Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผลงาน

ผลงาน

Published by Wipaphorn Tipparach, 2021-05-15 20:57:17

Description: ผลงาน

Search

Read the Text Version

แบบประเมนิ ใบงาน เคร่ืองมอื หน่วยการเรียนร้ทู ี่………….เร่ือง…………………………………………………………………ช้นั ………………….. คาช้แี จง : ให฾ครผู ู฾สอนประเมินใบงานของนกั เรยี นแล฾วใหท฾ าเครอื่ งหมาย  ลงในชอ฽ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน เพอ่ื ใหน้ ักเรียน สามารถ ลาดับ ลาดับท่ี บรรยายเหตผุ ล เพ่อื ใหน้ ักเรยี น ความ รวม ท่ี ชอ่ื – สกุล การใชว้ ัสดุ สามารถสรา้ งสรรค์งาน มงุ่ มัน่ ใน 10 อุปกรณใ์ นการ งานทัศนศลิ ป์การฉีก คะแนน 1 ด.ช. มงคลชยั วทั โล สร้างสรรคง์ าน ปะตดิ เคร่อื งปั้นดนิ เผา การ 2 ด.ญ. พรรตั นะ ขาประดษิ ฐ ทัศนศลิ ป์ ทางาน 3 ด.ญ. กาญเกลา฾ มูลปะหัส ฉกี ปะตดิ บา้ นเชียงได้ 4 ด.ญ. ปุณยาพร อภธิ รรม 5 ด.ช. วฒุ ชิ ยั สขุ ประสงค์ เครือ่ งปนั้ ดินเผา 6 ด.ช. วรี ะศักดิ์ ฉัตรทอง 7 ด.ช. จริ ายุ วงศ์แกน฽ ทอง บ้านเชียง 8 ด.ช. นฤรงค์ ปรกี มล 9 ด.ญ. อภัชญา บุง฾ ทอง 3 2 1 0543210210 10 ด.ญ. เกศรินทร์ เชื้อลิ้นฟูา 11 ด.ญ. อัญมรี ผาสขุ 12 ด.ญ. วราลักษณ์ ทาลา 13 ด.ญ. เปนี่ มรกั หาญประโคน 14 ด.ช. ชัยปกรณ์ กรานแก฾ว 15 ด.ช. ณัฐธดิ า จนั ทรักษา 16 ด.ญ. สุภาพร นจิ ศรีวงษ์ 17 ด.ช. กายสิทธ์ สงวนประเสรฐิ 18 ด.ญ. ทกั ษอร โคจร 19 ด.ญ. ปลายฟาู มานก 20 ด.ญ. ธัญญานันท์ จนั ทรประภาพ

21 ด.ญ. ณัชชา เจรญิ ยงิ่ 22 ด.ญ. ชญานนท์ ไชยวงค์ 23 ด.ช. จติ ราคปุ ต์ ยนิ ดีรมณ์ 24 ด.ญ. พรหมพร เรอื งตระกูล 25 ด.ช. ทนิ ภัทร ดีแก฾ว ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน (…………………..…………………………..) .................../................./...............

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปญั หา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ครูผู้สอน (นางสาววภิ าพร ทพิ ราช) นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ความคดิ เห็นของครูพ่ีเลีย้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ครูพีเ่ ลย้ี ง (นายพันศกั ดิ์ เสง็ สวุ รรณ) ครูวิทยาฐานะครูชานาญการพเิ ศษ ความคิดเหน็ ของรองผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผตู้ รวจ (นางทิพมาศ ดวงจนั ทราศิริ) รองผู้อานวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคดิ เห็นของผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวดั มะลิ

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 15 รหสั วชิ า 13101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 สรา้ งสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ในทอ้ งถ่ิน ภาคเรียนที่ 2 เรือ่ ง สร้างสรรค์ธงุ ใยแมงมมุ 4 ทศิ หรรษา จานวน 1 คาบ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 1 ชวั่ โมง สอนเม่อื วนั ท…่ี ….…เดือน……………………พทุ ธศกั ราช………….. ครูผู้สอน วภิ าพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.2 เข฾าใจความสัมพนั ธ์ระหวา฽ งทัศนศลิ ป฼ ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ คา฽ งานทศั นศิลปท฼ เ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ฾ งถิ่น ภูมปิ ัญญาไทย และสากล 2. ตวั ช้ีวัด ศ 1.2 ป.3/1 เล฽าถึงท่ีมาของงานทัศนศิลปใ฼ นทอ฾ งถ่ิน ศ 1.2 ป.3/2 อธิบายเกยี่ วกับวัสดุอปุ กรณ์และวธิ ีการสร฾างงานทศั นศลิ ป฼ในทอ฾ งถนิ่ 3. สาระสาคญั เพ่ือให฾สามารถอธิบายที่มาของการสร฾างธุงหรือตุง ซ่ึงเป็นงานทัศนศิลป฼ในท฾องถ่ินมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว เพราะถูกสร฾างสรรค์โดยศลิ ปนิ หรือผู฾คนในท฾องถ่นิ เอง อีกทัง้ มกี ารสรา฾ งสรรค์ โดยอาศยั ความเช่ือ ทางศาสนาหรือความเชือ่ สว฽ นบคุ คลเข฾ามาถ฽ายทอดลงบนผลงานธุง รวมถึงการสร฾างธุงเพื่อใช฾ประกอบพิธี ตา฽ งๆ ท้งั ทางด฾านศาสนาหรอื เพือ่ ความเปน็ ศริ มิ งคล เป็นต฾น เข฾าใจกระบวนการการสร฾างสรรค์งานธุง ที่มีลาดับข้ันตอน โดยต฾องอาศัยการใช฾วัสดุ อุปกรณ์ ไดแ฾ ก฽ เชอื ก ใยฝาู ย ไหมพรม และไม฾ เปน็ หลัก เพ่อื นามาประกอบเข฾าด฾วยกันตามกระบวนการการสร฾างธุง จนเกดิ เปน็ ธุงใยแมงมุมทม่ี ลี ักษณะ 4 ทศิ อีกทั้งรู฾จักนาเชือก ใยฝูาย หรือไหมพรม ที่มีสีหลากสีมาต฽อเติม ประกอบเข฾าดว฾ ยกนั ทาให฾ธุงใยแมงมุมสลับสแี ละมีสีสนั ท่ีสวยงามตามความต฾องการของผู฾สร฾างสรรค์ ซึ่งธุง เป็นงานทัศนศิลป฼ในท฾องถิ่น ที่สามารถประยุกต์สร฾างสรรค์จนเกิดความงามตามรูปแบบของตนเอง ตน ซงึ่ เป็นผลงานท่ีมคี ณุ ค฽าต฽อคนไทยมาตงั้ แต฽อดตี จนถึงปจั จบุ นั

4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - เพ่อื ใหน฾ ักเรยี นสามารถอธบิ ายทม่ี าของการสร฾างธงุ ได฾ 4.2 ด้านทกั ษะ (P) - เพอ่ื ให฾นักเรยี นสามารถสร฾างธงุ ใยแมงมมุ 4 ทศิ ได฾ 4.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เขา฾ ชนั้ เรียน, มคี วามรบั ผิดชอบตอ฽ งานท่ีได฾รับมอบหมาย) 2) ม฽ุงมน่ั ในการทางาน (เอาใจใสต฽ อ฽ การปฏิบตั ิหน฾าทที่ ีไ่ ดร฾ ับมอบหมาย, พยายาม แกป฾ ัญหาและอปุ สรรคในการทางานให฾สาเรจ็ ) 3) รกั ความเปน็ ไทย (ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย) 5. สาระการเรียนรู้ การใช฾วัสดุ อุปกรณ์สร฾างธุงใยแมงมุม 4 ทิศ เป็นผลงานที่มีคุณค฽าต฽อคนไทยมาตั้งแต฽อดีตจนถึง ปจั จุบัน 6. สมรรถนะท่ีสาคญั 6.1 ความสามารถในการคิดอย฽างสร฾างสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเ฾ หตุผลในการคดิ ดว฾ ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแก฾ปัญหาเฉพาะหนา฾ ไดด฾ ฾วยตนเอง 7. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มีวินัย 7.2 ใฝเุ รียนรู฾ 7.3 มุ฽งมั่นในการทางาน 7.4 มจี ิตสาธารณะ 8. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้นั นา (5 นาที) 8.1 ครกู ล฽าวทกั ทายนักเรียน 8.2 ครูอธิบายสงิ่ ท่ตี อ฾ งเรียนในสัปดาหน์ ้ใี ห฾นกั เรยี นทราบ “สรา฾ งสรรคธ์ งุ ใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา”

8.3 ครูสอบถามนักเรียน “หากนักเรียนไปงานนมัสการองค์พระธาตุหรืองานศิริมงคลต฽างๆ นกั เรียนจะเห็นทศั นศิลป฼อะไรปรากฏอยใู฽ นเทศงานเหลา฽ นัน้ ” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให฾อย฽ู ในดุลยพินิจของครูผู฾สอน) เพ่ือกระตุ฾นให฾ผ฾ูเรียนร฾ูจักคิดและเป็นการเชื่อโยงเข฾าสู฽บทเรียนเกี่ยวกับความรู฾ เบือ้ งตน฾ เกี่ยวกบั ลกั ษณะของธุง ข้นั สอน (50 นาที) 8.4 ครอู ธิบายท่มี าของธุงใหน฾ กั เรยี นฟัง “ธงุ ” มาจากคาว฽า “ธง” ของภาคกลาง ส฽วนคาว฽า “ตุง” เปน็ ภาษาถ่ินของภาคเหนือ มาจาก คาวา฽ “ธง” ของภาคกลาง เชน฽ กัน ธงุ เปน็ งานทัศนศิลปท฼ ่ีใช฾ในการประดบั หรือใช฾ในการประกอบพิธีกรรมต฽างๆ เป็นสิ่งหน่ึงท่ีมี ส฽วนรว฽ มอยใู฽ นประเพณีเก่ียวกับความเช่ือที่ทาขึ้นเพ่ือถวายเป็นพุทธบูชา ใช฾ในงานพิธีทางศาสนา หรือใน งานมงคลและอวมงคล โดยจะมีขนาดรูปทรงและรายละเอียดแตกต฽างกันไป รวมถึงความเชื่อ พิธีกรรม ตลอดจนความนิยมในแตล฽ ะท฾องถน่ิ ด฾วย  วตั ถุประสงค์ในการสรา฾ งธงุ 1. เพ่อื ให฾เป็นสญั ลกั ษณ์ เช฽น สร฾างเป็นเคร่อื งหมายพวกหรอื เผา฽ ตา฽ งๆ 2. เพ่ือใช฾เปน็ เครื่องพิธีบชู า เซน฽ บวงสรวง หากไม฽มชี อ฽ ธุงจะทาใหพ฾ ิธีเสียหรอื ไมส฽ มบูรณ์ 3. เพื่อเป็นศกั ดศิ์ รแี กเ฽ ทพเจา฾ เชน฽ พระอินทร์ พระนารายณ์ มีช฽อธงเป็นเคร่อื งหมาย เช฽น พระอนิ ทรม์ ีธงสีเขยี ว เปน็ ต฾น 3. เพ่อื เป็นเกียรตแิ ก฽บุคคล เช฽น เหลา฽ กองทหารตา฽ งมีธงชยั เฉลิมพลอนั เปน็ เครอ่ื งหมาย แหง฽ เกยี รติยศของกองทหาร ธุงใยแมงมุม เป็นเคร่ืองประกอบพิธีกรรมสาคัญของชาวอีสานมาอย฽างยาวนาน เช่ือกันว฽า สามารถใช฾ปูองกันสิ่งนิสัยไม฽ดีร฾ายหรือส่ิงไม฽ดีที่มองไม฽เห็นหรือภูตผีวิญญาณที่จะมารบกวนงานบุญ หาก ภูตผีวิญญาณเห็นธุงแล฾วจะกลัวและจะถอยออกไป อีกท้ังยังเป็นการบอกกล฽าวบวงสรวงเทพยดาในพ้ืนที่ ว฽ามกี ารทาบุญและมีพิธีการสาคัญ เพ่ือให฾เทพยดามาช฽วยปกปูองคุ฾มครอง ธุงใยแมงมุม มีลักษณะสาคัญ คือ ทาดว฾ ยเส฾นด฾ายหรอื เสน฾ ไหมผูกคลา฾ ยใยแมงมมุ โดยใชเ฾ ส฾นด฾ายหรือเสน฾ ไหมหลากหลายสีสันมัดกับไม฾ไผ฽ เหลาแล฾วมดั มว฾ นจนเป็นวงรอบคล฾ายใยแมงมมุ ที่โยงไปโยงมา มีทัง้ แบบส่ีดา฾ นหรอื หกด฾าน

ทีม่ า : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 ครแู จกใบความรู฾ขนั้ ตอนการสร฾างสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศ และสาธิตข้ันตอนการสร฾างสรรค์ ธุง 4 ทิศ ให฾นักเรยี นดูพรอ฾ มอธบิ ายข้ันตอนการสรา฾ งสรรค์  วัสดุ อุปกรณ์ - ไมต฾ ะเกียบ 2 อัน - ไหมพรม - กรรไกร  ขั้นตอนการการสรา฾ งสรรค์ธุงใยแมงมมุ 4 ทิศ ขน้ั ที่ ขนั้ ตอนการสร้างสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศ 1 ขึ้นโครงดว฾ ยไม฾ตะเกยี บ โดยนาไม฾ ตะเกียบวางชิดกัน จากนั้นพัน ไหมพรมให฾อยู฽ก่ึงกลางของไม฾ ตะเกยี บ 3-4 รอบ แลว฾ มดั 2 แยกไม฾ตะเกียบออกจากกันเป็น เครือ่ งหมายกากบาท (x) 3 พั น ไ หม พ ร ม ตัด กับแ น ว เดิ ม จนมีความหนาเท฽ากันและแน฽น โ ด ย ว น ไ ห ม พ ร ม จ า ก ล฽ า ง แ ล฾ ว หมนุ รอบไมข฾ นึ้ ขา฾ งบน

4 พันเส฾นไหมพรมรอบไม฾แต฽ละ ด฾าน โดยวนเส฾นไหมพรมจากล฽าง แล฾วหมุนรอบไม฾ วนไหมพรมข้ึน ขา฾ งบน วนไหมพรมลงดา฾ นล฽างและวน เส฾นไหมข้นึ ข฾างบนอีกครง้ั 5 ทาซ้าแบบเดิมกับไม฾ถัดๆ ไป จนมีความหนาตามต฾องการ 6 ต฽อไหมพ รมเพ่ือเปลี่ยน สี ให฾มัดไหมพรมเปน็ เง่อื นพิรอด จากน้ันตัดเศษไหมพรมสีเก฽า ตรงปมเสน฾ ไหมทง้ั 2 เสน฾ ออก 7 พั น ว น ร อ บ ไ ม฾ ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ ทมี่ าภาพ : ทาเหมือนข฾อ 4 สามารถเปล่ียน สีไหมพรม และพันวนรอบไม฾ https://www.facebook.com/ ไ ป เ รื่ อ ย ๆ จ น เ กื อ บ สุ ด ความยาวไม฾ ThaiPBSFan/photos

8 เมือ่ สุดความยาวไม฾ ให฾ทาบ฽วง แ บ บ เ งื่ อ น ต ะ ก รุ ด เ บ็ ด คล฾องเขา฾ ไม฾แล฾วดึงให฾ตึง โดยดงึ ไหมพรมให฾อยู฽ด฾านหลัง ของธงุ ทาซา้ 2 รอบ ที่มาภาพ : https://miro.medium.com/max/ 1394/1* ภาพสมบูรณ์ : การสรา้ งสรรคธ์ งุ ใยแมงมมุ 4 ทิศ รูปแบบภาชนะแตกร้ าว ทม่ี า : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 ครใู ห฾กิจกรรมใบงานที่ 4.5 เรื่อง สร฾างสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา ตอนท่ี 1 ให฾นักเรียน อธิบายท่ีมาของการสรา฾ งธงุ และวสั ดุอุปกรณ์ที่ใช฾ในการสร฾างงาน ตอนท่ี 2 ให฾นักเรียนสร฾างสรรค์ธุงใยแมง มมุ 4 ทิศ โดยครจู ดั เตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ไว฾ให฾ หรอื ใช฾วสั ดุ อุปกรณท์ ่ีนกั เรียนจดั เตรียมมาโดยครูสั่งล฽วงหน฾า จากคาบทแ่ี ล฾ว 8.6 ครูเปิดโอกาสให฾นักเรียนซักถามข฾อสงสัย จากนั้นลงมือปฏิบัติกิจกรรมและครูคอยเดินดู ใหค฾ าแนะนา ขั้นสรปุ (5 นาที) 8.7 ครูส฽ุมให฾นักเรียนออกมานาผลงานหน฾าช้ันเรียน และแลกเปล่ียนความคิดเห็น พร฾อมบอก ปญั หาท่พี บขณะปฏบิ ัตงิ าน

8.8 ครูและนักเรียนร฽วมกันสรุปเนื้อหา เร่ือง ที่มาของการสร฾างธุง ร฽วมกันกัน “ธุงสร฾างขึ้นตาม ความเช่ือเพอ่ื ใช฾ประกอบพิธีกรรมต฽างๆ ท้ังด฾านทางพุทธศาสนาหรืองานมงคล อุปกรณ์ท่ีใช฾ในการสร฾างธุง โดยหลกั ๆ คือ ไม฾ ดา฾ นและไหมพรม เป็นต฾น” จากน้นั ให฾นกั เรียนเกบ็ อปุ กรณ์ใหเ฾ รียบรอ฾ ย 9. การวัดและประเมินผล 9.1 สร฾างสรรค์ธุงใยแมงมมุ 4 ทศิ หรรษา (10 คะแนน) ประเด็นการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 1 0 -นั ก เ รี ย น -ไม฽ ดา้ นความรู้ - - -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น อธบิ ายท่ีมาของ อธิบาย ก า ร ส ร฾ า ง ธุ ง ไ ด฾ -ไม฽มา (K) สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย ผิดถูกบ฾างและ เรยี น -เพื่อให฾นักเรียน ที่ ม า ข อ ง ก า ร ท่ี ม า ข อ ง ก า ร ไ ม฽ เ ช่ื อ ม โ ย ง สามารถอธิบาย ส ร฾ า ง ธุ ง ไ ด฾ ส ร฾ า ง ธุ ง ไ ด฾ ขอ฾ มลู เน้อื หา -ไม฽ส฽ง ที่ ม า ข อ ง ก า ร ถู ก ต฾ อ ง ถูกต฾อง แต฽ไม฽ งาน สรา฾ งธงุ ได฾ เชื่อมโยงข฾อมูล ส า ม า ร ถ -นั ก เ รี ย น -ไมม฽ า สร฾างธุงใยแมง เรยี น เน้ือหาครบถ฾วน เชื่อมโยงข฾อมูล มมุ 4 ทิศมีโครง ข อ ง ธุ ง ไ ม฽ ต ร ง ป ร ะ เ ด็ น เนื้อหาได฾ สม่าเสมอกัน -สี สั น ข อ ง ธุ ง คาถาม สวยงาม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม฽ ดา้ นทักษะ -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น เ รี ย ง ชิ ด ติ ด กั น ไมส฽ มา่ เสมอกัน (P) สามารถสร฾างธุง สามารถสร฾างธุง สามารถสร฾างธุง สร฾างธุงใยแมง -มีเศษไหมพรม กระจายออก -เพ่ือให฾นักเรียน ใยแมงมุม 4 ทิศ ใยแมงมุม 4 ทิศ ใยแมงมุม 4 ทิศ มุม 4 ทิศมีโครง จ า ก กั น จานวนมาก สามารถสร฾างธุง มีโ ค ร ง ของ ธุง มีโครง ของธุง มีโ ค ร ง ของ ธุง ข อ ง ธุ ง ไ ม฽ -เห็นปลายไหม พรมตรงข฾อต฽อ ใยแมงมุม 4 ทิศ สม่าเสมอกันท้ัง สม่าเสมอกันทั้ง สม่าเสมอกันทั้ง สม่าเสมอกนั อ ยู฽ ด฾ า น ห น฾ า ของธุงชัดเจน ได฾ 4 ดา฾ น 4 ดา฾ น 4 ด฾าน -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง สวยงาม สวยงาม สวยงาม สวยงาม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม฽ -ไหมพรมเรียง -ไ ห ม พ ร ม ไ ม฽ -ไ ห ม พ ร ม ไ ม฽ เรียงชิดติดกัน ชิ ด ติ ด กั น เรียงชิดติดกัน เรียงชดิ ตดิ กันไม฽ ไมส฽ มา่ เสมอกนั สม่าเสมอกัน ไม฽สม่าเสมอกนั สมา่ เสมอกนั -มีเศษไหมพรม -ไม฽ มีเ ศ ษ ไ ห ม -ไม฽มีเศ ษ ไห ม -มีเศษไหมพรม ก ร ะ จ า ย อ อ ก พรมไม฽กระจาย พรมไม฽กระจาย ก ร ะ จ า ย อ อ ก จ า ก กั น อ อ ก จ า ก กั น อ อ ก จ า ก กั น จ า ก กั น ปานกลาง -ไม฽เ ห็ นป ล า ย -ไม฽เห็ นปล าย เลก็ นอ฾ ย -เห็นปลายไหม ไหมพรมตรงข฾อ ไหมพรมตรงข฾อ -ไม฽เ ห็ นป ล า ย พรมตรงข฾อต฽อ ต฽ออย฽ูด฾านหน฾า ต฽ออย฽ูด฾านหน฾า ไหมพรมตรงข฾อ อ ยู฽ ด฾ า น ห น฾ า ของธงุ ของธุง ต฽ อ ด฾ า น ห น฾ า ของธงุ เลก็ นอ฾ ย

-ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง ของธุง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง -ธงุ ไม฽แขง็ แรง ไ ม฽ เ อี ย ง ไ ม฽ เ อี ย ง -รูปแบบผลงาน ไมบ฽ ิดเบ้ียว ไ ม฽ เ อี ย ง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง ไม฽บดิ เบ้ยี ว สะอาด -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน เรยี บรอ฾ ย สะอาด ไม฽บิดเบี้ยว ไ ม฽ เ อี ย ง สะอาด เ รี ย บ ร฾ อ ย เรียบร฾อย -เ ข฾ า ช้ั น เ รี ย น สมบรู ณ์ -รูปแบบผลงาน ไม฽บิดเบ้ยี ว แ ต฽ ไ ม฽ มี ค ว า ม -เ ข฾ า ช้ั น เ รี ย น ม฽ุ ง ม่ั น ใ น ก า ร - ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน แ ล ะ มี ค ว า ม ทางาน มุ฽ ง มั่ น ใ น ก า ร -ไ ม฽ เ ห็ น คุ ณ ค฽ า เ รี ย บ ร฾ อ ย ส ะ อ า ด ทางาน ของศลิ ปะไทย -เห็นคุณค฽าของ สมบรู ณ์ เ รี ย บ ร฾ อ ย ศลิ ปะไทย สมบรู ณ์ ดา้ นจิตพิสัย -- ไมเ฽ ข฾า (A) ชน้ั -มวี นิ ยั เรียน -มุ฽งม่นั ในการ ทางาน -รักความเปน็ ไทย เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7 - 8 ปานกลาง 5 – 6 น฾อย 10. สอื่ อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ - กรรไกร สอื่ การเรยี นรู้ 1. ภาพธุงใยแมงมุม 4 ทศิ 2. ข้ันตอนการสร฾างสรรคธ์ งุ ใยแมงมมุ 4 ทิศ อุปกรณ์ - ใบงาน - ไมไ฾ อศกรมี - ไหมพรม แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทศั นศลิ ป฼ กลุม฽ สาระการเรียนร฾ศู ลิ ปะ ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 2. เว็บ Pinterest

ใบงาน 4.5 เร่ือง สร้างสรรค์ธงุ ใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา ตอนที่ 1 คาช้แี จง : ให฾นักเรยี นตอบคาถามดังนี้ 1. อธิบายทมี่ าของการสรา฾ งธุง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วัสดุ อุปกรณ์ ท่ีสามารถนามาสร฾างสรรคธ์ ุงได฾ มอี ะไรบา฾ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนที่ 2 กจิ กรรมปฏิบตั ิ ชอ่ื ………………………………………………………………………………….เลขท่ี…………………….ช้นั ……………………

หนา฾ 1 ใบความรู้ ข้นั ท่ี ขัน้ ตอนการสร้างสรรคธ์ ุงใยแมงมุม 4 ทศิ 1 ข้นึ โครงดว฾ ยไมต฾ ะเกียบ โดยนาไม฾ ตะเกียบวางชิดกัน จากนั้นพัน ไหมพรมให฾อยู฽กึ่งกลางของไม฾ ตะเกยี บ 3-4 รอบ แล฾วมดั 2 แยกไม฾ตะเกียบออกจากกันเป็น เครื่องหมายกากบาท (x) 3 พั น ไ หม พ ร ม ตัด กับแ น ว เดิ ม จนมีความหนาเท฽ากันและแน฽น โดยวนด฾ายจากล฽างแล฾วหมุดรอบ ไมข฾ ้ึนขา฾ งบน 4 พันไหมพรมรอบไม฾แต฽ละด฾าน โ ด ย ว น เ ส฾ น ไ ห ม จ า ก ล฽ า ง แล฾วหมุนรอบไม฾ วนไหมพรมขึ้น ขา฾ งบน วนไหมพรมลงดา฾ นล฽างและวน ไหมพรมขนึ้ ข฾างบนอกี คร้งั 5 ทาซ้าแบบเดิมกับไม฾ถัดๆ ไป จนมคี วามหนาตามตอ฾ งการ

หนา฾ 2 6 ต฽อไหมพ รมเพื่อเปล่ียน สี ใหม฾ ัดไหมพรมเป็นเงื่อนพิรอด จากน้ันตัดเศษไหมพรมสีเก฽า ตรงปมเสน฾ ไหมท้ัง 2 เส฾นออก 7 พั น ว น ร อ บ ไ ม฾ ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ ทมี่ าภาพ : ทาเหมือนข฾อ 4 สามารถเปล่ียน สีไหมพรม และพันวนรอบไม฾ https://www.facebook.com/ ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ จ น เ กื อ บ สุ ด ความยาวไม฾ ThaiPBSFan/photos 8 เม่อื สุดความยาวไม฾ ให฾ทาบ฽วง ทม่ี าภาพ : https://miro.medium.com/max/ 1394/1* แ บ บ เ งื่ อ น ต ะ ก รุ ด เ บ็ ด คลอ฾ งเข฾าไม฾แลว฾ ดงึ ใหต฾ งึ โดยดงึ ไหมพรมให฾อย฽ูด฾านหลัง ของธงุ ทาซ้า 2 รอบ ภาพสมบูรณ์ : การสรา้ งสรรคธ์ ุงใยแมงมุม 4 ทิศ รูปแบบภาชนะแตกร้ าว ทีม่ า : วภิ าพร ทิพราช

สอ่ื เพมิ่ เตมิ ท่มี า : วิภาพร ทิพราช

แบบประเมินใบงาน เครือ่ งมือ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่………….เรือ่ ง…………………………………………………………………ชั้น………………….. คาชแ้ี จง : ให฾ครูผู฾สอนประเมนิ ใบงานของนักเรยี นแล฾วใหท฾ าเครือ่ งหมาย  ลงในชอ฽ งท่ตี รงกับ ระดับคะแนน เพอ่ื ให้ ลาดับ ลาดับท่ี นักเรยี น เพ่อื ใหน้ กั เรียน ความ รวม ที่ ชอ่ื – สกุล สามารถ สามารถสรา้ งธุงใยแมง มุ่งมน่ั ใน 10 อธบิ ายท่ีมา คะแนน 1 ด.ช. มงคลชยั วทั โล ของการ มมุ 4 ทศิ ได้ การ 2 ด.ญ. พรรตั นะ ขาประดิษฐ ทางาน 3 ด.ญ. กาญเกลา฾ มูลปะหัส 4 ด.ญ. ปณุ ยาพร อภธิ รรม สรา้ งธงุ ได้ 5 ด.ช. วุฒชิ ัย สขุ ประสงค์ 6 ด.ช. วีระศกั ดิ์ ฉตั รทอง 3210543210210 7 ด.ช. จิรายุ วงศ์แก฽นทอง 8 ด.ช. นฤรงค์ ปรกี มล 9 ด.ญ. อภัชญา บุง฾ ทอง 10 ด.ญ. เกศรินทร์ เช้อื ลน้ิ ฟาู 11 ด.ญ. อญั มรี ผาสุข 12 ด.ญ. วราลกั ษณ์ ทาลา 13 ด.ญ. เป่ีนมรกั หาญประโคน 14 ด.ช. ชัยปกรณ์ กรานแก฾ว 15 ด.ช. ณัฐธดิ า จันทรักษา 16 ด.ญ. สุภาพร นิจศรวี งษ์ 17 ด.ช. กายสทิ ธ์ สงวนประเสริฐ 18 ด.ญ. ทกั ษอร โคจร 19 ด.ญ. ปลายฟูา มานก 20 ด.ญ. ธัญญานันท์ จันทรประภาพ 21 ด.ญ. ณชั ชา เจรญิ ยง่ิ 22 ด.ญ. ชญานนท์ ไชยวงค์ 23 ด.ช. จติ ราคุปต์ ยนิ ดีรมณ์

24 ด.ญ. พรหมพร เรอื งตระกูล 25 ด.ช. ทินภทั ร ดแี ก฾ว ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................./...............

บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………..ครผู ู้สอน (นางสาววิภาพร ทพิ ราช) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ความคดิ เหน็ ของครูพี่เล้ียง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ครูพ่ีเลีย้ ง (นายพนั ศกั ด์ิ เสง็ สวุ รรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพิเศษ ความคิดเห็นของรองผ้อู านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผ้ตู รวจ (นางทิพมาศ ดวงจันทราศิริ) รองผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั มะลิ



แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 รหัสวิชา 14101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ สาระ ทัศนศิลป์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 นา้ หนกั ออ่ น-แก่ ภาคเรยี นที่ 2 เรือ่ ง ไล่นา้ หนกั สเี พอื่ จดั ระยะภาพ จานวน 1 คาบ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 1 ชัว่ โมง สอนเมอื่ วันท…ี่ …….เดอื น………………..พุทธศกั ราช…………… ครูผูส้ อน วิภาพร ทพิ ราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สร฾างสรรค์งานทัศนศิลป฼ตามจินตนาการ และความคิดสร฾างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค฽างานทัศนศิลป฼ ถ฽ายทอดความร฾ูสึก ความคิดต฽องานศิลปะอย฽าง อิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช฾ในชีวิตประจาวนั 2. ตัวชีว้ ดั ศ 1.1 ป.4/6 บรรยายลักษณะของภาพโดยเน฾นเรื่องการจัดระยะ ความลกึ น้าหนกั และ แสงเงาในภาพ 3. สาระสาคัญ เพื่อให฾เข฾าใจและสามารถอธิบายเก่ียวกับการจัดระภาพด฾วยการสร฾างน้าหนักสีลงใน กระดาษพ้ืนระนาบจาก ภาพ 2 มิติ ให฾เป็นภาพ 3 มิติแสดงระยะใกล฾-ไกล ด฾วยการลงน้าหนักสี ความอ฽อน-แก฽ ของภาพไดถ฾ กู ตอ฾ งตามหลกั การจดั ระยะภาพและการลงนา้ หนักสี น้าหนัก แสง-เงา ที่ปรากฏในงานทัศนศิลป฼และในสิ่งแวดล฾อมมีลักษณะที่แตกต฽างกัน น้าหนัก แสง-เงา ท่ปี รากฏในสิ่งแวดล฾อมเกิดจากแสงธรรมชาตหิ รอื แสงไฟท่พี บเจอไดท฾ ั่วไปเมื่อตก กระทบลงวตั ถจุ ะให฾คา฽ น้าหนักตา฽ งๆ คณุ ค฽าของแสงและเงา น้าหนกั อ฽อน-แก฽ หากนาไปสร฾างสรรค์ งานทศั นศลิ ปบ฼ นพนื้ ผวิ ระนาบเดียวกนั เมื่อใช฾น้าหนักที่ต฽างกันของสีและแสงเงาจะทาให฾เกิดเป็น รูปลักษณะตา฽ งๆ บนระนาบนัน้ เช฽น เห็นเป็นภาพระยะใกล฾-ไกลซ฾อนทบั กัน มีความกลมกลืนหรือ ตัดกันทาให฾เกิดภาพ 3 มติ ิ มีความเหมอื นจรงิ และงดงามสมบรู ณย์ ิง่ ขึน้ เป็นตน฾

4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - เพ่ือใหน฾ กั เรยี นสามารถบอกการจัดระยะภาพจากการไล฽ค฽าน้าหนักสีได฾ 4.2 ดา้ นทักษะ (P) - เพอ่ื ให฾นักเรียนสามารถไล฽คา฽ น้าหนกั สคี วามออ฽ น-แก฽ แสดงระยะใกล฾-ไกล ได฾ถูกตอ฾ ง 4.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เข฾าชั้นเรียน, มีความรบั ผดิ ชอบต฽องานท่ีไดร฾ บั มอบหมาย) 2) มุ฽งม่นั ในการทางาน (เอาใจใส฽ต฽อการปฏิบตั ิหนา฾ ท่ีท่ีได฾รบั มอบหมาย, พยายาม แกป฾ ญั หาและ อุปสรรคในการทางานใหส฾ าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การไล฽ค฽าน้าหนกั สคี วามอ฽อน-แก฽ แสดงระยะใกล฾ไกลของภาพ 6. สมรรถนะทีส่ าคญั 6.1 ความสามารถในการคดิ อย฽างสร฾างสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใช฾เหตผุ ลในการคดิ และแก฾ปญั หาดว฾ ยตนเอง 7. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มวี ินยั 7.2 ใฝุเรียนรู฾ 7.3 ม฽ุงมน่ั ในการทางาน 7.4 มจี ติ สาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขนั้ นา (5 นาที) 8.1 ครูกล฽าวทักทายนกั เรียน 8.2 ครอู ธิบายสิง่ ท่ีตอ฾ งเรยี นในสัปดาหน์ ้ใี ห฾นักเรียนทราบ “ไล฽น้าหนกั สีเพือ่ จัดระยะภาพ” 8.3 ครูสอบถามทบทวนความรู฾ “การไล฽ค฽าน้าหนักสีความอ฽อน-แก฽ สามารถทาให฾ภาพเกิด ระยะใกล฾-ไกลได฾หรือไม฽” เพ่ือกระต฾ุนให฾ผ฾ูเรียนร฾ูจักคิดและเป็นการเช่ือโยงเข฾าสู฽บทเรียนเกี่ยวกับไล฽ น้าหนกั สีเพ่อื จดั ระยะภาพ

ขนั้ สอน (50 นาที) 8.4 ครูอธิบายพร฾อมยกตัวอยา฽ งภาพใหน฾ กั เรยี นดู - นา้ หนกั ออ฽ น-แก฽ ในสงิ่ แวดลอ฾ ม หมายถงึ จานวนความเข฾มความอ฽อนของสีต฽างๆ หาก วตั ถุ สว฽ นที่ถกู แสงสว฽างมากจะเป็นสีออ฽ นหรอื ใส สว฽ นทถ่ี ูกแสงน฾อยหรือเป็นเงากจ็ ะมีสีเข฾มหรอื มืด - น้าหนกั อ฽อน-แก฽ เมือ่ นาไปสร฾างงานทศั นศลิ ป฼ ทาให฾ภาพดูมีมิติและเหมือนจริงมากขึ้น เกิดจากการไล฽ค฽าน้าหนักความอ฽อน-ความแก฽ของสี จนเกิดเป็นรูปลักษณะต฽างๆ บนระนาบนั้น เช฽น เห็นเป็นภาพระยะใกล฾-ไกล ซอ฾ นทบั กัน มีความเหมือนจรงิ และงดงามสมบรู ณย์ งิ่ ขึ้น เป็นตน฾ ที่มา : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 เปิดคลปิ วิดโี อการไลค฽ ฽าน้าหนกั สเี บื้องต฾นให฾นักเรียนดแู ละอธบิ าย การไล฽ค฽านา้ หนักเปน็ การไล฽ระดบั ความเขม฾ ท่แี ตกตา฽ งกนั ของสหี รือค฽าความอ฽อนแก฽ของสี ไล฽ระดบั กันไป เชน฽ ดา – เทาเขม฾ – เทากลาง – เทาอ฽อน – ขาว ท่มี าคลิปที่ 1 : https://www.youtube.com/watch?v=DxSCIgspZGs ทม่ี าคลิปที่ 2 : https://www.youtube.com/watch?v=afsAgvPVJOk

8.6 ครูใหน฾ ักเรยี นทากจิ กรรมใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง น้าหนกั สเี พ่อื จัดระยะภาพ 8.7 ครูเปิดโอกาสให฾นักเรียนซักถามข฾อสงสัย จากนั้นนักเรียนลงมือปฏิบัติครูคอยเดินดูและให฾ คาแนะนา ขัน้ สรปุ (5 นาที) ครูส฽ุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหน฾าชั้นเรียนพร฾อมบอกปัญหาและอุปสรรค์ในการทางาน พรอ฾ มบอกวธิ แี กป฾ ญั หาร฽วมกัน ครแู ละนักเรียนสรุปเน้อื หาร฽วมกัน “การไลค฽ า฽ นา้ หนักความออ฽ น-เข฾ม สามารถทาให฾ภาพท่ีระนาบ อย฽ูกับพ้ืนมีมติ ิแสดงระยะใกล฾-ไกล” จากน้ันใหน฾ ักเรียนเกบ็ อุปกรณ์ใหเ฾ รยี บรอ฾ ย 3. การวดั และประเมินผล 9.1 ไลน฽ ้าหนักสีเพอ่ื จดั ระยะภาพ (5 คะแนน) ประเด็นการประเมนิ 2 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 0 1 ดา้ นความรู้ (K) -สามารถไล฽ค฽าน้าหนักสี -สามารถไล฽ค฽าน้าหนักสี -ไม฽สามารถไล฽ค฽าน้าหนัก -เพื่อให฾นกั เรียนสามารถ ความเข฾ม-อ฽อน ได฾ เฉดสี ความเข฾ม-อ฽อน ได฾ เฉดสี สไี ด฾ บอกการจัดระยะภาพ ดา – เทาเข฾ม – เทากลาง ดา – เทาเข฾ม – เทากลาง -ไม฽มาเรียน จากการไล฽คา฽ นา้ หนกั สี – เทาอ฽อน – ขาว – เทาอ฽อน – ขาว ไม฽ ได฾ แตกตา฽ งกนั ชัดเจน แตกต฽างกนั ด้านทกั ษะ (P) -สรา฾ งสรรค์งานที่แสดง -สรา฾ งสรรค์งานที่แสดง -ไม฽สามารถสร฾างสรรค์ -เพือ่ ให฾นักเรียนสามารถ ระยะใกล-฾ ไกล โดยการไล฽ ระยะใกล-฾ ไกล โดยการไล฽ งานโดยการใช฾ค฽าน้าหนัก ไล฽ค฽าน้าหนกั สคี วาม ระดบั ความอ฽อน-ความแก฽ ระดับความออ฽ น-ความแก฽ แสง-เงาได฾ อ฽อน-แก฽ แสดง ของสีได฾ ของสไี ด฾เลก็ นอ฾ ย -ไม฽มาเรียน ระยะใกล-฾ ไกล ได฾ -ไลน฽ ้าหนักความอ฽อน- -ไล฽นา้ หนกั ความอ฽อน- ถูกตอ฾ ง ความแก฽ ได฾ถกู ตอ฾ งชัดเจน ความแก฽ ไดเ฾ ลก็ น฾อย -รูปแบบช้ินงานสะอาด -รปู แบบชนิ้ งานสะอาด สวยงามมีความสมบูรณ์ สวยงาม ด้านจติ พิสยั (A) -เขา฾ ช้ันเรียนมีมง฽ุ มน่ั ในการ -ไมส฽ ฽งงาน -มวี นิ ยั - ทางาน -มงุ฽ ม่นั ในการทางาน -สง฽ งานตามเวลาท่กี าหนด

เกณฑก์ ารประเมิน ประเมิน คะแนน ดมี าก 5 ดี 4 พอใช฾ 2-3 10. สื่อ อุปกรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ 1. ภาพการไล฽คา฽ น้าหนกั สีความออ฽ น-แก฽ อุปกรณ์ - ใบงาน - สไี ม฾ - ดนิ สอ/ยางลบ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป฼ กลุ฽มสาระการเรียนรู฾ศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 2. Youtube

ใบงาน 2.1 เร่ือง ไลน่ ้าหนกั สเี พอ่ื จดั ระยะภาพ 1. ให้นักเรยี นไลน่ า้ หนักความแก่ – ความอ่อน ของสดี าในชอ่ งทกี่ าหนดให้ 2. ใหน้ กั เรียนสร้างภาพ “ภูเขา” ที่แสดงระยะใกล้ไกล โดยไล่นา้ หนักความแก่ – ความอ่อน 4 - 6 ระดับ ชอื่ ……………………………………………………………………………….เลขท่ี…………………..ชัน้ …………………

แบบประเมินใบงาน เครอื่ งมือ หน่วยการเรียนรู้ที่………….เรื่อง……………………………………………………………………ชนั้ ……………….. คาช้แี จง : ใหค฾ รูผู฾สอนประเมินใบงานของนักเรยี นแลว฾ ใหท฾ าเครอื่ งหมาย  ลงในชอ฽ งทตี่ รงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ลาดบั ท่ี เพือ่ ให้นกั เรียน เพ่ือใหน้ กั เรียน ความม่งุ มนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกการ สามารถไล่คา่ ในการ คะแนน จดั ระยะภาพจาก น้าหนักสีความ ทางาน การไล่ค่าน้าหนักสี อ่อน-แก่ แสดง ระยะใกล้-ไกล ได้ 10 ได้ ถกู ต้อง 2 10 210 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวจิ ติ ราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนชุ แสงทวปี 3 ด.ญ. พีรดา ชาญเช่ยี ว 4 ด.ช. พชรพล สืบสาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวิรยิ ฐากลุ 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อศั วเดชานุกร 7 ด.ญ. ทิพภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทพิ านันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อคั รเดช มว฽ งทวี 10 ด.ช. สหรฐั อม่ิ สมโภชน์ 11 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษดิ ์ิดษิ ฎ์ กนั แกว฾ 13 ด.ช. ก฾องภพ กอ฾ นแก฾ว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มจี าด 15 ด.ญ. โฮซันนา มัน่ หมาย 16 ด.ช. เหรยี ญชยั เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงชอ่ื ............................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................

แบบประเมินใบงาน เครอื่ งมอื หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี………….เร่อื ง………………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาช้ีแจง : ให฾ครผู ฾ูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว฾ ให฾ทาเคร่อื งหมาย  ลงในชอ฽ งทต่ี รงกับ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ลาดับท่ี เพ่อื ใหน้ ักเรียน เพ่ือให้นักเรยี น ความมุ่งม่นั รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกการ สามารถไล่คา่ ในการ คะแนน จัดระยะภาพจาก น้าหนกั สีความ ทางาน การไลค่ ่าน้าหนกั สี อ่อน-แก่ แสดง ระยะใกล้-ไกล ได้ 10 ได้ ถูกต้อง 2 10 210 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จนั ทรเ์ จริญ 2 ด.ช. กติ ติภพ พรมสอน 3 ด.ญ. ชญั ญานชุ ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนุสรณ์ แชม฽ สนิท 5 ด.ญ. จันทร์ทมิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านิชา เรอื งกล่นั 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกุลทินวัฒน์ 8 ด.ช. ธีรภทั ร ธปู เทยี นรัตน์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แก฾วมีศรี 10 ด.ช. ภานวุ ัชร์ ศาลา 11 ด.ญ. พชี ญา แก฾วบวั ดี 12 ด.ญ. รินรดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จันทรักษา 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทิต สขุ พิศิษฐ์ 16 ด.ช. พีระพฒั น์ สันสะกดิ ลงชอ่ื ............................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. ผลการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ครูผ้สู อน (นางสาววิภาพร ทพิ ราช) นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู ความคดิ เห็นของครูพเ่ี ลยี้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………..ครูพ่เี ลย้ี ง (นายพนั ศกั ดิ์ เสง็ สุวรรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพิเศษ ความคิดเหน็ ของรองผ้อู านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ผตู้ รวจ (นางทพิ มาศ ดวงจนั ทราศิริ) รองผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคดิ เห็นของผู้อานวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………..ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5 รหสั วิชา 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระ ทศั นศลิ ป์ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 การเขยี นภาพระบายสีโปสเตอร์ ภาคเรยี นท่ี 2 เรอื่ ง วงจรสี จานวน 1 คาบ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 1 ชั่วโมง สอนเมือ่ วันท…่ี ……….เดือน……………………….พทุ ธศักราช…………. ครผู สู้ อน วิภาพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สร฾างสรรค์งานทัศนศิลป฼ตามจินตนาการ และความคิดสร฾างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค฽างานทัศนศิลป฼ ถ฽ายทอดความรู฾สึก ความคิดต฽องานศิลปะอย฽างอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ต์ใช฾ในชีวิตประจาวัน 2. ตัวชี้วัด ศ 1.1 ป. 4/5 มที กั ษะพน้ื ฐานในการใชว฾ ัสดุ อุปกรณ์สร฾างสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคญั เพอ่ื ใหเ฾ ขา฾ ใจขบวนการการผสมสจี ากแม฽สี 3 สี ได฾แก฽ สีเหลือง สีน้าเงินและสีแดง จนเกิดเป็นสี ใหมไ฽ ด฾ถกู ตอ฾ งตามขน้ั ตอนวงจรสี สามารถผสมสโี ปสเตอรจ์ ากแม฽สี 3 สี ให฾เกิดเป็นสีใหม฽ แม฽สีถูกนามาใช฾งานกันอย฽างกว฾างขวาง ในวงการศิลปะ แมส฽ ี 3 สี เมือ่ นามาผสมกนั ตามหลักเกณฑ์ จะทาให฾เกิดวงจรสี ซ่ึงมี 12 สี ซึ่งเป็นวง สธี รรมชาติเกดิ จากการผสมกันของแมส฽ ีวตั ถุธาตุ เป็นสีหลกั ทใ่ี ชง฾ านกันท่วั ไป 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) เพ่อื ให฾นกั เรียนสามรถอธบิ ายวงจรสี สีข้ันที่ 1สีขน้ั ท่ี 2 และสีขนั้ ท่ี 3 ได฾ 4.2 ดา้ นทักษะ (P) เพ่อื ใหน฾ ักเรียนสามารถผสมสจี ากแมส฽ ี 3 สี ใหเ฾ กิดวงจรสี ซง่ึ มี 12 สี 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) มวี ินัย (เข฾าชน้ั เรียน, มีความรบั ผดิ ชอบต฽องานที่ไดร฾ ับมอบหมาย)

2) มุง฽ มัน่ ในการทางาน (เอาใจใสต฽ ฽อการปฏิบัตหิ นา฾ ที่ทีไ่ ด฾รบั มอบหมาย, พยายามแกป฾ ญั หาและ อปุ สรรคในการทางานให฾สาเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ ผสมสีจากแมส฽ ี 3 สี จนเกิดเปน็ สีใหม฽ตามวงจรสี ซงึ่ มี 12 สี 6. สมรรถนะที่สาคัญ 6.1 ความสามารถในการคดิ อย฽างสร฾างสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเ฾ หตผุ ลในการคิดด฾วยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป฾ ัญหาเฉพาะหน฾าได฾ด฾วยตนเอง 7. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มวี นิ ัย 7.2 ใฝเุ รยี นร฾ู 7.3 มุง฽ มน่ั ในการทางาน 7.4 มจี ิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบซิปปา ขั้นนา (5 นาที) 8.1 ครูกล฽าวทักทายนักเรียน 8.2 ครูอธิบายสงิ่ ที่ต฾องเรียนในสัปดาห์นใ้ี ห฾นกั เรยี นทราบเกี่ยวกับวงจรสี 8.3 ครูให฾นักเรียนนั่งเปน็ กลม฽ุ โดยให฾น่ังตามกลมุ฽ เดิมเหมอื นกบั กิจกรรมในครั้งแรก มีทั้งหมด 5 กล฽ุม จานวนกลุ฽มละ 3 คน สมาชิกในกลุ฽มประกอบด฾วยนักเรียนท่ีจัดอย฽ูในกลุ฽มเก฽ง ปานกลาง และกลม฽ุ ออ฽ น 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “ในวงจรสีมี 12 สี เกิดจากการผสมกันของแม฽สีก่ีสี มีสีอะไรบ฾าง” (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ฾ ยใ฽ู นดุลยพนิ ิจของครผู ฾สู อน) เพ่ือกระต฾ุนให฾ผู฾เรียนรู฾จักคิดและ เปน็ การทบทวนความร฾ูเดิมทเี่ คยไดเ฾ รียนมา เพื่อเชอ่ื มโยงเข฾าสู฽เนือ้ หาความรู฾เก่ยี วกับการวงจรสี ขัน้ สอน (50 นาที) 8.5 ครูให฾นักเรียนหาข฾อมูลในหนังสือเรียนเก่ียวกับขั้นตอนการผสมสี ซึ่งการผสมสีนั้น แบ฽งเปน็ กี่ข้ัน

8.6 ครูให฾นักเรียนตอบคาถามเกี่ยวกับข฾อมูลที่นักเรียนหาได฾ สีขั้นท่ี 1 สีขั้นท่ี 2 และสีข้ันท่ี 3 เม่อื นารวมกันจะครบ 12 สี พอดีซงึ่ ตามกับวงจรสที มี่ ี 12 สี 8.7 จากนน้ั ครใู ห฾นกั เรียนหาข฾อมลู 12 สที ีป่ รากฏในวงจรสี เกิดจากการผสมกันทีละขั้นอย฽างไร โดยใหจ฾ ดลงในกระดาษ 8.8 สมาชกิ แต฽ละคนในกล฽ุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองให฾เพื่อนในกลุ฽มฟัง แล฾วซักถามข฾อ สงสัย จนทุกคนในกลุ฽มมคี วามรค฾ู วามเขา฾ ใจทีถ่ ูกตอ฾ งตรงกัน 8.9 ครูให฾ตัวแทนนักเรยี นแตล฽ ะกลุม฽ นาเสนอคาตอบหน฾าชน้ั เรยี นและแสดงความคิดเหน็ ร฽วมกัน 8.10 ครูแจกใบความรู฾ให฾นักเรียนพร฾อมเปิดคลิปวิดีโอข้ันตอนการผสมสีตามวงจรสีให฾ นักเรยี นดู คลิปวิดโี อขั้นตอนการผสมสี (วงจรสี) ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=AWmW6xZZkKw&t=130s - สขี ้นั ที่ 1 หรือแม฽สี ได฾แก฽ สเี หลือง สีแดง สนี า้ เงิน - สีขน้ั ท่ี 2 เกิดจากการนาแม฽สีหรอื สขี ัน้ ท่ี 1 มาผสมกนั ดงั น้ี สนี า้ เงนิ + สเี หลอื ง = สีเขยี ว, สแี ดง + สีนา้ เงิน = สมี ฽วง สีเหลือง + สแี ดง = สีสม฾ - สีขัน้ ที่ 3 เกดิ จากการนาสขี น้ั ที่ 2 มาผสมกบั แม฽สีหรือขั้นที่ 1 ดังน้ี สีเหลือง + สสี ม฾ = สีเหลืองส฾ม, สีสม฾ + สีแดง = สีส฾มแดง, สีแดง + สีม฽วง = สีม฽วง แดง, สีม฽วง + สนี า้ เงนิ = สมี ฽วงน้าเงิน,

สีข้ันท่ี 1 สีข้นั ที่ 2 สีข้นั ท่ี 3 ทมี่ า : https://cities.trueid.net/article/สีวรรณะอุ฽น-สวี รรณะสเี ยน็ -trueidintrend_85947 ขนั้ ตอนการผสมสี ที่มา : https://sites.google.com/site/punpundddd/wngcr 8.11 ครใู หน฾ กั เรยี นทากิจกรรมใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง วงจรสี โดยให฾นกั เรียนผสมสีข้ันท่ี 1 สีขั้นท่ี 2 และสขี น้ั ท่ี 3 ใหเ฾ สรจ็ สมบรู ณ์ 8.12 ครูเปิดโอกาสให฾นักเรียนซักถาม จากนั้นให฾นักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดูและให฾ คาแนะนา 8.13 ครูให฾สุ฽มนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหน฾าชั้นเรียน พร฾อมบอกปัญหาท่ีพบขณะ ปฏบิ ัติงาน 8.14 ครูให฾นักเรียนหาข฾อมูลวงจรสีสามารถทาอะไรได฾บ฾างในทางศิลปะ พร฾อมยกตัวอย฽าง ประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ฾ ยใู฽ นดุลยพินจิ ของครผู ฾สู อน) ข้นั สรุป (5 นาท)ี ครูและนกั เรยี นสรปุ เนือ้ หาเรือ่ ง “วงจรสี” ร฽วมกัน “วงจรสีมีทั้งหมด 12 สีเกิดจากการผสมกัน ของแม฽สีสีข้ันท่ี 1 สขี ้ันท่ี 2 และสีขัน้ ที่ 3” จากน้นั ให฾นกั เรียนเก็บอปุ กรณใ์ หเ฾ รียบร฾อย

9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 เรอ่ื ง วงจรสี (10 คะแนน) ประเดน็ การ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 10 ด้านความรู้ - - -นักเรียนอธิบาย -นกั เรียนอธิบาย -นั ก เ รี ย น -ไม฽ (K) วงจรสี สีขั้นที่ 1 วงจรสี สีขั้นที่ 1 อธิบายวงจรสี สามารถ -เพื่อให฾นักเรียน สีข้ันที่ 2 และสี สีข้ันท่ี 2 และสี สีขั้นที่ 1สีข้ันท่ี บอกได฾ ส า ม ร ถ อ ธิ บ า ย วงจรสี สีข้ันท่ี 1 ขั้ น ท่ี 3 ไ ด฾ ข้ั น ท่ี 3 ไ ด฾ 2 และสีข้ันที่ 3 -ไม฽มา สีขั้นท่ี 2 และสี ถูกต฾องทั้งหมด ถูกต฾อง 2 ชั้น ไ ด฾ ถู ก ต฾ อ ง 1 เรยี น ท้งั 3 ขั้น จาก 3 ขน้ั ชนั้ จาก 3 ขนั้ ข้ันที่ 3 ได฾ ด้านทกั ษะ -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -ไมส฽ ง฽ (P) จากแม฽สีขั้นท่ี 1 จากแม฽สีข้ันที่ 1 จากแม฽สีขั้นที่ 1 จากแม฽สีขั้นที่ 1 จากแมส฽ ขี ้นั ที่ 1 งาน -เพื่อให฾นักเรียน ให฾เกิดเป็นสีขั้น ให฾เกิดเป็นสีขั้น ให฾เกิดเป็นสีข้ัน ให฾เกิดเป็นสีขั้น ให฾เกิดเป็นสีขั้น -ไมม฽ า สามารถผสมสี ท่ี 2 ได฾ถูกต฾อง ที่ 2 ได฾ถูกต฾อง ที่ 2 ได฾ถูกต฾อง ท่ี 2 ได฾ถูกต฾อง ท่ี 2 ได฾ถูกต฾อง เรยี น จากแม฽สี 3 สี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี ให฾เกิด 12 สี ใหม฽ ใหม฽ ใหม฽ ใหม฽ ใหม฽ ตามวงจรสีได฾ -น า สี ขั้ น ท่ี 2 -น า สี ข้ั น ที่ 2 -น า สี ข้ั น ที่ 2 -น า สี ขั้ น ที่ 2 -น า สี ข้ั น ท่ี 2 ผสมกับข้ันท่ี 1 ผสมกับข้ันที่ 1 ผสมกับขั้นท่ี 1 ผสมกับข้ันที่ 1 ผสมกับข้ันท่ี 1 ให฾เกิดเป็นสีขั้น ให฾เกิดเป็นสีข้ัน ให฾เกิดเป็นสีขั้น ให฾เกิดเป็นสีขั้น ให฾เกิดเป็นสีขั้น ที่ 3 ได฾ถูกต฾อง ที่ 3 ได฾ถูกต฾อง ท่ี 3 ได฾ถูกต฾อง ที่ 3 ได฾ถูกต฾อง ที่ 3 ได฾ถูกต฾อง แล ะ สี มี ค ว า ม แ ต฽ สี มี ค ว า ม แ ต฽ สี มี ค ว า ม แ ต฽ สี มี ค ว า ม แ ต฽ สี มี ค ว า ม แ ต ก ต฽ า ง กั น แ ต ก ต฽ า ง กั น แ ต ก ต฽ า ง กั น แ ต ก ต฽ า ง กั น แ ต ก ต฽ า ง กั น ชัดเจนทั้ง 12 สี เพียง 10-11 สี เพียง 7-9 สีจาก เพียง 4-6 สีจาก เพียง 1-3 สี -รูปแบบผลงาน จาก 12 สี 12 สี 12 สี จาก 12 สี ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รปู แบบผลงาน เ รี ย บ ร฾ อ ย ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด สมบูรณ์ เ รี ย บ ร฾ อ ย เ รี ย บ ร฾ อ ย เรียบร฾อยแต฽ไม฽ เรียบร฾อยแต฽ไม฽ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สมบูรณ์ ด้านจิตพิสัย - - - -เ ข฾ า ช้ั น เ รี ย น -เข฾าช้ั นเรีย น ไม฽เข฾า (A) แ ล ะ มี ค ว า ม แต฽ไม฽มีค วาม ช้นั -มีวินัย มุ฽ ง มั่ น ใ น ก า ร ม฽ุง มั่ นใน กา ร เรยี น -มุ฽งมั่นในการ ทางาน ทางาน ทางาน

เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7-8 5–6 ปานกลาง น฾อย 10. ส่อื อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ สือ่ การเรียนรู้ 1. วงจรสี 2. ใบความรู฾ อปุ กรณ์ - ใบงาน - สโี ปสเตอร์/พูก฽ นั /ถาดสี/กระบอกเติมนา้ /ผ฾ากนั เปื้อน - ดินสอ/ยางลบ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป฼ กลุ฽มสาระการเรียนร฾ูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 2. เว็บ Pinteres 3. Youtube

ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง วงจรสี คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นผสมสตี ามวงจรสีใหถ้ ูกต้อง วงจรสี ชือ่ ……………………………………………..นามสกุล………………………………….เลขท…ี่ …………ชัน้ ……………

วงจรสี มีทง้ั หมด 12 สี มี 3 ขัน้ ดังน้ี สขี ้ันที่ 1 (Primary Color) แม฽สีเป็นสที ่มี ีเน้อื สแี ท฾อยใ฽ู นตวั ซ่ึงมี 3 สี ได฾แก฽ สีเหลือง สีแดงและสีน้าเงิน ซึ่งจะไม฽สามารถจะ นาสอี ื่นๆ มาผสม เพือ่ ทาให฾เกดิ สที ั้งสามขน้ึ ได฾ บางครง้ั กเ็ รียกสีขน้ั ท่ี 1 น้วี ฽า “แม฽สี” สขี ้ันที่ 2 (Secondary Color) ส่ีเกิดจากการผสมกันของสีข้ันท่ี 1 แต฽ละสีในอัตราส฽วนท่ีเท฽ากัน ทาให฾เกสีผมเพ่ิมขึ้นมาอีก 3 สามสี ไดแ฾ ก฽ สสี ม฾ สเี ขยี วและสมี ฽วง += += += สขี ั้นท่ี 3 (Tertiary Color) เป็นสีที่เกดิ จากเปน็ สีท่ีเกดิ จากผสมกนั ของสขี ้นั ที่ 1 กบั ข้ันท่ี 2 ในอตั ราส฽วนท่เี ท฽ากนั ทาให฾เกดิ สผี สมเพม่ิ ข้ึนมาอกี 6 สี ไดแ฾ ก฽ สสี ฾มเหลือง สีสม฾ แดง สีมว฽ งแดง สมี ว฽ งน้าเงิน สีน้าเงินเขยี วและสเี ขียว เหลอื ง += += += += += +=

แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมอื หน่วยการเรียนรูท้ ่ี………….เร่อื ง……………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาช้ีแจง : ใหค฾ รูผู฾สอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว฾ ใหท฾ าเคร่อื งหมาย  ลงในช฽องทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ลาดับท่ี เพือ่ ใหน้ ักเรยี น เพื่อใหน้ กั เรียน ความมุ่งมนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามรถอธบิ าย สามารถผสมสี ในการ คะแนน วงจรสี สขี ้ันท่ี 1สี จากแม่สี 3 สี ให้ ทางาน ขัน้ ท่ี 2 และสขี ้ันที่ เกิด 12 สีตาม 10 3 ได้ วงจรสีได้ 2 10 210 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวิจิตราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนุช แสงทวีป 3 ด.ญ. พรี ดา ชาญเช่ยี ว 4 ด.ช. พชรพล สืบสาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวริ ิยฐากลุ 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อศั วเดชานุกร 7 ด.ญ. ทพิ ภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทิพานันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อัครเดช มว฽ งทวี 10 ด.ช. สหรัฐ อ่มิ สมโภชน์ 11 ด.ช. รัชชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษิดด์ิ ิษฎ์ กันแกว฾ 13 ด.ช. ก฾องภพ ก฾อนแก฾ว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มีจาด 15 ด.ญ. โฮซันนา ม่ันหมาย 16 ด.ช. เหรยี ญชัย เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ (…………………..…………………………..) . ................../................../................

แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมือ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี………….เร่ือง……………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาชีแ้ จง : ให฾ครูผ฾ูสอนประเมินใบงานของนักเรียนแล฾วให฾ทาเคร่อื งหมาย  ลงในชอ฽ งทต่ี รงกับ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ลาดบั ท่ี เพื่อใหน้ ักเรียน เพอ่ื ใหน้ ักเรยี น ความมงุ่ มน่ั รวม 10 ชอ่ื – สกลุ สามรถอธิบาย สามารถผสมสี ในการ คะแนน วงจรสี สีขนั้ ท่ี 1สี จากแม่สี 3 สี ให้ ทางาน ขั้นที่ 2 และสขี น้ั ท่ี เกดิ 12 สตี าม 10 3 ได้ วงจรสีได้ 2 10 210 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จันทร์เจริญ 2 ด.ช. กติ ติภพ พรมสอน 3 ด.ญ. ชญั ญานุช ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนุสรณ์ แชม฽ สนทิ 5 ด.ญ. จันทร์ทมิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านชิ า เรืองกล่ัน 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกุลทินวฒั น์ 8 ด.ช. ธีรภทั ร ธูปเทียนรตั น์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แก฾วมีศรี 10 ด.ช. ภานุวชั ร์ ศาลา 11 ด.ญ. พชี ญา แก฾วบวั ดี 12 ด.ญ. รนิ รดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรักษา 14 ด.ช. ธนกฤต จันทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทิต สขุ พศิ ษิ ฐ์ 16 ด.ช. พรี ะพฒั น์ สันสะกิด ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................../................

บนั ทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. ผลการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ครผู ู้สอน (นางสาววิภาพร ทิพราช) นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชีพครู ความคิดเหน็ ของครูพ่ีเล้ียง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ครูพี่เล้ียง (นายพันศกั ด์ิ เสง็ สุวรรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพเิ ศษ ความคดิ เห็นของรองผอู้ านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ผูต้ รวจ (นางทพิ มาศ ดวงจันทราศิร)ิ รองผ้อู านวยการสถานศึกษาโรงเรยี นวัดมะลิ ความคดิ เหน็ ของผ้อู านวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผู้บรหิ ารสถานศึกษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผูอ้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดมะลิ

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 รหสั วชิ า 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเขียนภาพระบายสโี ปสเตอร์ ภาคเรียนท่ี 2 เร่อื ง การไล่คา่ นา้ หนักสีผสมดา จานวน 1 คาบ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 1 ชั่วโมง สอนเมื่อ วันท…ี่ ……….เดือน……………………….พทุ ธศกั ราช…………. ครผู ู้สอน วภิ าพร ทพิ ราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สร฾างสรรค์งานทัศนศิลป฼ตามจินตนาการ และความคิดสร฾างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค฽างานทัศนศิลป฼ ถ฽ายทอดความร฾ูสึก ความคิดต฽องานศิลปะอย฽างอิสระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ช฾ในชีวติ ประจาวัน 2. ตวั ชว้ี ัด ศ 1.1 ป. 4/5 มที ักษะพื้นฐานในการใช฾วสั ดุ อุปกรณ์สร฾างสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคัญ เพอื่ ใหเ฾ ขา฾ ใจขบวนการการระบายสีด฾วยค฽าน้าหนักสีผสมดา และสามารถบอกค฽าน้าหนักสีผสม ดาไดถ฾ ูกตอ฾ งตามหลกั การการไล฽สี ซงึ่ เฉดสีการผสมขาวจะมีความอ฽อน – เข฾ม แตกต฽างกัน ทาให฾เกิด เฉดสหี ลายสี สามารถผสมสี ค฽าน้าหนักสีผสมขาวและไล฽ค฽าน้าหนักผสมดามีความแตกต฽างกันชัดเจนใน แตร฽ ะดับสี ซ่ึงจะไล฽ค฽านา้ หนักจากอ฽อนไปเข฾ม เพราะคา฽ นา้ หนักสีผสมดาเป็นการเตมิ สีดาในอัตราส฽วน 20 % ลงในสแี ท฾ (Hue) จากน้นั ผสมกนั แลว฾ ใหร฾ ะบายลงในกระดาษ จากน้ันให฾เติมสีดาในอัตราส฽วน 20 % ลงในสเี ดิมอกี ครัง้ ผสมใหเ฾ ขา฾ กันจากน้ันนาไประบายลงในกระดาษเพ่ือไล฽ระดับสี สามารถเติม สีดาและระบายเช฽นน้ีไปเร่ือยๆ ได฾ โดยระดับน้าหนักความเข฾มที่เห็นความเปล่ียนแปลงได฾ชัดอยู฽ใน ระดบั 3 - 6 ระดับและจะปรากฏคา฽ น้าหนักความอ฽อน-เข฾ม 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) เพอ่ื ให฾นกั เรียนสามารถบอกค฽าน้าหนักสผี สมดาได฾

4.2 ดา้ นทกั ษะ (P) เพือ่ ให฾นักเรยี นสามารถผสมสไี ลค฽ ฽านา้ หนกั สผี สมสีดาได฾ 4.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เข฾าชนั้ เรียน, มีความรบั ผิดชอบตอ฽ งานท่ไี ด฾รบั มอบหมาย) 2) มุง฽ ม่ันในการทางาน (เอาใจใส฽ต฽อการปฏบิ ตั ิหนา฾ ทท่ี ไ่ี ดร฾ บั มอบหมาย, พยายาม แก฾ปญั หาและอปุ สรรคในการทางานใหส฾ าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การผสมสี คา฽ น้าหนักสผี สมดาจนเกดิ เปน็ เฉดสีหลายสี 6. สมรรถนะท่สี าคัญ 6.1 ความสามารถในการคิดอย฽างสรา฾ งสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใช฾เหตุผลในการคิดดว฾ ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป฾ ญั หาเฉพาะหน฾าไดด฾ ว฾ ยตนเอง 7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ัย 7.2 ใฝุเรียนร฾ู 7.3 มุง฽ ม่นั ในการทางาน 7.4 มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบซิปปา ข้นั นา (5 นาที) 8.1 ครูกลา฽ วทักทายนกั เรยี น 8.2 ครูอธิบายส่งิ ที่ตอ฾ งเรียนในสัปดาหน์ ้ีใหน฾ ักเรยี นทราบเกยี่ วกับการไล฽คา฽ นา้ หนกั สีผสมดา 8.3 ครใู หน฾ ักเรียนนั่งเปน็ กลมุ฽ โดยใหน฾ ัง่ ตามกลุม฽ เดิมเหมอื นกบั กิจกรรมในครั้งแรก มีท้ังหมด 5 กล฽ุม จานวนกลุ฽มละ 3 คน สมาชิกในกล฽ุมประกอบด฾วยนักเรียนที่จัดอยู฽ในกลุ฽มเก฽ง ปานกลาง และกลมุ฽ อ฽อน ขัน้ ที่ 1 การทบทวนความรเู้ ดมิ 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “หากนาสีดามาผสมกับสีใดสีหนึ่ง จะทาให฾สีน้ันมีลักษณะอย฽างไร” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให฾อย฽ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู ู฾สอน) เพ่ือกระตุ฾นให฾ผู฾เรียนรู฾จักคิดและ เปน็ การทบทวนความรเ฾ู ดมิ ที่เคยไดเ฾ รยี นมา เพอ่ื เชื่อมโยงเข฾าส฽ูเน้ือหาความรู฾เก่ียวกับการเขียนการไล฽ค฽า นา้ หนกั สีผสมดา

ขนั้ สอน (50 นาที) ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรูใ้ หม่ 8.5 ครูใหน฾ กั เรียนดูวงจรสีที่ไลค฽ า฽ น้าหนกั สีผสมดาแสดงเฉดสีหลายเฉดสี 8.6 ครูแจกใบความร฾แู ลว฾ ให฾นกั เรยี นอา฽ นเพ่ือทาความเข฾าใจในส฽วนของค฽าน้าหนักสีผสมดา คือ อะไร ภาพท่ี 1 : วงจรสี ไลค฽ ฽านา้ หนักสีผสมดา ทมี่ า : วภิ าพร ทิพราช ข้ันที่ 3 การศึกษาทาความเข้าใจข้อมลู /ความรู้ใหม่ และเชือ่ มโยงความรู้ใหมก่ บั ความรู้เดิม 8.7 ครใู ห฾นักเรียนตอบคาถามเม่ือนาสีดามาผสมกับสีใดสีหน่ึงสีน้ันจะเปลี่ยนค฽าสีให฾เข฾มขึ้นจาก เดมิ เน่อื งจากเป็นสที ี่เข฾มทีส่ ุด ข้นั ที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกบั กลุ่ม 8.8 จากน้นั ครใู หน฾ ักเรียนแตล฽ ะกล฽ุมทดลองใช฾สีชอรก์ โดยเลือกสีใดสีหนึ่งระบายลงในกระดาษ แลว฾ ใชส฾ ีดาทาทบั ลงไปโดยค฽อยๆ ออกแรงกดสไี ลร฽ ะดับสขี ้นึ ไป จากนัน้ ให฾นักเรยี นสงั เกตคา฽ นา้ หนักสี 8.9 สมาชิกแต฽ละคนในกลุ฽มผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองให฾เพ่ือนในกลุ฽มฟัง แล฾วซักถามข฾อ สงสัย จนทุกคนในกลุ฽มมีความรู฾ความเขา฾ ใจท่ีถูกตอ฾ งตรงกัน 8.8 ครใู ห฾ตัวแทนนกั เรยี นแต฽ละกล฽มุ นาเสนอคาตอบหนา฾ ชั้นเรยี นและแสดงความคดิ เหน็ รว฽ มกนั ขั้นท่ี 5 การสรปุ และจัดระเบียบความรู้ 8.9 ครอู ธบิ าย สดี า เปน็ สที ี่มคี วามเขม฾ ที่สดุ สแี ท฾ (Hue) คอื สีที่มีความเข฾มในตัวของมันอย฽ูแล฾ว โดยท่ยี งั ไมถ฽ กู ผสมกบั สดี าหรอื สขี าว เมอื่ นาสดี ามาผสมกบั สีแท฾จะทาให฾สแี ทเ฾ ขม฾ ข้นึ 8.10 ครูเปิดคลิปวิดีโอการไล฽ค฽าน้าหนักสีผสมดาให฾นักเรียนดูและอธิบายสีดาจะเพิ่มความสด ของสีใหเ฾ ข฾มมากกวา฽ สีหลกั

การไล่ค่านา้ หนักสีผสมดา ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=8floF4MmAGc 8.11 ครูสาธิตและอธิบายการไล฽ค฽าน้าหนักสีผสมดา ยกตัวอยา฽ งสสี ม฾ ใหน฾ ักเรยี นดู  วัสดุ อปุ กรณ์ - ถาดสี - กระบอกเติมน้า - สีโปสเตอร์แมส฽ ี 3 สี - สดี า - พ฽ูกัน - กระดาษ - เศษผา฾ - ผ฾ากันเปื้อน - เทปกาวกันนา้ การระบายสีควรระบายสีให฾ระบายไปในทิศทางเดียวกันหรือปาดซา฾ ย-ขวา ไปมา ไม฽ควรนาพ฽ูกัน จุ฽มน้าขณะระบายสีเดิมอยู฽เพราะจะทาให฾สีเพี้ยนสีสีด฽าง ไม฽ควรปวดสีตัดกันไปมาเพราะจะทาให฾สีเกิด เสน฾ ตัดกันและสีไม฽สม่าเสมอกัน  ขัน้ ตอนการไลค่ ่านา้ หนักสีผสมดา ยกตัวอยา฽ งสีส฾ม 1. ให฾นาเทปกาวกันนา้ ติดขอบรอบนอกสเ่ี หลย่ี ม 2. ผสมสีส฾ม และระบายลงในช฽องส่เี หล่ยี มช฽องที่ 1 3. เติมสีดาอตั ราส฽วน 20 % ลงในถาดสีส฾ม คนให฾เขา฾ กัน 4. นาสที ่ีผสมแล฾วมาระบายลงในชอ฽ งส่ีเหลี่ยมชอ฽ งที่ 2 5. ให฾ทาเช฽นน้ีจนครบทุกช฽อง ให฾นักเรียนสังเกตความแตกต฽างของสีในแต฽ละระดับ สีดาจะเพิ่มความสดของสีให฾ มากกว฽าสีหลัก ระดับน้าหนักความเข฾มที่เห็นความเปลี่ยนแปลงได฾ชัดอยู฽ในต้ังแต฽ 3 - 6 ระดับ ค่านา้ หนักสผี สมดา ทมี่ า : วภิ าพร ทพิ ราช

ขน้ั ท่ี 6 การปฏบิ ตั ิ และ/หรือการแสดงผลงาน 8.12 ครูให฾นักเรียนทากิจกรรมใบงานที่ 3.2 เรื่อง การไล฽ค฽าน้าหนักสีผสมดา โดยให฾นักเรียน เลอื กสีเพยี ง 1 สี จากนนั้ ผสมสี ไลค฽ า฽ น้าหนักสีผสมดาลงในชอ฽ งสเี หลี่ยมท่ีกาหนดให฾ 8.13 ครเู ปิดโอกาสให฾นักเรยี นซกั ถามขอ฾ สงสัย จากนนั้ ให฾นักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดู และให฾คาแนะนา 8.14 ครูให฾สุ฽มนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหน฾าช้ันเรียน พร฾อมบอกปัญหาที่พบขณะ ปฏิบัติงาน ขั้นที่ 7 การประยุกต์ใชค้ วามรู้ 8.15 ครูให฾นักเรียนหาข฾อมูลการไล฽ค฽าน้าหนักสีผสมดาสามารถนามาสร฾างงานทัศนศิลป฼ได฾ หรือไม฽ พร฾อมยกตัวอย฽างประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให฾อย฽ูในดุลยพินิจของ ครผู สู฾ อน) ขนั้ สรุป (5 นาท)ี 8.16 ครูและนกั เรยี นร฽วมกันสรุปเนอ้ื หาเรอ่ื ง “การไล฽ค฽าน้าหนักสีผสมดา” ร฽วมกัน “การไล฽ค฽า น้าหนักสีผสมดา เป็นการผสมสีดากับสีแท฾ (Hue) สีดาจะเพ่ิมความสดของสีให฾เข฾มมากกว฽าสีหลัก” จากนั้นใหน฾ ักเรียนเก็บอปุ กรณ์ให฾เรียบร฾อย 9. การวดั และประเมินผล 9.1 เร่อื ง การไล฽ค฽าน้าหนกั สผี สมดา (10 คะแนน ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมิน 5 4 3 2 10 ด้านความรู้ - - -นักเรียนบอก -นักเรียนบอก -นักเรียนบอก -ไม฽ (K) ค฽านา้ หนกั สผี สม คา฽ นา้ หนกั สีผสม ค฽ า น้ า ห นั ก สี สามารถ -เพื่อให฾นักเรียน ดาถูกต฾อง ทุก ดาถูกต฾อง 2 ข฾อ ผสมดาถูกต฾อง บอกได฾ สามารถบอกค฽า ขอ฾ จาก 3 ข฾อ จาก 3 ข฾อ 1 ขอ฾ จาก 3 ขอ฾ -ไม฽มา น้าหนักสีผสมดา ได฾ เรยี น ดา้ นทกั ษะ -สามารถไล฽ค฽า -สามารถไล฽ค฽า -สามารถไล฽ค฽า -สามารถไล฽ค฽า -สามารถไล฽ค฽า -ไม฽ส฽ง งาน (P) นา้ หนกั สผี สมดา นา้ หนกั สผี สมดา นา้ หนักสผี สมดา นา้ หนกั สผี สมดา น้าหนักสีผสม -ไม฽มา เรยี น -เพ่ือให฾นักเรียน เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ ดา เห็นระดับ สามารถผสมสี น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าหนักความ ไล฽ค฽าน้าหนักสี เ ข฾ ม เ ข฾ ม เ ข฾ ม เ ข฾ ม เ ข฾ ม ผสมสีดาได฾ เปล่ียนแปลงทุก เปลี่ยนแปลง 5 เปลี่ยนแปลง 4 เปลี่ยนแปลง 3 เปลี่ยนแปล ง ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก 1-2 ระดับ จาก 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดับ

-ก ร ะ ด า ษ ไ ม฽ -ก ร ะ ด า ษ ไ ม฽ -กระดาษเป็นขุย -กระดาษเปน็ ขุย -ก ร ะ ด า ษ เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ เ ล็ ก น฾ อ ย แ ต฽ เลก็ น฾อยและ เป็นขุยจานวน สีไม฽ชา้ สไี มช฽ ้า สีไมช฽ ้า สชี า้ เล็กนอ฾ ย มากและสีช้า -สีไม฽กระจายใน -สีไม฽กระจายใน -สีไม฽กระจายใน -สีกระจายลงใน มาก ช฽องระดับสอี ่ืน ช฽องระดับสีอื่น ช฽องระดบั สอี ่นื ช฽องระดับสอี ่นื -สีกระจายลง -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน ในช฽องระดับสี ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด อืน่ จานวนมาก เ รี ย บ ร฾ อ ย เ รี ย บ ร฾ อ ย เ รี ย บ ร฾ อ ย เรียบร฾อย แต฽ไม฽ -รปู แบบผลงาน สมบูรณ์ สมบูรณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สะอาด แต฽ไม฽ สมบรู ณ์ ดา้ นจติ พิสัย - - - -เ ข฾ า ช้ั น เ รี ย น -เข฾าชั้ นเรีย น ไมเ฽ ข฾า (A) ชน้ั -มวี ินัย แ ล ะ มี ค ว า ม แต฽ไม฽มีค วาม เรยี น -มง฽ุ มนั่ ในการ ทางาน ม฽ุ ง มั่ น ใ น ก า ร ม฽ุง มั่ นใน กา ร ทางาน ทางาน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมิน 9 - 10 ดี 7-8 5–6 ปานกลาง น฾อย 10. สื่อ อุปกรณ์และแหลง่ การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. วงจรสี คา฽ นา้ หนักสีผสมดา 2. ใบความรู฾ อุปกรณ์ - ใบงาน - สโี ปสเตอร์/พกู฽ ัน/ถาดสี/กระบอกเตมิ น้า/ผ฾ากันเปือ้ น - ดินสอ/ยางลบ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป฼ กลุ฽มสาระการเรียนรู฾ศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ. 2551

2. เวบ็ Pinteres 3. Youtube

ใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การไล่คา่ นา้ หนักสีผสมดา ตอนท่ี 1 คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเติมเคร่อื งหมาย  หรือ  ลงใน  ใหถ้ ูกตอ้ ง 1. การไล฽คา฽ นา้ หนักสผี สมดาให฾เติมสีดาอตั ราส฽วน 30 % 2. ระดบั น้าหนกั ความเข฾มท่เี ห็นความเปล่ยี นแปลงไดช฾ ดั อยู฽ในระดบั 3 - 6 ระดบั 3. จากภาพเปน็ การไล฽ค฽านา้ หนกั สี ผสมดา ตอนที่ 2 คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกสแี ท้ (Hue) 1 สี จากนน้ั ไล่ค่านา้ หนกั สี ผสมดา ให้มีน้าหนักความ เข้มขึน้ เห็นความเปลยี่ นแปลงทุกระดบั ช่อื ……………………………………………..นามสกลุ ………………………………….เลขท…่ี …………ชั้น……………

ลั ก ษ ณ ะ สี จ า แ น ก ไ ด฾ เ ป็ น 3 ประเภท ได฾แก฽ สีเข฾ม (Shade) สี แ ท฾ (Hue) แ ล ะ สี อ฽ อ น (Tint) ยกตวั อยา฽ งสีสม฾ ดงั นี้ 1. สเี ขม้ (Shade) ไดแ฾ ก฽ สีท่ีผสมกบั สีดาหรอื สที เี่ ข฾ม กวา฽ สีแท฾ สีดาจะเพิ่มน้าหนกั ของสีที่ถูกผสมใหเ฾ ข฾มข้ึน 2. สีแท้ (Hue) ไดแ฾ ก฽ สีที่มคี วามเข฾ม ซ่ึงเปน็ คุณสมบตั ิ แท฾ๆ โดยตวั ของมันเอง ไม฽ถูกผสมดว฾ ยสีดาหรือขาว 3. สีอ่อน (Tint) ไดแ฾ ก฽ สที ผ่ี สมกับสขี าวเพ่อื ลดความเขม฾ ของสี ทาใหน฾ า้ หนกั ของสีแท฾ทถี่ ูกผสมอ฽อนลง

แบบประเมินใบงาน เคร่ืองมือ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี………….เรอ่ื ง……………………………………………………………………ชนั้ ……………….. คาช้ีแจง : ให฾ครูผ฾ูสอนประเมนิ ใบงานของนักเรียนแลว฾ ใหท฾ าเครอ่ื งหมาย  ลงในช฽องท่ีตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดับที่ ลาดบั ท่ี เพือ่ ใหน้ ักเรยี น เพื่อให้นกั เรียน ความม่งุ มนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกค่า สามารถผสมสไี ล่ ในการ คะแนน น้าหนักสผี สมดาได้ ค่าน้าหนักสผี สมสี ทางาน ดาได้ 2 102101 0 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวิจิตราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนุช แสงทวปี 3 ด.ญ. พรี ดา ชาญเชี่ยว 4 ด.ช. พชรพล สบื สาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวริ ิยฐากุล 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อัศวเดชานกุ ร 7 ด.ญ. ทพิ ภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทิพานันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อัครเดช ม฽วงทวี 10 ด.ช. สหรฐั อิม่ สมโภชน์ 11 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษดิ ดิ์ ิษฎ์ กนั แก฾ว 13 ด.ช. ก฾องภพ ก฾อนแก฾ว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มจี าด 15 ด.ญ. โฮซันนา มั่นหมาย 16 ด.ช. เหรียญชยั เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................

แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมือ หน่วยการเรยี นรู้ที่………….เร่อื ง…………………………………………………………………ช้ัน……………….. คาชแ้ี จง : ให฾ครผู ฾ูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว฾ ใหท฾ าเครื่องหมาย  ลงในชอ฽ งทีต่ รงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ลาดับท่ี เพอื่ ให้นกั เรียน เพอ่ื ใหน้ กั เรียน ความมงุ่ ม่ัน รวม 10 ชอ่ื – สกลุ สามารถบอกคา่ สามารถผสมสีไล่ ในการ คะแนน นา้ หนกั สีผสมดาได้ ค่าน้าหนักสีผสมสี ทางาน ดาได้ 2 102101 0 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จนั ทร์เจรญิ 2 ด.ช. กิตตภิ พ พรมสอน 3 ด.ญ. ชัญญานชุ ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนสุ รณ์ แชม฽ สนทิ 5 ด.ญ. จันทรท์ มิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านิชา เรืองกลั่น 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกลุ ทินวัฒน์ 8 ด.ช. ธรี ภทั ร ธปู เทยี นรัตน์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แกว฾ มศี รี 10 ด.ช. ภานวุ ชั ร์ ศาลา 11 ด.ญ. พีชญา แก฾วบัวดี 12 ด.ญ. รนิ รดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรกั ษา 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทติ สุขพิศิษฐ์ 16 ด.ช. พีระพฒั น์ สันสะกดิ ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................../................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook