Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธิ์พัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 ตัวจริง9

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธิ์พัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 ตัวจริง9

Published by weeradech.mapaet, 2020-07-09 12:54:32

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธิ์พัฒนวิทย์ พ.ศ.2563

Keywords: หลักสูตรวิชาสังคม

Search

Read the Text Version

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธิ์พฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 151 โครงสรำ้ งรำยวิชำ รำยวชิ ำกำรปอ้ งกนั กำรทจุ รติ 6 รหัสวชิ ำ ส33202 กลุ่มสำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ช้ันมธั ยมศึกษำปีที่ 6 ภำคเรยี นที่ 2 จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ เวลำ 20 ชวั่ โมง/ภำคเรยี น ลำ ช่อื หน่วยกำร ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ จำนวน นำ้ หนกั ดับท่ี เรียนรู้ ควำมคิดรวบยอด ชวั่ โมง คะแนน 3 มีความรู้ ความ 3 STRONG / จติ เขา้ ใจเกย่ี วกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ น 10 25 พอเพยี งต่อต้าน STRONG : จิต การทุจริต การทจุ ริต พอเพียงต่อต้านการ - ความพอเพยี งประสานเสยี ง ทุจริต ต้านทจุ ริต 7 ปฏิบตั ติ นเป็นผู้ที่ - ความโปร่งใสใจสะอาดตา้ น STRONG : จิต ทุจริต พอเพยี งต่อต้านการ - ต่นื รู้ต้านทจุ ริต ทุจรติ - เรยี นรเู้ ทา่ ทันปอ้ งกนั การ ทจุ ริต สอบกลางภาค 1 20 25 4 พลเมอื งกบั ความ 8 ปฏิบัตติ นตาม พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อ 8 30 รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่พี ลเมืองและมี สังคม 100 สงั คม ความรับผิดชอบต่อ -การเคารพสิทธิหนา้ ทต่ี อ่ ตนเอง สงั คม และผอู้ นื่ 9 ตระหนักและเห็น - ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย ความสาคัญของการ - ความรับผิดชอบต่อตนเองและ ต่อตา้ นและป้องกนั ผ้อู ่ืน การทจุ รติ - พลเมืองท่มี คี วามรบั ผดิ ชอบ ตอ่ การป้องกันการทุจรติ - พลโลกทม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบต่อ การป้องกันการทจุ รติ * สัมมนา แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ เผยแพร่ความรู้ สอบปลายภาค 1 รวมท้ังหมด 20

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธพ์ิ ัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 152 โครงสร้ำงรำยวิชำ รำยวิชำอำเซียนศกึ ษำ 1 รหัสวิชำ ส31281 กลุ่มสำระกำรเรียนร้สู งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 1 จำนวน 0.5 หน่วยกติ เวลำ 20 ชั่วโมง/ภำคเรียน ลาดบั ชือ่ หนว่ ยการ ผลการ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลา น้าหนกั ที่ เรยี นรู้ เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน 1 อาเซียนรวมใจ ข้อ 1 1.พฒั นาการของการรวมกลมุ่ ของอาเซยี น 28 เปน็ หนึ่ง 1.1พัฒนาการกอ่ นกาเนดิ อาเซยี น 28 1.2พัฒนาการของอาเซียน 1 20 28 2. บ้านเกดิ ของอาเซียน 28 2.1 จดุ หมายและความมุ่งประสงคข์ องอาเซียน 28 1 30 2.2 หลักการพื้นฐานของอาเซียน 20 100 2 เรียนร้กู ลไกสู่ ขอ้ 2 1. โครงสร้างของอาเซียน ความสาเร็จของ 2. กลไกการดาเนนิ งานของอาเซียนและประธานอาเซียน อาเซียน 2.1การประชมุ ของอาเซยี น 2.2 ระบบการตดั สนิ ใจอาเซยี น 2.3กลไกระงับข้อพิพาท 2.4บทบาทของประธานอาเซียน 3. บทบาทของไทยกบั ความสาเรจ็ ในอาเซยี น 3.1 ดา้ นการเมืองและความมั่นคง 3.2 ด้านเศรษฐกจิ 3.3 ด้านสังคมและวัฒนธรรม สอบกลางภาค 3 บนั ทกึ ย้อนรอย ข้อ 3 1. พัฒนาการของรัฐโบราณในดนิ แดนเอเชียตะวนั ออก อาเซยี นเรียนรู้อัต เฉยี งใต้ ลกั ษณท์ าง 2. ประวัติศาสตรข์ องประเทศในภมู ิภาคเอเชียตะวันออก ประวัติศาสตร์ เฉยี งใต้ 4 เรยี นรคู้ วาม ขอ้ 4 1. ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ หลากหลายอัต 2. ความหลากหลายทางการเมอื งการปกครอง ลักษณส์ าคัญของ 3. ความหลากหลายทางเศรษฐกจิ อาเซียน 4. ความหลากหลายทางเชอ้ื ชาติและชาติพนั ธุ์ 5. ความหลากหลายทางวฒั นธรรม 5 ทอ่ งแดนอาเซยี น ข้อ 5 1. การทอ่ งเที่ยวกบั การเรยี นรู้ แลกเปล่ียน 2. การท่องเทย่ี วเชิงชาตพิ นั ธใุ์ นอาเซียน เรยี นรู้กบั ทอ้ งถน่ิ 3. ผลกระทบของการทอ่ งเทยี่ วเชงิ ชาติพนั ธ์ุท่มี อี าเซียน สอบปลายภาค รวมทง้ั หมด

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 153 โครงสรำ้ งรำยวิชำ รำยวชิ ำอำเซียนศกึ ษำ 2 รหสั วชิ ำ ส31282 กลุ่มสำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรยี นที่ 2 จำนวน 0.5 หนว่ ยกิต เวลำ 20 ชวั่ โมง/ภำคเรียน ลาดบั ช่ือหน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก ท่ี เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน 6 สรา้ ง ข้อ 6 1. รูปแบบความสมั พันธข์ องอาเซยี นกับ สัมพนั ธไมตรีกับ 4 8 ภาคนี อกอาเซยี น ภายนอก 4 7 7 เรียนรู้กลไกนา 2. กลไกการดาเนินความสัมพันธ์ของ อาเซียนส่คู วาม 3 10 เสมอภาคและ อาเซยี น ยุติธรรม 1 20 3. ความสัมพันธข์ องอาเซยี นกับภายนอก 4 15 8 รวมพลังนา 3 10 สนั ตภิ าพสู่ ขอ้ 7 1.กลไกดา้ นกฎหมาย อาเซยี น 1 30 1.1 ปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสทิ ธมิ นุษยชน 20 100 9 รว่ มสรา้ ง ประชาคม 1.2 กฎบัตรอาเซียน อาเซยี น 1.3 ปฏญิ ญาอาเซยี นวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน 10 เตรยี มพร้อม รว่ มมอื ร่วมใจกับ อาเซียน การก้าวไปสู่ ประชาคม 2. กลไกดา้ นบุคคล อาเซยี น 2.1 ผู้นาประเทศสมาชกิ อาเซียน 2.2 พลเมอื งอาเซียน ข้อ 8 1. แนวคดิ เก่ียวกับสันตภิ าพ 1.1 ความเปน็ มาของสันติภาพ 1.2 ความหมายของสนั ตภิ าพ 1.3 หลักสนั ติภาพ 1.4 หลกั การสันตวิ ัฒนธรรม 2. ปญั หาท่มี ีผลตอ่ สันติภาพในอาเซยี น 3. แนวทางการสรา้ งสันติภาพในอาเซียน สอบกลำงภำค ขอ้ 9,10 1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคง อาเซียนของอาเซยี น 2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น 3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ขอ้ 11,12 1. การเตรียมความพรอ้ มด้านการเมือง และความม่นั คง 2. การเตรยี มความพร้อมดา้ นเศรษฐกจิ 3. การเตรยี มความพร้อมดา้ นสงั คมและ วฒั นธรรม สอบปลายภาค รวมทั้งหมด

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธพ์ิ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 154 โครงสร้ำงรำยวิชำ รำยวชิ ำอำเซียนศึกษำ 3 รหัสวชิ ำ ส32283 กลุม่ สำระกำรเรียนรสู้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 5 ภำคเรยี นที่ 1 จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ เวลำ 20 ช่วั โมง/ภำคเรยี น ลำดบั ชื่อหน่วยกำร ผลกำร สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรียนรู้ เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน - ความเปน็ มาของอาเซยี น 1 ความเป็นมาของ ขอ้ 1 - “อาเซยี น” ส่กู ารเปน็ ประชาคมอาเซียน ในปี 4 10 อาเซียน 2558 - ประชาคมอาเซียน คือ 48 2 พฒั นำกำรของ ขอ้ 2 - จุดประสงค์หลกั ของอาเซยี น 37 อำเซยี น - ภาษาอาเซยี น - คาขวญั ของอาเซยี น 1 20 - อตั ลกั ษณ์อาเซียน 4 15 3 โครงสรำ้ งของ ขอ้ 3 - สัญลกั ษณอ์ าเซียน อำเซยี น - ธงอาเซยี น - วันอาเซียน 3 10 - เพลงประจาอาเซียน (ASEAN Anthem) - 4 กำรเขำ้ สู่ ข้อ 4 กฎบตั รอาเซียน 1 30 ประชำคม - กาเนดิ สมาคมอาเซียน 20 100 อำเซียน - พัฒนาการของอาเซยี น - กฎบัตรอาเซยี น 5 บทบำทของ ข้อ 5,6 อำเซียน - โครงสรา้ งอาเซียนก่อนมีกฎบตั รอาเซียน - จุดแข็งและจดุ อ่อนของโครงสรา้ งอาเซยี น สอบกลางภาค ประชาคมอาเซยี นภายใต้กฎบัตรอาเซียน ประชาคมอาเซียนประกอบด้วย 3 เสาหลกั ปญั หาและอปุ สรรคทส่ี าคัญของประชาคม อาเซยี น บทเรยี นตอ่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน -บทบาทของอาเซียนในสังคมโลก -ความสาคญั ของอาเซยี นในเวทโี ลก - บทบาทของอาเซยี นในเวทีเศรษฐกิจโลก - การสร้างความรว่ มมือในประเทศสมาชิก อาเซียน สอบปลายภาค รวมทั้งหมด

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธิ์พัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 155 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ รำยวชิ ำอำเซียนศกึ ษำ 4 รหสั วชิ ำ ส32284 กลมุ่ สำระกำรเรียนรสู้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ่ี 5 ภำคเรยี นที่ 2 จำนวน 0.5 หนว่ ยกิต เวลำ 20 ช่ัวโมง/ภำคเรียน ลำดับ ชอื่ หน่วยกำร ผลกำร สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรยี นรู้ เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน 6 การแต่งกายและ ขอ้ การแต่งกาย วฒั นธรรม 1,2,3,4, - ชดุ ประจาชาตขิ องประเทศมาเลเซีย 5 15 5,6 - ชดุ ประจาชาติของประเทศเวยี ดนาม 7 ดอกไม้ประจา - ชดุ ประจาชาติของประเทศพมา่ 4 10 ชาตอิ าเซียน 10 ข้อ - ชดุ ประจาชาติของประเทศบรูไน ประเทศ 1,2,3,4, - ชดุ ประจาชาติของประเทศลาว 1 20 5,6 - ชดุ ประจาชาตขิ องประเทศอนิ โดนเี ซยี 4 10 8 คาทกั ทาย - ชุดประจาชาติของประเทศฟิลิปปินส์ ขอ้ - ชดุ ประจาชาตขิ องประเทศไทย 1,2,3,4, - ชดุ ประจาชาติของประเทศกมั พชู า 5,6 - ชุดประจาชาตปิ ระเทศสงิ คโปร์ Negara Brunei Darussalamดอกซมิ ปอร์ Kingdom of Cambodiaดอกลาดวน Republic of Indonesiaดอกกลว้ ยไม้ราตรี Lao People's Democratic Republic ดอกจาปาลาว Malaysia ดอกพู่ระหง Republic of the Philippinesดอกพดุ แกว้ Republic of Singaporeดอกกล้วยไม้แวนด้า Kingdom of Thailandดอกราชพฤกษ์ The Socialist Republic of Vietnamดอกบวั Union of Myanmarดอกประดู่ สอบกลางภาค - คาทักทายประเทศลาว - คาทักทายประเทศกัมพูชา - คาทักทายประเทศเวียดนาม - คาทักทายประเทศพม่า - คาทักทายประเทศสงิ คโปร์ - คาทักทายประเทศฟลิ ิปปนิ ส์ - คาทักทายประเทศบรไู น - คาทักทายประเทศมาเลเซีย

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธ์พิ ัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 156 9 ศลิ ปวฒั นธรรม ข้อ - ประเทศกัมพชู า 5 15 และประเพณีของ 1,2,3,4, - ประเทศฟลิ ิปปินส์ ประเทศอาเซยี น 5,6 - ประเทศสงิ คโปร์ 1 30 - ระเทศมาเลเซีย 20 100 - ประเทศอินโดนเี ซีย - ประเทศเวียดนาม สอบปลายภาค รวมทงั้ หมด

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์ิพัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 157 โครงสรำ้ งรำยวิชำ รำยวิชำอำเซียนศึกษำ 5 รหัสวิชำ ส33285 กลุ่มสำระกำรเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ 6 ภำคเรยี นที่ 1 จำนวน 0.5 หน่วยกิต เวลำ 20 ชัว่ โมง/ภำคเรยี น ลำดับ ช่ือหน่วยกำร ผลกำร สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ น้ำหนัก ที่ เรยี นรู้ เรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ความเปน็ มาของ ขอ้ 1 - ความเป็นมาของอาเซยี น อาเซียน - “อาเซยี น” ส่กู ารเป็นประชาคมอาเซยี น ในปี 4 10 ข้อ 2 2558 2 พัฒนำกำรของ ขอ้ 3 - ประชาคมอาเซียน คือ 48 อำเซยี น ขอ้ 4 - จดุ ประสงค์หลักของอาเซยี น 37 - ภาษาอาเซียน - คาขวญั ของอาเซยี น 1 20 3 โครงสร้ำงของ ข้อ 4 - อัตลกั ษณ์อาเซยี น 4 15 อำเซียน - สญั ลักษณอ์ าเซยี น - ธงอาเซยี น - วนั อาเซยี น 3 10 4 กำรเข้ำสู่ - เพลงประจาอาเซยี น (ASEAN Anthem) - ประชำคม กฎบตั รอาเซียน 1 30 อำเซียน - กาเนดิ สมาคมอาเซยี น 20 100 - พัฒนาการของอาเซยี น 5 บทบำทของ - กฎบัตรอาเซยี น อำเซียน - โครงสรา้ งอาเซยี นก่อนมีกฎบตั รอาเซยี น - จุดแขง็ และจุดอ่อนของโครงสร้างอาเซียน สอบกลำงภำค ประชาคมอาเซยี นภายใต้กฎบัตรอาเซียน ประชาคมอาเซยี นประกอบด้วย 3 เสาหลัก ปัญหาและอุปสรรคท่สี าคัญของประชาคม อาเซียน บทเรยี นตอ่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน -บทบาทของอาเซยี นในสงั คมโลก -ความสาคญั ของอาเซียนในเวทีโลก - บทบาทของอาเซยี นในเวทีเศรษฐกจิ โลก - การสรา้ งความรว่ มมือในประเทศสมาชิก อาเซยี น สอบปลำยภำค รวมทั้งหมด

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธิ์พฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 158 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ รำยวิชำอำเซียนศึกษำ 6 รหัสวชิ ำ ส33286 กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ี่ 6 ภำคเรยี นท่ี 2 จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ เวลำ 20 ชว่ั โมง/ภำคเรียน ลำดั ช่อื หน่วยกำร ผลกำร สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนกั บท่ี เรียนรู้ เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน 1 พัฒนาการ ขอ้ ประเทศในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้รวมตวั ก่อตัง้ 4 ของอาเซียน 1,2,3,4, อาเซียน โดยมวี ัตถปุ ระสงค์และเจตนารมณ์ร่วมกัน 5,6,7 มีกฎบตั รอาเซียนเปน็ หลกั สาคญั ในการดาเนินงาน ให้เป็นไปตามเป้าหมายอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ อีกท้ัง ยังมีการรว่ มมือกับประเทศนอกอาเซยี น 2 โครงสร้างของ ขอ้ อาเซียนมีโครงสรา้ งองค์กรและกลไกการ 4 1,2,3,4, ดาเนนิ งานตามกฎบัตรอาเซียน ซ่งึ เป็นเสมอื น อาเซียน 5,6,7 ธรรมนูญของอาเซียน โดยประเทศสมาชิก อาเซียนต่างต้องปฏิบัติตาม 3 การเข้าสู่ ขอ้ อาเซยี นมีการเตรียมความพร้อมเข้าสปู่ ระชาคม 3 ประชาคม 1,2,3,4, อาเซียน แต่ก็ยังมีอปุ สรรคหลายประการในการ อาเซยี น 5,6,7 เข้าสู่ประชาคมอาเซยี น ซึง่ ต้องหาแนวทางในการ รว่ มมอื กนั แก้ไขปัญหาตา่ งๆ และยังศึกษาการ รวมกล่มุ เศรษฐกิจของประเทศอ่นื เพอ่ื เป็น แนวทางในการพฒั นาประชาคมอาเซยี น สอบกลางภาค 1 20 4 บทบาทของ ข้อ อาเซยี นมีบทบาททางดา้ นเศรษฐกจิ สังคมและ 4 15 อาเซียนใน 1,2,3,4, วัฒนธรรมมากกวา่ ด้านการเมือง แตก่ ็ได้ สังคมโลก 5,6,7 ต้งั เปา้ หมายไวว้ า่ การเปน็ ประชาคมอาเซยี นจะ ชว่ ยเพิม่ บทบาทในสงั คมโลกใหม้ ากข้ึน นอกจากนนั้ อาเซยี นก็ยังมีปญั หาหลายดา้ นท่ี จะต้องรว่ มมอื กนั แก้ไขปญั หา 5 เรยี นรู้ความ ข้อ 1. ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ 3 10 หลากหลายอั 1,2,3,4, 2. ความหลากหลายทางการเมอื งการปกครอง ตลักษณ์สาคญั 5,6,7 3. ความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ของอาเซียน 4. ความหลากหลายทางเชอ้ื ชาตแิ ละชาตพิ ันธุ์ 5. ความหลากหลายทางวัฒนธรรม สอบปลำยภำค 1 30 รวมท้ังหมด 20 100

หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทบั โพธิ์พฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 159 กำหนดสัดสว่ นคะแนนวัดและประเมินผลรำยวิชำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชน้ั มัธยมศึกษำตอนตน้ รหัสวชิ า ชอื่ รายวิชา รวมเวลา หนว่ ย สัดส่วนคะแนน 70 : 30 รวม กิต ก่อน กลาง หลงั ปลาย 100 กลางภาค ภาค กลางภาค ภาค 100 100 ส21101 สังคมศึกษา 1 60 1.5 25 20 25 30 100 ส21102 สงั คมศึกษา 2 100 ส22101 สังคมศกึ ษา 3 60 1.5 25 20 25 30 100 ส22102 สังคมศึกษา 4 ส23101 สังคมศึกษา 5 60 1.5 25 20 25 30 100 ส23102 สงั คมศึกษา 6 100 60 1.5 25 20 25 30 100 ส 21161 ประวัตศิ าสตร์ 1 100 ส 21162 ประวตั ศิ าสตร์ 2 60 1.5 25 20 25 30 100 ส 22163 ประวตั ศิ าสตร์ 3 100 ส 22164 ประวตั ศิ าสตร์ 4 60 1.5 25 20 25 30 ส 23165 ประวตั ศิ าสตร์ 5 100 ส 23166 ประวัติศาสตร์ 6 20 0.5 25 20 25 30 100 20 0.5 25 20 25 30 100 ส20241 หน้าทีพ่ ลเมอื ง1 20 0.5 25 20 25 30 100 ส20242 หนา้ ทพ่ี ลเมือง2 20 0.5 25 20 25 30 100 ส22223 หน้าที่พลเมอื ง3 20 0.5 25 20 25 30 100 ส22224 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 4 20 0.5 25 20 25 30 ส23225 หนา้ ทพ่ี ลเมือง 5 100 ส23226 หนา้ ที่พลเมือง 6 20 0.5 45 - 45 10 100 20 0.5 45 - 45 10 100 ส21201 การป้องกนั การทุจริต1 20 0.5 45 - 45 10 100 ส21202 การป้องกนั การทจุ รติ 2 20 0.5 45 - 45 10 100 ส22201 การป้องกันการทุจรติ 3 20 0.5 45 - 45 10 100 ส22202 การป้องกันการทจุ ริต4 20 0.5 45 - 45 10 ส23201 การป้องกันการทุจรติ 5 100 ส23202 การปอ้ งกนั การทจุ รติ 6 20 0.5 25 20 25 30 100 20 0.5 25 20 25 30 100 ส22281 อาเซยี นศึกษา 1 20 0.5 25 20 25 30 100 ส22282 อาเซียนศกึ ษา 2 20 0.5 25 20 25 30 100 ส22283 อาเซียนศกึ ษา 3 20 0.5 25 20 25 30 100 ส22284 อาเซียนศึกษา 4 20 0.5 25 20 25 30 ส22285 อาเซียนศกึ ษา 5 ส22286 อาเซยี นศกึ ษา 6 20 0.5 25 20 25 30 20 0.5 25 20 25 30 20 0.5 25 20 25 30 20 0.5 25 20 25 30 20 0.5 25 20 25 30 20 0.5 25 20 25 30

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์ิพฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 160 กำหนดสดั สว่ นคะแนนวัดและประเมินผลรำยวชิ ำ กลมุ่ สำระกำรเรียนรสู้ งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชั้นมัธยมศึกษำตอนปลำย รหสั วิชา ช่อื รายวชิ า รวมเวลา หน่วย สัดส่วนคะแนน 70 : 30 กติ กอ่ น กลาง หลัง ปลาย รวม กลางภาค ภาค กลางภาค ภาค 100 100 ส31101 สงั คมศกึ ษา 1 40 1.0 25 20 25 30 100 ส31102 สงั คมศกึ ษา 2 100 ส 32101 สงั คมศึกษา 3 40 1.0 25 20 25 30 100 ส 32102 สงั คมศกึ ษา 4 100 ส 33101 สังคมศึกษา 5 40 1.0 25 20 25 30 ส 33102 สังคมศกึ ษา 6 100 40 1.0 25 20 25 30 100 ส 32161 ประวตั ิศาสตรส์ ากล 1 100 ส 33162 ประวัติศาสตรส์ ากล 2 40 1.0 25 20 25 30 100 ส 33163 ประวัตศิ าสตรไ์ ทย 1 ส 33164 ประวตั ิศาสตร์ไทย 2 40 1.0 25 20 25 30 100 100 ส30241 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง1 20 0.5 25 20 25 30 100 ส30242 หน้าที่พลเมอื ง2 20 0.5 25 20 25 30 100 ส30243 หน้าท่ีพลเมอื ง3 20 0.5 25 20 25 30 100 ส30244 หนา้ ท่ีพลเมือง4 20 0.5 25 20 25 30 100 ส30245 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง5 ส30246 หนา้ ที่พลเมือง6 20 0.5 45 - 45 10 100 20 0.5 45 - 45 10 100 ส31201 การป้องกันการทุจริต1 20 0.5 45 - 45 10 100 ส31202 การป้องกันการทุจรติ 2 20 0.5 45 - 45 10 100 ส32201 การป้องกันการทจุ ริต3 20 0.5 45 - 45 10 100 ส32202 การป้องกนั การทจุ ริต4 20 0.5 45 - 45 10 100 ส33201 การป้องกนั การทุจรติ 5 ส33202 การป้องกันการทจุ รติ 6 20 0.5 25 20 25 30 100 20 0.5 25 20 25 30 100 20 0.5 25 20 25 30 100 20 0.5 25 20 25 30 100 20 0.5 25 20 25 30 100 20 0.5 25 20 25 30 100 ส31201 อาเซยี นศึกษา1 20 0.5 25 20 25 30 ส31202 อาเซียนศึกษา2 20 0.5 25 20 25 30 ส32203 อาเซียนศึกษา3 20 0.5 25 20 25 30 ส32204 อาเซยี นศกึ ษา4 20 0.5 25 20 25 30 ส33205 อาเซยี นศกึ ษา5 20 0.5 25 20 25 30 ส33206 อาเซียนศึกษา6 20 0.5 25 20 25 30

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธิพ์ ัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 161 กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้ กำรตัดสินผลกำรเรียน การตดั สินผลการเรียนในระดับมัธยมศกึ ษามีการตัดสินในหลายลกั ษณะคือ การผ่านรายวิชา กาหนดเปน็ ภาคเรียนการเล่ือนชั้นกาหนดเปน็ ปีการศกึ ษาและการจบระดบั ชัน้ กาหนดเป็นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้นและระดับชนั้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย หลักเกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพ่อื ตัดสนิ ผลการเรียนของผู้เรยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 มี ดงั น้ี 1. การตดั สนิ ผลการเรียนเป็นรายวชิ า ผู้เรยี นตอ้ งมีเวลาเรยี นตลอดภาคเรียนไม่นอ้ ยกว่า ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นท้ังหมดในรายวิชาน้ันๆ 2. ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชี้วัดและผา่ นตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด ทง้ั รายวิชาพ้ืนฐานและเพ่ิมเตมิ โดยกาหนดตวั ชวี้ ดั ทตี่ อ้ งผ่านไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 60 ของ จานวน ตัวชีว้ ัดแตล่ ะรายวิชา 3. ผเู้ รยี นตอ้ งได้รบั การตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า 4. ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมนิ และมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ในการอ่าน คิด วเิ คราะห์และเขยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงคแ์ ละกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น จงึ จดั การตัดสินผล เปน็ 4 เกณฑ์คือ 1. กำรตัดสนิ ผลสมั ฤทธ์ริ ำยวชิ ำ 8 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ กำรให้ระดับผลกำรเรียน ในการจดั สนิ สนิ เพ่ือให้ระดับผลการเรยี นรายวชิ าของกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ใชต้ ัวเลขแสดง ระดับผลการเรยี นเปน็ 8 ระดบั ซึง่ เป็นการประเมินตามสภาพจริง และการทดสอบ รายวิชาทน่ี บั หนว่ ยกิตไดจ้ ะต้องได้ระดบั ผลการเรยี นต้งั แต่ 1 ขึ้นไป โดยมแี นวการให้ระดับ ผลการเรียนดังนี้ คะแนนร้อยละ ระดบั ผลการเรยี น ความหมายของผลการเรียน 80-100 4 ดเี ยยี่ ม 75-79 3.5 ดีมาก 70-74 3 ดี 65-69 2.5 คอ่ นข้างดี 60-64 2 ปานกลาง 55-59 1.5 พอใช้ 50-54 1 ผ่านเกณฑ์ขั้นตา่ 0-49 0 ต่ากวา่ เกณฑ์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 162 2. กำรประเมินกำรอ่ำน คิด วเิ ครำะห์ และเขียน การประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี นสอ่ื ความของผูเ้ รียน เปน็ การประเมนิ เพ่ือวินจิ ฉยั โดยแบง่ การประเมินเป็น 4 ระดับดังนี้ กลมุ่ ดเี ย่ียม (3) = ต้ังแต่ 80% ข้ึนไป = กล่มุ ทมี่ ีการอ่าน คิด วเิ คราะห์และเขียนสงู กว่า กลมุ่ ดี (2) = 70-79% = เกณฑ์ก่อใหเ้ กิดคณุ ภาพของผู้เรียน ดงั นี้ กลุ่มผ่ำนเกณฑข์ ้นั ตำ่ (1) = 50-69% = สามารถจับใจความสาคัญไดค้ รบถ้วน เขียน กลมุ่ ปรับปรุง (0) ต่ำกว่ำ = 50% = วิพากษ์ วจิ ารณ์ เขยี นสร้างสรรค์ แสดงความ คิดเห็นประกอบอย่างมเี หตุผลไดถ้ ูกต้องและ สมบรู ณ์ ใช้ภาษาสุภาพและเรียบเรยี งได้ สละสลวย กลุ่มท่มี ีการอ่าน คิด วิเคราะหแ์ ละเขยี นสอ่ื ความตามเกณฑ์ กอ่ ใหเ้ กดิ คุณภาพของผูเ้ รยี น ดงั น้ี สามารถจับใจความสาคญั ได้ เขยี นวพิ ากษ์ วิจารณ์ และเขียนสรา้ งสรรค์ไดโ้ ดยใช้ภาษา สภุ าพ กลุม่ ที่มีการอ่าน คิด วเิ คราะหแ์ ละเขียนสอื่ ความผา่ นเกณฑข์ ้ันต่า กอ่ ให้เกิดคุณภาพของ ผเู้ รียน ดังน้ี สามารถจับใจความสาคัญและเขยี น วพิ ากษ์วจิ ารณ์ได้บ้าง กลุ่มทม่ี ีการอ่าน คิด วเิ คราะหแ์ ละเขียนส่ือ ความตา่ กวา่ เกณฑ์ ซง่ึ คุณภาพของผเู้ รยี นเป็น ดังนี้ ไมส่ ามารถจับใจความสาคญั และเขียน วิพากษ์วิจารณ์ไดบ้ า้ ง หากผู้เรียนมผี ลการประเมนิ อยู่ในระดบั ต้องปรับปรุง ครูผู้สอนจะต้องพัฒนาการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสอ่ื ความ เพอื่ ให้ผลการประเมนิ อยใู่ น กล่มุ ผ่านเกณฑ์ขัน้ ตา่ หรือ กลุ่มดี หรอื กล่มุ ดเี ย่ียม

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทบั โพธิ์พฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 163 กำรตัดสนิ ผลกำรประเมิน มหี ลักเกณฑด์ ังนี้ 1. กลมุ่ ทผี่ า่ นเกณฑ์การประเมิน ไดป้ ระเมนิ ได้คะแนนเปน็ 1 , 2 หรอื 3 จะต้องมี คะแนนการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขียนส่ือความ รวมกนั ตงั้ แต่ 50-100% 2. กลมุ่ ท่ไี ม่ผ่านการประเมิน ได้คะแนน 0 ซง่ึ มคี ะแนนการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนส่ือความรวมกันตา่ กวา่ 50% 3. การประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ผู้เรียนเป็นการประเมินเพ่ือวนิ ิจฉยั โดย แบง่ การประเมนิ เป็น 4 ระดับ ดงั น้ี กลมุ่ ดีเย่ียม (3) = ต้งั แต่ 80% ขึ้นไป = กลุม่ ที่มีคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์สงู กวา่ เกณฑ์ก่อใหเ้ กิดคุณภาพของผู้เรยี น ดังนี้ มีคุณลักษณะในการปฏิบตั ิจนเปน็ นิสัย และนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั เพ่อื ประโยชน์สุขของตนเองและสังคม กลมุ่ ดี (2) = 70-79%= กล่มุ ที่มีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ตาม เกณฑ์ก่อให้เกิดคณุ ภาพของผู้เรียนดงั นม้ี ี คุณลักษณะในการปฏิบตั ิตามเกณฑเ์ พ่ือให้ เปน็ ที่ยอมรบั ของสังคม กลมุ่ ผำ่ นเกณฑ์ขน้ั ต่ำ (1) = 50-69% = กลุ่มทมี่ ีคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคต์ าม เกณฑ์กอ่ ให้เกดิ คุณภาพของผู้เรยี น ดังน้ี รบั ร้แู ละปฏบิ ตั ิตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่ สถานศกึ ษา กาหนด กลุม่ ปรบั ปรงุ (0) = ต่ากว่า 50% = กล่มุ ท่ีมีพฤติกรรมต่ากว่าเกณฑ์ซึ่งคุณภาพ ของผู้เรียน เป็นดังน้ีไมร่ บั ร้แู ละปฏิบัตติ าม เกณฑ์และเง่ือนไขทส่ี ถานศกึ ษา กาหนด หากผเู้ รียนมีผลการประเมินอยูใ่ นระดบั ต้องปรับปรุง ครผู ู้สอนจะต้องพัฒนาใหผ้ ูเ้ รียนมี คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคส์ งู ขึน้ จนอยู่ในกลุ่มผ่านเกณฑ์การประเมิน อาจจะอยูใ่ นระดบั ผ่าน เกณฑ์ขั้นต่า ดี หรือ ดี

หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 164 กำรตัดสินผลกำรประเมิน มีหลกั เกณฑด์ งั น้ี กลุ่มท่ีผ่านเกณฑ์การประเมนิ ได้ประเมนิ ได้คะแนนเป็น 1 , 2 หรือ 3 จะตอ้ งมีคะแนนการประเมิน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคท์ ง้ั 5 ข้อ รวมกันตั้งแต่ 50-100% กลุ่มทไี่ มผ่ า่ นการประเมิน ได้คะแนน 0 ซ่งึ คะแนนการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ทกุ ข้อ รวมกนั ต่า กวา่ 50% กำรตดั สนิ กำรเข้ำร่วมกิจกรรมพฒั นำผเู้ รียน การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน พิจารณาท้งั เวลาการเข้ารว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ัติกจิ กรรมและผลงานของ ผ้เู รยี น ตามเกณฑท์ ก่ี าหนดและใหผ้ ลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเป็นผา่ นและไม่ผ่าน การตดั สินการเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนแต่ละกจิ กรรม จะพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ตามจดุ ประสงค์ สาคญั ของกจิ กรรมกับเวลาท่ีเข้ารว่ มกิจกรรม โดยใหร้ ะดบั ผลการประเมินเป็น “ผ่าน” และ “ไมผ่ ่าน” คดิ เกณฑ์ “ผา่ น” คอื เขา้ รว่ มกิจกรรมไม่น้อยกวา่ 80% กจิ กรรม และมคี ุณลกั ษณะที่กาหนดไว้ไมน่ ้อยกวา่ 20% ของการประเมนิ ในกรณีท่ผี ู้เรียน “ไมผ่ า่ น” การเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ให้ผูเ้ รยี นเข้ารับการซ่อมเสรมิ หรือเลอื กกิจกรรม ใหม่จน “ผา่ น” ครบทุกกิจกรรม ตามหลกั สตู รท่โี รงเรยี นกาหนดในแต่ละชว่ งชั้น กำรจบหลักสตู ร ผเู้ รียนท่มี ผี ลการประเมิน ผ่านเกณฑ์มาตรฐานครบทง้ั 4 เกณฑ์ จัดเป็นผู้ไดร้ บั การตัดสินให้ผ่านชว่ งชนั้ ทัง้ นข้ี ้นึ อยู่ในดุลยพนิ ิจของคณะกรรมการประเมนิ ผลการเรยี นร้ตู ามหลกั สูตรการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานของโรงเรียน กำรจบหลักสูตรชน้ั มัธยมศกึ ษำตอนต้น ๑. ผู้เรยี น เรียนรายวิชาพ้นื ฐานและเพิ่มเติมไม่เกนิ 81 หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพื้นฐาน 63 หน่วยกิต และรายวชิ าเพมิ่ เติมตามท่ีกาหนด สาหรบั หอ้ งเรียนพเิ ศษ ๒. ผเู้ รยี นต้องไดห้ น่วยกติ ตลอดหลกั สตู รไมน่ ้อยกวา่ 77 หนว่ ยกติ โดยเป็นรายวชิ าพนื้ ฐาน 63 หนว่ ยกติ และรายวิชาเพ่มิ เติมไมน่ ้อยกว่า 14 หนว่ ยกิต ๓. ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี นในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมินตามท่ี กาหนด ๔. ผู้เรียนมผี ลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามทก่ี าหนด ๕. ผู้เรียนเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นและมผี ลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่กาหนด กำรจบระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย ๑. ผเู้ รยี น เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานและเพิม่ เติม ไม่น้อยกวา่ 81 หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน39 หนว่ ยกิต และรายวิชาเพม่ิ เติมตามท่ีกาหนด ๒. ผเู้ รียนตอ้ งไดห้ นว่ ยกติ ตลอดหลักสตู รไมน่ ้อยกวา่ 77 หนว่ ยกิต โดยเป็นรายวิชาพน้ื ฐาน 39 หนว่ ยกิต และวิชาเพิม่ เติมไม่น้อยกวา่ 38 หนว่ ยกิต

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธพิ์ ัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 165 ๓. ผู้เรียนมผี ลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามที่ กาหนด ๔. ผ้เู รียนมีผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่กี าหนด ๕. ผเู้ รยี น เขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นและมผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์การประเมินตามท่ีกาหนด กำรเล่ือนชนั้ ผเู้ รียนไดร้ บั การตดั สินผลการเรยี นทุกภาคเรยี นและได้รบั การเลือ่ นขั้นเมื่อสิน้ ปีการศึกษา โดยมคี ุณสมบัตติ ามเกณฑ์ ดงั นี้ ๑. รายวชิ าพ้นื ฐาน ไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นผา่ นทกุ รายวิชา ๒. รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ได้รับการตัดสนิ ผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ๓. ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดในการอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ๔. ระดบั ผลการเรียนเฉลย่ี ในปีการศกึ ษาน้นั ตอ้ งได้ไม่ต่ากวา่ 1.00 ทง้ั นรี้ ายวชิ าใดท่ไี ม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซอ่ มเสริมผู้เรยี นให้ไดร้ ับการ แก้ไขในภาคเรียนถัดไป

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 166 สอ่ื และแหล่งเรียนรู้วชิ ำสังคมศึกษำ กลุ่มสำระกำรเรียนรสู้ งั คมศึกษำศำสนำและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธิพ์ ัฒนวทิ ย์ ปกี ำรศึกษำ 2563 สื่อกำรเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนร้เู ป็นเครอ่ื งมือสง่ เสรมิ สนับสนนุ การจดั การกระบวนการเรียนรู้ ให้ผเู้ รยี นเขา้ ถึงความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สตู รได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพส่อื การเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ท้ังสือ่ ธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และเครอื ขา่ ยการเรยี นร้ตู า่ งๆ ทม่ี ใี น ทอ้ งถน่ิ การเลือกใชส้ ื่อควรเลือกให้มคี วามเหมาะสมกบั ระดับพฒั นาการและลลี าการเรียนรู้ทีห่ ลากหลายของ ผู้เรยี น การจัดหาสือ่ การเรียนรู้ ผเู้ รยี นและผู้สอบสามารถจดั ทาและพฒั นาขึ้นเอง หรอื ปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี คณุ ภาพจากสือ่ ตา่ งๆ ท่ีมีอยู่รอบตัวเพ่ือนามาใช้ประกอบในการจดั การเรยี นรู้ทสี่ ามารถสง่ เสริมและสื่อสารให้ ผูเ้ รียนเกดิ การเรยี นรู้อย่างแท้จริง สถานศกึ ษา เขตพ้ืนที่การศึกษา หน่วยงานที่เก่ียวข้องและผู้มีหนา้ ที่จัด การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ควรดาเนินการ ดงั น้ี 1. จดั ให้มีแหลง่ การเรียนรู้ ศูนย์สอ่ื การเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้และเครือข่ายการเรยี นรทู้ ่ี มปี ระสิทธิภาพทง้ั ในสถานศึกษาและในชมุ ชน เพื่อการศกึ ษาคน้ คว้าและการแลกเปล่ยี นประสบการณ์การ เรยี นรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ทอ้ งถ่ิน ชุมชน สงั คมโลก 2. จัดทาและจัดหาส่ือการเรยี นรู้สาหรบั การศกึ ษาคน้ ควา้ ของผู้เรยี น เสรมิ ความรูใ้ ห้ผู้สอน รวมท้งั จัดหาสิง่ ทมี่ ีอยู่ในท้องถ่ินมาประยกุ ตใ์ ช้เป็นส่ือการเรยี นรู้ 3. เลอื กและใชส้ ่ือการเรยี นรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคลอ้ งกับวิธกี าร เรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รยี น 4. ประเมนิ คุณภาพของส่ือการเรียนรทู้ ่ีเลอื กใช้อย่างเปน็ ระบบ 5. ศกึ ษาค้นควา้ วิจัย เพื่อพัฒนาส่ือการเรยี นรูใ้ หส้ อดคล้องกับกระบวนการเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี น 6. จดั ให้มีการกากับ ตดิ ตาม ประเมนิ คุณภาพและประสิทธภิ าพเกีย่ วกบั สื่อและการใช้สอ่ื การเรียนรู้ เปน็ ระยะๆ และสม่าเสมอ ในการจดั ทา การเลือกใช้ และการประเมนิ คุณภาพส่ือการเรยี นรูท้ ใี่ ช้ในสถานศึกษาควรคานึงถึง หลักการสาคญั ของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคลอ้ งกับหลักสูตร วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ การออกแบบ กิจกรรมการเรยี นรู้ การจดั ประสบการณ์ใหผ้ เู้ รยี น เนอ้ื หามีความถูกต้องและทันสมยั ไมก่ ระทบความม่ันคง ของชาติ ไมข่ ดั ต่อศลี ธรรม มีการใชภ้ าษาที่ถูกตอ้ ง รปู แบบการนาเสนอทีเ่ ข้าใจงา่ ย และน่าสนใจ สอ่ื ประเภทเอกสำร -ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. -แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผล การเรียนรู ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. -แนวทางการจัดการเรียนรู ตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 -แนวทางการจดั กิจกรรมพฒั นาผูเรยี น ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. -แนวทางการพฒั นา การวดั และประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 -หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพมหานคร:

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธ์ิพฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 167 -พทุ ธธรรม. (พิมพคร้งั ท่ี 22).พระธรรมปฏก (ป.อ. ปยตุ ฺโต). (2546). กรุงเทพมหานคร: ธรรมสาร. -ประชาธิปไตยจริงแท คือแคไหน. พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต). (254๙). กรงุ เทพมหานคร -คาพอสอน. ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารสั เก่ยี วกับเด็กและเยาวชน. กรงุ เทพมหานคร -พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๕๔). กรงุ เทพมหานคร -ครสู งั คมศึกษากับการพัฒนาทักษะแกนกั เรยี น.วลยั อศิ รางกูร ณ อยุธยา (พานชิ ). (๒๕๕๔). กรุงเทพมหานคร: -ประมวลบทความกจิ กรรมพัฒนาผูเรียนสูมาตรฐานการเรียนรู กลมุ สาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนา และ วัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร: ศนู ยตาราและเอกสารทางวชิ าการจฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย.. (๒๕๔๙). -หลกั สตู รการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานเพ่ือพัฒนาความเปนพลเมืองไทยและพลเมืองโลก:บทบาทสาคญั ของ กลมุ สาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม. -ประมวลบทความ เร่ืองหลกั สูตรและการพฒั นาหลักสูตรตามแนวปฏริ ูป. กรุงเทพมหานคร -คูมอื การอบรมสรางจิตสานกึ พลเมอื งสาหรับเยาวชนระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน. ศุภณฐั เพม่ิ พนู ววิ ัฒน และจารุวรรณ แกวมะโน. (๒๕๕๗). กรงุ เทพมหานคร: สถาบันพระปกเกลา. -การใชวธิ สี อนแบบธรรมสากัจฉาเพื่อสรางศรทั ธา และวิธีคดิ ตามหลกั สคุ นธ สนิ ธพานท (๒๕๓๘). -พทุ ธธรรมแกนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี ๓. นนทบุร.ี วทิ ยานิพนธการศึกษามหาบัณฑิต แขนงวิชา -หลกั สตู รและการสอน สาขาวิชาศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช.. (๒๕๕๒). -พัฒนาทักษะการคดิ ...พชิ ิตการสอน. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพเลย่ี งเชียง.. (๒๕๕๔). -วธิ ีสอนตามแนวปฏิรปู การศึกษาเพือ่ พฒั นาคุณภาพของเยาวชน. กรงุ เทพมหานคร: -คานยิ มศึกษาเพอ่ื สันติภาพท่ียง่ั ยืน. ประมวลบทความ เร่ือง หลักสูตรและการพัฒนาหลักสตู รตามแนวปฏิรปู . กรงุ เทพมหานคร: ศูนยตาราและเอกสารทางวิชาการจุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลัย. ส่ือประเภทสือ่ ออนไลน์ -https://th.wikipedia.org/wiki/ - https://www.hs3lzx.com/dtv/ -https://www.youtube.com/watch?v=QIEne81lCVg -https://www.youtube.com/watch?v=bZpzEiUifFY -https://www.dltv.ac.th/teachplan/lists/7/4000 -https://www.youtube.com/watch?v=YJCgjloB06c -https://www.youtube.com/watch?v=fdL_NhTnlz4 -https://sites.google.com/site/civicduty63/hnathi-phlmeuxng -https://www.stou.ac.th/study/sumrit/5-58(500)/page2-5-58(500).html -https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/ac/download/article/article -https://www.youtube.com/watch?v=ymSAv_hX0U0 -https://www.youtube.com/channel/UC5qeFW6myEIQ5iOdmEYuY-w -https://dlit.ac.th/site/ -https://dlit.ac.th/site/resources.php

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 168 -https://dlit.ac.th/site/dgtlibrary.php -https://www.youtube.com/watch?v=nRhl9LCkmnY -http://learnonline.brr.ac.th/course/index.php?categoryid=20 กระบวนการจดั การเรียนรู้ -กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด The process of creating concepts -กระบวนการแกป้ ญั หา Problem solving process -กระบวนการกล่มุ Group process -กระบวนการทางาน Learning process by work -กระบวนการสืบคน้ Learning process by searching -กระบวนการคิดวิเคราะห์ Analytical thinking process -รวบรวมข้อมูลและจดั ระบบขอ้ มูลอย่างเป็นระบบด้วยวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ Data collection and systematization of information systematically with historical methods -กระบวนการสืบค้นหาเทคโนโลยีสมยั ใหม่ Search process for new technology -กระบวนการพฒั นาคา่ นิยม Value Development Process -กระบวนการทางจริยธรรม Ethical process -กระบวนการให้เหตผุ ล Reasoning process -กระบวนการสอ่ื ความหมายทางสงั คมและนาประสบการณ์ด้านความรู้ -กระบวนการเรียนรู้แบบบรรยาย (passive learning) -กระบวนการเรียนรูแ้ บบลงมือปฏิบตั ิ (active learning) -กระบวนการเรยี นรู้แบบการใช้ปญั หาเปน็ ฐาน(Problem-based learning) -กระบวนการเรียนรู้แบบการใช้โครงงานเปน็ ฐาน(Project-based learning) -กระบวนการเรียนรแู้ บบการใชค้ วามคดิ สร้างสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-based learning) -กระบวนการเรยี นร้แู บบสะเต็มศกึ ษา (STEM education) -กระบวนการทางประชาธปิ ไตย Democratic process -กระบวนการฝกึ ปฏบิ ัติ Practice process -กระบวนการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ Critical thinking process -กระบวนการขัดเกลาทางสังคม Socialization process -กระบวนการสอ่ื ความหมายทางสังคม Social interpretation process

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธิ์พัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 169 ภำคผนวก

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธิพ์ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 170 ตัวช้วี ัดและสำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง สำระท่ี 1 ศำสนำ ศลี ธรรม จริยธรรม มำตรฐำน ส 1.1 รู้ และเข้าใจประวตั ิ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี น นับถอื และศาสนาอนื่ มศี รัทธาที่ถกู ต้อง ยดึ มั่นและปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมเพ่ืออยูร่ ว่ มกนั อย่าง สันตสิ ขุ ชน้ั ตวั ชว้ี ดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.1 1. อธบิ ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือ  การสงั คายนา ศาสนาที่ตนนบั ถือส่ปู ระเทศไทย  การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ ประเทศไทย 2. วิเคราะห์ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา ควำมสำคญั ของพระพทุ ธศำสนำต่อสงั คมไทย หรือศาสนาทต่ี นนับถือ ทม่ี ตี ่อสภาพแวดลอ้ ม ในสังคมไทย รวมทัง้ การพัฒนาตนและ ในฐำนะเปน็ ครอบครัว ศาสนาประจาชาติ สถาบนั หลกั ของสงั คมไทย สภาพแวดล้อมที่กว้างขวาง และ ครอบคลุมสังคมไทย การพัฒนาตนและครอบครัว 3. วิเคราะห์พุทธประวัตติ งั้ แต่ประสตู จิ นถงึ สรุปและวเิ ครำะห์ พุทธประวตั ิ บาเพ็ญทุกรกิรยิ า หรือประวตั ิศาสดาท่ีตน ประสูติ นับถอื ตามที่กาหนด  เทวทูต 4 การแสวงหาความรู้ 4. วเิ คราะหแ์ ละประพฤติตนตามแบบอย่าง การดาเนนิ ชีวติ และข้อคิดจากประวัติสาวก การบาเพ็ญทกุ รกริ ิยา ชาดก/เร่อื งเล่า และ ศาสนกิ ชนตวั อย่างตามที่กาหนด  พุทธสำวก พุทธสำวิกำ พระมหากัสสปะ พระอบุ าลี อนาถบณิ ฑกิ ะ นางวสิ าขา  ชำดก  อัมพชาดก  ตติ ติรชาดก

หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทับโพธ์ิพฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 171 ช้ัน ตวั ชี้วัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.1 5. อธิบายพุทธคณุ และข้อธรรมสาคญั ใน  พระรตั นตรัย กรอบอริยสจั 4 หรอื หลักธรรมของศาสนาที่ พุทธคณุ 9  อริยสจั 4 ตนนบั ถอื ตามท่กี าหนด เห็นคณุ ค่าและนาไป ทกุ ข์ (ธรรมที่ควรรู้) พัฒนาแกป้ ัญหาของตนเองและครอบครัว o ขนั ธ์ 5 - ธาตุ 4  สมุทยั (ธรรมท่คี วรละ) o หลักกรรม - ความหมายและคุณคา่ o อบายมุข 6  นโิ รธ (ธรรมทคี่ วรบรรลุ) o สุข 2 (กายิก, เจตสกิ ) o คิหิสขุ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) o ไตรสิกขา o กรรมฐาน 2 o ปธาน 4 o โกศล 3 o มงคล 38 -ไม่คบคนพาล - คบบณั ฑติ - บูชาผู้ควรบูชา  พทุ ธศำสนสุภำษิต  ย เว เสวติ ตาทโิ ส คบคนเชน่ ใดเปน็ คนเช่นนัน้  อตตฺ นา โจทยตฺตาน จงเตอื นตน ด้วยตน  นสิ มฺม กรณ เสยโฺ ย ใคร่ครวญก่อนทาจึงดี ทรุ าวาสา ฆรา ทุกขฺ ์ เรือนท่คี รองไมด่ นี าทุกข์มาให้

หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทบั โพธิ์พัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 172 ชัน้ ตวั ชีว้ ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง 6. เห็นคณุ ค่าของการพฒั นาจิต เพือ่ การ  โยนิโสมนสกิ าร เรยี นรแู้ ละการดาเนนิ ชีวติ ด้วยวธิ ีคดิ แบบ วธิ ีคิดแบบคณุ ค่าแท้ – คุณค่าเทยี ม โยนโิ สมนสิการคอื วธิ ีคดิ แบบคุณค่าแท้ – วิธคี ดิ แบบคุณ - โทษและทางออก คุณค่าเทยี ม และวธิ ีคิดแบบคุณ – โทษ และ ทางออก หรือการพัฒนาจิตตามแนวทางของ ศาสนาท่ีตนนบั ถือ 7. สวดมนต์ แผเ่ มตตา บรหิ ารจิตและเจริญ สวดมนต์แปล และแผ่เมตตา ปญั ญาดว้ ยอานาปานสติ หรอื ตามแนวทาง  วธิ ปี ฏิบัติและประโยชน์ของการบริหารจิตและ ของศาสนาท่ีตนนับถอื ตามท่ีกาหนด เจรญิ ปัญญา การฝึกบรหิ ารจติ และเจริญ ปัญญาตามหลกั สตปิ ัฎฐานเน้น อานา ปานสติ  นาวิธีการบริหารจติ และเจริญปญั ญา ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 8. วเิ คราะหแ์ ละปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมทาง หลกั ธรรม ศาสนาที่ตนนับถือ ในการดารงชวี ิตแบบ (ตามสาระการเรียนรขู้ ้อ 5) พอเพยี ง และดแู ลรักษาส่ิงแวดล้อมเพื่อการ อยู่รว่ มกนั ได้อยา่ งสันตสิ ุข 9. วเิ คราะหเ์ หตุผลความจาเป็นท่ีทกุ คนต้อง  ศาสนิกชนของศาสนาตา่ ง ๆ มีการประพฤติ ศกึ ษาเรียนรู้ศาสนาอนื่ ๆ ปฏิบัติตนและวถิ กี ารดาเนนิ ชีวิตแตกต่างกนั ตาม หลกั ความเช่อื และคาสอน ของศาสนาท่ีตนนบั ถือ 10. ปฏบิ ตั ิตนต่อศาสนิกชนอื่นในสถานการณ์  การปฏบิ ัติอย่างเหมาะสมต่อศาสนิกชนอื่นใน ตา่ งๆได้อยา่ งเหมาะสม สถานการณ์ต่างๆ 11.วเิ คราะห์การกระทาของบุคคลทเ่ี ปน็ ตัวอยา่ งบุคคลในท้องถ่นิ หรือประเทศทป่ี ฏิบตั ิ ตนเป็นแบบอยา่ งด้านศาสนสัมพันธ์หรือมีผลงาน แบบอย่างด้านศาสนสมั พันธแ์ ละนาเสนอแนว ด้านศาสนสัมพนั ธ์ ทางการปฏิบตั ิของตนเอง

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 173 ชั้น ตวั ชี้วดั สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง ม.2 1. อธิบายการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา หรือ การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ ส่ปู ระเทศเพอื่ น บา้ นและการนับถือพระพุทธ -ศาสนาของประเทศ ศาสนาทต่ี นนบั ถือสู่ประเทศเพอ่ื นบา้ น เพื่อนบา้ นในปัจจบุ ัน 2.วเิ คราะห์ความสาคญั ของพระพุทธ- ศาสนา ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาทีช่ ่วย หรือศาสนาทีต่ นนับถือทีช่ ่วยเสรมิ สรา้ งความ เสรมิ สรา้ งความเข้าใจอนั ดีกบั ประเทศเพ่ือนบา้ น เข้าใจอนั ดกี ับประเทศเพื่อนบ้าน 3. วเิ คราะห์ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย หรอื ศาสนาทต่ี นนับถือในฐานะทเี่ ปน็ รากฐาน ในฐานะเปน็ ของวัฒนธรรม เอกลกั ษณ์ของชาติและมรดก  รากฐานของวัฒนธรรม ของชาติ  เอกลกั ษณแ์ ละ มรดกของชาติ 4. อภิปรายความสาคัญของพระพทุ ธ -  ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา กบั การ ศาสนา หรือศาสนาทีต่ นนบั ถือกับการพฒั นา พฒั นาชมุ ชนและการจดั ระเบียบสังคม ชมุ ชนและการจดั ระเบยี บสังคม 5.วเิ คราะห์พุทธประวัติหรอื ประวตั ศิ าสดา  สรุปและวิเคราะห์ พุทธประวตั ิ ของศาสนาท่ีตนนับถือตามท่ีกาหนด การผจญมาร การตรัสรู้ การสัง่ สอน 6. วิเคราะหแ์ ละประพฤติตนตามแบบอย่าง  พระสารีบตุ ร การดาเนินชีวิตและข้อคิดจากประวัตสิ าวก พระโมคคัลลานะ ชาดก/เรื่องเลา่ และ นางขชุ ชุตตรา ศาสนกิ ชนตัวอย่างตามท่ีกาหนด พระเจา้ พมิ พิสาร มติ ตวินทกุ ชาดก  ราโชวาทชาดก ม.2 7. อธบิ ายโครงสรา้ ง และสาระสังเขปของ โครงสรา้ ง แลสาระสงั เขปของพระวนิ ยั ปิฎก พระไตรปิฎก หรอื คัมภีรข์ องศาสนาที่ตนนบั พระสตุ ตนั ตปฎิ ก และพระอภิธรรมปิฎก ถอื 8. อธิบายธรรมคณุ และข้อธรรมสาคัญใน พระรัตนตรยั กรอบอริยสจั 4 หรือหลักธรรมของศาสนาที่ ธรรมคุณ 6 ตนนบั ถือ ตามท่ีกาหนด เห็นคณุ ค่าและ นาไปพฒั นา แก้ปญั หาของชมุ ชนและสงั คม อรยิ สัจ 4 ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้) o ขนั ธ์ 5 - อายตนะ

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 174  สมทุ ัย (ธรรมทคี่ วรละ) o หลกั กรรม - สมบตั ิ 4 - วิบัติ 4 o อกุศลกรรมบถ 10 o อบายมุข 6 นโิ รธ (ธรรมทคี่ วรบรรล)ุ สุข 2 (สามิส, นิรามสิ )  มรรค (ธรรมที่ควรเจรญิ ) o บพุ พนิมิตของมชั ฌิมาปฏิปทา o ดรุณธรรม 6 o กลุ จริ ฏั ฐิติธรรม 4 o กุศลกรรมบถ 10 o สติปัฏฐาน 4 o มงคล 38 - ประพฤติธรรม - เว้นจากความชั่ว  เวน้ จากการด่ืมน้าเมาพทุ ธศาสนสภุ าษิต  กมฺมุนา วตตฺ ตี โลโก สัตวโ์ ลก ยอ่ มเป็นไปตามกรรม กลยฺ าณการี กลฺยาณ ปาปการี จ ปาปก ทาดไี ดด้ ี ทาชั่ว ไดช้ ่ัว สโุ ข ปญุ ฺญสฺส อจุ ฺจโย การส่งั สมบุญนาสุขมาให้  ปชู โก ลภเต ปชู วนทฺ โกปฏวิ นฺทน ผ้บู ูชาเขายอ่ มได้รับการบูชาตอบ o ผูไ้ หวเ้ ขายอ่ มไดร้ บั การไหวต้ อบ

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 175 ชั้น ตวั ชว้ี ัด สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง 9. เหน็ คุณคา่ ของการพฒั นาจิตเพื่อการเรยี นรู้ พัฒนาการเรยี นรู้ด้วยวธิ ีคิดแบบโยนโิ ส-มนสกิ าร และดาเนนิ ชวี ิต ด้วยวธิ คี ิดแบบโยนิโส 2 วธิ ี คือ วิธคี ดิ แบบอบุ ายปลุกเร้าคุณธรรม และ มนสิการคือ วธิ คี ิดแบบอบุ ายปลุกเรา้ วธิ ีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ คณุ ธรรม และวิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพนั ธ์ หรอื การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาท่ี ตนนบั ถอื 10. สวดมนต์ แผเ่ มตตา บรหิ ารจติ และเจรญิ สวดมนตแ์ ปล และแผ่เมตตา ปัญญาดว้ ยอานาปานสติ หรือตามแนวทาง รู้และเขา้ ใจวิธปี ฏบิ ัตแิ ละประโยชนข์ องการ ของศาสนาท่ีตนนับถอื บริหารจติ และเจริญปัญญา 11.วิเคราะหก์ ารปฏิบัติตนตามหลกั ธรรมทาง  ฝึกการบริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลัก ศาสนาท่ตี นนับถือ เพ่ือการดารงตนอยา่ ง เหมาะสมในกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก สตปิ ฎั ฐาน เน้นอานาปานสติ และการอยรู่ ว่ มกนั อย่างสันติสขุ นาวิธีการบริหารจิตและ เจริญปัญญาไปใชใ้ น ชวี ิตประจาวนั การปฏิบตั ติ นตามหลักธรรม (ตามสาระ การ เรียนรู้ ขอ้ 8.) ช้นั ตัวชวี้ ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.3 1. อธิบายการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา หรอื การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเข้าส่ปู ระเทศตา่ ง ๆ ศาสนาทีต่ นนบั ถือสูป่ ระเทศต่างๆ ทว่ั โลก ท่วั โลก และการนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศ เหล่าน้ันในปัจจบุ นั 2. วเิ คราะห์ความสาคัญของพระพุทธศาสนา ความสาคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะทีช่ ว่ ย หรอื ศาสนาท่ตี นนับถือในฐานะท่ชี ่วย สรา้ งสรรค์อารยธรรมและความสงบสุขใหแ้ ก่โลก สรา้ งสรรค์อารยธรรม และความสงบสขุ แก่ โลก สัมมนาพระพุทธศาสนากับปรัชญาของศรษฐกจิ พอเพยี งและการพัฒนาอยา่ งยงั่ ยืน (ทส่ี อดคล้อง 3. อภปิ รายความสาคัญของพระพุทธศาสนา กับหลกั ธรรมในสาระการเรยี นรู้ ขอ้ 6 ) หรอื ศาสนาทต่ี นนับถือกับปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งและ การพัฒนาอยา่ ง ศึกษาพทุ ธประวัติจากพระพุทธรปู ปาง ตา่ ง ๆ ยัง่ ยืน เช่น ปางมารวิชัย 4. วเิ คราะห์พุทธประวตั จิ ากพระพุทธรูปปาง ต่างๆ หรอื ประวัติศาสดาท่ตี นนับถอื ตามท่ี ปางปฐมเทศนา กาหนด

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทบั โพธพ์ิ ฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 176 5. วเิ คราะหแ์ ละประพฤตติ นตามแบบอยา่ ง ปางลลี า การดาเนินชีวิตและข้อคิดจากประวตั ิสาวก ปางประจาวนั เกดิ ชาดก/เรื่องเล่าและ สรปุ และวเิ คราะห์พทุ ธประวตั ิ ศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง ตามท่กี าหนด ศกึ ษาพทุ ธประวตั จิ ากพระพทุ ธรปู ปาง ต่าง ๆ เชน่ 6. อธิบายสังฆคุณ และข้อธรรมสาคญั ใน ปางมารวชิ ัย กรอบอรยิ สัจ 4 หรอื หลักธรรมของศาสนาที่ ปางปฐมเทศนา ตนนับถือตามที่กาหนด ปางลลี า ปางประจาวันเกิด สรปุ และวเิ คราะห์พุทธประวัติ ปฐมเทศนา โอวาทปาฏโิ มกข์  พระอัญญาโกณฑัญญะ พระมหาปชาบดีเถรี พระเขมาเถรี พระเจา้ ปเสนทโิ กศล นนั ทิวิสาลชาดก สุวัณณหังสชาดก พระรัตนตรยั  สงั ฆคณุ 9 อรยิ สจั 4 ทกุ ข์ (ธรรมท่ีควรรู)้ o ขันธ์ 5 -ไตรลกั ษณ์ สมทุ ยั (ธรรมท่คี วรละ) -หลักกรรม -วัฏฏะ 3 -ปปัญจธรรม 3 (ตัณหา มานะ ทฎิ ฐิ)  นโิ รธ (ธรรมทีค่ วรบรรล)ุ o อตั ถะ 3  มรรค (ธรรมที่ควรเจรญิ ) มรรคมีองค์ 8 ปญั ญา 3  สัปปุรสิ ธรรม 7 บุญกิริยาวัตถุ 10 อุบาสกธรรม 7 มงคล 38 - มศี ิลปวทิ ยา- พบสมณะ - ฟงั ธรรมตามกาล

หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทับโพธ์พิ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 177 - สนทนาธรรมตามกาล พทุ ธศาสนสุภาษติ  อตตฺ า หเว ชิต เสยโฺ ย ชนะตนนน่ั แลดกี วา่  ธมมฺ จารี สุข เสติ ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข  ปมาโท มจจฺ โุ น ปท ความประมาทเปน็ ทางแหง่ ความตาย  สสุ ฺสสู ลภเต ปญญฺ ผฟู้ ังด้วยดยี อ่ มไดป้ ัญญา ม.3 7. เหน็ คุณค่า และวิเคราะห์การปฏิบัติตน การปฏบิ ัติตนตามหลักธรรม ตามหลกั ธรรมในการพัฒนาตนเพ่ือ (ตามสาระการเรียนรู้ ข้อ 6.) เตรียมพร้อมสาหรบั การทางานและการมี ครอบครวั 8. เห็นคุณคา่ ของการพัฒนาจิตเพอ่ื การเรยี นรู้ พัฒนาการเรียนรดู้ ว้ ยวธิ ีคิดแบบ โยนิโสมนสิการ 2 วิธี คอื วธิ คี ดิ แบบอริยสัจ และ และดาเนินชีวิต ด้วยวธิ คี ดิ แบบโยนโิ ส มนสกิ ารคือ วธิ ีคิดแบบอริยสัจ และวธิ ีคดิ วธิ คี ดิ แบบสืบสาวเหตปุ จั จยั แบบสืบสาวเหตปุ จั จยั หรอื การ พฒั นาจติ ตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนับถือ 9. สวดมนต์ แผ่เมตตา บรหิ ารจติ และเจริญ สวดมนต์แปล และแผ่เมตตา ปญั ญาดว้ ยอานาปานสติ หรอื ตามแนวทาง ร้แู ละเขา้ ใจวิธปี ฏิบัติและประโยชน์ของการ ของศาสนาที่ตนนบั ถอื บริหารจิตและเจริญปญั ญา ฝกึ การบริหารจิตและเจริญปญั ญาตามหลัก สตปิ ัฎฐานเนน้ อานาปานสติ  นาวธิ ีการบรหิ ารจิตและเจรญิ ปัญญา ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั 10. วเิ คราะห์ความแตกตา่ งและยอมรบั วถิ ี  วิถีการดาเนินชีวติ ของศาสนกิ ชนศาสนาอนื่ ๆ การดาเนนิ ชีวิตของศาสนิกชนในศาสนาอ่ืนๆ ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง ม.4-6 1.วเิ คราะหส์ ังคมชมพูทวปี และคตคิ วามเชอ่ื  ลกั ษณะของสังคมชมพทู วีป และคติความเชื่อ ทางศาสนาสมัยกอ่ นพระพทุ ธเจา้ หรอื สังคม ทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้า สมัยของศาสดาท่ีตนนับถือ 2. วิเคราะห์ พระพุทธเจ้าในฐานะเป็นมนุษย์ผู้ พระพุทธเจ้าในฐานะเป็นมนษุ ย์ผ้ฝู กึ ตนได้อยา่ ง ฝึกตนได้อย่างสูงสดุ ในการตรัสรู้ การก่อต้งั สงู สดุ (การตรสั รู้) วิธกี ารสอนและการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 178 หรือวิเคราะหป์ ระวัติศาสดาท่ีตนนับถอื ตามที่ การก่อตั้งพระพุทธศาสนา วธิ ีการสอน และ กาหนด การเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวพทุ ธจรยิ า พุทธประวตั ดิ า้ นการบริหารและการธารงรกั ษา 3.วิเคราะหพ์ ุทธประวัติดา้ นการบริหาร และ พระพทุ ธศาสนา การธารงรกั ษาศาสนา หรือ วเิ คราะห์ประวัติ ศาสดาท่ตี นนับถือ ตามท่กี าหนด 4. วเิ คราะหข์ ้อปฏบิ ตั ิทางสายกลางใน พระพุทธศาสนามีทฤษฎแี ละวธิ ีการทีเ่ ปน็ สากล พระพุทธศาสนา หรอื แนวคดิ ของศาสนาที่ตน และมีข้อปฏิบตั ทิ ี่ยดึ ทางสายกลาง นบั ถอื ตามท่ีกาหนด พระพทุ ธศาสนาเนน้ การพัฒนาศรทั ธาและ 5. วเิ คราะหก์ ารพฒั นาศรัทธา และปญั ญาที่ ปญั ญาทถ่ี ูกต้อง ถูกต้องในพระพุทธศาสนา หรือแนวคดิ ของ ศาสนาทตี่ นนับถือ ตามท่ีกาหนด 6. วิเคราะหล์ ักษณะประชาธิปไตยใน  ลักษณะประชาธปิ ไตยในพระพุทธ- ศาสนา พระพุทธศาสนา หรือแนวคดิ ของศาสนาทตี่ น นบั ถอื ตามทก่ี าหนด 7. วเิ คราะหห์ ลักการของพระพทุ ธศาสนากับ พระพทุ ธศาสนาเน้นการพัฒนาศรทั ธาและ หลักวทิ ยาศาสตร์ หรือแนวคิดของศาสนาที่ตน ปญั ญาท่ีถูกต้อง นับถอื ตามทกี่ าหนด 8. วเิ คราะหก์ ารฝึกฝนและพัฒนาตนเอง การ  พระพุทธศาสนาเน้นการฝกึ หดั อบรมตน การ พ่ึงตนเอง และการมงุ่ อิสรภาพใน พึง่ ตนเอง และการมงุ่ อิสรภาพ พระพุทธศาสนา หรือแนวคิดของศาสนาที่ตน นับถือตามท่ีกาหนด 9. วิเคราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาวา่ เปน็ ศาสตร์ พระพุทธศาสนาเป็นศาสตร์แหง่ การศึกษา แหง่ การศึกษาซง่ึ เน้นความสัมพันธข์ องเหตุ พระพุทธศาสนาเน้นความสัมพนั ธ์ ปจั จยั กบั วธิ กี ารแก้ปัญหา หรือแนวคิดของ ของเหตุ ศาสนาทตี่ น 10. วิเคราะหพ์ ระพุทธศาสนาในการฝึกตน  พระพุทธศาสนาฝกึ ตนไม่ใหป้ ระมาท ไมใ่ ห้ประมาท มุ่งประโยชน์และสันติภาพ พระพทุ ธศาสนามงุ่ ประโยชนส์ ุขและสนั ตภิ าพ บคุ คล สงั คมและโลก หรอื แนวคิดของศาสนาที่ แก่บคุ คล สังคมและโลก ตนนบั ถอื ตามที่กาหนดท่ตี นนับถอื ตามที่ กาหนด 11. วเิ คราะหพ์ ระพุทธศาสนากับปรัชญาของ พระพุทธศาสนากบั ปรชั ญาขอเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาประเทศแบบ พอเพยี งและการพัฒนาแบบยั่งยนื ยั่งยนื หรือแนวคิดของศาสนาที่ตนนับถือ ตามทก่ี าหนด

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทบั โพธิพ์ ัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 179 12. วิเคราะห์ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนากับการศึกษาที่ เก่ียวกับการศกึ ษาที่สมบรู ณ์ การเมืองและ สมบูรณ์ สันตภิ าพหรอื แนวคิดของศาสนาท่ีตนนับถือ ความสาคัญของพระพุทธศาสนากบั การเมือง ตามท่ีกาหนด ความสาคญั ของพระพุทธศาสนากับสันตภิ าพ 13. วิเคราะห์หลกั ธรรมในกรอบ อรยิ สัจ 4 พระรัตนตรยั หรือหลักคาสอนของศาสนา ท่ตี นนับถอื  วิเคราะห์ความหมายและคุณคา่ ของ พุทธะ ธรรมะ สังฆะ อริยสจั 4  ทุกข์ (ธรรมท่ีควรรู้) -ขันธ์ 5 - นามรูป - โลกธรรม 8 - จติ , เจตสกิ สมุทยั (ธรรมทีค่ วรละ) - หลกั กรรม - นยิ าม 5 - กรรมนยิ าม ( กรรม 12) ธรรมนยิ าม(ปฏิจจสมุปบาท) -วิตก 3 -มิจฉาวณิชชา 5 -นวิ รณ์ 5 -อุปาทาน 4 นิโรธ (ธรรมทีค่ วรบรรล)ุ -ภาวนา 4 -วิมตุ ติ 5 -นิพพาน  มรรค (ธรรมทคี่ วรเจรญิ ) -พระสทั ธรรม 3 -ปัญญาวุฒิธรรม 4 -พละ 5 -อุบาสกธรรม 5 -อปริหานยิ ธรรม 7 -ปาปณิกธรรม 3 ทฏิ ฐธัมมิกัตถสงั วัตตนกิ

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 180 ธรรม 4 -อรยิ วฑั ฒิ 5 -อธิปไตย 3 -สาราณียธรรม 6 -ทศพธิ ราชธรรม 10 -วปิ สั สนาญาณ 9 -มงคล 38 - สงเคราะห์บตุ ร - สงเคราะหภ์ รรยา - สนั โดษ - ถกู โลกธรรมจิตไม่หวั่นไหว - จติ ไม่เศร้าโศก - จิตไม่มวั หมอง - จิตเกษม - ความเพยี รเผากเิ ลส - ประพฤติพรหมจรรย์ - เหน็ อรยิ สัจ - บรรลนุ ิพพาน ชน้ั ตวั ช้ีวดั สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง พุทธศาสนสภุ าษติ  จิตตฺ ทนฺต สขุ าวห จิตทีฝ่ กึ ดแี ล้วนาสขุ มาให้  นอุจจฺ าวจ ปณฺฑติ า ทสสฺ ยนตฺ ิ บัณฑิตย่อมไม่แสดงอาการข้ึน ๆ ลง ๆ  นตฺถิ โลเก อนนิ ทฺ ิโต คนท่ไี มถ่ ูกนนิ ทา ไม่มีในโลก  โกธ ฆตวฺ า สุข เสติ ฆา่ ความโกรธไดย้ อ่ มอย่เู ป็นสุข ปฏิรูปการี ธรุ วา อฎุ ฐฺ าตา วนิ ทฺ เต ธน คนขยนั เอาการเอางานกระทาเหมาะสม ยอ่ มหาทรพั ยไ์ ด้ วายเมถว ปรุ ิโส ยาว อตถฺ สฺส นปิ ปฺ ทา เกดิ เป็นคนควร จะพยายามจนกวา่ จะประสบความสาเรจ็  สนฺตฎฺฐี ปรม ธน ความสันโดษเป็นทรพั ยอ์ ยา่ งยง่ิ  อิณาทาน ทกุ ขฺ โลเก การเปน็ หนี้เป็นทุกขใ์ นโลก  ราชา มขุ มนสุ ฺสาน พระราชาเปน็ ประมขุ ของ ประชาชน  สติ โลกสฺมิ ชาคโร สติเป็นเครอ่ื งตืน่ ในโลก  นตฺถิ สนฺตปิ ร สขุ สุขอ่นื ย่ิงกวา่ ความสงบไมม่ ี  นิพพฺ าน ปรม สขุ นพิ พานเป็นสขุ อย่างย่ิง

หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธพ์ิ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 181 ชั้น ตัวช้ีวัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง 14. วิเคราะห์ข้อคิดและแบบอยา่ งการดาเนนิ พทุ ธสำวก พุทธสำวิก ชวี ติ จากประวัตสิ าวก ชาดก เร่ืองเลา่ และ  พระอัสสชิ ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง ตามทก่ี าหนด  พระกีสาโคตมเี ถรี พระนางมัลลิกา หมอชวี ก โกมารภัจ พระอนรุ ทุ ธะ  พระองคลุ ิมาล  พระธมั มทินนาเถรี  จิตตคหบดี  พระอานนท์  พระปฏาจาราเถรี  จูฬสภุ ทั ทา  สมุ นมาลาการ ชำดก  เวสสนั ดรชาดก  มโหสธชาดก  มหาชนกชาดก ชำวพทุ ธตัวอยำ่ ง พระนาคเสน - พระยามิลินท์  สมเดจ็ พระวนั รตั (เฮง เขมจาร)ี พระอาจารยม์ ั่น ภรู ทิ ตฺโต สุชีพ ปญุ ญานภุ าพ สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ พระพรหมมงั คลาจารย์ (ปญั ญานันทภกิ ขุ) ดร.เอ็มเบดการ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว พระโพธิญาณเถร (ชา สภุ ทโฺ ท) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ โต)  อนาคาริก ธรรมปาละ

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธิ์พัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 182 ชั้น ตัวชี้วดั สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง 15.วเิ คราะห์คุณค่าและความสาคัญของการ  วธิ กี ารศกึ ษาและค้นคว้าพระไตรปิฏก และ สงั คายนา พระไตรปิฎก หรือคัมภรี ์ของ คมั ภรี ์ของศาสนาอืน่ ๆ การสังคายนาและการ ศาสนาที่ตนนบั ถือ และการเผยแผ่ เผยแผ่พระไตรปฏิ ก ความสาคัญและคุณคา่ ของพระไตรปฏิ ก 16. เช่อื มัน่ ต่อผลของการทาความดี ความชั่ว  ตวั อยา่ งผลทีเ่ กดิ จากการทาความดี ความ สามารถวเิ คราะห์สถานการณ์ทต่ี อ้ งเผชญิ และ ตดั สินใจเลือกดาเนินการหรือปฏิบตั ติ นไดอ้ ย่าง ชั่ว มเี หตผุ ลถกู ต้องตามหลักธรรม จรยิ ธรรม และ โยนิโสมนสิการด้วยวิธีคดิ แบบอริยสจั กาหนดเป้าหมาย บทบาทการดาเนินชีวติ เพอ่ื หลักธรรมตามสาระการเรียนรูข้ อ้ 13 การอยรู่ ่วมกันอย่างสันติสุข และอยู่รว่ มกันเป็น ชาตอิ ยา่ งสมานฉันท์ 17.อธิบายประวตั ศิ าสดาของศาสนาอน่ื ๆ  ประวัติพระพุทธเจา้ มุฮมั มัด โดยสงั เขป พระเยซู 18.ตระหนกั ในคุณค่าและความสาคัญของ คุณค่าและความสาคัญของคา่ นยิ มและ คา่ นยิ ม จรยิ ธรรมทีเ่ ปน็ ตวั กาหนดความเชอ่ื และพฤติกรรมท่ีแตกต่างกันของศาสนิกชน จรยิ ธรรม ศาสนาตา่ งๆ เพอ่ื ขจัดความขัดแยง้ และอยู่  การขจัดความขัดแยง้ เพ่ืออยู่ร่วมกนั อย่างสนั ติ ร่วมกนั ในสังคมอย่างสันตสิ ุข สขุ 19. เห็นคณุ ค่า เชอื่ มน่ั และมุ่งมนั่ พัฒนาชีวติ  พัฒนาการเรียนรูด้ ้วยวิธีคิดแบบโยนโิ สมนสิการ ด้วยการพัฒนาจติ และพฒั นาการเรียนรดู้ ้วยวธิ ี 10 วธิ ี (เนน้ วิธีคดิ แบบแยกแยะส่วนประกอบ คดิ แบบโยนโิ สมนสิการหรือการพฒั นาจิตตาม แบบสามัญญลกั ษณะ แบบเป็นอยู่ในขณะ แนวทางของศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปจั จุบนั และแบบ วิภชั ชวาท ) 1) วธิ คี ดิ แบบสบื สาวเหตุปัจจัย 2) วิธีคิดแบบแยกแยะสว่ นประกอบ 3) วิธีคิดแบบสามัญลักษณะ 4) วธิ ีคดิ แบบอรยิ สัจ 5) วิธคี ดิ แบบอรรถธรรมสมั พันธ์ 6) วิธคี ดิ แบบคณุ คา่ แท้- คุณคา่ เทยี ม 7) วธิ คี ดิ แบบคุณ-โทษ และทางออก 8) วธิ คี ิดแบบอบุ าย ปลุกเรา้ คุณธรรม 20. สวดมนต์ แผ่เมตตา และบริหารจติ และ 9) วธิ ีคดิ แบบเปน็ อยู่ในขณะปัจจุบนั เจรญิ ปญั ญาตามหลักสติปัฏฐาน หรือตาม 10) วิธคี ิดแบบวิภัชชวาท แนวทางของศาสนาทีต่ นนบั ถือ สวดมนตแ์ ปล และแผเ่ มตตา รแู้ ละเข้าใจวิธปี ฏบิ ตั แิ ละประโยชน์ของการ บรหิ ารจิตและเจริญปญั ญา

หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธิ์พัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 183  ฝึกการบรหิ ารจติ และเจริญปัญญาตาม หลักสติปฎั ฐาน นาวธิ กี ารบรหิ ารจิตและเจริญปญั ญาไปใชใ้ น การพัฒนาการเรียนรู้ คณุ ภาพชีวิตและสังคม 21. วิเคราะห์หลกั ธรรมสาคัญในการอยู่รว่ มกนั หลกั ธรรมสาคัญในการอยู่ร่วมกันอยา่ งสันติสุข อยา่ งสันตสิ ขุ ของศาสนาอื่นๆ และชกั ชวน หลกั ธรรมในพระพุทธศาสนา เช่น สาราณยี สง่ เสริม สนับสนุนให้บคุ คลอื่นเหน็ ความสาคญั ธรรม 6 อธปิ ไตย 3 มจิ ฉาวณิชชา 5 อริยวัฑฆิ 5 ของการทาความดี ตอ่ กัน โภคอาทิยะ 5 คริสต์ศาสนา ไดแ้ ก่ บัญญัติ 10 ประการ (เฉพาะที่เกยี่ วข้อง) ศาสนาอสิ ลาม ไดแ้ ก่ หลักจริยธรรม (เฉพาะท่ี เกีย่ วข้อง) 22. เสนอแนวทางการจดั กจิ กรรม ความ สภาพปญั หาในชุมชน และสงั คม รว่ มมอื ของทุกศาสนาในการแกป้ ญั หาและ พัฒนาสังคม สำระที่ 1 ศำสนำ ศีลธรรม จรยิ ธรรม มำตรฐำน ส 1.2 เข้าใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ชน้ั ตัวชวี้ ัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ม.1 1. บาเพ็ญประโยชน์ตอ่ ศาสนสถานของศาสนา การบาเพ็ญประโยชน์และ การ ที่ตนนับถือ บารงุ รักษาวดั 2. อธบิ ายจรยิ วัตรของสาวกเพ่อื เปน็ แบบอย่าง วิถีชวี ิตของพระภกิ ษุ ในการประพฤติปฏบิ ตั ิ และปฏบิ ัตติ นอยา่ ง บทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ่ เหมาะสมต่อสาวกของศาสนาท่ตี นนบั ถือ พระพทุ ธศาสนา เชน่ การแสดงธรรม ปาฐกถา ธรรม การประพฤตติ นใหเ้ ป็นแบบอย่าง การเขา้ พบพระภิกษุ การแสดงความเคารพ การประนมมือ การไหว้ การกราบ การเคารพ พระรตั นตรยั การฟังเจริญ พระพุทธมนต์ การฟงั สวด พระ อภิธรรม การฟังพระธรรมเทศนา 3. ปฏบิ ตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อบุคคลต่างๆ ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อเพื่อนตามหลัก ตามหลักศาสนาท่ตี นนับถือ ตามท่ี พระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถือ กาหนด

หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทับโพธ์ิพัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 184 4. จัดพิธีกรรม และปฏบิ ัตติ นใน ศาสนพธิ ี การจดั โต๊ะหมู่บูชา แบบ หมู่4 หมู่ 5 หมู่ 7 หมู่9 พิธีกรรมไดถ้ ูกตอ้ ง การจดุ ธปู เทียน การจัดเครอ่ื งประกอบโต๊ะหมู่ บูชา คาอาราธนาต่างๆ 5. อธบิ ายประวตั ิ ความสาคัญ และ ปฏิบตั ติ น ประวตั แิ ละความสาคัญของวนั ธรรมสวนะ วนั ในวันสาคัญทางศาสนา ทต่ี นนบั ถือ เขา้ พรรษา วนั ออกพรรษา วันเทโวโรหณะ ตามทก่ี าหนด ได้ถกู ต้อง ระเบยี บพิธี พิธีเวยี นเทียน การปฏบิ ัติตนในวัน มาฆบูชา วันวสิ าขบูชา วนั อัฏฐมีบูชา วัน อาสาฬหบูชา วนั ธรรมสวนะและเทศกาลสาคัญ ม.2 1. ปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อบคุ คล ต่าง ๆ การเป็นลกู ท่ดี ี ตามหลักทิศเบ้อื งหนา้ ในทศิ 6 ตามหลกั ศาสนาท่ีตนนับถือ ตามท่ีกาหนด 2. มีมรรยาทของความเป็นศาสนกิ ชนทดี่ ี การต้อนรบั (ปฏิสนั ถาร) ตามท่ีกาหนด มรรยาทของผเู้ ปน็ แขก ฝกึ ปฏิบตั ริ ะเบยี บพิธี ปฏบิ ตั ติ ่อพระภิกษุ การ ยืน การให้ท่ีน่งั การเดนิ สวน การ สนทนา การรับสิง่ ของ การแต่งกายไปวดั การแต่งกายไปงานมงคล งานอวมงคล 3. วิเคราะหค์ ณุ คา่ ของศาสนพธิ ี และปฏบิ ัตติ น การทาบุญตักบาตร ไดถ้ ูกต้อง การถวายภตั ตาหารสงิ่ ของทค่ี วรถวายและ สิ่งของต้องหา้ มสาหรับพระภิกษุ การถวายสงั ฆทาน เครือ่ งสงั ฆทาน การถวายผ้าอาบน้าฝน การจัดเคร่ืองไทยธรรม เครอื่ งไทยทาน การกรวดน้า การทอดกฐิน การทอดผ้าปา่ 4. อธบิ ายคาสอนท่ีเกยี่ วเนอ่ื งกบั วันสาคัญทาง หลกั ธรรมเบือ้ งตน้ ท่ีเกีย่ วเนื่องใน วันมาฆบชู า ศาสนา และปฏิบตั ิตนไดถ้ ูกต้อง วนั วิสาขบูชา วนั อฏั ฐมีบูชา วันอาสาฬหบชู า วนั ธรรมสวนะและเทศกาลสาคญั 5. อธิบายความแตกตา่ งของศาสนพธิ ี ระเบียบพิธแี ละการปฏิบัตติ นในวนั ธรรมสวนะ พิธีกรรม ตาม แนวปฏิบัติของศาสนาอื่น ๆ วนั เขา้ พรรษา วนั ออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ เพ่อื นาไปสกู่ ารยอมรบั และความเขา้ ใจซึง่ กัน และกัน  ศาสนพธิ ี/พิธีกรรม แนวปฏิบตั ิของศาสนาอืน่ ๆ

หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธพ์ิ ฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 185 ม.3 1. วิเคราะหห์ น้าท่แี ละบทบาทของสาวก และ หน้าท่ขี องพระภกิ ษุในการปฏิบตั ิ ตามหลัก ปฏบิ ตั ิตนตอ่ สาวก ตามทีก่ าหนดได้ถูกต้อง พระธรรมวินยั และจรยิ วัตรอยา่ งเหมาะสม การปฏิบตั ิตนต่อพระภิกษุในงาน ศาสนพิธี ทีบ่ า้ น การสนทนา การแต่งกาย มรรยาทการพูด กับพระภิกษตุ ามฐานะ 2. ปฏบิ ตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อบคุ คล ต่าง ๆ การเป็นศษิ ย์ที่ดี ตามหลักทศิ เบ้ืองขวา ในทิศ 6 ตามหลกั ศาสนา ตามท่ีกาหนด ของพระพุทธศาสนา 3. ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของศาสนกิ ชนทดี่ ี การปฏิบตั หิ น้าท่ีชาวพทุ ธตามพุทธปณิธาน 4 ในมหาปรนิ ิพพานสตู ร 4. ปฏบิ ัตติ นในศาสนพิธีพิธีกรรมไดถ้ ูกต้อง พธิ ที าบุญ งานมงคล งานอวมงคล 5. อธิบายประวัตวิ นั สาคญั ทางศาสนาตามท่ี การนิมนต์พระภิกษุ การเตรยี มท่ีตง้ั พระพุทธรูป กาหนดและปฏบิ ตั ิตนได้ถกู ต้อง และเคร่ืองบูชา การวงดา้ ยสายสญิ จน์ การปลู าด อาสนะ การเตรยี มเครอ่ื งรับรอง การจุดธูปเทยี น ขอ้ ปฏิบัตใิ นวนั เล้ยี งพระ การถวายข้าวพระ พทุ ธ การถวายไทยธรรม การ กรวดน้า ประวตั ิวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาใน ประเทศไทย วันวิสาขบูชา (วันสาคัญสากล) วนั ธรรมสวนะและเทศกาลสาคัญ หลักปฏิบัติตน : การฟงั พระธรรมเทศนา การ แตง่ กายในการประกอบ ศาสนพิธที ว่ี ัด การงด เวน้ อบายมุข การประพฤติปฏบิ ัตใิ นวนั ธรรมสวนะและ เทศกาลสาคญั 6. แสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ หรอื แสดงตน การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ เป็นศาสนกิ ชนของศาสนาที่ตนนับถอื ขนั้ เตรยี มการ ขั้นพธิ กี าร 7. นาเสนอแนวทางในการธารงรกั ษาศาสนาท่ี ตนนับถอื การศกึ ษาเรยี นรเู้ ร่ืององค์ประกอบของ พระพุทธศาสนา นาไปปฏิบัตแิ ละเผยแผ่ตาม โอกาส การศึกษาการรวมตวั ขององคก์ รชาวพุทธ การปลูกจิตสานึกในด้านการบารงุ รักษาวัดและ พทุ ธสถานใหเ้ กิดประโยชน์ ม.4-6 ปฏิบตั ติ นเป็นชาวพุทธท่ีดีต่อพระภกิ ษุ

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 186 1. ปฏิบตั ติ นเป็นศาสนิกชนที่ดีตอ่ สาวก การเข้าใจในกิจของพระภิกษุ เชน่ การศึกษา สมาชิกในครอบครวั และคนรอบขา้ ง การปฏบิ ตั ธิ รรม และการเป็นนักบวชทดี่ ี  คณุ สมบัติทายกและปฏิคาหก  หนา้ ท่ีและบทบาทของพระภิกษุ ในฐานะพระ นักเทศก์ พระธรรมทตู พระธรรมจารกิ พระ วทิ ยากร พระวปิ ัสสนาจารย์ และพระนกั พฒั นา  การปกปอ้ งคุ้มครอง พระพุทธศาสนาของ พุทธบริษัทในสงั คมไทย  การปฏิบตั ติ นตอ่ พระภิกษุทางกาย วาจา และ ใจ ที่ประกอบดว้ ยเมตตา  การปฏสิ ันถารทเี่ หมาะสมตอ่ พระภกิ ษุ ใน โอกาสต่าง ๆ ปฏิบตั ติ นเปน็ สมาชิกท่ดี ีของครอบครัวและ สงั คม  การรักษาศีล 8 การเขา้ รว่ มกิจกรรมและเป็นสมาชกิ ขององค์กรชาว พุทธ การเป็นชาวพทุ ธทด่ี ี ตามหลักทิศเบ้ืองบน ใน ทศิ 6  การปฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสมในฐานะผ้ปู กครอง และ ผูอ้ ยใู่ นปกครอง ตามหลกั ทิศเบ้ืองล่าง ในทิศ 6 การปฏิสันถารตามหลัก ปฏสิ ันถาร 2  หน้าทีแ่ ละบทบาทของอุบาสก อบุ าสกิ าท่ีมี ตอ่ สงั คมไทยในปัจจบุ ัน  การปฏิบตั ิตนเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องครอบครวั ตามหลักทิศเบื้องหลงั ในทิศ 6

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทบั โพธิพ์ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 187 2. ปฏิบัติตนถูกต้องตามศาสนพิธพี ิธกี รรมตาม ประเภทของศาสนพธิ ใี นพระพุทธศาสนา หลักศาสนาท่ีตนนับถอื  ศาสนพิธเี น่ืองดว้ ยพุทธบัญญัติ เชน่ พธิ แี สดง ตนเป็นพทุ ธมามกะ พิธเี วียนเทียน ถวายสังฆทาน 3. แสดงตนเปน็ พุทธมามกะหรอื แสดงตน ถวายผ้าอาบน้าฝน พิธีทอดกฐิน พธิ ปี วารณา เป็น เปน็ ศาสนิกชนของศาสนาทต่ี นนบั ถือ ตน้ 4. วิเคราะหห์ ลักธรรม คติธรรมท่เี กย่ี วเนื่อง  ศาสนพธิ ที ่ีนาพระพุทธศาสนา เขา้ ไป กบั วันสาคญั ทางศาสนา และเทศกาลทสี่ าคัญ เกย่ี วเน่อื ง เช่น การทาบญุ เลี้ยงพระในโอกาสต่างๆ ของศาสนาทต่ี นนับถือ และปฏบิ ัตติ นได้ ความหมาย ความสาคัญ คตธิ รรม ใน ถูกต้อง พิธีกรรม บทสวดมนต์ของนักเรียน งานพธิ ี คณุ ค่า และประโยชน์ 5. สัมมนาและเสนอแนะแนวทางในการธารง พิธีบรรพชาอปุ สมบท คณุ สมบตั ขิ องผูข้ อ รักษาศาสนาทตี่ นนบั ถือ อันส่งผลถงึ การ บรรพชาอุปสมบท เครอ่ื ง อฏั ฐบริขาร พัฒนาตน พัฒนาชาติและโลก ประโยชนข์ องการ บรรพชาอุปสมบท บญุ พิธี ทานพธิ ี กุศลพธิ ี คุณค่าและประโยชนข์ องศาสนพธิ ี การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ  ข้ันเตรยี มการ ขั้นพิธีการ หลกั ธรรม/คตธิ รรมทเี่ กีย่ วเนื่องกับ วัน สาคัญ และเทศกาลทีส่ าคัญในพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาอนื่ การปฏบิ ัตติ นท่ถี ูกต้องในวันสาคญั และเทศกาลที่สาคญั ในพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาอื่น การปกป้อง คมุ้ ครอง ธารงรกั ษา พระพุทธศาสนาของพทุ ธบรษิ ัทในสังคมไทย การปลกู จติ สานึก และการมีสว่ นร่วมในสังคม พทุ ธ

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 188 สำระที่ 2 หนำ้ ที่พลเมือง วัฒนธรรม และกำรดำเนนิ ชวี ิตในสงั คม มำตรฐำน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ทขี่ องการเป็นพลเมืองดี มคี ่านยิ มทด่ี ีงามและธารงรกั ษา ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชวี ติ อย่รู ว่ มกนั ในสงั คมไทยและสังคมโลกอยา่ งสนั ติสขุ ช้นั ตวั ช้ีวดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.1 1. ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายในการคุ้มครองสทิ ธิ  กฎหมายในการคุ้มครองสิทธขิ องบุคคล  กฎหมายการคมุ้ ครองเด็ก ของบุคคล กฎหมายการศึกษา กฎหมายการคุ้มครองผ้บู ริโภค กฎหมายลิขสิทธิ์  ประโยชนข์ องการปฏบิ ตั ิตนตามกฎหมายการ คมุ้ ครองสิทธขิ องบุคคล 2. ระบุบความสามารถของตนเอง  บทบาทและหนา้ ทขี่ องเยาวชนท่ีมีตอ่ สังคมและ ในการทาประโยชนต์ อ่ สังคมและ ประเทศชาติ โดยเนน้ จติ สาธารณะ เชน่ เคารพ ประเทศชาติ กตกิ าสงั คม ปฏิบัตติ นตามกฎหมาย มีส่วนรว่ มและรบั ผิดชอบ 3. อภปิ รายเกยี่ วกับคุณคา่ ทางวัฒนธรรมท่ี ในกิจกรรมทางสงั คม อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ เปน็ ปจั จยั ในการสรา้ งความสมั พนั ธ์ท่ดี ีหรือ รกั ษาสาธารณประโยชน์ อาจนาไปสู่ความเข้าใจผิดต่อกนั  ความคลา้ ยคลงึ และความแตกต่างระหว่าง 4. แสดงออกถงึ การเคารพในสทิ ธิของ วฒั นธรรมไทยกับวัฒนธรรมของประเทศใน ตนเองและผู้อืน่ ภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก เฉยี งใต้  วัฒนธรรมท่ีเปน็ ปจั จัยในการสร้าง ความสมั พนั ธ์ทด่ี ี หรืออาจนาไปสู่ความเข้าใจผิดต่อ กัน วิธีปฏิบัตติ นในการเคารพในสิทธขิ องตนเอง และผูอ้ น่ื ผลทีไ่ ดจ้ ากการเคารพในสิทธิของตนเองและ ผอู้ ื่น

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์ิพัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 189 ชน้ั ตัวชี้วดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.2 1. อธบิ ายและปฏบิ ตั ติ นตามกฎหมายท่ี กฎหมายท่ีเก่ยี วข้องกับตนเอง ครอบครัว เช่น เกีย่ วขอ้ งกับตนเอง ครอบครัว ชุมชนและ กฎหมายเกีย่ วกับความสามารถของผู้เยาว์ ประเทศ กฎหมายบตั รประจาตัวประชาชน กฎหมายเพ่งเกีย่ วกบั ครอบครวั และมรดก เช่น การหมั้น การสมรส การรบั รองบตุ ร การรับบุตรบุญธรรม และมรดก กฎหมายทีเ่ กย่ี วกับชมุ ชนและประเทศ กฎหมายเก่ยี วกบั การอนรุ ักษ์ธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม กฎหมายเกย่ี วกับภาษีอากร และกรอกแบบ แสดงรายการ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมายแรงงาน 2. เห็นคณุ คา่ ในการปฏิบตั ติ นตามสถานภาพ สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หนา้ ท่ใี น บทบาท สทิ ธิ เสรีภาพ หน้าทีใ่ นฐานะ ฐานะพลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย  แนวทางสง่ เสรมิ ให้ปฏบิ ัติตนเป็นพลเมืองดตี าม วถิ ีประชาธิปไตย 3. วเิ คราะหบ์ ทบาท ความสาคญั และ บทบาท ความสาคัญและความสัมพันธ์ของ ความสมั พนั ธ์ของสถาบันทางสังคม สถาบันทางสังคม เช่น สถาบันครอบครวั สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สถาบันเศรษฐกิจ สถาบัน ทางการเมอื งการปกครอง 4.อธิบายความคลา้ ยคลงึ และความแตกต่าง ความคลา้ ยคลึงและความแตกตา่ งของ ของวัฒนธรรมไทย และวฒั นธรรมของ วฒั นธรรมไทย และวฒั นธรรมของประเทศใน ประเทศในภมู ภิ าคเอเชีย เพื่อนาไปสู่ความ ภมู ภิ าคเอเชียวฒั นธรรม เป็นปัจจัยสาคญั เขา้ ใจอนั ดีระหว่างกัน ในการสร้างความเข้าใจอนั ดรี ะหว่างกัน

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทบั โพธ์ิพัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 190 ชน้ั ตัวชี้วดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.3 1. อธบิ ายความแตกตา่ งของการกระทา  ลักษณะการกระทาความผิดทางอาญา และ ความผิดระหวา่ งคดีอาญาและคดแี พ่ง โทษ ลักษณะการกระทาความผิดทางแพง่ และโทษ ตวั อยา่ งการกระทาความผิดทางอาญา เชน่ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตัวอยา่ งการทาความผดิ ทางแพ่ง เชน่ การทา ผดิ สญั ญา การทาละเมิด 2. มสี ่วนรว่ มในการปกป้องคุ้มครองผู้อ่ืนตาม  ความหมาย และความสาคัญของสทิ ธิมนษุ ยชน หลกั สิทธมิ นุษยชน  การมสี ่วนรว่ มคมุ้ ครองสิทธิมนษุ ยชนตาม รัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทยตามวาระและ โอกาสทเี่ หมาะสม 3. อนุรักษว์ ัฒนธรรมไทยและเลือกรับ  ความสาคัญของวฒั นธรรมไทย วฒั นธรรมสากลทเ่ี หมาะสม ภูมิปญั ญาไทยและวฒั นธรรมสากล การอนุรักษว์ ัฒนธรรมไทยและ ภูมิ ปญั ญาไทยท่ีเหมาะสม การเลือกรับวฒั นธรรมสากลทเ่ี หมาะสม 4. วเิ คราะห์ปจั จัยทีก่ ่อให้เกดิ ปัญหาความ  ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขดั แยง้ เชน่ การเมอื ง ขดั แยง้ ในประเทศ และเสนอแนวคิดในการ การปกครอง เศรษฐกจิ ลดความขดั แยง้ สังคม ความเช่ือ  สาเหตุปญั หาทางสังคม เชน่ ปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม ปัญหายาเสพติด ปัญหา การทจุ ริต ปญั หาอาชญากรรม ฯลฯ  แนวทางความรว่ มมือในการลดความขัดแยง้ และการสร้างความสมานฉันท์ 5. เสนอแนวคิดในการดารงชีวิตอยา่ งมี  ปจั จัยท่ีส่งเสรมิ การดารงชวี ติ ใหม้ ีความสขุ ความสขุ ในประเทศและสงั คมโลก เชน่ การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมี ขนั ติธรรม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เหน็ คุณคา่ ในตนเอง รจุ้ ักมองโลกในแงด่ ี สร้างทักษะ ทางอารมณ์ ร้จู ักบรโิ ภคด้วยปัญญา เลือกรับ- ปฏเิ สธขา่ วและวตั ถตุ ่างๆ ปรับปรุงตนเองและส่งิ ตา่ งๆให้ดขี น้ึ อยเู่ สมอ

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธพ์ิ ัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 191 ชัน้ ตัวชี้วัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ม.4-ม.6 1. วิเคราะห์และปฏิบัตติ นตามกฎหมายที่  กฎหมายเพ่งเก่ียวกบั นติ ิกรรมสญั ญา เช่น ซื้อขาย ขายฝาก เชา่ ทรพั ย์ เช่าซอ้ื ก้ยู ืมเงิน เกีย่ วขอ้ งกบั ตนเอง ครอบครัว ชุมชน จานา จานอง ประเทศชาติ และสงั คมโลก  กฎหมายอาญา เชน่ ความผดิ เกีย่ วกบั ทรัพย์ ความผิดเกย่ี วกบั ชีวิตและรา่ งกาย 2. วเิ คราะหค์ วามสาคัญของโครงสร้างทาง  กฎหมายอนื่ ที่สาคญั เช่น รฐั ธรรมนูญแหง่ สงั คม การขัดเกลาทางสงั คม และ การ ราชอาณาจักรไทยฉบบั ปัจจุบัน กฎหมายการรบั เปลีย่ นแปลงทางสังคม ราชการทหาร กฎหมายภาษีอากร กฎหมาย คมุ้ ครองผูบ้ ริโภค 3. ปฏบิ ัตติ นและมสี ่วนสนบั สนนุ ใหผ้ ูอ้ ืน่  ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ เช่น ปฏิญญาสากล ประพฤติปฏบิ ตั ิเพ่ือเปน็ พลเมืองดีของ ประเทศชาติ และสงั คมโลก ว่าด้วยสทิ ธิมนุษยชน กฎหมาย มนุษยธรรมระหว่างประเทศ โครงสรา้ งทางสงั คม -การจัดระเบียบทางสงั คม -สถาบนั ทางสังคม  การขดั เกลาทางสังคม การเปลีย่ นแปลงทางสงั คม  การแกป้ ัญหาและแนวทางการพัฒนาทางสงั คม คณุ ลกั ษณะพลเมืองดีของประเทศชาติ และ สงั คมโลก เช่น - เคารพกฎหมาย และกติกาสังคม - เคารพสิทธิ เสรีภาพของตนเองและบคุ คลอ่นื - มีเหตุผล รับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อื่น มคี วามรับผดิ ชอบต่อตนเอง สังคม ชมุ ชน ประเทศชาติและสงั คม - เข้ารว่ มกจิ กรรมทางการเมืองการปกครอง - มีสว่ นรว่ มในการปอ้ งกัน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคมการเมอื งการปกครองส่ิงแวดล้อม - มีคุณธรรมจรยิ ธรรม ใชเ้ ปน็ ตวั กาหนดความคิด

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทับโพธิพ์ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 192 ช้ัน ตัวชีว้ ัด สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง 4. ประเมินสถานการณส์ ิทธมิ นุษยชนใน ความหมาย ความสาคญั แนวคดิ และหลักการ ประเทศไทย และเสนอแนวทางพฒั นา ของสิทธมิ นุษยชน บทบาทขององค์กรระหวา่ งประเทศ ในเวทโี ลกทมี่ ีผลต่อประทศไทย สาระสาคัญของปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยสทิ ธิ มนุษยชน บทบญั ญัติของรฐั ธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทย ฉบบั ปจั จบุ ันเก่ียวกบั สิทธิ มนษุ ยชน ปัญหาสทิ ธิมนุษยชนในประเทศ และแนวทาง แกป้ ัญหาและพัฒนา 5. วิเคราะห์ความจาเปน็ ท่ีตอ้ งมีการปรับปรงุ  ความหมายและความสาคญั ของวฒั นธรรม เปลีย่ นแปลงและอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมไทยและ ลกั ษณะและ ความสาคัญของวฒั นธรรมไทยท่ี เลอื กรบั วัฒนธรรมสากล สาคญั การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม ไทย ความแตกตา่ งระหว่างวัฒนธรรมไทยกบั วัฒนธรรม สากล แนวทางการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยที่ดงี าม วธิ ีการเลือกรบั วฒั นธรรมสากล

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 193 สำระท่ี 2 หนำ้ ทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และกำรดำเนนิ ชวี ิตในสังคม มำตรฐำน ส 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จบุ ัน ยึดมนั่ ศรัทธาและธารงรักษา ไวซ้ ง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ ชัน้ ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.1 1. อธบิ ายหลกั การ เจตนารมณ์ โครงสรา้ ง หลักการ เจตนารมณ์ โครงสรา้ ง และ และสาระสาคัญของรัฐธรรมนูญแหง่ สาระสาคญั ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย ราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน ฉบบั ปัจจบุ นั โดยสงั เขป 2. วเิ คราะห์บทบาทการถว่ งดุลของอานาจ การแบ่งอานาจ และการถ่วงดุลอานาจอธปิ ไตย อธปิ ไตยในรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั ร ทง้ั 3 ฝ่าย คอื นติ บิ ัญญตั ิ บริหาร ตลุ าการ ตามที่ ไทย ฉบับปจั จุบัน ระบใุ นรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยฉบับ ปัจจบุ นั 3. ปฏิบตั ิตนตามบทบัญญัติของรฐั ธรรมนญู การปฏบิ ตั ิตนตามบทบัญญตั ิของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันท่ี แห่งราชอาณาจักรไทยฉบบั ปัจจบุ นั เกี่ยวกับสทิ ธิ เกยี่ วขอ้ งกับตนเอง เสรีภาพและหนา้ ท่ี ม.2 1. อธิบายกระบวนการในการตรากฎหมาย กระบวนการในการตรากฎหมาย  ผมู้ ีสิทธิเสนอรา่ งกฎหมาย  ข้นั ตอนการตรากฎหมาย  การมีสว่ นร่วมของประชาชนใน กระบวนการตรากฎหมาย 2. วิเคราะห์ขอ้ มูล ข่าวสารทางการเมืองการ  เหตกุ ารณ์ และการเปลย่ี นแปลงสาคัญของ ปกครองทีม่ ีผลกระทบต่อสังคมไทยสมยั ระบอบการปกครองของไทย ปจั จุบัน  หลักการเลือกข้อมลู ขา่ วสาร ม.3 1. อธบิ ายระบอบการปกครองแบบต่างๆ ที่  ระบอบการปกครอง แบบตา่ งๆ ที่ใช้ในยคุ ใชใ้ นยคุ ปจั จบุ นั ปัจจุบนั เชน่ การปกครองแบบ  เผดจ็ การ การปกครองแบบประชาธิปไตย เกณฑ์การตดั สนิ ใจ 2. วเิ คราะห์ เปรียบเทยี บระบอบการ  ความแตกต่าง ความคล้ายคลงึ ของการ ปกครองของไทยกับประเทศอื่นๆ ทม่ี กี าร ปกครองของไทย กบั ประเทศอืน่ ๆ ท่มี ี ปกครองระบอบประชาธิปไตย การปกครองระบอบประชาธิปไตย

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทับโพธ์ิพฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 194 ชน้ั ตวั ช้วี ดั สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง 3. วเิ คราะห์รัฐธรรมนูญฉบับปัจจบุ นั ใน  บทบัญญตั ขิ องรัฐธรรมนูญในมาตราตา่ งๆ ท่ี มาตราต่างๆ ที่เกีย่ วข้องกับการเลอื กตั้ง เกยี่ วข้องกบั การเลอื กต้ัง การมีส่วนร่วม และการ การมีสว่ นรว่ ม และการตรวจสอบการใช้ ตรวจสอบการใช้อานาจรฐั อานาจรัฐ  อานาจหน้าที่ของรัฐบาล  บทบาทสาคัญของรัฐบาลในการบริหารราชการ แผ่นดนิ  ความจาเปน็ ในการมรี ฐั บาลตามระบอบ ประชาธปิ ไตย 4. วเิ คราะห์ประเด็น ปัญหาที่เปน็ อุปสรรค  ประเดน็ ปัญหาและผลกระทบท่ีเปน็ อุปสรรคต่อ ต่อการพัฒนาประชาธปิ ไตยของประเทศ การพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทย ไทยและเสนอแนวทางแก้ไข  แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ม.4-6 1. วเิ คราะห์ปญั หาการเมืองท่ีสาคัญใน  ปญั หาการเมืองสาคญั ทีเ่ กิดขึ้นภายในประเทศ ประเทศ จากแหลง่ ข้อมูลตา่ งๆ พรอ้ มท้ัง  สถานการณก์ ารเมืองการปกครอง เสนอแนวทางแก้ไข ของสังคมไทย และสังคมโลก และ การ ประสานประโยชน์ร่วมกัน  อิทธิพลของระบบการเมอื งการปกครอง ทีม่ ผี ลตอ่ การดาเนนิ ชวี ิตและความสมั พันธ์ระหว่าง ประเทศ 2. เสนอแนวทาง ทางการเมืองการ  การประสานประโยชนร์ ว่ มกันระหว่างประเทศ ปกครองทน่ี าไปสคู่ วามเขา้ ใจ และ เช่น การสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งไทยกบั ประเทศ การประสานประโยชน์ร่วมกนั ระหว่าง ต่าง ๆ ประเทศ การแลกเปลี่ยนเพอ่ื ชว่ ยเหลือ และสง่ เสริมดา้ น วฒั นธรรม การศึกษา เศรษฐกจิ สงั คม 3. วเิ คราะห์ความสาคัญและ ความจาเปน็  การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมี ท่ตี ้องธารงรักษาไว้ซง่ึ การปกครองตามระบอบ พระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุข ประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็น  รปู แบบของรัฐ ประมุข  ฐานะและพระราชอานาจของ พระมหากษัตริย์ 4. เสนอแนวทางและมีสว่ นร่วมในการ  การตรวจสอบการใช้อานาจรฐั ตามรฐั ธรรมนูญ ตรวจสอบการใชอ้ านาจรฐั แห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปจั จบุ นั ทมี่ ีผลต่อการ เปล่ยี นแปลงทางสงั คม เช่น การตรวจสอบโดย องค์กรอสิ ระ การตรวจสอบโดยประชาชน

หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทบั โพธิพ์ ัฒนวิทย์ พ.ศ.2563 195 สำระท่ี 3 เศรษฐศำสตร์ มำตรฐำน ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจดั การทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภค การใชท้ รัพยากร ที่ มอี ยู่จากัดได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและคุ้มค่า รวมท้ังเขา้ ใจหลักการของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอื่ การดารงชีวติ อย่างมีดลุ ยภาพ ชนั้ ตัวชี้วัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ม.1 1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของ  ความหมายและความสาคัญของเศรษฐศาสตร์ เบ้อื งตน้ เศรษฐศาสตร์  ความหมายของคาว่าทรัพยากรมีจากัดกับ ความ ต้องการมีไม่จากดั ความขาดแคลน การเลือก และค่าเสยี โอกาส 2. วิเคราะห์ค่านิยมและพฤติกรรมการ  ความหมายและความสาคัญของการบรโิ ภคอย่าง บรโิ ภคของคนในสงั คมซง่ึ สง่ ผลต่อ มีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจของชมุ ชนและประเทศ  หลกั การในการบริโภคท่ีดี  ปัจจยั ท่ีมอี ทิ ธิพลต่อพฤติกรรมการบรโิ ภค  ค่านยิ มและพฤติกรรมของการบริโภคของคนใน สงั คมปัจจุบัน รวมทงั้ ผลดแี ละผลเสยี ของพฤติกรรม ดงั กล่าว 3. อธิบายความเปน็ มาหลักการและ  ความหมายและความเป็นมาของปรัชญาของ ความสาคัญของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งต่อสังคมไทย เศรษฐกิจพอเพียง  ความเปน็ มาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และหลักการ ทรงงานของพระบาทสมเด็จ พระ เจา้ อย่หู วั รวมทง้ั โครงการตามพระราชดาริ  หลักการของเศรษฐกิจพอเพียง  การประยุกต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ในการ ดารงชีวติ  ความสาคญั คุณคา่ และประโยชนข์ องปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งต่อสงั คมไทย

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทบั โพธ์ิพัฒนวทิ ย์ พ.ศ.2563 196 ชั้น ตัวชี้วัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ม.2 1. วเิ คราะหป์ ัจจัยท่ีมีผลตอ่ การลงทนุ และ  ความหมายและความสาคัญของการลงทุนและ การออมต่อระบบเศรษฐกิจ การออม  การบรหิ ารจดั การเงินออมและการลงทนุ ภาค ครวั เรอื น  ปัจจัยของการลงทนุ และการออมคือ อัตรา ดอกเบีย้ รวมท้ังปัจจัยอน่ื ๆ เชน่ ค่าของเงิน เทคโนโลยี การคาดเดาเกย่ี วกับอนาคต  ปัญหาของการลงทุนและการออมในสังคมไทย 2. อธิบายปจั จัยการผลิตสนิ ค้าและบริการ  ความหมาย ความสาคญั และหลกั การผลติ สนิ ค้า และปัจจยั ที่มีอิทธิพลตอ่ การผลติ สนิ คา้ และบริการอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ  สารวจการผลิตสินค้าในทอ้ งถิ่น ว่ามีการผลิต และบรกิ าร อะไรบ้าง ใชว้ ิธีการผลติ อยา่ งไร มปี ญั หาด้าน ใดบ้าง  มกี ารนาเทคโนโลยีอะไรมาใชท้ ่มี ีผลต่อ การ ผลติ สินคา้ และบรกิ าร  นาหลกั การผลิตมาวเิ คราะห์การผลิตสนิ คา้ และ บริการในท้องถิน่ ท้งั ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และ สิง่ แวดลอ้ ม 3. เสนอแนวทางการพัฒนาการผลติ ใน หลักการและเป้าหมายปรัชญาของเศรษฐกิจ ท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียง  สารวจและวเิ คราะห์ปัญหาการผลติ สินคา้ และ บรกิ ารในท้องถิ่น  ประยกุ ตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการ ผลิตสนิ ค้าและบริการในท้องถ่นิ

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนทบั โพธพิ์ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 197 ชนั้ ตวั ชีว้ ัด สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง 4. อภิปรายแนวทางการคมุ้ ครองสทิ ธขิ อง  การรกั ษาและคุ้มครองสทิ ธิประโยชน์ของ ผูบ้ รโิ ภค ตนเองในฐานะผู้บรโิ ภค  กฎหมายคุม้ ครองสิทธผิ ุ้บรโิ ภคและหนว่ ยงานท่ี เก่ยี วข้อง  การดาเนนิ กิจกรรมพิทกั ษ์สิทธแิ ละผลประโยชน์ ตามกฎหมายในฐานะผู้บริโภค  แนวทางการปกป้องสิทธิของผบู้ ริโภค ม.3 1. อธบิ ายกลไกราคาในระบบเศรษฐกจิ  ความหมายและประเภทของตลาด  ความหมายและตวั อยา่ งของอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน  ความหมายและความสาคญั ของกลไกราคาและ การกาหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ  หลักการปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสนิ คา้ และ บริการ 2. มสี ว่ นร่วมในการแก้ไขปัญหาและ สารวจสภาพปจั จุบันปญั หาทอ้ งถนิ่ ทงั้ ทางด้าน พัฒนาท้องถน่ิ ตามปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง สงั คม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดล้อม  วิเคราะห์ปัญหาของท้องถิ่นโดยใช้ปรัชญาของ 3. วเิ คราะห์ความสมั พนั ธร์ ะหว่างแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี งกับระบบสหกรณ์ เศรษฐกจิ พอเพียง  แนวทางการแก้ไขและพัฒนาท้องถ่ินตามปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง  แนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพยี งกับการพัฒนาใน ระดับตา่ ง ๆ  หลักการสาคญั ของระบบสหกรณ์  ความสัมพันธร์ ะหวา่ งแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียง กับหลกั การและระบบของสหกรณเ์ พ่ือประยกุ ต์ใชใ้ น การพฒั นาเศรษฐกจิ ชมุ ชน

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 198 ชั้น ตวั ชี้วัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ม.4–ม.6 1. อภปิ รายการกาหนดราคาและคา่ จ้าง  ระบบเศรษฐกจิ ของโลกในปจั จบุ นั ผลดแี ละ ในระบบเศรษฐกิจ ผลเสยี ของระบบเศรษฐกิจแบบต่างๆ  ตลาดและประเภทของตลาด ข้อดีและ 2. ตระหนกั ถึงความสาคัญของปรัชญา ขอ้ เสยี ของตลาดประเภทตา่ ง ๆ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งท่มี ตี ่อเศรษฐกจิ  การกาหนดราคาตามอุปสงค์ และอุปทาน สังคมของประเทศ การกาหนดราคาในเชงิ กลยทุ ธ์ทีม่ ใี นสงั คมไทย  การกาหนดค่าจ้าง กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องและ 3. ตระหนักถึงความสาคัญของระบบ อตั ราค่าจา้ งแรงงานในสังคมไทย สหกรณใ์ นการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับ  บทบาทของรฐั ในการแทรกแซงราคา และการ ชมุ ชนและประเทศ ควบคุมราคาเพ่ือการแจกจ่าย และจัดสรรในทาง เศรษฐกิจ 4. วเิ คราะหป์ ัญหาทางเศรษฐกจิ ในชมุ ชนและเสนอแนวทางแก้ไข  การประยกุ ต์ใช้เศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเอง และครอบครัว  การประยุกต์ใช้เศรษฐกจิ พอเพียงใน ภาค เกษตร อุตสาหกรรม การค้าและบรกิ าร  ปญั หาการพฒั นาประเทศท่ีผา่ นมา โดยการศึกษา วิเคราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมฉบับท่ีผ่าน มา  การพฒั นาประเทศทน่ี าปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ ในการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจ และ สงั คมฉบับปัจจุบัน วิวฒั นาการของสหกรณ์ใน ประเทศไทย  ความหมายความสาคญั และหลักการของระบบ สหกรณ์ ตวั อย่างและประเภทของสหกรณ์ในประเทศไทย  ความสาคัญของระบบสหกรณ์ในการพัฒนา เศรษฐกิจในชมุ ชนและประเทศ  ปญั หาทางเศรษฐกจิ ในชมุ ชน  แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ ของชมุ ชน  ตวั อยา่ งของการรวมกลุ่มท่ีประสบความสาเร็จใน การแกป้ ัญหาทางเศรษฐกิจของชุมชน

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ฒั นวิทย์ พ.ศ.2563 199 สำระที่ 3 เศรษฐศำสตร์ มำตรฐำน ส 3.2 เขา้ ใจระบบและสถาบนั ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความจาเป็น ของการรว่ มมือกนั ทางเศรษฐกิจในสังคมโลก ชน้ั ตัวชี้วัด สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ม.1 1. วิเคราะห์บทบาทหนา้ ท่ีและความ ความหมาย ประเภท และความสาคญั ของสถาบัน การเงินท่ีมีตอ่ ระบบเศรษฐกจิ แตกต่างของสถาบันการเงนิ แตล่ ะประเภท และธนาคารกลาง  บทบาทหน้าทแ่ี ละความสาคญั ของธนาคารกลาง  การหารายได้ รายจ่าย การออม การลงทุน ซงึ่ แสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งผู้ผลติ ผ้บู ริโภค และ สถาบันการเงนิ 2. ยกตวั อยา่ งทส่ี ะท้อนใหเ้ ห็นการพ่งึ พา  ยกตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นการพง่ึ พาอาศยั กัน อาศัยกัน และการแข่งขันกนั ทางเศรษฐกิจ และกัน การแข่งขนั กนั ทางเศรษฐกจิ ในประเทศ ในประเทศ  ปญั หาเศรษฐกิจในชมุ ชน ประเทศ และเสนอแนว ทางแก้ไข 3. ระบปุ ัจจยั ทมี่ ีอิทธิพลต่อการกาหนด อปุ  ความหมายและกฎอปุ สงค์ อุปทาน  ปจั จัยทม่ี ีอิทธิพลต่อการกาหนดอุปสงค์และ สงค์และอปุ ทาน อปุ ทาน 4. อภปิ รายผลของการมกี ฎหมายเก่ียวกับ  ความหมายและความสาคัญของทรพั ยส์ นิ ทาง ปัญญา ทรัพย์สินทางปัญญา  กฎหมายที่เก่ียวกับการคุ้มครองทรพั ย์สินทาง ปญั ญาพอสงั เขป  ตัวอย่างการละเมิดแห่งทรัพย์สนิ ทางปญั ญาแต่ละ ประเภท ม.2 1. อภิปรายระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ งๆ  ระบบเศรษฐกิจแบบตา่ งๆ 2. ยกตัวอยา่ งทส่ี ะท้อนให้เห็น  หลกั การและผลกระทบการพึง่ พาอาศัยกัน และ การพึง่ พาอาศยั กัน และการแข่งขนั กัน การแข่งขันกนั ทางเศรษฐกจิ ในภมู ภิ าคเอเชีย ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย 3. วิเคราะหก์ ารกระจายของทรัพยากร  การกระจายของทรพั ยากรในโลกท่ีส่งผลต่อ ในโลกทีส่ ง่ ผลตอ่ ความสัมพนั ธ์ทาง ความสมั พันธ์ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ เช่น เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ น้ามนั ปา่ ไม้ ทองคา ถ่านหิน แร่ เป็นตน้ 4. วิเคราะหก์ ารแขง่ ขันทางการค้า  การแขง่ ขนั ทางการค้าในประเทศและต่างประเทศ ในประเทศและต่างประเทศส่งผลต่อ คณุ ภาพสินค้า ปรมิ าณการผลิต และ ราคาสินค้า

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรยี นทบั โพธิ์พฒั นวทิ ย์ พ.ศ.2563 200 ชั้น ตัวชีว้ ัด สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง ม.3 1. อธบิ ายบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลใน  บทบาทหนา้ ท่ีของรฐั บาลในการพัฒนาประเทศใน ระบบเศรษฐกิจ ดา้ นต่าง ๆ  บทบาทและกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ของรัฐบาล เชน่ การผลิตสนิ ค้าและบริการสาธารณะทีเ่ อกชนไม่ ดาเนินการ เชน่ ไฟฟา้ ถนน โรงเรยี น  บทบาทการเกบ็ ภาษเี พ่ือพฒั นาประเทศ ของรัฐ ในระดบั ตา่ ง ๆ  บทบาทการแทรกแซงราคาและ การ ควบคมุ ราคาเพื่อการแจกจา่ ยและการจดั สรรในทาง เศรษฐกิจ  บทบาทอืน่ ของรฐั บาลในระบบเศรษฐกิจใน สงั คมไทย 2. แสดงความคิดเห็นต่อนโยบาย และ  นโยบาย และกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของรฐั บาล กจิ กรรมทาง เศรษฐกจิ ของรฐั บาลท่ีมีต่อ บคุ คล กลุ่มคน และประเทศชาติ 3. อภปิ รายบทบาทความสาคัญของ  บทบาทความสาคัญของการรวมกล่มุ ทาง การรวมกล่มุ ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ เศรษฐกิจระหว่างประเทศ  ลักษณะของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ  กลุ่มทางเศรษฐกจิ ในภมู ิภาคต่างๆ 4. อภปิ รายผลกระทบที่เกดิ จากภาวะ  ผลกระทบท่เี กดิ จากภาวะเงินเฟ้อ เงนิ ฝดื เงินเฟ้อ เงินฝดื ความหมายสาเหตุและแนวทางแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ เงินฝดื 5. วเิ คราะห์ผลเสยี จากการว่างงาน และ  สภาพและสาเหตปุ ัญหาการว่างงาน แนวทางแก้ปัญหา  ผลกระทบจากปัญหาการว่างงาน  แนวทางการแกไ้ ขปัญหาการวา่ งงาน 6. วิเคราะหส์ าเหตแุ ละวธิ ีการกดี กันทาง  การคา้ และการลงทนุ ระหวา่ งประเทศ การคา้ ในการค้าระหวา่ งประเทศ  สาเหตุและวธิ กี ารกีดกันทางการคา้ ในการค้า ระหว่างประเทศ