197 ขนาดรบั ประทาน รบั ประทานวนั ละ ๑ ครงั้ ก่อนอาหารเชา้ หรอื ก่อนนอน ครงั้ ละ ๑/๒ – ๑ ชอ้ นกาแฟ ละลายน้ําสกุ หรอื น้ําผง้ึ ปัน้ เป็นลกู กลอน คนเป็นไข้ หรอื สตรมี คี รรภ์ หา้ มรบั ประทาน ขนาดบรรจุ ๑๕ กรมั ๒๔. ยาบาํ รงุ โลหิต วตั ถสุ ่วนประกอบ โกฐจุฬาลมั พา เน้ือลูกสมอไทย เน้ือลูกสมอดงี ู เน้ือลูกสมอพิเภก เปลอื กชะลดู เปลอื กอบเชยเทศ จนั ทน์แดง แก่นแสมสาร แก่นแสมทะเล กฤษณา หนักสง่ิ ละ ๑ ส่วน ครงั่ หนกั ๘ สว่ น ฝาง ดอกคาํ ไทย หนกั สงิ่ ละ ๑๐ ส่วน วิธีทาํ บดเป็นผง สรรพคณุ บาํ รงุ โลหติ ขนาดรบั ประทาน รบั ประทานวนั ละ ๒ ครงั้ เชา้ – เยน็ ก่อนอาหาร ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นกาแฟ ละลายน้ําสกุ ขนาดบรรจุ ๓๐ กรมั ๒๕. ยาประสะเปราะใหญ่ วัตถสุ ่วนประกอบ โกฐสอ โกฐเขมา โกฐหัวบัว โกฐเชียง โกฐจุฬาลัมพา เทียนดํา เทยี นแดง เทยี นขาว เทยี นขา้ วเปลอื ก เทยี นตาตกั๊ แตน ลูกจนั ทน์ ดอกจนั ทน์ ลกู กระวาน กานพลู จนั ทน์เทศ จนั ทน์แดง ดอกบนุ นาค ดอกสารภี ดอกพกิ ุล เกสรบวั หลวง หนกั สงิ่ ละ ๑ ส่วน เปราะหอม หนกั ๒๐ สว่ น วิธีทาํ บดเป็นผง สรรพคณุ ถอนพษิ ไขต้ านทราง สาํ หรบั เดก็ ละลายน้ําดอกไมเ้ ทศหรอื น้ําสุก รบั ประทาน หรอื ผสมน้ําสุราสุมกระหมอ่ ม ขนาดรบั ประทาน รบั ประทาน วนั ละ ๓ ครงั้ ขนาดบรรจุ ครงั้ ละ ๑/๒ – ๑ ชอ้ นชา ๑๕ กรมั ๒๖. ยามหาจกั รใหญ่ วตั ถสุ ่วนประกอบ โกฐสอ โกฐเขมา โกฐพุงปลา โกฐก้านพร้าว โกฐกระดูก เทยี นดํา เทยี นแดง เทยี นขาว เทยี นข้าวเปลอื ก เทยี นเยาวพาณี สมอไทย (เอาแต่เน้ือ) สมอพเิ ภก (เอาแต่ เน้ือ) มะขามป้อม (เอาแต่เน้ือ) ลูกจนั ทน์ ดอกจนั ทน์ ลูกกระวาน กานพลู ชะเอมเทศ เมลด็ โหระพา ลูกผกั ชีลา สารส้ม ดนิ ประสวิ ขมน้ิ อ้อย หวั กระเทยี ม หนักสงิ่ ละ ๑ ส่วน ยาดําสะตุ หนัก ๔ ส่วน ใบกระพงั โหม หนกั ๓๐ ส่วน วิธีทาํ บดเป็นผง ทาํ เป็นเมด็ หนกั เมด็ ละ ๐.๕ กรมั สรรพคณุ แกล้ มทราง แกอ้ าการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ ขนาดรบั ประทาน เดก็ อายตุ ่าํ กวา่ ๕ ขวบ รบั ประทานครงั้ ละ ๑–๓ เมด็ เพมิ่ และ
ขนาดบรรจุ 198 ลดไดต้ ามสว่ น ๑๐ เมด็ ๒๗. ยาเนาวหอย วตั ถสุ ่วนประกอบ กระดูกเสอื เผา กระดกู โคเผา กระดูกแพะเผา กระดูกงูเหลอื มเผาหนัก สงิ่ ละ ๑ ส่วน เปลอื กหอยขมเผา เปลอื กหอยแครงเผา เปลอื กหอยตาววั เผา เปลอื กหอยพมิ พการงั เผา เปลอื กหอยนางรมเผา เปลอื กหอยกาบเผา เปลอื กหอยจุ๊บแจงเผา เปลอื กหอยมุกเผา เปลอื ก หอยสงั ขเ์ ผา หนกั สง่ิ ละ ๒ ส่วน รากทนดี (ตองแตก) หนัก ๓ ส่วน รากเจตมลู เพลงิ แดง หสั คุณเทศ หนกั สง่ิ ละ ๔ ส่วน พรกิ ไทยล่อนหนกั ๓๒ สว่ น วิธีทาํ บดเป็นผง สรรพคณุ แกก้ ระษยั จกุ เสยี ด ขนาดรบั ประทาน รบั ประทานวนั ละ ๒ ครงั้ ก่อนอาหาร เชา้ - เยน็ ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นกาแฟ ผสมน้ําผง้ึ ปัน้ เป็นลกู กลอน ขนาดบรรจุ ๑๕ กรมั ๒๘. ยาถ่าย วตั ถสุ ่วนประกอบ ใบมะกา ใบมะขาม ใบสม้ ป่อย หญ้าไทร ใบไผ่ป่า ฝักคณู รากขก้ี าแดง รากขก้ี าขาว รากตองแตก เถาวลั ยเ์ ปรยี ง หวั หอม ฝักส้มป่อย สมอไทย สมอดงี ู หนักสง่ิ ละ ๑ ส่วน ขเ้ี หลก็ ทงั้ ๕ หนกั ๑ สว่ น ยาดาํ หนกั ๔ สว่ น ดเี กลอื ฝรงั่ หนกั ๒๐ ส่วน วิธีทาํ บดเป็นผง ทาํ เป็นเมด็ หนกั เมด็ ละ ๐.๕ กรมั สรรพคณุ แกท้ อ้ งผกู ขนาดรบั ประทาน รบั ประทาน วนั ละ ๑ ครงั้ ก่อนนอน ครงั้ ละ ๒ – ๕ เมด็ ตามธาตุหนกั ธาตุเบา ขนาดบรรจุ ๑๐ เมด็ ข้อ ๓ ยาสามัญประจําบ้าน ท่ีได้ข้นึ ทะเบียนตํารายาไว้ก่อนประกาศฉบับน้ีใช้บังคับ ยงั คงเป็นยาสามญั ประจําบ้านต่อไปได้ ภายในกําหนดหน่ึงร้อยแปดสบิ วนั นับแต่ประกาศฉบบั น้ี มผี ลใชบ้ งั คบั ขอ้ ๔ ให้ผู้รบั อนุญาตผลติ นําหรอื สงั่ ยาเข้ามาในราชอาณาจกั ร ซ่งึ ยาแผนโบราณท่มี ี ตํารบั ยาตามประกาศฉบบั น้ีและได้ข้นึ ทะเบยี นตํารบั ยาไว้ก่อนท่ีประกาศฉบับน้ีมผี ลใช้บังคับท่ี ประสงค์จะให้ตํารบั ยานัน้ เป็นยาสามญั ประจาํ บ้านโดยไม่ต้องขอข้นึ ทะเบยี นตํารายาใหม่ ขอแก้ไข รายการทะเบยี นตํารบั ยาภายในกําหนดหน่งึ รอ้ ยแปดสบิ วนั นบั แต่ประกาศฉบบั น้ี มผี ลใชบ้ งั คบั ขอ้ ๕ ประกาศฉบบั น้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ตงั้ แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เป็นตน้ ไป
199 ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๙ สงิ หาคม พ.ศ.๒๕๓๗ ลงนาม อาทติ ย์ อไุ รรตั น์ (นายอาทติ ย์ อุไรรตั น์) รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสุข (คดั จากราชกิจจานุเบกษา ฉบบั ประกาศทวั่ ไป เล่ม ๑๑๑ ตอนพิเศษ ๔๒ ง วนั ท่ี ๓ ตลุ าคม ๒๕๓๗)
แผนภมู ิ ๕ ยาสามญั ประจาํ บา้ น ๒๘ ขนาน (แบ่งตาม ยาสามญั ป แกล้ ม,บาํ รงุ หวั ใจ ระบายพษิ ไข,้ ขบั ลม,บาํ รุงธาตุ แก แกไ้ ข้ ๑. ยาหอมเทพวจิ ติ ร ๑. ยามหานลิ แท่งทอง ๑. ยาประสะกระเพรา ๑. ๒. ยาหอมทพิ โอสถ ๒. ยาเขยี วหอม ๒. ยาหอมอนิ ทจกั ร์ ๒. ๓. ยาหอมเนาวโกฐ ๓. ยาจนั ทลลี า ๓. ยาวสิ มั พยาใหญ่ ๔. ยาตรหี อม ๔. ยาธาตบุ รรจบ ๕. ยาประสะจนั ทน์แดง ๕. ยาประสะกานพลู ๖. ยากวาดแสงหมกึ ๖. ยามนั ทธาตุ ๗. ยาประสะเปราะใหญ่ ๗. ยาประสะเจตพงั คี ๘. ยามหาจกั รใหญ่ ๙. ยาเนาวหอม
200 มกล่มุ อาการ) ประจาํ บา้ น ๒๘ ขนาน กไ้ อ,ขบั เสมหะ ถ่าย, บาํ รุงเลอื ด ทอ้ งเสยี . ยาอมั ฤควาที กระษยั ปวดเม่อื ย ขบั น้ําคาวปลา ๑. ยาเหลอื งปิดสมทุ ร . ยาประสะมะแวง้ ๑. ยาธรณสี ณั ทะฆาต โลหิ ตระดสู ตรี ๒. ยาถ่าย ๑. ยาประสะไพล ๒. ยาไฟประลยั กลั ป์ ๓. ยาไฟหา้ กอง ๔. ยาบาํ รงุ โลหติ
แผนภมู ิที่ ๖ แผนภมู ิสรปุ ความสมั พนั ธข์ องเนื้อหาวิชาเภสชั ก สรปุ ห รจู้ กั ยาส แบง่ ออกเป็น เภสชั วตั ถุ สรรพคุณเภสชั รจู้ กั ตวั ยาสาํ หรบั แกโ้ รคแกไ้ ข้ รจู้ กั สรรพคุณยาแกโ้ รคแกไ้ ข แบง่ ได้ ๓ ประเภท ตอ้ งทราบรสยากอ่ นจงึ จะทราบ สรรพคุณยา รสยาแบง่ ไดเ้ ป็น ๑. พชื วตั ถุ ๒. สตั วว์ ตั ถุ ๓. ธาตุวตั ถุ ๑.ยารสประธาน ๓ รส ๒. รสของตวั ยา ๙ มี ๕ จาํ นวน มี ๓ จาํ พวก มี ๒ จาํ พวก รสยาสาํ เรจ็ รปู รสของตวั ยา ๑. พชื จาํ พวกตน้ ๑.สตั วบ์ ก ๑. ธาตุสลายตวั ไดง้ า่ ย ๑. รสรอ้ นแกท้ างวาโยธาตุ ๑. รสฝาด ๒. พชื จาํ พวกเถา-เครอื ๒.สตั วน์ ้ํา ๒. ธาตสุ ลายตวั ไดย้ าก ๒. รสเยน็ แกท้ างเตโชธาตุ ๒. รสหวาน ซมึ ซาบผวิ เ ๓. พชื จาํ พวกหวั -เหงา้ ๓.สตั วอ์ ากาศ ๓. รสเมา เบ่อื แกพ้ ษิ ๔. พชื จาํ พวกผกั ๓. รสสขุ มุ แกท้ างอาโปธาตุ ๔. รสขม บาํ รงุ โลหติ และ ๕. พชื จาํ พวกหญ้า ๕. รสเผด็ รอ้ น แกล้ ม ๖. รสมนั ชอบเสน้ เอน็ ๗. รสหอมเยน็ บาํ รงุ หวั ๘. รสเคม็ ซาบตามผวิ ห ๙. รสเปรย้ี ว กดั เสมหะฟ โลหติ * ควรเพมิ่ รสจดื อกี ๑ รส แกท้ างเตโชธาตุ ขบั ปัสส
201 กรรมแผนโบราณ เภสชั กรรม รจู้ กั การปรุงยาทผ่ี มใช้ หลกั วชิ าเภสชั * สาํ หรบั แกโ้ รคแกไ้ ข้ มี ๒๘ วธิ ี นหลกั ใหญ่ ๔ ประการ คณาเภสชั รจู้ กั พกิ ดั ยา แบง่ ได้ ๓ ประเภท รส ๑. จุลพกิ ดั ๒. พกิ ดั ยา ๓. มหาพกิ ดั ปรงุ ตามวธิ ที างโบราณ ประกาศกระทรวง มี ๒๓ – ๒๔ วธิ ี สาธารณสุข เพม่ิ เตมิ ๔ วธิ ี ๑. ต่างกนั ทร่ี ส ๑. พกิ ดั ยา ๒ สง่ิ ๑. มหาพกิ ดั ๓ สง่ิ (เพ่อื สะดวกในการศกึ ษา แบง่ ออกเป็น ๔ ประเภท) เน้ือ ๒. ต่างกนั ทถ่ี นิ่ เกดิ ๒. พกิ ดั ยา ๓ สงิ่ ๒. มหาพกิ ดั ๕ สง่ิ ๑. ประเภททเ่ี ป็นยาน้ํา มี ๑๑ วธิ ี ๒. ประเภททเ่ี ป็นยาผง มี ๗ วธิ ี ๓. ต่างกนั ทข่ี นาด ๓. พกิ ดั ยา ๔ สงิ่ ๓. มหาพกิ ดั ทวั่ ไป ๓. ประเภทเ่ี ป็นยาเมด็ มี ๖ วธิ ี ะดี ๔. ตา่ งกนั ทส่ี ี ๔. พกิ ดั ยา ๕ สง่ิ ๔. ประเภททเ่ี ป็นยาสดู ดมและไอรม มี ๔ วธิ ี ๕. ต่างกนั ทช่ี นดิ ๕. พกิ ดั ยา ๗ สงิ่ ๖. พกิ ดั ยา ๙ สง่ิ วใจ ๗. พกิ ดั ยา ๑๐ สง่ิ หนงั ๘. พกิ ดั พเิ ศษ ฟอก ส สาวะ
202 บรรณานุกรม โรงเรยี นแพทยแ์ ผนโบราณ วดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม ราชวรมหาวหิ าร. ตาํ ราประมวล หลกั เภสชั . กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พศ์ รไี ทย , ๒๕๒๘. ประเสรฐิ พราหมณี และคณะ, สมาคมแพทยแ์ ผนโบราณวดั มหาธาตุ กรงุ เทพฯ. ตาํ ราเภสชั กรรมไทยแผนโบราณ. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณ์ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๑. ฝ่ายธรรมชาตบิ ําบดั สาํ นกั งานสาธารณสุขจงั หวดั ปราจนี บุรี , ศนู ยป์ ระสานงานการแพทยแ์ ผนไทย ภาคกลาง และสถาบนั การแพทยแ์ ผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ . ค่มู ือเภสชั กรรมแผนโบราณ. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พอ์ งคก์ ารสงเคราะหท์ หารผ่านศกึ , ๒๕๓๗. แผนกเภสชั กรรม มลู นิธฟิ ้ืนฟูส่งเสรมิ การแพทยไ์ ทยเดนิ ฯ อายรุ เวทวทิ ยาลยั , ค่มู ือการฝึ ก ปฏิบตั ิการเภสชั กรรมแผนเดิม หลกั สตู รแพทยแ์ ผนโบราณแบบประยกุ ต์ . ม.ป.ท. , ม.ป.ป. , (อดั สาํ เนา) พษิ ณุประสาทเวช, พระเยา .เวชศึกษาแพทยศ์ าสตรส์ งั เขป เล่ม ๑. พระนคร: โรงพมิ พไ์ ทย, ๒๔๕๑. พษิ ณุประสาทเวช, พระเยา .เวชศึกษาแพทยศ์ าสตรส์ งั เขป เล่ม ๒. พระนคร: โรงพมิ พพ์ ฤฒมิ าศ, ๒๔๕๖. พษิ ณุประสาทเวช, พระเยา .เวชศึกษาแพทยศ์ าสตรส์ งั เขป เล่ม ๓. พระนคร: โรงพมิ พส์ ามคั คี , ม.ป.ท. พษิ ณุประสาทเวช, พระเยา .แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๑. พระนคร: โรงพมิ พไ์ ทย, ๒๔๕0. พษิ ณุประสาทเวช, พระเยา .แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๒. พระนคร: โรงพมิ พศ์ ุภการจาํ เรญิ ,
203 ๒๔๕0. ภาคผนวก ก.
204 การสบั ยา การสบั ยา คอื การนําสมุนไพรสดหรอื แหง้ ในส่วนต่างๆ เช่น แก่น,เปลอื ก,ราก,ลกู .ใบ,ดอก มาทาํ ใหม้ ขี นานเลก็ ลงโดยการใชม้ ดี ลลั บั ใหเ้ ป็นชน้ิ เลก็ ๆ ตามทต่ี อ้ งการใชใ้ นการปรงุ ยา อปุ กรณ์การสบั ยา - มดี - เขยี ง - ถาด (ใบใหญ่) - กระสอบป่าน - ผา้ ขนหนู - ยาสมนุ ไพร ขนั้ ตอนในการสบั ยา ๑. ปกู ระสอบป่านบนโต๊ะยา ๒. วางถาด (ใบใหญ่) บนกระสอบป่าน ๓. วางเขยี งในถาด (ใบใหญ่) โดยใชผ้ า้ นหนูพบั รองเขยี งกบั ถาด (ใบใหญ่) เพอ่ื ป้องกนั มใิ ห้ เกดิ เสยี งมากเวลาสบั ยา ๔. วางยาสมุนไพรบนเขียง ใช้มีดสับยาออกเป็ นช้ินแล็กๆ ตามขนาดท่ีต้องการและ ความเหมาะสม (ในขณะสบั ยาไมค่ วรใหย้ ากระเดน็ ออกนอกถาด) ขนั้ ตอนการเกบ็ ยาที่สบั เสรจ็ แล้ว ๑. ใหน้ ํายาทไ่ี ดใ้ ส่ในลน้ิ ชกั ยาตามชอ่ื ยานนั้ ๆ ๒. ใหน้ ํายาทไ่ี ดใ้ สใ่ นป๊ีบยาสาํ รอง เขยี นช่อื ยาตดิ ไวแ้ ลว้ เกบ็ ใหเ้ รยี บรอ้ ยเป็นหมวดหมู่ การเกบ็ รกั ษาอปุ กรณ์การสบั ยา ๑. ลา้ งทาํ ความสะอาดอุปกรณ์การสบั ยา ๒. เกบ็ อุปกรณ์ของใชเ้ ชา้ ท่ี
205 การอบยา ขนั้ ตอนการอบยาท่ีปรงุ เป็นตาํ รบั ๑. นํายาทป่ี รงุ เป็นตวั ตํารบั ไวแ้ ลว้ ใส่ในถาดสแตนเลสใบใหญ่ในปรมิ าณทเ่ี หมาะสมกบั ถาดทจ่ี ะอบ ๒. เขยี นช่อื ยา,น้ําหนักยา,วนั /เดอื น/ปี “ท่เี ตรยี มปรุงยา”, จํานวนถาดยา (ถาดท่ี ๑, ถาดท่ี ๒......) ของตาํ รบั ยานนั้ ตดิ ไวข้ า้ งถาดยาดว้ ยเทปใส ๓. นํายาแต่ละถาด เรยี งจาํ นวนถาดยา (ถาดท่ี ๑, ถาดท่ี ๒......) ของยาแต่ละตํารบั เขา้ ตู้อบ (ยกเวน้ ) พวกสารทร่ี ะเหยได้ เชน่ เมนทอล พมิ เสน และพวกยางไม)้ ๔. อบยาทอ่ี ุณหภมู ิ ๕๐ – ๕๕ องศาเซลเซยี ส เป็นเวลาประมาณ ๔ – ๖ ชวั่ โมง (เพ่อื ใหย้ าก รอบเปราะและบดไดง้ า่ ยขน้ึ ) ๕. บนั ทกึ “รายชอ่ื ยาขนานต่าง ๆ ทเ่ี ขา้ อบในตยู้ า” ตดิ ไวท้ ต่ี อู้ บยาดว้ ยเทปใส ดงั น้ี รายชื่อยาขนานต่าง ๆ ที่เข้าอบในต้อู บ วนั เดอื นปี จาํ นวน ช่อื ยา น้ําหนกั ยา น้ําหนกั ยา ช่อื ผนู้ ํายา วนั เดอื นปี ชอ่ื ผนู้ ํายา วนั เดอื นปีท่ี (ทป่ี รุงยา) (ถาด) กอ่ นอบ หลงั อบ เขา้ ตูอ้ บ ทอ่ี บยา ไปบด นํายาไปบด
206 การบดยา ขนั้ ตอนการบดยา (ด้วยเครื่องบดยา เคร่ืองท่ี ๑) ๑. นํายาทอ่ี บแลว้ ใสเ่ ครอ่ื งบดยาเครอ่ื งท่ี ๑ จาํ นวน ๒ ถาด ๒. บดยาครงั้ ท่ี ๑ เรมิ่ เปิดเครอ่ื งบดยา นาน ๑/๒ ชวั่ โมง ๓. นํายาทเ่ี หลอื ถาดท่ี ๓,๔ ....... ทยอยใสเ่ ครอ่ื งบดยา จนครบตามตาํ รบั ยานนั้ ๔. บดยานาน ครงั้ ละ ๓ ชวั่ โมง ๕. เขยี นช่อื ยา, น้ําหนกั ยา, เวลาทเ่ี รมิ่ บดยา, เวลาทบ่ี ดยาเสรจ็ , วนั /เดอื น/ปี, ชอ่ื ผบู้ ดยาปิด ไวบ้ นฝาเครอ่ื งบดยาเครอ่ื งท่ี ๑ ๖. เมอ่ื บดยาเสรจ็ แลว้ ตกั ยาออกจากเครอ่ื งบดยาใส่ไวใ้ นกะละมงั เพ่อื เตรยี มรอ่ น ขนั้ ตอนการบดยา (ด้วยเครอ่ื งบดยา เคร่อื งท่ี ๒) ๑. นํายาทอ่ี บแลว้ ใสเ่ ครอ่ื งบดยาเครอ่ื งท่ี ๒ จาํ นวน ๒ ถาด ๒. บดยาครงั้ ท่ี ๒ เรมิ่ เปิดฝาเครอ่ื งบดยาใชเ้ กยี ร์ ๒ นาน ๑ ชวั่ โมง ๓. นํายาทเ่ี หลอื ถาดท่ี ๓,๔ ..... ทยอยใสเ่ ครอ่ื งบดยาจนครบตาํ รบั นนั้ บดต่อไปอกี ๑/๒ ชวั่ โมง แลว้ เปลย่ี นเป็นเกยี ร์ ๓ ๔. บดยานาครงั้ ละ ๓ ชวั่ โมง ๕. เขยี นช่อื ยา, น้ําหนกั ยา, เวลาทเ่ี รมิ่ บดยา, เวลาทบ่ี ดยาเสรจ็ , วนั /เดอื น/ปี, ช่อื ผบู้ ดยาปิด ไวบ้ นฝาเครอ่ื งบดยาเครอ่ื งท่ี ๒ ๖. การบดครงั้ ท่ี ๒ (กากยา) เรมิ่ เปิดเครอ่ื งบดยาใชเ้ กยี ร์ ๓) ติดบนเคร่ืองบดยา ช่อื ยา............................................................ น้ําหนกั ..................กรมั เรม่ิ บดเวลา...................................................น. วนั ท.่ี .............................................................. ลงชอ่ื ......................................................ผบู้ ดยา
207 แบบฟอรม์ บญั ชีบด – ร่อนยาประจาํ วนั ชื่อยา............................................................น้ําหนัก.........................กรมั วนั เดอื นปี บด น้ําหนกั ยา น้ําหนกั เน้ือยา น้ําหนกั กากยา ผบู้ ด ผคู้ วบคมุ หมาย ครงั้ ท่ี ทบ่ี ด (กรมั ) (กรมั ) เหตุ (กรมั ) นํ้าหนักสทุ ธิ กรมั บดเสรจ็ วนั ท.่ี ..............เดอื น...................................พ.ศ.................. ขนั้ ตอนการดแู ลรกั ษาเคร่ืองบดยา ๑. ใชผ้ า้ ชบุ น้ําเชด็ ทาํ ความสะอาดเครอ่ื งบดยา และใชผ้ า้ แหง้ เชด็ อกี ครงั้ ใหเ้ ครอ่ื งบดยาแหง้ สนิท (อาจจะใชพ้ ดั ลมเป่าใหแ้ หง้ ) ๒. ปิดฝาเครอ่ื งบดยา
208 การร่อนยา การรอ่ นยา คอื การนํายาทบ่ี ดละเอยี ดแลว้ มารอ่ นผ่านตะแกรง (หรอื แรง่ ) ใหไ้ ดผ้ งยาท่ี ละเอยี ดมากขน้ึ ตามความตอ้ งการ ตระแกรงหรอื แรง่ ทใ่ี ชร้ อ่ นยา มี ๓ ขนาด คอื ๑. ขนาดเบอร์ ๑๐๐ ละเอยี ดมาก ๒. ขนาดเบอร์ ๘๐ ละเอยี ดปานกลาง ๓. ขนาดเบอร์ ๖๐ ละเอยี ดน้อย (ขนาดทใ่ี ชป้ ระจาํ ในการรอ่ นยา คอื เบอร์ ๑๐๐ และเบอร์ ๘๐) การร่อนยา ๑. นํายาทบ่ี ดเสรจ็ แลว้ รอ่ นผ่านตะแกรงตามขนาดเบอรท์ ต่ี อ้ งการ (เบอร์ ๑๐๐ หรอื เบอร์ ๘๐) ๒. ชงั่ เน้ือยาทร่ี อ่ นเสรจ็ แลว้ ใสก่ ะละมงั เขยี นชอ่ื ยา น้ําหนกั เน้อื ยา วนั /เดอื น/ปี ช่อื ผรู้ อ่ นยา ใส่กะละมงั ปิดฝามดิ ชดิ ๓. ชงั่ กากยาใส่ ถุงพลาสตกิ (ซอ้ น ๒ ถุง) เขยี นช่อื ยา, น้ําหนกั กากยา, วนั /เดอื น/ปี, ช่อื ผรู้ อ่ นยาใสไ่ วใ้ นถุงกากยา ผไู้ วใ้ หแ้ น่น ๔. เมอ่ื รอ่ นยาครงั้ ต่อๆ ไป (ครงั้ ท่ี ๒, ๓, ๔......) ใหเ้ อาน้ําหนกั เน้อื ยาทร่ี อ่ นไดใ้ นแต่ละครงั้ ของยาขนานนนั้ ๆ มาใส่รวมในภาชนะเดยี วกนั โดยเขยี นช่อื ยา, น้ําหนกั เชอ้ื ยา, วยั /เดอื น/ปี, ช่อื ผรู้ อ่ นยาในแต่ละครงั้ ใส่ไวใ้ นภาชนะเน้อื ยาขนานนนั้ ปิดฝาใหม้ ดิ ชดิ ๕. ยารอ่ นเสรจ็ แลว้ ในขนานหน่งึ ๆ คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั ดี ก่อนนําใส่ภาชนะทส่ี ะอาดเขยี นช่อื ยา (เบอรย์ า) วนั /เดอื น/ปี ทผ่ี ลติ ยาเสรจ็ ปิดไวข้ า้ งๆภาชนะ นนั้ ๆ ๖. บนั ทกึ บนั ชกี ารบดรอ่ นยา ในแต่ละขนานทุกครงั้ ลงในแบบฟอรม์ บญั ชกี ารบดรอ่ นยาประจาํ วนั การดแู ลรกั ษาเคร่ืองบดยา ๑. ใชผ้ า้ ชบุ น้ําเชด็ ทาํ ความสะอาดเครอ่ื งรอ่ นยา และใชผ้ า้ แหง้ เชด็ อกี ครงั้ ใหเ้ ครอ่ื งรอ่ นยา แหก (อาจจะใชพ้ ดั ลมเป่าแหง้ ) ๒. ปิดผาเครอ่ื งรอ่ นยา การเกบ็ รกั ษาตระแกรงหรือแร่ง ๑. ใชแ้ ปรงปัดทําความสะอาดผงยา ทต่ี ดิ อยทู่ ต่ี ะแกรง และขอบตระแกรงรอ่ นยา ๒. ใชผ้ า้ ชบุ น้ําเชด็ ทต่ี ะแกรง และขอบตะแกรงรอ่ นยา และใชผ้ า้ แหง้ เชด็ อกี ครงั้ ใหต้ ะแกรง รอ่ นยาแหง้ (อาจจะใชพ้ ดั ลมเป่าใหแ้ หง้ ) ๓. ใชช้ อ้ นสแตนเลส (หน้าตดั รปู สเ่ี หลย่ี ม) ขดู ตะแกรงรอ่ นยาเบาๆ เพอ่ื ใหเ้ สย้ี นยาทต่ี ดิ ตะแกรงหลุดออก หรอื ใชแ้ หนมถอดเสย้ี นยาทต่ี ดิ ตะแกรงรอ่ นยาออกใหห้ มด ๔. เกบ็ ตะแกรงรอ่ นยาไวใ้ นตู้ ข้อควรระวงั : หา้ มนําตะแกรงรอ่ นยาลา้ งน้ํา เพราะทาํ ใหต้ ะแกรงชาํ รดุ และอายกุ ารใชง้ านสนั้ ลง
209 ๑. ยาตากแหง้ วิธีการปรงุ ยาตามหลกั การปรงุ ยาแผนโบราณ ๒. ยาตากแหง้ ๓. ยาสด, แหง้ มี ๒๘ วิธี คือ ๔. ยาตากแหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นผงละเอยี ด ปัน้ เป็นลูกกลอน ๕. ยาสอ,แหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นผงละเอยี ด ปัน้ เมด็ หรอื ใชย้ าผง ๖. ยาตากแหง้ ปรงุ แลว้ ตม้ พอเดอื ด หรอื เคย่ี วรนิ น้ํากนิ ๗. ยาตากแหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นผงหยาบ แช่น้ํา หรอื ดองสุรากนิ แต่น้ํา ๘. ยาสด,แหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นผงหยาบ กดั ดว้ ยหวั เหลา้ และหยดลงในน้ําเตมิ น้ํากนิ ๙. ยาสด,แหง้ ปรงุ แลว้ เผาเป็นถ่าน ทําน้ําดา่ ง รนิ แต่น้ํากนิ ๑๐.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ สุม เผาหรอื ควั่ ไฟ บดเป็นผงละเอยี ด ปัน้ เมด็ หรอื ใชย้ าผง ๑๑.ยาตากแหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นผงหยาบ บรรจภุ าชนะเอาไวด้ ม ๑๒.ยาตากแหง้ ปรงุ แลว้ กลนั่ เอาไอ (น้ําเหงอ่ื ) เชน่ กลนั่ สุรา เอาน้ําเหงอ่ื กนิ ๑๓.ยาสด,แหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นผงละเอยี ดมาก ใชเ้ ป่าจมกู และคอ เช่น ยานตั ถุ์ ๑๔.ยาสด,แหง้ ปรงุ แลว้ มวนเป็นบุหรส่ี บู หรอื สดู เอาควนั ๑๕.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นผงหยาบ เผาไฟหรอื โยนบนถ่านไฟ ใชค้ วนั รม ๑๖.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ บดเป็นหงหยาบ หงุ ดว้ ยน้ํามนั เป็นยาน้ํามนั ๑๗.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ ตม้ ใชน้ ้ํายาอมบว้ นปาก ๑๘.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ ตม้ ใชน้ ้ําอาบ ๑๙.ยาสด,แหง้ ปรงุ แลว้ ตม้ ใชน้ ้ําแช่ ๒๐.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ ตมั ใชน้ ้ําชะ ๒๑.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ ตม้ ใชไ้ อรม ๒๒.ยาสด,แหง้ ปรงุ แลว้ ตาํ ใชเ้ ป็นยาสุมหรอื พอก ๒๓.ยาสด, แหง้ ปรงุ แลว้ ใชเ้ ป็นยาทา ๒๔.ยาผสมแลว้ ปรงุ แลว้ ทาํ เป็นลกู ประคบ ๒๕.ยาผสมแลว้ ปรงุ แลว้ ใชเ้ หน็บทวารหนกั ๒๖.ยาผสมแลว้ ปรงุ แลว้ ใชส้ วนทวารหนกั ๒๗.ยาผสมแลว้ ใชเ้ ป็นยาพอก ๒๘.ยาผสมแลว้ ทาํ เป็นยากวน หรอื ยาขผ้ี ง้ึ ปิดแผล ทาํ เป็นยาแคปซลู ทาํ เป็นยาตอกเมด็ ทาํ เป็นยาเคลอื บเมด็
210 ยาลกู กลอน ยาลูกกลอนเป็นรูปแบบหน่ึงของยาสมุนไพร มรี ูปร่างกลม ทําจากผงยาชนิดเดียวหรือ หลายชนิด ผสมสารทท่ี าํ ใหผ้ งเกาะตวั เชน่ น้ํา น้ําแป้ง น้ําผง้ึ เป็นตน้ ยาลูกกลอนอบน้ําผ้ึง เป็นยาลูกกลอนท่ีทําจากผงยาและน้ําผ้ึงผสมกัน มีลักษณะกลม มนี ้ําอยนู่ ้อยการแตกตวั ชา้ ออกฤทธไิ ์ ดน้ านน้ําผง้ึ ใชผ้ สมช่วยปรบั รสและช่วยบํารุงรา่ งกาย มกั ใชเ้ ป็น ยารกั ษาโรคเรอ้ื รงั และโรคทต่ี อ้ งทาํ การบาํ รงุ ดว้ ย แต่มขี อ้ เสยี ทย่ี าลูกกลอนน้ําผง้ึ ใชน้ ้ําผง้ึ จาํ นวนมาก ทาํ ใหต้ น้ ทนุ สงู วิธีการเตรยี มยาลูกกลอนน้ําผงึ้ มกี รรมวธิ แี ละเทคนิคทจ่ี ะทาํ ใหย้ าลกู กลอนเป็นเมด็ สวยได้ แบง่ ออกเป็นขนั้ ตอน ๓ขนั้ ตอน ดงั น้ี ๑. ขนั้ ตอนการเคย่ี วน้ําผง้ึ ขนั้ ตอนน้ีนบั เป็นขนั้ ตอนทส่ี ําคญั มาก การเคย่ี วน้ําผง้ึ มปี ระโยชน์ ทช่ี ่วยฆ่าเช้อื โรค และไล่น้ําท่อี ย่ใู นน้ําผง้ึ ทาํ ให้ลูกกลอนไม่ขน้ึ ยา ยาทป่ี ั้นเมด็ จะเกบ็ ไดน้ าน หรอื เกบ็ ไดไ้ มน่ านขน้ึ อยกู่ บั ขนั้ ตอนน้ี ในการเคย่ี วน้ําผง้ึ ตอ้ งใชภ้ าชนะทแ่ี หง้ สนทิ มวี ธิ ที าํ มาแลว้ มวี ธิ ที าํ ดงั น้ี ๑.๑ เทน้ําผง้ึ ใสห่ มอ้ ขนาดใหญ่ทเ่ี ตรยี มไวโ้ ดยทวั่ ไปอตั ราส่วนระหว่างผง้ึ ตอยาผงท่ี ใช้ผสมเป็น ๑ ต่อ หน่ึง (โดยน้ําหนัก) แต่อัตราส่วนน้ีมอี ตั ราการใช้น้ําผ้ึงมากหรอื น้อยข้นึ อยู่กับ ลกั ษณะ ของผงยา เช่น ยางผมทม่ี สี ่วนผสมของยาดํา มหาหงิ คุ์ ยาพวกน้ี ต้องใชน้ ้ําผง้ึ ในการ ผสม น้อย มพี วกแก่นไม้ รากไม้ พวกเกสรดอกไม้ พวกน้ตี อ้ งใชน้ ้ําผง้ึ มาก ๑.๒ นําหมอ้ ทใ่ี ส่น้ําผง้ึ ขน้ึ ตงั้ ไฟ ช่วงแรกใชไ้ ฟแรง คนใหเ้ ขา้ กนั และเคย่ี วจนน้ําผ้งึ เหนยี วไดท้ โ่ี ดยดจู ากลกั ษณะดงั น้ี คอื ๑.๑.๒ ตอนแรกทน่ี ้ําผง้ึ เดอื ดฟองจะใหญ่และผุดสูง เม่อื เค่ยี วไดท้ ่ฟี องจะ ยบุ และมขี นาดเลก็ ละเอยี ด ชว่ งเคย่ี วตงั้ แต่น้ําผง้ึ ฟองใหญ่จนฟองเลก็ ใชเ้ วลา ๑๐ – ๑๕ นาที ๑.๑.๒ การทดสอบไดอ้ กี วธิ หี น่ึง คอื หยดน้ําผง้ึ ท่เี ค่ยี วไดท้ แ่ี ลว้ ลงในน้ําท่ี อุณหภูมหิ อ้ งปกตสิ งั เกตุดูว่าน้ําผง้ึ มลี กั ษณะอย่างไร ลกั ษณะน้ําผ้งึ ทเ่ี คย่ี วไดท้ แ่ี ลว้ จะมลี กั ษณะ คอื น้ําผ้งึ จะมสี นี ้ําตาลเข้มข้นึ กว่าเดมิ เป็นก้อนแขง็ และรวมตวั กนั แต่ถ้าหยดลงไปในน้ําแลว้ น้ําผ้งึ ยงั เหนียว ไม่แขง็ ไม่จบั เป็นก้อน ต้องเค่ยี วต่อไปอกี และทดสอบดูอกี ครงั้ หน่ึง เม่อื เคย่ี วน้ําผง้ึ จนได้ท่ี แลว้ เตมิ น้ําเดอื ดลงไป ๒ กาใหญ่ ขณะทห่ี มอ้ ตงั้ อยบู่ นเตา แลว้ เคย่ี วต่อไปจนน้ําผง้ึ ไดท้ ่ี ซง่ึ ลกั ษณะ ความเหนียมจะไมเ่ หมอื นกนั ตอ้ งอาศยั ระสบการณ์ และสงั เกตุจากลกั ษณะฟองตามทก่ี ล่าวไวใ้ นขอ้ ๑.๑ ๑.๓ เมอ่ื เคย่ี วน้ําผง้ึ ไดท้ แ่ี ลว้ ใหย้ กลงจากเตา กรองดว้ ยผา้ ขาวบางและกวนต่อไป เรอ่ื ยๆ จนกวา่ น้ําผง้ึ เรมิ่ เยน็ เมอ่ื น้ําผง้ึ เยน็ แลว้ จงึ นําไปผสมกบั ยาผงในขนั้ ต่อไป ๒. ขนั้ ตอนการผสมน้ําผง้ึ กบั ยาผง ขนั้ ตอนน้ีเป็นขนั้ ตอนทส่ี ําคญั มาก เพราะยาจะเป็นเมด็ ไดห้ รอื ไมเ่ ป็นกข็ น้ึ อยกู่ บั การผสมน้ําผง้ึ กบั ยาผง มรี ายละเอยี ดดงั น้ี ๒.๑ นํายาทช่ี งั่ เตรยี มไว้ เทใสก่ ะละมงั ทแ่ี หง้ สะอาด
211 ๒.๒ ตวงน้ําผ้งึ ท่เี ค่ยี วได้ท่แี ลว้ ค่อยๆเทราดบนยาผงทลี ะทพั พี พรอ้ มกบั ใช้มอื คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กบั น้ําผง้ึ และเทราดน้ําผง้ึ พรอ้ มกบั คลุกเคลา้ จนยาไดท้ ซ่ี ง้ึ สงั เกตไดโ้ ดยหยบิ ยาทเ่ี คลา้ ทดลองปัน้ ดว้ ยมอื ดวู ่าเมด็ ดี หรอื ยาตดิ น้ิวหรอื ไม่ ถา้ ยาไดท้ แ่ี ลว้ จะไม่ตดิ น้ิวมอื แลว้ บบี เมด็ ยาทป่ี ัน้ ดู ว่า ยานัน้ แตกร่วนหรอื ไม่ ถ้ายาไม่แตกร่วนยงั เป็นเมด็ เกาะกนั ดแี สดงว่ายาได้ท่แี ลว้ ถ้าบบี แล้วยา แตกรว่ นอยู่ แสดงว่ายงั เคลา้ ยาไมเ่ ขา้ กบั น้ําผง้ึ หมายเหตุ : ขนั้ ตอนทต่ี อ้ งใชม้ อื ในการคลกุ ยา ตอ้ งลา้ งมอื ใหส้ ะอาด และตอ้ งใหม้ อื แหง้ เพราะถ้ามอื ไมแ่ หง้ สนิท จะทาํ ใหย้ าขน้ึ ราได้ หรอื อาจจะใสม่ อื ยางทส่ี ะอาดกไ็ ด้ ๓. การทาํ ยาเมด็ ลกู กลอน ๓.๑ โดยใชเ้ ครอ่ื งทํายาเมด็ ลกู กลอน ซง่ึ จะมขี นั้ ตอนและกรรมวธิ ที าํ ดงั น้ี เครื่องมือและอปุ กรณ์ที่ใช้ ๓.๑.๑ เครอ่ื งทาํ ยาเมด็ ลกู กลอน ๓.๑.๒ เครอ่ื งรดี เสน้ ยา ๓.๑.๓ ยาทค่ี ลุกน้ําผง้ึ ไวเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ ๓.๑.๔ ถาดสเ่ี หลย่ี มขนาดใหญ่, ขนาดกลาง ๓.๑.๕ ผา้ สะอาดผนื เลก็ ๓.๑.๖ กาตม้ น้ําขนาดใหญ่ ๓.๑.๗ แปรงทองเหลอื ง (สาํ หรบั แปรงยาทต่ี ดิ เครอ่ื งรดี เสน้ ยา) ๓.๑.๘ โต๊ะเกา้ อ้ี (สาํ หรบั วางถาดยาทอ่ี อกมาจากเครอ่ื ง) ๓.๑.๙ ทพั พี ๓.๑.๑๐ มดี การเตรยี มเครื่องมอื และอปุ กรณ์ ๑. การทาํ ความสะอาดเครอ่ื งทาํ ยาเมด็ ลกู กลอน และเครอ่ื งรดี เสน้ ยา โดยใช้ น้ําเดอื ดเทราดเครอ่ื งใหน้ ้ําไหลลงกะละมงั ใหญ่ เชด็ ใหแ้ หง้ สนทิ ดว้ ยผา้ สะอาด และใชส้ าํ ลชี ุบ แอลกอฮอลอ์ กี ครงั้ ๒. นําถาดขนาดกลางทแ่ี หง้ สะอาด มารองรบั ยาจากเคร่อื งรดี เสน้ ยาและ เครอ่ื งทาํ ยาเมด็ ลกู กลอน วิธีการผลิต ๑. นํายาซง่ึ ไดค้ ลุกน้ําผง้ึ (หรอื สารยดึ เกาะอ่นื ๆ) ไวเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ ใส่เคร่อื ง รดี เสน้ ยา ๑ – ๒ ครงั้ เพ่อื ใหไ้ ด้เสน้ ยากลม แน่น และเรยี บ โดยใชม้ ดี ตดั เสน้ ยาท่ผี ่านเคร่อื งรดี แลว้ ใหม้ ขี นาดเทา่ กบั ความยาวของเครอ่ื งตดั ยาเมด็ ลกู กลอน
212 ๒. เปิดเครอ่ื งทาํ ยาเมด็ ลกู กลอน ทไ่ี ดว้ างตามขวางบนเครอ่ื งทํายานําเสน้ ยาเมด็ ลกู กลอน แลว้ ยากจ็ ะถกู ตดั ออกเป็นเมด็ กลมๆ ลงบนถาดรองรบั ๓. คดั เลือกเม็ดยาท่ีไม่ได้ขนาดออก นําเม็ดยาท่ีได้คัดเลือกแล้วใส่ใน ถงั เคลอื บเมด็ ยาในปรมิ าณทเ่ี หมาะสมกบั ถงั เคลอื บเมด็ ยาเปิด ๔ .เปิดเคร่อื งหมนุ ถงั เคลอื บยาเมด็ จนไดเ้ มด็ ยากลม เรยี บ ดแี ลว้ จงึ นํา ยาอบท่อี ุณหภูมิ ๕๐ – ๕๕ องศาเซสเซยี ส ประมาณ ๔ - ๖ ชวั่ โมง จนยาแหง้ ดี ท้งิ ไวใ้ หเ้ ยน็ แล้ว นํายเกบ็ ไวใ้ นขวดโหลแกว้ ปิดฝาใหแ้ น่น ป้องกนั ความชน้ื ๓.๒ โดยใชร้ างกลง้ิ ยา ซง่ึ จะมขี นั้ ตอนและกรรมวธิ กี ารทาํ ดงั น้ี เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ทใ่ี ช้ ต๓.๒.๑ รางกลง้ิ ยา พรอ้ มฝาประกบ ๓.๒.๑ กะละมงั ขนาดใหญ่ ๓.๒.๑ ถาดสเ่ี หลย่ี มขนาดใหญ่, ขนาดกลาง ๓.๒.๑ ชามขนาดกลาง ๓.๒.๑ ผา้ สะอาดผนื เลก็ ๓.๒.๑ กาตม้ น้ําขนาดใหญ่ ๓.๒.๑ โต๊ะทใ่ี ชว้ างยางกลง้ิ ยา ๓.๒.๑ น้ํามนั พชื หรอื น้ํามนั ทไ่ี ม่มกี ลน่ิ การเตรยี มเคร่อื งมือและอปุ กรณ์ ๑. ทาํ ความสะอาดรางกลง้ิ ยา และฝาประกบ โดยใชน้ ้ําเดอื ดเทรารางกลง้ิ พรอ้ มฝาประกบในกะละมงั เชด็ ใหแ้ หง้ สนทิ ดว้ ยผา้ สะอาด และใชส้ าํ ลชี บุ แอลกอฮอลอ์ กี ครงั้ ทง้ิ ให้ ระเหยแหง้ ก่อนนํายามากลง้ิ บนรางกลง้ิ ยา ๒. นํารางกลง้ิ ยาวางบนโต๊ะสาํ รบั กลง้ิ ยา ๓. นําชามขนาดกลางใสน่ ้ําสุกประมาณครง่ึ ชาม และเทน้ํามนั พชื หรอื น้ํามนั ทไ่ี มม่ กี ลน่ิ ลงในชามใบเดยี วกนั ประมาณ ๑ ใน ๔ ของน้ําในชาม และนําผา้ สะอาดผนื เลก็ ชุบน้ํา สกุ ในกะละมงั บดิ ใหแ้ หง้ และนํามาแชใ่ นชามทม่ี นี ้ํามนั กบั น้ําผสมกนั ใชส้ าํ หรบั เชด็ รางยาในกรณที ย่ี า เรม่ิ จะตดิ ราง ๔. นําถาดขนาดกลางทแ่ี หง้ และสะอาด มารองรบั ยาดา้ นหน้ารางกลง้ิ
213 ภาพแสดงลกั ษณะการจดั วางเครอ่ื งมอื สาํ หรบั กลง้ิ ยาเมด็ ลกู กลอน วิธีการกลิ้งยาเมด็ ลกู กลอน ๑. หยบิ ยาเส้นทร่ี ดี ไว้แลว้ ในถาด รดี เสน้ ยาดว้ ยเคร่อื งรดี เสน้ ยา ซง่ึ มขี นาดเสน้ กลม โตเทา่ กบั ขนาดรางกลง้ิ ยา หรอื อาจจะใชม้ อื กลง้ิ เสน้ ยาใหไ้ ดข้ นาดเสน้ กลมโต เทา่ กบั ขนาดรางกลง้ิ ยา ๒. วางไมป้ ระกบรางกลง้ิ ลงบนเสน้ ยา ค่อนๆ กลง้ิ ยาไปมา พรอ้ มกบั ลงน้ําหนกั กดลง บนรางทลี ะน้อยจนกว่าขอบฝาประกบจะชดิ กบั ขอบรางกลง้ิ จงึ ลงน้ําหนักใหม้ ากขน้ึ และกลง้ิ ไปมาอกี ๔ – ๕ ครงั้ จนยาเป็นเมด็ ดแี ลว้ จงึ ดนั ฝาประกบไปทางดา้ นหน้า ดว้ ยความแรงทพ่ี อจะใหย้ าเมด็ ตกลง ในถาดได้
214 ๓. ถ้ากลง้ิ ยาไปหลายครงั้ รสู้ กึ ว่ายาจะเรมิ่ ตดิ ราง หรอื ยาไม่มเี หงา ผวิ ยาเรม่ิ จะ หยาบ ใหเ้ อาผา้ ชบุ น้ํามนั ทไ่ี ม่มกี ลนิ่ ผสมน้ําทเ่ี ตรยี มไว้ แลว้ ทราบรางกลง้ิ และฝาประกบ ซง่ึ การทํา น้ํามนั ต้องระวงั ไม่ทาจนโชกรางกล้งิ ยา ก่อนทาควรบบี เอาน้ํามนั และน้ําออกก่อนเลก็ น้อยแล้วจงึ นํามาทา การทาหรอื เชด็ รางกล้งิ ยาควรจะทาหรอื เชด็ ไปทางเดยี วกนั ไม่ควรเชด็ กลบั ไปกลบั มา เพราะจะทาํ ใหเ้ หลย่ี มของรอ่ งฉีดเป็นเสย้ี นตดิ ผา้ ได้ ๔. เมอ่ื กลง้ิ ยาไดจ้ าํ นวนมากแลว้ ใหน้ ํายาเทรวมกนั ไวถ้ าดใหญ่เพ่อื นําเขา้ ตอู้ บ ตอู้ บ จะเป็นตอู้ บทใ่ี ชไ้ ฟฟ้า หรอื ใชเ้ ตากไ็ ด้ อบดว้ ยอุณหภมู ิ ๕-๕๕ องศาเซลเซยี ส ประมาณ ๔-๖ ชวั่ โมง จนยาแหง้ ดแี ลว้ จงึ นําออกจากตอู้ บปลอ่ ยทงิ่ ไวใ้ หเ้ ยน็ และนํายาเกบ็ ไวใ้ นภาชนะทป่ี ้องกนั ความชน้ื ได้ เชน่ โหลแกว้ ปิดฝาใหแ้ น่น สาเหตทุ ี่ทาํ ให้ยาไม่เป็นเมด็ และยาเมด็ ลกั ษณะผิดปกติ ๑. การผสมยาผงกบั น้ําผง้ึ น้อยเกนิ ไป ทาํ ใหย้ าแหง้ เกนิ ไปเสน้ ยาจะแขง็ มาก ๒. การผสมยาผงกบั น้ําผง้ึ มากเกนิ ไป ทําใหย้ าน่ิมเกนิ ไป กลง้ิ เมด็ ยาไมไ่ ด้ ๓. เสน้ ยาทร่ี ดี เสน้ เลก็ วา่ ขนาดมาตรฐาน ทาํ ใหย้ าไมเ่ ตม็ เมด็ บางครงั้ จะทาํ ใหย้ ามี ลกั ษเป็นรอ่ งตรงกลาง ๔. การกลง้ิ ยาครงั้ แรกใชแ้ รงมากเกนิ ไป ทาํ ใหย้ าแบนตดิ ราง และยาไมเ่ ป็นเมด็ ๕. การเชด็ รางกลง้ิ ยาเชด็ น้ํามนั โชกเกนิ ไป ทาํ ใหผ้ วิ ของเมด็ ยาเปียก และลอกหลุด ตดิ บนรางยาเมอ่ื กลง้ิ เมด็ ต่อไปจะทาํ ใหผ้ วิ ยาเมด็ อ่นื ไมเ่ รยี บ ๓.๓ โดยใชม้ อื ปัน้ ทลี ะเมด็ การปั้นเมด็ เป็นขนั้ ตอนทส่ี ําคญั เช่นกนั ต้องปั้นใหก้ ลมและขนาดสม่าํ เสมอ การปั้นเม็ดทําได้โดยค่อยๆ แบ่งยาท่ีผสมไว้แล้วมาปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าปลายน้ิวก้อย (เสน้ ผ่าศูนยก์ ลางประมาณ ๐.๘ เซนตเิ มตร) การปั้นดว้ ยมอื ทําไดช้ า้ ในขณะทป่ี ั้นน้ําผง้ึ ทผ่ี สมในผง ยาจะแหง้ ลงเร่อื ยๆ จงึ ต้องคอยทดสอบดูว่ายาลกู กลอนทป่ี ั้นไดน้ ัน้ บบี แลว้ แตกร่วนหรอื ไม่ ถ้าแตก แสดงว่าน้ําผ้งึ น้อยไป ให้เตมิ น้ําผ้งึ ลงไปและผสมให้เขา้ ท่ี จากนัน้ จงึ นํามาปั้นเป็นลูกกลอนต่อไป น้ําผง้ึ ทใ่ี ส่ในผงยาจะต้องพอเหมาะ ถา้ มากไปจะเหลาลูกกลอนไม่เกาะตวั ถ้าน้อยไปลูกกลอนจะร่วน และแตกงา่ ย นําลูกกลอนหรอื เมด็ ยาทไ่ี ดว้ างไวใ้ นถาด และไมใ่ หเ้ มด็ ยาซอ้ นกนั นําไปอบ ในตู้อบอุณหภูมิ ๕๐-๕๕ องศาเซลเซยี สให้แห้งสม่ําเสมอ อย่าอบนานเกนิ ไปจะทําให้เมลด็ ยาแขง็ แตกตวั ยาก เมด็ ยาแหง้ ดแี ลว้ เกบ็ ใส่ขวดโหลทส่ี ะอาดและมดิ ชดิ การทาํ ยาเมด็ แบบปัม๊ มือ หรือแบบพิมพม์ ือ (พิมพท์ องเหลือง) เคร่อื งมือและอปุ กรณ์ที่ใช้ ๑. เครอ่ื งปัม๊ ยาดว้ ยมอื (แบบพมิ พม์ อื เป็นพมิ พท์ องเหลอื ง) ๒. แผน่ กระจกใส ๑ แผ่น ๓. กาตม้ น้ําขนาดใหญ่
215 ๔. กะละมงั ขนาดใหญ่, ขนาดกลาง ๕. ผา้ สะอาดผนื เลก็ ๖. ถาดใส่ยาเมม็ ๗. ยาผง ๘. แป้งมนั การเตรยี มเครื่องมอื และอปุ กรณ์ ๑. นําน้ําเดอื ดเทราดพมิ พม์ อื ทองเหลอื ง และกระจกแผ่นใส เชด็ ใหแ้ หง้ สนทิ ดว้ ยผา้ สะอาด และ ใชส้ าํ ลชี บุ แอลกอฮอลเ์ ชด็ อกี ครงั้ หน่ึง ทง้ิ ใหร้ ะเหยแหง้ ก่อนนํายามาพมิ พม์ อื ๒. วางกระจกแผ่นใสบนโต๊ะ และวางพมิ พม์ อื ทองเหลอื งบนกระจกแผ่นใส วิธีทาํ ยาเมด็ ๑. กวนแป้งมนั กบั น้ําใหใ้ ส (เป็นแป้งเปียกใส) ในปรมิ าณทพ่ี อเหมาะกบั ยาผง ๒. นํายาผงมาผสมกบั แป้งเปียก คลุกเคลา้ จนเขา้ กนั ดี ๓. นํายาทผ่ี สมแลว้ มาพอประมาณแผเ่ ป็นแผน่ กระจกแลว้ นําพมิ พม์ อื ทองเหลอื งกดลงบนยา ๔. กดยาทพ่ี มิ พแ์ ลว้ ออกจากพมิ พท์ องเหลอื ง ใสล่ งในถาดทเ่ี ตรยี มไว้ ๕. นํายาทพ่ี มิ พเ์ สรจ็ เขา้ ตอู้ บอุณหภมู ิ ๕๐ – ๕๕ องสาเซลเซยี ส ประมาณ ๔ – ๖ ชวั่ โมง ๖. เกบ็ ยาเมด็ ใส่ขวดโหลแกว้ สะอาด ปิดฝาใหม้ ดิ ชดิ หมายเหตุ : ยาพมิ พเ์ มด็ (พมิ พม์ อื ทองเหลอื ง) ถา้ ยาเป็นผงมคี วามเหนียวมากอยแู่ ลว้ อาจจะไมต่ อ้ งใช้ แป้งมนั ในการผสมยานัน้ เพยี งแต่ผสมกบั น้ําตม้ สุก กน็ ํามาพมิ พเ์ มด็ ได้ ผงยาทต่ี อ้ งผสมแป้งมนั ในการทาํ เมด็ แบบพมิ พม์ อื ไดแ้ ก่ ๑. ยาเมด็ ฟ้าทลายโจร ๒. ยามหานิล ฯลฯ ยาตอกเมด็ ฟ้าทลายโจร วตั ถสุ ่วนประกอบ ๑. ฟ้าทลายโจร (ผง) ๒,๐๐๐ กรมั ๒. แป้งมนั ๑๐๐ กรมั ๓. แป้งมนั (ทําแป้งเปียก ๑๐%) ๑๕๐ กรมั ๔. ผงทลั คมั ๗๐ กรมั ๕. แมกนเี ซยี ม สเตยี เรต ๖๐ กรมั ขนั้ ตอนการผลิต ๑. นําฟ้าทลายโจร (ผง)และแป้งมนั (ในขอ้ ๑และขอ้ ๒)ซง่ึ ผ่านแรง่ แลว้ มาผสมใหเ้ ขา้ กนั ๒. ใส่น้ําเยน็ ๑,๕๐๐ กรมั ลงในแป้งมนั ๑๕๐ กรมั (ทําเป็นแป้งเปียก ๑๐%) โดยการ กวนจนเป็นสขี าวขน้ เหนียว ผา่ นน้ําเดอื ด
216 ๓. นําแป้งเปียกและผงฟ้าทลายโจร ซง่ึ ผสมแป้งมนั แลว้ มาผสมใหเ้ ขา้ กนั แลว้ นําไป ผ่านแรง่ เบอร์ ๑๔ นําแกรนูลทไ่ี ดไ้ ปอบแหง้ ทอ่ี ุณหภมู ไิ มเ่ กนิ ๕๕ องศา จากนนั้ นําแกรนูลทอ่ี บแหง้ แลว้ มาผา่ นแรง่ เบอร์ ๑๘ ๔. ผสมผงฟ้าทลายโจรทเ่ี ป็นแกรนูลใหเ้ ขา้ กนั กบั ทลั คมั และแมกนีเซยี ม สเตยี เรต ๕. นําผงยาทผ่ี สมแลว้ ไปตอกเมด็ และควบคมุ น้ําหนกั เมด็ ยาใหไ้ ดม้ าตรฐาน ๖.นํายาเมด็ ทต่ี อกไดเ้ ขา้ ตอู้ บ ทอ่ี ุณหภมู ิ ๕๐– ๕๕องศาเซลเซยี ส ประมาณ ๔– ๖ ชวั่ โมง ๗. ทดสอบการแตกตวั ของเมด็ ยา ไมค่ วรเกนิ ๓๐ นาที การเคลือบยาเมด็ ด้วยน้ําตาล (Sugar coating) วตั ถปุ ระสงคข์ องการเคลือบยาเมด็ เพ่ือ ๑. กลบรส สี หรอื กลนิ่ ทไ่ี มน่ ่ารบั ประทานของยาเมด็ ๒. ป้องกนั ตวั ยาหรอื สารสาํ คญั ไมใ่ หเ้ สอ่ื มสลายเรว็ ๓. ใหเ้ มด็ ยามรี ปู กลมมนสะดวกในการกลนื ๔. ความสวยงามของเมด็ ยา ทาํ ใหน้ ่ารบั ประทาน ๕. แยกตวั ยาสองชนดิ ทไ่ี มเ่ ขา้ กนั โดยชนิดหน่งึ เป็นยาเมด็ แกน สว่ นอกี ชนิดหน่ึง เป็นส่วนทเ่ี คลอื บขา้ งนอก ๖. ควบคมุ การออกฤทธขิ ์ องยาเมด็ อนั เน่อื งมาจากการระคายเคอื ง เชน่ ยาสหศั ธารา ระคายเคอื งต่อหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร หรอื อาจเน่ืองจากตอ้ งการใหอ้ อกฤทธทิ ์ ล่ี าํ ไส้ เชน่ ยารดิ สดี วงทวาร วตั ถสุ ่วนประกอบ ๑. ยาเมด็ ลกู กลอน ๒. แป้งทลั คมั ๓. น้ําตาลทราย ๔. น้ํา ๕. กมั อาคาเซยี ๖. เชคแลค ๗. แอลกอฮอล์ ๘. ขผ้ี ง้ึ คานูบา ๙. ขผ้ี ง้ึ ขาว ๑๐. คารบ์ อนเตทตระคลอไรด์ ๑๑. สี เคร่อื งมอื ๑. เครอ่ื งเคลอื บยาเมด็ (ถงั เคลอื บยาเมด็ ) ๒. เครอ่ื ขดั เงายาเมด็ วิธีการเคลือบยาเมด็
217 ๑. นํายาลูกกลอนท่แี หง้ ดแี ลว้ ใส่ในเคร่อื งเคลอื บยาเมด็ แล้วเทเชคแลค ซง่ึ ละลาย ดว้ ยแอลกอฮอล์ในอตั ราส่วน เชคแลค ๔๐ ส่วน แอลกอฮอล์ ๖๐ ส่วน ในขณะท่ถี งั หมุนไปเร่อื ยๆ เชคแลคจะเคลอื บเมด็ ยาลูกกลอน เม่อื ใช้ลมเยน็ เป่ าเชคแลคจะแห้งตดิ ผวิ และป้องกนั ไม่ใหเ้ มด็ ยา แตก เมอ่ื เชคแลคแหง้ ดี ใหร้ อ่ นเอาเมด็ ทเ่ี กาะตดิ กนั ออก ทาํ ซ้าํ อกี ๑ หรอื ๒ ครงั้ ๒. ลบมุม อุดรู และปิ ดร่องของเม็ดลูกกลอนด้วยน้ําแป้ งทัลคัม ซ่ึงผสมด้วย กมั อาคาเซีย และน้ําตาลตามอตั ราส่วนแป้งทลั คมั ๒๐ – ๓๕% กมั อาคาเชีย ๕ – ๑๐% น้ําตาล ๔๐ – ๕๐% และน้ํา ๒๐ –๓๐% โดยตม้ ใหล้ ะลายเป็นเน้อื เดยี วกนั ๓. ใชน้ ้ําแป้งในขอ้ ๒ เทลงบนเมด็ ยาขณะทถ่ี งั กําลงั หมุน พรอ้ มโปรยผงทลั คมั ลงไป เป็นระยะๆ ดูใหพ้ อเหมาะ ขณะเดยี วกนั ใชล้ มรอ้ นอุณหภมู ิ ๖๐ – ๗๐ องศาเซลเซยี ส เป่าบนเมด็ ยา ตลอด เพ่อื ใหน้ ้ําแป้งแหง้ ตดิ เมด็ ยา เมอ่ื แหง้ ดแี ลว้ ใหร้ อ่ นเอาเมด็ ทต่ี ดิ กนั ออก ทาํ ซ้าํ ประมาณ ๘ – ๑๐ ครงั้ เมด็ ลกู กลอนในขนั้ สดุ ทา้ ยจะเป็นสขี าวเหมอื นแป้งทลั คมั ๔. เคลือบสีรองพ้ืน ด้วยการเติมสีในปริมาณเพียงเล็กน้อยในน้ําแห้งทัลคัม เคลอื บโดยการเทน้ําสลี งในขณะทเ่ี คร่อื งเคลอื บหมุนไปเรอ่ื ยๆ แลว้ ปล่อยใหเ้ มด็ ยาแหง้ สนิท แลว้ จงึ เคลอื บครงั้ ต่อไป เคลอื บซา้ํ ๓ – ๔ ครงั้ ๕. เคลอื บสที ต่ี อ้ งการ โดยใชน้ ้ําเช่อื มทาํ จากน้ําตาล ๒ ส่วน น้ํา ๑ ส่วน แลว้ เตมิ สใี ห้ ไดค้ วามเขม้ ขน้ ตามตอ้ งการ เคลอื บซา้ํ ตามวธิ เี ดมิ จนไดส้ สี วยงาม ๖. เคลอื บเงาเพ่อื ให้ดสี ดใสขน้ึ โดยใช้ข้ผี ้งึ คานูบาผสมขผ้ี ้งึ ขาว ผสมในอตั ราส่วน ๔%, ๐.๔% ตามลาํ ดบั ละลายในคารบ์ อนเตทตระคลอไรด์ ๙๕% แลว้ นํามาใส่ในเคร่อื งขดั เงายาเมด็ ใหห้ มนุ ไปเรอ่ื ยๆ จนเมด็ ยาเงา การสมุ ยา การสุมยา คอื การนํายาทไ่ี ดป้ รุงเป็นตํารบั แลว้ มาใส่รวมกนั ในหมอ้ ดนิ ปิดฝาหมอ้ ให้มดิ ชดิ นําไปสุมไฟรอ้ นจดั (สุมไฟดว้ ยฟืน) จนยากลายเป็นสดี าํ (เป็นถ่ายสดี าํ ) ขนั้ ตอนการสมุ ยา ๑. นํายามหานิลทไ่ี ดป้ รุงเป็นตํารบั แลว้ แยกตวั ยาทเ่ี ป็นแก่น ลกู ราก ใบ ออกเป็นประเภทๆ สบั ยาเป็นชน้ิ เลก็ ๆ ๒. เอาใบทองหลางใบมน ควั่ ในกระทะจนเกรยี ม เกบ็ ใส่ภาชนะไว้ (ไมต่ อ้ งสมุ ) ๓. นํายาท่สี บั แล้วพวกแก่นไม้ รากไม้ และลูกมะกอก ใส่ลงในหมอ้ ดนิ ก่อน และใส่ยาอ่นื ๆ ตามลงไป (เพอ่ื ใหย้ าสุกทวั่ กนั ทงั้ หมอ้ ) ๔. ใชก้ ระดาษฟางสขี าว ชุบน้ําพอหมาดๆ ปิดบนฝาหมอ้ ดนิ ใหม้ ดิ ชดิ (เพ่อื ป้องกนั ไมใ่ หเ้ กดิ ไฟลกุ ไหมต้ วั ยาในหมอ้ ดนิ ) นําไปสุมไฟรอ้ นจดั (สมุ ไฟดว้ ยฟืน) ๕. เมอ่ื สุมยาจนเป็นสดี าํ (ถ่านสดี าํ ) ทวั่ ทงั้ หมอ้ แลว้ ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ ๖. เทยาออกจากหมอ้ ดนิ นําไปบดรวมกบั ใบทองหลางใบมน (ทค่ี วั่ แลว้ ) ๗. รอ่ นยาใหไ้ ดผ้ งละเอยี ด
218 ยาเข้านํ้ามนั (น้ํามนั ไพล) ๓๐ กโิ ลกรมั วตั ถสุ ่วนประกอบ ๒ ลติ ร (หรอื ใชน้ ้ํามนั พชื อ่นื ๆ) ๑. ไพลสด ๕๐ กรมั ๒. น้ํามนั มะพรา้ ว ๖๐๐ ซซี ี ๓. เมนทอล ๑๐๐ ซซี ี ๔. น้ํามนั ระกํา ๑๐๐ ซซี ี ๕. น้ํามนั เขยี ว ๒๐ ซซี ี ๖. น้ํามนั ยคู าลปิ ตสั ๒๐ ซซี ี ๗. ชนิ นามอน ๔๕๐ กรมั ๘. น้ํามนั กานพลู ๓๕๐ กรมั ๙. น้ํามนั แกว้ ๑๐. การบรู ขนั้ ตอนการทาํ ๑. นําไพลสดมาปอกเปลอื ก หนั่ เป็นแผน่ บางๆ ๒. เอาน้ํามนั ใส่กระทะตงั้ ไฟใหร้ อ้ น ค่อยๆ ใส่ไพลลงทอด ทลี ะน้อย เม่อื ไพลกรอบเกรยี มดี แลว้ จงึ ตกั ออกทง้ิ ไป ทอดไพลจนหมดทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ (น้ํามนั มะพรา้ ว ๒ ลติ ร ทอดแลว้ ไดค้ วามเขม้ ขน้ ของน้ํามนั ไพลประมาณ ๑ ลติ ร) ๓. กรองน้ํามนั ไพลทเ่ี คย่ี วไดใ้ ส่ภาชนะไว้ ๔. ละลายเมนทอลและการบรู ในน้ํามนั ระกํา แลว้ จงึ ใส่น้ํามนั ไพลลงไป ๕. ใสข่ อ้ ๕, ๖, ๘, ๙ ผสมลงไป คนใหเ้ ขา้ กนั ดี ๖. บรรจขุ วดทเ่ี ตรยี มไว้ ยาน้ํา (ยาธาตอุ บเชย) ๕๐ กรมั วตั ถสุ ่วนประกอบ ๕๐ กรมั ๕๐ กรมั ๑. กระวาน ๕๐ กรมั ๒. กานพลู ๕๐ กรมั ๓. สมลุ แวง้ ๑๐ กรมั ๔. อบเชยเทศ ๕ กรมั ๕. ชะเอมเทศ ๗ ลติ ร ๖. การบรู ๗. เมนทอล ๘. น้ํา
219 ขนั้ ตอนการทาํ ๑. ตาํ หรอื บดดว้ ยยาขอ้ ๑ – ๕ พอแหลก ๒. ใส่น้ําลงในหมอ้ ตม้ ใหเ้ ดอื ด ใสต่ วั ยาทเ่ี ตรยี มไวล้ งไปตม้ เคย่ี วใหเ้ หลอื ประมาณ ๕ ลติ ร ๓. ยกหมอ้ ลง ใชผ้ า้ ขาวบางกรองเอากากยาออก ๔. ใสเ่ มนทอลและการบรู ลงไป คนจนละลายปิดฝาทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ และใหต้ กตะกอน ๕. บรรจภุ าชนะทเ่ี ตรยี มไว้ ยาดมส้มโอมือ วตั ถสุ ่วนประกอบ ๑. ยาหอมบาํ รงุ หวั ใจ ๒ สว่ น ส่วน ๒. ยาหอมหา้ เจดยี ์ ๒ ๓. ผวิ มะกรดู แหง้ (บดหยาบ) ๔. เปลอื กสมลุ แวง้ (บดหยาบ) ๕. เปลอื กอบเชยเทศ (บดหยาบ) ๖. สม้ มอื แหง้ (บดหยาบ) ๗. ชะมดเชด็ ๘. พมิ เสน ๙. เมนทอล ขนั้ ตอนการทาํ ๑. ผสมขอ้ ๑ และ ๒ เขา้ ดว้ ยกนั แลว้ นําขอ้ ๓, ๔, ๕ และ ๖ อยา่ งละพอประมาณมาผสมรวมกนั ๒. นําชะมดเชด็ ปรมิ าณเลก็ น้อยใสใ่ นใบพลซู อ้ นหลายๆ ชนั้ ลนไฟเทยี นใหไ้ หลในตวั ยาผสมใหเ้ ขา้ กนั ดี ๓. ดมกลนิ่ ใหไ้ ดก้ ลน่ิ หอมตามตอ้ งการ ๔. นําผา้ สาํ ลมี าตดั เป็นสเ่ี หลย่ี มขนาดกวา้ ง ๘ ซม. ยาว ๘ ซม. ๕. ตกั เน้ือยา ๑ ชอ้ นยา ห่อดว้ ยผา้ สาลู เป็นกอ้ นกลม ผกู ดา้ ยใหแ้ น่น ๖. นําพมิ เสนกบั เมนทอลมาผสมกนั ในอตั ราส่วน ๑ ต่อ ๓ เขย่าให้เขา้ กนั จนละลายหมด (ละลายเป็นน้ํามนั ) ๗. เอายาทห่ี อ่ ไวแ้ ลว้ จมุ่ ลงในขอ้ ๖ ใหเ้ ปียกชมุ่ พอประมาณ จงึ ใส่ในถ้าํ ยาดม ปิดฝาใหส้ นิท ยาประคบ (ลกู ประคบ) ๒ สว่ น วตั ถสุ ่วนประกอบ ๑ สว่ น ๑ สว่ น ๑. ไพลสด ๑ สว่ น ๒. ผวิ มะกรดู สด ๓. ตะไครส้ ด ๔. ใบมะขามสด
220 ๕. ขมน้ิ ออ้ ยสด ๑ ส่วน ๖. พมิ เสน ๑๐ ส่วน ๗. การบรู ๑๐ ส่วน ขนั้ ตอนการทาํ ๑. นําสมนุ ไพรขอ้ ๑, ๒, ๓, ๔ และ ๕ หนั่ บางๆ ตาํ พอหยาบๆ ผสมรวมกนั ๒. ใสพ่ มิ เสน การบูร ๓. นํามาห่อเป็นลกู ประคบ ยาขี้ผงึ้ วตั ถสุ ่วนประกอบ ๑. วาสลนิ (Vasalin) ๔๒๐ กรมั ๒. Wool Fat ๑๒ กรมั ๓. ขผ้ี ง้ึ (Bee Wax) ๕๐ กรมั ๔. พาราฟินชนิดแขง็ (Hard Paraffin) ๑๓ กรมั ๕. เมนทอล (Menthol) ๗๕ กรมั ๖. น้ํามนั ยคู าลปิ ตสั (Eucalyptus Oil) ๓๐ ซซี ี ๗. เมทลิ ซาลซิ เิ ลต (Methyl Salicylate) ๔๕ ซซี ี ๘. เสลดพงั พอน (สกดั ดว้ ย Alcohol) ๓๐ ซซี ี ขนั้ ตอนการทาํ ๑. นําสมุนไพรขอ้ ๑, ๒, ๓, ๔ ใส่ภาชนะรวมกนั ไปกวนในน้ํารอ้ นซ่งึ ตงั้ ไฟเดอื ดจนละลาย หมด ตงั้ ทง้ิ ไวใ้ หอ้ ุ่น ๒. นําขอ้ ๕, ๖, ๗, ๘ ใส่ลงไป คนใหเ้ ขา้ กนั ดี ๓. บรรจขุ วดทเ่ี ตรยี มไว้ ในขณะทย่ี ายงั อุ่นๆ อยู่ (ควรเกบ็ ในทม่ี ดื เพอ่ื ป้องกนั การเปลย่ี นส)ี แชมพวู ่านหางจระเข้ ๑๐๐๐ กรมั วตั ถสุ ่วนประกอบ ๑๐๐๐ กรมั ๑๐๐ กรมั ๑. หวั แชมพู ๑๐๐ กรมั ๒. วา่ นหางจระเข้ ๑๐๐ กรมั ๓. ผงฟอง ๑๕ ซซี ี ๔. ผงขน้ ๑๐๐๐ กรมั ๕. ลาโนลนิ ๖. หวั น้ําหอม ๗. น้ํา ๘. สี
221 ขนั้ ตอนการทาํ นําไปต้ม ๑. นําว่านหางจระเขม้ าปอกเปลอื ก เอาไปลา้ งน้ํา แลว้ ปัน่ ละเอยี ดใหไ้ ด้ ๑ กก. ๒. ใสน่ ้ํา ๑๐๐๐ กรมั ผสมกบั วา่ นหางจระเข้ ๑๐๐๐ กรมั ๓. เทผงฟองทลี ะน้อย คนใหล้ ะลาย ใสล่ าโนลนิ ลงผสม ๔. นําแชมพทู ต่ี ม้ แลว้ กรอง ใสส่ ี ทง้ิ ใหเ้ ยน็ ใสผ่ งขน้ ลงผสม ใสห่ วั น้ําหอม ๕. บรรจขุ วด การฆ่าฤทธ์ิ (การฆ่า), การสะตุ การฆ่าฤทธิ ์ (การฆ่าป หรอื การสะตุ หมายถงึ การทําให้ยาตวั นัน้ ๆ มฤี ทธอิ ์ ่อนลง หรอื ฆ่า พษิ ซง่ึ เราไมต่ อ้ งการใหอ้ ่อนลง หรอื ใหเ้ สอ่ื มฤทธไิ ์ ป เชน่ ๑. การฆา่ ฤทธชิ ์ าดกอ้ น (การฆา่ ชาดกอ้ น) ๒. การฆา่ ฤทธริ ์ งคท์ อง (การฆา่ รงคท์ อง) ๓. การฆา่ ฤทธชิ ์ ะมดเชด็ (การฆา่ ชะมดเชด็ ) ๔. การสะตุน้ําประสานทอง ๕. การสะตุสารสม้ ๖. การสะตุเกลอื (การฆา่ ฤทธิ ์มกั เป็นตวั ยาทม่ี ฤี ทธแิ ์ รงมาก หรอื มพี ษิ มาก) การฆ่าฤทธ์ิชาดก้อน (การฆ่าชาดก้อน) วตั ถสุ ่วนประกอบ และอปุ กรณ์ ๑. ชาดกอ้ นนํามาบดใหล้ ะเอยี ด (ชาดผง) ๒. น้ํามะกรดู (ถา้ หาน้ํามะกรดู ไมไ่ ด้ ใชน้ ้ํามะนาวแทน) ๓. ฝาหมอ้ ดนิ ๔. ไมพ้ าย (ขนาดเลก็ ) ๕. เตาถ่าน ๖. ขวดโหลแกว้ ขนั้ ตอนการทาํ ๑. นําฝาหมอ้ ดนิ ตงั้ บนเตาไฟ ใหร้ อ้ นจดั เอาชาดผงใส่ในหมอ้ ดนิ พอสมควร ๒. บบี น้ํามะกรดู ครงั้ ท่ี ๑ ใหช้ ุ่มชาดผง ตงั้ ไฟ คนไปเรอ่ื ยๆ จนแหง้ ทาํ ครบ ๓ ครงั้ ชาดผงจะ เปลย่ี นเป็นสนี ้ําตาลแดงอมดาํ (สเี ขม้ กวา่ เดมิ ) ๓. ตงั้ ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ ขดู ออกจากฝาหมอ้ ดนิ เกบ็ ใส่ไวใ้ นขวดโหลแกว้ ปิดฝา
222 การฆ่าฤทธ์ิรงคท์ อง (การฆ่ารงคท์ อง) วตั ถสุ ่วนประกอบ และอปุ กรณ์ ๑. รงคท์ อง ๒. น้ํามะนาว ๓. ใบตอง (หรอื อาจใชใ้ บพลู ใบบวั หลวง ใบขา่ อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงกไ็ ด)้ ๔. เตาถ่าน ๕. ตะแกรง ๖. ขวดโหลแกว้ ขนั้ ตอนการทาํ ๑. นํารงคท์ องมาบดใหล้ ะเอยี ด บดกบั น้ํามะนาวปัน้ เป็นกอ้ น แลว้ หอ่ ดว้ ยใบตอง ๗ ชนั้ ๒. นําไปป้ิงไฟใหก้ รอบ ๓. ตงั้ ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ เกบ็ ใสไ่ วใ้ นขวดปิดฝา หมายเหตุ นํารงคท์ องมาบดใหล้ ะเอยี ด ใสล่ งในกระทะควั่ ไฟจนกรอบ อยา่ ใหไ้ หมก้ ใ็ ชไ้ ดเ้ ช่นกนั การฆ่าฤทธ์ิชะมดเชด็ (การฆ่าชะมดเชด็ ) วตั ถสุ ่วนประกอบและอปุ กรณ์ ๑. ชะมดเชด็ ๒. ใบพลสู ด ๓. เทยี นไข ๔. ถว้ ยแกว้ ขนั้ ตอนการทาํ ๑. นําชะมดเชด็ ใส่ลงไปในใบพลสู ด (ซอ้ นหลายๆ ใบ) ๒. เอาไปลนเทยี นไขจนเหลว เอยี งใบพลใู หช้ ะมดไหลลงไปในถว้ ยแกว้ ๓. นํามาผสมปรงุ ยา การสะตนุ ้ําประสานทอง วตั ถสุ ่วนประกอบ และอปุ กรณ์ ๑. น้ําประสานทอง ๒. กระทะเหลก็ ๓. ตะหลวิ ๔. เตาถ่าน ๕. ขวดโหลแกว้
223 ขนั้ ตอนการทาํ ๑. เอากระทะเหลก็ ตงั้ ไฟใหร้ อ้ นจดั ๒. นําน้ําประสานทองมาตําให้ละเอียด แล้วโรยลงในกระทะบางๆ ให้ทัว่ กระทะ จนน้ํา ประสานทองฟูเป็นแผ่นขาว มลี กั ษณะคลา้ ยแผน่ ขา้ วเกรยี บ ๓. ตกั ออกมาใส่ขวดโหลแกว้ ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ ก่อนปิดฝาขวดโหล การสะตสุ ารส้ม วตั ถสุ ่วนประกอบ และอปุ กรณ์ ๑. สารสม้ ๒. กระทะเหลก็ ๓. ตะหลวิ ๔. เตาถ่าน ๕. ขวดโหลแกว้ ขนั้ ตอนการทาํ ๑. เอากระทะเหลก็ ตงั้ ไฟใหร้ อ้ นจดั ๒. นําสารสม้ มาตําใหล้ ะเอยี ด แล้วโรยลงในกระทะบางๆ ใหท้ วั่ กระทะ เม่อื สารสม้ ถูกความ รอ้ นจนละลายเป็นน้ําเลก็ น้อย และเมอ่ื แหง้ ไดท้ แ่ี ลว้ กจ็ ะฟูเป็นแผน่ ขาวขน้ึ มา ๓. ตกั ออกมาใสข่ วดโหลแกว้ ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ ก่อนปิดฝาขวดโหล การสะตเุ กลือ วตั ถสุ ่วนประกอบ และอปุ กรณ์ ๑. เกลอื ๒. หมอ้ ดนิ ๓. ทพั พี ๔. เตาถ่าน ๕. ขวดโหลแกว้ ขนั้ ตอนการทาํ ๑. เอาหมอ้ ดนิ ตงั้ บนเตาไฟใหร้ อ้ นจดั ๒. นําเกลอื มาตาํ ใหแ้ หลกละเอยี ด แลว้ เทใสห่ มอ้ ดนิ ปิดฝาไว้ ๓. เมอ่ื เกลอื สุกและแหง้ ดแี ลว้ ยกลงจากเตา ๓. ตงั้ ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ ตกั ใส่ขวดโหลแกว้ ปิดฝา
224 ยาต้ม ยาต้มเป็นรปู แบบการปรงุ ยาสมุนไพรทใ่ี ชม้ านาน เป็นการใชน้ ้ําเป็นตวั ทําละลายยาสมุนไพร ขอ้ ดขี องยาต้ม คอื ดูดซมึ ง่าย ออกฤทธเิ ์ รว็ วธิ กี ารเตรยี มง่ายและสะดวก มขี อ้ เสยี คอื รสชาตแิ ละ กลนิ่ อาจรบั ประทานยากสาํ หรบั บางคน และยาตม้ เกบ็ ไวไ้ มไ่ ดน้ านขน้ึ ราง่าย ถ้าต้องการเกบ็ ไวจ้ ะต้อง ใชส้ ารกนั บดู วิธีการเตรยี มยาต้ม ๑. น้ําและภาชนะ น้ําทใ่ี ชต้ ม้ ยาควรเป็นน้ําสะอาด ใส ไม่มกี ลน่ิ รส ปรมิ าณยาโดยปกตจิ ะใส่น้ําพอท่วม ยา ภาชนะทใ่ี ช้ต้มยาควรเป็นหมอ้ ดนิ เผา หรอื หมอ้ เคลอื บ ไม่ควรใชภ้ าชนะท่เี ป็นโลหะ เช่น เหลก็ เพราะจะทาํ ใหส้ ารแทนนินซง่ึ จะมผี ลต่อฤทธขิ ์ องยาได้ ๒. การเตรยี มยาสมนุ ไพร ยาสมนุ ไพรทใ่ี ชต้ ม้ ควรหนั่ เป็นชน้ิ ขนาดพอดี ถา้ เป็นแก่นกห็ นั่ เป็นชน้ิ ขนาดเท่าๆ กนั ถา้ เป็นใบใหญ่ เช่น ชุมเหด็ เทศ ใหห้ นั่ เป็นชน้ิ เลก็ ๆ แต่ถ้าใบเลก็ เช่น ฟ้าทลายโจร กระเพรา กใ็ ชท้ งั้ ใบขนาดไมค่ วรเลก็ เกนิ ไป เพราะทาํ ใหก้ รองยาตม้ ยากและเวลาตม้ อาจจะไหมไ้ ด้ ๓. การตม้ เตมิ น้ําสะอาดลงในตวั ยา ใหน้ ้ําทว่ มตวั ยา ใชไ้ ฟขนาดกลางตม้ ใหเ้ ดอื ดหลงั จากเดอื ด แลว้ ไฟอ่อนลง ใชเ้ วลาต้ม ๑๐ – ๑๕ นาที ต้องคอยดูแลและคนสม่ําเสมอ อยา่ ใหย้ าไหม้ (การต้มยา ไทย ส่วนใหญ่จะต้ม ๓ เอา ๑ คอื ใส่น้ํา ๓ ส่วน ของปรมิ าณทต่ี ้องการใช้ และต้มให้เหลอื ๑ ส่วน หรอื ต้มรบั ประทานจนยาจดื ไม่เกนิ ๗ – ๑๐ วนั ควรอุ่น เชา้ – เยน็ ทุกวนั ) ยาต้มควรรบั ประทาน เวลาทอ้ งว่าง (ก่อนอาหาร) จาํ นวนครงั้ ละปรมิ าณทก่ี ําหนดในวธิ ใี ชย้ า ยาชง ยาชงเป็นรปู แบบหน่ึงทเ่ี ตรยี มง่าย ส่วนใหญ่เป็นการใชย้ าสมุนไพรแหง้ และเตมิ น้ํารอ้ นเป็น ตวั ทาํ ละลาย ขอ้ อขี องยาชง คอื ดดู ซมึ งา่ ย มกั มกี ลน่ิ หอม และรสชาตดิ ี วิธีการเตรียมยา ยาชงส่วนใหญ่เป็นการนําสว่ นของสมนุ ไพร เช่น ใบหญา้ หนวดแมว, ใบชุมเหด็ เทศ, กลบี รอง ดอกของกระเจย๊ี บมาลา้ งใหส้ ะอาดและผง่ึ ลมใหแ้ หง้ (บางอยา่ งนําไปควั่ หรอื ยา่ งไฟ) เตมิ น้ําเดอื ดลงใน สมุนไพรแห้งนัน้ ท้งิ ไวป้ ระมาณ ๓ – ๕ นาทกี ็ใช้ได้ อย่าท้งิ ยาชงไว้นานเกนิ ไป จะทําให้สรรพคุณ กลนิ่ และรสของยาเปลย่ี นแปลงไป
225 เภสัชตาํ รับ ลาํ ดบั ช่ือยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคณุ หมายเหตุ ท่ี (ขนาดรับประทาน) ๑ ยาจนั ทลลี า ตอกเมด็ เดก็ ครงั้ ละ ๑-๒ เมด็ แกไ้ ข้ แกต้ วั รอ้ น รบั ประทาน (เมด็ ละ ๑.๕ กรมั ) ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ ทุก ๔ ชวั่ โมง วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ยาผง เดก็ ครงั้ ละ ๑/๒ – ๑ ชอ้ นชา ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑-๒ ชอ้ นชา วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒ ยาอมั ฤตวาที ตอกเมด็ ผใู้ หญ่ อมครงั้ ละ ๑-๒ เมด็ แกไ้ อ ขบั เสมหะ (เมด็ ละ ๐.๕ กรมั ) เดก็ ลดลงตามสว่ น วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร หรอื ทุกเวลาทม่ี อี าการ ยาผง ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา เดก็ ลดลงตามสว่ น (ละลายน้ํามะนาว แทรกเกลอื ใชจ้ บิ หรอื กวาดคอ) ๓ ยาเมด็ ขอ่ ย ยาเมด็ ครงั้ ละ ๑ เมด็ เป็นยาอายุวฒั นะ, หญงิ มคี รรภ์ (พมิ พเ์ บอร์ ๒) วนั ละ ๑ ครงั้ กอ่ นนอน แกล้ ม,บาํ รงุ ธาตุ, และ คนไข้ ยาผง ครงั้ ละ ๑ เมด็ เจรญิ อาหาร,บาํ รุงกาํ ลงั , หา้ ม (ปัน้ ลกู กลอน (ละลายน้ําหรอื น้ําผง้ึ ปัน้ แกจ้ กุ เสยี ดแน่นเฟ้อ, รบั ประทาน ลกู กลอน ขนาดเทา่ เมด็ พุทรา) ช่วยยอ่ ยอาหาร ๔ ยาเขยี ว ยาเมด็ เดก็ เลก็ ครงั้ ละ ๒-๓ เมด็ แกไ้ ข้ ตวั รอ้ น เบญจขนั ธ์ เดก็ โต ครงั้ ละ ๔-๕ เมด็ รอ้ นในกระหายน้ํา ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๗-๘ เมด็ (ละลายน้ําสกุ , วนั ละ ๓ ครงั้ น้ําดอกมะลิ หรอื ก่อนอาหาร น้ําดอกไมเ้ ทศ) ยาผง ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑-๒ ชอ้ นชา แกพ้ ษิ หดั หา้ มรบั ประทาน วนั ละ ๓ ครงั้ พษิ อสี กุ อใี ส ปลาทะเล,กุง้ , กอ่ นอาหาร (ละลายน้ําผกั ชตี ม้ น้ําปลา,ตบั หม,ู เดก็ ลดลงตามสว่ น หรอื น้ําหวั แหว้ จนี แตงกวา กบั รากผกั ชตี ม้ )
226 ลาํ ดบั ชื่อยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคณุ หมายเหตุ ที่ (ขนาดรับประทาน) ๕ ยาไฟประลยั ยาผง ครงั้ ละ ๒ ชอ้ นโต๊ะ ขบั น้าํ คาวปลา (หลงั หญงิ มคี รรภ์ กลั ป์ วนั ละ ๒ ครงั้ การคลอดบุตร หา้ มรบั ประทาน เชา้ – เยน็ กอ่ นอาหาร ใชส้ ุราเป็ นกระสาย) ๖ ยาเหลอื ง ตอกเมด็ เดก็ อายุ ๑-๒ เดอื น ครงั้ ละ ๑ เมด็ แกท้ อ้ งเสีย (ใชน้ ้าํ ปิดสมุทร (เมด็ ละ ๐.๑ กรมั ) เดก็ อายุ ๓-๕ เดอื น ครงั้ ละ ๒ เมด็ เปลือกลูกทบั ทิมหรือ เดก็ อายุ ๖-๑๒เดอื นครงั้ ละ๓-๕เมด็ เปลือกแคตม้ กบั น้าํ เดก็ โต ครงั้ ละ ๕-๗ เมด็ ปูนใสเป็ นกระสาย ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๕-๗ เมด็ ถา้ หาน้ํากระสายไมไ่ ด้ วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ใหใ้ ชน้ ้ําสกุ แทน แกท้ อ้ งเสยี อจุ จาระเป็น มกู เลอื ด,แกบ้ ดิ ไมม่ ตี วั (ใชก้ ะทอื หรอื กระชาย หมกไฟผสมกบั น้ําปนู ใส เป็นกระสาย) ๗ ยา ตอกเมด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. แกจ้ กุ เสยี ด ประสะไพล (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. แกร้ ะดไู ม่ปกติ ๓. ขบั น้ําคาวปลา (หลงั การคลอดบตุ ร) ยาผง ครงั้ ละ ๑ เมด็ ละลายน้ําสกุ วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร หรอื น้ําสรุ า ๘ ยาประสะ ตอกเมด็ ผใู้ หญ่ อมครงั้ ละ ๑-๒ เมด็ แกไ้ อ ขบั เสมหะ มะแวง้ (เมด็ ละ ๐.๒ กรมั ) เดก็ ลดลงตามสว่ น วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ยาผง ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา เดก็ ลดลงตามสว่ น (ละลายน้ํามะนาว แทรกเกลอื ใชจ้ บิ หรอื กวาดคอ) ๙ ยาตรหี อม พมิ พเ์ มด็ เดก็ อายุ ๑-๒ เดอื นครงั้ ละ ๑ เมด็ แกท้ อ้ งผกู , ๑.เดก็ ออ่ นละลาย (เมด็ ละ ๐.๒ กรมั ) เดก็ อายุ ๓-๕เดอื นครงั้ ละ๒-๓เมด็ ระบายพษิ ไข้ น้ําสกุ แทรกเกลอื เดก็ อายุ ๖-๑๒เดอื นครงั้ ละ ๕-๗ เมด็ ๒.เดก็ โตละลาย วนั ละ ๑ ครงั้ ก่อนอาหารเชา้ น้ําลูกสมอไทย ตม้ แทรกเกลอื หรอื ดเี กลอื (ตามธาตุหนกั เบา)
227 ลาํ ดบั ชื่อยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคุณ หมายเหตุ ท่ี (ขนาดรับประทาน) ๑๐ ยามหานลิ พมิ พเ์ มด็ เดก็ ครงั้ ละ ๑-๒ เมด็ ๑.แกไ้ ข,้ แกก้ ระหายน้ํา เกล่อื นฝี (แทง่ ทอง) (เมด็ ละ ๐.๕ กรมั ) ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๓-๔ เมด็ (ละลายน้ําสกุ หรอื น้ําดอกมะล)ิ (ละลายน้ําสกุ ๒.แกพ้ ษิ หดั , พษิ อสี กุ อใี ส แทรก (ละลายน้ํารากผกั ชตี ม้ ) พมิ เสน) ๓.ทาสมานปากเป่ือย (ใชล้ กู เบญจกานีฝนแทรก) ๔.ทาแกเ้ หงอื กเป็นเมด็ ซาง เป็นซมุ ขาว ๕.ทาแกล้ น้ิ เป็นฝ้าเป็นหละ ละออง ๑๑ ยาประสะ พมิ พเ์ มด็ เดก็ อายุ ๑-๓ เดอื น ๑.แกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ กระเพรา (เมด็ ละ ๐.๑ กรมั ) ครงั้ ละ ๑-๒ เมด็ (ละลายน้ําสกุ หรอื (ยาเดก็ ) เดก็ อายุ ๔-๖ เดอื น น้ําใบกระเพราแดงตม้ ) ครงั้ ละ ๒-๓ เมด็ ๒.แกป้ วดทอ้ งแน่นทอ้ ง, เดก็ อายุ ๗-๑๒ เดอื น จุกเสยี ด(ใชไ้ พลเผาไฟพอ ครงั้ ละ ๔-๖ เมด็ สกุ ฝนแทรก ละลายน้ํา วนั ละ ๒ ครงั้ เชา้ – เยน็ สรุ า หรอื น้ําตม้ สกุ ) ๑๒ ยาธาตุ ตอกเมด็ เดก็ ครงั้ ละ ๒-๓ เมด็ ๑.แกธ้ าตุไม่ปกต,ิ ทอ้ งเสยี ถา้ หากน้ํา บรรจบ (เมด็ ละ ๐.๒ กรมั ) ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ (ใชเ้ ปลอื กแคหรอื เปลอื ก กระสาย วนั ละ ๓ ครงั้ สะเดาหรอื เปลอื กลกู ทบั ทมิ ไม่ไดใ้ หใ้ ชน้ ้ํา กอ่ นอาหาร ตม้ กบั น้ําปนู ใสเป็น สกุ แทน กระสาย) ๒.แกท้ อ้ งข้ึนทอ้ งเฟ้อ (ใชก้ ระเทียม ๓ กลีบ ทุบ ชงน้าํ ร้อน หรือใชใ้ บกะเพรา ตม้ เป็ นกระสาย) ๑๓ ยาวมิ าน ยาผง เดก็ เลก็ ครงั้ ละ ๑/๒ ชอ้ นชา แกไ้ ขต้ วั รอ้ น, รบั ประทาน ฉมิ พลี เดก็ โต ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา แกข้ ดั เบา ทกุ ๓ ชวั่ โมง วนั ละ ๒ ครงั้ (ใช้ น้ําดอกไมเ้ ทศ เชา้ – เยน็ กอ่ นอาหาร หรอื น้ํารอ้ น เป็นกระสาย)
228 ลาํ ดบั ชื่อยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคุณ หมายเหตุ ที่ พมิ พเ์ มด็ (ขนาดรับประทาน) ๑๔ ยาเขยี วหอม ยาผง เดก็ เลก็ ครงั้ ละ ๒-๓ เมด็ ๑.แกต้ วั รอ้ น,รอ้ นในกระหายน้ํา ๑.ทงั้ ยาผง เดก็ โต ครงั้ ละ ๔-๕ เมด็ (ละลายน้ําสกุ หรอื น้ําดอกมะล)ิ รบั ประทาน ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๗-๘ เมด็ ๒.แกพ้ ษิ หดั ,เหือด,พษิ อีสุกอีใส และชโลม ยาผง วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร (ละลายน้าํ รากผกั ชตี ม้ ) ๒.รบั ประทาน ยาผง ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑-๒ ชอ้ นชา วนั ละ๔-๖ครงั้ พมิ พเ์ มด็ วนั ละ ๓ ครงั้ หรอื ทุกเวลา ก่อนอาหาร ทม่ี อี าการ ยาผง เดก็ ลดลงตามสว่ น พมิ พเ์ มด็ ๑๕ ยาประสะ เดก็ ครงั้ ละ ๑/๒ ชอ้ นชา ๑.แกไ้ ขต้ วั รอ้ น, แกร้ อ้ นใน, รบั ประทาน จนั ทน์แดง ยาผง ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา กระหายน้าํ (ละลายน้าํ สุก ทกุ ๓ ชวั่ โมง วนั ละ ๔ ครงั้ หรอื น้ําดอกมะล)ิ ๑๖ ยาวสิ มั พยา ก่อนอาหาร ๒.แกไ้ ขเ้ ซอ่ื งซมึ (ใช้ ใหญ่ จนั ทน์เทศฝนเป็นน้ํา ๑๗ ยาวาตาธจิ ร กระสาย) ๑๘ ยากระษยั ๑ ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา แกท้ อ้ งขน้ึ อดื เฟ้อ จกุ เสยี ด รบั ประทาน ๑๙ ยากระษยั ๒ วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร (ใชน้ ้ําสกุ เป็นกระสาย หรอื ทกุ ๔ ชวั่ โมง ผสมน้ําผง้ึ ปัน้ เป็นลกู กลอน) ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา ๑.แกว้ งิ เวยี น(ใชน้ ํารอ้ น เดก็ ลดลงตามสว่ น น้ําดอกไมเ้ ทศหรอื น้ําขงิ วนั ละ ๔ ครงั้ แทรกพมิ เสนเป็นกระสาย) ก่อนอาหาร และก่อนนอน ๒.แกค้ ลน่ื เหยี นแกอ้ าเจยี น หรือทุกเวลาที่มีอาหาร แกล้ มในกองอากาศธาตุ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ ๑.แกก้ ระษยั ,ปัสสาวะแดง วนั ละ ๒ ครงั้ ขนุ่ ขน้ , แกอ้ อ่ นเพลยี เชา้ และ ก่อนนอน ทาํ ใหเ้ จรญิ อาหารบาํ รุงธาตุ ๒.แกเ้ สน้ เอน็ ตงึ ๓. แกป้ วดเมอ่ื ยหลงั เอว ครงั้ ละ ๑-๒ ชอ้ นชา วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ ใชร้ ุถ่ายกระษยั (แกโ้ รค ก่อนนอนคนื เวน้ คนื กระษยั ทงั้ ปวง) ครงั้ ละ ๑-๒ ชอ้ นชา กอ่ นนอนคนื เวน้ คนื
229 ลาํ ดบั ชื่อยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคุณ หมายเหตุ ที่ (ขนาดรับประทาน) ๒๐ ยาหอม พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ แกล้ มวงิ เวยี น หน้ามอื , บาํ รงุ หวั ใจ (อมใตล้ น้ิ ) เวลาทม่ี อี าการ อ่อนเพลยี , บาํ รุงหวั ใจ ยาผง ครงั้ ละ ๑-๑ ๑/๒ ชอ้ นชา เวลาทม่ี อี าการ ๒๑ ยากลาธจิ ร ยาผง ครงั้ ละ ๑/๒ – ๑ ชอ้ นชา แกท้ างเตโชธาตพุ กิ าร แกล้ มใน วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ทาํ ใหล้ มกาํ เรบิ คนสงู อายุ ๑. แกล้ มพดั ตงั้ แต่สะดอื ถงึ (ละลาย ลาํ คอ น้ํารอ้ นหรอื ๒.แกล้ มพดั ใหข้ ดั แต่อกถงึ น้ําผง้ึ ) ลาํ คอ ๓.แกล้ มพดั ใหน้ าสกิ ตงึ ๔.แกล้ มหายจดั ๕.แกล้ มหายใจขดั หายใจ ไม่สะดวก ๖.แกล้ มมหาสดมภ์ และ ชวิ หาสดมภ์ ๒๒ ยาหา้ ราก พมิ พเ์ มด็ เดก็ ครงั้ ละ ๒-๓ เมด็ แกไ้ ข้ ถอนพษิ ดบั พษิ ไข้ (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ๒๓ ยาสหสั ธารา พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ ๑.แกป้ วดเม่อื ยกลา้ มเน้ือ (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒.แกล้ มแล่นตามเสน้ ตามเน้อื ๓. แกล้ น้ิ กระดา้ ง คางแขง็ มอื ชา เทา้ ชา ๒๔ ยาหอม พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ ๑.แกล้ มวงิ เวยี น หน้ามดื อนิ ทจกั ร์ (เมด็ ละ ๐.๒ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร อ่อนเพลยี หรอื เวลาทม่ี อี าการ ๒.แกน้ อนไม่หลบั ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๑ ๑/๒ ชอ้ นชา วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร หรอื เวลาทม่ี อี าการ
230 ลาํ ดบั ชื่อยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคุณ หมายเหตุ ที่ (ขนาดรับประทาน) ๒๕ ยาเขยี วใหญ่ พมิ พเ์ มด็ เดก็ เลก็ ครงั้ ละ ๒-๓ เมด็ ๑.แกป้ วดศรี ษะตวั รอ้ นกระทุง้ พษิ ถา้ จะใชท้ งั้ กนิ เดก็ โต ครงั้ ละ ๔-๕ เมด็ ไข้ (ใชน้ ้ํามตู รหรอื น้ําซาวขา้ วเป็น ทงั้ ชโลมใช้ ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๗-๘ เมด็ กระสาย) น้ําซาวขา้ ว วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ๒.แกป้ วดศรี ษะ(ใชด้ นิ สอพองทา) น้ําจนั ทร์ ยาผง ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑-๒ ชอ้ นชา น้ําดอกไม้ เป็นกระสาย ๒๖ ยาแกไ้ อ ยาผง ผใู้ หญ่ ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา แกไ้ อ ขบั เสมหะ (ละลายน้ํา ขบั เสมหะ จบิ ไดท้ กุ เวลาทม่ี ี มะนาวแทรกเกลอื ) อาการ เดก็ ลดลงตามสว่ น ๒๗ ยาเลอื ดสตรี พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ ๑.แกร้ ะดไู มป่ กติ แกม้ ุตกดิ (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร มุตฆาต แกร้ ะดขู าวแกป้ วด ยาผง ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา เม่อื ยเอว (ใชน้ ้ํารอ้ น, วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร น้ําสม้ สายช,ู น้ํามะกรดู , น้ํามะงวั่ , น้ําสม้ ซา่ เหลา้ เป็นกระสาย) ๒. แกล้ มทกุ ชนิด (ใชน้ ้ําขงิ หรอื น้ําสรุ า เป็นกระสาย) ๒๘ ยาฤทธจิ ร ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๑ ๑/๒ ชอ้ นชา ๑. แกท้ อ้ งขน้ึ ทอ้ งเฟ้อ เป็นยา วนั ละ ๓ ครงั้ หรอื เมอ่ื มี (มลี มเป็นกอ้ นในทอ้ ง) สาํ หรบั แก้ อาการ ๒. แกป้ วดทอ้ ง โรคลม ๓. แกป้ วดขดั เจบ็ ตาม กลา้ มเน้อื ๒๙ ยาปะโตละธิ ยาผง วนั ละ ๑-๒ ชอ้ นชา ๑. แกไ้ ขจ้ บั เพ่อื เสน้ เพ่อื ลม ๑.แกไ้ ขแ้ ทรก คุณ วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร เพอ่ื กาํ เดา เพอ่ื เสมหะ ดเี กลอื ตามธาตุ ๒. แกเ้ สน้ กลอ่ น หนกั เบา ปัตคาด (ยาน้ใี ชเ้ ฉพาะ ไขส้ นั นิบาต) ๓๐ ยา ยาผง ครงั้ ละ ๑-๒ ชอ้ นชา แกน้ อนไมห่ ลบั ประสะน้ํานม วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร (พเิ ศษ๑) ๓๑ ยาอบ ยาผง ๑. ใชห้ ่อทาํ ลกู ประคบ ๑.แกป้ วดเมอ่ื ย เสน้ เอน็ ช่วยขบั เหง่อื สมนุ ไพร (บดหยาบ) ประคบตามร่างกายหลงั ทาํ ใหผ้ วิ พรรณเต่งตงึ ลดน้ําหนกั คลอดบุตร ๒. ทาํ ใหน้ ้ําคาวปลาเดนิ ๒. ใชป้ ระคบหน้าทอ้ ง สะดวกมดลกู เขา้ อู่ ๓. ใชต้ ม้ เอาไอน้ํารม ๓. แกป้ วดเมอ่ื ย เสน้ ตงึ เขา้ กระโจม หลงั คลอดบุตร ขดั ยอก
231 ลาํ ดบั ช่ือยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคุณ หมายเหตุ ท่ี (ขนาดรับประทาน) ๓๒ ยาประสะ ยาผง ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา ๑.แกป้ วดทอ้ งจกุ เสยี ดแน่น กานพลู วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒.แกธ้ าตุพกิ ารขบั ลมในลาํ ไส้ ๓๓ ยาชกั มดลกู ยาผง ครงั้ ละ ๑-๒ชอ้ นชา ๑. ช่วยรดั มดลใู หเ้ ขา้ อู่ ใชห้ ลงั คลอด วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. แกป้ วดมดลกู ๓๔ ยาถอนพษิ ยาผง วนั ละ ๑-๒ ชอ้ นชา ๑. ถอนพษิ ประดงแรด ประดง วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. แกพ้ ษิ ประดง (ผน่ื คนั ลมพษิ ) ๓๕ ยาไฟอาวธุ ยาผง ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา ๑. แกซ้ าง ตานโจร วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร หดื น้ํานม ไอผอม เหลอื ง ๒. แกไ้ สพ้ อง ทอ้ งใหญ่ ๓. แกล้ ม จกุ เสยี ด ๔. แกป้ ้าง ๕. แกม้ า้ ม ๖. แกต้ านเสมหะใหป้ วด มวนเสยี ดแทง ๗. แกอ้ ุจจาระเป็นเสมหะ โลหติ ละคนกนั ๘. แกไ้ ขเ้ พ่อื เสมหะ เพ่อื ลม ๓๖ ยาหอม พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. แกล้ มกองงละเอยี ด เนาวโกฐ (เมด็ ละ ๐.๒ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ชชู พี จร บาํ รงุ หวั ใจ หรอื เวลาทม่ี อี าการ ยาผง ครงั้ ละ ๑- ๑ ๑/๒ ชอ้ นชา ๑. แกค้ ลน่ื เหยี นอาเจยี น วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. บาํ รงุ ประสาท ๓๗ ยาทพั ยาธิ พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓-๕ เมด็ ๑. แกล้ มจุกเสยี ด ขบั ลม คณุ ๑ (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ขบั ผายลม ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๑ ๑/๒ ชอ้ นชา ๒. แกม้ า้ ม แกต้ บั แกด้ ซี ่าน วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ๓. แกอ้ าเจยี น ๔. บาํ รุงเลอื ด ๓๘ ยาทพั ยาธิ พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. แกล้ มอมั พาต ปากเบย้ี ว คุณ ๒ (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ๒. แกพ้ ยาธไิ สเ้ ดอื น ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๑ ๑/๒ ชอ้ นชา ๓. แกอ้ ปุ ทม วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ๔. แกเ้ ถาดานเป็นกอ้ น เป็นลกู กลง้ิ ในทอ้ ง
232 ลาํ ดบั ช่ือยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคณุ หมายเหตุ ที่ (ขนาดรับประทาน) ๓๙ ยาธรณี พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. ขบั น้ําคาวปลา สณั ฑะฆาต (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร หลงั การคลอดบุตร หรอื ก่อนนอน ๒. ถ่ายเสน้ ถ่ายกระษยั แกน้ ้ําเหลอื งเสยี ๓. เป็นยาระบาย ๔๐ ยาเบญจกลู พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. ขบั ลมในลาํ ไส้ วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. แกโ้ รคกระเพาะอาหาร ๓. บาํ รุงธาตทุ งั้ ๔ (ธาตุดนิ , น้ํา, ลม, ไฟ) ๔๑ ยาแกไ้ ข้ ยาผง ครงั้ ละ ๒ ชอ้ นชา - แกไ้ ขท้ บั ระดู แกร้ ะดู ทบั ระดู วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ทบั ไข้ (ปวดหวั ตวั รอ้ น จดั ก่อน และขณะมรี ะด)ู ๔๒ ยานงั่ ถ่าน ยาผง ใชโ้ รยลงในเตาถ่านเลก็ แลว้ แกก้ ระบงั ลมเคล่อื นมดลกู ใชห้ ลงั คลอด (บดหยาบ) ใหเ้ อาควนั รมปากช่องคลอด ลงต่าํ ทาํ ใหม้ ดลกู เขา้ อู่ หรอื หลงั ทุกเชา้ –เยน็ (หลงั จากอาบน้ํา คลอดบตุ ร แลว้ )หรอื เวลาพลบค่าํ มลี มดงั ทาง ช่องคลอด (ผายลมทาง ชอ่ งคลอด) ๔๓ ยาแกป้ วด ยาดองเหลา้ ทาบอ่ ยๆ หรอื วนั ละ ๓ ครงั้ แกป้ วดเม่อื ย เป็นยาใชท้ า เมอ่ื ย (ถูทาบรเิ วณเจบ็ ปวด) ภายนอก(หรอื ใชผ้ สมสรุ าทา) ๔๔ ยารดิ สดี วง ยาเคลอื บเมด็ ครงั้ ละ ๕ เมด็ แกโ้ รครดิ สดี วงทวาร ทวาร (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ทาํ ใหห้ วั ยบุ โลหติ ไมอ่ อก ถ่ายอจุ จาระสะดวก ๔๕ ยาถ่าย ยาผง ครงั้ ละ ๑/๒ – ๑ ชอ้ นชา ๑. เป็นยาถ่ายอย่างแรง (ตอ้ งใชอ้ ยา่ ง อยา่ งแรง ก่อนนอน หรอื กอ่ นอาหาร ถ่ายพรรดกึ ระมดั ระวงั ) เชา้ ๒. ถ่ายน้ําเหลอื งแกโ้ รคผ่นื คนั ตามผวิ หนงั ๓. ถ่ายพยาธิ ๔๖ ยาเทพมงคล พมิ พเ์ มด็ เดก็ อายุ ๑ – ๓ เดอื น ๑. แกห้ ละละอองซาง (เมด็ ละ ๐.๑ กรมั ) ครงั้ ละ ๑ เมด็ ๒. แกต้ วั รอ้ น เดก็ อายุ ๔ – ๖ เดอื น ถอนพษิ ไข้ ไขก้ าฬ ครงั้ ละ ๒ เมด็ เดก็ อายุ ๗ – ๑๒ เดอื น ครงั้ ละ ๓ เมด็ รบั ประทานไดท้ กุ เวลา
233 ลาํ ดบั ชื่อยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคณุ หมายเหตุ ท่ี (ขนาดรับประทาน) ๔๗ ยาทอง ยาผง ใชก้ วาดคอเดก็ แกเ้ ดก็ ตวั รอ้ น แกห้ ละ แนบเน้ือ ละอองซาง ดบั พษิ ตานซาง (ยากวาด คอเดก็ ) ๔๘ ยานตั ถุ์ ยาผง ใชย้ าขนาดเท่าหวั ไมข้ ดี ไฟ แกห้ วดั คดั จมกู เป็นยานตั ถุ์ (นตั ถุส์ ดู ดม) น้ํามกู ไหล ใชส้ ดู ดม ทกุ เวลาทม่ี อี าการ ๔๙ ยาแกล้ มขดั ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๒ ชอ้ นชา แกล้ มขดั ในขอ้ (ทาํ ใหป้ วด ในขอ้ วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร เม่อื ยเดนิ ไม่สะดวก) ๕๐ ยาอมั พาต ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๒ชอ้ นชา แกอ้ มั พาต อมั พฤกษ์ ใชร้ ่วมกบั ยา วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร (มอื เทา้ ตาย หยบิ จบั ลาํ ดบั ท่ี ๕๑ ไมส่ ะดวก เดนิ ไมไ่ ด)้ ๕๑ ยาแกล้ ม ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๒ ชอ้ นชา แกล้ มอมั พฤกษ์ อมั พาต ใชร้ ่วมกนั ยา อมั พฤกษ์ วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร มอื เทา้ ตาย คางแขง็ (ใชน้ ้ํา ลาํ ดบั ท่ี ๕๒ อมั พาต มะงวั่ , น้ํามะขามเปียก, น้ํามะกรดู น้ําสม้ ซ่า เป็น กระสาย) ๕๒ แกล้ ม ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๒ ชอ้ นชา แกม้ อื เทา้ ตาย ยกไมข่ น้ึ อโธคมาวาตา วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร เดนิ ไม่สะดวก ใหย้ กมอื ยก เทา้ ไม่ได้ ใหเ้ จบ็ ปวด เมอ่ื ยขบทุกขอ้ ทกุ กระดกู ๕๓ ยาประคบ ยาผง ใชห้ ่อผา้ ทาํ ลกู ประคบ น่งึ ๑.แกป้ วดเมอ่ื ย ตาม ทาํ ลกู ประคบ เสน้ (บดหยาบ) น้ํารอ้ นประคบตามรา่ งกาย ร่างกาย วนั ละ ๒ ครงั้ เชา้ – เยน็ ๒.แกห้ นกั มอื หนกั เทา้ ปลายน้วิ กระดกิ ไมไ่ ด้ ๕๔ ยาอายุวฒั นะ ยาผง ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา แกก้ ระษยั อ่อนเพลยี ๑ วนั ละ ๑ ครงั้ กอ่ นนอน ไม่มแี รง บาํ รงุ เสน้ เอน็ ๕๕ ยาแก้ ยาผง ทาวนั ละ ๒ ครงั้ แกห้ ลงั แขง็ ปวดหลงั ใชท้ า หลงั แขง็ เชา้ – เยน็ หรอื กอ่ นนอน (ละลายกบั เหลา้ ขาว หรอื ภายนอก (ทาเวลาปวด) น้ําสม้ สายช)ู ๕๖ ยาบาํ รงุ พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. แกร้ ะดมู าไมป่ กติ โลหติ (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. ชว่ ยบาํ รุงโลหติ สตรี ๓. เจรญิ อาหาร (ยากาํ ลงั ราชสหี )์
234 ลาํ ดบั ช่ือยา รูปแบบยา มาตรฐานการใช้ยา สรรพคุณ หมายเหตุ ท่ี ยาดองเหลา้ (ขนาดรับประทาน) ๑.แกเ้ ลอื ดลมสตรี นํามาทบุ พอ ครงั้ ละ ๒ ชอ้ นโต๊ะ แกส้ วิ ฝ้า แหลกห่อผา้ ๕๗ ยาแกเ้ ลอื ด วนั ละ ๒ ครงั้ ๒.แกป้ วดประจาํ เดอื น ขาวบางแช่ ลม เชา้ – เยน็ ก่อนอาหาร สรุ า ๒๘ ดกี รี สตรี เป็นเวลา (แกส้ วิ ฝ้า) ๑ อาทติ ย์ ๕๘ ยาอายวุ ฒั นะ พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๑ – ๒ เมด็ บาํ รงุ กาํ ลงั หรอื ใชผ้ สม ๒ (พมิ พเ์ บอร์ ๒) กอ่ นนอน เสรมิ สขุ ภาพ กบั ยาอ่นื ยาผง ครงั้ ละ ๑ ชอ้ นชา ก่อนนอน ๕๙ ยาเบาหวาน พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ แกเ้ บาหวาน ลดน้ําตาล (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ในเลอื ด ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๒ ชอ้ นชา วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๖๐ ยาแกข้ ดั เบา ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๒ ชอ้ นชา แกป้ ัสสาวะขดั (แกน้ ่วิ ) (หรอิ ๒ – ๓ ชอ้ นชา) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๖๑ ยาแกห้ วดั ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๒ ชอ้ นชา แกห้ วดั แกแ้ พอ้ ากาศ แกแ้ พอ้ ากาศ วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ๖๒ ยาลกู จนั ทน์ ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๑ ๑/๒ ชอ้ นชา แกป้ วดทอ้ ง จุกเสยี ด วนั ละ ๓ ครงั้ ก่อนอาหาร ธาตุพกิ าร ๖๓ ยาแกห้ อบ ยาผง ครงั้ ละ ๑ – ๑ ๑/๒ ชอ้ นชา แกห้ อบหดื หดื วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๖๔ ยาขมน้ิ ชนั พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. แกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. รกั ษาโรคกระเพาะ อาหาร ๖๕ ยาฟ้าทลาย พมิ พเ์ มด็ ครงั้ ละ ๓ – ๕ เมด็ ๑. แกไ้ ข้ โจร (เมด็ ละ ๐.๓ กรมั ) วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร ๒. แกเ้ จบ็ คอ ๓. แกท้ อ้ งเสยี ๖๖ น้ํามนั ไพล น้ํามนั ทา ถู นวด ๑. แกป้ วดเมอ่ื ยกลา้ มเน้ือ ๒. แกเ้ คลด็ ขดั ยอก กลา้ มเน้อื ๖๗ ยาหม่องน้ํา น้ํามนั สดู ดม แกว้ งิ เวยี นศรี ษะ
235 ภาคผนวก ข.
236 ปฏิบตั ิการท่ี ๑ แบบปฏิบตั ิการ จาํ นวน ๑๕ ชวั่ โมง จาํ นวน ๙ ชวั่ โมง เภสชั วตั ถุ เรอ่ื ง พชื วตั ถุ วตั ถปุ ระสงค์ ๑. รจู้ กั พชื วตั ถุไดอ้ ยา่ งน้อย ๕๐ ชนิด ๒. สามารถจาํ แนกพชื วตั ถุได้ ๓. สามารถอธบิ ายลกั ษณะของพชื วตั ถุตามหลกั การรจู้ กั ตวั ยา ๕ ประการ ได้ ๔. สามารถเกบ็ ตวั อยา่ งของพชื วตั ถุได้ สาระสาํ คญั พชื วตั ถุทเ่ี รานํามาใชท้ ํายานนั้ สามารถจาํ แนกออกไดเ้ ป็น ๓ จาํ พวก ไดแ้ ก่ จาํ พวก ตน้ , เถา – เครอื , หวั – เหงา้ , ผกั , หญา้ , โดยใชส้ ว่ นต่าง ๆ ของพชื มาทาํ เป็นยา เช่น ราก , ตน้ , กง่ิ , ใบ , ดอก , ลกู หรอื ตะคะเปลอื ก เน้ือไม้ กระพ้ี แก่น เป็นตน้ การทจ่ี ะรจู้ กั พชื ชนดิ ใดนนั้ ตอ้ งมหี ลกั ในการพจิ ารณา คอื รปู ลกั ษณะ สี กลนิ่ รส และ ชอ่ื ซง่ึ เภสชั กรทุกคนทจ่ี ะ นําพชื วตั ถุมาทาํ ยานัน้ จาํ เป็นตอ้ งรหู้ ลกั ตามทก่ี ลา่ วมาแลว้ จงึ จะปรงุ ยาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ ๑. ใหผ้ เู้ รยี นเกบ็ พชื สมนุ ไพรมา ๕ จาํ พวก ๒. จาํ แนกพชื สมนุ ไพรออกเป็นหมวดหมู่ ๓. บอกลกั ษณะของพชื สมุนไพรตามหลกั การรจู้ กั ตวั ยา ๔. บอกแหล่งทม่ี าของพชื สมนุ ไพรทเ่ี กบ็ มา วิธีการ ๑. วางระเรยี บในการฝึกปฏบิ ตั งิ าน ๒. เวลาทป่ี ฏบิ ตั งิ าน ( เรมิ่ เวลา……………………น. ถงึ ……………………….. น.) ๓. ลงนามปฏบิ ตั งิ าน ๔. ปฏบิ ตั งิ านตามทม่ี อบหมาย การประเมินผล ๑. สงั เกตุการปฏบิ ตั กิ าร ๒. ตรวจแบบปฏบิ ตั กิ าร สรปุ ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นการจดั หมวดหมขู่ องพชื วตั ถุ , การจาํ แนกและการพจิ ารณาพชื วตั ถุ ตลอดจนบอกแหล่งทม่ี าของพชื วตั ถุต่าง ๆ
237 แบบประเมินการปฏิบตั ิการ เร่อื ง พชื วตั ถุ ชอ่ื …………………………………… วนั ท…่ี …… เดอื น…………….. พ.ศ. ……......... เวลา …………………………น. ส่วนท่ี ๑ ใส่เครอ่ื งหมาย / ลงในตารางจาํ แนกพชื วตั ถุ ที่ ชื่อพืชวตั ถุ ต้น การจาํ แนกพืชวตั ถุ หญ้า หมายเหตุ เถา-เครือ เหง้า-หวั ผกั สว่ นท่ี ๒ ใหใ้ ชห้ ลกั การรจู้ กั ตวั ยา ๕ ประการ พจิ ารณาพชื วตั ถุในสว่ นท่ี ๑ ๑. ลกั ษณ(รปู )……………………………………………………………………………………… ........................................................................................................................................ ๒. สี ...................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ๓. กลน่ิ ................................................................................................................................. .......................................................................................................................................... ๔. รส.................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ๕. ชอ่ื (รวมช่อื ทอ้ งถนิ่ ทเ่ี กดิ ดว้ ย) …………………………………………........................... …………………………………………………………………………………………………
238 แบบสงั เกตกุ ารปฏิบตั ิการ เร่อื ง พชื วตั ถุ วนั ท…่ี ……เดอื น………………………พ.ศ……….เวลา………………น. ที่ ชื่อผเู้ รียน ความสนใจ เจตคติ ผลงาน หมายเหตุ ๑ การตรงต่อเวลา ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ฯลฯ ครผู ปู้ ระเมนิ ………………………………………………………………….. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑. คอื ตอ้ งปรบั ปรงุ ๒. คอื พอใช้ ๓. คอื ดี
239 แบบปฏบิ ัตกิ าร ปฏิบตั ิการที่ ๒ เรื่อง สตั วว์ ตั ถุ จาํ นวน ๓ ชว่ั โมง วตั ถุประสงค์ ๑. รู้จกั สตั วว์ ตั ถุได้ ๓ จาํ พวก ๒. สามารถจาํ แนกสัตวว์ ตั ถุได้ ๓. อธิบายลกั ษณะของสตั วว์ ตั ถุตามหลกั การรู้จกั ตวั ยา ๕ ประการ ได้ ๔. สามารถเก็บตวั อยา่ งของสัตวว์ ตั ถุได้ สาระสําคญั สัตวว์ ตั ถุท่ีเรานาํ มาใชท้ าํ ยาน้นั สามารถจาํ แนกออกไดเ้ ป็น ๓ จาํ พวก ไดแ้ ก่ สตั วบ์ ก สตั วน์ ้าํ สัตวอ์ ากาศ โดยใชส้ ่วนตา่ ง ๆ ของสตั วม์ าทาํ เป็ นยา เช่น ขน หนงั เขา นอ เข้ียว งา ฟัน กรวด กราม ดี หวั หาง เล็บ กีบ กระดูก เน้ือ เอน็ เลือด น้าํ มนั มูล ฯลฯ การท่ีจะรู้จกั สัตวช์ นิดใด น้นั ตอ้ งมีหลกั การในการพิจารณา คือ รูปลกั ษณะ สี กลิ่น รส และชื่อ ซ่ึงเภสัชกรทุกคนที่จะนาํ สัตวว์ ตั ถุมาทาํ ยาน้นั จาํ เป็นตอ้ งรู้จกั หลกั ตามที่กล่าวมาแลว้ จึงจะปรุงยาไดถ้ ูกตอ้ ง ข้นั ตอนการปฏบิ ัติ ๑. ใหผ้ เู้ รียนหาสตั วส์ มุนไพรมา ๓ จาํ พวก ๒. จาํ แนกสตั วส์ มุนไพรออกเป็นหมวดหมู่ ๓. บอกลกั ษณะของสัตวส์ มุนไพรตามหลกั การรู้จกั ตวั ยา วธิ กี าร ๔. บอกแหล่งท่ีมาของสัตวส์ มุนไพรที่เกบ็ มา ๑. วางระเบียบในการฝึกปฏิบตั ิงาน ๒. เวลาที่ปฏิบตั ิงาน ( เริ่มเวลา……………………น. ถึง ……………………….. น. ) ๓. ลงนามปฏิบตั ิงาน ๔. ปฏิบตั ิงานตามที่มอบหมาย การประเมนิ ผล ๑. สังเกตุการปฏิบตั ิงาน สรุป ๒. ตรวจแบบปฏิบตั ิการ ผเู้ รียนปฏิบตั ิไดใ้ นการจดั หมวดหมูข่ องสัตวว์ ตั ถุ , การจาํ แนกและการพิจารณาสตั วว์ ตั ถุ ตลอดจนบอกแหล่งที่มาของสัตวว์ ตั ถุตา่ ง ๆ
240 แบบประเมินการปฏิบตั ิการ เร่อื ง สตั วว์ ตั ถุ ช่อื …………………………………… วนั ท…่ี …… เดอื น…………….. พ.ศ. ……......... เวลา …………………………น. สว่ นท่ี ๑ ใสเ่ ครอ่ื งหมาย / ลงในตารางจาํ แนกสตั วว์ ตั ถุ ท่ี ชื่อสตั วว์ ตั ถุ การจาํ แนกสตั วว์ ตั ถุ หมายเหตุ สตวบ์ ก สตั วน์ ํ้า สตั วอ์ ากาศ ส่วนท่ี ๒ ใหใ้ ชห้ ลกั การรจู้ กั ตวั ยา ๕ ประการ พจิ ารณาสตั วว์ ตั ถุในสว่ นท่ี ๑ ๑. ลกั ษณะ (รปู ).................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ๒. สี .................................................................................................................................. ...................................................................................................................................... ๓. กลน่ิ .............................................................................................................................. ....................................................................................................................................... ๔. รส.................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ๕. ชอ่ื (รวมชอ่ื ทอ้ งถน่ิ ทเ่ี กดิ ดว้ ย) ................................................................................................. ...................................................................................................................................................
241 แบบสงั เกตกุ ารปฏิบตั ิการ เร่อื ง สตั วว์ ตั ถุ วนั ท…่ี ……เดอื น………………………พ.ศ……….เวลา………………น. ท่ี ช่ือผเู้ รียน ความสนใจ เจตคติ ผลงาน หมายเหตุ ๑ การตรงต่อเวลา ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ฯลฯ ครผู ปู้ ระเมนิ ………………………………………………………………….. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑. คอื ตอ้ งปรบั ปรุง ๒. คอื พอใช้ ๓. คอื ดี
242 แบบปฏิบัตกิ าร ปฏิบตั ิการท่ี ๓ เรื่อง ธาตุวตั ถุ จาํ นวน ๓ ชว่ั โมง วตั ถุประสงค์ ๑. รู้จกั ธาตุวตั ถุได้ ๓ จาํ พวก ๒. สามารถจาํ แนกธาตุวตั ถุได้ ๓. อธิบายลกั ษณะของธาตุวตั ถุตามหลกั การรู้จกั ตวั ยา ๕ ประการ ได้ ๔. สามารถเก็บตวั อยา่ งของธาตุวตั ถุได้ สาระสําคญั ธาตุวตั ถุที่เรานาํ มาใชท้ าํ ยาน้นั สามารถจาํ แนกออกไดเ้ ป็น ๒ จาํ พวก ไดแ้ ก่ ธาตุวตั ถุท่ี สลายตวั ง่าย และธาตุวตั ถุที่สลายตวั ยาก โดยใชส้ ่วนต่าง ๆ ของธาตุมาทาํ เป็นยา แต่บางอยา่ งตอ้ ง สะตุเสียก่อนจึงจะนาํ มาใชท้ าํ ยาได้ การท่ีจะรู้จกั ธาตุวตั ถุชนิดใดน้นั ตอ้ งมีหลกั การในการพิจารณา คือ รูปลกั ษณะ สี กลิ่น รส และชื่อ ซ่ึงเภสัชกรทุกคนที่จะนาํ ธาตุวตั ถุมาทาํ ยาน้นั จาํ เป็นตอ้ งรู้จกั หลกั ตามท่ีกล่าวมาแลว้ จึงจะปรุงยาไดถ้ ูกตอ้ ง ข้นั ตอนการปฏบิ ัติ ๑. ใหผ้ เู้ รียนหาธาตุวตั ถุมา ๒ จาํ พวก ๒. จาํ แนกธาตุวตั ถุออกเป็นหมวดหมู่ ๓. บอกลกั ษณะของธาตุวตั ถุตามหลกั การรู้จกั ตวั ยา ๔. บอกแหล่งที่มาของธาตุวตั ถุท่ีเก็บมา วธิ กี าร ๕. วางระเบียบในการฝึกปฏิบตั ิงาน ๖. เวลาท่ีปฏิบตั ิงาน ( เริ่มเวลา……………………น. ถึง ……………………….. น. ) ๗. ลงนามปฏิบตั ิงาน ๘. ปฏิบตั ิงานตามท่ีมอบหมาย การประเมนิ ผล ๖. สงั เกตุการปฏิบตั ิงาน สรุป ๗. ตรวจแบบปฏิบตั ิการ ผเู้ รียนปฏิบตั ิไดใ้ นการจดั หมวดหมู่ของธาตุวตั ถุ, การจาํ แนกและการพจิ ารณาธาตุวตั ถุ ตลอดจนบอกแหล่งที่มาของธาตุวตั ถุต่าง ๆ
243 แบบประเมินการปฏิบตั ิการ เร่อื ง ธาตุวตั ถุ ชอ่ื …………………………………… วนั ท…่ี …… เดอื น…………….. พ.ศ. ……......... เวลา …………………………น. สว่ นท่ี ๑ ใสเ่ ครอ่ื งหมาย / ลงในตารางจาํ แนกธาตุวตั ถุ ท่ี ชื่อธาตวุ ตั ถุ การจาํ แนกธาตวุ ตั ถุ หมายเหตุ ธาตสุ ลายตวั งา่ ย ธาตสุ ลายตวั ยาก สว่ นท่ี ๒ ใหใ้ ชห้ ลกั การรจู้ กั ตวั ยา ๕ ประการ พจิ ารณาพชื วตั ถุในส่วนท่ี ๑ ๑. ลกั ษณะ (รปู )........................................................................................................... ............................................................................................................................... ๒. สี ............................................................................................................................. ................................................................................................................................ ๓. กลนิ่ ..................................................................................................................... ................................................................................................................................ ๔. รส ............................................................................................................................ .................................................................................................................................. ๕. ชอ่ื (รวมช่อื ทอ้ งถน่ิ ทเ่ี กดิ ดว้ ย) .............................................................................................. ...............................................................................................................................................
244 แบบสงั เกตกุ ารปฏิบตั ิการ เรอ่ื ง ธาตุวตั ถุ วนั ท…่ี ……เดอื น………………………พ.ศ……….เวลา………………น. ที่ ช่ือผเู้ รียน ความสนใจ เจตคติ ผลงาน หมายเหตุ ๑ การตรงต่อเวลา ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ฯลฯ ครผู ปู้ ระเมนิ ………………………………………………………………….. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑. คอื ตอ้ งปรบั ปรงุ ๒. คอื พอใช้ ๓. คอื ดี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263