบถามพระเถระ ท่านกลาวว่า ห้าวมหาพรหมองค์นี้เป็นผู้ที่น้าตาข่ายมารองรับพระมหาบุรุษและ ถวายการุบำรงรักษา.ตลอดเวลา และในวันที่พระพุท่ธองค์เส่ดิจลงจาก เทวโลกก็ได้กันฉัตรถวายเหมือนกัน มารดาข่องท่านเมื่อได้พังดังนั้นก็เกิดอศจรรยปลื้มปีติเบิกบาน่ ๑๖๒
www.kalyanamitra.org ในใจคิดว่า บุตรของเรายังมีอานุภาพมากเพียงนี้ พระพุทธเจ้าร่งเป็น พระบรมครูของบุตรเราจะมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เป็นแน่จากนั้น พระเถระได้แสดงธรรมพรรณนาพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จบแล้วมารตาของท่านุได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน แล้วเคิญออกไปข้างนอก พรัะสารีบุตรุนิพพาน ขณะนั้นพระสารีบุตรได้ถามพระจุนทะว่า ขณะนี้เวลาเท่าไร แล้ว ทราบว่าใกล้รุงอรณจึงสั่งให้พวกภิกษุประชุมกนกล่าวว่า \"ดู ก่อนท่านผู้อาวุโส ท่านทั้งหลายได้คิดตามเรามาถึง ๔!๔ พรรษาแล้ว กรรมใดที่ไฝชอบใจท่านทั้งหลายจะพีงมี ท่านทั้งหลายจงอดโทษแก่ เราด้วยเถึด\" \"^ พวกภิกษุกล่าวตอบว่า \"ข้าแดพระเถระ ดลอดเวลาที่พวก ข้าพเจ้าคิดดามท่านมาไม่มีกรรมอนใดของท่านที่ไม่ชอบใจแก่ข้าพเจ้า ทั้งหลาย หากข้าพเจ้าทั้งหลายมีความประมาทสั่งใดสั่งหนึ่งในท่าน แล้ว ขอให้ท่านกรณาอดโหษให้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถึด\" ครั้นเวลาอรุณรุ่งในวันเพ็ญ เดือน ๑๒ พระเถระfftด้นิพพาน จาก&พร่ะจุนทะผู้เป็นน้องชายได้ทำพีธีฌาปนกิจถวายเพลิงสรีระ ของพระเถระ ทำ การห่ออฐิธาตุนำไปถวายพระพุทธเจ้า ตรัสให้สร้าง พฺระเจดืยับรรจุอฐธาตุที่ข้มประตูวัตพระเซตวัน เมีองสาวัตถึ พระมหาโมคคัลลานะถูกโจรทุบ ส่วนพํระมหาโมคคัลลานะร่งเป็นพระเถระผู้มีบทบาทที่สำคัญ องค์หนึ่ง โดยเป็นพระอัครสาวกเบื้องข้ายและมีฤทธิ้มาก ก่อนที่จะ นิพพาน ครั้3หนึ่งท่านได้ขึ้แไปเที่ยวสวรรค์แล้วลงไปเมีองนรก ได้นำ ๑๖๓
www.kalyanamitra.org ข่าวสาส์นบอกแก่พวกญาติในเมืองมนุษย์ ทำ ให้มืผู้หันมานับถือ พระทุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก พวกเดียรถืรเห็นว่าพร่ะเถระเป็นกำลัง สำ คัญในการประกาศพระศาสนา จึงติศกำจัดเสียโดยจ้างให้พวกโจรฆา แต่พระเถระก็แสดงฤทธิ๋หลบหนัIด้ถืง ๒ ครั้3 ในครั้3ที่ ๓ ท่านได้พิจารณากรรมเก่าที่ทำไว้ฒั้แต่อดีตชาติกล่าว คือ ได้เคยฆ่ารดามารดาของท่านเอง เห็นว่าสมควรชดใช้หนี้โไรรมจึงไม่ หลบหน!ป ปล่อยให้โจรทุบดีจนกระดูกหักแตกละเอียดทิ้งไว้ที่แหงหนี้a พระมหาโมคคัลลานะนิพพาน พระมหาโมคคัลลานเถระแมืว่าจะถูกทุบดีจนร่างแหลกละเอียด เช่นนั้นยังไม่นิพพาน ได้ประสานร่างกายให้เหมือนเติมด้วยกำลังแห่ง ฌาน แล้วเหาะไปกราบถวายบังคมทูลลาพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตร้ส ถามว่า \"โมคคัลลานะ เธอจักนิพพานที่ไหน\" พระเถระกราบทูลว่า \"ข้าแต่พระองค์ผ้เจริญ ข้าพระองค์จะนิพพาน ณ เมืองกาฬสิลาในวัน นี้พระเจ้าข้า\" จากmร่บลั่3ให้พระเถระแสดงธรรมให้พิง พระเถระจึงเหาะขึ้นไป ในอากาศแสดงธรรมถวายแต่พระพุทธเจ้า s แล้วลงกราบถวายบงคมทูลลา และนี้พพานในว้นแรม ๑๙ คํ่า เดีอน ๑๒ หลังจากพระสารีบุตรนิพพาน ได้๑๔ว้น s พระพุทธเจ้าเสด็จพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ทำพิธีฌาปนกิจ สรีระของท่าน ขณะนั้นดอกไม้ทิพย์ได้ตกลงมาบูชาประมาณห่นึ่ง โยชน์โด่ย่รอบ ฝ่ายมหาชุนได้ประชุมลักการะอีฐธาตุ ๗ วัน แล้ว พระพุทธองค์โปรดให้สร้างพระเจดีย์บรรจุอฐิที่ช้มประดูวัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถื ๑๖®:
www.kalyanamitra.org ใๅรงปรารภชราธรรม ในขณะที่พระพุทธเจ้าประทับบนพุทธอาสน์ในวัดพระเชตวัน พระอานนทัถวายอภิวาทกราบทูลถามถึงพระอาการประชวร พระพุทธองค์ ตร้สตอบว่า \"อานนทั ภิกษุสงฆ์จะหวังได้อะไรในตถาคตอีกเล่า ธรรม ที่ตถาคตแสดงแลวทั้งหมดกแสดงอย่างเปีดเผยไม่ได้ปกปีดซ่อนเร้นไว้ เพื่อแสตงแกไครอีก ความอาลัยในหมู่ภิกษุก็ไม่มี บัดนี้ตถาคตผ่านมา มากมีวัย ๘๐ ปีแล้ว ร่างกายของตถาคตปรากฏประหนึ่งเกวียนชำรุด ที่ซ่อมแซมไว้ด้วยไม้ไผ่พอใช้งานได้เท่านั้น ตถาคตอาสัยสมารภาวนา เช้าคํ้าชูไว้จึงมีความผาสุก พอเป็นไปได้ พวกเธอจงมีต่นและธรรม เป็นที่พื่งในทุกอิริยาบถเถด\" ๑๖๕
www.kalyanamitra.org เสด็จเมืองเวฝ็าเ ครั้นิรุ่งเช้า พระพุทธเจ้าเสด็จเช้าไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี พร้อมด้วยพระสาวกทรงทำภัตกิจเสร็จ. และเสด็จไปเมืองเวสาลี ประภับอยู่ที่กูฏาคารศาลาในป่ามหาวัน คราวนั้นกษตริย์ลิจฉวีทราบ ข่าวพาบริวารไปถวายสักการะ ได้สตับ่พระธรรมเทศนาและอาราธนา พระพุทธองครับบิณฑบาตในวันรุ่งขึ้น พระพุทธองคทรงทำภัตกิจแล้ว เสด็จออกจากเมืองเวสาล1ด้เสด็จกลีบกูฏาคารศาลาตๆมเดิม เจริญอิทธิบาท๔ เมื่อเสด็จถึงรับสั่งให้พระอานนทํถีอผ้านิสีทนะตามเสด็จไปยัง ปาวาลเจดีย ค^ประทบนั้งแล้วตรัสว่า \"อานนท์ เมืองเวสาลีนี้เป็น สถานที่รื่นฺรมท์ทุกตำบล ถ้าบคคลใดได้เจริญอิทธิบาท ๔ ประการแล้ว มีความปรารถนาจะตำรงอายุอยูกปหนี้งหรือบากกว่านั้น บุคคลนั้นกิ สามารถตำรงฮฺายุอยู่ต่อไปได้ดงปรารถนา\" พระพุทธองค์ตร็สนิมิตโอกาสเสร็จแล้ว พระอานนท์มิได้กราบทูล ให้ดำรงพระชุนท์อยู่ตลอดกัปเพราะถูกมารดลใจ แม้ทรงทำนิมตโอภาส ถึง ๓ ครั3 พระอานนท์ก็นิ๋3เฉยอยู่เข่นเดิม พระพุทธองค์จึงรบสั่3ให้ พระอฺานินท์ไปจากฑณั้เ • ทรงปลงอายุสังขาร . หลังจากพระอานนท์หลีกไปแล้ว พญาวัสสวดีมารได้โอกาสจึง เช้าเผ้าพระพุทธองค์กราบทูลให้ปรินิพพาน พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ดู ก่อนพญามาร ท่านจงขวนขวายน้อยเถิด อย่าทุกข์ใจไปเลย ไม่ช้า แล้วตถาคตจักปรินิพพานกำหนดกาลแต่นี้ไปอีก ๓ เดีอนเท่านั้น\"
www.kalyanamitra.org พญามารสดับพทธดำรัสเช่นนั้นกลับมีจิตโสมนัสยินดีแล้ว อันตรธานไป การที่พระองคทรงดัดสินพระทัยว่าจะปรินิพพานเช่นนี้เรียก ว่า ปลงอายลั3ขาร และในวัน'ฒั้เป็นรันมาฆบชา เพ็ญเดีอน ๓ เกิตเหตุ ม'ดัศจรรยคือแผ่นดินไหวไป'ทั่ว์ปฐพี พระอ่านน'ทเข้าไปกราบ'ถูลถาม พระพทธองคตรัสตอบว่า \"อานนท์แผ่นดินไหวด้วยเหตุ๘ประการคือ . ๑. ลมกาเริบ ๒.'ทานผู้มีฤทธิ๋บนดาล ๓. พระโพธิลัตวัจุดิจากดุสิตเทวโลกลงสู่พระครรภ์ ๔. พระโพธิสัตว์ประสูดิ . ๔. พระตถาคตตรัสรู้พระอ'นุตตรสมมาสัมโพธิญาณ ๖. พระตถาคตทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ๗. พระตถาคตปลงอายุสังขาร ๘. พระตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อได้'ฝังพระดำรัสจบแล้ว พระอานน'ทได้สดิกราบ'ทูล อาราธนาใ'ท้พระ'พุทธองค์ดำรงพระชนมชีพอยู่ต่อไป แต่พระองค์กสับ ตรัสว่า \"เราได้ทำนิมิตโอภาสใ'ท้อาราธนาถง ๓ ครั้งและเธอก็ไม อาราธนา การที่พระตถาคตรันคำอาราธนาของพญามารแล้ว จะให้ กลับคำเสิยไม่สมควรเลย■ก็เดียว\" นิมิตโอภาส ๑๖ ตำ บล พระพุทธุองค์ตรัสบอกสถานที่พระองค์ทำนิมิตโอภาส. เพื่อให้ พระอานนท์อฺาราธนาพระตถาคตให้คำรงอ่ยู่ตลอดกัปนับได้ ๑๖ ต่าบล ๑๖๙
www.kalyanamitra.org คือ ๑. ภูเขาคิซฌกูฏ ๒. โคตมนโครธ ๓. เหวที่ทิ้งโจร '' ๔. ถํ้าสัตตบรรณคูหาข้างภูเขาเวภารบรรพต ๔. ถํ้ากาฬศิลาข้างภูเขาอิสิคิสิบรรพต . ' ๖. ที่สัป!!โสณฑิกา ณ สิตวัน ๗. ตโปทาราม ๘. เวฬุวัน ๙.ซีวทัมพวัน , ๑๐. มัททกุจฉิมิคทายวัน(๑๐ ครั้งนี้อย่ที่เมืองราชคฤห) ๑๑. อุเทนเจดีย ๑๒. โคตมเจดีย์ ๑๓. สั?^ตัมพเจดีย์ ๑๔. พหปตตเจดีย์ ๑๔. สาร้นทเจดีย์ ๑๖. ปาวาลเจดีย์ (๖ ครั้งนี้อยู่ที่เมืองเวสาสิ) เสด็จป๋ามหาวันประชุมภิกษสงฆ์ 99 พร.ะพุทธองค์เสด็จโปยังกูฎาคารศาลาป่ามหาวัน เมืองเวสาสิ มีดำ รัสสั่งให้พระอานนท์เรียกประชุมภิกษุสงฆ์ที่อยู่ในเมืองเวสาสิ ทั้งหมด ณ อุปัฏฐานศาลาโรงฉัน พระพุทธองค์เสด็จไปประทับนั่งบฺน พุทธอาสนแล้ว ทรงแสดงอภิญญาเทสิตธรรมว่า \"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่าใดที่เราแสดงแล้วเพี่อความเยิ่ง ธรรมเหล่านั้นพวกเธอ เรียนแล้วพึงส้องเสพ พึงเจริญ พึงกระทำให้มาก โดยที่พรหมจํรรย์นี้ iSihcs
www.kalyanamitra.org พึงยั่งยืน พึงดำรงอยู่ได้นาน เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่เทวดาและ มนุษย์ ธรรมที่เราแสดงเพื่อความรู้ยิ่งเป็นไฉน คือ สติ!โฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๔ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ (โพธิป๋'กขิยธรรม ๓๗) ธรรมเหล่านี้เราแสดงแล้ว เพื่อํความรัยิ่งแก่พวกเธอ\" ความไม่ประมาท ต่อจากนั้นทรงแสดงธรรมว่า \"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บดนี้เรา ขอเตือนพวกเธอว่า สงขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ขอ ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ไม่ช้าดถาคดจัก ปรินพพาน จากนี้ล่วงไปสามเตือนตถาคตจักปรินิพพาน\" รุ่งเช้าพระพุทธองค์เสด็จไปบิณฑบาตในเมืองเวสาลี เสด็จ กลับจากบิณฑบาตทอดพระเนตรเมืองเวสาลีเป็นนาคาวโลก แล้วตรัส
www.kalyanamitra.org กับพระอานฺนทว่า \"อานนท การเห็นเมืองเ,วสาลีของตถาคตครงนี้ เป็นการเห็นครั้งสุดทาย มาเถิดํอานนท์ เรากักไปบ้านกัณ่ฑุคาม\" เสดจบ้านทณฑุคาม ลาดัใ/นั้น พระพุทธองคเสด็จถึงบ้านกัณฑุคามแล้ว เสด็จ ประทับอยู่ที่บ้านนั้น ทรงแสดงอริยธรรม คือ'ธรรมอันประเสริฐ ๔ ประการว่า \"ดูก่อนภิกษุทั้งห่ลาย เพราะไฝเแจ้งแทงตลอดธรรม ๔ คือ คืล สมาธ บ้ญญา และวมตด็ อันเป็นอริยะ เราและพวกเธอจึง เร่รอนทองเที่ยวไปในภฺพ สินกาลฺนาน ดูก่อนภิกษุทงหล้าย เราได้ เแจ้งแทงตลอด ศีล สมาร บ้ญญา และวิมุตด็ อันเป็นอ่ริยุะแล้ว ภวตัณหาเราถอนเลียแล้ว ตัณหาอันจะนำไปยู่ภพสินแล้ว บ้ดนี้ภพ ไหมไมมืแล้ว\" สิกขาทั้ง ๓'คือ ศีล สมาธิ บ้ญญา เป็นปฏิปทาแห่ง วิมุตติ เป็นแก่นแห่งพระธรรมวินัย สาวกจะบรรลุวิมุตติได้ ก็ด้วยที่า ให้บริบูรfulนไตรสิกขา เสด็จโอุคนคร ตอจากนั้นพระพุทธองคเสด็จไปบ้านหัตถีคาม อัมพคามและ ชัมพุคาม ไปตามลำดับจนถึงโภคนคร เสด็จประทับอยู่ ณ อานันทเจตย ทรงแสดงธรรม คือไตรสิกขาได้แก่ ศีล สมาธิ บ้ญญิา และทรงแสดง มหาประเทศ ๔ ประการ เพื่อเป็นเครื่องวินิจนัยพระธรรมวินัยว่า \"ถ้า มพระภิกษุมาอ้างพระศาสดา อ้างสงฆ อ้างคณฺะ อ้างบุคคล แล้วแสดงว่านี้เป็นธรรมเป็น่วินัย เป็นคำสอนของพระศาสดา อย่าพึง ดัดด้านหรือเชื่อดาม พึงเรืยนเอาคำพูดเหล่านั้นจาให้ได้แล้ว พึง สอบสวนในพระสดร เทียบเคียงในพระวินัย ถ้าไม่ตรงกับในพระสดร และพระวินัยไม่ควรเชื่อถือ ถ้าตรงกันไม่ผิดไม่คลาดเคลึ๋อ่น พึง ๑
www.kalyanamitra.org สันนิษฐานว่านี้!.ป็นพระดำรัสของพระศาสดา ควรเรํอถือได้\" นี้เป็น เนื้อความย่อของมหาประเทศ ๔ ฝ่ายพระสูตร เสด็จปาวานครโปรดนายจุนทะ ตอจากนั้นพระพุทธองคเสด็จไปถึงเมืองปาวา เมืองหลวงอีก แห่งหนึ๋aของแคว้นมัลละประทับอยู่ที่อัมพวันสวนมะม่วงของนายจุนทะ กัมมารบุตร{ผู้เป็นบุตรของนายช่างทอง) นายจุนทะมาเข้าเฝ่ากราบทูล อาราธนาพระองคกับพระภิกษุสงฆ์ไห่ไปฉนที่บ้า*นในวันรุ่งขึ้น เวลาเข้าขึ้น ๑๕ คํ่าเดือน ๖ พระองค์เสด็จไปบ้านน่ายจุนทะ พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์ นายจุนทะน้อมถวายสุกรมัฑทวะ พระองค์ตรัสไห่ นายจุนทะถวายสุกรมัททวะเฉพาะพระองค์ ส่วนภิกษุสงฆ์ไห่ถวาย โภชนะชนิดอื่น เพราะว่าบุคคลอื่นนอกจากพระพุทธองค์แล้วไม่ สามารถย่อยอาหารชนิดนี้ได็แล้วตรัสสั่งไห่น้าสุกรมัททวะไปฝังเสิย ต่อมาพระองค์ทรงอาพาธแล้ว ทรงประชวรลงพระโลห่ต เกิด เวทนากล้า\" พระองค์มืพระสติสัมปชัญญะไม่ทรงทุรนทุราย ทรงอดกลั้น เวทนานั้นด้วยอธิวาสนชันติ โปรดปุกคุสะบุตรช่างทอง ต่อจากนั้นพระพุทธองค์เสด็จต่อไปยังกรุงกุสินารา แคว้นมัลละ ระหว่างทางทรงลำบากพระวรกาย'ทรงแวะพักได้ด้นไม้ไห่พระอานนที่ ปุผ้าสังฆาฏิ ๔ ชั้นถวายแล้วตรัสสั่งไห่พระอานนที่ตักนํ้ามาถวาย พรัะอานนที่กราบทูลว่านํ้ๆขุ่นเกวียน ๕๐๐ เล่มเพิ่งผ่านไป กราบทล ไห่เสด็จต่อไปยังแม่นํ้ากุธานที มืนํ้าไสสะอาด พระองค์ตรัสถึง ๓ ครัง่ พระอานนที่วีงไปตักนํ้ามาถวายด้วยพุทธานุภาพนํ้ากสับไสสะอาดไม่ ช่นมัวน่าอัศจรรย์ ๑๑๑
