339966 333899766 แแบบบบปปรระะแเเมมบนนิิ บกกาาปรรแแรตตะ่่งงเคคมาาินปปรรกะะาพพรันันธธแ์์ปปตรร่งะะเเคภภททากกปาารพพะยย์ยย์พาาันนนีี ธ๑๑ป์๑๑ ระเภทกาพย์ยานี ๑๑ ลคงาลลคคใงงชาานใใชชนน้แี แ้แีี้ชชชจจจอ่่อองงงงงงททคคทคต่ีต่ีรรปปููรรีต่รงงรรปูกกระะบัับเเงรมมพพกะนินิ ฤฤบัพพเตตมฤฤิิกกพตตินรรฤิิกกรรพมมรรตรรขขฤิกมมออตขขงงรออนนิกรงงักกั มนนรเเรรกักัรขยีียเเมรรนนอีียยขงนนอนใในนงกั กกนเาารรรกั แแียเตตรนง่่งียคคาานปปใรรนะะพพกัันนาธธรปป์์ แรระะตเเภภ่งททคกกาาพพปยยรย์์ยะาานนพีี ๑๑ัน๑๑ธป์แแลลระะะใใหหเ้คค้ภะะทแแนนกนนาพยย์ านี ๑๑ แล ัฉนฉัทนัลกท ัลษก ์ณษ ์ณ การกใา ้ชรคใา้ช ัสคมาสผัสม ัผส คัฉวนาคทมวัล ิคากดมษสิคร้์ณดาสงร้สารงรสค์รรค์ เน้ื เอน้ืหาอตหรางตปรรงะปเรด็ะเนด็น กกาารรกเใาืล้ชรอเคกาืลใ ัสอ ้ชกมคใผัา้ชสคา ความ ิคดสร้างสรรค์ เนื้อหาตรงประเด็น การเ ืลอกใ ้ชคา เลล�ำเเลลดขขขับทททที่ี่ ี่ ชชออืื่่ --สสกกุุลลช่อื -สกุล รรววมม กกาาสสรรรรปปปุปุ รรผผะะเเลลมมนิิน รวม ๔๔ ๓๓ ๓๓๔ ๓๓ ๓๒๒ ๑๑๕๕๓ ผผา่า่ นน ไไ๓มม่ผผ่ ่า่านน ๒ ๑๕ เกเเณกกณณฑฑฑก์์กกาาาคคคคคคคครรคคคคะะะะะะะะรตตแแแแแแแแะะะะัดดัตนนนนนนนนสสแแแแดั นนนนนนนนนนิิ นนนนส๘๘๑๑๑๑๐๐รรนนนนินอ้้อ--๑-๔-๔๑๑๑๗๗ยย----๘๑๐๑๐๐๑๑๑๑ลลระะ๕๓๓๕อ้--๑๔๑๗๘๘ย--๐๐๐๑๑ลขขะ๓๕้นึึ้นไไ๘ปป๐((๑๑๒๒ข้นึคคหหหหหหหหะะไแแมมมมมมมมปนนาาาาาาาายยยยยยยยนน(ถถถถถถถถ))๑งงงงงงงงึึึึึึึึ ๒ คหหหหะแมมมมนาาาายยยยนถถถถ)งงงงึึึึพพดปดปดดีมีมีีรรออบับัาาใใชชกกปป้้ รรงุงุ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ลล......งง((......ชช........อ่ือื่........................................................//.........................................................................ล....................ง....(.............ช.................อ่ื.....................................................//......................................../................ผผ............ปปูู้้............)).รร......ะะ.......เเ......มม........ินิน....................................................../...........................ผ.....ปู้....)ร.
397 338987 เกณฑก์ ารประเมินการแต่งคาประพันธป์ ระเภทกาพย์ยานี ๑๑ ประเด็น ๔ (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ ๑ (ปรบั ปรุง) การประเมนิ ตาฉถมนักู ฉถตทนัูก้อลตทงกั อ้ลตษงกัาณมษ์ณ์ ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ตผ๓าิดมฉแฉถนั หนัูกทง่ตทลข้อลัก้ึนงกัษไปษณณ์ ์ ฉันทลกั ษณ์ ตผาิดมฉ๑ฉถันันูกทแตทลหอ้ลักง่ งักษษณณ์ ์ ตผาดิ มฉฉถ๒นั นัูกทแตทลหอ้ลกัง่งกั ษษณณ์ ์ การใชค้ าสัมผสั มกี ารใช-้คำ�สัมผสั มมกี ากี ราเรลใน่ชเค้ ส�ำ ียสงัมสผัมัสผัส มมกี ีการารใชเลค้ น่ ำ�เสสัมยี ผงัส ไมม่ ีกาไรมเลม่ ่นี เสียง ได้ถกู ต้องเหมาะสม พยสัญระพชยนแญัะลไะชดสนถ้ ัมะกู ผตสั อ้ ง สมั บผาัสงอสยว่ า่ นงใด การใสชัม้คผ�ำ ัสมั ผสั ความคิด ตามลกั ษณะค�ำ ประพนั ธ์ อยา่ งหน่ึง สร้างสรรค์ เนอื้ หา มคี วามคิด-สร้างสรรค์ มคี เนวือ้ามหคาแดิ ปสลร้ากงใสหรมร่ ค์ เนมอ้ื คีหวาานม่าคสนิดใจ เนไ้ือมห่มาคีไมวน่าม่าสคนิดใจ ตรงประเด็น ท่นี า่ สนใจสะทอ้ น นา่ สคคนววใจาามมสคคะดิดิ ทอ้อนน แแตตสไ่ไ่ มรม้า่แ่แงปปสลลรกกรใใคหห์ มม่่ และสไรมา้ ่แงปสรลรกคให์ ม่ การเลือกใช้คา แนวความคดิ ใหม่ มีเนื้อหาต-รงประเด็น เนมือ้ ีเหนา้อื ตหรางตรางมภภาพที่ มีเนเนอื้ หอ้ื หาตาตรงรภง าพ เนือ้ หาไมต่ รง เหมาะสมกบั ภาพ ทบกกี่ าา�ำงหหสนว่นดนด ตามแแภตตทไ่ไ่า่กี มมพำ�่ชช่ทหดััด่ีกนเเาจจดหนนนด ตามภาพท่ีกาหนด ทกี่ ำ�หนด เลือกใ-ชค้ �ำ ได้ เลอื กใชค้ ำ�-เหมาะสม มีการเลือกใช้คา�ำ เลือเกลใอื ชกค้ ใาชแ้ ต่ อยา่ งเหมาะสม บางส่วน ไมอเ่ หยา่มงาหะลสามกสหว่ นลาใหยญ่ ยังคไ�ำมไ่หมลเ่ หามกะหสลมาย เกณฑก์ ารตัดสนิ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๔-๑๕ หมายถึง ดี คะแนน ๑๑-๑๓ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๘-๑๐ หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน ๐-๗
398 339889 แบบประเมินการเขยี นจดหมายกิจธุระ คาช้แี จง ครปู ระเมินพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขียนจดหมายกิจธุระ และให้คะแนนลงในช่องทต่ี รงกบั พฤติกรรมของนกั เรยี น เลขท่ี ชื่อ – สกลุ รูปแบบของจดหมาย รวม สรุปผล เน้ือหาของจดหมาย การประเมนิ การใ ้ชภาษา ความเป็นระเบียบ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ผ่าน ไมผ่ ่าน เกณฑ์การตัดสนิ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป (๑๐ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน ๐-๖ หมายถึง ลงช่อื .............................................ผปู้ ระเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................
399 339990 เกณฑก์ ารประเมินการเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ ประเดน็ การประเมนิ ระดบั คุณภาพ รูปแบบของจดหมาย กิจธรุ ะ ๓ (ดีมาก) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) เน้อื หาของจดหมาย เขียนจดหมายกิจธุระ เขยี นจดหมายกจิ ธุระ เขยี นจดหมายกิจธรุ ะ การใช้ภาษา ความเป็นระเบียบ ถูกต้องตามรปู แบบ ไมถ่ ูกตอ้ งตามรปู แบบ ไมถ่ ูกต้องตามรูปแบบ ๑ – ๒ ตาแหนง่ ๒ ตาแหน่งขนึ้ ไป เนือ้ หากระชบั ชัดเจน เน้ือหาขาดความกระชับ เน้ือหาขาดความกระชับ ถกู ต้องตามวตั ถุประสงค์ ไม่ชดั เจน แต่ยงั คง ไม่ชัดเจน ขาดความ ของจดหมาย และจ่าหนา้ ความถกู ตอ้ งตาม ถกู ต้องตามวัตถุประสงค์ ซองถูกต้อง วัตถปุ ระสงค์ของ ของจดหมาย และจา่ หน้า จดหมาย และจ่าหน้าซอง ซองไมถ่ ูกต้อง ถูกต้อง ใช้ภาษาและถ้อยคาใน ใช้ภาษาและถ้อยคาใน ใชภ้ าษาและถ้อยคาใน การเขียนถูกต้อง ใช้ การเขยี นถูกต้อง ใช้ การเขียนไม่ถูกตอ้ ง ใช้ ระดับภาษาเหมาะสม ระดับภาษาไมเ่ หมาะสม ระดบั ภาษาไม่เหมาะสม ทางานสะอาดเรียบร้อย ทางานสะอาดเรยี บร้อย ทางานขาดความสะอาด เปน็ ระเบยี บ สะกดคา เปน็ ระเบียบ สะกดคาผดิ ไมเ่ ป็นระเบียบ และ ได้ถูกตอ้ งทกุ คา ๑-๓ คา สะกดคาผดิ เกนิ ๓ คา ขึ้นไป เกณฑก์ ารตดั สิน หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถงึ ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๖
400 349010 แบบประเมนิ การเขียนแนะนาสถานท่ีสาคญั คาช้ีแจง ครปู ระเมินพฤติกรรมของนักเรียนในการเขียนแนะนาสถานทีส่ าคัญ และใหค้ ะแนนลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมของนักเรียน เลขท่ี ช่อื – สกลุ ัอกขรวิ ีธ รวม สรุปผล การ ัจดลาดับ ้ขอความ การประเมิน การใ ้ช ้ถอยคา เน้ือหา ความสะอาดเรียบร้อย ๔ ๔ ๓ ๒ ๒ ๑๕ ผ่าน ไมผ่ ่าน เกณฑ์การตัดสิน รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป (๑๒ คะแนน) คะแนน ๑๔-๑๕ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๘-๑๐ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐-๗ หมายถึง ปรับปรุง ลงช่ือ ..............................................ผู้ประเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................
401 349021 เกณฑก์ ารประเมินการเขียนแนะนาสถานท่ีสาคญั ประเดน็ ระดบั คณุ ภาพ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) อักขรวธิ ี เขยี นสะกดคาผดิ เขียนสะกดคาถูกต้อง เขยี นสะกดคาผิด เขยี นสะกดคาผิด ๕ คาข้นึ ไป ทกุ คา จานวน ๑-๒ คา จานวน ๓-๔ คา การจัดลาดับ จัดลาดบั ข้อความ จัดลาดบั ขอ้ ความได้ จัดลาดบั ขอ้ ความ จัดลาดบั ข้อความ ขอ้ ความ ได้ต่อเนื่องและ ตอ่ เนอื่ งกนั ได้แต่ยังขาด วกวน สบั สน มีเอกภาพ ความต่อเน่ือง ขาดความต่อเนื่อง การใชถ้ ้อยคา การใชถ้ อ้ ย-ค�ำ มีการเลอื กสรรคาได้ มกี ารเลือกสรรคา การเลือกใชถ้ ้อยคา ถกู ตอ้ งเหมาะสม อยา่ งถูกต้อง ได้แต่ยังขาดความ ไมเ่ หมาะสมกบั เนอ้ื หา สละสลวย สละสลวย เนอ้ื งเรื่อง เนอื้ หาตรง-ประเดน็ เนือ้ หาตรง-ประเดน็ ความสะอาด ครบถ้วน ส่วนใหญ่ เน้ือหานา่ สนใจ เน้ือหาไมน่ ่าสนใจ เรยี บร้อย ตามทีก่ ำ�หนด กดสดับึงองึ ดดดภูดูดคาใใพลจจ้อบสงากองบัสดว่คภนลาพ้อง ไมส่ อดคลอ้ ง สะอาดเรียบ- ร้อย สะอาดเรยี -บรอ้ ยดี กบั ภาพ ดมี าก สะอาดเรียบร้อย แสดงถงึ ความต้ังใจ มขี อ้ บกพร่องของ ไม่มีรอยลบ ผลงาน มีรอยลบ ขีด-ฆ่าข้อความ ขดี -ฆา่ หลายแหง่ เกณฑก์ ารตดั สนิ หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๑๔-๑๕ หมายถึง ดี คะแนน ๑๑-๑๓ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๘-๑๐ หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน ๐-๗
402 340923 แบบประเมนิ การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากสื่อในชีวติ ประจาวนั คาช้แี จง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสื่อในชีวิตประจาวนั และให้ คะแนนลงในช่องท่ีตรงกบั พฤติกรรมของนักเรยี น เลขท่ี ช่อื – สกลุ การใ ้ชภาษา รวม สรปุ ผล เนื้อหา การประเมนิ ความสะอาดเรียบร้อย ๔ ๔ ๒ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น เกณฑ์การตดั สนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป (๘ คะแนน) คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๗-๘ หมายถึง ดี คะแนน ๕-๖ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐-๔ หมายถงึ ปรับปรงุ ลงช่ือ ..............................................ผูป้ ระเมิน (.........................................................) ................./............................/....................
403 340934 เกณฑ์การประเมินการเขียนแสดงความคิดเห็นจากสื่อในชีวติ ประจาวนั ประเดน็ ระดับคุณภาพ การประเมิน การใช้ภาษา ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) มีการเลือกสรรคา เนอ้ื หา ได้อยา่ งถูกต้อง มีการเลือกสรรคา การเลอื กใช้ถ้อยคา เลอื กใช้ถ้อยคายัง สละสลวย ใชภ้ าษา ความสะอาด แสดงความคิดเหน็ ได้ดีแต่ยงั ขาดความ ไม่เหมาะสมกับ ไมถ่ ูกต้อง และไมม่ ี เรียบร้อย ตรงประเดน็ สละสลวยในการใช้ เนือ้ งเรอ่ื ง แต่ การใช้ภาษาเพื่อ ตรงประเดน็ สอดคล้องกบั เรื่อง ภาษา และมีการใช้ มกี ารใชภ้ าษา แสดงความคดิ เห็น สะอาดเรยี บร้อย ภาษาแสดงความ แสดงความคดิ เห็น ดีมาก - คดิ เห็น ตรงประเดน็ แต่ขาด ตรงประเด็น แต่ เนอ้ื หาไมต่ รง เอกภาพของเนอื้ หา ขาดเอกภาพของ ประเดน็ และ ๑-๒ แห่ง เนอ้ื หา ๓-๔ แห่ง ขาดเอกภาพ สะอาดเรยี บรอ้ ย สะอาดเรียบร้อย มขี ้อบกพร่องของ ดี - แสดงถงึ ความตั้งใจ ผลงาน มีรอยลบ ไม่มรี อยลบ ขดี -ฆา่ หลายแห่ง ขดี -ฆา่ ข้อความ เกณฑก์ ารตดั สิน หมายถึง ดีมาก หมายถงึ ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนน ๕-๖ คะแนน ๐-๔
440044 434090454 แแบบบบปประรเะมเมนิ ินกการาเรขเขียยีนนแแสสดดงคงคววามามคคดิ ิดเหเห็นน็จจากากหหนนังสงั สือือนนออกกเวเวลลาา ใคหใคาหค้ชา้คะช้ีแแะ้ีแจแนจงนนงคนลครลงปูรใงูปนรในะรชเะช่อมเ่องมินทงินพที่ตพฤตี่รฤตงรกตงิกกบัิกรับรรพมรพฤมขฤตขอติกองิกรนงรรนักมรกัเมขรเขอยีรองียนนงนในนักในักเกรเกาียรรายีนเรนขเขยี ยีนนแแสสดดงคงควาวมามคคิดิดเหเหน็ น็จจากากหหนนังสังสือือนนออกกเวเลวลาาแแลละะ กากรกาใาร ้ชรใใภ ้ชา้ชภภษาาาษษาา เนื้เเอน้ืนื้หอาอหหาา ควคาควมวาาสมะมสอสะาะอดอาเารีดดเยเรีรีบยร้ยบอบร้ร้ยออยย เลเลขขทท่ี ี่ ชชื่อื่อ-ส-สกกุลุล รวรวมม กกาสราสรปรุปรปรปุผะรผเะลมเลมนิ ิน ๔๔ ๔๔ ๒๒ ๑๑๐๐ ผผ่านา่ น ไมไม่ผ่ผา่ น่าน เกเกณณฑฑก์ ์กาคคคคราคคคคะะะะตรแแแแะะะะตดั แแแแนนนนัดสนนนนนนนนสนิ นนนนิน๐๕๙๗ร๐๕๗๙้อร----๔๖๑๘อ้----ย๔๖๘๑๐ยล๐ละะ๘๘๐๐ขขึน้ น้ึไปไป(๘(๘คคะแหหหหะแหหหหนมมมมนมมมมนาาาายยยยนาาาา)ยยยยถถถถ)ถถถถึงึงงึงึ งึึงงึึง ปพดดปพดดีีมรอีมีบัราอใชับกาปใช้กปร้ ุงรงุ ล...ล.ง(....ช.ง.(......ช่อื........อ่ื............................................./............/.................................................................................................................................................................../.........../...........................................ผ...........ผ.ูป้........ู้ป).ร.....)ะ.ร....ะเ...ม..เ.มิน. นิ
405 340956 เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากหนังสือนอกเวลา ประเด็น ระดับคณุ ภาพ การประเมนิ การใชภ้ าษา ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) มกี ารเลอื กสรรคา เนือ้ หา ได้อยา่ งถกู ต้อง มีการเลือกสรรคา การเลือกใช้ถ้อยคา เลือกใช้ถ้อยคายัง สละสลวย ใช้ภาษา ความสะอาด แสดงความคิดเห็น ไดด้ ีแตย่ งั ขาดความ ไม่เหมาะสมกับ ไมถ่ ูกตอ้ ง และไมม่ ี เรียบร้อย ตรงประเดน็ สละสลวยในการใช้ เนอ้ื งเร่อื ง แต่ การใช้ภาษาเพื่อ ตรงประเดน็ สอดคล้องกบั เรื่อง ภาษา และมีการใช้ มีการใชภ้ าษา แสดงความคิดเหน็ สะอาดเรยี บร้อย ภาษาแสดงความ แสดงความคิดเหน็ ดีมาก - คดิ เห็น ตรงประเด็น แต่ขาด ตรงประเดน็ แต่ เนื้อหาไมต่ รง เอกภาพของเน้อื หา ขาดเอกภาพของ ประเด็น และ ๑-๒ แห่ง เนอื้ หา ๓-๔ แหง่ ขาดเอกภาพ สะอาดเรียบรอ้ ย สะอาดเรยี บร้อย มีข้อบกพร่องของ ดี - แสดงถึงความต้ังใจ ผลงาน มรี อยลบ ไมม่ ีรอยลบ ขดี -ฆ่าหลายแหง่ ขีด-ฆา่ ข้อความ เกณฑก์ ารตัดสนิ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดี คะแนน ๗-๘ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๕-๖ หมายถึง ปรับปรุง คะแนน ๐-๔
406 349076 แบบประเมนิ การพูดแสดงความคดิ เห็นเชงิ สร้างสรรค์ คาชแี้ จง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นในการพูดแสดงความคิดเหน็ เชิงสร้างสรรค์ และให้คะแนนลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับพฤติกรรมของนักเรียน เลขท่ี ช่อื -สกุล ูพดตรงประเด็น รวม สรปุ ผล ความสร้างสรรค์ การประเมิน ความค ่ลองแค ่ลว บุค ิลกภาพ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ผ่าน ไมผ่ า่ น เกณฑก์ ารตัดสนิ ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป (๑๐ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถงึ ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรับปรงุ คะแนน ๐-๖ หมายถึง ลงชอ่ื ..............................................ผู้ประเมิน (.........................................................) ................./............................/....................
407 430978 เกณฑ์การประเมินการพดู แสดงความคดิ เหน็ เชิงสรา้ งสรรค์ ประเด็นการประเมนิ ระดบั คะแนน/ระดับคุณภาพ พดู ตรงประเด็น ๓ (ดมี าก) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) ความสร้างสรรค์ พดู ตรงประเด็น ความคล่องแคล่ว เรยี งลาดับเรือ่ งราว พูดตรงประเดน็ เร่อื งราว พดู นอกประเดน็ เรือ่ งราว บุคลกิ ภาพ ได้ตามลาดบั ไมว่ กวน ไมเ่ รยี งตามลาดบั วกวน เนอื้ เรือ่ งมคี วาม สร้างสรรค์ น่าสนใจ เหตกุ ารณบ์ า้ ง แตท่ าให้ พดู ได้คล่องแคล่ว แกไ้ ขปัญหาไดร้ วดเร็ว เขา้ ใจเร่อื งราวได้ มีความมัน่ ใจ มีท่าทาง ประกอบ เนอื้ เรือ่ งน่าสนใจ แต่ยงั เน้อื เรื่องไม่แปลกใหม่ ไมแ่ ปลกใหม่ พูดตดิ ขัดบา้ ง แต่สามารถ พดู ตดิ ขัดมาก แก้ไขปัญหาได้ มคี วามมั่นใจ มที า่ ทาง ขาดความมน่ั ใจ ประกอบเลก็ น้อย ในการพูด เกณฑก์ ารตัดสิน หมายถึง ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน ๐-๖
408 403899 แบบประเมนิ การเขียนเคา้ โครงโครงงาน คาช้ีแจง ครปู ระเมินพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขียนเค้าโครงโครงงาน และให้คะแนนลงในชอ่ งทต่ี รงกับ พฤติกรรมของนกั เรยี น เลขท่ี ชื่อ-สกุล อง ์คประกอบ รวม สรุปผล ภาษา การประเมนิ ความสะอาด ๔ ๔ ๒ ๑๐ ผ่าน ไมผ่ า่ น เกณฑก์ ารตัดสนิ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป (๘ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดี คะแนน ๗-๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕-๖ หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน ๐-๔ หมายถงึ ลงช่ือ ..............................................ผ้ปู ระเมิน (.........................................................) ................./............................/....................
409 440090 เกณฑ์การประเมินการเขียนเคา้ โครงโครงงาน ประเด็น ๔ (ดมี าก) ระดับคณุ ภาพ ๑ (ปรบั ปรุง) การประเมิน องค์ประกอบ ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ขาดองค์ประกอบ องค์ประกอบ ครบถว้ น ขาดองคป์ ระกอบ ขาดองคป์ ระกอบ สาคัญ สาคัญ สาคญั ๓ องคป์ ระกอบ ภาษา ๑ องค์ประกอบ ๒ องค์ประกอบ ขนึ้ ไป ความสะอาด อธบิ ายขั้นตอน อธิบายขั้นตอน อธิบายขัน้ ตอน ขนั้ ตอนไม่ชัดเจน ชดั เจน ใชภ้ าษา ชัดเจน ใชภ้ าษา ชดั เจน ใชภ้ าษา และใชภ้ าษา ถูกต้อง ชดั เจน บกพร่อง ๑ แห่ง บกพร่อง ๒ แหง่ บกพร่อง ๓ แหง่ ขน้ึ ไป สะอาดเรียบ- ร้อยดมี าก สะอาดเรยี -บรอ้ ยดี สะอาดเรียบร้อย มีรอยลบ ขดี -ฆ่า เกณฑ์การตัดสนิ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดี คะแนน ๗-๘ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๕-๖ หมายถึง ปรับปรงุ คะแนน ๐-๔
410 414001 แบบประเมินการเขียนรายงานโครงการ คาชี้แจง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนักเรียนในการเขยี นรายงานโครงการ และให้คะแนนลงในช่องท่ตี รงกับ พฤติกรรมของนกั เรยี น เลขท่ี ชื่อ – สกลุ อง ์คประกอบ ่สวน ้ตน รวม สรปุ ผล เนื้อเร่ือง/ภาษา การประเมิน ่สวนท้าย ๔ ๔ ๔ ๑๒ ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การตดั สิน ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป (๑๐ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๖ หมายถงึ ลงช่อื ..............................................ผปู้ ระเมิน (.........................................................) ................./............................/....................
411 441012 เกณฑ์การประเมนิ การเขียนรายงานโครงงาน ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ ๑ (ปรบั ปรุง) องคป์ ระกอบของ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) มีองคป์ ระกอบของ การเขียนรายงาน มอี งค์ประกอบของ มีองคป์ ระกอบของ มอี งค์ประกอบ การเขยี นรายงาน โครงงาน สว่ นปก การเขียนรายงาน การเขียนรายงาน ของการเขียน ไม่ครบถว้ น และส่วนตน้ โครงงานครบถว้ น โครงงานครบถ้วน รายงานโครงงาน บางสว่ น ยังไมค่ รบถ้วน เนอ้ื เรือ่ ง การเรียบ การเรยี บเรยี งเน้อื เรอื่ ง การเรียบเรียงเนอื้ เร่ือง การเรียบเรียง การเรยี บเรยี งยงั เรียง การใชภ้ าษา มีการลาดับตามหัวขอ้ มกี ารลาดับตามหัวขอ้ มกี ารลาดบั ตาม ไม่เป็นไปตามลาดบั ส่วนทา้ ย ทีก่ าหนดตรงตาม ทีก่ าหนดตรงตาม หัวข้อแตย่ งั ไมต่ รง ตามหัวข้อท่ีกาหนด วัตถุประสงค์ของ วัตถุประสงค์ของ ตามวตั ถุประสงค์ และไม่ตรงตาม โครงการ โครงการ ของโครงการ วตั ถุประสงค์ มีองค์ประกอบ มีองค์ประกอบ มอี งค์ประกอบ ขาดองค์ประกอบ สว่ นท้าย ส่วนทา้ ยสว่ นเปน็ ใหญ่ ส่วนท้ายบางส่วน ส่วนท้าย ประกอบด้วย บรรณานุกรมและ บรรณานกุ รมและ บรรณานุกรมและ บรรณานกุ รมและ ภาคผนวก ภาคผนวก ภาคผนวก ภาคผนวกครบถ้วน ยงั ไม่ครบถ้วน ยังไม่ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน เกณฑ์การตดั สนิ หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถงึ ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน ๐-๖
412 414203 แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๘ ประการ ช่ือ-สกลุ นักเรยี น............................................................ชน้ั .................. เลขท.่ี ......................... คาชแี้ จง:ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี /ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ มคี วามรัก และภมู ใิ จในความเป็นชาติ กษัตริย์ ๑.๒ ปฏบิ ัติตนตามหลกั ของศาสนา ๑.๓ แสดงออกถงึ ความจงรักภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษตั ริย์ ๒. ซือ่ สัตยส์ จุ ริต ๒.๑ ปฏิบัตติ ามระเบยี บการสอน และไม่ลอกการบ้าน ๒.๒ ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงตอ่ ความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเอง ๓. มวี นิ ัย ๒.๓ ประพฤติ ปฏิบตั ติ รงต่อความเปน็ จริงต่อผู้อื่น ๔. ใฝห่ าความรู้ ๓.๑ เขา้ เรยี นตรงเวลา ๓.๒ แตง่ กายเรยี บร้อยเหมาะสม ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง ๓.๓ ปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบที่วางไว้ ๔.๑ แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งเรยี นร้ตู า่ ง ๆ ๖. มุง่ มัน่ ในการ ๔.๒ มีการจดบนั ทึกความรู้อย่างเป็นระบบ ทางาน ๔.๓ สรุปความรูไ้ ด้อย่างมีเหตุผล ๕.๑ ใชท้ รัพยส์ นิ และสงิ่ ของของโรงเรยี นอย่างประหยดั ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๕.๒ ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และรู้คณุ ค่า ๕.๓ ใช้จา่ ยอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ ๘. มจี ติ สาธารณะ ๖.๑ มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทางานท่ีไดร้ บั มอบหมาย ๖.๒มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออุปสรรคเพ่ือให้งานสาเร็จ ๗.๑ มจี ิตสานกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘.๑ ร้จู กั การให้เพอื่ ส่วนรวมและเพื่อผู้อน่ื ๘.๒ แสดงออกถึงการมนี ้าใจหรือการให้ความช่วยเหลอื ผ้อู ่ืน ๘.๓ เข้าร่วมกจิ กรรมบาเพญ็ ตนเพ่อื สว่ นรวมเม่ือมีโอกาส รวม รวมคะแนน/เฉล่ีย
หมายเหตุ 404 413 413 หมายเหตุ คะแนน ๕๐ - ๖๖ ระดบั คุณภาพ ดีเยีย่ ม ดี …………………………………………………………………………………ค…ะ…แน…น……๔…๐……- …๔…๙……ระ…ดบั คณุ ภาพ พอใช้ …………………………………………………………………………………ค…ะ…แน…น……๒…๐……- …๓…๙……ระ…ดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ คะแนน ๐ - ๑๙ ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยครั้ง ให้ ๒ คะแนน - พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ตั ิบางครง้ั ให้ ๑ คะแนน - พฤติกรรมทไี่ มไ่ ดป้ ฏบิ ัติ ให้ ๐ คะแนน สรปุ ผลการประเมิน ระดับ ดีเย่ียม ดี พอใช้ ปรับปรงุ ลงชอื่ ......................................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ........... /................................/..................
414 441045 แบบประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ช่ือ-สกลุ นักเรียน..........................................................ชน้ั ............................ เลขที.่ ......................... คาช้ีแจง:ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี /ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ระดบั คะแนน สมรรถนะด้าน รายการประเมิน ๓๒๑ ๐ ๑. ความสามารถใน ๑.๑ มีความสามารถในการรับ–ส่งสาร การส่ือสาร ๑.๒ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม ๒. ความสามารถใน ๑.๓ ใชว้ ิธกี ารสอื่ สารทีเ่ หมาะสม การคิด ๑.๔ วิเคราะหแ์ สดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล ๒.๑ มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ๓. ความสามารถใน ๒.๒ มีทักษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์ การแกป้ ัญหา ๒.๓ สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ ๒.๔ มคี วามสามารถในการคดิ อยา่ งมีระบบ ๔. ความสามารถใน ๒.๕ ตัดสนิ ใจแกป้ ญั หาได้ การใช้ทักษะชวี ิต ๓.๑ สามารถแกป้ ญั หาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ ทเี่ ผชญิ ได้ ๓.๒ ใช้เหตุผลในการแก้ปญั หา ๕. ความสามารถใน ๓.๓ เข้าใจความสมั พนั ธ์และการเปลี่ยนแปลงในสงั คม การใช้เทคโนโลยี ๓.๔ แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรมู้ าใช้ในการ แกไ้ ขปญั หา ๔.๑ สามารถทางานกลุม่ ร่วมกบั ผอู้ ่นื ได้ ๔.๒ ปฏบิ ัติตามบทบาทหน้าที่ ๔.๓ ให้ความร่วมมอื ในการทางาน ๔.๔ ร่วมกจิ กรรมสม่าเสมอ ๔.๕ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไมพ่ งึ ประสงค์ที่สง่ ผลกระทบตอ่ ตนเอง ๕.๑ เลอื กและใช้เทคโนโลยีไดเ้ หมาะสมตามวยั ๕.๒ มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี ๕.๓ ใชเ้ ทคโนโลยีในการแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ๕.๔ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยี รวม รวมคะแนน/เฉลี่ย
415 441056 คะแนน ๕๐ - ๖๖ ระดับคุณภาพ ดีเยี่ยม คะแนน ๔๐ - ๔๙ ระดับคุณภาพ ดี คะแนน ๒๐ - ๓๙ ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนน ๐ - ๑๙ ระดับคุณภาพ ปรับปรุง เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน ให้ ๑ คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยครั้ง ให้ ๐ คะแนน - พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัติบางครัง้ - พฤติกรรมทไ่ี มไ่ ด้ปฏิบตั ิ สรปุ ผลการประเมิน ระดับ ดีเย่ียม ดี พอใช้ ปรับปรงุ ลงชื่อ......................................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ........... /................................/.....................
416 440176 หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕ สร้างสรรค์บทกวี รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๒ ชว่ั โมง ชือ่ ...............................................นามสกลุ .......................................ชน้ั ................................เลขท่ี.................. ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๑. ความร้ทู นี่ กั เรยี นไดร้ บั ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๒. เร่ืองที่นกั เรยี นชอบและมคี วามเขา้ ใจ ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๓. เรือ่ งทนี่ ักเรยี นไม่ชอบหรือไมเ่ ขา้ ใจ.................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๔. เรอ่ื งที่นกั เรยี นสามารนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้.............................................................................. ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................……………………….....
417 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๕ เรอ่ื ง สร้างสรรค์บทกวี เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว ข้นั นา ๑. ตวั อยา่ งคาถาม จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นักเรยี นร่วมกนั สนทนาแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถาม ดงั นี้ ๒. แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง ดา้ นความรู้ ๑) อา่ นได้แคง่ ู ๆ ปลา ๆ หลกั การอ่านออกเสยี ง อธบิ ายหลักการอ่านออกเสียงได้ ๒) อา่ นคลอ่ ง อ่านไม่คล่อง ๓. แบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง รอ้ ยแก้วได้ ๓) การแบง่ วรรคตอนมีความสาคญั อย่างไร หลกั การอ่านออกเสยี ง ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ข้ันสอน ๔. ใบความรเู้ ร่ืองหลกั การอ่านออกเสียง อ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้วได้ถูกตอ้ ง ๑. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง หลักการอ่าน- ร้อยแก้ว คณุ ลกั ษณะ ออกเสยี ง ๕. ตวั อย่างข้อความ ๑. รักความเป็นไทย ๒. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั ศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง หลักการอา่ นออกเสียง ๖. ใบงานเรื่อง หลกั การอ่านออกเสียง ๒. ใฝ่เรียนรู้ ร้อยแกว้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๓. ครนู าตวั อย่างข้อความมาตดิ บนกระดาน แลว้ อ่านให้นักเรยี นฟัง ๑. สรปุ องค์ความรเู้ ปน็ แผนภาพความคิด ๔. มีจิตสาธารณะ และสงั เกตการออกเสียงของครูในประเดน็ ดังนี้ ๒. เฝนกึ อ้ื กหาารกอา่ รนออ่าอนกอเสอียกงเสียง ๕. มมี ารยาทในการอา่ น “ผ้คู นในชนบทนน้ั ไม่อาจเขา้ ใจภาษาสลบั ซับซ้อนของคนเมืองได้ เวลาคนในเมืองกล่าวว่าแม่เป็น “ขมุ ทรัพยแ์ หง่ ความรกั ” จึงซบั ซอ้ นเกินไป สาหรับพวกเขา” ทม่ี า: เมตตาภาวนา คาสอนวา่ ด้วยรัก ๔. ออกเสยี งคาตามอักขรวธิ ี ๕. การแบ่งวรรคตอนของข้อความ ๖. การเน้นเสยี งถอ้ ยคาหรอื ขอ้ ความทีเ่ ป็นใจความสาคัญ ๗. การใชน้ า้ เสยี งใหส้ อดคลอ้ งกบั เนอื้ หา 441087
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เรือ่ ง สรา้ งสรรค์บทกวี แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑ 418 เร่ือง การอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ๔. ครจู บั ฉลากคดั เลอื กนักเรียนจานวน ๓ คน ออกมาอ่านขอ้ ความ ท่ีครูได้เตรียมไวใ้ ห้ และใหเ้ พ่ือน ๆ ช่วยกนั ประเมนิ การอ่านออกเสยี งและ ครูให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ๕. ครใู หน้ กั เรียนทาใบงาน เร่อื ง หลักการอ่านออกเสียง เมอ่ื เสร็จ เรียบร้อยแล้ว รว่ มกนั เฉลยความถูกต้อง ๖. ครูมอบหมายให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น ขั้นสรปุ ๑. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเรอื่ ง หลักการอา่ นออกเสียงรอ้ ยแก้ว เปน็ แผนภาพความคิด ๒. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นทกุ คนหาคัดเลือกเนอื้ หาทตี่ นเองสนใจ แล้วฝกึ ฝนอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว 409
419 414910 การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ สิง่ ที่ต้องการวัด/ประเมิน ทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน- ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ หลังเรยี น รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป อธิบายหลักการอา่ น สงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน แบบสงั เกตการอ่านออกเสียง ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ออกเสยี งร้อยแก้วได้ ระดับ ๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ อา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้ ได้ถูกต้อง ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. รักความเป็นไทย ระดบั ๒ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๔. มจี ิตสาธารณะ ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปญั หาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ...................................... ลงชื่อ .............................................. ผู้สอน (.................................................................) วนั ท.่ี ......... เดือน................. พ.ศ. ........... ๙. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ลงชื่อ .............................................. ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ที.่ ......... เดือน................. พ.ศ. ...........
420 441210 ใบความรู้ เร่ือง ความหมายและองคป์ ระกอบของการอ่านออกเสียง หนว่ ยที่ ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ความหมายของการอา่ นออกเสยี ง ความหมายของการอ่านออกเสียง คอื ศลิ ปะในการส่ือสารประสบการณ์ ความคิด และอารมณ์ของผเู้ ขียน โดยอาศัยอารมณ์ นา้ เสยี ง และสหี น้าทา่ ทางของผู้อ่าน ๑. องค์ประกอบของการอ่านออกเสียง กระบวนการส่ือสารด้วยการอา่ นออกเสียงประกอบดว้ ย ๑) ผสู้ ่งสาร คือผู้อา่ น ๒) สาร คอื ขอ้ ความทีอ่ ่าน ๓) ผู้รับสาร คือผู้ฟัง ๔) วิธตี ดิ ตอ่ ส่อื สาร คือการอ่าน ๕) การสนองตอบ คือผลของการส่ือสารซึง่ อาจเปน็ การปรบมือ การกม้ ศรี ษะ การทาตาม ฯลฯ ๒. หลักในการอา่ นออกเสยี ง ๑) ความเขา้ ใจบทอ่าน ผอู้ ่านจะตอ้ งตคี วามเขา้ ใจในบทอ่าน เพือ่ ทจ่ี ะถา่ ยทอดความเข้าใจของตนไปสู่ ผฟู้ ังได้ ๒) การยืนหรือนั่ง ควรยืนหรือน่ังในตาแหน่งท่ีอยู่ตรงหนา้ ตรงกลางของผู้ฟัง ห่างจากผู้ฟังพอสมควร การนง่ั ต้องนัง่ ใหเ้ รียบรอ้ ย หลงั ตรง ไมค่ วรนง่ั ไขว่ห้างหรอื กระดกิ ขา ๓) การถือบทอ่าน จบั เอกสารให้มนั่ บทอา่ นไม่บงั หน้า ๓. การออกเสยี งให้ถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี - การอ่านพยญั ชนะ ร กับ ล ผูอ้ ่านจะตอ้ งระมัดระวังโดยการอา่ น แยกความแตกต่างให้ชดั เจน - การอา่ นพยัญชนะ ร ให้ปลายล้ินกักลมที่ปมุ่ เหงอื ก หอ่ ล้ินยกตวั ไปที่เพดานแข็งรัวล้นิ หลายๆ ครง้ั การอา่ นออกเสียงคาควบกล้า คาควบกล้า คือ คาท่ีมีพยัญชนะต้น ๒ ตัว พยัญชนะต้นตัวที่ ๒ จะต้องเป็น ร ล หรือ ว การเปล่งเสียง คาควบกล้า ต้องออกเสียงพยัญชนะท้ัง ๒ ตัวไปพร้อมๆ กัน การเปล่งเสียงเพียงครั้งเดียว เช่น กรอง กลอง กวาง เป็นต้น การเว้นวรรคตอนในการอ่านออกเสียง ถ้าเว้นวรรคตอนผิด ความหมายจะผิดไปด้วย ก่อนที่จะอ่านจะต้องทดลองแบ่งวรรคตอน แบ่งคา แบง่ ประโยคให้ถูกตอ้ งกอ่ น ซง่ึ อาจใชเ้ คร่ืองหมาย/แบ่งคา ท่ีมา: นพดล จนั ทรเ์ พ็ญและคณะ. การใชภ้ าษาไทย. กรุงเทพฯ : ธเนศวรการพมิ พ.์ 2519)
421 41221 แบบทดสอบกอ่ นเรืยน เรื่อง การอา่ นออกเสียง หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นทาเคร่ืองหมาย ✓ หน้าขอ้ ท่ีเหน็ ว่าถูก เครื่องหมาย หนา้ ข้อทเ่ี หน็ วา่ ผดิ ............. ๑. การอ่านแบง่ วรรคตอนผิดจะทาให้ความหมายผิดไป ............. ๒. การฝกึ กวาดสายตาไมจ่ าเปน็ กับการอ่าน ............. ๓. การอ่านออกเสียงคาควรอา่ นชา้ ชา้ ทีละคา ............. ๔. การอา่ นออกเสียงต้องอาศยั อารมณ์ น้าเสียง และสหี นา้ ทา่ ทางของผู้อ่าน ............. ๕. การเตรียมตวั อ่านควรทาความเขา้ ใจกบั วตั ถุประสงค์ของผูเ้ ขยี น ............. ๖. การพูดตามตวั หนงั สือคอื ความหมายของการอา่ นออกเสียง ............. ๗. การขีดเคร่อื งหมาย/ไม่จาเปน็ ในการอ่านออกเสยี ง ............. ๘. ท่ายืนและน่ังไม่มีความจาเปน็ ในการอ่าน ............. ๙. การอา่ นควรมนี า้ เสียงหนักเบาตามเนอ้ื หา ............. ๑๐. การปรบมือ การก้มศรี ษะเปน็ การตอบสนองการสือ่ สาร เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ๑. ✓ ๒. ๓. ๔. ✓ ๕. ✓ ๖. ✓ ๗. ๘. ๙. ✓ ๑๐. ✓
422 442123 แบบทดสอบหลังเรืยน เรอ่ื ง การอา่ นออกเสียง หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ การอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ คาชแี้ จง ให้นักเรยี นทาเครอ่ื งหมาย ✓ หน้าข้อท่ีเหน็ วา่ ถูก เคร่ืองหมาย หน้าขอ้ ท่เี หน็ ว่าผดิ ............. ๑. การพูดตามตวั หนังสอื คอื ความหมายของการอ่านออกเสียง ............. ๒. การอา่ นแบ่งวรรคตอนผดิ จะทาให้ความหมายผดิ ไป ............. ๓. การอ่านออกเสยี งคาควรอา่ นชา้ ช้าทลี ะคา ............. ๔. การเตรียมตวั อ่านควรทาความเข้าใจกบั วตั ถุประสงคข์ องผเู้ ขยี น ............. ๕. การอ่านควรมีน้าเสียงหนกั เบาตามเน้ือหา ............. ๖. การขดี เครอื่ งหมาย/ไม่จาเป็นในการอ่านออกเสยี ง ............. ๗. ทา่ ยนื และนัง่ ไม่มีความจาเปน็ ในการอ่าน ............. ๘. การฝึกกวาดสายตาไมจ่ าเป็นกบั การอ่าน ............. ๙. การปรบมือ การก้มศรี ษะเป็นการตอบสนองการสอ่ื สาร ............. ๑๐. การอ่านออกเสยี งต้องอาศัยอารมณ์ นา้ เสยี ง และสหี น้าท่าทางของผูอ้ ่าน เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ๑. ✓ ๒. ✓ ๓. ๔. ✓ ๕. ✓ ๖. ๗. ๘. ๙. ✓ ๑๐. ✓
442134 423 แบบประเมนิ การอ่านออกเสียงรอ้ ยแกว้ คาชแ้ี จง ครูประเมินพฤติกรรมของนักเรยี นในการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและให้คะแนนลงในชอ่ งที่ ตรงกับพฤตกิ รรมของนักเรียน เลขท่ี ชื่อ – สกลุ อักขรวิธี รวม สรปุ ผล น้าเสียง-อารมณ์ การประเมิน ความถูกต้องในการอ่าน บุค ิลกท่าทาง ๔ ๔ ๔ ๔ ๑๖ ผา่ น ไมผ่ ่าน เกณฑก์ ารตดั สนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป (๑๓ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๑๓ – ๑๖ หมายถงึ ดี คะแนน ๙ – ๑๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕ – ๘ หมายถงึ ปรับปรุง คะแนน ๐ – ๔ หมายถงึ ลงชื่อ ..............................................ผูป้ ระเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................
424 442154 เกณฑก์ ารประเมนิ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ประเด็น ระดบั คุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) อกั ขรวิธี ออกเสยี งอักขรวิธี ออกเสยี งอักขรวธิ ี ออกเสียงอักขรวิธี ออกเสยี งอักขรวธิ ี น้าเสยี ง ตัวสะกด ตวั สะกด ควบกลา้ ตวั สะกด ควบกลา้ ตัวสะกด ควบกลา้ อารมณ์ ควบกล้า ผิดพลาด ๑ แหง่ ผดิ พลาด ๒ แหง่ ผดิ พลาด ๓ แห่ง ถูกต้องทุกแหง่ ขึ้นไป ความถกู ต้องในการอ่าน เสยี งดงั ชัดเจน เสียงดังพอสมควร เสียงเบาขาด เสยี งเบาขาด บุคลิกท่าทาง มคี วามไพเราะกบั มีความไพเราะ มคี วามไพเราะ มคี วามไพเราะ เน้อื เรอื่ งท่ีอ่าน เหมาะสมกบั เหมาะสมกับ เพยี งเล็กน้อย ลกั ษณะคา ลกั ษณะคา แตไ่ ม่คอ่ ย ประพนั ธเ์ ป็น ประพนั ธ์เปน็ เหมาะสมกบั สว่ นใหญ่ บางส่วน ลกั ษณะ คาประพันธ์ การเวน้ วรรคตอน การเว้นวรรคตอน การเว้นวรรคตอน การเวน้ วรรคตอน จังหวะลีลาถกู ต้อง ผดิ ๑ แหง่ ผดิ ๒ แห่ง จงั หวะ ผิดมากกว่า ๓ สมบูรณ์ จงั หวะถกู ต้อง ถกู ต้องแต่ขาด แห่งขึน้ ไป ขาดทง้ั แต่ขาดลลี า ลลี า จังหวะและลลี า มีความเชือ่ มั่น มคี วามเช่ือม่ัน มคี วามเช่ือม่นั ขาดความเช่ือม่ัน ท่าทางสมั พนั ธ์ ทา่ ทางไมส่ ัมพนั ธ์ ลลี า ท่าทาง กับเน้อื เร่ือง กบั เนื้อเร่ือง แตง่ กาย เหมาะสม แตง่ กายเรยี บร้อย ไมเ่ หมาะสม แตง่ กายเรียบร้อย เกณฑ์การตดั สิน หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๑๓ – ๑๖ หมายถงึ ดี คะแนน ๙ – ๑๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕ – ๘ หมายถึง ปรับปรงุ คะแนน ๐ – ๔
425 442156 ตวั อย่างข้อความ ข้อความที่ ๑ รูปแบบการพัฒนาชนบท ได้มีวิวัฒนาการเปล่ียนแปลงมาเป็นลาดับ ในสมัยก่อนท่ีจะมีการเปลี่ยนแปลง การปกครอง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะความเป็นอยู่ ของคนไทยในสมัยน้ัน เป็นชนบทโดยแท้จริง ประชาชนประกอบอาชีพการทานาเป็นส่วนใหญ่ อาศัยแรงคน และ แรงงานจากวัวควาย ใช้น้าฝนเพียงอย่างเดียว บางปีน้าท่วม บางปีก็แห้งแล้ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า- เจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดาริหามาตรการแก้ไขปัญหา โดยให้ขุดคลอง เช่น คลองรังสิต เป็นต้น เพ่ืออาศัยน้า จากคลองขุด มาชว่ ยทานาในปที ่แี หง้ แลง้ สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน เล่มที่ ๑๒ ขอ้ ความที่ ๒ ระบบครอบครัว และเครือญาติ หมายถึง ระบบของเครือข่ายความสัมพันธ์ของกลุ่มคน ท่ีเกี่ยวข้องกัน โดยทางสายเลือด หรือการแต่งงาน การจะนับว่า ใครเป็นญาติของเราบ้างน้ัน ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ ในแต่ละ วฒั นธรรม การจัดระบบเครอื ญาติเป็นเร่อื งทาง \"วัฒนธรรม\" ไม่ใชเ่ รื่อง \"ธรรมชาต\"ิ แม้วา่ ปรากฏการณ์ พอ่ แม่ ลูก จะเป็นเร่ืองธรรมชาติ และมีปรากฎในทุก ๆ สังคม แต่แต่ละสังคม ก็จะมีการจัดระบบเครือญาติในการกาหนด บทบาทแนวปฏิบัติ และหน้าท่ีของสมาชิกในครอบครัวต่างกันไป บางสังคมเป็นสังคมท่ีให้ความสาคัญกับญาติข้าง พ่อ เชน่ สังคมจีน สังคมอินเดยี บางสังคม ก็ให้ความสาคัญกับญาตขิ ้างแม่ เช่น สังคมกะเหรี่ยงโปว หรือบางสงั คม ก็ให้ความสาคญั กบั ญาติท้งั สองฝา่ ย เชน่ สงั คมพมา่ สังคมอนิ โดนเี ซีย สงั คมไทย เป็นตน้ สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน เล่มท่ี ๒๒ ขอ้ ความที่ ๓ ละครชาตรีเป็นศิลปะการแสดงของไทยประเภทหน่ึง พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ให้ความหมายว่าเป็น “ละครต้นแบบของละครรา เล่นกันเป็นพื้นบ้านท่ัวไป มีตัวละครน้อย เดิมเป็นชายล้วน ตัวละครท่ีไม่สาคัญมักไม่แต่งตัวยืนเครื่อง กระบวนราไม่สู้งดงามประณีตนัก” แม้ว่าละครชาตรีจะเป็นละครราที่ มีมาต้ังแต่สมัยโบราณ แต่คนท่ัวไปอาจไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับละครชาตรีมากนัก บางคนอาจเคยเห็นละครราท่ี มีการจัดแสดงอยู่ที่ศาลหลักเมอื ง หรือศาลพระพรหมเอราวัณ กรุงเทพฯ โดยจดั แสดงเปน็ ตอนส้ัน ๆ ซึ่งก็คือ ละคร ชาตรี หรอื ท่เี รียกกันว่า ละครแก้บน นัน่ เอง สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน เล่มที่ ๓๖
426 หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง การอา่ นออกเสยี งรอ้ ยกรอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ๑. ใบความรู้ เร่อื ง การอ่านออกเสยี ง บทร้อยกรอง ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง การอา่ นออกเสียง การอา่ นออกเสยี งร้อยกรอง ขนั้ นา บทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ ๑. ครูให้นกั เรียนดบู ทอาขยานบทหลกั เร่อื ง รกั ษาป่า ซ่ึงมเี นอ้ื หาดังนี้ ๓. ใบงาน เรื่อง การแบ่งวรรคตอน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ รกั ษาป่า กาพย์ยานี ๑๑ ดา้ นความรู้ นกเอยนกนอ้ ยน้อย บนิ ลอ่ งลอยเป็นสุขศรี ๔. หนังสือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ขนขาวราวสาลี อากาศดีไม่มภี ัย วรรณคดีวิจกั ษ์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ อธิบายความหมาย หลกั การอา่ น ทกุ ทิศเจ้าเท่ยี วทอ่ ง ฟ้าสที องอันสดใส ออกเสียงรอ้ ยกรอง มีปา่ พาสุขใจ มีตน้ ไม้มลี าธาร ภาระงาน/ชิน้ งาน ด้านทกั ษะกระบวนการ ผคู้ นไมม่ โี รค นับเปน็ โชคสุขสาราญ การอา่ นออกเสียงกาพย์ยานี ๑๑ กาพยฉ์ บัง อากาศไร้พิษสาร สตั วช์ ื่นบานดนิ ช่ืนใจ อ่านออกเสยี งรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง คนสตั ว์ไดพ้ ่ึงปา่ มารกั ษาป่าไม้ไทย ๑๖ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ เปน็ รอ้ ยกรอง คุณลกั ษณะ ส้ินปา่ เหมอื นส้นิ ใจ ชว่ ยปลกู ใหมไ่ วท้ ดแทน (นภาลยั สุวรรณธาดา, คูม่ อื การใชบ้ ทอาขยานภาษาไทย) ๑. มีมารยาทในการอา่ น ครถู ามนักเรียนวา่ บทอาขยานขา้ งต้นเป็นบทร้อยกรองประเภทใด และ ๒. รกั ความเป็นไทย มวี ิธกี ารแบง่ วรรคตอนในการอ่านอย่างไร แล้วใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสียง ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๕. มีจติ สาธารณะ พร้อมกัน ขน้ั สอน ๑. ครูสมุ่ นักเรียนออกมาชว่ ยกนั แบง่ วรรคตอนในการอา่ นบทร้อยกรอง จากเรือ่ ง กาพย์พระไชยสรุ ิยา จากหนังสือเรียนวรรณคดวี ิจักษ์ ดงั นี้ 441276
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ 427 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ เร่ือง สร้างสรรค์บทกวี เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ กิจกรรมการเรียนรู้ กาพยย์ านี ๑๑ สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี ขา้ เจ้าเอา ก ข เข้ามาตอ่ ก กามี แกไ้ ขในเทา่ นี้ ดีมิดีอย่าตรีชา จะรา่ คาต่อไป พอล่อใจกุมารา ธรณีมรี าชา เจา้ พาราสาวะถี ชื่อพระไชยสรุ ยิ า มีสุดามเหสี ช่อื ว่าสุมาลี อยู่บรุ ไี ม่มภี ยั ข้าเฝ้าเหลา่ เสนา มกี ิริยาอชั ฌาศัย พอ่ แมม่ าแตไ่ กล ไดอ้ าศยั ในพารา ๒. แบ่งกลุม่ นักเรยี นกลุม่ ละ ๓-๕ คน จากนั้นใหน้ ักเรียนเขา้ กลมุ่ เพือ่ รว่ มกนั ศึกษาใบความรู้เรื่อง หลักการอ่านออกเสียงร้อยกรอง และใบความรู้ เร่ือง การอา่ นออกเสียงรอ้ ยกรอง ประเภทกาพย์ แล้วรว่ มสนทนาถึงหลักการอ่าน ๓. ครูอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองกาพยย์ านี ๑๑ จากเรื่อง กาพย์พระไชยสุรยิ าให้นกั เรยี นฟงั แล้วใหน้ กั เรียนอา่ นตาม 442178
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ 428 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๕ เรอ่ื ง สร้างสรรคบ์ ทกวี เร่ือง อ่านออกเสียงรอ้ ยกรอง เวลา ๑ ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ๔. ให้นักเรยี นฝึกอา่ นพร้อมกันท้ังห้องจนคล่อง แนะนาแกไ้ ขให้นักเรียน อา่ นให้ถูกต้อง และอธิบายเพ่ิมเติม ๕. นกั เรียนทาใบงานการแบ่งวรรคตอนกาพย์ยานี ๑๑ ข้นั สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้และหลักในการอ่านออกเสยี ง บทร้อยกรองประเภทกาพยย์ านี ๑๑ และนัดหมายเพ่ือประเมนิ ผลการอ่าน ออกเสยี งร้อยกรองเปน็ รายบุคคล 419
429 442290 การวัดและประเมนิ ผล สง่ิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมิน วิธีการ เครื่องมือท่ใี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธบิ ายความหมาย หลักการ ตรวจใบงาน ใบงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ อ่านออกเสียง ร้อยกรอง รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ดา้ นทักษะ/กระบวนการ อ่านออกเสยี งร้อยกรองได้ ประเมนิ การอ่าน แบบประเมินการ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ออกเสยี งรอ้ ยกรอง อ่านออกเสยี งร้อย ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป กรอง ด้านคณุ ลักษณะ ๑. มมี ารยาทในการอา่ น ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ๒. รักความเปน็ ไทย คุณลักษณะ ระดบั ๒ ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มุ่งม่ันในการทางาน ๕. มจี ิตสาธารณะ ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปัญหาและอปุ สรรค ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน (.................................................................) วันที.่ ......... เดือน................. พ.ศ. ........... ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื .............................................. ผู้ตรวจ (.................................................................) วันท.ี่ ......... เดือน................. พ.ศ. ...........
430 442310 ใบความรู้ เรอ่ื ง การอา่ นออกเสยี งรอ้ ยกรอง หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑ การอา่ นออกเสยี งร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ หลักเกณฑ์ทั่วไปในการอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ฟองจันทร์ สุขย่ิง และคณะ. ๒๕๕๔ : ๖, วาสนา บุญสม ๒๕๔๑: ๒๖) ดังน้ี ๑. ศึกษาลักษณะบังคับของคาประพันธ์ที่จะอ่าน เช่น จานวนคา สัมผัส เสียงวรรณยุกต์ เสียงหนักเบา รูจ้ กั การแบ่งวรรคตอน อา่ นตามจงั หวะทานองเสนาะ โดยอ่านให้ชดั เจนและใส่อารมณ์ตามใจความนน้ั ๒. อ่านเนน้ คาในตาแหน่งสมั ผัสนอก ๓. อ่านเอื้อนสัมผัสในเพ่ือเพ่ิมความไพเราะ เช่น อันรักษาศีลสัตย์กตเวที อ่านว่า กัด-ตะ-เว-ที เพื่อให้ สัมผัสกับ สตั ย์ ๔. อ่านถูกตอ้ งตามท่วงทานองเสนาะของคาประพันธแ์ ต่ละชนดิ ๕. อา่ นออกเสยี งคาให้ชัดเจน ถกู ตอ้ ง โดยเฉพาะคาท่อี อกเสยี ง ร ล และคาควบกลา้ ๖. อ่านเสียงดงั พอสมควรที่ผฟู้ ังจะไดย้ ินท่ัวถึง ไม่ดงั หรือคอ่ ยจนเกินไป ๗. อา่ นมีจังหวะ วรรคตอน รู้จักทอดจังหวะ เอือ้ นเสยี ง หรือหลบเลย่ี ง ๘. คาทีม่ ีพยางค์เกนิ ให้อา่ นเรว็ และเบา เพอ่ื ให้เสียงไปตกอยูพ่ ยางค์ท่ีต้องการ ๙. มศี ิลปะในการใช้เสียง รจู้ ักเออื้ นเสยี งใหเ้ กิดความไพเราะ การเตรยี มตวั ก่อนอา่ นออกเสียง (จไุ รรัตน์ ลักษณะศริ ิ และมาหยัน อ่ิมสาราญ. ๒๕๔๗ : ๒๖) มีดงั น้ี ๑. อ่านบทให้เข้าใจการอ่านให้ผู้อื่นฟัง มีวัตถุประสงค์สาคัญเพ่ือให้ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจตรงตามเน้ือหา สาระท่ีอ่าน ฉะน้ันผู้อ่านจึงต้องเข้าใจข้อความน้ันเสียก่อนเพ่ือความมั่นใจ และเพ่ือความเข้าใจที่ตรงกันระหว่าง ผสู้ ่งสารและผูร้ บั สาร ขอ้ ความใดที่อา่ นไม่เขา้ ใจหรือสงสยั ว่าจะผิดพลาดต้องตรวจสอบเสยี ก่อน ๒. ทาเคร่ืองหมายแสดงจังหวะการอ่าน ในการอ่านเราควรทาเคร่ืองหมายลงในบทว่าตอนใดควรหยุด คาใดควรเน้น และคาใดควรทอดจังหวะ การทาเครื่องหมายในบทมีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่โดยทางที่นิยมปฏิบัติมัก ทาเครื่องหมายง่าย ๆ ดังนี้ ก. เครื่องหมายขีดเฉียงขีดเดียว (/) ขีดระหว่างคา แสดงการหยุดเว้นนิดหน่ึง เพราะมีคาหรือ ข้อความอืน่ ต่อไปอกี การอา่ นตรงคาที่มีเคร่อื งหมายน้จี ึงไมค่ วรลงเสียงหนกั เพราะยังไม่จบประโยค ข. เคร่ืองหมายขีดเฉียงสองขีด (//) ขดี หลังประโยคหรือระหว่างคาเพอื่ แสดงใหร้ ู้ว่าเว้นนาน ค. เครอ่ื งหมายวงกลมลอ้ มคา เพือ่ บอกวา่ เป็นคาท่สี งสัยหรอื ไมแ่ นใ่ จว่าอ่านอย่างไร ง. คาที่ต้องการเน้นใหข้ ีดเสน้ ใตท้ คี่ าน้ัน จ. คาใดทท่ี อดจงั หวะ ใหท้ าเสน้ โคง้ ที่ส่วนบนของคาน้ัน (⌒) ฉ. เครอื่ งหมายมุมควา่ หรือหมวกแจ๊กคว่า ∧ แสดงว่าข้อความนัน้ จะเน้นเสียงสูง และมุมหงาย หรอื หมวกแจ๊กหงาย (∨) แสดงการเนน้ เสยี งลงต่า ซ้อมอ่านให้คล่อง หลังจากอ่านบทจนเข้าใจและทาเคร่อื งหมาย แสดงจงั หวะการอา่ นแล้ว
431 442321 แบบประเมินการอา่ นออกเสียงรอ้ ยกรอง คาชแี้ จง ครูประเมนิ พฤติกรรมของนักเรียนในการอ่านออกเสียงร้อยกรองและให้คะแนนลงในช่องที่ตรงกับ พฤตกิ รรมของนักเรียน เลขที่ ชอ่ื – สกลุ ัอกขรวิ ีธ รวม สรุปผล น้าเ ีสยง-อารม ์ณ การประเมิน ความถูก ้ตองในการ ่อาน บุค ิลกท่าทาง ๔ ๔ ๔ ๔ ๑๖ ผา่ น ไมผ่ า่ น เกณฑ์การตัดสิน รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป (๑๓ คะแนน) คะแนน ๑๓ – ๑๖ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙ – ๑๒ หมายถงึ ดี คะแนน ๕ – ๘ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรับปรงุ ลงช่ือ ......................................................ผปู้ ระเมิน (.........................................................) ................./............................/....................
432 443223 เกณฑ์การประเมนิ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง ประเดน็ ระดบั คุณภาพ การประเมิน ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) อกั ขรวิธี ออกเสยี งอักขรวธิ ี ออกเสียงอักขรวธิ ี ออกเสยี งอักขรวธิ ี ออกเสยี งอักขรวธิ ี น้าเสียง ตวั สะกด ควบกลา้ ตัวสะกด ควบกลา้ ตัวสะกด ควบกลา้ ตวั สะกด ควบกล้า อารมณ์ ถูกต้องทุกแหง่ มีจดุ ผิดพลาด มีจุดผดิ พลาด มีจุดผิดพลาด เสยี งดงั ชดั เจน ๑-๒ จดุ ๓-๔ จุด ๕ จุดขน้ึ ไป ความถูกต้อง มคี วามไพเราะกับ เสยี งดงั พอสมควร เสียงเบาขาด เสียงเบาขาด ในการอ่าน เน้อื เรื่องท่อี ่าน มีความไพเราะ มีความไพเราะ มคี วามไพเราะ บุคลิกทา่ ทาง เหมาะสมกับ เหมาะสมกบั เพียงเลก็ น้อย แต่ การเว้นวรรคตอน ลกั ษณะคา ลกั ษณะคา ไมค่ ่อยเหมาะสม จังหวะลลี าถูกต้อง ประพันธ์เปน็ ประพันธ์ กับลกั ษณะ สมบูรณ์ ส่วนใหญ่ เป็นบางสว่ น คาประพนั ธ์ มีความเชือ่ มน่ั การเว้นวรรคตอน การเว้นวรรคตอน การเว้นวรรคตอน ทา่ ทางสมั พนั ธ์ จังหวะถกู ต้อง ถกู ต้องแต่ขาด ไมถ่ ูกตอ้ ง กบั เน้ือเรื่อง แต่ขาดลีลา จังหวะและ ทง้ั จังหวะและ เหมาะสม ขาดลลี า ขาดลีลา แต่งกายเรียบร้อย มคี วามเชื่อมั่น มคี วามเชื่อม่ัน ขาดความเชื่อมั่น ท่าทางไมส่ ัมพันธ์ ลีลา ทา่ ทาง กบั เนือ้ เร่ือง แตง่ กาย แตง่ กายเรียบร้อย ไมเ่ หมาะสม เกณฑ์การตัดสนิ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๑๓ – ๑๖ หมายถงึ ดี คะแนน ๙ – ๑๒ หมายถึงพอใช้ คะแนน ๕ – ๘ หมายถึงปรบั ปรงุ คะแนน ๐ – ๔
433 424343 ใบงาน เรือ่ ง การแบ่งวรรคตอนกาพยย์ านี ๑๑ หน่วยท่ี ๕ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ การอา่ นออกเสียงร้อยกรอง รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนทาเคร่ืองหมายขีดเดียว (/) และ (//) หลงั ประโยคหรือระหว่างคาของกาพยย์ านี ๑๑ ใหถ้ กู ต้อง (๑๐ คะแนน) กาพย์ยานี ๑๑ กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสรุ ิยา สะธสุ ะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา พอ่ แม่แลครูบา เทวดาในราศี ข้าเจา้ เอา ก ข เข้ามาต่อ ก กามี แก้ไขในเทา่ นี้ ดมี ิดีอย่าตรีชา จะร่าคาต่อไป พอล่อใจกุมารา ธรณีมีราชา เจา้ พาราสาละถี ชอื่ พระไชยสุริยา มสี ดุ ามเหสี ชือ่ วา่ สุมาลี อยบู่ รุ ไี ม่มีภยั ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกริ ยิ าอัชฌาศยั พอ่ แม่มาแต่ไกล ไดอ้ าศยั ในพารา ไพร่ฟ้าประชาชี อยู่บุรกี ็ปรดี า ทาไร่ขา้ วไถนา ไดข้ า้ วปลาแลสาลี อย่มู าหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวนารี ที่หน้าตาดดี ี ทามโหรที ีเ่ คหา ค่าเช้าเฝา้ สีซอ เขา้ แตห่ อล่อกามา หาไดใ้ ห้ภริยา โลโภพาให้บ้าใจ ไม่จาคาพระเจ้า เหไ่ ปเข้าภาษาไสย ถอื ดมี ีขา้ ไทย ฉ้อแต่ไพร่ใส่ชอื่ คา ทม่ี า: หนังสือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย วรรณคดวี ิจักษ์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
442354 434 ใบความรู้ เร่อื ง การอา่ นออกเสียงร้อยกรองประเภทกาพย์ หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี ๑๑ หนง่ึ บทมี ๒ บาท บาทละ ๑๑ คา แบง่ เป็น ๒ วรรค วรรคแรก ๕ คา วรรคหลงั ๖ คา บังคับสมั ผสั ระหว่างวรรคที่ ๑, ๒ และ ๓ ทงิ้ สัมผัสวรรคที่ ๔ สมั ผสั ระหว่างบทสง่ จากท้ายบทแรกไปยงั ท้าย บาทแรกของบทต่อไป ดังตวั อย่าง ลงิ ค่าง / ครางโครกครอก// ฝงู จ้ิงจอก / ออกเห่าหอน// ชะนี / วเิ วกวอน// นกหกร่อน / นอนรังเรียง// ลกู นก / ยกปกี ป้อง// อา้ ปากร้อง / ซ้องแซเ่ สียง// แม่นก / ปกปีกเคียง// เล้ยี งลูกอ่อน / ปอ้ นอาหาร// (กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า) กาพย์ฉบงั ๑๖ กาพย์ฉบงั ๑๖ มีจงั หวะการอ่าน คอื วรรคที่ ๑ , ๓ มี ๓ จังหวะ ส่วนวรรคท่ี ๒ มี ๒ จังหวะ ดังตัวอย่าง พระไชย / สรุ ิยา / ภมู /ี / พาพระ / มเหสี มาท่ี / ในลา / สาเภา// ข้าวปลา / หาไป / ไมเ่ บา// นารี / ท่เี ยาว์ ก็เอา / ไปใน / เภตรา (กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา) กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ มีจังหวะการอ่านเทา่ กันทุกวรรค คอื วรรคละ ๒ จงั หวะ ดังตวั อยา่ ง ก กา / วา่ ปน// ขึน้ ใหม่ / ในกน// เอน็ ดู / ภธู ร// ระคน / กันไป// มณฑล / ต้นไทร// มานอน / ในไพร// แทนไพชยนต์ / สถาน// (กาพย์พระไชยสุรยิ า)
435 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓ เวลา ๑ ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง สร้างสรรค์บทกวี เร่ือง การสรปุ เนื้อหาวรรณคดี เร่อื ง กาพย์พระไชยสรุ ิยา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ กากราอร่าสนรบุปทครว้อายมกรเรออ่ื งง ข้ันนา ๑. หนังสือเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ กปารพะเยภ์พทรกะาไพชยสา์ นุรยิี ๑า๑ ๑. ครเู ล่าเร่ืองการสอนหนงั สอื สาหรบั กุลบุตร กลุ ธิดาในสมัยโบราณ ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี เรอ่ื ง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยใชก้ าพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าสอนหนังสือและนักเรียนอภิปรายร่วมกัน กาพย์พระไชยสุรยิ า ดา้ นความรู้ ข้นั สอน ๓. ใบงาน เร่ือง สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี เรอ่ื ง ถอสดรคปุ ำ�เปนรอ้ื ะหพานั กธา์บพทยร์พ้อรยะกไชรอยงสรุ ิยา ๒. ครใู ห้นักเรียนอ่านบทร้อยกรอง กาพย์พระไชยสรุ ยิ าใน กาพย์พระไชยสรุ ิยา ดปา้รนะเทภกั ทษกะากพรยะา์ บนวี ๑น๑การ หนังสอื เรยี นวรรณคดีจักษ์พร้อมกัน กาสพรยุป์พเรนะอื้ ไหชายกสาุรพิยาย์พระไชยสุรยิ าได้ ๓. ครูสนทนาซักถามเกยี่ วกับเนื้อเรื่องฉันทลกั ษณ์ แล้วสรปุ รว่ มกัน ภาระงาน/ชิน้ งาน ดา้ นคทุณักษละักกษรณะบะวนการ ๔. ครแู บง่ กลมุ่ นักเรียนออกเปน็ ๔ กลมุ่ ศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง ครูมอบหมายให้นกั เรยี นอา่ นคำ�ประพนั ธ์ วิเค๑ร.าใะฝหเ่ รเ์ นยี อ้ืนหรู้าและสรุปสาะสำ�คญั การเขยี นอธบิ ายคาประพนั ธ์หรอื การถอดคาประพันธ์ ประเภทกาพย์านี ๑๑ วร๒รณ. มคุง่ดมปี ่นั รใะนเภกทารกทาาพงยาา์ นนี ๑๑ ๕. นกั เรียนทกุ กลุม่ ถอดคาประพันธเ์ ร่อื งกาพย์พระไชยสุริยา ด้า๓น.ครณุ กั ลคกัวาษมณเปะน็ ไทย ครูตรวจผลงาน อธิบายเพมิ่ เติมนักเรียนจดบันทึกลงสมดุ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๖. ครูมอบหมายให้นักเรยี นฝึกถอดคาประพันธ์บทร้อยกรอง ๒. มงุ่ ม่นั ในการท�ำ งาน ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ แล้วสั่งครูตามกาหนด ๓. รกั ความเป็นไทย ๗. นักเรยี นนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียนและแต่ละกลมุ่ ทาใบงาน ๔. มมี ารยาทในการอ่าน เรื่อง สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี เรอื่ ง กาพย์พระไชยสุริยา ข้ันสรปุ นักเรยี นทุกคนสรุปความคิดรวยยอดจากวรรณคดี เรื่อง กาพย์พระไชยสรุ ิยา 424635
436 443267 การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เคร่ืองมือที่ใช้ เกณฑ์ ส่ิงทีต่ ้องการวดั /ประเมนิ ตรวจชิ้นงาน แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ดา้ นความรู้ สรปุ เนื้อหา กาพย์พระไชยสุรยิ า ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ตรวจชน้ิ งาน แบบประเมินผลงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมิน สรปุ เนือ้ หา ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป กาพย์พระไชยสุรยิ าได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. ใฝเ่ รียนใฝ่รู้ คณุ ลกั ษณะ ระดับ ๒ ๒. มุ่งมนั่ ในการทางาน ๓. รักความเปน็ ไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปัญหาและอปุ สรรค ................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ...................................... ลงชอ่ื .............................................. ผ้สู อน (.................................................................) วนั ที่.......... เดือน................. พ.ศ. ........... ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย ลงช่อื .............................................. ผตู้ รวจ (.................................................................) วนั ที่.......... เดือน................. พ.ศ. ...........
437 442387 ใบความรู้ เรอ่ื ง การสรุปเน้อื หาวรรณคดี เรื่อง กาพย์พระไชยสุริยา หน่วยท่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ การสรุปเน้ือหาวรรณคดี เรือ่ ง กาพยพ์ ระไชยสุริยา รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ พระไชยสุริยาเป็นพระราชาครองเมืองสาวะถี (สาวัตถี) มีมเหสีช่ือว่าสุมาลี บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ มีพ่อค้าต่างเมืองมาค้าขาย ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ต่อมาพวกขุนนางผู้ใหญ่และข้าราชบริพารพากันประพฤติผิด ลุ่มหลงในกามคุณและอบายมุขต่าง ๆ ผู้มีอานาจกดข่ีข่มเหงราษฎรจนเดือดร้อนกันไปทั่ว การปกครองขาด ความยุติธรรม บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ขาดเสถียรภาพ ในที่สุดเกิดน้าป่าไหลท่วมบ้านเมืองทาให้ผู้คนล้มตาย เป็นจานวนมาก ผทู้ ่ีรอดชีวิตก็หนีออกจากเมืองไปหมด พระไชยสรุ ิยาพามเหสีและบริวารพร้อมเสบียงลงเรือสาเภา หนีออกจากเมือง เรือแตกเพราะถูกพายุ บริวารท้ังหลายพลัดไปหมด พระไชยสุริยาและนางสุมาลีขึ้นฝั่งได้พากัน รอนแรมไปในป่า ตกทุกข์ได้ยากอยู่หลายวัน พระดาบสรูปหนึ่งเข้าฌานเห็นทั้งสองพระองค์เร่ร่อนอยู่ในป่า ก็สงสาร เพราะทราบว่าพระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ท่ีดี แต่ต้องเคราะห์ร้ายเช่นนี้เพราะหลงเช่ืออามาตย์ท่ี ฉ้อฉล พระดาบสจึงเทศนาโปรดท้ังสององค์ให้ศรัทธาถือเพศเป็นฤษีบาเพ็ญธรรมอย่างเคร่งครัดจนได้ไปเสวยสุข ในสวรรค์
443289 438 ใบงาน เร่ือง การสรปุ เน้อื หาวรรณคดี เรอ่ื ง กาพย์พระไชยสุรยิ า หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ การสรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี เรื่อง กาพยพ์ ระไชยสุริยา รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ คาชี้แจง ให้นกั เรยี นเขยี นแผนภาพความคิดสรปุ เน้อื หาวรรณคดี เร่อื ง กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา ลงในช่องว่าง ทีก่ าหนดให้
443390 439 แบบประเมินการสรุปความ คาช้แี จง ครูประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในการสรปุ ความ และใหค้ ะแนนลงในชอ่ งที่ตรงกบั พฤตกิ รรมของ นกั เรยี น เลขท่ี ช่ือ – สกลุ เนื้อความ รวม สรุปผล การใช้ภาษา การประเมิน ความสะอาดเรียบร้อย ๔ ๔ ๔ ๑๒ ผ่าน ไมผ่ ่าน เกณฑก์ ารตดั สิน รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป (๑๐ คะแนน) คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดี คะแนน ๗-๘ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐-๖ หมายถงึ ปรบั ปรงุ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................
440 443410 เกณฑ์การประเมนิ การสรุปความ ประเดน็ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ ๑ (ปรับปรุง) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) เนอ้ื ความ ครบถ้วนทุกประเดน็ ขาดประเด็นสาคญั ขาดประเด็น ขาดประเด็นสาคญั สอดคลองกบั ๑ ประเด็น แต่ สาคญั ๒ ประเดน็ เน้อื ความ เน้อื ความโดยรวม แต่เนื้อความ สอดคลอ้ งกับเรื่อง โดยรวม สอดคลอ้ งกบั เร่ือง การใช้ภาษา ใช้ภาษาสละสลวย สอื่ ใช้ภาษาไดช้ ัดเจน ใช้ภาษาได้ชัดเจน ใช้ภาษาไมช่ ัดเจน ความได้ชดั เจน แต่ขาดความ ขาดความ ขาดความสละสลวย สละสลวย สละสลวย และ และเรยี บเรียงความ เรยี บเรียงได้ไม่ ได้ไมค่ รบถ้วน ครบประเดน็ ความสะอาด ผลงานสะอาด ผลงานมรี อยลบ ผลงานมรี อยลบ ผลงานมรี อยลบ เรยี บร้อย เรียบร้อย ขีด-ฆ่า ๑ แห่ง ขดี -ฆ่า ๒ แห่ง ขีด-ฆา่ ๓ แหง่ ข้ึนไป เกณฑ์การตดั สนิ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถงึ ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๖
441 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๔ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง ฉนั ทลักษณก์ าพย์ยานี ๑๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ขอบเขตเนือ้ หา รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ฉันทลักษณค์ ำประพนั ธ์ประเภท กำพยย์ ำนี ๑๑ กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขั้นนา ๑. ใบควำมรู้ เรอ่ื ง ฉนั ทลกั ษณ์กำพย์ยำนี ๑๑ ดา้ นความรู้ ๑. นักเรียนอำ่ นออกเสียงคำประพนั ธ์จำกเรื่อง กำพย์พระไชย- ๒. แผนผังกำพย์ยำนี ๑๑ สรุ ิยำ จำกหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ หนำ้ ๘๑ เป็นทำนองเสนำะ ๓. หนงั สือเรียน รำยวชิ ำพน้ื ฐำน ภำษำไทย ๑. มคี วำมรู้ควำมเขำ้ ใจเกย่ี วกับฉันทลักษณ์ จำนวน ๔ บท ตั้งแต่บท \"สะธุสะจะขอไหว้ จนถึง อยูบ่ รุ ีไม่มภี ัย\" วรรณคดวี จิ ักษ์ ช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ ๑ ของกำพย์ยำนี ๑๑ ๒. นกั เรียนสงั เกตลกั ษณะคำประพันธท์ ่ีอ่ำนทำนองเสนำะ ๔. ใบงำน เรื่อง ฉนั ทลักษณ์กำพยย์ ำนี ๑๑ แล้วรว่ มกนั วิเครำะห์ว่ำเปน็ ลักษณะคำประพันธ์ประเภทใดและ ๒. อธบิ ำยฉันทลกั ษณข์ องกำพยย์ ำนี ๑๑ ได้ มีลักษณะท่ีแตกต่ำงจำกกลอนสภุ ำพอยำ่ งไร ภาระงาน/ช้ินงาน ทักษะ/กระบวนการ ข้นั สอน นักเรยี นท�ำ แผนภาพความคิด เขยี นแผนผังของฉันทลกั ษณ์คำประพนั ธ์ ๑. ครตู ดิ แผนผังคำประพนั ธป์ ระเภทกำพย์ยำนี ๑๑ บนกระดำน บทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ ได้ แล้วให้นักเรียนสังเกตพร้อมกับตอบคำถำมในประเดน็ ดังน้ี ด้านคณุ ลักษณะ ๑) คำประพนั ธ์ ๑ บท มีจำนวนกว่ี รรค ๒) คำประพันธ์ ๑ วรรค มจี ำนวนกีค่ ำ ๑. มวี นิ ัย ๓) ในแต่ละวรรคมีคำสัมผัสบังคับอย่ำงไร ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๒. ครแู จกใบควำมรู้ เรอ่ื ง ฉนั ทลักษณก์ ำพยย์ ำนี ๑๑ เพื่อใช้ ๓. ม่งุ มัน่ ในกำรทำงำน ในกำรทบทวนควำมรู้ ใชเ้ วลำประมำณ ๕ นำที ๔. รักควำมเปน็ ไทย กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นสอน ๓. ครูสมุ่ นกั เรียนเป็นรำยบคุ คลเพื่อสรุปควำมรู้เกี่ยวกับ 443421
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง สรา้ งสรรค์บทกวี แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๔ 442 กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรื่อง ฉันทลักษณก์ าพยย์ านี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย แผนผังของฉนั ทลกั ษณ์คำประพันธป์ ระเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ ๔. นักเรียนทำใบงำน เรื่อง ฉนั ทลกั ษณก์ ำพย์ยำนี ๑๑ ใช้เวลำประมำณ ๕ นำที พร้อมเฉลยคำตอบร่วมกัน ขน้ั สรุป นักเรียนร่วมกันสรุปควำมคดิ รวบยอดเกย่ี วกบั ฉนั ทลักษณ์ ของคำประพันธ์ประเภทกำพย์ยำนี ๑๑ 433
443 443434 การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เครื่องมือท่ีใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ๑. ใบงำน ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ ๑. มีควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจ ๑. ตรวจชนิ้ งำน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป เกี่ยวกับฉนั ทลักษณ์ของ ๒. แบบสังเกต กำพยย์ ำนี ๑๑ พฤติกรรม ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ ๒. อธิบำยฉนั ทลกั ษณข์ อง ๒. สงั เกตพฤติกรรม ใบงำน เร่ือง ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป กำพย์ยำนี ๑๑ ได้ ฉนั ทลกั ษณ์ ผ่ำนเกณฑ์คณุ ภำพ ทักษะ/กระบวนการ กำพย์ยำนี ๑๑ ระดับ ๒ เขียนแผนผังของ ตรวจใบงำน แบบประเมนิ ฉนั ทลักษณ์คำประพนั ธ์ คุณลกั ษณะ ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ ได้ ด้านคณุ ลักษณะ ๑. มีวินยั ประเมินคุณลกั ษณะ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. มุ่งมัน่ ในกำรทำงำน ๔. รักควำมเป็นไทย ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลกำรเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปญั หำและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทำงแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................... ลงช่ือ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท่ี.............เดอื น.................พ.ศ........... ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................. ลงชือ่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ที่.............เดอื น.................พ.ศ...........
444 443454 ใบความรู้ เรอื่ ง ฉันทลกั ษณก์ าพยย์ านี ๑๑ หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ ฉนั ทลกั ษณ์กาพย์ยานี ๑๑ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ จดุ ประสงค์ ให้นกั เรยี นศึกษำฉันทลักษณ์ของคำประพนั ธป์ ระเภทกำพย์ยำนี ๑๑ ฉนั ทลักษณ์กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี เป็นคำประพันธไ์ ทยประเภทกำพย์ท่ีกวนี ิยมแต่งมำก ปรำกฏกำรแต่งตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำ มที งั้ แต่งสลับกบั คำประพันธ์ประเภทอน่ื และแต่งเพียงลำพัง กำพย์ยำนบี ทหนงึ่ มีสองบำท บำทละ ๑๑ คำ คนท่วั ไป จงึ นิยมเรียกวำ่ กำพย์ยำนี ๑๑ แผนผังกาพย์ยานี ๑ บท สัมผสั ระหว่างบท ๑ บท คณะของกาพย์ยานี กำพย์ยำนี ๑ บท มี ๒ บำท บำทหนงึ่ มี ๒ วรรค วรรคหน้ำมี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ รวมเป็น ๑๑ คำ การส่งสมั ผัส คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๑ สง่ สมั ผัสไปยังคำทส่ี ำม ของวรรคท่ี ๒ (อำจเลือ่ นมำส่งสัมผสั คำท่ี ๑ หรือ ๒ ได้) คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ำย ของวรรคท่ี ๓ (หำกส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ในวรรคที่ ๔ ได้ จะเพ่มิ ควำมไพเรำะในคำประพันธ์เพ่ิมขึ้น) ในกำรแต่งกำพย์ยำนมี ำกกว่ำ ๑ บท ตอ้ งส่งสัมผสั ระหว่ำงบท โดยคำสุดท้ำยของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยัง คำสุดทำ้ ยของวรรคท่ี ๒ ในบทถดั ไป
445 444356 คาสัมผสั ในคาประพันธ์ กำรแตง่ คำประพนั ธจ์ ะมลี ักษณะเฉพำะคือกำรสง่ สมั ผัส ซ่ึงมกี ำรสง่ สัมผัสแบ่งเป็น ๒ ชนดิ ไดแ้ ก่ สมั ผสั ในและสมั ผสั นอก สมั ผัสใน เป็นสมั ผสั ท่ีไมบ่ งั คับเพียงแตเ่ ป็นสัมผัสทเี่ พ่ิมควำมไพเรำะและแสดงถงึ ควำมสำมำรถของผแู้ ต่ง โดยแบง่ แยกสัมผัสในออกเปน็ ๒ ชนดิ คือ สัมผสั สระและสมั ผสั พยัญชนะ สมั ผัสนอก เปน็ สัมผสั บังคบั โดยแบง่ ยอ่ ยออกเปน็ สัมผัสระหว่ำงวรรคและสมั ผสั ระหวำ่ งบท โดยสมั ผัส นอกนั้นต้องเปน็ สมั ผสั สระเท่ำนน้ั สมั ผสั พยญั ชนะ คือคำสัมผัสในคำประพันธ์ที่อยใู่ นวรรคเดียวกนั ทม่ี เี สยี งพยัญชนะตน้ เสียงเดยี วกัน อำจเรียกว่ำ “สัมผัสอักษร” ตัวอยำ่ งเช่น คำ่ เช้ำเฝ้ำสซี อ อย่บู ุรีไมม่ ีภัย ไพร่ฟำ้ ประชาชี โลโภพาใหบ้ ้ำใจ ฉอ้ แต่ไพร่ใส่ขื่อคา วำ่ โงเ่ งา่ เตำ่ ปปู ลา สัมผัสสระ คอื คำสมั ผัสในวรรค สมั ผัสระหว่ำงวรรคหรือสัมผัสระหว่ำงบท ท่ีมีเสียงสระเสียงเดยี วกนั และอยู่ในมำตรำตัวสะกดเดยี วกนั ดว้ ย ตัวอย่ำงเช่น บ้ำนชอ่ งคลองเล็กใหญ่ บ้ำงต่นื ไฟตกใจโจน ปลุกเพ่ือนเตือนตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกนั เอง พณิ พาทยร์ ะนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเปน็ เพลง ระฆังดังวังเวง โหง่งหงำ่ งเหง่งเก่งก่ำงดงั ทม่ี ำ กำพยพ์ ระไชยสุริยำ: หนงั สอื เรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ม.๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 509
Pages: