รายงานการใช้นวัตกรรมการจดั การเรยี นร้ทู เ่ี สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 1 รายงานการพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เร่อื ง ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาคัญในการสร้างสรรคช์ าติไทย นายวีรเดช มะแพทย์ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครชู านาญการ โรงเรียนทบั โพธ์พิ ฒั นวิทย์ อาเภอรัตนบุรี จงั หวัดสุรินทร์ สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 33 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรยี นรทู้ ่ีเสนอขอรบั รางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 2ก ช่ือเรอื่ ง รายงานการพฒั นาเอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรื่อง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ ชาตไิ ทย ผศู้ ึกษาควา้ นายวรี เดช มะแพทย์ ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ สถานศกึ ษา โรงเรียนทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ อาเภอรัตนบุรี จังหวัดสรุ ินทร์ สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 33 ปีการศึกษา 2560 บทคดั ย่อ การศึกษาค้นควา้ ครง้ั นม้ี ีวัตถุประสงคเ์ พ่อื 1) พัฒนาเอกสารประกอบการเรียนวชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เร่ือง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าติ ไทย ใหม้ ีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80, 2) ศกึ ษาดัชนปี ระสิทธผิ ลของเอกสารประกอบการเรียน วชิ า ประวัติศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่ือง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคัญในการ สรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย, 3) เปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรยี นและหลังเรยี นของนกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ทจี่ ดั การเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เรอื่ ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรคช์ าติไทย และ 4) ศกึ ษา ความพึงพอใจของนักเรยี น ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ที่มตี อ่ การจดั การเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรือ่ ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคัญใน การสรา้ งสรรค์ชาติไทย กลมุ่ เปา้ หมายทใ่ี ชใ้ นการศึกษาค้นคว้าในคร้งั น้ี ได้แก่ นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนทบั โพธพ์ิ ัฒนวิทย์ จังหวดั สุรนิ ทร์ สังกัดสานักงาน เขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 จานวน 27 คน ซ่ึงได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการศึกษาคน้ คว้าในคร้ังนี้ ไดแ้ ก่ 1) เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เรอื่ ง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการ สรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย จานวน 8 เล่ม, 2) แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย จานวน 18 แผน, 3) แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย ประกอบด้วย (1) แบบทดสอบกอ่ นเรียน และหลังเรยี น วิชาประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เร่ือง ประวัตแิ ละผลงานของ บคุ คลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย เปน็ แบบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4 ตวั เลือก จานวนเลม่ ละ 10 ข้อ (2) แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น วิชาประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรอื่ ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย เป็นแบบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 30 ข้อ และ 4) แบบวดั ความพึงพอใจของนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ท่มี ีต่อการ จัดการเรยี นร้โู ดยใช้เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย จานวน 20 ข้อ สถติ ทิ ใ่ี ช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ( X ), รอ้ ยละ (Percentage), สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และค่า t-test (Dependent Sample) ระยะเวลาที่ใชใ้ นการศกึ ษาค้นคว้า คอื ภาคเรยี นท่ี 1 ปี
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรยี นร้ทู เ่ี สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 3 การศึกษา 2560 จานวน 18 ชวั่ โมง ต้งั แต่วันท่ี 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560 รวมการทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนก่อนและหลังเรยี น ผลการศกึ ษาค้นคว้า พบวา่ 1. เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศึกษา ปีที่ 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย มปี ระสทิ ธิภาพ (E1/E2 ) เทา่ กบั 86.29/84.19 ซงึ่ สงู กว่าเกณฑ์ 80/80 ทีต่ งั้ ไว้ 2. เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ช้ันมัธยมศึกษา ปีท่ี 2 เร่อื ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย มีคา่ ดัชนปี ระสทิ ธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.7142 หมายความวา่ นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2560 โรงเรียนทบั โพธิพ์ ฒั นวิทย์ จังหวัดสุรนิ ทร์ สังกัดสานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ทีจ่ ดั การเรียนรู้โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชัน้ มัธยม ศึกษาปีท่ี 2 เรื่อง ประวัติและผลงานของบคุ คลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย ความรู้เพม่ิ ขึน้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 71.42 3. นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560 โรงเรยี นทับโพธิ์พฒั นวิทย์ จังหวดั สรุ นิ ทร์ สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 33 ทีจ่ ัดการเรียนรู้โดยใช้เอกสาร ประกอบการเรียน วิชาประวัตศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เรอื่ ง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย มผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นหลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดบั .01 4. นกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรยี นทับโพธิ์พัฒนวทิ ย์ จงั หวัดสรุ ินทร์ สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 มคี วามพึงพอใจตอ่ การจัดการ เรยี นรู้โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ิศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย โดยรวม อยใู่ นระดบั มากท่ีสุด มคี ่าเฉลีย่ เท่ากบั 4.56
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรียนรทู้ ี่เสนอขอรบั รางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ ข4 สารบัญ บทคดั ย่อ ก สารบญั ข บทที่ หน้า 1. ข้อมลู ผู้ขอรับการประเมิน............................................................................................... 1 2. ผลการปฏิบัติงาน (ด้านที่ 3) .............................................................. .................... 1 ส่วนท่ี 1 ผลการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน.................................................................. 1 1.1 ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นในกล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา............... 1 - ชือ่ วิชาท่ีสอน ประวัติศาสตร์ (ส22163) ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2..................... 1 1.2 คา่ ทีเฉล่ยี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ 1 ท่ีสอนรายวิชาประวัติศาสตร์.................. นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ............................................................................................................. 9 ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะไดร้ บั จากการศึกษาคน้ ควา้ ............................................................ 21 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการศึกษาคน้ คว้า............................................................................. 22 2 เอกสารและงานวิจยั ท่เี กีย่ วข้อง............................................................................. 23 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551.....................................…. 42 หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม.......................................................................... 42 แผนการจัดการเรยี นรู้...................................................................................................... 47 เอกสารประกอบการเรียน............................................................................................... 53 ประสิทธภิ าพของส่ือการเรียนการสอน............................................................................ 58 ดัชนีประสทิ ธิผลของส่อื การเรียนการสอน....................................................................... 61 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน................................................................................................... 63 ความพงึ พอใจ.................................................................................................................. 68 งานวิจัยทเ่ี กย่ี วข้อง.......................................................................................................... 71 3 วธิ ีดาเนนิ การศึกษาค้นควา้ ..................................................................................... 75 กล่มุ เปา้ หมาย.................................................................................................................. 75 เครื่องมอื ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า.................................................................................... 75 การสรา้ งและการหาคุณภาพเครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการศึกษาคน้ คว้า...................................... 77 แบบแผนการทดลอง....................................................................................................... 94 การเก็บรวบรวมข้อมูล..................................................................................................... 95 การจดั กระทาข้อมลู และการวเิ คราะหข์ ้อมลู ................................................................... 96 สถิตทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล........................................................................................ 98
รายงานการใช้นวตั กรรมการจัดการเรยี นรู้ทีเ่ สนอขอรับรางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 5 สารบญั (ตอ่ ) บทที่ หน้า 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ............................................................................................... 103 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ....................................................... 103 ลาดบั ขัน้ ตอนในการนาเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล........................................................ 103 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ..................................................................................................... 104 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ............................................................... 102 วตั ถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า.................................................................................. 112 กลมุ่ ตวั เป้าหมาย............................................................................................................. 112 ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า.................................................................................. 112 เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ในการศึกษาค้นควา้ .................................................................................... 113 การเก็บรวบรวมข้อมูล..................................................................................................... 114 การจดั กระทาข้อมูลและการวเิ คราะหข์ ้อมลู ................................................................... 114 สรปุ ผล............................................................................................................................. 115 อภปิ รายผล...................................................................................................................... 117 ขอ้ เสนอแนะ.................................................................................................................... 119 บรรณานกุ รม.................................................................................................................... 121 ภาคผนวก.......................................................................................................................... 125 ภาคผนวก ก รายนามผู้เช่ียวชาญ/หนังสือขอความอนเุ คราะหผ์ ้เู ชี่ยวชาญ................... 126 ภาคผนวก ข ตัวอยา่ งแผนการจัดการวชิ าประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ ชาติไทย.................................................................................................................... 128 ภาคผนวก ค ตัวอย่างเอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัตศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 เรอ่ื ง ประวตั ิและผลงานของบคุ คลสาคัญใน การสรา้ งสรรค์ชาติไทย............................................................................................. 139 ภาคผนวก ง ตัวอย่างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่ือง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคล สาคัญในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย............................................................................... 140 ภาคผนวก จ แบบประเมินและผลการประเมินเอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ประวัตศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง ประวตั ิ และผลงานของบคุ คลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย โดยผเู้ ช่ยี วชาญ.................. 147 ภาคผนวก ฉ แบบประเมนิ และผลการประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ วชิ าประวัติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงาน ของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรคช์ าติไทย โดยผเู้ ช่ยี วชาญ.................................... 152
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นรู้ท่เี สนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 6 สารบัญ (ตอ่ ) บทท่ี หนา้ ภาคผนวก ช คา่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC), คา่ ความยาก (P), คา่ อานาจจาแนก (B) และคา่ ความเช่ือมั่นของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น วิชาประวัติ ศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เรอ่ื ง ประวตั ิและผลงาน ของบคุ คลสาคัญในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย............................................................... 157 ภาคผนวก ซ แบบประเมนิ และผลการประเมินแบบวดั ความพงึ พอใจของนักเรยี น ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ที่มตี อ่ การจัดการเรยี นรู้โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น เรียนรู้ วชิ าประวัติศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย....................... 160 ภาคผนวก ฌ หนงั สอื ขอความอนุเคราะห์เผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ/หนังสือ ตอบรับการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ.................................................................... 165 ประวตั ิยอ่ ของผูศ้ กึ ษาค้นควา้ ........................................................................................ 167
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจดั การเรียนรทู้ ่ีเสนอขอรบั รางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 7 สารบัญตาราง ตาราง หนา้ 1 กรอบโครงสร้างเวลาเรียน.............................................................................................. 32 2 ตัวชว้ี ัด และสาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระประวตั ศิ าสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2.......................................... 45 3 วิเคราะหเ์ นอื้ หา สาระสาคญั จุดประสงค์การเรยี นรู้ และเวลาเรียนของวิชาประวตั ิ ศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เร่ือง ประวัตแิ ละผลงาน ของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย.................................................................... 77 4 ผลการประเมินความเหมาะสมของเอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เรื่อง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคัญ ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย โดยผเู้ ช่ียวชาญ จานวน 5 ท่าน........................................ 81 5 ผลการประเมนิ ความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี นรู้ วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญ ในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย โดยผเู้ ช่ยี วชาญ จานวน 5 ทา่ น...................................... 85 6 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่ือง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ ชาติไทย โดยผู้เช่ียว ชาญ จานวน 5 ท่าน............................................................... 88 7 จานวนแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เรือ่ ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรค์ ชาติไทย ของแตล่ ะเลม่ ................................................................................................. 90 8 แสดงค่าความยาก (P), คา่ อานาจจาแนก (B) และค่าความเช่อื มนั่ ของแบบทดสอบ กอ่ นเรียนและหลังเรยี น วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ช้ันมัธยมศึกษา ปที ่ี 2 เรื่อง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าติไทย............... 91 9 แบบแผนการทดลอง...................................................................................................... 94 10 แสดงการจดั การเรยี นรูโ้ ดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั ิและผลงานของบุคคล สาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย ทใี่ ชก้ ารทดลองคร้งั ละ 1 ชั่วโมง............................. 95 11 วเิ คราะหห์ าประสทิ ธภิ าพดา้ นกระบวนการ (E1) ของเอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรอ่ื ง ประวัติ และผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าติไทย................................................. 104 12 วเิ คราะหห์ าประสิทธภิ าพด้านผลลพั ธ์ (E2 ) ของเอกสารประกอบการเรียน วชิ า ประวตั ิศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 เรือ่ ง ประวัตแิ ละผลงาน ของบคุ คลสาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย................................................................... 106
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจดั การเรยี นรู้ท่ีเสนอขอรับรางวลั โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 8 สารบัญตาราง (ต่อ) ตาราง หน้า 13 ประสิทธภิ าพ (E1/E2 ) ของเอกสารประกอบการเรียน วิชาประวัตศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เร่อื ง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการ สร้างสรรคช์ าติไทย....................................................................................................... 107 14 ดชั นีประสิทธผิ ล (E.I.) ของเอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงานของบคุ คลสาคัญในการ สรา้ งสรรค์ชาติไทย......................................................................................................... 108 15 คะแนนรวมของการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนเรยี นและหลังเรยี น ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ทจ่ี ดั การเรยี นรู้โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เรอ่ื ง ประวัติ และผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาติไทย.................................................. 109 16 แสดงการเปรยี บเทียบผลการทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนก่อนเรียนและหลัง เรียนของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ทจ่ี ดั การเรียนรโู้ ดยใช้เอกสารประกอบ การเรยี น วิชาประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย............................ 109 17 คา่ เฉลยี่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และระดับความพงึ พอใจของนกั เรียนช้ันมัธยม ศกึ ษาปีที่ 2 ทีม่ ีต่อการจัดการเรยี นรูโ้ ดยใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น วิชาประวตั ิ ศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เร่ือง ประวัติและผลงาน ของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย.................................................................... 110 18 สรุปค่าเฉลีย่ และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของเอกสารประกอบการเรียน วิชาประวัติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 เร่ือง ประวัติและผลงาน ของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาติไทยร์ โดยผ้เู ช่ียวชาญ จานวน 5 ท่าน.......... 150 19 สรปุ ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของแผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าประวตั ิ ศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงาน ของบคุ คลสาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย โดยผเู้ ช่ยี วชาญ จานวน 5 ท่าน............ 155 20 แสดงคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 เรอ่ื ง ประวตั ิ และผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย.................................................. 158 21 แสดงคา่ ความยาก (P) และคา่ อานาจจาแนก (B) ของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรคช์ าติไทย............................. 159
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจดั การเรียนรูท้ ี่เสนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 9 สารบัญตาราง (ต่อ) ตาราง หน้า 22 แสดงคา่ ดัชนีความสอดคลอ้ ง (IOC) ของแบบวัดความพงึ พอใจของนักเรยี นช้นั มัธยม ศึกษาปีที่ 2 ทม่ี ีต่อการจัดการเรียนร้โู ดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัติ ศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง ประวตั แิ ละผลงาน ของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาติไทย.................................................................... 163 23 แสดงคา่ อานาจจาแนก (rxy ) ของแบบวดั ความพงึ พอใจของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษา ปที ่ี 2 ท่ีมตี ่อการจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั ิและผลงานของบคุ คลสาคัญ ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย.............................................................................................. 164
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ทีเ่ สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 10 สารบญั ภาพประกอบ ภาพประกอบ หน้า 1 กรอบแนวคิดท่ีใช้ในการศึกษาคน้ ควา้ ......................................................................... 11 2 รหสั กากับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัด................................................................. 17 3 ความสมั พนั ธข์ องการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551.................................................................................. 18 4 การใช้ประโยชนแ์ ละการไดร้ บั ความพงึ พอใจจากส่ือ................................................... 58
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ทเี่ สนอขอรบั รางวลั โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 11 ประกาศคุณปู การ รายงานการพัฒนาเอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เรือ่ ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย ในครั้งน้ีประสบ ผลสาเรจ็ ลุล่วงได้ดว้ ยดี ดว้ ยการใหค้ าปรึกษา ตรวจสอบ แกไ้ ขขอ้ บกพร่อง ตลอดจนให้คาแนะนาและให้ ความช่วยเหลอื จากนายปิยะวฒั น์ ศรีไสว ผอู้ านวยการโรงเรียนทบั โพธิพ์ ฒั นวทิ ย์, นายทศั วิน โขรัมย์ ศึกษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 32, นางวรรณิภา บุราสิทธิ์ ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรียนนาโพธิ์พิทยาคม, นางภัชมณนิ ทร์ แจะไธสง ครู ชานาญการพิเศษ โรงเรยี นนาโพธิพ์ ทิ ยาคม และนางอรอนงษ์ แกว้ ไธสง ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนนา โพธพิ์ ทิ ยาคม ทแ่ี นะนาให้ผู้ศึกษาคน้ ควา้ ได้รับแนวทางในการดาเนนิ งานและประสบการณใ์ นการศึกษา ค้นควา้ ในครั้งนี้เป็นอยา่ งมาก จงึ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสงู มา ณ โอกาสน้ี ขอกราบขอบพระคุณนายปิยะวัฒน์ ศรีไสว ผู้อานวยการโรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวทิ ย์ และคณะครู โรงเรยี นทับโพธิ์พฒั นวิทย์ สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ทุกทา่ น ทใ่ี ห้กาลังใจตลอดระยะเวลาทาการศึกษาค้นคว้าในครง้ั นี้ รวมท้ังนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษา ปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนทบั โพธ์ิพัฒนวทิ ย์ สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 33 ท้งั 27 คน ท่ีให้ความรว่ มมือ ร่วมใจ จนทาให้การศึกษาคน้ ควา้ ในคร้ังน้ีประสบความสาเร็จตามวตั ถุประสงค์ท่ีตง้ั ไวท้ กุ ประการ ขอระลึกถึงพระคุณคุณพ่อ-คณุ แม่ สมาชิกใน ครอบครวั และเพื่อน ๆ ที่ให้ความชว่ ยเหลือและเป็นกาลังใจในการศึกษาคน้ ควา้ ในครงั้ นี้ ประโยชน์และคุณคา่ ใดทีเ่ กิดข้ึนจากรายงานการพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน วชิ า ประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่อื ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย ผ้ศู ึกษาคน้ คว้าขอมอบบูชาพระคุณแด่บดิ า มารดาผ้ใู หก้ าเนิดชีวติ บูรพคณาจารยท์ ี่ไดอ้ บรม สง่ั สอนให้เป็นผทู้ ีม่ ีศลี สมาธิ ปญั ญา และให้กาลงั ใจแก่ผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ วรี เดช มะแพทย์
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจดั การเรียนรู้ทเี่ สนอขอรบั รางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 12 บทท่ี 1 บทนา ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช 2542 และแก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบบั ที่ 2) พุทธศักราช 2545 กาหนดแนวทางการจดั การศกึ ษาโดยยึดหลักการท่วี ่า ผู้เรียนทกุ คนมคี วามสามารถเรยี นรู้ และพฒั นาตนเองไดแ้ ละถือว่าผู้เรียนมคี วามสาคัญทีส่ ดุ กระบวนการจัดการเรียนร้จู งึ ต้องจดั เน้ือหาสาระ กจิ กรรมให้สอดคล้องกบั ความสนใจและความถนดั ฝึกให้ผู้เรยี นไดค้ ดิ เปน็ ทาเปน็ รักการอา่ นผสมผสานอยา่ ง สมดุล พร้อมทั้งปลูกฝังให้นักเรียนเปน็ ผูม้ ีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม คา่ นิยมที่พงึ ประสงค์ มุ่งใหเ้ กิดประโยชน์สงู สดุ แกผ่ ูเ้ รยี น ผู้เรียนไดพ้ ัฒนาเต็มศักยภาพ (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 2543 : 7) การจัดการการศึกษาของไทย ตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 ซึง่ เป็นกฎหมายแม่บทในการปฏริ ูปการศกึ ษาไทย สาระสาคัญโดยสรุปของ พระราชบญั ญตั ิดังกลา่ วมีความมุง่ หมายในการจัดการศึกษาว่า ต้องเป็นไปเพอื่ พัฒนาคนไทยใหเ้ ปน็ มนุษย์ท่ี สมบรู ณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ สตปิ ัญญา ความรู้ และคุณธรรม มจี ริยธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยรู่ ่วมกับผอู้ ่ืนได้อยา่ งมีความสขุ (มาตรา 6) โดยอาศัยอานาจตามความในบทเฉพาะกาล มาตรา 74 แหง่ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 จงึ เหน็ สมควรกาหนดใหม้ หี ลักสูตรการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2544 โดยยดึ หลกั ความมีเอกภาพดา้ น นโยบายและมีความหลากหลายในการปฏบิ ตั ิ กลา่ วคือ เปน็ หลกั สูตรแกนกลางของประเทศท่ีมีโครงสรา้ ง หลกั ยืดหยนุ่ มีการกาหนดจุดหมายและคุณภาพของผเู้ รยี นตามระดับช่วงชน้ั ซงึ่ ถือเป็นมาตรฐานการเรียนรู้ แตล่ ะกลุม่ แบ่งเปน็ ชว่ งช้นั ละ 3 ปี ในภาพรวม 12 ปี จัดเฉพาะส่วนท่ีจาเป็นสาหรับการพฒั นาคณุ ภาพ ชีวิตความเป็นไทย ความเป็นพลเมอื งดีของชาติ การดารงชีวิตและการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพ่ือ การศึกษาต่อ ใหส้ ถานศึกษาจัดทาสาระในรายละเอยี ดเป็นรายปีหรือรายภาคใหส้ อดคล้องกับสภาพปัญหาใน ชุมชน สงั คม ภูมิปัญญาท้องถ่นิ คณุ สมบัติอันพึงประสงค์เปน็ สมาชิกที่ดขี องครอบครัว ชมุ ชน สงั คมและ ประเทศชาติ รวมถึงจัดใหส้ อดคลอ้ งกับความสามารถ ความถนดั และความสนใจของผเู้ รียนแต่ละ กลุม่ เปา้ หมายดว้ ย ในสาระการเรยี นรู้ จานวน 8 กลุม่ สาระการเรียนรู้ ในแต่ละสาระการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ยองค์ความรู้ ทกั ษะหรอื กระบวนการเรียนรู้ และคณุ ลกั ษณะหรือคา่ นิยม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ของผูเ้ รยี น ซึ่งผูเ้ รียนจะตอ้ งมีคณุ ภาพตามที่หลักสูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐานคาดหวงั เมื่อจบการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน 12 ปี หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 เปน็ หลกั สูตรที่มงุ่ เนน้ พัฒนาผู้เรยี นให้ เปน็ คนดี มปี ัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ จงึ กาหนดจดุ หมายเพ่ือให้เกิด กบั ผเู้ รียน คอื มคี วามสามารถในการส่ือสาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และมีทักษะชวี ติ มี ความรกั ชาติ มีจติ สานกึ ในความเปน็ พลเมืองไทยและพลเมอื งโลก ยึดม่นั ในวถิ ชี วี ิตและการปกครองตาม ระบอบการประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ พระประมุข (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2551) จาก สาระสาคญั ของกระบวนการจดั การศกึ ษาที่มุ่งเน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ดังกลา่ ว แสดงให้เห็นว่าทักษะการคิดเป็น หัวใจสาคญั ของการปฏริ ปู การศกึ ษา โดยการเปลยี่ นแปลงกระบวนการเรยี นรู้โดยมุ่งเนน้ ให้ผเู้ รยี นคิดเป็น วิเคราะหเ์ ปน็ และสรา้ งองค์ความรู้ได้ ซงึ่ จะส่งผลใหบ้ ุคคลสามารถเรยี นรไู้ ด้อยา่ งต่อเน่ืองและเต็มศักยภาพ
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจดั การเรยี นรูท้ ี่เสนอขอรับรางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 13 การศกึ ษาในยุคปฏริ ปู การศึกษาต้องการให้เด็กรจู้ กั คดิ เปน็ ทางานเป็น และแก้ปัญหาเป็น ด้วยความเชอ่ื กัน วา่ เด็กคดิ ไม่เปน็ น้ันไมถ่ ูกต้อง เดก็ ๆ ทกุ คนสามารคดิ ได้และร้จู ักคดิ หากครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นได้ฝึกฝน เก่ยี วกบั การคดิ อย่างจริงจัง ลัดดา ภู่เกยี รติ. 2544) ซึง่ ทักษะการคดิ เปน็ ทักษะท่สี ง่ เสริมการเรยี นรู้ ผูเ้ รียน จะตอ้ งฝึกและพฒั นาจนทาได้เปน็ นสิ ยั เพอ่ื ให้ผเู้ รียนสามารถขยายความรู้ ประสบการณ์ และความคิดของ ตนเองให้กว้างขวางลึกซึ้ง (จุฬาลกั ษณ์ ภูปัญญา. 2550) การคิดวิเคราะห์ เปน็ การคิดโดยใช้สมองซีกซ้าย เป็นหลกั เป็นการคิดในเชิงลกึ คิดอยา่ งละเอยี ดจากเหตุไปสผู่ ล มีการคดิ หาทางเลือกในรูปแบบตา่ ง ๆ ไป จนถึงการวิเคราะหเ์ ปรยี บเทยี บเพอื่ ตัดสนิ ใจเลือกกรณีทมี่ คี วามเหมาะสมและคุ้มคา่ สูงสดุ ถือเป็นการคดิ วเิ คราะหท์ ม่ี ีความสมบูรณ์ (จริยา ภสู ฤี ทธ.์ิ 2550) ดังนั้น ทกั ษะการคดิ วิเคราะหจ์ งึ เป็นทักษะทจ่ี าเป็นอย่าง ยงิ่ ที่ผเู้ รยี นจะต้องได้รบั การพัฒนา เนอื่ งจากเปน็ ทกั ษะทีเ่ ปน็ พน้ื ฐานสาคัญในการตดั สินใจและแกป้ ญั หาใน การดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 นัน้ กระทรวงศึกษาธกิ าร (2551) กล่าวไวว้ า่ ให้มีการจดั การเรียนรทู้ ่ีสอดคล้องกบั สภาพปัญหาในชุมชนและสงั คม ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เพื่อเป็นสมาชกิ ทด่ี ีของครอบครวั ชุมชน สงั คมและ ประเทศชาติ รวมถึงจดั ให้สอดคลอ้ งกบั ความสามารถ ตามความถนดั และความสนใจของผู้เรียนแตล่ ะ กลมุ่ เปา้ หมาย เป็นการจดั การศกึ ษามงุ่ เนน้ ความสาคัญด้านความรู้ ความคิด ความสามารถ คุณธรรม กระบวนการเรยี นรู้ และความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม เพื่อพัฒนาใหม้ คี วามสมดุล โดยยดึ หลกั ผู้เรียนมี ความสาคญั ท่ีสุด ทุกคนมคี วามสามารถในการเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ สง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนสามารถพฒั นา ตามธรรมชาติและศักยภาพ ให้ความสาคญั ต่อความรเู้ กีย่ วกบั ตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสงั คม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก รวมทง้ั ความรูเ้ ก่ียวกบั ประวัตศิ าสตร์ความเป็นมาของสภาพ สังคมไทย และระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์เป็นประมุข ความรู้ ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เร่ืองการจัดการ การบารงุ รกั ษา การ ใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยนื ความรเู้ ก่ยี วกบั ศาสนา ศลิ ปะ วฒั นธรรม การกีฬา ภมู ปิ ญั ญาไทย และการประยกุ ต์ใชภ้ มู ปิ ัญญา ความรู้ดา้ นทักษะคณิตศาสตร์ และด้าน ภาษาเน้นการใชภ้ าษาไทยอย่างถกู ต้องในการอ่าน การเขยี นและใช้ในการส่ือความติดต่อสื่อสารไดเ้ หมาะสม เปา้ หมายการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ในการจดั การศึกษาตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 เมอื่ จบการศึกษาชว่ งช้ัน ที่ 2 (ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-3) มุ่งจัดกระบวนการเรยี นที่มีเน้อื หาใหค้ รอบคลุมถึงประเด็นดา้ นผู้เรียนท่ีตอ้ ง รับผดิ ชอบการเรยี นของตน การเรียนกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จึงตอ้ งแสดง ความเข้าใจในสาระความรูท้ างภมู ศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สงั คมวิทยา ศาสนาและวัฒนธรรม และการเปน็ พลเมืองดี เข้าใจโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของระบบการเมือง การปกครอง ระบบสงั คมและระบบ เศรษฐกจิ เข้าใจความสมั พันธ์ระหว่างกจิ กรรมต่าง ๆ ที่มนุษยก์ ระทาตา่ งเวลา ต่างสถานที่ บนพ้ืนฐาน ความคดิ ที่แตกต่างกัน แตต่ ้องสามารถนาไปสคู่ วามเป็นส่วนรวมและความเปน็ ประชาธปิ ไตย ตระหนักใน คุณคา่ ของหลักการประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ และหลกั การอนื่ ท่ปี รากฏใน รฐั ธรรมนูญ รวมทงั้ เร่อื งเสรีภาพ ความเสมอภาค ความยุตธิ รรม และความรับผิดชอบ สามารถนามาใชก้ ับ ตนเอง ผอู้ ืน่ และสงั คมได้ มีความปฏิสัมพันธ์และทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างเหมาะสม แสดงออกถงึ ความ เคารพตนเองและผ้อู ่ืน รบั ผดิ ชอบต่อผอู้ น่ื และต่อสภาพแวดลอ้ ม ซงึ่ เป็นสาระสาคญั ของคณุ ลกั ษณะการเป็น คนดีทีไ่ ด้รับ
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจดั การเรียนรู้ที่เสนอขอรบั รางวลั โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 14 การพัฒนาดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และสาระทเี่ กย่ี วข้องกับการอยู่รอดของมวลมนษุ ย์ มีส่วนร่วมในกิจกรรม ต่าง ๆ ท่ีจะบริการผู้อ่นื และส่งเสรมิ สงิ่ ดงี ามให้เกิดขึน้ ในสงั คม กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เปน็ กลุม่ สาระการเรียนรทู้ ผี่ ู้เรยี นต้องใช้เวลา 12 ปี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพอื่ พฒั นาคุณลักษณะของผู้เรียนให้เป็นพลเมืองดีท้ังในระดับครอบครัว ชมุ ชน สังคม ประเทศชาติและระดับโลก สามารถดาเนนิ ชวี ติ อยู่ในสังคมอย่างสนั ตสิ ุข ซง่ึ วิชาสังคมศึกษา ประกอบด้วยศาสตร์ต่าง ๆ หลายสาขา มลี ักษณะเป็นสหวิทยาการ ม่งุ เนน้ ให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ มีทักษะ กระบวนการ มีคุณธรรมจรยิ ธรรม คา่ นิยมท่พี ึงประสงค์ รวมท้งั ไดแ้ สดงบทบาท และความรบั ผดิ ชอบทง้ั ต่อ ตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสภาพแวดลอ้ ม กลา่ วไดว้ ่า สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมหรือกระบวนการเรียนรู้ ทางสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม คอื กระบวนการในการจัดการเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมสังคม ทัง้ ดา้ น ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบตั ติ วั ทถ่ี ูกต้องเกีย่ วกบั สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ซ่งึ การเปลยี่ นแปลง นนั้ เกิดจากการจดั ประสบการณ์ตา่ ๆ ใหก้ บั บคุ คล เนื่องจากหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ได้ กาหนดสาระการเรยี นรใู้ นแต่ละกลุม่ ไว้เฉพาะสว่ นท่ีจาเปน็ ในการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นทุกคนเท่านัน้ สาหรบั ส่วนทต่ี อบสนองความสามารถ ความถนัดและความสนใจของผู้เรยี นแตล่ ะคนนน้ั สถานศกึ ษาสามารถกาหนด เพิ่มขึน้ ได้ ใหส้ อดคล้องและสนองตอบศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคน วิชาประวตั ิศาสตร์ เปน็ สาระที่ 4 ของหลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและ วฒั นธรรม ธรรมชาตวิ ชิ าหากจะมองโดยผิวเผนิ ก็คงจะเป็นเรอื่ งทน่ี า่ เบื่อ เพราะมีแตอ่ ดตี จงึ ตอ้ งอาศยั การ จดจาเหตุการณ์มาก จนทาใหผ้ ูเ้ รียนร้สู ึกว่าไม่น่าสนใจและไม่มีส่ิงใดจะจงู ใจได้เลย เนือ่ งจากเปน็ สงิ่ ที่ไม่ ทนั สมัย และมองในแนวทางการประกอบอาชพี ก็แทบจะไมม่ เี สียด้วยซา้ ไป จึงสง่ ผลให้ผลสัมฤทธิท์ างการ เรียนไมอ่ ยู่ในระดับทพี่ อใจ และสาเหตุอีกประการ คอื จากตัวครผู สู้ อนยังใช้วธิ กี ารสอนยงั ไม่หลากหลาย ครผู ู้สอนจดั การเรียนรู้ยังไม่ดีพอ ทาให้ผเู้ รียนมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นต่า มเี จตคติไม่ดีตอ่ วิชาประวตั ิศาสตร์ ดังน้นั ครูผู้สอนตอ้ งพัฒนาการเรยี นการสอน และต้องพฒั นาสือ่ การเรยี นการสอน โดยการใช้แนวการจดั กิจกรรมตามความสนใจของผู้เรยี น พัฒนาส่ือการเรียนรู้ใหม้ ีคณุ ภาพ ซง่ึ จะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนบรรลุจดุ ประสงคไ์ ด้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ การพฒั นาสอื่ การเรียนรู้ให้เหมาะสมทาได้หลายลกั ษณะ ได้แก่ แบบฝกึ หดั คมู่ ือการ เรยี นรู้ หนังสือเสรมิ ประสบการณ์ แบบเรียนสาเรจ็ รปู หรอื บทเรียนโปรแกรม เปน็ ตน้ ผ้ศู กึ ษาค้นควา้ ในฐานะครูสอน รายวชิ าประวัตศิ าสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรยี น ทับโพธิพ์ ฒั นวทิ ย์ จงั หวัดสุรินทร์ สังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 มาหลายปี มักประสบกับปัญหาทเ่ี ป็นอุปสรรคหลายประการในการจัดการเรยี นรู้ วิชาประวตั ศิ าสตร์ ซ้า ๆ กนั ที่ผ่านมา กลา่ วคือ พบว่า การจัดการเรยี นรู้ วชิ าประวัติศาสตร์ ยังไม่ประสบผลสาเรจ็ เท่าทค่ี วร โดย ผเู้ รยี นที่มีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นตา่ เน่ืองจากนักเรยี นขาดความสนใจเพราะคิดว่าเปน็ เร่อื งท่ีไกลตัว ครผู สู้ อนไม่สามารถจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนใหบ้ รรลุตามจุดประสงค์ของหลกั สตู รได้ครบถ้วน ประกอบ กบั การจัดการเรยี นรู้ วชิ าประวัตศิ าสตร์ เปน็ เนื้อหา วิธกี าร และเทคโนโลยที ่ีย่งุ ยากในการอธิบายในเชงิ ปฏบิ ัติการ ปัญหาการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน วิชาประวตั ิศาสตร์ มเี น้ือหาที่มากเกินไป บางบทไม่ เหมาะสมกับเวลาเรยี นทาให้ครผู ู้สอนต้องเรง่ สอนใหจ้ บเนื้อหาเปน็ เรอ่ื งท่ีต้องใชค้ วามจามากทาใหน้ ักเรียนเบื่อ หนา่ ย สือ่ การเรียนการสอนไมเ่ หมาะสม ครูผสู้ อนขาดเทคนิคการสอน ไมส่ ามารถจดั กิจกรรมการเรียนการ สอนได้ดีเท่าทีค่ วร ครผู ูส้ อนมีงานอืน่ ที่ต้องรับผดิ ชอบมากทาให้ไม่มเี วลาสอนอยา่ งเตม็ ท่ี ปญั หาดงั กลา่ ว ส่งผลใหก้ ารจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนไมบ่ รรลุวัตถปุ ระสงค์
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจดั การเรียนรูท้ เี่ สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 15 จากรายงานผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น วิชาประวตั ิศาสตร์ ของนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรยี นทบั โพธิ์พฒั นวทิ ย์ จังหวัดสุรินทร์ สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ปกี ารศกึ ษา 2559 ที่ผา่ นมา อยูใ่ นเกณฑท์ ่ีไมน่ า่ พอใจ ดงั นี้ ภาคเรยี นที่ 1 ได้คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 69.58 และภาคเรยี นที่ 2 ได้คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 70.71 จากเหตผุ ลและปัญหาดังกลา่ วจึง จาเปน็ อย่างย่งิ ท่จี ะต้องหาสื่อและนวตั กรรมใหม่ ๆ เขา้ มาใชก้ ับผู้เรียน เพอ่ื ชว่ ยแก้ปญั หาและชว่ ยแบ่งเบา ภาระของครูผสู้ อนที่ทาการสอนและเพ่มิ กจิ กรรมให้เด็กนักเรียนได้ฝกึ ฝนเรียนรดู้ ้วยตนเองตามความสามารถ ทาให้ศึกษาคน้ คว้าตระหนักถึงความสาคัญของการสรา้ งนวัตกรรมเพื่อพฒั นาการเรยี นรตู้ ามนโยบายของ สถานศกึ ษาที่มุ่งพฒั นากระบวนการเรยี นการสอนให้มีประสทิ ธภิ าพ และส่งเสรมิ ให้ครูผู้สอนสามารถสร้าง นวตั กรรมเพ่ือพัฒนาการเรยี นรูท้ ี่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดบั การศึกษา จงึ มีความม่งุ มั่นทจี่ ะตอบสนอง แนวทางการปฏริ ูปการเรยี นรู้และพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ โดยมุ่งเน้นทีจ่ ะพฒั นาองค์ความรสู้ ผู่ เู้ รียนใหม้ ี คณุ ภาพและศักยภาพในการดารงชีพอยู่ในสังคมได้อย่างยง่ั ยนื ครูผู้สอนจะตอ้ งมกี จิ กรรมการเรยี นการสอนที่ มีสื่อเขา้ มาประกอบในการเรียนการสอนเพ่อื ดึงดดู ความสนใจของผู้เรยี น ซงึ่ สื่อการเรยี นการสอนมีอยู่หลาย ชนดิ ครจู ะตอ้ งเลือกให้ตรงกับความสนใจของผเู้ รียน ใหผ้ เู้ รยี นมีส่วนรว่ มในกิจกรรมตา่ ง ๆ โดยเปิดโอกาสให้ เดก็ ไดเ้ รียนรดู้ ้วยตนเองให้มากกวา่ ทจ่ี ะได้รบั จากครูผสู้ อนฝา่ ยเดียว และต้องเป็นกิจกรรมท่ีสนองความ ตอ้ งการความสนใจ นวัตกรรมการเรียนรทู้ ่นี ามาใชน้ น้ั ตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาขน้ึ มาอย่างมีคุณภาพ มี ประสิทธภิ าพ และเหมาะสมสอดคลอ้ งกับสถานการณ์ด้วยจึงจะเป็นผลดีตอ่ กระบวนการเรียนการสอน การ สรา้ งหรือพฒั นานวัตกรรมข้นึ มาใช้ ครผู ู้สอนต้องพิจารณาถึงลักษณะเฉพาะและคุณสมบัตขิ องนวัตกรรม เสยี กอ่ น เพ่ือใหเ้ ป็นไปตามวัตถปุ ระสงคก์ ารสอน ไม่เช่นน้ันอาจก่อใหเ้ กิดข้อผิดพลาดจนผู้เรยี นสับสนหรอื ไดร้ ับประสบการณ์ที่เบี่ยงเบนไปจากเปา้ หมายที่ครูผ้สู อนต้องการได้ สอ่ื การเรียนรเู้ ปน็ ปจั จัยสาคญั อย่างหน่ึง ที่จะช่วยใหก้ ารจดั การเรยี นรไู้ ด้บรรลุจุดหมายของหลักสูตร ส่อื เปน็ เครอ่ื งมือถา่ ยทอดความรู้ ความคิด เสริมสรา้ งคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และประสบการณ์ใหแ้ กผ่ ้เู รียน ช่วยกระตนุ้ ความสนใจและเป็น ตัวกลางให้การสื่อสารระหว่างครูผ้สู อนและผู้เรยี นดาเนนิ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้ผูเ้ รียนมีพัฒนาการดา้ น ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะปฏิบัติ จากการศึกษาเอกสารและงานวิจยั ทางดา้ นการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมสอ่ื การเรียนการสอน พบวา่ มสี ่ือหลายชนดิ ที่สามารถนามาใชป้ ระกอบกจิ กรรมการเรียนรู้ ท้งั นี้ในการเลือกใช้จะต้องคานึงถงึ ลักษณะธรรมชาตขิ องเนอ้ื หาในแต่ละวชิ า ผูศ้ ึกษาค้นควา้ จึงเห็นว่าการจัดทาเอกสารประกอบการเรยี นนา่ จะ เปน็ สอื่ การเรียนรทู้ ี่ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ สามารถพัฒนาผู้เรยี นในด้านวธิ คี ิด ทกั ษะ และกระบวนการในการค้นคว้าหาความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ สามารถ ตดั สินใจโดยใช้ข้อมูลทห่ี ลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ตามความสามารถและศักยภาพของ ผเู้ รยี น โดยมคี รผู ้สู อนเปน็ เพียงผวู้ างแผนในการจดั กจิ กรรมหรือกระตุ้นให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ มีคุณธรรม และจรยิ ธรรมควบคู่ไปกบั องค์ความรทู้ ีเ่ กิดขน้ึ ดงั ที่ ซ่อนกล่นิ เพยี รกสิกรรม (2551 : บทคดั ยอ่ ) ไดพ้ ฒั นา เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวตั ศิ าสตร์ เรอื่ ง อาณาจกั รสุโขทยั สาหรับนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 กลุ่มตัวอยา่ ง ได้แก่ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรยี นไตรราษฎร์อุปถมั ภ์ สานกั งานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษานครสวรรค์ เขต 2 ผลการวิจยั พบวา่ เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัตศิ าสตร์ เร่ือง อาณาจักรสุโขทัย สาหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 มีประสทิ ธิภาพ เท่ากับ 82.30/81.00 เปน็ ไปตาม เกณฑ์ 80/80 เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัตศิ าสตร์ เรอื่ ง อาณาจักรสโุ ขทัย สาหรบั นักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 มีค่าดัชนีประสทิ ธผิ ล เท่ากับ 0.60 ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน วิชาประวัตศิ าสตร์ ของ นกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ท่ไี ด้รบั การสอนโดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ิศาสตร์ เรอ่ื ง
รายงานการใช้นวัตกรรมการจดั การเรียนรทู้ ี่เสนอขอรบั รางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 16 อาณาจักรสุโขทยั สาหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรยี นอย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ิ ทร่ี ะดบั .05 และนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ทีไ่ ดร้ ับการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ประวัติศาสตร์ เร่ือง อาณาจักรสโุ ขทัย สาหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 มคี วามคงทนในการเรยี นรู้ อย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ิท่รี ะดับ .05 และกมลวรรณ สมัยสมภพ (2553 : บทคดั ย่อ) ได้รายงานการใช้ เอกสารประกอบการเรยี น วิชาสงั คมศกึ ษาและวฒั นธรรม ส33101 (สาระท่ี 5 ภูมศิ าสตร์) เรือ่ ง ทวปี อเมริกาใต้ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 กล่มุ ตัวอย่าง คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนเทศบาล 4 (วดั มหาธาตวุ รวหิ าร) จงั หวัดราชบรุ ี ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2553 จานวน 30 คน ผลการวจิ ัย พบว่า เอกสารประกอบการเรียน วชิ าสังคมศกึ ษาและวัฒนธรรม ส33101 (สาระที่ 5 ภูมศิ าสตร์) เรอ่ื ง ทวีป อเมริกาใต้ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 มปี ระสทิ ธิภาพ เทา่ กับ 82.71/83.10 คะแนนผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ทเี่ รยี นดว้ ยเอกสารประกอบการเรียน วิชาสังคมศกึ ษาและวฒั นธรรม ส 33101 (สาระท่ี 5 ภูมศิ าสตร)์ เร่ือง ทวีปอเมรกิ าใต้ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 หลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรยี นอยา่ ง มีนยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ .05 และนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยเอกสาร ประกอบการเรยี น วิชาสงั คมศกึ ษาและวฒั นธรรม ส33101 (สาระท่ี 5 ภูมิศาสตร)์ เรื่อง ทวปี อเมริกาใต้ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ในระดับมากท่ีสุด ค่าเฉล่ยี เทา่ กับ 4.54 จากความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหาดังกล่าวขา้ งต้น ผู้ศกึ ษาคน้ ควา้ ในฐานะครผู สู้ อน วชิ า ประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ สังกัด สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 33 จึงสรา้ งและพัฒนาเอกสารประกอบการเรยี น วิชา ประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เรื่อง ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาคัญในการ สร้างสรรคช์ าติไทย เพ่ือใชใ้ นการจัดการเรยี นรูใ้ ห้ผเู้ รยี นรูจ้ ักการกาหนดเป้าหมาย ร้จู กั แก้ปญั หา รู้จักการ คดิ วิเคราะห์ การมีปฏสิ มั พนั ธ์ในกลุ่ม รจู้ ักรับผดิ ชอบ ร่วมกนั พัฒนาคณุ ภาพงานให้มปี ระสทิ ธภิ าพ และเป็น คนดีสามารถดารงชวี ิตอยใู่ นสังคมได้อยา่ งมีความสุข วตั ถปุ ระสงคข์ องการศึกษาค้นควา้ 1. เพอ่ื พฒั นาเอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรื่อง ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาคัญในการสร้างสรรคช์ าติไทย ให้มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพือ่ ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เรอื่ ง การสร้างสรรคภ์ ูมปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ 3. เพอ่ื เปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนเรียนและหลงั เรยี นของนักเรียนชนั้ มธั ยม ศกึ ษาปีท่ี 2 ทจ่ี ดั การเรยี นรู้โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ที่ 2 เร่ือง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าติไทย 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ทมี่ ตี ่อการจดั การเรียนรู้ โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 เร่ือง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรคช์ าติไทย
รายงานการใช้นวตั กรรมการจัดการเรียนรู้ทเ่ี สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 17 สมมตฐิ านของการศึกษาค้นคว้า 1. ไดเ้ อกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้นั มัธยมศึกษา ปที ี่ 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย ท่ีมีประสทิ ธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2. เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชัน้ มัธยมศกึ ษา ปีท่ี 2 เร่ือง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย มีคา่ ดชั นีประสิทธผิ ล ต้งั แต่ 0.50 ขึน้ ไป 3. นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทจ่ี ดั การเรยี นรโู้ ดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 เรอื่ ง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญใน การสร้างสรรค์ชาตไิ ทย มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหลังเรยี นสูงกวา่ กอ่ นเรยี น 3. นักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 มีความพึงพอใจต่อการจดั การเรียนรูโ้ ดยใชเ้ อกสารประกอบการ เรียน วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เรอื่ ง ประวัติและผลงานของบุคคล สาคญั ในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย อยใู่ นระดับมากทส่ี ดุ ความสาคัญของการศกึ ษาคน้ คว้า 1. ได้เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้นั มธั ยมศกึ ษา ปที ่ี 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย ท่ีมีประสทิ ธิภาพใน การจัดการเรยี นรู้ วิชาประวัตศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เพอื่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรยี น เพิ่มพูนทักษะและความรู้ 2. เป็นแนวทางสาหรบั ครผู ู้สอน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ ในการจัดการเรียนรโู้ ดยใช้เอกสารประกอบการ เรียน เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพ่ิมพูนทักษะ และความรู้ในสาระอืน่ ๆ ของกลุม่ สาระการ เรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 3. ทาให้ทราบถึงความพึงพอใจของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ทมี่ ตี อ่ การจดั การเรียนรูโ้ ดยใช้ เอกสารเอกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ิศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย ขอบเขตของการศกึ ษาค้นคว้า 1. กลมุ่ เปา้ หมาย กลมุ่ เป้าหมายที่ใช้ในการศกึ ษาคน้ คว้าในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาค เรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนทบั โพธิ์พฒั นวิทย์ จังหวดั สรุ นิ ทร์ สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา มัธยมศกึ ษา เขต 33 จานวน 27 คน ซ่งึ ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 2. ตัวแปร ตวั แปรทใ่ี ช้ในการศกึ ษาค้นคว้าในครัง้ น้ี ประกอบดว้ ย 2.1 ตวั แปรต้น คอื การจัดการเรยี นรู้โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เร่ือง ประวัติและผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นรู้ท่เี สนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 18 2.2 ตัวแปรตาม คอื 2.2.1 ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น วิชาประวัตศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรยี นทบั โพธ์ิพัฒนวทิ ย์ จงั หวัด สุรินทร์ สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 33 ทจี่ ดั การเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการ เรียน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 เร่ือง ประวัติ และผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย 2.2.2 ความพงึ พอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2560 โรงเรยี นทับโพธพ์ิ ัฒนวทิ ย์ จังหวดั สรุ ินทร์ สังกัดสานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ท่ีมตี ่อการจดั การเรียนรูโ้ ดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 เรอ่ื ง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย 3. เน้ือหา เนื้อหาที่ใชใ้ นการศกึ ษาค้นควา้ ในคร้ังนี้ ไดแ้ ก่ เน้ือหาใน วิชาประวตั ิศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 เรอื่ ง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าติไทย ซ่ึงประกอบดว้ ย เน้อื หา ดงั ต่อไปนี้ สมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ 1 (อทู่ อง), สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ, สมเดจ็ พระสุริโยทัย, สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช, สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช, สมเด็จพระเพทราชา, สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช และสมเดจ็ เจา้ พระยามหากษัตรยิ ศ์ ึก (ทองดว้ ง) โดยสรา้ งและพัฒนาขน้ึ เปน็ เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เรอื่ ง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาติไทย จานวน 8 เลม่ ประกอบดว้ ย 3.1 เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย เลม่ ท่ี 1 สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ 1 (อูท่ อง) 3.2 เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย เลม่ ที่ 2 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 3.3 เอกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย เลม่ ที่ 3 สมเด็จพระสุรโิ ยทัย 3.4 เอกสารประกอบการเรียน วิชาประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เรอ่ื ง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาติไทย เล่มที่ 4 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3.5 เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เรื่อง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย เล่มท่ี 5 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช 3.6 เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย เล่มท่ี 6 สมเดจ็ พระเพทราชา 3.7 เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรื่อง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย เลม่ ท่ี 7 สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช 3.8 เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย เล่มที่ 8 สมเด็จเจา้ พระยามหากษตั รยิ ์ศึก (ทองดว้ ง)
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจดั การเรียนรู้ท่ีเสนอขอรบั รางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 19 4. ระยะเวลาท่ีใช้ในการศกึ ษาคน้ ควา้ ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาคน้ ควา้ ในครงั้ น้ี คือ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2560 จานวน 18 ชว่ั โมง ต้ังแตว่ ันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560 รวมการ ทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นกอ่ นและหลงั เรยี น นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 1. เอกสารประกอบการเรียน หมายถงึ เอกสารทผ่ี ้ศู กึ ษาค้นคว้าสร้างและพฒั นาขนึ ้ เพ่ือใช้ในการจัดการ เรยี นรู้ วิชาประวัติศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เร่ือง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย โดยจดั ทาเป็นเอกสารประกอบ การเรยี น วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22183 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เร่ือง ประวตั ิและผลงาน ของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาติไทย จานวน 8 เล่ม ประกอบดว้ ย 1.1 เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรือ่ ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย เล่มที่ 1 สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 1 (อ่ทู อง) 1.2 เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 เร่ือง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย เลม่ ที่ 2 สมเด็จพระบรม ไตรโลกนาถ 1.3 เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย เลม่ ที่ 3 สมเดจ็ พระสุรโิ ยทัย 1.4 เอกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย เล่มที่ 4 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช 1.5 เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรื่อง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย เลม่ ท่ี 5 สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช 1.6 เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรื่อง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย เลม่ ท่ี 6 สมเดจ็ พระเพทราชา 1.7 เอกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอ่ื ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย เล่มที่ 7 สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช 1.8 เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรื่อง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย เลม่ ท่ี 8 สมเด็จ เจา้ พระยามหากษตั ริยศ์ ึก (ทองดว้ ง)
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจดั การเรียนรทู้ ่เี สนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 20 2. แผนการจดั การเรยี นรู้ หมายถงึ เอกสารที่แสดงถงึ แนวทางการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรื่อง ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย จานวน 18 แผน 3. แบบทดสอบก่อนเรยี น–หลงั เรียน หมายถึง แบบทดสอบวัดความรู้ ความสามารถ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี นของนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ทก่ี ารจัดการเรยี นรู้โดยใช้เอกสารประกอบ การเรยี น วิชาประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เร่ือง ประวตั ิและผลงาน ของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย ซ่งึ เป็นแบบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน เลม่ ละ 10 ข้อ 4. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน หมายถงึ แบบทดสอบที่มีเนอื้ หาสอดคล้อง กบั เอกสารประกอบการเรียน วิชาประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่อื ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย และสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ การเรยี นรู้ ใชว้ ดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนก่อนเรียนและหลงั เรยี นของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ท่ีการจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้เอกสารประกอบการเรียน วิชาประวัตศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เรื่อง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย ซ่งึ เป็น แบบปรนัย ชนดิ เลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 30 ข้อ 5. การจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น หมายถงึ การใช้เอกสารประกอบ การ เรียน วิชาประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 เรือ่ ง ประวตั ิและผลงาน ของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย จานวน 8 เล่ม ในการจัดการเรยี นรู้ โดยแตล่ ะคร้ังนกั เรียนได้ ศกึ ษาและทากิจกรรมรายบุคคลและรว่ มกนั สรุปในระบบกลมุ่ 6. ประสิทธภิ าพของเอกสารประกอบการเรยี น หมายถงึ กระบวนการจัดการเรียนรู้ ซง่ึ เกี่ยวข้องกบั ประสิทธภิ าพดา้ นกระบวนการและประสทิ ธภิ าพดา้ นผลลพั ธ์ที่สง่ ผลให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้ และมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นถึงระดับเกณฑท์ ค่ี าดหวังไว้ โดยครงั้ นี้กาหนดเกณฑ์ ไว้เป็น 80/80 ซงึ่ มีความหมาย ดงั น้ี 80 ตวั แรก หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลยี่ ของนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวิทย์ จังหวดั สุรนิ ทร์ สังกดั สานักงาน เขตพนื้ ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ทุกคน ท่ีได้จากคะแนนจากการทาแบบทดสอบหลงั เรียน เมื่อ จดั การเรียนรูโ้ ดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 เร่อื ง ประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ในการสรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย จานวน 8 เล่ม ๆ เล่มละ 10 ข้อ ซ่งึ ไดค้ ะแนน ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป 80 ตวั หลัง หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉล่ียของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาค เรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560 โรงเรียนทบั โพธิพ์ ฒั นวิทย์ จงั หวัดสรุ นิ ทร์ สงั กัดสานักงาน เขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ทกุ คน ที่ได้จากการทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลงั เรยี น เม่ือจัดการเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหัสวชิ า
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ทีเ่ สนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 21 ส22163 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่ือง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย จานวน 30 ขอ้ ซ่งึ ไดค้ ะแนน รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป 7. ดชั นีประสทิ ธิผลของเอกสารประกอบการเรยี น หมายถึง ตัวเลขแสดงความก้าวหน้าทางการ เรยี นของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2560 โรงเรียนทบั โพธิ์ พัฒนวทิ ย์ จังหวัดสุรินทร์ สงั กัดสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ทจ่ี ัดการเรยี น รู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วิชาประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่ือง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสร้างสรรค์ชาติไทย โดยการเปรียบเทียบคะแนนท่ี มากข้ึนจากคะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนและหลงั เรียนและคะแนนเต็ม โดยถอื เกณฑ์ 0.50 ข้นึ ไป 8. ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น หมายถงึ ความสามารถในการเรยี นรู้ วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหัสวิชา ส22163 เร่อื ง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย ของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2560 โรงเรยี นทับโพธิ์พฒั นวทิ ย์ จงั หวัดสรุ นิ ทร์ สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 33 ทจี่ ัดการเรยี นรโู้ ดยใช้เอกสารประกอบ การเรียน วชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส22163 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เร่อื ง ประวตั แิ ละผลงาน ของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย ในรปู ของคะแนนทไ่ี ดจ้ ากการทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรียนที่ผศู้ กึ ษาค้นคว้าสรา้ งและพัฒนาขึ้น 9. ความพึงพอใจ หมายถึง ความร้สู ึกหรือทัศนคติของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2560 โรงเรียนทบั โพธพ์ิ ฒั นวิทย์ จังหวดั สุรนิ ทร์ สังกดั สานักงาน เขตพื้นทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 33 ที่มีตอ่ การจดั การเรียนรู้โดยใชเ้ อกสารประกอบการเรียน วิชา ประวัตศิ าสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เร่ือง ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการ สร้างสรรค์ชาติไทย 10. นกั เรียน หมายถงึ นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2560 โรงเรียนทบั โพธ์ิพฒั นวทิ ย์ จังหวัดสรุ นิ ทร์ สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 33 จานวน 27 คน ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะได้รบั จากการศึกษาค้นควา้ 1. ได้เอกสารประกอบการเรียน วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชนั้ มธั ยมศึกษา ปที ่ี 2 เรอื่ ง ประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาคญั ในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2. นกั เรยี นระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรยี น ทับโพธิพ์ ัฒนวทิ ย์ จงั หวัดสรุ ินทร์ สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น วชิ าประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ทสี่ งู ขน้ึ
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรียนร้ทู ีเ่ สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 22 กรอบแนวคิดทีใ่ ชใ้ นการศึกษาคน้ ควา้ การศึกษาค้นควา้ ในครั้งน้ี ผู้ศึกษาค้นคว้ามีกรอบแนวคิดท่ีใชใ้ นการศึกษาค้นควา้ รายละเอยี ด ดงั แสดงในภาพประกอบ 1 ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม การจัดการเรียนรโู้ ดยใช้ - ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ท่จี ัดการเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรือ่ ง ประวัติ ประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส22163 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 และผลงานของบุคคลสาคัญ เรอื่ ง ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั ในการ ในการสร้างสรรคช์ าตไิ ทย สร้างสรรคช์ าตไิ ทย - ความพึงพอใจของนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ทม่ี ตี ่อ การจัดการเรยี นร้โู ดยใช้เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ประวัติศาสตร์ รหสั วิชา ส22163 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เรื่อง ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาคัญในการ สรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาคน้ คว้า
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรียนรู้ท่เี สนอขอรบั รางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 23 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ียวข้อง รายงานการพฒั นาเอกสารประกอบการเรียน วิชาประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส22163 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรือ่ ง ประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคัญในการสรา้ งสรรคช์ าตไิ ทย ในครงั้ นี้ ผู้ศึกษาค้นควา้ ได้ทาการศกึ ษาจากเอกสาร และงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ตามลาดบั ข้นั ตอน ดงั ต่อไปน้ี 1. หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 2. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 3. แผนการจัดการเรยี นรู้ 4. เอกสารประกอบการเรียน 5. ประสิทธภิ าพของสือ่ การเรียนการสอน 6. ประสิทธผิ ลของส่ือการเรียนการสอน 7. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น 8. ความพึงพอใจ 9. งานวจิ ยั ที่เก่ยี วข้อง หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ความนา กระทรวงศกึ ษาธิการได้ประกาศใช้หลักสตู รการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544 ใหเ้ ปน็ หลักสตู รแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู้เป็นเป้าหมาย และ กรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี นให้เป็นคนดี มีปัญญา มคี ณุ ภาพชีวติ ทีด่ ี และมีขีดความสามารถใน การแขง่ ขนั ในเวทีระดบั โลก (กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2544) พร้อมกนั น้ไี ดป้ รับ กระบวนการพัฒนาหลักสตู รให้มีความสอดคลอ้ งกบั เจตนารมณแ์ ห่งพระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแี่ ก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ที่มุ่งเน้นการกระจายอานาจทางการศึกษาให้ทอ้ งถิน่ และ สถานศึกษาได้มบี ทบาท และมีส่วนร่วมในการพฒั นาหลกั สูตร เพ่อื ให้สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการ ของท้องถ่นิ จากการวจิ ยั และติดตามประเมินผลการใชห้ ลกั สูตรในชว่ งระยะ 6 ปที ่ีผา่ นมา (สานักวชิ าการและ มาตรฐานการศึกษา. 2546 ก, 2546 ข, 2548 ก, 2548 ข ; สานักงานเลขาธิการ สภาการศกึ ษา. 2547 ; สานกั ผตู้ รวจราชการและติดตามประเมินผล. 2548 ; สวุ มิ ล วอ่ งวาณชิ และนงลกั ษณ์ วิรชั ชยั . 2547 ; Nutravong. 2002 ; Kittisunthorn. 2003) พบวา่ หลกั สตู รการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2544 มจี ดุ ดีหลายประการ เชน่ ช่วยส่งเสรมิ การกระจายอานาจทางการศกึ ษาทาให้ ท้องถ่ิน และสถานศกึ ษามสี ่วนร่วมและมบี ทบาทสาคัญในการพัฒนาหลักสตู รให้สอดคล้องกบั ความต้องการ ของท้องถิ่น และมีแนวคิดและหลกั การในการส่งเสรมิ การพัฒนาผู้เรียน
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นรทู้ ีเ่ สนอขอรบั รางวลั โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 24 แบบองค์รวมอยา่ งชดั เจน อยา่ งไรก็ตามผลการศึกษาดังกลา่ วยงั ไดส้ ะท้อนให้เห็นถึงประเดน็ ท่ีเปน็ ปัญหาและ ความไม่ชัดเจนของหลักสตู รหลายประการ ทงั้ ในสว่ นของเอกสารหลักสตู ร กระบวนการ นาหลักสตู รสกู่ ารปฏบิ ัติและผลผลติ ทีเ่ กดิ จากการใชห้ ลกั สูตร ได้แก่ ปญั หาความสับสนของผ้ปู ฏิบตั ิในระดับ สถานศึกษาในการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา สถานศกึ ษาส่วนใหญ่กาหนดสาระและจุดประสงคก์ ารเรยี นร้ไู ว้ มากทาใหเ้ กิดปัญหาหลักสตู รแนน่ การวดั และประเมนิ ผลไมส่ ะท้อนมาตรฐาน ส่งผลต่อปญั หาการจัดทา เอกสารหลักฐานทางการศึกษา และการเทียบโอนผลการเรยี น รวมทั้งปัญหาคณุ ภาพของผ้เู รียนในด้าน ความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ยงั ไมเ่ ปน็ ที่น่าพอใจ นอกจากนั้นแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) ได้ช้ใี ห้เหน็ ถึงความจาเป็นในการปรับเปลยี่ นจุดเนน้ ในการพัฒนาคณุ ภาพคนในสงั คมไทยให้มคี ุณธรรม และมี ความรอบรู้อยา่ งเท่าทนั ใหม้ ีความพร้อมท้ังด้านรา่ งกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และศีลธรรม สามารถก้าวทัน การเปลย่ี นแปลงเพอื่ นาไปสูส่ ังคมฐานความรู้ได้อยา่ งมน่ั คง แนวการพัฒนาคนดังกล่าว มงุ่ เตรียมเด็กและ เยาวชนใหม้ ีพนื้ ฐานจิตใจท่ดี ีงาม มีจติ สาธารณะ พร้อมท้งั มีสมรรถนะ ทักษะ และความรู้พืน้ ฐานทีจ่ าเปน็ ในการดารงชีวติ อันจะสง่ ผลต่อการพัฒนาประเทศแบบยัง่ ยนื (สภาพัฒนา เศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ 2549) แนวทางดงั กลา่ วสอดคลอ้ งกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ ารในการ พฒั นาเยาวชนของชาตเิ ขา้ สูโ่ ลก ยุคศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนมคี ุณธรรม รักความเป็นไทย ให้มีทักษะการคิดวเิ คราะห์ สรา้ งสรรค์ มีทกั ษะด้านเทคโนโลยี สามารถทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ และสามารถอยู่ร่วมกับผูอ้ ่ืนในสงั คมโลกได้อยา่ งสนั ติ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2551) จากข้อคน้ พบในการวิจยั และติดตามผลการใชห้ ลักสูตรการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2544 ท่ี ผ่านมา ประกอบกับขอ้ มูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 10 เกยี่ วกับแนวทางการ พัฒนาคนในสังคมไทย และจุดเนน้ ของกระทรวงศึกษาธกิ ารในการพัฒนาเยาวชนสู่ ศตวรรษที่ 21 จึงเกดิ การทบทวนหลกั สตู รการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2544 เพอื่ นาไปสู่ การพฒั นาหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ท่ีมีความเหมาะสม ชัดเจน ทั้งเปา้ หมายของหลักสตู รในการพัฒนาคุณภาพผ้เู รียน พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม พัฒนาพ้ืนฐานประเทศใน การดารงชีวติ การพฒั นาสมรรถนะ ทักษะ และกระบวนการนาหลกั สตู รไปสู่การปฏิบัติในระดับเขตพ้นื ที่ การศกึ ษาและสถานศึกษา โดยได้มีการกาหนดวิสยั ทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชีว้ ัดทช่ี ัดเจน เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ทิศทางในการจดั ทาหลักสตู รการเรยี น การสอนในแต่ละระดบั นอกจากน้นั ได้กาหนดโครงสรา้ งเวลาเรียนขน้ั ต่าของแต่ละกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ในแต่ ละชนั้ ปไี ว้ในหลักสตู รแกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพม่ิ เวลาเรยี นได้ตามความพรอ้ มและจุดเน้น อกี ทั้งได้ปรับกระบวนการวดั และประเมนิ ผลผ้เู รยี น เกณฑ์การจบการศกึ ษาแตล่ ะระดับ และเอกสารแสดง หลกั ฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมคี วามชดั เจนต่อการนาไปปฏิบตั ิ เอกสารหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 น้ี จดั ทาขน้ึ สาหรับทอ้ งถิ่น และสถานศึกษาได้นาไปใช้เป็นกรอบ และทิศทางในการจัดทาหลักสตู รสถานศึกษา และจดั การเรยี นการสอน เพอื่ พฒั นาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐานให้มคี ุณภาพ ดา้ นความรู้ และทักษะท่จี าเปน็ สาหรบั การดารงชวี ิตในสังคมท่ีมีการเปล่ยี นแปลง และแสวงหาความรู้เพ่ือ พัฒนาตนเองอย่างตอ่ เน่ืองตลอดชีวติ มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชวี้ ัดทีก่ าหนดไวใ้ นเอกสารน้ี ช่วยทาให้หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้อง ในทกุ ระดบั เห็นผลคาดหวงั ท่ีต้องการในการพัฒนาการเรียนรูข้ องผู้เรียนทช่ี ดั เจนตลอดแนว ซ่งึ จะสามารถ ชว่ ยใหห้ นว่ ยงานท่เี ก่ยี วข้องในระดบั ท้องถ่ินและสถานศกึ ษารว่ มกันพฒั นาหลกั สูตรได้
รายงานการใช้นวตั กรรมการจัดการเรยี นรทู้ ีเ่ สนอขอรบั รางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 25 อยา่ งมนั่ ใจ ทาใหก้ ารจดั ทาหลกั สตู รในระดับสถานศกึ ษามีคณุ ภาพและมีความเป็นเอกภาพยงิ่ ข้นึ อีกท้ังยังชว่ ยใหเ้ กิดความชัดเจนเร่อื งการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรูแ้ ละช่วยแกป้ ัญหาการเทยี บโอนระหวา่ ง สถานศึกษา ดงั นน้ั ในการพัฒนาหลกั สูตรในทกุ ระดบั ต้ังแต่ระดบั ชาตจิ นกระทัง่ ถึงสถานศกึ ษาจะต้องสะทอ้ น คุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวช้วี ดั ทกี่ าหนดไวใ้ นหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน รวมทง้ั เป็นกรอบทิศทางในการจัดการศกึ ษาทกุ รปู แบบ และสามารถครอบคลมุ ผู้เรียน ทกุ กลุม่ เปา้ หมายในระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน การจดั หลักสตู รการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานจะประสบความสาเรจ็ ตามเปา้ หมายทีค่ าดหวงั ได้ ทกุ ฝา่ ยที่เกีย่ วข้องทง้ั ระดบั ชาติ ชมุ ชน ครอบครัว และบคุ คลต้องรว่ มรับผิดชอบ โดยร่วมกนั ทางานอย่าง เป็นระบบและต่อเนื่องในการวางแผนดาเนนิ การ ส่งเสรมิ สนบั สนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรบั ปรุงแก้ไข เพื่อ พฒั นาเยาวชนของชาติไปสู่คุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรทู้ ่ีกาหนดไว้ วิสัยทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผเู้ รยี นทุกคน ซ่งึ เปน็ กาลังของชาติให้เปน็ มนษุ ยท์ ม่ี คี วามสมดุลท้งั ด้านรา่ งกาย ความรู้ คณุ ธรรม มจี ิตสานึก ในความเปน็ พลเมอื งไทยและเป็นพลโลก ยึดม่นั ในการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ มคี วามรู้ และทกั ษะพ้นื ฐาน รวมทั้งเจตคติทีจ่ าเป็นต่อการศกึ ษาตอ่ การ ประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชวี ติ โดยมงุ่ เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั บนพน้ื ฐานความเชอื่ ว่า ทกุ คนสามารถเรยี นรู้ และพัฒนาตนเองได้เตม็ ตามศักยภาพ หลกั การ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 มีหลักการทีส่ าคัญ ดังนี้ 1) เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเปน็ เอกภาพของชาติ มีจดุ หมาย และมาตรฐาน การเรยี นรเู้ ปน็ เปา้ หมายสาหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชนให้มีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรม บนพ้นื ฐานของความเป็นไทยควบคูก่ บั ความเปน็ สากล 2) เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาเพ่ือปวงชน ทีป่ ระชาชนทุกคนมีโอกาสได้รบั การศกึ ษา อย่างเสมอภาค และมคี ุณภาพ 3) เปน็ หลกั สตู รการศึกษาท่สี นองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนรว่ มในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกบั สภาพ และความตอ้ งการของท้องถนิ่ 4) เป็นหลักสตู รการศกึ ษาทม่ี ีโครงสร้างยดื หยุน่ ทงั้ ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลา และการจดั การเรียนรู้ 5) เป็นหลักสตู รการศกึ ษาทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ 6) เปน็ หลักสูตรการศึกษาสาหรบั การศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั ครอบคลุมทุกกล่มุ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์ จุดหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 มงุ่ พฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ คนดี มี ปญั ญา มีความสขุ มีศกั ยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชพี จงึ กาหนดเป็นจดุ หมายเพือ่ ใหเ้ กิดกับ ผู้เรยี นเมื่อจบการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ดงั น้ี 1) มีคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่ีพงึ ประสงค์ เหน็ คุณค่าของตนเอง มวี นิ ัย และปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนบั ถือ ยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรยี นร้ทู ่เี สนอขอรบั รางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 26 2) มีความรู้ ความสามารถในการสอื่ สาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมที ักษะชีวติ 3) มสี ุขภาพกายและสุขภาพจติ ทด่ี ี มสี ขุ นิสัย และรักการออกกาลงั กาย 4) มคี วามรกั ชาติ มจี ิตสานึกในความเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ยึดมนั่ ในวิถีชวี ิต และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข 5) มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย การอนุรักษ์ และพฒั นา สิ่งแวดลอ้ ม มีจิตสาธารณะที่ม่งุ ทาประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดงี ามในสงั คม และอยู่รว่ มกันในสงั คม อยา่ งมีความสขุ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ม่งุ ให้ผู้เรยี นเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดงั นี้ 1) ความสามารถในการส่อื สาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรม ในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพอื่ แลก เปลยี่ นขอ้ มูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การพฒั นาตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาต่อรองเพ่อื ขจัดและลดปญั หาความขัดแยง้ ต่าง ๆ การเลอื กรับหรือไม่รบั ข้อมลู ข่าวสาร ดว้ ยหลกั เหตผุ ลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใชว้ ิธีการสอื่ สารทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ โดยคานงึ ถึง ผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2) ความสามารถในการคดิ เปน็ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคดิ สงั เคราะห์ การคดิ อย่างสร้างสรรค์ การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพ่ือนาไปส่กู ารสร้าง องค์ความรหู้ รือสารสนเทศ เพื่อการตดั สนิ ใจเกยี่ วกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปญั หาและอปุ สรรค ต่าง ๆ ทเี่ ผชญิ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมบนพื้นฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรม และข้อมูลสารสนเทศ เขา้ ใจ ความสัมพนั ธ์ และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณต์ า่ ง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใชใ้ น การป้องกนั และแก้ไขปัญหา และมกี ารตดั สินใจที่มปี ระสทิ ธภิ าพ โดยคานึงถึงผลกระทบทเี่ กิดข้ึนตอ่ ตนเอง สงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ เปน็ ความสามารถในการนากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใชใ้ น การดาเนินชวี ติ ประจาวัน การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรอู้ ยา่ งต่อเนอื่ ง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสงั คมด้วยการสรา้ งเสรมิ ความสัมพนั ธ์อนั ดรี ะหวา่ งบุคคล การจัดการปญั หา และความขัดแย้งต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรบั ตัวใหท้ ันการเปลย่ี นแปลงของสังคม และสภาพ แวดลอ้ มและการรูจ้ กั หลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่ืน 5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านตา่ ง ๆ และมที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพือ่ การพัฒนาตนเองและสังคมในดา้ นการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน การแกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสมและมคี ุณธรรม คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 มงุ่ พัฒนาผูเ้ รยี นให้มคี ุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อใหส้ ามารถอยู่ร่วมกับผอู้ ่ืนในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะ เปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรยี นรทู้ เี่ สนอขอรบั รางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 27 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2) ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ 3) มวี ินยั 4) ใฝ่เรยี นรู้ 5) อยอู่ ย่างพอเพียง 6) มุ่งมน่ั ในการทางาน 7) รกั ความเป็นไทย 8) มีจติ สาธารณะ นอกจากน้ี สถานศกึ ษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิม่ เติมให้สอดคล้อง ตามบริบท และจุดเน้นของตนเอง มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผ้เู รยี นใหเ้ กดิ ความสมดลุ ตอ้ งคานงึ ถงึ หลักพฒั นาการทางสมอง และพหุปญั ญา หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 จงึ กาหนดให้ผู้เรยี นเรยี นรู้ 8 กลมุ่ สาระการ เรียนรู้ ดังน้ี 1) ภาษาไทย 2) คณติ ศาสตร์ 3) วทิ ยาศาสตร์ 4) สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5) สุขศึกษาและพลศึกษา 6) ศลิ ปะ 7) การงานอาชพี และเทคโนโลยี 8) ภาษาตา่ งประเทศ แต่ละกลุม่ สาระการเรียนร้ไู ด้กาหนดมาตรฐานการเรียนรเู้ ปน็ เปา้ หมายสาคัญในการพฒั นา คณุ ภาพผู้เรยี น มาตรฐานการเรียนรูร้ ะบุสิ่งท่ีผ้เู รียนพงึ รปู้ ฏิบตั ิได้ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ มท่ีพึง ประสงคเ์ มื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนนั้ มาตรฐานการเรยี นร้ยู งั เป็นกลไกสาคัญใน การขับเคล่ือนพัฒนาการศกึ ษาทั้งระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนใหท้ ราบว่าต้องการอะไร จะ สอนอย่างไร และประเมินอย่างไร รวมทัง้ เป็นเคร่อื งมอื ในการตรวจสอบเพ่ือการประกนั คณุ ภาพการศึกษา โดยใชร้ ะบบการประเมนิ คุณภาพภายในและการประเมนิ คุณภาพภายนอก ซง่ึ รวมถงึ การทดสอบระดบั เขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาและการทดสอบระดบั ชาติ การตรวจสอบเพ่ือประกันคณุ ภาพดังกล่าว เป็นสิง่ สาคญั ท่ชี ่วยสะท้อนภาพการจดั การศึกษาว่า สามารถพัฒนาผเู้ รียนใหม้ ีคุณภาพตามทม่ี าตรฐานการ เรียนรกู้ าหนดเพียงใด ตัวชี้วัด ตวั ช้วี ัดระบสุ งิ่ ท่นี ักเรยี นพึงรแู้ ละปฏิบตั ไิ ด้ รวมท้งั คณุ ลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดบั ชั้น ซ่งึ สะทอ้ นถงึ มาตรฐานการเรยี นรู้ มีความเฉพาะเจาะจง และมีความเป็นรูปธรรม นาไปใช้ในการกาหนดเนื้อหา จดั ทาหนว่ ยการเรียนรู้ จัดการเรยี นการสอน และเปน็ เกณฑส์ าคญั สาหรับ การวดั ประเมินผลเพอ่ื ตรวจสอบคณุ ภาพผู้เรียน 1) ตวั ชี้วัดชัน้ ปี เป็นเปา้ หมายในการพฒั นาผู้เรยี นแต่ละชั้นปใี นระดบั การศึกษา ภาคบงั คับ (ประถมศกึ ษาปที ี่ 1–มธั ยมศึกษาปีที่ 3)
รายงานการใช้นวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ที่เสนอขอรบั รางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 28 2) ตวั ชว้ี ัดชว่ งชัน้ เป็นเปา้ หมายในการพฒั นาผู้เรียนในระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (มัธยมศึกษาปที ่ี 4–6) หลกั สูตรได้มีการกาหนดรหัสกากบั มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชว้ี ัด เพ่อื ความเขา้ ใจและใหส้ ่ือสารตรงกนั รายละเอียด ดงั แสดงในภาพประกอบ 2 ว 1.1 ป.1/2 ป.1/2 ตัวชว้ี ดั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 ขอ้ ท่ี 2 1.1 สาระที่ 1 มาตรฐาน ขอ้ ท่ี 1 ว กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ต 2.2 ม.4-6/3 ม.4-6/3 ตวั ชี้วดั ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ข้อท่ี 3 2.2 สาระที่ 2 มาตรฐาน ข้อที่ 2 ต กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ภาพประกอบ 2 รหัสกากบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย องคค์ วามรู้ ทักษะหรอื กระบวนการเรียนรแู้ ละคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ซึง่ กาหนดให้ผ้เู รยี นทกุ คนในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานจาเปน็ ต้องเรยี นรู้ โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ ดงั นี้ 1) ภาษาไทย : ความรู้ ทกั ษะ และวฒั นธรรมการใชภ้ าษาเพื่อการสือ่ สาร ชนื่ ชม การเห็น คณุ ค่าภมู ปิ ัญญาไทย และภมู ิใจในภาษาประจาชาติ 2) คณิตศาสตร์ : การนาความรทู้ ักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรไ์ ปใช้ในการ แก้ปญั หา การดาเนินชวี ิต และศกึ ษาต่อ การมีเหตุมีผล มเี จตคติทด่ี ีตอ่ คณติ ศาสตร์ พฒั นาการคดิ อย่าง เป็นระบบ และสร้างสรรค์ 3) วทิ ยาศาสตร์ : การนาความรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ไปใช้ในการศกึ ษา คน้ ควา้ หา ความรู้ และแก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ การคิดอย่างเป็นเหตเุ ป็นผล คิดวเิ คราะห์คดิ สรา้ งสรรค์ และจติ วิทยาศาสตร์ 4) สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม : การอย่รู ่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คมโลกอย่างสันติ สขุ การเปน็ พลเมืองดี ศรัทธาในหลักธรรมของศาสนา การเหน็ คุณคา่ ของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ความ รกั ชาติ และภูมิใจในความเป็นไทย 5) สุขศึกษาและพลศึกษา : ความรู้ ทกั ษะ และเจตคตใิ นการสร้างเสรมิ สขุ ภาพพลานามัย ของตนเองและผอู้ ืน่ การป้องกนั และปฏิบัตติ ่อสง่ิ ตา่ ง ๆ ท่ีมผี ลต่อสุขภาพอย่างถูกวิธีและทกั ษะในการดาเนิน ชีวิต 6) ศิลปะ : ความรู้ และทักษะในการคิดรเิ ร่ิม จนิ ตนาการ สร้างสรรค์งานศิลปะ สนุ ทรียภาพ และการเห็นคุณคา่ ทางศิลปะ
รายงานการใช้นวตั กรรมการจัดการเรียนรู้ทเ่ี สนอขอรบั รางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 29 7) การงานอาชีพและเทคโนโลยี : ความรู้ ทกั ษะ และเจตคตใิ นการทางาน การจัด การ ดารงชีวิต การประกอบอาชพี และการใช้เทคโนโลยี 8) ภาษาต่างประเทศ : ความรู้ทกั ษะ เจตคติ และวัฒนธรรมการใชภ้ าษาต่างประเทศ ในการส่ือสาร การแสวงหาความรู้ และการประกอบอาชีพ ความสมั พันธ์ของการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 รายละเอียด ดงั แสดงในภาพประกอบ 3 วสิ ัยทัศน์ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน มงุ่ พฒั นาผู้เรยี นทุกคนซ่ึงเป็นกาลงั ของชาตใิ ห้เป็นมนุษย์ท่มี ี ความสมดลุ ทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นใน การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข มีความรแู้ ละทักษะพ้ืนฐาน รวมทั้งเจตคตทิ ่จี าเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวติ โดยมงุ่ เนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญบนพ้ืนฐานความเช่ือว่า ทุกคนสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเองไดเ้ ต็มตามศักยภาพ จุดหมาย 1) มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมทพี่ งึ ประสงค์ เหน็ คุณค่าของตนเอง มวี ินัย และปฏิบตั ิ ตนตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2) มีความรู้อนั เป็นสากลและมคี วามสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโลยี และมที ักษะชีวติ 3) มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตทีด่ ี มสี ุขนิสัย และรกั การออกกาลังกาย 4) มคี วามรักชาติ มจี ติ สานึกในความเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ยึดมัน่ ในวิถชี ีวติ และการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข 5) มีจติ สานึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย การอนรุ ักษ์และพฒั นาสิ่งแวดล้อม มีจติ สาธารณะท่ีมุ่งทาประโยชน์และสร้างส่ิงท่ดี ีงามในสงั คม และอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอย่างมคี วามสขุ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ความสามารถในการสอื่ สาร 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์, 2) ซื่อสตั ยส์ ุจรติ , 2) ความสามารถในการคดิ 3) มวี ินยั , 4) ใฝเ่ รียนรู้, 5) อยู่อยา่ งพอเพยี ง, 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 6) มงุ่ ม่นั ในการทางาน, 7) รักความเป็นไทย, 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 8) มจี ิตสาธารณะ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ภาพประกอบ 3 ความสมั พันธ์ของการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรียนรทู้ ี่เสนอขอรับรางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 30 กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น มุง่ ให้ผเู้ รียนไดพ้ ฒั นาตนเองตามศักยภาพ พฒั นาอยา่ งรอบด้านเพือ่ ความเปน็ มนุษย์ท่สี มบูรณ์ท้ังร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสังคม เสรมิ สรา้ งใหเ้ ป็นผูม้ ีศลี ธรรม จริยธรรม มี ระเบียบวินัย ปลกู ฝังและสร้างจิตสานึกของการทาประโยชนเ์ พอื่ สังคมสามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ รว่ มกับผู้อื่นอย่างมีความสุข แบง่ เปน็ 3 ลกั ษณะ ดังน้ี 1) กิจกรรมแนะแนว เปน็ กจิ กรรมท่สี ่งเสริมและพัฒนาผเู้ รยี นใหร้ จู้ กั ตนเอง รู้รักษ์ สิง่ แวดลอ้ ม สามารถคดิ ตดั สินใจ คดิ แก้ปญั หา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชวี ิตท้งั ดา้ นการเรยี นและอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนย้ี งั ชว่ ยใหค้ รูรจู้ ัก และเขา้ ใจผเู้ รียนทัง้ ยงั เป็นกจิ กรรมท่ี ช่วยเหลือ และใหค้ าปรึกษาแก่ผ้ปู กครองในการมสี ่วนร่วมพัฒนาผ้เู รยี น 2) กจิ กรรมนักเรยี น เป็นกจิ กรรมทีม่ ุ่งพฒั นาความมรี ะเบียบวินัย ความเปน็ ผูน้ า ผูต้ ามท่ีดี ความรับผดิ ชอบ การทางานรว่ มกัน การร้จู ักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตผุ ล การช่วยเหลือแบ่งปนั กนั เอ้อื อาทร และสมานฉนั ท์ โดยจดั ให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และ ความสนใจของผ้เู รียน ให้นกั เรยี นได้ปฏิบัตดิ ้วยตนเองในทุกขั้นตอน ไดแ้ ก่ การศึกษา วิเคราะหว์ างแผน ปฏบิ ตั ติ ามแผน ประเมนิ และปรบั ปรุงการทางาน เนน้ การทางานร่วมกนั เป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและ สอดคลอ้ งกบั วฒุ ภิ าวะของผเู้ รียน บรบิ ทของสถานศกึ ษาและท้องถิน่ กจิ กรรมนักเรยี นประกอบดว้ ย (1) กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผูบ้ าเพญ็ ประโยชน์ และนักศกึ ษาวิชาทหาร (2) กิจกรรมชมุ นุม ชมรม 3) กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กิจกรรมท่สี ่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนบาเพญ็ ตนให้ เปน็ ประโยชน์ตอ่ สงั คม ชมุ ชน และทอ้ งถนิ่ ตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัครเพ่อื แสดงถึงความรบั ผดิ ชอบ ความดงี าม ความเสียสละต่อสงั คม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรมสรา้ งสรรคส์ ังคม ระดับการศึกษา หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 จดั ระดบั การศกึ ษาเปน็ 3 ระดบั ดังน้ี 1) ระดบั ประถมศกึ ษา (ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1–6) การศึกษาระดับนี้เปน็ ชว่ งแรกของ การศึกษาภาคบังคับ มุ่งเนน้ ทักษะพ้นื ฐานด้านการอ่าน การเขียน การคดิ คานวณ ทักษะการคดิ พ้นื ฐาน การติดต่อสอื่ สาร กระบวนการเรยี นรู้ทางสังคมและพ้นื ฐานความเป็นมนษุ ย์ การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ อย่าง สมบรู ณ์และสมดุลทั้งในด้านร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ สงั คม และวฒั นธรรม โดยเนน้ จัดการเรียนร้แู บบ บูรณาการ 2) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1–3) เปน็ ชว่ งสุดท้ายของการศึกษา ภาคบงั คบั มุง่ เน้นใหผ้ ู้เรยี นไดส้ ารวจความถนัดและความสนใจของตนเอง ส่งเสรมิ การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพสว่ น ตน มีทักษะในการคดิ วจิ ารณญาณ คิดสรา้ งสรรค์ และคดิ แกป้ ัญหา มที ักษะในการดาเนนิ ชวี ติ มที ักษะการ ใช้เทคโนโลยีเพอ่ื เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ มีความรับผิดชอบต่อสังคม มคี วามสมดลุ ทงั้ ดา้ นความรู้ ความคดิ ความดีงาม และมีความภมู ใิ จในความเปน็ ไทย ตลอดจนใชเ้ ปน็ พื้นฐานในการประกอบอาชีพหรอื การศกึ ษาต่อ 3) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4–6) การศึกษาระดบั น้ี เน้นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะเฉพาะด้าน สนองตอบความสามารถ ความถนัด และความสนใจ
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจดั การเรียนรู้ท่ีเสนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 31 ของผเู้ รยี นแต่ละคนทงั้ ด้านวชิ าการและวิชาชพี มที กั ษะในการใชว้ ทิ ยาการและเทคโนโลยี มีทักษะ กระบวนการคิดข้นั สงู สามารถนาความรู้ไปประยุกตใ์ ช้ให้เกิดประโยชน์ในการศกึ ษาตอ่ และการประกอบ อาชีพ มงุ่ พัฒนาตนและประเทศตามบทบาทของตน สามารถเปน็ ผ้นู า และผู้ให้บริการชุมชนในดา้ นตา่ ง ๆ การจัดเวลาเรยี น หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ได้กาหนดกรอบโครงสรา้ ง เวลาเรยี นข้ันต่าสาหรบั กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ และกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ซงึ่ สถานศึกษา สามารถเพิ่มเติมไดต้ ามความพร้อมและจดุ เนน้ โดยสามารถปรับใหเ้ หมาะสมตามบรบิ ทของสถานศึกษา และ สภาพของผเู้ รยี น ดังนี้ 1) ระดับชั้นประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1–6) ใหจ้ ัดเวลาเรยี นเป็นรายปโี ดยมีเวลา เรียนวันละไมเ่ กิน 5 ช่ัวโมง 2) ระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนต้น (ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1–3) ใหจ้ ัดเวลาเรียนเปน็ รายภาค มี เวลาเรยี นวันละไมเ่ กนิ 6 ชั่วโมง คิดน้าหนักของรายวิชาท่ีเรยี นเป็นหนว่ ยกิต ใชเ้ กณฑ์ 40 ชัว่ โมง ตอ่ ภาคเรียน มคี ่านา้ หนักวิชา เทา่ กับ 1 หนว่ ยกิต (นก.) 3) ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย (ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4–6) ให้จดั เวลาเรยี นเป็นรายภาค มี เวลาเรยี นวนั ละไมน่ ้อยกวา่ 6 ชวั่ โมง คิดน้าหนักของรายวชิ าท่เี รยี นเป็นหนว่ ยกิต ใชเ้ กณฑ์ 40 ชวั่ โมง ต่อ ภาคเรียน มีคา่ น้าหนักวชิ า เท่ากับ 1 หนว่ ยกิต (นก.)
รายงานการใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เสนอขอรบั รางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 32 โครงสรา้ งเวลาเรยี น หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ได้กาหนดกรอบโครงสร้าง เวลาเรยี น รายละเอยี ด ดังแสดงในตาราง 1 ตาราง 1 กรอบโครงสร้างเวลาเรยี น เวลาเรียน กลุ่มสาระ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ระดบั การเรยี นรู้/ ตอนต้น มัธยมศึกษา กิจกรรม ตอนปลาย ป. 1 ป. 2 ป. 3 ป. 4 ป. 5 ป. 6 ม. 1 ม. 2 ม. 3 ม. 4 – 6 ภาษาไทย 200 200 200 160 160 160 120 120 120 240 (3 (3 (3 (6 นก.) นก.) นก.) นก.) คณติ ศาสตร์ 200 200 200 160 160 160 120 120 120 240 (3 (3 (3 (6 นก.) นก.) นก.) นก.) วิทยาศาสตร์ 80 80 80 80 80 80 120 120 120 240 (3 (3 (3 (6 นก.) นก.) นก.) นก.) สงั คมศึกษา 80 80 80 80 80 80 120 120 120 240 ศาสนา (3 (3 (3 (6 นก.) และวัฒนธรรม นก.) นก.) นก.) สุขศกึ ษา 80 80 80 80 80 80 80 80 80 120 และพลศึกษา (2 (2 (2 (3นก.) นก.) นก.) นก.) ศิลปะ 80 80 80 80 80 80 80 80 80 120 (2 (2 (2 (3 นก.) นก.) นก.) นก.) การงานอาชพี 40 40 40 80 80 80 80 80 80 120 และเทคโนโลยี (2 (2 (2 (3 นก.) นก.) นก.) นก.) ภาษาต่างประเทศ 40 40 40 80 80 80 120 120 120 240 (3 (3 (3 (6 นก.) นก.) นก.) นก.)
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นรทู้ เ่ี สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 33 ตาราง 1 (ต่อ) เวลาเรยี น กล่มุ สาระ ระดับประถมศกึ ษา ระดับมัธยมศกึ ษา ระดับ การเรียนร/ู้ ตอนตน้ มธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย กิจกรรม ป. 1 ป. 2 ป. 3 ป. 4 ป. 5 ป. 6 ม. 1 ม. 2 ม. 3 ม. 4 – 6 รวมเวลาเรียน 840 840 840 1,560 (พ้นื ฐาน) 800 800 800 800 800 800 (21 (21 (21 (39 นก.) นก.) นก.) นก.) กจิ กรรมพฒั นา 120 120 120 120 120 120 120 120 120 360 ผเู้ รียน รายวิชา / กิจกรรม ปลี ะไมเ่ กนิ 80 ชัว่ โมง ปลี ะไม่เกนิ ไมน่ ้อยกวา่ ที่สถานศึกษา 240 ชว่ั โมง 1,560 จดั เพิม่ เตมิ ตามความพร้อม ช่ัวโมง และจดุ เน้น รวมเวลาเรียน ไม่เกนิ 1,000 ช่ัวโมง/ปี ไม่เกนิ รวม 3 ปี ทัง้ หมด 1,200 ชั่วโมง/ปี ไม่น้อยกวา่ 3,600 ช่วั โมง การกาหนดโครงสร้างเวลาเรยี นพื้นฐานและเพม่ิ เติม สถานศึกษาสามารถดาเนินการ ดังน้ี ระดับ ประถมศึกษาสามารถปรับเวลาเรียนพ้ืนฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรไู้ ด้ตามความเหมาะสม ทั้งนต้ี ้องมี เวลาเรียนรวมตามท่กี าหนดไวใ้ นโครงสร้างเวลาเรียนพ้นื ฐาน และผู้เรียนตอ้ งมคี ุณภาพตามมาตรฐานการ เรียนรแู้ ละตวั ชี้วัดทกี่ าหนด ระดับมัธยมศกึ ษาต้องจดั โครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานใหเ้ ป็นไปตามท่ีกาหนดและ สอดคลอ้ งกบั เกณฑก์ ารจบหลักสตู ร สาหรบั เวลาเรียนเพิ่มเติมทัง้ ในระดับประถมศกึ ษา และมธั ยมศึกษาให้ จัดเป็นรายวชิ าเพิ่มเตมิ หรือกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน โดยพจิ ารณาใหส้ อดคล้องกบั ความพร้อม จุดเนน้ ของ สถานศกึ ษา และเกณฑ์การจบหลกั สตู ร เฉพาะระดบั ชั้นประถม ศึกษาปที ่ี 1-3 สถานศึกษาอาจจดั ใหเ้ ปน็ เวลาสาหรบั สาระการเรยี นรู้พ้ืนฐานในกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย และกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนทก่ี าหนดไว้ในชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1-ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ปลี ะ 120 ชวั่ โมง และ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4-6 จานวน 360 ช่ัวโมง นัน้ เป็นเวลาสาหรับปฏบิ ตั ิกิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมนกั เรยี น และกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณ ประโยชน์ ในสว่ นกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ใหส้ ถานศกึ ษาจัดสรรเวลาให้ผู้เรียน
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจดั การเรียนรู้ทเี่ สนอขอรับรางวลั โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 34 ได้ปฏิบตั ิกิจกรรม ดงั นี้ 1) ระดับประถมศึกษา (ป.1-6) รวม 6 ปี จานวน 60 ชวั่ โมง 2) ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) รวม 3 ปี จานวน 45 ชัว่ โมง 3) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.4-6) รวม 3 ปี จานวน 60 ชวั่ โมง การจัดการศึกษาสาหรบั กลุม่ เปา้ หมายเฉพาะ การจดั การศึกษาบางประเภทสาหรับกลุม่ เป้าหมายเฉพาะ เชน่ การศกึ ษาเฉพาะทาง การศกึ ษา สาหรับผมู้ ีความสามารถพเิ ศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผ้ดู ้อยโอกาส การศกึ ษาตามอธั ยาศัย สามารถนาหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ไปปรับใช้ไดต้ ามความเหมาะสมกับสภาพและบรบิ ทของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานท่ี กาหนด ทง้ั นีใ้ ห้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรูเ้ ปน็ กระบวนการสาคัญในการนาหลกั สตู รส่กู ารปฏิบตั ิ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เปน็ หลกั สตู รที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผ้เู รยี นเป็นเปา้ หมายสาหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผเู้ รียนให้ มคี ุณสมบตั ิตามเป้าหมายหลักสตู ร ผูส้ อนพยายามคดั สรร กระบวนการเรยี นรู้ จัดการเรยี นรโู้ ดยชว่ ยให้ ผู้เรยี นเรยี นรู้ผา่ นสาระท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตร 8 กล่มุ สาระการเรียนรู้ รวมท้งั ปลูกฝังเสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่าง ๆ อนั เปน็ สมรรถนะสาคัญให้ผเู้ รียนบรรลุตามเป้าหมาย 1) หลกั การจดั การเรียนรู้ การจดั การเรยี นรู้เพ่ือให้ผู้เรยี นมีความรู้ ความสามารถตาม มาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ตามที่กาหนดไว้ในหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 โดยยดึ หลกั วา่ ผู้เรียนมีความสาคญั ทส่ี ุด เชื่อว่าทุกคนมี ความสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชนท์ ีเ่ กดิ กับผ้เู รยี น กระบวนการจดั การเรยี นร้ตู อ้ งส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศักยภาพ คานึงถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และพฒั นาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญท้ังความรู้และคุณธรรม 2) กระบวนการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรทู้ ่เี น้นผ้เู รยี นเปน็ สาคญั ผูเ้ รียนจะต้องอาศัย กระบวนการเรียนรู้ทห่ี ลากหลายเป็นเครอ่ื งมอื ทีจ่ ะนาพาไปสเู่ ปา้ หมายของหลักสูตร กระบวนการเรยี นรู้ที่ จาเป็นสาหรบั ผูเ้ รียน อาทิ กระบวนการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสงั คม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแกป้ ญั หา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ จรงิ กระบวนการปฏิบัตลิ งมือทาจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรยี นรู้ ของตนเอง และกระบวนการพัฒนาลกั ษณะนสิ ยั กระบวนการเหล่าน้ี เป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้ที่ผเู้ รียนควรไดร้ บั การฝึกฝน พัฒนา เพราะจะสามารถชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการ เรียนร้ไู ด้ดี บรรลุเปา้ หมายของหลักสูตร ดังนน้ั ผู้สอนจึงจาเป็นต้องศึกษาทาความเข้าใจในกระบวนการ เรียนรตู้ า่ ง ๆ เพ่อื ให้สามารถเลอื กใช้ในการจดั กระบวนการเรียนรไู้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 3) การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ผสู้ อนต้องศึกษาหลักสตู รสถานศกึ ษาให้เข้าใจถงึ มาตรฐาน การเรียนรู้ ตัวชีว้ ัด สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และสาระ การเรียนรู้ทเ่ี หมาะสมกบั ผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลอื กใชว้ ิธีสอน และเทคนิคการสอน ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล เพือ่ ให้ผเู้ รียนไดพ้ ัฒนาเต็มตามศักยภาพ และ บรรลตุ ามเป้าหมายท่ีกาหนด
รายงานการใช้นวัตกรรมการจดั การเรยี นรทู้ ่ีเสนอขอรับรางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 35 4) บทบาทของผสู้ อนและผเู้ รียน การจัดการเรียนรู้เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นมคี ณุ ภาพตามเปา้ หมายของ หลกั สูตร ทัง้ ผสู้ อนและผูเ้ รยี นควรมบี ทบาท ดงั นี้ (1) บทบาทของผู้สอน - ศกึ ษาวิเคราะหผ์ ูเ้ รียนเปน็ รายบคุ คล แลว้ นาข้อมูลมาใชใ้ นการวางแผน การจดั การเรียนรทู้ ่ีท้าทายความสามารถของผู้เรยี น - กาหนดเป้าหมายทต่ี ้องการให้เกิดขน้ึ กับผูเ้ รยี นดา้ นความรู้ และทกั ษะกระบวนการที่ เป็นความคิดรวบยอด หลักการและความสมั พันธ์ รวมท้งั คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - ออกแบบการเรยี นรู้และจดั การเรียนรูท้ ่ตี อบสนองความแตกตา่ งระหวา่ ง บคุ คลและพัฒนาการทางสมอง เพอ่ื นาผเู้ รียนไปสู่เป้าหมาย - จัดบรรยากาศทเี่ อื้อต่อการเรยี นรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผเู้ รียนใหเ้ กิดการเรยี นรู้ - จัดเตรยี มและเลอื กใชส้ ่ือให้เหมาะสมกบั กิจกรรม นาภมู ิปัญญาท้องถน่ิ เทคโนโลยที เี่ หมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน - ประเมินความกา้ วหน้าของผูเ้ รียนด้วยวธิ ีการที่หลากหลายเหมาะสมกับธรรมชาตขิ อง วิชา และระดบั พัฒนาการของผเู้ รยี น - วิเคราะห์ผลการประเมนิ มาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผเู้ รยี น รวมท้ังปรับปรงุ การ จัดการเรียนการสอนของตนเอง (2) บทบาทของผ้เู รียน - กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรยี นรูข้ องตนเอง - เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหลง่ การเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตง้ั คาถาม คิดหาคาตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวิธีการต่าง ๆ - ลงมือปฏบิ ตั ิจริง สรปุ สิ่งท่ีได้เรยี นรดู้ ้วยตนเอง และนาความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ใน สถานการณ์ต่าง ๆ - มปี ฏสิ ัมพนั ธ์ ทางาน ทากิจกรรมร่วมกับกลมุ่ และครู - ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอยา่ งต่อเน่ือง สื่อการเรียนรู้ สอื่ การเรียนรู้ เปน็ เคร่ืองมือส่งเสรมิ สนบั สนนุ การจัดการกระบวนการเรยี นรูใ้ หผ้ ้เู รียนเข้าถึง ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลกั สตู รได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ สอ่ื การเรียนรู้ มีหลากหลายประเภททง้ั ส่ือธรรมชาติ สื่อสงิ่ พมิ พ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือขา่ ยการเรยี นรู้ ต่าง ๆ ทมี่ ใี นท้องถิน่ การเลอื กใช้สอ่ื ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดบั พัฒนาการ และลีลา การเรียนรู้ทีห่ ลากหลายของผู้เรียน การจดั หาส่อื การเรียนรู้ ผู้เรยี นและผู้สอนสามารถจัดทาและพฒั นาข้นึ เองหรือปรับปรงุ เลอื กใชอ้ ย่างมีคุณภาพจากส่ือตา่ ง ๆ ที่มอี ยู่รอบตวั เพื่อนามาใชป้ ระกอบในการจดั การเรียนรู้ทส่ี ามารถส่งเสรมิ และสอื่ สารใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรยี นรู้ โดยสถานศึกษาควรจดั ใหม้ อี ย่างพอเพียงเพ่ือพฒั นาใหผ้ ู้เรียนเกดิ การ เรยี นรอู้ ยา่ งแท้จริง สถานศึกษา เขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา หนว่ ยงานทเี่ กี่ยวข้อง และผ้มู ีหนา้ ท่จี ดั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ควรดาเนินการ ดงั น้ี
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรียนรู้ที่เสนอขอรบั รางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 36 1) จดั ใหม้ แี หลง่ การเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรยี นรู้ ระบบสารสนเทศการเรยี นรู้ และเครือขา่ ยการเรยี นร้ทู ี่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพ่อื การศกึ ษาค้นควา้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถนิ่ ชมุ ชน สงั คมโลก 2) จดั ทาและจดั หาสื่อการเรียนรู้สาหรบั การศกึ ษาคน้ คว้าของผ้เู รยี น เสริมความร้ใู ห้ผ้สู อน รวมท้งั จดั หาส่งิ ท่มี ีอย่ใู นท้องถิ่นมาประยุกตใ์ ชเ้ ปน็ ส่ือการเรยี นรู้ 3) เลือกและใชส้ ่อื การเรียนรู้ทมี่ คี ุณภาพ มีความเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคลอ้ ง กับวธิ ีการเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คล ของผเู้ รียน 4) ประเมนิ คุณภาพของสอ่ื การเรยี นรทู้ เ่ี ลอื กใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ 5) ศึกษาค้นคว้า วิจยั เพื่อพฒั นาสื่อการเรียนรใู้ หส้ อดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ ของผเู้ รียน 6) จัดใหม้ กี ารกากับ ติดตาม ประเมนิ คุณภาพและประสิทธิภาพเกย่ี วกับสือ่ และการใชส้ ่ือการเรยี นรเู้ ป็นระยะ ๆ และสม่าเสมอ ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ทใ่ี ช้ในสถานศึกษา ควรคานึงถึงหลักการสาคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคลอ้ งกบั หลกั สตู ร วตั ถุประสงค์ การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ การจดั ประสบการณใ์ ห้ผเู้ รียน เนอื้ หามีความถกู ต้อง และทนั สมยั ไม่กระทบความม่ันคงของชาติ ไม่ขัดตอ่ ศีลธรรม มกี ารใชภ้ าษาท่ีถูกต้อง รูปแบบ การนาเสนอที่เขา้ ใจงา่ ย และน่าสนใจ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรูข้ องผเู้ รยี นต้องอยบู่ นหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การ ประเมนิ เพือ่ พฒั นาผู้เรียน และเพ่ือตดั สินผลการเรียน ในการพฒั นาคณุ ภาพการเรียนรู้ของผูเ้ รยี นใหป้ ระสบ ผลสาเรจ็ นัน้ ผเู้ รียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตวั ชีว้ ดั เพอื่ ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผู้เรียน ซึง่ เปน็ เปา้ หมายหลักในการวดั และ ประเมินผลการเรียนรูใ้ นทกุ ระดับไมว่ า่ จะเปน็ ระดบั ชั้นเรยี น ระดับสถาน ศึกษา ระดับเขตพืน้ ที่การศึกษา และระดับชาติ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้เปน็ ระบวนการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน โดยใช้ผลการประเมิน เป็นข้อมลู และสารสนเทศท่ีแสดงพฒั นาการความก้าวหนา้ และความสาเร็จทางการเรยี นของผเู้ รยี น ตลอดจน ข้อมลู ที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ การส่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี น เกดิ การพฒั นาและเรียนร้อู ย่างเตม็ ตามศักยภาพ แบ่งออกเปน็ 4 ระดบั ไดแ้ ก่ ระดบั ชนั้ เรียน ระดับสถานศึกษา ระดบั เขตพนื้ ท่ีการศึกษา และระดบั ชาติ มีรายละเอียด ดังนี้ 1) การประเมนิ ระดับช้นั เรียน เปน็ การวดั และประเมนิ ผลท่อี ย่ใู นกระบวนการจดั การเรียนรู้ ผสู้ อนดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจดั การเรยี นการสอนใชเ้ ทคนิคการประเมินอยา่ ง หลากหลาย เชน่ การซกั ถาม การสังเกต การตรวจงาน การประเมินโครงงาน การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระ งาน แฟม้ สะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผสู้ อนเปน็ ผปู้ ระเมินหรือเปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รียนประเมนิ ตนเอง เพ่อื นประเมนิ เพ่ือน ผู้ปกครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ไ่ี มผ่ า่ นตัวชว้ี ัดให้มี การสอนซ่อมเสรมิ
รายงานการใช้นวัตกรรมการจดั การเรียนร้ทู ่เี สนอขอรับรางวลั โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 37 การประเมินระดับชั้นเรยี น เป็นการตรวจสอบวา่ ผูเ้ รยี นมพี ัฒนาการความก้าวหนา้ ใน การเรียนรู้ อนั เป็นผลมาจากการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนหรอื ไม่ และมากน้อยเพียงใด มีส่งิ ที่จะต้อง ไดร้ ับการพฒั นา ปรบั ปรงุ และสง่ เสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเปน็ ข้อมลู ให้ผู้สอนใช้ปรับปรงุ การเรียนการสอนของตนดว้ ย ท้งั นี้โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ัด 2) การประเมนิ ระดับสถานศึกษา เปน็ การประเมินทส่ี ถานศึกษาดาเนนิ การเพื่อตดั สิน ผลการเรยี นของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมนิ การอา่ น คิด วเิ คราะหแ์ ละเขยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น นอกจากน้เี พ่ือให้ได้ขอ้ มูลเก่ยี วกบั การจดั การศกึ ษาของสถานศึกษาวา่ ส่งผลตอ่ การเรียนร้ขู องผเู้ รียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผเู้ รียนมจี ดุ พฒั นา ในดา้ นใด รวมทัง้ สามารถนาผลการเรยี นของผเู้ รียนในสถานศกึ ษาเปรยี บเทียบกบั เกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมนิ ระดบั สถานศึกษา จะเปน็ ข้อมลู และสารสนเทศเพ่ือการปรับปรงุ นโยบาย หลกั สตู ร โครงการหรอื วิธีการจดั การเรยี นการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทาแผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของ สถานศกึ ษาตามแนวทางการประกนั คุณภาพการศึกษา และการรายงานผล การจดั การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ผู้ปกครอง และชุมชน 3) การประเมนิ ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เปน็ การประเมินคณุ ภาพผเู้ รยี นในระดับ เขตพ้นื ที่การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เพอ่ื ใช้เปน็ ขอ้ มูลพ้ืนฐานในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาตามภาระ ความรับผิดชอบ สามารถดาเนนิ การโดยประเมนิ คุณภาพผลสัมฤทธข์ิ องผ้เู รียนด้วยขอ้ สอบมาตรฐานที่จัดทา และดาเนินการโดยเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาหรือความร่วมมอื กับหนว่ ยงานต้นสงั กดั ในการดาเนนิ การจัดสอบ นอกจากน้ยี ังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมลู จากการประเมินระดับสถานศกึ ษาในเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา 4) การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมนิ คณุ ภาพผ้เู รยี นในระดบั ชาติตามมาตรฐาน การเรียนรู้ของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 สถานศึกษาต้องจดั ให้ผเู้ รยี นทุก คนท่เี รียนในชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 และชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 เข้ารบั การประเมิน ผลจากการประเมินใชเ้ ป็นข้อมูลในการเทียบเคยี งคุณภาพ การศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนาไปใชใ้ นการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา ตลอดจนเป็นข้อมูล สนับสนนุ การตดั สินใจในระดับนโยบายของประเทศ ขอ้ มลู การประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างตน้ เป็นประโยชนต์ ่อสถานศกึ ษาในการตรวจสอบ ทบทวน พฒั นาคุณภาพผู้เรียน ถอื เปน็ ภาระความรับผิดชอบของสถานศกึ ษาท่จี ะต้องจัดระบบดแู ล ชว่ ยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสรมิ สนบั สนนุ เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นไดพ้ ฒั นาเต็มตามศักยภาพบนพน้ื ฐาน ความแตกตา่ งระหว่างบุคคลที่จาแนกตามสภาพปญั หาและความต้องการ ได้แก่ กลุม่ ผ้เู รียนทวั่ ไป กลมุ่ ผู้เรยี นทมี่ คี วามสามารถพิเศษ กลุ่มผเู้ รียนท่ีมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นต่า กล่มุ ผเู้ รยี นทม่ี ปี ัญหา ดา้ นวินยั และพฤติกรรม กลุม่ ผูเ้ รียนทีป่ ฏเิ สธโรงเรยี น กล่มุ ผู้เรียนทีม่ ปี ญั หาทางเศรษฐกิจและสงั คม กลุม่ พิการทางร่างกายและสติปญั ญา เป็นตน้ ขอ้ มูลจากการประเมินจึงเป็นหวั ใจของสถานศกึ ษา ในการดาเนนิ การชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นได้ทนั ทว่ งที เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รยี นไดร้ ับการพฒั นา และประสบ ความสาเรจ็ ในการเรยี น
รายงานการใช้นวตั กรรมการจัดการเรยี นรู้ทเ่ี สนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 38 สถานศกึ ษาในฐานะผูร้ บั ผดิ ชอบจัดการศึกษา จะต้องจดั ทาระเบยี บวา่ ด้วยการวัด และประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคลอ้ งและเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ และแนวปฏบิ ตั ิ ท่ีเปน็ ขอ้ กาหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อใหบ้ คุ ลากร ทเ่ี กีย่ วข้องทุกฝา่ ยถือปฏบิ ตั ริ ่วมกนั เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผลการเรียน 1. การตัดสิน การให้ระดับ และการรายงานผลการเรยี น 1) การตดั สนิ ผลการเรียน ในการตัดสนิ ผลการเรยี นของกลุม่ สาระการเรียนรู้ การอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผ้สู อนต้อง คานงึ ถึงการพัฒนาผูเ้ รียนแต่ละคนเป็นหลัก และต้องเกบ็ ข้อมลู ของผเู้ รยี นทกุ ด้านอยา่ งสม่าเสมอ และ ตอ่ เน่ืองในแต่ละภาคเรยี น รวมทงั้ สอนซ่อมเสริมผู้เรยี นให้พัฒนาจนเตม็ ตามศักยภาพ ระดบั ประถมศึกษา (1) ผเู้ รยี นตอ้ งมเี วลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่า ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทง้ั หมด (2) ผู้เรียนต้องไดร้ บั การประเมินทกุ ตัวชีว้ ัด และผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด (3) ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การตัดสินผลการเรียนทกุ รายวิชา (4) ผูเ้ รยี นต้องได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษา กาหนดในการอ่าน คิด วเิ คราะห์และเขยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ระดับมธั ยมศึกษา (1) ตัดสนิ ผลการเรียนเป็นรายวชิ า ผเู้ รียนต้องมเี วลาเรยี นตลอดภาคเรยี น ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นท้ังหมดในรายวชิ าน้ัน ๆ (2) ผูเ้ รียนตอ้ งได้รับการประเมนิ ทุกตัวชีว้ ัด และผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด (3) ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การตดั สินผลการเรียนทกุ รายวิชา (4) ผ้เู รียนต้องได้รบั การประเมิน และมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษา กาหนดในการอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน การพิจารณาเล่อื นชน้ั ท้ังระดับประถมศกึ ษาและมัธยมศึกษา ถ้าผเู้ รียนมีข้อบกพร่อง เพียงเลก็ น้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นวา่ สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ให้อยู่ในดุลพินจิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะผอ่ นผนั ให้เลอื่ นชั้นได้ แตห่ ากผเู้ รยี นไมผ่ ่านรายวชิ าจานวนมาก และมีแนวโน้ม ว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรยี นในระดบั ชัน้ ท่ีสูงขึ้น สถานศกึ ษาอาจต้งั คณะกรรมการพจิ ารณาให้เรียน ซา้ ชั้นได้ ทง้ั นีใ้ หค้ านึงถึงวฒุ ภิ าวะ และความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี นเป็นสาคัญ 2) การให้ระดับผลการเรียน ระดับประถมศกึ ษา (1) ในการตัดสินเพ่ือใหร้ ะดบั ผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ระดบั ผลการเรียนหรอื ระดบั คุณภาพการปฏิบตั ิของผเู้ รยี นเปน็ ระบบตัวเลข ระบบตัวอกั ษร ระบบรอ้ ยละ และระบบทใ่ี ชค้ าสาคัญสะท้อนมาตรฐาน (2) การประเมินการอา่ น คิด วิเคราะหแ์ ละเขยี น และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์น้นั ให้ ระดบั ผลการประเมินเป็น ดเี ยยี่ ม ดี และผา่ น
รายงานการใช้นวัตกรรมการจัดการเรยี นรทู้ ่เี สนอขอรบั รางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 39 (3) การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น จะตอ้ งพิจารณาทง้ั เวลาการเขา้ รว่ มกิจกรรม การปฏิบัตกิ จิ กรรม และผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการเขา้ ร่วม กจิ กรรมเปน็ ผ่านและไมผ่ ่าน ระดบั มธั ยมศึกษา (1) ในการตัดสินเพื่อให้ระดบั ผลการเรียนรายวิชา ใหใ้ ช้ตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรียนเปน็ 8 ระดบั (2) การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขยี น และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคน์ ้ันให้ ระดับผลการประเมินเป็น ดเี ยี่ยม ดี และผ่าน (3) การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น จะตอ้ งพิจารณาทง้ั เวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด และให้ผลการเขา้ ร่วม กจิ กรรมเป็น ผ่านและไม่ผา่ น 3) การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรียน เป็นการสื่อสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้า ในการเรียนรูข้ องผู้เรยี น ซงึ่ สถานศกึ ษาต้องสรปุ ผลการประเมนิ และจัดทาเอกสารรายงานให้ผูป้ กครองทราบ เปน็ ระยะ ๆ หรืออย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครง้ั การรายงานผลการเรยี น สามารถรายงานเปน็ ระดับคุณภาพ การปฏบิ ตั ขิ องผเู้ รยี นท่ีสะทอ้ นมาตรฐานการเรียนรูก้ ลุ่มสาระการเรยี นรู้ 2. เกณฑ์การจบการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กาหนดเกณฑก์ ลางสาหรับ การจบการศึกษาเป็น 3 ระดบั คือ ระดับประถมศึกษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ และระดบั มัธยม ศึกษา ตอนปลาย 1) เกณฑ์การจบระดับประถมศกึ ษา (1) ผูเ้ รียนเรียนรายวิชาพืน้ ฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิม่ เติมตามโครงสร้าง เวลาเรยี นท่หี ลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานกาหนด (2) ผเู้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมินรายวชิ าพืน้ ฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามที่ สถานศึกษากาหนด (3) ผู้เรยี นมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน ในระดับผา่ น เกณฑ์การประเมินตามทีส่ ถานศกึ ษากาหนด (4) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่าน เกณฑ์การประเมนิ ตามทสี่ ถานศึกษากาหนด (5) ผู้เรยี นเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน และมผี ลการประเมนิ ผ่าน เกณฑ์การประเมนิ ตามทส่ี ถานศึกษากาหนด 2) เกณฑ์การจบระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ (1) ผูเ้ รียนเรียนรายวิชาพน้ื ฐานและเพ่ิมเตมิ ไมเ่ กิน 81 หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวชิ าพืน้ ฐาน 63 หน่วยกิต และรายวิชาเพ่มิ เติมตามที่สถานศึกษากาหนด (2) ผู้เรียนตอ้ งได้หน่วยกิตตลอดหลกั สูตรไมน่ อ้ ยกว่า 77 หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวชิ า พืน้ ฐาน 63 หน่วยกติ และรายวชิ าเพิ่มเตมิ ไม่น้อยกวา่ 14 หนว่ ยกิต
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจดั การเรยี นรทู้ ีเ่ สนอขอรบั รางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 40 (3) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์การประเมินตามท่สี ถานศกึ ษากาหนด (4) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่าน เกณฑ์การประเมินตามทส่ี ถานศึกษากาหนด 5) ผเู้ รยี นเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น และมีผลการประเมนิ ผา่ น เกณฑ์การประเมินตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด 3) เกณฑ์การจบระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (1) ผู้เรยี นเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานและเพ่ิมเตมิ ไมน่ ้อยกว่า 81 หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวชิ า พ้ืนฐาน 39 หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เติมตามทีส่ ถานศึกษากาหนด (2) ผู้เรียนตอ้ งได้หน่วยกิตตลอดหลกั สูตรไมน่ อ้ ยกว่า 77 หนว่ ยกิต โดยเป็นรายวิชา พ้ืนฐาน 39 หนว่ ยกิต และรายวิชาเพิม่ เติมไม่น้อยกวา่ 38 หน่วยกติ (3) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ การอา่ น คิด วิเคราะหแ์ ละเขียน ในระดบั ผา่ น เกณฑ์การประเมนิ ตามที่สถานศึกษากาหนด (4) ผ้เู รยี นมีผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ในระดับผา่ น เกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษากาหนด (5) ผูเ้ รยี นเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น และมผี ลการประเมนิ ผา่ น เกณฑ์การประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด สาหรบั การจบการศึกษาของกลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะ เช่น การศกึ ษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรบั ผู้ มีความสามารถพเิ ศษ การศกึ ษาทางเลือก การศกึ ษาสาหรับผูด้ อ้ ยโอกาส การศึกษา ตามอธั ยาศยั ให้คณะกรรมการของสถานศกึ ษาเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาและผ้ทู ่ีเกย่ี วข้อง ดาเนินการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นร้ตู ามหลักเกณฑใ์ นแนวปฏบิ ัตกิ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรูข้ องหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาหรบั กลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา เอกสารหลักฐานการศึกษาเป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ขอ้ มลู และสารสนเทศ ทเี่ ก่ยี วข้องกบั พัฒนาการของผู้เรยี นในด้านต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1) เอกสารหลักฐานการศึกษาทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด (1) ระเบยี นแสดงผลการเรยี น เปน็ เอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผล การเรียนของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะหแ์ ละเขยี น ผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของสถานศกึ ษา และผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน สถานศกึ ษาจะตอ้ ง บนั ทกึ ข้อมูลและออกเอกสารนี้ให้ผูเ้ รียนเปน็ รายบุคคล เมือ่ ผูเ้ รยี นจบการศึกษาระดบั ประถม ศึกษา (ชั้น ประถมศึกษาปที ่ี 6) จบการศึกษาภาคบังคับ (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3) จบการศึกษา ขน้ั พนื้ ฐาน (ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6) หรือเมอ่ื ลาออกจากสถานศึกษาในทุกกรณี (2) ประกาศนยี บตั ร เปน็ เอกสารแสดงวฒุ กิ ารศกึ ษา เพ่ือรับรองศักด์ิและสิทธ์ิ ของผู้จบการศกึ ษาท่สี ถานศึกษาให้ไวแ้ ก่ผจู้ บการศึกษาภาคบังคบั และผู้จบการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรียนรู้ทีเ่ สนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 41 (3) แบบรายงานผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา เป็นเอกสารอนุมตั กิ ารจบหลกั สตู ร โดยบนั ทึก รายชือ่ และข้อมลู ของผจู้ บการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6) ผู้จบการศึกษา ภาคบงั คับ (ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3) และผจู้ บการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน (ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6) 2) เอกสารหลักฐานการศึกษาทสี่ ถานศึกษากาหนด เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทาข้นึ เพอ่ื บันทึกพัฒนาการ ผลการเรยี นรู้ และข้อมูลสาคญั เก่ยี วกบั ผูเ้ รยี น เชน่ แบบรายงานประจาตัว นักเรยี น แบบบนั ทึกผลการเรียนประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และเอกสาร อ่ืน ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการนาเอกสารไปใช้ การเทยี บโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทยี บโอนผลการเรยี นของผเู้ รียนในกรณีตา่ ง ๆ ได้แก่ การยา้ ยสถานศกึ ษา การเปลยี่ นรปู แบบการศกึ ษา การยา้ ยหลกั สตู ร การออกกลางคัน และขอกลบั เข้ารบั การศึกษาต่อ การศึกษาจากตา่ งประเทศ และขอเข้าศึกษาตอ่ ในประเทศ นอกจากนยี้ งั สามารถ เทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณจ์ ากแหล่งการเรียนรู้อืน่ ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ และการจัดการศกึ ษาโดยครอบครัว การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในชว่ งก่อนเปิดภาคเรยี นแรกหรือตน้ ภาคเรียนแรกท่ี สถานศกึ ษารับผขู้ อเทยี บโอนเปน็ ผู้เรียน ทง้ั นี้ ผูเ้ รยี นทไ่ี ด้รับการเทียบโอนผลการเรยี นต้องศึกษาต่อเนื่องใน สถานศึกษาทรี่ บั เทียบโอนอย่างน้อย 1 ภาคเรยี น โดยสถานศึกษาทร่ี ับผเู้ รยี นจาก การเทยี บโอนควรกาหนดรายวชิ า/จานวนหนว่ ยกติ ท่ีจะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณา การเทียบโอน สามารถดาเนินการ ได้ดังน้ี 1) พิจารณาจากหลกั ฐานการศึกษา และเอกสารอนื่ ๆ ทใี่ ห้ขอ้ มูลแสดงความรู้ ความสามารถ ของผู้เรียน 2) พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรยี นโดยการทดสอบดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ ท้งั ภาคความรู้และภาคปฏบิ ตั ิ 3) พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ิในสภาพจรงิ การเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศหรอื แนวปฏบิ ตั ิของกระทรวง ศึกษาธิการ การบริหารจัดการหลักสูตรในระบบการศกึ ษามกี ารกระจายอานาจให้ท้องถิ่น และสถาน ศึกษามี บทบาทในการพัฒนาหลักสตู รนั้น หน่วยงานต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วข้องในแต่ละระดบั ตัง้ แตร่ ะดับชาติ ระดบั ทอ้ งถ่นิ จนถึงระดบั สถานศึกษามบี ทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพฒั นา สนบั สนุน สง่ เสริมการใช้ และ พฒั นาหลกั สูตรให้เปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ใหก้ ารดาเนินการจดั ทาหลักสูตรสถานศกึ ษาและการ จัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามปี ระสิทธภิ าพสงู สุด อนั สง่ ผลให้การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนบรรลตุ าม มาตรฐานการเรียนรทู้ ่ีกาหนดไวใ้ นระดับชาติ ระดับทอ้ งถ่นิ ได้แก่ สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา หนว่ ยงาน ตน้ สังกดั อ่นื ๆ เป็นหนว่ ยงานท่มี บี ทบาทในการขบั เคล่ือนคุณภาพการจดั การศึกษา เป็นตวั กลางที่จะเชื่อมโยง หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ท่กี าหนดในระดบั ชาติใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการของท้องถน่ิ เพ่ือนาไปสู่การจัดทาหลักสตู รของ สถานศึกษา สง่ เสริมการใช้และพฒั นาหลักสตู รในระดบั สถานศึกษาใหป้ ระสบความสาเร็จ โดยมีภารกจิ สาคญั คือ กาหนดเป้าหมายและจดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นในระดับท้องถ่ิน
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นรู้ท่เี สนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 42 โดยพจิ ารณาใหส้ อดคลอ้ งกบั ส่งิ ที่เปน็ ความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ ประเมิน คณุ ภาพการศึกษาในระดบั ท้องถิน่ รวมทงั้ เพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรดว้ ยการวิจัย และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนบั สนุน ส่งเสริม ตดิ ตามผล ประเมนิ ผล วเิ คราะห์ และรายงานผล คณุ ภาพของผเู้ รียน สถานศึกษามีหน้าทีส่ าคัญในการพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษา การวางแผน และดาเนินการ ใช้หลักสตู ร การเพิ่มพนู คณุ ภาพการใช้หลักสตู รดว้ ยการวิจยั และพัฒนา การปรับปรุง และพัฒนาหลักสตู ร จัดทาระเบียบการวัดและประเมนิ ผล ในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาตอ้ งพจิ ารณาให้ สอดคลอ้ งกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และรายละเอียดทเี่ ขตพ้ืนท่ี การศกึ ษาหรือหนว่ ยงานตน้ สังกดั อืน่ ๆ ในระดบั ท้องถน่ิ ได้จัดทาเพิ่มเตมิ รวมท้ัง สถานศึกษาสามารถ เพม่ิ เติมในส่วนทีเ่ กย่ี วกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ และความต้องการ ของผู้เรียน โดยทกุ ภาคส่วนเขา้ มามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ทาไมตอ้ งเรยี นสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สงั คมโลกมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็วตลอดเวลา กลุม่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม ช่วยใหผ้ ู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจว่า มนษุ ย์ดารงชีวติ อย่างไร ท้งั ในฐานะปัจเจกบคุ คล และการ อย่รู ่วมกนั ในสงั คม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรท่ีมอี ยู่อย่างจากัด นอกจากนย้ี งั ช่วย ใหผ้ เู้ รยี นเข้าใจถึงการพฒั นา เปลย่ี นแปลงตามยคุ สมัย กาลเวลาตามเหตุปัจจยั ตา่ ง ๆ ทาให้เกดิ ความเข้าใจใน ตนเอง และผอู้ นื่ มีความอดทน อดกลัน้ ยอมรบั ใน ความแตกต่าง และมีคุณธรรม สามารถนาความรไู้ ปปรบั ใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ เปน็ พลเมอื งดี ของประเทศชาติ และสังคมโลก เรยี นรอู้ ะไรในสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม กลุม่ สาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วา่ ด้วยการอย่รู ่วมกันในสงั คม ทม่ี คี วามเชื่อมสัมพันธ์กนั และมีความแตกต่างกันอยา่ งหลากหลาย เพ่ือช่วยให้สามารถปรบั ตนเอง กับบริบทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี มคี วามรบั ผดิ ชอบ มคี วามรู้ ทักษะ คุณธรรม และคา่ นิยม ทเี่ หมาะสม โดยไดก้ าหนดสาระต่าง ๆ ไว้ ดงั นี้ 1) ศาสนา ศลี ธรรม และจริยธรรม แนวคดิ พ้นื ฐานเกี่ยวกับศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ การนาหลักธรรมคาสอนไปปฏิบัติ ในการพฒั นาตนเอง และการอยรู่ ว่ มกันอยา่ งสนั ตสิ ุข เปน็ ผ้กู ระทาความดี มีคา่ นยิ มที่ดีงาม พฒั นาตนเองอยู่ เสมอ รวมท้งั บาเพญ็ ประโยชน์ต่อสงั คมและสว่ นรวม 2) หน้าทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ิต ระบบการเมืองการปกครอง ในสังคมปจั จบุ นั การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ลักษณะ และความสาคญั การเป็นพลเมอื งดี ความแตกตา่ งและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อ ปลูกฝงั คา่ นิยมด้านประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ สทิ ธิ หน้าที่ เสรภี าพการดาเนินชีวติ อยา่ งสนั ติสขุ ในสงั คมไทยและสังคมโลก 3) เศรษฐศาสตร์ การผลติ การแจกจ่าย และการบรโิ ภคสินค้าและบริการ
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรยี นรทู้ เี่ สนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพเิ ศษ 43 การบริหารจัดการทรัพยากรท่ีมอี ยู่อยา่ งจากัดอย่างมปี ระสิทธภิ าพ การดารงชวี ิตอย่างมีดลุ ยภาพ และการนาหลักเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั 4) ประวัตศิ าสตร์ เวลาและยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์ วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ พัฒนาการ ของมนษุ ยชาติจากอดีตถึงปัจจบุ นั ความสมั พันธ์และเปลยี่ นแปลงของเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ผลกระทบท่ีเกดิ จาก เหตกุ ารณส์ าคัญในอดตี บุคคลสาคัญท่มี ีอิทธพิ ลต่อการเปล่ียนแปลงตา่ ง ๆ ในอดีต ความเปน็ มาของชาติไทยวัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย แหลง่ อารยธรรมทส่ี าคัญของโลก 5) ภมู ิศาสตร์ ลักษณะของโลกทางกายภาพ ลกั ษณะทางกายภาพ แหล่งทรัพยากร และ ภูมิอากาศของประเทศไทย และภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก การใชแ้ ผนท่แี ละเคร่ืองมอื ทางภมู ิศาสตร์ ความสมั พนั ธก์ ันของสิ่งต่างๆ ในระบบธรรมชาติ ความสมั พันธ์ของมนุษย์กับสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ และสง่ิ ทมี่ นุษย์สร้างขน้ึ การนาเสนอข้อมลู ภูมสิ ารสนเทศ การอนุรักษส์ ่งิ แวดล้อม เพอ่ื การพัฒนาที่ยั่งยนื สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรม ของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือและศาสนาอืน่ มีศรทั ธาท่ีถูกต้อง ยดึ มัน่ และปฏบิ ัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่รว่ มกันอย่างสนั ตสิ ขุ มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนัก และปฏบิ ัตติ นเป็นศาสนกิ ชนทดี่ ี และธารง รกั ษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ สาระท่ี 2 หน้าทีพ่ ลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสังคม มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏบิ ตั ิตนตามหน้าท่ีของการเปน็ พลเมืองดี มีคา่ นยิ ม ท่ีดงี าม และธารงรักษาประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดารงชวี ิตอยู่ร่วมกนั ใน สงั คมไทย และสังคมโลกอยา่ งสันตสิ ุข มาตรฐาน ส 2.2 เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จุบัน ยึดมั่น ศรัทธา และธารงรักษาไวซ้ ่งึ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษตั ริยท์ รงเป็นประมุข สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส 3.1 เข้าใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรในการผลิต และการบรโิ ภคการใชท้ รัพยากรท่มี ีอยจู่ ากดั ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและคุ้มคา่ รวมท้ังเข้าใจหลักการของเศรษฐกจิ พอเพียงเพื่อการดารงชีวติ อย่างมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส 3.2 เข้าใจระบบ และสถาบนั ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสมั พันธ์ ทางเศรษฐกิจ และความจาเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก สาระท่ี 4 ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 เขา้ ใจความหมาย ความสาคัญของเวลา และยคุ สมัยทาง ประวัติศาสตร์ สามารถใชว้ ิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณต์ ่าง ๆ อยา่ งเปน็ ระบบ
รายงานการใช้นวัตกรรมการจดั การเรยี นร้ทู ่ีเสนอขอรบั รางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 44 มาตรฐาน ส 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาตจิ ากอดตี จนถึงปัจจุบันใน ด้านความสมั พันธแ์ ละการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณ์อยา่ งต่อเนื่อง ตระหนกั ถงึ ความสาคญั และสามารถวิเคราะห์ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย มีความรกั ความภมู ใิ จ และธารงความเป็นไทย สาระที่ 5 ภมู ิศาสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 เขา้ ใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธ์ ของสรรพสงิ่ ซงึ่ มีผลต่อกันและกนั ในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่และเครื่องมือ ทางภูมศิ าสตร์ในการคน้ หาวเิ คราะห์ สรปุ และใชข้ ้อมูลภมู สิ ารสนเทศอย่างมี ประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส 5.2 เขา้ ใจปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างมนุษยก์ บั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ ทีก่ ่อให้เกดิ การสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรม มีจติ สานึก และมสี ่วนรว่ มในการอนรุ ักษ์ ทรัพยากร และส่ิงแวดล้อม เพ่อื การพฒั นาที่ย่งั ยนื คุณภาพผเู้ รยี น จบชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 1) มีความรูเ้ กย่ี วกับความเป็นไปของโลก โดยการศกึ ษาประเทศไทยเปรียบเทียบกับ ประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ในโลก เพ่ือพัฒนาแนวคดิ เรื่องการอยู่รว่ มกันอย่างสนั ตสิ ุข 2) มีทักษะท่ีจาเป็นต่อการเป็นนักคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณไดร้ ับการพฒั นาแนวคิด และ ขยายประสบการณ์ เปรยี บเทียบระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศในภูมภิ าคต่าง ๆ ในโลก ได้แก่ เอเชีย ออสเตรเลีย โอเชยี เนีย แอฟรกิ า ยโุ รป อเมริกาเหนอื และอเมริกาใตใ้ นด้านศาสนา คุณธรรม-จริยธรรม ค่านิยม ความเช่ือ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม การเมือง การปกครอง ประวัติศาสตร์ และภมู ศิ าสตร์ด้วยวิธกี ารทางประวตั ิศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ 3) ร้แู ละเข้าใจแนวคิดและวเิ คราะห์เหตุการณ์ในอนาคต สามารถนามาใช้ เปน็ ประโยชน์ในการดาเนนิ ชีวติ และวางแผนการดาเนนิ งานได้อย่างเหมาะสม ตวั ช้ีวดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ได้กาหนดตัวชวี้ ัด และสาระการ เรียนรู้แกนกลาง สาระประวัตศิ าสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 รายละเอียด ดังแสดงในตาราง 2
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจดั การเรยี นร้ทู ่ีเสนอขอรับรางวลั โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 45 ตาราง 2 ตัวช้วี ัด และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระประวตั ิศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 สาระท่ี 4 ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลา และยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถใช้วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตรม์ าวเิ คราะห์เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ อยา่ งเป็นระบบ ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1. ประเมินความน่าเชอื่ ถือของหลกั ฐานทาง - วธิ กี ารประเมินความน่าเช่ือถือของหลกั ฐานทาง ประวัตศิ าสตร์ในลกั ษณะต่าง ๆ ประวัติศาสตรใ์ นลกั ษณะต่าง ๆ อยา่ งงา่ ย ๆ เช่น การศกึ ษาภมู หิ ลงั ของผู้ทาหรือผ้เู ก่ียวข้อง สาเหตุ ชว่ งระยะเวลา รูปลกั ษณข์ องหลกั ฐาน ทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น - ตัวอย่างการประเมินความน่าเช่อื ถือของ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ไทยท่ีอยู่ในท้องถ่ิน ของตนเอหรือหลกั ฐานสมยั อยุธยา (เชือ่ มโยง กับ มฐ. ส 4.3 ) 2. วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างความจรงิ กบั - ตวั อยา่ งการวิเคราะห์ข้อมลู จากเอกสารต่าง ๆ ข้อเทจ็ จริงของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ในสมยั อยุธยาและธนบรุ ี (เชอ่ื มโยงกบั 3. เห็นความสาคัญของการตีความหลกั ฐานทาง มฐ. ส 4.3) เช่น ข้อความบางตอนในพระราช ประวัตศิ าสตรท์ ี่น่าเช่ือถือ พงศาวดารอยธุ ยา/จดหมายเหตุชาวต่างชาติ - ตัวอยา่ งการตคี วามข้อมูลจากหลกั ฐานทแ่ี สดง เหตุการณ์สาคัญในสมยั อยุธยาและธนบุรี - การแยกแยะระหวา่ งข้อมูลกับความคิดเห็น รวมท้งั ความจรงิ กับข้อเท็จจรงิ จากหลกั ฐานทาง ประวัติศาสตร์ - ความสาคัญของการวเิ คราะหข์ ้อมูล และการ ตคี วามทางประวัติศาสตร์ สาระท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนษุ ยชาติจากอดีตจนถงึ ปัจจบุ นั ในดา้ นความสมั พนั ธ์ และการเปลยี่ นแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนือ่ ง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถวิเคราะห์ ผลกระทบท่ีเกิดข้นึ ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1. อธิบายพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกจิ - ท่ีต้งั และสภาพทางภูมิศาสตรข์ องภมู ภิ าคตา่ ง ๆ และการเมืองของภมู ิภาคเอเชีย ในทวปี เอเชีย (ยกเว้นเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต)้ ที่มผี ลต่อพัฒนาการโดยสังเขป
รายงานการใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนรทู้ เ่ี สนอขอรับรางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 46 ตาราง 2 (ต่อ) สาระท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส 4.2 (ต่อ) ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - พัฒนาการทางสงั คม เศรษฐกิจ และการเมือง 2. ระบคุ วามสาคัญของแหล่งอารยธรรมโบราณ ของภมู ิภาคเอเชีย (ยกเวน้ เอเชียตะวันออก เฉียงใต้) - ทีต่ ้งั และความสาคญั ของแหล่งอารยธรรม ในภูมภิ าคเอเชยี โบราณในภูมิภาคเอเชีย เชน่ แหล่งมรดกโลก ในประเทศตา่ ง ๆ ในภมู ิภาคเอเชยี - อิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณที่มตี ่อภมู ิภาค เอเชยี ในปัจจุบนั สาระท่ี 4 ประวตั ศิ าสตร์ มาตรฐาน ส 4.3 เขา้ ใจความเปน็ มาของชาติไทย วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย มคี วามรกั ความภูมิใจและธารงความเป็นไทย สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตัวชวี้ ัด - การสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยา 1. วิเคราะห์พฒั นาการของอาณาจักรอยธุ ยา และธนบุรใี นด้านตา่ ง ๆ - ปจั จัยท่ีส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของ 2. วเิ คราะห์ปจั จัยทีส่ ง่ ผลต่อความม่ันคง อาณาจกั รอยธุ ยา และความเจรญิ รุง่ เรืองของอาณาจักรอยุธยา - พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยาในด้าน 3. ระบุภูมิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา การเมืองการปกครอง สังคม เศรษฐกิจ และธนบรุ ี และอทิ ธพิ ลของภมู ิปญั ญาดงั กล่าว และความสมั พันธ์ระหว่างประเทศ - การเสยี กรงุ ศรีอยุธยาครัง้ ที่ 1 และการกู้ ตอ่ การพัฒนาชาติไทยในยุคต่อมา เอกราช - ภมู ิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา เช่น การควบคุมกาลังคน และศลิ ปวฒั นธรรม - การเสียกรุงศรีอยธุ ยาครง้ั ท่ี 2 การก้เู อกราช และการสถาปนาอาณาจักรธนบรุ ี - ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยธนบรุ ี - วรี กรรมของบรรพบุรุษไทย ผลงานของบคุ คล สาคญั ของไทยและต่างชาติท่ีมสี ว่ นสรา้ งสรรค์ ชาตไิ ทย
รายงานการใช้นวัตกรรมการจดั การเรยี นรูท้ เ่ี สนอขอรับรางวัล โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 47 แผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นการจัดโปรแกรมการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้วชิ าใดวชิ าหน่ึง ไวล้ ว่ งหน้า เพอื่ ให้ผูเ้ รียนบรรลุจดุ ประสงคท์ ี่กาหนดไว้ ดังนน้ั การวางแผนจึงต้องมีการพฒั นาอยู่เสมอ เพือ่ ให้ทันต่อเหตุการณ์ทเี่ ปล่ียนไป ไม่ว่าครูผูส้ อนจะเคยมีประสบการณ์การสอนมานานหลายปีแล้ว ก็ตาม ประโยชนท์ ไี่ ดจ้ ากการวางแผนการจดั ประสบการณ์เรียนรนู้ ั้นจะชว่ ยใหค้ รู รู้วา่ ในแต่ละคาบ แต่ละ สปั ดาห์ ครจู ะสอนวชิ าอะไร เรอื่ งอะไร เหตใุ ดจึงตอ้ งสอน จะใชว้ ิธีการสอนอย่างไร มอี ุปกรณ์ แหลง่ การเรียนร้คู รบถว้ นพอเพยี งหรอื ไม่ จะชว่ ยให้ร้วู ่าจะประเมนิ ผลนกั เรียนดว้ ยวธิ กี ารใด เมอ่ื ครูได้ เตรียมการลว่ งหน้าแลว้ จะช่วยใหเ้ กิดความมัน่ ใจในการสอนมากขน้ึ การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ก็จะ ดาเนนิ การไปได้อย่างราบรืน่ ประหยดั เวลา ทาให้นกั เรยี นสามารถพฒั นาได้ตามเปา้ หมาย ความหมายของแผนการจัดการเรียนรู้ มีนกั การศกึ ษาหลายทา่ นไดใ้ ห้ความหมายของแผนการจัดการเรยี นรู้ ไว้ดังนี้ ลัดดาวลั ย์ พรหมสาขา ณ สกลนคร (2547 : 33) ไดใ้ ห้ความหมายของแผนการจดั การเรยี นรู้ ไวว้ ่า เป็นการวางแผนจัดเตรยี มรายละเอยี ดของการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนอยา่ งมีระบบ เป็นลายลกั ษณ์อกั ษรไวล้ ว่ งหน้า เพือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ใหก้ บั ผู้เรยี น ในแตล่ ะครั้ง และเปน็ เคร่อื งมือในการพฒั นาการเรยี นการสอนไปสจู่ ุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ ของหลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพย่งิ ขน้ึ บูรชัย ศิรมิ หาสาคร (2547 : 14) กลา่ ววา่ แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง การวางแผน การสอนหรือการเตรยี มการสอนล่วงหน้าก่อนทจี่ ะทาการสอน แล้วจดบนั ทึกเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร เพอ่ื ให้ใคร กต็ ามทีจ่ ะทาการสอนในวิชาน้นั ๆ สามารถใชเ้ ปน็ แนวทางในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สวุ ทิ ย์ มลู คา (2549 : 58) ได้ใหค้ วามหมายของแผนการจัดการเรยี นรู้ ไวว้ ่า เป็นการเตรยี มการ สอนหรอื กาหนดกิจกรรมการเรยี นรอู้ ย่างเป็นระบบ และจัดทาไว้เปน็ ลายลักษณ์อักษร โดยมีการรวบรวมข้อมลู ตา่ ง ๆ มากาหนดกจิ กรรมการเรียนการสอน เพ่ือให้ผู้เรียนบรรลจุ ดุ มุ่งหมาย ท่ีกาหนดไว้ โดยเริม่ จากการกาหนดวตั ถุประสงค์จะใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเปลีย่ นแปลงดา้ นใด (สติปญั ญา เจตคติ ทกั ษะ) จะจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนวิธใี ด ใช้ส่ือการเรียนการสอนหรอื แหล่งเรียนรใู้ ด และจะประเมนิ ผลอย่างไร ระวิวรรณ ศรคี รา้ มครัน (2552 : 189) ไดก้ ลา่ วไว้ว่า ในการวางแผนการจัดการเรียนร้ใู ห้แก่ นกั เรียนนั้น สงิ่ สาคัญที่ผู้สอนจะต้องพจิ ารณา ก็คือ การเรียนรู้ การวางแผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ดี ี จะสามารถทาให้ผูส้ อนสามารถควบคุมชั้นเรยี น และทาใหก้ ิจกรรมในชนั้ เรียนดาเนินไปดว้ ยดี ดังนนั้ แผนการจดั การเรยี นรหู้ รือ “การวางแผนการสอน” หมายถึง การกาหนดกจิ กรรมการเรยี นรู้อยา่ งเป็นระบบ และเขียนเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรไว้ลว่ งหนา้ เพือ่ ให้นักเรียนบรรลุจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ที่อาจารย์กาหนดไว้ สรปุ ไดว้ ่า แผนการจดั การเรียนรู้ หมายถึง การวางแผน จัดเตรยี มเนอ้ื หาการเรียนรู้ จัดเตรียม กจิ กรรมการเรยี นการสอน ส่อื อปุ กรณ์ และเครื่องมือการวัดประเมินผลทมี่ ีความสอดคล้อง กับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ และกจิ กรรมทจ่ี ัดไวใ้ นแผนการจัดการเรียนรูจ้ ะต้องเนน้ ให้ผเู้ รียนได้ฝกึ ปฏิบัติ ได้ คดิ ได้ทา และได้แกป้ ัญหา เพื่อให้ผ้เู รียนเกดิ การเรยี นรูอ้ ยา่ งถาวร และเกิดการเรยี นรู้อย่างมีความสขุ
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรยี นรู้ท่เี สนอขอรบั รางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพิเศษ 48 ความสาคัญของแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ เปรียบเสมอื นเข็มทิศทค่ี อยชท้ี างในการสอนของครู ทาให้ครมู ีความรสู้ กึ ม่นั ใจในการสอน สง่ ผลใหค้ รูจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ดงั นนั้ จึงมีนักการศกึ ษาที่ มองเห็นความสาคัญ และสรุปความสาคัญของแผนการจัดการเรยี นรู้ ไว้ดังนี้ วชั รากรณ์ กองมณี (2546 : 36) กลา่ วว่า แผนการจัดการเรียนร้มู ีความสาคญั ตอ่ การจดั การเรยี นรู้ให้บรรลุตามจดุ ประสงคข์ องนักเรยี นได้ง่าย แผนการจัดการเรยี นรู้มีความสาคัญตอ่ การจัด การเรียนการรใู้ หบ้ รรลตุ ามจุดประสงค์ของหลักสูตร เพราะแผนการจดั การเรียนรเู้ ปน็ การวางแผน การจดั กิจกรรมท้ังหมดท่ีเอ้อื และตอบสนองต่อความต้องการ ความรู้ ความสามารถของนักเรียน การวางแผนการจดั การเรียนรู้ลว่ งหนา้ ทาให้ผ้สู อนเกิดความม่นั ใจ บูรชยั ศิรมิ หาสาคร (2547 : 16) กล่าวถงึ ความสาคญั ของแผนการจดั การเรยี นรู้ ไว้ดงั น้ี 1) แผนการจัดการเรยี นรู้ เปน็ หลักฐานท่ีแสดงถึงการเปน็ ครมู อื อาชพี มีการเตรยี ม การ ลว่ งหนา้ แผนการจดั การเรียนรู้ของครูสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงการใช้เทคนคิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ นวตั กรรม และจติ วิทยาการเรียนร้ขู องเด็กมาผสมผสานกันหรอื ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพ ของผู้เรียน 2) แผนการจดั การเรียนรู้ ช่วยสง่ เสริมใหค้ รูไดศ้ ึกษาค้นควา้ หาความรู้เกีย่ วกับหลักสตู ร เทคนคิ การจดั การเรียนรู้ สอ่ื นวตั กรรม และวธิ กี ารวดั และประเมินผล เพอ่ื พัฒนาวิชาชีพของตน 3) แผนการจัดการเรียนรู้ ทาให้ครูผ้สู อน และครทู ่ีจะทาการสอนแทน สามารถจดั กจิ กรรม ได้อย่างมน่ั ใจ และมีประสิทธิภาพ 4) แผนการจัดการเรยี นรู้ เปน็ หลกั ฐานทแ่ี สดงข้อมูลด้านการเรียนการสอน การวัดผล และประเมินผล ท่จี ะนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้คู รง้ั ต่อไป 5) แผนการจดั การเรียนรู้ เป็นหลกั ฐานท่ีแสดงถึงความเช่ยี วชาญในวิชาชีพครู ซง่ึ สามารถนาไปเสนอเปน็ ผลงานทางวิชาการ เพ่ือประกอบการพจิ ารณาความดีความชอบประจาปี เพื่อขอเลื่อนตาแหน่งหรือระดับใหส้ งู ขน้ึ และเพื่อใชป้ ระกอบการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ครู จากความสาคัญของแผนการจดั การเรยี นรู้ขา้ งตน้ สรปุ ได้ว่า แผนการจดั การเรยี นรู้ของครูเป็น เสมือนแผนที่ของนักเดนิ ทางโดยมีหลกั สูตรเปน็ เข็มทิศ นกั เดนิ ทางทด่ี ตี ้องใชแ้ ผนท่ี และเข็มทิศ นาทาง เพื่อเดนิ ไปสู่เปา้ หมายโดยไมห่ ลงทาง แผนการจัดการเรียนรจู้ ะชว่ ยให้ครจู ัดการเรยี นรไู้ ด้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ ทาใหผ้ ้เู รยี นบรรลผุ ลตามจุดมุ่งหมายของหลักสตู ร ลกั ษณะของแผนการจัดการเรยี นรู้ทด่ี ี แผนการจดั การเรยี นรู้ ควรมีรายละเอียดที่ชัดเจนในกิจกรรมของครูและนักเรยี นว่า ทาอะไร ใชส้ ื่ออะไร วัดและประเมินผลอย่างไร ท้ังน้ี การวางแผนการจดั การเรียนรู้ทีด่ ีจะส่งผลให้นกั เรยี น บรรลจุ ดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดังนน้ั จึงมีนกั การศึกษาได้กล่าวถึง ลักษณะของแผนการจัด การเรียนรทู้ ่ดี ี ไวด้ งั นี้ บูรชยั ศิริมหาสาคร (2547 : 17) กล่าววา่ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ดี่ ีจะต้องตอบคาถาม หลกั 3 ขอ้ ได้ คือ จดั การเรยี นรูเ้ พ่อื อะไร จดั การเรยี นรู้อย่างไร และจดั การเรียนรู้แลว้ ไดผ้ ลตามท่ตี ้องการ หรอื ไม่ สุวิทย์ มลู คา (2549 : 59) ได้กลา่ วถึงลักษณะของแผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ดี ไวด้ ังนี้ 1) กาหนดจดุ ประสงค์การเรียนรู้ไวอ้ ย่างชัดเจน (ในการสอนเรอื่ งนน้ั ๆ ต้องการให้
รายงานการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรียนร้ทู ี่เสนอขอรับรางวัล โดยนายวรี เดช มะแพทย์ ครชู านาญการพเิ ศษ 49 ผ้เู รียนเกิดคุณสมบตั ิอะไรหรือดา้ นใด) 2) กาหนดกิจกรรมการเรยี นการสอนไวช้ ดั เจน และนาไปสูผ่ ลการเรยี นรตู้ ามจุดประสงคไ์ ด้ จรงิ (ระบุบทบาทของครผู สู้ อนและผเู้ รียนไวอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ จะตอ้ งทาอะไรจึงจะทาให้ การเรียนการสอนบรรลผุ ล) 3) กาหนดสอ่ื อุปกรณห์ รือแหลง่ เรียนรูไ้ วช้ ัดเจน (จะใช้สือ่ อุปกรณ์หรือแหล่งเรียนรู้ อะไรชว่ ยบ้างและจะใช้อย่างไร) 4) กาหนดวิธีวดั และประเมนิ ผลไว้อย่างชัดเจน (จะใชว้ ธิ กี ารและเคร่ืองมือในการวัด และประเมนิ ผลใด เพ่ือให้บรรลุจุดประสงค์การเรียนร้นู นั้ ) 5) ยดื หยุ่น และปรับเปล่ียนได้ (ในกรณีเม่อื มปี ัญหาในการนาไปใชห้ รือไมส่ ามารถกาหนดการ จดั การเรยี นรตู้ ามแผนนนั้ ได้ กส็ ามารถปรับเปลี่ยนเปน็ อย่างอื่นได้โดยไม่กระทบตอ่ การเรียนการสอนหรอื ผลการเรยี นรู้) 6) มคี วามทนั สมัย ทนั ต่อเหตกุ ารณ์ ความเคลอ่ื นไหวต่าง ๆ และสอดคล้องกับ สภาพจรงิ ที่ผเู้ รยี นดาเนนิ ชวี ติ อยู่ 7) แปลความไดต้ รงกัน แผนการจดั การเรียนรู้ท่ีเขยี นขึ้นจะต้องส่อื ความหมายได้ตรงกนั เขียนให้อ่านเข้าใจง่าย กรณีมกี ารสอนแทนหรอื เผยแพร่ ผนู้ าไปใช้สามารถเข้าใจและนาไปใชไ้ ด้ตรงตาม จดุ ประสงคข์ องผเู้ ขียนแผนการจัดการเรยี นรู้ 8) มีการบรู ณาการ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ดี จี ะสะท้อนให้เห็นการบูรณาการแบบ องค์รวมของเนื้อหาสาระการเรียนรู้ และวธิ กี ารจดั การเรียนรู้เข้าดว้ ยกนั 9) มกี ารเชอ่ื มโยงความรู้ไปไดอ้ ย่างต่อเนอ่ื ง เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นไดน้ าความรู้ หรอื ประสบการณ์เดมิ มาเช่ือมโยงกบั ความรหู้ รือประสบการณใ์ หม่ และนาไปใช้ในชีวิตจริงกบั การเรยี นใน เรอื่ งต่อไป จากลกั ษณะแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ดขี า้ งต้น สรปุ ได้ว่า แผนการจดั การเรียนรู้ทีด่ นี ้ันจะต้องมี ความชดั เจน เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่เน้นการบรู ณาการ เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนไดล้ งมือ ปฏิบัตกิ ิจกรรมมากทสี่ ดุ มีกิจกรรมหลากหลาย และยดึ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ องคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรียนรูน้ ้นั มผี ทู้ กี่ ลา่ วถึง ไวด้ ังน้ี วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์ (2545 : 298) กลา่ วว่าองค์ประกอบของแผนการจดั การเรียนรู้ เกดิ จากความพยายามตอบคาถาม ต่อไปน้ี 1) สอนอะไร (หนว่ ย เร่ือง ความคิดรวบยอดหรอื สาระสาคญั ) 2) เพื่อจุดประสงค์อะไร (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม) 3) ตวั สาระอะไร (โครงรา่ งเน้ือหา) 4) ใชว้ ิธกี ารใด (กจิ กรรมการเรียนการสอน) 5) ใช้เคร่ืองมืออะไร (สื่อการเรยี นการสอน) 6) ทราบได้อยา่ งไรว่าประสบความสาเร็จหรือไม่ (การวัดประเมนิ ผล) เพ่อื หาคาตอบดงั กลา่ วจึงกาหนดให้แผนการจัดการเรียนรู้ มอี งค์ประกอบ ดังน้ี วชิ า
รายงานการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรียนรู้ทเี่ สนอขอรบั รางวลั โดยนายวีรเดช มะแพทย์ ครูชานาญการพิเศษ 50 หนว่ ยที่สอน และสาระสาคัญ (ความคดิ รวบยอดของเรื่อง) จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม เนอ้ื หา กจิ กรรมการ เรยี นการสอน สือ่ การเรยี นการสอน และวัดผลประเมินผล ดงั นั้น ในการเขยี นแผนการจัด การเรยี นรูจ้ งึ ต้องเขยี นให้ครบทกุ หัวข้อดงั กลา่ ว กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2546 : 93) ได้กลา่ วถงึ องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ไวด้ งั น้ี 1) ชอ่ื หน่วยท่ีและชื่อหนว่ ย ช้ันทส่ี อน และเวลาท่ีสอน 2) หน่วยการเรียนรู้ จดั เป็นแผนการจดั การเรียนรยู้ ่อย คือ หวั ข้อเรื่องการเรยี นรู้ จะเปน็ กีแ่ ผนข้ึนอยู่กบั หวั ข้อการเรียนรูท้ กี่ าหนดในสาระการเรยี นรู้ 3) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ กาหนดมาจากผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวงั 4) สาระการเรยี นรู้ คือ เนอื้ หาสาระการเรียนรู้ที่เปน็ หวั ขอ้ ย่อยท่ีจะสอน 5) กระบวนการการจัดการเรียนรู้ คือ การจัดวิธกี ารสอน และกิจกรรมการเรยี นท่ีครู และนกั เรียนจะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ นการจดั การเรยี นการสอน 6) การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ คอื การกาหนดวธิ กี ารวดั ผลและการประเมนิ ผล เชน่ การสงั เกต การตรวจผลงาน การทดสอบ เปน็ ต้น การวดั ผลและประเมินผลจะกาหนดเกณฑ์ การสังเกต การตรวจผลงาน และพฤติกรรมการเรียน ซึ่งเปน็ การประเมินจากสภาพจรงิ 7) ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ จะกาหนดหนงั สือประกอบการเรียน สถานที่ท่ีจะศกึ ษา วิทยากร เป็นตน้ บรู ชัย ศิริมหาสาคร (2547 : 17) กลา่ วถงึ องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ไว้ว่า ควรมี สว่ นประกอบทีส่ าคญั อยา่ งน้อย 3 สว่ น คอื 1) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ทีต่ ้องการใหเ้ กดิ ขนึ้ กับผู้เรยี น (Objective) 2) การเรยี นการสอนทที่ าให้บรรลุจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ที่ตง้ั ไว้ (Learning) 3) การวดั และประเมินผล เพ่ือตรวจสอบว่าผ้เู รยี นบรรลจุ ุดประสงค์การเรียนรทู้ ี่ตั้งไวห้ รอื ไม่ (Evaluation) สรปุ ได้ว่า การเขยี นแผนการจดั การเรียนรู้ ควรจะมีองค์ประกอบทส่ี าคัญ คอื สาระ สาคัญ สาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ สอ่ื /นวตั กรรม และการวดั และประเมนิ ผลเปน็ ขน้ั สุดทา้ ย เพ่อื บง่ ชี้ถึงความสาเรจ็ ว่าบรรลุจุดประสงคก์ ารเรียนร้หู รอื ไม่ สว่ นประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ทคี่ รูใชใ้ นการเตรยี มการสอนมีหลายรูปแบบ มิได้กาหนดแบบใด แบบหนึ่ง ขนึ้ อยู่กับความเหมาะสมและสะดวกในการใช้ หัวข้อหรอื องคป์ ระกอบในแผนการจัด การเรียนรู้ มดี งั น้ี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2551 : 49) กาหนดรปู แบบของแผนการจดั การเรยี นรแู้ ต่ละแผน ว่า ควรประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ 1) จดุ ประสงค์ 2) สาระการเรียนรู้ 3) กระบวนการจดั การเรียนรู้ 4) กระบวนการวดั ผลประเมินผล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169