www.kalyanamitra.org ณ ที่ณั้เ ปุกกุสะ โอรส่มลลกษ้ตเย 43เ1|นศิษยของอาฬารดาบส กาลามโคตร เดินทางไปยังกรุงกุสินารา เข้าไปเฮาพระพุทธองคทรง แสดงสันติวิหารธรรม เกิดศรัทธาเลื่อมใส น้อมถวายผ้าสิงคิวรรณ เนื้อเกลี้ยงมีสีสังทอง ๑.คู่ พระองค์ตรัสแนฺะให้ถวายพระองค์ผืนหนึ่ง ถวายพระอานนท์ผืนหนึ่ง ทรงแสดงธรรมให้ปุกกุสะรื่นเริงในกุศลธรรม ตามสมควร ปุกกุสะถวายอภิวาทแล้วหลีกใป ผิวกายพระตถาคตผ่องใสยิ่ง ๒ กาล เมื่อปุกกุสะหลีกใปแล้วพระอานนท์ถวายผ้าสิงคิวรรุณของตน แตพระพุทธองค์ ทรงนุ่งผืนหนึ่งขณะนั้นพระกายของพระองค์บริสุทธิ้ ผุดผ่องยิ่งนัก พระอานนท์กรายทูลว่า \"พระฉวืวรรณของพระตถาคต บริสุทธิ้ผุดผ่องยิ่งนัก เป็นอัศจรรย์\" พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ดูก่อน อานนท์ ในกาลทั้ง ๒ กายของตถาคตยอมบริสุทธิ้ ฉวีวรรณผุดผ่อง ยิ่งนักคือ ๒.ในราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน\" บิณฑบาตที่มีอานิสงส์มาก ๒ ครั้ง ต่อจากนั้นพระพุทธองค์เสด็จถึงแม่นํ้ากกุธานที เสด็จลงสรงแล้ว ลี้น เสด็จใปประทับ ณ อัมพวัน พระจุนทเถระปูลาดสังฆาฏิ ๔ m ถวาย พระองค์ส์าเร็จสีหใสยาสน้โดยข้างเบื้องขวา ตั้3พระบาทให้เหลื่อม อัน มีสดิสัมปซฌญะ ทรงมนสิการอุฏฐานสัญญา ความสำคัญในพระทัย ที่จะสุกขึ้น แล้วตรัสอับพระอานนท์ว่า ใครๆอย่าทำความเดือดร้อนให้ นายจุนทะเลยว่า เสวยภัตตาหารของนายจุนทะแล้วปรินิพพาน เพราะ ป็ณฑบาตที่มีผลมากอานิสงส์มากมีผลเสมออัน มี ๒ ครั้aคือ 6)6/๒
www.kalyanamitra.org ๑. บิณฑบาตที่เสวยแล้วได้ตร้สรู้ (นางสุชาตาถวาย) ๒. บิณฑบาตที่เสวุยแล้วปรินพพาน(นายจุนทะถวาย) บรรทมอนุฏฐานไสยาสน์ ต่อจากนั้นพระพุทธองค์กับพระสงฟ้ได้เสด็จข้ามแม่นํ้าหิร้ญญวดี ไปถึงสวนซื่อสาลวน ในเขตกรุงกุสินาราขอฺงพวกมัลลกษ้ตริย์ ทรงตรัส สั่งพระอานนท์ว่า_\"ดูก่อนอานนท์ เธอจงช่วยตั้งเตียงให้เราหนศีรษะไป ทางทิศอุดรระหว่างไม้สาละทั้งคู่ เราเหนื่อยนักจักนอนระงับความ ลำ บาก\" พระอานนท์ทำตามพุทธดำรัสแล้ว พระองค์บรรทมสิห- ไสยาสน์ตะแคงขวามีสตีสัมปชัญญะเหนือแท่นปรินิพพานระหว่างไม้ สาละทั้งคู่เป็นการบรรทมครั้งสุดท้าย โดยไม่คิดจะลุกขึ้นอีก เรียกว่า อนุฎฐานไสยาสน์
www.kalyanamitra.org ทรงปรารภสักการะบชา สมัยนั้นไม้สาละทงคู่ผลิดอกบ่านสะพรั่งนอกฤดูกาล ดอก มณฑาทิพย์ แม้จุณแห่งจันทนอันเป็นทิพย์ตกลงมาจากอากาศ ตรัสว่า \"ดูก่อนอานนท เรฺาไฝส่รรเสฺริญการบูชาด้วยอามัส!,ทินปานนุ ว่าเป็นการดี ภิกษุ ภิกษุณี อบาสก อุบาสิกา ผู้!ดนลเป็นผู้ปฏิบดธรรม สมควรแก่ธฺรรม ปุฏบสิชอบยง เราสฬเสริญว่าเป็นการดี ร่อว่าบูชา เราด้วยการบชาอยางยิ่ง\" พระอ่ปวาเนเถรร สมัยนั้นพระพุทธองค์ตรัสอับพระอุปวาณะ ผู้ยืนถวายงานพัด อยู่เฉพาะพระพักตรุให้หลีกไป่เสีย พระอานนทเทินว่าพระอุป่วาณร โลกธาตุ มาป่ระชุมอันในสาลวโนทยานโดยชอบ ๑๒ โยช่น ที่ว่าง เท่าอับ'จรดป่ลายขนทรายกไม่มี เต็มแน่นไป่ด้วยเทวดาผู้มีศฺกดื๋ให่ญ มาเพื่อเทินพระดถาศต แดพระอุป่วาณะยืนบังเสีย เราจึงขับออกไป่\" พระอานนทฑูลถามว่า \"เทวดารู้สีกอย่างไร\" พระพุทธองค์ตรัส ว่า \"เทวดาบางพวกที่เป็นปอุชนคราครวญล้มเกลีอกกลิ้งไป่มา ส่วน เทว่ดาที่เป็นพระอุรุยะมีสตสมป่ขัญญะอดกลั้นโดยธรรมสังเวชว่า \"สังขารทงหลายไมเที่ยง ไม่เป็นไป่ต.ามป่รารถ่นา\" สังเวชนย^ถาน ๔ ตำ บล ครั้งนั้นพระอานนท์ทูลถามว่า ในกาลก่อนพระภิกษุเมอออก oc/ar
www.kalyanamitra.org พรรษาแล้ว ย่อมมาเข้าฟ้าพระตถาคต เมื่อพระองคล่วงไปพระภิกษุ จักทาอย่างไร พระองค์จึงตรัสตอบว่า \"สถานที่ ๔ ตำ บล เป็นที่ควรลู ควร้เห็น ควรใท้เภิดจัง่เวชแกกุลบุตรผู้มีศรฑธา สือ ๑.สถานที่ประสูดิ(ลุมพินีรัน) ๒.สถานที่ตร้สเ(อุรุเวลาเสนานิคม)ป็จลุบนเรียกว่า พทธคยา ๓. สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนา(ฟ้าอสิปตนมฤคทายรัน) ๔. สถานที่ปรนิพพาน(สาลวโนทยาน) \"ดูก่อน อานนท ชนเหล่าใดเที่ยวไปในสถานที่ ๔ ตำ บลล้วย จิตศรัทธาเลื่อมใส ชนเหล่านั้นเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จัก เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์\" ลำ ดับนั้น พระอานนททู๙ถามว่า \"จะปฏิบตต่อสตรีนั้งหลาย อย่างไร\"\" พระพุทธองค์ตรัสใหฺปฏิบติต่อสตรี ๓ อย่าง คือ ๑. อย่าดู อย่าเห็น เป็นการดี ■๒. ถ้าจำเป็นตองดู ต้องเห็น อย่าพูดต้วยุเป็นการดี ๓. ถ้าจำเป็นต้องพด ควรพดคำเป็นธรรม พึงตั้งสติให้ดี •บ •บ วิธีปฎิบตต่อพระพุทธสรีระ พระอานนท์ทูลถามว่า \"พวกข้าพระองค์จะปฏิบติในพระสรีระ ของพระตถาคตอย่างไร\" พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ดูก่อนอานนท์ พวกภิกษุอย่าขวนขวาย เพื่อบุชาสรีระของพระตถาคตเลย พวกเธอจงตามประกอบใน ประโยซนตน ไม่ประมาทในประโยชน้ตน มีตนส่งไปแล้วเถิด บำ เพ็ญ เพึยรมุ่งต่อที่สุตพรหมจรรยอยู่ทุกอิริยาบถเกิดอานนท์ กษัตริย ๑ร/๕
www.kalyanamitra.org พราหมณ์ คฤหบดี ผู้มีจิตศรัทธาในพระตถาคตมีอยู่ เขาเหล่านั้นจัก ทำ การบชาพระสรีระของตถาคตเอง\" พระอานนทํทูลถามว่า \"เขาเหล่านั้นจะพึงปฏิบตต่อพระสรีระ ของพระตถาคตอย่างไร\" พระพทธองคตรัสว่า \"พึงปฏิบตเช่นเดียวกับสรีระของพระเจ้า จักรพรรดิราช คือห่อด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี สลับกันโตยอุบายนี้ ๙๐๐ คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กเต็มด้วยนํ้ามันมีฝาเหลีกครอบ ทำ จิตกาธารด้วยไม้หอม ถวายพระเพลีงเสรีจแล้ว เก็บพระอ้ฐธาตุบรรจุ ไว้ในสถูปที่ถนนใหญ่ ๔ แพร่ง ลูปารหบุคฺคล ๔ จำ พวก ดูก่อนอานนทํ ถูปารหบุคคล (คือบุคคลที่ควรสร้างสถูปหรีอ เจดีย่ไว้เคารพลักการะ) ๔ จำ พวกคือ : ๑. พระอรหันตลัมมาลัมพทธเจ้า ๒. พระฟ้จเจกพุทธิเจ้า ๓. พระอรหันตสาวก ๔. พระเจ้าจักรพรรดราช \"ชนทั้งหลายยังจิตไห่เลื่อมใสในพุระสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคดีโลกสวรรค์\" ประทาน้โอวาทแก่พระอานนท์ พระอฺานนท์เข้าไป^หารเหนี่ยวสลักเพชรยืนร้องไห้ ด้วยดีตว่า เรายังเป็นเสขบุคคลมีกิจที่ต้องทำอยู่ แต่พระพุทธองค์ผู้อนเคราะท์เรา จั่กปรินิพพานเสียแล้ว พระพุทธองค์ทรงทราบตรัสเรียกให้เข้าเผ้า แล้วตร้สว่า \"อย่าเสย ๑๙๖
www.kalyanamitra.org อานนท์ เธออย่าเศร้าโศกรํ่าไรไปเลย การพลัดพร่ากจากของอันเป็นทึ่เก ของที่ชอบใจ ณิ่!ใดเกิดขึ้ณเล้ว มีปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความเสื่อมไปเป็น ธรร่มดา สังขารไม่เที่ยง อานนท์ เธอได้อปัฏฐากพระดถาคด ด้วย กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรมอันประกอบด้วยเมตดา; เธอได้ทำบุญไว้ แล้ว จงประกอบความเพียร เธอจักเป็นผู1ม่มีอาสวะโดยฒัพล้น'' ตรัสสรรเสริญพระอานนท์ ลำ ดับนน พระพุทธองคตรัสเรียกกิกษุทั้งหลายมาดรัสสรรเสริญ พระอานนท์ว้า กิกษดู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าที่ม่าแล้วในอดีตที่จะมีมุาใน อนาคตอย่างยิ่งเพียงเท่าพระอานนท์อานนท์เป็นบัณฑิตรู้กาลที่ควรจะจัด ให้พุทธบริบัททั้3 ๔ เข้าเKh แล้วดร้สแสดงข้ออัศจรรย์ ๔ ประการของ พระอานนท์ คือ บริษท ๔ มีกิกษุ กิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ด้องการเห็น พร่ะอานนท์ ๑ ยินดีที่โด้เห็น ๑ ยินดีในธรรมที่แสดง ๑ ไม่ยิ่มในธรรมที่ แสดง ๑ ธรรมอ้นอศจรรเ^ ๔ &ฟ้.นพระเจ้าจ้กรพรรติราชเหมือนกิน เมืองกุสินารา พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองคผู้เจริญ ขอพระผู้มี พระภาคเจ้าอย่าปรินิพพานในเมืองกุสินารานี้ร่งเป็นเมืองเล็ก เมองคอน เ^กิ่งเมือง ขอพระองคเสด็จไปปรนิพพานในเมืองใหญ่ๆ เข้น กรุงจัมปา กรุงรา.ชคฤท์ กรุงสารัดถี เมืองสาเกด กรุงโกลัมพี กรุงพาราณสี แต่ พระองคดร้สห้ามว้า \"อานนท์ เธออย่าได้กลำวอย่าง'^ กรุงกุสินาราใน อดีตสื่อว้ากุสาวดี มืพระเจ้าจักรพรรติราชพระนามว้า สุทัสสนะปกครอง เคยเป็นเมืองที่มั่งคั่ง้รุ่งเรีอง ไม่เงียบจากเสิยงทั้ง ๑๐ ทั้3กลางรันกลาง คืนคือ ๑.เถียงข้าง ๒.เถียงม้า ๓.เถียงรถ ๔.เถียงกลอง ๙.เถียง ตะโพน ๖.เถียงพิณ ๗.เถียงกังสตาล ๘.เถียงขบร้อง ๙.เถียงสังข์ ๑๗6/
www.kalyanamitra.org ๑๐.เสียงชวนกนบริโภคอาหาร' แจ้งข่าวปรินิพพานแก่มัลลกษัตริย์ พระพุทธองค์ตรัสให้พระอานนท์ไปแจ้งข่าวการปรินิพพานแก่ พวกมัลลกษัตริย์ว่า พระตถาคตจักปรินิพพานในปั'จฉิมยามแห่งราตรี วันนี๊ พวกท่านจะไม่เดือดร้อนในภายหลังว่า \"พระตถาคตมาปรินิพพาน ในคามเขตของพวกเรา พวกเราไมได้เข้าtfhเ?เนคเง์สุดท้าย\" พระอานนท์ รับพุทธดำรัสแล้วเข้าไปบอกพวกมัลลกษัตริย์ในกลางที่ประชุม ณ ลัณฐาคาร พวกกษ้ตริย์พร้อมทั้งพระโอรส พระสุนิสา และปซาบดี เสวย ทุกขโทมนัสมีประการต่างๆ แล้วเสด็จไปสาลวัน พระอานนท์จัดให้เข้า เฝืาตามลำดับสกุลวงค์เสร็จในปฐมยามส่วนเบื้องต้นแห่งราตรี
www.kalyanamitra.org โปรดสุภทฑ่ปริพาช่ก สมัยนั้น สุภัททะทราบว่า พระพทธเจ้าจักปรินิพพานในยาม สุดท้ายคืนนี้ รีบเข้าเฝัาทูลถามข้อสงสัยของตน พระอานนท้ท้าม ๓ ครั้ง พระพุทธองคได้สดับคำเจรจาของพระอานนท้ จึงตฺรัสอนญาตให้ เข้าแhได้ เขาทูลถามปัฌห่าว่า ครูทั้3 ๖ คือ ปูรณกัสสปะ มักขลิโคสาล อข้ตเกสกัมพล ปกุทธกัจจายนะ ส้ฌข้ยเวล้ฏฐบุตร และนิครนถนาฏบุตร อ้างดัวเองว่าได้ตรัสรู้จริงหรือ พระพุทธองค์ตรัสห้ามแล้วทรงแสตงว่า \"ดูก่อนสุภททะ อริยมรรคมีองค์๘ไม่มีอijiนธรรมวิพั]ไต สมณะที่๑ที่๒ที่๓ที่๔ ไม่มีในธรรมวิ'&jmi อริยมรรคมีองค์ ๘ มีอยู่แตในธรรมวินิยข่องตถาคต เทานั้น ลัทธิอื่นนอกจากธรรมวินยข่องตถาคตไม่มี ดูก่อนสุกัททะ ถ้า พระภิกษุย้งปฏิบ้ตดีปฏิบติชอบโลกกัใม่พึงสูญเปล่าจากพระอรห้นค์'' สุกัททะ'กังธรรมจบแล้วแสตงตนเป็นอุบาสกและขอบรรพชา อุปสมบท พระองค์ตรัสว่า \"ดูก่อนสุภัฑทะ ยู้ที่เคยเป็นอญญเดียรถีย์มา ก่อน ต้องอยู่ปริวาส ๔ เดือนจึงจะบรรพชาอุปสมบทได้\" ส่กัททะ กราบทูลว่า \"ข้าพระองค์จักอยู่ปริวาส ๔ ปี ต่อล่วง ๔ ปีแล้วภิกษุ ทั้3หลายมีจิต!ท4.ดี'กั3ใ'ท้ข้าพระองค์บรรพชาอุปสมบทเพื่อเป็นภิกษุเถิต\" พระองค์ตรัสให้พระอานนห้นำสุกัททะไปบรรพชา เมื่อบรรพ'ชฺา เสรีจแล้ว พระอานนทนำมาเข้าเ^เาพระองค์Iห้สุกัททะอุปสมบทเป็ภิกษุ พร้อมทั้งตรัสบอกกัมมัฏฐาน พระสุภททะได้บำเ'พ็ญเพียรสำเรีจเป็น พระอรหนต1นราตรีนั้เ เป็น!เจรมสาวก คือฺ สาวกอุงค์สุตท้าย ประทานโอวาทแก่ภิกษุสงฆ์ ลำ ดับนั้น พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนห้ว่า \"ดูก่อนอานนท บางทีพวกเธอมีความคืตอย่างนี้ว่า \"ปาพจน์มีพระศาสตาล่วงไปแล้ว ๑ร/๙
www.kalyanamitra.org พระศาสดาของพวกเราไมมี พวกเธอไฝพึงเห็นอย่างนั้น ธรรมm วิItfl ก็ดี อันไดอ้นเราแสดงแลว ได้บัญmไว้แล้วแก่เธอพั้)หลาย ธรรมและ วิฟ้ยนั้เอัก!รนศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห็งเรา\" คารวโวหาร ในสมัยก่อนพระภิกษุทั้งผู้แก่กว่าและอ่อนกว่า เรียกกันด้วยคำ ว่า \"อาวุโส\" เสมอเหมือนกันหมด เมื่อพระองคล่วงลับไปตรัสให้ภิกษุ เรียกกันโดยคารวโวหาร ๒ ประการ คือ ๑. ภิกษุผู้แก่กฺว่าพึงเรียกภิกษุผู้อ่อนกว่าโดยซื่อ โดยโคดร หรีอด้วยคำว่า \"อาวุโส\"(ผู้มีอาย); ๒. ภิกษุผู้อ่อนกว่าพึงเรียกภิกษุผู้แก่กว่าว่า กันเด (ท่านผู้ เจริญ) อายัสมา (ผู้มีอายุ) ตรัสถึงพ่ระฉนนะ \"ดูก่อนอาน่นท่ ถ้าสงฆ์ปรารถนาถอนสิกขาบทเล็กนอยเสืย บ้าง จงถอนเถิดโดยกาลล่วงไปแห่งเรา\" \"ดูก่อนอานนท์ สงฆ์พึงลงพรหมท์ณฑ์แก่ฉันนะภิกษุ คือ ฉันนะ ปรารถนาเจรจาคำใดพึงเจรจาคำนั้น ภิกษุไม่พึงว่า ไม่พึงโอวาท ไม่ พึงสํ่งสุ่อน\" เปีดโอกาสพฺฟ้กถามความสงสย ลำ ดับนั้น พระพุทธองคดรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า \"ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย ความสงลัยความเคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มรรคหรีอในข้อปฏิบ้ติจะพึงมีแม้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง พวกเธอ ๑c;q
www.kalyanamitra.org จงถามเถิด อย่าได้มืความเดือดร้อนใจในภายหลังว่า พระศาสดาอยู่ เฉพาะหน้าเราแล้ว เรายังมิอาจทูลถาม เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส อย่าง,นี้แล้ว ภิกษุทังหลายพากันนี้งเสียทง ๓ ครั้ง พระอานนทั กราบทูลแสดงความอัศจรรย์ พระองค์ตรัสว่า \"อานนทัความสงลัย จะไม่มีแม้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ในภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป อย่างตฺาที่สุดกเป็น พระโสดาบันไม่มีอนตกตํ่าเป็นธรรมดาเชนผู้™งที่จะตร้สรู1นภายฺห่น้า\" พระบัจฉมโอวาท ลำ ดับนั้น พระพุทธองค์ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า \"ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเดือนเธอทั้งหลายว่า ลังขารทั้งหลายมีความ เสีอมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประม่าทให้ถึงพร้อมเถิด\" นี้เป็นพระบัจฉิมฺวาจาของพระศาสดา ปรินิพพาน ^ ต่อจากนั้นพระพุทธองค์มิได้ตรัสอีกเลย ทรงเข้าอนุปุพพวิหาร สฺมาบติทั้ง ๙ โดย่อนุโลมคือเข้าฌานตามลำดับ ปฏิโลมคือเข้าฌาน ทวนลำดับ ขณะนั้นพระอานนทัถามพระอนุรุทธะว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ปรินิพพานแล้วหรือ พระอนุรุทธะตอบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังไม่ ปรินิพพาน ทรงเข้าสมาบติถอยหลังกลับไปจนถึงปฐมฌาน ออกจาก ปฐ่มฌานแล้วเข้าสมาบดไปตามลำดับอีกจนถึงจตุตถฌาน เมื่อออก จากจตุตถฌานแล้วทรงดับขนธปรินิพพาน ณ บัจฉิมยามแห่งราตรื วิสาขบูชานั้นแล
www.kalyanamitra.org กล่าวส์โงเวคคาถา พร้อมกับการปรินพพานของพระพุทธองศ ได้เกิดแผ่นดนไหว ครั้งใหญ เกิดความขนพองสยองเกล้า ทั้งกลองทิพย์ก็บันลอฃึ้น ขณะนนมีเทวดาและมนุษย์กล่าวสังเวคคาถาดังต่อไปนี้ ท้าวสหัมบดีได้กล่าวคาถาวา \"หัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จักด้อง ทอดทิ้งร่างกายไว้ในโลก แต่พระตถาคตผู้เป็นศาสดาเช่นนั้น หา บุคคลจะเปรียบเทียบมิได้โนโลก เป็นพระหัมมาหัมพุทธเจ้า ทรงมีพระ กำ หังยังเสด็จปรินิพพาน\" ท้าวหักกเทวราชได้กล่าวคาถาว่า \"หังขารทั้8หลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและเสิอมไปเป็นธรรมดา ย่อมเกิดและดับไป ความ เข้าไปสงบหังขารเหล่านั้นได้เป็นสุข\" พระอนุรุทธะได้กล่าวคาถาว่า \"ลมยัสสาสะบัสสาสะของพระมนิ ผู้มีพระหัยตั้งมั่นคงที่ไม่หวั่นไหว ปรารภหันตทากาละมิได้มีแล้ว พระองค์มีพระหัยไม่หดหู่ ทรงอดกลั้นเวทนาได้แล้ว ความพนแห่งจิต ได้มีแล้ว เหมีอนดวงประทีปดับไปฉะนั้น\" พระอานนท์ได้กล่าวคาถาว่า \"เมื่อพระหัมมาหัมพทฺธเจ้า ประกอบด้วยอาการยันประเสริฐทั้งปวง ปรินิพพานแล้ว ในครังนั้นได้ เกิดยัศจรรย์ น่าสะพึงกหัวและเกิด ความขนพองสยองเกล้า\" แจ้งข่าวปรินิพพาน ^ ครั้แพระพุทธฺองค์ปรินิพพานแล้วแต่ยังไม่สว่าง พระอนุรุทธะ กับพระอานนท์จึงแสดงธรรมีกถาเพื่อให้บริษัทคลายความเสียใจ พอ สว่างแล้วพระอนุรุทธะบอกให้พระอานนท์ไปแจ้งข่าวการปรินิพพาน แก่พวกมัลลกษัตริย์ ขึ้งกำลังประชุมกันอยู่ ณ ลัณฐาคาร เมื่อพวก บัลลกษัคุริย์ทราบข่าวต่างเสียใจ มีความทุกข้เป็นกำลัง และสั่งให้ <s)Ciob)
www.kalyanamitra.org พวฺกราชบุรษประกาศข่าวการปรินิพพานทั่วทั้งพระนคร ให้ตระเตรียม ดอกไม้ของหอมต่างๆและเครื่องดนตรีทุกชนิด พร้อมผ้า ๔๐๐ คู่ ไปรง สาลวันเพื่อบูชาสักการะสรีระของพระทุทธองค์ พวกม้ลลกษัตริย์ ทำ ทุทธบูชาด้วยสักการะอันโอฬารล่วงไป ๖ วัน-วันที่ ๗ จึงปรึกษาอันว่า \"เราจะเชิญพระบรมศพไปทางทิศทักษิณแห่งพ่ระนคฺร ถวายพระเพลิง ณภ่ายนอกพระนครเถิด\" มกุฏพันธนเจดีย์ ครั้งนั้นมัลลปาโมกขทั้3 ๘ มีกำ ลังมาก สรงนํ้าดำเกล้าน่งผ้า ใหม่พร้อมอันเข้าไปอัญเชิญพระบรมศพก็ไม่อาจให้เคลื่อนจากทั่!ด้'พวก มัลลกษตริย์แปลกใจถามพระอนุรุทธะ ผู้เลิศ.ทางทิพพจักษญาณ ท่าน แสดงเหตุว่า \"พวกเทวดามีความประสงค์จะเชิญไปทางทิศอุดรแห่ง พ'รฺ;นคร แล้วเข้าลู่พระนครโดยประตูทิศอุดร เชิญไปท่ามกลางพระนคร ออกโดยประตูทิศบูรพา ถวายพรฺะเพลิงพระสรีระของพระพุทธองค์ ณ มกุฎพันฺรน.เจดีย์ ทางทิศบูรพาแห่ง.พระนคร\" พวกมัลลกษิตริย์ทิาตาม ประสงค์ของเทวดา จึงเคลื่อนพระบรมศพไปได้ด้วยดี ขณะนั้นดอกมณฑารพของทิพย์ เทวดาบันดาลุให้ตกลงมา เพื่อเป็นพุทธบูชาทั่วกรุงกุลินารา สูงประมาณเข่า เมื่อเคลื่อนพระบรม ศพไปที่มกุฏพันธนเจดีย์เรียบร้อยแล้ว พระอานนทั่จึงบอกวิธีปฐบด ต่อพระพุทธสรีระ ให้พวกมัลลกษัตริย์ทราบทุกประการเหมือนนัยที่ได้ พังมาเฉพาะพระพักตรีของพระองค์ เสร็จเรียบร้อยแล้วเชิญพระบรม ศพขึ้นบนจิตกาธาน เดรียมจะถวายพระเพลิง ถวายพระเพลิงไม่สิต ครั้amมัลลปาโมกข้ ๔ คน สรงนํ้าตำเกล้าใฬุห่มผ้าใหม่ นำ ไฟ ๑07๓
www.kalyanamitra.org เข้าไปจุด์ทั้3 ๔ ทิศ ไฟไม่ติด พวกมลลกษ้ตริยจึงตร้สถามพระอนุรุท่ธะ ท่านแสดงเหตุว่า \"พวกเทวดาประสฺงคจะให้รอพระมหากสสปะมาถวาย บงคมพระพุทธบาทด้วยเศียรเกล้าก่อนจึงจะถวายพระเพลิงได้'' สมยนั้นพระมหาก่สสปะ พร้อมด้วยภิกษุ ๔๐๐ รูป เดินทาง มาจากปาวานดรสู่เมืองกุสินารา พักอยู่ที่ร่มไม้แห่งหนึ่ง เห็นอาชีวก ถือดอกมณฑารพเดินมาจึงถามว่า \"ท่านได้ทราบข่าวพระศาสดาของ เราบ้างหรือ\" อาชีวกตอบว่า \"เราทราบ พระสมณโคดมปรินพพานได้ ๗ วันเข้าวันนี้ ดอกมณฑารพนี้เราถือมาจากที่นั้น\" พระสุภัททะกล่าวจ้วงจาบ ลาดิบนั้นพระภิกษุที่ยงไม่สิ้นอาสวะ ร้องไห้เกลือกกลิ้งไปมา รำ พันถืงพระพุทธองศ ส่วนภิกษุที่สิ้นอาสวะแล้วอดกลั้นดวยธรรม สังเวช มืภิกษุรูปหนึ่งชีงบวชเมี๋อแก่ซื่อว่า สุภิททะ ห้ามว่า \"อย่าเลย ผู้มือายุ พวกท่านอย่าเศร้าโศกอย่าราไรไปเลยเร่าฟันดีแล้ว ด้วยว่า พระสมณะนั้4เบียดเบียนพวกเราอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอ สิ่งนี้1ม่ควรแก่เธอ ก็บัดนี้พวกเราปรารถนาสิ่งใด ก็จักกระทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใด ก็ จักไม่กระทำสิ่งนั้น\" พระมหากัสสปะได้พังคำพูดเช่นนั้น ดีดจะยกเป็นอธิกรณทำ นคคํหกรรม เห็นว่ายังไม่ควรก่อน จึงพูดให้ภิกษุคลายความเศร้าโศก เสียใจ พาคณะเดินทางไปยังเมืองกุลินารา เมื่อถืงมกุฏพันธนเจดีย์แล้ว ประนมมือกระทำประทักรณรอบจิดกาธาน ๓ รอบ เปีดทางส่วนพุระบาท ถวายบ้ง์คมพระบาทด้วยเศียร๓ล้า ภิกษุ ๙๐๐ รูปก็ทำเข่นm เพสิงทิพย์ลุกโพลงขื้น พอพระมหากสสปะและภิกษุ ๙๐๐ รูป ถวายบังคมแล้วถอย
www.kalyanamitra.org ออกมาเพสิงทิพยก็ลุกโพลงขุนเผาพร่ะสรีระพร้อมทั้งคู่ผ้า ๔๐๐ ชิ้น และหีบทองบนจิตกาธานจนหมดสิ้น แต่ยังเหลือสิ่งที่เพสิงไม่ไหม้ ๔ อยางด้วยอานุภาพพุทธาธิษฐาน ชิ้งเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งได้แก่ ๑. ผ้าที่ทุ้มพระบรมศพ(พั้ใน ๑ ผืน นอก ๑ ผืน) ๒. พระเขี้ยวแก้วทั้ง ๔ ๓. พระรากขุวัญ(ไหปลาร้า) ทั้ง ๒ - ๔. พระอุณหิส(กรอบหน้า) วันนี้เรียกว่า วันอัฏฐมียูชา คือวันถวายพระเพสิง ตรงกบวัน แรม ๘ คิ้า เคือน ๖ ทูตม'ไฃอพระบรมสารีริกธฺาตุ พวกมลลกษัตริย์นำพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐาน ณ สัณฐาคาร ภายในเมืองกสินารา มีทหารยืนถือธนูรักษาโดยรอบ พระนคร เพื่อป็องกันไม่ให้กษ้ตรีย์อื่นมาแย่งชง ทำ การสักการะบชา อย่างมากมายตลอด ๗.วัน ขณะนนกษตริย์และพราหมณ์ ทั้ง ๗ นคร คือ ๑. พระเจ้าอชฺาตศัตรู เมืองราชคฤห้ ๒. พระเจ้าสิจฉวี เมือังเวสาลื ๓. พระเจ้าศากยะ เมืองกบิลพัสดุ ๔. ถูลืกษ้ตริย์ เมืองอัลลกัปปะ . ๔.โทสิยกษัตริย์ เมืองรามคาม ๖. มหฺาพราหมณ์ เมืองเวฎฐทีปกะ ๗. มฺลลกษ้ตริย์ เมืองปาวา ได้ทราบข่าวว่าพระพุทธอ่งคเสด็จไปปรินิพพานที่เมืองกสินารา จึงส่งทูตขุองตนไปขุอแปงพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งยกกองทัพไป ๑<^๔
www.kalyanamitra.org ประชิดเมืองกุสินารา พวกมลลกษดริย์เมื่อได้รับสาสนแล้ว ตอบไป ว่า \"พระพุทธองค์เสด็จมาดับขันธปรินิพพานในเขตของเรา เราจะไม่ ให้พระบรมสารีริกธาตุ\" กษตริยทั้ง ๗ นครเตรียมบุกเข้าไปเพื่อแย่งชิง พระบรมสารีริกธาต sJPร^ิ พmรุ ร7'
www.kalyanamitra.org โทณพราหมณ์ผู้หามทพ มีพราหมณ์คนหนึ่งชื่อว่า \"โทณพราหมณ์\" ชื่งเ.ป็นอาจารย์. สอนไตรเพทเป็นที่เคารพรักของคนทั้งชมพูทวีป เห็นว่าจะเกิด สงครามใหญ่แย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ จึงกล่าวสุนทรพจน์ว่า \"คณานิกรเจ้าผู้เจริญ เชิญฟ้งวาจาของข้าพระองค์ พระพุทธเจ้า ของเราทั้รหลายเป็นขนดวาที การรบกินเพราะเหตุแห่งพระบรมสารีริกธาตุ ของพระองค์นั้นไม่งามเลย ข้าแด่ก&เรีย์ผู้เจริญ ทั้งเจ้านครเดิมํและ ด่างราชธฺานีจงชื่นชมสามคคีกัน แปงป๋นพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ล่วน ให้เสมอกินทุกพระนครเถิด ขอพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จงแพร่หลายทั้วทุกทีศ สถิดสถาพรเพึ่อนิกรสัตว์สินกาลนานเถิด\" กษ้ตริย์และพราหมณ์ทั้ง ๘ นครได้สดับสุภารตกิเห็นชอบใน สามัคคีธรรม จึงมอบให้โทณพราหมณ์เป็นผู้แปงพระบรมสารีริกธาตุ แปงพระบรมสารีริกธาตุ โทณพราหมณ์พอได้โอกาสหยิบเอาพระเขี้ยวแก้วข้างขวา ซ่อนไว้ในมวยผม แล้วจัดการตวงพระบรมสารีริกธาตุด้วยทะนานทอง แปงให้กฺษ้ดริย์ ๘ เมีองๆละ ๒ ทะนาน รวมเป็น ๑๖ ทะนาน ขณะนั้น ท้าวสักกะทรงทราบว่า โทณพราหมณ์ได้ซ่อนพระเขี้ยวแก้วที่มวยผม ทรงดำริว่าพระเขี้ยวแก้วเป็นของสูงล่ง โทณพราหมณ์ ไม่สามารถ บูชาให้สมเกียรติยศได้ ควรนำไปประติษฐานในเทวโลกเพื่อเป็นที่ สกการบูชาของเทวดาและพรหมทั้งมวลจะดีกว่า แล้วได้แฝงกายหยิบ เอาพระเขี้ยวแก้วอัญเชิญไปบรรจุในพระจุฬามณีเจดีย์mดาวดึงส์ ล่วนโทณพราหมณ์เมึ่อแปงพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ด้นหา พระเขี้ยวแก้วแล้วไม่พบกีเสืยใจ จะสอบถามกีกสัวเสียเกียรติของตน จงขอทะนานทองไปบรรจุไว์Iนเจดีย์ เรียกว่า \"ตุมพเจดีย์\" ๑0^๙
www.kalyanamitra.org ส่วนโมริยกฟ้ดริยเมืองปีปผลิวัน ทราบข่าวว่าพระพุทธอฺงค เสด็จดับขันธปรินิพพานที่เมืองกุลินารา ส่งทูตมาขอพระธาตุ พวก มลลกษตริย์ตวัสบอกว่า \"พระธาตุได้แจกไปหมดแล้ว ท่านทงหลายจง อัญเชิญพระอังคาร(ขี้เถ้า) ไปสรางสถูปทำสกการบูชาเถิด\" เรียกว่า อังคารเจดีย์ เจดีย์ ๔ ประ๓ท กษ้ตริย์ และพราหมณทฺง ๘ นครเมื่อได้ร้บพระบรมสารีริกธาตุ ไปแล้ว ได้สร้างเจดีย์บรรจุเพื่อเป็นที่สักการบูชา ๑. ธาตุเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๒.บริโภคเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุเครื่องบริขาร เข่น บาตร จีวร เตียง ตั่ง กุฏิ วิหาร เป็นด้น ๓.ธรรมเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุพระพุทธพจน ที่จารีกลงไนโบ ลาน แผ่นทอง แผ่นศิลาเป็นด้น ๔. อทเทลิกเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุฟระปฏิมาพระพุทธรูปที่ สร้างด้วย เงิน ทอง อิฐ^นต่างๆ สาเหตุที่พระ)ฑุ่ไธองค์เสด็จดีบชินรปรินิพพานที่เมืองกุลินารา ๑. เพื่อโปรดสุภัททะปริพาชก สาวกองค์สุดท้าย ๒. เพื่อไมให้เกดสงครามแย่งขิงพระบรมสาสิกธาตุแก่นครต่าง ๆ ๓. เพื่อให้พระบรมสารีริกธาตุแพร่หลายไปอังเมืองต่างๆ เมื่อ มืคนสักการะบูชาด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ละโลกไปแล้วจะมืสุคติโลก สวรรค์เป็นที่ไป ๑(พ<พ
www.kalyanamitra.org อันตรธาน อันตรธาน หมายถึง ความเสื่อมสิ้นไปแห่งพระศาสนา ๙ ประการ บรรดาอันตรธานทั้ง ๔ นั้น ปริย้ติเสื่อมไปเป็นอันดับแรก ต่อมาปฏิบัติเสื่อมสิ้นไป เมื่อไม่เล่าเรียน(ปริอัติ) และไม่นำมา ประพฤติปฏิบติปฏิเวธก็เสื่อมสิ้นไป คือ การบรรลุมรรคผล่ไม่ม่ ต่อ จากนั้นสมณเพศไม่มี หาผู้ครองไตรจีวรมิได 4พศสมณะสูญสิ้นไป และลุดท้ายธาตุอันตรธานความเสื่อมสิ้นไปแห่งพระบรมสารีริกธาตุ อันตรธานสูญไปจากโลก เป็นการสิ้นสุดแห่งพระพุทธศาสนาในที่สุด อันตรธาน ๔ ประการ ได้แก ๑. ปริย้ติอันตรธาน ความเสื่อมไปแห่งปริยติ ๒. ปฏิบัตติอันตรธาน ความเสื่อมไปแห่งกฺารปฏิบติ\" ๓. ปฏิเวธอันตรธาน ความเสื่อมไปแห่งการบรรลุมรรคผล ๔. ลิงคอันตรธาน ความเสื่อมไปแห่งสมณเพศ ๔. ธาตุอันตรธาน ความเสื่อมไปแห่งพระบรมธฺาตุ ความเป็นมาของการอังคายนา หลังจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า เสร็จสิ้นแล้ว พระมหาลัสสปะพร้อมด้วยเหล่าพระภิกษุสาวกของ พระพุทธองค. ได้ปรีกษาเกี่ยวกับความเป็นไปของพระศาสนาไน อนาคตเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขนธปรินิพพานแล้ว ขณะนั้นในที่ประชุมได้ยกคำกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัยที่ สุกัททวุฑฒบรรพชิต(ผู้บวชเมื่อแก่)ขึ้นปรีกษากัน แล้วลงมติกันว่าลัก ทำ การลังคายนาเพื่อร้อยกรองรักษาพระธรรมวินัยให้ปรากฏสืบทอด แต่อนุชนต่อไป โดยมอบให้พระมหากัสสปะเป็นประธานในการทำ ลังคายนา ๑«0๙
รํโงฺคายนา การร้อยกรองพระธรรมวินัย ศ?งที่ พ.ศ. ปรารภเหชุ ยู้ถาม §ดอฃ ประธาน จํธภมลร่เ ศาสรุ่ฟเyไก หำ อ^ สถานที่ 0 ฅ เดือน เรี่องชุภทท^ทฒบรร ล่าว พระมทา- พระถูบาลี พระมท> dtoo รูป พระเจ้า- ๗ เดืฒ ลีานัตตบรรณฐหา ^ามพระธรรม่รนัย และ กสสปะ ตอบ^วินัย กัสสปะ อชาตคัตรู ข้างฐเขาเวภารบรรฒ ปรารภที่จะให้พระศาสนา พระอานนท์ เมืองราชคฤท์ รัเมคธ รุ่งเรืองสถาพรอยูสิบ!ป ตอบพระถูตร ประเทศเนเดืย และพระอ^ www.kalyanamitra.org ๒ 000 เรี่องพระ?เฒุชาร่^รนุตรแสดง พระเรวตะ พระส์ฟพกาฝ็ พระยสกา ฅ100 รูป พระเจ้ากาลา- ๘ เดือน วาลีการาม เมือง วัตถู 00 ประทาร นอทธรรม กผทกบุตร โศกราช ไพศาลี รัฐวัชข้ นอกวันัย ประเทศเนเดืย ๓ ๒ฅ๔ เรืองพวกเดืยรถีรปลอมบวช พระโมคคัลลี พระมัฟน๒ะ mSiMm OyOOO รูป พระเจ้าอโศํถ- ๙ เดือน อโศการาม เมือง บตรดืสสเถระ ฒัพระมฬาเทาะ ดืลลน)% มทาราช ปาฏลีบุตร รัฐมคธ ประเทศอินเดย ๔ ๒ฅฺ๖ จะประดิษฐานพระทุทธ- พระมทินทแ)ระ พระอรืฏฐะ พระมทินทเถระ ^000รูป พระเจ้าเทวาi^ 00ฒึน ถูปาราม เมืองอนราฟ! ศาสนาในประเทศลงกา ปียดิลสะ ประเทศพักา ฬระสงร่พะนดกfru และดวร9ะ พระพุทรทัดตะ พระมทาตํลละ พระพุทรทัดตะ 0,000 รูป พระเจ้าวัฏฎ- 0ปี อาโลกเลฌสถานมลัย- จารกพระVjjฒพฟ้ลงนบลาน คารนีอภัย ซนบท ประเทศล้งกา' เที่อเป็พ1แฐาน เvเราะต่ฟ้ปอาจ จะไม่มีภิเชุ^ดลามารถจฬาไดื ผั้ทมดและถูกดือง
www.kalyanamitra.org ปัญหานละเฉลยปริเฉทที่ ๑๓ ๑. พ์ระสาวกรูปใด สนับสนุนการบวชภิกษุณีครั้งแรก? ก. พระสารีบุตร ข. พระมหากสสฺปะ ค. พระอุบาลี ง. พระอานนท ๒. พระนางปชาบดี แสดงความตั้งใจในการขอบวชอยางไร? ก. อดพระกระยาหาร ข. กลั้นลมหายใจ ค. ตัดพระเมาลี ง. ยอมสินพรีะชนม ๓. ภิกษุณีคู้ใด เปีนอัครสาวิกาฟ้าย-ขวาของพระพุทธเจ้า ? ก. อุบลวรรณาเถรี-รูปนันทาเถรี ข. เขมาเถรี-อบลวรรณาเถรี 'ค! เขมาเถรี-ป้ฏาจาราเถรี ง. ธัมมทินนาเถรี-รูปนันทาเถรี ๔. พระเถรีรูปใด ที่ได้ริบยกปองว่าเป็นผูเสิศทางวินัย? ก. พระภิททากัจจานาเถรี ข. พระปชาบดีโคตมีเถรี ค. พระปฏาจาราเถรี ง. พระรูปนันทาเถรี ๔. พระนางปชาบดี บวชเป็นภิกษุณีด้วยวิธีใด ? ก. เอทิภิกขอุปสัมปทา ข. ดีสรณคมนูปสัมปทา ค'. ริบครุธรรม ๘ ง. ญัตติจตุตถกรรม ๖. ภิกษุณีรูปแรกในํพระพุทธศาสนา คือใคร่? ก. พระธรรมทินนาเถรี ข. พระปชาบดีโคตมีเถรี .ค.พระเขมาเถรี ง.พระอุปลวรรีณาเถรี ๗. ป็ณฑบาดที่ตริสว่ามีอานิสงส์มาก มีกี่คฺรั้ง? ก. ๒ ครั้ง ข. ๓ ครั้ง ค. ๔ ครั้ง ง. ๔ ครั้ง ๑๙๑
www.kalyanamitra.org ๘. พระพุทธเจ้าทรงแสดงปัจฉิมโอวาทที่ไหน? ก์. อัมพวัน ข. สาลวโนทยาน ด. ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ง. อัฏ}วัน ๙.อังเวชนียสถา'นทั้ง๔แห่งจัดเป็นเจดีย์ประ๓ทใด ? ก. ธาตุเจดีย์ . ข. บริโภคเจดีย์ ค. ธรรมเจดีย์ ง,.อุทเทสิกเจดีย์ ๑๐.โทณพราหมณ์แน่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็นกี่ส่วน? ก. ๔ ส่วน ข. ๖ ส่วน. ค. ๗ ส่วน ง. ๘ ส่วน ๑๑. ข้อใด ชื่อว่าอริยธรรม ? . ก. ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ข,ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุดติ . 'ค. ศีล สมาธิ ปัญญา ง. สัจจะ ทมะ ขันติ ๑๒. พระพุทธเจ้าทรงแสดงอภิญญาเทสิดธรรมที่ไหน? ก. กูฏาคารศาลา ข. โภคนคร ค. อานันทเจดีย์ ' ง ภิ'ณฑุคาม ๑๓. ใครเป็นผู้ถวายผ้าสิงคิวรรณ ? ก. ดปุสสะ ข. ปุกกุสะ ค. ภิลสิกะ ง. จุนทะ ๑๔.พระสุภิททพุทธปัจฉิมสาวกอุปสมบทด้วยวิธีใด? ก. เอหิภิกขุอุปสัมปทา ข.โอวาทปฏิคคหณูปสัมปทา ค. ติส่รณคมนูปสัมปทา ง. ฌัดติจตุตกรรมอุปสัมปทา ๑๔. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงปลงอายุสังขารในพรรษาที่เท่าไร? ก. พ่รรษาที่ ๒๔ ข. พรรษาที่ ๓๔ ค.- พรร่ษฺาที่ ๔๔ ง. พรรษๆที่ ๔๔ . . ๑๙๒
www.kalyanamitra.org ๑๖. พระอานนท์ไมใต้สติเฟือทูลอาราธนาใหพระพุทธเจ้าดำรงอยู่อีก กัปหนึ่งหรือเกินกวานั้น เพราะสาเหตุใด? ก. เพราะถูกมารดลใจ . ข. เพราะถูกขับไล ค. เพราะยังทำใจไมใต้ ง. เพราะเป็นปุถุชน ๑๗. สถานที่ใดอยูในจำนวนที่ตั้งขฺองสังเวชนยสถาน ๔ ดํๆบล? ก. ลัฏเวัน ' ข. ลุมพนีวัน ค. เขตวัน ง. ป่ามหาวัน ๑๘. พระโอวาททงปวงที่ทรงประทานแล้วตลอดพระmเม์ชีพ ประมวล ลงเป็นหนึ่งเดียว คออะไร? ก. ความไม่ประมาท ข. ทฺางสายกลาง ค. ดวงตาเห็นธรรม ง. ความกตัญณู ๑๙. เมึ่อพระศาสดาเสด็จปรินิพพานแล้ว เกิดํความมหัศจรรย์อะไร? ก. เกิดลมพายุ ข. ฝนสืแดงตฺก ค. แผ่นตินไหว ง.ฟืาปีดมืดมุด . ๒๐. บุคคลในข้อใด ควรบรรจุอเธาตุไว้ในสถูปํเพื่อสักการบูชา? ก. พระพุทธเจ้า ข. พระอรหัน่ตสาวก ค. พระเจ้าจักรพรรติ ง. ถูกทุกข้อ ๒๑. ธรรมข้อใดที่พระพุทธเจ้าแสดงว้าเมื่อบุคคลเจริญเด็มที่แล้วจฺะต่อ อายุไต้ ? ก. อริยสัจ ๔ ข. จตุปาริสุทธิศีล ๔. ค. อิทธิบาท ๔ ง. สัมมปปทาน ๔ ๒๒. อภิญญาเทสิตธรรม คือข้อใด ? ก. โพธิป๋กขิยธรรม ๓๗ ข. มรรคมื่องค์ ๘ ค. โพชฌงค์ ๗ ง. อริยสัจ ๔ ๑๙๓
www.kalyanamitra.org ๒๓.พระทุทธองค์ทรงแสดงมหาปฺเทส ๔ ที่ไหน? ก. โภคนคร ข. อานันทเจดีย์ ค. ถูฏาคารศาลา ง. ภัณฑุคาม ๒๔. พระศาสดาเสด็จปรินิพพานที่เมืองไหน? ก. เมืองราชคฤห ข. เมืองกุสินารา ค. เมืองสาวัตถี ง. เมืองพาราณฺสิ ๒๔. ตนพระศรีมหาโพธิ้ จัดเป็นเจดีย์ประ๓ทใด ? ก. ธาตุเจดีย์ ข. นริโภคเจดีย์ ค. ธรรมเจดีย์ ง. อุทเทสกเจดีย์ ๒๖.พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษานานที่สุด ณ เมืองใด? ก. พาราณสี ข. เวสาลี ค.สาวัตถี . ง.กุสินารา ๒๗. ดอกไม้ชนิดใดเป็นเครื่องปงบอกว่าพระศาสดาปรินิพพานแล้ว? ก. ดอกบว ข. ด่อกสาละ ค. ดอกโศก ง. ดอกมณฑารพ ๒๘. ข้อใดไม่จัดเข้าในสงเวชนิยสถาน ๔? ก. สลานที่ปฺระสูติ ข. สถานที่ตริสรู้ ค. สถานที่ปรินิพพาน ง. สถานที่ถวายพระเพ.ลิง ๒๙.อุทเทลิกเจดีย์หมายถีงข้อใด? ก. พระพุทธรูป ข. พระบรมสารีริกธาตุ ค. พระพุทธบริขาร ง. พระไดรปีฎก ๓๐. ข้อใด ไม่จัดเข้าไปในถูปารหบุคคล ๔ จำ พวก ? ก. พระพุทธเจ้า ข. อรหนตสาวก. ค. พระเจ้าจักรพรรติ ง. พระราชา ๓๑. พระพุทธสรีวังคาร คืออะไร ?. ข. พระอ้เธาตุ ก. เถ้าถ่าน ง. พระรากขวัญ ค. พระเขี้ยวแก้ว ๑๙<zr
www.kalyanamitra.org ๓๒. เจดีย์ที่บรร่จุพระไตรปีฎก เป็นเจดีย์ประเภทใด? ก. ธาตุเจดีย์ ข. บริโภคเจดีย์ ค. ธรรมเจดีย์ ง. อุทเทสิกเจดีย์ ๓๓. ครุธรรม ๘ ของภิกษุณี ข้อ ๖ คือความในข้อใด ? ก. ต้องหาอุปสัมปทาในสงฆสองฝ่าย ข. ต้องปวารณาในสงฆสองฝ่าย ค. ต้องประพฤดีมานัตในสงฆ์สองฝ่าย ง. ต้องฟังคำสอนในสงฆ์สองฝ่าย ๓๔.พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษาสุดท้ายที่ใด ? s ก. บ้านกลลวาลมุตตคาม ราชคฤห ข. บ้านเวฬุวคาม ไพศาลี . ค. บ้านภณฑคาม ปาวา ง. บ้านนาสันทาคาม มคธ ๓๔. นางสิกขมานาจะบวชเป็.นภิกษุณี ต้องรักษาคืล ๖ เคร่งครัดไฝ ล่วงละเมิดเป็นเวลากี่ปี? ก. ๑ ปี ซ. ๒ ปี ค. ๓ ปี ง. ๔ ปี ๑. ง ๒. ค เฉลย ๔. ค ๔. ค ๖. ข ๗. ก ๙. ข ๑๐. ง ๑๑. ข ๑๒. ก ๓. ข ๑๔. ง ๑๔. ง ๑๗. ข ๘. ข ๑๙. ค ๒๐. ง ๑๖. ก ๒๒. ก ๑๓. ข ๒๔. ข ๒๔. ข ๒๑. ค ๒๗. ง ๑๘. ก ๒๙. ก ๓๐. ง ๓๒. ค ๒๓. ข ๓๔. ข ๓๔. ข ๒๖. ค ๒๘. ง ๓๑. ก ๓๓. ก ๑๙๔
www.kalyanamitra.org วชากรรมบถ ๑๙๖
www.kalyanamitra.org บทที่ ๑ กรรมบถ กฎ่แหงกรรม พระพทธศาส'พก เป็น^าสพกที่สอนเกี่ยวก้บเรื่องกฎเฟงกรรม ว่า สุสว์'ทั้งหลายล้วนต่กอยูภายใต้กฎ๗ มีกรรม่เป็น กกเนิด กรรมนั้น'ทำใ'ห้มนุษยเป็นอะไรก็ไต้ในชาตินี้ หรือว่าหลงจาก ตายไปแล้ว ถ้าทำความดีก็ไปสู่สุคติอือไปเก็ดเป็'นม'แษย เทวดา พรหม จนถึงที่สุดเป็นพระอร'ทันต ถ้าทำความ'ชั่วก็ไปสู่'ทุคติ คือไป เถิดเป็นฺสัดวติรัจฉาน เป็นเปรด เป็'นสัดว่นรก เป็นอสุรกาย เป็นต้น ดังนั้นม'แษยทุกคนที่เถิดขึ้นมาบ่นโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเขึ้อ ชาติเผ่าพันธุอะไร นับถึอศาสนาไหนก็ดาม ต้องศึกษาเรื่องกฎแห่ง กรรม เ'ที่อเราจะไต้ไม่ดำเนินชีวิดที่ผิดพลาดไม่ศึกษาไม่ไต้เพราะว่า ดราบใดที่เรายังไม่หมดกเลส เรายังต้องเวียนว่ายดายเถิดอีกยาวนา'นํ ชีวิดเบื้องหสังความดายนั้นมี คือนรกและสวรรคมีจริง จะเชื่อหรือไม่ เชื่อก็ดาม ม'นษยทุกคนสามารถออกแบบชีวิดของดัวเองไต้ จะใ'ห้เป็น คนดีหรือคนชั่ว จะใ'พ้จนหรือรวย จะใ'พ้หล่อสวยหรืออัปสักษณ์ จะใ'ต้ ฉลาดหรือโง่ จะใ'ห้หสังจากดายแล้วไปนรกหรือสวรรค์ เราสามารฤ ลิขิตทางเดนของชีวิตไต้ ทางที่เราทำแล้วเตินไปสู่สุคติหรือทุคตินั้น่ ๑๙๙
www.kalyanamitra.org ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า กรรมบถ โดยแบ่งเป็น ๒ ประ๓ท คือ ๑. ทางนำไปสู่ทุคติ เรียกว่า อกุศลกรรมบถ ๒. ทางนำไปส่สคติ เรียกว่า กศลกรรมบถ 9- ■« ^ • *\"^ - *' ••-^ ■ -• t , ■' อกุศลกรรมบถ ๑๐ ๑. ปาณาติบาต ทำ ชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง คือฆ่าสัตว ๒. อทินนาทาน ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ด้วยอาการ แห่งขโมย ๓. กาเมสุมิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม ทั้ง ๓ นี้ จัดเป็นกายกรรม เพราะเกิดขึ้นทางกายทวารโดยมาก ๔. มุสาวาท พูดเท็จ ๔.ป็สุณวาจา พูดส่อเสียด ๖. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ ๗. สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ
www.kalyanamitra.org พั้ ๔ นี้ จัดเป็นวจีกรรม เพราะเกิดขึ้นทางวจีทวารโดยมาก ๘. อภชฌา โลภอยากได้ของเขา ๙,พยาบาท ปองร้ายเขา ๑๐. มิจฉาฑิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม ^ 0, rt. T «.^ พ m น จัดเป็นมโนกรรม. เพราะเกิดขนทางมโนทวารโดยมาก อธิบายอกุศลกรรมบถ โด่ยอาการ ๙ ๑. โดยธรรม คือ โดยสภาวธรรม กรรมบถ ๗ คือ กายกรรม ๓และวจีกรรม ๔ โดยสภาวธรรม คือสิงที่เป็นเองโดยธรรมชาติไม่มีใครมาปรุงแตงให้เกิด ได้แก่ เจดนา อธิบายว่า ด้องมีเจดนาในการทำ การพูด จึงจะเป็นกรรมบถได้ ฤา ไม่มีเจตนาไม่เป็นกรรมบถ ส่วนมโนกรรม ๓ มีอภิซฌาเป็นด้น ต้อง เกิดรว่มกิบเจดนาจึงจะเป็นมโนกรรมได้ มีแต่เฉพาะอยางใดอย่างหนึ่ง ไม่จัดเป็นมโนกรรม. ๒.โดยโกฏฐาสะ คือ โดยเป็นส่วนแห่งธรรมต่างๆ อกุศลกรรมบถ ๘ คือ กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มิจฉาทฎฐ ๑ เป็นกรรมบถอย่างเดียว ไม่เป็นมูลคือรากเหง้าแห่งอกุศลเหลาอื่น ส่วนอภิชฌา ได้แก่โลภะ พยาบาท ได้แก่โทสะ ทั้ง ๒ อย่าง่นี้ เป็นทั้ง อกุศลกรรมบถ เป็นทั้งมูลคือรากเหง้าของอกุศลเหล่าอื่นด้วย ๓.โดยอารมเน์คือ ลิ่ง^จเข้าไปยึดแล้ว เป็นเหตุให้ทำกรรมพั้ๆ ปาณาติบาด มีสังขารคือข้วิตของสัดว่ หมายถึงสิงมีชีวิศ ทั้งหมดเป็นอารมณ์ หมายความว่า การฆ่าสัตว์ เป็นการทำลายชีวิด ของผู้อื่น ถึาทำลายสิ่งไม่มีชีวิต กิไม่จัดเป็นการฆ่าสัตว์ อทินนาทาน มีสัตว์หรือสังขารเป็นอารมณ์ หมายความว่า สิ่ง ที่ถูกสักขโมยนั้นอาจเป็นมนุษย สัตว์ หรือสิ่งของ กิได้ ๑๙๙
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400