Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการอบรมหลักสูตรครอบครัวศึกษากับการพัฒนาเด็กปฐมวัย

เอกสารประกอบการอบรมหลักสูตรครอบครัวศึกษากับการพัฒนาเด็กปฐมวัย

Published by dlit_sm037, 2020-08-04 07:46:15

Description: เอกสารประกอบการอบรมหลักสูตรครอบครัวศึกษากับการพัฒนาเด็กปฐมวัย

Search

Read the Text Version

196 รวมท้ังพัฒนาสตปิ ใญญา สง฽ เสริมความคิดสร฾างสรรคแ บนวิถีชีวิตของ เด็กตามสภาพครอบครัว บริบทของ ชมุ ชน สังคม และวัฒนธรรม ทําใหเ฾ ปน็ ผู฾ที่รักสนั ติ ใฝุรู฾และสนใจส่ิงแวดล฾อม ส฽ง ผลให฾เป็นผู฾ท่ีมองโลกใน แง฽ดี มีความเช่ือมั่นในตนเอง รวมทั้งเป็นการเตรียมเด็กให฾พร฾อมที่จะเรียนรู฾ในระดับการศึกษา ช้ัน ประถมศกึ ษา อันจะนาํ ไปสคู฽ วามเป็นเดก็ สามารถทจ่ี ะเจรญิ เตบิ โตเปน็ บคุ คลทม่ี คี ณุ ภาพของประเทศชาติ ต฽อไป แต฽ ในทางตรงกันข฾าม เด็กท่ีไม฽ได฾รับการเลี้ยงดูและพัฒนาอย฽างถูกต฾องในช฽วงเวลานี้ เม่ือพ฾นวัยนี้ แล฾วโอกาสดังกล฽าวจะ ไม฽หวนกลับมาอีก หากประสบการณแและสภาพแวดล฾อมไม฽ดี ไม฽เอื้อหรือส฽งเสริม ต฽อการเรียนรู฾ของเด็ก เด็กจะกลาย เป็นคนมองโลกในแง฽ร฾าย ไม฽ไว฾วางใจผู฾อ่ืน และขาดความเชื่อม่ันใน ตนเอง การปลูกฝงใ คณุ ค฽าชวี ิตควรเริม่ ตน฾ ต้งั แตว฽ ยั เดก็ โดยเฉพาะอย฽างยิ่งช฽วงท่ีสําคัญที่สุดคือช฽วงปฐมวัย ซ่ึงเปน็ วยั ท่ีมีอตั ราการเจริญเติบโตทกุ ดา฾ นท้ังร฽างกาย สังคม จติ ใจและปญใ ญา เป็นช฽วงเวลาท่ีโอกาสทอง ของการเรียนร฾ูเปิด กว฾างเต็มที่ สามารถรับการฝึกและการเรียนร฾ูได฾ง฽าย เป็นช฽วงเวลาท่ีสําคัญท่ีต฾อง ปลูกฝใงเร่ืองของคุณค฽าชีวิต ที่จะมีการ เจริญเติบโตไปพร฾อมกับเด็ก หากมีการเสริมสร฾างท่ีสอดคล฾องกับ วัย เดก็ กจ็ ะซึมซบั และพฒั นาได฾เต็มท่ี แตห฽ ากเด็ก ไม฽ได฾เรียนรู฾สิ่งต฽างๆ เหล฽านี้ในช฽วงวัยที่เหมาะสม ผ฽าน ช฽วงเวลาที่ดีที่สุดของการเรียนรู฾เรื่องน้ันๆ ไปแล฾ว การพัฒนา ในภายหลังจะทําได฾ค฽อนข฾างยาก และเม่ือ เดก็ อายุเกนิ 8 ปไี ปแลว฾ การพฒั นาการในเร่อื งเกี่ยวกับคณุ ค฽าชวี ิตขน้ึ อย฽กู บั พฒั นาการและสติปใญญาของ บุคคลน้ัน ในการซึมซับเรื่องน้ี ดังจะเห็นได฾จากเพียเจทแ (Piaget. 1965) ได฾ชี้ให฾เห็นถึง พัฒนาการของ เด็กที่ขน้ึ อย฽กู ับสติปญใ ญาในการรับร฾ู และได฾แบ฽งข้ันตอนในการพฒั นาจรยิ ธรรมไว฾ 3 ช฽วง ดงั น้ี 1. ช฽วงก฽อนจริยธรรม เป็นช฽วงที่เด็กอายุ 0-2 ปี ในช฽วงนี้ เด็กร฾ูจักการปรับตัว ต฾องการการ ตัดสินใจจาก บคุ คลอนื่ ไม฽ใช฾ความคดิ ของตนเอง จะทาํ ตามสงิ่ ท่มี ผี ูก฾ าํ หนดให฾ปฏิบัติ 2. ช฽วงปฏิบัติตามคําสั่ง เมื่อเด็กมีอายุอยู฽ในช฽วง 2-3 ปี เด็กจะมีสติปใญญาท่ีสูงขึ้น ร฾ูจักการ ปรบั ตวั มีความ เกรงกลัว และเชื่อฟใงคาํ สอนของผูใ฾ หญ฽ โดยยังไมม฽ ีเหตผุ ลของตนเอง 3. ช฽วงที่ยึดหลักแห฽งตน เมื่อเด็กเจริญเติบโตข้ึนจนอายุ 8 ปีข้ึนไป เด็กจะคลายความเกรงกลัว อํานาจ ภายนอก กลา฾ ท่ีจะตดั สินใจดว฾ ยตนเอง และปฏบิ ัตติ นอย฽างมีกฎเกณฑแมากขึน้ จากความเห็นข฾างต฾นน้ี เพียเจทแ (Piaget, 1965) เช่ือว฽าเด็กท่ีมีอายุ 2-8 ปีเป็นระยะที่ผู฾ใหญ฽ สามารถอิทธิพล ต฽อพฤติกรรมต฽างๆ ของเด็ก โดยเด็กจะถือเอากฎเกณฑแที่ได฾จากผ฾ูใหญ฽เป็นกฎเกณฑแ ตายตัวในการประพฤติปฏิบัติ ตาม (สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 2547) ดังน้ัน ช฽วงเวลาน้ีจึงเป็น ช฽วงเวลาท่ีต฾องปลูกฝใงคุณค฽าชีวิตให฾แก฽เด็ก ยิ่งเด็กมีอายุมากขึ้นเท฽าไร การปลูกฝใงคุณค฽าชีวิตท่ีจะส฽งผล ตอ฽ พฤติกรรมของเดก็ กย็ งิ่ สามารถทาํ ไดย฾ ากข้นึ 8.เป้าหมายของการปลูกฝงั คณุ คา่ ชวี ติ ในครอบครวั ทม่ี ีเด็กปฐมวัย ชีวิตในสังคมปใจจุบัน มักจะให฾ความสําคัญต฽อผู฾ท่ีมีความประพฤติดี หรือปฏิบัติดีจนเป็นท่ีถูกใจ ของคน หลายๆ คน และบ฽อยครั้งท่ีเม่ือระยะเวลาผ฽านไป ผ฾ูคนต฽างต฾องผิดหวังกับคนที่พวกเขาได฾ สรรเสริญวา฽ เปน็ คนดนี ้นั มี ความประพฤติบางอยา฽ งทีไ่ ม฽เหมาะสม หรอื ไม฽เป็นท่ียอมรับของคนในสังคมท่ี

197 อาจขดั ต฽อหลกั คุณธรรม หรอื คุณคา฽ ที่ สังคมมอี ย฽ู ดังน้ัน คนที่ทําดี ก็อาจไม฽ใช฽คนดีก็ได฾ เนื่องจากผู฾ที่ทําดี อาจทําไปโดยเหตุจูงใจที่ไม฽บริสุทธิ์บางประการเป็น ตัวผลักดัน เช฽น การทําดีเพ่ือ “เอาหน฾า” “สร฾าง ภาพ” “หาคะแนนนิยม” แตเ฽ พราะการกระทําน้ันนํามาซึ่งคุณประโยชนแ ต฽อผู฾คน เราก็ยังคงพูดว฽าเขาทํา ดี แต฽ถ฾าเขาคาํ นึงถึงผลประโยชนแส฽วนตนมากเสียยิ่งกว฽าคุณประโยชนแของส฽วนรวม และ ส่ิงน้ีก็เรียกได฾ว฽า เปน็ ความเห็นแก฽ตวั และเราก็คงจะไมเ฽ รยี ก “คนเหน็ แกต฽ ัว” วา฽ “คนด”ี “จิตวิญญาณ” เชอ่ื มโยงกบั “ความเป็นมนษุ ยแ” ผู฾ทม่ี ีความเป็นจติ วญิ ญาณไม฽ได฾เพยี งแค฽ทําส่ิงดีๆ ออกมา ใหผ฾ ฾อู ื่นเห็นเท฽านนั้ แต฽พวกเขาเป็นคนดีดว฾ ย ความคิด คาํ พดู และการกระทาํ พฤติกรรมของพวก เขาแสดงถึงคุณค฽า ทางจิตวิญญาณ อันได฾แก฽ ความสงบ ความรัก ความสุข ความบริสุทธ์ิ และสัจจะที่มี อยู฽ภายในน้ันคอื การแสดงออก ซึ่งคุณค฽าชวี ติ แหง฽ ความเปน็ มนุษยแที่แท฾จรงิ ผู฾คนมากมายในสังคมปใจจุบันต฽างขับเคล่ือนตนเองไปด฾วยแรงจูงใจที่เห็นแก฽ตัว คาดหวังท่ีจะ ได฾รับ มากกว฽า จะรู฾สึกช่ืนชมกับความงดงามของการเป็นผู฾ให฾บางคนก็ไขว฽คว฾าราวกับว฽าชีวิตนั้นแสนจะ วา฽ งเปล฽า บ฾างก็แสวงหาเหมือน กับไม฽เคยร฾ูจักคําว฽า “พอ” ราวกับว฽าหลงลืมกับความร฾ูสึก “อ่ิมเต็ม” ลืม สภาพเคยสูงส฽งและบริสุทธิ์ ลืมสภาพของจิตใจ ท่ีสงบเยือกเย็น ซึ่งเคยเป็นธรรมชาติด้ังเดิมของมนุษยแ โลกภายนอกล฽อใจผ฾ูคนให฾ออกมาจากแก฽นแท฾ของชีวิต ดึงดูด ด฾วยความสะดวกสบายและความสุข เพียงช่ัวคราว ผูกมัดเราไว฾ในการเสพติด นานจนเราหลงลืมความหวานช่ืนอันจริง แท฾ของชีวิตของจิต วญิ ญาณภายใน แต฽กย็ ังโชคดีที่มนษุ ยแยังไม฽ได฾ลืมเลือนส่ิงเหล฽านี้ไปเสียทั้งหมด ยังมีความสามารถ ในการ รับรูต฾ ฽อคุณค฽าแห฽งสัจจะจึงยงั คงมีอยใ฽ู นตวั การปลูกฝใงคุณค฽าชีวิตในครอบครัวเด็กปฐมวัย นับเป็นจุดเร่ิมต฾นของการให฾เด็กสร฾างสมคุณค฽า ทาง จิตวิญญาณ เพื่อให฾เด็กสามารถใช฾เป็นฐานในการดํารงชีวิตในอนาคต เมื่อไรก็ตามท่ีเด็กที่ได฾เติบโต ขึ้นเป็นวัยร฽ุนและ เป็นผ฾ูใหญ฽ในอนาคต ที่ต฾องเผชิญกับสถานการณแต฽างๆ เขาจะสามารถตอบสนองกับ เหตุการณแเหลา฽ นน้ั ได฾อยา฽ งเหมาะสม และเป็นธรรมชาติ ยกตัวอย฽างเช฽น คนที่จะหงุดหงิดง฽าย มักมีความ ขุ฽นเคืองผู฾อื่น เพราะพวกเขาไม฽ทําสิ่งท่ีตนต฾องการ ให฾พวกเขาทํา โดยมีรากเหง฾าอยู฽ในความเชื่อที่ถูก โปรแกรมอยา฽ งลกึ ํลา฾ ในความทรงจําวา฽ ผูอ฾ นื่ ควรจะต฾องทําในสิ่งทตี่ น ต฾องการ จงึ จะทําให฾ตวั เองมีความสุข เมอื่ ไรก็ตามท่ีพวกเขาไม฽ทําในสิ่งที่ต฾องการก็มีแนวโน฾มท่ีจะปะทุบางรูปแบบของ ความโกรธออกมา เมื่อ คุณลักษณะน้ีได฾ถูกใช฾บ฽อย ๆ จนกลายเป็นนิสัย ท่ีพัฒนาเป็นบุคลิกภาพในที่สุด จะทําให฾ชีวิต ในอนาคต ของเดก็ คนน้เี ป็นคนท่ไี มเ฽ คยมคี วามสขุ เพราะเขาจะพบว฽าความสุขของเขาขึ้นอยู฽กับคนรอบข฾าง ที่มักจะ ไม฽ ทําสิ่งที่เขาต฾องการให฾ผ฾ูอ่ืนทํา ทั้งนี้ เนื่องจากรากเหง฾าของนิสัยและแนวโน฾มท่ีประกอบขึ้นเป็น บุคลิกภาพเฉพาะตัวน้ัน ถูกเก็บบันทึกไว฾เป็นความทรงจํา ภายใน “จิตใต฾สํานึก” ในขณะที่ผ฾ูท่ีมีความ เข฾าใจถึงคุณค฽าทางจิตวิญญาณของมนุษยแ จะสามารถตระหนักรู฾ได฾ว฽าความสุขไม฽ได฾ขึ้นอยู฽กับผ฾ูอื่น หรือ สถานการณแแวดล฾อมภายนอก แต฽เป็นคุณค฽าทางจิต วิญญาณที่มนุษยแมีภายในตนเองอยู฽แล฾ว ไม฽มีผู฾ใดท่ี สามารถทําให฾เขามีความสุขหรือความทุกขแได฾ ดังนั้น การปลูกฝใง คุณค฽าชีวิตท่ีแสดงถึงคุณค฽าทางจิต

198 วิญญาณในครอบครัวทม่ี เี ดก็ ปฐมวยั แล฾ว จะทําใหเ฾ ด็กสามารถซมึ ซบั วิถีของความ “เช่ือและความคิดท่ีจะ สง฽ ผลตอ฽ บุคลิกภาพของเด็กทีเ่ จรญิ เตบิ โตข้นึ เปน็ ผ฾ใู หญ฽เปน็ “คนด”ี ในอนาคต ผ฾ูคนมากมายเหน็ พ฾องกันว฽า โลกจะดขี น้ึ หากเราอย฽รู ฽วมกนั ดว฾ ยคณุ คา฽ ของความเป็นมนุษยแและจิต วิญญาณ ท่ีสูงส฽ง คุณค฽าต฽างๆ จะสามารถงอกงามในครอบครัว ชุมชน สังคมหรือในโลกได฾ ต฾องเกิดจาก การท่ีจะทําเช฽นนั้นอย฽าง แท฾จริง ไม฽เพียงแต฽พูดถึงและหวังท่ีจะให฾ผ฾ูอื่นทําก฽อน แต฽ยังต฾องทําให฾ผู฾อื่น สามารถมีประสบการณแกับคณุ ค฽าเหล฽านนั้ ด฾วย คุณคา฽ ท้งั หลายจะไม฽มีค฽าใดๆ หากปราศจากความตั้งใจที่ จะคน฾ หาและนํามาใช฾ มันไมเ฽ พียงพอหากเราจะเพยี ง แตเ฽ ก็บคณุ ค฽าตา฽ งๆ ไว฾ในหอ฾ งแห฽งความฝใน แล฾วก็รอ วนั ที่ทุกสงิ่ จะกลับมางดงาม คณุ คา฽ (Values) คอื หลักการในการใช฾ชีวิต ที่ต฾องทําให฾คุณค฽าน้ันหย่ังรากลงไปในจิตใจ ผลิดอก เบ฽งบานใน หัวใจ และออกผลในการกระทาํ ของเรา คณุ ค฽าดังกล฽าวตอ฾ งกลายเปน็ ส฽วนหน่ึงของ “การคิด” จะเป็นและก็จะทํา เมื่อ คุณค฽าได฾ถูกนํามาใช฾อย฽างต฽อเนื่องและแล฾วท่ีสุดก็จะกลายเป็น “นิสัย” การ แสดงออกของเราจึงเป็นไปอย฽างเป็น “คุณธรรม” ธรรมชาติ ไม฽ต฾องคิดคํานวณถึงการได฾เปรียบ เสยี เปรียบใด ๆ ดว฾ ยการนาํ คุณค฽ามาส฽ูการกระทํา และนิสยั ที่ดเี หลา฽ น้ีคอื “คณุ ธรรม” คุณธรรมน้ันเรียบง฽ายและเต็มไปด฾วยความงดงาม สงบเงียบ และอ฽อนโยน เป็นพลังท่ียิ่งใหญ฽ซึ่ง สอดประสาน กับสัจจะอย฽างแท฾จริง คุณธรรมเริ่มจากเจตนาเป็นสิ่งแรก แล฾วจึงเป็นทัศนคติและ กลายเป็นพฤติกรรม การเป็นคนดี และทําดีเป็นเรื่องราวเดียวกัน คุณธรรมมาจากแก฽นแท฾ภายในของ จิตสํานึกของเราท่ีซึ่งความสงบ ความรัก ความสุข ความปิติ และความบริสุทธิ์ด้ังเดิมอันเป็นธรรมชาติ แห฽งจิตวิญญาณดํารงอย฽ู จาก ณ ท่ีนัน้ ทกี่ ารกระทําของเราปรากฏออกมาจากภายในนี้ ในการเลีย้ งดลู กู พอ฽ แม฽ทกุ คนย฽อมอยากเหน็ ลกู เติบโตเป็นคนดี เปน็ ผูใ฾ หญท฽ มี่ ีคณุ ภาพชีวิตที่ดี แต฽ โดยมีการ เล้ียงดูของพ฽อแม฽ก็ยังคงเป็นปใจจัยสําคัญต฽อการเจริญเติบโตของลูก จริงอย฽ูท่ีสภาพแวดล฾อม รอบตัวเด็ก (ไม฽ว฽าจะเป็น สภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และค฽านิยมต฽าง ๆ) อาจจะส฽งผล ต฽อการเจริญเติบโต แต฽การใส฽ใจต฽อการ เล้ียงดูของพ฽อแม฽ย฽อมมีผลที่สามารถลดหรือแก฾ไขอิทธิพลของ สภาพแวดล฾อมเหล฽าน้ันได฾ การศึกษาและงานวิจัยมากมายที่ได฾บ฽งช้ีว฽า ถ฾าพ฽อแม฽ไม฽อาจควบคุมลูกได฾ภายใน 5 ขวบปีพบว฽า เดก็ ที่เติบโต ขน้ึ มาโดยไมเ฽ ชอ่ื ฟงใ และเคารพพ฽อแม฽ ทําให฾เด็กกลายเป็นคนที่ก฾าวร฾าว ไม฽เชื่อฟใงกฎระเบียบ เห็นแกต฽ วั และไม฽ให฾ความ สําคัญกับความถูกหรือความผิด การที่เด็กไม฽เช่ือฟใงพ฽อแม฽ไม฽ใช฽เพราะเด็กเกิด มาพร฾อมกับความด้ือร้ัน แต฽สาเหตุเพราะเขาได฾เรียนร฾ูว฽าคําพูดของพ฽อแม฽ “ไม฽ศักดิ์สิทธิ์” และเขาไม฽ จําเป็นต฾องปฏิบัติตามก็ได฾ ยกตัวอย฽าง พ฽อแม฽อาจจะมี ห฾ามอะไรบางอย฽างพร฾อมกับเพิ่มเติมว฽าถ฾าฝุาฝืน จะไดร฾ ับโทษ (เช฽น ห฾ามออกจากบ฾านโดยไม฽ขออนุญาต ถ฾าฝุาฝืนละ ไม฽ให฾ออกจากบ฾านท้ังวัน) แต฽เม่ือลูก ฝุาฝืนข฾อกําหนดดังกล฽าว พ฽อแม฽กลับไม฽ได฾ทําตามท่ีพูดไว฾ หรือถ฾าจะมีก็เพียง คําบ฽นคําว฽ากล฽าว เม่ือมี เหตกุ ารณแในลกั ษณะน้ีเกิดขนึ้ ซาํ้ แล฾วซ้ําเลา฽ ในทสี่ ุดเด็กก็จะสรุปว฽า คําพูดของพ฽อแม฽ไม฽มี ความหมาย จะ ทาํ ตามหรอื ไม฽ทําตามก็ได฾ ซึ่งแนวโน฾มท่ีเด็กจะไม฽ทําย฽อมมีมากกว฽า ในท่ีสุดจึงกลายเป็นว฽าเด็กไม฽เช่ือ ฟใง

199 พ฽อแม฽ไปโดยปรยิ าย ในทางกลบั กัน ถา฾ พอ฽ แมใ฽ ชก฾ ารบงั คบั ขม฽ ขูใ฽ หล฾ กู ทาํ ตาม เรียกว฽าเลี้ยงดูแบบเผด็จการ ลกู ก็อาจ จะทําตามคําสงั่ ของพอ฽ แม฽ แต฽ทําดว฾ ยความกลัว ผลที่ตามมาก็คือ เขาจะขาดความนับถือพ฽อแม฽ ดังน้นั พอ฽ แม฽จึงตอ฾ ง สอนลกู ใหท฾ งั้ เชื่อฟงใ และเคารพพอ฽ แม฽ไปพร฾อม ๆ กนั เป็นตน฾ นอกจากน้ี การสอนใหเ฾ ดก็ ร฾ูถึงความถกู และความผิดถือได฾ว฽าเป็นเรื่องท่ีสําคัญมากเช฽นกัน เพราะ เดก็ ยัง อ฽อนเยาวแ ยังขาดความรคู฾ วามเข฾าใจ ไม฽สามารถแยกแยะผิดถูกชั่วดีได฾อย฽างมีประสิทธิภาพ พ฽อแม฽ ต฾องสอนให฾ลูกร฾ู อย฽างชัดเจนว฽าการกระทําใดที่เกรียกว฽าเป็นการกระทําที่ถูกต฾อง และการกรทําใดเป็น การกระทําที่ไม฽ถูกต฾องสิงใดเรียก ว฽าเป็นสิ่งที่ดี ส่ิงใดเป็นสิ่งที่ไม฽ดี พร฾อมท้ังสอนหลักในการพิจารณาว฽า เร่ืองใดหน่ึงจึงเป็นเรื่องท่ีดีเป็นเร่ืองที่ควรกระทํา และเรื่องใดเป็นเร่ืองที่ไม฽ดีเป็นเรื่องท่ีไม฽ควรกระทํา พร฾อมท้ังการให฾เหตุผลประกอบที่เด็กสามารถเข฾าใจได฾ การปลูก ฝใงจิตสํานึกผิดชอบที่เข฾มแข็ง ถือได฾ว฽า เป็นเขม็ ทศิ ทีอ่ ยูภ฽ ายในจิตใจของมนษุ ยแ ทีท่ ําหนา฾ ทใ่ี นการช้วี ฽าการกระทาํ ใด เปน็ การกระทําท่ี “ถูก” และ การกระทําใดเปน็ การกระทาํ ที่ “ผดิ ” มนั จะชว฽ ยใหม฾ นุษยแสามารถแยกแยะสิ่งดอี อกจาก ส่ิงไม฽ดี ส่ิงท่ีควร ออกจากสิ่งท่ีไม฽ควรไม฽ควรไปเกยี่ วข฾องด฾วย ซ่ึงในทสี่ ดุ มนั เป็นเสมอื นเสยี งของมโนสาํ นึกทค่ี อยเตือน ในใจ มนุษยแ เปรียบเสมือนผ฾ูพิพากษาในจิตใจท่ีคอยบอกว฽า อะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งท่ีผิด จิตสํานึกที่ เขม฾ แข็งจะ ทาํ ให฾คน ๆ นั้นชน่ื ชมกบั ความถกู ตอ฾ ง และรส฾ู กึ ไมด฽ ีส่งิ ทีไ่ ม฽ถูกตอ฾ ง เชน฽ การขโมยเป็นสิ่งท่ีไม฽ดี ความซอื่ สัตยเแ ปน็ สิง่ ทดี่ ี เป็นตน฾ โดยพ฽อแม฽ก็ต฾องมีปฏิกิริยา ซ่ึงอาจจะเป็นการแสดงความเห็น และสอน เด็กว฽าจะทําอย฽างถูกต฾องได฾อย฽างไร การเพิกเฉยต฽อความไม฽ถูกต฾อง อาจจะหมายความว฽าพ฽อแม฽เห็นด฾วย ซึ่งอาจทําให฾เด็กเข฾าใจผิดว฽าเป็นส่ิงท่ีถูกต฾องและ ทําได฾ และที่สําคัญคือ การสอนให฾เด็กมีความกล฾าหาญ ต฽อความถูกต฾อง คือ มีพลังและกล฾าทําในส่ิงท่ีถูกต฾อง เป็นความ ท฾าทายในการดําเนินชีวิตท่ีมีคุณธรรม เปรียบได฾ด่ังการว฽ายนํ้าทวนคล่ืนของโลกท่ีถูกรุกรานและแพร฽หลายไปด฾วยความ เห็นแก฽ตัวและความ ละโมบ แมว฾ ฽าอาจจะต฾องสูญเสียอะไรบางอย฽าง ต฾องเสี่ยงหรืออาจสร฾างความไม฽พอใจให฾กับคนอ่ืน แต฽ยัง ยนื หยดั และกล฾าท่ีจะทาํ สิง่ น้ัน ๆ เพราะเปน็ สิ่งทถ่ี กู ต฾อง และด฾วย ความกล฾าหาญ ความซ่ือสัตยแ และการ สํารวจ แห฽งความบริสุทธ์ิท่ียังคงส฽องสว฽างอย฽ูท่ีแก฽นกลางของจิตสํานึก ตรวจสอบตนเองอย฽างลึกลํ้าจะ ช฽วยใหส฾ ามารถเหน็ รูปแบบผิด ๆ ของความเชื่อของผู฾อ่ืน และพาตนเองออกไปสู฽แสงสว฽างอย฽ูที่แกนกลาง ของจติ สํานกึ “ความรัก” เป็นคณุ ค฽าชวี ิตท่ีมีสาํ คัญอีกอย฽างหน่ึงของมนุษยแ เป็นธรรมชาติแห฽งจิตวิญญาณ อัน เป็นความ งดงามแห฽งความเป็นมนุษยแ นอกจากน้ี ความรักยังเป็นคุณธรรมที่สูงส฽ง และเป็นพลังอัน ยงิ่ ใหญท฽ จ่ี ะนําสนั ติสุขกลับ คืนมาสู฽โลกใบน้ี ซึ่งในเร่ืองการปลูกฝใงความรักน้ีสามารถทําได฾ทั้งในเด็กและ ผ฾ูใหญ฽ โดยเริ่มสร฾างประสบการณแของ ความรักท่ีแท฾จริงขึ้นมาจากภายในตนเอง ด฾วยการตระหนักว฽า ความรักคือคุณสมบัติด้ังเดิมของทุกคน และด฾วยหัวใจ ที่สะอาดและบริสุทธิ์ สร฾างความคิดท่ีดี มีความ ปรารถนาดี และมีความร฾สู กึ ดีๆ ให฾กบั ตนเองและผอ฾ู ่ืน ผ฾ูที่มีธรรมชาติของความรักจะอ฽อนหวาน นิ่มนวล มีเมตตา เปรียบได฾กับ “กุหลาบงามอยู฽กับ หนามอัน แหลมคม” ท่ีดอกกุหลาบไม฽ปฏิเสธหนาม และหนามก็ไม฽ปฏิเสธดอกกุหลาบ ทั้งสองนั้นอย฽ู

200 ร฽วมกัน ผูท฾ ี่มคี วามรกั ไม฽เคยปฏเิ สธใคร และก็ไม฽มีใครที่จะปฏิเสธผู฾ที่เต็มไปด฾วยความรัก เพราะความรัก ทาํ ให฾เกิดการร฾จู ักการยอมรบั กุหลาบ กับหนามจึงเป็นสญั ลกั ษณแของความรักทีแ่ ท฾จรงิ ว฽าต฾องไม฽มีการผลัก ไสใครออกไปจากชีวิต ทุกคนควรจะรู฾สึกง฽ายดาย ที่จะเดินเข฾ามา และได฾รับความรักกลับไปใครก็ตามที่ เข฾ามาดมกล่ินหอมหรือชื่นชมกบั สีสันของดอกกหุ ลาบ มันไมเ฽ คย จะเก่ียงงอนหรือปฏิเสธ ดอกกุหลาบส฽ง กล่ินหอมและอวดสีสันของมันโดยไม฽เลือกว฽าเป็นใคร ทุกคนต฽างก็มีสิทธ์ิต฽อดอกกุหลาบเท฽า ๆ กัน กุหลาบเฝูาแต฽แสดงธรรมชาติอันงดงามของมันกับทุกๆ คนอย฽างเสมอภาค ปรับตัวเพื่อจะอยู฽ ร฽วมกัน ทั้งนี้ ความรักไม฽ควรที่จะมีเงื่อนไขว฽า ผู฾อื่นได฾ให฾ความรักกลับมาหรือไม฽ หรือตอบแทนความรักมากหรือ นอ฾ ย ความรักอันจริงแท฾ ไม฽เคยเป็นสาเหตุของความทุกขแ ความรักที่นํามาซ่ึงความทุกขแและน้ําตา คือ “รักที่เห็นแก฽ ตัว” ซ่ึงเกิดจากความต฾องการท่ีจะได฾รับมีมากกว฽าความปรารถนาท่ีจะให฾ หรือแบ฽งปใน ความรักไม฽ได฾มีไว฾ให฾เราเป็นทุกขแ หรือร฾ูสึกหนักหน฽วงใดๆ ความรักไม฽ใช฽ทั้งเคร่ืองพันธนาการหรือบ฽วง ภาระ แต฽หากว฽าเรามีความรู฾สึกเช฽นน้ัน ก็ร฾ูได฾ว฽า ความรักของเรานั้นไม฽ได฾อยู฽บนพ้ืนฐานท่ีถูกต฾อง แต฽ เม่ือไหร฽ก็ตามท่ีเราไม฽มีความรัก อะไรที่เราต฾องรับผิดชอบมันก็ดู เหมือนจะมีน้ําหนักข้ึนมา เป็นภาระใน ใจเรา แต฽หากเราทําด฾วยความรัก มีทัศนคติของความรัก และแล฾วอะไรก็ตามท่ี เป็นความรับผิดชอบของ เราก็จะไม฽ใช฽ความหนักหนว฽ ง การปลูกฝใงคุณค฽าของความรักทําให฾เด็กมีจิตใจเมตตาและมีความกรุณาต฽อผู฾อื่น ทําให฾เกิด ความเห็นอกเห็นใจ คนอื่น และทําให฾ร฾ูจักการให฾และร฾ูจักการให฾อภัยไปพร฾อม ๆ กัน เด็กสามารถเรียนรู฾ ความรักได฾ตัง้ แตเ฽ ร่อื งใกล฾ตัวออก ไป เช฽น รักตัวเอง รกั พอ฽ แม฽ รกั พ่นี อ฾ งรักของเลน฽ ของตวั เอง รักสัตวแเลย้ี ง รักเพ่ือน รักญาติพ่ีน฾อง รักคุณครู เป็นต฾น รวมตลอดถึงการรู฾จักที่จะมีเมตตาต฽อคนอื่น ที่จะส฽งผลให฾เกิด การแบ฽งปใน เช฽น การแบ฽งขนม ของเล฽น หรืออื่น ๆ ให฾ กับผู฾อ่ืน และการรู฾จักให฾อภัยคนอ่ืน ๆ ไม฽เคียด แค฾น ไมอ฽ จิ ฉารษิ ยา ไมร฽ ังเกยี จเดยี ดฉันทแ ไมป฽ องร฾าย และไมใ฽ สร฽ า฾ ย คนอ่นื เปน็ ต฾น ในเร่อื งของความจริงแท฾หรือสัจจะ (truth) เป็นการปลูกฝใงให฾เห็นคุณค฽าของตัวตนที่แท฾จริงของ ตน และ แสดงออกในทุกด฾านท่ีเป็นตัวตนทแี่ ท฾จริงในดา฾ นตา฽ งๆ ดังน้ี 1. ความซ่ือตรง หมายถึง ความสอดคล฾องกันท้ังความคิด คําพูด และการกระทํา และยังหมาย รวมถึงการ ยึดม่ันในคุณธรรมจริยธรรมอย฽างเคร฽งครัดด฾วย แม฾สังคมยุคปใจจุบันจะมองข฾ามความซ่ือตรง ไปมาก แต฽กระน้ันพ฽อ แม฽ก็ต฾องปลูกฝใงคุณสมบัติดังกล฽าวให฾กับลูก ท้ังการสอนและการเป็นแบบอย฽าง เพ่ือว฽าเมื่อเขาเติบโตขึ้นเป็นผู฾ใหญ฽ เขาจะได฾มีพื้นฐานที่ดีในการดําเนินชีวิต และมีความกล฾าหาญท่ีจะ เอาชนะการย่วั ยุใหท฾ ําในสิ่งที่ขดั แยง฾ กับความซอ่ื ตรง 2. ความซ่ือสัตย์ คํา ๆ น้ีมีความหมายรวมไปถึงความซื่อสัตยแต฽อคุณความดี หรือคุณค฽าของ ตนเองทีจ่ ะไม฽ ยอมให฾อะไรมาทําให฾ตนเองต฾องคดิ พูด หรอื ทาํ ในสิ่งท่ขี ดั กับความดีงามท่ีอยู฽ภายในตนเอง ทพี่ รอ฾ มจะแสดงออกมา ให฾ผอ฾ู น่ื ไดเ฾ ห็นในรูปของความซ่อื ตรง เชน฽ การพูดความจริง ไม฽พูดโกหก หรือพูด ความจริงไมห฽ มด ไมแ฽ ตง฽ เติม เสริมต฽อ มีความจรงิ ใจ ทีก่ ารแสดงออกมาต฾องออกมาจากความจริงใจ ไม฽ใช฽

201 เสแสร฾งแกล฾งทําเพ่ือกลบเกล่ือนหรือทําให฾ คนอ่ืนเข฾าใจผิด และมีความตรงไปตรงมา ไม฽บิดเบือนความ จริงและไม฽แต฽งเติมเสริมต฽อ พ฽อแม฽ต฾องสอนลูกให฾เป็นคน ตรงไปตรงมา แต฽ยังแฝงไว฾ด฾วยความสุภาพ อ฽อนโยนและการให฾เกียรติผู฾อ่ืน เป็นคนรักษาคําพูด รักษาคํามั่นสัญญา เป็นคนตรงต฽อเวลา เป็นคนท่ี สามารถไว฾วางใจได฾ ไมใ฽ ชเ฽ ป็นคนโลเล ผัดวนั ประกันพร฽ุง การปลูกฝใงคุณค฽าชีวิตในครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย นับเป็นส่ิงท่ีสําคัญมาก เพราะครอบครัวเป็น สภาพ แวดล฾อมแรกท่ีเด็กจะเรียนรู฾ และซึมซับประสบการณแต฽างๆ จากคนในครอบครัว การสร฾าง สภาพแวดล฾อมท่ีเหมาะสม ต฽อการเรียนรู฾ของเด็ก จึงเป็นสิ่งที่จําเป็นเป็นอย฽างยิ่ง การที่จะให฾ได฾เด็กที่มี คณุ ภาพดี เปน็ ทรพั ยากรบุคคลท่ีสําคญั ของสังคมต฽อไปในอนาคตข้นึ อยูก฽ บั สภาพแวดล฾อมดังกล฽าว ซึ่งใน สภาพแวดล฾อมเหล฽านั้น มีสิ่งที่เด็กสามารถเรียนร฾ูได฾ ง฽ายท่ีสุดคือ ผ฾ูใหญ฽ท่ีอย฽ูในครอบครัวที่จะเป็น ตน฾ แบบทีส่ ําคัญให฾เด็กเลียนแบบร฽วมกับสภาพแวดล฾อมอื่นๆ ท่ีประกอบ เข฾ามาให฾มีประสบการณแ ดังน้ัน คุณค฽าชีวิตที่ผ฾ูใหญ฽ในครอบครัวมีต฽อเรื่องผู฾คน สังคม และสถานการณแ ท่ีเกิดขึ้นรอบ ตัวท่ีผ฾ูใหญ฽ แสดงออก จะเปน็ ตัวส฽งผา฽ นคณุ คา฽ ชวี ติ ให฾แกเ฽ ดก็ ในครอบครัวนั้นไปตลอดชีวติ 10. หลกั คิดเกี่ยวกบั คุณค่าชีวติ ในครอบครวั ท่ีมีเด็กปฐมวยั การนาํ เอาความเปน็ จิตวิญญาณมาใช฾ในชีวิตครอบครัว ทําให฾เราเข฾าใจความหมายของความเป็น มนุษยแ แท฾จริง และแล฾วการมีชีวิตครอบครัวก็มิได฾เป็นเพียงการมีชีวิตรอดและการเอาชนะอุปสรรคอีก ตอ฽ ไป แตช฽ ีวติ ร฽วมกนั ระหวา฽ งเด็กปฐมวัยกบั ครอบครัวนัน้ ยงั หมายถงึ การมีประสบการณแของความสุขใน ความสัมพนั ธแทัง้ กับตวั เดก็ เองและ ผูอ฾ นื่ ทงั้ ทอี่ ย฽ูภายในหรือภายนอกครอบครัว 1. การทาความเขา้ ใจกบั ความเปน็ จติ วิญญาณ “ความเป็นจิตวิญญาณ” เป็นเรื่องราวของการกลับมาทําความรู฾จักกับตนเองในมิติทางจิต วิญญาณ เป็นการ ค฾นพบตัวตนที่แท฾จริง เป็นโอกาสของการได฾ค฾นหาคุณค฽าภายใน และมองเห็นความ งดงามของชวี ิต เป็นกา฾ วแรกของ การสร฾างความเคารพในตนเองข้ึนมา ด฾วยความเช่ือมนั่ และการมีศรทั ธา ต฽อคุณค฽าและคุณธรรมภายในตัวเรา สิ่งน้ีจะ นํามาซึ่งเกียรติ ศักดิ์ศรี และความภาคภูมิในความเป็น มนษุ ยแ การตระหนักรู฾ถึงคุณค฽าทางจิตวิญญาณ และการนําเอาคุณธรรมมาใช฾ในการดําเนินชีวิตถือเป็น หัวใจสําคัญ ความเข฾าใจเก่ียวกับกลไกอันละเอียดอ฽อนของชีวิตว฽าทํางานอย฽างไร ช฽วยทําให฾เราเข฾าใจ ระบบของความคิดในจิตใจของ เรา และรู฾วิธีท่ีจะจัดการกับความร฾ูสึกและอารมณแของตนเอง ซ่ึงมีผลต฽อ ความสามารถในการปรับเปล่ียนพฤตกิ รรม และพฒั นาความสัมพันธทแ ้ังกับตนเองและผอ฾ู น่ื คําว฽า “จิตวิญญาณ” ที่เราใช฾กันทั่วไปน้ันมีหลากหลายความหมาย ต้ังแต฽เร่ืองราวท่ีเกี่ยวโยงกับ ศาสนา สิง่ ศักดิ์สิทธ์ิ ศรัทธา จนถึงเร่ืองราวทางโลกที่อาจไม฽เก่ียวอะไรกับความสูงส฽งหรือความดีงาม จิต วิญญาณเป็นหนึ่งคํา ที่มักก฽อให฾เกิดความเข฾าใจผิดและอคติได฾เสมอ จิตวิญญาณท่ีแท฾จริงนั้นแตกต฽าง อย฽างสิ้นเชิงจากการเข฾าทรง การใช฾ พลังอิทธิฤทธ์ิอภินิหารหรือเรื่องเหนือธรรมชาติ สําหรับในด฾านท่ี

202 เกย่ี วขอ฾ งกบั ศาสนา โดยหลักแลว฾ จิตวิญญาณกบั ศาสนาจะมคี วามสอดคล฾องกันอย฽างย่ิง แต฽ก็มิได฾เป็นสิ่ง เดยี วกัน หนง่ึ ในคําจํากัดความของคาํ วา฽ “ความเป็นจิตวิญญาณ” (Spirituality) คือ “การมองกลับเข฾าไป ภายในเพ่ือ ค฾นพบเอกลักษณแท่ีแท฾จริงของตนเอง” แม฾จะฟใงง฽าย แต฽ก็หนักแน฽นและลึกซึ้ง “การมองเข฾า ไปภายใน” คือ การค฾นพบ ว฽า เราคือใคร คุณค฽าของเราคืออะไร และอะไรคือสิ่งที่มีความหมายและให฾ เปูาหมายแก฽ชีวิตเรา ส฽วน “เอกลักษณแที่ แท฾จริงของเรา” ก็คือ แก฽นแท฾ของตัวเรา ซ่ึงเกี่ยวโยงกับการ ตระหนกั ร฾ู (Awareness) และพฤตกิ รรม ความเป็น จิตวญิ ญาณจงึ เป็นความกระจ฽างอย฽างสมบูรณแในการ นาํ เอาคณุ ค฽าอนั เป็นเนื้อแทข฾ องตนสะท฾อนออกมาในทางปฏิบตั ิ ในการดาํ เนนิ ชีวติ ในแตล฽ ะวนั ผ฾ทู ่มี คี วามเปน็ จิตวิญญาณ คอื ผูท฾ ่ีบรรลุผลสําเรจ็ ในการนาํ เอาสาํ นกึ ท่ีสูงสง฽ ของตนเองไปใชใ฾ นการ ดาํ เนนิ ชีวิต เปาู หมายท่แี ท฾จริงของความเปน็ จิตวิญญาณ คือการทําให฾คนเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ด฾วย การช฽วยปรับปรงุ ให฾การ กระทําของผ฾ูคนให฾ดีข้ึน ความเป็นจิตวิญญาณและการกระทําน้ันทํางานด฾วยกัน ความเป็นจติ วญิ ญาณทําใหก฾ าร กระทาํ ของเรามคี วามหมาย และการกระทําก็ทําให฾จิตวิญญาณของเรามี เปาู หมาย แม฾ว฽าจิตวิญญาณจะเป็นส฽วนสําคัญในชีวิตประจําวันของคนเรา แต฽ก็ต฾องอาศัยความเพียร พยายามท่ีจะ เร่ิมต฾นกระบวนการ การแสวงหาคือก฾าวแรก ซ่ึงเกิดข้ึนเองอย฽างเป็นธรรมชาติ เพ่ือจะ ค฾นพบส่งิ ที่เปน็ ความจรงิ ส่ิงอนั จริงแท฾และเป็นอมตะ อย฽างไรกต็ าม ยังมีข้ันตอนหลังการแสวงหา ซึ่งถือ เป็นการวางรากฐานทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเรา(ความคิด คําพูด การกระทํา ความสัมพันธแ ฯลฯ ของเรา) และ บนพนื้ ฐานของสิ่งท่เี ราค฾นพบน่ันเองทคี่ วามเพยี รพยายามของเราได฾เริ่มตน฾ ยกตวั อย฽าง การคดิ ในเชิงบวก” (Positive thinking) ในการแสวงหาทางจิตวิญญาณของเรา เรา อาจจะ เพง่ิ เขา฾ ใจถงึ ประเภทตา฽ งๆ ของความคิด เราไดร฾ วู฾ ฽าความคิดประเภทใดที่ดีสําหรับเรา ความคิดใด ไมด฽ ี ความคดิ ในเชงิ บวกมคี ุณธรรมของความอดกล้ัน ความรกั หรอื คณุ ธรรมอย฽างใดอย฽างหน่ึงรวมอยู฽ใน น้ัน และเป็นคุณธรรมเหล฽าน้ีท่ี ทําให฾ความคิดเป็นไปในเชิงบวก แต฽อย฽างไรก็ตาม เป็นเพียงเมื่อมีการ แสดงออกซึ่งคุณธรรมน้ันในทัศนคติ การพูด หรือพฤติกรรมแล฾วเท฽าน้ันท่ีความเป็นจิตวิญญาณในการ กระทาํ จึงจะเรม่ิ ขึ้น ความเปน็ จติ วญิ ญาณในการกระทํา หมายถึงการใช฾ความเข฾าใจทางจิตวิญญาณในชีวิตประจําวัน น่ีคือส่ิงท่ี ต฾องอาศัยความเพียรพยายาม มีผู฾คนมากมายท่ีเชื่อว฽า “เราไม฽ควรดําเนินชีวิตด฾วยเพียร พยายาม - ชีวิตนัน้ เป็นไป เพื่อการดําเนินชีวิต” การกล฽าวเช฽นนั้นเป็นการแสดงถึงความต฾องการทําให฾ส่ิง ต฽างๆ งา฽ ยดายและใชท฾ กุ ส่งิ รอบตวั เพอ่ื ทําให฾ตนเองเป็นสุข อยา฽ งไรกต็ าม ส่งิ นี้จริงแท฾หรือ? มีความแน฽ใจ เพียงใดว฽าสงิ่ ต฽างๆ รอบตวั จะสามารถเติมเต็มความ สุขให฾กับแต฽ละคนได฾จริงๆ ความเป็นจริงก็คือ แหล฽ง ทรพั ยากรเหล฽านั้น ในเวลานอี้ ยูใ฽ นสภาพทพ่ี ร฽องไปอยา฽ งมาก มี ความขาดแคลนในทุกสิ่งท่ีใช฾เพ่ือเติมเต็ม ความตอ฾ งการอย฽างแท฾จรงิ

203 สําหรับสิ่งนี้ ความเข฾าใจที่กระจ฽างชัดถึงแหล฽งทรัพยากรภายในจึงเป็นส่ิงที่จําเป็นเป็นอย฽างย่ิง รวมท้ังความ เขา฾ ใจถงึ กระบวนการสรา฾ งประสบการณขแ องความสุข ความสงบ ความรัก ความพอใจ และ ความร฾ูสกึ มนั่ คงปลอดภัย นอกจากน้ี จําเป็นต฾องเขา฾ ใจถึงท่มี าหรือกําเนิดของความคดิ ความรู฾สึก อารมณแ ของคนเรา และแหล฽งของทรัพยากร เหล฽านัน้ นี่คือส่งิ ทีค่ วามรทู฾ างจติ วิญญาณจะเป็นประโยชนแกับคนเรา ท่ีจะทําให฾สามารถมีความเข฾าใจถึงความต฾องการ ท่ีจําเป็นของชีวิตภายในของคนเราและการเติมเต็ม ความตอ฾ งการเหล฽านัน้ 2. การตระหนักรู้ถงึ ตัวตนท่แี ทจ้ ริงของชีวิต เม่ือผใู฾ ดมองเข฾าไปในกระจก ภาพในกระจกจะสะทอ฾ นให฾ผนู฾ ัน้ เหน็ ของใบหน฾าตนเองในกระจกน้ัน กระจก สะท฾อนได฾แต฽เพียงส่ิงภายนอกเท฽านั้น เช฽นเดียวกับท่ีคนเรามองดูใครบางคน ก็จะเห็นแต฽เพียง รา฽ งกายภายนอกของเขา เทา฽ น้ัน มิได฾มองเหน็ ตัวตนอันจริงแท฾ของเขา ถ฾าเราต฾องการตระหนักร฾ูถึงส฽วนที่ แทจ฾ ริงของชีวิต จําเป็นต฾องมองเข฾าไป ส฽ูภายใน มุมมองทางจิตวิญญาณทําให฾มองเห็นตนเองในมิติที่ต฽าง ออกไป ในทางจิตวิญญาณน้ันมองเห็นมนุษยแประกอบ ด฾วย 2 ส฽วน หน่ึงนั้นคือ “ร฽างกาย” และอีกหนึ่ง นัน้ คอื “ดวงวิญญาณ” คาํ วา฽ “มนษุ ยแ” หรือ “Human being” มา จากคําว฽า “Human” กับ “Being” โดยท่ี “Human” คือ ส฽วนที่เป็นร฽างกาย (Body) ซ่ึงสามารถมองเห็นและจับต฾อง ได฾ ตัวตนของร฽างกาย เกดิ ขนึ้ จากการรวมตวั กนั ของวัตถธุ าตซุ ึ่งคงอยเ฽ู พยี งชั่วคราวและแยกสลายคืนสูว฽ ตั ถุธาตเุ ชน฽ เดิม สําหรับ “Being” คือ ส฽วนท่ีมีชีวิต เรียกว฽า “ดวงวิญญาณ” (Soul) เป็นส่ิงท่ีคงอย฽ูตลอดไป ไม฽ สามารถแยก สลาย เป็นพลังงานท่ีแฝงเร฾น ไม฽อาจมองเห็นด฾วยดวงตา ไม฽สามารถสัมผัสด฾วยประสาท สัมผัสของร฽างกาย ไม฽มีสภาพ ทางกายภาพ แต฽มีประสบการณแจากการใช฾ร฽างกาย ดวงวิญญาณคือ พลังงานที่ละเอียดอ฽อนอย฽างยิ่ง อย฽ูในรูปของ “จุดแห฽งแสงที่สุดแสนเล็ก” เป็นพลังชีวิตท่ีขับเคลื่อน ร฽างกายน้ี สภาพอนั ละเอยี ดออ฽ นของดวงวิญญาณคือ แหลง฽ กาํ เนิดของทุกสิ่งที่เราทํา ท้ังความคิด คําพูด และการกระทําทั้งหมด ไม฽ว฽าเราจะพูดหรือทําสิ่งใดก็เป็นดวงวิญญาณ น้ันเอง ท่ีกําลังกระทําส่ิงนั้นผ฽าน ร฽างกาย ดวงวิญญาณเปรียบเหมือนคนขับรถและร฽างกายเปรียบได฾กับรถยนตแ การท่ี จะควบคุมรถได฾ อย฽างสมบูรณแ คนขบั ตอ฾ งนงั่ ในตําแหนง฽ ทีน่ ั่งคนขบั เพอ่ื จะสามารถควบคุมอุปกรณแทั้งหลาย ดวง วิญญาณ เองกอ็ ยใู฽ นตําแหน฽งทีส่ ามารถควบคุมรา฽ งกายผ฽านกลไกของสมอง น่ันคือท่ีก่ึงกลางหน฾าผาก เหนือแนวค้ิว เล็ก หอย ใกล฾กับต฽อมพิทูอิทารีและต฽อมไพเนียล บริเวณนี้คือตําแหน฽งที่เรียกว฽า “ดวงตาที่สาม” ผู฾คน ส฽วนใหญ฽หลงลืม ตัวตนด้ังเดิมของตนเอง หลงใหลอย฽ูกับโลกภายนอก ติดยึดในส่ิงท่ีเป็นวัตถุ ซ่ึงรวมถึง ร฽างกายท่ีดวงวิญญาณใช฾เพ่ือเล฽นบทบาทของตน เมื่อเราตระหนักถึงอัตลักษณแ ไป สํานึกร฾ูแห฽งตัวตน ภายใน ทําใหเ฾ ราตระหน ของเรา สง่ิ น้ชี ว฽ ยสร฾างความเคารพตนเองให฾กับเรา และเติมเต็มของตน เม่ือเรา ตระหนกั ถึงอัตลกั ษณแทางจิตวิญญาณของเรามุมมองของเราต฽อตนเองและผ฾ูอื่นก็จะเปล่ียนภายใน ทําให฾ เราตระหนักว฽า ความสงบ ความรัก ความสุข และความบริสุทธ์ิ คือธรรมชาติดังเดิมของเราช฽วยสร฾าง ความเคารพตนเองให฾กับเรา และเติมเต็มเราด฾วยประสบการณแอันหวานช่ืนท่ีห฽างหายไปเป็นเวลา ยาวนาน สนั ติสุข ความพงึ พอใจ และอสิ รภาพท่ีแทจ฾ รงิ จะกลบั คนื มาสูช฽ วี ติ ของเราอกี คร้งั

204 3. การพัฒนาจิตวิญญาณผ่านกลไกของชวี ิต การตระหนักรว฾ู ฽าคนเราคอื “ดวงวิญญาณ” ผ฾ูท่ีใช฾ร฽างกายเป็นเคร่ืองมือ เป็นสื่อในการแสดงออก ซงึ่ คณุ สมบตั ิ อย฽ภู ายในตวั ของคนเรา อันได฾แก฽ ความรัก ความสงบ ความสุข และความปิติ สิ่งเหล฽านี้คือ ความดงี ามอันเปน็ ความ จริงแทใ฾ นตัวเรา เป็นธรรมชาตดิ ้ังเดิมที่มีอยูใ฽ นเราทกุ คน การตระหนกั รูใ฾ นตนเอง มิได฾เป็นเพียงการร฾ูว฽าเราเป็นใคร แต฽ รวมถึงการเข฾าใจว฽าอะไรคือคุณสมบัติของเรา หากไม฽อย฽ูในการ ตระหนกั รน฾ู นั้ พลังเชงิ ลบกเ็ ริ่มแสดงตัว และจากนั้นจึง มีความโกรธ การตกภายใต฾อิทธิพล และความไม฽ ระมัดระวงั การอยใ฽ู นสาํ นึกร฾ถู ึงคุณสมบัติอันเป็นธรรมชาติได฾อย฽างสมํ่าเสมอถือเป็นสิ่งสําคัญอย฽างย่ิง เพราะ เม่ือใดท่ีเกิด การตระหนักร฾ู คนเราย฽อมสามารถทํางานไปตามคุณสมบัติเหล฽านั้น ดังน้ัน ในการดําเนิน ชีวิตในแต฽ละวันควรสังเกต ตนเองว฽าในตลอดทั้งวัน กําลังทํางานด฾วยพลังใด? มีความสับสนไหม? กําลัง ทํางานด฾วยความสงบหรือความกระสับ กระส฽าย? ควรมีการเตือนตนเองว฽าการกระทําทุกสิ่งสามารถทํา ได฾อย฽างดีท่ีสุดเม่ือจิตใจอยู฽ในความสงบ เม่ือใดก็ตาม ท่ีทําส่ิงต฽างๆ โดยไม฽ได฾ใช฾ธรรมชาติที่ดีงามภายใน แลว฾ ก็ไมอ฽ าจพอใจไดม฾ ากนกั กบั สง่ิ ที่ได฾กระทาํ ไป และสงิ่ นนั้ จะไม฽ ก฽อใหเ฾ กดิ ความสุขและพลัง ในการพัฒนาจิตวิญญาณ เราจําเป็นต฾องเชื่อมโยงจิตใจกับตัวตนอันจริงแท฾ก฽อน ซ่ึงหมายถึง “การกลับเข฾าส฽ู ภายใน” (Introversion) โดยปกติจิตใจมักเก่ียวโยงกับส่ิงต฽างๆ ภายนอก เช฽น บ฾าน ครอบครัว ที่ทํางาน ผู฾คน แต฽ ไม฽ใช฽กับตนเอง การใส฽ใจกับคุณสมบัติภายในช฽วยให฾สามารถเช่ือมโยงกับ ตวั ตนภายในได฾อกี ครัง้ ภายในพลังชีวิตนี้มี “จิตสํานึก” (Consciousness) ภายในดวงวิญญาณมีกลไกในการทํางาน หรือมคี วาม สามารถในการทาํ งานอยู฽ 3 ประการ ดังนี้ ประการแรก คือ จิตใจ (Mind) จิตใจเป็นส฽วนหน่ึงของดวงวิญญาณซึ่งทําหน฾าที่ในการสร฾าง ความคิด และ ความคิดก็มีความเช่ือมโยงกับการกระทํา ดังน้ันจึงควรมีการตรวจสอบความคิดทั้งหลาย ของว฽าเป็นความคิดประเภท ใด เพราะทุกคร้ังท่ีคิด มีการใช฾พลังงานภายในตัวไปกับความคิดเหล฽านั้น คนเราไม฽สามารถหยุดคิดได฾ แต฽ความสบาย ความพอใจเกิดข้ึนจากการคิดในเชิงบวกและการคิดเท฽าที่ จําเป็นเท฽าน้นั ดงั นั้น จงึ ไม฽ควรคิดมากเกินไป เพราะนัน่ เป็นการใช฾พลังงานไปอย฽างเปลา฽ เปลอื ง ประการที่สอง คือ สติปัญญา (Intellect) ทําหน฾าท่ีในการแยกแยะและตัดสินใจว฽าส่ิงใดถูก หรือผิดเมื่อใด ก็ตามท่ีต฾องตัดสินใจอะไรบางอย฽าง คนเราอาศัยพลังของสติปใญญา การสนทนาระหว฽าง จติ ใจและสติปญใ ญาเกิดขึ้น อยูเ฽ สมอ พฤติกรรมและทัศนคติของคนเราขึ้นอย฽ูกับคุณภาพของการสนทนา นี้ หากมีการใส฽ใจท่ีจะคงอยู฽ในจิตสํานึก ของการเป็นดวงวิญญาณอย฽างสมํ่าเสมอ พลังในการแยกแยะ และตัดสินก็จะเพ่ิมมากขึ้น ซึ่งจะส฽งผลให฾เกิดการเข฾าใจ ว฽าต฾องทําอะไร พูดอะไรและคิดอะไร และแล฾ว การกระทาํ ทั้งหลายกจ็ ะดขี ึน้ ประการที่สาม คือ จิตใต้สานึก (Subconscious) คือส฽วนที่เป็นรอยประทับหรือบางครั้ง เรียกว฽ารอยกรรมภายใน ดวงวิญญาณ ทําหนา฾ ทีบ่ นั ทึกประสบการณแและการกระทําของเรา ซึ่งจะเก็บไว฾

205 เป็นข฾อมูลส฽วนตัวของแต฽ละคนท่ีกลับ กลายมาเป็นอปนิสัยหรือปรากฏเป็นบุคลิกภาพท่ีแตกต฽างไม฽ เหมือนกัน ดังนั้น จึงควรระมัดระวังเกี่ยวกับการกระทํา ที่จะไม฽ทําในสิ่งไหนท่ีไม฽ดี และให฾การกระทํา เป็นไปในสงิ่ ทถ่ี ูกตอ฾ งดงี ามเท฽าน้นั ความสามารถทง้ั สามประการนี้ (จิตใจ สติปใญญา จิตใต฾สํานึก) ต฽างมีความเกี่ยวข฾องกัน ประการ แรก จําเปน็ ตอ฾ งใช฾จติ ใจคดิ ในฐานะทเ่ี ปน็ ดวงวิญญาณ ซ่ึงมคี ุณสมบัติท่ีดีงามเป็นพ้ืนฐาน การฝึกฝนที่จะ อย฽ูในจิตสํานึกของการ เป็นดวงวิญญาณ (Soul consciousness) จะช฽วยทําให฾สติปใญญามีความ ละเอียดอ฽อนและมีพลังที่จะแยกแยะและสินใจได฾มากขึ้น เมื่อการกระทํานั้นเป็นไปในหนทางที่มีคุณค฽า นนั่ ก็เป็นการกําหนดวถิ ชี ีวติ ทมี่ ฽งุ ไปส฽คู วามเปน็ มนษุ ยแ ที่สงู ส฽งงดงาม 4. การใชค้ ณุ ธรรมในการดาเนินชีวติ การนําคุณค฽ามาส฽ูการกระทํา นิสัยที่ดีเหล฽าน้ีคือ “คุณธรรม” เราทุกคนมีศักยภาพที่จะเป็นคนดี และทําดี แต฽ ทุกวันนี้ คุณธรรมไม฽ได฾เป็นท่ีช่ืนชอบมากนัก ผ฾ูคนมากมายคิดว฽าคุณธรรมกลายเป็นส่ิง ล฾าสมัย และไม฽ได฾นําคุณธรรม มาใช฾ในการกระทําของคนเรา เช฽น ความยุติธรรม ความโอบอ฾อมอารี ความซื่อสัตยแ ความไว฾วางใจ และความเคารพ หลายคนเลือกที่จะอุทิศตนให฾กับความเป็นศัตรู ความ อิจฉาริษยา และความละโมบ บ฾างก็ติดกับอย฽ูในความเชื่อที่ว฽า “ชีวิตคือการอย฽ูรอดของผู฾ที่สมบูรณแ แขง็ แรงทีส่ ดุ ” บา฾ งกค็ ดิ ว฽า “หากพวกเขาใชค฾ ณุ ธรรม เขากจ็ ะไม฽ได฾ในสิ่งที่เขา ต฾องการหรืออาจสูญเสียส่ิง ท่ีเขามี” หรือบ฾างก็มีข฾ออ฾างว฽า เป็นเพราะผ฾ูอื่นปฏิบัติต฽อเราในวิธีท่ีไร฾ความเมตตากรุณา และไม฽ดูแลเอา ใจใส฽ และเรากเ็ พยี งแต฽ตอบกลับไปเชน฽ เดียวกนั กบั ท่ีพวกเขาทํากับเรา และบ฾างกค็ ดิ ว฽าในเมือ่ โลกรอบ ตัว เราปรบมือชื่นชมและให฾รางวัลกับกิเลส แล฾วเราจะมีคุณธรรมไปทําไม และน่ีก็กลายเป็นภาพของวันน้ีท่ี คุณธรรม ได฾สูญหายไปจากวิถีชีวิตของผ฾ูคน แต฽กระนั้นคุณธรรมก็ไม฽เคยสูญสิ้นไปจากมนุษยแ เพราะ “คุณธรรมคือพลังแห฽ง ความดีงามอันเป็นธรรมชาติ” ซ่ึงดํารงอย฽ูภายในเราแต฽ละคนและทุกคน โดยไม฽ จําเป็นต฾องสร฾างข้ึนมาใหม฽ แต฽จําเป็น ต฾องตระหนักในคุณค฽าของการนําคุณธรรมเหล฽านั้นมาใช฾ในการ แสดงออกในชีวิตประจําวัน คุณธรรมน้ันเรียบง฽ายและ เต็มไปด฾วยความงดงาม สงบเงียบ และอ฽อนโยน เปน็ พลงั ท่ยี ิง่ ใหญซ฽ ึง่ สอดประสานกับสจั จะอยา฽ งแทจ฾ ริง คุณธรรมเร่ิมจากเจตนาเป็นส่ิงแรก แล฾วจึงเป็นทัศนคติ และกลายเป็นพฤติกรรม การเป็นคนดี และทาํ ดีเปน็ เร่ืองราวเดยี วกัน คณุ ธรรมมาจากแก฽นแท฾ภายในของจิตสํานึกของเราที่ซ่ึงความสงบ ความ รัก ความสุข ความปิติ และ ความบริสุทธิ์ด้ังเดิมอันเป็นธรรมชาติแห฽งจิตวิญญาณดํารงอยู฽ จาก ณ ท่ีนั้น ท่ีการกระทําของเราปรากฏออกมาจาก ภายในนี้ เม่ือใดท่ีเกิดการสูญเสียการเชื่อมโยงภายใน (การ ตระหนักร฾ู) กับตัวตนท่ีแท฾จริง คนเราก็เริ่มท่ีจะแสดง การกระทํา “นอกทาง” และแล฾วส่ิงต฽าง ๆ ก็เร่ิม กระเทือน ติดกับ และเสียงมโนธรรมของคนเราก็จะบอกกับตนเองว฽า กําลังทําส่ิงที่ตรงกันข฾ามกับส่ิงท่ี จรงิ แทแ฾ ละดีงาม แตบ฽ างคร้ังกไ็ ม฽ฟใงหรอื ไม฽สามารถได฾ยนิ ความท฾าทายในการดําเนินชีวิตที่มีคุณธรรม หมายถึง การว฽ายนํ้าทวนคลื่นของโลกท่ีถูกรุกราน และแพร฽หลาย ไปดว฾ ยความเห็นแก฽ตวั และความละโมบ

206 “กเิ ลส” เปน็ คําท่ดี ที ่ีจะอธิบายนิสัยไม฽ดีซึ่งตรงข฾ามกับคุณธรรม ส่ิงนี้อธิบายว฽าสํานึกรู฾ของเราถูก ยดึ อย฽างแน฽น หนาด฾วยความคิดในเชิงลบตา฽ งๆ เช฽น “ความละโมบเปน็ เรือ่ งดี” “อาํ นาจคือความถูกต฾อง” ฯลฯ การติดอย฽ูกับความเชื่อที่เป็นกิเลสเหล฽าน้ีทําให฾สติปใญญาของคนเราไม฽สามารถหันกลับเข฾ามา ภายใน และมอง ดูความดีงามด้ังเดิม ดังน้ัน ความกล฾าหาญ ความซ่ือสัตยแ และการสํารวจตรวจสอบ ตนเองอย฽างลกึ ลา้ํ จะชว฽ ยให฾สามารถ เหน็ รูปแบบผิด ๆ ของความเชื่อเหลา฽ นนั้ และพาตนเองออกไปส฽ูแสง แหง฽ ความบรสิ ทุ ธท์ิ ี่ยังคงส฽องสวา฽ งอย฽ูท่ีแก฽นกลาง ของจิตสํานกึ ของคนเราได฾ การนําเอาสง่ิ ทีด่ ที ีส่ ดุ ในตนเองกลับขึ้นมาใช฾อีกครัง้ เป็นการเสริมสร฾างความเคารพในตนเอง ช฽วย เราในการจัดการกับปใญหา หรืออุปสรรคในชีวิต และมองเห็นคุณค฽าของผ฾ูอื่นมากย่ิงข้ึน เป็นวิธีพัฒนา ความเป็นจติ วญิ ญาณในตนเอง และสร฾างความสัมพันธแทดี่ กี บั ทุกคน จะเห็นได฾วา฽ การใช฾คณุ ธรรมในการดําเนินชีวิตเป็นการดึงความเป็นจิตวิญญาณที่เป็นความดีงาม ด้ังเดิมกลับ มาใช฾สร฾างคุณค฽าชีวิตในครอบครัวให฾เกิดความร฽มเย็นเป็นสุขและเป็นการปลูกฝใงคุณค฽าชีวิต ให฾กับเด็กปฐมวยั อยา฽ งเป็นธรรมชาติ 11.คุณค่าชวี ติ ทพี่ ึงประสงคส์ าหรบั ครอบครัวท่มี เี ด็กปฐมวัย ในยุคข฽าวสารขอ฾ มูลท่ีท฽วมท฾นจนมากเกิน มีเรื่องต฽างๆ เข฾ามาส฽ูผู฾คนที่ต฾องรับร฾ู และตัดสินใจ บาง เร่ืองก็มี คุณค฽า บางเร่ืองก็ไร฾ค฽าต฽อการดําเนินชีวิตในแต฽ละวัน มีความจําเป็นต฾องคัดกรองสิ่งที่มีคุณค฽า จากสงิ่ ท่ไี ม฽มคี ุณค฽า การ แยกแยะว฽าสง่ิ ใดมีคุณค฽าซ่ึงอาจมีอย฽ูเพียงน฾อยนิดในข฾อมูลท่ีมากมายนั้น ช฽วยให฾ เราไม฽ต฾องสูญเสียเวลาและพลังงาน โดยไม฽จําเป็น ครอบครัวก็เช฽นเดียวกันจําเป็นต฾องกลั่นกรองสิ่งท่ีมี คุณค฽า เพื่อการดําเนินชีวิตและถ฽ายทอดคุณค฽าเหล฽า นั้นให฾กับลูกหลาน คุณค฽าชีวิตที่พึงประสงคแสําหรับ ครอบครวั ท่มี เี ด็กปฐมวยั จาํ เป็นตอ฾ งไดร฾ บั ความสาํ คัญ โดยเฉพาะ คุณคา฽ “ความรัก ความสงบ ความสุข” ไม฽ได฾รอคอยแต฽ละคนอย฽ูที่ปลายทางของชีวิต หากแต฽เป็นประสบการณแท่ี เกิดขึ้นได฾ในแต฽ละวันในทุก ขณะของเวลาปใจจบุ ัน เพยี งแคส฽ ามารถล฽วงรู฾ถึงวธิ กี ารทีจ่ ะหาสง่ิ เหล฽านั้นให฾พบในตนเอง 1. ความรกั -สือ่ กลางเช่ือมโยงความสัมพนั ธใ์ นครอบครวั นิยามของความรักน้ันดาษดื่น มากมายจน “ความรัก” แทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา แต฽ถึง อย฽างนั้น ผ฾ูคน ต฽างก็รู฾ว฽าความรักนั้นทรงคุณค฽า เป็นหนึ่งในความปรารถนาที่คนเราต฾องการได฾มาในชีวิต และเพราะ “ความรัก” คือ ความจรงิ คือธรรมชาติแห฽งจิตวิญญาณ คือความงดงามแห฽งความเป็นมนุษยแ คือคุณธรรมท่ีสูงส฽ง และเป็นพลังอัน ย่ิงใหญ฽ที่จะนําสันติสุขกลับคืนมาสู฽โลกใบน้ีของเรา เริ่มสร฾าง ประสบการณแของความรักที่แท฾จริงข้ึนมาจากภายในตนเองด฾วยการตระหนักว฽าความรักคือคุณสมบัติ ดั้งเดิมของเราทุกคนด฾วยหัวใจท่ีสะอาดและบริสุทธิ์ สร฾างความคิดท่ีดี มีความปรารถนาดี และมี ความรูส฾ กึ ดๆี ให฾กบั ตนเองและผอู฾ ่ืน แล฾วก็จะพบว฽าเปน็ เร่ืองงา฽ ยทีจ่ ะรักและไดร฾ ับความรกั “ความรักกับความทุกข”แ ความรักอันจริงแท฾ ไม฽เคยเปน็ สาเหตุของความทุกขแ ความรักที่นํามาซ่ึง ความทกุ ขแ และนาํ้ ตา คอื “รกั ที่เหน็ แกต฽ วั ” ซงึ่ เกดิ จากความต฾องการท่ีจะได฾รับมีมากกว฽าความปรารถนา

207 ท่ีจะให฾ หรือแบ฽งปใน ความรักไม฽ได฾มีไว฾ให฾เราเป็นทุกขแ หรือรู฾สึกหนักหน฽วงใดๆ ความรักไม฽ใช฽ทั้งเครื่อง พันธนาการหรือปวงภาระ แต฽หากว฽าเรามี ความร฾ูสึกเช฽นน้ัน ก็ร฾ูได฾ว฽าความรักของเราน้ันไม฽ได฾อยู฽บน พ้นื ฐานทถี่ กู ตอ฾ ง “รักทุกสงิ่ ทีเ่ ราทํา” ดงั คาํ พดู ทีว่ า฽ “จงเลอื กทาํ ในส่งิ ทเี่ รารัก” แต฽ทุกวันนี้มีคํากล฽าวอีกว฽า “ขอให฾ รกั ในทุกส่ิงทเี่ ราทาํ ” เพราะบางครั้งเราก็ไม฽มโี อกาสท่จี ะได฾ทําในสิ่งท่ีเรารักและนั่นก็คงไม฽สนุกนักกับการ ทาํ อะไรเพราะตอ฾ งทาํ เพราะมันเป็นหนา฾ ทห่ี รอื ความรับผดิ ชอบทไี่ ม฽อาจหลกี เล่ยี ง และแนน฽ อน ถา฾ เล่ียงได฾ เรากค็ งไม฽ทํา โดยเฉพาะอย฽างย่งิ ถ฾าส่งิ นนั้ ไม฽ดีก็ไม฽ควรจะทํา แต฽ถ฾ามันเป็นเรื่องดีๆ ที่เราต฾องทําแต฽เราไม฽ ชอบ ไมร฽ กั มันเลย!! เราจะทําอย฽างไร? นีเ่ ป็น เวลาท่ีต฾องเรียนรู฾ท่ีจะรัก แล฾วชีวิตของเราก็จะมีความสุขได฾ ตลอดเวลา วิธีการท่ีเราจะสร฾างความรักในส่ิงที่เราทํา ก็คือ.. ให฾เรารู฾สึกช่ืนชมกับส่ิงน้ัน “การช่ืนชม” (Appreciation) เกดิ จากการที่เราได฾มองเห็นคุณคา฽ บางอย฽างในสิ่งนั้น เหมือน กับเวลาที่เรารักใครสักคน เรากช็ น่ื ชอบบางอย฽างในบุคคลน้ัน เราอาจชอบเขาเพราะความอ฽อนหวาน เจอกันทีไรก็จะ ได฾ฟใงคําพูดท่ี อ฽อนโยน พบกนั กค่ี รง้ั ก็รสู฾ กึ สบายใจ แลว฾ เราก็เริ่มทีจ่ ะรกั ใครคนนน้ั ความรกั หมายถึง การมองเหน็ คณุ คา฽ ในคนๆ น้ัน หรือในสิ่งนั้น มันทําให฾เราอยากเข฾าไปใกล฾มาก ขึน้ และวิธี ท่ีจะเขา฾ ไปใกล฾ไดด฾ ีท่สี ุดกค็ ือรักสง่ิ นนั้ รักคน คนนนั้ และในความใกล฾ชิด กุหลาบแห฽งความรัก ก็เร่ิมผลิบาน ส฽งกลิ่น หอมของความสุขในความสัมพันธแอันอบอ฽ุนและยั่งยืน ในการมองเห็นคุณค฽าของ ใครหรือสิง่ ใด อยา฽ เพยี งแตร฽ อให฾สิ่ง นั้นปรากฏ เราเองควรมองหาและมองเหน็ สง่ิ น้นั ด฾วยหัวใจที่เปิดกว฾าง ตระหนักถึงความจริงแท฾ท่ีว฽า “ทุกสิ่งมีคุณค฽าและ ทุกคนมีความดีงาม” น่ีคือสัจจะท่ีผู฾ซ่ึงมีความรักใน หวั ใจจะมองเห็นไดเ฾ สมอ อาจจะจรงิ ทว่ี า฽ ทุกคนยอ฽ มต฾องมีความ ออ฽ นแอ แตถ฽ งึ แม฾มันจะมากมายเพียงใดก็ ตาม อยา฽ งนอ฾ ยทสี่ ุดก็จะต฾องมคี ณุ ค฽าอยา฽ งใดอย฽างหนึ่งอยใ฽ู นผ฾ูคนเหลา฽ นน้ั เริ่มท่ีการมีความตั้งใจดีที่จะมองหา เพราะวิธีท่ีเรามอง น่ีแหละ คือวิธีท่ีเราจะเห็นคุณค฽าในส่ิงที่ เราดู บางคร้ัง มองแล฾วก็ยังไม฽เห็นนั้นก็อาจเป็นเพราะบางท่ีสายตาของเราก็พร฽ามัว หรือถูกบดบังไว฾ด฾วย แว฽นตาของอคติ ทศั นคติมี อิทธิพลอย฽างมากต฽อการรับรู฾ของเรา หากในจิตใจของเรา มีความเกลียดชังมี อคติต฽อใครบางคน ต฽อให฾เขาดีแสนดีเรา ก็ไม฽สามารถมองเห็นความดีของเขา หรืออาจจะเห็นแต฽เราก็ไม฽ ยอมรับ ความสามารถในการรับร฾ตู ฽อความดีงามของเรา ถกู ทาํ ให฾เสียไป!! “รกั แทเ฾ ป็นเชน฽ แสงสวา฽ ง” ดังนั้น มนั กท็ ําให฾เราเห็นทกุ อย฽างอย฽างชัดเจน จริงที่ว฽าเราเห็นท้ังสิ่งดี และไมด฽ ใี น คนทเี่ รารัก แตเ฽ ปน็ เพราะความรัก เราจงึ เฝาู แตจ฽ บั จอ฾ งในส฽วนทีด่ ๆี แทนทจ่ี ะจอ฾ งจับผิด!! เมื่อเรามีความรักให฾กับใคร เราก็ไม฽อาจปล฽อยให฾ใครท่ีเรารักจมปลักอยู฽ในความอ฽อนแอหรือข฾อบกพร฽อง ดงั น้นั บางคร้ังเรากอ็ ยากจะเข฾าไปแก฾ไปทาํ ส่ิงที่แย฽ๆ ให฾กลับมาดี ยกตัวอย฽าง ความรักของพ฽อแม฽ ย฽อมต฾องอยากให฾ ลูกได฾ดี แต฽บางทีเราก็ไม฽ได฾ใช฾วิธีที่เหมาะสม เราวางเง่ือนไขในความรักของเรา เช฽น วันนี้ลูกด้ือ ลูกไม฽เช่ือฟใง ดังนั้น วันน้ีแม฽จะไม฽รักลูก!! ใช฽..เจตนาน้ันดี แต฽วิธีน้ีอาจสร฾างปใญหา! เรากําลัง “เว฾นวรรคในความรัก” การเวน฾ วรรคทางการ เมืองเป็นเร่ืองที่ตา฽ งออกไป แต฽การเวน฾ วรรคในความรักเป็น สิ่งทไ่ี ม฽ควรทาํ

208 “เวน฾ วรรคในความรกั ” เด็กๆ เรียนรู฾ส่ิงต฽างๆ ท่ีเราปฏิบัติต฽อเขา หากเขาทําผิดแล฾ว เราก็ลงโทษ โดยการหยุด ให฾ความรัก เขาก็จะเริ่มเรียนร฾ูว฽า ในเวลาที่พวกเขาทําความผิด ทําสิ่งที่ไม฽ถูกต฾อง เขาจะ ไม฽ได฾รับความรัก ใช฽..เราอาจ คิดว฽านี่เป็นเง่ือนไขหรือข฾อต฽อรองท่ีดี เพราะถ฾าเขาร฾ูถึงคุณค฽าของความรัก เขากค็ วรจะใส฽ใจและไม฽ทาํ ผดิ ซา้ํ อกี บางรายมนั ก็เปน็ ไปอยา฽ งนั้น บางท่เี ด็กกเ็ รยี นรใู฾ นวิธที ีต่ ฽างไป เมื่อเขา คิดวา฽ “ฉนั ไมไ฽ ด฾เป็นเด็กดี วันน้แี มก฽ ็จะไมร฽ ักฉัน” ดังน้ัน วันนี้ เม่ือลูกรู฾สึกกล฾ุมใจสับสนกับชีวิต และแล฾วเขาก็เลยเลือกที่จะไปหาคนอ่ืนแทน!! แทนท่ีจะเป็น คุณแม฽ที่ควรจะเป็นผู฾ที่ให฾การดูแล ให฾คําแนะนําในยามที่ลูกท฾อแท฾ และสับสน มันก็ กลายเป็นคนอื่นไป ด฾วยเหตุนี้ ความรักจึงไม฽ควรเว฾นวรรค ความรักของเราควรจะสมํ่าเสมอ ไม฽มีวันขาด ตอน รักแท฾จึงเรียกได฾วา฽ เปน็ “รักนริ ันดร”แ แต฽เราจะทําอย฽างไร? ในเมื่อพ฽อแม฽ทุกคนก็ต฾องอยากให฾ลูกได฾ดี ถ฾าจะตามใจกันตลอด เด็กก็ อาจจะเสยี คน ไร฾ระเบียบ ขาดวนิ ัย กลายเป็นคนที่ไม฽มีความรบั ผดิ ชอบ “ความรักกับกฎเกณฑแ” รักแบบตามใจก็อาจจะเสียเด็ก เอาแต฽กฎเกณฑแมากไปก็อาจเสียใจ สภาพท่ีสมดุล เกิดข้ึนเมื่อเราเข฾าใจว฽า “ความรักคือกฎเกณฑแ” เม่ือหัวใจของเราได฾รับรู฾ถึงความรักจาก ใครบางคน ใครคนนั้นก็จะ กลายเป็นเหมือนบุคคลสาํ คัญของเรา ทกุ ความคิด ทุกคําพูดของเขาคนน้ันจะ เต็มไปด฾วยความหมาย เต็มไปด฾วยพลัง สําหรับเรา ดังนั้น คําพูด คําแนะนําหรือการร฾องขอใดท่ีมาจาก คนๆ นั้นก็จะกลายเป็นเหมือนกฏอันย่ิงใหญ฽ที่เราพร฾อม จะทําตาม น่ีไม฽ใช฽เร่ืองของการกดขี่หรือการ บังคับ ไม฽ใช฽การครอบงํา การทําให฾ยอมจํานน หรือความพ฽ายแพ฾ใดๆ แต฽ เป็นความงดงาม ความยิ่งใหญ฽ ของการเอาชนะใจดว฾ ยความรกั ทรงพลังแต฽อ฽อนโยน แผ฽วเบาแต฽หนักแน฽น แม฾แต฽เป็น คําสั่งก็ยังร฾ูสึกเป็น เหมอื นถอ฾ ยคําแห฽งการปลอบประโลม “รักและผูกพัน” ความรักและความผูกพันเป็นสิ่งที่อย฽ูคู฽กัน เพราะความผูกพันนั้นสร฾างสายใย แห฽งความรัก ท่ีม่ันคง แต฽น่ันก็เป็นเพียงเม่ือคําว฽า “ผูกพัน” นั้นหมายถึงการผูกมัดตนเองไว฾กับความ รับผิดชอบต฽อความรัก เช฽น แม฽ รักลูก แม฽ก็ผูกมัดตัวเองกับการดูแลเอาใจใส฽ลูกของเธอ ค฽ูรักท่ีรักกันก็ ผกู พนั กันไว฾ดว฾ ยการมีเวลาให฾แก฽กันเสมอ แต฽ เม่ือไหร฽ก็ตามท่ีความผูกพันถูกใช฾ไปในความหมายของการ ยึดมั่นถือครอง สิ่งน้ีเองที่ทําให฾ความรักน้ันหลุดลอยไป เพราะว฽าความผูกพันยึดมั่นเป็นโซ฽ตรวนแห฽ง ความสัมพันธแที่กักขังเราไว฾ในความคาดหวังและความเห็นแก฽ตัว ซึ่งก็มัก จะตามมาด฾วยความผิดหวัง ความไมพ฽ อใจ เม่อื เราไมไ฽ ด฾ในส่ิงทเ่ี ราตอ฾ งการ “หวังกับคาดหวัง” ในโลกแห฽งความรัก มีคําสองคําท่ีแม฾จะฟใงดูคล฾ายกัน แต฽ก็มีความแตกต฽าง “หวัง” และ “คาดหวัง” ความหวังเป็นดั่งดาวนําทางท่ีปรากฏข้ึนมาจากศรัทธา ความปรารถนาดี และ หัวใจที่บริสุทธิ์ ความคาดหวัง เป็นเหมือนเมฆหมอกที่บดบังหนทาง สร฾างความซับซ฾อน เคลือบแคลง และแฝงไว฾ด฾วยผลประโยชนแส฽วนตน เส฾นแบ฽ง ที่คั่นกลางระหว฽าง “หวัง” และ “คาดหวัง” คือแรงจูงใจ เบื้องหลังความปรารถนา หนึ่งนั้นเป็นไปเพื่อจะให฾ อีกหน่ึงนั้น เป็นไปเพื่อจะรับ ความคาดหวังเกิดจาก การขาดประสบการณแของความพอใจภายในตนเอง จึงเรียกร฾อง ต฾องการเอา จากผู฾อื่นเพ่ือเติมเต็มความ

209 อยากของตน บางคร้งั ความคาดหวังกซ็ ฽อนพรางมากบั ภาพของการแสดงความปรารถนาดี การดูแลเอาใจ ใส฽ ความเป็นห฽วงเป็นใย แม฾ภายนอกจะดูเหมือนเป็นการให฾ แต฽แท฾จริงแล฾วเป็นเพียงการลงทุนเพ่ือหวัง ผลกําไร ไม฽ง฽ายนักที่ใครจะเห็นแรงจูงใจของใคร นอกจากตัวเราเองที่ต฾องใส฽ใจกับความคิด ความร฾ูสึก ภายในจิตใจวา฽ มาจากความบรสิ ทุ ธใ์ิ จหรือไม฽ และหากวา฽ เม่ือใดท่เี รารู฾สึกได฾ถึงความทุกขแ ก็ขอให฾ร฾ูเถิดว฽า ความรักของเราน้ันถกู เจอื ปน ดว฾ ยความเห็นแก฽ตวั ความหวังนั้นแต฽งแต฾ม ต฽อเติมความรักให฾ยืนยาว ส฽วน ความคาดหวังน้ัน บันทอน บดบังความ งดงามของความรัก ความหวังทําให฾เราคงความสุขไว฾อย฽าง สมํา่ เสมอ แม฾ต฾องพบเจอปใญหาและอปุ สรรคขณะที่ก฾าวไป บนหนทางแห฽งความรัก ความคาดหวังจบส้ิน ความสุข เพยี งแค฽พบว฽าเสน฾ ทางแห฽งความรกั มิไดเ฾ ปน็ อยา฽ งทต่ี วั เอง ตอ฾ งการ “ความรักเอาชนะข฾อบกพร฽อง” หากเรามีความรักท่ีจริงแท฾ เราก็ไม฽อาจปล฽อยให฾คนท่ีเรารักจม ปลักอยใู฽ นความ ทกุ ขหแ รอื ติดกับอยใ฽ู นความอ฽อนแอ แต฽การช฽วยใครท่ีเรารักออกมาจากสิ่งน้ัน แน฽นอนว฽า ต฾องไม฽ใช฽การทุบตี ดุด฽า หรือ ทําให฾เสียใจ ในความรัก เราเลือกท่ีจะมองเห็นคุณค฽าแล฾วสร฾างพละกําลัง ข้นึ มาในผ฾ทู เ่ี รารัก เพอื่ ที่เขาจะสามารถจัดการ กับข฾อบกพร฽องหรือความอ฽อนแอของตนเอง เหมือนเวลา ที่เด็กหดั เดนิ เม่อื เขาล฾ม พอ฽ แม฽ก็ไมไ฽ ดด฾ วุ า฽ หรอื ทุบตี เราเอา เดก็ มากอดและบอกกบั เขาวา฽ ไมเ฽ ป็นไร ลองดู ใหม฽ ค฽อยๆ เป็น ค฽อยๆ ไป จนในที่สุดเขาก็เดินได฾ วันน้ีเขาวิ่งเล฽นอย฽าง มีความสุขเพราะวันน้ันเราให฾ โอกาส ใหก฾ าํ ลังใจ เราไดใ฾ หค฾ วามรกั แกเ฽ ขา ดงั นน้ั เม่ือเราพบข฾อบกพร฽องในใคร การ แสดงออกของความ รักคือการให฾โอกาส ให฾พละกําลัง เม่ือเขาเข฾มแข็งเขาก็จะสามารถแก฾ไขข฾อบกพร฽อง เอาชนะความ อ฽อนแอของตวั เองได฾ มเี ด็กชายชนั้ อนุบาลหัดคัดลายมอื เขาส฽งกระดาษยับยู฽ยี่ท่ีมี ก.ไก฽ ตัวเบ้ียวๆ โย฾ไปโม฾มา ล฽องลอย อยู฽เต็มหน฾า กระดาษ บางตัวก็อย฽ูเหนือ บางตัวก็อย฽ูใต฾เส฾นบรรทัด คุณครูใจดีก็มองดูด฾วยสายตาชื่นชม แลว฾ ชี้ไปที่ ก.ไก฽ ตัวหนงึ่ (ตัวเดยี ว) ในกระดาษ และพูดกับเขาว฽า “ครูชอบ ก.ไก฽ ตัวน้ีของเธอนะ ดูซิ มัน ปากแหลม แล฾วสองขาของมนั ก็วาง อยบู฽ นเสน฾ บรรทัดดว฾ ย” เดก็ นอ฾ ยยิ้มอย฽างมีความสุขแล฾วจากนั้นเขาก็ เขียน ก.ไก฽ ทุกตัวเหมือนกับ ก.ไก฽ ตัวท่ีคุณครู ชมการให฾ความรัก ไม฽ได฾แปลว฽าเราจะไม฽ใส฽ใจต฽อความผิด หรือข฾อบกพร฽อง แน฽นอนว฽าความถูกต฾องยังคงเป็นสิ่งจําเป็น และความอ฽อนแอก็ควรจะต฾องถูกขจัด ออกไป การพูดสอน การตักเตือน ก็ยังเป็นส่ิงที่ทําได฾และควรทํา แต฽การยํ้าซํ้า แต฽ความผิดพลาดและ ความอ฽อนแอ อาจไม฽เป็นวิธีที่ดีนัก โดยเฉพาะตอนท่ีเรากําลังหงุดหงิดรําคาญใจหรือข฽ุนมัวใน อารมณแ บางครั้งน้ําเสยี ง แววตา ท฽าที่ของเราก็ทํางานมากเสียยิ่งกว฽าถ฾อยคํา กระแสจิตอันมาจากจิตใจที่ป่ในปุวน จบส้ิน สัจจะของเราเอง ดังนั้น พวกเขาก็เพียงแต฽ร฾ูสึกขัดเคือง ไม฽พอใจ เริ่มปกปูองตัวเอง พิสูจนแตน ต฽อต฾าน หรือแม฾กระท่ัง ตอบโต฾กับเรา น่ีไม฽ใช฽วิถีแห฽งความรัก พวกเขาไม฽ได฾ใช฾เวลาในการสํารวจตนเพื่อ เปลย่ี นแปลงแก฾ไขสิ่งใด แตเ฽ สียเวลา กบั การปกปอู งหรือตอ฽ ส฾ูกบั ผู฾รกุ ราน!! “รักหลุดลอย” ความรักนั้นแสนจะอ฽อนหวาน และดังนั้นเราทุกคนต฽างก็ปรารถนาจะมีความรัก เก็บไว฾ในครอบครอง ความรักน้ันแสนดีถึงขนาดน้ี แต฽แล฾วทําไมบางคนถึงปล฽อยให฾ความรักหลุดลอยไป บางท่อี าจเปน็ เพราะเราเฝาู แต฽คิดว฽าจะเอาความรกั มาเก็บไว฾ หรอื คิดเพียงว฽าจะได฾ความรักมาครอบครอง

210 ไดอ฾ ยา฽ งไรจนลืม จะใหล฾ มื ทจ่ี ะแจกจ฽าย ความรักที่เรามี และด฾วยเหตุนี้ แทนที่จะมีความสุขจากการได฾ให฾ ความรัก เรากลับเป็นทุกขแหรือกังวลว฽าไม฽ค฽อยมีใครมาให฾ความรักกับเรา ความรักไม฽ได฾เพิ่มพูนขึ้นมาจาก การได฾รับ แต฽มันงอกงามจากการท่ีเราได฾ให฾ต฽างหาก ในมุมมองทางจิตวิญญาณ ความรักเป็นธรรมชาติ พน้ื ฐาน คอื ความงดงามแหง฽ ความเป็นมนุษยแ คือคุณธรรมที่สูงส฽ง และเป็นพลังอันย่ิงใหญ฽ท่ีจะนําสันติสุข กลับคืนมาส฽ูโลกใบน้ีของเรา เริ่มสร฾างประสบการณแของความรักท่ีแท฾จริงขึ้นมาภายในตนเอง จากการ ตระหนักวา฽ “ความรักคือคุณสมบตั ดิ ั้งเดิมของเราทุกคน” ด฾วยหัวใจที่สะอาดและบริสุทธิ์ สร฾างความคิดท่ี ดี มคี วามปรารถนาดี และมีความรู฾สึกดีๆ ให฾กับตนเองก฽อน แล฾วมันก็จะกลายเป็นสิ่งที่ง฽ายดายที่จะหยิบ ยน่ื สง่ิ เหลา฽ นใ้ี ห฾แก฽ผ฾ูอ่ืน “อยา฽ กลัวทจ่ี ะรัก” แม฾ความรกั จะเป็นเร่ืองทล่ี ะเอียดออ฽ นอย฽างยงิ่ แตม฽ ันก็มไิ ด฾เปราะบาง หรือถูก ทาํ ลายได฾ งา฽ ยๆ หรอก หากว฽ารักนน้ั เปน็ ความรกั ท่ีแทจ฾ ริง “รักแท”฾ น้นั แข็งแกรง฽ และคงอยู฽ช่ัวนริ ันดรแ 2. ความสุข-บรรยากาศของการอยู่ร่วมกันอย่างสรา้ งสรรค์ เราทุกคนต฽างก็เคยมีความสุขกันมาแล฾วทั้งน้ัน แต฽หากถามว฽าสม่ําเสมอไหม? แต฽ละคนก็คงให฾ คําตอบ ที่แตกต฽างกันไป แต฽ส฽วนใหญ฽ก็มีความสุขแค฽เพียงชั่วคราว ความสุขที่มา ๆ ไปๆ ถ฾าเราต฾องการ ความสขุ ทีย่ นื ยาว ความสุขที่แท฾จริงเราจะหาสิ่งนี้ได฾จากท่ีไหน? ผู฾ร฾ูท่ีปราดเปรื่องมากมาย นักปรัชญาใน ทกุ ๆ ยุค ต฽างก็พดู ว฽า โดยธรรมชาติแล฾วมนุษยคแ อื ผทู฾ ีม่ คี วามสุข พวกเขาตา฽ งระบวุ ฽า “ความสุขมีอยู฽แล฾วใน ตัวเรา” หากแต฽ละคนมีสิ่งน้ีอย฽ูแล฾วในตนเอง - แต฽ทําไมเราถึงไม฽มีความสุข ที่จริงแล฾วก็ไม฽ใช฽ว฽าไม฽มี ความสขุ หรอกแตเ฽ ราขาดประสบการณแกับความสุขที่เรามี เหมือน เรามีเงิน แต฽จําไม฽ได฾วา฽ เอาเงินไปเก็บไว฾ ที่ไหน ถึงแม฾เรามีแต฽กลับไม฽สามารถได฾ประโยชนแจากมันจนกว฽าเราจะหาเจอ ส่ิง ท่ีเราแทบจะไม฽ได฾ สังเกตเห็นเลยก็คือ เรามองดูและมองหาความสุขในทิศทางท่ีผิด!! ท้ังหมดท่ีเราต฾องทําก็คือแผ฾วถาง เอา ความเช่ือผิดๆ เก่ียวกับความสุขออกไปจากจิตสํานึกของเรา เพื่อที่เราจะสามารถมองเห็น และมี ประสบการณแกบั ความสุขอันจริงแท฾ไดอ฾ ีกคร้ัง ความเชื่อผิดๆ ที่ว฽านี้ก็เช฽น เช่ือว฽า “รวยแล฾วจะมีความสุข” ถ฾ายังไม฽รวย ความสุขก็ยังไม฽มา แต฽ หลายคนก็ รวยแต฽ก็ไม฽มีความสุข ในความเป็นจริง ความสุขไม฽ได฾ข้ึนอย฽ูกับความรํ่ารวยหรอก คนจนก็มี ความสขุ ได฾ ดังนนั้ ความ สุขไม฽ได฾ขึ้นอยู฽กับฐานะหรือความมั่งคั่งภายนอก หรือที่ว฽า “สะสมไว฾เยอะๆ จะ ได฾มีความสุขมากๆ” คนโลภไม฽เคยรู฾สึกถึงความอ่ิมเต็ม ความละโมบทําให฾เราไม฽ร฾ูจักพอ มันเป็นรูร่ัวท่ี ความสุขจะไหลออกไปจนหมด!! ดังนั้นความสุข มาพร฾อมกับความพอใจ แต฽ควรเป็นความพอใจในสิ่งที่ เรามี พอใจกบั ส่งิ ทเี่ ราเป็น “ความสุขคือการได฾บรรลคุ วามฝนใ ของตน” นี่คือวิธีเล่ือนความสุขของเราออกไป เอาความสุขไป เก็บไว฾ในอนาคต รอให฾ลูกเรียนจบ รอได฾เป็นผ฾ูจัดการ หรือผ฽อนบ฾านผ฽อนรถหมดแล฾วถึงค฽อยมีความสุข ความสุขไมไ฽ ด฾รออย฽ทู ี่ ปลายทางหรอื ปลายฝใน แต฽ควรอย฽ูกบั เราในทุกวัน ในทกุ ก฾าวยา฽ งทีเ่ ราก฾าวไป “ความสุขของเราขึ้นอย฽ูกับผู฾อื่น เช฽น พ฽อแม฽คิดว฽า ความสุขอย฽ูที่ลูกทําตามที่พ฽อแม฽ต฾องการ ใคร บางคนอาจ จะไม฽น฽ารักกับเรา แต฽นั่นไม฽ได฾แปลว฽า เราจะไม฽สามารถมีความสุขขณะที่อย฽ูกับเขา ความสุข

211 ไมไ฽ ดเ฾ ป็นบางส่ิงนอกตวั เรา ความสุขทจี่ ริงแทไ฾ ม฽ไดข฾ นึ้ อย฽กู ับใครส่ิงใด หรือท่ีไหน แต฽ความสุขเป็นงานข฾าง ใน ในจิตใจของเราเอง ความสุขทจ่ี ริงแท฾ ไมใ฽ ชค฽ วามตนื่ เต฾น เพราะเราสว฽ นใหญ฽เช่ือวา฽ ความสขุ เกดิ จากการถกู กระต฾ุน จึง ทําให฾เราแสวงหาสิ่งกระต฾ุนจากภายนอก ดาราคนโปรด สถานที่พักผ฽อนส฽วนตัว หากเราทําเช฽นน้ีมาเป็น ระยะเวลาทย่ี าวนานก็ อาจไมง฽ ฽ายนกั ทีจ่ ะเลิกหรอื เป็นอสิ ระจากนสิ ัยน้ี เพราะมแี นวโน฾มท่จี ะเป็นการเสพ ตดิ กบั บางคนหรือบางสถานที่ และ สิ่งเหล฽านีไ้ มใ฽ ช฽ส่ิงท่ยี ง่ั ยืน “ความสุขที่แท฾จริงกับความสุขชั่วคราว” ความสุขที่จริงแท฾เป็นคนละอย฽างกับความสนุกเร฾าใจ แม฾ว฽าความ ตื่นเต฾นระทึกใจจะให฾ความสุขกับเรา แต฽ก็เป็นความสุขแบบอายุสั้น ชั่วครู฽ช่ัวคราว พอความ ระทึกใจนั้นผ฽านพ฾นไป ความสุขก็อันตรธานไปด฾วย เม่ือกิจกรรมท่ีร่ืนรมยแนั้นจบลง ความสุขก็จะค฽อยๆ เดือดแหง฾ ไปดว฾ ยกนั ความสุขอันจริงแท฾ ซึ่งหมายถึง ความสุขท่ีถาวรและคงอยู฽กับเราเสมอจึงไม฽ใช฽ความสุขที่มาจาก แรงกระตุ฾น หรือความระทึกใจ ความสุขท่ีได฾มาจากการใช฾สิ่งเร฾าหรือตัวกระต฾ุนนานเข฾าก็อาจพาเราเข฾า ไปสู฽การเสพติด ความสุขท่ี จริงแท฾จะไม฽ข้ึนๆ ลงๆ บางครั้งสูง บางครั้งต่ํา ความสุขที่จริงแท฾น้ันม่ันคงอยู฽ ในสภาพท่ีสมํ่าเสมอ ส่ิงนี้เป็นไปได฾เม่ือ เราเข฾าใจว฽า “ความสุขมีอยู฽แล฾วภายในตัวเรา” ดังนั้น การมี ประสบการณแของความสขุ กเ็ ปน็ งานทีจ่ ะตอ฾ งสร฾างมนั ขน้ึ มาจากภายใน ความสุขจึงเปน็ เรือ่ งของจิตใจทีม่ ีประสบการณแของ “ความพอใจ” ซ่ึงหมายถึงความพอใจในส่ิงที่ เรามี ไม฽ใช฽ ความพอใจกับสิ่งภายนอก หรือจากการได฾รับสิ่งไหนที่เราต฾องการ ขอให฾เราพอใจกับตนเอง พอใจในส่ิงที่เรามี พอใจ ในสิ่งที่เราเป็น นั่นคือการยอมรับ การร฾ูค฽า และการมีความเคารพในตนเอง ทํางานอย฽างมคี วามสขุ ” จงเลอื กทาํ ในสิ่งทเี่ รารัก เพราะน่ันจะทาํ ใหเ฾ รามีความสุขกบั สิง่ ท่ีเราทํา แตก฽ ารมีความรักในทุกส่ิง ท่เี ราทํา จะ ทําให฾เรามคี วามสุขกบั ทกุ ๆ สิ่งในชวี ติ 3. ความสงบ-การใช้ชวี ติ อย่างปราศจากความกา้ วรา้ วรนุ แรง ผูค฾ นสว฽ นใหญค฽ ดิ ว฽าอารมณแท่ปี ใน่ ปุวนของพวกเขาเกิดจากส่ิงต฽างๆ รอบตัว เช฽น เมื่อได฾ยินคําพูดท่ี หยาบคาย ได฾เห็นพฤติกรรมที่เลวร฾ายของใครบางคน หรือต฾องเข฾าไปสู฽สถานการณแที่เต็มไปด฾วยความ ขัดแย฾ง หรือการเผชิญหน฾า กัน พวกเขามักคิดว฽าสิ่งเหล฽าน้ันเป็นเหตุแห฽งความปใ่นปุวนในอารมณแ แต฽ใน บางกรณี แม฾ในสถานการณแเดียวกัน แต฽ ผู฾คนก็กลับมีการตอบสนองต฽อสถานการณแเดียวกันนั้นในวิธีที่ แตกต฽างกนั ตวั อย฽าง คนสองคนไปทํางาน ท้ังคู฽ได฾รับ มอบหมายให฾ทํางานอย฽างเดียวกัน ให฾เสร็จในเวลา เดียวกัน หน่ึงน้ันก็เครียดและรู฾สึกถูกกดดัน ขณะท่ีอีกคนทําอย฽าง เบาสบาย ทั้งสองคน ทํางานเสร็จ ทันเวลา หนึ่งนนั้ หมดแรง และอีกหนงึ่ น้นั สดชน่ื และพรอ฾ มสําหรับงานช้นิ ตอ฽ ไป อะไรเลา฽ คือความแตกตา฽ ง? ไม฽ใชง฽ านหรือเสน฾ ตายท่ที าํ ใหเ฾ กดิ ความเครียดหรือความกดดันอย฽างที่ หลายๆ คนเช่ือ แต฽เป็นวิธีการรับร฾ูต฽อส่ิงต฽างๆ เหล฽านั้นต฽างหาก ดังน้ัน “วิธีการรับรู฾ของเราคือความจริง สําหรับเรา” และการ รบั ร฾ูเป็นทางเลือก เป็นบางสงิ่ ท่เี ราแต฽ละคนเลอื กได฾

212 “ควบคมุ อารมณไแ ดอ฾ ย฽างไร เม่อื ประสาทสมั ผสั ของร฽างกายรับรู฾ต฽อส่ิงต฽างๆ รอบตัว จิตใจของเรา ก็มคี วาม คิดบางอย฽างเกิดข้ึน และเป็นด฾วยความคิดน้ันที่เราเกิดความรู฾สึกและกลายมาเป็นอารมณแ บาง ความคิดนําเราไปส฽ูความร฾ูสึกที่ดีแล฾วเราก็มีอารมณแดี บางครั้งเมื่อเรามีความคิดที่เป็นลบ อารมณแและ ความร฾ูสึกของเราก็เป็นไปตามนั้น เพ่ือที่ เราจะกลายเป็นนายเหนืออารมณแตนเอง เราต฾องตระหนักว฽า สถานการณแเปน็ เรอื่ งขา฾ งนอก แต฽ประสบการณอแ ัน หมายถงึ ความรู฾สึกหรืออารมณแของเรานั้น เกิดขึ้นข฾าง ใน ซ่ึงขึ้นอย฽ูกับการรับร฾ูของเรา เม่ือเราเข฾าใจว฽าการรับรู฾คือส่ิงที่ เราเองสร฾างข้ึน และแล฾วเราก็สามารถ เลือกการรับร฾ูการตีความของตัวเราเองได฾ และในการทําเช฽นนั้น เราก็สามารถ กลายเป็นนายเหนือ อารมณแของตนเอง แต฽หากเราหลงลืมสิ่งนี้เราก็มีแนวโน฾มท่ีจะร฾ูสึกว฽าเหตุการณแมีพลังเหนือกว฽า เราตก ภายใตอ฾ ิทธิพลของเหตกุ ารณแ และกลายเปน็ เหยื่อของสถานการณแ : “การเปลยี่ นแปลงกบั ความปน่ใ ปุวนทางอารมณแ” เวลาน้ีจังหวะของการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นบน โลก ในเกือบ ทุกด฾านของชีวติ อย฽ูในอัตราที่รวดเร็วมาก ซึ่งแน฽นอน มันส฽งผลกระทบต฽อ “คุณภาพชีวิต” และสาํ หรบั คนส฽วนใหญ฽ การเปลีย่ นแปลงทร่ี วดเรว็ นท้ี ําให฾พวกเขาแย฽ลง แม฾จะมีการเตือนหรือเตรยี มการ มีข฾อมูลข฽าวสารที่ส฽งถึงกันได฾ทั่วทั้ง โลก ผ฽านเทคโนโลยีที่ทําให฾ระยะทางไม฽ได฾เป็นอุปสรรคกีดขวางอีก ต฽อไป แต฽กระน้ัน ผู฾คนส฽วนใหญ฽ทําอะไรเม่ือต฾อง เผชิญหน฾ากับการเปลี่ยนแปลง พวกเขาต฽อต฾าน ทําไม บ฾างก็ตอบว฽ากลัวสิ่งท่ีไม฽ร฾ู แต฽เราจะกลัวสิ่งที่เราไม฽รู฾ได฾อย฽างไร ความกลัวที่อยู฽เบื้องหลังการต฽อต฾าน ทัง้ หมดตอ฽ การเปลีย่ นแปลงใดกต็ าม ไมใ฽ ชค฽ วามกลัวต฽อส่ิงท่ีไม฽ร฾ู แต฽เป็นความ กลัวต฽อการสูญเสียสิ่งที่เรา ร฾ูอย฽ูแล฾วหรือมีอย฽ูแล฾ว เช฽น ตําแหน฽ง อํานาจ รายได฾ ผ฾ูคน เกียรติยศ ภาพพจนแในสายตา ของผู฾อ่ืน หรือ อภิสิทธ์ิบางอย฽าง เป็นต฾น แต฽เราสามารถยึดเหน่ียวส่ิงต฽างๆ เหล฽านี้ไว฾ได฾จริงหรือ อาจมีหนึ่งหรือสองคน ทย่ี งั อยู฽ในชวี ิตของเรา แตส฽ ฽วนใหญ฽มาแลว฾ ก็จากไป ทุกสิง่ เปลย่ี นแปลงในทุกวัน สิ่งเหล฽าน้ันคือรูปของพลังงาน ถ฾าเราก฾าวออกมาชั่วขณะ สังเกตสิ่งต฽างๆ ในความเงียบสงบ ทั้งหมดที่เราจะ เห็นคือรูปต฽างๆ ของพลังงาน พลังงานที่เฝูาแต฽เปล่ียนตําแหน฽งและรูปของมันอย฽ู ตลอดเวลา ดังน้ัน ถ฾าเรานําท้ังหมด มารวมกัน เราก็จะได฾แม฽นํ้าของพลังงาน สิ่งท่ีเราอาจเรียกว฽าเป็น “แม฽นา้ํ แห฽งชวี ิต” เราทาํ อะไรกับแม฽นํ้าสายน้ี เรา พยายามสร฾างเขื่อน ก้ันขวางกักเก็บ ยึดจับส่ิงเหล฽าน้ัน ทง้ั หมดไว฾ แลว฾ อะไรเกดิ ข้ึนเม่ือเราทาํ เชน฽ นน้ั อะไรถูกสร฾างข้นึ หลังเข่อื นกั้นน้ํา “ความกดดัน” เหตุนี้เอง ความกดดันจงึ เปน็ สิง่ ที่เราเองสร฾างมันข้ึนมา ไม฽มีใครและไม฽มีส่ิงใดทําให฾เราร฾ูสึกกดดัน ได฾ มันเป็น สิ่งสร฾างของเราเอง เม่ือเราพยายามสร฾างเขื่อนกั้นขวางแม฽นํ้าแห฽งชีวิต ปิดก้ันการไหลเลื่อน อย฽างเป็นธรรมชาติของมัน ส่ิงที่ตามมาก็คือ นํ้านิ่งและเน฽า บางคร้ังเราก็อยู฽นิ่งๆ และส฽งกล่ินเหม็นใน ความสัมพันธทแ ง้ั กบั ตนเองและผูอ฾ ่ืน เมื่อเรา รบั รู฾ว฽าการเปลย่ี นแปลงที่เราไมช฽ อบกาํ ลงั จะเกดิ ข้นึ “ทาํ อยา฽ งไรเมื่อต฾องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง” ลองสังเกตเวลาที่นักยูโดสองคน (สองพลังงาน) เผชิญหน฾า กัน พวกเขาหันหน฾าเข฾าหากัน ก฾มให฾แก฽กันแสดงความเคารพ และรับร฾ูซึ่งกันและกัน พวกเขา กอดกัน ไม฽ใช฽เพราะรัก กันเราได฾เห็นหลักการแรกของการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงหรือจัดการกับ พลังงานใดกต็ ามทเี่ ข฾ามาหาเรา การยอมรบั “โอบกอด” แลว฾ มองดวู ฽าเราจะใหส฾ ่งิ น้ันทํางานให฾เราอย฽างไร

213 เมื่อเราสามารถยอมรับว฽า ไม฽มีส่ิงอื่นใดอยู฽รอบตัวเรา นอกจากการเปล่ียนแปลง และมีเพียงการ เปลี่ยนแปลงเทา฽ น้นั ทุกสิ่งและทกุ คนเพยี งแต฽มาแลว฾ ก็ไป ความกลวั อย฽าง ไรเ฾ หตุผลต฽อการสูญเสียซ่ึงเป็น เหตุของความเครียดก็จะค฽อยๆ ลดกําลังลง เมื่อความเครียดอันเป็นเหมือนรูร่ัวท่ีทําให฾ เราสูญเสีย พลังงานไปอยา฽ งเปลา฽ เปลืองไดร฾ ับการจัดการ เราจะรูส฾ กึ เหมือนมพี ลังงานเพ่มิ มากขน้ึ มีเรี่ยวแรงที่จะเล฽น บทบาทต฽างๆ ในความสัมพันธแของเรากับผ฾ูอื่น ท่ีบ฾าน ที่ทํางาน เราแม฾กระท่ังสามารถให฾การช฽วยเหลือ ผ฾ูอ่ืนให฾เข฾าใจ และจัดการความเครียดของพวกเขาได฾ หรือน่ันก็คือ จาก “การต฽อต฾าน” ไปสู฽ “การ ยอมรบั ” จาก “การหนีไป” เป็น “การเลอ่ื นไหล” จากการเป็น “เหยอื่ ของการเปล่ียนแปลง” กลายเป็น “โอกาสของการเร่ิมต฾นสิ่งใหม฽ ๆ ท่ดี กี ว฽า” “ความโกรธ” หน่ึงในอารมณแท่ีแย฽ที่สุดที่ทําให฾เกิดวิกฤตทางอารมณแคือ “ความโกรธ ความโกรธ ไม฽เพียง สร฾างวิกฤตในจิตใจของเรา แต฽ยังอาจนําเราไปส฽ูความวิบัติ หรือสร฾างความเสียหายไปถึงผ฾ูคน รอบตวั ไดอ฾ ย฽างมากมาย คาํ พูดแมเ฾ พยี งคาํ เดยี วท่ีพูดดว฾ ยความโกรธ อาจท้งิ รอยแผลไว฾ในหัวใจไดย฾ าวนาน หรืออาจถงึ ข้นั ทาํ ลายความสัมพันธแ ให฾ขาดสะบ้ันกันไปก็มี ถ฾าเราถามผู฾คนถึงสาเหตุท่ีทําให฾พวกเขาโกรธ กเ็ ช่อื ไดว฾ ฽าเราจะได฾รบั คาํ ตอบท่หี ลากหลาย กว฾างใหญเ฽ ลยทีเดียว “การเอาชนะความโกรธ” นักปราชญแที่มีชื่อเสียงท฽านหน่ึงเคยพูดไว฾ว฽า “จะมีความสงบบนโลกนี้ ได฾อย฽างไร หากหัวใจของผ฾ูคนยังเป็นเช฽นภูเขาไฟ” จนกว฽าผ฾ูคนจะมีความสงบและเป็นอิสระจากความ โกรธ เพยี งเทา฽ นน้ั เองทพี่ วก เขาจึงจะมีชีวติ อยร฽ู ว฽ มกันได฾อย฽างสอดคลอ฾ งกลมกลนื “จะสร฾างความสงบขึ้น ในตนเองได฾อย฽างไร” เริ่มด฾วยการตระหนัก ว฽าเรามีทางเลือกที่จะคิด และร฾ูสึกอย฽างท่ีเราต฾องการ ถ฾าเรา ลองมองดูสิ่งท่ีทําให฾เราโกรธ เราก็อาจจะพบว฽า มันเป็น เพราะตัวเราเองท่ีปล฽อยให฾บางสิ่งมากระตุ฾น ความโกรธของเรา บางคร้ังก็เหตุการณแ หรือเป็นพฤติกรรมของบางคนท่ีมา กระต฾ุนเรา และเป็นเพราะ เราค฾นุ เคยอย฽างยิ่งกับการตอบสนองต฽อส่ิงเร฾าเหล฽าน้ันด฾วยความโกรธเราจึงแสดงความโกรธ ออกมาครั้ง แล฾วคร้ังเล฽า และน่ันก็เป็นเพราะเราลืมไปว฽า เราสามารถเลือกได฾ว฽าเราต฾องการจะร฾ูสึกเช฽นไร จนกว฽าเรา จะ สามารถควบคุมความร฾ูสึกและอารมณแของเราไม฽ให฾เป็นไปในวิธีท่ีสร฾างความเสียหายต฽อตนเองหรือ ผูอ฾ ืน่ นั่นจึงจะกลา฽ ว ไดว฾ า฽ เราเป็นอสิ ระจากความโกรธ เราอาจจะเคยได฾ยินใครบางคนพูดว฽า “ฉันเกลียดจริงๆ เลย ที่เธอพูดกับฉันอย฽างน้ี ไม฽ชอบเลย จริงๆ” หรือ “ฉันบอกเธอ มาก่ีคร้ังก่ีหนแล฾วว฽าไม฽ให฾ทําอย฽างน้ี” บทเรียนหน่ึงที่ได฾เรียนร฾ูจากเร่ืองนี้ก็คือ ไม฽วา฽ เราจะเปน็ ใคร ยงิ่ ใหญ฽เพียงใด แต฽เราไมม฽ ีวันทจ่ี ะควบคุมทกุ ส่งิ ใหเ฾ ปน็ อย฽างทใี่ จเราต฾องการ ไม฽ว฽าจะ เป็นสภาพแวดล฾อม ผ฾ูคน หรือ สถานการณแ เพราะสิ่งเหล฽านั้นเปลี่ยนแปลงเสมอ สิ่งเดียวเท฽าน้ันที่เรา ควบคุมได฾ คือวิธกี ารที่เราจะตอบสนองต฽อ สิง่ ตา฽ งๆ เหล฽าน้ัน “การควบคุมตนเอง” ความสามารถในการควบคุมตนเอง เป็นสิ่งท่ีเราพัฒนาข้ึนมาได฾ และเป็น เพียงตัวเราเองเท฽านั้นท่ีสามารถทําให฾ส่ิงนี้เกิดข้ึน ชีวิตในปใจจุบันมาพร฾อมกับความท฾าทายในการ เผชิญหนา฾ กับความทา฾ ทายเหล฽าน้ี เราต฾องมองดูทุกปฏสิ มั พนั ธทแ ี่เกิดขึน้ ในโลกของเราว฽าเป็นส฽วนหน่ึงของ เกมหรอื ละครเร่ืองใหญ฽ และภายในละครนี้ แต฽ละคนและทุกคนตา฽ งก็มีบทบาททพ่ี ิเศษสุดของตนเองท่ีจะ

214 แสดงซง่ึ เกย่ี วโยงกับนสิ ัยสว฽ นตวั ความสมั พนั ธแกบั ผู฾คน และบญั ชีกรรมที่พวกเขาได฾กระทํามาในอดีต เม่ือ เรายอมรับในสิ่งน้ี แทนการใช฾เวลาของเรากับการจับตามองดูสิ่งที่ คนอ่ืนกําลังทํา เราก็เริ่มใส฽ใจที่จะใช฾ พลังงานของเราเพื่อเล฽นบทบาทของตนเองอย฽างเต็มความสามารถ เราตระหนักว฽า เราไม฽สามารถบังคับ หรือควบคมุ พฤติกรรมของใคร เพราะมนั อาจจะนําไปส฽คู วามขัดแย฾งได฾ในที่สุด แทนที่จะเป็นเช฽น น้ัน เรา ควรสร฾างความเขา฾ ใจที่ไมว฽ า฽ ใครจะทําอะไรก็ตาม พวกเขาย฽อมตอ฾ งมีเหตุผลบางอย฽างท่ีจะทํา ดังน้ันเราไม฽ ควรด฽วนสรุปเกินไป และแทนการพยายามควบคุมพฤติกรรมของผ฾ูอื่น มันจะเป็นสิ่งที่ง฽ายกว฽า และเป็น ประโยชนแมากกว฽า ทีเ่ ราจะจดจ฽อพลังงานของเรากับการกระทาํ ของตนเอง “การฝึกสมาธิ” ช฽วยเราให฾สร฾าง “เน้ือที่ว฽างส฽วนตัว” ภายในตนเอง เพ่ือที่เราจะมีโอกาสมองดู ชั่งนํ้าหนัก เหตุการณแและตอบรับต฽อสถานการณแได฾อย฽างเหมาะสม จากการอย฽ูในสภาพของการควบคุม ตนเอง เม่อื เราโกรธเราก็ ขาดการควบคุมตนเอง ในเวลานน้ั เราอย฽ูในสภาพของความปน่ใ ปุวนภายใน และ ความโกรธเปน็ พลงั ท่ีกอ฽ ใหเ฾ กดิ การ ทาํ ลายล฾างได฾อยา฽ งมากมาย อยา฽ งไรก็ตาม ด฾วยการตระหนักร฾วู า฽ เราคือชวี ติ ทเ่ี ป็นจิตวิญญาณ และด฾วยการตระหนักร฾ูและการ มี ประสบการณแกับความงามของธรรมชาติท่ีจริงแท฾ของเรา การพ่ึงพิง การยกย฽องหรือการยอมรับจาก ผ฾ูอ่ืนก็จะลดลง เม่ือเราได฾ค฾นพบความมั่นคงและความนิ่งภายใน และแล฾วการใช฾ความโกรธเป็นเครื่อง ปกปูองก็ถูกขจัดทิ้งไป รูปแบบน้ีของความม่ันคงสามารถสร฾างรากฐานท่ีแน฽นหนา ในรูปของความม่ันใจ ในตนเอง ผอ฾ู ื่นอาจพูดอะไรก็ตามทอ่ี ยาก จะพดู และนัน่ กอ็ าจจะเป็นความจริงดว฾ ย แตเ฽ ราไมส฽ ูญเสียความสงบหรือความสุขของเรา น่ีคือ การเคารพต฽อส่ิงท่ีคงอยู฽ตลอดไปภายในตัว เรา เราให฾ โอกาสแกต฽ นเองที่จะคงความสงบของจติ ใจเอาไว฾ เพราะไม฽มใี ครอนื่ สามารถหยิบยื่นส่ิงน้ีให฾กับ เราได฾ เรามีทางเลือก หากเรารับความทุกขแจากใครบางคน เราก็ไม฽อาจกล฽าวโทษบุคคลน้ันและพูดว฽า “เป็น ความผิด ของเธอท่ีมาพูดกับฉันแบบนี้” เราตระหนักว฽าเรามีทางเลือกในทุกขณะ เราสามารถใช฾ สติปใญญาของเรากลั่นกรองเพื่อ เลือกสิ่งที่เรากําลังจะปล฽อยให฾เข฾ามา และส่ิงท่ีเรากําลังจะปูองกันไม฽ให฾ เข฾ามาขา฾ งในและมีผลกระทบกับตนเอง ประสบการณขแ องความสงบสามารถกลายเป็นสภาพภายในของเราได฾อย฽างเป็นธรรมชาติ ในวิธีนี้ เหมือนกับ ท่ีน้ําสามารถเปลี่ยนรูปจากของแข็งเป็นของเหลว หรือกลายเป็นไอ ดังน้ัน พลังงานซ่ึงก฽อน หนา฾ น้ันเคยแสดงออกมา และหลอ฽ เลี้ยงความโกรธกส็ ามารถเปลยี่ นไปเป็นพลังของความม฽ุงมั่นหรือความ กล฾าหาญ แทนการโกรธใครบางคน เพ่ือพสิ ูจนแความถูกต฾อง เราสามารถเรียนร฾ูที่จะยืนยันด฾วยความมั่นใจ “การยืนยันด฾วยความมั่นใจ” แสดงถึงการมี ความเคารพต฽อตนเอง ในขณะที่ความโกรธไม฽แสดงความ เคารพทั้งต฽อตนเองหรือใคร เพียงด฾วยการขจัดความโกรธ ออกจากตนเองเท฽านั้น ที่เราจึงจะเป็นอิสระ พอจะมีประสบการณแความสงบของธรรมชาตทิ ีแ่ ทจ฾ ริงของการเป็น จิตวิญญาณของเราได฾ ดังน้ัน ด฾วยความเข฾าใจท่ีลึกซ้ึงทางจิตวิญญาณนี้ พ฽อแม฽ผ฾ูปกครองที่ผู฾เกี่ยวข฾องสามารถพัฒนา คุณคา฽ ชวี ิตเพื่อ เปน็ แบบอยา฽ งในการถ฽ายทอดให฾กบั ลูกหลาน

215 9.การสร้างบรรยากาศครอบครัวทม่ี ีเดก็ ปฐมวัย บนฐานคิดการเคารพตอ่ คุณค่าชีวิต การปลูกฝงใ คุณคา฽ ชีวติ สาํ หรบั ครอบครัวท่มี ีเดก็ ปฐมวัยมีความสําคัญอย฽างย่ิง ครอบครัวมีบทบาท หลกั โดยตรงในการทําหน฾าที่ถ฽ายทอดระบบคุณค฽าชีวิตให฾แก฽ลูกหลาน สมาชิกครอบครัวทุกคน ไม฽ว฽าจะ เป็นพ฽อแม฽ ปูุย฽าตา ยาย ลุงปูาน฾าอา หรือผ฾ูใหญ฽ในครอบครัว ล฾วนเป็นเบ฾าหลอมคุณค฽าชีวิตท่ีดีงาม ท้ังหลาย ผ฽านกระบวนการเรียนรู฾ร฽วม กันในครอบครัว ท้ังการเป็นแบบอย฽าง การอบรมส่ังสอน การ ฝึกฝน การขัดเกลา การหล฽อหลอม การบ฽มเพาะ และ อื่นๆ ซ่ึงในสังคมวัฒธรรมไทยจะเห็นได฾ชัดเจนใน วถิ ีชวี ติ ครอบครวั 1. ฐานคิดการเคารพตอ่ ศกั ดิ์ศรีความเป็นมนษุ ย์และคณุ ค่าชีวิต สังคมไทยเป็นสังคมท่ีมิติทางสังคมและวัฒนธรรมซ่ึงมีผลต฽อการพัฒนาในทุกด฾าน โดยมีลักษณะเฉพาะ ตรง ท่ีการดํารงชีวิตได฾รับผลพวงมาจากความคิดความเช่ือจากสถาบันทางศาสนาท่ีเชื่อมโยงกับหลักคิด คุณธรรมความดี งามในการดําเนินชวี ิต ซ่ึงสาระสาํ คัญจะเน฾นไปยังลักษณะของความเปน็ จิตวิญญาณและ ความเป็นมนุษยแอย฽างชัดเจน จึงกล฽าวได฾ว฽า ลักษณะเฉพาะทางสังคมและวัฒนธรรมของสังคมไทยให฾ ความสําคัญกับความเป็นมนษุ ยแแ ละความ * สัมพันธแระหว฽างมนุษยแเป็นอยา฽ งมาก ศักดิ์ศรีความเปน็ มนุษยแ (Human dignity) เปน็ คาํ ท่ีพบใช฾ในแวดวงสิทธิมนุษยชน ในแง฽ของการ ให฾คุณคา฽ แกค฽ วามเป็นคนว฽า คนทุกคนมีคุณค฽าเท฽าเทียมกัน ศักด์ิศรีความเป็นมนุษยแ เป็นหลักการสําคัญ ของสิทธมิ นษุ ยชนท่ี กําหนดสทิ ธิทต่ี ดิ ตัวมาตัง้ แต฽เกิด ใครจะละเมิดไม฽ได฾ และไม฽สามารถ฽ายโอนให฾แก฽กัน ได฾ สิทธินี้คือ สิทธิในการมีชีวิต และมีความม่ันคงในการมีชีวิตอยู฽ คนทุกคนท่ีเกิดมาบนโลกมีศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษยแ ดังน้ัน การปฏิบัติต฽อกันของ ผ฾ูคนในสังคมจึงต฾องเคารพความเป็นมนุษยแ ห฾ามทําร฾าย ร฽างกาย ทรมานอย฽างโหดร฾าย หรือกระทําการใดๆ ที่ถือเป็นการ เหยียดหยามความเป็นมนุษยแ ศักด์ิศรี ความเป็นมนุษยแ ได฾รับการรับรองไว฾ในปฏิญญาสากลว฽าด฾วยสิทธิมนุษยชน กติการะหว฽างประเทศ อนุสญั ญา และปฏญิ ญาระหว฽างประเทศหลายฉบบั สังคมปใจจุบันมักละเลยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยแ เพราะมีการให฾คุณค฽าของคนแตกต฽างกัน สังคม ทัว่ ไปให฾ คุณคา฽ ของความเป็นคนท่ีสถานภาพทางสังคมของผู฾น้ัน เช฽น เป็นผ฾ูนําชุมชน เป็นนายทหาร เป็น นายกรฐั มนตรี เป็นผพ฾ู พิ ากษา สถานภาพทางสังคมของคนแต฽ละคน ไม฽ใช฽ตัวช้ีวัดว฽ามนุษยแหรือคนคนน้ัน มีศักดิ์ศรีของมนุษยแหรือไม฽ แต฽ศักด์ิศรีความเป็นมนุษยแ คือ การให฾คุณค฽าความเป็นคนตามธรรมชาติของ มนษุ ยไแ ม฽ว฽าจะเกดิ มาพิการ เป็นเด็ก เปน็ ผ฾ูหญิง ผูช฾ าย เกิดมาเป็นคนปญใ ญาออ฽ น หรอื ยากจน คนทุกคนที่ เกิดมาถอื ว฽ามีคณุ คา฽ เทา฽ กนั ตอ฾ งปฏบิ ตั ติ ฽อกนั เย่ียง มนุษยแอย฽างเสมอภาคกัน เพราะการปฏิบัติต฽อกันของ ผูค฾ นในสงั คมอย฽างเสมอหนา฾ กนั เปน็ การเคารพศกั ด์ิศรีความเปน็ มนษุ ยแ ตัวช้ีวัดของการเคารพศักด์ิศรีความเป็นมนุษยแก็คือ ความเสมอภาค หรือการปฏิบัติต฽อคนทุกคน อยา฽ งเทา฽ เทยี มกัน หากมกี ารปฏบิ ตั ติ ฽อมนษุ ยโแ ดยไม฽เท฽าเทียมกนั เราเรียกว฽า การเลือกปฏิบัติ ความเสมอ ภาคหรือความเท฽า เทียมกันมิใช฽แปลว฽าคนทุกคนต฾องได฾รับเท฽าน้ัน แต฽หมายความว฽า ในสถานการณแที่ เหมอื นกันจะต฾องปฏบิ ัตติ อ฽ คนดว฾ ย หลักการเดยี วกัน

216 ความหมายของการเคารพในศักด์ิศรีของความเป็นมนุษยแ หมายถึง การยอมรับคุณค฽าของบุคคล ทุกคนท่ีมี มาพร฾อมกับความเป็นมนุษยแ โดยรัฐเป็นผ฾ูค฾ุมครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยแว฽ามีคุณค฽าเท฽ากัน และต฾องได฾รับการปฏบิ ัติ ตอ฽ กันอย฽างเท฽าเทียม เสมอภาคตลอดไป ทั้งในเวลาท่ีมีชีวิตอย฽ูหรือสิ้นชีวิตโดย ไมข฽ ึ้นอยกู฽ ับเงอื่ นไขใดๆ ทงั้ สนิ้ การเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษยแ มอี งคแประกอบ สําคญั 4 ประการดงั นี้ 1. การสานึกรู้ในคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คือ การยอมรับในเกียรติภูมิของบุคคล โดยไม฽ คํานึงถึง สถานภาพทางสังคม และปราศจากเงื่อนไขต฽างๆ ไม฽ว฽าจะเป็น เช้ือชาติ ศาสนา วัย คนพิการ ปใญญาอ฽อน เป็นเด็ก ผู฾หญิง หรือคนชรา เป็นต฾น พลเมืองดีจึงต฾องเคารพในศักด์ิศรีของความเป็นมนุษยแ อยา฽ งเทา฽ เทียมกนั 2. ความเท่าเทียมกนั ในฐานะทเ่ี ป็นเจา้ ของประเทศอย่างเสมอภาคกัน ไม฽ว฽าคนๆ น้ันจะรํ่ารวย - ยากจน เรยี น มาก-เรยี นน฾อย พลเมืองดีจึงต฾องเคารพหลกั ความเสมอภาค และจะต฾องเห็นตนเท฽าเทียม กบั ผอ฾ู ่นื และเหน็ คนอืน่ เทา฽ เทียมกบั ตน การตระหนักในความเสมอภาคของความเป็นมนุษยแ 3. การเคารพในความหลากหลายทางสังคมวัฒนธรรม คือ ความเข฾าใจและยอมรับความ คิดเห็นทเ่ี กิดจาก ความหลากหลายทาง สังคมวฒั นธรรม โดยพร฾อมท่ีจะพิจารณาความคิดเห็นที่แตกต฽าง ด฾วยใจ เป็นธรรม และพร฾อม ที่จะเปลี่ยนความคิดเม่ือได฾รับรู฾เหตุผลและข฾อเท็จจริงที่ดีกว฽า และถูกต฾อง กว฽า พลเมอื งดจี ึงต฾องมคี วามเขา฾ ใจและ ยอมรับในความแตกตา฽ งระหวา฽ งบคุ คล 4. การอดทน อดกลั้นต่อความคิดเห็นท่ีแตกต่างคือ ความสามารถในการควบคุมอารมณแและ พฤติกรรมเมอ่ื เกดิ สถานการณแท่ีไม฽พึงประสงคแที่เกิดจากความคิดเห็นที่แตกต฽างระหว฽างบุคคล พร฾อมท้ัง สามารถรับฟใงความคิดเห็น จากผ฾ูอื่นอย฽างมีสติเพ่ือลด ความขัดแย฾งท่ีเกิดข้ึนได฾ พลเมืองดีจึงควรเคารพ ความคิดเหน็ ที่แตกต฽างดว฾ ยความอดทน อดกลนั้ จะเห็นได฾ว฽า การเคารพในศักด์ิศรีของความเป็นมนุษยแและคุณค฽าชีวิตเป็นการยอมรับคุณค฽าของ บุคคลทกุ คนทม่ี ีมาพร฾อมกับความเป็นมนุษยแ โดยเข฾าใจและตระหนักในสัจจะท่ีว฽า มนุษยแทุกคนมีคุณค฽า ชวี ติ เทา฽ กนั และต฾องได฾ รบั การปฏบิ ัติต฽อกันอยา฽ งเทา฽ เทียม เสมอภาค ตลอดไป ท้ังในเวลาที่มชี ีวิตอย฽ูหรอื ส้ินชวี ติ โดยไม฽ขนึ้ อย฽กู ับเง่ือนไขใดๆ ท้ังสน้ิ 2. แนวทางการสรา้ งบรรยากาศครอบครัวบนฐานคดิ การเคารพต่อคุณคา่ ชวี ติ การเคารพในคุณค฽าความเป็นคน ในความเป็นมนุษยแ โดยไม฽แบ฽งชั้นวรรณะ ไม฽ดูถูก ดูแคลนกัน ไม฽ถือยศ ถือศักดิ์ ถือชาติตระกูล ถือชนช้ัน และเคารพในความสามารถของกันและกัน เปิดโอกาสให฾ แสดงความสามารถ แสดง ความคิดเห็น ให฾การยกย฽องชมเชย ยอมรับในความแตกต฽างและพร฾อมท่ีจะ อดทน อดกลนั้ และถ฾าคนเราเคารพซ่ึงกัน และกันมากข้ึนเท฽าใด ก็จะเกิดความเชื่อถือ ศรัทธา อันจะทํา ให฾เกิดความรักความปรารถนาดีต฽อกัน เกิดความร฽วมมือ ที่ดีต฽อกันในสังคม เพ่ือสร฾างสรรคแส่ิงดี ๆ และ ร฽วมกันแก฾ไขปใญหาต฽างๆ ให฾สําเร็จลุล฽วงไปได฾ ดังนั้น การเคารพต฽อ คุณค฽าชีวิตจึงต฾องเริ่มต฾นจากการใช฾

217 ชีวิตอยู฽ร฽วมกันของสมาชิกครอบครัว บนพื้นฐานของการเรียนร฾ูการให฾ความเคารพ ต฽อทุกชีวิตที่อยู฽ใน ครอบครัวเดียวกนั 2.1 การลา้ งความตระหนักในจติ สานึกท่ีสูงสง่ ของตนเอง มนุษยแทกุ คนมีคุณค฽าภายในที่บริสุทธ์ิ และมี คุณธรรมที่งดงาม ความเคารพเรมิ่ ต฾นจากภายในของแต฽ละบุคคล มีพื้นฐานมาจากการตระหนักว฽า ตนเองมีเอกลักษณแ พิเศษที่ไม฽เหมือนใคร เป็นพลังชีวิตทางจิตท่ีอย฽ูภายใน เรียกว฽า “ดวงวิญญาณ” (Soul) หรือจุดแห฽งแสงท่ีสุดแสงเล็ก เปรียบเช฽นดวงดาวที่เปล฽งประกายแสงในตนเอง เป็นชีวิตเล็กๆ ภายในที่เป็นอมตะไม฽สูญสลาย ไม฽สามารถมองเห็น ได฾ด฾วยดวงตาภายนอก แต฽เป็นพลังขับเคลื่อนการ ทาํ งานของอวยั วะตา฽ งๆ ของร฽างกาย หากปราศจากดวงวิญญาณ ร฽างกายก็ไม฽สามารถทําหน฾าท่ีต฽างๆ ได฾ การรู฾จักตนเองอย฽างแท฾จริงว฽า “ฉันคือใคร” ด฾วยจิตสํานึกที่สูงส฽ง ทําให฾เกิดศรัทธาท่ีเต็มเป่ียมและ สมบูรณแต฽อความดีงามท่ีติดตัวมาของตนเอง จากการหยั่งรู฾จักตนเองเช฽นน้ี มนุษยแจึงสามารถ สัมผัสกับ ความเคารพตนเองที่แท฾จริงและไม฽ถูกหลอกลวงด฾วยสิ่งภายนอกที่เป็นปใจจัยทางกายภาพและวัตถุ เช฽น วรรณะ สีผิว เช้ือชาติ ศาสนา เพศ สัญชาติ สถานภาพ ฐานะทางเศรษฐกิจ ชื่อเสียงในสังคม และอื่นๆ มุมมองที่มีต฽อ ทุกชีวิตก็จะทัดเทียมกัน เพราะคุณค฽าภายในซ่ึงเป็นคุณสมบัติด้ังเดิมของดวงวิญญาณน้ัน ไม฽แตกต฽างกัน อันได฾แก฽ ความสงบ ความรัก ความสุข ความบริสุทธิ์ สัจจะ พลัง และปิติสุข หากคุณ พอ฽ คุณแมผ฽ ู฾ปกครองหรือผูใ฾ หญใ฽ นครอบครวั เด็กปฐมวัยมีความรู฾ความเข฾าใจในตัวตนท่ีแท฾จริงของตนเอง การสร฾างความสัมพันธแระหว฽างกันบนพื้นฐานของการ เคารพต฽อคุณค฽าชีวิตย฽อมเกิดข้ึนอย฽างเป็น ธรรมชาติ 2.2 การรจู้ กั ให้เกียรตติ อ่ คุณคา่ ชวี ติ ดงั้ เดมิ ของผู้อืน่ การให฾ความเคารพต฽อทุกชีวิตในคุณสมบัติ ทีเ่ ปน็ ความ ดงี ามท่ีตดิ ตัวมาของแต฽ละบุคคล มาจากพ้ืนฐานของความมัน่ คงของจติ สาํ นึกในสภาพท่ีสูงส฽ง ของตน ดว฾ ยการตระหนัก ในตวั ตนทแ่ี ท฾จรงิ ของตนเอง ความเคารพในตนเองและผู฾อนื่ จึงไมแ฽ ตกต฽าง มาก เท฽าที่ตนเองรู฾คา฽ คุณงามความดภี ายใน ตนเอง การยอมรบั ในศักด์ิศรีของความเป็นมนุษยแที่บ฽งบอกถึงส่ิงดี ในตัวบุคคลแต฽ละคนสะท฾อนความงดงามภายใน บุคคลนั้นเช฽นเดียวกัน หากคุณพ฽อคุณแม฽หรือสมาชิก ครอบครวั ต฽างมวี ิธีคิดหรอื มมุ มองทตี่ ระหนกั ในคุณคา฽ ของชวี ติ ภายในท่ีงดงามเช฽นนี้ ก็ย฽อมมองเห็นแต฽ความเป็นบวกในตัวบุคคลแต฽ละคน การให฾เกียรติด฾วย ความร฾ูสึกให฾ความ เคารพย฽อมเกิดขึ้นอย฽างง฽ายดายและสมัครใจ ผลท่ีตามมาก็คือ ความคิด คําพูดและ การกระทําในการปฏิสัมพันธแต฽อ กันย฽อมสอดคล฾องเป็นไปในทางสร฾างสรรคแ ปราศจากความก฾าวร฾าว รนุ แรงหรอื การแสดงออกดว฾ ยอารมณแท่ไี ร฾เหตุผล 2.3 การหล่อหลอมจิตสานึกความเคารพผ่านเมล็ดพันธุ์ของความคิดท่ีเป็นบวก แรงกระต฾ุน ทางบวกจาก พ฽อแม฽ย฽อมส฽งเสริมให฾เด็กมีพฤติกรรมที่เป็นบวก ยิ่งให฾แรงเสริมและกําลังใจบ฽อยคร้ังใน ชีวิตประจําวันของเด็กใน ครอบครัวจะเป็นการสร฾างเสริมลักษณะนิสัยของเด็กได฾ตามวัย ท่ีจะกลายเป็น อุปนิสยั ใจคอและพฒั นาเปน็ บุคลกิ ภาพ ของเด็กไดใ฾ นทีส่ ุด ทาํ ให฾เด็กกลายเป็นคนมองโลกในแง฽ดี เป็นคน ที่มีสายตา มุมมองและเจตคติทเี่ ป็นบวกต฽อตนเอง และผ฾คู นรอบขา฾ ง ทัง้ นีพ้ ฽อแมเ฽ องก็ตอ฾ งเปน็ แบบอยา฽ งท่ี

218 ดีของการมีความคิด คําพูดและการกระทําท่ีเป็นบวกได฾ในการ ใช฾ชีวิตประจําวันกับสมาชิกครอบครัว ถงึ แมว฾ ฽าเด็กอาจแสดงออกถึงพฤตกิ รรมที่เปน็ ลบหรือไม฽พงึ ประสงคแ พ฽อแม฽ก็ ไม฽ควรแสดงออกด฾วยท฽าทีท่ี ใช฾อารมณแตัดสินหรือใช฾วิธีการหยุดพฤติกรรมน้ันด฾วยการตี ดุว฽า หรือข฽ูด฾วยคําพูดหรือใช฾ กําลังบีบบังคับ แตค฽ วรใช฾สนั ติวิธี ด฾วยการทาํ จติ ใจและอารมณใแ ห฾สงบเย็นเสียก฽อนและใชก฾ ารส่ือสารอยา฽ งสร฾างสรรคแ ด฾วย คาํ พูดที่อ฽อนโยนละมนุ ละไมใ฽ ห฾ความเขา฾ ใจให฾กาํ ลงั ใจ เพ่อื ใหเ฾ ด็กเกิดความร฾ูสึกทด่ี ๆี 2.4 การแสดงออกและปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวด้วยสานึกรู้ของคุณค่าความดีงามภายใน พ฽อ แม฽ท่ีรับร฾ูและ ตระหนักถึงความรักท่ีแท฾จริงจากสํานึกรู฾ของคุณค฽าภายใน ย฽อมแสดงออกถึงความรักอัน บรสิ ุทธนิ์ น้ั ผา฽ นการ กระทํากับลกู ด฾วยสายตาแห฽งการชื่นชมรู฾ค฽าในสิ่งดี ๆ หรือคุณสมบัติท่ีสะท฾อนตัวตน ท่ีสวยงามของลูก ท฽าทีแห฽งการ ถ฽ายทอดความรู฾สึกของความรักความเมตตาและการชื่นชมร฾ูค฽า และ ถ฾อยคําหรือคําพูดท่ีอ฽อนโยนอ฽อนหวานนุ฽มนวล จากกระแสความร฾ูสึกแห฽งความปรารถนาดี ปฏิสัมพันธแ ระหว฽างสมาชิกในครอบครัวย฽อมเต็มไปด฾วยความสงบและ ความรู฾สึกท่ีเป็นมิตร ปราศจากความก฾าวร฾าว รุนแรง ทั้งในความคิด คําพูดและท฽าทีการแสดงออกโต฾ตอบต฽อกันและ กัน เด็ก ๆ เองก็จะซึมซับ แบบอย฽างจากการปฏิบตั ขิ องพ฽อแมเ฽ ข฾ามาเปน็ แบบแผนพฤติกรรมตนเอง สรุปได฾ว฽า การสร฾างบรรยากาศครอบครัวท่ีมีเด็กปฐมวัยบนฐานคิดการเคารพต฽อคุณค฽าชีวิต จาํ เปน็ ตอ฾ งคํานงึ ถงึ การลา฾ งความตระหนักในจติ สาํ นกึ ที่สงู ส฽งของตนเอง การรู฾จักให฾เกียรติต฽อคุณค฽าชีวิต ด้งั เดิมของผ฾ูอื่น และการ หล฽อหลอมจิตสาํ นึกความเคารพผา฽ นเมล็ดพนั ธแขุ องความคดิ ท่เี ปน็ บวก 10.การเสรมิ พลงั ครอบครวั ทม่ี ีเด็กปฐมวัยบนฐานคดิ การมชี ีวติ แบบพอเพียง พระบาทสมเดจ็ พระเจ฾าอยู฽หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระราชดํารัสแก฽พสกนิกรชาวไทย เกยี่ วกับการ ดาํ เนนิ ชีวิตโดยยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ซงึ่ เป็นปรัชญาท่ตี ั้งอย฽ูบน พื้นฐานของ ทางสายกลางและความ ไม฽ประมาท โดยคํานึงการรู฾จักพึ่งตนเอง ความพอประมาณ พอมีพอกิน พอมี พอใช฾ ความมีเหตุผล การสร฾างภูมิค฾ุมกัน ท่ีดีในตัว ตลอดจนใช฾ความรู฾ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผนตัดสินใจและกระทําในส่ิงที่ควรจะเป็น เพ่ือให฾สามารถดํารงชีวิตอย฽างยั่งยืนภายใต฾ กระแสโลกาภิวัตนแและความเปล่ียนแปลงต฽างๆ ที่นับวันจะเกิดขึ้นแบบ ทันทีทันใด ครอบครัวในฐานะ หน฽วยยอ฽ ยเลก็ ท่สี ุดของสังคมจงึ จําเปน็ ต฾องมีการดาํ เนนิ ชวี ติ อย฽างพอเหมาะพอควรพร฾อม รับสถานการณแ การเปลยี่ นแปลงท้งั จากภายในตวั บุคคลและส่งิ แวดลอ฾ มภายนอก 1. ฐานคิดการนอ้ มนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและการมชี ีวิตครอบครัวแบบพอเพยี ง การมีชีวิตครอบครัวแบบพอเพียงเป็นการน฾อมนําหลักคิดตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมา ประยกุ ตแใชก฾ าร ดาํ เนินชีวติ ครอบครัวอย฽างมีความสุข และไม฽ทําให฾คนอ่ืนเดือดร฾อน การที่ครอบครัวจะมี ความสุขไม฽จําเป็นต฾องรํ่ารวย เป็นเศรษฐี หรือมีส่ิงอํานวยความสะดวกสบายในชีวิตมากมาย แต฽ ครอบครวั สามารถ “อย฽ไู ด฾อย฽างพอเพียง” คือ ดําเนิน ชีวิตโดยยึดหลักทางสายกลางให฾อย฽ูได฾อย฽างสมดุล กล฽าวคือ มีความสุขที่แท฾ ไม฽ให฾ร฾ูสึกขาดแคลน จนต฾องเบียดเบียน ตนเอง หรือดําเนินชีวิตอย฽างเกินพอดี จนตอ฾ งเบยี ดเบยี นผูอ฾ ่นื หรอื เบยี ดเบยี นส่งิ แวดลอ฾ ม โดยมหี ลกั คดิ สาํ คญั ดังน้ี

219 1.1 การมีความพอประมาณพื้นฐานสําคัญสําหรับการสร฾างเศรษฐกิจอย฽างพอเพียงก็คือ ตอ฾ งรจ฾ู ักพอประมาณ เพราะถ฾าคนเรารูจ฾ กั พอในความต฾องการของตน ความโลภก็จะเร่ิมน฾อยลง แต฽คําว฽า “พอประมาณ” กไ็ มไ฽ ดห฾ มายถงึ น฾อยเกินไป บางคนอ฾างว฽าพอประมาณจึงกินน฾อยจนเกิดโรค ซ่ึงนั่นไม฽ได฾ แปลว฽าพอ แต฽หมายถงึ การเบียดเบียนตนเอง ดงั นนั้ ความหมายของพอประมาณจึงแปลได฾ว฽า ความพอดี ไมม฽ ากไป หรือ นอ฾ ยเกินไปจนสุดโตง฽ และที่สําคญั คือตอ฾ ง ไม฽เบยี ดเบยี นตนเองและผูอ฾ ่ืน 1.2 การรู้จักเหตุและผล การจะใช฾ชีวิตอย฽างพอเพียงส฽วนหน่ึงต฾องมาจากการรู฾จักเหตุและ ผล ซึ่งไม฽ได฾ หมายถึง เหตุและผลในการจับจ฽ายซื้อของหรือใช฾เงินเพียงอย฽างเดียว แต฽หมายถึงการมี เหตุผลทุกการตัดสินใจ ทุกการลงทุน ทุกการกระทําต฾องคํานึงถึงเหตุปใจจัยท่ีเกี่ยวข฾อง และผลท่ีจะ เกดิ ข้ึนอย฽างรอบคอบ และถา฾ เราสรา฾ งการ มีเหตแุ ละผลให฾ตดิ ตวั แลว฾ ตอ฽ ไปถ฾าเราจะหยบิ เงินจากกระเป฻า ความยบั ยัง้ ช่งั ใจกจ็ ะเกดิ ตามมาเปน็ อตั โนมตั ิในทันที 1.3 การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ชีวิต ในยุคท่ีประเทศชาติมีการเติบโต และผกผันทาง เศรษฐกิจรวดเร็วในทุก วันนี้ การสร฾างภูมิคุ฾นกันให฾พร฾อมที่จะเผชิญทุกสิ่งดูจะเป็นอีกเร่ืองที่จําเป็น โดย ครอบครัวจะต฾องเตรยี มตัวใหพ฾ รอ฾ ม ที่จะเผชญิ พรอ฾ มยอมรับผลกระทบ และการเปล่ียนแปลงที่มาจากท้ัง ภายในและภายนอกครอบครัว ท้ังน้ีวัคซีนที่จําเป็น ในการสร฾างภูมิคุ฾มกันให฾กับสมาชิกครอบครัวก็คือ ความร฾กู บั คณุ ธรรม ความรู฾ คือ การรอบรูร฾ อบคอบ ร฾ูจักนํา เทคโนโลยีต฽างๆ มาวางแผนและปฏิบัติ ส฽วน คุณธรรม คือ ความอดทน ความเพียร และความซ่ือสัตยแ ซ่งึ ทงั้ หมดจะ นาํ ไปส฽ูการเกดิ สติปญใ ญาในการใช฾ ชีวติ 2. แนวทางการเสริมพลังครอบครัวบนฐานคิดการมชี วี ิตแบบพอเพยี ง พลังท่แี ทจ฾ ริง คอื การมอี าํ นาจเหนือตนเองอย฽างสมบรู ณแ (Self-Sovereignty) คนส฽วนใหญ฽คิดว฽า พลงั หมายถงึ ความสามารถที่จะทําในสิ่งท่ีเขาต฾องการหรือสามารถเปล่ียนแปลงและสร฾างอิทธิพลให฾อย฽ู เหนือผูอ฾ น่ื ซึง่ เปน็ การ เชื่อมโยงพลังเขา฾ กับสง่ิ ภายนอกท่ไี มจ฽ ีรงั ยงั่ ยนื แทจ฾ ริงแลว฾ พลังอยใู฽ นจิตสํานึกของ มนุษยทแ เ่ี ราเรียกว฽า “พลงั ทางจติ วญิ ญาณ” เปน็ คุณสมบัติพิเศษที่มีอย฽ูแล฾วในตัวเรา พลังที่ละเอียดอ฽อน เกิดจากความสงบภายในและความรักท่ีไม฽มี เงื่อนไข เป็นพลังท่ีสร฾างอํานาจในการควบคุมตนเอง เปล่ียนแปลงตนเองใหก฾ ลบั คนื สธู฽ รรมชาติด้ังเดิมที่ดีงาม ซ่ึงไม฽ อาจปิดบังซ฽อนเร฾นเพราะให฾แรงบันดาลใจ แกผ฽ ฾อู ่นื (ศภุ ลักษณแ ทัดศรี และอารยา พรายแยม฾ , 2554: 9) 2.1 การนาพลังทางจิตวิญญาณมาใช้ในชีวิตครอบครัวพลังทางจิตวิญญาณเป็นพลังหลัก ที่พัฒนาขึ้นมาเพ่ือ การเติบโตทางจิตวิญญาณท่ีสามารถนําไปใช฾ในชีวิตครอบครัวให฾เหมาะสมตาม เหตุการณแ การเลือกพลังให฾ถูกต฾องขึ้น อย฽ูกับความสงบของบุคคลแต฽ละคนและความสามารถในการ มองเห็นสถานการณแน้ันอย฽างทะลุปรุโปร฽ง (มูลนิธิ บราหแมา กุมารี ราชาโยคะ 2545: 80-89; ศุภลักษณแ ทัดศรี และอารยา พรายแยม฾ 2554: 22-67) ดงั น้ี 2.1.1 พลังการละเลิกสิ่งท่ีไม฽ดี (Power to withdraw) เปน็ ความสามารถของการกลับคืนสู฽ ภายใน ถือได฾ ว฽าเป็นรากฐานของทุกพลัง พลังน้ีนําความแข็งแกร฽งท่ีจะอย฽ูอย฽างสงบและดีงามในขณะท่ี

220 อย฽ูท฽ามกลางความท฾าทาย ต฽าง ๆ ของชีวิต ผู฾นําท่ีมีพลังนี้จะถอยความคิดกลับเข฾าสู฽ภายในและฝึกที่จะ กลับคืนสู฽สภาวะของความน่ิงเงียบภายใน โดยไม฽เข฾าไปข฾องแวะเร่ืองราวที่ไม฽จําเป็น เป็นพลังของการ ควบคมุ ทแี่ ทจ฾ รงิ 2.1.2 พลังการจดั เก็บส่งิ ทใ่ี ห฾คุณประโยชนแ (Power to pack-up) เป็นความสามารถในการ ตรวจสอบความคิดในจิตใจและเลือกสรรเก็บเฉพาะส่ิงท่ีมีค฽า สิ่งท่ีสําคัญหรือจําเป็น ส่ิงท่ีเป็นประโยชนแ เทา฽ นั้น โดยไมป฽ ลอ฽ ยให฾ ความคิดที่เป็นลบและความคิดท่ีไรส฾ าระเข฾ามาสจ฽ู ติ ใจ 2.1.3 พลังความอดทน (Power to tolerate) เป็นความสามารถของการตอบรับไม฽ใช฽การ ตอบโต฾ เป็นการ ยอมรับด฾วยความรักความเข฾าใจและเปิดใจให฾กับการส฽งมอบความปรารถนาดีกับทุกส่ิง หรอื ทกุ สถานการณยแ ากลาํ บาก ทผ่ี า฽ นเขา฾ มาในชีวติ จึงคงอยอู฽ ย฽างสงบและมคี วามสขุ ได฾ 2.1.4 พลังการยอมรับ (Power to accommodate) เป็นความสามารถในการอยู฽เหนือ ความขัดแย฾งใด ปล฽อยให฾ส่ิงต฽างๆ ล่ืนไหลไปในวิถีทางท่ีเป็นอยู฽แทนการต฽อต฾านสิ่งเหล฽าน้ัน โดยการ ปรบั ตัวใหเ฾ ข฾ากบั สถานการณแและ ปรับเปล่ียนตนเองเพ่ือการอยู฽ร฽วมกันได฾กับทุกคน แต฽ก็ต฾องระมัดระวัง ทจ่ี ะไม฽สูญเสียหลักการหรือจดุ ยนื ของตนเอง 2.1.5 พลงั การแยกแยะ (Power to discriminate) เป็นความสามารถในการหยิบยืน่ คณุ ค฽า ทถี่ ูกต฾องใหก฾ ับความคิด คาํ พูด และการกระทําของตนเองและผ฾ูอน่ื ดุจดังพ฽อค฾าเพชรที่สามารถแยกเพชร แท฾ออกจากเพชรเทียม ได฾ เช฽นเดียวกับที่เราสามารถแยกความแตกต฽างระหว฽างความคิดท่ีดีมีคุณค฽าไว฾ และละทิ้งความคดิ ที่ไมด฽ อี อกไป 2.1.6 พลังการตัดสิน (Power to decide) เป็นความสามารถในการสร฾างความกระจ฽างชัด ให฾กับการ ตัดสินใจได฾อย฽างถูกต฾องแม฽นยําโดยปราศจากอคติใดๆ เป็นความเข฾าใจที่ชัดเจนว฽าส่ิงใดถูกสิ่ง ใดผิด การตัดสินจึง ไม฽ถูกบิดเบือนด฾วยความปรารถนาใดๆ แต฽เป็นไปตามลําดับความสําคัญในหนทางที่ ถูกต฾อง 2.1.7 พลังการเผชิญ (Power to face) เปน็ ความสามารถในการสังเกตและมองเห็นส่ิงต฽าง ๆ จากการอยู฽ เหนอื ปญใ หาและความยากลําบาก เพอ่ื จะค฾นพบแง฽มมุ ทด่ี ีของสง่ิ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง ซึ่ง ช฽วยให฾มีพละกําลังในการ เอาชนะส่ิงเหล฽าน้ัน ด฾วยความแข็งแกร฽งและความกล฾าหาญ ไม฽เกรงกลัวต฽อ สถานการณแใดๆ ทีเ่ ข฾ามา 2.1.8 พลังความร฽วมมือ (Power to cooperate) เป็นความสามารถในการมองเห็น คุณสมบัติพิเศษของ แต฽ละบุคคล ทัศนคติของความเคารพในบทบาทที่แตกต฽างกันของผ฾ูร฽วมงาน สร฾าง ความเป็นหน่ึงเดียวกันและความ แข็งแกร฽งภายในกล฽ุมคนทํางาน ทําให฾ภารกิจท้ังหลายกลายเป็นเร่ือง ง฽ายดาย การงานจึงสําเร็จลลุ ฽วงไปได฾ 2.2 การนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตครอบครัวการดําเนินชีวิตครอบครัวให฾สามารถ “อย฽ูได฾อย฽าง พอเพียง” คือ ดําเนนิ ชีวติ โดยยดึ หลกั “ทางสายกลาง” ใหอ฾ ยไ฽ู ด฾อยา฽ งสมดลุ หรอื อีกนัยหนึ่ง คือ มีความสุขที่แท฾จริง ไม฽ร฾ูสึกขัดสนขาดแคลนจนต฾องเบียดเบียนตนเอง หรือดําเนินชีวิตอย฽างเกินพอดี

221 จนต฾องเบียดเบียนผ฾ูอ่ืน หรือ เบียดเบียนสิ่งแวดล฾อม ข้ันแรกจะต฾องยึดหลัก “พึ่งตนเอง\" คือ ความ พยายามในการพ่ึงพงิ ตนเองให฾ไดก฾ ฽อน ในแตล฽ ะ ครอบครวั จะต฾องมีการบริหารจดั การอยา฽ งพอดี ประหยัด ไม฽ฟุมเฟือย พ฽อแม฽และสมาชิกในครอบครัวแต฽ละคนต฾อง ร฾ูจักทักษะการจัดการตนเอง เช฽น รับร฾ูข฾อมูล รายรบั -รายจ฽ายในครอบครวั ของตนเอง สามารถรักษาระดบั การใช฾จ฽าย ของตน ไมใ฽ ห฾เป็นหนี้ และร฾ูจักดึง ศกั ยภาพในตวั เองในเรอ่ื งของปจใ จัยส่ใี ห฾ได฾ในระดบั หนึ่ง โดยยดึ หลกั ต฽อไปน้ี 2.1.1 การยึดหลักยึดความประหยัด เป็นการตัดทอนค฽าใช฾จ฽าย ลดความฟุมเฟือยในการ ดํารงชีพในส่ิง ที่ไม฽จําเป็น ร฾ูจักพิจารณาตัดสินความต฾องการท่ีจําเป็นและไม฽จําเป็น ด฾วยการใช฾เหตุและ ผล เรียกไดว฾ า฽ “พออย฽ู พอ กิน พอใช฾” 2.1.2 การยึดถือการประกอบอาชีพด฾วยความถูกต฾องและสุจริต เปล่ียนวิธีคิดของการ แข฽งขันในการ ค฾าขาย ประกอบอาชีพ แบบต฽อสู฾กันอย฽างรุนแรง มาเป็นพันธมิตรหรือเครือข฽ายที่ ช฽วยเหลือเก้อื กูลประโยชนแทีเ่ ป็นธรรม รว฽ มกนั เรียกไดว฾ ฽า “ลด ละ เลกิ การแกง฽ แยง฽ ผลประโยชนแ” 2.1.3 การใหค฾ ณุ คา฽ ทางจิตใจและสงั คมมากกว฽าทางเศรษฐกิจ ม฽ุงเน฾นหาข฾าวหาปลาเพื่อการ ดํารงชีวติ ก฽อนมงุ฽ เนน฾ หาเงนิ หาทอง ทํามาหากนิ ก฽อนทาํ มาค฾าขาย ให฾ความสําคัญภูมิปใญญาชาวบ฾านและ ที่ดินทาํ กนิ คือ ทนุ ทาง สังคม ตั้งสตทิ ่ีมั่นคง รา฽ งกายท่แี ข็งแรง ปใญญาท่ีเฉียบแหลม 2.1.4 การนําความรคู฾ วามเขา฾ ใจอยา฽ งลกึ ซ้งึ มาปรบั วิถีชีวิตสก฽ู ารพัฒนาที่ยั่งยืน ได฾แก฽ (1) ด฾านจิตใจ มีจิตใจเข฾มแข็ง ฝึกตนเองได฾ มีจิตสานึกท่ีดี เอ้ืออาทร ประณีประนอม และ นึกถึง ประโยชนแสว฽ นรวมเป็นหลัก (2) ด฾านสังคม มคี วามชว฽ ยเหลือเกื้อกูลกัน รู฾รักสามัคคี สร฾างความเข฾มแข็งให฾ครอบครัวและ ชมุ ชน รจู฾ ักผนึกกาํ ลงั มีกระบวนการเรียนรูท฾ ่ีเกิดจากรากฐานที่ม่ันคงแข็งแรง (3) ด฾านเศรษฐกจิ ดาํ รงชีวติ อย฽อู ย฽างพอดี พอมี พอกนิ สมควรตามอัตภาพและฐานะของตน ประกอบอาชีพสจุ รติ (สัมมาอาชีวะ) ด฾วยความขยนั หม่นั เพยี ร อดทน ใช฾ชีวิตเรียบง฽าย โดยไม฽เบียดเบียน ตนเองและ ผ฾ูอืน่ มรี ายได฾สมดุลกับรายจ฽าย รู฾จักการใช฾จ฽ายของตนเองและครอบครัวอย฽างมีเหตุผลเท฽าท่ี จาํ เป็น ประหยดั รู฾จกั การ เก็บออมเงินและแบง฽ ปในผูอ฾ ่ืน (4) ด฾านเทคโนโลยีร฾ูจักใช฾เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สอดคล฾องกับความต฾องการและภูมินิเวศ พัฒนา เทคโนโลยีจากภูมปิ ญใ ญาทอ฾ งถ่นิ มาใช฾ให฾เกดิ ประโยชนตแ ฽อตนเองและสงั คม (5) ด฾านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล฾อม รู฾จักใช฾และจัดการอย฽างฉลาดและรอบคอบ สามารถ เลือกใช฾ทรัพยากรท่มี ีอย฽ูให฾เกดิ ความยัง่ ยืนสูงสุด สรุปได฾ว฽า พ฽อแม฽ผ฾ูปกครองจําเป็นต฾องมีความสามารถในการพัฒนาตนเองตามหลักคิดปรัชญา เศรษฐกิจ พอเพียงและนาํ พลงั ทางจิตวญิ ญาณมาใช฾ ทั้งในการดําเนินชวี ติ ตนเองและการทําหนา฾ ท่ีปลูกฝใง คุณค฽าชีวิตแก฽เด็ก โดย เฉพาะในช฽วงปฐมวัย เริ่มจากการตระหนักร฾ูถึงตัวตนที่แท฾จริงและฝึกฝนตนเอง อย฽างจรงิ จงั สมา่ํ เสมอ ทําใหต฾ นเองรูส฾ กึ มีคุณค฽ามีความสําคัญและทําให฾สมาชิกครอบครัวและผู฾เก่ียวข฾อง ร฾สู กึ ดีกบั ตนเอง ชว฽ ยใหป฾ รับตัวและสามารถจดั การ กับแตล฽ ะฉากตอนของชีวิตไดอ฾ ย฽างราบร่ืนมีความสุข

222 บรรณานุกรม กรมสุขภาพจิต (2542) คู฽มอื การสอนทักษะชีวติ เพื่อปูองกันสารเสพติดในสถานศึกษาระดบั ประถมศึกษา บริษทั ประชาชน จํากดั _______ (2542) ระดับประถมศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร บริษทั วงศแกมลโปรดักช่ัน จาํ กัด _______ (2546) คูม฽ อื ฝึกอบรมสาํ หรับพ฽อแม฽ผ฾ปู กครอง เพ่อื พฒั นาความฉลาดทางอารมณแในเด็กอายุ 3- 11 ปี กรงุ เทพมหานคร ______ (2547) ความรู฾เร่ืองการเสริมสร฾างความฉลาดทางอารมณแ เด็กอายุ 3-11 ปี กรุงเทพมหานคร สํานกั งานกิจการ โรงพมิ พแ องคกแ ารสงเคราะหทแ หารผา฽ นศกึ ______ (2542) คู฽มือความร฾ูเพ่ือการพัฒนาความฉลาดทางอารมณแในเด็กอายุ 3-11 ปีสําหรับพ฽อแม฽ ผ฾ูปกครอง กรงุ เทพมหานคร สาํ นกั งานกจิ การโรงพมิ พแ องคแการสงเคราะหแทหารผา฽ นศึก ______ (2460) ค฽ูมือจัดกิจกรรมการเสริมสร฾างความเข฾มแข็งทางใจสําหรับบุคลากรสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร โรงพมิ พแ ชมุ นุมสหกรณกแ ารเกษตรแหง฽ ประเทศไทย จาํ กดั เกริกเกียรติ พิพัฒนแเสรีธรรม (2549) แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในประเทศไทย ในวารสาร ราชบัณฑิตยสถาน ปีท่ี 31 ฉบับที่4 ( ต.ค. - ธ.ค. 2549 ) หน฾า 1104-1136 กรุงเทพมหานคร จรี ะพันธแ พูลพัฒนแ (2556) รายงานการวิจยั นาํ เสนอในการประชมุ วิชาการครบรอบ 56 ปี คณะครศุ าสตรแ จุฬาลงกรณมแ หาวทิ ยาลัย ประไพ ประดิษฐแสุขถาวร (ม.ป.ป.) สอนลูกให฾มีทักษะชีวิต (Life Skill) ค฾นคืนวันท่ี 17 ตุลาคม 2556 จาก http://taamkru.com/th/ ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล และคณะ (2556) การแตูนพัฒนาทักษะชีวิตสําหรับนักเรียนชั้น ป.1-3 กรุงเทพมหานคร โรงพิมพแชุมนมุ สหกรณกแ ารเกษตรแหง฽ ประเทศไทย จํากดั วิจารณแ พานิช (2554) วิถีสร฾างการเรียนร฾ูเพ่ือศิษยแในศตวรรษท่ี 21 พิมพแคร้ังท่ี 3 กรุงเทพมหานคร มูลนธิ ิสด ศร-ี สฤษดิว์ งศแ สุวรรณี ล้ิม (2556) ค฽ูมือการใช฾ส่ือเสียง (MP3) ชุด พ฽อแม฽เล้ียงบวก กรุงเทพมหานคร โรงพิมพแชุมนุม สหกรณกแ ารเกษตรแหง฽ ประเทศไทย จาํ กดั สํานกั งานวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สํานักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (2554) การพัฒนา ทักษะชีวิตในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรุงเทพมหานคร สํานักงานวิชาการและมาตรฐาน การศึกษา หนังสือพิมพแแนวหนา฾ (14 ธนั วาคม 2555) เล้ียงลกู อย฽างไรให฾ เก฽ง ดี มีความสุข เคล็ดไม฽ลับ... ทํา ได฾ง฽าย ๆ เพียงแค฽เข฾าใจค฾นคืนวันท่ี 1 กุมภาพันธแ 2557 จาก http://www.hiso.or.th/health/data/html/shownews.php?newsid=2291&names=07 พทิ ยาภรณแ สงิ หกานตพงศแ และณัฐวรดา มณีรัตนแ. ทฤษฎีพัฒนาการเด็กปฐมวัย สืบค฾นวันท่ี 8 มกราคม 2556 จ า ก

223 http://kanokwan1991.files.wordpress.com/2012/09/1e0b89ee0b8b1e0b892e0b899e0b8b 2e0b881e 0b8b2e0b8a3e0b897e0b8b2e0b887e0b894e0b899e0b895e0b8a3e0b8b5.pdf มูลนิธิ บราหแมา กุมารี ราชาโยคะ (2545) โยคะทางจิตเพอ่ื ชีวิตประจาํ วนั นนทบุรี มลู นธิ ิ บราหมแ า กุมารี ราชาโยคะ ศุภลักษณแ ทัดศรี และอารยา พรายแย฾ม (2554) จิตวิญญาณในชีวิตประจําวัน กรุงเทพมหานคร คณะ สาธารณสุขศาสตรมแ หาวทิ ยาลัยมหิดล _______ (2554) จิตวิญญาณในชีวิตประจําวัน ภาค 2 พลังทางจิตวิญญาณ กรุงเทพมหานคร คณะ สาธารณสุขศาสตรแมหาวิทยาลยั มหดิ ล สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2547) กระบวนการเรียนร฾ูการเสริมสร฾างคุณธรรมจริยธรรมเด็ก ปฐมวยั กรุงเทพมหานคร บริษัทพริกหวานกราฟฟิค จํากัด อภิชัย พันธุเสน และคณะ (2550) สังเคราะหแองคแความร฾ูเศรษฐกิจ พอเพยี ง กรงุ เทพมหานคร สาํ นกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวิจยั (สกว.) UNICEF. (2014). Definition of term “Life Skills”. Retrieved February 10, 2014, from http://www.unicef.org/lifeskills/index_7308.html World Health Organization. (1993). Life skills education in school. Geneva.

224 หนว่ ยท่ี 7 การเผชิญภาวะวกิ ฤตและการเสรมิ พลงั ครอบครวั ความหมายและความสาคัญของการเสรมิ พลังครอบครัวท่ีมเี ด็กปฐมวัย ปฐมวัยเป็นช฽วงวัยที่ลงทุนคุ฾มค฽าที่สุดของทุกสังคม เพื่อ ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติอยู฽ท่ี คณุ ภาพคนซง่ึ จะเรม่ิ ต฾น การพฒั นาสมองเป็นพิเศษ เพราะสมองจะพฒั นาไดด฾ ที ่ีสดุ ในช฽วงปฐม กรรมพันธแุ แต฽สภาพแวดล฾อมหลังเด็กคลอดออกมาแล฾วเป็นปใจจัยสาคะ ชิดท่ีสุดและมีอิทธิพลที่สุดต฽อเด็กปฐมวัยก็ คอื ครอบครัว ครอบครวั จงึ ต฾องได฾รบั การเสริมพลงั เพอื่ ให฾ทําหน฾าทขี่ องตนได฾ดยี ่ิงขนึ้ 1. ความหมายของการเสริมพลงั ครอบครวั ทีม่ เี ดก็ ปฐมวัย การเสรมิ พลัง (Empowerment) เป็นคําท่ีใช฾ในวงการสังคมศาสตรแ เกิดข้ึนประมาณ 3 ทศวรรษ ท่ีผา฽ นมา โดยมีจุดเร่มิ จากแวดวงสุขภาพจิตก฽อน ช฽วงเวลานั้นเปน็ ช฽วงเดยี วกับท่ีกระบวนการพัฒนาสังคม ในดา฾ นต฽าง ๆ เริม่ พบวา฽ กระบวนการส่อื สารที่องคแกร สังคม หรือรัฐใช฾ในการช฽วยเหลือผ฾ูด฾อยโอกาสผ฽าน มานนั้ ไมเ฽ กดิ ผลดงั มุง฽ หวังผท฾ู ี่ไดร฾ ับความช฽วยเหลือไมว฽ า฽ จะเปน็ คนยากจน คนมีปญใ หาด฾านจติ ใจ ครอบครัว ท่ตี กอยู฽ในสภาพยากลาํ บาก ฯลฯ ไม฽ได฾เข฾มแข็งข้ึนจนมีพลงั ท่ีช฽วยดูแลตนเองใหพ฾ น฾ จากสภาวะของปใญหา ไดใ฾ นระยะยาวอย฽างแทจ฾ ริง จึงมผี ูศ฾ ึกษาค฾นคว฾าหากระบวนการใหม฽ ๆที่สร฾างประสทิ ธิผลได฾ดกี ว฽า และเรมิ่ ใช฾คาํ วา฽ การเสรมิ พลงั หรือ Empowerment แพร฽หลายข้นึ แต฽เดิม ในทางสังคมศาสตรแแนวเก฽ามักเน฾น “พลังอํานาจ”ในด฾านการบังคับควบคุม ถือว฽าพลัง อาํ นาจเป็น โภคภัณฑแหรือโครงสร฾างท่ีแยกออกต฽างหาก ไม฽เก่ียวข฾องกับผ฾ูคน (Lips, 1991) ซึ่งถ฾ามองใน แงน฽ ี้ พลงั อํานาจกเ็ ป็น สิ่งที่ไม฽เปลีย่ นแปลงและเปลี่ยนแปลงไมไ฽ ด฾ (Weber, 1946) ส฽วนในสังคมศาสตรแยุคใหม฽ มองว฽า พลังอํานาจเป็นส่ิงท่ีเกิดข้ึนท฽ามกลางปฏิสัมพันธแของมนุษยแ ไม฽ได฾ อย฽ูโดดเดี่ยว และไม฽มีใครได฾มาแต฽กําเนิด หรือไม฽ใช฽กรรมพันธุแที่ส฽งผ฽านให฾ลูกหลานได฾ หากแต฽พลัง อํานาจเกิดข้ึน ได฾ในความสัมพันธแระหว฽างคนกับคน และเปล่ียนแปลงได฾ (Page, Cheryl, & Czuba1999) อย฽างไรก็ตาม มผี ใ฾ู ช฾ คาํ นีใ้ นหลากหลายมิติและหลากหลายระดับ ดังเช฽น องคแกรการเสริม พลงั แห฽งคอรแแนล (Cornel. Empowerment Group, 1989) ของมหาวิทยาลัยคอรแแนล สหรัฐอเมริกา ศึกษาในเรื่อง การเสริมพลัง (Empowerment) ได฾อธิบายว฽า “การเสริมพลัง คือ กระบวนการของการ เปลี่ยนแปลง เป็นกระบวนการที่ต฾องมีความม฽ุงม่ัน มีความเป็นพลวัต (ไม฽ตายตัว) และเคลื่อนตัวอย฽ู ตลอดเวลา โดยมีฐานอยู฽ในความเป็นชุมชน ในกระบวนการน้ีต฾องมีความเคารพต฽อกัน มีการสะท฾อน ความคิดเห็นอย฽างตรงไปตรงมาได฾ มคี วามเอาใจใสก฽ ัน และสรา฾ งการมีส฽วนร฽วมของกลุ฽ม เพื่อช฽วยให฾คน ท่ี ขาดแคลนแหล฽งทรัพยากร ไดม฾ ีโอกาสเข฾าถงึ และกําหนดการใช฾แหลง฽ ทรัพยากรของพวกเขาได฾อย฽างเสมอ ภาคขึน้ ” แม็คคลีแลนดแ (McClelland, 1975) ช้ีว฽า “เพื่อให฾ประชาชนมีพลังอํานาจ พวกเขาจะต฾องได฾รับ ขา฽ วสารขอ฾ มูล เกย่ี วกับเร่อื งราวของทัง้ ตนเองและส่งิ แวดลอ฾ ม และพวกเขาจะตอ฾ งเต็มใจที่จะแสดงตนเอง และทํางานร฽วมกับผู฾อื่น เพ่ือสร฾างการเปล่ียนแปลง” และคีฟเฟอรแ (Kieffer, 1984) ยังได฾เสริมว฽า “การ

225 เสริมพลัง คือ กระบวนการปฏิสัมพันธแ บนระหว฽างบุคคลกับสภาพแวดล฾อมรอบตัวของเขา เพ่ือเปลี่ยน ความรูส฾ ึกต฽อตวั เอง จากไม฽มีคุณค฽า ไปสกู฽ ารว฽า เป็นพลเมืองท่ีมีความสามารถทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ผลลัพธแของการเสริมพลัง คือ มีทักษะต฽าง ๆ เพ่ิมขึ้น มีความเข฾าใจท่ีลึกซ้ึงข้ึน เช฽น สํานึกทางการเมือง และมีความสามารถหลายด฾านมากขึ้น เช฽น ความสามารถในการร฽วมมือกับคนอ่ืน ความสามารถในการ จดั การกับปใญหา หรอื ความสามารถในการต฽อส฾ูเอาชนะสภาพ ทีแ่ วดล฾อมอยรู฽ อบตวั ” อย฽างไรก็ตาม จําเป็นที่จะต฾องเข฾าใจให฾ถูกต฾องว฽า การเสริมพลังไม฽ใช฽การ “ให฾” พลังอํานาจแก฽ ผ฾คู น เพราะ ผคู฾ นทงั้ หลายตา฽ ง “ม”ี พลังอํานาจอยใ฽ู นตนเองแลว฾ ท้ังสิน้ ไม฽วา฽ เปน็ พลังจากความรท฾ู มี่ อี ยใ฽ู น ชีวิตของเขา หรือพลังใจ ในการทําสิ่งต฽าง ๆ ที่ผ฽านมา ดังนั้นการเสริมพลังจึงหมายถึง การเปิดโอกาสให฾ พลังของพวกเขาได฾ปรากฏตัวออกมา (Blanchard, Carlos, & Randolph, 2001) และประการสําคัญ ไวทแมอรแ (Whitmore, 1988) ชีว้ ฽า • คนทุกคนเข฾าใจความต฾องการของตนเองดีกว฽าคนอื่น ดังนั้น จึงเป็นอํานาจของเขาท่ีจะต฾อง นิยาม ความตอ฾ งการและเป็นผู฾ลงมอื ตอบสนองความตอ฾ งการนน้ั ด฾วยตนเอง • คนทุกคนมีพลังอย฽ูในตนเองซึ่งเป็นพลังที่พัฒนาให฾เข฾มแข็งขึ้นได฾ • การเสริมพลังเป็น กระบวนการที่ตอ฾ งทําตลอดชวี ติ • ทุกความคดิ มคี ณุ ค฽า ทุกประสบการณแมคี วามหมาย โคแครน (Cochran, 1986) ก็มีความเช่ือในทํานองเดียวกันว฽า “คนทุกคนเข฾าใจความต฾องการ ของตนเองได฾ ดีกว฽าใครอ่ืน ดังน้ัน ต฾องเสริมพลังให฾เขาสามารถแสดงความต฾องการของเขาเองและสร฾าง ความสามารถที่จะขบั เคลื่อน ความต฾องการของตนเองได฾” นอกจากน้ี ชูบา (Cruba, 1999) ยังชี้ว฽า ในการเสริมพลังน้ัน จะต฾องคํานึงถึงองคแประกอบ 3 ประการ นน่ั คอื • การเสริมพลงั เปน็ กระบวนการหลากมิติ เพราะมีมิติทง้ั ด฾านสังคมวิทยา จิตวิทยา เศรษฐศาสตรแ ฯลฯ และเกิดขึน้ ไดใ฾ นหลากระดบั ทง้ั ระดับบุคคล กล฽ุม และชุมชน • การเสริมพลังเป็นกระบวนการทางสังคม เพราะเกิดขึ้นท฽ามกลางปฏิสัมพันธแระหว฽างบุคคลกับ บุคคล หรือบุคคลกับชุมชน • การเสริมพลังเปน็ กระบวนการทีต่ อ฾ งมคี วามต฽อเนือ่ ง จากคํานยิ ามตา฽ ง ๆ เหล฽าน้ี จึงควรสรุปได฾ว฽า การเสริมพลังนั้นมีความหมาย มีกระบวนการ และ กอ฽ ผลลัพธแ ได฾หลายระดบั และหลายมติ ิ ดงั นี้ การเสรมิ พลัง • ครอบคลมุ การเปลย่ี นแปลงได฾ต้งั แตร฽ ะดบั บุคคล ครอบครวั กลม฽ุ ชมุ ชน จนถงึ การเปล่ียนแปลง นโยบายในสงั คมวงกวา฾ ง

226 • เปน็ กระบวนการทตี่ ฾องมีการจัดวาง มีความมงุ฽ หมายชัดเจนทีจ่ ะสรา฾ งการเปลี่ยนแปลง เพื่อช฽วย ให฾ ผ฾ูท่ีขาดพลังอํานาจ ได฾มีพลังอํานาจเพื่อมีโอกาสเข฾าถึงทรัพยากรที่เกี่ยวข฾องกับพวกเขา และนําไปส฽ู การกําหนดชวี ติ ของตนเองได฾ • ต฾องสร฾างการมีส฽วนร฽วมของผ฾ูคนท่ีเก่ียวข฾อง - ในการมีส฽วนร฽วมน้ันจะต฾องมีการสื่อข฽าวสาร ข฾อมลู ท่เี กีย่ วข฾อง สร฾างการเรยี นรูแ฾ ก฽ทกุ ฝาุ ยท่เี ก่ียวข฾อง • ในกระบวนการเสริมพลังน้ันต฾องมีปฏิสัมพันธแท่ีเหมาะสมบนความเคารพต฽อกัน เอาใจใส฽ซึ่งกัน และ กนั รบั ฟงใ และแสดงความคิดเห็นวิจารณกแ นั ได฾ • การเปล่ียนแปลงนี้ต฾องเร่ิมท่ีการเปล่ียนความรู฾สึกต฽อตัวเองจากไม฽มีคุณค฽า ไปส฽ูการยอมรับ คณุ ค฽า ในตนเอง จะเหน็ ไดช฾ ัดว฽า ผู฾คนท่ีเปลีย่ นแปลงน้นั จะมีทักษะและความสามารถด฾านต฽าง ๆ มากขึ้น มีความเข฾าใจท่ีเป็น ระบบและลึกขึ้น เช฽น มีสํานึกทางสังคมและการเมือง มีความม฽ุงม่ันที่จะเอาชนะ อปุ สรรคต฽าง ๆ ในชวี ิตและในสภาพ แวดล฾อมชีวิตของพวกเขา • เป็นกระบวนการท่ีสามารถขยายต฽อจากคนหน่ึงไปยังคนอ่ืน ๆ ได฾ ท้ังน้ี การเสริมพลังต฾องมี ความ ต฽อเนื่องจึงจะรักษาพลังไว฾ได฾ จากท่ีกล฽าวมาจึงเห็นได฾ว฽า การเสริมพลังครอบครัวท่ีมีเด็กปฐมวัยก็เป็นกระบวนการส฽งเสริม ความเปน็ ไปไดท฾ ี่ทาํ ใหค฾ รอบครวั เดก็ ปฐมวัยสามารถพฒั นาศกั ยภาพของครอบครัว สร฾างการเปล่ียนแปลง เพื่อไปสู฽ความม่ันคง ครอบครัว จนสามารถพัฒนาเด็กปฐมวัยให฾เป็นพลเมืองคุณภาพของสังคมได฾ นอกจากนี้ ชางและ 29 & Bennett, 2003 อ฾างถึงใน Murray, et al., 2013, 146) เสนอว฽า กระบวนการของการเสรมิ ประสิทธิภาพได฾ต฾องให฾ครอบครัวมีเวลาฝึกปฏิบัติทักษะใหม฽ๆ ในบรรยากาศที่ ส฽งเสริมสนับสนุนการครัวเพื่อไปส฽ูเปูาหมายท่ีกําหนด หรืออาจกล฽าวได฾ว฽า การเสริมพลังครอบครัวเป็น กระบวนการที่พ฽อแมต฽ ฾องพฒั นาความรูค฾ วามสามารถ ทักษะ ทรพั ยากร พลังอาํ นาจ โอกาส และแรงจงู ใจ เพื่อให฾บรรลุความตอ฾ งการ ของครอบครัว การเสริมพลังครอบครัวเป็นการกระทําที่มีความสัมพันธแสูงกับ ความเชื่อมนั่ ในความสามารถของตนเอง (self-efficacy) ซึ่งสามารถทําให฾พ฽อแม฽บรรลุผลลัพธแที่คาดหวัง ทเี่ กี่ยวกบั ครอบครวั หรอื ลูกได฾ 2. ความสาคญั ของการเสรมิ พลังครอบครัวที่มีเดก็ ปฐมวัย การเสริมพลังครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัยเป็นกระบวนการท่ีมีความสํา คัญและละเอียดอ฽อนเป็น อย฽างยิ่ง ด฾วย เหตุน้ี ก฽อนที่จะเข฾าสู฽เนื้อหาของการเสริมพลังครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย จําเป็นที่จะต฾อง ทบทวนทําความเข฾าใจ เก่ียวกับหัวข฾อสาํ คัญ อนั เปน็ บริบทท่ีเกย่ี วข฾องอย฽างยิ่งกับการเสริมพลังครอบครัว และจะเปน็ เหตผุ ลท่สี ะท฾อนให฾เห็น ความสําคัญของการเสริมพลังครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย ในหัวข฾อย฽อย ตอ฽ ไปน้ี 1) ปฐมวยั : ชว฽ งวยั ทล่ี งทุนค฾มุ ค฽าทส่ี ุดของสังคม

227 2) ทกุ อย฽างเริ่มต฾นท่ีปฐมวยั 3) การพัฒนาสมองในชว฽ งปฐมวยั 4) สภาพแวดล฾อมสาํ คัญยิง่ ยวด 5) ครอบครัวคอื สภาพแวดลอ฾ มทม่ี ีอิทธพิ ลท่ีสดุ 2.1 ปฐมวยั : ช่วงวยั ทีล่ งทุนค้มุ ค่าที่สดุ ของสังคม “การลงทุนในช฽วงปฐมวัยเป็นองคแประกอบท่ีสําคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ ของทุกประเทศ โอกาสในการเรียนรู฾ต้ังแตเ฽ ล็ก บวกกับภาวะโภชนาการท่ีดี จะเพ่ิมความเป็นไปได฾ที่เด็กจะเข฾าโรงเรียนให฾ สูงข้ึน เพ่ือเติบโตขึ้นเป็นผ฾ูใหญ฽ ท่ีมีรายได฾ดีข้ึน ทําให฾สังคมมีอัตราอาชญากรรมตํ่าลง และมีอัตราการ พึง่ พา สวัสดกิ ารของรัฐตํ่าลงดว฾ ย” อ ง คแ ก า ร อ น า มั ย โ ล ก http://www.who.int/mediacentre/factsheets/fs332/en/ ต฾นเดือนกุมภาพันธแ พ.ศ. 2556 หลังจากได฾รับเลือกต้ังกลับเข฾ามาดํารงตําแหน฽งเป็นสมัยที่สอง ประธานาธิบดี \" โอบามา แห฽งสหรัฐอเมริกา ได฾แถลงนโยบายต฽อรัฐสภาสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนโยบายที่ เขาแถลงและไดร฾ บั การสนับสนุนจากรฐั สภาอยา฽ งทว฽ มท฾นดว฾ ยการยืนข้ึนปรบมือของสมาชิกรัฐสภาทุกคน อยา฽ งยาวนาน คอื การประกาศ 2ด฾านการศึกษา ซ่ึงนโยบายข฾อแรกสุด คือ ให฾การศึกษาก฽อนวัยเรียนแก฽ เดก็ ปฐมวยั ทุกคนทว่ั ประเทศ(Nationwide Early Childhood Pre-school Program) ประธานาธิบดโี อบามาไดย฾ กเอาผลงานวจิ ัยจาํ นวนมากทสี่ อดคล฾องตรงกันมาแสดงให฾เห็นว฽า การ ลงทนุ เด็กปฐมวัยน้ัน เป็นการลงทุนท่คี ฾มุ ค฽ายง่ิ ทั้งต฽ออนาคตของเด็กและต฽อสังคมเศรษฐกิจของประเทศ โดยจัด ผลตอบแทนจากการลงทุนในเด็กปฐมวัย 1 ดอลลารแในวันนี้ ประเทศจะได฾ผลตอบแทน คืนกลับมาสงู ถึง 7 เท฽าใด อนาคต ซ่ึงอาจจะมาในรูปของการเพ่ิมโอกาสการเรยี นจบการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน การลดปใญหาการตั้งครรภแในวยั เรียน การลดอตั ราการกอ฽ อาชญากรรมในอนาคต ฯลฯ ซ่ึงเหล฽านี้ล฾วนเป็น ค฽าใช฾จ฽ายในปใจจุบันที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต฾องจ฽ายไป ในการบําบัดรักษาและแก฾ไขปใญหาอย฽างมหาศาล เป็น ค฽าใชจ฾ า฽ ยสงั คมท่ีสูงเสียยงิ่ กวา฽ ต฾นทนุ ในการสรา฾ งระบบปอู งกัน เดก็ ตงั้ แต฽ระดับปฐมวยั มากมายนกั ศาสตราจารยแเจมสแ เจ. เฮคแมน (Heckman, 2000) ซ่ึงเป็นผ฾ูได฾รับรางวัลโนเบลสาขา เศรษฐศาสตรแใน พ.ศ. 2543 เป็นผ฾ูหน่ึงท่ีได฾วิเคราะหแความค฾ุมค฽าของการลงทุนในโครงการพัฒนาเด็ก ปฐมวัยของสงั คม โดยช้ีใหเ฾ หน็ วา฽ การลงทุนกบั โครงการเพื่อเด็กปฐมวัยน้ัน ให฾ผลประโยชนแตอบแทนสูง กว฽าเม่ือเทียบกับการทาํ โครงการเพื่อแก฾ ปใญหาเดก็ เยาวชน หรอื คนเป็นผู฾ใหญ฽ในภายหลัง และยังพบอีก วา฽ การลงทนุ เพอื่ การศึกษาปฐมวัยท่ีมีคุณภาพจะให฾ ผลตอบแทนกลับมาประมาณร฾อยละ 7-10 ต฽อปี ซ่ึง ถ฾าคิดในแง฽ของการลงทุนทางเศรษฐศาสตรแแล฾ว ผลตอบแทนจาก การลงทุนนี้ดีกว฽าผลตอบแทนจาก ตลาดห฾ุนสหรฐั อเมรกิ าในช฽วง พ.ศ. 2488-2551 เฮคแมนชีใ้ ห฾เห็นว฽า ข฾อมูลทางเศรษฐศาสตรแ สุขภาพ และสังคมศาสตรแ ทําให฾เห็นภาพชัดเจนว฽า การศึกษา ปฐมวัยมิใช฽เพียงความจําเป็นทางสังคมเท฽านั้น หากแต฽เป็นความจําเป็นทางเศรษฐศาสตรแท่ี

228 ส฽งผลกว฾างไกลในระดับ ประเทศอย฽างยิ่ง และจากการศึกษาระยะยาวเกี่ยวกับการพัฒนามนุษยแแต฽วัย เยาวแ เฮคแมนไดพ฾ บข฾อสรุปสําคญั ย่งิ 5 ประการ ได฾แก฽ 1) ความไม฽เสมอภาคในประสบการณแการเรียนร฾ูในช฽วงปฐมวัย จะนําไปสู฽ความไม฽เสมอภาคใน ความ สามารถ ความไม฽เสมอภาคในการสร฾างสัมฤทธิผลตลอดเส฾นทางการเติบโต ความไม฽เสมอภาคใน การมสี ขุ ภาพดี และ ความไม฽เสมอภาคในการได฾มาซึง่ ความสาํ เรจ็ เมอ่ื เปน็ ผ฾ใู หญ฽ 2) ความสามารถในการเรียนบวกกับคุณลักษณะพึงประสงคแ เป็นตัวขับเคลื่อนการศึกษาและ ความสําเร็จ ในชวี ติ ของเดก็ ไดอ฾ ย฽างแท฾จรงิ แม฾วา฽ ความสามารถในการเรยี นจะเป็นเรื่องสาํ คญั แต฽ถา฾ เดก็ มี ความสามารถนี้เพียงด฾าน เดียวก็จะไม฽มีพลังเพียงพอเท฽ากับการมีทั้งความสามารถในการเรียนบวกกับ ความสามารถทางสงั คม ซ่ึงได฾แก฽ ความ มุ฽งมั่น ความพากเพียร การควบคุมตนเอง และความสามารถใน การเขา฾ สังคม เปน็ ต฾น 3) การจัดการศึกษาปฐมวัยที่เท฽าเทียมกัน จะสามารถเปล่ียนแปลงปใจจัยท่ีกําหนดชีวิตเด็กทั้ง กรรมพนั ธุแ การเลย้ี งดู และสภาพแวดล฾อม ที่มีมาแต฽เดิม. 4) การรอไปจนถึงวัยเข฾าโรงเรียนอย฽างเป็นทางการ อาจจะสายเกินไปสําหรับเด็กด฾อยโอกาส เพราะได฾ พลาดโอกาสสร฾างรากฐานความสําเรจ็ ในชวี ติ ของเด็ก 5) การลงทุนในการศึกษาปฐมวยั ต้งั แตช฽ ว฽ ง 0 ถงึ 5 ปีใหแ฾ ก฽เดก็ ด฾อยโอกาสจะช฽วยปูองกันช฽องว฽าง ของ สัมฤทธิผล ลดความต฾องการท่ีจะต฾องจัดการศึกษาแบบพิเศษ (แก฽เด็กท่ีถูกเลี้ยงมาอย฽างไม฽ เหมาะสม) เพิม่ วถิ ีของ สุขภาวะทด่ี ี ลดอัตราอาชญากรรม และลดต฾นทุนทางสังคมอื่น ๆ ไปในการศึกษา ปฐมวัย จะสรา฾ งผลตอบแทนการลงทุนถงึ ร฾อยละ 10 ต฽อปี จากข฾อคน฾ พบของเฮคแมน ท่ีไดย฾ กมาบางสว฽ นข฾างต฾น ทําให฾เราเข฾าใจความสัมพันธแท่ีสําคัญหลาย อย฽างนัน้ คือ เด็กปฐมวัย มิใชเ฽ ป็นเปาู หมายท่แี ต฽ละครอบครัวต฾องการเพือ่ ใหว฾ งศแตระกูลมีบุตรหลานหรือผู฾ สืบสกุลท่ีมี “คุณภาพ”ใน อนาคตเท฽าน้ัน หากเป็นเปูาหมายการพัฒนาของท้ังสังคมด฾วยการพัฒนาเด็ก ปฐมวัยเป็นปใจจัยทีส่ าํ คญั ย่ิงต฽อการวาง รากฐานอนาคตของทงั้ สงั คม เพราะสังคมท่ปี ระกอบดว฾ ยพลเมือง คุณภาพย฽อมมีหลักประกันม่ันคง ยิ่งกว฽าสังคมท่ี ขาดแคลนซึ่งพลเมืองคุณภาพ และ “คุณภาพ” ที่จะ นํามาซึ่งความสําเร็จน้ัน ต฾องได฾รับการฟูมฟใกท้ังด฾านการเรียนร฾ู และบุคลิกภาพ มิใช฽เน฾นเพียงด฾านการ เรียนเท฽าน้ัน ซ่ึงเป็นประเด็นท่ยี ังคงเป็นปใญหาอยา฽ งมากในสังคมไทยปใจจุบนั นอกจากนี้ สงิ่ ทเ่ี ราสามารถเขา฾ ใจไดจ฾ ากการคน฾ พบคร้ังนีอ้ กี ก็คอื การจัดการพัฒนาเด็กปฐมวัยหา ใช฽เป็นเพียง หลักประกันทางเศรษฐกิจของสังคมอนาคตเท฽าน้ัน หากแต฽ยังเป็นหลักประกันในการสร฾าง ความเสมอภาคในสังคมด฾วย เพราะครอบครัวที่ยากจนย฽อมยากท่ีจะพัฒนาลูกหลานให฾ได฾คุณภาพ ทัดเทียมกับครอบครัวที่มีฐานะดีกว฽า แต฽หากการ จัดการศึกษาปฐมวัยของสังคมทําได฾อย฽างมีคุณภาพ และทั่วถึง เด็กจากครอบครัวท่ียากจนก็จะมีโอกาสทัดเทียมขึ้น น่ันคือ เสถียรภาพของสังคมโดยรวมย฽อ มดขี ้นึ จากการท่ีคณุ ภาพของคนทีไ่ ด฾รบั ประสบการณแการดูแลในชว฽ งปฐมวัย ท่ีไม฽แตกตา฽ งกัน จะนํามาซึ่ง ช฽องว฽างหรือความเหล่ือมล้าํ ทางเศรษฐกจิ และคณุ ภาพชีวิตทีล่ ดลง

229 จึงเป็นท่ีแน฽ชดั วา฽ หากรัฐของประเทศใดไม฽ลงทุนในการพัฒนาเด็กในช฽วงเวลาปฐมวัยน้ีแล฾ว รัฐก็ จะหมดโอกาสการพัฒนาขีดความสามารถทางสติปใญญาและการวางรากฐานท้ังทางด฾านพฤติกรรม อารมณแ และสงั คมของ เดก็ ไปตลอดชวี ิต ขาดโอกาสสรา฾ งความมัน่ คงแข็งแรงในทุกด฾านของสังคมไปด฾วย และน้ันจะเป็นการเสยี โอกาสจาก การลงทนุ ทม่ี ีคา฽ ท่ีสดุ ของสงั คมอยา฽ งน฽าเสยี ดายที่สดุ 2.2 ทกุ อย่างเริ่มตน้ ที่ปฐมวัย “ช฽วงปฐมวัย คือห฾าปีแรกของชีวิตน้ัน เป็นช฽วงเวลาท่ีสําคัญอย฽างยิ่งสําหรับการพัฒนา ชีวิตของ เด็ก สมองของเด็กพัฒนาอย฽างรวดเร็วในช฽วงห฾าปีแรกของชีวิต เป็นช฽วงเวลา ที่เด็กมีการพัฒนาทางการ รับร฾ู ภาษา สังคม อารมณแแ ละกลา฾ มเน้อื อยา฽ งรวดเรว็ ” องคกแ ารยนู ิเซฟ ใน พ.ศ. 2555 ประเทศไทยมีเด็กแรกเกิด ถึง 2 ปีเป็นจํานวนประมาณ 2.3 ล฾านคน และวัย 3 ถึง 5 ปีประมาณ 2.4 ล฾านคน แต฽จะมีพ฽อแม฽ ผ฾ูปกครอง และผ฾ูใหญ฽ในสังคมไทยสักเท฽าใดท่ีเข฾าใจ ความสําคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัย และลงมือพัฒนาเด็กอย฽างจริงจัง และเราจะมีความมั่นใจสัก เพยี งใดว฽า สังคมไทยในอนาคตทั้งใกล฾และไกลนั้น จะมี ความมั่นคงแข็งแรง อุดมสมบูรณแพูนผล เป็นสุข เมื่ออย฽ูในมือของเด็ก ๆ ที่เติบโตมาในรนุ฽ น้ี จึงจําเปน็ ต฾องกลา฽ วขอ฾ คน฾ พบของนกั วิชาการจากทว่ั โลกว฽า ปฐมวัยเป็นช฽วงเวลาท่ีสําคัญที่สุดของ การพัฒนา ตลอดช฽วงชีวิตของมนุษยแ และเป็นรากฐานของการพัฒนาต฽อไปจนตลอดชีวิต ช฽วงเวลาสอง สามปแี รกของชวี ติ น้ี หากมี ความขาดแคลนใด ๆ ไมว฽ ฽าจะเป็นการขาดอาหารและโภชนาการที่เหมาะสม ขาดการอ฾ุมชูดูแลใกล฾ชิด ขาดการกระต฾ุน อย฽างเหมาะสม ขาดความรัก ความเอาใจใส฽ หรือมีโรคภัยไข฾ เจบ็ เรอื้ รงั มีความบกพรอ฽ งทางร฽างกายและสมอง ฯลฯ ก็จะส฽งผลตอ฽ การพัฒนาโครงสร฾างและการทํางาน ของร฽างกาย จิตใจอารมณแ การเข฾าสังคม ไปจนถึงการพัฒนา การเรียนร฾ู ซึ่งปใจจัยท้ังหมดในวัยปฐมวัยนี้ จะมีผลตอ฽ บุคคลนนั้ ไปชัว่ ชีวติ ในเอกสารรายงานเก่ียวกับศาสตรแการพัฒนาเด็กปฐมวัย (The Science of Early Childhood Development Report, 2007) ได฾เน฾นว฽า ทักษะการเรียนรู฾สภาวะจิตใจที่ดี ความสามารถด฾านสังคม และสขุ ภาพกายใจที่แขง็ แรง จะสร฾างรากฐานความสาํ เร็จเม่ือเติบโตเป็นผ฾ูใหญ฽ นอกเหนือจากผลสัมฤทธ์ิ ท่ีโรงเรียนซ่ึงสามารถเห็นได฾ในระยะสั้นที่ จะเป็นไปในทางบวก ความสามารถเหล฽าน้ียังมีความสําคัญ อย฽างย่ิงต฽อผลิตภาพ หรือความสามารถในการสร฾างผลิตผล ให฾แก฽ตนเองและสังคม รวมไปถึงการเป็น พลเมอื งทมี่ คี วามรับผดิ ชอบของสังคมในอนาคตดว฾ ย ดังนั้น จําเป็นย่ิงท่ีจะต฾องสร฾างความเข฾าใจร฽วมกันของคนในสังคมเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของ การพฒั นาใน เรื่องเดก็ ปฐมวยั ดงั ต฽อไปน้ี 1) การพัฒนาเด็กเป็นรากฐานท่ีสําคัญท่ีสุดของการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจสังคมโดยรวม สังคมจะ แข็งแรงไม฽ใช฽เพียงการพัฒนาโครงสร฾างสาธารณูปโภค การมีกฎหมายท่ียุติธรรม หรือการมี

230 ทรพั ยากรอดุ มสมบูรณแ ฯลฯ เท฽าน้นั หากแต฽การมีเด็กท่ีมีคุณภาพ จะกลายเป็นทรัพยแสินอันมั่นคง มั่งค่ัง และยัง่ ยนื ทีแ่ ท฾จรงิ ของสังคมไทย 2) เด็กเติบโตขึ้นทุกวัน วินาทีต฽อวินาที เช฽นเดียวกับสมอง เด็กท่ีพัฒนาเติบโต งอกเซลลแ เช่ือม เสน฾ ประสาทและเรียนร฾ูตลอดเวลา ดังนั้น เด็กไม฽สามารถรอได฾ ย่ิงได฾รับการพัฒนาก็ยิ่งแข็งแรงงอกงาม เกิดเป็นวงจรที่ แขง็ แรงสมบรู ณแตอ฽ เนือ่ งไปอีก แตห฽ ากถูกละเลยเพิกเฉย ทั้งสมองและร฽างกายก็จะเติบโต ไม฽สมวัย เซลลแสมองก็จะ เช฽นกัน ลิดรอนตัวมันเอง และวงจรของความไม฽สมบูรณแน้ีก็จะฝใงรากในชีวิต และสรา฾ งวงจรความไม฽สมบรู ณตแ อ฽ เนอื่ งไปอีก 3) สมองท่ีกําลังพฒั นาเตบิ โตของเดก็ จะพัฒนาไปในรูปใด ขึ้นอย฽ูกับอิทธิพลจากยีนสแท่ีรับมาจาก พอ฽ แม฽ บรรพบรุ ษุ และจากประสบการณแทีเ่ ดก็ ไดร฾ บั นบั ต้งั แต฽เกิดมา แน฽นอนประสบการณแทีจ่ ะมบี ทบาท มากทสี่ ุดในชว฽ ง วยั ทเี่ ด็กยงั ออ฽ นเยาวแทสี่ ดุ น้ี ก็มาจากอิทธิพลของบคุ คลทอ่ี ย฽ูรอบตัวเด็กในวัย 0 ถึง 5 ปีนี้ นน่ั คอื พอ฽ แมแ฽ ละผ฾ทู ่ไี ด฾ ดูแลเดก็ ในครอบครัวหรือชุมชนนัน่ เอง เป็นท่ีเข฾าใจกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ว฽า การมีพัฒนาการไม฽สมวัยน้ันมักจะนําไปสู฽ “วงจรอุบาทวแ” เริ่มต฾นที่เด็กจะเรียนไม฽ค฽อยได฾ผลท่ีโรงเรียน ไม฽ค฽อยสัมฤทธิ์ มีรายได฾ตํ่า มักมีเพศสัมพันธแเร็วกว฽าวัยอัน ควร มก ท่ีพ฽อแม฽มีการศึกษาน฾อย อายุน฾อยและมีรายได฾น฾อย การกระต฾ุนพัฒนาการตามที่ควรนําไปส฽ู “วงจรอุบาทวแของความยากจน” ตอ฽ ไป จึงกล฽าวได฾ว฽า ทุกด฾านของทุนมนุษยแที่เติบโตไปสู฽การเป็นผ฾ูใหญ฽ นับจากทักษะการทํางาน ทักษะ การร฽วมมือกับคนอ่ืน การมีสุขภาพดี พฤติกรรมปฏิบัติตามกฎหมาย และความสําเร็จในชีวิต รุ฽นต฽อร฽ุน ล฾วนได฾รับอิทธิพลต฽อเนื่องมาต้ังแต฽ช฽วงปฐมวัยทั้งส้ิน บรรดาปใญหาท่ีพบเจอในช฽วงผู฾ใหญ฽ เช฽น ปใญหา สุขภาพจิต โรคอ฾วน โรคหัวใจ การเป็นอาชญากรรม การไม฽ร฾ูหนังสือ อ฽านไม฽ออก เขียนไม฽ได฾ ก็ล฾วน สามารถแกะรอยย฾อยกลับไปได฾วา฽ เป็นผลมาจากการเล้ียงดูในช฽วงปฐมวยั ไดท฾ ั้งสิน้ เชน฽ กัน 2.3 การพฒั นาสมองในช่วงปฐมวยั “ในขณะท่ีเด็กเริ่มมีประสบการณแกบั โลกกว฾างผ฽านประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 การดู การฟใงการสัมผัส การดมและการชิมน้ัน ในสมองของเด็กเกิดการเช่ือมต฽อ โยงใยและก฽อรูปข้ึนอย฽าง รวดเร็ว” The Department of Education and Early Childhood Development, Prince Edward Island, Canada โครงการเก่ียวกับการมีส฽วนร฽วมของครอบครัวในการพัฒนาเด็กปฐมวัย (A Project on Engaging Families in the Early Childhood Development Story) ของกระทรวงศึกษาธิการ แห฽ง ประเทศออสเตรเลียแสดงให฾เห็นว฽าศาสตรแทางประสาทวิทยา (Neuroscience) ได฾พิสูจนแว฽า ในการ พัฒนาเด็กน้ัน “ประสบการณแ” ในช฽วงปฐมวัยมี ความสําคัญกว฽ากรรมพันธแุ ประสบการณแที่เด็กได฾รับ ในช฽วงตน฾ ของชวี ติ จะสง฽ ผลตอ฽ การพัฒนาสมอง และมผี ลตอ฽ คณุ ภาพชวี ิตในระยะยาว (Winter, 2010)

231 การพัฒนาสมองของมนุษยแส฽วนใหญ฽ทสี่ ุดเกดิ ขนึ้ หลังจากท่ีเด็กคลอดออกมาแล฾ว เป็นผลจากการ ทีเ่ ด็กมี ปฏิสัมพนั ธแกับสภาพแวดล฾อมภายนอก และช฽วง 3 ปีแรกของชีวิต สมองเด็กจะเติบโตเร็วที่สุด มี งานวจิ ยั ด฾านประสาท วทิ ยาศาสตรจแ ากประเทศออสเตรเลีย ยา้ํ ใหเ฾ หน็ ชดั เจนว฽า • ชีวิตในช฽วง 5 ปีแรกจะส฽งผลไปถึงความเป็นไปตลอดชีวิต • โภชนาการ สุขภาพและการออก กาํ ลงั กาย คอื ปจใ จยั สาํ คัญพน้ื ฐานท่เี ดก็ ตอ฾ งได฾รบั • เด็กทกุ คนเกดิ มากับความพร฾อมทจี่ ะเรียนรู฾ • การเรียนรทู฾ ด่ี ที ีส่ ดุ เกิดขนึ้ ในความสัมพนั ธแที่มีลกั ษณะเกือ้ กลู ส฽งเสริม • สมองเดก็ จะพฒั นา เมอ่ื มีการใช฾งาน • ความอยูด฽ มี สี ขุ หรอื คณุ ภาพชวี ติ ของเดก็ มีผลต฽อพัฒนาการทางสมองและการเรยี นรู฾ • เด็กเรยี นรผ฾ู ฽านการเขา฾ รว฽ มและลงมอื ทํา • เด็กเรียนรจ฾ู ากการสังเกตและเลียนแบบ • เดก็ เรยี นรภู฾ าษาจากการฟงใ และได฾พูด • เดก็ เกดิ มาพร฾อมกบั ความพรอ฾ มทจี่ ะใช฾และเรยี นคณิตศาสตรแ • ความสามารถในการควบคุมตนเองมีความสําคัญต฽อการเรียนร฾ู ต฽อความรับผิดชอบ และการ สร฾าง ความสมั พันธแกับคนอน่ื ของเด็กสรา฾ งเดก็ ท่ีฉลาดข้ึน จากข฾อสรุปเบื้องต฾นได฾เช่ือมโยงให฾เราเห็นว฽า สมองของเด็กนั้น คือ ทรัพยากรท่ีมีค฽าท่ีสุด ที่ จะตอ฾ งได฾ รับการถนอมรกั ษาและดูแลพัฒนาอย฽างดี เพื่อให฾ศักยภาพหรือความพร฾อมท่ีมีมาแต฽ธรรมชาติ เหล฽านั้น ได฾เกิดการ งอกงาม ผ฽านกระบวนการรับร฾ูทางสมอง ได฾แก฽ การสัมผัส การเห็น การฟใง การดม การชิม และนําไปส฽ูการจดจํา สั่งสม วิเคราะหแกล่ันกรอง และสังเคราะหแสรุปพัฒนาข้ึนเป็นการเรียนร฾ูท่ี ยกระดบั สงู ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ นอกจากนี้ เรายังมีความรู฾เพิ่มเติมในเรื่องสมองของเด็กปฐมวัยอีกว฽า มลพิษจากความเครียดท่ี เกิดขึ้น ในช฽วงปฐมวัยจะส฽งผลเก่ียวข฾องกับระบบประสาทและระบบฮอรแโมนแห฽งความเครียด อันจะ นําไปสู฽ความเสียหายใน การก฽อร฽างสร฾างรูปของสมองและจะนําไปส฽ูปใญหาในการเรียนรู฾พฤติกรรม และ สุขภาวะท้ังกายและจิตใจได฾ตลอดชีวิต การดูแลพัฒนาสมองอย฽างเหมาะสม จะทําให฾มั่นใจว฽าเด็กแต฽ละ คนสามารถพัฒนาไปได฾เตม็ ศักยภาพของตน และจะ เตบิ โตเป็นผ฾ูใหญ฽ท่ีมีความสามารถสร฾างสรรคแในการ ผลติ ทา฽ มกลางสังคมโลกทเ่ี ปลย่ี นแปลงอย฽างรวดเรว็ ในยคุ ปจใ จบุ นั ดังนั้น จึงจําเป็นท่ีจะต฾องสร฾างเงื่อนไขสภาพแวดล฾อมของการพัฒนาสมองของเด็กที่เหมาะสม เช฽น การ ได฾ใช฾ประสาทสัมผัสท้ังห฾าสม่ําเสมอและมากพอ การได฾รับความรักความเอาใจใส฽อย฽างอบอ฽ุน บรรยากาศเล้ียงดูท่ีร฽าเริง มคี วามสขุ การไดร฾ ับการคม฾ุ ชโู อบกอด ไดย฾ นิ เสียงเพลง ได฾ฟใงนิทาน ได฾เล฽นของ เลน฽ หรอื อ่นื ๆ เพอื่ ถนอมรกั ษา ศักยภาพสร฾างการเติบโตงอกงามของสมอง และปูองกันอุบัติเหตุ ความ เจ็บไขไ฾ ดป฾ วุ ย ความเครยี ด ความเหงา เปน็ คน 2.4 สภาพแวดล้อมสาคญั ยง่ิ ยวด

232 “การพัฒนาทางสมองของเด็กข้ึนอย฽ูกับการกระต฾ุนทางส่ิงแวดล฾อม โดยเฉพาะอย฽าง ยิงคุณภาพ ของการเลยี้ งดแู ละระดบั การปฏสิ มั พนั ธทแ ่เี ดก็ ไดร฾ บั ” อ ง คแ ก า ร ยู นิ เ ซ ฟ http://www.unicef.org/thailand/tha/education_6555.html จากเอกสารขององคแกรเด็ก เยาวชน และครอบครัว (Child, Youth and Family) ได฾ชี้ให฾เห็นว฽า ช฽วงเวลา ท่ีสมองของเด็กปฐมวัยกําลังก฽อรูปนั้น นับเป็น “หน฾าต฽างแห฽งโอกาส” ทสาคม โอกาส” หมายถึง “ช฽วงเวลาท่ีเด็กแต฽ละคนมีความพร฾อมที่สุดท่ีจะรับการพัฒนาทักษะ ใดทักษะหนึ่ง” เช฽น “หนา฾ ต฽างแหง฽ ความไวใ฾ จในมนษุ ยแ จะเปิดกวา฾ งมากที่สดุ ในช฽วงวัย 0 ถึง 14 เดือนแรกของชีวิต ฉะนั้น ถ฾า พ฽อแม฽หรือครอบครัว ตอบสนองความต฾องการของเด็กได฾ดี เช฽น ให฾นมเมื่อเขาหิว เปลี่ยนผ฾าอ฾อมให฾เมื่อ เปียกแฉะ หรือ ออ อบหมาเสมอ ความรูส฾ กึ ไว฾วางใจต฽อมนษุ ยแ ต฽อโลกก็จะฝใงลึกในสมองของเด็กตั้งแต฽วัย นน้ั จนหยังรากมนั คงใน ท่ีสดุ เป็นต฾น ดังนั้น พ฽อแม฽ ผ฾ูดูแลเด็กในครอบครัวจําเป็นต฾องมีโอกาสเรียนร฾ูเข฾าใจว฽า ช฽วงวัยใดท่ี “หน฾าต฽าง แห฽งโอกาส” บานใดเปิด เพ่ือที่จะสร฾างสภาพแวดล฾อมส฽งเสริมให฾เด็กแต฽ละคนได฾รับการพัฒนาจนเต็ม ศักยภาพ ณ หน฾าต฽างแห฽ง โอกาสของเขา ไม฽ว฽าจะเป็นการจัดรูปทักษะทางการศึกษา เสริมสร฾างทักษะ สงั คม และสร฾างการเรยี นรู฾ทจี่ ะนําไปสค฽ู วาม สําเร็จในโรงเรยี นและในชีวิตข฾างหน฾าต฽อ ๆ ไปได฾ ด฾วยเหตุน้ี พอ฽ แมจ฽ งึ ควรทาํ ความเข฾าใจทัง้ เรือ่ งสภาพแวดล฾อม ภาษา และการเรยี นร฾ู อาหาร ภาวะจิตใจ และการรับ สอ่ื ดงั น้ี 1) สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็กให้ เปน็ ไปใน ทิศทางใดทศิ ทางหนึ่ง แบ฽งออกไดเ฾ ป็น 2 ประเภท คอื • สภาพแวดล฾อมทางกายภาพ (Physical Environment) ได฾แก฽ บ฾านเรือนที่อยู฽อาศัย โรงเรียน ของเล฽น สนามเด็กเล฽น สวนสาธารณะ ศูนยเแ รียนร฾ู อาหาร นิทาน บรรยากาศ ฯลฯ • สภาพแวดลอ฾ มทางสงั คม (Social Environment) ได฾แก฽ ครอบครัว ญาติ พี่น฾อง ครูวัฒนธรรม ความสมั พันธแระหวา฽ งบคุ คล เปน็ ต฾น 2) ภาษาและการเรียนรู้ช฽วง 6 เดือนถึง 3 ปีแรกของชีวิตเป็นช฽วงท่ีภาษาและการเรียนรู฾ของ สมองพัฒนา ได฾เร็วมาก แต฽ถ฾าขาดการกระตน฾ุ หรอื อย฽ูในสภาพแวดล฾อมที่ไม฽ค฽อยได฾ส฽งเสริมในเรื่องภาษา และการเรยี นรู฾ ไมม฽ ีคน พดู ดว฾ ย ไมม฽ ีสิ่งกระตุน฾ ประสาทสมั ผสั ถูกทอดทิ้งบ฽อย ๆ สภาพอารมณแจิตใจและ ร฽างกายรวมทั้งสมองก็จะถูกกระทบ อาจนําไปสู฽ปใญหาการส่ือสาร ความเช่ืองช฾าทางสังคม พฤติกรรมไม฽ พึงประสงคแ และมีปใญหาในการเรียนร฾ู ครั้นเม่ือโตขึ้น เด็กเหล฽าน้ีก็อาจจะมีปใญหาในการเผชิญหน฾ากับ สถานการณแ หรือสภาพแวดล฾อมท่ีซับซ฾อนของโลกสมัยใหม฽ สภาวะของความเครียดหรือไม฽มีความสุขใน วัยเดก็ จะเพิ่มความเสี่ยงตอ฽ ปใญหาทางจิตใจ ความเครยี ด โรคภัย หรอื ความอยู฽ดมี สี ขุ ในชว฽ งเป็นผ฾ใู หญ฽ได฾

233 3) อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ จะช฽วยให฾สมองและร฽างกายสามารถทํางานตามหน฾าที่ได฾ อย฽างเต็มท่ี พฒั นาการและการเตรยี มความพร฾อมของเด็กปฐมวัยในด฾านต฽าง ๆ ก็จะเป็นไปด฾วยดี เด็กที่มี ภาวะทางโภชนาการที่จะ เตบิ โตได฾สมบรู ณแ มพี ัฒนาการทีส่ มวยั สมองกระฉบั กระเฉง 4) ภาวะจิตใจ หากเด็กปฐมวัยอยู฽ในสภาพแวดล฾อมท่ีกดดัน เต็มไปด฾วยเสียงหรือพฤติกรรมรุนแรง ดค วามเครียดในจิตใจ และด฾วยวยั เยาวแทีไ่ มอ฽ าจแสดงออกหรอื อธบิ ายความร฾สู กึ ของตนเองได฾ กอ็ าจมี เดก็ ก็จะเกดิ ความเครยี ดในจติ ใจ และพฤตกิ รรมทผ่ี ิดปกติ ความเขา้ ใจพ้ืนฐานและเปา้ หมายการเสรมิ พลังครอบครวั ท่ีมีเดก็ ปฐมวัย “ความไรพ฾ ลงั ในระดบั บคุ คล คือ ความไมส฽ ามารถกาํ หนดผลท่จี ะเกดิ ข้นึ ในชีวิตของตนเองได฾” Charles H. Kieffer Department of Psychology, The University of Michigan, USA 1.ความเข้าใจพ้ืนฐานและเป้าหมายการเสรมิ พลงั ครอบครัวทีม่ เี ด็กปฐมวยั ในการศกึ ษาการเสริมพลงั ครอบครัวทม่ี เี ด็กปฐมวัยจําเปน็ ต฾องมคี วามเขา฾ ใจพน้ื ฐานใน 3 ประเด็นตอ฽ ไปน้ี 1.1 การเสริมพลังแตกต่างจากกระบวนการพัฒนาแนวอื่น ดีน (Dean, 1993) แห฽ง มหาวิทยาลยั คอรแแ นล ช้ีใหเ฾ หน็ ความแตกตา฽ งของกระบวนการพัฒนาชีวิตและสังคมท่ีเปลี่ยนมาเป็นแบบ เสรมิ พลังว฽า ความแตกต฽างที่สุดคือการเปลย่ี นความเชอ่ื และทศั นคติของทุกฝุายท่เี กย่ี วข฾อง การเสรมิ พลัง : ความเชื่อและทศั นคติท่เี ปลยี่ นไป จากงานวิชาการข฾างต฾น จะเห็นว฽า การเสริมพลังเกิดขึ้นได฾เพราะมีความเชื่อพ้ืนฐานเก่ียวกับมนุษยแ เขา฾ ใจใน ธรรมชาติของความเปน็ มนษุ ยแ และเช่อื มั่นในความเปน็ มนุษยแทเ่ี ท฽าเทียมกัน ในประเดน็ ดังน้ี • ลาํ พังคนคนเดียวไม฽อาจปกปอู ง หรือแก฾ไขปใญหาใด ๆ ในชวี ติ ไดส฾ าํ เรจ็ ด฾วยดีตามลําพัง คนท่ีอย฽ู ในหัวอกเดียวกัน เพ่ือนบ฾าน คนในชุมชน สังคม หรือกลไกรัฐฯลฯ จําเป็นที่จะต฾องเข฾ามาร฽วมมือ ชว฽ ยเหลอื หรือสนบั สนนุ • การเปลีย่ นแปลงไมใ฽ ชก฽ าร “ให”฾ จากผ฾ูที่เหนอื กวา฽ มอบแก฽ผ฾ูทด่ี ฾อยกวา฽ หากจะต฾องอย฽ูบนความ เช่ือม่ันในความเท฽าเทียมและพลังของคนทุกคน ที่ว฽าไม฽ว฽าจะมีปใญหาหรือความอ฽อนด฾อยอย฽างไร คนทุก คนล฾วนมีจุดแข็ง มีความรู฾ มีประสบการณแและคุณค฽าบางประการในตัวของเขา ที่จะเป็นฐานของการ พฒั นาสสู฽ ง่ิ ท่ดี ีกวา฽ ได฾ • การเปลี่ยนแปลงไม฽ได฾เกิดจากมี “คนนอก” ไปทําให฾ หากต฾องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิด จากความ ต฾องการภายในของบุคคลนนั้ ๆ ทีจ่ ะเปล่ียนแปลงด฾วยตนเอง • “พลัง” เป็นสิ่งท่ีมีพลวัต เปลี่ยนแปลงได฾ขึ้นอยู฽กับเหตุปใจจัย และเป็นสิ่งที่มีอย฽ูแล฾วตาม ธรรมชาติ ในตัวคน เช฽น พลังแห฽งความรัก พลังแห฽งการเรียนรู฾ แต฽ขณะเดียวกันก็มีพลังที่คนสร฾างขึ้นบน ฐานความสมั พนั ธแระหวา฽ ง คนกบั คน เช฽น พลังสามัคคี พลงั ของอํานาจหนา฾ ท่ี พลงั เงนิ เปน็ ตน฾

234 • ในภาษาไทย คําว฽า “พลัง” ต฽างจาก “อํานาจ” ในขณะท่ีในภาษาอังกฤษใช฾คําคําเดียวกัน คือ power ดังนั้น “พลัง” จึงไม฽ใช฽เรื่องของการบังคับควบคุม และก็ไม฽ใช฽ส่ิงที่จํากัดเป็นของใครบางคน เท฽าน้ัน หากเป็นส่ิงที่ แบ฽งปในแชรแกันได฾ ร฽วมมือกันได฾ และเอ้ือประโยชนแแก฽กันและกันได฾ “ย่ิงแชรแพลัง ตา฽ งฝุายตา฽ งยงิ่ ได฾พลงั ” • การเสริมพลังจะนํามาซ่ึงการเปล่ียนแปลงหรือทางออกท่ีดีข้ึน ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว หรอื สงั คม โดยเฉพาะจะตอ฾ งเหน็ ผลลพั ธไแ ด฾จากการเปลีย่ นแปลงทางความคดิ จติ ใจเป็นสาํ คัญ ไม฽ใช฽เพียง การเปลยี่ นแปลง ทางวตั ถุหรอื กายภาพเท฽านัน้ 1.2 การเสริมพลังครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย โดยธรรมชาติแล฾ว มนุษยแทุกคนมีศักยภาพที่จะเติบโต พัฒนาขึ้น จนสามารถกําหนดชีวิตของตนเองได฾ หากได฾รับปใจจัยหลากหลายประการท้ังภายในและ ภายนอก ดังกล฽าวในหัวข฾อต฽าง ๆ ข฾างต฾น แต฽กระนั้น การท่ีบุคคลไม฽สามารถบรรลุซ่ึงเปูาหมายชีวิตของ ตนเองได฾กเ็ นอ่ื งจากปใจจัยสําคญั บางประการ เอเลน พินเดอรแฮิวสแ (Pinderhughes, 1983) นักวิชาการด฾านการเสริมพลังจาก มหาวิทยาลัยทฟั ทแ สหรัฐอเมริกาชี้วา฽ บคุ คลไมไ฽ ดส฾ ร฾างข้นึ จากกรรมพันธุแ กับเง่ือนไขของการอบรมเลี้ยงดู และการเตบิ โตเท฽าน้นั แต฽จากโอกาสและประสบการณแจากโลกรอบตัวของเขาด฾วย ผลจากการเลี้ยงดูท่ีดี ก็คือ บุคคลจะต฾องมีความสามารถที่จะตัดสินใจและมีความสามารถท่ีจะทําให฾การกระทําของตนบรรลุส฽ู เปูาหมายที่ตั้งไว฾ จึงจะกล฽าวได฾ว฽าบุคคลนั้นสามารถกําหนดชะตาชีวิตของเขาเองได฾ในระดับใด ทํานอง เดียวกัน ครอบครัวก็จะต฾องมีความสามารถตัดสินใจในเรื่องของครอบครัวของตนเองได฾ และสามรถ ผลักดันให฾เปูาหมายของครอบครัวบรรลุผล ไม฽ว฽าจะเป็นเปูาหมายทางเศรษฐกิจ เช฽น มีระดับฐานะความ เป็นอย฽ูดีขึ้น มีรายได฾เพียงพอต฽อการดํารงชีวิตและเล้ียงลูก เปูาหมายทางสังคม เช฽น เป็นท่ียอมรับ มี เกียรติในสังคมของตน สมาชิกครอบครัวเป็นที่ยอมรับนับถือของชุมชน ฯลฯจนกระทั่งไปถึง ความสามารถในการแก฾ปใญหา และสามารถกําหนดชะตาชีวิตของรอบครัวของตนเองได฾ตามคุณค฽าและ แนวทางทตี่ นยดึ ถือ แต฽การจะทําได฾เช฽นนี้ ไม฽เพียงแต฽ครอบครัวจะต฾องใช฾ ความพยายาม ฝุาฟในอุปสรรค ตา฽ ง ๆ หรอื แสวงหาการเรียนรู฾ท่ีเป็นประโยชนแด฾วยปใจจัยภายในตนเองเท฽านั้น สังคมหรือสภาพแวดล฾อม รอบข฾าง กจ็ ะตอ฾ งเข฾าไปช฽วยเสรมิ พลังด฾วย ในครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย ชาวอัฟริกันโบราณมีสภาษิตว฽า “It takes a whole village to raise a child.” หมายถึง การที่จะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให฾เติบโตมาอย฽างสมบูรณแนั้น จะต฾องใช฾คนท้ัง หม฽บู า฾ นหรอื ชุมชนชว฽ ยกนั เอา ใจใส฽ดูแล มีกลไก ระบบท่ีทาํ ให฾มั่นใจวา฽ เดก็ จะได฾กินอิ่ม นอนอุ฽น ปลอดภัย และเตบิ โตเปน็ สมาชิกกลุ฽มทแี่ ข็งแรง เราเรยี กวา฽ ส่ิงท่ี “ทงั้ หมู฽บ฾าน” ช฽วยกันดูแลเอาใจใส฽น้ีว฽า “การเสริม พลังครอบครัว” อย฽างไรก็ตาม เมื่อสังคมซับซ฾อนข้ึน พัฒนาขึ้นจากระบบหม฽ูบ฾านสู฽ความเป็นรัฐประเทศ กลไก ระบบ หรือปใจจัยต฽าง ๆ ในสังคมก็ย฽อมมีความซับซ฾อนข้ึน การดูแลครอบครัวในยุคปใจจุบันที่พบเห็นกัน ทว่ั ไป อาจมีตง้ั แต฽ การเออื้ เฟอ้ื วัตถหุ รอื ปจใ จัยทางกายภาพให฾พอเพียงต฽อการเล้ียงดูเด็ก การดูแลสุขภาพ

235 อนามัยแม฽ลูกอ฽อน การให฾ความรู฾แก฽พ฽อแม฽ การส฽งเสริมโภชนาการและการเล้ียงลูกด฾วยนมแม฽ การจัด กจิ กรรมสําหรับครอบครัวทม่ี ีเด็กปฐมวัย เปน็ ต฾น 1.3 การเสริมพลังครอบครัว vs. การสนับสนุนครอบครัว มักมีข฾อสงสัยว฽า การสนับสนุน ครอบครัว (Family Support) กับการเสริมพลังครอบครัว (Family empowerment) ต฽างกันอย฽างไร เช฽น การให฾ความร฾เู ร่อื งโภชนาการและการพัฒนาสมองสําหรับเด็กปฐมวัย หรือการสร฾างกล฽ุมช฽วยกันเอง ของแม฽ (Self-help group) จัดว฽าเป็นการสนบั สนนุ ครอบครวั หรอื เสรมิ พลังครอบครวั กันแน฽ ลอรแดและฮัทชนิ สัน (Lord & Hutchinson, 1993) ใหค฾ วามสาํ คัญตอ฽ การเสรมิ พลังว฽า จะต฾องไป ถึงระดับ การเปล่ียนแปลงระบบในสังคม โดยเห็นว฽าการให฾ความรู฾โภชนาการแก฽ครอบครัวเด็กปฐมวัย อาจจะช฽วยให฾ครอบครวั มีพฤติกรรมการเลย้ี งดูลกู ได฾ดีข้ึน แต฽นัน่ ยงั ไมใ฽ ชก฽ ารเสริมพลัง การมกี ล฽มุ เพือ่ นมาชว฽ ยเหลอื แม฽วยั รุ฽นเลีย้ งเดีย่ ว เพอื่ ลดความรู฾สึกโดดเดี่ยว และช฽วยให฾แม฽คนนั้น สามารถลุกขึ้นยืน มีงานทําและเล้ียงตนเองก็ยังไม฽ถือว฽าเป็นการเสริมพลังครอบครัว เขาเห็นว฽า “การ เสริมแรงครอบครัวต฾องหมายถึงการที่ครอบครัวพัฒนาความสามารถในการใช฾พลังอํานาจของตน มิใช฽ เพยี งเพ่ือเปลี่ยนแปลงตนเองเทา฽ นนั้ หากต฾องไปสรา฾ งเงอื่ นไขเพือ่ เปลย่ี นแปลงสภาพในชุมชนองคแกร หรอื สงั คมด฾วย” ซ่ึงเป็นการเปล่ียนแปลงท่ีใหญก฽ วา฽ ระดบั บุคคลมาก เขาสรุปว฽า การสนับสนุนครอบครัว หรือ Family Support นั้นจะเน฾นไปท่ีการทําให฾ระบบและ หน฽วยงานที่มอี ยู฽อย฽างเป็นทางการเดิมนั้น อ฽อนตัวลง พัฒนาด฾านที่เป็นมนุษยแมากข้ึน ในขณะที่การเสริม พลงั ครอบครวั หรอื Family empowerment จะเน฾นไปท่ีการสร฾างระบบหรือสถาบันเพ่ือให฾ครอบครัว ลกุ ขึ้นมาเปน็ ฝุายกําหนดเงื่อนไขในการดํารงชีวิตของพวกเขาเอง นอกจากนี้ นักวิชาการอย฽างคอรแเดช (Kordesh, 1994) ก็ได฾ทําการเปรียบเทียบจุดเน฾นของการ สนับสน ครอบครวั กบั การเสริมพลังครอบครวั ไว฾ในทํานองเดยี วกนั ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล฾วก็จะเห็นว฽า การเสริมพลังครอบครัวตามแนวคิดดังกล฽าวนี้ เน฾นไปที่มิติ ของการเมือง และการเปลีย่ นแปลงในระดบั ระบบและสถาบันเต็มที่ อย฽างไรกด็ ี ผเ฾ู ขยี นเห็นด฾วยกับนกั วิชาการบางกล฽ุม (Keiffer, 1984; Presby et al., 1990) ทเี่ หน็ ว฽า การ เสรมิ พลงั นนั้ เกดิ ขน้ึ ได฾ 3 ระดบั ไดแ฾ ก฽ 1) ระดับบุคคล ที่สามารถกําหนดควบคุมชีวิตประจําวันของตนได฾ เปล่ียนจาก ความรู฾สึกว฽าตนหรือ ครอบครัวไม฽มีคุณค฽า มาสู฽ความเช่ือม่ันในตนเองและสร฾างการเปลี่ยนส่ิงต฽าง ๆ ใน การกํากับควบคุมของตนเองได฾ รวมทั้งผลลัพธแในรูปของการมีทักษะความสามารถด฾านต฽าง ๆ มากข้ึน จนถงึ ระดับเปลย่ี นแปลงบทบาทของตนในสงั คม ข้ึนมาเป็นผ฾นู ําได฾ 2) ระดับกลุ฽ม ท่สี ร฾างประสบการณรแ ว฽ มกับคนอื่น ๆ มกี ารถกคดิ วิเคราะหแในเร่ืองต฽าง ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ฾ ง มีความสมั พันธแทเี่ สมอภาคในกลม฽ุ มีความเหน็ อกเหน็ ใจกัน เขา฾ ใจกัน ยอมรับกัน และร฽วมกัน กําหนดความเป็นไปของ กลุ฽ม สามารถสร฾างการเปล่ียนแปลงท่ีดีข้ึนในกล฽ุมของตนได฾ ย่ิงมีส฽วนร฽วมใน

236 กล฽ุมมากเพียงใด สมาชิกท้ังหลายก็จะ ขยายความสามารถหรือบทบาทของตนเองในการกําหนดความ เปน็ ไปของกลุ฽มไดม฾ ากขนึ้ เพียงนัน้ 3) ระดับชุมชน มีการเปล่ียนแปลงเกิดข้ึนในกระบวนการ มีการจัดวางยุทธศาสตรแ หรอื กําหนดนโยบาย เพอื่ จัดสรรทรัพยากรของชุมชนหรือสังคม ให฾เกิดประโยชนแแ ก฽ผ฾ูคนโดยเสมอหนา฾ ซึ่งใน 3 ระดบั ดังกลา฽ วนี้ การสนบั สนนุ ครอบครวั เป็นกระบวนการพ้ืนฐานเบื้องต฾น หรือ เป็นส฽วนหนึ่งของกระบวนการเสริมพลังได฾ เช฽น หากจะเสริมพลังครอบครัวแม฽เลี้ยงเดียววัยร฽ุนท่ีมีเด็ก ปฐมวยั ในชุมชนยากจน โดยมุ฽งไปผลักดันให฾แมใ฽ นครอบครวั นีก้ าํ หนดนโยบาย หรือปรับเปลี่ยนระบบการ ให฾บริการสุขภาพเด็กต้ังแต฽แรก ย฽อมเป็นไปได฾ยาก แต฽หากเริ่มต฾นที่การสนับสนุน (Family support) เชน฽ จัดหางานให฾แม฽รายนมี้ ีรายได฾ จัดหาเคร่อื งใช฾ อปุ กรณแ อาหารสําหรับเด็กเพื่อบรรเทาความลําบากทางวัตถุเฉพาะหน฾า ฯลฯ จากน้ันจึงนําไปสู฽การร฽วมเรียนรู฾ ร฽วมคิด ร฽วมวางแผนการพัฒนาในระยะยาว ซ่ึงต฾องใช฾เวลาเรียนร฾ูต฽อเนื่องระยะหน่ึงกว฽าท่ีแม฽รายน้ีจะ ตระหนักในพลังของตน และก฾าวขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นลุกขึ้นมีบทบาทต฽อการเปล่ียนแปลงระบบหรือ สถาบัน เปน็ ต฾น 2. เป้าหมายในการเสรมิ พลังครอบครัวที่มเี ด็กปฐมวยั มนุษยแทุกคนป็นสมาชิกของครอบครัวของตนเอง ไม฽ในบทบาทใดก็บทบาทหนึ่ง หรืออาจหลาย บทบาท ส่ิงที่เกิดข้ึนกับคนคนหน่ึงไม฽ว฽าในประเด็นใด ๆ ครอบครัวของเขาจะได฾รับผลกระทบไม฽ว฽า ทางบวกหรือทางลบเสมอ ดังนั้น ทุกหน฽วยงานท่ีทํางานด฾านการพัฒนาสังคม ไม฽ว฽าจะเป็นประเด็นทาง เศรษฐกจิ สุขภาพอนามัย ยาเสพตดิ แรงงาน เด็ก ผ฾สู งู อายุ ฯลฯ จาํ เป็นทจ่ี ะตอ฾ งเหน็ ความสัมพันธแที่แยก ไม฽ขาดของสมาชกิ กบั ครอบครัว อาจใชค฾ วามเป็นครอบครัวให฾เกิดประโยชนแในการพัฒนาสมาชิก หรือใน ทํานองเดียวกัน การพัฒนาสมาชิกก็สามารถส฽งผลถึงภาพรวมของครอบครัวได฾โดยเฉพาะในการพัฒนา เด็กทุกวัย การเสริมพลังครอบคครัว ก็ทําให฾ครอบครัว แข็งแรงข้ึน มีศักยาภาพสูงข้ึน ท้ังด฾านความคิด มุมมอง ความรู฾ ความสามารถ และทักษะด฾านต฽างๆ จนครอบครัวมีความพร฾อมทุกด฾าน ทั้งเศรษฐกิจ สุขภาพ การศึกษา ความสัมพันธแ วัฒนธรรม สังคม ฯลฯ ในการทําหน฾าท่ีรับผิดชอบสภาพแวดล฾อมท่ีดี ท่สี ุดเพ่อื การเติบโตของเดก็ ทกุ คน ด฾วยเหตุนี้เปาู หมายสาํ คญั สงู สดุ ของการเสรมิ พลงั ครอบครัวที่มีเดก็ ปฐมวยั กค็ อื 2.1 เพ่ือให฾ครอบครัวตระหนักและเข฾าใจในบทบาทภาระหน฾าท่ีของตนในช฽วงเวลาที่สําคัญท่ีสุด ของกอง ชวี ติ ของลูก 2.2 เพื่อให฾ครอบครัวมองเห็นความต฾องการ ความจําเป็น จุดแข็ง จุดอ฽อน ข฾อจํากัดและปใญหา ของตนเอง แล฾วสามารถเลือกเส฾นทาง หรือจัดการกับสภาวะของครอบครัวตนเองได฾อย฽างมีพลัง มี ประสทิ ธิภาพ

237 2.3 เพอื่ ใหค฾ รอบครัวตระหนกั ในพลงั ของตน ท่เี ป็นทุนสงั คมอันมีคุณค฽า และสามารถกระทําการ พัฒนาลูกด฾วยมอื ตนเอง ไดอ฾ ย฽างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี แม฾ครอบครวั จะเผชิญกบั สถานการณแแ บบใดก็ตาม 24 เพ่ือให฾ครอบครัวตระหนักในสิทธิของครอบครัว และเห็นพลังความร฽วมมือที่จะต฾องสร฾างข้ึน ระหว฽าง ครอบครัวอ่ืน ๆ มีการเข฾าร฽วมกล฽ุม ชุมชน เพื่อประสานทุนของทุกส฽วน เข฾ามาเป็นพลังร฽วม มี แรงสนบั สนุนจากภาค สว฽ นท่เี กย่ี วข฾อง 2.5 เพอื่ ใหค฾ รอบครัวไดร฾ บั การเสรมิ พลงั จนถึงข้ันรว฽ มขับเคล่ือนให฾เกิดการระดมทรัพยากรสังคม อยา฽ งจรงิ จัง มีการจัดระบบ กลไกนโยบาย หรือความเป็นสถาบัน เพ่ือเป็นหลักประกันในการพัฒนาเด็ก ปฐมวยั ของทง้ั สงั คมและในระยะยาว เปูาหมายทง้ั หมดน้ี เพ่ือพัฒนาความสามารถของครอบครัวในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให฾มีคุณภาพ ขึน้ บนความสามารถที่จะกําหนดความเป็นไปชีวิตของตนไดด฾ ฾วยตนเอง อย฽างไรก็ตาม อาจมีประเด็นคําถามเกิดขึ้นว฽า “ร฾ูได฾อย฽างไรว฽าเกิดการเสริมพลังขึ้นแล฾ว” ลอรแด (Lord,1991) ได฾แสดงผลของกระบวนการการเสริมพลงั ดังนี้ การเคลื่อนตัวของกระบวนการและผลลัพธแแต฽ละช฽วงแต฽ละตอนนั้น เป็นไปแบบมีพัฒนาการ กลา฽ วคอื จากความอ฽อนด฾อย ไร฾พลัง จากการที่แยกตนเองออกจากสังคมด฾วยความรู฾สึกด฾อยค฽า จากการ พง่ึ พิงผ฾ูอ่นื และร฾ูสึกวา฽ ชีวิตตนไม฽มีทางเลอื กนนั้ เมอ่ื กระบวนการเสรมิ พลงั ดาํ เนินไป ไม฽ว฽าจะด฾วยรูปแบบ หรือ รายละเอียดอย฽างไร หากเป็นไปตามหลักการท่ีกล฽าวมาทั้งหมดและเป็นไปอย฽างต฽อเนื่อง ย฽อมเห็น ผลของการพัฒนาจนท่ีสุด ยกระดับถึงข้ันการมีพลังอํานาจในตนเอง สามารถเป็นแบบอย฽างแก฽ผ฾ูอ่ืน มี อทิ ธิพลตอ฽ ความคิดของผ฾ูอื่น และมีความสามารถในตนเอง หลักการการเสริมพลงั ครอบครวั ทมี่ เี ด็กปฐมวัย ความเข฾าใจพื้นฐานในการเสริมพลังครอบครัวชัดเจนแล฾ว จะพบว฽า เมื่อนําเข฾าส฽ูกระบวนการ เสริมพลังครอบรัวท่ีมีเด็กปฐมวัย ก็มีหลักการสําคัญหลายประการที่พ่ึงได฾รับการพิจารณาอย฽างจริงจัง ดังน้ี 1.ความเชือ่ พนื้ ฐานเพื่อการเสรมิ พลงั ครอบครวั จากทฤษฎี หลกั การ และคณุ สมบตั ติ า฽ งๆ ดังกล฽าวขา฾ งตน฾ เราสามารถสังเคราะหแขึ้นเป็นหลักการ ในการเสริมพลังครอบครัวท่ีมีเด็กปฐมวัยได฾ว฽า ก฽อนที่เข฾าสู฽กระบวนการเสริมพลัง ผ฾ูต฾องการมีบทบาท เสริมพลังแกค฽ รอบครวั จะต฾องทบทวนใหช฾ ัดเจนว฽า มคี วามเชอื่ พ้นื ฐานใน 5 ประการ ดังที่สถาบันรักลูกได฾ สรุปไว฾ในโครงการสร฾างเสริมศักยภาพ การเรียนร฾ูเพื่อครอบครัวเข฾มแข็ง (สุภาวดี หาญเมธี 2550) ดังตอ฽ ไปน้ี 1.1 ครอบครวั (ท่ีมีเด็กปฐมวัย) ล้วนมีพลังพื้นฐานอยู่แล้วในตนเองทั้งส้ิน ซ่ึงเป็นปใจจัยเสริม ความเข฾มแขง็ ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย พลังท่สี ําคัญ ได฾แก฽ • พลังแห฽งความเป็นพอ฽ แม฽ • พลังแหง฽ ความรกั

238 • พลงั แห฽งการเรยี นร฾ู 1.2 ครอบครัว (ที่มีเด็กปฐมวัย) ไม่ใช่ “แก้วนํ้าที่ว่างเปล่า” ทุกครอบครัวล฾วนมี “ทุนของ ครอบครัว” ใน มติ ิใดมิติหน่งึ ภาวะเช฽นนเี้ ป็นศักยภาพที่จะเอื้ออํานวยให฾ครอบครัวไปสู฽การเปลี่ยนแปลง และฝึกฝน สร฾างทักษะ ตา฽ ง ๆ ในการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ได฾ 1.3 การเสริมพลังจะต้องให้น้าหนักท่ี “การเรียนรู้ของครอบครัว” เป็นสําคัญ เพราะการ เรียนรู฾เป็น หลักประกันของความเข฾มแข็งท่ีแท฾จริงของครอบครัว ท่ีจะสามารถเผชิญหน฾ากับปใญหา นานัปการ พ่ึงพาตนเองและ ดูแลการพัฒนาเด็กในช฽วงวัยต฽อไปได฾ในอนาคต การเรียนร฾ูจะเป็นพลังทาง ความคดิ และจติ ใจทม่ี ่นั คงของครอบครวั 1.4 ครอบครัว (ท่ีมีเด็กปฐมวัย) ต้องได้รับปัจจัยภายนอกมาสนับสนุน เพ่ือสร฾างโอกาสและ ประสบการณแ รวมทั้งให฾การช฽วยเหลือทางวัตถุ หรือการแก฾ปใญหาท่ีเผชิญหน฾าอย฽ู บนพื้นฐานที่ต฾องใส฽ ใจความตอ฾ งการและสอดคลอ฾ ง กบั บริบทท่เี ปน็ จริงของครอบครัว ให฾ครอบครัวเป็นผู฾ตัดสินใจด฾วยตนเอง และมีส฽วนร฽วม โดยหน฽วยงานภายนอกเป็น กองผู฾สนับสนุน ทั้งนี้เพื่อให฾ครอบครัวมีศักดิ์ศรี ไม฽ตกอยู฽ใน ฐานะ “ผู฾แบมือรบั ความชว฽ ยเหลือ” 1.5 การเสริมพลังทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ คือ การสร้างเครือข่ายทางสังคม (Social networks) ซึ่ง เปน็ กล฽มุ สังคม ทีเ่ กดิ การมสี ฽วนร฽วมของกนั และกนั ทแ่ี ข็งแรงรองรับสถานการณแของครอบครวั และแบ฽งปใน เก้อื กูล ช฽วยประคับประคองซึ่งกนั และกนั ใหท฾ ุกครอบครวั ที่มเี ด็กปฐมวยั เข฾มแขง็ ขึ้นในระยะยาว 2. ความตระหนักในพลงั พน้ื ฐานของครอบครัวทมี่ เี ดก็ ปฐมวัย คุณสมบัติท่สี าํ คญั ยงิ่ ของมนษุ ยแ คอื การมีสมองคิดค฾นและมีอารมณแความรู฾สึกท่ีลึกซึ้ง ครอบครัวในฐานะ หน฽วยงานสังคมพื้นฐานท่ีสุดของมนุษยแ จึงพิเศษกว฽าหน฽วยสังคมของส่ิงมีชีวิตใด ๆ ท่ีไม฽เพียงแต฽มี ศกั ยภาพท่ีจะปรบั ตวั ใหอ฾ ยรู฽ อดเท฽านนั้ หากครอบครวั ยงั มพี ลังศักยภาพหลายด฾านทีจ่ ะสามารถรักษาและ ทําใหก฾ ารดาํ รงชีวิตของสมาชกิ เปน็ ไปดว฾ ยดี มคี ณุ ภาพสงู ข้นี ได฾ สาํ หรับในครอบครัวทม่ี ีเด็กปฐมวัยน้นั พลังท่ปี รากฏเด฽นชัด ได฾แก฽ พลังความเป็นพ฽อแม฽ พลังแห฽ง ความรัก ในครอบครวั และพลังแหง฽ การเรยี นร฾ู ซ่ึงจะกล฽าวพอสังเขปดังนี้ 2.1 พลังแห่งความเป็นพ่อแม่ สุภาวดี หาญเมธี (2550) กล฽าวว฽า สถาบันรักลูกมีความเช่ือว฽า ครอบครัว เป็นพื้นที่ท่ีเด็กเริ่มต฾นชีวิต และเป็นศูนยแกลางการพัฒนาของเด็กปฐมวัย สมาชิกทุกคนใน ครอบครัวทีม่ เี ด็กปฐมวัย จะตอ฾ งตระหนักในบทบาทหน฾าทีก่ ารเป็นสภาพแวดล฾อมท่ีดีและจัดหาส่ิงต฽าง ๆ เพ่อื ตอบสนองความต฾องการของเดก็ โดยเฉพาะแม฽ ซ่ึงเป็นบุคคลท่ีมีความสําคัญที่สุด พลังของความเป็น พ฽อแม฽เกิดขึ้นเม่ือมีการสัมผัส การท่ีแม฽สัมผัสว฽ามีชีวิตใหม฽กําลังเติบโตอยู฽ในครรภแของตนนั้น เป็น จุดเร่ิมต฾นของความผูกพัน เมื่อลูกถือกําเนิด การให฾แม฽ได฾สัมผัสตัว ลูกทันทีหลังคลอดและได฾อุ฾มลูก สม่าํ เสมอต้งั แต฽แรก ให฾ลูกได฾ดูดนํ้านมจากอกแม฽ ฯลฯ สัมผัสเหล฽านี้ล฾วนส฽งเสริมให฾ ความผูกพันระหว฽าง แม฽กับลูกเกิดข้ึน สําหรับคนเป็นพ฽อก็ทํานองเดียวกัน พ฽อที่หมั่นอุ฾มลูกตั้งแต฽แรก ๆ อาบน้ําให฾นม แก฽ลูก เปล่ียนผ฾าอ฾อม เห฽กล฽อมลูก ฯลฯ ก็จะมีความผูกพันกับลูกมากกว฽าและเข฾าใจในบทบาทหน฾าที่ความเป็น

239 พ฽อสูง กว฽า พ฽อสมัยใหม฽จํานวนมากขึ้นสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทและเข฾ามามีส฽วนร฽วมกับแม฽ได฾เป็น อย฽างดี ส฽งผลกระทบ ต฽อเน่ืองในทางบวกไปถึงคุณภาพและความสุขของลูก สังคมจึงต฾องรณรงคแให฾มีพ฽อ เข฾ามามบี ทบาทให฾มากขนึ้ จะเห็นได฾ว฽า ไม฽ว฽ายากดีมีจนอย฽างไร เม่ือพ฽อแม฽เกิดความผูกพันกับลูก เกิดเป็นความรักข้ึนแล฾ว ความรักลูก น้ีจะมันคงไปตลอดชีวิตพ฽อแม฽ เป็นที่ประจักษแกันดีว฽า พลังแห฽งความรักของพ฽อแม฽ต฽อลูกน้ัน เปน็ พลังท่ีย่ิงใหญ฽ทีส่ ดุ ทําให฾พอ฽ แมย฽ อมเสยี สละส่งิ สําคัญอน่ื ของตนเองเพื่อลกู ได฾ ไมว฽ ฽าความสะดวกสบาย โอกาสก฾าวหน฾า หรือแม฾กระทั่งชีวิต พลังแห฽งความรักของพ฽อแม฽ต฽อลูกน้ี สามารถทําให฾พ฽อแม฽พร฾อมท่ีจะ อดทนอดกลนั้ ให฾โอกาส ให฾อภัย และยินดีท่ีจะ เปลี่ยนแปลงตนเอง ขอเพียงร฾ูว฽าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะ ทําให฾ชีวิตลูกดีข้ึน และพลังแห฽งความรักจะสร฾างคุณลักษณะพึงประสงคแมากมายในตัวลูก ขณะเดียวกัน สามารถทําให฾พ฽อแม฽ทุกคนมีความพร฾อมท่ีจะทําหน฾าท่ีของตนในการดูแล พัฒนาและปกปูองลูกไม฽ว฽า จะตอ฾ งเผชญิ กบั สถานการณแแบบใด อย฽างไรก็ตาม แม฾พลังแห฽งความเป็นพ฽อแม฽จะเป็นสัญชาตญาณท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติกับพ฽อแม฽ ทกุ คน แตจ฽ ะ แข็งแรงม่นั คงข้ึน ดว฾ ยการสมั ผัส ใกลช฾ ิดและปฏิสมั พนั ธทแ ่ีมตี อ฽ กนั ระหวา฽ งพอ฽ แม฽กับลูก และ ด฾วยการเรยี นรเู฾ ปน็ สาํ คัญ 2.2 พลังแห่งความรักในครอบครัว ในครอบครัวมี “เส฾นใยแห฽งความผูกพัน” ซ่ึงเป็น ความสัมพันธแพิเศษ แตกต฽างจากความสัมพันธแชนิดอื่น ๆ น้ันคือ หากความสัมพันธแน้ีเป็นไปโดยปกติ ไม฽ ถกู กระทบกระเทือนจากปใจจัย ต฽าง ๆ เราก็จะพบวา฽ พ฽อแมผ฽ กู พนั กบั ลูก พี่น฾องผูกพันห฽วงใยกัน เสียสละ ใหก฾ ัน ญาติพนี่ อ฾ งใหค฾ วามชว฽ ยเหลือแก฽กนั สามภี รรยาดแู ลเอาใจใส฽ซ่ึงกันและกัน ครอบครัวที่มีความสัมพันธแดี อบอ฽ุน เอาใจใส฽ห฽วงใยกัน จึงเป็นปูอมปราการของชีวิตท่ีแข็งแกร฽ง ยามเม่ือครอบครัวประสบปใญหา สมาชิกคนใดคนหนึ่งอาจพร฾อมเสียสละ ยอมทุกขแลําบาก เช฽น สตรีที่ ออกไปขายบริการเพื่อ หาเงินมาใช฾หน้ีแทนพ฽อแม฽ ยามเมื่อสมาชิกคนใดต฾องออกไปเผชิญโลกกว฾าง เพ่ือ สร฾างโอกาสใหม฽ ๆ เช฽น ลูกชายออกไปขายแรงงานต฽างประเทศ พลังจากครอบครัวก็จะทําให฾เขาเกิด กําลังใจ เกิดความมุ฽งม่ันฮึดสู฾ เพื่อให฾ได฾ความสําเร็จที่จะกลับมาเจือจุนครอบครัว ยามเม่ือเศรษฐกิจ ประเทศตกอย฽ูในภาวะวิกฤตในปี 2540-2541 คนหน฽ุมสาวจํานวนมากท่ีตกงานกลับไปอย฽ูกับพ฽อแม฽ใน ชนบท ครอบครัวเป็นกันชนชีวิตที่เข฾มแข็งและอบอ฽ุนของทุกคน พลังแห฽งความรักในครอบครัว โดยเฉพาะระหวา฽ งสามีภรรยา เปน็ แกนความสมั พนั ธแทีส่ ง฽ ผลแกค฽ วามสมั พนั ธแ อ่ืน ๆ ทั้งหมดในครอบครัว ถ฾าสามีภรรยารกั กันดี ผเ฾ู ฒา฽ ในบา฾ นและลูก ๆ ทุกคนก็จะได฾รบั อานิสงสไแ ปด฾วยเสมอ เดวิด (David, 2009) ชีว฽า แบบแผนของครอบครวั มผี ลอยา฽ งมากต฽อการพัฒนาคุณค฽าความดีงามของเด็กเช฽นกัน ใน ครอบครัว ท่ีมคี วามรักเป็นพื้นฐานท่ีแข็งแรง เด็กปฐมวัยจะเรียนรู฾ถึงความผูกพันในครอบครัวและความไว฾วางใจซ่ึง กันและกัน คุณค฽าของครอบครัวจะช฽วยพัฒนาจิตใจและความเข฾มแข็งทางสติปใญญาของเด็ก ถ฾าสมาชิก ครอบครัวโดยเฉพาะพ฽อแม฽ไม฽เข฾ามาเกี่ยวข฾องใส฽ใจ ก็แทบจะเป็นไปไม฽ได฾ท่ีเด็กจะพัฒนาร฽างกาย จิตใจ- อารมณแ สงั คม และสติปใญญาอย฽างเหมาะสม

240 2.3 พลังแห่งการเรียนรู้ สมองของมนุษยแแตกต฽างจากของสัตวแอื่นเพราะมีสมองส฽วนนิโอคอรแที่ ทําให฾คดิ ได฾ มนุษยทแ ุกคนจึงเกิดมาพร฾อมกับศักยภาพในการเรียนรู฾ และการเรียนรู฾เกิดข้ึนกับคนทุกคนได฾ ทกุ ท่ีทกุ เวลา ทกุ สงิ่ ทผี่ ฽านมาในชวี ิตประจาํ วันเปน็ ประสบการณทแ ่ีพัฒนาส่ังสมข้ึนเป็น “ความร฾ู” เพ่ือการ ดําเนนิ ชวี ติ ไดท฾ งั้ สน้ิ การเรียนร฾จู งึ ไมไ฽ ด฾หมายความถึงเฉพาะการไดร฾ ับการศึกษาตามระบบเทา฽ นน้ั การเรียนร฾ู คอื “การรบั ร฾ูท่ีพฒั นาเป็นกระบวนขึ้น สู฽ระดบั ของการคิดวเิ คราะหแ ค฾นควา฾ สังเคราะหแ ไปจนถงึ การลงมอื ปฏบิ ตั เิ พื่อหาทางออก” ตลอดกระบวนการเช฽นน้ีจึงจะกล฽าวได฾ว฽า การเรียนร฾ูได฾เกิดขึ้น อย฽างแท฾จริง แต฽เพียงการท฽องจํา อ฽าน ดู เห็น โดยไม฽เกิดการคิดค฾นจนตกผลึกและไม฽ได฾นําไปปฏิบัติกับ ชวี ติ ตนเอง ก็ยงั ไมเ฽ รียกว฽า “เกิดการเรียนรู฾” ที่ครบกระบวน ในมุมมองน้ี พ฽อแม฽ท่ีมีการศึกษาในระบบไม฽ สูง ก็หาใช฽จะไม฽มี “ความร฾ู” หรือไม฽มีการเรียนร฾ูในทํานองเดียวกัน พ฽อแม฽ที่มีการศึกษาตามระบบ การศึกษาสงู กไ็ ม฽ได฾หมายความวา฽ พวกเขาจะเรียนรสู฾ งู กว฽า ด฾วยพลังแหง฽ การเรยี นร฾ู พ฽อแม฽ได฾เข฾าใจสงิ่ ต฽างๆ เกยี่ วกบั ลกู ตนเองและครอบครัว เช฽น เรียนรู฾ว฽า พฒั นาการเด็กควรเปน็ อยา฽ งไร เรียนรู฾วา฽ บทบาทพอ฽ แมส฽ าํ คญั มากเพียงไรตอ฽ ความสําเรจ็ ในอนาคตของลกู เรียนรู฾วิธีปฏิบัติที่เหมาะสมต฽อลูก เรียนรู฾ว฽าความสัมพันธแที่ดีของพ฽อกับแม฽ส฽งผลต฽อสุขภาพจิตของลูก ฯลฯ เมื่อบวกกับพลังแห฽งความเป็นพ฽อแม฽ และพลังความรักในครอบครัว พ฽อแม฽ส฽วนใหญ฽ก็สามารถที่จะ ลกุ ข้ึนมาเปล่ยี นแปลงและสร฾างศุกยาภาพของตนเอง ขอเพียงพวกเขามีโอกาสเรียนรู฾ จึงเห็นได฾ว฽า ครอบครัวน้ัน มีพลังตามธรรมชาติหลายด฾านท่ีเป็นรากฐานสําคัญ ที่จะนําไปส฽ูการ พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ไดอ฾ ย฽างมคี ณุ ภาพ ในบางครอบครัวพลังเหล฽านั้นอาจถูกปกปิดมิดบังอยู฽ อาจด฾วยภาระ ชีวิตที่หนักจนลืมตระหนัก อาจด฾วยความไม฽เข฾าใจ อาจด฾วยเง่ือนไขชีวิตท่ีต฾องห฽างไกลในครอบครัว ฯลฯ แต฽ไม฽ว฽าจะมีปใจจัยใด หากได฾มีการเปิดโอกาส สร฾างเงื่อนไขอย฽างเหมาะสม พลังทั้งหลายเหล฽าน้ีก็พร฾อม ปรากฏตัวและอาํ นวยประโยชนแแกก฽ าร พฒั นาเด็กในชว฽ งปฐมวัยได฾อยา฽ งแนน฽ อน 3. ครอบครวั ที่มเี ดก็ ปฐมวยั ล้วนมี “ทุน” แบบใดแบบหนงึ่ แม฾ครอบครัวจะยากจน ขาดแคลนความรู฾ ตกอย฽ูภาวะปใญหาหลายอย฽าง หรืออยู฽ในสภาพเสื่อม ถอย ก็ไม฽ได฾ หมายความว฽า “ครอบครัวไม฽มีอะไรเลย” ดังน้ัน หลักคิดท่ีเป็นหัวใจสําคัญของการทํางาน ดา฾ นการเสรมิ พลัง คอื “ครอบครวั ไม฽ใช฽แกว฾ ํน฾าที่ว฽างเปลา฽ ” นอกจากพลังดังกล฽าวแล฾วในหัวข฾อก฽อนน้ี ยังมีปใจจัยภายในอีกหลายประการที่เรียกได฾ว฽าเป็น “ทุน” ท่ีสําคัญ ของครอบครัวที่ทุกครอบครัวมีอย฽ู จะโดยรู฾ตัวหรือไม฽ร฾ูตัวก็ตาม มันสามารถเป็นฐาน ส฽งเสริมการพัฒนาเด็กอย฽างมี คุณภาพให฾เกิดขึ้นได฾ ได฾แก฽ ทุนสังคม ทุนวัฒนธรรม ทุนความรู฾ และทุน ชุมชน ทุนต฽าง ๆ เหลา฽ นี้ หากครอบครวั หรอื ผท฾ู ํางานเสริมพลงั ครอบครัวมีความเข฾าใจ กจ็ ะสามารถหยิบ ฉวยหรือระดมมาเป็นทรพั ยากรเพอื่ ประโยชนแในการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ไดท฾ ้งั สิ้น 3.1 ทุนสังคม ญาติพ่ีน฾องวงศแวานว฽านเครือ เพื่อน เพื่อนที่ทํางาน ฯลฯ ล฾วนเป็นทุนสังคมของ ครอบครัว เมื่อ ขอแม฽เจ็บไข฾ได฾ปุวยหรือมีภารกิจท่ีเลี่ยงไม฽ได฾ คนท่ีจะช฽วยรับฝากดูแลลูกอ฽อนได฾ดีที่สุดก็

241 คือ ญาติพ่ีน฾อง คนข฾างบ฾าน คน เพ่ือนหรือเพื่อนที่ทํางานก็อาจจะเป็นแหล฽งความรู฾ แหล฽งส฽งเสริม สนบั สนนุ ทางจติ ใจ 3.2 ทุนวัฒนธรรม เป็นทุนท่ีครอบครัวได฾รับมาจากภูมิปใญญาท฾องถ่ิน การดูแลสุขภาพแบบไทย หลักคิดคําสอนด้ังเดิมได฾ในชีวิตสมัยใหม฽ หลักศาสนา ฯลฯ เป็นกระบวนการหรือภูมิความร฾ูที่พ฽อแม฽ สามารถหยิบมาใช฾ในการพัฒนาเด็กได฾ทั้งส้ิน เช฽น การนําของเล฽นพ้ืนบ฾าน นิทานท฾องถ่ิน มาใช฾ในการ พัฒนาเด็ก การนําคําสอน ตายาย มาถ฽ายทอดแก฽ลูก การนําลูกเข฾าร฽วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีโบสถแ วัด มัสยดิ เพอ่ื กลอ฽ มเกลาสร฾างนิสยั พึงประสงคแแกเ฽ ดก็ แตย฽ งั เยาวแ เปน็ ตน฾ 3.3 ทุนความรู้ เป็นทุนที่ครอบครัวได฾มาจากทั้งการอบรมเล้ียงดูในอดีตของคนเป็นพ฽อแม฽ ทั้ง จากการเรยี น ในระบบโรงเรียน จากการทํางานอาชีพ จากการติดต฽อสื่อสารกับคนอ่ืน ๆ หรือการเรียนรู฾ จากสื่อ ฯลฯ พ฽อแม฽หลายคน เลี้ยงลูกตามแบบที่ตนเคยได฾รับการอบรมสั่งสอนมา เช฽น ความมีระเบียบ ชีวิตประจําวันที่สะอาด พ฽อแม฽ทุกคนล฾วนผ฽านระบบโรงเรียนที่ช฽วยได฾ในเรื่องการอ฽านออกเขียนได฾และ การฝึกการคดิ วเิ คราะหแ ในการงานอาชีพกม็ ีความร฾ทู ่ี พอ฽ แมน฽ ํามาปรบั ใชก฾ ับชวี ติ ในครอบครัวได฾ เช฽น การ ทํางานที่เป็นระบบ การบริหารการเงิน หรือพ฽อแม฽มีการเรียนร฾ูจากสื่อ เช฽น การปูองกันไข฾หวัดที่ ประชาสัมพนั ธใแ นโทรทศั นแ เป็นต฾น 3.4 ทุนชุมชน เปน็ ทนุ ทคี่ รอบครวั ได฾รบั มาจากเพอื่ นบ฾าน ชมุ ชนท฾องถ่นิ ในส฽วนนเี้ ป็นเร่ืองสําคัญ มาก ชาวยิว มีภาษิตสอนลูกหลานว฽า “เพื่อนบ฾านติดกัน สําคัญเสียย่ิงกว฽าญาติพ่ีน฾องท่ีอย฽ูห฽างออกไป” เพราะเพ่ือนบ฾าน หรือคนในชมุ ชน จะเปน็ ผทู฾ ่ีช฽วยเป็นหูเปน็ ตา ชว฽ ยดูแลยามพ฽อแม฽ไม฽สะดวก คอยเกื้อกูล ท้งั ทางวัตถสุ ิง่ ของ ดา฾ นจิตใจและสงั คม ได฾เป็นอยา฽ งดี ในการเสริมพลังครอบครัว จําเป็นที่จะต฾องดึงเอาพลังธรรมชาติของครอบครัว และ “ทุน” ครอบครัวดงั กล฽าว ออกมาให฾เป็นที่ประจักษแแก฽ท้ังคนในครอบครัวเอง รวมทั้งผู฾เก่ียวข฾อง เพ่ือเสริมสร฾าง กาํ ลังใจแกค฽ รอบครวั ทําใหม฾ น่ั ใจวา฽ แมจ฾ ะตกอยใ฽ู นภาวะที่ดูเสมือนมีปใญหา มีความขาดแคลน มีความไม฽ พร฾อมใดๆ แต฽ท่ีสุดแล฾ว ครอบครัวก็ยังมีจุดแข็ง อยู฽มากมายที่สามารถนํามาใช฾ให฾เป็นพลังในการพัฒนา ไปสส฽ู ง่ิ ท่ดี ีขึน้ ได฾ 4. การเสริมพลงั ครอบครวั : ต้องคานงึ ถงึ วัฒนธรรมเปน็ พ้ืนฐาน บคุ คลและครอบครัวเป็นสัตวแสังคม ไม฽สามารถแยกตัวออกจากบริบทท่ีล฾อมรอบในชุมชน ดังนั้น “วฒั นธรรม” ทีส่ อดสานแทรกซา฽ นอยูใ฽ นวิถีชีวิตของครอบครัว จงึ เป็นสงิ่ ท่จี ะต฾องได฾รับการเอาใจใส฽อย฽าง ยิ่ง ในฐานะ ที่เป็นปจใ จยั สําคัญต฽อการดํารงอยู฽ของครอบครัว จะเห็นได฾วา ครอบครัวในภาคอีสานย฽อมมีความเช่ือเก่ียวกับความสัมพันธแและวิถีการเลี้ยงดูเด็ก ปฐมวัยที่แตกต฽างไปจากครอบครัวในภาคเหนือ ภาคใต฾ หรือภาคกลาง ครอบครัวท่ีมีเชื้อสายจีนย฽อมมี การเล้ียงดู หรือวิถีชีวิตแตกต฽างไปจากครอบครัวที่มีเช้ือสายไทย ลาว ฯลฯ เช฽นเดียวกับครอบครัวที่นับ ถือศาสนาพทุ ธ อิสลาม คริสตแ ฯลฯ ย฽อมมวี ถิ ที แ่ี ตกตา฽ ง

242 การส่ังสอนอบรม แนวการปฏิบัติตัว ภาษา อาหารการกิน การน฽ุงห฽ม ฯลฯ ล฾วนกําหนดโดย วัฒนธรรมของกลมุ฽ ชุมชน ชาติพนั ธแุ ศาสนา ฯลฯ แม฾วา฽ ปจใ จุบัน วิถชี วี ติ สมัยใหมโ฽ ดยกระแสบริโภคสากล จะมีส฽วนอย฽างมากในการกลืนวิถีชีวิตท฾องถ่ินหรือทําให฾วัฒนธรรมกลุ฽มเจือจางลง มีความเหมือนกันมาก ข้ึนใน “ไลฟ฼สไตลแของผู฾บริโภค” แต฽ กลืนวิถีชีวิตท฾องถิ่นหรือทําให฾วัฒนธรรมกล฽ุมเจือจางลง มีความ เหมอื นกนั มากขน้ึ ความแตกต฽างทางวฒั นธรรมก็ยังเปน็ ส่งิ ที่จะต฾องยอมรับและให฾ความสําคัญ ในการทํางานเสริมพลังครอบครัวจําเป็นอย฽างยิ่งที่จะต฾องคํานึงถึงขนบธรรมเนียมประเพณี เรียนรู฾ความเช่ือท่ีแตกต฽าง และเคารพการตีความหมายทางวัฒนธรรมของครอบครัวน้ัน ๆ ซ่ึงผู฾ทํางาน ด฾านการเสริมพลังครอบครัวจะนําเอาวัฒนธรรมของกล฽ุมเปูาหมาย กลุ฽มเปูาหมาย มาทําการวิเคราะหแ ศึกษาเรียนรู฾ แล฾วจึงนําไปส฽ูการพัฒนาทางออกร฽วมกับกลุ฽มเปูาหมายอย฽างจริงจัง เช฽น การทําพิธี กรรมการทําขวัญเด็กในบางท฾องถิ่น ไม฽ควรถูกตีความว฽าเป็นเร่ืองไสยศาสตรแ งมงายล฾าหลัง ไม฽เป็น วิทยาศาสตรแ เพราะแท฾ที่จริงในโลกสมัยใหม฽ ครอบครัวและชุมชนก็อาจจะมีความเข฾าใจในการคิดเชิง วิทยาศาสตรแ แต฽ส่ิงท่ีครอบครัวต฾องการ คือ เรื่องของพลังใจ การให฾คุณค฽าต฽อชีวิต การเช่ือมโยงวิถีชีวิต ไปสก฽ู ารเคารพบรรพบรุ ุษ เปน็ ต฾น เม่ือกระบวนการการเสริมพลังมีความเข฾าใจต฽อวิถีวัฒนธรรมของกล฽ุมเปูาหมายได฾ดี ลึกซ้ึง ก็ สามารถนาํ มาใช฾ใหเ฾ ป็นประโยชนแ เพราะผู฾คนทั้งหลายล฾วนผูกพัน ค฾ุนเคยและยึดม่ันในวัฒนธรรมของตน กจ็ ะเข฾าร฽วมกระบวนการ เสรมิ พลงั ไดส฾ นทิ แน฽นย่ิงข้นึ จากบทเรยี นของโครงการเสริมสรา฾ งศักยภาพการเรยี นรูเ฾ พอื่ ครอบครวั เขม฾ แข็ง สถาบนั รักลูก โดย การ สนับสนุนของ สสส. (2003-2008) พบว฽า วิถีวัฒนธรรมมีส฽วนอย฽างสําคัญยิ่งในการเสริมพลัง ครอบครัวท่ีมีเด็กปฐมวัย เช฽น การฟ้ืนฟูเพลงกล฽อมเด็ก นิทานพ้ืนบ฾าน คําสอนของปุูย฽าตายายรวมท้ัง ความร฾ูประเพณีต฽าง ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงดู เด็ก เช฽น การทําขวัญ การทําของเล฽นพื้นบ฾าน ฯลฯ ซ่ึงทําให฾ กิจกรรมและบรรยากาศการเรียนร฾ูมีความสนุกสนาน มีพลัง เกิดการตีความให฾เหมาะสม และสร฾างแรง บันดาลใจแก฽พ฽อแม฽และครอบครัวอย฽างย่งิ 5. โลกยุคใหมส่ ง่ ผลกระทบปญั หาครอบครวั ไทยทมี่ ีเดก็ ปฐมวัย “ครอบครวั ในปจใ จบุ ันเผชิญกบั ภาวการณแเปล่ยี นแปลงอันเปน็ ผลมาจาก ปใจจยั ภายในครอบครวั และปจใ จยั แวดล฾อมในชุมชน สงั คม และ ส่ิงแวดลอ฾ ม โดยสภาพเศรษฐกิจ สงั คม และสิง่ แวดลอ฾ ม ซงึ่ เปลี่ยนแปลง ตามกระแสโลกาภวิ ัตนแ และความกา฾ วหน฾าของเทคโนโลยีสมยั ใหม฽ กระทบต฽อแบบแผนการดําเนนิ ชวี ิตของครอบครวั ให฾เปล่ยี นแปลงไป...” สาํ นกั กิจการสตรแี ละสถาบันครอบครวั กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนษุ ยแ แมว฾ ฽าครอบครวั ไทยสว฽ นใหญ฽ในปใจจุบนั ได฾รับบรกิ ารสาธารณสุขพ้นื ฐานที่ดีมากขึ้น มีหลักประกัน ด฾านสขุ ภาพ บน ลูกมโี อกาสการศกึ ษาท่ีดี (จากนโยบายการศึกษาภาคบังคับ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3) มี

243 โอกาสได฾รับ จากสาธารณูปโภคท่ีทั่วถึงข้ึน (การคมนาคมขนส฽ง ไฟฟูา นํ้าประปา โทรศัพทแ ฯลฯ) มี โอกาสรับข฽าวสารข฾อมูลง฽ายและหลากหลายข้ึน มีเคร่ืองอํานวยความสะดวกต฽าง ๆ มากขึ้นในราคาท่ีถูก ลง ฯลฯ แต฽กระน้ันปใญหาท่ีกระทบต฽อครอบครัวไทยในภาพรวม ก็ยังมีไม฽น฾อย (สํานักกิจการสตรีและ สถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมน่ั คงของมนุษยแ 2456) ไดแ฾ ก฽ • ปญใ หาความยากจน การขาดโอกาสทางเศรษฐกจิ • การอพยพย฾ายออกจากถิ่นฐานเดิมเพื่อไปหาโอกาสใหม฽ ต฾องห฽างหายจากครอบครัวเดิมและ รากทาง วฒั นธรรม • ชวี ติ เมืองขยายตัว ทาํ ให฾เวลาครอบครัวนอ฾ ยลง คา฽ ใชจ฾ ฽ายครอบครวั สงู ขนึ้ • สัมพันธภาพภายใน ครอบครวั เสื่อมถอยลง ไปจนถึงการหย฽าร฾างแตกแยก • ต฾องแยกห฽างจากลูกเนื่องจากต฾องออกไปทํางาน ต฽างถิน่ และท้ิงให฾ลกู ในวัยนี้อยู฽กบั ปูุย฽าตายายในชนบท • มีการใช฾ความรุนแรงในครอบครัว • พ฽อ-แม฽-ลูก ไม฽ได฾แสดงบทบาทหน฾าที่ของตน ครอบครัวละเลยการอบรมปลูกฝใงค฽านิยมพึง ประสงคแ รวมทง้ั การหลอ฽ หลอมบุคลิกภาพและพฤตกิ รรม • เด็กถกู ทอดทง้ิ ไม฽ไดร฾ บั การอบรมเล้ียงดูเพ่อื ให฾มพี ัฒนาการเหมาะสมตามวยั • การติดยาเสพติดของสมาชกิ ครอบครวั • ปใญหาดา฾ นสุขภาพอนามัย โรคภัยไข฾เจ็บตา฽ ง ๆ • ผส฾ู ูงอายถุ กู ทอดท้งิ • ปฏิสัมพนั ธขแ องครอบครวั ท่มี ตี ฽อชมุ ชนและสงั คมมีแนวโน฾มลดลง โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ฽ ปใญหาเหล฽านี้ส฽งผลกระทบทางลบสําหรับครอบครัวท่ีมีเด็กปฐมวัย และอาจส฽งต฽อไปยังการ พฒั นาของ เดก็ ไม฽นอ฾ ย ความยากจนทําใหเ฾ ดก็ ขาดแคลนปจใ จัยที่จําเป็น เช฽น อาหาร นม ของเล฽น เสื้อผ฾า การท่ีพ฽อแม฽ย฾ายถ่ินเข฾า เมือง หากนําเด็กไปด฾วย เด็กก็อาจจะได฾รับแรงกดดัน ขาดอากาศสะอาด ไม฽มีท่ี ว่ิงเล฽นท่ีปลอดภยั หากพ฽อแมท฽ ิ้ง ลกู เล็กไวก฾ ับปูยุ ฽าตายาย แม฾จะมีความรกั จากผูส฾ ูงวยั แตก฽ อ็ าจขาดโอกาส การเรียนร฾ูและการพฒั นาทเี่ หมาะสม และ หากพอ฽ แม฽ยากจน ไมส฽ ฽งเงินกลับบ฾านสม่ําเสมอ เด็กก็จะยิ่งถูก ซํา้ เตมิ จากความขาดแคลนหนักข้นึ เป็นต฾น 6. ปญั หาความไม่รู้ไมเ่ ขา้ ใจของพ่อแม่ไทยทกุ ระดบั นอกจากปใญหาในดา฾ นเศรษฐกิจสงั คมดังกลา฽ วขา฾ งต฾นแล฾ว ครอบครัวท่ีมีเด็กปฐมวัยโดยทั่วไป ยัง มีปใญหา ด฾านความร฾ูความเข฾าใจต฽อการพัฒนาเด็กในวัยนี้ด฾วย อันเนื่องจากขาดโอกาสเรียนร฾ูเก่ียวกับ พัฒนาการและคุณค฽า ของการพัฒนาเด็ก รวมทั้งการที่ครอบครัวแยกตัวออกมาอยู฽ตามลําพัง เป็น ครอบครวั เดยี ว ทาํ ใหค฾ วามรดู฾ ้งั เดิมจาก ปยูุ า฽ ตายายถกู ตดั ขาด ไมส฽ ามารถส฽งต฽อถ฽ายทอดมายังคนเป็นพ฽อ แม฽ได฾ ดงั ปรากฏการณทแ ่มี กั พบไดใ฾ นครอบครวั ที่มี เด็กปฐมวัย เช฽น

244 • พ฽อแมส฽ ฽วนใหญไ฽ มเ฽ ขา฾ ใจเรอื่ งการพฒั นาสมองรวมท้งั ผลของการพัฒนาสมองท่ีส฽งผลไปจนถึงวัย ผู฾ใหญ฽ ในระยะยาว แม฾จะพอเข฾าใจว฽า ต฾องใกล฾ชิด พูดดี ๆ กับลูกเล็ก ๆ ต฾องให฾ความสําคัญของสุขภาพ และโภชนาการท่ีดี • พ฽อแม฽ที่การศึกษาน฾อยไม฽เข฾าใจถึงคุณค฽าของการลงทุนในสมองและพัฒนาการของลูกด฾วยการ เล฽น ด฾วย การอ฽าน ไม฽พร฾อมจ฽ายค฽าหนังสือของลูก (ในขณะที่จ฽ายพ฽อจ฽ายค฽าเบียรแได฾ในราคาเท฽ากับค฽า หนังสอื หรอื แม฽ซอื้ เสอ้ื ผา฾ และเครอ่ื งสาํ อางคแท่ีราคาแพงกว฽าหนังสือของลูกหลายเทา฽ เปน็ ต฾น) • พ฽อแมไ฽ ทยจํานวนไม฽น฾อยยังไม฽เข฾าใจถึงผลกระทบของการใช฾วาจารุนแรง การทุบตี ว฽าจะส฽งผล ต฽อเด็ก ยัง มีการละเมิดสิทธิเด็กโดยครอบครัวให฾เห็นอยู฽ทั่วไป พ฽อแม฽จํานวนมากยังไม฽เข฾าใจว฽า การให฾ ลูกเล฽นของเล฽นอาวุธต฽าง ๆ น้ัน จะส฽งผลในทางลบต฽อพัฒนาการทางสังคมของเด็กและปลูกฝใงความ ก฾าวร฾าว • พ฽อแม฽ สมัยใหมบ฽ างสว฽ นทเ่ี ปน็ ผู฾มกี ารศกึ ษาดี อาจเข฾าใจความสําคญั ของ 5 ปีแรกของชีวิต และร฾ูว฽าควร ส฽งเสรมิ พฒั นาการ ความผกู พัน การเลน฽ และภาษา อาจเขา฾ ใจวา฽ เด็กเรียนรู฾ได฾ตั้งแต฽เกิด แต฽ พ฽อแม฽กล฽ุมน้ีก็ยังไม฽สามารถเช่ือมโยงสิ่งเหล฽านี้กับการพัฒนาสมองของลูกได฾อย฽างท่ีควร เช฽นไม฽เข฾าใจว฽า การเล฽น คือ การพัฒนาสมอง และการเร฽งเรียนในวัยนี้เป็นการทําลายสมอง ฯลฯ ดังน้ันจึงไม฽ค฽อยให฾ ความสนใจแสวงหากิจกรรมทจ่ี ะส฽งเสรมิ การพัฒนาศักยภาพของสมอง เท฽ากับการแสวงหาโรงเรียนสอน พิเศษตงั้ แต฽ยังอยช฽ู น้ั อนบุ าล • พ฽อแม฽ที่แม฾มีการศึกษาดีก็ยังไม฽ค฽อยเข฾าใจและเชื่อมโยงไม฽ได฾ว฽า ความเป็นสุขของเด็กและการ เหน็ คุณค฽าในตนเอง คอื หัวใจสาํ คัญของความสําเรจ็ ในการเรียนร฾ู • พ฽อแมบ฽ างคนคาดหวังว฽าลูกจะทําทุกอย฽างถูกต฾องต้ังแต฽เป็นเด็กวัยอนุบาล ทั้งที่ตามพัฒนาการ ของสมอง แล฾ว การมีระเบียบโดยตนเอง (Self-Regulation) การควบคุมอารมณแ จะไปทําได฾เม่ือเร่ิมเข฾า เรียนแล฾ว • พ฽อแม฽จํานวนไม฽น฾อยชมเชยลูกที่ผลลัพธแความสําเร็จ มากกว฽าช่ืนชมท่ีกระบวนการ เช฽น ความ พยาย ความม฽งุ มัน่ • พ฽อแม฽ชนชั้นกลางขึ้นไปจํานวนมาก ไม฽เข฾าใจว฽า การเรียนร฾ูด฾วยการฝึกปฏิบัติหรือ Learning by doing เป็นการเรียนรู฾ที่ได฾ผลท่ีสุด การให฾ลูกปฐมวัยช฽วยงานบ฾าน เช฽น จัดช฾อนส฾อม การพับผ฾าให฾ถูก กลุ฽ม ฯลฯ แท฾ที่จริงก็เป็น เร่ืองการเรียนรู฾เก่ียวกับหลักการของคณิตศาสตรแ เช฽น การแยกแยะกล฽ุม การ จัดระเบยี บ การคัดเลอื ก รวมทงั้ เป็นการ ฝกึ ฝนนิสยั รักการงาน เป็นการเรียนรู฾ข้ันตอนการทํางานในชีวิต จรงิ เปน็ ทกั ษะชวี ติ เป็นต฾น • พ฽อแม฽ที่มีฐานะดี มักใช฾เงินเลี้ยงลูก ปรนเปรอด฾วยวัตถุนานาชนิด ทดแทนเวลาและความใส฽ใจ ของพอ฽ แม฽ ท่ีขาดหาย และไมอ฽ บรมบ฽มเพาะนสิ ยั อันพึงประสงคแ เด็กมกั ถูกตามใจจนเกินงาม ดังนั้น หากสงั เคราะหแจากมุมของสถานภาพทางเศรษฐกจิ สงั คม อาจกลา฽ วรวม ๆ ไดด฾ ังนี้

245 1. ในครอบครัวยากจน เด็กปฐมวัยไทยมักขาดโอกาสท่ีจะพัฒนาศักยภาพของตน ด฾วยความไม฽ พร฾อมและ ความไม฽ร฾ู ของพ฽อแม฽ 2. ในครอบครัวปานกลาง เด็กปฐมวัยไทยมักจะมีความเครียด จากการที่พ฽อแม฽คาดหวังและ กระตุ฾นใหเ฾ รียนร฾ู มากเกนิ ไป 3. ในครอบครัวฐานะดมี าก เด็กปฐมวัยไทยมักถูกตามใจและปล฽อยปละละเลย พ฽อแม฽ใช฾เงินและ วัตถทุ าํ งาน แทนบทบาทพอ฽ แม฽ ทําให฾เดก็ ขาดการอบรมสงั่ สอนเทา฽ ทคี่ วร อาจกล฽าวได฾ว฽า ทุกกลุ฽มครอบครัวล฾วนต฾องการการเสริมพลัง แม฾ในมุมท่ีแตกต฽างกัน เพ่ือให฾มี ศักยภาพทจี่ ะดแู ลเด็กปฐมวัยได฾อย฽างมีคณุ ภาพ ดงั น้นั เง่ือนไขสําคัญท่ีสุดที่จะทําให฾เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในครอบครัว คือ สร฾างการเรียนร฾ู ให฾เกิดขึ้น กับคนในครอบครัวนั่นเอง เมื่อสมาชิกครอบครัวได฾เรียนร฾ู เข฾าใจ และตัดสินใจท่ีจะ เปลยี่ นแปลง ครอบครัวก็จะ กลับมาเข฾มแข็ง นําพาตนเองให฾อยู฽รอดปลอดภัยได฾ ดังกล฽าวมาข฾างต฾นแล฾ว วา฽ แคก฽ ารรับรู฾ได฾ยินไดฟ฾ ใง ไดอ฾ ฽านขา฽ ว ขอ฾ มูล หรอื อ่นื ๆ ยงั ไมถ฽ อื วา฽ เป็นการเรียนรู฾ หากต฾องมีการนําไปคิด ไตร฽ตรองวิเคราะหแที่มาที่ไป สาเหตุ ความเก่ียวข฾อง แยกแยะข฾อมูล ฯลฯ จากนั้นสังเคราะหแข้ึนเป็น ขอ฾ สรุปใหม฽ และทส่ี ําคญั คือการนําไปปฏิบตั ิ และทบทวนความรน฾ู ั้น ๆ จึงจะเป็นการเรียนรทู฾ แี่ ท฾จริง นอกจากนี้ แอมโบรสและคณะ (Ambrose et al. 2010) ยังช้ีให฾เห็นว฽า ในนิยามคําว฽า “การ เรยี นร”฾ู จะตอ฾ ง มีองคแประกอบรว฽ ม 3 ประการเสมอ ได฾แก฽ 1. การเรยี นร฾ูตอ฾ งเปน็ กระบวนการ ไมใ฽ ช฽เพยี งผลลัพธแ 2. การเรียนร฾ูต฾องนํามาซึ่งการเปล่ียนแปลง ทั้งในตัวความร฾ู ความเช่ือ พฤติกรรม และทัศนคติ ด฾วย เหตนุ ก้ี ารเรียนรู฾จงึ มกั ใชเ฾ วลา 3. การเรียนร฾ไู มใ฽ ช฽สง่ิ ทใี่ ครไปทาํ ใหก฾ บั ใคร แต฽เปน็ สงิ่ ทีผ่ ฾ูนัน้ ทําด฾วยตนเอง เม่ือเป็นเช฽นน้ีแล฾ว ครอบครัวควรเรียนรู฾อะไร ปราชญแแห฽งตําราพิชัยสงครามซุนวู กล฽าวอมตะ วาจาไว฾วา฽ “ร฾ูเขา รู฾เรา ร฾อยศึกบ฽พ฽าย” เมื่อนําคํากล฽าวนี้ไปประยุกตแใช฾กับครอบครัวก็จะได฾คํากล฽าวว฽า เมื่อ จะเอาชนะปใญหา ส่ิงจําเป็น คือ ต฾อง “รู฾เขารู฾เรา” ซึ่งนํามาปรับใช฾กับการเรียนร฾ูของครอบครัวท่ีมีเด็ก ปฐมวัยไดด฾ ังนี้ “รู฾เขา” คือ เรยี นรโู฾ ลกท่กี ําลังเปล่ียนแปลง เรียนรข฾ู อ฾ มูลข฽าวสาร เช฽น ปใจจัยต฽าง ๆ เปล่ียนแปลง อยา฽ งไร ด฾วยสาเหตใุ ด มีสภาพของการเปล่ยี นแปลงแบบใด และนาํ ไปสกู฽ ารวิเคราะหแว฽า การเปลยี่ นแปลง เหล฽านน้ั ส฽งผลกระ ทบต฽อครอบครัวเราและลูกปฐมวัยของเราอยา฽ งไร ปใญหาหรือปใจจัยจากภายนอกเป็น อย฽างไร มีใครอ่ืนเกย่ี วขอ฾ งอยา฽ งไร ฯลฯ “รู฾เรา” คอื เรยี นรูเ฾ กย่ี วกบั ตวั เรา ดว฾ ยการเรียนรู฾แบบวเิ คราะหแ ถูกคิด เช฽น • ลกู ของเรา เชน฽ เรอ่ื งพฒั นาการเด็กปฐมวยั การเลย้ี งดเู ดก็ ท่เี หมาะสม บทบาทพ฽อแม฽ ฯลฯ