Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Published by dutchaneesaeoaw, 2021-09-25 13:35:24

Description: ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดกิจกรรม

Search

Read the Text Version

2 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง Flowchart

3 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง Flowchart

4 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง บันทึกผลการทำกิจกรรม/ทดลอง ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ สรุปผลการทดลอง ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................

5 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง ข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้น 1) ข้อกล่าวอ้าง (Claim) ............................................................................................................... ............................................................................................................... ............................................................................................................... 2) เหตุผลสนับสนุนข้อกล่าวอ้าง (Warrant) ............................................................................................................... ............................................................................................................... ............................................................................................................... 3) หลักฐานสนับสนุนเหตุผล (Evidence) ............................................................................................................... ............................................................................................................... ............................................................................................................... 4) ข้อกล่าวอ้างที่ต่างออกไป (Counter claim) ............................................................................................................... ............................................................................................................... ............................................................................................................... 5) การโต้แย้งกลับ (Rebuttal) ............................................................................................................... ............................................................................................................... ...............................................................................................................

6 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง คำถามท้ายกิจกรรมการเรียนรู้ 1. สารละลายจุนสีประกอบด้วยสารใดบ้างที่เป็นตัวละลาย และตัวทำละลาย ตอบ....................................................................................................... ................................................................................................................ ................................................................................................................ 2. ก่อนให้ความร้อนแก่สารละลายจุนสี สารละลายจุนสีมี ลักษณะอย่างไร ตอบ....................................................................................................... ................................................................................................................ ................................................................................................................ 3. ภายหลังให้ความร้อนแก่สารละลายจุนสีจนแห้ง สารที่ เหลืออยู่ในถ้วยกระเบื้องมีลักษณะอย่างไรและเกิดขึ้นได้ อย่างไร ตอบ....................................................................................................... ................................................................................................................ ................................................................................................................ 4. การแยกสารในกิจกรรมนี้ทำได้อย่างไร และเรียกวิธีการ แยกสารนี้ว่าอะไร ตอบ....................................................................................................... ................................................................................................................ ................................................................................................................

7 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง ใบความรู้ การระเหยแห้ง การแยกสารละลายซึ่งประกอบด้วยตัวทำละลายที่เป็น ของแข็งในตัวทำละลายของเหลว โดยใช้ความร้อนทำให้ ระเหยอย่างช้า ๆ ให้เหลือแต่ของแข็ง การแยกสารด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับใช้แยกสารผสมที่เป็น ของเหลวและมีของแข็งละลายในของเหลวนี้ จนทำให้สาร ผสมมีลักษณะเป็นของเหลวใส ซึ่งเรียกสารผสมนี้ว่า สารละลาย เช่น น้ำทะเล น้ำเชื่อม น้ำเกลือ เป็นต้น การแยก สารโดยวิธีการระเหยแห้งนิยมใช้ในการแยกเกลือออกจากน้ำ ทะเล การนำเกลือแยกจากน้ำทะเล ให้ได้เกลือสมุทรโดยวิธี การระเหยแห้ง

8 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง ใบความรู้ การเก็บรักษาจุลินทรีย์โดยวิธีการระเหยแห้ง หลักการ อาศัยหลักการดึงน้ำออกจากเซลล์ภายใต้สภาวะสูญ ญากาศในขณะที่ตัวอย่างเป็นของเหลว (ระเหย) แตกต่างจากวิธีระเหิดแห้ง(Freeze Drying) ซึ่งใช้ หลักการการดึงน้ำออกจากเซลล์ในขณะที่น้ำอยู่ในสภาวะ ของแข็ง(ระเหิด) ที่ต้องแช่แข็งตัวอย่างก่อนทำแห้ง ทำให้ การเก็บรักษาโดยวิธีการระเหยแห้งใช้เวลาการเก็บรักษาน้อย กว่าวิธีระเหิดแห้ง และสามารถใช้เก็บรักษาจุลินทรีย์ที่ไม่ สามารถทนสภาวะแช่แข็งได้ ข้อดี สามารถเก็บรักษาจุลินทรีย์ได้หลายชนิด เช่น แบคทีเรียและยีสต์ส่วนใหญ่ รวมถึงราที่สร้างสปอร์หลาย กลุ่ม สามารถเก็บรักษาจุลินทรีย์ได้นานถึง 10 ปี หรือ มากกว่า เมื่อเก็บในที่มืดอุณห๓ูมิ 4-10 ํ C สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องได้ แต่อายุการเก็บ รักษาจะสั้นลง หากเก็บไว้ที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน

9 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง แบบทดสอบ 1. วิธีการใดที่ใช้แยกตัวทำละลายและตัวถูกละลายออกจากสารละลายได้ ก. การตกผลึก ข. การระเหย ค. การกลั่น ง. ได้ทั้ง 3 วิธี 2. การแยกน้ำทะเลโดยวิธีการระเหยแห้งสุดท้ายจะได้สิ่งใด ก. น้ำตาล ข. ดิน ค. เกลือ ง. ทราย 3. การผสมใดต่อไปนี้ที่แยกออกจากกันได้ด้วยการระเหยแห้ง ก. เกลือป่นกับน้ำ ข. น้ำมันพืชกับน้ำ ค. ข้าวเปลือกกับแกลบ ง. ผงตะไบเหล็กกับทราย 4.นักเรียนจะแยกสารผสมที่ประกอบด้วยน้ำหวานจากช่อดอกมะพร้าวและน้ำได้โดยใช้การ ทดลองตามตัวเลือกใด ก. ละลายน้ำแล้วกรอง ข. กลั่นแบบธรรมดา ค. ละลายในตัวทำละลายแล้วทำโครมาโทกราฟี ง. ระเหยแห้ง 5.จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อให้ความร้อนกับสารผสมทำให้ตัวทำละลายระเหยจนหมด ก. เป็นผลึก ข. ตกตะกอน ค. เกล็ดผง ง. ไอน้ำ

10 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง แบบทดสอบ 6. ถ้าต้องการจะแยกสารละลายโซเดียมคลอไรด์ออกจากกัน ควรใช้วิธีในตัวเลือกแบบใด ก. การกรอง ข. การกลั่น ค. การระเหยแห้ง ง.ได้ทั้ง 3 วิธี 7. นักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่าสารละลายที่มีอยู่เป็นสารละลายอิ่มตัว ก. เติมตัวถูกละลายเพิ่มแต่ไม่ละลาย ข. ต้มสารละลายเป็นเวลานาน ค. ให้ความร้อนถึง 100 องศาเซลเซีียส ง. สารละลายเปลี่ยนสี 8. ของแข็งที่ได้จากการระเหยแห้งจัดเป็นสารประเภทใด ก. สารแขวนลอย ข. สารบริสุทธิ์ ค. สารละลาย ง. สารคอลลอยด์ 9. สารผสมชนิดใดที่สามารถแยกออกจากกันด้วยวิธีการระเหยแห้งได้ ก. น้ำมันกับน้ำ ข. เอทานอลกับน้ำ ค. สารละลายจุนสีกับน้ำ ง. สีผสมอาหารกับน้ำ 10. ข้อใดหมายถึงการระเหยแห้ง ก. การวางสารผสมทิ้งไว้เวลานานให้เกิดการแบ่งตัวเป็นชั้น ข. การให้ความร้อนกับสารผสมจนทำให้ตัวทำละลายระเหยออกจนหมดเหลือเพียงตัวละลาย ค. การต้มสารผสมเข้าด้วยกันแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นจนเกิดเป็นผลึก ง. การกรองสารผสมออกจากกันด้วยกระดาษกรอง

11 กิจกรรมการเรียนรู้ ก า ร แ ย ก ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แ ห้ง เฉลยแบบทดสอบ ___ข_้อ_______เฉ_ล_ย__________________________________ 1ง 2ค 3ก 4ง 5ค 6ค 7ก 8ข 9ค 10 ข

เอกสารหมายเลข 4 แบบบันทกึ หนว่ ยการเรยี นรู้ย่อย (แผนการจดั การเรียนรู)้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง สารละลายและสารผสม หน่วยการเรยี นร้ยู อ่ ยท่ี 2 เรอื่ ง การแยกสารผสมโดยการตกผลึก รหสั วิชา/ช่ือวิชา วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 เวลา 3 ชั่วโมง ผูส้ อน นายดนสุ รณ์ วีระพิศาลกุล โรงเรียน เทศบาล 1 (วดั แจง้ ) มาตรฐานการเรยี นรู้: สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสารความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสสารกับโครงสร้างและแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสารการเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ตวั ชว้ี ดั :1. อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างงา่ ย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัด ดว้ ยตัวทําละลาย โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ 2. แยกสารโดยการระเหยแหง้ การตกผลกึ การกลน่ั อย่างงา่ ย โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ การสกดั ด้วยตวั ทำละลาย จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการ ตกผลึก โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. สามารถแยกสารโดยการตกผลึก สาระสำคัญ :การตกผลกึ เปน็ การแยกสารละลายทีป่ ระกอบดว้ ยตวั ละลายท่เี ป็นของแข็งใน ตัวทำละลายทเี่ ปน็ ของเหลวโดย ทำให้สารละลายอมิ่ ตัว แลว้ ปลอ่ ยใหต้ วั ทำละลายระเหยออกไปบางส่วน ตัวละลายจะตกผลึกแยกออกมา เป้าหมายการเรยี นรู้ 1. ดา้ นความรู้ - การตกผลกึ เปน็ การแยกสารละลายท่ีประกอบดว้ ยตัวละลายท่เี ป็นของแข็งใน ตัวทำละลายทเ่ี ปน็ ของเหลวโดยทำ ใหส้ ารละลายอม่ิ ตัว แลว้ ปล่อยให้ตวั ทำละลายระเหยออกไปบางส่วน ตวั ละลายจะตกผลึกแยกออกมา 2. ด้านทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร/์ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21/ 2.1 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2.1.1 การสังเกต 2.1.2 การจดั กระทำและส่อื ความหมายขอ้ มูล 2.1.3 การลงความเหน็ จากข้อมลู 2.1.4 การทดลอง 2.1.5 ทักษะการตคี วามหมาย ข้อมลู และลงข้อสรุป 2.1.6 ทักษะการตั้งสมมตฐิ าน 2.2 ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 2.2.1 ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปัญหา 2.2.2 ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผนู้ ำ 2.3 ทกั ษะการสร้างขอ้ โต้แย้ง 3. ดา้ นเจตคติ - 3.1 มีความอยากรู้อยากเห็น 3.2 ความมงุ่ มานะ อดทน 3.3 ความใจกวา้ ง 3.4 การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง 3.5 การเช่ือมน่ั ตอ่ หลักฐาน 3.6 ความละเอยี ดรอบคอบ ชนิ้ งาน/ภาระงาน - สรุปผลการทดลองโดยผา่ นสอื่ เทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรยี นรู้ รูปแบบการเรยี นการสอนสร้างข้อโตแ้ ย้งในกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ขนั้ ที่ 1 สร้างความสนใจและมอบหมายงาน 1.1ครูทบทวนความรเู้ ดมิ จากนนั้ ครูนำก้อนสารส้มและลวดกำมะหยท่ี ดี่ ัดเปน็ รปู ร่างทม่ี สี ารส้มมาเกาะมาให้ นกั เรยี นได้ศึกษา 1.2 จากนน้ั ครูใช้คำถามในการกระตุ้นความสนใจ เพื่อเชื่องโยงกบั ความรูเ้ ดมิ 1.2.1 นกั เรยี นจำได้ไหมครับวา่ การแยกสารมกี ่วี ิธี 1.2.2 ไหนลองยกตัวอย่างการแยกสารมาใหค้ รฟู ังหน่อยครับ 1.2.3 แลว้ ทำไมถงึ ตอ้ งมกี ารแยกสารตงั้ หลายวิธีดว้ ยหละครับ 1.2.4 นกั เรยี นรไู้ หมครับว่าในมอื ของครู(สารสม้ )คอื อะไรครับ 1.2.5 นักเรียนลองยกตกอยา่ งการตกผลึกท่ีนกั เรียนพบเจอในชีวิตประจำวนั 1.2.6 แลว้ นกั เรยี นรไู้ หมครบั วา่ สารสม้ ก่อนทจ่ี ะมาเป็นก้อนแบบนตี้ อ้ งมกี รรมวธิ ีอยา่ งไรครบั 1.2.7 ง้ันเรามาหาคำตอบกันครับ 1.3 แจกลวดกำมะหย่ีใหน้ กั เรยี นคนละ 1 เส้น ใหน้ ักเรียนดดั เปน็ รปู รา่ งท่ตี อ้ งการพร้อมกบั แจกชดุ กจิ กรรม ข้ันที่ 2 สรา้ งขอ้ โตแยง้ จากการสำรวจและคน้ หา 2.1 ครูทำการแบ่งกล่มุ นกั เรียน(โดยเดก็ นกั เรียนจะตอ้ งคละกันไป) จำนวน 5 กลุ่ม ให้แต่ละกลมุ่ เลอื กหวั หน้า และ รองหวั หน้า จากน้ันแตล่ ะกลมุ่ ทำการทดลองทคี่ รเู ตรยี มมา แต่ละกลมุ่ จะไดอ้ ุปกรณ์พร้อมทงั้ ครูอธิบายวิธกี ารใชง้ านดงั นี้ 1. ตะเกยี บกลมุ่ ละ 6 อนั 2. เสน้ ดา้ ย 3. บกี เกอร์ 250 ml 2 อัน 4. แท่งคนสาร 5. สารส้ม 6. ลวดกำมะหยี่ 7. ถังแก๊สปคิ นคิ 1 ถัง (ใชด้ ว้ ยกันทงั้ หอ้ ง) 8. หมอ้ 1 หมอ้ (ใชด้ ว้ ยกนั ทง้ั หอ้ ง) 9. กระบวย 1 อนั (ใชด้ ว้ ยกนั ทง้ั หอ้ ง) วิธีทำการทดลอง 1. เตมิ น้ำใสห่ ม้อจากนน้ั ตม้ น้ำแลว้ ใส่สารสม้ คนไปเรื่อย ๆ รอใหล้ ะลายจนหมดแล้วใสส่ ารสม้ เพ่มิ ไปเร่อื ย ๆ จนกว่าจะไม่ ละลาย ในระหวา่ งนัน้ ใหน้ ำเส้นดา้ ยมาผกู กับตรงกลางของตะเกยี บปลายอกี ขา้ งผกู กบั ลวดกำมะหยที่ ี่ดัดรปู ตามทนี่ กั เรยี น ตอ้ งการ(เป็นงานสว่ นตวั ) แล้วต้องทำแบบน้ีเพมิ่ อกี 1 ชดุ แต่จะใชส้ ารสม้ ที่เป็นกอ้ นแทนลวดกำมะหย(่ี เปน็ งานของกลุม่ )โดย ระยะเสน้ ด้ายหลงั จากผกู กบั ชนิ้ งานเรยี บรอ้ ยแลว้ ชิน้ งานจะต้องอยู่ตรงกลางของบกี เกอร์ 2. เมื่อสารละลายสารสม้ อมิ่ ตวั แลว้ ทำการแบ่งใส่บีกเกอรท์ ง้ั 2 อนั เมือ่ เติมเสร็จบกี เกอรท์ ่ี 1 ตั้งทง้ิ ไว้ไม้ต้องทำอะไร บีกเกอร์ ท่ี 2 ใส่สารส้มที่ผูกกบั ตะเกียบลงไป ให้ตะเกียบคำ้ อย่ทู ่ีปากบีกเกอร์ หลงั จากนัน้ ใส่ลวดกำมะหยท่ี ผี่ ูกกับตะเกียบลงไปในหม้อ ทีเ่ หลือสารละลายอยู่ สงั เกตและบนั ทกึ ผลการทดลอง(หากมีมอื ถอื สามารถถ่ายรปู ไว้ได้) 3. ตงั้ ทง้ิ ไว้จนถงึ คาบเรยี นถดั ไป 4. สังเกตความเปลยี่ นแปลงและบันทึกผลการทดลอง 5. จากนน้ั นกั เรยี นทำการสร้างข้อโตแ้ ย้ง โดยมอี งคป์ ระกอบดงั นี้ 1) ข้อกลา่ วอ้าง (Claim) เป็นการนำ เสนอผลทไี่ ดจ้ ากการศกึ ษา คน้ คว้า ทดลองหรือ เป็นการนำ เสนอความคิดเหน็ ของตนเองต่อประเดน็ ซ่งึ กำลังเปน็ ทีพ่ จิ ารณา

2) เหตุผลสนบั สนนุ ข้อกลา่ วอ้าง (Warrant) เปน็ การใชเ้ หตุผลในการแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งข้อมูลที่ได้จาก การศกึ ษาค้นคว้าทดลองกบั ขอ้ กล่าวอา้ ง เพือ่ สนับสนนุ ใหข้ ้อกลา่ วอา้ งที่นำเสนอมีความนา่ เช่ือถือ ซง่ึ เหตุผลสนบั สนุนขอ้ กลา่ ว อ้างนอ้ี าจได้รับการโตแ้ ยง้ หรอื คดั คา้ นจากผอู้ ื่นกไ็ ด้ 3) หลกั ฐานสนบั สนุนเหตุผล (Evidence) เปน็ การนำ เสนอข้อเท็จจรงิ หรือข้อมูลเพือ่ ประกอบการอธิบายเหตุผลที่ ใช้สนบั สนนุ ขอ้ กล่าวอา้ ง เพือ่ ทำ ให้ข้อกลา่ วอา้ งนนั้ เป็นทย่ี อมรบั โดยหลกั ฐานน้ันอาจไดม้ าจากการสงั เกตปรากฏการณต์ า่ งๆ โดยใชป้ ระสาทสมั ผัสทั้ง 5 ซง่ึ ขอ้ ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษางานวิจยั หรอื การทดลองอน่ื ทีม่ ผี เู้ ก็บรวบรวมไว้แลว้ ท้งั นหี้ ลกั ฐานสนับสนุน เหตผุ ลจะตอ้ งมาจากแหล่งข้อมูลทม่ี ีความน่าเช่อื ถอื หรือสามารถทำการทดลองซํา้ แล้วให้ผล เชน่ เดยี วกบั ผลที่นำ เสนอได้ 4) ข้อกลา่ วอา้ งทีต่ ่างออกไป (Counter claim) เป็นขอ้ โตแ้ ย้งทเี่ กิดขน้ึ จากการให้เหตผุ ล ตอ่ ข้อกลา่ วอ้างท่ีมผี ้นู ำ เสนอไวใ้ นตอนแรกซ่งึ แตกต่างไปจากเดิม กลา่ วคอื เปน็ การใหเ้ หตผุ ล ตอ่ ข้อกลา่ วอา้ งจากมมุ มองใหมๆ่ ทผ่ี ้นู ำ เสนอข้อกลา่ ว อา้ งไมไ่ ดก้ ลา่ วถงึ หรือไม่ได้นำ มาพิจารณา ไวใ้ นการนำ เสนอขอ้ กล่าวอ้างในตอนแรก ทำ ใหข้ อ้ กล่าวอ้างเดิมมคี วามน่าเช่ือถือ นอ้ ยลง เป็นกระบวนการท่นี ำ มาใช้เพอ่ื หาทางขจดั ขอ้ ผดิ พลาดของขอ้ กลา่ วอ้างทีไ่ ด้สร้างขึน้ ไวใ้ นตอนแรก 5) การโตแ้ ยง้ กลับ (Rebuttal) เปน็ การโตแ้ ยง้ เพ่ือทาให้ข้อกล่าวอา้ งทต่ี า่ งออกไปจาก ํ ข้อกลา่ วอา้ งเดมิ มีความ น่าเชอื่ ถอื ลดลงและตกไปในทีส่ ดุ โดยการหาพยานหลักฐานและการให้ เหตผุ ลทีม่ คี วามน่าเชอ่ื ถือมากกว่ามาสนบั สนุนเทจ็ จรงิ หรอื ขอ้ มูลท่เี ป็นไปได้ เชน่ สี กลิ่น รปู รา่ ง สถานะ เปน็ ตน้ รวมถงึ ข้อเทจ็ จริงหรอื ขอ้ มลู 2.2 นักเรียนสรปุ ผลการทดลองโดยผ่านสอ่ื เทคโนโลยีเพื่อนำเสนอในคาบถดั ไป ขน้ั ที่ 3 นำเสนอและรบั ฟงั การประเมินแบบกลมุ่ 3.1 นกั เรียนนำเสนอสิ่งที่ไดท้ ำการทดลองพรอ้ มท้งั อธิบายถงึ ขอ้ โตแ้ ยง้ ทเี่ กิดขน้ึ ภายในกล่มุ ทีละกลุม่ 3.2 ใหน้ กั เรียนกลุม่ อน่ื ประเมนิ ขอ้ มลู ที่เพื่อนนำเสนอมาทลี ะกล่มุ ขนั้ ท่ี 4 ทำความเข้าใจภายในกลมุ่ และสรุปขอ้ โตแยง้ รายบุคคล 4.1 หลงั จากทกุ กลุ่มนำเสนอเสร็จแล้วให้แตล่ ะกลุม่ มาทำความเขา้ ใจภายในกล่มุ 4.2 แล้วสรุปขอ้ โต้แย้งรายบคุ คลตามความเขา้ ใจของตนเอง ขั้นท่ี 5 ขยายความร้สู ูเ่ รอ่ื งใหม่ 5.1 ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ท่ีอยากรูเ้ พิ่มเตมิ เพื่อขยายไปสแู่ นวคิดใหม่ 5.2 ครูตง้ั คำถามจากชนิ้ งานของนักเรยี นเพอ่ื ตอ่ ยอดความร้ขู องนักเรียน คำถาม : นกั เรยี นคิดว่าการตกผลกึ มีประโยชน์อย่างไรบา้ ง คำถาม : นักเรยี นจะนำเร่อื งการตกผลกึ ไปตอ่ ยอดไดท้ ำอะไรได้บา้ ง(ฝากคำถามทิ้งท้ายไวต้ อบกไ็ ด้ไมต่ อบก็ได้) ขัน้ ท่ี 6 การประเมินผล 6.1 ประเมนิ ดา้ นความรู้ -ประเมนิ การใชส้ ่อื เทคโนโลยีในการอธิบายการการตกผลึก ใช้เกณฑ์การประเมินแบบ Rubric Score -ประเมินการทำแบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะทางศตวรรษท่ี 21 และ -ประเมินโดยการสงั เกตพฤติกรรมทน่ี กั เรยี นแสดงออกมาระหวา่ งกำลังทำกจิ กรรม โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ใช้เกณฑก์ าร ประเมนิ แบบ Rubric Score 6.3 ประเมนิ ดา้ นเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ -ประเมินโดยการสังเกตพฤตกิ รรมทนี่ กั เรียนแสดงออกมาระหวา่ งกำลังทำกจิ กรรม โดยใชแ้ บบสังเกต พฤตกิ รรม ใช้เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubric Score สอ่ื /นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้ - ชดุ กจิ กรรม - สือ่ การเรยี นรู้ - นวัตกรรมการเรยี นรู้

การวดั และประเมินผล วิธกี ารประเมนิ เครื่องมือ เกณฑ์ ประเด็นการประเมนิ - ผา่ นเกณฑ์ 70 % - ตรวจชิน้ งาน - เกณฑก์ ารประเมิน -ดีผ่านเกณฑ์ ดา้ นความรู้ - การทดสอบ ประเมนิ จากการอธบิ าย 1การตกึ ผลกึ เนอื้ หาไดค้ รบถว้ น -ดผี า่ นเกณฑ์ ความคิดสร้างสรรค์ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ - ข้อสอบ 2.1 ทกั ษะกระบวนการ -สงั เกตพฤตกิ รรมขณะทำ -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ทางวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรม 2.1.1 การสงั เกต 2.1.2 การจัดกระทำและ สอ่ื ความหมายข้อมลู 2.1.3 การลงความเหน็ จาก ข้อมลู 2.1.4 การทดลอง 2.1.5 ทกั ษะการ ตีความหมาย ข้อมูลและลง ข้อสรปุ 2.1.6 ทกั ษะการ ตัง้ สมมตฐิ าน 2.2 ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 2.2.1 ทกั ษะดา้ นการคิด อย่างมวี จิ ารณญาณ และ ทักษะในการแกป้ ญั หา 2.2.2 ทกั ษะด้านความ รว่ มมอื การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผ้นู ำ 2.3 ทกั ษะการ สร้างขอ้ โต้แยง้ ด้านคุณลักษณะเจตคติ -แบบสังเกตพฤติกรรม 3.1 มคี วามอยากร้อู ยาก -สังเกตพฤตกิ รรมขณะทำ เหน็ กิจกรรม 3.2 ความมงุ่ มานะ อดทน 3.3 ความใจกวา้ ง 3.4 การเช่อื มน่ั ต่อหลกั ฐาน 3.5 ความละเอยี ด รอบคอบ



แบบบันทกึ หลงั การสอน พฤติกรรมท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ประเด็นปัญหาที่พบ 1. ดา้ นพฤตกิ รรมผู้เรยี น 2. ดา้ นการเรียนการสอน

แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั ชอื่ -นามสกุล ทกั ษะกระบวนการทาง รวม คา่ เฉล่ยี ระดบั ที่ วิทยาศาสตร์ * คะแนน 123456 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * หมายถึง 1 ทักษะการสงั เกต 2 ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 3 ทักษะการตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุป 4 ทกั ษะการตง้ั สมมติฐาน 5 ทกั ษะการทดลอง 6 ทักษะการจดั กระทำและสือ่ ความหมายขอ้ มูล

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1. ทกั ษะการสงั เกต ปฏิบตั ิครบทกุ ขอ้ : 3 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดับขัน้ ปฏบิ ัติบางข้อ : 2 คะแนน 1. ใชป้ ระสาทสมั ผสั อยางใดอยา่ งหน่งึ หรือ ปฏิบัติ 1 ข้อ : 1 คะแนน หลายอย่างรวมกันเพ่อื สมั ผัส โดยตรงกบั วัตถุ ประสบการณ์ หรอื สถานการณ์ 2. บันทกึ การสงั เกตในเชงิ คุณภาพ 3. บนั ทึกการสงั เกตในเชิงปริมาณ 4. ไมใ่ ส่ความคดิ เหน็ ส่วนตัวของผู้สงั เกตลง ไปในส่งิ ที่สงั เกต 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู พฤติกรรมตามลำดบั ขัน้ 1. รวบรวมความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการสังเกตอย่าง เป็นระบบ 2. สามารถอธบิ ายเกี่ยวกบั ข้อมูลท่ีรวบรวม มาได้ 3. สามารถอธบิ ายผลจากการวเิ คราะห์ ข้อมลู ได้ 4. สรา้ งโมเดลความคดิ หรอื สูตรจากข้อมูล ท่ีสังเกตได้ 5. ยอมรบั การเปลย่ี นแปลงการลงความ คดิ เห็นเม่ือมีขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ 6. ยอมรับการเปลย่ี นแปลงการลงความ คิดเหน็ เมอื มีขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ อยา่ งเพียงพอ 3. ทักษะการตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ 1. ตคี วามหมายของขอ้ มลู ท่ีมีอยู่อยา่ ง ตรงไปตรงมา 2. ตคี วามหมายของข้อมูลที่มีอยอู่ ยา่ ง คลอ่ งแคล่ว 3. บรรยายลักษณะของขอ้ มลู ทมี ีอยไู ด้่ 4. บรรยายสมบตั ิของขอ้ มลู ทมี อี ยไู ด้

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การใหค้ ะแนน 4. ทกั ษะการตง้ั สมมตฐิ าน พฤตกิ รรมตามลำดบั ขน้ั 1. สมมตขิ ้อความขึ้นกอ่ นมีการทดลองจรงิ อ้างองิ ความจรงิ 2. ข้อความบอกถงึ ข้อมลู ที่ต้องการรวบรวม 3. ขอ้ ความบอกความสัมพันธ์ระหวางตวั แปรท่ีเกย่ี วข้อง 1 คู่ 4. ขอ้ ความบอกความสัมพันธร์ ะหวางตัว แปรที่เก่ยี วขอ้ งมากกว่า 1 คู่ 5. ตวั แปรกำหนดจากปญั หาและผลต่อตวั แปรตาม 1 ตัว 6. ตวั แปรกำหนดจากปัญหาและผลต่อตวั แปรตามมากกวา 1 ตวั ปฏิบตั คิ รบทุกข้อ : 3 คะแนน 5. ทกั ษะการทดลอง ปฏบิ ัติบางขอ้ : 2 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดบั ขัน้ ปฏิบตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 1. กำหนดวธิ กี ารทดลองได้ถูกตอ้ ง เหมาะสมโดยคำนึงถงึ ตัวแปรต้น ตวั แปรตามและตวั แปรที่ต้องควบคุม 2. ระบอุ ปุ กรณห์ รือสารเคมีทจี่ ะตอ้ งใชใ้ น การทดลองถกู ต้องและเหมาะสม 3. ปฏิบตั กิ ารทดลองได้ 4. ใช้อุปกรณห์ รือสารเคมีได้ถกู ตอ้ ง เหมาะสม 5. บันทึกผลการทดลองได้คลอ่ งแคล่วและ เหมาะสม

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 6. ทักษะการจดั กระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มูล ปฏบิ ัติครบทุกขอ้ : 3 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดบั ขนั้ ปฏบิ ตั บิ างข้อ : 2 คะแนน 1. เลอื กรูปแบบท่ีจะใช้ในการเสนอขอ้ มูลได้ ปฏิบตั ิ 1 ข้อ : 1 คะแนน เหมาะสม 2. บอกเหตผุ ลในการเลอื กรปู แบบที่จะใช้ ในการเสนอขอ้ มลู ได้ 3. ออกแบบการเสนอข้อมูลให้อยูในรปู ใหม่ ที่เข้าใจดขี ึ้นได้ 4. เปลย่ี นแปลงข้อมลู ให้อยใู นรปู ใหมท่ ่ี เขา้ ใจดขี ึ้นได้ 5. บรรยายลักษณะของสงิ่ ใดสงิ่ หนงึ่ ด้วย ขอ้ ความท่ีเหมาะสม กะทัดรดั จนส่ือความหมายให้ ผอู้ น่ื เข้าใจได้ 6. บรรยายหรอื วาดแผนผังแสดงตำแหนง่ ของภาพจนสื่อความหมายให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจได้

แบบประเมนิ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 และทักษะการสรา้ งข้อโต้แย้ง ลำดั ชอ่ื -นามสกลุ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ รวมคะแนน คา่ เฉลี่ย ระดบั บท่ี 21และทกั ษะการสร้าง (9) (3) ขอ้ โตแ้ ย้ง* 123 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * หมายถงึ 1 การคดิ อย่างมีวิจารณญาณและการแกป้ ัญหา 2 ดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ ำ 3 ทักษะการโตแ้ ย้ง

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. ทักษะความร่วมมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะ ปฏิบัติครบทุกข้อ : 3 คะแนน ผ้นู ำ ปฏบิ ตั ิบางข้อ : 2 คะแนน ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน พฤตกิ รรมทพ่ี งึ มี 1. รับฟังความคดิ เหน็ ผู้อนื่ 2. เคารพซึ่งกนั และกนั 3. ทำงานร่วมกันอย่างมเี หตุผล 2. การคดิ อย่างมีวิจารณญาณและการแกป้ ญั หา พฤติกรรมทพ่ี งึ มี 1. เข้าใจบริบทและขอบเขตของปญั หาท่ี เกดิ ข้นึ 2. รวบรวมข้อมลู จากขอ้ มลู เดิมที่มีอย่แู ละ ขอ้ มลู ทศ่ี ึกษาเพ่มิ เตมิ 3. หาวิธแี กป้ ัญหาโดยใชข้ ้อมูลจากการ วเิ คราะห์ 4. ไม่ยดึ ความคดิ เห็นของตนเองเปน็ หลกั 5. ใชเ้ หตใุ ชผ้ ลพจิ ารณา โดยอาศยั การศึกษา ขอ้ มลู แยกแยะข้อมลู

ทกั ษะการโตแ้ ย้ง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมตามลำดบั ข้ัน ปฏิบตั ิครบทุกข้อ : 3 คะแนน 1. ข้อกล่าวอา้ ง ปฏิบตั ิบางข้อ : 2 คะแนน 2. เหตุผลสนับสนุนขอ้ กล่าวอา้ ง ปฏิบัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 3. หลกั ฐานสนบั สนุนเหตผุ ล 4. ขอ้ กลา่ วอ้างที่ต่างออกไป 5. การโตแ้ ยง้ กลับ

แบบประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ลำดับที่ ชอื่ -นามสกลุ เจตคติทาง รวมคะแนน(15) คา่ เฉล่ยี ระดบั วทิ ยาศาสตร์ (3) 1 2 * 3 4 12345 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * หมายถงึ 1 มีความอยากรูอ้ ยากเห็น 2 ความมุ่งมานะ อดทน 3 ความใจกว้าง 4 การเช่อื มนั่ ตอ่ หลักฐาน 5 ความละเอยี ดรอบคอบ

เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. ความอยากรู้อยากเห็น ปฏบิ ตั ิครบทกุ ขอ้ : 3 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดบั ขนั้ ปฏิบัติบางข้อ : 2 คะแนน 1. มคี วามสนใจในเรื่องท่ีเรยี น ปฏิบตั ิ 1 ข้อ : 1 คะแนน 2. กระตอื รอื รน้ ตอ่ กจิ กรรมทป่ี ฏิบตั ิ 3. ชอบสนทนาซกั ถาม 2. ความม่งุ มานะ อดทน พฤติกรรมตามลำดบั ขั้น 1 เอาใจใส่ต่อการปฏบิ ตั ิหนา้ ทท่ี ีไ่ ด้รบั มอบหมาย 2 ตั้งใจและรับผิดชอบในการทำงานใหส้ ำเรจ็ 3 ปรับปรุงและพัฒนาการทำงานดว้ ยตนเอง 4 ท่มุ เททำงาน อดทน ไมย่ ่อท้อตอ่ ปญั หาและ อุปสรรคในการทำงาน 5 พยายามแก้ปญั หาและอปุ สรรคในการทำงาน ให้สำเรจ็ ตามเปา้ หมาย 3. ความใจกวา้ ง พฤตกิ รรมตามลำดบั ขน้ั 1. รับฟังความคิดเหน็ ของเพอ่ื น 2. ยอมรบั การทำงานรว่ มกับเพอ่ื นไมย่ ดึ ตัวเองเปน็ หลัก 3. ตระหนักและยอมรับข้อจำกดั ของความร้ทู ่ี ค้นพบในปัจจบุ นั

เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 4. ความเชื่อมัน่ ตอ่ หลักฐาน ปฏิบัตคิ รบทุกข้อ : 3 คะแนน พฤตกิ รรมตามลำดบั ขั้น ปฏิบัตบิ างขอ้ : 2 คะแนน ปฏิบตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 1. ใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษท์ ่ีไดจ้ ากการ สงั เกต การทดลองหรอื การสร้างแบบ จำลอง เพือ่ ใช้สนับสนนุ การอธบิ ายทาง วิทยาศาสตร์ 2. ใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์ท่ไี ดจ้ ากการ สงั เกต การทดลองหรอื การสร้างแบบ จำลอง เพือ่ ใชโ้ ต้แย้งกบั คำอธบิ ายที่ แตกต่างหรือไมส่ อดคล้อง กับคำอธิบาย ของตนเอง 3. แสวงหาสาเหตขุ องเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ และ หาความสมั พันธ์ของสาเหตุนน้ั กบั ผลที่ เกดิ ขึ้นได้ 5. ความละเอียดรอบคอบ พฤติกรรมตามลำดบั ขัน้ 1. มกี ารวางแผนการทำงานและจัดระบบการ ทำงาน 2. ทำงานอยางมรี ะเบยี บและเรียบรอ้ ย 3. นำวธิ กี ารหลายๆวิธมี าตรวจสอบผล, นำ วิธีการหลายๆวิธมี าใช้ 4. มคี วามละเอยี ดถถี่ ว้ นในการทำงาน 5. ตรวจสอบความเรยี บรอ้ ยของงาน

เกณฑ์ประเมนิ แบบทดสอบ รายการประเมิน เกณฑ์พจิ ารณาคณุ ภาพ คะแนนทไ่ี ด้ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง 9-10 คะแนน ต่ำกว่า 5 คะแนน 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ชิ้นงาน รายงานการ 5 (ดมี าก) คำอธบิ ายระดับคณุ ภาพ 1(ปรบั ปรงุ ) ประเมิน มคี รบทงั้ 5 ข้อ มี 1 ข้อ 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1. เนอ้ื หา มี 4 ข้อ มี 3 ข้อ มี 2 ข้อ ครบถ้วน 2. เนอ้ื หา ถูกตอ้ ง 3.อธิบายเน้อื หา ได้ครบถ้วน ถูกตอ้ ง 4. พดู ไม่ตดิ ขดั 5. ช้ินงานมี ความสวยงาม

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การตกผลึก ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่............ โรงเรียน เทศบาล ๑ (วัดแจ้ง) ชื่อ.........................................................เลขที่.......

คำนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ย่อยที่ 2 เรื่อง การแยกสารผสมโดยการตกผลึก กิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวทาง การปฏิรูปการเรียนรู้ คือเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลาก หลายผู้เรียนสามารถเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ตามศักยภาพและ ความสามารถของผู้เรียนอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มี ความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ เข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี อีกทั้งพัฒนาผู้เรียนให้มี ทักษะในการแสวงหาความรู้และดำรงชีวิต ในโลกการเปลี่ยนแปลงอย่างรู้เท่าทันเมื่อผู้เรียนศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์นี้แล้วผู้เรียนจะมี ความรู้ความเข้าใจ เพราะได้เรียนรู้เป็นระบบเป็น ขั้นตอนสามารถพัฒนาความรู้ความสามารถได้เต็มศักยภาพ และสามารถสร้าง องค์ความรู้ได้ด้วยตนเองผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ชุดนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้เรียนครูผู้สอนและผู้ที่สนใจนำ ไปใช้ในการพัฒนาเยาวชนไทย ให้เป็นบุคคลแห่งการ เรียนรู้และนำความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข ผู้จัดทำ นายดนุสรณ์ วีระพิศาลกุล

สารบัญ หน้า เรื่อง 1 1. คำชี้แจงในการศึกษาชุด กิจกรรมสำหรับนักเรียน 2 7 2.กิจกรรม เรื่อง การตกผลึก 8 3. คำถามท้ายกิจกรรม 11 4. ใบความรู้ 5. แบบทดสอบหลังเรียน

คำชี้แจง หน่วยการเรียนรู้ย่อยที่ 5 เรื่องก ารแยกสารผสมโดยการสกัดด้วย ตัวทำละลาย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการ เรียนรู้ย่อยที่ 5 เรื่องการแยกสารผสมโดยการสกัดด้วยตัวทำละลายมีจุด มุ่งหมายเพื่อช่วยให้การดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุตามตัวชี้วัดและ จุดประสงค์ การเรียนรู้และมีประสิทธิภาพผู้สอนควรเตรียมความพร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้ 1. ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับแผนจัดการเรียนรู้เนื้อหาที่สอนเอกสารชุด กิจกรรมการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และคำชี้แจงต่างๆ ให้เข้าใจก่อนดำเนิน กิจกรรมการเรียนรู้ 2. เตรียมสื่ออุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้พร้อม และครบ จำนวนนักเรียน ในชั้นเรียนแต่ละกลุ่ม 3. เมื่อมีกิจกรรมกลุ่มให้แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กันให้มีการ เลือกประธานและเลขานุการกลุ่ม และแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบแก่ สมาชิกในกลุ่ม 4. ก่อนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครูควรชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจบทบาท ของตนเอง แนะนำขั้นตอน การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แนวปฏิบัติในระหว่างการ ดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว จึงให้ทำแบบ ทดสอบหลังเรียน

คำชี้แจง 5. ขณะที่นักเรียนทำกิจกรรมครูคอยให้ความช่วยเหลือแนะนำกระตุ้นให้ นักเรียนทำกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น และตอบข้อสงสัยต่างๆ ระหว่าง เรียนพร้อมทั้งสังเกตและประเมินพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน 6. เมื่อนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมครบถ้วน ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลัง เรียนแล้วนำผลทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแจ้งให้นักเรียนทราบ ความก้าวหน้าทางการเรียน 7.การวัดและประเมินผลประเมินจากแบบทตสอบก่อนเรียนและหลัง เรียน สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานกลุ่มประเมินผลการปฏิบัติงาน ตรวจกิจกรรม 8. เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ครูให้นักเรียนร่วมตรวจสอบ เก็บชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วัสดุสิ่งของและอุปกรณ์ให้ เรียบร้อยเพื่อสะดวกในการใช้ครั้งต่อไป

1 คำชี้แจงในการศึกษาชุดกิจกรรมสำหรับนักเรียน ! ให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ศึกษาจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำชุดกิจกรรม 2.ปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอนในชุดกิจกรรม 3.หากมีข้อสงสัยระหว่างการทำกิจกรรมการเรียนรู้ให้รีบปรึกษาครู ผู้สอนทันที 4.ทำแบบทดสอบ

2 กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมที่ 1 นักเรียนออกแบบการท ดลอง ชื่อการทดลอง................................................................................ สมมติฐาน 1............................................................................................................. 2............................................................................................................. 3............................................................................................................. วัสดุ/อุปกรณ์ 1............................................................................................................. 2............................................................................................................. 3............................................................................................................. 4............................................................................................................. 5............................................................................................................. 6............................................................................................................. 7............................................................................................................. 8............................................................................................................. 9............................................................................................................. 10..........................................................................................................

3 วิธีทำกิจกรรม (พร้อมวาดภาพประกอบหรือติดรูประหว่างทำกิจกรรม) 1......................................................................... .......................................................................... 2...................................................................................................................................................

4 วิธีทำกิจกรรม (พร้อมวาดภาพประกอบหรือติดรูประหว่างทำกิจกรรม) 3......................................................................... .......................................................................... 4...................................................................................................................................................

5 วิธีทำกิจกรรม (พร้อมวาดภาพประกอบหรือติดรูประหว่างทำกิจกรรม) 5......................................................................... .......................................................................... 6...................................................................................................................................................

6 บันทึกผลการทำกิจกรรม/ทดลอง .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้น 1) ข้อกล่าวอ้าง (Claim) …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………….................................... 2) เหตุผลสนับสนุนข้อกล่าวอ้าง (Warrant) …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………...................................... 3) หลักฐานสนับสนุนเหตุผล (Evidence) …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………….................................... 4) ข้อกล่าวอ้างที่ต่างออกไป (Counter claim) …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………...................................... 5) การโต้แย้งกลับ (Rebuttal) …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………......................................

7 คำถามท้ายกิจกรรม 1. การตกผลึกเกิดขึ้นได้อย่างไร ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. ตัวทำละลายที่ใช้ในการตกผลึกควรมีคุณสมบัติอย่างไร ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 3. บอกประโยชน์ของการตกผลึกอย่างน้อย 3 ข้อ ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................

8 ใบความรู้ ผลึก คือ ของแข็งที่เป็นสารชนิดเดียว มีลักษณะเฉพาะตัว มีรูป ทรงเรขาคณิต มีเหลี่ยม มีมุม ผิวหน้าเรียบ ที่แยกตัวออกมาจาก สารละลายอิ่มตัว การตกผลึก คือ ปรากฏการณ์ที่ของแข็งที่เป็นตัวละลายแยกออก จากสารละลายอิ่มตัว เมื่อสารละลายอิ่มตัวมีอุณหภูมิลดลง ถ้าสารละลายอิ่มตัวเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว จะเกิดผลึกที่มีขนาด เล็ก แต่ถ้าสารละลายอิ่มตัวเย็นตัวลงอย่างช้า ๆ จะเกิดผลึกที่มี ขนาดใหญ่ ผลึกที่สมบูรณ์ของสารต่างชนิดกันจะมีรูปทรงที่แตก ต่างกัน

9 ใบความรู้ วิธีตกผลึกที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ การตกผลึกในสารละลายด้วย ตัวทำละลายที่เหมาะสม ตัวทำละลายที่ใช้ในการตกผลึก ควรมี คุณสมบัติดังนี้ - ละลายสารที่ต้องการตกผลึกได้ดีในขณะร้อน ​- จุดเดือดของตัวทำละลายไม่สูงมาก ​- ต้องมีจุดเดือดต่ำกว่าจุดเดือดของสารที่ต้องการตกผลึก ​- ควรให้ผลึกที่มีรูปร่างดี ​- ติดไฟได้ยาก ​- มีราคาถูก ขั้นตอนในการตกผลึก 1. เลือกตัวทำละลายที่เหมาะสม 2. บดสารที่ต้องการตกผลึกให้ละเอียด ใส่ในภาชนะที่มีตัวทำ ละลายอยู่เล็กน้อย 3. อุ่นสารให้มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นช้าๆ พร้อมกับเติมตัวทำละลายลง ไปจนมีปริมาณพอสมควร ทำให้สารละลายที่ได้เป็นสารละลายอิ่ม ตัว แล้วอุ่นสารละลายต่อไปจนอุณหภูมิใกล้เคียงกับจุดเดือดของ ตัวทำละลาย เพื่อให้ผลึกที่บดละเอียดละลายหมด 4. กรองในขณะที่สารละลายยังร้อน 5. ปล่อยให้สารละลายที่ได้จากการกรองเย็นลงช้า ๆ อย่าให้ถูก กระทบกระเทือนหรือเคลื่อนไหว เพื่อให้ได้รูปผลึกที่สวยงาม 6. ผลึกที่ตกครั้งแรกอาจไม่บริสุทธิ์เพียงพอ ต้องตกผลึกใหม่อีก ครั้งเพื่อให้มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น

10 ใบความรู้ ประโยชน์ของการตกผลึกในชีวิตประจำวัน - การทำนาเกลือ - การทำน้ำตาลทราย แหล่งที่มา : https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33072 https://siamrath.co.th/n/121019

11 แบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่อง การตกผลึก 1. ข้อใดหมายถึงการตกผลึก ก. การแยกตัวของตัวละลายจากสารละลายอิ่มตัว ข. การแยกตัวของตัวทำละลายจากสารละลายอิ่มตัว ค. การแยกตัวของตัวละลายจากสารละลายเข้มข้น ง. การแยกตัวของตัวทำละลายจากสารละลายเข้มข้น 2. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสารละลายอิ่มตัวเย็นตัวลง ก. เกิดตะกอน ข. เกิดผลึก ค. สารละลายจะแยกชั้นกันชัดเจน ง. สารละลายจะขุ่นและข้นขึ้น 3. นักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่าสารละลายที่มีอยู่เป็นสารละลายอิ่มตัว ก. เติมตัวทำละลายเพิ่มแล้วไม่ละลายแล้ว ข. คนสารละลายในนานขึ้น ค. เติมตัวละลายเพิ่ม ง. ให้ความร้อนแก่สารละลายเพิ่ม

12 แบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่อง การตกผลึก 4. ผลึกที่ได้จากการตกผลึกจัดเป็นสารใด ก. สารละลาย ข. สารแขวนลอย ค. สารบริสุทธิ์ ง. สารคอลลอยด์ 5. ข้อใดเป็นการแยกสารโดยการตกผลึก ก. การทำนาเกลือ ข. การแยกน้ำมันดิบ ค. การทำน้ำมันหอมระเหยจากพืช ง. การสกัดสีจากดอกกระเจี๊ยบ 6. ถ้าสารละลายอิ่มตัวเย็นลงอย่างรวดเร็วผลึกจะมีลักษณะอย่างไร ก. ละเอียด ข. ใหญ่ ค. กลาง ง. เล็ก

13 แบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่อง การตกผลึก 7. ตัวทำละลายที่ใช้ในการตกผลึก ไม่ควรมีลักษณะใดต่อไปนี้ ก. ละลายสารที่ต้องการตกผลึกได้ดีในขณะร้อน ​ข. จุดเดือดของตัวทำละลายที่สูงมาก ค​ . ต้องมีจุดเดือดต่ำกว่าจุดเดือดของสารที่ต้องการตกผลึก ง​ . ควรให้ผลึกที่มีรูปร่างดี 8. ทำไมในการตึกผลึกจึงต้องทุบสารที่จะทำการตึกผลึกให้ละเอียด ก. เพื่อให้ติดไฟได้ง่าย ข. เพื่อให้ได้ผลึกที่ใส่ ค. เพื่อให้ละลายได้ดี ง. เพื่อความประหยัด 9. ถ้ามีการขยับภาชนะขณะสารละลายอิ่มตัวกำลังตกผลึกจะเป็น อย่างไร ก. ผลึกจะขึ้นรูปอย่างสวยงาม ข. ผลึกจะขึ้นรูปไม่สวยงาม ค. ผลึกไม่ขึ้นรูป ง. ผลึกขึ้นรูปเร็วขึ้น

14 แบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่อง การตกผลึก 10. ผลึกจุนสีมีลักษณะอย่างไร ก. ข. ค. ง

15 เฉลย แบบทดสอบ ข้อ คำตอบ 1. ก 2.ข 3. ก 4. ค 5. ก 6. ง 7. ข 8. ค 9. ข 10. ง

เอกสารหมายเลข 4 แบบบนั ทกึ หน่วยการเรยี นรู้ยอ่ ย (แผนการจดั การเรยี นร)ู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง สารและลายและสารผสม หน่วยการเรยี นรยู้ อ่ ยท่ี 3 เรือ่ งการแยกสารผสมโดยการกล่ันอย่างง่าย รหสั วชิ า/ชอื่ วชิ า วิทยาศาสตร์กายภาพ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เวลา 3 ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาวประกายฟา้ บุญหลาย โรงเรยี น วัดเป่ยี มนิโครธาราม มาตรฐานการเรียนรู้ ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสารความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบัติของสสารกบั โครงสร้างและแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสารการเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี ตวั ช้ีวัด 1. อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลกึ การกลนั่ อยา่ งงา่ ย โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตวั ทำละลาย โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์ 2. แยกสารโดยการระเหยแหง้ การตกผลกึ การกลน่ั อยา่ งง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตัวทำ ละลาย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการกลน่ั อยา่ งงา่ ย 2. แยกสารผสมโดยการกลนั่ อย่างง่าย สาระสำคัญ การกล่นั อย่างงา่ ยเปน็ การแยกสารละลายทป่ี ระกอบดว้ ยตัวละลายและตวั ทำละลายทเี่ ป็นของเหลวทีม่ ีจดุ เดือด ตา่ งกนั มาก วิธนี ีจ้ ะแยกของเหลวบรสิ ทุ ธิอ์ อกจากสารละลายโดยให้ความร้อนกับสารละลาย ของเหลวจะเดือดและกลายเปน็ ไอแยกจากสารละลายแล้วควบแนน่ กลับเป็นของเหลวอกี คร้ังขณะท่ีของเหลวเดอื ดอุณหภมู ขิ องไอจะคงที่ เป้าหมายการเรียนร/ู้ สาระการเรยี นรู้ 1. ด้านความรู้ การแยกสารผสมโดยการกลน่ั อย่างงา่ ย 2. ดา้ นทกั ษะสำคัญในการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ 2.1 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2.1.1 ทกั ษะการสังเกต 2.1.2 ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมลู 2.1.3 ทกั ษะการตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ 2.1.4 ทกั ษะการต้งั สมมติฐาน 2.1.5 ทกั ษะการทดลอง 2.1.6 ทักษะการจัดกระทำและสอื่ ความหมายขอ้ มลู 2.2 ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 2.2.1 การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ัญหา

2.2.2 ดา้ นความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้นำ 2.2.3 ด้านการสือ่ สารสารสนเทศและการร้เู ท่าทนั สอ่ื 2.3 ทกั ษะการสร้างขอ้ โตแ้ ยง้ 3. ดา้ นเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 3.1 ความอยากรู้อยากเหน็ 3.2 ความละเอยี ดรอบคอบ 3.3 ความใจกว้าง 3.4 การใช้วิจารณญาณ 3.5 ความซอ่ื สตั ย์ ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. ช้นิ งานอธบิ ายการกล่นั อยา่ งง่ายผ่าน PowerPoint กิจกรรมการเรยี นรู้ รปู แบบการเรียนการสอนสรา้ งขอ้ โต้แยง้ ในกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ขั้นที่ 1 สรา้ งความสนใจและมอบหมายงาน 1.1 ครใู ชค้ ำถามกระต้นุ ใหน้ กั เรยี นสนใจดังต่อไปน้ี - นกั เรียนคดิ วา่ ว่าน้ำทะเลด่มื ไดห้ รอื ไม่ - หากตักน้ำทะเลมาด่มื เลยจะมรี สชาติอย่างไร - นกั เรยี นเชือ่ หรือไม่ว่าน้ำทะเลสามารถดมื่ ได้ - นกั เรียนคดิ ว่าบนโลกนม้ี ีประเทศท่ีดม่ื นำ้ จากทะเลหรอื ไม่ - ประเทศท่ีเขาดื่มนำ้ จากทะเลเขาทำกันอยา่ งไร 1.2 ครูแบ่งกลมุ่ ใหน้ ักเรยี น กลมุ่ ละ 5 คน และแจกชดุ กิจกรรมใหน้ กั เรยี นทกุ คน 1.3 เมอ่ื นกั เรยี นศึกษาเอกสารเสรจ็ สนิ้ จึงมอบหมายงานใหน้ ักเรียนทำการทดลองแยกสารโดยวธิ กี ารกล่ัน อย่างงา่ ย และออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรียน ขน้ั ที่ 2 สรา้ งขอ้ โตแยง้ จากการสำรวจและคน้ หา 2.1 นักเรียนศกึ ษาความรู้จากชุดกิจกรรมที่ได้มอบหมายให้ 2.2 ครูแนะนำอุปกรณ์การทดลอง วิธีใช้ และขอ้ ควรระวัง 2.3 ครใู หน้ ักเรยี นมารับอปุ กรณ์การทดลองเพอ่ื นำไปทำการทดลอง 2.4 นักเรยี นทำการทดลองและบนั ทกึ ผลการทดลองลงในตารางบันทึกผล 2.5 นักเรียนนำขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการทดลองมาสรุปร่วมกนั ภายในกลมุ่ และสรา้ งชน้ิ งาน PowerPoint ประกอบการอธบิ ายจากนนั้ นักเรียนทำการสรา้ งขอ้ โต้แยง้ โดยมอี งค์ประกอบดังนี้ 1) ขอ้ กล่าวอา้ ง (Claim) เปน็ การนำ เสนอผลทไี่ ดจ้ ากการศึกษา คน้ คว้า ทดลองหรอื เปน็ การนำ เสนอความคดิ เห็น ของตนเองตอ่ ประเด็นซึง่ กำลงั เปน็ ที่พิจารณา 2) เหตผุ ลสนบั สนนุ ขอ้ กลา่ วอา้ ง (Warrant) เป็นการใช้เหตุผลในการแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งขอ้ มลู ท่ีไดจ้ าก การศึกษาคน้ ควา้ ทดลองกับข้อกลา่ วอ้าง เพอื่ สนับสนนุ ให้ข้อกลา่ วอา้ งทีน่ ำเสนอมีความนา่ เชื่อถือ ซ่ึงเหตผุ ลสนบั สนนุ ขอ้ กล่าว อ้างน้ีอาจได้รบั การโตแ้ ย้งหรอื คัดคา้ นจากผอู้ นื่ ก็ได้ 3) หลักฐานสนับสนนุ เหตผุ ล (Evidence) เป็นการนำ เสนอขอ้ เท็จจรงิ หรอื ขอ้ มูลเพื่อประกอบการอธบิ ายเหตผุ ลท่ี ใชส้ นับสนนุ ข้อกลา่ วอา้ ง เพ่ือทำ ใหข้ ้อกล่าวอา้ งนัน้ เป็นท่ียอมรบั โดยหลกั ฐานนน้ั อาจได้มาจากการสังเกตปรากฏการณต์ ่างๆ

โดยใช้ประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 ซงึ่ ข้อทไ่ี ด้จากการศึกษางานวจิ ัยหรอื การทดลองอืน่ ทีม่ ผี ู้เกบ็ รวบรวมไว้แลว้ ทั้งนหี้ ลกั ฐานสนับสนนุ เหตผุ ลจะตอ้ งมาจากแหลง่ ข้อมลู ที่มีความนา่ เชื่อถือ หรอื สามารถทำการทดลองซํ้าแล้วใหผ้ ล เช่นเดยี วกับผลทน่ี ำ เสนอได้ 4) ขอ้ กล่าวอ้างทีต่ ่างออกไป (Counter claim) เป็นขอ้ โตแ้ ยง้ ท่เี กิดขน้ึ จากการให้เหตผุ ล ต่อข้อกลา่ วอ้างท่ีมผี ู้นำ เสนอไวใ้ นตอนแรกซง่ึ แตกตา่ งไปจากเดมิ กลา่ วคือเปน็ การใหเ้ หตผุ ล ต่อขอ้ กล่าวอา้ งจากมุมมองใหม่ๆ ทผ่ี ู้นำ เสนอขอ้ กลา่ ว อ้างไมไ่ ด้กล่าวถึง หรอื ไม่ไดน้ ำ มาพจิ ารณา ไว้ในการนำ เสนอขอ้ กลา่ วอ้างในตอนแรก ทำ ใหข้ อ้ กล่าวอา้ งเดมิ มีความนา่ เชื่อถือ น้อยลง เปน็ กระบวนการทนี่ ำ มาใช้เพ่อื หาทางขจัดขอ้ ผิดพลาดของขอ้ กล่าวอ้างท่ไี ด้สร้างขึ้นไวใ้ นตอนแรก 5) การโตแ้ ย้งกลับ (Rebuttal) เป็นการโตแ้ ยง้ เพ่ือทาใหข้ ้อกลา่ วอ้างท่ีต่างออกไปจาก ํ ข้อกล่าวอา้ งเดิมมคี วาม น่าเชื่อถอื ลดลงและตกไปในที่สุด โดยการหาพยานหลกั ฐานและการให้ เหตุผลทม่ี ีความนา่ เชื่อถือมากกวา่ มาสนบั สนนุ เทจ็ จริง หรอื ข้อมูลที่เป็นไปได้ เชน่ สี กลน่ิ รูปรา่ ง สถานะ เป็นต้น รวมถึงขอ้ เทจ็ จริงหรอื ขอ้ มูล ขัน้ ที่ 3 นำเสนอและรับฟังการประเมินแบบกลุ่ม 3.1 นักเรยี นนำเสนอทลี ะกลมุ่ 3.2. เมือ่ กลมุ่ ใดกลมุ่ หนึง่ นำเสนอเสรจ็ สนิ้ ใหต้ ัวแทนกลุ่ม กลมุ่ ละ 1 คน แสดงความคดิ เห็นจากการที่ปรึกษา กันภายในกลมุ่ โดยสลบั กนั แสดงความคดิ เห็นจนครบทกุ กลุ่มโดยมีการองิ องิ ถงึ แหล่งที่มาของข้อมูล 3.3 นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปประเด็นข้อโต้แย้งโดยหาขอ้ สรุปที่เหมือนกนั แตกตา่ งกนั โดยมีครเู ปน็ ผคู้ อยชแ้ี นะไป ในทางท่ีถกู ตอ้ ง ขัน้ ที่ 4 ทำความเข้าใจภายในกลมุ่ และสรปุ ขอ้ โตแย้งรายบุคคล 4.1 ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันสรปุ ความรทู้ ่ไี ด้มาจากขอ้ เสนอแนะของเพื่อนๆกลุ่มอื่น เพื่อเพิ่มเตมิ ขอ้ มลู ลงในกลุม่ ของตนเอง 4.2 นักเรยี นแต่ละคนสรุปความร้ทู ่ไี ด้จากการโต้แยง้ กับเพอ่ื นๆในหอ้ งลงในชดุ กิจกรรมของตนเอง ขน้ั ท่ี 5 ขยายความรสู้ ู่เรื่องใหม่ 5.1 ครูต้งั คำถามกับนกั เรียนดงั นี้ - หากต้องการแยกสารละลายทม่ี ีปรมิ าณน้อยมากๆ จะสามารถใชว้ ิธีนี้ในการแยกไดห้ รอื ไม่ - หากไม่ใช้วธิ นี ี้แล้วจะมีวธิ ใี ดที่ใช้ในการแยกสารละลายดงั กล่าว ขน้ั ท่ี 6 การประเมนิ ผล 6.1 ครปู ระเมินด้านความร้ขู องนกั เรยี นจากชน้ิ งานทใ่ี ห้นักเรียนอธิบายการแยกสารผสมโดยการกลนั่ อย่างงา่ ย จากส่ือ PowerPointโดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics และประเมินความรูโ้ ดยการทำแบบทดสอบปรนยั 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ขอ้ 6.2 ครปู ระเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการสังเกตนักเรียน ระหวา่ งปฏิบตั ิกจิ กรรมตั้งแตต่ ้นจนส้ินสดุ กจิ กรรมโดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมเป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ 6.3 ครใู ช้เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ประเมินทักษะการสรา้ งข้อโต้แยง้ โดยใช้การสงั เกตพฤติกรรมของ นักเรียนระหว่างการปฏิบัตกิ ิจกรรม 6.4 ครปู ระเมินดา้ นเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ โดยสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนระหวา่ งการปฏิบตั กิ จิ กรรมตั้งแต่ เริม่ ปฏบิ ัติกจิ กรรมจนส้ินสดุ กจิ กรรมโดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเป็นเคร่อื งมือในการประเมิน สอ่ื /นวัตกรรม และแหล่งเรยี นรู้ - ชุดกิจกรรม - อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook