อุปะกาโร จะ โย มติ โต ส่วนมิตรใดมอี ปุ การะ๑ สขุ ะทุกโข จะ โย สะขา เพอื่ นใดร่วมทกุ ขร์ ่วมสขุ ๒กนั ได้ อัตถักขายี จะ โย มติ โต มติ รใดแนะประโยชนใ์ ห้๓ โย จะ มติ ตานกุ ัมปะโก และมิตรใดมนี ้�ำใจอนเุ คราะห์เอน็ ดซู ึ่งมติ ร๔ เอเตปิ มิตเต จัตตาโร อิติ วิญญายะ ปัณฑโิ ต บณั ฑิตพิจารณาเห็นว่า คนทง้ั ๔ จำ� พวกน้ี เป็นมติ รแทจ้ ริงแลว้ สักกจั จัง ปะยริ ปุ าเสยยะ พึงเขา้ ไปคบหาโดยเคารพ มาตา ปตุ ตังวะ โอระสัง ให้เหมอื นมารดากบั บตุ รอนั เป็นโอรส ฉะนนั้ ๑ เพอื่ นประมาท ชว่ ยรกั ษาเพอื่ น, เพอื่ นประมาท ชว่ ยรกั ษาทรพั ยส์ นิ เพอื่ น, เมอ่ื มภี ยั พง่ึ พ�ำนกั ได,้ มีกิจจ�ำเป็น ชว่ ยออกทรพั ย์ให้เกินกว่าทีอ่ อกปาก ๒ บอกความลับแกเ่ พ่อื น, ปิดความลบั ของเพอ่ื น, มภี ยั อนั ตราย ไม่ทิง้ , แม้ชวี ิตก็สละให้ได้ ๓ จะทำ� ชวั่ คอยหา้ ม, คอยแนะนำ� ใหต้ ง้ั ในความด,ี ใหไ้ ดฟ้ งั สงิ่ ทไี่ มเ่ คยฟงั , บอกทางสขุ ทางสวรรคใ์ ห้ ๔ ทุกข์ ทุกข์ด้วย, สุข สุขด้วย, เขาติเตียนเพ่ือน ช่วยยับยั้งแก้ให้, เขาสรรเสริญเพื่อน ช่วยเสริม สนบั สนุน ๑๓๗
กรณียกจิ หันทะ มะยัง กะระณียะกิจจะคาถาโย ภะณามะ เส กะระณยี ะมัตถะกสุ ะเลนะ ยันตงั สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ อนั บคุ คลผฉู้ ลาดในประโยชน์ พงึ ทำ� กจิ ทท่ี า่ นผบู้ รรลถุ งึ ซงึ่ ทางอนั สงบได้กระท�ำแล้ว สกั โก พึงเป็นผู้องอาจ อชุ ู จะ เปน็ ผู้ซอ่ื ตรง สุหุชู จะ เปน็ ผซู้ ือ่ ตรงอยา่ งดดี ว้ ย สวุ ะโจ จสั สะ เปน็ ผวู้ า่ ง่ายสอนง่าย มทุ ุ เป็นผู้ออ่ นโยน อะนะติมานี เป็นผูไ้ มด่ หู มนิ่ ผู้อ่ืน สนั ตุสสะโก จะ เปน็ ผู้ยนิ ดดี ว้ ยของอนั มอี ยแู่ ล้ว ๑๓๘
สภุ ะโร จะ เปน็ ผ้เู ล้ียงงา่ ย อัปปะกิจโจ จะ เปน็ ผมู้ กี จิ การพอประมาณ สัลละหกุ ะวตุ ติ ประพฤติตนเป็นผเู้ บากายเบาจติ สันตินทฺรโิ ย จะ มอี นิ ทรีย์อันสงบร�ำงบั นปิ ะโก จะ มปี ัญญารกั ษาตนได้ อปั ปะคัพโภ เปน็ ผู้ไมค่ ะนองกายวาจา กุเลสุ อะนะนุคิทโธ เป็นผไู้ มต่ ดิ พนั ในสกุลท้งั หลาย นะ จะ ขทุ ทัง สะมาจะเร กญิ จิ เยนะ วญิ ญู ปะเร อุปะวะเทยยุง วิญญชู นพึงตเิ ตียนชนเหล่าอ่นื ได้ ดว้ ยการกระท�ำอยา่ งใด เราไมพ่ ึงกระทำ� การอยา่ งน้นั แมเ้ พยี งนิดหนง่ึ แล ๑๓๙
อารกั ขกัมมัฏฐาน หนั ทะ มะยัง อารักขะกมั มฏั ฐานะ คาถาโย ภะณามะ เส พุทธานสุ สะติ เมตตา จะ อะสุภะ มะระณัสสะติ, อิจจิมา จะตุรารักขา กาตัพพา จะ วปิ ัสสะนา กัมมัฏฐานทั้ง ๔ นค้ี อื :- พุทธานสุ สติ การระลึกถงึ พระคณุ ของพระพุทธเจา้ เมตตา การปรารถนาใหผ้ อู้ ื่นเป็นสขุ อสุภะ การพิจารณากายให้เหน็ เปน็ ของไม่งาม มรณสั สติ การระลกึ ถึงความตาย การปฏบิ ตั ภิ าวนาทั้ง ๔ น้ี ชือ่ วา่ อารกั ขกัมมัฏฐาน และวิปัสสนาอนั พงึ บำ� เพญ็ วิสทุ ธะธัมมะสนั ตาโน อะนตุ ตะรายะ โพธิยา, โยคะโต จะ ปะโพธา จะ พทุ โธ พทุ โธติ ญายะเต พระพทุ ธเจ้าทรงมีพระทยั ท่ีบริบูรณ์ ด้วยพระธรรมอนั บรสิ ุทธิ์ ทรงเปน็ ผรู้ ู้ผตู้ ืน่ ผู้เบกิ บาน มพี ระปญั ญาตรสั รู้ธรรมอนั ยอดเยยี่ ม ทรงชกั นำ� สัง่ สอนหมู่มนุษยใ์ ห้ดำ� เนินชีวิตอยา่ งถกู ตอ้ ง ๑๔๐
นะรานะระตริ ัจฉานะเภทา สัตตา สุเขสิโน, สัพเพปิ สุขโิ น โหนตุ สุขติ ตั ตา จะ เขมิโน สัตวท์ งั้ หลาย ทัง้ มนุษย์อมนุษย์และดิรัจฉาน ต่างเปน็ ผู้แสวงหาความสุขด้วยกันทัง้ นัน้ ขอสตั วท์ ้งั หลายเหล่านนั้ จงเปน็ ผ้มู ีความสุข และเป็นผู้มคี วามเบิกบาน เพราะถึงซึง่ ความสขุ น้นั เถดิ เกสะโลมาทิฉะวานงั อะยะเมวะ สะมสุ สะโย, กาโย สพั โพปิ เชคจุ โฉ วัณณาทิโต ปะฏกิ กุโล กายนีแ้ ล เปน็ ที่รวมแห่งซากศพ มผี มขนเป็นตน้ ซงึ่ ล้วนแต่เปน็ ของน่าเบือ่ หน่าย เป็นของปฏกิ ลู โดยมสี แี ละกลนิ่ อนั นา่ เกลียดเปน็ ตน้ ชวี ิตินทรฺ ิยปุ จั เฉทะ สงั ขาตะมะระณงั สิยา, สัพเพสังปีธะ ปาณีนงั ตณั หิ ธวุ ัง นะ ชีวิตัง ความตายคือความแตกสลายแห่งชวี ิต จะมีแก่สตั ว์ทง้ั หมดทงั้ สนิ้ ในโลกน้ี เพราะวา่ ความตายเป็นของเท่ียง ชวี ติ ความเปน็ อย่เู ป็นของไมเ่ ทยี่ ง ดังนีแ้ ล ๑๔๑
สมณสญั ญา ๓ ประการ หันทะ มะยงั ติสสะสะมะณะสัญญาปาฐัง ภะณามะ เส ติสโส ภกิ ขะเว สะมะณะสญั ญา ภาวิตา พะหุลีกะตา ดกู อ่ นภิกษุท้ังหลาย สมณสญั ญา ๓ ประการ อนั บรรพชิตกระทำ� ใหม้ ากแลว้ สตั ตะ ธัมเม ปะรปิ เู รนติ ยอ่ มกระท�ำธรรมะทั้ง ๗ ประการให้บรบิ ูรณไ์ ด้ กะตะมา ตสิ โส สมณสญั ญา ๓ ประการคืออะไรบา้ ง เววัณณิยมั หิ อชั ฌูปะคะโต บัดนเ้ี รามเี พศแตกต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริ ิยาใดๆ ของสมณะ เราต้องทำ� อาการกิรยิ านน้ั ๆ ปะระปะฏิพทั ธา เม ชวี กิ า ความเล้ียงชีพของเราเน่อื งดว้ ยผ้อู ่นื เราควรท�ำตวั ใหเ้ ขาเลยี้ งง่าย อัญโญ เม อากัปโป กะระณโี ย อาการกายวาจาอย่างอน่ื ท่ีเราจะต้องท�ำให้ดขี ้นึ ไปกว่านี้ ยงั มีอยู่ มิใชเ่ พยี งเทา่ น้ี ๑๔๒
อเิ ม โข ภิกขะเว ติสโส สะมะณะสญั ญา ภาวติ า พะหลุ ีกะตา ดูกอ่ นภิกษุทงั้ หลาย สมณสัญญา ๓ ประการ เหลา่ นแ้ี ล อันบรรพชิตกระทำ� ให้มากแลว้ สตั ตะ ธัมเม ปะริปเู รนติ ยอ่ มกระทำ� ธรรมะทงั้ ๗ ประการให้บริบูรณ์ได้ กะตะเม สตั ตะ ธรรมะ ๗ ประการคืออะไรบ้าง นจิ จงั สตั ตะการี โหติ สัตตะวุตติ สีเลสุ คอื เปน็ ผูม้ ปี กติประพฤติในศลี ด้วยความสม�่ำเสมอ เปน็ นติ ย์ อะนะภิชฌาลุ โหติ เป็นผูม้ ีปกตไิ มเ่ พง่ เล็งส่งิ ใด อัพฺยาปัชโฌ โหติ เปน็ ผู้ไมเ่ บยี ดเบียนใคร อะนะตมิ านี โหติ เป็นผู้ไมด่ ูหม่ินผ้อู ่ืน สกิ ขากาโม โหติ เป็นผู้ใครต่ ่อการศกึ ษา ๑๔๓
อิจจตั ถนั ติสสะโหติ ชีวิตะปะริกขาเรสุ เป็นผู้มีความพจิ ารณาใหเ้ ห็นประโยชนใ์ นบริขาร เครื่องเลีย้ งชีวิต อารทั ธะวริ โิ ย วิหะระติ ย่อมเปน็ ผ้ปู รารภความเพียรอยู่ อิเม โข ภิกขะเว ตสิ โส สะมะณะสัญญา ภาวิตา พะหุลกี ะตา ดกู อ่ นภกิ ษุท้ังหลาย สมณสญั ญา ๓ ประการ เหล่านแ้ี ล อนั บรรพชติ กระท�ำใหม้ ากแล้ว อเิ ม สัตตะ ธัมเม ปะรปิ เู รนตตี ิ ยอ่ มกระท�ำธรรมะทั้ง ๗ ประการเหล่านี้ ใหบ้ รบิ ูรณไ์ ดฉ้ ะนี้แล ๑๔๔
สจั จะกริ ิยะคาถา หันทะ มะยัง สจั จะกริ ยิ ะคาถาโย ภะณามะ เส นัตถิ เม สะระณัง อญั ญงั พทุ โธ เม สะระณัง วะรงั ท่ีพง่ึ อื่นของข้าพเจ้าไมม่ ี พระพุทธเจ้าเป็นทพ่ี ึง่ อันประเสริฐของขา้ พเจา้ เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ด้วยการกลา่ วค�ำสตั ย์นี้ ความเจริญสขุ สวสั ดี จงมแี กข่ ้าพเจ้าในกาลทกุ เม่ือ นตั ถิ เม สะระณงั อัญญงั ธัมโม เม สะระณงั วะรงั ท่พี ง่ึ อื่นของขา้ พเจา้ ไมม่ ี พระธรรมเปน็ ท่ีพงึ่ อันประเสริฐของข้าพเจา้ เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ โสตถิ เม โหตุ สพั พะทา ดว้ ยการกลา่ วคำ� สตั ยน์ ี้ ความเจริญสขุ สวสั ดี จงมีแกข่ ้าพเจา้ ในกาลทุกเมอื่ นตั ถิ เม สะระณงั อญั ญงั สงั โฆ เม สะระณัง วะรงั ที่พึง่ อน่ื ของขา้ พเจา้ ไมม่ ี พระสงฆ์เป็นทพี่ ึง่ อนั ประเสริฐของข้าพเจ้า เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ โสตถิ เม โหตุ สพั พะทา ดว้ ยการกล่าวคำ� สัตยน์ ้ี ความเจริญสุขสวัสดี จงมแี ก่ข้าพเจา้ ในกาลทกุ เมือ่ ๑๔๕
สลี ุทเทส ปาฐะ หนั ท ะ มะยงั สลี ทุ เทสะปาฐงั ภะณาม ะ เส ภาส ติ ะมทิ งั เตนะ ภะคะวะต า ชาน ะต า ปสั ส ะต า อะร ะหะตา สมั มาส มั พทุ เธนะ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ผรู้ ู้ ผเู้ หน็ เปน็ พ ระอ รหนั ต์ ตรสั รชู้ อบไดโ้ ดยพ ระองคเ์ อง ไดต้ รสั ภ าษติ ไว้ ดงั นว้ี า่ สมั ป นั นะสลี า ภกิ ขะเว วหิ ะร ะถะ สมั ป นั น ะปาฏโิ มกข า ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั ห ลาย เธอทง้ั ห ลายจงเปน็ ผ มู้ ศี ลี ส มบรู ณ์ มพี ระปาฏโิ มกขส์ มบรู ณ์ ปาฏโิ มกข ะสงั วะร ะส งั วตุ า วหิ ะระถะ อาจาร ะโคจ ะร ะ สมั ปนั นา จงเปน็ ผ สู้ �ำ รวมแ ลว้ ดว้ ยค วามส �ำ รวมในพ ระป าฏโิ มกข์ สมบรู ณด์ ว้ ยอาจาระคอื มารยาทอ นั ควร และสมบรู ณด์ ว้ ยโคจรคอื ส ถานทท่ี ภ่ี กิ ษคุ วรไป อะณมุ ตั เตส ุ วชั เชส ุ ภะย ะท สั สาวี สะม าทายะ สกิ ขะถ ะ สกิ ขาปะเทส ตู ิ จงเปน็ ผมู้ ปี กตเิ หน็ ความนา่ กลวั ในโทษ แมเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย สมาทานศกึ ษาแ ละส�ำ เหนยี ก ในสกิ ขาบทท ง้ั ห ลายเถดิ ๑1๔4๖6
ตสั มฺ าต หิ มั เหหิ สกิ ขติ พั พ งั เพราะฉะนน้ั พวกเราทง้ั หลายควรศกึ ษา และส�ำ เหนยี กว า่ สมั ป นั นะส ลี า วหิ ะร สิ ส าม ะ สมั ปนั นะปาฏโิ มกขา เราทง้ั หลายจกั เปน็ ผ มู้ ศี ลี สมบรู ณ์ มพี ระปาฏโิ มกขส์ มบรู ณ์ ปาฏโิ มกขะสงั วะร ะส งั วตุ า วหิ ะร สิ ส าม ะ อาจ าระโคจ ะระสมั ปนั นา จกั เปน็ ผ สู้ �ำ รวมแลว้ ดว้ ยค วามส �ำ รวมในพ ระป าฏโิ มกข์ สมบรู ณด์ ว้ ยอาจ าระคอื มารยาทอนั ค วร และสมบรู ณด์ ว้ ยโคจรค อื สถานทท่ี ภ่ี กิ ษคุ วรไป อะณมุ ตั เตส ุ วชั เชสุ ภะย ะทสั สาวี สะม าทายะ สกิ ขสิ สามะ สกิ ขาป ะเทสตู ิ เราทง้ั หลายจ กั เปน็ ผ มู้ ปี กตเิ หน็ ค วามนา่ กลวั ในโทษแมเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย สมาทานศกึ ษา และส�ำ เหนยี กในสกิ ขาบททง้ั ห ลาย เอวญั หิ โน สกิ ขติ พั พ งั พวกเราท ง้ั หลายพ งึ ศกึ ษาแ ละส�ำ เหนยี กอยา่ งนแ้ี ล ๑14๔7๗
ตายนคาถา หันทะ มะยงั ตายะนะคาถาโย ภะณามะ เส ฉินทะ โสตงั ปะรักกมั มะ กาเม ปะนูทะ พรฺ าหมฺ ะณะ เธอจงบากบนั่ ตัดกระแสแห่งตณั หาเสีย จงกำ� จดั กามคุณทง้ั หลายเสยี เถดิ นปั ปะหายะ มนุ ิ กาเม เนกัตตะมุปะปัชชะติ เพราะมนุ ที ่ไี ม่ละกามท้ังหลายแล้ว จะเขา้ ถึงความสงบไมไ่ ด้ กะยิรา เจ กะยริ าเถนัง ทฬั หะเมนงั ปะรักกะเม ถ้าจะทำ� การใด ให้ท�ำการนน้ั จริงๆ พงึ บากบั่นท�ำกจิ นั้นให้ม่นั สิถโิ ล หิ ปะริพพาโช ภิยโย อากริ ะเต ระชัง เพราะการบวชท่ียงั ยอ่ หย่อนหละหลวม ยง่ิ โปรยโทษดุจธลุ ี อะกะตงั ทกุ กะฏงั เสยโย ปจั ฉา ตัปปะติ ทุกกะฏัง อนั ความชัว่ ไม่ทำ� เสยี เลยดกี ว่า เพราะวา่ ความชั่วยอ่ มสง่ ผล คอื ความทุกข์แผดเผาเราในภายหลงั ๑๔๘
กะต ญั จะ สกุ ะตงั เสยโย ยงั กตั วฺ า นานตุ ปั ปะติ อนั ความด ที �ำ ไวน้ น่ั แหละด กี วา่ เพราะท�ำ แลว้ ไมต่ อ้ งเดอื ดร อ้ นใจในภายหลงั กโุ ส ยะถ า ทคุ คะห โิ ต หตั ถ ะเมว านกุ นั ตะติ บคุ คลจะถ อนหญา้ คาแตจ่ บั ไมด่ ี ยอ่ มบาดม อื ไดฉ้ นั ใด สามญั ญงั ทปุ ป ะรามตั ถงั นริ ะย าย ปู ะก ฑั ฒะต ิ สมณธรรมทบ่ี รรพชติ ป ระพฤตดิ ว้ ยค วามยอ่ หยอ่ น และชว่ั ชา้ ยอ่ มฉ ดุ ลากเขาล งไปส นู่ รกไดฉ้ นั นน้ั ยงั กญิ จ ิ สถิ ลิ งั กมั มงั สงั กลิ ฏิ ฐญั จะ ยงั วะตงั สงั กสั สะรงั พรฺ หั มฺ ะจ ะรยิ งั นะ ตงั โหติ มะหปั ผ ะลนั ต ิ การงานอ นั ใดท ย่ี อ่ หยอ่ น ขอ้ วตั รอนั ใดทเ่ี จอื ด ว้ ยความเศรา้ ห มอง พรหมจรรยอ์ นั ใดท ต่ี นประพฤตยิ อ่ หยอ่ น ตอ้ งระลกึ ถ งึ ดว้ ยค วามร งั เกยี จ กจิ ทง้ั ๓ อยา่ งน น้ั ยอ่ มเปน็ ข องทไ่ี มใ่ หผ้ ลอ นั ย ง่ิ ใหญ่ ดงั น้ี ๑14๔9๙
๑1๕50๐
สามัญญาน โุ มทนาค าถา สพั พตี โิ ย ววิ ชั ชนั ตุ ความจญั ไรทง้ั ป วงจ งบ �ำ ราศไป สพั พะโรโค วนิ สั ส ะตุ โรคทง้ั ปวงข องท า่ นจงหาย มา เต ภะว ตั วฺ นั ต ะร าโย อนั ตรายอยา่ ม แี กท่ า่ น สขุ ี ทฆี ายโุ ก ภะวะ ทา่ นจงเปน็ ผ มู้ คี วามส ขุ มอี ายยุ นื อะภวิ าท ะนะสลี สิ ส ะ นจิ จงั วฑุ ฒาป ะจ าย โิ น จตั ต าโร ธมั ม า วฑั ฒนั ต ,ิ อายุ วณั โณ สขุ งั พะล งั พรสป่ี ระการ คอื อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ยอ่ มเจรญิ แกบ่ คุ คลผมู้ ปี กตกิ ราบไหว้ มปี กตอิ อ่ นนอ้ มถ อ่ มต วั เปน็ น ติ ย์ ๑15๕1๑
โภชนาทาน านโุ มทนาค าถา อายโุ ท พะล ะโท ธโี ร ผมู้ ปี ญั ญาใหอ้ ายุ ใหก้ �ำ ลงั วณั ณะโท ปะฏภิ าณะโท ใหว้ รรณะ ใหป้ ฏภิ าณ สขุ สั สะ ทาตา เมธาวี ผมู้ ปี ญั ญาใหค้ วามส ขุ สขุ งั โส อะธคิ จั ฉะติ ยอ่ มไดป้ ระสบสขุ อาย งุ ทตั วฺ า พะล งั วณั ณ งั สขุ ญั จ ะ ปะฏภิ าณะโท บคุ คลผใู้ หอ้ ายุ พละ วรรณะ สขุ ะ และป ฏภิ าณ ทฆี ายุ ยะส ะว า โหติ ยตั ถะ ยตั ถปู ะปชั ช ะต ตี ิ บงั เกดิ ในทใ่ี ดๆ ยอ่ มเปน็ ผมู้ อี ายยุ นื มยี ศ มสี ขุ ในทน่ี น้ั ๆ ดงั น้ี ๑15๕2๒
อัคคปั ปสาทสุตตะคาถา อัคคะโต เว ปะสนั นานงั อคั คัง ธัมมัง วชิ านะตงั เม่ือบุคคลรู้จักธรรมอนั เลิศ เลอ่ื มใสแล้วโดยความเปน็ ของเลิศ อคั เค พุทเธ ปะสนั นานงั เล่ือมใสแล้วในพระพทุ ธเจา้ ผู้เลิศ ทักขิเณยเย อะนุตตะเร ซงึ่ เปน็ ทักขิไณยบุคคลอนั เยี่ยมยอด อัคเค ธัมเม ปะสันนานงั เลอ่ื มใสแลว้ ในพระธรรมอันเลศิ วิราคูปะสะเม สุเข ซึ่งเป็นธรรมอนั ปราศจากราคะ และสงบระงับเป็นสขุ อคั เค สังเฆ ปะสันนานัง เลอ่ื มใสแลว้ ในพระสงฆ์ผเู้ ลิศ ปุญญกั เขตเต อะนตุ ตะเร ซงึ่ เป็นบุญเขตอยา่ งยอด อัคคัสมฺ ิง ทานงั ทะทะตงั ถวายทานในทา่ นผู้เลศิ อคั คงั ปุญญัง ปะวฑั ฒะติ บุญท่เี ลิศยอ่ มเจริญ ๑๕๓
อคั คงั อายุ จะ วณั โณ จะ อายุ วรรณะท่ีเลศิ ยะโส กติ ติ สุขัง พะลงั และยศ เกียรตคิ ุณ สขุ ะ พละท่เี ลิศ ย่อมเจรญิ อัคคัสสะ ทาตา เมธาวี อัคคะธัมมะสะมาหโิ ต ผมู้ ปี ัญญาตงั้ มน่ั ในธรรมอนั เลิศแล้ว ใหท้ านแก่ทา่ นผเู้ ป็นบุญเขตอนั เลิศ เทวะภูโต มะนสุ โส วา จะไปเกดิ เป็นเทพยดา หรอื มนุษยก์ ต็ าม อัคคปั ปัตโต ปะโมทะตตี ิ ยอ่ มเปน็ ผู้ถงึ ความเปน็ ผูเ้ ลศิ บนั เทิงอยู่ ดังน้ี ๑๕๔
สัพพโรควินมิ ุตโต สพั พะโรคะวนิ มิ ตุ โต ท่านจงเปน็ ผู้พน้ จากโรคทงั้ ปวง สพั พะสนั ตาปะวัชชิโต จงวา่ งเวน้ จากความเดอื ดร้อนท้ังปวง สัพพะเวระมะตกิ กันโต จงล่วงเสยี ซ่ึงเวรทง้ั ปวง นพิ พุโต จะ ตวุ ัง ภะวะ จงถงึ ความดับไปซง่ึ ทกุ ข์ทง้ั ปวงแห่งท่านท้งั หลาย สจั เจนะ จะ สเี ลนะ จะ ด้วยสัจจะกด็ ี ด้วยศีลกด็ ี ขันตเิ มตตา พะเลนะ จะ ดว้ ยพลังแห่งขนั ติ และเมตตากด็ ี เตสัง พุทธานงั แห่งพระพทุ ธเจา้ ทั้งหลาย อะนุรักขันตุ เต จงรักษาทา่ นทุกเม่ือ อะโรคะเยนะ จะ สเุ ขนะ จะ ด้วยสภาวะหาโรคมิได้กด็ ี ด้วยความสุขกด็ ี โหนตุ เต จงมีแด่ทา่ นทกุ เม่อื เทอญ ๑๕๕
มงคลจกั รวาลนอ้ ย สัพพะพุทธานภุ าเวนะ ดว้ ยอานภุ าพแห่งพระพทุ ธเจ้าท้ังปวง สัพพะธมั มานุภาเวนะ ดว้ ยอานภุ าพแห่งพระธรรมทง้ั ปวง สัพพะสังฆานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแหง่ พระสงฆ์ทงั้ ปวง พทุ ธะระตะนัง ธมั มะระตะนัง สังฆะระตะนงั ติณณัง ระตะนานัง อานภุ าเวนะ ด้วยอานภุ าพแหง่ พระไตรรัตน์ อันได้แก่ พระพุทธรตั นะ พระธรรมรตั นะ พระสงั ฆรตั นะ จะตุราสตี สิ ะหัสสะธมั มกั ขันธานภุ าเวนะ ด้วยอานุภาพแหง่ พระธรรมขนั ธ์แปดหมืน่ สพ่ี นั ปฏิ ะกตั ตะยานุภาเวนะ ด้วยอานภุ าพแห่งพระไตรปิฎก ชินะสาวะกานุภาเวนะ ดว้ ยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชนิ เจา้ สัพเพ เต โรคา สัพเพ เต ภะยา โรคทงั้ หลายของท่าน ภยั ทั้งหลายของทา่ น สัพเพ เต อันตะรายา สพั เพ เต อุปัททะวา อันตรายทัง้ หลายของท่าน อปุ ัทวะท้ังหลายของทา่ น ๑๕๖
สัพเพ เต ทนุ นมิ ิตตา สพั เพ เต อะวะมงั คะลา นิมติ ร้ายทัง้ หลายของท่าน อวมงคลทัง้ หลายของทา่ น วินสั สนั ตุ จงพนิ าศไป อายวุ ัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก ความเจริญด้วยอายุ ความเจริญดว้ ยทรัพย์ สริ ิวฑั ฒะโก ยะสะวัฑฒะโก ความเจรญิ ดว้ ยสริ ิ ความเจริญด้วยยศ พะละวัฑฒะโก วณั ณะวัฑฒะโก ความเจรญิ ด้วยกำ� ลัง ความเจริญดว้ ยวรรณะ สขุ ะวัฑฒะโก โหตุ สพั พะทา ความเจรญิ ดว้ ยสุข จงมแี ก่ท่านในกาลทง้ั ปวง ทกุ ขะโรคะภะยา เวรา ความทุกข์โรคภยั และเวรทั้งหลาย โสกา สตั ตุ จปุ ัททะวา ความโศก ศตั รู และอุปทั วะทั้งปวง อะเนกา อันตะรายาปิ วินสั สันตุ จะ เตชะสา อันตรายท้ังหลายเปน็ อเนกประการ จงพินาศไปด้วยเดชะ ชะยะสิทธิ ธะนงั ลาภัง ความชนะ ความสำ� เร็จ ทรพั ย์ และลาภ ๑๕๗
โสตถิ ภาคฺยัง สุขัง พะลัง ความสวสั ดี ความมีโชค ความสุข และก�ำลัง สริ ิ อายุ จะ วณั โณ จะ สิริ อายุ วรรณะ โภคัง วฑุ ฒี จะ ยะสะวา โภคทรพั ย์ ความเจรญิ และ ความเปน็ ผู้มียศ สะตะวัสสา จะ อายู จะ การได้อายยุ ืนเปน็ ร้อยป ี ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต และความสำ� เร็จกจิ ในความเปน็ อยู่ จงมแี ก่ทา่ นในกาลทกุ เมอื่ เทอญ ๑๕๘
กาลทานสุตตคาถา กาเล ทะทนั ติ สะปญั ญา วะทญั ญู วีตะมัจฉะรา กาเลนะ ทินนงั อะรเิ ยสุ อุชภุ ูเตสุ ตาทิสุ วปิ ปะสนั นะมะนา ตัสสะ วิปุลา โหติ ทักขิณา ทายกทายกิ าทง้ั หลายเหลา่ ใด เป็นผมู้ ีปญั ญา มีปกติร้จู กั ค�ำพดู ปราศจากความตระหน่ี มีใจเลอ่ื มใสแล้วในพระอรยิ เจา้ ทัง้ หลาย ซึง่ เป็นผตู้ รงคงท่ีบรจิ าคทาน ทำ� ให้เป็นของท่ตี นถวายโดยกาลนยิ ม ในกาลสมยั ทักษณิ าทานของทายกทายิกานน้ั เปน็ คุณสมบัติมผี ลไพบูลย์ เย ตตั ถะ อะนุโมทันติ เวยยาวจั จงั กะโรนติ วา ชนทั้งหลายเหลา่ ใด อนโุ มทนาหรอื ชว่ ยกระท�ำการขวนขวายในทานนนั้ นะ เตนะ ทกั ขิณา โอนา ทักษณิ าทานของเขามไิ ดบ้ กพร่องไปดว้ ยเหตุน้ัน เตปิ ปุญญสั สะ ภาคโิ น แม้ชนเหลา่ น้ัน ยอ่ มเปน็ ผมู้ สี ่วนแหง่ ผลบญุ นนั้ ดว้ ย ๑๕๙
ตสั ฺมา ทะเท อัปปะฏิวานะจติ โต ยัตถะ ทนิ นงั มะหัปผะลัง เหตุนัน้ ทายกทายิกาควรเป็นผูม้ ีจติ ไม่ทอ้ ถอย ให้ในท่ใี ดมีผลมาก ควรให้ในทนี่ ั้น ปุญญานิ ปะระโลกสั มฺ งิ ปะติฏฐา โหนติ ปาณนิ นั ติ บญุ ยอ่ มเป็นที่พงึ่ อาศัยของสัตว์ทัง้ หลายในโลกหน้า ดงั น้ี ๑๖๐
ติโรกุฑฑกัณฑปจั ฉิมภาค อะทาสิ เม อะกาสิ เม ญาตมิ ติ ตา สะขา จะ เม บคุ คลมาระลึกถึงอุปการะอันท่านได้ทำ� แกต่ น ในกาลก่อนวา่ ผู้นัน้ ไดใ้ หส้ ง่ิ นแี้ กเ่ รา ผนู้ ี้ไดท้ ำ� กิจของเรา ผู้นี้เปน็ ญาตเิ ปน็ มติ รเปน็ เพอ่ื นของเรา เปตานัง ทักขิณัง ทชั ชา ปพุ เพ กะตะมะนสุ สะรัง ก็ควรให้ทักษณิ าทานเพือ่ ผทู้ ีล่ ะโลกน้ีไปแล้ว นะ หิ รุณณงั วา โสโก วา ยา วญั ญา ปะริเทวะนา การรอ้ งไหก้ ็ดี การเศร้าโศกกด็ ี หรอื การรำ่� ไรร�ำพันอย่างอื่นก็ดี บคุ คลไมค่ วรทำ� เลย นะ ตัง เปตานะมตั ถายะ เอวงั ตฏิ ฐันติ ญาตะโย เพราะวา่ การรอ้ งไห้เปน็ ตน้ น้นั ไม่เปน็ ประโยชน์แกญ่ าตทิ ้ังหลายผูล้ ะโลกนีไ้ ปแล้ว เพราะญาตทิ ้ังหลายยอ่ มตัง้ อย่อู ยา่ งนนั้ อะยัญจะ โข ทักขณิ า ทินนา สงั ฆมั หิ สปุ ะตฏิ ฐติ า กท็ ักษณิ านปุ ระทานนแ้ี ลอันทา่ นไดใ้ หแ้ ลว้ ประดิษฐานไว้ดีแลว้ ในสงฆ์ ทีฆะรัตตัง หติ ายัสสะ ฐานะโส อปุ ะกัปปะติ ย่อมส�ำเร็จประโยชนเ์ กอ้ื กูลไดน้ าน แก่ผ้ทู ่ีละโลกนไ้ี ปแล้วตามฐานะ ๑๖๑
โส ญาติธมั โม จะ อะยงั นิทัสสโิ ต ญาตธิ รรมนีน้ ั้นทา่ นได้แสดงใหป้ รากฏแลว้ เปตานะ ปชู า จะ กะตา อุฬารา แลบูชาอันย่ิงท่านกไ็ ด้ทำ� แกญ่ าติผลู้ ะโลกนไี้ ปแลว้ พะลัญจะ ภกิ ขนู ะมะนปุ ปะทนิ นัง ตุมเหหิ ปุญญงั ปะสตุ ัง อะนัปปะกันติ กำ� ลังแห่งภกิ ษทุ ้งั หลาย ช่ือวา่ ท่านก็ไดเ้ พมิ่ ใหแ้ ล้วดว้ ย ทา่ นไดข้ วนขวายในบุญอันมาก ดงั น้ีแล ๑๖๒
ภะวะต สุ พั ภะว ะตุ สพั พะมงั ค ะลงั ขอสรรพม งคล จงมแี กท่ า่ น รกั ข นั ต ุ สพั พะเทวะตา ขอเหลา่ เทวดาและก ศุ ลทง้ั ป วงท ท่ี า่ นท�ำ จงร กั ษาทา่ น สพั พะพ ทุ ธานภุ าเวนะ ดว้ ยอานภุ าพแ หง่ พ ระพทุ ธเจา้ ทง้ั ป วง สพั พ ะธมั ม านภุ าเวนะ ดว้ ยอานภุ าพแหง่ พ ระธรรมทง้ั ป วง สพั พะส งั ฆานภุ าเวนะ ดว้ ยอานภุ าพแหง่ พ ระสงฆท์ ง้ั ปวง สะท า โสตถ ี ภะว นั ต ุ เต ขอความสขุ ส วสั ดที ง้ั ห ลาย จงม แี กท่ า่ นทกุ เมอ่ื เทอญ ๑16๖3๓
ค�ำขอขมา ในพุทธศาสนา มีข้อปฏิบัติอย่างหนึ่งว่า ผู้ใดล่วงเกิน ผู้อื่น ผู้น้ันไม่ควรท�ำเฉยเมย เมื่อรู้สึกตัวแล้วพึงขอโทษ เรียกว่า ขอขมา แปลว่า ขอให้ยกโทษ และผู้ใดถูกล่วงเกิน เมอื่ ไดร้ บั การขอขมา ผนู้ น้ั ไมค่ วรถอื โกรธไมร่ หู้ าย พงึ รบั ขมา ยอมยกโทษให้ นอกจากนี้ การขอขมายังเป็นธรรมเนียมอย่างหน่ึง ท่ีภิกษุประพฤติกันในโอกาสต่างๆ เช่น ในวันเข้าพรรษา หรือในวันต่อจากน้ัน ซ่ึงเป็นกิจท่ีผู้น้อยท�ำแก่ผู้ใหญ่ ศิษย ์ ท�ำแก่อุปัชฌาย์อาจารย์ แม้ไม่เคยล่วงเกินกัน ก็ยังถือว่า เป็นสิง่ ทคี่ วรทำ� ค�ำขอขมา :- (กล่าวพร้อมกัน) ผูข้ อ *เถเร ปะมาเทนะ, ทฺวารตั ตะเยนะ กะตงั สพั พัง อะปะราธงั ** ขะมะตุ โน ภันเต ขอท่านได้กรุณายกโทษทง้ั ปวง ทข่ี ้าพเจา้ ได้ลว่ งเกนิ ทา่ นด้วย กาย วาจา ใจ เพราะความประมาทด้วยเทอญ ๑๖๔
ผ้รู ับ อะหงั ขะมาม,ิ **ตุมเหหปิ ิ เม ขะมิตัพพัง ขา้ พเจ้าขอยกโทษนั้นแก่ท่าน, แม้ท่านกพ็ ึงยกโทษน้ันแก่ข้าพเจา้ ดว้ ย ผู้ขอ ** ขะมามะ ภนั เต ข้าพเจ้าขอยกโทษนัน้ แก่ท่าน หมายเหต ุ *ค�ำว่า เถเร ใช้กับพระเถระตงั้ แตพ่ รรษา ๑๐ ข้ึนไป ถา้ เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ เปลี่ยน เถเร เป็น อุปัชฌาเย ถ้าเปน็ พระอาจารย ์ เปล่ยี น เถเร เป็น อาจะรเิ ย หากภิกษุไปขอขมารูปเดียว เปลีย่ นแปลงบางอยา่ งดังนี้ : - - ** ผ้ขู อ เปลี่ยน ขะมะตุ โน ภันเต เปน็ ขะมะถะ เม ภนั เต - ผรู้ บั เปลีย่ น ตมุ เหหิปิ เป็น ตะยาปิ - ผู้ขอ เปลย่ี น ขะมามะ เป็น ขะมามิ ๑๖๕
ค�ำใหพ้ รแกผ่ มู้ าขอขมา เต อตั ถะลทั ธา สุขิตา วิรฬุ หา พทุ ธะสาสะเน, อะโรคา สุขิตา โหถะ สะหะ สัพเพหิ ญาติภ,ิ อจิ ฉติ ัง ปัตถติ ัง ตมุ หัง ขปิ ปะเมวะ สะมิชฌะตุ, สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา, จนั โท ปัณณะระโส ยะถา, มะณโิ ชตริ ะโส ยะถา, สัพพตี ิโย วิวัชชนั ตุ, สพั พะโรโค วนิ สั สะตุ, มา เต ภะวตั วนั ตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ, อะภวิ าทะนะสลี สิ สะ นจิ จงั วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธมั มา วัฑฒันต,ิ อายุ วัณโณ สุขงั , พะลงั . ๑๖๖
คำ� แปล ค�ำใหพ้ รแก่ผูม้ าขอขมา กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม, กรรมอนั ใดทพี่ วกทา่ น ทั้งหลาย อาจจะประมาทล่วงเกินแก่ผมแล้ว ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดีด้วยจิตใจก็ดี, ทั้งท่ีระลึกได้และระลึกไม่ได้, ผมขออโหสกิ รรม งดซง่ึ โทษล่วงเกินอนั นน้ั , กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม, กรรมอันใดที่ผมอาจ จะประมาทพลาดพลั้ง ต่อพวกท่านทั้งหลาย, ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยจิตใจก็ดี, ท้ังท่ีระลึกได้และระลึกไม่ได้, ขอท่านอโหสิกรรม เว้นเสียซึ่งโทษอันล่วงเกินอันน้ัน, อย่าให้เป็นบาปเปน็ กรรมซง่ึ กันและกนั กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม, กรรมอนั ใดทพี่ วกทา่ น ท้งั หลายได้บ�ำเพ็ญมาแล้ว, ในสงิ่ ท่เี ป็นบุญเป็นกศุ ล, ผมขอ อนุโมทนาส่วนกุศลกบั ทา่ นท้ังหลายดว้ ย, กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม, กรรมอันใดที่ผมได ้ ประพฤติดีแล้ว, ได้ปฏิบัติดีแล้ว ด้วยกาย วาจา จิต, ผมขออุทิศส่วนกุศลแก่ท่านท้ังหลายเหล่านนั้ , ขอพวกท่าน ทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาท, และจงเจริญรุ่งเรืองในบวร พุทธศาสนา, ตลอดกาลนานเทอญ ๑๖๗
คำ� อธษิ ฐานเข้าพรรษา เม่ือถึงฤดูฝน ภิกษุจะต้องหยุดเดินทาง แล้วเข้าพ�ำนัก ในวัด หรือสถานท่ีใดสถานที่หน่ึงที่สมควรตลอด ๓ เดือน เริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่�ำ เดือน ๘ ถึงข้ึน ๑๕ ค่�ำ เดือน ๑๑ เรียกธรรมเนียมน้ีว่า การจ�ำพรรษา (เมื่อมีเหตุจ�ำเป็นหรือ ธุระอันสมควร สามารถไปท่ีอนื่ ได้ไม่เกินคราวละ ๗ วัน) เม่ือถึงวันเข้าพรรษา ภิกษุในอาวาสท้ังหมดพึงเข้าไป ประชุมพร้อมกันในโรงอุโบสถหรือในวิหารแล้วกล่าวค�ำ อธิษฐานพร้อมกันว่า :- อิมัสมฺ งิ อาวาเส, อิมงั เตมาสงั วสั สัง อเุ ปมะ (๓ คร้ัง) çเราทั้งหลายจักอยใู่ นอาวาสน้ีตลอด ๓ เดอื น ในฤดฝู นé หมายเหตุ หากกล่าวทีละรูปเปลี่ยนค�ำว่า อุเปมะ เป็นอเุ ปม ิ และเปลย่ี นเราท้ังหลายเป็น เรา หรอื ข้าพเจ้า ถ้าจ�ำพรรษารปู เดียวเปล่ยี นอาวาเสเปน็ วหิ าเร (วหิ าร) ๑๖๘
ค�ำขอนสิ ัย ภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ถ้าไม่ได้อยู่ในวัดเดียวกันกับ อุปัชฌาย์ จะต้องถือนิสัยในอาจารย์ หรือเจ้าอาวาสวัด ที่ตนอาศยั อยู่ นอกจากนี้การขอนิสัยก็ยังนิยมท�ำกันต่อจากการ ขอขมาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ในวันเข้าพรรษาด้วยหรือ ในบางโอกาส เช่น เมื่อไปขอพํ� ำนักศึกษาพระธรรมวินัย กบั พระอาจารยใ์ นวัดอื่น ค�ำขอนสิ ัย :- ศษิ ย์ อาจะรโิ ย เม ภันเต โหหิ, อายสั มฺ ะโต นสิ สายะ วจั ฉามิ (๓ ครั้ง) çขอทา่ นได้โปรดเป็นอาจารยข์ องขา้ พเจา้ , ขา้ พเจา้ ขออาศัยท่านé อาจารย ์ โอปายิกงั , ปะฏริ ูปงั , ปาสาทิเกนะ สมั ปาเทหิ (บทใดบทหนึ่งหรือทั้งสามบท) เç ปน็ อบุ ายทส่ี มควรแลว้ é ศิษย์ สาธุ ภนั เต (พงึ ตอบรบั ทุกบท) ดç ีแลว้ ทา่ นผู้เจรญิ é ๑๖๙
จากนนั้ ภิกษุพงึ กลา่ วคำ� รับเปน็ ธุระใหท้ ่านสืบไป ดงั น้ี :- อชั ชะตัคเคทานิ เถโร มยั หัง ภาโร, อะหมั ปิ เถรสั สะ ภาโร (๓ คร้งั ) ตัง้ แต่วนั นไ้ี ป พระเถระ (อาจารย์) ย่อมเปน็ ภาระของข้าพเจ้า และขา้ พเจา้ ก็ย่อมเป็นภาระของพระเถระ (อาจารย์) หมายเหตุ ถา้ ภิกษรุ ูปใดอยโู่ ดยไมข่ อนสิ ยั ท่านปรับอาบตั ิทกุ กฏแกภ่ กิ ษรุ ูปนั้น ๑๗๐
ค�ำปวารณา สงั ฆัมภนั เต ปะวาเรม,ิ ทฏิ เฐนะ วา สเุ ตนะ วา ปะริสงั กายะ วา, วะทนั ตุ มัง อายสั ฺมันโต อะนุกมั ปงั อปุ าทายะ, ปัสสันโต ปะฏิกกะริสสามิ ขา้ พเจา้ ขอปวารณาตอ่ สงฆ์ หากความประพฤติ บกพร่องใดๆ ของข้าพเจา้ ปรากฏแกท่ ่านทง้ั หลาย ดว้ ยได้เห็นก็ดี ดว้ ยได้ยนิ ก็ดี ดว้ ยสงสัยอยกู่ ด็ ี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัยความกรุณาว่ากล่าวตักเตือน ขา้ พเจ้าด้วย ข้าพเจ้าทราบแลว้ จกั แก้ไขตอ่ ไป ทุตยิ มั ปิ ภันเต สังฆัง ปะวาเรมิ, ทิฏเฐนะ วา สเุ ตนะ วา ปะริสังกายะ วา, วะทันตุ มงั อายัสฺมันโต อะนุกมั ปงั อุปาทายะ, ปัสสันโต ปะฏิกกะริสสามิ แม้ครัง้ ทสี่ อง ข้าพเจา้ ขอปวารณาต่อสงฆ์ หากความประพฤตบิ กพรอ่ งใดๆ ของข้าพเจา้ ปรากฏแกท่ า่ นท้งั หลาย ด้วยไดเ้ ห็นกด็ ี ด้วยไดย้ ินกด็ ี ด้วยสงสัยอยกู่ ็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงอาศัยความกรุณาวา่ กล่าวตกั เตอื นข้าพเจา้ ด้วย ขา้ พเจา้ ทราบแลว้ จักแก้ไขต่อไป ๑๗๑
ตะตยิ มั ปิ ภันเต สังฆัง ปะวาเรมิ, ทิฏเฐนะ วา สเุ ตนะ วา ปะริสงั กายะ วา, วะทนั ตุ มัง อายสั ฺมันโต อะนกุ ัมปงั อุปาทายะ, ปัสสนั โต ปะฏิกกะริสสามิ แมค้ รงั้ ทีส่ าม ข้าพเจา้ ขอปวารณาตอ่ สงฆ์ หากความประพฤตบิ กพร่องใดๆ ของขา้ พเจ้า ปรากฏแก่ท่านท้ังหลาย ดว้ ยได้เห็นกด็ ี ดว้ ยไดย้ นิ ก็ดี ดว้ ยสงสัยอยู่ก็ดี ขอท่านทงั้ หลาย จงอาศัยความกรณุ าวา่ กลา่ วตักเตอื นขา้ พเจา้ ดว้ ย ขา้ พเจ้าทราบแลว้ จักแกไ้ ขตอ่ ไป ๑๗๒
คำ� อปโลกนก์ ฐิน รูปที่ ๑ ผ้ากฐินทาน กับท้ังผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้เป็น ของ..........................................................ผปู้ ระกอบดว้ ยศรทั ธา อุตสาหะพร้อมเพรียงกัน นำ�มาถวาย แด่พระภิกษุสงฆ์ ผ้อู ยู่จำ�พรรษาถว้ นไตรมาสในอาวาสนี้ กแ็ ล ผา้ กฐนิ ทานนเ้ี ปน็ ของบรสิ ทุ ธิ์ ดจุ เลอื่ นลอยมาโดย นภากาศ แลว้ แลตกลงในทปี่ ระชมุ สงฆ์ จะไดจ้ ำ�เพาะเจาะจงลง วา่ เปน็ ของพระภกิ ษรุ ปู ใดรปู หนงึ่ กอ่ นนนั้ กห็ ามไิ ด้ มพี ระบรม พทุ ธานญุ าตไวว้ า่ ใหพ้ ระสงฆท์ ง้ั ปวง ยอมอนญุ าตใหแ้ กภ่ กิ ษ ุ รปู หนง่ึ เพอื่ จะทำ�ซงึ่ กฐนิ นตั ถารกจิ ตามพระบรมพทุ ธานญุ าต และมคี ำ�พระอรรถกถาจารย์ ผรู้ พู้ ระบรมพทุ ธาธบิ ายสงั วรรณนา ไวว้ า่ ภกิ ษรุ ปู ใดประกอบดว้ ยศลี สตุ าธคิ ณุ มสี ตปิ ญั ญาสามารถ รูธ้ รรม ๘ ประการ มีบุพกิจเป็นต้นภกิ ษรุ ปู น้นั จงึ สมควร เพอ่ื จะกระทำ�กฐนิ นตั ถารกจิ ตามพระบรมพทุ ธานญุ าตได้ บัดนี้ พระสงฆท์ ัง้ ปวง จะเห็นสมควรแกภ่ ิกษรุ ูปใด จงพรอ้ มกนั ยอมอนญุ าตใหแ้ กภ่ กิ ษรุ ปู นน้ั เทอญ (ไมต่ อ้ ง สาธ)ุ ๑๗๓
รูปท่ี ๒ ผา้ กฐนิ ทาน กบั ทง้ั ผา้ อานสิ งั สบรวิ ารทงั้ ปวงน้ี ขา้ พเจา้ พจิ ารณาเหน็ สมควรแก่ ...................................................เปน็ ผมู้ ี สติปัญญาสามารถ เพื่อกระทำ�กฐินนัตถารกิจให้ถูกต้อง ตามพระบรมพุทธานุญาตได้ ถ้าพระภิกษุรูปใดเห็นไม่ สมควร จงทักทว้ งข้ึนในท่ามกลางระหวา่ งสงฆ์ (หยุดรอครู่หน่ึง) ถ้าเห็นสมควรแล้วไซร้ จงให้สัททสัญญา สาธุการ ขึน้ ให้พร้อมกนั เทอญ (สาธุ) ๑๗๔
ค�ำประกาศอโุ บสถ อัชชะ โภนโต ปกั ขสั สะ ปัณณะระสี ทวิ ะโส๑ เอวะรโู ป โข โภนโต ทวิ ะโส พทุ เธนะ, ภะคะวะตา ปัญญตั ตสั สะ ธัมมัสสะวะนัสสะ เจวะ ตะทตั ถายะ, อุปาสะกะอปุ าสกิ านงั อโุ ปสะถะกมั มัสสะ จะ กาโล โหต,ิ หนั ทะ มะยัง โภนโต สพั เพ อธิ ะ สะมาคะตา, ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมานุธมั มะปะฏิปัตติยา ปูชะนตั ถายะ, อมิ ัญจะ รตั ติง อิมญั จะ ทวิ ะสงั อุโปสะถงั อุปะวะสิสสามาติ, กาละปะริจเฉทัง กัตวฺ า ตงั ตงั เวระมะณงิ อารัมมะณัง กะรติ วฺ า, อะวิกขติ ตะจิตตา หุตวฺ า สักกัจจัง อุโปสะถัง คานิ สะมาทเิ ยยยามะ อีทิสัง หิ อุโปสะถะกาลงั สัมปตั ตานงั อัมหากัง ชีวิตัง มา นิรัตถะกงั โหตุ ข้าพเจ้าขอประกาศเร่มิ เร่อื ง ความทีจ่ ะได้สมาทานรักษาอุโบสถตามกาลสมัย พร้อมไปด้วยองค์ ๘ ประการ ให้ท่านสาธชุ นท้งั หลายซ่ึงจะตง้ั จิตสมาทาน ๑ ประกาศเฉพาะ วนั ๑๕ คำ�่ ถ้าวัน ๑๔ คำ่� เปล่ยี นประกาศว่า çจาตทุ ทสที ิวโส é แปลว่า çวันน้เี ป็นวันจาตุททสีดถิ ี ท ี่ ๑๔é ถ้าวนั ๘ ค่�ำ เปล่ยี นประกาศว่า çอัฏฐมีทวิ โสé แปลวา่ çวนั น้เี ปน็ วนั อฏั ฐมดี ิถีท ่ี ๘é ๑๗๕
ทราบทั่วกันกอ่ น แตส่ มาทาน ณ กาลบดั นี้ ดว้ ยวนั นเี้ ปน็ วนั ปณั ณรสดี ถิ ที ี่ ๑๕ แหง่ ปกั ษม์ าถงึ แลว้ ก็แลวันเชน่ นีเ้ ปน็ กาลทจ่ี ะฟงั ธรรม และจะท�ำการรักษาอโุ บสถของอบุ าสกอบุ าสกิ าท้งั หลาย เพอื่ ประโยชนแ์ กก่ ารฟงั ธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจา้ ทรงบญั ญัตไิ ว้น้นั ขอกศุ ลอนั ย่งิ ใหญ่ คือตัง้ จิตสมาทานอุโบสถ จงเกิดมแี กเ่ ราทง้ั หลายบรรดาที่มาประชุมอยู่ ณ ทีน่ ี้ เราทัง้ หลายพึงมีจติ ยนิ ดีวา่ จะรักษาอุโบสถ ประกอบไปด้วยองค์ ๘ ประการ สิ้นวนั หน่ึงคืนหนง่ึ ณ เวลาวันนี้ ด้วยต้งั จิตคดิ - เวน้ ไกลจากการท�ำสัตวซ์ ่ึงมีชวี ติ ใหต้ กล่วงไป คอื ฆ่าสัตว์เองและใช้ให้ผู้อน่ื ฆา่ ๑ - เวน้ จากเอาส่ิงของที่เจ้าของไมใ่ ห้ คอื ลักและฉอ้ และใช้ให้ผู้อื่นลกั และฉอ้ ๑ - เว้นจากกรรมที่เปน็ ข้าศกึ แกพ่ รหมจรรย์ ๑ - เว้นจากเจรจาคำ� เท็จอนั ไมจ่ ริง คอื ล่อลวง อ�ำพรางทา่ นผอู้ ่นื ๑ ๑๗๖
- เวน้ จากดมื่ สรุ าและเมรยั สารพดั บรรดานำ�้ กลน่ั นำ�้ ดอง ทเ่ี ปน็ ของท�ำผู้ดม่ื แล้วใหเ้ มา เปน็ เหตุทต่ี งั้ แหง่ ความประมาท ๑ - เว้นจากบรโิ ภคอาหารในเวลาวิกาล ตง้ั แตอ่ าทิตยเ์ ท่ียงแลว้ ไปจนถึงอรุณขึน้ ใหม่ ๑ - เว้นจากการฟอ้ นรำ� ขบั รอ้ งและประโคมดนตรี และดกู ารละเล่นบรรดาเปน็ ข้าศกึ แก่กุศล และทดั ทรงลูบไล้ทาตวั ด้วยดอกไม้เครื่องหอม เครือ่ งทาเครื่องยอ้ มเคร่ืองแตง่ ต่างๆ ๑ - เวน้ จากนั่งนอนเหนือทน่ี ่ังทนี่ อนอันสูงใหญ่ คอื เตยี ง ต่ังมเี ท้าสูงเกินประมาณ และทนี่ อนใหญภ่ ายในมนี ุ่น และส�ำลเี ครือ่ งลาดวจิ ิตรงาม ๑ พงึ ทำ� ความเว้นจากองค์ที่จะพงึ เวน้ ท้ัง ๘ ประการน้เี ปน็ อารมณ์ อยา่ มีจติ ฟุง้ ซา่ นสง่ ไปอนื่ พงึ ตั้งจิตสมาทาน องคอ์ โุ บสถ ๘ ประการนโ้ี ดยเคารพเถดิ เพอ่ื จะบชู าพระผ้มู ีพระภาคเจา้ ดว้ ยขอ้ ปฏิบัตอิ ยา่ งย่งิ ตามก�ำลังของเราทงั้ หลายท่เี ป็นคฤหสั ถ์ ชวี ติ เราท้งั หลายซ่ึงเปน็ มาจนถงึ วันอุโบสถเช่นนี้ จงอย่าล่วงไปเปลา่ โดยปราศจากประโยชน์เลย ๑๗๗
คำ� ขอไตรสรณคมน์ และศลี แปด ศีลอโุ บสถ มะยงั ภนั เต ติสะระเณนะ สะหะ อฏั ฐะ สลี านิ ยาจามะ (อฏั ฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถงั ยาจามะ) ข้าแตท่ ่านผูเ้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทง้ั หลายขอไตรสรณคมน์ และศลี แปด (อุโบสถศลี ทัง้ แปดข้อ) ทตุ ยิ มั ปิ มะยงั ภันเต ตสิ ะระเณนะ สะหะ อฏั ฐะ สีลาน ิ ยาจามะ (อัฏฐงั คะสะมนั นาคะตัง อโุ ปสะถงั ยาจามะ) แม้คร้งั ที่สอง ข้าแต่ท่านผเู้ จริญ ขา้ พเจา้ ทั้งหลาย ขอไตรสรณคมนแ์ ละศลี แปด (อโุ บสถศีลท้งั แปดข้อ) ตะติยัมปิ มะยัง ภนั เต ตสิ ะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สลี าน ิ ยาจามะ (อฏั ฐังคะสะมันนาคะตงั อุโปสะถัง ยาจามะ) แม้ครั้งท่ีสาม ขา้ แต่ทา่ นผเู้ จรญิ ข้าพเจา้ ทง้ั หลาย ขอไตรสรณคมนแ์ ละศลี แปด (อโุ บสถศลี ทง้ั แปดข้อ) พุทธัง สะระณัง คจั ฉามิ ขา้ พเจ้าขอถอื เอาพระพทุ ธเจ้าเปน็ สรณะ ธมั มัง สะระณัง คจั ฉามิ ขา้ พเจ้าขอถอื เอาพระธรรมเปน็ สรณะ สงั ฆัง สะระณงั คจั ฉามิ ข้าพเจ้าขอถอื เอาพระสงฆเ์ ป็นสรณะ ๑๗๘
ทตุ ยิ มั ปิ พทุ ธงั สะระณัง คัจฉามิ แมค้ ร้งั ที่สองข้าพเจา้ ขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ทตุ ยิ ัมปิ ธัมมงั สะระณัง คัจฉามิ แม้ครง้ั ทสี่ องขา้ พเจ้าขอถอื เอาพระธรรมเปน็ สรณะ ทตุ ิยัมปิ สังฆัง สะระณงั คัจฉามิ แม้คร้ังที่สองข้าพเจา้ ขอถอื เอาพระสงฆเ์ ปน็ สรณะ ตะตยิ ัมปิ พทุ ธัง สะระณงั คจั ฉามิ แม้ครง้ั ที่สามข้าพเจา้ ขอถือเอาพระพุทธเจา้ เปน็ สรณะ ตะตยิ ัมปิ ธมั มัง สะระณงั คัจฉามิ แม้ครง้ั ทสี่ ามขา้ พเจา้ ขอถอื เอาพระธรรมเป็นสรณะ ตะตยิ มั ปิ สงั ฆัง สะระณงั คัจฉามิ แมค้ ร้งั ทส่ี ามข้าพเจา้ ขอถือเอาพระสงฆ์เปน็ สรณะ ปาณาติปาตา เวระมะณี สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ ามิ ขา้ พเจ้าจะละเว้นจากการฆา่ และเบียดเบยี นสัตวท์ กุ ชนิดรวมทง้ั ไมใ่ ช้ให้ผู้อืน่ ฆา่ อะทนิ นาทานา เวระมะณี สกิ ขาปะทัง สะมาทิยามิ ขา้ พเจ้าจะละเวน้ จากการลกั ฉอ้ โกงของผู้อนื่ และไมใ่ ช้ผอู้ ่นื ลกั ฉ้อโกง อะพรฺ ัหมฺ ะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าจะละเว้นจากการกระทำ� อันเป็นขา้ ศกึ แก่ พรหมจรรย์ (ละเว้นการเกย่ี วขอ้ งกบั กามคุณ) ๑๗๙
มสุ าวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจา้ จะละเว้นจากการพูดไมจ่ ริง (พูดปด พดู ส่อเสียด พูดหยาบ พูดเพ้อเจอ้ ) สรุ าเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ ข้าพเจา้ จะละเว้นจากการดื่มสุราและเมรยั อันเป็นเหตุแห่งความประมาท (รวมท้งั ยาเสพตดิ ทุกชนดิ ) วิกาละโภชะนา เวระมะณี สกิ ขาปะทัง สะมาทิยามิ ขา้ พเจา้ จะละเวน้ จากการบริโภคอาหารในเวลาวกิ าล นจั จะคตี ะวาทิตะวิสูกะทัสสะนะ มาลาคนั ธะ- วิเลปะนะธาระณะ มณั ฑะนะวภิ ูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ ข้าพเจา้ จะละเว้นจาก การดู ฟงั ฟ้อนรำ� ขับรอ้ ง และประโคมเครื่องดนตรตี า่ งๆ และดูการละเลน่ ท่เี ปน็ ข้าศกึ แกก่ ุศลธรรม และทัดทรงตกแต่งร่างกายดว้ ยเครื่องประดับ และดอกไมข้ องหอมเครอ่ื งยอ้ มเครอื่ งทา ผดั ผิวท�ำกายให้งดงาม อันเปน็ เหตุทตี่ ้ังแห่งความกำ� หนัดยินดี ๑๘๐
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ ข้าพเจา้ จะละเว้นจากการนัง่ นอนบนเตียง ตง่ั มา้ ทมี่ ีเทา้ สูงเกนิ ประมาณและท่นี ั่งนอนใหญ่ ภายในใส่นุ่นและส�ำลี และเคร่ืองปูลาดที่วิจิตรงดงาม อมิ านิ อฏั ฐะ สิกขาปะทานิ สะมาทยิ ามิ (กลา่ ว ๓ ครั้ง) ขา้ พเจ้าขอสมาทานศกึ ษาและปฏบิ ัตใิ นสกิ ขาบท ทั้งแปดประการน้ี (จบพิธีรับศีลแปด) หมายเหตุ :- - ถา้ ขอรับศีลอุโบสถ เม่อื กล่าวรับศีลขอ้ ๘ แลว้ พึงกล่าวบทต่อไปน้ีวา่ อิมัง อฏั ฐงั คะสะมันนาคะตงั , พุทธะปญั ญตั ตงั อโุ ปสะถงั , อิมญั จะ รตั ติง อิมัญจะ ทวิ ะสัง, สัมมะเทวะ อะภริ ักขิตงุ สะมาทยิ ามิ ข้าพเจา้ ขอสมาทานอโุ บสถพทุ ธบัญญตั ิ อันประกอบดว้ ยองคแ์ ปดประการนี้ เพื่อจะรักษาไวใ้ ห้ดีมิให้ขาดมใิ ห้ท�ำลาย ตลอดวันหนง่ึ คืนหนงึ่ ในเวลานี้ ๑๘๑
- ศลี อโุ บสถ คอื การศึกษาและปฏบิ ตั ิศีลแปดประการ ในวันพระ วนั อุโบสถ - อุโบสถ คือการเขา้ สู่หรือการเกบ็ ตัวไวภ้ ายใน ข้อปฏิบัติทีช่ ำ� ระล้าง กาย วาจา ใจใหเ้ บาบาง จากความชัว่ ร้ายเลวทราม พระสงฆ์จะสรุปอานิสงสข์ องอุโบสถศีลตอนท้ายว่า :- (พระ) อมิ านิ อัฏฐะ สกิ ขาปะทานิ อโุ ปสะถะสลี ะวะเสนะ สาธกุ ัง กตั วฺ า อปั ปะมาเทนะ รกั ขิตพั พานิ อโุ บสถศลี ซง่ึ ประกอบดว้ ยสกิ ขาบทแปดประการ เหลา่ นี้ ขอจงรกั ษาไวใ้ หด้ ี ดว้ ยความไมป่ ระมาท (โยม) สาธุ ภันเต ดลี ะเจา้ ข้า (พระ) สีเลนะ สคุ ะติง ยนั ติ ศีล เปน็ ทีม่ าของความสงบสุข สเี ลนะ โภคะสมั ปะทา ศีล เปน็ ทีม่ าของความสมบูรณแ์ ห่งทรพั ยส์ นิ สเี ลนะ นิพพตุ ิง ยันติ ศลี เปน็ ทีม่ าของการพ้นทุกขท์ ้ังปวง ตสั มฺ า สีลัง วโิ สธะเย ดงั นน้ั ทา่ นพงึ รกั ษาศลี ของทา่ นใหบ้ รสิ ทุ ธ์ิ เถดิ ๑๘๒
คำ� อาราธนาธรรม พฺรัหฺมา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ, กตั อญั ชะลี อนั ธิวะรงั อะยาจะถะ, สนั ตีธะ สัตตาปปะระชกั ขะชาตกิ า, เทเสตุ ธัมมงั อะนกุ ัมปมิ ัง ปะชัง. ทา้ วสหมั บดี ผู้เปน็ อธบิ ดแี ห่งพรหมโลก ไดป้ ระคองอญั ชลี ทลู วงิ วอนพระพุทธเจา้ ผปู้ ระเสริฐวา่ สตั ว์ผูม้ ีธุลใี นดวงตาน้อยมอี ย่ใู นโลกนี้ ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมอนเุ คราะห์ด้วยเถิด ๑๘๓
คำ� สาธุการหลังฟังธรรม (เมือ่ พระแสดงธรรมจบ ใหร้ บั สาธุการพร้อมกัน) สาธุ พทุ ธะสโุ พธติ า สาธ ุ ! ความตรัสรดู้ ีจรงิ ของพระพทุ ธเจา้ สาธุ ธมั มะสธุ มั มะตา สาธ ุ ! ความเป็นธรรมดจี รงิ ของพระธรรม สาธุ สังฆสั สปุ ะฏปิ ัตติ สาธุ ! ความปฏิบตั ิดจี ริงของพระสงฆ์ อะโห พุทโธ พระพทุ ธเจ้า นา่ อศั จรรย์จริง อะโห ธมั โม พระธรรมเจา้ น่าอัศจรรยจ์ ริง อะโห สงั โฆ พระสงั ฆเจา้ น่าอัศจรรยจ์ รงิ อะหงั พทุ ธญั จะ ธมั มัญจะ สังฆัญจะ สะระณงั คะโต (สะระณงั คะตา)๑ ข้าพเจา้ ถึงแลว้ ซึง่ พระพทุ ธเจา้ พระธรรมเจา้ พระสงฆเจ้า วา่ เป็นทีพ่ ึ่งทร่ี ะลึกถงึ ๑ หญงิ วา่ ในวงเล็บ ๑๘๔
อุป ำาส ะก ตั ต งัง (อุป ำาสสิกิกัตัตตตังงั ))๑๑ เทเสสสสงิงิ ภิกขุส งั ฆัส ส ะ สัมม ขุ ำา ขา้ พเจา้ ขอแสสดดงงตตนน ววา่า่ เเปป็นน็ ออุบบุ าาสสกก (ออุบบาาสสกิกิ าา)) ในท จี่ �า�ำ เพาะห นา้ พ ระภ ิกษุสงฆ์ เอต งั เม สะร ะณัง เขมงั, เอต ัง สะร ะณะม ุตต ะะมม งั งั พระรตั นตรัยน ้เีปน็ ท ี่พ งึ่ ของขขา้ พพเเจจา้า้ ออันนั เเกกษษมม พระรตั นตรัยน ้เีปน็ ท ่พี งึ่ อ นั ส งู สุด เอต ัง สะร ะณะม ำาค ัมม ะ, สพั พะท ุกข ำา ปะม ุจจ ะเย เพราะอ าศัยพ ระรตั นตรัยน ้เีป็นท ่ีพ ่ึง ขา้ พเจ้าพ งึ พ ้นจากท ุกขท์ ้งั ป วง ยะถ ำาพ ะล ัง จะเรยย ำาห งั สมั มำาส ัมพทุ ธะส ำาส ะน ัง ขา้ พเจ้าจ ักป ระพฤติ ซงึ่ พ ระธรรมค �า�ำ ส ั่งส อน ของพ ระส มั มาส ัมพ ทุ ธเจา้ โดยส มควรแกก่�า�ำ ลัง ทุกขะน ิส ส ะร ะณัสเสวะ ภำาค ีอ ัสส ัง (ภำาคนิ สิ สงั )๑ อปนัจำจคุปะปเตนั เน ขอขา้ พเจ้าพ งึ ม ีส ว่ นแหง่ พ ระน ิพพาน อันเป็นท ีย่กตตนนออออกกจจาากกททุกกุ ขข์ใใ์นนอปนัจาจคบุตันกนาล้เี ทอญ เบอื้ งหน้าโนน้ เทอญ ๑ หญิงวา่ ในวงเลบ็ ๑1๘85๕ ๑ หญงิ ว่าในวงเล็บ
คำ� ลากลบั บา้ น (โยม) หันทะทานิ, มะยงั ภนั เต, อาปุจฉามะ, พะหุกจิ จา มะยงั , พะหุกะระณียา ขา้ แตท่ ่านผู้เจรญิ ขา้ พเจ้าทัง้ หลายขอกลา่ วลา เพราะมกี จิ มาก มธี ุระมาก (พระ) ยสั สะทานิ ตมุ เห กาลงั มัญญะถะ ทา่ นทง้ั หลายจงรู้กาล ร้เู วลาเถิด (โยม) สาธุ ภันเต ดีละเจ้าข้า (กราบ ๓ ครง้ั ) ๑๘๖
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300