Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Published by dutchaneesaeoaw, 2021-09-25 13:35:24

Description: ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดกิจกรรม

Search

Read the Text Version

การวดั และประเมินผล ประเด็นการประเมิน วธิ กี ารประเมิน เครือ่ งมือ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ร้อยละ 70 1.1 การแยกสารผสมโดย - ประเมินจากชน้ิ งาน - เกณฑก์ ารประเมนิ การกลน่ั อย่างงา่ ย - แบบทดสอบ Rubrics - แบบทดสอบปรนยั 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ข้อ ด้านทักษะ / กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมขณะท่ี แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดีขนึ้ 2.1 ทกั ษะกระบวนการทาง นักเรียนปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ไป วทิ ยาศาสตร์ 2.1.1 ทักษะการ สังเกต 2.1.2 ทกั ษะการ ลงความเหน็ จากข้อมูล 2.1.3 ทกั ษะการ ตคี วามหมายข้อมูลและลง ข้อสรุป 2.1.4 ทักษะการ ตง้ั สมมตฐิ าน 2.1.5 ทักษะการ ทดลอง 2.1.6 ทักษะการ จัดกระทำและส่อื ความหมายขอ้ มูล 2.2 ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี21 2.2.1 การคิดอย่าง มวี ิจารณญาณและการ แก้ปัญหา 2.2.2 ดา้ นความ ร่วมมอื การทำงานเป็นทีม และภาวะผนู้ ำ 2.2.3 ดา้ นการ สื่อสารสารสนเทศและการ รเู้ ทา่ ทันส่ือ

ทกั ษะการสรา้ งขอ้ โต้แย้ง สงั เกตพฤติกรรมขณะที่ แบบประเมนิ Rubrics ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดขี ึ้น นักเรยี นปฏิบัติกิจกรรม ไป ดา้ นคณุ ลักษณะ / เจตคติ 3.1 ความอยากรู้อยากเห็น สงั เกตพฤติกรรมขณะที่ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ในระดับดีขน้ึ 3.2 ความละเอยี ดรอบคอบ นักเรยี นปฏิบตั กิ ิจกรรม ไป 3.3 ความใจกว้าง 3.4 การใชว้ จิ ารณญาณ 3.5 ความซอื่ สัตย์ แบบบนั ทึกหลังการสอน พฤตกิ รรมทพ่ี บ แนวทางแก้ไข ประเดน็ ปญั หาที่พบ 1. ด้านพฤติกรรมผู้เรยี น 2. ดา้ นการเรียนการสอน

แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ลำดับ ช่ือ-นามสกุล ทกั ษะกระบวนการทาง รวม คา่ เฉล่ีย ระดบั ที่ วทิ ยาศาสตร์ * คะแนน (5) (30) 123456 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * หมายถึง 1 ทักษะการสังเกต 2 ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู 3 ทักษะการตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป 4 ทักษะการตงั้ สมมตฐิ าน

5 ทกั ษะการทดลอง 6 ทกั ษะการจัดกระทำและส่อื ความหมายข้อมลู ลงชอ่ื …………………………………………… ผู้ประเมิน (..……………………………………………..) ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 1. ทกั ษะการสังเกต ปฏิบตั ิครบทุกข้อ : 5 คะแนน พฤติกรรมตามลำดับข้นั ปฏิบตั ิ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. ใชป้ ระสาทสัมผัสอยางใดอยา่ งหนงึ่ หรอื ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน หลายอยา่ งรวมกันเพือ่ สมั ผสั โดยตรงกับวตั ถุ ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน ประสบการณ์ หรอื สถานการณ์ 2. บันทึกการสังเกตในเชงิ คุณภาพ 3. บันทึกการสังเกตในเชิงปรมิ าณ 4. ไมใ่ สค่ วามคิดเห็นส่วนตวั ของผสู้ ังเกตลง ไปในส่งิ ทส่ี ังเกต 2. ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล พฤตกิ รรมตามลำดับข้ัน 1. รวบรวมความร้ทู ีไ่ ด้จากการสังเกตอยา่ ง เปน็ ระบบ 2. สามารถอธิบายเก่ียวกบั ข้อมูลทร่ี วบรวม มาได้ 3. สามารถอธิบายผลจากการวิเคราะห์ ขอ้ มลู ได้ 4. สรา้ งโมเดลความคิดหรอื สูตรจากขอ้ มลู ท่ีสงั เกตได้

5. ยอมรบั การเปลยี่ นแปลงการลงความ เกณฑก์ ารให้คะแนน คดิ เหน็ เมอ่ื มขี ้อมูลเพิ่มเติม ปฏิบตั คิ รบทุกขอ้ : 5 คะแนน 3. ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ ปฏิบัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. ตีความหมายของขอ้ มูลท่ีมอี ยู่อยา่ ง ปฏบิ ัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน ปฏิบัติ 2 ข้อ : 2 คะแนน ตรงไปตรงมา ปฏบิ ัติ 1 ข้อ : 1 คะแนน 2. ตีความหมายของขอ้ มลู ที่มอี ย่อู ย่าง คลอ่ งแคลว่ 3. บรรยายลกั ษณะของข้อมลู ทมี ีอยูได้่ 4. บรรยายสมบตั ขิ องข้อมูลทมี อี ยไู ด้ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. ทักษะการตงั้ สมมตฐิ าน พฤตกิ รรมตามลำดับข้ัน 1. สมมติข้อความขึ้นก่อนมีการทดลองจริง อ้างองิ ความจริง 2. ขอ้ ความบอกถงึ ขอ้ มูลท่ีตอ้ งการรวบรวม 3. ข้อความบอกความสัมพันธ์ระหวางตวั แปรท่ีเกีย่ วข้อง 1 คู่ 4. ข้อความบอกความสมั พนั ธ์ระหวางตัว แปรท่ีเกย่ี วข้องมากกวา่ 1 คู่ 5. ตัวแปรกำหนดจากปัญหาและผลต่อตวั แปรตาม 1 ตัว 6. ตัวแปรกำหนดจากปัญหาและผลต่อตวั แปรตามมากกวา 1 ตัว

5. ทกั ษะการทดลอง พฤติกรรมตามลำดับขน้ั 1. กำหนดวิธีการทดลองได้ถกู ตอ้ ง เหมาะสมโดยคำนงึ ถึงตวั แปรต้น ตัวแปรตามและตัว แปรทต่ี ้องควบคุม 2. ระบอุ ุปกรณ์หรอื สารเคมีที่จะตอ้ งใชใ้ น การทดลองถูกต้องและเหมาะสม 3. ปฏิบัตกิ ารทดลองได้ 4. ใชอ้ ุปกรณห์ รือสารเคมไี ดถ้ กู ต้อง เหมาะสม 5. บันทกึ ผลการทดลองไดค้ ล่องแคล่วและ เหมาะสม

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 6. ทักษะการจดั กระทำและสื่อความหมายขอ้ มูล ปฏิบตั คิ รบทกุ ข้อ : 5 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดับขนั้ ปฏิบตั ิ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. เลอื กรูปแบบท่ีจะใช้ในการเสนอขอ้ มูลได้ ปฏิบัติ 3 ขอ้ : 3 คะแนน ปฏบิ ัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน เหมาะสม ปฏิบัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 2. บอกเหตุผลในการเลอื กรูปแบบท่ีจะใช้ ในการเสนอขอ้ มลู ได้ 3. ออกแบบการเสนอข้อมูลใหอ้ ยูในรปู ใหม่ ที่เขา้ ใจดีขน้ึ ได้ 4. เปล่ียนแปลงขอ้ มลู ใหอ้ ยูในรปู ใหมท่ ่ี เขา้ ใจดีขึน้ ได้ 5. บรรยายลักษณะของส่ิงใดส่ิงหน่ึงดว้ ย ขอ้ ความท่ีเหมาะสม กะทัดรดั จนส่ือความหมายให้ ผอู้ ่ืนเข้าใจได้ 6. บรรยายหรือวาดแผนผังแสดงตำแหน่ง ของภาพจนสื่อความหมายใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจได้

แบบประเมินทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 และทกั ษะการสร้างขอ้ โตแ้ ยง้ ลำดั ชอ่ื -นามสกลุ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ รวมคะแนน คา่ เฉล่ยี ระดบั บที่ 21และทักษะการสรา้ ง ( 20 ) (5) ขอ้ โตแ้ ยง้ * 1234 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * หมายถึง 1 การคดิ อย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปญั หา 2 ด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผู้นำ 3 ดา้ นการส่ือสารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทันสอื่ 4. ทกั ษะการโตแ้ ย้ง

ลงชื่อ…………………………………………… ผปู้ ระเมิน (..……………………………………………..) ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1. ทักษะความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะ ปฏบิ ัติครบทุกข้อ : 5 คะแนน ผ้นู ำ ปฏิบตั ิ 4 ข้อ : 4 คะแนน ปฏิบตั ิ 3 ขอ้ : 3 คะแนน พฤตกิ รรมทพ่ี งึ มี ปฏบิ ัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 1. รับฟงั ความคิดเห็นผอู้ น่ื ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 2. เคารพซ่ึงกันและกัน 3. ทำงานรว่ มกนั อยา่ งมีเหตุผล 2. การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและการแก้ปัญหา พฤติกรรมท่ีพึงมี 1. เข้าใจบรบิ ทและขอบเขตของปญั หาที่ เกิดขนึ้ 2. รวบรวมข้อมูลจากขอ้ มูลเดมิ ทีม่ ีอยูแ่ ละ ขอ้ มลู ท่ศี กึ ษาเพิม่ เติม 3. หาวิธแี ก้ปัญหาโดยใชข้ ้อมลู จากการ วเิ คราะห์ 4. ไม่ยึดความคิดเหน็ ของตนเองเปน็ หลัก 5. ใช้เหตุใช้ผลพิจารณา โดยอาศยั การศกึ ษา ขอ้ มูล แยกแยะขอ้ มูล 3. ดา้ นการส่อื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทันสือ่ พฤติกรรมที่พงึ มี 1. สามารถเลือกใช้เคร่อื งมือที่ถกู ต้อง เหมาะสมเพ่อื สรา้ งส่อื 2. เขา้ ใจวตั ถุประสงคข์ องการสรา้ งส่อื 3. เข้าใจกฎหมายในการใชส้ อื่ ของผู้อ่ืนหรอื แหลง่ ข้อมลู อันมีลขิ สทิ ธิ์



ทักษะการโต้แย้ง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมตามลำดับขนั้ ปฏิบัติครบทุกข้อ : 5 คะแนน 1. ขอ้ กล่าวอ้าง ปฏบิ ัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 2. เหตุผลสนบั สนนุ ข้อกล่าวอา้ ง ปฏิบตั ิ 3 ข้อ : 3 คะแนน 3. หลักฐานสนับสนุนเหตุผล ปฏบิ ตั ิ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 4. ขอ้ กลา่ วอ้างทตี่ ่างออกไป ปฏิบัติ 1 ข้อ : 1 คะแนน 5. การโต้แย้งกลบั

แบบประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั ที่ ชือ่ -นามสกุล เจตคตทิ าง รวมคะแนน(25) คา่ เฉล่ยี ระดบั วิทยาศาสตร์ (5) * 12345 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * หมายถึง 1 ความอยากรอู้ ยากเหน็ 2 ความละเอยี ดรอบคอบ 3 ความใจกวา้ ง 4 การใชว้ ิจารณญาณ 5 ความซือ่ สตั ย์

ลงช่ือ…………………………………………… ผปู้ ระเมิน (..……………………………………………..) เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ เกณฑก์ ารให้คะแนน 1. ความอยากรอู้ ยากเห็น ปฏบิ ตั ิครบทกุ ข้อ : 5 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดับขนั้ ปฏบิ ัติ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. มคี วามสนใจในเร่อื งที่เรยี น ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน 2. กระตือรือรน้ ต่อกิจกรรมที่ปฏบิ ตั ิ ปฏิบตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน 3. ชอบสนทนาซักถาม ปฏบิ ัติ 1 ข้อ : 1 คะแนน 2. ความละเอียดรอบคอบ พฤติกรรมตามลำดับข้ัน 1. มีการวางแผนการทำงานและจัดระบบการ ทำงาน 2. ทำงานอยางมีระเบยี บและเรยี บรอ้ ย 3. นำวิธกี ารหลายๆวิธมี าตรวจสอบผล, นำ วิธีการหลายๆวธิ มี าใช้ 4. มคี วามละเอียดถี่ถว้ นในการทำงาน 5. ตรวจสอบความเรียบร้อยของงาน 3. ความใจกวา้ ง พฤตกิ รรมตามลำดับขั้น 1. รับฟังความคดิ เห็นของเพอ่ื น 2. ยอมรบั การทำงานร่วมกับเพอื่ นไมย่ ดึ ตัวเองเป็นหลัก

เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 4. การใช้วจิ ารณญาณ ปฏิบตั คิ รบทกุ ข้อ : 5 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดับขั้น ปฏบิ ตั ิ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. รวบรวมแนวคิดจากแหล่งตา่ งๆ ปฏบิ ตั ิ 3 ขอ้ : 3 คะแนน 2. วเิ คราะหข์ ้อมลู ก่อนตัดสนิ ใจ ปฏบิ ัติ 2 ข้อ : 2 คะแนน 3. หาเหตผุ ลสนบั สนุนก่อนการตดั สนิ ใจ ปฏิบตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 4. ยอมรับความไม่สอดคลอ้ งกนั ของข้อมูล 5. ไมย่ ึดความคิดเห็นของฝ่ายใดฝา่ ยหน่งึ 5. ความซ่ือสัตย์ พฤตกิ รรมตามลำดับขน้ั 1. เสนอความจรงิ ถงึ แมจ้ ะเป็นผลที่แตกตา่ ง จากผอู้ ่ืน 2. เหน็ คุณคา่ ของการเสนอขอ้ มลู ตามความ เปน็ จรงิ 3. บนั ทกึ ผลหรอื ขอ้ มูลตามความเป็นจรงิ และไมใ่ ช้ความคิดเหน็ ของตนเองไปเก่ียวข้อง 4. ไม่แอบอา้ งผลงานของผ้อู ่ืนว่าเปน็ ผลงาน ของ ตนเอง 5. การแสดงออกถึงความจรงิ ใจท้ังความคดิ และพฤติกรรม

เกณฑป์ ระเมนิ แบบทดสอบปรนยั 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ขอ้ รายการประเมิน เกณฑ์พิจารณาคุณภาพ คะแนนท่ีได้ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง 9-10 คะแนน ตำ่ กว่า 5 คะแนน 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน เกณฑก์ ารประเมินชิ้นงาน รายงานการ 5 (ดีมาก) คำอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ 1(ปรบั ปรงุ ) ประเมิน มคี รบทงั้ 5 ข้อ มี 1 ข้อ 4 (ด)ี 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1. เน้อื หา มี 4 ขอ้ มี 3 ข้อ มี 2 ขอ้ ครบถว้ น 2. เนือ้ หา ถูกต้อง 3.อธิบายเนอ้ื หา ได้ครบถ้วน ถกู ต้อง 4. อธบิ ายด้วย ถอ้ ยคำชัดเจน ไมต่ ดิ ขัด 5. ชนิ้ งานมี ความสวยงาม

เกณฑป์ ระเมินระดับคุณภาพ ระดับคุณภาพ ระดบั คะแนนเฉลย่ี ดีเย่ียม 4.51 – 5.00 ดีมาก 3.51 – 4.50 2.51 – 3.50 ดี 1.51 – 2.50 พอใช้ 1.00 – 1.50 ปรับปรงุ

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง การกล่ันอยา่ งง่าย ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรยี นวดั เป่ียมนิโครธาราม ชื่อ………………………………….นามสกลุ …..…………………...ช้นั …………….. นางสาวประกายฟา้ บญุ หลาย

ก คำนำ ชุดกิจกรรมการจดั การเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การกล่ันอยา่ งงา่ ย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 จดั ทำขึน้ เพอ่ื ใช้เป็นสื่อในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์โดย ประกอบไปด้วย 1 ชุดกิจกรรม ไดแ้ ก่ ชุดกิจกรรมการทดลองการกลน่ั อย่างง่าย ชุดกจิ กรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรช์ ดุ นี้ ส่งเสรมิ ใหน้ ักเรยี นไดล้ งมือปฏิบตั ิจริง ได้เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง และมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรียนรมู้ งุ่ เนน้ ให้นักเรยี นพฒั นาทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ทักษะการสงั เกต ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป ทักษะการตั้งสมมตฐิ าน ทักษะการทดลอง ทกั ษะการจดั กระทำและส่อื ความหมายขอ้ มูล ม่งุ เนน้ ใหน้ กั เรยี นพฒั นาทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ไดแ้ ก่ การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและการแก้ปัญหา ดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผ้นู ำ ด้านการสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่อื และมุ่งเนน้ ให้นักเรียนพฒั นาเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความอยากร้อู ยากเหน็ ความละเอยี ดรอบคอบ ความใจกว้าง ยอมรับความเหน็ ตา่ ง ความซ่อื สัตย์ ผู้จัดทำหวงั เป็นอย่างยงิ่ วา่ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชุดนี้ จะช่วยใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเนอ้ื หาได้ ง่ายและชดั เจนยงิ่ ขนึ้ เกดิ ทักษะทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 และมีเจตคติทดี่ ตี อ่ วิทยาศาสตร์ มี พฒั นาด้านผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์สูงขนึ้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจศกึ ษาทีจ่ ะ นำไป เปน็ แนวทางในการปรับปรุงการจัดการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรมทางการศึกษา การจัดทำชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตรช์ ุดน้ีเสร็จสมบูรณ์ดว้ ยดี ผู้จัดทำขอขอบพระคุณ อาจารย์ ธานนิ ทร์ ปญั ญาวัฒนากลุ ท่ใี ห้คำแนะนำ ปรึกษาตลอดการจัดทำจนสำเร็จสมบูรณ์หากมีขอ้ บกพร่อง ในการจัดทำชดุ กิจกรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ชุดนี้ ผู้จดั ทำขอน้อบรับและจะนำขอ้ เสนอแนะไปปรับปรงุ เพ่อื ให้มคี วามถกู ตอ้ งและสมบูรณ์มากย่ิงขึน้ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสน้ี ประกายฟ้า บญุ หลาย

สารบญั ข คำนำ ก สารบญั ข คำช้ีแจง ค กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเรื่องการกลั่นอย่างง่าย 1 คำถามทา้ ยกจิ กรรม 4 ใบความรู้ 5 แบบทดสอบ 6 เฉลยแบบทดสอบ 8

ค คำชี้แจง 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตรช์ ้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ประกอบไปดว้ ย 1 ชดุ กิจกรรม ไดแ้ ก่ ชุดกจิ กรรม การทดลองการกลนั่ อยา่ งงา่ ย 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 5 คน ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม 3. ให้นกั เรียนอา่ นขัน้ ตอนการทำกิจกรรมใหล้ ะเอียดกอ่ นลงมอื ปฏบิ ตั ิกิจกรรม 4. เม่อื ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมครบแล้ว ให้นักเรยี นบนั ทึกผลลงในตารางบนั ทึกผล 5. ให้นกั เรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม 6. หากมขี อ้ สงสัยในการปฏบิ ัติกจิ กรรมให้ปรึกษาครูผ้สู อนทันที

1 กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื งการกลน่ั อย่างงา่ ย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลน่ั อย่างงา่ ย โครมาโทกราฟี แบบกระดาษ การสกัดดว้ ยตวั ทำละลาย วสั ดอุ ุปกรณ์ 11. สายยาง 12. เทอรม์ อมเิ ตอร์ 1. สารละลายจุนสี 10 มิลลิลิตร 13. กระบอกตวงขนาด 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร 2. นำ้ 14. ผา้ ขาวบาง 3. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 1 หลอด 15. กอ้ นกรวดขนาดเล็ก 4. หลอดทดลองขนาดเล็ก 1 หลอด 16. ไมข้ ีดไฟ 5. จกุ ยางเบอร์ เจาะ 2 รู 1 อัน 17. แก้วใส่ทราย 6. บกี เกอรข์ นาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร 18. แวน่ ตานิรภยั 7. หลอดนำแกส๊ รปู ตัววี 1อัน 19. เชือกหรอื ดา้ ย 8. ตะเกียงแอลกอฮอล์ ทก่ี ั้นลมและตะแกรงลวด 1 อัน 20. ปากคีบ 9. ขาต้งั และที่จับหลอดทดลอง 1 ชุด 10. ช้ันวางหลอดทดลอง

2 กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ืองการกลน่ั อยา่ งงา่ ย วธิ ีการทดลอง 1. ใส่กอ้ นกรวดขนาดเลก็ 2-3 กอ้ นลงในหลอดทอลองขนาดใหญ่ 2. เทสารละลายจนุ สีปริมาตร 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร ใสล่ งในหลอดทดลอง ขนาดใหญ่ 3. ตอ่ ปลายสายยางข้างหนึง่ เข้ากบั หลอดนำแกส๊ รปู ตัววี 4. นำเทอร์มอมิเตอร์และหลอดนำแก๊สรปู ตัววที ีเ่ หลอื ต่อเขา้ กบั จุกยาง 2 รู 5. นำจุกยางไปปิดหลอดทดลองทมี่ สี ารละลายจนุ สอี ยู่ 6.ยดึ หลอดทอลองเข้ากบั ขาตั้งและทจ่ี บั 7. นำปลายอีกขา้ งหน่งึ ของสายยางใสล่ งในหลอดทดลองขนาดเล็กและนำหลอด ทดลองขนาดเลก็ ใส่ลงในบกี เกอร์ 8. นำผา้ ขาวบางท่ชี ุบน้ำหมาด ๆ มาพนั รอบสายยาง และใช้เชอื กมัก 9. จุดไฟตะเกียงแอลกอฮอลด์ ว้ ยไม่ขีด 10. สงั เกตการเปล่ยี นแปลงของสาร อณุ หภูมิและสิ่งทไ่ี ดใ้ นหลอดทดลองขนาด เล็ก และหลอดทดลองขนาดใหญ่และบนั ทึกผล

3 กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื งการกลนั่ อยา่ งง่าย ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง เวลา อณุ หภูมิ การเปล่ยี นแปลงของสาร ( นาที ) ( องศา หลอดทดลองขนาดใหญ่ หลอดทดลองขนาดเลก็ เซลเซยี ส)

4 คำถามท้าย กจิ กรรม คำถามชวนคดิ 1. เพราะเหตุใด การแยกสารดว้ ยวธิ ีการกล่ันอย่างงา่ ยจึงเหมาะกับ สารที่มจี ุดเดือดต่างกนั มากๆ …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… 2. หากนำสารทีม่ จี ุดเดอื ดตา่ งกันไม่มากมาแยกด้วยวิธกี ารกล่ัน อย่างง่าย สารท่ีไดจ้ ะเป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………

5 การกลัน่ อย่างงา่ ย การกลั่น การกลัน่ (distillation) เปน็ การแยกสารทมี่ ีสถานะเป็น ของเหลวออกจากสารละลาย โดยอาศยั จุดเดอื ดท่ีต่างกัน โดยทส่ี าร บริสทุ ธิ์แตล่ ะชนดิ เปลย่ี นสถานะไดท้ ่ีอณุ หภมู ิจำเพาะ สารท่มี จี ุดเดอื ด ต่ำจะเดอื ดเป็นไอออกมากอ่ น เมื่อทำใหไ้ อของสารมอี ณุ หภูมิตำ่ ลงจะ ควบแนน่ กลบั มาเป็นของเหลวอกี ครง้ั การกลัน่ อย่างงา่ ย เปน็ วิธกี ารทีใ่ ช้กลน่ั แยกสารท่ีระเหยงา่ ยซง่ึ ปนอยูก่ บั สารที่ระเหยยาก การกล่นั ธรรมดาน้ีจะ ใชแ้ ยกสารออกเป็นสารบรสิ ุทธเิ์ พียงครงั้ เดียวได้สารท่ีมจี ุดเดอื ดต่างกันตงั้ แต่ 80 องศา เซลเซียส ขน้ึ ไป การนำไปใชป้ ระโยชน์ การนำไปใชป้ ระโยชน์ เช่น การผลติ นำ้ กลัน่ เพื่อนำไปใช้ เตรยี มสารละลายต่าง ๆ เช่น น้ำเกลอื และนำไปเตมิ ใน แบตเตอร่รี ถยนตเ์ พอื่ เจือจางน้ำกรดในแบตเตอรี่

แบบทดสอบ 5 1. การกลน่ั คอื อะไร ก. เปน็ การแยกสารท่ีมีสถานะเป็นของเหลวออกจากสารละลาย โดยอาศัยจดุ เดอื ดท่ี ต่างกัน ข. การแยกของผสมท่มี ีความสามารถในการละลายไมเ่ ท่ากนั ค. การแยกสารทมี่ ีปรมิ าณน้อย ๆ ง.ใชแ้ ยกสารที่มีจดุ เดอื ดตำ่ และไมล่ ะลายน้ำออกจากของผสม 2. การกลัน่ อย่างง่ายจะใช้แยกสารในกรณีใด ก. กรณีที่สารละลายมีจุดเดือดต่างกันน้อย ข. กรณที ี่สารละลายมีจดุ เดือดตา่ งกนั มาก ค. กรณที ่ีสารละลายมีความสามารถในการถกู ดูดซบั ง. กรณที ส่ี ารมสี ถานะตา่ งกัน 3. วธิ ีการกลน่ั นำ้ ให้บรสิ ุทธิ์โดยการกลนั่ แบบธรรมดา ส่วนในขอ้ ใดใช้วธิ กี ารนแ้ี ยกไมไ่ ด้ ก. น้ำทะเล ข. นำ้ คลอง ค. น้ำเชือ่ ม ง. นำ้ ผสมเอทานอล 4. ถา้ เอาน้ำหวานสีเขยี วไปกลนั่ จะไดน้ ้ำท่ีมีลักษณะอย่างไร ก. ไดน้ ้ำสีเขยี วอ่อน และรสหวานเลก็ น้อย ข. ได้นำ้ ไม่มีสี แตร่ สหวานเล็กนอ้ ย ค. ได้นำ้ ทมี่ สี ีแตไ่ มม่ รี สหวาน ง. ได้น้ำไมม่ ีสีและไม่มรี ส 5. ประเทศใดท่มี แี หล่งนำ้ จืดนอ้ ยมากจนต้องกลั่นนำ้ ดืม่ จากน้ำในทะเล ก. ไทย ข. ลาว ค. อสิ ลาเอล ง. สหรฐั อเมรกิ า

6 แบบทดสอบ 6. หากทำการกล่ันอย่างง่ายเพอ่ื แยกนำ้ ออกจากสารละลายจนุ สี ส่งิ ใดจะเดอื ดกลายเปน็ ไอออกมากอ่ นและเพราะ อะไร ก. นำ้ เพราะมจี ดุ เดือดตำ่ กว่า ข. คอปเปอร์ (II) ซลั เฟต เพราะมจี ุดเดอื ดต่ำกว่า ค. นำ้ เพราะมีจดุ เดือดสูงกวา่ ง. คอปเปอร์ (II) ซัลเฟต เพราะมจี ุดเดือดสูงกว่า 7. ตวั เลอื กใดเรยี งลำดับกระบวนการกล่นั ไดถ้ ูกต้อง ก. การเดอื ด การกลายเป็นไอ การควบแน่น ข. การเดอื ด การควบแนน่ การระเหย ค. การเดือด การควบแน่น การกลายเป็นไอ ง. การระเหย การเดอื ด การควบแนน่ 8. สารผสมในขอ้ ใดใช้การกลัน่ แบบธรรมดาแยกสารองค์ประกอบไม่ได้ ก. นำ้ ทะเล ข. นำ้ เชอื่ ม ค. นำ้ มนั ดิบ ง. นำ้ เกลอื 9. การแยกสารด้วยวธิ ีการกลนั่ อาศัยหลักการใดเป็นสำคัญ ก. ความแตกต่างของจุดเดอื ด ข. ความสามารถในการละลาย ค. ความสามารถในการดูดซบั ง . ความแตกตา่ งของจดุ หลอมเหลว 10. เมื่อทำการกลนั่ สารละลายจนุ สสี ารทไี่ ดใ้ นหลอดทดลองขนาดใหญ่มีลกั ษณะอยา่ งไร ก. สีฟา้ เข้มและปริมาณเพิ่มข้นึ ข. สีฟา้ ออ่ นและปรมิ าณเพิ่มขึ้น ค. สฟี ้าเข้มและปรมิ าณลดลง ง. สฟี ้าออ่ นและปรมิ าณลดลง

เฉลย 7 1. ก 2. ข 3. ง 4. ง 5. ค 6. ก 7. ก 8. ค 9. ก 10. ค

เอกสารหมายเลข 4 แบบบนั ทึกหนว่ ยการเรยี นรู้ย่อย (แผนการจัดการเรียนรู)้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่ือง สารละลายและสารผสม หน่วยการเรยี นรูย้ ่อยท่ี 5 เรือ่ งการแยกสารผสมโดยการสกัด ดว้ ยตวั ทำละลาย รหสั วชิ า/ชอ่ื วิชา วทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เวลา 3 ช่ัวโมง ผ้สู อน นางสาวพรสุภา เอกฉตั ร โรงเรยี น โรงเรียนวัดนาเหล่าบก (สัมฤทธิ์ราษฎรว์ ิทยา) มาตรฐานการเรยี นรู้ : สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสารความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสารกับโครงสรา้ งและแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสารการเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชว้ี ัด : 1. อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแหง้ การตกผลกึ การกล่ันอย่างงา่ ย โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตัวทาํ ละลาย โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ 2. แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลกึ การกลั่นอย่างงา่ ย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตัวทำละลาย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. แยกสารโดยการสกัดดว้ ยตัวทําละลายได้ 2. อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการสกัดด้วยตัวทาํ ละลายได้ สาระสำคญั : การแยกสารผสมโดยการสกัดดว้ ยตัวทำละลายเปน็ วิธกี ารแยกสารทเ่ี ปน็ ของเหลว หรอื ของแข็งปนอยู่กบั ของแขง็ โดยอาศัยสมบตั ิของการละลายของสาร หลักการสำคญั ของการสกดั ด้วยตัวทำละลายคอื การเลอื กตวั ทำละลายท่ี เหมาะสมในการสกัดสารท่ีตอ้ งการออกมาใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด โดยชนิดของตัวทาํ ละลายมีผลตอ่ ชนดิ และปรมิ าณของสารทีส่ กดั ได้ เป้าหมายการเรยี นร/ู้ สาระการเรยี นรู้ 1. ด้านความรู้ 1.1 การแยกสารผสมโดยการสกัดด้วยตวั ทำละลาย 2. ด้านทักษะสำคญั ในการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ 2.1 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1.1 ทักษะการสงั เกต 2.1.2 ทักษะการจำแนกประเภท 2.1.3 ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล 2.1.4 ทกั ษะการตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ 2.1.5 ทกั ษะการตงั้ สมมติฐาน 2.1.6 ทกั ษะการทดลอง 2.2 ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 2.2.1 การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและการแก้ปัญหา 2.2.2 ด้านความร่วมมอื การทำงานเป็นทีมและภาวะผนู้ ำ 2.3 ทักษะการสรา้ งขอ้ โต้แยง้ 2.3.1 มีขอ้ กล่าวอา้ ง

2.3.2 มีเหตุผลสนับสนนุ ข้อกล่าวอา้ ง 2.3.3 มีหลกั ฐานสนบั สนนุ เหตผุ ล 2.3.4 มีข้อกลา่ วอ้างทีต่ า่ งออกไป 2.3.5 การโตแ้ ยง้ กลบั 3. ด้านเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 3.1 ความอยากรอู้ ยากเห็น 3.2 ความละเอียดรอบคอบ 3.3 ความเช่อื มนั่ ตอ่ หลกั ฐาน 3.4 การใช้วิจารณญาณ ช้ินงาน/ภาระงาน - นำเสนอการแยกสารผสมโดยการสกดั ด้วยตัวทำละลายโดยโปรแกรม Powerpoint กจิ กรรมการเรยี นรู้ รปู แบบการเรียนการสอนสรา้ งข้อโตแ้ ย้งในกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ขนั้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจและมอบหมายงาน 1.1 ครูเปดิ วดิ ิโอการแยกสารชนดิ หนงึ่ ให้นกั เรียนดูและต้ังคำถามว่าการแยกสารชนดิ น้ีคือการแยกสารแบบใด 1.2 ครูตัง้ คำถามว่าการแยกสารผสมโดยวิธกี ารสกดั ดว้ ยตวั ทำละลายคืออะไร และสามารถใชแ้ ยกสารอะไรไดบ้ ้าง ให้นักเรียน ตอบโดยการไม่เฉลยวา่ ถูกหรือผิด 1.3 ครมู อบหมายงานให้นกั เรียนโดยการให้ไปศึกษา การแยกสารผสมโดยการสกัดดว้ ยตวั ทำละลาย และออกแบบการทดลอง รวมถึงทำการทดลองพรอ้ มสรปุ ผล โดยทำเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน 1.4 ครแู จกชุดกิจกรรมการเรียนร้เู ร่อื งการแยกสารผสมโดยการสกดั ดว้ ยตัวทำละลาย ให้นกั เรยี นคนละ 1 เล่ม ขนั้ ท่ี 2 สรา้ งขอ้ โตแย้งจากการสำรวจและค้นหา 2.1 นกั เรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4 คนโดยภายในกลมุ่ จะต้องมีหวั หนา้ กลมุ่ สมาชกิ และเลขานกุ าร โดยสมาชิกภายในกลุ่มช่วยกนั ศึกษาการแยกสารผสมโดยการสกัดด้วยตวั ทำละลายและออกแบบการทดลอง 2.2 ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ปฏบิ ัติการทดลองตามแผนท่ไี ดก้ ำหนดไว้ 2.3ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อธิบายถึงประเดน็ ทกี่ ารแยกสารผสมโดยการสกัดด้วยตัวทำละลายมขี อ้ ดแี ละข้อเสีย อยา่ งไร รวมถึงการแยกสารผสมโดยการสกดั ด้วยตวั ทำละลายชนดิ ไหนดที ่ีสดุ 2.4 จากน้นั นกั เรยี นทำการสร้างขอ้ โต้แยง้ โดยมีองค์ประกอบดงั นี้ 1) ข้อกล่าวอ้าง (Claim) เป็นการนำ เสนอผลทไี่ ดจ้ ากการศึกษา คน้ ควา้ ทดลองหรือ เปน็ การนำ เสนอความคดิ เหน็ ของตนเองตอ่ ประเด็นซ่งึ กำลังเป็นทพ่ี จิ ารณา 2) เหตุผลสนบั สนนุ ขอ้ กลา่ วอ้าง (Warrant) เปน็ การใช้เหตุผลในการแสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งขอ้ มลู ท่ีไดจ้ าก การศึกษาค้นควา้ ทดลองกบั ขอ้ กล่าวอา้ ง เพ่อื สนับสนนุ ใหข้ อ้ กล่าวอา้ งท่นี ำเสนอมีความน่าเช่อื ถือ ซึง่ เหตผุ ลสนบั สนนุ ขอ้ กลา่ ว อ้างน้อี าจได้รับการโต้แยง้ หรือคัดคา้ นจากผ้อู นื่ ก็ได้ 3) หลักฐานสนบั สนนุ เหตุผล (Evidence) เปน็ การนำ เสนอข้อเทจ็ จรงิ หรอื ข้อมลู เพือ่ ประกอบการอธบิ ายเหตผุ ลที่ ใช้สนบั สนนุ ข้อกลา่ วอ้าง เพอ่ื ทำ ให้ขอ้ กลา่ วอา้ งนน้ั เป็นท่ียอมรับ โดยหลกั ฐานนัน้ อาจไดม้ าจากการสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ โดยใช้ประสาทสมั ผสั ท้ัง 5 ซ่ึงขอ้ ทไี่ ด้จากการศกึ ษางานวจิ ัยหรือการทดลองอ่ืนทมี่ ีผู้เกบ็ รวบรวมไวแ้ ล้ว ท้งั นีห้ ลักฐานสนบั สนนุ เหตผุ ลจะตอ้ งมาจากแหล่งข้อมูลท่ีมีความน่าเช่อื ถอื หรือสามารถทำการทดลองซํ้าแล้วใหผ้ ล เชน่ เดยี วกับผลทน่ี ำ เสนอได้ 4) ข้อกล่าวอา้ งทีต่ า่ งออกไป (Counter claim) เปน็ ขอ้ โต้แยง้ ท่เี กิดขนึ้ จากการใหเ้ หตุผล ต่อข้อกล่าวอา้ งท่ีมีผนู้ ำ เสนอไวใ้ นตอนแรกซ่งึ แตกต่างไปจากเดมิ กลา่ วคอื เปน็ การใหเ้ หตุผล ตอ่ ขอ้ กล่าวอา้ งจากมมุ มองใหม่ๆ ทผี่ นู้ ำ เสนอขอ้ กลา่ ว

อ้างไม่ไดก้ ลา่ วถึง หรือไม่ได้นำ มาพจิ ารณา ไวใ้ นการนำ เสนอขอ้ กล่าวอ้างในตอนแรก ทำ ใหข้ ้อกลา่ วอ้างเดิมมีความนา่ เชือ่ ถือ น้อยลง เปน็ กระบวนการทีน่ ำ มาใช้เพ่อื หาทางขจดั ขอ้ ผดิ พลาดของข้อกล่าวอา้ งที่ได้สรา้ งขึน้ ไวใ้ นตอนแรก 5) การโต้แยง้ กลบั (Rebuttal) เป็นการโต้แยง้ เพือ่ ทาให้ขอ้ กล่าวอ้างที่ต่างออกไปจาก ํ ข้อกลา่ วอ้างเดิมมคี วาม นา่ เชอ่ื ถือลดลงและตกไปในทส่ี ดุ โดยการหาพยานหลกั ฐานและการให้ เหตุผลทีม่ คี วามนา่ เชือ่ ถือมากกวา่ มาสนบั สนุนเท็จจริง หรอื ข้อมลู ที่เป็นไปได้ เชน่ สี กล่ิน รูปรา่ ง สถานะ เปน็ ตน้ รวมถึงข้อเท็จจรงิ หรือขอ้ มลู ข้ันที่ 3 นำเสนอและรับฟังการประเมนิ แบบกล่มุ 3.1ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการทดลองทไี่ ดอ้ อกแบบและปฏบิ ตั ิกลมุ่ ละ 5-10 นาที โดยนำเสนอเปน็ แผนภาพ 3.2ครูให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั ปรึกษาภายในกลุ่มวา่ การแยกสารผสมโดยการสกัดดว้ ยตัวทำละลายของแต่ละกลมุ่ ชนิดใด เปน็ วิธีทดี่ ที สี่ ดุ รวมถงึ ข้อดีและขอ้ เสียของแตล่ ะชนิด 3.3 ใหต้ วั แทนกล่มุ กลมุ่ ละ 1 คน แสดงความคดิ เหน็ จากการทปี่ รกึ ษากันภายในกล่มุ โดยสลบั กนั แสดงความคิดเห็นจนครบทกุ กลมุ่ โดยมแี หล่งอา้ งอิงทชี่ ัดเจน 3.4 นกั เรยี นร่วมกันสรปุ ประเดน็ ขอ้ โต้แย้งโดยหาขอ้ สรปุ ทีต่ รงกนั แตกต่างกัน ขนั้ ท่ี 4 ทำความเขา้ ใจภายในกลุม่ และสรุปข้อโตแย้งรายบุคคล 4.1 ครูต้ังคำถามเพ่อื สรุปสาระสำคัญของการแยกสารผสมโดยการสกดั ดว้ ยตวั ทำละลาย ดงั น้ี - การแยกสารผสมโดยการสกดั ดว้ ยตวั ทำละลายคอื อะไร - นักเรียนมีวิธีการในการเลอื กตวั ทำละลายทเ่ี หมาะสมอยา่ งไร - จงยกตัวอยา่ งวิธีการแยกสารผสมดว้ ยตัวทำละลายในชวี ติ ประจำวันมาอยา่ งน้อย 2 วิธี 4.2ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ นำขอ้ เสนอแนะจากการแสดงความคดิ เหน็ ของกล่มุ อ่นื และผลจากการสรุปประเดน็ การโตแ้ ยง้ รว่ มกนั มาปรบั ปรงุ แกไ้ ข 4.3ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนเขยี นสรปุ คำอธิบายจากข้อโต้แย้งและข้อสรุปท่ีร่วมกันอภิปรายลงในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้เร่ืองการ แยกสารผสมโดยการสกัดด้วยตวั ทำละลาย ขัน้ ที่ 5 ขยายความรู้สู่เรื่องใหม่ 5.1 ครูเปิดวดิ ิโอการแยกสารชนดิ ต่างๆให้นักเรยี นดูและต้ังคำถามวา่ การแยกสารแต่ละชนิดคือการแยกสารแบบใด 5.2 ครตู ้ังคำถามใหน้ กั เรียนร่วมกันตอบ ดังนี้ - จงยกตวั อยา่ งสารท่ีมีหน้าท่ีเปน็ ตวั ทำละลาย - น้ำดา่ งทบั ทิม ประกอบน้ำและดา่ งทบั ทมิ อะไรเป็นตวั ทำละลาย - ตวั ทำละลายเป็นสว่ นประกอบของอะไร ข้ันที่ 6 การประเมนิ ผล 6.1ครูประเมินด้านความรขู้ องนกั เรยี นโดยการให้นกั เรียนอธิบายการแยกสารผสมโดยการสกดั ด้วยตวั ทำละลายใน ชวี ติ ประจำวนั มาคนละ 1 วิธีและแบบทดสอบปรนยั จำนวน 10 ข้อ 6.2 ครปู ระเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการสงั เกตนักเรยี นระหว่างปฏบิ ตั ิ กิจกรรมต้งั แตต่ น้ จนสน้ิ สดุ กจิ กรรม 6.3 ครูประเมินดา้ นทกั ษะการสรา้ งข้อโตแ้ ยง้ จากการสงั เกตนักเรียนระหว่างปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต้งั แต่ต้นจนสิ้นสดุ กิจกรรม 6.4 ครปู ระเมนิ ดา้ นเจตคติทางวิทยาศาสตร์ โดยสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนระหว่างการปฏิบัติกจิ กรรมตงั้ แต่เร่มิ ปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมจนสน้ิ สดุ กิจกรรม สื่อ/นวตั กรรม และแหล่งเรยี นรู้ - ชดุ กิจกรรม การแยกสารผสมโดยการสกดั ด้วยตัวทำละลาย

- ส่ือวดิ โิ อ การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมนิ วิธีการประเมิน เคร่ืองมือ เกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผา่ นเกณฑ์ ด้านความรู้ - ระดบั เกณฑ์ ดี ผา่ น 1.1 การแยกสารผสมโดย - อธิบายการแยกสารผสม - เกณฑ์การประเมิน โดยใช้ เกณฑ์ การสกัดดว้ ยตวั ทำละลาย โดยการสกัดด้วยตัวทำ Rubrics - ระดบั เกณฑ์ ดี ผา่ น เกณฑ์ ละลายในชวี ติ ประจำวนั - แบบทดสอบปรนยั 10 ขอ้ - ระดบั เกณฑ์ ดี ผา่ น เกณฑ์ มาคนละ 1 วิธี และแบบทดสอบอตั นัย 2 ขอ้ - แบบทดสอบ ดา้ นทักษะ / กระบวนการ 2.1 ทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ 2.1.1 ทกั ษะการสังเกต - สงั เกตพฤติกรรมขณะที่ - แบบสังเกตพฤติกรรม 2.1.2 ทักษะการจำแนก นักเรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ประเภท 2.1.3 ทกั ษะการลง ความเหน็ จากข้อมลู 2.1.4 ทักษะการ ตคี วามหมายขอ้ มลู และลง ขอ้ สรุป 2.1.5 ทักษะการ ตงั้ สมมตฐิ าน 2.1.6 ทกั ษะการทดลอง 2.2 ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 2.2.1 การคดิ อย่างมี - สังเกตพฤติกรรมขณะท่ี - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม วิจารณญาณและการ นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แกป้ ัญหา 2.2.2 ดา้ นความรว่ มมอื การ ทำงานเปน็ ทมี และภาวะ ผนู้ ำ 2.3 ทกั ษะการโตแ้ ย้ง - สังเกตพฤติกรรมขณะที่ - แบบประเมนิ สรา้ งข้อ นกั เรยี นปฏิบตั กิ จิ กรรม โต้แย้ง ด้านคุณลกั ษณะ / เจตคติ 3.1 ความอยากร้อู ยากเห็น - แบบสังเกตพฤตกิ รรม

3.2 ความละเอยี ดรอบคอบ - สังเกตพฤติกรรมขณะที่ - ระดับเกณฑ์ ดี ผา่ น 3.3 ความเชือ่ มน่ั ตอ่ นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรม เกณฑ์ หลักฐาน 3.4 การใชว้ ิจารณญาณ แนวทางแกไ้ ข แบบบนั ทึกหลงั การสอน พฤติกรรมที่พบ ประเดน็ ปญั หาที่พบ 1. ดา้ นพฤตกิ รรมผู้เรยี น 2. ดา้ นการเรียนการสอน

แบบประเมนิ ชน้ิ งาน รวมคะแนน คดิ เป็นรอ้ ยละ สรปุ กำหนดเกณฑ์ประเมินไว้ทร่ี ้อยละ 70 เปน็ เกณฑผ์ า่ น เลขที่ ชอื่ -นามสกลุ ผลการประเมนิ 12345 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 รวม หมายเหตุ 1 หมายถึง เนอ้ื หาครบถ้วน 2 หมายถงึ พูดไม่ตดิ ขัด 3 หมายถึง อธบิ ายได้เขา้ ใจ 4 หมายถึง มีการยกตัวอย่างประกอบ 5 หมายถึง กลา้ แสดงออก ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมนิ ............/............/...........

แบบประเมนิ ทักษะสำคญั ในการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ ทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมคะแนน คา่ เฉลี่ย ระดบั ทกั ษะกระบวนการ ทกั ษะใน ทกั ษะการสรา้ ง ทางวทิ ยาศาสตร์ ศตวรรษที่ ขอ้ โต้แย้ง 21 123456 1 2 12345 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 รวม หมายเหตุ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1 ทกั ษะการสงั เกต 2 ทกั ษะการจำแนกประเภท 3 ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู 4 ทักษะการตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ 5 ทักษะการต้ังสมมตฐิ าน 6 ทักษะการทดลอง

ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 1 การคิดอย่างมวี ิจารณญาณและการแกป้ ญั หา 2 ด้านความรว่ มมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผูน้ ำ ทักษะการสร้างขอ้ โตแ้ ย้ง 1 มีข้อกล่าวอ้าง 2 มเี หตผุ ลสนบั สนนุ ข้อกล่าวอ้าง 3 มหี ลกั ฐานสนบั สนนุ เหตุผล 4 มขี อ้ กล่าวอ้างท่ีต่างออกไป 5 มีการโตแ้ ยง้ กลับ คะแนนเฉลี่ยระหวา่ ง 4.51 - 5.00 ระดบั ดเี ยีย่ ม 3.51 - 4.50 ระดับ ดมี าก 2.51 - 3.50 ระดับ ดี 1.51 - 2.50 ระดับ พอใช้ 1.00 - 1.50 ระดับ ปรับปรุง ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน ............/............/............

แบบประเมินดา้ นคณุ ลกั ษณะ/เจตคติ เลขที่ ชื่อ-นามสกุล เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ รวมคะแนน คา่ เฉลยี่ ระดบั 1234 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 รวม หมายเหตุ 1 ความอยากรอู้ ยากเห็น 2 ความละเอยี ดรอบคอบ 3 ความเชือ่ ม่ันตอ่ หลักฐาน 4 การใชว้ ิจารณญาณ คะแนนเฉลี่ยระหวา่ ง 4.51 - 5.00 ระดบั ดเี ยย่ี ม 3.51 - 4.50 ระดับ ดีมาก 2.51 - 3.50 ระดบั ดี 1.51 - 2.50 ระดบั พอใช้ 1.00 - 1.50 ระดบั ปรับปรุง

ลงชื่อ.................................................ผ้ปู ระเมนิ ............/............/............

รายการประเมนิ เกณฑป์ ระเมนิ แบบทดสอบ ปรับปรงุ คะแนนท่ไี ด้ เกณฑ์พิจารณาคุณภาพ ตำ่ กว่า 11 คะแนน ดีมาก ดี พอใช้ 20 - 18 คะแนน 17 - 15 คะแนน 14 - 12 คะแนน รายงานการ เกณฑ์การประเมนิ ชิน้ งาน ประเมนิ คำอธิบายระดบั คุณภาพ 1234 5 กล้าแสดงออก เนอ้ื หาครบถ้วน พูดไม่ตดิ ขดั อธิบายไดเ้ ข้าใจ มีการยกตวั อย่าง กลา้ พดู กล้า สบตากบั ผู้ฟงั มี อธิบายเนอื้ หาได้ เวลาอธิบายไม่ อธบิ ายใหผ้ ู้ฟัง ประกอบ ทา่ ทาง ครบถ้วนสมบรณ์ พดู ติดขัดและเวน้ เขา้ ใจและถูกตอ้ ง มกี ารยกตัวอย่าง ประกอบการ ชว่ งในการพูด ประกอบในการ อธบิ าย นาน อธิบายมากกว่า 1 ตัวอยา่ ง เกณฑใ์ นการใหป้ ระเมนิ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยการใหค้ ะแนนรบู รคิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑก์ ารให้คะแนน 1. ทักษะการสงั เกต 1. ใชป้ ระสาทสัมผสั อยางใดอยา่ งหนึ่งหรอื หลายอย่างรวมกันเพ่อื สัมผัส โดยตรงกับวัตถุ ประสบการณ์ หรอี สถานการณ์ 2. บนั ทกึ การสังเกตในเชงิ คณุ ภาพ 3. บนั ทึกการสงั เกตในเชิงปริมาณ 4. ไม่ใส่ความคดิ เหน็ ส่วนตวั ของผูส้ งั เกตลงไปในส่งิ ทสี่ ังเกต 5. บนั ทึกการสงั เกตในเชงิ การเปล่ียนแปลง 2.ทกั ษะการจำแนกประเภท 1. กำหนดเกณฑใ์ นการจำแนกประเภทดว้ ยตนเองได้ 2. แบ่งวัตถหุ รอื เหตุการณอ์ อกเปน็ กลมุ่ ๆตามเกณฑ์ทต่ี ้ังขน้ึ เองได้ 3. จัดเรยี งวัตถุหรือเหตุการณต์ ามเกณฑ์ท่ตี งั้ ขึ้นเองได้ 4. แบ่งวัตถุหรอื เหตกุ ารณ์ออกเป็นกล่มุ ๆตาม เกณฑท์ ผ่ี ูอ้ ่นื กำหนดใหไ้ ด้ 5.จดั เรยี งวัตถุหรือเหตกุ ารณต์ ามเกณฑ์ทผ่ี ู้อื่นกำหนดให้ได้ ปฏบิ ตั ิ 5 ขอ้ : 5 คะแนน 3.ทกั ษะการลงความคิดเหน็ จากขอ้ มลู ปฏบิ ัติ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. รวบรวมขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสงั เกตอยา่ งเปน็ ระบบ ปฏิบตั ิ 3 ขอ้ : 3 คะแนน 2. สามารถอธบิ ายเก่ยี วกนขอ้ มูลทีร่ วบรวมมาได้ ปฏิบตั ิ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 3. สามารถอธิบายผลจากการวเิ คราะหข์ ้อมูลได้ ปฏิบตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 4. ยอมรับการเปลีย่ นแปลงการลงความคดิ เห็น

เม่ือมีขอ้ มลู เพมิ่ เดมิ 5. ยอมรับการเปล่ียนแปลงการลงความคดิ เห็น เมอ่ื มขี อ้ มลู เพม่ิ เติมอย่างเพยี งพอ 4.ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ 1. ตคี วามหมายของข้อมูลทม่ี ีอยอู ยา่ งตรงไปตรงมา 2. ตคี วามหมายของข้อมูลทม่ี อี ยอู ย่างตรงไปตรงมาและ คลอ่ งแคล่ว 3. บรรยายลักษณะของข้อมูลทมี่ อี ยู่ได้ 4. บรรยายสมบัตขิ องขอ้ มลู ท่ีมอี ยไู่ ด้ 5. ใชท้ กั ษะอ่นื ๆ เชน่ การสังเกต การคำนวณประกอบในการ ตคี วามข้อมูล 1 ทกั ษะ 5.ทกั ษะการต้งั สมมตฐิ าน 1.ตัง้ สมมตฐิ านได้สอดคลอ้ งกบั ปัญหา 2.แสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างเหตุและผลไดอ้ ย่างชัดเจน 3.แสดงคำตอบลว่ งหน้าโดยอาศยั ความรเู้ ดมิ จากการสังเกต 4.ใชค้ วามสมั พันธข์ องตวั แปรตน้ กับตัวแปรตาม 5.ต้งั สมมตฐิ านไดช้ ัดเจน 6.ทักษะการทดลอง 1.กำหนดวธิ กี ารทดลองได้ถูกตอ้ งเหมาะสมโดย คำนึงถงึ ตวั แปรตน้ ตัวแปรตามและตวั แปรท่ีตอ้ งควบคุม 2. ระบุอุปกรณห์ รอื สารเคมีที่จะต้องใชใ้ นการทดลอง ถกู ตอ้ งและเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั กิ ารทดลองได้ 4. ใช้อุปกรณห์ รือสารเคมไิ ด้ถูกด้องเหมาะสม 5. บนั ทกึ ผลการทดลองไดค้ ลองแคลว่ และถูกต้อง เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ดว้ ยการให้คะแนนรบู ริคทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 เกณฑ์การให้คะแนน 1.การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ัญหา ปฏบิ ัติ 5 ข้อ : 5 คะแนน 1. เขา้ ใจบริบทและขอบเขตของปัญหาทีเ่ กดิ ขน้ึ ปฏบิ ัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 2. รวบรวมขอ้ มลู จากข้อมลู เดิมทม่ี อี ยู่และขอ้ มลู ท่ศี ึกษา ปฏิบตั ิ 3 ขอ้ : 3 คะแนน เพิม่ เติม ปฏบิ ัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 3. หาวิธแี ก้ปัญหาโดยใชข้ ้อมลู จากการวเิ คราะห์ ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 4. ไมย่ ดึ ความคิดเห็นของตนเองเปน็ หลกั 5. ใช้เหตใุ ช้ผลพจิ ารณา โดยอาศัยการศกึ ษาขอ้ มลู แยกแยะขอ้ มลู

2.ดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู ำ 1. ทำงานรว่ มกนั อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. เคารพการตัดสินใจของกลมุ่ 3. รับผิดชอบร่วมกนั 4. เหน็ คุณค่าของเพอื่ น 5. มปี ฏิสมั พนั ธ์กนั ในกลุ่ม เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะสร้างข้อโตแ้ ยง้ ด้วยการใหค้ ะแนนรบู ริคทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ทักษะการสรา้ งข้อโต้แยง้ ปฏบิ ัติ 5 ข้อ : 5 คะแนน 1. มขี ้อกล่าวอ้าง ปฏิบัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน ปฏบิ ตั ิ 3 ขอ้ : 3 คะแนน 2. มเี หตผุ ลสนับสนนุ ขอ้ กล่าวอา้ ง ปฏิบตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน 3. มหี ลักฐานสนบั สนนุ เหตผุ ล ปฏบิ ตั ิ 1 ข้อ : 1 คะแนน 4. มีข้อกล่าวอ้างท่ตี ่างออกไป 5. การโตแ้ ย้งกลับ เกณฑ์ในการใหป้ ระเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตรด์ ว้ ยการใหค้ ะแนนรูบรคิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 1.ความอยากร้อู ยากเห็น 1. มคี วามสนใจในเร่ืองทีเ่ รยี น 2. กระตือรือรน้ ต่อกจิ กรรมท่ปี ฏิบัติ 3. ชอบซกั ถาม 4. ร่วมแสดงความคดิ เหน็ ต่างๆ 5. มคี วามพอใจท่จี ะแสวงหาความรูใ้ นสถานการณใ์ หม่ๆ ปฏบิ ตั ิ 5 ขอ้ : 5 คะแนน 2.ความละเอียดรอบคอบ ปฏบิ ัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. มีการวางแผนการทำงานและจดั ระบบการทำงาน ปฏิบัติ 3 ขอ้ : 3 คะแนน 2. ทำงานอยางมีระเบียบและเรยี บรอ้ ย ปฏบิ ัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 3. นำวิธกี ารหลายๆวธิ มี าตรวจสอบผล, นำวิธีการหลายๆ ปฏบิ ัติ 1 ข้อ : 1 คะแนน วิธีมาใช้ 4. มีความละเอยี ดถถ่ี ว้ นในการทำงาน 5. ตรวจสอบความเรียบร้อยของงาน 3.ความเชือ่ มนั่ ตอ่ หลกั ฐาน 1. สบื ค้นหาหลักฐานจากการสงั เกต 2. สืบค้นหาหลกั ฐานจากการทดลอง 3. มคี วามพยายามในการสบื คน้ หาหลกั ฐาน

4. ใช้ขอ้ มลู เหตผุ ล เพ่ืออธบิ ายข้อโต้แยง้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ 5. ใชข้ ้อมลู เหตุผล ท่คี ้นหาสนบั สนนุ คำอธิบายของตน 4.การใชว้ ิจารณญาณ 1. รวบรวมแนวคิดจากแหล่งต่างๆ 2. วเิ คราะหข์ ้อมูลก่อนตัดสินใจ 3. หาเหตผุ ลสนบั สนนุ ก่อนการตดั สนิ ใจ 4. ยอมรับความไมส่ อดคลอ้ งกนั ของข้อมูล 5. ไมย่ ดึ ความคดิ เห็นของฝ่ายใดฝา่ ยหนงึ่

ชดุ กิจกรรมการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การแยกสารผสมโดยการสกดั ดว้ ย ตวั ทาละลาย ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนวดั นาเหล่าบก (สมั ฤทธ์ิราษฎร วิทยา) ชือ่ ………………………………………………………………. นางสาวพรสุภา เอกฉตั ร

คานา ชุดกจิ กรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ย่อยท่ี 5 เร่ืองการ แยกสารผสมโดยการสกดั ด้วยตัวทาละลายโดยจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน ตามแนวทางการปฏริ ูปการเรียนรู้ คือเน้นผู้เรียนเป็นสาคญั จดั กิจกรรม การ เรียนรู้ท่หี ลากหลายผู้เรียนสามารถเรียนรู้และปฏบิ ัตกิ จิ กรรมด้วยตนเอง ตาม ศกั ยภาพและความสามารถของผู้เรียนอย่างเป็นลาดบั ข้นั ตอน เพ่ือให้ผู้เรียน เป็นผู้ท่มี ีความรู้ความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ เข้าใจธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อกี ท้งั พัฒนาผู้เรียนให้มี ทกั ษะในการแสวงหาความรู้และ ดารงชีวิตในโลกการเปล่ียนแปลงอย่างรู้เทา่ ทนั เม่ือผู้เรียนศกึ ษาชุดกจิ กรรมการ เรียนร้วู ิทยาศาสตร์น้ีแล้วผู้เรียนจะมี ความร้คู วามเข้าใจ เพราะได้เรียนร้เู ป็น ระบบเป็นข้นั ตอนสามารถพัฒนาความร้คู วามสามารถได้เตม็ ศกั ยภาพ และ สามารถสร้างองคค์ วามร้ไู ด้ด้วยตนเองผู้จดั ทาหวงั เป็นอย่างย่ิงว่าชุดกจิ กรรม การเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ชุดน้ี จะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงแก่ผู้เรียนครผู ู้สอนและผู้ท่ี สนใจนาไปใช้ในการพัฒนาเยาวชนไทย ให้เป็นบุคคลแห่งการ เรียนร้แู ละนา ความร้ไู ปประยุกตใ์ ช้ในการดารงชีวติ ได้อย่างมคี วามสขุ ผู้จัดทา นางสาวพรสภุ า เอกฉัตร

สารบญั ก ข คานา ค สารบญั 1 คาช้ ีแจง กจิ กรรมการเรียนรู้ 5 - กจิ กรรมท่ี 1 7 ใบความรู้ 7 การวดั และประเมินผล 11 แบบทดสอบ 13 แบบประเมินช้ ินงาน 13 แบบประเมินทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ 13 แบบประเมินทกั ษะทางศตวรรษท่ี 21 16 แบบประเมินทกั ษะการสร้างข้อโต้แย้ง แบบประเมินด้านคุณลักษณะ / เจตคติ

คาช้ ีแจง หน่วยการเรียนรู้ย่อยท่ี 5 เร่ืองการแยกสารผสมโดยการสกดั ด้วยตัวทาละลาย กลุ่ม สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาศึกษาปี ท่ี 2 ในชุดกจิ กรรม การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ย่อยท่ี 5 เร่ืองการแยกสารผสมโดยการสกดั ด้วย ตัวทาละลายมีจุดมุ่งหมายเพ่ือช่วยให้การดาเนินกจิ กรรมการเรียนร้บู รรลุตามตัวช้ีวดั และ จุดประสงค์ การเรียนร้แู ละมปี ระสทิ ธภิ าพผู้สอนควรเตรียมความพร้อมและปฏิบัติตาม คาแนะนา ดงั ต่อไปน้ี 1. ศกึ ษารายละเอยี ดเก่ยี วกบั แผนจัดการเรียนร้เู น้ือหาท่สี อนเอกสารชุดกจิ กรรมการ เรียนร้วู ิทยาศาสตร์และคาช้ีแจงต่างๆ ให้เข้าใจก่อนดาเนินกจิ กรรมการเรียนรู้ 2. เตรียมส่อื อุปกรณใ์ นการจดั กจิ กรรมการเรียนร้ใู ห้พร้อม และครบจานวนนักเรียน ใน ช้ันเรียนแต่ละกลุ่ม 3. เม่อื มีกจิ กรรมกลุ่มให้แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆ กนั ให้มีการเลือกประธาน และเลขานุการกลุ่ม และแบ่งหน้าท่ี ความรับผิดชอบแก่สมาชิกในกลุ่ม 4. ก่อนจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ครูควรช้ีแจงให้นักเรียนเข้าใจบทบาทของตนเอง แนะนา ข้ันตอน การใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ แนวปฏบิ ตั ิในระหว่างการ ดาเนิน กจิ กรรมการเรียนร้แู ล้ว จึงให้ทาแบบทดสอบหลังเรียน 5. ขณะท่นี ักเรียนทากจิ กรรมครคู อยให้ความช่วยเหลือแนะนากระต้นุ ให้นักเรียนทา กจิ กรรมอย่างกระตอื รือร้น และตอบข้อสงสยั ต่างๆ ระหว่างเรียนพร้อมท้งั สังเกตและ ประเมนิ พฤติกรรมการทางานของนักเรียน 6. เม่อื นักเรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมครบถ้วน ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนแล้วนา ผลทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแจ้งให้นักเรียนทราบความก้าวหน้าทางการเรียน 7.การวดั และประเมนิ ผลประเมินจากแบบทตสอบก่อนเรียนและหลังเรียน สงั เกต พฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงานกลุ่มประเมินผลการปฏบิ ัติงานตรวจกจิ กรรม 8. เม่อื ส้นิ สดุ การปฏบิ ัติกจิ กรรมการเรียนรู้ ครูให้นักเรียนร่วมตรวจสอบเกบ็ ชุดกจิ กรรม การเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ วสั ดุส่งิ ของและอปุ กรณใ์ ห้เรียบร้อยเพ่ือสะดวกในการใช้คร้ัง ต่อไป

กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมที่ 1 นกั เรียนออกแบบการทดลอง ชื่อการทดลอง ............................................................................................................... จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1............................................................................................................ 2............................................................................................................ 3............................................................................................................ สมมติฐาน ............................................................................................................... วสั ดุ/อปุ กรณ์ 1.................................................................... 2.................................................................... 3.................................................................... 4.................................................................... 5....................................................................

วิธีทากิจกรรม (พรอ้ มวาดภาพประกอบ) 1.................................................................................................. 2....................................................................................

3.................................................................................................. 4....................................................................................

5................................................................................. บนั ทึกผลการทากจิ กรรม/ทดลอง ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... คาถามทา้ ยกิจกรรม จงบอกหลักการของการเลือกตวั ทาละลายท่นี ามาใช้ในการ สกดั ............................................................................... ...............................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook