แบบประเมนิ ใบงาน เคร่ืองมอื หน่วยการเรียนร้ทู ี่………….เร่ือง…………………………………………………………………ช้นั ………………….. คาช้แี จง : ใหครผู ูสอนประเมินใบงานของนกั เรยี นแลวใหท าเครอื่ งหมาย ลงในชอ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน เพอ่ื ใหน้ ักเรียน สามารถ ลาดับ ลาดับท่ี บรรยายเหตผุ ล เพ่อื ใหน้ ักเรยี น ความ รวม ท่ี ชอ่ื – สกุล การใชว้ ัสดุ สามารถสรา้ งสรรค์งาน มงุ่ มัน่ ใน 10 อุปกรณใ์ นการ งานทัศนศลิ ป์การฉีก คะแนน 1 ด.ช. มงคลชยั วทั โล สร้างสรรคง์ าน ปะตดิ เคร่อื งปั้นดนิ เผา การ 2 ด.ญ. พรรตั นะ ขาประดษิ ฐ ทัศนศลิ ป์ ทางาน 3 ด.ญ. กาญเกลา มูลปะหัส ฉกี ปะตดิ บา้ นเชียงได้ 4 ด.ญ. ปุณยาพร อภธิ รรม 5 ด.ช. วฒุ ชิ ยั สขุ ประสงค์ เครือ่ งปนั้ ดินเผา 6 ด.ช. วรี ะศักดิ์ ฉัตรทอง 7 ด.ช. จริ ายุ วงศ์แกน ทอง บ้านเชียง 8 ด.ช. นฤรงค์ ปรกี มล 9 ด.ญ. อภัชญา บุง ทอง 3 2 1 0543210210 10 ด.ญ. เกศรินทร์ เชื้อลิ้นฟูา 11 ด.ญ. อัญมรี ผาสขุ 12 ด.ญ. วราลักษณ์ ทาลา 13 ด.ญ. เปนี่ มรกั หาญประโคน 14 ด.ช. ชัยปกรณ์ กรานแกว 15 ด.ช. ณัฐธดิ า จนั ทรักษา 16 ด.ญ. สุภาพร นจิ ศรีวงษ์ 17 ด.ช. กายสิทธ์ สงวนประเสรฐิ 18 ด.ญ. ทกั ษอร โคจร 19 ด.ญ. ปลายฟาู มานก 20 ด.ญ. ธัญญานันท์ จนั ทรประภาพ
21 ด.ญ. ณัชชา เจรญิ ยงิ่ 22 ด.ญ. ชญานนท์ ไชยวงค์ 23 ด.ช. จติ ราคปุ ต์ ยนิ ดีรมณ์ 24 ด.ญ. พรหมพร เรอื งตระกูล 25 ด.ช. ทนิ ภัทร ดีแกว ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน (…………………..…………………………..) .................../................./...............
บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปญั หา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ครูผู้สอน (นางสาววภิ าพร ทพิ ราช) นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ความคดิ เห็นของครูพ่ีเลีย้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ครูพีเ่ ลย้ี ง (นายพันศกั ดิ์ เสง็ สวุ รรณ) ครูวิทยาฐานะครูชานาญการพเิ ศษ ความคิดเหน็ ของรองผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผตู้ รวจ (นางทิพมาศ ดวงจนั ทราศิริ) รองผู้อานวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคดิ เห็นของผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวดั มะลิ
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 15 รหสั วชิ า 13101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 สรา้ งสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ในทอ้ งถ่ิน ภาคเรียนที่ 2 เรือ่ ง สร้างสรรค์ธงุ ใยแมงมมุ 4 ทศิ หรรษา จานวน 1 คาบ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 1 ชวั่ โมง สอนเม่อื วนั ท…่ี ….…เดือน……………………พทุ ธศกั ราช………….. ครูผู้สอน วภิ าพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.2 เขาใจความสัมพนั ธ์ระหวา งทัศนศลิ ป ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ คา งานทศั นศิลปท เ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ งถิ่น ภูมปิ ัญญาไทย และสากล 2. ตวั ช้ีวัด ศ 1.2 ป.3/1 เลาถึงท่ีมาของงานทัศนศิลปใ นทอ งถ่ิน ศ 1.2 ป.3/2 อธิบายเกยี่ วกับวัสดุอปุ กรณ์และวธิ ีการสรางงานทศั นศลิ ปในทอ งถนิ่ 3. สาระสาคญั เพ่ือใหสามารถอธิบายที่มาของการสรางธุงหรือตุง ซ่ึงเป็นงานทัศนศิลปในทองถ่ินมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว เพราะถูกสรางสรรค์โดยศลิ ปนิ หรือผูคนในทองถ่นิ เอง อีกทัง้ มกี ารสรา งสรรค์ โดยอาศยั ความเช่ือ ทางศาสนาหรือความเชือ่ สว นบคุ คลเขามาถายทอดลงบนผลงานธุง รวมถึงการสรางธุงเพื่อใชประกอบพิธี ตา งๆ ท้งั ทางดานศาสนาหรอื เพือ่ ความเปน็ ศริ มิ งคล เป็นตน เขาใจกระบวนการการสรางสรรค์งานธุง ที่มีลาดับข้ันตอน โดยตองอาศัยการใชวัสดุ อุปกรณ์ ไดแ ก เชอื ก ใยฝาู ย ไหมพรม และไม เปน็ หลัก เพ่อื นามาประกอบเขาดวยกันตามกระบวนการการสรางธุง จนเกดิ เปน็ ธุงใยแมงมุมทม่ี ลี ักษณะ 4 ทศิ อีกทั้งรูจักนาเชือก ใยฝูาย หรือไหมพรม ที่มีสีหลากสีมาตอเติม ประกอบเขาดว ยกนั ทาใหธุงใยแมงมุมสลับสแี ละมีสีสนั ท่ีสวยงามตามความตองการของผูสรางสรรค์ ซึ่งธุง เป็นงานทัศนศิลปในทองถิ่น ที่สามารถประยุกต์สรางสรรค์จนเกิดความงามตามรูปแบบของตนเอง ตน ซงึ่ เป็นผลงานท่ีมคี ณุ คาตอคนไทยมาตงั้ แตอดตี จนถึงปจั จบุ นั
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - เพ่อื ใหน ักเรยี นสามารถอธบิ ายทม่ี าของการสรางธงุ ได 4.2 ด้านทกั ษะ (P) - เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถสรางธงุ ใยแมงมมุ 4 ทศิ ได 4.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เขา ชนั้ เรียน, มคี วามรบั ผิดชอบตอ งานท่ีไดรับมอบหมาย) 2) มุงมน่ั ในการทางาน (เอาใจใสต อ การปฏิบตั ิหนาทที่ ีไ่ ดร ับมอบหมาย, พยายาม แกป ัญหาและอปุ สรรคในการทางานใหสาเรจ็ ) 3) รกั ความเปน็ ไทย (ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย) 5. สาระการเรียนรู้ การใชวัสดุ อุปกรณ์สรางธุงใยแมงมุม 4 ทิศ เป็นผลงานที่มีคุณคาตอคนไทยมาตั้งแตอดีตจนถึง ปจั จุบัน 6. สมรรถนะท่ีสาคญั 6.1 ความสามารถในการคิดอยางสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเ หตุผลในการคดิ ดว ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกปัญหาเฉพาะหนา ไดด วยตนเอง 7. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มีวินัย 7.2 ใฝเุ รียนรู 7.3 มุงมั่นในการทางาน 7.4 มจี ิตสาธารณะ 8. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้นั นา (5 นาที) 8.1 ครกู ลาวทกั ทายนักเรียน 8.2 ครูอธิบายสงิ่ ท่ตี อ งเรียนในสัปดาหน์ ้ใี หนกั เรยี นทราบ “สรา งสรรคธ์ งุ ใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา”
8.3 ครูสอบถามนักเรียน “หากนักเรียนไปงานนมัสการองค์พระธาตุหรืองานศิริมงคลตางๆ นกั เรียนจะเห็นทศั นศิลปอะไรปรากฏอยใู นเทศงานเหลา นัน้ ” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอยู ในดุลยพินิจของครูผูสอน) เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและเป็นการเชื่อโยงเขาสูบทเรียนเกี่ยวกับความรู เบือ้ งตน เกี่ยวกบั ลกั ษณะของธุง ข้นั สอน (50 นาที) 8.4 ครอู ธิบายท่มี าของธุงใหน กั เรยี นฟัง “ธงุ ” มาจากคาวา “ธง” ของภาคกลาง สวนคาวา “ตุง” เปน็ ภาษาถ่ินของภาคเหนือ มาจาก คาวา “ธง” ของภาคกลาง เชน กัน ธงุ เปน็ งานทัศนศิลปท ่ีใชในการประดบั หรือใชในการประกอบพิธีกรรมตางๆ เป็นสิ่งหน่ึงท่ีมี สวนรว มอยใู นประเพณีเก่ียวกับความเช่ือที่ทาขึ้นเพ่ือถวายเป็นพุทธบูชา ใชในงานพิธีทางศาสนา หรือใน งานมงคลและอวมงคล โดยจะมีขนาดรูปทรงและรายละเอียดแตกตางกันไป รวมถึงความเชื่อ พิธีกรรม ตลอดจนความนิยมในแตล ะทองถน่ิ ดวย วตั ถุประสงค์ในการสรา งธงุ 1. เพ่อื ใหเป็นสญั ลกั ษณ์ เชน สรางเป็นเคร่อื งหมายพวกหรอื เผา ตา งๆ 2. เพ่ือใชเปน็ เครื่องพิธีบชู า เซน บวงสรวง หากไมมชี อ ธุงจะทาใหพ ิธีเสียหรอื ไมส มบูรณ์ 3. เพื่อเป็นศกั ดศิ์ รแี กเ ทพเจา เชน พระอินทร์ พระนารายณ์ มีชอธงเป็นเคร่อื งหมาย เชน พระอนิ ทรม์ ีธงสีเขยี ว เปน็ ตน 3. เพ่อื เป็นเกียรตแิ กบุคคล เชน เหลา กองทหารตา งมีธงชยั เฉลิมพลอนั เปน็ เครอ่ื งหมาย แหง เกยี รติยศของกองทหาร ธุงใยแมงมุม เป็นเคร่ืองประกอบพิธีกรรมสาคัญของชาวอีสานมาอยางยาวนาน เช่ือกันวา สามารถใชปูองกันสิ่งนิสัยไมดีรายหรือส่ิงไมดีที่มองไมเห็นหรือภูตผีวิญญาณที่จะมารบกวนงานบุญ หาก ภูตผีวิญญาณเห็นธุงแลวจะกลัวและจะถอยออกไป อีกท้ังยังเป็นการบอกกลาวบวงสรวงเทพยดาในพ้ืนที่ วามกี ารทาบุญและมีพิธีการสาคัญ เพ่ือใหเทพยดามาชวยปกปูองคุมครอง ธุงใยแมงมุม มีลักษณะสาคัญ คือ ทาดว ยเสนดายหรอื เสน ไหมผูกคลา ยใยแมงมมุ โดยใชเ สนดายหรือเสน ไหมหลากหลายสีสันมัดกับไมไผ เหลาแลวมดั มว นจนเป็นวงรอบคลายใยแมงมมุ ที่โยงไปโยงมา มีทัง้ แบบส่ีดา นหรอื หกดาน
ทีม่ า : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 ครแู จกใบความรูขนั้ ตอนการสรางสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศ และสาธิตข้ันตอนการสรางสรรค์ ธุง 4 ทิศ ใหนักเรยี นดูพรอ มอธบิ ายข้ันตอนการสรา งสรรค์ วัสดุ อุปกรณ์ - ไมต ะเกียบ 2 อัน - ไหมพรม - กรรไกร ขั้นตอนการการสรา งสรรค์ธุงใยแมงมมุ 4 ทิศ ขน้ั ที่ ขนั้ ตอนการสร้างสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศ 1 ขึ้นโครงดว ยไมตะเกยี บ โดยนาไม ตะเกียบวางชิดกัน จากนั้นพัน ไหมพรมใหอยูก่ึงกลางของไม ตะเกยี บ 3-4 รอบ แลว มดั 2 แยกไมตะเกียบออกจากกันเป็น เครือ่ งหมายกากบาท (x) 3 พั น ไ หม พ ร ม ตัด กับแ น ว เดิ ม จนมีความหนาเทากันและแนน โ ด ย ว น ไ ห ม พ ร ม จ า ก ล า ง แ ล ว หมนุ รอบไมข นึ้ ขา งบน
4 พันเสนไหมพรมรอบไมแตละ ดาน โดยวนเสนไหมพรมจากลาง แลวหมุนรอบไม วนไหมพรมข้ึน ขา งบน วนไหมพรมลงดา นลางและวน เสนไหมข้นึ ขางบนอีกครง้ั 5 ทาซ้าแบบเดิมกับไมถัดๆ ไป จนมีความหนาตามตองการ 6 ตอไหมพ รมเพ่ือเปลี่ยน สี ใหมัดไหมพรมเปน็ เง่อื นพิรอด จากน้ันตัดเศษไหมพรมสีเกา ตรงปมเสน ไหมทง้ั 2 เสน ออก 7 พั น ว น ร อ บ ไ ม ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ ทมี่ าภาพ : ทาเหมือนขอ 4 สามารถเปล่ียน สีไหมพรม และพันวนรอบไม https://www.facebook.com/ ไ ป เ รื่ อ ย ๆ จ น เ กื อ บ สุ ด ความยาวไม ThaiPBSFan/photos
8 เมือ่ สุดความยาวไม ใหทาบวง แ บ บ เ งื่ อ น ต ะ ก รุ ด เ บ็ ด คลองเขา ไมแลวดึงใหตึง โดยดงึ ไหมพรมใหอยูดานหลัง ของธงุ ทาซา้ 2 รอบ ที่มาภาพ : https://miro.medium.com/max/ 1394/1* ภาพสมบูรณ์ : การสรา้ งสรรคธ์ งุ ใยแมงมมุ 4 ทิศ รูปแบบภาชนะแตกร้ าว ทม่ี า : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 ครใู หกิจกรรมใบงานที่ 4.5 เรื่อง สรางสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา ตอนท่ี 1 ใหนักเรียน อธิบายท่ีมาของการสรา งธงุ และวสั ดุอุปกรณ์ที่ใชในการสรางงาน ตอนท่ี 2 ใหนักเรียนสรางสรรค์ธุงใยแมง มมุ 4 ทิศ โดยครจู ดั เตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ไวให หรอื ใชวสั ดุ อุปกรณท์ ่ีนกั เรียนจดั เตรียมมาโดยครูสั่งลวงหนา จากคาบทแ่ี ลว 8.6 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย จากนั้นลงมือปฏิบัติกิจกรรมและครูคอยเดินดู ใหค าแนะนา ขั้นสรปุ (5 นาที) 8.7 ครูสุมใหนักเรียนออกมานาผลงานหนาช้ันเรียน และแลกเปล่ียนความคิดเห็น พรอมบอก ปญั หาท่พี บขณะปฏบิ ัตงิ าน
8.8 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหา เร่ือง ที่มาของการสรางธุง รวมกันกัน “ธุงสรางขึ้นตาม ความเช่ือเพอ่ื ใชประกอบพิธีกรรมตางๆ ท้ังดานทางพุทธศาสนาหรืองานมงคล อุปกรณ์ท่ีใชในการสรางธุง โดยหลกั ๆ คือ ไม ดา นและไหมพรม เป็นตน” จากน้นั ใหนกั เรียนเกบ็ อปุ กรณ์ใหเ รียบรอ ย 9. การวัดและประเมินผล 9.1 สรางสรรค์ธุงใยแมงมมุ 4 ทศิ หรรษา (10 คะแนน) ประเด็นการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 1 0 -นั ก เ รี ย น -ไม ดา้ นความรู้ - - -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น อธบิ ายท่ีมาของ อธิบาย ก า ร ส ร า ง ธุ ง ไ ด -ไมมา (K) สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย ผิดถูกบางและ เรยี น -เพื่อใหนักเรียน ที่ ม า ข อ ง ก า ร ท่ี ม า ข อ ง ก า ร ไ ม เ ช่ื อ ม โ ย ง สามารถอธิบาย ส ร า ง ธุ ง ไ ด ส ร า ง ธุ ง ไ ด ขอ มลู เน้อื หา -ไมสง ที่ ม า ข อ ง ก า ร ถู ก ต อ ง ถูกตอง แตไม งาน สรา งธงุ ได เชื่อมโยงขอมูล ส า ม า ร ถ -นั ก เ รี ย น -ไมม า สรางธุงใยแมง เรยี น เน้ือหาครบถวน เชื่อมโยงขอมูล มมุ 4 ทิศมีโครง ข อ ง ธุ ง ไ ม ต ร ง ป ร ะ เ ด็ น เนื้อหาได สม่าเสมอกัน -สี สั น ข อ ง ธุ ง คาถาม สวยงาม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม ดา้ นทักษะ -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น เ รี ย ง ชิ ด ติ ด กั น ไมส มา่ เสมอกัน (P) สามารถสรางธุง สามารถสรางธุง สามารถสรางธุง สรางธุงใยแมง -มีเศษไหมพรม กระจายออก -เพ่ือใหนักเรียน ใยแมงมุม 4 ทิศ ใยแมงมุม 4 ทิศ ใยแมงมุม 4 ทิศ มุม 4 ทิศมีโครง จ า ก กั น จานวนมาก สามารถสรางธุง มีโ ค ร ง ของ ธุง มีโครง ของธุง มีโ ค ร ง ของ ธุง ข อ ง ธุ ง ไ ม -เห็นปลายไหม พรมตรงขอตอ ใยแมงมุม 4 ทิศ สม่าเสมอกันท้ัง สม่าเสมอกันทั้ง สม่าเสมอกันทั้ง สม่าเสมอกนั อ ยู ด า น ห น า ของธุงชัดเจน ได 4 ดา น 4 ดา น 4 ดาน -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง สวยงาม สวยงาม สวยงาม สวยงาม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม -ไหมพรมเรียง -ไ ห ม พ ร ม ไ ม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม เรียงชิดติดกัน ชิ ด ติ ด กั น เรียงชิดติดกัน เรียงชดิ ตดิ กันไม ไมส มา่ เสมอกนั สม่าเสมอกัน ไมสม่าเสมอกนั สมา่ เสมอกนั -มีเศษไหมพรม -ไม มีเ ศ ษ ไ ห ม -ไมมีเศ ษ ไห ม -มีเศษไหมพรม ก ร ะ จ า ย อ อ ก พรมไมกระจาย พรมไมกระจาย ก ร ะ จ า ย อ อ ก จ า ก กั น อ อ ก จ า ก กั น อ อ ก จ า ก กั น จ า ก กั น ปานกลาง -ไมเ ห็ นป ล า ย -ไมเห็ นปล าย เลก็ นอ ย -เห็นปลายไหม ไหมพรมตรงขอ ไหมพรมตรงขอ -ไมเ ห็ นป ล า ย พรมตรงขอตอ ตออยูดานหนา ตออยูดานหนา ไหมพรมตรงขอ อ ยู ด า น ห น า ของธงุ ของธุง ต อ ด า น ห น า ของธงุ เลก็ นอ ย
-ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง ของธุง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง -ธงุ ไมแขง็ แรง ไ ม เ อี ย ง ไ ม เ อี ย ง -รูปแบบผลงาน ไมบ ิดเบ้ียว ไ ม เ อี ย ง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง ไมบดิ เบ้ยี ว สะอาด -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน เรยี บรอ ย สะอาด ไมบิดเบี้ยว ไ ม เ อี ย ง สะอาด เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอย -เ ข า ช้ั น เ รี ย น สมบรู ณ์ -รูปแบบผลงาน ไมบิดเบ้ยี ว แ ต ไ ม มี ค ว า ม -เ ข า ช้ั น เ รี ย น มุ ง ม่ั น ใ น ก า ร - ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน แ ล ะ มี ค ว า ม ทางาน มุ ง มั่ น ใ น ก า ร -ไ ม เ ห็ น คุ ณ ค า เ รี ย บ ร อ ย ส ะ อ า ด ทางาน ของศลิ ปะไทย -เห็นคุณคาของ สมบรู ณ์ เ รี ย บ ร อ ย ศลิ ปะไทย สมบรู ณ์ ดา้ นจิตพิสัย -- ไมเ ขา (A) ชน้ั -มวี นิ ยั เรียน -มุงม่นั ในการ ทางาน -รักความเปน็ ไทย เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7 - 8 ปานกลาง 5 – 6 นอย 10. สอื่ อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ - กรรไกร สอื่ การเรยี นรู้ 1. ภาพธุงใยแมงมุม 4 ทศิ 2. ข้ันตอนการสรางสรรคธ์ งุ ใยแมงมมุ 4 ทิศ อุปกรณ์ - ใบงาน - ไมไ อศกรมี - ไหมพรม แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทศั นศลิ ป กลุม สาระการเรียนรศู ลิ ปะ ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 2. เว็บ Pinterest
ใบงาน 4.5 เร่ือง สร้างสรรค์ธงุ ใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา ตอนที่ 1 คาช้แี จง : ใหนักเรยี นตอบคาถามดังนี้ 1. อธิบายทมี่ าของการสรา งธุง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วัสดุ อุปกรณ์ ท่ีสามารถนามาสรางสรรคธ์ ุงได มอี ะไรบา ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนที่ 2 กจิ กรรมปฏิบตั ิ ชอ่ื ………………………………………………………………………………….เลขท่ี…………………….ช้นั ……………………
หนา 1 ใบความรู้ ข้นั ท่ี ขัน้ ตอนการสร้างสรรคธ์ ุงใยแมงมุม 4 ทศิ 1 ข้นึ โครงดว ยไมต ะเกียบ โดยนาไม ตะเกียบวางชิดกัน จากนั้นพัน ไหมพรมใหอยูกึ่งกลางของไม ตะเกยี บ 3-4 รอบ แลวมดั 2 แยกไมตะเกียบออกจากกันเป็น เครื่องหมายกากบาท (x) 3 พั น ไ หม พ ร ม ตัด กับแ น ว เดิ ม จนมีความหนาเทากันและแนน โดยวนดายจากลางแลวหมุดรอบ ไมข ้ึนขา งบน 4 พันไหมพรมรอบไมแตละดาน โ ด ย ว น เ ส น ไ ห ม จ า ก ล า ง แลวหมุนรอบไม วนไหมพรมขึ้น ขา งบน วนไหมพรมลงดา นลางและวน ไหมพรมขนึ้ ขางบนอกี คร้งั 5 ทาซ้าแบบเดิมกับไมถัดๆ ไป จนมคี วามหนาตามตอ งการ
หนา 2 6 ตอไหมพ รมเพื่อเปล่ียน สี ใหม ัดไหมพรมเป็นเงื่อนพิรอด จากน้ันตัดเศษไหมพรมสีเกา ตรงปมเสน ไหมท้ัง 2 เสนออก 7 พั น ว น ร อ บ ไ ม ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ ทมี่ าภาพ : ทาเหมือนขอ 4 สามารถเปล่ียน สีไหมพรม และพันวนรอบไม https://www.facebook.com/ ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ จ น เ กื อ บ สุ ด ความยาวไม ThaiPBSFan/photos 8 เม่อื สุดความยาวไม ใหทาบวง ทม่ี าภาพ : https://miro.medium.com/max/ 1394/1* แ บ บ เ งื่ อ น ต ะ ก รุ ด เ บ็ ด คลอ งเขาไมแลว ดงึ ใหต งึ โดยดงึ ไหมพรมใหอยูดานหลัง ของธงุ ทาซ้า 2 รอบ ภาพสมบูรณ์ : การสรา้ งสรรคธ์ ุงใยแมงมุม 4 ทิศ รูปแบบภาชนะแตกร้ าว ทีม่ า : วภิ าพร ทิพราช
สอ่ื เพมิ่ เตมิ ท่มี า : วิภาพร ทิพราช
แบบประเมินใบงาน เครือ่ งมือ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่………….เรือ่ ง…………………………………………………………………ชั้น………………….. คาชแ้ี จง : ใหครูผูสอนประเมนิ ใบงานของนักเรยี นแลวใหท าเครือ่ งหมาย ลงในชอ งท่ตี รงกับ ระดับคะแนน เพอ่ื ให้ ลาดับ ลาดับท่ี นักเรยี น เพ่อื ใหน้ กั เรียน ความ รวม ที่ ชอ่ื – สกุล สามารถ สามารถสรา้ งธุงใยแมง มุ่งมน่ั ใน 10 อธบิ ายท่ีมา คะแนน 1 ด.ช. มงคลชยั วทั โล ของการ มมุ 4 ทศิ ได้ การ 2 ด.ญ. พรรตั นะ ขาประดิษฐ ทางาน 3 ด.ญ. กาญเกลา มูลปะหัส 4 ด.ญ. ปณุ ยาพร อภธิ รรม สรา้ งธงุ ได้ 5 ด.ช. วุฒชิ ัย สขุ ประสงค์ 6 ด.ช. วีระศกั ดิ์ ฉตั รทอง 3210543210210 7 ด.ช. จิรายุ วงศ์แกนทอง 8 ด.ช. นฤรงค์ ปรกี มล 9 ด.ญ. อภัชญา บุง ทอง 10 ด.ญ. เกศรินทร์ เช้อื ลน้ิ ฟาู 11 ด.ญ. อญั มรี ผาสุข 12 ด.ญ. วราลกั ษณ์ ทาลา 13 ด.ญ. เป่ีนมรกั หาญประโคน 14 ด.ช. ชัยปกรณ์ กรานแกว 15 ด.ช. ณัฐธดิ า จันทรักษา 16 ด.ญ. สุภาพร นิจศรวี งษ์ 17 ด.ช. กายสทิ ธ์ สงวนประเสริฐ 18 ด.ญ. ทกั ษอร โคจร 19 ด.ญ. ปลายฟูา มานก 20 ด.ญ. ธัญญานันท์ จันทรประภาพ 21 ด.ญ. ณชั ชา เจรญิ ยง่ิ 22 ด.ญ. ชญานนท์ ไชยวงค์ 23 ด.ช. จติ ราคุปต์ ยนิ ดีรมณ์
24 ด.ญ. พรหมพร เรอื งตระกูล 25 ด.ช. ทินภทั ร ดแี กว ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................./...............
บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………..ครผู ู้สอน (นางสาววิภาพร ทพิ ราช) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ความคดิ เหน็ ของครูพี่เล้ียง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ครูพ่ีเลีย้ ง (นายพนั ศกั ด์ิ เสง็ สวุ รรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพิเศษ ความคิดเห็นของรองผ้อู านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผ้ตู รวจ (นางทิพมาศ ดวงจันทราศิริ) รองผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั มะลิ
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 รหัสวิชา 14101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ สาระ ทัศนศิลป์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 นา้ หนกั ออ่ น-แก่ ภาคเรยี นที่ 2 เรือ่ ง ไล่นา้ หนกั สเี พอื่ จดั ระยะภาพ จานวน 1 คาบ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 1 ชัว่ โมง สอนเมอื่ วันท…ี่ …….เดอื น………………..พุทธศกั ราช…………… ครูผูส้ อน วิภาพร ทพิ ราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยาง อิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใชในชีวิตประจาวนั 2. ตัวชีว้ ดั ศ 1.1 ป.4/6 บรรยายลักษณะของภาพโดยเนนเรื่องการจัดระยะ ความลกึ น้าหนกั และ แสงเงาในภาพ 3. สาระสาคัญ เพื่อใหเขาใจและสามารถอธิบายเก่ียวกับการจัดระภาพดวยการสรางน้าหนักสีลงใน กระดาษพ้ืนระนาบจาก ภาพ 2 มิติ ใหเป็นภาพ 3 มิติแสดงระยะใกล-ไกล ดวยการลงน้าหนักสี ความออน-แก ของภาพไดถ กู ตอ งตามหลกั การจดั ระยะภาพและการลงนา้ หนักสี น้าหนัก แสง-เงา ที่ปรากฏในงานทัศนศิลปและในสิ่งแวดลอมมีลักษณะที่แตกตางกัน น้าหนัก แสง-เงา ท่ปี รากฏในสิ่งแวดลอมเกิดจากแสงธรรมชาตหิ รอื แสงไฟท่พี บเจอไดท ั่วไปเมื่อตก กระทบลงวตั ถจุ ะใหคา น้าหนักตา งๆ คณุ คาของแสงและเงา น้าหนกั ออน-แก หากนาไปสรางสรรค์ งานทศั นศลิ ปบ นพนื้ ผวิ ระนาบเดียวกนั เมื่อใชน้าหนักที่ตางกันของสีและแสงเงาจะทาใหเกิดเป็น รูปลักษณะตา งๆ บนระนาบนัน้ เชน เห็นเป็นภาพระยะใกล-ไกลซอนทบั กัน มีความกลมกลืนหรือ ตัดกันทาใหเกิดภาพ 3 มติ ิ มีความเหมอื นจรงิ และงดงามสมบรู ณย์ ิง่ ขึน้ เป็นตน
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - เพ่ือใหน กั เรยี นสามารถบอกการจัดระยะภาพจากการไลคาน้าหนักสีได 4.2 ดา้ นทักษะ (P) - เพอ่ื ใหนักเรียนสามารถไลคา น้าหนกั สคี วามออ น-แก แสดงระยะใกล-ไกล ไดถูกตอ ง 4.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เขาชั้นเรียน, มีความรบั ผดิ ชอบตองานท่ีไดร บั มอบหมาย) 2) มุงม่นั ในการทางาน (เอาใจใสตอการปฏิบตั ิหนา ท่ีท่ีไดรบั มอบหมาย, พยายาม แกป ญั หาและ อุปสรรคในการทางานใหส าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การไลคาน้าหนกั สคี วามออน-แก แสดงระยะใกลไกลของภาพ 6. สมรรถนะทีส่ าคญั 6.1 ความสามารถในการคดิ อยางสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตผุ ลในการคดิ และแกปญั หาดว ยตนเอง 7. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มวี ินยั 7.2 ใฝุเรียนรู 7.3 มุงมน่ั ในการทางาน 7.4 มจี ติ สาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขนั้ นา (5 นาที) 8.1 ครูกลาวทักทายนกั เรียน 8.2 ครอู ธิบายสิง่ ท่ีตอ งเรยี นในสัปดาหน์ ้ใี หนักเรียนทราบ “ไลน้าหนกั สีเพือ่ จัดระยะภาพ” 8.3 ครูสอบถามทบทวนความรู “การไลคาน้าหนักสีความออน-แก สามารถทาใหภาพเกิด ระยะใกล-ไกลไดหรือไม” เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและเป็นการเช่ือโยงเขาสูบทเรียนเกี่ยวกับไล น้าหนกั สีเพ่อื จดั ระยะภาพ
ขนั้ สอน (50 นาที) 8.4 ครูอธิบายพรอมยกตัวอยา งภาพใหน กั เรยี นดู - นา้ หนกั ออ น-แก ในสงิ่ แวดลอ ม หมายถงึ จานวนความเขมความออนของสีตางๆ หาก วตั ถุ สว นที่ถกู แสงสวางมากจะเป็นสีออ นหรอื ใส สว นทถ่ี ูกแสงนอยหรือเป็นเงากจ็ ะมีสีเขมหรอื มืด - น้าหนกั ออน-แก เมือ่ นาไปสรางงานทศั นศลิ ป ทาใหภาพดูมีมิติและเหมือนจริงมากขึ้น เกิดจากการไลคาน้าหนักความออน-ความแกของสี จนเกิดเป็นรูปลักษณะตางๆ บนระนาบนั้น เชน เห็นเป็นภาพระยะใกล-ไกล ซอ นทบั กัน มีความเหมือนจรงิ และงดงามสมบรู ณย์ งิ่ ขึ้น เป็นตน ที่มา : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 เปิดคลปิ วิดโี อการไลค าน้าหนกั สเี บื้องตนใหนักเรียนดแู ละอธบิ าย การไลคานา้ หนักเปน็ การไลระดบั ความเขม ท่แี ตกตา งกนั ของสหี รือคาความออนแกของสี ไลระดบั กันไป เชน ดา – เทาเขม – เทากลาง – เทาออน – ขาว ท่มี าคลิปที่ 1 : https://www.youtube.com/watch?v=DxSCIgspZGs ทม่ี าคลิปที่ 2 : https://www.youtube.com/watch?v=afsAgvPVJOk
8.6 ครูใหน ักเรยี นทากจิ กรรมใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง น้าหนกั สเี พ่อื จัดระยะภาพ 8.7 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย จากนั้นนักเรียนลงมือปฏิบัติครูคอยเดินดูและให คาแนะนา ขัน้ สรปุ (5 นาที) ครูสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาชั้นเรียนพรอมบอกปัญหาและอุปสรรค์ในการทางาน พรอ มบอกวธิ แี กป ญั หารวมกัน ครแู ละนักเรียนสรุปเน้อื หารวมกัน “การไลค า นา้ หนักความออ น-เขม สามารถทาใหภาพท่ีระนาบ อยูกับพ้ืนมีมติ ิแสดงระยะใกล-ไกล” จากน้ันใหน ักเรียนเกบ็ อุปกรณ์ใหเ รยี บรอ ย 3. การวดั และประเมินผล 9.1 ไลน ้าหนักสีเพอ่ื จดั ระยะภาพ (5 คะแนน) ประเด็นการประเมนิ 2 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 0 1 ดา้ นความรู้ (K) -สามารถไลคาน้าหนักสี -สามารถไลคาน้าหนักสี -ไมสามารถไลคาน้าหนัก -เพื่อใหนกั เรียนสามารถ ความเขม-ออน ได เฉดสี ความเขม-ออน ได เฉดสี สไี ด บอกการจัดระยะภาพ ดา – เทาเขม – เทากลาง ดา – เทาเขม – เทากลาง -ไมมาเรียน จากการไลคา นา้ หนกั สี – เทาออน – ขาว – เทาออน – ขาว ไม ได แตกตา งกนั ชัดเจน แตกตางกนั ด้านทกั ษะ (P) -สรา งสรรค์งานที่แสดง -สรา งสรรค์งานที่แสดง -ไมสามารถสรางสรรค์ -เพือ่ ใหนักเรียนสามารถ ระยะใกล- ไกล โดยการไล ระยะใกล- ไกล โดยการไล งานโดยการใชคาน้าหนัก ไลคาน้าหนกั สคี วาม ระดบั ความออน-ความแก ระดับความออ น-ความแก แสง-เงาได ออน-แก แสดง ของสีได ของสไี ดเลก็ นอ ย -ไมมาเรียน ระยะใกล- ไกล ได -ไลน ้าหนักความออน- -ไลนา้ หนกั ความออน- ถูกตอ ง ความแก ไดถกู ตอ งชัดเจน ความแก ไดเ ลก็ นอย -รูปแบบช้ินงานสะอาด -รปู แบบชนิ้ งานสะอาด สวยงามมีความสมบูรณ์ สวยงาม ด้านจติ พิสยั (A) -เขา ช้ันเรียนมีมงุ มน่ั ในการ -ไมส งงาน -มวี นิ ยั - ทางาน -มงุ ม่นั ในการทางาน -สง งานตามเวลาท่กี าหนด
เกณฑก์ ารประเมิน ประเมิน คะแนน ดมี าก 5 ดี 4 พอใช 2-3 10. สื่อ อุปกรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ 1. ภาพการไลคา น้าหนกั สีความออ น-แก อุปกรณ์ - ใบงาน - สไี ม - ดนิ สอ/ยางลบ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 2. Youtube
ใบงาน 2.1 เร่ือง ไลน่ ้าหนกั สเี พอ่ื จดั ระยะภาพ 1. ให้นักเรยี นไลน่ า้ หนักความแก่ – ความอ่อน ของสดี าในชอ่ งทกี่ าหนดให้ 2. ใหน้ กั เรียนสร้างภาพ “ภูเขา” ที่แสดงระยะใกล้ไกล โดยไล่นา้ หนักความแก่ – ความอ่อน 4 - 6 ระดับ ชอื่ ……………………………………………………………………………….เลขท่ี…………………..ชัน้ …………………
แบบประเมินใบงาน เครอื่ งมือ หน่วยการเรียนรู้ที่………….เรื่อง……………………………………………………………………ชนั้ ……………….. คาช้แี จง : ใหค รูผูสอนประเมินใบงานของนักเรยี นแลว ใหท าเครอื่ งหมาย ลงในชอ งทตี่ รงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ลาดบั ท่ี เพือ่ ให้นกั เรียน เพ่ือใหน้ กั เรียน ความม่งุ มนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกการ สามารถไล่คา่ ในการ คะแนน จดั ระยะภาพจาก น้าหนักสีความ ทางาน การไล่ค่าน้าหนักสี อ่อน-แก่ แสดง ระยะใกล้-ไกล ได้ 10 ได้ ถกู ต้อง 2 10 210 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวจิ ติ ราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนชุ แสงทวปี 3 ด.ญ. พีรดา ชาญเช่ยี ว 4 ด.ช. พชรพล สืบสาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวิรยิ ฐากลุ 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อศั วเดชานุกร 7 ด.ญ. ทิพภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทพิ านันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อคั รเดช มว งทวี 10 ด.ช. สหรฐั อม่ิ สมโภชน์ 11 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษดิ ์ิดษิ ฎ์ กนั แกว 13 ด.ช. กองภพ กอ นแกว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มจี าด 15 ด.ญ. โฮซันนา มัน่ หมาย 16 ด.ช. เหรยี ญชยั เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงชอ่ื ............................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................
แบบประเมินใบงาน เครอื่ งมอื หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี………….เร่อื ง………………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาช้ีแจง : ใหครผู ูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว ใหทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ งทต่ี รงกับ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ลาดับท่ี เพ่อื ใหน้ ักเรียน เพ่ือให้นักเรยี น ความมุ่งม่นั รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกการ สามารถไล่คา่ ในการ คะแนน จัดระยะภาพจาก น้าหนกั สีความ ทางาน การไลค่ ่าน้าหนกั สี อ่อน-แก่ แสดง ระยะใกล้-ไกล ได้ 10 ได้ ถูกต้อง 2 10 210 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จนั ทรเ์ จริญ 2 ด.ช. กติ ติภพ พรมสอน 3 ด.ญ. ชญั ญานชุ ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนุสรณ์ แชม สนิท 5 ด.ญ. จันทร์ทมิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านิชา เรอื งกล่นั 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกุลทินวัฒน์ 8 ด.ช. ธีรภทั ร ธปู เทยี นรัตน์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แกวมีศรี 10 ด.ช. ภานวุ ัชร์ ศาลา 11 ด.ญ. พชี ญา แกวบวั ดี 12 ด.ญ. รินรดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จันทรักษา 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทิต สขุ พิศิษฐ์ 16 ด.ช. พีระพฒั น์ สันสะกดิ ลงชอ่ื ............................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................
บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. ผลการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ครูผ้สู อน (นางสาววิภาพร ทพิ ราช) นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู ความคดิ เห็นของครูพเ่ี ลยี้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………..ครูพ่เี ลย้ี ง (นายพนั ศกั ดิ์ เสง็ สุวรรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพิเศษ ความคิดเหน็ ของรองผ้อู านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ผตู้ รวจ (นางทพิ มาศ ดวงจนั ทราศิริ) รองผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคดิ เห็นของผู้อานวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………..ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5 รหสั วิชา 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระ ทศั นศลิ ป์ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 การเขยี นภาพระบายสีโปสเตอร์ ภาคเรยี นท่ี 2 เรอื่ ง วงจรสี จานวน 1 คาบ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 1 ชั่วโมง สอนเมือ่ วันท…่ี ……….เดือน……………………….พทุ ธศักราช…………. ครผู สู้ อน วิภาพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ต์ใชในชีวิตประจาวัน 2. ตัวชี้วัด ศ 1.1 ป. 4/5 มที กั ษะพน้ื ฐานในการใชว ัสดุ อุปกรณ์สรางสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคญั เพอ่ื ใหเ ขา ใจขบวนการการผสมสจี ากแมสี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีน้าเงินและสีแดง จนเกิดเป็นสี ใหมไ ดถกู ตอ งตามขน้ั ตอนวงจรสี สามารถผสมสโี ปสเตอรจ์ ากแมสี 3 สี ใหเกิดเป็นสีใหม แมสีถูกนามาใชงานกันอยางกวางขวาง ในวงการศิลปะ แมส ี 3 สี เมือ่ นามาผสมกนั ตามหลักเกณฑ์ จะทาใหเกิดวงจรสี ซ่ึงมี 12 สี ซึ่งเป็นวง สธี รรมชาติเกดิ จากการผสมกันของแมส ีวตั ถุธาตุ เป็นสีหลกั ทใ่ี ชง านกันท่วั ไป 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) เพ่อื ใหนกั เรียนสามรถอธบิ ายวงจรสี สีข้ันที่ 1สีขน้ั ท่ี 2 และสีขนั้ ท่ี 3 ได 4.2 ดา้ นทักษะ (P) เพ่อื ใหน ักเรียนสามารถผสมสจี ากแมส ี 3 สี ใหเ กิดวงจรสี ซง่ึ มี 12 สี 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) มวี ินัย (เขาชน้ั เรียน, มีความรบั ผดิ ชอบตองานที่ไดร ับมอบหมาย)
2) มุง มัน่ ในการทางาน (เอาใจใสต อการปฏิบัตหิ นา ที่ทีไ่ ดรบั มอบหมาย, พยายามแกป ญั หาและ อปุ สรรคในการทางานใหสาเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ ผสมสีจากแมส ี 3 สี จนเกิดเปน็ สีใหมตามวงจรสี ซงึ่ มี 12 สี 6. สมรรถนะที่สาคัญ 6.1 ความสามารถในการคดิ อยางสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเ หตผุ ลในการคิดดวยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป ัญหาเฉพาะหนาไดดวยตนเอง 7. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มวี นิ ัย 7.2 ใฝเุ รยี นรู 7.3 มุง มน่ั ในการทางาน 7.4 มจี ิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบซิปปา ขั้นนา (5 นาที) 8.1 ครูกลาวทักทายนักเรียน 8.2 ครูอธิบายสงิ่ ที่ตองเรียนในสัปดาห์นใ้ี หนกั เรยี นทราบเกี่ยวกับวงจรสี 8.3 ครูใหนักเรียนนั่งเปน็ กลมุ โดยใหน่ังตามกลมุ เดิมเหมอื นกบั กิจกรรมในครั้งแรก มีทั้งหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนท่ีจัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลมุ ออ น 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “ในวงจรสีมี 12 สี เกิดจากการผสมกันของแมสีก่ีสี มีสีอะไรบาง” (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ ยใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู อน) เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและ เปน็ การทบทวนความรูเดิมทเี่ คยไดเ รียนมา เพื่อเชอ่ื มโยงเขาสูเนือ้ หาความรูเก่ยี วกับการวงจรสี ขัน้ สอน (50 นาที) 8.5 ครูใหนักเรียนหาขอมูลในหนังสือเรียนเก่ียวกับขั้นตอนการผสมสี ซึ่งการผสมสีนั้น แบงเปน็ กี่ข้ัน
8.6 ครูใหนักเรียนตอบคาถามเกี่ยวกับขอมูลที่นักเรียนหาได สีขั้นท่ี 1 สีขั้นท่ี 2 และสีข้ันท่ี 3 เม่อื นารวมกันจะครบ 12 สี พอดีซงึ่ ตามกับวงจรสที มี่ ี 12 สี 8.7 จากนน้ั ครใู หนกั เรียนหาขอมลู 12 สที ีป่ รากฏในวงจรสี เกิดจากการผสมกันทีละขั้นอยางไร โดยใหจ ดลงในกระดาษ 8.8 สมาชกิ แตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพื่อนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสัย จนทุกคนในกลุมมคี วามรคู วามเขา ใจทีถ่ ูกตอ งตรงกัน 8.9 ครูใหตัวแทนนักเรยี นแตล ะกลุม นาเสนอคาตอบหนาชน้ั เรยี นและแสดงความคิดเหน็ รวมกัน 8.10 ครูแจกใบความรูใหนักเรียนพรอมเปิดคลิปวิดีโอข้ันตอนการผสมสีตามวงจรสีให นักเรยี นดู คลิปวิดโี อขั้นตอนการผสมสี (วงจรสี) ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=AWmW6xZZkKw&t=130s - สขี ้นั ที่ 1 หรือแมสี ไดแก สเี หลือง สีแดง สนี า้ เงิน - สีขน้ั ท่ี 2 เกิดจากการนาแมสีหรอื สขี ัน้ ท่ี 1 มาผสมกนั ดงั น้ี สนี า้ เงนิ + สเี หลอื ง = สีเขยี ว, สแี ดง + สีนา้ เงิน = สมี วง สีเหลือง + สแี ดง = สีสม - สีขัน้ ที่ 3 เกดิ จากการนาสขี น้ั ที่ 2 มาผสมกบั แมสีหรือขั้นที่ 1 ดังน้ี สีเหลือง + สสี ม = สีเหลืองสม, สีสม + สีแดง = สีสมแดง, สีแดง + สีมวง = สีมวง แดง, สีมวง + สนี า้ เงนิ = สมี วงน้าเงิน,
สีข้ันท่ี 1 สีข้นั ที่ 2 สีข้นั ท่ี 3 ทมี่ า : https://cities.trueid.net/article/สีวรรณะอุน-สวี รรณะสเี ยน็ -trueidintrend_85947 ขนั้ ตอนการผสมสี ที่มา : https://sites.google.com/site/punpundddd/wngcr 8.11 ครใู หน กั เรยี นทากิจกรรมใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง วงจรสี โดยใหนกั เรียนผสมสีข้ันท่ี 1 สีขั้นท่ี 2 และสขี น้ั ท่ี 3 ใหเ สรจ็ สมบรู ณ์ 8.12 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถาม จากนั้นใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดูและให คาแนะนา 8.13 ครูใหสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาชั้นเรียน พรอมบอกปัญหาท่ีพบขณะ ปฏบิ ัติงาน 8.14 ครูใหนักเรียนหาขอมูลวงจรสีสามารถทาอะไรไดบางในทางศิลปะ พรอมยกตัวอยาง ประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ ยใู นดุลยพินจิ ของครผู สู อน) ข้นั สรุป (5 นาท)ี ครูและนกั เรยี นสรปุ เนือ้ หาเรือ่ ง “วงจรสี” รวมกัน “วงจรสีมีทั้งหมด 12 สีเกิดจากการผสมกัน ของแมสีสีข้ันท่ี 1 สขี ้ันท่ี 2 และสีขัน้ ที่ 3” จากน้นั ใหนกั เรียนเก็บอปุ กรณใ์ หเ รียบรอย
9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 เรอ่ื ง วงจรสี (10 คะแนน) ประเดน็ การ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 10 ด้านความรู้ - - -นักเรียนอธิบาย -นกั เรียนอธิบาย -นั ก เ รี ย น -ไม (K) วงจรสี สีขั้นที่ 1 วงจรสี สีขั้นที่ 1 อธิบายวงจรสี สามารถ -เพื่อใหนักเรียน สีข้ันที่ 2 และสี สีข้ันท่ี 2 และสี สีขั้นที่ 1สีข้ันท่ี บอกได ส า ม ร ถ อ ธิ บ า ย วงจรสี สีข้ันท่ี 1 ขั้ น ท่ี 3 ไ ด ข้ั น ท่ี 3 ไ ด 2 และสีข้ันที่ 3 -ไมมา สีขั้นท่ี 2 และสี ถูกตองทั้งหมด ถูกตอง 2 ชั้น ไ ด ถู ก ต อ ง 1 เรยี น ท้งั 3 ขั้น จาก 3 ขน้ั ชนั้ จาก 3 ขนั้ ข้ันที่ 3 ได ด้านทกั ษะ -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -ไมส ง (P) จากแมสีขั้นท่ี 1 จากแมสีข้ันที่ 1 จากแมสีขั้นที่ 1 จากแมสีขั้นที่ 1 จากแมส ขี ้นั ที่ 1 งาน -เพื่อใหนักเรียน ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีข้ัน ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น -ไมม า สามารถผสมสี ท่ี 2 ไดถูกตอง ที่ 2 ไดถูกตอง ที่ 2 ไดถูกตอง ท่ี 2 ไดถูกตอง ท่ี 2 ไดถูกตอง เรยี น จากแมสี 3 สี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี ใหเกิด 12 สี ใหม ใหม ใหม ใหม ใหม ตามวงจรสีได -น า สี ขั้ น ท่ี 2 -น า สี ข้ั น ที่ 2 -น า สี ข้ั น ที่ 2 -น า สี ขั้ น ที่ 2 -น า สี ข้ั น ท่ี 2 ผสมกับข้ันท่ี 1 ผสมกับข้ันที่ 1 ผสมกับขั้นท่ี 1 ผสมกับข้ันที่ 1 ผสมกับข้ันท่ี 1 ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีข้ัน ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น ที่ 3 ไดถูกตอง ที่ 3 ไดถูกตอง ท่ี 3 ไดถูกตอง ที่ 3 ไดถูกตอง ที่ 3 ไดถูกตอง แล ะ สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น ชัดเจนทั้ง 12 สี เพียง 10-11 สี เพียง 7-9 สีจาก เพียง 4-6 สีจาก เพียง 1-3 สี -รูปแบบผลงาน จาก 12 สี 12 สี 12 สี จาก 12 สี ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รปู แบบผลงาน เ รี ย บ ร อ ย ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด สมบูรณ์ เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอยแตไม เรียบรอยแตไม สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สมบูรณ์ ด้านจิตพิสัย - - - -เ ข า ช้ั น เ รี ย น -เขาช้ั นเรีย น ไมเขา (A) แ ล ะ มี ค ว า ม แตไมมีค วาม ช้นั -มีวินัย มุ ง มั่ น ใ น ก า ร มุง มั่ นใน กา ร เรยี น -มุงมั่นในการ ทางาน ทางาน ทางาน
เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7-8 5–6 ปานกลาง นอย 10. ส่อื อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ สือ่ การเรียนรู้ 1. วงจรสี 2. ใบความรู อปุ กรณ์ - ใบงาน - สโี ปสเตอร์/พูก นั /ถาดสี/กระบอกเติมนา้ /ผากนั เปื้อน - ดินสอ/ยางลบ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 2. เว็บ Pinteres 3. Youtube
ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง วงจรสี คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นผสมสตี ามวงจรสีใหถ้ ูกต้อง วงจรสี ชือ่ ……………………………………………..นามสกุล………………………………….เลขท…ี่ …………ชัน้ ……………
วงจรสี มีทง้ั หมด 12 สี มี 3 ขัน้ ดังน้ี สขี ้ันที่ 1 (Primary Color) แมสีเป็นสที ่มี ีเน้อื สแี ทอยใู นตวั ซ่ึงมี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีแดงและสีน้าเงิน ซึ่งจะไมสามารถจะ นาสอี ื่นๆ มาผสม เพือ่ ทาใหเกดิ สที ั้งสามขน้ึ ได บางครง้ั กเ็ รียกสีขน้ั ท่ี 1 น้วี า “แมสี” สขี ้ันที่ 2 (Secondary Color) ส่ีเกิดจากการผสมกันของสีข้ันท่ี 1 แตละสีในอัตราสวนท่ีเทากัน ทาใหเกสีผมเพ่ิมขึ้นมาอีก 3 สามสี ไดแ ก สสี ม สเี ขยี วและสมี วง += += += สขี ั้นท่ี 3 (Tertiary Color) เป็นสีที่เกดิ จากเปน็ สีท่ีเกดิ จากผสมกนั ของสขี ้นั ที่ 1 กบั ข้ันท่ี 2 ในอตั ราสวนท่เี ทากนั ทาใหเกดิ สผี สมเพม่ิ ข้ึนมาอกี 6 สี ไดแ ก สสี มเหลือง สีสม แดง สีมว งแดง สมี ว งน้าเงิน สีน้าเงินเขยี วและสเี ขียว เหลอื ง += += += += += +=
แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมอื หน่วยการเรียนรูท้ ่ี………….เร่อื ง……………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาช้ีแจง : ใหค รูผูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว ใหท าเคร่อื งหมาย ลงในชองทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ลาดับท่ี เพือ่ ใหน้ ักเรยี น เพื่อใหน้ กั เรียน ความมุ่งมนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามรถอธบิ าย สามารถผสมสี ในการ คะแนน วงจรสี สขี ้ันท่ี 1สี จากแม่สี 3 สี ให้ ทางาน ขัน้ ท่ี 2 และสขี ้ันที่ เกิด 12 สีตาม 10 3 ได้ วงจรสีได้ 2 10 210 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวิจิตราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนุช แสงทวีป 3 ด.ญ. พรี ดา ชาญเช่ยี ว 4 ด.ช. พชรพล สืบสาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวริ ิยฐากลุ 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อศั วเดชานุกร 7 ด.ญ. ทพิ ภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทิพานันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อัครเดช มว งทวี 10 ด.ช. สหรัฐ อ่มิ สมโภชน์ 11 ด.ช. รัชชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษิดด์ิ ิษฎ์ กันแกว 13 ด.ช. กองภพ กอนแกว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มีจาด 15 ด.ญ. โฮซันนา ม่ันหมาย 16 ด.ช. เหรยี ญชัย เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ (…………………..…………………………..) . ................../................../................
แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมือ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี………….เร่ือง……………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาชีแ้ จง : ใหครูผูสอนประเมินใบงานของนักเรียนแลวใหทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ งทต่ี รงกับ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ลาดบั ท่ี เพื่อใหน้ ักเรียน เพอ่ื ใหน้ ักเรยี น ความมงุ่ มน่ั รวม 10 ชอ่ื – สกลุ สามรถอธิบาย สามารถผสมสี ในการ คะแนน วงจรสี สีขนั้ ท่ี 1สี จากแม่สี 3 สี ให้ ทางาน ขั้นที่ 2 และสขี น้ั ท่ี เกดิ 12 สตี าม 10 3 ได้ วงจรสีได้ 2 10 210 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จันทร์เจริญ 2 ด.ช. กติ ติภพ พรมสอน 3 ด.ญ. ชญั ญานุช ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนุสรณ์ แชม สนทิ 5 ด.ญ. จันทร์ทมิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านชิ า เรืองกล่ัน 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกุลทินวฒั น์ 8 ด.ช. ธีรภทั ร ธูปเทียนรตั น์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แกวมีศรี 10 ด.ช. ภานุวชั ร์ ศาลา 11 ด.ญ. พชี ญา แกวบวั ดี 12 ด.ญ. รนิ รดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรักษา 14 ด.ช. ธนกฤต จันทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทิต สขุ พศิ ษิ ฐ์ 16 ด.ช. พรี ะพฒั น์ สันสะกิด ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................../................
บนั ทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. ผลการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ครผู ู้สอน (นางสาววิภาพร ทิพราช) นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชีพครู ความคิดเหน็ ของครูพ่ีเล้ียง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ครูพี่เล้ียง (นายพันศกั ด์ิ เสง็ สุวรรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพเิ ศษ ความคดิ เห็นของรองผอู้ านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ผูต้ รวจ (นางทพิ มาศ ดวงจันทราศิร)ิ รองผ้อู านวยการสถานศึกษาโรงเรยี นวัดมะลิ ความคดิ เหน็ ของผ้อู านวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผู้บรหิ ารสถานศึกษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผูอ้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดมะลิ
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 รหสั วชิ า 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเขียนภาพระบายสโี ปสเตอร์ ภาคเรียนท่ี 2 เร่อื ง การไล่คา่ นา้ หนักสีผสมดา จานวน 1 คาบ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 1 ชั่วโมง สอนเมื่อ วันท…ี่ ……….เดือน……………………….พทุ ธศกั ราช…………. ครผู ู้สอน วภิ าพร ทพิ ราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ชในชีวติ ประจาวัน 2. ตวั ชว้ี ัด ศ 1.1 ป. 4/5 มที ักษะพื้นฐานในการใชวสั ดุ อุปกรณ์สรางสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคัญ เพอื่ ใหเ ขา ใจขบวนการการระบายสีดวยคาน้าหนักสีผสมดา และสามารถบอกคาน้าหนักสีผสม ดาไดถ ูกตอ งตามหลกั การการไลสี ซงึ่ เฉดสีการผสมขาวจะมีความออน – เขม แตกตางกัน ทาใหเกิด เฉดสหี ลายสี สามารถผสมสี คาน้าหนักสีผสมขาวและไลคาน้าหนักผสมดามีความแตกตางกันชัดเจนใน แตร ะดับสี ซ่ึงจะไลคานา้ หนักจากออนไปเขม เพราะคา นา้ หนักสีผสมดาเป็นการเตมิ สีดาในอัตราสวน 20 % ลงในสแี ท (Hue) จากน้นั ผสมกนั แลว ใหร ะบายลงในกระดาษ จากน้ันใหเติมสีดาในอัตราสวน 20 % ลงในสเี ดิมอกี ครัง้ ผสมใหเ ขา กันจากน้ันนาไประบายลงในกระดาษเพ่ือไลระดับสี สามารถเติม สีดาและระบายเชนน้ีไปเร่ือยๆ ได โดยระดับน้าหนักความเขมที่เห็นความเปล่ียนแปลงไดชัดอยูใน ระดบั 3 - 6 ระดับและจะปรากฏคา น้าหนักความออน-เขม 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) เพอ่ื ใหนกั เรียนสามารถบอกคาน้าหนักสผี สมดาได
4.2 ดา้ นทกั ษะ (P) เพือ่ ใหนักเรยี นสามารถผสมสไี ลค านา้ หนกั สผี สมสีดาได 4.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เขาชนั้ เรียน, มีความรบั ผิดชอบตอ งานท่ไี ดรบั มอบหมาย) 2) มุง ม่ันในการทางาน (เอาใจใสตอการปฏบิ ตั ิหนา ทท่ี ไ่ี ดร บั มอบหมาย, พยายาม แกปญั หาและอปุ สรรคในการทางานใหส าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การผสมสี คา น้าหนักสผี สมดาจนเกดิ เปน็ เฉดสีหลายสี 6. สมรรถนะท่สี าคัญ 6.1 ความสามารถในการคิดอยางสรา งสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตุผลในการคิดดว ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป ญั หาเฉพาะหนาไดด ว ยตนเอง 7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ัย 7.2 ใฝุเรียนรู 7.3 มุง ม่นั ในการทางาน 7.4 มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบซิปปา ข้นั นา (5 นาที) 8.1 ครูกลา วทักทายนกั เรยี น 8.2 ครูอธิบายส่งิ ที่ตอ งเรียนในสัปดาหน์ ้ีใหน ักเรยี นทราบเกยี่ วกับการไลคา นา้ หนกั สีผสมดา 8.3 ครใู หน ักเรียนนั่งเปน็ กลมุ โดยใหน ัง่ ตามกลุม เดิมเหมอื นกบั กิจกรรมในครั้งแรก มีท้ังหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนที่จัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลมุ ออน ขัน้ ที่ 1 การทบทวนความรเู้ ดมิ 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “หากนาสีดามาผสมกับสีใดสีหนึ่ง จะทาใหสีน้ันมีลักษณะอยางไร” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอยใู นดุลยพนิ จิ ของครผู ูสอน) เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและ เปน็ การทบทวนความรเู ดมิ ที่เคยไดเ รยี นมา เพอ่ื เชื่อมโยงเขาสูเน้ือหาความรูเก่ียวกับการเขียนการไลคา นา้ หนกั สีผสมดา
ขนั้ สอน (50 นาที) ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรูใ้ หม่ 8.5 ครูใหน กั เรียนดูวงจรสีที่ไลค า น้าหนกั สีผสมดาแสดงเฉดสีหลายเฉดสี 8.6 ครูแจกใบความรแู ลว ใหนกั เรยี นอา นเพ่ือทาความเขาใจในสวนของคาน้าหนักสีผสมดา คือ อะไร ภาพท่ี 1 : วงจรสี ไลค านา้ หนักสีผสมดา ทมี่ า : วภิ าพร ทิพราช ข้ันที่ 3 การศึกษาทาความเข้าใจข้อมลู /ความรู้ใหม่ และเชือ่ มโยงความรู้ใหมก่ บั ความรู้เดิม 8.7 ครใู หนักเรียนตอบคาถามเม่ือนาสีดามาผสมกับสีใดสีหน่ึงสีน้ันจะเปลี่ยนคาสีใหเขมขึ้นจาก เดมิ เน่อื งจากเป็นสที ี่เขมทีส่ ุด ข้นั ที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกบั กลุ่ม 8.8 จากน้นั ครใู หน ักเรียนแตล ะกลุมทดลองใชสีชอรก์ โดยเลือกสีใดสีหนึ่งระบายลงในกระดาษ แลว ใชส ีดาทาทบั ลงไปโดยคอยๆ ออกแรงกดสไี ลร ะดับสขี ้นึ ไป จากนัน้ ใหนักเรยี นสงั เกตคา นา้ หนักสี 8.9 สมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพ่ือนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสัย จนทุกคนในกลุมมีความรูความเขา ใจท่ีถูกตอ งตรงกัน 8.8 ครใู หตัวแทนนกั เรยี นแตละกลมุ นาเสนอคาตอบหนา ชั้นเรยี นและแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั ขั้นท่ี 5 การสรปุ และจัดระเบียบความรู้ 8.9 ครอู ธบิ าย สดี า เปน็ สที ี่มคี วามเขม ที่สดุ สแี ท (Hue) คอื สีที่มีความเขมในตัวของมันอยูแลว โดยท่ยี งั ไมถ กู ผสมกบั สดี าหรอื สขี าว เมอื่ นาสดี ามาผสมกบั สีแทจะทาใหสแี ทเ ขม ข้นึ 8.10 ครูเปิดคลิปวิดีโอการไลคาน้าหนักสีผสมดาใหนักเรียนดูและอธิบายสีดาจะเพิ่มความสด ของสีใหเ ขมมากกวา สีหลกั
การไล่ค่านา้ หนักสีผสมดา ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=8floF4MmAGc 8.11 ครูสาธิตและอธิบายการไลคาน้าหนักสีผสมดา ยกตัวอยา งสสี ม ใหน ักเรยี นดู วัสดุ อปุ กรณ์ - ถาดสี - กระบอกเติมน้า - สีโปสเตอร์แมส ี 3 สี - สดี า - พูกัน - กระดาษ - เศษผา - ผากันเปื้อน - เทปกาวกันนา้ การระบายสีควรระบายสีใหระบายไปในทิศทางเดียวกันหรือปาดซา ย-ขวา ไปมา ไมควรนาพูกัน จุมน้าขณะระบายสีเดิมอยูเพราะจะทาใหสีเพี้ยนสีสีดาง ไมควรปวดสีตัดกันไปมาเพราะจะทาใหสีเกิด เสน ตัดกันและสีไมสม่าเสมอกัน ขัน้ ตอนการไลค่ ่านา้ หนักสีผสมดา ยกตัวอยา งสีสม 1. ใหนาเทปกาวกันนา้ ติดขอบรอบนอกสเ่ี หลย่ี ม 2. ผสมสีสม และระบายลงในชองส่เี หล่ยี มชองที่ 1 3. เติมสีดาอตั ราสวน 20 % ลงในถาดสีสม คนใหเขา กัน 4. นาสที ่ีผสมแลวมาระบายลงในชอ งส่ีเหลี่ยมชอ งที่ 2 5. ใหทาเชนน้ีจนครบทุกชอง ใหนักเรียนสังเกตความแตกตางของสีในแตละระดับ สีดาจะเพิ่มความสดของสีให มากกวาสีหลัก ระดับน้าหนักความเขมที่เห็นความเปลี่ยนแปลงไดชัดอยูในต้ังแต 3 - 6 ระดับ ค่านา้ หนักสผี สมดา ทมี่ า : วภิ าพร ทพิ ราช
ขน้ั ท่ี 6 การปฏบิ ตั ิ และ/หรือการแสดงผลงาน 8.12 ครูใหนักเรียนทากิจกรรมใบงานที่ 3.2 เรื่อง การไลคาน้าหนักสีผสมดา โดยใหนักเรียน เลอื กสีเพยี ง 1 สี จากนนั้ ผสมสี ไลค า น้าหนักสีผสมดาลงในชอ งสเี หลี่ยมท่ีกาหนดให 8.13 ครเู ปิดโอกาสใหนักเรยี นซกั ถามขอ สงสัย จากนนั้ ใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดู และใหคาแนะนา 8.14 ครูใหสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาช้ันเรียน พรอมบอกปัญหาที่พบขณะ ปฏิบัติงาน ขั้นที่ 7 การประยุกต์ใชค้ วามรู้ 8.15 ครูใหนักเรียนหาขอมูลการไลคาน้าหนักสีผสมดาสามารถนามาสรางงานทัศนศิลปได หรือไม พรอมยกตัวอยางประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของ ครผู สู อน) ขนั้ สรุป (5 นาท)ี 8.16 ครูและนกั เรยี นรวมกันสรุปเนอ้ื หาเรอ่ื ง “การไลคาน้าหนักสีผสมดา” รวมกัน “การไลคา น้าหนักสีผสมดา เป็นการผสมสีดากับสีแท (Hue) สีดาจะเพ่ิมความสดของสีใหเขมมากกวาสีหลัก” จากนั้นใหน ักเรียนเก็บอปุ กรณ์ใหเรียบรอย 9. การวดั และประเมินผล 9.1 เร่อื ง การไลคาน้าหนกั สผี สมดา (10 คะแนน ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมิน 5 4 3 2 10 ด้านความรู้ - - -นักเรียนบอก -นักเรียนบอก -นักเรียนบอก -ไม (K) คานา้ หนกั สผี สม คา นา้ หนกั สีผสม ค า น้ า ห นั ก สี สามารถ -เพื่อใหนักเรียน ดาถูกตอง ทุก ดาถูกตอง 2 ขอ ผสมดาถูกตอง บอกได สามารถบอกคา ขอ จาก 3 ขอ จาก 3 ขอ 1 ขอ จาก 3 ขอ -ไมมา น้าหนักสีผสมดา ได เรยี น ดา้ นทกั ษะ -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -ไมสง งาน (P) นา้ หนกั สผี สมดา นา้ หนกั สผี สมดา นา้ หนักสผี สมดา นา้ หนกั สผี สมดา น้าหนักสีผสม -ไมมา เรยี น -เพ่ือใหนักเรียน เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ ดา เห็นระดับ สามารถผสมสี น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าหนักความ ไลคาน้าหนักสี เ ข ม เ ข ม เ ข ม เ ข ม เ ข ม ผสมสีดาได เปล่ียนแปลงทุก เปลี่ยนแปลง 5 เปลี่ยนแปลง 4 เปลี่ยนแปลง 3 เปลี่ยนแปล ง ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก 1-2 ระดับ จาก 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดับ
-ก ร ะ ด า ษ ไ ม -ก ร ะ ด า ษ ไ ม -กระดาษเป็นขุย -กระดาษเปน็ ขุย -ก ร ะ ด า ษ เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ เ ล็ ก น อ ย แ ต เลก็ นอยและ เป็นขุยจานวน สีไมชา้ สไี มช ้า สีไมช ้า สชี า้ เล็กนอ ย มากและสีช้า -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีกระจายลงใน มาก ชองระดับสอี ่ืน ชองระดับสีอื่น ชองระดบั สอี ่นื ชองระดับสอี ่นื -สีกระจายลง -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน ในชองระดับสี ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด อืน่ จานวนมาก เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอย แตไม -รปู แบบผลงาน สมบูรณ์ สมบูรณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สะอาด แตไม สมบรู ณ์ ดา้ นจติ พิสัย - - - -เ ข า ช้ั น เ รี ย น -เขาชั้ นเรีย น ไมเ ขา (A) ชน้ั -มวี ินัย แ ล ะ มี ค ว า ม แตไมมีค วาม เรยี น -มงุ มนั่ ในการ ทางาน มุ ง มั่ น ใ น ก า ร มุง มั่ นใน กา ร ทางาน ทางาน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมิน 9 - 10 ดี 7-8 5–6 ปานกลาง นอย 10. สื่อ อุปกรณ์และแหลง่ การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. วงจรสี คา นา้ หนักสีผสมดา 2. ใบความรู อุปกรณ์ - ใบงาน - สโี ปสเตอร์/พกู ัน/ถาดสี/กระบอกเตมิ น้า/ผากันเปือ้ น - ดินสอ/ยางลบ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ. 2551
2. เวบ็ Pinteres 3. Youtube
ใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การไล่คา่ นา้ หนักสีผสมดา ตอนท่ี 1 คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเติมเคร่อื งหมาย หรือ ลงใน ใหถ้ ูกตอ้ ง 1. การไลคา นา้ หนักสผี สมดาใหเติมสีดาอตั ราสวน 30 % 2. ระดบั น้าหนกั ความเขมท่เี ห็นความเปล่ยี นแปลงไดช ดั อยูในระดบั 3 - 6 ระดบั 3. จากภาพเปน็ การไลคานา้ หนกั สี ผสมดา ตอนที่ 2 คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกสแี ท้ (Hue) 1 สี จากนน้ั ไล่ค่านา้ หนกั สี ผสมดา ให้มีน้าหนักความ เข้มขึน้ เห็นความเปลยี่ นแปลงทุกระดบั ช่อื ……………………………………………..นามสกลุ ………………………………….เลขท…่ี …………ชั้น……………
ลั ก ษ ณ ะ สี จ า แ น ก ไ ด เ ป็ น 3 ประเภท ไดแก สีเขม (Shade) สี แ ท (Hue) แ ล ะ สี อ อ น (Tint) ยกตวั อยา งสีสม ดงั นี้ 1. สเี ขม้ (Shade) ไดแ ก สีท่ีผสมกบั สีดาหรอื สที เี่ ขม กวา สีแท สีดาจะเพิ่มน้าหนกั ของสีที่ถูกผสมใหเ ขมข้ึน 2. สีแท้ (Hue) ไดแ ก สีที่มคี วามเขม ซ่ึงเปน็ คุณสมบตั ิ แทๆ โดยตวั ของมันเอง ไมถูกผสมดว ยสีดาหรือขาว 3. สีอ่อน (Tint) ไดแ ก สที ผ่ี สมกับสขี าวเพ่อื ลดความเขม ของสี ทาใหน า้ หนกั ของสีแททถี่ ูกผสมออนลง
แบบประเมินใบงาน เคร่ืองมือ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี………….เรอ่ื ง……………………………………………………………………ชนั้ ……………….. คาช้ีแจง : ใหครูผูสอนประเมนิ ใบงานของนักเรียนแลว ใหท าเครอ่ื งหมาย ลงในชองท่ีตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดับที่ ลาดบั ท่ี เพือ่ ใหน้ ักเรยี น เพื่อให้นกั เรียน ความม่งุ มนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกค่า สามารถผสมสไี ล่ ในการ คะแนน น้าหนักสผี สมดาได้ ค่าน้าหนักสผี สมสี ทางาน ดาได้ 2 102101 0 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวิจิตราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนุช แสงทวปี 3 ด.ญ. พรี ดา ชาญเชี่ยว 4 ด.ช. พชรพล สบื สาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวริ ิยฐากุล 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อัศวเดชานกุ ร 7 ด.ญ. ทพิ ภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทิพานันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อัครเดช มวงทวี 10 ด.ช. สหรฐั อิม่ สมโภชน์ 11 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษดิ ดิ์ ิษฎ์ กนั แกว 13 ด.ช. กองภพ กอนแกว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มจี าด 15 ด.ญ. โฮซันนา มั่นหมาย 16 ด.ช. เหรียญชยั เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................
แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมือ หน่วยการเรยี นรู้ที่………….เร่อื ง…………………………………………………………………ช้ัน……………….. คาชแ้ี จง : ใหครผู ูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว ใหท าเครื่องหมาย ลงในชอ งทีต่ รงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ลาดับท่ี เพอื่ ให้นกั เรียน เพอ่ื ใหน้ กั เรียน ความมงุ่ ม่ัน รวม 10 ชอ่ื – สกลุ สามารถบอกคา่ สามารถผสมสีไล่ ในการ คะแนน นา้ หนกั สีผสมดาได้ ค่าน้าหนักสีผสมสี ทางาน ดาได้ 2 102101 0 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จนั ทร์เจรญิ 2 ด.ช. กิตตภิ พ พรมสอน 3 ด.ญ. ชัญญานชุ ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนสุ รณ์ แชม สนทิ 5 ด.ญ. จันทรท์ มิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านิชา เรืองกลั่น 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกลุ ทินวัฒน์ 8 ด.ช. ธรี ภทั ร ธปู เทยี นรัตน์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แกว มศี รี 10 ด.ช. ภานวุ ชั ร์ ศาลา 11 ด.ญ. พีชญา แกวบัวดี 12 ด.ญ. รนิ รดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรกั ษา 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทติ สุขพิศิษฐ์ 16 ด.ช. พีระพฒั น์ สันสะกดิ ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................../................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399