Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป.6

แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป.6

Published by moopraew54, 2021-02-13 08:35:44

Description: เรื่องร้อยละและอัตราส่วน

Search

Read the Text Version

บันทกึ ขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรียนวัดพืชนมิ ติ (คำสวสั ดิร์ าษฎร์บำรงุ ) ท่…ี …………………วนั ที่ ………… เดือน …………………….. พ.ศ.๒๕๖๓ เรื่อง ขออนุญาตใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ เรยี น ผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดพืชนิมติ (คำสวัสด์ริ าษฎร์บำรงุ ) ด้วยข้าพเจ้า นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์ บำรงุ ) ไดร้ บั มอบหมายให้ปฏบิ ัติหน้าที่การสอน รายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วิชา ค๑๖๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ บัดนี้ ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมการสอน และจัดทำแผนการสอนโดยใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้ ตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งแนบเอกสาร หนว่ ยการเรียนท่ี ๕ ชอื่ หน่วย รอ้ ยละและอัตราส่วน เวลาเรียน ๒๐ ช่ัวโมง มาพร้อมกับเอกสารนี้ จงึ เรยี นมาเพื่อโปรดทราบ ลงชอ่ื (นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา) ตำแหนง่ ครู ลงชอื่ (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ความเห็นผู้อำนวยการโรงเรยี น อนญุ าต ไมอ่ นุญาต เพราะ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ( นางสาวกนั ยาภทั ร ภัทรโสตถิ ) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวัสดร์ิ าษฎร์บำรงุ ) ............./................../.............

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๕ เรอื่ ง รอ้ ยละและอตั ราส่วน ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหัส ค๑๖๑๐๑ กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ครูผสู้ อน นางสาวแพรวร่งุ ศรีประภา โรงเรยี นวดั พชื นมิ ติ (คำสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ำรุง) สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาปทมุ ธานี เขต ๑ สำนกั านคณะกรรมการการศึกษาขนึ้ พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คำอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง ศึกษาตัวประกอบ จำนวนเฉพาะ และตัวประกอบเฉพาะ การแยกตัวประกอบ ห.ร.ม. ค.ร.น. โจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. การเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละ การเรียงลำดับเศษส่วนและ จำนวนคละ การบวก การลบเศษส่วนและจำนวนคละ การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วนและจำนวนคละ การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ การแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วน และจำนวนคละ ความสัมพันธ์ระหว่างเศษส่วนและทศนิยม การหารทศนิยมที่ตัวหารและผลหารเป็นทศนิยม ไม่เกิน 3 ตำแหน่ง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับทศนิยม อัตราส่วน อัตราส่วนที่เท่ากัน มาตราส่วน โจทย์ปั ญหา อัตราสว่ นและมาตราส่วน โจทย์ปญั หารอ้ ยละ ชนดิ และสมบัตขิ องรูปสามเหล่ียม การสรา้ งรูปสามเหล่ยี ม ส่วน ต่าง ๆ ของวงกลม การสร้างวงกลม ความยาวรอบรูปและพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม มุมภายในของรูปหลาย เหล่ยี ม ความยาวรอบรปู และพ้ืนท่ีของรูปหลายเหล่ียม โจทย์ปญั หาเกี่ยวกบั ความยาวรอบรูปและพื้นท่ีของรูป หลายเหล่ยี ม ความยาวรอบรปู และพนื้ ท่ขี องวงกลม โจทยป์ ัญหาเก่ยี วกบั ความยาวรอบรปู และพ้ืนที่ของวงกลม ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย และพีระมิด รูปคลี่ของทรงกระบอก กรวย ปริซึม และพีระมิด ปริมาตรของรูป เรขาคณิตสามมิติที่ประกอบด้วยทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปรมิ าตรของรูปเรขาคณิตสามมิติท่ี ประกอบดว้ ยทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉาก การแก้ปัญหาเก่ยี วกบั แบบรปู และการนำเสนอข้อมลู โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ที่ใกล้ตัวผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึกทักษะ โดยการ ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การเชื่อมโยง การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะ และกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิง่ ต่าง ๆ และใช้ในชีวติ ประจำวันอยา่ งสรา้ งสรรค์ เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ รอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบ มวี จิ ารณญาณ มีความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรคแ์ ละมคี วามเช่ือมน่ั ในตนเอง รหัสตวั ช้วี ดั ค ๑.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖ ป.๖/๗ ป.๖/๘ ป.๖/๙ ป.๖/๑๐ ป.๖/๑๑ ป.๖/๑๒ ค ๑.๒ ป.๖/๑ ค ๒.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ค ๒.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ค ๓.๑ ป.๖/๑ รวมท้งั หมด ๒๑ ตวั ชี้วัด

ตารางวิเคราะห์หลักสตู ร/ออ รหัส ค๑๖๑๐๑ วิชาคณิตศาสตร์ ชั้น ประถ ครูผูส้ อน นางสาวแพร หน่วยที่ มฐ ตัวชว้ี ัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ ๕ ค ป.๖/๑๒ :แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทย์ ๑.บอกขั้นตอนการวเิ คราะห์โจทย์ ร้อยละและ ๑.๑ ปญั หาร้อยละ ๒ – ๓ ขน้ั ตอน ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องร้อยละ อัตราส่วน เพอ่ื หาคำตอบได้ (K) ๒.เขยี นขน้ั ตอนการวิเคราะห์โจทย์ เมื่อกำหนดโจทย์ปัญหาร้อยละให้ ได้ (P) ๓.แสดงวิธหี าคำตอบของโจทย์ ปัญหารอ้ ยละได้ถูกตอ้ ง (P) ๑.บอกขั้นตอนการวเิ คราะห์โจทย์ ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องร้อยละ เพ่อื หาคำตอบได้ (K) ๒.เขียนข้ันตอนการวิเคราะห์โจทย์ เมื่อกำหนดโจทย์ปัญหาร้อยละให้ ได้ (P) ๓.แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ ปญั หารอ้ ยละได้ถกู ตอ้ ง (P) ๔.นำความรู้เกี่ยวกับโจทย์ปัญหา รอ้ ยละไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้ (A)

อกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ ถมศกึ ษาปีที่ ๖ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ รวรุ่ง ศรีประภา สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ช้ินงาน ส่ือการสอน วัดผล/ เวลา อธิบาย เรียน ๑.โจทย์ปญั หาเกย่ี วกบั /ภาระงาน ประเมนิ ร้อยละ ๒ - ๑.แถบโจทย์ ๑.ทดสอบ ปัญหา (ก่อนเรยี น) ๒.ตรวจ แบบฝกึ หัด ๑.โจทยป์ ญั หาการซอื้ ขาย ๑.Market ๑.ชดุ คำส่งั ๑.ตรวจ ๕ Model Coding แบบฝกึ หัด ๒.ตรวจ ช้ินงาน

หนว่ ยท่ี มฐ ตวั ชี้วดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑.บอกขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องร้อยละ เพ่อื หาคำตอบได้ (K) ๒.เขียนขัน้ ตอนการวิเคราะหโ์ จทย์ เมื่อกำหนดโจทย์ปัญหาร้อยละให้ ได้ (P) ๓.แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ ปญั หารอ้ ยละได้ถกู ตอ้ ง (P) ๔.นำความรู้เกี่ยวกับโจทย์ปัญหา รอ้ ยละไปใช้ในชวี ิตจรงิ ได้ (A) ป.๖/๓ :หาอัตราสว่ นทีเ่ ทา่ กับอตั ราส่วนที่ ๑.บอกวิธีการตรวจสอบการ กำหนดให้ เท่ากันของอัตราส่วนที่กำหนดให้ ได้ (K) ๒.เขียนแสดงขั้นตอนการหา อตั ราสว่ นท่เี ท่ากันของอัตราสว่ นที่ กำหนดให้ได้ (P) ๑.บอกขั้นตอนการคำนวณหา มาตราสว่ นได้ (K) ๒.หาระยะทางจากความสัมพันธ์ จากมาตราส่วนท่ีกำหนดให้ได้ (P) ๓.วาดภาพจากระยะทางจริงตาม มาตราส่วนที่กำหนดให้ได้ (P)

สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ช้นิ งาน สอื่ การสอน วัดผล/ เวลา อธิบาย /ภาระงาน ประเมิน เรียน ๑.โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกับ ดอกเบ้ีย - ๑.แถบโจทย์ ๑.ตรวจ ๔ ปัญหา แบบฝึกหัด ๑.อตั ราส่วนที่เทา่ กนั - ๑.แถบโจทย์ ๑.ตรวจ ๒ ๑.มาตราสว่ น ปญั หา แบบฝึกหดั - ๑.แถบโจทย์ ๑.ตรวจ ๒ ปัญหา แบบฝกึ หัด

หนว่ ยท่ี มฐ ตัวช้ีวัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ ป.๖/๑๑ :แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ ๑.บอกขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ ปัญหาอตั ราสว่ น ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่อง อตั ราสว่ นเพอ่ื หาคำตอบได้ (K) ๒.เขยี นข้นั ตอนแสดงวธิ หี าคำตอบ ของโจทย์ปัญหาอัตราส่วนได้ ถกู ต้อง (P) ๓.นำความรู้เกี่ยวกับโจทย์ปัญหา อตั ราสว่ นไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ได้ (A) ๑.บอกขั้นตอนการวเิ คราะห์โจทย์ ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องมาตรา สว่ นเพ่ือหาคำตอบได้ (K) ๒.เขยี นขัน้ ตอนแสดงวธิ หี าคำตอบ ของโจทย์ปัญหามาตราส่วนได้ ถกู ตอ้ ง (P) ๒.นำความรู้เกี่ยวกับโจทย์ปัญหา มาตราสว่ นไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ (A)

สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ชิ้นงาน ส่ือการสอน วดั ผล/ เวลา อธบิ าย เรียน ๑.โจทย์ปญั หาเกยี่ วกบั /ภาระงาน ประเมนิ อัตราสว่ น ๒ - ๑.แถบโจทย์ ๑.ตรวจ ปญั หาเก่ยี วกบั แบบฝกึ หดั อตั ราสว่ น ๑.โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกบั - ๑.แถบโจทย์ ๑.ทดสอบ ๓ มาตราส่วน ปญั หาเกีย่ วกบั (หลังเรียน) มาตราสว่ น ๒.ตรวจ แบบฝึกหัด

โรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรุง) โครงการสอนปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ รายวชิ า คณติ ศาสตร์ รหัส ค๑๖๑๐๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลาเรยี น ๔ ช่ัวโมง/สัปดาห์ ครผู ้สู อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา สปั ดาห์ คาบที่ หน่วยการเรียนร/ู้ เรอื่ ง มฐ/ตัวชว้ี ดั ๑-๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ค ๑.๑ ๔-๖ ๑-๒ ตวั ประกอบ ป.๖/๔ ๓-๕ จำนวนเฉพาะ ป.๖/๕ ๖-๙ ตวั หารรว่ มมาก ( ห.ร.ม.) ป.๖/๖ ๑๐-๑๒ ตัวคณู ร่วมนอ้ ย ( ค.ร.น.) ๑๓-๑๔ โจทยป์ ญั หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ค ๑.๑ ป.๖/๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เศษส่วน ป.๖/๗ ๑-๒ การเปรยี บเทยี บ และเรยี งลำดบั เศษสว่ น ๓-๔ การบวกเศษส่วนและจำนวนคละ ๕-๖ การลบเศษส่วนและจำนวนคละ ๗-๘ การบวก ลบ เศษสว่ นและจำนวนคละระคน ๙-๑๐ การคูณ หาร เศษสว่ นและจำนวนคละระคน ๑๑-๑๒ การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและจำนวนคละระคน ๗-๑๐ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ โจทยป์ ัญหาเศษสว่ น ค ๑.๑ ป.๖/๗ ๑๑-๑๔ ๑-๒ โจทยป์ ัญหาการบวกเศษส่วนและจำนวนคละ ๓-๔ โจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ นและจำนวนคละ ค ๑.๑ ป.๖/๙ ๕-๖ โจทยป์ ัญหาการคูณเศษสว่ นและจำนวนคละ ป.๖/๑๐ ๗-๘ โจทย์ปัญหาการหารเศษส่วนและจำนวนคละ ๙-๑๐ โจทย์ปัญหาการบวก ลบเศษสว่ นและจำนวนคละ ๑๑-๑๒ โจทย์ปญั หาการคูณ หารเศษสว่ นและจำนวนคละ ๑๓-๑๔ โจทย์ปญั หาการบวก ลบ คณู หารเศษส่วนและจำนวน หนว่ ยการเครลียะนรทู้ ี่ ๔ ทศนิยม ๑-๒ การเขียนเศษส่วน และจำนวนคละให้อยใู่ นรปู ทศนยิ ม ๓-๔ การหารทศนยิ มด้วยจำนวนนบั ๕-๗ การหารทศนิยมดว้ ยทศนิยมหนึง่ ถงึ สามตำแหน่ง ๘ การแลกเปล่ยี นเงนิ ตรา ๙-๑๐ โจทย์ปญั หาการบวกทศนิยม

สปั ดาห์ คาบที่ หนว่ ยการเรยี นรู/้ เร่ือง มฐ/ตัวชีว้ ัด ๑๑-๑๒ โจทย์ปัญหาการลบทศนิยม ๑๓-๑๔ โจทย์ปญั หาการคูณทศนิยม ๑๕-๑๖ โจทยป์ ัญหาการหารทศนิยม ๑๗ โจทยป์ ญั หาการแลกเปลย่ี นเงินตรา ๑๕-๒๐ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ ร้อยละและอตั ราสว่ น ค ๑.๑ ๑-๒ โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั ร้อยละ ป.๖/๑๑ ๓-๗ โจทย์ปัญหาการซื้อขาย ป.๖/๑๒ ๘-๑๑ โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั ดอกเบีย้ ๑๒-๑๓ อัตราสว่ นที่เทา่ กนั ๑๔-๑๕ มาตราส่วน ๑๖-๑๗ โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกับอัตราส่วน ๑๘-๒๐ โจทย์ปัญหาเกยี่ วกบั มาตราส่วน ค ๑.๑ ๒๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๗ แบบรูป ป.๖/๑ ๑-๒ แบบรูปและความสมั พันธ์ ๓-๔ การแกป้ ัญหาเกย่ี วกบั แบบรูป ๒๒-๒๕ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๘ รูปสามเหล่ียม ค ๒.๒ ป.๖/๑ ๑-๒ มุม ป.๖/๒ ๓-๔ การจำแนกชนดิ ของรปู สามเหลีย่ มโดยพจิ ารณาจาก ๕-๖ ขกนาราจดำขแอนงกมชุมนิดของรปู สามเหลยี่ มโดยพจิ ารณาจาก ความยาวของดา้ น ๗ การจำแนกชนิดของรูปสามเหล่ยี มโดยพิจารณาจากมมุ และดา้ น ๘-๙ สว่ นประกอบของรปู สามเหล่ียม ๑๐-๑๑ มุมภายในของรูปสามเหล่ียม ๑๒-๑๔ การสร้างรปู สามเหลีย่ ม ๒๖-๒๘ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๙ ความยาวรอบรปู และพื้นทีข่ องรูป ค ๒.๑ สามเหล่ยี ม ป.๖/๑ ป.๖/๒ ๑-๒ ความยาวรอบรูปของรปู สามเหล่ียม ๓-๕ พื้นทีข่ องรูปสามเหลย่ี ม ๖-๗ โจทยป์ ญั หาเก่ียวกบั ความยาวรอบรปู ของรปู สามเหล่ยี ม ๘-๙ โจทย์ปัญหาเก่ียวกับพน้ื ท่ีของรูปสามเหล่ียม ๑๐-๑๑ โจทย์ปญั หาเกี่ยวกับพ้ืนทแี่ ละความยาวรอบรูปของรปู สามเหลยี่ ม

