Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน 1/64 ม.ต้น (ทักษะการพัฒนาอาชีพ)

แผน 1/64 ม.ต้น (ทักษะการพัฒนาอาชีพ)

Published by Niya J., 2021-09-02 08:28:21

Description: แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 1/2564 ระดับ ม.ต้น รายวิชาทักษะการพัฒนาอาชีพ (อช21002)

Search

Read the Text Version

126 กระบวนการจัดการเรียนรู้ วิธีการเรียน : แบบผา่ นช่องทาง ETV (ON-AIR) การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรยี น ( 1 ชว่ั โมง) 1.1 ครทู ักทายนกั ศึกษา และนาเข้าสูบ่ ทเรยี นโดยแจง้ ขา่ วสารเหตกุ ารณป์ ัจจุบนั ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE กลมุ่ ใหน้ ักศึกษาทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปล่ียนเรยี นรูข้ อ้ มลู ขา่ วสารเหตกุ ารณ์ปจั จุบัน ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคดิ เห็นรว่ มกนั ผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึง เหตุผลความจาเปน็ ท่ีต้องจดั กิจกรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดย ให้นักศกึ ษาสมคั รเป็นสมาชกิ ETV ตามลิงคต์ ่อไปน้ี https://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพือ่ ใหน้ ักศึกษามีรหสั ผา่ นเพือ่ เข้าไปศึกษาหา ความรตู้ ามตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวันของสถานวี ทิ ยโุ ทรทัศนเ์ พื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตามลิงค์ รายการ โทรทศั น์สง่ เสริมการศึกษานอกระบบโรงเรยี น http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5 และ นักศึกษาสามารถตดิ ตามขา่ วสารไดใ้ นเฟสบุ๊ค ETV Channel ตามลงิ้ ต่อไปนี้ https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ 1.3 ครูแจกตารางการออนแอรข์ องรายการ ETV เพื่อใหน้ ักศกึ ษาตามวนั และเวลาท่ีกาหนด การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ขนั้ จดั การเรียนการสอน ( เวลา 3 ชัว่ โมง 30 นาที ) 2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดย เข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านที่นักศึกษาสมัครไว้แล้ว โดย สามารถดูตาราง ออนแอร์ได้ ตามลิ้งhttp://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดู รายการย้อนหลังได้ ตามล้ิงhttp://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อีกช่องทางการศึกษาหา ความร้โู ดยผา่ น ทวี ีดิจติ อลชอ่ ง 52 (กศน.) สามารถติดตามข่าวสารและตารางออนแอร์ได้ในเฟสบุ๊ค : ETV ส่ือดิจิทัล เพ่ือการศกึ ษา สานกั งาน กศน. ตามลิง้ น้ี https://www.facebook.com/etv.digital/

127 2.2 ครูมอบหมายให้นกั ศึกษาเรยี นรูแ้ บบ (ON-Air) ในเร่ือง ทกั ษะในการพฒั นาอาชพี https://www.youtube.com/watch?v=OZimMETCi3E&list=PLPBTQSTtkB-TVFiyeSdqRYxbP3Ca7SbLW และใหน้ กั ศึกษาสรุปลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. นาส่งผ่านทาง Google Classroom หรอื แอปพลิเคชนั LINE 2.3 ครมู อบหมายใหน้ ักศกึ ษาเลอื กโครงงานที่นกั ศกึ ษาสนใจ จานวน 1 เรอื่ ง ใหไ้ ปศึกษาคน้ คว้า จากหนงั สอื เรยี นออนไลน์ (ลิงค์ http://online.pubhtml5.com/wpgv/cygm ) และจากการศึกษาในรูปแบบ (ON-Air) ทั้งในเว็บไซต์ www.etvthai.tv และ ทวี ีดิจิตอลชอ่ ง 52 (กศน.) หรอื จากแหลง่ การเรยี นรู้ต่างๆ และให้ นักศกึ ษาจัดทาสรุปความรูเ้ ป็นแผนผังความคิด ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. ในหัวข้อ ดังนี้ กลมุ่ ท่ี 1 การจดั การการตลาด กลุม่ ท่ี 2 การจัดทาแผนปฏบิ ัติการ และส่งงานผา่ นทาง Google Classroom หรอื แอปพลเิ คชัน LINE 2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความขยนั ความประหยดั ความซือ่ สัตย์ ความมีนา้ ใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษตั รยิ ์ รักความเปน็ ไทย และยึด มน่ั ในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ผา่ นทาง LINE กลมุ่ การปฏบิ ตั ิและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขัน้ การปฏิบัตแิ ละนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) 3.1 ครูสุ่มตวั แทนกลุ่มนาเสนอ เพื่อแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นซง่ึ กันและกัน สรุปสง่ิ ที่ไดเ้ รียนรู้ รว่ มกนั และใหน้ ักศึกษาบนั ทกึ ความรู้ท่ไี ด้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 นักศึกษานาความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดาเนินชีวิตใน ประจาวนั ต่อไป ขั้นประเมินผล (E : Evaluation) 4. ขน้ั สรุปผลและประเมินผล ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) 4.1. ครูสรุปผลการทากิจกรรมและตรวจสอบความถูกต้อง จากช้ินงานท่ีได้มอบหมายไปและให้ นกั ศกึ ษาส่งกลบั มาทาง LINE กลมุ่ 4.2. ครูให้นักศึกษาทาแบบทดสอบย่อย ในรูปแบบปรนัย จานวน 20 ข้อ โดยใช้ Google Form พร้อมเฉลย ประเมนิ ผล และใหน้ ักศกึ ษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.3. ครใู หน้ กั ศกึ ษาสรปุ การทาความดแี ละคุณธรรมท่ีไดป้ ฏบิ ัติ พรอ้ มบนั ทกึ ลงในสมุดบันทึก ความ ดีเพ่อื การประเมินคณุ ธรรม

128 สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ วธิ ีเรียนผ่านชอ่ งทาง ETV (ON-AIR) 1. www.etvthai.tv 2. ทีวดี จิ ติ อลช่อง 52 (กศน.) 3. เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/etv.digital/ และ https://www.facebook.com/Etv-Channel-1512499252411798/ 4. Google Classroom / แอปพลิเคชัน LINE 5. หนังสือเรียนวิชา อช21002 วิชาทักษะการพัฒนาอาชีพ หรือ หนังสือเรียนออนไลน์ลิงค์ http://online.pubhtml5.com 6. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) วิชา ทักษะการพัฒนาอาชีพ แบบปรนัย จานวน 30 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) 7. แบบทดสอบย่อย เร่อื ง การจัดการการตลาด แบบปรนัย Google Form) 8. ใบงานท่ี 5 เรือ่ งการจัดการการตลาด 9. ใบความรู้ท่ี 5 เรื่องการจัดการการตลาด 10. แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. การวดั และประเมินผล 1. การสงั เกตพฤติกรรมการมีส่วนรว่ มรายบคุ คล/รายกลมุ่ 2. ตรวจแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3. ตรวจใบงาน 4. ตรวจแบบทดสอบ 5. ประเมินคณุ ธรรม

129 กระบวนการจัดการเรียนรู้ วธิ กี ารเรยี น : ผ่าน แอปพลเิ คชัน่ (ON-Demand) การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขนั้ ตอนนาเข้าสู่บทเรียน ( เวลา 30 นาที ) 1.1 ครทู กั ทายนกั ศึกษา และนาเขา้ สู่บทเรียนโดยแจ้งขา่ วสารเหตกุ ารณ์ปัจจุบัน ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE กลมุ่ ใหน้ กั ศึกษาทราบพร้อมทั้งแลกเรยี นเปล่ยี นเรยี นรู้ขอ้ มลู ขา่ วสารเหตุการณป์ จั จุบัน ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเหน็ รว่ มกนั ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE กลมุ่ พร้อมอธิบายถงึ เหตผุ ลความจาเปน็ ทตี่ ้องจดั กิจกรรมการเรียนรปู แบบออนไลน์ 1.2 ครชู ีแ้ จง สาระสาคัญ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนอื้ หา กระบวนการจดั การเรียนรู้ ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล และการติดตาม ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE กลุม่ 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหา ความต้องการ รูปแบบในการ เรียน และการแสวงหาความรู้จากส่ือต่าง ๆ ในการเรียนรายวิชาทักษะการพัฒนาอาชีพ เร่ือง การจัดการการตลาด ผา่ น ทาง Google Classroom หรือ LINE กล่มุ การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ขัน้ จัดการเรยี นการสอน ( เวลา 3 ช่วั โมง 30 นาท)ี 2.1 ครูให้นักศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test) แบบปรนัย จานวน 30 ข้อ โดยใช้เอกสารหรือ Google Form ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE และแจ้งผลสอบให้นักศึกษาทราบผ่านทาง Google Classroom หรอื LINE และนกั ศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 2.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้จากหนังสือเรียนออนไลน์ วิชาทักษะการพัฒนาอาชีพ http://online.pubhtml5.com หรอื จากแหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆ และให้สรปุ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. ในหัวข้อ ตอ่ ไปน้ี กลุม่ ท่ี 1 การจดั การการตลาด กลมุ่ ที่ 2 การจัดทาแผนปฏบิ ัติการ 2.3 ครูให้นกั ศึกษาศึกษาคน้ ควา้ จากแหล่งเรยี นร้สู อ่ื สิง่ พิมพ์ อนิ เตอร์เนต็ และใบความร้ทู ี่ 4 การจัดการ การตลาด (โดยครูจะสง่ ใบความรู้ทาง Google classroom) พร้อมทั้งให้นักศึกษาสรุปเน้ือหาสาระสาคัญลงในแบบ บันทึกการเรียนรู้ กศน. และทาใบงานท่ี 4 เร่ืองการจดั การการตลาด (โดยครจู ะส่งใบงานทาง Google classroom) 2.4 ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตญั ญกู ตเวที ความขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมนี า้ ใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษตั ริย์ รักความเปน็ ไทย และยึดมัน่ ในวิถี ชวี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ผ่านทาง LINE กลมุ่

130 การปฏิบตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ข้ันการปฏิบัติและนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตวั แทนกลุ่มนาเสนอ เพื่อแลกเปล่ียนความคดิ เห็นซึง่ กันและกัน สรุปสง่ิ ท่ีไดเ้ รียนรู้ รว่ มกนั และใหน้ ักศึกษาบนั ทึกความรูท้ ่ีได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 นักศึกษานาความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดาเนินชีวิตใน ประจาวันต่อไป ข้ันประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขนั้ สรปุ และประเมินผล ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) 4.1. ครูสรุปผลการทากิจกรรมและตรวจสอบความถูกต้อง จากชิ้นงานท่ีได้มอบหมายไปและให้ นกั ศกึ ษาส่งกลับมาทาง LINE กลมุ่ 4.2. ครูให้นักศึกษาทาแบบทดสอบย่อย ในรูปแบบปรนัย จานวน 20 ข้อ โดยใช้ Google Form พรอ้ มเฉลย ประเมนิ ผล และใหน้ ักศกึ ษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 4.3. ครใู หน้ กั ศึกษาสรปุ การทาความดแี ละคุณธรรมที่ไดป้ ฏบิ ตั ิ พรอ้ มบนั ทึกลงในสมุดบันทึก ความ ดีเพื่อการประเมนิ คุณธรรม สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ วิธเี รยี นผ่าน แอปพลิเคชั่น (ON-Demand) 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า อช21002 วชิ าทกั ษะการพฒั นาอาชีพ หรือ หนังสอื เรยี นออนไลน์ลิงค์ http://online.pubhtml5.com 2. แบบทดสอบย่อย เร่ือง การจัดการการตลาด แบบปรนัย จานวน 20 ข้อ (ชุด แบบทดสอบ หรือ Google Form) 4. ใบงานที่ 5 เรอื่ งการจดั การการตลาด 5. ใบความรูท้ ี่ 5 เรอื่ งการจดั การการตลาด 6. แบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. การวัดและประเมินผล 1. การสงั เกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมรายบุคคล/รายกลมุ่ 2. ตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบทดสอบย่อย 6. ประเมนิ คณุ ธรรม

131 กระบวนการจดั การเรยี นรู้ วิธกี ารเรยี น : แบบหนงั สือเรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand) การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ข้ันตอนนาเข้าสู่บทเรียน ( เวลา 30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนกั ศึกษา และนาเข้าส่บู ทเรียนโดยแจง้ ข่าวสารเหตกุ ารณป์ จั จุบัน ผ่านทาง Google Classroom หรอื LINE กลุ่ม ใหน้ กั ศึกษาทราบพร้อมท้ังแลกเรยี นเปล่ียนเรยี นร้ขู อ้ มลู ข่าวสารเหตกุ ารณ์ปจั จบุ นั ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกนั ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE กลมุ่ พร้อมอธบิ ายถึง เหตุผลความจาเป็นทีต่ ้องจดั กิจกรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครูชี้แจง สาระสาคญั จุดประสงค์การเรยี นรู้ เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล และการตดิ ตาม ผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม 1.3 ครูและนกั ศกึ ษารว่ มกันวิเคราะหแ์ ละแสดงความ คิดเห็น เกยี่ วกบั ปญั หา ความต้องการ รปู แบบในการ เรียน และการแสวงหาความรู้จากส่ือต่าง ๆ ในการเรียนรายวชิ าทกั ษะการพัฒนาอาชีพ เร่ือง ทกั ษะการพัฒนา อาชีพ ผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE กลมุ่ การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ขัน้ จดั การเรียนการสอน ( เวลา 3 ช่ัวโมง 30 นาที ) 2.1 ครูให้นักศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test) แบบปรนัย จานวน 30 ข้อ โดยใช้เอกสารหรือ Google Form ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE และแจ้งผลสอบให้นักศึกษาทราบผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE และนกั ศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้จากหนังสือเรียนออนไลน์ วิชาทักษะการพัฒนาอาชีพ http://online.pubhtml5.com หรือจากแหลง่ เรียนรู้ต่างๆ และใหส้ รุปลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. ในหัวข้อ ตอ่ ไปนี้ กลุ่มที่ 1 การจดั การการตลาด กลุ่มท่ี 2 การจดั ทาแผนปฏิบัติการ 2.3 ครูใหน้ ักศึกษาศึกษาคน้ คว้าจากแหลง่ เรียนรสู้ อื่ ส่ิงพมิ พ์ อินเตอรเ์ น็ต และใบความรู้ที่ 4 เร่ืองการ จัดการการตลาด (โดยครจู ะสง่ ใบความรู้ทาง Google classroom) พรอ้ มทั้งให้นกั ศึกษาสรุปเน้อื หาสาระสาคญั ลง ในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. และทาใบงานท่ี 4 เร่ืองการจัดการการตลาด (โดยครจู ะสง่ ใบงานทาง Google classroom) 2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเร่อื ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญกู ตเวที ความขยัน ความประหยดั ความซอ่ื สัตย์ ความมีน้าใจ ความมีวินยั ศาสน์ กษตั รยิ ์ รกั ความเปน็ ไทย และยึดมน่ั ในวิถี ชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข ผ่านทาง LINE กลมุ่

132 การปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขนั้ การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ตใ์ ช้ (เวลา 1 ชัว่ โมง) 3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนาเสนอ เพ่ือแลกเปล่ียนความคิดเห็นซงึ่ กนั และกัน สรุปสิ่งท่ีได้เรียนร้รู ่วมกันและให้ นกั ศึกษาบนั ทึกความรู้ทไี่ ด้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 นักศกึ ษานาความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดาเนินชีวิตในประจาวัน ต่อไป ขน้ั ประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4. ขน้ั สรปุ และประเมินผล ( เวลา 1 ชั่วโมง ) 1. ครูสรุปผลการทากิจกรรมและตรวจสอบความถูกต้อง จากชิ้นงานท่ีได้มอบหมายไปและให้นักศึกษา ส่งกลับมาทาง LINE กลมุ่ 2. ครูใหน้ ักศึกษาทาแบบทดสอบย่อย ในรูปแบบปรนัย จานวน 20 ข้อ โดยใช้ Google Form พร้อมเฉลย ประเมนิ ผล และให้นักศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3. ครใู หน้ กั ศึกษาสรุปการทาความดีและคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึก ความดีเพื่อการ ประเมนิ คณุ ธรรม ส่อื และแหล่งเรียนรู้ วธิ เี รยี น แบบหนังสือเรียน มอบหมายงาน (ON - Hand) 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า อช21002 วชิ าทักษะการพัฒนาอาชีพ หรือ หนงั สือเรยี นออนไลนล์ ิงค์ https://pubhtml5.com/oivm/nmqn/basic 2. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) วิชา ทักษะการพัฒนาอาชีพ แบบปรนัย จานวน 30 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 3. แบบทดสอบย่อย เร่ือง การจัดการการตลาด แบบปรนัย จานวน 20 ข้อ (ชุด แบบทดสอบ หรือ Google Form) 4. ใบงานที่ 5 เร่อื งการจัดการการตลาด 5. ใบความรู้ท่ี 5 เรอื่ งการจัดการการตลาด 6. แบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. การวดั และประเมินผล 1. การสังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมรายบคุ คล/รายกลมุ่ 2. ตรวจแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบทดสอบย่อย 6. ประเมินคุณธรรม

133 การเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) ครั้งที่ 9 (จานวน 14 ชว่ั โมง) สาระการการประกอบอาชพี รายวชิ า อช21002 ทักษะการพฒั นาอาชพี ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ คาสงั่ ให้นกั ศึกษาแบง่ กลมุ่ เป็น 6 กลุม่ และไปทากิจกรรมการเรียนร้ตู ่อเน่ือง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นคว้า อ่าน หนังสือ จดบันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตารา หนังสือ และสื่ออ่ืนๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวัด ห้องสมุด ประชาชนอาเภอ โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัยชุมชนในพ้ืนท่ีอาเภอเมืองนราธิวาสหรือ อาเภออ่นื ๆ หรอื ไปสอบถามขอความร้จู ากบคุ คล ในหัวข้อต่อไปนี้ กลุ่มท่ี 1. การโฆษณา กลุ่มที่ 2. การประชาสัมพันธ์ กลุ่มที่ 3. การวจิ ัยตลาด กลุ่มท่ี 4 การสง่ เสริมการขาย กลมุ่ ที่ 5 การทาข้อมูลฐานลกู ค้า กล่มุ ที่ 6 การกระจายสินค้า ข้ันตอนของการไปเรยี นรตู้ ่อเนอ่ื ง (กรต.) ของนกั ศกึ ษา มดี ังนี้ 1. แผนการเรียนรู้ต่อเน่ือง (กรต.) ในแต่ละแต่ละสัปดาห์ แต่ละครั้งที่ครู กศน.ตาบล/ครู ศรช. หรือครู ประจากล่มุ กลุ่มมอบหมาย 2. ให้บริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและทากิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) สัปดาหล์ ะ 14 ช่ังโมงเป็นอยา่ งนอ้ ย 3. อ่านหนังสือ สอบถามผู้รู้ และจดบันทึกทุกครั้งทีมีการทากิจกรรม กรต. และเก็บหลักฐานไว้ทุกคร้ังเพื่อ สง่ ครูกศน.ตาบล/ครศู รช. หรือครปู ระจากลมุ่ ตรวจใหค้ ะแนนการทา กรต. 4. จัดทารายงานเป็นเล่ม ตามแบบรายงานที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกาหนด และให้สง่ ในวนั ทีม่ ีการนาเสนอผลการทากรต. ในเรอ่ื งนนั้ ๆ 5. ตวั แทนกล่มุ นาเสนอด้วยตนเอง (กรณีทท่ี ากรต.คนเดียว) โดยให้นาเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ/คนละ ไม่เกนิ 5 นาที ในวนั พบกลมุ่ ครั้งต่อไป

134 ใบความรูท้ ี่ 9 เร่อื ง การจดั การการตลาด และการบรกิ าร วิชา ทกั ษะการพัฒนาอาชพี รายวิชา อช 21002 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น 1. ความรทู้ ั่วไปเกี่ยวกบั การจดั การการตลาด และการตลาด 1.1. ความหมายและความสาคัญของการตลาด และการตลาด ความหมายของการตลาด แกรี่ อารม์ สตรอง และ ฟิลลิป คอตเลอร์ ไดใ้ ห้ความหมายของการตลาดไว้ว่า \"เป็นกระบวนการทางสงั คม และ กระบวนการของการจดั การท่ีทาให้บคุ คล และกลมุ่ ไดร้ บั ในสิ่งทตี่ อ้ งการและจาเปน็ โดยการคดิ คน้ นวตั กรรมใหม่ และการตลาด สินค้าออกส่ตู ลาดตามความต้องการของลูกค้า\" ความหมายของการตลาดจึงประกอบไปด้วยคาสาคัญ 4 คาหลกั ดงั นี้ 1. ความต้องการ 2. การสร้างความพงึ พอใจ 3. รบั ผิดชอบตอ่ สงั คม 4. ทากาไรใหก้ ับกจิ การในระดบั ท่เี ป็นทพี่ ึงพอใจ ความสาคัญของการตลาด 1. การตลาดเป็นเครื่องมือทที่ าใหเ้ กิดการแลกเปลย่ี นการตลาดเสนอตลาด ภัณฑ์ทต่ี อบสนองความ ต้องการของผู้บรโิ ภค เมือ่ ผู้บรโิ ภคเกดิ ความต้องการจึงเกิดการแลกเปล่ียนข้ึน 2. การตลาดเปน็ ตัวเชอ่ื มโยงเจา้ ของตลาด ภัณฑ์กับผบู้ ริโภคเจา้ ของตลาด ภัณฑม์ กั จะส่ือสารกับผูบ้ รโิ ภค ผา่ นการทาการตลาด เมื่อผูบ้ รโิ ภครับสารแล้วกจ็ ะแสดงพฤตกิ รรมออกมาให้เจา้ ของผลติ ภัณฑ์รบั รดู้ ้วยการ ตอบสนองตอ่ ผลติ ภัณฑ์ จึงกล่าวได้ว่าการตลาดเปน็ ตวั เช่ือมโยงเจ้าของผลติ ภัณฑ์ให้รับรู้ถึงความต้องการของ ผูบ้ ริโภค 3. การตลาดเปน็ ตวั ผลกั ดันให้มกี ารพัฒนาปรบั ปรงุ ผลติ ภณั ฑ์ จากข้อ 2 จะเหน็ ว่าการตลาดทาใหเ้ จา้ ของผลิตภณั ฑร์ ับรถู้ งึ ความต้องการของผู้บริโภค ดว้ ยเหตนุ ้เี จา้ ของ ผลติ ภณั ฑ์จงึ ปรับปรุงผลติ ภัณฑใ์ ห้ตรงตามความต้องการของผ้บู รโิ ภคใหม้ ากข้ึน จงึ กล่าวได้วา่ การตลาดทาให้เกดิ การปรับปรุงผลิตภณั ฑ์ 4. การตลาดเปน็ กลไกในการเสริมสรา้ งระบบเศรษฐกิจ การตลาด ทาให้เกดิ การจ้างงาน เพือ่ ทาการผลติ สนิ ค้าและบริการ เมอื่ เกิดการจ้างงานประชาชนจึง มี รายได้ เมอื่ มีรายไดจ้ ึงเกิด การบรโิ ภค เมอ่ื เกิดการบริโภคก็ทาให้ มาตรฐานการครองชีพสูงขึ้น จงึ กลา่ วไดว้ า่ การตลาดเปน็ กลไกในการเสริมสร้างเศรษฐกิจ

135 ความหมายของการผลิต การผลติ หมายถงึ การจดั การเกีย่ วกบั กระบวนการเปล่ยี นแปลงทใ่ี ช้ปจั จัยการผลิต (ทีด่ นิ แรงงาน เงินทนุ และการจัดการ) ซงึ่ มีความครอบคลุมถึงกจิ กรรมที่สาคัญดังนี้ 1. การวางแผนผลติ ภัณฑ์ 2. การกาหนดทาเลที่ตั้ง 3. การวางแผนกาลงั การผลิต 4. การออกแบบระบบการผลติ และการวางผงั กระบวนการผลิต 5. การออกแบบงาน การกาหนดมาตรฐาน และการวัดงานการผลิต 6. การวางแผนการผลิต และการจดั ตารางการผลิต 7. การควบคุมการผลติ ความสาคัญของการผลติ 1. ในทางเศรษฐกิจ การผลิต ทาให้เกิด การจา้ งงาน เพื่อทาการผลิตสนิ ค้าและบรกิ าร เมื่อเกดิ การจ้างงานประชาชนจงึ มี รายได้ เม่อื มีรายได้จึงเกิด การบริโภค เมื่อเกิดการบรโิ ภคก็ทาให้ มาตรฐานการครองชีพสูงข้นึ 2. ในทางการตลาด การผลติ เป็นเครอ่ื งมือหนึ่งของการตลาดในการตอบสนองความต้องการของผบู้ ริโภคทางด้านผลิตภณั ฑ์ จะ ตอบสนองได้ดีแค่ไหนขน้ึ อยู่กับประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลติ 1.2. หน้าทกี่ ารตลาดกับการผลิต หนา้ ที่การตลาด เพราะผ้ผู ลิตและผ้บู ริโภคอยู่ห่างไกลกนั ดว้ ยความหา่ ง 5 ประการ คือ 1. สถานที่ หา่ งกันด้วยสถานที่ คอื ผู้ผลิตกบั ผบู้ รโิ ภคอยู่ห่างกันโดยภมู ศิ าสตร์ 2. เวลา ห่างกนั ด้วยเวลา คือ ผูบ้ ริโภคต้องการผลิตภณั ฑ์ในยามทไ่ี มใ่ ช่ฤดูกาลของผลิตภัณฑ์ 3. การรบั รู้ หา่ งกนั ดว้ ยการรับรู้ คือ ผ้บู รโิ ภคไมท่ ราบวา่ มีผลติ ภัณฑ์ที่แกป้ ัญหาให้กับเขาได้ 4. มูลคา่ หา่ งกันด้วยมูลค่า คือ มูลคา่ ของผลติ ภณั ฑอ์ ยูใ่ นเกรดท่ีไม่ตรงกับผบู้ รโิ ภค 5. การเป็นเจ้าของ หา่ งกันดว้ ยการเป็นเจา้ ของ คือ ความสะดวกในการแลกเปลยี่ นผลิตภัณฑ์กบั เงนิ ตราเพื่อให้ได้ สทิ ธใิ นการเปน็ เจา้ ของผลติ ภัณฑ์ของผู้บรโิ ภค ดว้ ยเหตุนี้จึงจาเป็นต้องมีการตลาดเข้ามาชว่ ยทาให้ความห่างทม่ี ีน้ัน เขา้ ใกลก้ นั ซึ่งหน้าทท่ี างการตลาด อาจจาแนก ออกได้เป็น 8 หนา้ ท่ี ดงั นี้ 1. หนา้ ทใ่ี นการแลกเปลยี่ น เป็นเรื่องท่ีเกี่ยวกบั กิจกรรมการซ้ือ และการขายของกิจการที่จะตอ้ งจัดทาให้มีความเปน็ ระเบยี บ และเปน็ มาตรฐานเพื่ออานวยความสะดวก และสรา้ งความพงึ พอใจให้กบั ผู้บรโิ ภค กิจกรรมเหลา่ น้ีเรมิ่ ตงั้ แต่การคัดกรอง

136 คณุ ภาพของวัตถดุ บิ เพ่ือนามาผลิตสินค้า จนไปถึงการทาการโฆษณาส่งเสริมการขาย และการรับประกันสนิ ค้า ซง่ึ หวั ใจหลักทส่ี าคญั ของการแลกเปลีย่ นกค็ ือ การสรา้ งความไว้วางใจ การทาสัญญา และความสะดวกทางการเงนิ ท่ีทา ใหผ้ ซู้ อ้ื สามารถซอ้ื สนิ คา้ ได้ 2. หน้าที่ในการจาแนกแจกจ่ายสนิ คา้ เปน็ เรอื่ งที่เก่ยี วกบั กจิ กรรมการขนสง่ และการเก็บรกั ษาสนิ ค้าซึง่ กิจการจะตอ้ งประเมนิ ทางเลือกในการขนสง่ สนิ คา้ และประเมนิ ปริมาณสินค้าทจ่ี ะจัดใหม้ กี ารเก็บรักษาสารองไว้ เพื่อความสะดวกในการสง่ มอบให้กับลูกคา้ ได้ อยา่ งรวดเร็ว และประหยัดค่าใชจ้ ่ายให้มากทส่ี ุด 3. หนา้ ท่ใี นการอานวยความสะดวก เปน็ เรื่องเกยี่ วกับการอานวยความสะดวกในการแลกเปลีย่ นและเคลื่อนย้ายสินคา้ โดยมงุ่ แกป้ ัญหาในกิจกรรม ตา่ งๆตอ่ ไปน้ี 3.1. การจดั มาตรฐานสนิ ค้า เพือ่ อานวยความสะดวกให้ลูกค้าตดั สินใจซื้อและเลอื กหาไดง้ า่ ยขนึ้ 3.2. สารสนเทศสาหรบั ตลาด เป็นการศึกษาตดิ ตามการเปล่ียนแปลงทางการเมอื ง เศรษฐกจิ กฎหมาย และ ความเคล่อื นไหวของคูแ่ ข่งขัน ซึ่งกจิ การจะต้องปรบั ตวั ตามการเปล่ียนแปลงเพ่อื ให้เกิดความถกู ต้องในทางปฏบิ ัตซิ ง่ึ จะทาให้ไม่เกิดปัญหากบั ลูกค้าในอนาคต 3.3. ความเสีย่ งภัยของตลาด คือการตรวจสอบความเส่ือมสภาพของสินค้า ความลา้ สมัย ความสูญหาย ชารดุ เสียหาย เปลยี่ นแปลง อันเนอื่ งมาจากปจั จยั ต่างๆ เช่น การขนสง่ สมยั นิยม สภาพสังคม ประเพณวี ฒั นธรรม ซงึ่ กจิ การจะต้องปรับตวั ตามเพือ่ ทจ่ี ะคงความสะดวก และความพงึ พอใจของลูกค้าที่มีต่อผลิตภณั ฑ์ 3.4. การเงินของตลาด คือ การสรา้ งสภาพคลอ่ งทางการเงนิ ใหก้ ับกิจการ เพื่อสรา้ งความมนั่ ใจให้กบั ลูกค้าทีจ่ ะมี ตอ่ กิจการ 4. หนา้ ทใี่ นการวิเคราะหต์ ลาด เป็นการวเิ คราะห์กระบวนการของการหาซ้อื สินค้าของลูกคา้ โดยการสารวจการหาซื้อของลกู ค้า และการวจิ ัย ตลาดของกจิ การซงึ่ ทงั้ สองสว่ นน้เี ป็นหนา้ ท่ีในการวิเคราะห์ตลาดทจี่ ะทาให้กิจการทราบว่า ลกู คา้ มจี านวนเทา่ ใดอยู่ ทไี่ หน มีความต้องการต่อสินค้าเปน็ อยา่ งไร 5. หนา้ ทใ่ี นการสื่อข้อความทางการตลาด เปน็ การส่อื สารกันระหว่างกจิ การและลกู ค้าซ่ึงอาศยั ส่ือและกจิ กรรมตา่ งๆ เชน่ การทาวจิ ยั ตลาด การโฆษณา การขาย การประชาสมั พนั ธ์ ซง่ึ ขอ้ มูลทไ่ี ด้จากกจิ กรรมเหล่านจี้ ะเป็นตวั ชว่ ยให้ลูกคา้ และกจิ การเข้าใจกันมากย่งิ ข้นึ 6. หนา้ ทใ่ี นการสร้างความแตกตา่ งให้กับผลิตภณั ฑ์ เป็นการปรับปรงุ เปลี่ยนแปลงผลติ ภณั ฑ์เพ่ือสร้างความพึงพอใจให้กบั ลูกคา้ และมีผลทางด้านการแข่งขนั กับ คู่แข่งในตลาดด้วย ซึ่งการเปล่ียนแปลงท่ผี ขู้ ายจะต้องกระทามดี งั น้ี 6.1. การเปลีย่ นแปลงตัวสินค้า บริการ หรือความคดิ 6.2. การเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ ตราสินค้า ราคา หรือทาเลท่ีตงั้ 6.3. การเปลย่ี นแปลงข้อมูลทใี่ ห้กับผู้ซอ้ื 6.4. การเปลย่ี นแปลงทัศนคติ หรือ แนวทางปฏบิ ัติ เก่ียวกบั กระบวนการตกลงต่อรอง 7. หน้าท่ใี นการแบง่ ส่วนตลาด

137 ไมม่ ีผู้ขายรายใด สามารถสรา้ งความพึงพอใจให้กับผู้ซอื้ ไดท้ ัง้ หมด ดังน้นั กจิ การจึงควรทาการแบง่ สว่ นตลาด เพอ่ื ท่ีจะตอบสนองความต้องการของกลมุ่ เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากท่สี ุด นักการตลาดอาจมีแนวทางใน การจดั การกับสว่ นตลาดดังน้ี 7.1. เสนอสนิ ค้าเพียงตัวเดียวในทุกสว่ นของตลาด 7.2. พยายามเจาะสว่ นใดสว่ นหน่งึ ของตลาด 7.3. เสนอผลติ ภัณฑ์หลายชนดิ ใหค้ รอบคลุมแต่ละสว่ นของตลาด 8. หน้าทใ่ี นการประเมินค่า เป็นการประเมินผลความคุ้มค่าของการแลกเปลย่ี นทางการตลาด ซึง่ มีหลักสาคัญคือ รายได้จะต้องสงู กวา่ ตน้ ทุน ทเ่ี ป็นตวั เงนิ และตน้ ทุนอย่างอน่ื เชน่ เวลา แรงพยายาม ผลประโยชน์ทีเ่ ป็นรูปธรรม จติ วิทยา และความเชื่อ เป็น ตน้ ซึง่ ความพึงพอใจอาจเพ่ิมขนึ้ ได้โดยเพ่ิมผลประโยชน์หรอื ลดต้นทนุ ใหต้ ่าลง หน้าทก่ี ารผลิต การแบง่ หน้าท่ีการดาเนนิ การผลิต แบง่ ตามลกั ษณะสาคัญได้ 4 ประการดังนี้ 1. แบง่ ตามลกั ษณะความซ้าซ้อนของหนา้ ที่ 2. แบ่งตามลักษณะการประสานงานอยา่ งเปน็ ระบบ และราบร่นื 3. แบ่งตามลักษณะการจดั การในหนา้ ท่ที เ่ี หมือนกนั 4. แบง่ ตามลกั ษณะงานท่ีสามารถแยกย่อยเปน็ งานท่ีเล็กลงตามลาดบั วงจรการผลิตจะเริ่มจาก ฝา่ ยขาย ไดร้ บั ใบสงั่ ซื้อจาก ลกู คา้ แล้วจึงทาการพยากรณ์การขายส่งไปยงั ฝา่ ย การเงนิ ให้ กาหนดงบประมาณการผลิต จากน้ันจงึ สง่ คุณลกั ษณะของผลติ ภัณฑพ์ ร้อมกับงบประมาณการผลิตนนั้ ใหก้ ับ ฝ่าย วศิ วกรรม ออกแบบ เม่ือได้แบบแลว้ ก็ส่งต่อไปยงั ฝา่ ย การวางแผนและควบคมุ การผลติ ซ่ึงจะต้อง ประสานงานกับฝา่ ย การควบคุมสินคา้ คงเหลือ ถ้าสนิ ค้าคงเหลือไม่พอ กต็ อ้ งประสานงานกับฝ่าย การจัดซื้อ จดั หา เมอื่ จดั ซื้อจัดหาวัตถุดิบครบแล้ว ก็เรม่ิ ทา การผลิต เมอื่ ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์ออกมากส็ ่งต่อไปยังฝา่ ย ควบคมุ คณุ ภาพ เพื่อตรวจสอบคุณภาพ เมื่อผา่ นการตรวจสอบคณุ ภาพแลว้ กส็ ง่ ไป จดั จาหน่าย ใหก้ บั ลูกค้า ตอ่ ไป จากวงจรการผลิตจะเห็นได้วา่ หน้าท่กี ารผลติ คือขน้ั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ 1. หน้าที่ด้านวิศวกรรม 2. หนา้ ท่กี ารวางแผนและควบคุมการผลติ 3. หน้าที่การควบคุมสนิ ค้าคงเหลอื 4. หน้าที่การจดั ซื้อจัดหา 5. หน้าทค่ี วบคุมคุณภาพ 1.3. ความสัมพันธข์ องการตลาดกับการผลติ การตลาดกบั การผลติ มคี วามสมั พันธต์ อ่ กนั อย่างใกล้ชดิ ทัง้ น้ีเพราะหน้าท่ดี ้านการผลติ จะตอ้ งทาการผลติ สนิ ค้าให้ได้ ตามคุณลักษณะ คุณภาพ ปริมาณ และมาตรฐานตามท่ีลูกคา้ ตอ้ งการดว้ ยต้นทนุ ท่ีไมส่ งู เกินกวา่ ท่จี ะสามารถแขง่ ขัน

138 ได้ในตลาด สว่ นหน้าท่ที างด้านการตลาดน้ันจะต้องรบั ผิดชอบในกิจกรรมตา่ งๆ หลายด้าน เพ่อื กระตนุ้ ให้เกิดความ พึงพอใจทุกๆ ฝ่ายที่เก่ยี วข้องในการกระจายสินค้า และการจัดจาหนา่ ยให้กับผบู้ ริโภค 2. ความรเู้ บื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการการผลิต และดาเนนิ งาน 2.1. แนวคิดเกยี่ วกับการจัดการการผลิต และดาเนินงาน การผลติ และดาเนินงาน หมายถงึ กระบวนการในการเปล่ยี นแปลงปัจจยั การผลิต (ทดี่ นิ แรงงาน วตั ถดุ บิ เงนิ ทุน) ให้เปน็ ผลผลติ (สนิ ค้า และบริการ) ซึง่ แนวคิดในการผลิต และดาเนินงานน้ันสามารถแบง่ ออกได้เป็นสามแนวคิดดังน้ี 1. แนวคิดแบบด้ังเดมิ เป็นแนวคดิ การจดั การการผลิตแบบวทิ ยาศาสตร์ ที่มงุ่ ประสิทธิภาพการทางานโดยอาศัยการวเิ คราะหอ์ ย่างมี เหตุผล และแนวคิดการจดั การผลิตทมี่ งุ่ กระบวนการ แนวคิดการจัดการผลติ แบบดั้งเดมิ นี้เปน็ ทีม่ าของ หลักการ แบ่งงานกันทา ตามหน้าที่ที่บุคลากรมีความถนัด ผู้ทีม่ ีบทบาทสาคญั และได้รับการขนานนามว่าเปน็ บดิ าแห่งการ จัดการแบบวทิ ยาศาสตร์ ก็คือ เฟรดเดอริค เทเลอร์ 2. แนวคดิ ตามแนวพฤติกรรม เปน็ แนวคดิ ที่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องของแนวคดิ แบบดั้งเดมิ ท่ีมองมนุษยเ์ ปเ็ ครอื่ งจักร จงึ ไดม้ ีการนาแนวคิด ทางด้านมนุษยสมั พันธ์ พฤติกรรมศาสตรต์ ลอดจนแนวคดิ ด้านสงั คมวิทยามาประยุกตใ์ ชร้ ่วมกัน ผู้ทม่ี ีบทบาทสาคญั ในการพสิ จู นแ์ นวคดิ นคี้ ือ เอลตนั เมโย 3. แนวคิดการใช้ตวั แบบ เปน็ แนวคิดทเ่ี นน้ ทฤษฎี ระบบกระบวนการในการตดั สินใจ และใช้ตัวแบบทางคณติ ศาสตร์เพื่อการตัดสินใจ ผสมผสานกับการใชเ้ ทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ นอกจากน้ยี ังคานึงถึงความต้องการของผู้ปฏิบตั งิ านในสถาน ประกอบการวา่ ต้องการมีชวี ิตการทางานท่ดี ี อีกทงั้ สนิ ค้าทีผ่ ลติ ใหแ้ ก่ผบู้ ริโภคก็เพอื่ สนองความตอ้ งการให้แก่ ผบู้ ริโภคมากยงิ่ ขึน้ 4.. การผลติ ตอ่ เน่ือง เปน็ การผลิตท่มี กี ารไหลของวตั ถุอยา่ งตอ่ เน่ือง เช่น โรงนา้ กลั่น ผลิตตลอด 24 ช่วั โมง สว่ นใหญ่จะผลิตจานวนมากๆ และเป็นสนิ คา้ ประเภทเดียว 5. จาแนกตามวธิ ีการในการจัดการการผลติ ระบบการผลิตและบริการ หมายถึง กระบวนการในการ เปลี่ยนแปลงปัจจัยการผลิตให้เป็นสินคา้ หรอื บริการ มกี ารตรวจสอบประสิทธภิ าพของระบบโดยใช้ ขอ้ มูลยอ้ นกลบั ซง่ึ เปน็ เกณฑ์การวัดค่าท่ีกาหนดไว้ และสภาวะแวดลอ้ มภายนอกมักจะมอี ิทธพิ ลต่อกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในระบบการผลิต

139 2.2. ระบบการผลติ ประเภทของระบบการผลิต สามารถแบง่ ระบบการผลิตได้หลายประเภทตามเกณฑต์ า่ งๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. จาแนกตามคาส่ังซ้อื 1.1. การผลติ เพ่ือเกบ็ เข้าคลงั เป็นการผลติ โดยไม่ต้องรอคาส่งั ซื้อ 1.2. การผลิตตามคาสง่ั เป็นการผลิตเมื่อได้รับคาสงั่ ซอ้ื 2. จาแนกตามลักษณะผลติ ภณั ฑ์ 2.1. การผลิตแบบประกอบ เปน็ การผลติ ทีน่ าชน้ิ สว่ นต่างๆ มาปะกอบเป็นผลติ ภัณฑ์ 2.2. การผลิตแบบกระบวนการ เปน็ การผลิตผลติ ภณั ฑ์ท่ไี มส่ ามารถแยกสว่ นประกอบไดอ้ ีก 3. จาแนกตามปริมาณการผลิต 3.1. การผลิตแบบโครงการ เช่น รบั เหมากอ่ สร้างอาคาร 3.2. การผลิตแบบงานเป็นครั้งคราว เปน็ การผลติ สินค้าคร้ังละจานวนไมม่ าก แตผ่ ลิตครงั้ ละหลายแบบ 3.3. การผลิตเปน็ ร่นุ หรอื เปน็ ชดุ เป็นการผลติ ทเ่ี ม่ือหมดรุ่นแล้วกอ็ าจจะไม่มกี ารผลิตอีก 3.4. การผลติ เป็นสายการประกอบ เป็นการผลติ สินค้าจานวนมากๆ แต่ผลิตสนิ ค้ารูปแบบเดิมตายตัว 4 จาแนกตาม 4.1. การผลติ แบบโครงการ 4.2. การผลิตแบบไมต่ ่อเนอ่ื ง คือ การผลิตแบบคร้งั คราว และการผลติ เปน็ รุ่น 4.3. การผลติ แบบตอ่ เน่ือง คอื การผลิตแบบสายประกอบ และการผลติ ตอ่ เน่ือง 2.3. กาลังการผลติ กิจการจะต้องทาการพยากรณค์ วามต้องการสินค้า หรือบรกิ ารก่อนแลว้ จงึ วางแผนกาลังการผลติ ให้เพียงพอ ตอ่ ความต้องการของลูกค้า การทาความเข้าใจเร่ืองกาลังการผลิต จะต้องเข้าใจหลักสาคัญ 3 ขอ้ ต่อไปนี้ 1. กาลังการผลติ คอื อัตราการผลิตสูงสดุ ทหี่ นว่ ยผลิตหน่ึงสามารถผลติ ได้ 2. การวดั กาลังการผลิต สามารถวัดได้จากผลผลติ ที่ออกมา หรอื วดั จากปจั จยั การผลิตท่ีใชไ้ ป 3. ปจั จยั ทกี่ าหนดกาลงั การผลติ 3.1. การออกแบบกระบวนการผลิต อตั ราผลผลติ ข้นึ อยู่กบั ข้ันตอนท่ใี ชเ้ วลานานทส่ี ุด 3.2. การออกแบบผลติ ภัณฑ์ การออกแบบท่เี หมาะสมจะทาใหผ้ ลติ ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น 3.3. ความหลากหลายของผลติ ภัณฑ์ หากผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายจะทาใหเ้ สยี เวลาในการผลิต 3.4. คณุ ภาพของผลิตภณั ฑ์ ในบางคร้ังการตรวจสอบคุณภาพทาใหอ้ ัตราการผลิตลดลง 3.5. การจดั ตารางการผลิต การจดั ตารางการผลิตชว่ ยลดเวลาสูญเปลา่ 3.6. การจดั การวสั ดุ เปน็ การจัดวตั ถดุ บิ และช้นิ สว่ นประกอบใหม้ ีความเพียงพอต่อการผลิต 3.7. การบารงุ รักษา การบารงุ รกั ษาเครือ่ งจักรทาใหก้ ระบวนการผลติ ไม่หยุดชะงัก 3.8. การบริหารงานบุคคล การออกแบบงาน การฝกึ อบรมพนักงานมผี ลต่อกาลงั การผลิต

140 2.4. การวางแผนผลติ ภัณฑ์ การวางแผนผลติ ภณั ฑ์ เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหส้ ามารถนาไปผลติ ได้ตามท่ลี กู ค้าต้องการ ซ่ึงสง่ิ ท่ี ผ้อู อกแบบจาเป็นต้องต้องทราบก็คือ 1. ลกั ษณะปัญหาของผลิตภณั ฑเ์ ดิมท่ใี ช้งานอยู่ 2. เงื่อนไขดา้ นเวลาว่าผู้บริโภคตอ้ งการใช้เม่ือไหร่ 3. ทรัพยากรท่จี าเป็นต้องใช้ และมีตน้ ทุนต่า เทคนคิ ทใี่ ช้ในการออกแบบผลิตภณั ฑ์ Quality Function Deployment หรอื QFD คือ เทคนิคทม่ี ีการนาขอ้ มลู ของลกู ค้ามาใช้ในการออกแบบท่ี สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการด้านเทคนคิ โดยสร้างเปน็ แมทริกซ์ สว่ นประกอบของ QFD

141 3. ความรู้เบ้ืองต้นเกยี่ วกบั การตลาด 3.1. แนวคดิ เกย่ี วกับการตลาด แนวคดิ การตลาด หมายถึง การมงุ่ ใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ทงั้ หมดของกิจการมาตอบสนองความตอ้ งการของผู้บริโภค โดยทาให้เกิดการสรา้ งสรรค์ จงู ใจ และสรา้ งความพึงพอใจให้กบั ผู้บริโภค ในระดับท่ีกิจการมีผลกาไร แนวคดิ การตลาดที่เป็นหลักพน้ื ฐานการตลาด ทใ่ี ชใ้ นการกาหนดกลยุทธ์การตลาดมี 3 ประการ คือ 1. การเน้นผบู้ รโิ ภคเปน็ สาคัญ แนวคดิ การตลาดนี้ คือ จงตอบสนองในส่ิงท่ผี ูบ้ รโิ ภคต้องการ นักการตลาดจะต้องคน้ หาว่าอะไรคือสิ่งจูงใจ ผบู้ ริโภค และผบู้ รโิ ภคต้องการซื้ออะไร นอกเหนือไปจากส่ิงท่เี ขาพูดว่าเขาจะซ้อื 2. การประสมประสานกจิ กรรมการตลาด แนวคิดท่สี าคัญในสว่ นน้ี คือ สร้างความพึงพอใจให้กบั ผู้บรโิ ภคให้ไดม้ ากท่ีสุด และพยายามลดข้อขดั แย้งท้ังมวล ให้น้อยที่สุด อีกทั้งควรได้มีการประสานงานกนั และควรได้มีการบูรณาการทุกกิจกรรมที่เกีย่ วขอ้ งกับการตลาดเขา้ ด้วยกัน 3. การมุง่ กาไรเป็นสาคัญ แนวคดิ การตลาดในเรอ่ื งนี้ คอื โดยธรรมชาตแิ ล้วการมุง่ ที่ผลกาไรของกิจการต้องไมเ่ ป็นอุปสรรคต่อความ รับผดิ ชอบทางดา้ นสังคม การมงุ่ กาไรน้นั คนละอยา่ งกันกบั การมงุ่ การขาย บางกิจการสามารถเพ่ิมยอดขายแตไ่ ม่ สามารถเพิ่มกาไรได้ ววิ ัฒนาการของแนวความคิดการตลาด ในอดตี สมยั หลังสงครามโลกครง้ั ที่ 2 การตลาดจะ มุ่งเนน้ ที่กาไร (มงุ่ เน้นการผลิต) เพราะมคี วามต้องการซื้อท่มี าก เกดิ พอผลติ เทา่ ไหรก่ ส็ ามารถขายไดห้ มด ย่ิงผลิตมากกน็ ามาซึง่ ผลกาไรท่มี ากขึ้น ต่อมาเม่ือการคา้ มีการแขง่ ขนั กัน สูงขึน้ สินค้ามีความหลากหลายขึ้น ผู้บริโภคมีสิทธิในการเลอื กซ้ือสินคา้ การตลาดกเ็ รมิ่ ท่ีจะมา มุ่งเนน้ ที่ ผูบ้ ริโภค พยายามทาความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและสนองตอบความต้องการของผู้บรโิ ภคในได้มากที่สุด และในยุคปจั จุบันการตลาดกาลงั จะพัฒนาไปสยู่ คุ ของการตลาด มุง่ สังคม เพราะนอกจากจะมุ่งทีผ่ ู้บรโิ ภคซงึ่ เปน็ ลูกคา้ ของกจิ การแล้วยังต้องคานึงถงึ ผลกระทบทจี่ ะมตี ่อสงั คมด้วย และต่กมาการตลาดมุ่งสังคมก็พฒั นาไปสู่ การตลาด มุง่ ระบบ ซ่งึ มแี นวคิดในการประสานงานกนั อยา่ งเป็นระบบ จนกา้ วมาถงึ การตลาด ม่งุ ความเป็น มนุษย์ ซงึ่ เปน็ การตลาดท่ีให้ความสาคัญกับผู้บรโิ ภค ผู้ถือหุ้น พนกั งาน สมาชกิ ของชมุ ชน และมนษุ ย์โดยรวม คานงึ ถงึ ผลกระทบในทุกภาคสว่ นมองย้อนกลับครอบคลมุ ถึงผู้มสี ่วนไดเ้ สยี ของกิจการด้วย อาจกล่าวได้วา่ ปจั จบุ นั การตลาดมคี าสาคญั อยู่ 4 คา คือ ความต้องการ (สนองความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค) ความพึงพอใจ (สร้างความพึง พอใจใหก้ ับผ้บู ริโภค) สังคม (รับผดิ ชอบต่อสังคม) และกาไร (ทากาไรให้กบั ธรุ กจิ ) 3.2. ประเภทของตลาด ตามแนวคดิ ของ อาร์มสตรอง และคอตเลอร์ จาแนกตลาดลูกคา้ ออกได้เป็น 5 ประเภท ดงั น้ี 1. ตลาดผู้บรโิ ภค คือ ตลาดผู้บรโิ ภคขัน้ สุดทา้ ย ซ้อื ไปใช้เอง 2. ตลาดธรุ กิจ คือ ตลาดของผูผ้ ลิตท่ีซ้ือผลติ ภัณฑเ์ พ่ือนาไปเปน็ วตั ถดุ บิ ในการผลิต

142 3. ตลาดผูข้ ายต่อ คือ ตลาดของพ่อค้าคนกลาง ซอื้ มาขายไปเพอ่ื ทากาไร 4. ตลาดรัฐบาล คอื ตลาดท่ีรฐั บาลเปน็ ผ้ซู อื้ เพื่อนาผลติ ภณั ฑไ์ ปใช้บรกิ ารสาธารณะ หรือให้กบั ผู้ทต่ี ้องการ 5. ตลาดระหว่างประเทศ เปน็ ตลาดท่ีประกอบด้วยผูซ้ ้ือในต่างประเทศ ท่ีเป็นทั้ง ผู้บริโภค ผผู้ ลิต ผู้ขายต่อ และ รฐั บาล ตลาดสามารถจาแนกตลาดตามลักษณะของตลาดได้ดงั น้ี 1. จาแนกตามลักษระประเภทสินค้าที่ซ้ือขาย เชน่ ตลาดเสอื้ ผา้ ตลาดอาหาร 2. จาแนกตามกลมุ่ ประชากร เชน่ ตลาดผใู้ หญ่ ตลาดวยั รุ่น 3. จาแนกตามลักษณะภมู ศิ าสตร์ เช่น ตลาดภาคกลาง ตลาดภาคเหนอื 4. จาแนกตามกฎหมาย เชน่ ตลาดการคา้ ชายแดน ตลาดบริเวณจดุ ผ่อนปรนชายแดน 5. จาแนกตามลักษณะเวลา เช่น ตลาดเชา้ ตลาดเย็น 6. จาแนกตามบทบาทและสง่ิ จูงใจของผซู้ ือ้ สนิ ค้า เชน่ ตลาดอตุ สาหกรรม ตลาดองค์กร 7. จาแนกตามลกั ษณะของผลิตภณั ฑ์ เชน่ ตลาดผู้บรโิ ภค และตลาดองคก์ าร เปน็ การซื้อเพือ่ ไปจาหนา่ ยต่อ องคป์ ระกอบของตลาด 4 ประการ มีดังนี้ 1. มีความจาเปน็ หรอื ความต้องการ 2. มเี งินทจี่ ะซ้ือหรอื มอี านาจซอื้ 3. มีความเต็มใจทจ่ี ะซื้อ 4. มอี านาจในการตัดสนิ ใจซื้อ 3.3. กระบวนการตลาด กระบวนการการตลาดประกอบด้วยขั้นตอนหลักท่ีสาคญั 4 ข้ันตอนดังน้ี 1. การวเิ คระหต์ ลาด 1.1. การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อม 1) สภาพแวดลอ้ มภายใน เปน็ ปัจจัยที่กจิ การสามารถควบคุมได้ 2) สภาพแวดล้อมภายนอก เป็นปจั จัยแวดล้อมที่กจิ การไมส่ ามารถควบคมุ ได้ 1.2. การวเิ คราะห์ SWOT 1) Strength คอื จุดเดน่ หรอื จุดแขง็ ของกจิ การีทเ่ หนอื กวา่ กจิ การอ่นื 2) Weakness คอื จุดออ่ นของกจิ การทพี่ ิจารณาจากสภาพแวดล้อมภายใน 3) Opportunity คือ โอกาสที่เกดิ ขึ้นจากสภาพแวดลอ้ มภายนอก 4) Threat คอื ปัญหาอปุ สรรคที่เกดิ จากสภาพแวดล้อมภายนอก 2. การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์การตลาด และการเลือกตลาดเป้าหมาย สามารถกาหนดวตั ถุประสงคใ์ หญๆ่ ทางการตลาดของหนว่ ยงานได้ดงั น้ี 2.1. ดา้ นยอดขาย 1) เพ่ือความเติบโต

143 2) เพ่อื ความม่นั คงของยอกขาย 3) เพอื่ ขยายหรือรักษาสว่ นครองตลาด 2.2. ด้านกาไร 1) เพอ่ื กาไรเปน็ ตวั เงนิ 2) เพ่ือกาไรเป็นตัวเงนิ ของยอดขาย 3) เพอ่ื สว่ นของกาไรตอ่ การลงทุน หรอื เรยี กวา่ ผลตอบแทนจากการลงทุน 2.3. ดา้ นการสรา้ งความพึงพอใจตอ่ สาธารณะชน เชน่ สร้างความพึงพอใจให้กับ ผถู้ ือห้นุ ลกู คา้ รัฐบาล และผู้มี สว่ นได้เสีย เปน็ ต้น 2.4. ดา้ นภาพลกั ษณ์ จะต้องคานึงถงึ ตลาดเปา้ หมายเป็นสาคัญ ซึ่งกลยุทธ์การเลือกตลาดเปา้ หมายมีอยู่ 3 วิธี 1) กจิ การจะตัดสนิ ใจเขา้ หาตลาดทใ่ี หญ่ท่ีสุด เปน็ การตลาดแบบ Mass Market 2) กิจการจะตดั สนิ ใจเข้าหาส่วนตลาดตา่ งๆ เปน็ การตลาดครอบคลุมทุกส่วนตลาด 3) กิจการจะตัดสินใจเข้าหาสว่ นตลาดที่แคบ เป็นการตลาดแบบ Niche Market 3. การกาหนดกลยุทธ์การตลาด กลยุทธ์ คือ วธิ ที ี่กิจการจะเลือกเครื่องมือข้นึ มาใชเ้ พ่อื ช่วยใหว้ ตั ถุประสงค์การตลาดที่กาหนดไวบ้ รรลไุ ด้ เครือ่ งมอื ท่ีเลือกใช้ คอื ส่วนประสมการตลาด 4. การพัฒนาระบบการจดั การการตลาด การจดั การการตลาด หมายถึง การจดั การสายงานต่างๆ ทางการตลาดท้ังหมดท่ีเกย่ี วขอ้ งกับส่วนประสมทาง การตลาด และหน้าท่ีอื่นๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง เช่น 4.1. การวางแผนการตลาด 4.2. การดาเนนิ การการตลาด 4.3. การควบคุมการตลาด 4.4. การประเมนิ ผลการตลาด จงึ กลา่ วได้ว่า การพฒั นาระบบการจดั การการตลาดเป็นการจดั เตรยี มเพื่อดาเนนิ การการตลาด ให้บรรลุ วตั ถุประสงค์การตลาด และแผนการตลาดทีก่ าหนดไว้ 3.4. ส่วนประสมการตลาด สว่ นประสมทางการตลาด หมายถึง ปจั จยั ทางการตลาดท่ีควบคมุ ได้ ประกอบดว้ ย 1. ผลิตภัณฑ์ 2. ราคา 3. การจดั จาหนา่ ย 4. การสง่ เสรมิ การตลาด คือ การสื่อสารใหต้ ลาดเป้าหมายทราบวา่ ผลติ ภัณฑท์ ี่ต้องการมีจาหน่าย ณ ท่ใี ด ณ ระดบั ใด ส่วมประสมการสง่ เสรมิ การตลาดประกอบดว้ ย 4.1. การโฆษณา 4.2. การขายโดยบุคคล เป็นการติดต่อสือ่ สารแบบตวั ต่อตวั

144 4.3. การสง่ เสริมการขาย เป็นการให้โปรโมชัน่ ลด แลก แจก แถม แจกคปู อง 4.4. การใหข้ า่ ว และการประชาสัมพันธ์ เปน็ กิจกรรมในการสรา้ งทศั นคติทีด่ จี ากชุมชน เพอ่ื สร้างความสนใจ ความเข้าใจ และการยอมรบั จากชุมชน ซ่งึ มลี กั ษณะดงั น้ี 1) การตดิ ต่อส่อื สารโดยไมใ่ ชบ้ คุ คลกบั ผฟู้ ังจานวนมาก 2) กิจการไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยตรงจากการใช้ขา่ วน้ัน 3) การใหข้ ่าวสามารถสร้างควาเช่ือถือไดด้ ี 4.5. การตลาดทางตรง เช่น การเลือกซื้อทางโทรทศั น์ อิเล็กทรอนิคส์ จดหมายตรง และแคต็ ตาล็อก

145 ใบความร้ทู ี่ .......... เร่ือง การจดั การการตลาด วิชา ทกั ษะการพัฒนาอาชพี รายวชิ า อช 21002 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น ความหมายของการตลาดน้ันมผี ูบ้ ัญญตั ิไว้หลายความหมายแต่ความหมายซึ่งเปน็ ท่ียอมรับและร้จู กั กนั ดนี ั้น มี 2 ความหมาย คือ ความหมายที่หน่งึ คอื การตลาด (Marketing) เป็นกระบวนการทางสังคมซง่ึ แต่ละคน/แต่ละกลุ่ม ไดร้ บั การตอบสนองในสิง่ ทีต่ ้องการ คอื สินคา้ หรอื บริการโดยผา่ นระบบการแลกเปล่ียนส่ิงทีม่ ี คุณคา่ ซ่งึ กันและกนั การแลกเปล่ยี น (Exchange) เปน็ วิธีหน่งึ ในบรรดาหลายวิธี ซ่งึ บุคคลสามารถไดร้ ับสนิ ค้าตามที่ ตอ้ งการนอกเหนอื จากการผลิตสินคา้ ด้วยตนเอง การแลกเปลยี่ นจดั เป็นแนวคดิ เบ้ืองต้นของการตลาดเพราะ หมายถึงบคุ คลจะไดร้ ับสนิ คา้ /บริการที่ต้องการโดยเสนอบางสิง่ ตอบแทนกลบั ไป การลกเปลย่ี นจะตอ้ งประกอบด้วย ลักษณะท่ีสาคัญดงั ต่อไปนี้ 1. ประกอบดว้ ยอย่างน้อย 2 ฝ่าย 2. แตล่ ะฝ่ายมบี างสิ่งบางอย่างทม่ี ีคุณคา่ อีกฝา่ ยหนึ่ง 3. แต่ละฝ่ายสามารถสื่อสารและนาเสนอคุณค่าใหอ้ กี ฝ่ายหน่ึงได้ 4. แตล่ ะฝา่ ยมีอิสระที่จะตอบรับหรือปฏเิ สธต่อการแลกเปลย่ี นนนั้ ๆ 5. แตล่ ะฝา่ ยเชื่อวา่ ไดร้ บั ข้อเสนอของการแลกเปลย่ี นสิง่ ท่ตี อ้ งการอยา่ งเหมาะสม การแลกเปลี่ยนจัดว่าเปน็ กระบวนการและเกดิ ข้นึ จากการท่ีท้ังสองฝ่ายพอใจในข้อตกลงและเปน็ กระบวนการทส่ี ร้างสรรคค์ ุณค่าซึง่ กันและกนั ในธรุ กจิ นนั้ ระบบการแลกเปลย่ี น มิใช่เปน็ การแลกเปลยี่ นของสินค้า/ บรกิ ารกับเงนิ ตราระหว่างผูซ้ ื้อกบั ผู้ขายเท่าน้นั แต่ยงั หมายถึงการให้บริการกบั การรบั บริการ การเสนอราคา ที่ ยตุ ธิ รรมการส่งมอบทีต่ รงเวลา การบริการหลังการขายที่ดี การทอี่ งค์กรไดร้ บั คาชมเชย หรอื พูดปากต่อ ปากในทางที่ดีการได้รบั ข้อมูลขา่ วสารของผู้บริโภค เป็นตน้ เราอาจเขยี นภาพระบบการตลาดทแี่ สดงถงึ การ แลกเปล่ียนได้ดังนี้

146 ความหมายที่สอง คอื การตลาดหรือการจดั การการตลาด (Marketing Management) เปน็ กระบวน การการวางแผน การบริหาร แนวคิด สนิ คา้ การตงั้ ราคา การจดั จาหน่าย และการสง่ เสริมการ ตลาดสาหรบั สนิ คา้ บรกิ ารท่ีสรา้ งสรรคใ์ ห้เกดิ การแลกเปลี่ยนและสนองความพอใจให้ลูกค้าขณะเดียว กันองค์กรบรรจเุ ป้าหมายตามท่ีต้องการ ทมี่ า : สมาคมการตลาดประเทศสหรัฐอเมรกิ า ความต้องการ (Need Want and Demand) การตลาดเรม่ิ ตน้ ที่การวเิ คราะห์ถงึ ความต้องการของผ้บู ริโภคเป้าหมาย และมงุ่ ตอบสนองความ ตอ้ งการนนั้ ดังนน้ั นกั การตลาดจึงตอ้ งทาการศกึ ษา และวเิ คราะหเ์ พ่ือให้เกิดความเข้าใจถงึ ความต้องการซ่งึ เราอาจจาแนกประเภทความต้องการได้ดังนี้ Need คอื ความตอ้ งการของมนษุ ย์ขัน้ พ้นื ฐานหรือความจาเปน็ เพ่ือการดารงชีวติ เช่น ความตอ้ งการใน ปัจจัย 4 พ้ืนฐานความตอ้ งการพักผ่อนหยอ่ นใจและสันทนาการ Want คอื ความตอ้ งการทพี่ ฒั นาจาก Need โดยมีทิศทางทช่ี ัดเจนและมีความเฉพาะมากขนึ้ เช่น ถา้ Need หมายถงึ ความตอ้ งการดา้ นอาหาร Want คือตอ้ งการรับประทานอาหารญ่ีปุ่น อาหารจีน อาจ กล่าวได้ว่า Want เป็นความตอ้ งการท่ีมีความอยากและความปรารถนามากกวา่ Need และความตอ้ งการดังกล่าว มักจะถูกกาหนดหรือไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากสังคมทอี่ ยู่รอบตัวของคน ๆ นั้น Demand เปน็ ความต้องการทเ่ี ฉพาะเจาะจงในสนิ ค้า/บรกิ าร ขณะเดยี วกนั มคี วามตงั้ ใจและมีกาลงั ซ้ือสนบั สนนุ ด้วยสนิ ค้าจานวนมากท่ีก่อเกิดความตอ้ งการด้านความอยากหรือความปรารถนา แตไ่ ม่สามารถทาให้ เกิด Demand ได้กลา่ วคือน้อยคนที่ต้ังใจจะซื้อหรือมีกาลงั ซ้ือตวั อย่างเชน่ เครื่องสาอาง นา้ หอมราคาแพง เสอื้ ผา้ ของตราย่หี ้อมีชื่อเสยี งซง่ึ นาเข้าจากต่างประเทศ ดงั นั้นในการวิเคราะห์ความต้องการในตลาดน้ัน นักการตลาดพึง วเิ คราะหถ์ ึงความต้องการที่มีกาลังซอ้ื ด้วยการจดั การการตลาด นอกจากความหมายดังทสี่ มาคมการตลาดแห่ง สหรัฐอเมริกาไดบ้ ัญญัติไว้แล้วอาจอธบิ ายในอีกความหมายหนึง่ โดยการสัมพนั ธก์ ับแนวคิดของอุปสงค์ หรือความ ต้องการว่าการตลาดคือ การจดั การเก่ียวกบั ความต้องการซอื้ หรอื เรียกสนั้ ๆ วา่ Demand Management ดงั รายละเอยี ดและตวั อย่างประกอบดงั นี้ อุปสงค์ตดิ ลบ (Negative Demand) คอื ปรากฏการณ์ทลี่ กู ค้าหรือตลาดไมช่ อบ หรือมีทัศนคติท่ีไม่ดตี อ่ ผลติ ภัณฑ/์ การบรกิ ารของเราทง้ั ๆ ทส่ี นิ ค้า/การบรหิ ารนน้ั เป็นสงิ่ ที่มปี ระโยชน์ อาจเป็นเพราะเขา้ ใจไม่ถูกต้อง หรอื ไม่ทราบข้อมลู นักการตลาดตอ้ งพยายามหาสาเหตุท่ีทาให้เกิดความไม่ชอบ เพ่อื จะได้นามาปรับปรุงกลยุทธ์ การตลาดต่อไป ตัวอย่างเชน่ ผลิตภัณฑ/์ บรกิ ารวางแผนครอบครวั ในเขตพืน้ ที่บางแห่งหรอื การตรวจสขุ ภาพ ประจาปี เป็นต้น อปุ สงค์ไม่มี (No Demand) คอื การทต่ี ลาดไมส่ นใจหรือไม่รบั รู้เก่ียวกบั ผลติ ภัณฑ/์ บริการของ เรา เชน่ อาหารเสรมิ บางประเภทหรือหลักสตู รการเรยี นการสอนบางหลักสูตร ซง่ึ นักการตลาดควรต้องพยายาม ส่อื สารให้เหน็ ถึงประโยชน์และความสาคัญท่ลี ูกค้าจะไดร้ ับ อุปสงค์ซ่อนเรน้ (Latent Demand) จานวนผ้บู ริโภคมากมายท่ีมีความต้องการซ่ึงซ่อนเร้นอย่แู ละไมส่ ามารถ จะไดร้ ับการสนองจากสนิ คา้ /บรกิ ารท่ีมีอยูใ่ นตลาด เชน่ ต้องการรบั ประทานขนมอรอ่ ย ๆ โดยไม่เพ่ิมแคลอรี่ นัก หรือการสูบบุหรโ่ี ดยไม่ก่อความระคายเคืองให้กับผคู้ นรอบ ๆ ข้าง นักการตลาดมีหน้าท่ีคน้ หาและประเมนิ

147 ขนาดตลาดตลอดจนศักยภาพเพอ่ื นามาวิเคราะห์ และสนองความตอ้ งการต่อไป อุปสงคล์ ดลง (Declining Demand) สง่ิ ทีท่ ุกองคก์ รมักประสบคือสินคา้ ท่เี คยขายดนี ั้นยอดขายจะลดลงไปเรื่อย ๆ บางครง้ั ยอดขายลดลงอยา่ งช้า ๆแตบ่ างครงั้ ลดอยา่ งเรว็ นักการตลาดควรวิเคราะห์เพ่ือหาสาเหตุทที่ าให้ ยอดขายลดลงวา่ เป็นเพราะอะไร ผู้บริโภคเปา้ หมายมกี ารเปล่ยี นรปู แบบการดาเนนิ ชีวติ ว่าจะสามารถสร้างสรรค์ กลยทุ ธ์การตลาดเพอ่ื เพม่ิ ยอดขายได้อย่างไร อุปสงคไ์ ม่สมา่ เสมอ (Irregular Demand) หลาย ๆ องค์กรมักเผชญิ กบั ยอดขายที่ไมส่ มา่ เสมอมีความผันแปรใน ระหวา่ งวันหรือในระหวา่ งชัว่ โมง กล่าวคือ บางชว่ งยอดขายจะเบาบาง แต่ในบางชว่ งผมู้ าซื้อสนิ ค้ากลับมจี านวน มากไมว่ า่ ในกรณใี ดลว้ นแต่ไม่เกดิ ผลดกี บั องค์กร นักการตลาดต้องหาวิธีการเพื่อจะปรบั ความต้องการเหลา่ น้ีใหม้ ี ความราบร่ืนหรอื สม่าเสมอมากข้นึ ด้วยกลยุทธก์ ารตลาด เชน่ ส่งเสริมการขายในช่วงท่ีมีความต้องการซ้ือน้อยหรือ ขายราคาเต็มในช่วงทยี่ อดขายมาก และลูกคา้ หนาแน่น เป็นต้น อุปสงค์เต็มที่ (Full Demand) องค์กรบางแห่งนั้นสินค้ามผี ตู้ อ้ งการซ้ืออย่ตู ลอดเวลาและยอดขายอย่ใู นระดับที่น่าพอใจ นักการตลาดจึง ต้องรกั ษาระดบั ความต้องการซื้อน้ีใหค้ งไวเ้ หมือนเดิมอยตู่ ลอดโดยการศึกษาและตดิ ตามวถิ ีชวี ติ และrฤติกรรมของ ลกู ค้า กลยทุ ธ์ของคู่แขง่ ขนั เพื่อตอบโต้ พรอ้ มกบั ต้องรกั ษาระดบั คุณภาพและมีการปรับปรุงพฒั นาสนิ คา้ อย่าง ต่อเนอ่ื ง อุปสงค์มากล้น (Overfull Demand) บางครง้ั องคก์ รพบว่า ความตอ้ งการซ้ือสินค้า/บริการมสี งู มากเกนิ กว่าท่ี องค์กรจะตอบสนองได้ เช่น สวนสนกุ บางแหง่ ผ้ชู มหลัง่ ไหลเข้ามาอยา่ งมากมายช่วงปดิ ภาคเรียน นักการตลาด ตอ้ งพยายามทาใหค้ วามต้องการซ้อื ในชว่ งดงั กลา่ วลดลงโดยลดการสง่ เสรมิ การตลาด หรอื เพ่ิมราคาสินค้า/บรกิ าร อุปสงค์ไม่พงึ ประสงค์ (Unwholesome Demand) คือ ความต้องการซื้อสนิ คา้ /บรกิ ารทไ่ี มถ่ ูกศลี ธรรมหรือ ทาให้สงั คมเส่ือมโทรมลง ซึ่งองค์กรธรุ กจิ อาจลดความอยากหรือความตอ้ งการซ้ือของกลุ่มเปา้ หมายลง ได้ เช่น บหุ ร่ี เหล้า ภาพยนตร์บางประเภททห่ี ม่ินเหมต่ อ่ ศลี ธรรม เป็นต้น

148 จงตอบคาถามต่อไปนี้ ใบงานท.่ี ........... เร่อื ง การจดั การการตลาด วิชา ทักษะการพัฒนาอาชีพ รายวชิ า อช 21002 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 1.การจัดการตลาด หมายถงึ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .......................................................... ............................................................................................................................. ........................................ 2.การจัดจาหนา่ ย หมายถึง ? .................................................................................................................................................................... .......... ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................... .......................... 3.จงบอกถงึ วัตถปุ ระสงค์ของการโฆษณา มอี ะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................................... ........ 4.การประชาสัมพนั ธ์ หมายถึง ? ........................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. การวจิ ัยตลาด และการวเิ คราะห์ตลาด มีความเหมือนกันหรือแตกต่างกันอยา่ งไรอธบิ าย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ชอ่ื ..........................................................................................รหัสนกั ศกึ ษา.......................................................

149 แผนการการจัดการเรียนรูร้ ายสัปดาห์ ระดับ ม.ต้น ครัง้ ท่ี 10 รายวชิ าทักษะการพัฒนาอาชพี รหัสวชิ า อช 21002 จานวน 4 หน่วยกิต เวลาเรียน 20 ชว่ั โมง พบกลุ่ม 6 ชวั่ โมง / การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 14 ช่ัวโมง วันท่ี เดอื น พ.ศ. 2564 ********************************** มาตรฐานท่ี 3.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ี่ดีในงานอาชพี มองเห็นช่องทาง และตัดสินใจประกอบ อาชพี ได้ตาม ความ ตอ้ งการ และศักยภาพของตนเอง มาตรฐานท่ี 3.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะในอาชพี ทต่ี ัดสนิ ใจเลอื ก มาตรฐานที่ 3.3 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการจดั การอาชีพอย่างมีคุณธรรม มาตรฐานท่ี 3.4 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ในการพฒั นาอาชีพให้มคี วามม่นั คง มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจทกั ษะในการพฒั นาอาชีพท่ีตดั สินใจเลือกบนพืน้ ฐานความรู้ กระบวนการผลติ กระบวนการ ตลาดทใ่ี ช้นวตั กรรม เทคโนโลยที ี่เหมาะสม และประยุกตใ์ ช้ภมู ปิ ัญญา 2. มีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถจดั ทาแผนงานและโครงการธรุ กจิ เพื่อพัฒนาอาชีพเขา้ สูต่ ลาดการแขง่ ขนั ตาม แนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ สู่ความเข้มแขง็ ตัวช้วี ัดท่ี 1. วเิ คราะห์ความเปน็ ไปได้ของแผนพัฒนาธุรกจิ 2. พัฒนาแผนพัฒนาอาชีพ 3. ข้ันตอนการขับเคล่ือนแผนพฒั นาอาชีพ 4. อธิบายปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไขท่เี กดิ จากการขับเคล่ือนแผนธุรกจิ เน้อื หา 1. การวเิ คราะหค์ วามเป็นไปไดข้ องแผนพฒั นาอาชพี - การวิเคราะหแ์ ผนการตลาด - การวิเคราะห์แผนคน - การวิเคราะห์แผนผลติ - การวิเคราะหแ์ ผนการเงนิ 2. การพฒั นาแผนพฒั นาอาชีพ - การพัฒนาแผนปฏิบตั ิการ 3. ขนั้ ตอนการขับเคล่ือนแผนพฒั นาอาชีพ - การวางแผนเก่ียวกบั การทางาน - รจู้ ักตนเอง - ศกึ ษาการประกอบอาชีพ - ตัดสนิ ใจ 4. ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไขท่เี กิดจากการขบั เคล่ือนแผนธรุ กิจ

150 วิธกี ารเรียน : แบบพบกลุ่ม (On-site) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขั้นตอนนาเข้าสู่บทเรยี น ( เวลา 30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนาเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ให้นักศึกษาทราบ พร้อมท้ัง แลกเรียนเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็น ร่วมกันในชั้นเรียน และทบทวนบทเรียนจากคร้ังที่แล้ว เรื่อง การจัดการการตลาด เพ่ือดึงความรู้และประสบการณ์เดิมของนักศึกษา เน้น การมสี ว่ นร่วม มีการ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ สะท้อนความคิด และอภปิ ราย โดยใหเ้ ชอ่ื มโยงกับความรู้ใหม่ 1.2 ครเู ปิดวีดีทศั นจ์ าก You Tube เรอ่ื ง การขับเคลอื่ นเพ่ือพัฒนาธรุ กิจ ผ่านลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=4ReYStAUnsg ให้นักศึกษารบั ชม เมื่อนกั ศึกษาดู วีดที ศั น์จบ ครูถาม นักศกึ ษาว่า ชาวบ้านมคี วามม่ันคงด้านอาหาร ชมุ ชนพงึ่ ตนเองได้ และรว่ มรกั ษาดินนา้ ป่าในพน้ื ที่ไว้ใหค้ งอยู่ เปน็ ชมุ ชนท่ี ไทยพุทธและมุสลมิ สามารถอยู่ร่วมกนั ได้อย่างมีความสุข คนเหลา่ นี้มีการดาเนินชวี ิตอย่างไรบ้าง ทเ่ี ราควรนามาเป็น แบบอย่างหรือตน้ แบบในการดาเนินชวี ติ จากวดี ที ัศนท์ น่ี ักศกึ ษารบั ชม โดยครยู กตัวอยา่ งและให้นักศึกษารว่ มกัน วิเคราะห์และแลกเปลยี่ นเรียนรู้ เพอื่ เชือ่ มโยงเขา้ สู่ บทเรยี นตอ่ ไป การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้นั จัดการเรียนการสอน (เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที) 1.ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาจากหนงั สือเรียนในหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 เรือ่ ง การขับเคลอื่ นเพ่ือพัฒนาธรุ กิจ พรอ้ มให้ นักศึกษาจดบนั ทึก รายละเอียดลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 2. นกั ศกึ ษาแบ่งกลุม่ ออกเป็น 4 กลมุ่ หรือแลว้ แต่ตามความเหมาะสม โดยใหน้ กั ศกึ ษาในกลมุ่ คดั เลือก ประธาน เลขานกุ าร และสง่ ตวั แทนออกมาจับสลากเลือกกลมุ่ ดังน้ี กลมุ่ ที่ 1 การวเิ คราะห์ความเปน็ ไปได้ของแผนพัฒนาอาชพี กลมุ่ ท่ี 2 การพัฒนาแผนพัฒนาอาชีพ กล่มุ ที่ 3 ขัน้ ตอนการขบั เคลื่อนแผนพัฒนาอาชพี กลุ่มท่ี 4 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขท่เี กิดจากการขบั เคลื่อนแผนธุรกิจ 3 ครูใหแ้ ตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนมาออกมานาเสนอหนา้ ห้องเรยี น และครเู ป็นผตู้ รวจสอบความถูกต้อง ให้ความรู้ เพ่ิมและข้อเสนอแนะ โดยให้นกั ศกึ ษาจดบนั ทึกส่ิงที่ไดจ้ ากการฟงั และสรปุ ลงในแบบบนั ทึกการ เรียนรู้ กศน. 4. ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความ ประหยัด ความซ่ือสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้าใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และ ยึดม่ันในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข

151 การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขนั้ การปฏิบตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ใช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูและนักศึกษาสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน พร้อมเพิ่มเติมความรู้และให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้นักศึกษา บันทกึ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 ครูให้นกั ศึกษาทาใบงาน เร่ือง การขบั เคลอื่ นเพือ่ พัฒนาธรุ กิจ 3.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทาความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพ่ือการ ประเมนิ คุณธรรม ขั้นประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4. ขนั้ สรปุ และประเมินผล ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) 4.1 ครูให้นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ข้อ จากชุด แบบทดสอบ หรอื จาก Google From พร้อมเฉลยและประเมนิ ผล ใหน้ กั ศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครใู ห้นักศึกษาทาแบบทดสอบหลังเรียน (Post-test) แบบปรนัย วชิ า ทกั ษะการพัฒนาอาชพี จานวน 10 ข้อ ผ่านทาง Google Form พร้อมเฉลยและประเมินผล ใหน้ กั ศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 4.3 ครูให้นกั ศึกษาสรุปการทาความดีและคณุ ธรรมทไ่ี ด้ปฏิบัติ พรอ้ มบันทึกลงในสมดุ บนั ทกึ ความดี เพ่ือการประเมนิ คุณธรรม 4.4 ครูติดตามงานที่ไดม้ อบหมายนกั ศึกษา เพอื่ ตดิ ตามความคบื หนาทางแอปพลิเคชัน Line ดงั น้ี 5. ขน้ั มอบหมายงาน 5.1 ครูมอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาไปอ่านทบทวนเนอ้ื หาเพิ่มเติม ทกั ษะการพัฒนาอาชีพ จากหนงั สอื เรยี นออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic และให้สรุปลงในแบบบันทึกการ เรียนรู้ กศน. 5.2 ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษาไปศกึ ษาคน้ ควา้ และทาใบงานท่ี 1 เร่อื ง การขับเคล่ือนเพ่ือพฒั นาธรุ กิจ (ใบงานครู แจกให)้ โดยใหส้ ่งในการเรยี นสปั ดาห์ต่อไป 5.3 ครูมอบหมายนักศกึ ษาให้ไปศกึ ษา เรอ่ื ง พัฒนาแผนพัฒนาอาชีพ จากหนังสอื เรยี นออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic เพื่อเตรียมการเรียนรู้ในสัปดาหต์ ่อไป

152 6. ขนั้ ตดิ ตามผล ( เวลา 30 นาท)ี ครตู ิดตามงานทีไ่ ดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพื่อติดตามความคืบหนา ดังน้ี 1) ติดตามงานทไี่ ด้รบั มอบหมายสัปดาห์ทผี่ า่ นมา 2) การทากจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) 3) ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4) ตดิ ตามสอบถามการทาความดีในแตล่ ะวัน สปั ดาห์ที่ผา่ นมาและตดิ ตามการบนั ทึกกิจกรรมทท่ี าความดลี งใน สมดุ บันทึกบนั ทกึ ความดีเพ่ือการประเมินคณุ ธรรม 5) ตดิ ตามสอบถามเก่ียวกับงานอดเิ รก สนุ ทรียภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ฯลฯ สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. 1. หนังสือเรยี นวชิ า อช 21002 ทักษะการพัฒนาอาชีพ หรือ หนงั สือเรียนออนไลน์ ลงิ ค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic 2. คู่มือนกั ศกึ ษา 3. วีดีทศั น์, Youtube เกย่ี วกับเร่ือง เรอื่ ง การขับเคลื่อนเพ่ือพฒั นาธุรกิจ ผ่านลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=4ReYStAUnsg 4. ใบงานที่1 การขับเคลื่อนเพือ่ พฒั นาธรุ กิจ 5. แบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. การวดั และประเมนิ ผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมีรายบุคคล/รายกล่มุ 2) การตรวจแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3) ประเมินการนาเสนอผลงาน/ชน้ิ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนคิ ุณธรรม

153 วธิ กี ารเรียน : แบบออนไลน์ (ON-Line) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation) 1. ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน ( เวลา 30 นาท)ี 1.1 ครูทกั ทายนกั ศึกษา และนาเข้าสูบ่ ทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณป์ ัจจุบัน ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลมุ่ ใหน้ ักศกึ ษาทราบ พรอ้ มทัง้ แลกเรียนเปล่ียนเรียนรู้ขอ้ มลู ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ปจั จบุ ัน รว่ มกันวเิ คราะห์ และแสดงความคิดเหน็ รว่ มกัน ผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึงเหตุผลความจาเปน็ ที่ ตอ้ งจัดกจิ กรรมการเรยี นรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครเู ปิดวดี ที ศั น์ เรื่อง การขับเคล่ือนเพื่อพัฒนาธุรกิจ ให้นักศึกษารบั ชมผ่านทาง YouTube ผา่ นลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=4ReYStAUnsg โดยครูส่งลงิ ค์ผ่านทาง Google Classroom หรือ แอปพลิเค ชัน LINE แล้วครูถามนกั ศึกษาว่า ชาวบา้ นมีความม่ันคงด้านอาหาร ชุมชนพ่งึ ตนเองได้ และรว่ มรักษาดินน้าปา่ ในพน้ื ท่ีไว้ ใหค้ งอยู่ เปน็ ชมุ ชนที่ไทยพุทธและมสุ ลิมสามารถอยรู่ ว่ มกันได้อยา่ งมีความสุข คนเหลา่ นี้มีการดาเนนิ ชีวิตอยา่ งไรบา้ ง ที่ เราควรนามาเปน็ แบบอยา่ งหรอื ต้นแบบในการดาเนินชีวติ จากทไี่ ดด้ ูวดี ีทศั น์ โดยใหน้ กั ศึกษารว่ มกัน วิเคราะห์และ แลกเปล่ียนเรยี นรแู้ สดงความคิดเห็นผา่ นทาง Google Classroom หรอื แอปพลิเคชนั LINE เพอ่ื เช่ือมโยงเข้าสู่บทเรียน ตอ่ ไป การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ( เวลา 3 ช่วั โมง 30 นาท)ี 1. ครมู อบหมายใหน้ กั ศกึ ษาไปศึกษาหาความรู้ เรือ่ ง การขับเคลือ่ นเพอ่ื พฒั นาธรุ กิจ จากหนังสอื เรียน ออนไลน์ ลงิ ค์ https://pubhtml5.com/oivm/nmqn/basic หรอื จากสื่อ และแหลง่ เรียนรตู้ ่างๆ และใหส้ รุป ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. ในหวั ขอ้ ต่อไปนี้ เร่ืองที่ 1 การวิเคราะห์ความเปน็ ไปได้ของแผนพฒั นาอาชีพ เรื่องท่ี 2 การพฒั นาแผนพฒั นาอาชีพ เร่อื งที่ 3 ขน้ั ตอนการขบั เคลอ่ื นแผนพฒั นาอาชีพ เรอ่ื งท่ี 4 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ขทีเ่ กดิ จากการขบั เคลอ่ื นแผนธุรกิจ 2.ครมู อบหมายให้นักศึกษาเลือกหัวข้อทีส่ นใจ จานวน 1 เรอื่ ง ให้ไปศกึ ษาค้นคว้าจากหนังสอื เรียนออนไลน์ ลิงค์ https://pubhtml5.com/oivm/nmqn/basicหรือจากแหล่งการเรยี นรตู้ ่างๆ และใหน้ ักศกึ ษาจัดทาหนังสือเล่ม เลก็ ตามตวั อยา่ งท่ีครูสง่ ให้ดู ดังนี้ เรื่องท่ี 1 การวิเคราะห์ความเปน็ ไปได้ของแผนพฒั นาอาชีพ เรื่องท่ี 2 การพัฒนาแผนพฒั นาอาชพี เรื่องที่ 3 ข้ันตอนการขบั เคลอ่ื นแผนพฒั นาอาชพี

154 เรือ่ งที่ 4 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ขท่ีเกดิ จากการขบั เคลื่อนแผนธรุ กิจ 3. ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตัญญู กตเวทีความ ขยนั ความประหยัด ความซื่อสตั ย์ ความมีน้าใจ ความมีวินยั ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความเปน็ ไทย และยดึ มัน่ ในวถิ ี ชีวติ และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข ผ่าน ทาง LINE กลุ่ม การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูให้นกั ศึกษาทาใบงาน เรื่อง การขบั เคลอื่ นเพื่อพฒั นาธุรกิจ ผ่านทาง Google From และประเมนิ ผล ให้ นกั ศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 3.2 ครูใหน้ กั ศึกษาสรปุ การทาความดแี ละคุณธรรมทีไ่ ดป้ ฏิบตั ิ จากบนั ทกึ ลงในสมดุ บันทึกความ ดเี พอ่ื การ ประเมินคุณธรรม ขั้นประเมินผล (E : Evaluation) 4. ขนั้ สรุปผลและประเมินผล ( เวลา 1 ชัว่ โมง ) 4.1 ครูให้นักศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน แบบปรนัย จานวน 10 ข้อ ผ่านทาง Google From พร้อมเฉลย และประเมนิ ผล ให้นักศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 4.2 ครใู ห้นักศกึ ษาทาแบบทดสอบหลังเรียน (Post-test) แบบปรนยั วชิ าทกั ษะการพัฒนาอาชพี จานวน 10 ข้อ ผ่านทาง Google Form พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นักศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการ เรียนรู้ กศน. 4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทาความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ จากบันทึกลงในสมุดบันทึกความ ดีเพ่ือการ ประเมนิ คณุ ธรรม 5. ขัน้ มอบหมายงาน 5.1 ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปอา่ นทบทวนเนอ้ื หาเพ่ิมเตมิ ทกั ษะการพัฒนาอาชพี จากหนงั สือเรียนออนไลน์ ลงิ ค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic และใหส้ รุปลงในแบบบนั ทึกการ เรยี นรู้ กศน. 5.2 ครูมอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาไปศึกษาคน้ ควา้ และทาใบงานท่ี 1 เรื่อง การขับเคลื่อนเพื่อพฒั นาธุรกิจ (ใบงานครู แจกให้) โดยให้ส่งในการเรยี นสัปดาหต์ ่อไป 5.3 ครมู อบหมายนกั ศึกษาให้ไปศึกษา เรอ่ื ง พัฒนาแผนพัฒนาอาชพี จากหนังสือ เรียนออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic เพ่อื เตรียมการเรยี นรู้ในสปั ดาห์ต่อไป

155 6. ข้ันติดตามผล ( เวลา 30 นาท)ี ครูสอบถามและติดตามงานที่ได้มอบหมายนักศึกษาเพื่อติดตามความคืบหน้าผ่านทาง LINE/Facebook/เพจ กศน.ตาบล/อน่ื ๆ ดังนี้ 1. ติดตามงานทไ่ี ด้รับมอบหมายสปั ดาหท์ ผ่ี ่านมา 2. การทากิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ิต (กพช.) 3. ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (ตรวจสุขภาพ ความสะอาด การแต่งกาย) 4. ติดตามสอบถามการทาความดีในแตล่ ะวัน สปั ดาหท์ ผ่ี า่ นมา และติดตามการบันทึกกิจกรรมที่ทาความดีลงใน สมดุ บนั ทกึ บันทึกความดีเพอ่ื การประเมินคุณธรรม 5. ตดิ ตามสอบถามเกยี่ วกับงานอดเิ รกสนุ ทรียภาพการเล่นกีฬา การใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. Google Classroom หรือ แอปพลเิ คชนั LINE 2. หนงั สือเรยี นวิชา อช 21002 ทกั ษะการพัฒนาอาชีพ หรือ หนงั สือเรียนออนไลน์ ลงิ ค์ https://pubhtml5.com/oivm/nmqn/basic 3. แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4. ใบงานที่ 8 เรื่อง การขบั เคลอ่ื นเพ่ือพฒั นาธุรกจิ การวดั และประเมินผล 1) การมีสว่ นรว่ มในการเขา้ เรียน จาก Google Classroom/LINE 2) ตรวจแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมนคิ ุณธรรม

156 วิธกี ารเรียน : แบบผา่ นชอ่ งทาง ETV (ON-AIR) กระบวนการจดั การเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1 ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น ( 1 ชวั่ โมง) 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนาเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเร่ือง การขับเคลื่อนเพ่ือ พัฒนาธุรกิจ ตามความเข้าใจของนักศึกษา แลกเปล่ียนเรียนรู้ ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่ม LINE พรอ้ มอธิบายถึงเหตุผลความจาเปน็ ท่ีต้องจัดกิจกรรมการเรยี นรูปแบบ ( ON-Air ) 1.2 ครูนาเข้าสบู่ ทเรียนโดย ใหน้ กั ศกึ ษาสมคั รเป็นสมาชิก ETV ตามลิ้งตอ่ ไปน้ี https://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพ่อื ใหน้ ักศึกษามรี หัสผา่ นเพ่อื เขา้ ไปศึกษาหาความรู้ ตาม ตารางออนแอร์ ในแต่ละวนั ของสถานีวทิ ยโุ ทรทัศนเ์ พ่ือการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ตามลิ้ง รายการโทรทศั น์ สง่ เสริมการศึกษานอกระบบโรงเรยี น http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5 และและ นกั ศึกษาสามารถตดิ ตามขา่ วสารไดใ้ นเฟสบุ๊ค ETV Channel ตามลงิ้ ต่อไปนี้ https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ 1.3 ครูแจกตารางการออนแอร์ของรายการ ETV เพอ่ื ใหน้ ักศกึ ษาตามวนั และเวลาท่ีกาหนด การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้นั จดั การเรียนการสอน ( เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที ) 2.1 ครมู อบหมายให้นกั ศกึ ษาเขา้ ไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยุโทรทศั น์เพ่ือการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตามเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv โดย เขา้ สรู่ ะบบด้วยรหสั ผ่านทนี่ กั ศึกษาสมัครไวแ้ ลว้ โดยสามารถดูตาราง ออนแอร์ได้ ตามล้ิง http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดูรายการยอ้ นหลังได้ ตามลิ้ง http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx

157 อกี ชอ่ งทางการศึกษาหาความรโู้ ดยผ่าน ทีวีดจิ ิตอลชอ่ ง 52 (กศน.) สามารถติดตามข่าวสารและตารางออนแอร์ ได้ในเฟสบคุ๊ : ETV สอื่ ดิจิทัลเพอ่ื การศึกษา สานักงาน กศน. ตามลง้ิ นี้ https://www.facebook.com/etv.digital/ 2.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเรียนรู้แบบ (ON-Air) ในเรื่องการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาธุรกิจ https://www.youtube.com/watch?v=4ReYStAUnsg และให้นักศึกษาสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. นา สง่ ผา่ นทาง Google Classroom หรือ แอปพลเิ คชัน LINE 2.3 ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปศกึ ษาคน้ ควา้ จากหนังสือเรียนออนไลนร์ ายวิชาวิชาทกั ษะการพัฒนาอาชพี จาก ลงิ ค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic และจากการศึกษาในรูปแบบ(ON-Air) ทงั้ ในเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv และ ทีวีดิจติ อลชอ่ ง 52 (กศน.) หรือจากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ และใหน้ กั ศึกษาจัดทาสรปุ ความรู้ เปน็ แผนผังความคิด ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. ในหัวขอ้ การขบั เคลอื่ นเพื่อพัฒนาธรุ กิจ และสง่ งานผา่ นทาง Google Classroom หรอื แอปพลิเคชัน LINE 2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญูกตเวทีความ ขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมีน้าใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผ่านทาง LINE กลมุ่ การปฏิบตั ิและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขน้ั การปฏิบตั แิ ละนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูให้นักศึกษาทาใบงาน ผ่านทาง line และประเมินผล ให้นักศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการ เรียนรู้ กศน. 3.2 ครูตรวจสอบงานทไ่ี ดม้ อบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และท่ีสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. เรอ่ื ง การขบั เคล่ือนเพอ่ื พฒั นาธรุ กิจ 3.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทาความดีและคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ จากบันทึกลงในสมุดบันทึกความดีเพื่อ การ ประเมนิ คุณธรรม ขนั้ ประเมินผล (E : Evaluation) 4. ขัน้ สรปุ ผลและประเมินผล ( เวลา 1 ชวั่ โมง ) 4.1 ครูให้นักศึกษาทแบบทดสอบก่อนเรียน แบบปรนัย จานวน 10 ข้อ ผ่านทางGoogle From พร้อมเฉลย และประเมนิ ผล ให้นักศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครใู ห้นักศกึ ษาทแบบทดสอบหลังเรียนาPost(-test) แบบปรนัย วิชาทักษะการพัฒนาอาชีพจนวนา 10 ข้อ ผ่านทางGoogle Form พรอ้ มเฉลยและประเมนิ ผล ให้นักศึกษาบันทกึ คะแนนลงใน แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.3 ครูใหน้ ักศกึ ษาสรปุ การทความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ จากบันทกึ ลงในสมุดบันทึกความ ดีเพื่อการประเม คุณธรรม

158 5. ขน้ั มอบหมายงาน 5.1 ครูมอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาไปอ่านทบทวนเนอื้ หาเพ่ิมเติม ทกั ษะการพัฒนาอาชีพ จากหนงั สือเรียนออนไลน์ ลงิ ค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic และใหส้ รุปลงในแบบบันทึกการ เรียนรู้ กศน. 5.2 ครูมอบหมายให้นกั ศึกษาไปศกึ ษาคน้ คว้าและทาใบงานท่ี 1 เรื่อง การขับเคล่ือนเพื่อพัฒนาธรุ กิจ (ใบงานครู แจกให้) โดยใหส้ ง่ ในการเรียนสัปดาห์ตอ่ ไป 5.3 ครมู อบหมายนักศึกษาให้ไปศึกษา เรื่อง พัฒนาแผนพัฒนาอาชพี จากหนังสือ เรยี นออนไลน์ ลงิ ค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic เพ่ือเตรียมการเรยี นรใู้ นสัปดาห์ต่อไป 6. ขัน้ ตดิ ตามผล ( เวลา 30 นาที) ครูสอบถามและติดตามงานท่ีได้มอบหมายนักศึกษาเพ่ือติดตามความคืบหน้าผ่านทาง LINE/Facebook/เพจ กศน.ตาบล/อื่นๆ ดังน้ี 1. ตดิ ตามงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายสปั ดาห์ทผ่ี า่ นมา 2. การทากจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 3. ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (ตรวจสขุ ภาพ ความสะอาด การแต่งกาย) 4. ติดตามสอบถามการทาความดีในแตล่ ะวัน สัปดาห์ทผ่ี า่ นมา และติดตามการบันทึกกิจกรรมที่ทาความดีลงใน สมดุ บนั ทึกบนั ทกึ ความดีเพ่อื การประเมินคณุ ธรรม 5. ตดิ ตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดเิ รกสุนทรยี ภาพการเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ 6. ตดิ ตามการทาโครงงาน สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. www.etvthai.tv 2.ทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.) 3. เฟสบ๊คุ https://www.facebook.com/etv.digital/ และ https://www.facebook.com/Etv-Channel-1512499252411798/ 4. Google Classroom / แอปพลิเคชนั LINE 5. หนงั สอื เรียนวิชาทักษะการพัฒนาอาชพี หรือ หนังสือเรยี นออนไลน์ ลงิ ค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic 6. คู่มอื นกั ศกึ ษา 7. https://www.youtube.com/watch?v=R8OBke0u08M 8. ใบงาน เร่ืองการขบั เคล่อื นเพอื่ พัฒนาธุรกิจ 9. แบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 10. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรยี น

159 การวัดและประเมนิ ผล 1. การสังเกตพฤติกรรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ่ 2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน/ชิน้ งาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมนิ คณุ ธรรม

160 วธิ กี ารเรียน : ผ่าน แอปพลเิ คชน่ั (ON-Demand) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขนั้ ตอนนาเข้าส่บู ทเรยี น ( เวลา 30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศกึ ษา และนาเขา้ ส่บู ทเรยี นโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม ให้นักศึกษาทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึงเหตุผลความจาเป็นท่ี ต้องจดั กจิ กรรมการเรยี นรปู แบบ (On-Demand) 1.2 ครูชี้แจง สาระสาคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล และการตดิ ตาม ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม 1.3 ครแู ละนกั ศึกษารว่ มกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา ความต้องการ รูปแบบในการเรียน และการแสวงหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ในการเรียน ทักษะการพัฒนาอาชีพ เร่ือง การขับเคล่ือนเพื่อพัฒนาธุรกิจ ผ่าน ทาง Google Classroom หรอื LINE กลมุ่ การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขนั้ จดั การเรียนการสอน ( เวลา 3 ช่วั โมง 30 นาท)ี 2.1 ครูมอบหมายใหน้ กั ศึกษาไปศกึ ษาหาความรู้ เร่ือง การขับเคลอื่ นเพื่อพฒั นาธุรกิจ จากหนงั สอื เรยี นออนไลน์ รายวิชาทักษะการพฒั นาอาชีพ จากลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic และ ศกึ ษาหาความรู้ ผ่าน เว็บไซต์ www.etvthai.tv และ ช่อง Yutube หรอื จากส่ือและแหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ และใหส้ รุปลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. ในหัวข้อต่อไปน้ี เร่อื งที่ 1 การวเิ คราะห์ความเป็นไปไดข้ องแผนพฒั นาอาชีพ เร่ืองที่ 2 การพัฒนาแผนพัฒนาอาชีพ เรื่องที่ 3 ขั้นตอนการขบั เคล่อื นแผนพัฒนาอาชพี เรือ่ งที่ 4 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ขท่ีเกิดจากการขบั เคลื่อนแผนธุรกจิ 2.2 ครใู หน้ กั ศึกษาศกึ ษาค้นควา้ จากแหล่งเรยี นรูส้ ือ่ สง่ิ พิมพ์ อินเตอรเ์ น็ต พร้อมท้งั ให้นักศึกษาสรปุ เนื้อหา สาระสาคัญลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. และทาใบงานเร่ือง การขบั เคลอ่ื นเพ่ือพฒั นาธุรกจิ (โดยครูจะสง่ ใบงานทาง Google classroom) 2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตญั ญูกตเวทีความ ขยนั ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมีน้าใจ ความมวี ินัย ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความเปน็ ไทย และยดึ มั่นในวิถีชวี ิตและ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ ผา่ นทาง LINE กลุ่ม

161 การปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขัน้ การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1 ครูตรวจสอบงานท่ไี ด้มอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และที่สรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. เร่ือง การขับเคลอ่ื นเพื่อพฒั นาธุรกจิ 3.2 ครูให้นกั ศึกษาสรุปการทาความดแี ละคณุ ธรรมที่ไดป้ ฏบิ ัติ จากบันทกึ ลงในสมดุ บันทึกความดีเพอ่ื การประเมนิ คุณธรรม ข้นั ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขั้นสรปุ และประเมนิ ผล ( เวลา 1 ชั่วโมง ) 4.1 ครูให้นกั ศึกษาทแบบทดสอบก่อนเรียน แบบปรนัย จานวน 10 ข้อ ผา่ นทางGoogle From พร้อมเฉลย และประเมนิ ผล ให้นกั ศึกษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูใหน้ กั ศึกษาทแบบทดสอบหลงั เรยี นาPost(-test) แบบปรนยั วิชาทักษะการพฒั นาอาชพี จนวนา 10 ข้อ ผ่านทางGoogle Form พรอ้ มเฉลยและประเมนิ ผล ใหน้ ักศึกษาบนั ทึกคะแนนลงใน แบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 4.3 ครูใหน้ กั ศึกษาสรุปการทความดแี ละคณุ ธรรมท่ีได้ปฏิบัติ จากบนั ทึกลงในสมุดบันทึกความ ดเี พ่ือการประเม คณุ ธรรม 5. ข้นั มอบหมายงาน 5.1 ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้อื หาเพิ่มเติม ทกั ษะการพฒั นาอาชีพ จากหนงั สือเรียนออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic และให้สรปุ ลงในแบบบันทึกการ เรียนรู้ กศน. 5.2 ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าและทาใบงานที่ 1 เรื่อง การขบั เคล่ือนเพ่ือพฒั นาธุรกิจ (ใบงานครู แจกให)้ โดยใหส้ ่งในการเรยี นสัปดาหต์ อ่ ไป 5.3 ครมู อบหมายนกั ศึกษาให้ไปศึกษา เรอื่ ง พฒั นาแผนพัฒนาอาชีพ จากหนังสอื เรยี นออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic เพื่อเตรียมการเรยี นร้ใู นสัปดาหต์ ่อไป

162 6. ข้นั ติดตามผล ( เวลา 30 นาที ) ครูสอบถามและติดตามงานท่ีได้มอบหมายนักศึกษาเพ่ือติดตามความคืบหน้าผ่านทาง LINE/Facebook/เพจ กศน.ตาบล/อื่นๆ ดังนี้ 1. ตดิ ตามงานทไี่ ด้รับมอบหมายสปั ดาหท์ ่ีผา่ นมา 2. การทากิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) 3. ติดตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (ตรวจสขุ ภาพ ความสะอาด การแต่งกาย) 4. ติดตามสอบถามการทาความดใี นแต่ละวนั สัปดาห์ท่ผี ่านมา และติดตามการบันทึกกิจกรรมท่ีทาความดีลงใน สมดุ บนั ทึกบันทกึ ความดีเพื่อการประเมนิ คุณธรรม 5. ตดิ ตามสอบถามเกี่ยวกับงานอดิเรกสุนทรยี ภาพการเลน่ กีฬา การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ 6 ติดตามการทาโครงงาน ส่อื และแหล่งการเรียนรู้ 1. Google Classroom / แอปพลเิ คชัน LINE 2. หนงั สือเรียนวชิ าทกั ษะการพฒั นาอาชีพ หรอื หนังสอื เรียนออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic 3. คมู่ อื นกั ศกึ ษา 4. https://www.youtube.com/watch?v=R8OBke0u08M 5. ใบงาน เรอ่ื งการขบั เคล่ือนเพื่อพัฒนาธรุ กจิ 6. แบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. การวดั และประเมินผล 1. การสังเกตพฤตกิ รรมการมีรายบุคคล/รายกลมุ่ 2. การตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน/ช้ินงาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมินคณุ ธรรม

163 วธิ กี ารเรียน : แบบหนงั สือเรียน มอบหมายงาน (ON - Hand) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ (O : Orientation) 1. ข้ันตอนนาเขา้ สบู่ ทเรียน ( เวลา 30 นาที ) 1.1 ครสู ารวจความพร้อมของนักศึกษาในการเรียนรู้ สาหรบั นกั ศกึ ษาไมม่ ีอนิ เตอร์เน็ต และเคร่อื งมือสอ่ื สาร โดยนาหนงั สอื เรยี น ใบความรู้ และใบงาน ให้ผ้เู รยี นไดเ้ รียนรู้ทบี่ ้าน ในรายวชิ า ทักษะการพฒั นาอาชีพ จากหนงั สือท่ีครู ได้นาไปให้ พร้อมใหน้ ักศกึ ษา ศกึ ษาใบความรู้ จดั ทาใบงาน 1.2 ใหน้ ักศกึ ษา ศึกษาเรียนรู้ที่บา้ น เพ่ือเชื่อมโยงเข้าสบู่ ทเรียนและมอบหมายงานต่อไป 1.3 นักศกึ ษาสรุปสิ่งท่ีได้เรยี นรู้ บนั ทึกลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. และนาสง่ ตามวนั เวลาทีค่ รู กาหนด การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ขน้ั จัดการเรยี นการสอน ( เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที ) 2.1 ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปศกึ ษาหาความรู้ เร่อื ง การขับเคลอื่ นเพื่อพัฒนาธรุ กิจ จากหนงั สอื รายวชิ า ทักษะการพฒั นาอาชพี ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1.การวเิ คราะห์ความเป็นไปไดข้ องแผนพฒั นาอาชีพ 2.การพฒั นาแผนพฒั นาอาชีพ 3.ขน้ั ตอนการขับเคล่อื นแผนพัฒนาอาชีพ 4.ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขที่เกดิ จากการขบั เคลือ่ นแผนธุรกิจ 2.2.ครูมอบหมายให้นักศึกษาเลือกหัวข้อท่สี นใจ จานวน 1 เร่ือง ใหไ้ ปศกึ ษาคน้ คว้าจากหนงั สือ และให้นกั ศึกษาจดั ทาหนงั สือเล่มเล็กตามตวั อยา่ งท่ีครูส่งให้ดู ดงั นี้ เรื่องท่ี 1 การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนพฒั นาอาชีพ เรอื่ งท่ี 2 การพฒั นาแผนพฒั นาอาชพี เรือ่ งที่ 3 ขัน้ ตอนการขับเคลอ่ื นแผนพฒั นาอาชพี เรอ่ื งท่ี 4 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ขท่ีเกิดจากการขับเคลอื่ นแผนธรุ กิจ 2.3 ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรือ่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตญั ญู กตเวทคี วามขยัน ความประหยัด ความซอ่ื สตั ย์ ความมนี ้าใจ ความมีวนิ ยั ศาสน์ กษัตรยิ ์ รกั ความเป็นไทย และยึดม่นั ใน วถิ ชี ีวติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ ผ่านใบความรู้ ใบงาน

164 การปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขน้ั การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1 ครูใหน้ กั ศึกษาทาใบงาน เร่ือง การขบั เคลอ่ื นเพ่ือพัฒนาธุรกิจ และประเมินผล ใหน้ กั ศกึ ษาบันทกึ คะแนนลง ในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 ครใู ห้นักศึกษาสรุปการทาความดแี ละคณุ ธรรมทไี่ ด้ปฏิบตั ิ พรอ้ มบันทกึ ลงในสมดุ บนั ทึกความดี เพ่ือการ ประเมินคุณธรรม ข้ันประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขัน้ สรุปและประเมนิ ผล ( เวลา 1 ชั่วโมง ) 4.1 ครใู หน้ ักศึกษาทแบบทดสอบก่อนเรยี นแบบปรนัย จานวน 10 ขอ้ จากชุดแบบทดสอบ และประเมินผล ให้ นักศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูให้นักศึกษาทแบบทดสอบหลงั เรยี นาPost(-test) แบบปรนยั วชิ าทกั ษะการพัฒนาอาชีพจานวน10 ข้อ จากชุดแบบทดสอบหลังเรยี น และประเมินผล ใหน้ ักศกึ ษาบนั ทึกคะแนนลงใน แบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 4.3 ครใู ห้นักศึกษาสรุปการทความดีและคุณธรรมท่ีไดป้ ฏิบัติ จากบันทกึ ลงในสมุดบันทึกความ ดีเพ่ือการประเม คุณธรรม 5. ข้นั มอบหมายงาน 5.1 ครมู อบหมายให้นกั ศึกษาไปอา่ นทบทวนเนือ้ หาเพิ่มเติม ทักษะการพัฒนาอาชพี จากหนังสอื เรียนออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic และให้สรุปลงในแบบบนั ทึกการ เรียนรู้ กศน. 5.2 ครมู อบหมายใหน้ ักศกึ ษาไปศึกษาค้นคว้าและทาใบงานท่ี 1 เรอื่ ง การขับเคลื่อนเพ่ือพฒั นาธุรกิจ (ใบงานครู แจกให)้ โดยใหส้ ่งในการเรยี นสปั ดาห์ตอ่ ไป 5.3 ครูมอบหมายนักศกึ ษาให้ไปศกึ ษา เร่ือง พัฒนาแผนพัฒนาอาชพี จากหนงั สอื เรียนออนไลน์ ลิงค์ http://pubhtml.5com/oivm/nmqn/basic เพือ่ เตรียมการเรียนรใู้ นสัปดาหต์ ่อไป 6. ขน้ั ติดตามผล ( เวลา 30 นาท)ี ครูสอบถามและติดตามงานท่ีได้มอบหมายนักศึกษาเพื่อติดตามความคืบหน้าผ่านทาง LINE/Facebook/เพจ กศน.ตาบล/อืน่ ๆ ดังนี้ 1 ตดิ ตามงานที่ได้รบั มอบหมายสัปดาห์ท่ีผ่านมา 2 การทากิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต (กพช.) 3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนักศกึ ษา (ตรวจสุขภาพ ความสะอาด การแตง่ กาย) 4 ติดตามสอบถามการทาความดใี นแต่ละวัน สัปดาห์ที่ผ่านมา และติดตามการบันทึกกิจกรรมที่ทาความดีลงใน สมุดบันทกึ บนั ทึกความดเี พอ่ื การประเมินคุณธรรม 5 ตดิ ตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รกสนุ ทรียภาพการเล่นกีฬา การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์

165 สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นวิชาทกั ษะการพัฒนาอาชีพ อช21002 2. คมู่ ือนกั ศึกษา 3. ใบงาน 4. แบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 5.แบบทดสอบก่อนเรียนหลงั เรียน การวัดและประเมนิ ผล 1. การสงั เกตพฤติกรรมการมีรายบคุ คล/รายกลุม่ 2. การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 3. ประเมินการนาเสนอผลงาน/ชนิ้ งาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมนิ คณุ ธรรม

166 การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง (กรต.) ครงั้ ที่ 10 (จานวน 14 ช่วั โมง) สาระการการประกอบอาชพี รายวชิ า อช21002 ทกั ษะการพัฒนาอาชีพ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คาส่ัง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม และไปทากิจกรรมการเรียนรู้ต่อเน่ือง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นคว้า อ่าน หนังสือ จดบันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตารา หนังสือ และส่ืออื่นๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวัด ห้องสมุดประชาชน อาเภอ โรงเรยี นประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศกึ ษา วิทยาลัยชุมชนในพื้นท่ีอาเภอเมืองนราธิวาสหรืออาเภออ่ืนๆ หรือไป สอบถามขอความรจู้ ากบุคคล ในหัวข้อต่อไปนี้ กลุ่มท่ี 1 การวเิ คราะห์ความเปน็ ไปได้ของแผนพฒั นาอาชีพ - การวิเคราะห์แผนการตลาด - การวเิ คราะหแ์ ผนคน - การวิเคราะหแ์ ผนผลิต - การวเิ คราะห์แผนการเงนิ กลุ่มที่ 2 การพฒั นาแผนพฒั นาอาชพี - การพฒั นาแผนปฏิบตั กิ าร กลมุ่ ท่ี 3 ขน้ั ตอนการขับเคลื่อนแผนพฒั นาอาชพี - การวางแผนเกยี่ วกบั การทางาน - รูจ้ ักตนเอง - ศึกษาการประกอบอาชพี - ตดั สนิ ใจ กลุ่มท่ี 4 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขที่เกดิ จากการขบั เคลอ่ื นแผนธรุ กิจ ขั้นตอนของการไปเรียนรู้ตอ่ เน่อื ง (กรต.) ของนกั ศกึ ษา มีดงั นี้ 1. แผนการเรยี นรตู้ อ่ เน่ือง (กรต.) ในแต่ละแตล่ ะสัปดาห์ แตล่ ะคร้ังที่ครปู ระจากลมุ่ มอบหมาย 2. ให้บริหารเวลาและใชเ้ วลาในการศกึ ษาเรียนร้ดู ้วยตนเองและทากจิ กรรมการเรียนรตู้ อ่ เนื่อง (กรต.) สปั ดาห์ ละ 14 ชงั่ โมงเป็นอย่างนอ้ ย 3. อา่ นหนังสือ สอบถามผูร้ ู้ และจดบันทึกทกุ ครง้ั ทีมีการทากิจกรรม กรต. และเก็บหลักฐานไวท้ ุกคร้งั เพ่ือส่ง ครูกศน.ตาบล/ครูศรช. หรอื ครปู ระจากลมุ่ ตรวจให้คะแนนการทา กรต. 4. จดั ทารายงานเป็นเล่ม ตามแบบรายงานทศ่ี ูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั กาหนดและ ให้สง่ ในวนั ทมี่ กี ารนาเสนอผลการทากรต. ในเรอ่ื งนั้นๆ 5. ตวั แทนกลุ่มนาเสนอดว้ ยตนเอง (กรณีทท่ี ากรต.คนเดียว) โดยใหน้ าเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ/คนละไม่ เกนิ 10 นาที ในวันพบกลุ่มคร้ังต่อไป

167 ใบความรู้ การขบั เคล่อื นเพือ่ พัฒนาธรุ กิจ เรือ่ งที่ 1 การวิเคราะหความเปนไปไดของแผนพฒั นาอาชพี 1. องคประกอบการวิเคราะหความเปนไปไดของแผนพัฒนาอาชพี การวเิ คราะหความเปนไปไดของแผนพฒั นาอาชีพ เปนการสรางความเช่อื มนั่ และความมั่นใจวาแผนพฒั นา อาชพี มีทิศทางการพัฒนาถูกตอง สมั พันธกบั ศักยภาพของชุมชน มีความเปนไปไดสูงในการพัฒนาอาชพี โดยการวิเคราะหความเปนไปไดของแผนพฒั นาอาชีพ มอี งคประกอบ ดังนี้ 1. ทุนท่ีมอี ยขู องชุมชน 1) ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ เชน ดินเหนียว ทราย แหลงํน้า ธรรมชาติสง่ิ แวดลอม เปนตน 2) ทนุ ทางศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ไดแก - ทุนทางศาสนา เชน สถาปตยกรรมทางพุทธศาสนา พระพุทธรูปสาคญั และประวตั ิความเปนมา พระนกั ปฏบิ ัติ พระนักเทศน เปนตน - ทนุ ทางศลิ ปะ เชน สถาปตยกรรมทางพุทธศาสนา ศลิ ปะ ผาและเครอ่ื งแตงกาย ชนิ้ งาน ศลิ ปหัตถกรรม การละเลนพ้ืนบาน เปนตน - ทุนทางวัฒนธรรมประเพณี เชน การทาบญุ ตักบาตรตามประเพณีทองถ่นิ เทศนมหาชาติ แห เทียนเขาพรรษา เปนตน 3) ทุนทางปญญาของชมุ ชน เปนองคความรูท่ีมอี ยูในชุมชน เชน สูตรขนมหมอแกงของจังหวดั เพชรบรุ ี สูตรการทาปลาสมของบานกลวย อาเภอบานหมี่ จงั หวดั ลพบรุ ี รวมถงึ ผูรหู รือผูทรงภูมิปญญา เชน พอคาเดอื่ ง จงั หวดั บรุ ีรมั ย ครูสมหมาย จังหวดั ลพบุรี เปนผูทรงภูมิปญญาดานเกษตรกรรมธรรมชาติ ครูยาสุทธนิ นั ท จงั หวดั บรุ รี ัมย ท านสมนะเสยี งศีล จงั หวดั สิงหบรุ ี เปนผูทรงภูมิปญญา ดานการจัดการสงิ่ แวดลอม เปนตน 2. ความสามารถหลกั ของชุมชน การพัฒนาอาชพี ของชุมชน สิ่งสาคัญทตี่ องวิเคราะหคือ ความสามารถของชมุ ชนใหถองแทจึงจะทาการกาหนด กลยทุ ธ การสรางคุณคา และการเจรญิ เติบโต รวมถงึ การสรางความสามารถในการแขงขันอยางยง่ั ยนื ตอไปไดถกู ตอง และเหมาะสม เชน บานทับพริกเปนชุมชนทีม่ ีความสามารถในการปลูกหนอไมฝรง่ั มะละกอ ถ่วั พู และพริก ทาใหเห็นว าบานทบั พริกเปนแหลงรวบรวมความสามารถหลักทางการเกษตร เกยี่ วกับความรู วิธีการผสมผสานความชานาญและ เทคโนโลยีการผลิตผลผลิตทห่ี ลากหลายเขาดวยกนั การวิเคราะหความสามารถหลกั ของชุมชน สามารถพิจารณา ไดดังน้ี 1) ความสามารถหลกั เปนการเพ่มิ ศักยภาพ ทาใหชุมชนนาผลติ ภัณฑเจาะตลาดไดอยางหลากหลาย 2) ความสามารถหลกั จะเปนประโยชนตอลกู คาอยางมากในการซอ้ื สินคาของชมุ ชน 3) ความสามารถหลกั เปนส่ิงท่ีคแู ขงเลยี นแบบไดยาก 3. ความตองการพัฒนา เกดิ จากการมองเห็นอยางลกึ ซึง้ ของคนในชุมชน บนฐานขอมูลภายในตนเอง ครอบครวั และชุมชน สามารถระบุ ออกมาไดทนั ทีและ ตรงกบั ความเปนจริง ความสาคัญ การวิเคราะหความตองการพัฒนา ถงึ แมจะมีการสารวจ สอบถาม

168 จากคนภายในชุมชนแตจากสภาพการเปล่ยี นแปลงของสงั คมเศรษฐกจิ อาจจะมีผลให การสารวจทั่วไปที่พยายามจะดึงข อมลู สภาพเศรษฐกิจ สังคมครวั เรอื น ออกมาประมวลผล วเิ คราะหแลวแปลความหมาย นามาใชทาแผนเพือ่ การพัฒนา จึงมีโอกาสเกดิ ความคลาดเคล่ือนตอการพัฒนา ดงั นนั้ เพื่อใหเกดิ ความเท่ียงตรง สอดคลองกับสภาพความเปนจรงิ มากทส่ี ุด การวเิ คราะหความตองการพัฒนา สามารถดาเนินการไดดังน้ี 1) เปดเวทปี ระชาคม ทาความเขาใจ ระบุความตองการความจาเปน เพื่อใชเปนขอมูลในการจดั ทาแผนพฒั นา อาชพี ซ่งึ ขอมลู ประกอบไปดวย (1) ดานเศรษฐกิจ เปาหมายทางเศรษฐกิจของครอบครัว การสรางความพออยูพอกนิ การสรางรายไดสะสมทุน การขยายพฒั นาอาชพี (2)รายไดคาดหวังและพอเพยี งตามสภาพท่ีทาไดจรงิ ดวยตนเอง (3) ทุนท่ีมอี ยู มีทีด่ นิ จานวนเทาไร มแี รงงานท่ีทาไดจรงิ จานวนกี่คน มเี งินทนุ เพยี งใด 2) นาขอมลู แตละดานมาสรปุ วเิ คราะหความเปนไปไดของแผนพฒั นาอาชีพ เร่ืองที่ 2 การพัฒนาแผนพฒั นาอาชพี การพฒั นาแผนพฒั นาอาชีพ เปนการนาขอมูลจากการวิเคราะหความเปนไปไดของ แผนพัฒนาอาชีพ มาจัดระบบและรายละเอยี ดใหมคี วามเหมาะสมทีจ่ ะดาเนนิ การไดตามศักยภาพของตนเอง ตามแผนภูมิ ตอไปนี้

169 1. ทาความเขาใจแผนพัฒนาโดยใหประชาชนท้ังชุมชน ไดรวมเรียนรูเปนการสรางความเขาใจเพื่อให เกิดการมสี วนรวมในการปฏบิ ัติการแกปญหาตามแผน 2. ออกแบบระบบปฏิบัติการตามแผน เพ่ือใหมองเห็นรายละเอียดของเปาหมายการดาเนินการ กระบวนการ และกาหนดนโยบายเพ่อื ใชดาเนินงานใหเกิดประสทิ ธิภาพ 3. กาหนดตัวบงชี้ความสาเร็จ โดยการกาหนดตัวบงช้ีความสาเร็จของกิจกรรมที่กาหนดไวใน แผนพฒั นา 4. จัดการความรูขับเคล่ือนระบบปฏิบัติการสูความสาเร็จ โดยการสงเสริมใหผูนาชุมชนเปนผูจัดการ ความรูขับเคลื่อนสูความสาเรจ็ 5. ตรวจสอบสภาพภายในกจิ กรรมโดยจัดการเรียนรูไหประชาชนมที กั ษะตรวจสอบสภาพ ภายในกจิ กรรมเพื่อการพฒั นาอยางตอเน่ือง 6. การตรวจติดตาม แกไขขอบกพรอง การดาเนินงานตามแผน โดยการสงเสริมใหผูนาชุมชนได ปฏบิ ตั กิ าร ตรวจติดตามและแกไขขอบกพรองการทางานตามแผน

170 7. การเสนอผลงานตอสาธารณชน จัดกิจกรรมสงเสริมผูนาชุมชนและประชาชนไดมีการแลกเปล่ียน เรยี นรูและสรุปความรูพรอมการนาเสนอผลการดาเนนิ งาน 8. การพัฒนาสูความม่ันคงยั่งยืน ผูนาชุมชนและประชาชนรวมกันวิเคราะห กาหนดวางรากฐานของ ความม่นั คงและยัง่ ยนื 9. จัดระบบสารสนเทศ สงเสริมการดาเนินงานใหผูนาชุมชนและประชาชนรวมกันนาองคความรูจาก กิจกรรมตาง ๆ ของกระบวนการมาจดั เปนระบบสารสนเทศพรอมนามาบูรณาการประยุกตใชกบั การทางานของตนเอง เร่อื งที่ 3 ขนั้ ตอนการขับเคล่ือนแผนพฒั นาอาชีพ ข้นั ตอนการขบั เคล่อื นแผนพัฒนาอาชีพ ศูนยการศึกษานอกโรงเรยี น ผูนาชมุ ชน ภาคพี ฒั นา คณะทางานและประชาชน ตองรวมกันดาเนินการใน 3 ประเด็น คือ ประเด็นท่ี 1 การวเิ คราะหความเปนไปไดของแผนปฏบิ ัติการ ประเด็นที่ 2 การพฒั นาแผนปฏบิ ตั กิ าร ประเดน็ ท่ี 3 จดั การความรูการขับเคลอื่ นแผนปฏบิ ัตกิ ารสูความสาเรจ็ โดยการดาเนินงานในแตละประเดน็ มรี ายละเอยี ด ดังนี้ 1. การวิเคราะหความเปนไปไดของแผนปฏิบัติการเปนการพิจารณารวมกันของผูเรียน ผูนาชุมชน คณะทางาน ประชาชน และภาคีเครือขาย ความเหมาะสมของแผนปฏิบัติการกับสภาพความเปนจริงของชุมชนโดย พจิ ารณาจาก การรบั ไดของประชาชนในชุมชน การเหน็ ดวยของประชาชนในชมุ ชน ความพรอมของทรพั ยากรที่มีอยูในชมุ ชน ความจาเปนทีจ่ ะตองนาเขาทรพั ยากรจากภายนอกชมุ ชน 2. การพัฒนาแผนปฏบิ ตั ิการ เปนการนาขอมลู จากการวิเคราะหความเปนไปไดของแผนปฏิบัติการ มา ปรับปรงุ หรือพัฒนาเพ่อื ใหแผนปฏิบตั ิการมีความเหมาะสมที่จะดาเนนิ การไดตามศกั ยภาพของชมุ ชน 3. จัดการความรูการขับเคลื่อนแผน การจัดการความรูขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการสูความสาเร็จ ครู การศึกษานอกโรงเรียน ผูเรียน ผูนาชุมชน ประชาชน และภาคีพัฒนา จะตองรวมกันดาเนินการโดยมีกระบวนการ ขนั้ ตอน ดงั นี

171 กระบวนการจดั การเรยี นรู 1) การวิเคราะหโครงการ/กจิ กรรม นาโครงการ/กจิ กรรมท่ีกาหนดไวมาวเิ คราะหวาโครงการ/กจิ กรรม ใดบางทีม่ ีองคความรู พรอมดาเนนิ การไดทันที โครงการ/กิจกรรมใดบางท่ีมีองคความรูไมเพียงพอท่ีจะดาเนินการ จาเป นที่จะตองใชกระบวนการการจดั การความรูมาสนบั สนนุ การเรียนรูกอนการดาเนินงาน เพือ่ ใหสามารถขับเคล่ือนได 2) กระบวนการจัดการความรู การขับเคล่ือน โครงการ/กิจกรรมดวยการนาส่งิ ที่จาเปนมาดาเนนิ การด วยกระบวนการจดั การความรูประกอบดวยกจิ กรรม ดังนี้ 2.1 กาหนดความรูทต่ี องใชทางาน ดวยการนาสง่ิ ทจี่ ะตองทามาวเิ คราะหวาจะตอง ใชความรูหรือเรียนรูอะไรบาง จงึ จะสามารถดาเนินการได ดังตัวอยาง โครงการ/กิจกรรม วัตถุประสงค ความรทู ี่ตองใชงาน

172 2.2 การแสวงหาความรูในชมุ ชน ทองถิน่ ดวยการแบงกลุมงานรบั ผิดชอบนาหัวขอความรูท่ีตองใชไป แสวงหาความรูจากแหลงความรู สถานประกอบการ ผูรู ฯลฯ โดยวธิ ีการตาง ๆ เชน การถอดบทเรียน การฝกทักษะ ประสบการณ จนมีความกระจางในความรู 2.3 ในกรณที ี่ไมสามารถแสวงหาความรูในชุมชน ทองถิน่ ได อาจจะดาเนนิ การไดโดย 1) ประชาพจิ ารณ ดวยการรวมกันคิด หาเหตุผล รวมกนั กาหนดวธิ ีทา รวมกนั ทดลองพัฒนาวธิ กี าร สรปุ เปนองคความรูของชมุ ชน นาไปประยุกตใช 2) นาเขาองคความรู ความรูบางเรอื่ งจาเปนตองใชผูเชยี่ วชาญเฉพาะ และจาเปนตองรูจรงิ ๆกค็ วรเชิญ ผูเชย่ี วชาญมาใหความรูหรอื ไปศกึ ษาหาความรูจากผูเชยี่ วชาญเฉพาะจากภายนอกชุมชน 2.4 การแลกเปล่ียนความรู ดาเนนิ การตอเนื่องจากการแสวงหาความรูของกลุมตาง ๆ ดวยการใหกลุ มมาแสดงขอมลู ความรูที่ไดรับมาแลว รวมกนั วเิ คราะหหาจุดรวม จดุ เดน ดังแปลงวธิ ีการ จดั เปนความรูใหมเพือ่ ใช ทางาน 2.5 ประยุกตใชความรูขบั เคลือ่ นโครงการ/กจิ กรรม เปนขั้นตอนการทางานตามแผนงาน โครงการ/ กิจกรรม ดวยการนาความรูท่ีจดั ไวเขาไปใชดาเนนิ งานในแตละขั้นตอน 3)การตรวจตดิ ตามคุณภาพการทางาน มขี ั้นตอนทางาน ดังนี้ (1) จัดตงั้ ใหมคี ณะผูตรวจ ติดตาม จานวน 3-5 คน ศกึ ษา ทบทวนโครงการ/กจิ กรรมท้ังหมดใหเขาใจ วา่ ตองทาอะไร (2)จดั ทาแผนการตรวจติดตาม พจิ ารณาวาควรจะตรวจตดิ ตามโครงการ/กิจกรรมใด เมื่อไรและมจี ุด เนนท่ีใหความสาคญั กับเรื่องใดบาง (3) ทาความเขาใจรวมกันใหชัดเจนวา การตรวจติดตามไมใชการจับผิด แตเปนการรวมกันระหวางผู ตรวจติดตามกบั คณะทางานในการหาขอบกพรองที่จะทาใหงานเสยี หายหรอื คุณภาพํตา่ ลง แลวชวยกันแกไขขอบกพรอง (4) การประเมนิ คุณภาพการทางาน ดวยการเปดเวทีประชาคมใหคณะผูตรวจติดตามและคณะทางาน แตละโครงการ/กิจกรรมรวมกันเสนอสภาพและผลการดาเนนิ งานตอเวทีประชาคม เพ่ือใหประชาชนไดรบั รูและมีสวน รวมในการสงเสรมิ ในเรื่องอะไรบาง และจะกาวไปขางหนาอยางไร เร่ืองท่ี 4 ปญหาอปุ สรรคและแนวทางแกไขทเ่ี กดิ จากการขบั เคลอ่ื นแผนธุรกจิ ในการดาเนนิ การขบั เคลือ่ นแผนธรุ กจิ เปนขั้นตอนการดาเนนิ งานตอเน่อื งซงึ่ ในระหวางการดาเนนิ งานอาจมี ปญหาและอุปสรรคได ดังนั้น เพ่ือเปนการควบคุม ปญหาอุปสรรค และหาแนวทางแกไขไดทันตอเวลา ไมปลอยใหเกิด ความเสยี หาย จงึ ควรดาเนนิ การ ดังนี้ 1. ตรวจสอบปญหา อุปสรรจากสภาพภายในของกิจกรรม 1) ทาความเขาใจ ในโครงการ/กิจกรรม ของตนเองวาจะตองตรวจสอบปญหาอุปสรรคภายในของ ตนเอง เพอ่ื นาขอบกพรองมาพัฒนาการดาเนนิ งานใหเปนไปตามแผนที่กาหนดโดยมขี น้ั ตอนการดาเนินการ ดังน้ี (1) ทาความเขาใจขั้นตอนของการทางาน (2) ตรวจสอบเปรียบเทียบการทางานวาเปนไปตามขน้ั ตอนหรือไม มปี ญหาอปุ สรรคและขอบกพรอง อยางไร

173 (3) ปฏบิ ตั ิการแกไขขอบกพรองและพัฒนา 2) ดาเนนิ การตรวจสอบ ขน้ั ตอนดาเนนิ งานวาเปนไปตามเกณฑเปรยี บเทยี บกบั สภาพท่เี ปนอยู แลวสรปุ ขอบกพรอง 3) ปรับปรุงแกไขและพัฒนา โดยนาขอบกพรองมากาหนดแนวทางแกไขและพิจารณาวาจะมีการ จดั การหรือใชเทคโนโลยีมาพัฒนาใหดีย่ิงขนึ้ อยางไร 4) สรุปผลการตรวจสอบเปนองคความรู บันทึกผลการตรวจสอบ ผลการแกไขขอบกพรองผลการ พฒั นาสรปุ เปนองคความรู เพ่ือพัฒนาเปนทนุ ทางปญญา 2. การตรวจสอบ ติดตาม แกไขขอบกพรองการดาเนินงานตามแผน 1) การดาเนินงาน ตรวจสอบ ติดตามและแกไขขอบกพรองใหสามารถดาเนินงานตามแผน เพื่อสราง ประสิทธผิ ลการทางาน ใหเกดิ ผลตอการลงทุนของตนเองดวยการ (1) วางแผนการตรวจ (2) ปฏบิ ตั ิการตรวจและแกไขขอบกพรอง (3) ปฏิบตั ติ ามผลการแกไขขอบกพรอง 2) ปฏบิ ัตกิ ารจดั ทาแผนการตรวจกิจกรรมวาอยูในขน้ั ตอนใด 3) ปฏิบัติการตรวจและแกไขขอบกพรอง คณะผูนาชุมชนดาเนนิ การตรวจ ดังนี้ (1) แจงใหผูรบั ผดิ ชอบทราบลวงหนาวาจะตรวจการดาเนินงาน เร่ืองอะไรบาง เพื่อใหคณะทางานได มีสวนรวมในการตรวจสอบตนเองกับผูนาชุมชน (2) ดาเนนิ การตรวจติดตาม โดยปฏบิ ัตกิ ารรวมกบั คณะทางานพรอมสรปุ ขอบกพรอง (3) นาผลสรุปขอบกพรองมารวมกันกาหนดแนวทางแกไขและจดบันทึกใหคณะทางานผูรับผิดชอบ ใชดาเนินการแกไข (4) กาหนดระยะเวลากลับมาตดิ ตามผลการแกไขขอบกพรองใหคณะทางานผูรับผดิ ชอบ รับทราบ 4) ปฏิบัติการติดตามผลและแกไขขอบกพรอง โดยคณะทางาน ดาเนินการติดตามผลการแกไขขอบกพรอง ดงั นี้ (1) ใหคณะทางานแสดงผลการแกไขขอบกพรอง (2) คณะทางานวินิจฉัยผลการแกไขขอบกพรองวาประสบผลสาเรจ็ เพียงใด และจะพัฒนาตอเน่อื ง อยางไร (3) สรุปผลการแกไขขอบกพรองเปนองคความรู

174 ใบงานท่ี ...1... เรอื่ ง การขบั เคลื่อนเพ่ือพัฒนาธุรกิจ วชิ าทักษะการพัฒนาอาชพี รายวิชา อช 21002 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ข้ันตอนของการขับเคลื่อนการสรา้ งธรุ กจิ มกี ่ีประเดน็ คือ ................................................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................................ 2. ในกรณีทีไ่ ม่สามารถแสวงหาความร้ใู นชุมชน ทอ้ งถ่นิ ครูการศึกษานอกโรงเรียน ผู้นาชุมชน ภาคีพัฒนา อาจทาได้โดยวธิ ใี ด ............................................................................................................................. ................................................................ ......................................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ................................................................ .................................................................. .................................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ................................................................ ...................................................................................................................................... ....................................................... ........................................................................... ........................................................................................... ....................... 3. จงสรุปปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไขทเ่ี กิดจากการขับเคลื่อนแผนธรุ กจิ มาพอเข้าใจ .............................................................. ................................................................................................ ............................... ............................................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................................ .................................................................................................................................. ........................................................... ....................................................................... ............................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................................ .......................................................................................................................................... ................................................... ชอ่ื ......................................................................................................รหสั นักศึกษา.........................................................

175 เฉลยใบงานที่ ...1... เรอ่ื ง การขับเคลอ่ื นเพ่อื พัฒนาธรุ กิจ วชิ าทกั ษะการพัฒนาอาชีพ รายวชิ า อช 21002 ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ขน้ั ตอนของการขับเคลื่อนการสร้างธุรกจิ มีกี่ประเดน็ คือ ขน้ั ตอนของการขับเคลอ่ื นการสร้างธุรกจิ มี 3 ประเด็น คือ ประเด็นท่ี 1 การวิเคราะหความเปนไปไดของแผนปฏบิ ตั ิการ ประเดน็ ที่ 2 การพัฒนาแผนปฏบิ ัติการ ประเด็นที่ 3 จดั การความรูการขบั เคล่ือนแผนปฏิบตั กิ ารสูความสาเรจ็ 2. ในกรณที ่ีไมส่ ามารถแสวงหาความรูใ้ นชุมชน ท้องถน่ิ ครูการศึกษานอกโรงเรียน ผู้นาชมุ ชน ภาคพี ฒั นา อาจทาไดโ้ ดยวิธใี ดอาจจะดาเนินการไดโดย 1) ประชาพิจารณ ดวยการรวมกนั คดิ หาเหตผุ ล รวมกันกาหนดวธิ ีทา รวมกนั ทดลอง พฒั นาวธิ กี าร สรปุ เปนองคความรูของชมุ ชน นาไปประยุกตใช 2) นาเขาองคความรู ความรูบางเรอื่ งจาเปนตองใชผูเชี่ยวชาญเฉพาะ และจาเปนตองรูจรงิ ๆ ก็ควรเชิญผูเชย่ี วชาญมาใหความรูหรอื ไปศกึ ษาหาความรูจากผูเช่ียวชาญเฉพาะจากภายนอกชมุ ชน 3. จงสรุปปญั หาอุปสรรคและแนวทางแกไ้ ขทเี่ กดิ จากการขบั เคลอื่ นแผนธุรกจิ มาพอเขา้ ใจ ในการดาเนนิ การขับเคล่ือนแผนธรุ กจิ เปนขนั้ ตอนการดาเนนิ งานตอเนื่องซ่งึ ในระหวาง การดาเนนิ งานอาจมปี ญหาและอุปสรรคได ดงั นนั้ เพื่อเปนการควบคมุ ปญหาอปุ สรรค และหาแนว ทางแกไขไดทนั ตอเวลา ไมปลอยใหเกดิ ความเสียหาย จงึ ควรดาเนนิ การ ดงั นี้ 1. ตรวจสอบปญหา อุปสรรจากสภาพภายในของกจิ กรรม 1) ทาความเขา้ ใจ ในโครงการ/กจิ กรรม 2) ดาเนินการตรวจสอบ ขั้นตอนดาเนนิ งาน 3) ปรับปรงุ แก้ไขและพัฒนา 4) สรุปผลการตรวจสอบเปน็ องค์ความรู้ บนั ทึกผลการตรวจสอบ 2. การตรวจสอบ ตดิ ตาม แก้ไขข้อบกพร่องการดาเนินงานตามแผน 1) การดาเนินงาน ตรวจสอบ ติดตามและแก้ไขขอ้ บกพร่อง 2) ปฏบิ ัติการจดั ทาแผนการตรวจกจิ กรรมวา่ อยใู่ นขนั้ ตอนใด 3) ปฏิบตั กิ ารตรวจและแก้ไขขอ้ บกพร่อง คณะผู้นาชุมชนดาเนนิ การตรวจ 4) ปฏบิ ัติการตดิ ตามผลและแกไ้ ขข้อบกพร่อง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook