Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การทำสวนไม้ผล _Final _17_10_2018

การทำสวนไม้ผล _Final _17_10_2018

Description: การทำสวนไม้ผล _Final _17_10_2018

Search

Read the Text Version

การทาํ สวนไม้ผล รองศาสตราจารยอ์ นุชา จนั ทรบรู ณ์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา น่าน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2561 ISBN : 978-616-361-604-3

การทําสวนไม้ผล รองศาสตราจารย์อนชุ า จนั ทรบูรณ์ สาขาวชิ าพชื ศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา น่าน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

(ก) คํานิยม ปัญหาน้ําทว่ ม และการเปล่ียนแปลงของอากาศ ที่นบั วนั จะทวีความรนุ แรงมากขึน้ ทําให้ กอ่ ปญั หาตอ่ วงการเกษตรของไทย ผลผลติ ทเ่ี สยี หายทงั้ พืชไร่และพชื สวนนับไมถ่ ้วน การจะหาหนงั สือดี ๆ สักเล่มหนึง่ เก่ียวกบั การทําสวนผลไม้ ทสี่ ามารถปลูกในฤดูกาล และสถานทีท่ ่ีเหมาะสม นา่ จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้อา่ นและผู้นําไปปฏบิ ัติ และอาจนาํ ไปทดแทนพชื ที่เสยี หายดงั กล่าวได้ ผมเปน็ คนชอบกินผลไม้ (บางชนดิ ) โดยเฉพาะผลไม้ทไี่ มต่ อ้ งปอกเปลือก เพราะเช่ือว่ามี คุณค่าทางโภชนาการทางอาหาร มวี ติ ามนิ ทเ่ี ป็นประโยชน์ มีอนมุ ูลอสิ ระในการต้านโรคต่าง ๆ โดย ชาวบ้านมักรูค้ ุณคา่ ของผลไม้ และนําไปใชป้ ระโยชน์ในการรกั ษา (อยา่ งน้อยเขาบอกวา่ ลดการกนิ แป้งได้ จะได้มีนํา้ หนกั ทีไ่ ม่มากเกินไป) บางครัง้ นอกจากผลแล้ว สว่ นอน่ื ๆ ยงั จะเป็นประโยชน์ เชน่ เปลอื ก ต้น ราก ใบ ดอก เป็นต้น นอกจากนี้ แล้วยงั นาํ รายได้มหาศาลจากการสง่ ออกไปต่างประเทศ และเปน็ ท่ี นยิ ม อาทเิ ช่น มะมว่ ง มังคุด ทเุ รียน หรอื แมแ้ ตก่ ลว้ ยหอม ประเทศไทยมีแหลง่ ปลกู ผลไมท้ ่ัวประเทศ และตลอดทง้ั ปี จงึ สามารถบรโิ ภคผลไมไ้ ดต้ ลอดปี ผิดกับบางประเทศที่ไดก้ นิ ผลไมเ้ ป็นบางช่วงเวลา เพราะ หนาวไป หรือรอ้ นเกนิ ไป ตลอดจนผลไมส้ ามารถปลูกได้ในทุกภาคของประเทศไทย อกี ดว้ ย ผมขอแสดงความชื่นชมกับ หนังสือ การทาํ สวนไม้ผล โดย รองศาสตราจารย์ ดร. อนชุ า จันทรบูรณ์ (อาจารย์ชา้ ง) จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าช มงคลล้านนา นา่ น ทไ่ี ด้ถ่ายทอดความรู้ท่ไี ด้มาจากประสบการณ์จริงในการทํางานตลอด 31 ปี ผมมัน่ ใจ ว่า หนงั สอื เล่มน้ี จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ วงการวชิ าการของไทย และประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยอยา่ งแน่นอน ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. มงคล เตชะกําพุ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย

(ข) คํานาํ ผู้เขยี นไดเ้ ขียนหนังสอื “การทําสวนไม้ผล” เล่มนี้ จากประสบการณข์ องผูเ้ ขียนทไ่ี ดเ้ คย ศึกษาในสาขาไมผ้ ล คณะผลติ กรรมการเกษตร สถาบนั เทคโนโลยีการเกษตรแมโ่ จ้ (มหาวิทยาลยั แม่โจ้ ในปจั จบุ ัน) เมอื่ 32 ปที ีแ่ ล้ว และตอ่ มาได้มโี อกาสบรรจเุ ขา้ รบั ราชการเป็นอาจารยใ์ นมหาวทิ ยาลัย และได้ สอนนกั ศกึ ษาทางดา้ นพืชศาสตร์ (ไมผ้ ล) มาโดยตลอด จงึ เป็นประสบการณท์ ส่ี ง่ั สม อกี ทัง้ ยังได้ทําการ ศกึ ษาคน้ คว้า ได้รบั จากการฝึกอบรม สมั มนา และได้นําไปใช้ในการสอนนักศกึ ษา ตั้งแต่ปี 2534 จนถึง ปัจจบุ นั โดยได้มกี ารปรับปรุงแก้ไขเนอ้ื หาสาระ ให้เหมาะสมกับสภาพเหตกุ ารณ์ของบ้านเมือง จนเชอื่ ได้ วา่ หนังสือเลม่ นีม้ ปี ระสิทธภิ าพ ประสทิ ธิผล ให้ผทู้ ต่ี ้องการศกึ ษาคน้ ควา้ ไดพ้ ัฒนาความรู้ ความสามารถ ของตนเองอยา่ งมรี ะบบ สร้างความมนั่ ใจใหก้ บั ตนเองในการประกอบอาชพี การทําสวนไมผ้ ล หนังสือการทาํ สวนไม้ผล เลม่ น้ี มโี อกาสได้รบั การช้แี นะ จากผทู้ รงคณุ วุฒทิ างดา้ นไม้ผล หลายทา่ น และผูเ้ ขียนไดท้ าํ การปรับปรงุ แก้ไข ตามที่ผทู้ รงคณุ วุฒทิ ไ่ี ดใ้ ห้ข้อสงั เกตไว้ ดงั นั้น ผู้เขียนจึง ขอขอบพระคณุ เป็นอยา่ งสงู มา ณ โอกาสนี้ อย่างไรกต็ าม หนงั สอื เล่มนี้ อาจจะยงั มีข้อบกพรอ่ งอยู่บ้าง ถ้าหากได้รับคาํ ชีแ้ นะจากท่านผ้อู า่ น และได้รบั การแกไ้ ขปรับปรุง กจ็ ะทําให้หนงั สือเล่มนี้มคี วามสมบรู ณ์ มากยิ่งขนึ้ ผเู้ ขียนขอน้อมรับความผดิ พลาด และยินดีเป็นอย่างยิง่ ทจี่ ะไดร้ บั คําช้ีแนะจากทา่ น จงึ ขอ ขอบพระคณุ เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ รองศาสตราจารยอ์ นุชา จนั ทรบรู ณ์ 5 กันยายน 2561

สารบาญ (ค) เร่ือง หน้า คาํ นยิ ม ก คํานํา ข สารบาญ ค สารบาญภาพ ง สารบาญตาราง ฌ เน้ือหาสาระ 1 บทท่ี 1 ความหมาย ความสําคัญ และ แหลง่ ปลกู ไม้ผลทสี่ าํ คญั ของไทย 1 1.1 ความหมายของไมผ้ ล 5 1.2 ความสําคญั ของไม้ผล 13 1.2 แหล่งปลูกไมผ้ ลทส่ี าํ คญั ของไทย 1.3 ลกั ษณะประจําพันธ์ขุ องไมผ้ ล 42 45 บทท่ี 2 สภาพแวดล้อม และปัจจัยทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของไมผ้ ล 2.1 สภาพแวดล้อมทีม่ อี ทิ ธิพลต่อการเจริญเติบโตของไม้ผล 56 2.2 ปจั จยั ท่มี อี ิทธิพลต่อการเจรญิ เตบิ โตของไมผ้ ล 60 70 บทที่ 3 การสรา้ งสวนไมผ้ ล 76 3.1 การสํารวจตลาดผลไม้ และประเภทของการทาํ สวนไม้ผล 3.2 หลักพิจารณาในการเลอื กพ้ืนทปี่ ลกู ไมผ้ ล 85 3.3 การวางผังปลกู ไมผ้ ล 88 3.4 การเตรยี มกิ่งพนั ธแ์ุ ละการปลกู ไมผ้ ล 97 107 บทที่ 4 การดแู ลรักษาไม้ผล 111 4.1 การให้นํ้าไม้ผล 122 4.2 การให้ป๋ยุ ไมผ้ ล 4.3 การตดั แตง่ กิ่งไมผ้ ล 4.4 การจัดการดินในสวนไมผ้ ล 4.5 การป้องกนั กาํ จดั ศัตรูไมผ้ ล 4.6 ระบบจัดการคณุ ภาพ

สารบาญ (ตอ่ ) (ง) เรื่อง หนา้ บทที่ 5 การออกดอกติดผลของไม้ผล 141 5.1 ความหมายและความสาํ คญั ของการออกดอกติดผล 148 5.2 ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การออกดอกตดิ ผล 161 5.3 การเจรญิ เติบโตและการพัฒนาของผล บทที่ 6 การเก็บเกย่ี วและวทิ ยาการหลังการเก็บเกี่ยวไมผ้ ล 172 6.1 ความหมายและความสาํ คัญของการเก็บเก่ียว 184 6.2 อุปกรณแ์ ละวธิ ีการเกบ็ เก่ยี ว 192 6.3 วิทยาการหลงั การเกบ็ เกยี่ ว บทท่ี 7 การตลาดและวิธกี ารจําหนา่ ยผลไม้ 202 7.1 ความหมายและความสําคญั ของการตลาดผลไม้ 215 7.2 วิธกี ารจําหนา่ ยและปัญหาการตลาดผลไม้ 231 ดชั นี

สารบาญภาพ (จ) ภาพที่ หน้า ภาพที่ 1 แสดงกล้วยไข่ 6 ภาพที่ 2 แสดงกลว้ ยน้ําว้า 6 ภาพที่ 3 แสดงกล้วยหอมทอง 6 ภาพท่ี 4 แสดงขนนุ 7 ภาพที่ 5 แสดงเงาะ 7 ภาพที่ 6 แสดงทเุ รียน 8 ภาพท่ี 7 แสดงนอ้ ยหนา่ 8 ภาพที่ 8 แสดงฝร่งั 8 ภาพท่ี 9 แสดงมะขาม 9 ภาพท่ี 10 แสดงมะปราง 9 ภาพท่ี 11 แสดงมะพร้าว 9 ภาพท่ี 12 แสดงมะมว่ ง 10 ภาพท่ี 13 แสดงมะละกอ 10 ภาพท่ี 14 แสดงมังคดุ 10 ภาพท่ี 15 แสดงลนิ้ จ่ี 11 ภาพท่ี 16 แสดงลางสาด 11 ภาพที่ 17 แสดงลําไย 11 ภาพที่ 18 แสดงส้มเขยี วหวาน 12 ภาพที่ 19 แสดงส้มโอ 12 ภาพที่ 20 แสดงกระทอ้ น 13 ภาพที่ 21 แสดงสบั ปะรด 13

สารบาญภาพ (ต่อ) (ฉ) ภาพที่ หนา้ ภาพท่ี 22 แสดงองุ่น 13 ภาพที่ 23 แสดงทเุ รยี นพนั ธุ์ก้านยาว 15 ภาพท่ี 24 แสดงทุเรียนพันธุ์ชะนี 15 ภาพท่ี 25 แสดงทุเรียนพนั ธุ์หมอนทอง 16 ภาพท่ี 26 แสดงทเุ รียนพันธุ์กระดุม 16 ภาพท่ี 27 แสดงมะม่วงพนั ธุ์แรด 19 ภาพที่ 28 แสดงมะมว่ งพนั ธุ์นาํ้ ดอกไม้ 19 ภาพที่ 29 แสดงมะมว่ งพนั ธ์ุเขยี วเสวย 19 ภาพที่ 30 แสดงมะม่วงพนั ธุ์โชคอนนั ต์ 19 ภาพที่ 31 แสดงกลว้ ยไข่ 28 ภาพท่ี 32 แสดงกล้วยนํา้ วา้ 21 ภาพที่ 33 แสดงกล้วยหอมเขียว 21 ภาพท่ี 34 แสดงกล้วยหอมทอง 21 ภาพที่ 35 แสดงกลว้ ยแกรนดเ์ นน 21 ภาพที่ 36 แสดงกลว้ ยนาํ้ ว้าเขยี ว 21 ภาพท่ี 37 แสดงเงาะสีชมพู 23 ภาพที่ 38 แสดงเงาะโรงเรยี น 23 ภาพที่ 39 แสดงลําไยพนั ธุอ์ ีดอ 24 ภาพท่ี 40 แสดงลาํ ไยพนั ธสุ์ ีชมพู 24 ภาพท่ี 41 แสดงลน้ิ จ่ีพันธ์ุค่อม 26 ภาพที่ 42 แสดงสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวยี 29 ภาพท่ี 43 แสดงสับปะรดพันธภ์ุ ูเก็ต 29

สารบาญภาพ (ตอ่ ) (ช) ภาพท่ี หน้า ภาพท่ี 44 แสดงนอ้ ยหนา่ ฝา้ ย 30 ภาพที่ 45 แสดงน้อยหนา่ หนัง 30 ภาพที่ 46 แสดงมงั คดุ 30 ภาพที่ 47 แสดงกระท้อนพันธเ์ุ ทพรส 32 ภาพที่ 48 แสดงกระท้อนพันธ์ุทบั ทมิ 32 ภาพที่ 49 แสดงกระท้อนพันธน์ุ ิม่ นวล 32 ภาพท่ี 50 แสดงส้มโอพันธุ์ขาวทองดี 35 ภาพที่ 51 แสดงสม้ โอพนั ธ์ขุ าวพวง 35 ภาพท่ี 52 แสดงมะขามพนั ธุ์สที อง 39 ภาพที่ 53 แสดงการเตรียมดิน 68 ภาพที่ 54 แสดงการวางระบบปลูกไม้ผลแบบส่เี หลีย่ มจัตุรสั 70 ภาพที่ 55 แสดงการวางระบบปลูกไมผ้ ลแบบสี่เหลีย่ มผนื ผา้ 71 ภาพท่ี 56 แสดงการวางระบบปลูกไม้ผลแบบสีเ่ หลีย่ มจัตุรสั ซ้อน 71 ภาพที่ 57 แสดงการวางระบบปลกู ไม้ผลแบบหกเหล่ียมด้านเทา่ 72 ภาพท่ี 58 แสดงการวางระบบปลูกไม้ผลแบบตามแนวระดบั 72 ภาพที่ 59 แสดงการเตรยี มกิ่งพนั ธ์ลุ ําไย 78 ภาพท่ี 60 แสดงขนาดของหลมุ และการแยกชั้นดนิ บนและดินล่าง 80 ภาพท่ี 61 แสดงการวางผังสวนสม้ แบบส่ีเหลี่ยมผืนผ้าของอาํ เภอฝาง จงั หวัดเชยี งใหม่ 82 ภาพท่ี 62 แสดงการให้นํ้าแบบหยด 87 ภาพท่ี 63 แสดงการใหน้ ํ้าแบบมินิสปริงเกอร์ 87 ภาพที่ 64 แสดงปุ๋ยอนิ ทรีย์นา้ํ เขม้ ข้น 94 ภาพท่ี 65 แสดงปุ๋ยอนิ ทรยี ์ 94

สารบาญภาพ (ตอ่ ) (ซ) หน้า ภาพที่ ภาพท่ี 66 แสดงการจัดทรงพุม่ ลําไยแบบครึ่งวงกลม 99 ภาพที่ 67 แสดงการจัดทรงพุม่ ลาํ ไยแบบเปิดกลางพมุ่ 99 ภาพที่ 68 แสดงการจดั ทรงพุ่มลาํ ไยแบบทรงแบน 99 ภาพที่ 69 แสดงการจดั ทรงพุ่มลําไยแบบสเี่ หล่ียม 100 ภาพท่ี 70 แสดงการจดั ทรงพุ่มของไมผ้ ลแบบต่าง ๆ 103 ภาพท่ี 71 แสดงการตดั แตง่ ทรงพุ่มลําไยอย่างหนัก 106 ภาพที่ 72 แสดงโรคผลแตกผลลายของลําไย 117 ภาพที่ 73 แสดงโรคราดําของลําไย 117 ภาพท่ี 74 แสดงเพลย้ี หอยสนี ้ําตาล 121 ภาพท่ี 75 แสดงเพลี้ยกระโดดแฟลติดสีเขยี ว 121 ภาพท่ี 76 แสดงเพลี้ยกระโดดแฟลตดิ สขี าว 121 ภาพท่ี 77 แสดงเพลี้ยแป้งและราดํา 121 ภาพท่ี 78 แสดงเพลยี้ หอย 122 ภาพท่ี 79 แสดงเพลีย้ หอยหลงั เต่า 122 ภาพที่ 80 แสดงการเตบิ โตของผลแบบซิกมอยดใ์ นแอปเปิล และแบบดบั เบลิ ซกิ มอยดใ์ นเชอรี่ 162 ภาพที่ 81 แสดงการเจริญเตบิ โตของผล และระยะต่าง ๆ ของการเจรญิ เตบิ โตของผล 163 ภาพท่ี 82 แสดงดอกส้มเขยี วหวานระยะดอกตูม 166 ภาพท่ี 83 แสดงดอกส้มเขยี วหวานระยะดอกบาน 166 ภาพที่ 84 แสดงดอกส้มเขียวหวานระยะดอกโรย 166 ภาพท่ี 85 แสดงผลส้มเขยี วหวานอายุ 100 – 150 วัน 166 ภาพท่ี 86 แสดงผลสม้ เขยี วหวานอายุ 5 – 7 เดอื น 166 ภาพท่ี 87 แสดงผลสม้ เขียวหวานอายุ 9 – 10 เดอื น 166

สารบาญภาพ (ต่อ) (ฌ) ภาพท่ี หน้า ภาพที่ 88 แสดงดอกต๋าวเพศเมยี 170 ภาพที่ 89 แสดงดอกต๋าวเพศเมยี ที่ได้รบั การผสมเกสร 1 สปั ดาห์ 170 ภาพที่ 90 แสดงผลต๋าวอายุ 3 เดอื น 170 ภาพที่ 91 แสดงผลต๋าวอายุ 14 – 18 เดือน 170 ภาพที่ 92 แสดงผลต๋าวอายุ 20 – 25 เดอื น 170 ภาพที่ 93 แสดงผลต๋าวอายุ 30 – 36 เดอื น 170 ภาพท่ี 94 แสดงการเกบ็ ลําไยต้นสงู 190 ภาพท่ี 95 แสดงการเก็บลําไยต้นเตีย้ 190 ภาพที่ 96 แสดงการตัดแตง่ ช่อผลลาํ ไยแลว้ ส่งโรงงาน 198 ภาพท่ี 97 แสดงการตัดแตง่ ผลเพ่อื สง่ ต่างประเทศ 198 ภาพที่ 98 แสดงการแตง่ ผลลําไย 198 ภาพท่ี 99 แสดงอปุ กรณใ์ นการแตง่ ผลลําไย 198 ภาพที่ 100 แสดงผลลาํ ไยทแ่ี ต่งเสร็จ 198 ภาพที 101 แสดงการนาํ ไปตรวจทีก่ รมวชิ าการเกษตร 198 ภาพที 102 แสดงการพรอ้ มนาํ เขา้ ตคู้ อนเทนเนอร์ 199 ภาพท่ี 103 แสดงการนําเรียงในตคู้ อนเทนเนอร์ 199 ภาพที่ 104 แสดงต้คู อนเทนเนอรอ์ ุณหภมู ิ – 0.6 o C 199 ภาพท่ี 105 แสดงการปิดผนกึ ตโู้ ดยเจ้าหน้าทก่ี รมวชิ าการเกษตร 199 ภาพที่ 106 แสดงวถิ ีการตลาดของลําไย 217 ภาพท่ี 107 แสดงระบบสนิ คา้ เกษตรของไทย 220 ภาพที่ 108 - 114 แสดงงานประชาสมั พันธเ์ ทศกาลผลไม้ไทยในต่างประเทศ 222-223

สารบาญตาราง (ญ) ตารางที่ หน้า 2 ตารางท่ี 1 แสดงสถติ สิ ง่ ออกผลไม้สดของไทยไปตะวันออกกลาง ปี 2559 121 ตารางท่ี 2 หนา้ ท่ีสําคัญของธาตอุ าหารพืช และลกั ษณะอาการของการขาด 116 149 ธาตุอาหารของไม้ผล 231 ตารางที่ 3 แสดงตัวอย่างโรคพืชท่เี กิดจากเชอื้ ชนดิ ต่าง ๆ ตารางที่ 4 แสดงอทิ ธพิ ลของความแตกต่างของคารโ์ บไฮเดรต และไนโตรเจน ในเน้อื เย่ือของพชื ตอ่ การเจริญเตบิ โต การออกดอกและติดผล ดชั นี

บทท่ี 1 ความหมาย ความสําคญั และลักษณะประจาํ พนั ธขุ์ องไมผ้ ล บทนํา ในปจั จบุ ันต้องยอมรบั ว่าผลไม้ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจาํ วันของมนุษย์ ผลไมเ้ ปน็ พืช ท่ีมีสารอาหารหลายอยา่ งเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ คารโ์ บไฮเดรท โปรตีน เยื่อใย ไขมัน เกลอื แร่ และ ไวตามนิ ต่าง ๆ หลายชนดิ ผ้ทู ่ีประกอบอาชีพในการทําสวนไมผ้ ลสามารถสร้างรายไดใ้ หก้ บั ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศชาติ อกี ทงั้ การสรา้ งสวนไม้ผล เปน็ การสรา้ งพ้นื ทส่ี เี ขียวทดแทนพ้นื ทีป่ ่าท่ีถูกบกุ รุก จงึ ชว่ ยทําให้เกิดความสมดลุ ทางธรรมชาติ ส่งผลถึงความย่ังยนื ในการประกอบอาชพี ของเกษตรกรอีกทาง หน่งึ อาจกล่าวไดว้ ่า ไมผ้ ลมคี วามสาํ คัญต่อมวลมนษุ ยชาติทที่ ุกคนไมอ่ าจปฏิเสธได้ 1.1 ความหมายของไม้ผล ยังมคี วามสบั สนระหว่างคําว่า ผลไม้ (fruit) กับคาํ ว่า ไม้ผล (pomology) ดังน้ัน จงึ อธิบายในรายละเอยี ด ดังนี้ คําวา่ ผลไม้ เปน็ คํานาม ใชเ้ รียกชือ่ พชื ท่ใี หผ้ ลเป็นผลผลิต เชน่ มะม่วง กล้วย มะพร้าว ลําไย มะขาม ฯลฯ ซึง่ มักจะมองเฉพาะสว่ นของ ผล หวี ทะลาย พวง ฝกั เปน็ หลกั เท่านั้น สว่ นคาํ ว่า ไม้ผล จะมองในมมุ ท่ีกวา้ งกวา่ ผลไม้ ซงึ่ จะใชก้ ับ การผลติ การสร้างสวน การดูแล รกั ษา การออกดอกติดผล ซงึ่ ผลของพืชยังคงตดิ อยบู่ นต้นแม่ คาํ เหลา่ นีจ้ ะต่อด้วยคาํ ว่า ไมผ้ ล หาก ทาํ การเกบ็ เก่ยี วแลว้ ผลท่ีไดม้ าจะเรียกว่า ผลไม้ ดงั นัน้ เมอื่ พจิ ารณาแล้วจะเห็นวา่ ผลไมเ้ ป็นเพียงส่วน หนง่ึ ของไมผ้ ล นัน่ เอง หากศึกษาคาํ ศพั ทจ์ ากพจนานกุ รม แล้วพบว่า คาํ วา่ ผล มีความหมายว่า ลกู ไม้ หรอื ผล ของต้นไม้ (มานติ , 2539) และคาํ วา่ ไม้ มีความหมายว่า สิง่ ทงี่ อกขึน้ จากตน้ มีราก ลาํ ตน้ มีกิง่ ก้าน และ ใบ เน้อื ของมันใชท้ ําส่ิงของตา่ ง ๆ ได้ ซง่ึ สว่ นมากได้จากชนิดต้นใหญ่ (ราชบัณฑิตยสถาน, 2526) เมื่อ รวมกนั เปน็ คาํ ว่า ผลไม้ แล้ว จึงมีความหมายเป็น ผลของตน้ ไม้ ส่วนคําวา่ ไม้ผล (pomology) ราชบณั ฑิตยสถาน (2541) ใหค้ วามหมายคาํ ว่า pomology คือ วิทยาไม้ผล หรือ วิชาที่ว่าด้วยไมผ้ ล ซง่ึ วิจติ ร (2511) และ อนชุ า (2534) ไดใ้ หท้ ม่ี าของคําวา่ pomology ประกอบด้วยคาํ 2 คํา คอื pomum เป็นภาษาละติน แปลวา่ ผลไม้ กบั คําว่า logos เปน็ ภาษากรีก แปลวา่ วชิ า เมอื่ รวมกนั จึงเป็น คําวา่ pomology หมายถงึ วชิ าทีว่ ่าด้วยผลไม้ 1.2 ความสาํ คญั ของไมผ้ ล ท่ไี ด้กลา่ วมาแลว้ ในบทนาํ ถงึ ความสําคญั ของไมผ้ ล ซึ่งไมผ้ ลมคี วามสาํ คญั อยู่ 5 ประการ ซึง่ อธิบายโดยละเอียด ดังน้ี (อนชุ า, 2534)

2 ความหมาย ความสาํ คัญ และ แหลง่ ปลกู ไม้ผลทสี่ าํ คญั ของไทย 1. ความสาํ คญั ในทางเศรษฐกิจ ในปจั จุบนั ประเทศไทยสามารถส่งออกผลไมไ้ ปยงั ต่างประเทศ สามารถสรา้ ง รายได้เขา้ ส่ปู ระเทศเป็นจาํ นวนมาก ตวั อย่างเชน่ ประเทศไทยไดส้ ่งออกผลไม้สดไปยังประเทศในแถบ ตะวนั ออกกลาง ในปี 2559 สง่ ออกผลไม้ได้จาํ นวน 3,575.85 ตนั รวมมลู ค่า 365.09 ล้านบาท (ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร, 2561) โดยมีรายละเอียดของปรมิ าณ และมูลค่าการสง่ ออก ผลไม้สด ปี 2559 แสดงใน ตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 แสดงสถติ สิ ่งออกผลไมส้ ดของไทยไปตะวันออกกลาง ปี 2559 2. ความสาํ คญั ทางดา้ นสังคม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วัฒนธรรม เม่ือพจิ ารณาพ้ืนท่ีจากบริเวณท่เี ส้นรงุ้ สูง ๆ ลงไปสบู่ ริเวณเสน้ ศนู ย์สูตร ไมต้ ้น (ไม้ผล) มีความสําคัญทางอาหารมากข้ึน โดยในเขตหนาวพืชปีเดียวจะมีความสําคญั เกยี่ วกบั อาหารหลกั แตใ่ นเขตใกลเ้ ส้นศูนยส์ ูตรอาหารของประชากรสว่ นหนึ่งไดม้ าจากไมต้ น้ ดังนัน้ เมือ่ พิจารณาแล้ว ไม้ผล จึงมคี วามสัมพนั ธก์ บั ขนบธรรมเนยี ม และ ประเพณีของพื้นบ้านในภมู ิภาคอยา่ งใกล้ชดิ (Cannell, 1989) นอกจากนี้ ผลไมย้ ังมสี ว่ นเก่ียวข้องกับพธิ กี รรมทาง ศาสนา ประเพณี วฒั นธรรม และ ความเชือ่ ของคน

ความหมาย ความสาํ คญั และ แหล่งปลูกไมผ้ ลทสี่ าํ คญั ของไทย 3 ไทย เชน่ ชาวสวนนยิ มนาํ ผลไมท้ ใ่ี หผ้ ลในคราวแรกไปถวายพระเพ่อื เปน็ ศิริมงคล ในพิธีสารทไทยจะนํา กล้วยไข่ไปถวายพระพร้อม ๆ กบั กระยาสารท ในงานศพนิยมนาํ น้าํ มะพรา้ วล้างหน้าศพเพอ่ื ความบริสทุ ธิ์ ของผูต้ าย หรือมีการปลูกไมผ้ ลตามบา้ นเพ่อื ทาํ ให้เกิดศริ มิ งคล เชน่ ปลกู มะยมเพ่อื ใหค้ นนยิ มยกยอ่ ง ปลกู ขนุนเพอื่ จะมีผสู้ นบั สนนุ (ระพพี รรณ, 2544) และหากพจิ ารณาเฉพาะพน้ื ที่ท่มี ีการทาํ สวนไมผ้ ล จะพบว่า สวนไม้ผลจํานวนมาก กต็ อ้ งการแรงงานในการทําสวนตลอดท้งั ปมี ากขึ้นตามกนั จงึ เป็นเหตใุ หเ้ กดิ การ สร้างงานในชุมชนข้ึน ชาวบ้านก็มงี านทาํ และเปน็ งานท่ตี ้องทําในพ้นื ท่ีชมุ ชน จงึ ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาการ อพยพแรงงาน ครอบครัวไมแ่ ตกแยก ทาํ ให้เกิดผลดหี ลาย ๆ ดา้ นต่อครอบครัว และสังคมสว่ นรวม (อนชุ า, 2534) 3. ความสาํ คญั ต่อสงิ่ แวดลอ้ ม และระบบนิเวศวทิ ยา ไมผ้ ลส่วนใหญเ่ ปน็ พืชมอี ายหุ ลายปี มขี นาดใหญ่ ทําใหม้ ีส่วนสําคญั ในการ อนุรักษส์ ่งิ แวดล้อม และไมผ้ ลเหลา่ นี้มคี วามสาํ คัญในการปรบั ปรงุ สภาพแวดลอ้ มในบริเวณใกล้เคียง ให้ ร่มเงาแกม่ นษุ ย์ สตั ว์ และไม้อ่นื ๆ มสี ว่ นชว่ ยในการป้องกันนาํ้ กัดเซาะดิน และใช้ประโยชนจ์ ากธาตุ อาหารในดนิ ที่อยใู่ นระดบั ลกึ ๆ ลงไป ทาํ ให้เกดิ การหมนุ เวียนนํา้ และธาตอุ าหารของพชื ท่อี ยูใ่ นระดบั ลกึ เกินกว่าพืชท่ีมีอายุปเี ดียวจะนําเอามาใช้ประโยชนไ์ ด้ (สถาบันวจิ ัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศ ไทย, 2544) หากมองอกี ด้านหนึง่ โดยเฉพาะพืน้ ท่ีท่มี กี ารทาํ ไร่เลอ่ื นลอย พน้ื ทเ่ี หลา่ น้ี หากเปล่ียนเป็น สวนไม้ผลแล้ว จะเปน็ การเพิ่มพนื้ ที่สเี ขียวของพ้ืนโลก ซง่ึ เปรยี บเสมือนเปน็ การต้ังโรงงานสรา้ งออกซเิ จน ให้กับโลกอีกวิธหี นึ่ง กอ่ ให้เกดิ ความสมบรู ณ์ของระบบนเิ วศวทิ ยาต่อไป 4. ความสาํ คญั ดา้ นโภชนาการ และคณุ คา่ ทางอาหาร ผลไม้จดั ว่าเปน็ แหลง่ โภชนาการที่สาํ คญั ยิง่ อยา่ งหนง่ึ โดยผลไม้ประกอบดว้ ย ธาตุอาหารต่าง ๆ หลายอย่าง ดังนี้ คารโ์ บไฮเดรท มมี ากใน กลว้ ย ทุเรยี น น้อยหน่า นอ้ ยโหนง่ ขนนุ โปรตนี มมี ากใน มะขามเทศ สาเก มะละกอดบิ มะขามอ่อน ทเุ รยี น กล้วย ขนนุ น้อยโหน่ง ธาตุแคลเซยี ม มมี ากใน มะขามออ่ น มะขามเปียก นอ้ ยโหนง่ มะขามปอ้ ม มะละกอดิบ เลมอน สม้ เกลย้ี ง ส้มเขยี วหวาน สม้ จีน พทุ รา แตงไทย ชมพู่ ธาตฟุ อสฟอรัส มีมากใน มะขามออ่ น ทุเรยี น ทับทิม ลนิ้ จ่ี น้อยหนา่ มะขามเทศ ฝรั่ง พทุ รา ธาตุเหลก็ มมี ากใน มะมว่ งดิบ ฝรงั่ มะละกอสกุ สาเก มะขามป้อม ชมพู่ ลางสาด ขนนุ มะเฟือง วิตามินเอ มีมากใน มะมว่ งสกุ มะละกอ กล้วย แตงไทย แตงโม ส้มตา่ ง ๆ วิตามนิ ซี มมี ากใน มะขามปอ้ ม ฝร่ัง มะละกอสกุ สม้ โอ สาเก มะนาว สม้ ตา่ ง ๆ

4 ความหมาย ความสําคัญ และ แหลง่ ปลูกไมผ้ ลทส่ี ําคญั ของไทย ดังน้ัน จะเหน็ ไดว้ ่า หากรา่ งกายไดร้ ับประทานผลไม้เปน็ ประจาํ ตลอดท้งั ปแี ล้ว ร่างกาย จะไดร้ บั ประโยชน์จากแรธ่ าตุ วิตามนิ ต่าง ๆ โดยครบถ้วน ยอ่ มทาํ ใหร้ ่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ (อนุชา, 2534) 5. ความสาํ คญั ทางดา้ นจติ ใจ ในบรรดาอาชีพด้านการเกษตร ถอื ไดว้ ่า ไมม่ กี ารเกษตรชนิดใดท่ีใหค้ วามสงบ และความมน่ั คงของชีวิตเทา่ กับการทาํ สวนไม้ผล ซง่ึ นอกเหนือจากบรรยากาศในสวนไมผ้ ลท่ี ร่มรนื่ แลว้ ในขณะทีไ่ มผ้ ลออกดอก และติดผลเต็มตน้ จะเป็นภาพท่นี ่าประทบั ใจ ทาํ ให้เจ้าของสวนเกิดความสุข และ จะเป็นส่ิงที่กระตนุ้ ให้เกษตรกรกระตอื รอื รน้ ทจี่ ะประกอบการงานใหด้ ีย่งิ ขน้ึ ต่อไป และนอกจากน้ี จาก การท่รี ูปทรงของต้นไม้ผลที่มรี ปู ร่างและขนาดทรงตน้ ท่ีตา่ งกันออกไป จะทาํ ให้เจ้าของสวนเกิดความสนใจ ในรูปรา่ ง รปู ทรงทต่ี ่างกนั น้ี กอ่ ใหเ้ กดิ การคลายความตึงเครียดไดอ้ กี ประการหน่งึ ซ่งึ ทั้งหมดทีไ่ ด้กลา่ วมา น้ีจะเปน็ ความสําคัญของไมผ้ ลทางด้านจิตใจ การปลกู ไม้ผล การปลูกไม้ผล เช่ือกันว่า มีประวัติความเป็นมาต้ังแต่ยุคแรก มนุษย์รู้จักการทํา การเกษตร และไม่มีหลักฐานช้ีชัดว่าเริ่มมีการทําสวนไม้ผลครั้งแรกเม่ือใด ซึ่งแรกเร่ิมมนุษย์สมัยถํ้า มีการ ออกหากิน ล่าสัตว์ หาหัวเผือกหัวมัน และผลไม้ป่ามารับประทาน เม่ือเหลือส่วนของเมล็ดจึงท้ิงไว้บริเวณ นอกถ้ํา เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม เมล็ดพืชเหล่าน้ันได้งอกขึ้นมา และมนุษย์จึงได้ทําการเลียนแบบ ธรรมชาตดิ ว้ ยการเพาะเมลด็ จนเกดิ การเพาะปลูกพืชผลในทส่ี ุด จากประวัติในการทําสวนไม้ผลที่ได้มีการจดบันทึก ว่าในประเทศอิรัก ประมาณ 3,500 ปีก่อนศริสต์ศักราช พบว่า ในหลุมศพของราชวงค์อูร (Ur) มีรวงข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์ และ ผลทับทิมอยู่ ซง่ึ ถือไดว้ า่ ทับทิมอาจเปน็ ไม้ผลท่ีมนุษย์รู้จักปลูกมาก่อนไม้ผลอ่ืน ๆ แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในด้าน ศาสนาแล้ว พบว่า ในประเทศอียิปต์ มีการกล่าวถึงการปลูกไม้ผลมานานกว่า 7,000 ปีก่อนศริสต์ศักราช (สัมฤทธิ์, 2527) ในยุโรปปรากฏหลกั ฐานว่า มกี ารปลูกแอปเปิล สาล่ี ทับทิม มะเดื่อฝร่ัง และ มะกอกฝร่ัง ในแทบทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียน มาก่อนศรสิ ต์ศักราชราว 1,300 ปี ในยุคโรมันเรืองอํานาจ ชาวโรมันได้รวบรวมไม้ผลชนิดต่าง ๆ มาปลูกไว้ในอาณาจักร เช่น มะเด่ือฝร่ัง อัลมอนด์ อะพริคอท และไม้ผลอื่น ๆ และเสาะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับการปลูกไม้ผลไว้ อย่างมากมาย ตามหลกั ฐานของบทบัญญัตศิ าสนายวิ กลา่ วถึง ชาวเฮบบรวิ ว่า ปลกู องนุ่ และ มะเดื่อ ฝรั่ง มากกว่า 1,000 ปี ก่อนศริสตศ์ กั ราช (สมั ฤทธ,์ิ 2527)

ความหมาย ความสาํ คญั และ แหล่งปลูกไมผ้ ลทส่ี าํ คญั ของไทย 5 ชาวจีนเป็นชนชาติหน่ึงที่มีการทําสวนไม้ผลมาช้านาน จากหลักฐานทราบว่า ชาวจีน รู้จักจากคัดเลือกพันธ์ุไม้ผล เช่น ล้ินจ่ี และ ส้มชนิดต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลานานแล้ว ความรู้เกี่ยวกับพืช สวนได้ถูกถ่ายทอดมาเป็นบทกวีมานานกว่า 4,000 ปี และตําราเกี่ยวกับการปลูกลิ้นจี่ได้ปรากฏเป็น หลกั ฐานข้นึ ในปี ค.ศ. 1056 ซ่ึงกลา่ วกนั วา่ ตาํ ราเล่มน้ี เป็นตาํ ราเกย่ี วกบั การปลูกไมผ้ ลเล่มแรกของจีน ในประเทศอินเดีย ได้มีการบันทึกเป็นภาษาสันสกฤต เก่ียวกับการทําสวนไม้ผล ว่า การ ปลูกไม้ผล เช่น ขนุน มะม่วง มะนาว พุทรา มะเดื่อฝรั่ง กล้วย องุ่น ส้มเกลี้ยง น้อยหน่า อินทผาลัม และ มะพร้าว มาต้ังแต่ก่อนสมัยพุทธกาล นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์ ชาวจีนช่ือ Yuan Chwang (AD 629 – 645) (อา้ งโดย สัมฤทธ์ิ, 2527) อนิ เดียในสมัยนนั้ ไดป้ ลูกไมผ้ ลไวอ้ ีกหลายชนิด เชน่ มะม่วง มะขาม พุทรา มะขวิด มะขามป้อม กล้วย มะพร้าว และขนุน และยังได้บันทึกว่า ได้พบเห็นการปลูกทับทิม และ ส้ม เกลีย้ ง อยู่ทวั่ ไป นอกจากน้ียงั มกี ารปลกู สาล่ี ทอ้ พลมั อะพรคิ อท และ องุน่ อยู่บา้ งในแคว้นแคชเมียร์ แหล่งอารยธรรมในทวีปอเมริกาใต้ มีการพัฒนาการปลูกไม้ผลมาทีหลังกว่าแหล่งอารย ธรรมในทวีปยุโรปและเอเชีย (สัมฤทธ์ิ, 2527) แต่แหล่งน้ีแตกต่างจากแหล่งอื่นกล่าวคือ เป็นแหล่งกําเนิด ของไมผ้ ลท่ีสําคัญของโลก หลายชนิด ได้แก่ อาโวกาโด มะละกอ ฝรั่ง และน้อยหน่า ซึ่ง ไม้ผลเหล่าน้ีบาง ชนิด ได้ทําการคัดเลือกพันธ์ุไว้แล้วก่อนท่ีชาวยุโรป จะอพยพเข้าไปตั้งถ่ินฐาน แต่ไม่มีการบันทึกไว้เป็น หลกั ฐานจึงเป็นสิ่งท่นี า่ เสยี ดาย ต้ังแต่ที่โคลัมบัสพบทวีปอเมริกา ก็เร่ิมเข้าสู่ยุคแห่งการพัฒนาของการทําสวนไม้ผล ซึ่ง ตั้งแต่บัดนนั้ ไดม้ กี ารแลกเปลย่ี นความรู้ ชนิด และ พนั ธไ์ุ ม้ผล กม็ ีการกระจายไปทวั่ โลก (อนุชา, 2534) 1.3 แหลง่ ปลกู ไมผ้ ลทส่ี าํ คญั ในไทย ประเทศไทยมีภูมิประเทศต้ังอยู่ในระหว่างเขตร้อนต่อกับเขตกึ่งร้อนของโลก ดังน้ัน จึงมี ความหลากหลายในชนิดและพันธ์ุของไม้ผล จึงมีจังหวัดต่าง ๆ ท่ีเป็นแหล่งปลูกผลไม้ท่ีสําคัญ ๆ หลาย ๆ ชนิด ไดแ้ ก่ (กรมสง่ เสริมการเกษตร, 2548 และ อนุชา, 2534) 1. กลว้ ยไข่ แหล่งปลูกทสี่ ําคัญได้แก่ ภาคเหนอื กาํ แพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงราย ภาคตะวันตก กาญจนบรุ ี เพชรบรุ ี ราชบุรี สมทุ รสาคร ภาคตะวนั ออก จันทบุรี ภาคใต้ ชมุ พร สรุ าษฎรธ์ านี ภาคตะวันเฉยี งเหนือ บุรรี ัมย์ ศรีสะเกษ หนองคาย 2. กลว้ ยนํา้ ว้า แหลง่ ปลกู ทสี่ ําคญั ได้แก่ ชุมพร เลย ระนอง นครราชสีมา และ หนองคาย

6 ความหมาย ความสําคญั และ แหลง่ ปลูกไมผ้ ลทส่ี ําคญั ของไทย 3. กลว้ ยหอม แหล่งปลกู ทส่ี าํ คญั ไดแ้ ก่ ภาคเหนอื พิจติ ร เพชรบูรณ์ ภาคตะวันตก ประจวบคีรขี นั ธ์ ราชบุรี ภาคใต้ ชมุ พร นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส ภาคตะวนั เฉยี งเหนอื ขอนแกน่ ชยั ภมู ิ นครพนม นครราชสมี า บรุ รี ัมย์ หนองคาย อดุ รธานี ภาพท่ี 1 กล้วยไข่ ภาพที่ 2 กลว้ ยนา้ํ วา้ ภาพท่ี 3 กลว้ ยหอมทอง 4. กาแฟ แหล่งปลกู ท่ีสาํ คัญ ได้แก่ ภาคเหนือ เชยี งใหม่ เชียงราย น่าน ภาคตะวันออก จันทบุรี ภาคใต้ สงขลา ยะลา สตลู 5. ขนุน แหล่งปลกู ทีส่ ําคัญ ไดแ้ ก่ ภาคตะวันออก ชลบรุ ี ปราจีนบรุ ี ภาคตะวนั ตก ประจวบคีรขี ันธ์ กาญจนบรุ ี เพชรบุรี ภาคใต้ สงขลา ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา 6. เงาะ แหลง่ ปลูกท่สี าํ คญั ไดแ้ ก่ ภาคตะวันออก ระยอง ตราด จนั ทบุรี ภาคใต้ สรุ าษฎรธ์ านี ชุมพร นครศรธี รรมราช

ความหมาย ความสาํ คญั และ แหล่งปลูกไมผ้ ลทส่ี ําคญั ของไทย 7 7. ต๋าวแหล่งปลูกที่สาํ คัญ ไดแ้ ก่ นา่ น อุตรดิตถ์ กาญจนบุรี สรุ าษฎร์ธานี 8. ตาล แหล่งปลูกทสี่ าํ คญั ไดแ้ ก่ เพชรบุรี ราชบรุ ี นครปฐม สงิ หบ์ รุ ี อา่ งทอง สระบรุ ี นครราชสีมา นนทบุรี 9. ทบั ทมิ แหล่งปลูกทส่ี ําคญั ไดแ้ ก่ สระบุรี นครราชสีมา นนทบรุ ี ภาพท่ี 4 ขนนุ ภาพท่ี 5 เงาะ 10. ทุเรยี น แหล่งปลูกทสี่ าํ คัญ ได้แก่ ภาคเหนือ อุตรดิตถ์ สโุ ขทัย ภาคตะวันออก จันทบรุ ี ระยอง ตราด ปราจีนบุรี ภาคใต้ ชมุ พร นครศรีธรรมราช สงขลา สรุ าษฎร์ธานี ภูเกต็ ตรัง ระนอง กระบี่ นราธิวาส ปัตตานี พังงา ยะลา สตลู 11. น้อยหนา่ แหล่งปลกู ท่ีสําคญั ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภมู ิ เพชรบูรณ์ มหาสารคาม สระบรุ ี นครปฐม ร้อยเอ็ด 12. ฝร่งั แหล่งปลกู ทีส่ ําคัญ ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี สมทุ รสาคร ชลบุรี 13. พทุ รา แหล่งปลกู ที่สําคญั ได้แก่ ภาคเหนอื แพร่ สุโขทยั นครสวรรค์ ภาคตะวันออก ระยอง ภาคตะวนั ตก นครปฐม ราชบรุ ี สมุทรสงคราม

8 ความหมาย ความสําคัญ และ แหลง่ ปลูกไมผ้ ลทสี่ ําคัญของไทย ภาคกลาง พระนครศรีอยุธยา ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ชยั ภมู ิ ร้อยเอ็ด นครพนม มหาสารคาม ภาพท่ี 6 ทเุ รียน ภาพท่ี 7 น้อยหน่า ภาพท่ี 8 ฝร่งั 14. มะขามหวาน แหลง่ ปลกู ท่สี ําคัญ ไดแ้ ก่ ภาคเหนือ เพชรบรู ณ์ แพร่ น่าน ลาํ ปาง พิษณุโลก อุตรดิตถ์ พะเยา ภาคตะวนั ออก จันทบุรี สระแก้ว ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เลย มกุ ดาหาร นครราชสมี า ชยั ภูมิ อุบลราชธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม อดุ รธานี ขอนแกน่ หนองบวั ลําภู อาํ นาจเจรญิ 15. มะนาว แหลง่ ปลูกทสี่ ําคญั ไดแ้ ก่ ภาคเหนอื เชียงใหม่ ภาคตะวันตก เพชรบุรี นครปฐม สมุทรสาคร กาญจนบรุ ี ภาคใต้ สุราษฏรธ์ านี นครศรธี รรมราช 16. มะปราง แหลง่ ปลกู ท่ีสาํ คัญ ได้แก่ ภาคเหนอื นครสวรรค์ พิษณุโลก สโุ ขทยั ภาคกลาง นนทบุรี นครนายก ภาคใต้ นครศรธี รรมราช พัทลุง

ความหมาย ความสาํ คัญ และ แหลง่ ปลูกไม้ผลทสี่ ําคญั ของไทย 9 17. มะพร้าว แหล่งปลูกทส่ี าํ คญั ได้แก่ สมุทรสงคราม สมทุ รสาคร ภาคกลาง ประจวบครี ขี นั ธ์ นครปฐม ภาคตะวนั ตก กระบ่ี ชมุ พร นครศรธี รรมราช นราธิวาส ปัตตานี ภาคใต้ พงั งา พัทลงุ ตรงั ภเู กต็ ยะลา ระนอง สรุ าษฏร์ธานี สงขลา สตลู ภาพที่ 9 มะขาม ภาพที่ 10 มะปราง ภาพที่ 11 มะพรา้ ว 18. มะมว่ ง แหล่งปลูกทส่ี ําคัญ ได้แก่ ภาคเหนอื เชียงใหม่ พิษณุโลก ภาคตะวนั ออก ฉะเชิงเทรา ชลบรุ ี ภาคกลาง สระบุรี ภาคตะวนั ตก สพุ รรณบรุ ี ราชบรุ ี ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื นครราชสีมา ชยั ภูมิ 19. มะละกอ แหล่งปลูกท่สี ําคญั ไดแ้ ก่ ภาคตะวนั ตก นครปฐม ราชบุรี ประจวบครี ขี นั ธ์ สมทุ รสงคราม ภาคใต้ ชมุ พร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา 20. มงั คดุ แหลง่ ปลกู ทสี่ าํ คัญ ได้แก่ ภาคตะวันออก จันทบุรี ระยอง ตราด ภาคใต้ ชมุ พร นครศรีธรรมราช ระนอง นราธวิ าส

10 ความหมาย ความสําคญั และ แหลง่ ปลูกไมผ้ ลทสี่ ําคญั ของไทย 21. ละมดุ แหล่งปลูกที่สาํ คัญ ไดแ้ ก่ สุโขทยั ภาคเหนอื นครปฐม สมุทรสาคร ภาคตะวันตก นครศรธี รรมราช ภาคใต้ ภาพท่ี 12 มะม่วง ภาพท่ี 13 มะละกอ ภาพที่ 14 มังคุด 22. ลางสาด ลองกอง แหล่งปลกู ท่ีสาํ คญั ไดแ้ ก่ ภาคเหนอื อุตรดติ ถ์ ภาคตะวนั ออก จันทบรุ ี ภาคใต้ ชุมพร นครศรธี รรมราช นราธวิ าส พทั ลงุ ยะลา สุราษฏรธ์ านี 23. ลิ้นจ่ี แหล่งปลกู ทสี่ าํ คัญ ไดแ้ ก่ ภาคเหนอื เชียงใหม่ เชยี งราย พะเยา นา่ น ภาคตะวันตก สมทุ รสงคราม 24. ลําไย แหลง่ ปลูกทสี่ ําคัญ ได้แก่ ภาคเหนือ เชยี งใหม่ ลาํ พูน เชยี งราย พะเยา แพร่ นา่ น ลาํ ปาง ตาก อุตรดิตถ์ พษิ ณโุ ลก ภาคตะวันออก จนั ทบรุ ี ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ หนองคาย เลย นครพนม มกุ ดาหาร สกลนคร ขอนแก่น นครราชสีมา

ความหมาย ความสาํ คญั และ แหลง่ ปลูกไม้ผลทส่ี าํ คัญของไทย 11 25. สม้ เกลี้ยง แหล่งปลกู ทส่ี าํ คญั ไดแ้ ก่ นนทบุรี แพร่ น่าน ลําปาง ภาพที่ 15 ลน้ิ จ่ี ภาพที่ 16 ลางสาด ภาพที่ 17 ลําไย 26. สม้ เขยี วหวาน แหล่งปลูกทสี่ าํ คญั ได้แก่ ภาคเหนือ เชยี งใหม่ นา่ น แพร่ ลาํ ปาง สโุ ขทัย พะเยา เชยี งราย ภาคกลาง ชยั นาท สงิ หบ์ รุ ี สระบรุ ี อ่างทอง ปทุมธานี อยธุ ยา ลพบุรี ภาคตะวนั ออก นครนายก จันทบุรี ตราด ฉะเชงิ เทรา ปราจีนบรุ ี ชลบุรี ระยอง ภาคตะวนั ตก นครปฐม สมทุ รสาคร สพุ รรณบุรี ราชบุรี กาญจนบรุ ี ภาคใต้ ชมุ พร สุราษฏรธ์ านี นครศรีธรรมราช ระนอง ปตั ตานี ยะลา นราธวิ าส 27. สม้ โอ แหลง่ ปลกู ทีส่ ําคัญ ไดแ้ ก่ พิจิตร อุทยั ธานี นครสวรรค์ เชยี งราย ภาคเหนือ ชยั นาท สิงห์บรุ ี ลพบุรี อา่ งทอง สระบุรี นนทบุรี ภาคกลาง ปทมุ ธานี อยุธยา นครนายก ปราจนี บรุ ี ฉะเชงิ เทรา จนั ทบุรี ตราด ภาคตะวนั ออก สระแก้ว

12 ความหมาย ความสําคัญ และ แหลง่ ปลูกไมผ้ ลทสี่ ําคญั ของไทย ภาคตะวันตก สมทุ รสงคราม นครปฐม ภาคใต้ พัทลุง สงขลา ระนอง พงั งา ชมุ พร กระบี่ สตลู นครศรีธรรมราช สรุ าษฏร์ธานี ตรัง ภาพท่ี 18 สม้ เขยี วหวาน ภาพที่ 19 สม้ โอ 28. ชมพู่ แหลง่ ปลูกท่สี าํ คญั ไดแ้ ก่ นครปฐม ราชบุรี เพชรบรุ ี สมทุ รสาคร 29. กระทอ้ น แหลง่ ปลกู ทส่ี าํ คัญ ไดแ้ ก่ นนทบุรี สมทุ รสาคร ปทุมธานี เชยี งใหม่ 30. สบั ปะรด แหล่งปลูกทส่ี าํ คัญ ไดแ้ ก่ ภาคเหนอื แพร่ ลําปาง เพชรบรู ณ์ เชยี งราย เชียงใหม่ ภาคตะวันออก จนั ทบรุ ี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ภาคตะวนั ตก ประจวบครี ขี นั ธ์ เพชรบรุ ี สมทุ รสาคร ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา หนองคาย มหาสารคาม รอ้ ยเอด็ เลย ศรีษะเกษ สรุ ินทร์ ภาคใต้ ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธวิ าส ภูเก็ต ปัตตานี พัทลุง ระนอง สงขลา สรุ าษฏร์ธานี 31. องนุ่ แหลง่ ปลูกที่สาํ คญั ไดแ้ ก่ ภาคเหนือ เชยี งใหม่ ลาํ พนู พิจติ ร ภาคตะวันออก ชลบุรี

ลักษณะประจาํ พนั ธข์ุ องไม้ผล 13 ภาคตะวนั ตก ราชบรุ ี สมุทรสงคราม นครปฐม ภาคกลาง สระบรุ ี ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ นครราชสีมา (อนชุ า, 2534) ภาพที่ 20 กระท้อน ภาพที่ 21 สับปะรด ภาพที่ 22 องุ่น 1.4 ลักษณะประจําพันธขุ์ องไมผ้ ล (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2539, อนชุ า, 2534) ทเุ รยี น พนั ธ์ทุ ่ีนิยม ได้แก่ 1. ทเุ รยี นพนั ธ์ุหมอนทอง ลกั ษณะประจาํ พนั ธุ์ ผลมีขนาดค่อนขา้ งใหญ่ นา้ํ หนกั ประมาณ 2.5 - 5 กก. ทรงผลกลมยาว โดยมากมักจะมคี วามยาวมากกว่าความกว้างอยา่ งเหน็ ได้ชัด ก้นผลแหลมเล็กน้อย พมู กั ไมค่ อ่ ยเตม็ ทงั้ 5 พู และจะมพี หู น่ึงทม่ี ีการเจรญิ มาก ทาํ ใหผ้ ลไมก่ ลมสมา่ํ เสมอ ร่องพมู องเหน็ ไดช้ ดั หนามมีสีนา้ํ ตาล มี 2 ชนดิ ในผลเดยี วกนั คอื มหี นามใหญ่ และหนามปลายเรียวแหลมอยูท่ งั้ ผล และระหว่างหนามใหญ่ จะมี หนามเรียวเลก็ คล้ายเข้ยี วงแู ซมอยู่ประปราย (เรยี กวา่ หนามเขีย้ วงู) เน้อื มีสเี หลืองออ่ น คอ่ นขา้ งหนา รส หวานจดั มกี ล่ินนอ้ ย เมอ่ื สุกเตม็ ทีแ่ ล้ว ยงั สามารถเกบ็ ไวไ้ ดน้ านกว่าพนั ธุ์อน่ื ๆ โดยเนื้อยงั แข็ง แห้ง เมล็ดเล็กลบี (เรียกวา่ เมลด็ ตาย) เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ ทุเรียนทีม่ ปี รมิ าณเนือ้ มากท่ีสดุ เม่ือเทยี บกันพันธ์ุ อนื่ ๆ เม่อื หักสว่ นท่กี นิ ไมไ่ ดท้ ้ิงไปแลว้

14 ลกั ษณะประจําพันธขุ์ องไม้ผล 2. พันธ์ุชะนี ลักษณะประจําพนั ธ์ุ ทุเรียนชะนีจะมีทรงผลค่อนขา้ งยาว ขนาดของพูไมส่ มาํ่ เสมอ พเู หน็ เด่นชัด รอ่ ง ระหวา่ งพูไม่ส้ลู กึ ดา้ นข้ัวลึกและกน้ ผลสอบ ด้านก้นผลโตกว่าดา้ นข้วั ผล หนามมีขนาดคอ่ นข้างใหญ่ ฐาน หนามกว้างปลายหนามไม่แหลมผิวสเี ขียวอมนํา้ ตาล กา้ นผลสั้น และมีขนาดโตปานกลางเปลอื กค่อนข้าง หนา (ถา้ เป็นทเุ รยี นปแี รกจะหนากวา่ ปกติ) แตล่ ะพจู ะมเี มล็ดประมาณ 1 - 3 เมลด็ อาจมีเมล็ดลบี หรือ เมลด็ ตาย เน้ือผลละเอียดปานกลาง นมิ่ มสี เี หลอื งจดั รสหวานปนมนั เมล็ดเล็ก 3. พันธุก์ า้ นยาว ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ ผลมีรูปทรงกลมได้ส่วนสัด ด้านก้นผลกลมใหญ่ ด้านข้ัวผลตัด พูเห็นไม่เด่นชัด มีลักษณะสม่ําเสมอ มีจํานวนอย่างสูง 6 พู หนามตั้งตรงไม่งอ ขนาดของหนามโตเกือบสมํ่าเสมอ ผิวของ ผลมีสีเขียว ก้านผล (ไม่รวมปลิง) มีขนาดยาว และยาวกว่าพันธุ์อื่น ๆ เปลือกค่อนข้างหนา โดยทั่วไป แต่ละพูมีเมล็ด 2 – 3 เมล็ด เนื้อผลมีลักษณะละเอียด นิ่ม สีเหลืองอ่อน รสหวานมันกลมกล่อม กล่ินไม่ ฉนุ เมล็ดมีลักษณะกลม ไม่มเี มลด็ ลบี 4. พนั ธุ์กบ ลกั ษณะประจาํ พนั ธุ์ ทเุ รยี นกบมรี ปู รา่ งไม่แน่นอน โดยท่ัวไปมักจะมีไหล่ผลลาด ก้นผลสอบหรอื กน้ ผลกลม ไหล่ผลลีบ พมู ีขนาดไมเ่ ทา่ กนั บางพูมีขนาดใหญส่ มาํ่ เสมอ บางพูส่วนบนใหญ่ บางพูสว่ นบนเลก็ บางพูนนู ออกมาเห็นได้ชัด บางพแู ฟบ ร่องพูลกึ มองเหน็ เดน่ ชัด มีหนามทงั้ ขนาดใหญแ่ ละเล็กไมส่ ม่ําเสมอ กนั หนามค่อนขา้ งเลก็ เรียว ฐานหนามกวา้ ง ก้านผลมขี นาดใหญค่ ่อนข้างสัน้ ผิวของผลมสี ีเขียวอมน้ําตาล เปลือกมลี ักษณะคอ่ นข้างหนา แต่ละพูอาจมีเมล็ด 1 – 3 เมลด็ เน้อื ละเอียดปานกลาง นม่ิ เนือ้ มสี เี หลือง รสหวานมนั น้อย กลิน่ ฉนุ เลก็ น้อย เมล็ดมีขนาดเล็ก กลมรี มกั จะมีเมลด็ ลีบ ทเุ รียนพนั ธ์กุ บแบง่ ออกได้ หลายสายพันธุ์ ได้แก่ 4.1 ทุเรยี นพนั ธก์ุ บตาขาํ ลักษณะประจาํ พันธุ์ ผลโตขนาดปานกลาง เสน้ ผ่าศูนย์กลางผลประมาณ 27.7 – 37.6 ซม. ผลยาวประมาณ 32.7 – 49.5 ซม. ผลหนง่ึ หนักประมาณ 2.5 – 3.8 กก. ผลค่อนขา้ งยาว กา้ นปา้ น พู เหน็ เดน่ ชัดทกุ พู เนอ่ื งจากรอ่ งพลู ึกทกุ พู สนั พูเอกนนู ใหญต่ อนใกลข้ ั้ว จึงมองเหน็ สว่ นบนกวา้ งกวา่ สว่ นล่าง ขว้ั ยาวปานกลาง มีขนาดเกอื บสมา่ํ เสมอกัน แตข่ วั้ ตอนเหนือปลงิ มขี นาดเลก็ กว่าตอนติดกับผลเลก็ นอ้ ย ข้ัว ผลยาวประมาณ 6.5 – 7.2 ซม. หนามแหลมคอ่ นขา้ งเลก็ เปน็ สว่ นมาก ตอนขวั้ และก้นผลจะมีหนามเล็ก กว่ากลางผล หนามตอนใกลข้ ว้ั จะงอเขา้ ขัว้ เชน่ เดียวกับตอนก้นผล สีผลเมอ่ื สุก มสี นี ้ําตาลอมเขยี วเล็กนอ้ ย ส่วนใหญ่ตรงใกล้ขวั้ มขี นาดใหญ่ แลว้ ค่อยเรียวลงไปทางก้นผล พหู นงึ่ จะมเี มลด็ ประมาณ 1 – 3 เมลด็

ลักษณะประจาํ พันธ์ุของไมผ้ ล 15 ผลหน่ึงจะมเี มลด็ ทง้ั หมดประมาณ 1 - 10 เมล็ด ส่วนมากเมล็ดลีบ มอี ตั ราสว่ นเมลด็ ลบี 4 ใน 5 สว่ น ของเมลด็ ดี เมลด็ ทีส่ มบรู ณจ์ ะมรี ูปคลา้ ยหวั ใจ ผลหนง่ึ มเี มลด็ หนักประมาณ 0.14 กก. ผลหน่ึงหนักราว 3.3 กก. มีเน้ือหนกั ประมาณ 0.49 กก. เนื้อสีเหลืองจดั กลนิ่ ฉนุ จัด รสหวานแหลมปนมนั เลก็ น้อย เน้อื ละเอยี ด 4.2 ทเุ รยี นพนั ธ์ุกบเล็บเหย่ยี ว ลักษณะประจําพันธุ์ ผลคอ่ นข้างใหญ่ ป้อม เส้นผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 20 – 22 ซม. สงู ประมาณ 22 – 25 ซม. ผลหน่ึงหนกั ประมาณ 2 กก. ขึ้นไป ทรงผลยาวรี กลางผลป่อง ตอนขั้วผลกว้าง ปา้ น ตอนก้นผลยาวเรยี ว ขว้ั ค่อนข้างยาวเปน็ รูปทรงกระบอก สีเขียวอมนาํ้ ตาลหนามยาว เปน็ หนามเลก็ เรียว ตอนใกล้ร่องพเู ปน็ หนามยาวใหญ่ ปลายโค้งเขา้ หาร่องพู หนามใกลข้ ้วั โคง้ เขา้ หาขวั้ เป็นหนามเลก็ เรียวถ่ี หนามตอนกน้ ผลเรยี วแหลมถีเ่ ชน่ กนั แตง่ อนขน้ึ ผลเม่อื แกจ่ นสุกมีสีเขียวเขม้ แกมน้ําตาลอ่อน แต่ ละพูมกั มขี นาดเทา่ กนั ไมค่ อ่ ยมีพแู ฟบกลาง พปู อ่ งเห็นได้ชัดเจน ทา้ ยและหัวของพูเรยี ว พหู นึ่งจะมี 2 – 3 เมลด็ ผลหนง่ึ มี 10 - 15 เมล็ด เมลด็ คอ่ นข้างยาวแหลมในตอนท้าย และปอ่ งตอนกลางเมลด็ เมล็ดสมบรู ณเ์ ต่ง สีนํ้าตาลอมแดง เมล็ดคอ่ นข้างใหญ่ ผลหนึ่งมเี มล็ดหนักประมาณ 0.21 – 0.23 กก. มีเนื้อหนกั ประมาณ 0.42 – 0.45 กก. เน้อื สีเหลอื งจดั กลนิ่ ค่อนข้างฉนุ แตไ่ มม่ ากนัก รสหวานมนั จดั รสหวานมากกวา่ มัน เนอื้ ละเอียดอ่อนน่มุ ไม่มีเสย้ี น เน้อื แหง้ และหนามาก ก้านในส่วนทต่ี อ่ กับกง่ิ ผอมโค้ง เลก็ นอ้ ย มสี นี า้ํ ตาลอ่อน 5. ทุเรยี นพนั ธุก์ ระดมุ ลักษณะประจําพันธ์ุ ผลค่อนข้างกลมไมใ่ หญ่ มีขนาดปานกลาง ขวั้ เล็ก คอ่ นข้างยาว สมลักษณะผล หนามเล็ก สม่ําเสมอ มีพูไม่เด่นชัด แต่เห็นเด่นชัดกว่าพันธ์ุก้านยาว จะมีพูเต็มทุกพู เน้ือบางละเอียด สีเหลืองอ่อน รสหวานมันอร่อย เมล็ดมีมาก พูหน่ึงมี 3 – 4 เมล็ด เมล็ดค่อนข้างกลม เป็นทุเรียนพันธ์ุเบา สามารถเกบ็ เกี่ยวได้ก่อนพันธุอ์ ื่น ๆ ภาพท่ี 23 ทเุ รียนพนั ธ์กุ ้านยาว ภาพที่ 24 ทุเรียนพันธ์ุชะนี

16 ลกั ษณะประจําพนั ธ์ุของไมผ้ ล ภาพที่ 25 ทเุ รียนพันธหุ์ มอนทอง ภาพท่ี 26 ทุเรียนพนั ธก์ุ ระดมุ มะม่วงสุก พันธทุ์ นี่ ยิ ม ไดแ้ ก่ 1. มะมว่ งพนั ธ์อุ กร่อง ลักษณะประจาํ พันธุ์ ขนาดผลค่อนข้างเล็ก ทรงผล ขนาดผลยาวประมาณ 12 ซม. กว้าง 7.3 ซ.ม. หนา 6.5 ซม. นํา้ หนักผลเฉลยี่ 250 กรมั / ผล ด้านท้องมีร่องเป็นแนวยาว ไหล่ผลด้านท้องมน ผิวผลสี เขยี วจดั ผลสกุ สฟี างข้าว เปลือกบาง เนอื้ ผลมีสีเหลืองออ่ น เน้ือแน่น ฉ่ําน้ํา มีเส้ียนมาก รสชาติหวาน แหลมเปน็ ท่ีนยิ มของผูบ้ ริโภคภายในประเทศ 2. มะมว่ งพันธห์ุ นังกลางวัน ลักษณะประจาํ พันธุ์ ผลมีขนาดโตปานกลาง นํ้าหนักผลประมาณ 350 กรัม ทรงผลยาว ด้านท้องอูม ด้านหลังผลราบ และลาดเข้าสู่ปลายผล ปลายผลแหลมงอเล็กน้อย ผลแก่ผิวมีสีเขียวอ่อน ผิวเรียบ มีจุด ขนาดเล็กเห็นไดช้ ดั ผลสกุ ผวิ มสี ีเหลอื งอ่อน เนอ้ื ละเอียดแน่น รสหวานจดั มเี สีย้ นน้อย เมล็ดบางและยาว 3. มะม่วงพนั ธ์ุนา้ํ ดอกไม้ ลักษณะประจําพนั ธุ์ ผลมีขนาดโตปานกลาง น้ําหนักผลประมาณ 300 – 350 กรัม ทรงผลรูปไข่ ค่อนข้างยาวด้านขั้วอูมค่อย ๆ สอบเข้าสู่ปลายผล ปลายผลแหลม ด้านท้องผลกลมมน นูนออกเล็กน้อย ด้านหลังผลลาดลง ผวิ เรยี บเปลือกบาง ผลแก่มีผิวเปลอื กสเี ขียวอ่อน มนี วลชดั เนอื้ มสี ีขาว รสเปรยี้ ว

ลักษณะประจาํ พันธุข์ องไมผ้ ล 17 ผลสุกมีผิวสีเหลืองอมเขียวจนถึงเหลืองเข้ม เน้ือหนาแน่นและละเอียด รสหวานมีกล่ินหอม มีเสี้ยนน้อย เมลด็ บาง 4. มะมว่ งพนั ธโ์ุ ชคอนันต์ ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ เป็นมะม่วงท่ีมีการออกดอกมาก การติดผลปานกลาง ผลผลิตต่อต้นเมื่ออายุ 10 ปี 400 ผล อายุการเก็บเกี่ยว 110 - 120 วัน ฤดูการผลิตนอกฤดูกาล ความยาวผล 11.12 เซนติเมตร ความกว้างผล 6.25 เซนติเมตร ความหนาผล 5.39 เซนตเิ มตร น้าํ หนักผล 209 กรัม กล่ินของเนื้อมีกลิ่น อ่อน ความหนาเน้ือ 2.95 เซนติเมตร เส้นใยในเน้ือไมมี ปริมาณเส้นใยในเน้ือปานกลาง ปริมาณน้ําใน เน้ือมากความหนาเปลือก 0.01 เซนติเมตร ความกว้างของเมล็ด 3.35 เซนติเมตร ความยาวของเมล็ด 8.94 เซนติเมตร ความหนาของเมล็ด 1.93 เซนติเมตร น้ําหนักของเมล็ด 29 กรัม รสชาติผลดิบเปรี้ยว รสชาตผิ ลสุกหวาน ความหวานเนอ้ื 20 องศาบริกซ์ 5. มะม่วงพันธุท์ องดํา ลักษณะประจําพนั ธุ์ ผลมีขนาดโตปานกลาง นํ้าหนักผลประมาณ 350 กรัม ผลอูม ด้านท้องมน ด้านหลังราบ ผิวเรียบมีจุดขนาดเล็กถ่ี เม่ือแก่จัดผิวมีสีเขียวเข้ม เน้ือหนามีสีเหลืองอ่อน รสมันอมเปรี้ยว เมอื่ สุกเนอื้ สีเหลอื งอมส้ม เนอื้ หนาละเอียด รสหวานจดั มีเสยี้ นนอ้ ย มะม่วงดิบ พนั ธุท์ ่ีนยิ ม ไดแ้ ก่ 1. มะมว่ งพนั ธ์ุเขียวเสวย ลกั ษณะประจาํ พนั ธุ์ ผลมขี นาดโตปานกลาง มนี ํา้ หนกั ผลประมาณ 350 กรมั ด้านหลังผลโคง้ นนู ออก ค่อย ๆ ลาดลงมาปลายผลแหลมมน ผวิ เรียบ มจี ดุ ขนาดเล็กถ่ี ผลแกจ่ ดั ผวิ มีสีเขียวเข้ม มีนวลเห็นได้ชัด เนื้อมีสีขาวอมเหลอื ง ผลดบิ รสมนั หวานอมเปร้ยี ว มแี ปง้ มาก ผลสุกรสหวานจัด เมล็ดเลก็ มีเส้ยี นปานกลาง 2. มะม่วงพนั ธพุ์ มิ เสนมัน ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ รูปร่างค่อนข้างแบน หัวผลใหญ่หนา ปลายผลมนกลม เปลือกผลหนา น้าํ หนกั ผลประมาณ 330 กรัม ผิวผลมีสเี ขยี วอ่อน เนอ้ื ค่อนข้างหยาบ เสยี้ นมาก รสเปรย้ี วเม่ือออ่ น เม่ือแก่ จัดรสหวานมันอมเปร้ียวเล็กนอ้ ย อายุจากดอกบานถงึ ผลแกป่ ระมาณ 95 วัน

18 ลกั ษณะประจาํ พันธุข์ องไมผ้ ล 3. มะมว่ งพันธหุ์ นองแซง ลักษณะประจําพนั ธุ์ ผลใหญ่ปานกลาง อ้วนสั้น ปลายผลมนกลม เปลือกมีสีเขียวนวล เนื้อสีขาว ละเอียด เส้ียนน้อย แก่จัดหวานมัน มะม่วงพันธุ์นี้มีข้อดี คือ ออกดอกติดผลง่าย ข้อเสีย คือ ผลมักจะมี เปอร์เซน็ ตข์ องผลท่ีมีลักษณะผิดรูปร่างไม่สมบูรณ์มากกว่าพันธุ์อื่น ๆ เป็นพันธุ์ท่ีนิยมปลูกในระยะยี่สิบปีที่ ผ่านมา แต่ปัจจุบนั ไมค่ อ่ ยนยิ ม 4. มะม่วงพนั ธ์ุฟ้าลนั่ ลกั ษณะประจาํ พันธุ์ ผลมีขนาดค่อนข้างเล็ก ถึงโตปานกลาง น้ําหนักผลประมาณ 250 กรัม ทรงผล กลมยาว ปลายแหลม ด้านหลังผล และด้านท้องผลโค้งนูน ผิวเรียบมีจุดขนาดใหญ่ เห็นเด่นชัดอยู่กัน หา่ ง ๆ ผลแก่จดั มสี เี ขียวอ่อนมีนวล เปลือกหนา เน้ือสีขาวอมเหลือง ผลที่ยังเล็ก มีรสมันอมเปร้ียว ผลแก่ รสมันกรอบคอ่ นข้างจดื แต่พนั ธน์ุ ีม้ ีข้อเสีย คอื ผลมกั จะแตกงา่ ย 5. มะม่วงพนั ธแ์ุ รด ลักษณะประจําพันธ์ุ ขนาดผลค่อนข้างเล็ก น้ําหนักผลประมาณ 250 กรัม ทรงผลค่อนข้างแบน ทางด้านท้องเป็นร่องเล็กน้อย ด้านหลังโค้งมนลงมาจนถึงปลาย ที่ไหล่ใกล้ขั้วบางผลมีจงอยยื่นออกมา คล้ายนอแรด เมล็ดแบน ผลดิบผิวเปลือกสีเขียวอ่อน ผลท่ียังเล็กเนื้อมีสีขาว มีรสเปร้ียว ผลแก่จัดเนื้อมีสี ขาวอมเหลือง มีรสหวานอมเปรี้ยว ผลสุกมีผิวสีเหลืองเข้ม เน้ือแน่น สีเหลืองสด รสหวานจัด มีเสี้ยนปาน กลาง 6. มะม่วงพันธุ์เพชรบา้ นลาด ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ ผลมีรูปร่างค่อนข้างแบน หัวผลใหญ่ หนา ปลายผลมนกลม น้ําหนักผล ประมาณ 250 – 350 กรัม ผิวมีสีเขียวอ่อน มีจุดกระขนาดใหญ่ เห็นได้ชัด เปลือกหนา เน้ือมีสีขาว เน้ือ แข็ง เม่ือแก่จัดรสชาติหวานมนั 7. มะมว่ งพันธศ์ุ าลายา ลักษณะประจําพนั ธุ์ ผลโตปานกลาง ทรงยาว ปลายมนเล็กน้อย ผิวสีเขียวอ่อน มีจุดกระเห็นชัด เน้ือ สขี าว ผลออ่ นรสเปรยี้ ว แกจ่ ดั รสหวานมันอมเปร้ียว น้ําหนักผลประมาณ 250 กรัม พันธุ์นี้เรียกอีกช่ือหนึ่ง ว่า “พันธ์ทุ ูลเกลา้ ” มะม่วงพันธุน์ ม้ี ีลกั ษณะเดน่ คอื ทรงพมุ่ เตี้ย ยอดเล้ือย ออกดอกง่าย

ลกั ษณะประจาํ พันธุ์ของไมผ้ ล 19 8. มะมว่ งพนั ธบ์ุ างขุนศรี ลักษณะประจําพนั ธุ์ ผลค่อนข้างโต นํ้าหนกั ผลประมาณ 350 - 450 กรมั ลักษณะโดยทว่ั ไปคล้ายกับ พันธ์ุเขียวเสวย แต่สีผิวไม่เขียวเข้มเหมือนพันธุ์เขียวเสวย เนื้อละเอียด สีขาวอมเหลือง เม่ือแก่จัดจะมีรส หวานมนั อมเปรี้ยวเลก็ น้อย เมื่อสุกเน้ือจะมสี เี หลือง มีเส้ียนเลก็ น้อย รสหวาน เมล็ดบางยาว 9. มะม่วงพนั ธท์ุ องดํา ลกั ษณะประจําพันธุ์ ผลมีขนาดโตปานกลาง นํ้าหนักผลประมาณ 350 กรัม ผลอูม ด้านท้องมน ด้านหลังราบ ผิวเรียบมีจุดขนาดเล็กถ่ี เมื่อแก่จัดผิวมีสีเขียวเข้ม เนื้อหนามีสีเหลืองอ่อน รสมันอมเปรี้ยว เมื่อสุกเน้ือสีเหลอื งอมส้ม เน้อื หนาละเอยี ด รสหวานจดั มีเสี้ยนนอ้ ย ภาพที่ 27 มะม่วงพนั ธแ์ุ รด ภาพท่ี 28 มะมว่ งพนั ธุ์น้าํ ดอกไม้ ภาพที่ 29 มะม่วงพันธเุ์ ขียวเสวย ภาพที่ 30 มะม่วงพันธุ์โชคอนันต์

20 ลกั ษณะประจาํ พนั ธข์ุ องไม้ผล กลว้ ย พนั ธุ์ท่นี ิยม ได้แก่ 1. กล้วยนํา้ ว้า ลกั ษณะประจําพนั ธ์ุ ผลกล้วยน้ําว้ามีขนาดสั้น กลม มีเหลี่ยมเห็นได้ชัด ส่วนมากมี 4 เหลี่ยม นอกจากผลริมนอกสดุ ของหวมี ี 3 เหลี่ยม การเรยี งตวั ของผลในหวีเป็น 2 ชน้ั เหน็ เดน่ ชัดเปน็ ระเบียบ ฐาน ของหวีมีลักษณะเป็นคร่ึงวงกลม ไม่มีหู ผิวของผลเรียบ มีนวล ปลายผลมีจุกเห็นเด่นชัด 2 ช้ัน ชั้นบนสุด เป็นตมุ่ แหลมสูง เม่ือแกผ่ ลมีสีเขยี วออ่ น เม่ือสุกมสี เี หลอื งอ่อน หรอื สีดอกกระดังงาสุก เปลือกค่อนข้างบาง เหนียว สีเหลืองอ่อน เนื้อผลมีลกั ษณะเหนยี วนุ่ม สีขาวนวลจนถงึ ชมพูออ่ น ไม่มเี มลด็ 2. กลว้ ยไข่ ลักษณะประจาํ พนั ธุ์ ผลกล้วยไข่มีลักษณะกลมส้ันป้อม มีเหล่ียมต้ืนไม่เด่นชัด ส่วนมากมี 4 เหลี่ยม นอกจาก ผลริมสุดอาจมี 3 เหล่ียม ก้นผลสั้นป้าน การเรียงตัวของผลในหวีเป็น 2 ชั้น มีระเบียบ ฐานของหวีกว้าง เป็นวงกลมเกือบรอบด้านเครือ (มีหูฐานท้ัง 2 ด้าน) เมื่อแก่ผลมีสีเหลืองอมเขียว เมื่อสุกมีสีเหลืองแก่เข้ม กวา่ กล้วยพนั ธ์อุ ่ืน ๆ เปลอื กค่อนขา้ งบางเหนียว เนอ้ื ผลมลี ักษณะแน่นละเอยี ด รสหวานไมม่ ีเมล็ด 3. กลว้ ยหอมทอง ลกั ษณะประจําพันธ์ุ ผลกล้วยหอมทองมีลักษณะยาวกลม มีเหลี่ยมเห็นชัด ส่วนมากมี 4 เหล่ียม นอกจากผลรมิ สุดของหวีมี 2 เหลยี่ ม ผิวเรียบ ก้นผลเป็นสีเขียวอ่อน มีเหลี่ยมเช่นเดียวกันกับผล ตุ่มปลาย ของก้นผลต่ําป้าน การเรียงตัวของผลในหวีเป็น 2 ชั้น มีระเบียบ ฐานของหวีกว้างใหญ่ กลมเกือบจะโอบ รอบก้านเครือ (มีหูฐานทั้ง 2 ข้าง) เมื่อแก่ผลมีสีเขียวอ่อน เมื่อสุกมีสีกระดังงาสุก (เหลืองนวล) เปลือก ค่อนข้างบาง เปอ่ื ยขาดง่าย เนอื้ ผลมีลักษณะนมุ่ ไมเ่ หนยี ว รสหวาน มกี ล่นิ หอม ไมม่ ีเมลด็ 4. กล้วยหักมุก ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ ผลกล้วยหักมุกมีขนาดส้ัน มีเหล่ียมสูงเป็นสันเห็นเด่นชัด ส่วนมากมี 4 เหล่ียม นอกจากผลริมสุดอาจมี 3 เหล่ียม ก้นผลยาวใหญ่ ฐานกว้างเป็นเหลี่ยม เช่นเดียวกับผลตุ่ม ปลาย ของก้นผลต้ืนมน ก้านผลเล็กยาวเรียว เป็นเหล่ียม สีเขียวอมเหลือง การเรียงตัวของผลในหวีเป็น 2 ช้ัน มีระเบียบ ฐานของหวีแคบมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม ผิวของผลไม่เรียบ มีเส้นขึ้นลายตามความยาวของผล เมื่อแกผ่ ลมสี เี ขยี วนวล เมื่อสกุ สพี ื้นเหลืองนวล ส่วนสที บั เป็นสนี าํ้ ตาล เปลือกคอ่ นขา้ งหนาคอ่ นขา้ ง

ลกั ษณะประจาํ พนั ธ์ขุ องไมผ้ ล 21 เหนียว มีเส้นใยค่อนข้างแข็งแรงอยู่ด้วย เน้ือผลมีลักษณะนุ่ม รสมัน ไม่หวาน เน้ือเหลือง ไส้ไม่แข็ง ไม่มี เมลด็ 5. กล้วยเลบ็ มอื นาง ลกั ษณะประจําพันธุ์ เครือหน่ึงจะมีประมาณ 7 - 8 หวี หวีหน่ึง ๆ มี 10 – 16 ผล ผลเล็กกว้าง 2 – 2.5 ซม. ยาว 11 - 12 ซม. รูปโค้งงอ ปลายเรียวยาว ก้านผลส้ัน เปลือกหนา เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสี เหลืองทอง และยังมีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ กล่ินหอมเฉพาะตัว เน้ือในสีเหลือง นิยมปลูกในแถบภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวดั ชมุ พร ภาพที่ 31 กลว้ ยไข่ ภาพท่ี 32 กล้วยนาํ้ วา้ ภาพท่ี 33 กล้วยหอมเขียว ภาพที่ 34 กล้วยหอมทอง ภาพท่ี 35 กล้วยแกรนด์เนน ภาพท่ี 36 กลว้ ยนาํ้ ว้าเขียว

22 ลักษณะประจําพันธุข์ องไมผ้ ล เงาะ พนั ธุ์ท่ีนยิ ม ไดแ้ ก่ 1. เงาะโรงเรียน (นาสาร) ลกั ษณะประจาํ พนั ธ์ุ มีรูปทรงกลมและกลมยาว ผลขนาดกลางยาวประมาณ 5 ซม. กว้างประมาณ 4 ซม. และหนาประมาณ 3 ซม. ขนเกิดห่างกัน 0.5 ซม. และยาวประมาณ 1.5 – 1.7 ซม. ขนขณะยัง ไม่แก่โคนขนมีสีเขียวอ่อน และเม่ือแก่จัดโคนขนก็จะแดงข้ึนมา ตอนปลายขนมีสีเหลือง ผิวเปลือกเมื่อยัง ไม่แก่จัดจะมีสีเหลืองอมชมพู และเมื่อแก่จัดเต็มที่ผิวของผลจะมีสีแดงเข้ม และระหว่างโคนของขนมีร่อง ต้ืน ๆ ทางด้านข้างของผลมีร่องเป็นรอยแตกพาดจากข้ัวด้านหนึ่งผ่านก้นผลไปจนถึงขั้วอีกด้านหนึ่ง คล้าย ๆ เป็นเส้นแบ่งคร่ึงผลให้ออกเป็นสองส่วนตามด้านยาว แต่เห็นได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก สีของร่องและรอยของ ร่องเป็นสีเหลือง เปลือกผลหนา 4 – 5 มม. ตอนข้ัวผลหนาประมาณ 5 มม. เนื้อหนาประมาณ 7 มม. สีขาวขุ่น ย่นเล็กน้อย ล่อน กรอบไม่แฉะ รสหวาน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์น้ําตาลประมาณ 17 – 21 องศา บริกซ์ (18 – 19 เป็นระยะท่ีกําลังดี) ด้านในของเน้ือมีเปลือกเมล็ดติดอยู่บาง ๆ เมล็ดมีลักษณะค่อนข้าง แบน ด้านข้างนูนเล็กน้อย และกลมมน เกือบจะเท่ากันทุกด้าน ยาวประมาณ 2.7 ซม. กว้างประมาณ 1.5 ซม. และหนาประมาณ 0.9 – 1.0 ซม. เปลอื กของเมล็ดเป็นสีเทาปนน้าํ ตาล เน้ือในของเมล็ดมีสีงาช้าง มี ใบเกล้ียงเกิดประกบกันตามดา้ นทแยง 2. เงาะสีชมพู ลกั ษณะประจําพันธุ์ เงาะสีชมพูรูปทรงกลมรูปไข่ ผลขนาดกลาง ยาวประมาณ 5.5 ซม. กว้าง ประมาณ 4 ซม. และหนาประมาณ 3.5 ซม. ขนเกิดห่างกันประมาณ 0.5 ซม. ขนยาวประมาณ 1.5 – 1.8 ซม. สีของขนขณะผลยงั ไมแ่ กจ่ ะออกสีชมพอู ่อน และเมื่อแก่จัดจะเปน็ สีชมพูแก่ ปลายขนมีสตี องออ่ น ผิวเปลือกเม่ือยังไม่แก่จัดเป็นสีเหลือง และเมื่อแก่จัดจะเป็นสีชมพูอมเหลือง ผิวที่โคนขนจะนูนขึ้น เล็กน้อย และระหว่างโคนของขนมีลักษณะเป็นร่องต้ืน ๆ ทางด้านข้างของผลมีร่องเป็นรอยแสกพาดจาก ขั้วด้านหน่ึงผ่านก้นผลไปจนจดอีกด้านหน่ึงเป็นการแบ่งคร่ึงผลออกเป็นสองส่วนตามด้านยาว สีของร่อง และรอยแสกเป็นสีเหลือง เปลือกผลหนาประมาณ 4 มม. ตอนขั้วผลหนาประมาณ 5 มม. เนื้อสีขาวขุ่น ย่น ล่อนกรอบ ไม่แฉะ รสหวาน เปอร์เซ็นต์น้ําตาลประมาณ 16 – 21 (18 เป็นระยะที่กําลังดี) ด้านใน ของเน้ือมีเปลือกเมล็ดติดอยู่บาง ๆ เมล็ดมีลักษณะค่อนข้างแบน ด้านข้างนูนเล็กน้อย และกลมมนเกือบ เท่ากันทุกด้าน ยาวประมาณ 2.4 – 2.5 ซม. กว้างประมาณ 1.3 – 1.4 ซม. หนาประมาณ 1.0 – 1.1 ซม. เปลอื กของเมลด็ เปน็ สนี ํา้ ตาลปนเทา เนอ้ื ในของเมล็ดมสี ีงาชา้ ง ใบเลีย้ งเกิดประกบกนั ตามด้านทแยง

ลกั ษณะประจาํ พนั ธข์ุ องไม้ผล 23 ภาพท่ี 37 เงาะพันธ์ุสชี มพู ภาพที่ 38 เงาะพนั ธ์ุโรงเรียน ลาํ ไย พนั ธุ์ที่นยิ ม ได้แก่ 1. ลาํ ไยพนั ธส์ุ ชี มพู หรือออี อน ลักษณะประจาํ พนั ธุ์ ลําไยพันธ์ุสีชมพูมีผลโตปานกลาง เส้นผ่าศูนย์กลางผลโดยเฉล่ียทางส่วนกว้าง ประมาณ 2.9 ซม. ส่วนแคบประมาณ 2.6 ซม. และส่วนสูงประมาณ 2.7 ซม. ทรงผลค่อนข้างกลม เบี้ยว เล็กนอ้ ย ผวิ สีนา้ํ ตาลแดงเรยี บ มกี ระคล้าํ ตลอดผล และถ้ายิ่งแก่จัดขึ้นผลย่ิงคลํ้าขึ้น เปลือกหนาแข็งเปราะ แต่ถ้าช่อใดผลดกมากผิวจะบางลง เนื้อหนาปานกลาง เน้ือแก่จะมีสีชมพูเรื่อ ๆ และเมื่อแก่จัดสีจะย่ิงเข้ม ข้ึน ลักษณะเน้ืออ่อนแต่ไม่เละ (เกือบจะกรอบ) ล่อน รสหวานจัด เปอร์เซ็นต์นํ้าตาลประมาณ 21 - 22 % เมลด็ ค่อนข้างเลก็ เบี้ยวแบนเล็กนอ้ ย สนี ้าํ ตาลแก่ ผิวเรยี บเป็นมนั จุกที่ขว้ั เล็ก และเมอ่ื แกจ่ ดั กไ็ ม่ข้นึ หัว 2. ลําไยพันธ์ดุ อ หรอื อีดอ ลักษณะประจําพันธุ์ ลําไยพันธุ์ดอ หรืออีดอ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ วัดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยเฉลี่ยทาง ส่วนกว้างประมาณ 2.6 ซม. ส่วนแคบประมาณ 2.3 ซม. และส่วนสูงประมาณ 2.4 ซม. รูปทรงผลแป้น เบ้ียว และหัวขั้วบุ๋ม เปลือกสีนํ้าตาล ผิวเป็นกระหรือตาต่าง ๆ กระนี้มีสีน้ําตาลเข้ม เน้ือมีสีขาวขุ่น ค่อนข้างเหนยี ว มีกลน่ิ คาวเลก็ นอ้ ย รสหวาน วัดเปอร์เซน็ ต์นํา้ ตาลไดป้ ระมาณ 18.7 ถา้ ปลดิ ไวน้ านความ หวานจะชืดลง เมล็ดมีสีน้ําตาลแก่ โตพอประมาณ ค่อนข้างแบน จุกไม่ใหญ่นัก ถ้าปล่อยไว้แก่จัด จุกจะ ขยายใหญ่แข็ง หรือท่เี รียกกว่าขึน้ หวั

24 ลกั ษณะประจําพนั ธขุ์ องไม้ผล 3. ลําไยพนั ธ์เุ บยี้ วเขยี ว หรืออเี ขียว ลกั ษณะประจําพันธุ์ ลําไยพันธุ์เบ้ียวเขียวมีผลค่อนข้างใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางผลโดยเฉล่ียทาง ส่วนกว้างประมาณ 3 ซม. ส่วนแคบประมาณ 2.6 ซม. และส่วนสูงประมาณ 2.7 ซม. รูปทรงผลมี ลกั ษณะแบนและเบี้ยวมาก เห็นได้เด่นชัด มีผิวสีเขียวอมนํ้าตาล เปลือกหนาและค่อนข้างเหนียว เม่ือบีบดู จะรสู้ ึกแนน่ มือ เน้ือสีขาวขุ่น แห้งกรอบ ล่อนง่าย เน้ือไม่ค่อยเกาะตัวเป็นชนิดเดียวกัน กลิ่นหอม รสหวาน แหลม มเี ปอร์เซ็นต์น้ําตาลประมาณ 22 เมลด็ มีขนาดคอ่ นขา้ งเลก็ สนี ้าํ ตาลแดง รูปร่างเบ้ยี ว แบนเล็กน้อย จกุ ที่ขั้วเล็ก 4. ลาํ ไยพันธุ์แห้ว หรอื อีแห้ว ลักษณะประจําพนั ธ์ุ ลําไยพันธุ์แห้ว หรืออีแห้วมีผลโตขนาดกลางถึงใหญ่ (ยิ่งแก่จัดยิ่งใหญ่ หรือช่อ ห่างผลใหญ่ ช่อแน่นผลเล็ก) เส้นผ่าศูนย์กลางผลโดยเฉลี่ยทางส่วนกว้างประมาณ 2.8 ซม. ส่วนแคบ ประมาณ 2.5 ซม. และด้านสูงประมาณ 2.5 ซม. รูปทรงผลค่อนข้างเบ้ียว หัวบุ๋ม ผิวสีนํ้าตาล กระคล้ํา ตลอดผล สากมือ เปลือกหนามาก เน้ือสีขาวขุ่น แห้ง แข็งกรอบ รสหวานแหลม มีเปอร์เซ็นต์น้ําตาล ประมาณ 20 ถ้าปล่อยแก่จัดรสชาติจะจืดชืด เมล็ดค่อนข้างเล็ก กลม สีนํ้าตาล ผิวเรียบ จุดท่ีขั้วเล็ก แต่ ถ้าแก่จดั จะใหญส่ งู และแขง็ ภาพท่ี 39 ลําไยพนั ธ์ุอดี อ ภาพที่ 40 ลําไยพนั ธสุ์ ีชมพู ล้นิ จ่ี ลิ้นจ่ีในภาคเหนือมีพันธ์ุหลักอยู่ 3 พันธุ์ ได้แก่ พันธ์ุฮงฮวย พันธุ์โอวเฮียะ และพันธ์ุ กิมเจ็ง ส่วนในภาคกลางมีอยู่หลายพันธุ์ ได้แก่ พันธ์ุค่อม หรือ ลําเจียกจีน กระโหลกใบยาว เขียวหวาน สาแหรกทอง ไทยใหญ่ ไทยธรรมดา กระโถนท้องพระโรง กระโหลกใบขงิ กระโหลกใบอ้อ เป็นต้น

ลกั ษณะประจาํ พนั ธุข์ องไม้ผล 25 ล้นิ จพี่ นั ธุท์ ี่นยิ ม ได้แก่ 1. ล้ินจพ่ี ันธฮุ์ งฮวย ลกั ษณะประจาํ พนั ธุ์ ล้ินจี่พันธุ์ฮงฮวยเป็นช่อยาวใหญ่ ผลดก ผลโตปานกลาง ใน 1 กก. มีผล ประมาณ 50 – 60 ผล วัดเส้นผ่าศูนย์กลางด้านกว้างประมาณ 3.0 – 3.2 ซม. ด้านแคบประมาณ 2.8 – 3.0 ซม. ด้านสูงประมาณ 3.4 – 3.6 ซม. ทรงผลกลมยาวรูปไข่ ไหล่กว้าง สีแดงเรื่อ ๆ หรือสีแดง อมชมพู หนามหา่ ง เวลาแกจ่ ัดหนามจะไม่คอ่ ยแหลม เปลือกบาง ชาํ้ งา่ ย เนือ้ หนาปานกลาง สมํ่าเสมอกัน ตั้งแต่ข้ัวถึงก้นผล สีของเนื้อขาวขุ่น เนื้อตรงส่วนท่ีสัมผัสกับเมล็ด (เนื้อด้านในสุด) และตรงรอยประสาน ของเนื้อ (ท้ังส่วนด้านซ้ายและขวาท่ีต่อกัน) มีสีน้ําตาล มีกล่ินหอม ถ้าไม่แก่จัดจะอมฝาดเล็กน้อย เมล็ด ใหญ่ยาว สนี า้ํ ตาลแก่จดั โตปานกลาง ผลแกร่ าวปลายเดือน เมษายน – พฤษภาคม 2. ลิ้นจพ่ี ันธ์ุโอวเฮ๊ยี ะ ลกั ษณะประจําพนั ธ์ุ ลิ้นจ่ีพันธุ์โอวเฮ๊ียะทรงช่อสั้น เป็นพวงห่างไม่ค่อยดก ผลโตปานกลาง ใน 1 กก. มีผลระหว่าง 50 – 60 ผล วัดเส้นผ่าศูนย์กลางด้านแคบประมาณ 2.9 – 3.0 ซม. ด้านกว้างประมาณ 2.9 – 3.5 ซม. ด้านสูงประมาณ 2.9 – 3.5 ซม. ผลมีรูปทรงเกือบกลม ไหล่กว้าง สีพื้นแดง หนามเรียบ ตาห่างสีน้ําตาลอมเขียว กระจายรอบผล เปลือกหนาปานกลาง เยื่อด้านในสีชมพูหนา ซ่ึงเป็นส่วนที่รักษา เน้ือข้างในได้หลายวัน เนื้อสีขาวขุ่น เน้ือหนามาก โดยเฉพาะตอนกลางและไหล่ทั้งสองข้าง เน้ือด้านใน ตดิ กบั เมลด็ ดา้ นข้วั สอบมีสนี าํ้ ตาล ดา้ นทา้ ยเรยี วแหลม บางผลเมล็ดลีบ ผลแก่ราวเดือนพฤษภาคม หมายเหตุ ล้ินจี่พันธุ์โอวเฮ๊ียะอีกชนิดหนึ่ง ผลโต มีรูปทรงท่ีกล่าวแล้ว แต่ผลโตมาก ประมาณ 20 – 30 ผล / กก. เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางด้านกวา้ ง ถึง 3.7 ซม. หรอื ยาว 1.5 นิว้ แต่รสจืดกวา่ 3. ล้ินจ่ีพนั ธก์ุ ิมเจ็ง ลักษณะประจําพันธ์ุ ลิ้นจี่พันธุ์กิมเจ็ง หรือ พันธ์ุใบทอง จะมีทรงช่อส้ันเป็นพวงห่าง ผลโตปานกลาง ใน 1 กก. จะมีผลประมาณ 60 - 70 ผล เส้นผ่าศูนยก์ ลางผลดา้ นกว้างประมาณ 3.2 - 3.3 ซม. ด้านแคบ ประมาณ 3 - 3.2ซม. และด้านสูงประมาณ 3.2 – 3.3 รูปทรงผลกลม สีแดงจัดสวยสะดุดตา ลักษณะ หนามแยกได้เป็น 2 ชนิด คือ กิมเจ็งหนามแหลม และ กิมเจ็งหนามเรียบ ผิวด้านก้นผลมีรอยแยกแสก กลางผลเห็นได้ชัด เน้ือสีขาวขุ่นอ่อนนุ่ม เนื้อหนาถึงหนามาก ถ้ายังไม่แก่จัด รสหวานฝาดมาก แต่ถ้าแก่ จัดรสฝาดจะลดลง เปอร์เซ็นต์นํ้าตาลประมาณ 17 – 18.5 เมล็ดเล็กสีน้ําตาลอ่อน บางผลเมล็ดลีบ ผล แก่ราวเดอื นมถิ ุนายน

26 ลักษณะประจําพันธุ์ของไม้ผล 4. ลนิ้ จี่พนั ธุ์จกั รพรรดิ ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ ล้ินจีพ่ นั ธจ์ุ กั รพรรดชิ ่อมีขนาดใหญ่ ตดิ ผลดก ผลมีขนาดใหญ่ ใน 1 กิโลกรัม มี ผลประมาณ 25 – 30 ผล ผลมีรูปทรงหัวใจกลม มีไหล่กว้าง เปลือกหนา มีสีแดงเข้ม หนามใหญ่ เรียบ และห่าง วัดเสน้ ผา่ ศนู ย์กลางด้านกว้างประมาณ 3.5 – 4.5 ซม. ด้านแคบประมาณ 3 – 3.5 ซม. ด้านสูง ประมาณ 4.5 – 5 ซม. เนื้อหนา มีสีขาวขุ่น ฉํ่าน้ํา มีกลิ่นหอม รสหวานจัด เมล็ดมีขนาดโตปานกลางมีสี นาํ้ ตาลเข้ม ผลแกป่ ระมาณเดือนพฤษภาคม – มถิ นุ ายน 5. ลิ้นจพี่ ันธค์ุ อ่ ม ลกั ษณะประจําพันธ์ุ ล้ินจ่ีพันธุ์ค่อม ช่อมีขนาดใหญ่ ผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ใน 1 กิโลกรัมมีผล ประมาณ 50 – 60 ผล ผลเป็นรูปทรงหัวใจค่อนข้างกลม มีไหล่ผลกว้างและยกข้ึนด้านหน่ึง หนามมี ขนาดเล็กสั้น และมีแฉกเห็นได้ชัดเจน เปลือกบาง มีสีน้ําตาลเข้มดํา ผิวด้านในมีสีชมพูอ่อน วัด เส้นผ่าศูนย์กลางด้านกว้างประมาณ 3.5 – 4 ซม. ด้านแคบประมาณ 3 – 3.5 ซม. ด้านสูงประมาณ 3 – 3.5 เน้ือหนามีสีขาวขุ่น ค่อนข้างแห้ง มีกล่ินหอม รสหวานจัด มีรสฝาดเล็กน้อย เมล็ดมีขนาดเล็ก มีสีนา้ํ ตาลเข้ม ผลแกป่ ระมาณเดือนเมษายน ภาพที่ 41 ลิน้ จี่พันธคุ์ ่อม

ลักษณะประจาํ พันธ์ขุ องไมผ้ ล 27 ชมพู่ พันธุท์ น่ี ิยม ไดแ้ ก่ 1. ชมพูพ่ ันธุ์ทลู เกลา้ ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ ทรงผลเปน็ รปู กรวยแคบ ทรงสงู กว่าพันธ์อุ ่ืน ๆ ด้านข้วั ผลแคบกลมมน ด้านก้าน ผลกว้าง และพองออกเล็กน้อย ผิวเรียบมีสีเขียวอ่อน บางผลมีสีขาวนวล เนื้อมีสีขาว แน่นกรอบ ฉ่ํานํ้า เน้ือหนา เนื้อด้านในมีสีขาวฟูเล็กน้อย รสชาติหวาน มีกลิ่นหอม กลางผลกลวงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ไม่มี เมล็ด เก็บเก่ียวประมาณเดอื นตลุ าคม – ธันวาคม 2. ชมพ่พู นั ธุเ์ พชรสายรงุ้ ลักษณะประจาํ พนั ธุ์ ทรงผลเป็นรูปกรวยแคบ ดูคล้ายสามเหล่ียม ทรงสูง ตรงกลางผลพองออก ด้าน ข้ัวผลเล็กแคบ ด้านก้นผลเรียบ ผิวมีสีเขียวอ่อน มีทางสีชมพูเรื่อ ๆ พาดตามความยาวของผล เน้ือมีสีขาว แน่นกรอบ หนาปานกลาง เน้ือด้านในขาวฟูเล็กน้อย รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว กลางผลกลวง กว่าพันธ์ุอ่ืน ๆ บางผลมีเมล็ดใหญ่อยู่ 1 เมล็ด มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวนวลเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 3. ชมพ่แู ขกดํา หรอื สีนาค ลักษณะประจาํ พันธ์ุ ทรงผลเป็นรูปกรวย ปากกว้าง ดูด้านข้างคล้ายรูปสามเหล่ียม ด้านข้ัวผลแคบ กว่าด้านก้นผล ไหล่ผลมน ด้านก้นผลนูนออกมาเล็กน้อย ผิวเปลือกมีสีนํ้าตาลแดง ถ้าแก่จัดจะเป็นสีแดง อมน้าํ ตาลไหม้ สีไม่สม่าํ เสมอ ผิวเรียบ เนอื้ หนากรอบ ฉ่ํานาํ้ เน้ือดา้ นในมีสขี าวฟู รสชาตหิ วานอมเปร้ียว มี กลนิ่ หอม กลางผลกลวงเล็กนอ้ ย อาจมีเมลด็ หรอื ไม่มกี ็ได้ ถ้ามีกจ็ ะมีขนาดเลก็ เย่อื หมุ้ เมล็ดมสี ีนํา้ ตาลอ่อน เก็บเก่ยี วประมาณเดือนตุลาคม – ธันวาคม 4. ชมพูม่ ะเหม่ียว ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ เป็นชมพู่ผลใหญ่ ทรงสูง ความสูงประมาณ 8 ซม. ข้ึนไป ผิวสีเลือดหมูคล้ําแบบ เดียวกับลูกหว้า ก้นผลตัดแนบราบเป็นรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ตอนขั้วผลมีขนาดแคบกว่าด้านก้นผล กลางผล ปอ่ ง กวา้ งประมาณ 7.5 ซม. เปน็ อย่างตา่ํ ไหล่ผลแคบ มีสีคลํ้ากว่าส่วนอ่ืน ๆ ผิวนอกบางนุ่ม มีลักษณะ เป็นร่องตื้น พาดจากข้ัวลงมาทางก้นผล เนื้อสีขาวละเอียดนุ่มด้านนอกชุ่มฉ่ํา ด้านในท่ีติดกับเมล็ดเป็นเยื่อ ค่อนข้างเหนียว และเน้ือที่ติดกับผิวและเมล็ดมีสีแดงม่วงจาง ๆ เนื้อหนา รสเปร้ียวอมหวาน เปอร์เซ็นต์ น้ําตาลสูงประมาณ 8.5 ข้ึนไป เมล็ดเด่ียวขนาดใหญ่ ลักษณะค่อนข้างกลม ขรุขระเล็กน้อย สีของเมล็ด ภายนอกเปน็ สนี ํา้ ตาล

28 ลกั ษณะประจาํ พนั ธขุ์ องไมผ้ ล 5. ชมพพู่ ันธ์สุ าแหรก ลกั ษณะประจาํ พนั ธุ์ ชมพู่สาแหรกมีผลรูปทรงกลม สูงประมาณ 5.5 ซม. ความกว้างของผลบริเวณ กลางผล ประมาณ 5 ซม. ด้านก้นผลมีลักษณะตัด มีโพรงตรงกลาง ด้านข้ัวผลมีลักษณะเรียวแคบกว่า ด้านก้นผลเล็กน้อย ไหล่ผลป้าน บริเวณก้านผลบุ๋มเล็กน้อย ผิวมีสีชมพูแก่ มีทางขาว ๆ ตามความยาว ของผล เน้ือผลสีขาวแน่นและนุ่ม ความหนาของเน้ือสมํ่าเสมอ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสหวานอมเปรี้ยว มเี มล็ด 1 เมลด็ เมลด็ รูปกลมมเี ยอื่ บางสีขาว ๆ คลุมอยู่รอบ ๆ เมล็ด สับปะรด พันธท์ุ ่ีนิยม ได้แก่ 1. สับปะรดพนั ธป์ุ ตั ตาเวีย ลกั ษณะประจําพันธุ์ เป็นสับปะรดส่งโรงงานและรับประทานผลสด ผลมีขนาดใหญ่ หนักประมาณ 2 – 6 กิโลกรัม ก้านผลส้ัน เปลือกมีสีเหลืองอมแดง หรือ เขียวคลํ้า ตาต้ืน ไส้ใหญ่ไม่เหนียว เน้ือสีเหลือง อ่อน รสหวานฉ่ํามีน้ํามาก พันธุ์ปัตตาเวียแยกเป็น 2 ลักษณะ ซ่ึงแตกต่างกันให้เห็นได้เฉพาะเม่ือผลสุก เทา่ น้ัน คอื 1.1 ตาดํา เม่ือสุกสีคงเขียวเข้ม ตาต้ืนแบน ขนตาส้ัน เปลือกบาง เน้ือแน่น เมื่อสุก แลว้ เก็บไวไ้ ดไ้ มน่ าน 1.2 ตาแดง เมื่อสุกสีจะเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลืองปนแดง ตาลึก ขนตายาว เปลอื กหนา เนื้อหยาบ และโปร่งกวา่ พันธตุ์ าดํา เม่อื สกุ แล้วเก็บไว้ไดน้ านกวา่ พันธ์ุตาดํา 2. สบั ปะรดพนั ธภ์ุ เู กต็ ลักษณะประจําพันธ์ุ เป็นสับปะรดรับประทานผลสด ขนาดใหญ่ปานกลาง น้ําหนักประมาณ 1 – 2 กิโลกรัม ต่อผล ด้านปลายผล มีจุกขนาดใหญ่ ประกอบด้วยใบขนาดเล็ก ปลายแหลม และค่อนข้างยาว เรียงซ้อนกัน มีสีเขียวและมีนวลที่ผิว ผลเป็นรูปทรงกระบอก ท่ีผิวเปลือกมีตาของผลนูนขึ้นสูงเห็นเด่นชัด กว่าพนั ธปุ์ ัตตาเวยี ใบบนตามีขนาดเล็ก ปลายแหลม มีสีนํ้าตาลอ่อน ผิวเปลือก ระหว่างขอบตาเป็นสี เหลือง อมส้ม เม่ือแก่จัดจะมีสีส้มเข้ม ตาจะอยู่ค่อนข้างต้ืนไม่ฝังลงลึก มีขนเล็ก ๆ แข็งจํานวนมาก เนื้อ แน่น กรอบ ละเอยี ด ฉาํ่ นาํ้ มีสีเหลือง รสหวานจดั มกี ลิน่ หอม ไสก้ ลางผลมีขนาดเล็กแขง็

ลักษณะประจาํ พันธ์ุของไมผ้ ล 29 ภาพที่ 42 สบั ปะรดพันธุป์ ัตตาเวีย ภาพที่ 43 สับปะรดพนั ธ์ุภูเก็ต น้อยหนา่ พนั ธท์ุ ีน่ ยิ ม ไดแ้ ก่ 1. น้อยหน่าพันธุ์ฝ้าย ลักษณะประจําพันธุ์ ผลมีขนาดปานกลาง น้ําหนักประมาณ 150 – 180 กรัมต่อผล ทรงผลรูปหัวใจ ผลแก่ที่ผิวจะมีสีเขียวนวล ระหว่างตาห่างเป็นสีขาวอมเหลือง ร่องตาค่อนข้างลึก เม่ือสุกผลอ่อนนุ่ม และ มักจะแตกจากข้ัว เปลือกจะติดกับเนื้อไม่สามารถลอกเปลือกออกเป็นแผ่นได้ เหมือนพันธุ์หนัง เน้ือหยาบ เป็นทรายยุ่ย มีสีขาวแยกออกเป็นช้ิน ๆ ได้สะดวก เน้ือไม่เหนียวติดกันเป็นก้อน รสหวานมีกล่ินหอม เมล็ดมีสีดําเป็นมัน เม่ือแห้งจะเป็นสีน้ําตาล จํานวนเมล็ดประมาณ 50 เมล็ดต่อผล น้อยหน่าพันธ์ุฝ้ายมี 2 ชนดิ ชนดิ ทีผ่ วิ ผลสเี ขยี ว (ฝา้ ยเขยี ว) และผิวสมี ่วง (ฝ้ายคร่ัง) 2. นอ้ ยหน่าพนั ธ์หุ นงั ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ ผลมขี นาดปานกลาง น้ําหนักประมาณ 150 – 180 กรัมต่อผล ทรงผลรูปหัวใจ ผลแก่มีสีเขียวนวล ตากว้างไม่ค่อยนูน ร่องตาตื้น สีขาวอมเหลือง เม่ือสุกผลอ่อนนุ่มไม่แตก เปลือกล่อน แยกออกเป็นแผ่นได้ท้ังผล ไม่ติดเน้ือ เนื้อมากเหนียวติดเป็นก้อน มีกลิ่นหอม รสหวานจัด เมล็ดมีสีดําเป็น มัน มีประมาณ 40 เมล็ดต่อผล น้อยหน่าหนังมี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีผิวสีเขียว (หนังเขียว) และผิวสีทอง (หนังทอง)

30 ลักษณะประจาํ พันธขุ์ องไมผ้ ล ภาพที่ 44 นอ้ ยหน่าฝ้าย ภาพที่ 45 น้อยหนา่ หนงั มงั คดุ ลักษณะประจําพนั ธุ์ ผลของมังคุดมีลักษณะกลมแป้นเล็กน้อย ก้นผลกลมตัด มียอดเกสรเพศเมียเป็นแฉก ๆ ซ่ึงจะบ่งถึงจํานวนกลีบข้างใน ด้านขั้วผลมน ผิวของผลเม่ือแรกสุกจะมีเส้นสีแดงคล้ายเส้นเลือดท่ีผิว เม่ือ สุกเต็มที่จะมีสีม่วงดํา เปลือกผลหนาปานกลาง เนื้อในของเปลือกมีสีม่วงแดง มีกลีบ 4 – 7 กลีบต่อผล เน้ือผลสขี าว บางกลีบไม่มเี มล็ด เนือ้ ละเอยี ดฉ่ํานา้ํ ติดเมลด็ รสหวานอมเปรยี้ วเล็กน้อย มกี ลน่ิ เฉพาะตัว ภาพที่ 46 มังคดุ

ลักษณะประจาํ พนั ธข์ุ องไมผ้ ล 31 กระท้อน พนั ธทุ์ ีน่ ิยม ได้แก่ 1. กระทอ้ นพันธ์ุทบั ทิม ลกั ษณะประจําพันธุ์ เป็นพันธ์ุที่ให้ผลดกและแก่เร็ว ประมาณเดือนพฤษภาคมก็สามารถเก็บเก่ียวได้ ขนาดผลค่อนข้างเล็ก นํ้าหนักประมาณ 200 กรัมต่อผล ทรงผลกลมแป้น มีข้ัวยาว ผิวเปลือกเรียบบาง มีสีเหลืองนวล เนื้อบางนิ่ม ปุยหนามีปุยแทรกเนื้อ เมล็ดมีขนาดโตปานกลาง เนื้อมีรสหวานอมเปรี้ยว แตท่ ป่ี ยุ หุ้มเมลด็ มีรสหวานจดั ขอ้ เสีย คือ ถา้ แก่จดั ไมเ่ กบ็ ผลจะแตก ฝนชกุ จะทําใหไ้ ส้แดง (เป็นน้าํ หมาก) 2. กระทอ้ นพนั ธ์ุปุยฝ้าย ลักษณะประจําพนั ธุ์ เป็นพันธ์ุหนัก ผลมีอายุการเก็บเกี่ยวช้า จะเก็บผลได้ประมาณเดือนกรกฎาคม ผลมีขนาดกลางถึงค่อนข้างใหญ่ นํ้าหนักผลประมาณ 400 – 800 กรัมต่อผล ทรงผลกลม สูงเล็กน้อย ด้านก้นผลเรียบ ผิวท่ีข้ัวมีขนอ่อนนุ่มมือ ผิวเปลือกมีสีเหลืองอมน้ําตาล เปลือกบาง ด้านข้ัวจะนูนข้ึน บาง ผลจะมีรอยขรุขระเล็กน้อย เน้ือหนานุ่มไม่กระด้าง มีปุยแทรกเนื้อจนถึงเปลือก รสชาติหวานอมเปร้ียว (รสกลมกลอ่ ม) ไม่ฝาด ปุยหุ้มเมลด็ หนาฟู รสหวานจดั เมลด็ มขี นาดโตแบน แกจ่ ัดไสไ้ ม่เปน็ นํา้ หมาก 3. กระท้อนพันธ์ุนม่ิ นวล ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ เป็นพันธ์ุที่ให้ผลดก มีอายุเก็บปานกลาง จะเก็บผลได้ประมาณเดือนมิถุนายน ผลมีขนาดปานกลาง น้ําหนักผลประมาณ 300 – 500 กรัมต่อผล ทรงผลกลมแป้น มีขั้วสั้น ผิวเปลือก เรียบมสี เี หลืองอมนํา้ ตาล มีปุยแทรกเนอื้ รสหวานจัด เมล็ดมขี นาดปานกลาง 4. กระท้อนพนั ธ์ุเทพรส ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ เป็นพันธุ์ที่ให้ผลดก มีอายุเก็บเกี่ยวปานกลาง จะแก่กว่าพันธุ์ทับทิมเล็กน้อย ประมาณเดอื นมิถุนายน ผลมีขนาดกลาง นํ้าหนักประมาณ 250 – 500 กรัมต่อผล ทรงผลกลมสูงเล็กน้อย มขี วั้ ส้ันผวิ เปลอื กเรียบ มขี นออ่ นท่ผี ิวนุ่มมือ ด้านข้างผลจะมองเห็นสันนูนขึ้นมาตรงพูของเมล็ดชัดเจนกว่า พันธ์ุอ่ืน ๆ เปลือกมีสีนํ้าตาลเข้มเน้ือหนานิ่มไม่กระด้าง มีปุยแทรกเนื้อ มีรสหวานอมเปรี้ยว แต่ที่ปุยหุ้ม เมลด็ มรี สหวานจดั เมล็ดมีขนาดโต 5. กระทอ้ นพนั ธ์ทุ บั ทมิ ทอง ลกั ษณะประจาํ พันธ์ุ เป็นพันธ์ุเบาสามารถเก็บเก่ียวได้ประมาณเดือนพฤษภาคม (พร้อม ๆ กับพันธุ์ ทับทิม) ผลมขี นาดกลางถงึ ค่อนขา้ งใหญ่ นาํ้ หนักผลประมาณ 400 – 800 กรัมตอ่ ผล ผลทรงกลมถงึ ทรง

32 ลกั ษณะประจาํ พนั ธุข์ องไม้ผล กลมสูงเล็กน้อย ด้านก้นผลเรียบ ผิวมีรอยขรุขระมาก ข้ัวส้ัน เปลือกบาง ผิวเปลือกมีสีเหลืองทอง เนื้อ หนาแนน่ มีปยุ แทรกเนื้อ รสหวานอมเปรีย้ ว มีรสฝาดเลก็ น้อย ปุยหุ้มเมลด็ ฟู รสหวานจัด เมล็ดมีขนาดโต ภาพที่ 47 กระท้อนพนั ธุเ์ ทพรส ภาพท่ี 48 กระทอ้ นพนั ธทุ์ ับทิม ภาพที่ 49 กระท้อนพันธุน์ ิ่มนวล มะละกอสุก พันธ์ทุ ่นี ิยม ไดแ้ ก่ 1. มะละกอสุกพันธุแ์ ขกดาํ ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ ผลมีขนาดปานกลาง หนักประมาณ 1 – 2 กก. ต่อผล ทรงผลกลมยาว ด้านข้ัว แคบกว่าด้านปลายผล ไหลผ่ ลมน ปลายผลแหลมปา้ น มีร่องระหว่างพูตื้น ผิวเปลือกมีสีเขียวแก่ ผลสุกมีสี ส้มแดง ผิวหยาบ เปลือกบาง ช่องว่างภายในผลเมื่อตัดขวางบริเวณกลางผลเป็นรูป 5 เหล่ียม เนื้อ หนาแน่นมีสีส้มอมแดง เน้ือละเอียดรสหวาน เมล็ดมีขนาดเล็กสีเทาดํา มีจํานวนประมาณ 300 – 400 เมล็ดตอ่ ผล พทุ รา พนั ธุท์ น่ี ิยม ได้แก่ 1. พุทราเหรียญทอง ลักษณะประจําพนั ธ์ุ พทุ ราเหรียญทองมผี ลรูปทรงกลม ด้านขว้ั และก้นผลตดั ไหล่ผลกว้างออก บรเิ วณกลางผลดา้ นกน้ ผลมนเลก็ นอ้ ย บรเิ วณขวั้ ผลและกน้ ผลบุ๋มเล็กนอ้ ย รูปทรงพทุ ราพนั ธนุ์ ี้คล้ายผล แอปเปลิ ผลมเี สน้ จาง ๆ คาดจากข้วั ถงึ กน้ ผลตลอดทัง้ ผล ผิวบางเรียบใส สีเขยี วอมเหลอื ง เนื้อหนาสขี าว กรอบ รสหวานอมเปรีย้ วเมล็ดรูปไข่ ด้านตดิ กบั ข้วั คอ่ นข้างแหลม ดา้ นกน้ ป่อง ผวิ เมลด็ ขรุขระ ตาํ แหนง่ ของเมลด็ อยู่คอ่ นขา้ งไปทางขัว้ ผล และมชี อ่ งว่างเล็กนอ้ ย

ลักษณะประจาํ พนั ธุ์ของไมผ้ ล 33 2. พทุ ราบอมเบย์ ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ พุทราบอมเบย์มีผลทรงกลมยาว ก้นแหลม ไหล่ผลแคบ บริเวณขั้วผลบุ๋ม เล็กน้อย ผิวมีริ้วจาง ๆ ผิวบางใส สีเหลืองอมเขียว เน้ือขาว กรอบมาก รสหวาน ไม่มีเมือก เมล็ดเป็นรูป เรียวยาว ด้านก้นผลเมล็ดแหลม มากกว่าด้านข้ัว เมล็ดแข็ง ผิวขรุขระ ตําแหน่งของเมล็ดตอนบนอยู่ห่าง จากข้ัวผลค่อนข้างมาก มชี อ่ งวา่ งมาก ฝรั่ง พันธ์ุทน่ี ิยม ได้แก่ พันธ์กุ ลมสาลี ลักษณะประจาํ พันธุ์ พันธ์ุกลมสาลี ขนาดผลค่อนข้างใหญ่ นํ้าหนักประมาณ 300 – 350 กรัมต่อผล ทรงผลกลมแป้น ถึงกลมทรงสูง ด้านขั้วเว้าลงลึก ด้านก้นผลเรียบ ผิวเรียบถึงขรุขระเล็กน้อย เน้ือหนา ด้านนอกเป็นสีขาวปนเขียว เน้ือด้านในเป็นสีขาว เนื้อหนาแน่นกรอบ รสหวานอมเปร้ียว มีรสฝาด เล็กน้อย เมื่อสุกเนื้อจะอ่อนนุ่มเป็นทรายมีกลิ่นหอม ไส้เป็นเนื้อตันมีเมล็ดเล็กแข็งจํานวนมาก มีสีน้ําตาล ออ่ น มะไฟ พนั ธุ์ท่ีนยิ ม ไดแ้ ก่ พนั ธ์ุเหรียญทอง ลกั ษณะประจาํ พันธ์ุ พันธ์ุเหรียญทอง มลี ักษณะผลดกช่อใหญ่ ขนาดผลค่อนข้างใหญ่ ทรงผล ค่อนขา้ งกลม ผิวเปลือกเรยี บ มสี ีเหลอื งออ่ นนวล เปลอื กหนาไม่มียาง แต่ละผลมีประมาณ 2 – 3 พู มี เยือ่ บาง ๆ หุ้มแต่ละพูไว้ เนอ้ื มสี ีขาวขนุ่ ฉาํ่ นาํ้ รสหวานอมเปร้ียว มเี มลด็ แบนเล็กอยภู่ ายใน แตงโม พนั ธ์ุทีน่ ิยม ได้แก่ 1. พนั ธ์ชุ ูการ์เบบ้ี ลกั ษณะประจําพนั ธ์ุ ลักษณะผลค่อนข้างกลม ขนาดปานกลางไม่ใหญ่มากนัก ผลแก่มีน้ําหนัก ประมาณ 4 กิโลกรัม ผิวนอกของผลสีเขียวคลํ้า เปลือกค่อนข้างบางแข็งเปราะ ลักษณะของเน้ือภายในผล มเี น้อื ละเอยี ดเปน็ ทรายสแี ดงเข้ม รสหวานจัด เมลด็ คอ่ นข้างกลมเลก็ สีนาํ้ ตาลแดง

34 ลกั ษณะประจาํ พันธุข์ องไมผ้ ล 2. พันธ์ุชารล์ สตนั เกรย์ ลกั ษณะประจาํ พนั ธุ์ ลักษณะผลค่อนข้างกลมยาว ขนาดใหญ่ คล้ายฟักเขียว ผิวนอกของผลสีเขียว อ่อน มีลายเป็นชิ้นร่างแห สีเขียวเข้ม เปลือกค่อนข้างหนา แข็ง ลักษณะเนื้อภายในผลมี สีแดงอมชมพู รสหวาน ไส้ไม่ล้ม เมล็ดคอ่ นข้างใหญ่ สีนาํ้ ตาลดํา 3. พนั ธ์ุแตงโมเหลือง ลักษณะประจําพันธ์ุ ลักษณะผลค่อนข้างกลม ผิวนอกของผลสีเขียวอ่อน มีลายสีเขียวเข้มพาด เปลอื กบาง ลักษณะเน้อื ภายในผลมีสเี หลือง รสหวานกรอบ ทับทิม พนั ธ์ทุ ี่นิยม ได้แก่ พันธทุ์ บั ทิมทอง ลกั ษณะประจําพันธ์ุ ทับทิมเป็นไม้ผลแบบผลเด่ียว ด้านข้างผลลักษณะค่อนข้างกลม มีเหล่ียมมน เล็กนอ้ ย ประมาณ 5 – 6 เหล่ียม ไหลผ่ ลลาด ก้นผลมจี ุก ภายในแบง่ ออกเป็น 5 ช่องตามความยาว แต่ละ ชอ่ งมีเย่ือบางสีเหลอื งออ่ นก้นั อยู่ เมลด็ มจี าํ นวนมาก แตล่ ะเมล็ดมีเนอ้ื ใสหุ้มอยู่ เรียงตัวอดั กันแนน่ สม้ พันธทุ์ ่นี ยิ ม ไดแ้ ก่ 1. ส้มเขียวหวาน ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ ผลส้มเขียวหวานมีลักษณะทรงกลม ไม่มีจุก ก้นผลราบจนถึงเว้าเล็กน้อย ผิวสี เขยี วอมเหลอื งถึงเหลืองเขม้ ผิวราบเรียบ สีผวิ สม่ําเสมอ เปลอื กบางล่อน ปอกงา่ ย กลบี แยกออกจากกันได้ ง่าย ผนังกลีบบาง มีรกน้อยเวลาเค้ียวมีกากหรือชันน่ิม เน้ือสีส้ม กุ้ง (juice sac) หรือ เน้ือที่เกาะกันเป็น กลีบ มลี กั ษณะนมิ่ และฉ่าํ รสหวานอมเปร้ยี วเล็กนอ้ ย มีเมลด็ นอ้ ยหรอื เกอื บไมม่ เี มล็ดเลย 2. ส้มตรา ลกั ษณะประจําพนั ธ์ุ ส้มตรามีลักษณะกลมสูง ก้นแบนราบมีรอยเป็นวงกลม ผิวขรุขระ มีตุ่มน้ํามัน เล็กละเอียดไม่เด่นชัด ลักษณะเด่นของส้มตราต้องมีร่องหรือริ้วพาดจากขั้วผลลงมาเกือบถึงก้นผล เป็น ลกั ษณะคลา้ ยสาแหรกตลอดผล ผิวมีสเี ขียวถงึ เขียวอมเหลือง เปลือกคอ่ นข้างหนา เหนยี ว และแขง็ กว่า

ลกั ษณะประจาํ พนั ธข์ุ องไม้ผล 35 ส้มเกล้ียง ลอกออกจากเนื้อได้ไม่ยากนัก กลีบมีขนาดเล็กถี่ ผนังกลีบบางมาก พอแยกออกจากกันได้ กุ้ง (juice sac) หรือเนื้อท่ีเกาะตัวกันเป็นกลีบ มีขนาดเล็กอวบน้อย แต่ค่อนข้างแข็งเกาะตัวกันแน่น สีของ เนื้อโดยท่ัวไปเป็นสีเหลืองอ่อนคล้ายส้มเกล้ียง รสหวานไม่เปร้ียวเลย มีกล่ินอ่อนมากไม่เหมือนส้มอ่ืน ๆ ชนั เหนียวคอ่ นข้างมาก เมล็ดน้อยจนถงึ ไม่มีเมล็ดเลย เมล็ดมขี นาดเล็กกลมเรียบ ส้มโอ พันธ์ุที่นิยม ไดแ้ ก่ 1. สม้ โอพนั ธุข์ าวทองดี ลกั ษณะประจาํ พันธุ์ ผลของส้มโอพันธุ์ขาวทองดีมีลักษณะค่อนข้างกลม ไม่มีจุก ก้นป้านถึงเว้า เล็กน้อย ผิวมีสีค่อนข้างเขียว ผิวเรียบ มีตุ่มน้ํามันละเอียด มีขนอ่อนนุ่มเล็กน้อย เปลือกบาง ถ้ากดจะนุ่ม มอื เน้ือในของเปลือกมีสชี มพเู รอื่ ๆ เนือ้ น่มุ ถา้ กดจะนมุ่ มอื ฉ่ํา มสี ชี มพูเรอื่ ๆ กงุ้ (juice sac) หรอื เนอื้ ท่ี เกาะกันเป็นกลบี มีขนาดโตปานกลาง รสหวานไม่อมเปรี้ยว เมล็ดมีขนาดเลก็ และมีจาํ นวนคอ่ นข้างมาก 2. สม้ โอพนั ธข์ุ าวพวง ลกั ษณะประจําพันธุ์ ผลของส้มโอพันธุ์ขาวพวงมีลักษณะกลมสูง มีจุกเห็นเด่นชัด บริเวณจุกมีจีบบาง เล็กน้อย ผิวเรียบมีตุ่มนํ้ามันเล็กละเอียด ไม่สากมือหรือสากมือเล็กน้อย ก้นผลบุ๋มเล็กน้อย ผิวมีสีเขียวอม เหลือง กุ้ง (juice sac) หรือ เนื้อที่เกาะตัวกันเป็นกลีบ มีขนาดเล็ก นิ่ม ฉ่ํา รสหวานอมเปร้ียว เมล็ดมี จํานวนน้อยหรือไมม่ ีเลย ขนส้นั ไม่ออ่ นนมุ่ เนือ้ มสี เี หลืองจางออ่ นกว่าส้มเกล้ียง รสหวานเปรย้ี วเลก็ น้อย เมลด็ นอ้ ยมจี ํานวน 6 เมลด็ ต่อผล ภาพที่ 50 สม้ โอพันธขุ์ าวทองดี ภาพท่ี 51 ส้มโอพนั ธุข์ าวพวง

36 ลกั ษณะประจําพันธุ์ของไมผ้ ล ลางสาด ลักษณะประจําพันธุ์ ลางสาดออกผลเป็นช่อ ก้านเดี่ยว ผลติดอยู่ท่ีก้านช่อ มีลักษณะเดียวกับทะลายตาล ตําแหน่งการเรียงตัวของผลสลับเย้ืองกัน ผลมีลักษณะทรงกลมยาว ด้านก้นผลมน ตรงก้นมีตุ่มเล็กแข็งซ่ึง เป็นส่วนของยอดเกสรเพศเมียที่เหลืออยู่ ด้านขั้วผลรีกว่าด้านก้นผลเล็กน้อย ผิวของผลมีสีเหลืองนวล (สีฟาง) มีประสีน้ําตาลเป็นแห่ง ๆ ตามผิวผล เปลือกบางเหนียว ข้างในมียางสีขาวคล้ายน้ํานม มีกลีบ 4 – 5 กลีบ เกาะกันแน่น ระหว่างกลีบมีผนังสีขาวเป็นเยื่อบาง ๆ กั้นอยู่ เนื้อผลมีสีขาวขุ่น และเห็นเมล็ด อยู่ภายใน ปกติในผลหนึง่ จะมีเมลด็ เพียง 1 – 3 เมลด็ นอกน้ันเป็นเมล็ดลบี ลองกอง พนั ธ์ทุ นี่ ิยม ได้แก่ 1. ลองกองแหง้ ลกั ษณะประจาํ พันธ์ุ ผลเม่ือสุกสีเหลืองคล้ํา เปลือกผลหนาปานกลางไม่มียางขาว เมื่อผลสุกเต็มที่ เน้ือผลใสเหมือนแก้ว เนื้อมีลักษณะแห้ง มีกล่ินหอมชวนรับประทาน ไม่มีเมล็ด หรือมีเพียงหนึ่งเมล็ด เทา่ นน้ั 2. ลองกองน้ํา ลักษณะประจําพันธ์ุ เนื้อลองกองน้ําฉ่ํามากกว่าลองกองแห้ง สีผิวผลเมื่อสุกค่อนข้างเหลืองสว่างกว่า ลองกองแห้งมเี มล็ดน้อยเชน่ เดียวกบั ลองกองแหง้ 3. ลองกองแกแลแม หรือ ลองกองแปรแ์ มร์ ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ เปลือกผลบาง มียางนอ้ ย เนื้อนมิ่ มกี ลนิ่ ไมห่ อมเหมือนลองกองแห้ง เมลด็ มีน้อย ละมุด พันธุ์ทน่ี ิยม ได้แก่ 1. ละมุดมะกอก ลกั ษณะประจําพนั ธ์ุ ละมดุ พนั ธม์ุ ะกอกที่ดคี วรมขี นาดเส้นผ่าศูนย์กลางผลด้านข้างประมาณ 5.0 ซม. ผลรูปทรงกลม ไหล่ผลแคบ ด้านก้นผลสอบเรียวมน มีตุ่มแหลมที่ก้นผล ลักษณะท่ัวไปคล้ายมะละกอ ผวิ ไม่คอ่ ยเรยี บ มีขยุ ค่อนข้างมาก ผวิ สีน้าํ ตาลอมเหลือง เนอื้ มลี ักษณะคลา้ ยละมดุ พนั ธ์ไุ ข่ห่าน แต่เปน็

ลกั ษณะประจาํ พนั ธข์ุ องไมผ้ ล 37 ทรายนอ้ ยกว่า รสหวาน เนื้อกรอบ ถา้ สกุ จดั เนือ้ จะเละ และไม่เป็นทรายละเอียด เมล็ดเกาะกัน ตอนกลาง ผล แยกออกมาจากไส้เป็นแฉกปกติจะมี 1 – 5 แฉก แล้วแต่จํานวนเมล็ด เมล็ดมีรูปร่างค่อนข้างแบนนูน เลก็ นอ้ ย ปลายสดุ ของเมล็ดมีเง่ียงแหลมคม เมล็ดมีขนาดเล็กกว่าพันธ์ุไข่ห่าน สีนํ้าตาลไหม้ ผิวแข็งเป็นมัน บางเมลด็ มสี ารลกั ษณะคล้ายไขสีขาวเคลือบอยู่ 2. ละมุดไขห่ า่ น ลักษณะประจาํ พนั ธุ์ ผลมีขนาดใหญ่ เส้นรอบวงบริเวณกลางผลประมาณ 20 - 23 ซม. ผลทรงกลม ยาวเล็กน้อย ไหล่ผลกว้างก้นผลมนสอบ ผิวเรียบบางมีขุยสากมือ ข้ัวบุ๋มเล็กน้อย ผิวสีน้ําตาลอมเหลือง เนื้ออ่อนนุ่มฉํ่าเป็นทรายหยาบ มีเส้นละเอียดตามความยาวของผล เน้ือบริเวณติดกับผิวจะมีสีเหลืองอม เขยี ว ถดั เข้าไปเป็นสีนํ้าตาล และบรเิ วณใกลไ้ ส้ของผลจะมสี ีขาวนวล อาจมเี มลด็ ตง้ั แต่ 1 – 4 เมลด็ เนอื้ มี รสหวาน มีกลิ่นหอม เมล็ดเกาะกันเป็นกลุ่มตอนกลางผล แยกออกมาจากไส้เป็นแฉก เมล็ดมีรูปร่าง คอ่ นขา้ งแบนหวั ท้ายสอบ ปลายสดุ ของเมล็ดมีเงี่ยงไมแ่ หลมคม เมลด็ มสี นี ํา้ ตาลไหม้ ผวิ แขง็ เปน็ มนั มะขามหวาน พันธุท์ ี่นิยม ได้แก่ 1. พนั ธ์ุสีทอง (พนั ธุน์ ายหยดั ) ลกั ษณะประจําพันธ์ุ ฝกั มีขนาดโตปานกลางถงึ ค่อนข้างโต นํ้าหนักประมาณ 25 – 30 ฝักต่อกิโลกรัม มีขอ้ เหน็ ชดั ฝักโคง้ งอเปน็ ครึง่ วงกลมเรียกว่าฝกั ดาบ ผวิ เปลือกมสี ีนา้ํ ตาลออกขาว ๆ เปลอื กหนา มรี กน้อย ลอกออกง่าย เน้ือมีสีน้ําตาลอมเหลือง จึงเรียกว่าพันธุ์สีทอง รสชาติหวานจัด เยื่อหุ้มเมล็ดอ่อน และเอา เมล็ดออกได้ง่าย เมล็ดมีขนาดใหญ่ 2. พันธส์ุ ชี มภู ลกั ษณะประจาํ พันธุ์ ฝักมีขนาดโตปานกลาง น้ําหนักประมาณ 40 – 45 ฝักต่อกิโลกรัม ลักษณะฝัก เหยียดตรง เรียกว่า ฝักดิ่ง ด้านท้องและด้านสันหลังของฝักแบน ทําให้ด้านข้างพองออก (ไม่ได้แบนทาง ด้านข้างของฝักเหมือนพันธ์ุอื่น ๆ) แต่ละข้อของฝักเห็นเด่นชัด เปลือกหนาปานกลาง มีสีน้ําตาลอ่อนปน เทา รกมสี ีน้ําตาล ลอกออกไดง้ า่ ย เน้อื หนา น่มุ สีนา้ํ ตาลเข้ม รสหวานจดั เยอ่ื หุ้มเมลด็ ออ่ น เอาเมลด็ ออก ได้งา่ ย เนื้อหนา เมล็ดเลก็

38 ลกั ษณะประจําพันธุข์ องไมผ้ ล 3. พันธุห์ มนื่ จง ลกั ษณะประจําพันธ์ุ ฝักมขี นาดโตปานกลางถึงค่อนข้างโต นา้ํ หนักประมาณ 30 – 35 ฝักต่อกิโลกรมั ลกั ษณะฝกั โค้งเป็นรูปฆ้องวง บางฝักปลายทงั้ สองขา้ งโคง้ เกอื บจดกัน เปลือกหนา มสี ีน้าํ ตาลเข้ม รกมาก และเหนยี ว เนื้อหนา น่มุ สนี ํ้าตาลเข้ม รสหวานสนทิ กลิ่นหอมชวนรบั ประทาน เยอ่ื ห้มุ เมล็ดหนาและ เหนยี ว เมลด็ เลก็ 4. พันธอ์ุ นิ ทผาลมั ลกั ษณะประจําพนั ธุ์ ฝักมีขนาดโตปานกลาง น้ําหนักประมาณ 35 – 40 ฝักต่อกิโลกรัม รูปร่างตรง จนถึงโค้งเล็กน้อยเปลือกบางสีน้ําตาล มีรกน้อย เนื้อเป็นสีนํ้าตาลไหม้คล้ายเนื้อของอินทผาลัม เนื้อหนา ค่อนข้างฉ่ํา รสชาติหวาน ถึงหวานอมเปร้ียวเล็กน้อย เนื้อหุ้มเมล็ดบาง และล่อน เอาเมล็ดออกได้ง่าย เมล็ดมขี นาดใหญ่ 5. พนั ธขุ์ นั ตี ลักษณะประจําพนั ธุ์ ฝักมีขนาดโตปานกลาง น้ําหนักประมาณ 35 – 40 ฝักต่อกิโลกรัม รูปร่างตรง หรือ โค้งเล็กน้อย แต่ส้ันกว่าและฝักกลมกว่า มองเห็นเป็นข้อได้เด่นชัดกว่าพันธ์ุศรีชมภู เปลือกฝักหนา มีสีน้ําตาลปนสีขาวนวล รกมีมากกว่าพันธ์ุศรีชมภู เน้ือหนา นุ่ม สีนํ้าตาลแดง รสชาติหวาน แต่รสไม่จัด เท่าพันธ์สุ ชี มภู เยื่อหุ้มเมลด็ หนาและเหนยี ว เมลด็ ขนาดปานกลาง 6. พันธุน์ ้าํ ผ้งึ ลักษณะประจาํ พนั ธ์ุ ฝักโค้งงอ มีลักษณะเช่นเดียวกันพันธ์ุหม่ืนจง แต่มีขนาดเล็กกว่า ผิวเปลือกมีสี นํ้าตาลเทาเข้ม และหนา มีรกมาก และเหนียว เนื้อสีน้ําตาลไหม้ รสชาติหวานและมีกล่ินหอมคล้ายนํ้าผ้ึง เยือ่ หุม้ เมล็ดหนา และเหนยี ว เมลด็ เล็ก 7. พนั ธุ์ประกายทอง (พนั ธ์ุตาแป๊ะ) ลักษณะประจําพันธุ์ ฝกั มขี นาดใหญ่ นํ้าหนกั ประมาณ 25 – 30 ฝักต่อกิโลกรมั ลักษณะค่อนข้างตรง ถึงโค้งเลก็ น้อย คล้ายพันธอ์ุ นิ ทผาลัม แตไ่ มม่ เี หลย่ี ม เปลอื กบาง มสี นี าํ้ ตาลอมเทา มีรกน้อย ลอกออกได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook