Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

B 1

Published by Monthira Phuchada, 2021-09-21 03:36:52

Description: B 1

Search

Read the Text Version

ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙

ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี มอบให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์ในนามคณะกรรมการโครงการชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่ หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในมหามงคลสมยั ฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี พมิ พค์ รง้ั แรก พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑. - - กรงุ เทพ ฯ : กองวรรณกรรม และประวตั ศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๒. ๔๒๘ หนา้ . ภาพประกอบ. ๑.ไทย - - ประวตั ศิ าสตร.์ . กรมศลิ ปากร. กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร.์ . ชอ่ื เรอ่ื ง. ๙๕๙.๓ ISBN 974 - 419 - 215 - 1 ที่ปรึกษา อธบิ ดกี รมศลิ ปากร ( นายนคิ ม มสู กิ ะคามะ ) นายประเสรฐิ ณ นคร พลตรี ม.ร.ว.ศภุ วฒั ย์ เกษมศรี นายธรี วตั ณ ปอ้ มเพชร ผอู้ ำนวยการกองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ ( นางปรงุ ศรี วลั ลโิ ภดม ) คณะบรรณาธกิ าร นางสาววณี า โรจนราธา นางสมศรี เอย่ี มธรรม นางสาวพมิ พพ์ รรณ ไพบลู ยห์ วงั เจรญิ นางนชุ นารถ กจิ งาม นายธรี ะ แกว้ ประจนั ทร์ นางสาวอรสรา สายบวั นางสาวธรี ตา ธรี เดช แหลง่ ทม่ี าของภาพ ผถู้ า่ ยภาพ หอสมดุ แหง่ ชาติ นางสาวนำ้ ทพิ ย์ นงคส์ งู เนนิ พมิ พท์ โ่ี รงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว นายวชิ ยั พยคั ฆโส ผพู้ มิ พแ์ ละผโู้ ฆษณา พ.ศ. ๒๕๔๒



คำปรารภ ในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รนี ฤบดนิ ทร์ สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร ทรงปกครองสยามรฐั สมี าอาณาจกั รถว้ นถงึ ๕๐ พรรษา ในพุทธศักราช ๒๕๓๙ เป็นสิ่งประเสริฐสุดที่มิเคยปรากฏมาแต่กาลก่อน แสดงบุญญาธิการอันไพศาล ยงั ความปลาบปลม้ื ปตี โิ สมนสั มาสปู่ ระชาชนชาวไทยทง้ั ชาติ รฐั บาลและอเนกชาตนิ กิ รชนตา่ งสโมสรสมานฉนั ท์ จดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี เฉลมิ พระเกยี รตใิ หป้ รากฏแผไ่ พศาล นับแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติตราบจนบัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำรงอยู่ใน ทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ยังความร่มเย็นเป็นสุขแก่พสกนิกร ทกุ ถว้ นทว่ั ทรงเปน็ มง่ิ ขวญั และศนู ยร์ วมแหง่ ความสามคั คขี องปวงชนชาวไทย ตลอดระยะเวลาในรชั สมยั ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าและมั่นคงเป็นปึกแผ่นตลอดมา พระมหากรุณาธิคุณนี้เป็นสิ่งที่ คนไทยทง้ั มวลจกั นอ้ มรบั ใสเ่ กลา้ ใสก่ ระหมอ่ มไวต้ ลอดชวี ติ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ รัฐบาลและ ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นราชสักการะ โดยการนี้คณะกรรมการ ฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ไดพ้ จิ ารณาเหน็ ชอบอนมุ ตั ใิ หห้ นว่ ยราชการ องคก์ ร เอกชนจดั พมิ พห์ นงั สอื เฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ ในดา้ นตา่ ง ๆ เพอ่ื เผยแพรพ่ ระมหากรณุ าธคิ ณุ และพระปรชี าสามารถใหป้ รากฏยง่ั ยนื อยตู่ ราบกาลนาน ในนามของรฐั บาลและประธานกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ขออนโุ มทนา ในความอุตสาหะวิริยะของทุกหน่วยราชการ องค์กร เอกชน และคณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสาร และจดหมายเหตุ ตลอดจนคณะทำงานเฉพาะกิจทุกคณะที่ได้ริเริ่มและสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการ อนั จะอำนวยคณุ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ แกม่ หาชน นอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ มถวายเปน็ ราชสกั การะแดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ผสู้ ถติ อยใู่ นหทยั ปวงประชาราษฎรตลอดกาลนริ นั ดร์ (นายบรรหาร ศลิ ปอาชา) นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี

พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำนกั ราชเลขาธกิ าร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาล เมานท์ออเบอร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) รัฐแมสสาชูเซตต์ (Massachusetts) สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีเถาะนพศก จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช เป็น พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จ พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี) และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ซึ่งภายหลังทั้งสองพระองค์ได้รับการ เฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินี และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือ สมเด็จพระเจ้า พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ ประสตู เิ มอ่ื วนั อาทติ ยท์ ่ี ๖ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๖ ณ กรงุ ลอนดอน ประเทศองั กฤษ กบั พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๘ ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญา แพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา กลับประเทศไทยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาในวันที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๒ สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงเจริญพระชนมายุได้ไม่ถึง ๒ ปี และเมื่อมี พระชนมายุได้ ๕ ปี ได้ทรงเข้ารับการศึกษาชั้นต้น ณ โรงเรียนมาแตร์ เดอี กรุงเทพ ฯ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๗๖ จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เพื่อทรงศึกษาต่อในชั้น ประถมศึกษาในโรงเรียน Miremont ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ จากนั้นทรงเข้าศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียน Ecole Nouvelle de la Suisse Romande, Chailly – sur Lausanne เมื่อทรงรับประกาศนียบัตร Bachelier es Lettres จาก Gymnase

(๔) Classique Cantonal แหง่ เมอื งโลซานนแ์ ลว้ ทรงเขา้ ศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั โลซานน์ โดยทรงเลอื กศกึ ษา ในแขนงวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ในพุทธศักราช ๒๔๗๗ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระมหากษตั รยิ ์ รชั กาลท่ี ๘ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ภมู พิ ลอดลุ เดช จงึ ทรง ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๘ และได้โดยเสด็จพระราชดำเนินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัตประเทศไทยเป็นครั้งแรกใน พุทธศักราช ๒๔๘๑ โดยประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตเป็นการชั่วคราว แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๘๘ จึงโดยเสด็จ พระราชดำเนินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัตประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ประทับ ณ พระทน่ี ง่ั บรมพมิ านในพระบรมมหาราชวงั ในวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต โดยกะทันหัน ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลยเดช จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกันนั้น แต่เนื่องจากยังมีพระราชกิจ ด้านการศึกษา จึงต้องทรงอำลาประชาชนชาวไทยเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกครั้งหนึ่งในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ เพื่อทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม ในครง้ั นท้ี รงเลอื กศกึ ษาวชิ ากฎหมายและวชิ ารฐั ศาสตร์ แทนวชิ าวทิ ยาศาสตรท์ ท่ี รงศกึ ษาอยเู่ ดมิ ระหว่างที่ประทับศึกษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ทรงพบหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาใน หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร กับหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร (ภายหลังพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ ถาปนาพระอสิ รยิ ยศหมอ่ มเจา้ นกั ขตั รมงคล กติ ยิ ากร ขน้ึ เปน็ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ นกั ขตั รมงคล เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ และขน้ึ เปน็ พระองคเ์ จา้ ตา่ งกรม มพี ระนามวา่ พระวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื จนั ทบรุ สี รุ นาถ เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕) ตอ่ มาทรงหมน้ั กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๓ เสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนคร ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

(๕) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมาในวันที่ ๒๘ เมษายน ปเี ดยี วกนั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหจ้ ดั การพระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรสกบั หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ใหส้ ถาปนาหมอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ์ิ กติ ยิ ากร ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระราชนิ สี ริ กิ ติ ์ิ ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง เฉลิมพระบรมนามาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ แหง่ มหาชนชาวสยาม และในโอกาสน้ี ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มสถาปนา เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระราชนิ สี ริ กิ ติ ์ิ ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ ี หลังจากเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรักษาพระสุขภาพ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามที่คณะแพทย์ได้ถวายคำแนะนำและระหว่างที่ประทับ ในเมืองโลซานน์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลพระราชธิดาพระองค์แรก คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งประสูติ ณ โรงพยาบาล มองซัวซีส์ เมืองโลซานน์ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๔ และเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระองค์แรกเจริญพระชันษาได้ ๗ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินนิวัต พระนคร ประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จากนั้นทรงย้ายที่ประทับไปประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เนื่องจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปรับปรุง พระตำหนกั จติ รลดารโหฐาน สำหรบั เปน็ ทป่ี ระทบั แทนการทร่ี ฐั บาลจะจดั สรา้ งพระตำหนกั ขน้ึ ใหม่ และท่ี พระที่นั่งอัมพรสถานนี้เอง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลพระราชโอรส และพระราชธดิ าอกี สามพระองค์ คอื สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ ในพุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาขึ้นเป็น สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร

(๖) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๘ ในพทุ ธศกั ราช ๒๕๒๐ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มสถาปนา ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร รฐั สมี าคณุ ากรปยิ ชาติ สยามบรมราชกมุ ารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวช เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และประทับจำพรรษา ณ พระตำหนัก ปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการ ทรงปฏิบัติราชการแผ่นดินแทนพระองค์ตลอดเวลา ๑๕ วัน ทท่ี รงพระผนวชอยู่ และจากการทส่ี มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ ี ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ใน ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างเรียบร้อยเป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปีเดียวกัน นั้นเอง และในวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ หลังจากทรงประกอบพิธีเฉลิมพระตำหนักจิตรลดา รโหฐาน ซึ่งได้ต่อเติมขึ้นใหม่แล้ว ทรงย้ายที่ประทับจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กลับไป ประทบั ทพ่ี ระตำหนกั จติ รลดารโหฐาน พระราชวงั ดสุ ติ จนถงึ ปจั จบุ นั

คำนำ คณะกรรมการโครงการชำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ชดุ ประชมุ พงศาวดาร ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องบ่งชี้ความเป็นชาติ และแสดงถึงความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของบุคคล ในชาติ เอกสารบันทึกประวัติศาสตร์ของชาติที่เรียกว่า พงศาวดาร จึงเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน เมอ่ื สมาคมหอ้ งสมดุ แหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภข์ องสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสนอให้กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร ขึ้นใหม่เปน็ ชุดพเิ ศษ ในมหามงคลสมัยท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภมู ิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลย ราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จงึ อนมุ ตั เิ ปน็ โครงการเฉลมิ พระเกยี รติ ฯ ตามทค่ี ณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตเุ หน็ ชอบ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการชำระ และจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำการตรวจสอบชำระและ การเผยแพรป่ ระชมุ พงศาวดารในรปู หนงั สอื และแผน่ ซดี รี อม โดยมกี รมศลิ ปากรรบั ผดิ ชอบดำเนนิ การ หนังสือชุดประชุมพงศาวดารนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย” ได้ทรงริเริ่มรวบรวมชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๗ และกรมศิลปากรได้สืบสานต่อมา จนจัดพิมพ์ถึงภาคที่ ๘๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ บางภาคอาจรวมเรื่องราว ตา่ ง ๆ ไวห้ ลายเรอ่ื ง ในการจดั พมิ พค์ รง้ั นใ้ี หช้ อ่ื วา่ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก ซง่ึ ไดพ้ จิ ารณา จดั หมวดหมใู่ หมต่ ามเนอ้ื หา เพอ่ื ใหผ้ สู้ นใจทว่ั ไปไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ สะดวกขน้ึ ดงั น้ี ๑. การเมอื งการปกครอง ๒. ตำนานเรอ่ื งเลา่ ฯลฯ ๒.๑ บุคคล ๒.๒ สิ่งของ ๒.๓ สถานท่ี ๓. หวั เมอื ง ๓.๑ ฝา่ ยใต้ ๓.๒ ฝา่ ยเหนอื

(๘) ๔. สมั พนั ธภาพระหวา่ งประเทศ ๔.๑ พมา่ ๔.๒ เขมรและญวน ๔.๓ จนี ๔.๔ ญป่ี นุ่ ๔.๕ ชวา ๔.๖ ฝรั่งเศส ๔.๗ องั กฤษ ๔.๘ สหรฐั อเมรกิ า ในการตรวจสอบชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก แตล่ ะเลม่ คณะกรรมการโครงการ ฯ ไดแ้ ตง่ ตง้ั คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร ขน้ึ ดำเนนิ การเลม่ ละ ๑ ชดุ หลักการตรวจสอบชำระคือ พยายามสืบค้นและตรวจสอบชำระกับต้นฉบับตัวเขียน หากไม่พบ ก็ยึดฉบับพิมพ์ครั้งแรกที่สุดที่สืบค้นได้เป็นหลัก หรือหากพบต้นฉบับที่สมบูรณ์กว่า ก็ชำระเพิ่มเติม ใหส้ มบรู ณย์ ง่ิ ขน้ึ การใช้ภาษา เนื่องจากหนังสือชุดประชุมพงศาวดารจัดพิมพ์เผยแพร่ต่อเนื่องมานานกว่า ๘๐ ปี ทง้ั ตน้ ฉบบั เดมิ บางฉบบั เกา่ ถงึ สมยั อยธุ ยา คณะกรรมการโครงการ ฯ คำนงึ ถงึ ประโยชนข์ องผใู้ ชส้ ว่ นใหญ่ จึงได้ยึดนโยบายตามรอยการชำระจัดพิมพ์แต่แรกเริ่มสืบมา กล่าวคือ ปริวรรตอักขรวิธีให้เป็นแบบ ภาษาปจั จบุ นั แตย่ งั ไดพ้ ยายามคงวสิ ามานยนามหรอื ชอ่ื เฉพาะตามตน้ ฉบบั เดมิ ไว้ เพอ่ื ใหค้ งเหลอื เปน็ สว่ น ใหเ้ หน็ ววิ ฒั นาการทางภาษาบา้ ง และคงไวเ้ ปน็ หลกั ฐานสำหรบั การสบื คน้ ศกึ ษาชอ่ื เฉพาะตา่ ง ๆ เชน่ ยศ ตำแหนง่ และราชทนิ นาม เปน็ ตน้ นอกจากนี้ พงศาวดารบางเรื่องยังมีประวัติความเป็นมายาวนานซับซ้อน ผู้ตรวจสอบชำระจึงได้ จัดทำคำชี้แจงไว้ประจำเล่ม รวมทั้งจัดทำเชิงอรรถชี้แจงขยายความ เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้า ใหม้ ากทส่ี ดุ ตามโครงการหนังสือชุด ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก จะทยอยพิมพ์เผยแพร่

(๙) ประชุมพงศาวดาร ๕ เล่ม และดัชนีค้นคำ ๑ เล่ม จนครบชุดประชุมพงศาวดาร ๒๐ เล่ม และ ดัชนีค้นคำ ๔ เล่ม นอกจากนี้ยังได้รวบรวมผลิตซีดีรอมประชุมพงศาวดาร ฉบับพิมพ์ครั้งแรก รวม ๘๒ ภาค ไวใ้ นชน้ั ตน้ เพอ่ื เปน็ การอนรุ กั ษป์ ระชมุ พงศาวดารของเดมิ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐานใหศ้ กึ ษาเปรยี บเทยี บ และจะทยอยผลิตซีดีรอม ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก ไปพร้อม ๆ กัน คณะกรรมการโครงการฯ มไิ ดห้ วงั แตเ่ พยี งวา่ การจดั ทำ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก จะเป็นการสืบต่ออายุสมบัติหรือทรัพย์สินทางปัญญาอันล้ำค่าของชาติเท่านั้น แต่หวังอย่างยิ่งว่าประชุม พงศาวดารจะเป็นแหล่งข้อมูลที่จะนำไปสู่การศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สังคม และขนบธรรมเนียม ประเพณขี องไทยและเพอ่ื นบา้ น กอ่ ใหเ้ กดิ ความรกั และภาคภมู ใิ นประเทศชาติ และกอ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ อันดีถึงความเป็นมาของบ้านเมืองของเราและประเทศเพื่อนบ้าน จะได้เป็นรากฐานวัฒนธรรมที่มั่นคง พร้อมที่จะรับกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ อีกทั้งการจัดทำซีดีรอมจะทำให้พงศาวดารไทยได้เผยแพร่ออกไป กวา้ งไกลยง่ิ ขน้ึ ตามเครอื ขา่ ยสารสนเทศของโลกไรพ้ รมแดนน้ี (หมอ่ มเจา้ สภุ ทั รดศิ ดศิ กลุ ) ประธานกรรมการโครงการชำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ชดุ ประชมุ พงศาวดาร

( ๑๐ ) คำชี้แจง คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ เปน็ หนงั สอื ทน่ี ำพงศาวดารทเ่ี คยรวมพมิ พอ์ ยใู่ น ชดุ ประชมุ พงศาวดาร ๘๒ ภาค เฉพาะเรอ่ื งทม่ี เี นอ้ื หาเกย่ี วกบั การเมอื งการปกครอง ทง้ั ในรปู พงศาวดาร ตำนาน และจดหมายเหตุ มารวมพมิ พไ์ วด้ ว้ ยกนั และไดต้ รวจสอบชำระใหมภ่ ายใตก้ ารควบคมุ ดำเนนิ การ ของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชำระและจัดพิมพ์หนังสือประชุมพงศาวดาร เล่ม ๑ ในคณะกรรมการ โครงการชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร มีเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินงาน ตรวจสอบชำระ รวมเรอ่ื งตา่ ง ๆ ไว้ ๙ เรอ่ื ง คอื ๑. จดหมายเหตโุ หร ๒. จดหมายเหตโุ หรของจมน่ื กง่ ศลิ ป์ จดหมายเหตุทั้ง ๒ เรื่อง เคยรวมพิมพ์อยู่ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๘ พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๖๐ และพมิ พเ์ ผยแพรอ่ กี ๓ ครง้ั ใน พ.ศ. ๒๕๐๗ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรง ราชานภุ าพ ในฐานะสภานายกหอพระสมดุ วชริ ญาณทรงพระนพิ นธค์ ำนำไวใ้ นการพมิ พค์ รง้ั แรกวา่ ๑. หนังสือจดหมายเหตุโหรนั้น จะอธิบายถึงลักษณที่โหรจดหมายเหตุ ให้ผู้ซึ่งยังไม่เคย ทราบได้ทราบก่อน คือวิธีจดหมายเหตุของโหร เขาทำประดิทินบอกวันแลฤกษ์ยาม เปนรายวัน ลว่ งนา่ ไวต้ ลอดปี แลมที ว่ี า่ งไวส้ ำหรบั จดเหตกุ ารณใ์ นประดทิ นิ นน้ั โหรฤๅใครทเ่ี อาใจใสใ่ นฤกษย์ าม แลการจดหมายเหตุ ก็มีสมุด ประดิทินเช่นนี้ไว้ทำนองเดียวกันกับฝรั่งที่เรียกว่า สมุดไดเอรี เมอ่ื มเี หตกุ ารณ์ อนั ใดเกดิ ขน้ึ ในวนั ใดซง่ึ ผเู้ จา้ ของประดทิ นิ เหน็ ควรจะจดจำ กจ็ ดลงไวใ้ นประดทิ นิ ตรงชอ่ งวนั นน้ั วนั ทไ่ี มม่ เี หตกุ ารณจ์ ะจด กป็ ลอ่ ยวา่ งไว้ ทำกนั เชน่ นม้ี าแตโ่ บราณ แตผ่ ทู้ ม่ี ปี ระดทิ นิ ไวจ้ ดหมายเหตมุ มี ากดว้ ยกนั ความรเู้ หน็ ความนยิ มตา่ งกนั จดหมายเหตทุ ล่ี งประดทิ นิ จงึ ตอ้ ง กนั บา้ งตา่ งกนั บา้ ง เมอ่ื นานเขา้ มผี รู้ วมประดทิ นิ ปลี ว่ ง ๆ มาแลว้ มาจดวนั ฤกษย์ ามแลเหตกุ ารณ์ ลงเปนสงั เขปอกิ ชน้ั ๑ เรยี กวา่ ปมู หนงั สอื ปมู นฉ้ี บบั ทม่ี ใี นหอ พระสมดุ ฯ ๒๐๘ ปี ตง้ั แตป่ ระจำปฉี ลู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ พ.ศ.๒๒๕๒ ในแผน่ ดนิ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทา้ ยสระครง้ั กรงุ เกา่ เปนตน้ มา นอกจากนี้ยังมีจดหมายเหตุก่อนเก่าขึ้นไปกว่าปูมที่มี โหรจดลง ไว้เปนจดหมายเหตุเบ็ดเตล็ด อกิ หลายฉบบั กรรมการรวมหนงั สอื เหลา่ นม้ี อบใหพ้ ระเทวโลก (แหยม วชั รโชต)ิ คดั แตเ่ ฉภาะ

( ๑๑ ) จดหมายเหตุการณ์ ซึ่งปรากฎในจดหมายเหตุโหรแลปูม บรรดามีในหอพระสมุดฯ เรียบเรียง โดยลำดับเวลาก่อนแลหลังให้รู้เฉภาะวันเกิดเหตุการณ์ ต่าง ๆ ซึ่งโหรได้จดไว้แต่โบราณมา เมื่อ เรียบเรียงแล้วเอามาดู เห็นเปนหนังสือน่ารู้แลน่าอ่านมาก เชื่อว่ายังไม่เคยรวบรวมได้ อย่างนี้มา แตก่ อ่ น จงึ เอามาพมิ พไ์ วใ้ นประชมุ พงษาวดารเลม่ นเ้ี รอ่ื ง ๑. ๒. จดหมายเหตขุ องจมน่ื กง่ ศลิ ปน์ น้ั พระยาโบราณราชธานนิ ทร์ (พร เดชะคปุ ต)์ พง่ึ ได้ ต้นฉบับมาให้หอพระสมุดฯ เมื่อจะพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เมื่อตรวจดู เห็นน่าอ่าน แลอยู่ในพวก เดยี วกบั จดหมายเหตโุ หรทพ่ี มิ พไ์ วข้ า้ งนา่ จงึ ไดค้ ดั สง่ ลงพมิ พต์ อ่ กนั มาอกิ เรอ่ื ง ๑. จมื่นก่งศิลป์คนนี้ ชื่อตัวชื่อหรุ่น เปนบุตรพระอัคเนศรม่วง บ้านอยู่ที่น่าวัดราชบุรณ เปนผหู้ นง่ึ ซง่ึ ชอบศกึ ษาวชิ าโหร จงึ มปี ระดทิ นิ แลเอาใจใสจ่ ดหมายเหตุ โดยวธิ ที อ่ี ธบิ ายมากอ่ นแลว้ จดมาตง้ั แตป่ มี ะโรง จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ.๒๓๙๙ ในรชั กาลท่ี ๔ จนปฉี ลู จลุ ศกั ราช ๑๒๕๑ พ.ศ.๒๔๓๒ ในรชั กาลท่ี ๕ รวม เบด็ เสรจ็ ๓๓ ปี นบั วา่ เปนปมู ชน้ั ใหม่ กระบวนจดอยขู่ า้ งเลอยี ดลออ มีทั้ง เหตุการณ์บ้านเมืองแลเหตุการณ์ในตัว แม้ที่สุดฟันของตัวหักวันใดเวลาใด ก็จดลงไว้ใน ประดิทิน ข้าพเจ้าได้ให้คัดจดหมายเหตุส่วนตัวจมื่นก่งศิลป์ออกเสีย เอาไว้แต่ที่เปนสาธารณะ พมิ พไ์ วใ้ นประชมุ พงษาวดารเลม่ น้ี จดหมายเหตุในปูมของโหรก็ดี ของจมื่นก่งศิลป์ก็ดี ท่านผู้อ่านจะสังเกตเห็นว่าพอใจ จดเหตกุ ารณซ์ ง่ึ เกดิ ในอากาศ ทเ่ี ขาจดเชน่ นน้ั ดว้ ยเขาเชอ่ื วา่ เหตกุ ารณใ์ นอากาศอาจจะเปนนมิ ติ ร ใหเ้ กดิ เหตรุ า้ ยดแี กห่ มมู่ นษุ ย์ เพราะฉนน้ั เมื่อเห็นเหตุการณ์แปลกปลาดอันใดมีขึ้นในอากาศจึง จดไว้ คอยดูว่าจะมีเหตุอย่างไรแก่มนุษย์บ้าง เมื่อไม่มีก็แล้วไป ส่วนจดเหตุการณ์ที่บังเกิดมีใน หมมู่ นษุ ยน์ น้ั เขารมู้ าอยา่ งไร แลเขาเขา้ ใจความอยา่ งไร กจ็ ดลงตามรตู้ ามคดิ เหน็ ดว้ ยเหตนุ ้ี ความทจ่ี ดไว้ ในหมายเหตจุ ะถกู ตอ้ งเทจ็ จรงิ อยา่ งไรกเ็ ปนตามความรเู้ หน็ ของผทู้ จ่ี ดนน้ั จดหมายเหตทุ ค่ี ดั มาพมิ พ์ ไว้ในสมุดเล่มนี้คัดมาตามที่เขาจดไว้ แม้จนถ้อยคำก็มิได้แก้ไข เพื่อจะให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า พวกทเ่ี ขาจดหมายเหตกุ นั แตก่ อ่ น เขาจดกนั อยา่ งไร กรรมการหอพระสมดุ ฯ ไมร่ บั ผดิ ชอบฤๅยนื ยนั วา่ จดหมายเหตเุ หลา่ นถ้ี กู ตอ้ งทง้ั หมด ในการตรวจสอบชำระครง้ั น้ี นางสาวพมิ พพ์ รรณ ไพบลู ยห์ วงั เจรญิ นกั ภาษาโบราณ ๗ หอสมดุ แห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการ โดยใช้ฉบับที่รวมพิมพ์ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๘ ฉบับพิมพ์ ครั้งแรก

( ๑๒ ) เปน็ หลกั ในการตรวจสอบกบั ตน้ ฉบบั เอกสารโบราณของหอสมดุ แหง่ ชาติ หมปู่ ฏทิ นิ โหราศาสตร์ ดงั น้ี จดหมายเหตโุ หร ตรวจสอบกบั เอกสารโบราณประเภทกระดาษฝรง่ั เลขท่ี ๑๕๗ ชอ่ื จดหมายเหตโุ หร จ.ศ.๒๘๓ - จ.ศ.๑๒๓๖ (พ.ศ.๑๔๖๔ - ๒๔๑๗) มบี นั ทกึ ประวตั ไิ วเ้ ปน็ หลกั ฐานวา่ พระโหราธิบดี (ชุ่ม) ถวายหอพระสมุดฯ เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ร.ศ.๑๒๘ เนื้อหาในเล่มระบุว่า คัดมาจากหนังสือชื่อต่าง ๆ คือเผด็จ, ดวงหมายเหตุ, ตำราอสีติธาตุ, ตำราพระยาโหราธิบดี (เถื่อน), คัมภีร์ราชมัตตัน, คัมภีร์สารัมภิรางค์, คัมภีร์รามเหียร, คัมภีร์อสีติธาตุ (อีกผูกหนึ่ง) และคัดหมายเหตุ ในปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ นอกจากนย้ี งั ใชต้ น้ ฉบบั เอกสารประเภทสมดุ ไทย หมวดจดหมายเหตรุ ชั กาล ๓ จ.ศ.๑๑๙๙ เลขท่ี ๗๕ ชอ่ื จดหมายเหตบุ นั ทกึ เหตกุ ารณส์ ำคญั ๖๒ ปี เนอ้ื หาในเลม่ เปน็ บนั ทกึ เหตกุ ารณ์ ตง้ั แต่ จ.ศ.๑๑๒๙ (พ.ศ.๒๓๑๐) ถงึ จ.ศ.๑๒๑๐ (พ.ศ.๒๓๙๑) มาประกอบการตรวจสอบชำระดว้ ย สำหรบั จดหมายเหตโุ หรของจมน่ื กง่ ศลิ ปน์ น้ั ตรวจสอบกบั เอกสารโบราณประเภทกระดาษฝรง่ั เลขท่ี ๑๖๐ ชื่อ จดหมายเหตุโหรปีมะโรง จ.ศ.๑๒๑๘ (พ.ศ.๒๓๙๙) ถึง จ.ศ.๑๒๓๖ (พ.ศ.๒๔๑๗) ประวัติ ของเอกสารฉบบั นบ้ี นั ทกึ ไวว้ า่ จมน่ื กง่ ศลิ ปม์ อบใหห้ อพระสมดุ ฯ นอกจากการตรวจชำระความถูกต้องแล้ว ยังได้พิจารณาจัดทำเชิงอรรถบอกที่มาของเหตุการณ์ แต่ละปี เทียบปีจุลศักราช เป็นพุทธศักราช โดยใส่ไว้ภายในวงเล็บ เพื่อให้สะดวกต่อการศึกษาค้นคว้า และยังเทียบวันทางจันทรคติให้เป็นสุริยคติตามสมัยนิยมในปัจจุบัน ไว้เป็นเชิงอรรถด้วย นอกจากนี้ยัง จัดทำเชิงอรรถคำ ชื่อสถานที่ และความหมายของโบราณศัพท์ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และเป็น หลกั ฐานวชิ าการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดตี อ่ ไป การเทียบหาวันจากวันทางจันทรคติเป็นวันทางสุริยคติ ยึดตำราของนายโรเจอร์ บิยาร์ด (Roger Billard) แตเ่ นอ่ื งจากวนั อาจคลาดเคลอ่ื น เพราะโหรวางอธกิ วารและอธกิ มาสไมต่ รงกนั จงึ ยดึ การ วางอธกิ วารและอธกิ มาสตามตำราของนายทองเจอื อา่ งแกว้ นางสาววณี า โรจนราธา นกั อกั ษรศาสตร์ ๘ กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินการภายใต้การแนะนำและตรวจแก้ของนายประเสริฐ ณ นคร นายกราชบัณฑิตยสถาน รองประธานกรรมการดำเนินงานชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุด ประชมุ พงศาวดาร ๓. พระราชพงศาวดารเหนอื พระราชพงศาวดารเหนือนี้พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๑๒ มีบานแพนก (บานแผนก) ลง

( ๑๓ ) ศักราช ๑๒๓๑ ซึ่งได้รวมพิมพ์เป็นบานแพนกเดิม ไว้ก่อนเรื่องพระราชพงศาวดารเหนือทุกครั้งที่พิมพ์ใหม่ จากนั้นได้พิมพ์เผยแพร่ใน ร.ศ.๑๒๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๔๕ อีกครั้ง ก่อนรวมพิมพ์ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑ ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๕๗ แล้วได้พิมพ์เผยแพร่ต่อมาทั้งที่แยกเล่มพิมพ์ และทั้งที่ พมิ พร์ วมกบั ประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี ๑ อกี ๗ ครง้ั รวมสถติ กิ ารพมิ พถ์ งึ ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้ ๙ ครง้ั เมอ่ื รวมพมิ พเ์ ปน็ ประชมุ พงศาวดารครง้ั แรก สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ทรงพระนพิ นธ์ คำนำไวด้ งั น้ี หนงั สอื พงษาวดารเหนอื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาไลย แตย่ งั ดำรงพระเกยี รตยิ ศ เปนกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล มรี บั สง่ั ใหพ้ ระวเิ ชยี รปรชี า (นอ้ ย) เปนผรู้ วบรวมเรอ่ื งมาเรยี บเรยี ง เมอ่ื ปเี ถาะ นพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๙ พ.ศ.๒๓๕๐ ตน้ ฉบบั ทม่ี ใี นหอพระสมดุ มบี านแพนกดงั น้ี “ขา้ พระพทุ ธเจา้ พระวเิ ชยี รปรชี านอ้ ยเจา้ กรมราชบณั ฑติ ยข์ วา ไดร้ บั พระราชทานเรยี งเรอ่ื ง สยามราชพงษาวดารเมอื งเหนอื ตง้ั แตบ่ าธรรมราช สรา้ งเมอื งสชั ชนาไลยเมอื งสวรรคโลก ไดเ้ สวย ราชสมบตั ิ ทรงพระนามพระเจา้ ธรรมราชาธริ าช เปนลำดบั ลงมา จนถงึ พระเจา้ อทู่ อง สรา้ งกรงุ ศรี อยุทธยาโบราณราชธานี โดยกำลังสติปัญญาสักกานุรูปอันน้อย ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ขอเดชะ” หนงั สอื ทร่ี วมเรยี กวา่ พงษาวดารเหนอื น้ี ทจ่ี รงิ เปนหนงั สอื หลายเรอ่ื งมมี าแตค่ รง้ั กรงุ เกา่ แตเ่ ดมิ ดเู หมอื นจะจดจำไวเ้ ปนเรอ่ื งตา่ ง ๆ กนั ไดเ้ คยเหน็ บางเรอ่ื งมอี ยใู่ นทอ่ี น่ื จะพง่ึ เอามารวบรวมแลแตง่ หัวต่อเชื่อมให้เปนเรื่องเดียวกัน เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลยรับสั่งให้ พระวเิ ชยี รปรชี าเรยี บเรยี ง วธิ เี รยี บเรยี งอยขู่ า้ งจะไขวเ้ ขวสบั สน บางทเี รอ่ื งเดยี วกนั เลา่ ซำ้ เปน็ สองหน ก็มี หนังสือพงษาวดารเหนือนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้พิมพ์เปน ครั้งแรก เมื่อปีมเสงเอกศก จุลศักราช ๑๒๓๑ พ.ศ. ๒๔๑๒ มีเรื่องตำนานพระแก้วมรกฎติดอยู่ ข้างท้ายด้วย ในการพิมพ์ใหม่ครั้งนี้เพื่อจะให้สดวกแก่ผู้อ่าน ข้าพเจ้าได้ลงชื่อเรื่องไว้ทุก ๆ เรื่องในพงษาวดารเหนือ และเรื่องที่เล่าซ้ำกันได้ตัดออกเสีย แต่ขอให้ผู้อ่านเข้าใจว่า หนังสือ พงษาวดารเหนอื นพ้ี มิ พต์ ามฉบบั เดมิ ขา้ พเจา้ ไมไ่ ดส้ อบสวนลงเนอ้ื เหน็ ความจรงิ เทจ็ ของเรอ่ื งราวไว้ ในทน่ี ้ี

( ๑๔ ) และให้ชื่อเรื่องไว้ว่า พระราชพงษาวดารเหนือ ในการพิมพ์ครั้งนี้จึงคงใช้ชื่อเรื่องเดิม แต่ปริวรรตให้ เปน็ ภาษาทน่ี ยิ มในปจั จบุ นั เปน็ พระราชพงศาวดารเหนอื ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาววีณา โรจนราธา นักอักษรศาสตร์ ๘ กองวรรณกรรมและ ประวตั ศิ าสตร์ ผดู้ ำเนนิ งานไมพ่ บตน้ ฉบบั สมดุ ไทย เรอ่ื ง พงศาวดารเหนอื ในหอสมดุ แหง่ ชาติ ทเ่ี ปน็ ตน้ ฉบบั ของพระราชพงษาวดารเหนอื ฉบบั รวมพมิ พใ์ นประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๑ ฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก พ.ศ. ๒๔๕๗ แตพ่ บหลายฉบบั ทม่ี เี นอ้ื หาใกลเ้ คยี งกนั โดยไมม่ บี านแผนกตอนตน้ ทอ่ี า้ งถงึ ผเู้ รยี บเรยี ง พบแตใ่ นเลขท่ี ๕๗ มบี านแผนกวา่ “วนั ๕๑ฯ๔๒ คำ่ จลุ ศกั ราช ๑๑๖๙ ปเี ถาะนพศก เวลาคำ่ เสดจ็ ออก ณ พระทน่ี ง่ั จกั รพรรดิ พีมาน ล้นเกล้าฯ กรมพระราชวังบวรฯ ทูลเกล้าฯ ถวาย” และพบที่ท้ายหน้าปลายของเลขที่ ๔๒ ระบุชื่อ ผเู้ รยี บเรยี งและสรปุ สงั เขปเรอ่ื ง ตรงตามทส่ี มเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ทรงอา้ งองิ ไวใ้ นพระนพิ นธ์ คำนำ ส่วนพระราชพงศาวดารเหนือ ฉบับพิมพ์ ร.ศ.๑๒๑ ชื่อ พระราชพงษาวดารเหนือและตำนาน พระแกว้ มรกฎ เมอื งหลวงพระบาง ตรวจสอบแลว้ พบวา่ มกี ารปรวิ รรตภาษาแลว้ บางคำใหมก่ วา่ ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ.๒๔๕๗ เสียอีก เช่น แล ปริวรรตเป็น และ แต่เป็นฉบับที่เนื้อเรื่องยังคงเรียงตามต้นฉบับสมุดไทย ไมไ่ ดจ้ ดั สลบั เรอ่ื งและตง้ั ชอ่ื ใหม่ เหมอื นฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ แตโ่ ดยเนอ้ื เรอ่ื งแลว้ เหมอื นกนั ทกุ ประการ ยกเวน้ ตอนแทรกเพม่ิ เตมิ เนื่องจากไม่มีฉบับที่ตรงกับฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ เลย และต้นฉบับสมุดไทยก็ไม่มีที่ครบถ้วน สมบูรณ์ที่จะให้ยึดเป็นหลักได้ตลอดต้นจนจบ ในการตรวจสอบชำระจึงยึดฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ จะทำเชิงอรรถแสดงข้อแตกต่างเฉพาะที่น่าวินิจฉัยว่าฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ อาจคลาดเคลื่อน และทำ เชิงอรรถให้เห็นว่าเนื้อเรื่องเดิม เรื่องใดต่อกับเรื่องใด แต่ละเรื่องอยู่ในต้นฉบับสมุดไทยฉบับใดบ้าง ตอนทแ่ี ทรกเพม่ิ เตมิ มาจากฉบบั ใด นอกจากนี้ ยังได้นำเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่มีอยู่ในต้นฉบับสมุดไทยชื่อพงศาวดาร เหนอื ๓ ฉบบั มาลงเพม่ิ เตมิ เปน็ เชงิ อรรถสดุ ทา้ ยดว้ ย เนอ่ื งจากเปน็ เรอ่ื งทม่ี ผี สู้ นใจถามหากนั มาก ตำนานพระแก้วมรกฏ เป็นเรื่องที่พิมพ์ต่อท้ายพระราชพงศาวดารเหนือ มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๑๒ ในการพิมพ์ครั้งนี้ ผู้ตรวจสอบชำระคือ นางสาวอรสรา สายบัว นักอักษรศาสตร์ ๖ กองวรรณกรรม และประวัติศาสตร์ ได้ตรวจสอบชำระกับต้นฉบับสมุดไทย หมวดตำนาน เลขที่ ๒๗ - ๒๙ เป็นฉบับ

( ๑๕ ) ที่มีเนื้อหาตรงกับฉบับพิมพ์ แต่มิได้มีครบบริบูรณ์ จึงต้องใช้ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ เป็นหลักในการ ตรวจสอบชำระเชน่ กนั อนึ่ง ในต้นฉบับสมุดไทย หมวดตำนาน เลขที่ ๒๗ ชื่อ ตำนานพระแก้วมรกต เล่ม ๑ (ฉบับเมือง หลวงพระบาง) หนา้ ตน้ ท่ี ๑ บรรทดั แรก เขยี นเปน็ ตวั หวดั วา่ “สน้ิ เรอ่ื งพระราชพงษาวดารเหนอื แตเ่ ทา่ น”้ี บรรทดั ท่ี ๒ จงึ เรม่ิ เรอ่ื ง ดงั นน้ั เรอ่ื งตำนานพระแกว้ มรกต สำนวนน้ี คงจะไดร้ บั การชำระรวบรวมตอ่ กบั พระราชพงศาวดารเหนอื มาแตต่ น้ แลว้ ๔. จลุ ยทุ ธการวงศ์ ความเรยี ง (ตอนตน้ ) เรอ่ื งพระรว่ งสโุ ขทยั เทศนาจลุ ยทุ ธการวงศ์ ชุดจุลยุทธการวงศ์ ทั้ง ๓ เรื่องนี้ รวมพิมพ์อยู่ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๖ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ ครง้ั แรก พ.ศ. ๒๔๘๐ และพมิ พต์ อ่ มาอกี ๓ ครง้ั รวมถงึ พ.ศ. ๒๕๒๘ พมิ พเ์ ผยแพรใ่ นชดุ ประชมุ พงศาวดาร รวมได้ ๔ ครง้ั จลุ ยทุ ธการวงศ์ เรอ่ื งนม้ี ที ง้ั ฉบบั ภาษามคธ และฉบบั ความเรยี งภาษาไทย ฉบบั ภาษามคธแปลออก พมิ พค์ รง้ั แรกเมอ่ื พ.ศ.๒๔๖๓ วา่ ดว้ ยพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา นบั เปน็ ปรเิ ฉทท่ี ๒ ไมต่ ลอดเรอ่ื ง สน้ิ สดุ ลง เพยี งรชั กาลสมเดจ็ พระอนิ ทราชาธริ าช ส่วนจุลยุทธการวงศ์ ฉบับความเรียงภาษาไทย ได้พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๘๐ ต่อมา ไดน้ ำมารวมพมิ พใ์ นประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี ๖๖ ในปเี ดยี วกนั เปน็ ฉบบั ทม่ี เี นอ้ื ความนบั ตง้ั แตป่ รเิ ฉทตน้ อันว่าด้วยมูลประวัติในการสมภพของสมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย ผู้กู้อิสรภาพของไทยกลับคืนจากขอม แต่เนื้อความไม่จบ พอขึ้นต้นปริเฉทที่สอง ถึงตอนสมเด็จพระเจ้าอู่ทองครองกรุงศรีอยุธยา ก็หมดฉบับ เป็นอันทราบได้แน่ในชั้นนี้ว่า เรื่องจุลยุทธการวงศ์ เริ่มความตั้งแต่พงศาวดารกรุงสุโขทัย สืบต่อมาจนถึง พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ส่วนตอนสุดท้ายจะยุติลงแค่ไหน ยังไม่ทราบได้ บังเอิญมีหนังสือเทศนา จุลยุทธการวงศ์อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะได้กล่าวถึงในลำดับต่อไป สามารถทำให้ผู้ศึกษาพงศาวดารเข้าใจได้ว่า จลุ ยทุ ธการวงศจ์ บลงเพยี งสน้ิ สมยั อยธุ ยา เรอ่ื งพระรว่ งสโุ ขทยั เดมิ เปน็ เรอ่ื งทแ่ี ทรกอยใู่ นคำใหก้ ารชาวกรงุ เกา่ มลี กั ษณะเปน็ ตำนานใกลเ้ คยี งกบั จลุ ยทุ ธการวงศต์ อนตน้ ถอื เปน็ เรอ่ื งดใี นทางตำนาน

( ๑๖ ) เทศนาจลุ ยทุ ธการวงศ์ เปน็ เรอ่ื งทว่ี า่ ดว้ ยกรงุ ศรอี ยธุ ยาโดยยอ่ และยตุ คิ วามลงเพยี งเมอ่ื เสยี กรงุ ศร-ี อยุธยาแก่พม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ แล้วเก็บความโดยสังเขปของสมัยธนบุรี ที่กล่าวไว้ในคัมภีร์สังคีติการวงศ์ มาตอ่ ไวต้ อนทา้ ย เพอ่ื เชอ่ื มโยงกบั พงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ สนั นษิ ฐานวา่ คงจะเรยี บเรยี งในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓ สำนวนรดั กมุ ดี ในการตรวจสอบชำระครง้ั น้ี ผดู้ ำเนนิ การคอื นางสาวธรี ตา ธรี เดช นกั อกั ษรศาสตร์ ๖ กองวรรณกรรม และประวัติศาสตร์ ได้ตรวจสอบชำระโดยสอบเทียบกับเอกสารโบราณหมู่พงศาวดาร ในหอสมุดแห่งชาติ มเี ลขท่ี ๑/ธ ๔๖ เรอ่ื ง จลุ ยทุ ธการวงศ์ เลขท่ี ๐๐๑.๑/๑ ฝ เรอ่ื ง พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ตามฉบบั พมา่ ตอน ๑– ๔ และเลขท่ี ๒/ข.๑๑ เรอ่ื ง พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา (เทศนาพงศาวดารสงั เขป จลุ ยทุ ธการวงษ)์ ตาม ลำดบั ตรวจสอบกบั ฉบบั พมิ พใ์ นประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี ๖๖ ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑ - ๔ จลุ ยทุ ธการวงศ์ ผกู ๒ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่าง ๆ อาทิ พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับภาษามคธแลคำแปล พ.ศ. ๒๔๕๙ สังคีติยวงศ์ และ เอกสารชั้นรองอื่น ๆ เพื่อให้การตรวจสอบชำระได้เนื้อหาสมบูรณ์ ตรงตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด และคงชื่อ เฉพาะไว้ตามต้นฉบับเดิม พร้อมทั้งจัดทำเชิงอรรถอธิบายขยายความในส่วนที่จำเป็นและส่วนที่มีการ เปลย่ี นแปลงโดยใชต้ วั เลขกำกบั สว่ นเชงิ อรรถเดมิ กค็ งไวโ้ ดยใชเ้ ครอ่ื งหมายดอกจนั กำกบั ๕. พระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐ เป็นพงศาวดารที่ได้รับความเชื่อถือว่าแม่นยำทั้ง ในเชงิ เนอ้ื หาและศกั ราช ทง้ั ยงั เปน็ ความเกา่ ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยา จงึ ไดร้ บั ความนยิ มพมิ พเ์ ผยแพรม่ ากครง้ั ทส่ี ดุ ตง้ั แตพ่ มิ พค์ รง้ั แรกใน พ.ศ. ๒๔๕๐ แลว้ กไ็ ดม้ กี ารจดั พมิ พร์ วมกบั เรอ่ื งอน่ื ๆ บา้ ง แยกพมิ พเ์ ฉพาะเรอ่ื งบา้ ง รวมได้ ๑๗ ครง้ั ในคราวจัดพิมพ์ครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นการรวมพิมพ์ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๔๕๗ นั้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงพระนิพนธ์คำนำเฉพาะเรื่องไว้ตอนต้นเรื่อง ซึ่งได้นำมารวมพิมพ์ไว้ด้วยแล้ว นอกจากนี้ ในส่วนคำนำรวมของประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑ ก็ยังทรง พระนพิ นธค์ ำนำสำหรบั พระราชพงษาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ วา่ พระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐ เปนหนังสือเรื่องพงษาวดารกรุงเก่า ซึ่งสมเด็จ พระนารายน์มหาราช มีรับสั่งให้เรียบเรียงขึ้นเมื่อปีวอกโทศก จุลศักราช ๑๐๔๒ พ.ศ.๒๒๒๓

( ๑๗ ) ทเ่ี รยี กวา่ พระราชพงษาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ เพราะพระปรยิ ตั ธิ รรมธาดา (แพ เปรยี ญ) แตย่ งั เปนที่หลวงประเสริฐอักษรนิติ ไปได้ต้นฉบับมาให้แก่หอพระสมุดวชิรญาณ เปนหนังสือ พระราชพงษาวดาร ความแปลกเปนฉบับ ๑ ต่างหาก จำจะต้องเรียกชื่อให้แปลกกว่าฉบับอื่น กรรมการจึงให้เรียกว่า ฉบับหลวงประเสริฐ ให้เปนเกียรติยศแก่ผู้ไปหามาได้ หนังสือเรื่องนี้ ไดพ้ มิ พเ์ มอ่ื ปมี แมนพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๖๙ พ.ศ. ๒๔๕๐ ครง้ั หนง่ึ ฉบบั ครง้ั นน้ั ยงั บกพรอ่ ง ครน้ั เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๕ ได้ต้นฉบับหลวงของพระเจ้ากรุงธนบุรีมาอิกฉบับ ๑ สอบสวนได้ความที่ฉบับเดิม ลบเลอื นครบบรบิ รู ณด์ งั พมิ พไ์ วใ้ นเลม่ น้ี หนังสือพระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐนี้ ทั้งเนื้อเรื่องแลศักราช ผิดกับ พระราชพงษาวดารฉบบั พมิ พ์ ๒ เลม่ แลฉบบั พระราชหดั ถเลขาอยหู่ ลายแหง่ ขา้ พเจา้ ไดส้ อบสวน กบั หนงั สอื พงษาวดารประเทศอน่ื เหน็ เนอ้ื ความแลศกั ราชทล่ี งไวใ้ นฉบบั หลวงประเสรฐิ แมน่ ยำมาก ขา้ พเจา้ เชอ่ื วา่ ศกั ราชทล่ี งไวใ้ นฉบบั หลวงประเสรฐิ เปนถกู ตอ้ งตามจรงิ ในการจดั พมิ พแ์ ตล่ ะครง้ั ไดใ้ หช้ อ่ื พระราชพงศาวดารฉบบั นไ้ี มต่ รงกนั นกั คงจะมที ม่ี าจากการพมิ พ์ ๒ ครง้ั แรก กลา่ วคอื ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๕๐ ใช้ พระราชพงษาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ อกั ษรนติ ์ิ สว่ นฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ ใช้ พระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ แตใ่ นการจดั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ทรงชแ้ี จงไวใ้ นคำนำวา่ กรรมการหอพระสมดุ วชริ ญาณใหเ้ รยี กชอ่ื วา่ “พระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐ” เป็นเกียรติยศแก่ผู้พบต้นฉบับพงศาวดารนี้ และขึ้นหัวเรื่องว่า “พระราชพงษาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ ” การจดั พมิ พค์ รง้ั นจ้ี งึ ใหช้ อ่ื ตามโดยปรวิ รรตแลว้ วา่ “พระราช พงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ ” การตรวจสอบชำระพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐ ครั้งรวมพิมพ์ในประชุม พงศาวดารฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๗ นน้ั สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ทรงนำฉบบั ทห่ี ลวงประเสรฐิ อกั ษรนติ พ์ิ บ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๐ เปน็ หลกั และใชฉ้ บบั หลวงของพระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี ซง่ึ กรรมการหอพระสมดุ ไดม้ าเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรวจสอบเพม่ิ เตมิ สว่ นทล่ี บเลอื น แต่ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ ไม่พบฉบับหลวงของพระเจ้ากรุงธนบุรี คงเหลือฉบับอยุธยา ซึ่ง หลวงประเสรฐิ อกั ษรนติ ไ์ิ ดม้ า เปน็ สมดุ ไทยดำ ตวั หรดาล หอสมดุ แหง่ ชาตใิ หช้ อ่ื วา่ พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา เรอ่ื งลำดบั ศกั ราช สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา (พงศาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ ฯ) มที ะเบยี นประวตั วิ า่ หลวงประเสรฐิ

( ๑๘ ) อักษรนิติ์ (แพ ตาละลักษมณ์ ) ให้หอฯ เมื่อ ๑๙/๓/๒๔๕๐ และพบอีกฉบับเป็นสมุดไทย ตัวดินสอขาว หอสมดุ แหง่ ชาตใิ หช้ อ่ื วา่ พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ลำดบั ศกั ราชกรงุ ศรอี ยธุ ยา จ.ศ. ๖๘๖ - ๙๖๖ ทะเบยี น ประวตั วิ า่ คณุ หญงิ ประทมุ ราชวนิ จิ ฉยั มอบใหห้ อฯ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๑ ตอนทา้ ยตน้ ฉบบั วา่ เขียนจบ ณ วัน ๒ ฯ ๑ ค่ำ ศักราช ๑๑๔๙ มะแมศก ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๐ ตรงกบั รชั กาลท่ี ๑ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ การตรวจสอบชำระซง่ึ นางสาววณี า โรจนราธา นกั อกั ษรศาสตร์ ๘ กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ เป็นผู้ดำเนินการ จึงได้นำฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรวจสอบกับต้นฉบับสมุดไทยสมัยอยุธยาเป็นหลัก ที่ใดลบเลือนจึงอาศัยเทียบกับฉบับเขียนครั้งรัชกาลที่ ๑ โดยคงปริวรรตอักขรวิธีให้เป็นปัจจุบัน แบบเดียว กบั ประชมุ พงศาวดารฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก แตว่ สิ ามานยนามคงตวั สะกดการนั ตต์ ามตน้ ฉบบั เดมิ อยา่ งไรกต็ าม เนอ่ื งจากสมยั โบราณยงั ไมม่ พี จนานกุ รมใชเ้ ปน็ บรรทดั ฐาน จงึ มกั พบวา่ ในชอ่ื เฉพาะชอ่ื เดยี วกนั มกั สะกด ไม่ตรงกัน เพียงแต่อ่านออกเสียงตรงกันเท่านั้น ผู้ตรวจสอบชำระจึงนำวิสามานยนามที่ปริวรรตเป็นภาษา ปัจจุบันลงไว้ที่เชิงอรรถด้วย รวมทั้งพระนามพระมหากษัตริย์ ได้ใช้พระนามพระราชพงศาวดารฉบับ พระราชหัตถเลขาซึ่งประกอบพระวินิจฉัยของสมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในคำอธิบายท้าย พระราชพงศาวดารฉบับนั้นแล้ว สอบเทียบกับผลงานของคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย สำนัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมิได้ลงศักราชการครองราชย์ เนื่องจากมีปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดาร กรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ ซง่ึ มคี วามแมน่ ยำกวา่ พงศาวดารฉบบั อน่ื ๆ อยแู่ ลว้ ในฉบบั พมิ พค์ รง้ั พ.ศ. ๒๔๕๗ ไดเ้ ทยี บปพี ทุ ธศกั ราชไวภ้ ายในวงเลบ็ หลงั จลุ ศกั ราชและปนี กั ษตั ร ทกุ แหง่ ซง่ึ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การลำดบั เหตกุ ารณแ์ ละสอบคน้ เรอ่ื งราวอยา่ งมาก ในการพมิ พค์ รง้ั น้ี จงึ ยงั คง ปพี ทุ ธศกั ราชไวต้ ามเดมิ แตไ่ ดค้ ำนวณเทยี บวนั เดอื น ทางจนั ทรคติ เปน็ สรุ ยิ คติ ไวใ้ นสว่ นเชงิ อรรถอกี เชน่ เดยี วกบั การตรวจสอบชำระเรอ่ื งท่ี ๑ และ ๒ โดยนายประเสรฐิ ณ นคร นายกราชบณั ฑติ ยสถานตรวจ แกเ้ ชน่ กนั ๖. พระราชพงศาวดาร ความเกา่ พระราชพงศาวดาร ความเก่า ตามต้นฉบับหลวง เขียนครั้งกรุงธนบุรี เมื่อจุลศักราช ๑๑๓๖ เปน็ พงศาวดารความเกา่ ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยาอกี ฉบบั หนง่ึ ตา่ งจากพระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ ตรงที่พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐเป็นพงศาวดารฉบับสังเขป แต่พระราชพงศาวดาร

( ๑๙ ) ความเกา่ เปน็ ฉบบั พสิ ดาร แตค่ งเหลอื เพยี งเลม่ สมดุ ไทย สว่ นทก่ี ลา่ วถงึ เหตกุ ารณป์ ลายรชั กาลสมเดจ็ พระมหา จักรพรรดิ และรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช ซึ่งมารวบรวมเขียนใหม่ครั้งกรุงธนบุรี เมื่อ จ.ศ. ๑๑๓๖ (พ.ศ.๒๓๑๗) หอพระสมุดวชิรญาณได้จัดพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ โดยรวมอยู่ใน ประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๔ และพมิ พเ์ ผยแพรจ่ นถงึ พ.ศ. ๒๕๓๙ รวมได้ ๖ ครง้ั การพมิ พค์ รง้ั นน้ี บั เปน็ ครง้ั ท่ี ๗ ไดน้ ำพระนพิ นธค์ ำนำของสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ในประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๔ สว่ นท่ี ทรงอธบิ ายถงึ ความเปน็ มาของพระราชพงศาวดารฉบบั น้ี และฉบบั อน่ื ๆ มารวมไวก้ อ่ นเนอ้ื เรอ่ื งดว้ ย ปจั จบุ นั ผตู้ รวจสอบชำระคอื นางนชุ นารถ กจิ งาม และนายธรี ะ แกว้ ประจนั ทร์ นกั อกั ษรศาสตร์ ๖ กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ ไมพ่ บตน้ ฉบบั สมดุ ไทย จงึ ตรวจสอบชำระกบั ฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก ๗. จดหมายเหตขุ องโยสต์ สเคาเตน็ ผตู้ รวจสอบชำระคอื นางสมศรี เอย่ี มธรรม นกั อกั ษรศาสตร์ ๘ กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ ไดท้ ำคำชแ้ี จงเฉพาะเรอ่ื งไวก้ อ่ นเนอ้ื เรอ่ื งจดหมายเหตขุ องโยสต์ สเคาเตน็ แลว้ การตรวจสอบชำระมนี ายธรี วตั ณ ปอ้ มเพชร แนะนำและตรวจแก้ ๘. จดหมายเหตฟุ านฟลตี ผตู้ รวจสอบชำระคอื นางสาวธรี ตา ธรี เดช นกั อกั ษรศาสตร์ ๖ กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ ไดท้ ำคำชแ้ี จงเฉพาะเรอ่ื งไวก้ อ่ นเนอ้ื เรอ่ื ง เชน่ กนั และการตรวจสอบชำระมี พลตรี ม.ร.ว.ศภุ วฒั ย์ เกษมศรี และนายธรี วตั ณ ปอ้ มเพชร เปน็ ทป่ี รกึ ษา ๙. อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ และสงั เขปรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ เปน็ พระนพิ นธข์ องสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ รวมพมิ พอ์ ยใู่ น ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๕ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ .๒๔๖๐ และได้พิมพ์เผยแพร่ต่อมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๐๗ รวมได้ ๔ ครง้ั ในการพมิ พค์ รง้ั แรก สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพทรงพระนพิ นธไ์ วใ้ นคำนำวา่ เรอ่ื งศกั ราชรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ นน้ั เปนของทร่ี กู้ นั อยใู่ นผศู้ กึ ษาโบราณคดวี า่ ศกั ราชรชั กาล ครง้ั กรงุ เกา่ ทล่ี งไวใ้ นหนงั สอื พระราชพงษาวดารฉบบั พมิ พ์ ๒ เลม่ กด็ ี ฉบบั พระราชหดั ถเลขากด็ ี

( ๒๐ ) ผิดมากบ้างน้อยบ้างเกือบทุกรัชกาล แต่ยังไม่มีหลักฐานที่จะสอบสวนได้ตลอด จนหอพระสมุดฯ ไดห้ นงั สอื พระราชพงษาวดารซง่ึ เรยี กวา่ “ฉบบั หลวงประเสรฐิ ” อนั เปนตวั ตน้ หนงั สอื พระราชพงษาวดาร กรงุ เกา่ ทแ่ี ตง่ ครง้ั แรก เมอ่ื ในแผน่ ดนิ สมเดจ็ พระนารายนม์ หาราช ศกั ราชในหนงั สอื ฉบบั หลวงประเสรฐิ นี้ฉบับเดียวที่สอบได้ถูกต้องตรงกับจดหมายเหตุอื่น ๆ ที่ได้พบมีปูมโปรเปนต้น เชื่อได้ว่าศักราช แม่นยำกว่าฉบับอื่น ๆ แต่หนังสือพระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐ หมดความอยู่เพียงสิ้น แผน่ ดนิ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ขา้ พเจา้ จงึ คน้ หาจดหมายเหตโุ บราณตา่ ง ๆ สอบศกั ราชรชั กาล ครั้งกรุงเก่าต่อลงมาจนตลอดทุกรัชกาล พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) อุปราช มณฑลกรุงเก่าได้เห็นหนังสือนี้แนะนำว่าควรจะพิมพ์ให้ปรากฎ จะได้เปนประโยชน์แก่ผู้ที่สอบ จดหมายเก่าต่าง ๆ ได้อาไศรยเปนหลัก สำหรับสอบ ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงพิมพ์ศักราช รชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ลงไวเ้ ปนเรอ่ื งท่ี ๒ ในเลม่ น้ี อนึ่ง ในการพิมพ์ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๕ ครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ นายธนิต อยู่โพธิ์ อธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น ได้จัดทำตารางพระนามพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่สมัย สโุ ขทยั รวมพมิ พไ์ วท้ า้ ยเลม่ ดว้ ย การจดั พมิ พค์ รง้ั น้ี นางสาววณี า โรจนราธา นกั อกั ษรศาสตร์ ๘ กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ ผตู้ รวจสอบชำระไดท้ ำเชงิ อรรถขยายความเกย่ี วกบั พระนามและปคี รองราชย์ และไดป้ รบั ปรงุ ตารางพระนาม พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยเสียใหม่ ตามงานศึกษาค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์ยุคต่อ ๆ มา โดยยึดตามข้อยุติในงานพิมพ์เผยแพร่ของราชบัณฑิตยสถานและคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย สำนกั เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี หนงั สอื ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ จงึ เปน็ หนงั สอื ทน่ี ำเรอ่ื งประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ความเก่าในประชุมพงศาวดารที่เคยจัดพิมพ์เผยแพร่แล้ว มาตรวจสอบชำระให้สมบูรณ์ในเนื้อหาและ ถกู ตอ้ งตามความกา้ วหนา้ ในวงวชิ าการประวตั ศิ าสตร์ ทง้ั อำนวยความสะดวกแกผ่ สู้ นใจศกึ ษาคน้ ควา้ ยง่ิ ขน้ึ

สารบัญ หน้า คำปรารภ (๑) พระราชประวตั พิ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (๓) คำนำ (๗) คำชแ้ี จง ( ๑๐ ) ภาพประกอบ จดหมายเหตโุ หร ๑ จดหมายเหตโุ หรของจมน่ื กง่ ศลิ ป์ ๙ พระราชพงศาวดารเหนอื ๔๑ ๘๑ บานแพนกเดมิ ๘๓ เรอ่ื งพระยาสกั รดำตง้ั จลุ ศกั ราช ๘๔ เรอ่ื งสรา้ งเมอื งสวรรคโลก ๘๕ เรอ่ื งครองเมอื งสวรรคโลก ๘๕ เรอ่ื งพระรว่ งอรณุ กมุ ารเมอื งสวรรคโลก ๘๘ เรอ่ื งพระเจา้ ศรธี รรมไตรปฎิ ก ๙๓ เรอ่ื งสรา้ งเมอื งพศิ ณโุ ลก ๙๔ เรอ่ื งสรา้ งพระชนิ สหี ์ พระชนิ ราช ๙๖ เรอ่ื งสรา้ งเมอื งเสนาราชนคร ๙๗ เรอ่ื งพระยากาฬวรรณดศิ ตง้ั เมอื งตา่ ง ๆ ๙๘ เรอ่ื งทก่ี ลั ปนา ๙๘ ทำเนยี บคณะสงฆ์ ๙๙ เรอ่ื งพระรว่ งเมอื งศโุ ขไทย ๙๙ เรอ่ื งพระยาแกรก ๑๐๑ เรอ่ื งพระนเรศวรหงษา ๑๐๖ เรอ่ื งพระเจา้ สายนำ้ ผง้ึ ๑๐๘ เรอ่ื งพระมาลเี จดยี ์ ๑๑๒

( ๒๒ ) หน้า ๑๑๖ เรอ่ื งพระยากง ๑๑๙ เรอ่ื งพระเจา้ อทู่ อง ๑๒๔ เรอ่ื งพระบรมราชา ๑๒๖ เรอ่ื งขนุ สงิ หฬสาคร ๑๒๘ ตำนานพระแกว้ มรกฏ ๑๒๘ พระนาคเสนปรารภจะสรา้ งพระแกว้ ๑๒๙ พระวศิ ณกุ รรมรบั เปน็ ชา่ งสรา้ งพระแกว้ ๑๓๑ เชญิ พระบรมธาตปุ ระดษิ ฐานในองคพ์ ระแกว้ ๑๓๒ พระแกว้ อยเู่ มอื งปาตลบี ตุ ร ๑๓๓ พระแกว้ อยเู่ มอื งลงั กา ๑๓๖ พระแกว้ อยเู่ มอื งอนิ ทปตั ๑๔๐ พระแกว้ อยกู่ รงุ ศรอี ยทุ ธยา ๑๔๑ พระแกว้ อยเู่ มอื งกำแพงเพช็ ร ๑๔๒ พระแกว้ อยเู่ มอื งเชยี งใหม่ ๑๔๕ พระแกว้ อยเู่ มอื งศรสี ตั นาคนหตุ ฯ ๑๔๖ พระแกว้ อยเู่ มอื งเวยี งจนั ทนบรุ ี ๑๔๙ จลุ ยทุ ธการวงศ์ ความเรยี ง (ตอนตน้ ) ๑๕๑ คำนมสั การ ปรเิ ฉทท่ี ๑ ๑๕๑ ทา้ วความถงึ ครง้ั พทุ ธกาล ๑๕๒ มลู เหตทุ พ่ี ระบรมธาตเุ ปน็ ขนาดเลก็ ๑๕๒ เรอ่ื งพระเจา้ ศรธี รรมาโศกราชกรงุ สโุ ขทยั ๑๕๓ เรอ่ื งพระเจา้ ศรธี รรมาโศกราชเสดจ็ ออกไปประทบั รกั ษาศลี ทภ่ี เู ขาหลวง ๑๕๕ เรอ่ื งนางนาคมาบำเรอพระเจา้ ศรธี รรมาโศกราช ๑๕๖ นางนาคสำรอกตอ่ มโลหติ จากครรภ์ ๑๕๖ ตอ่ มโลหติ สมภพเปน็ พระรว่ งราชกมุ าร

( ๒๓ ) หน้า ๑๕๗ มยี ายกบั ตาเลย้ี งพระรว่ งราชกมุ ารไว้ ๑๕๘ พระรว่ งวาจาสทิ ธ์ิ ๑๕๙ พระเจา้ ศรธี รรมาโศกราชกรงุ สโุ ขทยั ทรงทราบวา่ พระรว่ งเปน็ พระราชโอรสกโ็ ปรดปราน ๑๕๙ พระรว่ งทรงผนวช ๑๖๐ เมอื งละโวส้ ง่ สว่ ยนำ้ แกก่ รงุ กมั พชู า ๑๖๐ พระเจา้ กรงุ กมั พชู าคดิ กำจดั พระรว่ ง ๑๖๐ ผไู้ ปทำการกำจดั ตอ้ งกลายเปน็ ขอมดำดนิ ๑๖๑ พระรว่ งลาผนวช และสรา้ งเมอื งสวรรคโลกทเ่ี มอื งสชั นาลยั เกา่ ๑๖๑ พระเจา้ ศรธี รรมาโศกราชสวรรคต พระรว่ งครองกรงุ สโุ ขทยั ๑๖๓ แลว้ โปรดใหเ้ จา้ ศรธี รรมราชา นอ้ งยาเธอครองเมอื งสวรรคโลก ๑๖๔ พระรว่ งเสดจ็ ไปเมอื งจนี หาชา่ งมากระทำถว้ ยชามเปน็ ตน้ ๑๖๕ พระเจา้ กรงุ จนี ถวายราชธดิ าแกพ่ ระรว่ ง ๑๖๕ พระรว่ งเสดจ็ กลบั มากรงุ สโุ ขทยั ๑๖๖ ประเทศรามญั ขน้ึ กรงุ สโุ ขทยั ๑๖๗ พระรว่ งโปรดเสดจ็ ประพาสตา่ งประเทศ พระรว่ งสวรรคตทแ่ี กง่ หลวง ๑๖๗ ปรเิ ฉทท่ี ๒ ๑๖๗ เรอ่ื งเมอื งเชยี งราย ๑๖๘ มลู เหตสุ มภพเจา้ เมอื งสตั วงศ์ ๑๗๐ เมอื งสตั วงศไ์ มย่ อมสง่ บรรณาการแกเ่ มอื งเชยี งราย ๑๗๑ พระเจา้ เชยี งรายยกทพั ไปปราบเมอื งสตั วงศแ์ ตต่ อ้ งลา่ ถอยกลบั เมอื ง ๑๗๒ กองทพั เมอื งสตั วงศย์ กลอ้ มเมอื งเชยี งราย ๑๗๓ พระเจา้ เชยี งรายอพยพหนมี าตง้ั อยทู่ ศิ ตะวนั ตกเมอื งกำแพงเพชร ๑๗๔ พระเจา้ เชยี งรายสรา้ งเมอื งไตรตรงึ ส์ ๑๗๕ นายแสนปม ชาวเมอื งแปบไดร้ าชธดิ าเจา้ เมอื งไตรตรงึ ส์ สรา้ งเมอื งเทพมหานครใหเ้ จา้ อทู่ อง

( ๒๔ ) หน้า ๑๗๕ เจา้ อทู่ องอพยพมาสรา้ งกรงุ ศรอี ยธุ ยา ๑๗๖ เมอื งประเทศราชขน้ึ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ๑๖ เมอื ง ๑๗๗ เรอ่ื งพระรว่ งสโุ ขทยั ๑๗๗ พระเจา้ สรุ ยิ ราชาครองเมอื งพจิ ติ รปราการ ๑๗๗ พระเจา้ จนั ทราชาครองราชยส์ บื ตอ่ จากพระเจา้ สรุ ยิ ราชา แตค่ รองกรงุ สโุ ขทยั ๑๗๗ พระเจา้ จนั ทราชาไดน้ างนาค ๑๗๘ นางนาคตกฟองเทา่ ผลมะพรา้ วหา้ ว ๑๗๘ ยายกบั ตาเกบ็ ฟองไปรกั ษาไว้ ๑๗๘ ฟองนาคสมภพเปน็ กมุ ารมวี าจาสทิ ธ์ิ จงึ ไดน้ ามวา่ พระรว่ ง ๑๗๙ พระรว่ งไดด้ ำรงพระยศเปน็ ราชโอรสพระเจา้ จนั ทราชา ๑๘๐ พระรว่ งขอใหง้ ดสง่ สว่ ยนำ้ แกเ่ มอื งอนิ ทปรสั ถ์ ๑๘๐ ทพั เมอื งอนิ ทปรสั ถย์ กมาปราบกรงุ สโุ ขทยั แตต่ อ้ งลา่ ถอยกลบั ไป ๑๘๑ พระรว่ งไดค้ รองราชยส์ บื สนองตอ่ จากพระเจา้ จนั ทราชา ๑๘๑ สมเดจ็ พระรว่ งเจา้ สรา้ งเมอื งสวรรคโลกขน้ึ ใหม่ ๑๘๒ มะกะโทชาวเมอื งเมาะตะมะทำการคา้ ขาย ๑๘๓ มะกะโทถวายตวั ทำราชการ ณ กรงุ สโุ ขทยั ๑๘๔ มะกะโทเปน็ ขนุ วงั ๑๘๕ มะกะโทพาพระราชธดิ าหนไี ปเมอื งมอญ ๑๘๖ สมเดจ็ พระรว่ งเจา้ ทรงพระเมตตาอำนวยพรเพอ่ื ความสวสั ดแี กม่ ะกะโท ๑๘๖ มะกะโทตง้ั เกลย้ี กลอ่ มซอ่ งสมุ ชาวรามญั ๑๘๖ มะกะโทตง้ั ตวั เปน็ กษตั รยิ แ์ หง่ รามญั ประเทศ ๑๘๗ พระเจา้ มะกะโทสวามภิ กั ดต์ิ อ่ กรงุ สโุ ขทยั ๑๘๗ สมเดจ็ พระรว่ งเจา้ ทรงตง้ั พระนามใหว้ า่ พระเจา้ ฟา้ รว่ั ๑๘๘ สมเดจ็ พระรว่ งเจา้ สวรรคต ๑๘๘ พระลอื ราชอนชุ าเสดจ็ ขน้ึ ครองราชยส์ บื สนองตอ่ มา

( ๒๕ ) หน้า เทศนาจลุ ยทุ ธการวงศ์ ๑๘๙ เรอ่ื งพระเจา้ เชยี งรายแพพ้ ระยาสะตอง ตอ้ งอพยพมาสรา้ งนครไตรตรงึ ส์ ๑๘๙ สมภพพระเจา้ อทู่ อง ๑๘๙ พระเจา้ อทู่ องสรา้ งกรงุ ศรอี ยธุ ยา ๑๙๐ ลำดบั วงศก์ ษตั รยิ ค์ รองกรงุ ศรอี ยธุ ยา ๑๙๑ วา่ ดว้ ยสมยั กรงุ ธนบรุ ี ๒๐๓ วา่ ดว้ ยเรม่ิ ตน้ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๔ สงั เวชนยี กถาทา้ ยเทศนา ๒๐๔ ๒๐๗ พระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ ๒๓๕ พระราชพงศาวดาร ความเกา่ ๒๓๗ ๒๔๑ คำนำ ๒๔๑ สง่ พระแกว้ ฟา้ ไปถวายพระยาลา้ นชา้ ง ๒๔๑ สง่ พระเทพกระษตั รไี ปถวายพระยาลา้ นชา้ ง ๒๔๑ พระเจา้ หงษาแตง่ พระตะบะมาชงิ พระเทพกระษตั รี ๒๔๑ พระเจา้ ชา้ งเผอื กตรสั หา้ มพระยาลา้ นชา้ งตเี มอื งพศิ ณโุ ลก ๒๔๒ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเสดจ็ ผา่ นพภิ พ ๒๔๒ พระเจา้ ชา้ งเผอื กบรู ณะอารามพระมหาธาตลุ พบรุ ี ๒๔๒ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชสง่ ขา่ วใหพ้ ระยาลา้ นชา้ งมาตเี มอื งพศิ ณโุ ลก ๒๔๒ พระมหาธรรมราชาสง่ ขา้ หลวงไปทลู แกพ่ ระเจา้ หงษา ๒๔๓ พระยาลา้ นชา้ งยกทพั มาลอ้ มเมอื งพศิ ณโุ ลก ๒๔๓ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเสดจ็ ขน้ึ ไปเมอื งพศิ ณโุ ลก ๒๔๓ ทพั ลา้ นชา้ งพยายามตหี กั เขา้ เมอื งพศิ ณโุ ลก ๒๔๓ พระเจา้ หงษาสง่ พระยาภกุ าม พระยาเสอื หาญ มาชว่ ยเมอื งพศิ ณโุ ลก ๒๔๓ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเสดจ็ คนื พระนครศรอี ยธุ ยา พระยาลา้ นชา้ งเลกิ ทพั กลบั

( ๒๖ ) หน้า พระยาภกุ าม พระยาเสอื หาญ ออกตามตที พั พระยาลา้ นชา้ ง ๒๔๓ ทพั พระยาภกุ าม พระยาเสอื หาญ พา่ ยคนื เมอื งพศิ ณโุ ลก ๒๔๔ พระเจา้ ชา้ งเผอื กเสดจ็ ทรงพระผนวช ๒๔๔ พระยารามทลู ยยุ งสมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าช และเตรยี มปอ้ งกนั พระนคร ๒๔๔ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชแลพระยารามอญั เชญิ พระเจา้ ชา้ งเผอื กครองราชสมบตั ิ ๒๔๔ ทพั กรงุ โจมตเี มอื งกำแพงเพช็ ร ๒๔๕ พระเจา้ หงษายกทพั ใหญม่ าตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา ๒๔๕ พระเจา้ ชา้ งเผอื กสวรรคต ๒๔๗ พระเจา้ หงษาใหข้ บั พระอปุ ราชา ๒๔๘ พระมหาธรรมราชาทลู ขอโทษใหพ้ ระอปุ ราชา ๒๔๘ พระเจา้ หงษาใหพ้ ระเจา้ แปรยกทพั เรอื ออกลาดตระเวน ๒๔๘ พลศกึ หงษาพนู ถนนถงึ ชานกำแพงพระนคร ๒๔๙ ชาวหงษารกุ เขา้ ทลายกำแพงพระนคร ๒๔๙ ขา้ ศกึ หงษายกเขา้ ปลน้ คา่ ยหลายครง้ั มไิ ด้ ๒๕๐ พระมหาธรรมราชาสง่ หนงั สอื เกลย้ี กลอ่ มใหส้ ง่ ตวั พระยาราม ๒๕๐ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชโปรดใหน้ ำพระยารามไปถวายพระมหาธรรมราชา ๒๕๑ พระเจา้ หงษาใหพ้ ระเจา้ แผน่ ดนิ แลทา้ วพระยาผใู้ หญอ่ อกถวายบงั คมจงึ จะรบั เปน็ พระราชไมตรี ๒๕๑ ทา้ วพระยากรงุ ศรอี ยธุ ยาอาสาจะรบพงุ่ ๒๕๑ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาเสดจ็ เขา้ มาเจรจาเกลย้ี กลอ่ ม ๒๕๒ จดหมายเหตขุ องโยสต์ สเคาเตน็ ๒๕๓ คำชแ้ี จงเฉพาะเรอ่ื ง ๒๕๕ ทต่ี ง้ั ของประเทศสยาม ๒๕๗ การปกครอง ๒๖๐ ตำแหนง่ ขนุ นาง ๒๖๐ พระอจั ฉรยิ ภาพ พระราชกจิ วตั ร และราชสำนกั ของพระเจา้ แผน่ ดนิ สยาม ๒๖๐ รายไดจ้ ากภาษอี ากรและโภคทรพั ยข์ องพระมหากษตั รยิ ์ ๒๖๓

( ๒๗ ) หน้า ๒๖๔ การสบื ราชสมบตั ิ ๒๖๕ ศาลสถติ ยตุ ธิ รรม ๒๖๖ จารตี นครบาล ๒๖๗ กจิ การทหาร ๒๖๙ พระมหากรณุ าธคิ ณุ และพระราชไมตรกี บั ชาวตา่ งประเทศ ๒๗๐ เรอ่ื งชา้ งและการคลอ้ งชา้ ง ๒๗๒ เรอ่ื งทเ่ี กย่ี วกบั ศาสนา งานสาธารณะ และวดั วาอาราม ๒๗๖ การแตง่ กายและบา้ นเรอื น ๒๗๖ การแตง่ งานและการเลย้ี งดลู กู ๒๗๘ การคา้ ขายและวธิ กี ารเลย้ี งชพี ๒๗๙ เงนิ ตราทใ่ี ชใ้ นการคา้ ขาย ๒๗๙ ชาวปอรต์ เุ กสและชาวฮอลนั ดาในราชอาณาจกั รสยาม ๒๘๓ จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๒๘๕ คำชแ้ี จงเฉพาะเรอ่ื ง ๒๘๙ ความนำ ๒๙๐ เรอ่ื งการเปลย่ี นแปลงสทิ ธใ์ิ นราชบลั ลงั ก์ ๒๙๑ เรอ่ื งพระเจา้ ทรงธรรมทรงพระประชวร ๒๙๒ เรอ่ื งออกญาศรวี รวงศต์ ระเตรยี มการและเกลย้ี กลอ่ มออกญาเสนาภมิ ขุ เปน็ พวก ๒๙๓ เรอ่ื งพระเจา้ ทรงธรรมสวรรคต ๒๙๔ เรอ่ื งการประหตั ประหารขนุ นางฝา่ ยตรงขา้ ม ๒๙๕ เรอ่ื งขน้ึ ครองราชยข์ องพระเชษฐราชา ๒๙๖ เรอ่ื งออกญาศรวี รวงศไ์ ดเ้ ลอ่ื นตำแหนง่ เปน็ ทอ่ี อกญากลาโหม ๒๙๗ เรอ่ื งออกญากลาโหมวางแผนกำจดั พระปติ ลุ า ๒๙๘ เรอ่ื งออกหลวงมงคลและเหลา่ ภกิ ษสุ งฆช์ ว่ ยชวี ติ พระปติ ลุ า ๒๙๙ เรอ่ื งพระปติ ลุ าสถาปนาพระองคเ์ ปน็ กษตั รยิ แ์ ละกอ่ ตง้ั ชมุ นมุ ณ เมอื งเพชรบรุ ี

( ๒๘ ) หน้า ๓๐๐ เรอ่ื งพระเจา้ อยหู่ วั สง่ กองทพั ปราบปราบชมุ นมุ เมอื งเพชรบรุ ี ๓๐๑ เรอ่ื งพระปติ ลุ าแพส้ งคราม ถกู จบั ได้ และถกู ตดั สนิ ใหส้ ำเรจ็ โทษ ๓๐๓ เรอ่ื งชะตากรรมของออกหลวงมงคล ๓๐๕ เรอ่ื งบทบาท ชาตกิ ำเนดิ และภมู หิ ลงั ของออกญากลาโหม ๓๑๐ เรอ่ื งออกญากลาโหมเรง่ สรา้ งบารมี และสะสมอำนาจ ๓๑๑ เรอ่ื งออกญากลาโหมจดั งานปลงศพใหแ้ กน่ อ้ งชาย ๓๑๒ เรอ่ื งพระเจา้ อยหู่ วั ทรงพโิ รธ และคดิ กำจดั ออกญากลาโหม ๓๑๓ เรอ่ื งออกญากลาโหมเกลย้ี กลอ่ มบรรดาขนุ นางเขา้ เปน็ พวก ๓๑๕ เรอ่ื งออกญากลาโหมและพรรคพวกกอ่ การชงิ ราชบลั ลงั ก์ ๓๑๗ เรอ่ื งการสำเรจ็ โทษพระเจา้ อยหู่ วั และพระราชมารดา ๓๒๐ เรอ่ื งออกญากลาโหมหยง่ั เสยี งออกญาเสนาภมิ ขุ กรณผี สู้ บื ราชบลั ลงั ก์ ๓๒๒ เรอ่ื งการสบื ราชสมบตั ขิ องพระองคอ์ าทติ ยส์ รุ วงศ์ ๓๒๓ เรอ่ื งมรณกรรมของออกญากำแหง ๓๒๕ เรอ่ื งออกญากลาโหมพยายามผกู ไมตรกี บั ออกญาเสนาภมิ ขุ ๓๒๗ เรอ่ื งออกญากลาโหมคดิ กำจดั ออกญาเสนาภมิ ขุ ๓๒๘ เรอ่ื งออกญาเสนาภมิ ขุ ถกู สง่ ไปรบั ตำแหนง่ เจา้ เมอื งนครศรธี รรมราช ๓๓๐ เรอ่ื งการกำจดั เยาวกษตั รยิ พ์ ระองคอ์ าทติ ยส์ รุ วงศ์ ๓๓๒ เรอ่ื งการปราบดาภเิ ษกขน้ึ เปน็ กษตั รยิ ข์ องออกญากลาโหม ๓๓๔ เรอ่ื งสภาพเหตกุ ารณแ์ ละการจลาจลทเ่ี มอื งนครศรธี รรมราช ๓๓๙ เรอ่ื งการสง่ กองทพั ไปปราบอาณาจกั รเชยี งใหมแ่ ละเมอื งประเทศราช ๓๔๑ เรอ่ื งการสำเรจ็ โทษบรรดายวุ กษตั รยิ ์ ๓๔๕ เรอ่ื งการปราบปรามและการเจรญิ พระราชไมตรกี บั นานาประเทศ ๓๔๘ เรอ่ื งมรณกรรมของออกญาพระคลงั ๓๕๐ เรอ่ื งภมู หิ ลงั ของออกญายมราช

( ๒๙ ) หน้า อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๕๓ อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๕๕ สงั เขปรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๖๗ พระนามพระมหากษตั รยิ แ์ หง่ ประเทศไทยตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทยั ๓๗๑ พระนามพระมหากษตั รยิ ม์ หาจกั รบี รมราชวงศ์ ๓๗๖ พระนามกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล (วงั หนา้ ) สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๓๗๘ ๓๗๙ รายนามคณะกรรมการ

ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ๑ จดหมายเหตโุ หร จ.ศ. ๒๘๓ – ๑๒๓๖ จดหมายเหตโุ หร จ.ศ. ๒๘๓ – ๑๒๓๖

๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ จดหมายเหตกุ รงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๓ จดหมายเหตุโหรของจมื่นก่งศิลป์

ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ๓ บานแผนก พงศาวดารเหนอื เลขท่ี ๕๗ ตอนทา้ ยของหนา้ ปลาย พงศาวดารเหนอื เลขท่ี ๔๒

๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ หนา้ ตน้ ท่ี ๑-๓ พงศาวดารเหนอื เลขท่ี ๓๗ ทา้ ยหนา้ ปลาย พงศาวดารเหนอื เลขท่ี ๔๗

ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ๕ ตำนานพระแกว้ มรกต เลม่ ๑ (ฉบบั เมอื งหลวงพระบาง) เลขท่ี ๒๗ หนา้ ตน้ ท่ี ๗–๘ ตำนานพระแกว้ มรกต เลม่ ๒ (ฉบบั เมอื งหลวงพระบาง) เลขท่ี ๒๘ หนา้ ตน้ ท่ี ๓–๔

๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ จลุ ยทุ ธการวงศ์ ในพงศาวดารเหนอื เลขท่ี ๔๖ พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ตอน ๑-๒-๓-๔ คำใหก้ ารชาวกรงุ เกา่

ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ๗ พระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา เลขท่ี ๒ / ข. ๑๑ (เทศนาพงศาวดาร สงั เขปจลุ ยทุ ธการวงศ)์ บานแผนก พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา เรอ่ื งลำดบั ศกั ราช สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา (พงศาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ ) เลขท่ี ๓๐

๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา เรอ่ื งลำดบั ศกั ราช สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา (พงศาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ ) เลขท่ี ๓๐ ตอนทา้ ยของหนา้ ปลาย พงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ลำดบั ศกั ราชกรงุ ศรอี ยธุ ยา จ.ศ. ๖๘๖–๙๖๖ เลขท่ี ๓๐ / ก

๙ จดหมายเหตโุ หร

๑๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑

จดหมายเหตโุ หร ๑๑ จดหมายเหตโุ หร๑ ปมี ะเสง็ จ.ศ. ๒๘๓๒ ณ วนั ๔๘ฯ ๖ คำ่ ๓ เวลารงุ่ แจง้ เกดิ พระเจา้ พรหมราชกษตั รยิ ท์ ่ี ๔๑ (พ.ศ. ๑๔๖๔) เชยี งแสน ซง่ึ ปราบขอมพา่ ยแพล้ งมาถงึ แดนชะเลยี ง๔ ณ วนั ๓ ๑ฯ ๕ ค่ำ๖ ยามใกลร้ งุ่ เกดิ ขนุ เจอ๋ื งบรมราชาธริ าช ชนมายุ ปเี ถาะ จ.ศ. ๔๓๕๕ ๓๖ ปี ไดร้ าชสมบตั เิ ชยี งแสน ครองราชสมบตั ๗ิ ๒๔ ปี ชนะลา้ นชา้ ง (พ.ศ. ๑๖๑๖) ครองลา้ นชา้ ง ๓ ปี ชนะญวนแกว ครองแผน่ ดนิ แกว ๑๔ ปี ณ วนั ๓๙ฯ ๖ คำ่ ๙ ขนุ เจอ๋ื งรบั ออ๋ งจนี แผน่ ดนิ ซอง ชนมายุ ๗๗ ปี ปขี าล จ.ศ. ๔๙๖๘ จงึ ทวิ งคตในทา่ มกลางสงคราม (พ.ศ. ๑๖๗๗) เมอื งเสยี งแตก พมา่ องั วะชนะ ปรี ะกา จ.ศ. ๕๗๕๑๐ ฝรง่ั มาเผาเมอื งมตั มะ๑๒ ครง้ั นน้ั ศกึ ฝรง่ั (รบั สง่ั วา่ ฝรง่ั ยโุ รป๑๓ยงั ไมม่ า) (พ.ศ. ๑๗๕๖) ชณนะวนัหรภิ๑ญุ ๙ฯไช๓ยค๑่ำ๖๑๕ไดร้เวาลชสายมาบมตั รใิ งุ่ นเเมกอื ดิ งพเงรนิะยยาวมง๑งั ๗รายผสู้ รา้ งเชยี งใหม่ ปมี ะแม จ.ศ. ๕๘๕๑๑ (พ.ศ. ๑๗๖๖) ปจี อ จ.ศ. ๖๐๐๑๔ (พ.ศ. ๑๗๘๑) ๑ การตรวจสอบชำระยึดฉบับพิมพ์ครั้งแรก ซึ่งพิมพ์รวมในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๘ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๖๐ ตรวจสอบ กบั ตน้ ฉบบั เอกสารโบราณประเภทกระดาษฝรง่ั เลขท่ี ๑๕๗ ชอ่ื จดหมายเหตุโหร จ.ศ. ๒๘๓– จ.ศ.๑๒๓๖ (พ.ศ. ๑๔๖๔–๒๔๑๗) ๒ คัดมาจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๓ ตรงกบั วนั พธุ ที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๑๔๖๔ ๔ ต้นฉบับที่ใช้ตรวจสอบใช้ว่า กำแพงเพช็ ร์ ๕ คัดมาจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๖ ตรงกบั วันอังคารที่ ๑๒ มนี าคม พ.ศ. ๑๖๑๕ ๗ ตน้ ฉบบั ท่ใี ช้ตรวจสอบ ไมม่ ีข้อความนี้ ๘ คัดมาจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๙ ตรงกับวนั อังคารที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๑๖๗๗ คำนวณได้เป็นวันขนึ้ ๘ คำ่ ๑๐ คัดจากต้นฉบับชื่อตำราอสีติธาตุ ๑๑ คัดจากต้นฉบับชื่อตำราอสีติธาตุ ๑๒ ตน้ ฉบบั เขยี นเปน็ มัตตะมะ ๑๓ ต้นฉบับมีวงเล็บความคิดเห็นแทรกแต่ไม่มีคำยุโรป ๑๔ คัดจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๑๕ ตรงกบั วันอาทติ ยท์ ่ี ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๑๗๘๑ ๑๖ ตน้ ฉบบั ระบวุ า่ อายุ ๒๑ ปี ๑๗ ทถ่ี กู นา่ จะเปน็ เมอื งเงนิ ยาง

๑๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ปจี อ จ.ศ. ๖๐๐๑ ณ วัน ๕๑ฯ๕๖ ค่ำ๒ เวลาใกล้รุ่ง เกิดพระยางำเมืองกษัตริย์พเยา (พ.ศ.๑๗๘๑) เปน็ ศษิ ยเ์ ทพฤๅษดี อยดว้ น แลพระศกุ ร๓ทนั ตฤ์ ๅษกี รงุ ละโวค้ รูพระรว่ ง ศกั ราช ๖๒๐ ไดผ้ า่ นสมบตั ิ ปขี าล จ.ศ. ๖๗๖๔ ณ วนั ๒ ฯ๘๕ คำ่ ๕ เวลารงุ่ เกดิ พระเจา้ อทู่ องรามาธบิ ดี (พ.ศ.๑๘๕๗) ณ วนั ๖ ฯ๖๕ คำ่ ๗ เวลา ๓ นาฬกิ า ๙ บาท๘ สรา้ งกรงุ ศรอี ยทุ ธยา ปเี ถาะยงั เปน็ โทศก๖ ณ วนั ๖ ฯ๖๔ คำ่ ๑๐ ทา้ วอทู่ องสรา้ งกรงุ ศรอี ยทุ ธยาธกิ ลู ครง้ั ท่ี ๒ จ.ศ. ๗๑๒ เมอื งพะโคเสยี ๑๑ เสยี เมอื งรงมละ (พ.ศ. ๑๘๙๓) ปกี นุ จ.ศ. ๗๒๑๙ เสยี เมอื งสะถอ้ ย (พ.ศ. ๑๙๐๒) เสยี เมอื งตละเช เสยี เมอื งทละ เสยี เมอื งยา่ งกงุ้ ปมี ะเสง จ.ศ. ๗๕๕๑๒ ใชไ้ ปเมอื งหนาถกู ตอ้ งดแี ล (พ.ศ.๑๙๓๖) ปฉี ลู จ.ศ. ๗๗๑๑๓ (พ.ศ. ๑๙๕๒) ปเี ถาะ จ.ศ. ๗๗๓๑๔ (พ.ศ. ๑๙๕๔) ปเี ถาะ จ.ศ. ๗๗๓ มาจนถงึ จ.ศ. ๗๗๔๑๕ (พ.ศ. ๑๙๕๕) ๑ คัดมาจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๒ ตรงกบั วนั พฤหสั บดที ่ี ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๑๗๘๑ ๓ ๔ ตน้ ฉบบั เขยี นเปน็ สกุ ร คัดมาจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๕ ๖ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๑๘๕๖ เชงิ อรรถของหลวงโลกทปี ในตน้ ฉบบั และระบตุ อ่ ทา้ ยวา่ ผกู ตามวธิ โี หร ๗ ๘ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๑๘๙๓ พระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ วา่ เวลารงุ่ แลว้ ๓ นาฬกิ า ๙ บาท ตรงกบั ๙ นาฬกิ า ๕๔ นาที (๑ บาท เทา่ กบั ๖ นาท)ี ๙ ๑๐ คัดจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ตรงกับวันศุกรท์ ี่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๙๐๒ คำนวณได้เปน็ วันขึน้ ๕ ค่ำ ๑๑ ต้นฉบับไม่มีข้อความนี้ ๑๒-๑๕ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื คมั ภรี อ์ สตี ธิ าตอุ กี ผกู หนง่ึ

จดหมายเหตโุ หร ๑๓ ปมี ะโรง จ.ศ. ๗๗๔๑ พญานอ้ ยคดิ ขบถในเมอื งยา่ งกงุ้ (พ.ศ. ๑๙๕๕) ศึกพญาตองอู ฝรง่ั มงั พลูเปน็ วนั เสารย์ กลงมา อายไุ ด้ ๒๖ ปี ปมี ะแม จ.ศ. ๗๗๗๒ ปวี อกศกั ราช ๗๗๘ ตายในเมอื งพะโค (พ.ศ. ๑๙๕๘) พระอาทติ ยอ์ ยรู่ าษมี นี องศา ๗ จงึ ไดช้ นะมงั พลู ตวั มงั พลู มหากษตั รยิ ์ ทำลายเสยี ปวี อก จ.ศ. ๗๗๘๓ เกดิ พระไชยเชษฐาธริ าชเจา้ ลา้ นชา้ ง ณ วนั ๑๙ฯ ๑ คำ่ ๕ เวลายามแตร (พ.ศ. ๑๙๕๙) เทย่ี ง๖ อายุ ๑๕ ปี ไดเ้ ปน็ กษตั รยิ ์ พระชนม์ ๓๙ ปี ทวิ งคต๗ ครั้งนั้นพญาองค์หนึ่งได้ครองเมืองใน ๒๑ พญาองค์หนึ่งนิพพาน ปเี ถาะ จ.ศ. ๘๖๙๔ เอา ๒๑ นั้นบวกลงใน ๙๔๖ ได้ ๙๖๗ พญาที่ได้ครองเมืองโหม (พ.ศ. ๒๐๕๐) นน้ั นพิ พานแล ณ วนั ๗ ๕ฯ ๕ คำ่ ๑๐ เศษ ๘๑๑ (พระยอดฟา้ )๑๒ เสดจ็ ออกพลบั พลา ปกี นุ จ.ศ. ๘๘๙๘ ทอดพระเนตรชนชา้ ง พญาชา้ งงาหกั ครน้ั อยมู่ าชา้ งรอ้ งเปน็ อศั จรรย์ (พ.ศ. ๒๐๗๐) ณ วนั ๑ ฯ๕๘ คำ่ ๑๔ เศษ ๐ ขา้ ราชการคดิ ขบถจบั (พระยอดฟา้ )๑๕ พระเจา้ แผน่ ดนิ สำเรจ็ โทษชงิ เอาราชสมบตั ิ ปมี ะแม จ.ศ. ๙๐๙๙ มีสรุ ยิ ปุ ราคา๑๗เวลาไถออ่ น เปน็ สพั คราธกลมมณฑลพระอาทติ ยม์ ดื (พ.ศ. ๒๐๙๐) ปวี อก จ.ศ. ๙๑๐๑๓ (พ.ศ. ๒๐๙๑) ปรี ะกา จ.ศ. ๙๑๑๑๖ (พ.ศ. ๒๐๙๒) ๑-๓ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื คมั ภรี อ์ สตี ธิ าตอุ กี ผกู หนง่ึ ๔ คัดจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๕ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๐๕๐ ๖ เวลาระหวา่ ง ๙.๐๐ - ๑๐.๓๐ น. ๗ ตน้ ฉบบั ใชว้ า่ ชวี งคต ๘ คัดจากต้นฉบับชื่อตำราอสีติธาตุ ๙ คัดจากต้นฉบับชื่อคัมภีร์สารัมภิรางค์ ๑๐ ตรงกบั วนั เสารท์ ่ี ๒๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๐๘๙ ๑๑ เศษที่เกิดจากการคำนวณทางโหราศาสตร์ ๑๒ ตน้ ฉบบั ไมม่ ขี อ้ ความในวงเลบ็ ๑๓ คัดจากต้นฉบับชื่อคัมภีร์สารัมภิรางค์ ๑๔ ตรงกับวันอาทติ ย์ที่ ๑๐ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๐๙๑ ๑๕ ตน้ ฉบบั ไมม่ ขี อ้ ความในวงเลบ็ ๑๖ คัดจากต้นฉบับชื่อคัมภีร์สารัมภิรางค์ ๑๗ ตน้ ฉบบั ใช้สรุ ยิ คราศ

๑๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ปมี ะโรง จ.ศ. ๙๑๘๑ ณ วนั ๗๑ฯ๑๙ คำ่ ๒ เศษ ๘ เสยี พระนครศรอี ยทุ ธยาแก่เจา้ หงษาวดี (พ.ศ. ๒๐๙๙) ณ วนั ๖ ฯ๖๑๒ คำ่ ๓ พระมหาธรรมราชาไดร้ าชสมบตั ิ (หมายเหตอุ กี ฉบับหนึ่งว่า ปีมะเสง จ.ศ. ๙๓๑ ณ วัน ๑ ๑ฯ๐๙ ค่ำ๔ เสียกรุง ปรี ะกา จ.ศ. ๙๒๓๖ ศรอี ยทุ ธยาแก่เจา้ หงษา ฯ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาปราบดาภเิ ษก (พ.ศ. ๒๑๐๔) ณ วนั ๖ ๕ฯ ๑๒ คำ่ ๕) ณ วนั ๕๑ฯ๔๘ คำ่ ๗ พระศรศี ลิ ป์ ๘ตายในพระราชวงั จบั พระสงั ฆราช๙ ปกี นุ จ.ศ. ๙๒๕๑๑ ไปฆา่ เสยี (พ.ศ. ๒๑๐๖) ณ วนั ๗ ฯ๑๙ คำ่ ๑๐ พญาสหี ราชเดโชรบั พระราชอาญาขงั เวลาค่ำแล้ว ๓ นาที พระ ๘ จับพระ ๒ กินภาค ๑ ยัง ๓ ภาค ปกี นุ จ.ศ. ๙๖๑๑๓ จนั ทรรศั มี ๖๒๙ แล๑๒ ชนทง้ั ปวงเกดิ ทรพษิ ตายมาก แลครง้ั นน้ั ทำ (พ.ศ. ๒๑๔๒) พระราชไมตรกี บั พระเจา้ หงษา เมอื งหงษาแตก๑๔ มลี กู ๓ คน ปชี วด จ.ศ. ๙๖๒๑๕ (พ.ศ. ๒๑๔๓) เมอื งทวายเสยี แกไ่ ทย ปขี าล จ.ศ. ๙๗๖๑๖ พญาลกู ๓ คนนน้ั จงึ ไปลอ้ มเมอื งเชยี งใหม่ (พ.ศ. ๒๑๕๗) ขอ้ คว๑๑๑๑๑๑า๗๘๙๒ม๕๔๓๕๔๑๒๓๖๑๐นป้ี คพตตคคคตตพเตตตครสดันร้รรรรรัััดัดดดารรยี งงงงงงะะกจจจจฉจแกกกกกกรสฏาาาาาบกาบับบบัััับบั ังกกกกกใบัชก่ฆววววววนตหตตตมโรนันนนััันนัั พรน้้อน้นม้นงุขีศเอพเศารศรฉฉฉาฉสสอ้ชากุกุสะฤยบรบบบาาคทวรรรพอีหเรรบัับับับัดวาท์์ทหติท์ยท์สัรชาชชชชป่ี่ีตยะธุ่ี่ีบ๑๙มอ่ืพื่ือ่อ๑๑ื่ออ่าท์ุขยด๔คเหคงตแ๘๒งอา่ีพตทีศ๗มัคมัมกำงุลตม่ิ่ีากกภตร์น้วาภค๑าสลุเวารรย้นรี้อตีรรค๐งิาดอกกอ์เ์สง้ัยฉมิหมคหสฎาฎสรากขบวามรชัตีตาาตีรอรพา่ับกคกคุคคัมิธกธิงพ.รมชาามศมัมาภสฎวงุ.ื่อลตตศ.เมภนัิราพพกพคสุาอุ๒.คเีร.า่ัมด.ม๑.งศกี์ร๒มศศ๐คจ็าภเ.ผ๔.๑.ดฯ๙ม์พฉีร๒กู๒พ๒จ็๑๙์รเ๒บรห๑หพ.๐า๑๒ะศบันม๑ียรชค๙๐.หง่ึะรเ๒ยัำ่๙๔๒หนลรีย๑วเาคครรงช๐ศรำปาง้ั๔นวรธนรวะริ น้ัมณเาคสพหชำไรารนดฐิ ะรเวเ้ดาเกปณจชว้ดิน็า้ยไแหวดตนังเ้ ท่ปษแา้รน็ามวไดศว๑้เรนัมีส๕แือุดรงคามพา่จศิ๑นั เดนท๓อืโุรลคพ์นกำ่ร๘ะซสึ่งนตมรงเอกกับวันอาทติ ย์ท่ี ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๑๐๖ ๑๖ คัดจากต้นฉบับชื่อตำราอสีติธาตุ

จดหมายเหตโุ หร ๑๕ ปวี อก จ.ศ. ๙๘๒๑ เศษ ๘ ยป่ี นุ่ เขา้ เมอื ง (หมายเหตหุ นง่ึ วา่ ๙๗๒) (พ.ศ. ๒๑๖๓) เศษ ๓ ออกฝีตายมาก ปรี ะกา จ.ศ. ๙๘๓๒ (พ.ศ. ๒๑๖๔) เศษ ๘ ชา้ งเผอื กลม้ คนออกฝตี ายมาก ปจี อ จ.ศ. ๙๘๔๓ (พ.ศ. ๒๑๖๕) สมเดจ็ พระนารายนม์ หาราช สมภพพระชนั ษา วนั ฯ คำ่ ปวี อก ปวี อก จ.ศ. ๙๙๔๔ (พ.ศ. ๒๑๗๕) จ.ศ. ๙๙๔ พระชนม์ได้ ๒๕ พรรษา ได้ราชสมบัติอยู่ ๒๖ ปี รวม ปรี ะกา จ.ศ. ๙๙๕๖ ๕๑ พรรษา สวรรคตวนั ๕ ๓ฯ ๕ คำ่ ปจี อ จ.ศ. ๑๐๔๔๕ (รบั สง่ั วา่ ผดิ ) เหตดุ งั นน้ั แลมตั มะกเ็ สยี ชาวนครคดิ ขบถแล (พ.ศ. ๒๑๗๖) พญาเมอื งสะเถนิ เมอื งมอญเสยี เคราะหเ์ สยี โศกชำระสลางภาย ปขี าล จ.ศ. ๑๐๑๒๗ (พ.ศ. ๒๑๙๓) เศษ ๐ วนุ่ วายพระองคไ์ ชย พระ (ศรสี )ุ ธรรมราชา ปวี อก จ.ศ. ๑๐๑๘๘ (พ.ศ. ๒๑๙๙) ปมี ะโรง จ.ศ. ๑๐๕๐๙ เศษ ๘ วนุ่ วายวไิ ชเยนทรเ์ มอื งลพบรุ ี (พ.ศ. ๒๒๓๑) ปมี ะเมยี จ.ศ. ๑๐๕๒๑๐ พระเพทราชาเป็นเจ้ามาจนทุกวันนี้ ปีนี้ต้องยกกองทัพกรุงไปปราบ (พ.ศ. ๒๒๓๓) เมอื งตานี ปมี ะแม จ.ศ. ๑๐๕๓๑๑ ตอ้ งยกกองทพั กรงุ หนนุ ไปปราบเมอื งตานี (พ.ศ. ๒๒๓๔) ๑-๓ คัดจากต้นฉบับชื่อตำราพระยาโหราธิบดี (เถื่อน) ๔ คัดจากต้นฉบับชื่อดวงหมายเหตุ ๕ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ มีนาคม ๒๒๒๔ ๖-๗ คัดจากต้นฉบับชื่อตำราอสีติธาตุ ๘-๙ คัดจากต้นฉบับชื่อตำราพระยาโหราธิบดี (เถื่อน) ๑๐-๑๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื เผดจ็

๑๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ปมี ะโรง จ.ศ. ๑๐๗๔๑ เมอ่ื ครง้ั ขนุ หลวงเลน่ ปลา ปนี เ้ี ดอื น ๑๒ ตอ้ งยกกองทพั กรงุ ไปปราบ (พ.ศ. ๒๒๕๕) เมอื งมฤท๒ ปมี ะแม จ.ศ. ๑๐๘๙๓ ณ วนั ๕ ฯ๔๓ ค่ำ๔ เวลา ๗ ทมุ่ กลาบาตตกเสยี งดงั ปนื พระยาราช (พ.ศ. ๒๒๗๐) สงครามชกั พระไสยาสนว์ ดั ปา่ โมก ปชี วด จ.ศ. ๑๐๙๔ ขนุ หลวงทา้ ยสระสวรรคตในเดอื น ๒ ขา้ งแรม อยใู่ นราชสมบตั ิ ๒๗ ปี (พ.ศ. ๒๒๗๕) (รบั สง่ั วา่ ปรี ชั กาลผดิ ) พระชนมายุ ๕๑ ปี ในปนี เ้ี พม่ิ อธกิ วารอกี ๒ ปี ปขี าล จ.ศ. ๑๐๙๖๕ เคยี งกนั ณ วนั ๔๑ฯ๐๑๐ คำ่ ๖ จนี เปน็ ขบถปลน้ พระราชวงั ๗ (พ.ศ. ๒๒๗๗) ปเี ถาะ จ.ศ. ๑๐๙๗ มดี าวกลางวนั ตง้ั ตน้ ปกั ขคณนา ณ วนั ๗ ๑ฯ ๓ คำ่ ๘ (พ.ศ. ๒๒๗๘) นางชา้ งเผอื กขอมเขา้ มาถงึ กรงุ ฯ ปมี ะโรง จ.ศ. ๑๐๙๘๙ (พ.ศ. ๒๒๗๙) ปมี ะเสง จ.ศ. ๑๐๙๙๑๐ พระพนั วษานพิ พาน (พ.ศ. ๒๒๘๐) ปรี ะกา จ.ศ. ๑๑๐๓๑๑ ทำวดั มงคลบพติ ร มีดาวหางปนี ้ี (พ.ศ. ๒๒๘๔) ชา้ งเผอื กลม้ ไดช้ า้ งเนยี มตวั หนง่ึ ปจี อ จ.ศ. ๑๑๐๔๑๒ (พ.ศ. ๒๒๘๕) ๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื เผดจ็ ๒ ๓ เมืองมะริด ๔ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปูมจุลศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๕ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๒๗๐ ๖ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๗ ตรงกับวันพุธที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๒๗๗ ๘ ตน้ ฉบบั ไมม่ ขี อ้ ความวา่ เขา้ ปลน้ พระราชวงั ๙ ตรงกบั วนั เสารท์ ่ี ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๒๗๘ ๑๐ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๑๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๑๒ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ คดั จากต้นฉบับช่อื หมายเหตใุ นปูมจุลศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓

จดหมายเหตโุ หร ๑๗ ปชี วด จ.ศ. ๑๑๐๖๑ ณ วนั ๖ ฯ๑๑๒ คำ่ ๒ ไฟไหมว้ งั หนา้ ใชแ้ ปะประกบั มใิ ช้เบย้ี (พ.ศ. ๒๒๘๗) บรู ณะวดั ภเู ขาทอง ปฉี ลู จ.ศ. ๑๑๐๗ ณ วนั ๓ ฯ๔๕ คำ่ ๔ มหาทองวดั บนั ไดอฐิ เสยี ไฟไหม้วดั ยมไท ณ วนั ๕๑ฯ๐๗ คำ่ ๕ พบทองแขวงเมอื งบางตะพาน๖ (พ.ศ. ๒๒๘๘) ออกหดั ทรพษิ คนตายชมุ มอญบา้ นโพธสิ ามตน้ หนี ปเี ถาะ จ.ศ. ๑๑๐๙๓ ลงั กามาขอพระสงฆไ์ ปสง่ั สอน๙ ปนี ม้ี ีดาวหาง (พ.ศ. ๒๒๙๐) ปมี ะเสง จ.ศ. ๑๑๑๑๗ จบั พระวงั หนา้ กบั เจา้ ฟา้ สงั วาล (พ.ศ. ๒๒๙๒) ณ วนั ๔ ๕ฯ ๖ คำ่ ๑๒ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกษฐสวรรคต อยใู่ นราชสมบตั ิ ปมี ะแม จ.ศ. ๑๑๑๓๘ ๒๖ ปี พระชนมายุ ๗๗ ปี ณ วนั ๕ ฯ๑ ๘๘ คำ่ ๑๓ มจี นั ทรปุ ราคา ปนี ข้ี า้ วแพง เกวยี นละ ๑๒ ตำลงึ ๑๔ (พ.ศ. ๒๒๙๔) ปจี อ จ.ศ. ๑๑๑๖๑๐ (พ.ศ. ๒๒๙๗) ปขี าล จ.ศ. ๑๑๒๐๑๑ (พ.ศ. ๒๓๐๑) ๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศักราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๒ ตรงกบั วันศกุ รท์ ่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๒๘๗ ๓ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๔ ตรงกับวันอังคารที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๘๙ ๕ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๒๙๐ ๖ อำเภอบางสะพาน จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ๗ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื จดหมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๘ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๙ ตน้ ฉบบั ไมม่ ขี อ้ ความวา่ ไปสง่ั สอน ๑๐ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๑๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๑๒ ตรงกบั วนั พธุ ท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๐๑ ๑๓ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๐๑ ๑๔ ความในปีนี้ตรงกับฉบับที่คัดจากต้นฉบับชื่อเผด็จว่า จุลศักราช ๑๑๑๙ ปีฉลูนพศก เดือน ๕ แรม ๕ ค่ำ พระบรมโกฎนิพพานใน ตน้ ปขี าล แตศ่ กั ราชยงั มไิ ดข้ น้ึ ปใี หม่ เดอื น ๖ ขน้ึ ๖ คำ่ ศกั ราชขน้ึ เปน็ ๑๑๒๐ ปขี าลสมั ฤทธศิ ก ตง้ั แตว่ นั เถลงิ ศกขน้ึ ปใี หม่ พระบรมโกดนพิ พาน ได้ ๑๖ วนั พระบรมโกดนพิ พานแลว้ ขา้ วแพงเกวยี นละ ๑๒ ตำลงึ

๑๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ปเี ถาะ จ.ศ. ๑๑๒๑๑ เนรเทศเจา้ กรมหมน่ื เทพพพิ ธิ ออกจากกรงุ ฯ เดอื น ๔ พมา่ มงั ลอง เขา้ ลอ้ มกรงุ ฯ (พ.ศ. ๒๓๐๒) พมา่ ๓ ยกหนไี ป๔ จบั นายปน่ิ ราชมนตรี ณ วนั ๗๑ฯ๕๑๒ คำ่ ๕ มมี ะโรง จ.ศ. ๑๑๒๒๒ มจี นั ทรปุ ราคา ณ วนั ๑ ๑ฯ ๑๒ คำ่ ๖ มีสรุ ยิ ปุ ราคา ณ วนั ๒ ฯ๑๑๒ คำ่ ๗ มจี นั ทรปุ ราคา (พ.ศ. ๒๓๐๓) พมา่ ยกเขา้ มาตง้ั ดงรงั หนองขาว ปมี ะเมยี จ.ศ. ๑๑๒๔ ณ วนั ๒ ฯ๙๘ ค่ำ๑๐ เสยี คา่ ยปากจน่ั พมา่ เขา้ ลอ้ มกรงุ ฯ๑๑ (พ.ศ. ๒๓๐๕) ณ วนั ๒ ฯ๘๕ คำ่ ๑๓ กลาบาตตก ณ วนั ๓ ฯ๙๕ คำ่ ๑๔ เสยี กรงุ แกพ่ มา่ ปรี ะกา จ.ศ. ๑๑๒๗๘ ณ วนั ๕๑ฯ๑๕ คำ่ ๑๕ พมา่ ฆา่ คน ปนี ม้ี ีอธกิ วาร โหรมไิ ดจ้ ดหมาย (พ.ศ. ๒๓๐๘) ปจี อ จ.ศ. ๑๑๒๘๙ (พ.ศ. ๒๓๐๙) ปกี นุ จ.ศ. ๑๑๒๙๑๒ (พ.ศ. ๒๓๑๐) ๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื เผดจ็ ๒ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื เผดจ็ ๓ ตน้ ฉบบั ระบชุ ือ่ พมา่ วา่ มังลอง ๔ ต้นฉบับมีข้อความต่อว่า เกิดวิบัติ ๕ ตรงกบั วนั เสารท์ ี่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๐๓ ๖ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๐๕ ๗ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๐๕ ๘ ปรากฏขอ้ ความตรงกนั ทง้ั ในเผดจ็ และหมายเหตุในปมู จุลศักราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ แต่จากตำราพระยาโหราธบิ ดี (เถอ่ื น) บนั ทกึ ไวว้ า่ “ศักราช ๑๑๒๗ ปีระกา เศษ ๓ ไอ้พม่าล้อมกรุง ชนออกฝีตายมากแล” ๙ ปรากฏขอ้ ความตรงกนั ทง้ั ในเผดจ็ และหมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ แตจ่ ากตำราพระยาโหราธบิ ดี (เถอ่ื น) บนั ทกึ วา่ “ศกั ราช ๑๑๒๘ ปจี อ เศษ ๘ เสยี กรงุ เกา่ แกพ่ มา่ ” ๑๐ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๐๙ ๑๑ ฉบับจดหมายเหตุในปูมจุลศักราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ มีข้อความเพิ่มเติมอีกว่า “ก็เสียเมืองแก่พม่าในเดือน ๕ ปีกุน ในพระบรมโกฎ พระเจา้ หลวงพระชนม์ได้ ๕๔ ปี ๑ เดือน ๔ วัน ไดป้ ราบดาภเิ ษกเสวยราชสมบตั ิ กรมพระราชวงั บวรพระองคใ์ หญ่ พระชนม์ได้ ๓๘ ปี ๖ เดือน ๒๓ วนั ไดเ้ สวยราชสมบตั ใิ นพระโกฎพระองคก์ ลางพระชนมไ์ ด้ ๓๙ ยกขน้ึ เปน็ กรมราชวงั บวร ครน้ั พระชนมไ์ ด้ ๔๑ ปี ๗ เดอื น ๒ วนั ครน้ั ไดป้ ราบดาภเิ ษกเสวยราชสมบตั ิ กรมพระราชวงั องคก์ ลางพระชนม์ได้ ๓๖ ปี ๔ เดือน ๒๐ วัน ได้เสวยราชสมบัติ พญาตากอายุได้ ๓๔ ไดเ้ สวยราชสมบตั ”ิ ๑๒ ปรากฏข้อความตรงกันทัง้ ในหมายเหตุในปมู จลุ ศักราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ และจากคัมภีร์ราชมัตตัน ๑๓ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๑๐ ปีกุน ยังเป็นอัฐศกอยู่ ๑๔ ตรงกับวันอังคารที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๑๐ ปีกุน ยังเป็นอัฐศกอยู่ ๑๕ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๓๑๐ ปีกุน ยังเป็นอัฐศกอยู่

จดหมายเหตโุ หร ๑๙ ปชี วด จ.ศ. ๑๑๓๐๑ เมอื งพศิ ณโุ ลก เมอื งพจิ ติ ร แตกมาสโู่ พธสิ มภาร ไดเ้ มอื งนครราชเสมา (พ.ศ. ๒๓๑๑) ณ วัน ๓ ฯ๔ ๑ ค่ำ๒ เวลาเช้าโมง ๑ แผ่นดินไหว ปีนี้เจ้าตาก ไดร้ าชสมบตั ิ อายุ ๓๔ ปี๓ ปฉี ลู จ.ศ. ๑๑๓๑๔ (พ.ศ. ๒๓๑๒) พระสงฆ์ลยุ ไฟ ไดเ้ มอื งนครศรธี รรมราช ปขี าล จ.ศ. ๑๑๓๒๕ ได้เมอื งฉลางบรุ ี๖ พมา่ ยกจากฉลางบรุ แี ตกกลบั ไป (พ.ศ.๒๓๑๓) ณ วนั ๕๑ฯ๔๑๑ คำ่ ๘ มีจนั ทรปุ ราคา ณ วนั ๒ ๑ฯ ๑ คำ่ ๙ พมา่ ยกมา ปมี ะเสง็ จ.ศ. ๑๑๓๕๗ (พ.ศ.๒๓๑๖) ตง้ั เมอื งพไิ ชย ณ วนั ๓ ๗ฯ ๒ คำ่ ๑๐ พมา่ หนี คำ่ ๑๓เวลา ๑๑ ทมุ่ ณ วนั ๓ ฯ๑๑๐ คำ่ ๑๒ มีสรุ ยิ ปุ ราคา ณ วนั ๒๑ฯ๐๑๒ ปมี ะเมยี จ.ศ. ๑๑๓๖๑๑ (พ.ศ. ๒๓๑๗) ดาวพระเสารเ์ ขา้ วงพระจนั ทร์ ดาวอน่ื ขน้ึ รมิ แงเ่ หนอื ๕๑ฯ๑๒ ค่ำ๑๗ ดณาววโนั รห๓ิณ๑ฯี๑๑๖๑เข๒้าแคงำ่ ่พ๑ร๔ะจันไปทตรไี์ขด้า้เงมใอื ตง้ เชณยี งใวหันม๗่ ๑ณฯ๓ว๒นั คำ่ ๑๕ เวลา ๑๐ ทมุ่ ได้เมอื งเชยี งใหม่ ลาวโปสพุ ลาหนี ณ วนั ๕ ๑ฯ ๓ คำ่ ๑๘ มจี นั ทรปุ ราคา ๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปูมจุลศักราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๒ วันอังคารท่ี ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๑๑ คำนวณไดเ้ ป็นวันแรม ๓ คำ่ ๓ ไมป่ รากฏขอ้ ความประโยคนใ้ี นตน้ ฉบบั จดหมายเหตุ ร.๓ จ.ศ. ๑๑๙๙ เลขที่ ๗๕ ๔ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๕ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๖ ต้นฉบบั จดหมายเหตุ ร. ๓ จ.ศ. ๑๑๙๙ เลขที่ ๗๕ เขียนเป็น สว่างบุรี ๗ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๘ วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๑๖ ๙ วันจันทร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๖ ๑๐ วนั อังคารท่ี ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๓๑๖ ๑๑ คดั จากตน้ ฉบบั ชอ่ื หมายเหตใุ นปมู จลุ ศกั ราช ๑๐๗๑ - ๑๒๓๓ ๑๒ วันอังคารที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๓๑๗ ๑๓ วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๗ ๑๔ วันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๗ ๑๕ วันพฤหสั บดที ี่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๓๑๗ ๑๖ ชื่อดาวฤกษท์ ่ี ๔ ดาวพราหมี หรอื ดาวคางหมู ๑๗ เปน็ วนั เสารท์ ่ี ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๓๑๗ ๑๘ เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๗


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook