รูปแบบการจดั ทำหน่วยการเรียนรู้รูปแบบท่ี 1 แนวทางการจัดทำหน่วยการเรียนรู้เริ่มจากการกำหนดมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ัดชัน้ ปี วิเคราะหแ์ ละระบมุ าตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชวี้ ัด กำหนดสาระสำคัญ กำหนดสาระการเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะกระบวนการ คณุ ลกั ษณะ กำหนดชน้ิ งาน/ภาระงานที่นกั เรียนปฏิบตั ิ กำหนดประเด็นและเกณฑก์ ารประเมิน วางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กำหนดช่อื หน่วยการเรียนรู้ กำหนดเวลาเรยี น 92 ค่มู ือ เส้นทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครผู ู้ช่วย
รูปแบบท่ี 2 แนวทางการจัดหน่วยการเรียนรู้เร่ิมจากการกำหนดปัญหาสำคญั ในทอ้ งถนิ่ หรอื สิง่ ทน่ี กั เรยี นสนใจ กำหนดประเดน็ ปัญหา/สงิ่ ท่ีนักเรยี นสนใจ วเิ คราะห์และระบมุ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ผลการเรยี นรู้ กำหนดสาระการเรยี นรู้ ความรู้ ทักษะกระบวนการ คณุ ลกั ษณะ กำหนดสาระสำคญั กำหนดประเดน็ และเกณฑก์ ารประเมิน กำหนดชนิ้ งาน/ภาระงานทน่ี ักเรยี นปฏบิ ตั ิ วางแผนจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กำหนดชื่อหน่วยการเรียนรู้ กำหนดเวลาเรยี น การออกแบบการเรียนรู้แบบย้อนกลับ (Backward Design) ที่นำมาใช้ในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน เป็นกระบวนการออกแบบที่ยึดเป้าหมายสุดท้ายของการเรียน คือมาตรฐานการเรียนรู้เป็นหลัก กระบวนการออกแบบวางแผนของครูผู้สอนต้องเกี่ยวเนื่องสมั พนั ธ์กนั 4 ขั้นตอน ดงั นี ้ 93คู่มือ เส้นทางครมู ืออาชีพสำหรบั ครูผู้ช่วย
ขั้นตอนที่ 1 กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้โดยพิจารณามาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดว่าต้องการให้นักเรียนรู้อะไร และสามารถทำอะไรได้ ข้ันตอนที่ 2 การกำหนดหลกั ฐานผลการเรียนรูพ้ ิจารณาว่าอะไรคือรอ่ งรอยหลักฐานทแ่ี สดงวา่ นักเรยี นรู้และสามารถทำได้ตามท่ีมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั กำหนด ขั้นตอนท่ี 3 การวางแผนการเรียนการสอน จะจัดกิจกรรมอย่างไรจึงสนับสนุนให้นักเรียนมีความรู้ท่ีลุ่มลึกและย่ังยืน (EnduringUnderstanding) ตามทมี่ าตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชว้ี ัดกำหนดไว้ ขั้นตอนที่ 4 การประเมินหน่วยการเรียนรู้ โดยทบทวนความเชื่อมโยงขององค์ประกอบหน่วยการเรียนรู้และปรับปรุงให้เหมาะสมย่งิ ขน้ึ 94 คู่มือ เสน้ ทางครูมืออาชพี สำหรับครูผูช้ ่วย
3.3 เทคนคิ การจดั การเรียนร้ทู ่ีสำคญั 3.3.1 เทคนคิ การจัดการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคญั มีแนวทางในการดำเนนิ การ ดงั น้ี (1) จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจความถนัด และความแตกตา่ งของผู้เรยี น (2) ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และประยุกต์ใช้เพ่ือป้องกนั และแก้ไขปญั หา (3) ให้ผู้เรียนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเปน็ ทำเป็น รักการอา่ นและเกิดการใฝร่ อู้ ย่างตอ่ เน่ือง (4) ผสมผสานสาระความร้ดู ้านต่าง ๆ อย่างสมดลุ รวมทั้งปลกู ฝังคณุ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ไว้ในทุกวิชาตอ่ เน่ือง (5) ผ้สู อนสามารถจดั บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม ส่ือการเรยี นอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ท้ังนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากส่อื และแหลง่ เรียนรู้ที่หลากหลาย (6) พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ให้เกดิ ขึ้นไดท้ ุกเวลาทกุ สถานท่ี 95คู่มือ เส้นทางครูมืออาชีพสำหรับครูผ้ชู ่วย
3.3.2 เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาทักษะการค้นคว้าแสวงหาความรู้ ประกอบด้วยเทคนคิ ยอ่ ยทีน่ ่าสนใจ ดงั น้ี กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) การเรียนแบบค้นพบ (Discovery Learning) กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Process) กระบวนการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (Self-directed Learning) การฝกึ ปฏิบตั ิ (Practice) การทดลอง (Experiment) โครงงาน (Project Work) ทกั ษะการวิจยั (Research Skill) การใชเ้ สน้ เลา่ เร่ือง (Story Line) การออกแบบกิจกรรมการเรยี นร้แู บบ 4 Mat 3.3.3 เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหาและการจดั การประกอบดว้ ยเทคนคิ ยอ่ ยท่นี ่าสนใจ ดังน้ี การตั้งคำถาม (Questioning) การเขยี นแผนผังความคิด (Mind Mapping) แผนผงั กราฟิก (Graphic Organizers) กระบวนการคิด (Thinking Process) กระบวนการแกป้ ญั หา (Problem-solving Process)96 คมู่ ือ เสน้ ทางครูมืออาชีพสำหรบั ครผู ชู้ ่วย
กระบวนการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking) กระบวนการคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) การคดิ แบบหมวก 6 ใบ (Six Thinking Hats) การจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integrate Learning) 3.3.4 เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมและค่านยิ มที่พงึ ประสงคป์ ระกอบด้วยเทคนคิ ย่อยทน่ี ่าสนใจ ดังนี้ (1) การเรียนรจู้ ากประสบการณ์ เกม (Game) กรณีศกึ ษา (Case Study) สถานการณจ์ ำลอง (Simulation) ละคร (Acting or Dramatization) บทบาทสมมติ (Role Play) (2) การเรยี นแบบรว่ มมือ (Cooperative Learning) ปรศิ นาความคิด (Jigsaw) ปริศนาความคิด 2 (Jigsaw 2) กลุ่มรว่ มมือแข่งขัน (Team-Games-Tournaments : TGT) กลุ่มผลสัมฤทธ์ิ (Student Teams and AchievementDivisions : STAD) 97คูม่ อื เส้นทางครมู ืออาชพี สำหรบั ครผู ู้ชว่ ย
กลุ่มร่วมมอื ช่วยเหลือ (Team Assisted Individualization :TAI) กลมุ่ สบื ค้น (Group Individualization) กลุ่มเรยี นรู้ร่วมกัน (Learning Together) กล่มุ ร่วมกนั คิด (Numbered Heads Together : NHT) กลมุ่ รว่ มมือ (Co-op Co-op) (3) การเรยี นรแู้ บบมสี ่วนร่วม (Participatory Learning)4. สื่อการเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นร้ ู คือเคร่ืองมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานการเรยี นรูข้ องหลกั สตู ร ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพประเภทของสอื่ การเรียนรู้ 1. สือ่ ธรรมชาติ 2. สื่อสิ่งพิมพ์ 3. สือ่ เทคโนโลยี 4. บคุ คล 5. เครือข่ายการเรียนรู้ เช่น บ้าน สถาบันการศึกษา วัดสถานประกอบการ ฯลฯ98 คมู่ อื เสน้ ทางครูมอื อาชีพสำหรับครูผชู้ ว่ ย
การดำเนนิ การเกีย่ วกับส่ือการเรยี นรู้ 1. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ เครอื ข่ายการเรยี นรู้ 2. จดั ทำและจัดหาสื่อ สำหรับการศกึ ษาค้นควา้ 3. เลอื กและใชส้ ือ่ ท่มี ีคณุ ภาพมีความเหมาะสม หลากหลาย 4. ประเมนิ คุณภาพของสื่อการเรยี นร้ทู ่เี ลือกใชอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ 5. ศึกษา ค้นควา้ วิจยั เพือ่ พฒั นาส่ือการเรยี นรู้ 6. กำกับ ตดิ ตาม ประเมนิ คุณภาพ ประสทิ ธภิ าพ เกี่ยวกับสอื่ หลกั การสำคญั ของการจัดทำการเลือกใชแ้ ละการประเมินส่อื 1. ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรยี นร้กู ารจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ 2. ถูกต้อง ตามหลักวชิ าและชัดเจน เข้าใจงา่ ย 3. ทันสมยั ปัจจบุ ัน 4. ไมข่ ดั ตอ่ ความม่ันคงของชาติและศีลธรรม 5. ถกู ตอ้ งตามหลกั การใช้ภาษา 6. รูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่ายมีเอกภาพ สัมพันธภาพและมีปฏิสัมพันธ์กบั ผู้เรียน 7. น่าสนใจเหมาะสมกับวัย 99คู่มือ เส้นทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครูผู้ช่วย
5. การวัดและประเมินผล 5.1 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้แบง่ ออกเปน็ 4 ระดับ ได้แก่ 1. การประเมนิ ระดับชั้นเรยี น 2. การประเมินระดับสถานศึกษา 3. การประเมนิ ระดับเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา 4. การประเมนิ ระดบั ชาติ 5.2 ภารกจิ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.2.1 การประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ (1) ครูผู้สอนเป็นผู้ประเมินและตัดสินผลการเรียนเป็นรายวชิ า โดยประเมินตามมาตรฐาน ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ (2) ดำเนินการประเมินผลก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบปรบั ปรุงพน้ื ฐานของผู้เรียน (3) ประเมินผลระหวา่ งเรยี น หลงั การเรียน และปลายภาค/ปีเพ่ือนำผลไปตัดสินการผ่านผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและตัดสินผลการเรียนรายวิชา (4) เลือกวิธีการประเมนิ เครอ่ื งมือการประเมนิ อยา่ งหลากหลายเน้นการประเมินสภาพจริงครอบคลุมสาระและเหมาะสมกับธรรมชาติของผู้เรียน100 คมู่ อื เสน้ ทางครมู อื อาชพี สำหรับครผู ้ชู ่วย
(5) ซ่อมเสริม ปรับปรุงแก้ไขผลการเรียนของผู้เรียนท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินและส่งเสริมผู้เรียนท่ีผ่านเกณฑ์การประเมินให้พัฒนาการประเมินให้พัฒนาสูงสดุ เตม็ ความสามารถ (6) การตัดสินการผ่านรายวิชาตามเกณฑ์มาตรฐานและตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ที่กำหนด และประเมินให้ระดับผลการเรียนจากคะแนนการประเมนิ ตอ้ งผา่ นตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรูท้ กุ ข้อรว่ มกัน (7) จัดการเรียนซ่อมเสริม และเรียนซ้ำรายวิชาที่ไม่ผ่านการตัดสินผลการเรียนและให้ประชุมพิจารณาให้ผู้เรียนที่มีผลการเรียนทุกรายวิชามีระดับการเรียนเฉลีย่ ไม่ถึง “1” ใหเ้ รียนซ้ำช้นั (8) ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้อนุมัติผลการประเมินและตดั สินผลการเรยี น 5.2.2 การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น (1) ครูผู้ควบคุมกิจกรรมเป็นผู้ประเมินและตัดสินกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นเป็นรายกจิ กรรม (2) ประเมินกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี นใน 2 ดา้ น คือ การผ่านจุดประสงค์ของกิจกรรมและการมีส่วนร่วมในกิจกรรม โดยพิจารณาจากจำนวนเวลาเรยี นท่ีเข้ารว่ มกิจกรรม ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 101คู่มอื เส้นทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครผู ูช้ ว่ ย
(3) ตดั สนิ ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น 2 ระดับ คือ ผา่ นและไม่ผ่าน โดยผู้ได้รับการตัดสินให้ผ่านจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินท้ัง 2 ด้าน (4) ประเมินและตัดสินกิจกรรมการผ่านระดับการศึกษาตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด โดยผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้อนุมัติผลการประเมนิ และตดั สินการปฏบิ ัติกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น 5.2.3 การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (1) กำหนดให้มีคณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศึกษาจากผูเ้ ก่ียวขอ้ งทุกฝา่ ย (2) กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงคข์ องสถานศึกษา (3) กำหนดแนวการดำเนินการเป็นรายคุณธรรม โดยประเมินท้งั ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน (4) ดำเนินการประเมินและสรุปผลเปน็ รายภาค/ปี (5) แจง้ ผลการประเมินให้ผเู้ รยี นทราบและปรบั ปรงุ แก้ไขข้อบกพรอ่ ง (6) ประเมินผ่านระดับการศึกษาตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด102 คมู่ ือ เส้นทางครูมอื อาชีพสำหรบั ครูผ้ชู ่วย
5.2.4 การประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น (1) กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการกำหนดมาตรฐานเกณฑ์แนวทางการประเมินและการซ่อมเสริมผู้เรียนที่ไม่ผา่ นการประเมินผลระดบั การศกึ ษา (2) ประกาศแนวทางและวิธีการประเมิน (3) แต่งตั้งคณะกรรมการประเมนิ (4) ดำเนินการประเมินปลายภาค/ปีและประเมินการผ่านระดบั การศกึ ษา 5.2.5 การประเมินผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นระดบั ชาติ (1) เตรียมตวั ผู้เรยี นใหม้ ีความพร้อมทจ่ี ะรับการประเมนิ (2) เตรียมตัวบุคลากร สถานท่ี และอำนวยความสะดวกในการรบั การประเมนิ (3) สรา้ งความตระหนกั ความเข้าใจ และความสำคัญแกค่ รูและผู้เรียน (4) นำผลการประเมินมาพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษา 103คูม่ ือ เส้นทางครูมอื อาชพี สำหรับครผู ู้ช่วย
6. การรายงานผลการเรยี น 6.1 จดุ มุ่งหมายการรายงานผลการเรียน 6.1.1 เพื่อแจ้งให้ผู้เรียน ผู้เก่ียวข้องทราบความก้าวหน้าของผู้เรยี น 6.1.2 เพื่อให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข สง่ เสรมิ และพฒั นาการเรียนร้ขู องผเู้ รยี น 6.1.3 เพ่ือให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเรียนรูักำหนดแนวทางการศึกษาและการเลือกอาชีพ 6.1.4 เพ่ือเป็นข้อมูลให้ผู้ที่มีหน้าท่ีเก่ียวข้อง ใช้ดำเนินการออกเอกสารหลักฐานการศึกษาตรวจสอบและรบั รองผลการเรยี น หรอื วฒุ ิทางการศกึ ษาของผู้เรียน 6.1.5 เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับสถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดใช้ประกอบในการกำหนดนโยบาย วางแผนในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา104 คู่มือ เส้นทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครผู ู้ชว่ ย
6.2 เอกสารหลักฐานการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศกั ราช 2551 6.2.1 หลักฐานการศกึ ษาทีก่ ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกำหนด (1) ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.1) (2) หลกั ฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ประกาศนียบัตร) (ปพ.2) (3) แบบรายงานผสู้ ำเรจ็ การศึกษา (ปพ.3) 6.2.2 เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีสถานศกึ ษากำหนด (1) แบบรายงานประจำตวั นักเรยี น (2) แบบบันทึกผลการเรยี นประจำรายวิชา (3) ระเบียนสะสม (4) ใบรับรองผลการเรยี น (5) เอกสารอื่น ๆ ตามวตั ถุประสงค์ของการนำเอกสารไปใช้ 105คู่มอื เส้นทางครูมืออาชพี สำหรบั ครูผูช้ ว่ ย
7. การวจิ ัยในช้นั เรยี น การวิจัย หมายถึงกระบวนการเสาะแสวงหาความรู้เพ่ือท่ีจะตอบคำถาม หรอื ปัญหาขอ้ สงสยั ท่ีมอี ยอู่ ย่างเป็นระบบ โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ที่ชัดเจน การวิจัยในช้ันเรียน เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เป็นกระบวนการแสวงหาความรเู้ พื่อแก้ปญั หา หรอื พัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่เกิดขนึ้ในชั้นเรียนอย่างมีระบบ มีวัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน มีกระบวนการทำงานอย่างตอ่ เน่ือง มีการวางแผน กำหนดประเด็นปัญหาลงมอื ปฏิบัตติ ามแผนสังเกตผลทีเ่ กิดข้นึ สะทอ้ นผลหลงั จากลงมอื ปฏบิ ตั ิ ถ้ายังมปี ระเด็นปญั หาท่ีต้องการปรับปรุงแก้ไขก็วางแผน ลงมือปฏิบัติสะท้อนผล เป็นวงจรต่อไปจนบรรลเุ ปา้ หมาย โดยผทู้ ำการวิจยั ส่วนใหญจ่ ะเป็นครผู ู้สอน106 ค่มู ือ เสน้ ทางครูมอื อาชีพสำหรับครูผู้ชว่ ย
เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งการวิจยั อยา่ งเปน็ ทางการและการวจิ ยั ในช้นั เรียน ประเดน็ การวจิ ัยอยา่ งเป็นทางการ การวจิ ัยในช้นั เรยี น1. เปา้ หมายของการวิจยั ไดอ้ งค์ความร้ทู ส่ี ามารถสรปุ ไดอ้ งคค์ วามรูท้ จ่ี ะนำมาปรับปรุง อา้ งอิงไปสู่กลุม่ อน่ื ได้ แก้ไขงานทปี่ ฏิบตั ิอยู่2. วธิ กี ารกำหนดประเดน็ ตรวจสอบเอกสารทฤษฎแี ละงาน ปญั หาหรือคำถามวจิ ยั ประเดน็ ปญั หาหรอื คำถามไว้ วิจัยท่ีเก่ยี วข้อง ปัญหาปจั จุบันทีพ่ บ3. วธิ กี ารตรวจสอบเอกสาร เนน้ การตรวจสอบเอกสารอยา่ ง ไมเ่ น้นการตรวจสอบเอกสารมากนกั เขม้ ขน้ เน้นการใชข้ ้อมลู จากแหลง่ อนโุ ลมให้ใช้ขอ้ มูลจากแหลง่ ทุตยิ ภมู ิ ปฐมภมู ิ 4. การส่มุ ตวั อยา่ ง เนน้ การสุ่มชนิดที่คำนึงถงึ ความ ไม่เนน้ การสุ่มตวั อย่างกลุ่มท่ศี กึ ษา นา่ จะเป็นเพือ่ ให้ไดก้ ล่มุ ตัวอยา่ งท่ี คือนกั เรียน หรอื ผู้ทเ่ี กย่ี วข้อง เป็นตวั แทนของประชากร ท่ีปฏิบัติงานด้วย5. การวิเคราะหข์ อ้ มูล ใชอ้ นุมานสถติ ิในการทดลอง ไม่เนน้ การทดสอบความมนี ยั ความมีนัยสำคญั และใชเ้ ทคนิค สำคัญทางสถิติ มีการนำเสนอ ของการวิจยั เชิงคุณภาพ ขอ้ มลู ดบิ 6. การนำผลไปใช้ เนน้ ความสำคญั ในเชงิ ทฤษฎี เน้นความสำคัญทเี่ ปน็ ผลจากการ ปฏิบัติ 107คู่มอื เส้นทางครมู ืออาชพี สำหรบั ครผู ้ชู ่วย
ขน้ั ตอนของการทำวจิ ยั ปฏบิ ัติการในช้นั เรียน 1. เลอื กประเด็นคำถามวิจัยที่สำคัญต่อการปฏิบัติงาน 2. ตรวจสอบเอกสารทเี่ กี่ยวข้อง 3. วางแผนการวิจยั 4. ลงมอื ปฏิบัตพิ รอ้ มรวบรวมข้อมูล 5. วิเคราะห์ข้อมูล เชงิ ปรมิ าณ/คณุ ภาพ 6. สรปุ ผลการวิจยั 7. แลกเปลีย่ นข้อคน้ พบกบั ผอู้ ื่นหรือทำการเผยแพร่วิจัยแบบง่าย : วจิ ยั ท่ีเหมาะกบั ครู 1. ไม่ทำใหภ้ าระของครมู มี ากเกินไป 2. ไม่เป็นงานท่ีแปลกแยกจากการทำงานปกติคือการจัดการเรียนรู้ 3. เป็นการวิจยั ทมี่ ีกระบวนการท่ีไมซ่ บั ซอ้ น 4. สอดคล้องกลมกลนื เกดิ ประโยชน์กับงานการเรยี นการสอนปกติ108 คู่มอื เสน้ ทางครมู ืออาชพี สำหรบั ครผู ูช้ ่วย
ลกั ษณะการวิจยั แบบงา่ ย 1. เป็นการวจิ ัยที่ครูทำในงานการจดั การเรยี นรู้แกป้ ญั หา/พัฒนา 2. เป็นการวจิ ัยเรอ่ื งที่มขี อบเขตเล็ก ๆ ใชเ้ วลาน้อย มกี ระบวนการไม่ซับซอ้ น 3. เป็นการวจิ ัยทเี่ ขียนรายงานการวิจัยความยาวไมเ่ กนิ 10 หนา้ ขั้นตอนสำคัญการวจิ ัยแบบงา่ ย 1. กำหนดประเด็นของการแก้ปญั หาหรอื การพฒั นา 2. กำหนดวิธีการที่จะแก้ปัญหาหรือการพัฒนาในเร่ืองน้ัน ๆอยา่ งมเี หตุผล 3. ดำเนินการตามวิธีการขั้นตอนท่ีกำหนด รวบรวมข้อมูลท่ีเกดิ ขึน้ 4. นำข้อมูลมาวเิ คราะหแ์ ละสรุปผลท่ีเกิดข้ึน 5. เขยี นรายงานผลการศกึ ษาวิจยั ดว้ ยความยาวไม่เกนิ 10 หน้า 109ค่มู อื เส้นทางครมู ืออาชีพสำหรบั ครผู ้ชู ว่ ย
การเขยี นรายงานการวจิ ยั แบบง่าย 1. ชื่อเรื่อง/ประเด็นทท่ี ำการวิจยั 2. ท่มี าของปัญหาหรือสงิ่ ท่ตี อ้ งการพฒั นา 3. เปา้ หมายของการวิจัย 4. วิธีการหรือข้นั ตอนสำคญั ของการแกป้ ญั หาหรอื การพัฒนา 5. ผลของการแก้ไขหรือพฒั นา 6. ข้อเสนอแนะ110 ค่มู อื เส้นทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครูผูช้ ่วย
ประโยชนก์ ารวิจยั แบบง่าย 1. ผูเ้ รยี นได้รบั การพฒั นาอย่างมรี ะบบ นา่ เชอื่ ถือ 2. ครูมีทักษะการวิจัยและเป็นพ้ืนฐานสู่การวิจัยข้ันสูงหรือเป็นนกั วจิ ัยตอ่ ไป 3. ครูมผี ลงานวชิ าการทีช่ ดั เจน ตอ่ เนื่อง เพ่ือพฒั นางาน และพฒั นาวชิ าชพี 4. ครมู รี ะบบและวธิ ที ำงานอย่างครมู อื อาชพี 5. สง่ เสรมิ การประกนั คณุ ภาพการศึกษาท่ีเชอ่ื มน่ั ได้ 6. อืน่ ๆ ฯลฯ 111คูม่ ือ เสน้ ทางครูมืออาชีพสำหรบั ครูผูช้ ว่ ย
8. มาตรฐานการศกึ ษาและมาตรฐานเพอื่ การประเมนิ คุณภาพภายนอก ตารางเปรียบเทยี บมาตรฐานการศกึ ษาของชาติ มาตรฐานการศึกษาตามกฎกระทรวง มาตรฐานการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2553 กระทรวงศกึ ษาธิการ และมาตรฐานเพื่อการประเมินคุณภาพภายนอก มาตรฐาน ตามกมกาาฎรตศกรกึรฐะาษทนารวงม(พปาุทตรระธกฐศาอกั นบรศกาดกึาช้วรษย2ศา51กึธ52กิษ3าามรขกานั้รตะพรทฐนื้ ราฐวนาง)น มาตรฐานเพ่ือการประเมนิ คณุ ภาพ การศกึ ษา ภายนอก รอบสาม ของชาติ (ประกอบด้วย 12 ตวั บ่งชีห้ ลัก)มาตรฐานท่ี 1 มาตรฐานที่ 1 ด้านคณุ ภาพผ้เู รียน (6 มาตรฐาน) ตัวบง่ ชพี้ ื้นฐาน (5 ตัวบ่งช้ีหลกั )คณุ ลกั ษณะของ ผลการจัดการ มาตรฐานท่ี 1 ผเู้ รียนมีสขุ ภาวะท่ีดี ตัวบง่ ชที้ ่ี 1 ผเู้ รยี นมสี ขุ ภาพกายคนไทยทีพ่ งึ ศกึ ษา และมีสุนทรียภาพ และสุขภาพจิตทีด่ ีประสงค์ทงั้ ใน มาตรฐานที่ 2 ผเู้ รียนมคี ุณธรรม ตวั บง่ ช้ที ี่ 2 ผู้เรียนมคี ณุ ธรรมฐานะพลเมอื ง จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มพงึ ประสงค์ จรยิ ธรรมและคา่ นยิ มท่ีพงึ ประสงค์และพลโลก มาตรฐานท่ี 3 ผูเ้ รียนมที ักษะ ตัวบ่งชที้ ี่ 3 ผ้เู รยี นมีความใฝ่รู้ และ ในการแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง เรียนร้อู ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง รักการเรียนรู้ และพัฒนาตนเอง ตวั บ่งชี้ท่ี 4 ผ้เู รียนคดิ เป็น ทำเป็น อย่างต่อเน่ือง ตวั บง่ ชีท้ ี่ 5 ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น มาตรฐานท่ี 4 ผู้เรยี นมคี วาม ของผ้เู รียน สามารถในการคิดอยา่ งเป็นระบบ ตัวบ่งชี้อตั ลกั ษณ์ (2 ตัวบง่ ชหี้ ลกั ) คดิ สร้างสรรค์ ตดั สนิ ใจแก้ปัญหา ตวั บ่งชีท้ ่ี 9 ผลการพฒั นาให้บรรลุ ได้อยา่ งมีสตสิ มเหตุผล ตามปรัชญา ปณิธาน พันธกิจ และ มาตรฐานท่ี 5 ผเู้ รียนมีความรู้ วัตถปุ ระสงค์ ของการจดั ต้งั สถานศึกษา และทกั ษะทจี่ ำเปน็ ตามหลกั สตู ร ตวั บง่ ชีท้ ี่ 10 ผลการพฒั นาตามจุดเน 112 ค่มู อื เสน้ ทางครูมืออาชีพสำหรับครผู ้ชู ว่ ย
มาตรฐาน ตามกมกาาฎรตศกรกึรฐะาษทนารวงม(พปาทุตรระธกฐศาอักนบรศกาดึกาช้วรษย2ศา51กึธ52กิษ3าามรขกา้ันรตะพรทฐน้ื ราฐวนาง)น มาตรฐานเพอื่ การประเมนิ คุณภาพ การศกึ ษา ภายนอก รอบสาม ของชาติ (ประกอบดว้ ย 12 ตัวบง่ ชี้หลัก) มาตรฐานที่ 6 ผเู้ รยี นมีทักษะใน และจุดเดน่ ท่ีส่งผลสะทอ้ นเป็น การทำงาน รกั การทำงาน สามารถ เอกลักษณข์ องสถานศึกษา ทำงานรว่ มกบั ผู้อื่นได้ และมเี จตคติ กลุ่มตวั บ่งชมี้ าตรการส่งเสริม ที่ดีต่ออาชีพสุจริต (1 ตัวบง่ ชีห้ ลัก) ตวั บง่ ชท้ี ี่ 11 ผลการดำเนินการ โครงการพิเศษเพ่อื ส่งเสริมบทบาทของ สถานศกึ ษามาตรฐานที่ 2 มาตรฐานที่ 3 ด้านคณุ ภาพผู้เรียน (1 มาตรฐาน) ตัวบง่ ชีพ้ ื้นฐาน (1 ตัวบง่ ชี้หลกั )แนวการจดั การจดั การเรยี น มาตรฐานท่ี 7 สถานศึกษามีการ ตวั บง่ ช้ีท่ี 6 ประสิทธผิ ลของการการศกึ ษา การสอนทเี่ น้น จดั หลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรู้ จดั การเรียนการสอนที่เน้นผูเ้ รียนเป็น ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคญั สำคญั มาตรฐานท่ี 3 มาตรฐานที่ 2 ด้านคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา ตัวบ่งช้พี ้ืนฐาน (1 ตัวบ่งช้หี ลัก)แนวการสร้าง การบรหิ ารจดั การ (3 มาตรฐาน) ตัวบ่งชที้ ี่ 7 ประสทิ ธภิ าพของการสงั คมแห่งการ มาตรฐานที่ 8 สถานศกึ ษามกี าร บริหารจัดการและการพัฒนาสถานเรียนร้/ู สังคม จัดกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น ศึกษาแหง่ ความรู้ อย่างหลากหลาย ตัวบ่งช้ที ่ี 12 ผลการสง่ เสริมพฒั นา มาตรฐานท่ี 9 สถานศกึ ษามีการ สถานศกึ ษาเพอื่ ยกระดับมาตรฐาน จัดสภาพแวดลอ้ มและการบริการ รกั ษามาตรฐาน และพฒั นาสู่ความ ทส่ี ง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นพฒั นาเต็ม เปน็ เลิศ เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกบั แนวทาง ศกั ยภาพ ปฏริ ปู การศึกษา มาตรฐานท่ี 11 ผู้บริหาร ครู และ คณะกรรมการสถานศึกษาปฏบิ ตั ิงาน ตามบทบาทหน้าทอี่ ย่างมี ประสทิ ธิภาพและเกดิ ประสทิ ธิผล 113ค่มู ือ เสน้ ทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครผู ู้ช่วย
มาตรฐาน ตามกมกาาฎรตศกรกึรฐะาษทนารวงม(พปาุทตรระธกฐศาอักนบรศกาดึกาช้วรษย2ศา51กึธ52ิกษ3าามรขกา้ันรตะพรทฐน้ื ราฐวนาง)นมา(ปตรระฐกาภอนาบเพยดน่อืว้ อกยกา1ร2ปรอรตบะัวเสมบานิ่งมชค้หีณุ ลภกั า)พ การศกึ ษา ของชาติมาตรฐานที่ 3 ด้านคณุ ภาพการสรา้ งสงั คมแหง่ แนวการสรา้ ง การเรยี นรู้ สงั คมแหง่ การ (1 มาตรฐาน) เรียนรู้/สงั คม มาตรฐานท่ี 12 สถานศกึ ษามีการ แหง่ ความรู้ (ตอ่ ) สรา้ งส่งเสริม สนับสนุนให้สถาน ศึกษาเปน็ สังคมแห่งการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 4 ดา้ นคุณภาพการจัดการศึกษา กลุ่มตวั บง่ ช้ีพืน้ ฐาน (1 ตวั บ่งชหี้ ลกั ) การประกนั (1 มาตรฐาน) ตวั บ่งชที้ ่ี 8 พฒั นาการของการ คุณภาพภายใน มาตรฐานท่ี 10 สถานศกึ ษามีการ ประกันคุณภาพภายในโดยสถานศกึ ษา ประกันคณุ ภาพภายในของสถาน และต้นสังกดั ศึกษาตามทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง 114 คู่มอื เส้นทางครูมืออาชพี สำหรับครูผู้ชว่ ย
4บทที่ การปฏบิ ัตงิ านและการปฏิบตั ติ น ในฐานะข้าราชการครทู ด่ี ี เพ่ือให้การปฏิบัติราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมีเกียรติสมศักด์ิศรีผู้ประกอบวชิ าชีพช้นั สงู มคี วามพรอ้ มทง้ั โดยสว่ นตัวและเพอ่ื ส่วนรวม ขา้ ราชการครูจึงควรมีความรู้ ความเขา้ ใจและปฏิบัติได้ในสิง่ ตา่ ง ๆ ตอ่ ไปน้ี1. การมีบตั รประจำตัวเจา้ หน้าท่ีของรฐั ข้าราชการครูต้องมีบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซ่ึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2542 โดยยื่นแบบคำขอและมีเอกสารประกอบดังนี้ 115คมู่ ือ เส้นทางครมู ืออาชพี สำหรบั ครผู ูช้ ่วย
1.1 แบบคำขอมีบัตรประจำตัวหรือขอมีบัตรประจำตัวใหม่ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าท่ีของรัฐ พ.ศ. 2542 จำนวน 1 ฉบบั (เก็บรกั ษาไวท้ ่หี น่วยงานตน้ สังกัดท่อี อกบัตร) 1.2 รปู ถ่าย สีหรือขาวดำ ขนาด 2.5 x 3 ซ.ม. (1 นิว้ ) หนา้ ตรงไม่สวมหมวกหรือแว่นตาดำถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน ก่อนวันที่ย่ืนคำขอ โดยแตง่ เคร่อื งแบบปฏิบตั ิราชการ เคร่ืองแบบพิธีการ เคร่ืองแบบเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีตนสังกัด ชุดสากล หรือชุดไทยพระราชทาน (กรณีแต่งเครื่องแบบต้องประดับเครื่องหมายตำแหน่ง สังกัด ฯลฯ ให้ถูกต้องตามระเบยี บ) จำนวน 2 รูป 1.3 ข้าราชการนอกประจำการ ให้ใช้เครื่องแบบเหมือนขา้ ราชการประจำการ เวน้ แต่เครอ่ื งหมายสงั กดั ใหต้ ิดทปี่ กคอเสื้อด้านหน้าข้างซ้าย และเครื่องหมายอักษร น ก ติดท่ีปกคอเสื้อด้านหน้าข้างขวา116 คู่มอื เสน้ ทางครมู ืออาชพี สำหรับครูผูช้ ่วย
1.4 การขอมีบัตรใหม่เนื่องจากบัตรเก่าสูญหาย ให้แนบใบแจ้งความไปเป็นหลักฐาน กรณีบัตรเกา่ หมดอายุ เลอื่ นระดบั เปลยี่ นตำแหน่งและย้าย ให้ส่งบัตรเก่าคืนพร้อมคำขอมีบัตรฯ ใหม่ด้วยทุกครั้ง คำขอมีบตั รประจำตัวใช้ 1 ฉบบั โดยเกบ็ รักษาไวท้ ่หี นว่ ยงานต้นสังกัดท่ีออกบตั ร 1.5 สำเนาทะเบยี นบ้าน จำนวน 1 ชุด ตวั อยา่ งบัตรประจำตวั เจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั ดา้ นหน้า ดา้ นหลัง 117คู่มอื เสน้ ทางครูมืออาชพี สำหรบั ครูผ้ชู ่วย
หมายเหตุ 1. บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งออกตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตวั เจ้าหน้าทข่ี องรัฐ พ.ศ. 2542 ใช้ได้ 6 ปนี บั แต่วนั ออกบตั ร 2. บัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับบำเหน็จบำนาญท่ีใช้ได้ในวนั ท่ีผถู้ อื บัตรมอี ายคุ รบเจด็ สบิ ปีบริบรู ณ์ใหค้ งใช้ได้ตลอดชีวิต118 คู่มอื เส้นทางครูมอื อาชพี สำหรบั ครผู ูช้ ่วย
คำขอมีบัตรประจำตวั หรอื ขอบัตรประจำตัวใหม่ เลขที่......................ตามพระราชบัญญัตบิ ตั รประจำตวั เจ้าหนา้ ที่ของรฐั พ.ศ. 2542รหสั บตั ร................. วันออกบัตร............. วันหมดอาย.ุ ........... เขยี นท่.ี ..................................... วันท่.ี ..........เดอื น.............................พ.ศ. ............. ตดิ รปู ถา่ ย ขา้ พเจ้าชอื่ ...........................................นามสกุล................................................ 1 นิ้วเกดิ วนั ท่.ี .......เดือน........................พ.ศ. ........อาย.ุ .......ปี สญั ชาติ..............หมู่โลหติ ........มชี อื่ อยู่ในทะเบียนบา้ นเลขที.่ .......ตรอก/ซอย............ถนน.........................ตำบล/แขวง..........................อำเภอ/เขต...........................จังหวดั ..............................รหัสไปรษณีย.์ ...............โทรศัพท.์ ....................เลขหมายประจำตัวประชาชนของผู้ยืน่ คำขอ ทีอ่ ย่ปู จั จุบนั ท่สี ามารถตดิ ต่อได้...................................................................................................... เจา้ หน้าทีข่ องรฐั ประเภทขา้ ราชการ พลเรอื น ครู บำเหน็จบำนาญ ลูกจา้ งประจำรับราชการ/ปฏิบัติงาน/เคยสังกัดแผนก/งาน.................................................ฝ่าย/ส่วน...........................โรงเรียน...........................................................................สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษานครปฐม เขต 2กรม/สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน ตำแหนง่ ..................................................................ระดับ/ยศ..............................................................มีความประสงค์ขอมีบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กรณี 1. ขอมบี ัตรครง้ั แรก 2. ขอมีบัตรใหม่ เนอื่ งจาก บัตรหมดอายุ บตั รหายหรอื ถูกทำลาย หมายเลขของบัตรเดมิ …………………………………………….(ถา้ ทราบ) 3. ขอเปลี่ยนบตั รเนือ่ งจาก เปลยี่ นตำแหนง่ /เลอื่ นระดับ/เล่อื นยศ เปล่ยี นชอ่ื ตวั เปล่ยี นชอ่ื สกลุ เปล่ียนชือ่ ตัวและชื่อสกลุ ชำรดุ อนื่ ๆ........................................................................ ไดแ้ นบรูปถ่ายสองใบมาพร้อมกับคำขอนแ้ี ล้ว และ หลักฐานอน่ื ๆ (ถ้ามี) ขา้ พเจ้าขอรบั รองวา่ ข้อความดังกลา่ วขา้ งต้นเปน็ ความจรงิ ทุกประการ (ลายมือชือ่ )................................ผทู้ ำคำขอ (...................................)หมายเหตุ ใหข้ ดี ฆ่าขอ้ ความที่ไม่ตอ้ งการออกแลว้ ขีดเครอ่ื งหมาย/ ในชอ่ ง และหรือ หนา้ ขอ้ ความ ท่ีใช้ให้ลงคำนำนามตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ เช่น นาย/นาง/นางสาว/ยศ เป็นต้น และช่ือผู้ขอมีบัตร 119ค่มู ือ เสน้ ทางครมู อื อาชีพสำหรบั ครูผู้ชว่ ย
2. การแตง่ เคร่อื งแบบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแต่งเคร่ืองแบบตามพระราชบัญญตั เิ ครือ่ งแบบข้าราชการฝา่ ยพลเรอื น พ.ศ. 2478 โดยใช้อนิ ทรธนแู ละเครอ่ื งหมายตำแหนง่ บนอินทรธนขู องข้าราชการพลเรือนสามญัท้ังเคร่ืองแบบปฏิบัติราชการและเครื่องแบบพิธีการตามท่ีกำหนดไว้ในกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับท่ี 94 พ.ศ. 2553 โดยใช้บัญชีตำแหน่งในการแต่งเคร่ืองแบบของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แนบทา้ ยประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดให้ใช้เครื่องหมายตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลงวันที่ 16สิงหาคม 2553 ดงั นี้120 คู่มอื เสน้ ทางครมู ืออาชีพสำหรับครูผชู้ ่วย
บญั ชเี ทยี บตำแหน่งในการแต่งเครอื่ งแบบของข้าราชการครูและบคุ ลากร ทางการศกึ ษาแนบท้ายประกาศสำนกั นายกรฐั มนตรี ลงวันที่ 16 สงิ หาคม พ.ศ. 2553 เรือ่ ง การกำหนดใหใ้ ชเ้ คร่อื งหมายตำแหนง่ ของขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ลำดับที ่ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ระดบั ตำแหนง่ ทไี่ ด้รบั เงินเดอื นในอนั ดับ ในตำแหน่งประเภทวชิ าการ 1 ครผู ชู้ ว่ ย และ คศ.1 ซึ่งได้รบั ระดับปฏิบัตกิ าร เงนิ เดอื นในอนั ดบั ตำ่ กว่าขัน้ ที่ 3 ของอันดับ 2 คศ.1 ซง่ึ ไดร้ บั เงินเดือนตง้ั แต่ข้ันท่ี 3 ระดับชำนาญการ ของอันดับข้ึนไป และ คศ.2 3 คศ.3 ระดับชำนาญการพิเศษ 4 คศ.4 ระดับเชีย่ วชาญ 5 คศ.5 ระดบั ทรงคณุ วฒุ ิ 121คูม่ ือ เสน้ ทางครมู อื อาชีพสำหรบั ครูผ้ชู ว่ ย
บัญชีเทียบการใช้อินทรธนูและเครื่องหมายตำแหน่งบนอินทรธนูในแต่ละระดับและประเภทตำแหนง่ ดังน้ี ประเภทตำแหน่ง อนิ ทรธนูและเครือ่ งหมายตำแหน่งบนอินทรธนู ทัว่ ไป วชิ าการ อำนวยการ บริหาร เคร่ืองแบบปฏิบตั กิ าร เคร่อื งแบบพธิ ีการ ระดบั ทรงคณุ วุฒ ิ ระดบั สูง 1 แถบใหญ่ 1 แถบเลก็ ขมวด ช่อชัยพฤกษ์ เพ่มิ เส้นฐาน เพ่ิมครฑุ พ่าห์ ระดบั ทัก ษะพเิ ศษ ร ะดบั เชีย่ วชาญ ระดบั สงู ระดับต้น 1 แถบใหญ่ 1 แถบเล็กขมวด ชอ่ ชยั พฤกษ์ ระดับชพำิเนศาษญ การ- ระดับตน้ ระดบั อาวโุ ส ระดบั ชำนาญการ 3 แถบเลก็ แถบบนขมวด ช่อชัยพฤกษ์ มีดอก 3 ดอก ระดับชำนาญงาน ระดบั ปฏิบัติการ 2 แถบเลก็ แถบบนขมวด ชอ่ ชัยพฤกษ์ มดี อก 2 ดอก ระดบั ปฏิบตั ิงาน 122 คูม่ ือ เส้นทางครมู อื อาชีพสำหรบั ครูผชู้ ่วย
อนง่ึ เครื่องแบบข้าราชการฝา่ ยพลเรือน มี 2 ประเภทใหญ่ ๆคอื 1. เครอื่ งแบบปฏบิ ตั ริ าชการ (ชดุ สีกากที ้งั แขนสนั้ และแขนยาว)มี 2 ประเภท คอื 1.1 เครื่องแบบสกี ากีคอพบั 1.2 เครอ่ื งแบบสกี ากคี อแบะ 2. เครื่องแบบพธิ ีการ มี 5 ประเภท คอื 2.1 เครือ่ งแบบปกตขิ าว 2.2 เครอื่ งแบบกากคี อตง้ั 2.3 เครือ่ งแบบครง่ึ ยศ 2.4 เครือ่ งแบบเต็มยศ 2.5 เคร่อื งแบบสโมสร ท้ังน้ี การแต่งเคร่ืองแบบ การใช้อินทรธนูและเคร่ืองหมายตำแหน่งบนอินทรธนู รวมทั้งการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้เป็นตามตวั อยา่ ง ดังน้ี 123คูม่ ือ เสน้ ทางครูมืออาชพี สำหรับครผู ูช้ ว่ ย
ตัวอยา่ งการแต่งเครอ่ื งแบบปฏบิ ตั ริ าชการการติดเครื่องหมายตำแหนง่ และการประดับเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ 1. บรุ ษุ เสือ้ = สกี ากีคอพบั แขนสั้นหรือยาวตามทก่ี ำหนด อนิ ทรธนู = ติดเครื่องหมายตำแหน่งท่ีได้รับแต่งต้ัง ปจั จุบนั ปา้ ยชื่อ = พื้นสดี ำตัวหนังสอื สขี าวกวา้ งไมเ่ กิน 2.5 ซ.ม. ยาวไม่เกิน 7.5 ซ.ม. มี 2 บรรทัด บรรทัด แรกระบุช่ือ-สกุลไม่ต้องมีคำนำหน้า บรรทัด ท่ี 2 ระบตุ ำแหน่งปัจจุบัน ติดเบื้องขวาเหนอื กระเป๋าเสื้อ เคร่ืองราชฯ = ชนิดแพรแถบ ตามท่ีได้รับพระราชทานหรือ มสี ทิ ธ์ติ ิดเบื้องซา้ ยเหนือกระเป๋าเสื้อ เข็มขัด = ทำดว้ ยด้ายถกั สกี ากี ครฑุ ดนุ นูนสที อง ปกคอเส้อื = ติดเครอ่ื งหมายสังกดั (ตรากระทรวง) 2 ข้าง กางเกง = สกี ากีขายาวตามแบบทก่ี ำหนด ถงุ เท้า = สดี ำหรือสนี ้ำตาล รองเทา้ = หุม้ สน้ สดี ำหรอื สีน้ำตาล124 คมู่ อื เสน้ ทางครูมอื อาชีพสำหรบั ครผู ู้ช่วย
2. สตรีเสอื้ = สกี ากีคอพบั แขนสั้นหรือยาวตามทีก่ ำหนดอินทรธนู = ติดเคร่ืองหมายตำแหน่งท่ีได้รับแต่งตั้ง ปัจจุบนั ป้ายชอ่ื = พื้นสีดำกว้างไม่เกิน 2.5 ซ.ม. ยาวไม่เกิน 7.5 ซ.ม. มี 2 บรรทัด บรรทัดแรกระบุ ชื่อ-สกุลไม่ต้องมีคำนำหน้าบรรทัดที่ 2 ระบุ ตำแหน่งปจั จบุ นั ติดเบื้องขวาเหนือกระเปา๋ ปกคอเสื้อ = ติดเครอื่ งหมายสงั กดั (ตรากระทรวง) 2 ข้างเคร่ืองราชฯ = ชนิดแพรแถบ ตามท่ีได้รับพระราชทานหรือ มสี ิทธิ์เข็มขัด = ทำดว้ ยด้ายถกั สกี ากี ครฑุ ดนุ นูนสที อง กระโปรง = สกี ากตี ามแบบกำหนดรองเท้า = หุ้มสน้ สีดำหรือสีนำ้ ตาล สน้ สูงไมเ่ กนิ 10 ซ.ม 125ค่มู ือ เสน้ ทางครูมอื อาชพี สำหรบั ครูผู้ชว่ ย
ตัวอย่างเคร่ืองแบบพิธกี าร (ปกตขิ าว) เครอื่ งหมายตำแหน่ง และการประดับเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์1. บุรุษเสื้อ, กางเกง = สีขาวตามแบบท่กี ำหนดอินทรธนู = ติดเครื่องหมายตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้ง ปัจจุบนั เครอ่ื งหมายสังกัด = ตดิ ทค่ี อเส้ือ ซา้ ย-ขวาเคร่อื งราชฯ = ชนิดแพรแถบตามท่ีได้รับพระราชทาน หรือมีสิทธ์ิประดับท่ีอกเสื้อเบื้องซ้าย เหนอื กระเป๋าหมวก = ใชห้ มวกทรงหมอ้ ตาลสขี าวดมุ = ครุฑพา่ ห์สีทอง 5 ดุมถุงเท้า = สีดำรองเท้า = หมุ้ สน้ สีดำ126 คมู่ อื เสน้ ทางครูมอื อาชีพสำหรบั ครูผ้ชู ่วย
2. สตรีเสอื้ , กระโปรง = สขี าวตามแบบท่ีกำหนดผา้ ผกู คอ = สีดำอนิ ทรธน ู = ติดเคร่ืองหมายตำแหน่งท่ีได้รับแต่งตั้ง ปัจจบุ นั เคร่อื งหมายสังกัด = ติดปกเสอื้ ซ้าย-ขวาเครือ่ งราชฯ = ชนิดแพรแถบตามท่ีได้รับพระราชทาน หรือมีสิทธ์ิประดับท่ีอกเสื้อเบ้ืองซ้าย เหนือกระเป๋าหมวก = มี 2 แบบ แต่นิยมใช้หมวกแก๊ปทรง ออ่ นพบั ปีกสีขาวดมุ = ครุฑพ่าห์สีทอง 3 ดุม เสื้อคอแหลม 5 ดมุ เสอื้ คอป้านรองเท้า = หุ้มส้นหรือรัดส้นสีดำ ส้นสูงไม่เกิน 10 ซ.ม. 127คู่มือ เสน้ ทางครมู ืออาชพี สำหรับครูผ้ชู ว่ ย
ตวั อยา่ งเคร่ืองแบบพธิ กี าร (ครงึ่ ยศ) เคร่ืองหมายตำแหนง่ และการประดับเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ (บุรษุ /สตร)ี เส้อื = สีขาวตามแบบกำหนดกางเกง, กระโปรง = สีดำตามแบบทก่ี ำหนดเครอื่ งหมายตำแหน่ง = บนอินทรธนูตามท่ีได้รับแต่งต้ัง ปจั จุบัน เครื่องหมายสังกัด = ตดิ ทคี่ อเส้ือซ้าย-ขวาเครือ่ งราชฯ = ชนิดเหรียญตรา ตามท่ีได้รับ พระราชทานหรือมีสิทธ์ิ ประดับที่ อกเสอ้ื เบื้องซา้ ยเหนอื กระเปา๋ 128 ค่มู ือ เส้นทางครูมอื อาชพี สำหรบั ครูผชู้ ว่ ย
ดวงตรา = ห้อยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด ออกระหว่างตะขอตัวล่างกับเม็ดดุมแรก เล็กนอ้ ยดารา = ประดับที่อกเส้ือเบ้ืองซ้าย ใต้ชายปก กระเป๋ารองเท้า = หมุ้ ส้นสดี ำ ถงุ เท้าสดี ำหมายเหตุ 1. กรณีที่ประดับดวงตราท้ังตระกูลช้างเผือกและ มงกุฎไทยให้ตระกูลช้างเผือกอยู่เหนือตระกูล มงกุฎไทย ดาราก็เช่นกันแต่ให้เยื้องต่ำไป ทางซ้าย 2. หมวก บุรุษ ใช้หมวกทรงหม้อตาลสีขาว สตรี มี 2 แบบ แต่นยิ มชห้ มวกแก๊ปทรงอ่อน พบั ปีกสขี าว เคร่ืองแบบเตม็ ยศ = ลักษณะและส่วนประกอบ เช่นเดียวกับ เครื่องแบบครง่ึ ยศแต่สวมสายสะพายเคร่ืองแบบสโมสร = มี 3 แบบ มีแบบ ก.ข. และ ค. ศกึ ษา เพ่ิมเติมได้จากกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับท่ี 71 พ.ศ.2523 ออกตาม ความในพระราชบัญญัติเคร่ืองแบบ ขา้ ราชการฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2478 129คมู่ ือ เสน้ ทางครูมืออาชีพสำหรบั ครูผชู้ ว่ ย
3. เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ คือ ส่ิงที่เป็นเครื่องหมายแสดงเกียรติยศและบำเหน็จความชอบซ่ึงเป็นของพระมหากษัตริย์ท่ีทรงสร้างขึ้นสำหรับพระราชทานเป็นความชอบในราชการหรือส่วนพระองค์ในที่น้ีจะขอกลา่ วถงึ 2 ตระกูล คือ 3.1 เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเป็นท่ีเชิดชูย่ิงช้างเผือก (ตระกูลชา้ งเผอื ก) พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว รชั กาลที่ 4 ได้สรา้ งข้นึเมอ่ื พ.ศ. 2404 มีชื่อเรียกวา่ “เคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์ช้างเผือก” มีอักษรย่อตามชัน้ ตรา ซ่ึงมี 8 ช้ันตรา 3.2 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย(ตระกลู มงกฎุ ไทย) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี 5 ได้สร้างขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. 2412 มชี ่อื เรียกว่า “เคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์อนั มเี กยี รติยศยิ่งมงกุฎไทย” มีอักษรยอ่ ตามช้ันตรา ซง่ึ มี 8 ช้นั ตรา 130 คู่มือ เส้นทางครมู อื อาชพี สำหรับครผู ู้ชว่ ย
การเสนอขอเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ การพิจารณาเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นตราแรกให้แก่ข้าราชการจะต้องมีระยะเวลาการรับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันเร่ิมเข้ารับราชการจนถึงวันก่อนวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีท่ีจะขอพระราชทานไม่น้อยกว่า60 วัน (คือวันที่ 6 ตุลาคม ของทุกปี) ถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้น ส่วนจะเสนอขอ ชั้นตราใด ๆ ให้ดูตามบัญชีแนบว่า ขณะน้ันดำรงตำแหน่งระดับใด มีเง่ือนไขอย่างไร หากขณะน้ันดำรงตำแหน่งระดับ 2, 3, 5, 7 จะเสนอช้ัน บ.ม.,จ.ม.,ต.ม.,ท.ม. (ตระกูลมงกุฎไทย) และเมือ่ดำรงตำแหนง่ ระดับ 2,3,5,7 ครบ 5 ปี จะได้รับการเสนอขอชัน้ ตราสงู ข้ึนในตระกูลช้างเผือก คือ บ.ช.,จ.ช.,ต.ช.,ท.ช, ตามลำดับ ดังน้ัน ไม่ว่าข้าราชการจะดำรงตำแหนง่ ระดับใดกต็ าม หากรับราชการครบ 5 ปีและมีความเหมาะสมก็จะเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้และเมื่อเล่ือนระดับสูงขึ้น ก็จะมีโอกาสเล่ือนชั้นตราสูงข้ึนตามบัญชีแนบท้ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเคร่ืองราช-อิสริยาภรณฯ์ พ.ศ. 2536 ได้ 131คมู่ อื เส้นทางครูมืออาชีพสำหรับครผู ูช้ ่วย
บัญชี 7การขอพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ใหแ้ กข่ ้าราชการ ยกเวน้ ท่ปี รากฏในบัญชีอ่ืน เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ ์ เงือ่ กนาไรขเลแ่ือลนะรชะน้ั ยตะรเวาล า หมายเหต ุ ลำด บั ต ำแหน่ง ทขี่ อพระราชทาน เรม่ิ ตน้ ขอ เลือ่ นได้ถึง 1 ระดบั 1 ร.ง.ม. ร.ท.ช. - ขอพระราชทานไดเ้ ฉพาะกรณี 1. ตอ้ งมีระยะเวลา พเิ ศษเทา่ น้ัน รับราชการตดิ ต่อ 2 ระดบั 2 บ.ม. บ.ช. 1. เรมิ่ ขอพระราชทาน บ.ม. กนั มาแลว้ 2. ดำรงตำแหน่งระดับ 2 มาแล้ว ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี ไม่น้อยกวา่ 5 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ บ.ช. บริบรู ณน์ ับตง้ั แต่ 3 ระดบั 3 จ.ม. จ.ช. 1. ดำรงตำแหน่งระดบั 3 หรอื วันเริ่มเขา้ รับ ---------------- ระดบั 4 เรมิ่ ขอพระราชทาน จ.ม. ราชการจนถงึ วัน ระดบั 2. ดำรงตำแหน่งระดบั 3 หรือ ก่อนวันพระ ระดับ 4 มาแล้วไมน่ ้อยกว่า 5 ปี ราชพธิ ีเฉลิม บริบูรณ์ ขอ จ.ช. พระชนมพรรษา 4 ระดับ 5 ต.ม. ต.ช. 1. ดำรงตำแหน่งระดับ 5 หรอื ของปที ่ีจะขอ ---------------- ระดับ 6 เรมิ่ ขอพระราชทาน ต.ม. พระราชทาน ระดับ 6 2. ดำรงตำแหน่งระดับ 5 หรือ ไมน่ ้อยกวา่ ระดบั 6 มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ 5 ปี 60 วนั บรบิ รู ณ์ ขอ ต.ช. 132 ค่มู อื เสน้ ทางครูมอื อาชพี สำหรบั ครผู ูช้ ว่ ย
เครื่องราชอิสรยิ าภรณ์ เง่ือกนาไรขเลแอ่ื ลนะรชะ้ันยตะรเวาล า หมายเหต ุ ลำด บั ต ำแหนง่ ทข่ี อพระราชทาน เรม่ิ ตน้ ขอ เลื่อนไดถ้ ึง 5 ระดบั 7 ท.ม. ท.ช. 1. ดำรงตำแหนง่ ระดับ 7 หรอื 2. ลำดบั 2-5 ซึง่ ---------------- ระดับ 8 เริ่มขอพระราชทาน ท.ม. กำหนดระยะเวลา ระดบั 8 2. ดำรงตำแหน่งระดบั 7 หรือ เล่ือนชน้ั ตรา 5 ปี ระดบั 8 มาแล้วไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปี หมายถึงต้อง บรบิ รู ณ์ ขอ ท.ช. ดำรงตำแหนง่ 6 ระดับ 8 - ป.ม. 1. ไดร้ ับเงินเดอื นเตม็ ข้ันของระดับ 8 ในระดบั นนั้ ๆ 2. ดำรงตำแหนง่ บงั คับบญั ชา รวมเปน็ เวลา 3. ได้ ท.ช.มาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี บรบิ ูรณ์ ขอ ป.ม. บริบูรณ์ กอ่ นวัน 4. ใหข้ อได้ในปีก่อนปที ่ีจะเกษยี ณ พระราชพิธีเฉลิม อายุราชการ หรอื ในปีทเี่ กษียณ พระชนมพรรษา อายรุ าชการเทา่ น้ัน ของปีทีจ่ ะขอพระ 7 ระดบั 9 - ม.ว.ม. 1. ได้ ท.ช.มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 3 ปี ราชทานไม่น้อย บริบูรณ์ ขอ ป.ม. กว่า 60 วัน 2. ได้ ป.ม.มาแล้วไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปี - ลำดับ 7-9 บรบิ ูรณ์ ขอ ป.ช. การขอกรณปี ที ี่ 3. ได้ ป.ช.มาแลว้ ไม่น้อยกวา่ 5 ปี เกษียณอายุ บริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. ราชการ ตามข้อ 4 4. ในปที ีเ่ กษียณอายุราชการให้ขอ หรือข้อ 5 สงู ขน้ึ อีก 1 ช้นั ตรา แต่ไม่เกนิ แล้วแตก่ รณีใหข้ อ ป.ช. เว้นแต่กรณลี าออก ปีตดิ กนั ได้ 133คูม่ ือ เส้นทางครูมอื อาชพี สำหรบั ครูผชู้ ่วย
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ ์ เงอ่ื กนาไรขเลแอื่ ลนะรชะ้นั ยตะรเวาล า หมายเหต ุ ลำด บั ต ำแหน่ง ทข่ี อพระราชทาน เริ่มต้นขอ เล่อื นไดถ้ งึ 8 ระดับ 10 - ม.ป.ช. 1. ให้เล่อื นชนั้ ตราไดต้ ามลำดับทกุ ปี จนถึงชนั้ ป.ม. 2. ได้ ป.ม.มาแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปี บริบรู ณ์ ขอ ป.ช. 3. ได้ ป.ช.มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 3 ปี บรบิ ูรณ์ ขอ ม.ว.ม. 4. ได้ ม.ว.ม. มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี บริบรู ณ์ ขอ ม.ป.ช. 5. ในปีทเี่ กษียณอายุราชการให้ขอ สงู ขึน้ อกี 1 ชนั้ ตรา แต่ไม่เกนิ ม.ว.ม. เวน้ แต่กรณีลาออก 9 ระดบั 11 - ม.ป.ช. 1. ได้ ป.ม.มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 3 ปี บรบิ รู ณ์ ขอ ป.ช. 2. ได้ ป.ช. มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 3 ปี บรบิ รู ณ์ ขอ ม.ว.ม. 3. ได้ ม.ว.ม.มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี บริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช. 4. ในปที เี่ กษียณอายุราชการให้ขอสงู ข้ึนอีก 1 ชัน้ ตรา เว้นแตก่ รณลี าออก134 คมู่ ือ เสน้ ทางครมู อื อาชีพสำหรับครผู ้ชู ว่ ย
4. กำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการของสถานศกึ ษา ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษาจะต้องปฏิบัติราชการให้ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยกำหนดเวลาทำงานและวนั หยดุ ราชการของสถานศึกษา พ.ศ. 2547 โดยสรุป ดงั นี้ 4.1 ให้สถานศึกษาเร่ิมทำงานตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.หยุดกลางวันเวลา 12.00-13.00 น. เป็นเวลาทำงานปกติ โดยมีวันหยุดราชการประจำสัปดาห์คือวันเสาร์และวันอาทิตย์ หยุดราชการเต็มวันทง้ั สองวัน 4.2 สถานศึกษาใดมีความจำเป็นต้องกำหนดเวลาแตกต่างไปจากนี้ให้สถานศึกษากำหนดแล้วรายงานส่วนราชการต้นสังกัด แต่ต้องมีเวลาทำงานสัปดาห์ละไม่นอ้ ยกวา่ 35 ชว่ั โมง 4.3 วันปิดภาคเรียนเป็นเวลาพักผ่อนของนักเรียน แต่ถ้ามีราชการจำเปน็ ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการตามปกติ 4.4 วนั ทม่ี ีการสอนชดเชย ให้ถือว่าเปน็ วันทำงานตามปกติ 135คมู่ ือ เสน้ ทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครผู ู้ชว่ ย
5. การลาของขา้ ราชการครู การลาของข้าราชการครูต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด และให้ถูกตามระเบยี บการลาของขา้ ราชการ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2)พ.ศ. 2539 โดยสรุป การลามี 9 ประเภท ดังนี้ (1) การลาปว่ ย (2) การลาคลอดบตุ ร (3) การลากิจสว่ นตัว (4) การลาพกั ผ่อน (5) การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพธิ ีฮัจย์ (6) การลาเข้ารบั การตรวจเลือกหรอื เขา้ รับการเตรยี มพล (7) การลาไปศึกษา ฝกึ อบรม ดูงานหรือปฏิบตั ิการวิจยั (8) การลาไปปฏิบัตงิ านในองคก์ ารระหว่างประเทศ (9) การลาติดตามคู่สมรส136 ค่มู ือ เส้นทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครผู ู้ชว่ ย
การลาในขอ้ (4) ขา้ ราชการในสถานศึกษาไมม่ สี ทิ ธ์ิ เนอ่ื งจากมวี นั ปิดภาคเรยี นแลว้ อนึง่ สำหรับการลาของขา้ ราชการครูท่ีใช้ส่วนมากมดี ังนี้ (1) การลาป่วย ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาป่วยเพื่อรักษาตัวให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันท่ีลา เว้นแต่ในกรณีจำเป็นจะเสนอหรือจัดส่งใบลาในวันแรกที่กลับมาปฏิบตั ริ าชการก็ได้ ในกรณีท่ีข้าราชการผู้ขอลามีอาการป่วยจนไม่สามารถจะลงช่ือในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้แต่เม่ือสามารถลงช่ือได้แล้ว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว ทั้งนี้การลาตั้งแต่ 30 วันข้ึนไปต้องมีใบรับรองแพทย์ (2) การลาคลอดบุตร ข้าราชการประสงค์จะลาคลอดบุตร ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันท่ีลา เว้นแต่ไม่สามารถลงช่ือในใบลาได้จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้ว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็วและมีสทิ ธิลาคลอดบุตร โดยได้รบั เงนิ เดอื นครัง้ หน่งึ ได้ 90 วัน โดยไม่ตอ้ งมีใบรับรองแพทย์ 137คมู่ ือ เส้นทางครูมืออาชพี สำหรบั ครูผ้ชู ่วย
(3) การลากิจส่วนตัว ข้าราชการประสงค์จะลากิจส่วนตัว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตและเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้เว้นแต่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถรอรบั อนุญาตได้ทนั จะเสนอหรือจดั สง่ ใบลาพร้อมด้วยระบเุ หตุจำเป็นไว้แล้วหยุดราชการไปก่อนก็ได้ แต่จะต้องช้ีแจงเหตุผลให้ผู้มีอำนาจอนุญาตทราบโดยเร็ว (3.1) ข้าราชการมีสิทธิลากิจส่วนตัว ข้าราชการบรรจุใหม ่ 1 ปี ลาได้ไม่เกนิ 15 วันทำการนอกนนั้ ลากิจสว่ นตัว โดยได้รบั เงนิ เดอื นไดป้ ีละไมเ่ กิน 45 วันทำการ (3.2) ขา้ ราชการท่ีลาคลอดบุตรตามขอ้ 2 หากประสงค์จะลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรให้มีสิทธิลาต่อเน่ืองจากการลาคลอดบุตรได้ไมเ่ กนิ 90 วันทำการ โดยไมม่ ีสทิ ธไิ ดร้ บั เงินเดอื นระหวา่ งลา (3.3) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ลากิจส่วนตัว เว้นแต่กรณีการลากิจสว่ นตวั เพื่อเลีย้ งดูบุตรตาม ข้อ (3.2) ซึง่ ได้หยดุ ราชการไปยังไม่ครบกำหนด ถ้ามีราชการจำเป็นเกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจอนุญาตจะเรยี กตวั มาปฏบิ ตั ิราชการก็ได้138 คู่มอื เสน้ ทางครมู อื อาชพี สำหรบั ครผู ูช้ ว่ ย
(4) การลาอุปสมบท หรอื การลาไปประกอบพิธีฮจั ย์ ขา้ ราชการที่ประสงค์จะลาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา หรือลาไปประกอบพิธีฮัจย์ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจพิจารณา หรืออนุญาตก่อนไม่น้อยกว่า 60 วัน และมีสิทธิลาได้ไม่เกิน120 วัน การลาของข้าราชการตามข้อ 1-3 ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้อนุญาตการลา ส่วนการลาของข้าราชการตามข้อ 4 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาเป็นผู้อนุญาตการลา ท้ังน้ี แบบใบลาให้ใช้ตามแบบทก่ี ำหนด 6. การเปิดและปิดภาคเรยี นของสถานศึกษา การเปิดและปิดภาคเรียนของสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยปีการศกึ ษา การเปดิ และปดิ สถานศกึ ษา พ.ศ. 2549 โดยสรุป ดงั น้ี ช่วงเวลารอบปีการศึกษาหน่ึง ถือว่าวันที่ 16 พฤษภาคมเปน็ วนั เร่ิมต้นปกี ารศึกษา และวันท่ี 15 พฤษภาคม ของปีถัดไป เปน็ วันสิ้นปีการศึกษา ซึ่งในรอบปีการศึกษาหนึ่ง ทางสถานศึกษาได้กำหนดวันเปดิ และปิดสถานศกึ ษาเปน็ 2 ภาคเรยี น คือ 139คู่มอื เสน้ ทางครูมอื อาชีพสำหรบั ครูผชู้ ่วย
1. ภาคเรียนท่หี นงึ่ วนั เปิดภาคเรียน วนั ที่ 16 พฤษภาคมวนั ปดิ ภาคเรยี น วนั ท่ี 11 ตุลาคม 2. ภาคเรยี นที่สอง วันเปิดภาคเรียน วันที่ 1 พฤศจิกายนวนั ปดิ ภาคเรยี น วนั ที่ 1 เมษายนของปีถดั ไป ในการเปิดปดิ สถานศึกษา อาจมกี ารเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของส่วนราชการเจ้าสังกัด เป็นผู้กำหนดตามท่ีเหน็ สมควร 7. การชกั ธงชาติในสถานศกึ ษา สถานศึกษาต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา พ.ศ. 2547 มีสาระโดยสรุป ดังน้ี ธงชาติไทยถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นไทย ที่จะสร้างความรู้สึกนิยมและภูมิใจในความเป็นชาติไทย โดยกำหนดเวลาชักธงชาติขน้ึ และลง ดงั ต่อไปน้ี 1. ในวันเปดิ เรยี น ชักขึน้ เวลาเขา้ เรียน และชกั ลง เวลา 18.00 น. 2. ในวนั ปิดเรยี น ชกั ขน้ึ เวลา 08.00 น.และชกั ลง เวลา 18.00 น.140 คมู่ ือ เส้นทางครูมืออาชีพสำหรบั ครูผูช้ ่วย
สถานศึกษาใด มีความจำเป็นไม่อาจจะชักธงชาติข้ึนและลงตามเวลาที่กำหนดไว้ ให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาตามความเหมาะสม การลดธงครงึ่ เสา ในกรณีทท่ี างราชการใหล้ ดธงครง่ึ เสา ให้ชกั ธงถึงยอดเสาแล้วจึงลดลงมาโดยให้อยู่ในระดับความสูง 2 ใน 3 และเม่ือจะชกั ธงลงให้ชกั ข้นึ จนถึงยอดเสาก่อน จงึ ชกั ลงตามปกติ 3. โอกาสและวันสำคญั ใหช้ ักและประดบั ธงชาติ ณ สถานศกึ ษาตามกำหนดวนั และระยะเวลา ดังน้ี (1) วนั ข้นึ ปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม 1 วนั (2) วันมาฆะบูชา 1 วนั (3) วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันทีร่ ะลกึ มหาจกั รบี รมราชวงศ์ วันที่ 6 เมษายน 1 วัน (4) วันสงกรานต์ วนั ที่ 13 เมษายน 1 วนั (5) วันฉตั รมงคล วันท่ี 5 พฤษภาคม 1 วนั (6) วันพชื มงคล 1 วนั (7) วนั วสิ าขบชู า 1 วัน (8) วนั อาสาฬหบชู า 1 วนั (9) วันเขา้ พรรษา 1 วนั 141คมู่ ือ เส้นทางครูมืออาชีพสำหรบั ครผู ชู้ ว่ ย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234