Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดวิชาลูกเสือ กศน. สค12025ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ชุดวิชาลูกเสือ กศน. สค12025ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Published by ปริญญา, 2021-11-11 02:51:48

Description: ชุดวิชาลูกเสือ กศน. สค12025ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Keywords: ลูกเสือ,ลูกเสือวิสามัญ,มัธยมศึกษา,กศน.

Search

Read the Text Version

คำอธิบำยรำยวชิ ำ สค32035 ลกู เสือ กศน. จำนวน 3 หน่วยกติ ระดบั มธั ยมศึกษำตอนปลำย มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดบั 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ ตระหนกั เกี่ยวกบั ภูมิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครองในโลก และนามาปรับใชใ้ นการดาเนินชีวติ เพือ่ ความมน่ั คงของชาติ 2. มีความรู้ ความเขา้ ใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณีของประเทศ ในสงั คมโลก 3. มีความรู้ ความเขา้ ใจ ดาเนินชีวติ ตามวถิ ีประชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศตา่ ง ๆ ในโลก 4. มีความรู้ ความเขา้ ใจหลกั การพฒั นาชุมชน สังคม สามารถวิเคราะห์ขอ้ มูล และเป็ นผนู้ า ผตู้ าม ในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ ปัจจุบนั ศึกษำและฝึ กทกั ษะเกย่ี วกบั เร่ืองต่อไปนี้ ลูกเสือกับการพฒั นา การลูกเสือไทย การลูกเสือโลก คุณธรรม จริยธรรมของลูกเสือ วนิ ยั และความเป็ นระเบียบเรียบร้อย ลูกเสือ กศน. กบั การพฒั นา ลูกเสือ กศน. กบั จิตอาสาและการบริการ การเขียนโครงการเพื่อพฒั นาชุมชนและสังคม ทกั ษะลูกเสือ ความปลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมลูกเสือ การปฐมพยาบาล การเดินทางไกล อยูค่ ่ายพกั แรม และชีวิตชาวค่าย การฝึ กปฏิบตั ิการเดินทางไกล อยู่ค่าย พกั แรม และชีวติ ชาวคา่ ย กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ศึกษาคน้ ควา้ จากตาราเอกสาร แหล่งการเรียนรู้ในชุมชน ส่ือเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และ สื่อท่ีหลากหลาย วทิ ยากร ผรู้ ู้ ปราชญช์ ุมชน ผทู้ รงคุณวุฒิ จดั กลุ่มศึกษา คน้ ควา้ อภิปราย แลกเปล่ียนเรียนรู้ ศึกษานอกสถานที่ นิทรรศการ สาธิต ฝึ กปฏิบตั ิจริงในพ้ืนท่ี/ชุมชน การฝึ กปฏิบตั ิการเดินทางไกล อยู่ค่าย พกั แรม และชีวติ ชาวค่าย จดั ทาโครงงาน วางแผนและร่วมกนั ศึกษาจดั ทาโครงการ แกป้ ัญหาจริงในชุมชน การฝึกปฏิบตั ิการเดินทางไกล อยคู่ ่ายพกั แรม และชีวติ ชาวค่าย กำรวดั และประเมินผล สังเกตพฤติกรรมในการเรี ยนรู้ การแลกเปล่ียนเรี ยนรู้ ความสนใจ ความต้ังใจ ความรับผิดชอบ การปฏิบตั ิจริง การปฏิบตั ิงานกลุ่ม ความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ในกลุ่ม แฟ้มสะสมงาน ใบงาน ชิ้นงาน ผลงาน แบบทดสอบ ผลการฝึกปฏิบตั ิการเดินทางไกล อยคู่ า่ ยพกั แรม และชีวติ ชาวค่าย

รำยละเอยี ดคำอธบิ ำยรำยวชิ ำ สค32035 ลกู เสือ กศน. จำนวน 3 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศึกษำตอนปลำย มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดบั 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ ตระหนกั เกี่ยวกบั ภูมิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครองในโลก และนามาปรับใชใ้ นการดาเนินชีวติ เพอื่ ความมน่ั คงของชาติ 2. มีความรู้ ความเขา้ ใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณีของประเทศ ในสังคมโลก 3. มีความรู้ ความเขา้ ใจ ดาเนินชีวติ ตามวถิ ีประชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศตา่ ง ๆ ในโลก 4. มีความรู้ ความเขา้ ใจหลกั การพฒั นาชุมชน สังคม สามารถวิเคราะห์ขอ้ มูล และเป็ นผนู้ า ผตู้ าม ในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ ปัจจุบนั ที่ หัวเร่ือง ตัวชี้วดั เนื้อหำ จำนวน ชั่วโมง 1 ลูกเสือ 1. อธิบายสาระสาคญั ของ 1. สาระสาคญั ของการลูกเสือ 2 กบั การพฒั นา การลูกเสือ 1.1 วตั ถุประสงค์ของการพฒั นา ลูกเสือ 1.2 หลกั การสาคญั ของการลูกเสือ 2. อธิบายความสาคญั ของ 2. ความสาคญั ของการลูกเสือ การลูกเสือกบั การพฒั นา กบั การพฒั นา 2.1 การพฒั นาตนเอง 2.2 การพัฒ น าสั ม พัน ธภ าพ ระหวา่ งบุคคล 2.3 การพัฒ น าสั ม พัน ธภ าพ ภายในชุมชนและสังคม 3. อภิปรายความเป็น 3. ลูกเสือกบั การพฒั นาความเป็น พลเมืองดีในทศั นะของ พลเมืองดี ลูกเสือ 3.1 ความหมายของพลเมืองดี 3.2 ความเป็นพลเมืองดีในทศั นะ ของการลูกเสือ

ที่ หัวเร่ือง ตัวชี้วดั เนื้อหำ จำนวน ช่ัวโมง 2 การลูกเสือไทย 4. นาเสนอผลการสารวจ 4. การสารวจตนเอง ครอบครัว 3 3 การลูกเสือโลก ตนเอง ครอบครัว ชุมชน ชุมชน และสังคม เพ่อื การพฒั นา 3 4 คุณธรรม และสังคม เพอื่ การพฒั นา 4.1 การสารวจตนเอง ครอบครัว 6 จริยธรรมของ ลูกเสือ ชุมชน และสังคม 4.2 แนวทางการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม 1. อธิบายประวตั ิการลูกเสือ 1. ประวตั ิการลูกเสือไทย ไทย 1.1 พระราชประวตั ิของ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั 1.2 กาเนิดลูกเสือไทย 1.3 กิจการลูกเสือไทยแต่ละยคุ 2. อธิบายความรู้ทวั่ ไป 2. ความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั คณะลูกเสือ เกี่ยวกบั คณะลูกเสือ แห่งชาติ แห่งชาติ 2.1 คณะลูกเสือแห่งชาติ 2.2 การบริหารงานของคณะลูกเสือ แห่งชาติ 2.3 การลูกเสือในสถานศึกษา 1. อธิบายประวตั ิผใู้ หก้ าเนิด 1. ประวตั ิผใู้ หก้ าเนิดลูกเสือโลก ลูกเสือโลก 2. อธิบายความสาคญั ของ 2. องคก์ ารลูกเสือโลก องคก์ ารลูกเสือโลก 3. อธิบายความสัมพนั ธ์ 3. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งลูกเสือไทย ระหวา่ งการลูกเสือไทยกบั กบั ลูกเสือโลก การลูกเสือโลก 1. อธิบายคาปฏิญาณและ 1. คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ กฎของลูกเสือ 2. อธิบายคุณธรรม 2. คุณธรรม จริยธรรมจากคา จริยธรรมจากคาปฏิญาณ ปฏิญาณและกฎของลูกเสือ และกฎของลูกเสือ

ที่ หวั เร่ือง ตัวชี้วดั เนื้อหำ จำนวน ชั่วโมง 3. ยกตวั อยา่ งการนา 3. การนาคาปฏิญาณ และกฎของ 6 คาปฏิญาณและกฎของ ลูกเสือที่ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 6 ลูกเสือท่ีใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั 4 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคุณธรรม 4. อธิบายความสัมพนั ธ์ จริยธรรมในคาปฏิญาณและกฎของ ระหวา่ งคุณธรรม จริยธรรม ลูกเสือกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ ในคาปฏิญาณและกฎของ พอเพียง ลูกเสือกบั หลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง 5 วนิ ยั และความ 1. อธิบายความหมาย และ 1. วนิ ยั และความเป็นระเบียบ เป็นระเบียบ ความสาคญั ของวนิ ยั และ เรียบร้อย เรียบร้อย ความเป็ นระเบียบเรียบร้อย 1.1 ความหมายของวนิ ยั และความ เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย 1.2 ความสาคญั ของวนิ ยั และ ความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย 2. อธิบายผลกระทบจาก 2. ผลกระทบจากการขาดวนิ ยั และ การขาดวนิ ยั และขาดความ ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย 3. ยกตวั อยา่ งแนวทางการ 3. แนวทางการเสริมสร้างวินยั และ เสริมสร้างวนิ ยั และความ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย 4. อธิบายระบบหมู่ลูกเสือ 4. ระบบหมูล่ ูกเสือ 5. อธิบายและยกตวั อยา่ ง 5. การพฒั นาภาวะผนู้ า – ผตู้ าม การพฒั นาภาวะผนู้ า - ผตู้ าม 6 ลูกเสือ กศน. กบั 1. อธิบายความเป็นมา และ 1. ลูกเสือ กศน. การพฒั นา ความสาคญั ของลูกเสือ 1.1 ความเป็นมาของลูกเสือ กศน. กศน. 1.2 ความสาคญั ของลูกเสือ กศน. 2. อธิบายลูกเสือ กศน. 2. ลูกเสือ กศน. กบั การพฒั นา กบั การพฒั นา

ท่ี หัวเร่ือง ตวั ชี้วดั เนื้อหำ จำนวน ช่ัวโมง 3. ระบุบทบาทหนา้ ที่ของ 3. บทบาทหนา้ ที่ของลูกเสือ กศน. 12 ลูกเสือ กศน. ท่ีมีต่อตนเอง ท่ีมีต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน 12 ครอบครัว ชุมชน และสังคม และสังคม 4. ระบุบทบาทหนา้ ท่ีของ 4. บทบาทหนา้ ที่ของลูกเสือ กศน. ลูกเสือ กศน. ที่มีตอ่ ที่มีตอ่ สถาบนั หลกั ของชาติ สถาบนั หลกั ของชาติ 7 ลูกเสือ กศน. 1. อธิบายความหมาย และ 1. จิตอาสา และการบริการ กบั จิตอาสา และ ความสาคญั ของจิตอาสา 1.1 ความหมายของจิตอาสา การบริการ และการบริการ 1.2 ความสาคญั ของจิตอาสา 1.3 ความหมายของการบริการ 1.4 ความสาคญั ของการบริการ 2. อธิบายหลกั การของ 2. หลกั การของจิตอาสา และ จิตอาสา และการบริการ การบริการ 2.1 หลกั การของจิตอาสา 2.2 ประเภทของจิตอาสา 2.3 หลกั การของการบริการ 2.4 ประเภทของการบริการ 3. ยกตวั อยา่ งกิจกรรม 3. กิจกรรมจิตอาสา และการ จิตอาสา และการใหบ้ ริการ ใหบ้ ริการของลูกเสือ กศน. ของลูกเสือ กศน. 4. นาเสนอผลการปฏิบตั ิตน 4. การปฏิบตั ิตนในฐานะลูกเสือ กศน. ในฐานะลูกเสือ กศน. เพื่อเป็ นจิตอาสาและการใหบ้ ริการ เพือ่ เป็ นจิตอาสา และ การใหบ้ ริการ อยา่ งนอ้ ย 4 กิจกรรม 8 การเขียน 1. อธิบายความหมาย 1. โครงการเพื่อพฒั นาชุมชนและ โครงการเพ่ือ ความสาคญั ของโครงการ สงั คม พฒั นาชุมชนและ 1.1 ความหมายของโครงการ สังคม 1.2 ความสาคญั ของโครงการ

ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วดั เนื้อหำ จำนวน 9 ทกั ษะลูกเสือ ชั่วโมง 2. จาแนกลกั ษณะของ 2. ลกั ษณะของโครงการ 6 โครงการ 3. ระบุองคป์ ระกอบของ 3. องคป์ ระกอบของโครงการ โครงการ 4. อธิบายข้นั ตอนการเขียน 4. ข้นั ตอนการเขียนโครงการ โครงการ 5. บอกข้นั ตอนการ 5. การดาเนินการตามโครงการ ดาเนินงานตามโครงการ 6. อภิปรายผลการ 6. การสรุปรายงานผลการ ปฏิบตั ิงานตามโครงการ ดาเนินงานโครงการเพ่อื เสนอ และการเสนอผลการ ต่อที่ประชุม ดาเนินงานต่อท่ีประชุม 1. อธิบายความหมายและ 1. แผนท่ี - เขม็ ทิศ ความสาคญั ของแผนที่ - 1.1 ความหมาย และความสาคญั เขม็ ทิศ ของแผนท่ี 1.2 ความหมาย และความสาคญั ของเขม็ ทิศ 2. อธิบายส่วนประกอบ 2. วธิ ีการใชแ้ ผนที่ – เขม็ ทิศ ของเขม็ ทิศ 2.1 วธิ ีการใชแ้ ผนท่ี 2.2 วธิ ีการใชเ้ ขม็ ทิศ 3. อธิบายวธิ ีการใช้ Google 3. การใช้ Google Map และ Google Map และ Google Earth Earth 4. อธิบายความหมายและ 4. เงื่อนเชือกและการผกู แน่น ความสาคญั ของเงื่อนเชือก 4.1 ความหมายของเง่ือนเชือก และการผกู แน่น และการผกู แน่น 5. ผกู เง่ือนเชือกไดแ้ ละ 4.2 ความสาคญั ของเงื่อนเชือก บอกชื่อเงื่อนอยา่ งนอ้ ย 7 และการผกู แน่น เงื่อน 4.3 การผกู เง่ือนเชือกและ 6. สาธิตวธิ ีการผกู แน่น การผกู แน่น อยา่ งนอ้ ย 2 วธิ ี

ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชี้วดั เนื้อหำ จำนวน ช่ัวโมง 10 ความปลอดภยั ใน 1. บอกความหมาย 1. ความปลอดภยั ในการเขา้ ร่วม 6 การเขา้ ร่วม ความสาคญั ของความ กิจกรรมลูกเสือ 12 กิจกรรมลูกเสือ ปลอดภยั ในการเขา้ ร่วม 1.1 ความหมายของความปลอดภยั กิจกรรมลูกเสือ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมลูกเสือ 1.2 ความสาคญั ของความ ปลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ลูกเสือ 2. บอกหลกั การ วธิ ีการเฝ้า 2. หลกั การ วธิ ีการในการเฝ้าระวงั ระวงั เบ้ืองตน้ ในการเขา้ เบ้ืองตน้ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ร่วมกิจกรรมลูกเสือ ลูกเสือ 3. อธิบายสถานการณ์หรือ 3. การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุความ โอกาสท่ีจะเกิดความ ไมป่ ลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ไมป่ ลอดภยั ในการเขา้ ร่วม ลูกเสือ กิจกรรมลูกเสือ 4. การปฏิบตั ิตนตามหลกั ความ ปลอดภยั 11 การปฐมพยาบาล 1. อธิบายความหมาย และ 1. การปฐมพยาบาล ความสาคญั ของการปฐม 1.1 ความหมายของการ พยาบาล ปฐมพยาบาล 1.2 ความสาคญั ของการ ปฐมพยาบาล 1.3 หลกั การของการ ปฐมพยาบาล 2. อธิบายและสาธิตวธิ ีการ 2. วธิ ีการปฐมพยาบาลกรณีต่าง ๆ ปฐมพยาบาลกรณีตา่ ง ๆ อยา่ งนอ้ ย 3 วธิ ี 3. อธิบายวธิ ีการวดั 3. การวดั สญั ญาณชีพและการ สญั ญาณชีพ และการ ประเมินเบ้ืองตน้ ประเมินเบ้ืองตน้ 4. สาธิตวธิ ีการช่วยชีวติ ข้นั 4. วธิ ีการช่วยชีวติ ข้นั พ้ืนฐาน พ้ืนฐาน

ที่ หวั เร่ือง ตวั ชี้วดั เนื้อหำ จำนวน ช่ัวโมง 12 การเดินทางไกล 1. อธิบายความหมายของ 1. การเดินทางไกล อยคู่ า่ ยพกั แรม การเดินทางไกล 1.1 ความหมายของการเดิน 6 และชีวติ ชาวคา่ ย ทางไกล 2. อธิบายความหมายของ 1.2 วตั ถุประสงคข์ องการเดิน การอยคู่ า่ ยพกั แรม ทางไกล 3. อธิบายการใชเ้ ครื่องมือ 1.3 หลกั การของการเดินทางไกล สาหรับชีวติ ชาวคา่ ย 1.4 การบรรจุเคร่ืองหลงั สาหรับ 4. อธิบายวธิ ีการจดั การ การเดินทางไกล ค่ายพกั แรม 2. การอยคู่ ่ายพกั แรม 2.1 ความหมายของการอยคู่ ่าย พกั แรม 2.2 วตั ถุประสงคข์ องการอยคู่ ่าย พกั แรม 2.3 หลกั การของการอยคู่ า่ ย พกั แรม 3. ชีวติ ชาวค่าย 3.1 เครื่องมือ เครื่องใช้ ท่ีจาเป็น สาหรับชีวติ ชาวค่าย 3.2 การสร้างครัวชาวค่าย 3.3 การสร้างเตาประเภทตา่ ง ๆ 3.4 การประกอบอาหาร แบบชาวคา่ ย 3.5 การกางเตน็ ท์ และการ เก็บเตน็ ทช์ นิดต่าง ๆ 4. วธิ ีการจดั การค่ายพกั แรม 4.1 การวางผงั ค่ายพกั แรม 4.2 การสุขาภิบาลในคา่ ยพกั แรม

ที่ หัวเร่ือง ตวั ชี้วดั เนื้อหำ จำนวน ชั่วโมง 13 การฝึกปฏิบตั ิการ 1. วางแผนและปฏิบตั ิ กจิ กรรมกำรเดนิ ทำงไกล อยู่ค่ำยพกั 40 เดินทางไกล กิจกรรมการเดินทางไกล แรม และชีวติ ชำวค่ำย อยคู่ า่ ยพกั แรม อยคู่ ่ายพกั แรม และชีวติ 1. กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม และ และ ชีวติ ชาวค่าย ชาวค่าย ทุกกิจกรรม อุดมการณ์ลูกเสือ 2. ใชช้ ีวติ ชาวคา่ ยร่วมกบั 2. กิจกรรมสร้างค่ายพกั แรม ผอู้ ื่นในคา่ ยพกั แรมไดอ้ ยา่ ง 3. กิจกรรมชีวิตชาวคา่ ย สนุกสนานและมีความสุข 4. กิจกรรมฝึกทกั ษะลูกเสือ 5. กิจกรรมกลางแจง้ 6. กิจกรรมนนั ทนาการ และชุมนุม รอบกองไฟ 7. กิจกรรมนาเสนอผลการ ดาเนินงาน ตามโครงการท่ีได้ ดาเนินการมาก่อนการเขา้ ค่าย

ชุดวชิ า ลกู เสือ กศน. รหสั รายวิชา สค32035 รายวชิ าเลอื กบังคบั ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สํานกั งานสง เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั สํานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คาํ นํา ชุดวิชาลูกเสือ กศน. รหัสรายวิชา สค32035 รายวิชาเลือกบังคับ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบดวยเนื้อหาเก่ียวกับลูกเสือกับการพัฒนา การลูกเสือไทย การลูกเสอื โลก คณุ ธรรม จริยธรรมของลกู เสือ วินัย และความเปนระเบยี บเรยี บรอย ลูกเสือ กศน. กับการพฒั นา ลูกเสือ กศน. กับจิตอาสา และการบริการ การเขียนโครงการเพ่ือพัฒนาชุมชน และสังคม ทักษะลูกเสือ ความปลอดภัยในการเขารวมกิจกรรมลูกเสือ การปฐมพยาบาล การเดนิ ทางไกล อยคู ายพักแรม และชีวิตชาวคาย การฝกปฏิบัติการเดินทางไกล อยูคายพักแรม และชีวติ ชาวคาย และชุดวชิ าน้มี วี ตั ถปุ ระสงคเพ่ือใหผ เู รียนสามารถนําสิ่งที่ไดเรียนรูเปนเครื่องมือ ที่สําคัญในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม ใหเปนผูท่ีมีคุณภาพ เปนผูนําและ ผูตามที่ดี มคี ณุ ธรรม มรี ะเบียบวินยั รจู ักเสยี สละ สรา งความสามัคคี บําเพ็ญตนใหเปนประโยชน ตอผอู ืน่ สามารถดํารงตนอยใู นสงั คมไดอยา งมคี วามสุข สาํ นกั งานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ขอขอบคุณ ผูเช่ียวชาญเนื้อหา ท่ีใหการสนับสนุนองคความรูเพ่ือประกอบการนําเสนอเน้ือหา รวมทั้ง ผูเก่ียวของในการจัดทําชุดวิชา หวังเปนอยางยิ่งวาชุดวิชานี้จะเกิดประโยชนตอผูเรียน กศน. และนาํ ไปสกู ารปฏบิ ตั อิ ยา งเหน็ คุณคา ตอ ไป สํานกั งาน กศน. มถิ ุนายน 2561

คําแนะนําการใชชุดวชิ า ลกู เสือ กศน. ชุดวิชาลกู เสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค32035 รายวิชาเลือกบังคับ ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบดวยเน้อื หา 2 สวน คอื สวนท่ี 1 ชุดวชิ า ประกอบดวย โครงสรา งของชดุ วชิ า โครงสรางของหนวยการเรียนรู เนือ้ หา และกจิ กรรมเรยี งลาํ ดบั ตามหนวยการเรยี นรู สวนท่ี 2 สมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรู ประกอบดวย แบบทดสอบกอนเรียน กิจกรรมการเรียนรู แบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบทดสอบกอนเรียนและหลังเรียน เฉลย/ แนวคาํ ตอบกจิ กรรมเรียงลาํ ดับตามหนวยการเรียนรู วิธีการใชช ุดวิชา ใหผ เู รียนดําเนินการตามขนั้ ตอน ดังนี้ 1. ศึกษารายละเอียดโครงสรา งชดุ วชิ าโดยละเอยี ด เพือ่ ใหผ เู รียนทราบวา ตอ ง เรียนรเู น้อื หาในเรอ่ื งใดบา งในชดุ วชิ าน้ี 2. วางแผนเพื่อกําหนดระยะเวลาและจัดเวลาท่ีผูเรียนมีความพรอมจะศึกษา ชุดวิชาเพ่ือใหสามารถศึกษารายละเอียดของเน้ือหาไดครบทุกหนวยการเรียนรู พรอมทํา กิจกรรมตามท่กี าํ หนดใหทนั กอ นสอบปลายภาค 3. ทําแบบทดสอบกอนเรียนของชุดวิชาตามท่ีกําหนดเพ่ือทราบพื้นฐานความรู เดิมของผูเรียน โดยใหทําลงในสมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชาลูกเสือ กศน. และ ตรวจสอบคําตอบจากเฉลยแบบทดสอบทา ยเลม 4. ศกึ ษาเน้ือหาในชดุ วชิ าของแตละหนวยการเรียนรูอยางละเอียดใหเขาใจ ทั้งใน ชุดวิชาและส่อื ประกอบ (ถา มี) และทํากจิ กรรมที่กําหนดไวใหครบถว น 5. เมื่อทําแตละกิจกรรมเรียบรอยแลวผูเรียนสามารถตรวจสอบคําตอบไดจาก แนวตอบ/เฉลยทา ยเลมของสมุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู หากผูเรียนยังทํากิจกรรมไมถูกตอง ใหผูเ รียนกลับไปทบทวนเนอ้ื หาในเร่ืองนั้น ๆ ซ้าํ จนกวาจะเขาใจ

6. เมือ่ ศกึ ษาเน้อื หาครบทุกหนวยการเรียนรูแ ลว ใหผ เู รียนทําแบบทดสอบหลงั เรียน และตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทายเลม วาผูเรียนสามารถทําแบบทดสอบไดถูกตองทุกขอ หรือไมห ากขอ ใดยงั ไมถ ูกตอ งใหผ ูเรยี นกลบั ไปทบทวนเนื้อหาในเรื่องน้ันใหเขา ใจอีกคร้งั ขอแนะนํา ผูเรียนควรทําแบบทดสอบหลังเรยี น ใหไดค ะแนนมากกวา แบบทดสอบ กอนเรียนและควรไดคะแนนไมนอยกวารอยละ 60 ของแบบทดสอบท้ังหมด เพ่ือใหม่ันใจวา จะสามารถสอบปลายภาคผา น 7. หากผูเรียนไดศึกษาเน้ือหาและทํากิจกรรมแลวยังไมเขาใจ ผูเรียนสามารถ สอบถามและขอคาํ แนะนาํ ไดจ ากครหู รอื คน ควา จากแหลง การเรยี นรอู ่ืน ๆ เพิ่มเตมิ ได 8. ในการเรียนรูชุดวิชาลูกเสือ กศน. เลมนี้ จะเนนการเรียนรูเน้ือหาและปฏิบัติ กิจกรรมดวยตนเอง สวนการฝกทักษะประสบการณจะมุงเนนในการปฏิบัติกิจกรรมระหวาง เขา คายลูกเสอื เพอื่ ทดสอบความถูกตองในการปฏบิ ตั ิแตละกจิ กรรม หมายเหตุ : การทําแบบทดสอบกอนเรียน แบบทดสอบหลังเรียน และทํากิจกรรมทายเรื่องในแตละ หนว ยการเรยี นรู ใหผูเรยี นตอบคําถาม โดยเขยี นลงในสมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชา การศึกษาคน ควาเพม่ิ เติม ผูเรียนอาจศึกษาหาความรูเพิ่มเติมไดจากแหลงการเรียนรูอื่น ๆ ที่เผยแพร ความรูในเรื่องทเ่ี ก่ียวของและศึกษาจากผรู ู เปนตน การวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน ผเู รียนตอ งวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นดงั น้ี 1. ระหวา งภาค วัดผลจากการทํากจิ กรรมหรืองานทไี่ ดรับมอบหมาย ระหวา งเรียน 2. ปลายภาค วดั ผลจากการทาํ ขอสอบวัดผลสัมฤทธ์ปิ ลายภาค

โครงสรางชุดวชิ า ลกู เสือ กศน. มาตรฐานการเรยี นรรู ะดับ 1. มคี วามรู ความเขา ใจ ตระหนกั เก่ียวกับภูมศิ าสตร ประวัติศาสตร เศรษฐศาสตร การเมอื งการปกครองในโลก และนาํ มาปรับใชใ นการดาํ เนนิ ชวี ิตเพอื่ ความม่ันคงของชาติ 2. มีความรู ความเขาใจ เห็นคุณคา และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ของประเทศในสังคมโลก 3. มคี วามรู ความเขาใจ ดาํ เนนิ ชีวติ ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศ ตา ง ๆ ในโลก 4. มีความรู ความเขาใจหลักการพัฒนาชุมชน สังคม สามารถวิเคราะหขอมูล และเปนผูนํา ผูตาม ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ใหสอดคลองกับสภาพการ เปล่ียนแปลงของเหตุการณป จจุบัน ตัวช้วี ดั 1. อธิบายสาระสาํ คญั ของการลกู เสอื 2. อธิบายความสาํ คัญของการลูกเสอื กบั การพัฒนา 3. อภปิ รายความเปนพลเมืองดีในทัศนะของลูกเสือ 4. นําเสนอผลการสํารวจตนเอง ครอบครวั ชุมชน และสังคม เพือ่ การพฒั นา 5. อธิบายประวตั กิ ารลูกเสือไทย 6. อธิบายความรูทั่วไปเกีย่ วกบั คณะลูกเสือแหง ชาติ 7. อธิบายประวตั ผิ ใู หกาํ เนิดลูกเสือโลก 8. อธิบายความสําคญั ขององคการลกู เสอื โลก 9. อธิบายความสัมพนั ธระหวา งการลกู เสอื ไทยกบั การลกู เสอื โลก 10. อธิบายคําปฏิญาณและกฎของลูกเสอื 11. อธบิ ายคุณธรรม จรยิ ธรรมจากคาํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสือ 12. ยกตัวอยา งการนาํ คาํ ปฏิญาณและกฎของลูกเสือท่ีใชในชวี ิตประจาํ วนั 13. อธบิ ายความสัมพันธร ะหวา งคุณธรรม จริยธรรมในคาํ ปฏิญาณและกฎของ ลูกเสอื กบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

14. อธิบายความหมาย และความสําคญั ของวนิ ยั และความเปน ระเบยี บเรยี บรอย 15. อธิบายผลกระทบจากการขาดวนิ ยั และขาดความเปน ระเบยี บเรยี บรอย 16. ยกตัวอยา งแนวทางการเสริมสรา งวินยั และความเปนระเบียบเรียบรอ ย 17. อธิบายระบบหมลู ูกเสอื 18. อธิบายและยกตวั อยางการพัฒนาภาวะผูนาํ – ผูตาม 19. อธบิ ายความเปน มา และความสาํ คญั ของลกู เสือ กศน. 20. อธบิ ายลูกเสือ กศน. กับการพัฒนา 21. ระบุบทบาทหนา ที่ของลกู เสือ กศน. ท่มี ตี อ ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม 22. ระบบุ ทบาทหนาทข่ี องลูกเสือ กศน. ท่ีมีตอสถาบนั หลักของชาติ 23. อธบิ ายความหมาย และความสําคญั ของจติ อาสา และการบริการ 24. อธบิ ายหลกั การของจิตอาสา และการบรกิ าร 25. ยกตวั อยา งกิจกรรมจติ อาสา และการใหบ รกิ ารของลูกเสอื กศน. 26. นาํ เสนอผลการปฏบิ ัติตนในฐานะลกู เสอื กศน. เพอ่ื เปนจติ อาสา และการใหบรกิ ารอยา งนอย 4 กจิ กรรม 27. อธบิ ายความหมาย และความสาํ คัญของโครงการ 28. จาํ แนกลกั ษณะของโครงการ 29. ระบุองคประกอบของโครงการ 30. อธิบายขั้นตอนการเขยี นโครงการ 31. บอกข้นั ตอนการดําเนนิ งานตามโครงการ 32. อภิปรายผลการปฏิบัติงานตามโครงการ และการเสนอผลการดําเนินงาน ตอ ทีป่ ระชุม 33. อธิบายความหมายและความสําคญั ของแผนที่ - เข็มทศิ 34. อธิบายสวนประกอบของเข็มทิศ 35. อธิบายวิธกี ารใช Google Map และ Google Earth 36. อธิบายความหมายและความสาํ คญั ของเงื่อนเชือก และการผูกแนน 37. ผูกเง่ือนเชือกได และบอกชื่อเงื่อนอยา งนอย 7 เง่ือน 38. สาธติ วธิ ีการผกู แนน อยางนอ ย 2 วธิ ี

39. บอกความหมาย และความสําคัญของความปลอดภัยในการเขารวมกิจกรรม ลกู เสือ 40. บอกหลักการ วิธีการเฝาระวงั เบอ้ื งตน ในการเขา รว มกจิ กรรมลกู เสอื 41. อธิบายสถานการณห รอื โอกาสท่จี ะเกิดความไมปลอดภัยในการเขารว ม กิจกรรมลูกเสือ 42. อธบิ ายความหมาย และความสาํ คญั ของการปฐมพยาบาล 43. อธิบายและสาธติ วิธกี ารปฐมพยาบาลกรณตี า ง ๆ อยางนอ ย 3 วธิ ี 44. อธบิ ายวธิ กี ารวดั สัญญาณชพี และการประเมนิ เบอื้ งตน 45. สาธิตวธิ ีการชว ยชวี ติ ข้นั พน้ื ฐาน 46. อธบิ ายความหมายของการเดินทางไกล 47. อธบิ ายความหมายของการอยคู ายพักแรม 48. อธบิ ายการใชเคร่อื งมอื สําหรบั ชวี ติ ชาวคา ย 49. อธิบายวธิ กี ารจัดการคา ยพักแรม 50. วางแผนและปฏบิ ัติกิจกรรมการเดินทางไกล อยคู ายพักแรม และชวี ิต ชาวคายทุกกิจกรรม 51. ใชชวี ิตชาวคา ยรว มกบั ผอู ่ืนในคา ยพักแรมไดอยา งสนกุ สนานและมคี วามสุข สาระสาํ คัญ ลูกเสือ กศน. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เปนการเรียนรูเกี่ยวกับลูกเสือ กับการพัฒนา การลกู เสือไทย การลกู เสอื โลก คุณธรรม จริยธรรมของลูกเสือ วินัย และความเปน ระเบียบเรยี บรอ ย ลูกเสอื กศน. กับการพัฒนา ลูกเสือ กศน. กบั จิตอาสา และการบรกิ าร การเขยี น โครงการเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม ทักษะลูกเสือ ความปลอดภัยในการเขารวมกิจกรรมลูกเสือ การปฐมพยาบาล การเดนิ ทางไกล อยูค า ยพักแรม และชวี ิตชาวคา ย การฝกปฏิบัติการเดนิ ทางไกล อยูคายพกั แรม และชวี ิตชาวคาย เนน การฝกปฏิบัติใหเกิดทักษะ โดยนําหลักการและคําปฏิญาณ ของลูกเสอื มาสรางวนิ ัยและความเปนระเบียบเรยี บรอ ย และการบรกิ ารไปประยุกตใชในวิถีชีวิต ของตนเองและชุมชนตอ ไป

ขอบขา ยเนอื้ หา หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ลูกเสือกบั การพฒั นา หนวยการเรยี นรูที่ 2 การลูกเสือไทย หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 การลกู เสอื โลก หนวยการเรยี นรทู ่ี 4 คุณธรรม จริยธรรมของลกู เสอื หนว ยการเรยี นรทู ่ี 5 วนิ ัย และความเปนระเบียบเรียบรอย หนว ยการเรยี นรูท่ี 6 ลูกเสือ กศน. กบั การพฒั นา หนว ยการเรยี นรูที่ 7 ลกู เสอื กศน. กับจิตอาสา และการบรกิ าร หนวยการเรยี นรทู ี่ 8 การเขียนโครงการเพ่อื พฒั นาชุมชนและสังคม หนวยการเรียนรูที่ 9 ทกั ษะลูกเสอื หนว ยการเรียนรูที่ 10 ความปลอดภัยในการเขา รวมกจิ กรรมลกู เสือ หนว ยการเรียนรูท ี่ 11 การปฐมพยาบาล หนว ยการเรยี นรูท ่ี 12 การเดินทางไกล อยูค า ยพักแรม และชวี ติ ชาวคาย หนว ยการเรยี นรทู ่ี 13 การฝก ปฏิบัติการเดนิ ทางไกล อยคู ายพกั แรม และชีวิตชาวคา ย สื่อประกอบการเรียนรู 1. ชดุ วิชาลกู เสือ กศน. รหสั รายวิชา สค32035 2. สมุดบันทึกกจิ กรรมการเรียนรูป ระกอบชุดวชิ า 3. สอ่ื เสรมิ การเรยี นรูอนื่ ๆ จํานวนหนวยกติ จํานวน 3 หนว ยกิต กิจกรรมเรียนรู 1. ทําแบบทดสอบกอนเรียน ในสมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชา และตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทายเลม 2. ศึกษาเน้อื หาในหนว ยการเรยี นรทู ุกหนวย

3. ทาํ กิจกรรมตามที่กําหนด ในสมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชา และตรวจสอบคาํ ตอบจากเฉลยทายเลม 4. ทําแบบทดสอบหลังเรียน ในสมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชดุ วิชา และตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทา ยเลม การประเมินผล 1. ทาํ แบบทดสอบกอนเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน 2. ทํากจิ กรรมในแตละหนวยการเรยี นรู 3. เขา รว มกจิ กรรมการเดนิ ทางไกล อยคู ายพักแรม และชีวติ ชาวคาย 4. เขารบั การทดสอบปลายภาค

สารบญั หนา คํานํา 1 คําแนะนาํ การใชชุดวชิ า 3 โครงสรางชุดวิชา 6 หนว ยการเรียนรูท่ี 1 ลูกเสอื กบั การพฒั นา 10 15 เรื่องที่ 1 สาระสําคญั ของการลกู เสอื 18 เรื่องท่ี 2 ความสําคัญของการลูกเสอื กับการพฒั นา 20 เร่อื งท่ี 3 ลูกเสือกบั การพฒั นาความเปนพลเมอื งดี 42 เรื่องที่ 4 การสํารวจตนเอง ครอบครวั ชุมชน และสังคม เพ่อื การพัฒนา 48 หนวยการเรียนรทู ่ี 2 การลูกเสือไทย 50 เร่อื งที่ 1 ประวตั ิการลกู เสือไทย 54 เรอ่ื งท่ี 2 ความรทู ่ัวไปเกย่ี วกบั คณะลูกเสอื แหง ชาติ 60 หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 การลูกเสอื โลก 66 เร่อื งที่ 1 ประวัติผใู หกําเนิดลูกเสือโลก 67 เร่อื งที่ 2 องคก ารลกู เสอื โลก 71 เรื่องท่ี 3 ความสมั พนั ธระหวา งลกู เสือไทยกบั ลูกเสอื โลก 72 หนวยการเรยี นรทู ่ี 4 คณุ ธรรม จรยิ ธรรมของลกู เสอื 73 เรอ่ื งท่ี 1 คาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื เรื่องท่ี 2 คณุ ธรรม จรยิ ธรรมจากคําปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื 76 เรอ่ื งท่ี 3 การนําคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื ทีใ่ ชใ นชวี ิตประจําวนั 78 เรื่องที่ 4 ความสมั พนั ธระหวางคณุ ธรรม จริยธรรมในคําปฏญิ าณ 79 81 และกฎของลูกเสือกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 82 หนวยการเรยี นรทู ี่ 5 วินัย และความเปนระเบียบเรยี บรอย 84 เรื่องท่ี 1 วนิ ัยและความเปนระเบยี บเรียบรอย เรือ่ งท่ี 2 ผลกระทบจากการขาดวนิ ยั และขาดความเปน ระเบยี บเรียบรอย เร่ืองที่ 3 แนวทางการเสริมสรางวนิ ยั และความเปนระเบยี บเรยี บรอย เรอื่ งท่ี 4 ระบบหมูลูกเสือ เร่อื งที่ 5 การพัฒนาภาวะผนู ํา – ผตู าม

สารบัญ (ตอ) หนา หนวยการเรียนรทู ี่ 6 ลกู เสอื กศน. กบั การพัฒนา 87 เร่อื งที่ 1 ลกู เสอื กศน. 89 เรื่องที่ 2 ลูกเสอื กศน. กับการพฒั นา 90 เร่อื งท่ี 3 บทบาทหนา ท่ีของลกู เสอื กศน. ทมี่ ตี อ ตนเอง ครอบครวั 91 ชุมชน และสังคม เร่อื งที่ 4 บทบาทหนา ที่ของลกู เสือ กศน. ทม่ี ีตอ สถาบนั หลักของชาติ 93 หนวยการเรียนรูท ี่ 7 ลกู เสอื กศน. กบั จิตอาสา และการบรกิ าร 94 เรื่องที่ 1 จติ อาสา และการบรกิ าร 96 เรอ่ื งที่ 2 หลกั การของจติ อาสา และการบริการ 97 เร่อื งท่ี 3 กจิ กรรมจติ อาสา และการใหบรกิ ารของลูกเสือ กศน. 98 เร่อื งที่ 4 การปฏิบัติตนในฐานะลูกเสอื กศน. เพอ่ื เปนจิตอาสาและการใหบ รกิ าร 102 หนวยการเรียนรทู ี่ 8 การเขยี นโครงการเพอื่ พฒั นาชมุ ชนและสงั คม 104 เรอ่ื งที่ 1 โครงการเพือ่ พฒั นาชมุ ชนและสังคม 106 เรื่องท่ี 2 ลกั ษณะของโครงการ 107 เรอ่ื งที่ 3 องคป ระกอบของโครงการ 108 เรอ่ื งที่ 4 ขั้นตอนการเขียนโครงการ 109 เรอ่ื งที่ 5 การดาํ เนินงานตามโครงการ 112 เรื่องที่ 6 การสรุปรายงานผลการดําเนนิ งานโครงการเพื่อเสนอตอทปี่ ระชุม 112 หนว ยการเรียนรูที่ 9 ทกั ษะลูกเสือ 115 เรอ่ื งท่ี 1 แผนที่ – เขม็ ทิศ 117 เรอ่ื งที่ 2 วิธีการใชแผนท่ี – เขม็ ทศิ 120 เรื่องที่ 3 การใช Google Map และ Google Earth 126 เรือ่ งท่ี 4 เงอ่ื นเชอื กและการผูกแนน 132 หนวยการเรยี นรทู ี่ 10 ความปลอดภัยในการเขารวมกจิ กรรมลูกเสอื 150 เรอ่ื งท่ี 1 ความปลอดภัยในการเขารว มกิจกรรมลกู เสอื 151 เร่ืองท่ี 2 หลกั การ วิธกี ารในการเฝา ระวังเบ้อื งตนในการเขา รว มกจิ กรรมลกู เสือ 151 เรื่องท่ี 3 การชว ยเหลอื เมือ่ เกดิ เหตุความไมปลอดภยั ในการเขา รวมกจิ กรรมลูกเสือ 152 เรอ่ื งที่ 4 การปฏิบัตติ นตามหลกั ความปลอดภัย 154

สารบญั (ตอ ) หนา หนว ยการเรียนรทู ่ี 11 การปฐมพยาบาล 155 เร่อื งที่ 1 การปฐมพยาบาล 157 เรอื่ งที่ 2 วิธีการปฐมพยาบาลกรณีตาง ๆ 158 เร่ืองที่ 3 การวัดสัญญาณชีพและการประเมินเบ้ืองตน 170 เรอ่ื งท่ี 4 วิธกี ารชว ยชวี ติ ขั้นพนื้ ฐาน 171 หนวยการเรยี นรูท ี่ 12 การเดนิ ทางไกล อยคู ายพักแรม และชีวติ ชาวคา ย 175 เรอ่ื งท่ี 1 การเดนิ ทางไกล 177 เร่ืองที่ 2 การอยูคายพักแรม 179 เรือ่ งท่ี 3 ชวี ิตชาวคา ย 180 เรอื่ งที่ 4 วธิ ีการจดั การคายพักแรม 193 หนว ยการเรียนรูท่ี 13 การฝก ปฏิบตั กิ ารเดนิ ทางไกล อยคู า ยพกั แรม และชวี ิตชาวคา ย 195 เรื่องท่ี 1 การวางแผน ปฏิบัตกิ ิจกรรมการเดนิ ทางไกล 196 อยูคายพกั แรม และชวี ิตชาวคา ย 1) กิจกรรมเสริมสรางคุณธรรม และอุดมการณลูกเสอื 2) กิจกรรมสรางคายพักแรม 3) กจิ กรรมชีวติ ชาวคาย 4) กิจกรรมฝก ทักษะลกู เสือ 5) กิจกรรมกลางแจง 6) กจิ กรรมนันทนาการ และชมุ นุมรอบกองไฟ 7) กจิ กรรมนาํ เสนอผลการดําเนนิ งาน ตามโครงการทไ่ี ดด าํ เนินการ มากอนการเขา คา ย เร่อื งท่ี 2 การใชช วี ิตชาวคา ยรวมกับผูอื่นในคายพกั แรมไดอ ยา งสนุกสนาน และมคี วามสขุ 200 บรรณานกุ รม 201 คณะผูจดั ทาํ 205

1 หนวยการเรียนรูท่ี 1 ลกู เสือกับการพัฒนา สาระสาํ คญั การลูกเสือ มีเปาหมายเพ่ืออบรมส่ังสอนและฝกฝนใหบุคคลเปนพลเมืองดี ซึ่ง วตั ถปุ ระสงคของคณะลูกเสือแหง ชาติ น้ัน เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปญญา จิตใจ และ ศีลธรรม ใหเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวยสรางสรรคสังคมใหมีเกิดความสามัคคี และมีความเจริญกาวหนา และหลักการของการลูกเสือ มุงสงเสริม สรางสรรคใหลูกเสือและ ผบู งั คับบัญชาลูกเสอื ยดึ ถือเปนแนวปฏบิ ตั ิในการดําเนินกิจกรรมลูกเสือและใชในการดําเนินชีวิต ของตนเองใหเกิดความสุขใหเปนคนดี คนเกง พ่ึงตนเอง เห็นอกเห็นใจและชวยเหลือผูอ่ืนได มีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย โดยยึดหลักการ คําปฏิญาณและกฎของ ลกู เสือเปนหลักปฏิบตั ิ และพรอ มทจี่ ะให “บริการ” ตามทศั นะของการลูกเสือ ท้ังน้ี ตองคํานึงถึง สภาวะแวดลอม สถานภาพ และขีดความสามารถของตนเอง โดยการสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสงั คมเพื่อการพัฒนา และมแี นวทางการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม ตวั ช้วี ัด 1. อธิบายสาระสําคญั ของการลูกเสอื 2. อธิบายความสําคญั ของการลกู เสอื กบั การพฒั นา 3. อภิปรายความเปนพลเมอื งดีในทัศนะของการลูกเสือ 4. นําเสนอผลการสํารวจตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และสงั คม เพอ่ื การพัฒนา ขอบขา ยเน้อื หา เรอ่ื งท่ี 1 สาระสาํ คัญของการลูกเสอื 1.1 วตั ถุประสงคข องการพัฒนาลกู เสอื 1.2 หลกั การสาํ คญั ของการลูกเสอื เรอ่ื งที่ 2 ความสาํ คญั ของการลูกเสอื กับการพฒั นา 2.1 การพฒั นาตนเอง 2.2 การพฒั นาสัมพันธภาพระหวา งบุคคล 2.3 การพฒั นาสมั พนั ธภาพภายในชุมชนและสงั คม

2 เร่อื งท่ี 3 ลูกเสอื กบั การพัฒนาความเปนพลเมอื งดี 3.1 ความหมายของพลเมอื งดี 3.2 ความเปนพลเมอื งดใี นทศั นะของการลกู เสือ เรือ่ งท่ี 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เพือ่ การพฒั นา 4.1 การสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม 4.2 แนวทางการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เวลาท่ใี ชในการศึกษา 2 ชั่วโมง สอื่ การเรยี นรู 1. ชุดวชิ าลกู เสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค32035 2. สมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชุดวชิ า 3. สอ่ื เสริมการเรยี นรอู ื่น ๆ

3 เรื่องท่ี 1 สาระสําคญั ของการลกู เสือ พระราชบญั ญัตลิ กู เสอื พ.ศ. 2551 ไดใ หค วามหมายของคําวา “ลูกเสือ” หมายถึง เดก็ และเยาวชนท้งั ชายและหญิง ทส่ี มคั รเขาเปน ลกู เสือทงั้ ในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา สวนลูกเสอื ท่ีเปนหญิงใหเรียกวา “เนตรนาร”ี การลูกเสือ หมายถึง กิจการที่นําเอาวัตถุประสงค หลักการ และวิธีการของ ขบวนการลูกเสอื มาใชเพ่ือการพฒั นาเด็กและเยาวชน การลกู เสอื เปนกระบวนการสําคญั ยิ่งของการศึกษาท่ีไดรับการยอมรับจากทั่วโลก เพราะเปน กจิ กรรมพฒั นาเยาวชนใหมีคุณธรรมสูง สงเสริมบุคลิกภาพที่ดี และมีความเปนผูนํา ในการพฒั นาเยาวชนนน้ั พระราชบัญญตั ลิ กู เสือ พ.ศ. 2551 ไดใหความหมายของวัตถุประสงค คณะลูกเสือแหง ชาติ ไวใ นมาตรา 8 ความวา “คณะลูกเสือแหงชาติ มีวัตถุประสงคเพ่ือพัฒนา ลกู เสอื ทง้ั ทางกาย สตปิ ญญา จิตใจ และศีลธรรมใหเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวย สรางสรรคสงั คมใหเกิดความสามัคคี และมีความเจริญกาวหนา ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุขและความ ม่ันคงของประเทศชาติ” โดยมีวัตถุประสงคของการพัฒนาลูกเสือ และหลักการสําคัญของ การลูกเสือ ดงั น้ี 1.1 วตั ถปุ ระสงคข องการพัฒนาลกู เสอื คณะลูกเสือแหง ชาติ ไดกาํ หนดวัตถุประสงคเพ่ือพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สตปิ ญญา จิตใจ และศีลธรรม ใหเ ปน พลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวยสรางสรรคสังคมใหมี ความสามัคคีและมคี วามเจริญกาวหนา ทั้งน้ี เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ ตามแนวทางดงั ตอไปน้ี 1) ใหมนี ิสัยในการสงั เกต จดจํา เชอ่ื ฟงและพงึ่ ตนเอง 2) ใหซือ่ สัตยส จุ รติ มีระเบียบวินัยและเหน็ อกเหน็ ใจผูอนื่ 3) ใหรจู กั บาํ เพญ็ ตนเพอ่ื สาธารณประโยชน 4) ใหรูจกั ทาํ การฝมอื และฝกฝนใหท าํ กิจการตาง ๆ ตามความเหมาะสม 5) ใหรจู กั รกั ษาและสง เสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความม่ันคง ของประเทศชาติ ซึ่งสอดคลองกับธรรมนูญขององคการแหง โลก วาดวยขบวนการลูกเสอื ทีไ่ ดกําหนด วตั ถุประสงคข องขบวนการลูกเสอื ไวดังตอ ไปน้ี “จุดมุงประสงคของขบวนการลูกเสือ คือ การสนับสนุนการพัฒนาอยางเต็มท่ี ซงึ่ ศักยภาพทางกาย สตปิ ญญา สงั คม จติ ใจและศีลธรรม ใหแกเยาวชนเปน รายบุคคล เพ่ือให

4 เขาเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ ในฐานะที่เปนสมาชิกของชุมชนในทองถิ่น ในชาติ และ ในชมุ ชนระหวางนานาชาติ” ขบวนการลกู เสือท่ัวโลก เปนขบวนการท่ีมุงพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทุกเพศ ทกุ วัย และทุกฐานะ ใหไ ดร บั การพฒั นาในทกุ ดาน กลา วคอื การพัฒนาทางกาย เพ่ือใหมีรางกายเจริญเติบโต แข็งแรง เพียบพรอมดวย สขุ ภาพอนามยั ทส่ี มบรู ณ โดยการสง เสริมการใชชีวิตกลางแจง การพฒั นาทางสติปญ ญา เพอ่ื ใหม ีสติปญ ญาเฉลยี วฉลาด พึง่ ตนเองได โดยการ สงเสริมการเรยี นรูดวยการกระทาํ รวมกนั การพัฒนาทางจิตใจ เพื่อใหมีคุณธรรม จริยธรรมในการดํารงชีวิต โดยยึด คาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสือเปนหลกั ประจําใจและนําไปใชใ นชีวิตประจําวัน การพฒั นาทางสังคม เพอ่ื ใหมจี ติ สาธารณะ คดิ ดี ทําดี และมีความเปนพลเมืองดี สามารถปรบั ตวั ใหอ ยูในสงั คมไดอยา งมคี วามสขุ โดยการบําเพ็ญประโยชนต อผูอ ่นื 1.2 หลกั การสําคญั ของการลกู เสือ เบเดน โพเอลล ไดกาํ หนดหลักการสําคญั ของการลูกเสอื ไว 8 ประการ ดงั น้ี 1) ลูกเสือเปน ผมู ีศาสนา 2) ลกู เสอื มีความจงรกั ภักดีตอ ชาติบานเมอื ง 3) ลูกเสอื มีความเช่ือมน่ั ในมิตรภาพและความเปนภราดรของโลก 4) ลกู เสือเปน ผูบ าํ เพ็ญประโยชนตอ ผอู ่นื 5) ลกู เสอื เปนผยู ึดมั่นและปฏบิ ัติตามคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ 6) ลูกเสอื เปน ผูอ าสาสมคั ร 7) ลูกเสือยอ มไมเ กยี่ วขอ งกบั การเมอื ง 8) มีกาํ หนดการพิเศษสําหรับการฝกอบรมเด็กชาย และคนหนุมเพ่ือให เปน พลเมืองดี มีความรบั ผิดชอบ โดยอาศัยวิธีการระบบหมู ระบบกลุม มีการทดสอบเปนข้ันๆ ตามระดับของหลักสตู รและวิชาพิเศษลูกเสอื และใชกจิ กรรมกลางแจง เบเดน โพเอลล ไดเขียนสาสน ฉบบั สดุ ทายถึงลกู เสือ มีขอความสําคัญดังนี้ 1) จงทําตนเอง ใหม ีอนามยั และแข็งแรงในขณะท่ียังเปนเด็ก 2) จงพอใจในส่ิงท่ีเธอมีอยูและทําสิ่งนั้นใหดีที่สุด 3) จงมองเรอื่ งราวตา ง ๆ ในแงด ี แทนทีจ่ ะมองในแงราย 4) ทางอันแทจริงท่ีจะหาความสุข คือ โดยการใหความสุขแกผูอ่ืน 5) จงพยายามปลอยอะไรไวในโลกน้ีใหดีกวาท่ีเธอไดพบ และ 6) จงยดึ มั่นในคําปฏิญาณของลูกเสอื ของเธอไวเสมอ

5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงมีพระราชดําริวา เด็กผูชายเปน ผูท่ีสมควรไดรับการฝกฝนท้ังรางกายและจิตใจ เปรียบเหมือนไมท่ียังออน จะดัดใหเปนรูป อยางไรกเ็ ปนไปไดโดยงายและงดงาม ถารอไวจนแกเสียแลวเมื่อจะดัดก็ตองเขาไฟ และมักจะ หักได เพ่ือจะไดรูจักหนาที่ ผูชายไทยทุกคนควรประพฤติใหเปนประโยชนแกชาติบานเมือง อนั เปน บานเกดิ เมืองนอนของตน ห ลั ก ก า ร ข อ ง ลู ก เ สื อ อ ยู ท่ี ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม คํ า ป ฏิ ญ า ณ แ ล ะ ก ฎ ข อ ง ลู ก เ สื อ โดยคาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื สํารอง มีดังนี้ คําปฏิญาณกลาววา ขา สัญญาวา ขอ 1 ขาจะจงรกั ภักดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ  ขอ 2 ขา จะยดึ ม่นั ในกฎของลูกเสอื สํารองและบําเพญ็ ประโยชนต อผอู ่ืนทุกวัน กฎของลกู เสือสํารอง ขอ 1 ลูกเสือสํารองทําตามลกู เสือรุน พ่ี ขอ 2 ลูกเสือสํารองไมท าํ ตามใจตนเอง สว นคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุนใหญ ลูกเสือ วิสามญั และผบู งั คับบัญชาลูกเสอื มีดังน้ี คําปฏิญาณกลาววา ดว ยเกียรติของขา ขาสญั ญาวา ขอ 1 ขาจะจงรักภกั ดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ  ขอ 2 ขาจะชวยเหลือผูอ่นื ทกุ เม่อื ขอ 3 ขา จะปฏิบัตติ ามกฎของลกู เสือ กฎของลกู เสือ มี 10 ขอ ดงั น้ี ขอ 1 ลูกเสือมเี กียรติเช่ือถือได ขอ 2 ลูกเสือมีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย และซื่อตรง ตอ ผูมีพระคณุ ขอ 3 ลูกเสือมีหนา ทก่ี ระทาํ ตนใหเปน ประโยชนแ ละชวยเหลอื ผอู ่นื ขอ 4 ลกู เสอื เปน มติ รของคนทุกคนและเปนพ่ีนองกับลูกเสอื อน่ื ทว่ั โลก ขอ 5 ลกู เสอื เปน ผสู ภุ าพเรียบรอ ย ขอ 6 ลูกเสอื มคี วามเมตตากรณุ าตอสตั ว ขอ 7 ลูกเสอื เช่ือฟง คาํ สงั่ ของบิดามารดา และผูบงั คับบญั ชาดวยความเคารพ ขอ 8 ลกู เสือมใี จราเรงิ และไมยอ ทอ ตอความลาํ บาก ขอ 9 ลูกเสอื เปน ผมู ัธยัสถ ขอ 10 ลูกเสอื ประพฤตชิ อบดวยกาย วาจา ใจ

6 สรุปไดวา หลักการของลูกเสือดังกลาวมุงสงเสริมสรางสรรคใหลูกเสือและ ผูบังคบั บัญชาลูกเสือยึดถือเปนแนวปฏิบัติในการดําเนินกิจกรรมลูกเสือและใชในการดําเนินชีวิต ของตนเองใหเกิดความสุข ใหเปนคนดี คนเกง พึ่งตนเอง เห็นอกเห็นใจและชวยเหลือผูอ่ืนได มคี วามจงรักภกั ดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย โดยยึดหลักการ คาํ ปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เปนหลักปฏิบตั ิ กิจกรรมทา ยเร่อื งท่ี 1 สาระสาํ คญั ของการลูกเสือ (ใหผ ูเ รียนไปทาํ กิจกรรมทา ยเรอื่ งที่ 1 ท่ีสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชดุ วิชา) เรื่องที่ 2 ความสาํ คญั ของการลูกเสือกบั การพัฒนา การลูกเสือท่ัวโลกมีจุดประสงค หลักการ วิธีการ และอุดมการณเดียวกัน คือ การพัฒนาศักยภาพบุคคลใหเปนพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ มีความรับผิดชอบในการพัฒนา ตนเอง การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบุคคล และการพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและ สงั คม โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี 2.1 การพัฒนาตนเอง การพัฒนาตนเอง หมายถึง ความตองการของบุคคลในการพัฒนาความรู ความสามารถของตนจากที่เปนอยูใหมีความรู ความสามารถและพัฒนาศักยภาพของตนเอง ใหเ พม่ิ ขนึ้ และดีข้ึนในการพัฒนาทางกาย จิตใจ อารมณ สติปญญา สังคม ความรู อาชีพ และ สง่ิ แวดลอม โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1) การพฒั นาทางกาย หมายถึง การพฒั นาสุขภาพ อนามยั ใหร างกาย สมบูรณ แขง็ แรง รวมถงึ การพัฒนาบุคลิกภาพ กริยาทาทาง การแสดงออก การใชนํ้าเสียง วาจา การใชค ําพูดในการสอ่ื ความหมาย และการแตง กายทสี่ ะอาด เหมาะสมกับกาลเทศะ เหมาะกับ รปู รางและผิวพรรณ 2) การพฒั นาทางจติ ใจ หมายถงึ การพัฒนาเจตคติท่ีดี หรือความรูสึก ท่ีดี หรอื การมองโลกในแงด ี รวมถึงการพัฒนาสุขภาพจิตของตนเองใหอยูในสถานการณที่เปน ปกติ และ เปนสขุ โดยมคี ุณธรรมเปน หลักในการพัฒนาจติ ใจ 3) การพัฒนาทางอารมณ หมายถึง การพัฒนาความสามารถในการ ควบคุมความรูสึก นึกคิด การควบคุมอารมณที่เปนโทษตอตนเองและผูอื่น โดยมีธรรมะ เปน หลักพฒั นาทางอารมณ 4) การพัฒนาทางสติปญญา หมายถึง การพัฒนาทักษะการเรียนรู ดวยการช้ีนําตนเอง การพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรูดวยตนเอง การพัฒนา กระบวนการทางความคิดเชิงวิเคราะห การตัดสินใจดวยความเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ ปฏญิ าณภมู ิคมุ กนั ทีด่ ีในตน และมีวิถกี ารดาํ เนนิ ชีวิตอยา งพอประมาณ และมเี หตผุ ลทดี่ ี

7 5) การพฒั นาทางสงั คม หมายถึง การพัฒนาความเปนพลเมืองดี คิดดี ทาํ ดี มจี ติ สาธารณะ สามารถปรับตัวใหอยใู นสงั คมไดอ ยางมคี วามสขุ 6) การพฒั นาทางความรู หมายถึง การพัฒนาความรอบรูทางวิชาการ และเทคโนโลยีที่กาวหนา สามารถนําเทคโนโลยีท่ีมีอยูมาใชในชีวิตประจําวันไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ 7) การพัฒนาทางอาชีพ หมายถึง การพัฒนาทักษะฝมือ ความรู ความสามารถ ความชํานาญการทางอาชีพใหสอดคลองกับความตองการของตลาดแรงงาน โดยการฝก ทักษะฝมือ 8) การพัฒนาส่ิงแวดลอม หมายถึง การกระตุน และรักษา ตลอดจน แสวงหาแนวทางทจี่ ะทําใหสิ่งแวดลอม มีความย่ังยืน ดวยการสรางความรู ความเขาใจ ในคุณคา และการดูแลการรักษา 2.2 การพฒั นาสัมพนั ธภาพระหวางบคุ คล การพัฒนาสมั พนั ธภาพระหวางบคุ คล หมายถึง ความผูกพนั ความเกีย่ วของ เปนกระบวนการติดตอเกี่ยวของระหวางบุคคลตั้งแตสองคนขึ้นไปเพื่อทําความรูจักกัน โดยวัตถุประสงครวมกันดวยความเต็มใจ มีความรูสึกท่ีดีตอกัน อาศัยการแสดงออกทางกาย วาจา และใจ ในชวงระยะเวลาหน่ึง ซ่ึงอาจไมจํากัดแนนอน สามารถอยูรวมกันและทํางาน รวมกับผูอ่ืนได โดยมีสัมพันธภาพที่ดีตอกันและสรางสรรคผลงานที่เปนประโยชนใหเกิดขึ้น โดยอาศัยความอดทนในการอยรู ว มกัน การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบคุ คล จาํ เปน อยางยิง่ ทจี่ ะตองเร่ิมท่ตี นเอง ดงั นี้ 1) รูจักปรบั ตนเองใหมีอารมณห นักแนน ไมหวาดระแวง ไมออนแอหรือ แขง็ กระดาง ไมเปลีย่ นแปลงหรือผนั แปรงาย 2) รูจ ักปรับตนเองใหเขากบั บคุ คล และสถานการณ รวมทั้งยอมรับและ ปฏิบัตติ ามกฎ กติกา ระเบียบตาง ๆ รูจ ักบทบาทของตนเอง 3) รูจ กั สงั เกต รจู ด และรูจํา การสังเกตจะชว ยใหเ ราสามารถเขากับทุกคน ทกุ ชนั้ ทุกเพศ และทกุ วัยไดด ี 4) รูจักตนเองและประมาณตน ชวยใหคนลดทิฐิ และเห็นความสําคัญ ของผอู ืน่ ซึ่งชวยสรางความพึงพอใจใหแ กกนั 5) รจู กั สาเหตแุ ละใชเหตุผลตอผูอื่น ชวยลดความววู าม ทําใหการคบหา กนั ไปดว ยดี 6) มคี วามมั่นใจในตนเอง และเปนตัวของตวั เอง

8 2.3 การพฒั นาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสงั คม การพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสังคม หมายถึง กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายในสังคมท้ังดานเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง และวัฒนธรรม เพื่อประชาชนมีชีวิตความเปนอยูท่ดี ขี ึน้ ทง้ั ดา นท่อี ยูอ าศยั อาหาร เครื่องนุงหม สุขภาพอนามยั การศึกษา การมีงานทํา มีรายไดเพียงพอในการครองชีพ ประชาชนไดรับความเสมอภาค ความยุติธรรม มีคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ ประชาชนตองมีสวนรวมในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ทกุ ข้นั ตอนอยางมรี ะบบ การพัฒนาสัมพนั ธภาพภายในชมุ ชนและสงั คม จําเปนตอ งเร่มิ ตนที่ตนเอง ดังน้ี 1) พัฒนาบุคลกิ ภาพใหผูพ บเหน็ เกดิ ความช่ืนชมและประทับใจดวยการ พดู และกริ ิยาทา ทาง 2) พัฒนาพฤตกิ รรมการแสดงออกดว ยความจริงใจ ใจกวา ง ใจดี 3) ใหความชวยเหลือเอาใจใสในกิจกรรมและงานสวนรวมดวยความ มนี ้าํ ใจและเสียสละ 4) ใหค ําแนะนําหรอื เสนอแนะส่งิ ที่เปน ประโยชนตอสวนรวม 5) รวมแกไ ขปญหาขอขัดแยง ในสังคมใหดขี ึ้น 6) พูดคยุ กบั ทกุ คนดวยความยมิ้ แยม แจมใส และเปนมติ รกับทุกคน 7) ยดึ หลกั ปฏิบัตติ ามคา นยิ มพื้นฐาน คือ การพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ ประหยัดและออม มีระเบียบวินัยและเคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามคุณธรรม ของศาสนา มีความจงรักภกั ดีตอ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ  นอกจากน้ี ยังจําเปนตองพัฒนาสัมพันธภาพตอส่ิงแวดลอม โดยการสํารวจ สภาพทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม ใหความสนใจและรวมมือในการจัดกิจกรรม ตลอดจน การบํารุงรักษาใหเกดิ ประโยชนต อ ชนรุนหลัง สํานักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ไดกําหนดแนวทางการพัฒนา ลูกเสือ 8 ประการ คอื 1) การพัฒนาทางกาย คือ การจัดกิจกรรมที่เปดโอกาสใหลูกเสือได ออกกําลังกายอยางเต็มที่ และทําใหรางกายแข็งแรง เชน การเลนเกม การเดินทางไกลอยู คายพักแรม การฝกวายน้ํา เลนฟุตบอล เปนตน ใหเหมาะสมกับสภาพอนามัยและอายุ ของเดก็ ไมใชกิจกรรมทีต่ อ งออกแรงมากเกนิ ไป หรือเปน กิจกรรมสาํ หรบั เด็กเล็ก ๆ 2) การพัฒนาทางสติปญญา คือ การจัดกิจกรรมที่เราใจใหลูกเสือได ปฏิบัติอันเปนการกระตุนใหเด็กเกิดความคิดริเริ่มสรางสรรค วิธีการบางอยางท่ีไดนํามาใช ในการพัฒนาทางสติปญญา ไดแ ก งานประเภทงานผีมือตาง ๆ เชน การประดิษฐส่ิงของจากวัสดุ เหลอื ใช การทาํ งานดวยเคร่อื งมือ การชมุ นุมรอบกองไฟ การแสดงหนุ กระบอก เปนตน

9 3) การพัฒนาทางจติ ใจและศีลธรรม ผูกํากับลูกเสือจะชวยพัฒนาจิตใจ และศีลธรรมใหแกล กู เสอื ไดโ ดยสงเสริมใหมีความซาบซึ้งในศาสนา ดวยการฟงเทศน ไหวพระ สวดมนต การปฏิบัติศาสนกิจและการไปทําบุญทําทานที่วัด พัฒนาแนวความคิดทางศาสนา เชน การเชื่อคําสอนในพระพุทธองค การเช่ือในอํานาจลึกลับบางอยางที่ดลบันดาลความหวัง ใหแ กชวี ติ กระตนุ ใหเ ด็กปฏิบัติตามและเชอื่ ถือตามพอแม กิจการลูกเสือสามารถที่จะเช่ือมโยง กบั ศาสนาตาง ๆ ได 4) การพัฒนาในเรื่องการสรางคานิยมและเจตคติ ผูกํากับลูกเสือตอง พยายามสรา งคา นยิ มและเจตคติที่ดีในส่ิงแวดลอมท่ัวไปใหเด็กเห็น และปลูกฝงลงไปในตัวเด็ก โดยการแสดงภาพที่ดีที่มีคานิยม อภิปรายปญหาตาง ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกเสือแตละคนหรือกับ กลุมลกู เสอื ทกุ โอกาส เพ่ือวา ลูกเสอื จะไดพบดว ยตัวเองวาคานยิ ม เจตคติและมาตรฐานอะไรที่มี คุณคา อยา งยงิ่ ยวด 5) การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบุคคล ผูกํากับจะตองชวยเหลือให ลูกเสือสรางสัมพันธภาพอยางฉันทมิตรกับผูอื่นอยางสม่ําเสมอ นอกจากน้ันก็ใหลูกเสือ ไดทดสอบความสามารถหรือทักษะของเขาในการสรางสรรคความสัมพันธกับผูกํากับลูกเสือ และทดสอบความสามารถในการผูกมิตรกบั เดก็ ชายหญงิ ในวยั เดยี วกันกับเขา 6) การพัฒนาสัมพันธภาพทางสังคม ผูกํากับลูกเสือควรตระหนักถึง การพัฒนาสัมพันธภาพทางสังคมวา เปนเสมือนสวนหน่ึงท่ีสอดแทรกอยูในกิจการของลูกเสือ กลมุ ลกู เสือควรจะมีความสามารถทจ่ี ะทาํ งานรวมกันอยางกลมเกลียวราบรื่น ลูกเสือควรจะได เรยี นรถู ึงการใหค วามรวมมอื การใหและการรบั แสดงบทบาทผูกํากับ และเรียนรูถึงการยอมรับ ในคุณคาและบคุ ลิกภาพของบุคคลอ่ืน ๆ เพราะไมมีใครจะอยูไดอยางเดียวดาย ระบบหมูของ ลกู เสือจะชว ยใหลูกเสือแตล ะคนเขารว มกนั เปนกลุมที่ประกอบดวยบุคคลในรุนเดียวกัน และมี ความสนใจคลายคลงึ กนั ในสภาพเชนนี้ ลูกเสอื สามารถทดลองทกั ษะในการทาํ งานในกลมุ เล็ก ๆ ซึง่ จะมีสว นชวยเขาในอนาคตทั้งที่ทาํ งานและท่บี าน 7) การพฒั นาสัมพันธภาพตอชุมชน คือ ความพรอมและความสามารถ ใหบ รกิ ารแกผูอืน่ ผูบ งั คบั บัญชาควรกระตุนใหลูกเสือไดเขาไปมีสวนรวมในชุมชนอยางเขมแข็ง ไมวาจะเปนการบําเพ็ญประโยชนประจําเฉพาะตัว หรือปฏิบัติการรวมกันทั้งหมูในโครงการ บําเพ็ญประโยชน เจตคตแิ ละทกั ษะดงั กลา วจะเปนทักษะท่มี ีคา และสําคัญ ถาในวันหนึ่งลูกเสือ ไดร ับการกระตุนใหเ ปนผทู ม่ี สี วนชวยสรางสรรคสังคม ชุมชนในสังคมน้ันก็จะมีความประทับใจ ในผลงานของลกู เสอื 8) การพัฒนาทางดานความรับผิดชอบตอสิ่งแวดลอม คือ การสงเสริม ใหลูกเสอื ไดมคี วามเพลิดเพลินกับชวี ิตกลางแจง สง เสรมิ ใหร ูจักรักธรรมชาตแิ ละรกั ษาธรรมชาติ การเรียนรูเรื่องธรรมชาติเปนกิจกรรมที่นําไปสูความสําเร็จในการลูกเสือ เพราะธรรมชาติให บทเรียนวา คนเราสามารถเล้ียงชีพไดอยางไร รวมทั้งสอนใหรูจักการดํารงชีวิตตลอดไปจนถึง

10 การแสวงหาความสขุ จากชวี ติ อีกดวย ความรูพเิ ศษในเร่อื งของธรรมชาติเปนวิธีท่ีดีท่ีสุดที่จะเปด ดวงจิตและความคิดของเด็กใหรูคุณคาความงามของธรรมชาติ เม่ือนิยมไพรไดฝงอยูในดวงจิต ของเด็กแลว การสงั เกต การจดจํา การอนุมานจะไดร ับการพัฒนาข้ึนโดยอัตโนมัติจนกลายเปน นสิ ยั อีกประการหน่งึ ในปจจุบันประชากรท่ัวโลกไดตระหนักถึงความตองการที่จะปองกันและ อนุรักษธรรมชาติท้ังหลาย ท้ังรัฐบาลและองคการอนุรักษธรรมชาติตาง ๆ กําลังดําเนินการ อยางเขมแข็งที่จะใหการศึกษาแกประชาชนใหคิดและดําเนินการรักษาสิ่งแวดลอมรอบตัว มีวิถีทางอยางมากมายท่ีลูกเสือสามารถปฏิบัติและชวยเหลือในการอนุรักษธรรมชาติได เชน การรณรงคตอตานการทิ้งเศษส่ิงของลงในที่สาธารณะ การทําความสะอาดทางระบายนํ้า การปลูกตน ไม การจัดภาพแสดงการอนรุ กั ษป ดไวตามที่สาธารณะ เปนตน กจิ กรรมทายเรือ่ งท่ี 2 ความสําคญั ของการลูกเสอื กบั การพฒั นา (ใหผเู รียนไปทาํ กจิ กรรมทา ยเรอ่ื งที่ 2 ท่ีสมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรูป ระกอบชดุ วชิ า) เรื่องที่ 3 ลูกเสอื กับการพฒั นาความเปน พลเมอื งดี การลกู เสือเปนขบวนการทางการศึกษาสําหรบั เดก็ และเยาวชนท่ีมีวัตถุประสงค เพือ่ สรา งบุคลิกภาพ และพัฒนาการทางสังคมใหกับเด็กและเยาวชนเพื่อใหเปนพลเมืองดีของ ประเทศ โดยใชวิธีการของลูกเสือท่ียึดม่ันในกฎและคําปฏิญาณ ซ่ึงลูกเสือกับการพัฒนา ความเปนพลเมืองดีเก่ียวกับความหมายของพลเมืองดี ความเปนพลเมืองดีในทัศนะของ การลกู เสอื และแนวทางการพฒั นาการลูกเสือไทยเพอ่ื สงเสริมความเปน พลเมอื งดี ดังนี้ 3.1 ความหมายของพลเมอื งดี พลเมอื งดี หมายถึง ผูปฏิบัติหนาท่ีตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คําส่ังสอนของพอแม ครู อาจารย มีความสามัคคี เอ้ือเฟอเผ่ือแผซึ่งกัน และกัน รูจักรับผดิ ชอบชั่วดตี ามหลกั จรยิ ธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบรู มีสติปญญา ขยนั ขันแข็ง สรางความเจริญกาวหนาใหแ กตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติไดครบถวน ท้งั ภารกิจท่ีตอ งทําและภารกิจทคี่ วรทาํ ภารกิจที่ตองทํา หมายถึง ส่ิงท่ีคนสวนใหญเห็นวาเปนหนาท่ีท่ีตองกระทํา หรอื หามกระทํา ถาทําก็จะกอใหเกิดผลดี เกิดประโยชนตอตนเอง ครอบครัว หรือสังคม สว นรวม แลวแตกรณี ถาไมท าํ หรือไมล ะเวนการกระทําตามท่ีกําหนดจะไดรับผลเสียโดยตรง คือ ไดรับโทษ หรือถูกบังคับ เชน ปรับ จําคุก หรือประหารชีวิต เปนตน โดยท่ัวไปส่ิงที่ระบุภารกิจ ทต่ี อ งทํา ไดแก กฎหมาย ขอบงั คับ ระเบียบตาง ๆ เปน ตน

11 ภารกจิ ทค่ี วรทาํ หมายถึง ส่ิงที่คนสวนใหญเห็นวาเปนหนาที่ที่ควรทํา หรือ ควรละเวนการกระทาํ ถา ไมทาํ หรอื ละเวน การกระทํา จะไดรับผลเสียโดยทางออม เชน ไดรับการ ดหู มนิ่ เหยยี ดหยาม หรอื ไมค บคา สมาคมดว ย ถาทําจะไดรับการยกยอง สรรเสริญจากคนในสังคม โดยท่ัวไปส่ิงที่ระบุกิจ ที่ควรทํา ไดแ ก วฒั นธรรม ประเพณี เปน ตน 3.2 ความเปน พลเมอื งดใี นทัศนะของการลูกเสอื กิจกรรมลูกเสือ เปนการจัดมวลประสบการณท่ีมีประโยชน และทาทาย ความสามารถ เพื่อเปดโอกาสใหบุคคลพัฒนาศักยภาพของตนเอง และสรางลักษณะนิสัยไมเห็นแกตัว และพรอ มท่ีจะเสียสละประโยชนสว นตัว เพื่อใหมีอาชีพและให “บริการ” แกบุคคลและสังคม สามารถดําเนินชีวิตของตนเอง เปนผูมีความรับผิดชอบตามหนาท่ีของตน และดํารงชีวิตใน สังคมไดอ ยางมคี วามสขุ กิจกรรมลูกเสือ เปนกิจกรรมท่ีมุงพัฒนาบุคคลท้ังทางกาย สติปญญา ศีลธรรม จิตใจ เพ่ือใหเปนพลเมืองดี รูจักหนาที่รับผิดชอบ และบําเพ็ญประโยชนตอชุมชน สังคม และประเทศชาติ ในทศั นะของการลูกเสือ คาํ วา “พลเมืองดี” คอื บุคคลที่มีเกียรติ เช่ือถือได มีระเบียบวินัย สามารถบังคับใจตนเอง สามารถพ่ึงตนเองและสามารถที่จะชวยเหลือชุมชน และบําเพ็ญประโยชนตอผูอ่ืน ทั้งนี้ ตองคํานึงถึงสภาวะแวดลอม สถานภาพของตนเองและ ขีดความสามารถของตนเอง เพื่อปองกันหรือไมกอใหเกิดความเดือดรอนแกตนเองและ ครอบครวั การพัฒนาตนเองใหเ ปนพลเมอื งดีในทศั นะของการลูกเสือ มีดงั น้ี 1) มีความจงรักภักดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย 2) มเี กยี รติเช่ือถอื ได 3) มรี ะเบียบวนิ ยั สามารถบงั คับใจตนเองได 4) สามารถพงึ่ ตนเองได 5) เต็มใจและสามารถชวยเหลือชุมชน และบําเพ็ญประโยชนตอผูอื่น ไดท กุ เมือ่ 3.3 แนวทางการพฒั นาการลูกเสอื ไทยเพือ่ สงเสริมความเปน พลเมืองดี สภาพการจดั การการลูกเสือไทยในอดีตและปจจุบันในดานการปฏิบัติและ การสงเสริมความเปนพลเมืองดีท่ีเกิดจากกระบวนการลูกเสือไทยของกลุมบุคคลทั่วไป ผูอํานวยการลูกเสอื ผูกํากับลูกเสอื และลกู เสือ สะทอนใหเห็นภาพรวมของการลูกเสือท่ีผานมา ไดวา กระบวนการลูกเสอื ไทยในอดีตและปจ จบุ นั มคี วามสอดคลองกันในดา นการสอนใหลูกเสือ มีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย รูจักการคิดวิเคราะหอยางเปนระบบ

12 แกปญหาเฉพาะหนาไดเปนอยางดี และมีการฝกวินัยใหลูกเสือเปนผูมีความซ่ือสัตย ถึงกระนั้น การลูกเสือไทยยังตองเรงพัฒนาใหลูกเสือมีจิตอาสาท่ีจะชวยเหลือผูอื่นและสวนรวม เพราะ สังคมปจจุบนั ตองการผูม จี ติ อาสาในการรว มกันชวยเหลือสังคมและพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ การจัดการลูกเสือไทยในอดีตและปจจุบันยังมีขอแตกตางกันในเรื่องของการนําทักษะทาง การลูกเสอื ไปใชในชวี ติ ประจาํ วนั ซึง่ อาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอมทางสังคม ที่มีบริบทแตกตางกันท้ังความเจริญดานวัตถุและเทคโนโลยี สําหรับการจัดกิจกรรมลูกเสือ สามารถสงเสรมิ ความเปนพลเมืองดีไดในทกุ ดา น เพราะผูกํากบั ลูกเสอื ไดจ ดั กิจกรรมลูกเสือตาม แนวทางการจดั กจิ กรรมลูกเสือที่สํานักงานลูกเสือแหงชาติกําหนด สวนการจัดการลูกเสือไทย ในดานการพัฒนาครูและบุคลากรทางการลูกเสือทั้งในอดีตและปจจุบันมีความสอดคลองกัน ที่ตองการใหครแู ละบุคลากรทางการลกู เสอื ไดรับการพัฒนาทกั ษะการสอนดานการลูกเสือมากข้ึน ดังน้ัน แนวทางการพัฒนาการลูกเสือไทยเพ่ือสงเสริมความเปนพลเมืองดี ทําไดโดยการ กําหนดวสิ ยั ทศั นแ ละพนั ธกิจของการลกู เสอื ไทย เพอื่ สง เสริมความเปน พลเมืองดีเพื่อเปนแมบท และแนวทางเดียวกันในการดําเนินงาน โดยมุงเนนที่ตัวเด็กและเยาวชนใหมีคุณลักษณะ ท่ีพึงประสงคเปนพลเมืองดีของชาติและพลโลกตามวัตถุประสงคของคณะลูกเสือแหงชาติ ซ่ึงกําหนดไวในพระราชบัญญัติการลูกเสือ พ.ศ. 2551 และมีพันธกิจท่ีสงเสริมใหเด็กและ เยาวชนไดพ ัฒนาตนเองใหเ ปนผมู รี ะเบียบวินัย มีจติ สาธารณะใหค วามชวยเหลือผูอื่นและสังคม มีคุณธรรม รูจักหนาที่ของตนและไมทําความเดือดรอนใหแกผูอ่ืน โดยรัฐบาลเปนผูกําหนด วิสัยทัศนและพันธกิจ ควรจัดทําเปนนโยบายแหงชาติและมีหนวยงานหลักรับผิดชอบ อยางชดั เจน ท้งั นี้ ควรแยกบทบาทหนาทข่ี องหนว ยงานท่ีใหการศึกษาแกลูกเสือในสถานศึกษา ออกจากหนว ยงานทม่ี ีหนาท่ีใหความรูผูกํากบั ลกู เสือ เพ่อื ใหการทาํ งานไมเกิดความซ้ําซอนและ ลดขั้นตอนการทํางาน ในสวนของคณะกรรมการตามโครงสรางของพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 ควรมีความเชื่อมโยงบทบาทหนาที่การดูแลงานลูกเสือในทุกระดับ และลดชองวางของการ ทาํ งานในกระบวนการลกู เสือ โดยมกี ารควบคมุ ใหม กี ารดําเนนิ งานตามแผนงาน ระยะเวลาและ เกณฑม าตรฐานทกี่ ําหนดไว มีการจดั สรรและใชง บประมาณตามทไ่ี ดร บั อนุมัติดานอัตรากาํ ลังควรมี หนวยงานกลางท่ีรับผิดชอบประสานงานดานน้ีโดยตรงเพ่ือลดทอนภาระหนาท่ีของบุคลากรจาก หนวยงานท่ีเกยี่ วขอ งใหสามารถปฏบิ ัติงานดา นการลกู เสือไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ ดา นแนวทางการจัดกจิ กรรมลกู เสือ กจิ กรรมลูกเสอื ที่จัดตอ งเหมาะสมกบั วัยของลูกเสือในแตล ะประเภทและมีความ หลากหลายสามารถปฏิบัติไดจริง เหมาะสมกับยุคสมัยและตรงตามความตองการของลูกเสือ ท้ังนี้ ตองอยภู ายใตห ลักเกณฑแ ละวธิ ีการของลูกเสือ และควรมุงเนนใหลูกเสือเปนผูมีจิตอาสา มวี ินัยและรูจ กั หนา ที่ของตนดวยการปฏิบัติจริง (Learning by Doing) ท่ีเกิดจากกระบวนการ กลุม โดยยึดกฎและคาํ ปฏิญาณของลกู เสอื เปนแนวทางในการจดั กิจกรรม ภายใตส ภาพแวดลอม ที่เปนธรรมชาติ เพ่ือใหลูกเสือไดประยุกตทฤษฎีสูการปฏิบัติและซึมซับกับธรรมชาติท่ีแทจริง

13 รวมทงั้ ตอ งพฒั นาใหผูกํากบั ลกู เสือปฏบิ ัตติ นเปน แบบอยางทดี่ ีใหกับลกู เสือและเปน ตนแบบของ การเรยี นรู อาทิ การแตงเครื่องแบบลูกเสอื ทถี่ ูกตอ งทกุ คร้ังทมี่ กี ารเรยี นการสอนกจิ กรรมลูกเสือ นอกจากน้ี ตอ งเปน ผมู คี วามรูและทกั ษะทางการลกู เสือเพ่ือสามารถถายทอดวามรูและประสบการณ ใหลูกเสือนําไปใชในชีวิตประจําวันได การจัดกิจกรรมลูกเสือจะดําเนินการตามขอบังคับ คณะลูกเสือแหงชาติวาดวยการปกครองหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ พ.ศ. 2509 ซ่ึงเปน กฎหมายลกู ทงั้ นี้ขอ บงั คับฯ ดงั กลาวยงั มิไดรับการปรบั ปรุงแกไขใหสอดคลองกับพระราชบัญญัติ ลูกเสือ พ.ศ. 2551 ซงึ่ เปนกฎหมายแม จึงควรมกี ารทบทวนปรับปรุงขอบังคับฯ ใหเปนปจจุบัน และสอดรบั กบั พระราชบัญญตั ลิ กู เสอื กอปรกับเพอื่ เปนแนวทางเดียวกนั ในการจัดกิจกรรมลูกเสือ ใหกับผูป ฏบิ ัติงานดา นการลกู เสอื ตอ ไป ดา นการพฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการลกู เสือไทย ครูและบุคลากรทางการลูกเสือเปนกลุมบุคคลท่ีนํานโยบายไปสูการปฏิบัติ เพื่อใหบรรลุผลตามเปาหมายท่ีกําหนดไว ดังนั้น ในการคัดเลือกหรือกําหนดตัวบุคคลที่จะทํา หนาทเ่ี ปนครแู ละบคุ ลากรทางการลกู เสือ จึงตองมีเกณฑคุณลักษณะท่ีเหมาะสมโดยเฉพาะครู ท่จี ะมาเปนผกู าํ กบั ลกู เสือตองเปน ผูมีความรกั ศรัทธาและเหน็ คณุ คา ในการลูกเสือ มีความเสียสละ อดทน และมีภาวะผูนํา มีความรูและทักษะการลูกเสือ ประพฤติตนเปนแบบอยางท่ีดีเสมอ รวมท้ัง สามารถปรับตัวใหเขากับวัยและสังคมของเด็กในแตละยุคสมัยได ครูและบุคลากร ทางการลูกเสอื จึงควรไดรับการพัฒนาใหมีความรอบรูอยูเสมอ ผูบริหารจึงตองสนับสนุนใหได เขาอบรมและเขา รวมกิจกรรมทางการลูกเสืออยา งตอเนอ่ื ง ครแู ละบุคลากรทางการลกู เสือไมได เรียนมาทางการลูกเสือโดยตรง จึงขาดทักษะในการจัดกิจกรรมลูกเสือ ดังน้ัน จึงควรจัดทํา หลักสูตรดานการลูกเสือโดยตรงสําหรับการศึกษาระดับปริญญา เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู ความชํานาญดานการลูกเสือใหส ามารถพฒั นาการลกู เสือใหร กุ หนา ตอไป นอกจากนี้ ควรมีการ สง เสรมิ และสรา งขวัญและกาํ ลังใจใหก ับครูและบุคลากรทางการลูกเสอื เพอ่ื เปนแรงกระตนุ และ ผลักดันใหบ ุคคลปฏบิ ัตงิ านดวยความเต็มใจพรอมท่จี ะทํางานใหหนวยงานดวยการสงเสริมใหนํา ผลงานทางการลูกเสอื ขอเลื่อนวิทยฐานะ การสรางขวัญและกาํ ลงั ใจ โดยมีคาตอบแทนใหกับครู หรอื บุคลากรทางการลกู เสอื ท่ปี ฏิบัติงานนอกเวลาทาํ การ การนําชว่ั โมงการสอนกจิ กรรมลูกเสือ มาคิดภาระงานได การประกาศเกียรติคุณสําหรับผูปฏิบัติงานดานการลูกเสือดีเดน และการ สรา งคุณคา ใหกบั ผปู ฏบิ ตั งิ านดานการลกู เสอื ดา นการสรา งเครือขา ยการลูกเสือไทย การลกู เสือไทยเปน การทาํ งานในลักษณะมหภาคครอบคลุมลกู เสอื ครูและบุคลากร ทางการลูกเสือทั่วประเทศ จึงควรสรางเครือขายการลูกเสือใหเกิดข้ึนเพ่ือเปนการเช่ือมโยง กลุมบุคคลหรอื หนวยงานทร่ี ว มทาํ งานเพือ่ การลกู เสอื และมีเปาหมายเดียวกันในการพัฒนาเด็ก และเยาวชนใหเปนพลเมืองดี โดยเครือขายการลูกเสือควรประกอบดวย สํานักงานลูกเสือแหงชาติ เปนแกนหลกั สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน สถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการ

14 ลกู เสือ หนวยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพ่ือประสานความรวมมือ ใหการสนับสนุนในกิจการ ลกู เสอื และรว มจัดกจิ กรรมลูกเสือ การสรางเครือขายการลูกเสือในระดับนโยบายควรเปนการ กาํ หนดและแบง ภารกิจ อํานาจหนาท่ี วธิ ปี ฏิบตั ิ การจัดการรว มกันของภาคเี ครือขา ยตามขอตกลง ท่ีไดท ําไวรว มกนั สาํ หรับระดบั ปฏบิ ตั ิควรใชว ิธกี ารรว มกันเปนผูรับผิดชอบการจัดกิจกรรมลูกเสือ ในแตล ะโครงการ การรวมเปน คณะกรรมการในกจิ กรรมตาง ๆ ทางการลูกเสือ ทั้งนี้ตองอยูบน พ้ืนฐานความสมัครใจของสมาชิกในเครือขาย และในการทํากิจกรรมตองมีลักษณะเทาเทียม หรือแลกเปลย่ี นซงึ่ กันและกัน รวมทั้งตองไมกระทบกับตัวบุคคลหรือองคกรของสมาชิกเครือขาย ดวยการสรางเครือขายท่ีดีนั้น สมาชิกเครือขายตองมีความรูสึกผูกพันกัน มีการรับรูภารกิจ ในมุมมองเดียวกัน มีวิสัยทัศนหรือเปาหมายรวมกัน มีผลประโยชนที่ไดจากการรวมกิจกรรม เทาเทียมกนั (win - win) การมสี ว นรวมของสมาชิก มีการเสริมสรางความเขมแข็งและลดจุดออน ของกนั และกนั มกี ารเกือ้ หนุนพ่ึงพาและปฏิสัมพันธที่ดีตอกัน หากสรางเครือขายการลูกเสือไทย ข้ึนไดแลว จะทาํ ใหก ารพัฒนาการลูกเสือไทยกระทาํ ไดงายยิ่งขน้ึ ดวยการแลกเปล่ียนความรูหรือ ประสบการณจากกลมุ สมาชิก ลดความซา้ํ ซอ นในการทํางาน สรางความรวมมือและระบบการ ทํางานทเ่ี ออ้ื ประโยชนตอ กันในกลมุ สมาชกิ เครอื ขา ย ดา นปจ จัยเกอื้ หนุนตอการพัฒนาการลูกเสือไทย นับจากท่ีการลูกเสือกอกําเนิดมาเปนเวลากวาหนึ่งรอยปนั้นบุคคลในวงการ ลูกเสือตางรูถึงคุณคาของการลูกเสือที่สงเสริมความเปนพลเมืองดีทั้งเด็ก เยาวชน และผูใหญ แตมีคนอีกจํานวนมากท่ียังไมเห็นคุณคาของการลูกเสือ น่ันเพราะการลูกเสือยังขาดการ ประชาสัมพันธและการปฏิบัติอยางจริงจังท่ีแสดงใหเห็นถึงคุณความดีของบุคคลที่เกิดจาก กระบวนการการลูกเสอื จงึ เปน สิ่งจําเปนอยางยิ่งท่ีสํานักงานลูกเสือแหงชาติตองเขามามีบทบาท ในการสรา งคุณคาของการลกู เสือใหเ ปนท่ีประจักษกับสาธารณชน การท่ีประเทศไทยมีจํานวน ลกู เสือมากในลาํ ดบั ตน ๆ ของโลก ดังน้ัน จึงเปนเร่ืองทาทายสําหรับการจัดการขอมูลของการ ลูกเสือ ซ่ึงฐานขอมลู ถอื เปนสิง่ สาํ คัญในการบริหารจดั การ เพราะเปน สวนสนบั สนุนในการตดั สินใจ ของผบู รหิ ารและชวยการทํางานของผูปฏิบัติใหมีความรวดเร็ว ถูกตองและแมนยํา นอกจากนี้ บุคลากรถือเปนปจจัยหลักของการจัดการ โดยเฉพาะผูบริหารของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ ซึ่งมีหนาที่ความรับผิดชอบโดยตรงตอการลูกเสือไทย ซ่ึงหลายคนมิไดมีหนาที่เฉพาะในการ ลูกเสอื เพยี งอยา งเดียว แตเ ปนผทู ี่มาโดยตําแหนงตามโครงสรางท่ีถูกกําหนดไวในพระราชบัญญัติ ลกู เสือ พ.ศ. 2551 ดงั น้ัน จึงเปนเร่ืองสําคัญท่ีผูบริหารกลุมนี้ตองศึกษาหาความรูเก่ียวกับการ ลูกเสือใหมาก ๆ โดยเฉพาะผูที่ดํารงตําแหนงเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ควรเปนผูมีหนาที่รับผิดชอบเฉพาะการลูกเสือและปฏิบัติงานเต็มเวลา เปนผูมีอุดมการณ ทางการลูกเสือและมีสมรรถนะทางการจดั การ กจิ กรรมทายเรื่องที่ 3 ลกู เสือกบั การพัฒนาความเปน พลเมืองดี (ใหผ เู รียนไปทาํ กิจกรรมทา ยเรอ่ื งที่ 3 ทสี่ มดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นรูป ระกอบชุดวิชา)

15 เรอ่ื งท่ี 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เพือ่ การพัฒนา การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม เพื่อการพฒั นาของลูกเสือ กศน. ลูกเสือจะตองเรียนรูเก่ียวกับการรูจักตนเอง การรูจักครอบครัว ชุมชน และสังคม และการมี ความรบั ผดิ ชอบและชว ยสรา งสรรคสงั คมใหเกดิ ความสามัคคี ดงั น้ี 4.1 การรูจ กั ตนเอง การรูจ กั และเขา ใจตนเอง สามารถดาํ เนินการไดโดยการสํารวจตนเอง รับรู สภาพการดํารงชีวติ ที่เปน อยูในปจ จบุ นั วา อยใู นสภาวะใดหรอื กาํ ลงั เผชิญปญหาใดอยูบ าง 4.2 การรจู กั ครอบครัว ชุมชน และสงั คม เม่ือเรารูจักตนเองแลว หากเรารักใครเราก็ตองมีความรูเก่ียวกับผูนั้นดวย เชนกัน คนในครอบครัวก็ทํานองเดียวกัน ภรรยาและสามีตองรูจัก และเขาใจกันใหดี รูวาใคร ชอบไมชอบอะไร เหมอื นหรือตา งกนั ตรงไหน ชอบรับประทานอะไร รูจักนิสัยใจคอ ยิ่งครองรัก กนั นานเทา ใด ยงิ่ ตอ งรจู กั กนั มากขน้ึ ไมใ ชรจู กั กนั นอยลง และตองเขา ใจกันใหมากขึ้น ถาเรารัก ลกู กต็ องรูจ ักและมีความรูเกยี่ วกับลูกวาชอบไมช อบวิชาใด ถนัดอะไร ชอบอาชีพอะไร อุปนิสัย เปนอยางไร มีจุดเดน จุดดอยอะไรบาง โดยเราจะตอง “ปรับ” พ้ืนฐานเหลาน้ีใหเขากันใหได เพื่อชวยใหเราสามารถอยูดวยกันอยางมีความสุข การที่เรารูจักนิสัย รูจุดเดน จุดดอย ของ ครอบครัวมากเทา ใดก็จะยิง่ ชว ยใหเราสามารถดแู ลเขาไดด ีขึ้น นอกจากน้ีเรายังตองรูจักชุมชนของเราใหถองแทยิ่งข้ึน ตองศึกษาความเช่ือ ของชมุ ชนเพราะพน้ื ฐานการศึกษาประสบการณ ศาสนามีความแตกตางกัน ตองศึกษาผูนําชุมชน หรือผมู ชี ื่อเสียง ศึกษาบริบทพื้นฐานของชุมชน ไดแ ก ขนาดของชุมชน สถานท่ีต้ังทางภูมิศาสตร ประวัติศาสตร จํานวนประชากร ปญหาของชุมชนท้ังในอดีตและปจจุบัน การประกอบอาชีพ ของคนในชมุ ชน รวู า บทบาทภารกจิ ท่ีตอ งรับผิดชอบคืออะไร มีทักษะและประสบการณในการ ดําเนนิ งานดานใด มคี วามรูส กึ ชอบ และยอมรับความคิดเห็นของผอู นื่ ทั้งผูเห็นตางและผูเห็นดวย สามารถรบั รถู งึ ความรูสึกของผอู ่ืน ตลอดจนมีความรู และทักษะในการสื่อความหมายไดด ี คณุ สมบัตทิ ง้ั หมดนี้ ลว นมีความสาํ คัญมากในการอยูรวมกันของชุมชน เพราะ ความสมั พนั ธท ่ดี ใี นชุมชน จะชวยใหก ารทํางานของชมุ ชนเปน ไปอยา งมปี ระสิทธภิ าพ 4.3 การมีความรบั ผดิ ชอบและชวยสรา งสรรคสงั คมใหเ กิดความสามคั คี สมาชกิ ทกุ คนในสงั คมยอมตองมีบทบาทหนา ท่ตี ามสถานภาพของตน ซึ่งบทบาท และหนาที่ของสมาชิกแตละคนจะมีความแตกตางกันไป แตในหลักใหญและรายละเอียด จะเหมอื นกัน ถา สมาชิกทุกคนในสังคมไดปฏิบัติตามบทบาทหนาท่ีของตนอยางถูกตองก็จะได ชื่อวาเปน \"พลเมืองที่ดีของสังคมและประเทศชาติ\" และยังสงผลใหประเทศชาติพัฒนา อยา งยงั่ ยนื ดังนนั้ สมาชิกในสังคมทุกคน โดยเฉพาะเยาวชนท่ีถอื วา เปนอนาคตของชาติ จึงจําเปน อยางยงิ่ ทจ่ี ะตอ งเรยี นรแู ละปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนาที่ของตน เพ่ือชวยนําพาประเทศชาติใหพัฒนา สืบไป

16 การเปนสมาชิกท่ีดีของสังคมและประเทศชาตินั้นประชาชนทุกคนนับเปนพลัง อันสําคัญท่ีจะชวยกันเสริมสรางกิจกรรม ควรเปนผูท่ีมีคุณธรรม จริยธรรม กลาวคือจะตองมี ธรรมะในการดําเนินชีวติ และรว มแรงรว มใจ สามัคคแี ละเสยี สละเพื่อสว นรวม ไดแก 1) การเสียสละตอสวนรวม เปนคุณธรรมท่ีชวยในการพัฒนาประเทศชาติใหมี ความเจริญกาวหนา เพราะหากสมาชิกในสังคมเห็นแกประโยชนสวนรวม และยอมเสียสละ ประโยชนส ว นตน จะทําใหส ังคมพฒั นาไปอยางรวดเรว็ และมั่นคง 2) การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบตอหนาที่ เปนคุณธรรมท่ีชวยใหคน ในสงั คมอยรู วมกันไดอยา งสงบสุข เพราะถาสมาชิกในสังคมยึดมั่นในระเบียบวินัย รูและเขาใจ สทิ ธิของตนเอง ไมละเมิดสิทธิผูอ่ืน และตั้งใจปฏิบัติหนาท่ีของตนใหดีท่ีสุด สังคมน้ันก็จะมีแต ความสุข เชน ขาราชการทําหนาที่บริการประชาชนอยางดีที่สุด ก็ยอมทําใหเปนที่ประทับใจ รกั ใครข องประชาชนผมู ารับบริการ 3) ความซื่อสตั ยสุจริต เปน คุณธรรมทมี่ คี วามสําคัญ เพราะหากสมาชิกในสังคม ยึดมั่นในความซื่อสัตยสุจริต เชน ไมลักทรัพย ไมเบียดเบียนทรัพยสินของผูอ่ืนหรือของ ประเทศชาติมาเปนของตน รวมทั้งผูนําประเทศมีความซื่อสัตยสุจริตก็จะทําใหสังคมมีแต ความเจรญิ ประชาชนมีแตค วามสุข 4) ความสามัคคี ความรักใครกลมเกลียวปรองดองและรวมมือกันทํางาน เพื่อ ประโยชนสวนรวมจะทําใหสังคมเปนสังคมท่ีเขมแข็ง แตหากคนในสังคมเกิดความแตกแยก ทง้ั ทางความคดิ และการปฏบิ ัติตนในการอยูรวมกนั จะทาํ ใหส งั คมออนแอและลมสลายในท่สี ดุ 5) ความละอายและเกรงกลัวในการทําช่ัว ถาสมาชิกในสังคมมีหิริโอตัปปะ มคี วามเกรงกลวั และละอายในการทาํ ชวั่ สังคมกจ็ ะอยกู ันอยางสงบสุข เชน นักการเมืองจะตอง มีความซ่ือสัตยสุจริตไมโกงกิน ไมเห็นแกประโยชนพวกพอง โดยตองเห็นแกประโยชนของ ประชาชนเปนสาํ คญั ประเทศชาตกิ จ็ ะสามารถพฒั นาไปไดอ ยา งมน่ั คง ดงั น้ัน การสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม เพ่ือการพัฒนา จําเปนตอง มองใหครอบคลุมประเด็นของการพัฒนา และตรงตามความจําเปนท่ีควรไดรับการพัฒนา เพ่ือใหเกิดทักษะการดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางมีความสุข ไมวาจะเปนการพัฒนาตนเอง การพฒั นาสัมพันธภาพระหวางบุคคล หรอื การพฒั นาสมั พนั ธภาพภายในชุมชนและสังคม ซึ่งการ สํารวจเพอ่ื การพฒั นา จึงสามารถทําไดทั้งการสํารวจดวยวิธีมองตนเอง และใหบุคคลอื่นชวยมอง ตัวเรา จากน้ันจึงนาํ ขอ มูลท่ีไดม าคดิ วิเคราะห จัดลาํ ดบั ความเปนไปไดวามีเร่ืองใดที่จะสามารถ พฒั นาไดด ว ยปจ จยั ใด

17 ตัวอยางแบบสาํ รวจ เพอ่ื การพัฒนา ลูกเสอื กศน. หัวขอการสํารวจ ขอ ดี ขอ ควรพฒั นา วิธกี ารพฒั นา ปจ จัย สนับสนุน 1. การพัฒนาตนเอง 1.1 การพัฒนาทางกาย 1.2 การพฒั นาทาง สติปญญา 1.3 การพฒั นาทาง จิตใจ 1.4 การพฒั นาทาง สังคม 2. การพัฒนา สัมพนั ธภาพ ระหวางบคุ คล 3. การพฒั นา สมั พนั ธภาพภายใน ชุมชนและสังคม กจิ กรรมทา ยเรอื่ งที่ 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและสงั คม เพอื่ การพฒั นา (ใหผูเรียนไปทาํ กิจกรรมทายเรือ่ งที่ 4 ท่สี มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรปู ระกอบชดุ วชิ า)

18 หนวยการเรยี นรูที่ 2 การลูกเสอื ไทย สาระสาํ คญั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยูห วั ทรงเล็งเหน็ ความสําคัญของกจิ การลกู เสอื จึงไดทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยขึ้นเม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ในการตั้งลูกเสือ กเ็ พอ่ื ใหค นไทยรกั ชาติบานเมือง เปนผูนับถือศาสนาและมีความสามัคคี ไมทําลายซ่ึงกันและกัน เปน รากฐานแหง ความม่ันคงของประเทศชาติ โดยกิจการลูกเสือไทย เร่ิมขึ้นครั้งแรกที่โรงเรียน มหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ในปจจุบัน) เมื่อวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 มคี วามเจริญกาวหนามาถงึ ปจจุบัน (พ.ศ. 2561) นับเนอ่ื งเปนเวลา 107 ป โดยจําแนกตามรัชสมัย ดังน้ี 1) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวรัชกาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468) 2) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 7 (พ.ศ. 2468 –2477) 3) รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลท่ี 8 (พ.ศ. 2477 – 2489) 4) รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอลุยเดช รัชกาลท่ี 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) และ 5) รชั สมยั สมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลท่ี 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถงึ ปจ จบุ ัน) พระราชบัญญัติลกู เสอื แหงชาติ พ.ศ. 2551 ไดกําหนดไววาคณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย บรรดาลูกเสือท้ังปวง และบคุ ลากรทางการลูกเสือ โดยมพี ระมหากษัตริยทรงเปน ประมุขของคณะลูกเสือแหงชาติ การบริหารงานของคณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย สภาลูกเสือแหงชาติมีนายกรัฐมนตรีเปนสภานายก มีกรรมการโดยตําแหนง และกรรมการ ผูทรงคุณวุฒิ กรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ มีรัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ เปนประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตําแหนง และกรรมการผูทรงคุณวุฒิ กรรมการลูกเสือ จังหวัด มีผูวาราชการจังหวัด เปนประธานกรรมการมีกรรมการโดยตําแหนง กรรมการ ประเภทผูแ ทน และกรรมการผูทรงคณุ วฒุ ิ กรรมการลกู เสอื เขตพนื้ ท่กี ารศึกษา มผี ูอ าํ นวยการ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา เปนประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตําแหนง กรรมการ ประเภทผแู ทน และกรรมการผูทรงคุณวฒุ ิ

19 ตัวช้ีวดั 1. อธิบายประวตั ิการลูกเสือไทย 2. อธิบายความรูทว่ั ไปเก่ยี วกบั คณะลกู เสือแหงชาติ ขอบขา ยเน้อื หา เรือ่ งท่ี 1 ประวัติการลูกเสือไทย 1.1 พระราชประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยหู วั 1.2 กาํ เนิดลูกเสือไทย 1.3 กจิ การลูกเสือไทยแตละยคุ เรอ่ื งท่ี 2 ความรูท ัว่ ไปเก่ียวกบั คณะลูกเสือแหง ชาติ 2.1 คณะลูกเสอื แหง ชาติ 2.2 การบริหารงานของคณะลูกเสือแหง ชาติ 2.3 การลูกเสอื ในสถานศกึ ษา เวลาที่ใชใ นการศกึ ษา 3 ชัว่ โมง ส่ือการเรยี นรู 1. ชดุ วิชาลูกเสือ กศน. รหสั รายวชิ า สค32035 2. สมุดบันทกึ กิจกรรมการเรยี นรูประกอบชุดวชิ า 3. ส่อื เสริมการเรียนรูอืน่ ๆ

20 เรื่องท่ี 1 ประวตั กิ ารลูกเสือไทย พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจาอยูหัว ทรงเล็งเห็นความสาํ คญั ของกจิ การลกู เสอื จึงไดทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยข้ึนเม่ือวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 โดยมีพระราช ประสงค 3 ประการ ซึ่งเปนรากฐานแหงความม่ันคงที่จะนําใหชาติดํารงอยูเปนไทยไดสมนาม คอื 1) ความจงรักภกั ดตี อผทู รงดาํ รงรัฐสีมาอาณาจักรโดยตองตามนิติธรรมประเพณี 2) ความรัก ชาตบิ านเมืองและนับถอื พระศาสนา และ 3) ความสามัคคีในคณะและไมทําลายซ่ึงกันและกัน ประเทศไทยเปน ประเทศอนั ดับทส่ี ามของโลกทม่ี ีลูกเสอื โดยต้ังกองลกู เสือกองแรกข้นึ ทีโ่ รงเรียน มหาดเล็กหลวงหรือโรงเรียนวชิราวุธวทิ ยาลยั ในปจ จบุ นั เรียกวา กองลูกเสือกรงุ เทพฯ ที่ 1 ลูกเสือ คนแรกของประเทศไทย คือ นายชัพน บุนนาค พระองคไดทรงดําเนินการสอนลูกเสือโดย พระองคเอง วิชาที่ใชในการฝกอบรมเปนวิชาฝกระเบียบแถว ทาอาวุธ การสะกดรอย หนาที่ ของพลเมอื ง ฯลฯ และไดท รงพระกรณุ าโปรดเกลา โปรดกระหมอมพระราชทานพระบรมราชานุญาต ใหจ ดั ตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียนตาง ๆ ทาํ ใหก ิจการลูกเสือไดร ับความนยิ มแพรห ลายและเจริญขึ้น อยางรวดเรว็ และโปรดเกลา โปรดกระหมอ มใหมขี อบังคับลักษณะการปกครองลูกเสือ พระองค ทรงต้ังสภากรรมการลูกเสือแหงชาติและพระองคดํารงตําแหนงสูงสุดของคณะลูกเสือแหงชาติ หลังจากนั้นพระมหากษตั ริยไ ทยทกุ ประองคท รงเปนพระประมุขของคณะลกู เสือแหง ชาติ ประวัตลิ กู เสือไทย แบงออกเปน 5 ยุค ไดแ ก 1) ยุคกอตัง้ (พ.ศ. 2454 - 2468) เปน ยคุ รชั กาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ- เกลาเจาอยูหัว โดยพระองคทรงสถาปนาลูกเสือแหงชาติขึ้น เมื่อวันท่ี 1 กรกฏาคม พ.ศ. 2454 โปรดใหต้ังกองลกู เสือกองแรกข้ึนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง เรียกวากองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ 1 ซง่ึ ตอมากิจการลกู เสอื ไดขยายตัวไปหลายจังหวดั 2) ยคุ สงเสริม (พ.ศ. 2468 - 2482) เร่มิ ตง้ั แตแผน ดนิ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา- เจา อยูห ัว จนถึงตนสงครามโลกครง้ั ที่ 2 ยคุ น้ไี ดมกี ารชุมนุมลูกเสือแหงชาติข้ึนเปนคร้ังแรก เมื่อ พ.ศ. 2470 ณ พระราชวงั อทุ ยานสราญรมย จงั หวดั พระนคร และเม่ือ พ.ศ. 2473 ไดมีการจัดงาน ชุมนมุ ลูกเสอื แหงชาติ คร้งั ท่ี 2 ณ สถานท่เี ดียวกัน ป พ.ศ.2476 ตงั้ กองลกู เสือสังกัดกรมพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และ พ.ศ. 2482 ไดมีการตราพระราชบัญญตั ลิ ูกเสือข้ึนเปน ฉบับแรก 3) ยคุ ประคบั ประคอง (พ.ศ. 2482 - 2489) เปนยุคทีอ่ ยูใ นระหวางเกิดสงครามโลก ครง้ั ท่ี 2 ผลของสงครามทาํ ใหก จิ การลกู เสอื ซบเซาลงมาก มกี ารตราพระราชบญั ญตั ิยวุ ชนแหงชาติขึ้น โดยแบงหนวยราชการเปนหนวยลกู เสอื และหนวยยุวชนทหาร 4) ยคุ กา วหนา (พ.ศ. 2489 - 2514) กิจการลูกเสือท่ีสําคัญที่เกิดข้ึนในยุคน้ี คือ การยกเลิกพระราชบัญญัติยุวชนแหงชาติ พ.ศ. 2486 ไดตราพระราชบัญญัติลูกเสือข้ึน พ.ศ. 2490 และไดต้งั คายลูกเสือวชริ าวุธทจี่ ังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2504 มีการฝกอบรมวิชาผูกํากับ ลูกเสอื สามัญ ขนั้ วูดแบดจ ครั้งท่ี 1 และสงเจาหนา ที่ไปรวมกิจกรรมของกิจกรรมลูกเสือนานาชาติ กจิ กรรมของลกู เสอื โลกหลายกจิ กรรม

21 5) ยุคถึงประชาชน (พ.ศ. 2514 - ปจจุบัน) เกิดกิจกรรมลูกเสือชาวบาน โดยสภาลูกเสอื แหงชาติ มีมติรับกิจการลูกเสือชาวบานเปนสวนหน่ึงของคณะลูกเสือแหงชาติ เม่ือ พ.ศ. 2516 และกระทรวงศึกษาธิการไดมีคําสั่งลงวันท่ี 4 เมษายน พ.ศ. 2516 ใหนําวิชา ลกู เสือเขาสูหลกั สูตรของโรงเรียน จะเห็นไดวา กจิ การลูกเสือมีประวัติที่ยาวนาน เปน กระบวนการท่ีทั่วโลกยอมรับวา สามารถพัฒนาเยาวชนใหเปนพลเมืองท่ีดี มีความรับผิดชอบตอตนเอง ตอสวนรวมและชาติ บา นเมืองไดเปนอยางดี รูจักการทํางานเปนระบบหมู รูจักการเปนผูนําและผูตาม รวมทั้งเปน กระบวนการท่ีฝกคนใหรูจักการเปนประชาธิปไตย ฝกผูใหญใหรูจักวิธีการฝกชาวบานใหรูจัก แยกแยะชัว่ ดี 1.1 พระราชประวัตขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจา อยหู วั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงเปนพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลาเจาอยูห วั และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (สมเด็จ พระนางเจาเสาวภาผองศรี) ทรงพระราชสมภพ เม่ือวันเสารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ไดรับ พระราชทานพระนามวาสมเด็จเจาฟาวชิราวุธ เมื่อทรงพระเยาวไดศึกษาวิชาหนังสือไทยกับ พระยาศรสี ุนทรโวหาร เพิ่งไดพระชนมายุได 13 พรรษา เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ใน สาขาประวตั ิศาสตร รัฐศาสตร กฎหมาย วรรณคดี ทีม่ หาวทิ ยาลยั ออกฟอรด และวิชาทหารบกที่ โรงเรยี นแฮนดเ ฮสิ ต รวม 9 ป พระองคไดเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติตอจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ เม่อื วนั ท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ขณะน้ันมีพระชนมายุได 31 พรรษา ตลอดรัชสมัยของพระองค ไดทรงประกอบพระราชกรณียกิจทํานุบํารุงประเทศชาติในดานการปกครอง การทหาร การศกึ ษา การสาธารณสุข การคมนาคม การศาสนา โดยเฉพาะทางวรรณคดีทรงพระราชนิพนธ ทัง้ รอ ยแกว รอ ยกรองประมาณ 200 เรื่อง ดว ยพระปรชี าสามารถของพระองค ประชาชนจึงถวาย พระสมญาแดพระองควา “พระมหาธีรราชเจา” ทรงอยูในราชสมบัติเพียง 16 ป เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 พระชนมายุ 46 พรรษา แตเน่ืองดวยพระราชกรณียกิจ ของพระองค ทําใหเกดิ คุณประโยชนแกบานเมืองอยา งใหญห ลวง รฐั บาลกบั ประชาชนจึงรว มใจกัน สรางพระบรมรูปของพระองคประดิษฐานไวที่สวนลุมพินี และคณะลูกเสือแหงชาติ รวมดวย คณะลูกเสือท่ัวราชอาณาจักร ไดสรางพระบรมรูปของพระองคประดิษฐานไวหนาคายลูกเสือ วชริ าวธุ อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบรุ ี

22 1.2 กําเนิดลกู เสอื ไทย ในการตั้งลูกเสือก็เพ่ือใหคนไทยรักชาติบานเมือง เปนผูนับถือศาสนาและ มีความสามัคคี ไมทําลายซึ่งกันและกัน เปนรากฐานแหงความมั่นคงของประเทศชาติ ทรงให ทม่ี าของช่อื ลกู เสอื ไววา “ลูกเสือบใ ชเสือสัตวไพร เรายืมมาใชดว ยใจกลา หาญปานกนั ใจกลา มใิ ชก ลา อธรรม เชน เสืออรญั สญั ชาติชนคนพาล ใจกลา ตองกลา อยา งทหาร กลา กอปรกิจการแกชาติประเทศเขตคน” พทุ ธศักราช 2454 (ค.ศ. 1911) พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา เจา อยหู วั ทรงกอ ตั้งกจิ การลกู เสอื ไทย เมือ่ วันท่ี 1 กรกฎาคม 2454 พทุ ธศกั ราช 2463 (ค.ศ. 1920) สง ผูแทนคณะลูกเสือไทยไปรว มงานชมุ นุมลูกเสือโลก คร้งั ท่ี 1 ณ ประเทศองั กฤษ พุทธศกั ราช 2465 (ค.ศ. 1922) คณะลกู เสือแหง ชาติ เขาเปนสมาชกิ สมัชชาลูกเสือโลก พทุ ธศกั ราช 2467 (ค.ศ. 1924) สง ผแู ทนคณะลกู เสือไทยไปรวมงานชุมนมุ ลกู เสอื โลก คร้ังท่ี 2 ณ ประเทศเดนมารก พุทธศกั ราช 2470 (ค.ศ. 1927) จัดงานชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาติคร้ังท่ี 1 (1st National Jamboree) ณ พระราช อุทยานสราญรมย 26 กุมภาพนั ธ - 3 มีนาคม 2470 จํานวนลกู เสือไทยท้งั ส้ิน 1,836 คน พทุ ธศกั ราช 2473 จัดงานชุมนมุ ลกู เสอื แหงชาติครง้ั ท่ี 2 (2st National Jamboree) ณ พระราช อทุ ยานสราญรมย 1 - 7 มกราคม 2473 จํานวนลูกเสอื ไทย 1,955 คน ลูกเสอื ตา งประเทศ 22 คน

23 พุทธศกั ราช 2478 กําเนิดตราประจําคณะลูกเสอื แหง ชาติ พุทธศกั ราช 2497 จัดงานชมุ นมุ ลกู เสือแหง ชาติครง้ั ท่ี 3 (3st National Jamboree) ณ กรีฑา สถานแหง ชาตพิ ระนคร 20 - 26 พฤศจิกายน 2497 จํานวนลกู เสือไทย 5,155 คน พทุ ธศกั ราช 2499 (ค.ศ. 1956) เปน สมาชิกของสํานักงานลกู เสือภาคตะวนั ออกไกล ซึง่ เพง่ิ จดั ตง้ั ข้นึ ขณะนั้น มปี ระเทศสมาชิกอยู 10 ประเทศ พทุ ธศกั ราช 2504 (ค.ศ. 1961) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 50 ปลกู เสือไทย จดั งานชมุ นุมลูกเสอื แหง ชาติครง้ั ที่ 4 ณ สวนลุมพินี พระนคร 19 - 25 พฤศจิกายน 2504 จํานวนลูกเสอื ไทย 5,539 คน ลกู เสือตา งประเทศ 348 คน พุทธศกั ราช 2505 (ค.ศ. 1962) เปน เจา ภาพจัดการประชุมผูบังคับบญั ชาลูกเสือภาคพ้นื ตะวันออกไกล ครั้งที่ 3 (3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสนั ติธรรม วชริ าวธุ พุทธศกั ราช 2508 (ค.ศ. 1965) จัดงานประชุมสภาลกู เสอื แหงชาติ ครงั้ ท่ี 1 (1st National Scout Conference) จดั งานชมุ นุมลกู เสือแหงชาติครง้ั ท่ี 5 (5st National Jamboree) ณ คา ยลูกเสือ 9 - 15 ธันวาคม 2508 จาํ นวนลกู เสอื ไทย 5,736 คน ลูกเสือตางประเทศ 431 คน วชิราวุธ พทุ ธศกั ราช 2512 (ค.ศ. 1969) จดั งานชมุ นมุ ลูกเสือแหง ชาติครัง้ ที่ 6 (6st National Jamboree) ณ คา ยลกู เสือ 11 - 17 ธันวาคม 2512 จํานวนลกู เสอื ไทย 5,000 คน ลกู เสือตา งประเทศ 582 คน

24 จงั หวัดเลย พุทธศกั ราช 2514 (ค.ศ. 1971) วชิราวธุ เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปก ารลูกเสือไทย เขา รว ม ทดลองเปด อบรมลกู เสอื ชาวบา นครัง้ แรก ณ บา นเหลา กอหก ก่งิ อําเภอนาแหว จัดงานชุมนมุ ลกู เสือแหงชาติครงั้ ที่ 7 (7st National Jamboree) ณ คายลูกเสอื 28 - 30 มิถนุ ายน 2514 จํานวนลกู เสือไทย 1,667 คน ลูกเสอื ตางประเทศไมไ ด วชริ าวธุ พุทธศกั ราช 2516 (ค.ศ. 1973) 256 คน จัดงานชมุ นุมลกู เสือแหง ชาติครั้งที่ 8 (8st National Jamboree) ณ คายลกู เสือ 23 - 30 พฤศจิกายน 2516 จํานวนลูกเสอื ไทย 4,968 คน ลูกเสือตางประเทศ วชริ าวธุ พทุ ธศกั ราช 2520 (ค.ศ. 1977) 159 คน จดั งานชมุ นุมลกู เสอื แหงชาติครั้งท่ี 9 (9st National Jamboree) ณ คา ยลกู เสือ 21 - 27 พฤศจิกายน 2520 จํานวนลูกเสอื ไทย 10,827 คน ลกู เสอื ตางประเทศ พุทธศกั ราช 2523 (ค.ศ. 1980) จดั งานชุมนุมลกู เสอื แหง ชาติคร้งั ที่ 10 (10st National Jamboree) ณ คา ยลูกเสอื วชริ าวุธ 28 ธ.ค. 2523 - 3 ม.ค. 2524 จาํ นวนลกู เสือไทย 12,692 คน ลูกเสือ ตางประเทศ 108 คน พทุ ธศกั ราช 2528 (ค.ศ. 1985) เปน เจา ภาพจัดงานชมุ นมุ ลูกเสอื ภาคพ้ืนเอเชีย - แปซิฟก คร้งั ท่ี 9 งานชมุ นุมลกู เสอื แหงชาติ ครง้ั ที่ 11 (11st National Jamboree) ณ คายลูกเสอื วชิราวุธ 21 - 27 พฤศจกิ ายน 2528 จาํ นวนลกู เสือไทย 5,336 คน ลกู เสือตา งประเทศ 391 คน

25 พุทธศกั ราช 2529 (ค.ศ. 1986) เปนเจา ภาพจดั การประชมุ สมชั ชาลูกเสือภาคพน้ื เอเชยี - แปซฟิ ก ครงั้ ท่ี 15 พุทธศกั ราช 2532 (ค.ศ. 1989) งานชมุ นุมลูกเสือครงั้ ท่ี 12 ณ คา ยลูกเสอื วชริ าวุธ 21 - 27 พฤศจิกายน 2532 จาํ นวนลูกเสอื ไทย 9,330 คน ลูกเสอื ตางประเทศ 422 คน พทุ ธศกั ราช 2534 (ค.ศ. 1991) จดั กจิ กรรมเฉลิมฉลอง 80 ปล ูกเสอื ไทย งานชุมนุมลกู เสอื แหงชาติ ครัง้ ท่ี 13 (13st National Jamboree) ณ คายลกู เสือวชริ าวธุ 1 - 7 กรกฎาคม 2534 จํานวนลูกเสอื ไทย 10,022 คน ลกู เสือตา งประเทศ 357 คน พทุ ธศกั ราช 2536 (ค.ศ. 1993) เปนเจาภาพจดั การประชมุ สมชั ชาลูกเสอื โลก ครงั้ ท่ี 33 ทก่ี รงุ เทพ (33rd World Scout Conference) งานชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาติ ครั้งที่ 14 (14st National Jamboree) ณ คายลกู เสอื วชิราวธุ 22 - 28 พฤศจกิ ายน 2536 จาํ นวนลูกเสือไทย 10,263 คน ลกู เสือตางประเทศ 357 คน พทุ ธศกั ราช 2540 (ค.ศ. 1997) จัดงานชมุ นุมลกู เสือแหง ชาติครั้งท่ี 15 (15st National Jamboree) ณ คา ยลูกเสอื วชิราวธุ 21 - 27 พฤศจิกายน 2540 จํานวนลูกเสอื ไทย 11,274 คน ลกู เสอื ตา งประเทศ 160 คน พุทธศกั ราช 2544 (ค.ศ. 2001) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 90 ปล ูกเสอื ไทย เตรยี มการ การจดั งานชมุ นุมลูกเสอื โลก จดั งานชุมนุมลูกเสือแหง ชาติ คร้งั ท่ี 16 ณ หาดยาว จ.ชลบุรี 28 ธ.ค. 2544 - 4 ม.ค. 2545

26 พทุ ธศกั ราช 2546 (ค.ศ. 2003) เปน เจาภาพจดั งานชุมนุมลูกเสอื โลก ครงั้ ท่ี 20 (20thWorld Scout Jamboree) พุทธศกั ราช 2548 (ค.ศ. 2005) จดั งานชุมนมุ ลกู เสอื แหงชาติครั้งที่ 17 (17st National Jamboree) ณ หาดยาว จ.ชลบุรี 25 - 31 กรกฎาคม 2548 เปนเจา ภาพจดั งานชมุ นุมลูกเสอื ภาคพื้นเอเชีย - แปซิฟก ครัง้ ท่ี 25 (25th Asia – Pacific Regional Scout Jamboree) พุทธศกั ราช 2552 (ค.ศ. 2009) จดั งานชุมนุมลกู เสือแหงชาติครง้ั ท่ี 18 ณ คา ยลกู เสือไทยเฉลิมพระเกียรติ จ.ตรัง 25-30 เมษายน 2552 พทุ ธศกั ราช 2554 (ค.ศ. 2011) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 100 ปการลกู เสอื ไทย 1.3 กจิ การลกู เสือไทยแตล ะยคุ กิจการลูกเสือไทย เร่ิมข้ึนครั้งแรกที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียน วชิราวุธวิทยาลัย ในปจจุบัน) เม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 มีความเจริญกาวหนามาถึง ปจจุบนั (พ.ศ. 2561) นับเนือ่ งเปนเวลา 107 ป โดยจําแนกตามรชั สมัย ดงั น้ี 1) รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลาเจาอยหู วั รชั กาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468) 2) รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลาเจา อยูห ัว รชั กาลที่ 7 (พ.ศ. 2468 –2477) 3) รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล รชั กาลท่ี 8 (พ.ศ. 2477 – 2489) 4) รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอลยุ เดช รัชกาลที่ 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) 5) รชั สมัยสมเดจ็ พระเจาอยหู ัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถึงปจจุบนั )

27 1) การลูกเสอื ไทยรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468) ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงพระราชทานกําเนิด เสอื ปาได 2 เดือน ซึ่งในระยะเวลาน้ันกิจการเสือปาไดดําเนินไปอยางเปนท่ีพอพระราชหฤทัย อยางยิ่ง เห็นไดจากการเพ่ิมจํานวนสมาชิกของเสือปาท่ีมากขึ้น และกิจการเสือปาถูกจําแนก ออกไปเปน กองเสอื ปาประเภทตาง ๆ อกี มาก แมจะทรงพอพระราชหฤทัยเพยี งใด พระองคก็ไม เคยทจี่ ะยุติในพระราชดําริที่จะเปนประโยชน ตอประเทศชาติ ดวยพระองคทรงเห็นวากิจการ เสือปา นน้ั แมจ ะประสบผลสาํ เร็จเพยี งใด แตสมาชิกน้ันเปนผูใหญแตฝายเดียว ทั้ง ๆ ที่บานเมืองน้ัน ประกอบดวยพลเมอื งหลายชวงวัย เด็กผูชายทั้งหลายก็เปนผูท่ีสมควรจะไดรับการฝกฝน และ ปลูกฝงอุดมการณความรักชาติไปพรอม ๆ กับการฝกฝนใหมีความรู และทักษะในทางเสือปาดวย เพือ่ วาในอนาคตเม่อื เติบโตขึ้นจะไดประพฤติตัวใหเปนประโยชนแกบ า นเกดิ เมืองนอน ดงั นั้น ในวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว จงึ ไดท รงพระราชทานกําเนดิ กจิ การเสือปาสาํ หรบั เด็กชาย ท่ีทรงพระราชทานช่ือวา ลูกเสือ ในกิจการน้ีพระองคทรงมีพระราชประสงคที่ใหเด็กชายจดจําหลักสําคัญ 3 ประการคอื 1) ความจงรักภักดีตอผูทรงดํารงรัฐสีมาอาณาจักร โดยตองตามนิติธรรม ประเพณี 2) ความรักชาติบา นเมอื ง และนับถือพระศาสนา 3) ความสามัคคใี นคณะ และไมทาํ ลายซ่ึงกันและกัน การกอตั้งกิจการลูกเสือในครั้งแรกน้ัน พระองคทรงต้ังกองลูกเสือใหมีใน โรงเรียนกอน และกองลูกเสอื กองแรกของสยามประเทศคือ กองลกู เสอื โรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือโรงเรยี นวชริ าวธุ ในปจจุบัน และถูกเรียกวากองลูกเสือหลวง หรือกองลูกเสือกรุงเทพที่ 1 และลูกเสือในโรงเรียนน้ีก็ถูกเรียกวาลูกเสือหลวงเชนกัน กอนที่กิจการลูกเสือจะขยายไปสู โรงเรยี นเด็กชายท่ัวประเทศในเวลาไมนาน โดยลูกเสือคนแรก คือ นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ทีช่ อ่ื ชัพน บนุ นาค การเปนลูกเสือของนาย ชัพน บุนนาค น้ันเกิดจากการที่ไดแตงเครื่องแบบ ลูกเสือ และกลาวคําปฏิญาณของลูกเสือ ซึ่งเปนการกลาวตอหนาพระพักตร ซึ่งคร้ังน้ันมีผูท่ี บนั ทกึ เหตุการณเอาไวว า

28 ร.6 - “อา ยชพั น ดอกหรือ เอง็ กลาวคาํ สาบานของ ลกู เสอื ไดห รอื เปลา” ชพั น - “ขา พระพุทธเจา ทอ งมาแลววา 1. ขา จะมใี จจงรักภักดีตอพระเจาอยหู ัว 2. ขาจะประพฤติตนใหส มควรเปนลกู ผชู าย 3. ขาจะประพฤตติ นตามขอบังคับและแบบแผน ของลูกเสอื ” ร.6 - ในหนาที่ซึ่งขาไดเปนผูประสิทธิประสาทลูกเสือ ของชาตขิ ้นึ มา ขาขอใหเ จาเปน ลูกเสือคนแรก” จากน้ันพระองคทรงมีพระราชดํารัสเพียงส้ัน ๆ วา “อาย ชัพน เอ็งเปนลูกเสือแลว\" และแลวกิจการลูกเสือ ก็ไดถือกําเนิดขึ้นมาอยาง สมบูรณแบบ ตอมาพระองคก็ทรงพระราชทานคติพจน ใหก บั ลูกเสือท่ีภายหลังลือล่ันไปทั่วท้ังแผนดินและ เปนท่ีกลาวขาน รําลึก พูดสอนกันอยางติดปากใน สงั คม อีกท้งั ยังปรากฏอยบู นเคร่ืองหมายสําคัญตาง ๆ ของลกู เสอื วา “เสยี ชพี อยาเสยี สัตย” คาํ วา ลูกเสือ ทพี่ ระองคท รงพระราชทาน ชื่อน้ัน มีนัยวาพระองคทรงเลนลอคํากับคําวา เสือปา ที่บางครั้งทรงเรียกวา พอเสือ และเม่ือมีกิจการแบบเดียวกันท่ีมีเหลาสมาชิกเปน เด็กชาย พระองคจึงทรงใชคําวาลูกเสือ แตภายหลังทรงพระราชนิพนธถึงท่ีมาของชื่อลูกเสือ อยา งเปนทางการเอาไวว า “ลกู เสอื บ ใชส ตั วเสอื ไพร เรายมื มาใชดวยใจกลาหาญปานกนั ใจกลามใิ ชก ลา อาธรรม เชนเสอื อรญั สัญชาติชนคนพาล ใจกลา ตองกลาอยา งทหาร กลากอปรกิจการแกช าตปิ ระเทศเขตคน\"


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook