Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนระดับประถมศึกษา 2-64

แผนการสอนระดับประถมศึกษา 2-64

Published by เกริก จิรัสย์พงษ์, 2021-12-02 11:50:12

Description: แผนการสอนระดับประถมศึกษา 2-64

Search

Read the Text Version

๑๐๑ ภูเขาหิน มอี ยู่ทั่วไป มลี ักษณะติดต่อกันเป็นทวิ ใหญ่ เชน่ ทิวเขาถนนธงชัย ทิวเขาตะนาวศรี ภูเขาหนิ แบ่งออกเป็น สองชนิดคอื ชนิดหินแกรนิต เป็นหินแขง็ แกร่ง มกั มลี ักษณะยอดไม่ใครแ่ หลมชลูด มีลาดไม่ชันนกั มนี ้ำอยู่ทว่ั ไปจึงมีป่าไม้ ขนาดสงู ขึน้ ปกคลมุ ทิวเขาชนดิ นีม้ ีอยู่ในภาคเหนือและภาคใต้เปน็ สว่ นมาก สว่ นภเู ขาชนิดหินปนู เปน็ หนิ ท่ไี มเ่ หนียวและ ไมแ่ กรง่ จงึ มักถูกธรรมชาติกัดเซาะจนมลี ักษณะเป็นยอดแหลมสูง มีผาชนั หานำ้ ได้ยาก จึงมีแต่ป่าไมเ้ ล็ก ๆ ข้ึนปกคลุม หรอื บางสว่ นก็จะไม่มตี ้นไมเ้ ลย บรเิ วณเชงิ เขามกั มเี นินดินสีเทา ๆ อนั เกิดจากหนิ ปูนท่แี ตกสลายลงมา มลี ักษณะรว่ นซยุ เม่ือถกู ฝนจะกลายเปน็ เปือกตม เขาหินปูนส่วนใหญอ่ ย่ใู นภาคกลาง และภาคใตต้ อนบน เช่น เขาในเขตจังหวดั ลพบุรี สระบุรี ราชบุรี เพชรบุรี (เขาหลวง) และประจวบคีรขี ันธ์ (เขาสามร้อยยอด) ภเู ขาดิน ประกอบด้วยดินรว่ น หรือหนิ ลูกรงั ปนกับหนิ ก้อนขนาดยอ่ ม เป็นภเู ขาสงู ปานกลาง สว่ นใหญ่มลี กั ษณะ เปน็ เนนิ เตยี้ ท่ีทางภาคใต้เรียกวา่ ควน ลาดเขามีลักษณะเป็นลาดโคง้ บนเชงิ เขา โดยรอบมักเปน็ พ้ืนราบกว้างขวาง เชน่ บรเิ วณตอนใตข้ องเขาสามมกุ จงั หวดั ชลบุรี หรือในภาคใต้ต้งั แต่สถานรี ถไฟมาบอมั ฤทธิ์ถงึ สถานหี ้วยสัก เป็นตน้ ภูเขาไฟ ภูเขาไฟในประเทศไทย เป็นภูเขาไฟท่ีดบั สนิทมานานแล้ว เช่นท่ีภูเขาหลวง จังหวัดสโุ ขทัย ซ่ึงปรากฎมี ยอดเป็นปากปล่องภูเขาไฟและมหี ินตะกรนั อยู่โดยรอบ ในที่ราบสงู ภาคอสิ านเปน็ พนื้ ท่ีภายในปากปล่องภเู ขาไฟใหญ่ใน อดตี ซ่งึ ดบั ไปแล้ว และกอ่ ให้เกิดที่ราบสูงอนั กว้างใหญข่ ึ้นมาแทน ภเู ขาไฟท่ียังไม่ดับ และอยู่ใกล้ประเทศไทยเทา่ ท่ีสำรวจ พบมอี ยู่ 2 แหง่ คือ ภเู ขาไฟโปป๊ า่ ในพม่า และภเู ขาไฟใหญ่กบั ภูเขาไฟน้อยในล้านช้าง มคี วามสูงประมาณ 65 เมตร ปาก ปล่องเปน็ รูปไข่กว้างประมาณ 80 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร พื้นท่ยี า่ นภเู ขา คือบริเวณทม่ี ีทวิ เขาอยูเ่ ปน็ จำนวนมาก เปน็ พนื้ ทต่ี อ่ เนือ่ งมาจากท่ีราบสูงยูนนานทางดา้ นทิศ เหนอื ทิวเขาสว่ นมากมีทศิ ทางจากเหนอื ทอดลงมาทางใต้ ทิวเขาเหล่านก้ี อ่ ให้เกดิ พน้ื ทรี่ าบระหว่างหบุ เขา ใหญ่บ้าง เลก็ บ้าง เปน็ ช่วงๆ มลี กั ษณะพนื้ ที่ต่างกบั พืน้ ทแ่ี ถบอื่นๆ และมที ีต่ งั้ อยู่ลำพงั ทางส่วนเหนือสดุ ของประเทศไทย ทวิ เขาท่ีสำคัญ ไดแ้ ก่ ทิวเขาแถบตะวนั ตกของประไทย เปน็ ทิวเขาตอ่ จากชายตะวันตกของภาคเหนอื ต่อเนอ่ื งลงไปทางใตจ้ นถงึ ภาคใต้ตลอดผนื แผ่นดนิ ทเ่ี ปน็ แหลม ทวิ เขาที่สำคัญไดแ้ ก่ ทิวเขาถนนธงชยั และทิวเขาตะนาวศรี ซึ่งเช่อื มตอ่ กนั เป็นปมท่ี บรเิ วณชายแดนดา้ นตะวันตกของจงั หวัดกาญจนบรุ ี มลี กั ษณะเปน็ ย่านภูเขานอ้ ย ๆ แผอ่ าณาบริเวณเขา้ ไปในประเทศพม่า และเขา้ มาในประเทศไทยเปน็ ส่วนใหญ่ ทิวเขาตอนใจกลางของประเทศ ไดแ้ ก่ทิวเขาซึ่งเป็นเทอื กเดียวกบั ทวิ เขาทางด้านทิศตะวนั ออกของภาคเหนือ ของไทย มแี นวทอดลงมาทางทิศใต้ ขนานกับอกี ทวิ เขาหนงึ่ ทางด้านทิศตะวนั ออก พ้ืนท่รี ะหวา่ งทิวเขาท้ังสองนเ้ี ป็นหุบเขา แคบๆ อย่ตู อนใจกลางของประเทศ ได้แก่ที่ราบสูงเพชรบูรณ์ ทวิ เขาบนท่รี าบสูงตะวันออกเฉยี งเหนอื ประกอบดว้ ยทิวเขาหลายทิว ซ่งึ ก้นั เปน็ ขอบของท่ีราบสงู แหง่ น้ี มี แนวทิศทางการทอดตัวอยู่สองแนวคอื ทางดา้ นตะวนั ตกแนวหนง่ึ กับทางดา้ นใตอ้ ีกแนวหน่ึง ทิวเขาดงั กลา่ วนจี้ ะกนั เอาที่ ราบสงู ออกไปต่างหากจากที่ราบภาคกลาง เปน็ ทิวเขาทสี่ งู ใหญ่พอสมควร ถ้าดูจากทีร่ าบภาคกลาง แต่ถ้าดูจากทร่ี าบสูง แล้วจะเหน็ เปน็ ทิวเขาเตี้ยๆ เท่าน้ัน ทวิ เขาแถบฝ่ังทะเลดา้ นตะวันออกของอา่ วไทย เป็นทิวเขาทม่ี แี นวเกอื บขนานกบั ฝั่งทะเล เมื่อทิวเขาออกพ้น เขตแดนไทยเขา้ ไปในกัมพูชา เปน็ ทิวเขาทีเ่ ก่าแก่ทวิ เขาหน่งึ ทางนำ้ เนอื่ งจากประเทศไทยต้งั อยใู่ นย่านมรสมุ มฝี นตกชกุ ในฤดฝู นที่คอ่ นขา้ งยาวนานถงึ 6 เดือน โดยเฉลี่ยจึงกอ่ ใหเ้ กิดลำนำ้ มากมาย แต่ลำนำ้ ท่ีสำคัญและมปี ระโยชน์มอี ยไู่ มม่ ากนกั ลำนำ้ โดยท่ัวไปจะเปน็ ลำน้ำสายสั้นๆ มีนำ้ เฉพาะในฤดูฝน เมื่อ แบง่ ลำน้ำออกเป็นพวกๆ ตามลักษณะของพืน้ ทแี่ ละตามกำเนิดของลำนำ้ พอจะแบง่ ออกได้เปน็ สี่กลุ่ม ดังนี้

๑๐๒ ลำน้ำในภาคเหนอื นอกจากลำน้ำใหญ่สองสายคือ ลำนำ้ สาละวนิ ซ่งึ ไหลผ่านชายแดนด้านตะวันตก และลำน้ำโขง ซึง่ ไหลผา่ นชายแดนด้าน ตะวนั ออกเฉียงเหนือแล้วลำนำ้ ในภาคเหนอื มอี ย่หู ลายสาย และมีต้นน้ำทเ่ี กิดจากพื้นทย่ี ่านภเู ขาในภาคเหนอื เองแทบ ทง้ั สิ้น ได้แก่ สาขาของลำนำ้ สาละวิน ได้แก่ ลำน้ำปาย เกิดจากเทอื กเขาถนนธงชัย และเทอื กเขาแดนลาวไหลผ่าน จังหวดั แมฮ่ ่องสอน ลงสู่แม่น้ำสาละวนิ ลำนำ้ เมย เกิดจากเทือกเขาถนนธงชัย ไหลไปตามซอกเขาทกี่ ั้นเขตแดนไทยกบั พม่า ลงสู่แม่น้ำสาละวนิ ลำน้ำยวม เกิดจากทิวเขาถนนธงชัย ผ่านอำเภอขุนยวม จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน แลว้ ไปบรรจบกบั ลำน้ำเมย ลำน้ำสาละวนิ เกดิ จากบริเวณประเทศธิเบต ไหลผา่ นประเทศไทย ตามแนวเส้นกั้นเขตแดนไทยกบั พม่า ในเขตจังหวดั แม่ฮ่องสอนแลว้ ไหลผา่ นพม่าไปลงอ่าวเมาะตะมะ สาขาของแม่น้ำโขง ไดแ้ ก่ ลำน้ำแม่กก เกดิ จากภเู ขาในรัฐฉาน ไหลผา่ นเมืองสาด เข้าเขตไทยในจังหวัดเชยี งราย แล้วไหล ไปบรรจบลำนำ้ โขงในเขต อำเภอเชียงแสน จงั หวดั เชยี งราย ลำนำ้ ฝาง เกิดจากทิวเขาแดนลาวและทวิ เขาผีปันน้ำ ไหลไป บรรจบแมน่ ำ้ กก ในเขตตำบลปางเดิม ลำนำ้ แม่สาย เกิดจากทิวเขาในรัฐฉาน เปน็ แนวเขตแดนระหว่างไทยกับรฐั ฉาน แล้ว ไหลไปบรรจบลำน้ำรวกทีส่ บสาย ลำน้ำรวก เกิดจากทวิ เขาในรัฐฉาน ไหลไปบรรจบลำนำ้ โขงทส่ี บรวก ลำนำ้ แมจ่ นั เกดิ จากดอยสามเส้าในทวิ เขาผีปนั นำ้ ไหลไปบรรจบลำน้ำโขง ในเขตอำเภอเชยี งแสน จังหวัดเชยี งราย ลำน้ำแม่อิง เกดิ จากทวิ เขาผปี นั นำ้ ในเขตจงั หวดั เชียงราย ไหลไปบรรจบลำนำ้ โขง ในเขตอำเภอเทิง จงั หวดั เชียงราย ลำนำ้ โขง มีตน้ น้ำอยู่ในธิ เบตไหลผ่านไทยทางภาคเหนอื ในเขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชยี งราย และไหลผ่านภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เป็นเส้น เขตแดนไทยกบั ลาวโดยตลอดตั้งแต่ อำเภอเชียงคานจังหวัดเลย ไปจนถงึ อำเภอโขงเจียม จงั หวดั อุบลราชธานี แล้วไหล ผ่านประเทศลาว กมั พชู า เวยี ดนามลงสู่ทะเลจนี ในเวยี ดนาม สาขาของลำน้ำเจ้าพระยา ไดแ้ ก่ ลำนำ้ ปิง ยาวประมาณ 775 กโิ ลเมตร เกดิ จากทวิ เขาแดนลาว ไหลเลาะไปตามทิวเขา ถนนธงชัยผา่ นจงั หวดั เชยี งใหม่ ลำพนู ตาก กำแพงเพชร ไปบรรจบกบั สาขาอื่นของลำน้ำเจ้าพระยา ในเขตตำบลปากน้ำ โพ อำเภอเมอื ง จังหวัดนครสวรรค์ ลำน้ำวงั ยาวประมาณ 300 กิโลเมตร เกิดจากทวิ เขาผีปนั นำ้ และเทอื กเขาขุนตาล ใน เขตจงั หวดั ลำปาง ไหลผา่ นจังหวดั กำแพงเพชร ไปบรรจบลำน้ำปงิ ในเขตอำเภอบ้านตาก จังหวดั ตาก ลำน้ำยม ยาว ประมาณ 500 กโิ ลเมตร เกดิ จากทิวเขาผีปนั น้ำ ไหลผา่ นจังหวัดสโุ ขทยั ไปบรรจบลำนำ้ น่าน ในเขตอำเภอชมุ แสง จังหวัดนครสวรรค์ ลำนำ้ น่าน ยาวประมาณ 600 กิโลเมตร เกิดจากทิวเขาหลวงพระบาง ไหลขนานกับลำน้ำยมลมาทาง ใต้ ผ่านจงั หวดั น่าน อตุ รดิตถ์ พิษณุโลก พจิ ิตร แล้วไหลไปบรรจบกับสาขาอ่นื ของลำนำ้ เจา้ พระยา ในเขตตำบลปากนำ้ โพ อำเภอเมอื ง ฯ จงั หวัดนครสวรรค์ ลำนำ้ ในภาคกลาง สายน้ำท่ีสำคัญคือ ลำนำ้ เจ้าพระยา ซึ่งก็เป็นลำนำ้ สายสำคัญทสี่ ุดของประเทศไทย เนอ่ื งจากเป็นลำนำ้ ขนาดใหญ่ ไหลผ่าน ท่ีราบลุ่มภาคกลางของประเทศ สว่ นลำน้ำสายอ่ืน ๆ ก็มีความสำคญั รองลงไป ลำนำ้ ที่สำคัญในภาคกลางได้แก่ ลำน้ำเจ้าพระยา ยาวประมาณ 700 กิโลเมตร เป็นแมน่ ำ้ สายใหญ่ท่ีสุดนับเป็นเส้นโลหิตใหญข่ องประเทศ เรมิ่ ต้นจาก ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ไหลผ่านจงั หวดั อทุ ยั ธานี ชยั นาท สิงห์บรุ ี อา่ งทอง อยธุ ยา ปทมุ ธานี นนทบุรี กรงุ เทพฯ และสมุทรปราการ ไหลลงสู่อ่าวไทยทอ่ี ำเภอเมอื ง จงั หวดั สมุทรปราการ ลำนำ้ ป่าสกั ยาวประมาณ 450 กิโลเมตร เกดิ จากทิวเขาเพชรบูรณ์ ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ ไหลผ่านที่ราบในหบุ เขา เพชรบูรณ์ ผ่านจงั หวดั ลพบุรี สระบรุ ี ไปบรรจบลำนำ้ เจ้าพระยา ในเขตจังหวัดอยธุ ยา ลำน้ำท่าจนี ยาวประมาณ 230 กโิ ลเมตร เป็นสาขาแยกจากลำน้ำเจ้าพระยาทจ่ี ังหวดั อทุ ัยธานี แลว้ ไหลขนานกับแม่น้ำ เจ้าพระยา ทางดา้ นตะวนั ตก ลงสูอ่ ่าวไทยที่จังหวดั สมทุ รสาคร ลำนำ้ ลพบรุ ี เป็นสาขาแยกจากแม่น้ำเจา้ พระยาท่ีบางพุทรา จงั หวดั สิงหบ์ ุรี ไหลผ่านจงั หวัดลพบุรี แล้วไหลไปบรรจบ ลำ นำ้ เจ้าพระยาในเขตจังหวดั อยุธยา นอกจากนย้ี ังมีสาขาแยกเลก็ ๆ อกี หลายสาย เช่น ลำน้ำสะแกกรัง ในเขตจังหวัด อทุ ยั ธานี ลำนำ้ โผงเผง ในเขตจังหวัดอา่ งทอง และลำน้ำบางบาน ในเขตจงั หวดั อยธุ ยา

๑๐๓ ลำน้ำที่ไหลลงสูอ่ า่ วไทยด้านตะวนั ออก ทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ ลำน้ำบางปะกง ยาวประมาณ 300 กโิ ลเมตร เกิดจากทิวเขาพนมดงรัก แลว้ ไหลไปทางตะวนั ตก ผ่านจังหวดั ปราจนี บุรี นครนายก ลงสูอ่ ่าวไทยในเขตจังหวัดฉะเชงิ เทรา ลำน้ำสายนม้ี ชี ่อื เรยี กต่างกันตามทอ้ งถนิ่ ทล่ี ำนำ้ ไหลผา่ น เช่นลำน้ำพระ ปรง ลำน้ำประจีน ลำนำ้ ระยอง ยาว 30 กิโลเมตร เกิดจากภเู ขาในเขตจังหวัดระยองไหลลงส่ทู ะเลในเขตจงั หวัดระยอง ลำน้ำประแส ยาว 27 กโิ ลเมตร ลำน้ำจนั ทบรุ ียาว 86 กโิ ลเมตร เกิดจากทิวเขาจันทบุรี ไหลลงสู่ทะเลท่อี ำเภอท่าแฉลบ จงั หวดั จันทบรุ ี ลำน้ำเวฬ ยาว 64 กิโลเมตร เกิดจากทิวเขาจนั ทบรุ ี ไหลลงสู่ทะเลทอี่ ำเภอขลุง จังหวัดจนั ทบุรี ลำน้ำตราด เกดิ จากทวิ เขาจันทบรุ ี และทิวเขาบรรทัด ไหลลงสู่ทะเลท่อี ำเภอ แหลมงอบ จังหวัดตราด ลำนำ้ ที่ไหลลงสูอ่ ่าวไทยดา้ นตะวันตก ท่สี ำคัญมีอยู่ 3 สายด้วยกันคอื ลำน้ำแม่กลอง ยาว 300 กโิ ลเมตร ประกอบด้วย แควน้อย และแควใหญ่ แควใหญ่ ยาว 300 กโิ ลเมตร ไหลไปบรรจบ ลำน้ำแม่กลองทอ่ี ำเภอปากแพรก จงั หวดั กาญจนบรุ ี แควนอ้ ย ยาว 227 กิโลเมตร ไหลไปบรรจบลำนำ้ แม่กลองทอี่ ำเภอ เมือง จังหวัดกาญจนบุรี ลำน้ำเพชรบุรี ยาว 100 กิโลเมตร เกิดจากทิวเขาตะนาวศรี ไหลลงส่ทู ะเลที่อำเภอบา้ นแหลม จงั หวัดเพชรบุรี ลำนำ้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สำคัญไดแ้ ก่ ลำน้ำมลู ยาว 620 กิโลเมตร เกิดจากทิวเขาสันกำแพง ไหลขนานกับทวิ เขาพนมดงรกั ไปทางทศิ ตะวันออก ไปบรรจบลำ นำ้ โขงที่อำเภอโขงเจยี ม จังหวดั อุบลราชธานี ลำน้ำชี ยาว 600 กโิ ลเมตร เกิดจากทวิ เขาเพชรบรู ณ์ และทวิ เขาเก้าลกู ไหลลงไปทางทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ ไปบรรจบลำ น้ำมลู ท่ีอำเภอเมือง ฯ จังหวดั อบุ ลราชธานี นอกจากนก้ี ม็ ี ลำนำ้ เลย และลำน้ำสงคราม ลำน้ำในภาคใต้ แบ่งออกเป็นสองกล่มุ คอื ลำน้ำท่ไี หลลงสอู่ ่าวไทย มอี ยู่ 7 สายด้วยกันไดแ้ ก่ ลำนำ้ ชุมพร ยาว 100 กโิ ลเมตร เกดิ จากแคว 2 แควจากทิวเขา ตะนาวศรี และทิวเขาระนอง แล้วไหลไปรวมกนั ที่ อำเภอท่าแซะ จงั หวดั ชมุ พร คลองชุมพร อยู่ทางตะวนั ออกของลำน้ำ ชมุ พร ลำน้ำหลงั สวน เกิดจากทิวเขาระนอง ไหลลงสทู่ ะเลท่ี อำเภอหลงั สวน จงั หวดั ชุมพร ลำน้ำตาปี ยาว 300 กโิ ลเมตร เกิดจากทวิ เขาภเู ก็ต และทวิ เขานครศรีธรรมราช ไหลลงสอู่ ่าวไทยทอ่ี ำเภอบา้ นดอน เป็นลำน้ำท่ีเกิดจากแควครี ี รัฐ และแควนำ้ หลวง ลำน้ำปัตตานี เกดิ จากทิวเขาสนั กาลาคีรี ไหลข้นึ มาทางเหนอื ลงสู่อ่าวไทยที่จังหวดั ปัตตานี ลำนำ้ สายบรุ ี ยาว 170 กโิ ลเมตร เกิดจากทิวเขาสนั กาลาครี ี ไหลลงสทู่ ะเลท่อี ำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ลำน้ำโกลก เกดิ จาก ทวิ เขาสันกาลาครี ี เปน็ แนวเขตแดนไทยกบั มาเลเซยี ลำน้ำทีไ่ หลลงมหาสมุทรอินเดีย มอี ยู่ 2 สายคอื ลำนำ้ ปากจ่นั หรือลำน้ำกระ ยาว 123 กิโลเมตร เกดิ จากเทอื กเขา ตะนาวศรี ไหลไปทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ ไหลออกสทู่ ะเลทอ่ี ่าวระนอง จังหวดั ระนอง ลำน้ำตรงั ยาว 137 กโิ ลเมตร เกดิ จากทิวเขานครศรธี รรมราช ไหลไปทางทศิ ใต้ลงสู่ทะเลทอ่ี ำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ทะเลสาบ บึงและหนอง ทะเลสาบ มีอยเู่ พยี ง 2 แหง่ คือ ทะเลสาบสงขลา และทะเลนอ้ ย บึงและหนอง มีกระจายอย่ทู ่วั ไปท้งั ประเทศที่สำคัญ ในแต่ละภาคมีดังนี้ ภาคเหนอื มีหนองเล้งทราย ในเขตบ้านแมโ่ จ้ อำเภอพาน จังหวดั เชียงราย กวา๊ นพะเยา อยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ จงั หวดั พะเยา หนองหลม่ อยูใ่ นเขตอำเภอเชยี งแสน จังหวดั เชยี งราย ภาคกลาง มบี งึ บรเพ็ด อยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวดั นครสวรรค์ บึงสไี ฟ อย่ใู นเขตอำเภอทา่ หลวง จังหวดั พจิ ิตร บงึ ราชนก

๑๐๔ ในเขตอำเภอวงั ทอง จังหวัดพษิ ณโุ ลก บงึ จอมบึง อยูใ่ นเขตอำเภอจอมบึง จงั หวัดราชบรุ ี บึงสระสี่มมุ อยทู่ างฝงั่ ขวาของลำ น้ำไทรโยค จังหวดั กาญจนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหนองระหาร อยูใ่ นเขตจงั หวัดสกลนคร หนองหารอยู่ในเขตอำเภอกมุ ภวาปี จงั หวัดอดุ รธานี หนองพันสัก อยใู่ นเขตจังหวดั มหาสารคาม

๑๐๕ ใบงาน คร้ังท่ี ๑๐ วชิ า สงั คมศึกษา รหสั วิชา สค ๑1001 ชอ่ื สกลุ ...........................................................................................กศน.ตำบล.................................................... จงตอบคำถามต่อไปนี้ ๑.ให้วาดภาพแผนท่ีประเทศไทย ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... 1. ทรพั ยากรธรรมชาติหมายถงึ อะไร อธิบายและยกตวั อย่างมา 3 ชนิด ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... 2.ให้ผูเ้ รียนยกตัวอยา่ งวธิ ีการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ มมา 3 ขอ้ ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................................................

๑๐๖ เฉลย ใบงานท่ี ๑๐ วชิ า สงั คมศกึ ษา รหัสวชิ า สค ๑1001 ๑.ให้วาดภาพแผนที่ประเทศไทย ๒. ทรัพยากรธรรมชาตหิ มายถึงอะไร อธิบายและยกตวั อย่างมา 3 ชนิด ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resources) หมายถึง สิ่งที่เกดิ ข้ึนเองตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถนำมาใช้ ประโยชน์ในรูปลกั ษณ์ตา่ งๆได้ โดยแบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ ทรพั ยการธรรมชาตทิ ี่ใช้แล้วหมดไป เช่น แรธ่ าตุ น้ำมัน และ ทรพั ยากรธรรมชาติทส่ี ามารถทดแทนข้ึนใหมไ่ ด้ เช่น ปา่ ไม้ ดิน นำ้ เปน็ ต้น ๓.ใหผ้ เู้ รยี นยกตัวอยา่ งวิธกี ารอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ มมา 3 ข้อ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม หมายถงึ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยา่ งฉลาด โดยใช้ใหน้ อ้ ย เพ่อื ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด โดยคำนึงถงึ ระยะเวลาในการใชใ้ หย้ าวนาน และกอ่ ใหเ้ กิดผลเสียหายต่อ ส่งิ แวดลอ้ มนอ้ ยท่สี ดุ รวมท้งั ตอ้ งมีการกระจายการใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งท่ัวถงึ อยา่ งไรกต็ าม ในสภาพปจั จุบัน ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมมคี วามเสอ่ื มโทรมมากขึน้ ดงั นนั้ การอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมจงึ มี ความหมายรวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพสงิ่ แวดลอ้ มดว้ ย 1. รกั ษารถยนต์ ด้วยการเปลย่ี นไสก้ รอง ไส้กรองอากาศที่สกปรกจะทำใหก้ ารไหลของอากาศท่สี ะอาดทำได้นอ้ ยลง มผี ล ต่อการเผาไหมข้ องเคร่อื งยนตด์ ว้ ย 2. ควรใช้ผ้าแทนการใชก้ ระดาษทชิ ชู 3. ใชถ้ งุ ผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก 4. ทิง้ ขยะเปน็ ทีเ่ ป็นทาง ควรทง้ิ ขยะให้ลงถังขยะ 5. ชว่ ยกันปลกู ต้นไม้ เพอื่ เพ่มิ พ้ืนทส่ี เี ขียวใหม้ ากขึ้น 6. ไมบ่ กุ รกุ พื้นท่ีป่า 7. ไมเ่ ปดิ นำ้ และไฟฟา้ ทิ้งไวโ้ ดยไรป้ ระโยชน์ 8. ไม่ทง้ิ น้ำเสยี ลงแม่นำ้ ลำคลอง 9. ควรทานอาหารให้หมดจาน 10. ไมค่ วรเผาขยะหรอื เศษไม้,เศษหญ้า

๑๐๗ บนั ทึกหลงั สอน สัปดาห์ที่ 10 วนั จันทร์ วนั ท่.ี . 20 .เดอื น..ธนั วาคม....พ.ศ...2564....... ผลการเรยี นรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................................ผูส้ อน (นายจิรัสย์พงษ์ วเิ ศษสิทธโิ ชค) . ครู กศน.ตำบล. ความคดิ เหน็ หวั หนา้ งานการศึกษาขนั้ พื้นฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............................................................. (นางสาวปณั ณป์ าลี ศริ ิธวุ านนท์) งานการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .......................................................... (นายอำไพ ข่าขันมะลี) รองผู้อำนวยการ สำนกั งาน กศน.จงั หวดั อา่ งทอง รักษาการในตำแหนง่ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ

๑๐๘ แผนการจดั การเรียนการสอนรายสัปดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ ระดับประถมศกึ ษา กศน.อำเภอวิเศษชยั ชาญ สัปดาหท์ ่ี ๑๑ วัน ..จันทร.์ ..วนั ท.ี่ ..27.......เดอื น.......ธนั วาคม..........พ.ศ...2564.............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วิชา สงั คมศกึ ษา รหสั วิชา สค ๑1001 จำนวน 2 หน่วยกิต มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั การได้เรียนรเู้ ก่ียวกบั ตนเอง สภาพแวดล้อมทอ้ งถ่นิ จงั หวดั ภาค และประเทศของตนท้ังดา้ น ประวัตศิ าสตร์ ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์ กายภาพ เศรษฐกจิ การเมือง การปกครอง ตลอดจนการไดร้ ับการ พัฒนาความรู้ ความเข้าใจในศาสนา มีจิตสำนึกและมสี ่วนรว่ มในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม ทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อมเพ่ือการพฒั นาที่ย่ังยนื หนว่ ยการเรียนรู้/เรื่อง ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย สาระสำคญั ชาติไทยมีบรรพบุรษุ ที่เสยี สละเลอื ดเน้อื เพื่อสร้างอาณาจักรให้คนไทยได้มที ี่อยู่อาศยั มที ี่ ทำกินอดุ มสมบูรณ์และมีศักดิ์ศรีของความเป็นชาตไิ ทยถึงปัจจบุ นั นาน 700 ปี โดยมีพระมหากษตั ริย์ที่มคี วาม ปรีชาชาญ ทั้งดา้ นการรบ การปกครอง และการพัฒนาด้านต่าง ๆ ทค่ี นไทยทุกคนตอ้ งตระหนกั และร่วมกัน รกั ษาประเทศชาติให้อยู่อยา่ งมน่ั คง ร่มเย็นเปน็ สขุ ตลอดไป เนื้อหา เรอื่ งท่ี 1 ความหมายความสำคญั ของประวัตศิ าสตร์ เรื่องที่ 2 ประวตั ศิ าสตร์ความเปน็ มาของชนชาตไิ ทย เร่อื งที่ 3 ประวัตแิ ละผลงานของบรรพบุรุษไทยท่มี สี ่วนปกปอ้ งและสร้างความเจรญิ ใหแ้ กช่ าตบิ า้ นเมือง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้/ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง 1. อธิบายข้อมูลเก่ียวกับประวัตศิ าสตร์ได้ 2. ระบสุ ภาพความเปล่ียนแปลงทางประวัตศิ าสตรไ์ ด้ 3. เกิดความตระหนกั และสามารถนำความร้เู กยี่ วกบั ประวตั ศิ าสตรไ์ ปประยุกต์ใหท้ นั กับสภาพการเปล่ยี นแปลง กับสภาพชมุ ชน สงั คมและความม่นั คงของประเทศชาตไิ ด้ กระบวนการจัดการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมเพิ่มเติม ข้นั ที่ 1 กำหนดสภาพปญั หา ความต้องการ ครผู สู้ อนทักทายกล่าวนำ ถงึ เรื่อง ประวตั ิศาสตร์ภายในชุมชน ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและการจัดการเรยี นรู้ ๑.ครูให้ส่งใบงานสปั ดาห์ที่ ๑๐ และครูผู้สอนสรุปความรู้เรอ่ื ง อธบิ ายความหมายความสำคญั ของประวตั ิศาสตร์, ประวัติศาสตรค์ วามเป็นมาของชนชาติไทย, ประวตั แิ ละผลงานของบรรพบรุ ษุ ไทยท่มี สี ว่ นปกป้องและสรา้ งความเจริญ ให้แก่ชาติบ้านเมือง ๒. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรปุ และแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย ประวัติและผลงานของ บรรพบรุ ุษไทยท่มี สี ่วนปกปอ้ งและสร้างความเจริญให้แก่ชาตบิ ้านเมอื ง ๓.ครใู ห้ผู้เรยี นศึกษาเพิ่มเติมจากแหลง่ เรยี นรอู้ ่ืนๆ และมอบหมายงาน เร่ือง ประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย สง่ ในสัปดาห์ ท่ี ๑๓

๑๐๙ ขนั้ ที่ 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกตใ์ ช้ ครูสรปุ องคค์ วามรู้เรื่อง ภูมิศาสตร์ทางกายภาพของประเทศไทยและสรุปความรู้ท่ีผู้เรยี นสามารถนำไป ประยุกตใ์ ช้ได้ ขน้ั ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผลจากการทำใบงาน ประเมินผลจากการสังเกตพฤติกรรม สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรยี นวชิ าสังคมศึกษา ระดับประถมศึกษา ใบงาน ใบความรู้ เรื่อง บญุ คุณพระมหากษตั ริย์ อินเตอรเ์ น็ต การวดั ผลและประเมนิ ผล ใบงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ลงชอ่ื .....................................................ผู้สอน (นายจริ ัสย์พงษ์ วิเศษสิทธิโชค) ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ งานการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศริ ธิ ุวานนท์) งานการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขันมะลี) รองผ้อู ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวดั อ่างทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ

๑๑๐ ใบความรู้ครั้งท่ี 1๑ วชิ าสังคมศกึ ษา สค11001 ระดับประถมศึกษา เรอื่ ง บญุ คุณพระมหากษัตรยิ ์ไทย สมยั พอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราช ด้านการเมืองการปกครอง พระองค์ทรงใชร้ ูปแบบการปกครองแบบพ่อปกครองลกู ดา้ นเศรษฐกจิ พระองค์ทรงโปรดให้สรา้ งทำนบกักเกบ็ น้ำที่เรยี กว่า ทำนบพระรว่ ง หรอื สรีดภงส์เพ่อื ใช้กกั เก็บนำ้ ไว้ใช้ในฤดูแล้ง ด้านศิลปวัฒนธรรม พระองค์ทรงประดษิ ฐต์ วั อักษรไทยทีเ่ รียกวา่ ลายสอื ไทย สมยั พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไท) ดา้ นศาสนา ทรงมีบทบาทสำคญั ในการทำนุบำรุงและเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา คือ ได้สง่ พระสงฆอ์ อกไปเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนายังท่ีต่าง ๆ เชน่ เมืองเชียงใหม่ พิษณโุ ลก อยธุ ยา และหลวงพระบางทรงโปรดเกล้าฯ ใหซ้ ่อมพระเจดียเ์ มืองนครชุม (กำแพงเพชร) ทรงประดษิ ฐานรอยพระพุทธบาทท่เี ขาสุมนกฏุ ดา้ นภาษาและวรรณคดี ทรงมคี วามเชีย่ วชาญในด้านภาษาและวรรณคดเี ป็นพิเศษ ดังมหี ลักฐานปรากฏในหนังสือไตรภมู ิพระร่วง ว่า พระมหา ธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลิไท) ทรงนพิ นธข์ นึ้ เมื่อครง้ั ยังดำรงพระยศพระมหาอุปราช ครองเมอื งศรีสัชนาลยั หนังสือไตรภมู ิ พระร่วงเป็นวรรณคดที เ่ี กี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา สมยั อยธุ ยา สมเด็จพระรามาธบิ ดที ี่ 1 (พระเจา้ อทู่ อง) 1. ทรงปฏริ ูปการปกครอง 2. ทรงประกาศใช้กฎหมายลักษณะสำคัญ คือ กฎหมายศกั ดนิ า เป็นการกำหนดสทิ ธิหนา้ ทมี่ ลู นายและไพร่ 3. โปรดเกล้าฯ ให้ประชุมนกั ปราชญ์ราชบัณฑติ แต่งหนังสือมหาชาติคำหลวง พร้อมทัง้ สร้างวดั จุฬามณี 4. ทรงรวมอาณาจกั รสโุ ขทัยเป็นสว่ นหน่ึงของอยธุ ยาโดยสมบูรณ์ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ด้านการเมืองการปกครอง พระองค์โปรดให้ปรับปรงุ การปกครองหวั เมอื งใหญเ่ ป็นการรวมอำนาจเข้าสศู่ นู ย์กลางยกเลิกระบบเมอื งพระยาม หานคร ยกเลิกใหเ้ จ้านายไปปกครองเมอื งเหลา่ น้ี แล้วใหข้ ุนนางไปปกครองแทน จัดหวั เมืองตามความสำคัญและขนาด เปน็ เอก โท ตรี จัตวา ด้านการคา้ ขาย ทรงส่งทตู ไปประเทศจนี เพ่อื รบั รองฐานะกษตั รยิ ์ของพระองคแ์ ละตดิ ต่อค้าขายกบั ประเทศจนี ขยายการคา้ ไป ประเทศสเปน

๑๑๑ สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช เปน็ ยุคทองของวรรณคดีในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยาในรัชสมยั ของพระองค์ ได้มีชาวตะวนั ตกเดนิ ทางเข้ามาติดต่อ คา้ ขาย เผยแผ่ศาสนาตลอดจนเข้ารับราชการ ทำใหช้ าวตะวนั ตกยอมรบั นับถอื กรงุ ศรีอยุธยาเปน็ อยา่ งมาก ในดา้ นการคา้ ขาย ไดม้ กี ารติดต่อค้าขายกบั ต่างประเทศมากยง่ิ กวา่ ในรัชสมยั อน่ื ๆทั้งฮอลันดา ฝรง่ั เศส และ อังกฤษ ทรงโปรดเกล้าฯ ใหต้ อ่ เรอื กำปัน่ หลวง เพือ่ ทำการคา้ ขายกบั ตา่ งประเทศ จงึ ทำใหอ้ ยุธยาเป็นศูนยก์ ลางการค้ากบั ตา่ งประเทศ มเี ศรษฐกิจรุ่งเรอื ง มรี ายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรเปน็ จำนวนมาก สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช พระองค์มีพระราชกรณยี กิจท่ีสำคญั คือ การรวบรวมกำลงั ไวต้ ่อสู้กบั พม่า สร้างความเปน็ ปึกแผ่นของพระ ราชอาณาจกั รบญุ คณุ ของพระองค์ท่ีมีต่อประเทศชาตใิ นด้านต่าง ๆ ทรงสนพระทัยด้านวรรณกรรม ทรงนพิ นธบ์ ทละคร เรือ่ งรามเกียรต์ิ ทำนบุ ำรุงพระพุทธศาสนาใหร้ ่งุ เรืองดงั แต่กอ่ นนอกจากนพ้ี ระองค์ยังทรงเป็นนกั รบและนักปกครองชน้ั ดี เยี่ยม มคี ุณลกั ษณะผ้นู ำอยเู่ ตม็ ตวั ทง้ั ในยามคบั ขันและยามปกติ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช (รชั กาลท่ี 1) โปรดใหย้ า้ ยราชธานีจากกรุงธนบรุ ีไปยงั ที่แห่งใหมซ่ งึ่ อยคู่ นละฝง่ั ของแม่น้ำเจ้าพระยา เม่อื พ.ศ. 2325 ตอ่ มาได้ พระราชทานนามวา่ กรุงรัตนโกสนิ ทร์ หรอื กรงุ เทพฯ ในปจั จบุ นั การสร้างพระบรมมหาราชวงั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธ ยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช พระองค์โปรดใหส้ รา้ งวดั ขน้ึ ในพระบรมมหาราชวงั คือ วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม หรอื วดั พระ แก้วแล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐาน ในสมยั รชั กาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัวทรงเปล่ียน นโยบายต่างประเทศ มาเป็นการค้ากบั ชาวตะวนั ตก เพ่อื ความอยู่รอดของชาติ เนือ่ งจากทรงตระหนกั ถงึ ภัยจากลทั ธิ จกั รวรรดินยิ ม ซง่ึ กำลังคุกคามประเทศต่าง ๆ อยู่ในขณะนัน้ จดุ เริ่มของการเปลย่ี นแปลงนโยบายต่างประเทศ คอื การทำ สนธิสัญญาเบาวร์ ิง กบั อังกฤษ ใน พ.ศ. 2398 โดยพระนางเจ้าวกิ ตอเรียไดแ้ ต่งต้งั ให้ เซอร์ จอห์น เบาว์ริง เป็นราชทูต เขา้ มาเจรจา ในสมยั รชั กาลท่ี 4 ทรงแกไ้ ขเปลยี่ นแปลงประเพณี คือ เปิดโอกาสให้ราษฎรเข้าเฝ้าได้โดยสะดวกใหร้ าษฎรเข้าเฝ้าถวายฎีการ้องทกุ ข์ ไดใ้ นขณะที่ทรงเสดจ็ พระราชดำเนินรัชกาลท่ี 5 ทรงเปลีย่ นแปลงสถานะของไพร่ใหเ้ ป็นพลเมืองปลดปลอ่ ยทาสซงึ่ นำไปสู่ การเลิกทาส และปฏิรปู การศกึ ษาโดยการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในวัดสำหรับราษฎรรัชกาลท่ี 6 ทรงประกาศใช้ พระราชบญั ญตั ิ โปรดใหใ้ ชพ้ ุทธศักราช (พ.ศ.) เป็นศักราชทางราชการ แทนรตั นโกสนิ ทร์ศก (ร.ศ.) เปลี่ยนแปลงการนบั เวลาทางราชการ ให้สอดคล้องกับสากลนิยม โปรดใหก้ ำหนดคำนำหนา้ ชือ่ เด็กหญงิ เด็กชาย นางสาว และ นาง เปลีย่ นแปลงธงประจำชาติ จากธงรูปชา้ งเผือก มาเป็นธงไตรรงคต์ รากฎมณเฑยี รบาลวา่ ด้วยการสืบสันตติวงศ์ตามแบบ ประเทศยโุ รป รชั กาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้เปล่ียนมาตราเงนิ ไทยมาใช้ระบบทศนิยมกำหนดให้1 บาท มี 100 สตางค์ สร้างเหรยี ญสตางค์ ทำด้วยทองขาว และเหรียญทองแดง และได้โปรดเกลา้ ฯได้พมิ พ์ธนบตั รข้นึ ใช้ โดยตราพระราชบัญญตั ิธนบัตร ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) และต้ังกรมธนบตั รขึ้นสงั กัดกระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ นอกจากนี้ยงั ประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัตมิ าตรา ทองคำ ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) โดยใช้ทองคำเป็นมาตรฐานเงนิ ตราแทนเงนิ และได้ประกาศยกเลิกการใชเ้ งนิ พดด้วง เหรียญ เฟ้ือง เบีย้ ทองแดงตา่ ง ๆ เบี้ยสตางค์ทองขาว โดยให้ใชเ้ หรียญบาท สลึง และเหรียญสตางค์อย่างใหม่แทน และขุด คลอง ตัดถนนเพิ่มข้ึนหลายสาย

๑๑๒ รชั กาลที่ 6 โปรดตั้งคลังออมสนิ ขึ้น (ปจั จุบัน คอื ธนาคารออมสนิ ) ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช (รชั กาลที่ 9) พระองค์มพี ระราชกรณยี กจิ ด้านการพฒั นาทสี่ ำคัญ คือ การบริหารจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม เปน็ ส่งิ ทีท่ รงสนพระราชหฤทยั อย่างย่ิง ทรงตระหนักวา่ ปญั หาเกษตรกรมาจากทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท่ีเสอื่ ม โทรม ถูกทำลายจำนวนมาก ทรงคิดคน้ ดัดแปลงปรับปรุง และแก้ไขด้วยการพฒั นาทดี่ ำเนินการไดง้ า่ ย ไมย่ ่งุ ยากซับซอ้ น สอดคล้องกับสภาพความเปน็ จริงของความเปน็ อยู่ และระบบนเิ วศในแต่ละภูมิภาค พระราชกรณยี กิจทท่ี รงปฏิบัติมา ตลอดรัชสมัยเปน็ ทย่ี อมรับ ทรงสรา้ งรูปแบบท่ีเป็นตัวอย่างของการพฒั นาแบบยง่ั ยนื ผสมผสานความตอ้ งการของราษฎร ใหเ้ ขา้ กบั การประกอบอาชพี โดยทรงนำพระราชดำริมาปฏบิ ตั ิจรงิ และสามารถพฒั นาให้เป็นทฤษฎีใหม่ ซง่ึ เปน็ ระบบการ จดั การทดี่ นิ และแหล่งนำ้ เพื่อการเกษตรทย่ี ง่ั ยืนทำใหเ้ กษตรกรสามารถดำเนนิ ชวี ติ ได้อย่างมคี วามสุขตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง ในรัชสมยั สมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู (รัชกาลท่ี 10) ทรงมพี ระราชดำริด้านการส่งเสรมิ การศกึ ษา ได้แก่ “โครงการทุนการศกึ ษาสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวมหาวชริ าลง กรณวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร” เพอ่ื สนบั สนนุ และสง่ เสริมการศึกษาแกเ่ ดก็ และเยาวชน

๑๑๓ ใบงานที่ 11 รายวชิ า สงั คมศึกษา วชิ า สค ๑1001 เรือ่ ง ประวัติศาสตรช์ าติไทย 1.ใหผ้ เู้ รยี นบอกและยกตวั อย่าง บุญคุณของพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยต้ังแตส่ มยั สุโขทยั อยธุ ยา ธนบุรแี ละรตั นโกสินทร์ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

๑๑๔ เฉลยใบงาน วิชา ประวัติศาสตรช์ าตไิ ทย สค12024 ระดบั ประถมศึกษา 1. ใหผ้ ูเ้ รยี นบอกและยกตวั อย่าง บญุ คุณของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบรุ ีและรตั นโกสินทร์ ตอบ สมัยพอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราช ด้านการเมืองการปกครอง พระองคท์ รงใชร้ ปู แบบการปกครองแบบพอ่ ปกครองลกู ดา้ นเศรษฐกจิ พระองค์ทรงโปรดใหส้ ร้างทำนบกักเกบ็ นำ้ ท่เี รียกวา่ ทำนบพระร่วง หรือ สรดี ภงสเ์ พื่อใช้กักเก็บนำ้ ไวใ้ ชใ้ นฤดูแลง้ ด้านศิลปวัฒนธรรม พระองคท์ รงประดษิ ฐต์ วั อกั ษรไทยท่ีเรียกว่า ลายสือไทย สมัยอยธุ ยา สมเด็จพระรามาธิบดที ่ี 1 (พระเจา้ อทู่ อง) 1. ทรงปฏริ ูปการปกครอง 2. ทรงประกาศใช้กฎหมายลกั ษณะสำคญั คอื กฎหมายศักดินา เปน็ การกำหนดสทิ ธิหนา้ ท่ีมูลนายและไพร่ 3. โปรดเกลา้ ฯ ให้ประชุมนกั ปราชญ์ราชบณั ฑติ แต่งหนงั สือมหาชาติคำหลวง พร้อมท้งั สรา้ งวัดจุฬามณี 4. ทรงรวมอาณาจกั รสุโขทยั เปน็ ส่วนหนงึ่ ของอยธุ ยาโดยสมบูรณ์ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ด้านการเมอื งการปกครอง พระองค์โปรดให้ปรับปรุงการปกครองหัวเมืองใหญเ่ ป็นการรวมอำนาจเข้าส่ศู นู ยก์ ลางยกเลิกระบบเมืองพระยาม หานคร ยกเลกิ ให้เจา้ นายไปปกครองเมืองเหลา่ น้ี แลว้ ใหข้ นุ นางไปปกครองแทน จดั หวั เมอื งตามความสำคญั และขนาด เป็น เอก โท ตรี จตั วา ดา้ นการค้าขาย ทรงสง่ ทูตไปประเทศจีน เพ่ือรับรองฐานะกษตั รยิ ์ของพระองค์และติดตอ่ คา้ ขายกับประเทศจีน ขยายการคา้ ไป ประเทศสเปน สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช พระองคม์ พี ระราชกรณียกิจทีส่ ำคญั คือ การรวบรวมกำลังไวต้ อ่ สกู้ ับพม่า สร้างความเป็นปึกแผ่นของพระ ราชอาณาจกั รบุญคุณของพระองคท์ ่มี ีต่อประเทศชาติในดา้ นต่าง ๆ ทรงสนพระทยั ด้านวรรณกรรม ทรงนิพนธ์บทละคร เรื่องรามเกยี รติ์ ทำนุบำรุงพระพทุ ธศาสนาให้รุ่งเรอื งดังแตก่ อ่ นนอกจากนพ้ี ระองคย์ งั ทรงเปน็ นกั รบและนักปกครองช้ันดี เยย่ี ม มีคณุ ลักษณะผนู้ ำอยู่เตม็ ตัว ทง้ั ในยามคับขันและยามปกติ

๑๑๕ ในรัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช (รชั กาลท่ี 9) พระองคม์ พี ระราชกรณียกิจด้านการพฒั นาทสี่ ำคัญ คือ การบริหารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม เป็นสิง่ ทีท่ รงสนพระราชหฤทยั อย่างยงิ่ ทรงตระหนักวา่ ปญั หาเกษตรกรมาจากทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมท่ีเสอื่ ม โทรม ถูกทำลายจำนวนมาก ทรงคิดคน้ ดัดแปลงปรับปรุง และแก้ไขดว้ ยการพฒั นาทดี่ ำเนนิ การไดง้ า่ ย ไมย่ ่งุ ยากซับซ้อน สอดคล้องกบั สภาพความเป็นจรงิ ของความเปน็ อยู่ และระบบนิเวศในแตล่ ะภูมิภาค พระราชกรณียกจิ ทท่ี รงปฏบิ ัติมา ตลอดรชั สมัยเป็นทยี่ อมรับ ทรงสรา้ งรูปแบบที่เป็นตวั อย่างของการพฒั นาแบบยงั่ ยืน ผสมผสานความตอ้ งการของราษฎร ใหเ้ ข้ากบั การประกอบอาชีพ โดยทรงนำพระราชดำริมาปฏิบตั ิจรงิ และสามารถพัฒนาใหเ้ ปน็ ทฤษฎีใหม่ ซง่ึ เปน็ ระบบการ จัดการที่ดนิ และแหล่งนำ้ เพ่ือการเกษตรท่ียั่งยนื ทำให้เกษตรกรสามารถดำเนินชีวติ ได้อยา่ งมคี วามสุขตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง ในรชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู (รชั กาลที่ 10) ทรงมีพระราชดำริดา้ นการสง่ เสรมิ การศึกษา ไดแ้ ก่ “โครงการทนุ การศกึ ษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลง กรณวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู ” เพ่ือสนบั สนุนและส่งเสริมการศกึ ษาแกเ่ ดก็ และเยาวชน

๑๑๖ บันทึกหลังสอน สปั ดาห์ที่ 11 วนั จันทร์ วนั ที.่ ...27 .....เดือน..ธันวาคม.........พ.ศ. ...2564...... ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .....................................................ผู้สอน (นายจิรัสยพ์ งษ์ วเิ ศษสิทธโิ ชค) ครู กศน.ตำบล. ความคิดเหน็ หัวหนา้ งานการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางสาวปณั ณป์ าลี ศิริธุวานนท์) งานการศึกษาข้ันพน้ื ฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .......................................................... (นายอำไพ ข่าขนั มะลี) รองผ้อู ำนวยการ สำนักงาน กศน.จังหวัดอา่ งทอง รักษาการในตำแหนง่ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ

๑๑๗ แผนการจดั การเรียนการสอนรายสปั ดาห์ ภาคเรียนท่ี ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศึกษา กศน.อำเภอวิเศษชยั ชาญ สัปดาห์ท่ี ๑๒ วัน ...จนั ทร์ .....วันที.่ ....3.....เดอื น.....มกราคม.....พ.ศ..2565....เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา สค 11001 จำนวน 2 หน่วยกิต มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ การไดเ้ รยี นรเู้ กยี่ วกบั ตนเอง สภาพแวดล้อมท้องถิน่ จงั หวดั ภาค และประเทศของตนทั้งดา้ น ประวัติศาสตร์ ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ กายภาพ เศรษฐกจิ การเมือง การปกครอง ตลอดจนการไดร้ ับการ พฒั นาความรู้ ความเขา้ ใจในศาสนา มีจิตสำนกึ และมีสว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื การพัฒนาท่ีย่งั ยนื หน่วยการเรียนร/ู้ เร่อื ง เศรษฐศาสตร์ สาระสำคัญ การศกึ ษาและทำความเข้าใจเก่ียวกบั ทรัพยากร ลักษณะอาชีพ ปญั หาและสาเหตุการวา่ งงานในท้องถิน่ และ ผลกระทบท่ีเกิดข้ึนในสงั คม ตลอดจนระบบและสถาบนั ทางเศรษฐกิจต่างความสัมพนั ธข์ องระบบ เศรษฐกิจและความจำเปน็ ของการรว่ มมือกันทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลกจะทำให้ผูเ้ รียนสามารถบรหิ ารจดั การ ทรพั ยากรในการผลติ และการบริโภค การใช้ทรัพยากรท่มี อี ยู่อยา่ งจำกัดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและคุ้มคา่ เน้ือหา เร่อื งที่ 1 เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน เร่ืองท่ี 2 กิจกรรมทางเศรษฐกิจ เรือ่ งท่ี 3 คุณธรรมของผู้ผลติ ผู้บรโิ ภค เร่อื งที่ 4 ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในท้องถิน่ และชมุ ชน จดุ ประสงค์การเรยี นร/ู้ ผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวงั 1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชมุ ชนได้ 2. อธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างความตอ้ งการทรัพยากรท้องถ่นิ กบั ปริมาณและข้อจำกัดของ ทรัพยากรในด้านต่าง ๆ ได้ 3. ใช้ทรพั ยากรบนพื้นฐานของความพอเพียงด้านเศรษฐกจิ อย่างมคี ุณธรรม 4. นำระบบและวิธกี ารของเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยุกตใ์ ชก้ บั ชีวิตประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม 5. ใชท้ รพั ยากรบนพ้ืนฐานของความพอเพียงดา้ นเศรษฐกจิ อยา่ งมีคุณธรรม 6. อธบิ ายระบบการพ่ึงพาการแข่งขนั และประสานประโยชน์ในทางเศรษฐกิจไดถ้ ูกตอ้ ง กระบวนการจัดการเรยี นร้แู ละกิจกรรมเพิ่มเตมิ ข้นั ท่ี 1 กำหนดสภาพปัญหา ความตอ้ งการ ครผู ้สู อนทักทายกลา่ วนำ ถึงเรือ่ ง การดำรงชวี ิตในสภาวะเศรษฐกิจในปจั จบุ ัน ขนั้ ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและการจัดการเรยี นรู้ ๑.ครูใหส้ ่งใบงานสัปดาห์ที่ ๑๑ และครูผู้สอนสรปุ ความรู้เกย่ี วกบั เรือ่ ง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน, กิจกรรมทางเศรษฐกิจ, คุณธรรมของผ้ผู ลิต ผูบ้ ริโภค, ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นและชุมชน ๒. ครูและผเู้ รียนร่วมกันสรุปและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเศรษฐศาสตร์และวิธกี ารดำรงชวี ติ ในปัจจุบนั ๓. ครูให้ผู้เรียนศึกษาเพิม่ เติมจากแหลง่ เรยี นรู้อน่ื ๆ และมอบหมายงาน เรื่อง เศรษฐศาสตร์ ส่งในสัปดาหท์ ี่ ๑๓

๑๑๘ ขนั้ ท่ี 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกตใ์ ช้ ครูสรปุ องค์ความรู้เร่อื ง เศรษฐศาสตร์และสรุปความร้ทู ี่ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้ ขนั้ ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ประเมินผลจากการทำใบงาน ประเมินผลจากการสังเกตพฤติกรรม ส่ือการเรียนรู้ หนงั สอื เรียนวชิ าสงั คมศกึ ษา ระดบั ประถมศึกษา ใบงาน ใบความรู้ เรื่อง ความรู้เบื้องตน้ เกย่ี วกบั เศรษฐศาสตร์ อินเตอร์เน็ต การวัดผลและประเมนิ ผล ใบงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ลงช่ือ.....................................................ผูส้ อน (นายจิรัสย์พงษ์ วเิ ศษสิทธโิ ชค) ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้างานการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ .............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศิริธวุ านนท์) งานการศึกษาข้ันพน้ื ฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .......................................................... (นายอำไพ ข่าขันมะลี) รองผอู้ ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จงั หวัดอา่ งทอง รักษาการในตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ

๑๑๙ ใบความรู้ท่ี ๑๒ วิชาสังคมศกึ ษา สค 11001 ระดับประถมศกึ ษา เร่อื ง ความรู้เบื้องต้นเกยี่ วกับเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาทศี กึ ษาถึงพฤตกิ รรมของมนษุ ย์ เกี่ยวกับการเลือกใช้ทรัพยากรการผลติ ท่มี อี ยู่อย่าง จำกดั มาทำใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุด โดยผลิตสินค้าและบริการขัน้ สุดทา้ ย และจำหน่ายจ่ายแจกไปยงั บคุ คลกลมุ่ ต่างๆ ของ สังคมหนง่ึ ๆ เพื่อสนองความตอ้ งการของมนุษย์ทมี่ ีอยูอ่ ยา่ งไมจ่ ำกัดให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ความหมายของการผลิต การผลติ (production) หมายถึง การนำปัจจยั การผลิตซงึ่ มอี ยจู่ ำกดั ได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน และผู้ประกอบการ มาผ่าน กระบวนการผลติ อย่างใดอยา่ งหนง่ึ เพือ่ ผลติ เป็นสินค้าและบรกิ ารประเภทเศรษฐทรพั ย์ (economic goods = เปน็ สินค้า ท่มี ีมลู ค่าคำนวณเปน็ ราคาซอ้ื ขาย เพราะมจี ำนวนจำกัด ตรงข้ามกบั ทรพั ยเ์ สรี (free goods) ซงึ่ มีปริมาณเกินความ ตอ้ งการของมนุษย์ จงึ ไม่จำเปน็ ตอ้ งคำนวณราคาซอ้ื ขาย) สำหรับผลติ สนองความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค (needs and wants) เชน่ โรงงานน้ำตาลนำออ้ ยไปผา่ นกระบวนการผลติ รวมทง้ั การใช้เครอ่ื งมอื เครือ่ งจกั ร อปุ กรณ์ และแรงงานขน ยา้ ย ได้ผลผลิตเป็นนำ้ ตาลทราย เปน็ ต้น ปัจจยั การผลิต ปจั จัยการผลติ (tactors of production) หรอื ทรพั ยากรการผลิต หมายถึง สิ่งท่นี ำมาใช้ประกอบกันในการผลิตสินค้า และบริการ แบ่งออกเปน็ 4 ประเภท คอื ทดี่ ิน แรงงาน ทนุ และผู้ประกอบการ 1. ท่ดี นิ รวมถงึ สงิ่ ท่ีเกิดขนึ้ จากธรรมชาติ ซึ่งมนษุ ยไ์ ม่ไดส้ ร้างขึ้น เชน่ นำ้ ป่าไม้ แร่ธาตุ ความหมายของคำวา่ ท่ดี นิ ในทาง เศรษฐศาสตร์จะกวา้ งกว่าที่ใช้ทัว่ ไป กล่าวคือ ในการผลติ ภาคเกษตรใช้ที่ดนิ เพอ่ื การเพาะปลกู เลีย้ งสัตว์ ใน ภาคอตุ สาหกรรมใช้ที่ดินเป็นที่ตั้งโรงงานเก็บสินคา้ แต่ท่ีดินยงั หมายความรวมถงึ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่เี กิดเหนือ ดนิ ภายในดนิ และตำ่ กว่าระดับพน้ื ดินดว้ ย เช่น นำ้ สตั วน์ ้ำ ปา่ ไม้ สตั วป์ า่ กา๊ ซธรรมชาติ นำ้ มนั ดิบ แร่ธาตุ เป็นตน้ 2. ทนุ รวมถงึ เครื่องมือ เครอื่ งจกั ร อปุ กรณ์ และสถานท่ีที่ใช้ในการผลิต หมายถึง สิง่ ที่มนษยส์ รา้ งขึ้นสำหรบั ใช้รว่ มกบั ปจั จยั การผลติ อื่นๆ เพอ่ื การผลิตสนิ คา้ แบะบรกิ าร เรียกอกี ชื่อหน่ึงว่า สินค้าทนุ (capital goods) ได้แก่ สิง่ กอ่ สรา้ ง เชน่ โรงงาน ถนน สะพาน ทางรถไฟ เคร่อื งจกั รเครอ่ื งมอื เช่น เครอื่ งจกั รในโรงงาน เคร่ืองสบู นำ้ รถแทรกเตอร์ รถบรรทุก รถ ไถนา สัตว์ท่ีใช้แรงงาน อุปกรณ์ตา่ งๆ วตั ถดุ ิบ เช่น เมลด็ พันธพ์ุ ชื ปุย๋ ยาฆา่ แมลง น้ำมันเช้ือเพลิง เหลก็ เส้น ไม้แปร รปู ยางแผ่น เม็ดพลาสตกิ ผัก ผลไม้ ท่ีจะนำมาประกอบหรือแปรรปู สินค้าทนุ เหลา่ นถี้ อื วา่ เปน็ ทนุ ท่ีแท้จรงิ (real capital) ทุนเป็นตวั เงิน หรอื เงินทนุ (money capital) ในแง่ของนกั เศรษฐศาสตร์พจิ ารณาวา่ เป็นเพียงสอื กลางใช้ แลกเปลี่ยน แต่ สินค้าทนุ จะเปน็ ตวั บง่ ช้ีกำลังการผลติ ท่เี ปน็ จรงิ ได้ดีกวา่ เงินทนุ ดงั นัน้ เงนิ ทุนจึงไมน่ บั เป็นทนุ ในทาง เศรษฐศาสตร์ ดอกเบย้ี (interest) เป็นผลตอบแทนของเจา้ ของทุน เน่ืองจากสินค้าทนุ มีความยุ่งยากในการคำนวณผลตอบแทน จึงมัก ตรี าคาเป็นตวั เงินกอ่ น และคำนวณหาผลตอบแทนเปน็ ดอกเบ้ียเชน่ เดยี วกับเงนิ ทุน 3. แรงงาน รวมถึงกำลังกายและกำลงั ความคิดของคนท่ใี ชใ้ นการผลติ หมายถึง ความสามารถทั้งกำลงั กายและกำลัง ความคดิ ตลอดจนความร้คู วามชำนาญของมนุษย์ ที่ใช้ไปในการผลติ สินคา้ และบริการ แตไ่ มร่ วมถึงความสามารถในการ ประกอบการซึง่ เปน็ ปัจจยั การผลติ อีกประเภทหนึ่งท่จี ะกล่าวในลำดับตอ่ ไป ผู้ใชแ้ รงงานหรือเจ้าของแรงงาน ซง่ึ เรียกส้ันๆ วา่ แรงงาน จะได้รบั ค่าจา้ ง (wages) เปน็ ผลตอบแทน แรงงานแบ่งออกเป็น 2 กลุม่ ใหญ่ๆ คอื 1) แรงงานทม่ี ที กั ษะ (skilled labor) เป็นแรงงานที่ไดร้ ับการฝกึ ฝนมาอยา่ ดี การปฏิบัติงานใช้กำลังความคดิ มากกกว่าใช้ แรงกาย เชน่ แพทย์ สถาปนิก วศิ วกร เปน็ ต้น

๑๒๐ 2) แรงงานทไี่ มม่ ที ักษะ (unskilled labor) เป็นแรงงานทไี่ มไ่ ดร้ ับการฝกึ ฝนมากอ่ น มักทำงานโดยอาศยั กำลังกาย เช่น คนงานรับจ้างทว่ั ไป คนงานขนข้าวสารในโรงสี เป็นต้น 4. ผูป้ ระกอบการ คอื ผทู้ น่ี ำที่ดิน ทนุ แรงงาน มาร่วมดำเนนิ การผลติ ผู้ประกอบการ (entrepreneur) หมายถงึ ผทู้ ีน่ ำ ทด่ี นิ แรงงาน และทุนมาดำเนนิ การผลิตสนิ คา้ และบรกิ ารเพอ่ื สนองความต้องการของผบู้ ริโภค ผู้ประกอบการจำเปน็ ต้อง มีความรูเ้ ก่ียวกับการผลิต สามารถคาคคะเนแนวโน้มความตอ้ งการของผบู้ ริโภคและกำลงั การผลิตในอนาคตได้ นอกจากนี้ ยังต้องเปน็ ผ้ตู ัดสนิ ใจวา่ จะผลิตอะไร ปริมาณเทา่ ใด ใชเ้ ทคนิคการผลิตแบบใด ผลิตแลว้ จำหนา่ ยแกใ่ คร ราคาต่อหน่วย เป็นเท่าใด จึงจะได้ผลตอบแทนสงู สุด ผ้ปู ระกอบการจะต้องยอมรับการเสย่ี งในธรุ กจิ ของตน ผลตอบแทนทผ่ี ู้ประกอบการ ได้รับอยูใ่ นรปู ของ กำไร (profit) ผปู้ ระกอบการมบี ทบาทสำคญั มาในการพัฒนาและสรา้ งความเจริญกา้ วหน้าทางเศรษฐกจิ ประเทศตา่ งๆ ทมี ีการพฒั นา เศรษฐกิจสูง ส่วนใหญม่ าจากการริเริ่มของผูป้ ระกอบการา ปัจจุบันประเทศไทยไดใ้ ห้ความสำคญั ตอ่ ผู้ประกอบการขนาด กลางและขนาดย่อม (Small and Medium scales Enterpreneurs SMEs) คุณธรรมของผูผ้ ลิต ผผู้ ลิตสินค้าและบริการเพอ่ื สนองความต้องการของผบู้ รโิ ภค โดยปกตมิ ีเป้าหมายทีจ่ ะแสวงหากำไรสูงสดุ และใช้ต้นทนุ การผลติ ต่ำที่สุด แตใ่ นปจั จบุ ันจำเปน็ ตอ้ งให้ความสำคญั ตอ่ ผลกระทบด้านสังคม และวฒั นธรรมรว่ มด้วย นั่นคือคุณธรรม ของผผู้ ลิต ผู้ผลติ ที่ขาดคุณธรรมและหวังแต่ผลประโยชนข์ องตน จะกอ่ ความเสยี หายต่อผู้บรโิ ภค ผู้ผลิตรายอ่นื สังคม สว่ นรวมและประเทศชาติ พฤติกรรมการณท์ ่ปี รากฏเป็นข่าวบ่อยๆ เชน่ ละเมิดสิทธ์โิ ดยการผลติ เทปและซีดปี ลอม การ ผลติ เส้ือผ้า กระเป๋าเลยี นแบบสินค้าตา่ งประเทศยี่หอ้ ท่มี ชี ่อื เสยี ง ผลิตผลติ ภัณฑ์ในครวั เรือนปลอม ใชส้ ยี อ้ มผ้าผสม อาหาร ใสฟ่ อร์มาลนิ แช่อาหารสด ฉีดยาปอ้ งกันกำจัดศัตรพู ชื กอ่ นเกบ็ พชื ผลทำให้มสี ารพษิ ตกคา้ งในผักผลไม้ ปลอ่ ยน้ำ เสียจากโรงงานหรอื ฟารม์ ลงในแม่น้ำลำคลอง เป็นการสรา้ งมลภาวะอนั เป็นปัญหาของสงั คม เป็นตน้ การกระทำเหลา่ นี้ นอกจากผิดศีลธรรมแล้ว ยังขดั ต่อระเบยี บชอ้ บงั คับตามกฎหมายบ้านเมืองดว้ ย คุณธรรมทีสำคัญสำหรบั ผู้ผลิตไดแ้ ก่ ความซื่อสัตย์ และความรบั ผิดชอบ ความหมายของการบริโภค และผ้บู ริโภค การบริโภค (consumption) หมายถึง การใช้ประโยชน์จากสินคา้ และบริการ เพอ่ื สนองความต้องการของผบู้ ริโภค การ บริโภคในทางเศรษฐศาสตรจ์ ึงมิได้หมายถงึ เฉพาะการรบั ประทานอาหารเท่านน้ั แต่ยังรวมไปถึงการใช้สนิ ค้าและบรกิ าร สนองความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคโดยวิธีการอื่นๆ ดว้ ย เชน่ การด่ืมเครอื่ งดม่ื การชมภาพยนตร์ การฟงั เพลง การดม นำ้ หอม การอ่านหนงั สอื พิมพ์ การใช้ปากกา การซ้ือเส้อื ผา้ การเช่าบ้าน การรบั บรกิ ารตรวจรักษา การโดยสารรถประจำ ทาง เปน็ ต้น ผบู้ รโิ ภค (consumer) หมายถึง ผู้ซ้ือสนิ คา้ และบรกิ ารเพ่ือสนองความตอ้ งการของตน จุดมุ่งหมายทีส่ ำคัญของผูบ้ รโิ ภค คือ ความพอใจสูงสุดจากการบรโิ ภคสินค้าและบรกิ ารทีซ่ อื้ มา คำวา่ ผบู้ ริโภค เป็นคำกลางๆ ยงั มคี ำอืน่ ๆ ที่ใชเ้ รียกผู้บริโภคในลักษณะตา่ งๆ ไดอ้ ีก เชน่ คำวา่ ผู้ ซอื้ ลูกค้า ผู้ชม ผูอ้ า่ น ผูฟ้ งั ผ้เู ช่า ผู้โดยสาร เป็นต้น หลักการและวธิ ีเลอื กสินค้าและบรกิ าร ในการเลือกบริโภคสนิ ค้าและบริการ ควรคำนึงถึงหลักการและวธิ ีการ ดังนี้ ความประหยัด ในการบรโิ ภคสินค้าและบรกิ าร ควรคำนงึ หลกั ความประหยัด ซ่งึ เป็นการบริโภคตามความเหมาะสม ไม่เกินความจำเป็น ซ่ึงจะเป็นประโยชนแ์ กผ่ ู้บรโิ ภคไม่เป็นการส้นิ เปลืองทรพั ยากร

๑๒๑ คุณภาพและราคา สนิ คา้ และบริการโดยทั่วไปที่มคี ุณภาพสงู มักจะมีราคาสูงตามไปดว้ ย แมแ้ ต่สินคา้ ประเภทเดีวกันกม็ ีคณุ ภาพแตกต่างกนั เชน่ น้ำตาลทราย ข้าวสาร เปน็ ต้น การประหยดั ของผ้บู ริโภคในการเลือกซอ้ื สนิ า้ และบริการควรคำนึงเรือ่ งคุณภาพควบคู่ ไปด้วย ในการบริโภคสินค้าผูบ้ รโิ ภคจะตอ้ งวิเคราะห์สินา้ หรือบริการนัน้ เปน็ สนิ คา้ หรือบริการท่มี ีคุณภาพมากน้อย เพยี งใด เช่น นกั เรยี นจะซ้ือเสื้อสกั หนง่ึ ตัว กอ่ นอื่นจะตอ้ งพจิ ารณาก่อนว่า เสอ้ื ทนี่ กั้ เรยี นจะซ้อื จะสวมใส่ไปงานใด โอกาส ใดบา้ ง จงึ ค่อยพจิ ารณานต่อไปว่า จะซ้อื เสื้อท่มี ีเน้ือผา้ อย่างไร แบบและสีใด ควรจะเลือกเน้ือผ้าท่มี ีความทนทาน ดูแล รกั ษางา่ ย ตอ่ ไปจึงคอ่ ยพิจารณาราคาของเสอ้ื ยี่ห้อตา่ งๆ ควรพจิ ารณาราคาตามคณุ ภาพของเสื้อวา่ สมเหตุสมผลหรือไม่ เสอื้ บางยห่ี ้อตั้งราคาสูงเกินความเป็นจริง ก็ไม่ควรซ้อื ไม่ควรซื้อสินค้าตามความนยิ มโดยไม่ไดพ้ จิ ารณาราคาและคุณภาพ ปลอดภยั ในยคุ ท่เี ทคโนโลยกี ารผลิตทนั สมยั ทำให้มีการนำมาใช้ในกรรมวธิ ีการผลิตเพื่อเพม่ิ ปรมิ าณการผลิต หรือทำให้สินค้าคงทนมี สสี ันสดุดตา โดยใช้วัสดุที่เป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ ฉะนั้นผูบ้ รโิ ภคจะต้องดฉู ลากกอ่ นการบรโิ ภค โดยคำนงึ ถงึ ส่วนผสม และ วนั หมดอายุ 6, กฎหมายของการค้มุ ครอบผู้บริโภค การคุม้ ครองผู้บริโภค หมายถึง การปอ้ งกนั ดูแลประชาชนซึง่ เปน็ ผู้บริโภคให้ได้รบั ความปลอดภยั ความเป็นธรรม และ ความประหยัด ในการบริโภคสินคา้ และบริการ ความปลอดภัย หมายถึง เมอื่ นำสินค้าและบรกิ ารไปใชจ้ ะตอ้ งไม่เป็นพษิ เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพยส์ ินของ ผู้บรโิ ภค ตวั อย่างสินค้าท่เี ปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ เช่น อาหารท่มี ีสารพิษตกค้าง เช่น ยาฆ่าแมลง สารถนอมอาหร เปน็ ต้น เครอ่ื งใช้ไม้สอยท่ีทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ ของเล่นเดก็ ทม่ี ลี ักษณะลอ่ แหลมตอ่ การเกดิ อันตราย เช่น สหี รอื วัสดุทไี่ ม่ เหมาะกับทารก เป็นต้น ความเปน็ ธรรม หมายถึง การที่ผ้ผู ลิตหรอื ผู้ขาย หรอื ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ จะต้องไมห่ ลอกลวงผบู้ รโิ ภคด้วยกลวธิ ีต่างๆ เช่น การปลอมปนคณุ ภาพ การตดิ ราคาสินค้าที่คลาดเคลอื่ นจากความเปน็ จรงิ การโฆษณามอมเมาใหผ้ ู้บรโิ ภคหลงเชอื่ และ ตอ้ งตกอย่ใู นฐานะผ้เู สียประโยชน์ เปน็ ตน้ ความประหยัด หมายถึง การส่งเสริมให้เกิดความเป็นธรรมในการซอ้ื ขายแลกเปลย่ี นสนิ ค้าและบรกิ าร โดยไม่กำหนดราคา สนิ คา้ ในลักษณะท่ีกอ่ ให้เกดิ การแลกเปลยี่ นในมลู คา่ สงู กวา่ ราคาที่แท้จรงิ ของสนิ ค้าและบรกิ ารนนั้ ๆ ดังนัน้ ผู้บรโิ ภคจงึ ควร รู้จักการประหยัด และมคี วามระมดั ระวังในการซอ้ื สินค้าและบรกิ าร เปน็ ตน้ การคุ้มครองผู้บริโภคของภาคเอกชนและภาครัฐบาลกระทำไดด้ งั นี้ 1. การคมุ้ ครองผบู้ ริโภคของภาคเอกชน การให้การค้มุ ครองผู้บรโิ ภคของภาคเอกชน หมายถงึ ผู้ประกอบการ และ ผูบ้ รโิ ภคที่เปน็ ประชาชนทัว่ ไป 1) ผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการผลิตและจำหนา่ ยสินค้าให้ผบู้ ริโภคมกั ม่งุ แสวงหากำไรสูงสดุ โดยการลดต้นทุนการผลิต ใหก้ ับธุรกจิ แนวคดิ ของผูป้ ระกอบการโดยทัว่ ไปมักไม่เน้นการรกั ษาผลประโยชนข์ องผบู้ ริโภคมากนัก มีบางสว่ นท่ีมี นโยบายคืนกำไรสสู่ ังคม เชน่ โครงการใหท้ นุ การศึกษาแก่นักเรยี นยากจน โครงการนำบางสว่ นของราคาสนิ ค้าท่ีจำหน่าย ไดส้ มทบทุนเพอื่ สาธารณกุศล การเกบ็ ค่าบริการหรอื ขายสนิ ค้าราคาต่ำแก่นกั เรียน นิสติ นักศกึ ษา เปน็ ต้น 2) ผ้บู ริโภคทเ่ี ป็นประชาชนทั่วไป ผู้บรโิ ภคไดร้ วมตวั ร่วมมือกนั ในรปู ของสมาคม มูลนธิ ิ ชมรม กล่มุ ไม่น้อย กวา่ 50 องคก์ ร ทำการรณรงค์เพ่ือผู้บริโภคตลอดจนกระจายขา่ วขอ้ มลู ตา่ งๆ ท่ีเป็นประโยชน์ต่อผู้บรโิ ภค บางกล่มุ ศกึ ษาวจิ ยั ปัญหาของผู้บริโภคทีเ่ กดิ ข้ึนในสังคมไทย ผู้บริโภคยงั ไมท่ ราบสิทธิของตนในเรอื่ งการคุม้ ครองผบู้ ริโภคทเ่ี กิดขนึ้ ในสังคมไทย ผู้บรโิ ภคยังไม่ทราบสทิ ธขิ องตนในเรอ่ื งการคมุ้ ครองผูบ้ ริโภค เน่ืองจากไม่ไดใ้ หค้ วามสนใจรับรขู้ ่าวสารในเร่ือง น้ี หรอื ไม่ทราบว่าจะร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลอื จากหนว่ ยงานราชการใด ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการคุม้ ครอง ผบู้ ริโภคไดเ้ ข้ามีบทบาทเพ่ิมขนึ้

๑๒๒ 2. การคุม้ ครองผู้บริโภคของภาครฐั บาล เป็นหนา้ ทขี่ องรฐั บาลทจ่ี ะแก้ปัญหาความเดือดรอ้ นจากการดำเนนิ ธุรกจิ ของ ภาคเอกชน โดยตราพระราชบัญญัติคมุ้ ครองผู้บรโิ ภค พ.ศ. 2522 และกฎหมายอน่ื ทีเ่ ก่ยี วข้องการคมุ้ ครองผบู้ ริโภค เช่น พระราชบัญญัตอิ าหารและยา พระราชบัญญัติเครอ่ื งสำอางเพือ่ คุ้มครองผูบ้ ริโภคใหไ้ ดร้ ับความเปน็ ธรรม ความ ปลอดภัย และเปน็ แนวทางใหผ้ ู้บรโิ ภคปฏิบัติตนได้ถูกตอ้ งตามสิทธแิ ละเหน้าท่ีที่พึงมี หากผบู้ ริโภคไมไ่ ดร้ ับความเปน็ ธรรม สามารถติดตอ่ สายด่วนผ้บู ริโภคกับ อย.1556 หรอื สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นอกจากนีห้ ากพบเหน็ ผู้ จำหน่ายเกนิ ราคาหรือใชม้ าตรฐานชั่งตวงวัดทีไ่ มเ่ ป็นไปตามสภาพความเป็นจรงิ กส็ ามารถแจ้งได้ทกี่ รมการคา้ ภายใน กระทรวงพาณชิ ย์ โทรศัพท์ 0-2547-4771-7 7. สทิ ธิของผบู้ รโิ ภค พระราชบัญญัติคุม้ ครองผบู้ ริโภค พ.ศ. 2522 ซึง่ ไดแ้ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิคุ้มครองผ้บู ริโภค (ฉบับ ท่ี 2) พ.ศ. 2541 บญั ญัติสทิ ธิของผ้บู ริโภคที่จะไดร้ บั ความคุ้มครองตามกฎหมายไว้ 5 ประการ ดังน้ี 1. สทิ ธิท่ีจะได้รับ้ ข่าวสาร รวมท้ังคำพรรณนาคุณภาพทีถ่ กู ตอ้ งและเพยี งพอเก่ียวกับสินคา้ หรือบริการ หมายความว่า ผู้บรโิ ภคมสี ิทธิท่ีจะได้รับขอ้ มูล การโฆษณา การแสดงฉลากตามความเป็นจรงิ และเพยี งพอที่จะไมท่ ำให้หลงผดิ ในการซ้ือ สินค้าและบรกิ าร 2. สิทธิท่ีจะมอี สิ ระในการเลอื กหาสินค้าหรือบริการ หมายความวา่ ผูบ้ ริโภคมสี ทิ ธิที่จะเลือกซ้ือสินค้าและบริการได้ตาม ความสมัครใจ ปราศจากการาบีบบังคับด้วยวิธีการตา่ งๆ เชน่ การผกู ขาดทางการคา้ การชกั จงู ใจอันไมเ่ ป็นธรรม การส่ง สนิ คา้ ท่ามิได้ส่ังซื้อหรอื ตกลงใจซ้ือมาให้ เปน็ ตน้ 3. สทิ ธทิ ่ีจะได้รบ้ั ความปลอดภัยด้านสุขลษั ณะและสุขอนามยั จากการใช้สนิ ค้าหรอื บรกิ าร หมายความวา่ สนิ คา้ และ บริการทผี่ ้บู รโิ ภคไดร้ ับจะต้องมีสภาพและคุณภาพได้มาตรฐาน เหมาะสมแกก่ ารใชห้ รอื บรโิ ภค ไมก่ อ่ ให้เกิดอนั ตรายแก่ ชวี ิต ร่างกาย หรอื ทรพั ย์สิน เม่อื ใดใช้หรือบริโภคตามคำแนะนำ หรอื ระมดั ระวงั ตามสภาพของสินค้าและบรกิ ารนน้ั ๆ แลว้ 4. สทิ ธทิ ่ีจะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา หมายความวา่ ในกรณีทก่ี ารซอื้ สินค้าและบรกิ ารต้องมีการทำสญั ญา กนั ผู้บริโภคมีสิทธิทจ่ี ะได้รับข้อสัญญาที่ไมเ่ ปน็ การเอารดั เอา เปรยี บจากผู้ขายหรอื ผู้ประกอบธุรกจิ 5. สทิ ธิท่ีจะไดร้ ับการพิจารณา และชดเชยความเสียหาย หมายความว่า เมือ่ มกี ารละเมดิ สิทธิ 4 ประการแรก ผู้บรโิ ภคมี สิทธทิ จ่ี ะดำเนินการรอ้ งเรียน และฟอ้ งร้อง เพือ่ ใหม้ ีการชดเชยความเสียหายที่เกิดขน้ึ 3. หน่วยเศรษฐกิจ การประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ได้แก่ การผลิต การจำแนกแจกจา่ ย การแลกเปลี่ยน และการบรโิ ภคจำเป็นตอ้ งมผี ู้ ดำเนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ เพือ่ ปฏบิ ตั ภิ ารกิจให้เปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ และสามารถสนองความต้องการของผู้บรโิ ภค ได้สงู สดุ ผู้ดำเนินกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ เรยี กวา่ “หนว่ ยเศรษฐกิจ” (economic units) หนว่ ยเศรษฐกิจ แบง่ ตามภาระหนา้ ที่ได้ 3 ฝ่าย คือ 1. ฝา่ ยครวั เรือน (household) ทำหนา้ ท่ี 2 ประการ ไดแ้ ก่ 1) ขายปัจจยั การผลิตของคนแกฝ่ ่ายผลติ 2) บรโิ ภคสนิ ค้าและบริการต่างๆ จดุ มุ่งหมายสำคญั คือ ตอ้ งการให้สมาชกิ ทกุ คนในครวั เรอื นไดร้ ับความพอใจสูงสุด หรอื ไดร้ บั สวสั ดกิ ารสงู สุด 2. ฝ่ายผลติ (firm) หรือ ฝ่ายธรุ กจิ (business) ทำหน้าท่ี 2 ประการ ได้แก่ 1) ผลิตสินคา้ และบรกิ าร 2) กระจายสินค้าและบรกิ าร และกระจายรายไดใ้ ห้แก่เจ้าของปจั จัยการผลิต จดุ มุง่ หมายสำคญั คือ ตอ้ งการแสวงหากำไรสงู สุดจากการประกอบการ 3. ฝ่ายรัฐบาล (government) ทำหน้าท่ีเปน็ ท้ังผู้ผลติ ผ้บู ริโภค และเจ้าของปจั จัยการผลิต โดยมจี ดุ มุง่ หมายเพ่อื สง่ เสริมสนับสนนุ และควบคมุ ดูแลฝ่ายอ่นื ๆ ในระบบเศรษฐกิจให้เป็นไปตามท่ีประเทศตอ้ งการ

๑๒๓ ใบงาน ครั้งท่ี 12 วชิ า สงั คมศึกษา รหัสวชิ า สค11001 ชอื่ สกุล .......................................................................................กศน.ตำบล..................................................... จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.ให้ผเู้ รียนบอกถึงความหมายของเศรษฐศาสตร์ มีก่ีประเภทและเศรษฐศาสตร์มีความสำคญั ต่อการดำเนนิ ชวี ติ อยา่ งไร .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 2.ใหผ้ ูเ้ รยี นบนั ทกึ รายรบั – รายจ่ายของผเู้ รยี นเอง โดยใช้ระยะเวลา 7 วนั วนั เดอื น ปี รายการ รายรับ รายจา่ ย คงเหลือ

๑๒๔ เฉลยใบงาน วชิ า สังคมศึกษา รหสั วิชา สค11001 จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.ให้ผเู้ รียนบอกถึงความหมายของเศรษฐศาสตร์ มีกปี่ ระเภทและเศรษฐศาสตร์มีความสำคญั ตอ่ การดำเนินชวี ติ อย่างไร เศรษฐศาสตร์ (Economics) เปน็ ศาสตร์แขนงหนึง่ ในวิชาสังคมศาสตร์ โดยเป็นการศึกษาเกย่ี วกับวธิ กี ารจัดการ รวมถึงการเลือกใช้ทรัพยากรการผลิตทีม่ ีอยู่อย่างจำกัด ในการผลิตสินคา้ และบรกิ ารใหส้ ามารถนำไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ได้ สูงสดุ เพ่อื ตอบสนองต่อความตอ้ งการของมนษุ ยท์ ่ีมีไม่จำกัด เศรษฐศาสตรแ์ บง่ ออกเป็น 2 ประเภท โดยการศกึ ษาเศรษฐศาสตร์สามารถแบง่ แยกยอ่ ยออกเปน็ 2 ประเภทด้วยกันตามลักษณะเนอื้ หา คือ 1. เศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค คือ องค์ประกอบพืน้ ฐานทางเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ ครวั เรือย หนว่ ยธรุ กจิ ผู้ซอื้ ผูข้ าย เปน็ ต้น 2. เศรษฐศาสตร์มหภาค คือ สภาพเศรษฐกิจในภาครวม ไดแ้ ก่ นโยบายการเงนิ การเติบโตของเศรษฐกิจ การว่างงาน อปุ สงค์และอุปทาน เปน็ ต้น นอกจากน้เี ศรษฐศาสตร์ยังมวี ธิ กี ารวิเคราะห์ 2 แบบดว้ ยกันคือ ตามความเปน็ จริง และตามส่ิงทค่ี วรจะเปน็ ดงั นน้ั จึงมกี าร นำแนวคดิ และการวิเคราะหท์ างเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้กบั ความรูด้ ้านอน่ื ๆ อีกมากมายหลายสาขาด้วยกัน ไดแ้ ก่ เศรษฐศาสตรก์ ารเมอื ง ธรุ กจิ การเงนิ ศาสนา วทิ ยาศาสตร์ เปน็ ต้น เศรษฐศาสตรเ์ กย่ี วข้องกบั การดำเนนิ ชวี ิต ในปจั จบุ ันเศรษฐศาสตร์มคี วามเกี่ยวขอ้ งกับการดำเนนิ ชีวิตของมนุษยท์ ุกคนอยา่ งจำเป็นและหลีกเลี่ยงไมไ่ ด้ โดยช่วยให้ คนสามารถเลือกใช้สินคา้ และบรกิ ารท่ีดีและเหมาะสมกบั ตวั เองให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุด ทั้งยงั ชว่ ยตดั สนิ ใจในการลงทุนและ การผลติ รวมถึงชว่ ยรักษาผลประโยชนใ์ นการลงทุน ทีส่ ำคัญคอื ชว่ ยแกไ้ ขปัญหาและสถานการณท์ างเศรษฐกิจ หรอื อาจ เรียกไดว้ า่ เศรษฐศาสตรเ์ ปน็ การจัดการทรัพยากรที่มีอย่อู ย่างจำกัดให้ตอบสนองความต้องการที่ไมอ่ ยอู่ ยา่ งไมจ่ ำกดั ของ มนุษยไ์ ด้อย่างเพยี งพอ 2.ให้ผู้เรยี นบนั ทกึ รายรับ – รายจ่ายของผเู้ รียนเอง โดยใช้ระยะเวลา 7 วัน วนั เดอื น ปี รายการ รายรบั รายจา่ ย คงเหลือ

๑๒๕ บันทึกหลังสอน สัปดาห์ที่ 12 วัน จนั ทร์ วันที่...3......เดือน.มกราคม....พ.ศ. ..2564...... ผลการเรยี นรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................................ผูส้ อน (นายจริ ัสยพ์ งษ์ วเิ ศษสทิ ธโิ ชค) ครู กศน.ตำบล ความคิดเห็นหวั หนา้ งานการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางสาวปัณณ์ปาลี ศิริธุวานนท)์ งานการศึกษาขน้ั พน้ื ฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.......................................................... (นายอำไพ ข่าขนั มะลี) รองผอู้ ำนวยการ สำนักงาน กศน.จงั หวัดอา่ งทอง รักษาการในตำแหนง่ ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ

๑๒๖ แผนการจัดการเรียนการสอนรายสปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศึกษา กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ สัปดาหท์ ่ี ๑๓ วนั จันทร.์ .วนั ท.ี่ ..10.....เดอื น.....มกราคม.....พ.ศ....2565............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วิชา สงั คมศกึ ษา รหสั วชิ า สค 11001 จำนวน 2 หน่วยกติ มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั การได้เรยี นรเู้ กย่ี วกบั ตนเอง สภาพแวดล้อมท้องถ่นิ จงั หวดั ภาค และประเทศของตนท้ังดา้ น ประวตั ิศาสตร์ ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ กายภาพ เศรษฐกจิ การเมือง การปกครอง ตลอดจนการไดร้ ับการ พฒั นาความรู้ ความเข้าใจในศาสนา มีจิตสำนกึ และมสี ่วนร่วมในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ มเพื่อการพัฒนาทีย่ ่ังยืน หนว่ ยการเรียนรู้/เรื่อง การเมอื งการปกครอง สาระสำคญั การศกึ ษาและทาํ ความเขาใจเกย่ี วกบั ระบบการเมอื งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษัตริย เปนประมุขและรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจกั รไทย จะทาํ ใหผเู รียนสามารถปฏบิ ัติตนตาม หนาท่ีของพลเมอื งดี ตาม กฎหมาย ประเพณี วัฒนธรรมไทยไดอยางถกู ตอง สงผลใหผเู รียนดํารงชีวิตอยูรวมกัน ในชุมชน สังคมไทย และสังคมโลก ไดอยางเปนสขุ เนื้อหา เร่ืองท่ี 1 ความหมายความสําคัญของการเมอื งการปกครอง เร่ืองที่ 2 โครงสรางการบรหิ ารราชการแผนดิน เรอ่ื งท่ี 3 ความสัมพันธระหวางอํานาจนิติบญั ญตั ิ อํานาจบรหิ าร อาํ นาจตุลาการ เรอ่ื งท่ี 4 การมีสวนรวมทางการเมอื ง การปกครองในระดับทองถ่ินและระดับประเทศ จุดประสงค์การเรยี นรู้/ผลการเรยี นร้ทู ค่ี าดหวัง อธิบายขอมลู เกย่ี วกับการเมือง การปกครองท่ีเก่ยี วของกับตนเอง ชมุ ชน ทองถน่ิ และประเทศได ปฏิบตั ิตนตาม บทบาทหนาทีแ่ ละรกั ษากฎระเบียบภายใตรัฐธรรมนูญไดเหน็ คณุ คาของตนเอง เคารพสทิ ธิ เสรภี าพของตนเองและผูอื่นได อยางถูกตอง เหมาะสม กระบวนการจดั การเรยี นรู้และกิจกรรมเพมิ่ เตมิ ข้ันที่ 1 กำหนดสภาพปญั หา ความต้องการ ครูผู้สอนทักทายกล่าวนำ ถึงเรอื่ ง การมสี ่วนรว่ มในการเลอื กต้ังของผู้เรยี น ขนั้ ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มลู และการจัดการเรยี นรู้ ๑. ครใู ห้ส่งใบงานสัปดาห์ท่ี ๑๒ และครผู สู้ อนสรุปความร้เู ก่ียวกับเรอ่ื ง ความสำคัญของการเมอื งการปกครอง โครงสร้างการบริหารราชการแผน่ ดิน ความสมั พันธ์ระหวา่ งอำนาจนิตบิ ญั ญตั ิ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ การมี สว่ นร่วมทางการเมอื ง การปกครองในระดับทอ้ งถนิ่ และระดับประเทศ ๒. ครูและผเู้ รียนร่วมกันสรุปและแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของไทย ๓.ครใู ห้ผ้เู รียนศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งเรยี นรู้อ่นื ๆ และมอบหมายงาน เร่ือง การเมอื งการปกครองของไทย ส่งใน สัปดาห์ท่ี ๑๔

๑๒๗ ขน้ั ท่ี 3 การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ ครูสรปุ องค์ความรู้เร่อื ง การเมอื งการปกครอง และสรุปความรูท้ ่ผี ู้เรยี นสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ได้ ขนั้ ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ ประเมินผลจากการทำใบงาน ประเมินผลจากการสงั เกตพฤตกิ รรม สือ่ การเรยี นรู้ หนงั สือเรียนวชิ าสงั คมศกึ ษา ระดับประถมศกึ ษา ใบงาน ใบความรู้ เร่ือง การปกครองของไทย อนิ เตอร์เนต็ การวัดผลและประเมินผล ใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ลงช่ือ.....................................................ผู้สอน (นายจริ สั ยพ์ งษ์ วิเศษสิทธิโชค) ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ งานการศึกษาข้ันพ้ืนฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางสาวปณั ณป์ าลี ศริ ธิ วุ านนท์) งานการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขันมะลี) รองผ้อู ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จงั หวดั อ่างทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ

๑๒๘ ใบความรคู้ รั้งท่ี 13 วชิ าสงั คมศกึ ษา สค 11001 ระดับประถมศกึ ษา เรอื่ ง การปกครองของไทย อำนาจอธิปไตย เปน็ อำนาจสูงสดุ ในการปกครองรฐั ในแต่ละระบอบการปกครองน้นั ผ้ถู อื อำนาจอธิปไตยของรฐั จะ แตกตา่ งกันไป ในระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธปิ ไตยถือว่าเป็นของปวงชน โดยยึดเอาเสยี งสว่ นใหญเ่ ป็นมติร่วม ใน ระบอบอภิชนาธปิ ไตยหรอื คณาธปิ ไตย อำนาจสูงสุดจะอยูใ่ นมอื กล่มุ คนกล่มุ หนึ่ง ซ่ึงอาจเป็นอภสิ ิทธิช์ น หรือตัวแทนของ คนสว่ นใหญ่ ส่วนในระบอบการปกครองแบบเผด็จการนัน้ อำนาจอธิปไตยจะอยใู่ นมอื ของผูเ้ ผดจ็ การ ในขณะท่รี ะบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชยน์ ัน้ อำนาจอธปิ ไตยเปน็ ของพระมหากษัตริย์ ในหลักการของประชาธปิ ไตยน้นั อำนาจอธิปไตยจะถูกแบ่งออกเปน็ ทัง้ หมด 3 ส่วน ประกอบดว้ ย 1. อำนาจบริหาร อำนาจในการบริหารน้นั คอื อำนาจของผบู้ ริหาร ตวั อยา่ งเช่น นายกรัฐมนตรี และคณะรฐั มนตรี ผู้ซึง่ ใชอ้ ำนาจนน้ั ในการ บริหารและการจดั การให้บา้ นเมอื งดำเนนิ ไปอย่างสงบสขุ 2. อำนาจนติ ิบญั ญตั ิ อำนาจนิตบิ ัญญตั ินั้นคอื อำนาจของรฐั สภา ผู้ใช้อำนาจนี้ในการออกกฎหมาย และมีอำนาจในการตรวจสอบการทำงาน ของฝ่ายบรหิ าร 3. อำนาจตุลาการ อำนาจตลุ าการนัน้ คือ อำนาจของศาล ผูซ้ ่ึงทรงสิทธใิ์ นการใชอ้ ำนาจอธิปไตย เพ่อื พิจารณาอรรถคดตี ่างๆ และออกคำสัง่ ในการบงั คบั โทษให้เกิดแกผ่ กู้ ระทำผิด การแบง่ อำนาจอธปิ ไตยออกเป็น 3 สว่ นเชน่ นี้ เป็นหลกั การที่สำคัญในเร่ืองของการแบ่งแยกอำนาจในการปกครอง ออกเป็นการบรหิ าร การออกกฎหมาย และการพจิ ารณาตัดสินคดี แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม อำนาจอธิปไตยท่แี สดงออกมาทงั้ 3 ประการนนั้ ล้วนมีแกน่ แท้ หรอื เนอ้ื หาเดียวกนั อนั ว่าดว้ ยอำนาจในการปกครองสงู สดุ ซึง่ เป็นจดุ ศูนย์รวมแห่งความชอบ ธรรมในการปกครองประเทศทั้งปวง ประเทศไทย ได้มกี ารเปลีย่ นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ มาเปน็ ระบอบประชาธิปไตย อนั มี พระมหากษัตรยิ ์เป็นประมุข เม่ือปี พ.ศ. 2475 ระเบยี บการปกครองมี 3 รปู แบบ คือ 1. การรวมอำนาจ – การจัดการปกครอง โดยการรวมอำนาจการปกครองไวท้ ส่ี ่วนกลาง ไดแ้ ก่ กระทรวง ทบวง กรม โดย มีหนา้ ทบ่ี ริหารกิจการอันเปน็ หน้าทขี่ องรัฐ และจัดเจา้ หน้าทอี่ อกไปปฎบิ ัตงิ านใรสว่ นภมู ิภาค ทัว้ ประเทศ มีการบังคับ บญั ชาการตามสายงาน ลดหลัน่ กันไปตามลำดับ 2. การแบง่ อำนาจ – รัฐบาลจะแบ่งอำนาจการปกครองและการบริหารบางสว่ นจากสว่ นกลาง ให้กับเจา้ หน้าทใี่ นภูมภิ าค ได้แก่ อำเภอ และจงั หวัด 3. การกระจายอำนาจ – รัฐบาลยนิ ยมิ มอบอำนาจการปกครองและการบรหิ ารกจิ การต่างๆให้แกป่ ระชาชน ในแตล่ ะ ทอ้ งถน่ิ ดำเนนิ การเอง โดยประชาชนเลือกผูแ้ ทนของตนเขา้ มามสี ่วนในการบริหารปกครองท้องถ่นิ หนว่ ยการปกครอง ทอ้ งถน่ิ จะมอี ิสระในการบริหารท้องถิ่นของตนเอง โดยไมต่ กภายใตก้ ารบงั คับบญั ชาของราชการสว่ นกลาง

๑๒๙ แผนผงั การจดั ระดับการบรหิ ารราชการของประเทศไทย

๑๓๐ ใบงาน คร้ังที่ 13 วชิ า สังคมศกึ ษา รหัสวิชา สค11001 ชอื่ สกุล.......................................................................................กศน.ตำบล................................................. คำชี้แจง จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1.จงอธิบายอำนาจอธิปไตยมาพอสังเขป ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. 2.จงเขยี นแผนผงั การจัดระดบั การบรหิ ารราชการของประเทศไทย ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................

๑๓๑ เฉลยใบงาน วชิ า สังคมศกึ ษา รหสั วชิ า สค11001 จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1.จงอธิบายอำนาจอธปิ ไตยมาพอสงั เขป อำนาจอธปิ ไตยเปน็ อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ(รฐั ) ทำให้รัฐมีอำนาจในการดำเนินกิจการภายในรฐั และ กิจการระหว่างประเทศไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี ทำให้รัฐมีอำนาจบังคบั และทำใหร้ ฐั สามารถใช้กำลังเพื่อให้มกี ารปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ขอ้ บงั คบั ที่รฐั กำหนดขน้ึ อำนาจอธิปไตย จึงแสดงออก (Manifesto) มาทางรัฐบาล โดยทัว่ ไปแล้วรัฐบาลไดแ้ ยกอำนาจ อธิปไตยตามลักษณะหนา้ ทีอ่ อกเป็น 3 สว่ น คือ 1. อำนาจนติ ิบญั ญตั ิ คอื อำนาจในการออกกฎหมาย รัฐสภา (ส.ส.และ ส.ว.) ทำหน้าที่แทนปวงชนใน การออกกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบภายในและนำมาซง่ึ ความกินดีอยู่ดแี ละความม่นั คงของรัฐ 2. อำนาจบริหาร คอื อำนาจซึง่ คณะรัฐมนตรี และขา้ ราชการทั้งหลายใช้ในการบริหารปกครองประเทศ ตามกฎหมายซงึ่ ฝ่ายนิติบัญญตั ิไดต้ ราออกมา 3. อำนาจตุลาการ คอื อำนาจศาล มีอำนาจตดั สนิ คดี ข้อขดั แยง้ ต่าง ๆ ระหว่างบุคคลกับบคุ คลหรือ บคุ คลกบั รัฐตามกฎหมายที่ฝ่ายนติ ิบญั ญตั ติ ราออกมา 2.จงเขียนแผนผังการจดั ระดับการบรหิ ารราชการของประเทศไทย

๑๓๒ บันทึกหลังสอน สปั ดาห์ที่ 13 วนั จนั ทร์ วันที่......10...........เดือน.....มกราคม.......พ.ศ. ....2565....................... ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................................ผูส้ อน (.นายจิรัสย์พงษ์ วิเศษสิทธิโชค.) ครู กศน.ตำบล. ความคิดเห็นหัวหนา้ งานการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศิริธุวานนท์) งานการศกึ ษาข้นั พื้นฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ .......................................................... (นายอำไพ ข่าขันมะลี) รองผู้อำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวัดอ่างทอง รกั ษาการในตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ

๑๓๓ แผนการจดั การเรยี นการสอนรายสปั ดาห์ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศึกษา กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ สปั ดาห์ที่ ๑๔ วนั ....จันทร.์ ...วนั ท.่ี ..17.......เดอื น..มกราคม.....พ.ศ....2565............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วชิ า พฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม รหสั วิชา สค11003 จำนวน 2 หน่วยกติ มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดับ ผเู้ รียนสามารถร้แู ละเขา้ ใจความสำคัญของขอ้ มลู วธิ ีการจดั เกบ็ และวิเคราะหอ์ ย่างงา่ ย หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เรื่อง การจัดเกบ็ และวเิ คราะห์ข้อมลู สาระสำคญั ความสำคัญของข้อมูล วิธีการจดั เกบ็ และวิเคราะห์อย่างงา่ ย เน้อื หา การจัดเก็บและวเิ คราะหข์ อ้ มูล ความสำคัญ และคุณสมบัติข้อมลู ทดี่ ี วธิ ีการจัดเกบ็ ข้อมลู เทคนิคการวิเคราะหข์ ้อมูล จดุ ประสงค์การเรยี นร/ู้ ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง จดั เกบ็ และวิเคราะห์ข้อมูลอยา่ งง่าย กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกจิ กรรมเพม่ิ เตมิ ข้ันที่ 1 กำหนดสภาพปัญหา ความตอ้ งการ ครูผสู้ อนทักทายกล่าวนำ ถึงเรื่อง ประสบการณ์ในการเกบ็ ข้อมูลและให้ข้อมลู ของผเู้ รียน ขนั้ ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและการจัดการเรียนรู้ ๑.ครผู ู้สอนให้ส่งใบงานสปั ดาห์ท่ี ๑๓ และครูผู้สอนสรปุ ความรเู้ รื่อง การจัดเกบ็ และวิเคราะหข์ ้อมูล , ความสำคญั และคุณสมบัติข้อมูลทดี่ ี ๒. ครูและผ้เู รียนร่วมกันสรุปและแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับ ความสำคัญของขอ้ มูล วธิ ีการจดั เก็บและ วิเคราะห์อย่างงา่ ย ๓.ครูให้ผเู้ รยี นศกึ ษาเพ่ิมเติมจากแหลง่ เรยี นรอู้ ืน่ ๆ และมอบหมายงาน เรื่อง การเกบ็ รวบรวมข้อมูล สง่ ในสัปดาห์ ที่ ๑๕ ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยุกตใ์ ช้ ครูสรุปองคค์ วามรู้และให้ผูเ้ รยี นร่วมแสดงความคิดเห็น เร่อื ง ความสำคัญของข้อมลู วิธีการจัดเก็บและวิเคราะห์ อยา่ งงา่ ย และสรุปความร้ทู ่ีผเู้ รียนสามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้ ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ ประเมินผลจากการทำใบงาน ประเมนิ ผลจากการสงั เกตพฤตกิ รรม

๑๓๔ ส่ือการเรียนรู้ หนังสอื เรยี นวชิ าการพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ระดับประถมศกึ ษา ใบงาน ใบความรเู้ ร่ือง การเก็บขอ้ มูล อินเตอร์เน็ต การวัดผลและประเมินผล ใบงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ลงชอ่ื .....................................................ผสู้ อน (นายจิรัสยพ์ งษ์ วิเศษสทิ ธโิ ชค) ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ งานการศึกษาข้นั พ้นื ฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศริ ธิ วุ านนท)์ งานการศึกษาขั้นพ้นื ฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขันมะลี) รองผอู้ ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จงั หวัดอ่างทอง รักษาการในตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ

๑๓๕ ใบความรู้ คร้ังท่ี 14 วชิ า พัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม รหสั วชิ า สค11003 เร่ือง การเก็บขอ้ มลู ขอมูลทด่ี ีตองมลี ักษณะตอไปน้ี 1. ถูกตองและเช่อื ถอื ได้ บางครั้งขอมูลผิดพลาดเพราะใชโปรแกรม หรอื สูตรคํานวณผดิ พลาด จึงตองกำหนด วธิ ีการ รวบรวมผลดว้ ยความละเอียดรอบคอบ 2. ตรงตามความตองการของผูใชเมอื่ จะเก็บข้อมูล ขอมูลตองการเกบ็ นนั้ เก็บไดอ้ ย่างไร แคไหน” ครบถวนและ สมบรู ณ์ 3. เปนขอมูลลาสุดทม่ี ีความทันสมยั นาํ ไปใช้ได้ทันเวลา เพราะเก็บขอมูลมาดวยความ รวดเร็ว ทนั ความตองการ ของผู้ใช้ขอ้ มูล การจัดเกบ็ ขอ้ มลู การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เปน็ ขัน้ ตอนทใ่ี หไ้ ดม้ าซงึ่ ขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการมีความหมายรวมท้ังการเกบ็ ข้อมลู ขน้ั มาใหม่ และ การรวบรวมขอ้ มลู จากผู้อน่ื ทไ่ี ด้เก็บไวแ้ ล้ว หรอื ได้รายงานไวใ้ นเอกสารตา่ งๆ เพ่อื นำมาศกึ ษาต่อไป การเก็บรวบรวมข้อมูล มีเทคนิคและวิธีการหลายวธิ ี ดังน้ี 1. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากรายงาน (Reporting System) เปน็ ผลพลอยไดจ้ ากระบบการบรหิ ารงาน เป็นการ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากรายงานที่ทำไว้หรือจากเอกสารประกอบการทำงาน ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานส่วนมาก ใชเ้ พยี งคร้งั เดียว จากรายงานดงั กล่าว อาจมีข้อมูลเบอ้ื งตน้ บางประเภททส่ี ามารถนำมาประมวลเป็นยอดรวมขอ้ มลู สถติ ไิ ด้ วธิ เี ก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานของหนว่ ยบริหาร นับว่าเป็นวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู สถติ โิ ดยไม่ตอ้ งส้ินเปลอื งค่าใชจ้ า่ ยใน การดำเนินงานมากนัก ค่าใชจ้ ่ายท่ี ใช้สว่ นใหญ่กเ็ พอ่ื การประมวลผล พมิ พ์แบบฟอรม์ ต่างๆ ตลอดจนการพิมพ์รายงาน วธิ กี ารน้ีใช้กันมาก ท้ังในหนว่ ยงานรฐั บาลและเอกชน หน่วยงานของรัฐที่มขี อ้ มลู สถติ ิท่ีรวบรวมจากรายงาน ได้แก่ กรม ศุลกากร มรี ะบบการรายงานเกีย่ วกบั การสง่ สินคา้ ออก และการน่าสนิ คา้ เข้า และกระทรวงศกึ ษาธิการ มรี ายงานผล การ ปฏิบตั งิ านของโรงเรยี นภายในสงั กัด ซึง่ สามารถนา่ มาใช้ในการประมวลผลสถิติทาง การศกึ ษาได้ 2. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากทะเบียน (Registration) เป็นข้อมูลสถิติทรี่ วบรวมจากระบบ ทะเบยี น มลี กั ษณะ คลา้ ยกับการรวบรวมจากรายงานตรงท่ีเป็นผลพลอยได้เชน่ เดยี วกนั จะตา่ งกนั ตรงท่ี แหลง่ เบอื้ งต้นของขอ้ มลู เป็นเอกสาร การทะเบียนซึ่งการเก็บมลี ักษณะตอ่ เนือ่ ง มีการปรบั แก้หรอื เปลีย่ นแปลง ให้ถูกต้องทันสมัย ทำใหไ้ ด้สถิติทตี่ ่อเน่ืองเป็น อนุกรมเวลา ขอ้ มูลท่ีเก็บโดยวิธีการทะเบยี น มขี อ้ รายการ ไม่มากนกั เนอ่ื งจากระบบทะเบียนเปน็ ระบบข้อมูลที่คอ่ นข้าง ใหญ่ ตัวอย่างขอ้ มลู สถติ ิทีร่ วบรวมจาก ระบบทะเบยี น ไดแ้ ก่ สถิติจำนวนประชากรท่กี รมการปกครอง ดำเนนิ การเก็บ รวบรวมจากทะเบียนราษฎร์ ประกอบดว้ ย จำนวนประชากร จำแนกตามเพศเปน็ รายจงั หวดั อำเภอ ตำบล นอกจาก ทะเบยี นราษฎรแ์ ลว้ ก็มที ะเบยี นยานพาหนะของกรมตำรวจท่ีจะทำใหไ้ ดข้ อ้ มูลสถิติจำนวนรถยนต์ จำแนกตามชนิดหรือ ประเภทของรถยนต์ เป็นด้น 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยวธิ ีสำมะโน (Census) เป็นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู สถติ ขิ องทกุ ๆ หนว่ ยของประชากร ท่สี นใจศึกษาภายในพืน้ ทท่ี ีก่ ำหนด และภายในระยะเวลาทีก่ ำหนด การเก็บรวบรวม ข้อมลู สถติ ิด้วยวธิ ีน้ี จะทำให้ได้ขอ้ มลู ในระดบั พ้นื ท่ีย่อย เช่น หมู่บา้ น ตำบล อำเภอ และทำให้ได้ข้อมูลที่ เปน็ ค่าจริง ตามพระราชบัญญตั สิ ถติ ิ พ.ศ.2508 ได้บัญญัติไวว้ ่า สำนกั งานสถิตแิ ห่งชาตเิ ปน็ หน่วยงาน เดียวท่สี ามารถจดั ทำสำมะโน ได้ และการเกบ็ รวบรวมข้อมูลสถิติด้วยวิธกี ารสำมะโน เปน็ งานที่ตอ้ งใช้ เงินงบประมาณ เวลาและกำลงั คนเป็นจำนวน มาก ส่วนใหญจ่ ะจดั ทำสำมะโนทุก ๆ 10 ปี หรือ 5 ปี

๑๓๖ 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยวิธีสำรวจ (Sample Survey) เปน็ การเก็บรวบรวมข้อมลู สถิติ จากบางหน่วยของ ประชากรดว้ ยวิธกี ารเลอื กตัวอย่าง การเก็บรวบรวมข้อมลู สถิตดิ ว้ ยวธิ นี ี้ จะทำใหไ้ ดข้ ้อมูลในระดับรวม เช่น จงั หวดั ภาค เขตการปกครอง และรวมทัว่ ประเทศ และข้อมูลท่ไี ด้จะเป็นค่า โดยประมาณ การสำรวจเป็นวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมข้อมลู ท่ีใช้ งบประมาณ เวลา และกำลงั คนไม่มากนัก จงึ สามารถจัดทำได้เป็นประจำทุกปี หรอื ทุก 2 ปี ปัจจบุ ันการสำรวจเปน็ วธิ กี าร เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู สถิติท่มี ี ความสำคญั และใช้ลันอยา่ งแพร่หลายมากท่ีสุด ท้ังในวงการราชการและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น การสำรวจ เพื่อหาขอ้ มูลทางดา้ นการเกษตร อตุ สาหกรรม สาธารณสุข การคมนาคม การศกึ ษา และข้อมูลทาง เศรษฐกิจ และสงั คมอ่ืน ๆ เป็นตน้ 5. วิธกี ารสังเกตการณ์ (Observation) เปน็ วิธีเกบ็ ข้อมลู โดยการสังเกตโดยตรงจากปฏิกิรยิ า ทา่ ทาง หรอื เหตกุ ารณ์ หรอื ปรากฏการณ์ ท่ีเถดิ ข้ึนในขณะใดขณะหนึ่ง และจดบนั ทึกไวโ้ ดยไม่มีการ สมั ภาษณ์วิธีนีใ้ ช้กันอยา่ ง กว้างขวางในการวิจยั เชน่ จะศึกษาดูปฏกิ ริ ิยาของผูข้ ับรถยนตบ์ นทอ้ งถนน ภายใตส้ ภาพการณจ์ ราจรต่าง ๆ ลัน กอ็ าจจะ ส่งเจา้ หน้าท่ไี ปยนื สังเกตการณไ์ ด้ การสงั เกตจำนวนลกู คา้ และบนั ทึกปริมาณการขายของสถานประกอบการ โดย พนกั งานเก็บภาษขี องกรมสรรพากร เน่ืองจากการ ไปสมั ภาษณ์ผู้ประกอบการถงึ ปริมาณการขาย ย่อมไมไ่ ดข้ ้อมลู ท่ีแท้จรงิ 6. วิธีการบันทกึ ข้อมลู จากการวดั หรือนบั วิธีน้ีจะมอี ุปกรณเ์ พอ่ื ใชใ้ นการวัดหรือนับตาม ความจำเปน็ และความ เหมาะสม เชน่ การนบั จำนวนรถยนตท์ แ่ี ล่นผา่ นท่ีจดุ ใดจดุ หน่ึง กอ็ าจใชเ้ ครอ่ื งนบั โดยใหร้ ถแล่นผ่านเคร่ืองนบั หรือการ เก็บขอ้ มูลจำนวนผ้มู าใชบ้ ริการในหอ้ งสมดุ ประชาชน กใ็ ช้เคร่อื ง นับเมื่อมคี นเดนิ ผ่านเครื่อง

๑๓๗ ใบงาน ครัง้ ท่ี 14 วชิ า พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม รหสั วิชา สค11003 ชอ่ื สกุล........................................................................กศน.ตำบล................................................... จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. ขอ้ มลู ท่ีดีควรมลี ักษณะอยา่ งไรบา้ ง ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ๒. วธิ ีการจดั เก็บข้อมลู มีกว่ี ิธีอะไรบา้ ง .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................

๑๓๘ เฉลยใบงาน วิชา พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม รหัสวิชา สค11003 จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 2. ขอ้ มลู ท่ดี ีควรมลี ักษณะอย่างไรบา้ ง ข้อมูล คอื สภาพเป็นจริงทปี่ รากฏในรปู ตัวอักษร สัญลักษณ์ ตัวเลข คาํ บอกเล่าจากผู้รู้ สถานการณ์ท่ี เกิดขนึ้ รวมทง้ั การบันทกึ และการถ่ายทอดผ่านส่อื ต่าง ๆ ทัง้ เอกสาร บคุ คล วทิ ยุ โทรทัศน์ อนิ เทอร์เน็ต การทาํ งานใดกต็ ามต้องใช้ขอ้ มูลมาประกอบเพื่อเป็นแนวทางในการคดิ พิจารณาและ ตัดสนิ ใจ ข้อมูลจะมี ความสาํ คัญได้กต็ อ่ เม่อื เปน็ ขอ้ มูลท่มี คี วามถูกตอ้ งและเช่อื ถือได้ ตรงตาม ความตอ้ งการของผู้ใช้และเป็นขอ้ มูล ลา่ สุดท่ที นั สมัย ขอ้ มลู ท่ดี คี วรมีลกั ษณะดังตอ่ ไปนี้ ๑. ถกู ต้องและเชื่อถอื ได้ ๒. ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ 3. เป็นขอ้ มลู ล่าสดุ ทมี่ ีความทนั สมยั ๒. วิธีการจัดเกบ็ ข้อมลู มกี ี่วิธอี ะไรบา้ ง การจดั เกบ็ ขอ้ มลู มี 3 วธิ ี ได้แก่ ๑. การจดั เก็บข้อมูลโดยวิธีสงั เกต ๒. การจัดเกบ็ ข้อมูลโดยวธิ ีสมั ภาษณ์ ๓. การจัดเกบ็ ข้อมูลโดยวิธสี ำรวจ ๔. การจดั เกบ็ ขอ้ มูลโดยการสอบถาม

๑๓๙ บันทึกหลังสอน สัปดาหท์ ่ี 14 วนั จนั ทร์ วนั ที่.....17......เดอื น..มกราคม...พ.ศ. ......2565............... ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.....................................................ผู้สอน (นายจริ สั ย์พงษ์ วิเศษสิทธิโชค) ครู กศน.ตำบล ความคดิ เห็นหวั หน้างานการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .............................................................. (นางสาวปัณณ์ปาลี ศริ ธิ ุวานนท์) งานการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขนั มะลี) รองผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน.จงั หวดั อา่ งทอง รกั ษาการในตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชยั ชาญ

๑๔๐ แผนการจดั การเรียนการสอนรายสปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศึกษา กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ สัปดาห์ท่ี ๑๕ วนั .จันทร.์ ..วนั ท่ี.....24.....เดอื น....มกราคม....พ.ศ...2565.....เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วชิ า พฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม รหัสวชิ า สค11003 จำนวน 2 หน่วยกติ มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดบั ผเู้ รียนมีความรู้ความเข้าใจในการมสี ่วนร่วมในการวางแผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน หน่วยการเรียนรู/้ เรือ่ ง การวางแผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สงั คมและการนำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั สาระสำคัญ การมีสว่ นรว่ มในการวางแผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน เนื้อหา บทที่ 1 การพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม บทท่ี 2 การจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล บทที่ 3 การวางแผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคมและการนำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้/ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั 1. อธิบายสาระสำคญั ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม 2. จดั เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างง่าย 3. มสี ว่ นร่วมและนำผลจากการวางแผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม ไปใช้ในชีวิตประจำวัน กระบวนการจดั การเรยี นร้แู ละกิจกรรมเพ่มิ เตมิ ข้ันท่ี 1 กำหนดสภาพปัญหา ความต้องการ ครูผู้สอนทักทายกล่าวนำ ถงึ เรอ่ื งการวางแผนการดำเนินชีวิตในชีวิตประจำวัน ขน้ั ที่ 2 แสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ ๑.ครูผู้สอนให้ส่งใบงานสัปดาห์ท่ี ๑๔ และครผู ู้สอนสรปุ ความรเู้ รื่อง การพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม การจัดเก็บและวิเคราะหข์ อ้ มลู และการวางแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม และการนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน ๒. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรปุ และแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับ การมีส่วนรว่ มในการวางแผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ๓.ครูใหผ้ ู้เรียนศึกษาเพมิ่ เตมิ จากแหลง่ เรียนรูอ้ น่ื ๆ และมอบหมายงาน เร่ือง การมสี ่วนร่วมในการวางแผน พฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม ไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ส่งในสปั ดาห์ท่ี ๑๖ ขนั้ ที่ 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกตใ์ ช้ ครสู รปุ องคค์ วามรู้และให้ผู้เรียนรว่ มแสดงความคิดเห็น เรอื่ ง การมสี ่วนร่วมในการวางแผนพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม ไปใช้ในชีวติ ประจำวนั และสรุปความรทู้ ่ผี ู้เรียนสามารถนำไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้ ขนั้ ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ ประเมินผลจากการทำใบงาน ประเมนิ ผลจากการสังเกตพฤตกิ รรม

๑๔๑ ส่ือการเรียนรู้ หนังสือเรยี นวชิ าการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม ระดบั ประถมศึกษา ใบงาน อินเตอร์เน็ต การวดั ผลและประเมินผล ใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ลงชื่อ.....................................................ผู้สอน (นายจริ สั ยพ์ งษ์ วเิ ศษสทิ ธิโชค) ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้างานการศึกษาขนั้ พืน้ ฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางสาวปัณณ์ปาลี ศริ ิธุวานนท)์ งานการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.......................................................... (นายอำไพ ข่าขันมะลี) รองผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน.จังหวัดอา่ งทอง รักษาการในตำแหน่ง ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ

๑๔๒ ใบความรู้ คร้ังที่ 15 วิชา พัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม รหัสวิชา สค11003 เรอื่ ง การมสี ว่ นร่วมในการวางแผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม การมสี ว่ นรว่ มในการวางแผนพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม การมีส่วนรว่ ม หมายถึง การเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนได้มสี ่วนรว่ มในทุกขั้นตอนของการพฒั นาทัง้ ในการแกไ้ ข ปญั หาและป้องกนั ปัญหา โดยเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการเกิดรเิ รม่ิ รว่ มกำหนด นโยบาย ร่วมวางแผน ตดั สินใจและ ปฏบิ ัติตามแผน ร่วมตรวจสอบการใชอ้ ำนาจรัฐทุกระดบั รว่ มติดตาม ประเมินผลรับผดิ ชอบในเรือ่ งต่าง ๆ คนั มีผลกระทบ คบั ประชาชน ชมุ ชนและเครอื ข่ายทกุ รปู แบบในพื้นที่ การมสี ่วนรว่ มของประชาชน (Public Participation) หมายถึง กระบวนการที่ประชาชนและผทู้ ี่เก่ยี วข้องมี โอกาสไดเ้ ข้าร่วมในการแสดงทัศนะ ร่วมเสนอปัญหา ประเด็นสำคญั ท่เี ก่ียวข้อง รว่ มคดิ แนวทางร่วมแก้ไขปัญหาและรว่ ม ในกระบวนการดดั สนิ ใจ การท่สี ังคมจะพฒั นาได้อยา่ งมีคณุ ภาพจำเป็นอยา่ งยงิ่ ทีจ่ ะต้องเร่มิ ด้นที่จะทำการพัฒนา หน่วยท่ี ย่อยทสี่ ดุ ของสังคมกอ่ น ซึ่งได้แก่ การพัฒนาคน การพฒั นาในลำดบั ตอ่ มาเรมิ่ กนั ท่ีครอบครวั และต่อยอดไปจนถึงชุมชน สงั คม และประเทศ 1. การพฒั นาตนเอง และครอบครวั การพัฒนาตนเอง หมายถงึ การพฒั นาตนเองดว้ ยตนเอง หรือการสอนใจตนเองในการสร้าง อุปนิสัยทด่ี ี ซง่ึ จะ สง่ ผลให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและทำให้สังคมเกิดความสงบสุข การพัฒนาครอบครัว หมู่บา้ น ตำบล อำเภอ จังหวดั และประเทศ การพัฒนาสงั คมในหนว่ ยย่อย นำไปสกู่ าร พฒั นาสังคมทเ่ี ปน็ หนว่ ยใหญ่ มักจะมจี ดุ เรมิ่ ดน้ ทเี่ หมอื นกนั คอื การพฒั นาที่ตวั บคุ คล ถา้ ประชาชนได้รับการพฒั นาให้ เปน็ บคุ คลที่มจี ิตใจดีงาม มีความเอือ้ เพอ่ื มคี ุณธรรม รจู้ กั การพงึ่ พาตนเอง มคี วามรว่ มมือร่วมใจ มีความคิดรเิ ริ่ม สรา้ งสรรค์ มคี วามเช่ือมน่ั ในถมู ปิ ัญญาของตนเอง และพรอ้ มทีจ่ ะรับความรูใ้ หมๆ่ ซึง่ การพฒั นาคนทด่ี ีทีส่ ดุ คอื การ รวมกลมุ่ ประชาชนใหเ้ ป็นองค์กรเพื่อพฒั นาคนในกลมุ่ เพราะกลุ่มคนนน้ั จะก่อใหเ้ กิดการเรียนรู้ เกิดการคดิ และแก้ปญั หา หรอื กลมุ่ ท่ีพฒั นาดา้ นบุคลกิ ภาพของคนในการทำงานร่วมกนั จะชว่ ยให้คนไดเ้ กดิ การพฒั นาในด้านความคิด ทัศนคติ ความมเี หตุผล ซึง่ เป็นรากฐานที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย 2. การพฒั นาชมุ ชน และสงั คม การพัฒนาชมุ ชนและสังคม หมายถงึ การทำกจิ กรรมที่มผี ลต่อคุณภาพชวี ติ ของทกุ คนในชุมชนรว่ มกนั ดงั นนั้ การ พัฒนาชุมชนและสังคม จงึ ต้องใชก้ ารมีส่วนร่วมของประชาชน ร่วมกนั คดิ เกี่ยวกับปญั หาตา่ งๆ ตดั สินใจร่วมกันใน กิจกรรมทีเ่ ปน็ ปญั หาสว่ นรวม เหตุท่ตี อ้ งให้ประชาชนเขา้ มามีสว่ นรว่ ม เนือ่ งจากประชาชนรู้วา่ ความตอ้ งการของเขาคือ อะไร ปัญหาคอื อะไร และจะแก้ปญั หานัน้ อยา่ งไร ถ้าประชาชนช่วยกนั แกป้ ัญหา กิจกรรมทกุ อย่างจะนำไปสู่ความต้องการ ท่ีแทจ้ ริง หลกั การพฒั นากับการมีสว่ นรว่ มของประชาชน 1. การมสี ่วนรว่ มในการคน้ หาปัญหาและสาเหตุของปญั หา เปน็ ขน้ั ตอนทส่ี ำคญั ที่สุด เพราะถ้าประชาชนไม่ สามารถเข้าใจปญั หาและหาสาเหตขุ องปัญหาดว้ ยตนเองไม่ได้ กิจกรรมต่างๆ ทีต่ ามมาก็จะไมเ่ กิดประโยชน์ เนอ่ื งจาก ประชาชนขาดความรู้ ความเขา้ ใจ และไม่สามารถมองเหน็ ความสำคญั ของกจิ กรรมน้ัน 2. การมสี ่วนร่วมในการวางแผนการดำเนนิ งาน ในการวางแผนการดำเนนิ งานหรอื กิจกรรม เจ้าหนา้ ทีข่ องรฐั ควร ทจี่ ะตอ้ งเข้าใจประชาชน และเข้าไปมีสว่ นร่วมในการวางแผน โดยคอยให้คำแนะนำ ปรกึ ษา หรือชี้แนะกระบวนการ ดำเนนิ งาน ให้กับประชาชนจนกวา่ จะเสร็จสนิ้ กระบวนการ 3. การมีส่วนร่วมในการลงทุนและปฏิบัติงาน เจ้าหนา้ ทีร่ ฐั ควรจะช่วยสรา้ งแรงบนั ดาลใจและจติ สำนกึ ให้ ประชาชน โดยให้รู้สึกถงึ ความเป็นเจ้าของใหเ้ กดิ สำนึกในการดแู ลรักษาหวงแหนสิง่ นั้น

๑๔๓ 4. การมีส่วนรว่ มในการตดิ ตามและประเมนิ ผลงาน ควรใหป้ ระชาชนไดเ้ ข้ามามีสว่ นร่วมในการตดิ ตามและ ประเมินผลงาน เพ่อื ท่จี ะสามารถบอกได้วา่ งานทท่ี ำไปนั้นได้รับผลดีเพียงใด ก่อให้เกิดประโยชน์หรอื ไม่ ดงั นั้น ในการ ประเมนิ ผลควรทีจ่ ะต้องมที ัง้ ประชาชนในชมุ ชนน้ัน และบุคคลภายนอกชุมชนชว่ ยกนั พจิ ารณาว่า กิจกรรมท่กี ระทำลงไป นนั้ เกดิ ผลดีหรอื ไม่ดีอย่างไร ซง่ึ จะทำให้ประชาชนเห็นคณุ ค่าของการทำกจิ กรรมนนั้ รว่ มกนั ตวั อย่าง เรอ่ื งการบรหิ ารจดั การของเสียโดยเตาเผาขยะและการบำบดั ของเสยี ของเทศบาลนครภเู ก็ต จังหวดั ภเู กต็ สืบเน่ืองจากปรมิ าณขยะทีม่ ีมากถึง 500 ตนั /วัน ซง่ึ เกนิ ความสามารถในการกำจดั โดยเตาเผาท่ี มอี ยู่สามารถ กำจดั ขยะได้ 250 ตนั /วัน หลมุ กลบขยะของเทศบาลมเี พียง 5 บ่อ ซึ่งถูกใชง้ านจนหมด และไม่สามารถรองรบั ขยะได้อกี ประชาชนไดเ้ ข้าไปมสี ว่ นร่วมโดยให้ความร่วมมือในการกัดแยกขยะกอ่ นทิง้ ซง่ึ แยกตาม ลักษณะของขยะ เชน่ 1. ขยะอินทรีย์ หรอื ขยะเปียกท่ีสามารถย่อยได้ตามธรรมชาติ เทศบาลนครภูเก็ต ได้นำไปทำ ปยุ๋ สำหรับเกษตรกร 2. ขยะรไี ซเคลิ เช่น แก้ว พลาสตกิ กระดาษ ทองแดง เป็นด้น นำไปจำหนา่ ย 3. ขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ เปน็ ดน้ นำไปฝงั กลบและทำลาย 4. ขยะทั่วไปที่จะนำเข้าเตาเผาขยะเพ่อื ทำลาย ในการจัดกระบวนการดังกลา่ ว สง่ ผลให้ประชาชนมสี ว่ นร่วมในการส่งเสรมิ ส่งิ แวดลอ้ มท่ีดี ให้กับจงั หวดั ภูเก็ต อกี ทั้งเป็นการบรู ณาการในการดำเนินกิจกรรมร่วมกนั ระหว่างส่วนราชการเทศบาลนครภูเกต็ และภาคประชาชนเป็นการ สรา้ งการมีสว่ นรว่ มระหวา่ งองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินกับประชาชน ในการรว่ มกันสร้างสรรคส์ ิง่ แวดล้อมทด่ี ีตอ่ กัน

๑๔๔ ใบงาน วชิ า พฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม รหสั วิชา สค11003 ชื่อ สกลุ .....................................................................................กศน.ตำบล.................................... จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.ให้ผเู้ รยี นบอกประโยชนข์ องการทำแผนพฒั นาตนเอง .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... 2.จงอธบิ ายหลักการมีสว่ นร่วมของประชาชนมาพอสงั เขป .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................

๑๔๕ เฉลยใบงาน วชิ า พฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม รหัสวชิ า สค11003 จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1.ใหผ้ ้เู รียนบอกประโยชน์ของการทำแผนพฒั นาตนเอง ประโยชน์ของแผนพัฒนาตนเองคือ 1. รขู อดแี ละขอบกพรองของตนเอง หรอื รจู ดุ เดน จุดดอย ของตนเอง 2. แผนพฒั นาตนเองเกิดข้นึ จากความตองการและความพรอมของผูจดั ทาํ แผนโดยตรง 3. มแี นวทางปฏบิ ตั ทิ ช่ี ัดเจน 4. มีเปาหมายในการพฒั นาตนเอง 5. มกี ารพัฒนาตนเองอยางเปนระบบ 2.จงอธบิ ายหลกั การมสี ่วนรว่ มของประชาชนมาพอสังเขป หลกั การสรางการมีสวนรวมของประชาชน แบงไดเปน 5 ระดับ คอื 1. ใหขอมลู ขาวสาร เปนการเปดโอกาสใหประชาชนเขามามีสวนรวม 2. รบั ฟงความคิดเหน็ ผานการสํารวจความคิดเหน็ การรบั ฟงความคดิ เห็น การจัดเวที สาธารณะ และการแสดงความ คดิ เห็นผานเว็บไซต ฯลฯ 3. ความเกี่ยวของ เปดโอกาสใหประชาชนรวมปฏิบัติงานชมุ ชน รวมเสนอแนะ แนวทางเพอื่ การตัดสนิ ใจ 4. ความรวมมือ ใหประชาชนไดเปนผูแทนหรอื เปนกรรมการในคณะกรรมการของ ชมุ ชน เสริมอาํ นาจใหประชาชน โดยใหประชาชนเปนผูตัดสินใจ เชน ใหมกี ารลง ประชามตเิ รือ่ งท่ีเปนประเดน็ สาธารณะต าง ๆ ในชมุ ชน รวมทง้ั เรอื่ งโครงการกองทนุ หมบู านทีใ่ หอํานาจ ประชาชนในพืน้ ที่เปนผูตัดสินใจทั้งหมด

๑๔๖ บันทึกหลังสอน สัปดาห์ท่ี 15 วัน จนั ทร์ วนั ท.่ี ....24...........เดอื น..มกราคม.....พ.ศ. ....2565........ ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.....................................................ผู้สอน (นายจิรสั ยพ์ งษ์ วิเศษสิทธิโชค) .ครู กศน.ตำบล ความคดิ เหน็ หวั หนา้ งานการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............................................................. (นางสาวปัณณป์ าลี ศิริธวุ านนท)์ งานการศึกษาขนั้ พื้นฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขันมะลี) รองผอู้ ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวัดอ่างทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ

๑๔๗ แผนการจัดการเรยี นการสอนรายสัปดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศกึ ษา กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ สปั ดาห์ที่ ๑๖ วัน .จนั ทร.์ ...วนั ท่ี...31......เดอื น...มกราคม.....พ.ศ..2565..............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วชิ า การป้องกันการทุจริต รหัสวิชา สค 12024 จำนวน 2 หนว่ ยกิต มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ 1.มคี วามรู ความเขาใจดําเนนิ ชวี ติ ตามวถิ ีประชาธิปไตย กฎหมายเบือ้ งตน กฎระเบียบของชมุ ชน สังคม และประเทศ 2.มคี วามรู ความเขาใจหลกั การพัฒนาชมุ ชน สังคม และวิเคราะหขอมลู ในการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เร่อื ง การคดิ แยกแยะระหวางผลประโยชนสวนตนกบั ผลประโยชนสวนรวม สาระสำคญั การทจุ ริตเปนหน่งึ ในประเดน็ ที่ท่วั โลกกําลังกงั วล อนั เนอื่ งมาจากการปฏบิ ัตหิ นาท่ีทมี่ ีความซบั ซอน ยาก ตอการจดั การ และเกย่ี วของกับทุกภาคสวน จงึ จําเปนตองมกี ารแกไขปญหาแบบยงั่ ยนื โดยปรบั เปลี่ยน การคดิ ของคนใน สงั คม และแยกแยะใหเห็นวาสง่ิ ใดเปนประโยชนสวนตน สิ่งใดเปนประโยชนสวนรวม โดยนําเอาการคิดแบบฐานสอง การ คิดเปน และหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยุกตใชในการ แกปญหา การทุจริตแบบยงั่ ยนื เนื้อหา เรือ่ งที่ 1 การคดิ แยกแยะ เรื่องท่ี 2 ความแตกตางระหวางจรยิ ธรรมและการทจุ รติ เร่ืองที่ 3 ประโยชนสวนตนและประโยชนสวนรวม เรอ่ื งที่ 4 หลักการคิดเปน เรื่องที่ 5 ผลประโยชนทับซอน เร่อื งที่ 6 รูปแบบของผลประโยชนทับซอน ศาสตรพระราชา หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดประสงค์การเรียนรู้/ผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวัง 1. มีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหวางผลประโยชนสวนตนกับผลประโยชนสวนรวม 2. บอกความหมาย ความสําคญั ของหลักการคิดเปน 3. สามารถคดิ แยกแยะระหวางผลประโยชนสวนตนกับผลประโยชนสวนรวมได โดยใชกระบวนกา คิดตามหลกั ปรชั ญาคิดเปน กระบวนการจดั การเรียนรูแ้ ละกิจกรรมเพ่มิ เตมิ ขนั้ ท่ี 1 กำหนดสภาพปัญหา ความต้องการ ครูผู้สอนทกั ทายกล่าวนำ พูดคุยในหวั ขอ้ ผ้เู รียนเคยมปี ระสบการณเ์ กี่ยวกบั การทุจรติ หรือไม่ อย่างไรบ้าง ขนั้ ท่ี 2 แสวงหาข้อมลู และการจัดการเรยี นรู้ ๑.ครูผ้สู อนให้สง่ ใบงานสัปดาหท์ ่ี ๑๕ และครูผู้สอนสรปุ ความรู้ เร่ืองการคิดแยกแยะ , ความแตกตาง ระหว่างจรยิ ธรรมและการทจุ รติ ,ประโยชนสวนตนและประโยชนสวนรวม , หลกั การคิดเปน , ผลประโยชนทบั ซอน และ รูปแบบของผลประโยชนทบั ซอน ศาสตรพระราชา หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

๑๔๘ ๒. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับ การคดิ แยกแยะระหวางผลประโยชนสวนตน กับผลประโยชนสวนรวม ๓.ครใู หผ้ ู้เรยี นศึกษาเพิ่มเตมิ จากแหล่งเรียนรอู้ ื่นๆ และมอบหมายงาน เร่ือง การมีส่วนร่วมในการวางแผน พฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั สง่ ในสปั ดาหท์ ี่ ๑๖ ขน้ั ท่ี 3 การปฏิบตั ิและนำไปประยุกต์ใช้ ครูสรุปองค์ความรู้และใหผ้ เู้ รียนร่วมแสดงความคิดเห็น เร่อื ง การคิดแยกแยะระหวางผลประโยชนสวนตน กับผลประโยชนสวนรวมและสรุปความรู้ท่ีผู้เรียนสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ได้ ขน้ั ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผลจากการทำใบงาน ประเมนิ ผลจากการสังเกตพฤตกิ รรม สอื่ การเรียนรู้ หนงั สือเรยี นวิชาการพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม ระดบั ประถมศกึ ษา ใบงาน อินเตอร์เน็ต การวัดผลและประเมินผล ใบงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ลงชอ่ื .....................................................ผู้สอน (นายจริ สั ยพ์ งษ์ วิเศษสิทธิโชค) ข้อเสนอแนะของหัวหน้างานการศึกษาข้ันพืน้ ฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศริ ธิ วุ านนท)์ งานการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นายอำไพ ข่าขันมะล)ี รองผอู้ ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวดั อ่างทอง รกั ษาการในตำแหนง่ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชยั ชาญ

๑๔๙ ใบความรู้คร้งั ท่ี 16 วชิ าการปอ้ งกนั การทุจรติ ระดบั ประถมศึกษา เรือ่ ง ผลประโยชน์ทบั ซ้อน ผลประโยชน์ทับซอ้ น (conflict of interest) ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น หรอื การขัดกันของผลประโยชน์ (conflict of interest) คอื สถานการณ์ทีบ่ คุ คลผ้ดู ำรง ตำแหนง่ อันเปน็ ท่ีไวว้ างใจ ( เช่น ทนายความ นกั การเมือง ผู้บรหิ าร หรอื ผู้อำนวยการของบริษัทเอกชน หรอื หน่วยงาน รฐั ) เกดิ ความขัดแยง้ ข้ึนระหว่างผลประโยชน์ สว่ นตัวกับผลประโยชนท์ างวชิ าชีพ (professional interests) อนั ส่งผลให้ เกดิ ปญั หาท่เี ขาไม่สามารถปฏบิ ัตหิ น้าที่ได้อยา่ งเป็นกลาง / ไมล่ ำเอยี งผลประโยชนท์ บั ซ้อนทีเ่ กิดขึ้น อาจส่งผลให้เกิด ความไมไ่ วว้ างใจท่ีมตี อ่ บคุ คลผ้นู ั้น ว่าเขาจะสามารถปฏิบัติงานตามตำแหน่งให้อยู่ในครรลองของคณุ ธรรมจรยิ ธรรมได้มาก นอ้ ยเพียงใด ภาษาไทยใชอ้ ยู่ 3 อยา่ ง คือ 1. ความขัดแยง้ กันระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 2. ผลประโยชน์ทับซ้อน 3. ผลประโยชน์ขัดกัน ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น ความหมายของ สำนักงาน ก.พ. สถานการณห์ รอื การกระทำของบคุ คล (ไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง ข้าราชการ พนักงานบรษิ ทั ผบู้ รหิ าร) มีผลประโยชน์ สว่ นตนเข้ามาเกีย่ วข้อง จนสง่ ผลกระทบต่อการ ตัดสินใจหรอื การปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีในตำแหนง่ นั้น การกระทำ ดังกล่าวอาจเกิดข้ึนโดยรู้ตวั หรือไมร่ ู้ตัวทั้งเจตนาหรอื ไม่ เจตนา หรอื บางเรอ่ื ง เปน็ การปฏบิ ัติสืบต่อกันมา จนไม่เหน็ วา่ จะเปน็ ส่งิ ผิดแตอ่ ย่างใดพฤตกิ รรมเหล่าน้ีเปน็ การกระทำ ความผดิ ทางจรยิ ธรรมของเจา้ หนา้ ทรี่ ัฐทีต่ ้องคำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะ (ประโยชน์ ของสว่ นรวม) แต่กลบั ตัดสินใจ ปฏบิ ัติหนา้ ทโ่ี ดยคำนงึ ถึงประโยชนข์ องตนเองหรือพวกพ้อง แนวคิดของวิชาการ ให้ความหมายของผลประโยชน์ทบั ซ้อนไว้ 4 ประการ ดังนี้ 1. ความหมายอยา่ งกว้างหมายรวมถึงการปฏบิ ัตงิ านตามตำแหนง่ หนา้ ท่ีท่รี บั ผดิ ชอบอย่างต่อหนว่ ยงานหรอื องคก์ ารหรือ ตอ่ สว่ นรวมแต่ดำเนนิ การตดั สินใจปฏบิ ัตหิ น้าท่โี ดยคำนึงถงึ ผลประโยชนข์ องตนเอง ครอบครวั และเพื่อนฝงู 2.ผลประโยชน์ทับซ้อนสามารถเกดิ ขึน้ ไดท้ ้ังในหนว่ ยงาน ภาครัฐ องค์กรธรุ กิจ สถาบันการศึกษา องคก์ รพัฒนาเอกชน และองคก์ รวชิ าชพี ตา่ งๆ โดยสมารถเกดิ ขน้ึ ได้ทง้ั ในระดบั นโยบายของชาติ หน่วยงานราชการ และองค์กรในระดับทอ้ งถน่ิ ดงั นั้นผลประโยชน์ทับซอ้ นจงึ มีมูลค่าคาวมเสยี หายตั้งแตไ่ ม่ก่รี อ้ ยบาทไปจนถึงนับหม่ืนลา้ นบาท และในบางกรณีความเสยี มิได้ปรากฏออกมาในรูปของทเ่ี ป็นวัตถโุ ดย แต่ยงั รวมถงึ ผลประโยชน์มิใช่วัตถุอกี ด้วย 3. ผลประโยชนท์ ับซ้อนมไิ ดจ้ ำกัดเฉพาะผลประโยชน์ของ บคุ คลเท่านัน้ แตย่ ังรวมถึงการมอี คติในการตัดสินใจหรอื ดำเนินการอันมุ่งตอบสนองต่อผลประโยชนข์ องหน๋วยงานอกี หนว่ ยงานหน่ึงด้วย เช่น การทบี่ คุ คลดำรงตำแหนง่ ซ้อนกนั ใน สองหน่วยงานน อนั ก่อใหเ้ กิดการทำบทบาททขี่ ัดดแย้งกนั และมกี ารใช้อำนาจหน้าท่ีของหน่วยงานหนึง่ ไปรับใช ผลประโยชน์ของอก๊ หนว๋ ยงานหนง่ึ 4. “การฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวง”และ“การคอร์รัปชัน เชงิ นโยบาย” (Policy Corruption) ตา่ งก็เปน็ รูปแบบหนึ่งของ ผลประโยชน์ทบั ซ้อน เน่ืองจากทง้ั สอง รปู แบบตา่ งเป็นการใช้ตำแหนงหน้าท่สี ำหรับมุ่งตอบสนอง ต่อผลประโยชนส์ ว่ นตัว และ/หรือพรรคพวก

๑๕๐ สรปุ ผลประโยชน์ส่วนบุคคล กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม ขดั กัน เจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐ มีหนา้ ท่รี กั ษาผลประโยชนส์ ว่ นรวม การ ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีของเจ้าหน้าท่ี จึงตอ้ งไม่มผี ลประโยชนส์ ว่ นตวั เข้ามา เกย่ี วขอ้ ง 1. การใชต้ ำแหนง่ ไปดำเนนิ การเพือ่ ประโยชนท์ างธุรกจิ ของตนเองโดยตรง 2. ใชต้ ำแหนง่ ไปชว่ ยเหลอื ญาตสิ นิทมิตรสหาย 3. การรับผลประโยชน์โดยตรง 4. การแลกเปลยนผลประโยชโ์ ดยใชต้ ำแหน่งหน่าท่ีการงาน 5. การนำทรพั ย์สินของหนว่ ยงานไปใชส้ วนตัว 6. การนำขอ้ มูลอันเปน็ ความลับของหนว่ ยงานมาใช้ประโยชน์ส่วนตวั 7. การทำงานอกี แห่งหนงึ่ ที่ขดั แยง้ กับแห่งเดิม 8. ผลประโยชนท์ ับซอ้ นจากการเปลยี่ นสถานทที่ างาน 9. การปิดบงั ความผิด มาตรการในการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตตามรัฐธรรมนู ญ 1. มาตรการคดั สรรคนดีเขาสตู่ ำแหน่งทางการเมือง 2. การกำหนดมาตรการปอ้ งกนการทุจริตในตำแหน่ง 3. การเพิม่ ระบบและองค์การตรวจสอบการใชอ้ านาจ 4. การมส่วนรวมของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ การกำหนดมาตรการป้องกันการทจุ ริตในตำแหนง่ - การมปี ระมวลจรยิ ธรรมและการหา้ มผลประโยชนข์ ัดกนั - การให้แสดงบัญชีทรพั ยแ์ ละหนีส้ ิน - การใช้หลกั โปร่งใสในการใช้อานาจ แนวทางการปฏิบัติตนของเจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐ (1) หลกั นติ ธิ รรม (2) หลักคณุ ธรรม (3) หลกั ความโปรง่ ใส (4) หลกั การมีสว่ นรวม (5) หลกั ความรบั ผดิ ชอบ (6) หลกั ความคุ้มค่า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook