51 1.1.3 ไม้ดอกประดับแปลง (bedding plants) เป็ นไม้ดอกทีปลกู ตกแต่งประดับแปลงตามอาคารสถานทีต่าง ๆ โดยไม่ตัดดอก หรือส่วนใดส่วนหนึ งไปใชป้ ระโยชน์แต่ปล่อยใหอ้ อกดอกบานสะพรั งสวยงามติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูกได้แก่ แพงพวย บานบุรี หงอนไก่สร้อยทอง ดาวเรือง ดาวกระจาย บานเย็น เป็นต้น(สมเพียร, 2535 ) ภาพที 3.3 ดาวเรือง ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 1.1.4 ไม้ดอกปลูกในกระถางหรือกระเช้าแขวน (hanging baskets) เป็ นไมด้ อกทีปลกูไว้เพือให้ห้อยแขวนกระถางหรือกระเช้าแขวนตกแต่งตามชายคาบา้ น และผนังบ้าน ได้แก่จันทร์กระจ่างฟ้ า พทิ ูเนีย แพรเซียงไฮ้ พรมญีปุ ่ นกระดุมทอง บีโกเนีย เป็นต้น ภาพที 3.4 จันทร์กระจา่ งฟ้ า ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
52 1.1.5 ไม้ดอกปลูกตามซอกหิน สวนหิน เป็ นไม้ดอกทีปลกู ตามสวนหินต่าง ๆ นํ าตกมักมดี อกดก ลําต้นเลือย เช่น แพนซี แพรเซียงไฮ้ กระดุมทอง ฟ้ าประดิษฐ์ เป็นต้น ภาพที 3.5 แพรเซียงไฮ้ ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 1.2 ไม้ประดับ (ornamental plants) เป็ นพันธุ์ไม้ทรี ูปทรง ลําต้น กิง กา้ นใบหรือรากทีสวยงาม โดยไม่คํานึงถึงดอกเป็ นสําคัญ นําไปใช้ประโยชน์เพือประดับตกแต่งอาคารสถานทีและจําหน่าย จําแนกออกได้เป็น 3 ประเภท คือ (ปิ ฏฐะ, 2536) 1.2.1 ไม้ใบ (foliage plants) เป็ นพันธุ์ไม้ทีมีรูปร่างลักษณะของใบสวยงาม นาํ ไปประดับตกแต่งและตัดใบจําหน่าย เช่น ซอนนาดู พลดู ่าง ฟิ โลสีทอง ฟิ โลหน้าวัว ปรง จัง โกสนสาวน้อยประแป้ ง หมากผู้หมากเมีย เป็นต้น ภาพที 3.6 ฟิ โลหนา้ วัว ถ่ายภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ
53 1.2.2 ไม้กระถาง (potted plants) เป็ นพันธุ์ไม้ทีมีลักษณะรูปร่างของราก ใบ ลําตน้ดอกสวยงามนํามาปลกู ในกระถางเพือตกแต่งอาคารสถานทีและจําหน่าย เช่น เฟิ น อะโกลนีม่าวาสนา ช่อมรกต สาวน้อยปะแป้ ง ซองออฟอินเดีย คล้า ฤๅษีผสม พลับพลึงสีทองเป็นต้น ภาพที 3.7 ช่อมรกต ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 1.2.3 ไม้ดัดและไม้แคระ(miniature and bonsai) เป็ นพันธไุ์ ม้ประดับชนิดหนึ งทีมีรูปร่างลักษณะ ทรวดทรง ลําต้น กงิ ก้าน ใบ ดอก หรือผลงดงาม ไม้ดัดเกิดจากการดดั บังคับตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามต้องการ ไม้ประดบั ประเภทนี เป็ นพืชทีมีคุณสมบัติพิเศษคือ กิงก้านเหนียว ไม่เปราะหักได้งาย และเมือดัดแล้วไม่คืนรูปเดิม ส่วนไมแ้ คระ จะต้องปลกู ในภาชนะทีจํากัด ควบคุมการเจริญเติบโต เช่น สน ไทร โมก มะเดือ มะขาม ข่อย มะสัง ชวนชม เป็นต้น(พรรณทวี, 2547) ภาพที 3.8 ข่อยดัด ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
542. การจําแนกตามลักษณะนสิ ัยของพันธุ์ไม้ นอกจากการแบ่งพันธุ์ไม้ตามความมุ่งหมายของมนุษย์ทีต้องการและประโยชน์ทีนํามาใช้แล้ว การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับยังแบ่งออกได้ตามลักษณะนิสัยของพันธุ์ไม้นั นนๆ เช่แบ่งตามถินกําเนิดของพันธุ์ไม้ แบ่งตามอายุความเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ แบ่งตามลักษณะของเนือไม้ แบ่งตามความต้องการแสง ต้องการนํ า และแบ่งตามลักษณะของลําต้นดังนั นจึงจําแนกตามลักษณะนิสัยพันธุ์ไม้ออกเป็น6 ประเภท ดังนี (ปิ ฏฐะ, 2536) 2.1 การจําแนกตามถินกําเนิด การจัดจําแนกไม้ดอกไม้ประดับตามถินกําเนิดนั น เพือใทหร้าบว่าไม้ดอกไม้ประดับนั นๆมถี ินกําเนิดมาจากธรรมชาติในป่ าหรือเกิดจากการผสมพันธุ์ใหม่ขึ นมาเพือประโยชนต์ ่อการปฏบิ ัติดแู ลรักษา แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ (ปิ ฏฐะ, 2536) 2.1.1 ไม้ป่ าหรือไม้พนื เมือง (wild and native plants) เป็นพันธุ์ไม้ที มนุษย์นํามาจากถินกําเนิดของมัน เช่นนํามาจากธรรมชาติของมันทีเจริญเติบโต มีลักษณะเป็ นไม้พืนเมือง เมือนํามาปลูกต่างถิน ก็อาจเจริญเติบโตเปลยี นแปลงไป อาจจะโตช้า หรอื เจริญเติบโตดีขึ น เช่น กล้วยไม้ป่ าปาล์มบังสูรย์ จันผา จังเชียงใหม่ วา่ นต่าง ๆ เป็นต้น ภาพที 3.9 กล้วยไม้เพชรหึง ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
55 2.1.2 ไม้ลูกผสม (hybrid) หรื อไม้พันธุ์แท้ เป็ นพันธุ์ไม้ทีนักปรับปรุ งพันธุ์ นํามาผสมพันธ์ กับพันธุ์แท้หรือพันธไุม์ ้ป่ าจากธรรมชาติหรือนํามาผสมข้ามพันธจุ์ ะได้เป็ นพันธุ์ลกู ผสมขึ นมาใหมม่ ีความทนทานแข็งแรง อาจมีการเจริญเติบโตดีกว่าพันธุ์เดิม มีสีสันของดอก ใบสวยงามแปลกตาเป็ นทีนิยมของนักสะสม นักขยายพันธุ์ เช่น อโกลนีม่า ชวนชม โป๊ ยเซียนปทุมมา เฟื องฟ้ า เป็นตน้ ภาพที 3.10 อโกลนีมา่ ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 2.2 การจําแนกตามอายุของพันธุ์ไม้ เป็นการจําแนกพันธุ์ไม้ตามอายุการเจริญเติบโตบางชนิดมีอายุเพยี ง 1 ปี เมือออกดอกออกผลกต็ ายไปแต่บางชนิดมีอายุตั งแต2่ ปี จนถงึ 100 ปี ขึ นไป ซึงพันธไุ์ ม้ทีมอี ายุยืน ส่วนมากจะเป็นไม้ยืนต้นทีมีขนาดใหญ่ การจําแนกตามอายุของพันธุ์ไมม้ กี ารแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ(ปิ ฏฐะ, 2536) 2.2.1 ไมล้ ้มลุก(annuals) หรือไม้ปี เดียว เป็นไม้ดอกไม้ประดับทมี ีอายุการเจริญเติบโตตั งแตง่ อกจากเมล็ดและเจริญเติบโต ออกดอก ออกผลเป็นเมล็ดอกี ครั งหนึงอยู่ในระยะเวลาสั นโดยมีอายุไมเ่ กิน 1 ปี ซึงส่วนใหญ่เป็นไม้ดอกปี เดียว เช่น หงอนไก่ สร้อยไก่ ดาวเรืองดาวกระจาย บานไมร่ ู้โรย บานชืน เป็นต้น
56 ภาพที 3.11 ดาวกระจาย ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ 2.2.2 ไม้ข้ามปี หรือไม้ 2 ฤดู (biennials) เป็นไม้ทีปี แรกเจริญเติบโตทางด้านใบ ลําตน้ปี ทีสองจึงจะออกดอกติดผลแล้วจบชีวติ ในรอบหนึงของมัน เช่น ซ่อนกลินฝรัง ภาพที 3.12 ซ่อนกลินฝรัง ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
57 2.2.3 ไม้ยืนต้น (perennials) เป็ นพันธุไ์ ม้ทีมีอายยุ นื นานกว่า 2 ปี บางชนิดออกดอกในปี แรกแล้ว ก็ยังไม่ตาย คงมดี อกเป็นครั งท2ี -3-4 หรือต่อๆ ไปมากกวา่ นั น หรืออาจมีอายุมากกว่า100 ปี ก็ได้และมีลักษณะต่างๆกนั ซึงอาจมีทั งไมต้ ้นเล็กจนถึงใหญ่สุด ได้แก่ ต้นโพธิ ต้นไทรเหลอื งปรีดียาธร อินทนิล หางนกยูงไทย ตะแบก คูน ปาล์ม หูกระจง ประดู่ โกสน เล็บครุฑเป็ นต้น ภาพที 3.13 เหลอื งปรีดียาธร ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเดจ็ 2.3 การจําแนกตามลักษณะของเนือไม้ การจําแนกประเภทนเี ป็นการจําแนกเนือไม้ทีมปี ริมาณของนํ าอยู่ในเนือไม้สูงและเป็นพันธุ์ไม้ทีมเี นือไม้ทําให้กิงก้านมีรูปทรงอยู่ไดจ้ําแนกได้2 ประเภท คือ (ปิ ฏฐะ, 2536) 2.3.1 ไม้เนืออ่อน (herbaceous and succulent plants) เป็ นพันธุไ์ ม้ทมี ีนํ าในเนือไม้สูง จึงทําให้เนือไม้อ่อนอวบนํ า พันธุ์ไม้พวกบนาี งชนิดอยู่ในทีมีความชืนสูงและมีนํ ามาก แต่บางชนิดอยู่ในทีแห้งแล้งและมีความสามารถเก็บนํ าไว้ในลําต้นได้ดี เชน่ พวกตะบองเพชร และไม้อวบนํ าทวไั ป ไม้ประดับลักษณะนี มีมาก เช่นฤๅษีผสมเยอร์บีร่า พิทเู นีย เงินไหลมา พันธุ์ไม้พวกนี ส่วนมากขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ แยกกอ และปักชําลําต้น
58 ภาพที 3.14 พิทูเนีย ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 2.3.2 ไม้เนือแขง็ (woody plants) เป็นพนั ธุ์ไม้ทีมีเนือไม้(woody) ทําให้ลําต้นกิงก้านมีรูปทรงอยูไ่ ด้ มีเนือเยือเจริญ (cambium) ดังนั นพันธไุ์ ม้พวกนี สามารถขยายพันธุโ์ ดยการตอนติดตา ทาบกิ ง ปักชํา และต่อกิ ง เพราะเนื อไม้มีเนื อเยือเจริ ญ (cambium) เจริ ญรวดเร็ วไม้ดอกไม้ประดับพวกนี มีมาก ส่วนมากเป็นไม้พ่มุ และต้นไม(t้ ree) เช่น กุหลาบ เฟื องฟ้ า โกสนจําปี ชบาประดู่ นนทรี จําปี เป็นต้น ภาพที 3.15 เฟื องฟ้ า ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
59 2.4 การจําแนกตามความต้องการแสงเพือการเจริญเติบโต แสงมอี ทิ ธิพลต่อการเจริญเติบโตของพชื ซึงพืชแต่ละชนิดแต่ละพันธุ์มคี วามต้องการแสงแตกต่างกันในการเจริญเติบโต ซึงการจัดหมวดหมูห่ รือจําแนกพชื ตามความต้องการแสงมีประโยชน์ต่อการปลูกและดูแลรกั ษาให้ตรงกับความต้องการของพชื นั นๆ ซึงสามารแถบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ (ปิ ฏฐะ, 2536) 2.4.1 ไม้ในร่ม (indoor plants) พันธุไ์ ม้พวกนี ส่วนใหญ่มีใบหรือดอกทีบอบบางไม่สามารถทนทานต่อแสงแดดทีร้อนหรือแสงสว่างทีมากเกินไป เป็ นพันธุ์ไม้ทีเจริญเติบโตได้ดีในทีมีแสงสว่างน้อยหรือแสงแดดอ่อนๆ ร่มรําไร ความชืนสูง จึงเหมาะทีจะปลูกในร่มหรือในบ้าน เช่น หน้าวัว เฟิ น กล้วยไม้ สาวน้อยประแป้ ง คล้า อโกลนีม่า เป็ ปเปอร์โรเมียดาษตะกัว และบอนต่างๆเป็นต้น ภาพที 3.16 เฟิ น ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
60 2.4.2 ไม้กลางแจ้ง(outdoor plants) เป็นพันธุ์ไม้ทีเจริญเติบโตได้ดีในทีทีมีแสงสว่างมาก ถ้าปลูกพันธุ์ไม้พวกนี ในร่ม ใบจะมสี ีเขียวจัด ต้นงสชู ะลูดไม่งาม ถ้าเป็นพันธุ์ทดี ู ความงามของใบหรือดอกจะทําให้สีเปลียนแปลงในทางทีเลวลง พันธุ์ไมป้ ระเภทนี ต้องการแสงแดดโดยตรงเช่น ไทร ปาล์มต่าง ๆ ปรงญีปุ ่ น ไผ่ต่างๆ ประดู่ นนทรี สตั ตบรรณ หูกระจง ลีลาวดี ชวนชมชมพูพันธุ์ทิพย์ เหลอื งปรีดียาธร ชบา เขม็ ขาไก่ เฟื องฟ้ า กหุ ลาบ ดาวเรือง เป็นต้น ภาพที 3.17 ปาล์มอ้ายหมี ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 2.5 การจําแนกตามการใช้นําเพือการเจริญเติบโต นํ าเป็นปัจจัยทีสําคัญในการเจริญเติบโตของพืชในการจําแนกไม้ดอกไม้ประดับตามพันธุ์ไม้ทีต้องการนํ าในการเจริญเติมโตแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ (ปิ ฏฐะ, 2536) 2.5.1 พันธุ์ไม้ทีชอบนํ ามาก(hydrophytes) เป็ นพันธไุ์ ม้เจริญได้ดีในนํ าเช่น กกญีปุ ่ นกกธปู สาหร่าย สันตะวา บัวชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ภาพที 3.18 บัวประดับ ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
61 2.5.2 พันธุ์ไม้ทีต้องการนํ าปานกลาง(mesophytes) เป็ นพันธุไ์ ม้เจริญได้ดีในทีมีนํ าและความชืนพอเหมาะ ได้แก่ โกสนชนิดต่างๆ เลบ็ ครุฑ หน้าวัว กล้วยไม้ สาวนอ้ ยประแป้ งปาล์มต่างๆ เป็นต้น ภาพที 3.19 สาวน้อยปะแป้ ง ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 2.5.3 พันธุ์ไม้ทีทนแล้ง(xerophyts) เป็นพันธุ์ไม้ทีเจริญได้ดีในทีมีนํ านอ้ ยและทนแล้งได้ดี เช่น พวกป่ านศรนารายณ์ หรื อ อะกาเว่ต่าง ๆ กุหลาบหิน กระบองเพชร แคคตัสวา่ นหางจระเข้ ว่านลินมังกร เป็นต้น ภาพที 3.20 แคคตัส ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
62 2.6 การจําแนกตามลักษณะของลําต้น พันธุ์ไม้มีลักษณะของลําต้ทนีแตกต่างกัน ตามลักษณะของชนิดและพันธุ์ บางชนิดเห็นลักษณะของลําต้นเด่นชัด ส่วนบางชนิดลําต้นไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน บางชนิดมีลักษณะเป็นเถาเลือย หรือบางชนิดมีลักษณะเป็นพุ่มแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ (ปิ ฏฐะ, 2536) 2.6.1 ไม้เลือย (climbing or vine) เป็ นพันธุไ์ ม้ทีมีลําต้นเป็ นเถาเลือยไปตามสิงทีจะเกาะเลือยไปได้ พันธุ์ไม้เลือยส่วนมากจะมีมือเกาะหรือใช้เถาม้วน หรือพันรอบๆ สิงทียึดเหนียวในบ้านเรามไี ม้เลือยมามายหลายชนิด ไมว่ ่าจะเป็นไม้เถาใหญ่ เถากลาง หรือเถาเลก็ ทีปลูกประดับซุ้มไม้เลือย หรอื ประดับศาลาให้ร่มเงา หรือเลือยไปกับรั วบ้านให้เกิดความสวยงามเช่น พวงชมพูบานบุรี อัญชนั เฟื องฟ้ า สร้อยอินทนิล พวงคราม พวงแสด กระเทียมเถา นมตําเลีย มะลิวัลย์ฟิ โลเดนดรอน พลูด่าง เป็นต้น(พรรณเพ็ญ, 2548) ภาพที 3.21 พลูด่าง ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
63 2.6.2 ไม้พ่มุ (shrubs) เป็นพันธุไ์ มด้ อกไม้ประดับทีมีกิงก้านแตกแขนงออกมาก ทําให้รูปทรงเป็นพ่มุ กลม หรือเป็นทรงพมุ่ ต่างๆ สามารถทําการตดั แต่งทรงเป็นพมุ่ ได้ นิยมปลกู ตามขอบสนามริ มถนนหรื อตามอาคารต่างๆเช่น เข็มต่างๆ ชบา เหลืองคิรี บูรณ์ แสงจันทร์ แก้วเทียนทอง ดอนย่า ขาไก่ เล็บครุฑ เป็นต้น ภาพที 3.22 เหลืองคิรีบรู ณ์ ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 2.6.3 ไม้ต้น (trees) หมายถึงพันธุไ์ ม้ทียืนต้นมีลําต้นเดียว แตกกิงก้านแขนงแผ่สาขาส่วนบน ให้ความร่มรืนสวยงาม เป็นไม้ทีมลี ําต้นแขง็ แรงส่วนมากมีอายยุ ืนและมีรูปทรงต่างๆกันพวกไม้ต้นจะออกดอกดก ออกดอกพร้อมกัน เช่น หางนกยงู ฝรั ง ประดู่ นนทรี สัตตบรรณตะแบก หูกระจง พิกุล ไทร อโศกอินเดีย สนต่างๆ เป็นต้น ภาพที 3.23 สัตตบรรณ ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
64 2.6.4 ไม้หัว (bulbs and corm) เป็ นพันธุ์ไม้ทีมีลําต้นอยูใ่ ต้ดิน ลักษณะเป็ นหวั เช่นพวกวา่ นสีทิศ ซ่อนกลิน บัวสวรรค์ดาหลา บอนสี เป็นตน้ ภาพที 3.24 ดาหลา ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
653. การจําแนกตามหลักพฤกษศาสตร์ (Botanical classification) การจําแนกประเภทของไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตร(์BotanicalClassification) หมายถงึ การจําแนกพันธุ์ไม้ออกเป็นกลุ่มๆ ตั งแต่กลุ่มใหญ่ลงมาหากลุม่ ย่อยโดยอาศัยลักษณะทางพฤกษศาสตร์มาพิจารณา เพือให้ได้พันธุ์ไม้ทีมลี ักษณะรูปร่าง นิสัยการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ทีมลี ักษณะเหมอื นกัน หรือคล้ายกันให้อยู่ในกลมุ่ เดียวกันซึงมีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ จากกลมุ่ ใหญ่ไปหากลมุ่ ย่อย เป็นการจดั ตามมาตรฐานสากล การจัดหมวดหมูพ่ ันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเริมจากอาณาจัก(รKingdom)ซึงไม้ดอกไมป้ ระดับทุกชนิดอยู่ในอาณาจักรเดียวกันคือ อาณาจักรพืช(Plant kingdom) แล้วแบ่งย่อยเป็นหมวด (Division) หมวดหมูห่ นึงจะเป็นชั น(Class) จากชั นแบ่งเป็นอันดับ(Order) จากอันดับแบ่งเป็นวงศ์ (Family) จากวงศ์เป็นสกลุ (Genus) และสกลุ ก็จะแบ่งย่อยเป็นชนิด (Species)จากนั นก็จะแบ่งแยกย่อยเป็นพันธ(ุ์Variety) ตามลําดับการจัดลําดับหมวดหมูต่ ามหลักพฤกษศาสตร์จากกลมุ่ ใหญ่ไปหากลมุ่ ย่อยสรุปได้ดังนี Kingdom (อาณาจักร) Division (หมวด) Class (ชั น) Order (อันดับ) Family (วงศ)์ Genus (สกุล) Species (ชนิด) Variety (พันธ)ุ์ตัวอย่างการจัดลําดับหมวดหมูต่ามหลักพฤกษศาสตร์ของต้นบานชืน พันธุ์มาเจนแลนไอวอรีKingdom PlantaeDivision MagnoliophytaClass Magnoliopsida Order Asterales Family Asteraceae Genus Zinnea Species Elegans Variety magellan ivory
66ลําดับหมวดหมูข่ องไม้ดอกไม้ประดับทีนําไปใช้โดยทัวไปคือชือวง(ศF์ amily) ชือสกลุ(Genus) และชือชนิด (Species) โดยการเรียกชือสกุล (Genus) ซึงเป็นการเรียกตามมาตรฐานสากล ทีใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทัวโลกแบ่งได2้ แบบดังนี (เตม็ สมติ นิ ันท์ ,2544)3.1 ชือวิทยาศาสตร์ (Scientific name) เขียนโดยให้ชือแรกเป็นชือสกุล (Genus) เขียนอักษรตัวแรกด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ และตามด้วยชือชนิด(Species) เขียนเป็นตัวพมิ พ์เล็ก เป็นชือเฉพาะของต้นไม้แต่ละต้น ซึงในแต่ละต้นจะมีชือเดียวกันการเขียนชือวทิ ยาศาสตร์ อาจเขียนเป็นตัวเอนหรือใช้วธิ ีขีดเส้นใต้อย่างใดอย่างหนึงก็ได้เช่นZinnia elegans หรือ Zinnia elegans3.2 ชือสามัญ (Common name) เป็นชือเรียกตามหลักสากลทั วไป กําหนดตามลักษณะของพันธุ์ไม้ เรียกตามถินกําเนิดทีพบหรือเรียกตามการใช้ประโยชน์ของพันธุ์ไม้นั น เช่นสาวน้อยประแป้ ง ชือสามัญ Dumb Caneราชพฤกษ์ ชือสามัญ Golden Showerพุทธรักษา ชือสามัญ Cannaมะลิ ชือสามัญ Jasmineตารางที 3.1 แสดงชือทางพฤกษศาสตร์ของไม้ดอกไม้ประดับลําดับ ชือไทย ชือสามัญ ชือวิทยาศาสตร์ ชือวงศ์ ที Thai name 1 ดาวเรือง Common name Scientific name Family 2 บานชืน 3 พทิ เู นีย African marigold Tagetes erecta Linn Asteraceae 4 กหุ ลาบ Asteraceae 5 กล้วยไม้ Zinnia Zinnia elegans Jacq Solanaceae 6 ชวนชม Rosaceae 7 โกสน Petunia Petunia hybrid Viln Orchidaceae Apocynaceae 8 ปรงญีปุ ่ น Rose Rosa spp. Euphobiacaea 9 ไทร Cycadacaea 10 ราชพฤกษ์ Orchid Dendrobium hybrid Molacaea 11 พุทธรักษา Fabaceae 12 มะลิ Impala lily Adenium obesum Balf Cannaceae Croton Oleaceae Cycad Codiauem variegatum Blume Cycad revolute Thunb Laurel Fig Ficus retusa Linn Golden shower Cassia fistula Linn Canna Canna indica Linn Jasmine Jasminum sambac Ait
67ตารางที 3.1 (ต่อ) แสดงชือทางพฤกษศาสตร์ของไม้ดอกไม้ประดับลําดับ ชือไทย ชือสามัญ ชือวิทยาศาสตร์ ชือวงศ์ ที Thai name 13 หมากแดง Common Scientific name Family 14 พญาสัตบรรณ name 15 อินทผาลัม Cyrtostachys renda Arecaceae 16 กระเทียมเถา Sealing wax Blume Apocynaceae palm Alstonia scholaris R. Br Devil tree Phoenix sylvestris Arecaceae Bignoniaceae Silver date Pachyptera hymenaea. Rubianceae palm (D C.)A.Gentry Garlic vine Ixora stricta Roxb17 เขม็ เชียงใหม่ Ixora Rhapis excelsa Thunb. Arecaceae18 จังญีปนุ ่ Lady palm Agavaceae19 จันทรผ์ า Dracaena Dracaena loureiri Verbenaceae Gagnep20 ผกากรอง Lantana Lantana spp.21 สาวน้อยประแป้ ง Dumb cane Dieffenbachia spp. Araceae Araceae22 เขียวหมนื ปี Chinese Aglaconema modestum Agavaceae23 กวนอมิ ด่าง evergreen Schotts Nelumbonaceae24 บัวหลวง Belgian Dracaena sanderiana Apocynaceae evergreen Sander Nelumbo nucifera Lotus Gaertn. Catharantus roseus25 แพงพวย periwinkle Linn.ทีมา : วิยะดา เทพหัตถี (2552)
68สรุป การจําแนกประเภทของไม้ดอกไม้ประดับนั นมีนักวชิ ากาทรางด้านพฤกษศาสตร์ได้จัดจําแนกประเภทของไม้ดอกไม้ประดับโดยยึดหลัก3 ประการคือ 1. การจําแนกตามจุดมุง่ หมายทีใช้งาน เป็นการจําแนกโดยการนําไปใช้ประโยชนใ์ นการตกแต่งสถานที หรือใช้ประโยชนท์ างด้านศาสนพิธีกรรม แบ่งออกเป็น2 พวกคือ ไม้ดอกและไม้ประดับ 2. การจําแนกตามลักษณะนิสัยของพันธุ์ไม้ เป็นการจําแนกทีหลากหลายลักษณะของพันธุ์ไม้และปัจจัยทีเกียวข้องกับการเจริญเติบโต จําแนกออกเป็น6 ประเภท ได้แก่ 2.1 การจําแนกตามถินกําเนิด เชน่ ไม้ป่ าหรือไม้พืนเมือง และไม้ลูกผสม 2.2 การจําแนกตามอายุของพันธุ์ไม้เช่นไม้ล้มลกุ ไม้ข้ามปี และไม้ยืนต้น 2.3 การจําแนกตามลักษณะของเนือไม้ เช่นไม้เนืออ่อน และไม้เนือแข็ง 2.4 การจําแนกตามความต้องการแสงเพอื การเจริญเตบิ โต เช่นไม้ในร่มและไม้กลางแจ้ง 2.5 การจําแนกตามความต้องการนํ าเพอื การเจริญเติบโต เช่นพันธุ์ไม้ทีชอบนํ ามาก พันธุ์ไม้ทีชอบนํ าปานกลาง แลพะันธุ์ไม้ทีทนแล้ง 2.6 การจําแนกตามลักษณะของลําต้นเช่นไม้เลือย ไม้พมุ่ ไม้ต้น และไม้หัว 3. การจําแนกตามหลักพฤกษศาสตร์ เป็นการจําแนกพันธุ์ไม้ออกเป็นกลมุ่ ๆ ตั งแต่กลมุ่ ใหญ่ลงมาหากลมุ่ ย่อย โดยอาศัยลักษณะทางพฤกษศาสตร์มาพจิ ารณา ลําดับการจัดหมวดหมู่ของไม้ดอกไม้ประดับทีนําไปใช้โดยทั วไคปือ ชือวงศ(์ Family) สกุล(Genus) และชนิด(Species)ซึงเป็นการเรียกตามมาตรฐานสากล ทีใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั วโลกแบ่งได2้ แบบ คือชือวิทยาศาสตร์ และชือสามัญเช่น ชือไทย อนิ ทผาลัม ชือสามัญ Silver date palm ชือวิทยาศาสตร์ Phoenix sylvestris
69 แบบทดสอบก่อนเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดบั รหัสวิชา 2501-2104เรืองที 3 การจําแนกประเภทไม้ดอกไม้ประดับคําชีแจง จงทาํ เครืองหมาย กากบาท (x) หัวข้อทีถูกต้องทสี ุดเพียงข้อเดียว1. ไม้ดอกต่อไปนีข้อทีไม่เป็นไม้ตัดดอกได้แก่ก. กุหลาบ หน้าวัว เบญจมาศข. สร้อยไก่ ดาวกระจาย พิทูเนียค. ดาวเรือง แอสเตอร์ คาร์เนชันง. กล้วยไม้ ซ่อนกลินฝรัง เยอร์บีรา่2. ไม้ดอกไม้ประดับทีประเทศไทยส่งออกเป็นรายได้มากทีสุดก. ปาล์มข. กุหลาบค. กล้วยไม้ง. หมากผู้หมากเมีย3. พันธุ์ไม้ในข้อใดทไีม่ได้เป็นไม้ประดับก. คล้า เดหลี ฟิ โลเดนดรอนข. ขิงแดง กวนอมิ ด่าง ดาหลาค. โกสน หมากผู้หมากเมีย เล็บครุฑง. เฟิ ร์น เขียวหมืนปี สาวน้อยประแป้ ง4. มะสัง โมก ข่อย เป็นพันธุ์ไม้ประเภทก. ไม้ใบข. ไม้ตัดดอกค. ไม้ดัด ไม้แคระง. ไม้ดอกกระถาง5. พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทจีัดเป็นไม้ล้มลุกอายุสั นก. บานไม่รู้โรย บานเช้า บานบุรีข. ดาวเรือง ดาวกระจาย ทานตะวันค. สร้อยทอง สร้อยไก่ ไก่ฟ้ าพญาลอง. แพรเซียงไฮ้ ฟ้ าประดิษฐ์ หลวิ ไต้หวัน
706. การจําแนกไม้ดอกไม้ประดับทีใช้งานได้แก่พันธุ์ไม้ ก. ไม้ใบ ข. ไม้ในร่ม ค. ไม้ยืนต้น ง. ไม้ทนแล้ง7. ไม้ป่ าหรือไม้พืนเมือง เป็นการจําแนกประเภทพันธุ์ไม้ ก. ตามถินกําเนิด ข. ตามอายุของพันธุ์ไม้ ค. ตามความต้องการนํ า ง. ตามลักษณะของลําต้น8. พันธุ์ไม้ประดับในข้อใดทีจัดเป็นไม้เถาเลือย ก. มะลิวัลย์ มะลลิ า มะลิ ข. บานบุรี บานเช้า บานเย็น ค. พวงชมพู พวงทอง พวงคราม ง. สร้อยอนิ ทนิล สร้อยทอง สร้อยไก่9. ชมพูพันธุ์ทิพย์ เป็นไม้ประดับประเภท ก. ไม้พ่มุ ข. ไม้เลือย ค. ไม้ยืนต้น ง. ไม้ต้องการนํ ามาก10. ข้อใดเป็นการจัดเรียงหมวดหมู่ การจําแนกไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตไร์ด้อย่าง ถูกต้อง ก. Kingdom-Family-Order-Class ข. Kingdom-Division-Class-Order ค. Kingdom-Order-Division-Class ง. Kingdom-Variety-Family-Genus
71 แบบทดสอบหลังเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา 2501-2104เรืองที 3 การจําแนกประเภทไม้ดอกไม้ประดับคําชีแจง จงทําเครอื งหมาย กากบาท (x) หวั ข้อทีถูกต้องทีสุดเพียงข้อเดียว1. พันธุ์ไม้ประดับในข้อใดทีจัดเป็นไม้เถาเลือยก. มะลิวัลย์ มะลิลา มะลิข. บานบุรี บานเช้า บานเย็นค. พวงชมพู พวงทอง พวงครามง. สร้อยอินทนิล สร้อยทอง สร้อยไก่2. การจําแนกไม้ดอกไม้ประดับทีใช้งานได้แก่พันธุ์ไม้ก. ไม้ใบข. ไม้ในร่มค. ไม้ยืนต้นง. ไม้ทนแล้ง3. ไม้ป่ าหรือไม้พืนเมือง เป็นการจําแนกประเภทพันธุ์ไม้ก. ตามถินกําเนิดข. ตามอายุของพันธุ์ไม้ค. ตามความต้องการนํ าง. ตามลักษณะของลําต้น4. ไม้ดอกไม้ประดับทีประเทศไทยส่งออกเป็นรายได้มากทีสุดก. ปาล์มข. กหุ ลาบค. กล้วยไม้ง. หมากผู้หมากเมยี5. พันธุ์ไม้ในข้อใดทไีม่ได้เป็นไม้ประดับก. คล้า เดหลี ฟิ โลเดนดรอนข. ขิงแดง กวนอิมด่าง ดาหลาค. โกสน หมากผู้หมากเมยี เล็บครุฑง. เฟิ ร์น เขียวหมนื ปี สาวน้อยประแป้ ง
726. ชมพูพันธุ์ทิพย์ เป็นไม้ประดับประเภท ก. ไม้พมุ่ ข. ไม้เลือย ค. ไม้ยืนต้น ง. ไม้ต้องการนํ ามาก7. มะสัง โมก ข่อย เป็นพันธุ์ไม้ประเภท ก. ไม้ใบ ข. ไม้ตัดดอก ค. ไม้ดัด ไม้แคระ ง. ไม้ดอกกระถาง8. พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทจีัดเป็นไม้ล้มลกุ อายุสั น ก. บานไม่รู้โรย บานเช้า บานบุรี ข. ดาวเรือง ดาวกระจาย ทานตะวัน ค. สร้อยทอง สร้อยไก่ ไก่ฟ้ าพญาลอ ง. แพรเซียงไฮ้ ฟ้ าประดิษฐ์ หลิวไต้หวัน9. ข้อใดเป็นการจัดเรียงหมวดหมู่ การจําแนกไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตไร์ด้อย่าง ถูกต้อง ก. Kingdom-Family-Order-Class ข. Kingdom-Division-Class-Order ค. Kingdom-Order-Division-Class ง. Kingdom-Variety-Family-Genus10. ไม้ดอกต่อไปนี ข้อทีไม่เป็นไม้ตดั ดอกได้แก่ ก. กหุ ลาบ หน้าวัว เบญจมาศ ข. สร้อยไก่ ดาวกระจาย พิทูเนีย ค. ดาวเรือง แอสเตอร์ คาร์เนชัน ง. กล้วยไม้ ซ่อนกลินฝรัง เยอร์บีร่า
73 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน รหสั วิชา 2501-2104วิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเรืองที 3 การจําแนกประเภทไม้ดอกไม้ประดับ ข้อ เฉลย 1ข 2ค 3ข 4ค 5ข 6ก 7ก 8ค 9ค 10 ข
74 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น รหสั วิชา 2501-2104วิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเรืองที 3 การจําแนกประเภทไม้ดอกไม้ประดับ ข้อ เฉลย 1ค 2ก 3ก 4ค 5ข 6ค 7ค 8ข 9ข 10 ข
75 หน่วยที 4 ปัจจัยทเี กียวข้องกับการผลติ ปลูกไม้ดอกไม้ประดับสาระสําคัญ ปัจจัยทีเกียวข้องกับการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ได้แก่ปัจจัยทางพันธุ์กรรมและสภาพแวดล้อม ซึ งเป็ นตวั กําหนด ชนิด และประเภท ของไมด้ อกไม้ประดับทีปลกู ผู้เผลติ หรือผู้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับจะต้องรู้สภาพปัจจัยทางพันธุ์กรรม และสภาพแวดล้อมทีเหมาะสม ถึงจะเลอื กชนิดและประเภทของไม้ดอกไม้ประดับ ทีจะปลูกได้ ซึงปัจจัยหรือสภาพแวดล้อมทีเกียวข้องกับการปลกู ไม้ดอกไม้ประดับได้แก่ ดิน ซึงเป็ นแหล่งใหน้ ํ าและธาตุอาหาร นํ าเป็ นปัจจัยทีสําคัญทีสุดในการเจริญเติบโตของพืช แสงและอุณหภมู ิมผี ลต่อการสังเคราะห์แสง และการหายใจของพืชจุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั ไป 1. มคี วามรูค้ วามเข้าใจเกียวกับปัจจัยทีเกียวข้องเกียวกับการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ทั ง ด้านพันธุ์กรรมและสภาพแวดล้อม 2. เลือกชนิดและประเภทของไม้ดอกไม้ประดับแต่ละชนิด ทจี ะปลูกให้เหมาะสม กับสภาพแวดล้อม 3. เพอื ให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เรืองการพึงตนเอง จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สามารถเลอื กชนิดของไม้ดอกไม้ประดับทีจะปลูกให้ เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ได้อย่างถูกต้อง 2. สามารถยกตัวอย่างสภาพแวดล้อมทีมีผลต่อการจเ ริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ อย่างน้อย 3- 5 ตัวอย่าง
76เนือหาสาระปัจจัยทีเกียวข้องกับการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ มี 2 ปัจจัยใหญ่ดังนี1. ปัจจัยทางพันธุ์กรรมของไม้ดอกไม้ประดับ ถ้าสิงมชี ีวติ แต่ละชนิดไม่รักษาสิงทีสืบทอดต่อๆกันมา จากบรรพบุรุษ ไว้แล้วกค็ งไม่มีสิงมีชีวติ ใดๆหลงเหลอื อยู่บนโลกเลย คุณสมบัติทีสําคัญมากอย่างหนึงของสิงทีมชี ีวิต คือความสามารถในการสืบพันธุ์หรือสร้างสิงทีเหมอื นบรรพบรุ ุษไว้สืบทอดต่อมา การสืบทอดลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะจากพ่อแม่สู่ลูกหลานเรียนวา่ ”พันธุ์กรรม” (heredity) เกิดขึ นผ่านทางจีน(genes) ซึงเป็นหน่วยถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมทีอยู่บนโครโมโซม(chromosomes)ในเซลของสิงมชี ีวิต (ปริศนา, 2548) ซึงจนี (genes)ดังกลา่ วจะทําให้ไม้ดอกไม้ประดับมขี บวนการทางสรีรวิทยาบางอย่างทีมีประสิทธิภาพต่างกัน ดังนั นในการปรับปรุงพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนักปรับปรุงพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับจึงพยายามปรับปรุงนจี(genes) ทีเรียงตัวบนโครโมโซม(chromosomes) ให้ได้พันธุ์ใหม่ทีดี นันคือเจริญเติบโตดี มคี วามต้านทานโรคแมลงให้ผลผลติ สูง ไม้ดอกไม้ประดับทีดี ควรมลี ักษณะดังนี 1.ให้ผลผลติ สูง 2.มีอายุเก็บเกียวเหมาะสม เช่น พันธุ์เบา พันธุ์หนักหรือเก็บเกียวพร้อมกัน 3. มีคุณภาพสูง เช่นปริมาณโปรตีนสูง ปริมาณนํ าตาลสูง ในเมล็ดมกี ลินหอมฯลฯ 4. มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เชน่ ดินเคม็ ทนนํ าท่วม ทนแล้ง ฯลฯ 2. ปัจจัยสภาพแวดล้อมทีเหมาะสมของไม้ดอกไม้ประดับ ปัจจัยสําคัญทีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ นั นมีอยู่หลายประการ ซึงการทีพันธุ์ไม้จะเจริญเติบโตแข็งแรงและมีสุขภาพดีนั น ไม่ได้ขึ นอยู่กับการให้นํ า และการให้ปุ ๋ ยเพยี งอย่างเดียวเท่านั น แต่ยังมีปัจจัยอนื ๆ ทีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพันธุ์ไม่ดอกไม้ประดับอยู่อกี หลายประการ ทีผู้ปลูกควรรู้ และทําความเข้าใจ ปัจจัยทีสําคัญทีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้มีอยู่หลายประการ ดังนคีือ (รวภิ า, 2554) 2.1 ดนิ (Soil) เป็นส่วนประกอบระหวา่ งอินทรียวัตถุ อนิทรียว์ ัตถุ นํ า และอากาศในสัดส่วนทีเหมาะสมกัน ดนิ มคี วามสําคัญต่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดเับป็นอย่างมากหลายประการดังนี 2.1.1 หน้าทีของดิน ต่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับพอสรุปได้ดังนี 1) ช่วยพยุงราก ลําต้นไม้ดอกไม้ประดับ 2) ให้รากมีอากาศหายใจ
77 3) ช่วยให้มีนํ าและความชืนในการเจริญเติบโต 4) ให้อาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ แก่พชื 5) เป็นทีอยู่ของจุลินทรียด์ ิน ชนิดทีเป็นประโยชน์แกต่ ้นพืช 2.1.2 คุณสมบัติของดนิ ปลูกทีดตี ่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ 1) มีความร่วน โปร่ง ซุย และมีนํ าหนักเบา 2) ระบายนํ าและอากาศดี 3) มีธาตุอาหารของพชื ครบถ้วน 4) ดดู ซับนํ าและความชืนได้มากพอ 5) มีสภาพความเป็นกรดเป็นด่างพอเหมาะ 6) ไม่ยุบตัวง่ายเนืองจากอนิ ทรียวัตถุทีใช้ 7) ไมค่ วรมสี ารเคมี สารพิษ และวัชพชื เจือปน 8) ปลูกไม้ดอกไม้ประดับแล้วสามารถเจริญเติบโตได้ดีไม่ชะงัก 2.1.3 การปรับปรุงดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับ การปรับปรุงดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับต้องขึ นอยู่กับชนิดและประเภทของพันธุ์ไม้ตลอดจนถึงวิธีทีเราจะปลูกพชื นั น ๆ เช่น 1) การปรับปรุงดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับแปลง ทําได้โดยนําวัสดุผสมดินปลกู ใส่ลงไปในแปลงทีเตรียมเสร็จแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน 2) การปรับปรุงดินในหลุมปลูก ทําโดยการขดุ หลมุ ตามขนาด ใส่ปุ ๋ ยและอนิ ทรียวัตถุผสมคลกุ เคล้ากันกับหน้าดินใส่ลงไปในหลมุ 3) การปรับปรุงดินผสมปลูกไม้กระถาง ทําโดยการผสมดินตามส่วนผสมของดินอนิ ทรียวัตถุ และอนินทรีย์วัตถุ และปุ ๋ ยให้เข้ากันตามแต่ละชนิดของไม้ดอกไม้ประดับทีจะปลูก 2.2 แสงสว่าง (Light) แสงเป็ นปัจจัยทีสาํ คัญทีสุดในการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ เพราะเป็ นกลไกลสาํ คญัในกระบวนการสังเคราะห์แสง โดยการเปลียนรูปพลังงานให้อยู่ในรูปพลังงานเคมี มีผลต่อขบวนการงอกของเมล็ด การออกดอก การสุกแก่ การลงหัว และการพักตัว บทบาทของแสงทีมีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้เดอกไม้ประดับมีดังน(ี สันต,์ 2551) 2.2.1 หน้าทีหรือบทบาทของแสงสว่างทีมีต่อไม้ดอกไม้ประดับ 1) ช่วยกระตุ้นการงอกของเมล็ดและช่วยให้เจริญเติบโต 2) ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสง (photosynthesis) 3) ช่วยสร้างฮอร์โมนต่าง ๆ ในพืช
78 4) ช่วยสร้างเม็ดสี (pigment) 5) ช่วยในการออกดอกติดผลของพชื 6) มผี ลต่อการดูดซึมนํ าของพชื 2.2.2 แหลง่ ทีมาของแสงสว่าง แสงเป็นแหล่งพลังงานให้กับขบวนการสังเคราะห์แสงแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ (สมเพียร, 2525) 1) ดวงอาทิตย์ (sunlight) จําเป็นต่อพืชมาก ในขบวนการสังเคราะหแ์ สง 2) แสงทีมนุษย์ทําขึ น(artificial light) เพอื ปรับสภาพแสงให้เหมาะสมกับความต้องการของพชื ในแต่ละชนิดของไม้ดอกไม้ประดับ และ แต่ละฤดกู าล เช่น (1) การเพิมแสง มวี ัตถุประสงค์เพอื เพิมขบวนการสังเคราะห์แสง และพเ อืควบคุมการออกดอกในไม้ดอกไม้ประดับทไี วแสง มวี ิธีการเพิมแสงดังนี - ใช้หลอดไส(้ incandescent) จะใชแ้ สงสีแดงมากกวา่ สีอนื เช่นการเพิมแสงในต้นเบญจมาศ ใช้หลอดธรรมดา60 แรงเทียน ตดิ ตั งให้สูงจากต้น2 ฟุต ระยะห่าง 4ฟุต - ใช้หลอดเรืองแสง(fluorescent) จะใช้แสงสีนํ าเงินมากกวา่ แสงสีอืนนิยมใช้หลอด 40 วัตต์ติดตั งให้สูงจากต้น50 เซนติเมตรติดตั งตามความยาวของหลอดต่อหลอด - ใช้แสงแฟลซ(flash light)เป็นการใช้ช่วงสั นๆ ระหว่างความมืดเพอืชักนําการออกดอกในไม้ดอกบางชนิดเพอื ประหยดั ไฟ โดยเปิ ดไฟสีแดง นาน 6 นาที ทุกๆ 30 นาทีจนกว่าจะครบชั วโมงตามทีต้องการแสง ภาพที 4.1 การเพิมแสงในแปลงเบญจมาศ ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
79 ภาพที 4.2 ดอกเบญจมาศหลังจากเลิกการเพิมแสง ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ (2) การลดแสง มวี ัตถุประสงค์เพอื ลดความเข้มของแสงให้ตําลง เพือจะช่วยยับยั งการถูกทําลายของคลอโรฟิ ล และเพือลดเวลาในการรับแสงให้สั นลงเพือชกั นาํ การออดดอกวิธีการลดความเข้มของแสงหรือการพรางแสง มดี ังคือ - ตีไม้ระแนงโรงเรือนให้ถีขึ น - ใช้เฝือกหรือทางมะพร้าวมุง บังร่มเงา - ใช้ตาข่ายหรือผ้าดํา มงุ บังพรางแสง - ถ้าเป็นเรือนกระจกใช้สีลาเทก็ ซ์ทาหลังคา 2.2.3 อทิ ธิพลของความเข้มของแสง ถ้าแสงมมี ากไปจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชดังนี 1) การสังเคราะหแ์ สงจะมาก 2) ใบพชื จะไหม้ 3) อณุ หภูมิภายในใบพืชจะสูง มผี ลทําให้คายนํ ามาก 4) มีผลต่อการฟอร์มตาดอกของพืช 5) ไม้ดอกก้านจะสั น 6) สีดอกไม้ดอกและสีใบไม้ประดับจะซีดจางลง
80 2.3 นําและความชืน (Water and humidity or moisture) นํ าเป็นปัจจัยสําคัญในการเจริญเติบโตของพืช แม้วา่ พืชจะได้รับปัจจัยอืนๆ อย่างเพียงพอแต่ถ้าปริมาณนํ าไมเ่ พยี งพอหรือไม่เหมาะสมกับความต้องการใช้ของพืช พชื จะเจริญเติบโตอย่างจํากัดและมผี ลต่อการสร้างผลผลิตของพืช ดังนั นการศึกษาลักษณะการใช้นํ าของพชื แต่ละชนิดแต่ละช่วงของการเจริญเติบโตเพอื เชือมโยงความสัมพันธ์กับข้อมูลด้านการเจริญเติบโตและผลผลิตของพชื จะทําให้สามารถจัดการนํ าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สําหรับบทบาทของนํ าและความชืนทีมตี ่อไม้ดอกไม้ประดับมดี ังน(ี วิเชียร, 2546) 2.3.1 นํ ามคี วามสําคัญต่อกระบวนการต่างๆทั งทางตรงและทางอ้อม ดังนี 1) นํ าเป็นตัวทําละลายทีดีทีสุดจึงทําให้ธาอตาุ หารเป็นประโยชนต์ ่อพืชได้ 2) นํ าเป็ นตัวกลางในการเคลือนย้ายสิงต่างๆ ธาตุอาหารจากทีไกลๆ ไปยังรากพืชเข้าไปในราก ต้นใบ และส่วนต่างๆ และยังทําให้สารทีได้รับจากการสังเคราะห์แสงกระจายไปยังทุกส่วนของต้นพชื 3) นํ าเป็ นตัวทําปฏิกิริยาในกระบวนการเปลียนแปลงทางเคมีของสิงมีชีวิต เช่นการสังเคราะห์แสง ไฮโดรไลซีส การย่อยสลายต่างๆ เป็นต้น 4) นํ าทําให้เซลล์เต่งตัว ทําให้เกิดความดนั ของเซลลท์ ีมีส่วนสําคัญ ทําให้เซลล์ขยายตวั รักษารูปร่างความแกร่ง การปิ ดเปิ ดปากใบ ถ้าเซลล์แฟบลง กระบวนการเมแทบอลิซึมจะลดลง การเจริญเติบโตก็ลดลง 5) นํ าช่วยควบคุมอุณหภมู ิในพืช เพราะนํ ามีความร้อนจําเพาะสูง เมือได้รับแสงแดดแล้วอณุ หภมู จิ ะสูงขึ นไม่มากเท่ากับกรณีทีไมม่ ีนํ าและยังมกี ารคายนํ าทีปากใบต้องใช้ความร้อนแฝงจํานวนหนึง ความร้อนในพืชจะลดลง 6) นํ าช่วยในการงอกของเมล็ด ทําให้เปลอื กหุ้มเมล็ด ดินนุ่มปลายรากอ่อน แทงทะลุเปลือกนอกได้ นําอาหารจากส่วนเอนโดสเปิ ร์มไปยังต้นออ่ น 7) นํ าเป็ นส่วนประกอบโดยตรงของพืช ประมาณร้อยละ80 ของนํ าหนักพืชคือองค์ประกอบทีเป็ นนํ า และถ้าเป็ นเซลล์ส่วนทีอวบนํ า อาจจะมีมากถึง90-95 แตกต่างกันตามชนิดพืช อายุเซลล์ และส่วนของพืช ในเซลล์พืชมีนํ าเป็ นตวั กระตุ้น ทําให้เอนไซมท์ ํางานได้ในราก หวั สะสมอาหารมีนํ าเป็ นองค์ประกอบทีสาํ คญั และในลําต้น พืชทัวไปมีนํ ามากกว่าร้อยละ 50 แต่พวกบัวและพชื นํ ามีนํ าถงึ ร้อยล9ะ0-95
81 2.3.2 วิธีการให้นํ าและความชืนแก่ไม้ดอกไม้ประดับมหี ลายวธิ ีขึ นอยู่กับชนิดของพชื และการวางกระถางปลูก มี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ 1) การให้นํ าโดยการ รด ราด พน่ ลงบนต้นพืช( Overhead watering ) ทีนิยม ใช้มีอยู่ 3 วิธีได้แก่ - การใช้บัวรดนํ า - การใช้สายยางต่อท่อประปา - การใชส้ ปริงเกอร์(sprinkler) ภาพที 4.3 การใช้สายยางรดนํ า ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 2) การให้นํ าโดยการซึมของนํ าจากข้างลา่ งขึ นข้างบ(นSubirrigation) ทีนิยมใช้กัน มี 2 วธิ ีได้แก่ - โดยการวางกระถางต้นไม้ลงบนวัสดุทีอุ้มนํ าหนา ๆ แล้วใหน้ ํ าซึมจากวัสดุ ขึ นตามเครืองปลูกในกระถางจนชืนกพ็ อ - โดยการวางกระถางต้นไม้ลงในกระบะซีเมนต์ทีมีนํ าพอประมาณ 2.3.3 ข้อควรปฏิบัติในการใช้นํ าและความชืนการปฏบิ ัติการให้นํ าแก่ไม้ดอกไม้ประดับ มีหลักการ และวธิ ีการให้นํ าทีจะทําให้ต้นพืชเจริญเติบโตตามปกตดิ ังนี 1) รดนํ าให้ไม้ดอกไม้ประดับมีคาวมชืนพอเหมาะ อย่าให้แฉะ 2) รดนํ าชุ่ม ซึมลึกไปถึงระดับรากและทั วถึง 3) การให้นํ าตอนเช้าพชื จะนําไปใช้และตอนเย็นพชื ไม่นําไปใช้อาจเกิดโรคได้ 4) การให้นํ าไม้กระถางควรให้มากทุก ๆ2-3 ครังต่อวัน จะทําให้ช่วยล้างกรดด่าง และ เกลือออกจากกระถางไปบ้าง 5) ไม้ดอกควรให้นํ ามากกวา่ ไม้ใบ โดยเฉพาะช่วงกําลังมดี อก
82 6) การใช้นํ ารดต้นไม้ควรใช้นํ าทีสะอาดไมม่ สี ารพิษเจือปน มีความเป็นกรดเป็นด่างพอเหมาะ (pH 6.00 – 7.00)2.4 อุณหภูมิ (Temperature)อุณหภูมิ ถือเป็ นปัจจยั ทีสําคญั และจาํ เป็ นต่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ดงั นั นควรควบคุมอณุ หภูมิให้เหมาะสมกับการผลติ ไม้ดอกไม้ประดับแต่ละชนิด โดยเฉพาะการขยายพันธุ์ไม้อณุ หภมู ิมีผลต่อการงอกของเมล็ด 2.4.1 บทบาทและหน้าทีของอุณหภมู ทิ ีมตี ่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับซึงมผี ลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับมดี ังนี 1) พชื แต่ละชนิดต้องการอณุ หภมู ทิ ีต่างกัน 2) มผี ลต่อการงอกของเมล็ดพันธุ์ 3) มีผลต่อการเคลอื นย้ายธาตุอาหารสูงและเคลอื นย้ายเร็ว 4) มีผลต่ออัตราการดูดซึมนํ า อุณหภมู สิ ูงกวา่20 องศาเซลเซียส ดดู นํ าจะไม่ดี 5) การคายนํ าของพชื จะมากเมืออุณหภมู ิสูง 2.4.2 ช่วงของอณุ หภมู ิทีเหมาะกับการปลูกไม้ดอกไม้ประดับเป็นช่วงทีเหมาะสมกับไม้ดอกไม้ประดับ แต่ละชนิดทีต้องการช่วงอุณหภมู ทิ ีต่างกันแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับดังนี 1) อุณหภมู ทิ ีตํากวา่ ช่วงทีเหมาะสม (minmum temperture) 2) อุณหภูมิทีเหมาะสม แก่การเจริญเติบโตของพืช (optimum temperature) 3) อุณหภมู ทิ ีสูงกว่าชว่ งทีเหมาะสม (maximum temperature)2.5 อากาศ (Air) อากาศในทีนี หมายถึง ก๊าซออกซิเจน (O2) คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และไนโตรเจน(N2) ซึงมผี ลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ 2.5.1 บทบาทและหน้าทีของอากาศทีสําคัญ 1) ถ้ามีในดินมาก อัตราการใช้ธาตุอาหารและนํ าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพชืมากทีสุด 2) มีผลต่อการเจริญเติบโตของพชื เช่น ถ้าดินขาดO2 พชื จะแสดงอาการผิดปกติและตายได้ เช่น นํ าท่วม ดินขาดO2 พชื จะรากเน่า ใบพืชจะเหลืองร่วง 3) มีประโยชน์ต่อกระบวนการสังเคราะห์แสง เช่น6 CO2 + 12 H2O แสงสวา่ ง C6H12O6 + 6 H2O 4) ก๊าช CO2 มีประโยชน์ต่อการเจริ ญของพืช เช่น ช่วยละลายธาตุอาหารใหอ้ อกมาเป็นประโยชนต์ ่อพชื มากทีสุด
83 5) มีประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ในดนิ คือ ช่วยในการตรึงกา๊ ชN2 ในอากาศ โดยแบคทีเรียต้องใช้ก๊าชO2 ในการดํารงชีพ ดังนั น การปลูกไม้ดอกไม้ประดับควรดจโั รงเรือนให้มีการระบายอากาศดี จึงเป็นผลให้ ผลผลติ ออกมามคี ุณภาพ 2.6 อาหารและแร่ธาต(ุ nutrient and minerals) อาหารและแร่ธาตุ มีความสําคัญต่อการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ซึงอาหารหรืออาหารพืชได้แก่ ปุ ๋ ยชนิดต่างๆ ทีเราใส่ให้กับพชื ส่วนแร่ธาตุเป็นองค์ประกอบหลักของปุ ๋ ยซึงมรี ายละเอยี ดดังต่อไปนี 2.6.1 ธาตุอาหารพืช(plant nutrients)หรือแร่ธาตุ คือกลมุ่ ธาตุทีพืชต้องการนําไปใช้เพือการดํารงชีพและการเจริญเติบโตโดยมกี ระบวนการสร้างอาหารและเนือเยือพชื จนรวมไปถงึ การสร้างผลผลติ ของพชื ธาตุทีเป็นองค์ประกอบของพชื อาจมมี ากถงึ 50-60 ธาตุ แต่ทีมคี วามจําเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชมอี ยู่ 16 ธาตุ โดยจําแนกตามแหล่งทีมาของธาตุอาหาร แบ่งได้เป็น2 แหล่งใหญ่ดังนี (วิเชียร, 2546) 1) ธาตุอาหารทีได้จากนํ แาละอากาศได้แก่ คาร์บอน(C)ไฮโดรเจน(H)และออกซิเจน(O) ซึงธาตุทั ง3 นี เปน็ องค์ประกอบส่วนใหญ่ของพืช โดยมีสัดส่วนโดยนํ หา นักถงึ ร้อยละ95ของนํ าหนักพืชทั งหมดเพราะเป็นสัดส่วนในโครงสร้างหลักทุกชนิดของพืช ถ้าพชื ได้นํ าและอากาศอย่างเพียงพอ โดยการให้นํ าและเพิมการระบายอากาศในการดํารงชวี ิต ธาตุอาหารหลักทั ง3 ตวั นี จะมีอยู่อย่างเพียงพอกับความต้องการของพืชได้ 2) ธาตุอาหารทีพชื ได้มาจากดิน คือ ธาตุอกี 13 ธาตทุ ีเหลือ ได้แกไ่ นโตรเจน (N)ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K)แคลเซียม(Ca)แมกนีเซียม(Mg)กํามะถัน(S)เหล็ก(Fe) แมงกานีส(Mn)สังกะสี(Zn)ทองแดง(Cu)โบรอน(B)โมลดิ ินัม(Mo)คลอรีน(Cl) ปริมาณและความเหมาะสมของธาตุอาหารพชื เหล่านี จึงเป็นตัวกําหนดความอดุ มสมบูรณ์ของดนิ ดินทีมีความอดุ มสมบูรณ์สูงหมายถึง ดินทีมสี ถานภาพทีจะให้ธาตุอาหารทั ง13 ธาตุ ครบถ้วนและแต่ละธาตุมีปริมาณเพยี งพอแก่ความต้องการของพชื ทีนํามาปลูกธาตุอาหารกลุม่ นี แบ่งออกเป็น2 กลุ่มใหญ่คือ (1) ธาตุอาหารทีพชื ต้องการปริมาณมาก(macro nutrients)ได้แกไ่ นโตรเจน (N)ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K)แคลเซียม(Ca)แมกนีเซียม(Mg)กํามะถัน(S) ซึงยังแยกออกเป็น - ธาตุอาหารหลัก(major elements) มี 3 ธาตุ ได้แก่ ไนโตรเจน (N)ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) ทีพืชต้องการเป็นปริมาณมากและดินโดยทัวไปมักจะขาด ดินทีมีการปลูกพืชจึงต้องมกี ารเพิมเติมธาตุอาหารกลุ่มนี ให้แก่ดินเสมอ บางครั งจึงเรียกวา่ ธาตุปุ ๋ ย และเป็นตัวกําหนดสูตรปุ ๋ ย
84 - ธาตุอาหารรอง (minor elements) อกี 3 ธาตุ คือแคลเซียม(Ca)แมกนีเซียม(Mg)กํามะถัน(S) ซึงพชื ต้องการในปริมาณมากเช่นกัน แตใ่ นดินทัวไปมักจะไขมา่ ด ยกเว้นดินทีมีคุณสมบัติแตกต่างเฉพาะอย่าง (2) ธาตุอาหารพชื ทีต้องการปริมาณน้อย(macro-nutrients) มอี ยู่ 7 ธาตุ คือเหล็ก(Fe) แมงกานีส(Mn)สังกะสี(Zn)ทองแดง(Cu)โบรอน(B)โมลิดินัม(Mo)คลอรีน(Cl) ธาตุเหลา่ นี พชื ต้องการปริมาณน้อยมาก แต่มีความจําเป็นเท่ากันขาดไมไ่ ด้ ถ้าขาดจะแสดงอาการผิดปกติและได้รับมากเกนิ ไปจะเกิดอาการเป็นพิษได้เช่นกัน 2.6.2 อาหารของพชื ซึงหมายถงึ วัสดุใดๆก็ตามทีมีวัตถปุ ระสงค์เพอื ให้ธาตุอาหารแก่พชืเมอื ใส่ลงไปในดินแล้วพืชสามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้ ได้แก่ ปุ ๋ ยชนิดต่าง ๆ ซึงจําแนกได้เป็น2 ประเภท คือ 1) ปุ ๋ ยอินทรี ย(์ organic fertillzer)เป็ นปุ ๋ ยทีได้จากสารอินทรี ย์โดยตรงได้แก่ปุ ๋ ยคอกปุ ๋ ยหมัก ปุ ๋ ยพืชสด และปุ ๋ ยชีวภาพ ปุ ๋ ยอินทรีย์มีลักษณะเด่นทีแตกต่างและมีความสําคัญบางประการ เช่นลักษณะของปุ ๋ ยสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารแก่ดินได้แต่มีปริมาณตํามากเมือเทียบกับปุ ๋ ยเคมี ดังนั นถ้าต้องการใหช้พไืด้รับธาตุอาหารอย่างพียงพอจากปุ ๋ ยอินทรีย์จําเป็ นต้องใช้ปุ ๋ ยอินทรีย์เป็ นปริมาณมากจนอาจทําไม่ได้เลย แต่ปุ ๋ ยอินทรีย์มีสมบตั ิทีสาํ คญั ยิงคือ เป็ นวัสดุปรับปรุงดิน ทําให้เดินร่วนซุย จับตัวเป็นโครงสร้าง ดินดีมกี ารระบายนํ าและอากาศดี ช่วยเพิมการดูดซับนํ แาละธาตุอาหารพชื ได้มาก ซงึ ลักษณะเช่นนี ไมม่ ใี นปุ ๋ ยเค(มวี เิ ชียร ฝอยพกิ ุล,2546) 2) ปุ ๋ ยอนินทรีย์(inorganic fertillzer) หรือ ปุ ๋ ยเคมี หรือปุ ๋ ยวิทยาศาสตร์ เป็ นปุ ๋ ยหรือวัสดุทมี าจากสารประกอบอนินทรีย์ เช่น หินและแร่ และนํามาใช้เพือให้ธาตุอาหารแก่ดินรวมทั งสารอนิ ทรีย์สังเคราะห์บางประเภท เช่น ยูเรีย ปุ ๋ ยเคมีนี อาจจะแบ่งเป็ น ปุ ๋ ยเดียว คือใหธ้ าตุอาหารปุ ๋ ยเพยี งธาตุเดียว หรือปุ ๋ ยผสมซึงให้ธาตุอาหารพืชผสมกันหลายตัวกไ็ ด้ ซึงจัดแบ่งตามชนิดของธาตุอาหารทีมอี ยู่ได้เป็น7 ธาตุคือ (วเิ ชียร, 2546) - ปุย๋ ไนโตรเจน - ปุ ๋ ยฟอสฟอรัส หรือฟอสเฟต - ปุ ๋ ยโพแทสเซียม หรือ โพแทส - ปุ ๋ ยกํามะถัน - ปุ ๋ ยแคลเซียม - ปุ ๋ ยแมกนีเซียม - ปุ ๋ ยธาตุอาหารเสริม
85 2.7 สิงมีชีวิตอืน ๆ (Animals and bioticfactor) สิงมีชีวิตทั งในดินและบนดิน มีทั งชนิดทีเป็ นประโยชน์และชนิดทีเป็ นโทษต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ ทีสําคัญมีดังต่อไปนี 2.7.1 สิงมชี ีวิตทีเป็นประโยชนต์ ่อพชื มที ั งทีมีขนาดเล็กทีไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปลา่และมขี นาดใหญ่ ซึงเป็นประโยชนแ์ ก่พืชทั งทางตรงและทางอ้อมดังนี 1) จุลนิ ทรีย์ในดิน ชนิดทีเป็นประโยชนต์ ่าง ๆมลี ักษณะเข้าทําลายศัตรูพืชในรูป ของปรสิตแต่อยู่ในลักษณะของจุลินทรีย์ ซึงมขี นาดเล็กมาก เมือเทียบกับไส้เดือนฝอย และพวก แมลงเบียน ประกอบด้วยสิงมชี วี ติ หลายกลมุ่ คือไวรัส แบคทีเรีย เชือรา และโปรโตซัว 2) ตัวหํ าและแมลงเบียน - ตัวหํ า เป็นสิงมชี ีวติ ทีอิสระ ดํารงชีพโดยการกินสิงทมี ชี ีวิตด้วยกัน สามารถ กินเหยือได้จํานวนมาก ตัวหํ าพวกสัตว์ปีก เช่น นก สัตว์เลือยคลาน เช่น งู สัตว์ครึ งบกคงนรึ ํ า เช่น กบ เขียด และสัตว์เลียงลูกด้วยนม รวมทั งสัตว์ทีไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมลง แมงมุม แต่ตัวหํ าทีสําคัญทีสุดคือ พวกแมลง และสัตว์ทีไม่มีกระดูกสันหลัง เพราะมคี วามเหมาะสม ในการกนิ และทําลายศัตรูพืช มกี ารขยายพันธุ์และเจริญเติบโตอยาง่ รวดเร็วเช่นเดียวกับเหยือ แมลงตัวหํ าหลายชนิดได้แก่ ด้วงเต่าลาย มวนเพชฌฆาต แมลงช้างปี กใส เป็นต้น - แมลงเบียน เป็นศัตรูธรรมชาตจิ ําพวกแมลงมีจํานวนมาก ไมเ่ หมอื นปรสิต ชนิดอืน ๆ เพราะจะฆา่ หรือทําลายแมลงอาศัยในระหว่างการเจริญเติบโต ตัวเต็มวัยของ แมลงเบียนดํารงชีพโดยการกินนํ าหวานจากดอกไม้ แมลงเบียนทําลายแมลงอาศัยโดยการ วางไข่ และเจริญเติบโตขยายพันธุ์ และกินอาหารอยู่ภายในและภายนอกแมลงอาศัย จนกระทัง แมลงตาย ตัวอย่างแมลงเบียนได้แก่ แตนเบียนไข่ แตนเบียนหนอน และแตนเบียนดักแด้ - ไส้เดือนฝอย เป็นสงิ มีชีวติ ขนาดเล็กทีทําลายแมลงในลกั ษณะของปรสิต (พิมลพร, 2545) 2.7.2 สิงทีมีชีวติ ชนิดทีเป็นโทษทําความเสียหายให้กับพืชเป็นสิงมีชีวติ ทมี ีขนาดเล็กเช่นเดียวกับทีเป็นประโยชน์ต่อพชื ไมส่ ามารถมองเห็นด้วยตาเปลา่ และทีมีขนาดใหญ่ ได้แก่ 1) โรคพืชชนิดต่างๆ เช่น โรคเชือรา แบคทีเรีย ไวรัส 2) แมลงศัตรูพืชชนิดต่างๆ เช่น เพลียหอย เพลียแป้ ง เพลียไฟ ไรแดงตั กแตน หนอนผีเสือหนอนเจาะลําต้น ด้วงแรด ด้วงงวงช้าง และแมลงปี กแข็งชนิดต่างๆ 3) มดแดงไฟ หนู กระรอก กระแต กัดกินเมล็ดทีเพาะ 4) หอยทากยักษ์ หอยเชอร์รี กัดกินต้นไม้ 5) สัตว์อนื ๆ เช่นวัว ควายและสุนัข เหยียบยํ าและแทะเล็มใบและต้นไม้
86สรุป ปัจจยั ทีเกียวข้องกับการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ ม2ี ปัจจัยใหญ่คือ1. ปัจจัยทางพันธุ์กรรม คือการถ่ายทอดลักษณะและคณุ สมบัติของบรรพบุรุษหรือจากพ่อแม่สู่ลูกหลาน2. ปัจจัยหรือสภาพแวดล้อมทมี ีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชมีหลายประการคือ 2.1 ดิน เป็นปัจจัยทีมีความสําคัญต่อการเจริญเติบโตของพชื เป็นแหล่งให้ธาตุอาหารพชื และเป็นทียึดเหนียวพยุงลําต้นให้ตั งอยู่ได้ 2.2 แสงสว่าง เป็นปัจจัยทีมีผลต่อขบวนการสังเคราะหแ์ สง เพือการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ 2.3 นํ า เป็นปัจจัยทีสําคัญต่อขบวนการต่างๆ ทั งทางตรงและทางอ้อมของพหชื ลายประการแต่ทีสําคัญคือเป็นตัวทําละลายธาตุอาหาร และเป็นตัวกลางในการเคลอื นย้ายสารทีได้รับจากการสังเคราะหแ์ สง ไปยังทุกส่วนของพชื เพือให้พชื เจริญเติบโต 2.4 อุณหภูมิ มบี ทบาทสําคัญในการขยายพันธุ์พืช มีผลต่อการงอกของเมล็ด และการเจริญเติบโตของพืชซึงขึ นอยู่กับชนิดของพืชทีมคี วามต้องการอุณหภมู ิต่างกันในการเจริญเติบโต 2.5 อากาศ ซึงหมายถึง กา๊ ซออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และไนโตรเจน ซึงมีผลต่อการสังเคราะหแ์ สงของพืช 2.6 อาหารและแร่ธาตุ มีความสําคัญต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ อาหารพชืได้แก่ปุ ๋ ยชนิดต่างๆ ซึงเป็นส่วนของแร่ธาตุทีเป็นประโยชนใ์ นการเจริญเติบโตของพชื ธาตุอาหารทีจําเป็นต่อการเจริญเติบโตของพชื มที ั งหมด16 ธาตุได้แก่ C, H, O, N, P, K, Ca, Mg, S, Fe, Mn,Cu, Zn, Mo, Cl,B ซึงได้จากนํ าและอากาศ3 ธาตุคือ C, H, O ทีเหลอื อีก 13 ธาตุ ได้จากดิน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือธาตุอาหารหลัก ได้แก่N, P, K ธาตุอาหารรองได้แก่ Ca, Mg, S ส่วนอีก 7 ธาตุเป็นธาตุอาหารทีพชื ต้องการน้อย แต่ขาดไม่ได้ ส่วนอาหารของพืชก็คือปุ ๋ ยต่างๆทีใส่ลงไปให้พชืเพอื ให้พชื เจริญเติบโต มี 2 ประเภทได้แก่ ปุ ๋ ยอินทรีย์ เช่น ปุ ๋ ยคอก ปุ ๋ ยหมัก ปุ ๋ ยพืชสด ปุ ๋ ยชีวภาพและ ปุ ๋ ยอนินทรีย์ หรือปยเุ ค๋ มี หรือปุ ๋ ยวิทยาศาสตร์ ซึงเป็นปุ ๋ ยทีได้มาจากสารประกอบอนินทรีย์เช่น หินและแร่ ได้แก่ปุ ๋ ยยูเรีย ปเุค๋ ยมสี ูตรต่าง ๆ 2.7 สิงมชี ีวิตอนื ๆ ได้แก่สิงทีมชี ีวติ ทีเป็นประโยชนต์ ่อพืช เช่นจุลนิ ทรีย์ทีเป็นประโยชน์ในดิน เช่น ตัวหํ าและแมลงเบียน ไสเ้ ดือนฝอย และสิงมีชีวิตทีไมม่ ปี ระโยชนต์ ่อพชื เช่นโรคพชืแมลงศัตรูพชื สัตว์ต่างๆทีกัดกินเมล็ดและสัตว์เลียงเช่น สุนัข วัว ควาย เป็นต้น
87 แบบทดสอบก่อนเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหสั วิชา 2501-2104เรืองที 4 ปัจจัยทเี กียวข้องกับการผลิตปลูกไม้ดอกไม้ประดับคําชีแจง จงทาํ เครอื งหมาย กากบาท (x) หัวข้อทีถูกต้องทสี ุดเพียงข้อเดยี ว1. ตัวทีควบคุมลักษณะการแสดงออกของไม้ดอกไม้ประดบั คือก. จีนข. ดี เอ็น เอค. นิวเคลียสง. โครโมโซม2. ดินประกอบด้วยสิงใดมากทีสุดก. นํ าข. อากาศค. อินทรียวัตถุง. อนินทรีย์วัตถุ3. คุณภาพนํ าทเหี มาะสมกับไม้ดอกไม้ประดับควรมีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณเท่าใดก. pH 5-6ข. pH 5-8ค. pH 6-7ง. pH 7-84. ข้อทีไม่ใช่บทบาทและหน้าทีของนํ าทีมตี ่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับก. ช่วยรักษาอณุ หภมู ภิ ายในต้นพืชให้คงทีข. ทําให้สีของดอกไม้และใบเข้มขึ นกว่าปกติค. ช่วยในการเคลอื นย้ายสารอาหารภายในต้นพืชได้ดีง. ช่วยให้เซลของพืชเต่งตึงและทําให้เปลอื กเมล็ดออ่ นตัวลง5. อณุ หภูมิเกียวข้องกับการงอกของเมล็ดหรือการงอกรากของพชื คือก. อุณหภมู สิ ูงหรือตําไมม่ ีผลเสียกับการงอกรากอยู่กับความสมบูรณ์ของพืชนั น ๆข. อุณหภมู ิจะทําใหม้ คี วามชืนสูง ซึงความชืนสูงจําเป็นต่อการงอกหรือออกรากของพชืค. อณุ หภมู ิตําจะทําให้ระบบการเคลือนย้ายของฮอร์โมนทีเกียวข้องกับการเจริญเติบโตดีง. อณุ หภูมิสูงจะมผี ลต่อการเคลือนย้ายของธาตุอาหารภายในพืชดีขึ นทําใหร้ ากงอกเร็วขึ น
886. ไม้ดอกในข้อใดทีต้องพเ ิมแสงเพอื ต้องการไมใ่ ห้ออกดอก ก. มะลิ ข. กุหลาบ ค. ดาวเรือง ง. เบญจมาศ7. ช่วงแสงมผี ลต่อการเจริญเติบโตของพชื ในข้อใด ก. สีของพืช ข. การหายใจ ค. การออกดอก ง. การดูดอาหาร8. แมลงเบียนทีเป็นศัตรูธรรมชาติ ก. เพลียออ่ น ข. ด้วงกุหลาบ ค. มวนเพชฌฆาต ง. หนอนเจาะลําต้น9. ธาตุอาหารหลักในการเจริญเติบโตของพืชคือ ก. ไฮโดรเจน ฟอสฟอรัส แคลเซียม ข. ไฮโดรเจน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ค. ไนโตรเจน แคลเซียม โพแทสเซียม ง. ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม10. ข้อทไี มม่ ีผลต่อการเพิมแสงและการลดแสง ก. กระบวนการสังเคราะหแ์ สง ข. ควบคุมการออกดอกของพชื ค. การเพิมความหวานของไม้ผล ง. ช่วยยับยั งการถูกทําลายของคลอโรฟิ ลล์
89 แบบทดสอบหลังเรียนวิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา 2501-2104เรืองที 4 ปัจจัยทเี กียวข้องกับการผลิตปลูกไม้ดอกไม้ประดับคําชีแจง จงทาํ เครอื งหมาย กากบาท (x) หัวข้อทีถูกต้องทีสุดเพียงข้อเดียว1. ไม้ดอกในข้อใดทีต้องเพิมแสงเพอื ต้องการไมใ่ ห้ออกดอกก. มะลิข. กหุ ลาบค. ดาวเรืองง. เบญจมาศ2. ช่วงแสงมผี ลต่อการเจริญเติบโตของพืชในข้อใดก. สีของพืชข. การหายใจค. การออกดอกง. การดูดอาหาร3. คุณภาพนํ าทเหี มาะสมกับไม้ดอกไม้ประดับควรมีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณเท่าใดก. pH 5-6ข. pH 5-8ค. pH 6-7ง. pH 7-84. ข้อทีไม่ใช่บทบาทและหน้าทีของนํ าทีมีต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับก. ช่วยรกั ษาอุณหภมู ิภายในต้นพืชให้คงทีข. ทําให้สีของดอกไม้และใบเข้มขึ นกวา่ ปกติค. ช่วยในการเคลือนย้ายสารอาหารภายในต้นพชื ได้ดีง. ช่วยให้เซลของพชื เต่งตึงและทําให้เปลือกเมล็ดอ่อนตัวลง5. ธาตุอาหารหลกั ในการเจริญเติบโตของพชื คือก. ไฮโดรเจน ฟอสฟอรัส แคลเซียมข. ไฮโดรเจน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสค. ไนโตรเจน แคลเซียม โพแทสเซียมง. ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม
906. ข้อทไี มม่ ผี ลต่อการเพิมแสงและการลดแสง ก. กระบวนการสังเคราะหแ์ สง ข. ควบคุมการออกดอกของพชื ค. การเพิมความหวานของไม้ผล ง. ช่วยยับยั งการถูกทําลายของคลอโรฟิ ลล์7. อณุ หภูมเิ กียวข้องกับการงอกของเมล็ดหรือการงอกรากของพืชคือ ก. อุณหภมู ิสูงหรือตําไมม่ ผี ลเสียกับการงอกรากอยู่กับความสมบรู ณ์ของพชื นั น ๆ ข. อุณหภูมจิ ะทําใหม้ ีความชืนสูง ซึงความชืนสูงจําเป็นต่อการงอกหรือออกรากของพืช ค. อณุ หภมู ติ ําจะทําให้ระบบการเคลอื นย้ายของฮอร์โมนทีเกียวข้องกับการเจริญเติบโตดี ง. อณุ หภมู ิสูงจะมผี ลต่อการเคลือนย้ายของธาตุอาหารภายในพืชดีขึ นทําใหร้ ากงอกเร็ว ขึ น8. ตัวทีควบคุมลักษณะการแสดงออกของไม้ดอกไม้ประดับคือข้อใด ก. จีน ข. ดี เอ็น เอ ค. นิวเคลียส ง. โครโมโซม9. ดินประกอบด้วยสิงใดมากทีสุด ก. นํ า ข. อากาศ ค. อินทรียวัตถุ ง. อนินทรีย์วัตถุ10. แมลงเบียนทีเป็นศัตรูธรรมชาติ ก. เพลียออ่ น ข. ด้วงกหุ ลาบ ค. มวนเพชฌฆาต ง. หนอนเจาะลําต้น
91 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน รหสั วิชา 2501-2104วิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเรืองที 4 ปัจจัยทีเกียวข้องกับการผลิตปลูกไม้ดอกไม้ประดบั ข้อ เฉลย 1ก 2ง 3ค 4ข 5ง 6ง 7ค 8ค 9ง 10 ค
92 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น รหสั วิชา 2501-2104วิชา การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเรืองที 4 ปัจจัยทีเกียวข้องกับการผลิตปลูกไม้ดอกไม้ประดบั ข้อ เฉลย 1ง 2ค 3ค 4ข 5ง 6ค 7ง 8ก 9ง 10 ค
93 หน่วยที 5 เรือนเพาะชําและวัสดุอุปกรณ์ทีจําเป็ นในการปลูกไม้ดอกไม้ประดบัสาระสําคัญ เรือนเพาะชําและวัสดุอปุ กรณ์ทีจําเป็นในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ พอแยกได้เป็นสองส่วน ในส่วนทีเข้ามาเกียวข้องต่อการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ คือ ส่วนทีหนึงเป็นส่วนของเรือนโรงเพาะชําเป็นส่วนทีนํามาช่วยในการผลิตโดยใช้เป็นส่วนเก็บรักษา การอนุบาลพนั ธุ์ไม้ไม้อ่อน หรือพันธุ์ไม้ทีอ่อนแอ ตลอดจนพันธุ์ไม้ทีต้องการดูแลให้แขง็ แรงสมบูรณ์ จนกระทังสวยงามพร้อมจัดจําหน่ายได้ หรือเป็นส่วนทีใช้เป็นทีเกบ็ พันธุ์ไม้เพอื การศกึ ษาค้นคว้าและวจิ ัยในส่วนทีสอง ส่วนของวัสดุอปุ กรณ์ เป็นส่วนทนี ํามาใช้ในเรือง การเตรียมดินหรือเครืองปลูก การปลูก การดูแลรักษา การตัดแต่ง การป้ องกันกําจัดโรคแมลง การเกบ็ เกียวตลอดจนการจัดจําหน่ายจุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทัวไป 1. เพือให้นักศกึ ษามีความรูค้ วามเข้าใจในเรือนเพาะชําและวัสดุอปุ กรณ์ทจี ําเป็นใน การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ 2. เพือให้นักเรียนมคี ุณธรรม จริยธรรม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เรือง ความปลอดภัย จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายของเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับได้อย่างถูกต้อง 2. บอกความสําคัญและประโยชน์ของเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับได้อย่างถูกต้อง 3. เลอื กทําเลทีตั งของเรือนเพาะไม้ดอกไม้ประดับได้อย่างถูกต้อง 4. บอกชนิดของเรือนเพาะชําเพอื การผลิตไม้ดอกไม้ประดับได้อย่างถูกต้อง 5. อธิบายลักษณะของเรือนเพาะชําไม้ดอกไมป้ ระดับแต่ละชนิดได้อย่างถูกต้อง 6. จําแนกประเภทของวัสดุอปุ กรณ์ทจี ําเป็นในการผลิตไม้ประดับแต่ละชนิดได้อย่าง ถูกต้อง 7. อธิบายวธิ ีการผลติ และการบํารุงรักษาอปุ กรณ์ทจี ําเป็นในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ 8. บอกวัสดุทีจําเป็นในการผลิตไม้ดอกไมป้ ระดับได้อย่างถูกต้อง
94เนือหาสาระ1. ความหมาย ความสําคัญ และประโยชน์ของเรือนเพาะชํา ก่อนทีผู้ปลูกหรือผู้ผลติ ไม้ดอกไม้ประดับ จะทําการผลิตไม้ดอกไม้ประดับเพือวัตถปุ ระสงค์ใด ๆ ก็ตาม จะต้องศกึ ษาและทําความเข้าใจถึงเรืองโรงเรือนและวัสดุอุปกรณ์ทจี ําเป็นในการปลกู ไม้ดอกไม้ประดับนั นผู้ปลูกหรือผู้ผลติ ไม้ดอกไม้ประดับจะต้องทราบข้อมูลหรือความหมายและความสําคัญของโรงเรือนว่ามปี ระโยชน์อย่างไรบ้าง แต่ละชนิดแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับการนําไม้ดอกไม้ประดับชนิดใด ไปดูแลรักษาอย่างถูกต้อง 1.1 ความหมายของเรอื นเพาะชํา เรือนเพาะชําหรือสถานเพาะชํา(Nursery) หมายถงึ สถานทีเพาะเลียงและพักฟื นต้นไม้ทั งขนาดใหญ่และขนาดเล็กทั งไม้ยืนต้นและไม้ล้มลกุ การเพาะเลียงนี อาจทําเพอื การจําหน่ายและการพักผ่อนหย่อนใจ หรือเพอื การรวบรวมศึกษาลักษณะพฤกษศาสตร์และการขยายพันธุ์ต่างๆ เช่นปักชํา ตอน ตดิ ตา แยกหน่อ เพาะเมล็ดกไ็ ด้ ยิงไปกวา่ นั นโรงเรือนหรือเรือนเพาะชํามิใช่จํากัดเฉพาะทีเพาะเลียงหรือเลียงต้นไม้เท่านั น แต่รวมถึงสถานทีจําหน่ายพันธุ์ไม้ และอปุ กรณ์การปลูกบํารุงรักษาต้นไม้อีกด้วย เรือนเพาะชําในประเทศไทยในระยะเรมิ ต้นแพร่หลายเฉพาะในหน่วยงานทางราชการ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และทบวงมหาวิทยาลยั ของรัฐ โดยมีจุดมุ่งหมายเพอื เป็นทีรวบรวมเลียงดูพรรณไม้ผลทีนํามาขยายพันธุ์และพันธุ์ใหม่ๆ ทีนําเข้ามาจากต่างประเทศ เพือการค้นคว้าวิจัยในสภาพแวดล้อมทีเหมาะสมและควบคุมได้ ส่วนเรือนเพาะชําด้านพชื สวนประดับ ได้รับความนิยมในระยะตอ่ มาและกระจายไปสู่เอกชน โดยเริ มจากทีมีผู้ผลิตและขายต้นไม้ บางครั งอาจเรียกวา่ “นักเพาะชํา” ซึงปลูกเลียงไม้ดอกไม้ประดับไว้ใช้ตกแต่งในบ้านอาคารสถานทีราชการต่างๆ ต่อมาการจัดตกแต่งภมู ทิ ัศนไ์ ด้รับความนิยมมากขึ น นักเพาะชําต้นไม้จึงได้ขยายงานและพัฒนางานมากขึ นเพือรองรับความต้องการของตลาดงานตกแต่งภูมิทัศน์ ทีเพิมมากขึ นและพัฒนาเป็นนักเพาะชําภมู ทิ ัศนเ์ กิดขึ น เรือนเพาะชํา เป็นสถานทสี ําหรับขยายพันธุ์ไม้ เลียงดพู ันธุ์ไม้ทีอายุยังน้อย หอกรื ล้าไม้ทีอายุยังน้อย อาทิ ต้นกล้า(Seedling)ทีพึงงอกจากเมล็ดหรือส่วนของพืชหลังขยายพันธุ์ หรือพืชจากทีอืนๆ ทีมีสภาพแวดลอ้ มแตกต่างกัน นํามาดูแลรักษาเพาะเลี ยงเพือปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต หรือปรับตัวให้ได้ก่อนนําไปปลูก ในแปลงจริงหรือใช้งานอืนๆหรือเลียงพรรณไม้ไว้รอจําหน่าย(สมจิตร, 2539) สถานเพาะชํา หมายถงึ สถานเพาะเลียง และพักฟื นต้นไม้ทั งขนาดใหญ่และเล็ก ทั งไม้ยืนต้นและไม้ล้มลุก การเพาะเลี ยงนี อาจทําเพือการจําหน่ายหรือเพือการขยายพันธุพ์ ืช วิธีต่างๆ เช่น
95ปักชํา ตอน ติดตา ต่อกิง แยกหน่อ เพาะเมลด็ ก็ได้ ยิงไปกว่านั นสถานเพาะชํามิใช่จํากัดเฉพาะทีเพาะเลียงเท่านั น แต่มีความหมายรวมถึงสถานทีจําหน่ายต้นไม้และอุปกรณ์การดูแลรักษาตน้ ไม้ด้วย (ไพบลู ย,์ 2539) จากความหมายดังกลา่ วพอสรุปได้ว่า เรือนเพาะชําหรือสถานเพาะชําเป็ นสถานเพาะเลี ยงและขยายพันธ์พนั ธุ์ไม้ เพือการใช้งาน การจําหน่าย หรื อ พักฟื นพรรณไม้ไว้ให้อยู่ในสภาพเหมาะสมกับการทีจะนําไปปลูกยังทีอนื ในสภาพแวดล้อมทีแตกต่าง นอกจากนั นแล้วเรือนเพาะชําหรือสถานเพาะชํา ยังเป็ นทีรวบรวมพรรณไม้ เพือศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ และวิธีการขยายพันธุ์ และยังเป็นแหล่งจําหน่ายพรรณไม้ และวัสดุอปุ กรณ์ในการผลติ พรรณไอมีก้ ด้วย 1.2 ความสําคัญของเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดบั เรือนเพาะชําหรือสถานเพาะชํา มีความสําคัญต่อผู้ผลิตพรรณไม้เพอื การจําหน่ายเป็นอย่างยิงเพราะว่าเรือนเพาะชําเป็ นสถานทีเก็บรักษา และเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ซึงผู้ผลิตไม้เพือจ ําหน่ายจะต้องดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับให้มีความสวยงามและมีรู ปทรงทีผู้บริ โภคต้องการดังนั นเรือนเพาะชํามีความสําคัญดังต่อไปนี 1.2.1 ความสําคัญต่อการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ เนอื งจากเรือนเพาะชําเป็ นแหล่งผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ดังนั นจึงมคี วามสําคัญต่อผู้ผลิตพรรณไม้ เพือการเพาะเลี ยงตั งแต่การเพาะเมลด็การนํากล้ามาปลูก หรือ นําไม้ขดุ ล้อมมาพักตัว เพอื จําหน่ายหรือเพือมาทําประโยชน์อืนใดๆก็ตามเรือนเพาะชําเป็นสถานทีให้ไมด้ อกไม้ประดับมคี วามสวยงาม เป็นทีต้องตาต้องใจแก่ผู้พบเห็น และจัดซือนําไปตกแต่งอาคารสถานที 1.2.2 ความสําคัญต่อการปรุงแต่งสภาพแวดล้อม สําหรับการปรุงแต่งสภาพแวดล้อมให้สวยงามร่มรืนเป็นธรรมชาติ เพือความเพลดิ เพลิน พักผ่อนหย่อนใจ จําเป็นต้องใช้ต้นไม้นานาชนิดตกแต่งสถานทีทั งในอาคารและนอกอาคาร สถานเพาะชําสําหรับพักฟื นต้นไม้มีความสําคัญอย่างยิงเพราะต้นไม้ทียกไปตกแต่งมักจะอยู่ในสภาพแวดล้อมทีไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอยา่ งยิงแสงสว่างจะน้อยเกินไป เมือวางต้นไม้ในสถานทีทีมีแสงสว่างน้อยนานๆ จะทําให้ต้นไมท้ รุ ดโทรมจําเป็นต้องนําต้นไม้มาพักฟื น ในเรือนเพาะชําพลางแสง ตัดแต่งกิงใบ บํารุงรักาษเพอื ให้ได้ต้นไม้ทีสวยงามดังเดิม 1.2.3 ความสําคัญต่อการประกอบอาชีพ เรือนเพาะชํามคี วามสําคัญโดยตรงกับผู้ประกอบอาชีพเกียวกับธุรกิจการผลิตและการจําหน่ายไมด้ อกไมป้ ระดับ สามารถสร้างรายไดใ้ ห้กับผู้ประกอบอาชีพผลติ และจําหน่ายไม้ดอกไม้ประดับและยังเกิดอาชีพอนื ๆทีเกียวข้องกับไม้ดอกไม้ประดับเช่น อาชีพผลติ กระถาง อาชีพผลติ ดินปลูกต้นไม้ และอาชีพรับจ้างตกแต่งภมู ิทัศน์ เป็นต้น
96 1.3 ประโยชน์ของโรงเรือนทมี ีต่อไม้ดอกไม้ประดับ ประโยชน์ของโรงเรือนทีมีต่อไม้ดอกไม้ประดับมลี ักษณะคล้ายๆกับความสําคัญของเรือนเพาะชํา แต่มรี ายละเอียดปลีกย่อยทีเป็นประโยชน์เฉพาะงาน และเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ นดังนี 1.3.1 ใช้เป็นสถานทีขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับทั งจํานวนและคุณภาตพามทีต้องการ 1.3.2 ใช้ เป็นทีเกบ็ ดูแลรักษาพันธุ์ไม้ทียังมีอายุนอ้ ย ไม่แข็งแรง ใหแ้ ข็งแรงก่อนจะนําไปปลูกและจําหน่ายต่อไป 1.3.3 ใช้เป็นทีเกบ็ สะสมรวบรวมพ่อพันธุ์แมพ่ ันธุ์สําหรับการขยายพันธุ์ต่อไป 1.3.4 ใชด้ ูแลรักษาไม้ทีตอ้ งการแสงแดดน้อยหรื อไม้ในร่มต่าง ๆ เช่น เฟิ น หน้าววักล้วยไม้ต่างๆ เป็นต้น 1.3.5 ทําให้ลดต้นทุนในการจัดชือไม้ดอกไม้ประดับจากทีอนื 1.3.6 โรงเรือนอาจดัดแปลงตกแต่งเพิมเติม ทําใหส้ วยงาม ช่วยทําใหบ้ ้านมีสิงทีน่าสนใจน่าเข้าพักอาศัยมคี วามร่มรืนน่าอยู่ เป็นทีพักผ่อนหย่อนใจ 1.3.7 ทําให้เกิดรายได้จากการผลติ พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับจําหน่าย 1.3.8 ใช้เป็นสถานทีฝึกงานทางด้านการผลิตไม้ดอกไม้ประดับสําหรับนกั เรียนนกั ศึกษาและเป็นแหลง่ ศกึ ษาหาความรู้ ของเกษตรกรและประชาชนทัวไป2. การเลือกทําเลทีตังโรงเรือนผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ก่อนทีเกษตรกรจะดําเนินการผลติ ไม้ดอกไม้ประดับเพอืจําหน่ายหรือเพือประโยชน์ในด้านใดกต็ าม จะต้องพจิ ารณาเลอื กทําเลทีตั งในการสร้างโรงเรือนผลติ ไม้ดอกไม้ประดับขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ จะต้องพจิ ารณาอย่างรอบคอบ เพือให้ได้ทําเลทีตั งทีดีทีสุด เหมาะสมกับประเภทและขนาดของกิจการ ส่งผลให้ธุรกิจบรรลผุ ลตามวัตถปุ ระสงค์ทีตั งไว้ ดังนนั การเลอื กทําเลทีตั งจะต้องพจิ ารณาดังนี 2.3.1 เลือกพืนทีสร้างเรือนเพาะควรเป็นที ทกี ว้างขวางตามวัตถปุ ระสงค์ ขนาดและลักษณะงานทีเจ้าของกิจการสถานเพาะชําจะดําเนินธุรกิจ และเตรียมพืนทีไว้สําหรบั ทีต้องขยายกิจการเมือธุรกิจประสบความสําเร็จ 2.3.2 ควรเป็นพืนทีทีมีดินอดุ มสมบรู ณ์ เพราะเป็นการลดต้นทุนการใช้ปุ ๋ ยและวัสดุปรับปรุงดิน ในการทีจะนําไม้ดอกไม้ประดับมาลงแปลง หรือมาปลูกในสถานทีตั งเรือนเพาะชํา
97 2.3.3 ควรเป็นพืนทีทีมนี ํ าอดุ มสมบรู ณ์โดยมีแหลง่ นํ าจากธรรมชาติ เช่น ลําคลอง ลําธารหนองบึง หรือใกล้แหลง่ คลองชลประทานเพราะการผลติ ไม้ดอกไม้ประดับต้องการนํ ปา ริมาณมาก 2.3.4 พืนทีควรอยู่ทีทีมีการระบายนํ าและอากาศดเพี ราะต้นไม้ทีผลิตจะต้องปลูกลงดินหรือทําแปลงปลูก ดังนั นแหล่งทีตั งโรงเรือนจะต้องมกี าระรบายนํ าและสภาพอากาศดี 2.3.5 ควรเป็นทีโล่งแจ้ง มีแสงสว่างส่องได้ทัวถงึ ต้นไม้ทปี ลูกลงแปลงหรือลงดินเพอื รอการจําหน่าย ส่วนมากต้องการแสงตลอดทั งวันในการเจริญเติบโต ไม่ควรสร้างโรงเรือนทีอยู่ใกล้กับต้นไม้ใหญ่หรืออาคารทีสงใู หญ่ 2.3.6 ทําเลทีตั งโรงเรือนควรอยู่ใกล้ทีอยู่อาศัย เพือการสะดวกในการดแู ลรักษาและดําเนินธุรกิจ 2.3.7 ทําเลทีตั งโรงเรือนไมค่ วรเป็นพืนที ทีเคยมีโรคและแมลงเกียวกับต้นไม้ระบาดมาก่อน เพราะวา่ เชือโรคอาจยังมีอยทู่ ีดนิ จะทําให้ไม้ดอกไม้ประดับมีปัญหาภายหลัง 2.3.8 ควรเป็นพืนทีทีมีการคมนาคมสะดวก มีถนนหนทางสะดวกในการทีจะขนส่งไม้ดอกไม้ประดับทั งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะไม้ขุดล้อม จะต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการยกต้นไม้ การเลือกทําเล นอกจากการพจิ ารณาลักษณะและสภาพแวดทีกล่าวมาแล้ว ยังคงต้องพจิ ารณาในเรืองต่อไปนี (ปรีชา, 2533) 1) ตลาดแรงงาน ควรมแี หลง่ แรงงานในการดําเนินการธุรกิจ 2) ความใกล้ห่างจาก”ตลาด”ของสินค้าทีผลิต 3) ปัจจัยด้านลงทุน เช่น ค่าเช่า ราคาทีดิน ค่ากอ่ สร้าง เป็นต้น 4) กฎหมาย ควรศึกษากฎหมายทีเกียวข้องกับการทําธุรกิจ และดําเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง 5) คุณภาพของกิจการสาธารณูปโภคและงานราชการ เช่น โทรศัพท์ นํ าประปาท่อระบายนํ า 6) จะตอ้ งเตรียมการขยายตัวไปในอนาคต สําหรับสถานเพาะชําเพอื ประกอบธุรกิจเป็นธุรกิจทีมีการแข่งขัน ฉะนั นจะต้องพิจารณาเลือกทําเลทีตั งให้ถีถ้วน
983. ชนิดของโรงเรือนเพือการผลติ ไม้ดอกไม้ประดับ ชนิดของโรงเรือนหรือเรือนเพาะชําไม้ดอกไม้ประดับนั น ผู้ผลิตไดมอ้ กไม้ประดับจะต้องรู้วัตถปุ ระสงค์ในการผลิตไม้เดอกไม้ประดับเพอื วัตถุประสงค์อะไร และมตี ้นทุนการจัดทําหรือสร้างโรงเรือนให้เหมาะสมกับสภาพจริงทีต้องการ ในปัจจุบันมีโรงเรือนหรือเรือนเพาะชําทีผลติ ไม้ดอกไม้ประดับหลายแบบหลายประเภทซึงผู้ผลติ ไม้ดอกไม้ประดับต้อพงิจารณาดังนี 3.1 โรงเรือนระแนง (Lath house) เป็นโรงเรือนทีสร้างขึ นด้วยไม้ระแนง รูปทรงโดยทัวไปมักเป็นรูปสีเหลียมผืนผ้า มขี นาดกว้างยาวไม่กําจัด สูงประมาณ2.50 เมตร หลังคาเป็นแบบเรียบหรือแบบตัด การตีระแนงมักตีขวางทางตะวัน ตีห่างประมาณ1-2 นิว โดยตี 1 อันเว้น1 อัน มปี ระตเู ข้าออก1-2 ประตู ภายในโรงเรือนมีทางเดินและกระบะเพาะชํา โครงสร้างจะใช้ไม้เนือแขง็ ด้านข้างมกี ารก่ออฐิ สูงประมาณ40 ซม. มีร่องระบายนํ าล้อมรอบโรงเรือนระแนงสร้างขึ นเพือเก็บ เพาะชํา ดแู ลรักษาพันธุ์ไม้แข็งแรงก่อนทีจะนําไปปลูกจริงหรือจําหน่ายต่อไป ภาพที 5.1 โรงเรือนระแนง ถา่ ยภาพโดยสมพงษ์ ทองเด็จ 3.2 เรือนต้นไม้ (Lath shelter) เป็นโรงเรือนทีสร้างหรือวัสดุอืนกไ็ ด้ เช่น โครงสร้างเหล็กหรืออะลูมิเนียม หลังคามักมงุ ด้วยเฝือกไม้ระแนง ปัจจุบันใช้ตาข่ายพรางแสง(Saran) ซึงมีนํ าหนักเบา มีขนาดความเข้มของแสงให้เลอื กใช้ตามความต้องการ เรือนต้นไม้อาจมีฝาด้านข้างหรือไม่มีก็ได้ และภายในมแี ปลงหรือกระบะชําอยู่ ใช้สําหรับเกบ็ ดูแลรักษาพันธุ์ไม้ทีต้องการแสงแดดน้อยหรือไม้ในร่ม โรงเรือนแบบนี มรี ูปทรงส่วนใหญ่เป็นแบบสีเหลียมผืนผ้า วัสดุทีใช้ปัจจุบันนิยมใช้ตาข่ายพรางแสง จึงเรียกวา่ โรงเรือนตาข่ายพรางแสงมากกวา่
99 ภาพที 5.2 เรือนต้นไม้ ถ่ายภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ 3.3 เรือนกระจก (Green house) เป็นโรงเรือนทีสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กหรืออลูมเิ นียมทีแขง็ แรง ปิ ดด้านข้างและด้านหลังคากระจก ส่วนหลังคามักใช้กระจกฝ้ า รูปทรงมีอยู่หลายรูปแบบภายในมอี ปุ กรณ์สามารถควบคมุ อณุ หภมู ิ ความชืน ความร้อน และแสงสว่างได้ ทีสร้างกนัมักมีอยู่2 รูปแบบ คือ 3.3.1 เรือนกระจกแบบปิ ด (Green house) สามารถปรับอณุ หภูมิภายในได้ ควบคุมโรคแมลงได้ดี ใชป้ ลูกและขยายพันธุ์ และดูแลรักษาพชื ทีมีสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน จากทีโรงเรือนสร้างอยู่ เช่น ปลูกไม้เมืองหนาว หรือใช้เป็นโรงเรือนทคี วบคุมอณุ หภูมขิ องพืชเมืองร้อนเช่นพวกแคคตัส ในงานแสดงพืชสวนโลกทจี ังหวัดเชียงใหม่ ภาพที 5.3 โรงเรือนกระจกแบบปิ ด ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ
100 3.3.2 เรือนกระจกแบบเปิ ด (Glass house) เป็นโรงเรือนทีสร้างด้วยกระจกเฉพาะส่วนหลังคา ด้านข้างมักใช้ตาข่ายเหล็กขนาด1 ตารางนิวปิ ด ไมส่ ามารถควบคุมอณุ หภูมิ โรคและแมลงได้เท่าแบบปิ ด ต้นทุนจึงถูกกวา่ การสร้างเรือนกระจกมักใช้เงินทุนสูง ปัจจุบันจึงใช้พาลสติกซึงมีนํ าหนักเบา ราคาถูกกว่าแทน จึงเรียกวา่ โรงเรือนพลาสติก(plastic house) ภาพที 5.4 โรงเรือนกระจกแบบเปิ ด ถา่ ยภาพโดย สมพงษ์ ทองเด็จ4. วัสดุอุปกรณ์ทจี ําเป็ นในการผลิตไม้ดอกไม้ประดบั การผลิตไม้ดอกไม้ประดับมีความจําเป็นต้องมวี ัสดุอุปกรณ์เป็นส่วนช่วยให้การผลิตใหป้ ระสบความสําเร็จ ผลผลิตมีคุณภาพขายแล้วได้ราคา ส่งเสริมให้งานดําเนินไปด้วยดีเสียเวลาน้อย และมปี ระสิทธิภาพสูง วัสดุอปุ กรณ์ทีจําเป็นในการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ จําแนกได้ดังนี 4.1 อุปกรณ์ทีใช้ในการเตรียมดินปลูก เป็นอปุ กรณ์ทีใช้เตรียมดินให้เหมาะสมกับการปลูกไม้ดอกไม้ประดับแต่ละชนิด มปี ระเภทใช้แรงคน เช่น จอบ พลั ว เสียม คราดรถเข็น และซ่อมพรวนดินต่างๆ และประเภททีใช้แรงเครืองยนต์ เช่น รถแทรกเตอร์ รถไถเดินตาม สวา่ นเจาะหลุมปลูกรวมถึงเครืองผสมดินปลูกไม้กระถาง เป็นต้น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251