สัปดาห์ คาบท่ี หนว่ ยการเรียนรู/้ เรอื่ ง มฐ/ตัวช้วี ดั ๒๙-๓๒ ค ๒.๑ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๐ รปู หลายเหล่ยี ม ๓๓-๓๕ ป.๖/๒ ๓๖-๓๙ ๑-๖ มมุ ภายในของรปู หลายเหลี่ยม ป.๖/๓ ๗-๘ ความยาวรอบรูปของรูปหลายเหลยี่ ม ค ๒.๑ ป.๖/๑ ๙-๑๐ การหาพื้นทข่ี องรูปส่เี หลย่ี มคางหมู ป.๖/๒ ๑๑ การหาพน้ื ท่ีของรูปสเี่ หลย่ี มจัตุรสั โดยใช้เสน้ ทแยงมมุ ค ๒.๒ ป.๖/๑ ๑๒ การหาพืน้ ทข่ี องรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปนู โดยใชเ้ ส้น ป.๖/๒ ทแยงมุม ค ๒.๒ ๑๓ การหาพน้ื ที่ของรูปสเ่ี หลี่ยมรูปว่าวโดยใชเ้ ส้นทแยงมมุ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ๑๔ การหาพื้นทข่ี องรปู ส่ีเหลี่ยมโดยแบ่งเป็นรูปสามเหลีย่ ม ๑๕ การหาพน้ื ทข่ี องรปู สเ่ี หลี่ยมโดยแบง่ เป็นรูปสามเหลย่ี ม หรือรปู ส่ีเหลีย่ ม ๑๖-๑๗ โจทยป์ ัญหาเก่ยี วกบั ความยาวรอบรปู ของรปู หลาย เหล่ียม ๑๘-๑๙ โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกับพ้ืนทขี่ องรูปหลายเหล่ียม หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ รปู วงกลม ๑-๒ สว่ นประกอบของวงกลม ๓-๖ การสรา้ งวงกลม ๗-๘ ความยาวของเสน้ รอบวง ๙-๑๐ พนื้ ทขี่ องวงกลม ๑๑-๑๒ โจทย์ปัญหาเกย่ี วกบั ความยาวของเสน้ รอบวง ๑๓-๑๔ โจทย์ปญั หาเก่ยี วกบั พื้นทีข่ องวงกลม ๑๕-๑๖ โจทย์ปญั หาเกีย่ วกับความยาวของเสน้ รอบวงและพ้นื ที่ ของวงกลม หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๒ รปู เรขาคณิตสามมติ ิ ๑ ลกั ษณะและส่วนตา่ งๆ ของปริซึม ๒ ลักษณะและส่วนตา่ งๆ ของพีระมดิ ๓ ลักษณะและสว่ นตา่ งๆ ของทรงกระบอก ๔ ลกั ษณะและส่วนต่างๆ ของกรวย ๕ ลักษณะและสว่ นตา่ งๆ ของทรงกลม ๖-๘ รูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติ ๙-๑๐ ปริมาตรของทรงส่ีเหลย่ี มมุมฉาก ๑๑-๑๒ ความจุของทรงสี่เหลย่ี มมุมฉาก ๑๓-๑๕ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรหรือความจขุ องทรง สีเ่ หล่ียมมมุ ฉาก

สัปดาห์ คาบที่ หนว่ ยการเรยี นรู้/เรอ่ื ง มฐ/ตัวชี้วดั ๔๐ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๓ การนำเสนอข้อมูล ค ๓.๑ ๑-๒ การอ่านแผนภมู ริ ปู วงกลม ป.๖/๑ ๓-๔ โจทยป์ ญั หาเก่ียวกับแผนภูมวิ งกลม สอบปลายภาค ๑-๒ ทบทวนบทเรยี น ๓ ทบทวนบทเรยี น ๔ สอบปลายภาค ๕ สอบปลายภาค เทคนิค /กระบวนการ/ วธิ ีการสอน การจดั การเรยี นรตู้ ามหลักการพัฒนาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขั้นตอนที่ ๑ : เตรียมความพร้อม เพื่อเป็นการกระตุ้นสมอง ตามหลักการทำงานของสมอง เมื่อมีการเคลื่อนไหว ร่างกายอย่างมีความสุข สมองจะหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งสารนี้มีความสำคัญมาก ช่วยให้มีจิตใจที่ สงบและเกิดสมาธิ ซึ่งจะแตกต่างจาก เอนดอร์ฟิน (Endorphin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่จะช่วยให้มีความสุขและ สนุกสนาน ซึ่งขั้นตอนนี้นับว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ว่า ทุกชั่วโมงที่ครูเข้าสอน ครูจะต้อง Warm Up ก่อนเสมอ โดยใชเ้ วลาไม่เกนิ ๕ นาที ขน้ั ตอนท่ี ๒ : เรยี นรู้ ในข้นั ตอนนจี้ ะคำนงึ ถึงหลกั การทำงานของสมองทวี่ า่ “เรยี นรูจ้ ากงา่ ยไปหายาก เรียนรู้จาก ของจริง และจากการสัมผัส” จากการศึกษาทางประสาทวิทยาศาสตร์พบว่า “มือ” เป็นอวัยวะที่มีประสาทสัมผัสที่ส่งผล ต่อการเรียนรู้ได้ดีที่สุด รองลงมาคือ “ปาก” นั่นก็หมายถึง ต้องให้เด็กพูด หรือสื่อสาร การสื่อสารจะช่วยให้เด็กสามารถ เชื่อมโยงเรือ่ งได้ ดังนั้น การออกแบบรูปแบบการสอน สื่อการสอน คุณครูต้องคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองอยา่ งมาก การเรียนการสอนจึงจะประสบความสำเร็จ ในขั้นตอนที่ ๒ นี้ มีขั้นตอนย่อยที่สำคัญหนึ่งคือ “การสรุปในแต่ละชั่วโมง” ทางโรงเรียนได้สนบั สนนุ ให้มกี ารฝกึ อบรม Graphic Organizer ให้แกค่ ุณครทู ุกกลุ่มสาระ ตลอดจนหนังสือทีเ่ ก่ียวข้องจาก ต่างประเทศ เพื่อให้คุณครใู ชเ้ ป็นเครื่องมอื ในการสรปุ ท่ีช่วยให้เด็กเกดิ ความสนุก เกดิ การเรยี นรู้ และจดจำไดง้ ่ายขึ้น ขั้นตอนท่ี ๓ : ข้นั การฝึก ขน้ั นจี้ ะสอดคล้องกบั หลกั การทำงานของสมองที่วา่ “สมองจะจดจำได้ดีนำไปสู่ความจำ ระยะยาว (Long-term Memory) ตอ้ งผา่ นกระบวนการฝกึ ซำ้ ๆ” คำว่า “ซ้ำๆ” ในท่ีนไ้ี มไ่ ด้หมายถึง การทำโจทย์เดิมซ้ำๆ แต่หมายถึงการใช้หลักการ เช่น หลักการบวก ก็นำไปใช้กับการบวกที่แตกต่างกันออกไปในโจทย์ คุณครูจึงจำเป็นต้อง ออกแบบใบงานทแ่ี ตกตา่ งออกไป เพื่อใหน้ ักเรียนไดฝ้ ึกฝนเรอ่ื ยๆ ขั้นตอนที่ ๔ : ขั้นการสรุป ขั้นนี้เป็นการสรุปเมื่อจบบทเรียนหรือหน่วย ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนที่ ๒ ซึ่งเป็นการ สรุปในแต่ละชั่วโมง ในขั้นตอนนี้เป็นการเชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย โดยใช้ Graphic Organizer ฝึกให้นักเรียนเชื่อมโยง ความรู้ภายในบทเรยี น สอดคลอ้ งกับหลักการทำงานของสมองที่ว่า “สมองเรียนรเู้ ปน็ องค์รวม” ซง่ึ ขั้นตอนน้ีมีความสำคัญ ต่อเด็กมาก และเปน็ ขั้นตอนทค่ี ่อนข้างยาก ครเู องกจ็ ำเปน็ ตอ้ งฝกึ ฝนบอ่ ยๆ เชน่ กนั ขั้นตอนที่ ๕ : ขั้นการประยุกต์ใช้ทันทีทันใด การที่เด็กเรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นั้น ทำให้เกิดการ เรียนรู้ได้ถงึ ร้อยละ ๙๐ ดงั นัน้ เม่ือจบบทเรยี น คุณครูต้องคดิ ตอ้ งออกแบบ เช่ือมโยงความรู้ทั้งหน่วย นำข้อสอบมาให้เด็ก ทดลองทำ

การวัดและประเมินผล วธิ กี ารเกบ็ คะแนน คะแนนระหวา่ งภาค : ปลายภาค = ๗๐ : ๓๐ โดยแบ่งดงั น้ี เร่อื งทีเ่ ก็บคะแนน คะแนน ประเภทเคร่ืองมือ ๑.คะแนนเกบ็ ก่อนกลางปี ๒๕ ๑.๑ ผลงานนกั เรยี น ๑๕ สมุด แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ช้นิ งาน ๑.๒ ทดสอบหลงั เรียน ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๒. สอบกลางปี ๒๐ แบบทดสอบ ๓.คะแนนหลังกลางปี ๒๕ ๓.๑ ผลงานนกั เรียน ๑๕ สมดุ แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชิน้ งาน ๓.๒ ทดสอบหลังเรียน ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๔.สอบปลายปี ๓๐ รวม ๑๐๐ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ -สือ่ ประจำหนว่ ยการจดั การเรียนรู้ -หนังสือเรียนคณิตศาสตร์ และแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท

แผนผงั มโนทศั น์เป้าหมายการเรยี นร้/ู หลกั ฐานการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทกั ษะ/กระบวนการ(Process: P) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1.บอกขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ 1.เขียนขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ ๑. มีวินัย ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องร้อยละเพ่ือ เมื่อกำหนดโจทย์ปัญหาร้อยละให้ได้ ๒. ใฝ่เรียนรู้ หาคำตอบได้ (K) (P) ๓. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 2.บอกหลักการเขียนอัตราส่วนแสดง 2. แ ส ด ง ว ิ ธ ี ห า ค ำ ต อ บ ข อ ง โ จ ท ย์ การเปรยี บเทยี บปริมาณ 2 ปริมาณได้ ปญั หารอ้ ยละไดถ้ ูกต้อง (P) (K) 3. สร้างชุดคำสั่งการใช้จ่ายร้านค้า 3.บอกขั้นตอนการคำนวณหามาตรา coding (P) ส่วนได้ (K) 4.เขยี นขั้นตอนแสดงวิธีการ 4.บอกขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ เปรยี บเทยี บอัตราส่วนของจำนวน ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องอัตราส่วน นับ เมือ่ กำหนดสถานการณใ์ ห้ได้ (P) เพ่ือหาคำตอบได้ (K) 5.หาระยะทางจากความสัมพันธ์จาก 5.บอกขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ มาตราสว่ นท่กี ำหนดให้ได้ (P) ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องมาตราส่วน 6.วาดภาพจากระยะทางจริงตาม เพ่อื หาคำตอบได้ (K) มาตราสว่ นทกี่ ำหนดใหไ้ ด้ (P) 7.เขียนขั้นตอนแสดงวิธีหาคำตอบ ของโจทย์ปัญหาอัตราส่วนได้ถูกต้อง (P) 8.เขียนขั้นตอนแสดงวิธีหาคำตอบ ข อ ง โ จ ท ย ์ ป ั ญ ห า ม า ต ร า ส ่ ว น ไ ด้ ถกู ต้อง (P) เป้าหมายการเรียน เร่ือง รอ้ ยละและอตั ราส่วน หลกั ฐานการเรียนรู้ -สร้างชดุ คำสัง่ การใชจ้ ่ายร้านค้า coding (Market Model)

แผนผงั มโนทัศนข์ ้นั ตอนการทำกจิ กรรมประกอบการจัดการเรยี นร้ดู ้วย การสอนตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ศกึ ษามาตรฐานการรเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั และจดุ ประสงคก์ าร เรยี นรู้ ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ทากิจกรรมโดยใช้กระบวนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขนั้ ที่ ๑ เตรียมความพรอ้ ม ขนั้ ท่ี ๒ เรยี นรู้ ขนั้ ที่ ๓ ขนั้ การฝึ ก ขนั้ ท่ี ๔ ขนั้ การสรปุ ขนั้ ท่ี ๕ ขนั้ การประยกุ ต์ใช้ทนั ทีทนั ใด ทดสอบหลงั เรยี น (ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ ๖๐)

ผงั มโนทศั น์ หน่วยการเรยี นร หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๕ จานวน ๒ แผนที่ ๑ โจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั รอ้ ยละ แผนที่ ๒ โจทยป์ ัญหา แผนที่ ๕ มาตราส่วน แผนท่ี ๔ อตั ราส่วน การเรยี นร้แู บ แผนท่ี ๗ โจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั มาตรา ส่วน ภาษาไทย 1.ฟังแสดงความคดิ เหน็ 2.พดู แสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามอ่านและสะกดคา ๓.การเขยี นสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์

ร้ทู ่ี ๕ รอ้ ยละและอัตราส่วน ๕ รอ้ ยละและอัตราส่วน ๒๐ ชวั่ โมง าการซื้อขาย แผนท่ี ๓ โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั ดอกเบีย้ น แผนท่ี ๖ โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั อตั ราส่วน บบบรู ณาการ ศิลปะ : ทศั นศิลป์ ๑. การออกแบบตกแต่งงาน Market Model

แผนบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมภี ูมคิ ุ้มกนั ในตวั ทีด่ ี 1. ออกแบบการจดั กิจกรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรียนรสู้ ง่ เสรมิ กระบวนการคดิ 1. ศึกษาแนวทางการจดั การเรียนรู้ล่วงหน้า ตวั ชว้ี ัด 2. ใชเ้ ทคนคิ การจดั การเรียนรทู้ ่ีหลากหลาย 2. จัดเตรยี มการวดั ผลประเมนิ ผล และแบบ 2. เลอื กสือ่ แหล่งเรยี นรเู้ หมาะสม สังเกตพฤติกรมนักเรยี น 3. วัดผลประเมินผลตรงตามเน้ือหา เงอื่ นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 1. ร้จู ักเทคนคิ การสอนทส่ี ง่ เสริมกระบวนการคดิ และนักเรยี น 1. มคี วามขยัน เสยี สละ และม่งุ มนั่ ในการจัดหาส่อื มาพัฒนานกั เรยี น สามารถเรียนรไู้ ดอ้ ย่างมคี วามสุข ให้บรรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มคี วามอดทนเพือ่ พัฒนานักเรียนโดยใช้เทคนคิ การสอนท่ี หลากหลาย นกั เรียน ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การมีภูมิคุ้มกันในตวั ที่ดี 1. การใช้เวลาในการทำกิจกรรม/ภาระงาน 1. ฝึกกระบวนการทำงานเป็นกลมุ่ 1. วางแผนการศึกษาค้นควา้ อิสระ ได้อยา่ งเหมาะสม ทนั เวลา 2. ฝึกกระบวนการแสดงข้นั ตอนการหาผลลพั ธ์ 2. นำความรเู้ รื่องเศษส่วน ไปใช้ใน 2. เลือกสมาชกิ กลมุ่ ไดเ้ หมาะสมกบั เนือ้ หาที่ ชีวติ ประจำวันได้ เรียนและศกั ยภาพของตน เงือ่ นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 1. มคี วามรู้เรอ่ื งเศษสว่ นตลอดจนสามารถสรา้ งจัดทำชิน้ งาน ไดต้ าม 1. มคี วามรบั ผิดชอบ และปฏิบัตติ ามข้อตกลงของกลมุ่ วัตถปุ ระสงค์ 2. มสี ติ มสี มาธชิ ว่ ยเหลอื กนั ในการทำงานรว่ มกนั สง่ ผลตอ่ การพฒั นา 4 มิติใหย้ ่ังยืนยอมรับต่อการเปล่ียนแปลงในยุคโลกาภิวัฒน์ วตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม ความรู้ (K) มคี วามร้คู วามเขา้ ใจ เรอ่ื งรอ้ ยละและ มคี วามรูแ้ ละเขา้ ใจ มีความรูแ้ ละเข้าใจ มีความร้แู ละเขา้ ใจการ อตั ราส่วน กระบวนการทำงาน เก่ียวกับ สงิ่ แวดลอ้ ม ช่วยเหลอื แบ่งปัน กล่มุ และส่งิ ต่างๆรอบตัว ทักษะ (P) สรา้ งช้นิ งาน เรอ่ื งร้อยละและอัตราส่วน ทำงานได้สำเร็จตาม ใชแ้ หลง่ เรยี นรโู้ ดยไม่ ชว่ ยเหลอื แบง่ ปันซึง่ เปา้ หมาย ด้วย ทำลายส่งิ แวดล้อม กัน และกัน กระบวนการกล่มุ ค่านยิ ม (A) เห็นประโยชน์ของเรียนรู้ เก่ียวกับ เรอื่ ง เห็นคุณคา่ และ เห็นคณุ คา่ ของการใช้ ปลกู ฝงั นสิ ยั การ รอ้ ยละและอตั ราสว่ น ภาคภูมิใจในการ แหล่งเรยี นรู้โดยไม่ ช่วยเหลอื แบง่ ปัน ทำงานรว่ มกันได้ ทำลายสง่ิ แวดลอ้ ม สำเรจ็

กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 เรือ่ ง ร้อยละและอตั ราสว่ น วชิ าคณิตศาสตร์ เวลา 20 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ค 1.1 : เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการ ของจำนวน ผลท่ีเกิดขน้ึ จากการดำเนินการ สมบตั ิของการดำเนินการ และการนำไปใช้ ตัวชว้ี ัด ป.6/12 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหารอ้ ยละ 2 – 3 ขัน้ ตอน 2.สาระสำคัญ ร้อยละแสดงความหมายในรูปของเศษสว่ นที่มตี ัวสว่ นเปน็ ร้อยได้ ในการซ้ือขายมถี ้อยคำท่ีจะต้อง เกย่ี วขอ้ งกันหลายคำ เช่น ราคาทนุ ราคาขาย กำไร ขาดทุน ลดราคา ตดิ ราคา เปน็ ต้น การบอกกำไรหรือขาดทนุ เปน็ เปอรเ์ ซน็ ต์ หรือรอ้ ยละ เปน็ การบอกกำไร หรือขาดทุน เมอื่ เทียบกบั ต้นทนุ 100 บาท การบอกกำไรหรือ ขาดทนุ เป็นเปอรเ์ ซ็นต์ หรือรอ้ ยละเปน็ การบอกกำไรหรือขาดทนุ เม่ือเทยี บกับต้นทนุ 100 บาท การฝากเงนิ ผรู้ บั ฝากจะใหผ้ ลประโยชน์แกผ่ ู้ฝากเป็นค่าตอบแทนเรยี กวา่ ดอกเบีย้ การคิดดอกเบยี้ จะคิดจากเงนิ ต้น อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาของการฝากเงินการกำหนดอตั ราดอกเบ้ยี จะกำหนดเปน็ ร้อยละ เชน่ อตั ราดอกเบย้ี ร้อยละ 12% หมายความว่า เงนิ ต้น 100 บาท ในเวลา 1 ปี คดิ ดอกเบยี้ 12 บาท อัตราส่วน เปน็ การเปรียบเทียบปริมาณท่ี สนใจ ซง่ึ อาจเขียนไดใ้ นรปู ของเศษสว่ น (a) หรอื อตั ราส่วน a : b เม่อื a, b แทนปรมิ าณใดๆ เรียก a ว่า จำนวน b แรกหรอื จำนวนทีห่ นง่ึ เรยี ก b วา่ จำนวนหลังหรือจำนวนทส่ี องอตั ราส่วนทเ่ี ท่ากัน คอื อัตราส่วนที่แสดงการ เปรียบเทยี บปรมิ าณสองปรมิ าณเดยี วกนั แต่เขียนในรปู ทแี่ ตกตา่ งกนั ซ่งึ การหาอตั ราสว่ นท่เี ท่ากันโดยหลกั การ คูณ เม่ือคูณแตล่ ะจำนวนในอัตราส่วนใดดว้ ยจำนวนเดยี วกนั โดยที่จำนวนนัน้ ไม่เท่ากับศูนย์ จะได้อตั ราส่วนใหมท่ ี่ เท่ากับอัตราสว่ นเดมิ มาตราส่วนแสดงใหเ้ หน็ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดจริงและขนาดยอ่ ของวัตถุต่างๆ ที่ แสดงในรปู ภาพ หรอื แสดงความสัมพันธร์ ะหว่างระยะทางบนแผนท่กี ับระยะทางจรงิ ระหวา่ งสถานที่ 2 แหง่ มาตราส่วนแสดงให้เห็นถงึ ความสัมพันธร์ ะหว่างขนาดจรงิ และขนาดย่อของวตั ถตุ า่ งๆ ที่แสดงในรูปภาพ หรือ แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างระยะทางบนแผนท่กี ับระยะทางจรงิ ระหวา่ งสถานที่ 2 แห่ง การแก้โจทยป์ ัญหา อัตราส่วน ต้องทำความเขา้ ใจโจทย์ โดยพจิ ารณาจากสิ่งทีโ่ จทย์ถาม และส่ิงทโ่ี จทยก์ ำหนดกอ่ น แลว้ จงึ วางแผน แก้ปัญหา โดยใชค้ วามร้เู รื่องอัตราสว่ นมาช่วยในการดำเนนิ การ แลว้ ควรมีการตรวจสอบความเหมาะสมของ คำตอบด้วยทุกครั้ง การแก้โจทย์ปัญหามาตราส่วน ต้องทำความเข้าใจโจทย์ โดยพจิ ารณาจากสง่ิ ทโ่ี จทยถ์ าม และ ส่งิ ทีโ่ จทย์กำหนดก่อน แล้วจึงวางแผนแกป้ ัญหา โดยใชค้ วามรู้เรอ่ื งอัตราส่วนมาช่วยในการดำเนนิ การ แล้วควรมี การตรวจสอบความเหมาะสมของคำตอบด้วยทุกคร้งั 3. สาระการเรียนรู้ - โจทย์ปญั หาเกีย่ วกบั รอ้ ยละ - โจทย์ปัญหาการซอ้ื ขาย - โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั ดอกเบี้ย - อตั ราส่วน - มาตราสว่ น - โจทย์ปญั หาเก่ียวกบั อตั ราส่วน - โจทย์ปญั หาเกย่ี วกับมาตรา

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุง่ มั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. สรา้ งชุดคำสงั่ การใช้จ่ายร้านคา้ coding (Market Model) 7. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรยี น แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรยี น ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 ตรวจแบบฝึกหัดหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 แบบฝกึ หดั หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 ระดบั คุณภาพ 2 ตรวจชน้ิ งานหน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ ช้นิ งานหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 ระดับคุณภาพ 2 สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมน่ั ใน ผ่านเกณฑ์ การทำงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี 1 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั ร้อยละ ช่ัวโมงท่ี 1 1. ครใู ห้นกั เรยี นท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนน้ั ให้นกั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรียน 2. ครูทบทวนความหมายของร้อยละ เช่น อ้อยสอบได้ร้อยละ 80 ของคะแนนทั้งหมด หมายความวา่ ถ้ามีคะแนนเต็ม 100 ออ้ ยสอบได้ 80 คะแนน 3. ครูนำแถบโจทย์ปัญหาต่อไปนตี้ ิดบนกระดานแล้วนำสนทนาใหน้ ักเรียนตอบคำถาม ปญั ญาสอบไดร้ ้อยละ 75 ของคะแนนทงั้ หมด ถ้าคะแนนเต็มท้งั หมด 500 คะแนน ปญั ญาจะสอบได้ก่ีคะแนน นักเรยี นอา่ นโจทยแ์ ละชว่ ยกนั วิเคราะหเ์ พอ่ื ทำความเข้าใจโจทย์และตอบคำถามท่ีครูถามต่อไปนี้ - คำวา่ รอ้ ยละ 75 ของคะแนนทัง้ หมด หมายความว่าอย่างไร (คะแนนทั้งหมด 100 คะแนน สุดา สอบได้ 75 คะแนน) - ถา้ ไม่ใช้คำวา่ รอ้ ยละ 75 อาจใช้คำพดู อย่างไรไดอ้ กี (เจ็ดสบิ หา้ เปอร์เซน็ ต)์

- เจด็ สิบหา้ เปอรเ์ ซ็นต์ เขยี นโดยใชส้ ัญลกั ษณแ์ ทนคำว่าเปอร์เซน็ ต์ได้อย่างไร (75%) 4. ครยู กตัวอย่างแถบโจทยป์ ญั หา แล้วให้นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายถงึ การแสดงวธิ ีหาคำตอบ ในการสอบคณิตศาสตรค์ รั้งหนึ่ง คะแนนเต็ม 60 คะแนน สุดาสอบได้ร้อยละ 75 ของคะแนนทัง้ หมด สุดาสอบได้กี่คะแนน 5. ให้นักเรียนอ่านโจทยเ์ พ่ือวิเคราะหแ์ ละทำความเขา้ ใจโจทย์ แล้วตอบคำถามตอ่ ไปนี้ - โจทย์ขอ้ นีก้ ล่าวถึงเรื่องอะไรบา้ ง ของใคร (เรอื่ งการสอบคณติ ศาสตร์ของสุดา) - โจทยก์ ำหนดอะไรบ้าง (คะแนนเต็มและร้อยละของคะแนนทส่ี ุดาสอบได)้ - สิ่งทีโ่ จทยต์ ้องการทราบคืออะไร (สดุ าสอบได้กี่คะแนน) 6. ครูแนะว่าในการหาคำตอบในข้อนนี้ ่าจะเขยี นแผนภาพ เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา ดังนี้ คะแนนเต็ม 60 คะแนน ร้อยละ 100 รอ้ ยละ 75 สดุ าสอบไดร้ ้อยละ 75 ของคะแนนทงั้ หมด 7. ครูต้งั คำถามให้นกั เรยี นช่วยกันตอบคำถามจากแผนภาพ - จากแผนภาพ คะแนนทงั้ หมดคิดเปน็ รอ้ ยละเทา่ ใด (รอ้ ยละ 100) - คะแนนทง้ั หมดท่ีโจทยก์ ำหนดไว้ มกี คี่ ะแนน (60 คะแนน) - ดงั น้ัน ร้อยละ 100 เทียบเท่ากบั 60 คะแนน หรือไม่ (เทา่ กัน) - สุดาสอบได้รอ้ ยละ 75 หมายความว่าอย่างไร (คะแนน 100 คะแนน สดุ าทำได้ 80 คะแนน) - ร้อยละ 75 เขยี นในรูปเศษสว่ นได้อยา่ งไร ( 75 ) 100 - สอบได้คะแนนรอ้ ยละ 75 ของคะแนนทั้งหมด หมายความวา่ อยา่ งไร (สอบได้คะแนน 75 ของ 100 คะแนน 60 คะแนน) - เขยี น 75 ของคะแนน 60 คะแนน เพอื่ นำไปใช้ในการคำนวณได้อยา่ งไร ( 75 × 60) 100 100

8. ครูแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปญั หา ดังนี้ วิธีทำ คะแนนรอ้ ยละ 100 คดิ เปน็ คะแนน 60 คะแนน 75 × 60 คะแนน คะแนนร้อยละ 75 คิดเปน็ คะแนน คะแนน 100 ดงั นัน้ สุดาสอบได้ 45 คะแนน ตอบ สุดาสอบได้ ๔๕ คะแนน คะแนน คะแนน 9. ครูและนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ ดังนี้ ตรวจสอบ คะแนนเต็ม 60 คะแนน สดุ าสอบได้ 45 คะแนนเต็ม 100 สุดาสอบได้ 45 × 100 คะแนน 60 = 75 ดังนั้น45 คะแนน คิดเปน็ ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม 60 จริง ชัว่ โมงท่ี 2 10. ครยู กตวั อยา่ งแถบโจทยป์ ญั หา แล้วให้นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายถงึ การแสดงวธิ หี าคำตอบ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 มี 200 คน สอบตก 26 คน จงหาว่านกั เรยี นสอบ ตกรอ้ ยละเท่าไร 11. ให้นักเรยี นอ่านโจทย์เพอื่ วิเคราะห์และทำความเขา้ ใจโจทย์ แลว้ ตอบคำถามต่อไปน้ี - โจทย์ข้อนเ้ี ป็นเรื่องของอะไร (การสอบของนกั เรยี นชนั้ ป.6) - โจทย์กำหนดอะไรบา้ ง (จำนวนนักเรยี นทง้ั หมด และนกั เรยี นทสี่ อบตก) - สิง่ ที่โจทยต์ อ้ งการทราบคอื อะไร (นกั เรยี นสอบตกร้อยละเทา่ ไร) - จะหาคำตอบได้อย่างไร (คิดจากจำนวนนกั เรยี นทั้งหมด) - คำว่า “สอบตกรอ้ ยละเท่าไร” หมายความว่าอยา่ งไร (นักเรยี น 100 คน จะสอบตกก่ีคน) 12. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเพ่ือหาแนวทางในการหาคำตอบ โดยใชว้ ิธีเปรียบเทียบจาก จำนวนทที่ ราบค่าแลว้ ไปหาจำนวนที่โจทย์ต้องการทราบ ดงั น้ี วธิ ีทำ นักเรียน 200 คน สอบตก 26 คน นกั เรียน 100 คน สอบตก 26×100 = 13 คน 200 ดงั นัน้ นกั เรียนสอบตก รอ้ ยละ 13 ตอบ นกั เรยี นสอบตกร้อยละ ๑๓

13. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของคำตอบ ดังน้ี วธิ ีท่ี 1 สอบตก 13 คน จากนักเรยี นท้งั หมด 100 คน สอบตก 26 คน จากนักเรียนท้ังหมด 100×26 คน 13 นักเรยี นที่สอบตกเป็นจำนวน 200 คน วธิ ที ่ี 2 นกั เรยี นสอบตก 26 คน มาจากนกั เรยี นท้งั หมด 200 คน นักเรยี นสอบตก 13 คน มาจากนักเรียนทง้ั หมด 200×13 คน 26 นั่นคือ มนี ักเรยี นทั้งหมด 200 คน 14. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ สิ่งทีไ่ ดเ้ รยี นรู้รว่ มกนั ดังนี้ - ร้อยละ หมายถึง จำนวนที่มาจาก 100 สว่ น หรือเศษสว่ นทีม่ ีตวั สว่ นเปน็ 100 - การทำเศษสว่ นหรอื ทศนยิ มให้เปน็ ร้อยละ คอื การทำเศษส่วนที่กำหนดใหม้ ตี วั สว่ นเป็น 100 - การทำร้อยละให้เป็นเศษสว่ นหรือทศนิยม คอื การเขยี นรอ้ ยละในรูปเศษส่วนทมี่ ตี ัวส่วนเป็น 100 แลว้ ทอนใหเ้ ปน็ เศษส่วนอยา่ งตำ่ 15. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท. กิจกรรมที่ 2 โจทย์ปัญหาการซ้ือขาย ชวั่ โมงท่ี 1 1. ครูให้นกั เรยี นทอ่ งสูตรคณู โดยใชไ้ มก้ ลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนนั้ ใหน้ กั เรยี นคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ให้นกั เรยี นทบทวนความรู้เดมิ เกีย่ วกับการซอื้ ขายทีเ่ คยเรยี นมาแลว้ และถ้อยคำท่ใี ช้ เช่น ทนุ หรือตน้ ทนุ ราคาขาย ราคาทนุ ลดราคา กำไร ขาดทุน ตดิ ราคา มาใหน้ กั เรียนพิจารณาความหมาย โดย ครูตัง้ ประโยคถามนำ เช่น - ซอื้ มะมว่ งมา 100 บาท ขายไป 115 บาท หมายความวา่ อยา่ งไร (ทุน 100 บาท ขายไป 115 บาท หรอื ทุน 100 บาท ไดก้ ำไร 15 บาท) - ซื้อเส้อื มา 80 บาท ขายไป 85 บาท หมายความว่าอย่างไร (ทนุ 100 บาท ขายไป 85 บาท หรอื ทนุ 100 บาท ขาดทนุ 15 บาท) 3. ครูนักเรยี นพิจารณาแถบโจทยป์ ญั หาต่อไปนี้ แล้วตอบคำถาม ดังน้ี ก. พอ่ ค้าซื้อวทิ ยุราคา 500 บาท ขายไป 750 บาท - โจทยก์ ำหนดอะไรใหบ้ า้ ง (พอ่ ค้าซอ้ื วทิ ยุราคา 500 บาท ขายไป 750 บาท) - ราคาขายมากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ ราคาทนุ ทซี่ ื้อมาอยู่เทา่ ไร (มากกว่า 250 บาท) - แสดงวา่ พอ่ คา้ ขายวทิ ยุไดก้ ำไรหรอื ขาดทนุ (ได้กำไร) 4. ครูและนักเรยี นรว่ มอภิปรายถึงความหมายของคำวา่ กำไรและขาดทุน ดงั นี้ - ถา้ ราคาขายสูงกว่าราคาทนุ แสดงว่า ไดก้ ำไร สามารถหาเงนิ ท่ีไดก้ ำไร ดงั นี้ กำไร = ราคาขาย – ราคาทุน - ถา้ ราคาขายต่ำกว่าราคาทนุ แสดงว่า ขาดทุน สามารถหาเงนิ ทขี่ าดทนุ ดงั นี้ ขาดทุน = ราคาทนุ - ราคาขาย 5. ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั หาคำตอบโจทยป์ ัญหาซอ้ื ขายต่อไปน้ี

- ซอื้ รองเท้าคลู่ ะ 175 บาท ขายไปราคา 200 บาท ขายไปได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไร (ไดก้ ำไร 25 บาท) - ซอ้ื เข็มขัดมาเสน้ ละ 150 บาท ขายไดเ้ งนิ 130 บาท ได้กำไรหรอื ขาดทุนเทา่ ไร (ขาดทนุ 20 บาท) - ซื้อกระเปา๋ มาใบหนงึ่ ราคา 250 บาท ขายไปไดก้ ำไร 20% ขายกระเป๋าไปใบละเท่าไร ได้กำไรใบ ละเทา่ ไร (ขายไป 300 บาท ได้กำไร 50 บาท) - ซอ้ื ถุงเท้าราคาคู่ละ30 บาท ขายไปไดก้ ำไร 10% ขายถุงเท้าไปราคาคลู่ ะเท่าไรได้กำไรค่ลู ะเท่าไร (ขายไป 35 บาท ได้กำไร 3 บาท) 6. ให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์ จากแถบโจทยป์ ัญหาบนกระดาน ดงั นี้ ลุงมาซอื้ ลิ้นจม่ี าเข่งหนึง่ ราคา 460 บาท ขายไปขาดทนุ 15% ลงุ มาขายลิ้นจข่ี าดทนุ ไปก่บี าท และขายไปเปน็ เงินเท่าไร - โจทย์ขอ้ น้กี ล่าวถงึ เรอื่ งอะไร (การซื้อ – ขายลน้ิ จ)่ี - โจทยต์ อ้ งการทราบอะไร (ราคาท่ีขายและจำนวนเงินท่ีขาดทุน) - โจทย์ขอ้ นี้กำหนดอะไรบ้าง (ราคาทุนและจำนวนเปอรเ์ ซน็ ต์ท่ขี าดทนุ ) - คำวา่ “ขายไปขาดทุน” หมายความวา่ อยา่ งไร (ราคาขายต่ำกว่าราคาทนุ ) - คำว่า “ขาดทุน 15% หมายความว่าอย่างไร (ลงทุน 100 บาท ขายได้เงนิ นอ้ ยกว่าท่ลี งทนุ 15 บาท หรือ ลงทนุ 100 บาท ขายได้เงนิ เพยี ง 85 บาท) - ในการหาราคาขาดทุน นกั เรียนจะต้องทราบอะไรบ้าง (ราคาทนุ ราคาทขี่ ายขาดทุนเปน็ รอ้ ยละ หรอื ราคาขายจรงิ ) - โจทย์ตอ้ งการใหห้ าราคาขาย นกั เรียนจำเป็นตอ้ งทราบอะไรบ้างจงึ จะหาได้ (ราคาทนุ และ จำนวนเงินท่ีขาดทุน หรอื ราคาทุนและทข่ี ายขาดทุนเป็นรอ้ ยละ) ชั่วโมงที่ 2 7. ทบทวนความรเู้ ดิมเก่ียวกับการซอื้ ขายทก่ี ำหนดราคาซื้อและกำไรหรอื ขาดทุนเป็นร้อยละให้ โดยใหต้ อบคำถามจากโจทยป์ ัญหาตอ่ ไปน้ดี ว้ ยวาจา ดังน้ี - ซ้อื น้ำหนง่ึ โหล ราคา 100 บาท ขายไปไดก้ ำไร 20% ขายน้ำไดก้ ำไรเทา่ ไร - ซ้ือกางเกงตัวหนง่ึ ราคา 200 บาท ขายไปไดก้ ำไร 15% ขายกางเกงไปราคาเท่าไร - ซื้อรองเท้าคหู่ น่ึงราคา 300 บาท ขายไปขาดทุน 10% ขายรองเทา้ ขาดทุนเทา่ ไร - ซอื้ สรอ้ ยเสน้ หนง่ึ ราคา 200 บาท ขายไปขาดทนุ 20% ขายสรอ้ ยไปราคาเทา่ ไร - ซ้อื เขม็ ขัดเส้นหน่ึงราคา 200 บาท ขายไปขาดทุน 15% ขายไปขาดทนุ เท่าไรและขายไปไดเ้ งนิ เทา่ ไร 8. ครยู กตัวอย่างขอ้ ความเก่ียวกบั การซ้ือท่กี ำหนดกำไรหรือขาดทุนเป็นเปอร์เซน็ ตห์ รือร้อยละ ให้ประกอบแผนภาพ ดังน้ี กำไร 20% กำไร .... บาท ราคาขาย ทนุ ทุน ………… บาท 100 บาท 100 บาท นกั เรียนพิจารณาแผนภาพแล้วตอบคำถามต่อไปนี้ - จากแผนภาพนกั เรียนทราบอะไรบา้ ง (ราคาทนุ และกำไรเปน็ รอ้ ยละ) - จากแผนภาพนกั เรยี นจะตอ้ งหาอะไร (ราคากำไรทเ่ี ป็นเงนิ บาทและราคาขาย) - นกั เรยี นคดิ วา่ ราคาขายที่หาไดจ้ ะตอ้ งมากกว่าหรือน้อยกว่าทนุ (ตอ้ งมากกวา่ ทุน) - ทำไมนกั เรยี นจงึ คดิ ว่าราคาขายจะต้องมากกว่าทุน (เพราะเป็นการขายท่ไี ด้กำไร)

- จากแผนภาพเขียนไว้วา่ กำไร 20% นักเรียนเขา้ ใจว่าอยา่ งไร (ลงทนุ 100 บาทขายได้กำไร 20 บาท) - ลงทุน 100 บาท จะต้องขายได้เงนิ เท่าไร (120 บาท) - นักเรียนไดค้ ำตอบ 120 บาท จากไหน (ทนุ + กำไร น่นั คือ 100 + 20 = 120 บาท) 9. ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันแตง่ โจทย์ปญั หาจากแผนภาพ แลว้ เลือก 1 ขอ้ ใชเ้ ปน็ ตวั อยา่ งในการแสดง วธิ ที ำและหาคำตอบตามขัน้ ตอนตอ่ ไปนี้ สทุ ินซอ้ื นาฬกิ ามาเรือนหน่ึง ราคา 500 บาท ขายไปได้กำไร 20% ขายไปในราคา เท่าไร 10. ใหน้ ักเรียนอา่ นโจทย์ แล้วชว่ ยกันวเิ คราะห์ทำความเขา้ ใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถาม - โจทย์ข้อน้ีกล่าวถึงเร่อื งอะไร (การซ้ือขายนาฬกิ า) - โจทย์ตอ้ งการทราบอะไร (ขายนาฬกิ าไปราคาเทา่ ไร) - โจทยข์ ้อน้กี ำหนดอะไรบา้ ง (ราคาท่ซี ้ือนาฬิกาและราคาขายทไ่ี ด้กำไร) - โจทยก์ ำหนดไว้ว่าขายได้กำไร 20% หมายความว่าอยา่ งไร (ขายนาฬกิ า 100 บาทได้กำไร 20 บาท) - ขายนาฬิกา 100 บาท ได้กำไร 20 บาท รวมขายนาฬกิ าไดเ้ งินเท่าไร (120 บาท) - นกั เรียนหาราคาขายนาฬิกาได้อยา่ งไร ได้จากราคาทนุ + กำไร = 100 + 20 = 120) 11. จากความรู้เดิมให้นกั เรยี นชว่ ยกนั วางแผนเพอ่ื นำไปสวู่ ธิ ที ำและหาคำตอบตามท่ี โจทยต์ อ้ งการ โดยตอบคำถามดงั น้ี - ขายนาฬกิ าไดก้ ำไร 20% จะเขยี นแสดงในรปู เศษส่วนไดอ้ ย่างไร ( 20 ) 100 - ทุนของนาฬกิ าเรือนนร้ี าคาเท่าไร (500 บาท) - เขียนแทนกำไร 20% ของทนุ ไดอ้ ย่างไร ( 20 × 500) 100 - เม่ือคดิ คำนวณจำนวนทแ่ี ทนคา่ ไวจ้ ะไดค้ ำตอบเปน็ อะไร (ราคากำไร) - จะหาราคาขายไดอ้ ยา่ งไร (ราคาทนุ + กำไร) 12. นักเรยี นช่วยกันแสดงวิธีทำ เพอ่ื หาคำตอบตามท่โี จทยต์ ้องการ ดังนี้ วิธที ่ี 1 ขายนาฬิกาได้กำไร 20% หมายถงึ ทนุ 100 บาท ขายได้กำไร 20 บาท ทนุ 500 บาท ขายได้กำไร 20×500 = 100 บาท ดังน้ัน ขายนาฬกิ าไดก้ ำไร 100 100 บาท ขายนาฬิกาไปราคา 500 + 100 = 600 บาท ตอบ ขายนาฬกิ าไปราคา ๖๐๐ บาท วิธที ี่ 2 ขายนาฬิกาได้กำไร 20% ราคาขาย 100 + 20 = 120 บาท ทุน 100 บาท ขายไปราคา 120 บาท ทุน 500 บาท ขายไปราคา 120×500 = 600 บาท ดังน้ัน ขายนาฬิกาไปราคา 100 600 บาท ตอบ ขายนาฬิกาไปราคา ๖๐๐ บาท 13. ครกู ำหนดโจทย์ปัญหาการซือ้ ขายท่ีไดก้ ำไรเป็นร้อยละ แล้วให้หาราคาทนุ ขายสรอ้ ยเงินไปราคา 660 บาท ไดก้ ำไร 10% จงหาราคาทนุ

14. ให้นักเรยี นอา่ นโจทย์ แลว้ ชว่ ยกันวิเคราะหท์ ำความเขา้ ใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถาม - โจทย์ต้องการทราบอะไร (ทุนของสร้อยเงิน) - โจทยข์ อ้ นก้ี ำหนดอะไรบา้ ง (ราคาขายสรอ้ ยเงนิ และกำไรเป็นรอ้ ยละ) - ได้กำไร 10% หมายความวา่ อยา่ งไร (ทุน 100 บาทขายไดก้ ำไร 10 บาท) - ขายสร้อยเงนิ 110 บาท จากทนุ เทา่ ไร (100 บาท) - ขายสร้อยเงนิ ไปราคา 660 บาท ทุนจะต้องมากกว่าหรือน้อยกว่า 660 บาท(นอ้ ยกว่า) - ตามหลักเกณฑ์ เม่ือตอ้ งการหาทุนจะต้องทราบอะไรบ้าง (ราคาขายและกำไร) 15. นกั เรียนและครูรว่ มกนั วางแผน เพอื่ นำไปสู่แนวทางแก้ปญั หาโดยใช้ความรู้ท่ไี ดจ้ ากข้อ ดงั น้ี ขายสรอ้ ยเงนิ ได้กำไร 10% จากทุน 100 บาท ราคาขาย คือ 100 + 10 110 บาท ขายสร้อยเงิน 110 บาท ทุน 100 บาท ขายสร้อยเงิน 660 บาท ทนุ  บาท 16. นักเรยี นชว่ ยกนั แสดงวิธที ำ เพอื่ หาคำตอบตามทีโ่ จทย์ตอ้ งการ ดังน้ี วธิ ีท่ี 1 ขายสร้องเงินไดก้ ำไร 10% ราคาขาย 100 + 10 = 110 บาท ขายสร้อยเงิน 110 บาท จากทุน 100 บาท ขายสรอ้ ยเงิน 660 บาท จากทุน 100×660 = 600 บาท 110 ดังนั้น ทุนของสรอ้ ยเงนิ 600 บาท ตอบ ทนุ ของสรอ้ ยเงิน ๖๐๐ บาท วิธีท่ี 2 ขายสรอ้ งเงนิ 110 บาท ไดก้ ำไร 10 บาท ขายสรอ้ ยเงนิ 660 บาท ได้กำไร 10×660 = 60 บาท 110 ดงั น้ัน ทนุ ของสรอ้ ยเงนิ 660 – 60 = 600 บาท ตอบ ทุนของสรอ้ ยเงนิ ๖๐๐ บาท 17. ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบคำตอบที่ทำมาแล้ว ดังน้ี วธิ ีท่ี 1 ทุนของสรอ้ ยเงิน 600 บาท ขายไปราคา 660 บาท ดงั นนั้ ขายสร้อยเงนิ ไดก้ ำไร 660 – 600 = 60 บาท ลงทนุ 600 บาท ได้กำไร 60 บาท ลงทุน 100 บาท ได้กำไร 60×100 = 10 บาท 600 ดงั นั้น ขายสร้อยได้กำไรร้อยละ 10 หรือ 10% ซึ่งตรงกบั ท่โี จทย์กำหนดไวว้ า่ ขายสรอ้ ยเงนิ ไดก้ ำไร 10%

วิธที ่ี 2 ตรวจสอบการหาราคาทนุ จากข้อสรุปท่เี รยี นรมู้ าแลว้ คือ ราคาทนุ = ราคาขาย – กำไร ดังน้นั ทนุ ของสรอ้ ยเงิน 660 – 60 = 600 บาท ซึ่งไดค้ ำตอบถูกต้องตรงกบั ทีห่ ามาแลว้ วิธที ่ี 3 ตรวจสอบโดยใช้ตารางสัมพนั ธ์ ขายได้กำไร (บาท) 10 20 30 60 ขายได้เงิน (บาท) 110 220 330 660 ทนุ (บาท) 100 200 300 600 จากตารางจะเหน็ ว่า ขาย 110 บาท ได้กำไร 10 บาท จากทุน 100 บาท ขาย 660 บาท ไดก้ ำไร 60 บาท จากทนุ 600 บาท น่นั คอื ทนุ เทา่ กบั 600 บาท ตรงกับท่ีโจทยก์ ำหนดไว้ 18. ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาแถบโจทยป์ ญั หาต่อไปนี้ แลว้ ตอบคำถาม ดังนี้ สมศรซี ือ้ เส้ือมาราคาตวั ละ 75 บาท ขายไปได้กำไร 10% สมศรขี ายเสอ้ื ไปได้กำไรตวั ละกีบ่ าท 19. ใหน้ กั เรียนอา่ นโจทย์ แลว้ ชว่ ยกนั วิเคราะห์ทำความเข้าใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถาม - โจทยบ์ อกอะไรบา้ ง (ราคาทุนและกำไร) - โจทย์ตอ้ งการทราบอะไร (ขายเสื้อได้กำไรตัวละกี่บาท) - ราคาทุนของเสอ้ื เท่าไร (ตัวละ 75 บาท) - ไดก้ ำไร 10 %หมายความว่าอยา่ งไร (ทนุ 100 ขาย 110 บาท) - ถ้าทนุ 100 จะขายเสื้อไปกีบ่ าท 20. ครูและนกั เรียนสรปุ ขนั้ ตอนในการหาคำตอบว่า จะต้องหาราคาขายทงั้ หมดจาก 100 กอ่ น หรอื อาจจะใช้วธิ กี ารหากำไรแลว้ นำมาบวกกับทนุ กไ็ ด้ กำไร 10 % หมายความว่า ทนุ 100 บาท ไดก้ ำไร 10 บาทหรือ ทนุ 100 ขายไป110 บาท ดงั นนั้ โจทย์ ปัญหาข้างตน้ สามารถแสดงวิธีทำได้ดังนี้ วธิ ีที่ 1 ทนุ 100 บาท กำไร 10 บาท ทนุ 75 บาท กำไร 10×75 = 7.50 บาท 100 ขายเสอ้ื ไปได้กำไรตัวละ 7.50 บาท ตอบ ขายเส้อื ได้กำไรตวั ละ ๗.๕๐ บาท 21. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายวิธีทำว่าถูกต้องหรอื ไม่ โดยช่วยกันตรวจสอบดังนี้ วธิ ีทำ ทนุ ของเส้ือ 75 บาท ขายไป 75 + 7.50 = 82.50 บาท ดงั นน้ั ขายเสอื้ ไดก้ ำไร 82.50 – 75 = 7.50 บาท หรือตรวจสอบโดยวธิ ที ี่ 2 ดงั น้ี ลงทุน 75 บาท ไดก้ ำไร 7.50 บาท

ลงทุน 100 บาท ไดก้ ำไร 7.50×100 = 10 บาท 75 ดงั นั้น ขายเสือ้ ได้กำไรร้อยละ 10 จริง ชั่วโมงท่ี 2 22. ครูติดแถบโจทยป์ ญั หาบนกระดานอกี 2 แถบ แลว้ ตอบคำถาม แม่คา้ ซื้อผักมา 600 บาท ขายไป 550 บาท - แม่ค้าขายมากกว่าหรือน้อยกว่าราคาทนุ ที่ซอื้ มาอย่เู ทา่ ไร (น้อยกวา่ 50 บาท) - แสดงวา่ แมค่ า้ ขายผกั ได้กำไรหรือขาดทุน (ขาดทนุ ) ร้านคา้ ติดราคาขายตเู้ ยน็ 9,000 บาท ลดราคา 500 บาท - ร้านคา้ ขายมากกว่าหรอื น้อยกว่าราคาทุนที่ตดิ ไว้ (น้อยกว่า 500 บาท) - แสดงว่ารา้ นค้าขายตู้เยน็ ในราคาเท่าไร (8,500 บาท) 23. ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันวางแผนในการหาคำตอบตามที่โทยต์ อ้ งการ โดยอาจช่วยกนั ตง้ั คำถาม และหาคำตอบ ดังนี้ - คำวา่ “ขาดทุน 15% “ จะเขยี นในรูปเศษสว่ นได้อยา่ งไร ( 15 ) 100 - คำว่า “ขาดทนุ 15% เปน็ การขาดทนุ จากราคาอะไร (ราคาทนุ ) - ราคาทุนของลนิ้ จีท่ ี่โจทย์กำหนดให้มีราคาเทา่ ไร (460 บาท) - ขายขาดทุน 15% จะขายได้เงนิ เทา่ ไร (100 - 15 = 85) - การหาราคาขาดทุน 15% ของราคาทุนท้งั หมดจะเขยี นความสมั พนั ธ์ได้อยา่ งไร ( 15 × 460 = ) 100 24. นกั เรยี นช่วยกันแสดงวธิ ีทำเพ่ือหาคำตอบดว้ ยวธิ ีตา่ งๆ ดงั น้ี วธิ ีท่ี 1 ขายลน้ิ จีข่ าดทนุ 15% ทุน 100 บาท ขายไปขาดทนุ 15 บาท ทุน 460 บาท ขายไปขาดทุน 15×460 = 69 บาท ดงั นั้น ขายล้นิ จี่ขาดทุนไป บาท 100 69 ซอ้ื ลิน้ จมี่ าราคาเข่งละ 460 บาท ขายลิน้ จ่ีไปราคาเข่งละ 460 – 69 = 391 บาท ตอบ ขายล้ินจี่ขาดทนุ ๖๙ บาท ขายล้ินจไี่ ปราคา ๓๙๑ บาท วิธีท่ี 2 ขายลนิ้ จ่ีขาดทนุ 15% ราคาขาย 100 – 15 = 85 ทุน 100 บาท ขายไปราคา 85 บาท ทุน 460 บาท ขายไปราคา 85×460 = 391 บาท ดังน้นั ขายล้ินจีไ่ ปราคา บาท 100 391 ขายลนิ้ จไ่ี ปขาดทุน 460 – 391 = 69 บาท

ตอบ ขายลนิ้ จี่ขาดทุน ๖๙ บาท ขายลิ้นจ่ีไปราคา ๓๙๑ บาท 25. นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภปิ รายคำตอบทแี่ ตล่ ะวิธีว่าสมเหตสุ มผลหรอื ไม่ ดงั น้ี - ขายลิ้นจ่ขี าดทนุ ราคาขายจะนอ้ ยกว่าหรือมากกวา่ ราคาทนุ (นอ้ ยกว่า) - การขายของขาดทุน ราคาขายจะมากกวา่ ราคาทุนไดห้ รอื ไม่ (ไม่ได)้ - ในการตรวจสอบคำตอบทที่ ำมาต้องใชค้ วามสมั พันธข์ องอะไรบา้ ง จำนวนเงนิ ท่ีขาดทนุ = ราคาทุน - ราคาขายทข่ี าดทุน ราคาขายท่ขี าดทนุ = ราคาทุน - จำนวนเงนิ ที่ขาดทุน 26. นำภาพโฆษณาสินค้าหรือของจริงทล่ี ดราคาเปน็ ร้อยละมาให้นกั เรียนดู เช่น 300 บาท ลด 10% 200 บาท ลด 15% 700 บาท ลด 50% แล้วใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายความหมายของการลดราคาเปน็ รอ้ ยละหรือเปอรเ์ ซ็นต์ เชน่ - ลด 10% หมายความว่า ตดิ ราคาไว้ 100 บาท ลดราคาให้ 10 บาท หรอื ติดราคาไว้ 100 บาท ขาย ไป 90 บาท - ลด 15% หมายความว่า ตดิ ราคาไว้ 100 บาท ลดราคาให้ 15 บาท หรอื ติดราคาไว้ 100 ขายไป 85 บาท 27. นกั เรยี นให้ช่วยกนั แต่งโจทย์ปัญหาท่ีมีการลดราคาเปน็ รอ้ ยละจากภาพหรอื ของจรงิ เชน่ - เส้ือตัวหนง่ึ ตดิ ราคาไว้ 300 บาท ขายลดราคา 10% ถา้ ซ้อื เส้อื ตวั นต้ี ้องจ่ายเงนิ เท่าไร - ร้านค้าติดราคาขายกระโปรงไว้ 200 บาท ลดราคา 15% ร้านค้าลดราคากระโปรงก่บี าท - กางเกงตวั หนงึ่ ติดราคาไว้ 700 บาท ครบรอบ 50 ปขี องร้าน ขายลดราคา 50% ผซู้ ้อื ตอ้ งจ่ายเงินค่า กางเกงเท่าไร และได้ลดราคาไปเท่าไร 28. เลือกโจทยป์ ัญหาทน่ี กั เรียนช่วยกนั แตง่ ไว้นำมาปฏิบัตติ ามขัน้ ตอน ดงั นี้ กางเกงตัวหนึ่งตดิ ราคาไว้ 700 บาทครบรอบ 50 ปีของร้าน ขายลดราคา 50% ผู้ซ้ือต้องจ่ายเงินค่ากางเกงเท่าไร และไดล้ ดราคาไปเทา่ ไร ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันวิเคราะหเ์ พือ่ ทำความเข้าใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถามตอ่ ไปน้ี - โจทยข์ ้อนกี้ ลา่ วถงึ เรือ่ งอะไร (การขายกางเกงลดราคา) - โจทยต์ ้องการทราบอะไรบา้ ง (ผู้ซื้อตอ้ งจา่ ยเงินคา่ กางเกงเทา่ ไรและลดราคาไปเท่าไร) - โจทยก์ ำหนดอะไรไวใ้ หบ้ า้ ง (ราคากางเกงและราคาท่ลี ดให)้ - คำวา่ “ลดราคา 50% หมายความว่าอยา่ งไร (ตดิ ราคาไว้ 100 บาท ลดใหผ้ ซู้ ื้อ 50 บาท หรอื ตดิ ราคาไว้ 100 บาท ขายไปราคา 50 บาท) - จะหาราคากางเกงที่ขายได้ ไดอ้ ยา่ งไร (เอาราคาที่ติดไว้ ลบดว้ ยราคาท่ลี ดให)้ - จะหาวา่ ลดราคาให้ผู้ซื้อเป็นเงินเท่าไร ไดอ้ ย่างไร (เอาราคาท่ีตดิ ไว้ลบด้วยราคาขาย) 29. ครูและนกั เรียนชว่ ยกันวางแผนเพ่ือแก้โจทย์ปัญหาจากตารางสมั พันธ์ ดงั นี้

ตดิ ราคาสินคา้ (บาท) 100 200 300 400 500 600 700 ลดให้ 50 100 150 200 250 300 350 30. นกั เรียนช่วยกนั หาวิธีแกโ้ จทยป์ ญั หา การเขียนแสดงวิธที ำและหาคำตอบ กำไร 10 % หมายความวา่ ทุน 100 บาท ไดก้ ำไร 10 บาทหรือ ทุน 100 ขายไป110 บาท ดงั น้นั โจทย์ ปญั หาขา้ งตน้ สามารถแสดงวธิ ที ำไดด้ งั น้ี วิธที ี่ 1 ติดราคากางเกงไว้ 100 บาท ลดให้ 50 บาท ติดราคากางเกงไว้ 700 บาท ลดให้ 50×700 = 350 บาท 100 ดงั น้นั ได้ลดราคากางเกงไป 350 บาท ตอ้ งจา่ ยเงนิ ค่ากางเกง 700 – 350 = 350 บาท ตอบ จ่ายเงินค่ากางเกง ๓๕๐ บาท ได้ลดราคา ๓๕๐ บาท วิธีที่ 2 ขายกางเกงลดราคา 50% หมายความว่า กางเกงราคา 100 บาท ขายได้เงนิ 50 บาท กางเกงราคา 700 บาท ขายไดเ้ งิน 50×700 = 350 บาท 100 ดังนน้ั กางเกงราคา 700 บาท ขายได้เงนิ 350 บาท ขายกางเกงไดเ้ งิน 350 บาท ลดราคาไป 700 – 350 = 350 บาท ตอบ จา่ ยเงนิ ค่ากางเกง ๓๕๐ บาท ได้ลดราคา ๓๕๐ บาท 31. นักเรียนและครูรว่ มกันอภิปรายว่า คำตอบทีห่ าได้สมเหตุสมผลและเปน็ จรงิ หรือไม่ โดย ชว่ ยกนั ตรวจสอบคำตอบดว้ ยวธิ ีตา่ งๆ ดังนี้ วิธีท่ี 1 ใช้การแทนค่าจากความรทู้ เ่ี รียนมาแล้ว ราคาท่ีขายจริง = ราคาทีต่ ดิ ไว้ – ราคาทีล่ ดให้ 350 = 700 – 350 ราคาท่ขี ายจริง = ราคาทต่ี ิดไว้ – ราคาทีข่ ายจริง 350 = 700 – 350 น่ันคือ ราคาทล่ี ดให้คือ 350 บาท และราคาทข่ี ายจริงคอื 350 บาท วธิ ีท่ี 2 ใช้ตารางสมั พนั ธ์ ราคาท่ตี ดิ ไว้ ราคาทล่ี ดให้ ราคาท่ขี ายจรงิ 100 50 50 200 100 100 300 150 150 400 200 200 500 250 250 600 300 300 700 350 350 จากตารางสมั พันธน์ ้ี สรปุ ไดด้ ังน้ี ตงั้ ราคากางเกงไว้ 700 บาท ลดราคาให้ 350 บาท

ราคาท่ีขายจริง 350 บาท 32. ให้นกั เรียนช่วยกนั หาคำตอบจากโจทยป์ ญั หาทวี่ ิเคราะห์ ดงั น้ี คร้ังท่ี 1 ขายได้กำไร 15% หมายความว่า ทนุ 100 บาท ขายไป 115 บาท ดงั นั้น ขายตเู้ ย็นไป 115 บาท ราคาทนุ 100 บาท ถ้าขายตเู้ ยน็ ไป 6,900 บาท ราคาทนุ 100×6,900 = 6,000 บาท 115 ครั้งท่ี 2 ต้องการกำไร 20% หมายความว่า ทุน 100 บาท ขายไป 120 บาท ดังนั้น ราคาทุน 100 บาท ต้องการขายราคา 120 บาท ถา้ ราคาทนุ 6,000 บาท ต้องขายราคา 120×6,000 = 7,200 บาท 100 33. เขยี นโจทยป์ ัญหาการซ้ือขายทม่ี ากกว่า 1 ครัง้ มาใหน้ ักเรียนฝกึ วิเคราะห์ แสดงวิธีทำ และหา คำตอบบนกระดาน ดังน้ี ปรีดาซือ้ รองเทา้ มาในราคา 200 บาท แล้วขายต่อให้ปราณีได้กำไร 15% ปราณนี ำไปขาย ต่อขาดทุน 10% ปราณีขายรองเทา้ ไปในราคาเท่าไรและขาดทุนกบี่ าท ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันวิเคราะห์เพอ่ื ทำความเข้าใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถามต่อไปนี้ - โจทย์ข้อนเี้ ปน็ เรือ่ งเก่ียวกบั อะไร (การขายรองเทา้ ) - โจทยต์ ้องการทราบอะไร (ราคาขายรองเท้าคร้ังที่ 2 ) - โจทยก์ ำหนดอะไรใหบ้ า้ ง (ราคารองเทา้ , กำไรและขาดทุน) - มีการซอ้ื ขายรองเท้าก่ีครั้ง (2 ครง้ั , ครั้งที่ 1 ได้กำไร, คร้งั ท่ี 2 ขายขาดทุน) - มีวิธหี าคำตอบไดอ้ ยา่ งไร (ตอ้ งหาราคาขายคร้ังท่ี 1 ก่อน) 34. นักเรียนและครูช่วยกันสรุปแนวทางการหาคำตอบ โดยการหาราคาขายครั้งที่ 1 ก่อนแล้วหา ราคาขายครัง้ ท่ี 2 วิธที ำ คร้งั ที่ 1 ขายไดก้ ำไร 15% หมายความวา่ ทนุ 100 บาท ขายไป 115 บาท ดังน้นั ราคาทนุ 100 บาท ขายรองเทา้ ไป 115 บาท ราคาทุน 200 บาท ขายรองเทา้ ไป 50×700 = 230 บาท 100 คร้ังท่ี 2 ขาดทนุ 10% หมายความว่า ทนุ 100 บาท ขายไป 90 บาท ดังน้นั ราคาทนุ 100 บาท ขายรองเท้าไป 90 บาท ราคาทุน 230 บาท ขายรองเท้าไป 90×230 = 207 บาท 100 ตอบ ปราณีขายรองเทา้ ไปในราคา ๒๐๗ บาท ขาดทนุ ๒๓ บาท 35. นักเรียนและครรู ่วมกนั ตรวจสอบวา่ ถูกตอ้ งหรือไม่ ดังน้ี วิธีท่ี 1 ปราณขี ายรองเทา้ ขาดทุน 10 บาท จากทนุ 100 บาท บาท ปราณขี ายรองเท้าขาดทุน 23 บาท จากทุน 100×23 = 230 บาท 10 ดังน้ัน ปราณีขายรองเท้าขาดทุน 23 บาท จากทุน 230 บาทจริง วิธีที่ 2 ปราณีขายรองเทา้ 207 บาท จากทนุ 230

ปราณีขายรองเท้า 90 บาท จากทนุ 230×90 = 100 บาท 207 ดงั นั้น ปราณขี ายรองเทา้ 90 บาท จากทุน 100 บาท และขาดทนุ 10 บาท หรือ 10% จริง ชั่วโมงท่ี 3 36. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ สงิ่ ท่ไี ด้เรยี นร้จู ากความสมั พนั ธข์ องคำทเ่ี กย่ี วกบั การซ้ือขายไดด้ ังนี้ - กำไร = ราคาขาย – ราคาทนุ - ขาดทุน = ราคาทนุ – ราคาขาย - ราคาขาย = ราคาทีบ่ อกขาย – ราคาทีล่ ดให้ 37. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ สงิ่ ทีไ่ ด้เรียนรจู้ ากความสมั พันธ์ของคำทีเ่ กย่ี วกบั โจทยป์ ัญหารอ้ ยละ กับการซอ้ื ขาย (ลดราคา) ได้ ดังน้ี - การลดราคา คอื การลดราคาสินค้าจากราคาท่ีตดิ ไวไ้ มใ่ ช่ลดราคาจากราคาทุน การลดราคา อาจจะไม่ขาดทนุ แต่ถา้ ผขู้ ายตอ้ งการขายสินค้าโดยยอมลดใหม้ กี ำไรนอ้ ยลงหรือบางกรณีอาจขาดทุนก็ได้ ซ่งึ ราคาขายหาได้จาก ราคาสนิ คา้ = ราคาทตี่ ิดไว้ – ราคาท่ลี ดให้ - การบอกราคาเป็นเปอรเ์ ซน็ ตห์ รอื รอ้ ยละ เป็นการบอกราคาทล่ี ดจากราคาขายท่ตี ดิ ไว้ 100 บาท 38. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ สง่ิ ที่ได้เรียนรู้จากความสมั พันธ์ของคำที่เกยี่ วกับโจทยป์ ญั หารอ้ ยละ กบั การซ้ือขายมากกว่า 1 คร้ัง ได้ ดังน้ี - การซอื้ ขายมากกวา่ 1 คร้งั เป็นการบอกกำไรหรือขาดทุนเปน็ เปอร์เซ็นต์ หรอื ร้อยละ เป็นการ บอกกำไรหรอื ขาดทนุ เมอื่ เทียบกบั ต้นทนุ 100 บาท มากกวา่ 1 ครั้ง - เมอ่ื โจทยป์ ัญหารอ้ ยละกับการซอ้ื – ขายทมี่ ากกวา่ 1 ครง้ั เวลาแกป้ ญั หาต้องแก้ปัญหาอย่าง ตอ่ เนื่องเม่ือได้คำตอบคร้งั ท่ี 1 แลว้ นำคำตอบในคร้งั ท่ี 1 มาหาคำตอบในครง้ั ที่ 2 - กำไร คือ ราคาขาย – ราคาทุน - ขาดทนุ คอื ราคาทนุ – ราคาขาดทนุ ช่ัวโมงที่ 4 39. นกั เรยี นใช้ความรูเ้ ดมิ จากรายวิชาวทิ ยาการคำนวณสรา้ งชดุ คำสัง่ จากBoardgame ดังนี้ 40. ใหน้ กั เรียนสรา้ งชดุ คำสั่งโดยใช้คำสงั่ น้อยทส่ี ุดไปยังเป้าหมาย

ชว่ั โมงที่ 5 41. ให้นักเรยี นสร้างชดุ คำสัง่ โดยเงือ่ นไขพเิ ศษ ดังนี้ 42. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมท่ี 3 โจทย์ปัญหาเก่ียวกับดอกเบ้ีย ชั่วโมงที่ 1 1. ครใู ห้นักเรยี นทอ่ งสตู รคณู โดยใชไ้ ม้กลองประดษิ ฐแ์ ละตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคูณ หลงั จากนนั้ ให้นกั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ 2. ครูนำนกั เรยี นสนทนาเรื่องการเก็บเงินอย่างปลอดภัย ว่าควรทำอยา่ งไร เพ่ือนำไปสู่การฝาก เงินธนาคาร และคำตา่ งๆ ทเ่ี กยี่ วข้องกบั การฝากเงนิ ธนาคาร เชน่ - เงนิ ตน้ คอื เงินที่ผู้ฝากนำไปฝากธนาคาร - ดอกเบี้ย คอื ผลประโยชน์ทผี่ ฝู้ ากเงินไดร้ ับจากธนาคาร - อตั ราดอกเบีย้ คือขอ้ ตกลงท่ีธนาคารวางไว้วา่ จะให้กับผฝู้ ากเงินโดยคดิ ใหเ้ ปน็ ร้อยละต่อปี หมายถงึ เมือ่ ฝากเงิน 100 บาท ในระยะเวลา 1 ปี จะไดด้ อกเบย้ี เทา่ ไร - เงินรวม คือ เงนิ ต้นรวมกบั ดอกเบย้ี ท่ผี ู้ฝากได้รบั คนื จากธนาคาร เมื่อต้องการถอนเงินคนื 3. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันอ่านและพจิ ารณาโจทยป์ ญั หาจากแผนภูมิทค่ี รูนำมา ดงั นี้ สมมาศนำเงนิ ไปฝากธนาคารแหง่ หนึ่ง 2,000 บาท ธนาคารคดิ อัตราดอกเบีย้ ให้ 12% ต่อปี เมื่อถึงส้ินปี สมมาศจะได้ดอกเบยี้ เท่าไร ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันวิเคราะห์เพ่อื ทำความเข้าใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถามตอ่ ไปนี้ - โจทย์ข้อนเ้ี ปน็ เรือ่ งของอะไร (การนำเงินไปฝากธนาคาร) - โจทย์ต้องการทราบเร่อื งอะไร (เม่ือถึงสิ้นปสี มมาศจะได้ดอกเบ้ียเทา่ ไร) - โจทย์กำหนดอะไรไวใ้ หบ้ ้าง (เงนิ ทน่ี ำฝากธนาคาร และอตั ราดอกเบยี้ ท่ธี นาคารคิดให)้ - ธนาคารคดิ ดอกเบยี้ ให้ผู้ฝากเงินอยา่ งไร (ฝากเงิน 100 บาท ครบ 1 ปี ธนาคารจึงจะคดิ ดอกเบ้ีย ให)้

- ถา้ ฝากเงินไมค่ รบ 1 ปี จะได้ดอกเบย้ี เท่าทีธ่ นาคารกำหนดไว้ หรอื ไม่ (ไดไ้ มเ่ ทา่ กับท่ีธนาคาร กำหนดไว)้ - จากโจทย์ข้อนี้ธนาคารคดิ ดอกเบี้ยใหผ้ ู้ฝากเงินอยา่ งไร (ฝากเงนิ 100 บาท ครบ 1 ปี จะได้ ดอกเบี้ย 12 บาท หรอื อตั ราดอกเบย้ี 12% ต่อป)ี 4. นกั เรยี นอา่ นโจทยป์ ัญหาในการหาเงินรวมบนกระดาน ดังน้ี สมชายนำเงนิ ไปฝากธนาคาร 3,000 บาท ธนาคารคิดอตั ราดอกเบีย้ ให้ 9% ตอ่ ปี เมื่อครบกำหนดสมชายไปถอนเงินออกทงั้ หมด เขาจะไดเ้ งินรวมท้งั ส้นิ เท่าไร ให้นกั เรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหเ์ พ่ือทำความเขา้ ใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถามต่อไปนี้ - โจทยข์ ้อน้ีเป็นเรอ่ื งของอะไร (การฝากเงนิ ธนาคาร) - โจทยต์ ้องการทราบเรอื่ งอะไร (สมชายถอนเงินหมด จะได้เงินรวมทง้ั ส้ินเท่าไร) - โจทยก์ ำหนดอะไรไวใ้ หบ้ า้ ง (จำนวนเงนิ ทน่ี ำไปฝากธนาคาร อตั ราดอกเบ้ยี ทีธ่ นาคารให้ และ เวลาทฝี่ ากเงนิ ธนาคารไว้) - ธนาคารคิดดอกเบ้ยี ให้ผ้ฝู ากเงนิ อย่างไร (ฝากเงนิ 100 บาท ในเวลา 1 ปี ใหด้ อกเบยี้ 9 บาท) - เงนิ ทีส่ มชายได้รับจากธนาคารท้ังหมด เมือ่ ถอนเงนิ ออกมาแลว้ เรียกว่าอะไร (เงินรวม) 5. นักเรยี นและครชู ่วยกันเขียนตารางความสัมพนั ธข์ องเงินฝากดอกเบ้ยี และเงนิ รวมที่ฝาก ธนาคารไว้เป็นเวลานาน 1 ปี เงินฝาก (บาท) 100 200 300 500 1,000 3,000 ดอกเบ้ยี (บาท) 9 18 27 45 90 270 เงนิ รวม (บาท) 109 218 327 545 1,090 3,270 ฝากเงนิ 100 บาท ให้ดอกเบ้ีย 9 บาท ได้เงินรวม 109 บาท - ดอกเบย้ี 9 บาท ได้มาอย่างไร (โจทยก์ ำหนด) - เงินรวม 109 บาท ไดม้ าอย่างไร (เงินตน้ หรอื เงินทฝ่ี ากรวมกบั ดอกเบยี้ ) - ถ้าฝากเงิน 200 บาท ไดด้ อกเบย้ี เท่าไร คิดอยา่ งไร (2 เท่าของ 9 หรอื หรอื 9×200 100 หรือ 0.09 × 200) - ถ้าฝากเงนิ 300 บาท ได้ดอกเบี้ยเท่าไร (27 บาท) - ถา้ ฝากเงิน 500 บาท ไดด้ อกเบ้ียเทา่ ไร (45 บาท) - ถ้าฝากเงนิ 1,000 บาทได้ดอกเบี้ยเทา่ ไร (90 บาท) - ถา้ ฝากเงิน 3,000 บาท ได้ดอกเบี้ยเท่าไร (270 บาท) 6. นักเรียนช่วยกนั แสดงวิธที ำหาดอกเบ้ยี ของเงนิ รวมของเงินทส่ี มชายฝากไว้ 3,000 บาท ดงั นี้ วิธีที่ 1 คดิ จากเงนิ ฝาก 100 บาท ฝากเงิน 100 บาท เวลา 1 ปี ไดด้ อกเบีย้ 9 บาท ฝากเงนิ 3,000 บาท เวลา 1 ปี ไดด้ อกเบี้ย 9×3000 = 270 บาท บาท 100 นั่นคอื สมชายจะไดร้ บั เงินรวม 3,000 + 270 = 3,270 ตอบ สมชายจะไดร้ ับเงินรวม ๓,๒๗๐ บาท วิธที ่ี 2 คดิ เงนิ รวมจากเงนิ 100 บาท

ธนาคารคดิ ดอกเบย้ี 9% เงินรวม คือ 100 + 9 = 109 บาท ฝากเงนิ 100 บาท ในเวลา 1 ปี ได้เงินรวม 109 บาท ฝากเงนิ 3,000 บาท ในเวลา 1 ปี ไดเ้ งนิ รวม 109×3000 บาท 100 = 3,270 บาท ดังนน้ั สมชายได้รบั เงินรวม 3,270 บาท ตอบ สมชายจิ ะไดเ้ งินรวม ๓,๒๗๐ บาท 7. ให้นักเรียนรว่ มกันอภิปรายวา่ คำตอบนั้นถกู ตอ้ งหรือไม่ โดยชว่ ยกันตรวจสอบดงั นี้ วิธที ี่ 1 ฝากเงิน 3,000 บาท ได้ดอกเบี้ย 270 บาท ฝากเงิน 100 บาท ได้ดอกเบ้ยี 270×100 = 9 บาท 3000 ดังนน้ั ได้ดอกเบย้ี รอ้ ยละ 9 หรอื 9% ตรวจสอบแล้ว ได้อตั ราดอกเบยี้ 9% ตรงตามท่โี จทย์กำหนด วิธีที่ 2 เงนิ รวม 3,270 บาท ดอกเบ้ยี 270 บาท เงนิ ตน้ 3,270 – 270 = 3,000 บาท เงินตน้ ทีไ่ ด้ตรงกบั ที่โจทยก์ ำหนด 8. นกั เรียนและครชู ่วยกนั เขียนแผนภาพที่ได้วิเคราะหโ์ จทย์กันมาแลว้ ในขนั้ ท่ี 1 เพ่ือเปน็ แนวทางในการแกป้ ัญหา ดงั นี้ เงินต้น 100 บาท ฝากเงนิ 1 ปไี ด้ดอกเบีย้ 12 บาท เงินต้น 200 บาท ฝากเงนิ 1 ปไี ด้ดอกเบี้ย 24 บาท เงนิ ต้น 2,000 บาท ฝากเงนิ 1 ปีไดด้ อกเบีย้ ...................... บาท 9. ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันนำแนวทางทเี่ ขียนแผนภาพแลว้ เขยี นลงตารางสมั พันธ์ เงินต้น (บาท) 100 200 400 800 1,000 2,000 ดอกเบีย้ 12 24 48 96 120 240

10. นักเรียนชว่ ยกนั แสดงวิธีทำ เพอ่ื หาคำตอบตามท่โี จทยต์ ้องการทราบโดยนำความรู้ทหี่ าแนวทาง ไวแ้ ล้วในข้ันท่ี 2 มาคิดคำนวณ ซึ่งอาจแสดงวธิ ีทำไดด้ ังน้ี วิธที ี่ 1 ฝากเงนิ ธนาคาร 100 บาท เวลา 1 ปี ไดด้ อกเบี้ย 12 บาท ฝากเงินธนาคาร 2,000 บาท เวลา 1 ปี ไดด้ อกเบยี้ 12×2,000 = 240 บาท 100 ดงั นน้ั สมมาศจะไดด้ อกเบี้ย 240 บาท ตอบ สมมาศจะไดด้ อกเบ้ยี ๒๔๐ บาท วธิ ที ี่ 2 ฝากเงิน 100 บาท ไดด้ อกเบ้ยี 12 บาท ฝากเงนิ 1 บาท ได้ดอกเบี้ย 12 = 0.12 บาท 100 ถ้าฝากเงนิ 2,000 บาท ได้ดอกเบ้ยี 0.12 × 2,000 = 240 บาท ตอบ สมมาศจะไดด้ อกเบ้ยี ๒๔๐ บาท 11. ให้นกั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบว่าถูกตอ้ งหรือไม่ โดยใหช้ ่วยกนั คดิ ดงั น้ี ฝากเงินธนาคาร 2,000 บาท เวลา 1 ปี ได้ดอกเบ้ยี 240 บาท ฝากเงินธนาคาร 100 บาท เวลา 1 ปี ไดด้ อกเบย้ี 240×100 = 12 บาท 2,000 ดงั นน้ั ธนาคารคดิ ดอกเบีย้ ให้ร้อยละ 12 หรอื 12% ตอ่ ปจี รงิ หรืออาจคิดดังนี้ ไดด้ อกเบย้ี 240 บาท ฝากเงนิ ธนาคารไว้ 2,000 บาท ได้ดอกเบ้ยี 12 บาท ฝากเงนิ ธนาคารไว้ 2,000×12 = 100 บาท 240 ดงั นั้น ได้ดอกเบย้ี 12 บาท จากเงินฝาก 100 บาท นนั่ คือ ธนาคารคิดดอกเบีย้ ใหร้ ้อยละ 12 หรือ 12% ตอ่ ปี 12. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความหมายการหาดอกเบย้ี และเงินรวมได้ ดังน้ี - เงินตน้ คือ เงินที่นำไปฝากธนาคาร - ดอกเบย้ี คือ เงินที่ธนาคารจ่ายตอบแทนแกผ่ ู้ฝาก - อตั ราดอกเบี้ย คอื ดอกเบยี้ ทตี่ อบแทนผู้ฝาก โดยคดิ เทียบจากเงินฝาก 100 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี - เงนิ รวม คอื เงนิ ต้นรวมดอกเบยี้ (เงินตน้ + ดอกเบย้ี ) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับวิธีการคิดหาเงินรวมว่า ควรคิดหาอัตราดอกเบี้ยก่อน แล้วจึงนำมา รวมกับเงนิ ต้น 13. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท.

กิจกรรมท่ี 4 อตั ราส่วน ชวั่ โมงท่ี 1 1. ครใู หน้ ักเรียนทอ่ งสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลงั จากน้ันให้นักเรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ 2. สนทนากับนกั เรียนเรือ่ งการดำเนินชวี ติ ประจำวนั เกี่ยวกบั ราคาสนิ คา้ ในปจั จบุ นั เชน่ ราคาไข่ไก่ ราคาปากกา ราคาสมุด ราคาเนอ้ื หมู ราคาผักผลไม้ หรอื เร่อื งการประกอบกจิ กรรมต่างๆ ใน ชวี ิตประจำวนั เช่นการปรงุ อาหาร การเสยี ภาษี ซ่ึงเป็นเรอ่ื งท่เี กยี่ วกบั อัตราสว่ นและรอ้ ยละ 3.ครตู ิดแผนภมู ขิ อ้ สรปุ การเขียนอตั ราสว่ น และแผนภูมิสรุปความหมายของอตั ราสว่ นต่อไปนี้ใน กระดานใหน้ ักเรยี นรว่ มกันพจิ ารณา อัตราส่วน a ตอ่ b เขียนแทนด้วย a : b หรือ a b เรยี ก a ว่าจำนวนแรก หรือจำนวนท่หี นึ่ง และเรยี ก b วา่ จำนวนหลงั หรอื จำนวนทส่ี อง อตั ราส่วนแตล่ ะอัตราส่วนเปน็ การเปรียบเทยี บจำนวนสองจำนวนหรือปริมาณสองปรมิ าณ เชน่ น้ำหนกั ความสงู ความกว้าง ความยาว พ้ืนท่ี จำนวนสิง่ ของ จำนวนคน หรืออนื่ ๆ ทต่ี อ้ งการนำมาเปรียบเทียบ กัน 4. ใหน้ ักเรียนพิจารณาบตั รภาพต่อไปนแ้ี ล้วร่วมกันตอบคำถามต่อไปนี้ โดยครูสุ่มตวั แทน นักเรยี นใหต้ อบคำถามต่อไปนี้ - จำนวนหนังสอื (2 เลม่ ) - จำนวนรถยนต์ (7 คัน) - จำนวนโทรศัพท์มอื ถือ (5 เครื่อง) - จำนวนหนงั สือต่อจำนวนรถยนต์เปน็ เท่าไร (2 : 7) - จำนวนรถยนต์ตอ่ จำนวนโทรศพั ทเ์ ปน็ เทา่ ไร (7 : 5) - จำนวนโทรศัพท์ต่อจำนวนหนังสือเป็นเท่าไร (5 : 2) 5. ให้นักเรยี นพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้ \"โต๊ะครูกว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 1.20 เมตร สามารถเขียน อัตราส่วนแสดงการเปรียบเทยี บความกว้างตอ่ ความยาวได้อย่างไร\" ให้นักเรียนออกมาเขียนบนกระดาน หน้าห้อง ไดด้ ังนี้ 80 เซนติเมตร : 1.20 เมตร หรอื 80 : 120 หรือ 0.80 : 1.20 6. ครูแนะนำวา่ เน่ืองจากการเขียนอัตราสว่ นเปรียบเทียบเป็นการเปรยี บเทียบส่งิ ของอย่างเดยี วกัน แต่ใชห้ นว่ ยตา่ งกันจึงตอ้ งเขียนหนว่ ยกำกบั ไว้ แต่ถา้ ไมเ่ ขียนหนว่ ยกำกบั ไว้ให้เปลีย่ นหนว่ ยเป็นหนว่ ย เดียวกนั

7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายว่า อัตราสว่ น หมายถึง การเปรยี บเทยี บปรมิ าณส่ิงของตง้ั แต่สอง สิง่ ขน้ึ ไป สามารถเขียนแทนอัตราและเขยี นแทนการเปรียบเทยี บได้ โดยใช้สัญลักษณ์ \" : \" (อา่ นวา่ ตอ่ ) เช่น 3 : 4 อา่ นวา่ 3 ตอ่ 4 หรอื อาจเขียนในรูปเศษส่วนได้ เชน่ 3 4 8. ใหน้ กั เรียนหาอตั ราส่วนที่เท่ากัน มาข้ออีก 4 อัตราส่วน 7 : 5 11 : 8 30 : 15 81 : 9 9. อตั ราสว่ น เปน็ ความสัมพนั ธท์ ี่แสดงการเปรยี บเทียบปรมิ าณสองปริมาณ ซ่ึงอาจมหี น่วยเดยี วกนั หรือต่างกนั กไ็ ด้ การหาอตั ราส่วนท่เี ทา่ กบั อตั ราสว่ นท่กี ำหนดใหส้ ามารถทำไดโ้ ดยใชก้ ารคูณหรือการหาร ด้วยจำนวนเดียวกนั 10. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชวั่ โมงท่ี 2 1. ครูใหน้ ักเรยี นท่องสูตรคูณโดยใชไ้ มก้ ลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลงั จากนัน้ ให้นกั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ 2. ให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาแถบกระดาษแสดงข้อความ “ไอศกรีมราคาโคนละ 5 บาท” และ ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปน้ี - เขยี นอัตราสว่ นแสดงจำนวนไอศกรมี เป็นโคนตอ่ จำนวนเงินเป็นบาทได้อย่างไร (1 : 5) - นักเรยี นซอ้ื ไอศกรีม 1 โคน ตอ้ งจา่ ยเงินกีบ่ าท (5 บาท) - นักเรียนซอ้ื ไอศกรมี 3 โคน ต้องจ่ายเงนิ กี่บาท (15 บาท) - ถ้านกั เรียนจ่ายเงนิ 20 บาท นักเรียนจะไดร้ ับไอศกรีมกโี่ คน (4 โคน) - ถ้านักเรียนต้องการซ้ือไอศกรีม 8 โคน นกั เรยี นตอ้ งจา่ ยเงนิ กบ่ี าท (40 บาท) 3. ครนู ำเสนอตารางแสดงจำนวนไอศกรีมเปน็ โคนต่อจำนวนเงินเปน็ บาท ซง่ึ เขยี นใส่กระดาษสี อ่อน มากอ่ นลว่ งหน้า แลว้ นำมาติดบนกระดาน ดงั นี้ ไอศกรีม (โคน) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ราคา (บาท) 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 4. ใหน้ กั เรยี นพิจารณาอตั ราส่วนของจำนวนไอศกรมี เปน็ โคนต่อจำนวนเงินเปน็ บาท ซ่ึงได้อตั ราสว่ น ท่เี ทา่ กัน ดงั น้ี 1 : 5, 2 : 10, 3 : 15, 4 : 20, 5 : 25, 6 : 30, 7 : 35, 8 : 40, 9 : 45, 10 : 50 และให้ นักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนี้ - จำนวนทห่ี นง่ึ ของอตั ราส่วน คอื จำนวนใดบ้าง (1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10) - จำนวนทห่ี นึง่ ของแต่ละอัตราส่วนมีจำนวนใดเปน็ ตวั ประกอบ (1) - จำนวนทสี่ องของแตล่ ะอตั ราสว่ นคือจำนวนใดบ้าง (5, 10, 15, 20, 25, 30, 35, 40, 45, 50) - จำนวนท่สี องของแตล่ ะอตั ราส่วนมจี ำนวนใดเป็นตัวประกอบ (5) - นกั เรียนสงั เกตได้หรอื ไม่วา่ อตั ราสว่ นทเ่ี ทา่ กนั ชุดนี้ มีความเก่ยี วข้องกับอัตราสว่ น 1 : 5 อยา่ งไร (อัตราสว่ นทเี่ ทา่ กนั ชุดนี้ เกิดจากการคูณแตล่ ะจำนวนของอตั ราสว่ น 1 : 5 ด้วยจำนวนเดียวกนั โดยที่ จำนวนนน้ั ไมเ่ ทา่ กับศนู ย)์

5. ให้นกั เรยี นศึกษาวิธีการหาอตั ราส่วนทเี่ ท่ากบั อตั ราส่วนทีก่ ำหนดให้ จากตัวอย่างที่กำหนดให้ ตอ่ ไปนี้ ตวั อยา่ ง จงหาอตั ราส่วนทเ่ี ท่ากับ 2 มาอกี 4 อัตราส่วน 5 วธิ ที ำ 2 = 2×2 = 4 5 5×2 10 นั่นคอื 2 = 4 5 10 2 = 2×3 = 6 5 5×3 15 นน่ั คอื 2 = 6 5 15 2 = 2×4 = 8 5 5×4 20 นั่นคือ 2 = 8 5 20 2 = 2×5 = 10 5 5×5 25 นน่ั คือ 2 = 10 5 25 ดังนนั้ อัตราสว่ นทเ่ี ทา่ กับอตั ราส่วน 2 ไดแ้ ก่ อตั ราสว่ น 4 , 6 , 8 และ 10 5 10 15 20 25 ในระหวา่ งท่นี ักเรยี นศึกษาตัวอย่างครูต้งั คำถามตอ่ ไปนี้ และสมุ่ ตัวแทนนกั เรียนใหต้ อบคำถาม - จากตัวอยา่ งใชว้ ิธีการใดในการหาอตั ราส่วนท่ีเทา่ กับอตั ราส่วน 2 (วธิ ีการคูณ) 5 - จำนวนทีน่ ำมาคูณกบั 2 และ 5 เป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ (จำนวนเดยี วกนั ) - จำนวนทน่ี ำมาคูณกบั 2 และ 5 เปน็ 0 ได้หรือไม่ (ไม่ได้) - ถ้าจำนวนทน่ี ำมาคณู กบั 2 และ 5 เป็น 1 อตั ราสว่ นทีไ่ ดค้ ือ (2 ซึง่ เป็นอตั ราส่วนเดมิ ) 5 6. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายหลกั การหาอตั ราส่วนท่ีเท่ากันโดยหลักการคูณ ดังนี้ เมือ่ คูณแต่ละ จำนวนในอัตราส่วนใดด้วยจำนวนเดียวกนั โดยที่จำนวนนั้นไมเ่ ท่ากับศูนย์ จะได้อัตราส่วนใหม่ทเ่ี ทา่ กับ อตั ราส่วนเดมิ 7. ใหน้ กั เรยี นตรวจสอบวา่ อตั ราส่วนแตล่ ะข้อต่อไปนเ้ี ท่ากนั หรอื ไม่ 4 และ 12 10 และ 20 24 และ 7 7 21 24 32 74 8. อัตราส่วน เปน็ ความสัมพันธ์ท่ีแสดงการเปรยี บเทยี บปริมาณสองปริมาณ ซึ่งอาจมหี นว่ ยเดยี วกัน หรอื ต่างกันกไ็ ด้ การหาอตั ราสว่ นที่เทา่ กบั อัตราสว่ นท่กี ำหนดใหส้ ามารถทำไดโ้ ดยใชก้ ารคูณหรอื การหาร ดว้ ยจำนวนเดยี วกนั 9. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท.

กจิ กรรมท่ี 5 มาตราส่วน ชวั่ โมงท่ี 1 1. ครูใหน้ ักเรียนทอ่ งสูตรคณู โดยใช้ไมก้ ลองประดษิ ฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนนั้ ให้นกั เรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครใู ห้นักเรยี นสงั เกตสงิ่ ต่างๆ ที่อยู่รอบตวั ภายในห้อง เช่น ประตู หนา้ ต่าง กระดาน ความ กว้างความยาวของห้องเรียน เป็นตน้ และใหน้ ักเรยี นได้รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูถามว่าสิ่งต่างๆ เหลา่ น้ีมีความยาวเท่าไร และใช้เคร่ืองมือใดในการวดั 3. ครูแนะนำมาตราสว่ นโดยนำรปู ท่มี มี าตราส่วนกำกับมาใหน้ กั เรยี นพจิ ารณา แล้วใหน้ ักเรียน บอกวา่ เห็นอะไรบ้าง (โต๊ะกวา้ ง 1 ซม. ยาว 2 ซม. และมาตราสว่ น 1 ซม. : 2 ม.) 4. ครูแนะนำการอา่ นมาตราสว่ นและความหมายของมาตราสว่ น ดงั นี้ 2 ซม. 1 ซม. มาตราส่วน 1 ซม. : 2 ม. 5. มาตราสว่ น 1 ซม. : 2 ม. อา่ นวา่ มาตราส่วน 1 เซนตเิ มตร ตอ่ 2 เมตร หมายความว่า ความ ยาวในรูป 1 เซนติเมตร แทน ความยาวจรงิ 2 เมตร จากภาพ รูปโต๊ะกวา้ ง 1 เซนตเิ มตร แสดงวา่ โต๊ะกว้าง 1 × 2 = 2 เมตร รปู โต๊ะยาว 2 เซนตเิ มตร แสดงวา่ โตะ๊ ยาว 2 × 2 = 4 เมตร ดังนนั้ โตะ๊ กว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร 6. ครแู นะนำมาตราสว่ นทไ่ี มม่ ีหนว่ ยกำกับ โดยติดภาพหนังสือบนกระดาน 2.1 ซม. 2.9 ซม. มาตราส่วน 1 : 10 7. ครูแนะนำการอ่านมาตราส่วน และความหมายของมาตราสว่ นทไ่ี มม่ หี นว่ ยกำกบั ดงั น้ี มาตราสว่ น 1 : 10 อ่านว่า มาตราส่วน 1 ตอ่ 10 หมายความวา่ ความยาวในรปู 1 หนว่ ย แทนความยาว

จรงิ 10 หนว่ ย หรอื กลา่ วได้ว่าความยาวจรงิ เปน็ 10 เท่าของความยาวในรปู ดังน้นั หนังสอื เลม่ นีก้ วา้ ง 2.1 × 10 = 21 เซนตเิ มตร และความยาว 2.9 × 10 = 29 เซนตเิ มตร 8. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ ราย ดงั นี้ - มาตราส่วนท่เี ขียนกำกบั ในแผนผงั หรือแผนที่ทำให้ทราบถงึ ความยาวจริง - มาตราสว่ นเขยี นได้ 2 แบบ คือ มาตราส่วนท่ีใช้หน่วยเดยี วกนั และมาตราส่วนที่ใช้หน่วยตา่ งกัน 9. บอกความหมายของมาตราสว่ นตอ่ ไปน้ี มาตราสว่ น 1 ซม. : 20 ม. หมายความว่าอย่างไร มาตราส่วน 1 ซม. : 15 ซม. หมายความวา่ อย่างไร มาตราส่วน 1 : 50 หมายความว่าอยา่ งไร 10. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปราย ดงั น้ี - มาตราสว่ นที่เขียนกำกบั ในแผนผงั หรอื แผนทท่ี ำใหท้ ราบถึงความยาวจรงิ - มาตราส่วนเขียนได้ 2 แบบ คือ มาตราสว่ นที่ใชห้ นว่ ยเดียวกนั และมาตราส่วนทใี่ ช้หนว่ ยต่างกัน 11. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชว่ั โมงที่ 2 1. ครูใหน้ กั เรียนท่องสตู รคูณโดยใช้ไมก้ ลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนนั้ ใหน้ ักเรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครทู บทวนเกย่ี วกับมาตราส่วนเขยี นได้ 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ใชห้ นว่ ยท่ีต่างกนั ต้องเขียน หนว่ ยกำกับไว้ แบบที่ 2 ใชห้ นว่ ยเดยี วกนั ทั้งในรปู และความยาวจรงิ ไม่ต้องเขยี นหนว่ ยกำกับ โดยใช้ภาพ ใหน้ ักเรียนได้อา่ นมาตราส่วน และบอกความกว้าง ความยาวจริง 3. ครูแสดงตวั อย่างให้นักเรยี นอา่ น และตอบคำถาม จากแผนผงั ระบุมาตราส่วนแลว้ ร่วมกัน อภิปรายเกีย่ วกบั ข้อมลู ในแผนผงั และแผนที่ โดยใหน้ กั เรยี นคำนวณหาระยะทางจรงิ ดงั น้ี แผนผงั บา้ นก้อยและสถานท่ีสำคญั โรงแรม 3.2 ซม. ธนาคาร 4.2 ซม. 3.5 ซม. โรงเรียน โรงพยาบาล 2.6 ซม. 5.5 ซม. 3.6 ซม. บ้านคุณปู่ บา้ นกอ้ ย มาตราส่วน 1 ซม. : 100 ม.

ครูถามนกั เรียนเกี่ยวกบั แผนผงั เชน่ - แผนผงั นเ้ี ป็นแผนผังอะไร (แผนผงั บ้านก้อย และสถานทีส่ ำคญั ) - แผนผงั น้ีใช้มาตราส่วนเท่าใด (มาตราส่วน 1 ซม. : 100 ม.) - ธนาคารอยทู่ างทิศใดของโรงแรม และหา่ งจากโรงแรมกเี่ มตร (ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื 320 เมตร) - โรงพยาบาลอยู่ทางทิศใดของธนาคาร และห่างจากธนาคารกเี่ มตร (ทศิ ตะวันออกเฉยี งใต้ 420 เมตร) - โรงเรียนอยู่ทางทศิ ใดของบา้ นกอ้ ย และอยหู่ ่างจากบ้านกอ้ ยกเ่ี มตร (ทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื 550 เมตร) - บา้ นกอ้ ยอยูท่ างทศิ ใดของบา้ นคุณปู่ และอยหู่ ่างจากบา้ นคุณปู่กเี่ มตร (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 360 เมตร) 4. ใหน้ กั เรียนดูภาพแลว้ ตอบคำถาม - บา้ นบีมอยู่ทางทิศใดของบ้านกอ้ ย และห่างจากบ้านก้อยกเี่ มตร - บา้ นบมี อยทู่ างทศิ ใดของบ้านกล้า และห่างจากบ้านกล้าก่ีเมตร - บา้ นตน้ อยทู่ างทศิ ใดของบ้านกล้า และห่างจากบ้านกลา้ กี่เมตร - บา้ นปออยู่ทางทิศใดของบ้านต้น และห่างจากบา้ นตน้ กเี่ มตร - บา้ นต้นอยู่ทางทิศใดของบา้ นนก และห่างจากบ้านนกก่ีเมตร - บา้ นหนุม่ อย่ทู างทิศใดของบ้านบีม และหา่ งจากบ้านบมี กเี่ มตร - บ้านปออยู่ทางทศิ ใดของบา้ นหนุ่ม และหา่ งจากบ้านหนุ่มก่ีเมตร - บ้านกอ้ ยอยทู่ างทศิ ใดของบ้านกล้า และห่างจากบา้ นกลา้ กี่เมตร - บ้านกล้าอยู่ทางทิศใดของบ้านปอ และหา่ งจากบา้ นปอกเี่ มตร - บ้านก้อยอยูท่ างทิศใดของบา้ นนก และหา่ งจากบ้านนกกี่เมตร 5. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย ดังน้ี - ภาพทีบ่ อกตำแหนง่ หรอื เสน้ ทางการเดินทางเป็นแผนท่ี - ภาพลายเสน้ ท่แี สดงบรเิ วณ ตำแหน่งของสถานทอี่ าคารที่อยอู่ าศยั เป็นแผนผัง 6. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมที่ 6 โจทย์ปัญหาเก่ียวกับอตั ราส่วน ช่วั โมงท่ี 1 1. ครใู ห้นกั เรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใชแ้ ก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคูณ หลงั จากน้ัน ใหน้ ักเรียนคิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ 2. ครูให้นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง อัตราส่วน โดยครูถามกระตุ้นความคิดนักเรียน แล้วให้ ช่วยกนั คดิ วเิ คราะห์ ดงั น้ี - ในชีวติ ประจำวนั นักเรียนพบเห็นสถานการณ์หรือขอ้ ความทเี่ กี่ยวข้องกับอตั ราส่วนหรอื ไม่ อยา่ งไร โดยให้ยกตัวอย่างประกอบ (เหน็ เช่น อัตราส่วนจากการทำนำ้ ผลไม้ อัตราสว่ นการปรงุ อาหาร)

3. ครตู ดิ แถบโจทยป์ ัญหาอตั ราสว่ นให้นกั เรยี นดังน้ี อัตราสว่ นของน้ำหนกั ของปอตอ่ นำ้ หนกั ปา่ นเป็น 3 : 2 ถา้ ปอหนกั 39 กโิ ลกรมั ปา่ นหนักก่ีกิโลกรมั 4. ให้นักเรียนอา่ นโจทย์ แลว้ ชว่ ยกนั วิเคราะห์ทำความเข้าใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถาม - โจทย์ต้องการทราบอะไร (ปา่ นหนกั กก่ี โิ ลกรมั ) - โจทย์ขอ้ นีก้ ำหนดอะไรบา้ ง (อตั ราส่วนของน้ำหนักของปอตอ่ นำ้ หนกั ป่านเปน็ 3 : 2 ถา้ ปอหนกั 39 กิโลกรมั ) 5. นักเรียนและครูร่วมกันวางแผน เพื่อนำไปสู่แนวทางแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ที่ได้จากข้อ 1. ดังน้ี 39 กิโลกรมั ปอ ปา่ น ? 6. นกั เรียนชว่ ยกันแสดงวธิ ที ำ เพอื่ หาคำตอบตามที่โจทย์ตอ้ งการ ดังน้ี วิธที ำ ปอหนกั 3 หนว่ ย เท่ากับ 39 กิโลกรัม จะไดน้ ำ้ หนัก 1 หน่วย เท่ากบั 39 = 13 กโิ ลกรัม 3 ปา่ นหนัก 2 หน่วย เทา่ กับ 2 × 13 = 26 กโิ ลกรัม ดังนั้น ป่านหนัก 26 กิโลกรัม ตอบ ปา่ นหนัก ๒๖ กิโลกรัม 7. ใหน้ กั เรยี นเขยี นประโยคสัญลักษณแ์ ละแสดงวิธหี าคำตอบ 1 สวนผลไม้ของตน้ มอี ัตราสว่ นของจำนวนตน้ มังคุดต่อตน้ เงาะเปน็ 4 : 6 ถ้ามตี น้ เงาะ 360 9, ต้น จะมีต้นมงั คุดกีต่ น้ 2 อัตราส่วนของนักเรียนชายต่อนักเรยี นหญิงมีอัตราส่วนเป็น 5 : 4 ถา้ จำนวนนกั เรยี นมี 25 9, คน จะมีนักเรยี นหญิงทง้ั หมดกคี่ น 3 แมอ่ บคกุ กร้ี สนมและรสช็อกโกแลตทงั้ หมด 180 ชิ้น ถ้าอตั ราสว่ นระหวา่ งคุกก้รี สนมตอ่ รส 9, ช็อกโกแลต คือ 4 : 6 แมอ่ บคุกก้รี สละกช่ี นิ้

8. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภปิ ราย ดงั นี้ การแก้โจทยป์ ัญหาอัตราส่วน ตอ้ งทำความเขา้ ใจโจทย์ โดยพจิ ารณาจากสิง่ ท่ีโจทย์ถาม และส่ิงที่โจทย์กำหนดกอ่ น แล้วจงึ วางแผนแกป้ ญั หา โดยใช้ความร้เู รือ่ ง อัตราสว่ นมาชว่ ยในการดำเนินการ แลว้ ควรมกี ารตรวจสอบความเหมาะสมของคำตอบด้วยทกุ ครั้ง 9. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. กิจกรรมที่ 7 โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกับมาตราสว่ น ช่วั โมงท่ี 1 1. ครูใหน้ กั เรยี นทอ่ งสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคณู หลงั จากน้ัน ใหน้ ักเรียนคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ 2. ครใู หน้ กั เรียนทบทวนความรู้ เรอ่ื ง มาตราสว่ น โดยครถู ามกระต้นุ ความคิดนักเรียน แล้วให้ ชว่ ยกันคดิ วเิ คราะห์ ดังน้ี - ในชีวิตประจำวัน นักเรยี นพบเห็นสถานการณห์ รอื ข้อความท่ีเกี่ยวข้องกบั มาตราส่วนหรือไม่ อยา่ งไร โดยให้ยกตวั อยา่ งประกอบ (เห็น เชน่ มาตราสว่ นของแผนท่ปี ระเทศไทย มาตราส่วนของแผนท่ีโลก) 3. ครตู ิดแถบโจทย์ปญั หามาตราส่วนใหน้ กั เรยี นดังนี้ อัตราสว่ นของน้ำหนกั ของปอต่อน้ำหนักป่านเป็น 3 : 2 ถา้ ปอหนกั 39 กิโลกรมั ปา่ นหนักก่ีกิโลกรัม 4. ให้นกั เรียนอา่ นโจทย์ แลว้ ช่วยกันวิเคราะห์ทำความเข้าใจโจทย์ โดยอาจตอบคำถาม - โจทย์ตอ้ งการทราบอะไร (ป่านหนกั ก่กี ิโลกรัม) - โจทยข์ อ้ นีก้ ำหนดอะไรบา้ ง (อัตราส่วนของนำ้ หนกั ของปอตอ่ นำ้ หนกั ป่านเปน็ 3 : 2 ถ้าปอหนกั 39 กิโลกรัม) 5. นกั เรียนและครูร่วมกันวางแผน เพื่อนำไปสแู่ นวทางแก้ปญั หา 39 กิโลกรัม ปอ ปา่ น ? 6. นกั เรยี นช่วยกนั แสดงวิธีทำ เพือ่ หาคำตอบตามที่โจทยต์ อ้ งการ ดงั นี้ วธิ ีทำ ปอหนกั 3 หนว่ ย เท่ากบั 39 กิโลกรมั จะได้นำ้ หนกั 1 หน่วย เท่ากับ 39 = 13 กิโลกรัม 3 ป่านหนกั 2 หน่วย เทา่ กับ 2 × 13 = 26 กโิ ลกรัม ดงั น้ัน ปา่ นหนัก 26 กิโลกรัม ตอบ ป่านหนัก ๒๖ กิโลกรัม

7. ให้นักเรยี นเขยี นประโยคสัญลักษณ์และแสดงวธิ หี าคำตอบ 1 สวนผลไมข้ องตน้ มีอตั ราส่วนของจำนวนต้นมังคดุ ต่อตน้ เงาะเป็น 4 : 6 ถา้ มีตน้ เงาะ 360 ตน้ จะมีต้นมงั คุดกต่ี น้ 9, 2 อัตราสว่ นของนักเรยี นชายต่อนักเรียนหญิงมีอัตราส่วนเป็น 5 : 4 ถา้ จำนวนนกั เรียนมี 25 คน จะมีนักเรยี นหญิงท้ังหมดก่คี น 9, 3 แม่อบคุกกร้ี สนมและรสช็อกโกแลตทงั้ หมด 180 ช้ิน ถา้ อัตราสว่ นระหว่างคกุ กรี้ สนมตอ่ รส ชอ็ กโกแลต คือ 4 : 6 แมอ่ บคุกกีร้ สละกีช่ ้นิ 9, 8. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปราย ดังนี้ การแกโ้ จทยป์ ัญหามาตราสว่ น ต้องทำความเข้าใจโจทย์ โดยพจิ ารณาจากสิง่ ท่ีโจทยถ์ าม และส่งิ ทโ่ี จทย์กำหนดกอ่ น แลว้ จงึ วางแผนแกป้ ญั หา โดยใช้ความรูเ้ รื่อง อตั ราส่วนมาชว่ ยในการดำเนินการ แลว้ ควรมีการตรวจสอบความเหมาะสมของคำตอบด้วยทุกคร้ัง 9. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 9. สือ่ / แหล่งเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน 2. แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. 3. แถบโจทยป์ ัญหาประจำหนว่ ยการเรียนรู้ 4. Boardgame

โรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คำสวัสด์ริ าษฎรบ์ ำรงุ ) อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี ข้อสอบบทที่ 3 รอ้ ยละและอตั ราสว่ น มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด ค1.1 ป.6/12 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นทำเครอื่ งหมาย x ทบั อักษรหน้าคำตอบที่ถูกต้องท่สี ดุ เพยี งคำตอบเดียว จำนวน 20 ขอ้ ขอ้ 1. มถี วั่ เหลือง 900 กระสอบ ขายได้ 270 กระสอบ ขอ้ 8. พ่อคา้ ซือ้ รองเท้ามาคู่ละ 190 บาท ขายไปได้ คดิ เป็นขายถ่วั เหลืองได้รอ้ ยละเท่าไร กำไร 10% พ่อค้าได้กำไรกี่บาท ก.รอ้ ยละ 30 ข. รอ้ ยละ 40 ก. 5 บาท ข. 11 บาท ค. รอ้ ยละ 50 ง. ร้อยละ 60 ค. 19 บาท ง. 25 บาท ข้อ 2 . พ่อขายกางเกงโหลละ 1,200 บาท ไดก้ ำไร ขอ้ 9. ปากกาดา้ มหนึ่งตดิ ราคา 80 บาท ขาย 200 บาท พ่อขายกางเกงไดก้ ำไรร้อยละเท่าไร ขาดทนุ 10% ขายปากกาขาดทุนกี่บาท ก. รอ้ ยละ 5 ข. รอ้ ยละ 10 ก. ขาดทนุ 38 บาท ข. ขาดทุน 28 บาท ค. ร้อยละ 15 ง. ร้อยละ 20 ค. ขาดทนุ 18 บาท ง. ขาดทุน 8 บาท ข้อ 3 . คณุ ลงุ เล้ียงเป็ดไว้ 700 ตัว เปน็ ตัวผู้ 224 ตัว ข้อ 10. แมค่ า้ ตง้ั ราคาโคมไฟไว้ 120 บาท แต่ลดใหผ้ ู้ เฉลี่ยแลว้ เปน็ เปด็ ตัวผู้ร้อยละเท่าไร ซ้ือ 10% แมค่ ้าขายโคมไฟไปราคาเทา่ ไร ก. รอ้ ยละ 32 ข. รอ้ ยละ 25 ก. 90 บาท ข. 98 บาท ค. ร้อยละ 13 ง. ร้อยละ 7 ค. 108 บาท ง. 112 บาท ขอ้ 4 . ประพนธต์ ดิ ราคาขายโต๊ะ 1,800 บาท ลด ข้อ 11. คณุ แม่ซื้อพัดลมมาราคา 500 บาท ขายตอ่ ราคาให้ 200 บาท ประพนธ์ขายโต๊ะก่ีบาท ใหป้ า้ ขาดทนุ 6% คุณแม่ขายพัดลมไปราคาเทา่ ไร ก. 900 บาท ข. 1,600 บาท ก. 470 บาท ข. 480 บาท ค. 2,900 บาท ง. 3,400 บาท ค. 485 บาท ง. 490 บาท ข้อ 5 . เพ็ญศรีซื้อผ้าห่มราคา 250 บาท ขายไป 275 ข้อ 12. ป้าซ้ือของมาราคา 9,200 บาท ขายขาดทนุ บาท เพ็ญศรไี ดก้ ำไรหรือขาดทุนกบ่ี าท 7% อยากทราบวา่ ขายไปเทา่ ไร ก. ขาดทนุ 25 บาท ข. ขาดทุน 25 บาท ก. 8,556 บาท ข. 8,600 บาท ค. ได้กำไร 5 บาท ง. ไดก้ ำไร 25 บาท ค. 8,650 บาท ง. 8,765 บาท ขอ้ 6. อารีซ้ือแหวนมาวงละ 9,800 บาท ขายต่อให้ ขอ้ 13. กระเปา๋ เดินทางใบละ 900 บาท ขาย เพอื่ นขาดทุน 15 % คดิ เป็นขาดทนุ ก่ีบาท ขาดทุนไป 5% อยากทราบวา่ กระเป๋าใบนี้ต้นทนุ ก. 540 บาท ข. 950 บาท เทา่ ไร ค. 1,470 บาท ง. 1,500 บาท ก. 855 บาท ข. 865 บาท ขอ้ 7. สมบูรณ์ซือ้ โทรศพั ท์มือถอื เครอ่ื งหนงึ่ ราคา ค. 875 บาท ง. 885 บาท 8,700 บาท ขายตอ่ ใหเ้ พ่ือนได้กำไร 5% ขายไปราคา ข้อ 14. ขายที่ดินราคา 28,500 บาท ขาดทุน 5% เท่าไร ซอ้ื ที่ดนิ มาราคาเท่าไร ก. 9,135 บาท ข. 10,135 บาท ก. 26,000 บาท ข. 26,075 บาท ค. 11,105 บาท ง. 12,455 บาท ค. 27,890 บาท ง. 27,075 บาท

ข้อ 15. ติ๋มซือ้ ตุ๊กตาราคา 1,100 บาท ขายไดก้ ำไร 2% ต๋ิมขายไดก้ ำไรกีบ่ าท ก. 22 บาท ข. 24 บาท ค. 42 บาท ง. 53 บาท ข้อ 16. สมชายตดิ ราคานาฬิกาไว้ 3,200 บาท ลด ราคาให้พาณี 12% สมชายขายนาฬกิ าให้พาณไี ป ราคาเท่าไร ก. 2,323 บาท ข. 2,816 บาท ค. 3,897 บาท ง. 4,561 บาท ขอ้ 17. คุณแม่ตดิ ราคาต้ไู ว้ 4,500 บาท ตดิ ปา้ ยลด ราคา 15% แต่ถ้ามีผซู้ ้ือเงินสดจะลดให้ 25% อยาก ทราบว่าผ้ทู ซี่ ้ือเงนิ สดจะต้องจา่ ยเงินเทา่ ไร ก. 370 บาท ข. 1,986 บาท ค. 3,375 บาท ง. 3,542 บาท ขอ้ 18. เอและบีออมเงินโดยมอี ัตราสว่ นจำนวน เงนิ ออมของเอต่อบีเปน็ 2 : 3 ถ้าบอี อมเงนิ ได้ มากกวา่ เอ 60 บาท เอออมเงนิ ได้เทา่ ใด ก. 40 บาท ข. 50 บาท ค. 60 บาท ง. 70 บาท ข้อ 19. กเู้ งนิ 50,000 บาท อตั ราดอกเบย้ี 2% ตอ่ ปี ********** ขอให้ทกุ คนโชคดี ************ เม่ือครบปจี ะเสียดอกเบ้ยี เทา่ ไร ผตู้ รวจขอ้ สอบ ลงชอ่ื .................................................ครูผสู้ อน (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) ก. 500 บาท ข. 800 บาท ค. 1,000 บาท ง. 1,300 บาท ข้อ 20. สวนผลไม้ของตน้ มีอตั ราสว่ นของจำนวน ตน้ มงั คดุ ตอ่ ตน้ เงาะเป็น 4 : 6 ถา้ มีต้นเงาะ 360 ตน้ จะมีตน้ มังคุดกต่ี ้น ก. 80 ตน้ ข. 120 ตน้ ค. 180 ตน้ ง. 240 ตน้

ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ดา้ น คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี น ในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งวา่ ง ใหต้ รงกบั ระดบั คะแนน และตามความเป็นจรงิ โดยมีเกณฑก์ ารให้คะแนน ดังน้ี 4 = พฤตกิ รรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนมาก และบอ่ ยครง้ั สม่ำเสมอ 3 = พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ 2 = พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้ัง 1 = พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ตั ิบางคร้งั คณุ ลักษณะอัน ระดบั คะแนน พึงประสงค์ รายการประเมิน 4 321 ด้าน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มีความรัก และภูมิใจในความเปน็ ชาติ กษัตรยิ ์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรักภักดีตอ่ สถาบัน พระมหากษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ 2.1 ปฏิบัติตามระเบยี บการสอน และไมล่ อกการบ้าน สจุ ริต 2.2 ประพฤติ ปฏิบัติ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเปน็ จริงต่อผู้อ่นื 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรยี บร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บของห้อง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความร้ไู ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ และสิ่งของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั พอเพียง 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและร้คู ณุ ค่า 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. มุ่งม่ันในการ 6.1 มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับ ทำงาน มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค เพอ่ื ให้งาน สำเร็จ 7. รกั ความเปน็ 7.1 มจี ิตสำนึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย ไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ 8.1 รจู้ ักการให้เพื่อสว่ นรวม และเพ่ือผูอ้ ื่น สาธารณะ 8.2 แสดงออกถึงการมนี ำ้ ใจหรือการให้ความช่วยเหลอื ผอู้ ่ืน 8.3 เข้าร่วมกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพื่อส่วนรวมเมื่อมโี อกาส ชือ่ ......................................................................................................................ชั้ น.................เลขที.่ .................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook