101 ภาพที 5.5 เสียมขดุ ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 4.2 อุปกรณ์ทีใช้ในการปลูกพืช เป็นอุปกรณ์ทีมคี วามจําเป็นต่อจากอุปกรณ์เตรียมดินเพอื ให้ไม้ดอกไม้ประดับเจริญเติบโตต่อไป อปุ กรณ์ทีสําคัญ ได้แก่ จอบ พลั ว เสียม ช้อนปลูกภาชนะปลูก ไม้หลักยึดต้นไม้ เครืองมือทําร่องเพาะเมล็ด เป็นต้น ภาพที 5.6 จอบสําหรับปลูกพืช ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 4.3 อุปกรณ์ทีใช้ในการให้นํา เป็นอุปกรณ์ทีจําเป็นจะต้องใช้เมือปลูกไม้ดอกไม้ประดับแล้วควรจะต้องรดนํ าเพอื ให้ดินยึดติดรากพชื ให้มากขึ น อปุ กรณ์ให้นํ ามีอยู่หลายชนิด มีทั งชนิดใช้แรงคน เช่น บัวรดนํ า กระป๋ อง โพลงสาดนํ า สายยาง และหัวฉีดนํ า บางชนใิดชก้แ็ รงเครืองยนต์หรือมอเตอร์ได้แก่ เครืองสูบนํ าชนดิ ต่าง ๆ เครืองพ่นหมอก สปริงเกอร์รูปแบบต่าง ๆ มีชนิดทีพ่นนํ าอยู่กับทีหรือชนิดทีให้นํ าหมุนรอบตัว รูปแบบการให้นํ ามีทั งให้แบบเหนือหัว และประเภท
102ให้นํ าแบบหยด จะเลือกใช้อุปกรณ์ชนิดใดต้องขึ นยอู่กับขนาดของธุรกิจทีทํา รวมทั งจํานวนพันธุ์ไม้ทีผลติ ด้วยหรืออาจขึ นอยู่กับเงินทุนในการดําเนินการวา่ มีมากหรือน้อย ซึงราคาอุปกรณ์กแ็ ตกต่างกันไป ภาพที 5.7 บัวรดนํ า ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 4.4 อุปกรณ์ในการปฏิบัติดูแลรักษา อุปกรณน์ ี มคี วามสําคัญแลจําเป็นต่อการผลติ พันไธมุ์ ้มากเนืองจากอุปกรณ์ช่วยให้ผลผลติ มคี ุณภาพดี โรงเรือนสะอาดเรียบร้อย ปลอดภัยในการปฏิบัติงานอปุ กรณ์ทีใช้ ได้แก่ 4.4.1 ชุดปฏิบัติการตัดแต่งรูปทรง ได้แก่ มีด ขวาน เลือย ตัดแต่งกิง กรรไกรกระตุกกรรไกรตัดแต่ง กรรไกรตัดหญ้า เป็นต้น ภาพที 5.8 เลือยตัดแต่ง ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
103 4.4.2 ชุดปฏบิ ัติการพรวนดินและกําจัดวัชพชื ได้แก่ จอบถาก จอบพรวน ซ่อมพรวนคราดเหล็ก ถังพน่ ยากําจัดวัชพืช เครืองตัดหญ้า รถไถจานพรวนชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ภาพที 5.9 ถังพ่นยากําจัดวัชพชื ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 4.4.3 ชุดปฏบิ ัติการป้ องกันกําจัดศัตรูพืชได้แก่ ชุดป้ องกันสารเคมี รองเท้าบูท ถังฉีดยาฆา่ แมลงชนิดต่างๆ เครืองฉีดยาแรงสูงพร้อมอุปกรณ์ แก้วตวงสาร และยาฆา่ โรคแมลงเป็นต้น ภาพที 5.10 รองเท้าบทู ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
104 4.4.4 ชุดปฏิบัติการทําความสะอาดโรงเรื อน ได้แก่ ถังขยะ รถเข็นขยะ ไม้กวาดทางมะพร้าว คราดมือเสือ แปรงลวด ผ้าขี ริ ว ผ้ากันเปื อน หัวฉีดพร้อมสายยาง นํ าายฆ่าเชือผงซักฟอก เป็นต้น ภาพที 5.11 คราดมือเสือ ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ 4.5 อุปกรณ์ในการให้ความสะดวกอืน ๆ เป็นอปุ กรณ์ทีช่วยให้งานเสร็จรวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิงขึ น ทีสําคัญ ได้แก่ บุ้งกี แก้วตวงยา สารเคมี ตาชัง รถเข็นแบบต่าง ๆ พัดลมเครืองผสมดินปลูก เครืองย่อยเศษวัสดุ เครืองตรวจสอบดนิ เครืองตัดหญ้า เครืองตัดแต่งรูปทรงเครืองหวา่ นและปลูกพชื ถังขยะ ถุงมอื ยาง เป็นต้น ภาพที 5.12 รถเขน็ ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
105 4.6 อุปกรณ์เครอื งมือเครืองใช้พิเศษ เป็นอปุ กรณ์ทีมีประสิทธิภาพในการผลติ และปฏิบัติดูแลรักษา ส่วนมากมีขนาดใหญ่และมรี าคาแพง สถานเพาะชําไม้ประดับทีมีขนาดกิจการใหญ่ ๆจําเป็นต้องมไี ว้ใช้ เช่น เครืองผสมดิน เครืองย่อยวัสดุ เคอรืงกะเทาะเมล็ดและนวดเครืองพน่ หมอก เครืองควบคุมอุณหภมู ิ ความชืน ความร้อน เครืองตรวจสอบดิน เป็นต้น ภาพที 5.13 เครืองผสมดินปลูก ถ่ายภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ 4.7 วัสดุจําเป็ นจะต้องใช้ในการผลิต ไม้ดอกไม้ประดับส่วนมากจะเป็นพืชอายุสั นโดยเฉพาะไม้ดอกล้มลกุ หรือไม้กระถาง จําเป็นต้องใช้วัสดุปลูกทีอดุ มสมบรู ณ์ เพราะรากพชื จะถูกจํากัดภายในกระถาง ถ้าวัสดุปลูกไม่มธี าตุอาหาร หรือธาตุอาหารมนี ้อย จะทําให้พชื แคระแกร็นและตายในทีสุด วัสดุปลูกทีใช้จึงจะต้องมคี ุณภาพดีและดแี ละเหมาะสม ส่วนมากจะเป็นวัสดุประเภทสินเปลือง ได้แก่ 4.7.1 วัสดุทีใชเ้ป็นส่วนผสมของวัสดุปลูก การปรับปรุงวัสดุปลูกให้มสี ภาพเหมาะสมนั นสามารถทําได้ด้วยการใช้อินทรียวัตถชุ นิดต่างๆทีมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น ปุ ๋ ยคอก ทรายหยาบ ขุยมะพร้าว ถา่ นแกลบ ฟางข้าวแกลบ เปลอื กถั ว ขี เลือย ขกีบ ซังข้าวโพด และอืนๆ วัสดุเหลา่ นี มคี ุณสมบัติเฉพาะตัวทีปรับปรุงวัสดุปลูกให้เหมาะสมแตกต่างกันไป(มุกดา, 2547) 1) อนิ ทรียวัตถุ(Organic Matter) เป็นสิงทีมีความสําคัญและจําเป็น ต้องใส่ดินผสมเพราะอินทรียวัตถุช่วยทําให้คุณสมบัติของดนิ ผสมดีขึ นเช่นทําให้ดินผสมทีบรรจุในภาชนะร่วนโปร่งเกบ็ รักษาความชืนระบายนํ า อากาศในภาชนะปลูกได้ดียิงขึ น นอกจากนั นอินทรียวัตถุยังเป็นตัวซับ(Buffer) ให้แก่ดินปลูกด้วยมปี ระโยชนเ์ ช่น ช่วยลดความเป็นกรดเป็นด่างของดินปลูก ลดความเข้มข้นของปุ ๋ ยทีผสมลงไปในดินปลูกนอกจากนี อินทรียวัตถตุ ่าง ๆ เมอื สลายตัวแล้ว
106ยังให้พวกธาตุอาหารรอง(Trace element) แก่ดินผสมอีกด้วย อนิ ทรียวัตถทุ ีนิยมใช้ผสมดินปลูกมีดังต่อไปนี - ขี เถ้าแกลบได้จากการเผาแกลบตามโรงสีข้าว ขี เถ้าแกลบทีได้มสี ีดํานํ าหนักเบาร่วนโปร่ง มสี ภาพเป็นด่าง จะมากหรือน้อยแล้วแตค่ วามเกา่ หรือใหม่ของขี เถ้าแกลบ ถ้าหากใหม่กม็ ีฤทธิ เป็นด่างการใช้ขี เถ้าแกลบเก่าค้างปี ผสมดินปลูก จะทําให้ดินผสมร่วนโปร่ง ระบายนํ าอากาศดี รากพชื ในภาชนะปลูกเจริญได้และรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิงเหมาะสมกับพืชทียาย้จากการปักชําลงปลูกในภาชนะ ภาพที 5.14 ขี เถาแกลบ ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ - เปลือกถั วลิสง หาได้ตามโรงงานโม่ถั วทั ว ๆ ไป ลักษณะของเปลอื กถั วลสิ งทีได้ ส่วนใหญ่เป็นเปลอื กป่ น หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง ข้อดีของการใช้เปลือกถั ว ถั วลิสงผสมดินปลูก กค็ ือ มีนํ าหนักเบาและสลายตัวค่อนข้างง่าย ทําให้ดินผสมร่วนโปร่ง ข้อเสียตรงทีวา่ เปลือกถั วลิสงมักเป็นแหล่งของเชือรา และถ้าใช้ในลักษณะเปลอื กถั วลิสงหยาบผสมลนงใ ภาชนะดินผสมจะยุบตัวเร็ว เป็นอันตรายแก่รากได้ ควรหมักเปลอื กถั วเอาไว้ให้สลายตัวเสียก่อน จึงนํามาผสมดินปลูก - ขุยมะพร้าว ได้จากโรงงานเส้นใยมะพร้าว หลังจากทีนวดเอาเป็นเส้นใยมะพร้าวออกไปจากเปลอื กในส่วนของกาบมะพร้าว (Mesocarp) แล้ว ขยุ มะพร้าวทีดีจะตอ้ งป่ นละเอยี ดเป็นชินเล็ก ๆ ทิงตากแดดตากฝนหรือแช่นํ าทิงไว้ไตมํา่ กว่า6 เดือน ปัจจุบันนิยมใช้ขยุ มะพร้าวผสมดินปลูกกันมากเพราะวา่ หาง่าย ราคาถูก คุณสมบัติเหมาะสมทีจะผสมดินปลูก เช่น อุ้มนํ าได้ดีเป็นพเิ ศษ ทําให้ดินผสมมนี ํ าหนักเบา ร่วนโปร่ง ระบายนํอาากาศดี เป็นต้น ข้อเสียของการใช้ขุย
107มะพร้าวผสมดินปลูก ก็อยู่ทีความเก่าหรือใหม่ของขุยมะพร้าวทไี ด้ เพราะถ้าใหมเ่ กินไปอาจเป็นพษิแก่รากพืชได้ และบางครั งทําให้มีปัญหาเรืองปลวกรบกวนอีกด้วย ภาพที 5.15 ขยุ มะพร้าว ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ - กาบมะพร้าวสับ ได้จากการนําเอากาบมะพร้าวทั งกาบมาสับเป็นชิน ๆ ขนาดความ กว้างยาวประมาณ1 ½ - 2 เซนติเมตร แล้วแช่นํ าเอาไว้ให้จืด นิยมใช้กันแพร่หลายทๆัวไป ในภาคกลางหรือในสภาพของดินปลูกทีเป็นดินเหนียว ข้อดีอยู่ทีทําให้ดินเหนียวร่วน รากเดิน ได้สะดวก ข้อเสียอยู่ตรงทีว่าดินผสมทีใช้กาบมะพร้าวสับผสม มักจะปลูกพชื ในภาชนะ ได้ไม่นาน เพราะกาบมะพร้าวสับเปื อย กต็ ้องเปลยี นดินปลูกใหม่ เพราะถ้าไม่เปลียนจะเป็น อันตรายแก่รากได้ ภาพที 5.16 กาบมะพร้าวสับ ถ่ายภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ
108 - เศษชานอ้อยหมัก หาได้ตามโรงงานอตุ สาหกรรมนํ าตาลทราย เป็นกากอ้อยหมักทีได้จากชานอ้อยหมกั ค้างปี มสี ีนํ าตาลดําป่ นและละเอียด เพราะชานอ้อยเน่าเปื อยยุบตัวลงเศษชานอ้อยหมักมฤี ทธิ เป็นกรดเล็กน้อย แต่ราคาถูกและหาง่าย - ใบก้ามปู (จามจุรี) และใบทองหลาง ได้จากการเก็บใบก้ามปูและใบทองหลางหาง่ายและมปี ริมาณมาก จึงนิยมใช้กันในปัจจบุ ัน - ใบมะขามผุ ได้จากการนําเอาใบมะขาม หล่นอยู่ตามต้นมาหมักให้เน่าเปื อยสลายตัวแล้วนําไปผสมดินปลูก ซึ งเหมาะสมกับพืชบางชนิดทีนิยมกันมาก คือ นิยมใช้ผสมดินปลูกพวกบอนสี (Caladium) กันในปัจจุบัน - ใบไผ่หมัก ได้จากการร่วงของใบไผ่หล่นในกอ ในสภาพเน่าเปื อยผุพัง แล้วใบไผ่สลายตัวง่าย ทําให้ดินผสมร่วนโปร่งและนํ าหนกั เบา บางทีการใช้ใบไผ่อาจติดพวกดินมาดว้ ยเรียกวา่ ดินขุยไผ่ ซึงมีคุณสมบัติทีดีมากในการใช้ดินผสม - ผักตบชวา ได้จากการนาํ ผักตบชวาขึ นมาจากนํ า มากองหมักไจวน้ เน่าเสียหรือเปื อยสลายตัว โดยเหตุทีผักตบชวาเป็นพชื อวบนํ า จึงสลายตัวได้ง่ายจึงควรหมักให้สลายตัวหมดก่อนจึงนําไปผสมดินปลกู เพือป้ องกันการยุบตัวของดินผสมในภาชนะปลกู ผักตบชบาเป็ นผักทีดูดซบัอาหารต่าง ๆ ไว้ได้มากโดยเฉพาะรากผักตบชวา จึงสามารถทําให้ธาตุอาหารรองแก่ดินผสมได้มากข้อเสียอยู่ทีการใช้ผักตบทียังไมส่ ลาย ตัวดีพอซึงมผี ลทําให้รากพืชทีปลูกเน่าได้ หรือเป็นอันตรายได้ถ้าหากดินในภาชนะปลูกยุบตัวอย่างรวดเร็ว - ขี เลือยขี กบ นิยมใช้กันบ้างในบางท้องที พวกขี เลือย ขี กบ ทีใช้ผสมดินปลูกมีข้อดี ในการทําให้ดินผสมร่วนโปร่งดี แต่ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกัน เช่น ถ้าใช้ขี เลือยขี กบจากไม้มียาง ยางของไม้จะเป็นอันตรายแก่รากพชื ทีปลูกได้ นอกจากนั นขี เลือยขี กบทีใช้ผสมดินปลูกยังมีอัตราส่วนของคาร์บอนกับไนโตรเจน ( C : N Ratio ) กว้าง จึงสลายตัวยาก และเป็นทีอาศัยของพวกโรคราต่าง ๆ ภาพที 5.17 ขี เลือย ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
109 2) อนินทรียวัตถุ ได้แก่ อฐิ ทบุ เศษกระถางแตก ปนู ขาว กรวด หินใช้เป็นวัสดุผสมดินปลูกเพอื ให้มกี ารระบายนํ าได้มากขึ น เช่น กรวด หิน หรือบางครั งก็ใช้เป็นส่วนประกอบทีสําคัญของดินผสมเพอื ดูดซับความชืนให้มากขึ นเช่น การปลูกชวนชม แคสตัสกุหลาบหินหน้าวัว โป๊ ยเซียน จะใช้พวกอฐิ ทุบ เศษกระถางแตก ถ่านไม้ เป็นต้น และนอกจากนี ยังนําไปใช้เป็นวัสดุรองก้นภาชนะปลูก จุดประสงค์เพือให้ภาชนะ ปลูกมอี ากาศ ถ่ายเทอากาศและระบายนํ าได้ดียิงขึ น โดยใช้เศษกระถางแตกรองก้นภาชนะ ภาพที 5.18 กระถางแตก ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 3) ดิน ดินทีใช้สําหรับผสมลงในดินผสมสําหรับปลูกพชื ทีใช้กันอยู่ในปัจจุบันมหี ลาย ชนิดพอแยกได้ดังนี (1) ดินร่วน เป็นดินทีมีคุณภาพเหมาะสมแก่การผสมดนิ ปลูก เพราะเป็นดินค่อนข้างเบา ดูดซับความชืนและระบายอากาศได้ดี แหลง่ ของดินร่วนทจี ะหาได้ เช่น หน้าดินดินตามป่ าเปิ ดใหม่ ดินตามชายเขา และดินขุยไผ่ เป็นต้น (2) ดินเหนียว เป็ นดินทีมีคุณสมบัติไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก สําหรับผสมเป็นดินปลูกพืชเพราะมีนํ าหนกั เป็ นก้อนจับตัวกันแน่นเป็ นดินทีมีการระบายนํ าไม่ดี การใช้ดินเหนียวเป็นดินผสมจึงต้องคํานึงถงึ การเพิมปริมาณของอนิ ทรียวัตถุลงในดินให้มีปริมาณพอเพียงทีจะช่วยให้ดินผสมมีการระบายนํ าและอากาศดี (3) ดินทราย เป็นทรายหยาบนํ าจืด เพราะปราศจากเกลอื ซึงเป็นพษิ ต่อรากพชืการใส่ทรายหยาบลงในดินผสม เพอื ช่วยการระบายนํ า การระบายอากาศ นอกจากนั นทรายหยาบยังเหมาะสมกับการปลูกพืชและเพอื วตั ถุประสงค์เฉพาะอย่างได้อกี ด้วย เช่น บังคับหรือจํากัดการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด การปลูกพชื พวกแคสตัสหรือพวกไม้อวบนํ า เป็นต้น
110 4) ปุ ๋ ย เป็ นแหล่งของแร่ธาตุอาหาร ทีมีความจําเป็ นจะต้องใส่ในดินผสมเพราะปุ ๋ ยจะช่วยให้พชื เจริญได้ดีในสภาพภาชนะปลูกและดินผสมทจี ํากัดปุ ๋ ยทีใช้ใส่ในดินผสมแบ่งออกเป็ น2 ชนิด (1) ปุ ๋ ยวทิ ยาศาสตรท์ ีผู้ปลูกใช้มีอยู่หลายชนิด ขึ นอยูก่ ับพืชทปี ลกู ลงไปในดินและการผสมดินปลูก ว่าต้องการดูดอก ทรงต้น หรือทรงพุ่ม ซึงส่วนใหญ่แล้วสูตรปุ ๋ ยผสมทีใส่ในดินผสมนิยมใส่ปุ ๋ ยพวกทีมีธาตุอยูค่ รบถ้วนและนิยมใช้ปุ ๋ ยทีค่อนข้างละลายนํ ายากใส่ผสมในดินผสมไว้ก่อนทีจะนาํ ไปปลูก เช่นปุ ๋ ยสูตร15-15-15, 16-16-16 และ 13-13-21 เป็ นต้น ส่วนพวกปุ ๋ ยเคมีทีละลายนํ าได้ดีนั น นิยมละลายนํ ารดพืชทีปลกู ในดินผสม หลังจากปลกู พืชในภาชนะปลกูแล้ว เช่นปุ ๋ ยสูตร46-0-0 (2) ปุ ๋ ยอินทรีย์ ได้แก่ ปุ ๋ ยคอก ทีผสมดินปลูกนั น ได้มาจากปุ ๋ ยคอกหลายชนิด เช่น - ปุ ๋ ยมูลเป็ดเป็นปุ ๋ ยทมี คี วามเข้มข้นของเนือปุ ๋ ยตํา แปตัจ่ จุบันผผู้ ลิตไม้ดอกไม้ประดับนิยมใชป้ ุ ๋ ยมูลเป็ดกันมาก ทําใมหรี ้ าคาปุ ๋ ยค่อนข้างสูง และมีสิงเจือปนในเปอร์เซน็ ตค์ ่อนข้างมาก เชน่ ใช้แกลบ ขี เลอื ยขี กบรองพืนคอกในอัตราสูงกว่าปกติ ดงั นั น อัตราการผสมปุ ๋ ยขี เป็ดลงในดินผสม จึงควรพจิ ารณาถึงความเข้มข้นของเนือปุ ๋ ยด้วยว่าเข้มข้นมากน้อยเพยี งไร ข้อดีของการใส่ปุ ๋ ยมูลเป็ดลงในดินผสม คือ ไมม่ ีเมล็ดวัชพชื ติดมากับปุ ๋ ยสะดวกแก่การผสมเพราะวา่ ร่วนซุย มปี ริมาณของอนิ ทรียวัตถุทีมากับปุ ๋ ยเป็นปริมาณมากและทําให้ดินผสมทีได้ร่วนโปร่งเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช - ปุ ๋ ยมูลโค เป็ นปุ ๋ ยทีใช้ผสมดินปลูกได้ดีพอสมควร เพราะเป็ นปุ ๋ ยทีมีความเข้มข้นของเนือปุ ๋ ยน้อย มีอนิ ทรียวัตถอุ ยู่มาก ไมเ่ ป็นอันตรายแก่รากพชื เหมอื นปุ ๋ ยอนื ปุ ๋ ยมลู โคนั นมีความเข้มข้นของธาตุอาหารแตกต่างกันตามชนิดของอาหารทีให้โคกิน ปุ ๋ ยมูลโคทีใช้ผสมดินปลกูควรใช้ในขณะทีปุ ๋ ยเน่าเปื อยสลายตัว(Ferment) แล้ว หรือใช้ในลักษณะของปุ ๋ ยแห้ง ข้อเสียของปุ ๋ ยมูลโคกค็ ือ มีเมล็ดวัชพืชเจือปนอยูใ่ นปุ ๋ ยมากและเมล็ดวัชพืชจะไปเจริญในภาชนะ ทําให้เสเียวลาและแรงงานในการกําจัด - ปุ ๋ ยมูลสุกร เป็ นปุ ๋ ยทีนิยมใช้กันกว้างขวาง ในการผสมดินปลกู เพราะปุ ๋ ยนีจะได้มูลสุกรติดไปด้วย ควรใช้ในลักษณะของมูลสุกรแห้งทีผ่านการสลายตัวแล้ว ข้อเสียของการใช้มูลสุกรผสมดินปลูกเหมอื นกันกับมูลโค คือ มปี ัญหาในเรืองของเมล็ดวัชพืชติดมากับปุ ๋ ย ยกเว้นมลูสุกรทีเลี ยงด้วยอาหารสําเร็จรูป - ปุย๋ มูลไก่ ถ้าเป็นมูลไกจ่ ากการเลียงไก่เนือหรือไกก่ ระทง ปุ ๋ ยพวกนี เป็นปุ ๋ ยทีมีกลินไม่ค่อยเหม็น มอี นิ ทรียวัตถุเจือปนมาก สะดวกแกก่ ารใช้และการผสมดินแต่ถ้าเป็นปุ ๋ ยมูลไก่ทีไดจ้ ากไก่ไข่ ปุ ๋ ยพวกนี มีลักษณะและมปี ริมาณเนือปุ ๋ ยมากกลินเหม็นจัด ไมส่ ะดวกแก่การใช้
111เพราะเวลาแห้งมักจับกันเป็นก้อนแข็งปุ ๋ ยมูลไกจ่ะเป็นอันตรายแก่รากพชื ทีปลูก ถ้าหากผสมลงในดินผสมมากเกินไป นอกจากนั นมักจะมปี ัญหาเกียวกับเรืองการเกิดตะไคร่นํ าตามผิวหน้าดนิซึงมผี ลทําให้ดินแน่น การถ่ายเทอากาศในภาชนะปลูกไมด่ ี - ปุ ๋ ยเทศบาลและปุ ๋ ยหมัก เนป็ปุ ๋ ยทีค่อนข้างจะเหมาะสมสําหรับใช้ผสมดินปลูก เพราะเป็ นปุ ๋ ยเก่าทีผา่ นการสลายตัวแล้ว ไม่เป็ นอันตรายแก่พืชมากนัก ปุ ๋ ยหมักเป็ นปุ ๋ ยทดี ีและราคาถูก ทําเองได้ ส่วนปุ ๋ ยเทศบาลมีข้อเสียทีว่ามีราคาแพงเมือเปรียบเทียบกับปุ ๋ ยชนิดอืน ๆ แต่กม็ ีข้อดีตรงทีวา่ มีธาตุอาหารอยู่มาก ผ่านการฆ่าเชือแล้ว - ปุ ๋ ยมูลค้างคาว ถ้าหากเป็นมูลค้างคาวแทเน้ ือปุ ๋ ยมีความเข้มข้นมาก การใช้ผสมลงในดินปลูก ต้องใช้ในปริมาณอันจํากัด เพราะใช้มากจะเป็นอันตรายต่อราพกชื โดยเฉพาะพันธไุ์ ม้ทีย้ายปลูกใหมๆ่ ปุ ๋ ยมูลค้างคามวีข้อเสียตรงทีทําให้ดินปลกู ค่อนข้างแน่น เพราะมตี ะไคร่นํ าจับตามผิวดินปลูก และข้อเสียอีกอย่างหนึงก็คือ หายากและมีราคาแพงแต่มคี ุณค่าทางอาหารสูงมากโดยเฉพาะพวกไนโตรเจน 4.7.2 ภาชนะปลูกต่าง ๆ การปลูกต้นไม้ให้เจริญเติบโตงอกงามดีนั น ควรเลอื กใช้ภาชนะให้เหมาะสมกับความต้องการของพันธุ์ไมด้อกไม้ประดับนั นๆ โดยพจิ ารณาจากหลักเกณฑต์ ่างๆดังนี (มุกดา, 2547) 1) การระบายนํ า กระถางมีรูพรุนโดยรอบ เช่นกระถางดนิ เผาจะระบายนํ าและอากาศได้ดี รากพืชได้รับออกซิเจนอย่างเพยี งพอ ทําให้พืชเจริญเติบโตเร็ว ส่วนกระถางพลาสติกระบายนํ าได้เพียงทิศทางเดียว คือระเหยโดยตรงจากผิวหน้าดิน ดังนั นจึงสามารถจําแนกกระถางทีมีรูระบายได้แตกต่างกันดังนี - กระถางทีมีรูรอบกระถาง - กระถางทีมรี ูปานกลาง - กระถางทีมรี ูเฉพาะทีก้นกระถาง 2) การรกั ษาความชืน โดยทัวไปความชืนระหวา่ งผิวกระถางภายนอกและภายในไมค่ วรมีความแตกต่างกันมากนัก เพราะจะมผี ลต่ออุณหภูมิของวัสดุปลูก กระถางทีรักษาความชืนได้เหมาะสม รากต้นไมจ้ ะแผ่กระจายไปได้ทัวกระถาง ในกรณีทีมีนํ ามากเกินไป นํ ากจ็ ะสามารถระบายออกทางรูก้นกระถางและซึมออกทางด้านข้างได้ 3) รูปทรง กระถางหรือภาชนะปลกจะมีรูปทรงหลายแบบหรือหลายขนาด ควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะขนาดของทรงพ่มุ ต้นไม้ทีปลูกและสภาพแวดล้อมได้แก่กระถางทรงกลมเตี ย กระถางทรงเตี ยลายฉลุ กระถางทรงปากกว้างใบใหญ่ กระถางทรงถังไม้กลมโอ่งชนิดไมม่ ีฝา กระถางทรงสีเหลียมสูง และกระถางทรงสามเหลียมเตี ย
112 4) สีของกระถาง มผี ลต่ออณุ หภมู ิของวัสดุปลูก เช่นกระถางพลาสติกสีดํามีผลให้อณุ หภูมิวัสดุปลูกสูงเกิน ระดับพอดี ซึงเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโต และคุณภาพของดอกรวมทั งการเลือกกระถางทีมีสีสะดุดตาก็อาจข่มความงามของดอกไม้ทีปลูกได้ ดังนั นจึงนิยมเลือกกระถางดินเผาทีมีสีแดงอฐิ หรือสีนํ าตาล ซึงเป็นสีใกล้เคียงกับสีธรรมชาติ ไมเ่ ด่นกว่าสีของดอกไม้ต้นไม้ เพอื ช่วยให้ดอกไม้เดน่ สวยงามยิงขึ น 5) อายุการใช้งาน หรือความคงทนของกระถางหรือภาชนะปลูก บางชนิดสามารถนํามาใช้ได้หลายครั ง หลังจากการผ่านการทําความสะอาดแล้ว จึงจัดเป็นภาชนะปลูกทีมีอายุการใช้งานยาวนานและช่วยประหยัดค่าใช่จ่าย 6) การทําความสะอาด กระถางทีใช้แล้วอาจมีคราบตะไคร่และเชือโรคปนเปื อนในการทําความสะอาดจึงใช้ต้ม อบไอนํหารือรมด้วยสารเคมี ดังนั นกระถางหรือภาชนะจึงควรคงรูปหรือไม่เสียรูป เมอื ผ่านกระบวนการดังกลา่ ว แต่ถ้ากระถางบางชนิด เช่นกระถางพลาสติกไม่สามารถผ่านกระบวนการนี ได้ ก็ต้องใช้แรงงานทําความสะอาด 7) ความต้องการเฉพาะของพันธุ์ไม้ ควรเลือกกระถางให้เหมาะสมกับพืชทีปลูกดังนี - พันธุ์ไม้ทีต้องการความชืนสูงเช่น กล็อกซิเนีย บีโกเนีย ภาชนะปลูกทีเหมาะสมควรเป็นกระถางดินเผาหรือหินผุ เพราะมคี ุณสมบัติเก็บรักษาความชืนได้ดี - พันธุ์ไม้ทีต้องการอุณภูมิสูงและไมต่ ้องการนํ ามาก มอี ายุหลายปี เช่นแพงพวย ดอกกระดาษ สามารถปลูกในกระถางพลาสติก ซึงมีอายุการใช้งานทียาวนาน - พันธุ์ไม้ทีออ่ นแอต่อโรคเน่าคอดิน ควรปลูกในภาชนะทีระบายนํ าไดแ้ดลี ะไม่เน่าเปื อยง่ายเมอื เปี ยกนํ านานๆ เช่นกระเช้าไม้หรือแท่งปลูกสําเร็จรูป เพือป้ องกันการสะสมเชือราและเชือโรคต่างๆ 8) วัสดุทีใช้ผลติ ภาชนะปลูกไม่ส่งผลกระทบต่อวัสดุปลูก เช่น ไมท่ ําให้สภาพความเป็ นกรดด่างเปลียนแปลงไป ในปัจจุบันมีกระถางทีผลติ ขึ นจากวัสดุหลายประเภทและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายอาทิ กระถางดินเผา กระถางเคลือบ การถางพลาสติก ถุงพลาสติกสีดํา วัสดุปลูกสําเร็จรูปหินผุ ตอไม้ กระเช้าไม้ ซึงเป็นทางเลอื กทีช่วยเพิมความสวยงามให้ต้นไม้ได้มากยิงขึ นภาชนะปลูกหรือกระถางมขี ้อแตกต่างกันในเรืองของราคา อายุการใช้งาน ประโยชน์ใช้สอยความสวยงาม ฯลฯ ดังนั นก่อนเลือกภาชนะปลูกใดๆ เราควรรูจ้ ักคุณสมบัตขิ ้อดี ข้อเสียของกระถางแต่ละชนิด เพือทีจะเลอื กใช้ได้อย่างเหมาะสมมากขนึ
113 ภาพที 5.19 กระถางปลูกชนิดต่างๆ ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 4.7.3 วัสดุจําเป็นจะต้องใช้ในการผลิตอนื ๆ เป็นวสั ดุทีนอกเหนือจากวัสดุทกี ลา่ วมาแล้วซึงมคี วามจําเป็นเฉพาะพืช หรือชนิดของพืช เช่นพืชทีมลี ักษณะลําต้นเลือยจะต้องมหี ลักไม้เพอื การยึดเกาะให้ลําต้นตั งหรือเป็นทรงพุม่ ทีสวยงาม เช่นต้นพลูดา่ ง ฟิ โลสีทอง เงินไหลมาทองไหลมา ภาพที 5.20 หลักปลูกไม้เถาเลือย ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ
114 นอกจากนั นแล้ววัสดุทีมีความจําเป็นในการผลิตพชื อกี ชนิดหนึง ซึงมีความจําเป็นในกระบวนการเร่งการเจริญเติบโต และยับยั งการเจริญเตบิ โต ได้แกฮ่ อร์โมนและสารเคมที ีใช้เร่งการออกราก เร่งการเจริญเติบโต และสารยับยั งการเจริญของพชื เช่น IBA IAA, NAA,Root Grow, Alar 85, SADH เป็ นต้น ภาพที 5.21 ฮอร์โมนเร่งราก ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
115สรุป เรือนเพาะชําหรือสถานเพาะชําเป็นสถานเพาะเลียงและขยายพันธ์พันธุ์ไม้ เพอื การใช้งานการจําหน่าย หรือ พักฟนื พรรณไม้ไว้ให้อยู่ในสภาพเหมาะสมกับการทีจะนําไปปลูกยังทีอืนในสภาพแวดล้อมทีแตกต่าง นอกจากนั นแล้วเรือนเพาะชําหรือสถานเพาะชํา ยังเป็นทีรวบรวมพรรณไม้ เพือศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ และวธิ ีการขยายพันธุ์ และยังเป็นแหล่งจําหน่ายพรรณไม้ และวัสดอุ ุปกรณ์ในการผลิตพรรณไม้อีกด้วย ความสําคัญของเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับ มีความสําคัญทางด้านเป็นแหลง่ ผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ตั งแต่เพาะเมล็ด เลียงกล้าไม้ ดแู ลรักษาพันธุ์ไม้ โดยเฉพาะไม้ขดุ ล้อมไม้ดอกไม้ประดับทีไปประดับอาคารบ้านเรือนทีมแี สงสว่างไมเ่ พยี งพอจะต้องนําไม้นั นมาพักฟื นและบํารุงรักษาใหม่ ประโยชน์ของเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับ นอกจากโรงเรือนหรือเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับ จะมีความสําคัญในด้านต่างๆ ทีได้กล่าวมาแล้วนั น เรือนเพาะชํายังเป็นแหล่งขยายพันธุ์ไม้ รวบรวมพันธุ์ไม้ ดแู ลรักษาพันธุ์ไม้ ทําให้ทีอยู่อาศัยร่มรืนสวยงาม เป็นแหลง่ ศกึ ษาหาความรู้ และทําให้เกิดรายได้เป็นอาชีพหลักหรืออาชีพรองของผู้ผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ก่อนทีจะจัดทําโรงเรือนไม้ดอกไม้ประดับ จะต้องหาแหลง่ ทําเลในการสร้างโรงเรือนโดยมขี ้อพิจารณาดังนี คือ มพี ืนทีเหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของผู้ประกอบธุรกิจ สภาพดินแหล่งนํ า เหมาะสมและเพยี งพอกับการใช้ พืนทีโล่งแจ้งพชื ทีปลูกได้รับแสงเพียงพอตลอดทั งวันใกล้ทีอยู่อาศัย และพืนทีไม่เคยมีโรคและแมลงระบาดมาก่อน ชนิดของโรงเรือนทีผลิตไม้ดอกไม้ประดับ มีหลายประเภทขึ นอยู่กับวัตถุประสงแคล์ ะทุนในการดําเนินการ เช่น โรงเรือนไม้ระแนง เรือนต้นไม้ และเรือนกระจก มที ั งเรือนกระจกแบบปิ ดและเรือนกระจกแบบเปิ ด วัสดุอุปกรณ์ทีจําเป็นในการผลติ ไม้ดอกไม้ประดับมีหลายประเภทและชนิดดังนี นเช่ 1. วัสดุอปุ กรณเ์ตรียมดินได้แก่ จอบ เสียบ รถแทรกเตอร์ 2. วัสดุอุปกรณป์ ลูกพืชได้แก่ จอบ ช้อนปลูกพลั ว 3. วัสดุอปุ กรณใ์ ห้นํ าได้แก่ บัวรดนํ า สายยาง ระบบนํ าหยด 4. วัสดุอปุ กรณป์ ฏิบัตดิ ูแลรักษาได้แก่ มดี เลอื ย ถังพ่นยากําจัดโรคแมลง 5. วัสดุอปุ กรณ์ให้ความสะดวกอนื ๆ ได้แก่ บุ้งกี รถเข็น 6.วัสดุอุปกรณ์เครืองมือพิเศษ ได้แก่ เครืองมอื ผสมดิน 7. วัสดุทีจําเป็นจะต้องใช้ในการผลิต ได้แก่วัสดุทีเป็นส่วนผสมดินปลูก เช่นอินทรียวัตถุ อนินทรีย์วัตถุ ดนิ ปุ ๋ ย และกระถางชนิดต่างๆ
116 แบบทดสอบก่อนเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหสั วิชา 2501-2104เรืองที 5 โรงเรือนและวัสดุอุปกรณ์ทีจําเป็ นในการปลูกไม้ดอกไม้ประดบัคําชีแจง จงทําเครืองหมาย กากบาท (x) หัวข้อทีถูกต้องทีสุดเพียงข้อเดยี ว1. ความสําคัญและประโยชน์ของเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับคือก. ใช้ดแู ลรักษาพันธุ์ไม้ทีชอบแสงแดดจัดได้ดีข. ใช้เกบ็ ดูแลรักษาเฉพาะพันธุ์ไม้ทีแขง็ แรงเท่านั นค. ใช้เก็บรวบรวมพ่อแมพ่ ันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเพือใช้ในการขยายพธันุ์ง. ใช้เป็นสถานทีฝึกเกษตรกรทีมีความชํานาญการแต่ไมใ่ ช่ฝึกนักเรียนนักศึกษา2. สิงทีเรานํามาใช้ในการพจิ ารณาเลอื กทําเลทีตั งของเรือนเพาะชไําม้ดอกไม้ประดับ คือก. เลอื กพืนทีทีมดี นิ อดุ มสมบรู ณ์ข. เลือกพืนทีทีมขี นาดเล็กเพอื สะดวกในการดูแลรักษาค. ควรเลอื กพืนทีทีมีร่มไม้ใหญ่บังลมและแสงให้เรือนโรงง. ควรเลอื กพืนทีทีอยู่ห่างไกลชุมชนเพอื ป้ องกันการระบาดของโรค3. เรือนเพาะชําแบบใดทีสามารถป้ องกันนํ าฝนกระแทกต้นพชื ได้ก. เรือนต้นไม้ข. เรือนระแนงค. เรือนพลาสติกง. เรือนตาข่ายพรางแสง4. พันธไุ์ มท้ ีต้องการอุณหถูมิสูงและสามารถปลูกลงในกระถางพลาสติกได้ก. กหุ ลาบข. กล็อกซิเนียค. ดอกกระดาษง. เงินไหลมาทองไหลมา5. อปุ กรณ์ทีใช้ในการเตรียมดินปลูก คือก. จอบ คราด พลั ว ขวานข. จอบ คราด สายยาง กระถางค. จอบ คราด กรรไกรตัดแตง่ กิง มีดง. จอบ คราด ไถพรวน รถแทรกเตอร์
1176. อปุ กรณ์ทไี ม่ได้ใช้ในการปฏิบัติดูแลรกั ษาไม้ดอกไม้ประดับและเรือนโรง ก. มดี เลือยตัดกิง จอบถาก ข. กระถางดนิ เผา มีดตดิ ตา พลาสติกพันกิง ค. คราดเหล็ก กรรไกรตัดหญ้า นํ ายาฆ่าเชือ ง. ชุดป้ องกนั สารเคมี ถังขยะ ไม้กวาดทางมะพร้าว7. เครืองผสมดิน เครืองพน่ หมอก เครืองควบคุมอุณหภูมิ จัดเป็นอปุ กรณ์ชนิดใด ก. อปุ กรณ์ทีใช้ในการให้นํ า ข. อปุ กรณ์ในการปฏบิ ัติดแู ลรกั ษา ค. อุปกรณ์เครืองมอื เครืองใช้พิเศษ ง. อุปกรณ์ในการให้ความสะดวกอนื ๆ8. การใช้เครืองมืออุปกรณ์อย่างถูกต้องคือ ก. ต้องตรวจความบกพร่องของเครืองมอื หลังใช้งาน ข. จัดเกบ็ เครืองมือทันทีหลังจากใช้งานเรียบร้อยแล้ว ค. ขณะใช้งานต้องใช้เครืองมอื อย่างเตม็ ที จะได้ปริมาณงานมากและรวดเร็ว ง. เมือต้องการนําอุปกรณ์ออกไปใช้ก็สามารถใช้ได้ทันทีตามต้องการจะได้สะดวก9. แหล่งนํ าทีไม่เหมาะสมกับการใช้ในเรือนเพาะชํา ก. นํ าฝน ข. แมน่ ํ า ค. นํ าประปา ง. หนองนํ าธรรมชาติ10. ปุ ๋ ยอินทรีย์เหมาะทีจะใช้กับไม้ดอกไม้ประดับในช่วงใด ก. ก่อนการออกดอก ข. ก่อนการเก็บเกียว ค. ตลอดฤดกู าลปลูก ง. ช่วงระยะเตรียมดินปลูก
118 แบบทดสอบหลังเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา 2501-2104เรืองที 5 โรงเรือนและวัสดุอุปกรณ์ทจี ําเป็ นในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับคําชีแจง จงทําเครอื งหมาย กากบาท (x) หัวข้อทีถูกต้องทสี ุดเพียงข้อเดียว1. แหลง่ นํ าทไีม่เหมาะสมกับการใช้ในเรือนเพาะชําก. นํ าฝนข. แมน่ ํ าค. นํ าประปาง. หนองนํ าธรรมชาติ2. ปุ ๋ ยอนิ ทรีย์เหมาะทีจะใช้กับไม้ดอกไม้ประดับในช่วงใดก. ก่อนการออกดอกข. ก่อนการเกบ็ เกียวค. ตลอดฤดกู าลปลูกง. ช่วงระยะเตรียมดินปลูก3. อุปกรณ์ทไี ม่ได้ใช้ในการปฏบิ ัติดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับและเรือนโรงก. มีด เลือยตัดกิง จอบถากข. กระถางดนิ เผา มดี ตดิ ตา พลาสติกพันกิงค. คราดเหล็ก กรรไกรตัดหญ้า นํ ายาฆา่ เชือง. ชุดป้ องกันสารเคมี ถังขยะ ไม้กวาดทางมะพร้าว4. เครืองผสมดิน เครืองพน่ หมอก เครืองควบคุมอุณหภูมิ จัดเป็นอุปกรณ์ชนิดใดก. อุปกรณ์ทีใช้ในการให้นํ าข. อุปกรณ์ในการปฏิบัติดแู ลรักษาค. อปุ กรณ์เครืองมอื เครืองใช้พิเศษง. อปุ กรณ์ในการให้ความสะดวกอืน ๆ5. พันธุ์ไม้ทีต้องการอุณหถูมสิ ูงและสามารถปลูกลงในกระถางพลาสติกได้ก. กุหลาบข. กล็อกซิเนียค. ดอกกระดาษง. เงินไหลมาทองไหลมา
1196. ความสําคัญและประโยชนข์ องเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับคือ ก. ใช้ดูแลรักษาพันธุ์ไม้ทีชอบแสงแดดจัดได้ดี ข. ใช้เกบ็ ดูแลรักษาเฉพาะพันธุ์ไม้ทีแข็งแรงเท่านั น ค. ใช้เก็บรวบรวมพอ่ แม่พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเพือใช้ในการขยายพันธุ์ ง. ใช้เป็นสถานทีฝึกเกษตรกรทีมีความชํานาญการแต่ไม่ใช่ฝึกนักเรียนนักศึกษา7. สิงทีเรานํามาใช้ในการพจิ ารณาเลือกทําเลทีตั งของเรือนเพาะชไําม้ดอกไม้ประดับ คือ ก. เลอื กพืนทีทีมีดนิ อุดมสมบรู ณ์ ข. เลือกพืนทีทีมขี นาดเล็กเพือสะดวกในการดูแลรักษา ค. ควรเลือกพืนทีทีมีร่มไม้ใหญ่บังลมและแสงให้เรือนโรง ง. ควรเลอื กพืนทีทีอยู่ห่างไกลชุมชนเพือป้ องกันการระบาดของโรค8. เรือนเพาะชําแบบใดทีสามารถป้ องกันนํ าฝนกระแทกต้นพชื ได้ ก. เรือนต้นไม้ ข. เรือนระแนง ค. เรือนพลาสติก ง. เรือนตาข่ายพรางแสง9. การใช้เครืองมอื อุปกรณ์อยา่ งถูกต้องคือ ก. ต้องตรวจความบกพร่องของเครืองมือหลังใช้งาน ข. จัดเก็บเครืองมอื ทันทีหลังจากใช้งานเรียบร้อยแล้ว ค. ขณะใช้งานต้องใช้เครืองมอื อย่างเต็มที จะได้ปริมาณงานมากและรวดเร็ว ง. เมอื ต้องการนําอปุ กรณ์ออกไปใช้กส็ ามารถใช้ได้ทันทีตามต้องการจะไดะ้สดวก10. อุปกรณ์ทีใช้ในการเตรียมดินปลูก คือ ก. จอบ คราด พลั ว ขวาน ข. จอบ คราด สายยาง กระถาง ค. จอบ คราด กรรไกรตัดแต่งกิง มดี ง. จอบ คราด ไถพรวน รถแทรกเตอร์
120 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา 2501-2104เรืองที 5 โรงเรือนและวัสดุอุปกรณ์ทีจําเป็ นในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ข้อ เฉลย 1ค 2ก 3ค 4ค 5ง 6ข 7ค 8ก 9ค 10 ง
121 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี นวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา 2501-2104เรืองที 5 โรงเรือนและวัสดุอุปกรณ์ทีจําเป็ นในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ข้อ เฉลย 1ค 2ง 3ข 4ค 5ค 6ค 7ก 8ค 9ก 10 ง
122 หน่วยที 6 การขยายพันธไุ์ ม้ดอกไม้ประดับสาระสําคัญ การขยายพันธุ์ หมายถงึ การทวีจํานวนต้นพชื ให้มีมากขึ นโดยไมร่ วมถงึ การนํามาจากทีอืนความสําคัญของการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับได้แก่เพิมจํานวนต้นไม้ให้มากขึ นเป็นแบบทวคี ูณอนุรักษ์สิงแวดล้อม และเพิมอาชีพให้เกษตรกร เชน่ การผลติ กล้าไมจ้ําหน่าย ประเภทของการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ม2ี ประเภท การขยายพันธุ์โดยใช้เพศและไม่ใช้เพศจุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทัวไป 1. สามารถขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับได้ 2. สามารถอธิบายวิธีการทีเหมาะสมกับไม้ดอกไม้ประดับทีเหมาะสมกับการขยายพันธุ์แต่ ละประเภท 3. เพือให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เรืองความรับผิดชอบ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สามารถขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับโดยใช้เพศได้ 2. สามารถขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับโดยไม่ใช้เพศได้อย่างน้อย3 วิธี 3 . สามารถยกตัวอย่างไม้ดอกไม้ประดับทีเหมาะสมกับการขยายพันธุ์แต่ละประเภท
123เนือหาสาระ1. ความหมายการขยายพันธุ์ไม้ดอกไมป้ ระดับ ประเวศ ไชยวงค์ (2536) ให้ความหมาย การขยายพันธพุ์ ืช หมายถงึ การเพิมจํานวนต้นหรือจํานวนพันธุ์พชื ทีมอี ยู่ให้มากขึ น โดยไม่รวมถึงการนํามาจากทีอนื เพือให้ได้พชื ทีมลี ักษณะคุณสมบัติและคุณภาพตรงตามต้องการ นันทิยา วรรธนะภตู ิ (2542) ให้ความหมาย การขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ(Plant propagation) หมายถึงการเพิมหรือทวีจํานวน ไม้ดอกไม้ประดับให้มมี ากขึ นหรือหมายถึงการเพิมจํานวนไม้ดอกไม้ประดับจากทีมอี ยแู่ต่ไมร่ วมถงึ การเพิมจํานวนต้นโดยวธิ กี ารนํามาจากทีอืน อภิชาติ ศรีสะอาด (2554) ให้ความหมาย การขยายพันธุ์พชื หมายถึง กระบวนการทีทําให้เกิดการเพิมปริมาณ ต้นพืชให้มากขึ น โดยมีวัตถปุ ระสงค์ เพอื ดํารงสายพันธุ์พชื ชนิดต่างๆ ไว้มใิ ห้สูญพันธุ์ เป็นการกระจายพันธุ์พชื ทีดี เพือเพิมปริมาณผลผลติ ทั งนี รวมถึงการผลิตต้นพันธุ์พชื ชนิดต่างๆ เป็นการค้าด้วย ดังนนั การขยายพันธุ์พชื หรือการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ หมายถึงการเพิมจํานวนไม้ดอกไม้ประดับให้มีปริมาณมากขึ นโดยการใช้เทคนิคและวธิ ีการต่างๆแล้วแต่ชนิดของพชืแต่ละชนิด ซึงไมร่ วมถงึ การนํามาจากแหลง่ อืน ให้ไดป้ ริมาณและคุณภาพตรงตามต้องการ2. ความสําคัญของการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเพือการค้าหรอื ผลติ เพอื ดคู วามสวยงามของพืชนั นๆเป็นการขยายพันธุ์พชื หรือเพิมจํานวนต้นพืชให้มปี ริมาณมกาขึ น ซึงมคี วามสําคัญต่อผู้ผลิตไม้ดอกไม้ประดับและพันธุ์ไมห้ ลายประการ ดังนี 2.1 ความสําคัญต่อการดํารงพันธุ์ของไม้ดอกไม้ประดับการขยายพันธุ์โดยการอาศัยเพศมักทําให้เกิดการกลายพันธุ์ ดังนั นการทจี ะคงพันธุ์พชื ทีดีไว้คงจําเป็นทีจะหาวธิ ีการขยายพันธุ์โดยวธิ ีอนื โดยไมก่ ่อให้เกิดการกลายพันธุ์ โดยการขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ เช่น การตัดชําการตอน การตดิ ตา การต่อกิง และการทาบกิง 2.2 เพือหาพันธุ์ใหม่ทีดีกว่าเดมิ เช่นการขยายพันธุ์โยอาศัยเพศ หรือใช้เมล็ดเพาะปลูก ถงึ แม้จะมโี อกาสการกลายพันธุ์ได้มาก แต่การกลายพันธุ์อาจได้พนัธ์ใหมท่ ีมีลักษณะดีกวา่ เดิม เช่นเบญจมาศพันธุ์ต่างๆ ทีปลูกในภาคเหนือ ทีเป็นพันธุ์ทีนํามาจากประเทศจีน ต่อมามีการกลายพันธุ์เกิดขึ นทําให้ได้พันธุ์ใหมท่ ีมลี ักษณะทีมคี ุณภาพดีกว่าพันธุ์เดิม 2.3 ความสําคัญต่ออาชีพเกษตร อาชีพเกษตรมีความผูกพันกับการขยายพนั ธุ์ไม้ดอกไม้ประดับอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสาขาไม้ดอกไม้ประดับ ไม่ว่าจะมีอาชีพปลูกไม้ดอกไม้ประดับชนิดใด
124จะต้องเกียวข้องกับการขยายพันธเพุ์ อื เพิมปริมาณอยู่ตลอดเวลา จึงควรอย่างยิงทีเกษตรกรจะต้องรู้หลักการและวิธีการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทีถูกต้องและเหามะสมเพอื ให้การประกอบอาชีพผลติ ไม้ดอกไม้ประดับประสบความสําเร็จ(จรัญ, 2546)3. ประเภทของการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ การขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นการเพิมจํานวนไม้ดอกไม้ประดับให้มีปริมาณมากขึ นซึงผู้ผลิตจะต้องมคี วามรู้ประสบการณ์ และทักษะ ในการขยายพันพธุ์ชื ให้ได้ปริมาณและคุณภาพตามต้องการ วิธีการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ม2ี ประเภทคือ (อภิชาติ, 2554) 3.1 การขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับแบบใช้เพศ (Sexual propagation) หมายถงึ การนําเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ทีได้ผ่านการคัดเลือกแล้วว่าเป็นสายพันธุ์ทีดี มาทกํารเพาะในวัสดุเพาะชํา จนได้ต้นใหม่ ซึงมขี ั นตอนและกระบวนการทีแตกต่างกันไปแล้วแต่ละชนิด วิธกี ารนี ทําให้ต้นพชื สูงใหญ่ระบบรากแข็งแรง แต่มักจะพบความผันแปรทางสายพันธุ์ในลักษณะทีไมเ่ หมือนกับสายพันธุ์เดิมเป็นส่วนใหญ่ ซึงเมล็ดประกอบด้วยส่วนสําคัญ3 ส่วน ไดแ้ ก่ เปลอื กหุ้มเมล็ด คัพภะ(ใบเลียง ตาออ่ น ต้นอ่อน และราก) และอาหารสะสมในเมล็ด 3.1.1 การงอกของเมล็ด เป็นการเปลียนแปลง ทั งทางชีวเคมีและทางสรีระวทิ ยาทีเกียวข้องกับการเจริญและการใช้อาหารสะสมภายในเมล็ด เมล็ดพชื ประกอบด้วยส่วนทีเป็นคัพภะ ส่วนทีเป็นอาหารสะสมในเมล็ดและเปลือกหุ้มเมล็ด หลังจากทีเมล็ดถูกแยกออกจากต้นแมแ่ ล้วเมล็ดจะอยู่ในสภาพหยุดการเจริญเติบโตชว่ งระยะเวลาหนึง เมอื เอาเมล็ดมาไว้ในสภาพทีเหมาะสม คัพภะทีอยู่ภายในจะเจริญเป็นต้นพชื ใหม่ กระบวนการทคี ัพภะภายในเมล็ดเจริญเติบโตต้นใหมน่ ี เรียกวา่“การงอก” ต้นพืชทีเจริญมาจากคัพภะในขณะทีเป็นต้นอ่อนอยู่ยังต้องการอาศัยอาหารเทกีบ็ ไว้ภายในเมล็ดเรียกว่า “ต้นกล้า” 3.1.2 ปัจจัยในการงอกของเมล็ดเมล็ดทีงอกได้จะต้องมีปัจจัยทีเหมาะสมทั งเมล็ดและสภาพแวดล้อมภายนอกดังนี 1) การมชี ีวิตของเมล็ด นับว่าเป็นปัจจัยทีสําคัญในการเพาะเมล็ด การทีเมล็ดมีชีวติอยู่ได้น้อย อาจเนืองมาจากการเจริญเติบโตของเมล็ดไม่เหมาะสมขณะทียังอยู่บนต้นแม่ หรือเนืองจากได้รับอันตรายขณะทําการเกบ็ เกียว หรือกระบวนการในการผลิตไมด่ ีพอ 2) สภาพแวดล้อมในขณะเพาะ เมล็ดจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมทีเหมาะสมดังนี - นํ า เป็นตัวทําให้เมล็ดอ่อนตัวและเป็นตัวทําละลายอาหารสะสมภายในเมล็ดทีอยู่ในสภาวะทีเป็นของแข็งให้เปลียนเป็นของเหลวและเคลือนทีได้ ทําให้จุดเจริญของเมล็ดนําไปใช้ได้
125 - อณุ หภมู ิ อณุ หภูมิทีเหมาะสมช่วยให้เมล็ดดดู นํ าได้เร็วขึ น กระบวนการในการงอกของเมล็ดเกิดได้เร็วขึ น และช่วยให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ น อุณหภูมิทีเหมาะสมสําหรับพืชแต่ละชนิดจะไมเ่ ท่ากัน พชื เมอื งร้อนต้องการอณุ หภูมิสูงกวา่ พืชเมอื งหนาวเสมอ - แสง เมล็ดทีเริมงอกจะมีทั งชนิดทตี ้องการแสง ชอบแสง และไมต่ ้องการแสงส่วนใหญ่เมล็ดเมอื เริมจะงอกไม่ต้องการแสง ดังนั นการเพาะเมล็ดโดยทัไวปจึงมักกลบดินปิ ดเมล็ดเสมอ แต่แสงจะมคี วามจําเป็นหลังจากทีเมล็ดงอกแล้วขณะทีเปน็ ต้นกล้า แสงทีพอเหมาะจะทําให้ต้นกล้าแขง็ แรง และเจริญเติบโต - ออกซิเจน เมอื เมล็ดเริมงอกจะหายใจมากขึ น ซึงจะต้องใช้ออกซิเจนไปเผาผลาญอาหารภายในเมล็ดให้เป็นพลังงานใช้ในการงอก ยิงเมล็ดทีมมี ันมากยิงอตง้ ใช้ออกซิเจนมากขึ นดังนั นการกลบดนิ ทับเมล็ดหนาเกินไป หรือใช้ดินเพาะเมล็ดทีถา่ ยเทอากาศไมด่ ีจะมีผลยับยั งการงอก หรือทําให้เมล็ดงอกช้าลง หรือไมง่ อกเลย 3) เมล็ดต้องพ้นระยะพักตัว การพักตัวของเมล็ดหมายถึง ช่วงทีเมล็ดพืชยังไมพ่ ร้อมทีจะงอกขึ นเป็นต้นพชื ใหม่ ดังนั นการเพาะเมล็ดพชื บางชนิดอจาต้องทําลายการพักตัวพืชก่อนเพือให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ น 3.1.3 วธิ ีการทําลายการพักตัวของเมล็ด เป็นการกระทําเพือให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ นหรือเป็นการเร่งให้เมล็ดพ้นสภาพการพักตัวเพอื เมล็ดจะไดง้ อกใหม่ โดยมวี ิธีการทีแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิด ขนาด ของเมล็ดพันธุ์ 1) ลอกเปลอื กหุ้มเมล็ดออก วธิ ีนี จะทําให้เมล็ดงอกเร็ว แต่ต้องทําอย่างระมัดระวังอย่าให้เป็นอันตรายต่อเมล็ดภายในไม้ดอกไม้ประดับทีนิยมลอกเปลอื กหุ้มเมล็ดออกได้แก่พวกปาล์มต่างๆ 2) ฝนเมล็ด ทําให้เปลอื กหุ้มเมล็ดเกิดเป็นรอยด้าน โดยการใช้กระดาษทรายหรือหินฝน ไมค่ วรฝนลึกเกินไป และอย่าฝนตรงจุดทีเป็นทีอยู่ของคัพภะ วธิ ีนี จะชว่ ยให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ น ได้แก่เมล็ดหางนกยูงฝรัง แก้วเจ้าจอม 3) การตัดปลายเมล็ด เป็นวธิ ีทีทําให้เมล็ดงอกเร็วกว่าปกติ โดยตัดเปลอื กหุ้มเมล็ดทางด้านตรงข้ามกับด้านหัวของคัพภะ และอย่าตัดให้เข้าเนือเมล็ด นิยมใช้กับพชื ทีมเี มล็ดแขง็เช่น เมล็ดหางนกยูงฝรัง 4) การแช่นํ าเป็นวิธีทีช่วยให้เมล็ดงอกเร็วกวา่ ปกติ เพราะนํ าทําให้เปลือหกุ้มเมล็ดอ่อนตวั สังเกตจากเมล็ดขยายใหญ่และเต่งขึ น เช่น เมล็ดคูนและประดู่แดง
126 3.1.4 วธิ ีการเพาะเมล็ด ขึ นอยู่กับชนิดของเมล็ดพันธุ์ ขนาดของเมล็ดพันธุ์ถ้าขนาดของเมล็ดพันธุ์มขี นาดเล็ก วิธีการเพาะเมล็ดจะต้องทําอย่างประณีตและละเอียด และโดยเฉพาะอย่างยิงราคาของเมล็ดพันธุ์ ถ้าเมล็ดพันธุ์มรี าคาแพงและเมล็ดมีขนาดเล็กวิธีการเพาะเมล็ดก็ต้องมีความประณีตและรอบคอบเป็นพิเศษ ซึงวธิ ีการเพาะเมล็ดทําได้ 2 แบบคือ(อภิชาติ, 2554) 1) การเพาะในภาชนะ เป็นวิธีนิยมเพาะเมล็ดในพืนทีจํากัด สะดวกในการดแู ลรักษาภาชนะทีใช้ ได้แก่ ถาดเพาะเมล็ด กระบะเพาะ ตะกร้าพลาสติก กระถาง เป็นต้น วัสดุเพาะทีนิยมได้แก่ ทรายผสมขุยมะพร้าว 1:1 เป็นต้น การโรยเมล็ดนิยมโรยเป็นแถว ทําให้ต้นกล้าขึ นเป็นระเบียบ ไมม่ ีปัญหาโรคโคนเน่า เมล็ดส่วนใหญ่โดยเฉพาะเมล็ดไม้ดอกจะงอก3-7 วันมีใบจริง 2-3 ใบ แต่ถ้าเป็นไม้ดอกล้มลกุ อาย1ุ 5-21 วัน นับจากวันเพาะเมล็ดจึงสามารถเริมย้ายกล้าได้ ภาพที 6.1 การเพาะเมล็ดในถาดเพาะเมล็ด ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
127 2) การเพาะในแปลง ใช้เมล็ดทีมีขนาดใหญ่หรือปานกลาง หางา่ ย ราคาถูกการเพาะวธิ ีนี ต้องมีการเตรียมแปลงอย่างดี ย่อยดินให้ค่อนข้างละเอียด กําจัดวัชพืช โรค แมลงให้หมด ไม้ประดับทีนิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดได้แก่ ดาวเอรืง แอสเตอร์ หางนกยูงฝรังคูน ชมพูพันธุ์ทิพย์ ประดู่ อินทนิล เป็นต้น ภาพที 6.2 การเพาะเมล็ดในแปลง ถ่ายภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ
128 3.2 การขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับแบบไม่ใช้เพศ (Asexual propagation) เป็นวธิ ีนําเอาส่วนต่าง ๆ ของพชื มาใช้ในการเพิมจํานวนต้น เช่น ลําต้น ใบ ราก การขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศมหี ลายวธิ ี ได้แก่(จิรา, 2542) 3. 2.1 การปักชํา (Cutting) คือ การตัดส่วนใดส่วนหนึงของพชื อาจเป็นลําต้น ราก ใบไปไว้ในสภาพแวดล้อมทีเหมาะสม สามารถเกิดรากและแตกยอดใหมไ่ ด้ วิธีการปักชํามหี ลายวิธีแต่ละวิธีมีขั นตอนทีแตกต่างกันขึ นอยู่กับชนิดของพชื ชนิดของวัสดุอุปกรณ์ทีมผี ู้ผลติไม้ดอกไม้ประดับจะต้องมีความรู้ มีประสบการณ์ในการเลือกวธิีใดวิธีหนึงให้เหมาะสมกบั พชืซึงมหี ลายวธิ ี เช่น 1) การตัดชําลําต้นหรือการตัดชํากิง ได้แก่การตัดชํากิงแก่ กิงกึงแกก่ ึงออ่ นและกิงอ่อน ดังตัวอย่างไม้ดอกไม้ประดับต่อไปนีทีใช้กิงแต่ละลักษณะในการปักชํา - กิงแก่ ได้แก่ เฟื องฟ้ า มะขามเทศด่าง วาสนา จันผา - กิงกึงอ่อนกึงแก่ ได้แก่ มะลิ กุหลาบ หมากผู้หมากเมีย - กิงอ่อน ได้แก่เบญจมาศ ซองออฟอินเดีย ภาพที 6.3 การปักชําซองออฟอนิ เดีย ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
129 2) การตัดชําใบ ใช้แผ่นใบ ใบและก้านใบ ส่วนของใบหรือแผ่นใบ ใบทีมีตาติดได้แก่ ลินมังกร ควําตายหงายเป็น กหุ ลาบหิน ดาษตะกัวยางอินเดีย บีโกเนีย อัฟริกันไวโอเลต็ ภาพที 6.4 การปักชําใบบีโกเนีย ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 3) การตัดชํารากเป็ นการนําส่วนของรากซึงมตี ามาไว้ในสภาพทีเหมาะสมจนเกิดเป็นพชื ต้นใหม่ ได้แก่ สาวสันทราย คําแสด กาสะลองแคแสด สนทะเล สุพรรณิกา ภาพที 6.5 การปักชํารากสาวสันทราย ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
130 3.2.2 การตอนกิง เป็นวิธีการบังคบั ใหก้ ิงพืชเกิดรากขึ นในขณะทียังติดกับต้นแม่ เมือกิง เกิดรากดีแล้วจึงตัดไปปลูก วิธีการตอนทีนิยมเป็ นการตอนกิงแบบทีเรียกว่า การตอนอากาศ (Air layering) ซึงมี 3 วธิ ีด้วยกัน ได้แก่ 1) การตอนแบบควัน ใช้กับพันธุไ์ ม้ดอกไม้ประดับทีเปลือกล่อน ลอกเปลือกได้ง่ายเช่น กหุ ลาบ ชบา โกสน วธิ ีการคือ ควั นระหว่างปล้อง2 รอย โดยห่างกันเท่ากับเสน้ รอบวงลอกเปลือกออก ขูดเนื อเยือเจริ ญ (Cambium) และหุ้มด้วยขุยมะพร้าว ใช้พลาสติกหุ้มซํ าอีกทีหนึงเพือรักษาความชืนให้กับขุยมะพร้าว ดูแลความชืนให้สมําเสมอ อายุ 21-30 วัน กิงตอนมรี ากเกิดขึ น 2) การตอนแบบกรีด ใช้กับพันธุไ์ ม้ดอกไม้ประดับทีเปลือกไม่ล่อน เปลือกหนาแต่ออกรากง่าย เช่น เลบ็ ครุฑ วิธีการคือ กรีดตามความยาวของกิงลึกลงไปถึงเนือไม้ ประมาณ5-6 รอย กรีดยาวเท่ากับเส้นรอบวงของกิง แล้วจึงหุ้มด้วยขยุ มะพร้าวและพลาสติก 3) การตอนแบบปาด ใช้กับพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทีเปลือกบาง เปลือกไม่ล่อนเช่น ชวนชม วิธีการคือ ปาดเข้าเนื อไม้เฉียงเป็ นมุม 45 องศา แล้วหาไมห้ รื อลวดเสียบเผยรอยแผลไมใ่ ห้ติดกัน แล้วจึงหุ้มด้วยขยุ มะพร้าวและพลาสติก ภาพที 6.6 การตอนกิง ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ
131 3.2.3 การติดตา (Budding) เป็นวิธีการนําส่วนของพืชทีทําหน้าทีเป็ นระบบรากหรือต้นตอมารวมกับส่วนเป็นพันธุ์ดีโดยใช้แผ่นตาให้เป็นต้นเดียวกัน การติดตาเป็ นวิธีการขยายพันธุ์พชื ทีประหยัดกิงพันธุ์ คือ 1 ต้น ใช้ตาพันธุด์ ีเพียง 1 ตา ไม้ดอกไม้ประดับทีขยายพันธุด์ ้วยวิธีนีได้แก่ กุหลาบ เล็บครุฑด่างแคระ มะขามเทศด่าง โกสน วิธีการติดทีนิยมปฏบิ ัติ มี 4 วธิ ีคือ(อภิชาติ, 2554) 1) T – budding วิธีการติดตาทีใช้ต้นตอและกิงพันธุด์ ี มีเปลือกหนาบางเท่ากันการติดตาแบบนี ทําแผลทีตน้ ตอเป็ นรูปตัว T แผ่นตาเฉือนเป็ นรูปโล่ห์ ลอกเนือไม้ออกแล้วใส่แผ่นตาเข้าในรอยแผลทีต้นตอ ให้ตาอยู่ตรงกลางรอยแผลทีต้นตอ แลว้ พันพลาสติกติดตาไปแล้ว21 วันตาจะเริมติดและแตกยอด ภาพที 6.7 การติดตาแบบ T – budding ถ่ายภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ
132 2) Patch budding ทําแผลทีต้นตอเป็ นรูปสีเหลียมผนื ผ้า ลอกเปลือกออก แผน่ ตาเฉือนเป็นรูปโลห่ ์ หรือสีเหลยี มผืนผ้า ลอกเนือไม้ออก ความหนาของแผ่นตาควรหนาเท่ากับเปลือกของต้นตอใส่แผ่นตาเข้าไปในรอยแผล แล้วพันพลาสติก ภาพที 6.8 การติดตาแบบ Patch budding ถ่ายภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ 3) Plate budding คล้าย Patch budding ทําแผลทีต้นตอเป็ นรูปตัวยูหวั กลับเผยอเปลอื กออก เปลือกยังติดอยู่กับต้นตอ แผ่นตาเฉือนเป็ นรูปโล่หรือสีเหลียม ลอกเนอื ไม้ออกผ่านตาจะบางกว่าเปลือกของต้นตอ ใส่แผ่นตาเข้าไปในรอยแผล ปิ ดเปลือกต้นตอทับแผน่ ตาให้สัมผัสกับรอยแผลทีต้นตอดีขึ นแล้วพันพลาสติก ภาพที 6.9 การติดตาแบบ Plate budding ถ่ายภาพโดยสมพงษ์ ทองเดจ็
133 4) Chip budding วิธีใช้ต้นไม้ทีมีเปลือกบาง ไม่ล่อน ลอกเปลือกยาก หรือใช้กับต้นไม้ในฤดูกาลทีไมเ่ จริญเติบโตหรือพักตัว การติดตาแบบนี ทําแผลทีต้นตอเป็นรูปสันขวาน โดยบากเข้าเนือไม้เล็กน้อย แผ่นตาเฉือนเป็นรูปโลห่ ์ และปาดแผน่ ตาให้มีลักษณะเดียวกนั ใส่แผ่นตาเข้าไปในรอยแผลทีต้นตอแล้วพันพลาสติก ภาพที 6.10 การติดตาแบบ Chip budding ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ การติดตา 3 แบบแรกทีกล่าวถึงคือ T – budding, Patch budding, Plate budding ใช้กับพันธุ์ไม้ในฤดูกาลทีกําลังเจริญเติบโต เปลอื กล่อน ลอกเปลือกได้ง่ายส่วนการติดตาแบบChip budding เป็นการติดตากับไม้ดอกไม้ประดับทีเปลือกบาง ไม่สามารถลอกเปลือกได้
134 3.2.4 การต่อกิง (Grafting) หรือการเสียบกิง คือการสอดส่วนของพืชหรือกิงพืชตน้ หนึงบนต้นพชื อีกต้นหนึง และส่วนทั ง2 ของพชื จะเชือมประสานติดต่อกัน และเจริญไปเป็นพชื ต้นใหม่โดยส่วนทีอยู่ใต้รอยต่อจะทําหน้าทีเป็นรากดูดนํ าและแร่ธาตุ เรียกว“่าต้นตอ” (Stock) และส่วนทีอยู่เหนือรอยต่อจะทําหน้าทีเป็นกิงก้านสาขาทีให้ดอกและผลเรียกวา่ กิงพันธุ์ดี(Scion)ไม้ดอกไม้ประดับทีขยายพันธุ์แบบนี ได้แก่ กหุ ลาบ โกสน โมก ตะโก ข่อยตัด ผกากรองแบบต่างๆทีนิยมการต่อกิงหรือการเสียบกิงของไม้ดอกไม้ประดับได้แ(กจ่ ิรา, 2542) 1) การต่อกิงแบบฝานบวบ (Spliced grafting)เป็นวิธีทีใช้กับไม้เนืออ่อน ไม้ชุ่มนํ าและยอดออ่ นของไม้เนือแข็งทัวไป โดยเฉือนกิงพันธุ์ดีและต้นตอ คล้ายลักษณะการฝานบวบ และประกบเข้าด้วยกัน โดยจัดใหเ้ นือเยือเจริญของกิงพันธุ์ดีและตน้ ตอตรงกัน แล้วพันด้วยพลาสติกคลมุ กิงพันธุ์ด้วยถงุ พลาสติก ได้แก่ ชวนชม ลีลาวดี ภาพที 6.11 การต่อกิงแบบฝานบวบ ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
135 2) การต่อกิงแบบเสียบข้าง (Side grafting) เป็ นวิธีต่อกิงไม้ประดับทีปลูกอยู่ในกระถาง เช่น เฟื องฟ้ า โกสน เล็บครุฑ ชบา ชนิดต่างๆ นอกจากนี ยังใช้ต่อกิงไม้ผลบางชนิดได้ดีเช่น มะม่วง ทับทิม ลองกอง เป็นต้น ส่วนใหญ่ของช่วงเวลาทีทําการต่อกิงจะทําในระยะทีกิงเปลอื กติดซึงเกิดจากการชะงักหรือหยุดการเจริญในชวั ระยะหนึง ภาพที 6.12 การต่อกิงแบบเสียบข้าง ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 3 ) การต่อกิงแบบเสียบเปลอื ก (Bark grafting) เป็นวิธีการทีนิยมในการต่อยอดไม้ผล ทั งพชื ทีมีเปลือกหนาและเปลือกบาง ข้อดีของการต่อกิงวิธีนี ก็คือ เนือไม้จะไม่ถกู ผ่าออกจากกัน โอกาสทีรอยต่อจะเน่าหรือถูกทําลายจากเชือโรคจึงมีน้อย แต่มีข้อเสียคือจะต้องทําการต่อขณะทีต้นตอมีเปลือกล่อน ในระยะทีต้นพืชมีการเจริญเติบโตดีเท่านั นเช่น โกสน เล็บครุฑกุหลาบ เฟื องฟ้ า
136 ภาพที 6.13 การต่อกิงแบบเสียบเปลือก ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 4 ) การต่อกิงแบบเสียบลิม (Cleft grafting) การต่อกิงแบบนี เป็ นวิธีทีนิยมใช้สําหรับการต่อยอดโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่ หรือเลก็ แต่ขนาดของกิงทีพอเหมาะจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง1-4 นิว ใช้ในการต่อกิงพืชทีมีเสน้ เนือไม่ตรง กิงพันธุด์ ีควรเป็ นกิงแก่อายุประมาณ 1 ปี ขณะทําการต่อต้นตอ ควรมีเปลอื กไมล่ ่อนจากเนือไม้ มักใช้ต้นตอพืชผลัดใบเช่น ชวนชม โกสน เล็บครุฑ โป๊ ยเซียน ภาพที 6.14 การต่อกิงแบบเสียบลิม ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ
137 3.2.5 การแบ่งแยกหน่อ (Separation and division) การขยายพันธุโ์ ดยการแบ่งและการแยกส่วน เป็นการขยายพันธุ์พืช พวกทีมีลําต้นแปลกปลอม เพือให้ได้ต้นพชื ต้นใหมท่ ีมลี ักษณะตรงตามสายพันธุ์ของต้นแม่ทุกประการ โดยจะทําการขยายพันธุก์ ่อนการออกราก ส่วนใหญ่พืชทีทําการขยายพันธุ์โดยวิธีนี จะใช้ส่วนของพืชทีเป็ นส่วนของลําต้น เหง้า หน่อ จุก ไหล เป็ นส่วนสําหรับใช้ขยายพันธุ์ ซึงแบ่งวธิ ีการขยายพันธุ์พชื จําพวกนี ออกเป็น2 พวกใหญ่ๆ คือ(อภิชาติ, 2554) 1) การขยายพันธุ์ด้วยการแยกส่วน(Separation) เป็นการขยายพันธุ์พชื ทีทําการแบ่งหรือแยกกันตามรอยแยกตามธรรมชาติ เป็ นพืชจําพวกหัว หรือบัลล์ (bulb )ทีเกิดจากกาบใบและการขยายพันธุ์พชื โดยการใช้เหง้า(corm) เช่น - บัลล์(bulb) ทีมหี วั แน่น หมายถงึ หัวทีมีกาบใบเรียงซ้อนกันแน่นได้แก่รางทอง ว่านสีทิศ บัวสวรรค์ ทิวลปิ และบัลล์ ทีมีหัวหลวม หมายถึงหัวทีมกี าบใบลักษณะเป็นเกล็ดเกาะกันอย่างหลวมๆได้แก่ ลิลลี ภาพที 6.15 การแยกส่วนต้นรางทอง ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ - เหง้า (corm) เหง้าเป็นลําต้นใต้ดิน หัวแน่น มีลักษณะภายนอกเหมือนหัวทีเกิดจากกาบใบ แต่ลักษณะภายในมลี ักษณะเหมอื นลําต้นจริงทีถูกกดสั นให้เป็นรูปกลแมบนดังนั นจึงมีตายอดตาข้าง และข้อปล้องทีชิดกัน เช่นเหง้าของซ่อนกลินฝรัง การขยายพันธุ์โดยวธิ ีนีจะต้องเลอื กเหง้า ทีมีขนาดโตและมีนํ าหนักดี ไปวางไว้ในทีชืนประมาณ3-5 วัน เพอื ให้เกิดปุ ่ มราก
138 2) การขยายพันธุ์โดยการแบ่งส่วน(Division) เป็นการขยายพันธุ์พืชโดยการตัดส่วนของพชื ซึงไม่มีรอยแบ่งตามธรรมชาติ เช่น - การขยายพันธุ์พืชพวกหัว(tuber) เป็นลําต้นทีอ้วนสั นอัดตัวแน่นเพอื เป็นทีสะสมอาหาร เช่น ทิวลปิ บอนสี และหัวทีเกิดจากรากทพี องโตเป็นทีสะสมอาหาร เช่นหัวรักเร่ - การขยายพันธุ์พชื พวกไรโซม (rhizome) หรือแง่ง ซึงเป็นลําต้นทีเจริญอยู่ในระดับผิวดินมขี ้อ มปี ล้องและมีเปลอื กหุ้มตา ซึงตานี จะงอกออกเป็นหน่อ และรากจะแตกจากข้อหรือระหวา่ งข้อสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวธิ ีแยกแง่ง เช่น พุทธรักษา ปักษาสวรรค์ - การขยายพันธุ์โดยใช้ไหล (stolon) เป็นยอดทีเกิดขึ นในอากาศชนิดหนึงซึงเมือสัมผัสกับดินแล้วจะเกิดรากหรืออาจจะเจริญตั งตรงขึ นชัวระยะหนึงแล้วกลับโน้มลงสู่ดินอีก เช่น เศรษฐีเรือนนอก - การขยายพันธุ์โดยการใช้ตะเกียง(offset) เป็นลักษณะการเจริญอย่างหนึงของกิงข้าง ซึงจะเกิดขึ นจากโคนของลําต้นเช่นการขยายพันธุ์กล้วยไม้สกลุ หวาย ปรงญีปุ ่ น
139สรุป การขยายพันธุ์พืชหรือการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ หมายถงึ การเพิมจํานวนไม้ดอกไม้ประดับให้มปี ริมาณมากขึ นโดยการใช้เทคนิคและวธิ ีการต่างๆ แล้วแต่ชนิดของพชืแต่ละชนิด ซึงไมร่ วมถึงการนํามาจากแหลง่ อืน ให้ได้ปริมาณและคุณภาพตรงตามต้องการการขยายพันธุ์มคี วามสําคัญต่อไม้ดอกไม้ประดับ คือ สามารถเพิมจํานวนต้นพืชให้มีมากขึ นได้พันธุ์ไม้ดอกไม่ประดับทีได้พันธุ์แปลกใหมห่ รือดีกว่าเดิม แะลทําให้เกษตรกรมีอาชีพในการผลติไม้ดอกไม้ประดับ และอาชีพอนื ๆอกี ทีเกียวข้องกับการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ดอกไม้ประดับมวี ธิ ีการขยายพันธุ์ แบ่งออกเป็น2 ประเภทคือ การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศและการขยายพันธุ์พืชแบบไมอ่ าศัยเพศ การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศเปน็ การขยายพันธุ์พืชโดยการเพาะเมล็ด ส่วนของเมล็ดประกอบด้วย เปลือกหุ้มเมล็ด คัพภะหรือต้นอ่อน และอาหารสะสมในเมล็ด ซึงเมล็ดพืชหรือเมล็ดไม้ดอกไม้ประดับ บางชนิดจะมีการพักตัว ดังนั นจะต้องทําลายการพักตัวของเมล็ดเสียก่อนจึงนําเมล็ดไปเพาะได้ โดยไปเพาะในภาชนะหรือเพาะในแปลงเพาะขึ นอยู่กับชนิด ขนาด และราคาของเมล็ดพันธุ์ การขยายพันธุ์พืชแบบไมอ่ าศัยเพศเป็นการขยายพันธุ์พืชโดยการนําส่วนต่างๆของพืชมาใช้ในการเพิมจํานวนต้นพชื เช่น การปักชําได้แกก่ ารปักชําลําต้น ใบและราก ขึ นอยู่กับชนิดของพืชการตอนกิง เป็นการบังคับให้พชื เกดิ รากขณะทยี ังอยู่บนต้นแม่ ซึงมหี ลายวิธีขึ นอยู่กับชนิดของพืชและกิงพันธุ์ เช่น การตอนแบบควั น แบบกรีด และแบบปาด การติดตาเป็นวธิ ีการนําส่วนของพืชทีทําหน้าทีเป็ นระบบรากหรื อต้นตอมารวมกับส่วนเป็ นพันธุ์ดีโดยใช้แผ่นตาให้เป็ นต้นเดียวกันซึ งมีหลายวิธีเช่น T – budding ,Patch budding , Plate budding และChip buddingการต่อกิงหรือการเสียบกิง คือการสอดส่วนของพืชหรือกิงพชื ต้นหนึงบนต้นพืชอกี ต้นหนึง และส่วนทั ง2 ของพืชจะเชือมประสานตดิ ต่อกัน และเจริญไปเป็นพืชต้นใหม่ ซึงมวี ิธีการต่อกงิ หรือเสียบกิงดังนี คือ การต่อกิงแบบฝานบวบ การต่อกิงแบบเสียบข้าง การต่อกิงแบบเสียบเปลอื กและการต่อกิงแบบเสียบลิม นอกจากนั นแล้วการขยายพันธุ์พืชแบบไมใ่ ช่เพศยังมีการขยายพันธุ์แบบแบ่งและแยกหน่อเป็นการขยายพันธุ์พืชพวกทมี ลี ําต้นแปลกปลอมเพอื ให้ได้ต้นใหม่ทีมีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ของต้นแมท่ ุกประการ ไม้ดอกไม้ประดับทีทําการขยายพันธุ์โดยวิธีนีจะใช้ส่วนของพชื ทีเป็นส่วนของลําต้น เหง้า หน่อ จุก ไหล เป็นส่วนทีใช้ในการขยายพันธเชุ์ ่นรางทอง วา่ นสีทิศ ลลิ ลี ทิวลิป บอนสี พุทธรักษา เศรษฐีเรือนนอก กล้วยไม้สกุลหวายและปรงญีปุ ่ น
140 แบบทดสอบก่อนเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดบั รหัสวิชา 2501-2104เรืองที 6 การขยายพันธไุ์ ม้ดอกไม้ประดบัคําชีแจง จงทาํ เครอื งหมาย กากบาท (x) หัวข้อทีถูกต้องทีสุดเพียงข้อเดยี ว1. การขยายพันธุ์โดยการใช้เพศคือก. การขยายพันธุ์โดยใชร้ ากข. การขยายพันธุ์โดยใชด้ อกค. การขยายพันธุ์โดยใชเ้มล็ดง. การขยายพันธุ์โดยใช้ ลําต้น2. พชื ชนิดใดนิยมขยายพันธุ์โดยใช้เพศก. โกสนข. บอนสีค. ดาวเรืองง. สาวน้อยประแป้ ง3. ข้อเสีย ของการขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดคือก. มกี ารกลายพันธุ์ข. เมล็ดเก็บได้นานค. มีระบบรากแขง็ แรงง. ไมต่ ิดโรคไวรัสจากแม่4. ไม้ดอกล้มลกุ นิยมขยายพันธุ์โดยวธิ ีใดก. ปักชําข. เพาะเมล็ดค. ตอนกิงง. แบ่งแยก5. พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทีนิยมตัดชําใบคือก. บีโกเนีย ลินมังกรข. สาวสันทราย รางทองค. โกสน หมากผู้หมากเมียง. ลินกระบือ ซองออฟอินเดีย
1416. พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับในข้อใดนิยมตัดชํายอดออ่ น ก. โกสน แก้ว ข. เฟื องฟ้ า วาสนา ค. ชบา แก้วเจ้าจอม ง. ไทรยอดทอง เทียนทอง7. กุหลาบนิยมขยายพันธุ์โดยวธิ ีใด ก. ตัดชํา ข. ติดตา ค. ตอนกิง ง. ทาบกิง8. การขยายพันธุ์ชวนชมให้ได้พันธุ์ตามทีต้องการ นิยมขยาพยันธุ์โดยวธิ ี ก. ต่อกิง ข. ติดตา ค. ตอนกิง ง. เพาะเมล็ด9.เมล็ดพันธุ์พชื ชนิดใดทีควรเพาะในภาชนะ ก. พิทเู นีย ข. หางนกยูง ค. ทานตะวัน ง. ดาวกระจาย10. ปรงญีปุ ่ นนิยมขยายพันธุ์โดยใช้สว่นใด ก. หัว ข. สปอร์ ค. ตะเกียง ง. หน่อใต้ดิน
142 แบบทดสอบหลังเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหสั วิชา 2501-2104เรืองที 6 การขยายพันธไุ์ ม้ดอกไม้ประดับคําชีแจง จงทําเครืองหมาย กากบาท (x) หวั ข้อทีถูกต้องทีสุดเพียงข้อเดียว1. การขยายพันธุ์ชวนชมให้ได้พันธุ์ตามทีต้องการ นิยมขยายพันธุ์โดยวธิ ีก. ต่อกิงข. ติดตาค. ตอนกิงง. เพาะเมล็ด2. เมล็ดพันธุ์พชื ชนิดใดทีควรเพาะในภาชนะก. พทิ ูเนียข. หางนกยูงค. ทานตะวันง. ดาวกระจาย3. การขยายพันธุ์โดยการใช้เพศคือก. การขยายพันธุ์โดยใชร้ ากข. การขยายพันธุ์โดยใชด้ อกค. การขยายพันธุ์โดยใชเ้มล็ดง. การขยายพันธุ์โดยใช้ ลําต้น4. พชื ชนิดใดนิยมขยายพันธุ์โดยใช้เพศก. โกสนข. บอนสีค. ดาวเรืองง. สาวน้อยประแป้ ง5. ปรงญีปุ ่ นนิยมขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนใดก. หัวข. สปอร์ค. ตะเกียงง. หน่อใต้ดิน
1436. พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับในข้อใดนิยมตัดชํายอดอ่อน ก. โกสน แก้ว ข. เฟื องฟ้ า วาสนา ค. ชบา แก้วเจ้าจอม ง. ไทรยอดทอง เทียนทอง7. กุหลาบนิยมขยายพันธุ์โดยวิธีใด ก. ตัดชํา ข. ติดตา ค. ตอนกิง ง. ทาบกิง8.ไม้ดอกล้มลุกนิยมขยายพันธุ์โดยวิธีใด ก. ปักชํา ข. เพาะเมล็ด ค. ตอนกิง ง. แบ่งแยก9. พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทีนิยมตัดชําใบคือ ก. บีโกเนีย ลินมังกร ข. สาวสันทราย รางทอง ค. โกสน หมากผู้หมากเมยี ง. ลินกระบือ ซองออฟอินเดีย10. ข้อเสีย ของการขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดคือ ก. มกี ารกลายพันธุ์ ข. เมล็ดเก็บได้นาน ค. มีระบบรากแข็งแรง ง. ไม่ติดโรคไวรัสจากแม่
144 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน รหสั วิชา 2501-2104วิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดบัเรืองที 6 การขยายพันธไุ์ ม้ดอกไม้ประดบั ข้อ เฉลย 1ค 2ค 3ก 4ข 5ก 6ง 7ข 8ก 9ก 10 ค
145 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน รหสั วิชา 2501-2104วิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดบัเรืองที 6 การขยายพันธไุ์ ม้ดอกไม้ประดบั ข้อ เฉลย 1ก 2ก 3ค 4ค 5ค 6ง 7ข 8ข 9ก 10 ก
146 หน่วยที 7 การปลูกไม้ดอกไม้ประดับสาระสําคัญ การเตรียมดินปลูกไม้ดอกไมป้ ระดับมีความสําคัญและจําเป็นมากเพราะพันธุ์ไม้จะเจริญเติบโตไดด้ ีหรือไม่ ต้องขึ นอยกู่ ับการเตรียมดินเป็นสําคัญ การเตรียมดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับมวี ิธีการเตรียมทีแตกต่างกัน การปลูกไม้ดอกจัดเป็นพันธุ์ไม้ทีตลาดมีความต้องการ จึงนิยมปลูกเป็นการค้าสามารถปลูกเพือชมความงามของดอกไม้ทีอยู่ในแปลงปลกู ในกระถาง บางชนิดทําเป็นไม้ตัดดอกก็มีการปลูกต้องพิถีพถิ ันในเรืองการเลียงดูพอสมควร ส่วนการปลูกไม้ประดับมีทั งการปลูกในแปลงและในกระถาง ซึงขึ นอยู่กับประเภทและชนิดของไม้ประดัแบละความนิยมในขณะนั นจุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั ไป 1. เพอื ใหน้ ักเรียนสามารถเตรียมดินและปลูกไม้ดอกไม้ประดับได้ 2. เพือให้นักเรียนสามารถเลอื กวัสดุและภาชนะปลูกเหมาะสมกับชนิดของ ไม้ดอกไม้ประดับแต่ละอย่าง 3. เพือให้นักเรียนมคี ุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เรือง ความรับผิดชอบ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เตรียมดินปลูกไม้ดอกและไม้ประดับได้ 2. สามารถปลูกไม้ดอกและไม้ประดับลงแปลงได้อย่างถูกต้อง 3. สามารถปลูกไม้ดอกและไม้ประดับในภาชนะได้อย่างถูกต้อง
147เนือหาสาระ1. การเตรียมดินปลูก การเตรียมดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับมีความสําคัญและจําเป็นมาก เพราะพันธุ์ไม้จะเจริญเติบโตไดด้ ีหรือไม่ ต้องขึ นอยู่กับการเตรียมดินเป็นสําคัญ การเตรียมดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับมีวธิ ีการเตรียมแตกต่างกันออกไป ดังนี 1.1 การเตรียมดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับลงแปลง ดําเนินการเตรียมแปลงโดยทั วไปแปลงปลูกควรกว้างประมาณ1 เมตร ส่วนความยาวของแปลงขึ นอยู่กับขนาดของพืนที โดยมีขั นตอนดําเนินการดังนี(มกุ ดา, 2547) 1.1.1 ปรับพืนทีให้ราบเรียบสมําเสมอกันโดยใช้ไถพลิกพรวนดินให้ร่วนซุย 1.1.2 กําจัดวัชพืชภายในพืนทีทีจะทําแปลงปลูกให้หมด 1.1.3 ยกร่องหรือทําขอบแปลงตามขนาดทีต้องการ 1.1.4 ใส่อนิ ทรียวัตถพุ วกขุยมะพร้าว ขี เถ้าแกลบ เปลอื กถั วลสิ งลงไปในแปลพง อประมาณอย่างละ 2-3 บุ้งกีต่อแปลง (ขนาดแปลง 4 ตารางเมตร ) 1.1.5 ใส่ปุ ๋ ยอินทรีย์ ปุ ๋ ยคอก ปุ ๋ ยหมักลงไปแปๆลลงะ 3 บุ้งกี พร้อมทั งโรยปุ ๋ ยเคมีสูตร15-15-15 ลงไปประมาณครึ งกิโลกรัมต่อแปลง 1.1.6 คลุกเคล้าวัสดุกับดินปลูกให้เขา้ กนั พร้อมแต่งขอบแปลงใหม่ พร้อมทีจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับต่อไป ภาพที 7.1 การไถพืนที ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
148 1.2 การเตรียมดินในหลุมปลูก สําหรับการเตรี ยมดินในหลุมปลูก เพือใช้ในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับประเภทยืนต้น เช่น ประดู่ นนทรี ปาล์ม และไทรต่าง ๆ การเตรียมดินสามารถปฏบิ ัติได้ดังนี 1.2.1 ขุดหลมุ ปลูกขนาด 50 X 50 เซนติเมตร ลกึ ประมาณ 50 เซนติเมตร โดยแยกหน้าดินไว้ต่างหาก ภาพที 7.2 หลมุ ปลูกไม้ยืนต้น ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 1.2.2 นําเอาอินทรียวัตถุใส่ก้นหลุม1 ส่วน ทีเหลือใหผ้ สมดินทีขุดขึ นมา กับปุ ๋ ยอินทรีย์และปุ ๋ ยเคม1ี 5-15-15 จํานวน¼ กิโลกรัม/หลุม 1.2.3 ใส่ดินทีผสมพร้อมปุ ๋ ยลงไปในหลุมจนเต็ม พร้อมทั งพนู นดิเป็ นรูปสีเหลียมเท่ากับขนาดหลุมทีขดุ 1.2.4 ปล่อยใหด้ ินทีพนู ทรุดตัวลงไปเท่าขอบหลุมเดิม ควรเตรียมหลุมปลูกไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนทีจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับยืนต้น 1.3 การเตรียมดินผสมเพอื ปลูกไม้กระถาง โดยมีหลักการในการพิจารณาผสมดินเพือปลกูไม้ดอกกระถางไม้ประดับกระถางเพือจําหน่ายสามารถทําเป็นอาชีพได้ มีหลักพจิ ารณาดังนี 1.3.1 หลักในการพิจารณาผสมดินปลูกไม้ดอกกระถางและไม้ประดับกระถางมีดังนี 1) ต้องศกึ ษาจากพันธุ์ไม้ทีขึ นอยู่เองตามธรรมชาติ 2) ต้องรู้ว่าเราจะปลูกไม้ดอกกระถาง ไม้ประดับกระถางอยู่ในภาชนะนานเท่าไร 3) ต้องมจี ุดประสงค์ทีจะปลูกพันธุ์ไม้เพอื ดหู รือหวังผลอะไรจากพันธุ์ไม้ 4) ควรมอี าหารของพืชครบถ้วนตามความต้องการของไม้ดอกไม้ประดับนั น ๆ
149 5) วัสดุทีใช้ผสมจะต้องเก่าหรือสลายตัวแล้ว เพือป้ องกันการทรุดตัวของดินผสมทีผสมเร็วเกินไป 6) ดินทีผสมจะต้องใช้วัสดุทีหาง่ายในท้องถินราคาถูก มนี ํ าหนักเบาสามารถเคลอื นย้ายได้สะดวก 7) ดินผสมทีดีควรจะหมักทิงไว้ประมาณ1-3 เดือน ก่อนทีจะนํามาใช้ในการปลูกไม้ดอกไมป้ ระดับในกระถาง หรืออย่างน้อยควรหมักทิงไว7้ วัน ภาพที 7.3 ดินผสมสําหรับปลูกไม้กระถาง ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 1.3.2 วัสดุปลูกทีนิยมนํามาทําดินผสมสําหรับปลูกไม้ดอกไม้ประดับควรมคี วามหนาแน่นเพียงพอให้ต้นไม้ทรงตัวอยู่ได้ มีลักษณะร่วนซุย ระบายนํ าและระบายกอาศได้ดี และมีธาตุอาหารเพียงพอกับความเจริญเติบโตของพชื มกุ ดา สุขสวัสดิ(2547) กลา่ วว่า ในปัจจุบัน ดินทีมีคุณลักษณะสําหรับปลกู ต้นไม้หาได้ยากมากขึ น เนืองจากดินทีมอี ยู่โดยทัวไปมักเป็นดินทีได้จากการเอาดินชั นล่างหรือดินทรายตะกอนทีดูดขึ นมาจากแมน่ ํ ามาปรับระดับพืนที ซึงดินดังกลา่ วไมเ่ หมาะกับการเจริญเติบโตของพืชดังนั นการปลูกพชื ทุกชนิด ไม่วา่ จะปลูกในแปลงหรือในกระถาง จึงจําเป็นต้องเตรียมดินและวัสดุปลูกให้มีสภาพทีเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชเสียก่อน เช่น การระบายนํ าและอากาศได้มากขึ น อมุ้ นํ าและดดู ซับธาตุอาหารได้ดีเป็นต้น ไมด้ อกไมป้ ระดับเป็ นพืชทีอายุสั น แต่มีวัฏจักรของการเจริ ญเติบโตทีสมบูรณ์โดยเฉพาะไม้ดอกล้มลุกจะมีช่วงการเจริญเติบโตทางต้นเพียง 30-60 วันเท่านั น จึงตอ้ งปลูก
150ในวัสดุปลูกทีอุดมสมบูรณ์ เพือใหล้ ําต้นมอี าหารเหลือเกบ็ สะสมไว้ใช้ในช่วงติดดอกออกผลดังนั นลําต้นจึงต้องการธาตุอาหารและนํ าจากดินหรือวัสดุปลกู โดยตรง โดยเฉพาะไมด้ อกไม้ประดบัทีปลูกในกระถาง รากจะถูกจํากัดขอบเขตอยู่เฉพาะภายในกระถาง ไม่มีโอกาสชอนไชออกไปหาธาตุอาหารและนํ าจากทีอืน ถ้าวัสดุปลูกทไี ปใช้มีธาตุอาหารน้อย ในเวลาไม่นานพืชจะแสดงอาการขาดธาตุอาหาร ต้นแคระแกร็นและตายในทีสุด หรือถ้าหากในวสั ดุปลกู มี ธาตุอาหารมากเกินไป ต้นก็จะเจริ ญเติบโตมาก ขนาดต้นไม่ได้สัดส่วนกับกระถาง มีอาการเฝื อใบไมอ่ อกดอก หรือถ้าวัสดุปลูกนั นมีอินทรียวัตถมุ ากเกินไป กจ็ ะอุ้มนํ าไว้มากจนทําให้ต้นเนย่าไตดา้หรื อถ้าวัสดุปลูก ในกระถางนานเกินไป การระบายนํ าในกระถางไม่ดี นํ จาะขังท่วมอยู่ที ปากกระถาง ทําให้อากาศไม่ถา่ ยเท ต้นไม้ในกระถางต้นนั กน็ไมเ่ จริญเติบโตเท่าทีควร ดังนั นเพือให้พืชไดเ้ จริญเติบโตตามความตอ้ งการ วัสดุปลูกทีนาํ มาใชจ้ ึงควรมีคุณภาพดีเหมาะสมดังต่อไปนี 1) มีความหนาแน่นเพียงพอให้ต้นไมท้ รงตัวอยู่ได้ วสั ดุปลูกทีดีมีค่าความหนาแน่น 1.5-1.6 กรัมต่อซีซี 2) มีลักษณะร่ วนซุย ช่วยให้ระบายนํ า ถ่ายเทอากาศดี และเก็บความชืนได้ดีกลา่ วคือถ้าวัสดุปลูกแน่นทึบจะทําให้รากพืชได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ลักษณะรากจะเรียวยาวมีสีอ่อนและมีรากขนอ่อนจํานวนมาก แตถ่ ้าแน่นทึบมากจนรากขาดออกซิเจนรากจะอ้วนสั นมีสีคลํ ารากขนอ่อนมีจํานวนนอ้ ย ทําให้การดูดนํ าและอาหารน้อยลงด้วย 3) มธี าตุอาหารเพียงพอและมีสัดส่วนทีเหมาะสมสําหรับการเจริญเติบโตของพืชหากวัสดุปลูกไม่มีดินเป็ นส่วนผสม พืชทีปลูกจะแสดงอาการขาดธาตุอาหารและอ่อนแอต่อการทําลายจากโรคและแมลง จําเป็ นต้องเสริมธาตุอาหารรอง (Trace element) ในรูปของปุ ๋ ยหรือเสริมด้วยการพน่ ทางใบเป็นครั งคราว 4) มีความเหมาะสมทีแตกต่างกันตามชนิ ดของภาชนะปลูก การปลูกไม้ดอกไม้ประดับในกระถางพลาสติกควรใช้วัสดุปลูกทีเบาและโปร่งเป็ นส่วนผสมเพือช่วยในการถา่ ยเทอากาศ แต่ถ้าใช้กระถางดินเผา วัสดุปลูกควรกักเกบ็ ความชืนได้ดีกวา่ ทั งนี เนืองจากกระถางดินเผามรี ูพรุน ถา่ ยเทอากาศได้ดี ทําให้วัสดุปลูกสูญเสียนํ าได้ง่ายกวา่ กระถางพลาสติก แต่ถ้าใช้วัสดุปลูกโปร่งมากๆ ก็อาจมีปัญหาการขาดนํ าได้ 5) มีความเป็นกรดเล็กน้อย คือมีค่า pH ประมาณ 6.5-7.0 6) มีปริมาณเกลือแร่ตํา 7) ปราศจากสารพษิ เมล็ดวัชพืช โรค แมลง ตลอดจนศัตรูพชื ชนิดอืนๆ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251