รายงานวจิ ยั ฉบับสมบรู ณ์ โครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา(พัฒนายวุ วิจัย) โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถมั ภ์ ชดุ โครงงาน การแก้ปัญหาสุขภาพในโรงเรียน โดย นายเดชมณี เนาวโรจน์ และคณะ มีนาคม 2561 -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ เ่ี ลยี้ งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
สารบญั หน้า 2 บทคัดย่อ 4 บทนา 5 การออกแบบกระบวนการเรยี นรแู้ บบ RBL ของโรงเรยี น 6 การคดั เลือกประเดน็ หลัก 10 สรุปผลการดาเนนิ กิจกรรมโครงการเพาะพนั ธุป์ ญั ญาของโรงเรยี น 14 เสียงสะท้อนของครู นักเรยี น และผ้บู รหิ าร 16 สรุปผลการดาเนินงานโครงงานยอ่ ย 10 โครงงาน 21 ภาคผนวก -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนย์พีเ่ ลยี้ งมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
สรุปงานประจาปี (พฤษภาคม 2560 – มนี าคม 2561) บทคัดยอ่ โรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์ ได้สมัครเข้าร่วมโครงการเพาะพันธ์ุปัญญา ศูนย์ พี่เล้ียงมหาวทิ าลยั อุบลราชธานี เปน็ ปีท่ี 4 ปกี ารศึกษา 2560 มผี ู้บริหารโรงเรียน จานวน 2 คน ครูท่ีปรึกษา โครงงาน จานวน 10 คน มนี ักเรียน ม.5/1 จานวน 35 คน ร่วมกจิ กรรมโครงการในคร้ังน้ี โดยได้เลือกประเด็น หลัก เร่ือง การแก้ปัญหาสุขภาพในโรงเรียน โดยให้นักเรียนเสนอประเด็น และลงมติประชาธิปไตยเสียงข้าง มาก มีการนาเสนอโครงงานย่อยเกี่ยวกับไก่ย่างบ้านแคน และได้รับการอนุมัติจากศูนย์พ่ีเลี้ยง จานวน 10 โครงงาน และสนบั สนุนงบโครงงานละ 8,000 บาท ดังนี้ โครงงาน ชอื่ โครงงาน บูรณาการกบั คร*ู สอนกลุม่ วิชา ท่ี โครงงานท่ี เคร่อื งบดใบไม้แห้ง นายพิษณุ สมจติ ร วิทยาศาสตร์ 1 เครื่องออกกาลงั กายแบบพอเพยี ง 3 นางสาคร ทองเทพ วิทยาศาสตร์ 2 ป๋ยุ โกบาฉิ ทกุ โครงงาน นายดชมณี เนาวโรจน์ วทิ ยาศาสตร์ 3 การรณรงคส์ รา้ งจติ สานึกในการสรา้ งและทิ้งขยะ นางสาวกติ ติมา สาระรกั ษ์ สงั คมศาสตร์ 4 น้ายาลา้ งจานสมนุ ไพร 1 นายกิตติพงษ์ บุญสาร วทิ ยาศาสตร์ 5 สมนุ ไพรดับกลน่ิ หอ้ งนา้ ทุกโครงงาน นายจรี ะศักด์ิ ลิภา วทิ ยาศาสตร์ 6 นา้ หมกั ชีวภาพจากเศษอาหาร ทุกโครงงาน นางนุชนาฎ โชติสวุ รรณ วิทยาศาสตร์ 7 สรา้ งความเช่ือในการอ่านฉลาก ทกุ โครงงาน นางสาวแสงเดอื น บกนอ้ ย สงั คมศาสตร์ 8 เจลล้างมือ ทกุ โครงงาน นางสาวกสุ มุ า ไชยชว่ ย เศรษฐศาสตร์ 9 ผงแซบ ทกุ โครงงาน นางสาวยาใจ เจรญิ พงษ์ วิทยาศาสตร์ 10 ทกุ โครงงาน ทุกโครงงาน งบประมาณรวม (ทุกโครงการยอ่ ย) 80,000 บาท -โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ปี 2560- ศูนย์พเี่ ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
สรุปผลการทาโครงงาน ท้ัง 10 โครงงาน พบว่า โครงงานสามารถสรุปผลได้ตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ จากการเข้ารวมโครงการเพาะพันธ์ุปัญญาในครั้งน้ี ทาให้ท้ังครูและนักเรียนเกิดการเปล่ียนแปลงตนเองอย่าง มากสามารถนามาใช้กับการดาเนินชีวิตประจาวันได้เป็นอย่างดี เป็นโครงการท่ีเกิดการเรียนรู้อย่างมากมายมี ท้ังทุกข์ สุข ในกระบวนการทางาน การเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนมากที่สุดของนักเรียนโครงการเพาะพันธ์ุปัญญา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เรียงจากมากไปหาน้อย ได้แก่ 1. มนุษย์สัมพันธ์ ทักษะ ทางสงั คม 2 ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. การรับฟังผู้อ่ืน และ 4. ความกล้าแสดงออก -โครงการเพาะพันธปุ์ ัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่เี ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
บทนา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ สมัครเข้าร่วมโครงการเพาะพันธ์ุ ปัญญา กับศูนยพ์ ี่เลยี้ งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 จนถึงปีการศึกษา 2560 ปีที่ 4 ของ การเข้ารว่ มโครงการฯ จากที่ครูไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับทักษะเพาะพันธ์ุปัญญาจนถึงกระท่ังปีนี้คิดว่าครูมี การเปล่ียนแปลงและได้เรยี นรู้อย่างมากจากครดู ้วยกันเอง โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญาเป็นโครงการท่ีมีรูปแบบที่ สามารถวัดผลไดช้ ดั เจน นักเรียนเกิดทกั ษะการเรียนรู้ โดยเฉพาะปีน้ียุคคนไทย 4.0 โครงการนี้ก็สามารถสนอง นโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี ปีนี้ครูและนักเรียนของโรงเรียนท่ีร่วมโครงการได้เรียนรู้กระบวนการ RBL ซ่ึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนนอกห้องเรียนมีความเข้าใจและทางานเป็นระบบมากข้ึน มีการวาง แผนการทางานทาใหง้ านที่ไดไ้ มค่ อ่ ยมีปญั ญาและอุปสรรคเหมือนปที ่ีแลว้ กระบวนการทางานแบบ RBL เป็นการเรยี นรู้ สู่กระบวนการทางาน ลงมือปฏิบตั ิ ทาซา้ วิเคราะห์เหตุ วเิ คราะหผ์ ล จนเกิดเปน็ ทักษะทจ่ี ะติดตัวนกั เรียนไปตลอดชีวิต -โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พี่เล้ยี งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
การออกแบบกระบวนการเรยี นร้แู บบ RBL ของโรงเรยี น(ญสส.) ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนดาเนนิ การ ศูนย์พ่เี ลี้ยงดาเนินการ เริ่มต้น ศนู ย์พีเ่ ลยี ้ ง ม.อบุ ลฯ สมคั รร่วมโครงการ ศกึ ษาดงู าน เลอื กห้อง / เลอื กประเดน็ หลกั แบง่ กลมุ่ ค้นคว้า / เรียนรู้ / โครงงานยอ่ ย จิตปัญญา RBL อบรม ศกึ ษาข้อมลู /สอบถาม/สมั ภาษณ์ ผ้มู คี วามรู้และประสบการณ์ เอกสารตีพมิ พ์ ครูกลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์/สงั คม อนิ เทอร์เน็ต อพั เดรต facebook ลงมอื ทาโครงงาน RBL / เรียนรู้ RBL นาเสนอเค้าโครงฯ อพั เดรต Line วเิ คราะห์ข้อมลู หลกั การ Hub อบรมการเขียนรายงาน ครู/นกั เรียนเขยี นไดอาร่ี สรุปผลวิจยั อบรมการคดิ วเิ คราะห์ นกั เรียนสรุปผล RBL แตล่ ะกลมุ่ นาเสนอปิ ดโครงการทศี่ นู ย์ ม.อบุ ล สงั เคราะห์ ศนู ย์พเี่ ลยี ้ งนเิ ทศ RBL 1 ครัง้ แสดงละครเวทนี าเสนอRBL ร่วมปิ ดโครงการทเี่ มอื งทอง กทม. แสดงละครเวทนี าเสนอRBL นาเสนอปิ ดโครงการท่ศี นู ย์ ม.อบุ ล สนิ ้ สดุ -โครงการเพาะพันธ์ุปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่ีเลี้ยงมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี
การคัดเลือกประเด็นหลกั (Theme) โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์ ได้สมัครเข้าร่วมโครงการเพาะพันธ์ุปัญญา ศูนย์ พเี่ ล้ยี งมหาวิทาลัยอุบลราชธานี เป็นปที ี่ 4 ปกี ารศกึ ษา 2560 มีผู้บริหารโรงเรยี น จานวน 2 คน ครูท่ีปรึกษา โครงงาน จานวน 10 คน มีนักเรียน ม.5/1 จานวน 35 คน ในการเลือกประเด็นหลักของโรงเรียน ครูให้ นักเรียนคิดหาประเด็นหลักโดยการวิพากวิจารณ์ ค้นคว้า สืบค้นข้อมูล ซ่ึงนักเรียนได้เสนอไว้หลายเร่ือง สรุป สุดท้ายก็เป็นเร่ือง “การแก้ปัญหาสุขภาพในโรงเรียน” โดยใช้ประชามติประชาธิปไตย พ้ืนฐานความรู้เดิมท่ี โรงเรียนหรอื ชุมชมุ มี คือ โรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสงั วรในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นโรงเรียนขนาดกลาง ระดับมัธยมศึกษา มีพื้นที่ประมาณ 70 ไร่ เปิดทาการเรียนการสอนมาแล้ว 27 ปี เป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับเพชร แต่โรงเรียนยังมีปัญหา ในดา้ นสขภาพและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนหลายอยา่ ง เชน่ ปัญหาในเรื่องใบไม้ ปัญหาในเร่ืองน้าหนักเกณฑ์เกณฑ์ ปัญหา เกยี่ วกบั การบริโภคอาหารของนักเรียน เป็นตน้ มูลเหตุจูงใจให้สนใจประเด็นน้ีโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นโรงเรียนที่เข้า ร่วมโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาสุขภาพในโรงเรียนได้จะทาให้การ ดาเนนิ โครงการประสบความสาเร็จและสง่ ผลดีด้านสขุ ภาพต่อผเู้ รยี นเปน็ อยา่ งย่ิง การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ RBL ของโรงเรียน หลังจากได้ประเด็นไก่ย่างบ้านแคนแล้ว ได้ให้ นักเรียนค้นคว้า สิบค้นประเดน็ ที่จะทาโครงงาน RBL ย่อยเกย่ี วกับไกย่ ่างบา้ นแคน จานวน 10 โครงงาน เขียน ผังเหตุผลแต่ละโครงงานย่อย และเสนอโครงงาน RBL ย่อยท้ัง 10 โครงงานเพื่อขออนุมัติ ผลปรากฏว่า ได้รับ การอนุมัตโิ ครงการ RBL จานวน 10 โครงงานและเงินสนบั สนุน 80,000 บาท -โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ เ่ี ลยี้ งมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี
ตามแผนผังโครงงาน ดังนี้ -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่ีเลี้ยงมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
ประวัตคิ วามเปน็ มาโรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสังฆราชูปถมั ภ์ : โรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสงั วรตัง้ อยู่เลขที่ ๑๕๑ หมู่ที่ ๗ ถนนแจ้งสนิท บ้านบกน้อย ตาบลดงแคนใหญ่ อาเภอคา เขือ่ นแก้ว จงั หวัดยโสธร กอ่ ตั้งขน้ึ เมอ่ื ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๑๗ โดยคณะศษิ ยานศุ ิษย์และผู้ทเี่ คารพนับถือในเจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสังวร ได้จดั หาทุนเพ่ือจดั สร้างโรงเรยี นในถิ่นทรุ กนั ดารทปี่ ระชาชนมคี วามยากจนวางศลิ าฤกษอ์ าคารเรยี นหลังแรก เมือ่ วนั ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๑๗ บนเนอื้ ท่ี ๓๘ ไรเ่ ปดิ รบั นกั เรยี นร่นุ แรกเม่อื วนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๑๙ มนี ายวจิ ิตร สายธนทู า หน้าทเี่ ป็นครูใหญ่ ทาการสอนตงั้ แต่ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑-๓ จนกระทง่ั ปีพทุ ธศักราช ๒๕๓๕ ได้รบั การอนุมตั จิ ากกรมสามญั ศึกษากระทรวงศกึ ษาธิการ ให้เปดิ สอนในระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔–๖ จนถงึ ปจั จุบนั ปรัชญาประจาโรงเรยี นคือ “ปญญา เวอาวธุ เสฎฐ ” (ปญั ญาเปน็ อาวุธอันประเสริฐ) คาขวัญของโรงเรียนคอื “วชิ าการเด่นเนน้ เทคโนโลยี มีคณุ ธรรม เลศิ ล้าบรรยากาศ” สัญลกั ษณข์ องโรงเรียนคือ ช้างตราดลุ ยพ์ าห์ ตราสญั ลักษณ์พระนามย่อ ญสส. (สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก) ประดิษฐานเหนอื ตรา ของโรงเรียน อักษรย่อของโรงเรยี นคือ ญสส. สปี ระจาโรงเรียนคือ สฟี า้ – ชมพู โครงการส่งเสริมสขุ ภาพระดับเพชร การพัฒนาสขุ ภาพนกั เรียนตามแนวทางของโครงการโรงเรยี นสง่ เสรมิ สุขภาพ ภายใตแ้ นวคดิ การมสี ว่ นร่วมของ นกั เรยี นและบุคลากรในโรงเรียน รวมทงั้ ผ้ปู กครองและชุมชน เพ่ือใหโ้ รงเรยี นเปน็ จุดเรม่ิ ตน้ และศูนยร์ วมของการพฒั นา สุขภาพในชมุ ชน เปน็ กลยทุ ธท์ ่ีกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุขไดร้ ว่ มดาเนนิ การกับฝ่ายการศกึ ษามาตั้งแต่ปี 2541 ก่อใหเ้ กิดผลเปน็ ทน่ี า่ พอใจ โดยมีโรงเรียนเขา้ ร่วมโครงการและสามารถพฒั นากจิ กรรมดา้ นสุขภาพจนผา่ นการประเมนิ รับรอง เป็นโรงเรยี นส่งเสรมิ สุขภาพเพิม่ ขน้ึ ทกุ ปีตดิ ตอ่ กันเปน็ ลาดับ สาหรบั เกณฑป์ ระเมินโรงเรยี นส่งเสริมสุขภาพทใ่ี ชใ้ นช่วงท่ผี ่านมา เปน็ เกณฑ์ทป่ี ระกอบด้วย ตวั ชว้ี ัดภายใต้ องคป์ ระกอบ ประการ ซง่ึ สว่ นใหญเ่ น้นดา้ นกระบวนการของกจิ กรรมส่งเสริมสุขภาพเพ่ือเปน็ 10ทิศทางแกโ่ รงเรยี น แตย่ งั มไิ ดใ้ หค้ วามสาคัญกับการวัดผลลพั ธท์ างสขุ ภาพมากนกั ดังน้ันเมอื่ การพฒั นางานโรงเรยี นส่งเสรมิ สขุ ภาพดาเนนิ มาจนมี โรงเรยี นบรรลุเกณฑค์ ่อนขา้ งสงู ดังกลา่ ว ในปี กรมอนามยั จงึ เหน็ สมควรท่จี ะยกระดบั เกณฑป์ ระเมนิ โรงเรยี นส่งเสรมิ 2551 สุขภาพขน้ึ สอู่ ีกระดับหนึ่ง โดยจัดทาเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียนส่งเสรมิ สุขภาพระดบั เพชร ให้มีตวั ช้วี ดั ทเ่ี นน้ การวัดผลทาง สุขภาพและพฤตกิ รรมสุขภาพของนักเรียน และผลการดาเนนิ งานตามนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารขนึ้ การท่ีโรงเรยี นจะพฒั นากิจกรรมดา้ นสุขภาพใหบ้ รรลเุ กณฑ์มาตรฐานโรงเรยี นระดบั เพชรได้น้นั นอกจากโรงเรียน ต้องมคี วามเขม้ แขง็ สามารถพัฒนาประสทิ ธภิ าพของการดาเนินงานแล้ว ยังอาจต้องอาศยั การสนับสนุนจากหนว่ ยงานต่าง ๆ การพฒั นาเปน็ โรงเรียนส่งเสริมสขุ ภาพระดับเพชร สานักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมกับหน่วยงานต้นสังกัดของโรงเรียนในพื้นที่ชี้แจง หน่วยงานฝ่ายสาธารณสุข ฝ่า การศกึ ษา ตลอดจนโรงเรยี นที่แสดงเจตจานงเขา้ ร่วมพฒั นา โรงเรยี นนาผลจากการผ่านเกณฑ์ประเมินเปน็ โรงเรยี นส่งเสริมสุขภาพระดับทองมาเปน็ ข้อมูลเบอ้ื งตน้ โรงเรยี นประเมินตนเองโดยใชเ้ กณฑม์ าตรฐานโรงเรยี นสง่ เสรมิ สขุ ภาพระดับเพชร เพ่ือค้นหาสิ่งทย่ี งั ไม่ถึงเกณฑ์ โรงเรยี นพัฒนาเข้าสูเ่ กณฑ์ โดยอาจใช้วงจร PDCA คอื วางแผน ดาเนินการ ทบทวนตรวจสอบ แก้ไขเพ่ือปรับแผน ใหม่ ทั้งในส่วนที่สามารถดาเนินการ ได้เอง และส่วนท่ีจาเป็นต้องขอรับการสนับสนุนจากบุคคล / หน่วยงาน ท่เี ก่ียวข้อง ซ่ึงสามารถขอคาแนะนาไดจ้ ากทีมประเมนิ ระดบั อาเภอ เมื่อโรงเรียนเห็นว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับเพชร จะต้องจัดทาเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงผล การบรรลุตัวชี้วัดต่าง ๆ (แบบฟอร์มในภาคผนวก) ส่งไปยังทีมประเมินระดับอาเภอ เพื่อขอรับการประเมินจากทีม ประเมนิ ระดบั จังหวัดต่อไป เม่อื โรงเรียนได้ผา่ นการประเมนิ เพอ่ื การรับรองเป็นโรงเรยี นสง่ เสรมิ สุขภาพระดับเพชรจากทีมประเมินระดับจังหวัดแล้ว โรงเรียนจะได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากกระทรวงสาธารณสุข และรับสิทธ์ิจัดทาป้ายสัญลักษณ์โรงเรียนส่งเสริม สขุ ภาพระดบั เพชร ซงึ่ เปน็ รูปแบบเฉพาะ -โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ เี่ ลี้ยงมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี
สรุปผลการจัดกจิ กรรมโครงการเพาะพนั ธุป์ ัญญาของโรงเรียน โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้จัดกิจกรรมโครงการเพาพันธุ์ปัญญา ตลอด ระยะเวลา 1 ปีการศกึ ษา ต้ังแต่เขา้ รว่ มโครงการฯ กับศูนย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ทาให้ทั้งครูและนักเรียน เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างมากมาย ท้ังด้านจิตใจ และพฤติกรรมการเรียนรู้ครูและนักเรียนมี ความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด โดยนากระบนการ RBL มาใช้ในกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนจนทาให้ นักเรยี นมคี วามเข้าใจและสามารถนาไปปรับใชก้ บั ชีวติ ประจาวัน ผลจากการทากิจกรรมที่มุ่งม่ันและทุ่มเท ทาให้เพาะพันธ์ุปัญญา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชปู ถัมภ์ ได้รับรางวัลจากศนู ยพ์ เ่ี ลยี้ งมหาวิทยาลัยอบุ ล ดังนี้ 1. โรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถมั ภ์ ได้รับรางวัล หนงั สน้ั ยอดเยย่ี ม 2. นางสาวชนิภรณ์ ม่งุ งาม ไดร้ ับรางวัล นกั เรียนเพาะพันธ์ุปญั ญาแหง่ ปี 3. นางนชุ นาฎ โชติสวุ รรณ ได้รบั รางวัล ครูเพาะพันธ์ปุ ัญญาแหง่ ปี ภาพกจิ กรรมของโรงเรียน -โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่ีเล้ียงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
ภาพกิจกรรมของโรงเรยี น -โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่ีเลี้ยงมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
เสยี งสะทอ้ น (Reflections) ของครู นกั เรยี น และผู้บรหิ าร เสียงสะทอ้ นของครู -------------------------------- -------------------------------------------------- “ เพาะพนั ธปุ์ ัญญา สรา้ งตน้ กล้านักคดิ ” เ พ า ะ พั น ธุ์ ปั ญ ญ า ใครหนอเป็นคนคิดวลีน้ี ช่างเป็นวลีที่กินใจ เม่ือได้ยินได้ฟังครั้งแรกก็สะดุดหู ยิ่งเมื่อได้เข้ามาเป็นหน่ึงในครูท่ีปรึกษาเพาะพันธุ์ปัญญา ยิ่งทาให้รู้ว่า โครงการนเี้ หมาะสมแลว้ กับชื่อเพาะพันธ์ุปัญญา เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างนักคิด นักวิชาการ นักวิจัยตั้งแต่ วัยเด็ก ศึกษาสิ่งท่ีอยู่ใกล้ตัวโดยใช้องค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ท่ีนักเรียนที่เรียนรู้ในห้องเรียน มาศึกษาเร่ืองที่ สนใจในเชิงลกึ ทาไมพ่ี ๆ ไม่เลือกให้เราเป็นหน่ึงในทีมของครูที่ปรึกษาโครงงานเพาะพันธุ์ปัญญา เป็นคาถามแรก หลงั จากทีโ่ ครงการเพาะพนั ธ์ปุ ญั ญาไดเ้ ข้ามาสูร่ ว้ั โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ฯ เก็บคาถามนี้ไว้ในใจ ได้แต่ เฝ้ามองการทางานของครูและนักเรียนท่ีเข้าร่วมโครงการเพาะพันธ์ุปัญญา เมื่อผ่านปีแรกของการเข้าร่วม โครงการ กา้ วเข้าสู่ปีทสี่ อง คุณครูเดชมณี เนาวโรจน์ หัวหน้าโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาของโรงเรียน ได้มา สอบถามว่าสนใจท่จี ะเขา้ รว่ มโครงการนหี้ รอื ไม่ ข้าพเจา้ ได้ตอบคาถามโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว วา่ สนใจและยนิ ดมี าก เม่อื ได้เขา้ มาเปน็ สมาชิกของโครงการเพาะพันธ์ุเต็มตัวแล้ว ได้มาสัมผัสกับคณาจารย์ที่ เป็นพเ่ี ลยี้ งจากศนู ยม์ หาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี ไดเ้ ขา้ ร่วมประชมุ อบรมเชิงปฏิบตั กิ ารต่าง ๆ แลว้ ย่ิงทาให้รู้สึก ว่า นแี่ หละทางของเรา โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาเป็นโครงการท่ีมีความจริงใจกับสมาชิกของโครงการทุกคน ทุกระดบั ทั้งครูและนักเรียน ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ การแสวงหาความรู้ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ท่ีถูกต้อง ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย ต้ังคาถามได้แล้วนามาสู่กระบวนการที่จะใช้ในการแสวงหา คาตอบ ฝึกการคิดแก้ปัญหา ฝึกกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แล้วนาไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ เพ่ือสร้าง นวตั กรรมในอนาคต จากการทีร่ ่วมบม่ เพาะนักเรียนเพาะพันธุ์ปัญญามาแลว้ หลายรุ่น ทาใหไ้ ดเ้ ห็นพฒั นาการ การเปลีย่ นแปลงของนักเรยี นแตล่ ะคนท่เี ขา้ รว่ ม มากบา้ ง นอ้ ยบ้าง แตก่ ารนั ตีได้ว่าทุกคนเปลย่ี น และ เปล่ยี นไปในทางท่ดี ีขนึ้ แล้วครทู ีเ่ ขา้ ร่วมโครงการเพาะพนั ธปุ์ ญั ญาล่ะ มีอะไรทีเ่ ปล่ียนแปลงบา้ ง เริม่ จากการ สังเกตคณุ ครทู จี่ ัดกจิ กรรมการเรยี นรใู้ นห้องใกลก้ ัน ซงึ่ เข้าร่วมโครงการน้ีก่อนขา้ พเจา้ พบว่าคุณครมู ีวิธีการ ในการบริหารจดั การหอ้ งเรยี นให้อยู่ในความเรยี บร้อยได้ โดยไม่ต้องอาศยั ไม้เรยี วหรอื การดุด่า ในการจัดการ เรยี นรู้เต็มไปดว้ ยเสยี งหวั เราะพร้อมกบั การท่นี ักเรียนเกิดการเรียนรู้ คุณครูมแี รงบนั ดาลใจในการสร้างสรรค์ งานต่าง ๆ มีวิธกี ารจดั การเรียนรู้ที่ทนั สมัย คณุ ครูแต่ละคนแสวงหาความร้เู พ่ือนามาใชใ้ นการประกอบวิชาชพี แล้วเมื่อกลับมายอ้ นมองตัวเอง แลว้ ตัวเราละ่ มอี ะไรทเี่ ปลย่ี นแปลงบา้ ง เป็นคาถามที่หาคาตอบยากมาก -โครงการเพาะพันธป์ุ ัญญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่ีเล้ยี งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
เพราะทาอย่างไร เราจะตอบได้โดยไม่เขา้ ข้างตัวเอง เม่ือเฝา้ สังเกตจติ ใจ ความคิด วิธคี ดิ วิธีการดาเนินชวี ิต ท้ังดา้ นการงานและดา้ นครอบครวั แลว้ พบวา่ หลังจากเข้ารว่ มโครงการน้แี ลว้ พบว่า ตนเองเป็นคนที่ ใจเย็น มากข้ึน เข้าใจชีวติ เขา้ ใจตอนเอง เข้าใจคนอน่ื มากขึ้น ใจกว้าง ไม่ตดั สินสิ่งใดเพียงด้านเดยี ว ใชจ้ ิตใจ ประกอบกบั เหตุผลในการตดั สนิ ใจเรือ่ งต่าง ๆ แล้วเหตใุ ดโครงการนีถ้ ึงสามารถเปลี่ยนแปลงสมาชิกของโครงการนไ้ี ปในทางที่ดีข้ึนได้ ด้วยกิจกรรมท่ี จัดข้ึนในแต่ละคร้ังเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ สามารถนามาปรับใช้ได้ทั้งในการทางาน เช่น ข้าพเจ้าเคยได้ เข้าร่วมการจดั การอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยมี ดร.สุธีระ ประเสริฐสรรพ์ เป็นวิทยากร นอกจากข้าพเจ้าจะ ได้รับองค์ความรู้จากกิจกรรมที่ถือเป็นหัวใจหลักของการจัดการอบรม เรื่อง STEM แล้ว ตลอดการจัดการ อบรม ขา้ พเจ้ายงั สมั ผัสได้ถงึ พลังงานด้านบวกจากวิทยากร ทาให้ข้าพเจ้าสามารถนามาปรับใช้ในการดาเนิน ชีวิต และข้าพเจ้ายังได้ยึดท่านเป็นแบบอย่างในการสอนคน กล่าวคือ เมื่อท่านสอนส่ิงใดกับผู้เข้าร่วมการ อบรมแล้ว มีสมาชิกที่เข้าร่วมอบรมไม่เข้าใจในหัวข้อใด ท่านก็จะกล่าวว่า ไม่เป็นไร เอาใหม่ แล้วท่านก็ พยายามหาตัวอย่างท่ีคิดว่าผู้เข้าร่วมอบรมจะสามารถเข้าใจได้ง่ายย่ิงขึ้นมาอธิบายแทน แล้วมันก็ทาให้ ผู้เขา้ ร่วมการอบรมเขา้ ใจไดจ้ ริง ซ่ึงวธิ ีการน้ขี า้ พเจา้ ไดน้ ามาปรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน กล่าวคือ หากในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ แล้วมีเน้ือหาใดท่ีนักเรียนไม่เข้าใจ ข้าพเจ้าจะพยายามยกตัวอย่างส่ิงท่ีใกล้ ตวั นักเรยี นมากข้ึน และคดิ ว่าเป็นสิ่งที่นักเรียนสามารถทาความเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาอธิบาย ซ่ึงก็ทาให้นักเรียน สามารถเข้าใจได้จริง และอีกสิ่งหน่ึงที่ข้าพเจ้าประทับใจจากการเข้าร่วมโครงการน้ีมาเป็นระยะเวลา 3 ปี คือ ก่อนหน้าน้ีข้าพเจ้าได้ยิน ได้ฟังนักวิชาการหลายท่านได้กล่าวถึงความคิดข้ันสูง คือการคิดอย่าง สรา้ งสรรค์ ขา้ พเจ้าเกิดความสงสยั และเกิดความคิดขัดแย้งมาโดยตลอดว่า ความคิดสร้างสรรค์หมายความ ว่าอย่างไร แล้วคิดอย่างไรถึงจะได้ช่ือว่าเป็นความคิดท่ีสร้างสรรค์ จนเม่ือได้เข้าร่วมการทา PLC กับ โรงเรยี นต้นแบบเพาะพันธุ์ปัญญา และได้มีท่านวิทยากรได้มาให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่า การที่ใครสัก คนจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ คนคนนั้นต้องเป็นบุคคลที่มีองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นไม่ได้ เลยหากปราศจากองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ประโยคนี้ทาให้ข้าพเจ้าเข้าใจคาว่า ความคิดสร้างสรรค์ ได้มาก ข้ึน เพาะพนั ธุป์ ญั ญาได้ให้โอกาสกบั ทกุ คนอยา่ งมาก ให้โอกาสในการเปล่ียนแปลงความคิด ให้โอกาสใน การแสดงออกทางความคิด ให้โอกาสในการปรับทัศนคติต่าง ๆ ให้โอกาสในการแสวงหาความรู้ สร้างองค์ ความรู้โดยการปฏิบัติจริง ให้โอกาสครูในโรงเรียนมัธยมประจาตาบลได้ดึงศักยภาพของตนเองออกมา กล้า คิด กล้าทาส่ิงทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ ต้นกล้าแหง่ ปัญญาจากรุ่นต่อรุน่ สืบไป เขยี นโดย : นางนุชนาฎ โชติสวุ รรณ เสยี งสะทอ้ นของผูบ้ รหิ าร “ ปีที่ 4 กับการเข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ผมเห็นความมุ่งม่ันความต้ังใจของนักเรียน รวมทั้งคุณครูท่ีปรึกษา เหน็ การเปล่ียนแปลงโดยเฉพาะความรักความสามคั คี ทักษะชีวิตการทางานของแต่ละคน ในนามของฝ่ายบริหาร ขอขอบคุณ ครูพ่เี ล้ยี ง นกั เรยี นในโครงการเพาะพันธปุ์ ญั ญาทีไ่ ด้ดูแลให้ขอ้ คิดในการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน ลูกๆนักเรียนใน โครงการทกุ คน ได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ มที ักษะกระบวนการในการเรียนร้อู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ สามารถเชื่อมต่อการเรียนรู้ตลอด ชีวิต หวังเป็นอย่างย่ิงว่า โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาจะสร้างกระบวนการในการคิดวิเคราะห์และเป็นพ้ืนฐานของนักวิจัยใน ระดับชาตติ อ่ ไป ” นายชาตชิ าย สงิ ห์พรหมสาร ผอู้ านวยการโรงเรยี นสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์ -โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ เี่ ลย้ี งมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี
เสยี งสะท้อนของนกั เรียน ชอื่ : นางสาวชณิภรณ์ มงุ่ งาม ฉายา : เจ้าแม.่ ..บทหนงั สนั้ เขา้ ร่วมโครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา ปที ่ี 4 สวัสดีค่ะดิฉันชื่อ นางสาวชนิภรณ์ มุ่งงาม ชื่อเล่น เฟิร์น กาลงั ศกึ ษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ที่โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ในปีการศึกษา น้ีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ได้เข้าร่วมโครงการเพาะพันธ์ปัญญา รุ่นที่ 4 คร้ังแรกที่รู้ว่าได้ร่วม โครงการน้ี ดิฉันรู้สึกกลัวเพราะดิฉนั ไมถ่ นดั การทางานแบบกลุ่ม เพราะเป็นคนท่ีพูดอะไรเข้าใจยาก และได้ฟัง จากรุ่นพี่เพาะพันธ์ุรุ่นก่อนๆ ยิ่งทาให้กลัวมากขึ้น กดดันมาก แต่ก็หลีกเล่ียงไม่ได้ มีส่ิงเดียวที่ทาได้คือต้อง เผชิญหน้ากบั การเรยี นรู้ ในวันแรกที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ท่ีโรงเรียน คุณครูทาให้นักเรียนในห้องรู้สึกสบาย ไม่เครียด และเปิดใจเพ่ือท่ีจะพร้อมกับการเรียนรู้ต่อไป ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ก็จะได้เรียนจากการเรียนจิตปัญญา การเรียนรู้น้ีทาให้ดิฉันมีสมาธิกลับการเรียนรู้มากข้ึน ได้ฝึกการใช้ความคิด และสิ่งที่ได้เรียนในการเรียนจิต ปญั ญานั้นดิฉนั นามาปรบั เขา้ กบั การทางานกลุ่มของดิฉัน ซ่ึงกลุ่มของดิฉันทาโครงงานเรื่อง การรณรงค์ในการ สรา้ งและการทิง้ ขยะ เปน็ การรณรงค์ในการใช้สื่ออกไปเผยแพร่ ซ่ึงการรณรงค์น้ีมีนามาทางานวิจัยได้น้ันก็ต้อง มีนักเรียนเฉล่ีย 30% ข้ึนไป ซึ่งในการสอบถามนั้นมีนักเรียนให้ความร่วมมือมากกว่า 30% ทาให้การทางาน ผ่านไปได้ด้วยดี จากเด็กที่ไม่ชอบการทางานที่เกี่ยวกับการวิจัยเพราะเป็นสิ่งที่ต้องติดตามผลการทางาน ถ้า ในทางวิทยาศาสตร์ก็จะเปรียบเหมือนกับการบันทึกผลมาโดยตลอด การลงมือทาก็มีส่วนน้อยเพราะจะคอย ช่วยในการทา ถา้ ให้บนั ทึกผลการทางานทกุ วนั นั้นจะไม่เป็นคนทา เพราะความขี้เกียจของตน ประกอบกับกลัว ทีจ่ ะทางานกลมุ่ ผดิ พลาดทาให้ฉนั ไม่ชอบการทางานกลุม่ มากนัก เมื่อก่อนเวลาที่ทางานกลุ่มนั้นถ้าได้อยู่กับคน ที่เก่งกว่าจะไม่ได้ทางาน แต่จะช่วยแค่เกน้อย แต่ถ้าได้อยู่กับคนท่ีไม่เก่ง หรือไม่เอาใจใส่งานกลุ่ม ก็จะ ทางานนแี้ คค่ นเดยี วเพราะไม่ไวใ้ จการทางานของเพ่อื นกลวั งานออกมาไมส่ าเรจ็ แต่พอได้เข้ามาร่วมโครงการน้ี มนั ต้องเรียนรทู้ ุกคน ทางานทุกคน ทาใหด้ ฉิ นั มีความคิดที่เปล่ยี นไปเกี่ยวกับการทางานกลุ่ม อาจจะผิดบ้างก็ สามารนางานมาปรึกษาคุณครูได้ตลอดเวลาผ่านไปครึ่งเทอมดิฉันเพ่ือนในกลุ่มลงทาแบบสอบถาม จากนั้นใช้ เวลาว่างลงมือแจกแบบสอบถามโดยการเดินเข้าไปแจกลิงค์กับเพ่ือนๆ พี่ๆ น้องๆ ในโรงเรียน จากคนที่ไม่ รู้จักกันได้มาพูดคุยกันทาให้ดิฉันคิดว่า ถึงแม้เราจะไม่รู้จักกันเลยแต่เมื่อพ่ีๆ น้องๆ ในโรงเรียนอยากให้มีส่วน ร่วมในกิจกรรมตา่ งๆ นั้นนักเรียนส่วนใหญใ่ หค้ วามร่วมมือเกินสงิ่ ท่ีดฉิ นั คิดไว้ บางคนไม่กล้าเดินเข้าหาแต่เม่ือ เราต้องทางานก็ต้องปรับทุกอย่างทัศนคติ การพูด เพ่ือท่ีจะโน้มน้าวใจให้เพ่ือนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของการทาวิจัยในคร้ังนี้ นอกจากการท่ีได้ฝึกการพูดแล้วยังฝึกการทางานร่วมกับผู้อื่นซ่ึงเพ่ือนในกลุ่มบางคน จะเป็นเพ่ือนท่ีไม่สนิทและไม่ค่อยได้ทางานด้วยกัน แต่ก็สามารถปรับตัว เปิดใจเข้าหากันได้ ขั้นตอนแรกผ่าน มาได้ด้วยดี แต่กว่าจะทาได้อุปสรรคตัวร้ายก็มีอยู่เร่ือยๆ เม่ือได้ลงมือทางานบางครั้งก็เผลอคิดถึงคาท่ีรุ่นพี่ -โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พีเ่ ลยี้ งมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี
เพาะพันธ์ุปัญญาได้พูดให้ฟังว่า การเรียนเพาะพันธุ์ปัญญาน้ันมันยาก หลายคนร้องไห้เพราะงานไม่เสร็จ หลายคนท้อ ไม่อยากเรียนแต่ดิฉันกลับไม่ได้อยู่ ณ จุดนั้นแต่กลับคิดว่า ถ้าเราลงมือทางาน ขยัน มีความ รับผิดชอบต่อหน้าที่ ต่อให้งานจะออกมาไม่สมบูรณ์แบบอย่างท่ีคิดไว้แต่เราก็ภูมิใจท่ีได้ลงมือทางาน การ กระทา สาคญั กวา่ คาพูด อย่าพูดถ้ายังไม่ลงมือทา ดิฉันยึดคติน้ีมาตลอดเพื่อเตือนใจให้ตัวเองประมาณตนอยู่ เสมอ ในทุกสัปดาห์จะมีกิจกรรมจิตปัญญาบางสัปดาห์จะให้เราฝึกการจา การสังเกตเพื่อน ไหวพริบ แสดง ความคดิ ที่หลากหลาย การทางานในแตล่ ะคร้ังจะสาเรจ็ ไมได้ถ้าเราไม่รจู้ ักการวางแผนก่อนการทางาน การคิด ให้รอบคอบก่อนการตดั สินใจ ให้เหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์ และสิ่งสาคัญคือการนาประสบการณ์ที่ทางาน มาปรับเข้ากับการใช้ชีวิตท้ังในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ตลอดระยะเวลา 1 ปี ดิฉันได้เรียนรู้อะไรหลาย อย่างทัง้ กลมุ่ ของเพอ่ื นร่วมห้องทั้ง 10 กลุ่ม ซ่ึงแต่ละกลุ่มดิฉันเห็นการเปล่ียนแปลงของเพื่อนแต่ละคน บาง คนเปลี่ยนอย่างก้าวกระโดดคือ กล้าที่จะแสดงความคิด การสานสัมพันธ์กันระหว่างเพ่ือนในห้องเรียน การ ลงมือทางานด้วยตนเองซึ่งเป็นเป้าหมายของโครงการน้ี บางคนอาจจะเบ่ือ แต่ส่วนใหญ่นักเรียนแต่ละคน กลับมีความสขุ กับการทางาน บางคนมพี ฤติกรรมทีด่ ีขึน้ ไปจากเดมิ การเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลงสาหรับดิฉันรู้สึกว่า การเรียนรู้ที่ดีน้ันชีวิตเราท้ังชีวิตสามารถเรียนรู้ได้ ตลอด แต่ละสงิ่ ที่เราเรียนรู้กจ็ ะมบี ทเรียนที่คอยเตือนใจและนาบทเรียนมาแก้ไข การเรียนเพาะพันธุ์ปัญญาก็ เช่นกัน เวลา 1 ปี ท่ีได้เรียนรู้ท้ังในห้องเรียนและนอกเวลาเรียน ได้ทางาน ได้ทากิกรรมต่างๆ ทาให้มุมมองการใช้ชีวิตที่เป็นแบบเดิมเปลี่ยนไป นั่นคือการบริหารเวลาในการใช้ชีวิตบนความรับผิดชอบท่ี ตอ้ งมากข้ึน ใส่ใจการทาทุกอย่าง ส่ิงที่เปลีย่ นอย่างเห็นได้ชัด คือ การทางานภายในกลุ่มแล้วเพ่ือนในกลุ่มได้ ทาทุกคนดิฉันมีความไว้ใจเพื่อนในกลุ่ม และครูท่ีปรึกษาคอยให้แนวทาง ดูแล เอาใจ ทาให้ทุกคนกล้าท่ีจะ ลงมือทา กล้าท่ีจะแสดงความคิดภายในกลุ่ม ดิฉันมีทักษะการทางานมากข้ึนซ่ึงได้สังเกตประสบการณ์ที่ผ่าน มาทาให้ส่ิงเหล่านั้นเป็นบทเรียนท่ีคอยสอนให้ดิฉันทาในส่ิงที่ถูกต้อง สาหรับรางวัลนักเรียนเพาะพันธุ์ปัญญา ดีเด่นดิฉันคิดว่า รางวัลน้ีก็เป็นของนักเรียนเพาะพันธุ์ปัญญาทุกคนเพราะทุกคนก็มีความตั้งใจศึกษาเรียนรู้ ทาการทดลองผดิ บา้ ง ถูกบ้าง แตส่ ง่ิ ท่ที ุกคนไดค้ อื การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ดิฉันขอขอบคุณคณะครูท่ีปรึกษาโครงการท่ีได้เลือกดิฉันให้เป็นนักเรียนเพาะพันธ์ุปัญญาดีเด่นในปี การศกึ ษานี้ ดิฉันถือว่าเป็นเกียรติอย่างย่ิงจากเด็กที่กลัวการเข้าร่วมโครงการ เคยท้อกับการทางาน เคยกลัว เวลานาเสนอจากคณะศูนย์พี่เลี้ยงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เม่ือได้เข้ามาเรียนรู้ก็ได้สัมผัสกับส่ิงท่ีเกิดข้ึน ไมไ่ ด้นา่ กลัวเหมือนท่คี นอื่นเลา่ แต่เปน็ การเรียนท่เี ราต้องลงมือทาดว้ ยตนเอง -โครงการเพาะพันธปุ์ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ ีเ่ ล้ียงมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี
สรุปผลการดาเนนิ โครงงานยอ่ 10 โครงงาน 1. เคร่ืองบดใบไมแ้ รงปัน่ โครงงานเร่ือง เครื่องบดใบไม้แรงปั่น การหาประสิทธิภาพของเคร่ืองบดใบไม้แรงป่ันมา เปรียบเทียบกับเครื่องบดใบไม้แรงมอเตอร์ ว่ามีประสิทธิภาพใกล้เคียงหรือแตกต่างกันมากน้อย เพียงใด และเมื่อมอเตอร์ใช้ไม่ได้จะสามารถใช้ทดแทนกันได้หรือไม่ โดยการจัดทาเคร่ืองบดใบไม้ท่ี สามารถใช้ได้ทั้งแรงป่ันและแรงมอเตอร์ได้ในเครื่องเดียวกัน ทาเคร่ืองบดท่ีบดโดยใช้มอเตอร์ก่อน จากนน้ั ทาการตอ่ เตมิ โดยการเช่ือมเหล็กเปน็ ฐานต้ังรถจกั รยานมาต่อสายพานเขา้ กับเพลา จะได้เครื่อง บดที่ใช้แรงปั่นและแรงมอเตอร์ได้ในเครื่องเดียว ต่อมาทาการทดลอง บันทึกผลในตารางและวัดผล แบ่งเป็นสองตาราง โดยตารางแรกวัดผลโดยการทดลองวัดขนาดของใบไม้ของแรงป่ันท้ังสองชนิดและ เปรียบเทียบ โดยการปั่นใบไม้ในแต่ละคร้ังใส่ในปริมาณ 100 กรัม 200 กรัม 300 กรัม เท่ากันในการ ป่ันท้ังสองแรง จากน้ันนาใบไม้ที่ได้มาร่อนผ่านตะแกรงร่อน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ส่วนตารางที่สองวัดผลโดยการทดลอง โดยการปั่นใบไม้ในแต่ละครั้ง กาหนดใบไม้ 100 กรัม 200 กรัม 300 กรมั เทา่ กนั ในการปั่นทง้ั สองแรง จากนั้นจบั เวลาท่ใี ชใ้ นการบดเครอื่ งบดทงั้ สองชนิด จากการทดลองพบว่า จากการทดลองในตารางท่ีหน่ึง ใบไม้ท่ีถูกบดมีความละเอียดใกล้เคียง กันเพราะสามารถผ่านตะแกรงร่อนได้ทั้งสอง จากการทดลองในตารางท่ีสองใบไม้ท่ีถูกป่ันจากเครื่อง บดใบไม้แรงมอเตอร์ใช้เวลาในการบดน้อยกว่าเคร่ืองบดใบไม้แรงปั่น แต่ไม่แตกต่างกันมากนัก และ เครื่องบดใบไม้แรงปั่นมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเคร่ืองบดใบไม้แรงมอเตอร์ เม่ือมอเตอร์ใช้ไม่ได้ สามารถใชแ้ รงปั่นทดแทนได้ 2. เครอ่ื งบดใบไม้แห้ง โรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสังวรมีปัญหาเกยี่ วกับภาวะเสีย่ งโรคอ้วนลงพงุ ซ่งึ มีประมาณร้อยละ 30กลุ่มของพวกเราจึงได้ปรึกษากนั ว่าจะทาเครื่องออกกาลังกายซ่ึงเราไดท้ าขึ้น 2 แบบ แบยแรกจะ ทาดว้ ยลูกปืนแบบท่ีสองจะทาดว้ ยลูกแกว้ และกลุ่มของพวกเราได้ทาการทดลองแลว้ ว่าแบบท่ีสองจะ ดกี ว่าแบบแรก จากการทดลอง.พบว่า เครอ่ื งออกกาลังกาย แบบที่ 1. มีประสิทธภิ าพในการเผาผลาญแคลอ ร่ีได้ดกี ว่า เคร่ืองออกกาลงั กาย แบบที่ 2 เพราะ เครอื่ งออกกาลังกายแบบที่ 1 จะหมนุ ได้ดกี วา่ แบบท่ี 2 ทาให้สดั ส่วนและนา้ หนกั ลดลง 3. ปยุ๋ โกบาฉิ โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขนาดกลางซ่ึงโรงเรียนของเราอุดมสมบรูณ์มีต้นไม้หลายชนิด จานวนมากในแต่ละวันมีเศษใบไม้ร่วงจานวนมากและปัญหาที่พบในโรงเรียนคือใบไม้เกล่ือนโรงเรียน โดยโรงเรยี นแก้ปัญหาโดยจัดทาโครงการโรงเรียนสวยด้วยมือเรา มีการรวมใบไม้ไว้เยอะๆ ซ่ึงไม่ได้ใช้ เกิดประโยชน์แต่อย่างใด อีกท้ังถ้าเรานาใบไม้มาใช้ให้เกิดประโยชน์จะเป็นการนาสิ่งท่ีไม่มีค่าทาให้มี คา่ โดยยดึ หลกั คามพอเพียงตามทฤษฎเี ศรษฐกจิ พอเพียงของในหลวงรชั กาลท่ี 9 ได้อยา่ งสมบรู ณ์ -โครงการเพาะพันธปุ์ ญั ญา ปี 2560- ศูนย์พ่ีเลยี้ งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
ปุ๋ยโบกาฉิ เป็นการนา EM มาประยุกต์ใช้โดยการผ่านกระบวนการหมักแห้ง มีการผสม กากน้าตาลเข้าไป เพ่อื ชว่ ยในการย่อยสลายของจุลินทรีย์ ก่อนจะหมักด้วยวัตถุดิบตามสูตรจนได้ท่ีย่อ มาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ซ่ึง ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิงะ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เช่ียวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษา แนวคิดเรื่อง \" ดินมีชีวิต\" ของท่านโมกิจิ โอกะดะ (พ.ศ.2425-2498) บิดาเกษตรธรรมชาติของโลก จากนั้น ดร.ฮิงะ เร่ิมค้นคว้าทดลองตั้งแต่ปี พ.ศ 2510 และค้นพบ EM เมื่อ พ.ศ. 2526 ท่านอุทิศ ท่มุ เททาการวจิ ัยผลว่ากลมุ่ จุลินทรีย์นี้ใช้ได้ผลจริง หลังจากน้ันศาสนาจารย์วาคุกามิ ได้นามาเผยแพร่ ในประเทศไทย โดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบาเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา หรือ คิวเซ (คิวเซ แปลว่า ชว่ ยเหลือโลก) ปจั จบุ ัน ต้ังอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และนาไปใช้ให้เกิดผลดีใน การปรับสภาพโครงสร้างของดินใหร้ ว่ นซุยในแปลงปลกู พชื ดาวเรือง เปน็ ไม้ดอกท่ีคนไทยนยิ มปลูกกนั มาก เน่อื งจากเมล็ดมีขนาดใหญ่ปลูกงา่ ย งอกเร็ว ตน้ โตเรว็ และแข็งแรงไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน ใหด้ อกเร็ว ดอกดก มหี ลายชนิดและหลายสี รูปทรงของดอกสวยงาม สสี นั สดใส ทด่ี าวเรอื งเพราะชว่ งน้ีเปน็ ช่วงท่ี รชั กาลที่9 ทรงเสด็จสวรรณคต และเป็นพืชทห่ี าไดต้ ามท้องถิ่น หาได้ง่าย กลุม่ ของข้าพเจ้าจงึ มีความสนใจทีจ่ ะใชป้ ระโยชนจ์ ากเศษ ใบไม้คอื เราจะนาเศษใบไม้มาใชเ้ ป็นสว่ นผสมในการทาปุ๋ยหมักโบกาฉิ เพอ่ื ให้ได้อตั ราสว่ นทเี่ หมาะสม ในการปลูกดอกดาวเรือง ผลปรากฏว่า การศึกษาทดลองเปรียบเทียบการปลูกดอกดาวเร่อื งโดยใช้สตู รปยุ๋ โบกาฉิ ทั้ง 3 ตวั เปรียบเทยี บและสังเกตการณเ์ จรญิ เตบิ โตของดอกดาวเรือง พบวา่ สตู รปยุ๋ โบกาฉิสตู รที่ 1 ทาให้ การเจรญิ เติบโตของต้นดาวเรืองทัง้ ความสูงและจานวนดอกดกี ว่าปยุ๋ โบกาฉิ สูตรท่ี 2 และไมใ่ สป่ ุ๋ย โบกาฉิ แสดงวา่ ปยุ๋ โบกาฉิ สูตรท่ี 1 มีสารอาหารที่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของดอกดาวเรือง เหมาะสมทีส่ ดุ 4. การรณรงคส์ รา้ งจติ สานกึ ในการสรา้ งและทิ้งขยะ จากการศึกษาโครงงานเรื่อง การรณรงค์สร้างจิตสานึกในการสร้างและทิ้งขยะ ทางกลุม่ ผู้ศึกษามี วัตถปุ ระสงค์ในการศึกษา คือ 1) ศกึ ษาพฤตกิ รรมเก่ียวกบั การสรา้ งและการท้งิ ขยะของนักเรียน โรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสังวรฯ 2) ศึกษาระดับความรแู้ ละเจตคติตอ่ การสร้างและทิ้งขยะในโรงเรียน ของนักเรยี นโรงเรยี นสมเด็จพระญาณสงั วรฯ 3) พัฒนาสอื่ ในการใหค้ วามรู้และส่งเสรมิ ให้นักเรียน โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวรฯมเี จตคตทิ ี่ดีในการสรา้ งและท้งิ ขยะในสถานศึกษา ผลการศึกษาพบว่า ระดับความรู้เกี่ยวกับขยะของผู้บริหาร คณะครู บุคลากรทางการศึกษา แม่ค้า ของโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ มีระดับความรู้ที่ถูกต้องเก่ียวกับขยะ จานวน 120 คิดเป็นร้อยละ 68.97 และ มีระดับความรู้ที่ยังไม่ถูกต้องชัดเจน จานวน 54 คน คิด เป็นร้อยละ 31.03 จึงจาเป็นอย่างย่ิงที่ต้องมีการจัดกิจกรรมในการให้ความรู้เก่ียวกับ ขยะเพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง ด้านพฤติกรรมการสร้างและการทิ้งขยะในการสร้าง และท้งิ ขยะในสถานศึกษาโดย พบวา่ ส่วนใหญ่ยังมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องในการท้ิงขยะ จาเป็นต้องมี -โครงการเพาะพันธป์ุ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ล้ยี งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
การรณรงค์ให้เกิดการปรับเปล่ียนพฤติกรรม ส่วนในด้านเจตคติต่อการสร้างและท้ิงขยะในโรงเรียน น้ัน ส่วนใหญ่มีเจตคติที่ดี และเห็นว่าโรงเรียนควรมีการรณรงค์เพ่ือให้ความรู้และสร้างเจตคติที่ดี เก่ยี วกบั การสร้าและการทิ้งขยะ ถา้ โรงเรียนมีกจิ กรรมดงั กล่าวจะเขา้ รว่ มกจิ กรรมด้วยความเต็มใจ ระดับความพึงพอใจต่อส่ือเพ่ือรณรงค์สร้างเจตคติท่ีดีในการสร้างและการท้ิงขยะของนักเรียนใน โรงเรียน พบว่า ส่ือท่ีจัดทาข้ึนเพื่อรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาขยะในสถานศึกษามีเนื้อหาท่ี เหมาะสม มรี ูปแบบทดี่ ึงดูดความสนใจ ใหค้ วามรูเ้ กย่ี วกับปัญหาที่เกิดจากขยะที่มีต่อการดาเนินชีวิต ได้ ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธกี ารทิง้ ขยะท่ีถูกต้อง มีความเหมาะสมกับบุคลากรในสถานศึกษาทุกเพศ ทุก วัย สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางท่ีดี และสามารถให้ข้อคิดที่ดีในการสร้างและทิ้งขยะใน สถานศกึ ษา โดยมีค่าเฉลีย่ 4.14 อยู่ในระดบั มาก ระดับความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์สร้างเจตคติที่ดีในการสร้างและการท้ิงขยะของ นักเรียนในโรงเรียนนั้น พบว่า ระยะเวลาในการดาเนินกิจกรรมและการประชาสัมพันธ์กิจกรรมมี ความเหมาะสม ส่ือท่ีใช้ในการรณรงค์มีความเหมาะสม สื่อและกิจกรรม Big cleaning Day ท่ีใช้ใน การรณรงค์น้ันช่วยพัฒนาความรู้ เปลี่ยนแปลงเจตคติและพฤติกรรมได้ จนทาให้เกิดความพึงพอใจ ได้รับประโยชน์ และมีความต้องการในการจัดกิจกรรมการรณรงค์สร้างจิตสานึกในการสร้างและทิ้ง ขยะในสถานศึกษาในปกี ารศกึ ษาต่อไป โดยมีคา่ เฉล่ีย 3.99 อยู่ในระดบั มาก 5. นา้ ยาล้างจานสมุนไพร กลา่ วถึงปัญหาดา้ นสขุ ภาพในโรงเรียนซงึ่ โรงเรียนของเราไดเ้ ข้าร่วมโครงการเพาะพันธ์ุปัญญา และเป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับเพชร พวกเราได้เห็นแม่ค้าใช้ผงซักฟอกในการล้างจานและ ผงซักฟอกมสี ารเคมเี ยอะซ่ึงไมเ่ หมาะกบั การล้างจาน ทางกลุ่มของเราจึงมีความคิดว่าจะทาน้ายาล้างจานจากสมุนไพรท่ีสามรถหาได้ในท้องถ่ินคือ การนามะกรูดมาใช้แทนสารเคมีอ่ืนๆและเราคิดค้นน้ายาล้างจานท่ีจะช่วยลดสารเคมีท่ีมีในน้ายาล้าง จานให้น้อยลงโดยใชส้ มนุ ไพรในการกาจดั คราบมนั และกลิ่นคาวในจาน น้ายาล้างจานมีอยู่ 3 สูตร คือ สูตรมะกรูด ตะลงิ ปลิง และมะขามเปยี ก จากที่ได้ทาการทดลองและสรุปผล ผลปรากฏว่าน้ายาล้างจานสมุนไพรจากมะกรูดขจัดคราบมัน และกล่ินคาวได้ดีกว่าสูตรอ่ืน เม่ือได้รู้ผลการทดลองแล้วทางกลุ่มพวกราจะนาน้ายาล้างจานไปให้กลุ่ม แมค่ ้าในโรงอาหารใชเ้ พ่อื ใช้แทนผงซกั ฟอกในการล้างจาน 6. สมุนไพรดับกลิ่นห้องน้า โรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์ เปน็ โรงเรียนขนาดกลางท่ีตัง้ อยู่ใน ชมุ ชนชนบท มพี ืชพรรณมากมาย พชื แตล่ ะชนิดกม็ ปี ระโยชนห์ ลากหลาย เชน่ มะกรดู ตะไคร้ และ ใบเตย กล่มุ ของพวกเราจงึ มองเหน็ ในประโยชนข์ องสมุนไพรทม่ี ีอยู่ใกล้ตัว พวกเราจึงนาพืชทั้ง 3 ชนิด นี้นามาทาเป็นสมุนไพรดบั กลิ่นห้องน้าโดยทาการผสมสูตรมที ้ังหมด 6 สตู ร คอื สูตรที่ 1 มะกรดู ลว้ น สตู รท่ี 2 ตะไคร้ล้วน สูตรที่ 3 ใบเตยล้วน สตู รท่ี 4 มะกรูด ตะไคร้ และใบเตย ผสมกันในอัตราสว่ นที่ เท่ากนั เพ่ือทดสอบว่านักเรยี นในโรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสังวรฯ ชอบกลน่ิ ไหนมากท่สี ุด โดยทา แบบสอบถามความพึงพอใจ -โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ี่เลย้ี งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
ผลการทดลอง พบวา่ ผูใ้ ช้บริการหอ้ งนา้ มีความพงึ พอใจ ในการใช้สมนุ ไพร ท้ัง 3 ชนดิ ในการ ดบั กลนิ่ หอ้ งนา้ โดย กลิ่นทผ่ี ้ใู ชบ้ รกิ ารห้องนา้ พงึ พอใจมากท่ีสดุ คอื มะกรดู 7. นา้ หมักชวี ภาพจากเศษอาหาร โครงงานเพาะพันธป์ุ ัญญา โครงงานนี้ไดท้ าการศกึ ษา เรือ่ ง นา้ หมักชวี ภาพจากเศษอาหาร (bio-fermented) เพือ่ เปรยี บเทียบว่า น้าหมกั ชวี ภาพที่ผลติ ขนึ้ ทง้ั 4 สูตร สูตรใดทีม่ ีประสิทธภิ าพใน การทาให้ตน้ ดาวเรืองเจรญิ เติบโตได้ดีทส่ี ุด ซึ่งการวัดการเจริญเติบโต วัดจากจานวนใบและความสูงของ ต้นดาวเรอื ง โดยกลุ่มผจู้ ัดทาได้ผลิตน้าหมกั ชวี ภาพ จากการนา เศษอาหารมาหมักรวมกบั EM กากน้าตาล และน้าเปล่า ในอัตราสว่ นทแ่ี ตกต่างกัน แลว้ หมักไวใ้ นถังหมักเป็นเวลา 30 วัน จากนัน้ นามาทดลองรดกบั ตน้ ดาวเรืองทีเ่ พาะปลูกไว้ ซงึ่ มีอายุ 30 วัน สูตรละ 3 ตน้ รวม 12 ตน้ และอีก 3 ตน้ จัดเปน็ ชดุ ควบคุม คือ ไม่ได้รดน้าหมักชวี ภาพ รวมจานวนตน้ ดาวเรอื งท่ีนามาทดลอง 15 ต้น แลว้ ทาการวดั การเจรญิ เติบโต สปั ดาหห์ละ 1 ครัง้ เปน็ เวลา 8 สปั ดาห์ พบวา่ นา้ หมกั ชวี ภาพ สูตรท่ี 2 ทาให้ตน้ ดาวเรืองมีจานวนใบมากที่สดุ คือ เฉล่ีย 47.67 ใบ ลาดบั ตอ่ มา คอื สูตรที่ 3 เฉลยี่ 38 ใบ ลาดับต่อมา คือ สูตรท่ี 1 เฉลีย่ 31.33 ใบ ลาดับต่อมา คือ สตู รท่ี 4 เฉลีย่ 29.33 ใบ ลาดับสดุ ทา้ ยคือ ต้นดาวเรอื งท่ีไม่ไดร้ ดน้าหมักชวี ภาพ มจี านวนใบเฉลีย่ 6.67 ใบ จาก การวดั ความสงู ของต้นดาวเรอื ง พบวา่ นา้ หมักชวี ภาพ สตู รท่ี 4 ทาให้ตน้ ดาวเรืองมีความสูงมากท่ีสุด คือ เฉลี่ย 32.25 เซนตเิ มตร ลาดบั ต่อมา คือ สูตร 2 เฉล่ยี 31.20 เซนติเมตร ลาดับต่อมา คอื สตู รที่ 3 เฉล่ีย 30.65 เซนตเิ มตร ลาดบั ต่อมา คือ สูตรท่ี 1 เฉลีย่ 25.05 เซนตเิ มตร ลาดับ สดุ ทา้ ย คอื ตน้ ดาวเรืองที่ไม่ไดร้ ดนา้ หมักชวี ภาพ เฉลีย่ 7.83 เซนติเมตร จากผลการทดลอง สูตรท่ี 2 มีผลเฉลยี่ การเจริญเติบโตของต้นดาวเรอื งสูงกว่าสูตรอืน่ ๆ เมื่อ เปรยี บเทียบกับผลเฉลี่ยรวม สูตรที่ 2 ทาให้ตน้ ดาวเรืองมีใบมากทส่ี ุด สตู รท่ี 4 ทาให้ต้นดาวเรืองมี ความสงู มากทสี่ ดุ และสตู รท่ี 3 กราฟแสดงผลการเจรญิ เตบิ โตจานวนใบเฉล่ียของต้นดาวเรืองและกราฟ แสดงความสูงเฉลยี่ ของต้นดาวเรืองมีการเพิม่ ขึน้ อย่างสมา่ เสมอเม่ือเปรยี บเทยี บกบั สตู รอ่ืนรวมท้งั ชุด ควบคุม 8. สร้างความเชือ่ ในการอา่ นฉลาก โครงงานนี้เพื่อให้ความรู้ รณรงค์ในการอ่านฉลากโภชนาการ ฉลาก หวาน มัน เค็ม(ฉลาก GDA ) สญั ลกั ษณ์โภชนาการ“ทางเลอื กสุขภาพ” เพื่อเปล่ยี นพฤติกรรมการบริโภคอาหารดงั กล่าว คาถามท่อี ยากรู้ เราอยากทราบว่า การท่เี ราใส่ใจและสนใจในการอา่ นฉลากโภชนาการ ฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA)และ สัญลักษณ์โภชนาการ ทางเลือกสุขภาพ การดูปริมาณแคลอร่ีท่ีได้รับใน แต่ละวัน สามารถพัฒนาและปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภตอาหารเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ ติดต่อเรื้อรัง ของนักเรียนโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้หรือไม่ ได้มาก น้อยเพยี งใด วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการพัฒนาการอ่านฉลากโภชนาการ เพื่อปรับเปล่ียน พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1และ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 พบว่า นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 และนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี2 ในอายุระหว่าง 13-15 มีพัฒนาการการอ่านฉลากโภชนาการมากขึ้น และใส่ใจในการอ่านฉลากและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การอ่านฉลากโภชนาการมากขึ้น โดยนักเรียนกลุ่มเป้าหมายของเราใส่ใจการการดูแคลอร่ีในการ -โครงการเพาะพันธป์ุ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ ีเ่ ล้ียงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
รับประทานอาหารในแต่ล่ะวันโดยถูกต้องและในประมาณที่พอเหมาะ โดยไม่เกิน 2,000 แคลอร่ีต่อ วัน และไม่น้อยกว่า 1,700 แคลอรี่ต่อวัน และอีกทั้งกลุ่มเป้าหมายของเรายังเล็งเห็นการดูแลสุขภาพ และออกกาลงั กายมากข้ึน 9. เจลล้างมอื ในการทาโครงการเร่ือง เจลลา้ งมือสร้างรายได้ เป็นโครงงานประเภทเศรษฐศาสตร์ ได้มีการ ทาเจลลา้ งมอื เพ่มิ รายได้ และสามรถทาเป็นอาชพี เสริมได้ จากนน้ั พวกเราได้ออกแบบสอบถามโดยยึด หลกั การตลาด 7 Ps โดยออกแบบครั้งท่ี1 เกย่ี วกบั การสารวจพฤตกิ รรมความต้องการของผ้ใู ชต้ ่อ ผลิตภณั ฑเ์ จลล้างมอื พบว่าเป็นเพศหญงิ 50คนและเพศชายจานวน50คนมีชว่ งอายุที่10-18ปีเป็น จานวนมากและมชี ่วงอายุ50ปขี ึ้นไปเป็นจานวนน้อย ซง่ึ มีอาชีพเปน็ นักเรยี นส่วนใหญแ่ ละมีอาชีพเป็น เกษตกรสว่ นน้อยและสว่ นมากมีรายไดเ้ ฉลยี่ ตอ่ เดือนน้อยกวา่ 3000บาท ส่วนนอ้ ยมรี ายไดเ้ ฉล่ยี 12,000-15,000บาท ซ่ึงเหตผุ ลทชี่ อบใช้เจลล้างมือสว่ นมากเพื่อความสะอาด และรูปแบบผลติ ภัณฑ์ เจลลา้ งมือส่วนมากท่ีนยิ มใช้เปน็ แบบบรรจภุ ณั ฑ์หลอดบีบ รองลงมาเป็นแบบขวดแกว้ และใน ความคดิ เห็นเกยี่ วกับเจลล้างมอื สว่ นมากคดิ ว่าเปน็ ผลติ ภัณฑใ์ หม่ทใ่ี ชเ้ พ่ือความสะอาด ส่วนน้อยคดิ ว่าเป็นผลติ ภณั ฑอ์ น่ื ๆ ซง่ึ หากมกี ารวางจาหนา่ ยเจลลา้ งมือจานวน70คนสนใจซ้ือ และจานวน30คนที่ ไม่แนใ่ จ และจานวนเงนิ ท่ีจะซอ้ื ย่างในแตล่ ะคร้ังสว่ นมากอยู่ท่ี30บาท สว่ นน้อยจานวนเงินทจ่ี ะซื้อเจ ลล้างมอื ในแตล่ ะครั้ง20บาท และหากมกี ารวางจาหนา่ ยเจลล้างมอื สว่ นมากต้องการให้มีการวาง จาหนา่ ยทร่ี า้ นคา้ ชุมชน สว่ นนอ้ ยเป็นการซื้อจากเพื่อน ขณะในการทาเจลลา้ งมอื กม็ ีอุปสรรคก็คือ ผใู้ ช้มีความชอบที่ต่างกัน พวกเราไดล้ องทาเจลล้างมือเรอ่ื ยๆจนสามารถแกไ้ ขปญั หาไดก้ ็คือ ได้คดิ ทา เจลล้างมอื ข้นึ มา3สูตรคือ สูตรวา่ นหางจระเข้ สตู รมะกรูด สตู รวา่ นหางจระเขแ้ ละมะกรูด สว่ นวัตถุ การทาก็เหมอื นเดมิ จากนัน้ ไดม้ ีการออกแบบครั้งท่ี2การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้ใช้ เพ่ือ ต้องการทราบข้อมลู ที่ผู้ใชก้ ลุม่ เป้าหมายพอใจหรือไม่อย่างไรในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เจลล้างมอื โดย การแจกแบบสอบถามการสารวจความพงึ พอใจผลิตภณั ฑห์ ลงั จากได้ใช้เจลลา้ งมือ เพ่ือพัฒนา ผลิตภณั ฑ์ตามความตอ้ งการของผ้ใู ชเ้ พ่ือนาข้อมลู ที่ไดห้ รือข้อมลู ความต้องการเก่ยี วกับการพัฒนา ผลติ ภัณฑท์ ีผ่ ใู้ ชต้ อ้ งการ นากลบั มาแก้ไขและพฒั นาผลติ ภัณฑ์ใหด้ ีข้ึนพร้อมกบั การแจกผลติ ภัณฑเ์ จ ลล้างมือสตู รตา่ งๆเพ่ือใหผ้ ูใ้ ชไ้ ดท้ ดลองกอ่ นเพ่ือสารวจความแน่ใจก่อนมีการขายผลิตภัณฑ์เจลลา้ งมือ เพอื่ รายไดเ้ สรมิ จากผลของแบบสอบถามการสารวจพฤตกิ รรมความตอ้ งการของผู้ใช้ หลงั จากได้ใชเ้ จ ลล้างมอื เพ่ือพฒั นาผลิตภณั ฑ์เจลล้างมือตามความต้องการของผูใ้ ช้โดยเนน้ กลมุ่ เป้าหมายผบู้ ริโภค ในชว่ งอายุ 10-18ปี พบว่ามคี วามสนใจผลิตภณั ฑเ์ จลล้างมือสตู รวา่ นหางจระเข้และมะกรดู รองลงมา เป็นเจลลา้ งมือสตู รมะกรดู และส่วนนอ้ ยชอบเจลลา้ งมือสูตรวา่ นหางจระเข้ สว่ นบรรจุภณั ฑ์ผู้ใช้เห็นดว้ ยอยา่ งยง่ิ ในเรอื่ งการใส่บรรจุภัณฑ์ในหลอดบีบ ส่วนมากผูใ้ ชม้ ี ความพงึ พอใจอย่างมากกับผลิตภัณฑเ์ จลลา้ งมือเพราะเปน็ ผลิตภัณฑ์ใหม่ทน่ี ่าใช้ ถา้ หากมกี ารวาง จาหนา่ ยผลิตภัณฑ์เจลลา้ งมอื สว่ นมากสนใจที่จะซอ้ื และได้รับความร่วมมอื ทาแบบสอบถามทงั้ สอง ครั้ง โดยผใู้ ชผ้ ลิตภัณฑไ์ ดม้ ีขอเสนอแนะหรือข้อคดิ ดๆี มาให้กลุ่มพวกเราได้นามาพัฒนาผลติ ภณั ฑ์เจ ลล้างมอื เช่น พยามยามสู้ต่อไป ยนิ ดีสนบั สนุนผลิตภัณฑ์ เปน็ การทาเจลล้างมือจากวัตถุดิบธรรมชาติ มีความปลอดภัย ผลิตภณั ฑน์ ่าใช้สะอาด ซึ่งจากข้อเสนอแนะท้ังหมดนี้ เปน็ การพดู ใหก้ าลังใจ รวมทง้ั ขอ้ ท่ีควรปฏบิ ตั ิ ต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านท่ีให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามท้ังสองครัง้ -โครงการเพาะพนั ธ์ุปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พีเ่ ล้ยี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
สรปุ ผล จากการทาเจลล้างมือมีการลงทนุ ซื้ออปุ กรณ์ทั้งหมด 500 บาท ไดม้ ีการขายเจลล้าง มอื ทงั้ หมด 20 หลอดซ่งึ หลอดหนงึ่ ราคา30บาท ได้ทั้งหมด 600 บาท เหน็ ได้ว่า ลงทนุ 500บาท ได้ กาไร 100บาท 10. ผงแซบ โครงงานเพาะพันธุป์ ัญญาได้ทาการศึกษาเร่ืองผงแซบ เพ่ือศึกษาการใช้ผงแซบแทนผงชูรสใน อาหาร โดยการใชแ้ บบประเมินความพึงพอใจในการสอบถามข้อมลู ซึง่ ผลการเกบ็ ข้อมูลพบวา่ ผงแซบสตู รท่ี 1รสหวาน สามารถใช้แทนอาหารประเภท ผัด ทอด โดยความพงึ พอใจอยู่ใน ระดับ ร้อยละ 69 ผงแซบสูตรที่ 2 รสเผ็ด สามารถใชแ้ ทนอาหารประเภทผัด โดยความพึงพอใจอยู่ในระดบั ร้อยละ 71 จากการทดลองสรุปได้ว่าผงแซบสตู รท่ี 1 รสหวาน มีความเหมาะสมในการประกอบอาหาร ประเภทผัดและทอดมากที่สดุ โดยระดับความพึงพอใจของผูบ้ รโิ ภคอยใู่ นระดับร้อยละ 72 -โครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่ีเลยี้ งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ภาคผนวก -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
รายชอื่ คณะครู นักเรยี นเพาะพันธปุ์ ัญญา ปีการศึกษา 2560 โรงเรยี นสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผู้บรหิ าร 1. นายชาตชิ าย สงิ หพ์ รหมสาร ผอู้ านวยการโรงเรยี น 2. นายเชดิ ชยั สงิ ห์คิบุตร ครทู ปี่ รกึ ษารว่ มโครงการ ครกู ลุ่มวิชา วทิ ยาศาสตร์ มือถือ 0981049766 1. นายเดชมณี เนาวโรจน์ ครกู ลุ่มวชิ า วิทยาศาสตร์ มือถือ 0854106857 2. นางสาคร ทองเทพ ครกู ลมุ่ วชิ า วิทยาศาสตร์ มอื ถือ 0862506414 3. นางสาวยาใจ เจรญิ พงษ์ ครูกลมุ่ วิชา วทิ ยาศาสตร์ มอื ถือ 0872463509 4. นางสาวแสงเดือน บกน้อย ครกู ลุ่มวชิ า วทิ ยาศาสตร์ มือถือ 0883758721 5. นายกติ ตพิ งษ์ บุญสาร ครกู ลมุ่ วชิ า สังคมศึกษา มือถือ 0801705406 6. นางสาวกิตตมิ า สาระรักษ์ ครกู ลุ่มวิชา วทิ ยาศาสตร์ มอื ถือ 0847524758 7. นางนชุ นาฏ โชตสิ วุ รรณ ครูกลมุ่ วชิ า คณิตศาสตร์ มือถือ 0868668355 8. นางสาวกสุ ุมา ไชยชว่ ย ครูกลมุ่ วิชา สงั คมศึกษา มอื ถือ 0945216739 9. นายพษิ ณุ สมจติ ร ครูกลุ่มวิชา สังคมศึกษา มือถือ 0843920580 10. นายจรี ะศกั ดิ์ ลิภา -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศูนย์พ่ีเล้ยี งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
นกั เรียนรว่ มโครงการเพาะพนั ธุป์ ัญญา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5/1 ปกี ารศกึ ษา 2560 เลขท่ี ช่ือ-สกุล ฉายา 1 นายกายสิทธ์ิ สันดร 2 นายนนทกานต์ ทองทา 3 เด็กชายพชั รพล แสวงศรี 4 นายมานนท์ วงชาลี 5 นายมาโนชญ์ ชาวไทย 6 นายสิทธิกร แลพล 7 นายอคั รพนธ์ มาลาวัยจันทร์ 8 นางสาวจริยา บกน้อย 9 นางสาวชนภิ รณ์ ม่งุ งาม 10 นางสาวณฐั รกิ า ทองประสาน 11 นางสาวพัชรดิ า วัฒนาเนตร 12 นางสาวราตรี พูพวง 13 นางสาวรุ้งตะวัน บกนอ้ ย 14 นางสาววิกานดา รวมธรรม 15 นางสาวศิรินทิพย์ โคตรทิพย์ 16 นางสาวอรโุ ณทยั รวมธรรม 17 นายธีรเดช หลกั คา 18 นายภาคิน ลาภาย 19 นายมนตรี แกว้ เนตร 20 นางสาวพลอยนรินทร์ วงเวยี น 21 นางสาวภานมุ าศ กลางนา 22 นางสาววยิ ะดา ชาวไทย 23 นางสาวธนาภา สาระพล 24 นางสาวจฑุ ารตั น์ ตรงกลาง 25 นางสาวปิยธดิ า หมน่ื สขุ 26 นางสาวภาวณิ ี แดงอไุ ร 27 นางสาววภิ าดา ทองทา 28 นางสาวศิรลิ ักษณ์ ศิริโสม 29 นายพีรพล แขง็ ขัน 30 นายวนั ชัย แก้วยอดคง 31 นายอภิสทิ ธ์ิ แพทย์ทองชิว 32 นางสาวเกวลนิ ราชนู 33 นายธรี ภทั ร บญุ จรสั 34 นายธีรศกั ดิ์ ภมู ิประเสรฐิ 35 นายประทปี แสงกลา้ -โครงการเพาะพันธุป์ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ เี่ ลี้ยงมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
Poster / เอกสารการนาเสนองานต่าง ๆ -โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่ีเลี้ยงมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
รายงานการประชาสมั พันธ์ : www.facebook.com/เพาะพันธ์ปุ ัญญา โรงเรียนสมเดจ็ พระ ญาณสังวร ในพระสังฆราชุปถมั ภ์ -โครงการเพาะพันธ์ุปัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่เี ล้ียงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
สัญญาที่ TRP6140504/07 โรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์ ชุดโครงงาน ไกย่ า่ งบ้านแคน รายงานสรุปการเงิน -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ชอ่ื ผดู้ ูแลโครงงาน นายเดชมณี เนาวโรจน์ รายงานในช่วงตั้งแต่วนั ที่ 2 ธันวาคม 2559 ถงึ วันที่ 31 มนี าคม 2561 หมายเหตุ เปน็ รายงานสรุปการเงนิ รวมของทุกโครงงานยอ่ ย โดยยึดถอื งบประมาณรวมตามเอกสารแนบ หมายเลข 1/1 รายจา่ ย หมวดตาม รายจา่ ยสะสม ค่าใชจ้ ่ายงวด รวมรายจ่าย งบประมาณ คงเหลอื ทตี่ ง้ั ไว้ตาม (หรอื เกิน) สญั ญา จากรายงาน ปัจจบุ ัน B สะสมจนถึง E=D-C สญั ญา ครัง้ ก่อน A ปัจจุบนั D* 0 C= A+B 0 1. ค่าตอบแทน 10000 0 0 หรอื คา่ ประกัน คณุ ภาพ 2. คา่ วสั ดุ 20000 อปุ กรณ์ 3. ค่าใช้สอย 5000 รวมทงั้ ส้ิน 80000 * นามาจากเอกสารแนบหมายเลข 1/1 จานวนเงินที่ได้รบั และจานวนเงินคงเหลือ จานวนเงินที่ไดร้ ับ จานวนเงนิ วันทีไ่ ดร้ ับ ค่าใชจ้ า่ ย จานวน งวดที่ 1 64000 งวดท่ี 2 64000 งวดท่ี 1 16000 ดอกเบีย้ ครง้ั ที่ 1 ดอกเบีย้ ครั้งที่ 2 16000 งวดที่ 2 80000 รวมรายรบั 80000 รวมรายจ่าย -โครงการเพาะพันธ์ุปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเี่ ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
โครงงาน RBL เคร่ืองบดใบไม้แรงปั่น นางสาวศริ ินทิพย์ โคตรทพิ ย์ นางสาวเกวลนิ ราชนู นายมนตรี แก้วเนตร ครทู ี่ปรกึ ษา นายพิษณุ สมจิตร โรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถมั ภ์ อาเภอคาเขื่อนแกว้ จงั หวัดยโสธร สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ศนู ย์พีเ่ ล้ียงมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ ี่เล้ยี งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
กติ ติกรรมประกาศ ในการจัดทาโครงงานเร่ือง เคร่ืองบดใบไม้แรงป่ัน ในครั้งน้ีโครงงานวิจัยน้ีได้รับการสนับสนุนจากการ วจิ ยั โครงการวจิ ยั สานกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว) ขอกราบขอบพรคุณ นายชาติชาย สิงห์พรหมสาร ผู้อานวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ นายเชิดชัย สิงห์คิบุตร รองผู้อานวยก าร โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ที่ให้การสนับสนุน และส่งเสริมให้นักเรียนได้พัฒนา ทกั ษะการคิด การทาโครงงาน ใหค้ าชีแ้ นะและอานวยความสะดวกในการทาโครงงานครง้ั นี้ กราบขอบพระคุณ คุณครูเดชมณี เนาวโรจน์ และคุณครูพิษณุ สมจิตร ท่ีให้คาปรึกษา ดูแล แนะนา และแก้ไขข้อบกพร่อง ในการทาโครงงานทุกด้าน กราบขอบพระคุณ คณะคุณครูและบุคลากรทางการศึกษา และสมาชิกในครอบครัวที่คอยช่วยเหลือในการทาโครงงาน อีกทั้งเพื่อนนักเรียนที่คอยให้กาลังใจ จนกระท่ัง โครงงานเร่ือง เคร่ืองบดใบไม้แรงปั่น สาเร็จลุล่วง ขอขอบคุณทุกท่านท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องให้งานบรรลุตาม วตั ถุประสงค์ -โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ปี 2560- ศูนย์พเ่ี ล้ียงมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
บทคัดย่อ โครงงานเรื่อง เคร่ืองบดใบไม้แรงป่ัน การหาประสิทธิภาพของเคร่ืองบดใบไม้แรงป่ันมาเปรียบเทียบ กับเครื่องบดใบไมแ้ รงมอเตอร์ วา่ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงหรือแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด และเมื่อมอเตอร์ใช้ ไมไ่ ดจ้ ะสามารถใชท้ ดแทนกนั ไดห้ รือไม่ โดยการจัดทาเครื่องบดใบไม้ท่ีสามารถใช้ได้ท้ังแรงปั่นและแรงมอเตอร์ ได้ในเคร่อื งเดียวกัน ทาเครื่องบดที่บดโดยใช้มอเตอร์ก่อน จากนั้นทาการต่อเติมโดยการเช่ือมเหล็กเป็นฐานตั้ง รถจักรยานมาต่อสายพานเข้ากับเพลา จะได้เคร่ืองบดที่ใช้แรงปั่นและแรงมอเตอร์ได้ในเคร่ืองเดียว ต่อมาทา การทดลอง บนั ทกึ ผลในตารางและวดั ผล แบ่งเป็นสองตาราง โดยตารางแรกวัดผลโดยการทดลองวัดขนาดของ ใบไม้ของแรงปั่นท้ังสองชนิดและเปรียบเทียบ โดยการปั่นใบไม้ในแต่ละครั้งใส่ในปริมาณ 100 กรัม 200 กรัม 300 กรมั เท่ากันในการป่นั ทั้งสองแรง จากน้ันนาใบไมท้ ไ่ี ด้มารอ่ นผา่ นตะแกรงรอ่ น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ส่วนตารางที่สองวัดผลโดยการทดลอง โดยการปั่นใบไม้ในแต่ละครั้ง กาหนดใบไม้ 100 กรัม 200 กรัม 300 กรัม เทา่ กันในการปนั่ ทงั้ สองแรง จากนนั้ จับเวลาทใี่ ชใ้ นการบดเครื่องบดทั้งสองชนิด จากการทดลองพบวา่ จากการทดลองในตารางท่หี นึ่ง ใบไม้ที่ถูกบดมีความละเอียดใกล้เคียงกันเพราะ สามารถผา่ นตะแกรงร่อนไดท้ ั้งสอง จากการทดลองในตารางที่สองใบไม้ที่ถกู ปั่นจากเคร่ืองบดใบไม้แรงมอเตอร์ ใช้เวลาในการบดน้อยกว่าเครื่องบดใบไม้แรงป่ัน แต่ไม่แตกต่างกันมากนัก และเคร่ืองบดใบไม้แรงป่ันมี ประสิทธิภาพใกลเ้ คียงกบั เคร่ืองบดใบไมแ้ รงมอเตอร์ เมอื่ มอเตอรใ์ ชไ้ มไ่ ด้ สามารถใชแ้ รงปั่นทดแทนได้ -โครงการเพาะพนั ธุป์ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ เ่ี ลี้ยงมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
บทนา เครื่องบดใบไม้ เป็นเครื่องที่ใช้ย่อยอนุภาคของใบไม้ให้เล็กลง เป็นเคร่ืองมือทางการเกษตร ที่นาใบไม้ ทีไ่ ดม้ าใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ เช่น ใสต่ น้ ไม้ใหเ้ ป็นปุ๋ย ใส่ผสมกับมูลสัตว์เป็นปุ๋ย ใส่ในที่แปลงนา และนามาทาเป็น ปุ๋ยโบกาฉิได้ ดั้งน้ันจึงมีแนวคิดท่ีจะเปลี่ยนแรงของเคร่ืองบดโดยจากเดิมใช้แรงมอเตอร์ เปล่ียนมาเป็นใช้แรง ปั่น นาผลการทดลองมาเปรียบเทียบว่า ประสิทธิภาพของเคร่ืองบดท้ังสองแรงใกล้เคียงกันมากน้อยเพียงใด และเมื่อแรงมอเตอร์ใช้ไมไ่ ด้ จะสามารถใช้แรงปั่นทดแทนไดห้ รือไม่ ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงงาน โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่เข้าร่วมโครงการ โรงเรยี นส่งเสรมิ สุขภาพ จนได้รับรองเป็นโรงเรียนส่งเสรมิ สุขภาพระดับเพชร แต่จากการดาเนินงานท่ีผ่านมาก็ พบว่าโรงเรยี นยงั มปี ญั หาในดา้ นสุขภาพ ซึ่งเป็นปัญหาท่ีจะต้องดาเนินการแก้ไข เป็นต้นว่า ปัญหาขยะ ปัญหา แมลงวัน ปัญหาเกี่ยวกับกล่ินของห้องน้า และปัญหาเก่ียวกับใบไม้ ซ่ึงทางโรงเรียนก็พยายามแก้ไข แต่ถ้าเรา หลักการความพอเพียง หรือนาหลักปราชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาแก้ปัญหา โดยใช้กระบวนการของโครงการเพาะพันธุ์ปัญญา หรือนาโครงงาน RBL มาใช้จะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ จากการสารวจพบว่าพ้ืนท่ีไม่ต่ากว่า 60% ของพ้ืนท่ีของโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ มีใบไม้จานวนมาก ซ่ึงใบไม้สดหรือใบไม้แห้ง เป็นอินทรียวัตถุชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ทางโรงเรียนมักเผาท้ิงไป โดยเปล่าประโยชน์ ดังน้ันถ้ามีการนาใบไม้มาเป็นวัตถุสาคัญในการเพ่ิมอินทรียวัตถุในดิน โดยการทาปุ๋ยหมัก จึงเป็นแนวทางที่ควรส่งเสริมแนวทางหนึ่ง ขนาดของวัตถุท่ีนามาเป็นปุ๋ยหมัก เป็นปัจจัยสาคัญประการหนึ่ง ทีช่ ่วยใหไ้ ด้ปยุ๋ หมกั ท่ีเรว็ หรือชา้ ถ้าวตั ถุมีขนาดเลก็ และมีสภาพอนื่ ๆทเี่ หมาะสม การสลายตัวของวัตถุจะเป็นไป อย่างรวดเร็วภายในหน่ึงสัปดาห์ แต่ถ้าวัตถุมีขนาดใหญ่ เช่น หญ้าทั้งต้น ใบไม้ทั้งใบ ก็อาจจะใช้เวลาหลาย เดือนหรือเป็นปีจึงจะใช้เป็นปุ๋ยได้ แต่การย่อยสับเพ่ือลดขนาดวัตถุเป็นงานท่ีส้ินเปลืองเวลามากโครงงานนี้ จึงมุ่งศึกษาและพัฒนาเครื่องทุ่นแรงเพื่อใช้ในการย่อยลดขนาดวัตถุการเกษตร โดยเฉพาะใบไม้สดและแห้ง จากเหตุท่ีกลา่ วขา้ งต้นแล้วคณะผู้ศึกษาคน้ ควา้ ซง่ึ เปน็ นักเรียนโรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระ สังฆราชูปถัมภ์ เลง็ เหน็ ปญั หาการท่ีมีใบไม้เยอะในโรงเรียน ที่ไม่สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้เท่าที่ควร จึงเกิด ความคิดที่จะผลิตเครื่องบดใบไม้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการนาใบไมท้ ่ีบดแลว้ ไปทาเปน็ ปุ๋ยหมกั และปยุ๋ ชวี ภาพ สมมติฐาน : เครอื่ งบดใบไม้แรงป่นั มปี ระสิทธภิ าพเทยี บเท่ากบั เคร่ืองบดใบไม้แรงมอเตอร์ และเมอื่ แรง มอเตอร์ใชง้ านไม่ได้ สามารถใช้แรงปน่ั ทดแทนได้ ตัวแปรต้น : เครือ่ งบดใบไม้แรงปนั่ และแรงมอเตอร์ ตวั แปรตาม : ขนาดของใบไม้ทผ่ี า่ นเคร่ืองบดทั้งสอง และเวลาในการบดใบไม้ ตัวแปรควบคุม : เครื่องบดใบไม้เครื่องเดียวกัน เวลาในการทดลอง ปรมิ าณใบไม้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือทดสอบว่าเครื่องบดใบไม้แรงปัน่ มปี ระสทิ ธภิ าพเทียบเท่ากับเครอื่ งบดใบไมแ้ รงมอเตอร์ 2. เพอื่ ทดสอบว่าเมื่อแรงมอเตอร์ใช้งานไมไ่ ด้ สามารถใช้แรงป่นั ทดแทนได้ 3. เพ่อื ฝึกทกั ษะการทางานรว่ มกันเป็นกลุ่ม 4. เพ่ือฝึกการคิดอย่างเปน็ กระบวนการและเปน็ เหตุเป็นผล -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พ่ีเลยี้ งมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
แนวคิด และทฤษฎีทีเ่ กย่ี วขอ้ ง มอเตอรไ์ ฟฟา้ (อังกฤษ: electric motor) เป็นอปุ กรณ์ไฟฟา้ ท่ีแปลงพลังงานไฟฟ้าเปน็ พลงั งานกล การทางานปกติของมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เกิดจากการทางานร่วมกันระหว่างสนามแม่เหล็กของแม่เหล็กใน ตัวมอเตอร์ และสนามแม่เหล็กท่ีเกิดจากกระแสในขดลวดทาให้เกิดแรงดูดและแรงผลักของสนามแม่เหล็กท้ัง สอง ในการใช้งานตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมการขนส่งใช้มอเตอร์ฉุดลาก เป็นต้นนอกจากน้ันแล้ว มอเตอร์ ไฟฟา้ ยังสามารถทางานได้ถึงสองแบบ ได้แก่ การสร้างพลังงานกล และ การผลิตพลังงานไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า ถูกนาไปใช้งานท่ีหลากหลายเช่น พัดลมอุตสาหกรรม เคร่ืองเป่า ปั๊ม เคร่ืองมือเครื่องใช้ในครัวเรือน และดิสก์ ไดรฟ์ มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถขับเคล่ือนโดยแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง (DC) เช่น จากแบตเตอรี่, ยานยนต์หรือ วงจรเรียงกระแส หรือจากแหล่งจ่ายไฟกระแสสลับ (AC) เช่น จากไฟบ้าน อินเวอร์เตอร์ หรือ เครื่องป่ันไฟ มอเตอร์ขนาดเลก็ อาจจะพบในนาฬิกาไฟฟา้ มอเตอรท์ ่ัวไปท่มี ขี นาดและคณุ ลักษณะมาตรฐานสูงจะให้พลังงาน กลที่สะดวกสาหรับใช้ในอตุ สาหกรรม มอเตอร์ไฟฟา้ ที่ใหญ่ทีส่ ุดใช้สาหรับการใชง้ านลากจูงเรือ และ การบีบอัด ท่อส่งน้ามันและป้ัมป์สูบจัดเก็บน้ามันซึ่งมีกาลังถึง 100 เมกะวัตต์ มอเตอร์ไฟฟ้าอาจจาแนกตามประเภทของ แหล่งท่ีมาของพลงั งานไฟฟ้าหรอื ตามโครงสร้างภายในหรอื ตามการใช้งานหรือตามการเคล่ือนไหวของเอาต์พุต และอืน่ ๆ ทม่ี า : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A เพลาขับ (อังกฤษ: drive shaft, driveshaft, driving shaft, propeller shaft, Cardan shaft) เป็น อุปกรณ์ที่ใช้สาหรับส่งถ่ายแรงบิดจากชุดเกียร์สู่เฟืองท้ายหรือจากเฟืองท้ายสู่ล้อซึ่งไม่สามารถเชื่อมต่อได้ โดยตรงกับแหล่งกาเนิดแรงบิดอันเน่ืองมาจากระยะห่างระหว่างแหล่งกาเนิดแรงบิดและอุปกรณ์ปลายทาง เพลาขับจงึ มรี ปู รา่ งและความยาวแตกต่างกนั ตามวัตถปุ ระสงค์ของการใช้งาน ทม่ี า : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E จักรยาน (อังกฤษ: Bicycle, Bike) คือ การขนส่งโดยใช้พลังงานที่ได้จากมนุษย์ ขับเคล่ือนโดยการกด ลูกบันได พาหนะสาหรับเส้นทางทุรกันดาร มีสองล้อเชื่อมต่ออยู่กับเฟรม ล้อท้ังคู่เรียงกันในทิศทางเดียวกัน โดยคนที่ขบั ขจ่ี กั รยานเรียกวา่ นกั ปั่นจักรยาน จักรยานถูกประดิษฐ์ข้ึนคร้ังแรกในยุโรป ช่วงศตวรรษท่ี 19 ในปี พ.ศ. 2003 มีจานวนมากกว่าพันล้านคันท่ัวโลก คิดเป็นสองเท่าของรถยนต์ เป็นการคมนาคมข้ันพื้นฐาน ใน หลายภูมิภาค นอกจากน้ียังใช้ในการพักผ่อนหย่อนใจ และนาไปใช้เป็นของเล่นเด็ก ใช้ออกกาลังกาย เป็นเคร่ืองมือสาหรับทหารตารวจ การจัดส่งสินค้าและใช้ในการแข่งขัน รูปร่างพื้นฐานและองค์ประกอบ ของจักรยานที่ถูกต้อง หรือจักรยานท่ีปลอดภัย มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยตั้งแต่จักรยานรูปแบบแรก ได้รบั การพฒั นาขนึ้ ประมาณปี1885 แต่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ต้ังแต่มีการพัฒนาของวัสดุรูปแบบใหม่ๆ ขึ้น และ การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ สิ่งน้ี เป็นการเร่ิมต้นของการออกแบบจักรยานแบบพิเศษต่างๆ การออกแบบจักรยานมีผลกระทบอย่างมากต่อ สังคม ท้ังในด้านของวัฒนธรรม และความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมส่วนประกอบหลายๆ อย่างเป็น แรงผลักดันท่ีเกิดจากการพัฒนาของรถยนต์และนามาใช้กับจักรยานรวมถึง ลูกปืน ยางที่ใช้ลม โซ่ขับเคล่ือน เฟืองเกียร์ และซีล่ วด ท่มี า : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B -โครงการเพาะพันธป์ุ ญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเี่ ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
อุปกรณ์และวธิ กี ารทดลอง 4. ตะแกรงร่อนขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 1 เซนตเิ มตร 5. นาฬิกาจับเวลา อุปกรณ์ 1. เครือ่ งบดใบไม้แรงปนั่ และแรงมอเตอร 2. ใบไม้แหง้ 3. เคร่ืองชัง่ วธิ ีการทดลอง การสรา้ งเหตุ (ตัวแปลตน้ หรือเป็นส่ิงท่สี ร้างได้ วดั ได้) เครอ่ื งบดใบไม้แรงป่นั และแรงมอเตอร์ การควบคุมเหตุ ( ตัวแปรควบคมุ หรอื เหตุที่คุมไว้ไม่ให้ส่งไปก่อใหเ้ กิดผล) ใบไม้ชนิดเดียวกนั ในปรมิ าณ 100 กรัม 200 กรัม 300 กรัม ในการบดแต่ละคร้ัง การวัดผล (ตัวแปรตามเปน็ ส่ิงท่ีสังเกตได้ วดั ได)้ วัดขนาดและเวลาในการบดของใบไม้ แลว้ นามาเปรียบเทียบ ผลการวจิ ยั จากการทดลองพบวา่ ตารางท่ี 1 ทดสอบขนาดของใบไม้ โดยการปั่นใบไมใ้ นแตล่ ะคร้ังใสใ่ นปรมิ าณ 100 กรัม 200 กรมั 300 กรัม เทา่ กนั ในการป่ันท้ังสองแรง จากนนั้ นาใบไมท้ ี่ไดม้ าร่อนผา่ นตะแกรงรอ่ น ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1 เซนติเมตร ชนิดของเครื่องบด ผลการทดลอง(ปริมาณใบไม้ในการบด) เครือ่ งบดแรงมอเตอร์ 100 กรัม 200 กรมั 300 กรัม หมายเหตุ เครื่องบดแรงปั่น ผา่ นตะแกรงได้ 100 ผ่านตะแกรงได้ 200 ผา่ นตะแกรงได้ 300 กรัม กรัม กรัม ผ่านตะแกรงได้ 100 ผ่านตะแกรงได้ 200 ผา่ นตะแกรงได้ 290 กรัม กรัม กรมั ตารางที่ 2 ทดสอบเวลาในการบดใบไม้ โดยการป่ันใบไมใ้ นแต่ละครัง้ กาหนดใบไม้ 100 กรัม 200 กรมั 300 กรมั เทา่ กันในการปน่ั ทั้งสอง แรง จากน้นั จับเวลาทใ่ี ช้ในการบดเครื่องบดทัง้ สองชนดิ -โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่เี ล้ียงมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี
ชนิดของเคร่อื งบด ผลการทดลอง(ปริมาณใบไม้ในการบด) 100 กรัม 200 กรมั 300 กรมั หมายเหตุ เครอื่ งบดแรงมอเตอร์ ใชเ้ วลา 3 นาที ใชเ้ วลา 5 นาที ใชเ้ วลา 8 นาที เครอ่ื งบดแรงปน่ั ใช้เวลา 3 นาที ใช้เวลา 6 นาที ใช้เวลา 10 นาที อภิปรายผล การหาประสิทธิภาพของเคร่ืองบดใบไม้แรงปั่นมาเปรียบเทียบกับเคร่ืองบดใบไม้แรงมอเตอร์ ว่ามีประสิทธิภาพใกล้เคียงหรือแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด และเมื่อมอเตอร์ใช้ไม่ได้จะสามารถใช้ทดแทนกัน ได้หรือไม่ โดยการจดั ทาเครอ่ื งบดใบไมท้ ีส่ ามารถใชไ้ ดท้ ัง้ แรงป่ันและแรงมอเตอร์ได้ในเคร่ืองเดียวกัน ทาเคร่ือง บดทบ่ี ดโดยใชม้ อเตอร์ก่อน จากน้ันทาการต่อเติมโดยการเช่ือมเหล็กเป็นฐานตั้งรถจักรยานมาต่อสายพานเข้า กบั เพลา จะได้เครื่องบดที่ใช้แรงปั่นและแรงมอเตอร์ได้ในเคร่ืองเดียว ต่อมาทาการทดลอง บันทึกผลในตาราง และวัดผล แบ่งเป็นสองตาราง โดยตารางแรกวัดผลโดยการทดลองวัดขนาดของใบไม้ของแรงป่ันท้ังสองชนิด และเปรียบเทียบ โดยการป่ันใบไม้ในแต่ละครั้งใส่ในปริมาณ 100 กรัม 200 กรัม 300 กรัม เท่ากันในการปั่น ทั้งสองแรง จากน้ันนาใบไม้ท่ีได้มาร่อนผ่านตะแกรงร่อน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ส่วนตาราง ทสี่ องวัดผลโดยการทดลอง โดยการปั่นใบไม้ในแต่ละครั้ง กาหนดใบไม้ 100 กรัม 200 กรัม 300 กรัม เท่ากัน ในการปั่นทั้งสองแรง จากน้ันจับเวลาท่ีใช้ในการบดเครื่องบดทั้งสองชนิด และจากการทดลองพบว่า จากการ ทดลองในตารางที่หนึ่งใบไม้ท่ีถูกบดมีความละเอียดใกล้เคียงกันเพราะสามารถผ่านตะแกรงร่อนได้ทั้งสอง จากการทดลองในตารางท่สี องใบไมท้ ี่ถกู ปนั่ จากเครือ่ งบดใบไม้แรงมอเตอร์ใช้เวลาในการบดน้อยกว่าเครื่องบด ใบไม้แรงป่ัน แต่ไม่แตกต่างกันมากนัก และเครื่องบดใบไม้แรงป่ันมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเคร่ืองบดใบไม้ แรงมอเตอร์ เมือ่ มอเตอร์ใช้ไม่ได้ สามารถใช้แรงปั่นทดแทนได้ สรปุ ผล เคร่ืองบดใบไม้แรงป่ันมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเครื่องบดใบไม้แรงมอเตอร์ เมื่อมอเตอร์ใช้ไม่ได้ สามารถใช้แรงป่ันทดแทนได้จริงจาก การทดลองในตารางท่ีหน่ึงใบไม้ที่ถูกบดมีความละเอียดใกล้เคียงกัน เพราะสามารถผ่านตะแกรงร่อนได้ทั้งสอง และการทดลองในตารางท่ีสองใบไม้ที่ถูกปั่นจากเคร่ืองบดใบไม้แรง มอเตอร์ใช้เวลาในการบดน้อยกว่าเคร่ืองบดใบไม้แรงป่ัน แต่ไม่แตกต่างกันมากนัก การทากิจกรรมได้ฝึกทักษะ การทางานร่วมกัน สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อน และรู้จักการทางานเป็นทีมได้ใช้กระบวนการคิดในการ แกป้ ญั หา ใชเ้ หตุ ใชผ้ ล และไดอ้ งคค์ วามรู้ใหม่ -โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ปี 2560- ศนู ย์พ่เี ลีย้ งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
เอกสารอา้ งองิ โชคอนนั ต์ พนั หลวงและคณะ. (2554) ปริญญานิพนธ์ เรอ่ื ง เครือ่ งยอ่ ยใบไมก้ ่ิงไม้ สบื ค้นวนั ที่ 17 กรกฎาคม 2560 จากช่อื เวบไซด์ : http://www.lib.buu.ac.th/st/53550428.pdf หน่วยปรบั ซอ่ มตน่ ไม้ แขวงการทางกาฬสินธุ์ (ม.ป.ป.) เคร่ืองบดย่อยเศษวสั ดุ เพ่ือทาปุ๋ยหมักชีวภาพ สบื ค้น วันท่ี 17 กรกฎาคม 2560 จากชือ่ เวบไซต์ : http://msoh.go.th/km/location_file/knowledge/pdf/vot8detthu120353.pdf : จติ กร จนิ าและคณะ.(2557) การพัฒนาเครือ่ งย่อยก่ิงไมแ้ ละใบไมแห้งดว้ ยใบมดี เฉือนคู : สืบคน้ วนั ที่ 20 กรกฎาคม 2560จากช่ือเวบไซต์ : http://hrd.rmutl.ac.th/qa/docUpload/pj//3540200134451/150826115737fullpp.pdf ทนิ กร หาดพรม และคณะ(2554) เครอื่ งย่อยไม้ใบ้แห้ง สืบคน้ วันที่ 30 กรกฎาคม 2560จากชอื่ เวบไซต์ : http://hrd.rmutl.ac.th/qa/docUpload/pj/3120101913757/150805105934fullpp.pdf -โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่เี ลีย้ งมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
ภาคผนวก -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ภาพกิจกรรมแสดงข้นั ตอนการทางาน การวางแผน ออกแบบเค้าโครง และนาเสนอรูปแบบโครงการ ลงพ้ืนท่ี ติดตั้งชน้ิ สว่ นและทาการทดลอง ลงพ้ืนที่ ตดิ ตั้งชิ้นส่วนและทาการทดลอง -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ เี่ ลยี้ งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
โครงงาน RBL เรื่อง เคร่อื งออกกาลังกาย ช่อื ผจู้ ดั ทาโครงงาน 1 นางสาวจริยา บกน้อย 2 นางสาวอรุโณทัย รวมธรรม 3 นายประทีป แสงกลา้ ครทู ป่ี รึกษา ครสู าคร ทองเทพ ศนู ย์พ่ีเล้ยี งมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี โรงเรยี นสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ อาเภอคาเขอ่ื นแก้ว จังหวดั ยโสธร สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 28 -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ล้ยี งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
กิตติกรรมประกาศ โครงงานเร่ือง เคร่ืองออกกาลังกายสาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยความกรุณาของอาจารย์ท่ีปรึกษาโครงงาน ได้แก่ อาจารย์สาคร ทองเทพ อาจารย์เดชมณี เนาวโรจน์ และนายไทมตรี รวมธรรม แนะนา วิธีการทา เครื่องออกกาลังกายจนสาเร็จลุล่วงด้วยดี ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนทุน สกว. ธนาคารกสิกรไทยและศูนย์พ่ี เล้ยี งมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานคี ณะผจู้ ัดทาจึงขอกราบขอบพระคุณเปน็ อย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ขอกราบขอบพระคุณ บิดา มารดา ท่ีให้กาลังใจในการศึกษาเล่าเรียนและสมาชิกในกลุ่ม ท่ีให้ความ ร่วมมือเป็นอยา่ งดี ในการทาโครงงานคร้งั น้ี จนกระทงั่ ประสบความสาเรจ็ ดว้ ยดี -โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญา ปี 2560- ศูนย์พี่เลี้ยงมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
บทคดั ย่อ โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวรมปี ญั หาเกี่ยวกบั ภาวะเส่ยี งโรคอว้ นลงพุงซ่ึงมีประมาณร้อยละ 30กลุ่มของ พวกเราจึงไดป้ รึกษากันว่าจะทาเคร่ืองออกกาลังกายซง่ึ เราไดท้ าขน้ึ 2 แบบ แบยแรกจะทาดว้ ยลูกปนื แบบท่ี สองจะทาด้วยลูกแก้ว และกลุ่มของพวกเราไดท้ าการทดลองแล้ววา่ แบบท่สี องจะดีกว่าแบบแรก จากการทดลอง.พบว่า เครือ่ งออกกาลงั กาย แบบท่ี 1. มปี ระสทิ ธภิ าพในการเผาผลาญแคลอรี่ได้ดกี ว่า เครอื่ งออกกาลงั กาย แบบที่ 2 เพราะ เคร่อื งออกกาลังกายแบบที่ 1 จะหมุนได้ดกี ว่าแบบที่ 2 ทาใหส้ ัดสว่ น และนา้ หนักลดลง -โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลยี้ งมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
บทนา ทีม่ าและความสาคัญของโครงงาน โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นโรงเรียนขนาดกลางท่ีเข้าร่วมโครงการ โรงเรียนส่งเสรมิ สขุ ภาพ จนไดร้ บั รองเป็นโรงเรยี นส่งเสรมิ สุขภาพระดับเพชร แต่จากการดาเนินงานท่ีผ่านมาก็ พบว่าโรงเรียนยงั มีปญั หาในด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นปัญหาท่ีจะต้องดาเนินการแก้ไข เป็นต้นว่า ปัญหาขยะ ปัญหา แมลงวัน ปัญหาเกี่ยวกับกล่ินของห้องน้า ปัญหาเก่ียวกับใบไม้ และปัญหาเก่ียวกับอ้วนเกินเกณฑ์ ซึ่งจากการ สารวจพบว่านักเรียนของโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์มีปัญหาโรคอ้วนลงพุง ภาวะ น้าหนักตัวเกิน มูลเหตุสาคัญมาจากการตามใจปาก บริโภคอาหารมากเกินความจาเป็น ผูกติดอยู่กับอาหาร ประเภทฟาสต์ฟู้ด ซ่งึ มแี ปง้ และนา้ ตาลสูง อกี ท้ังยังอา้ งวา่ ไมม่ ีเวลาออกกาลังกาย โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ มีนักเรียนทั้งหมด 508 คน จากการสารวจ พบว่านักเรียนที่มีน้าหนักเกิน 58 คน กลุ่มของข้าพเจ้าได้เล็งเห็นปัญหาเหล่าน้ีจึงมีความสนใจท่ีศึกษาทดลอง ประดษิ ฐเ์ ครือ่ งออกกาลงั กายข้นึ เองเพอ่ื ส่งเสรมิ ใหค้ นหนั มาออกกาลงั กายมากย่ิงข้ึน เน่ืองจากเครื่องออกกาลัง กายทวี่ างขายตามตลาดมรี าคาแพง นอกจากน้ยี งั ยึดหลกั ความพอเพียงตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ของในหลวง รัชกาลท่ี 9 ใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถ่ินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดใช้งบประมาณไม่มากนัก เหมาะ สาหรบั ทุกคนทีอ่ ยากจะลดน้าหนักโดยไม่ต้องใชค้ ่าใชจ้ ่ายจานวนมากแต่ก็สามารถมหี นุ่ ท่สี วยได้ ตัวแปรและสมมุติฐานของโครงงาน สมมตุ ิฐาน เครื่องออกกาลังกายแบบมสี ปริง มีประสิทธภิ าพดกี ว่า แบบไมม่ สี ปรงิ โครงงานมีตัวแปรต่อไปนี้ และแสดงแผนผงั เหตุ-ผล ในรูปท่ี 1 ตัวแปร ตวั แปรอสิ ระ (ตวั แปรต้น) ไดแ้ ก่ เคร่ืองออกกาลังกาย ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ประสิทธิภาพของเคร่อื งออกกาลังกาย ตัวแปรควบคุม ไดแ้ ก่ เวลาในการใช้เคร่ืองออกกาลังกาย , น้าหนกั ของคนท่ีออกกาลังกาย อาหาร ใบไม้ แบบมีสปริง ปัญหาสขุ ภาพในโรงเรยี น อว้ น เครื่องออกกาลังกาย พงึ พอใจ ประสิทธิภาพ ขยะ หอ้ งน้า การหมนุ ตวั การเอียงตัว แบบไมม่ ีสปรงิ รปู ที่ 1 ผงั เหตุ-ผล หรือตวั แปรตน้ (เหต)ุ ตัวแปรตาม (ผล) ของโครงงานฐานวจิ ัยนี้ -โครงการเพาะพันธป์ุ ญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ ี่เล้ยี งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
4. วิธีการทดลอง 4.1 ให้คนท่มี ีน้าหนักเกนิ โดยวดั จากคา่ BMI ขึ้นออกกาลังกายบนเครอ่ื งออกกาลังกายเครื่องท่ี 1 ทุก เช้าใน 1 เดอื น เวลา 06:00-06:30 น. เปน็ เวลา 30 นาที และชั่งน้าหนักหลังออกกาลังกายทุกครัง้ 4.2 ให้คนเดิมขนึ้ ออกกาลงั กายบนเครือ่ งออกกาลงั กายเครื่องที่ 2 ทุกเชา้ เวลา 06:00-06:30 น. เป็น เวลา 30 นาที ในเดือนถดั ไป 4.3 เมอื่ ทดลองเสรจ็ แล้วนาน้าหนกั ของแตล่ ะเดือนมาเปรียบเทียบกนั ระหวา่ งเครื่องออกกาลังกาย เครอื่ งที1่ และเคร่ืองที่ 2 ตวั ไหนช่วยในการเผาผลาญพลังานได้ดกี วา่ และนา้ หนกั ลดลงได้มากวา่ การสร้างเหตุ ( ตัวแปรต้นหรอื สิง่ ท่ีสรา้ งได้ วัดได้ ) เครอ่ื งที่ 1 ใชเ้ ขยี งไม้ซึ่งมีลกั ษณะเปน็ วงกลมจานวน 2 แผน่ ขนาด10 นิว้ และนาสว่านมาเจาะรตู รงกลาง เพ่ือทีจ่ ะขนั นอ็ ตใส่ นาลกู ปนื มาใส่ในรางไม้แล้วนานอ็ ตมาขนั ใหแ้ นน่ เครอื่ งท่ี 2 ใช้เขียงไม้ซ่ึงมลี กั ษณะเปน็ วงกลมจานวน 2 แผ่น ขนาด12 นวิ้ และนาสวา่ นมาเจาะรตู รงกลางเพื่อที่จะ ขันนอ็ ต นาลกู แก้วมาใส่ในรางไม้แลว้ นาน็อตมาขันใหแ้ นน่ การควบคุมเหตุ ( ตวั แปรควบคุม หรือเหตทุ ค่ี ุมไว้ไมใ่ ห้ส่งไปก่อให้เกิดผล ) เวลาในการทดลองเทา่ กนั การวดั ผล ( ตวั แปรตามเปน็ สิง่ ทส่ี ังเกตได้ วดั ได้ ) ประสทิ ธิภาพของเคร่ืองออกกาลงั กาย * ประสิทธิภาพ หมายถงึ การใช้งานสะดวก สามารถทาให้น้าหนกั ลดได้ดี และมีความพงึ พอใจตอ่ เคร่อื งออก กาลงั กาย -โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา ปี 2560- ศูนย์พเี่ ล้ียงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ผลการทดลอง ผลการทดลอง(คา่ เฉลี่ย) แคลอรที่ เ่ี ผา ภาพพลังงานการเคลื่อนไหว เครือ่ งออก น้าหนักก่อน น้าหนักหลัง ผลาญ กาลังกาย ทดลอง (กก.) ทดลอง (กก.) แบบที่ 1 65 63 309 (ถาดรองขนาด ใหญ่ และ ลูกแกว้ ที่ทาให้ หมนุ มีขนาด ใหญ่) เครือ่ งที่ 2 63 62 263 (ถาดรองเท้า ขนาดเล็ก และ ลูกแก้วที่ทาให้ หมนุ มีขนาด เลก็ ) -โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ เี่ ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
350 300 250 200 กอ่ นออกกาลงั กาย หลงั ออกกาลงั กาย 150 แคลอรีการเผาผลาญพลงั งาน 100 50 0 แบบที่ 2 แบบท่ี 1 กราฟข้อมูลเปรียบเทยี บของเครอ่ื งออกกาลงั กายทั้งสองแบบ อภิปรายผลการทดลอง จากการทดลองพบว่า เมอ่ื ออกกาลงั กายบนเครื่องออกกาลังกายแบบที่ 1 ทีม่ ขี นาดถาดรองเทา้ ขนาดใหญ่ ทาใหก้ ารออกกาลังกายสามารถเคล่ือนไหวได้มากกว่าเคร่ืองออกกาลังแบบที่ 2 สงั เกตได้จากกราฟ การเคล่ือนไหวดังภาพ และการออกกาลังทกุ เช้า เปน็ เวลา 1 เดอื น ยังทาให้ทราบว่าเมื่อออกกาลงั กายบน เครอ่ื งออกกาลงั แบบท่ี 1 สามารถลดน้าหนกั ไดม้ ากกว่าเครื่องออกกาลังกายแบบที่ 2 ที่ลดนา้ หนักได้ 2 กิโลกรมั และ 1 กิโลกรมั ตามลาดับ แสดงวา่ เครื่องออกกาลังกายทปี่ ระดิษฐข์ ้ึน สามารถเป็นอุปกรณท์ ่ีอานวย ความสะดวกในการออกกาลังกาย ทาให้การออกกาลังกายมีความสะดวกสนานมากข้นึ กว่าปกติ สรปุ ผล จากการทดลอง.พบวา่ เครอ่ื งออกกาลงั กาย แบบที่ 1. มีประสิทธภิ าพในการเผาผลาญแคลอรีไ่ ดด้ ีกว่า เครอื่ งออกกาลังกาย แบบท่ี 2 เพราะ เครอื่ งออกกาลงั กายแบบที่ 1 จะหมุนได้ดีกวา่ แบบที่ 2 ทาใหส้ ัดส่วน และนา้ หนกั ลดลง เอกสารอ้างอิง saowalak pisitpaiboon (2559) หนโี รคอว้ นลงพงุ ด้วยโภชนบาบดั สบื ค้นเมอ่ื วันท่ี 26 กรกฎาคม 2560 จากช่อื เว็บไซต์ : htp://www.thaihealth.or.th chatchai nokdee (2557) คนไทยเปน็ โรคอว้ นอนั ดบั 2 ของอาเซยี น สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 3 สิงหาคม 2560 จากชือ่ เว็บไซต์ : http://www.thaihealth.or.th หนังสือประจาสัปดาห์ (ม.ป.ป.) สืบค้นเมื่อวนั ท่ี 4 สิงหาคม 2560 จากเวบ็ ไซต์ http://resource.thaihealth.or.th/taxonomy/term/1628 -โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่เี ล้ียงมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
ภาคผนวก -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221