Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นายช่่างโยธา กทม

นายช่่างโยธา กทม

Published by j9autocad, 2020-04-05 13:41:08

Description: นายช่่างโยธากทม

Search

Read the Text Version

51 การทดสอบ ดิน หนิ คอนกรตี การบดอัดดนิ เบ้อื งต้น การเกบ็ ตวั อยา่ ง 1. แบบ Disturbed Samples – ดินถกู กระทบกระเทอื น ใชส้ ำหรบั การทดลอง Sine analysis 2. แบบ Undisturbed Samples – ดนิ ไมถ่ กู กระทบกระเทอื น ใช้สำหรบั การทดลอง Triaxial แบบ Disturb แบบ Undisturbed การทดสอบดา้ นวิศวกรรม งานดิน/งานคอนกรตี

52 gradation รปู ตดิ ต้ังตะแกรงกบั เครอื่ งเขยา่ ใสต่ ัวอย่างทเ่ี ตรียมไวล้ งไป Atterberg limits รูปการปาดตวั อย่างใหเ้ ปน็ ร่องตรงกลาง Plastic limits รูปลักษณะรอบแตกบนผิดดนิ ของเส้นตัวอย่าง

53 การทดสอบ Atterberg limit ดนิ เปล่ียนสภาวะจากของเหลวเป็นกึง่ พลาสตกิ LL คือ คา่ ความชื้นที่ N = 25% ค่าพลาสติก limit คอื คา่ ความชน้ื ท่ดี นิ เปล่ียนจากสภาพพลาสตกิ เป็นก่งึ ของแขง็

54 หนิ กับทรายแยกกบั ทตี่ ะแกรงเบอร์ 4 ทรายและดนิ แยกกนั ที่ตะแกรงเบอร์ 200

55

56 MAX SIZE หนิ ไม่เกิน 1/5 ความกวา้ งของแบบหล่อ

57 รปู แสดงเปรยี บเทยี บสสี ารละลายกบั กระจกสมี าตรฐาน การทดสอบความไมบ่ รสิ ุทธิข์ องทรายต้องไมแ่ ก่กว่าสเี บอร์ 3

58 รูปการบม่ แท่งตัวอย่างดว้ ยน้ำ รปู การเคลอื บผวิ หนา้ แทง่ ตวั อยา่ งรปู ทรงกระบอกดว้ ยกำมะถนั หลอมเหลว รปู เคร่ืองลอสเองเจลสี

59 รูปแช่ตวั อยา่ งในสารละลายโซเดียมซลั เฟต รปู เช็ดตัวอย่างที่แช่น้ำไว้ให้มีสภาพอิ่มตัวผวิ แหง้

60 มาทำความรจู้ ักกบั ปูนซเี มนตแ์ ต่ละชนิดกัน ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ หรอื ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนดป์ ระเภทหน่งึ คณุ สมบตั ิเดน่ : ถอื วา่ เปน็ ปูนซีเมนต์ปอรต์ แลนด์แบบพ้ืนฐานท่ีเหมาะกับการใชง้ านก่อสร้างทั่วไป เช่น ทำคานคอนกรีต เสา อาคารทั่วไป ถนน สะพาน เป็นตน้ ในทอ้ งตลาด : ปนู ซเี มนต์ตราชา้ ง ตราเพชร(เมด็ เดยี ว) ตราพญานาคเศยี รเดียว(สเี ขยี ว) ตราทีพีไอ(สแี ดง) ปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนดด์ ัดแปลง หรอื ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภทสอง คุณสมบัติเด่น : มคี วามทนทานต่อซลั เฟตปานกลาง เหมาะกับการใช้งานโครงสรา้ งขนาดใหญ่ บริเวณที่สัมผสั นำ้ เค็มระดับไม่ สงู มากนกั เช่น งานตอม่อสะพานเทยี บเรอื เข่ือน เป็นต้น ในทอ้ งตลาด : ปูนซีเมนตต์ ราพญานาคเจด็ เศียร ปูนซเี มนต์ปอร์ตแลนดแ์ ข็งตวั หรอื ปนู ซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ประเภทสาม คณุ สมบัติเด่น : เน้ือปูนละเอียดเป็นพิเศษ ส่งผลทำให้ปูนแข็งตัวและรับแรงได้เร็วกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทอ่ืน เหมาะกับการใช้ในงานท่ีต้องการความเร่งด่วน หรือต้องการถอด รื้อ แบบเร็วกว่าปกติ เช่น เสาเข็ม พ้ืน สำเรจ็ รูป เป็นตน้ ในท้องตลาด : ปูนซีเมนต์ตราเอราวัณ ตราสามเพชร ตราพญานาคเศียรเดยี ว(สีแดง) ตราทพี ไี อ(สีดำ) ปูนซีเมนต์ปอรต์ แลนด์ชนิดเกดิ ความร้อนต่ำ หรือ ปูนซเี มนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภทสี่ คณุ สมบัตเิ ดน่ : เหมาะกับการใชง้ านเฉพาะด้านที่ตอ้ งการคุณสมบัติพิเศษ เช่น สร้างเขื่อนกั้นนำ้ โดยต้องควบคุมความรอ้ นที่ เกดิ ขึ้นจากปฏิกริ ิยาระหว่างปูนซีเมนต์กับน้ำในช่วงที่ปนู กำลงั แข็งตัว ไม่ให้มีมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ เกิดการแตกรา้ ว ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อตัวเข่อื นได้ ในท้องตลาด : ปนู ซเี มนต์ประเภทน้ยี ังไม่มีการผลิตและจำหนา่ ยในเมืองไทย ปูนซเี มนต์ปอรต์ แลนด์ชนิดต้านทานซลั เฟตได้สูง หรอื ปนู ซเี มนต์ปอร์ตแลนดป์ ระเภทห้า คณุ สมบตั ิเด่น : มีความต้านทานต่อซัลเฟตสูง เหมาะสำหรับงานก่อสร้างในบริเวณท่ีมีซัลเฟตสูง เช่น งานตอม่อ เสาใน บรเิ วณทอ่ี ยู่ใกล้ชายทะเล เป็นต้น ในท้องตลาด : ปนู ซเี มนต์ตราปลาฉลาม ตราชา้ งพื้น(สีฟา้ ) ตราทพี ไี อ(สฟี ้า) ปูนซเี มนต์ผสม หรือ ปูนซีเมนต์ซิลกิ า คุณสมบตั เิ ดน่ : เป็นปนู ซีเมนตท์ ่ีไดจ้ ากการนำทรายหรือหนิ ปนู มาบดละเอียดผสมเข้ากบั ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ชนิดธรรมดา ในอัตราส่วน 1:4 มีคุณสมบัตแิ ข็งตัวช้า เหมาะกับงานปูนก่อ ปูนฉาบ ปูนตกแต่ง และงานคอนกรตี ท่ไี ม่ต้อง รบั แรงมาก หากโครงสร้างขนาดเลก็ สามารถนำมาใช้กับงานโครงสรา้ งท่ัวไปได้ เช่น เสา คาน เป็นตน้ ในท้องตลาด : ปูนซเี มนต์ตราเสอื ตรางูเหา่ ตรานกอนิ ทรี และตราทีพไี อ(สเี ขยี ว) ปนู ซีเมนต์ขาว คณุ สมบตั ิเด่น : เป็นปูนซเี มนต์ทีม่ ีสีขาว แข็งตัวคอ่ นข้างช้า เหมาะกับการใชง้ านในด้านการตกแตง่ การทำหินขัด ทรายล้าง งานติดตั้งสุขภัณฑ์ งานยาแนวรอยต่อของกระเบอ้ื ง หรอื ใชง้ านท่ีตอ้ งการผสมสีตา่ งๆ เพื่อความสวยงามของ ปนู ซเี มนต์ ในท้องตลาด : ปูนซีเมนต์ขาวตราชา้ งเผอื ก ตราเสอื

61

62 การเทคอนกรีตตอ้ งไมส่ ูงเกนิ 1.5 ม. (วสท.) เทช้ันละไมเ่ กนิ 50 cm. ชนิดของคอนกรตี คอนกรตี มหี ลายชนดิ ประกอบ ไปดว้ ย (1) คอนกรตี สด (fresh concrete) คอื คอนกรตี ที่พง่ึ ผสมเสรจ็ ใหม่ ๆ (2) คอนกรีตดบิ (green concrete) คือ คอนกรีตทีเ่ ทลงแบบหลอ่ แลว้ และอยรู่ ะหวา่ งรอ การแข็งตัว (3) คอนกรตี เบา(light – weight concrete) คอื คอนกรีตที่มีขนาดต่อหนว่ ยเบากว่าคอนกรตี ปกติ (4) คอนกรีตหนกั (heavy - weight concrete) คอื คอนกรีตทีผ่ สมด้วยวัสดทุ หี่ นกั เป็นพเิ ศษ (5) คอนกรตี แหง้ มาก (zero – slump concrete) คือ คอนกรตี ทีม่ คี วามข้นเหลวน้อยมากโดยจะใช้นำ้ เปน็ สว่ นผสมคอนกรตี นอ้ ย (6) คอนกรตี เสริมเหลก็ (reinforce concrete) คอื คอนกรตี ทใ่ี สเ่ หลก็ เสรมิ เขา้ ไปในเนอ้ื คอนกรีตเพ่อื ให้ คอนกรตี รบั แรงไดม้ ากข้ึน (7) คอนกรตี หลา (mass concrete) คือ คอนกรตี ลว้ นทีไ่ มม่ กี ารเสรมิ เหล็กหรือเสรมิ เหล็กนอ้ ยมาก

63 (8) คอนกรตี อัดแรง (pre – stress concrete) คือ คอนกรตี ที่ทำใหเ้ กดิ แรงภายในเนอื้ คอนกรตี ก่อนทจี่ ะนำไป รับแรง (9) คอนกรีตหล่อสำเร็จ (pre – cast concrete) คือ คอนกรีตผสมและหลอ่ เป็นชิน้ ส่วนโครงสรา้ งสำเร็จจาก โรงงาน (10) คอนกรตี หล่อในที่ ( in – situ concrete) คอื คอนกรตี ผสมและเทลงแบบหล่อลงโครงสรา้ งทสี่ ถานท่ี ก่อสรา้ ง (11) คอนกรตี หลอ่ ผสมสำเรจ็ (ready – mixed concrete) คอื คอนกรตี ผสมใหเ้ สร็จแล้วจากโรงงานผลิต แลว้ ลำเรียงสง่ ไปสถานทก่ี อ่ สร้าง การผสมคอนกรตี การผสมคอนกรีตดว้ ยมอื การผสมคอนกรตี ดว้ ยเครอ่ื ง การขนสง่ คอนกรีตไปหนา้ งาน 1. คอนกรตี ตอ้ งไมแ่ หง้ 2. คอนกรตี ตอ้ งไมแ่ ยกตวั 3. คอนกรตี ตอ้ งไม่กอ่ ตัวก่อนลงแบบ initial set วิธกี ารเลือกการลำเลียง 1. เครอื่ งผสมอยใู่ นระดบั เดยี วทเี่ ท หาบ ใส่ รถเขญ็ 2. เครอ่ื งผสมอยู่ในระดบั ตำ่ กวา่ ที่เท รอก ลิฟฟ์concrete pump 3. เครอ่ื งผสมอย่ใู นระดบั สงู กวา่ ทร่ี าง 4. เครอื่ งผสมอยูห่ ่างจากท่ีเทready mix

64 การเท concrete กอ่ นเท ดนิ มีความชนื้ ลงไป 5 น้วิ สกดั ผวิ คอนกรตี เกา่ ลงไป 1/8 น้วิ เทมอรต์ า้ ½ น้ิว คอนกรตี เสรมิ เหลก็ ถดู ว้ ยแปรงเหลก็ การเทควรเทใหร้ วมเปน็ กลมุ่ ก้อน เทไม่เกนิ 1-2 ฟุตเท่าน้นั แตล่ ะช้ันไมค่ วรลึกเกนิ 18 นวิ้ เท จากมุมของแบบหลอ่ ไปหาศูนยก์ ลาง mass concrete เทได้ 5-7 ฟุต การบม่ คอนกรีต concrete curing ความสำคญั ของการบม่ คอนกรตี - เก็บความชนื้ จนแนใ่ จวา่ น้ำทำปฎิกริยากบั คนกรีต การฉีดฝอย. กระสอบ เคลอื บนำ้ ยาเคมี กระดาษคลมุ การผสมแคลเซยี่ มคลอไรด์ การทำให้คอนกรตี แนน่ vibration การใชเ้ หลก็ กระทงุ้ การใชแ้ รงเหวยี่ ง การเขยา่ ระยะห่าง 0.3-0.60

65

66

67

68 - Atterberg Limits การหาสภาพพลาสติกของดิน - Specific Gravity ความถว่ งจำเพาะ - Sieve Analysis ขนาดคละ - Compaction ความแน่น - Hydrometer อนุภาคเมด็ ดิน#200 - Permerbilityการซึมนำ้ - Direct Shear กำลงั ของดิน - Unconfined กำลังของดนิ - Consolidation การทรุดตัว - Triaxial กำลงั ของดิน ใชส้ ำหรบั การหากำลงั รบั นำ้ หนักของดิน มาตรฐานและวธิ กี ารทำงานสำหรบั คอนกรีต การท่ีจะใหไ้ ดโ้ ครงสรา้ งคอนกรตี ที่ดี จะตอ้ งประกอบไปดว้ ยการเลอื กใช้คอนกรีตประเภททีเ่ หมาะสมกบั การใช้งานต่างๆ และขน้ั ตอนการทำงานคอนกรตี ที่ดี ถกู ต้องตามหลกั วศิ วกรรม จึงจะไดค้ ุณภาพของงานท่ี ดี โครงสร้างคอนกรีตมีคณุ สมบตั ติ ามที่ต้องการและมีความแข็งแรง ทนทาน ว.ส.ท. ไดแ้ นะนำวธิ ีการทำงานสำหรับคอนกรีต จึงขอคดั ลอกบางส่วนมาเป็นแนวทางการทำงานดังน้ี 1.การลำเลยี งคอนกรีต ในการลำเลียงคอนกรีตที่ผสมแล้วต้องคำนึงถึงสภาพการลำเลียงคอนกรีตวา่ ตอ้ งระวังให้เน้ือคอนกรีต สม่ำเสมอ และไม่แยกตัวก่อนการเทลงแบบ โดยต้องป้องกันคอนกรีตจากสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ เช่น อณุ หภมู ิ ความร้อน และความชนื้ เปน็ ต้น

69 บทท่ี 3 การควบคมุ งานคอนกรตี ตามขอ้ กำหนด วสท. การเลอื กวธิ กี ารลำเลียงขนึ้ อยู่กบั องค์ประกอบ ต่างๆ ดังนี้ 1) ปรมิ าณและอัตราการเทในแตล่ ะครง้ั 2) ขนาดและประเภทของโครงสรา้ ง 3) ลักษณะภมู ปิ ระเทศ สถานที่ทำงาน และเส้นทาง การขนสง่ 4) ค่าใช้จ่ายตา่ งๆ เช่น ค่าแรง ค่าเครอ่ื งจกั ร อปุ กรณ์ เปน็ ต้น ขอ้ แนะนำ ควรใช้เวลาในการลำเลยี งคอนกรีตให้นอ้ ยทสี่ ดุ โดย วิธีการทเี่ หมาะสมและประหยัดท่ีสดุ เพอ่ื ลดระยะเวลา ในการเทคอนกรีตซ่งึ จะทำใหค้ ุณสมบตั ิของคอนกรตี ไม่ เปล่ียนแปลงและสม่ำเสมอ นอกจากนั้นเพือ่ ให้การ ลำเลยี ง และการเทคอนกรตี เป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ควรวางแผนการเทคอนกรตี ทุกครง้ั โดยคำนึงถึงสภาพ ของคอนกรตี ลกั ษณะของโครงสร้างที่จะเท คอนกรตี วธิ ีการลำเลียง และวธิ ีการเทคอนกรตี โดยมี หวั ขอ้ ทต่ี ้องพจิ ารณาดังนี้ (1) การเลอื กใชค้ อนกรีต นอกจากกำลังอัดคอนกรีตแล้ว ควรเลือกใชค้ อนกรีตให้เหมาะสมกับการเทลงแบบโครงสรา้ ง และเลือก วิธีการลำเลียงโดยคำนึงถึง ระยะเวลาในการก่อตัว ความข้นเหลว เป็นต้น โดยทั่วไประยะเวลาในการก่อตัว ของคอนกรีตจะขึ้นอยู่กับส่วนผสมคอนกรีต วัตถุดิบท่ีใช้ สารผสมเพ่ิม อุณหภูมิ ความชื้นของอากาศ และ วธิ กี ารลำเลียง (2) แผนการเทคอนกรีต การกำหนดแผนการเทคอนกรีต ต้องพิจารณาคุณสมบัติของคอนกรีต ชนิดของโครงสร้าง วิธีการเท คอนกรีต ปริมาณการเทคอนกรตี ในแต่ละคร้ัง ความยากง่ายในการเท สภาพอากาศ และอื่นๆ ทมี่ ีผลต่อการ เทคอนกรตี (3) เครอื่ งมอื และคนงานสำหรับการลำเลียง และการเทลงแบบ การลำเลียงคอนกรีตควรรวดเร็วและใช้วิธีที่ประหยัด เพ่ือลดการแยกตัวของคอนกรีต และลดการ เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของคอนกรีตในด้านความสม่ำเสมอและความสามารถในการเท ดังนั้นต้องพิจารณา จำนวน ประเภทของเครือ่ งมอื และจำนวนคนงานทใ่ี ช้ในการลำเลียงคอนกรตี (4) เส้นทางการลำเลยี งคอนกรีต ควรเตรียมเส้นทางการลำเลียงคอนกรีตให้พร้อมก่อนการเท เพ่ือความสะดวกและรวดเร็วในการ ลำเลียง และเพ่ือให้งานเทคอนกรตี สำเรจ็ ลงได้โดยใช้เวลานอ้ ยทสี่ ดุ (5) การตรวจสอบคอนกรีต ในขณะท่ที ำการลำเลยี งควรมีวธิ ีการตรวจสอบเพอ่ื ให้แนใ่ จว่าคอนกรตี มีความสม่ำเสมอไม่แยกตัว

70 วธิ ีการลำเลยี งคอนกรตี วิธกี ารลำเลยี งคอนกรตี ท่ีเหมาะสมข้นึ อยู่กบั สถานที่ผสมคอนกรีตและบริเวณทจี่ ะทำการเทคอนกรตี โดย ควรเลือกวิธีทไี่ ม่ทำใหค้ อนกรตี แยกตัว ตามขอ้ พจิ ารณาดังตอ่ ไปน้ี 1) เมื่อท่ีผสมคอนกรีตอยู่ในระดับเดียวกับบริเวณท่ีต้องการเทคอนกรีต ควรใช้วิธีการลำเลียงโดย คนงาน รถเขน็ รถผสมคอนกรตี สายพานลำเลยี ง หรือคอนกรีตป๊มั เปน็ ต้น 2) เม่ือท่ีผสมคอนกรีตอยู่ในระดับสูงกว่าบริเวณที่ต้องการเทคอนกรีต ควรใช้วิธีการลำเลียงโดย ราง สายพานลำเลียง หรอื คอนกรีตปม๊ั เป็นต้น 3) เมือ่ ทผ่ี สมคอนกรตี อยู่ในระดับตำ่ กวา่ บริเวณท่ีต้องการเทคอนกรตี ควรใชว้ ธิ ีการลำเลียงโดยใช้รอก ใช้ ลฟิ ท์ รถเครน ทาวเวอร์เครน สายพานลำเลียง หรือคอนกรีตปม๊ั เปน็ ต้น 4) เมอ่ื ที่ผสมคอนกรีตอยหู่ ่างจากบริเวณท่ตี ้องการเทคอนกรีต ตอ้ งใชว้ ธิ ีการลำเลียงโดยรถโม่ขนคอนกรีต มาส่งทหี่ น่วยงาน และลำเลยี งต่อไปสบู่ ริเวณทีต่ ้องการเทคอนกรีตด้วยวิธีอืน่ ทเ่ี หมาะสม 2. การเทคอนกรตี การเตรยี มเทคอนกรีต ส่ิงที่ควรเตรยี มกอ่ นเทคอนกรีต มีดังตอ่ ไปน้ี 1) ตอ้ งตรวจสอบปรมิ าณ และตำแหนง่ ของเหลก็ เสรมิ ให้ถูกต้องตามทอ่ี อกแบบไว้ ตลอดจนตรวจสอบแบบ เทคอนกรตี และอุปกรณอ์ ่ืนๆ ให้ถกู ต้องตามแผนทว่ี างไว้ 2) ตรวจสอบผนังของเครื่องมือลำเลียง เครื่องมือเท และผนังด้านในของแบบเทคอนกรีต เพ่ือไม่ให้มีส่ิง สกปรกที่จะเขา้ ไปผสมกับคอนกรตี ทจ่ี ะเท เชน่ เศษดนิ โคลน หรอื เศษไม้ เปน็ ตน้ ผนังด้านในของเคร่อื งมอื และ แบบเทคอนกรีตดังกล่าว ควรจะมกี ารทำใหช้ ื้นก่อนเพื่อป้องกนั การดดู ซับนำ้ จากคอนกรีตท่ลี ำเลียงหรอื เท 3) ในการเทหลุมหรือบ่อ ควรกำจัดน้ำท่ีหลงเหลืออยู่ในบ่อกอ่ นท่จี ะเทคอนกรตี และควรป้องกันไม่ให้น้ำ ไหลลงไปในบอ่ ในขณะท่เี ทคอนกรีตหรือขณะที่เทเสรจ็ แลว้ ใหมๆ่ ขอ้ แนะนำ การผูกเหลก็ เสรมิ และวางตำแหน่งเหลก็ เสรมิ ต้องมีความม่ันใจวา่ มีความแข็งแรงพอทจ่ี ะไม่เลือ่ นตำแหน่งใน ขณะท่ีเทคอนกรีต ไม้แบบต้องมีความแข็งแรงพอเช่นกัน เศษดิน โคลน หรอื เศษไม้ ที่ตกคา้ งอยตู่ ามผนังของ เครื่องมอื ลำเลยี งหรอื ในแบบ จะมีผลเสยี ต่อกำลงั ของคอนกรตี ในบริเวณท่ีมวี สั ดุเหลา่ น้ีปะปนเขา้ ไป การทีผ่ นัง ของเครือ่ งมอื ลำเลยี งหรือผนังแบบเทคอนกรีตดูดซับน้ำจากคอนกรตี ในขณะท่เี ทคอนกรตี จะทำให้ผิวคอนกรีต ไมเ่ รียบเม่ือแกะแบบแล้ว จึงควรทำใหผ้ นังเหลา่ นั้นช้นื ก่อนการเทคอนกรตี แต่ไมค่ วรทำใหเ้ ปยี กมากจนมีนำ้ ขัง อยูใ่ นแบบ การลำเลียงคอนกรีตผา่ นทอ่ เปน็ ระยะทางไกลๆ ควรมกี ารส่งมอร์ต้ารน์ ำไปก่อน มอร์ต้าร์ท่ีใช้ส่งนำไปควร เปน็ มอร์ตา้ ร์ที่มีสว่ นผสมเหมอื นกบั มอรต์ ้ารใ์ นคอนกรีตทจ่ี ะเท ท้ังน้ีเพอื่ ปอ้ งกนั การสญู เสียมอรต์ ้าร์ไปเคลอื บที่ ผนงั ด้านในของทอ่ ในชว่ งตน้ ของการลำเลียงคอนกรีต การเทคอนกรตี ลงบนคอนกรีตเดิมหรือบนคอนกรีตทเี่ รม่ิ แขง็ ตวั แลว้ ควรเทมอรต์ า้ ร์ทม่ี สี ่วนผสมเหมือนกับ มอร์ตา้ ร์ในคอนกรีตท่ีจะเทลงไปก่อน ท้ังนี้เพื่อช่วยเพ่ิมการยดึ เกาะระหว่างคอนกรตี เดมิ กบั คอนกรีตทีเ่ ทใหม่ นำ้ ทีห่ ลงเหลืออยู่ในบอ่ ที่จะเทคอนกรีตจะทำใหส้ ่วนผสมของคอนกรีตเปล่ียนไป โดยทำใหก้ ำลงั ของคอนกรีต และความทนทานลดลง ดังน้ันจึงควรกำจัดออกไปก่อนการเทคอนกรีต ในขณะท่ีเทคอนกรีตหรือในขณะท่ี คอนกรตี ยังไม่แข็งตวั นนั้ หากมีน้ำทไ่ี หลผา่ นคอนกรีตน้ำจะกัดเซาะมอร์ต้ารอ์ อกจากผิวหน้าคอนกรีตได้ ทำให้ ผิวคอนกรีตไมส่ วย อกี ทั้งกำลงั และความทนทานในบริเวณน้ันจะลดลงด้วย

71 การเทคอนกรีต ควรมีการวางแผนการเทคอนกรีตเพื่อใหส้ ามารถเทได้อย่างตอ่ เนื่อง มปี ระสทิ ธิภาพที่สดุ โดยไม่ก่อให้เกิด อปุ สรรคต่องานที่ไมเ่ ก่ียวข้อง การเทคอนกรีตที่ดี คอื การเทเพ่ือให้ได้คอนกรีตที่มีส่วนผสมสม่ำเสมอ ไม่มี การแยกตวั และไมเ่ กดิ รพู รนุ ไมค่ วรเทคอนกรีตให้กระทบโดยตรงกับเหล็กเสริมหรือขา้ งแบบ ควรเทคอนกรตี ลงมาตรงๆ และไม่ควรให้ คอนกรีตไหลไปในแนวราบเปน็ ระยะทางไกล ยกเวน้ ในกรณีของคอนกรีตไหล ซง่ึ ถูกออกแบบโดยมกี ารควบคุม การแยกตวั ถ้าพบว่ามกี ารแยกตัวของคอนกรตี หลังเร่มิ การเทคอนกรีต จะตอ้ งมกี ารแกไ้ ขทนั ที ในกรณีทแ่ี บ่งเทคอนกรีตต่อเน่ืองกันเป็นชั้นๆ คอนกรีตท่ีเทใหม่ในชน้ั บนควรเททับกอ่ นท่ีคอนกรีตช้นั ลา่ ง จะเรมิ่ กอ่ ตัว ในกรณีที่แบบมีความสูงมากไมค่ วรเทคอนกรตี โดยปล่อยใหค้ อนกรตี ตกอิสระจากสว่ นบนท่สี ดุ ของแบบ แต่ ควรใช้วิธีการใด ๆ เช่น สายพาน รางเท (Chute) ถัง หรือตอ่ ท่อ เพ่ือให้ระยะตกอสิ ระของคอนกรีตไมเ่ กิน 1.5 เมตร ถา้ ตรวจพบการเย้ิมของคอนกรีตระหว่างการเทคอนกรีต ควรหยุดเทจนกว่าจะกำจัดน้ำที่เย้ิมออกมา บนผวิ คอนกรีตใหห้ มดก่อนทีจ่ ะเทคอนกรตี ทับชนั้ บนต่อไป การเทคอนกรตี ตอ่ เนอื่ งกันในองค์อาคารที่มีความสงู เชน่ เสา หรือกำแพง ควรเทด้วยอตั ราท่ีไม่เรว็ เกนิ ไป โดยปกติอตั ราการเททเ่ี หมาะสมจะอยทู่ ปี่ ระมาณ 2 ถงึ 3 เมตร (ความสูง) ตอ่ ช่วั โมง ข้อแนะนำ การแยกตัวของคอนกรีตในขณะที่เทอาจทำให้เกิดรูพรุน (Honey-comb) ในคอนกรีตท่ีเทแล้ว ท้ังนี้ เน่อื งมาจากการที่หนิ ซึ่งแยกตวั จากมอร์ตา้ ร์จะรวมกันอุดตัวอยู่ในบริเวณเหล็กเสริมที่หนาแน่น และกีดขวาง ไม่ให้คอนกรีตผ่านเข้าไปเตมิ ในบรเิ วณเหล่าน้นั ได้ การเทคอนกรีตอาจทำให้เหล็กเสริมหรือแบบเคล่อื นตัวได้ ดังน้ันเหล็กเสริมและแบบต้องมั่นคงเพียงพอ อย่างไรก็ตามในขณะเทคอนกรีตควรให้ช่างเหล็กและช่างแบบเตรียมพร้อมอยู่เสมอ หากจำเป็นต้องแก้ไข ตำแหน่งของเหลก็ เสรมิ และแบบที่เคลอื่ นตวั เน่อื งจากการเทคอนกรตี อยา่ งทันท่วงที การบังคับให้คอนกรีตไหลไปในแนวราบเป็นระยะทางยาวๆ จะทำให้เกิดการแยกตัว ยกเว้นในกรณีของ คอนกรีตไหลทม่ี ีการออกแบบโดยควบคุมการแยกตัวที่ดี ดังนั้นไมค่ วรใชเ้ ครื่องเขยา่ เพอ่ื ทำให้คอนกรตี ไหลไป เตมิ บรเิ วณขา้ งเคียง ควรระลกึ อยู่เสมอว่าจุดประสงค์ของการใช้เคร่ืองเขยา่ คอื การทำให้คอนกรีตแน่นเท่าน้ัน ไม่ใช่เพอ่ื เปน็ การทำให้คอนกรตี ไหลไปในแนวราบ ถา้ พบว่าคอนกรตี ที่เทไปแล้วมีการแยกตวั เกิดข้ึน แสดงว่าส่วนผสมของคอนกรีตไม่เหมาะสม จึงควร แก้ไขส่วนผสมของคอนกรตี ทนั ทีทต่ี รวจพบการแยกตัวกอ่ นทจี่ ะทำการเทต่อไป ควรเทคอนกรตี ให้ต่อเนื่องใหม้ ากท่ีสดุ เทา่ ท่จี ะทำได้ โดยหลีกเล่ียงการมีรอยตอ่ ท้งั น้เี นอ่ื งจากรอยต่อทเี่ กดิ จากการเทไม่ตอ่ เนอ่ื งจะเปน็ บรเิ วณท่ีมีแรงยึดเหนย่ี วกบั คอนกรตี เดมิ นอ้ ยกว่าบริเวณทีเ่ ทได้อยา่ งต่อเนอื่ ง การเทคอนกรีตโดยปลอ่ ยใหต้ กจากทสี่ ูงมากเกินไปจะทำใหค้ อนกรีตบางสว่ นค้างอยู่ตามเหล็กเสรมิ และขา้ ง แบบในส่วนบน และเมื่อคอนกรีตเหล่าน้ีแข็งตัวในขณะที่ยังเทขึ้นมาไม่เต็มแบบ อาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับ การเทต่อไป เช่น กีดขวางการไหลของคอนกรีตที่เทข้ึนมาถึงระดับดังกล่าว หรอื ทำให้ได้ผิวหน้าของคอนกรีต ไมเ่ รยี บ อีกท้ังอาจเกิดการแยกตวั เน่อื งจากหนิ ในคอนกรีตกระทบกับเหล็กเสรมิ หรือขา้ งแบบแล้วกระเด็นไปใน ส่วนอื่นของแบบ เป็นต้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องกำหนดระยะตกอิสระของคอนกรีตเพื่อป้องกันการ เสยี หายดังกล่าว

72 การเทคอนกรตี ในองคอ์ าคารท่ีมีความสงู เชน่ เสาหรือกำแพง จะทำให้มีการเคลอ่ื นที่ของน้ำในคอนกรีต มาก ท้ังนี้เน่ืองจากคอนกรีตด้านล่างจะต้องรับน้ำหนักของคอนกรีตที่อยู่ด้านบนมาก ทำให้น้ำเคลอื่ นที่ขึ้นไป ด้านบน น้ำท่ีเคลื่อนท่เี หล่านี้จะทำให้เกดิ การเย้มิ (Bleeding) และมกั จะสะสมตัวอยบู่ ริเวณดา้ นล่างของเหล็ก เสริมและบริเวณด้านล่างของมวลรวม ทำให้แรงยึดหน่วงระหว่างคอนกรีตกับเหล็กเสริม และแรงยึดหน่วง ระหว่างซีเมนตเ์ พสต์กับมวลรวมลดลง การเทคอนกรตี ในกำแพงควรเทคอนกรีตใหเ้ คลื่อนตวั ออกจากมุมดีกว่าที่จะเทเขา้ ไปหามุม ในการเทคอนกรีตเปน็ ชั้นๆ ควรทำให้ส่วนบนของชั้นของคอนกรตี ที่เทไปแลว้ ไดร้ ะดับในแนวราบ หรืออยา่ ง น้อยกใ็ กล้เคยี งกับแนวราบ กอ่ นการเทคอนกรีตทับชนั้ บนต่อไป 3. การทำให้แน่น ในขณะทีก่ ำลังเทคอนกรตี อยู่น้นั จำเป็นต้องทำคอนกรตี ใหแ้ นน่ โดยทั่วถึง โดยใชอ้ ุปกรณ์ที่ใช้มอื ใช้เคร่อื ง เขย่า หรือจะใช้เคร่ืองตบแต่ง ทั้งนี้เพื่อให้ได้คอนกรีตท่ีแน่น มีการยึดหน่วงกับเหล็กเสริมดีและได้ผิวเรียบ รอบๆ เหล็กเสริม และสิ่งท่ีจะฝงั ติดในคอนกรตี และตามมุมของแบบหล่อควรจะทำคอนกรตี ให้แน่นเป็น พิเศษ อาจจะใชฆ้ ้อนเคาะภายนอกของแบบหลอ่ ด้านขา้ งเพือ่ ช่วยกระจายคอนกรตี ไปแทรกทกุ ๆ มมุ ของแบบ หล่อ แตไ่ ม่ควรจะทำมากเกนิ ไป เพราะจะทำใหค้ อนกรตี เกดิ การแยกตัว โดยนำ้ และส่วนทล่ี ะเอยี ดทงั้ หลายจะ เคลอื่ นตัวข้ึนข้างบน น้ำที่ข้ึนมานี้มักจะรวมตัวอยู่ใต้เหล็กเสริมและใต้มวลรวมขนาดใหญ่ ซ่ึงจะทำให้แรงยึด หน่วงน้อยลง และกลายสภาพเป็นรอ่ งขึ้นจนน้ำสามารถไหลผ่านคอนกรีตได้ การกระทงุ้ ดว้ ยมอื สำหรับคอนกรีตที่อยู่ในสภาพเทได้ ต้องใช้เคร่ืองมือกระทุ้งให้สุดความหนาของช้ันที่กำลังเท และควร กระทงุ้ ใหถ้ งึ หรอื เลยเขา้ ไปในชั้นคอนกรตี ข้างใต้เป็นระยะประมาณ 10 ซม. การใชเ้ กรยี งตบตรงหนา้ แบบหรือ ใกล้ๆ กับแบบตัง้ จะช่วยลดความขรขุ ระท่ีผิว และลดรูช่องว่างที่เกดิ จากฟองอากาศดว้ ย สำหรับการกระทุ้งคอนกรีตท่ีค่อนข้างแห้งด้วยมือ จะใช้เคร่ืองมือท่ีมีผิวหน้าเรียบๆ และหนักตบตรงผิว จนกระทงั่ มอรต์ า้ รห์ รอื ซีเมนตเ์ พสต์ปรากฎเปน็ แผน่ บางๆ ขน้ึ ทผี่ วิ ซงึ่ เป็นลักษณะทแี่ สดงว่าช่องว่างในมวลรวม นัน้ ถกู ซีเมนตเ์ พสท์แทรกเตม็ หมดแล้ว ขอ้ แนะนำ การกระทุ้งด้วยมือเหมาะสมกับงานคอนกรีตที่มีปริมาณการเทน้อยหรืองานคอนกรีตที่เหลวมาก เหล็ก กระทุ้งอาจเปน็ เหลก็ เสน้ กลมหรอื เหล็กขอ้ อ้อย ซงึ่ ควรเลือกใชท้ อ่ นเหลก็ ที่มีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางอยา่ งน้อย 16 มม. การเขยา่ ด้วยเคร่ือง โดยทั่วไปการเขย่าด้วยเคร่ืองมีผลดีคือ สามารถใช้กับกรณีท่ีไม่สามารถทำให้แนน่ ด้วยการกระทุ้งด้วยมือ ฉะน้ัน การเขย่าดว้ ยเครอ่ื งจะชว่ ยทำให้คอนกรตี ทม่ี คี ่าการยบุ ตัวตำ่ สามารถอัดตวั แน่นไดใ้ นแบบหลอ่ ทลี่ ึกและ แคบ หรือบรเิ วณทมี่ ีเหล็กเสรมิ หนาแนน่ และมรี ะยะเรยี งของเหลก็ เสริมแคบมาก ในกรณีคอนกรตี ท่มี ีส่วนผสม เหลวและมีค่าการยุบตวั สูงจำเป็นตอ้ งกระทุ้งคอนกรตี ให้แน่นด้วยมอื แต่ถ้ามวลรวมหยาบเกิดแยกตวั เน่ืองจาก การเทคอนกรตี ผิดวธิ ี จะแกไ้ ขดว้ ยวธิ ีใชก้ ารเขยา่ ด้วยเครอ่ื งไม่ได้ เคร่ืองเขย่าคอนกรตี แบ่งออกเป็น 3 ชนดิ คือ เคร่ืองเขยา่ ภายในแบบหลอ่ เครอื่ งเขย่าทว่ี างบนผิวคอนกรีต

73 และเคร่ืองเขย่าชนดิ ทต่ี รงึ ตดิ กับแบบหล่อ ขอ้ แนะนำ ไม่วา่ จะใชเ้ ครื่องเขย่าคอนกรตี ชนิดไหนก็ตาม ควรเว้นระยะห่างสน้ั ๆ ใหเ้ พยี งพอที่ส่วนของคอนกรีตที่ถูก เขย่าแลว้ มรี ะยะเหลื่อมกันโดยไมเ่ ว้นข้ามส่วนไหนเลย ควรให้การเขย่าดำเนนิ ต่อไปจนกระทง่ั คอนกรีตแนน่ ตัว ทว่ั กันดี และแทรกเตม็ ช่องวา่ งทง้ั หมด โดยสามารถสังเกตจากผิวคอนกรีตซึง่ จะมีลักษณะเรียบ และมวลรวม ต่างๆ จมในคอนกรีต การเขย่ามากเกินไปจะทำใหม้ วลรวมหยาบทรดุ ตัวลงไปข้างล่าง ปล่อยใหน้ ้ำหรือซเี มนต์ เพสต์ลอยขนึ้ มาขา้ งบน ปกติการเขยา่ ควรจะใหผ้ ลที่ต้องการภายใน 5-15 วินาที ที่จดุ หา่ งกัน 45-75 ซม. เครื่องเขย่าภายในแบบหล่อ โดยท่ัวไปหมายถึงเคร่ืองเขย่าแบบหัวจุ่ม ควรจะแหย่ลงไปในแนวดิ่งจนสุด ความลึกของชั้นท่จี ะเท ไมค่ วรลากหวั จุ่มผา่ นคอนกรีตน้ันในแนวราบ ควรใชว้ ธิ ีแหย่หัวจุม่ ลงไปและถอนขึ้นมา อย่างช้าๆ โดยเดินเครื่องอยู่ตลอดเวลาขณะท่กี ำลงั ถอนหัวจมุ่ ออกจากมวลคอนกรีต เพอื่ จะได้ไม่มีรูช่องว่าง เหลอื ค้างอย่ใู นคอนกรตี ไม่ควรใช้เครือ่ งเขย่าเพื่อทำให้คอนกรีตไหลจากที่หนึ่งไปยงั อีกที่หนึ่ง เพราะจะทำให้ เกิดการแยกตวั ขนึ้ โดยหินจะตกค้างอยใู่ นบรเิ วณทแ่ี หยห่ ัวจ่มุ คอ่ นขา้ งนาน เครือ่ งเขย่าชนิดวางบนผิวคอนกรีต จะใช้ทำใหช้ นั้ ทกี่ ำลังเทแน่นตวั จนตลอดความหนาของช้นั แตถ่ า้ ทำให้ แน่นตลอดช้ันไมไ่ ด้ควรลดความหนาของชนั้ ลงมา หรือใช้เคร่ืองเขย่าทม่ี ีกำลงั สงู กว่า เครือ่ งเขยา่ ชนดิ ที่ตรึงตดิ แบบหล่อ จะใช้ได้ดสี ำหรับการเขย่าคอนกรตี ทม่ี คี วามหนาน้อย หรือท่ตี ำแหน่งซึ่ง เคร่อื งเขยา่ ภายในเข้าไม่ถึงเท่านน้ั ควรระมัดระวังเร่ืองการเลือก การติดต้งั และการเคล่ือนย้ายเครอ่ื งเขย่าบอ่ ยๆ เพือ่ ใหไ้ ด้ผลดที ่ีสุดตอ่ ความ หนาแน่นของคอนกรตี การเขย่าชั้นต้นื ๆ ให้ท่ัวจะช่วยลดจำนวนฟองอากาศในท่อคอนกรีตสำเร็จรูปได้อย่าง มาก ตามปกติ การเขยา่ คอนกรีตชน้ั ท่ีลกึ ลงไป หรือการเขย่าเหลก็ เสริม จะทำใหค้ อนกรีตท่เี ร่ิมแข็งตัวไปแล้ว บางส่วนเกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อย แต่ทั้งน้ีต้องระวังอย่าให้เกิดความเสียหายถึงขนาดท่ีจะแก้ด้วยการ เขยา่ ซำ้ ไม่ได้ขึ้นเปน็ อันขาด เน่ืองจากการเขย่าคอนกรตี ซำ้ จะเปน็ ประโยชนต์ ราบเท่าท่ีคอนกรีตยงั ไม่เร่ิมก่อตวั ตราบใดท่ีเครื่องเขย่าชนิดที่ใช้แหย่ลงไปในคอนกรีตยังคงจมลงไปในคอนกรีตด้วยน้ำหนักตัวเองได้ การ เขย่าคอนกรีตซ้ำจะมีประโยชนม์ าก การเขยา่ ซ้ำทีหลงั น้ีจะช่วยขจัดการแตกร้าวทางแนวราบ และลดรอยรา้ ว เนื่องจากการหดตัวซึ่งเกิดจากการทรุดตัวของคอนกรีตที่ติดค้างอยู่บนเหล็กเสรมิ หรือค้างอยู่กับแบบหล่อที่ ขรุขระได้ การขจดั รอยรา้ วเนื่องจากการหดตัวแบบพลาสติกและการทรุดตวั ของคอนกรตี ถา้ มีรอยรา้ วเน่อื งจากการหดตวั แบบพลาสตกิ และรอยรา้ วเน่ืองจากการทรุดตวั ของคอนกรตี เกดิ ขนึ้ ควรทำ ใหค้ อนกรตี แน่นทันทีโดยการใชเ้ กรยี งปาดหรอื ตบทผี่ ิวเพ่ือขจัดรอยร้าวดังกล่าว ขอ้ แนะนำ ถ้าพื้นหรือคานคอนกรีตมีการต่อเช่ือมกับผนังหรือเสา เพื่อป้องกันการเกิดรอยร้าวเน่ืองจากการทรุดตัว คอนกรีตของพื้นหรือคานควรจะเทหลังจากการทรดุ ตัวของคอนกรีตของผนังและเสาส้นิ สุดแล้ว นอกจากนี้ วิธกี ารดงั กล่าวสามารถนำไปประยุกตใ์ ชก้ ับโครงสร้างท่ีมีสว่ นยนื่ ในกรณีของโครงสร้างคอนกรีตท่ีกลา่ วมาแล้วข้างตน้ ระดับการทรุดตวั ของคอนกรีตขึ้นอยู่กับพ้ืนทีห่ น้าตัด ของโครงสรา้ ง และเม่ือคอนกรตี ถูกเทคร้งั เดยี วรอยรา้ วมักจะเกิดขน้ึ ในตำแหนง่ ทเ่ี ปน็ ขอบเขตของพ้นื ทห่ี น้าตดั ตา่ งๆ ดังนั้น การเทคอนกรีตควรจะหยุดช่ัวคราวเม่ือมีพื้นท่ีหน้าตัดแตกตา่ งกัน การเทคอนกรีตในส่วนบนซ่ึง รวมถงึ ส่วนย่ืนด้วยควรจะกระทำหลังจากการทรุดตวั ของคอนกรตี ในส่วนล่างส้ินสุดแล้ว ระยะเวลาทเ่ี กิดการ

74 ทรดุ ตวั ของคอนกรีตข้ึนอยกู่ บั ส่วนผสมคอนกรตี วสั ดทุ ีใ่ ช้ อุณหภมู ิ เปน็ ต้น โดยปกติจะอยู่ในช่วง 1-2 ชวั่ โมง 4. การตกแตง่ ผิวหน้าคอนกรีต เพ่ือที่จะให้ได้ผิวหน้าของคอนกรีตท่ีสวยงามและเป็นเนื้อเดียวกัน ควรเทคอนกรีตให้ต่อเน่ืองกันด้วย คอนกรตี ทมี่ สี ว่ นผสมเหมอื นกัน ใชว้ สั ดผุ สมคอนกรีตประเภทเดยี วกันและใช้วธิ ีการเทคอนกรีตแบบเดยี วกัน ข้อแนะนำ การเทคอนกรีตโดยไม่ต่อเนื่องจะทำใหเ้ กิดรอยต่อ ในกรณีทจ่ี ำเป็นต้องมีรอยต่อควรมีการวางแผนเพื่อให้ รอยตอ่ นัน้ เปน็ เส้นตรงเพ่ือความสวยงาม การตกแต่งผิวหน้าคอนกรตี ท่ีไม่ไดม้ กี ารใช้แบบหลอ่ โดยปกตผิ ิวหนา้ คอนกรตี ท่ีไม่ได้มกี ารใชแ้ บบหลอ่ จะหมายถึงผิวหน้าของคอนกรีตในแนวราบ 1) หลงั จากทำให้คอนกรีตแน่นและปาดผิวหน้าคอนกรีต เพื่อใหไ้ ด้ระดับและรูปรา่ งท่ีตอ้ งการแล้ว ควรรอ ให้น้ำที่เย้มิ ออกจากคอนกรีตระเหยหรือถูกกำจัดหมดก่อนท่ีจะตกแต่งผิวหน้าคอนกรีต แต่ไม่ควรตกแต่งผิว มากหรอื นานเกนิ ไป 2) รอยแตกที่เกิดบนผิวท่ีตกแต่งไปแล้ว สามารถจะกำจัดได้โดยการทำให้แน่นหรือตกแต่งอีกคร้ังก่อน คอนกรตี เริ่มกอ่ ตัว 3) ในกรณีทีต่ ้องการผิวหน้าคอนกรีตท่ีเรยี บและแนน่ สามารถทำได้โดยกดเกรียงลงบนผิวหน้าคอนกรีตที่ ตอ้ งการตกแตง่ ใหท้ ่ัว 4) ควรหลกี เล่ยี งงานตกแตง่ ผวิ หน้าคอนกรีตในขณะทฝี่ นตก ขอ้ แนะนำ (1) ถ้าไม่กำจดั นำ้ ท่เี ยม้ิ ข้ึนมาบนผวิ หนา้ ของคอนกรตี กอ่ นการตกแตง่ ผวิ จะทำใหเ้ กดิ รอยแตกเลก็ ๆ จำนวน มากบนผิวหนา้ คอนกรตี หลงั จากทต่ี กแต่งผวิ หนา้ คอนกรีตเสรจ็ แลว้ การท่ตี กแตง่ ผวิ มากหรอื นานเกินไป จะทำ ให้ซเี มนต์เพสต์ขึน้ มาอยบู่ นผวิ หน้าเป็นจำนวนมาก ซึง่ จะนำไปส่กู ารแตกรา้ วบนผวิ หน้าได้ (2) สาเหตุของรอยแตกก่อนการก่อตัวของคอนกรีต อาจเกิดจากการหดตัวแบบพลาสติก (Plastic Shrinkage) หรือ การทรุดตัว (Settlement) ซ่ึงในกรณีหลังจะทำให้เกิดรอยแตกบนผิวคอนกรีตตามแนว เหลก็ เสรมิ ได้ (3) การกดเกรียงลงบนผิวหน้าคอนกรีตให้ท่ัวเพ่ือให้ได้ผิวหน้าคอนกรีตที่แน่นสามารถทำได้โดยรอให้ ผวิ หนา้ คอนกรตี เริ่มมีความแข็งพอประมาณ การทดสอบอาจทำได้โดยใช้นิ้วมือกดดู ชว่ งเวลาทเ่ี หมาะสมจะ เป็นชว่ งท่ีเมื่อใช้น้ิวมือกดดแู ลว้ เริ่มไม่ปรากฎรอยนิว้ มอื ใหเ้ ห็นบนผวิ หน้าของคอนกรตี (4) ถ้าฝนตกลงบนคอนกรีตที่เทเสร็จใหม่ๆ น้ำจะชะผิวคอนกรีตสดละทำให้มอร์ต้าร์ที่ผิวหรือใกล้ๆ ผิว นอ้ ยลงได้ ดังนั้น ควรหยุดงานตกแต่งผิวคอนกรีตจนกว่าฝนจะหยุดตก หรือถ้าจะตกแต่งผิวขณะฝนตกควรมี หลงั คาป้องกันฝนที่ไดผ้ ลเต็มที่ การตกแตง่ ผวิ หนา้ คอนกรีตทม่ี กี ารใชแ้ บบหลอ่ 1) โครงสร้างหรือองค์อาคารที่เป็นคอนกรีตเปลือย จะต้องมีการควบคุมการคอนกรีตและการทำให้ คอนกรีตแน่น เพื่อใหไ้ ดผ้ วิ หน้าทีม่ ีมอรต์ ้าร์ปกคลุมจนทัว่ 2) รอยสันหรือนนู บนผิวคอนกรีตควรได้รบั การกำจดั เพอ่ื ให้ได้ผิวหนา้ คอนกรีตทีเ่ รียบ สว่ นรูพรุนหรือรอย แตกควรทำการซ่อมแซมด้วยมอร์ต้าร์หรือคอนกรีตที่มีส่วนผสมที่เหมาะสม โดยการสกัดคอนกรีตส่วนที่ไม่ แขง็ แรงออก พรมนำ้ ให้เปียกแล้วจงึ ซ่อมดว้ ยมอร์ต้าร์หรอื คอนกรีตท่เี ตรยี มไว้ 3) ในกรณีที่เกิดรอยแตกร้าวอยา่ งรุนแรงเน่ืองจากการหดตวั หรือจากความแตกต่างของอุณหภูมิ ต้องทำ

75 การซอ่ มแซมโดยวิธีทเ่ี หมาะสม ข้อแนะนำ (1) โดยปกตหิ ลังจากแกะแบบหลอ่ แลว้ ผวิ หน้าของคอนกรีตทดี่ คี วรจะเปน็ ผวิ หนา้ ท่ีเคลือบคลมุ ไปดว้ ยมอร์ ตา้ ร์ โดยไมเ่ หน็ เมด็ หินหรือทรายอยา่ งชัดเจน ท้ังนี้ ยกเว้นในกรณพี ิเศษท่ีผิวหน้าถกู ออกแบบให้เหน็ เม็ดทราย หรือหนิ (2) การตกแต่งผวิ เปน็ พิเศษบางอยา่ ง เชน่ การใช้แปรง การขดั การถู หรือการฉาบดว้ ยพลาสเตอร์ อาจทำ ไดเ้ มื่อถอดแบบแลว้ และคอนกรีตมกี ำลังบ้างพอสมควร แตส่ ำหรับการทำหินขดั การสกัดโดยใชฆ้ ้อนหรือใช้ ทรายพ่นผิว จะทำได้ก็ตอ่ เมือ่ คอนกรีตแข็งตัวโดยตลอดเสียก่อน การอดุ รูพรนุ และฟองอากาศอาจทำได้โดยที่ ทำให้ผวิ คอนกรตี เปียกโดยท่วั กันกอ่ นแล้วให้ใชส้ ว่ นผสมปนู ซเี มนต์ 1 ส่วนต่อทรายละเอียด 2.5 สว่ น ถใู ห้ทัว่ ๆ ดว้ ยอุปกรณ์แต่งผิว (3) รอยแตกบางชนิดมีผลเสียต่อการรับแรงขององค์อาคาร ดังนั้น การซ่อมรอยแตกต่างๆ ต้องคำนึงถึง ความจำเปน็ และวิธกี ารทีเ่ หมาะสมดว้ ย การซอ่ มบรเิ วณทช่ี ำรุดควรกระทำโดยที่ไมข่ ัดขวางการบ่มคอนกรีต การตกแต่งผวิ หนา้ ของคอนกรีตทีร่ บั แรงขัดสี ถ้าต้องการให้คอนกรีตมีความต้านทานแรงขัดสีสูง ควรใช้คอนกรีตท่ีมีอัตราส่วนน้ำต่อปูนซีเมนต์ต่ำ และต้องทำใหแ้ น่นเป็นอย่างดี อีกทั้งตอ้ งบ่มใหเ้ พยี งพอดว้ ย ขอ้ แนะนำ โดยปกติผิวคอนกรีตประเภทน้ี หมายถึง ผิวถนน ผิวเขื่อน ทางน้ำล้น ท่อน้ำ เป็นต้น การเพิ่มความ ตา้ นทานตอ่ การขดั สขี องคอนกรีต ทำได้โดยใช้คอนกรีตท่ีมอี ัตราส่วนน้ำต่อปูนซีเมนต์ต่ำ ใชม้ วลรวมท่ีมีความ แข็งแรงสงู เทและทำใหแ้ นน่ อย่างดี และบม่ ใหน้ านทีส่ ุดเท่าทีจ่ ะทำได้ การเพ่มิ ความต้านทานการขัดสี อาจทำ ไดโ้ ดยการใชค้ อนกรีตพเิ ศษชนดิ ต่างๆ เช่น โพลเิ มอรค์ อนกรีต หรอื คอนกรีตเสริมใยเหล็ก เป็นต้น 5. การบม่ คอนกรตี คอนกรีตจำเป็นต้องไดร้ ับการบ่มทันทีหลังจากเสร็จส้ินการเท และควรบม่ ต่อไปจนกระท่ังคอนกรตี มี กำลังอัดตามต้องการ หลักการทั่วไปของการบ่มท่ีดีจะต้องสามารถป้องกันคอนกรีตไม่ให้เกิดการสูญเสีย ความชน้ื ไม่ว่าจะดว้ ยความร้อนหรือลม ไมใ่ ห้คอนกรีตรอ้ นหรือเย็นมากเกินไป ไม่ให้สัมผัสกับสารเคมีท่ีจะ เปน็ อันตรายตอ่ คอนกรตี และไมถ่ กู ชะลา้ งโดยนำ้ ฝนหลังจากเทคอนกรตี เสรจ็ ใหมๆ่ เปน็ ตน้ การบ่มเปยี ก ในกรณีท่ัวไปคอนกรีตต้องได้รบั การปอ้ งกนั จากการสูญเสยี ความชื้นจากแสงแดดและลมหลังจากเสร็จ ส้ินการเทจนกระท่ังคอนกรีตเร่ิมแข็งแรง และหลังจากคอนกรีตเร่ิมแข็งแรงแล้ว ผิวหน้าของคอนกรีตที่ สัมผสั กบั บรรยากาศยงั ตอ้ งคงความเปียกชืน้ อยู่ ซงึ่ อาจทำได้โดยการปกคลมุ ดว้ ยกระสอบเปยี กนำ้ ผ้าเปยี ก น้ำ หรอื ฉดี น้ำให้ชุม่ เปน็ ต้น - คอนกรีตท่ใี ช้ปูนซีเมนตป์ อรต์ แลนดป์ ระเภทที่ 1 ควรบม่ เปยี กตดิ ตอ่ กันอยา่ งนอ้ ย 7 วนั - คอนกรีตที่ใช้ปูนซเี มนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภทท่ี 3 ควรบม่ อยา่ งนอ้ ย 3 วัน - ในกรณคี อนกรีตทมี่ ีวสั ดปุ อซโซลานผสม ควรบม่ มากกวา่ 7 วนั ท้งั น้ีขึน้ อยูก่ บั ชนิดและปริมาณของ วัสดุปอซโซลานทใ่ี ช้

76 ข้อแนะนำ คอนกรีตที่ไม่ได้รับการบ่มอย่างถูกต้องจะไม่มีการพัฒนากำลังเท่าที่ควรเนื่องจากปฏิกิริยาไฮเดรชั่น ต้องการนำ้ นอกจากน้นั การสูญเสียความช้ืนจากผิวหน้าของคอนกรีตท่ีไม่ได้รับการบ่มจะทำให้เกดิ การ แตกร้าวด้วย กรณีใช้กระสอบหรือผ้าในการบ่มคอนกรีต กระสอบหรือผ้าท่ีใช้ควรเป็นวัสดุที่มีความ หนาพอสมควรเพื่อไม่ให้แห้งเร็วเกินไป และต้องรดน้ำให้เปียกชุ่มอยู่ตลอดเวลาการบ่มด้วย โดย ปกติ ควรบ่มคอนกรีตที่ใช้วัสดุปอซโซลานผสมแทนที่ปูนซีเมนต์บางส่วนให้นานกว่าคอนกรีต ธรรมดา เน่ืองจากปฏกิ ิริยาปอซโซลานเป็นปฏิกริ ยิ าที่เกิดขึ้นหลงั ปฏกิ ิริยาไฮเดรชัน่ แต่ถ้าใช้วัสดุปอซโซ ลานปริมาณน้อย เช่น ไม่เกินร้อยละ 10-15 ของปริมาณวัสดุประสานท้ังหมด ก็อาจบ่มเช่นเดียวกับ คอนกรตี ธรรมดากไ็ ด้ สารเคมสี ำหรบั การบ่ม โดยปกติสารเคมสี ำหรบั การบม่ จะใชต้ อ่ เมอ่ื ไม่สามารถบม่ คอนกรตี แบบเปียกได้ สารเคมสี ำหรับการบ่ม นั้นจะใช้ฉดี พ่นลงบนผิวหน้าของคอนกรตี ทตี่ ้องการบม่ โดยควรฉีดพ่นซ้ำมากกว่า 1 เทยี่ ว เพอื่ ให้แผน่ ฟลิ ม์ เคลือบผิวหนา้ คอนกรตี มคี วามหนาเพยี งพอ และควรฉดี พ่นทนั ทีทีผ่ ิวหน้าคอนกรีตเร่มิ แหง้ กใ็ หฉ้ ดี นำ้ บนผิว คอนกรีตใหเ้ ปยี กชุ่มไว้กอ่ น ขอ้ แนะนำ การใชส้ ารเคมสี ำหรับการบม่ ไม่ควรจะฉีดพน่ สารเคมีเหล่านั้นลงบนเหลก็ เสริม หรือรอยตอ่ ของการ ก่อสรา้ ง เป็นตน้ เน่ืองจากบริเวณดงั กล่าวต้องการการยึดเกาะที่ดีกบั คอนกรตี ที่จะเทต่อไปภายหลงั ขอ้ ควรระวังสำหรับการบม่ ส่ิงที่ควรหลีกเล่ียงเพื่อไม่ให้คอนกรีตได้รับความเสียหายในขณะท่ีบ่มอยู่มีดังต่อไปน้ี การ ส่ันสะเทือน การกระแทก การรับน้ำหนักมากเกินไป การเปลีย่ นแปลงอุณหภูมอิ ย่างมากในเวลาสน้ั ๆ เป็น ตน้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในช่วงอายตุ ้นๆ ของคอนกรีต 6. การถอดแบบหล่อและคำ้ ยนั 1) จะถอดแบบหล่อและค้ำยันออกได้ก็ต่อเม่ือคอนกรีตมีกำลังอัดเพยี งพอท่ีจะสามารถรับน้ำหนักของ คอนกรีตและน้ำหนักอ่นื ๆ ที่จะเกิดขึน้ ในระหว่างการกอ่ สรา้ งต่อไป 2) ข้ันตอนและระยะเวลาในการถอดแบบและค้ำยัน ขน้ึ อยกู่ ับคุณสมบัติของปูนซีเมนต์ ส่วนผสมของ คอนกรีต ความสำคญั ของโครงสร้าง ชนดิ และขนาดของโครงสร้าง น้ำหนักที่กระทำตอ่ โครงสร้าง อุณหภมู ิ และอ่ืน ๆ 3) กรณีโครงสร้างท่ัวไปซ่ึงมิได้มีข้อกำหนดระบุไว้ สามารถถอดแบบหล่อและคำ้ ยัน โดยมีค่ากำลังอัด ของคอนกรีตขน้ั ต่ำดงั แสดงในตารางท่ี 1

77 ตารางที่ 1 กำลงั อดั ข้ันตำ่ ของคอนกรตี สำหรบั การถอดแบบหล่อและค้ำยนั ของโครงสรา้ งทั่วไป ชนิดแบบหลอ่ ของโครงสรา้ ง กำลังอดั ขน้ั ตำ่ ของคอนกรตี ( กก./ตร.ซม.) แบบหลอ่ ด้านขา้ งของ เสา คาน กำแพง 50 และฐานราก แบบหล่อทอ้ งพ้นื และคาน 140 4) กรณโี ครงสร้างท่ัวไปซึ่งมิได้มีขอ้ ระบไุ ว้ และไม่มผี ลทดสอบกำลงั อดั ของคอนกรตี ให้ใชร้ ะยะเวลา ถอดแบบและค้ำยนั เร็วทสี่ ดุ ดังตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 อายุขั้นต่ำของคอนกรีตสำหรบั การถอดแบบหลอ่ และค้ำยนั ของโครงสรา้ งทวั่ ไป ชนิดแบบหลอ่ ของโครงสรา้ ง อายขุ น้ั ตำ่ ของคอนกรีต (วัน ) แบบหลอ่ ด้านขา้ ง เสา คาน กำแพง 2 และฐานราก แบบหลอ่ ทอ้ งพ้นื 14 แบบหล่อทอ้ งคาน 21 ขอ้ แนะนำ (1) ขั้นตอนและลำดับการถอดแบบหลอ่ และค้ำยนั ควรคำนึงว่าโครงสรา้ งซง่ึ มีค้ำยันค้างอยู่บางสว่ นจะ สามารถรบั แรงหรอื โมเมนต์ที่จะเกดิ ข้นึ ไดโ้ ดยไมแ่ ตกรา้ ว (2) การกองวัสดบุ นโครงสรา้ งคอนกรีต หลงั จากการถอดค้ำยนั แลว้ ตอ้ งตรวจสอบวา่ ไม่เปน็ อันตรายตอ่ โครงสร้าง เน่ืองจากโครงสร้างขณะน้ันอาจจะยังไม่สามารถรับน้ำหนักบบรรทุกได้ตามท่ีออกแบบ ไว้ นอกจากน้ี อาจจะตอ้ งเคลอื่ นย้ายวัสดทุ ก่ี องไว้บนโครงสร้างตง้ั แต่กอ่ นการถอดคำ้ ยันออกไป หากตรวจ พบวา่ อาจเกดิ อนั ตรายตอ่ โครงสร้างเม่อื ถอดคำ้ ยนั ออก การค้ำยันกลับ ( Reshoring ) การค้ำยันกลับ หมายถึงการถอดไม้แบบและค้ำยนั ของโครงสร้างคอนกรตี ออกแล้วดำเนนิ การใสค่ ำ้ ยัน กลับคนื อีกครง้ั หน่งึ 1) การคำ้ ยันกลบั เพือ่ รองรบั นำ้ หนกั โครงสรา้ ง ต้องมีการวางแผนไว้ก่อนและได้รับการอนมุ ัติจากวิศวกร แลว้ เท่าน้นั 2) โครงสร้างซง่ึ กำลังอยใู่ นระยะเวลารอการคำ้ ยันกลบั หา้ มมใิ หร้ บั นำ้ หนกั บรรทกุ จร เวน้ แต่ตรวจสอบ แลว้ วา่ ไม่เกนิ ความสามารถรบั นำ้ หนักของโครงสรา้ งคอนกรตี ขณะน้ัน 3) ในข้ันตอนการคำ้ ยนั กลับ โครงสร้างต้องไมร่ ับนำ้ หนักบรรทุกเกนิ กว่าที่วศิ วกรกำหนดให้ อน่งึ การค้ำ ยันกลบั จะตอ้ งดำเนินการโดยเรว็ ที่สดุ ภายหลังจากการถอดแบบหล่อและค้ำยันแลว้ 4) คำ้ ยนั ทใี่ ช้ต้องขันใหแ้ นน่ เพื่อให้รับนำ้ หนักโครงสร้างตามท่ีกำหนดไว้ ค้ำยนั น้ตี อ้ งคงค้างไว้จนกระท่ัง ผลทดสอบกำลังอัดคอนกรีตถึงเกณฑท์ ่กี ำหนดไว้

78 ข้อแนะนำ (1) การค้ำยันกลับมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้โครงสร้างคอนกรีตท่ีเพิ่งถอดแบบสามารถรับน้ำหนัก บรรทุก และ/หรือ ถา่ ยน้ำหนักบรรทกุ ท่จี ะมเี พ่มิ ขน้ึ ใหล้ งสู่โครงสรา้ งส่วนล่าง (2) การคำ้ ยนั กลบั อาจเกิดขึ้นไดห้ ลายกรณี อาทิเช่น - การถอดไม้แบบเพ่ือนำไปหมุนเวียนใช้งานในส่วนอ่ืน แล้วนำค้ำยันมาค้ำกลับแทนเพื่อรับน้ำหนัก บรรทกุ ท่ีจะเพมิ่ ข้ึนภายหลงั - กรณีทนี่ ้ำหนักบรรทุกที่จะเพ่ิมขึ้นของโครงสร้างคอนกรีตมากกว่าเกนิ ไม้แบบเดิมจะรบั ได้ อาจถอด ไมแ้ บบออกเพ่อื นำค้ำยนั ซึง่ แข็งแรงกว่ามาค้ำกลบั ท่ีมา : \"ข้อกำหนดมาตรฐานวสั ดแุ ละการกอ่ สรา้ งสำหรบั โครงสร้างคอนกรตี \", คณะอนุกรรมการ คอนกรีตและวัสดุ คณะกรรมการวชิ าการสาขาวิศวกรรมโยธา วศิ วกรรมสถานแหง่ ประเทศไทย ในพระ บรมราชปู ถมั ภ์, มาตรฐาน ว.ส.ท. E.I.T Standard 1014-40

79 บทท่ี 4 การออกแบบอัตราสว่ นผสมคอนกรีต ตารางค่ามาตรฐานทใี่ ชอ้ อกแบบ ทรายอยใู่ นสภาพเปยี กท่วั ๆ ไป มคี วามชน้ื อยู่ระหวา่ ง 2 – 8% หินอย่ใู นสภาพแหง้ ในอากาศ ขนาดหนิ โตกว่า 1\" ปริมาตรซเี มนต์ + ทราย เทา่ กับ 38% โดยปริมาตร ขนาดหินเล็กกวา่ ¾ปริมาตรซเี มนต์ + ทราย เทา่ กับ 40% โดยปริมาตร นำ้ ยาทีใ่ ช้เพอื่ ลดเวลาการกอ่ ตัว หรอื เพอ่ื ลดปรมิ าณนำ้ แนะนำให้ใช้ 250 CC ตอ่ ซีเมนต์ 100 kg

80

81 ตารางความสัมพันธอ์ ัตราสว่ นระหวา่ งนำ้ ตอ่ ซเี มนต์ (W/C) สำหรับคา่ กำลังอดั ประลัยของคอนกรตี ทอี่ ายุ 28 วัน ตารางปริมาณนำ้ สูงสดุ ต่อคอนกรตี 1 m3ส่วนผสมไม่ใช้สารกักกระจายฟองอากาศ ปรมิ าณน้ำสงู สุด ตอ่ คอนกรีต 1 m3หน่วยเปน็ ลติ ร ตารางปริมาณนำ้ สงู สดุ ตอ่ คอนกรตี 1 m3ส่วนผสมใชส้ ารกกั กระจายฟองอากาศ ปริมาณน้ำสูงสดุ ตอ่ คอนกรีต 1 m3หนว่ ยเปน็ ลิตร

82 รปู แสดงอัตราสว่ นระหว่างน้ำตอ่ ซีเมนต์และค่ากำลงั อัดคอนกรีต จากรปู จะได้ - กำลงั อัดประลัยของคอนกรตี ท่ีอายุ 3 วัน มคี ่าประมาณ 0.55 กำลังอัดประลยั ของคอนกรตี ทอ่ี ายุ 28 วัน - กำลงั อดั ประลยั ของคอนกรีตที่อายุ 7 วัน มีคา่ ประมาณ 0.70 กำลังอัดประลัยของคอนกรตี ทอี่ ายุ 28 วัน - กำลังอัดประลัยของคอนกรตี ทอ่ี ายุ 14 วนั มคี า่ ประมาณ 0.85 กำลงั อัดประลัยของคอนกรตี ทอ่ี ายุ 28 วัน รูปแสดงกราฟแสดงการแปลงกำลงั อดั คอนกรตี รปู ลกู บาศกแ์ ละรปู ทรงกระบอก

83 ตวั อย่าง การออกแบบสว่ นผสมคอนกรตี แบบรูปทรงกระบอก

84

85 ตัวอยา่ ง ใหห้ าอตั ราสว่ นผสมของคอนกรตี เม่อื ตอ้ งการหลอ่ คอนกรตี รปู ทรงกระบอกจำนวน 1 ตัวอยา่ ง จากตารางสรุปกรณีหนา้ ฝน คอนกรตี ปริมาตร 1 m3ท่ีค่า fc’= 280 kg/cm2 หลอ่ คอนกรีตรปู ทรงกระบอกจำนวน 1 ตวั อย่าง ได้อัตราส่วนผสมดังนี้

86 รูปแสดงเคร่อื งทดสอบกำลังอัดคอนกรตี รปู แสดงตวั อยา่ งแบบหล่อคอนกรีตแบบลกู บาศก์และทรงกระบอก 15 cm x 15 cm x 15 cm Ø15 cm สูง 30 cm เกบ็ ตัวอยา่ งแบบทรงกระบอก ขอ้ ดี กดแทง่ นำคา่ ไปใชไ้ ด้เลย ขอ้ เสยี ตอ้ งตม้ กกำมะถันเปน็ อันตรายตอ่ ผู้ปฏบิ ตั งิ าน เก็บตัวอย่างแบบ Cabe ข้อดี ง่าย ไมต่ ้องแคบดว้ ยกำมะถัน ขอ้ เสีย จะต้องไปแลงกำลงั เป็นทรงกระบอก

87 บทท่ี 5 พรบ.ควบคมุ อาคาร 9 ประเภทของอาคารท่ีต้องตรวจสอบอาคารตามกฎหมายว่าดว้ ยการควบคมุ อาคาร อาคารทตี่ อ้ งทำการตรวจสอบสภาพอาคารตามกฎหมายวา่ ด้วยการควบคุมอาคาร มีทั้งหมด 9 ประเภท ได้แก่ 1. อาคารสูง (อาคารท่มี คี วามสงู ต้ังแต่ 23 เมตรขึ้น ) 2. อาคารขนาดใหญพ่ เิ ศษ (อาคารที่มพี ื้นทตี่ ง้ั แต่ 10,000 ตารางเมตรข้ึน 3. อาคารชมุ นมุ คน (อาคารท่ีใชเ้ พอ่ื ประโยชน์ในการชุมนุมคนที่มพี น้ื ทตี่ ้งั แต่ 1,000 ตารางเมตรขึน้ ไป หรอื ชมุ นมุ คนไดต้ ้งั แต่ 500 คนขึน้ ไป) 4. โรงมหรสพ 5. โรงแรม ท่ีมีจำนวนห้องพกั ต้งั แต่ 80 ห้องขึ้น 6. สถานบรกิ ารที่มพี น้ื ทตี่ งั้ แต่ 200 ตารางเมตรข้นึ 7. อาคารชดุ หรอื อาคารอยอู่ าศยั รวมทม่ี พี ืน้ ทตี่ งั้ แต่ 2,000 ตารางเมตรข้นึ 8. โรงงานทม่ี ีความสงู มากกว่าหน่งึ ชนั้ และมพี ื้นที่ตงั้ แต่ 5,000 ตารางเมตรข้นึ ไป 9. ปา้ ยทสี่ งู จากพนื้ ดนิ ตง้ั แต่ 15 เมตรข้นึ ไป หรอื มพี ้นื ท่ีตง้ั แต่ 50 ตารางเมตรขน้ึ ไป หรอื ป้าย ที่ตดิ ต้งั บนหลงั คาหรอื ดาดฟา้ หรอื สว่ นของอาคารทม่ี พี น้ื ท่ี 25 ตารางเมตรขึน้ ไป (Cr.กรมโยธาธิการและผงั เมอื ง)

88 ขอ้ บัญญัตกิ รงุ เทพมหานคร เรอ่ื ง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 นยิ ามของอาคาร 23 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. “อาคารอยอู่ าศัย” อาคารซึง่ โดยปกติบคุ คลใช้อยูอ่ าศยั ได้ท้งั กลางวนั และกลางคนื ไมว่ ่าจะเป็นการอยู่ อาศยั อย่างถาวรหรอื ช่ัวคราว 2. “ห้องแถว” อาคารท่ีก่อสร้างต่อเนื่องกนั เป็นแถวตั้งแต่สองคูหา มผี นังร่วมแบ่งอาคารเป็นคูหา และ ประกอบดว้ ยวสั ดไุ มท่ นไฟเปน็ สว่ นใหญ่ 3. “บ้านแถว”ห้องแถวหรือบ้านท่ีใชเ้ ป็นท่ีอยู่อาศัย ซึ่งมีที่วา่ งดา้ นหนา้ และด้านหลงั ระหวา่ งรัว้ หรือแนว เขตทด่ี นิ กบั ตัวอาคารทุกคูหา 4. “บา้ นแฝด”อาคารท่ีใช้เป็นท่ีอยู่อาศยั ก่อสร้างติดตอ่ กันสองบา้ น มีผนงั ร่วมแบ่งอาคารเป็นบ้าน มีท่ี ว่างระหว่างรว้ั แนวเขตท่ดี ินกับอาคารด้านหน้าดา้ นหลังและด้านข้างของทุกบ้าน และมีทางเข้าออก ของทกุ บ้านแยกจากกันเป็นสัดส่วน 5. “อาคารพาณชิ ย”์ อาคารท่ีใช้เพื่อประโยชนใ์ นการพาณชิ ยกรรม หรอื บรกิ ารธุรกิจ หรอื อุตสาหกรรม ท่ี ใช้เครื่องจักรท่มี ีกำลังการผลติ เทียบไดไ้ ม่เกนิ 5 แรงมา้ 6. “อาคารอยู่อาศัยรวม” อาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารที่ใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยสำหรับหลาย ครอบครัว โดยแบ่งออกเป็นหน่วยแยกจากกันสำหรับทุกครอบครัว มีห้องน้ำ ห้องส้วม ทางเดิน ทางเขา้ ออก และทางข้นึ ลงหรือลฟิ ตแ์ ยกจากกนั หรือร่วมกัน ทั้งน้ใี ห้หมายความรวมถึงหอพกั ดว้ ย 7. “อาคารชดุ ” อาคารชุดตามกฎหมายวา่ ดว้ ยอาคารชดุ 8. “โรงงาน”อาคารหรอื สว่ นหนึง่ สว่ นใดของอาคารท่ใี ช้เปน็ โรงงานตามกฎหมายวา่ ด้วยโรงงาน 9. “โรงมหรสพ”อาคารหรอื สว่ นใดของอาคารทใ่ี ช้เปน็ สถานท่สี ำหรับฉายภาพยนตร์ แสดงละคร แสดง ดนตรี หรือการแสดงรืน่ เริงอื่นใด และมีวัตถุประสงค์เพ่ือเปิดให้สาธารณชนเข้าชมการแสดงน้ันเป็น ปกติธรุ ะโดยจะมีค่าตอบแทนหรอื ไมก่ ต็ าม 10. “โรงแรม”อาคารหรอื สว่ นหนึ่งสว่ นใดของอาคารท่ใี ช้เป็นโรงแรมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงแรม 11. “ภตั ตาคาร” อาคารหรือส่วนหนง่ึ ส่วนใดของอาคารท่ใี ช้เปน็ ทข่ี ายอาหารหรือเครือ่ งดื่ม โดยมีพ้นื ทีไ่ ว้ บริการภายในหรือภายนอกอาคาร 12. “สถานบริการ” อาคารหรือส่วนหน่ึงส่วนใดของอาคาร ท่ีใช้เป็นสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วย สถานบรกิ าร 13. “สำนักงาน” อาคารหรอื สว่ นหนง่ึ ส่วนใดของอาคารที่ใช้เปน็ ท่ที ำการ 14. “อาคารเกบ็ ของ” อาคารหรือสว่ นหน่ึงสว่ นใดของอาคารท่ีใช้เปน็ ท่สี ำหรับเก็บสินคา้ หรอื สง่ิ ของ เพื่อ ประโยชนข์ องเจา้ ของอาคารซง่ึ มีปรมิ าตรทใี่ ชเ้ ก็บของไมเ่ กนิ 2,000 ลูกบาศกเ์ มตร ทง้ั นี้ การวัดความ สงู เพ่อื คำนวณปรมิ าตร ใหว้ ดั จากพ้ืนชน้ั นั้นถงึ ยอดผนังสงู สุด 15. “อาคารจอดรถ” อาคารหรือสว่ นของอาคารที่ใช้สำหรบั จอดรถ ตง้ั แต่ 10 คนั ขึน้ ไป หรือมีพ้ืนท่ีจอด รถทางวิง่ และทก่ี ลบั รถในอาคาร ตัง้ แต่ 300 ตารางเมตรขึน้ ไป 16. “อาคารจอดรถซ่ึงติดต้ังระบบเคลื่อนย้ายรถด้วยเคร่ืองจักรกล ” สิ่งก่อสร้างหรือโครงหรือ เครื่องจกั รกลทีส่ ร้างข้ึน หรือติดตง้ั ขึ้นเพอื่ ใช้เปน็ ท่ีจอดรถหรอื เก็บรถโดยใช้ระบบเคร่ืองกลในการนำ รถไปจอดหรือเก็บ ทงั้ นี้ให้รวมถงึ แท่นหรอื พืน้ หรือโครงสร้างที่ทำขนึ้ เพ่อื ใชเ้ ปน็ ทจี่ อดรถคันเดียวหรือ หลายคนั และไม่ว่าแท่นหรือพ้ืนโครงสร้างดงั กล่าวจะติดตัง้ อยู่กับที่หรอื สามารถเคล่ือนย้ายไปอย่ใู น

89 ตำแหน่งต่างๆ ได้หรือไม่ก็ตาม และใหร้ วมถึงแท่นกลบั รถด้วย โดยจะตดิ ต้ังอยู่ ภายในอาคารจอดรถ หรอื ตอ่ เชอ่ื มกับอาคารจอดรถ หรือต้ังเป็นอิสระอยู่นอกอาคารกไ็ ด้ 17. “อาคารสรรพสินค้า” อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารท่ีมีพ้ืนที่สำหรับแสดง หรือขายสินค้า ตา่ งๆ และมีพืน้ ทต่ี ้ังแต่ 300 ตารางเมตรขึ้นไป โดยมกี ารแบ่งส่วนของอาคารตามประเภทของสินค้า หรือตามเจา้ ของพนื้ ที่ ไมว่ ่าการแบง่ ส่วนนัน้ จะทำในลกั ษณะของการก้ันเป็นห้องหรือไมก่ ็ตาม โดยให้ หมายความรวมถงึ อาคารแสดงสนิ ค้าดว้ ย 18. “อาคารสาธารณะ”อาคารท่ีใช้เพ่ือประโยชน์ในการชุมนุมได้โดย ทั่วไปเพื่อกิจกรรมทางราชการ การเมือง การศึกษา การสังคม การศาสนา การนันทนาการ หรือการพาณิชยกรรม เช่น โรงมหรสพ หอประชุม โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา หอสมุด สนามกีฬากลางแจ้ง สถานกีฬาในร่ม ตลาด หา้ งสรรพสินค้า ศนู ยก์ ารคา้ สถานบริการ ท่าอากาศยาน อุโมงค์ สะพาน อาคารจอดรถ สถานรี ถ ท่า จอดเรือ โป๊ะจอดเรือ สุสาน ฌาปนสถาน ศาสนสถาน เป็นตน้ 19. “อาคารแสดงสนิ คา้ ” อาคารหรือส่วนหน่งึ สว่ นใดของอาคารที่จดั แสดงหรอื ขาย หรอื สง่ เสริมการขาย สนิ ค้า และให้หมายรวมถงึ อาคารทีส่ ร้างชัว่ คราวเพอื่ จดั กิจกรรมดงั กล่าวดว้ ย 20. “อาคารสูง” อาคารที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ที่มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป การวัด ความสูงของอาคารให้วัดจากระดับพ้ืนดินท่ีก่อสรา้ งถึงพ้นื ดาดฟ้า สำหรบั อาคารทรงจวั่ หรือปนั้ หยาให้ วัดจากระดับพนื้ ดินท่กี ่อสร้างถึงยอดผนังของชนั้ สงู สุด 21. “อาคารขนาดใหญ่” อาคารทก่ี อ่ สร้างข้ึนเพือ่ ใช้พน้ื ที่อาคารหรือส่วนใดของอาคารเปน็ ท่ีอยอู่ าศัยหรือ ประกอบกจิ การประเภทเดียวหรือหลายประเภท โดยมีพืน้ ท่ีอาคารรวมกนั ทุกช้ันในหลังเดยี วกันเกิน 2,000 ตารางเมตร หรืออาคารท่ีมีความสงู ต้ังแต่ 15 เมตรขึ้นไป และมีพื้นท่ีอาคารรวมกันทุกชั้นใน หลงั เดยี วกนั เกนิ 1,000 ตารางเมตร การวัดความสงู ของอาคารใหว้ ดั จากระดับพื้นดินท่กี ่อสรา้ งถึงพื้น ดาดฟา้ สำหรับอาคารทรงจัว่ หรอื ปั้นหยาใหว้ ัดระดบั พื้นดนิ ทก่ี ่อสร้างถึงยอดผนังของชนั้ สูงสุด 22. “อาคารขนาดใหญ่พิเศษ” อาคารที่ก่อสร้างข้ึนเพื่อใช้พื้นที่อาคารหรือส่วนใดของอาคารท่ีเป็นอยู่ อาศัย หรอื ประกอบกิจการประเภทเดียวหรือหลายประเภทโดยมีพ้ืนที่อาคารรวมกันทุกชั้นในหลัง เดียวกนั ต้งั แต่ 10,000 ตารางเมตรข้นึ ไป 23. “อาคารพิเศษ”อาคารท่ีต้องการมาตรฐานความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยเป็นพิเศษ เช่น อาคารดงั ต่อไป ก) โรงมหรสพ อฒั จนั ทร์ หอประชุม หอสมุด หอศิลป์ พิพิธภัณฑ-สถานแหง่ ชาติ หรือศาสน สถาน ข) อู่เรือ คานเรือ หรือทา่ จอดเรือ สำหรบั เรอื ขนาดใหญ่เกนิ 100 ตันกรอส ค) อาคารหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสูงเกิน 15 เมตร หรือสะพานหรืออาคาร หรือโครงหลังคา ช่วงหน่งึ เกนิ 10 เมตร หรือมลี ักษณะโครงสรา้ งทีอ่ าจก่อใหเ้ กดิ ภยันตรายต่อสาธารณชน ได้ ง) อาคารท่ีเก็บวัสดุไวไฟ วัสดุระเบิด หรือวัสดุกระจายพิษ หรือรังสีตามกฎหมายว่าด้วย การนน้ั ส่วน พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ได้ให้คำนิยามของอาคารประเภทต่างๆ ไว้ในกฎกระทรวง ฉบับท่ี 4 และฉบับท่ี 55 จำนวน 16 ประเภท ได้แก่ อาคารอยู่อาศัย, ห้องแถว, ตึกแถว, บ้านแถว, บ้านแฝด, อาคารพาณชิ ย,์ อาคารสาธารณะ, อาคารพเิ ศษ, อาคารอย่อู าศยั รวม, อาคารขนาดใหญ่, สำนกั งาน, คลังสนิ ค้า , โรงงาน, โรงมหรสพ, โรงแรม และภัตตาคาร ซึ่งมคี ำนิยามเหมอื นกัน

90 สรปุ 15 ขอ้ ควรรู้ พรบ.ควบคมุ อาคาร ฉบับท่ี 33,39,47 1. พรบ.ควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 2. กฎกระทรวงฉบับท่ี 33 (พ.ศ. 2535) สำหรับอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ หมวด 1 ลกั ษณะของอาคาร - มที ่วี า่ งรอบอาคารไม่น้อยกว่า 6 เมตร ใหร้ ถดับเพลิงเขา้ ถึงได้ - อาคารส่วนใต้ดินต้ังแต่ชั้น 3 หรือ 7 เมตรลงไป ต้องมีระบบลิฟต์ บันไดหนีไฟ ระบบแสง สว่างและอยู่ห่างกันไม่เกิน 60 เมตร ผนังบันไดหนีไฟทุกด้านเป็นคอนกรีตหนา 10 ซม. มี ระบบอัดลมไมน่ อ้ ยกว่า 3.86 Mpa ที่ทำงานตลอดเวลา - 3. หมวด 2 ระบบระบายอากาศ ระบบไฟฟ้า และระบบปอ้ งกนั เพลิงไหม้ - วสั ดหุ ุ้มท่อลมของระบบระบายอากาศต้องเปน็ วัสดุที่ไม่ตดิ ไฟ และไม่ทำให้เกิดควนั เม่ือเกิด เพลงิ ไหม้ - ทอ่ ลมที่ผ่านผนังทนไฟต้องติดตั้งล้นิ กันไฟ ทำงานอัตโนมตั ิเม่ืออณุ หภูมสิ ูงกวา่ 740C และมี อัตราการทนไฟไมน่ อ้ ยกว่า 1.5 ชม. - ต้องมีระบบป้องกันฟา้ ผ่า - มีระบบจ่ายไฟสำรองแยกเป็นอิสระท่ีสามารถจ่ายไฟได้ไม่น้อยกว่า 2 ชม. สำหรบบันได ทางเดินและระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และจ่ายได้ตลอดเวลาสำหรับเคร่ืองสูบน้ำดับเพลิง ระบบสื่อสาร - มีระบบแจ้งเหตุเพลงิ ไหม้ทกุ ชน้ั -

91 4. มีสวติ ช์เปิด-ปิดพัดลมของระบบระบายอากาศอยู่ในท่ีที่สามารถปิดได้ทันที และติดตั้งอุปกรณ์ ตรวจรบั ควันทีส่ ามารถหยดุ การทำงานของพดั ลงได้โดยอตั โนมตั เิ มอื่ เกดิ เพลงิ ไหม้ - มรี ะบบป้องกันเพลิงไหม้ประกอบดว้ ยท่อยืน ที่เก็บน้ำสำรองและหัวรับน้ำดับเพลิง ท่อยืน ต้องทนความดันใช้งานไม่น้อยกว่า 175 ปอนด์/ตร.นวิ้ มีตู้หวั ฉีดนำ้ ดับเพลิงทุกชน้ั หา่ งกันไม่ เกิน 64 เมตร ในตู้ประกอบด้วยหัวสายฉีดน้ำดับเพลิงขนาด 1 นิ้ว และหัวต่อสายชนิดสวม เรว็ ขนาด 2.5 นวิ้ หัวรับน้ำดับเพลิงภายนอกอาคารเปน็ ข้อต่อชนดิ สวมเร็วขนาด 2.5 นว้ิ 5. ปริมาณการส่งจ่ายน้ำไม่น้อยกว่า 30 ลิตร/วินาที สำหรับท่อยืนแรกและไม่น้อยกว่า 15 ลิต ร/ วนิ าที สำหรับทอ่ ยนื ต่อไป สามารถจา่ ยน้ำดับเพลิงได้ไม่น้อยกวา่ 30 นาที มที ีเ่ ก็บน้ำสำรองและ ระบบสง่ น้ำท่ีมคี วามดันต่ำสุดไม่นอ้ ยกว่า 65 ปอนด์/ตร.นิว้ แต่ไม่เกิน 100 ปอนด/์ ตร.นิ้ว ติดต้ัง เครอื่ งดบั เพลิงแบบมือถือ 1 เครื่องตอ่ พื้นทไ่ี มเ่ กิน 1000 ตร.ม. ทกุ ระยะไม่เกนิ 45 เมตร สูงจาก พ้ืนไม่เกิน 1.5 เมตร อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษต้องมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น Sprinkler System หรอื ระบบอนื่ ทเี่ ทียบเทา่ 6. มบี ันได้หนีไฟอยา่ งน้อย 2 ชดุ อยู่ห่างกันไม่เกิน 60 เมตร ลำเลียงคนทั้งหมดออกนอกอาคารได้ ภายใน 1 ชม. และไม่เปน็ บันไดเวยี น - บันไดหนีไฟทอี่ ยู่ภายในอาคารตอ้ งมีระบบอัดลมไมน่ ้อยกว่า 3.86 Mpa มผี นงั กันไฟโดยรอบ มีแสงสว่างฉกุ เฉนิ มปี า้ ยบอกชั้น ปา้ ยบอกทางหนีไ้ ฟ - ประตหู นีไฟตอ้ งทำดว้ ยวัดสุทนไฟกว้างไมน่ ้อยกว่า 90 ซม. มอี ปุ กณณ์บงั คับให้ปิดได้เอง ไม่มี ธรณปี ระตู - อาคารสงู ต้องมีทีว่ างสำหรับหนไี ฟทางอากาศ กว้างยาวไม่นอ้ ยกว่าดา้ นละ 6 เมตร - อาคารสูงตอ้ งมลี ฟิ ตด์ ับเพลงิ อย่างน้อย 1 ชดุ บรรทกุ น้ำหนกั ได้ไม่นอ้ ยกว่า 630 กก. โถงหนา้ ลิตรตอ้ งมีตสู้ ายฉีดนำ้ หรือหวั ต่อสาย - 7. กฎกระทรวงฉบับท่ี 39 (พ.ศ. 2537) สำหรับห้องแถว ตึกแถว อาคารที่เป็นท่ีชุมนุม หมวด 1 แบบและวธิ ีการเกย่ี วกบั การติดต้ังระบบปอ้ งกนั อคั คภี ยั - ตอ้ งมีระบบสัญญาณเตือนเพลงิ ไหม้ - อาคารทมี่ ีความสูง 2 ช้ันขึ้นไปและอาคารที่มพี ื้นทร่ี วมเกิน 2000 ตร.ม. ต้องมปี ้ายบอกทาง หนีไฟและแสงสว่างจากระบบไฟฟา้ ฉกุ เฉนิ เพยี งพอท่จี ะมองเหน็ ช่องทางหนีไฟได้ชดั เจน - หมวด 3 ระบบการจัดแสงสว่างและการระบายอากาศ - โรงงาน โรงแรม โรงมหรสพ ห้องประชมุ สถานกีฬาในร่ม สถานพยาบาล สถานขี นส่งมวลชน สำนกั งาน ห้างสรรพสนิ คา้ หรือตลาด ตอ้ งมีระบบจา่ ยไฟสำรองสำหรบั กรณีฉุกเฉนิ

92 8. กฎกระทรวงฉบับท่ี 47(พ.ศ. 2540) สำหรับอาคารเก่าท่ีเป็นอาคารสูงและอาคารสาธารณ ะ อาคารสูงต้ังแต่ 4 ชนั้ ขน้ึ ไปต้อง - ตดิ ตง้ั บนั ไดหนไี ฟทม่ี ใิ ช่บนั ไดแนวดงิ่ เพมิ่ จากบนั ไดหลกั - จดั แบบแปลนแผนผังของอาคารแต่ละช้ันตดิ ไว้ในตำแหน่งท่ีเห็นได้ชัดเจนท่ีบรเิ วณห้องโถง หรอื หนา้ ลิฟต์ทุกชั้น และบรเิ วณชน้ั ล่างต้องมแี บบแปลนแผนผังของทุกช้ันเก็บไว้ - ติดต้งั เครื่องดบั เพลิงแบบมือถอื - ตดิ ต้งั ระบบสญั ญาณเตอื นเพลิงไหม้ทกุ ชน้ั - ตดิ ตั้งระบบไฟฟา้ สอ่ งสว่างสำรอง - ตดิ ตัง้ ระบบป้องกันอนั ตรายจากฟ้าผ่า 9. กฎกระทรวงฉบับท่ี 48(พ.ศ. 2540) โครงสร้างอาคาร ส่วนประกอบของโครงสรา้ งหลักและทาง หนไี ฟของอาคารท่มี ีความสงู เกิน 3 ชั้น ตอ้ งไม่เป็นวสั ดุติดไฟ โครงสร้างหลกั ของอาคารต่อไปนี้ - คลงั สินคา้ โรงมหรสพ โรงแรม อาคารชดุ สถานพยาบาล - อาคารพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การศึกษา สาธารณสขุ และ สำนักงานท่ีมคี วามสงู เกิน 3 ชน้ั และมีพ้ืนทีร่ วมเกิน 1000 ตร.ม. ให้ก่อสรา้ งโครงสร้างหลักด้วยวัสดุทนไฟ เสาและคานมี อตั ราการทนไฟไมน่ ้อยกว่า 3 ชม. พื้นหรือตอมอ่

93 10. กฎกระทรวงฉบับท่ี 50 (พ.ศ. 2540) ปรบั ปรงุ กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 33 อาคารสงู หรืออาคารขนาด ใหญ่พิเศษตอ้ งมผี นังหรือประตูทนไฟที่มีอัตราการทนไฟไม่นอ้ ยกวา่ 1 ชม. มีแผนผังอาคารแต่ละ ชั้นแสดงที่หน้าโถงลิฟต์แต่ละช้ัน และให้เก็บแผนผังอาคารของทุกช้ันท่ีบริเวณช้ันล่าง แสดง ตำแหน่งห้องทุกห้อง อุปกรณด์ บั เพลงิ ประตูทางหนีไฟ และลิฟตด์ ับเพลิง ช่องเปิดทะลพุ ื้นตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไปและไม่มีผนังปิดลอ้ ม ต้องจัดให้มีระบบควบคุมการแพร่กระจายของควัน อาคารสูง ต้องมีดาดฟ้าและพืน้ ท่บี นดาดฟา้ กวา้ งยาวดา้ นละไม่นอ้ ยกวา่ 10 เมตร 11. กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 55 (พ.ศ. 2543) กำหนดลักษณะ แบบ เนอ้ื ท่ี ทต่ี ้ังของอาคาร ทีว่ ่างภายนอก อาคาร ฯ - สงิ่ ทส่ี รา้ งขน้ึ สำหรับติดต้งั ป้ายใหท้ ำด้วยวสั ดทุ นไฟทงั้ หมด - เสา คาน พื้น บันไดและผนังของอาคารที่สูง 3 ช้ันข้ึนไป โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า อาคารขนาดใหญ่ ตอ้ งทำดว้ ยวัสดุทนไฟ - ครวั ในอาคารต้องมพี ้ืนและผนงั ท่ีทำดว้ ยวัสดทุ นไฟ ส่วนฝาและเพดานหากไม่ไดท้ ำดว้ ยวัสดุ ทนไฟก็ใหบ้ ุด้วยวสั ดุทนไฟ - ช่องทางเดินในอาคารอยู่อาศัยต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 1 เมตร อาคารอยู่อาศัยรวม อาคารพาณิชย์ โรงงาน อาคารสาธารณะ ตอ้ งมีความกวา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 1.5 เมตร 12. อาคารสูง 4 ช้ันขนึ้ ไปและสูงไม่เกิน 23 เมตร หรืออาคาร 3 ชั้น และมีดาดฟ้าเหนือชั้นที่ 3 ท่ีมี พ้นื ท่เี กนิ 16 ตร.ม. ต้องมบี นั ไดหนีไฟท่ีทำดว้ ยวสั ดทุ นไฟอย่างนอ้ ย 1 แหง่ - บนั ไดหนีไฟต้องมีความลาดชนั นอ้ ยกวา่ 60 องศา - บนั ไดหนีไฟภายนอกอาคารต้องกว้างไม่นอ้ ยกว่า 60 ซม. และผนังส่วนที่บันไดพาดผ่านต้อง เปน็ ผนงั ทึกสรา้ งด้วยวสั ดุทนไฟ - บันไดหนีไฟภายในอาคารต้องกว้างไม่น้อยกว่า 80 ซม. มีผนังทึกสบร้างด้วยวัสดุทนไฟก้ัน โดยรอบ เว้นแต่ส่วนที่ช่องระบายอากาศและช่องประตูหนีไฟ และต้องมีอากาศถา่ ยเทจาก ภายนอกอาคารได้ มแี สงสวา่ งเพียงพอ 13. ประตูหนีไฟต้องทำด้วยวัสดุทนไฟ กว้างไม่น้อยกว่า 80 ซม. สูงไม่น้อยกว่า 1.9 เมตร เป็นบาน เปดิ ชนิดผลักออกสูภ่ ายนอกเทา่ นนั้ ต้องตดิ ตั้งอปุ กรณท์ บ่ี ังคับให้บานประตปู ิดไดเ้ อง สามารถเปิด ออกได้โดยสะดวกตลอดเวลา ประตหู รือทางออกสบู่ นั ไดหนไี ฟตอ้ งไมม่ ีธรณี หรอื ขอบกน้ั พื้นหนา้ บนั ไดหนีไฟต้องกวา้ งไม่น้อยกวา่ ความกวา้ งของบนั ได และอกี ดา้ นหนึ่งกว้างไมน่ อ้ ยกว่า 1.5 เมตร คลงั สนิ คา้ ทมี่ พี ้ืนท่รี วมกนั ตัง้ แต่ 100 ตร.ม. แตไ่ ม่เกิน 500 ตร.ม. ต้องมีท่ีวางแนวเขตทดี่ ินไมน่ ้อย กว่า 6 เมตร 2 ดา้ น สว่ นด้านอ่นื ตอ้ งมที ว่ี า่ งหา่ งแนวเขตทดี่ นิ ไม่น้อยกว่า 3 เมตร 14. คลังสินคา้ ท่ีมีพ้ืนที่รวมกันเกิน 500 ตร.ม. ต้องมีท่ีวางแนวเขตทด่ี ินไม่น้อยกว่า 10 เมตร 2 ด้าน ส่วนด้านอื่นต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตท่ีดนิ ไม่น้อยกว่า 5 เมตร โรงงานที่มีพนื้ ที่ของอาคารรวมกัน ตงั้ แต่ 200 ตร.ม. แต่ไม่เกนิ 500 ตร.ม. ตอ้ งมที ี่วา่ งแนวเขตท่ีดินไม่น้อยกว่า 3 เมตร 2 ดา้ น โดย ผนงั อาคารทัง้ 2 ดา้ นน้ีใหเ้ ป็นผนงั ทบึ ด้วยอฐิ หรือคอนกรีตยกเว้นประตหู นไี ฟ สว่ นด้านที่เหลอื ให้ มีที่ว่างห่างแนวเขตทด่ี ินไมน่ ้อยกว่า 6 เมตร โรงงานที่มีพ้ืนท่ีของอาคารรวมกันตั้งแต่ 500 ตร.ม. แตไ่ ม่เกิน 1000 ตร.ม. ต้องมีท่ีวางแนวเขตที่ดินไม่นอ้ ยกว่า 6 เมตรทกุ ด้าน โรงงานท่ีมพี ้ืนที่ของ อาคารรวมกนั เกนิ 1000 ตร.ม. ต้องมีทวี่ างแนวเขตทดี่ ินไม่นอ้ ยกว่า 10 เมตรทกุ ด้าน

94 ถามตอบ พ.ร.บ. ควบคมุ อาคาร 1) พ.ร.บ. ควบคมุ อาคารเรม่ิ เม่ือปี พ.ศ. ตอบ พ.ศ. 2522 2) พ.ร.บ. ควบคุมอาคารควบคมุ ในเรอ่ื งใด ตอบ 1. การสถาปตั ยกรรม ความสวยงาม ความเป็นระเบียบร้อยของบา้ นเมือง 2. ความมน่ั คงแขง็ แรงของอาคาร 3. ความปลอดภัยของผอู้ าศยั หรอื ผทู้ ี่เข้าไปใช้อาคาร 4. การป้องกันอคั คภี ัยภายในอาคาร 5. การสาธารณสุข และรกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ ม 6. การอำนวยความสะดวกแก่การจราจร 3) องคก์ รใดเปน็ ผอู้ อกกฎเกณฑค์ วบคุมและดแู ลในภาพรวมของ พ.ร.บ. ควบคมุ อาคาร ตอบ กรมโยธาธิการและผงั เมือง 4) พ.ร.บ. ควบคุมอาคารมีกฎหมายใดอีกทเี่ กย่ี วข้อง ตอบ พ.ร.บ.ผงั เมือง พ.ร.บ.ขุดดินและถมดิน พ.ร.บ. โรงแรม พ.ร.บ. โรงงาน พ.ร.บ. หอพกั พ.ร.บ. อาคารชุด พ.ร.บ. ควบคุมน้ำมนั เชื้อเพลงิ พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ร.บ. วิชาชพี วิศวกรรม พ.ร.บ. วชิ าชพี สถาปตั ยกรรม พ.ร.บ. ส่งเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมแหง่ ชาติ 5) ปจั จบุ นั พ.ร.บ. ควบคุมอาคารปรบั ปรุงถึงฉบบั ใด บงั คับใชว้ นั ใด ตอบ ฉบบั ที่ 5 พ.ศ. 2558 บังคบั ใช้ 28 สิงหาคม 2558 6) กฎหมายควบคุมอาคารใช้ได้เม่ือใด ตอบ 1. อยใู่ นเขตควบคุมอาคาร 2. อยู่ในเขตผงั เมอื งรวม 3. อยใู่ นเขตเพลงิ ไหม้ (ชวั่ คราว) 7) การก่อสร้าง ดัดแปลง รอ้ื ถอน เคลอ่ื นยา้ ย ใชห้ รอื เปลี่ยนการใชอ้ าคาร ต้องได้รบั อนญุ าตจากใคร ตอบ เจ้าพนกั งานท้องถ่ิน

95 8) เจ้าพนักงานท้องถิ่น หมายถงึ ใคร ตอบ 1. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสำหรบั ในเขต กทม. 2. นายกเทศมนตรี สำหรับในเขตเทศบาล 3. นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลสำหรบั ในเขตองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบล 4. นายกเมืองพัทยา สำหรับในเขตเมอื งพทั ยา 5. ผบู้ รหิ ารทอ้ งถิ่นขององคก์ ารบรหิ ารส่วนทอ้ งถิน่ อนื่ ทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศกำหนด สำหรบั ในเขตองค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินนัน้ 9) เขตควบคุมอาคารจะมีผลบงั คบั ใชเ้ มอื่ ใด ตอบ จะต้องประกาศพระราชกฤษฎีกาใหใ้ ช้พระราชบัญญตั คิ วบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ในทอ้ งทนี่ ้ันๆ เสยี กอ่ น กฎหมายควบคุมอาคารจงึ จะมผี ล 10) ประกาศเขตควบคุมอาคารแบบเต็มพนื้ ทีม่ กี จี่ ังหวัด ตอบ 12 จงั หวดั คือ กรุงเทพมหานคร นนทบรุ ี ปทุมธานี สมทุ รปราการ สมทุ รสาคร ฉะเชิงเทรา นครปฐม เชียงใหม่ ขอบแกน่ นครราชสมี า ภเู กต็ สงขลา 11) อาคารสงู หมายความวา่ ตอบ อาคารที่บคุ คลอาจเข้าอยหู่ รอื เข้าใช้สอยไดท้ ม่ี ีความสงู ตั้งแต่ 23 เมตรขนึ้ ไป 12) อาคารขนาดใหญพ่ เิ ศษ หมายความวา่ ตอบ อาคารทก่ี อ่ สรา้ งขึน้ เพอื่ ใช้พน้ื ทอี่ าคารหรอื ส่วนใดของอาคาร เป็นทอ่ี ยู่อาศัยหรอื ประกอบกจิ การ ประเภทเดียว หรอื หลายประเภท โดยมีพนื้ ทรี่ วมกับทุกช้ันในหลงั เดยี วกันต้ังแต่ 10,000 ตารางเมตรขน้ึ ไป 13) อาคารชมุ นุมคน หมายความว่า ตอบ อาคารหรอื สว่ นใดของอาคารที่บคุ คลอาจเข้าไปภายใน เพ่อื ประโยชนใ์ นการชมุ นมุ คนทม่ี ีพ้ืนทตี่ ัง้ แต่ 1,000 ตารางเมตรข้ึนไป หรือชมุ นมุ คนไดต้ ้งั แต่ 500 คนขนึ้ ไป

96 อนวชั บูรพาชน 14) โรงมหรสพ หมายความวา่ ตอบ อาคารหรอื สว่ นใดของอาคารที่ใชเ้ ปน็ สถานทส่ี ำหรบั ฉายภาพยนตร์ แสดงละคร แสดงดนตรี หรอื การ แสดงรนื่ เรงิ อนื่ ใดและมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือเปดิ ใหส้ าธารณสขุ เขา้ ชมการแสดงนั้นเป็นปกติธุระโดยจะมี ค่าตอบแทนหรอื ไมก่ ต็ าม 15) อำนาจหน้าทีต่ า่ ง ๆ ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอะไรบ้าง ตอบ 1. การอนุญาตต่างๆ 2. ดำเนนิ การกรณฝี า่ ฝืนกฎหมาย 3. แจ้งความดำเนนิ คดีอาญา 4. กรณเี ปน็ เขตเพลิงไหม้ 5. กรณอี ทุ ธรณ์ 6. กรณีเกิดอบุ ตั ิภยั กับอาคาร 7. กรณกี ารตรวจสอบอาคาร 16) กฎกระทรวงผงั เมอื งราบออกตาม พ.ร.บ. การผงั เมอื ง พ.ศ. ใด ตอบ 2518

17) การวดั ความสูงของอาคารสงู 97 ตอบ อนวัช บูรพาชน อนวชั บรู พาชน 18) เสาสญั ญาณเป็นอาคารสูงหรอื ไม่ ตอบ ไม่ 19) เขตเพลงิ ไหม้ คือ ตอบ 30 หลงั คาเรอื นข้ึนไป หรอื 1 ไรข่ ึน้ ไป 20) นายตรวจ หมายความวา่ อะไร ตอบ ผู้ซ่ึงเจ้าพนกั งานทอ้ งถิน่ แต่งตั้งใหเ้ ป็นนายตรวจ

98 21) นายช่าง หมายถึง ตอบ ขา้ ราชการหรอื พนกั งานซึง่ ราชการสว่ นท้องถ่ินแตง่ ตั้งใหเ้ ป็นนายชา่ ง หรือวศิ วกร หรือสถาปนิก ซง่ึ อธิบดกี รมโยธาธิการแต่งตงั้ ให้เปน็ นายช่าง 22) คณะกรรมการควบคมุ อาคารมีหน้าท่ี ตอบ มาตรา 18 1) ให้คำแนะนำรฐั มนตรี การออกกฎกระทรวง (มาตรา 8) แจง้ ใหท้ ้องถิ่นยกเลิกหรอื แก้ไขขอ้ บญั ญัติ ท้องถ่นิ (มาตร 10 ทว)ิ 2) ใหค้ วามเหน็ ชอบในการออกข้อบญั ญัตทิ อ้ งถิ่น (มาตรา 2) 3) ใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำแกเ่ จ้าพนกั งานทอ้ งถ่ินหรอื สว่ นราชการในการปฏบิ ัตกิ ารตาม พ.ร.บ. นี้ 4) กำกับดูแล และตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านของเจ้าพนักงานทอ้ งถ่นิ และผซู้ งึ่ มหี น้าท่ีตาม พ.ร.บ. น้ี 5) รับขนึ้ ทะเบียนและเพิกถอนการขนึ้ ทะเบยี นผู้ตรวจสอบ 23) คณะกรรมการควบคมุ อาคารประกอบดว้ ยใครบา้ ง ตอบ 1.อธบิ ดกี รมโยธาธิการและผงั เมอื ง เปน็ ประธาน กรรมการประกอบดว้ ย 1.ผู้แทนกระทรวงสาธารณสขุ 2.ผแู้ ทนกระทรวงอตุ สาหกรรม 3.กรมการปกครอง 4.กรมทางหลวง 5.สำนกั งานอยั การสงู สดุ 6.สนง.คณะกรรมการสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ 7.กรงุ เทพมหานคร 8.สภาวิศวกร 9.สภาสถาปิก และ 10.ผู้ทรงคุณวฒุ ไิ มเ่ กนิ 4 คน 11.ผอ.สนง.คณะกรรมการควบคมุ อาคารเป็นเลขานุการ 24) อาคารตามกฎหมายควบคมุ อาคารได้แก่ ตอบ ตกึ บา้ น เรอื น โรง รา้ น แพ คลังสนิ ค้า สำนกั งาน และสง่ิ ทส่ี ร้างขนึ้ อย่างอ่ืน ซง่ึ บุคคลอาจเข้าอยู่ หรอื เขา้ ใชส้ อยได้ และหมายความรวมถงึ (1) อฒั จันทรห์ รือสงิ่ ทสี่ รา้ งขึ้นอย่างอ่ืนเพื่อใชเ้ ป็นทช่ี มุ นมุ ของประชาชน (2) เขอ่ื น สะพาน อโุ มงค์ ทางหรือทอ่ ระบายนำ้ อเู รือ คานเรือ ทา่ นำ้ ทา่ จอดเรือ รัว้ กำแพง หรือ ประตู ทส่ี ร้างข้นึ ติดต่อหรอื ใกลเ้ คียงกบั ทสี่ าธารณะหรอื สงิ่ ทสี่ ร้างขึ้นใหบ้ ุคคลท่วั ไปใชส้ อย (3) ป้ายหรอื สงิ่ ทส่ี ร้างขน้ึ สำหรับตดิ หรอื ตัง้ ป้าย (ก) ที่ตดิ หรือตง้ั ไว้เหนือท่ีสาธารณะและมขี นาดเกิน 1 ตร.ม. หรอื มนี ้ำหนกั รวมทง้ั โครงสร้างเกนิ 10 กก.

99 (ข) ทตี่ ดิ หรือตง้ั ไว้ในระยะหา่ งจากทสี่ าธารณะซง่ึ เมอ่ื วดั ในทางราบแล้ว ระยะหา่ งจากที่ สาธารณะมนี ้อยกว่าความสงู ของป้ายนัน้ เมือ่ วัดจากพนื้ ดนิ และมีขนาดหรือมนี ำ้ หนกั เกนิ กว่า ท่กี ำหนดในกฎกระทรวง อนวัช บรู พาชน (4) พ้นื ทหี่ รอื สง่ิ ทสี่ ร้างข้ึนเพอ่ื ใช้เป็นทจี่ อดรถ ท่ีกลับรถ และทางเขา้ ออกของรถสำหรบั อาคารที่ กำหนดตามมาตรา 8 (9) (5) ส่งิ ทส่ี ร้างขึ้นอยา่ งอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ถงั เกบ็ ของจุตั้งแต่ 100 ลบ.ม. ขนึ้ ไป 5.1 สระวา่ ยนำ้ ภายนอกอาคารจุตงั้ แต่ 100 ลบ.ม. ขนึ้ ไป 5.2 กำแพงกนั ดิน กันน้ำทรี่ บั ความดันของดินหรอื นำ้ ทส่ี ูงตงั้ แต่ 1.5 ม. ขึ้นไป 5.3 โครงสรา้ งสำหรบั ใช้ในการรบั สง่ วทิ ยหุ รอื โทรทัศน์ท่ีมคี วามสูงจากระดับฐานตงั้ แต่ 10 ม. ขึน้ ไป และมนี ้ำหนกั รวม 40 กก. ข้นึ ไป 5.4 สงิ่ ที่สร้างขนึ้ อยา่ งอน่ื ทมี่ ีความสงู จากระดบั ฐานตงั้ แต่ 10 ม. ขน้ึ ไป (6) อาคารประเภทตา่ งๆ 6.1 อาคารอย(ู่ พัก)อาศัย ตกึ แถว หมายความว่า อาคารทีก่ อ่ สร้างตอ่ เน่อื งกันเป็นแถวยาว ตงั้ แตส่ องคูหาข้ึนไป มผี นงั แบ่งอาคารเปน็ คหู าและประกอบด้วยวัสดทุ นไฟเป็นส่วนใหญ่ บ้านแถว หมายความว่า หอ้ งแถวหรอื ตึกแถวทใี่ ชเ้ ป็นที่อยอู่ าศยั ซึง่ มที วี่ า่ งด้านหนา้ และ ด้านหลังระหว่างร้วั หรือแนวเขตท่ีดินกบั ตวั อาคารแต่ละคหู าและมคี วามสงู ไมเ่ กินสามชั้น อาคารอยอู่ าศัยรวม หมายความวา่ อาคารหรือส่วนใดสว่ นหน่งึ ของอาคารท่ใี ช้เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศัย สำหรบั หลายครอบครวั โดยแบง่ ออกเป็นหน่วยแยกจากกนั สำหรับแตล่ ะครอบครวั 25) ดดั แปลงกบั ซ่อมแซมเหมอื นกันหรือไม่ ตอบ ไม่ “ดัดแปลง” หมายความว่า เปลีย่ นแปลงต่อเตมิ เพิ่ม ลด หรอื ขยาย ซงึ่ ลกั ษณะขอบเขต แบบ รูปทรง สดั สว่ น นำ้ หนกั เน้อื ท่ี ของโครงสรา้ งของอาคารหรอื สว่ นตา่ งๆ ของอาคารซ่งึ ไดก้ อ่ สร้างไวแ้ ลว้ ใหผ้ ิด ไปจากเดมิ และมใิ ชก่ ารซอ่ มแซมหรือการดัดแปลงทีก่ ำหนดในกฎกระทรวง 26) นยิ ามของคำว่าก่อสร้าง ตอบ “กอ่ สรา้ ง” หมายความวา่ สร้างอาคารข้ึนใหม่ทง้ั หมด ไมว่ ่าจะเป็นการสร้างขน้ึ แทนของเดมิ หรอื ไม่

100 27) รื้อถอนหมายความวา่ ตอบ “รอื้ ถอน” หมายความว่า ร้อื ส่วนอนั เปน็ โครงสรา้ งของอาคารออกไป เช่น เสา คาน ตง หรอื สว่ นอน่ื ของ โครงสรา้ ง ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 28) ทีส่ าธารณะ หมายความวา่ ตอบ ท่ซี ึง่ เปดิ หรือยินยอมใหป้ ระชาชนเขา้ ไปหรอื ใชเ้ ปน็ ทางสัญจรได้ ทงั้ นไ้ี มว่ า่ จะมกี ารเรยี กเกบ็ ค่าตอบแทน หรอื ไม่ 29) งานอาคารใดไม่ตอ้ งตรวจสอบงานออกแบบและคำนวณ ก. การกอ่ สรา้ ง ข. ดดั แปลง ค. ใชห้ รือเปลี่ยนการใช้อาคาร ง. เคล่อื นยา้ ยอาคาร จ. ไม่มีขอ้ ถกู ตอบ จ. ไมม่ ขี ้อถกู มาตรา 21 ทวิ การกอ่ สรา้ ง ดดั แปลง หรอื เคลอ่ื นย้ายอาคารชนิดหรือประเภททกี่ ฎกระทรวง กำหนดใหม้ กี ารตรวจสอบงานออกแบบและคำนวณสว่ นตา่ งๆ ของโครงสร้างอาคาร ผขู้ อรับใบอนุญาตหรอื ผู้ แจ้งตามมาตรา 39 ทวิ ต้องจดั ให้มกี ารตรวจสอบงานออกแบบและคำนวณดังกลา่ วตามหลกั เกณฑ์ วิธีการและ เงอ่ื นไขท่ีกำหนดในกฎกระทรวง 30) ในการย่นื ขออนุญาตกอ่ สรา้ ง หากแบบแปลนผู้ขออนญุ าตถกู ตอ้ ง เจา้ พนกั งานท้องถิ่นต้องตรวจและ พิจารณาออกใบอนญุ าตหรอื มหี นังสอื แจง้ คำส่ังไมอ่ นญุ าตภายในกว่ี ันนบั แต่วนั ท่ไี ด้รบั คำขอ ตอบ 45 วนั 31) การย่นื ขออนญุ าตก่อสรา้ ง ตอ้ งทำอย่างไร ตอบ ผขู้ อรับใบอนุญาตตอ้ งย่ืนคำขอ พร้อมเอกสารเกี่ยวขอ้ ง ดงั นี้ แผนผังบรเิ วณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน ตามทรี่ ะบไุ ว้ในแบบ ข.1 จำนวนหา้ ชดุ เจ้าพนกั งานทอ้ งถน่ิ จะประกาศกำหนดให้ผขู้ อรับใบอนญุ าตตอ้ งแนบเอกสารดงั กลา่ วมากกว่าหา้ ชุดก็ได้ แต่ ตอ้ งไมเ่ กนิ เจด็ ชดุ 32) แบบแปลน หมายความว่า ตอบ “แบบแปลน” หมายความวา่ แบบเพอื่ ประโยชน์ในการกอ่ สร้าง ดดั แปลง รอ้ื ถอน เคลือ่ นย้าย ใชห้ รอื เปลยี่ นการใชอ้ าคาร โดยมรี ูปแสดงรายละเอยี ดสว่ นสำคญั ขนาดเครือ่ งหมายวสั ดุ และการใช้สอยต่างๆ ของ อาคารอย่างชัดเจนพอทจี่ ะใช้ในการดำเนินการได้ 33) เจา้ พนักงานทอ้ งถิ่นต้องตรวจรายการคำนวณหรือไม่ ตอบ ไม่ต้อง ในกรณีท่ีแบบแปลนรายการประกอบแบบแปลน และรายการคำนวณทไี่ ด้ยื่นมาพรอ้ มกบั คำ ขอรบั ใบอนญุ าตกระทำโดยผู้ทไี่ ด้รบั ใบอนญุ าตใหเ้ ป็นผูป้ ระกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าดว้ ย วชิ าชพี วิศวกร ใหเ้ จ้าพนกั งานท้องถิน่ ตรวจพจิ ารณาแตเ่ ฉพาะในส่วนทีไ่ มเ่ ก่ยี วกบั รายการคำนวณ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook