๕๑ ใบความรู้ คร้ังท่ี 5 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ พว11001 ระดับประถมศึกษา เรอ่ื ง ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resources) หมายถงึ ส่ิงต่าง ๆ ท่เี กดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ และเป็นสิ่งทีส่ ามารถ นำมาใช้ให้เกิดประโยชนต์ อ่ การดำรงชีวิตของมนุษย์ ในหลาย ๆ ด้าน เช่น นำมาประกอบอาหาร ใช้เปน็ เครือ่ งนงุ่ หม่ ใช้ เปน็ ยารกั ษาโรค หรือนำมาดัดแปลงเป็นทีอ่ ยอู่ าศัย ทรพั ยากรธรรมชาติ แบง่ ออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี 1. ทรัพยากรธรรมชาติทใ่ี ชแ้ ล้วไมห่ มดสิ้น (Inexhaustible natural resources) เปน็ ทรัพยากรธรรมชาติที่ เกิดขน้ึ กอ่ นท่จี ะมีมนุษย์ เมอ่ื มมี นษุ ยเ์ กดิ ข้ึนมาส่งิ เหลา่ นี้กม็ คี วามจำเป็นต่อการดำรงชวี ิตของมนษุ ย์ จำแนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.1 ประเภททคี่ งสภาพเดมิ ไมเ่ ปลย่ี นแปลง (Immutuable) ได้แก่ พลงั งานจากดวงอาทิตย์ ลม อากาศ ฝุ่น แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเทา่ ใดก็ตามส่งิ เหล่าน้ีก็ยงั คงมไี ม่เปล่ียนแปลง 1.2 ประเภททมี่ ีการเปลย่ี นแปลง (Mutuable) การเปลีย่ นแปลงท่ีเกิดขึ้นเนอื่ งมาจากการใชป้ ระโยชนอ์ ย่าง ผิดวิธี เช่น การใช้ที่ดิน การใช้นำโดยวิธีการทีไ่ ม่ถูกตอ้ ง ทำให้เกิดการเปลีย่ นแปลงทงั้ ทางดา้ นกายภาพ และด้านคุณภาพ 2. ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ีใ่ ช้แลว้ ทดแทนได้ (renewable natural resources) เป็นทรัพยากรธรรมชาตทิ ใ่ี ช้ ไปแล้วสามารถเกิดขนึ้ ทดแทนได้ ซ่งึ อาจจะเรว็ หรอื ชา้ ขึ้นอยกู่ นั ชนิดของทรพั ยากรธรรมชาติประเภทนั้น ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่ใช้แล้วทดแทนได้ เชน่ พชื ป่าไม้ สตั วป์ ่า มนุษย์ ความสมบูรณข์ องดนิ คุณภาพของน้ำ และ ทัศนียภาพที่สวยงาม เปน็ ตน้ 3. ทรัพยากรธรรมชาตทิ ส่ี ามารถนำมาใช้ใหมไ่ ด้ (Recycleable natural resources) เป็น ทรัพยากรธรรมชาตจิ ำพวกแร่ธาตทุ ่นี ำมาใชแ้ ลว้ สามารถนำไปแปรรปู ให้กลบั ไปสู่สภาพเดิมได้ แล้วนำกลับมาใช้ใหม่อกี (อู่ แกว้ ประกอบไวยกจิ เวอร์,2525:208) เช่น แรโ่ ลหะ แร่อโลหะ ได้แก่ เหล็ก ทองแดง อะลมู ิเนียม แก้ว ฯลฯ 4. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แลว้ หมดสิน้ ไป (Exhausting natural resources) เป็นทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ี นำมาใชแ้ ลว้ จะหมดไปจากโลกนี้ หรือสามารถเกิดข้ึนทดแทนได้ แต่ตอ้ งใช้เวลายาวนานมาก ทรัพยากรธรรมชาตปิ ระเภท นี้ ไดแ้ ก่ นำ้ มนั ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ และถา่ นหนิ เป็นต้น แนวทางการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ 1. ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอย่อู ยา่ งรู้คุณคา่ นำมาใช้อย่างเกิดประโยชนแ์ ละรักษาไวซ้ ่งึ ความสมดลุ ของระบบนิเวศ ควบค่กู ันไป 2. การนำทรพั ยากรธรรมชาตมิ าใช้ ควรตระหนกั อย่เู สมอว่า การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติทม่ี ากเกินไปจะไมเ่ ปน็ การ ปลอดภยั ตอ่ สงิ่ แวดล้อม 3. หาแนวทางการนำทรพั ยากรธรรมชาตมิ าใชด้ ้วยวิธกี ารใหมๆ่ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างมีประสิทธิภาพ และ พยายามคน้ คว้าส่ิงใหมม่ าใช้ทดแทน สาเหตทุ ี่ทำใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงสิ่งแวดลอ้ ม ๑) เกิดจากธรรมชาติ หมายถึงการเปล่ียนแปลงทีธ่ รรมชาติเป็นตวั กำหนดและเปน็ ตวั กระทำให้เกิดขึ้น โดยอาศยั ปจั จยั ต่าง ๆ เชน่ - เปลอื กโลก การเคล่อื นไหวของเปลอื กโลก ก่อให้เกดิ ภเู ขาไฟปะทุ (ไม่พบในประเทศไทย) และเกิดแผน่ ดินไหว ซึง่ พบในรอยเลื่อนโดยเฉพาะเขตภาคเหนือและภาคตะวันตก - น้ำ การเคล่ือนไหวของน้ำสามารถกัดกร่อน กดั เซาะ และเคลื่อนยา้ ยดิน หิน รวมถงึ แรต่ ่าง ๆ ในธรรมชาติกไ็ ด้ กอ่ ให้เกิดภูมิประเทศทีห่ ลากหลาย เชน่ กดุ ดนิ ดอนสามเหลย่ี ม
๕๒ -ลม มีคุณสมบัติในการกดั กร่อน กดั เซาะ และเคลือ่ นย้ายวตั ถุไดเ้ ช่นเดยี่ วกบั น้ำ รวมถึงเป็นตวั ชว่ ยให้คล่ืนและ กระแสน้ำเปลี่ยนแปลงลักษณะทางธรรมชาติในทะเล ถา้ พนื้ ท่ใี ดมีหนิ ไมแ่ ข็งวางตัวอยู่ แรงจากเคล่ือนจะกัดเซาะจน กลายเปน็ หนา้ ผาสว่ นคลืน่ ทม่ี ้วนตวั เข้าหาฝ่ัง จะนำพาตะกอนทีเ่ ซาะจากโขดกนิ ไปสะสมเปน็ สันทราย และสนั ดอนจะงอย ตามฝงั่ ใกล้เคียง เช่น บรเิ วณหนองตะลมุ พุก จงั หวัดนครศรีธรรมราช ๒) เกดิ จากมนษุ ย์ หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขึ้นโดยมนษุ ยเ์ ปน็ ผกู้ ระทำซงึ่ กอ่ ให้เกิดทงั้ ผลดแี ละผลเสียควบคู่ กันเชน่ การใชด้ นิ ถมแมน่ ้ำคลองเพือ่ สรา้ งถนนสำหรับการเดนิ ทางที่สะดวกรวดเรว็ การตัดไม้ทำลายป่าเพ่ือสรา้ งเข่ือน สำหรับกักเกบ็ น้ำไว้ใชใ้ นฤดูแล้ง การบุกรกุ พ้ืนทปี่ ่าไม้เพือ่ สรา้ งรีสอร์ตหรือบ้านพกั ตากอากาศสำหรับเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว สาเหตุการเกดิ ภาวะโลกรอ้ น สภาวะโลกร้อนเกิดจากการท่ีมีแก๊สเรือนกระจกในบรรยากาศมากเกินไป แกส๊ เรือนกระจกตัวหนง่ึ ท่ีสำคญั ไดแ้ ก่ คาร์บอนไดออกไซด์ ซง่ึ เกิดจากการเผาไหมเ้ ชอ้ื เพลิงเพ่ือใช้งาน -ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) เปน็ ก๊าซท่มี ีคณุ สมบตั ิในการดูดซับคลืน่ รงั สคี วาม รอ้ น หรือรงั สอี นิ ฟาเรดได้ดี ก๊าซเหล่าน้ีมีความจำเป็นตอ่ การ รักษาอณุ หภมู ใิ นบรรยากาศของโลกใหค้ งท่ี ซ่ึงหากบรรยากาศโลกไมม่ กี า๊ ซเรอื นกระจกในชนั้ บรรยากาศ -สารซีเอฟซี (CFC หรอื Chlorofluorocarbon) ใช้เปน็ สารทำความเยน็ และใชใ้ นการผลิตโฟม แตไ่ ม่ถูกกำหนดในพิธีสารเกียวโต เนือ่ งจากเป็นสารท่ีถูกจำกดั การใช้ ในพิธีสารมอน การปอ้ งกันการเกิดปัญหาสภาวะโลกร้อน 1 . ลดการใชพ้ ลังงานในบา้ นด้วยการปิดทีวี คอมพวิ เตอร์ เครือ่ งเสียง และเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ต่าง ๆ เมื่อไมไ่ ด้ 2. ลดการสญู เสยี พลงั งานในโหมดสแตนด์บาย เคร่อื งเสยี งระบบไฮไฟ โทรทัศน์ เครื่องบนั ทึกวดิ โี อ คอมพิวเตอร์ ตัง้ โตะ๊ และอุปกรณ์พ่วงตา่ ง ๆ ท่ีตดิ มาดว้ ยการดงึ ปลกั๊ 3. เปล่ยี นหลอดไฟ เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานแบบขดทีเ่ รียกว่า Compact Fluorescent Lightbulb (CFL) เพราะจะกินไฟเพยี ง 1 ใน 4 ของหลอดไฟเดมิ 4. เปล่ียนไปใชไ้ ฟแบบหลอด LED จะไดไ้ ฟทสี่ วา่ งกวา่ และประหยัดกวา่ หลอดปกติ 5. มองหาผลติ ภัณฑท์ ่มี ีสญั ลกั ษณ์ชว่ ยรักษาส่ิงแวดลอ้ ม เช่น ปา้ ยฉลากเขยี ว ประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์คณุ ภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ คอื การเปล่ยี นแปลงของธรรมชาติ ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น สภาพแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา เช่น
๕๓ 1. การเกดิ พายุ พายุ คอื สภาพบรรยากาศท่ีถูกรบกวนแบบใด ๆ กต็ าม โดยเฉพาะทม่ี ีผลกระทบต่อพื้นผวิ โลก และบง่ บอกถึงสภาพ อากาศที่รุนแรง เวลากล่าวถงึ ความรนุ แรงของพายุ จะมเี นอื้ หาสำคัญอยูบ่ างประการคอื ความเรว็ ท่ีศูนย์กลาง ซึ่งอาจสูง ถึง 400 กโิ ลเมตร/ชวั่ โมง ความเร็วของการเคลอื่ นตัวทิศทางการเคลอื่ นตัวของพายุ และขนาดความกว้างหรือ เส้นผ่าศนู ย์กลางของตัวพายุ ซง่ึ บอกถงึ อาณาบรเิ วณทีจ่ ะไดร้ บั ความเสียหาย มีหนว่ ยวดั ความรนุ แรงคลา้ ยหน่วยริกเตอร์ ของการวดั ความรนุ แรงแผน่ ดนิ ไหว 2. การเกดิ น้ำทว่ ม สาเหตุสำคญั ขึ้นอยูก่ บั สภาพท้องท่ี และความวิปริตผนั แปรของธรรมชาติแต่ในบางท้องท่ี การกระทำของมนุษย์ก็มสี ว่ น สำคญั และ เกดิ จากมนี ้ำเป็นสาเหตุ อาจจะเปน็ นำ้ ทว่ ม น้ำป่าหรอื อืน่ ๆ โดยปกติ อุทกภัยเกิดจากฝนตกหนกั ต่อเนื่องกัน เปน็ เวลานาน บางครงั้ ทำใหเ้ กิดแผ่นดนิ ถลม่ อาจมสี าเหตุจากพายุหมุนเขตรอ้ น ลมมรสมุ มกี ำลังแรง รอ่ งความกดอากาศ ตำ่ มีกำลงั แรงอากาศแปรปรวน น้ำทะเลหนุน แผ่นดนิ ไหว เข่ือนพงั ซ่ึงทำให้เกดิ อทุ กภยั ได้ การปอ้ งกนั นำ้ ท่วม - ตดิ ตามสภาวะอากาศ ฟงั คำเตอื นจากกรมอตุ นุ ยิ มวิทยา - ฝึกซอ้ มการป้องกันภยั พบิ ตั ิ เตรียมพร้อมรับมอื และวางแผนอพยพหากจำเป็น - เตรียมน้ำด่ืม เคร่ืองอปุ โภค บรโิ ภค ไฟฉาย แบตเตอรี่ วทิ ยุกระเป๋าหิ้วเพือ่ ตดิ ตามข่าวสาร - ซอ่ มแซมอาคารให้แข็งแรง เตรียมป้องกนั ภยั ให้สตั ว์เลีย้ งและพืชผลการเกษตร - เตรียมพรอ้ มเสมอเม่ือได้รับแจง้ ให้อพยพไปที่สงู เมื่ออยใู่ นพื้นที่เสีย่ งภยั และฝนตกหนัก ตอ่ เนอื่ ง - ไมล่ งเลน่ น้ำ ไม่ขับรถผา่ นน้ำหลากแม้อยบู่ นถนน ถา้ อยใู่ กลน้ ำ้ เตรยี มเรอื เพอ่ื การคมนาคม - หากอยใู่ นพ้ืนท่ีน้ำทว่ มขงั ป้องกนั โรคระบาด ระวงั เรื่องน้ำและอาหารต้องสกุ และสะอาด กอ่ นบริโภค 3. การเกดิ แผ่นดนิ ไหว เป็นปรากฎการณ์ การสน่ั สะเทือนหรือเขยา่ ของพื้นผวิ โลก สาเหตขุ องการเกิดแผน่ ดนิ ไหวน้ันสว่ นใหญเ่ กิดจากธรรมชาติ โดยแผ่นดนิ ไหวบางลกั ษณะสามารถเกดิ จากการกระทำของมนุษย์ไดเ้ ชน่ การทดลองระเบิดปรมาณู การปรบั สมดุล เนื่องจากนำ้ หนักของน้ำท่กี ักเก็บในเขอื่ นและแรงระเบดิ การทำเหมืองแรเ่ ปน็ ตน้
๕๔ ใบงาน ครง้ั ท่ี 5 วชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า พว 11001 ชอื่ สกุล................................................................................กศน.ตำบล...................................................................... คำชี้แจง ให้ผู้เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. ให้นักศกึ ษาบอกแนวทางการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... 2. ใหน้ กั ศึกษาอธิบายการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................................................
๕๕ เฉลยใบงาน วชิ าวิทยาศาสตร์ (พว11001) ระดบั ประถมศึกษา เรือ่ ง ทรพั ยากรธรรมชาติ 1. ให้นักศึกษาบอกแนวทางการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ แนวทางการตอบ - ใช้ทรพั ยากรธรรมชาติท่มี ีอยอู่ ยา่ งรู้คุณค่า นำมาใชอ้ ยา่ งเกิดประโยชน์และรกั ษาไวซ้ งึ่ ความสมดุลของระบบนิเวศ ควบคู่กนั ไป - การนำทรัพยากรธรรมชาตมิ าใช้ ควรตระหนกั อยู่เสมอวา่ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติทีม่ ากเกินไปจะไม่เปน็ การ ปลอดภัยตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม - หาแนวทางการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ดว้ ยวิธกี ารใหม่ๆ การใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ และ พยายามค้นควา้ สิ่งใหมม่ าใช้ทดแทน 2. ให้นักศกึ ษาอธบิ ายการเกดิ ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ แนวทางการตอบ คอื การเปลีย่ นแปลงของธรรมชาติ ท้งั ในระยะยาวและระยะส้นั สภาพแวดล้อมของโลกเปล่ียนแปลงไปตามเวลา ปรากฏการณ์ธรรมชาติ คือ การเปล่ียนแปลงของธรรมชาติ ท้งั ในระยะยาวและระยะส้ัน สภาพแวดล้อมของโลก เปลีย่ นแปลงไปตามเวลา ทงั้ เปน็ ระบบและไม่เป็นระบบ เปน็ สง่ิ ท่ีอยรู่ อบตวั เรา มกั ส่งผลกระทบต่อเรา ในธรรมชาติ การ เปลย่ี นแปลงบางอย่างมีผลกระทบตอ่ เรารุนแรงมาก สาเหตขุ องการเปล่ียนแปลงมที ง้ั เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติและเป็นส่ิง ทีม่ นุษยท์ ำให้เกิดขึ้น ในเร่ืองน้จี ะกลา่ วถึงสาเหตแุ ละลักษณะปรากฎการณท์ างธรรมชาติท่ีสำคญั เช่น การเกดิ พายุ การเกดิ น้ำทว่ ม การเกดิ แผน่ ดินไหว
๕๖ บนั ทึกหลังสอน สัปดาห์ที่ 5 วัน จันทร์ วันท.ี่ .29....เดอื น...พฤศจกิ ายน....พ.ศ. ....2564........ ผลการเรยี นรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .....................................................ผสู้ อน (นายจริ สั ย์พงษ์ วเิ ศษสทิ ธิโชค) ความคดิ เห็นหวั หน้างานการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศิรธิ วุ านนท์) งานการศึกษาขัน้ พ้นื ฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .......................................................... (นายอำไพ ข่าขนั มะลี) รองผ้อู ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวัดอา่ งทอง รักษาการในตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ
๕๗ แผนการจัดการเรยี นการสอนรายสปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศกึ ษา กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ สัปดาห์ท่ี ๖ วัน .จนั ทร.์ ...วนั ท.ี่ ....6.....เดอื น...ธันวาคม.......พ.ศ....2564............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า พว 11001 จำนวน 3 หนว่ ยกิต มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั สารเพ่ือชวี ิต สมบัตขิ องสาร การแยกสาร สารในชีวติ ประจำวัน การเลือกซ้ือ และการเลอื กใช้ได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภัย หน่วยการเรียนร/ู้ เรือ่ ง สารและสมบัติของสาร สาระสำคญั ความหมาย ความสำคญั ของสารในชีวิตประจำวนั การนำไปใช้ประโยชน์ การเข้าส่รู ่างกายของ สาร ประเภทของสาร และผลิตภณั ฑ์ในชีวิตประจำวนั การใชส้ ารในชีวิตประจำวนั และผลกระทบจาก การใช้สาร การเลือกใช้สารและผลิตภณั ฑ์อย่างถกู ต้อง เหมาะสม เน้ือหา เร่ืองที่ 1 สารและสมบตั ิของสาร เรื่องที่ 2 ปจั จัยที่มีผลตอ่ การเปล่ียนสถานะของสาร จุดประสงค์การเรียนร/ู้ ผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวัง อธบิ ายความหมายความสำคญั และความจำเป็นในการใชส้ ารได้ อธบิ ายสมบัติทั่วไปของสารได้ จำแนกสารโดยใช้สถานะและการจัดเรียงอนุภาคได้ อธิบายปจั จัยที่มผี ลตอ่ การเปลยี่ นสถานะของสารได้ กระบวนการจดั การเรียนรูแ้ ละกิจกรรมเพ่ิมเติม ขั้นที่ 1 กำหนดสภาพปญั หา ความต้องการ ครผู สู้ อนทักทาย พดู คุยเก่ยี วกบั สารที่ผู้เรียนใช้ในชีวติ ประจำวัน เช่น ผงซักฟอง สบู่ น้ำยาลา้ งจาน ฯลฯ ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ ๑ ครใู หส้ ่งใบงานสปั ดาห์ที่ ๕ และครูสรปุ ความรู้ เร่อื ง ความหมายความสำคญั ของการใช้สาร สมบัตขิ องสาร ท่ัวไป การจำแนกสารและปัจจยั ทมี่ ผี ลต่อการเปลี่ยนสถานะของสาร ๒ ครใู หผ้ ู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นครูสรุปองคค์ วามรู้เรือ่ งสารท่ี และสมบัติของสาร ปัจจยั ทม่ี ีผลต่อการ เปลย่ี นแปลงสถานะของสาร ๓.ครูให้ผู้เรียนศึกษาเพ่มิ เติมจากแหล่งเรียนรอู้ ืน่ ๆ และมอบหมายใบงานเรื่อง สารและสมบัตขิ องสาร สง่ ให้ สปั ดาห์ท่ี ๗ ขัน้ ท่ี 3 การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยุกต์ใช้ ครูสรุปองคค์ วามรู้เร่ืองสารท่ี และสมบตั ิของสาร ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร และสรุป ความร้ทู ่ีผเู้ รยี นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
๕๘ ข้ันท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ประเมินผลจากใบงาน ประเมนิ จากการสรปุ ผลการเรยี นรู้รว่ มกนั สื่อการเรียนรู้ หนังสอื เรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษา ใบงาน ใบความ เรือ่ ง สารในชวี ิตประจำวัน อินเตอรเ์ นต็ การวัดผลและประเมนิ ผล ใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ลงชอ่ื .....................................................ผู้สอน (นายจิรสั ยพ์ งษ์ วเิ ศษสิทธโิ ชค) ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้างานการศกึ ษาข้นั พื้นฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .............................................................. (นางสาวปณั ณป์ าลี ศริ ิธวุ านนท)์ งานการศกึ ษาข้ันพื้นฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นายอำไพ ข่าขนั มะลี) รองผู้อำนวยการ สำนกั งาน กศน.จงั หวดั อา่ งทอง รักษาการในตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ
๕๙ ใบความรู้ ครั้งที่ 6 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ พว11001 ระดับประถมศกึ ษา เรอ่ื ง สารในชวี ิตประจำวัน เร่ืองที่ 1 สมบัติของสารท่ีใช้ในชวี ิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวนั ของเราน้ัน เราต้องใชส้ ารต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา สารบางชนดิ ใหป้ ระโยชนแ์ ก่รา่ งกายของเรา เช่น อาหาร ยารกั ษาโรค ผลิตภณั ฑ์ทำความสะอาด เป็นตน้ สารบางถึงแมว้ ่าจะมปี ระโยชนแ์ ต่กม็ ีผลกระทบต่อสงิ แวดล้อมดว้ ย เช่น ยาฆ่าแมลง ยากําจัดศัตรพู ืช หรือก๊าซต่าง ๆ ท่ีเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เราสามารถจําแนกประเภท ของสาร ทใี ช้ในชวี ิตประจำวนั ออกเป็นประเภท ไดด้ ังน้ี 1. ความเป็นกรด - เบส เราสามารถจําแนกสารจากสมบตั ิของสารจากความเป็น กรด - เบส ไดด้ ังน้ี 1.1 สารทีมีสมบัติเป็นกรด สารประเภทนี้มีรสเปรี้ยว ทำปฏิกิริยาเคมีกับโลหะและหินปูน เม่ือทดสอบด้วย กระดาษลิตมัสสีน้ำเงิน กระดาษลิตมัสจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และมี ค่า pH 1 - 6 เช่น มะนาว น้ำส้มสายชู นำ้ ยาลา้ งหอ้ งน้ำ เป็นต้น 1.2 สารทีมีสมบัติเป็นเบส เป็นสารทีมีรสฝาด เมือทดสอบกับกระดาษลิตมัส สีแดงจะเปล่ียนไป เป็นสีน้ำเงิน เม่ือสัมผัสร่างกายจะรสู้ ึกลื่น และทำปฏิกิริยากับไขมันหรือน้ำมันพืช และมีค่า pH 8 - 14 เช่น ผงซักฟอก สบู่ น้ำขี้เถ้า เปน็ ต้น 1.3 สารที่สมบัติเป็นกลาง เป็นสารท่ีทดสอบกับกระดาษลิตมัสแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีค่า pH 7 เช่น นำ้ เกลอื น้ำดม่ื เปน็ ตน้ เรื่องท่ี 2 สารและผลติ ภัณฑข์ องสารทใี ช้ในชีวิตประจำวนั 2. จําแนกประเภทของสาร การจําแนกสารนอกจากจําแนกจากสมบัติของสารแล้ว ยังจําแนกตามประโยชน์ การใช้งานได้ ดังนี้ 2.1 สารทำความสะอาดในชีวิตประจำวันเราใช้สารประเภทนี้กันอย่างแพร่หลาย สารทำความสะอาดมีทั้งสาร ทใี่ ช้ทำความสะอาดร่างกายของคน สารท่ีใช้ทำความสะอาดเคร่ืองนุ่งห่ม หรอื ภาชนะ ต่าง ๆ เช่น สบู่ ผงซักฟอก ยาสีฟัน นำ้ ยาลา้ งหอ้ งน้ำ เปน็ ต้น 2.2 สารทางการเกษตร สารประเภทน้ีส่วนใหญ่เป็นสารทีใช้ในการกําจดั ศัตรพู ืช เชน่ แมลง วัชพืช สารประเภท น้ีในปริมาณทมี ากเกนิ ไปจะส่งผลกระทบตอ่ ผู้ใช้ และผู้บริโภค นอกจากน้ีแล้วสารประเภทนี้ยงั ส่งผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม อีกด้วย 2.3 ยารักษาโรคสารเหล่านี้ใช้เพื่อบําบัดและรักษาอาการเจ็บป่วยของคนเรา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ยาภายใน เช่น ยาพาราเซตามอล ยาธาตนุ ้ำแดง ยาแก้ไอ ยาภายนอก เช่น ยาแดง ยาลา้ งตา แอลกอฮอล์ 2.4 สารปรงุ แตง่ สารปรุงแต่งอาหารมีมากมายหลายชนิด ขึ้นอยกู่ ับวัตถุประสงค์ในการใช้ ดังน้ี สารปรุงรส - น้ำปลา ซีอิ้ว - ซอส สารแต่งสี - สีผสมอาหาร สีจากธรรมชาติ สารแตง่ กล่ิน - กลิ่นสงั เคราะห์ สารป้องกนั ไม่ให้อาหารเน่าเสยี – สารกันบูด 2.5 ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม สารที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามหรือเคร่ืองสําอางมีหลายประเภท ขน้ึ อย่กู บั วตั ถปุ ระสงค์ ของผใู้ ช้ เชน่ - ผลิตภณั ฑบ์ าํ รงุ ผวิ - ครีมบาํ รุงผวิ - อาหารเสริม - ผลติ ภณั ฑ์ตกแต่งรา่ งกาย - ลปิ สติก - แป้งผัดหนา้
๖๐ เร่ืองที การเลือกซ้ือและการใช้สารอย่างปลอดภัย สารที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันนั้นมีท้ังประโยชน์และโทษ ดังน้ันก่อนทีเราจะนําสารใด ๆ ก็ตามมาใช้ ตอ้ งคำนึงถงึ เรื่องดงั ต่อไปน้ี 1. ฉลากของผลิตภัณฑ์ ก่อนซื้อหรือนําผลิตภัณฑ์มาใช้ต้องศึกษารายละเอียดบนฉลากให้เข้าใจ โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ด้านอาหารจะต้องดูวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ด้วย และผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตนตามวิธี ขั้นตอน ที่อยู่บนฉลาก อย่างเคร่งครดั ดว้ ย 2. ใช้สารในปริมาณทีจําเป็นเท่านั้น สารอย่างชนิดถ้าใช้ในปริมาณมากกว่าทีกำหนดอาจจะเป็นอันตราย ตอ่ ผใู้ ช้ได้ 3. ต้องมีการกําจัดภาชนะทีใช้แล้วอย่างเหมาะสม เช่น ภาชนะทีบรรจุสารทีพิษ ห้ามท้ิงลงใแม่น้ำลำคลอง เปน็ ตน้ การจะเลอื กใช้สารใดกต็ าม เราต้องคํานึงความปลอดภัยในการใช้สารนั้นด้วย สารบางชนิด เช่น ยาฆา่ แมลง หรือ ยากําจัดวัชพืช ถ้าใช้ในปริมาณมากก็จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้ และถ้าตกค้างอยู่ใน พืชผักก็จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และนอกจากนี้สารต่าง ๆ ทีเราใชก้ ็ส่งผลกระทบตอ่ สิงแวดล้อม เช่น การปล่อยนําเสียลงในแม่นาํ ก่อให้เกิดนําเสยี เปน็ ต้น ดงั นันก่อนทเี ราจะเลอื กใช้สารต่าง ๆ ใน ชีวิตประจำวนั เราต้องศึกษาถึงวธิ ีการใช้ การเก็บรกั ษา และวิธีการกําจดั ภาชนะ บรรจสุ ารเหลา่ นั้นอย่างละเอยี ด เพื่อจะชว่ ยป้องกันอันตรายท่ีจะเกิดกับมนุษยเ์ รา และไม่สง่ ผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อม
๖๑ ใบงานคร้ังท่ี ๖ วิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา พว 11001 ช่อื สกลุ .......................................................................................กศน.ตำบล....................................................... จงพจิ ารณาช่ือสารท่ีกำหนดและจำแนกสารน้ันอยู่ในสถานะใด โดยขดี เครอื่ งหมาย ✓ ลงในตาราง สาร ของแขง็ ของเหลว กา๊ ซ กอ้ นหนิ โต๊ะ ออกซิเจน นำ้ มันพืช กา๊ ซหุงตม้ พัดลม นำ้ เกลอื นำ้ แขง็ คารบ์ อนไดออกไซด์ ควันไฟ คอมพิวเตอร์ ยางลบ สบู่เหลว นำ้ อดั ลม น้ำตาล ไนโตรเจน แอลกอฮอล์ กระดาษ แชมพูสระผม ผงซักฟอก
๖๒ เฉลย ใบงาน วิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า พว 11001 เร่ือง สารและสมบัติของสาร จงพจิ ารณาชอื่ สารท่ีกำหนดและจำแนกสารนั้นอยใู่ นสถานะใด โดยขีดเครอื่ งหมาย ✓ ลงในตาราง สาร ของแขง็ ของเหลว กา๊ ซ กอ้ นหิน ✓ โตะ๊ ✓ ออกซเิ จน ✓ นำ้ มนั พชื ✓ กา๊ ซหงุ ต้ม ✓ พดั ลม ✓ นำ้ เกลือ ✓ นำ้ แขง็ ✓ คาร์บอนไดออกไซด์ ✓ ควันไฟ ✓ คอมพิวเตอร์ ✓ ยางลบ ✓ สบู่เหลว ✓ นำ้ อดั ลม ✓ น้ำตาล ✓ ไนโตรเจน ✓ แอลกอฮอล์ ✓ กระดาษ ✓ แชมพูสระผม ✓ ผงซักฟอก ✓
๖๓ บันทกึ หลงั สอน สัปดาห์ท่ี 6 วนั จันทร์ วันท.ี่ ...6......เดือน...พฤศจกิ ายน.....พ.ศ. ...2564.......... ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .....................................................ผูส้ อน (นายจริ ัสย์พงษ์ วเิ ศษสิทธิโชค) ครู กศน.ตำบล ความคดิ เห็นหวั หน้างานการศึกษาข้ันพื้นฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศริ ิธวุ านนท์) งานการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขันมะลี) รองผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน.จังหวัดอ่างทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชยั ชาญ
๖๔ แผนการจดั การเรียนการสอนรายสัปดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศกึ ษา กศน.อำเภอวเิ ศษชยั ชาญ สปั ดาหท์ ่ี ๗ วนั ..จันทร.์ ..วันท่.ี ...29......เดือน....พฤศจกิ ายน.....พ.ศ....2564............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. รายวิชา ชอ่ งทางการเข้าสู่อาชพี (อช11001) จำนวน 2 หนว่ ยกติ มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั การมีอาชพี เปน็ ความภมู ใิ จของคนทกุ คน ซ่งึ เราสามารถเลอื กประกอบอาชีพใหเ้ หมาะสมกับ ความถนดั ความชอบของตน และตรงกับความต้องการของตลาด นอกจากนีค้ วรเป็นอาชีพทต่ี ้องไมม่ ี ผลกระทบใด ๆ ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม ดังน้นั การจะตัดสินใจเลอื กอาชีพใดอาชีพหนงึ่ จะตอ้ งศึกษา วิเคราะห์ ข้อมลู อาชีพอย่างถ่องแท้ เพือ่ ท่จี ะตดั สินใจเลอื กอาชีพใหม้ คี วามเส่ียงนอ้ ยที่สดุ หนว่ ยการเรยี นรู/้ เร่อื ง ชอ่ งทางการเขา้ สู่อาชีพ สาระสำคัญ อาชพี ต่าง ๆ ท่ีมอี ยู่ในทอ้ งถ่ิน ประเทศ และภูมภิ าค 5 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเชยี ทวปี ออสเตรเลยี ทวีปอเมริกา ทวปี ยุโรป และทวปี แอฟรกิ า มีอยู่มากมายหลายอาชพี แต่ละอาชพี ตอ้ งใช้ความรคู้ วามสามารถ ทักษะอาชพี ตลอดจนมลี ักษณะของการประกอบอาชีพแตกต่างกันออกไป ดงั น้ันกอ่ นตดั สินเลอื ก ประกอบอาชพี จำเป็นจะตอ้ งศึกษาอาชีพนัน้ ใหถ้ ่องแท้ เนือ้ หา เรอื่ งที่ 1 ความจำเป็นในการมองเห็นช่องทางการประกอบอาชพี เรอ่ื งที่ 2 ความเปน็ ไปได้ในการเข้าส่อู าชีพ เรือ่ งที่ 3 การลำดับอาชีพและเหตุผล จุดประสงค์การเรยี นรู้/ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวัง 1. อธบิ ายความจำเปน็ ในการมองเห็นชอ่ งทางในการประกอบอาชพี ไดอ้ ย่าง เหมาะสมกบั ตนเอง 2. ศึกษาอาชีพในชมุ ชน สงั คม ประเทศ และภูมภิ าค 5 ทวีป ไดแ้ ก่ ทวปี เอเชีย ทวีปออสเตรเลยี ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวปี แอฟริกา เพื่อวเิ คราะห์ความเปน็ ไปไดใ้ น การเข้าสู่อาชพี ของตน 3. ลำดับอาชีพโดยพิจารณาความเปน็ ไปไดข้ องอาชพี จำนวน 3 อาชพี พร้อมท้งั ให้เหตผุ ล กระบวนการจัดการเรียนรแู้ ละกจิ กรรมเพม่ิ เติม ขน้ั ที่ 1 กำหนดสภาพปญั หา ความต้องการ ครูผูส้ อนทักทายและพูดคุยสอบถามเกย่ี วกบั อาชีพของผู้เรียน ขน้ั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มูลและการจัดการเรยี นรู้ ๑. ครูผู้สอนให้สง่ งานในสปั ดาห์ท่ี ๖ และครสู รปุ ความร้เู ร่ือง การมองเหน็ ช่องทางในการประกอบอาชพี ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมกบั ตนเอง ศึกษาอาชีพในชมุ ชน สงั คม ประเทศ และภูมภิ าค และลำดับอาชีพโดยพจิ ารณาความเปน็ ไปได้ในการ ประกอบอาชีพเรียน ๒.ครูผู้สอนสรปุ ร่วมกบั ผู้เรยี นแสดงความคิดเห็น เรื่อง ความจำเป็นในการมองเหน็ ช่องทางการประกอบอาชพี ความเป็นไปได้ในการเข้าสู่อาชพี และการลำดับอาชพี และเหตุผล ๓.ครใู ห้ผ้เู รียนศกึ ษาเพิม่ เติมจากแหลง่ เรยี นร้อู ืน่ ๆ และมอบหมายใบงานเร่ือง ชอ่ งทางการเข้าสู่อาชีพ ส่งให้ สปั ดาห์ที่ ๘
๖๕ ข้ันท่ี 3 การปฏบิ ตั ิและนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ครูสรุปองค์ความรู้เร่ือง ความจำเปน็ ในการมองเห็นช่องทางการประกอบอาชพี ความเปน็ ไปไดใ้ นการเขา้ สู่อาชพี และการลำดับอาชีพและเหตุผลและสรุปความรทู้ ่ีผู้เรยี นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ข้นั ท่ี 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ ประเมินผลจากการทำใบงาน ประเมินผลจากการสงั เกตพฤตกิ รรม ส่ือการเรยี นรู้ หนังสือเรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา ใบงาน เร่ือง การเข้าสู่อาชีพ ใบความรู้ เรื่อง การเข้าสู่อาชพี อินเตอรเ์ น็ต การวดั ผลและประเมนิ ผล ใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ลงชอ่ื .....................................................ผู้สอน (นายจริ ัสยพ์ งษ์ วเิ ศษสิทธโิ ชค) ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้างานการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานนอกระบบ. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .............................................................. (นางสาวปณั ณป์ าลี ศิริธวุ านนท์) งานการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐานนอกระบบ ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นายอำไพ ข่าขันมะลี) รองผู้อำนวยการ สำนกั งาน กศน.จงั หวัดอา่ งทอง รักษาการในตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ
๖๖ ใบความรู้ ครง้ั ที่ 7 รายวิชา อช11001 ช่องทางการเขา้ สอู่ าชีพ จำนวน 2 หน่วยกิต ระดับประถมศึกษา เรื่อง ชอ่ งทางการเขา้ สู่อาชีพ การประกอบอาชพี ในภมู ิภาค 5 ทวีป ภูมิภาคของโลกประกอบด้วย 5 ภมู ิภาค ได้แก่ เอเชีย อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลยี แอฟรกิ า ซึ่งในแตละ ภูมิภาค จะมีลกั ษะการประกอบอาชีพท่ีแตกตางกนั เพราะมีความแตกตางกนั ทางสภาพบริบทของพ้ืนท่ี ไดแก ทรพั ยากรธรรมชาติ และพื้นที่ ลักษณะภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและการ ดํารงชีวิตของประชาชน ดังนั้นใน การประกอบอาชีพ ผูประกอบการจําเปนตองเขาใจในความแตกตางของ สภาพบริบทของพ้ืนที่ดงั กลาว เพราะในอนาคต การติดตอทางการคาจะสามารถเช่ือมโยงติดตอซื้อขายไดอยาง ไมมีขอบเขตจํากัด ความแตกตางของลักษณะงานอาชีพ ในแตละภูมภิ าค มีรายละเอียดดงั น้ี ภมู ภิ าคเอเชีย สวนใหญของประเทศในภมู ิภาคเอเซีย ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเปนหลักไดแกการ ปลูกพชื การ เล้ียงสตั ว การประมง ปาไม รวมถึงงานอาชีพทางดานเหมอื งแร และอตุ สาหกรรมดวย โดยในแต ละอาชีพทีป่ ระกอบการใน ภูมภิ าคเอเชีย มีลักษณะการประกอบอาชพี ดงั น้ี การปลูกพืช เปนอาชีพเกษตรกรรมที่ประชาชนสวนใหญในแตละประเทศของภูมิภาคเอเชีย ดําเนินการ ประกอบเปนอาชีพ แตมีความแตกตางกันไปตามลักษณะภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และการดํารงชีวิต ของประชากร โดย ประเทศในเขตพื้นที่ราบท่ีมีปริมาณฝนเพียงพอ และประชากรอาศัยอยูอยางหนาแนน จะมีการดําเนินการประกอบอาชีพ การปลูกพืชเพ่ือเลี้ยงตนเอง แตในเขตพ้ืนท่ีที่มีภูมิอากาศแบบปาดิบชื้น มี ประชากรอยูบางเบา จะประกอบอาชีพ เกษตรกรรมปลกู พชื แบบเลื่อนลอย ท้ังน้ี ในพื้นที่ที่เปนทุงหญามรี ะบบ ชลประทาน สวนใหญจะประกอบอาชีพปลกู พชื พร อมการเลี้ยงสัตว โดยพ้ืนท่ใี ดของประเทศที่อยูในเขตอากาศ หนาว เขตทะเลทราย และเขตภูเขา จะเปนพื้นที่ท่ีไมสามารถ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมปลกู พชื ได สําหรบั พืชเศรษฐกิจที่สาํ คัญนิยมปลูกในประเทศของภูมิภาคเอเชีย เชน ขาวเจา ขาวโพด มะพราว ปาลม นำ้ มัน มะกอก ชา ฝาย ปอ ปาน ยางพารา เปนตน การเล้ียงสัตว อาชีพเกษตรกรรมการเล้ียงสัตว เปนอีกอาชีพหน่ึงที่ประชาชนในประเทศตางๆ ของ ภูมภิ าคเอเชียนิยมประกอบอาชีพ แตมีความแตกตางกันไปตามสภาพภมู ิประเทศ และภูมิอากาศ โดยใน ประเทศท่ีมีอากาศ แหงแลงแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต และตอนกลางของภูมภิ าค ซ่งึ มีลักษณะพ้ืนท่ีเปนทุงหญา ก่ึงทะเลทราย ประชากรใน เขตดังกลาว จึงนิยมเลี้ยงสัตวแบบเรรอน ไดแก อูฐ แพะ แกะ โค มา และจามรี โดยการเล้ียงสัตวในลักษณะดังกลาว เป นการประกอบอาชีพเพื่อตองการนมและเนื้อนํามาใชเปนอาหาร สวนใน เขตอากาศรอนช้ืนและอบอุน ประชากรจะนิยม เลยี้ งสัตวเพ่ือการบริโภคและการสงเปนสินคาออก ไดแก สุกร ไก เปด ทั้งน้ี ในเขตอากาศดังกลาว จะนิยมเลยี้ งโค กระบือ และมาเชนเดยี วกนั แตเปนการเล้ียงไวเพ่ือใชงาน การประมง การประกอบอาชีพประมงของภูมิภาคเอเชีย มีการดําเนินการประกอบอาชีพ ประมงใน 2 ลักษณะ ไดแก ประมงน้ำจดื และประมงทางทะเล การประกอบอาชีพประมงน้ำจดื สวนใหญจะ นยิ มทําอาชีพประมงควบ คูกับการปลูกพืช โดยเฉพาะพืชผัก สําหรับการประกอบอาชีพประมงทางทะเล มีการ ประกอบอาชีพในเขตนานน้ำแถบ ชายฝงตะวันออกของภูมิภาคเอเซีย ต้ังแตอาวไทยไปจนถึงชองแคบเบริง ที่กระแสน้ำอุนกุโรชิโว ไหลมาบรรจบกับ กระแสนำ้ เยน็ โอยาชิโว เพราะเปนแหลงที่มีอาหารสมบรู ณ ทําใหมี สตั วน้ำอยูเปนจาํ นวนมาก ประเทศญ่ีปุน เปนประเทศ ทมี่ ีการประกอบอาชีพประมงทางทะเลมากทีส่ ุดในโลก นอกจากการประกอบอาชีพประมงจับสัตวน้ำทะเลแลว ตามแนว ชายทะเล ยังมีการประกอบอาชีพการเล้ียงหอย ประเภทตางๆ รวมถึงสาหรายทะเล ซ่ึงมีการประกอบอาชีพเชนน้ี กระจายโดยทว่ั ไปในประเทศทมี่ ีพ้ืนที่ ชายทะเล
๖๗ ปาไม อาชีพปาไม มีการดําเนินงานอาชีพใน 2 ลักษณะตามเขตภูมิอากาศ คือ ปาไมในเขตรอน จะเป นไมประเภทไมเน้ือแขง็ ในเขตประเทศ ไทย พมา ลาว กมั พูชา เวียดนาม อินเดีย และใน ประเทศกลุมหมูเกาะ สวนปาไม ในเขตหนาว จะเปนปาตนสน โดยมีการนําไมสนมาใชทําเปนกระดาษและลงั ไม เหมืองแร ภูมิภาคเอเชีย เปนภูมิภาคท่ีอุดมไปดวยแรธาตุนานาชนิด เนื่องจากมีสภาพภูมิ ประเทศเป นเทือกเขาท่ีมีอายุแตกตางกัน แรธาตุที่สําคัญที่มีการขุดข้ึนมาใชประโยชน ไดแก เหล็ก ถานหิน ดีบุก น้ำมัน แมงกานิส เพชร พลอย เปนตน อตุ สาหกรรม ในภูมภิ าคเอเชีย การประกอบอาชีพดานอุตสาหกรรม สวนใหญจะเปน อตุ สาหกรรมแบบ หตั ถกรรมหรืออุตสาหกรรมในครัวเรือน ในลักษณะงานฝมือ ของท่ีระลึก เชน ผาทอ เครื่อง โลหะ เคร่อื งแกะสลัก เครื่อง จกั สาน เปนตน สําหรบั อุตสาหกรรมใหม ประเทศญี่ปุน เกาหลี ไตหวนั และ สิงคโปร์ ถูกจัดให้เป็นประเทศในกลุมอตุ สา หกรรมใหม ลักษณะวธิ กี ารคาในภูมิภาคเอเชยี การคาขายแตเดิม ประเทศในภูมิภาคเอเชยี จะใชวธิ ีตางคน ตางขาย ภูมิภาคอเมริกา เนื่องจากภูมิภาคอเมริกา มีความแตกตางกันในดานภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และวิถีการ ดํารงชีวติ คอนขางสงู ในเขตอเมริกาใต และอเมรกิ าเหนือ การประกอบอาชพี ของท้งั 2 เขต จึงมี ความแตกตางกันไปดวย ดังน้ี การปลูกพชื พืชนยิ มปลกู พชื มดี ังน้ี ประเภท อเมริกาใต้ ประเภท อเมรกิ าเหนอื กาแฟ ขอ้ มลู ขอ้ มูล โกโก้ ไมม่ ีคนปลูก ข้าวโพด ปลูกมากในประเทศบราซิล มี มาก ขา้ วสาลี ถึงรอยละ 50 ของโลก และ ยังมี ไม่มีคนปลกู การปลกู ในประเทศ โคลมั เบีย และ เอกวาดอร ข้าวโพด เปนพืชเศรษฐกิจของประเทศ สหรฐั อเมริกา ปลกู มากในแถบ ภาคกลางของประเทศ ปลูกเพ่อื นํามาทาํ เปน ชอ็ กโกแลต เครือ่ งด่ืมและขนม หวาน นิยมปลูก ขา้ วสาลี ปลูกมากในประเทศ สหรฐั อเมริกา และแคนาดา ในประเทศ บราซิล เอกวาดอร โดยประเทศสหรฐั อเมรกิ า จะ ปลูกขาวสาลีฤดูหนาว สวน ประเทศแคนาดา จะปลูกขาว สาลีฤดใู บไมผลิ เปนพชื ทีป่ ลกู มากในประเทศ บราซลิ รวมถึง ประเทศ อารเจนติน า เวเนซเู อลา เปรู และโคลมั เบยี นิยมปลูกในประเทศบราซิล อารเจน ตนิ า ชิลี
๖๘ อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ขอ้ มูล ประเภท ประเภท ขอ้ มูล อ้อย ปลูกมากในประเทศบราซลิ กลว้ ย ปลกู มากในประเทศเอกวาดอร ไม่มีคนปลูก ฝา้ ย ปลกู มากในประเทศบราซลิ อารเจนตินา ไมม่ ีคนปลูก ไม่มีคนปลกู ปลูกมาในบริเวณลุมแมนำ้ มิสซิสซปิ ป ไมม่ ีคนปลกู ภาคตะวนั ตกของ รัฐแอริโซนา และแคริฟอรเนยี ไม่มีคนปลกู ถว่ั เหลือง ปลูกมากในเขตทรี่ าบภาคกลาง ไมม่ ีคนปลูก ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า ยาสบู เปนพืชเศรษฐกจิ ทีส่ รางชอื่ เสียงใหแกประเทศ สหรฐั อเมริกา ปลูกมากในเขต ภาคตะวันออกของ ประเทศ สหรัฐอเมรกิ า ข้าวเจ้า ปลกู มากในเขตภาคใตของ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ผกั และผลไม้ ในภาคตะวนั ออกของประเทศ สหรฐั อเมริกา มี ตา่ ง ๆ การปลูก เชอรี สตรอเบอรี แอปเปล ภาคใต ปลกู สม สบั ปะรด ชายฝง ตะวันตกเฉยี งใต ปลกู องุ ม มะกอก สม มะนาว การเลีย้ งสตั ว์ ในเขตอเมริการใต้และอเมรกิ ารเหนอื มีการเล้ยี งสตั ว์ ดงั นี้ โคเนือ้ ในเขตอเมริกาใต นิยมเลี้ยงในประเทศบราซลิ อารเจนตินา และอรุ ุกวัย สวน ในเขตอเมริกา เหนอื นิยมเลีย้ งในแถบตะวนั ตกของประเทศ และจะเลย้ี งเปนฟารมปศสุ ตั วขนาดใหญ โคนม เขตอเมริกาใตไมมีการเล้ียงโคนม ในสวนของอเมริกาเหนอื นิยมเลย่ี งในเขตท่ี ราบภาค กลางและภาคตะวนั ออกของประเทศสหรฐั อเมริกา โดยพน้ื ท่ีดงั กลาว จะมรการปลูกขาวโพด และถั่วเหลือง ซงึ่ มีการนํา ขาวโพด และถั่วเหลอื ง มาใชเปนอาหารสัตว เพ่ือใหโคนมมีสขุ ภาพแขง็ แรง แกะ เขตอเมริกาใต นิยมเลย้ี งในประเทศอรุ ุกวยั โดยมีการเลยี้ งจาํ นวนมากเปนอนั ดบั 2 ของโลก ในเขตอเมรกิ าเหนอื นิยมเล้ยี งในภาคตะวนั ตก และตะวันตกเฉียงใตของประเทศสหรัฐอเมริกา สุกร เขตอเมรกิ าใต นยิ มเลยี้ งในประเทศเปรู และบราซิล สวนเขตอเมริกาเหนือ นยิ ม เลี้ยงในเขตที่ เล้ียงโคนม โดยใชหางนมนาํ มาเล้ียงสุกร ปาไม เขตอเมรกิ าใตเปนแหลงไมเน้อื แข็งท่มี ีอยูอยางอุดมสมบรู ณและกวางขวาง แตนํามาใช ประโยชนได้ นอย เพราะการคมนาคมไมสะดวก สําหรับเขตอเมรกิ าเหนือ สวนใหญประกอบอาชีพปาไม ทีส่ วนใหญเปนไมเนื้อออน
๖๙ เหมืองแร เขตอเมริกาใตและอเมริกาเหนือ มแี รธาตทุ ่สี ําคัญอื่น ไดแก ประเภท อเมริกาใต้ ประเภท อเมรกิ าเหนือ ถ่านหิน เหล็ก ไมม่ ีทรัพยากรการผลติ ขอ้ มูล เหล็ก ทองคำ มีมากในประเทศบราซลิ มีการ ผลติ มาก มมี ากแถบเทือกเขาดาน ตะวันตกของ ทองแดง เปนอันดับ 2 ของโลก รวมทงั้ เวเนซเู อรา ประเทศ สหรฐั อเมรกิ า ดบี กุ โบลิเวีย ชิล สงั กะสี มีมากในประเทศบราซลิ มมี ากทีบ่ รเิ วณเทอื กเขาเมซาบี รัฐมนิ นโิ ซตา น้ำมนั มีมากเปนอนั ดับท่ี 1 ของโลก ในประเทศ และเปนแหลง เหลก็ ท่ีสาํ คัญท่ีสดุ ในเขต ชิลี รวมทัง้ ใน ประเทศบราซิล และเปร อเมริกาเหนือ ประเทศโบลีเวยี มีการผลิตดบี ุก มากเป นอันดับ 2 ของโลก แหลงผลิตทสี่ ําคัญ อยูท่ี เทือกเขารอกกี ผลิตมากในประเทศเปรู บราซิล และอาร เจนตนิ แหลงผลิตทส่ี ําคัญ อยูท่ี เทือกเขารอกก้ี ประเทศเวเนซูเอรา เปนประเทศ ทมี่ ีการ ผลติ มากทส่ี ุด และยังมี ในประเทศบราซิล ไม่มีทรพั ยากรการผลิต โบลเี วยี เอกวาดอร ไมม่ ีทรัพยากรการผลิต มแี หลงผลิตทางตอนเหนือของ รฐั อาลาสกา และภาคกลาง ตอนลางของประเทศแคนาดา อตุ สาหกรรม ในเขตอเมริกาใต จะเปนอตุ สาหกรรมเบา เชน การผลิตน้ำตาล อาหารกระปอง ประเทศที่ มีอุตสาหกรรมเจริญกาวหนา เปนอุตสาหกรรมขนาดใหญ ไดแกประเทศบราซิล และอารเจนตินา เปนการผลิตเหล็กกลา น้ำมันและปโตรเคมี สวนอเมริกาเหนือ เปนสวนภูมิภาคที่เจริญกาวหนามากทาง อุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตใน อุตสาหกรรมหลัก ภมู ภิ าคยุโรป การดําเนินงานอาชพี ของประเทศในภูมิภาคยุโรป มีลักษณะการประกอบอาชพี ดังนี้ การปลกู พืช พ้ืนท่ีการปลกู พชื ของภูมภิ าคยุโรป สวนใหญปลูกในยโุ รปตะวันออกและภาคใต ของประเทศ อังกฤษ ภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศฝรั่งเศส รวมถึงตอนเหนือของประเทศเยอรมัน พืช ท่ีสําคัญและมีผลต อเศรษฐกิจไดแก ขาวสาลี ปลกู มาในประเทศยเู ครน ฝรง่ั เศส อติ าลี สเปน โรมาเนยี บัลกาเรยี เยอรทัน ฮงั การี ขาวโอด ขาวบารเลย ถวั่ มันฝรงั่ ปลูกไดโดยทัว่ ไปของประเทศตางๆในภมู ิภาคยโุ รป องุน สม มะกอก มะนาว แอปเปล ปลูกมากในประเทศทม่ี ีลักษณะอากาศแบบเมดิ เตอรเนียน ไดแก ประเทศอิตาลี ฝร่งั เศส สเปน กรซี การเล้ยี งสัตว สัตวเศรษฐกจิ ที่นยิ มเลีย้ ง ไดแก กวางเรนเดีย โคเน้ือ โคนม แพะ แกะ มา และ สุกร โดย การเลยี้ งสตั วเศรษฐกจิ ดงั กลาว ขึน้ อยูกบั ความเหมาะสมของลักษณะภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ
๗๐ การประมง แหลงทําการประมงที่สําคัญในภูมิภาคยโุ รป ไดแก ทะเลเหนือ โดยเฉพาะบริเวณกระแสน้ําอุนแอตแลนติกเหนือบรรจบกับกระแสน้ำเย็น กรีนแลนดตะวันออก ทําใหมีอาหารสมบูรณ ปลาชุกชุม ประเทศที่ประกอบอาชีพประมงในเขตน้ี ไดแก ประเทศนอร เวย ดอซแลนด และสหราชอาณาจกั ร ทะเลดํา ทะเลสาบแคสเปยน และแม่น้ำโวลกา มีการจับปลาสเตอรเจียน นํามาทําเปน ไขปลาคารเวียร ปาไม อาชพี ปาไม มีการประกอบอาชีพอยางจริงจังในประเทศฟนแลนด สวีเดน รสั เซีย นอรเวย สวนใหญเปนปาไมในเขตหนาว มีปาตนสนจาํ นวนมาก โดยมกี ารนํามาใชทําเปนเย่ือกระดาษ เหมืองแร่ น้ำมันและกาซธรรมชาติ อยูในบริเวณทะเลเหนือ และรอบทะเลสาบแคสเปยน บอกไซด นาํ มาถลงุ เปนอลูมเิ นียม มีมากในประเทศฝรั่งเศส ยูโกสลาเวีย ฮีงการแี ละ เทือกเขาคูราล ในประเทศรัสเซยี โพแทช นํา มาใชในอุตสาหกรรมปุยและสบู มีมากในประเทศฝร่ังเศส เยอรมัน สเปน และรัสเซีย อุตสาหกรรม ในภูมภิ าคยุโรป ถือไดวาเปนภูมิภาคอุตสาหกรรม ประชากรสวนใหญจะ ประกอบอาชีพ อยูในภาคอุตสาหกรรม แหลงอุตสาหกรรมในภูมิภาคยุโรป จะอยูแถบยุโรปตะวันตก เชน ประเทศฝร่ังเศส สหราช อาณาจักร เยอรมนั เนเธอรแลนด รวมถึง ประเทศรัสเซยี ยูเครน เบลารุส ในแถบยโุ รป ตะวันออก ภมู ิภาคออสเตรเลีย การประกอบอาชพี ของภมู ภิ าคออสเตรเลีย มีลักษณะการประกอบอาชีพ ดังน้ี การปลูกพืช เกษตรกรรมการปลูกพืช ถือวาเปนอาชีพหลักของภูมิภาคออสเตรเลีย โดยในการ ดําเนนิ การอาชีพเกษตรกรรมปลูกพืช เกษตรกรมกี ารนําเคร่ืองจกั รกลเขามาชวยในการทาํ การเกษตร เน่อื งจาก พื้นทขี่ อง ออสเตรเลียมีความแหงแลง และใชในการขุดน้ำบาดาล พืชท่ีสําคัญและมีผลตอเศรษฐกิจไดแก ขาว สาลี เปนพืช เศรษฐกิจท่ีสําคัญที่สุดของภูมิภาคออสเตรเลีย นอกจากนั้น ยังมีการปลูกขาวเจา กลวย ออย สับปะ รถ องุน และสม กระจายในพื้นท่ีภูมิภาคออสเตรเลีย ตามความเหมาะสมของสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ การเล้ียงสัตว ในภูมิภาคออสเตรเลีย นิยมเลี้ยงสัตว ไดแก แกะ เปนการเลี้ยงไวเพ่ือการใชขน โคเน้ือ มีการเลี้ยงในบริเวณทุงหญา สะวันนา และโคนม มีการเลี้ยงในบริเวณเขตอากาศอบอุน การประมง ภูมภิ าคออสเตรเลยี โดยเฉพาะฝงตะวันออก เปนบริเวณท่มี ปี ลาจํานวนมาก ไดแก ปลาทูนา ปลาฉลาม ปลาแซนมอน ปลากระบอก รวมท้ัง มีการเล้ียงหอยมุกที่เกาะเทอรสเตย แตงานอาชีพดาน ประมง มปี ญหาไม สามารถจับปลาทม่ี ชี กุ ชมุ ไดมาก เพราะขาดแรงงาน ปาไม อาชีพปาไม มีการประกอบอาชีพปาไม ประเภทปายูคาลิปตัส เพราะมีจํานวนมากใน แถบ ตะวันออกของภูมิภาคออสเตรเลีย เหมืองแร ภูมภิ าคออสเตรเลยี เปนแหลงแรท่สี ําคญั จาํ นวนมาก ไดแก เหลก็ มมี ากท่ีรัฐเวสเทิรนออสเตรเลยี ถานหนิ มีมากทซ่ี ดิ นยี นวิ คาสเซิล ทองคาํ มีมากทเ่ี วสเทริ นออสเตรเลยี ดบี กุ มีมากที่รัฐควนี สแลนด อตุ สาหกรรม ในภมู ิภาคออสเตรเลยี มีการดาํ เนนิ งานอาชีพอตุ สาหกรรมการเกษตรเปนสวนใหญ ไดแก การผลิตส่งิ ทด นำ้ ตาล นม เนย อาหารกระปอง ดานอตุ สาหกรรมอื่น มีการผลิตเครอ่ื งใชไฟฟา การตอเรอื สวนใหญภาคอุตสาหกรรมจะประกอบการในแถบตะวนั ออกเฉียงใตของภูมภิ าคออสเตรเลยี
๗๑ ภมู ภิ าคแอฟริกา การประกอบอาชีพของภูมิภาคแอฟริกา มีลกั ษณะการประกอบอาชีพ ดังนี้ การปลูกพืช ภูมิภาคแอฟริกาสวนใหญ เปนทะเลทราย ดินขาดความอุดมสมบูรณ ประชากร จะ ปลูกพืชไดเฉพาะบริเวณที่ราบดินตะกอนของปากแม่น้ำสายตางๆ ทําใหผลผลิตที่ได ไมเพียงพอตอการบริโภคของ ประชาชนในภูมภิ าค ท้ังนี้ แหลงปลูกและพืชที่สํ าคัญของภมู ิภาค แอฟริกา ไดแก แหลงปลูกพืชเมอื งรอนในเขตรอน ช้นื บริเวณลุมนำ้ คองโก ชายฝงแอฟริกาตะวนั ออก และตะวันตก มีการปลกู โกโก มากท่ีสดุ นอกจากนน้ั มกี ารปลูก ปาลมน้ำมนั กาแฟ ถ่ัวลิสง ออย ยางพารา เผอื ก และมัน ลมุ แมนำ้ ไนล เปนพน้ื ทอ่ี ากาศรอน แหงแลง สวนใหญปลูก ฝาย ชา อนิ ทผาลัม ขาวฟาง เขตเมดิเตอรเรเนียน บรเิ วณดานเหนือสุดและดานใตสุดของภูมภิ าค มีการปลูกสม องุน มะกอก และขาวสาลี เขตอบอนุ ช้นื บริเวณดานตะวันออกเฉยี งเใตของภมู ิภาค มกี ารปลูกผลไม ขาวสาลี ขาวโพด การเล้ียงสัตว ในภูมภิ าคแอฟริกา มีการเลยี้ งสัตวและการลาสตั วปา ดังนี้ โคเขายาว เลี้ยงไวเพื่อใชแรงงาน ใชเน้ือเปนอาหาร และเปนการแสดงฐานะทางสังคม สวน ใหญจะเลี้ยงในเขตภาคตะวนั ออกและภาคใตของภูมิภาค โคเนอ้ื และโคนมพันธุตางปะเทศ นยิ มเลยี่ งในเขตทม่ี ีภูมิอากาศอบอุนชื้น แพะ แกะ เปนการเลีย้ งแบบเรรอน ในเขตทะเลทราย อูฐเลยี้ งไวเ้ พ่อื ใชเ้ ป็นพาหนะและอาหาร นยิ มเล้ียงในเขตทะเลทราย การลาสัตวปาโดยชนพ้ืนเมือง สัตวปาท่ีเปนท่นี ยิ มในการลาเพอ่ื นํามาจําหนาย ไดแก งาชาง และนอแรด เหมืองแร ภูมิภาคแอฟริกา เปนภูมิภาคท่ีมีแหลงแรเปนจํานวนมาก โดยเฉพาะ เพชร มีปริมาณ มากกวาทุกภมู ภิ าค โดยแรธาตุทสี่ ําคัญอน่ื ไดแก เหล็ก มีมากทร่ี ัฐเวสเทิรนออสเตรเลีย ถานหนิ มมี ากทส่ี าธารณรฐั แอฟรกิ าใต น้ำมนั ปโตรเลยี ม มมี ากทท่ี ะเลทรายสะฮารา ประเทศแอฟริกาเหนอื ลเิ บีย แอลจีเรีย อียิปต ไนจเี รยี กาซธรรมชาติ มีมากในทลี่ ุมของแอฟริกาเนอื และแอฟริกาตะวนั ตก โดย ประเทศ แอลจเี รยี มปี ริมาณกาซธรรมชาติ มากท่ีสุดแหงหน่งึ ของโลก ทองคํา มมี ากทสี่ าธารณรฐั แอฟริกาใต ทองแดง มีมากที่ประเทศซาอรี อุตสาหกรรม ในภูมิภาคแอฟริกา มีการดําเนินงานอาชีพดานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะท่ี สาธารณรัฐ แอฟริกาใต้
๗๒ ใบงาน ครั้งที่ ๗ รายวิชา ช่องทางการเข้าสูอ่ าชพี (อช11001) ชอ่ื สกุล.....................................................................................กศน.ตำบล......................................................... คำช้ีแจง ให้ผู้เรียนค้นควา้ เร่ืองตอ่ ไปนี้ 1. ใหน้ ักศึกษาอธิบายเกยี่ วกบั ภมู ิภาคของโลกประกอบดว้ ยภมู ิภาคอะไรบา้ ง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. ปจั จยั หลักของการประกอบอาชีพ มอี ะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
๗๓ เฉลยใบงาน รายวิชา อช11001 ชอ่ งทางการเขา้ สอู่ าชพี ระดับประถมศกึ ษา 1. ใหน้ ักศกึ ษาอธบิ ายเก่ยี วกับภูมภิ าคของโลกประกอบด้วยภูมภิ าคอะไรบ้าง ตอบ ภูมิภาคของโลกประกอบด้วย 5 ภมู ิภาค ไดแ้ ก่ เอเชีย อเมรกิ า ยุโรป ออสเตรเลยี แอฟรกิ า ซึ่งในแตละ ภมู ภิ าค จะมีลักษะการประกอบอาชีพที่แตกตางกัน เพราะมีความแตกตางกันทางสภาพบริบทของพ้ืนที่ ไดแก ทรัพยากรธรรมชาติ และพ้ืนท่ี ลกั ษณะภูมอิ ากาศ ภูมปิ ระเทศ ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี วิถีชีวติ และการ ดํารงชวี ิตของประชาชน ดงั นั้นใน การประกอบอาชพี ผูประกอบการจําเปนตองเขาใจในความแตกตางของ สภาพบรบิ ทของพื้นทีด่ ังกลาว เพราะในอนาคต การตดิ ตอทางการคาจะสามารถเชื่อมโยงตดิ ตอซ้ือขายไดอยาง ไมมีขอบเขตจํากดั ความแตกตางของลกั ษณะงานอาชีพ ในแตละภมู ิภาค 2. ปัจจัยหลกั ของการประกอบอาชพี มีอะไรบ้าง ตอบ 1. ทนุ คือ สงิ่ ที่จำเปน็ ปัจจัยพน้ื ฐานของการประกอบอาชพี ใหม่ โดยจะต้องวางแผนและแนวทางการดำเนิน ธรุ กจิ ไว้ล่วงหน้า เพ่ือที่จะทราบวา่ ตอ้ ง ใชเ้ งินทุนประมาณเท่าไร บางอาชีพ ใช้เงนิ ทุนน้อยปัญหาย่อมมนี อ้ ย แตถ่ า้ เปน็ อาชพี ทีต่ อ้ งใช้เงินทุนมากจะต้องพิจารณาว่ามที นุ เพยี งพอหรือไมซ่ ึ่งอาจ เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าไมพ่ อจะหาแหล่งเงินทนุ จากที่ ใด อาจจะไดจ้ ากเงินเกบ็ ออม หรือจากการกู้ยมื จากธนาคาร หรือสถาบนั การเงินอ่นื ๆ อยา่ งไรกต็ าม ในระยะแรกไมค่ วร ลงทนุ จนหมดเงนิ เกบ็ ออมหรอื ลงทนุ มากเกินไป 2. ความรู้ หากไมม่ คี วามรเู้ พยี งพอ ตอ้ งศึกษาขวนขวายหาความร้เู พ่ิมเติม อาจจะฝึกอบรมจากสถาบนั ที่ให้ ความร้ดู ้านอาชพี หรือ ทำงานเป็นลกู จา้ งคน อ่นื ๆ หรือทดลองปฏิบตั ิด้วยตนเองเพ่ือใหม้ ีความรู้ ความชำนาญ และมี ประสบการณ์ในการประกอบอาชพี น้ัน ๆ 3. การจัดการ เปน็ เรือ่ งของเทคนคิ และวิธกี าร จึงต้องร้จู ักการวางแผนการทำงานในเร่ืองของตัว บคุ คลท่ีจะรว่ มคิด ร่วมทำและร่วมทนุ ตลอดจนเครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้และกระบวนการทำงาน 4. การตลาด เป็นปจั จัยท่ีสำคัญมากท่ีสุดปัจจัยหนง่ึ เพราะหากสินค้าและบริการท่ีผลติ ขึ้นไมเ่ ป็นทนี่ ิยมและไม่ สามารถสร้างความพอใจให้แก่ผู้บรโิ ภค ไดก้ ถ็ อื วา่ กระบวนการท้ังระบบไมป่ ระสบผลสำเรจ็ ดังนน้ั การวางแผนการตลาด ซึ่งปัจจบุ ันมีการแข่งขนั สูง จึงควรไดร้ ับความสนใจในการพัฒนา รวมทงั้ ต้องรู้และเข้าใจในเทคนคิ การผลิต การบรรจแุ ละ การหีบห่อ ตลอดจนการประชาสมั พันธ์ เพ่ือให้สินค้าและบรกิ ารของเราเป็นท่ีนยิ มของลูกค้ากลุม่ เป้าหมาย ต่อไป
๗๔ บันทกึ หลังสอน สปั ดาหท์ ่ี 7 วนั จันทร์ วันท.่ี ..29..............เดอื น....พฤศจกิ ายน....................พ.ศ. ......2564........................ ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .....................................................ผูส้ อน (นายจิรสั ยพ์ งษ์ วิเศษสิทธโิ ชค) ครู กศน.ตำบล ความคดิ เห็นหัวหนา้ งานการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศริ ิธวุ านนท)์ งานการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นายอำไพ ข่าขนั มะลี) รองผู้อำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวดั อา่ งทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชยั ชาญ
๗๕ แผนการจัดการเรยี นการสอนรายสปั ดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ระดับประถมศกึ ษา กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ สัปดาหท์ ี่ ๘ วัน ..จนั ทร.์ ..วันท.่ี ..6.......เดือน....ธันวาคม......พ.ศ..2564..............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. รายวิชา ชอ่ งทางการเข้าสูอ่ าชพี (อช11001) จำนวน 2 หนว่ ยกิต มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั การมอี าชพี เปน็ ความภูมใิ จของคนทกุ คน ซงึ่ เราสามารถเลอื กประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับ ความถนดั ความชอบของตน และตรงกับความต้องการของตลาด นอกจากนค้ี วรเป็นอาชีพทตี่ ้องไม่มี ผลกระทบใด ๆ ต่อสิง่ แวดลอ้ ม ดังนั้นการจะตดั สินใจเลอื กอาชีพใดอาชีพหน่งึ จะต้องศึกษา วเิ คราะห์ ขอ้ มูลอาชีพอย่างถ่องแท้ เพอื่ ท่ีจะตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ให้มคี วามเส่ยี งน้อยท่ีสดุ หนว่ ยการเรยี นรู้/เรื่อง การตัดสินใจเข้าสู่อาชีพ สาระสำคญั นอกจากจะตัดสนิ ใจเลอื กอาชีพโดยอาศยั ข้อมูลการผลติ และการตลาดแล้ว ผ้ปู ระกอบการเอง ตอ้ งพรอ้ มท่จี ะประกอบอาชพี น้ัน โดยพิจารณาวา่ ตนเองมคี วามสามารถดำเนนิ การประกอบอาชีพได้ อย่างมีความสุขหรอื ไม่ ซง่ึ ต้องมีกระบวนการตัดสินใจ เพื่อให้มีความเปน็ ไปได้มากทส่ี ุด เนอ้ื หา เรื่องที่ 1 ตัดสินใจเขา้ สอู่ าชพี ดว้ ยปรัชญาคิดเป็น เรอื่ งท่ี 2 ตัดสินใจเขา้ สอู่ าชพี ดว้ ยการวเิ คราะหศ์ กั ยภาพ จดุ ประสงค์การเรียนรู/้ ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวัง ผู้เรยี นสามารถตัดสนิ ใจเลอื กอาชีพได้เหมาะสมกับตนเอง กระบวนการจดั การเรียนรู้และกิจกรรมเพ่ิมเตมิ ขนั้ ที่ 1 กำหนดสภาพปัญหา ความตอ้ งการ ครผู ู้สอนทักทายกลา่ วนำ ถงึ เรือ่ งการประกอบอาชีพของผู้เรยี นและคนในทอ้ งถ่ิน ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาข้อมลู และการจัดการเรียนรู้ ๑. ครูผู้สอนให้ส่งงานในสปั ดาห์ท่ี ๗ และสรุปความรูเ้ ร่ือง การตดั สนิ ใจเข้าสู่อาชีพดว้ ยปรัชญาคดิ เป็น การ ตดั สินใจเขา้ สู่อาชีพดว้ ยการวเิ คราะห์ศักยภาพ ๒. ครูและผู้เรยี นร่วมกันสรุปความรู้ รว่ มแสดงความคิดเห็น เกีย่ วกับตัดสนิ ใจเข้าสู่อาชีพด้วยปรชั ญาคิดเปน็ , ตัดสนิ ใจเขา้ สู่อาชีพด้วยการวิเคราะหศ์ กั ยภาพ ๓. ครใู ห้ผู้เรียนศกึ ษาเพิม่ เติมจากแหลง่ เรยี นรอู้ ื่นๆ และมอบหมายใบงานเร่ือง ชอ่ งทางการเขา้ สู่อาชพี ให้ส่ง สปั ดาห์ที่ ๘ ขน้ั ท่ี 3 การปฏิบตั แิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ ครสู รุปองค์ความรู้เรื่อง ตดั สนิ ใจเข้าสู่อาชพี ด้วยปรชั ญาคดิ เปน็ , ตัดสนิ ใจเข้าสู่อาชีพดว้ ยการวิเคราะห์ศกั ยภาพ และสรุปความร้ทู ่ีผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้ ขน้ั ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ ประเมินผลจากการทำใบงาน ประเมนิ ผลจากการสงั เกตพฤตกิ รรม
๗๖ ส่ือการเรยี นรู้ หนังสือเรยี นวชิ าชอ่ งทางการเข้าสู่อาชพี ระดับประถมศึกษา ใบงาน ใบความรู้เรื่อง ช่องทางการเข้าสูอ่ าชพี อินเตอรเ์ นต็ การวดั ผลและประเมินผล ใบงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ลงชอ่ื .....................................................ผู้สอน (นายจิรัสยพ์ งษ์ วิเศษสิทธิโชค) ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ งานการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศิรธิ ุวานนท)์ งานการศึกษาขน้ั พื้นฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ .......................................................... (นายอำไพ ข่าขนั มะลี) รองผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน.จังหวดั อา่ งทอง รกั ษาการในตำแหนง่ ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ
๗๗ ใบความรู้ ครงั้ ที่ 8 รายวชิ า อช11001 ช่องทางการเขา้ สู่อาชพี ระดบั ประถมศกึ ษา เรอ่ื ง ชอ่ งทางการเข้าสอู่ าชพี ความเป็นไปได้ในการเข้าสู่อาชพี กลุม่ อาชีพตามลักษณะการประกอบอาชพี มี 2 ลักษณะ คือ อาชีพอสิ ระ และอาชีพรบั จา้ ง 1. อ า ชี พ อิ ส ร ะ ห ม า ย ถึ ง อ า ชี พ ทุ ก ป ร ะ เภ ท ท่ี ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ด ำ เนิ น ก า ร ด้ ว ย ต น เอ ง แต่เพยี งผเู้ ดียวหรือเปน็ กลุ่ม อาชีพอิสระเปน็ อาชพี ที่ไม่ตอ้ งใช้คนจำนวนมาก แต่หากมีความจำเปน็ อาจมีการจ้างคนอื่นมา ช่วยงานได้ เจ้าของกิจการเป็นผู้ลงทุน และจำหน่ายเอง คิดและตัดสินใจด้วยตนเองทุกเร่ือง ซ่ึงช่วยให้การพัฒนางาน อาชีพ เป็นไปอยา่ งรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ การประกอบอาชีพอิสระ เช่น ขายอาหาร ขายของชำ ซ่อมรถจักรยานยนต์ ฯลฯ ในการประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ ความสามารถในเร่ือง การบริหาร การจัดการ เช่น การตลาด ทำเลที่ตั้ง เงินทุน การตรวจสอบ และประเมินผล เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องมีความอดทนต่องานหนัก ไม่ถ้อ ถอยต่อ ปัญหาอปุ สรรคท่ีเกิดขึ้น มีความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรคแ์ ละมองเห็นภาพการดำเนิงานของตนเองได้ทะลุปรโุ ปร่ง 2. อาชีพรับจ้าง หมายถึง อาชีพท่ีมีผู้อ่ืนเป็นเจ้าของกิจการ โดยตัวเองเป็นผู้รับจ้าง ทำงานให้ และได้รับ ค่าตอบแทนเป็นค่าจ้าง หรือเงินเดือน อาชีพรับจ้างประกอบด้วย บุคคล 2 ฝ่าย ซ่ึงได้ตกลงว่าจ้างกัน บุคคลฝ่ายแรก เรียกว่า \"นายจ้าง\" หรอื ผวู้ ่าจ้าง บุคคลฝ่ายหลังเรียกว่า \"ลูกจ้าง\" หรอื ผรู้ ับจ้าง มีค่าตอบแทนท่ีผู้วา่ จ้างจะต้องจ่ายใหแ้ ก่ ผ้รู บั จ้างเรียกว่า \"ค่าจา้ ง\" การประกอบอาชีพรับจา้ ง โดยท่วั ไปมลี กั ษณะ เปน็ การรบั จ้างทำงานในสถาน ประกอบการหรือ โรงงาน เป็นการรบั จ้างในลักษณะการขายแรงงาน โดยไดร้ บั ค่าตอบ แทนเป็นเงินเดือน หรอื ค่าตอบแทนทีค่ ิดตามชิน้ งาน ที่ทำได้ อัตราค่าจ้างข้ึนอยู่กับการกำหนด ของเจ้าของสถานประกอบการ หรือนายจ้าง การทำงานผู้รับจ้างจะทำอยู่ ภายในโรงงาน ตามเวลาที่นายจ้างกำหนด การประกอบอาชีพรับจ้างในลักษณะน้ีมีข้อดีคือ ไม่ต้องเสี่ยง กับกาลงทุน เพราะลูกจ้างจะใช้เคร่ืองมือ อุปกรณ์ท่ีนายจ้างจัดไว้ให้ทำงานตามที่นายจ้าง กำหนด แต่มีข้อเสีย คือ มักจะเป็นงานท่ี ทำซ้ำ ๆ เหมือนกันทุกวัน และต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของนายจ้าง ในการประกอบอาชีพรับจ้างน้ัน มีปัจจัยหลาย อย่างท่ีเออ้ื อำนวยให้ผปู้ ระกอบอาชีพ รบั จา้ งมีความเจริญก้าวหน้าได้ เชน่ ความรู้ ความชำนาญในงาน มีนิสยั การทำงานท่ี ดี มีความกระตือรือร้น มานะ อดทน ในการทำงาน ยอมรับกฎเกณฑ์และเช่ือฟังคำสั่ง มีความซ่ือสัตย์ สุจริต ความ ขยันหมั่นเพียร รับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี รวมทั้ง สุขภาพอนามัยท่ีดี อาชีพต่าง ๆ ในโลกมีมากมาย หลากหลาย อาชีพ ซึ่งบคุ คลสามารถจะเลือกประกอบ อาชีพได้ตามความถนัด ความต้องการ ความชอบ และความสนใจ ไม่วา่ จะเป็น อาชีพ ประเภทใด จะเปน็ อาชพี อิสระ หรืออาชพี รับจ้าง ถ้าหากเป็นอาชีพท่ีสจุ ริตย่อมจะทำให้ เกิดรายได้มาสตู่ นเอง และ ครอบครัว ถา้ บุคคลผู้น้นั มีความมุง่ มั่น ขยนั อดทน ตลอดจน มคี วามรู้ ข้อมลู เก่ียวกับอาชีพตา่ ง ๆ จะทำใหม้ องเห็นโอกาส ในการเขา้ สอู่ าชีพ และพัฒนา อาชีพใหม่ ๆ ให้เกิดขนึ้ อยู่เสมอ ลกั ษณะอาชีพ อาชีพ จำเปน็ ตอ้ งมคี วามรู้ความสามารถเฉพาะดา้ นเรียกว่า วิชาชพี เชน่ วศิ วกร แพทย์ พยาบาล ทนายความ อาชพี ที่ถกู กฎหมายและศลี ธรรม เรียกว่า สมั มาชพี เช่น ค้าขาย สว่ นบางอาชพี ท่ผี ิดกฎหมาย เรยี กวา่ มิจฉาชีพ เช่น โจร อาชพี อาจมรี ายไดแ้ ตกตา่ งกนั ไป ลักษณะอาชพี ท่ีเปน็ ลูกจ้างจะได้ค่าตอบแทนในรปู แบบ เงินเดอื น อาชพี ค้าขายหรือประกอบกจิ การส่วนตัว จะไดค้ ่าตอบแทนในรูปแบบ กำไร
๗๘ รายได้ในการทำงาน เงนิ รายได้ของบุคคลทเ่ี ป็นผลตอบแทนจากการทำงานใหบ้ ุคคลอ่ืนหรอื จากการประกอบอาชพี อสิ ระดว้ ยตนเอง อนั ไดแ้ ก่ ค่าจา้ ง เงินเดอื น หรอื กำไรจากการประกอบกจิ การ รายได้ประเภทนีย้ ังรวมถึงเงนิ ได้ท่ีเป็นบำนาญและสวสั ดกิ าร สังคมอน่ื ๆ รายไดจ้ ากการทำงานนน้ี ำมาใช้เปน็ ฐานในการเก็บภาษีเงนิ ได้ ซ่งึ แตกต่างจากรายได้อกี ประเภทหนึ่ง ท่ีได้มา โดยมไิ ด้เกยี่ วขอ้ งกบั การทำงานโดยตรง ปัจจยั หลักของการประกอบอาชีพ สิง่ สำคัญของการเร่ิมต้นประกอบอาชีพอิสระ จะตอ้ งพิจารณาวา่ จะประกอบอาชีพอิสระอะไร โอกาสและ ความสำเรจ็ มมี ากน้อยเพยี งไร และจะต้อง เตรียมตวั อยา่ งไรจึงจะทำให้ประสบผลสำเร็จ ดงั นนั้ จงึ ต้องคำนงึ ถงึ ปัจจัยหลัก ของการประกอบอาชพี ไดแ้ ก่ 1. ทนุ คอื สง่ิ ท่จี ำเป็นปัจจยั พ้ืนฐานของการประกอบอาชีพใหม่ โดยจะต้องวางแผนและแนวทางการดำเนนิ ธุรกิจไว้ลว่ งหน้า เพื่อทจ่ี ะทราบวา่ ต้อง ใชเ้ งินทุนประมาณเท่าไร บางอาชพี ใชเ้ งินทนุ น้อยปญั หาย่อมมีน้อย แต่ถา้ เป็น อาชีพทต่ี อ้ งใช้เงินทนุ มากจะตอ้ งพิจารณาวา่ มที ุนเพียงพอหรือไมซ่ ่งึ อาจ เป็นปญั หาใหญ่ ถ้าไมพ่ อจะหาแหล่งเงนิ ทนุ จากที่ ใด อาจจะได้จากเงนิ เกบ็ ออม หรือจากการกยู้ ืมจากธนาคาร หรอื สถาบันการเงนิ อ่นื ๆ อยา่ งไรก็ตาม ในระยะแรกไมค่ วร ลงทนุ จนหมดเงินเก็บออมหรือลงทนุ มากเกนิ ไป 2. ความรู้ หากไม่มีความรู้เพยี งพอ ตอ้ งศกึ ษาขวนขวายหาความร้เู พม่ิ เติม อาจจะฝึกอบรมจากสถาบนั ทใี่ ห้ ความรู้ด้านอาชพี หรือ ทำงานเป็นลกู จ้างคน อ่นื ๆ หรอื ทดลองปฏิบตั ิด้วยตนเองเพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ ความชำนาญ และมี ประสบการณ์ในการประกอบอาชีพนน้ั ๆ 3. การจดั การ เป็นเรื่องของเทคนิคและวธิ กี าร จึงต้องรูจ้ ักการวางแผนการทำงานในเรอื่ งของตวั บคุ คลที่จะรว่ ม คิด ร่วมทำและร่วมทุน ตลอดจนเครอ่ื งมอื เครื่องใชแ้ ละกระบวนการทำงาน 4. การตลาด เปน็ ปจั จยั ที่สำคัญมากท่ีสุดปัจจัยหนงึ่ เพราะหากสินค้าและบริการทผี่ ลติ ข้ึนไม่เปน็ ท่ีนยิ มและไม่ สามารถสร้างความพอใจให้แก่ผบู้ ริโภค ได้ก็ถอื วา่ กระบวนการทั้งระบบไมป่ ระสบผลสำเร็จ ดังนนั้ การวางแผนการตลาด ซึ่งปจั จบุ นั มกี ารแข่งขันสงู จึงควรได้รบั ความสนใจในการพฒั นา รวมท้งั ตอ้ งรู้และเขา้ ใจในเทคนคิ การผลิต การบรรจุและ การหบี หอ่ ตลอดจนการประชาสัมพนั ธ์ เพ่อื ให้สินค้าและบรกิ ารของเราเปน็ ทน่ี ยิ มของลกู ค้ากลมุ่ เป้าหมาย ตอ่ ไป ข้อแนะนำในการเลอื กอาชีพ กอ่ นตัดสินใจเลอื กประกอบอาชพี ใด ๆ กต็ าม ควรพจิ ารณาอยา่ งรอบคอบ ซ่งึ มีขอ้ แนะนำ ดงั นี้ ประการแรก ควรเลอื กอาชีพท่ีชอบหรือคดิ ว่าถนัด สำรวจตัวเองวา่ สนใจ อาชพี อะไร ชอบหรอื ถนัดด้านไหน มี ความสามารถอะไรบา้ ง ท่ีสำคญั คือต้อง การหรืออยากจะประกอบอาชีพอะไร จึงจะเหมาะสมกับตวั เองและครอบครัว กลา่ วคือ พจิ ารณาลกั ษณะงานอาชพี และพจิ ารณาตัวเอง พร้อมทัง้ บคุ คลในครอบครวั ประกอบกนั ไปดว้ ย ประการที่สอง จะตอ้ งพัฒนาความสามารถของตวั เอง คือ ต้องศึกษารายละเอียดของอาชพี ที่จะเลอื กไปประกอบ ถา้ ความรู้ความเข้าใจยงั มีน้อย มีไม่เพียงพอก็ตอ้ งทำการศึกษา ฝึกอบรม ฝกึ ปฏิบัติเพิ่มเติมจากบุคคล หรอื หนว่ ยงานต่าง ๆ ให้มีพ้ืนฐานความรู้ความเข้าใจในการเร่มิ ประกอบอาชีพท่ีถกู ตอ้ ง เพอ่ื จะไดเ้ รียนร้จู ากประสบการณ์จรงิ ของผมู้ ี ประสบการณม์ ากอ่ น จักไดเ้ พิม่ โอกาสความสำเร็จสมหวงั ในการไปประกอบอาชีพน้นั ๆ ประการทส่ี าม พิจารณาองค์ประกอบอ่ืนท่เี กี่ยวขอ้ ง เชน่ ทำเลท่ีตง้ั ของอาชีพท่ีจะทำไม่วา่ จะเป็นการผลิต การ จำหนา่ ย หรือการให้บรกิ ารกต็ าม สภาพ แวดลอ้ มผู้ร่วมงาน พน้ื ฐานในการเร่มิ ทำธรุ กิจ เงินทุน โดยเฉพาะเงินทุนต้อง พจิ ารณาวา่ มีเพยี งพอหรือไมถ่ า้ ไม่พอจะหาแหล่งเงนิ ทุนจากที่ใด
๗๙ การเลอื กอาชพี ท่ีเหมาะกับลกั ษณะตัวเอง องค์ประกอบกอ่ นการตัดสินใจ มดี ังน้ี 1. รจู้ กั ตนเอง 2. รูจ้ กั โลกของอาชพี 3. รูจ้ กั โลกของการศกึ ษาต่อ 1. รจู้ ักตนเอง 1.1 บุคลกิ ภาพ คือ ลกั ษณะและคุณสมบัตทิ ้ังร่างกายและจิตใจ ได้แก่ รูปรา่ ง หน้าตา กิริยา การ แสดงออก อารมณ์ น้ำเสียง การพดู จา ไหวพริบ ความเชอื่ มนั่ รวมท้ังรจู้ กั ทักษะ ความสามารถพเิ ศษ ความถนัดที่แท้จริง ทศั นคติ และค่านิยมของตนเองดว้ ย 1.2 ความชอบหรือความสนใจ ในการเลือกอาชีพท่ีเหมาะสมกับตนเอง เราควรนำเอาผลการสำรวจ ในด้านต่าง ๆ มาประมวลเพ่ือประกอบการพิจารณา เช่น มีบุคลิกภาพแบบใด ความสามารถด้านใด ชอบทำกิจกรรม อะไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราพิจารณาตนเองได้ว่าเราควรประกอบอาชีพอะไร ซึ่งหากเลือกอาชีพใดได้ตรงกับคุณสมบัติ ของตัวเองแล้ว จะทำให้ประกอบอาชีพนั้นอย่างมีความสุข มีผลงานที่มีประสิทธิภาพน่าพอใจ คนแต่ละคนมีความชอบ และความสนใจท่แี ตกตา่ งกัน ความสนใจน้ีจะสังเกตได้จากการทน่ี ักเรียนชอบทำกจิ กรรมใดอยเู่ สมอ ๆ หรอื บอ่ ย ๆ กว่า กิจกรรมอ่นื 1.3 ความถนัด การท่ีบุคคลจะวางแผนในอนาคตไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสมกับตัวเองไดน้ ั้น สงิ่ หนึ่ง ท่ี เป็นปัจจยั สำคัญ คือบุคคลต้องรู้จักความถนดั ของตนเอง ทุกคนมีความถนัดในแต่ละด้านแตกต่างกันไป เมือ่ เราทำส่ิง ใดได้ดีก็จะทำให้เรามีความสุข และเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง การรู้จักจุดด้อยของตัวเองจะช่วยให้เราพัฒนาได้ ถูกต้อง และเรียนรู้ท่ีจะปรับปรุงด้านที่ไม่ถนัด ความถนัดและความสนใจมักเป็นสิ่งท่ีคู่กันไป ความถนัดน้ีอาจสงั เกตได้ จากการทบี่ คุ คลทำกิจกรรมใดหรือส่ิงใดแลว้ ทำไดด้ ี คลอ่ งแคล่ว ทำแล้วประสบความสำเร็จ 1.4 สติปัญญาและความสามารถ การท่ีจะดูว่าสติปัญญาหรือความสามารถดีไม่ดี อาจดูได้จากระดับ คะแนนหรือผลการเรียนที่ผ่านมาในสมุดรายงานประจำตัวนักเรียนดูว่าในแต่ละวิชาท่ีสอบไปแล้วได้ระดับคะแนนหรือผล การเรยี นเป็นอย่างไร ถา้ ได้ระดับการเรยี นหรือผลการเรยี นในวชิ านน้ั สูง ก็แสดงว่าระดับสติปัญญาหรือความสามารถใน การเรียนวิชานนั้ สูง แตถ่ ้าระดับคะแนนหรอื ผลการเรยี นในวิชานั้นต่ำ ก็แสดงว่าสตปิ ัญญาหรอื ความสามารถในการเรยี น วิชานน้ั ต่ำ ส่วนหน่ึงที่เราควรรู้คือ รู้ว่าตนเองมีความสามารถด้านใดบ้าง เพราะสิ่งน้ีจะช่วยทำให้เรา เลือก แนวทางเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เราควรคำนึงว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งในด้านท่ีเหมือนกับคนอ่ืน เพียงแต่มี ความสามารถในด้านใดดา้ นหนงึ่ เพยี งดา้ นเดยี ว แต่เชี่ยวชาญในทักษะดา้ นนั้น ๆ มากก็เพยี งพอแลว้ 1.5 เป้าหมายในชีวิต ควรตง้ั เป้าหมายในอนาคตว่า ต้องการประกอบอาชพี ใด เพื่อจะไดศ้ ึกษาตอ่ ใน สาขาวิชาที่สอดคล้องกับอาชีพที่นักเรียนสนใจ มีความถนัดและสอดคล้องกับบุคลิกภาพของตน นักเรยี นควรใส่ใจท่ีจะ วางเป้าหมายให้กับชีวติ ตนเอง ไม่วา่ จะเป็นการเลอื กสาขาวิชาเรียน การเลือกอาชีพ ส่วนใหญ่จะเรียนตามที่โรงเรียน กำหนด เรียนตามเพอ่ื น ตามความนิยมของสังคม ส่ิงเหล่านี้ทำให้เราไม่ทราบว่า จะทำอย่างไรกบั อนาคตตนเอง การ
๘๐ วางแผนชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ เราควรรู้ว่าตนเองต้องการทำอะไรกับชีวิตตนเอง จะไปที่ไหนและไปอย่างไร ทั้งน้ีการ วางแผนชวี ติ ตอ้ งอยู่บนรากฐานของความเป็นจรงิ ของแตล่ ะบุคคลด้วย 1.6 สภาพทางเศรษฐกิจและสงั คม พิจารณาว่าฐานะทางบ้านเป็นอย่างไร พอท่ีจะส่งเสยี ใหศ้ กึ ษาต่อได้ เพียงใด เพราะการศกึ ษาต่อในระดับสูงข้ึนไปนัน้ บางสาขาวิชาจำเปน็ ตอ้ งใช้ทนุ ในการศึกษามาก แต่บางสาขาวิชาอาจ ใช้เวลาในการศกึ ษาระยะส้นั ๆ ใช้ทุนในการศกึ ษาไม่มาก ทั้งนี้แล้วแตส่ ถานศึกษาหรอื สาขาวิชาที่เลอื กเรยี น 1.7 คา่ นิยม การที่บคุ คลจะวางแผนอนาคตได้อย่างถูกต้องกับเหมาะสมกับตนเองได้น้นั สิง่ หน่ึง ท่ีเป็น ปัจจัยสำคัญมากก็คือ ต้องรู้ค่านิยมในงานท่ีตนยึดไว้เป็นหลักสำคัญ ค่านิยมในตนเองมีผลต่อการเลือกแนวทางต่าง ๆ ในชีวิตของเราเสมอ การสำรวจคา่ นิยมในงาน จะช่วยชนี้ ำไปสู่อาชีพท่ีตรงกับความตอ้ งการของเรา มี่โอกาสประสบ ความสำเรจ็ ในหนา้ ท่ีการงานสูง แตท่ ั้งน้เี ราควรนำคุณสมบัติในด้านอ่นื ๆ มาปาระกอบกับค่านิยมของตนเองด้วย เพื่อ ช่วยใหก้ ารพจิ ารณาอาชีพที่เราควรเลอื กทำเมอ่ื จะไปประกอบอาชพี ในอนาคตอกี ดว้ ย 1.8 รูปร่างและลักษณะของร่างกาย สถานศึกษาหลายแห่งกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับรูปร่าง และ ลักษณะของทางร่างกายไว้ด้วย เช่น สถานศึกษาด้านทหาร ตำรวจ พลศึกษา จะต้องเป็นคนที่มีสุขภาพดี คือ มี ร่างกายสมบรู ณ์ แข็งแรง (มีส่วนสงู สมั พันธก์ บั นำ้ หนกั ) มีลักษณะสมชาย และตอ้ งไมพ่ กิ ารทางสายตา เปน็ ตน้ 2. ร้จู กั โลกของอาชพี 2.1 ลักษ ณ ะงาน งานที่จะต้องทำเป็นประจำมีลักษณ ะอย่างไร ผู้ทำงานจะต้องทำ อะไรบ้าง เปน็ งานท่ีทำให้เกิดความเพลดิ เพลินหรือก่อให้เกิดความเบ่ือหน่าย งานใหญ่หรืองานเลก็ มีความรับผิดชอบท่ี สำคัญหรือไม่ ต้องเกี่ยวข้องกับตัวเลข สิ่งของ หรือคน ต้องใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์มากหรือไม่ต้องน่ังทำงาน ยืน ทำงาน ต้องเดินทางหรือไม่ นักเรียนควรศึกษาลกั ษณะงานแต่ละอาชพี ว่างานแต่ละอยา่ งนั้นมลี ักษณะการปฏิบัตงิ าน อยา่ งไร มจี ุดดี จดุ เด่นอยา่ งไร 2.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ ศึกษาถึงรายละเอียดของคุณสมบัติที่งานแต่ละอาชีพ ต้องการ ต้องมีความสามารถพิเศษด้านใดบ้าง มีข้อจำกัดในการประกอบอาชีพอยา่ งไร ได้มีการกำหนดช่วงอายใุ นการ ทำงานและเกษียณไวอ้ ย่างไร อาชพี นน้ั ๆ โดยทัว่ ไปเป็นอาชีพสำหรับเพศหญงิ หรอื เพศชาย หรือให้โอกาสแก่ท้ังหญิงท้ัง ชาย หรอื ให้โอกาสแก่เพศใดเพศหนงึ่ มากกว่า 2.3 โอกาสก้าวหน้าในอาชีพ อาชีพน้ัน ๆ จะมีความก้าวหน้าเพียงใด จะต้องมีการศึกษาอบรม เพ่ิมเติมมีความสามารถหรือปาระสบการณ์อย่างไรจึงจะได้เล่ือนขั้นมากน้อยเพียงใด การประกอบอาชีพเดิมนำไปสู่ อาชีพใหม่หรอื ไม่ 2.4 ตลาดแรงงาน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการผู้ทำงานในด้านต่าง ๆ ในปัจจุบัน และการ พยากรณท์ ีจ่ ะมคี วามต้องการเพม่ิ ขึน้ หรอื ลดลงในอนาคต ซงึ่ อาจจะเป็นตัวกำหนดได้ว่า ถ้านกั เรยี นเรยี นจบ ในสาขานั้น ๆ แลว้ นักเรียนมโี อกาสในการมีงานทำมากนอ้ ยเพียงใด 3. รูจ้ กั โลกของการศึกษาต่อ 3.1 คณะท่ีเปิดสอน ควรศกึ ษาดูว่าคณะทสี่ นใจนั้นเปิดสอนในมหาวิทยาลัยใดบ้าง และบางคร้ังการ ใช้ชอ่ื เรยี กคณะในมหาวิทยาลัยอาจจะใช้ไม่เหมอื นกนั และเน้ือหาท่ีเรียนคล้ายคลึงกนั เชน่ คณะศึกษาศาสตร์กบั คณะครุ ศาสตร์ เป็นตน้
๘๑ 3.2 รายละเอียดของหลักสูตร ควรศึกษารายละเอียดของการเรียนให้ละเอียดว่าตลอดระยะเวลาท่ี เรยี นในคณะน้ัน ๆ นักเรยี นจะได้เรียนวิชาอะไรบ้าง 3.3 โอกาสในการประกอบอาชีพ ศึกษาดูโอกาสในการมีงานทำของแต่ละคณะว่ามีตลาดแรงงาน รองรับมากนอ้ ยแค่ไหน เพอื่ เปน็ องคป์ ระกอบในการตดั สินใจ 3.4 ขั้นตอนการสอบคัดเลือก ควรมีการติดตามว่า คณะที่สนใจน้ันมีวิธีรับผ่านช่องทาง ใดบ้าง เช่น รับตรง รับนักเรียนโควตา รบั ผ่านระบบกลาง และรับเป็นจำนวนก่คี น กระบวนการตัดสินใจเลือกอาชีพ เป็นกระบวนการท่ีบุคคลจะพิจารณาเพื่อประกอบการ ตัดสินใจ เป็นกระบวนการท่ีสลับซับซ้อน เช่น ต้องพิจารณาค่านิยม ความสนใจ ความถนัด และคุณสมบัติอ่ืน ๆ การตัดสินใจสัมพันธ์กับทักษะท่ีได้เรียนรู้ ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของบุคคล เช่น หลักในการตัดสินใจ เป็นการ สำรวจหนทางท่ี จะเป็นไปได้กำหนดว่าจะทำอะไร จะเกิดผลอะไร ในการตัดสินใจ เราต้องรู้จักความสามารถความ สนใจ ค่านิยมของตนเองและรู้ประสบการณ์ที่เก่ียวข้อง นำความรู้ไปพิจารณาตัวเลือกต่าง ๆ ถ้าได้ข้อมูลมาก เท่าใด บุคคลน้ันก็มีโอกาสได้ผลท่ีพงึ ปรารถนามากข้นึ เท่าน้นั ข้อมลู จากการประเมินนำไปสกู่ ารอภปิ รายลกั ษณะพิเศษ ของบุคคลที่สามารถเช่ือมโยงกบั ความตอ้ งการทางการศกึ ษาและอาชีพ คนเรามคี วามถนดั ความสามารถ และความสนใจในงานอาชีพแตกต่างกนั บางคนเหมาะที่จะทำงาน ด้านหัตถกรรม บางคนเหมาะท่ีจะทำงานเกี่ยวกับเคร่ืองจักรกล หรืองานทางด้านวทิ ยาศาสตร์ ส่วนบางคนเหมาะกับ งานทางด้านที่จะสอนดนตรี แต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ข้อสำคัญคือต้องรู้จักตนเอง และรู้จักงานอาชีพต่าง ๆ อย่าง กว้างขวาง รวมท้ังพิจารณาดูว่า มีงานอะไรบ้างท่ีชอบและสนใจมากท่ีสุด และงานนั้น ๆ เหมาะกับอุปนิสัยและ บุคลกิ ภาพหรอื ไม่ ความจําเป็นในการมองเหน็ ช่องทางการประกอบอาชีพ ความหมายของอาชพี คอื การทำมาหากนิ ของมนุษย์ เปน็ การแบ่งหนา้ ที่การทำงานของคนในสงั คม และทำให้ดำรงอาชพี ในสังคมได้ บุคคลท่ีประกอบอาชพี จะไดค้ ่าตอบแทน หรือรายไดท้ ี่จะนำไปใชจ้ ่ายในกาดำรงชวี ิต และสรา้ งมาตรฐานทดี่ ีให้แก่ ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศชาติ ความจำเปน็ ของการประกอบอาชพี มดี งั นี้ 1. เพ่ือตนเอง การประกอบอาชพี ทำใหม้ รี ายไดม้ าจับจ่ายใช้สอยในชีวติ 2. เพอื่ ครอบครวั ทำให้สมาชิกของครอบครัวไดร้ บั การเล้ียงดทู ำใหม้ คี ุณภาพชวี ิตที่ดขี นึ้ 3. เพอ่ื ชุมชน ถ้าสมาชิกในชมุ ชนมีอาชีพและมรี ายไดด้ จี ะสง่ ผลให้สมาชิกมคี วามเป็นอยดู่ ีข้ึน อยูด่ ีกินดี สง่ ผลให้ ชุมชนเข้มแขง็ และพัฒนาตนเองได้ 4. เพอื่ ประเทศชาติ เพือ่ ประชากรของประเทศมีการประกอบอาชพี ท่ีดี มรี ายไดด้ ี ทำใหม้ รี ายได้ทเี่ สียภาษี ให้กบั รฐั บาลมรี ายได้ไปใชบ้ ริหารประเทศตอ่ ไป มนษุ ย์ไม่สามารถผลิตส่งิ ตา่ งๆมาสนองความตอ้ งการของตนเองได้ทุกอย่างจำต้องมกี ารแบ่งกนั ทำและเกดิ ความ ชำนาญ จึงทำให้เกิดการแบ่งงานและแบ่งอาชพี ต่างๆข้ึน สาเหตุที่ตอ้ งมีการแบ่งอาชีพมดี งั น้ี 1. ความรู้ความสามารถของแต่ละคนแตกตา่ งกนั 2. ตำแหนง่ ทางภูมศิ าสตรแ์ ละภูมปิ ระเทศที่แตกต่างกัน 3. ได้รบั มอบหมายให้ทำหน้าท่ีที่แตกตา่ งกนั การแบ่งงานและอาชพี ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ดงั นี้ 1. สามารถตอบสนองความตอ้ งการซง่ึ กันและกนั ได้ 2. ได้ทำงานทตี่ นเองถนดั 3. ทำให้เกิดการขยายตวั ของธรุ กจิ ในด้านต่างๆ
๘๒ การประกอบอาชีพของคนไทย การทำมาหากินของคนไทยสมยั กอ่ น คือการทำไร่ ทำนา ทอผา้ ทำเครื่องจกั สานไว้ใชท้ ่ีเหลือกจ็ ะจำหนา่ ยใน ชุมชน คนไทยบางกลุ่มจะเป็นขา้ ราชการเมอ่ื บรษิ ัทตา่ งชาติมาลงทนุ ในประเทศไทย ทำใหม้ กี ารจ้างงาน และมีอาชีพให้ คนไทยเลอื กทำมากขน้ึ ลกั ษณะอาชพี ของคนไทย 1. งานเกษตรกรรม เชน่ ปลูกพชื เลีย้ งสตั ว์ การประมง 2. งานอุตสาหกรรม เปน็ งานท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ความถนดั ดา้ นชา่ งสาขาตา่ งๆ และเครื่องจกั รเพ่อื ผลติ สินคา้ และบรกิ าร ตา่ งๆ 3. งานธรุ กจิ เปน็ งานดา้ นการค้าขาย การทำบัญชี การจดั การธุรกิจ การติดต่อส่อื สารเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. งานคหกรรม เปน็ งานทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การประกอบอาหาร เย็บปกั ถักรอ้ ย ตกแต่งบา้ น 5. งานศลิ ปกรรม เป็นงานทมี่ ีความละเอียดอ่อน ความคิดสร้างสรรค์ด้านศิลปกรรมของไทย เช่น งาน หัตถกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม ปจั จยั ที่สง่ เสรมิ ให้เกิดความสำเรจ็ ในงานอาชีพ 1. ความต้องการมงุ่ ความสำเร็จ (Need for Achivement) ในการทำงานเมอื่ พจิ ารณาอย่างถ่ีถว้ นแล้วและมองเหน็ โอกาสแห่งความเป็นไปได้ ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งมุ่งมนั่ ใชก้ ำลังกาย กำลังความคิด สติปญั ญาและความสามารถ ทั้งหมด พร้อมทัง้ ทุ่มเทเวลาใหก้ ับงาน โดยไม่คำนงึ ถงึ ความยากลำบาก เพอ่ื ให้งานบรรลุความสำเร็จทม่ี ุ่งหวัง ไว้ ผู้ประกอบการจะตอ้ งเรียนร้ถู ึงความผิดพลาดทผ่ี ่านมาเพอื่ แก้ไขให้เกิดความสำเร็จ พอใจ ภมู ใิ จท่งี านออกมาดี แตส่ ิ่งท่ี สำคญั คือ จุดมุ่งหมายทางธุรกิจ มไิ ด้อยู่ทีก่ ำไร แต่จะต้องทำเพื่อขยายความเจริญเติบโตของกิจการ กำไรเป็นเคร่ืองสะทอ้ น วา่ ทำได้ และไมเ่ พยี งสนใจต่อการบรรลเุ ป้าหมายเท่าน้ัน แตจ่ ะตอ้ งให้ความสำคัญตอ่ วธิ กี ารหรือกระบวนทท่ี ำให้บรรลุ เปา้ หมายดว้ ย 2. มคี วามคดิ ริเร่มิ สร้างสรรค์ (Creativity Thinking) การจะเปน็ ผู้สำเร็จในงานอาชีพได้น้ัน จะตอ้ งเปน็ ผู้ทม่ี ี ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ไม้พอใจในการทำส่งิ ซ้ำๆเหมอื นเดมิ ตลอดเวลา แต่เปน็ ผู้ท่ีชอบนำประสบการณท์ ผี่ ่านมา ประยกุ ต์ สร้างสรรค์ หาวธิ ีใหมท่ ี่ดีกวา่ เดมิ สามารถหาแนวทางพฒั นาผลิตภัณฑห์ รือบริการ ปรับปรุงกระบวนการ ดำเนนิ การอยู่ตลอดเวลา กล้าที่จะผลติ สินคา้ ท่ีแตกต่างจากเดมิ กล้าใชว้ ิธขี ายท่ีไม่เหมอื นใคร กลา้ ประดิษฐ์ กล้าคิดคน้ สงิ่ ที่ แปลกใหม่เขา้ สตู่ ลาด สามารถคิดค้นประดิษฐเ์ คร่ืองจักรเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ๆ มาใช้ในการผลติ สามารถนำเทคโนโลยี ใหม่ๆมาใช้ รวมท้งั แสวงหาวตั ถุดบิ ใหม่ๆมาทดแทนของเดิม รูจ้ กั ปรบั ปรงุ กระบวนการดำเนนิ งาน นำระบบการจดั การ สมัยใหมท่ ี่มีประสทิ ธภิ าพมาใช้เพ่ือลดต้นทนุ ความคิดสรา้ งสรรคเ์ หลา่ นี้ อาจเกิดขึ้นดว้ ยตวั เอง หรือเอาแนวคิดมาจากนัก ประดษิ ฐ์ นกั วิจัยหรือผเู้ ชี่ยวชาญกไ็ ด้ 3. รู้จกั ผกู พันต่อเป้าหมาย (Addicted to Goals) เมอื่ ต้ังเปา้ หมาย ผปู้ ระกอบการจะต้องทุ่มเททุกอยา่ งเพ่ือให้ บรรลุเป้าหมาย เป้าหมายทุกเป้าหมายลว้ นจะตอ้ งเอาชนะท้ังส้ิน มคี วามคิดผกู พนั ทจ่ี ะเอาชนะ จนสามารถวางแผนกลยุทธ์ ไวล้ ่วงหน้า มีการวิเคราะห์ปญั หา อุปสรรค ขัดขวางในการไปสเู่ ป้าหมาย เตรียมป้องกันทีจ่ ะเอาชนะอุปสรรค ทคี่ าดว่าจะ ทำให้เกิดความล้มเหลว และหาหนทางแก้ไขเมื่อประสบความเหลว และในขณะเดยี วกันการมองโลกในแงด่ มี ี ความหวงั ม่งุ มน่ั ตอ่ ไปเป้าหมายของความสำเร็จจะมองเห็นในอนาคต 4. มีความสามารถในการบรหิ ารงานและมีความเปน็ ผนู้ ำทีด่ ี (Management and Leadership Capability) มี ลกั ษณะการเป็นผูน้ ำ รจู้ ักหลกั การบริหารจัดการที่ดี ภาวะการเป็นผูน้ ำจะแตกต่างไปตามระยะการเจริญเติบโตของธุรกจิ ใน ระยะเร่มิ ทำธุรกจิ จะต้องรับบทบาทการเป็นผนู้ ำจะแตกต่างไปตามระยะการเตบิ โตของธรุ กจิ ในระยะเรมิ่ ทำธุรกจิ จะตอ้ ง รับบทบาทเปน็ ผู้นำที่ลงมือทำทกุ อย่างด้วยตนเอง ตอ้ งทำงานหนักเพอ่ื บรรลุความสำเร็จ เอาใจใส่ผู้รว่ มงาน วางแผน ทางการทำงาน ให้คำแนะนำและให้ผู้ร่วมงานรับคา่ สง่ิ ดว้ ยความเตม็ ใจในการปฏบิ ตั งิ าน เปน็ ผู้กำกับดูแลอย่างใกลช้ ดิ และ เป็นกนั เองจะทำใหก้ ารดำเนินงานเป็นไปด้วยดี ต่อมาเม่ือกจิ การเตบิ โตขนึ้ การบรหิ ารงานกจ็ ะเปลี่ยนแปลงไป ลกู นอ้ งกจ็ ะ
๘๓ มลี ักษณะเปลยี่ นแปลงและเช่อื ม่ันไดม้ ากขน้ึ ไว้ใจได้ สามารถที่จะแบง่ ความรับผดิ ชอบให้ลูกนอ้ งได้มากขนึ้ จนสามารถ ปลอ่ ยใหด้ ำเนนิ การเองได้ สว่ นตนจะไดม้ ีเวลาใช้ความคดิ พฒั นาผลิตภัณฑ์ ขยายกจิ การหรือลงทุนใหม่ ดำเนินกิจการให้ ลักษณะมืออาชีพมากกวา่ เปน็ ธรุ กิจเครือญาติ กล้าลงทนุ จา้ งผู้บริหารมืออาชพี รู้จักปรับเปลยี่ นการบรหิ าร เพื่อทำให้ธุรกจิ ประสบความสำเรจ็ 5. มคี วามเช่อื ม่นั ในตนเอง (Be Self Confident) ผูป้ ระกอบการทจี่ ะประสบความสำเร็จมกั จะเป็นผทู้ ีม่ คี วาม เช่ือม่ันในความสามารถของตนเอง มคี วามเป็นอิสระและรูจ้ กั พึ่งตนเอง มีความม่ันใจ มคี วามเข้มแข็ง เดด็ เด่ียว มีลกั ษณะ เป็นผู้นำ มคี วามเชอ่ื ม่นั ท่จี ะเอาชนะส่งิ แวดล้อมท่ีน่ากลวั มคี วามทะเยอทะยาน และไมป่ ระเมินความสามารถของตนเองสงู เกินไปหรอื เชอื่ มน่ั ตนเองมากเกินไป 6. มวี สิ ยั ทศั น์กว้างไกล (Visionary) เปน็ ผูท้ สี่ ามารถวิเคราะห์เหตกุ ารณ์ในอนาคตไดอ้ ยา่ งแม่นยำ และรจู้ กั เตรยี มพรอ้ มรบั เหตุการณท์ ี่จะเกิดขนึ้ 7. มีความรบั ผิดชอบ (Responsibility) มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ีทำเป็นอยา่ งดี เปน็ ผ้นู ำในการทำส่ิงต่างๆ มกั จะ มคี วามรเิ ริ่มแล้วลงมอื ทำดว้ ยตนเอง หรอื มอบหมายให้ผู้อืน่ ทำและจะดูแลจนงานสำเร็จตามเป้าหมาย โดยจะรบั ผิดชอบผล การตัดสนิ ใจ ไมว่ า่ ผลจะออกมาดีหรือไม่ มคี วามเช่ือว่าความสำเร็จเกิดจากความเอาใจใส่ ความพยายาม ความ รับผดิ ชอบ มใิ ช่เกดิ จากโชคช่วย 8. มีความกระตอื รอื ร้นและไม่หยดุ นงิ่ (Enthusiastic) มีการทำงานที่เตม็ ไปดว้ ยพลงั มีชวี ิตชวี า มีความ กระตอื รอื รน้ ทำงานทุกอย่างโดยไม่หลีกเลี่ยง ทำงานหนกั มากกวา่ คนท่ัวไป 9. ใฝห่ าความรูเ้ พมิ่ เตมิ (Take New Knowledge) ถึงแมว้ า่ จะมีความเชย่ี วชาญในการทำงาน แต่ความรแู้ ละ ประสบการณท์ ่มี ีอยู่ยงั ไม่เพียงพอ ควรทจ่ี ะหาความร้เู พิ่มเตมิ โดยเฉพาะความร้เู กยี่ วกบั ข้อมูลทาง การตลาด เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง กฏหมายทัง้ ในและต่างประเทศ ข้อมลู เหลา่ นีจ้ ะช่วยให้สามารถวเิ คราะหส์ ถานการณ์ที่ เปลย่ี นแปลงได้ การหาความรเู้ พม่ิ เตมิ สามารถหาได้จากการสัมนา ฝึกอบรม อ่านหนงั สอื หรือปรึกษาผู้เชยี่ วชาญ 10. กลา้ ตัดสนิ ใจและมคี วามมานะพยายาม (Can Make Decision And Be Attempt) มีความกลา้ ตดั สินใจมี ความหนกั แนน่ ไมห่ วัน่ ไหว เช่อื มน่ั ในตนเองกบั งานท่ที ำ มีจติ ใจของนักสู้ ถึงแมง้ านจะหนักกท็ มุ่ เทสดุ ความสามารถ ไมก่ ลวั งานหนกั เหน็ งานหนักเปน็ งานทา้ ทายในการใช้ความรู้ สติปัญญา และความสามรถในการทำงาน ความมานะและความ พยายามเปน้ การท่มุ เทชีวติ จิตใจในการทำงาน แข่งขันกบั ตนเองและแขง่ ขนั กับเวลา ขวนขวายหาหนทางแกป้ ัญหาและ อุปสรรคจนประสบความสำเร็จ 11. สามารถปรบั ตวั เขา้ กับส่งิ แวดล้อม (Adaptable) ตอ้ งรจู้ ักการปรบั ตัวตามภาพแวดลอ้ ม มากกว่าปล่อยให้ทุก อยา่ งเปน็ ไปตามยถากรรม หรอื ข้ึนอยู่กบั โชคหรือดวง 12. รู้จกั ประมาณตนเอง (Self Assessment) การรูจ้ ักประมาณตนเองไมท่ ำสิ่งเกนิ ตัว ในการทำธรุ กจิ ควรจะเร่มิ จาก ธุรกจิ เลก็ ๆก่อน และเมอื่ กิจการเจรญิ ค่อยเพ่มิ ทุนและขยายธุรกจิ ออกไป จงึ จะประสบความสำเร็จ 13. ประหยัด (Safe For Future) การดำเนินงานในระยะส้ันจะยงั ไม่ทันเหน็ ผล ผูป้ ระกอบการจะตอ้ งร้จู กั ประหยดั และอดออม ต้องรู้จกั หา้ มใจที่จะหาความสุข ความสบายในช่วงท่ธี ุรกิจอยใู่ นชว่ งตง้ั ตวั และตอ้ งดำเนนิ ธรุ กิจตอ่ ไปใน ระยะเวลายาวนานจนกว่าจะบรรลเุ ปา้ หมาย 14. มีความซื่อสัตย์ (Loyalty) ต้องมีความซื่อสัตยต์ ่อลกู ค้าและหนุ้ ส่วน ต้องสร้างความเชอ่ื ม่ันใหก้ บั ธนาคารดว้ ย การเป็นลูกหนท้ี ดี่ ี เป็นนายท่ีดขี องลูกน้อง และตอ้ งมคี วามซอื่ สตั ย์ตอ่ ตนเองและครอบครวั อาชีพทีม่ คี วามมัน่ คงในชีวิต หากเปรียบเสาเขม็ เป็นรากฐานของตึกสงู ความรู้ทไี่ ด้รบั จากการศึกษา ก็คอื พื้นฐานที่จะนำไปใช้ในการประกอบ อาชพี สรา้ งรายได้และจดั หาปัจจยั 4 อันเป็นสง่ิ จำเปน็ ในการดำรงชวี ิตอย่อู ย่างมน่ั คง ในการเลือกประกอบอาชีพนนั้ ควร พิจารณาจากความถนดั ความสนใจ ความก้าวหนา้ ในอาชีพ เปน็ อาชีพท่สี ุจริตถูกต้องตามกฎหมาย และควรเป็นงานที่ทำแล้ว
๘๔ มคี วามสุข ได้รับคา่ ตอบแทนที่เพียงพอกบั การดำเนินชีวิต และเลี้ยงครอบครวั ได้อยา่ งเพยี งพอ หากทุกคนเลือกอาชีพที่มความ มัน่ คงต่อชวี ิต สังคมก็จะมคี วามเปน็ อย่ทู ่ดี ี เศรษฐกิจก็จะเจรญิ กา้ วหนา้ ตามไปด้วย อาชพี ที่มีส่วนรว่ ม และพัฒนาประเทศ อาชพี หมายถึง การทำมาหากนิ ทำธุรกิจ ตามความชอบหรอื ความถนัด ไดค้ ่าตอบแทนเปน็ ค่าจา้ ง หรือ เงินเดือน ประชาชนในประเทศท่ีสามารถมีอาชพี เปน็ หลักถือไดว้ า่ เปน็ ตวั บง่ ชี้ใหเ้ หน็ ถงึ ความเจรญิ ก้าวหนา้ และพฒั นาประเทศได้ อาชพี ท่ีมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ สามารถแบ่งออกเปน็ 8 ประเภท คือ 1. อาชีพเกษตรกรรม (Agriculture) เป็นอาชพี หลักของคนไทยมาเป็นเวลาชา้ นาน ไดแ้ ก่ การทำสวน การทำนา ทำ ไร่ การประมง การเล้ยี งสตั ว์ และการป่าไม้ 2. อาชีพเหมอื งแร่ (Mineral) เกี่ยวข้องกบั การดำเนนิ กจิ กรรม การขดุ เจาะนำเอาทรพั ยากรธรรมชาติตา่ งๆมาใช้ เชน่ ถา่ นหิน ดีบุก น้ำมัน และปนู ซเี มนต์ ฯลฯ 3. อาชพี อตุ สาหกรรม (Manufacturing) เป็นการดำเนนิ กิจกรรมทางดา้ นการผลติ และบริการทวั่ ๆไปทัง้ อุตสาหกรรมขนาดย่อมและขนาดใหญ่ แบ่งไดด้ งั นี้ 3.1 อุตสาหกรรมในครัวเรอื น หรอื อตุ สาหกรรมขนาดยอ่ ม เปน็ การดำเนนิ กิจกรรมที่ใชแ้ รงงานสมาชิกใน ครอบครวั วัสดุที่ใช้ผลิตหาไดใ้ นท้องถิ่น ผลติ ัณฑ์จากภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น 4. อาชีพกอ่ สร้าง (Construction) เป็นการดำเนินกจิ กรรมเก่ยี วกบั การสรา้ งอาคาร ท่อี ยู่อาศยั ถนน สะพาน เข่อื น ฯลฯ 5. อาชีพการพาณิชย์ (Commercial) เป็นการดำเนนิ กจิ กรรมเก่ียวช้องกบั การตลาด การจำหนา่ ยสินคา้ ปลีก และ สนิ ค้าสง่ 6. อาชพี การเงิน (Financial) การดำเนนิ กจิ กรรมท่ีสง่ เสริมให้ธุรกจิ ต่างๆคล่องตัวมากย่งิ ขึ้น ใหค้ วามช่วยเหลือและ การลงทนุ ได้แก่ ธนาคารตา่ งๆ 7. อาชีพบรกิ าร (Services) เป็นการดำเนนิ กิจกรรมท่ตี อบสนองความตอ้ งการของผ้บู ริโภค ในการอำนวยความ สะดวกสบาย เปน็ การขนสง่ การสื่อสาร การโรงแรม การทอ่ งเท่ยี ว โรงพยาบาล โรง ภาพยนตร์ ภตั ตาคาร รา้ นอาหาร สถานบนั เทงิ ต่างๆ ฯลฯ 8. อาชพี อื่นๆ เปน็ อาชพี ทีน่ อกเหนือจากอาชีพดังกล่าวขา้ งตน้ ไดแ้ ก่ อาชีพอสิ ระตา่ งๆ เชน่ แพทย์ ครู เภสัช วิศวกร สถาปนกิ จิตรกร ประติมากร เปน็ ต้น อาชพี ธรุ กิจทีม่ ปี ระโยชนต์ อ่ ประชาชน สังคม และประเทศชาติ อาชพี ธรุ กจิ ท่เี กดิ ประโยชน์ตอ่ ประชาชน สงั คม และประเทศชาติ ทำใหเ้ กดิ กระบวนการผลิตสนิ ค้าการบรกิ ารเพื่อ สนองความตอ้ งการของมนุษย์ความต้องการเกิดขึน้ ต่อๆไป โดยไมส่ ิ้นสุดทำใหเ้ กดิ การผลติ สนิ คา้ เพื่อสนองความตอ้ งการจงึ เกดิ การกระจายสินคา้ ไปสู่ผูบ้ ริโภค เรียกว่าระบบคนกลาง ระบบคนกลางได้แก่ พ่อค้าส่ง พ่อค้าปลกี ตวั แทน จำหน่าย นายหน้า เมอื่ มีสนิ ค้าเกยี่ วขอ้ งจึงต้องมีระบบขนสง่ และเกดิ การจา้ งงาน ชว่ ยให้ประชาชนมีงานทำ มมี าตรฐาน การครองชีพที่ดขี ึ้น สร้างรายไดใ้ หก้ บั รัฐ โดยประชาชนชว่ ยกันเสยี ภาษีเพ่อื พัฒนาประเทศ การท่ีประชาชนมอี าชีพ และผลิตสนิ ค้าที่มคี ุณภาพจำนวนมากจึงตอ้ งมเี ครอื่ งมือท่ีทนั สมยั สามารถส่งไปจำหน่าย ตา่ งประเทศได้ ชว่ ยใหเ้ ศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น
๘๕ ใบงาน คร้ังที ๗ รายวชิ า ช่องทางการเข้าสู่อาชพี (อช11001) ชื่อ สกลุ .....................................................................................กศน.ตำบล............................................ คำชแ้ี จง จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. จงอธิบายความจำเป็นชองการประกอบอาชีพ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. จงค้นคว้าเกีย่ วกบั ปจั จัยที่ส่งเสริมให้เกดิ ความสำเร็จในงานอาชีพ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
๘๖ เฉลยใบงาน รายวชิ า อช11001 ช่องทางการเข้าสู่อาชีพ ระดับประถมศึกษา 1. จงอธบิ ายความจำเปน็ ชองการประกอบอาชีพ ตอบ 1. เพ่ือตนเอง การประกอบอาชพี ทำใหม้ รี ายได้มาจบั จ่ายใช้สอยในชีวติ 2. เพอ่ื ครอบครวั ทำให้สมาชกิ ของครอบครวั ได้รับการเล้ียงดูทำให้มีคุณภาพชวี ติ ท่ดี ขี ึน้ 3. เพอ่ื ชุมชน ถ้าสมาชกิ ในชุมชนมอี าชพี และมรี ายได้ดจี ะส่งผลให้สมาชกิ มีความเปน็ อยูด่ ีขน้ึ อย่ดู ีกินดี ส่งผลให้ ชมุ ชนเขม้ แขง็ และพัฒนาตนเองได้ 4. เพอื่ ประเทศชาติ เพอ่ื ประชากรของประเทศมกี ารประกอบอาชีพทีด่ ี มีรายไดด้ ี ทำใหม้ รี ายได้ท่ีเสยี ภาษี ให้กับรฐั บาลมรี ายได้ไปใชบ้ รหิ ารประเทศตอ่ ไป 2. จงคน้ คว้าเกยี่ วกบั ปัจจัยทสี่ ง่ เสริมให้เกดิ ความสำเรจ็ ในงานอาชีพ ตอบ ปจั จัยทสี่ ง่ เสรมิ ให้เกิดความสำเร็จในงานอาชีพ 1. ความต้องการมุ่งความสำเรจ็ (Need for Achivement) ในการทำงานเม่ือพิจารณาอย่างถ่ีถว้ นแล้วและ มองเห็นโอกาสแห่งความเป็นไปได้ ผู้ประกอบการจะต้องมงุ่ ม่นั ใช้กำลังกาย กำลังความคดิ สติปญั ญาและความสามารถ ท้งั หมด พรอ้ มท้ังท่มุ เทเวลาให้กบั งาน โดยไม่คำนึงถึงความยากลำบาก เพอ่ื ใหง้ านบรรลุความสำเร็จทมี่ ่งุ หวัง ไว้ ผู้ประกอบการจะตอ้ งเรียนรู้ถงึ ความผิดพลาดที่ผ่านมาเพอ่ื แก้ไขให้เกิดความสำเร็จ พอใจ ภมู ใิ จทงี่ านออกมาดี แต่ สิ่งทส่ี ำคญั คือ จุดมุ่งหมายทางธรุ กจิ มิได้อยู่ทกี่ ำไร แตจ่ ะต้องทำเพ่อื ขยายความเจรญิ เตบิ โตของกิจการ กำไรเปน็ เครอ่ื งสะทอ้ นว่าทำได้ และไม่เพยี งสนใจต่อการบรรลุเป้าหมายเท่าน้นั แต่จะต้องใหค้ วามสำคญั ตอ่ วิธีการหรอื กระบวนท่ี ทำใหบ้ รรลุเป้าหมายด้วย 2. มคี วามคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ (Creativity Thinking) การจะเป็นผสู้ ำเร็จในงานอาชพี ไดน้ ้ัน จะต้องเปน็ ผ้ทู ีม่ ี ความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ ไม้พอใจในการทำสงิ่ ซำ้ ๆเหมอื นเดิมตลอดเวลา แต่เปน็ ผูท้ ี่ชอบนำประสบการณท์ ่ีผ่านมา ประยุกต์ สรา้ งสรรค์ หาวิธใี หมท่ ่ีดกี ว่าเดมิ สามารถหาแนวทางพัฒนาผลิตภณั ฑ์หรือบริการ ปรบั ปรงุ กระบวนการ ดำเนนิ การอยตู่ ลอดเวลา กล้าทจ่ี ะผลติ สนิ ค้าที่แตกต่างจากเดิม กล้าใชว้ ิธีขายทไ่ี มเ่ หมอื นใคร กลา้ ประดษิ ฐ์ กล้าคิดคน้ สง่ิ ทแ่ี ปลกใหม่เขา้ สู่ตลาด สามารถคิดคน้ ประดษิ ฐ์เคร่อื งจกั รเครอื่ งมืออุปกรณ์ใหม่ๆ มาใช้ในการผลติ สามารถนำ เทคโนโลยใี หมๆ่ มาใช้ รวมทั้งแสวงหาวตั ถุดิบใหมๆ่ มาทดแทนของเดมิ รู้จกั ปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน นำระบบ การจดั การสมยั ใหม่ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพมาใช้ เพ่ือลดต้นทุน ความคดิ สร้างสรรคเ์ หล่าน้ี อาจเกิดข้นึ ดว้ ยตวั เอง หรอื เอาแนวคิดมาจากนักประดิษฐ์ นกั วจิ ยั หรอื ผู้เชย่ี วชาญก็ได้ 3. รูจ้ กั ผูกพันต่อเปา้ หมาย (Addicted to Goals) เม่ือตัง้ เปา้ หมาย ผูป้ ระกอบการจะต้องท่มุ เททกุ อยา่ ง เพอ่ื ให้บรรลุเปา้ หมาย เปา้ หมายทุกเป้าหมายล้วนจะต้องเอาชนะทั้งส้ิน มีความคิดผูกพันทจ่ี ะเอาชนะ จนสามารถ วางแผนกลยทุ ธ์ไว้ล่วงหน้า มีการวเิ คราะหป์ ญั หา อปุ สรรค ขัดขวางในการไปสเู่ ปา้ หมาย เตรยี มป้องกนั ทจ่ี ะเอาชนะ อปุ สรรค ท่ีคาดวา่ จะทำให้เกดิ ความล้มเหลว และหาหนทางแกไ้ ขเม่ือประสบความเหลว และในขณะเดยี วกนั การมอง โลกในแง่ดมี ีความหวัง มุง่ ม่นั ตอ่ ไปเปา้ หมายของความสำเร็จจะมองเห็นในอนาคต 4. มีความสามารถในการบรหิ ารงานและมคี วามเป็นผู้นำทด่ี ี (Management and Leadership Capability) มีลักษณะการเปน็ ผนู้ ำ รู้จกั หลกั การบริหารจดั การทดี่ ี ภาวะการเป็นผนู้ ำจะแตกต่างไปตามระยะการ เจรญิ เติบโตของธรุ กิจ ในระยะเริม่ ทำธรุ กิจ จะต้องรบั บทบาทการเปน็ ผ้นู ำจะแตกตา่ งไปตามระยะการเตบิ โตของ ธุรกจิ ในระยะเร่มิ ทำธุรกจิ จะต้องรบั บทบาทเป็นผูน้ ำทีล่ งมอื ทำทกุ อย่างดว้ ยตนเอง ตอ้ งทำงานหนกั เพือ่ บรรลุ ความสำเรจ็ เอาใจใส่ผูร้ ว่ มงาน วางแผนทางการทำงาน ให้คำแนะนำและใหผ้ รู้ ่วมงานรบั ค่าสง่ิ ด้วยความเต็มใจในการ ปฏิบตั งิ าน เปน็ ผู้กำกับดแู ลอย่างใกล้ชิดและเปน็ กนั เองจะทำให้การดำเนนิ งานเป็นไปด้วยดี
๘๗ ต่อมาเมือ่ กิจการเติบโตขึ้น การบรหิ ารงานก็จะเปลย่ี นแปลงไป ลูกนอ้ งกจ็ ะมีลักษณะเปลยี่ นแปลงและเช่ือมนั่ ได้ มากขึน้ ไว้ใจได้ สามารถท่ีจะแบง่ ความรับผดิ ชอบใหล้ ูกนอ้ งได้มากข้ึน จนสามารถปลอ่ ยใหด้ ำเนินการเองได้ ส่วนตน จะได้มีเวลาใช้ความคิดพัฒนาผลติ ภัณฑ์ ขยายกจิ การหรือลงทุนใหม่ ดำเนินกิจการใหล้ ักษณะมืออาชีพมากกว่าเปน็ ธรุ กจิ เครอื ญาติ กล้าลงทุนจ้างผบู้ รหิ ารมอื อาชีพ รู้จักปรับเปลี่ยนการบริหาร เพื่อทำใหธ้ รุ กจิ ประสบความสำเร็จ 5. มีความเชือ่ ม่นั ในตนเอง (Be Self Confident) ผู้ประกอบการท่จี ะประสบความสำเร็จมกั จะเปน็ ผู้ทีม่ ี ความเช่อื มัน่ ในความสามารถของตนเอง มีความเป็นอสิ ระและร้จู กั พง่ึ ตนเอง มีความม่ันใจ มีความเข้มแขง็ เด็ดเด่ียว มี ลักษณะเปน็ ผนู้ ำ มีความเชอ่ื มน่ั ทีจ่ ะเอาชนะสิง่ แวดล้อมท่ีนา่ กลัว มคี วามทะเยอทะยาน และไม่ประเมนิ ความสามารถ ของตนเองสูงเกนิ ไปหรือเชอ่ื มน่ั ตนเองมากเกินไป 6. มวี สิ ยั ทศั น์กว้างไกล (Visionary) เป็นผูท้ ี่สามารถวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ และรู้จัก เตรียมพรอ้ มรับเหตกุ ารณ์ท่ีจะเกิดขึ้น 7. มคี วามรับผดิ ชอบ (Responsibility) มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ งานทที่ ำเปน็ อย่างดี เปน็ ผนู้ ำในการทำสิง่ ตา่ งๆ มักจะมคี วามริเรม่ิ แล้วลงมอื ทำดว้ ยตนเอง หรอื มอบหมายให้ผู้อ่ืนทำและจะดูแลจนงานสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย โดยจะ รับผดิ ชอบผลการตัดสินใจ ไมว่ ่าผลจะออกมาดหี รือไม่ มคี วามเช่อื ว่าความสำเร็จเกิดจากความเอาใจใส่ ความ พยายาม ความรบั ผดิ ชอบ มิใชเ่ กดิ จากโชคช่วย 8. มีความกระตอื รือร้นและไม่หยดุ น่งิ (Enthusiastic) มีการทำงานทเ่ี ต็มไปดว้ ยพลงั มีชีวติ ชวี า มี ความกระตอื รอื รน้ ทำงานทุกอย่างโดยไมห่ ลีกเลี่ยง ทำงานหนักมากกวา่ คนทั่วไป 9. ใฝห่ าความร้เู พ่ิมเติม (Take New Knowledge) ถึงแม้ว่าจะมีความเช่ยี วชาญในการทำงาน แต่ความรแู้ ละ ประสบการณท์ ี่มีอยู่ยงั ไม่เพยี งพอ ควรทจ่ี ะหาความร้เู พม่ิ เตมิ โดยเฉพาะความรเู้ กย่ี วกับข้อมูลทาง การตลาด เศรษฐศาสตร์ การเมือง กฏหมายท้งั ในและตา่ งประเทศ ขอ้ มูลเหล่านจ้ี ะช่วยใหส้ ามารถวิเคราะห์ สถานการณท์ ี่เปล่ยี นแปลงได้ การหาความรูเ้ พ่ิมเตมิ สามารถหาได้จากการสมั นา ฝกึ อบรม อา่ นหนงั สอื หรือปรึกษา ผู้เช่ียวชาญ 10. กล้าตดั สนิ ใจและมคี วามมานะพยายาม (Can Make Decision And Be Attempt) มคี วามกล้า ตัดสินใจมีความหนักแนน่ ไม่หวนั่ ไหว เชื่อม่นั ในตนเองกบั งานท่ีทำ มีจติ ใจของนักสู้ ถงึ แม้งานจะหนักก็ทมุ่ เทสดุ ความสามารถ ไม่กลัวงานหนกั เหน็ งานหนกั เปน็ งานทา้ ทายในการใช้ความรู้ สติปญั ญา และความสามรถในการ ทำงาน ความมานะและความพยายามเป้นการทุ่มเทชีวิตจิตใจในการทำงาน แขง่ ขนั กบั ตนเองและแข่งขันกับ เวลา ขวนขวายหาหนทางแกป้ ญั หาและอุปสรรคจนประสบความสำเรจ็ 11. สามารถปรับตัวเขา้ กบั สิ่งแวดล้อม (Adaptable) ต้องรจู้ ักการปรับตัวตามภาพแวดลอ้ ม มากกว่าปล่อย ใหท้ ุกอยา่ งเป็นไปตามยถากรรม หรอื ขึ้นอยู่กบั โชคหรอื ดวง 12. รู้จักประมาณตนเอง (Self Assessment) การรู้จกั ประมาณตนเองไม่ทำสงิ่ เกินตวั ในการทำธุรกจิ ควรจะ เริม่ จากธรุ กจิ เลก็ ๆก่อน และเมือ่ กิจการเจรญิ ค่อยเพิ่มทนุ และขยายธุรกจิ ออกไป จงึ จะประสบความสำเรจ็ 13. ประหยดั (Safe For Future) การดำเนนิ งานในระยะสนั้ จะยงั ไมท่ นั เห็นผล ผูป้ ระกอบการจะตอ้ งร้จู ัก ประหยัดและอดออม ต้องรจู้ ักหา้ มใจที่จะหาความสุข ความสบายในช่วงท่ีธรุ กจิ อยู่ในช่วงตงั้ ตวั และตอ้ งดำเนินธรุ กจิ ตอ่ ไปในระยะเวลายาวนานจนกว่าจะบรรลเุ ป้าหมาย 14. มีความซอ่ื สัตย์ (Loyalty) ตอ้ งมีความซ่อื สัตยต์ ่อลกู คา้ และห้นุ สว่ น ตอ้ งสร้างความเช่ือมนั่ ให้กับธนาคาร ด้วยการเป็นลูกหนท้ี ่ดี ี เป็นนายทดี่ ีของลูกน้อง และตอ้ งมคี วามซื่อสัตยต์ อ่ ตนเองและครอบครัว
๘๘ บันทกึ หลงั สอน สัปดาห์ท่ี 8 วนั จนั ทร์ วันที่........6.........เดือน......ธันวาคม...........พ.ศ. .....2564........... ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .....................................................ผู้สอน (นายจริ ัสย์พงษ์ วเิ ศษสทิ ธโิ ชค) ครู กศน.ตำบล ความคดิ เห็นหัวหนา้ งานการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .............................................................. (นางสาวปัณณ์ปาลี ศิรธิ วุ านนท)์ งานการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขันมะลี) รองผูอ้ ำนวยการ สำนักงาน กศน.จงั หวดั อ่างทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชยั ชาญ
๘๙ แผนการจดั การเรยี นการสอนรายสัปดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ ระดบั ประถมศึกษา กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ สัปดาหท์ ี่ ๙ วัน ..จันทร.์ ..วันที.่ ..13.......เดอื น....ธันวาคม....พ.ศ....2564............เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. รายวชิ า ช่องทางการเข้าสู่อาชพี (อช11001) จำนวน 2 หนว่ ยกติ มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั การมอี าชพี เปน็ ความภูมิใจของคนทกุ คน ซึง่ เราสามารถเลอื กประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับ ความถนัด ความชอบของตน และตรงกับความตอ้ งการของตลาด นอกจากนค้ี วรเป็นอาชีพท่ตี ้องไม่มี ผลกระทบใด ๆ ต่อสิ่งแวดลอ้ ม ดงั นน้ั การจะตัดสินใจเลอื กอาชพี ใดอาชีพหนงึ่ จะต้องศึกษา วเิ คราะห์ ขอ้ มูลอาชีพอยา่ งถอ่ งแท้ เพอ่ื ท่ีจะตัดสนิ ใจเลอื กอาชีพใหม้ ีความเสยี่ งน้อยที่สุด หน่วยการเรยี นรู้/เรื่อง ความพรอ้ มในการเข้าสอู่ าชีพ สาระสำคัญ เมอ่ื ตัดสินใจวาจะประกอบอาชีพใดแลว เพ่ือใหเกิดความมัน่ ใจและเชื่อมนั่ วาอาชพี ที่เลือกนนั้ จะสามารถ ดาํ เนนิ การไดตลอดรอดฝง จึงมคี วามจาํ เปนตองมีการวิเคราะหความพรอมของอาชพี ท่ี ตัดสินใจเลือกใหรอบคอบอีกครัง้ หนึ่ง เน้อื หา เรือ่ ง ตรวจสอบความเปนไปไดในการประกอบอาชีพ จุดประสงค์การเรียนร/ู้ ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั เพ่อื ใหผูเรียนสามารถตรวจสอบความเปนไปไดของการประกอบอาชีพใหรอบคอบ กระบวนการจัดการเรียนรู้และกิจกรรมเพิม่ เตมิ ขน้ั ท่ี 1 กำหนดสภาพปัญหา ความต้องการ ครูผสู้ อนทกั ทายกลา่ วนำ ถึงเร่ือง อาชีพของผู้เรียนประสบปญั หาอะไรบ้าง ขัน้ ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มลู และการจัดการเรยี นรู้ ๑. ครูให้ส่งใบงานสัปดาห์ที่ ๘ และครูผู้สอนสรุปความรู้ เรือ่ ง การตรวจสอบความเป็นไปไดใ้ นการประกอบอาชพี ๒. ครูผู้สอนร่วมกับสรปุ และแสดงความคดิ เห็นในเร่อื งการตรวจสอบความเปน็ ไปได้ในการประกอบอาชีพ ๓. ครูให้ผู้เรยี นศึกษาเพมิ่ เติมจากแหล่งเรยี นรู้อ่นื ๆ และมอบหมายงาน เรอ่ื งการตรวจสอบความเป็นไปไดใ้ นการ ประกอบอาชพี ส่งในสปั ดาห์ที่ ๑๐ ขนั้ ที่ 3 การปฏิบัตแิ ละนำไปประยุกตใ์ ช้ ครสู รปุ องคค์ วามรู้เรื่อง การตรวจสอบความเป็นไปไดใ้ นการประกอบอาชพี และสรุปความร้ทู ี่ผู้เรียนสามารถนำไป ประยุกต์ใช้ได้ ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ ประเมนิ ผลจากการทำใบงาน ประเมินผลจากการสงั เกตพฤติกรรม ส่อื การเรียนรู้
๙๐ หนงั สอื เรียนวชิ าช่องทางการเข้าสู่อาชีพ ระดับประถมศกึ ษา ใบงาน ใบความรู้ เรอ่ื งการตัดสินใจเลอื กอาชพี อินเตอรเ์ น็ต การวดั ผลและประเมินผล ใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ลงชือ่ .....................................................ผู้สอน (นายจิรัสย์พงษ์ วิเศษสิทธิโชค) ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ งานการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............................................................. (นางสาวปณั ณ์ปาลี ศิรธิ ุวานนท์) งานการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นายอำไพ ข่าขันมะลี) รองผอู้ ำนวยการ สำนักงาน กศน.จงั หวัดอา่ งทอง รกั ษาการในตำแหนง่ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชยั ชาญ
๙๑ ใบความรู้ คร้ังที่ 9 รายวชิ า อช11001 ช่องทางการเข้าสอู่ าชีพ ระดบั ประถมศกึ ษา เร่ือง การตดั สินใจเลอื กอาชพี การตัดสินใจเขาสอู าชีพดวยการวเิ คราะหศักยภาพ การตัดสินใจท่ีจะดําเนินการส่งิ ใดส่ิงหน่ึง มวี ิธีการหลากหลาย เชน ทาํ การวิจัย ทดลองทํากอนลงมือ ทําจริง การ ใชกระบวนการคิดเปน นอกจากนี้ยงั มีวธิ ีการวเิ คราะหศักยภาพตาง ๆ ทเี่ ก่ียวของวาสามารถ ดาํ เนินการประกอบอาชีพได หรือไม ซ่ึงเรอื่ งนีจ้ ะไดศึกษาตอไป เพอื่ ใชเปนแนวทางในการตัดสินใจเขาสูอาชพี โดยการวิเคราะหศักยภาพ 5 ดาน ไดแก่ 1. ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแตละพื้นท่ีหมายถึง สิ่งตาง ๆ (ส่ิงแวดลอม) ที่เกิดขน้ึ เอง ตามธรรมชาติ และมนุษย สามารถนํามาใชประโยชนได เชน บรรยากาศ ดิน น้ำ ปาไม ทุงหญา สัตวปา แรธาตุ พลังงาน และกําลัง แรงงานมนษุ ย เปนตน ดังนั้น การแยกแยะเพื่อนําเอาศกั ยภาพของ ทรัพยากรธรรมชาติในแตละพ้ืนท่ีเพ่ือนํามาใชประโย ชนในดานการประกอบอาชีพตองพิจารณาวา ทรัพยากรทางธรรมชาติท่ีจะตองนํามาใชในการประกอบอาชีพในพ้ืนที่มี หรือไมมเี พียงพอหรอื ไม ถาไม มี ผูประกอบการตองพิจารณาใหมวาจะกอบอาชพี ที่ตัดสินใจเลอื กไวหรือไม เชน การผลิต น้ำแร ธรรมชาติ แตในพื้นที่ไมมีตานํ้าไหลผานและไมสามารถขุดน้ำบาดาลได ซง่ึ ผูประกอบการจะตอง พิจารณาวายังจะ ประกอบอาชีพน้ีอีกหรอื ไม และถาตองการประกอบอาชีพนี้จรงิ ๆเน่อื งจากตลาดมีความ ตองการมาก็ตองพิจารณาวาการ ลงุ ทุนหาราตทุ ่ีจะมาใชในการผลิตคุมหรอื ไม 2. ศักยภาพของพ้ืนท่ีตามหลักภมู ิอากาศ หมายถึง ลักษณะของลมฟาอากาศทมี่ ีอยูประจําทองถิ่นใดทองถิ่นหนึ่ง โดยพิจารณาจากคาเฉลี่ยของอุณหภูมิประจําเดือน และปริมาณน้ำฝนในชวงระยะเวลา ตาง ๆ ของทกุ ปี เชน ภาคเหนือ ของประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นหรือเปนแบบสะวันนา (Aw) คอื อากาศ รอนชน้ื สลับกับฤดูแลงเกษตรกรรม กจิ กรรมที่ ทาํ รายไดตอประชากรในภาคเหนือ ไดแก การทําสวน ทํา ไร ทํานา และเลีย้ งสัตวภาคใตเปนภาคที่มีฝนตกตลอดท้ังป ทํา ใหเหมาะแกการปลูกพชื เมืองรอน ท่ี ตองการความชุมชืน้ สูง เชน ยางพารา ปาลมนำ้ มัน เปนตน ดังนัน้ การประกอบอาชีพ อะไรก็ตามจาํ เปน พจิ ารณาสภาพภูมิอากาศดวย 3. ศักยภาพของภูมิประเทศและทําเลท่ีต้ังของแตละพ้ืนที่หมายถึงลักษณะของพื้นที่และทําเล ที่ต้ังในแตละ จงั หวัด ซึ่งมลี ักษณะแตกตางกัน เชน เปนภูเขา ท่ีราบสูง ที่ราบลุม ท่ีราบชายฝง ส่ิงที่เราตอง ศึกษาเกยี่ วกับลักษณะภูมิ ประเทศเชน ความกวางความยาวความลาดชัน และความสูงของพื้นท่ี เปนตน ซึ่งในการประกอบอาชีพใดๆก็ตามไมว าจะเปนการผลติ การจาํ หนาย หรอื การใหบรกิ ารก็ตามจาํ เปนตอง พจิ ารณาถึงทําเลท่ีต้งั ที่เหมาะสม ๔. ศักยภาพของศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวิถชี วี ติ ของแตละพ้นื ท่จี ากการที่ประเทศ ไทยมีสภาพภมู ิ ประเทศ ภมู ิอากาศ และทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่แตกตางกันออกไปในแตละภาค จึงมีความ แตกตางกันในการดํารงชีวิตของ ประชากรทั้งดานวัฒนธรรม ประเพณี และการประกอบอาชีพระบบการ เกษตรกรรม สังคมไทยเปนสังคมเกษตรกรรม (agrarian society) กลาวคือ ประชากรรอยละ 80 ประกอบ อาชีพเกษตรกรรม หรือกลาวอีกนัยหนึ่งไดวา คนไทยสวน ใหญมีวิถีชีวิตผูกพันกับระบบการเกษตรกรรม และระบบการเกษตรกรรมน้ีเอง ไดเปน ท่ีมาของวัฒนธรรมไทยหลาย ประการ เชน ประเพณขี อฝน ประเพณีลงแขก และการละเลน เตนกําราํ เคียว เปนตน ๕.ศักยภาพของทรัพยากรมนษุ ยใ์ นแต่ละพ้ืนท่ี ทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นแต่ละพืน้ ที่ หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ของมนุษย์ที่เป็นภูมิปัญญา ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ด้านการประกอบอาชีพต่างๆ ในพื้นที่นั้นๆ เมื่ออาชีพนั้นมีความ ม่ันคงในพื้นท่ี น้ันๆ แล้วอาจจะขยายไปพื้นท่ีอื่นๆ การกระจายความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ ก็สามารถทำได้ โดย การอบรมผู้สนใจในความรู้นั้นๆ ให้สามารถนำไปขยายยังพื้นที่อ่ืนๆได้ ผู้ประกอบการที่มีอาชีพมั่นคงโดยผ่านการพฒั นา จนกระทั่งเป็นท่ีรู้จักกันแพร่หลายก็สามารถ ขยายธุรกิจให้กว้างขวาง โดยการเพิ่มปริมาณ หรือขยายสาขาให้มากข้ึนได้ โดยนำศักยภาพทง้ั 5 ดา้ นมาช่วยประกอบการพิจาณาดว้ ย
๙๒ ใบงาน ครัง้ ท่ี ๙ รายวชิ า ชอ่ งทางการเข้าสู่อาชพี (อช11001) ชอื่ สกุล...............................................................................................กศน.ตำบล...................................................... จงทำแบบการตัดสินใจเลอื กอาชพี เมอ่ื ทําการวิเคราะหอาชีพทง้ั 3 อาชีพ แลว ใหนํามาสรุปผลคะแนนเพ่ือตดั สินใจเลือก อาชีพ ท่ีไดคะแนนสงู สดุ ดวย อาชีพ คะแนน เงอื่ นไข 1 2 3. สรปุ ผลการตดั สินใจ ขอเลือกอาชีพ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... อธิบายเหตผุ ลในการเลือกอาชีพ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ตรวจสอบความพร้อมเข้าสู่อาชีพ ด้าน พรอ้ ม ไม่พร้อม เหตผุ ล ครอบครวั ชุมชน สังคม ตลาด ความพร้อมของปจั จัยการ ผลติ ความยากงา่ ยในการ ดำเนนิ งาน
๙๓ เฉลย ใบงานท่ี ๙ รายวชิ า ชอ่ งทางการเข้าสู่อาชพี (อช11001) แนวคำตอบ ตามดุลยพนิ ิจของผู้สอน
๙๔ บันทกึ หลงั สอน สปั ดาห์ท่ี 9 วัน จนั ทร์ วนั ที่......13...........เดือน.....ธนั วาคม...................พ.ศ. .....2564................... ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .....................................................ผู้สอน (นายจริ สั ย์พงษ์ วิเศษสิทธิโชค) ครู กศน.ตำบล ความคิดเห็นหัวหนา้ งานการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .............................................................. (นางสาวปัณณป์ าลี ศริ ธิ ุวานนท)์ งานการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .......................................................... (นายอำไพ ข่าขนั มะลี) รองผ้อู ำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวัดอา่ งทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวเิ ศษชัยชาญ
๙๕ แผนการจดั การเรียนการสอนรายสปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ระดับประถมศกึ ษา กศน.อำเภอวเิ ศษชยั ชาญ สปั ดาหท์ ่ี ๑๐ วนั จนั ทร์ วันท่.ี ..20.......เดือน..ธันวาคม..พ.ศ....2564.....เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. วิชา สังคมศึกษา รหัสวิชา สค ๑1001 จำนวน 2 หนว่ ยกติ มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ การได้เรยี นร้เู กย่ี วกับตนเอง สภาพแวดล้อมท้องถิ่น จังหวดั ภาค และประเทศของตนท้งั ด้าน ประวตั ศิ าสตร์ ลักษณะทางภูมศิ าสตร์ กายภาพ เศรษฐกิจ การเมอื ง การปกครอง ตลอดจนการไดร้ ับการ พัฒนาความรู้ ความเข้าใจในศาสนา มีจิตสำนึกและมีส่วนรว่ มในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม ทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อมเพอื่ การพฒั นาท่ยี ่งั ยนื หน่วยการเรียนร/ู้ เรื่อง ภูมิศาสตร์กายภาพประเทศไทย สาระสำคัญ ลกั ษณะทางกายภาพและสรรพสง่ิ ในโลก มีความสัมพันธ์ซง่ึ กนั และกัน และมผี ลกระทบต่อระบบนเิ วศธรรมชาติ การนำแผนทแ่ี ละเครื่องมือภมู ศิ าสตรม์ าใช้ในการค้นหาข้อมลู จะช่วยใหไ้ ด้รับข้อมูลที่ชัดเจนและนำไปสู่การใช้การจัดการ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ การปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างมนุษย์กบั สภาพแวดล้อมทางกายภาพทำใหเ้ กิดสร้างสรรคว์ ฒั นธรรมและ จติ สำนึกร่วมกันในการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม เพ่อื การ พัฒนาทีย่ ่ังยืน เนื้อหา เรอ่ื งท่ี 1 ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์กายภาพของชมุ ชน เรอ่ื งท่ี 2 ลักษณะทางภมู ศิ าสตรก์ ายภาพของประเทศไทย เรอื่ งที่ 3 การใช้ขอ้ มูลภมู ศิ าสตร์กายภาพชมุ ชน ท้องถนิ่ เพื่อใชใ้ นการดำรงชีวิต เรอ่ื งท่ี 4 ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ เรอื่ งที่ 5 ศกั ยภาพของประเทศไทย จดุ ประสงค์การเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวัง 1. อธิบายลักษณะภมู ศิ าสตรท์ างกายภาพของประเทศไทยได้ 2. บอกความสัมพันธร์ ะหว่างปรากฏการณ์ทางธรรมชาตกิ ับการดำเนนิ ชีวติ ได้ 3. ใชแ้ ผนทีแ่ ละเคร่อื งมอื ภมู ิศาสตร์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 4. วเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ วฒั นธรรมและกระบวนการเปล่ียนแปลทางลักษณะกายภาพและ ลกั ษณะวัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ ได้ 5. วิเคราะหศ์ กั ยภาพของชุมชนท้องถ่นิ เพ่อื เช่อื มโยงเขา้ สอู่ าชีพ กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกิจกรรมเพ่ิมเติม ขนั้ ที่ 1 กำหนดสภาพปญั หา ความตอ้ งการ ครูผู้สอนทกั ทาย พูดคยุ เกย่ี วกับลักษณะทางกายภาพของประเทศไทยในภูมภิ าคต่าง ๆ
๙๖ ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มลู และการจัดการเรยี นรู้ ๑.ครูผู้สอนให้สง่ ใบงานครงั้ ท่ี ๙ และครูสรุปความรู้เรือ่ ง ลักษณะทางภูมิศาสตรก์ ายภาพของชุมชน ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์กายภาพของชุมชน, ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศไทย, การใช้ขอ้ มลู ภูมิศาสตร์ กายภาพชุมชน ท้องถิ่น เพือ่ ใช้ในการดำรงชวี ิต, ทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ, ศักยภาพของ ประเทศไทย ๒. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปและแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ลักษณะทางกายภาพของประเทศไทย การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๓.ครใู หผ้ ู้เรยี นศึกษาเพ่มิ เติมจากแหลง่ เรยี นรู้อนื่ ๆ และมอบหมายงาน เร่ือง ลักษณะทางกายภาพของ ประเทศไทย สง่ ในสัปดาห์ท่ี ๑๑ ขนั้ ท่ี 3 การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ ครูสรปุ องค์ความรู้เรอ่ื ง ภมู ิศาสตร์ทางกายภาพของประเทศไทยและสรุปความรทู้ ่ีผู้เรยี นสามารถนำไป ประยุกตใ์ ชไ้ ด้ ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผลจากการทำใบงาน ประเมนิ ผลจากการสงั เกตพฤติกรรม สื่อการเรยี นรู้ หนังสือเรียนวชิ าสังคมศึกษา ระดบั ประถมศึกษา ใบงาน ใบความรู้ เรื่อง ลกั ษณะภมู ิศาสตร์ทางกายภาพของประเทศไทย อินเตอรเ์ นต็ การวดั ผลและประเมนิ ผล ใบงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ลงชอื่ .....................................................ผู้สอน (นายจริ สั ย์พงษ์ วิเศษสิทธิโชค)
๙๗ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ งานการศึกษาข้ันพนื้ ฐานนอกระบบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .............................................................. (นางสาวปัณณป์ าลี ศิริธุวานนท)์ งานการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานนอกระบบ ข้อเสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.......................................................... (นายอำไพ ขา่ ขันมะลี) รองผู้อำนวยการ สำนกั งาน กศน.จังหวัดอา่ งทอง รกั ษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอวิเศษชัยชาญ
๙๘ ใบความรู้ ครั้งที่ 10 วิชาสงั คมศึกษา สค 11001 ระดบั ประถมศึกษา เรอื่ ง ลักษณะภูมิศาสตร์กายภาพประเทศไทย ประเทศไทยตั้งอยู่ในแหลมอินโดจีน การที่เรียกวา่ แหลมอนิ โดจนี เพราะถือว่าอยู่ระหว่างประเทศอินเดยี กับ ประเทศจีน ซ่ึงเป็นการถือเอาประเทศใหญ่เปน็ จดุ อา้ ง แตถ่ ้าถือเอาสภาพทางภมู ศิ าสตร์ เป็นจุดอ้างกน็ า่ จะเรียกวา่ อนิ โด - แปซฟิ คิ เพราะเปน็ แหลมที่แบ่งน่านนำ้ ออกเป็นมหาสมุทรอนิ เดีย และมหาสมุทรแปซิฟิค มพี ิกดั ทางภูมิศาสตร์ ดงั น้ี - ทิศเหนือ จดเส้นรุ้ง 20 องศา 25 ลิบดา 30 พลิ ิบดา เหนอื ทีก่ งิ่ อำเภอแม่สาย จงั หวดั เชยี งราย - ทิศใต้ จดเส้นรงุ้ 5 องศา 37 ลิบดา ที่กงิ่ อำเภอเบตง จงั หวดั ยะลา - ทิศตะวนั ออก จดเสน้ แวง 105 องศา 37 ลิบดา 30 พิลิบดา ท่อี ำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี - ทศิ ตะวนั ตก จดเส้นแวง 97 องศา 22 ลิบดา ตะวันออก ทีอ่ ำเภอแม่ลาน้อย จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน สภาพธรรมชาติในเขตร้อนโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในแถบตะวนั ออก - ใตข้ องทวีปเอเซยี มีอณุ หภมู สิ ูง มีทะเลลมและ ฝนเป็นปัจจยั ให้เกดิ ป่าดง ประกอบไปดว้ ยพันธ์ไุ มเ้ ขตรอ้ น และสตั ว์ป่านานาชนดิ ท่มี ีปรมิ าณมากกวา่ อกี หลายส่วนของ โลก นบั ว่าเป็นย่านอนั อุดมสมบูรณ์ดว้ ยอาหาร และทรพั ยากรทสี่ ำคัญแหง่ หน่งึ ของทวปี เอเซยี การที่เส้นแวง 101 องศา ตะวันออก ซ่งึ เป็นเส้นผ่านกลางพื้นทป่ี ระเทศไทย การคิดเวลาของประเทศไทยจงึ ควร ใช้เส้นแวงเส้นนเี้ ป็นตัวกำหนด แตเ่ นอ่ื งจากวา่ เพอ่ื ให้สะดวกในกจิ การรถไฟ ซึ่งเชื่อมต่อไปยงั แหลมมลายู ได้มีเวลาตรงกนั ทงั้ ไทย และมลายู (มาเลเซยี ) ไทยจึงตกลงใช้เสน้ แวง 105 องศาตะวันออก ซ่ึงเปน็ เส้นศูนยเ์ ทีย่ งทางภูมศิ าสตร์ของมลายู และเปน็ เส้นศนู ย์เทีย่ งของอินโดจีนดว้ ย เป็นเสน้ ศูนย์เทยี่ งของไทยด้วยจึงทำให้เวลาทีแ่ ท้จรงิ ของไทยเร็วไป 18 นาทีของ ที่ควรจะเป็น ภูมริ ฐั ศาสตร์ ประเทศไทยต้งั อยใู่ จกลางของผนื แผ่นดนิ ในเอเซียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ซึ่งมีพรมแดนธรรมชาติที่เหมาะสมในแงภ่ ูมิศาสตร์ โดยมีเทอื กเขาขนาดใหญ่ และทุรกนั ดารทอดตัวเปน็ แนวยาวจากเหนอื มาใต้ ดงั น้ี ดา้ นทิศตะวันตก มเี ทอื กเขาอารกันโยมา อนั เป็นสาขาของเทือกเขาหิมาลยั ทำใหเ้ กดิ ป่าดงดิบทึบ เป็นการแยกประเทศ พม่าออกจากประเทศอินเดยี โดยส้ินเชงิ ไม่มปี ัญหาเรอื่ งการมสี ายน้ำร่วมกัน ในสงครามมหาเอเชยี บูรพา กองทัพญป่ี นุ่ ได้ รุกไปทางตะวนั ตกผา่ นไทย ผ่านพม่า ม่งุ สูอ่ ินเดียก็มาส้ินสดุ ท่ีแนวเทือกเขาแหง่ นเ้ี ท่านนั้ ดา้ นทิศเหนือ เป็นเทอื กเขาขนาดใหญ่บนท่ีราบสูง ยนู นานของประเทศจนี ตอนใต้ เปน็ สาขาปลายตะวันออกของเทอื กเขา หิมาลัย ท่ีผ่านไปส่ปู ระเทศจนี เปน็ ยา่ นทรุ กนั ดารเปน็ ปา่ เขายากแกก่ ารคมนาคมทางบก ดา้ นทศิ ตะวันออก เป็นทะเลจีนใต้อันเปน็ ส่วนหนึ่งของมหาสมทุ รแปซฟิ ิก อนั เป็นพรมแดนทางธรรมชาตอิ ย่างแท้จริง ในทางภูมริ ฐั ศาสตร์ ดา้ นทศิ ใต้ เป็นทะเลในดา้ นอา่ วไทย และมหาสมุทรอนิ เดยี จงึ มีสภาพพรมแดนทางธรรมชาติ เชน่ เดยี วกับด้านทิศ ตะวนั ออก ดว้ ยสภาพทางภมู ิศาสตร์ ดงั กล่าวมาแลว้ ทำให้ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉยี งใต้ ในส่วนทเ่ี ป็นผนื แผน่ ดนิ ใหญ่ อัน ประกอบด้วย พม่า ไทย ลาว เวยี ดนาม กมั พชู า และมาเลเซยี มีปราการทางธรรมชาติ ทเ่ี ก้ือกลู ต่อความปลอดภัยร่วมกัน ได้เป็นอยา่ งดี
๙๙ ขนาดของประเทศไทย จากหลกั ฐานของกรมแผนทท่ี หาร ประเทศไทยมพี น้ื ท่ี ประมาณ 511,937 ตารางกิโลเมตร ตัวเลขนีเ้ ปน็ ตวั เลขท่ีเป็นมาต้งั แตป่ ี พ.ศ.2483 จนถึงปัจจุบนั ในระหว่างกรณพี พิ าทอนิ โดจีน ประเทศไทยไดพ้ ้ืนทเ่ี ดมิ ที่เสียให้แก่ฝรงั่ เศส ในพ้นื ทีส่ ่จี ังหวดั ทางภาคตะวนั ออกของไทย คอื จังหวัดพระตะบอง (เขมร) เสยี มราฐ (เขมร) นครจำปาศักด์ิ (ลาว) ล้าน ช้าง (ลาว) เปน็ พ้ืนที่ประมาณ 69,029 ตารางกโิ ลเมตร และในสงครามมหาเอเชียบูรพา ประเทศไทยไดร้ บั ดินแดนคืน จากทีเ่ สียให้แก่องั กฤษ คอื สหรัฐไทยเดมิ เป็นพนื้ ทป่ี ระมาณ 39,855 ตารางกิโลเมตร และ 4 รัฐมาลยั คอื รัฐกลนั ตนั ตรงั กานู ไทรบุรี (เคดาร์) และปะลสิ เปน็ พื้นทีป่ ระมาณ 33,245 ตารางกโิ ลเมตร รปู ร่างของประเทศไทย ประเทศไทยมีความยาวที่สดุ จากเหนอื จดใต้ ประมาณ 1,833 กโิ ลเมตร มีความกว้างท่ีสดุ จากตะวันออก ไป ตะวนั ตกตามแนวเสน้ ร้งุ ทผี่ า่ นจังหวดั อุบล ฯ - อำเภอพิมาย จงั หวัดนครราชสีมาไปทางตะวันตก ประมาณ 850 กโิ ลเมตร สว่ นทแี่ คบที่สุดอยู่ทีต่ ำบลหว้ ยยาง จงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ์ มีความกว้าง ประมาณ 12 กโิ ลเมตร และตอนแคบ ท่สี ดุ ของแหลมมลายอู ยู่ทต่ี รงคอคอดกระ กว้างประมาณ 64 กโิ ลเมตร รูปร่างของประเทศไทยท่ีกลา่ วกันไวม้ อี ย่สู ามภาพ ดว้ ยกันคือ เปน็ รปู กระบวยตักน้ำ เปน็ รปู ขวานโบราณ และเป็นรปู หวั ช้างมงี วงทอดลงไปในทะเลใต้ สรปุ แลว้ ประเทศไทย มสี ว่ นยาวเป็นสองเทา่ ของส่วนกว้าง และครง่ึ หนึ่งของสว่ นยาวเป็นส่วนแคบ ๆ ทอดยาวลงไปทางใต้ เราอาจแบง่ รปู ร่าง ของประเทศไทยออกอย่างกวา้ ง ๆ เป็นสองสว่ นคือ ส่วนบน มรี ูปร่างค่อนข้างจะเปน็ รูปส่เี หลยี่ มทีม่ ีความเว้าแหวง่ อยูม่ าก หอ้ งภมู ปิ ระเทศทเ่ี กิดจากแนวเทือกเขาท่ีทอดตัว จากเหนอื ไปใต้ ทำให้เกดิ สว่ นแคบขน้ึ สองแนวคอื แนวจงั หวัดตาก - อุตรดิตถ์ และแนวอำเภอวัฒนานคร จงั หวดั สระแกว้ - อำเภอเชียงคาน จงั หวดั เลย สว่ นล่าง มีรูปร่างแคบและยาวมาก มีทะเลขนาบอยสู่ องด้าน พรมแดนไทยกับพม่า เริม่ ตน้ จากจังหวดั ระนอง ทลี่ ำน้ำกระ (เส้นรุ้ง 10 ลิบดา เหนอื ) เป็นแนวเสน้ เขตแดนต่อไปทางเหนอื ตามแนว สนั เขาตะนาวศรี สันเขาถนนธงชยั สนั เขาแดนลาว ไปจดแมน่ ้ำโขง ที่จุดเสน้ ร้งุ 25 องศา 5 ลบิ ดา เหนอื ท่ีก่งิ อำเภอเชียง แสน จงั หวดั เชียงราย แนวพรมแดนดา้ นน้ียาว ประมาณ 1,450 กิโลเมตร ไม่สู้คดโคง้ มากนกั สว่ นใหญเ่ ปน็ ทวิ เขาสงู ใหญ่ พรมแดนไทยกับลาว เร่มิ จากบา้ นใหม่ (เสน้ รุ้ง 20 องศา 15 ลิบดา เหนอื ) มีลำน้ำโขงเป็นแนวเสน้ เขตแดน แล้ววกเข้าหาทิวเขา หลวงพระบาง ลงมาทางใต้ แล้ววกไปหาแมน่ ำ้ โขงไปจนจดปากนำ้ มูล จงั หวดั อุบลราชธานี ชว่ งน้ยี าวประมาณ 1,200 กิโลเมตร พรมแดนไทยกับกัมพชู า เรม่ิ จากปากแมน่ ำ้ มลู แนวพรมแดนเปน็ สนั เขาพนมดงรัก ซงึ่ โค้งมาทางตะวนั ตก จนถงึ จังหวัดบรุ รี มั ย์ เป็น ระยะทาง ประมาณ 320 กโิ ลเมตร จากนนั้ แนวเส้นเขตแดนจะเปน็ ทีร่ าบจนจดทะเลทีอ่ า่ วไทย พรมแดนไทยกับมาเลเซยี เรมิ่ ท่ีลำนำ้ นราธิวาสทางอา่ วไทยไหลไปทางทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้เล็กน้อย แล้วใชส้ ันเขาสันกาลาครี ี เป็นแนว เขตแดนไปจนจดมหาสมทุ รอนิ เดีย ท่ีจังหวัดสตลู นอกจากนี้ไทยยังมพี รมแดนที่เป็นฝง่ั ทะเล คอื ด้านอ่าวไทย จากจังหวดั ตราด ถงึ นราธวิ าส มคี วามยาวประมาณ 1,870 กโิ ลเมตร และดา้ นมหาสมุทรอนิ เดีย จากจังหวดั ระนอง ถึงจงั หวดั สตูล ยาวประมาณ 740 กโิ ลเมตร
๑๐๐ ลักษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศของไทย แบ่งออกไดเ้ ปน็ 4 ลกั ษณะคือ ๑. พื้นทรี่ าบอันกวา้ งใหญ่ภาคกลาง แบ่งออกไดเ้ ป็นสองประเภท คือทรี่ าบดนิ ตะกอนและที่ราบซง่ึ เกือบไมม่ ดี ิน ตะกอนเลย ทรี่ าบใหญ่ภาคกลาง มีขนาดกว้าง ประมาณ 50-150 กโิ ลเมตร ยาวประมาณ 300 กิโลเมตร แบ่งออกได้ เป็น 2 ตอนดว้ ยกนั คือ ตอนบน เปน็ พืน้ ทรี่ าบ ซ่ึงมลี ักษณะเป็นลมุ่ แอง่ นอ้ ย ๆ ต้ังอยใู่ นระหวา่ งย่านภเู ขาทางเหนือ มที ิวเขาถนนธงชยั อยทู่ างด้าน ทิศตะวนั ตก และทิวเขาเพชรบูรณ์อยู่ทางดา้ นทศิ ตะวนั ออก พ้ืนท่ตี อนกลางระหว่างทวิ เขาทงั้ สองเป็นที่ลมุ่ มีระดบั สงู ประมาณ 3 - 4 เมตร จากระดบั น้ำทะเล แตท่ างตอนใต้บริเวณ จังหวดั ชัยนาท เปน็ ท่ีค่อนข้างดอน มีความสงู ประมาณ 18 เมตร จากระดบั น้ำทะเล ตอนล่าง เป็นพ้ืนที่ราบ ซงึ่ มีความลาดจาก จงั หวัดชยั นาทลงไปทางใต้ ลงสู่ทะเลท่ีอ่าวไทยพื้นทีต่ ่ำสุดอยู่ตอนกลาง ซ่ึงเปน็ รางของลำน้ำ พน้ื ทท่ี างด้านทศิ ตะวันออก และทิศตะวนั ตก จะมคี วามลาดลงมานอ้ ยๆ จากแนวทวิ เขา มีระดบั สงู 18 เมตร ทีช่ ยั นาท 4 เมตรท่อี ยธุ ยา และ 1.8 เมตรที่กรุงเทพฯ ทรี่ าบล่มุ แม่นำ้ ปา่ สกั เปน็ ท่ีราบแคบๆ ในภาคกลาง ค่ันอยรู่ ะหว่างท่ีราบใหญภ่ าคกลาง กับท่ีราบสูงภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทีร่ าบแคบๆ และยาวอยรู่ ะหว่างหุบเขาของทวิ เขาเพชรบูรณ์ กับทวิ เขาเลย ท่รี าบภาคตะวนั ออก เปน็ ทร่ี าบซึ่งคั่นระหวา่ งภาคกลางของไทยกับประเทศเขมร แบ่งออกได้เปน็ 2 สว่ นคอื ตอนบน คือทร่ี าบปราจนี บุรี เปน็ ทีร่ าบลมุ่ น้ำบางปะกง มีลกั ษณะเปน็ ชานของทรี่ าบสงู ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จงึ คอ่ นขา้ งจะเปน็ ท่ดี อนเล็กน้อย อยูร่ ะหวา่ งทิวเขาสันกำแพง ทิวเขาพนมดงรัก กับทวิ เขาบรรทดั ตอนแคบทสี่ ุดกว้าง ประมาณ 30 กโิ ลเมตร ที่ชอ่ งวัฒนา ตอนลา่ ง เปน็ ท่ีราบชายฝง่ั ทะเลตะวนั ออก เปน็ ท่ีราบแคบ ๆ อยู่ระหว่างทิวเขาบรรทัดกบั ฝงั่ ทะเล เปน็ ท่รี าบที่ลาดลงสู่ฝัง่ ทะเล ในเขตสี่จังหวัด คือ ชลบรุ ี จนั ทบรุ ี ระยอง และตราด ๒.ท่รี าบลมุ่ น้ำแมก่ ลองและแม่นำ้ เพชรบุรี เป็นท่ีราบทางตะวนั ตกเฉียงใต้ของภาคกลาง ทางดา้ นทิศตะวันตกมี ภูเขาตะนาวศรี ทางด้านทิศตะวันออก ตอนจังหวัดนครปฐมถงึ อำเภออ่ทู อง จงั หวัดสุพรรณบรุ ี เปน็ เนนิ กับระหว่างทรี่ าบ ใหญภ่ าคกลางกบั ทร่ี าบลุ่มแม่กลอง ที่ราบในย่านภูเขาภาคเหนอื ประกอบดว้ ยท่รี าบหลายผนื เปน็ ทรี่ าบระหว่างทิวเขา ทำใหม้ ีพน้ื ท่ไี มต่ ดิ ตอ่ ถงึ กนั ท่ีสำคญั ไดแ้ ก่ - ท่รี าบเชียงใหม่ มีความสงู ประมาณ 300 เมตร - ที่ราบเชยี งราย มคี วามสูงประมาณ 400 เมตร - ที่ราบแพร่ มีความสงู ประมาณ 200 เมตร - ทร่ี าบน่าน มคี วามสูงประมาณ 200 เมตร ๓.ทรี่ าบสงู ตะวันออกเฉยี งเหนือ มคี วามสูง ประมาณ 200 - 300 เมตร อยู่ในวงลอ้ มของทิวเขาเปน็ ทร่ี าบอัน กว้างใหญ่อกี ผืนหนึ่ง มพี น้ื ทป่ี ระมาณ 154,000 ตารางกโิ ลเมตร แบง่ ออกไดเ้ ป็นสองตอนคอื ตอนบน ได้แก่พนื้ ที่ราบลุม่ แม่น้ำโขง ตอนลา่ ง ไดแ้ ก่พ้นื ท่รี าบลมุ่ แม่น้ำมลู ๔.ทร่ี าบภาคใต้ ภาคใต้อยบู่ นแหลมแคบๆ ทมี่ ีความกว้างทสี่ ดุ ไมเ่ กนิ 200 กโิ ลเมตร และสว่ นทแ่ี คบทส่ี ดุ ประมาณ 60 กิโลเมตร ตอนกลางของแหลมเปน็ ทิวเขาโดยตลอด จงึ มที ่รี าบชายฝง่ั ทะเลผนื แคบๆ เป็นตอนๆ ไม่ตดิ ตอ่ กัน ท่สี ำคัญไดแ้ ก่ ท่ีราบบา้ นดอน ท่รี าบพทั ลงุ ที่ราบตานี นอกจากนี้กเ็ ปน็ ท่รี าบแคบๆ รมิ ฝ่ังทะเลด้านอา่ วไทย และด้านทะเล อนั ดามัน ภเู ขาและทิวเขา ลกั ษณะของทวิ เขาเกอื บจะขนานกัน ส่วนใหญม่ แี นวจากทิศเหนอื ลงใตแ้ บบเดียวกนั ทกุ ภาค ภเู ขาในประเทศไทยมีอยู่ไมห่ นาแน่นมากนกั ทม่ี ีทิศทางขวางกม็ ีอยู่บ้างแตไ่ ม่มากนกั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178