Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรประชาธิปัตย์ 64

หลักสูตรประชาธิปัตย์ 64

Published by palmmy-my, 2022-08-12 07:17:50

Description: หลักสูตรประชาธิปัตย์ 64

Search

Read the Text Version

รหัสวิชำ 33102 คำอธิบำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน ช้ันมัธยมศึกษำปที ี่ 6 กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ อา่ นวิเคราะห์วจิ ารณแ์ สดงความคดิ เห็นโตแ้ ยง้ เสนอความคดิ อย่างมีเหตุผล สงั เคราะหก์ ารอ่านสื่อ ส่ิงพมิ พ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ เขยี นบันทึกการอา่ น เขียนเชงิ สร้างสรรค์ ประเมินงานเขียน ใช้วิจารณญาณใน การฟงั และดู พูดแสดงทรรศนะโต้แยง้ พูดโนม้ นา้ วใจและเสนอแนวคิด การใชภ้ าษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบุคคล คาราชาศัพท์ แต่งบทร้อยกรอง โคลงและฉันท์ วิเคราะห์ลกั ษณะเดน่ และ สงั เคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม ประเมินคุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ วรรณกรรมพนื้ บา้ น ภูมปิ ญั ญา ทางภาษา ท่องจาบทอาขยานและบทร้อยกรองท่ีมคี ุณคา่ โดยใช้กระบวนการอ่าน การเขยี น การอธบิ าย การคดิ วเิ คราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่า สังเคราะห์ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนาไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาและประยกุ ต์ใชใ้ นการดาเนนิ ชีวติ เพอ่ื พฒั นาตน พัฒนาการเรยี น พัฒนาความร้ทู างอาชีพ มนี สิ ัยรกั การอา่ น มมี ารยาทในการอ่าน การ เขยี น การฟัง การดู การพูดและเหน็ คุณค่าในความงามของวรรณคดีและวรรณกรรม ตัวชี้วัด ท 1.1 ม. 6/5, ม. 6/8, ม. 6/9 ท 2.1 ม. 6/4, ม. 6/5, ม. 6/7, ม. 6/8 ท 3.1 ม. 6/4, ม. 6/5, ม. 6/6 ท 4.1 ม. 6/3, ม. 6/4 ท 5.1 ม. 6/2, ม. 6/3, ม. 6/4, ม. 6/5, ม. 6/6 รวมทั้งหมด 17 ตวั ชี้วัด

คำอธบิ ำยรำยวิชำเพิ่มเติม กำรใช้หอ้ งสมดุ 1 , 2 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 4 เวลำ 80 ชั่วโมง จำนวน 2.0 หน่วยกิต อธบิ ายความหมาย วตั ถุประสงค์ บทบาทและความสาคัญของห้องสมุด บอกประเภท หน้าที่ของ ห้องสมุดแตล่ ะประเภท และประโยชน์ของสารสนเทศ บอกความหมาย ลกั ษระและประเภทหนังสืออา้ งองิ ใชห้ นังสอื อา้ งอิงแต่ละประเภทในการค้นสารสนเทศที่ต้องการ อธิบายความหมายและประโยชนข์ องการจดั หมู่ หนงั สือและระบบการจดั เกบ็ การแบง่ หมวดหมูห่ นังสือระบบดวิ อี้ บอกความหมายและความสาคัญของเลข เรียกหนังสือ ใช้เลขเรยี กหนังสือ หาตาแหน่งของหนังสือท่ีตอ้ งการ และนาความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ ผลกำรเรียนรู้ ๑. อธิบายความหมาย วัตถปุ ระสงค์ บทบาทและความสาคัญของห้องสมุดได้ ๒. บอกประเภท บทบาท และหน้าท่ีของห้องสมดุ แต่ละประเภทและประโยชนข์ องสารสนเทศได้ ๓. บอกความหมาย ลกั ษณะ และประเภทหนังสืออ้างอิงได้ ๔. ใช้หนงั สอื อา้ งองิ แต่ละประเภทในการค้นสารสนเทศท่ีต้องการได้ ๕. อธิบายความหมายและประโยชนข์ องการจัดหมู่หนงั สือและระบบการจัดเกบ็ ได้ ๖. อธิบายการแบ่งหมวดหมหู่ นงั สือระบบดวิ อี้ได้ ๗. บอกความหมายและความสาคัญของเลขเรยี กหนังสอื ได้ ๘. ใช้เลขเรียกหนังสือหาตาแหน่งของหนังสือที่ต้องการได้ รวมทั้งหมด 8 ผลกำรเรยี นรู้

คำอธิบำยรำยวิชำพื้นฐำน รหสั วิชำ ค 11101 กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี 1 รวม 200 ช่วั โมง ศึกษา จานวนนับ 1 ถึง 100 และ 0 การนับทีละ 1 และทีละ 10 อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทยแสดงจานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 แสดงจานวนนับไม่เกิน 20 ในรูปแบบความสัมพันธ์ของจานวน แบบส่วนย่อย-ส่วนรวม บอกลาดับท่ี และเรียงลาดับจานวนไม่เกิน 100 และ 0 หลัก ค่าของเลขโดดในแต่ละ หลักและการเขียนแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทียบจานวนนับไม่เกิน 100 และ0 โดยใช้เครื่องหมาย เท่ากับ ไม่เท่ากับ มากว่า น้อยกว่า ความหมายของการบวก การลบ การหาผลบวก ผลลบ และความสัมพันธ์ ของการบวกและการลบ แก้โจทย์ปัญหาการบวก การลบ และการสร้างโจทย์ปัญหาของจานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 แบบรูปของจานวนที่เพ่ิมข้ึนหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 แบบรูปซ้าของจานวน รปู เรขาคณิตและรูป อ่ืนๆ การวัดความยาวโดยใช้หน่วยที่ไม่ใช่หน่วยมาตรฐาน การวัดความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร การ เปรียบเทียบความยาว การแก้โจทย์ปัญหาการบวก การลบที่เก่ียวกับความยาว การวัดน้าหนักโดยใช้หน่วยท่ี ไม่ใช่หน่วยมาตรฐาน การวัดน้าหนักเป็นกิโลกรัม เป็นขีด การเปรียบเทียบน้าหนัก การแก้โจทย์ปัญหาการบวก การลบที่เก่ียวกับน้าหนัก จาแนกรูปรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย และการอ่านแผนภูมริ ูปภาพ โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการบอกจานวน ระบุจานวนท่ีหายไป เปรียบเทียบจานวน เรียงลาดับจานวนนบั หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์แสดงวิธีหาคาตอบ วัดและเปรียบเทยี บความ ยาวและน้าหนัก จาแนกรูปเรขาคณิต กระบวนการแก้โจทย์ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร่างความตระหนัก การให้เหตุผลอิงหลักการ การฝึกปฏิบัติผ่านการจัดเรียนรู้แบบบูรณาการ ระหว่างกลุ่มสาระ เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหา ใฝ่เรียนรู้ มีความมุ่งม่ันในการทางานทางคณิตศาสตร์ สามารถส่ือสาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาทกั ษะทางคณิตศาสตรไ์ ปใชใ้ นสถานการณต์ า่ งๆ ตวั ช้วี ัด ค 1.1 ป.1/1, ป.1/2 ,ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 ค 1.2 ป.1/1 ค 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ค 2.2 ป.1/1 ค 3.1 ป.1/1 รวม 5 มำตรฐำน 10 ตวั ชี้วดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำพื้นฐำน รหัสวิชำ ค 12101 กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ 2 รวม 200 ชัว่ โมง ศึกษา จานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0 การนับทีละ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 และทีละ 100 แบบรูปซ้าและ แบบรูปของจานวนท่ีเพิ่มขึ้นหรอื ลดลง อ่านและเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทยและตวั หนงั สือแสดงจานวน นับไม่เกิน 1,000 และ 0 จานวนคู่ จานวนค่ี หลัก ค่าของเลขโดดในแต่ละหลักและการเขียนตัวเลขแสดง จานวนในรปู กระจาย เปรียบเทียบจานวนนบั ไม่เกิน 1,000 และ 0 โดยใช้เคร่ืองหมาย เท่ากับ ไม่เท่ากับ มากว่า น้อยกว่า เรียงลาดับจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถึง 5 จานวนจากสถานการณ์ต่างๆ การบวก การ ลบ การคูณ การหาร จานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0 ความหมายของการคูณ การหาร การหาผลคูณ ผลหาร และเศษ และความสัมพันธ์ของการคูณและการหาร การบวก ลบ คูณ หารระคน การแก้โจทย์ปัญหา และการ สร้างโจทย์ปัญหาพร้อมทั้งหาคาตอบ การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง การ เปรียบเทียบระยะเวลา การอ่านปฏิทิน การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลา การวัดความยาวเป็นเมตรและ เซนติเมตร การคาดคะเน การเปรยี บเทียบความยาวโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างเมตรกับเซนตเิ มตร การแก้โจทย์ ปญั หาเก่ียวกับความยาวทีม่ ีหนว่ ยเปน็ เมตรและเซนตเิ มตรการวัดน้าหนักเป็นกิโลกรัม กรัม และขีดการคาดคะเน น้าหนัก การเปรียบเทียบน้าหนักโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างกิโลกรัม กรัม และขีด การแก้โจทย์ปัญหาเก่ียวกับ น้าหนักท่ีมีหน่วยเปน็ กิโลกรัม กรมั และขีด การวัดปรมิ าตรและความจุโดยใช้หน่วยท่ีไมใ่ ช่หน่วยมาตรฐาน การ วัดปริมาตรและความจุเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง และลิตร การเปรียบเทียบปริมาตรและความจุ การแก้ โจทย์ปัญหาเก่ียวกับปริมาตรและความจุจาแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหลี่ยมและวงกลม และการอ่าน แผนภูมิรูปภาพ โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการบอกจานวน จาแนก เปรียบเทียบ เรียงลาดับจานวน หาค่า ของตัวไม่ทราบค่า หาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หารระคน แสดงวิธีหาคาตอบ ระบุจานวนที่หายไปแบบรูป และ ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบ บูรณาการกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก การให้เหตุผลอิงหลักการ การฝึก ปฏบิ ัติผ่านการจัดเรียนรแู้ บบบูรณาการระหวา่ งกลมุ่ สาระ เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆมีความสามารถใน ใฝ่ เรยี นรู้ มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางานทางคณิตศาสตร์ และนาทกั ษะทางคณติ ศาสตรไ์ ปใช้ในชวี ิตประจาวนั ตัวชวี้ ดั ค 1.1 ป.2/1, ป.2/2 ,ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5,ป.2/6, ป.2/7, ป.2/8 ค 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ,ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5,ป.2/6 ค 2.2 ป.2/1 ค 3.1 ป.2/1 รวม 4 มำตรฐำน 16 ตัวช้ีวดั

คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน รหัสวิชำ ค 13101 กลุ่มสำระคณิตศำสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี 3 รวม 200 ชวั่ โมง ศึกษา จานวนนับไม่เกิน 100,000 และ 0 อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทยและตัวหนังสือ แสดงจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100,000 และ 0 แบบรปู ของจานวนทเี่ พ่มิ ขึ้นหรือลดลงทีละเท่าๆกันหลัก คา่ ของเลขโดด ในแต่ละหลักและการเขียนตัวเลขแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทียบและเรียงลาดับจานวนนับไม่เกิน 100,000 จากสถานการณ์ต่างๆบอก อ่าน และเขียนเศษส่วนแสดงปริมาณสิ่งต่างๆและแสดงสิ่งต่างๆตาม เศษส่วนท่ีกาหนด เปรียบเทียบและเรียงลาดับเศษส่วน การบวก การลบ การคูณ การหาร จานวนนับไม่เกิน 100,000 และ 0 หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก การลบ การคูณ และการหาร ที่ ผลลัพธ์ไม่เกิน 100,000 และ 0 การแก้โจทย์ปัญหาและการสรา้ งโจทย์ปัญหา พร้อมท้ังหาคาตอบ การบวกและ การลบเศษสว่ น การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวกและการลบเศษส่วน การบอกจานวนเงนิ และเขียนแสดงจานวนเงิน แบบใช้จุด การเปรียบเทียบจานวนเงินและการแลกเงิน การอ่านและเขียนบันทึกรายรับรายจ่าย การแก้โจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับเงิน การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที การเขียนบอกเวลาโดยใช้มหัพภาค หรือทวิภาค และการ อ่าน การบอกเวลาเป็นชั่วโมงและนาที การเปรียบเทียบระยะเวลาโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างชั่วโมงกับนาที การอ่านและเขียนบันทึกกิจกรรมท่ีระบุเวลา การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา การวัดความยาว เป็นเซนติเมตร มิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตรละเมตร การเลือกเคร่ืองวัดความยาวท่ีเหมาะสม การ คาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร การเปรียบเทียบความยาวโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยความ ยาว การแก้โจทยป์ ัญหาเกีย่ วกบั ความยาว เลือกใชเ้ ครือ่ งช่งั ท่เี หมาะสม วัดและบอกนา้ หนักเป็นกโิ ลกรมั กรัม แอ ละขีด คาดคะเนน้าหนัก เปรียบเทียบน้าหนักโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม การแก้โจทย์ปัญหาเก่ียวกับน้าหนักเลือกใช้เครื่องตวงที่เหมาะสม วัดและเปรียบเทียบปริมาตร ความจุเป็นลิตร และมิลลิลิตร คาดคะเนปริมาตรและความจุเป็นลิตร การเปรียบเทียบปริมาตรและความจุโดยใช้ความสัมพันธ์ ระหวา่ งลิตรกับมิลลิลิตร ช้อนชาช้อนโต๊ะถ้วยตวงกบั มิลลิลติ ร การแก้โจทย์ปัญหาเก่ียวกบั ปริมาตรและความจุที่ มีหน่วยเป็นลิตรและมิลลิลิตร ระบุรูปเรขาคณิตสองมิติที่มีแกนสมมาตรและจานวนแกนสมมาตร การเก็บ รวบรวมข้อมลู และจาแนกขอ้ มูล การอ่านและการเขยี นแผนภูมิรปู ภาพ การอ่านและการเขยี นตารางทางเดยี ว โดยใชก้ ระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการอ่านและเขยี น เปรียบเทียบ คาดคะเน เรียงลาดับตวั เลขแสดง จานวนนับ เศษสว่ น หาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ หาผลลพั ธ์ แสดงวิธีหาคาตอบ ระบจุ านวนทห่ี ายไปในแบบร)ู เลือกใชเ้ ครื่องมือวดั ระบรุ ปู เรขาคณติ เขียนแผนภมู ิ เขยี นตารางทางเดยี ว และใชข้ อ้ มลู จากตาราง บูรณาการรก ระบวนการคดิ สร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปญั หา กระบวนการกลมุ่ กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้าง ความตระหนัก การให้เหตผุ ลองิ หลักการ การฝึกปฏบิ ัตผิ า่ นการจดั เรียนรู้ตามแนวคดิ Active Learning เพื่อให้ผเู้ รยี นมที ักษะในการส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมคี วามสามารถใน ใน การคิดแกป้ ญั หา ใฝ่เรียนรู้ มีความมุ่งมัน่ ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใช้ความรทู้ างคณิตศาสตร์เป็นเคร่ืองมอื ในการเรยี นร้เู น้อื หาตา่ งๆหรือศาสตร์อ่นื ๆ และนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในชีวิตจริง ตัวชีว้ ัด ค 1.1 ป.3/1, ป.3/2 ,ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5,ป.1/6, ป.3/7, ป.3/8,ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11 ค 1.2 ป.3/1 ค 2.1 ป.3/1, ป.3/2 ,ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5,ป.1/6, ป.3/7, ป.3/8,ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11, ป.3/12, ป.3/13 ค 2.2 ป.3/1 ค 3.1 ป.3/1,ป.3/2 รวม 5 มำตรฐำน 28 ตวั ชี้วัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน รหัสวชิ ำ ค 14101 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ช้ันประถมศึกษำปที ่ี 4 รวม 160 ชั่วโมง ศึกษา จานวนนับที่มากกว่า 100,000 และ 0 อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทยและ ตัวหนังสือแสดงจานวนนับที่มากกว่า 100,000 หลัก ค่าประจาหลักและค่าของเลขโดดในแต่ละหลัก ค่าของ เลขโดในแต่ละหลักของทศนิยม และการเขียนตัวเลข เขียนทศนิยมแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทียบและ เรียงจานวนนับที่มากกว่า 100,000 จากสถานการณ์ต่างๆ ค่าประมาณของจานวนนับและการใช้เคร่ืองหมาย ประมาณค่า บอก อ่าน และเขียนเศษส่วนจานวนคละแสดงปริมาณสิ่งต่างๆและแสดงส่ิงต่างๆตามเศษส่วน จานวนคละท่ีกาหนด เปรียบเทียบและเรียงลาดบั เศษสว่ น และจานวนคละท่ีตัวส่วนตัวหนึ่งเป็นพหุคณู ของอีกตัว หนึ่ง การอ่านและเขียนทศนิยมไม่เกิน 3 ตาแหน่งตามปริมาณที่กาหนด เปรียบเทียบและเรียงทศนิยมไม่เกิน 3 ตาแหน่งจากสถานการณ์ต่างๆ การบวก การลบ การคูณ การหาร จานวนนับที่มากกว่า 100,000 และ 0 หาค่า ของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก การลบการคูณ และการหาร การแกโ้ จทย์ปัญหาและการ สร้างโจทยป์ ญั หา พรอ้ มทง้ั หาคาตอบ การบวก การลบเศษสว่ นและจานวนคละ การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวก การ ลบเศษส่วนและจานวนคละ การบวก การลบทศนยิ ม การแก้โจทย์ปัญหาการบวก การลบทศนยิ ม แบบรูปของ จานวนทีเ่ กิดจากการคูณ การหารด้วยจานวนเดียวกัน การบอกระยะเวลาเป็นวินาที ช่ัวโมง วนั สปั ดาห์ เดอื น ปี การเปรียบเทียบระยะเวลาโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยเวลา การอ่านตารางเวลา การแก้โจทย์ปัญหา เกี่ยวกับเวลา วัดและสร้างมมุ โดยใช้โพรแทรกเตอร์ ความยาวรอบรูป พ้ืนที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก การแก้โจทย์ ปญั หาเก่ียวกับความยาวรอบรูป และพ้ืนท่ีของรูปสเ่ี หลี่ยมมุมฉาก ระนาบ จดุ เส้นตรง รงั สี ส่วนของเสน้ ตรงและ สัญลักษณ์แสดงเส้นตรง รังสี ส่วนของเส้นตรง มุม ส่วนประกอบของมุม การเรียกช่ือมุม สัญลักษณ์แสดงมุม ชนิดและสมบัตขิ องมมุ การสรา้ งรูปส่ีเหลีย่ มมมุ ฉาก การอา่ นและการเขียนแผนภูมแิ ท่ง การอ่านตารางสองทาง โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการอ่านและเขียน จาแนก เปรียบเทียบ เรียงลาดับ ประมาณ ผลลัพธ์ หาค่าของตัวไม่ทราบค่า หาผลลัพธ์ แสดงวิธีการหาคาตอบ สรา้ งโจทย์ปัญหา วัดและสร้างมุม ใช้ข้อมูล จากแผนภูมิในการหาคาตอบ บูรณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก การให้เหตุผลอิงหลักการ การฝึกปฏิบัติผ่านการจัด เรียนรตู้ ามแนวคิด Research Based Learning เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆมีความสามารถในการ คิดแก้ปญั หา รับฟังและให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ในการสนับสนุนความคิด ใฝ่เรียนรู้ มีความมุ่งมั่นในการทางาน ทางคณิตศาสตร์ ใชค้ วามรทู้ างคณิตศาสตรเ์ ป็นเคร่อื งมอื ในการเรียนรู้เน้อื หาต่างๆหรอื ศาสตร์อ่ืนๆและนาทักษะ ทางคณติ ศาสตรไ์ ปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ตวั ชีว้ ดั ค 1.1 ป.4/1, ป.4/2 ,ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5,ป.4/6, ป.4/7, ป.4/8,ป.4/9, ป.4/10 ,ป.4/11, ป.4/12, ป.4/13, ป.4/14, ป.4/15, ป.4/16 ค 2.1 ป.4/1, ป.4/2 ,ป.4/3 ค 2.2 ป.4/1, ป.4/2 ค 3.1 ป.4/1 รวม 4 มำตรฐำน 22 ตัวช้ีวดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน รหัสวชิ ำ ค 15101 กลมุ่ สำระคณิตศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 5 รวม 160 ชั่วโมง ศึกษา ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเศษสว่ นและทศนิยม ค่าประมาณของทศนิยมไมเ่ กนิ 3 ตาแหนง่ ท่ีเป็น จานวนเตม็ ทศนิยม 1 ตาแหนง่ และ 2 ตาแหนง่ การใช้เครอื่ งหมายประมาณคา่ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ ปญั หาโดยใช้บัญญตั ิไตรยางศ์ เปรยี บเทยี บเศษสว่ นและจานวนคละ การบวก การลบ การคณู การหาร และหาร ระคนของเศษส่วนและจานวนคละ โจทยป์ ญั หาเศษสว่ นและจานวนคละ การคูณ การหารทศนยิ มไม่เกิน 3 ตาแหน่ง การแกโ้ จทย์ปญั หาทศนิยม การอ่านและเขยี นร้อยละหรอื เปอรเ์ ซ็นต์ การแก้โจทย์ปญั หาร้อยละ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างหน่วยความยาวเซนตเิ มตรกบั มิลลเิ มตร เมตรกบั เซนตเิ มตร กิโลเมตรกบั เมตรโดยใช้ความรู้ เรือ่ งทศนยิ ม การแก้โจทย์ปญั หาเกยี่ วกบั ความยาวโดยใชค้ วามร้เู ร่ืองการเปล่ยี นหนว่ ยและทศนิยมความสมั พนั ธ์ ระหว่างหนว่ ยนา้ หนักกโิ ลกรัมกับกรัม โดยใช้ความรูเ้ รอื่ งทศนิยม การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั น้าหนกั โดยใช้ ความรเู้ รื่องการเปลยี่ นหนว่ ยและทศนิยม ปรมิ าตรแลความจุ ความสัมพันธร์ ะหว่าง มิลลติ ร ลิตร ลกู บาศก์ เซนตเิ มตร และลูกบาศก์เมตร การแกโ้ จทย์ปญั หาเกย่ี วกับปรมิ าตรและความจุของทรงส่เี หล่ยี มมมุ ฉาก ความ ยาวรอบรูป พน้ื ท่ีของรปู สเี่ หล่ียม การแก้โจทย์ปัญหาเกยี่ วกับความยาวรอบรปู และพื้นที่ของรูปสเี่ หลีย่ ม เสน้ ต้ัง ฉากและสญั ลักษณแ์ สดงการตั้งฉาก เส้นขนานและสัญลักษณแ์ สดงการขนาน การสร้างเส้นขนาน มมุ แย้ง มุม ภายใน และมมุ ภายนอกที่อยู่บนขา้ งเดยี วกันของเส้นตัดขวาง ชนิดและสมบตั ิของรปู ส่เี หลี่ยม การสร้างรปู สี่เหลยี่ ม ลักษณะและสว่ นต่างๆของปรซิ มึ การอา่ นและการเขยี นแผนภูมแิ ท่ง การเขยี นกราฟเสน้ โดยใชก้ ระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นการเขยี นเศษสว่ น แสดงวิธหี าคาตอบหาผลลพั ธ์ สร้างและบอก ลกั ษณะรปู เรขาคณติ ใช้ข้อมูลในการหาคาตอบ เขยี นแผนภมู แิ ทง่ บรู ณาการรกระบวนการคิดสรา้ งสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกล่มุ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการสรา้ งความตระหนัก กระบวนการสร้างความรคู้ วามเขา้ ใจ การใหเ้ หตุผลองิ หลักการ และกระบวนการสรา้ งทักษะการฝึกปฏบิ ตั ผิ ่าน การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Research Based Learning เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมีทกั ษะในการส่ือสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณต์ า่ งๆมี ความสามารถในการคดิ แกป้ ัญหา รับฟังและให้เหตุผลทางคณติ ศาสตร์ในการสนับสนุนความคิดหรอื โต้แย้งที่ นาไปสกู่ ารสรุปผลโดยมขี ้อเท็จจรงิ ทางคณิตศาสตรร์ องรับ ใฝเ่ รียนรู้ มคี วามมุ่งมั่นในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตร์เปน็ เครอื่ งมือในการเรียนรู้เนื้อหาต่างๆหรอื ศาสตร์อืน่ ๆและนาทักษะทางคณติ ศาสตร์ ไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ตวั ช้วี ัด ค 1.1 ป.5/1, ป.5/2 ,ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5,ป.5/6, ป.5/7, ป.5/8,ป.5/9 ค 2.1 ป.5/1, ป.5/2 ,ป.5/3, ป.5/4 ค 2.2 ป.5/1, ป.5/2 ,ป.5/3, ป.5/4 ค 3.1 ป.5/1, ป.5/2 รวม 4 มำตรฐำน 19 ตวั ชี้วดั

คำอธบิ ำยรำยวิชำพนื้ ฐำน รหัสวิชำ ค 16101 กลุ่มสำระคณติ ศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ 6 รวม 160 ชว่ั โมง ศึกษา เปรยี บเทยี บ เรียงลาดับเศษสว่ นและจานวนคละโดยใช้ความร้เู ร่อื ง ค.ร.น. เขยี นอตั ราส่วนแสดง การเปรียบเทียบ หาอัตราสว่ นทเ่ี ท่ากบั อัตราสว่ นที่กาหนด ตัวประกอบ จานวนเฉพาะ ตัวประกอบเฉพาะ และ การแยกตัวประกอบ การแก้โจทยป์ ัญหาเกีย่ วกบั ห.ร.ม. และ ค.ร.น. การบวก การลบ การคูณ การหารระคน เศษสว่ นและจานวนคละ การแกโ้ จทย์ปัญหาเศษส่วนและจานวนคละ ความสัมพันธร์ ะหว่างเศษสว่ นและทศนยิ ม การหารทศนิยม การแก้โจทย์ปัญหาเก่ยี วกบั ทศนิยม การแกโ้ จทย์ปัญหาอัตราส่วนและมาตรฐาน การแก้โจทย์ ปัญหาร้อยละ การแก้ปัญหาเก่ยี วกับแบบรูป ปรมิ าตรและความจุ การแกโ้ จทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั ปริมาตรของรปู เรขาคณิตสามมติ ิ ความยาวรอบรปู พืน้ ท่ี มมุ ภายใน ของรูปสามเหล่ียมและรูปหลายเหล่ยี ม การแกโ้ จทย์ปัญหา เก่ยี วกบั ความยาวรอบรปู และพื้นทข่ี องรปู หลายเหลย่ี ม ความยาวรอบรูปและพ้ืนที่ของวงกลม การแก้โจทย์ ปญั หาเก่ยี วกับความยาวรอบรปู และพ้ืนท่ีของวงกลม ชนดิ และสมบัตขิ องรูปสามเหลี่ยม การสรา้ งรปู สามเหลี่ยม สว่ นต่างๆของวงกลม การสรา้ งวงกลม บอกลกั ษณะของรปู เรขาคณิตสามมติ ิชนิดตา่ งๆ ระบุรูปเรขาคณติ สามมติ ิ ทป่ี ระกอบจากรปู คลี่ และระบรุ ูปคลี่ของรปู เรขาคณติ สามมิติ การอ่านแผนภูมิรปู วงกลม โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการเปรียบเทียบ เรียงลาดบั เขียนอตั ราสว่ น หาอัตราสว่ นหา ห.ร.ม. ค.ร.น. แสดงวิธคี ดิ หาผลลพั ธ์ แสดงวิธีหาคาตอบ จาแนก บอกลักษณะรูปเรขาคณิตสามมติ ิ ใช้ข้อมูลจาก แผนภูมริ ูปวงกลมหาคาตอบ บรู ณาการรกระบวนการคดิ สร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกล่มุ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการสรา้ งความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความเขา้ ใจ การใหเ้ หตุผล องิ หลักการ และกระบวนการสรา้ งทักษะการฝึกปฏิบัติผา่ นการจดั การเรยี นรู้ตามแนวคิด Research Based Learning เพอื่ ใหผ้ ้เู รยี นมที ักษะในการส่ือสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณต์ ่างๆมี ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาใหเ้ หตุผลทางคณิตศาสตรโ์ ดยมขี อ้ เท็จจรงิ ทางคณติ ศาสตร์รองรับ ใฝเ่ รยี นรู้ มี ความมงุ่ ม่นั ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใช้ความรู้ทางคณติ ศาสตรเ์ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการเรียนร้เู น้อื หาต่างๆหรือ ศาสตร์อ่ืนๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในชวี ิตจริง ตัวชว้ี ดั ค 1.1 ป.6/1, ป.6/2 ,ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5,ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8,ป.6/9, ป.6/10 ,ป.6/11, ป.6/12 ค 1.2 ป.6/1 ค 2.1 ป.6/1, ป.6/2 ,ป.6/3 ค 2.2 ป.6/1, ป.6/2 ,ป.6/3, ป.6/4 ค 3.1 ป.6/1 รวม 5 มำตรฐำน 21 ตวั ชี้วดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน รหัสวิชำ ค 21101 กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 1 รวม 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ศึกษา จานวนเต็ม สมบตั ิของจานวนเตม็ ทศนยิ มและเศษส่วน จานวนตรรกยะและสมบัติของจานวน ตรรกยะ เลขยกกาลังทีม่ เี ลขช้ีกาลงั เปน็ จานวนเต็มบวก การนาความรเู้ ก่ยี วกับจานวนเต็มจานวนตรรกยะ และ เลขยกกาลังไปใช้ในการแก้ปัญหา เขา้ ใจและประยุกตใ์ ช้อัตราส่วน สดั ส่วน และร้อยละ ในการแก้ปญั หา คณิตศาสตร์และปัญหาในชีวติ จรงิ โดยใชก้ ระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการศึกษาจานวนเต็ม สมบตั ขิ องจานวนเต็ม ทศนยิ มและเศษส่วน เลขยกกาลัง อตั ราสว่ น สดั ส่วน และรอ้ ยละ บูรณาการรกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุม่ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนกั กระบวนการสร้างความรู้ความ เขา้ ใจ การให้เหตุผลองิ หลกั การ และกระบวนการสรา้ งทักษะการฝกึ ปฏิบตั ิผา่ นการจดั การเรียนรตู้ ามแนวคดิ Research Based Learning เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนมที ักษะในการส่ือสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณต์ ่างๆมี ความสามารถในการคดิ แก้ปัญหาให้เหตผุ ลทางคณิตศาสตร์โดยมีข้อเท็จจริงทางคณิตศาสตร์รองรบั ใฝเ่ รียนรู้ มี ความมงุ่ มัน่ ในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตร์เปน็ เคร่อื งมอื ในการเรยี นรู้เนือ้ หาต่างๆหรือ ศาสตร์อน่ื ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในชีวติ จรงิ ตวั ชว้ี ดั ค 1.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3 ค 2.2 ม.1/1, ม.1/2 2 มำตรฐำน 5 ตัวชว้ี ดั

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพื้นฐำน รหสั วชิ ำ ค 21102 กลุ่มสำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ี่ 1 รวม 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษา สมบัตขิ องการเท่ากันและสมบัตขิ องจานวน เพ่ือวเิ คราะห์และแกป้ ญั หาโดยใช้สมการเชิงเส้นตัว แปรเดยี วไปใชใ้ นชีวติ จรงิ กราฟของความสัมพนั ธเ์ ชงิ เส้น สมการเชิงเส้นสองตัวแปร การนาความรเู้ กย่ี วกับ สมการเชงิ เส้นสองตวั แปรและกราฟของความสัมพนั ธเ์ ชงิ เสน้ ไปใช้ในชวี ติ จริง เข้าใจและใชค้ วามรู้ทางสถติ ิในการ นาเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูล รวมท้งั นาสถิติไปใชใ้ นชวี ติ จริงโดยใช้เทคโนโลยที ่เี หมาะสม โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นการศึกษาสมบัตขิ องจานวน วเิ คราะหแ์ ละแกป้ ัญหา โดยใช้ สมการเชงิ เสน้ นาความรเู้ กย่ี วกบั สมการเชงิ เส้นไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ ประจาวัน มีความร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกับ ขอ้ มูลและการนาเสนอข้อมลู โดยใช้เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม บูรณาการรกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ กระบวนการ แก้ปัญหา กระบวนการกล่มุ กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสรา้ งความตระหนัก กระบวนการสรา้ ง ความรู้ความเข้าใจ การใหเ้ หตุผลองิ หลกั การ และกระบวนการสรา้ งทักษะการฝกึ ปฏิบตั ผิ ่านการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิด Research Based Learning เพ่ือให้ผเู้ รยี นมีทกั ษะในการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆมี ความสามารถในการคดิ แกป้ ัญหาให้เหตุผลทางคณติ ศาสตรโ์ ดยมีข้อเท็จจริงทางคณิตศาสตรร์ องรับ ใฝ่เรียนรู้ มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใช้ความรูท้ างคณติ ศาสตรเ์ ป็นเคร่ืองมือในการเรยี นรู้เนือ้ หาตา่ งๆ หรือศาสตร์อน่ื ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ตวั ชว้ี ดั ค 1.3 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3 ค 3.1 ม.1/1 รวม 2 มำตรฐำน 4 ตวั ช้ีวัด

คำอธิบำยรำยวิชำพ้นื ฐำน รหัสวิชำ ค 22101 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 2 รวม 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ศกึ ษา สมบัติของเลขยกกาลังที่มีเลขชก้ี าลงั เปน็ จานวนเต็มในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์และปัญหาใน ชีวิตจริง จานวนอตรรกยะ จานวนจรงิ รากทีส่ องและรากที่สามของจานวนตรรกยะ การนาความรเู้ ก่ียวกับ จานวนจรงิ ไปใช้ ใช้ความรู้ทางเรขาคณิตและเครื่องมือเช่น วงเวยี นและสันตรง รวมท้งั โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรอื โปรแกรมเรขาคณิต ตลอดจนนาความรเู้ กี่ยวกบั การสรา้ งนไี้ ปประยุกต์ใชใ้ นการ แก้ปัญหาในชวี ติ จริง สมบัติเก่ียวกบั เส้นขนานและรปู สามเหลยี่ ม การเล่ือนขนาน การสะทอ้ น การหมุน การนา ความรูเ้ กี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิตไปใช้ในการแกป้ ญั หา ความเทา่ กนั ทุกประการของรูปสามเหล่ียม การนา ความรู้เกีย่ วกบั ความเท่ากันทุกประการไปใช้ในการแกป้ ัญหา ทฤษฏีบทพีทาโกรสั และบทกลับ การนาความรู้ เก่ยี วกับทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลับไปใช้ในชีวติ จริง โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นการศึกษาสมบัตขิ องเลขยกกาลงั จานวนจริง การใช้โปรแกรมทาง คณติ ศาสตร์ สมบัติเก่ียวกับเส้นขนาน ทฤษฎบี ทพีทาโกรัส บรู ณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการ แกป้ ัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ กระบวนการสรา้ งความตระหนัก กระบวนการสร้าง ความรคู้ วามเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสรา้ งทักษะการฝึกปฏิบตั ิผ่านการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคดิ Research Based Learning เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นมีทกั ษะในการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆมี ความสามารถในการคดิ แกป้ ัญหาให้เหตุผลทางคณิตศาสตรโ์ ดยมขี อ้ เท็จจริงทางคณิตศาสตรร์ องรบั ใฝเ่ รียนรู้ มี ความมุ่งม่นั ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตรเ์ ปน็ เคร่อื งมอื ในการเรียนรู้เนอื้ หาตา่ งๆหรือ ศาสตร์อ่ืนๆและนาทักษะทางคณติ ศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตจริง ตัวชี้วดั ค 1.1 ม.2/1, ม.2/2, ค 2.2 ม.2/1, ม.2/2 , ม.2/3 , ม.2/4, ม.2/5 รวม 2 มำตรฐำน 7 ตวั ชี้วดั

คำอธบิ ำยรำยวิชำพื้นฐำน รหสั วิชำ ค 22102 กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษำปีที่ 2 รวม 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษา พหุนาม การบวก การลบ การคูณของพหุนาม การหารพหนุ ามด้วยเอกนามที่มผี ลหารเปน็ พหุ นาม การแยกตวั ประกอบของพหนุ ามดีกรีสองโดยใช้สมบตั ิการแจกแจง กาลงั สองสมบรู ณ์ ผลต่างกาลงั สอง การ หาพ้ืนทผี่ ิวของปรซิ มึ และทรงกระบอก การนาความรู้เก่ยี วกับพนื้ ท่ผี ิวของปริซึมและทรงกระบอกไปใช้ในการ แก้ปัญหา การหาปรมิ าตรของปริซมึ และทรงกระบอก การนาความรเู้ กี่ยวกับปริมาตรของปริซึมและทรงกระบอก ไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา เข้าใจและใช้ความรูท้ างสถิติในการนาเสนอข้อมลู และวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนภาพจดุ แผนภาพตน้ – ใบ ฮิสโทแกรม และค่ากลางของขอ้ มลู และแปลความหมายผลลพั ธ์ รวมทัง้ นาสถิติไปใช้ในชีวติ จรงิ โดยใช้เทคโนโลยที เี่ หมาะสม โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการศึกษาพหุนาม เอกนาม การแยกตัวประกอบของพหุนาม สมบัติของจานวน การหาพื้นที่ผิวและปริมาตรของปริซึม การวิเคราะห์สถิติและนาเสนอข้อมูล บูรณาการ กระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการ สร้างความตระหนกั กระบวนการสรา้ งความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทักษะ การฝกึ ปฏิบตั ผิ า่ นการจดั การเรยี นรู้ตามแนวคิด Research Based Learning เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นมีทักษะในการสื่อสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคิดแกป้ ัญหาให้เหตผุ ลทางคณิตศาสตรโ์ ดยมีขอ้ เท็จจริงทางคณติ ศาสตรร์ องรบั ใฝ่ เรยี นรู้ มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใชค้ วามรทู้ างคณิตศาสตรเ์ ปน็ เคร่ืองมอื ในการเรียนร้เู น้ือหา ตา่ งๆหรือศาสตรอ์ น่ื ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตรไ์ ปใชใ้ นชีวติ จริง ตวั ชีว้ ดั ค 1.2 ม.2/1, ม.2/2 ค 2.1 ม.2/1, ม.2/2 ค 3.1 ม.2/1 รวม 3 มำตรฐำน 5 ตวั ชี้วัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน รหสั วชิ ำ ค 23101 กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ ช้ันมัธยมศึกษำปที ี่ 3 รวม 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ศกึ ษา อสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว การแก้อสมการเชงิ เส้นตัวแปรเดียว การนาความรู้เก่ียวกับการแก้ อสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี วไปใช้ในการแก้ปญั หา สมการกาลังสองตัวแปรเดยี ว การแก้สมการกาลงั สองตัวแปร เดยี ว การนาความรเู้ กี่ยวกบั การแก้สมการกาลงั สองตัวแปรเดียวไปใช้แก้ปัญหา ระบบสมการเชงิ เส้นสองตวั แปร การแกร้ ะบบสมการเชงิ เสน้ สองตัวแปร การนาความรู้เกีย่ วกับการแก้ระบบสมการเชงิ เส้นสองตัวแปรไปใชใ้ นการ แก้ปัญหา การหาพืน้ ทผ่ี ิวและปริมาตรของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลม การนาความรูเ้ กยี่ วกับพน้ื ที่ผวิ ปริมาตร ของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลม ไปใช้ในการแกป้ ญั หา รูปสามเหลย่ี มทีค่ ลา้ ยกัน การนาความรเู้ ก่ียวกบั ความ คล้ายไปใช้ในการแก้ปญั หา อัตราส่วนตรีโกณมติ ิ การนาคา่ อตั ราส่วนตรีโกณมิติของมุม 30 องศา 45 องศา และ 60 องศา ไปใช้ในการแก้ปัญหา วงกลม คอรด์ และเส้นสมั ผัส ทฤษฎบี ทเกี่ยวกับวงกลม โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแกป้ ัญหาเกี่ยวกับสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว สมการกาลัง สองตัวแปรเดยี ว อสมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว การหาพื้นท่ีผวิ และปรมิ าตร อัตราสว่ นตรีโกณมติ ิ ทฤษฎบี ท เกี่ยวกับวงกลม บรู ณาการรกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ กระบวนการแกป้ ญั หา กระบวนการกล่มุ กระบวนการ คดิ วเิ คราะห์ กระบวนการสรา้ งความตระหนัก กระบวนการสร้างความรคู้ วามเข้าใจ การให้เหตผุ ลองิ หลักการ และกระบวนการสรา้ งทักษะการฝึกปฏบิ ตั ผิ ่านการจดั การเรียนร้ตู ามแนวคดิ Research Based Learning เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นมที ักษะในการส่ือสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณต์ า่ งๆมี ความสามารถในการคิดแกป้ ัญหาใหเ้ หตุผลทางคณติ ศาสตร์โดยมขี อ้ เทจ็ จริงทางคณิตศาสตรร์ องรับ ใฝเ่ รียนรู้ มี ความมุ่งมัน่ ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตรเ์ ปน็ เคร่ืองมือในการเรียนรเู้ นอ้ื หาตา่ งๆหรือ ศาสตรอ์ ืน่ ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชีวติ จริง ตวั ชีว้ ดั ค 1.3 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3 ค 2.1 ม.3/1, ม.3/2 ค 2.2 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3 รวม 3 มำตรฐำน 8 ตวั ชี้วดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำพื้นฐำน รหัสวชิ ำ ค 23102 กลุ่มสำระกำรเรียนรูค้ ณิตศำสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษำปที ่ี 3 รวม 60 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ศึกษา การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ กราฟของฟังก์ชัน กาลังสอง การนาความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันกาลังสองไปใช้ในการแก้ปัญหา เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการ นาเสนอและวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนภาพกล่องและแปลความหมายผลลัพธ์รวมท้ังนาสถติ ิไปใช้ในชีวิตจรงิ โดยใช้ เทคโนโลยที ี่เหมาะสม ความน่าจะเป็น เหตุการณ์จากการทดลองสุ่ม การนาความร้เู กี่ยวกับความน่าจะเปน็ ไปใช้ ในชีวิตจรงิ โดยใชก้ ระบวนการทางคณติ ศาสตร์ในการแยกตัวประกอบของพหนุ ามดีกรีสูงกวา่ สอง กราฟของฟังกช์ ัน กาลังสอง สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ความน่าจะเป็น บูรณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการ แก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้าง ความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทักษะการฝึกปฏิบัติผ่านการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิด Research Based Learning เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมีทกั ษะในการส่ือสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณต์ ่างๆมี ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาใหเ้ หตผุ ลทางคณติ ศาสตร์โดยมขี ้อเทจ็ จริงทางคณิตศาสตร์รองรับ ใฝเ่ รียนรู้ มี ความมุ่งมนั่ ในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เปน็ เครื่องมือในการเรียนรเู้ น้อื หาต่างๆหรือ ศาสตร์อืน่ ๆและนาทักษะทางคณติ ศาสตร์ไปใช้ในชวี ติ จรงิ ตัวชีว้ ดั ค 1.2 ม.1/1, ม.1/2 ค 3.1 ม.1/1 ค 3.2 ม.1/1 รวม 3 มำตรฐำน 4 ตวั ชี้วัด

คำอธบิ ำยรำยวิชำพนื้ ฐำน รหสั วชิ ำ ค 31101 กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 4 รวม 40 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา ความรู้เบือ้ งต้นและสัญลักษณ์พื้นฐานเก่ียวกับเซต ยูเนยี น อินเตอรเ์ ซกซนั และคอมพลเี มนต์ของ เชต ประพจน์และตัวเชอ่ื (นเิ สธ และ หรือ ถา้ ...แลว้ ... ก็ต่อเมื่อ) เลขยกกาลัง รากที่ n ของจานวนจริงเมอ่ื n เป็น จานวนนับทีม่ ากกว่า 1 เลขยกกาลังทม่ี เี ลขช้ีกาลงั เป็นจานวนตรรกยะ โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการศกึ ษาเก่ียวกบั เซต ยเู นียน อนิ เตอร์เซกซัน และคอมพลีเมนต์ และประพจน์ บูรณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด วิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และ กระบวนการสร้างทักษะการฝกึ ปฏบิ ัติผ่านการจัดการเรยี นรู้ตามแนวคดิ Research Based Learning เพ่ือให้ผู้เรียนมีทกั ษะในการสื่อสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณต์ ่างๆมี ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาให้เหตผุ ลทางคณติ ศาสตร์โดยมีขอ้ เท็จจริงทางคณติ ศาสตร์รองรบั ใฝ่เรียนรู้ มีความมุง่ มนั่ ในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใช้ความรทู้ างคณิตศาสตรเ์ ป็นเคร่ืองมือในการเรียนรเู้ น้ือหาตา่ งๆ หรือศาสตร์อืน่ ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ตัวชวี้ ดั ค 1.1 ม.4-6/1 รวม 1 มำตรฐำน 1 ตัวชี้วัด

คำอธิบำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน รหัสวิชำ ค 31102 กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้คู ณติ ศำสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 4 รวม 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา หลักการนับเบื้องต้น หลักการบวกและการคูณ การเรียงสับเปลี่ยนเชิงเส้นกรณีที่สิ่งของแตกต่าง กนั ทงั้ หมด การจดั หมูก่ รณีที่ส่งิ ของแตกตา่ งกันทงั้ หมด ความนา่ จะเป็น การทดลองสมุ่ และเหตุการณ์ ความน่าจะ เป็นของเหตุการณ์ โดยใชก้ ระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นการศึกษาเกี่ยวกับหลักการนบั เบ้อื งตน้ หลกั การบวกและคูณ การ เรียงสับเปล่ียน การจัดหมู่ ความน่าจะเป็น บูรณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างค วามรู้ความ เข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทักษะการฝึกปฏิบัติผ่านการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Research Based Learning เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีทกั ษะในการสื่อสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคดิ แกป้ ัญหาให้เหตุผลทางคณติ ศาสตร์โดยมขี อ้ เท็จจรงิ ทางคณติ ศาสตรร์ องรบั ใฝเ่ รยี นรู้ มคี วามมุง่ ม่ันในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใชค้ วามรู้ทางคณติ ศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรยี นรู้เน้ือหาตา่ งๆ หรอื ศาสตรอ์ น่ื ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ตวั ชวี้ ดั ค 3.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 รวม 1 มำตรฐำน 2 ตัวชี้วัด

คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน รหสั วชิ ำ ค 32101 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ 5 รวม 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษา เลขยกกาลัง รากท่ี n ของจานวนจริงเมื่อ n เป็นจานวนนับที่มากกว่า 1 เลขยกกาลังที่มีเลขช้ี กาลงั เป็นจานวนตรรกยะ เข้าใจและใช้ความรเู้ กยี่ วกับดอกเบ้ยี และมูลค่าของเงินในการแกป้ ญั หา โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการศึกษาเกี่ยวกับเลขยกกาลัง สมบัติของเลขยกกาลัง ดอกเบ้ีย และมูลคา่ ของเงิน บูรณาการรกระบวนการคิดสรา้ งสรรค์ กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการ คิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทกั ษะการฝึกปฏิบัตผิ ่านการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวคิด Research Based Learning เพอื่ ให้ผูเ้ รียนมที ักษะในการสื่อสารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาให้เหตผุ ลทางคณติ ศาสตรโ์ ดยมขี อ้ เท็จจรงิ ทางคณติ ศาสตร์รองรบั ใฝ่เรยี นรู้ มีความมุง่ ม่นั ในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใชค้ วามรทู้ างคณติ ศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรยี นรเู้ นอื้ หาตา่ งๆ หรอื ศาสตร์อืน่ ๆและนาทกั ษะทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ตัวชีว้ ัด ค 1.1 ม.4-6/1 ค 1.3 ม.4-6/1 รวม 2 มำตรฐำน 2 ตวั ช้ีวัด

คำอธบิ ำยรำยวิชำพนื้ ฐำน รหสั วชิ ำ ค 32102 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ช้นั มัธยมศึกษำปีท่ี 5 รวม 40 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา ฟังก์ชันและกราฟของฟังก์ชัน(ฟังก์ชันเชิงเส้น ฟังก์ชันกาลังสองฟังก์ชันขั้นบันได ฟังก์ชันเอกซ์ โพเนนเซยี ล) ลาดับและอนุกรม ลาดบั เลขคณิตและลาดับเรขาคณติ อนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการศึกษาเกี่ยวกับฟังก์ชันและกราฟของฟังก์ชัน ลาดับและ อนกุ รม บูรณาการกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุม่ กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และ กระบวนการสร้างทกั ษะการฝึกปฏบิ ัติผ่านการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวคดิ Research Based Learning เพื่อให้ผู้เรยี นมที กั ษะในการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาให้เหตผุ ลทางคณติ ศาสตร์โดยมีข้อเทจ็ จรงิ ทางคณิตศาสตรร์ องรับ ใฝ่เรยี นรู้ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใช้ความร้ทู างคณติ ศาสตรเ์ ป็นเครื่องมือในการเรียนรเู้ นือ้ หาตา่ งๆ หรอื ศาสตรอ์ ่นื ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตจริง ตวั ชี้วดั ค 1.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 รวม 1 มำตรฐำน 2 ตัวช้ีวัด

คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน รหัสวิชำ ค 33101 กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 6 รวม 40 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา สถิติ ข้อมูล ตาแหน่งที่ของข้อมูล ค่ากลาง (ฐานนิยม มัธยฐาน ค่าเฉล่ียเลขคณิต)ค่ากระจาย (พิสัย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความแปรปรวน)การนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ การแปล ความหมายของคา่ สถิติ โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการทาความเข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการนาเสนอข้อมูล และแปลความหมายของค่าสถิติเพื่อประกอบการตัดสินใจ บูรณาการกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการ แก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้าง ความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทักษะการฝึกปฏิบัติผ่านการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิด Research Based Learning เพอ่ื ให้ผ้เู รยี นมที กั ษะในการส่ือสารและสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคดิ แกป้ ัญหาให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์โดยมีข้อเท็จจรงิ ทางคณิตศาสตร์รองรบั ใฝ่เรยี นรู้ มีความมุ่งม่ันในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใชค้ วามรทู้ างคณิตศาสตร์เป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้เนือ้ หาต่างๆ หรอื ศาสตร์อืน่ ๆและนาทกั ษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในชวี ิตจรงิ ตวั ช้วี ัด ค 3.1 ม.4-6/1 รวม 1 มำตรฐำน 1 ตัวช้ีวัด

รหสั วิชำ ค 31201 คำอธบิ ำยรำยวิชำเพิ่มเติม ชนั้ มัธยมศึกษำปที ี่ 4 กลมุ่ สำระกำรเรียนรูค้ ณิตศำสตร์ รวม 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษา ความรู้เบ้อื งต้นและสัญลักษณ์พ้ืนฐานเก่ียวกับเซต ยูเนยี น อินเตอร์เซกซนั และคอมพลีเมนตข์ อง เชต ประพจน์และตวั เชื่อม ประโยคท่ีมีตัวบง่ ปรมิ าณตัวเดียว การอ้างเหตุผล จานวนจริงและพหนุ าม จานวนจริง และสมบัติของจานวนจริง ค่าสัมบูรณ์ของจานวนจรงิ และสมบัตขิ องค่าสัมบูรณ์ของจานวนจริง จานวนจริงในรูป กรณฑ์และจานวนจริงในรูปเลขยกกาลัง จานวนจริงและพหุนาม ตัวประกอบของพหุนาม สมการและอสมการ พหุนาม สมการและอสมการพหุนาม สมการและอสมการเศษส่วนของพหุนาม สมการและอสมการค่าสัมบูรณ์ ของพหุนาม สมการเอกซ์โพเนนเซียลและสมการลิการิทึม โดยใช้กระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นการศกึ ษาเกี่ยวกับ เซต ยเู นียน อินเตอรเ์ ซกซัน และคอมพลีเมนต์ และประพจน์ การแบกตัวประกอบพหุนาม บูรณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความ เข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทักษะการฝึกปฏิบัติผ่านการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Research Based Learning เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนมีทักษะในการสื่อสารและส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคิดแกป้ ัญหาให้เหตผุ ลทางคณิตศาสตร์โดยมขี ้อเทจ็ จริงทางคณิตศาสตร์รองรบั ใฝ่เรยี นรู้ มี ความมุ่งมนั่ ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตรเ์ ป็นเครือ่ งมือในการเรียนรู้เนอื้ หาต่างๆหรือ ศาสตร์อื่นๆและนาทักษะทางคณติ ศาสตร์ไปใช้ในชีวติ จริง ตวั ช้วี ดั ค 1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3 ค 1.3 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4 รวม 2 มำตรฐำน 7 ตวั ช้ีวัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพิ่มเติม รหสั วชิ ำ ค 31202 กลุ่มสำระกำรเรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ 4 รวม 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษา การบวก การลบ การคูณ การหารฟังก์ชัน ฟังก์ชันประกอบ ฟังก์ชันผกผัน ฟังก์ชันเอกซ์โพเนน เชยี ล ฟงั กช์ ันลอการทิ ึม โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์บวก ลบ คูณ หารฟังก์ชัน บูรณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทักษะการฝึกปฏิบัติผ่าน การจดั การเรยี นรตู้ ามแนวคดิ Research Based Learning เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นมีทักษะในการส่ือสารและสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆมี ความสามารถในการคิดแกป้ ัญหาให้เหตุผลทางคณติ ศาสตรโ์ ดยมขี ้อเท็จจริงทางคณิตศาสตรร์ องรับ ใฝ่เรียนรู้ มี ความมุ่งม่ันในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เปน็ เครื่องมือในการเรียนรู้เนือ้ หาตา่ งๆหรือ ศาสตรอ์ ่นื ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในชวี ิตจรงิ ตวั ชี้วัด ค 1.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 รวม 1 มำตรฐำน 3 ตวั ช้ีวัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ รหัสวชิ ำ ค 32201 กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 5 รวม 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา เลขยกกาลัง รากที่ n ของจานวนจริงเม่ือ n เป็นจานวนนับที่มากกว่า 1 เลขยกกาลังที่มีเลขช้ี กาลงั เป็นจานวนตรรกยะ เขา้ ใจและใชค้ วามรูเ้ ก่ียวกับดอกเบ้ยี และมูลค่าของเงินในการแก้ปัญหา โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการศึกษาเก่ียวกับเลขยกกาลัง สมบัติของเลขยกกาลัง ดอกเบี้ย และมลู คา่ ของเงนิ บูรณาการรกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการกลุม่ กระบวนการ คิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสรา้ งทกั ษะการฝกึ ปฏบิ ตั ผิ า่ นการจดั การเรียนร้ตู ามแนวคิด Research Based Learning เพือ่ ใหผ้ ้เู รียนมที กั ษะในการสื่อสารและส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาใหเ้ หตผุ ลทางคณิตศาสตรโ์ ดยมขี อ้ เท็จจรงิ ทางคณิตศาสตรร์ องรบั ใฝเ่ รียนรู้ มี ความมุ่งมั่นในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เปน็ เคร่ืองมอื ในการเรียนรเู้ น้อื หาต่างๆหรือ ศาสตร์อ่ืนๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในชีวิตจริง ตวั ชีว้ ัด ค 1.1 ม.4-6/1 ค 1.3 ม.4-6/1 รวม 2 มำตรฐำน 2 ตัวช้ีวัด

รหสั วิชำ ค 32202 คำอธิบำยรำยวชิ ำเพิ่มเติม ชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 5 กลุม่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ รวม 40 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษา ฟังก์ชันและกราฟของฟังก์ชัน(ฟังก์ชันเชิงเส้น ฟังก์ชันกาลังสองฟังก์ชันขั้นบันได ฟังก์ชันเอกซ์ โพเนนเซยี ล) ลาดับและอนุกรม ลาดับเลขคณิตและลาดับเรขาคณิต อนุกรมเลขคณิตและอนกุ รมเรขาคณติ โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการศึกษาเกี่ยวกับฟังก์ชันและกราฟของฟังก์ชัน ลาดับและ อนุกรม บูรณาการกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการแกป้ ญั หา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวเิ คราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และ กระบวนการสรา้ งทักษะการฝกึ ปฏิบตั ผิ า่ นการจดั การเรยี นรูต้ ามแนวคดิ Research Based Learning เพือ่ ให้ผเู้ รยี นมีทกั ษะในการส่ือสารและสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆมี ความสามารถในการคดิ แก้ปัญหาใหเ้ หตผุ ลทางคณิตศาสตรโ์ ดยมีข้อเทจ็ จรงิ ทางคณติ ศาสตรร์ องรบั ใฝเ่ รยี นรู้ มีความมงุ่ ม่นั ในการทางานทางคณติ ศาสตร์ ใช้ความร้ทู างคณติ ศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรยี นรเู้ นอื้ หาตา่ งๆ หรอื ศาสตร์อนื่ ๆและนาทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ตวั ช้ีวัด ค 1.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 รวม 1 มำตรฐำน 2 ตัวชี้วัด

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม รหัสวชิ ำ ค 33201 กล่มุ สำระกำรเรยี นร้คู ณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ี่ 6 รวม 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษา สถิติ ข้อมูล ตาแหน่งที่ของข้อมูล ค่ากลาง (ฐานนิยม มัธยฐาน ค่าเฉล่ียเลขคณิต)ค่ากระจาย (พิสัย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความแปรปรวน)การนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ การแปล ความหมายของค่าสถติ ิ โดยใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการทาความเข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการนาเสนอข้อมูล และแปลความหมายของค่าสถิติเพื่อประกอบการตัดสินใจ บูรณาการกระบวนการคิดสร้างสรรค์ กระบวนการ แก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสร้าง ความรู้ความเข้าใจ การให้เหตุผลอิงหลักการ และกระบวนการสร้างทักษะการฝึกปฏิบัติผ่านการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคดิ Research Based Learning เพื่อใหผ้ ู้เรียนมีทักษะในการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ในสถานการณ์ตา่ งๆมี ความสามารถในการคดิ แก้ปัญหาให้เหตุผลทางคณติ ศาสตรโ์ ดยมขี อ้ เทจ็ จริงทางคณติ ศาสตร์รองรับ ใฝ่เรียนรู้ มี ความม่งุ มน่ั ในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เปน็ เครื่องมือในการเรียนรู้เนื้อหาต่างๆหรือ ศาสตร์อน่ื ๆและนาทักษะทางคณติ ศาสตร์ไปใช้ในชีวิตจรงิ ตวั ช้ีวัด ค 3.1 ม.4-6/1 รวม 1 มำตรฐำน 1 ตัวชี้วัด

คำอธบิ ำยรำยวิชำพ้ืนฐำน รหสั วชิ ำ ว11101 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ 1 เวลำเรียน 80 ชั่วโมง ศึกษาคน้ คว้าเก่ยี วกบั ชอื่ พืชและสัตว์ท่ีอาศยั อยบู่ รเิ วณต่างๆ สภาพแวดล้อม บอกสภาพแวดลอ้ มที่ เหมาะสมกับการดารงชวี ติ ของสตั วใ์ นบริเวณทอ่ี าศยั อยู่ ระบุชื่อบรรยายลกั ษณะและบอกหน้าทีข่ องสว่ นตา่ งๆ ของร่ายกายมนุษย์สตั ว์และพืชรวมทง้ั บรรยายการทาหน้าที่รว่ มกนั ของส่วนตา่ งๆ ของร่างกายมนุษยใ์ นการทา กจิ กรรมตา่ งๆ ความสาคัญของส่วนตา่ งๆ ของร่างกายตนเอง โดยการดแู ลสว่ นต่างๆ อยา่ งถูกต้องปลอดภยั และ รักษาความสะอาดอยู่เสมอ สมบัตทิ ีส่ งั เกตได้ของวสั ดุ ทใ่ี ช้ทาวัตถทุ ที่ าจากวัสดุ ชนิดเดยี วหรอื หลายชนดิ ประกอบกนั โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ ชนิดของวสั ดุ และจัดกลุม่ วัสดุตามสมบตั ิทีส่ งั เกต การเกดิ เสยี งและทิศ ทางการเคล่อื นที่ของเสยี งจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ดาวที่ปรากฏบนทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวันและกลางคนื จาก ขอ้ มลู ทีร่ วบรวม สาเหตทุ ี่มองไมเ่ ห็นดาวส่วนใหญใ่ นเวลากลางวันจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ลักษณะภายนอก ของหนิ จากลักษณะเฉพาะตัวทส่ี งั เกต ปัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้การลองผดิ ลองถูก การเปรยี บเทยี บ ลาดบั ข้นั ตอน การทางานหรือการแก้ปญั หาอย่างงา่ ยโดยใชภ้ าพ สญั ลักษณ์หรอื ข้อความ โปรแกรมอย่างงา่ ยโดยใช้โดยใช้ ซอฟต์แวร์ หรือสอ่ื เทคโนโลยีหรอื การสร้าง จัดเก็บเรยี กใช้ข้อมูลตามวตั ถุประสงค์ เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ปลอดภัย ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในการใช้คอมพวิ เตอรร์ ว่ มกนั ดูแลรักษาอุปกรณ์เบือ้ งต้นใช้งานอยา่ งเหมาะสม โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการระบุ บอก ตระหนกั บรรยาย อธิบาย สรา้ งแบบจาลอง เปรยี บเทยี บ ทดลอง การแก้ปญั หาโดยการลองผดิ ลองถูก เขยี นโปรแกรม ใช้เทคโนโลยีในการสรา้ ง จดั เกบ็ ขอ้ มูล บรู ณาการกระบวนการวิเคราะห์ กระบวนการสบื เสาะ กระบวนการกลมุ่ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการคิดวเิ คราะหผ์ ่านกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด Active Learning เพอ่ื ให้ผ้เู รยี นตระหนกั ถึงความสัมพันธ์ระหว่างวทิ ยาศาสตร์กบั สภาพแวดลอ้ ม เป็นผูท้ มี่ ีจิตวทิ ยาศาสตร์ มีความมุ่งม่ัน และใฝ่เรียนรใู้ นเชงิ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ ง สร้างสรรค์ ตวั ชว้ี ดั ว 1.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 1.2 ป.1/1, ป.1/2 ว 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 ว 3.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 3.2 ป.1/1 ว 4.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 7 มำตรฐำน 15 ตัวชวี้ ัด

คำอธิบำยรำยวชิ ำพื้นฐำน รหัสวิชำ ว12101 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ 2 เวลำเรียน 80 ชั่วโมง ศึกษาพชื ตอ้ งการแสงและน้าเพ่ือการเจริญเติบโตโดยใช้ข้อมูลจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ ความจาเปน็ ท่ี พืชต้องได้รบั น้าและแสงเพอ่ื การเจรญิ เติบโต โดยดแู ลพืชใหไ้ ดร้ ับส่ิงดงั กลา่ วอย่างเหมาะสม การสรา้ งแบบจาลอง ทบ่ี รรยายวัฏจกั รชวี ิตของพชื ดอก ลกั ษณะของสิ่งมีชีวติ และส่งิ ไม่มชี วี ติ จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ สมบตั ิการดูดซบั น้าของวัสดโุ ดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ การนาสมบัติการดูดซับนา้ ของวัสดไุ ปประยกุ ต์ใช้ในการทาวตั ถุใน ชวี ิตประจาวัน สมบตั ทิ ่สี ังเกตไดข้ องวสั ดุ การนาวสั ดทุ ใ่ี ช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ประโยชนข์ องการนาวสั ดทุ ่ีใชแ้ ลว้ กลับมาใช้ใหม่ แนวการเคลอื่ นทีข่ องแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง การมองเห็นของวัตถุ คุณคา่ ของความรู้ของการ มองเห็น การปอ้ งกันอนั ตรายจากการมองวตั ถุทอ่ี ยู่ในบรเิ วณที่มแี สงสวา่ งไม่เหมาะสม ส่วนประกอบของดนิ การ จาแนกชนดิ ของดนิ โดยลกั ษณะเนื้อดินและการจับตัวเป็นเกณฑ์ การใช้ประโยชน์จากดนิ ขน้ั ตอนการทางานหรือ การแก้ปัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือข้อความ การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ยโดยใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม เทคโนโลยใี นการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ คน้ หา จดั เก็บ เรียกใชข้ อ้ มลู ตาม วัตถปุ ระสงค์ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั การปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์รว่ มกนั การดแู ลรักษาอปุ กรณเ์ บ้ืองต้น โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการสรา้ งแบบจาลอง เปรียบเทียบ ข้อมูลอธบิ ายสมบตั ิทส่ี งั เกตได้ เขยี นโปรแกรมและตรวจหาข้อผิดพลาด ใชเ้ ทคโนโลยีในการสร้าง หมวดหมู่ คน้ หาและจัดเก็บ บูรณาการ กระบวนการวเิ คราะห์ กระบวนการสืบเสาะ กระบวนการกลุ่ม ผา่ นกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามแนวคดิ Active Learning เพือ่ ให้ผูเ้ รียนแสดงความกระตอื รอื ร้น สนใจทจ่ี ะเรียนรู้ มีค่ วามคดิ สรา้ งสรรค์ เกีย่ วกบั เร่ืองที่ศกึ ษาตาม คุณลกั ษณะของผู้มจี ิตวิทยาศาสตร์ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ประโยชน์ใน ชวี ิตประจาวนั ตัวชว้ี ัด ว 1.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ว 1.3 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ว 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ว 2.3 ป.2/1 ป.2/2 ว 3.2 ป.2/1 ป 2/2 ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 6 มำตรฐำน 19 ตัวชวี้ ัด

คำอธิบำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน รหสั วชิ ำ ว13101 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 3 เวลำเรียน 80 ช่ัวโมง ศกึ ษาส่งิ ท่จี าเปน็ ต่อการดารงชีวิตและการเจรญิ เติบโตของมนุษย์และสัตว์โดยใช้ข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ ประโยชนข์ องอาหารนา้ และอากาศโดยการดแู ลตนเองและสตั ว์ใหไ้ ด้รับส่งิ เหลา่ นี้อยา่ งเหมาะสม แบบจาลองท่ี บรรยายวัฏจักรชีวติ ของสตั วแ์ ละเปรียบเทยี บวัฏจักรชวี ิตของสัตว์บางชนิด คุณค่าของชวี ติ สัตว์โดยไมท่ าใหว้ ฏั จกั รชีวิตของสัตว์เปล่ยี นแปลง วตั ถปุ ระกอบขน้ึ จากชนิ้ ส่วนยอ่ ยๆ ซงึ่ สามารถแยกออกจากกันได้และประกอบกัน เปน็ วตั ถุชน้ิ ใหมไ่ ด้ การเปลีย่ นแปลงของวัสดุเมื่อทาให้ร้อนข้นึ หรอื เยน็ ลง ผลของแรงที่มีตอ่ การเปลย่ี นแปลงการ เคลื่อนท่ีของวตั ถุ การเปรยี บเทียบและยกตวั อย่างแรงสัมผัสและแรงไมส่ มั ผัสที่มผี ลต่อการเคลอ่ื นที่ของวัตถุ การ จาแนกวตั ถโุ ดยใชก้ ารดึงดูดกับแม่เหล็กเป็นเกณฑ์ การระบุขวั้ แมเ่ หลก็ และพยากรณ์ผลที่เกดิ ขึ้นระหวา่ ง ขวั้ แม่เหลก็ เม่ือนามาเขา้ ใกล้กัน การเปลีย่ นพลงั งานหนึง่ ไปเปน็ อีกพลงั งานหน่งึ การทางานของเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟ้า แหล่งพลังงานในการผลติ ไฟฟา้ ประโยชน์และโทษของไฟฟา้ วธิ ีการใชไ้ ฟฟ้าอย่างประหยดั และปลอดภัย แบบรปู เส้นทางการขึน้ และตกของดวงอาทิตย์ สาเหตขุ องการเกิดปรากฏการณ์การข้นึ และตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคนื และการกาหนดทศิ โดยใชแ้ บบจาลอง ความสาคัญของดวงอาทิตย์ ประโยชนข์ องดวง อาทติ ย์ต่อสิ่งมชี ีวิต ส่วนประกอบของอากาศ ความสาคญั ของอากาศ การลดการเกิดมลพิษในอากาศ การเกิดลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม อลั กอรทิ ึมในการทางาน การแก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรือข้อความ การเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟตแ์ วร์หรือส่อื และตรวจหา ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม การใชอ้ ินเตอรเ์ น็ตคน้ หาความรู้ การรวบรวม ประมวลผล และนาเสนอข้อมลู โดยใช้ ซอฟต์แวรต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ขอ้ ตกลงในการใชอ้ นิ เตอร์เนต็ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการสรา้ งแบบจาลอง อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงของวตั ถุ ระบผุ ล ของแรง เปรียบเทยี บและยกตัวอยา่ ง จาแนกวัตถุ บรรยายการทางาน อธิบายสาเหตุต่างๆ จากแบบจาลอง แสดงอัลกอรทิ มึ ในการทางาน เขียนโปรแกรมและตรวจหาข้อผดิ พลาด ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ บูรณาการ กระวนการคิด วเิ คราะห์ กระบวนการสบื เสาะ กระบวนการกลุ่ม ผ่านการจดั การเรยี นรู้ตามแนวคดิ Active Learning เพือ่ ให้ผ้เู รียนตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องการใช้ความรแู้ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดารงชวี ิต ศึกษาหาความรู้เพม่ิ เติมสาหรับทาโครงงานหรือชิน้ งานตามความสนใจดว้ ยความม่งุ มั่น รอบคอบ ประหยัด ซือ่ สัตยแ์ ละทางานรว่ มกับผู้อ่ืนอย่างมีความสขุ ตัวชี้วัด ว1.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว.2.1 ป.3/1 ป.3/2 ว.2.2 ป.3/1ป.3/2 ป.3/3 ป3/4 ว.2.3 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว.3/1 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว.3.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว.4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5 7 มำตรฐำน 25 ตัวช้วี ัด

คำอธิบำยรำยวิชำพื้นฐำน รหสั วชิ ำ ว14101 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 4 เวลำเรยี น 80 ช่ัวโมง ศกึ ษาหนา้ ที่ของราก ลาต้น ใบและดอกของพชื ดอก โดยใชข้ ้อมลู ทรี่ วบรวมได้ จาแนกสงิ่ มีชวี ิตโดยใช้ ความเหมอื นและความแตกต่างของลกั ษณะของสงิ่ มชี วี ติ ออกเป็นกลมุ่ พืช กลุ่มสตั ว์ และกล่มุ ท่ไี มใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ จาแนกพืชออกเปน็ พืชดอกและพืชไมม่ ีดอกโดยใชก้ ารมดี อกเป็นเกณฑ์โดยใช้ขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้ จาแนกสัตว์ ออกเป็นสตั ว์ท่ีมีกระดูกสนั หลังและสตั ว์ไม่มกี ระดกู สนั หลังเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ ลักษณะเฉพาะท่ี สังเกตได้ของสัตว์ มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุม่ สตั ว์สะเทินนา้ สะเทนิ บก กลมุ่ สัตวเ์ ลือ้ ยคลาน กล่มุ นก และ กล่มุ สตั วเ์ ลี้ยงลูกดว้ ยนม และยกตวั อยา่ งสิ่งมชี วี ติ ในแตล่ ะกล่มุ สมบตั ทิ างกายภาพด้านความแขง็ สภาพยดื หยุน่ การนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของวัสดุ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษจ์ ากการทดลองและระบุการนาสมบัติ เรอ่ื งความแข็ง สภาพยดื หย่นุ การนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของวสั ดุไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันผา่ นกระบวนการ ออกแบบชิน้ งาน สมบัติทางกายภาพของวัสดอุ ย่างมเี หตผุ ลจากการทดลอง สมบตั ิของสสารท้งั 3 สถานะจาก ข้อมูลที่ได้จากการสงั เกตมวลการตอ้ งการที่อยูร่ ปู รา่ งและปรมิ าตรของสสาร ใชเ้ ครอ่ื งมือเพอ่ื วัดมวลและปรมิ าตร ของสสารทง้ั 3 สถานะ ผลของแรงโน้มถว่ งท่ีมตี ่อวัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ การใชเ้ ครอื่ งช่ังสปริงในการชัง่ นา้ หนกั ของวตั ถุ มวลของวัตถุทม่ี ผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นท่ีของวัตถุทม่ี ีหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ การ จาแนกวัตถุเปน็ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปรง่ แสง และวตั ถุทบึ แสงจากลักษณะการมองเห็นส่ิงตา่ งๆ ผ่านวัตถนุ น้ั เป็นเกณฑ์โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ แบบรปู เสน้ ทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ การสร้างแบบจาลองที่อธบิ ายแบบรปู การเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณร์ ูปรา่ งปรากฏ ของดวงจนั ทร์ การสรา้ งแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ เปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาว เคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจาลอง การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ ผลลพั ธจ์ ากปัญหาอย่างงา่ ย การออกแบบ การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสอ่ื และตรวจหา ขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไข การใช้อินเตอร์เน็ตคน้ หาความรแู้ ละประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูล การรวบรวม ประเมนิ นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศโดยใชซ้ อฟต์แวร์ที่หลากหลายเพ่ือแกป้ ัญหาในชวี ิตประจาวนั การใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสิทธแิ ละหน้าที่ของตนเคารพในสิทธิของผู้อ่ืน โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการบรรยายลักษณะเฉพาะ เปรยี บเทียบสมบัตทิ างกายภาพ แลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ จาแนกวัตถุ สร้างแบบจาลอง ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ แกป้ ัญหา ออกแบบการเขยี นโปรแกรม ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมลู จากอนิ เทอรเ์ น็ต ใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ บรู ณาการกระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการสบื เสาะ กระบวนการกลุ่ม ผ่านการจัดการเรยี นรู้ ความแนวคดิ Active Learning เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นแสดงความรบั ผิดชอบด้วยการทางานท่ีไดร้ บั มอบหมายอยา่ งรอบคอบ ประหยัด ซ่อื สตั ย์ จนงานลุลว่ งเปน็ ผลสาเรจ็ แสดงความคิดเป็นของตนเอง ยอมรับในขอ้ มูลทมี่ หี ลกั ฐานอา้ งองิ และทางานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ ตัวชว้ี ัด ว. 1.2 ป.4/1 ว. 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ว. 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ว. 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ว. 2.3 ป.4/1 ว. 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ว. 4.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5 7 มำตรฐำน 21 ตัวชี้วดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน รหสั วิชำ ว15101 กลุม่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี 5 เวลำเรียน 80 ช่วั โมง ศึกษาโครงสรา้ งและลักษณะของสงิ่ มีชีวิตทเ่ี หมาะสมกบั การดารงชีวิต ซึง่ เป็นผลมาจากกา ปรับตวั ของส่งิ มีชวี ิตในแตล่ ะแหลง่ ที่อยู่ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสงิ่ มชี ีวติ กับสิง่ มีชวี ิต และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สิ่งมีชีวิตกับส่งิ ไม่มีชีวิตเพื่อประโยชนต์ ่อการดารงชวี ิต โซอ่ าหาร บทบาทหนา้ ที่ของสิง่ มชี วี ติ ท่ีเป็นผผู้ ลติ และ ผูบ้ ริโภคในโซอ่ าหาร คุณค่าของส่งิ แวดลอ้ มที่มีต่อการดารงชวี ิตของสิง่ มีชวี ติ การดูแลรกั ษาสง่ิ แวดล้อม ลกั ษณะ ทางพนั ธกุ รรมทมี่ ีการถา่ ยทอดจากพ่อแมส่ ู่ลูกของพืช สตั ว์ และมนษุ ย์ ลกั ษณะที่คล้ายคลงึ กนั ของตนกบั พ่อแม่ การเปลย่ี นสถานะของสสารเมื่อทาใหส้ สารรอ้ นขึ้นหรือเย็นลง การละลายของสารในน้า การเปลี่ยนแปลงของ สารเมือ่ เกิดการเปลีย่ นแปลงทางเคมี การเปลย่ี นแปลงที่ผันกลับไดแ้ ละการเปล่ยี นแปลงทผี่ นั กลับไมไ่ ด้ วิธีการหา แรงลพั ธข์ องแรงหลายแรงในแนวเดยี วกนั ทก่ี ระทาต่อวัตถใุ นกรณีท่ีวตั ถุหยดุ นิ่ง การเขยี นแผนภาพแสดงแรงที่ กระทาต่อวัตถุทอ่ี ยู่ในแนวเดยี วกัน และแรงลพั ธ์ท่ีกระทาต่อวตั ถุ การใช้เครื่องช่ังสปรงิ ในการวัดแรงท่ีกระทาตอ่ วตั ถุ ผลของแรงเสียดทานที่มีตอ่ การเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนที่ของวตั ถุ การเขยี นแผนภาพแสดงแรงเสียดทาน และแรงที่อยูใ่ นแนวเดยี วกนั ท่ีกระทาตอ่ วตั ถุ การได้ยินเสียงผา่ นตัวกลาง ตวั แปร ทดลอง และลกั ษณะการเกิด เสยี งสงู เสยี งต่า ลักษณะและการเกดิ เสียงดัง เสยี งค่อย วดั ระดับเสียงโดยใชเ้ คร่ืองมือวดั ระดบั เสยี ง ระดับเสียง แนวทางในการหลีกเลีย่ งและลดมลพิษทางเสียง ความแตกตา่ งของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ แบบจาลอง การใช้ แผนท่ีดาวระบตุ าแหนง่ และเสน้ ทางการข้นึ และตกของกลุ่มดาวฤกษบ์ นท้องฟ้า แบบรปู เสน้ ทางการขนึ้ และตก ของกลุ่มดาวฤกษบ์ นท้องฟ้าในรอบปี ปรมิ าณน้าในแตล่ ะแหลง่ ปรมิ าณน้าทมี่ นุษย์นามาใช้ประโยชน์ได้ คณุ คา่ ของนา้ การใชน้ า้ อย่างประหยัดและการอนุรกั ษ์น้า แบบจาลองที่อธิบายการหมนุ เวียนของน้าในวฏั จักรนา้ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง และนา้ ค้างแข็ง แบบจาลอง กระบวนการเกิดฝน หมิ ะ และลูกเห็บ การใช้ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ การแก้ปัญหา การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหา การออกแบบและเขียน โปรแกรมทม่ี ีการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไข โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการบรรยายโครงสร้าง อธบิ ายความสมั พนั ธ์ วิเคราะหการ เปล่ยี นแปลง เขียนแผนภาพ ใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ระบุตวั แปรทดลอง ออกแบบการทดลอง ใช้แผนที่ดาว สร้างแบบจาลองใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มกี ารใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลจากอนิ เตอรเ์ นต็ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ บูรณาการกระบวนการวเิ คราะห์ กระบวนการสืบเสาะ กระบวนการกลุ่ม ผา่ นการจดั การเรยี นร้ตู ามแนวคดิ Active Learning เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นแสดงความม่งุ มั่น ในใจท่ีจะเรียนรู้ มีความคดิ สร้างสรรค์เก่ยี วกบั เรื่องทจี่ ะศึกษาโดย ตระหนักในคณุ คา่ ของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยใี ชค้ วามรูแ้ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการ ดารงชีวิต แสดงความชน่ื ชมยกย่องและเคารพสทิ ธใิ์ นผลงานของผคู้ ิดค้นและศึกษาหาความรเู้ พมิ่ เติมด้วยการทา โครงงานหรอื ช้นิ งานตามความสนใจ ตวั ชว้ี ดั ว.1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ว.1.3 ป.5/1 ป.5/2 ว.2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ว. 2.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว.2.3 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว.3.1 ป.5/1 ป.5/2 ว.3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว.4.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 8 มำตรฐำน 32 ตัวช้ีวดั

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน รหัสวิชำ ว16101 กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ 6 เวลำเรียน 80 ชั่วโมง ศกึ ษาสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารทตี่ นเองรบั ประทาน การ เลอื กรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถว้ นในสดั สว่ นที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งความปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ ความสาคัญของสารอาหาร โดยการเลอื กรับประทานอาหารที่มสี ารอาหารครบถ้วนในสดั สว่ นท่ี เหมาะสมกับเพศและวยั รวมท้งั ปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ การสรา้ งแบบจาลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหนา้ ที่ ของอวยั วะในระบบย่อยอาหาร รวมทง้ั อธบิ ายการย่อยอาหารและการดูดซมึ สารอาหาร ความสาคญั ของระบบ ยอ่ ยอาหารโดยบอกแนวทางในการดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบย่อยอาหารให้ทางานเปน็ ปกติ การแยกสารผสมโดย การหยบิ ออก การร่อน การใชแ้ มเ่ หลก็ ดึงดูด การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลกั ฐานเชิง ประจกั ษ์ รวมทั้งระบวุ ธิ แี ก้ปัญหาในชวี ติ ประจาวันเกย่ี วกับการแยกสาร การเกดิ และผลของแรงไฟฟา้ ซ่ึงเกดิ จาก วัตถุทผี่ ่านการขัดถู โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ สว่ นประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละสว่ นประกอบของ วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลักฐานเชิงประจักษ์ แผนภาพและตอ่ วงจรไฟฟ้าอยา่ งา่ ย การออกแบบการทดลองและ การทดลองด้วยวธิ ีทเี่ หมาะสมในการอธิบายวิธีการและผลการต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรม ประโยชน์ของความรู้ ของการตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนกุ รม โดยบอกประโยชน์และการประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั การออกแบบการ ทดลองและทดลองดว้ ยวิธที ี่เหมาะสมในการอธบิ ายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน ประโยชน์ของ ความรูข้ องการต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนานโดยบอกประโยชน์ ขอ้ จากัด และการประยุกต์ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน การเกดิ เงามืดเงามวั จากหลักฐานเชิงประจักษ์ แผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามวั การสรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ ายการเกิดและเปรียบเทียบปรากฏการณ์สรุ ยิ ปุ ราคาและจันทรปุ ราคา พฒั นาการของ เทคโนโลยีอวกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน จากขอ้ มูลท่ีรวบรวม ได้ การเกิดหินอัคนี หนิ ตะกอน และหินแปร และอธิบายวฏั จักรหนิ จากแบบจาลอง ประโยชนข์ องหินและแรใ่ น ชีวิตประจาวนั จากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ การเกิดซากดกึ ดาบรรพแ์ ละคาดคะเนสภาพแวดล้อมในอดตี ของซากดึกดา บรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทงั้ อธิบายผลท่มี ตี ่อส่ิงมีชีวิตและสงิ่ แวดล้อมจากแบบจาลอง ผล ของมรสุมตอ่ การเกิดฤดูของประเทศไทยจากข้อมลู ท่รี วบรวมได้ ลักษณะและผลกระทบของน้าท่วม การกดั เซาะ ชายฝัง่ ดินถลม่ แผน่ ดนิ ไหว สึนามิ ผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพบิ ัตภิ ยั โดยนาเสนอแนวทางในการเฝ้า ระวังและปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภัยจากภยั ธรรมชาติและธรณีพิบัตภิ ัยทีอ่ าจเกิดในท้องถน่ิ การสรา้ งแบบจาลองที่ อธบิ ายการเกดิ ปรากฎการณ์เรอื นกระจก และผลของปรากฏการเรอื นกระจกต่อส่ิงมชี ีวิต ผลกระทบ ปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยนาเสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนเพ่อื ลดกจิ กรรมท่ีก่อให้เกดิ แก๊สเรอื นกระจก การใช้ เหตผุ ลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหาทีพ่ บในชีวติ ประจาวนั การออกแบบและเขียน โปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพื่อแก้ปัญหาในชวี ิตประจาวัน ตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแก้ไข การใช้ อินเตอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสทิ ธภิ าพ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทางานร่วมกนั อย่างปลอดภัย เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของตน เคารพในสทิ ธิของผู้อ่นื แจ้งผู้เกยี่ วขอ้ งเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการบอกแนวทางในการเลอื ก อธิบาย เปรียบเทียบ เขียน แผนภาพ ต่อวงจร ออกแบบการทดลอง ทดลอง สรา้ งแบบจาลอง อธิบายพฒั นาการ อธิบายผลทเ่ี กดิ จากข้อมูล ทร่ี วบรวม บรรยายลักษณะและผลกระทบ ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ ออกแบบและเขยี นโปรแกรม ใช้อนิ เทอรเ์ น็ต และเทคโนโลยสี ารสนเทศดว้ ยความเข้าใจในสทิ ธแิ ละหน้าที่ บูรณาการกระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการ สืบเสาะ กระบวนการกลุม่ ผ่านการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวคิด Active Learning เพ่อื ให้ผเู้ รยี น ซาบซง้ึ ห่วงใย ดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม อย่างรู้คุณค่า นาความรู้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดารงชีวติ เคารพสิทธิและหน้าท่ขี องตนเองและของผู้อืน่ ในการทางาน ร่วมกับผู้อน่ื อย่างสร้างสรรค์ เหน็ คณุ ค่าของการนาความรไู้ ปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน ทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ อย่างสรา้ งสรรค์

มำตรฐำน/ตัวชี้วดั ว 1.2 ป.6/1, ป.6/2 ,ป.6/3 ,ป.6/4 ,ป.6/5 ว 2.1 ป.6/1 ว 2.2 ป.6/1 ว 2.3 ป.6/1, ป.6/2 ,ป.6/3 ,ป.6/4 ,ป.6/5 ,ป.6/6 ,ป.6/7 ,ป.6/8 ว 3.1 ป.6/1 ,ป.6/2 ว 3.2 ป6/1, ป.6/2, ป.6/3 ,ป.6/4 ,ป.6/5 ,ป.6/6 ,ป.6/7 ,ป.6/8 ,ป.6/9 ว 4.2 ป6/1 ,ป.6/2 ,ป.6/3 ,ป.6/4 รวม 7 มำตรฐำน 30 ตัวช้ีวัด

รหสั วชิ ำ ว22101 คำอธบิ ำยรำยวิชำพนื้ ฐำน กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษำปีที่ 1 เวลำเรียน 120 ช่ัวโมง จำนวน 3.0 หน่วยกิต ศึกษาการเปรียบเทียบรปู รา่ ง ลักษณะ และโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ หน้าที่ของผนงั เซลล์ เย่อื หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซมึ นวิ เคลียส แวควิ โอล ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ กล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง ศกึ ษา เซลล์และโครงสรา้ งต่างๆ ภายในเซลล์ ความสัมพันธ์ระหว่างรูปรา่ งกบั การทาหนา้ ท่ขี องเซลล์ การจดั ระบบของ สิง่ มชี ีวิต โดยเร่ิมจากเซลล์ เนอ้ื เยอ่ื อวัยวะ ระบบอวยั วะ จนเป็นสิง่ มีชีวติ กระบวนการแพรแ่ ละออสโมซิส การ แพร่และออสโมซสิ ในชีวติ ประจาวัน ปัจจยั ทจ่ี าเป็นในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงและผลผลติ ทีเ่ กิดขน้ึ จากการ สงั เคราะห์ด้วยแสง ความสาคัญของการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืชตอ่ สงิ่ มชี ีวติ และส่ิงแวดล้อม คณุ ค่าของพืชท่ีมี ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม การรว่ มกนั ปลกู และดแู ลรกั ษาตน้ ไมใ้ นโรงเรียนและชมุ ชน ลักษณะและหนา้ ทีข่ องไซ เล็มและโฟลเอม็ ทศิ ทางการลาเลียงสารในไซเลม็ และโฟลเอ็มของพืช การสืบพนั ธแุ์ บบอาศยั เพศและไม่อาศัย เพศของพืชดอก ลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกทม่ี สี ว่ นทาให้เกิดการถา่ ยเรณู การปฏสิ นธิของพชื ดอก การเกดิ ผล และเมลด็ การกระจายเมล็ดและการงอกของเมล็ด ความสาคญั ของสตั วท์ ชี่ ว่ ยในการถ่ายเรณขู องพืชดอก โดย การไม่ทาลายชีวติ ของสัตวท์ ีช่ ่วยในการถ่ายเรณู ความสาคัญของธาตุอาหารบางชนดิ ท่ีมีผลตอ่ การเจริญเติบโต และการดารงชวี ิตของพชื การเลอื กใช้ปยุ๋ ท่ีมธี าตอุ าหารเหมาะสมกับพชื การเลือกวธิ ีการขยายพนั ธ์ุพชื ให้ เหมาะสมกบั ความต้องการของมนุษย์ การสืบพนั ธขุ์ องพืช ความสาคัญของเทคโนโลยี การเพาะเลี้ยงเนือ้ เยื่อใน การใชป้ ระโยชน์ดา้ นตา่ งๆ ประโยชนข์ องการขยายพนั ธ์ุพชื สมบัตทิ างกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ การจดั กลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะและก่ึงโลหะ การวิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะและธาตุกัมมันตรงั สีทีม่ ีต่อส่งิ มีชีวติ สิ่งแวดลอ้ ม เศรษฐกิจและสังคม คุณค่าของการใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตกุ มั มนั ตรังสี การใช้ธาตุอยา่ งปลอดภยั คุ้มค่า การเปรียบเทยี บจดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธ์ิ และสารผสม การวัดอุณหภูมิ เขียนกราฟ แปลความหมายข้อมูลจากกราฟหรือสารสนเทศ ความหนาแน่นของ สารบรสิ ทุ ธิ์และสารผสม การใช้เครือ่ งมือวดั มวลและปริมาตรของสารบริสทุ ธแิ์ ละสารผสม ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ โครงสรา้ งอะตอมท่ีประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอน การจัดเรียง อนภุ าคแรงยดึ เหน่ยี วระหว่างอนุภาคและการเคลอื่ นที่ของอนุภาคของสสารชนิดเดยี วกันในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ความสมั พันธร์ ะหว่างพลังงานความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสสาร ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งความดนั อากาศกับความสงู จากพื้นโลก การวเิ คราะห์ แปลความหมายข้อมูลและการคานวณปริมาณ ความรอ้ นท่ีทาให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมแิ ละเปล่ยี นสถานะ โดยใช้สมการ และ Q = mL การใช้ เทอรโ์ มมิเตอรใ์ นการวัดอุณหภมู ิของสสาร การขยายตัวหรอื หดตวั ของสสารเนือ่ งจากได้รับหรือสูญเสยี ความรอ้ น ประโยชน์ของความรู้ของการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน การนาความรู้มาแก้ปญั หาใน ชวี ติ ประจาวนั การถา่ ยโอนความรอ้ น และคานวณปริมาณความรอ้ นที่ถ่ายโอนระหว่างสสารจนเกดิ สมดุลความ ร้อนโดยใช้สมการ Q สูญเสีย = Q ได้รบั การถา่ ยโอนความร้อนโดยการนาความรอ้ น การพาความร้อน การแผ่ รังสีความร้อน การออกแบบ เลอื กใช้ และสร้างอุปกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาในชวี ติ ประจาวนั การแบ่งชั้นบรรยากาศ และเปรียบเทียบประโยชน์ของบรรยากาศแตล่ ะชนั้ ปจั จัยท่ีมีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงองค์ประกอบของลมฟา้ อากาศ กระบวนการเกิดพายุฝนฟา้ คะนองและพายุหมนุ เขตร้อนและผลที่มตี อ่ สิ่งมีชวี ิตและสงิ่ แวดลอ้ ม การ ปฏิบตั ิตนให้เหมาะสมและปลอดภัย การพยากรณ์อากาศ และพยากรณ์อากาศอยา่ งง่าย คณุ คา่ ของการพยากรณ์ อากาศ ประโยชนจ์ ากคาพยากรณ์อากาศ ผลกระทบการเปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศโลก การปฏบิ ตั ติ นภายใตก้ าร เปล่ียนแปลงภูมอิ ากาศโลก แนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีในชวี ติ ประจาวนั สาเหตุหรอื ปัจจยั ที่ส่งผลต่อการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ปญั หาหรือความต้องการในชวี ิตประจาวัน การออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หา การ ทดสอบ ประเมนิ ผล ระบขุ ้อบกพร่องท่ีเกดิ ข้ึน แนวทางการปรับปรงุ แก้ไข การใช้ความรู้และทกั ษะเกีย่ วกับวสั ดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า หรอื อเิ ล็กทรอนิกส์เพ่ือแกป้ ัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภยั การ ออกแบบอลั กอรทิ ึมท่ใี ชแ้ นวคิดเชิงนามธรรมเพื่อแก้ปัญหาหรอื อธิบายการทางานทีพ่ บในชวี ติ จรงิ การออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ยเพ่อื แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมขอ้ มูลปฐมภมู ิ

ประมวลผล ประเมนิ ผล นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงคโ์ ดยใช้ซอฟต์แวร์หรอื บริการบน อินเทอรเ์ นต็ ทหี่ ลากหลาย การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ใช้สือ่ และแหล่งข้อมูลตามข้อกาหนดและ ข้อตกลง โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการบอกแนวทางในการเลอื ก อธบิ าย เปรียบเทียบ เขยี น แผนภาพ ต่อวงจร ออกแบบการทดลอง ทดลอง สร้างแบบจาลอง อธบิ ายพฒั นาการ อธบิ ายผลท่ีเกดิ จากข้อมูล ท่ีรวบรวม บรรยายลักษณะและผลกระทบ ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ ออกแบบและเขยี นโปรแกรม ใช้อนิ เทอร์เน็ต และเทคโนโลยสี ารสนเทศด้วยความเข้าใจในสทิ ธิและหนา้ ท่ี บูรณาการกระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการ สืบเสาะ กระบวนการกลมุ่ ผ่านการจัดการเรียนร้ตู ามแนวคิด Active Learning เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รียน ซาบซงึ้ ห่วงใย ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม อยา่ งรู้คุณค่า นาความรู้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยใี นการดารงชวี ิต เคารพสิทธิและหน้าท่ีของตนเองและของผู้อื่น ในการทางาน ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ เหน็ คณุ ค่าของการนาความร้ไู ปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน ทางานร่วมกับผู้อ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ รหสั ตัวชวี้ ดั ว 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10 ม.1/11 ม.1/12 ม.1/13 ม.1/14 ม.1/15 ม.1/16 ม.1/17 ม.1/18 ว 2.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10 ว 2.2 ม.1/1 ว 2.3 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ว 3.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ว 4.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ว 4.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 7 มำตรฐำน 52 ตัวชีว้ ดั

คำอธบิ ำยรำยวิชำพ้นื ฐำน รหัสวิชำ ว22201 กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี 2 เวลำเรียน 120 ช่ัวโมง จำนวน 3.0 หนว่ ยกิต ศึกษา อวยั วะและหน้าที่ของอวยั วะทเี่ ก่ยี วข้องในระบบหายใจ กลไกการหายใจเขา้ และออก แบบจาลอง กระบวนการแลกเปล่ียนแกส๊ ความสาคญั ของระบบหายใจ แนวทางในการดแู ลรักษาอวยั วะในระบบหายใจให้ ทางานเป็นปกติ อวัยวะ และหน้าทข่ี องอวัยวะในระบบขับถา่ ยในการกาจดั ของเสียทางไต ความสาคญั ของระบบ ขบั ถ่ายในการกาจัดของเสียทางไต แนวทางในการปฏิบตั ิตนท่ชี ว่ ยให้ระบบขับถ่ายทาหน้าที่ได้อย่างปกติ โครงสร้างและหน้าที่ของหัวใจ หลอดเลอื ด และเลือด การทางานของระบบหมุนเวียนเลือด แบบจาลอง การ ออกแบบทดลองและทดลองในการเปรียบเทยี บอัตราการเต้นของหัวใจ ขณะปกตแิ ละหลังทากจิ กรรม ความสาคญั ของระบบหมนุ เวียนเลือด แนวทางในการดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบหมนุ เวียนเลือดใหท้ างานเปน็ ปกติ อวยั วะและหนา้ ท่ีของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุมการทางานตา่ งๆ ของร่างกาย ความสาคญั ของระบบประสาท การดแู ลรักษา การป้องกนั การกระทบกระเทือนและอันตรายตอ่ สมองและไขสนั หลัง การระบอุ วัยวะและบรรยายหน้าท่ขี องอวยั วะในระบบสบื พนั ธข์ุ องเพศชายและเพศหญงิ โดยใชแ้ บบจาลอง ผลของฮอรโ์ มนเพศชายและเพศหญงิ ที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของรา่ งกาย เมื่อเข้าส่วู ยั หนมุ่ สาว การ เปล่ยี นแปลงของรา่ ยกายเม่ือเขา้ ส่วู ยั หนมุ่ สาว การดแู ลรกั ษารา่ งกายและจิตใจของตนเองในชว่ งทม่ี กี าร เปล่ียนแปลง การตกไข่ การมีประจาเดือน การปฏสิ นธิ และการพฒั นาของไซโกต จนคลอดเปน็ ทารก วิธีการ คมุ กาเนิดทีเ่ หมาะสมกับสถานการณ์ที่กาหนด ผลกระทบของการต้ังครรภก์ ่อนวัยอนั ควร การประพฤตติ นให้ เหมาะสม การแยกสารผสมโดยการระเหยแหง้ การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การ สกัดด้วยตวั ทาละลาย โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลกึ การกล่ันอย่างงา่ ย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย วิธีการแยกสาร การแก้ปัญหาในชวี ติ ประจาวันจาก การบูรณาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวศิ วกรรมศาสตร์ ออกแบบการทดลอง และทดลอง ผล ของชนิดตัวละลาย ชนดิ ตัวทาละลาย อุณหภูมิท่ีมีต่อสภาพละลายได้ของสาร ผลของความดันท่ีมีต่อสภาพ ละลายไดข้ องสาร การใชส้ ารสนเทศ ปริมาณตวั ละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มข้นเปน็ ร้อยละ ปริมาตร ต่อปริมาตร มวลต่อมวล และมวลตอ่ ปรมิ าตร ความสาคัญของการนาความรเู้ ร่ืองความเข้มขนของสารไปใช้ การ ใชส้ ารละลายในชีวิตประจาวันอย่างถูกต้องและปลอดภัย การพยากรณ์การเคลื่อนทีข่ องวัตถทุ เี่ ปน็ ผลของแรง ลัพธท์ ีเ่ กดิ จากแรงหลายแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุในแนวเดียวกนั การออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวิธีท่ี เหมาะสมในการอธบิ ายปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ ความดันของของเหลว การวเิ คราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวตั ถุ ในของเหลว การเขยี นแผนภาพแสดงแรงที่กระทาต่อวตั ถุในของเหลว แรงเสยี ดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ การออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวิธีทเ่ี หมาะสมในการอธิบายปจั จัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสยี ดทาน การ เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอน่ื ๆ ท่กี ระทาต่อวัตถุ ประโยชนข์ องความรู้เรื่องแรงเสียดทาน การ วิเคราะหส์ ถานการณป์ ญั หา วิธกี ารลดหรือเพิ่มแรงเสยี ดทานทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ การทากิจกรรมในชวี ิตประจาวัน การออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ีทเี่ หมาะสมในการอธบิ ายโมเมนตข์ องแรง เม่ือวตั ถอุ ยู่ในสภาพสมดุล ต่อการหมนุ และคานวณโดยใชส้ มการ M= Fl การเปรยี บเทยี บแหล่งของสนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า และสนาม โน้มถว่ ง และทศิ ทางของแรงทีก่ ระทาต่อวตั ถุท่ีอยู่ในแตล่ ะสนาม การเขียนแผนภาพแสดงแรงแมเ่ หลก็ แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถว่ งทกี่ ระทาต่อวัตถุ การวิเคราะห์ความสมั พันธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรง โนม้ ถ่วงทก่ี ระทาต่อวัตถทุ ี่อยใู่ นสนามน้ันๆ กบั ระยะห่างจากแหลง่ ของสนามถงึ วัตถุจากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ คานวณอตั ราเร็วและความเร็วของการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ โดยใช้สมการ การเขยี นแผนภาพแสดงการกระจดั และ ความเร็ว การวเิ คราะหส์ ถานการณแ์ ละคานวณเกย่ี วกบั งานและกาลังที่เกดิ จากแรงทีก่ ระทาต่อวตั ถุโดยใชส้ มการ W= Fs และ P=w/t การวิเคราะหห์ ลักการทางานของเครือ่ งกลอยา่ งงา่ ย ประโยชนข์ องความรขู้ องเคร่ืองกล อย่างงา่ ย ประโยชน์และการประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั การออกแบบและทดลองด้วยวธิ ที ีเ่ หมาะสมในการ อธิบายปจั จัยที่มีผลตอ่ พลังงานจลน์ และพลังงานศักยโ์ นม้ ถ่วง การแปลความหมายข้อมลู และอธิบายการเปลี่ยน พลงั งานระหว่างพลังงานศกั ย์โน้มถ่วงและพลังงานจลนข์ องวตั ถโุ ดยพลงั งานกลของวตั ถุมีค่าคงตวั การวเิ คราะห์

สถานการณ์ การเปลีย่ นแปลงและการถ่ายโอนพลังงานโดยใชก้ ฏการอนุรักษ์พลงั งาน การเปรียบเทยี บ กระบวนการเกิด สมบตั ิ และการใช้ประโยชน์ ผลกระทบจากการใชเ้ ช้ือเพลงิ ซากดึกดาบรรพ์ ผลจากการใช้ เชอ้ื เพลงิ ซากดึกดาบรรพ์ แนวทางการใช้เชอ้ื เพลิงซากดกึ ดาบรรพ์ การเปรยี บเทียบข้อดีและข้อจากดั ของ พลังงานทดแทนแตล่ ะประเภท แนวทางการใชพ้ ลังงานทดแทนที่เหมาะสมในท้องถน่ิ การสร้างแบบจาลองที่ อธิบายโครงสร้างภายในโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี กระบวนการผพุ งั อยู่กบั ท่ี การกร่อน และการสะสมตัวของ ตะกอน กระบวนการที่ทาให้ผิวโลกเกิดการเปลีย่ นแปลง ลักษณะของชน้ั หน้าตดั ดินและกระบวนการเกิดดิน ปจั จยั ที่ทาใหด้ ินมลี ักษณะและสมบตั ิท่ีแตกต่างกนั สมบตั บิ างประการของดนิ การใช้ประโยชน์จากดิน ปัจจยั และ กระบวนการเกดิ แหล่งน้าผวิ ดิน และแหล่งน้าใต้ดนิ การใช้น้าอยา่ งยั่งยืนในท้องถิ่น กระบวนการเกิดและ ผลกระทบของน้าทว่ ม การกดั เซาะชายฝั่ง ดินถลม่ หลมุ ยบุ แผน่ ดนิ ทรุด แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดข้ึน สาเหตุ ปจั จยั ทีส่ ่งผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี การเลือกใช้เทคโนโลยี ผลกระทบทเ่ี กิดข้นึ ตอ่ สังคมสิง่ แวดล้อม การระบุปญั หาหรือความตอ้ งการในชุมชน การออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหา การตัดสินใจเลือกข้อมลู ทจี่ าเป็นภายใต้ เงอื่ นไขและทรพั ยากรที่มีอยู่ การทดสอบประเมนิ ผลภายใตก้ รอบเง่ือนไข การหาแนวทางแก้ไข การใช้ความรู้ และทักษะเก่ยี วกับวัสดุ อปุ กรณ์ เคร่อื งมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแกป้ ญั หาหรือพัฒนางานอยา่ ง ถกู ต้องเหมาะสม ปลอดภยั การออกแบบอลั กอรทิ ีมทีใ่ ชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาหรือการทางาน การ ออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ใี ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ญั หา องค์ประกอบและหลกั การทางานของระบบ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยกี ารส่อื สาร การประยุกตใ์ ชง้ านหรือแกป้ ญั หาเบ้อื งตน้ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ อย่างปลอดภยั มีความรบั ผดิ ชอบ สร้างและแสดงสิทธใิ นการเผยแพรผ่ ลงาน โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการบอกแนวทางในการเลอื ก อธบิ าย เปรียบเทยี บ เขียน แผนภาพ ตอ่ วงจร ออกแบบการทดลอง ทดลอง สรา้ งแบบจาลอง อธิบายพัฒนาการ อธบิ ายผลทเ่ี กดิ จากข้อมลู ทีร่ วบรวม บรรยายลกั ษณะและผลกระทบ ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ ออกแบบและเขยี นโปรแกรม ใช้อนิ เทอร์เน็ต และเทคโนโลยสี ารสนเทศดว้ ยความเข้าใจในสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ บูรณาการกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการ สืบเสาะ กระบวนการกลุม่ ผา่ นการจัดการเรยี นรตู้ ามแนวคิด Active Learning เพ่ือใหผ้ ู้เรียน ซาบซึง้ ห่วงใย ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม อยา่ งรู้คณุ ค่า นาความรู้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยใี นการดารงชีวติ เคารพสิทธแิ ละหนา้ ทีข่ องตนเองและของผอู้ นื่ ในการทางาน รว่ มกับผู้อืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ เหน็ คุณค่าของการนาความร้ไู ปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน ทางานร่วมกับผู้อ่ืน อย่างสรา้ งสรรค์ รหัสตวั ช้ีวดั ว1.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13 ม.2/14 ม.2/15 ม.2/16 ม.2/17 ว.2.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ว.2.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13 ม.2/14 ม.2/15 ว.2.3 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ว 3.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ว 4.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ว 4.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 7 มำตรฐำน 63 ตัวชี้วัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน รหสั วิชำ ว23301 กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 3 เวลำเรยี น 120 ช่ัวโมง จำนวน 3.0 หน่วยกิต ศกึ ษาปฏสิ มั พนั ธข์ ององคป์ ระกอบของระบบนิเวศทไี่ ดจ้ ากการสารวจ รูปแบบความสัมพนั ธร์ ะหว่าง สิง่ มชี วี ติ กับส่ิงมีชวี ิตรปู แบบต่างๆ ในแหล่งท่ีอยู่เดยี วกันที่ได้จากการสารวจ แบบจาลองในการอธบิ ายการ ถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหาร ความสัมพันธข์ องผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค และผู้ยอ่ ยสลายสารอนิ ทรียใ์ นระบบนเิ วศ การสะสมสารพิษในส่ิงมีชีวติ และสง่ิ แวดลอ้ มในระบบนิเวศ โดยไมท่ าลายสมดลุ ระบบนเิ วศ ความสัมพันธ์ ระหว่างยีน ดีเอน็ เอ และโครโมโซม แบบจาลอง การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสมโดยพจิ ารณา ลักษณะเดยี วที่แอลีลเดน่ ข่มแอลลีลดอ้ ยอยา่ งสมบูรณ์ การเกดิ จีโนไทปแ์ ละฟีโนไทปข์ องลูกและคานวณ อัตราสว่ นการเกิดจโี นไทป์และฟีโนไทปข์ องรุ่นลกู ความแตกต่างของการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซสิ และไมโอซิส การ เปล่ยี นแปลงของยีนหรือโครโมโซมอาจทาใหเ้ กิดโรคทางพันธกุ รรม ประโยชน์ของความรเู้ รือ่ งโรคทางพันธกุ รรม กอ่ นแต่งงานควรปรึกษาแพทยเ์ พื่อตรวจและวินิจฉัยภาวะเส่ียงของลูกทอี่ าจเกิดโรคทางพนั ธุกรรม การใช้ ประโยชนจ์ ากสงิ่ มีชวี ิตดดั แปรพันธุกรรมและผลกระทบที่อาจมีตอ่ มนุษย์และส่งิ แวดล้อม การรวบรวมข้อมลู ประโยชนแ์ ละผลกระทบของสิง่ มชี วี ติ ดัดแปรพนั ธกุ รรมทีอ่ าจมีต่อมนุษยแ์ ละสิง่ แวดลอ้ ม การเผยแพร่ความร้ทู ี่ได้ จากการโต้แย้งทางวทิ ยาศาสตร์ซ่ึงมีข้อมูลสนบั สนุน ความหลากหลายทางชวี ภาพในระดับชนิดสง่ิ มชี ีวติ ในระบบ นิเวศตา่ งๆ ความสาคัญของความหลากหลายทางชวี ภาพท่ีมีตอ่ การรักษาสมดลุ ของระบบนิเวศและต่อมนุษย์ คุณค่าและความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ การมีสว่ นรว่ มในการดแู ลรักษาความหลากหลายทาง ชีวภาพ สมบัติทางกายภาพและการใชป้ ระโยชน์วสั ดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิกส์ และวัสดผุ สม คณุ ค่าของการ ใชว้ สั ดปุ ระเภทพอลเิ มอร์ เซรามิกส์ และวสั ดผุ สม การใช้วัสดุอยา่ งประหยัด คมุ้ คา่ การเกิดปฏิกริ ิยาเคมี การ จัดเรยี งตวั ใหมข่ องอะตอมเมื่อเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยใชแ้ บบจาลองและสมการขอ้ ความ กฎทรงมวล ปฏิกิริยาดูด ความรอ้ น และปฏกิ ริ ิยาคายความรอ้ น จากการเปล่ียนแปลงพลังงานความร้อนของปฏกิ ริ ิยา ปฏิกริ ยิ าการเกดิ สนิมของเหล็ก ปฏกิ ิรยิ าของกรดกบั โลหะ ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ การเกดิ ฝนกรด การสงั เคราะห์ด้วยแสง สมการ ข้อความแสดงปฏิกริ ิยา ประโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ยิ าเคมีทมี่ ตี ่อสง่ิ มีชีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม วิธกี ารปอ้ งกนั และ แกป้ ัญหาที่เกดิ จากปฏิกริ ยิ าเคมีท่ีพบในชีวติ ประจาวนั การสบื ค้นข้อมูล การออกแบบวธิ ีแกป้ ัญหาใน ชวี ติ ประจาวัน ความรู้เกีย่ วกับปฏกิ ริ ยิ าเคมี การบรู ณาการวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และ วิศวกรรมศาสตร์ การวิเคราะหค์ วามสัมพนั ธ์ความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน และคานวณ ปรมิ าณท่เี ก่ียวข้องโดยใชส้ มการ V= IR การเขยี นกราฟความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้า และความตา่ ง ศักยไ์ ฟฟ้า การใช้โวลต์มเิ ตอร์ แอมมิเตอร์ในการวัดปริมาณทางไฟฟ้า การวิเคราะห์ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ และ กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ เม่ือตอ่ ตวั ตา้ นทานหลายตวั แบบอนกุ รมและแบบขนาน เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้า การ ตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนุกรมและขนาน การทางานของช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่างงา่ ยในวงจร การเขยี นแผนภาพ และต่อชิ้นสว่ นอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจรไฟฟา้ การอธิบายและคานวณพลังงานไฟฟ้าโดยใช้สมการ W= PT คานวณค่าไฟฟา้ ของเคร่อื งใช้ไฟฟ้าในบา้ น คุณค่าของการเลอื กใชเ้ คร่ืองใชไ้ ฟฟา้ วิธกี ารใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยัด และปลอดภัย การสรา้ งแบบจาลองที่อธิบายการเกดิ คล่ืนและบรรยายส่วนประกอบของคล่ืน คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า และสเปกตรมั ประโยชน์และอนั ตรายจากคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ การใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นต่าง ๆ การออกแบบการ ทดลองและดาเนนิ การทดลองดว้ ยวธิ ที ีเ่ หมาะสมในการอธบิ ายกฏการสะทอ้ นของแสง แผนภาพการเคล่ือนท่ีของ แสง การเกิดภาพจากกระจกเงา การหกั เหของแสงเม่ือผา่ นตัวกลางโปร่งใสที่แตกต่างกนั การกระจายแสงของ แสงขาวเมอ่ื ผ่านปรซิ มึ การเขียนแผนภาพการเคลื่อนท่ีของแสงแสดงการเกดิ ภาพจากเลนส์บาง ปรากฏการณ์ที่ เกี่ยวกับแสงและการทางานของทัศนอปุ กรณ์ การเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสง การเกดิ ภาพของทศั น อปุ กรณ์และเลนส์ตา ผลของความสว่างทม่ี ตี ่อดวงตา การวัดความสว่างของแสงโดยใชอ้ ุปกรณว์ ดั ความสวา่ งของ แสง คุณค่าของความรู้เร่ืองความสว่างของแสงทีม่ ีตอ่ ดวงตา การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์ด้วยแรง โน้มถว่ งจากสมการ F=(Gm1m2)/r 2 การสรา้ งแบบจาลองทอ่ี ธบิ ายการเกิดฤดู และการเคล่ือนทปี่ รากฏของ ดวงอาทติ ย์ การสรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ ายการเกดิ ขา้ งขึน้ ข้ามแรม การเปลี่ยนแปลงเวลาการข้นึ และตกของดวง

จนั ทร์ และการเกดิ นา้ ขนึ้ น้าลง การใชป้ ระโยชนข์ องเทคโนโลยีอวกาศ ความก้าวหน้าของโครงการสารวจอวกาศ สาเหตุหรอื ปัจจัยทีส่ ่งผลต่อการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยแี ละความสัมพนั ธ์ของเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรอื คณิตศาสตร์เพ่ือเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน ปัญหาหรือความต้องการ ของชมุ ชน ความถูกต้องด้านทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา การออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา เลือกข้อมลู ทจ่ี าเป็น การ ดาเนินการแก้ปญั หาอยา่ งเป็นข้ันตอน การทดสอบ ประเมนิ ผล วิเคราะห์ และให้เหตุผลของปัญหาหรือ ข้อบกพร่องท่เี กดิ ขนึ้ ภายในกรอบเงอ่ื นไข แนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข ความรแู้ ละทักษะเก่ียวกบั วัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ การพฒั นาแอปพลเิ คชันท่มี ีการบรู ณาการกับวิชาอืน่ การรวบรวม ขอ้ มูล ประมวลผล ประเมนิ ผล นาเสนอขอ้ มูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื บริการบน อนิ เทอร์เนต็ ทีห่ ลากหลาย การประเมินความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูล วเิ คราะห์สอ่ื และผลกระทบจากการให้ข่าวสาร ทผ่ี ดิ เพ่ือการใชง้ านอย่างร้เู ท่าทัน การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย และมคี วามรับผดิ ชอบต่อสงั คม กฎหมายเก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ ใช้ลขิ สิทธิ์ของผ้อู ื่นโดยชอบธรรม โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการบอกแนวทางในการเลอื ก อธบิ าย เปรยี บเทยี บ เขยี น แผนภาพ ตอ่ วงจร ออกแบบการทดลอง ทดลอง สร้างแบบจาลอง อธบิ ายพฒั นาการ อธิบายผลทเี่ กิดจากขอ้ มลู ที่รวบรวม บรรยายลักษณะและผลกระทบ ใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ออกแบบและเขียนโปรแกรม ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ และเทคโนโลยสี ารสนเทศดว้ ยความเขา้ ใจในสทิ ธิและหน้าที่ บรู ณาการกระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการ สบื เสาะ กระบวนการกลุ่ม ผา่ นการจดั การเรยี นรู้ตามแนวคิด Active Learning เพือ่ ใหผ้ ู้เรียน ซาบซึง้ หว่ งใย ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม อยา่ งรู้คณุ ค่า นาความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยใี นการดารงชวี ติ เคารพสิทธแิ ละหนา้ ที่ของตนเองและของผ้อู ื่น ในการทางาน ร่วมกับผอู้ ืน่ อย่างสร้างสรรคเ์ หน็ คณุ ค่าของการนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน ทางานรว่ มกับผู้อืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ รหสั ตัวช้ีวดั ว.1.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ว.1.3 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10 ม.3/11 ว.2.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ว.2.3 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10 ม.3/11 ม.3/12 ม.3/13 ม.3/14 ม.3/15 ม.3/16 ม.3/17 ม.3/18 ม.3/19 ม.3/20 ม.3/21 ว 3.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ว 4.1 ม3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ว 4.2 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 7 มำตรฐำน 59 ตัวชว้ี ัด

คำอธิบำยรำยวิชำเพ่ิมเตมิ รหัสวิชำ ว 11201 เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษาและฝกึ ทักษะในการแก้ปัญหาโดยใชข้ ัน้ ตอนการแก้ปัญหาอยา่ งงา่ ย การแสดงขัน้ ตอนการ แก้ปญั หาโดยการเขียน บอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใชส้ ญั ลกั ษณ์ การเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ยโดยใช้ซอฟตแ์ วร์ หรอื ส่อื การใชง้ านอุปกรณเ์ ทคโนโลยเี บอ้ื งต้น การใช้งานซอฟต์แวร์เบ้ืองต้น การสรา้ ง จัดเก็บ และเรยี กใช้ ไฟล์ตามวัตถุประสงค์ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ขอ้ ปฏิบตั ใิ นการใชง้ านและการดูแลรกั ษา อปุ กรณ์ การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งเหมาะสม ตัวชวี้ ัด ว.4.2 เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) 1. แกป้ ัญหาอย่างง่ายโดยใช้การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ 2. แสดงลาดบั ขัน้ ตอนการทางานหรือการแกป้ ญั หาอยา่ งงา่ ยโดยใช้ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรอื ข้อความ 3. เขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใชซ้ อฟต์แวร์หรอื ส่อื 4. ใชเ้ ทคโนโลยีในการสร้าง จัดเก็บ เรียกใช้ข้อมูลตามวตั ถปุ ระสงค์ 5. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพวิ เตอร์รว่ มกัน ดูแลรกั ษาอุปกรณ์ เบือ้ งตน้ ใช้งานอยา่ งเหมาะสม รวมท้ังหมด 5 ผลกำรเรียนรู้

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม รหสั วิชำ ว 14201 เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำนวณ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ 4 เวลำ 20 ช่ัวโมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต ศึกษาและฝกึ ทักษะเกีย่ วกบั การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา การอธิบายการทางานหรือการ คาดการผลลัพธ์จากปญั หาอย่างงา่ ย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดใน โปรแกรม การค้นหาข้อมลู ในอนิ เทอรเ์ น็ตและการใชค้ าค้น การประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของข้อมลู การ รวบรวมขอ้ มูล การประมวลผลอย่างงา่ ย การวิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกการนาเสนอข้อมูล การสส่ือสาร อยา่ งมีมารยาทและรกู้ าลเทศะ การปกป้องข้อมลู สว่ นตัว ตวั ชีว้ ดั ว.4.2 เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ผลลพั ธจ์ ากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสอื่ และตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และประเมินความนา่ เช่ือถือของข้อมลู รวบรวม ประเมนิ นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ท่หี ลากหลาย เพื่อแกป้ ญั หาใน ชวี ติ ประจาวัน ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวขอ้ ง เมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลท่ีไมเ่ หมาะสม รวมท้ังหมด 5 ผลกำรเรยี นรู้

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ รหสั วิชำ ว 21201 เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปที ่ี 1 เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคดั เลอื กคุณลกั ษณะทีจ่ าเป็นตอ่ การแก้ปญั หา ขน้ั ตอนการแก้ปัญหา การเขียนรหัสลาลองและผงั งาน การเขียนออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยท่ีมกี ารใช้งานตัวแปร เง่ือนไข และการวนซา้ เพ่ือแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์หรือวทิ ยาศาสตร์ การรวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ การประมวลผล ขอ้ มูล การสร้างทางเลือกแลกประเมนิ ผลเพ่อื ตดั สินใจ ซอฟต์แวร์และบรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ตท่ใี ชใ้ นการจัดการ ข้อมลู แนวทางการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศใหป้ ลอดภยั กาจัดการอัตลกั ษณ์ การพจิ ารณาความเหมาะสม ของเน้ือหา ข้อตกลงและข้อกาหนดการใชส้ ื่อและแหลง่ ข้อมูล นาแนวคดิ เชิงนามธรรมและข้ันตอนการแกป้ ญั หาไปประยุกตใ์ ช้ในการเขยี นโปรแกรม หรือการ แกป้ ญั หาในชวี ติ จริง รวบรวมขอ้ มูลและสรา้ งทางเลอื ก ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและตระหนักถงึ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เกิดประโยชน์ต่อการเรยี นรู้ และไมส่ ร้างความเสียหายใหแ้ ก้ ผอู้ ื่น ตวั ชี้วดั ว.4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ออกแบบอัลกอริทึมทใี่ ช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพ่ือแก้ปญั หาหรืออธิบายการทางานท่ีพบในชีวติ จริง ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย เพอื่ แก้ปญั หาทางคณิตศาสตรห์ รือวิทยาศาสตร์ รวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมนิ ผล นาเสนอข้อมลู และสารสนเทศ ตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใช้ ซอฟตแ์ วร์ หรอื บรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ที่หลากหลาย ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ใชส้ ่อื และแหลง่ ข้อมูลตามข้อกาหนดและขอ้ ตกลง รวมทั้งหมด 4 ผลกำรเรียนรู้

คำอธบิ ำยรำยวิชำเพ่ิมเติม รหัสวชิ ำ ว 21202 เทคโนโลยี (กำรออกแบบและเทคโนโลยี) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 1 เวลำ 20 ช่ัวโมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต ศึกษาอธิบายความหมายของเทคโนโลยี วิเคราะหส์ าเหตุหรอื ปัจจยั ทสี่ ่งผลต่อการเปล่ียนแปลงของ เทคโนโลยี การทางานของระบบทางเทคโนโลยี ประยกุ ต์ใช้ความรู้ทักษะ และทรัพยากร โดยวเิ คราะห์ เปรียบเทยี บและเลือกขอ้ มูลท่ีจาเปน็ เพ่ืออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหาในชีวติ ประจาวนั ในดา้ นการเกษตรและอาหาร และสร้างชน้ิ งานหรือพฒั นาวิธกี ารโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม รวมทงั้ เลือกใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื ในการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสม และปลอดภัย ตัวชีว้ ดั ว.4.1 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) อธิบายแนวคดิ หลักของเทคโนโลยีในชวี ติ ประจาวันและวเิ คราะหส์ าเหตุหรือปจั จัยที่สง่ ผลต่อการเปล่ยี นแปลง ของเทคโนโลยี ระบุปญั หาหรอื ความต้องการในชีวติ ประจาวนั รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมลู และแนวคดิ ทีเ่ ก่ียวข้องกับปัญหา ออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา โดยวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ และตัดสนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ที่จาเป็น นาเสนอแนวทางการ แก้ปัญหาใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจ วางแผนและดาเนินการแกป้ ัญหา ทดสอบ ประเมินผล และระบุขอ้ บกพร่องทเี่ กิดขน้ึ พร้อมท้งั หาแนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข และนาเสนอผล การแกป้ ัญหา ใช้ความรูแ้ ละทักษะเก่ยี วกับวัสดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า หรืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เพ่ือแก้ปญั หาไดอ้ ย่าง ถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภยั รวมท้ังหมด 5 ผลกำรเรยี นรู้

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ รหสั วิชำ ว 31201 เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 4 เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษาหลักการของแนวคิดเชิงคานวณ การแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา การหารปู แบบการ คิดเชงิ นามธรรม ตวั อยา่ งและประโยชนข์ องแนวคดิ เชงิ คานวณเพอ่ื แกป้ ญั หาในชีวิตประจาวนั ประยกุ ตใ์ ช้ แนวคดิ เชิงคานวณในการออกแบบขน้ั ตอนวธิ ีสาหรับแก้ปัญหา การแกป้ ัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ การระบุขอ้ มลู เข้า ข้อมลู ออก และเงือ่ นไขข้องปญั หา การออกแบบข้นั ตอนวิธี การทาซา้ กาจัดเรยี งและคน้ หาข้อมูล ตวั อยา่ งการออกแบบขั้นตอนวธิ ีเพือ่ แกป้ ัญหาด้วยคอมพวิ เตอร์ การศึกษา ตวั อย่างโครงงานทางเทคโนโลยี สารสนเทศ การกาหนดปัญหา ศึกษา วางแผน ดาเนินงาน สรปุ ผลและเผยแพร่ ในการพฒั นาโครงงานทมี่ ี การบรู ณาการร่วมกับวชิ าอนื่ และเช่ือมโยงกบั ชีวติ จริง ตวั ช้วี ดั ว.4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ประยกุ ตใ์ ช้แนวคิดเชิงคานวณในการพฒั นาโครงงานทมี่ ีการบรู ณาการกบั วิชาอื่นอย่างสร้างสรรค์ และเชื่อมโยง กบั ชวี ิตจรงิ รวมทั้งหมด 4 ผลกำรเรยี นรู้

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ รหสั วิชำ ว 41202 เทคโนโลยี (กำรออกแบบและเทคโนโลยี) กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ 4 เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษา วิเคราะหแ์ นวคิดหลกั ของเทคโนโลยี การเปล่ียนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยีทีเ่ กดิ ข้ึน และความสมั พนั ธ์ของเทคโนโลยีกบั ศาสตร์อน่ื ออกแบบ สรา้ ง หรอื พัฒนาผลงานสาหรับแกป้ ัญหาที่คานงึ ถงึ ผลกระทบต่อสงั คมในประเด็นทเ่ี กย่ี วข้องกบั สุขภาพและการบรกิ าร โดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ซึ่งใชค้ วามรู้ ทกั ษะ และเลือกใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ เพ่อื แก้ปัญหาได้ อยา่ งถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย คานงึ ถึงทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา มกี ารใช้ซอฟตแ์ วร์ชว่ ยในการออกแบบและ นาเสนอผลงาน ตัวช้วี ัด ว.4.1 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี วิเคราะหแ์ นวคิดหลกั ของเทคโนโลยี ความสัมพนั ธก์ ับศาสตร์อ่ืนโดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์หรือคณติ ศาสตร์ รวมทงั้ ประเมนิ ผลกระทบท่ีจะเกิดขน้ึ ต่อมนษุ ย์ สังคม เศรษฐกจิ และส่ิงแวดลอ้ ม เพ่ือเปน็ แนวทางในการ พัฒนาเทคโนโลยี ระบปุ ญั หาหรอื ความต้องการท่มี ีผลกระทบต่อสงั คม รวมรวม วเิ คราะห์ขอ้ มูลและแนวคดิ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ท่มี คี วามซับซอ้ นเพื่อสังเคราะหว์ ธิ กี าร เทคนคิ ในการแก้ปัญหา โดยคานึงถงึ ความถูกต้องดา้ นทรัพย์สินทาง ปญั ญา ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา โดยวิเคราะห์เปรยี บเทียบ และตดั สนิ ใจเลือกขอ้ มูลทจี่ าเป็นภายใตเ้ งื่อนไขและ ทรพั ยากรทมี่ ีอยู่ นาเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาให้ผู้อ่นื เขา้ ใจด้วยเทคนิคหรือวธิ กี ารที่หลากหลาย โดยใช้ ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ วางแผนขัน้ ตอนการทางานและดาเนนิ การแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมนิ ผล วิเคราะห์และให้เหตผุ ลของปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกดิ ขน้ึ ภายใตก้ รอบเงื่อนไข หา แนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข และนาเสนอผลการแกป้ ัญหา พรอ้ มทง้ั เสนอแนวทางการพัฒนาต่อยอด ใชค้ วามรู้และทักษะเกยี่ วกับวัสดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยที ี่ ซบั ซ้อนในการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางาน ได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภัย รวมท้ังหมด 5 ผลกำรเรยี นรู้

วชิ ำวิทยำศำสตรช์ วี ภำพ 1 คำอธิบำยรำยวิชำพน้ื ฐำน กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 4-6 เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษาวเิ คราะห์การรกั ษาดลุ ยภาพของเซลล์ของสง่ิ มีชีวิต กลไกการรักษาดลุ ยภาพของน้าในพืช กลไก การควบคมุ ดุลยภาพของนา้ แร่ธาตุ อุณหภมู ิของมนษุ ย์และสัตว์ ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ กระบวนการ ถา่ ยทอดสารพนั ธกุ รรม การแปรผนั ทางพนั ธุกรรม การเกิดมิวเทชนั ความหลากหลายทางชวี ภาพ ผลของ เทคโนโลยีชวี ภาพทม่ี ตี อ่ มนุษย์และสง่ิ แวดลอ้ มและนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลของความหลากหลายทาง ชวี ภาพทมี่ ีตอ่ มนุษยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม กระบวนการคดั เลือกตามธรรมชาติ และผลของการคัดเลอื กตาม ธรรมชาตติ อ่ ความหลากหลายของส่งิ มชี วี ติ ดลุ ยภาพของระบบนิเวศ กระบวนการเปลี่ยนแปลงแทนที่ของ สิ่งมชี วี ิต ความสาคญั ของความหลากหลายทางชีวภาพ และแนวทางในการดแู ลรกั ษาสภาพปญั หา สาเหตุของ สง่ิ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในระดับทอ้ งถ่ินระดบั ประเทศระดบั โลก แนวทางในการป้องกันแก้ไข ปญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาติ การวางแผนและการดาเนนิ การเฝ้าระวงั และพัฒนาส่งิ แวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาติ โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การ สงั เกต การสืบค้นขอ้ มูล การอภิปราย สรปุ เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ ส่อื สาร สิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ นาความรู้ไปใช้ในชวี ิตของตนเอง มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยม ตวั ช้วี ัด ว 1.1 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 ว 1.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 ว 2.1 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 ว 2.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 รวมท้ังหมด 14 ตัวชี้วัด

วิชำวิทยำศำสตร์ชีวภำพ 2 คำอธิบำยรำยวิชำพ้ืนฐำน กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ่ี 4-6 เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศกึ ษาวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งอะตอม และสัญลักษณน์ วิ เคลยี ร์ของธาตุ การจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนในอะตอม ความสัมพันธร์ ะหว่างอิเล็กตรอนในระดบั พลงั งานนอกสุดกับสมบตั ิของธาตแุ ละการเกดิ ปฏิกริ ิยา การจดั เรียง ธาตุในตารางธาตุ แนวโน้มสมบตั ิบางประการของธาตุตามตารางธาตุ การเกดิ พันธะเคมใี นโครงสร้างผลึกและใน โมเลกลุ ของสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างจดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว สถานะของสารกับแรงยดึ เหน่ียวระหว่าง อนุภาค ของสาร สมการของปฏิกิรยิ าเคมีท่ีพบในชวี ิตประจาวัน ผลของสารเคมีที่มีตอ่ สิ่งมชี วี ิตและสิ่งแวดล้อม อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าปจั จัยท่ีมีผลต่ออตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมแี ละนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ การเกิดปโิ ตรเลยี ม กระบวนการแยกผลิตภณั ฑ์ปโิ ตรเลียมและการใชป้ ระโยชน์ การเกิดพอลิเมอร์ สมบัติพอลเิ มอร์ การนาพอลิเมอร์ ไปใช้ประโยชน์ ผลทเี่ กิดจากการผลติ และใชพ้ อลิเมอร์ต่อสิง่ มีชวิ ิตและสิ่งแวดล้อมองค์ประกอบ ประโยชน์ ปฏกิ ริ ยิ าบางชนิดของคาร์โบไฮเดรต ไขมนั และกรดไขมนั โปรตนี และกรดนิวคลีอิก โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบค้นข้อมลู การอภิปราย การวิเคราะห์ การเปรยี บเทียบ การสารวจตรวจสอบ การทานาย และการทดลอง เพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถส่อื สารส่ิงท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถ ในการตัดสนิ ใจ นาความรไู้ ปใช้ในชีวิต ประจาวนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มที่เหมาะสม ตัวชีว้ ัด ว 3.1 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 , ม.4-6/5 ว 3.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2, ม.4-6/3 , ม.4-6/4 , ม.4-6/5 , ม.4-6/6, ม.4-6/7 , ม.4-6/8 , ม.4-6/9 รวมท้ังหมด 14 ตวั ชว้ี ัด

วชิ ำวิทยำศำสตรก์ ำยภำพ คำอธิบำยรำยวิชำพ้นื ฐำน กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 4-6 เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาวิเคราะห์ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งแรงกบั การเคลอ่ื นท่ีของวตั ถใุ นสนามโนม้ ถ่วง การเคลือ่ นที่ของ อนภุ าคในสนามไฟฟ้าและสนามแมเ่ หลก็ แรงนวิ เคลยี ร์และแรงไฟฟ้าระหวา่ งอนุภาคในนิวเคลียรค์ วามสมั พนั ธ์ ระหว่างระยะทาง การกระจัด เวลา อตั ราเร็ว อตั ราเรง่ การเคลื่อนทแี่ นวตรง โพรเจกไทล์ การเคล่ือนทีแ่ บบ วงกลม และฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยการใช้ประโยชน์จากการเคลือ่ นทีแ่ บบต่าง ๆ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค ในนิวเคลยี ส คลืน่ กล เสยี งและสมบัติของเสียง เสียงและการได้ยิน สเปกตรัมของคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ กมั มันตรังสี ไอโซโทป และการใช้ประโยชนใ์ นทางสรา้ งสรรค์รวมถึงผลตอ่ สง่ิ มีชีวติ และ ส่งิ แวดลอ้ ม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบการสบื ค้นขอ้ มูล และการอภปิ ราย การนาภูมิปญั ญาในท้องถ่ินมาใช้ เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสื่อสาร สิง่ ทเี่ รียนรู้ มคี วามสามารถในการตดั สินใจ นาความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม ตัวชีว้ ัด ว 4.1 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 ว 4.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 ว 5.1 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 , ม.4-6/5 , ม.4-6/6 , ม.4-6/7 , ม.4-6/8 , ม.4-6/9 รวมทั้งหมด 16 ตัวชีว้ ัด

วิชำโลก ดำรำศำสตร์ อวกำศ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปที ่ี 4-6 เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ศึกษาวเิ คราะหเ์ กีย่ วกับโครงสรา้ งของโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคของโลก การเกิดภูเขาไฟ รอยเล่อื น รอยคดโค้ง แผ่นดินไหว ภเู ขาไฟระเบดิ ปรากฏการณ์ทางธรณี แผน่ ดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบดิ ที่สง่ ผลต่อสิ่งมชี ีวิตและส่งิ แวดล้อม การลาดับชัน้ หินจากการวางตัวของชั้นหนิ ซากดึกดาบรรพ์ และโครงสรา้ งทางธรณวี ิทยาเพ่อื อธิบายประวัติความเปน็ มาของพ้ืนท่ี ประโยชนข์ องข้อมลู ทางธรณีวิทยา การ เกดิ และวิวฒั นาการของระบบสุริยะ กาแลก็ ซี และเอกภพ ศึกษาธรรมชาตแิ ละวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ การส่ง และคานวณความเร็วในการโคจรของดาวเทยี มรอบโลก ประโยชนข์ องดาวเทียมในดา้ นต่าง ๆ การสง่ และสารวจ อวกาศโดยใช้ยานอวกาศ โดยใช้กระบวนการการสบื ค้น บรรยาย อภิปราย ทดลอง และคานวณหาค่าตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกับ แรง เพื่อให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งทเ่ี รยี นรู้ มีความสามารถใน การตัดสนิ ใจนา ความรู้ไปใช้ในชีวิตปีระจาวนั อย่างมีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม ตวั ชว้ี ดั ว 6.1 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 , ม.4-6/5 , ม.4-6/6 ว 7.1 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 ว 7.2 ม.4-6/1 , ม.4-6/2 , ม.4-6/3 รวมท้ังหมด 11 ตัวชี้วดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ วิทยำศำสตรส์ ิ่งแวดลอ้ ม 1 , 2 กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 5 เวลำ 80 ช่วั โมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต ศึกษาค้นคว้า สารวจ ทดลอง อภปิ ราย แสดงและเสนอความคิดในรูปแบบหลากหลาย สามารถ วเิ คราะหส์ าเหตแุ ละผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ กบั ประชากรและกลุ่มส่งิ มชี วี ิตในระบบนิเวศ ทรัพยากรนา้ ดิน พลงั งาน ป่าไม้ ความหลากหลายทางชีวภาพ มลภาวะที่เกดิ จากกิจกรรมของคนในชุมชนจากการเกษตร การอตุ สาหกรรม และแนวคิดในการพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติท่ยี ่ังยืน เพ่ือใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจในความสมั พันธ์ ของมนุษย์กบั สิ่งแวดล้อมทงั้ ระบบ สามารถแกป้ ัญหาและจัดการทรัพยากรธรรมชาตโิ ดยใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี ใหม้ ีความรกั ความซาบซึง้ ในส่ิงแวดลอ้ ม ตลอดจนใหเ้ กิดความตระหนัก มจี ิตสานกึ ท่ีจะมสี ว่ นรว่ ม ในกิจกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อมท่ียัง่ ยืน ผลกำรเรยี นรู้ มีความรคู้ วามเขา้ ใจในเรือ่ งของวทิ ยาศาสตรส์ ิ่งแวดลอ้ ม ทมี่ คี วามสัมพนั ธก์ ันทงั้ ระบบ รวมท้งั ความสมั พันธ์กนั ระหว่างวิทยาศาสตร์ สงิ่ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสังคม สามารถใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการคิด วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล และการศึกษาค้นคว้าเกยี่ วกบั วทิ ยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม นาความรู้และกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ไปใช้ในการแกป้ ญั หาสิง่ แวดลอ้ ม ตลอดจนมีความสามารถในการตดั สนิ ใจ และลงมอื ปฏิบัติ เก่ียวกับการรักษาสิง่ แวดล้อมในบา้ น โรงเรยี น และชุมชนในระดบั ท้องถน่ิ และระดบั ประเทศ มคี วามรกั ซาบซ้งึ ในสิง่ แวดลอ้ ม และตระหนักในความสาคัญของส่งิ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ เขา้ ร่วมกิจกรรมทีเ่ ก่ียวกับ การพฒั นาและอนุรกั ษส์ ่ิงแวดล้อมทยี่ ง่ั ยืน รวมท้ังหมด 5 ผลกำรเรยี นรู้

สำรพิษในชีวติ ประจำวัน 1 , 2 คำอธิบำยรำยวิชำเพ่ิมเติม กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 6 เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาหลักการพน้ื ฐานทางพิษวิทยา ความหมาย และการจาแนกกลมุ่ ของสารพิษ ชนดิ ของสารพษิ ท่ี พบบ่อยในชวี ติ ประจาวนั โดยศึกษาสารพษิ แตล่ ะชนิดในแงข่ องแหล่งกาเนิด การปนเปือ้ น และความเป็นพิษตอ่ ร่างกาย การ ป้องกันและหลักการรักษาเบื้องตน้ ท้ังในกรณเี ฉียบพลนั และเร้อื รัง ผลกำรเรียนรู้ อธิบายหลักการพื้นฐานทางพิษวิทยาได้ บอกความหมายและการจาแนกกลมุ่ ของสารพษิ ได้ บอกชนดิ ของสารพษิ ท่ีพบบ่อยในชีวิตประจาวันได้ บอกที่มาของแหลง่ กาเนดิ สารพิษ การปนเป้ือนของสารพษิ ท่ีมผี ลต่อรา่ งกายได้ รู้วิธีการป้องกันและการรักษาเบอ้ื งต้นจากสารพิษท้งั ในกรณเี ฉยี บพลนั และเรือ้ งรัง รวมท้ังหมด 5 ผลกำรเรียนรู้

คำอธิบำยรำยวิชำพื้นฐำน รหสั วชิ ำ ส 11101 กลุ่มสำระกำรเรียนร้สู ังคมศกึ ษำศำสนำและวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำ 80 ชัว่ โมง ศกึ ษาวิเคราะห์พุทธประวัติ หรอื ประวัติของศาสดาทีต่ นนับถือ แบบอย่างการดาเนนิ ชีวติ และข้อคิด จากประวัติสาวก ชาดก/เรื่องเล่าและศาสนิกชนตัวอยา่ งตามทกี่ าหนด ความหมาย ความสาคญั และเคารพพระ รัตนตรัย ปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรม โอวาท 3 ในพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ สวดมนต์ แผเ่ มตตา มีสติ บาเพญ็ ประโยชน์ต่อวดั แสดงตนเป็นพุทธมามกะ หรือศาสนกิ ชนของศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏบิ ตั ใิ นศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมและวันสาคัญทางศาสนาตามทีก่ าหนดได้ถูกต้อง ประโยชนแ์ ละปฏบิ ัติตนเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องครอบครัว และโรงเรยี น ศึกษา วเิ คราะห์ ความสามารถและความดีและผลจากการกระทาของตนเอง ผู้อื่น โครงสร้าง บทบาท หน้าท่ีของสมาชกิ ในครอบครัวและโรงเรียน บทบาท สิทธิ หนา้ ท่ีของตนเองในครอบครัวและโรงเรียน มี สว่ นร่วมในการตัดสนิ ใจ และทากิจกรรมในครอบครวั และโรงเรยี นตามกระบวนการประชาธปิ ไตย ศกึ ษาสินค้า และบรกิ าร การออมและการใชจ้ ่ายอยา่ งพอเพยี ง ทรัพยากร งานสจุ ริต และส่งิ ต่างๆ เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นเกิดประโยชน์ สงู สดุ ในการใชท้ รัพยากร ศึกษาส่ิงแวดลอ้ มท่เี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติและส่งิ ที่มนุษยส์ ร้างขึ้นทบ่ี า้ นและที่ โรงเรยี น ความสมั พนั ธ์ของตาแหน่ง ระยะ ทิศ ของสงิ่ ตา่ งๆรอบตัว แผนผังของส่ิงตา่ งๆในห้องเรยี น และการ เปล่ียนแปลงของสภาพอากาศในรอบวนั ส่งิ แวดล้อมทางกายภาพท่ีมผี ลต่อความเปน็ อยู่ของมนษุ ย์ เช่น ภูมิอากาศ มีผลต่อลักษณะท่ีอยอู่ าศยั และเคร่ืองแต่งกาย การเปลี่ยนแปลงของสง่ิ แวดล้อมที่อยู่รอบตวั อทิ ธพิ ลของ สง่ิ แวดลอ้ มที่ส่งผลต่อการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม การปฏิบตั ิตนในการรักษาส่งิ แวดล้อมในบา้ นและห้องเรียน โดยใช้กระบวนการคดิ กระบวนการสบื ค้นข้อมลู กระบวนการปฏิบตั ิ กระบวนการทางสงั คม กระบวนการกลุม่ กระบวนการเผชญิ สถานการณแ์ ละแกป้ ัญหา สงั เกตแวดลอ้ ม แปลความหมายข้อมูลทาง ภมู ิศาสตร์ ใชเ้ ทคนิคและเคร่ืองมือทางภมู ิศาสตรส์ งั เกตสงิ่ บอกความสัมพันธ์ ใชแ้ ผนผงั แปลความหมายข้อมูล ทางภมู ิศาสตร์ มีส่วนร่วมดแู ลสิง่ แวดลอ้ มดว้ ยกระบวนการทางภูมศิ าสตรเ์ พอ่ื ให้ผเู้ รียนเข้าใจระบบธรรมศาสตร์ และมนุษย์ มีความรเู้ ก่ียวกบั ลักษณะทางกายภาพของสงิ่ ตา่ งๆ ท่อี ย่รู อบตวั และชุมชน เพ่อื ให้ผเู้ รยี นเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถนาไปปฏบิ ตั ิในการดาเนินชีวิต มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มี ความรูเ้ ก่ียวกับลักษณะทางกายภาพของสง่ิ ตา่ งๆ ทอี่ ยู่รอบตัวและชมุ ชน มีคุณลกั ษณะ อนั พงึ ประสงคใ์ นด้าน รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสัตยส์ จุ ริต มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มีความรบั ผิดชอบ รักความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ สามารถดาเนนิ ชีวติ อย่างสนั ตสิ ขุ ในสังคมไทยและสังคมโลก ปฏิบตั ิตนตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง ตัวชีว้ ดั ส 1.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4 ส 1.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 ส 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ส 2.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 ส 3.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 ส 3.2 ป.1/1 ส 5.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4 ส 5.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 รวม 23 ตวั ชี้วดั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook