Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิวัฒนาการของมนุษย์

วิวัฒนาการของมนุษย์

Published by tossawat10tonsing, 2021-10-07 08:52:23

Description: เป็นหนังสือที่อธิบายถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

Search

Read the Text Version

บทท,ี z: กาํ เนิดมนษุ ย์ปัจจุบนั 194 มนุษย์นีแอนเดอร์ธัลแตกต่างจากมนุษย์ปัจจุบันมาก ในขณะที,โครงสร้ างดีเอ็นเอของ โฮโม เซเปียนส์ โบราณคล้ายกบั ดเี อ็นเอของมนษุ ย์ปัจจบุ นั มากกว่า (Krings et al. 1997; 2000) ผลการศึกษาชีแj นะว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ธัลเป็นอีกสายพนั ธ์ุหนึ,งท,ีไม่เกีย, วข้องกบั มนษุ ย์ปัจจบุ นั แตอ่ าจเคยมบี รรพบรุ ุษร่วมกับ โฮโม เซเปียนส์ เมอื, ประมาณ qss,sss ปี มาแล้ว ดังนันj นักวิชาการบางท่านจึงสรุปว่าหลักฐานทางพันธุกรรมสนับสนุนทฤษฎี “การเข้ามาแทนท”ี, หากกล่าวโดย สรุ ป แ ล้ วจ ะ เห็ นแ บ บ แผ น ความ ห ลาก ห ลา ยขอ ง ลัก ษ ณ ะ ท า ง พนั ธุกรรมของมนษุ ย์ (โดยเฉพาะอย่ายิ,งไมโตคอนเดรียล ดเี อน็ เอ) ชแี j นะว่าเม,ือประมาณ 200,000 - 100,000 ปีมาแล้ว ประชากรมนษุ ย์มีไม่มากนัก (มีประชากรผู้ใหญ่ประมาณ 10,000 คนหรือน้อยกว่านเี jลก็ น้อย) อาจกล่าวได้วา่ เป็นประชากรกลมุ่ เล็กๆ แตต่ อ่ มาใน ราว 60,000 - 40,000 ปี ท,ีผ่านมาประชากรได้เพ,ิมจํานวนอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาท,ี ประชากรเพม,ิ ขึนj อยา่ งผดิ หผู ดิ ตานีตj รงกับยคุ แห่งการสร้างสรรค์ (creative explosion) ที, นกั โบราณคดีกล่าวไว้พอดี นนั, ก็แสดงว่าการเปล,ียนแปลงทางวัฒนธรรมอาจจะสัมพนั ธ์ กับการการเพิ,มขึนj ของประชากรก็ได้ ผลการวิเคราะห์ยังชีแj นะด้วยว่าประชากรใน แอฟริกาเพ,มิ ขนึ j กอ่ นทอ,ี ื,นใดในโลก อย่างไรกต็ ามเราคงต้องมกี ารศกึ ษาค้นคว้าต่อไป หลกั ฐานโบราณคดี ในขณะท,ีการใช้ดีเอน็ เอและลกั ษณะทางกายวภิ าคของซากบรรพชวี นิ มาสนบั สนุน หรือโต้แย้งถกเถียงเกี,ยวกับทฤษฎีกําเนิด โฮโม เซเปี ยนส์ ยังถกเถียงกันอีกต่อไป นกั โบราณคดีอีกกล่มุ หน,งึ ก็มองหาหลกั ฐานประเภทอืน, มาร่วมวงถกเถียงด้วย หลกั ฐานท,ี นักโบราณคดีนํามาใช้สนับสนุนหรือโต้แย้งเกี,ยวกับกําเนินดของ โฮโม เซเปี ยนส์ ก็คือ โบราณวตั ถแุ ละร่องรอยทางโบราณคดีต่างๆ คําถามสําคญั ในอธิบายกําเนิดของ โฮโม เซเปี ยนส์ จากหลักฐานโบราณคดีก็คือ ถ้า โฮโม เซเปี ยนส์ มีกําเนิดในแอฟริกาตามท,ีทฤษฎี “การเข้ามาแทนท,ี” เสนอ ดังนันj หลักฐานโบราณคดีที,เก่าแก่ท,ีสุดที,ประดิษฐ์โดย โฮโม เซเปี ยนส์ ก็ต้องพบในแอฟริกา กอ่ นทอ,ี ื,น แล้วจึงแพร่กระจายไปยงั ภมู ิภาคอ,ืนของโลก จากการศึกษาแหล่งโบราณคดีท,ีเคยเป็นที,อยู่อาศัยและเคยเป็นแหล่งประกอบ กิจกรรมต่าง ๆ ของ โฮโม เซเปี ยนส์ ในพืนj ที,ต่าง ๆ ท,วั โลก พบว่าวัตถแุ ละร่องรอยทาง วัฒนธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ รุ่นแรก ๆ ปรากฎขึนj ครังj แรกในแอฟริกาก่อนที,อ,ืนแทบ ทงัj สนิ j ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปนี j m. การทําเครื,องมือจากกระดูกสัตว์ (bone tools) เป็นวฒั นธรรมทางเทคโนโลยี ของ โฮโม เซเปี ยนส์ และหลักฐานท,ีเป็นเคร,ืองมือกระดูกสัตว์ที,เก่าแก่ที,สุดในโลกใน

บทที, z: กาํ เนิดมนษุ ยป์ ัจจุบนั 195 ขณะนีไj ด้มาจากแหล่งโบราณคดีหลายแห่งในแอฟริกาซึ,งกาํ หนดอายุประมาณ mqs,sss – «s,sss ปีมาแล้ว เชน่ แหลง่ ถาํ j บลอมโบส (Blombos Cave) แหง่ แอฟริกาใต้ แหลง่ ปาก แม่นําj กลาซี (Klasies River Mouth) ในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ แหล่งเอเทอร์เรียน (Aterian) ในโมรอกโก และแหล่งคาแทนดา (Katanda) ประเทศซาอีร์ เป็นต้น (Pettitt 2005:141-146; Yellen et al. 1995) เครื,องมือกระดูกสัตว์ท,ีพบประกอบด้วยเครื,องมือ ปลายแหลมและฉมวกตกปลา-ล่าสตั ว์ (รูปท,ี z.«) รูปท,ี z.« เคร,ืองมือกระดกู สตั ว์พบทแี, หลง่ คาแทนดา ประเทศซาอรี ์ 2. เครื,องมือใบมดี (blade tools) ซึ,งเป็นวฒั นธรรมเคร,ืองมือหนิ ประเภทเดน่ อย่าง หนึ,งของ โฮโม เซเปี ยนส์ ที,พบในพืนj ท,ีต่างๆ เกือบท,ัวโลก เคร,ืองมือใบมีดหินรุ่นแรก ๆ ของโลกถกู ค้นพบท,ีแหล่งโบราณคดใี นแอฟริกาเช่นกับเคร,ืองมอื กระดกู เช่น เคร,ืองมือหิน ใบมีดที,พบใกล้ทะเลสาบบาริงโก (Baringo) ในประเทศเคนยา ซึ,งเป็นเครื,องมือใบมีดท,ี เกา่ แก่ทีส, ดุ ในโลก (รูปที, z.ms) กําหนดอายปุ ระมาณ ups,sss ปีมาแล้ว ต่อมาวฒั นธรรม เครื,องมือใบมีดก็กระจายไปยังพืนj ท,ีอ,ืนๆ ในแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ โดยพบหลักฐาน ใบมีดหินจากแหล่งโบราณคดีปากแม่นําj กลาซี (รูปที, z.mm) ในประเทศสาธารณรัฐ แอฟริกาใต้ กาํ หนดอายปุ ระมาณ «s,sss ปีมาแล้ว (Feder 2003:199-201)

บทท,ี z: กาํ เนดิ มนษุ ย์ปัจจบุ นั 196 รูปท,ี z.ms เคร,ืองมอื ใบมดี จากแหล่งบาริงโก เคนยา รูปที, z.mm เคร,ืองมอื ใบมีดจากแหลง่ ปาก อายุประมาณ ups,sss ปีมาแล้ว แมน่ าํ j กลาซี แอฟริกาใต้ อายปุ ระมาณ «s,sss ปีมาแล้ว นอกจากเคร,ืองมือใบมีดแล้วยังมีเครื,องมือหินอีกประเภทหนึ,งซ,ึงนักโบราณคดี เรียกว่า “burin” (รูปท,ี z.mu) เคร,ืองมือหินประเภทนีใj ช้การเจาะหรือแกะสลัก และเป็นท,ี นิยมใช้ ในกลุ่ม โฮโม เซเปี ยนส์ ในยุโรปและเอเชียในช่วงยุคหินเก่าตอนปลาย (Tomaskova 2005) แต่เคร,ืองมือหนิ ประเภทนีทj ี,เก่าแกท่ ส,ี ดุ พบในโตรกธารโอลดไู ว กอร์จ ในแอฟริกาตะวนั ออก ซงึ, มีอายใุ นยคุ หนิ เก่าตอนต้น (Leakey 1971) รูปท,ี z.mu เครื,องมอื หนิ ทเี, รียกว่า “burin”

บทที, z: กาํ เนดิ มนุษยป์ ัจจบุ นั 197 ควรกล่าวด้วยว่าเครื,องมือหินของ โฮโม เซเปี ยนส์ ท,ีพบในเอเชียตะวันตกและ เอเชียตะวันออกยงั คงมีลักษณะดังj เดิมคล้ายกับเคร,ืองมือหินของ โฮโม อีเรกตสั และ โฮโม ไฮเดลเบอร์เกนซิส ซ,ึงอาจแสดงถึงความต่อเน,ืองทางวฒั นธรรมในพืนj ท,ีดังกล่าว จนกระท,ังเมื,อเข้ าสู่ช่วงท้ายของยุคหินเก่าตอนปลายจึงพบเครื,องมือหินท,ีมีความ หลากหลายและมีขนาดเล็ก เช่น เครื,องมือใบมีดท,ีพบในหม่เู กาะของเอเชียตะวนั ออก เฉียงใต้ (Glover 1993) (รูปท,ี z.mo) รูปท,ี z.mo เคร,ืองมอื ใบมีดหนิ จากแหลง่ โบราณคดี Leang Burung เกาะสลุ าเวสี อนิ โดนเี ชยี กําหนดอายปุ ระมาณ os,sss – m«,sss ปีมาแล้ว o. วฒั นธรรมการทําเคร,ืองประดับ เช่น ลกู ปัด (beads) ก็อาจเร,ิมต้นในแอฟริกา เชน่ กนั ดงั ท,มี ีการค้นพบลกู ปัดทาํ จากเปลือกไข่นกกระจอกเทศ (รูปท,ี z.mp) จากแหล่งถําj Enkapune Ya Muto ในประทศเคนยา กําหนดอายุได้ประมาณ ps,sss ปี มาแล้ว (Ambrose 1998; Klein and Edgar 2002:11-13) ซึ,งจัดเป็นลูกปัดรุ่นแรก ๆ ของโลก ต่อมาความนิยมในการนําเปลือกหอยและกระดูกสตั ว์มาทําลูกปัดได้แพร่กระจายเข้าไป ในเอเชยี ตะวนั ตกและยเู รเชีย (รูปที, z.mq) ก่อนจะกระจายอยา่ งกว้างขวางในยุโรป เอเชีย ตะวนั ออก และอเมริกา

บทท,ี z: กาํ เนิดมนษุ ย์ปัจจุบนั 198 รูปท,ี z.mp ลกู ปัดทาํ จากเปลือกไข่นกกระจอกเทศ จากแหลง่ ถาํ j Enkapune Ya Muto เคนยา รูปที, z.mq ลกู ปัดทาํ จากเปลอื กหอย จากแหลง่ Uçagizli ตรุ กี เม,ือประมาณ ps,sss ปีมาแล้ว p. งานศลิ ปะ เป็นที,รู้กนั ดีว่ายคุ ของ โฮโม เซเปียนส์ เป็นยคุ ทีม, ีการผลติ งานศิลปะ ออกมาจาํ นวนมากอย่างทไี, ม่เคยเป็นมากอ่ น หลกั ฐานร่องรอยหรือต้นเค้าของผลงานเชิง ศิลปะท,ีมีอายเุ ก่าแก่ที,สุดในโลกที,พบในขณะนีคj ือแท่งดินเทศสีแดง (red ocher) จํานวน อย่างน้อย u แท่งที,มีลวดลายเป็นเส้นรูปไขว้กนั อนั เกิดจากการแกะสลักหรือขูดขีด (รูปที, z.mž) แท่งดินเทศดังกล่าวพบที,แหล่งถําj บลอมโบส (Blombos Cave) ในแอฟริกาใต้ กําหนดอายไุ ด้ประมาณ žq,sss – hs,sss ปีมาแล้ว นอกจากแท่งดินเทศสีแดงแล้วยัง พบก้อนดินเทศสีแดงอีกไม่ต,ํากว่า z,sss ชินj ในแหล่งเดียวกัน นกั โบราณคดีสันนิษฐาน วา่ ดินเทศดงั กลา่ วเป็นวตั ถดุ ิบสําหรบั การวาดภาพตามผนงั ถําj หรือเพิงผา (Henshilwood et al. 2002)

บทที, z: กําเนดิ มนษุ ยป์ ัจจบุ นั 199 รูปที, z.mž แทง่ ดินเทศสีแดง ท,มี รี อยตกแตง่ ด้วยลายเส้นไขว้ พบที,แหลง่ ถาํ j บลอมโบส แอฟริกาใต้ อายปุ ระมาณ žq,sss – hs,sss ปีมาแล้ว 5. พฤติกรรมบางอย่างท,ีเป็นลกั ษณะเด่นอย่างหน,ึงของมนษุ ยร์ ุ่นใหม่ ซง,ึ ไมเ่ คยพบ มาก่อนยคุ ของ โฮโม สายพันธ์ุอ,ืน ตวั อย่างพฤติกรรมดังกล่าวได้แก่การจดั ระเบียบพนื j ที, ใช้สอยในแหล่งพํานกั การดํารงชีพที,ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างหลากหลายและมี ประสทิ ธิภาพ เช่น การปรับตวั ในการบริโภคอาหารหลายชนิด (diet breadth) ทงัj พืช สตั ว์ บก สตั วน์ าํ j (ปลา ปู หอย) และสตั ว์เลือj ยคลาน เป็นต้น และการใช้ไฟในการเตรียมอาหาร และวัตถุประสงค์อย่างอ,ืน ซึ,งพบว่า โฮโม เซเปี ยนส์ เท่านันj ท,ีใช้ไฟอย่างเข้มข้ นและ สมํ,าเสมอดังที,นักโบราณคดีพบร่องรอยเตาไฟ (hearth) และชนัj การทับถมของเถ้าถ่าน หนาในแหล่งโบราณคดขี อง โฮโม เซเปี ยนส์ อย่เู สมอ พฤติกรรมเหล่านีมj ีหลกั ฐานที,เป็น ซากกระดกู สัตว์และร่องรอยเตาไฟและเถ้าถ่านเป็นประจักษ์พยานว่าเร,ิมต้นในแอฟริกา มาก่อนทอ,ี ,ืนเมือ, ประมาณ mss,sss ปีมาแล้ว (Henshilwood et al. 2002) สรุป หลักฐานประเภทซากบรรพชีวิน หลักฐานทางพันธุกรรม และหลักฐาน โบราณคดที เ,ี สนอมาข้างต้นบ่งชีวj ่า โฮโม เซเปียนส์ นา่ จะมีกาํ เนิดในแอฟริกา ซง,ึ สนบั สนุน ทฤษฎี “การเข้ามาแทนท”,ี มากกว่าทฤษฎี ”ความต่อเน,อื งในแตล่ ะภมู ภิ าค” อย่างไรก็ตาม นกั วิชาการบางคนอาจไมเ่ หน็ ด้วยกบั ข้อสรุปนี j ดงั นนัj กค็ งต้องมกี ารศกึ ษาวิจยั กนั ตอ่ ไป

บทท,ี z: กําเนิดมนษุ ย์ปัจจุบนั 200 ลักษณะทางกายภาพของ โฮโม เซเปี ยนส์ โฮโม เซเปี ยนส์ มีลักษณะแตกต่างจาก โฮโม สายพนั ธ์ุอื,นหลายประการซง,ึ ทําให้ นักมานุษยวิทยากายภาพสามารถแยกหรือจดั จําแนกออกมาเป็นสายพนั ธ์ุหนึ,งต่างหาก ลกั ษณะดงั กล่าวมดี งั นี j(รูปท,ี z.17 และตารางท,ี z.o ประกอบ) § กะโหลกกลม และสงู § ท้ายทอยกลม § หน้าผากชนั หรือเป็นแนวดิ,งถ้ามองจากด้านข้าง § กระดกู คิวj มขี นาดเลก็ § ใบหน้าเล็ก และไมย่ ืน, ออกมากเหมอื น โฮโม สายพนั ธ์ุอื,น § มคี างยืน, * § รูปท,ี z.mh ลกั ษณะกะโหลกของ โฮโม เซเปียนส์ *การมคี างเป็นวิวฒั นาการอีกอย่างหน,ึงที,พบเฉพาะในกลุ่ม โฮโม เซเปี ยนส์ เท่านนัj นกั วชิ าการบางท่านอธิบายว่า คางววิ ฒั นาการมาจากระบบการเคียj วอาหารซ,ึงสมั พนั ธ์กับการเปล,ียนแปลงลกั ษณะของรูปร่างกะโหลกของ โฮโม เซเปี ยนส์ กล่าวคือฐานกะโหลก (cranial base) ของ โฮโม เซเปี ยนส์ มีลักษณะหดสันj ไม่กว้างยาวเหมือนของ โฮโม สายพนั ธ์ุอื,น ดงั นันj เม,ือเคียj วอาหาร ขากรรไกรล่างก็ง้างไม่ได้เต็มที,เนื,องจากติดลําคอ ด้วยเหตุนีกj ระดูก ด้านหน้าของขากรรไกรล่างจึงมีวิวัฒนาการยื,นออกมาข้างหน้าเพ,ือให้การเคียj วอาหารสะดวกและไม่ติดลําคอ (Campbell and Loy 2002:315)

บทท,ี z: กาํ เนดิ มนุษยป์ ัจจุบนั 201 ตารางที, z.o ลกั ษณะกายภาพทว,ั ไปของ โฮโม เซเปียนส์ ความสงู (ทงัj เพศหญิงและชาย) ประมาณ mps - mzq เซนตเิ มตร นําj หนกั (ทงัj เพศหญงิ และชาย) ประมาณ ps – hs กโิ ลกรมั ความจสุ มอง (ทงัj เพศหญิงและชาย) เฉล,ยี m,opq ลกู บาศก์เซนตเิ มตร หรือระหวา่ ง m,sss – u,sss ลกู บาศก์เซนตเิ มตร กะโหลก สงู กลม ส่วนกว้างที,สดุ อยดู่ ้านข้าง คิวj เลก็ หน้าผากสงู ชนั เส้นฐานกะโหลกหกั งอ ไมเ่ ป็นเส้นตรง ฟัน โดยรวมมีขนาดเลก็ โดยเฉพาะฟันหน้า ขากรรไกรลา่ งเลก็ และมคี าง แขน - ขา ขายาวกว่าแขน ขนาดร่างกายแตกต่างกนั มากตาม สภาพภมู ิอากาศ ทม,ี า: ดดั แปลงจาก Campbell and Loy 2000:519 อย่างไรก็ตามหลักฐานเท่าที,พบในปัจจุบันบ่งชีวj ่าประชากร โฮโม เซเปี ยนส์ มี หลายกล่มุ ซ,ึงมีลกั ษณะทางกายวิภาคปลีกย่อยแตกต่างกันอยู่บ้าง เช่น มนษุ ย์โครมัน ยอง (Cro-Magnon) ที,พบในยโุ รปตะวนั ตก และกําหนดอายุประมาณ 27,000 - 23,000 ปีนนัj มีกระดกู ควิ j เลก็ กวา่ และมีคางใหญ่กวา่ ของมนษุ ย์จากแหล่งโบราณคดีสคลู (Skhul) ในอิสราเอล ซง,ึ กาํ หนดอายไุ ด้ประมาณ 92,000 ปีมาแล้ว เป็นต้น (รูปที, 8.18) กะโหลก โฮโม เซเปียนส์ จากอสิ ราเอล เอเชียตะวนั ตก กะโหลกของมนษุ ยโ์ ครมนั ยอง หรือ โฮโม เซเปียนส์ จากยุโรปตะวนั ตก รูปที, z.m8 ความแตกต่างระหวา่ งกะโหลกของ โฮโม เซเปียนส์ ในพนื j ที,แตกตา่ งกนั

บทท,ี z: กาํ เนดิ มนุษย์ปัจจุบนั 202 จากการที,มคี วามแตกตา่ งหลากหลายในลกั ษณะทางกายภาพระหว่าง โฮโม สาย พันธ์ุอื,นกับ โฮโม เซเปี ยนส์ นีเj องท,ีทําให้เราจดั ความสมั พนั ธ์เชิงวิวฒั นาการได้ยากยง,ิ ขึนj ดงั นนัj เราจงึ ต้องใช้ลกั ษณะทางวฒั นธรรมประกอบการพจิ ารณาด้วย พฤติกรรมทางวัฒนธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ การศึกษาการปรับตัวทางวัฒนธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ ค่อนข้างจะยุ่งยาก เนื,องจากระยะเวลาท,ี โฮโม เซเปี ยนส์ ปรากฎอยู่บนโลกครอบคลุมช่วงเวลาค่อนข้าง ยาวนานตังj แต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน หรือนับตังj แต่มีพัฒนาการทาง เทคโนโลยีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ การเกษตรกรรม การใช้ไฟฟ้า การผลิตเคร,ืองยนต์ กลไกต่างๆ จนกระท,ังถึงการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ฉะนันj เพื,อให้การศึกษาเปรียบเทียบ ระหว่าง โฮโม รุ่นหลงั กบั โฮโม เซเปียนส์ งา่ ยขึนj จงึ กําหนดช่วงเวลาหลงั สดุ ของลักษณะ พฤติกรรมทางวฒั นธรรมของ โฮโม เซเปียนส์ ไว้ทป,ี ระมาณ 12,000 ปี พฤติกรรมทางวฒั นธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ ท,ีกล่าวถึงในบททนจี j ะเริ,มนบั ตังj แต่ เมอ,ื ประมาณ mžs,sss – mos,sss ปีมาจนถึงเมอ,ื ประมาณ mu,sss ปี ซง,ึ พอสรุปได้หลาย ประการ ดงั นี j ประการแรก โฮโม เซเปียนส์ มีเทคโนโลยีในการทาํ เครื,องมือหินทีห, ลากหลายจน ไม่สามารถบง่ ชีวj ฒั นธรรมเด่นเดียวได้ แตน่ กั โบราณคดไี ด้กาํ หนดเรียกช,อื วฒั นธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ ว่า “ยุคหินเก่าตอนปลาย” (Upper Paleolithic) ซ,ึงอย่รู ะหว่างประมาณ ps,sss - ms,sss ปีมาแล้ว เพื,อให้แตกต่างจากยคุ ของ โฮโม รุ่นแรกๆ ท,ีเรียกรวมกันวา่ “ยุคหินเก่าตอนต้น” (Lower Paleolithic) หรือเมื,อประมาณ u.q ล้านปีมาจนถงึ ประมาณ uss,sss ปีมาแล้ว และยุคของ โฮโม รุ่นหลงั ท,ีนกั โบราณคดีเรียกวัฒนธรรมยุคนีวj า่ “ยุค หินเก่าตอนกลาง” (Middle Paleolithic) ซึ,งหมายถึงชว่ งเวลาประมาณ uss,sss ปีจนถึง ประมาณ oq,sss ปี เทคโนโลยีการทําเคร,ืองมือหินในยคุ หินเก่าตอนปลายมีหลากหลายทังj ในระดับ ภายในแหล่งเดียวกนั และระหว่างแหล่งหรือระหว่างภมู ิภาค ซ,ึงแสดงว่า โฮโม เซเปี ยนส์ มคี วามซบั ซ้อนและความเช,ียวชาญในการทาํ เคร,ืองมือหินเพิม, ขึนj กวา่ โฮโม สายพนั ธ์อุ ,นื ความแตกตา่ งหลากหลายของเทคโนโลยีเครื,องมอื หินในยุคหนิ เกา่ ตอนปลายอาจ บ่งชีถj ึงความแตกต่างในหน้าที,และรูปแบบของเครื,องมือ ลกั ษณะรูปแบบเครื,องมือหินที, เดน่ ของยคุ ยุคหินเก่าตอนปลายคือเคร,ืองมือใบมีด (blade) ซง,ึ มคี วามยาวมากกว่าความ กว้างอยา่ งน้อยสองเท่า (รูปท,ี z.19) เคร,ืองมือใบมีดเป็นเคร,ืองมือสะเกด็ หนิ ที,เกิดจากการ

บทที, z: กําเนิดมนุษย์ปัจจบุ นั 203 กะเทาะแกนหินในแนวยาวจากบนลงล่าง นกั โบราณคดีสนั นิษฐานว่าอุปกรณ์ท,ีใช้ทํา เครื,องมือใบมีดทําจากกระดูกสตั ว์ หรือใช้เทคนิคการกะเทาะที,เรียกว่าการกะเทาะด้วย ฆ้อนนุ่ม (soft-hammer percussion) ซึ,งไม่ต้องใช้แรงกะเทาะมากนัก (ดู Andrefsky 1998; Whittaker 1994) การกะเทาะด้วยวธิ ีนีจj ะได้เครื,องมือทบ,ี างและคม รูปท,ี z.m« ตวั อย่างเคร,ืองมอื ใบมีด เครื,องมือหินยุคหินเก่าตอนปลายยังเป็นเคร,ืองมือที,ใช้ทําเครื,องมือ (tool for making tools) อีกด้วย เชน่ ใช้ทาํ เคร,ืองมือกระดกู เป็นต้น เครื,องมือหนิ อีกประเภทหนงึ, ท,ี พบมากในยคุ นีคj อื เครื,องมือปลายแหลมขนาดเลก็ (burin) (ดรู ูปท,ี z.mu ประกอบ) เคร,ือง ประเภทนคี j มมาก มกั ใช้สาํ หรับตดั เจาะ หรือแกะสลกั กระดกู เพือ, ทําเข็ม มดี ฉมวก เคร,ือง ปลายแหลมขนาดเล็กชนิดอ,ืนๆ หรือวัตถุท,ีเป็นงานศิลปะด้วย นักโบราณคดีพบว่า เคร,ืองมือกระดูกและโบราณวัตถุท,ีกล่าวได้ว่าเป็นงานศิลปะปรากฏครังj แรกในยุคนี j โดยเฉพาะเคร,ืองมอื กระดกู นนัj มีกําเนิดตงั j แต่ 100,000 ปีมาแล้ว ประการท$ี X หลกั ฐานท,ีมีในขณะนีลj ้วนบ่งบอกว่า โฮโม เซเปี ยนส์ พกั อาศัยอยู่ ในถําj และเพิงผา นอกจากนปี j ระชากรบางกลมุ่ ยังรู้จกั สร้างที,พกั อยา่ งงา่ ย เช่น กระทอ่ มที, สร้ างด้วยไม้ หรือใช้กระดูกสัตว์เป็นโครงสร้ างและใช้หนังสัตว์ปกคลุมเป็นหลังคา หลักฐานท,ีเป็นตัวอย่างของการสร้ างที,พํานักจากวัตถุดิบดังกล่าวคือกระท่อมที,แหล่ง โบราณคดีมอลตา (Mal’ta) ในภาคกลางตอนใต้ของรัสเซยี กาํ หนดอายุ 18,000 ปีมาแล้ว ลกั ษณะเด่นของกระท่อมหลงั นีคj ือการก่อสร้างด้วยกระดูกซี,โครงและกระดูกขาของช้าง แมมมอท หลังคาคลุมด้วยหนังสัตว์ พืนj กระท่อมอยู่ต,ํากว่าผิวดินเล็กน้อย (semi- subterranean) (รูปที, z.us)

บทที, z: กําเนิดมนุษยป์ ัจจุบนั 204 รูปท,ี z.us ภาพสนั นิษฐานลกั ษณะกระทอ่ มท,แี หลง่ โบราณคดมี อลตา รสั เซยี อายุประมาณ mzs,sss ปีมาแล้ว แหล่งโบราณคดีอื,นท,ีพบร่องรอยแหล่งพํานกั คล้ายกนั คือแหล่งโบราณคดีเมซีริก (Mezhirich) ในประเทศยเู ครน (อายุ 15,000 ปี) ซึ,งนกั โบราณคดีขดุ พบเพงิ พกั ที,สร้างด้วย กระดกู ช้างแมมมอธเกอื บทงัj หลงั (รูปที, z.21) รูปที, z.um ภาพสนั นิษฐานทีพ, กั สร้างด้วยกระดกู ช้างแมมมอธ ท,แี หลง่ โบราณคดเี มซรี ิก ยูเครน อายปุ ระมาณ mq,sss ปีมาแล้ว ประการท$ี Y ในยุคของ โฮโม เซเปี ยนส์ มีพฤติกรรมเชิงสญั ลักษณ์อีกแบบหนึ,ง เกิดขนึ j นน,ั คืองานศิลปะถาํ j (cave art) งานศลิ ปะถําj ทีเ, ก่าที,สุดกําหนดอายไุ ด้ราว 30,000 ปี (มีรายงานว่าพบร่องรอยภาพเขียนสีบนเพงิ ผาในออสเตรเลีย กําหนดอายไุ ด้ประมาณ 50,000 ปี แสดงว่าเกา่ แก่กว่าทเ,ี ชอ,ื กนั อยา่ งไรก็ตามเราต้องรอการพิสจู น์การกําหนดอายุ

บทที, z: กําเนดิ มนุษยป์ ัจจุบนั 205 ท,แี น่ชดั กวา่ นีแj ละรอว่าจะมแี หลง่ ภาพเขยี นสที เี, ก่าแก่เชน่ นอี j กี หรือไม่ สาํ หรบั รายงานการ ค้นพบภาพเขียนสอี ายุ 50,000 ปีในประเทศออสเตรเลีย โปรดดใู น Morell 1995) งานศิลปะถําj รุ่นแรกๆ พบหลายแห่งในโลก เช่น ยโุ รป แอฟริกา ออสเตรเลยี แต่ที, รู้จกั กนั ดีเป็นภาพเขยี นสที ีพ, บในถําj ในทวีปยโุ รป ภาพที,วาดมกั เป็นรูปสตั วท์ ี,มนษุ ย์ล่ามา เป็นอาหาร (รูปที, z.uu) ภาพวาดแสดงลักษณะทางกายวิภาคถูกต้องเหมือนจริงและ แสดงถงึ ฝีมอื ทางศิลปะชนัj ยอด รูปที, z.uu ตวั อยา่ งภาพเขียนสใี นถาํ j ในยุโรป เช่น ภาพเขยี นสรี ูปววั ไบซนั ในถาํ j Niuax (ซ้าย) และภาพเขยี นสีรูปม้าวิ,ง ในถาํ j Lascaux ฝรงั, เศส (ขวา) มีคําถามตามมาว่าทําไม โฮโม เซเปี ยนส์ จึงนิยมวาดภาพไว้ตามผนงั ถําj หรือเพิง ผา ซงึ, เป็นงานศิลปะที, นกั วชิ าการตีความออกเป็นหลายแนวคิด เช่น 1. ภาพวาดแสดงถึงกิจกรรมการล่าสตั ว์ท,ีมนษุ ย์ โฮโม เซเปี ยนส์ ออกไปล่าสตั ว์ จริงๆ 2. ภาพวาดแสดงถึงสัญลักษณ์วัฒนธรรมทางเพศสภาพ (เช่น สัญลักษณ์ของ ผ้หู ญิง-ผ้ชู าย) 3. ภาพวาดเป็นเครื,องมอื การสื,อสารความคิดและมโนทศั น์บางอยา่ งของมนษุ ย์ท,ี สมั พนั ธ์กบั โลกหรือสภาพแวดล้อมรอบตวั อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราไมร่ ู้แน่ชดั วา่ ทําไมมนษุ ย์ โฮโม เซเปียนส์ จงึ ผลิตงานศิลปะ ดงั กล่าว แตเ่ ราค่อนข้างแนใ่ จว่างานศิลปะถําj มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ,ื ตอบสนองความต้องการ เชิงสญั ลกั ษณ์บางอยา่ ง หมายความวา่ มนษุ ย์ โฮโม เซเปียนส์ ได้พฒั นาความต้องการที, จะนําเสนอหรือแสดงตวั เองผ่านระบบสญั ลกั ษณ์ หรือตีความอีกอย่างหนึ,งได้ว่า โฮโม เซเปี ยนส์ อาจมองว่าชีวิตไมไ่ ด้มีแต่การทํามาหากิน และการดินj รนเพอ,ื มีชีวิตรอดเท่านนัj ชีวติ ยงั มเี ร,ืองราวมติ ิอน,ื เช่น ความคิด ความเช,ือ พิธีกรรม ความงาม เป็นต้น

บทที, z: กาํ เนิดมนษุ ยป์ ัจจบุ นั 206 ประการท$ี Z งานศลิ ปะอนื, ๆ นอกเหนือจากงานศลิ ปะถําj กไ็ ด้ปรากฏขึนj ในยุคของ โฮโม เซเปียนส์ เชน่ กนั เช่น การสลกั การทาํ ลกู ปัด ตา่ งหู และการสร้างงานประตมิ ากรรม ด้วยดินเผา ประติมากรรมที,รู้จกั กนั ดีคือรูปปันj และรูปแกะสลกั วีนัส (Venus figurines) ซึ,งพบทวั, ยโุ รป ตงั j แต่ยโุ รปตะวนั ตกจนถึงยโู รเซีย รูปวีนสั เป็นรูปผู้หญิงอ้วน คล้ายผู้หญิง มีครรภ์ และมีหน้าอกและก้นใหญ่เกินจริง โดยทั,วไปรูปวีนัสมีขนาดเล็ก (สงู ระหว่าง 3 - 20 เซนตเิ มตร) พอทจ,ี ะนําติดตวั ไปได้ (รูปที, z.23) รูปท,ี z.uo ตวั อยา่ งประตมิ ากรรมรูปปันj และรูปแกะสลกั ต๊กุ ตาวีนสั ควรกลา่ วด้วยวา่ ประติมากรรมรูปวีนสั ทําจากวตั ถดุ ิบหลายประเภท ทงัj หนิ ดินเผา กระดูกสัตว์ และงาช้าง (อาจทําจากไม้อีกด้วย แต่ยังไม่พบหลกั ฐานในแหล่งโบราณคดี เนือ, งจากไม้เนา่ เปื,อยผพุ งั ไปก่อน) นอกจากนีรj ูปวนี สั สว่ นมากพบในแหล่งโบราณคดีทังj ท,ี เป็นถําj และท,ีโล่งที,กําหนดอายุอยู่ในช่วง 31,000 - 9,000 ปี (ส่วนมากมีอายุในช่วง 20,000 ปี) นักวิชาการส่วนใหญ่ตีความว่ารูปปันj วีนัสเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความอุดม สมบรู ณ์ ซ,ึงเป็นปัจจยั สาํ คญั ในการมชี ีวิตรอด บางคนเชื,อวา่ เป็นการสอ,ื สารบอกพนั ธมิตร ในเชิงเพศสมั พนั ธ์ (mating alliance) บางคนมองวา่ เป็นลกั ษณะทางชีววทิ ยาของผ้หู ญิง ซ,งึ ผ้ชู ายใช้เพอื, เหตผุ ลทางเพศและกามาวิจิตร (erotic and sexual reason) และบางคน

บทท,ี z: กาํ เนิดมนุษย์ปัจจบุ นั 207 ก็เสนอวา่ รูปปันj วนี สั แสดงถงึ ขนัj ตอนทางสรีระศาสตร์ (physiological process) ทส,ี มั พนั ธ์ กับการตังj ครรภห์ รือการให้กําเนิด หรือบ่งบอกถึงวงจรชีวิตของผ้หู ญิง นกั โบราณคดีบาง คนเชื,อว่ารูปวนี สั บางชินj เป็นตวั แทนผ้ชู าย ไมใ่ ชผ่ ้หู ญิงเสมอไป (Dobres 1996) อยา่ งไรก็ ตามไม่ว่าเหตุผลของการทํารูปวีนสั จะเป็นอะไรแน่ ข้อมลู ท,ีพบก็ล้วนแต่ชีใj ห้เห็นวา่ โฮโม เซเปียนส์ มีระบบคิดเชิงสญั ลกั ษณ์ท,ีซบั ซ้อนกวา่ โฮโม รุ่นหลงั บางสายพนั ธ์ุ ประการท$ี [ หลกั ฐานทางโบราณคดแี สดงให้เห็นว่านบั วนั มนษุ ยย์ ิ,งปรบั ตวั ให้เข้า กับสภาพแวดล้อมได้ดียิ,งขึนj โดยใช้วัฒนธรรมเป็นเคร,ืองมือ เช่น เทคโนโลยี พิธีกรรม ความเช,อื สญั ลกั ษณ์ ภาษา เป็นต้น ส่งผลให้ประชากรเพมิ, ขึนj และกระจายออกไปเป็นวง กว้างย,ิงขึนj และสามารดํารงชีพอย่ใู นสภาพแวดล้อมท,ีหลากหลายได้ท,ัวทุกภูมิภาคของ โลก ดงั พบว่า โฮโม เซเปียนส์ สามารถเดินทางเข้าไปอย่อู าศยั ในอเมริกาซง,ึ เป็นพืนj ท,ีที,ไม่ เคยมี โฮโม สายพนั ธ์ุใดเคยเข้าไปอยอู่ าศยั มาก่อน (ดรู ายละเอียดเพมิ, เติมในบทท,ี «) โดยสรุปในยคุ ของ โฮโม เซเปียนส์ เกิดการเปลย,ี นแปลงทางวฒั นธรรมหลายอย่าง เชน่ เทคโนโลยี แบบแผนการดํารงชพี พิธีกรรม ความเชือ, ทอี, ย่อู าศยั ตลอดจนศลิ ปะ โดย การเปลี,ยนแปลงทางวัฒนธรรมนีเj ร,ิมตังj แต่เมื,อประมาณ 200,sss ปีมาแล้ว และ แพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชดั ทว,ั ทุกภมู ภิ าคของโลกในช่วง 40,000 - 60,000 ปี มาแล้ว ซึ,งนับเป็นยุคของการสร้างสรรค์ (creative explosion) ของ โฮโม เซเปี ยนส์ เลย ทีเดยี ว (ดตู ารางท,ี z.4) ตารางท,ี z.4 ลกั ษณะทางวฒั นธรรมบางอย่างทพ,ี บในยุคหนิ เก่าตอนปลาย หรือยุคของ โฮโม เซเปียนส์ (อายทุ น,ี าํ เสนอเป็นอายเุ ก่าทีส, ดุ ของลกั ษณะทางวฒั นธรรมนนัj ) ลักษณะทางวัฒนธรรม อายุ (ปี ) งานศิลปะ (Art) 40,000 เครื,องมอื กระดกู (Bone tools) 90,000 เคร,ืองมอื ใบมีด (Blade tools) 100,000 การตกแตง่ /ประดบั ร่างกาย (Body ornamentation) 25,000 กอ่ เตาไฟ (Built hearths) 50,000 หลมุ เกบ็ ส,งิ ของ (Storage pits) 40,000 การฝังศพในถาํ j (Cave burial) 80,000 การฝังศพในทโ,ี ล่ง (Open site burial) 40,000 กระทอ่ ม (Huts) 50,000-40,000 การแลกเปลยี, นทางไกล (Long-distance exchange) 60,000-40,000 การเดนิ ทางทางทะเล (Sea voyaging) 55,000 ข้อมลู : Pettitt 2005; Stringer and Gamble 1993; Yellen 1995 (อ้างใน Relethford 1997:241)

บทที, z: กาํ เนิดมนษุ ยป์ ัจจุบนั 208 เราอาจสรุปการเปล,ียนแปลงทางวัฒนธรรมท,ีชีใj ห้เห็นความแตกต่างระหว่าง วฒั นธรรมยคุ หนิ เกา่ ตอนกลางกบั ยคุ หินเกา่ ตอนปลาย ได้ดงั นี j • เทคโนโลยีเครื,องมือหินเปล,ียนจากการเน้นการผลิตเคร,ืองมือสะเก็ดหนิ มาเป็น เคร,ืองมอื ใบมีด • ในยุคหินเก่าตอนปลาย เครื,องมือหินมีรูปแบบหลากหลายและซับซ้อนมาก ยง,ิ ขนึ j และมคี วามเป็นมาตรฐานในด้านรูปทรงมากขนึ j ด้วย • โบราณวตั ถทุ ีท, ําจากงาช้าง กระดกู สตั ว์ และเขาสตั ว์มมี ากขนึ j และผา่ นการผลิต อยา่ งประณตี ซบั ซ้อน และมคี วามเป็นมาตรฐานมากขนึ j • อตั ราการเปล,ียนแปลงของเทคโนโลยีเคร,ืองมือหินและเครื,องมือกระดูกเป็นไป อยา่ งรวดเร็ว และรูปแบบของเคร,ืองมือก็มคี วามแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะภมู ภิ าค • ในยุคหินเก่าตอนปลาย ปรากฏว่ามีโบราณวัตถุท,ีเป็นเครื,องประดับส่วนตัว หลายแบบ ซ,ึงทาํ จากฟันสตั ว์ หอยทะเล กระดกู หิน และงาช้าง • การจัดระเบียบทางเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มประชากร โฮโม เซเปี ยนส์ เปลยี, นไปในลกั ษณะเดน่ คอื 1. มีรูปแบบพิเศษในการใช้ประโยชน์จากสตั ว์ทล,ี า่ ได้ u. ประชากรเพิ,มขึนj ความหนาแนน่ ประชากรเพม,ิ ขึนj o. กลมุ่ ประชากรที,อาศยั อย่รู วมกนั มีขนาดใหญ่ขนึ j p. พบแหล่งโบราณคดีท,ีมีโครงสร้ างซบั ซ้อนมากขึนj เช่น มีหลมุ มีเตาไฟ และมี กระท่อม เป็นต้น ควรกล่าวด้วยว่าในการแบง่ แยกความแตกตา่ งของลกั ษณะทางวฒั นธรรมท,ีกล่าว ข้างต้นไม่ได้หมายความว่าลักษณะทุกอย่างปรากฏขึนj พร้ อมกัน หรือเกิดขึนj ภายใน ระยะเวลาไล่เลี,ยกันทังj หมด และลักษณะทางวฒั นธรรมบางอย่างยังคงสืบเน,ืองต่อมา จากสมยั ก่อน ตวั อย่างเช่น นกั วิชาการบางท่านศึกษาชุดเครื,องมือหินที,มีอายอุ ย่ใู นช่วง รอยต่อระหว่างยุคหินเก่าตอนกลางกับช่วงต้นของยุคหินเก่าตอนปลายพบว่ามีลกั ษณะ คล้ายคลึงกันมาก นอกจากนียj ังพบว่ารูปแบบเครื,องมือหินในยุคหินเก่าตอนปลายมี ความหลากหลายมากขนึ j ทงัj นีอj าจจะเป็นเพราะเครื,องมือหนิ ผา่ นการใช้งานมานานจนทํา ให้รูปร่างหรือรูปทรงเปลยี, นไปจนดคู ล้ายกบั ว่ามเี ครื,องมือหินหลายประเภท (Clark 2002)

บทที, z: กําเนิดมนษุ ย์ปัจจุบนั 209 วิวัฒนาการของ โฮโม เซเปี ยนส์ ขณะนีนj ักวิชาการส่วนมากได้ตีความซากบรรพชีวินของโฮมินิดส์ท,ีมีการค้นพบ แล้วเพื,อสร้ างต้นไม้ตระกูล (family tree) ของโฮมินิดส์ทุกสกุลและสายพันธ์ุท,ีกล่าวมา ตงั j แต่บทที, ž จนถงึ บทที, z ได้ดงั รูปท,ี z.up นกั วิชาการต่างก็ยอมรับว่าซากบรรพชวี ินของ โฮโม เซเปี ยนส์ หรือมนษุ ย์รุ่นใหม่ ปรากฏขึนj เมื,อมานานไมต่ ,ํากวา่ uss,sss ปี แตป่ ระชากร โฮโม เซเปียนส์ เพมิ, มากขนึ j ใน ช่วงเวลาประมาณ ps,sss ปีที,ผ่านมา คําถามที,ตามมาก็คือทําไมการเปล,ียนผ่านจาก มนุษย์รุ่นแรกๆ มาเป็นมนุษย์รุ่นใหม่จึงเกิดขึนj หลักฐานในปัจจุบันบ่งชีวj ่าเป็นเพราะ มนษุ ย์รุ่นใหม่มีข้อได้เปรียบเชิงวิวฒั นาการมากกว่าโฮมินิดส์รุ่นแรกๆ ข้อได้เปรียบนันj ได้แก่ ภาษา เป็นที,กล่าวเอ่ยอ้างกันอยู่บ่อยๆ ว่าความสามารถทางภาษาเป็ นข้ อ ได้เปรียบที,ทําให้เกิดวิวัฒนาการของมนษุ ย์รุ่นใหม่ ความสามารถทางภาษานีสj งั เกตได้ จากการเปล,ียนแปลงในเรื,องสมองหรือขนาดกะโหลกก็ได้ หรืออาจจะดูจากความสําเร็จ ในการผลิตผลงานเชิงสัญลักษณ์และเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามเรายงั ไม่ทราบแน่ชัดว่า การเปล,ียนแปลงขนาดกะโหลกซ,ึงเป็นการเปลี,ยนแปลงทางชีววิทยานีสj ัมพนั ธ์กบั การ เปลี,ยนแปลงทางวฒั นธรรมหรือไม่ (เช่น การผลิตงานศิลปะเชิงสัญลักษณ์ การพัฒนา เทคโนโลยีในการทําเครื,องมือ) แต่หลักฐานท,ีมีอยู่ขณะนีบj ่งชีวj ่าการเปลี,ยนแปลงทาง วฒั นธรรมเกดิ ขนึ j หลงั การเปลีย, นแปลงทางชีววทิ ยานานพอสมควร นกั วชิ าการบางท่านอาจแย้งว่าการเปลยี, นแปลงทางวฒั นธรรมเกิดขึนj พร้อมๆ กบั การเปล,ียนแปลงทางชีววิทยา เช่น ความสามารถในการใช้ภาษาอาจมีมานานแล้ว แต่ ปัญหากค็ ือเราจะหาอายจุ ุดเริ,มต้นของภาษาได้อยา่ งไรเพราะภาษาไมม่ ีหลกั ฐานทางวตั ถุ ที,บอกได้ชดั เจน จากการศึกษาความแตกตา่ งระหวา่ งร่องเสียง (vocal tract) ของลิงไม่มี หางและมนษุ ยพ์ บวา่ อวยั วะทเี, รียกว่า ลาริงซ์ (larynx) ซง,ึ เป็นท่อระบบหายใจ ลาริงซ์ของ ลิงไม่มีหางตังj อย่ใู นตําแหน่งที,สูงขึนj มาเหนือลําคอ ใกล้กับคางมากกว่า ส่วนลาริงซ์ของ มนษุ ยอ์ ยตู่ ,าํ ลงมาใต้คาง ซึง, ทําให้พดู ออกเสียงได้มากกวา่ เร็วกว่า แตข่ ้อเสยี ของการมลี า ริงซ์อยู่ตํ,าลงมาก็คือมนุษย์เราไม่สามารถพูดและกินได้พร้ อมกัน และอาจจะเกิดการ กระตกุ ถงึ แกช่ ีวติ ได้ เป็นทนี, ่าสงั เกตว่าในวยั ทารก ลาริงซ์ของมนษุ ย์อยู่สงู ขึนj มาใกล้คาง ฉะนันj เด็กทารกจึงสามารถกลืนอาหารและหายใจได้พร้ อมกัน แต่เมื,อโตขึนj ลาริงซ์ได้ เลอื, นลงไปใต้คาง

บทท,ี z: กาํ เนิดมนษุ ย์ปัจจบุ นั 210 รูปที, z.up ต้นไม้ตระกลู แสดงววิ ฒั นาการของโฮมินดิ ส์ สกลุ และสายพนั ธ์ตุ า่ งๆ (ดดั แปลงจาก Tattersall 2001)

บทท,ี z: กาํ เนิดมนษุ ยป์ ัจจุบนั 211 นกั วิชาการเช,ือวา่ ความแตกตา่ งเรื,องตําแหน่งของลาริงซอ์ าจจะบอกถึงกําเนิดของ ภาษาได้ แต่อวัยวะส่วนนีเj ป็นวัตถุอินทรีย์ ดังนันj จึงเน่าเป,ือย ไม่หลงเหลือให้นัก โบราณคดีได้ศึกษา อย่างไรก็ตามเราอาจพิจารณาตําแหน่งลาริงซ์โดยดูจากฐานของ กะโหลก กล่าวคือฐานกะโหลกของลิงไมม่ หี างเกือบเป็นเส้นตรงเมอื, มองจากด้านข้าง แต่ ฐานกะโหลกของมนษุ ย์ปัจจุบันจะงอขึนj อยา่ งเห็นได้ชัด ความแตกต่างในลักษณะเช่นนี j สามารถบอกตําแหน่งของลาริงซ์ได้ นกั วิชาการบางท่านที,ศึกษากะโหลกของโฮมินิดส์ เสนอวา่ ออสตราโลพิเทคสั มฐี านกะโหลกคล้ายคลงึ หรือใกล้เคียงกบั ลิงไมม่ ีหาง ในขณะ ที,ฐานกะโหลกของ โฮโม มลี กั ษณะคล้ายของมนษุ ย์ปัจจุบนั เทคโนโลยีและการเปล7ียนแปลงทางชีววิทยา ถ้าการเปลี,ยนแปลงในเรื,อง ความสามารถทางภาษาไม่ใช่สาเหตุของกําเนิดของมนุษย์ปัจจุบัน แล้วดังนันj อะไรคือ สาเหตุ นกั วิชาการหลายท่านเสนอว่าการเปลี,ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นกลไกสําคัญ ของการเปลี,ยนแปลงจาก โฮโม รุ่นแรกๆ มาเป็น โฮโม เซเปียนส์ แนวคิดนเี jช,อื ว่าลกั ษณะ เด่นๆ ของ โฮโม รุ่นแรกๆ เป็นผลมาจากการใช้ฟันหน้าทํางานเสมอื นเป็นเคร,ืองมอื ตา่ งๆ ตัวอย่างเช่น ฟันหน้าท,ีมีขนาดใหญ่และรอยสึกของฟันบ่งชีวj ่า โฮโม บางสายพันธ์ุ (โดยเฉพาะนแี อนเดอร์ทลั ) ใช้ฟันหน้าเพือ, วตั ถปุ ระสงค์หลายอย่าง จากการทฟ,ี ันหน้าถกู ใช้งานหนกั เช่นนีทj ําให้ โฮโม รุ่นแรกๆ มีใบหน้าใหญ่ กล้ามเนอื j คอใหญ่ และลกั ษณะของ กะโหลกท,แี ตกต่างจาก โฮโม เซเปียนส์ แตเ่ ม,ือมีการปรับตวั ทางเทคโนโลยี ฟันหน้าขนาด ใหญ่กล็ ดบทบาทลงไป และไม่ใชล่ กั ษณะของความได้เปรียบอีกตอ่ ไป นอกจากนมี j รี ายงานของนกั วชิ าการวา่ ฟันใหญม่ ีข้อเสียหลายอยา่ ง เช่น ทําให้เกิด ฟันผุได้ง่ายและมกั เกิดโรคอื,นๆ เกี,ยวกบั ฟันอย่เู สมอ ผลท,ีตามมาคือฟันหน้ามีขนาดเลก็ ลง การท,ีฟันขนาดเล็กลงกลายเป็นข้ อได้เปรียบเพราะไม่ต้องใช้ พลังงานในการ เจริญเตบิ โต และไมต่ ้องการการดูแลรักษามากเกินไป ร่างกายและกล้ามเนอื j โดยทั,วไปก็ มีขนาดเล็กลงตามไปด้วย ซึ,งช่วยให้การปรับตัวดําเนินไปด้วยดีพร้ อมกับการพัฒนา เทคโนโลยใี นการทําเคร,ืองมอื อย่างไรก็ตามเราไม่แน่ใจว่าวิวัฒนาการของมนุษย์สมัยใหม่เกิดจากสาเหตุใด แน่ชัด แต่เพ,ือให้เห็นวิวฒั นาการของมนุษย์รุ่นใหม่ได้ชดั ขึนj เราคงต้องมองทงัj ระบบ หรือ มองความสมดลุ ทงัj หมดระหว่างสิ,งท,ีได้มากับส,ิงทเี, สียไป ทงัj นลี j กั ษณะทีเ, ป็นข้อได้เปรียบ ในอดตี อาจกลายเป็นข้อเสยี เปรียบเมือ, เวลาผา่ นไปก็ได้

บทท$ี & การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ ดังที&เสนอในบทที& . แล้วว่าช่วงเวลาประมาณ ;<<,<<< - ?@<,<<< ปีที&แล้ว เป็น จุดเริ&มต้นของ โฮโม เซเปี ยนส์ หรือมนษุ ย์รุ่นใหม่ ซ&ึงเป็นบรรพบุรุษสายตรงของมนุษย์ ปัจจุบัน นักวิชาการค้นพบหลักฐาน ทังR ท&ีเป็นซากบรรพชวี ินและหลกั ฐานทางโบราณคดี ท&ีบ่งบอกถึงพฤติกรรมทางวฒั นธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ อย่เู กือบทกุ ภมู ิภาคของโลก (ยกเว้นทวีปอเมริกา) จนกระทงั& เมอื& ประมาณ \\<,<<< – ^<,<<< ปีมาแล้ว โฮโม เซเปียนส์ ได้อพยพแพร่กระจายไปทกุ หนทกุ แห่งทไ&ี มเ่ คยมากอ่ น ไม่วา่ จะเป็นในพนื R ทีเ& ขตทะเลทราย แห้งแล้ง อากาศร้อน พนื R ทเ&ี ขตหนาวเย็น พืนR ทปี& ่าดงดบิ พืนR ที&เขตร้อนและชนื R พนื R ทส&ี งู พนื R ท&ี ล่มุ ต&าํ หลกั ฐานโบราณคดีก็สนบั สนนุ ว่า โฮโม เซเปี ยนส์ มีความสามารถทางวฒั นธรรม มากกว่า โฮโม สายพันธ์ุอื&นท&ีกล่าวมาแล้ว เช่น มีพัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่า มีประเพณี-พิธีกรรม มีศิลปะ มีส&ิงก่อสร้ าง เป็นต้น วัฒนธรรมเหล่านีชR ่วยให้ โฮโม เซเปี ยนส์ ปรับตัวให้เข้ากบั สภาพแวดล้อมที&หลากหลายของโลกได้และกระจายไปทกุ ภมู ิภาคของโลก (รวมทงัR ทวปี อเมริกาด้วย) (รูปท&ี b.?) รูปท&ี b.? แผนทแี& สดงการแพร่กระจายของ โฮโม เซเปียนส์ ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 213 ในบทที& b นเี Rรามาดวู า่ มนษุ ยร์ ุ่นใหม่แพร่กระจายไปทไี& หน เม&ือไหร่ อย่างไร และมี พฒั นาการทางวฒั นธรรมอยา่ งไร โดยเริ&มต้นทีแ& อฟริกาก่อนเนอื& งจากแอฟริกาเป็นพืนR ที&ท&ี พบซากบรรพชีวนิ ของ โฮโม เซเปียนส์ ทเ&ี กา่ แก่ทีส& ดุ ในขณะนี R แอฟริกา แอฟริกาเป็นทวีปใหญ่ และมีประวัติศาสตร์มนษุ ยชาติยาวนานท&ีสุด หลกั ฐาน ซากบรรพชีวินของ โฮโม เซเปี ยนส์ ที&เก่าแก่ที&สุดในโลกก็พบในทวีปอฟริกา น&ันก็คือ กะโหลกมนุษย์จํานวน m กะโหลกซึ&งพบในประเทศเอธิโอเปีย (ดูรูปที& 8.2 ในบทที& 8) ผ้คู ้นพบตงั R ช&อื วา่ โฮโม เซเปียนส์ ไอดาลตู (กําหนดอายปุ ระมาณ ?@<,<<< ปี) ดงั ทีก& ล่าว มาแล้วในบทท&ี . ซากบรรพชวี ินของ โฮโม เซเปี ยนส์ รุ่นแรกๆ ในแอฟริกามอี ายคุ อ่ นข้างเก่าแก่กว่า โฮโม เซเปี ยนส์ ในทวีปอื&น เช่น ซากบรรพชีวินจากแหล่งโบราณคดีถําR บอร์เดอร์ แหล่ง ฟลอริสบาด และแหล่งปากแม่นําR กลาซี ในประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ แหล่ง โบราณคดีโอโม ในประเทศเอธิโอเปียซึง& อยตู่ ะวันออกของแอฟริกา และแหล่งโบราณคดี เจเบล เออร์รู ในประเทศโมรอกโก ทางตอนเหนือของแอฟริกา (รูปท&ี 9.2) แหล่งโบราณคดี เหล่านกี R ําหนดอายอุ ยรู่ ะหวา่ ง ?m<,<<< - .<,<<< ปี (Klein 2005) รูปท&ี 9.2 กะโหลก โฮโม เซเปียนส์ จากแหลง่ โบราณคดเี จเบล เออร์รู ประเทศโมรอกโก

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 214 ลกั ษณะทว&ั ไปของ โฮโม เซเปียนส์ ในแอฟริกา คือใบหน้าใหญ่ สมองมีขนาดใหญ่ (1,400 - 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร) หน้าผากกว้าง และคางย&ืน ประชากรมนษุ ย์รุ่น ใหม่เหล่านีเR ข้ามาแทนท&ีประชากรกลุ่ม โฮโม ไฮเดลเบอร์เกนซิส แต่เนื&องจากอายุ คอ่ นข้างเกา่ แก่ และกะโหลกบางชนิ R มลี กั ษณะของ โฮโม ไฮเดลเบอร์เกนซิส อยบู่ ้าง เราจึง ไม่อาจสรุปลงไปได้อยา่ งมน&ั ใจว่ามีประชากรกลมุ่ โฮโม เซเปี ยนส์ เข้ามาแทนท&ีประชากร โฮโม ไฮเดลเบอร์เกนซิส ข้อมลู จากการศึกษาทางพนั ธุศาสตร์บ่งชีวR ่ามนษุ ย์รุ่นใหม่ใน แอฟริกาใต้เป็นกล่มุ ทอี& พยพเข้ามาทีหลงั ตวั อย่างเชน่ จากการศกึ ษาเส้นผมของพวกชน พืนR เมืองเผ่าบุชเมน (Bushmen) พบว่ารูปแบบผมของพวกบุชเมนมีสีผิวท&ีแสดงถึงการ ปรับตัวในสภาพแวดล้อมท&ีเป็นป่ าฝนเขตร้อนมาก่อน ไม่ใช่สภาพแวดล้อมแบบป่ าเปิด และทะเลทรายเหมือนท&ีพวกเขาอาศัยอยู่ในปัจจุบนั รูปแบบผมดงั R เดิมของประชากรรุ่น แรกในแอฟริกาใต้ตงั R แต่ยคุ ของ โฮโม อีเรคตสั นา่ จะเป็นผมหยิกเป็นลอน เหมือนทีพ& บใน ประชากรพืนR เมืองของออสเตรเลีย ดังนนัR รูปแบบผมแบบใหมท่ &ีพบในหม่บู ุชเมนจงึ นา่ จะ แสดงถึงการเข้ามาแทนที&โดยประชากรกลุ่มใหม่จากพืนR ท&ีป่ าใกล้เส้นศูนย์สูตรซ&ึงตังR อยู่ ตอนเหนือของแอฟริกาใต้น&ันเอง (Krantz 1995) ข้อมูลนีชR ่วยสนบั สนุนทฤษฎี “การเข้า มาแทนที&” หรือ ทฤษฎี “กําเนิดในแอฟริกา” อย่างไรก็ตามในอนาคตคงต้องมีการศึกษา หลกั ฐานมากกวา่ นี R วัฒนธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ ในแอฟริกามีพฒั นาการต่อเน&ืองมาตามลําดับ เวลานับตังR แต่ ?@<,<<< ปีมาจนถึงประมาณ \\<,<<< - ?<,<<< ปีมาแล้ว หรือที&นัก โบราณคดีเรียกกันว่ายุคหินตอนปลาย (Later Stone Age) หรือยุคหินเก่าตอนปลาย (Upper Paleolithic) ซากบรรพชีวนิ และหลกั ฐานโบราณคดีเก&ียวกบั โฮโม เซเปี ยนส์ ใน ยคุ หินตอนปลายส่วนมากพบในพนื R ท&ีทางเหนอื ตะวนั ออก และใต้ของแอฟริกา ซึง& พบวา่ มี ทงัR ความเหมอื นและความแตกต่างในแต่ละพนื R ที& ในพืนR ที&ทางตะวันออกพบแหล่งโบราณคดีหลายแห่งที&มีเครื&องมือหินประเภท ใบมีดขนาดเล็ก (bladelet) ทําจากสะเก็ดหิน และพบร่วมกับลูกปัดที&ทําจากเปลือกไข่ นกกระจอกเทศซึ&งเชือ& กนั วา่ เป็นลูกปัดท&ีเก่าแกท่ ี&สดุ ในโลก กําหนดอายปุ ระมาณ \\<,<<< ปี ในแหล่งโบราณคดีอ&ืนที&มีอายุระหว่าง \\<,<<< - ;^,<<< ปี พบโบราณวตั ถุประเภท ต่างๆ เช่น เครื&องมือหินขนาดเล็ก (microlith) (รูปท&ี b.3) เครื&องมือกระดูก โดยเฉพาะ ฉมวกซ&ึงพบจํานวนมาก ร่วมกับกระดกู ปลาท&ีอาศัยอยู่ในนําR ลึกในทะเลสาบ หลักฐาน เหล่านีบR ่งชีวR ่าผู้คนมีเทคโนโลยีในการจับปลาท&ีเก่งและอาจรู้จักขดุ เรือและใช้ตาข่ายดัก ปลาในนาํ R ลึกด้วย

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 215 รูปที& b.3 เครื&องมอื หนิ ขนาดเล็ก (microlith) นอกจากนียR ังพบงานศิลปะบนแผ่นหิน (rock art) ซึ&งมีทังR ภาพวาด (pictograph) และภาพแกะสลกั ลงบนหิน (petroglyph) ต่อมาเม&ือประมาณ ?.,<<< ปี สภาพอากาศ เปล&ียนแปลง เกิดภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรงจนทําให้จํานวนประชากรลดลง ทะเลสาบ บางแห่งแห้งเหือดกลายเป็นเพยี งแอ่งนําR เลก็ ผ้คู นบางกลมุ่ ใช้เคร&ืองมอื หินขนาดใหญ่ขึนR แต่ผู้คนส่วนมากก็ยังใช้เครื&องมือหินขนาดเล็กอยู่ โดยเฉพาะอย่างย&ิงในช่วงประมาณ ?<,<<< ปีมาแล้วซึ&งเทคโนโลยกี ารผลติ เคร&ืองมือหินขนาดเลก็ ได้รับความนยิ มสงู สดุ ผ้คู น ดํารงชีพด้วยการล่าสตั ว์ ทงัR สตั วบ์ กและสตั วน์ าํ R จืด เชน่ ปลา ฮปิ โปโปเตมสั จระเข้ ตอ่ มา จนถงึ เมือ& ประมาณ ^,<<< ปีท&ีแล้วจงึ เข้าส่ชู ่วงเวลาท&ีพบว่ามีการเลียR งสตั ว์ เชน่ ววั ควาย แพะ แกะ สว่ นการเพาะปลกู เกิดขึนR เมอ&ื ประมาณ \\,<<< ปีทแี& ล้ว (Connah 2005) ทางตอนใต้ของแอฟริกาพบหลักฐานโบราณคดีและซากบรรพชีวินของ โฮโม เซเปี ยนส์ รุ่นแรกๆ ในประเทศแอฟริกาใต้ เม&ือประมาณ ??<,<<< - .^,<<< ปี ในแหล่ง โบราณคดีที&อย่หู ่างชายฝั&งเข้ามาในแผ่นดินใหญ่มกั พบเครื&องมือหิน ส่วนมากเป็นใบมดี ขนาดเลก็ เคร&ืองมอื หินปลายแหลมขนาดเลก็ ซ&งึ ทําจากสะเก็ดหนิ และมกั พบร่วมกบั ซาก สัตว์ขนาดเล็ก มีการจบั ปลาตามแหล่งนําR จืด เช่น แม่นําR ลําธาร และทะเลสาบ แต่ใน แหลง่ ที&อย่ใู กล้ชายฝ&ังหรือแถบแหลมตอนใต้สุดของแอฟริกาพบซากสตั ว์ใหญจ่ ําพวกแอน ตโิ ลป (รูปที& b.4) ควายป่า ม้าลาย นอกจากนยี R งั พบหอยจาํ นวนมากด้วย

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 216 รูปท&ี b.4 ภาพวาดรปู กวางแอนติโลป พบในแอฟริกาใต้ ระหว่างช่วง \\<,<<< - ;<,<<< ปีที&แล้วมีการเปลี&ยนแปลงทางวัฒนธรรมเกิดขึนR ผู้คนไม่นิยมผลิตเครื&องมือหินขนาดเล็ก แต่นิยมการสร้ างสรรค์งานศิลปะ เช่น การทํา ลกู ปัดจากเปลอื กไข่นกกระจอกเทศ การวาดภาพเขยี นสตี ามเพิงผาและแผ่นหิน ดาํ รงชีพ ตามแหล่งอาหารท&ีอยู่รอบๆ มีทังR การล่าสัตว์และเก็บพืชผักผลไม้ตามแหล่งธรรมชาติ มกี ารทําฉมวกจากกระดกู สตั ว์ ตอ่ มาเมอื& ประมาณ ?<,<<< ปีประชากรเพิม& ขึนR (พิจารณา จากจํานวนแหลง่ โบราณคดที &ีเพ&มิ ขึนR ) มกี ารผลติ หวั หอก (projectile point) งานศิลปะบน แผ่นหินประณีตบรรจงมากขนึ R ภาพวาดส่วนมากเกย&ี วข้องกบั พธิ ีกรรมความเชื&อ เช่น การ เต้นรําในพิธีเข้าทรง (trance dance) จนกระทงัR เข้าสชู่ ่วง ;,<<< ปีทผ&ี า่ นมาจึงพบว่าผ้คู น การเลยี R งสตั ว์ ทําภาชนะดินเผา และผลติ เคร&ืองมือเหลก็ แตผ่ ้คู นบางกลมุ่ กย็ งั ใช้เครื&องมือ หนิ สืบต่อเนอ&ื งมาจนถึงยคุ เหลก็ ในทางตอนเหนือของแอฟริกาพบซากบรรพชวี ินและหลกั ฐานโบราณคดีทส&ี มั พันธ์ กบั โฮโม เซเปี ยนส์ ในประเทศโมรอกโก อลั จีเรีย ลิเบีย และอียิปต์ ประเภทของแหล่ง โบราณคดีมีทังR ถําR เพิงผา และที&โล่ง เคร&ืองมือหินท&ีโดดเด่นคือเคร&ืองมือปลายแหลมท&ีมี กัน& ตรงด้าม (tanged point) หรือเคร&ืองมือที&ต้องใช้กับด้าม ในช่วงประมาณ \\<,<<< - ;<,<<< ปีมาแล้วเกิดภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรงจนพืนR ที&หลายแห่งกลายเป็นทะเลทราย ยกเว้นพืนR ท&ีใกล้ชายฝ&ังทะเลและใกล้ฝั&งแม่นําR ไนล์ซ&ึงผู้คนอพยพเข้าไปอย่อู าศัย มีการใช้ เครื&องมอื ใบมดี

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 217 ต่อมาเมื&อราว ?—,<<< ปีท&ีแล้วพบเคร&ืองมือหินบด (grindstone) ใช้สําหรับบด เมล็ดพืช รากพืช หรือพืชท&ีมหี ัว เช่น มันต่างๆ ท&ีมีอยู่ตามแหล่งอาหารในธรรมชาติ เม&ือ ย่างเข้าสยู่ คุ โฮโลซีนหรือเมือ& ประมาณ ??,<<< ปี สภาพภมู ิอากาศค่อนข้างชืนR มีท่งุ หญ้า สะวนั นา มีทะเลสาบเกิดขึนR ใหม่ หรือพนื R ทโี& อเอซสิ ในทะเลทราย ผ้คู นดาํ รงชพี ด้วยการจบั ปลาด้วยฉมวกและตาข่าย และนยิ มใช้หวั ธนใู นการล่าสัตว์ด้วย นอกจากนียR งั สร้างที&พกั อาศยั ท&ีมีกําแพงก่อด้วยดินเหนียวตากแห้ง ต่อมาเม&ือประมาณ .,<<< ปีมาแล้วในบาง พนื R ที&พบเครื&องปันR ดนิ เผาท&ีตกแต่งด้วยลายเส้นลกู คลื&น (รูปท&ี b.5) จดั เป็นภาชนะดินเผาที& เก่าแก่เป็นทส&ี องของโลกรองจากภาชนะดินเผาในวฒั นธรรมโจมอนของญี&ป่นุ ต่อมาราว @,^<< ปีมาแล้วมีพฒั นาการใหมเ่ กิดขนึ R คือการเลียR งสัตว์ ซึ&งเช&ือกันวา่ การเลียR งสัตว์เป็นพฒั นาการที&เกดิ ขึนR โดยอิสระ ไม่ได้รับวัฒนธรรมมาจากทอ&ี &ืน สัตว์ชนิด แรกท&ถี กู นาํ มาเลียR งคือววั เขาสนั R (short-horned ox) งานศิลปะ โดยเฉพาะภาพวาดตาม แผน่ หินหรือเพงิ ผา ก็ยงั พบอยบู่ ้าง แตเ่ ริ&มหายไปเมอื& พืนR ทซ&ี าฮาราแห้งแล้งและผ้คู นอพยพ ไปตังR ถิ&นฐานใหม่ริมฝ&ังแม่นําR ไนล์ จนกระท&ังเม&ือประมาณ ^,<<< ปีมาแล้วเร&ิมมีการ เกษตรกรรมแถบล่มุ แมน่ ําR ไนล์ พืชหลักที&นิยมปลูกคือข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ซง&ึ เช&อื กนั ว่านํามาจากแถบเมโสโปเตเมยี (Mesopotamia) ในตะวนั ออกกลาง (Phillipson 1993) รูปที& b.5 ชดุ โบราณวตั ถุ ประกอบด้วยเครื&องมือหนิ เคร&ืองมือกระดกู และเศษภาชนะดนิ เผา จากแอฟริกาเหนือ

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 218 เอเชียตะวันตกและตะวนั ออกกลาง เอเชียตะวนั ตกและตะวันออกกลาง (ในที&นีหR มายถึงพืนR ท&ีในเขตประเทศอุเบกิส ถาน ทาดจิกีสถาน ตุรกี ซีเรีย อิสราเอล เลบานอน จอร์แดน อิรัก อิหร่าน และ ซาอดุ อิ าระเบยี ) เป็นพืนR ท&ีท&ีพบซากบรรพชีวนิ ของ โฮโม เซเปียนส์ ทมี& ีอายเุ ก่าแกม่ ากกว่า ยโุ รป เอเชียตะวนั ออก ออสเตรเลีย และอเมริกา โฮโม เซเปี ยนส์ รุ่นแรกๆ ในเอเชียตะวันตกและตะวันออกกลางอาจเป็นกล่มุ ท&ี อพยพมาจากแอฟริกา ตวั อย่างแหล่งซากบรรพชีวินของ โฮโม เซเปี ยนส์ ท&ีพบในแถบ ตะวนั ออกกลาง เช่น แหลง่ โบราณคดี Skhul ซ&งึ พบซากกระดกู มนษุ ย์ โฮโม เซเปียนส์ ไม่ ต&ํากว่า ?< คน (รูปท&ี b.@) เและแหล่ง Qafzeh ซ&ึงพบซากบรรพชีวินของ โฮโม เซเปี ยนส์ ไม่ต&ํากว่า ;< คน (รูปท&ี b.—) ทงัR สองแหล่งอยู่ในประเทศอิสราเอล และกําหนดอายุได้ ประมาณ ?;<,<<< - .<,<<< ปีมาแล้ว เคร&ืองมือหินของ โฮโม เซเปี ยนส์ รุ่นแรกๆ ใน ตะวันออกกลางยังเป็นเคร&ืองมือหินแบบมูสเตอร์เรียน เครื&องมือหินส่วนมากทําจากหิน ฟลินR ท์ เป็นเคร&ืองมือลา่ สตั วข์ นาดใหญ่ เช่น ช้าง ม้า แพะ แกะ พฤตกิ รรมทางวฒั นธรรม อื&นท&ีพบ เช่น ประเพณีการฝังศพ การใช้ดินเทศสีแดง (red ocher) โรยบนศพ การใช้ไฟ เป็นต้น รูปที& b.@ กะโหลกของโฮโม เซเปียนส์ พบที& Skhul รูปท&ี b.— กะโหลกของโฮโม เซเปียนส์ พบท&ี Qafzeh วฒั นธรรมของ โฮโม เซเปี ยนส์ รุ่นหลัง หรือเมื&อประมาณ \\^,<<< ปีเป็นต้นมา เปลี&ยนแปลงไปตามเวลา ในช่วงระหว่าง \\^,<<< - m.,<<< ปี พบเคร&ืองมือหนิ ขนาดเล็ก ประเภทเคร&ืองขูด เคร&ืองเจาะ และใบมีด พอมาถึงช่วง m.,<<< - ;<,<<< ปีรูปแบบ เครื&องมือหินแต่ละประเภทมีความหลากหลายมากขึนR ใบมีดมีหลายขนาด เครื&องขูดก็มี

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 219 หลายชนิดมากขึนR เช่น เคร&ืองขดู ที&ใช้คมด้านข้าง (side scraper) เคร&ืองขูดที&ใช้คมด้าน ปลาย (end scraper) ตอ่ มาในชว่ งประมาณ ;<,<<< - ?\\,<<< ปีเคร&ืองมือหนิ ขนาดเล็ก และใบมีดยังคงพบอยู่ แต่มีเคร&ืองมือท&ีใช้ในการบดเตรียมอาหารเพ&ิมเข้ามา เช่น สากหนิ ครกหิน แสดงถึงการบริโภคกินธัญพืชด้วย นอกจากนียR งั พบร่องรอยกระท่อมเล็กๆ รูป วงกลมที&พนื R การใช้งานถกู ขดุ ลงไปประมาณ ^< เซนติเมตร (subterranean hut) กระทอ่ ม ลักษณะดังกล่าวพบเป็นกลุ่มท&แี หล่งโบราณคดี Ein Gev I ในประเทศอิสราเอล แสดงถึง แบบแผนการตงั R ถ&ินฐานก&งึ ถาวร มกี ารอพยพตามฤดกู าล ลกั ษณะการก่อสร้างบ้านเรือน โดยการขุดผิวดินลงไปพบทว&ั ไปในเอเชยี ตะวนั ตก (รูปที& b.8) ซากกระดูกสตั ว์ส่วนมากท&ี พบใกล้แหลง่ ท&ีพกั ประกอบด้วยกวาง แพะภเู ขา และกาเซลล์ (gazelle) แหลง่ โบราณคดี บางแห่งในแถบเลอแวนต์ซึ&งอย่ใู กล้ชายฝั&งทะเลในประเทศอิสราเอล และแถบเทือกเขา ซากรอส (Zagros) ในประเทศอิรัก พบหอยทะเลและเครื&องมือหินทําจากหินออบซิเดยี น แสดงว่ามีการแลกเปล&ียนสินค้าระหว่างสองภมู ิภาคดังกลา่ ว บางแหล่งก็พบซากหอยนําR จืด เต่า ปลา และหอยทากซึ&งชีวR ่าผู้คนกินอาหารหลากหลายประเภทมากขึนR จากนันR ระหว่าง ?\\,<<< - ?;,<<< ปีพบว่ามีการตังR ถิ&นฐานหนาแน่นขึนR ในพืนR ที&ห่างจากชายฝั&ง ทะเล หรือแถบประเทศเลบานอนปัจจุบัน และคาบสมุทรซีนาย (Sinai) ส่วนในเขต เทอื กเขาซากรอสพบวา่ ในช่วงนมี R ีการเลียR งสนุ ขั แล้ว รูปที& b.8 ตวั อยา่ งบ้านแบบ Subterranean ท&แี หลง่ Nevali Cori ตรุ กี

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 220 จุดเปลี&ยนทางวฒั นธรรมสําคัญเกิดขึนR อีกในช่วงประมาณ ?;,<<< - ?<,<<< ปี มาแล้ว เม&อื พบวา่ ในพนื R ทเี& ลอแวนต์มชี ุมชนขนาดใหญเ่ กิดขนึ R มีการตงั R ถน&ิ ฐานในพืนR ท&ีโล่ง มากขึนR เครื&องมือเครื&องใช้มีหลากหลายประเภท เช่น หวั หอก ครกและสาก (รูปท&ี b.9) เคร&ืองขดู ฉมวก เบ็ด เข็ม หมาด (awl) น่าสงั เกตด้วยว่าเคร&ืองมอื ใบมีดเริ&มพบน้อยลง รูปท&ี b.9 ครกและสากจากแหล่งโบราณคดี Wadi Hammeh จอร์แดน ส่วนงานศิลปะเด่นๆ ได้แก่ การแกะสลกั กระดูกเป็นรูปสตั ว์และรูปมนุษย์ รวมทงัR การทําเครื&องประดบั จากหอยมือเสือท&ีได้มาจากทะเลเมดเิ ตอร์เรเนยี น การนาํ เขยี R วสตั ว์มา เจาะรู และการนํากระดกู สตั ว์มาขดั มนั แล้วเจาะรูใช้เป็นเคร&ืองประดบั ส่วนการแสดงออก เชิงพิธีกรรมเห็นได้ชัดจากประเพณีการฝังศพ หลุมฝังศพบางแห่งพบว่านําศพท&ีตัดหัว ออกก่อนแล้วฝังเฉพาะส่วนร่างกาย โครงกระดูกบางโครงมีเครื&องเซ่น (grave goods) เชน่ เคร&ืองประดบั ร่างกาย อยรู่ ่วมกบั หลมุ ฝังศพด้วย แตบ่ างโครงไมม่ เี ครื&องเซ่น ลกั ษณะ เช่นนอี R าจแสดงถงึ สถานภาพทแี& ตกต่างกนั ของคนในสงั คม นกั โบราณคดีตงั R ชื&อวฒั นธรรม นีวR ่าวัฒนธรรมนาตเู ฟี ยน (Natufian culture) (Watkins 2005) ส่วนในเขตเทือกเขาซาก รอสพบว่ามกี ารค้าทางไกล เชน่ การแลกเปลีย& นหอยทะเลกบั หนิ ออบซเิ ดียน ผ้คู นนิยมทํา เครื&องประดบั จําพวกลกู ปัด ตา่ งหู และกําไลข้อมอื จากนันR เม&ือประมาณ b,^<< ปีมาแล้วก็เร&ิมเข้าส่สู มัยหินใหม่ (Neolithic Period) ซึ&งมีวัฒนธรรมเด่นคือการเกษตรกรรม พืชชนิดแรกที&ปลูกคือข้าวสาลีกับข้าวบาร์เลย์ นอกจากนียR งั พบเคร&ืองปันR ดินเผา ประติมากรรมดินเผารูปมนษุ ย์และสัตว์ขนาดเล็ก และ

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 221 หวั กะโหลกมนษุ ยห์ ล่อด้วยปนู ปลาสเตอร์แล้วทาด้วยดินเทศสีแดง ในสมยั นมี R กี ารค้าขาย แลกเปล&ียนทางไกลข้ามภูมิภาค เช่น นําหินออบซิเดียนไปแลกกับหอยเบียR (cowries) จากทะเลแดง เป็นต้น แหล่งโบราณคดีสมัยหินใหม่ที&รู้จกั กนั ดีคือ Çatal Hüyük ในตุรกี และแหล่งโบราณคดีเจอริโก (Jericho) ในประเทศอิสราเอล การขุดค้นท&ีเจอริโกพบซาก กําแพงและป้อมด้วย (รูปที& b.10) รูปที& b.10 ปอ้ มที&เจอริโก อิสราเอล จนกระทั&งถึงประมาณ ^,<<< กว่าปีมาแล้วชุมชนสมยั หินใหม่พัฒนาขึนR เรื&อยๆ เราพบว่าพืนR ที&ริมสองฝั&งแม่นําR ไทกริส (Tigris) และยเู ฟรตสิ (Euphrates) ท&เี รียกวา่ เมโสโป เตเมีย มีบ้านเมืองพฒั นาขึนR มาเป็นรัฐ ประกอบด้วยเมืองต่างๆ มีสิ&งก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น วิหาร ซิกกูแรต หลุมฝังศพ พร้ อมกับการจัดระเบียบทางสังคมที&ซับซ้อน รวมทังR มี ภาษาเขียน วฒั นธรรมเหล่านหี R ล่อหลอมรวมกันและพฒั นากลายเป็นอารยธรรมเมโสโป เตเมียซงึ& เป็นอารยธรรมรุ่นแรกของโลก (Feder 2003) ยโุ รป ยุโรปเป็นทวีปที&เล็กที&สุดเม&ือเปรียบเทียบกับทวีปอื&น ยกเว้นทวีปออสเตรเลีย มีพืนR ท&ีประมาณ . ล้านตารางกิโลเมตร แต่มีพฒั นาการของมนุษยชาติยาวนานไม่แพ้ ทวีปอื&น

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 222 เมื&อประมาณ \\<,<<< ปีท&ีผ่านมาเกิดการเปลี&ยนแปลงทางวัฒนธรรมครังR สําคญั ขนึ R ในยโุ รป เมอื& นกั โบราณคดคี ้นพบวา่ วฒั นธรรมการทําเคร&ืองมือหินเปลย&ี นจากเคร&ืองมือ หนิ แบบมสู เตอร์เรียน ซงึ& เป็นวฒั นธรรมเคร&ืองมอื หินของกล่มุ ประชากรนีแอนเดอร์ทัล มา เป็นวัฒนธรรมเคร&ืองมือหินแบบใหม่ โดยเฉพาะวัฒนธรรมเครื&องใบมีดขนาดใหญ่ (blades) การเปล&ียนแปลงทางวัฒนธรรมนีเR กิดขึนR ในตอนกลางของยโุ รปก่อนท&ีอื&น นัก โบราณคดีเรียกยคุ สมยั วฒั นธรรมของ โฮโม เซเปียนส์ รุ่นแรกๆ ในยโุ รปว่ายคุ หนิ เก่าตอน ปลาย (Upper Paleolithic) ซึ&งครอบคลมุ เวลาระหวา่ ง \\<,<<< - ?<,<<< ปี วัฒนธรรมเคร&ืองมือหินของ โฮโม เซเปี ยนส์ ในยุโรปท&ีเก่าแก่ท&ีสุดเรียกว่า วฒั นธรรม ชาเตลเพอร์โรเนียน (Chatelperronean) ซึ&งตังR ชื&อตามแหล่งท&ีพบครังR แรกที& แหล่ง Grotte des Fees ในเขต Chatelperron ในประเทศฝรั&งเศส กาํ หนดอายอุ ย่ใู นช่วง ประมาณ \\<,<<< - m;,<<< ปีมาแล้ว เคร&ืองมือหินในวัฒนธรรมนีมR ีลักษณะคล้ายกับ แบบมสู เตอร์เรียน กล่าวคือเป็นเครื&องมือสะเก็ดหิน (flake tool) ได้จากการกะเทาะเป็น แผ่นบาง แล้วนาํ มาตกแต่งขอบให้ได้คม ไม่ใช่เคร&ืองมอื แกนหิน (core tool) แบบเดยี วกับ ที&พบในวัฒนธรรมเคร&ืองมืออาชูเลียน นอกจากนียR ังประกอบด้วยเครื&องมือหลายชนิด เช่น เครื&องขูด เครื&อมือปลายแหลม เครื&องเจาะ (รูปท&ี b.11) และเคร&ืองมอื ทาํ จากกระดกู เขาสตั ว์ และงาช้างท&จี ดั วา่ เก่าแก่ทส&ี ดุ ในยโุ รป รูปที& b.11 เคร&ืองมอื หินในวฒั นธรรมชาเตลเพอร์โรเนยี น แหล่งโบราณคดีบางแห่งยังพบหลกั ฐานเหล่านีรR ่วมกบั กะโหลกศีรษะของนีแอน เดอร์ทัล เช่น แหล่งโบราณคดี Saint-Cesaire และแหล่งโบราณคดี Arcy-sur-Cure ใน ประเทศฝรั&งเศส ที&แหล่งโบราณคดี Arcy-sur-Cure นักโบราณคดีขุดค้นพบเคร&ืองมือ ต่างๆ และยังขุดค้นพบร่องรอยหลุมเสาซ&ึงอาจเป็นหลมุ เสาบ้านหรือท&ีพกั มีหินวางเรียง

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 223 เป็นแนวล้อมรอบพืนR ท&ีที&อาจเป็นลานบ้าน เป็นท&ีน่าสังเกตว่าวัฒนธรรมชาเตลเพอร์ โรเนียนพบกระจายเป็นวงแคบเฉพาะในเขตยโุ รปตะวันตกเท่านันR โดยเฉพาะในประเทศ ฝรงั& เศสและสเปน วฒั นธรรมต่อมาคือ ออริกนาเชียน (Aurignacian) ตงั R ชือ& ตามแหล่งท&ีพบครังR แรก คือแหลง่ ออริกแนค (Aurignac) ในประเทศฝรงั& เศส ลกั ษณะเด่นของวฒั นธรรมนคี R ือนิยม ทําและใช้ เคร&ืองมือหินแบบใบมีด (blade technology) วัฒนธรรมออริกนาเชียน แพร่กระจายอย่างกว้างขวางเกือบทั&วยุโรป โดยเฉพาะยุโรปตะวันตก ยุโรปกลาง และ ยุโรปเหนือ แต่ไม่ได้แพร่กระจายลงมาทางภาคใต้สุดของยุโรป กําหนดอายุอยู่ในช่วง ประมาณ \\<,<<< - ;b,<<< ปีมาแล้ว ซงึ& เป็นช่วงทสี& ภาพอากาศหนาวและแห้ง และมสี ตั ว์ ทปี& รับตวั อาศยั ในสภาพอากาศหนาวเยน็ ได้ดี เช่น กวางเรนเดียร์ ช้างแมมมอท แรดขนดก ม้า และววั ไบซนั หลกั ฐานซากบรรพชวี ินของวฒั นธรรมนที R &รี ู้จกั กนั ดีคือมนษุ ย์โครมนั ยอง (Cro-Magnon Man) (รูปท&ี b.?2) ซ&ึงพบในแหล่งโบราณคดีหลายแห่งในประเทศฝร&งั เศส และรัสเซยี รูปที& b.12 ภาพจาํ ลองหน้าตาของมนษุ ยโ์ ครมนั ยอง ควรกล่าวด้วยว่าในช่วงท&ีมีประชากรมนุษย์โครมนั ยองเกิดขึนR ประชากรมนษุ ย์นี แอนเดอร์ทลั ก็ยังคงมีอยู่ แสดงให้เห็นว่ามนษุ ย์สองกลุ่มนีนR ่าจะเป็นคนละกลุ่มเพราะมี วฒั นธรรมแตกต่างกัน ข้อสงั เกตนีสR นบั สนุนทฤษฎีการเข้ามาแทนที& และหักล้างทฤษฎี ความต่อเนอ&ื งในแต่ละพืนR ที& อย่างไรก็ตามเราคงต้องพิสจู นแ์ ละศึกษากนั ตอ่ ไปวา่ มนษุ ย์ โครมันยองกบั มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลต่างคนต่างอยู่ หรือว่ามีปฏิสัมพันธ์กนั หรือไม่ เช่น เมื&อปี พ.ศ. ;^\\? นักโบราณคดีขุดค้นพบโครงกระดูกเด็กอายุประมาณ \\ ขวบท&ีแหล่ง Abrigo do Lagar Velho ในประเทศโปรตุเกส กําหนดอายุประมาณ ;\\,^<< ปี โครง กระดกู แสดงลักษณะผสมผสานระหว่างมนษุ ยน์ ีแอนเดอร์ทลั (เช่น ไม่มีคาง) และมนุษย์

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 224 โครมนั ยอง (เช่น ฟัน ขากรรไกรลา่ ง และกระดกู เชิงกรานเหมือนกบั มนษุ ยป์ ัจจุบนั ) ดงั นนัR ผู้ค้นพบจึงเสนอว่ามกี ารแต่งงานหรือสืบพนั ธ์ุข้ามกลุ่มระหว่างกลุ่มมนษุ ย์นีแอนเดอร์ทลั และกลุ่มมนุษย์โครมันยองบางกลุ่ม นักโบราณมานุษยวิทยาบางคนไม่เห็นด้วยกับ ข้อเสนอดังกล่าวเน&ืองจากเห็นว่าโครงกระดูกเด็กนันR อายุน้อยเกินไปซึ&งลักษณะท&ี แสดงออกทางกระดกู ยงั ไม่ถอื ว่าน่าเชอ&ื ถือเพราะกระดกู ยังมโี อกาสเติบโตขึนR ซึ&งอาจทําให้ ลกั ษณะของกระดกู เปลี&ยนไปก็ได้ อีกทงัR อายขุ องแหล่งโบราณคดีท&ีพบก็อยู่ในสมยั หลัง หรือหลังจากที&มนษุ ย์นีแอนเดอร์ทัลสญู พนั ธ์ุไปแล้ว (มนุษย์นีแอนเดอร์ทาลสูญพันธ์ุไป จากยโุ รปเมอ&ื ประมาณ ;—,<<< ปี) มนษุ ย์โครมนั ยองรู้จกั การทาํ เคร&ืองประดบั (เช่น ลกู ปัด ตา่ งห)ู และงานศิลปอย่าง อื&น เช่น ประติมากรรมรูปบุคคล (human figurine) รูปครึ&งคนคร&ึงสัตว์ (รูปที& b.13) โดย ใช้วสั ดุหลายประเภท รวมทงัR งาช้าง เปลือกหอย เขาสตั ว์ และฟันสตั ว์ เป็นต้น วัตถุดิบ บางอย่างมาจากแหล่งท&ีอยู่ห่างไกลและหายาก (เช่น หอยทะเล) แสดงว่ามีการติดต่อ แลกเปลี&ยนระยะไกล (long distance trade) นอกจากนียR งั ผลิตงานศิลปะอยา่ งประณตี และสมจริง เชน่ ภาพเขียนในถาํ R ตา่ งๆ รูปที& b.13 ประติมากรรมรูปครึ&งคนครึ&งสงิ โต ทาํ จากงาช้างแมมมอธ ในแง่พิธี กรรมความเชื&อก็พบว่าข้ อมูลจาก การขุด ค้ น ทา งโ บราณ คดี ท&ี แ ห ล่ ง โบราณคดีซังจีร์ (Sungir) ในรัสเซียพบหลุมฝังศพ ในหลุมฝังศพมีลูกปัดมากมายฝัง ร่วมกบั โครงกระดกู มนษุ ย์เพศชาย บางโครงมลี กู ปัดกว่า m,<<< ลกู บางโครงก็มีมากถึง ^,<<< ลกู (รูปท&ี b.14)

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 225 รูปที& b.14 หลมุ ฝังศพทแ&ี หล่งซงั จีร์ รัสเซีย ถัดมามีวัฒนธรรมใหม่ขึนR เรียกว่าวัฒนธรรมกราเวตเทียน (Gravettian) ซ&ึง พัฒนาขึนR มาครังR แรกในยุโรปตะวันตก ต่อมาก็พบในยุโรปตะวันออกและยโุ รปใต้ด้วย กาํ หนดอายอุ ย่รู ะหวา่ ง ;.,<<< - ?b,<<< ปีมาแล้ว มกี ารทําเคร&ืองปันR ดินเผา โดยเฉพาะ รูปปันR วีนสั (Venus figurines) (รูปที& b.15) ซึ&งพบครังR แรกในยุโรปกลางและตะวนั ออก เช่น ที&แหล่งโบราณคดี Dolni Vestonice แหล่งโบราณคดีในโมราเวีย (Moravia) ของ สาธารณรัฐเชก และแหล่งโบราณคดีแอฟดีโว (Avdeevo) ในรัสเซีย การทํารูปปันR วีนัส ด้ วยดินเผาไฟซ&ึงพบที&แหล่ง Dolni Vestonice ในประเทศสาธารณรัฐเชกจัดเป็น เคร&ืองปันR ดนิ เผาที&เก่าแกท่ ส&ี ดุ ในโลก (กาํ หนดอายปุ ระมาณ ;@,<<< ปีมาแล้ว) นอกจากนี R ยงั พบกระดกู สตั ว์และงาช้างที&มรี อยแกะสลกั ลวดลาย ส่วนเทคโนโลยีการทาํ เคร&ืองมือหิน ยังเป็นเครื&องมือใบมีดและเคร&ืองเจาะ แต่มีลักษณะเรียวลงมากกว่าเครื&องมือหินใน วัฒนธรรมออริกนาเชียน ลักษณะทางวฒั นธรรมสําคัญอีกอย่างหนึ&งของกลุ่มกราเวต

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 226 เทียนคือผ้คู นมีความชาํ นาญในการลา่ สตั ว์ที&หากนิ เป็นฝงู โดยเฉพาะช้างแมมมอท มีการ สร้ างท&ีพักโดยใช้กระดูกช้ างเป็นเสา ใช้ กระดูกสัตว์เป็นเชือR เพลิงก่อไฟ มีการค้า แลกเปล&ียนทางไกล เช่น การนําหอยทะเลแลกเปล&ียนกับหินสําหรับทําเครื&องมือ รูปที& b.15 รูปปันR วีนสั (Venus figurines) วัฒนธรรมท&ีพัฒนาต่อมาคือวัฒนธรรมโซลูเทรียน (Solutrean) พัฒนาขึนR ใน ยโุ รปตะวนั ตกในช่วง ;;,<<< - ?.,^<< ปีท&ีผ่านมา ช&ือวัฒนธรรมโซลเู ทรียนมาจากชื&อ แหล่งที&พบเครื&องมือหินครังR แรกคือแหล่งโซลูเทร (Solutre) ซึ&งตังR อยู่ทางตะวันออกของ ประเทศฝร&งั เศส แหล่งโบราณคดีในวฒั นธรรมโซลเู ทรียนส่วนมากพบในประเทศฝร&ังเศส และสเปน เคร&ืองมือหินในวฒั นธรรมที&เด่นและเป็นลกั ษณะเฉพาะคือเคร&ืองมือหินฟลินต์ รูปหวั หอก (lance head) หรือเครื&องปลายแหลมรูปใบไม้ (leaf-shaped points) คอ่ นข้าง ใหญ่และบาง (รูปที& b.16) ผลิตโดยใช้เทคนิคการกด (pressure flaking) เคร&ืองมือหิน สว่ นมากทาํ จากสะเก็ดหิน เชน่ เคร&ืองมือปลายแหลมหรือใบหอก เครื&องขดู เครื&องเจาะรู เคร&ืองมือใบมีด เป็นต้น พบเครื&องมือกระดกู อยบู่ ้าง (เชน่ เข็ม) แตไ่ มม่ ากนกั เมอ&ื เทียบกบั วฒั นธรรมกราเวตเทยี น

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 227 รูปที& b.16 เคร&ืองมอื หินฟลินตร์ ูปหวั หอก (lance head) หรือเครื&องปลายแหลมรูปใบไม้ จากการขดุ ค้นแหล่งโบราณคดีบางแห่งพบเครื&องมอื หินร่วมกบั กระดกู สตั ว์จําพวก กวาง แพะภเู ขา (ibex) และม้า โดยเฉพาะกระดกู ม้าพบจํานวนมาก จนกลา่ วกนั ว่าชาว โซลเู ทรียนเป็นนกั ล่าม้า (horse hunter) ทเ&ี กง่ กาจ (Fagan 1978:101) นอกจากสตั ว์บก ดงั กล่าวแล้ว ยังพบว่าชาวโซลเู ทรียนชอบกินหอยต่างๆ ด้วย ส่วนงานศิลปะท&ีโดดเด่น ได้แกก่ ารสลกั นนู -สงู (bas-reliefs) เป็นรูปสตั วแ์ ละการวาดภาพตามผนงั ถาํ R ต่อมามีวฒั นธรรมอกี กลมุ่ หน&งึ พฒั นาต่อเน&ืองขึนR มา นกั โบราณคดีเรียกวฒั นธรรม นีวR ่า แมกดาเลเนียน (Magdalenian) ตังR ช&ือตามแหล่งทพ&ี บโบราณวตั ถใุ นวัฒนธรรมนี R ครังR แรกคือแหล่ง La Madeleine ในประเทศฝรัง& เศส พัฒนาขึนR ในชว่ ง ?.,^<< - ??,<<< ปีท&ีผ่านมาและพบกระจายในหลายพืนR ท&ี เช่น ฝร&ังเศส สเปน เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐเชก และโปแลนด์ ลักษณะเด่นของวฒั นธรรมนีคR ือการใช้เคร&ืองใบมีด ทงัR ใบมีดขนาดใหญ่และเล็ก (microlithic blade) นอกจากนยี R งั วา่ มกี ารพฒั นาเคร&ืองมือท&ีมคี วามซบั ซ้อนมากขนึ R เช่น ฉมวก หัวหอก เข็ม เครื&องมือขว้างใบหอก (spear thrower) เป็นต้น กล่าวกันว่าเป็น วฒั นธรรมแรกในโลกท&ผี ลิตและใช้ฉมวก เครื&องมอื เครื&องใช้ทาํ จากวตั ถดุ ิบหลายอยา่ ง มี ทงัR หิน กระดกู สัตว์ เขาสัตว์ งาช้าง ฯลฯ นักวิชาการบางท่านกล่าวว่าผู้คนในวัฒนธรรม แมกดาเลเนียนเชี&ยวชาญในการทําเครื&องมือเครื&องใช้จากกระดกู และเขาสัตวม์ ากกว่าทุก วฒั นธรรมท&มี ีมากอ่ นในยโุ รป ประชากรในวฒั นธรรมแมกดาเลเนียนล่าสตั ว์หลากหลายประเภท ตงั R แต่สตั ว์บก สัตว์นําR และสัตว์ปีก แสดงให้เห็นการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในยุคนําR แข็งยุค สุดท้ายซ&ึงมีอาหารอดุ มสมบูรณ์ วัฒนธรรมแมกดาเลเนียนท&ีสําคัญอกี อยา่ งหน&ึงคือการ วาดภาพตามผนงั ถําR ที&ดูสมจริง แหล่งภาพเขียนสีท&ีโด่งดงั ได้แก่ถําR อลั ตามิรา (Alta Mira) ในสเปน ถําR ลาสโค (Lascaux) ในฝรั&งเศส (รูปท&ี b.17) เป็นต้น

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 228 รูปที& b.17 ภาพวาดบนผนงั ถาํ R ลาสโค ฝรง&ั เศส โดยสรุป ในช่วงระหว่างประมาณ \\<,<<< – m^,<<< ปีมาแล้ว หลักฐานทาง โบราณคดีและลําดับซากบรรพชีวินในยุโรปบ่งชีวR ่ามีการเปล&ียนแปลงอย่างฉับพลัน จากยุคสมัยของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลไปส่มู นุษย์ปัจจุบนั ซ&ึงดเู หมือนจะสนบั สนนุ ทฤษฎี “การเข้ามาแทนที&” ตัวอย่างเช่น ลักษณะการเปลี&ยนแปลงทางกายวิภาคของอวัยวะ บางอย่างมพี ฒั นาการที&ขาดตอน เช่น เมอ&ื ประมาณ 35,000 ปีมาแล้วเรากพ็ บวา่ มีมนษุ ย์ ทใี& บหน้าเล็กลง กะโหลกสงู ขนึ R แต่แคบกว่าของมนษุ ย์นแี อนเดอร์ทลั ขาและแขนเรียวยาว และกระดูกเชิงกรานกว้างและสันR ลง เป็นต้น ลักษณะการเปล&ียนแปลงท&ีก้าวกระโดด เช่นนีกR ็ดูเหมอื นจะสนบั สนนุ ทฤษฎีการเข้ามาแทนที& โดยนกั โบราณมานษุ ยวิทยาบางคน เชื&อว่ามนุษย์รุ่นใหม่มาจากแอฟริกา ผ่านย่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในบริเวณเลอแวนต์ (Levant) ในประเทศอิสราเอล แหล่งโบราณคดีท&ีสําคัญในบริเวณนี R ได้แก่ คาฟเซห์ (Qafzeh) และ สคลู (Skhul) จากนนัR จึงเข้าสู่ยโุ รป มนษุ ย์กล่มุ นีมR คี วามสามารถมากกว่า มนุษย์รุ่นบุกเบิก โดยใช้เวลาแพร่กระจายจากแอฟริกาใต้ไปถึงบริเวณเลอแวนต์เพียง ประมาณ 40,000 ปี และกระจายไปทวั& ยโุ รปภายในเวลา 10,000 ปีเท่านนัR อย่างไรกต็ าม เรายงั คงต้องรอผลการค้นคว้ามากกว่านกี R ่อนจึงจะสรุปได้อย่างมน&ั ใจขนึ R อีก เอเชียใต้และเอเชยี ตะวันออก เอเชียใต้และเอเชียตะวันออก (หมายถึงพืนR ท&ีตงั R แต่ปากีสถานมาทางตะวันออก จนถึงฝ&ังตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิ กในเขตประเทศจีน เกาหลี ญ&ีป่ ุน และเอเชีย

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 229 ตะวนั ออกเฉียงใต้) ครอบคลมุ พนื R ทป&ี ระมาณ ;< ล้านตารางกิโลเมตร ซากบรรพชวี นิ ของ โฮโม เซเปียนส์ ในเอเชียใต้และเอเชียตะวนั ออกท&เี ก่าแก่ท&สี ดุ (ถ้าการกําหนดอายถุ กู ต้อง) มาจากแหล่งโบราณคดีหลิวเจียง (Liujiang) ในมณฑลกวางสี ทางตอนใต้ของประเทศ จีน กําหนดอายุได้ประมาณ 67,000 ปีมาแล้ว (Wu 1992; Wu and Zhang 1985) ซาก บรรพชีวินท&ีพบเป็นกะโหลก ปริมาตรสมองค่อนข้างมาก (ประมาณ ?,\\.< ลูกบาศก์ เซนติเมตร) (รูปที& b.18) รูปที& b.18 กะโหลก โฮโม เซเปียนส์ จากแหลง่ หลวิ เจียง ประเทศจนี นอกจากนี R แหล่งโบราณคดอี กี แห่งในประเทศจีนที&ค้นพบซากบรรพชีวินของ โฮโม เซเปี ยนส์ คือแหล่งโบราณคดีโจวโกวเทียน โดยนกั โบราณคดีขดุ ค้นพบซากบรรพชีวนิ ในดินชนัR บนๆ ซากบรรพชีวินท&ีพบเป็นชินR ส่วนโครงกระดกู ของมนษุ ย์ โฮโม เซเปี ยนส์ กาํ หนดอายไุ ด้ประมาณ ?;,<<< ปี (Wu 1992) ซากบรรพชีวินของ โฮโม เซเปี ยนส์ อีกชุดหน&ึงท&ีสําคัญและเป็นท&ีรู้จกั กันหม่นู กั โบราณมานุษยวิทยาคือมนุษย์มินาโตกาวา (Minatogawa Man) ซ&ึงค้นพบเม&ือ ค.ศ. ?b—< ท&ีแหล่งโบราณคดีมินาโตกาวา (Minatogawa) เกาะโอกินาวา ประเทศญ&ีป่ ุน (Baba and Narasaki 1991; Suzuki and Hanihara 1982) ซากบรรพชีวินท&ีพบมีทังR กะโหลก กระดูกส่วนลําตัว แขน ขา กระดูกมือและเท้านิวR ซึ&งดูโดยรวมแล้วค่อนข้าง สมบรู ณ์ (รูปท&ี b.19) จากการกําหนดอายดุ ้วยวิธีเรดิโอคาร์บอน (คาร์บอน-?\\) ได้คา่ อายุ ระหว่าง ?.,<<< – ?@,@<< ปีมาแล้ว นกั วิชาการส่วนมากมีความเห็นตรงกันว่าค่าอายทุ &ี ได้มีความถูกต้องและน่าเชื&อถือเนื&องจากเป็นการกําหนดอายุจากถ่านที&พบร่วมกับซาก บรรพชีวินโดยตรง ดังนันR นักวิชาการโดยเฉพาะนักวิชาการชาวญี&ป่ นุ จึงกล่าวว่ามนุษย์

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 230 มินาโตกาวาจดั เป็น โฮโม เซเปียนส์ ท&ีเก่าแก่ที&สุดในเอเชียตะวันออกในขณะนี R(Peter Brown 2006, personal communication) รูปท&ี b.19 กะโหลก โฮโม เซเปียนส์ จากแหลง่ มนิ าโตกาวา ญ&ีป่นุ ส่วนในเอเชียใต้มแี หลง่ โบราณคดที พ&ี บซากบรรพชวี ินของ โฮโม เซเปียนส์ รุ่นแรกๆ คือแหล่งโบราณคดีถําR ออร์ดอส (Ordos Cave) ในมองโกเลีย กําหนดอายไุ ด้ประมาณ ^<,<<< ปี (Jurmain et al 2004:286) นอกจากนียR ังพบซากบรรพชีวินของ โฮโม เซเปี ยนส์ ท&ีแหล่งถําR บาตาดอมบา-เลนา (Batadomba-lena Cave) ทางตอนใต้ของ ประเทศศรีลังกา กําหนดอายุประมาณ ;^,^<< ปี มาแล้ว (Deraniyagala 1998; Kennedy et al. 1987) ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้กพ็ บหลกั ฐานซากบรรพชีวินของมนษุ ย์รุ่นใหม่ในหลาย แห่ง ส่วนมากเป็นหมู่เกาะในปัจจุบัน ตังR แต่มาเลเซีย ฟิ ลิปปินส์ อินโดนีเซีย จนถึง นิวกินี หลักฐานสําคัญที&แสดงถึงการแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ ในเอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใต้สว่ นท&ีเป็นหมเู่ กาะมาจากแหล่งโบราณคดปี ระเภทถาํ R และเพงิ ผา ดงั นี R ?. แหล่งโบราณคดีที&สําคญั ได้แกว่ ัดจัก (Wadjak) บนเกาะชวา อินโดนีเซีย ซง&ึ ใน ปี ค.ศ. ?... นักวิชาการพบกะโหลกที&มีใบหน้าใหญ่ดเู ทอะทะคล้ายกบั โฮโม อีเรกตสั แต่ลักษณะอื&นเหมือนกบั มนุษย์รุ่นใหม่ เช่น มีคางและหน้าผากลาดชันเกือบเป็นแนวดิ&ง ถ้ามองจากด้านข้าง เป็นต้น (รูปท&ี b.20) สมองมีความจุประมาณ ?,^<< ลูกบาศก์

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 231 เซนติเมตร การกําหนดอายุของกะโหลกนียR ังไม่แน่ชัด (Bellwood 1997:86-87) แต่ นักวิชาการส่วนมากเช&ือว่าน่าจะมีอายอุ ยู่ในช่วงหลังของยุคหินเก่าตอนปลาย หรือเมื&อ ประมาณ ??,<<< ปีมาแล้ว หรืออาจจะอยใู่ นสมยั โฮโลซนี ตอนกลาง (Storm and Nelson 1995) รูปท&ี b.20 โฮโม เซเปียนส์ หรือวดั จกั แมน จากอินโดนีเซยี ;. แหล่งโบราณคดีถําR นีอาห์ (Niah Cave) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ บอร์เนยี ว รฐั ซาราวคั ประเทศมาเลเซยี ทีแ& หล่งโบราณคดีแหง่ นีนR กั โบราณคดพี บชินR ส่วน กะโหลกของ โฮโม เซเปี ยนส์ อายปุ ระมาณ \\<,<<< - m.,<<< ปี นกั โบราณคดีเรียกชื&อ กะโหลกดงั กลา่ วว่า “Deep Skull” (Kennedy 1977) (รูปท&ี b.21) รูปที& b.21 โฮโม เซเปียนส์ จากถําR นอี าห์ เกาะบอร์เนยี ว รฐั ซาราวคั ประเทศมาเลเซีย

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 232 m. แหล่งโบราณคดีถําK ตาบน (Tabon) บนเกาะปาลาวัน ประเทศฟิ ลิปปินส์ซ&ึง นกั โบราณคดีขดุ พบชินR ส่วนกะโหลก ขากรรไกรล่าง และกระดกู ขาของ โฮโม เซเปี ยนส์ ซากบรรพชีวินเหล่านมี R ีลักษณะของมนษุ ย์รุ่นใหม่ชดั เจน (รูปที& b.22) และกําหนดอายไุ ด้ ราว ;;,<<< - ;\\,<<< ปีมาแล้ว (Dizon et al. 2002) รูปที& b.22 ชินR ส่วนกะโหลก โฮโม เซเปียนส์ จากถาํ R ตาบน เกาะปาลาวนั ฟิลิปปินส์ \\. ควรกล่าวด้วยว่าเม&ือไม่นานมานีมR ีการค้นพบซากบรรพชีวินของโฮมินิดส์ที& เกาะฟลอเรส อินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามนกั วิชาการยังถกเถยี งกันอยวู่ ่าซากที&พบควรจดั ให้เป็น โฮโม เซเปี ยนส์ หรือ โฮโม สายพันธ์ุใหม่ กล่าวคือในปี ค.ศ. 2003 ศาสตราจารย์ ไมค์ มอร์วูด (Mike Morwood) จาก University of New England ออสเตรเลีย และคณะ ได้ขดุ ค้นเพิงผาเลียง บูอา (Liang Bua) บนเกาะฟลอเรส (Flores Island) และพบซาก บรรพชีวินท&ีพบประกอบด้วยกะโหลกและกระดูกชินR ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ขา ขากรรไกร และฟัน กาํ หนดอายอุ ย่รู ะหว่าง b^,<<< – 18,000 ปีมาแล้ว ลกั ษณะทางกาย วภิ าคโดยทวั& ไปของซากบรรพชีวินดังกลา่ วคล้ายกบั มนษุ ย์ปัจจุบนั มาก ดงั นนัR ผ้คู ้นพบจึง จดั ให้อย่ใู นสกุลเดียวกับมนษุ ย์ปัจจุบัน โดยตังR ช&ือว่า โฮโม ฟลอเรสเสียนซิส (Homo floresiensis) หรื อที&เรี ยกว่า “มนุษย์ฟลอเรส” (Flores Man) (Brown et al. 2004; Morwood et al. 2004) นับเป็นสายพันธ์ุใหม่ของ โฮโม ท&ีค้นพบล่าสุด (สว่าง เลิศฤทธิ± 2547) อย่างไรก็ตาม “มนุษย์ฟลอเรส” มีลักษณะท&ีแตกต่างจากมนษุ ย์ทั&วไป คือมีขนาด เล็กมาก จนบางท่านให้ฉายาว่า มนษุ ย์แคระ หรือ “มนุษย์ฮอบบิท” (Hobbit man) หรือ เป็นมนุษย์ในสกุล โฮโม ท&ีตัวเล็กที&สดุ (รูปท&ี b.23) กะโหลกมีความจุสมองเพียง m.< - \\<< ลูกบาศก์เซนติเมตร (หรือเพียงหน&ึงในสามของขนาดสมองมนุษย์) (รูปที& b.24) และ ยงั พบเคร&ืองมือหนิ กระดกู สตั วท์ &ถี กู ไฟเผาร่วมอยดู่ ้วย แสดงวา่ มนษุ ยฟ์ ลอเรสมกี ารล่าสตั ว์ และรู้จักใช้ไฟ อย่างไรก็ตามนกั วชิ าการบางท่านยงั ไม่เห็นด้วยที&จดั ให้มนษุ ย์ฟลอเรสอยู่

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 233 ในสกุล โฮโม เน&ืองจากมีความจุสมองน้อยมาก (ขนาดเท่ากับสมองของลิงชิมแพนซีเทา่ นนัR เอง) ในขณะนยี R งั ไมม่ ีข้อสรุปทเี& หน็ ร่วมกนั อยา่ งเป็นเอกฉนั ท์วา่ โฮโม ฟลอเรสเสียนซิส เป็นใคร มาจากไหน และสญู พนั ธ์ไุ ปเพราะเหตใุ ดกนั แน่ รูปที& b.23 กะโหลกมนษุ ยฮ์ อบบทิ เทยี บกบั ของมนุษยป์ ัจจบุ นั รูปท&ี b.24 ภาพจําลองมนษุ ย์ฮอบบิท (ขวาสดุ ) เทยี บกบั มนษุ ยป์ ัจจุบนั (ซ้ายสดุ )

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 234 ลา่ สดุ นมี R กี ารศึกษาซากโครงกระดกู และกะโหลกของมนษุ ย์ “ฮอบบิท” อีกครงัR โดย ทีมนกั ชวี วทิ ยาและมานษุ ยวิทยากายภาพจากองั กฤษและอเมริกา ผลการศกึ ษาเบอื R งต้น พบว่ามนุษย์ฮอบบิทไม่นา่ จะเป็นมนษุ ย์สายพนั ธ์ุใหม่ดังท&ีคนส่วนมากรับรู้ แต่เป็นมนษุ ย์ สายพันธ์ุเดียวกับมนุษย์ปัจจุบัน เพียงแต่มีความผิดปรกติของสมองเท่านันR เอง ผล การศึกษานีทR ้าทายการตีความของนกั วิชาการท&ีค้นพบหลักฐานและนําไปสู่การถกเถียง อยา่ งคึกคกั อีกรอบหน&ึง ดร.โรเบิร์ ต มาร์ ติน จาก The Field Museum, Chicago ซึ&งเป็ นหัวหน้ าทีม วเิ คราะห์กะโหลกของมนษุ ยฮ์ อบบทิ กลา่ ววา่ เขาไม่เหน็ ด้วยทนี& กั วิชาการกล่มุ ทก&ี ําหนดให้ มนุษย์ฮอบบิทเป็นมนุษย์สายพนั ธ์ุใหม่ตีความว่ามนุษย์ฮอบบิทอาจจะพฒั นามาจาก มนษุ ย์วานรในกล่มุ โฮโม อีเรกตสั (Homo erectus) เน&ืองจากมนษุ ยฮ์ อบบิทอาศยั อย่บู น เกาะฟลอเรสมายาวนานโดยลําพังโดดเดี&ยว ไม่มีการติดต่อกับมนุษย์กลุ่มอื&น และ สภาพแวดล้อมบนเกาะก็ไม่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์มากนกั ฉะนันR จึงต้องปรับตวั เพ&ือ อาศัยอยู่บนเกาะดังกล่าวจนทําให้มีวิวัฒนาการกลายมาเป็นคนตัวเล็กร่างแคระและ สมองเลก็ ดร.มาร์ตินเสนอความเห็นในอีกทิศทางหน&ึงโดยยาํ R ว่าสมองของมนษุ ย์ฮอบบิท นนัR เลก็ เกินไป เลก็ เกนิ กวา่ ท&ีจะจดั ให้อย่ใู นกล่มุ บรรพบุรุษของมนษุ ย์สกลุ โฮโม ดร.มาร์ตินตงั R ข้อสังเกตถึงความเป็นแคระของสัตว์ขนาดใหญ่ (เช่น มนุษย์ และ ช้าง) ที&อาศัยอย่บู นเกาะฟลอเรส โดยกล่าวว่าสัตว์ขนาดใหญ่มีร่างกายลดขนาดลงมาก จนกลายเป็นแคระ แต่สมองกลับไม่หดลงมากนกั หรือลดลงในระดับปานกลางเท่านันR ดร.มาร์ตินพร้อมคณะได้ทดสอบกระบวนการการกลายเป็นคน/สัตว์แคระ (dwarfing) และเปรียบเทียบผลการทดลองกับมนษุ ย์ฮอบบิท แล้วพบว่ากะโหลกของมนุษย์ฮอบบทิ เลก็ มากเกินไปเม&อื เทียบกับส่วนสงู ถึง ? เมตร ถ้ามนษุ ย์ฮอบบิทหรือ โฮโม ฟลอเรสเสียน ซิส ซ&งึ มีความสมองประมาณ \\<< ลกู บาศก์เซนติเมตร จะเป็นคนแคระท&ีมบี รรพบุรุษเป็น โฮโม อีเรกตสั นนัR จะต้องมคี วามสงู เพยี งหนึง& ฟุตและมีนําR หนกั เพยี งสองกิโลกรมั เท่านันR จึง จะถกู ต้องตามหลกั การกลายเป็นแคระ ดร.มาร์ตินและทีมงานจึงเสนอความเห็นว่าการที&สมองของมนษุ ยฮ์ อบบิทมีขนาด เล็กนนัR เป็นผลมาจากความผิดปรกติทางพันธุศาสตร์ที&เรียกวา่ โรค microcephaly โรคนี R เป็นโรคพนั ธกุ รรม เกิดขึนR ในระดบั ครอบครัว ฉะนนัR จึงไม่ต้องแปลกใจว่าในกลมุ่ ประชากร ขนาดเล็กและอาศยั อยู่บนเกาะที&โดดเดี&ยว เช่น เกาะฟลอเรส จะพบปัญหากบั โรคสมอง ผดิ ปรกติดังท&ีมนษุ ยฮ์ อบบิทประสบมาแล้ว อกี ประเดน็ หนึ&งท&ีทีมวิจยั ของ ดร.มาร์ตนิ ยก มาอภิปรายเพ&ือโต้แย้งว่ามนุษย์ฮอบบิทไมใ่ ช่มนุษย์สายพนั ธ์ุใหม่ ก็คือการพบเครื&องมอื หินซงึ& มลี กั ษณะซบั ซ้อน ผ่านการผลิตอยา่ งเป็นแบบแผน เชน่ เดียวกบั เครื&องมือหนิ ที&ผลิต โดยมนษุ ย์ โฮโม เซเปี ยนส์ เครื&องมือหินดงั กล่าวพบในบริเวณใกล้เคียงกับซากกระดูก

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 235 ของมนษุ ย์ฮอบบิทด้วย ดร.มาร์ตินและคณะจึงตงั R ข้อสงสยั วา่ ถ้ามนษุ ย์ฮอบบิทเป็นมนษุ ย์ อีกสายพันธ์ุหนึ&งซ&ึงมีสมองเล็กมาก หรือเท่ากบั ชิมแพนซีและมนุษย์วานรรุ่นแรก ๆ เช่น ออสตราโลพิเทคัส ก็ไม่น่าจะสามารถคิดประดิษฐ์หรือทําเคร&ืองมือหินอย่างมีรูปร่าง ซบั ซ้อนได้ (นักวิชาการยงั ไม่เคยพบหลกั ฐานว่า ออสตราโลพิเทคสั รู้จกั ทําเคร&ืองมือหิน ได้) ดงั นนัR ผ้ทู &ีเป็นเจ้าของหรือผู้ผลิตเครื&องมือหินท&ีค้นพบบนเกาะฟลอเรส (ซ&ึงหมายถึง มนุษย์ฮอบบิท) จึงน่าจะเป็นมนุษย์ โฮโม เซเปี ยนส์ มากกว่าจะเป็นมนุษย์สกุลและสาย พนั ธ์ุอน&ื อย่างไรก็ตาม นกั วิชาการฝ่ายท&ีไม่เห็นด้วยกบั ทีมของดร.มาร์ตินก็ยังคงถกเถียง และยืนยนั วา่ มนษุ ยฮ์ อบบิทเป็นมนษุ ย์อีกสายพนั ธ์หุ นง&ึ นอกจากนียR งั มกี ลมุ่ นกั วชิ าการท&ี ไม่พยายามจดั กล่มุ มนุษย์ฮอบบิท ร่วมออกมาแสดงความเห็นในประเด็นอ&ืนๆ อีก เช่น ศาสตราจารย์คริส สตริงเกอร์ จากพพิ ธิ ภณั ฑป์ ระวตั ศิ าสตร์ธรรมชาติ ในองั กฤษ เสนอว่า มนษุ ย์ฮอบบิทเป็นปรากฏการณ์ใหม่ท&ีอาจสะท้อนให้เห็นวิวฒั นาการของมนษุ ย์ในพนื R ที& หน&ึงซ&ึงมีเส้นทางวิวฒั นาการที&แตกต่างจากบรรพบุรุษของมนษุ ย์ดังท&ีเคยเข้าใจและรับรู้ กนั มา สรุปแล้วก็คือเรื&องราวของมนุษย์ฮอบบิทยังคงต้องยืดเยือR ไปอีกนาน และเราคง ต้องติดตามกันต่อไป (ดูรายละเอียดเพิ&มเติมใน http://news.nationalgeographic.com/ news/hobbit.html) สว่ นในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ภาคพืนR แผน่ ดินใหญ่ (mainland southeast Asia) กพ็ บร่องรอยหลกั ฐานการอย่ปู รากฏของ โฮโม เซเปียนส์ รุ่นแรก ๆ หรือชว่ งยคุ หินเกา่ ตอน ปลายถึงช่วงยุคหินกลาง หรือช่วงสมัยไพลสโตซีนตอนปลายถึงสมัยโฮโลซีนตอนต้นใน หลายพืนR ท&ี ดงั นี R ในทางตอนเหนือของมาเลเซีย นักโบราณคดีมาเลเซียค้นพบซากโครงกระดกู ของ โฮโม เซเปี ยนส์ ที&แหล่งกัว กูนัง รันตู (Gua Gunung Runtuh) ในรัฐเปรัค เม&ือปี ค.ศ. 1991 (Majid 2003:100-101, 165-166) นักโบราณคดีจึงตังR ชื&อว่า มนุษย์เปรัค (Perak Man) (รูปที& b.25) กําหนดอายุได้ประมาณ ??,<<< – ?<,<<< ปีมาแล้ว จัดเป็น โฮโม เซเปียนส์ ท&ีเก่าแก่ท&ีสดุ บนคาบสมทุ รมาเลย์ หรือเป็นซากบรรพชวี นิ ของ โฮโม เซเปียนส์ ที& เกา่ แก่ทส&ี ดุ ทพ&ี บในมาเลเซยี (Majid 2003:165-166)

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 236 รูปที& b.25 มนุษยเ์ ปรคั มาเลเซยี ในภาคใต้ของประเทศไทยจากการขดุ ค้นแหล่งโบราณคดีเพิงผาหลังโรงเรียน จงั หวัดกระบ&ี พบเครื&องมือหินกะเทาะที&กําหนดอายไุ ด้ประมาณ 37,000 ปี (Anderson 1997) อย่างไรก็ตามที&เพิงผาหลังโรงเรียนนีไR ม่พบโครงกระดูกมนุษย์แต่อย่างใด หลกั ฐานโครงกระดกู มนษุ ย์ โฮโม เซเปียนส์ ท&เี ก่าแกท่ ส&ี ดุ ในประเทศไทย (รูปที& b.26) นนัR พบจากการขดุ ค้นท&ีแหล่งโบราณคดีถําK หมอเขียว จงั หวดั กระบี& โดยศาสตราจารย์ ดร. สุรินทร์ ภู่ขจร เมื&อปี พ.ศ. ;^m\\ กําหนดอายุโดยวิธีคาร์บอน-?\\ ได้ค่าอายุประมาณ ;^,<<< ปี ลักษณะท&ัวไปของกะโหลกคล้ายกับกะโหลกท&ีพบท&ีถําR ตาบนในฟิ ลิปปินส์ (สรุ ินทร์ ภ่ขู จร ;^m—; Pookajorn 1996) คณะนกั วชิ าการจากญ&ีป่นุ และไทยได้วิเคราะห์ดี เอ็นเอที&สกดั จากโครงกระดูกมนุษย์จากถําR หมอเขียว แล้วนํามาเปรียบเทียบกบั ดีเอ็นเอ ของชนเผ่าซาไกในปัจจุบนั ผลการศึกษาพบว่าประชากรทังR สองกล่มุ มีความสัมพันธ์กนั ทางพันธุศาสตร์ กลุ่มนักวิชาการดังกล่าวจึงเสนอว่า โฮโม เซเปี ยนส์ ได้อาศัยอยู่ใน บริเวณดงั กล่าวอย่างต่อเนอ&ื งมาจนถึงปัจจุบนั (Oota et al. 2001)

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 237 รูปท&ี b.26 โครงกระดกู ของ โฮโม เซเปียนส์ ที&ถาํ R หมอเขียว จงั หวดั กระบ&ี ในภาคเหนือของประเทศไทยกม็ ีการค้นพบโครงกระดูก โฮโม เซเปี ยนส์ รุ่นแรกๆ จากการขุดค้นของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัศมี ชูทรงเดช เมื&อปี พ.ศ. ;^\\@ ท&ีแหล่ง โบราณคดีถําK ลอด อําเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน (รูปที& b.27) กําหนดอายุได้ ประมาณ ?;,<<< - ?m,<<< ปีมาแล้ว (รศั มี ชทู รงเดช ;^\\.; Pureepatpong 2006) รูปที& b.27 ชนิ R สว่ นและภาพจาํ ลองกะโหลก ของ โฮโม เซเปียนส์ ทถี& ําR ลอด จงั หวดั แม่ฮ่องสอน อย่างไรก็ตามน่าสังเกตว่านับตังR แต่เม&ือประมาณ @—,<<< ปีเป็นต้นมาท&ี โฮโม เซเปียนส์ กระจายไปตามพนื R ท&ีตา่ งๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกและเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ซ&ึง มกั จะเป็นพืนR ที&ในเขตเทือกเขาท&ีมแี หล่งถําR และเพิงผา วฒั นธรรมเคร&ืองมอื หินของ โฮโม

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 238 เซเปียนส์ เปลย&ี นแปลงค่อนข้างช้า เครื&องมือหินส่วนมากมลี กั ษณะคล้ายกบั เครื&องมือหิน ของ โฮโม อีเรกตสั เป็นเครื&องมือกะเทาะทาํ จากหินกรวดแม่นําR ซ&ึงพบมาตงั R แต่อย่างน้อย เมื&อประมาณ ^<<,<<< ปีมาแล้ว จนกระทั&งเมื&อประมาณ m<,<<< ปีมาแล้วจึงพบกลุ่ม เครื&องมือหินแบบใหม่ คือ เคร&ืองมือสะเก็ดหิน (flake tool) ส่วนเคร&ืองมือใบมีด (blade) กพ็ บเหมอื นแต่มีจํานวนไมม่ ากเหมือนท&พี บในแอฟริกา ยโุ รป และตะวนั ออกกลาง แหล่ง ท&ีพบเคร&ืองมือใบมีด เช่น แหล่งถําR เลียง บูรัง (Leang Burung) ในหม่เู กาะสลุ าเวสี ของ อินโดนีเซีย และถําR Nguom Cave บนเทือกเขาหินปูนทางตอนเหนือของเวียดนาม (Glover 1993:128-129) นอกจากเครื&องมือหินแล้ว เครื&องมือประเภทอ&ืนที&พบได้แก่ เข็มและฉมวกทําจาก กระดกู สตั วซ์ &งึ พบที&แหลง่ โบราณคดโี จวโกวเทยี น ในประเทศจีน ในช่วงเวลาดงั กลา่ วผู้คน ดํารงชีพด้วยการเก็บของป่ า-ล่าสัตว์ ต่อมาในราว ?;,<<< - ??,<<< ปีมาแล้วเร&ิมพบ เครื&องปันR ดินเผาในประเทศญ&ีป่ ุน จัดเป็นเครื&องปันR ดินเผาท&ีเก่าแก่ที&สุดในโลก ในช่วงนี R ผ้คู นบางกลุ่ม เช่น ในญี&ป่ นุ เริ&มตังR ถ&ินฐานถาวร ดํารงชีพด้วยการจับปลาเป็นหลกั แต่ใน พืนR ท&ีอื&นผู้คนยงั เก็บของป่ า-ล่าสตั วก์ ันอยู่ การเปล&ียนแบบแผนการดํารงชีพจากการเกบ็ ของป่ า-ล่าสัตว์มาเป็นการเกษตรกรรมเริ&มพบในแถบลุ่มแม่นําR แยงซีในประเทศจีนเม&ือ ประมาณ b,<<< ปี โดยพบว่าว่ามีการปลูกข้ าว จากนันR วัฒนธรรมการปลูกข้าว แพร่กระจายเข้าส่เู อเชียตะวนั ออกเฉียงใต้เมอื& ราว ^,<<< ปีซ&ึงเป็นจุดเริ&มต้นสมยั หนิ ใหม่ ในช่วงสมยั หินใหม่ (^,<<<-m,^<< ปีมาแล้ว) ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้พบหลุมฝังศพ จํานวนมาก บางแหล่ง (เชน่ โคกพนมดี ในจงั หวดั ชลบรุ ี) มีการฝังศพตอ่ เนือ& งกนั มาหลาย ช&ัวอายุ พบสิ&งของท&ีอุทิศให้ผู้ตายจํานวนมากและหลากหลายชนิด (รูปท&ี b.28) มีทังR ภาชนะดนิ เผา กระดกู สตั ว์ ลกู ปัดกระดกู สัตว์ กําไลข้อมอื ทาํ จากเปลือกหอยและหินอ่อน กระดองเตา่ (Higham 2002) วฒั นธรรมสมยั หินใหม่ท&ีพบแถบชายฝ&ังมหาสมุทรแปซิฟิ ก ในประเทศจีนระหว่าง ^,<<< - ;,^<< ปีมีประเพณีอย่างหน&ึงท&ีแตกต่างจากท&ีอื&น นน&ั คือ การทํานายอนาคตโดยอ่านรอยแตกบนกระดกู สะบักของววั -ควายและกระดองเต่าท&ีถกู เผาไฟ ทเี& รียกว่าพิธี Scapulimancy ต่อมาประเพณนี นี R าํ ไปสกู่ ารเขียนตวั อกั ษรจีน

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 239 รูปท&ี b.28 หลมุ ฝงั ศพทแี& หล่งโบราณคดีโคกพนมดี จงั หวดั ชลบุรี กล่าวโดยสรุ ปเร าเห็นแล้ วว่า เอเชีย ตะ วันออ กและ เอเชี ยตะ วันอ อก เฉี ยงใต้ มี หลักฐานทงัR ทางโบราณคดีและซากบรรพชีวินตงั R แต่ยุคของ โฮโม อีเรกตสั โฮโม ไฮเดล เบอร์เกนซิส มาจนถึง โฮโม เซเปี ยนส์ แต่เรายังไม่มีข้อมูลที&จะบ่งชีวR ่ามนุษย์ โฮโม เซเปียนส์ เป็นกลมุ่ ใหม่ทเ&ี ข้ามาแทนที& โฮโม อีเรกตสั หรือ โฮโม ไฮเดลเบอร์เกนซิส หรือ อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์รุ่นใหม่นีไR ด้พัฒนาต่อเน&ืองมาจาก โฮโม อีเรกตัส ทังR นีคR งต้อง ศกึ ษากนั ตอ่ ไป ออสเตรเลยี ทวีปออสเตรเลียซึ&งมีลกั ษณะเป็นทวีปเกาะ (island continent) มีพืนR ท&ีประมาณ . ล้านตารางกโิ ลเมตร และมปี ระวตั ิศาสตร์มนษุ ยชาติย้อนหลงั ไปได้ประมาณ @<,<<< ปี ซึ&งถอื ว่าไม่เก่าแก่นกั เมอ&ื เทียบกบั ทวีปใกล้เคยี งอย่างเอเชีย ประวตั ิการตงั R ถิน& ฐานของ โฮโม เซเปียนส์ ในออสเตรเลียพอสรุปได้ดงั นี R เดมิ เชื&อกนั วา่ โฮโม เซเปียนส์ อพยพจากเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ไปยงั ออสเตรเลีย ในช่วงยุคนําR แข็งยคุ สุดท้ายเมื&อประมาณ ?<,<<< ปีมาแล้ว ในเวลานนัR ระดับนําR ทะเล ลดลงมากจนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กบั ออสเตรเลียเกอื บเชื&อมติดเป็นแผ่น ดินเดียวกนั มีแผ่นนําR กว้างประมาณ b— กิโลเมตรเท่านันR ค&ันอยู่ มนษุ ย์ โฮโม เซเปี ยนส์ อาจทําแพไม้ ไผล่ อ่ งข้ามแผ่นนาํ R ไปขนึ R ฝ&ังออสเตรเลยี แต่ข้อมลู จากการขดุ ค้นในทศวรรษ ?b—< ท&ีแหล่ง โบราณคดีเพิงผา Nauwalabila และ Malakunanja ซึ&งตังR อยู่ทางภาคเหนือของ ออสเตรเลียชวี R ่าการตังR ถ&ินฐานของมนษุ ย์รุ่นใหม่ หรือ โฮโม เซเปียนส์ ในออสเตรเลียอาจ

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 240 เริ&มตังR แต่เมื&อ ^<,<<<-@<,<<< ปีมาแล้ว หลกั ฐานที&พบท&ีแหล่งโบราณคดีทงัR สองแห่งนี R เป็นเคร&ืองมือหินและดินเทศสีแดงที&ใช้การวาดภาพเขียนสีตามแผ่นหิน นักโบราณคดี สันนิษฐานว่าเป็นภาพที&วาดโดย โฮโม เซเปี ยนส์ ซ&ึงเชื&อกันว่าเป็นบรรพบุรุษของชน พืนR เมืองเผ่าอบอริจินส์ในออสเตรเลียปัจจุบัน (Mulvaney and Kamminga 1999:139- 142) ซากบรรพชีวนิ ของมนษุ ย์รุ่นใหม่ทเี& กา่ แก่ท&ีสดุ ในออสเตรเลยี พบในปี พ.ศ. ;^?? ท&ี แหล่งโบราณคดีทะเลสาบมันโก (Lake Mungo) ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกเฉียง ใต้ของออสเตรเลยี กาํ หนดอายไุ ด้ ;@,<<< - m<,<<< ปี ซากที&พบเป็นชนิ R สว่ นกะโหลกซ&ึง ถูกไฟเผา ดังนันR นักโบราณคดีบางคนจึงกล่าวว่าเป็นหลักฐานประเพณีการเผาศพท&ี เก่าแก่ที&สุดในโลก (Bowler et al. 1970) ลักษณะทัว& ไปของกะโหลกที&พบที&นี&เหมือนกับ กะโหลกของมนษุ ย์รุ่นใหม่ นอกจากนียR งั พบแหลง่ ฝังศพแหง่ หนง&ึ อยใู่ กล้ๆ แหลง่ ทะเลสาบ มันโก (Pettitt 2005) ในหลมุ ฝังศพดังกล่าวพบศพผ้ชู ายในท่านอนหงาย มือสองข้างถกู พบั เข้าหากนั มีดนิ เทศสีแดงโรยบนตวั (รูปที& b.29) รูปที& b.29 โครงกระดกู ของ โฮโม เซเปียนส์ ที&พบใกล้ทะเลสาบมนั โก ออสเตรเลีย นอกจากนียR ังพบกะโหลกอีกชินR หน&ึงท&ีแหล่ง Keilor (รูปท&ี b.30) ในรัฐวิกตอเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียเช่นเดียวกับแหล่ง Lake Mungo กําหนดอายไุ ด้ ประมาณ ?m,<<< ปี กะโหลกของ โฮโม เซเปี ยนส์ จากแหล่ง Lake Mungo และแหล่ง Keilor มีลกั ษณะบอบบาง (gracile) ไม่ดกู ํายาํ ลาํ& สนั บกึ บึน

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 241 รูปที& b.30 กะโหลกของ โฮโม เซเปียนส์ จากแหล่ง Keilor ออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. ;^?? มีการขุดค้นท&ีแหล่งโบราณคดี Kow Swamp ซึ&งเป็นท&ีล่มุ ตังR อยู่ ทางตอนใต้ของรัฐวิกตอเรีย ท&ีแหล่งนีนR กั โบราณคดีขดุ พบกะโหลกของ โฮโม เซเปี ยนส์ จํานวนมาก (ระบุจํานวนได้ไม่ตํ&ากว่า \\< คน) แหล่งโบราณคดีแห่งนีกR ําหนดอายุได้ ประมาณ ?<,<<< - ?^,<<< ปี กะโหลกของ โฮโม เซเปี ยนส์ จากแหล่ง Kow Swamp มี ลักษณะท&วั ไปเหมือนมนษุ ย์รุ่นใหม่ทกุ ประการ ยกเว้นรูปลักษณ์ที&ค่อนข้างหนาเทอะทะ (รูปที& b.31) แตกต่างจากกะโหลกจากแหล่ง Lake Mungo และแหล่ง Keilor อย่างชดั เจน ความแตกตา่ งนีอR าจแสดงว่ามี โฮโม เซเปี ยนส์ อย่างน้อยสองกล่มุ อพยพเข้ามาอย่อู าศัย ในออสเตรเลีย คือกล่มุ โรบัส โฮโม เซเปี ยนส์ (จากแหล่ง Kow Swamp) กบั กล่มุ กราซาย โฮโม เซเปียนส์ (จากแหล่ง Lake Mungo และ Keilor) ถ้าดจู ากการกําหนดอายขุ องแหล่ง โบราณคดีก็สันนิษฐานว่ากลุ่มกราซายอพยพเข้ามาก่อนกลุ่มโรบัส (Mulvaney and Kamminga 1999)

บทที& 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 242 รูปท&ี b.31 กะโหลกของ โฮโม เซเปียนส์ จากแหลง่ Kow Swamp ออสเตรเลยี อยา่ งไรกต็ ามการอพยพของ โฮโม เซเปียนส์ เข้ามาในออสเตรเลียยังเป็นปัญหาที& ถกเถยี งกนั อยู่ นกั วชิ าการมคี วามเห็นหรือทฤษฎกี ารอพยพเข้ามายังออสเตรเลยี อยู่สาม ทฤษฎี (Brown 2000) ทฤษฎีแรกคือทฤษฎี Tri-Hybrid Theory เสนอโดยนักมานษุ ยวิทยาชาวอเมริกัน ชื&อ J. B. Birdsell เบิร์ดเซลล์เสนอว่า โฮโม เซเปี ยนส์ อพยพเข้ามาในออสเตรเลียหลาย ระรอก ระรอกแรกเป็นกล่มุ นิกริโต (Negritos) ซึง& พบอยตู่ ามหม่เู กาะในมหาสมทุ รแปซฟิ ิก ตอ่ มาเป็นกล่มุ เมอร์เรเยยี น (Murrayians) ซ&งึ เป็นญาติใกล้เคียงกับพวกไอนใุ นภาคเหนือ ของญี&ป่ ุน ตามมาด้วยกลุ่มคาร์เพนทาเรียน (Carpentarians) ซึ&งมีกําเนิดในอินเดีย ทงัR สามกลุ่มนีมR ีการแต่งการข้ามกลุ่มผสมผสานกันจนกลายมาเป็นบรรพบุรุษของพวก อะบอริจนิ ส์ที&พบในปัจจบุ นั ทฤษฎที &ี ; ซึง& ได้รบั การยอมรบั มากที&สุด มชี &อื วา่ Dual-Source Hypothesis เสนอ โดยนักโบราณมานุษยวิทยาชาวออสเตรเลียช&ือ Alan Thorne ธอร์นเปรีบยเทียบซาก บรรพชีวนิ โฮมนิ ดิ สจ์ ากเอเชียกบั ออสเตรเลีย แล้วเสนอวา่ โฮโม เซเปียนส์ ในออสเตรเลีย มีสองกล่มุ ได้แก่กลุ่มโรบัส และกลุ่มกราซาย กล่มุ โรบัสอาจวิวัฒนาการมาจาก โฮโม อีเรกตสั ทพี& บท&ีแหล่งแซงจิแรนและงานดอง ในอนิ โดนเี ซีย ส่วนกลมุ่ กราซายวิวฒั นาการ มาจาก โฮโม เซเปี ยนส์ ท&ีพบในประเทศจีน (เช่นแหล่งหลิวเจียง) ต่อมาสองกลุ่มนีผR สม พนั ธ์ุข้ามกลมุ่ จนพฒั นามาเป็นพวกอะบอริจินส์กลมุ่ ตา่ งๆ

บทท&ี 9: การแพร่กระจายของ โฮโม เซเปี ยนส์ 243 ทฤษฎที &ี m มีชอ&ื วา่ Homogeneity Hypothesis เสนอโดยนกั กายวภิ าคศาสตร์ชาว ออสเตรเลียชื&อ A. Abbie แอ็บบีเสนอว่า โฮโม เซเปี ยนส์ ในออสเตรเลียวิวฒั นาการมา จากบรรพบุรุษเดียวกัน แต่ต่อมากระจายแยกย้ายไปตามพืนR ที&ต่างๆ และปรับตัวเข้ากับ สภาพแวดล้อมท&ีแตกต่างกนั จนท&ีสดุ มีรูปร่างลกั ษณะแตกต่างกนั ดังท&ีพบในกลุ่มอะบอ ริจนิ ส์ปัจจบุ นั นา่ สงั เกตวา่ แหล่งโบราณคดที &พี บซากบรรพชวี นิ ของ โฮโม เซเปียนส์ และหลกั ฐาน โบราณคดีในออสเตรเลียมกั เป็นถําR และเพิงผา วิถีชีวิตผู้คนดํารงอยู่ด้วยการเก็บของป่า- ล่าสตั ว์ มีการแลกเปลี&ยนสิ&งของกนั อย่บู ้าง เคร&ืองมือเครื&องใช้ส่วนมากทําจากหิน (รูปท&ี 9.31) ในสมยั หลงั (ราว \\,<<< - m,<<< ปี) จึงพบเคร&ืองมือกระดกู อย่างไรกต็ ามเราไมเ่ คย พบว่า โฮโม เซเปี ยนส์ ในออสเตรเลียมพี ัฒนาการทางสงั คมวฒั นธรรมในระดบั หม่บู ้าน เกษตรกรรม แวน่ แคว้น หรือรัฐเหมอื นในภมู ภิ าคอน&ื ของโลกเลย จนกระทง&ั พวกคนผิวขาว ชาวองั กฤษเดินทางมาถึงออสเตรเลยี ในตอนปลายคริสตศ์ ตวรรษที& ?. รูปท&ี b.32 เคร&ืองมอื หนิ ยุคไพลสโตซนี ตอนปลายในออสเตรเลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook