หน้า 151 2. เขา้ ใจสมดุลพลงั งานของโลก การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมนุ เวียนของนา้ํ ใน มหาสมทุ ร การเกดิ เมฆ การเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศโลกและผลต่อส่งิ มชี วี ิตและส่ิงแวดล้อม รวมท้ัง การพยากรณ์อากาศ ชน้ั ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพมิ่ เติม ม.4 - - ม.5 1. อธบิ ายปจั จยั สาํ คญั ที่มีผลตอ่ การรับและคาย • บรเิ วณตา่ งๆของโลกไดร้ ับพลังงานจากดวงอาทติ ย์ พลงั งานจากดวงอาทิตยแ์ ตกต่างกัน และผลท่ีมตี ่อ ในรปู ของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าในปริมาณที่แตกตา่ งกัน อุณหภูมิอากาศในแตล่ ะบรเิ วณของโลก เนอ่ื งจากโลกมีสัณฐานคล้ายทรงกลมและแกนหมนุ โลก 2. อธิบายกระบวนการท่ีทําใหเ้ กดิ สมดุลพลงั งาน เอียงทํามุมกับแนวต้ังฉากกับระนาบการโคจรของโลก ของโลก รอบดวงอาทิตยส์ ่งผลต่อการตกกระทบของรังสีดวง อาทิตย์ ซึ่งสว่ นท่ผี า่ นเข้ามาในชัน้ บรรยากาศจนถึง พืน้ ผวิ โลกจะเกดิ ระบวนการสะทอ้ น ดูดกลืนและถา่ ย โอนพลังงานแล้วปลดปล่อยกลับส่อู วกาศแตกต่างกัน เนอ่ื งจากปจั จยั ตา่ งๆ เชน่ ลกั ษณะของพื้นผิวชนดิ และ ปรมิ าณของแกส๊ เรือนกระจก ละอองลอยและเมฆทํา ใหพ้ ้ืนผิวโลกแตล่ ะบริเวณมีอณุ หภมู ิอากาศแตกต่างกนั • พลงั งานจากดวงอาทติ ย์โดยเฉลย่ี ที่โลกไดร้ บั เทา่ กบั พลงั งานเฉลี่ยทโี่ ลกปลดปล่อยกลับส่อู วกาศทําใหเ้ กดิ สมดลุ พลังงานของโลกสง่ ผลให้อณุ หภูมเิ ฉลยี่ ของ พืน้ ผิวโลกในแตล่ ะปคี ่อนขา้ งคงที่ 3. อธิบายผลของแรงเนอื่ งจากความแตกต่างของ • การหมนุ เวยี นของอากาศเกิดขนึ้ จากความกดอากาศ ความกดอากาศ แรงคอรอิ อลิส แรงส่ศู นู ย์กลางและ ท่ีแตกตา่ งกันระหวา่ งสองบรเิ วณ โดยอากาศเคลอื่ นท่ี แรงเสยี ดทานท่มี ีต่อการหมนุ เวยี นของอากาศ จากบรเิ วณทมี่ ีความกดอากาศสงู ไปยังบริเวณทม่ี ีความ กดอากาศต่ําซึ่งจะเห็นได้ชดั เจนในการเคลอ่ื นทขี่ อง อากาศในแนวราบ และเมื่อพจิ ารณาในการเคลอื่ นที่ ของอากาศในแนวด่งิ จะพบว่าอากาศเหนอื บริเวณ ความกดอากาศตํ่าจะมกี ารยกตวั ข้ึน ขณะท่ีอากาศ เหนอื บริเวณความกดอากาศสงู จะจมตัวลง โดยการ เคลอ่ื นที่ของอากาศท้ังในแนวราบและแนวด่งิ นี้ ทาํ ให้ เกดิ เป็นการหมนุ เวยี นของอากาศ การหมุนรอบตวั เอง ของโลกจะทําใหเ้ กิดรงคอรอิ อลสิ ซง่ึ มีผลให้ทิศทาง การเคลอื่ นทข่ี องอากาศเบนไป โดยอากาศทีเ่ คลือ่ นที่ ในบริเวณซกี โลกเหนือจะเบนไปทางขวาจากทิศทาง เดมิ ส่วนบริเวณซกี โลกใตจ้ ะเบนไปทางซา้ ยจากทิศ ทางเดมิ เช่น ลมค้าและมรสุม • แรงสูศ่ ูนย์กลางซึ่งทาํ ใหเ้ กดิ การหมนุ ของลม เชน่ พายหุ มุนเขตรอ้ น ทอร์นาโด พายุงวงชา้ ง และแรง ตา้ นการเคลือ่ นท่ขี องวตั ถุหรือแรงเสยี ดทานส่งผลต่อ อัตราเรว็ ลม เชน่ พายุไต้ฝนุ่ เมื่อเคลือ่ นตัวเขา้ สูช่ ายฝ่งั จะลดระดบั ความรุนแรงลงเปน็ พายุโซนร้อนหรอื ดีเพรสชั่น ชั้น ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หน้า 152 ม.5 4. อธบิ ายการหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละติจูด • แตล่ ะบรเิ วณของโลกมีความกดอากาศแตกต่างกัน และผลท่ีมีต่อภูมอิ ากาศ ประกอบกบั อทิ ธพิ ลจากการหมุนรอบตวั เองของโลก ทาํ ใหอ้ ากาศในแตล่ ะซีกโลกเกิดการหมุนเวยี นของ อากาศตามเขตละตจิ ูด แบ่งออกเปน็ 3 แถบ โดยแต่ ละแถบมีภูมอิ ากาศแตกตา่ งกัน ไดแ้ ก่ การหมนุ เวียน แถบข้วั โลกมภี มู ิอากาศ แบบหนาวเยน็ การหมุนเวียน แถบละติจูดกลางมีภมู ิอากาศแบบอบอ่นุ และการหมุน เวียนแถบเขตร้อน มีภมู ิอากาศแบบร้อนชน้ื • บรเิ วณรอยตอ่ ของการหมนุ เวยี นอากาศแตล่ ะแถบ ละติจดู จะมีลกั ษณะลมฟ้าอากาศทแี่ ตกต่างกัน เชน่ บริเวณใกลศ้ นู ย์สตู รมีปริมาณหยาดนาํ้ ฟา้ เฉล่ียสงู กว่า บริเวณอน่ื บริเวณละติจดู 30 องศามีอากาศแหง้ แล้ง ส่วนบริเวณละตจิ ูด 60 องศาอากาศมีความแปรปรวนสูง 5. อธิบายปัจจัยที่ทําใหเ้ กดิ การแบ่งชนั้ น้ําใน • นํ้าในมหาสมทุ รมีอุณหภูมแิ ละความเค็มของนาํ้ มหาสมทุ ร แตกต่างกนั ในแต่ละบรเิ วณและแต่ละระดับความลกึ 6. อธบิ ายปัจจยั ท่ีทําใหเ้ กิดการหมุนเวียนของนํ้า ซ่ึงหากพจิ ารณามวลนํา้ ในแนวด่ิงและใชอ้ ุณหภมู เิ ป็นเ ในมหาสมุทรและรูปแบบการหมุน เวียนของนาํ้ กณฑ์จะสามารถแบง่ ช้ันนา้ํ ได้เปน็ 3 ช้ัน คือ น้ําชั้นบน ในมหาสมทุ ร น้ําช้นั เทอรโ์ มไคลน์และนาํ้ ชัน้ ล่าง • การหมุนเวียนของกระแสนํ้าผิวหน้าในมหาสมทุ ร 7. อธบิ ายผลของการหมุนเวยี นของนํา้ ในมหาสมุทร ได้รบั อทิ ธิพลจากการหมนุ เวียนของอากาศในแตล่ ะ ทีม่ ตี อ่ ลักษณะลมฟ้าอากาศสิ่งมีชีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม แถบละติจดู เปน็ ปัจจัยหลักประกอบกบั แรงคอริออลสิ ทาํ ใหบ้ รเิ วณซีกโลกเหนือมกี ารไหลเวยี นของกระแสนํา้ ผวิ หนา้ ในทศิ ทางตามเข็มนาฬิกา และทวนเขม็ นาฬกิ า ในซกี โลกใต้ ซ่ึงกระแสนา้ํ ผวิ หน้าในมหาสมุทรมีทง้ั กระแสนาํ้ อุน่ และกระแสน้ําเยน็ สว่ นการหมนุ เวียน กระแสนํา้ ลึกเปน็ การหมุนเวียนของน้ําชั้นล่างเกิด จากความแตกตา่ งของอณุ หภมู แิ ละความเค็มของนา้ํ โดยกระแสน้าํ ผิวหนา้ และกระแสน้ําลกึ จะหมนุ เวียน ตอ่ เน่ืองกนั • การหมุนเวยี นอากาศและนํ้าในมหาสมทุ รสง่ ผลตอ่ ลกั ษณะอากาศ สง่ิ มชี ีวติ และสิ่งแวดลอ้ มแตกต่างกัน ไป เช่น การเกดิ น้าํ ผุดนํ้าจม • จะสง่ ผลตอ่ ความอุดมสมบูรณข์ องชายฝั่ง เชน่ กระแส นํา้ อุน่ กลั ฟ์สตรมี ทท่ี ําใหบ้ างประเทศในทวปี ยโุ รปไม่ หนาวเย็นจนเกินไปนกั และเมอ่ื การหมุนเวยี นอากาศ และนํ้าในมหาสมทุ รแปรปรวน ทาํ ให้เกิดผลกระทบตอ่ สภาพลมฟา้ อากาศ เชน่ ปรากฏการณ์เอลนีโญและลา นญี า ซึ่งเกดิ จากความแปรปรวนของลมค้าและสง่ ผล ตอ่ สภาพลมฟ้าอากาศของประเทศที่อยูบ่ รเิ วณ มหาสมุทรแปซฟิ ิก รวมถึงบรเิ วณอนื่ ๆบนโลก ช้นั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นร้เู พมิ่ เติม หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 153 ม.5 8. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างเสถยี รภาพอากาศ • เสถยี รภาพอากาศ หมายถงึ สภาวะของบรรยากาศ และการเกิดเมฆ ทชี่ ่วยสง่ เสรมิ หรอื ยับย้งั ใหก้ อ้ นอากาศเคลอื่ นทีข่ ้นึ ลง ในแนวดิง่ ในกรณที ่ีกอ้ นอากาศมีอุณหภูมิตา่ํ กวา่ อุณหภูมิของอากาศทอ่ี ย่โู ดยรอบก้อนอากาศนน้ั จะ ไมส่ ามารถยกตัวสงู ข้ึนไดม้ ากนักและจมตัวกลับส่ทู ี่ เดิม เรยี กวา่ อากาศมีเสถยี รภาพจะพบสภาวะอากาศ แจ่มใสเมฆนอ้ ยหรือปราศจากเมฆ ส่วนสภาวะอากาศไม่ มีเสถียรภาพนน้ั อณุ หภมู ิกอ้ นอากาศจะสงู กวา่ อุณหภมู ิ ของอากาศโดยรอบทําใหก้ ้อนอากาศยกตวั ขึน้ อย่าง รวดเร็ว เกิดเมฆในแนวตงั้ เชน่ เมฆควิ มโู ลนมิ บัส 9. อธิบายการเกดิ แนวปะทะอากาศแบบตา่ งๆ และ • แนวปะทะอากาศเกิดจากการเคล่อื นทป่ี ะทะกนั ของ ลกั ษณะลมฟ้าอากาศท่เี กีย่ วขอ้ ง กอ้ นอากาศทีส่ มบตั ิต่างกนั ตัง้ แต่สองกอ้ นขนึ้ ไป แนว ปะทะอากาศแบง่ ออกได้ 4 รปู แบบ คอื แนวปะทะ อากาศอนุ่ ซ่ึงมกั พบเมฆแผ่น เชน่ เมฆซรี ์รสั อลั โตสเต รตัสเกดิ ฝนกระจายเปน็ บริเวณกว้าง แนวปะทะ อากาศเยน็ เกิดเมฆก้อน เช่น เมฆควิ มูโลนมิ บัส ทาํ ให้ อากาศแปรปรวนเกิดฝนฟ้าคะนอง แนวปะทะอากาศ รวมเกดิ เมฆควิ มูโลนิมบัสที่สง่ ผลตอ่ การเกิดพายุฝน แนวปะทะอากาศคงท่จี ะมีลกั ษณะอากาศแจม่ ใสจนถงึ มีเมฆบางสว่ นและอาจส่งผลใหเ้ กดิ แนวปะทะอากาศ แบบอ่นื ต่อไปได้ 10. อธิบายปจั จัยตา่ งๆ ท่ีมีผลต่อการเปลีย่ นแปลง • โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทติ ย์ โดยปรมิ าณ ภูมิอากาศของโลกพร้อมยกตัวอยา่ งข้อมูลสนับสนุน พลงั งานเฉล่ยี ทโ่ี ลกได้รบั เทา่ กับพลังงานเฉล่ียทโ่ี ลก ปลดปลอ่ ยกลับสอู่ วกาศทําให้เกดิ สมดลุ พลงั งานของ โลก ส่งผลให้อุณหภูมเิ ฉลี่ยของโลกในแต่ละปคี ่อนข้าง คงที่ และมีลกั ษณะภมู ิอากาศท่ไี ม่เปล่ียนแปลงหาก สมดุลพลังงานของโลกเกดิ การเปลย่ี นแปลงไปจะทํา ใหอ้ ณุ หภูมเิ ฉลี่ยของพื้นผิวโลก และภูมิอากาศเกดิ การเปล่ียนแปลงได โดยมีปัจจยั หลายประการท้ัง ปจั จยั ที่เกิดขน้ึ ตามธรรมชาติ และปจั จยั ทีเ่ กดิ จาก กจิ กรรมของมนุษย์ เชน่ การเปลี่ยนแปลงความรขี อง วงโคจรโลกรอบดวงอาทติ ย์ การเปลย่ี นแปลงมมุ เอียง ของแกนหมุนโลก และการหมนุ ควงของแกนหมุนโลก รวมทง้ั ชนิดและปรมิ าณของละอองลอยเมฆ และแกส๊ เรอื นกระจก ซึ่งมขี อ้ มลู สนับสนุน การเปล่ียนแปลง อุณหภมู โิ ลก ต้ังแต่อดีตถึงปจั จุบันทีไ่ ดจ้ ากการวิเคราะห์ หลกั ฐานต่างๆเช่น แกนน้าํ แข็ง 11. วเิ คราะห์และอภิปรายเหตกุ ารณท์ ี่เปน็ ผลจาก • การเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศโลกอาจส่งผลกระทบต่อ การเปล่ียนแปลงภูมอิ ากาศโลก และนําเสนอแนว สิ่งมชี วี ติ และสงิ่ แวดล้อม เชน่ การเพิ่มขนึ้ ของอุณหภมู ิ ปฏิบัติของมนุษย์ท่ีมีส่วนช่วยในการชะลอการเปลี่ยน เฉลยี่ โลก การหลอมเหลวของน้ําแขง็ ข้ัวโลก การเพ่ิม แปลงภมู อิ ากาศโลก ขน้ึ ของระดบั น้ําทะเล การเปลย่ี นแปลงของระบบ นเิ วศทง้ั ทางบกและทางทะเล ชน้ั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 154 ม.5 • มนุษยอ์ าจมีสว่ นชว่ ยในการชะลอการเปล่ยี นแปลง ภมู อิ ากาศโลกได้โดยการลดปจั จัยทีท่ าํ ใหเ้ กิดการ เปลี่ยนแปลงสมดลุ พลังงานทเี่ กิดจากกระทาํ ของ มนุษย์ 12. แปลความหมายสัญลักษณล์ มฟา้ อากาศ • แบบแสดงข้อมลู ของสถานตี รวจอากาศผิวพื้นเปน็ บนแผนท่อี ากาศ การแสดงขอ้ มูลตรวจอากาศทแี่ สดงในรปู สญั ลกั ษณ์ หรอื ตวั เลขท่ปี รากฏบนแผนทีอ่ ากาศ เชน่ อณุ หภูมิ ความชน้ื ความกดอากาศ ความเร็วและทศิ ทางลม ปริมาณและชนดิ ของเมฆ ทําให้ทราบลกั ษณะอากาศ ณ สถานีนนั้ ๆ ในเวลาท่มี กี ารตรวจวดั เม่อื นําขอ้ มูล ของสถานตี รวจอากาศผิวพนื้ มาแสดงในแผนที่อากาศ ทําให้สามารถวิเคราะห์ลักษณะอากาศในบริเวณกว้าง ได้ เชน่ บริเวณความกดอากาศสงู หยอ่ มความกด อากาศตํ่า พายหุ มนุ เขตร้อน ร่องความกดอากาศตํ่า 13. วิเคราะห์และคาดการณล์ กั ษณะลมฟ้าอากาศ • การแปลความหมายสญั ลกั ษณ์ท่ีปรากฏบนแผนท่ี เบอ้ื งต้นจากแผนท่อี ากาศและข้อมลู สารสนเทศอน่ื ๆ อากาศร่วมกับขอ้ มูลสารสนเทศอน่ื ๆเชน่ โปรแกรมปร เพื่อวางแผนในการระกอบอาชพี และการ ะยุกตเ์ ก่ียวกับการพยากรณ์อากาศเรดารต์ รวจอากาศ ดาํ เนินชีวติ ใหส้ อดคล้องกบั สภาพลมฟา้ อากาศ ภาพถ่ายดาวเทยี มและคา่ ทางสถิตสามารถนาํ มาวเิ คราะห์ รูปแบบ คาดการณก์ ารเกิดและการเปล่ียนแปลง ปรากฏการณท์ างลมฟ้าอากาศในชว่ ง เวลาตา่ งๆ ซึ่ง สามารถนาํ มาใช้วางแผนการดําเนนิ ชีวติ ใหส้ อดคล้อง กบั สภาพลมฟ้าอากาศ เชน่ การเลอื กช่วงเวลาใน การเพาะปลกู ให้สอดคล้องกับฤดูกาลการเตรยี มพร้อม รบั มือสภาพอากาศแปรปรวน ม.6 - - หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 155 สาระโลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะกระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ ความสมั พนั ธ์ของดาราศาสตร์กับมนษุ ย์ จากการศกึ ษาตําแหนง่ ดาวบนทรงกลมฟ้าและ ปฏิสมั พนั ธภ์ ายในระบบสรุ ิยะ รวมทง้ั การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศในการดํารงชวี ิต ช้ัน ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พิม่ เตมิ ม.4 - - ม.5 - - ม.6 1. อธบิ ายการกําเนดิ และการเปล่ียนแปลงพลังงาน • ทฤษฎกี าํ เนดิ เอกภพท่ียอมรับในปัจจบุ ัน คอื ทฤษฎี สสาร ขนาดอุณหภมู ิของเอกภพหลงั เกดิ บกิ แบงใน บกิ แบง ระบุวา่ เอกภพเรม่ิ ตน้ จากบกิ แบงท่ีเอกภพมี ช่วงเวลาตา่ งๆ ตามววิ ฒั นาการของเอกภพ ขนาดเล็กมากและมอี ุณหภูมสิ ูงมาก ซึ่งเปน็ จดุ เร่ิมตน้ ของเวลาและวิวฒั นาการของเอกภพ โดยหลงั เกดิ บกิ แบง เอกภพเกิดการขยายตวั อย่างรวดเร็ว มีอณุ หภมู ิ ลดลง มีสสารคงอยู่ในรปู อนภุ าคและปฏิยานุภาค หลายชนิดและมวี วิ ฒั นาการต่อเน่ืองจนถึงปัจจบุ ัน ซึ่งมีเนบวิ ลา กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์และระบบสุริยะเป็น สมาชกิ บางส่วนของเอกภพ 2. อธิบายหลกั ฐานทส่ี นบั สนุนทฤษฎบี ิกแบงจาก • หลกั ฐานสาํ คญั ท่สี นบั สนนุ ทฤษฎีบิกแบง คือ การ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งความเร็วกับระยะทางของ ขยายตวั ของเอกภพ ซ่งึ อธิบายด้วยกฎฮับเบลิ โดยใช้ กาแล็กซี รวมทั้งขอ้ มูลการค้นพบไมโครเวฟพ้ืน ความสมั พันธร์ ะหว่างความเรว็ แนวรัศมี และระยะทาง หลงั จากอวกาศ ของกาแลก็ ซที ีเ่ คล่อื นทีห่ ่างออกจากโลก และหลกั ฐาน อีกประการ คือ การค้นพบไมโครเวฟพื้นหลงั ที่กระจายตวั อยา่ งสม่ําเสมอทกุ ทิศทาง และสอดคล้องกบั อณุ หภูมิ เฉลยี่ ของอวกาศ มคี า่ ประมาณ 2.73 เคลวิน 3. อธิบายโครงสรา้ งและองค์ประกอบของกาแลก็ ซี • กาแล็กซี ประกอบด้วย ดาวฤกษจ์ าํ นวนหลายแสน ทางช้างเผอื กและระบตุ ําแหนง่ ของระบบสรุ ยิ ะ ล้านดวง ซ่งึ อยู่กนั เปน็ ระบบของดาวฤกษ์ นอกจากนี้ พรอ้ มอธบิ ายเชือ่ มโยงกับการสงั เกตเหน็ ทาง ยังประกอบดว้ ยเทห์ฟ้าอน่ื เช่น เนบิวลาและสสาร ชา้ งเผือกของคนบนโลก ระหว่างดาว โดยองคป์ ระกอบตา่ งๆ ภายในของกาแล็กซี อยูร่ วมกันดว้ ยแรงโนม้ ถ่วง • กาแลก็ ซมี รี ปู ร่างแตกตา่ งกัน โดยระบบสุรยิ ะอยู่ใน กาแล็กซที างชา้ งเผือกซงึ่ เปน็ กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน มีโครงสรา้ ง คือนิวเคลียส จานและฮาโล ดาวฤกษ์ จาํ นวนมากอยใู่ นบริเวณนิวเคลยี สและจาน โดยมี ระบบสุรยิ ะอยหู่ า่ งจากจดุ ศูนย์กลางของกาแลก็ ซที าง ชา้ งเผือก ประมาณ 30,000 ปีแสง ซ่งึ ทางชา้ งเผอื กท่ี สงั เกตเหน็ ในทอ้ งฟา้ เป็นบริเวณหน่งึ ของกาแลก็ ซีทาง ช้างเผือกในมุมมองของคนบนโลก แถบฝ้าสขี าวจางๆ ของทางชา้ งเผอื กคือดาวฤกษ์ ท่ีอยอู่ ย่างหนาแนน่ ใน กาแล็กซที างช้างเผอื ก 4. อธิบายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดง • ดาวฤกษ์สว่ นใหญอ่ ยู่รวมกนั เปน็ ระบบดาวฤกษ์ คือ การเปลยี่ นแปลงความดัน อณุ หภูมิขนาดจาก ดาวฤกษท์ อ่ี ยรู่ วมกันตงั้ แต่ 2 ดวงขนึ้ ไปดาวฤกษ์เปน็ ดาวฤกษก์ ่อนเกิดจนเป็นดาวฤกษ์ ก้อนแกส๊ ร้อนขนาดใหญ่ เกดิ จากการยุบตัวของกลมุ่ สสารในเนบิวลาภายใตแ้ รงโน้มถ่วง ทาํ ใหบ้ างส่วนของ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หน้า 156 ชัน้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เติม ม.6 5. อธิบายกระบวนการสรา้ งพลังงานของดาวฤกษ์ เนบวิ ลามีขนาดเล็กลง ความดนั และอุณหภูมิเพมิ่ ขน้ึ และผลที่เกดิ ขน้ึ โดยวิเคราะห์ปฏกิ ริ ิยาลูกโซ่ เกดิ เปน็ ดาวฤกษ์ก่อนเกิด เมอื่ อณุ หภมู ทิ ี่แกน่ สูงขึน้ จน โปรตอน-โปรตอน และวัฏจักรคารบ์ อน ไนโตรเจน เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเทอร์มอนวิ เคลียร์ ดาวฤกษ์ กอ่ นเกิดจะ ออกซิเจน กลายเปน็ ดาวฤกษ์ ดาวฤกษอ์ ยูใ่ นสภาพสมดุลระหว่าง แรงดันกับแรงโน้มถ่วง ซง่ึ เรียกว่าสมดุลอทุ กสถติ จึงทาํ ให้ดาวฤกษ์มขี นาดคงทีเ่ ปน็ เวลานานตลอดช่วงชวี ติ ของดาวฤกษ์ • ปฏิกิรยิ าเทอร์มอนวิ เคลยี ร์เป็นปฏกิ ริ ิยาหลักของ กระบวนการสรา้ งพลังงานของดาวฤกษท์ ําให้เกิด การหลอมนวิ เคลียสของไฮโดรเจนเป็นนวิ เคลียส ฮเี ลยี มที่แกน่ ของดาวฤกษ์ ซึง่ มี 2 กระบวนการ คือ ปฏิกิริยาลูกโซ่โปรตอนโปรตอน และวฏั จักรคารบ์ อน ไนโตรเจน ออกซเิ จน 6. ระบุปจั จยั ท่ีส่งผลตอ่ ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ • ความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษเ์ ป็นพลงั งานจากดาว และอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความส่องสวา่ งกับ ฤกษ์ท่ปี ลดปล่อยออกมาในเวลา 1 วนิ าทีตอ่ หนว่ ย โชติมาตรของดาวฤกษ์ พืน้ ท่ี ณ ตําแหน่งของผู้สังเกตแต่เน่อื งจากตาของ มนุษย์ไมต่ อบสนองตอ่ การเปลีย่ นแปลงความส่องสว่าง ท่ีมคี ่าน้อยๆ จงึ กาํ หนดคา่ การเปรยี บเทียบความสอ่ ง สว่างของดาวฤกษ์ด้วยคา่ โชตมิ าตร ซึ่งเปน็ การแสดง ระดับความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ (หรือเทหฟ์ า้ อืน่ ) ณ ตําแหนง่ ของผู้สังเกต 7. อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งสี อณุ หภูมผิ ิวและ • สีของดาวฤกษส์ มั พนั ธ์กบั อุณหภมู ผิ วิ ซ่งึ นักดารา สเปกตรัมของดาวฤกษ์ ศาสตร์ใช้ดชั นสี ใี นการแบ่งชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์ และใช้สเปกตรัมในการจาํ แนกชนดิ ของดาวฤกษ์ 8. อธิบายวธิ ีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ด้วย • การหาระยะทางของดาวฤกษท์ ่มี รี ะยะทางหา่ งจาก หลักการแพรัลแลกซ์ พร้อมคํานวณหาระยะทาง โลกไมเ่ กิน 100 พารเ์ ซก มีวธิ กี ารที่สําคัญ คอื วิธแี พ ของดาวฤกษ์ รลั แลกซ์ โดยวดั มุมแพรลั แลกซข์ องดาวฤกษ์ เม่ือโลก เปลีย่ นตาํ แหน่งไปในวงโคจรทาํ ให้ตาํ แหนง่ ปรากฏของ ดาวฤกษ์เปล่ยี นไปเม่อื เทยี บกบั ดาวฤกษอ์ ้างอิง 9. อธิบายลาํ ดบั ววิ ัฒนาการทส่ี ัมพนั ธ์กบั มวลตง้ั ต้น • มวลของดาวฤกษข์ ้ึนอยกู่ ับมวลของดาวฤกษ์กอ่ นเกิด และวิเคราะห์การเปล่ยี นแปลงสมบัติบางประการ ดาวฤกษท์ ี่มมี วลมากจะผลิตและใชพ้ ลังงานมาก จงึ มี ของดาวฤกษใ์ นลาํ ดับวิวฒั นาการ จากแผนภาพเฮริ ซ์ อายสุ ้นั กว่าดาวฤกษ์ท่มี มี วลน้อย ปรุง-รสั เซลล์ • ดาวฤกษ์มกี ารวิวฒั นาการท่แี ตกต่างกนั การวิวัฒนาการ และจุดจบของดาวฤกษ์ข้นึ อย่กู ับมวลตง้ั ตน้ ของดาว ฤกษ์สว่ นใหญ่เทยี บกับจาํ นวนเทา่ ของมวลดวงอาทิตย์ ดาวฤกษจ์ ะมีการเปลยี่ นแปลงสมบัตบิ างประการตาม วิวัฒนาการ โดยนักวทิ ยาศาสตรไ์ ดแ้ สดงการเปลย่ี น แปลงดงั กลา่ วดว้ ยแผนภาพเฮริ ซ์ ปรุง-รสั เซลล์ ซ่งึ เป็น แผนภาพท่แี สดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งโชติมาตร สัมบรู ณ์และดัชนีสขี องดาวฤกษ์ โดยดาวฤกษส์ ว่ นใหญ่ จะอยู่ในแถบลาํ ดับหลัก ซง่ึ เปน็ แถบที่แสดงว่าดาวฤกษ์ จะมีช่วงชีวิตส่วนใหญอ่ ยู่ในสภาวะสมดุล หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หน้า 157 ชั้น ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เติม ม.6 10. อธบิ ายกระบวนการเกิดระบบสุริยะการแบ่งเขต • ระบบสุรยิ ะเกิดจากการรวมตัวกันของกล่มุ ฝุ่นและ บริวารของดวงอาทติ ยแ์ ละลักษณะของดาวเคราะห์ แกส๊ ทเี่ รียกว่า เนบิวลาสรุ ิยะ โดยฝนุ่ และแกส๊ ประมาณ ท่เี ออ้ื ตอ่ การดาํ รงชีวิต ร้อยละ 99.8 ของมวลไดร้ วมตวั เป็นดวงอาทติ ย์ซง่ึ เปน็ 11. อธิบายการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิต กอ้ นแก๊สรอ้ นหรือ พลาสมา สสารสว่ นทเ่ี หลอื รวมตวั ยด์ ว้ ยกฎเคพเลอร์และกฎความโนม้ ถ่วงของนิวตัน เปน็ ดาวเคราะห์และบริวารอื่นๆของดวงอาทติ ย์ดงั นนั้ พร้อมคาํ นวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์ จึงแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์ตามลักษณะการเกิด และองค์ประกอบ ได้แก่ ดาวเคราะห์ชน้ั ในดาวเคราะห์ นอ้ ย ดาวเคราะห์ชั้นนอกและดงดาวหาง • โลกเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะทมี่ ีส่ิงมีชีวติ เพราะ โคจรรอบดวงอาทิตยใ์ นระยะทางท่ีเหมาะสมจงึ เป็น เขตทเี่ ออ้ื ตอ่ การมสี ิ่งมีชีวติ ทาํ ใหโ้ ลกมีอณุ หภมู ิเหมาะสม และสามารถเกิดนํา้ ท่ยี ังคงสถานะเป็นของเหลวได้ และปจั จุบนั มีการคน้ พบดาวเคราะห์ที่อย่นู อกระบบสุ ริยะจํานวนมาก โดยมีดาวเคราะห์บางดวงทม่ี ลี ักษณะ คล้ายโลกและอยูใ่ นเขตท่ีเอือ้ ตอ่ การมสี ง่ิ มีชวี ติ • บรวิ ารของดวงอาทิตย์อยรู่ วมกันเป็นระบบภายใต้ แรงโนม้ ถ่วงระหว่างดาวเคราะห์กับดวงอาทติ ยต์ ามกฎ แรงโน้มถว่ งของนิวตนั สว่ นการโคจรของดาวเคราะห์ รอบดวงอาทิตยเ์ ป็นไปตามกฎเคพเลอร์ 12. อธิบายโครงสร้างของดวงอาทติ ย์ การเกดิ ลม • ดวงอาทติ ย์มีโครงสรา้ งภายในแบง่ เป็นแก่นเขต สุริยะ พายสุ ุรยิ ะและวเิ คราะห์นาํ เสนอปรากฏการณ์ การแผร่ งั สีและเขตการพาความร้อนและมชี น้ั หรอื เหตกุ ารณท์ ี่เกี่ยวข้องกับผลของลมสรุ ยิ ะและ บรรยากาศอย่เู หนอื เขตพาความร้อน ซ่ึงแบ่งเปน็ พายุสรุ ิยะทม่ี ตี อ่ โลกรวมท้ังประเทศไทย 3 ช้ัน คือ ชนั้ โฟโตสเฟียร์ ช้ันโครโมสเฟียร์และคอโรนา ในช้ันบรรยากาศของดวงอาทิตย์ มปี รากฏการณ์ สําคัญ เชน่ จุดมืด ดวงอาทติ ย์ การลุกจา้ ทีท่ ําให้เกิด ลมสุริยะและพายสุ รุ ยิ ะซ่งึ ส่งผลต่อโลก • ลมสุรยิ ะเกดิ จากการแพร่กระจายของอนภุ าคจาก ชัน้ คอโรนาออกส่อู วกาศตลอด เวลา อนุภาคทหี่ ลดุ ออกสู่อวกาศเปน็ อนภุ าคทม่ี ีประจุลมสรุ ยิ ะส่งผลทาํ ให้ เกิดหางของดาวหางทีเ่ รอื งแสงและช้ีไปทางทศิ ตรงกัน ขา้ มกับดวงอาทิตยแ์ ละเกดิ ปรากฏการณ์แสงเหนอื แสง ใต้ • พายสุ ุริยะเกิดจากการปลดปล่อยอนุภาคมีประจุ พลงั งานสูงจํานวนมหาศาล มักเกดิ บอ่ ยครง้ั ในช่วงทม่ี ี การลุกจา้ และในช่วงทมี่ จี ุดมืดดวงอาทิตย์จํานวนมาก และในบางครงั้ มกี ารพน่ กอ้ นมวลคอโรนา พายุสรุ ิยะ อาจส่งผลตอ่ สนามแม่เหลก็ โลกจึงอาจรบกวนระบบ การส่งกระแสไฟฟา้ และการสื่อสาร รวมท้ังอาจสง่ ผล ตอ่ วงจรอเิ ล็กทรอ นกิ ส์ของดาวเทยี ม นอกจากน้นั มัก ทําใหเ้ กดิ ปรากฏการณแ์ สงเหนอื แสงใตท้ สี่ ังเกตได้ ชัดเจน หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 158 ช้นั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม ม.6 13. สรา้ งแบบจําลองทรงกลมฟ้า สังเกตและเชื่อมโยง • ทรงกลมฟา้ เป็นทรงกลมสมมตขิ นาดใหญ่ทม่ี รี ศั มี จดุ และเส้นสาํ คัญของแบบ จาํ ลองทรงกลมฟ้ากับ อนนั ต์ มจี ุดศนู ยก์ ลางของโลกเปน็ จดุ ศูนย์กลางของ ทอ้ งฟ้าจรงิ และอธิบายการระบพุ ิกัดของดาวในระบบ ทรงกลมฟา้ มีดวงดาวและเทหฟ์ ้าตา่ งๆ ปรากฏอยู่บน ขอบฟ้าและระบบศนู ยส์ ตู ร ผิวของทรงกลมฟ้านี้ การระบุพิกัดของดวงดาวและ เทห์ฟา้ ตา่ งๆ บนทรงกลมฟา้ ตามระบบท่ีสาํ คัญไดแ้ ก่ - ระบบขอบฟา้ เป็นระบบทอ่ี ้างอิงจากตําแหนง่ ผสู้ งั เกตบนโลก โดยระบุพกิ ดั เปน็ มุมทิศและมมุ เงย อ้างอิงกับทศิ เหนือและเสน้ ขอบฟ้าของผู้สังเกต - ระบบศูนยส์ ูตร เปน็ ระบบที่อ้างองิ กบั เส้นศูนยส์ ตู ร ฟา้ และจุดวษิ ุวตั ระบุพกิ ดั เปน็ ไรต์แอสเซนชนั และเดค ลิเนชัน 14. สังเกตทอ้ งฟ้าและอธบิ ายเส้นทางการข้ึนการตก • โลกหมุนรอบตวั เองจากทางทศิ ตะวนั ตกไปทางทิศ ของดวงอาทติ ย์และดาวฤกษ์ ตะวนั ออก ทําให้เกิดปรากฏการณ์การขนึ้ การตกของ ดวงอาทติ ย์และดวงดาวในรอบวนั ซ่งึ เส้นทางปรากฏ ของการข้ึน การตกของดวงอาทิตย์จะเปล่ียนแปลง ตามวนั เวลาและตาํ แหน่งละตจิ ูดของผู้สังเกต สว่ น เส้นทางปรากฏของการขึน้ การตกของดาวฤกษ์จะ เปลีย่ นแปลงตามละติจูดของผ้สู ังเกต 15. อธิบายเวลาสุรยิ คติปรากฏ โดยรวบรวมข้อมูลและ • การกําหนดเวลาสรุ ิยคติจะเทยี บกับดวงอาทิตย์ เปรยี บเทียบเวลาขณะท่ดี วงอาทติ ยผ์ า่ นเมริเดยี น โดยเวลาสรุ ยิ คติ มที ัง้ เวลาสุรยิ คตปิ รากฏ และเวลา ของผูส้ งั เกตในแตล่ ะวัน สรุ ิยคติปานกลาง • เวลาสรุ ิยคติปรากฏเป็นเวลาท่ีไดจ้ ากการสังเกต ดวงอาทิตยจ์ ริงทเ่ี คลื่อนที่อยู่บนท้องฟา้ ของผูส้ งั เกต ชว่ งเวลาระหวา่ งการเห็นจุดศูนย์กลางของดวงอาทติ ย์ ผา่ นเมริเดียนครัง้ แรกถงึ ครง้ั ถัดไป เรียกวา่ 1 วนั สุรยิ คตปิ รากฏ 16. อธบิ ายเวลาสุรยิ คตปิ านกลางและการเปรยี บเทยี บ • เวลาสรุ ยิ คตปิ านกลางกําหนดโดยให้มดี วงอาทติ ย์ เวลาของแตล่ ะเขตเวลาบนโลก สมมตเิ คลื่อนท่ีบนเสน้ ศนู ยส์ ตู รฟา้ ดว้ ยอัตราเร็ว สมาํ่ เสมอ ช่วงเวลาระหวา่ งการเห็นจดุ ศนู ย์กลางของ ดวงอาทิตยผ์ า่ นเมรเิ ดยี นครั้งแรกถงึ ครงั้ ถัดไป เรยี กวา่ 1 วัน สุริยคตปิ านกลาง ซง่ึ ยาว 24 ชว่ั โมง 0 นาที 0 วินาทีเวลาสุรยิ คติปานกลางกรนี ิซ เป็นเวลาสรุ ิยคติ ปานกลางทีใ่ ชเ้ มรเิ ดยี นของหอดดู าวกรนี ิซในประเทศ อังกฤษเป็นตวั กาํ หนด ซึ่งนาํ มาใชใ้ นการกาํ หนดเขต เวลามาตรฐานสากลของตําแหนง่ อนื่ ๆ บนโลก 17. อธิบายมุมหา่ งท่สี ัมพันธก์ ับตาํ แหน่งในวงโคจร • โลกและดาวเคราะหท์ กุ ดวงหมุนรอบตัวเองและโคจร และอธิบายเช่อื มโยงกับตาํ แหน่ง ปรากฏของ รอบดวงอาทติ ยจ์ ากทศิ ตะวันตกไปทางทศิ ตะวันออก ดาวเคราะหท์ ่สี ังเกตไดจ้ ากโลก หรอื ในทิศทวนเข็มนาฬิกาจากมมุ มองด้านบน คนบน โลกจะสงั เกตเหน็ ดาวเคราะหม์ ีตาํ แหนง่ ปรากฏ แตกต่างกันในชว่ งวนั เวลาตา่ งๆ เพราะดาวเคราะห์ มีมมุ หา่ งท่ีแตกต่างกนั หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หนา้ 159 ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้เู พม่ิ เตมิ ม.6 • มมุ หา่ งของดาวเคราะห์ คือ มมุ ระหวา่ งเส้นตรงที่ เชื่อมระหว่างโลกกับดาวเคราะห์กบั เสน้ ตรงที่เชื่อม ระหว่างโลกกับดวงอาทติ ย์เมื่อวัดบนเสน้ สุรยิ วถิ ี โดยดาวเคราะห์อาจอยูห่ า่ งจากดวงอาทิตยไ์ ปทางทิศ ตะวนั ออกหรือทางทศิ ตะวนั ตกซึ่งมีการ เรยี กชอ่ื ตาม ตําแหน่งของดาวเคราะหใ์ นวงโคจร ขนาดของมุมหา่ ง และทศิ ทางของมมุ หา่ ง • ดาวเคราะหท์ ่ีมมี ุมห่างตา่ งกนั จะมตี ําแหน่งปรากฏ บนทอ้ งฟ้าแตกต่างกัน โดยตาํ แหน่งปรากฏของดาว เคราะหว์ งในจะอยู่ใกล้ขอบฟ้าในชว่ งเวลาใกล้รุ่งหรือ เวลาหัวค่ํา ส่วนแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์วงนอก จะสามารถเหน็ ได้ในช่วงเวลาอ่ืนๆ นอกจากนม้ี มุ ห่าง ยงั สามารถนํามาอธิบายปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ เช่น ดาวเคียงเดอื น ดาวเคราะห์ชุมนมุ ดาวเคราะห์ ผา่ นหน้าดวงอาทิตย์ 18. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายการสาํ รวจอวกาศโดยใช้ • มนษุ ยใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศในการศกึ ษาเพ่อื ขยาย กลอ้ งโทรทรรศน์ในช่วงความยาวคล่ืนตา่ งๆ ดาวเทยี ม ขอบเขตความรู้ดา้ นวิทยาศาสตร์และในขณะเดียวกัน ยานอวกาศ สถานอี วกาศและนําเสนอแนวคิดการนํา มนุษย์ได้นาํ เทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ในดา้ น ความรูท้ างด้านเทคโนโลยอี วกาศมาประยกุ ตใ์ ช้ใน ตา่ งๆ เชน่ วัสดศุ าสตร์ อาหาร การแพทย์ ชวี ิตประจาํ วันหรอื ในอนาคต • นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ด้สรา้ งกลอ้ งโทรทรรศน์เพ่ือศกึ ษา 19. สืบค้นขอ้ มลู ออกแบบและนาํ เสนอกิจกรรม แหล่งกําเนดิ ของรงั สหี รอื อนุภาคในอวกาศในชว่ ง การสงั เกตดาวบนทอ้ งฟ้าด้วยตาเปลา่ และ/หรือ ความยาวคลน่ื ตา่ งๆ ได้แก่ คลน่ื วทิ ยุ ไมโครเวฟ กล้องโทรทรรศน์ อินฟราเรด แสงอัลตราไวโอเลต และรงั สีเอก็ ซ์ • ยานอวกาศ คือ ยานพาหนะท่ีนาํ มนษุ ย์หรอื อุปกรณ์ ทางดาราศาสตรข์ นึ้ ไปสู่อวกาศเพ่ือสาํ รวจหรอื เดนิ ทางไปยังดาวดวงอ่ืนสว่ นสถานีอวกาศ คือ หอ้ งปฏบิ ตั ิ การลอยฟ้าทีโ่ คจรรอบโลกใช้ในการศกึ ษาวจิ ยั ทาง วิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆในสภาพไรน้ ํา้ หนกั • ดาวเทยี ม คอื อปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นการสาํ รวจวัตถทุ อ้ งฟ้า และนาํ มาประยกุ ต์ใชใ้ นด้านต่างๆเชน่ การส่ือสาร โทรคมนาคม การระบตุ าํ แหนง่ บนโลกการสํารวจ ทรัพยากรธรรมชาติ อุตุนิยม วิทยา โดยดาวเทียมมี หลายประเภทสามารถแบ่งได้ตามเกณฑว์ งโคจรและ การใชง้ าน หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หน้า 160 โครงสร้างหลกั สตู ร กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ แผนการการเรยี นหอ้ งเรยี น SMTE ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 จาํ นวน 60 ชวั่ โมง 1.5 หนว่ ยกิต ภาคเรียนท่ี 1 จาํ นวน 20 ชั่วโมง 0.5 หน่วยกติ รายวิชาพื้นฐาน จํานวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกิต ว21181 วทิ ยาศาสตร์ 1 จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกติ ว21187 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 จํานวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกติ ว21190 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) 1 รายวชิ าเพม่ิ เติม จาํ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกติ ว21281 วทิ ยาศาสตร์กบั ความงาม จํานวน 40 ชัว่ โมง 1.0 หน่วยกิต ว21282 ทฤษฎคี วามร้ธู รรมชาติ จาํ นวน 40 ช่ัวโมง 1.0 หน่วยกิต และการสบื เสาะวทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 2 รายวิชาพื้นฐาน ว21182 วิทยาศาสตร์ 2 รายวิชาเพ่ิมเตมิ ว21283 ของเล่นเชิงวทิ ยาศาสตร์ ว21284 พลังงานทดแทนกับการใชป้ ระโยชน์ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 จาํ นวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ 1 จํานวน 20 ชั่วโมง 0.5 หนว่ ยกติ รายวชิ าพ้นื ฐาน จํานวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกิต ว22183 วิทยาศาสตร์ 3 จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกิต ว22188 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 จํานวน 40 ช่วั โมง 1.0 หนว่ ยกิต ว22191 เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) 2 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ จํานวน 60 ชัว่ โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว22285 วทิ ยาศาสตร์โลกทัง้ ระบบ 1 (โครงงาน 1) จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต ว22254 ชวี วิทยาเบื้องตน้ จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี 2 จํานวน 40 ชัว่ โมง 1.0 หนว่ ยกิต รายวชิ าพื้นฐาน ว22184 วิทยาศาสตร์ 4 รายวิชาเพมิ่ เติม ว22286 วิทยาศาสตรโ์ ลกทัง้ ระบบ 2 (โครงงาน 2) ว22234 เคมีเบ้อื งต้น ว22287 บอรด์ สมองกลฝงั ตัว KidBright หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 จาํ นวน 60 ช่วั โมง 1.5 หน้า 161 ภาคเรยี นที่ 1 จํานวน 20 ชว่ั โมง 0.5 รายวิชาพื้นฐาน จาํ นวน 20 ช่วั โมง 0.5 หน่วยกติ ว23185 วทิ ยาศาสตร์ 5 จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกติ ว23189 การออกแบบและเทคโนโลยี 3 จาํ นวน 40 ชั่วโมง 1.0 หนว่ ยกติ ว23192 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) 3 หน่วยกติ รายวชิ าเพ่ิมเติม จาํ นวน 60 ช่ัวโมง 1.5 หนว่ ยกิต ว23288 เช้อื เพลิงเพ่อื เพ่ือการคมนาคม ว23214 ฟิสกิ ส์เบื้องตน้ จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกติ ภาคเรียนที่ 2 หนว่ ยกติ รายวิชาพนื้ ฐาน จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต ว23186 วิทยาศาสตร์ 6 จาํ นวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกิต รายวชิ าเพิ่มเตมิ จํานวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกิต ว23289 อิเลก็ ทรอนิกสเ์ บ้อื งต้น (เลือกเรยี นตามความถนัด 1 รายวิชา) ว23215 วิทยาศาสตร์โอลิมปกิ ฟิสกิ ส์(สอวน.) ว23235 วทิ ยาศาสตรโ์ อลิมปกิ เคมี(สอวน.) ว23255 วิทยาศาสตร์โอลมิ ปกิ ชวี วิทยา(สอวน.) หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หน้า 162 โครงสรา้ งหลกั สตู ร กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ (หอ้ ง ม.1/2 และ ม.1/3 (เนน้ วิทย-์ คณิต)) ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 จาํ นวน 60 ช่ัวโมง 1.5 หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี 1 จาํ นวน 20 ชัว่ โมง 0.5 หน่วยกติ รายวิชาพื้นฐาน จํานวน 20 ช่ัวโมง 0.5 หน่วยกติ ว21181 วิทยาศาสตร์ 1 จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกติ ว21187 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 ว21190 เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) 1 จํานวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกติ รายวชิ าเพมิ่ เตมิ จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต ว21290 วทิ ยาศาสตรก์ ับการแกป้ ญั หา ภาคเรียนที่ 2 รายวชิ าพน้ื ฐาน ว21182 วิทยาศาสตร์ 2 รายวิชาเพ่มิ เตมิ ว21291 สนกุ กับอิเลก็ ทรอนิกส์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 จํานวน 60 ช่วั โมง 1.5 หนว่ ยกติ ภาคเรียนที่ 1 จํานวน 20 ช่วั โมง 0.5 หนว่ ยกิต รายวิชาพนื้ ฐาน จาํ นวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกิต ว22183 วทิ ยาศาสตร์ 3 จํานวน 40 ชั่วโมง 1.0 หนว่ ยกิต ว22188 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 ว22191 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) 2 จาํ นวน 60 ช่วั โมง 1.5 หนว่ ยกิต รายวชิ าเพิ่มเตมิ จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกติ ว22292เร่มิ ต้นโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี 2 รายวชิ าพืน้ ฐาน ว22184 วิทยาศาสตร์4 รายวิชาเพ่มิ เตมิ ว22293 โครงงานวิทยาศาสตร์ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 หนา้ 163 ภาคเรียนท่ี 1 จํานวน 60 ช่วั โมง 1.5 หนว่ ยกิต รายวิชาพื้นฐาน จาํ นวน 20 ชัว่ โมง 0.5 หน่วยกิต ว23185 วิทยาศาสตร์ 5 จาํ นวน 20 ช่วั โมง 0.5 หน่วยกิต ว23189 การออกแบบและเทคโนโลยี 3 จาํ นวน 60 ชัว่ โมง 1.5 หน่วยกติ ว23192 เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) 3 รายวิชาเพ่มิ เตมิ - ภาคเรียนท่ี 2 รายวิชาพื้นฐาน ว23186 วิทยาศาสตร์6 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ - หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 164 โครงสรา้ งหลกั สตู ร กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ห้อง ม.1/4 - ม.1/6 (ไมเ่ น้นวิทย์ - คณิต)) ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 จาํ นวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกติ ภาคเรยี นท่ี 1 จํานวน 20 ช่วั โมง 0.5 หน่วยกติ รายวชิ าพืน้ ฐาน จํานวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หนว่ ยกิต ว21181 วิทยาศาสตร์ 1 จาํ นวน 60 ชัว่ โมง 1.5 หน่วยกติ ว21187 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 ว21190 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) 1 รายวชิ าเพิม่ เติม - ภาคเรียนที่ 2 รายวชิ าพืน้ ฐาน ว21182 วทิ ยาศาสตร์ 2 รายวิชาเพิ่มเติม - ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 จํานวน 60 ชัว่ โมง 1.5 หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ 1 จาํ นวน 20 ชั่วโมง 0.5 หน่วยกิต รายวิชาพน้ื ฐาน จาํ นวน 20 ชวั่ โมง 0.5 หนว่ ยกติ ว22183 วทิ ยาศาสตร์ 3 ว22188 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 จาํ นวน 60 ชัว่ โมง 1.5 หนว่ ยกติ ว22191 เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) 2 รายวชิ าเพิม่ เติม - ภาคเรยี นท่ี 2 รายวชิ าพน้ื ฐาน ว22184 วทิ ยาศาสตร์4 รายวิชาเพิม่ เตมิ - หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 หนา้ 165 ภาคเรียนท่ี 1 จาํ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต รายวิชาพื้นฐาน จาํ นวน 20 ชั่วโมง 0.5 หน่วยกติ ว23185 วิทยาศาสตร์ 5 จาํ นวน 20 ชัว่ โมง 0.5 หนว่ ยกิต ว23189 การออกแบบและเทคโนโลยี 3 จาํ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว23192 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) 3 รายวิชาเพ่มิ เตมิ - ภาคเรียนท่ี 2 รายวิชาพื้นฐาน ว23186 วิทยาศาสตร์ 6 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ - หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หนา้ 166 คําอธบิ ายรายวิชา ม.ต้น สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาพน้ื ฐาน รายวชิ าพ้นื ฐาน ว21181 วทิ ยาศาสตร์ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จํานวน 1.5 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ความสําคัญและความหมายของวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สมบัติของสารบริสุทธิ์ จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น การจําแนก และองค์ประกอบของสารบริสุทธิ์ การจําแนกสารบริสุทธ์ิ โครงสร้างอะตอม การจําแนกธาตุและการใช้ ประโยชน์ การศึกษาเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและหน้าท่ีของเซลล์ การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ การแพร่ ออสโมซิส การสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์พืชดอก การสังเคราะห์ดว้ ยแสง การลําเลียง นา้ํ ธาตุอาหารและอาหารของพชื โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรปุ เพ่ือให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทกั ษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตนมีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มท่เี หมาะสม ตวั ช้ีวัด ว1.2 ม.1/1-18 ว2.1 ม.1/4-6 รวมท้ังหมด 21 ตวั ชว้ี ัด หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หน้า 167 ว21182 วทิ ยาศาสตร์ 2 รายวชิ าพ้นื ฐาน กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ชวั่ โมง จํานวน 15 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ ความร้อนกับการเปล่ียนแปลงของสสาร แบบจําลองอนุภาคของสสารในแต่ละ สถานะ ความร้อนกับการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของสสาร ความร้อนกับการขยายตัวหรือหดตัวของสสาร ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การถ่ายโอนความร้อนในชีวิตประจําวัน สมดุลความร้อน ช้ันนบรรยากาศผลของรังสีจากดวงอาทิตย์ต่อบรรยากาศอุณหภูมิอากาศ ความดันอากาศความช้ืนอากาศ ลม เมฆ ฝน พายุฟา้ คะนอง พายหุ มุนเขตร้อน มรสุม การพยากรณ์อากาศ เอลนีโญ่ ลานญี ่าการเปลี่ยนแปลง อุณหภมู อิ ากาศของโลก มลพิษทางอากาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรปุ เพื่อให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทกั ษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวิตของตนมจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มทเี่ หมาะสม ตัวช้ีวัด ว 2.1 ม.1/1-3, ม.1/7-10 ว 2.2 ม.1/1 ว 2.3 ม.1/1-7 ว 3.2 ม.1/1-7 รวมทั้งหมด 22 ตัวชวี้ ัด หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หน้า 168 รายวชิ าพ้ืนฐาน ว22183 วิทยาศาสตร์ 3 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 60 ชั่วโมง จาํ นวน 15 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาวิเคราะห์ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ องค์ประกอบของสารละลายสภาพละลายได้ ปัจจัยที่มี ผลต่อสภาพละลายได้ ความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยร้อยละ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบหมุนเวียน เลือดระบบหายใจ ระบบขบั ถ่าย ระบบประสาทและระบบสืบพันธ์ุ การเคลื่อนท่ี ตําแหน่งของวัตถุ ระยะทาง และการกระจัด อัตราเร็วและความเร็ว แรงในชีวิตประจําวัน แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงและความดัน ของของเหลว แรงพยงุ ของของเหลว โมเมนตข์ องแรง แรงและสนามของแรง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรปุ เพ่ือให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทกั ษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตนมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมท่ีเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ว 1.2 ม.2/1-17 ว 2.1 ม.2/1-6 รวมทัง้ หมด 23 ตัวชว้ี ัด หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 169 รายวิชาพนื้ ฐาน ว22184 วทิ ยาศาสตร์ 4 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชว่ั โมง จํานวน 15 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษางานและกําลังเครื่องกลอย่างง่าย พลังงานศักย์โน้มถ่วง และพลังงานจลน์ กฎการอนุรักษ์ พลังงาน วิธีการแยกสาร การนําความรู้เร่ืองการแยกสารไปใช้ประโยชน์ โครงสร้างภายในโลกกระบวนการ เปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ดิน ช้ันดินและชั้นหน้าตัดดิน แหล่งน้ําผิวดิน และแหล่งนํ้าใต้ดินภัย ธรรมชาติจากน้ําท่วม แผ่นดินถล่มและการกัดเซาะชายฝั่ง ภัยธรรมชาติจากหลุมยุบและแผ่นดินทรุด แหลง่ พลังงานชอ้ื เพลงิ ซากดึกดาํ บรรพ์ พลงั งานทดแทน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรปุ เพ่ือให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทกั ษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตนมีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านิยมทเี่ หมาะสม ตัวช้วี ัด ว 2.2 ม.2/1-15 ว 2.3 ม.2/1-6 ว 3.2 ม.2/1-10 รวมท้ังหมด 31 ตัวชวี้ ัด หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 170 รายวชิ าพื้นฐาน ว23185 วิทยาศาสตร์ 5 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชัว่ โมง จํานวน 15 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ ระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหาร ความสัมพันธ์ของผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ในระบบนิเวศ การสะสมสารพิษในสิ่งมีชีวิตในโซ่อาหาร ตระหนักถึง ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอและโครโมโซม การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูก การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสแ ละไมโอซิส การเกิดโรคทางพันธุกรรม การใช้ประโยชน์จากส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม และผลกระทบที่ อาจมีต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม เปรียบเทียบความหลากหลายทางชีวภาพในระดับชนิดส่ิงมีชีวิตในระบบ นิเวศต่างๆ ความสําคัญของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศและต่ อมนษุ ย์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรปุ เพื่อให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทกั ษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตนมจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม ตัวชี้วัด ว 1.1 ม.3/1-6 ว 1.3 ม.3/1-11 รวมทั้งหมด 17 ตวั ชว้ี ัด หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หน้า 171 รายวชิ าพืน้ ฐาน ว23186 วทิ ยาศาสตร์ 6 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ชว่ั โมง จํานวน 15 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ สมบัติทางกายภาพและการใช้ประโยชน์วัสดุประเภทพอลิเมอร์เซรามิกส์และ วัสดุผสม การเกิดปฏิกิริยาเคมี กฎทรงมวล ปฏิกิริยาดูดความร้อน ปฏิกิริยาคายความร้อน ปฏิกิริยา การเกิดสนิมของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบสและปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ ปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรดการสังเคราะห์ด้วยแสง ประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมีท่ีมีต่อ สิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์กระแสไฟฟ้า และความต้านทานคํานวณ พลังงานไฟฟ้า การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัยการเกิดคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าและ สเปกตรัมคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า ประโยชน์และอันตรายจากคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าในชีวิตประจําวัน กฎการสะท้อน ของแสงการเคลื่อนที่ของแสงความสว่างท่ีมีต่อดวงตา การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์การเกิดฤดู การเกิดข้างข้ึนข้างแรม การเปล่ียนแปลงเวลาการขึ้นและตกของดวงจันทร์ และการเกิดนํ้าขึ้นน้ําลงการใช้ ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างความกา้ วหนา้ ของโครงการสํารวจอวกาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรปุ เพื่อให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทกั ษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวิตของตนมีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม ตัวชว้ี ัด ว 2.1 ม.3/1-8 ว 2.3 ม.3/1-21 ว 3.1 ม.3/1-4 รวมทัง้ หมด 33 ตัวชีว้ ัด หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์
หน้า 172 ว21190 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) 1 รายวชิ าพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชวั่ โมง จาํ นวน 0.5หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลือกคุณลักษณะที่จําเป็นต่อการแก้ปัญหา ข้ันตอนการแก้ปัญหา การเขียนรหัสลําลองและผังงาน การเขียนออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายท่ีมีการใช้งานตัวแปร เงื่อนไขและการวนซ้ําเพอื่ แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ การประมวล ผลข้อมูลการสร้างทางเลือกและประเมินผลเพ่ือตัดสินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ีใช้ในการจัด การข้อมูลแนวทางการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศให้ปลอดภัย การจัดการอัตลักษณ์ การพิจารณาความ เหมาะสมของเน้อื หา ขอ้ ตกลงและขอ้ กาํ หนดการใชส้ ่ือและแหล่งข้อมูล นําแนวคิดเชิงนามธรรมและข้ันตอน การแก้ปัญหาไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม หรือการ แก้ปัญหาในชีวิตจริง รวบรวมข้อมูลและสร้างทางเลือกในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ตระหนักถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้และไม่สร้างความ เสยี หายใหแ้ กผ่ ู้อ่ืน ตัวชวี้ ดั ว 4.2 ม.1/1-4 รวมทั้งหมด 4 ตัวชว้ี ดั หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หน้า 173 ว22191 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) 2 รายวิชาพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ช่ัวโมง จาํ นวน 0.5 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาแนวคิดเชิงคํานวณ การแก้ปัญหาโดยใช้แนวคิดเชิงคํานวณ การเขียนโปรแกรมท่ีมีการใช้ ตรรกะและฟังก์ชัน องค์ประกอบและหลักการทํางานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสื่อสาร แนวทาง การปฏิบัติเมื่อพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ วิธีการสร้าง และกําหนดสทิ ธิความเป็นเจ้าของผลงาน นําแนวคิดเชิงคํานวณไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรมหรือการแก้ปัญหาในชีวิตจริง สร้างและ กาํ หนดสิทธกิ์ ารใชข้ ้อมลู ตระหนกั ถึงผลกระทบในการเผยแพรข่ ้อมูล ตัวชี้วดั ว 4.2 ม.2/1-4 รวมท้ังหมด 4 ตวั ชี้วดั หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 174 รายวชิ าพืน้ ฐาน ว23192 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) 3 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 20 ชว่ั โมง จํานวน 0.5 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาข้ันตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน Internet of Things (IoT) การเขียนโปรแกรมเพื่อ พัฒนาแอปพลิเคชัน ข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิการประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและประเมินผล ซอฟต์แวร์ หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ีใช้ในการจัดการข้อมูล การประเมินการความน่าเชื่อถือของข้อมูล การสืบค้นหาแหล่งต้นตอของข้อมูล เหตุผลวิวัติ ผลกระทบจากข่าวสารท่ีผิดพลาด การรู้เท่าทันสื่อ กฎหมายทีเ่ กีย่ วกบั คอมพิวเตอร์ การใช้ลิขสิทธขิ์ องผอู้ ืน่ โดยชอบธรรม รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิหรือทุติยภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก และนําเสนอการตัดสินใจได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ออกแบบและเขียนโปรแกรม เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันท่ีมีการบูรณาการกับวิชาอ่ืนอย่าง สรา้ งสรรค์ใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งรูเ้ ทา่ ทนั และมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ตวั ชีว้ ัด ว 4.2 ม.3/1-4 รวมทั้งหมด 4 ตัวชวี้ ดั หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์
หน้า 175 รายวชิ าพนื้ ฐาน ว21187 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง จํานวน 0.5 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาความหมายของเทคโนโลยี วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยีการทํางานของระบบทางเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จําเป็นเพ่ือออกแบบวิธีการแก้ปัญหาในชีวิตประจําวันในด้านการเกษตรและ อาหาร และสร้างช้ินงานหรือพัฒนาวิธีการโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมท้ังเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมอื ในการแกป้ ัญหาได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสมและปลอดภยั ตวั ชี้วัด ว 4.1 ม.1/1-5 รวมท้งั หมด 5 ตัวชวี้ ดั หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 176 ว22188 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 20 ชว่ั โมง จาํ นวน 0.5 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยที่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ตลอดจนคาดการณ์แนวโน้ม เทคโนโลยีในอนาคต เลือกใช้เทคโนโลยีโดยคํานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะและทรัพยากร โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จําเป็นเพื่อออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาในชุมชนหรือท้องถ่ินในด้านพลังงาน ส่ิงแวดล้อม การเกษตรและอาหาร และสร้างชิ้นงาน หรอื พัฒนาวิธีการโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือในการแก้ ปัญหาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมและปลอดภัย ตัวชวี้ ัด ว 4.1 ม.2/1-5 รวมทงั้ หมด 5 ตัวชวี้ ดั หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หนา้ 177 ว23189 การออกแบบและเทคโนโลยี 3 รายวิชาพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง จํานวน 0.5 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยท่ีทําให้เกิดการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยี และความสัมพันธ์ ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อสรุป กรอบของปัญหา เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จําเป็นโดยคํานึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา เพ่ือออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาในงานอาชีพด้านการเกษตร อาหาร พลังงานและขนส่ง โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในการแก้ปัญหาได้อย่าง ถกู ต้อง เหมาะสมและปลอดภยั ตวั ชวี้ ัด ว 4.1 ม.3/1-5 รวมทง้ั หมด 5 ตัวชีว้ ัด หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หนา้ 178 รายวิชาเพ่ิมเตมิ รายวิชาเพิม่ เติม ว21281 วิทยาศาสตร์กบั ความงาม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ช่วั โมง จํานวน 1.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ ตรวจสอบ และอธิบาย ความงามท่ีสมวัยและปัจจัยท่ีมีผลต่อความงาม การดูแล ความงามและการเลือกใช้เคร่ืองสําอาง เครื่องสําอางในชีวิตประจําวันการใช้สมุนไพรในท้องถ่ินเพ่ือความ งามและสขุ ภาพ เทคโนโลยเี พอื่ ความงามและสุขภาพ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุปเพื่อให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ มีทกั ษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตนมจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมท่เี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อภิปราย วิเคราะห์ อธิบายและสรุปลักษณะความงามในแต่ละวัยและระบุปจั จยั ท่ีเป็นสาเหตุ ของความแตกตา่ งของความงามในแตล่ ะวยั 2. อธบิ ายลกั ษณะและการเปลย่ี นแปลงความงามในแตล่ ะวยั โดยใช้ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ 3. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ ายปจั จยั ทมี่ ีผลตอ่ ความงามและบอกแนวทางปฏิบัตเิ พื่อบํารงุ รกั ษาและ เสริมสรา้ งความงามท่สี มวัย 4. สะทอ้ นความคิดเกย่ี วกับความงามตามธรรมชาตขิ องตนเองและเขยี นความเรยี งทแี่ สดงความ ตระหนกั ถึงคุณคา่ และความภูมิใจต่อความงามตามธรรมชาตขิ องตนเอง 5. ระบุและบรรยายลกั ษณะโครงสรา้ งของผวิ หนงั ผม เล็บ ปากและฟัน 6. บรรยายวธิ ีการดูแล และบาํ รุงรักษา ผวิ หนงั ผม เล็บ ปากและฟัน เพือ่ ใหม้ คี วามงามอยเู่ สมอ 7. ระบุและยกตวั อย่างผลติ ภณั ฑใ์ นชวี ิตประจาํ วันท่เี ปน็ เคร่ืองสาํ อาง 8. จําแนกประเภทเครอ่ื งสําอางท่ีใชใ้ นชวี ิตประจาํ วนั ของนักเรียน 9. บอกองคป์ ระกอบพื้นฐานและตรวจสอบสมบัติบางประการของเคร่อื งสาํ อางทีจ่ ําเป็นใน ชีวิตประจาํ วัน 10. เลอื กใช้เคร่อื งสาํ อางท่ีจําเป็นในชวี ิตประจาํ วนั อย่างเหมาะสม 11. สืบค้นข้อมูลและอธิบายเก่ยี วกบั สมนุ ไพรและภมู ปิ ญั ญาไทยทีเ่ กีย่ วกบั ความงามและสขุ ภาพ 12. สาํ รวจตรวจสอบสมนุ ไพรในท้องถ่นิ ที่นาํ มาใชป้ ระโยชน์เพื่อความงามและสุขภาพ 13. เสนอแนวคิดในการพฒั นาผลิตภณั ฑ์เพอื่ ความงามและสุขภาพท่ีมีสว่ นผสมของสมุนไพร ในท้องถน่ิ 14. วเิ คราะห์ข้อมลู และนําความร้ไู ปใช้ในการเลือกใชผ้ ลิตภัณฑ์เพอื่ ความงามและสขุ ภาพอยา่ ง ถกู ต้องและเหมาะสม 15. ส่อื สารส่ิงทเี่ รยี นรแู้ ละสรา้ งสรรคผ์ ลงานเก่ียวกบั ความงามและสขุ ภาพอยา่ งมีคุณธรรมและ จรยิ ธรรม รวมท้ังหมด 15 ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หน้า 179 รายวชิ าเพิ่มเตมิ ว21282 ทฤษฎีธรรมชาติและการสืบเสาะวิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ชั่วโมง จาํ นวน 1.0 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์กันของสิ่งแวดล้อมกับโครงสร้างของ ดอกไม้ กระบวนการสืบพันธ์ุของพืชดอก ความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถ่ิน ระบบนิเวศในท้องถ่ิน ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบภายในระบบนิเวศ วัฏจักรของนํ้า วัฏจักรคาร์บอนและความสําคัญที่มีต่อ ระบบนิเวศ การดูแลรักษาและวิเคราะห์สภาพปัญหาสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน แนวทางใน การแก้ปัญหาและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างย่ังยืน โดยใช้ทักษะกระบวนการ วิธีการทางวิทยาศาสตร์และ จิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ในการแก้ปัญหา สํารวจ ทดลอง ตรวจสอบ ศึกษา สืบค้น อธิบาย วิเคราะห์และสังเคราะห์เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีความคิดระดับสูงในการสร้างองค์ความรู้โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีจิตวิทยาศาสตร์คุณธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ผลการเรียนรู้ 1. สาํ รวจ ทดลอง ตรวจสอบ ศกึ ษา สืบค้น อธบิ าย วเิ คราะห์และสงั เคราะห์ได้วา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยสี งั คมและสงิ่ แวดล้อมมคี วามเก่ยี วข้องสัมพันธ์กัน โครงสรา้ งของดอกไมม้ คี วาม เกยี่ วข้องกับการสืบพนั ธขุ์ องพืช อธิบายกระบวนการสืบพันธุ์ของพืชดอก 2. สาํ รวจและอธิบายความหลากหลายทางชวี ภาพในทอ้ งถิน่ ท่ที าํ ใหส้ ง่ิ มีชวี ติ ดํารงอย่ไู ดอ้ ยา่ ง สมดุลระบบนิเวศตา่ งๆ ในท้องถ่นิ และอธิบายความสัมพันธข์ ององค์ประกอบภายในระบบนิเวศ 3. อธบิ ายวฏั จักรของนํา้ วฏั จกั รคาร์บอนและความสาํ คัญทมี่ ีต่อระบบนเิ วศ 4. เสนอแนวทางในการแก้ปัญหา และใช้ทรพั ยากรธรรมชาติอย่างย่ังยนื รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 180 รายวชิ าเพิ่มเติม ว21290 วิทยาศาสตรก์ บั การแกป้ ัญหา กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชั่วโมง จาํ นวน 1.0 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาค้นคว้าทดลองจากกิจกรรมท่ีจัดไว้ในรูปแบบต่าง ๆ เก่ียวกับการแก้ปัญหาโดยอาศัยข้อมูล จากแหล่งต่าง ๆ เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากประสบการณ์ตรง คิดแก้ปัญหาด้วยวิธีการทาวิทยาศาสตร์ มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ สื่อสารส่ิงที่ เรยี นรู้ สามารถนําความร้ไู ปใช้ในชวี ติ ประจําวันมีจิตวิทยาศาสตร์คุณธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ มทเี่ หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. ตงั้ คาํ ถามทก่ี ําหนดประเด็นหรอื ตัวแปรสําคัญในการสํารวจ ตรวจสอบหรอื ศึกษาคน้ คว้า กจิ กรรมต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลมุ และเชื่อถือได้ 2. สรา้ งสมมตุ ิฐานจากกจิ กรรมต่าง ๆ ท่สี ามารถตรวจสอบได้และวางแผนการสํารวจ ตรวจสอบ ได้หลายวธิ ี 3. เลอื กเทคนิคและวิธกี ารตรวจสอบท้ังเชิงปรมิ าณและคุณภาพท่ีไดผ้ ลเท่ียงตรงและปลอดภัย โดยใช้วสั ดแุ ละเครือ่ งมอื ท่เี หมาะสม 4. รวบรวมข้อมูล จัดกระทาํ ขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณและคุณภาพ จากการทดลองตามกจิ กรรมที่ กาํ หนดใหไ้ ด้ 5. บันทึกอธิบายผลการสงั เกต การสํารวจตรวจสอบค้นควา้ เพ่ิมเตมิ จากแหลง่ เรยี นร้ตู า่ งๆใหไ้ ด้ ขอ้ มูลท่ีเชอ่ื ถอื ได้ 6. ทดลองและอธิบายการทดลองเก่ยี วกบั กิจกรรมตา่ ง ๆ ตามที่กําหนดได้ 7. สบื ค้นข้อมูล และอภิปรายผลทไี่ ดจ้ ากการทดลองจากกจิ กรรมท่ีกาํ หนด เพื่อนําไปใชป้ ระโยชน์ ในชวี ติ ประจาํ วนั รวมท้งั หมด 7 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หน้า 181 รายวชิ าเพ่ิมเติม ว21291 สนกุ กบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จํานวน 1.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา อธิบาย สืบค้นข้อมูล กระแสไฟฟ้า สมบัติการนําไฟฟ้าของสาร การเพิ่มสมบัติการนําไฟฟ้า ของสารกึ่งตัวนําบริสุทธิ์ อิเล็กทรอนิกส์ เคร่ืองใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ พื้นฐานในวงจรไฟฟ้า ลักษณะ สัญลักษณ์และสมบัติของช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ปฏิบัติ ทดลอง อธิบาย อิเล็กทรอนิกส์และระบุเคร่ืองใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์และ อุปกรณ์พ้ืนฐานในในวงจรไฟฟ้า ลักษณะ สัญลักษณ์ และสมบตั ิของช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์วงจรอิเล็กทรอนกิ ส์ วิธีต่อเขา้ กับวงจรไฟฟ้าและประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์เบอื้ งต้นที่มีทรานซสิ เตอร์ 1 ตัวทําหนา้ ท่ีเปน็ สวิตซ์ใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสํารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นําความรู้ ไปใช้ในชวี ติ ประจําวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม คา่ นิยมท่เี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมายของอเิ ลก็ ทรอนกิ สไ์ ด้ถกู ต้อง 2. วิเคราะหแ์ ละบอกประเภทของเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ และประเภทเคร่ืองใช้อิเลก็ ทรอนกิ สไ์ ด้ 3. อธบิ ายรปู แบบสัญญาณอเิ ล็กทรอนกิ ส์ได้อย่างถกู ต้อง 4. อธิบายลักษณะและสมบัตขิ องช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนกิ ส์ได้ 5. อ่านค่าช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนิกส์ชนิดตา่ งๆได้ 6. คาํ นวณ ทดลองและศึกษาการท างานของชนิ้ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ได้ 7. อธบิ ายลกั ษณะ และวธิ ีการใช้งานอปุ กรณ์ต่างๆ ทีใ่ ชใ้ นการประกอบวงจรอเิ ล็กทรอนิกส์ 8. อธิบายวธิ กี ารประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายได้ 9. มีทกั ษะสามารถประกอบวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกสอ์ ย่างง่าย เพ่อื นาํ มาใช้ประโยชน์ได้ รวมท้งั หมด 8 ผลการเรียนรู้ หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หน้า 182 รายวิชาเพม่ิ เตมิ ว21283 ของเลน่ เชิงวทิ ยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชวั่ โมง จํานวน 1.0 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาวิเคราะห์ ทดลอง สร้างอุปกรณ์ของเล่นเชิงวิทยาศาสตร์อย่างง่ายตามแบบท่ีกําหนดให้ ออกแบบ ดัดแปลงหรือประดิษฐ์อุปกรณ์ของเล่นที่ใช้กลไกทางเคร่ืองกล ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อย่างง่าย และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการประกอบช้ินส่วน ดัดแปลงประดิษฐ์อุปกรณ์ และอธิบาย หลกั การทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสาร ส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มทเี่ หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. ระบขุ องเล่นทีม่ อี ปุ กรณท์ างเคร่อื งกลทางไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกสเ์ ปน็ ส่วนประกอบได้ 2. นาํ อปุ กรณท์ างเครือ่ งกลทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ สม์ าประกอบเปน็ วงจรในของเลน่ ได้ 3. อธิบายการทํางานของกลไก วงจรท่ีประกอบขึน้ ได้ 4. ตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งของกลไก วงจรไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกสท์ ป่ี ระกอบข้นึ ได้ 5. สามารถเสนอแนวคดิ ในการนํากลไก วงจรไฟฟ้า อิเลก็ ทรอนกิ สบ์ างชนดิ ไปประยุกตใ์ ช้ได้ อย่างเหมาะสม 6. มีเจตคตทิ ีด่ ตี ่องานด้านเครอื่ งกล ไฟฟ้า และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ รวมท้งั หมด 6 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หน้า 183 รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ว21284 พลังงานทดแทนกับการใชป้ ระโยชน์ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง จํานวน 1.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ ทดลอง ตรวจสอบและริเร่ิมการสร้างหรือดัดแปลงอุปกรณ์และเครื่องใช้บางชนิด ท่ีเก่ียวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานนํ้าพลังงานชีวมวลและแก๊สชีวภาพ และพลังงาน นิวเคลียร์ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการนําพลังงานทดแทนมาใช้ในรูปของพลังงานไฟฟ้า พลังงาน ความร้อน และตระหนักในบทบาทและผลกระทบของพลงั งานเหล่าน้นั ท่มี ตี ่อมนุษย์และสงิ่ แวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคิด ความเข้าใจสามารถส่ือสาร ส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มท่ีเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายพลงั งานทดแทนและการนําพลงั งานทดแทนมาใชป้ ระโยชน์ 2. อธบิ ายแนวคิดพ้ืนฐานเรือ่ ง การนําพลังงานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลงั งานน้ําพลังงาน ชีวมวลและแก๊สชีวภาพ และพลังงานนวิ เคลยี ร์ มาใชป้ ระโยชน์ในรปู ของพลงั งานไฟฟา้ และ พลงั งานความรอ้ นได้ 3. ออกแบบและสร้างอปุ กรณ์ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีที่เกี่ยวขอ้ งกับพลงั งานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลังงานนํา้ พลังงานชวี มวลและแกส๊ ชีวภาพ ได้ 4. อธิบายแหลง่ พลงั งานและการใชป้ ระโยชน์พลงั งานในประเทศไทย ของพลงั งานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม พลงั งานนํ้าพลงั งานชีวมวลและแกส๊ ชวี ภาพ รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 184 ว22285 วทิ ยาศาสตร์โลกทัง้ ระบบ 1 (โครงงาน 1) รายวิชาเพ่ิมเตมิ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชัว่ โมง จํานวน 1.0 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในธรรมชาติรูปแบบความสัมพันธ์และ แนวโน้มที่เกิดขึ้น การเปล่ียนแปลงสภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาติในท้องถ่ิน โดยใช้กระบวนการวิจัย การสงั เกต การตั้งคําถาม การตั้งสมมติฐาน การวางแผน การเขียนเคา้ โครงวจิ ยั โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนากระบวนการคิด การสืบเสาะหาความรู้ มีความสามารถ ในการตัดสินใจและสามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้นําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. ต้งั คาํ ถามที่กําหนดประเด็นหรือตัวแปรทสี่ ําคญั ในการสาํ รวจตรวจสอบหรือศกึ ษาค้นควา้ เร่อื ง ที่สนใจได้อยา่ งครอบคลุมและเชอื่ ถอื ได้ 2. สร้างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบไดแ้ ละวางแผนการสํารวจตรวจสอบหลายๆวธิ ี 3. เลือกเทคนิควธิ กี ารสาํ รวจตรวจสอบท้ังเชิงปริมาณและเชงิ คุณภาพท่ีได้ผลเทยี่ งตรงและปลอดภัย โดยใชว้ สั ดุและเคร่ืองมือท่เี หมาะสม รวมทั้งหมด 3 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หนา้ 185 ว22292 เรม่ิ ตน้ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ รายวิชาเพิ่มเตมิ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ชัว่ โมง จาํ นวน 1.0 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา ค้นคว้า สํารวจตรวจสอบ ทดลอง สรุปเกี่ยวกับความรู้เร่ืองโครงงานวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ การกําหนดปัญหา การกําหนดหัวข้อ ของโครงงาน การตั้งสมมติฐาน การกําหนดและการควบคุมตัวแปร การเขียนเค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์ การดําเนินการทําโครงงานวิทยาศาสตร์ การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ และการเขียนบทคัดย่อ การจัดบอร์ดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ โดยการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสํารวจตรวจสอบ ทดลอง สืบค้น ข้อมูลความรู้ การสรุปอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ความคิดความ เข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้มีความสามารถในการเลือกตัดสินใจ และนําความรู้ไปปรับใช้ในชีวิต ประจําวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาสตรค์ ุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มูลความรู้เก่ยี วกบั ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์วิธีการทางวิทยาศาสตร์ จติ วิทยาศาสตร์และความรู้เก่ียวกบั การจัดทําโครงงานวิทยาศาสตรแ์ นวการจัดทาํ โครงงาน วทิ ยาศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ 2. สืบคน้ ขอ้ มลู ความรเู้ ก่ียวกับแนวทางการกําหนดปัญหาการกาํ หนดหัวขอ้ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ การกาํ หนดสมมติฐานการกําหนดและควบคมุ ตวั แปรทถี่ ูกต้องตามหลักวธิ ีการ 3. สบื ค้นข้อมลู และเขยี นเค้าโครงงานวิทยาศาสตร์ตามแบบท่ีกาํ หนดไดถ้ กู ต้อง 4. ดําเนินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมโครงงานวทิ ยาศาสตรต์ ามขนั้ ตอนทก่ี าํ หนดและมคี ณุ ภาพ 5. ศกึ ษารปู แบบจากตัวอยา่ งและเขียนรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์และบทคดั ยอ่ ได้ถกู ตอ้ ง 6. จดั ทําบอรด์ โครงงานวิทยาศาสตรแ์ สดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ไดถ้ ูกต้องตามกรอบกําหนด รวมทงั้ หมด 6 ผลการเรียนรู้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หน้า 186 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ ว22293 โครงงานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ช่วั โมง จาํ นวน 1.0 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา ค้นคว้า สํารวจตรวจสอบทดลองสรุปเกี่ยวกับความรู้เร่ืองโครงงานวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ การกําหนดปัญหา การกําหนดหัวข้อ ของโครงงาน การตั้งสมมติฐาน การกําหนดและการควบคุมตัวแปร การเขียนเค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์ การดําเนินการทําโครงงานวิทยาศาสตร์ การเขียนรายงาน โครงงานวิทยาศาสตร์และการเขียนบทคัดย่อ การจัดบอร์ดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ โดยการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสํารวจตรวจสอบ ทดลอง สืบค้นข้อมูลความรู้ การสรุปอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการเลือกตัดสินใจและนําความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ มที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มลู ความร้เู กี่ยวกับ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ จิตวทิ ยาศาสตร์ และความรูเ้ กยี่ วกับการจดั ทําโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แนวการจดั ทาํ โครงงาน วทิ ยาศาสตรใ์ นรปู แบบต่าง ๆ 2. สบื ค้นข้อมลู ความรูเ้ ก่ยี วกบั แนวทางการกําหนดปญั หา การกาํ หนดหวั ข้อโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การกาํ หนดสมมตฐิ าน การกําหนดและควบคุมตวั แปรท่ีถกู ตอ้ งตามหลักวธิ ีการ 3. สบื คน้ ข้อมลู และเขยี นเคา้ โครงงานวิทยาศาสตร์ ตามแบบท่ีกําหนดไดถ้ กู ต้อง 4. ดาํ เนินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ตามขัน้ ตอนทกี่ าํ หนดและมคี ณุ ภาพ 5. ศกึ ษารปู แบบจากตวั อยา่ ง และเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์และบทคดั ย่อได้ถูกตอ้ ง 6. จัดทําบอร์ดโครงงานวทิ ยาศาสตร์แสดงผลงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้ถกู ต้องตามกรอบท่ีกําหนด รวมทง้ั หมด 6 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หน้า 187 ว22286 วิทยาศาสตรโ์ ลกท้งั ระบบ 2 (โครงงาน 2) รายวชิ าเพม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ชัว่ โมง จํานวน 1.0 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ดาํ เนินการตรวจวดั สิ่งแวดล้อม การวเิ คราะห์และแปลความหมายข้อมูลโดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ การลงขอ้ สรุป การเขยี นรายงานและการนําเสนองานวจิ ยั ดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพอ่ื พัฒนา กระบวนการคดิ การสบื เสาะหาความรู้ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ และสามารถสอ่ื สารสง่ิ ท่ีเรยี นรู้ นําความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจําวนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. รวบรวมข้อมลู จดั กระทําข้อมูลเชงิ ปริมาณและคณุ ภาพ 2. วเิ คราะหแ์ ละประเมินความสอดคล้องของประจกั ษ์พยานกับข้อสรุปท้ังท่ีสนับสนุนหรือ ขัดแย้งกับสมมตฐิ านและความผิดปกติของขอ้ มูลจากการสํารวจตรวจสอบ 3. สร้างแบบจําลองหรอื รูปแบบที่อธิ บายผลหรือแสดงผลของการสํารวจตรวจสอบ 4. สร้างคําถามทน่ี ําไปสู่การสาํ รวจตรวจสอบในเรือ่ งท่เี กย่ี วขอ้ งและนาํ ความรู้ทีไ่ ด้ไปใช้ใน สถานการณ์ใหม่หรอื อธิบายเกีย่ วกบั แนวคดิ กระบวนการและผลของโครงงานหรือชิ้นงาน ให้ผ้อู ืน่ เข้าใจ 5. บนั ทกึ และอธบิ ายผลการสงั เกตการณส์ าํ รวจตรวจสอบค้นคว้าเพม่ิ เตมิ จากแหลง่ ความรู้ต่างๆ ใหไ้ ดข้ ้อมูลที่เช่อื ถอื ได้ และยอมรบั การเปลี่ยนแปลงความร้ทู ่ีคน้ พบเม่อื มขี อ้ มูลและประจักษ์ พยานใหม่ เพ่มิ ขึน้ หรอื โต้แยง้ จากเดมิ 6. จดั แสดงผลงาน เขยี นรายงานและ/หรืออธิบายเกย่ี วกับแนวคิดกระบวนการและผลของโครงงาน หรอื ช้นิ งานใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ รวมท้งั หมด 6 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 188 รายวิชาเพิม่ เติม ว22254 ชีววิทยาเบ้ืองตน้ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชัว่ โมง จํานวน 1.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาค้นคว้า ทดลองเกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์ เซลล์ของส่ิงมีชีวิต สารชีวโมเลกุล พันธุศาสตร์และ เทคโนโลยีชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศ วิวัฒนาการ พฤติกรรมสัตว์ กายวิภาคและ สรีรวทิ ยา และพืช กายวิภาคและชวี วทิ ยา โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสาร สิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ าย ทดลองและสรปุ ผลการทดลองเกย่ี วกับกลอ้ งจลุ ทรรศน์ 2. อธบิ าย ทดลองและสรปุ ผลการทดลองเก่ียวกบั โครงสร้างเซลล์ของสิ่งมชี ีวติ 3. อธิบาย ทดลองและสรุปผลการทดลององคป์ ระกอบสารชวี โมเลกุล 4. อธิบายเกย่ี วกบั พนั ธศุ าสตรแ์ ละเทคโนโลยีชีวภาพ 5. อธบิ ายเกีย่ วกบั ความหลากหลายทางชวี ภาพ 6. อธิบาย ทดลองและสรปุ ผลการทดลองเกยี่ วกบั ระบบนเิ วศ 7. อธบิ ายเก่ียวกบั ววิ ฒั นาการของสิง่ มชี ีวติ 8. อธบิ ายเกี่ยวกับพฤติกรรมของส่งิ มชี วี ติ 9. อธบิ าย ทดลองและสรุปผลเก่ียวกบั สัตว์ กายวิภาคและสรรี วทิ ยา 10. อธิบาย ทดลองและสรุปผลการทดลองเกย่ี วกบั พืชกายวภิ าคและสรีรวทิ ยา รวมทง้ั หมด 10 ผลการเรียนรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หนา้ 189 รายวิชาเพิ่มเติม ว22234 เคมีเบอ้ื งตน้ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ชั่วโมง จาํ นวน 1.0 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา สืบค้นข้อมูล อภิปราย อธิบายเก่ียวกับแบบจําลองอะตอม อนุภาคมูลฐานของอะตอม การจัดธาตุในตารางธาตุ พร้อมท้ังระบุหมู่ของธาตุตามที่กําหนดให้ อธิบายสมบัติบางประการของธาตุ การเกิดพันธะเคมี และลักษณะของพันธะเคมีแต่ละประเภท อธิบายสารประกอบและเขียนสูตรพร้อม เรยี นชือ่ สารประกอบตามทีก่ าํ หนดให้ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสาร ส่ิงที่รู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ นําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มูล อภิปราย และอธิบายเก่ียวกบั แบบจาํ ลองอะตอมได้ 2. ระบุอนุภาคมูลฐานของอะตอมได้ 3. อธบิ ายการจดั ธาตใุ นตารางธาตุ พร้อมทัง้ ระบหุ มขู่ องธาตุที่กาํ หนดใหไ้ ด้ 4. สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย สมบตั บิ างประการของธาตุได้ 5. อธบิ ายการเกิดพนั ธะเคมไี ด้ 6. ระบุประเภทและลกั ษณะของพันธะเคมแี ตล่ ะประเภทได้ 7. อธบิ ายความหมายและการเกดิ สารประกอบได้ 8. เขยี นสูตรและเรียกชอ่ื สารประกอบทก่ี าํ หนดใหไ้ ด้ รวมท้งั หมด 8 ผลการเรียนรู้ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์
หน้า 190 รายวิชาเพิม่ เตมิ ว22287 บอรด์ สมองกลฝงั ตวั kidBright กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง จํานวน 1.0 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับองค์ประกอบของไมโครคอนโทรเลอร์และบอร์ด Kidbright ใช้การโปรแกรม Kidbright IDE โครงสร้างและส่วนประกอบของโปรแกรมคําส่ังพื้นฐาน ตัวแปร โครงสร้างควบคุมและ กระบวนความ ปฏิบัติทักษะ เขียนและนําเสนอผังความคิดเก่ียวกับองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ เขียนและออกแบบ กระบวนความของโปรแกรมโดยใช้รหัสลําลองและผังงาน เขียนโปรแกรมโดยใช้คําสั่งต่าง ๆ ขั้นพื้นฐาน การออกแบบอลั กอริทมึ เพอื่ สั่งการควบบอร์ด Kidbright ประยกุ ต์สร้างอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนิกอย่างงา่ ย เพ่ือให้เข้าใจ เพ่ือให้เข้าใจ เห็นคุณค่าและใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรยี นรู้ การสอื่ สาร การแกป้ ัญหา การทาํ งานและอาชีพอยา่ งมีประสิทธิภาพ ประสทิ ธิผลและมีคณุ ธรรม ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายหลกั การทํางานของไมโครคอนโทรเลอร์ 2. อธิบายองคป์ ระกอบของบอรด์ Kidbright 3. ใช้คําสั่งพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม Kidbright IDE ควบคุมสง่ั การบอรด์ Kidbright 4. กําหนดและใช้งานตัวแปร ใช้งานเซ็นเซอร์บนบอรด์ Kidbright ประยกุ ต์สร้างอุปกรณ์ อิเลก็ ทรอนิกอยา่ งง่าย 5. การออกแบบอลั กอริทึม เพือ่ แกป้ ัญหาอาจใชแ้ นวคดิ เชงิ คํานวณในการออกแบบเพ่อื ให้ การแก้ปญั หามีประสทิ ธภิ าพ รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้ หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์
หน้า 191 ว23288 เช้อื เพลิงเพ่อื การคมนาคม รายวิชาเพ่มิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จาํ นวน 1.0 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วเิ คราะห์ ทดลอง องค์ประกอบและประเภทของปิโตรเลยี ม หนิ ตน้ กําเนิดและแหล่งกกั เกบ็ ปิโตรเลียม การสาํ รวจและแหลง่ ปโิ ตรเลยี ม ผลกระทบและแนวทางแก้ไขทเ่ี กิดจากการสาํ รวจและการ ผลติ ปโิ ตรเลยี ม การแยกแก๊สธรรมชาติการกลัน่ นาํ้ มันดบิ ผลติ ภัณฑจ์ ากแกส๊ ธรรมชาตแิ ละจากการกลั่น นํา้ มนั ดิบ และการใชป้ ระโยชน์ ผลกระทบจากกระบวนการผลติ ผลติ ภณั ฑ์จากปิโตรเลียมและแนว ทางแก้ไข สถานการณ์พลังงานของโลกและของประเทศไทย การใช้พลังงานดา้ นการคมนาคมของประเทศ ไทย การกาํ หนดราคานํ้ามันเชอ้ื เพลิง ผลกระทบและแนวทางการแก้ไขผลจากการใชเ้ ชื้อเพลงิ เพื่อการ คมนาคม เช้อื เพลิงทเี่ ปน็ พลังงานทดแทน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ความคดิ ความเข้าใจ สามารถส่อื สารสง่ิ ที่ เรยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ นําความร้ไู ปใช้ในชีวิตประจําวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความสําคัญ และการกาํ เนิดของปิโตรเลยี ม ก๊าซธรรมชาติ ถา่ นหนิ และหนิ น้ํามนั 2. อธบิ ายแหล่ง การสํารวจ และปรมิ าณสํารองของปโิ ตรเลยี ม และ แก๊สธรรมชาติ 3. อธบิ ายผลติ ภณั ฑ์ปโิ ตรเลียมและการนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ 4. อธิบายโครงสรา้ งราคาและวเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารใชน้ ้ํามนั เช้อื เพลิงเพ่อื การคมนาคม 5. อธบิ ายประเภทและการใช้ประโยชน์ จากเช้อื เพลงิ ท่ีเป็นพลังงานทดแทน 6. นาํ เสนอแนวทางการใชป้ ิโตรเลียม และแกส๊ ธรรมชาติ อยา่ งประหยดั และถูกวธิ ี รวมทง้ั หมด 6 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 192 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ ว23214 ฟสิ กิ ส์เบ้ืองต้น กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 4 ช่ัวโมง จํานวน 1.0 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษา คน้ ควา้ วเิ คราะหเ์ ร่อื งกลศาสตร์ ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิคสเ์ บอื้ งต้น แสงและการมองเห็น ความร้อนและของไหล โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสาร ส่ิงทร่ี ู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ นําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายกลศาสตรเ์ ก่ยี วกับคณติ ศาสตรท์ เ่ี กยี่ วข้องกบั ฟิสิกส์ หนว่ ยวดั ทางวทิ ยาศาสตร์ คาํ อปุ สรรค ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ แรง กําลัง โมเมนส์และเคร่ืองกล และกฎการเคล่ือนที่ของ นิวตัน 2. อธบิ ายเกีย่ วกบั วงจรไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนคิ สเ์ บ้ืองต้น 3. อธบิ ายเกยี่ วกบั สมบัติของแสงและการมองเหน็ 4. อธิบายเกย่ี วกบั การถา่ ยโอนความร้อนและของไหล รวมทัง้ หมด 4 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 193 รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ว23289 อิเล็กทรอนกิ ส์เบือ้ งตน้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จาํ นวน 1.0 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา อธิบาย สืบค้นข้อมูล กระแสไฟฟ้า สมบัติการนําไฟฟ้าของสาร การเพิ่มสมบัติการนําไฟฟ้า ของสารก่ึงตัวนําบริสุทธ์ิ อิเล็กทรอนิกส์ เคร่ืองใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ พื้นฐานในวงจรไฟฟ้า ลักษณะ สัญลักษณ์และสมบัติของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ปฏิบัติ ทดลอง อธิบาย อิเล็กทรอนิกส์และระบุเคร่ืองใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์พ้ืนฐานในในวงจรไฟฟ้า ลักษณะ สัญลักษณ์ และสมบัติของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์วงจร อิเล็กทรอนิกส์ วิธีต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้าและประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้นที่มีทรานซิสเตอร์ 1 ตัวทํา หนา้ ทเี่ ป็นสวติ ซ์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสํารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล และการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถใน การตัดสนิ ใจ นําความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของอิเล็กทรอนิกสไ์ ด้ถกู ต้อง 2. วเิ คราะหแ์ ละบอกประเภทของเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ และประเภทเครอ่ื งใช้อิเลก็ ทรอนิกส์ได้ 3. อธิบายรูปแบบสญั ญาณอิเล็กทรอนกิ ส์ได้อยา่ งถูกต้อง 4. อธบิ ายลกั ษณะและสมบตั ขิ องชนิ้ สว่ นอิเลก็ ทรอนิกส์ได้ 5. อา่ นค่าช้ินส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ชนิดต่างๆได้ 6. คาํ นวณ ทดลองและศกึ ษาการท างานของชิน้ ส่วนอิเล็กทรอนกิ สไ์ ด้ 7. อธิบายลกั ษณะ และวิธกี ารใชง้ านอปุ กรณ์ตา่ งๆ ท่ใี ช้ในการประกอบวงจรอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 8. อธิบายวธิ ีการประกอบวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกสอ์ ยา่ งง่ายได้ 9. มีทกั ษะสามารถประกอบวงจรอิเล็กทรอนกิ ส์อย่างง่าย เพ่อื นํามาใช้ประโยชน์ได้ รวมท้ังหมด 9 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หนา้ 194 รายวชิ าเพ่ิมเติม ว23215 วิทยาศาสตร์โอลมิ ปิกฟิสิกส์ (สอวน.) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ช่วั โมง จาํ นวน 1.0 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาธรรมชาติของวิชาฟิสิกส์ ปริมาณกายภาพและหน่วยการวัดความคลาดเคล่ือนในการวัดและ การทดลองในวิชาฟิสิกส์การบอกตําแหน่งของวัตถุความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ เคล่ือนที่แนวตรงด้วยความเร่งคงตัว แรงและผลของแรงที่มีต่อสภาพการเคล่ือนท่ีของวัตถุกฎการเคลื่อนที่ ของนิวตัน กฎแรงดึงดูดระหว่างมวล และแรงเสียดทาน การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์การเคลื่อนที่แบบ วงกลมและการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบคืนข้อมูล การสํารวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด มีความสามารถในการส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ การตัดสินใจ การนําความรู้ไปใช้ในชีวิต ประจาํ วัน มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรมคณุ ธรรมและคา่ นยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกย่ี วกบั ธรรมชาติของวิชาฟิสกิ ส์ ปรมิ าณกายภาพและหน่วยในระบบเอสไอ 2. อธบิ ายความสาํ คญั ของการทดลองการวดั ปรมิ าณกายภาพตา่ งๆ และการบันทกึ ผลการวัด 3. อธบิ ายเกีย่ วกับการเคลือ่ นทแ่ี นวตรงและปรมิ าณทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 4. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่างการกระจัด ความเรว็ และความเรง่ ของการเคลอ่ื นที่ของวตั ถใุ น แนวตรงทีม่ ีความเรง่ คงตวั 5. อธบิ ายแรงและหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรง 6. อธิบายกฎการเคล่อื นที่ของนวิ ตันและใชก้ ฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตนั อธิบายการเคลอื่ นที่ของ วตั ถุ 7. อธบิ ายกฎแรงดึงดูดระหวา่ งมวล 8. อธบิ ายแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผสั ของวัตถคุ ู่หน่งึ 9. วิเคราะหแ์ ละอธบิ ายการเคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์ 10. วเิ คราะห์และอธิบายการเคลอื่ นทแี่ บบวงกลม 11. วเิ คราะห์และอธบิ ายการเคลอื่ นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย รวมทง้ั หมด 11 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์
หนา้ 195 รายวิชาเพิม่ เติม ว23235 วิทยาศาสตร์โอลิมปิกเคมี (สอวน.) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จาํ นวน 1.0 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาและคํานวณเก่ียวกับมวลอะตอมของธาตุ ความสัมพันธ์ระหว่างจํานวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊สท่ี STP ศึกษาหน่วยและการคํานวณความเข้มข้นของสารละลาย ศึกษาและทดลอง เตรียมสารละลาย ศึกษาและทดลองและเปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิและสารละลาย ศึกษาความหมายและเขียนสูตรโมเลกุล สูตรเอมพิริคัลหรือสูตรอย่างง่ายและสูตรโดรงสร้าง การเขียนและ ดุลสมการเคมี ทดลองและคํานวณหาอัตาส่วนจํานวนโมลของสารต้ังต้นที่ทําปฏิกิริยาพอดีกัน สมบัติของ ระบบปิดและระบบเปิด ทดลองและคํานวณปริมาตรของแก๊สในปฏิกิริยาเคมีตามกฎของเกย์-ลูสแซกและ กฎของอาโวกาโดรสมบัติและการจัดเรียงอนุภาคของของแข็ง ทดลองเตรียมผลึกสาร และศึกษาชนิดของ ผลึกการเปลี่ยนสถานะของของแข็ง การหลอมเหลว การระเหิด ความสัมพันธ์ของความดันอุณหภูมิและ ปริมาตรของแก๊ส และคํานวณหาปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิของแก๊สโดยใช้กฎของบอยล์กฎของชา ร์ล กฎรวมแก๊ส ศึกษาและคํานวณความดัน ปริมาตร จํานวนโมล มวลและอุณหภูมิของแก๊สตามกฎแก๊ส สมบรู ณ์ ศึกษาทดลองการแพรแ่ ละอัตราการแพรข่ องแกส๊ โดยใช้การเรียนรู้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสืบเสาะหาความรู้การสํารวจตรวจสอบ สามารถนําความรู้ และหลักการไปใช้ประโยชน์เชื่อมโยงอธิบายปรากฏการณ์ หรือแก้ปัญหาในชีวิต ประ จําวัน สามารถจัดกระทําและวิเคราะห์ข้อมูล ส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้มีความสามารถในการตัดสินใจ แก้ปัญหา มีจติ วทิ ยาศาสตร์ เหน็ คณุ ค่าของวทิ ยาศาสตร์ มจี รยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. คาํ นวณมวลอะตอมของธาตุ มวลของธาตุ 1 อะตอม และมวลอะตอมเฉลีย่ ของธาตุได้ 2. คํานวณมวลโมเลกุลของสารหรอื มวลสูตรและมวลของสาร 1โมเลกลุ ได้ 3. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปริมาณต่างๆ ของสาร ซงึ่ ไดแ้ ก่จาํ นวนโมลจาํ นวนอนภุ าคมวล และปริมาตรของแก๊สท่ี STP 4. อธิบายวิธเี ตรยี มสารละลายใหม้ คี วามเขม้ ขน้ หรอื ปรมิ าตรตามตอ้ งการและคํานวณหาความ เขม้ ขน้ ของสารละลายในหน่วยต่างๆ ทกี่ ําหนดให้ได้ 5. เปรยี บเทียบจุดเดือดจุดเยือกแขง็ หรอื จุดหลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธิ์และสารละลาย 6. คํานวณหามวลเป็นรอ้ ยละของธาตุองคป์ ระกอบจากสูตรท่ีกาํ หนดให้ได้ 7. คํานวณหาสูตรเอมพริ ิคัลและสตู รโมเลกุลของสารได้ 8. เขียนและดุลสมการเคมี เมือ่ ทราบสารต้งั ตน้ และผลติ ภัณฑ์ได้ 9. คาํ นวณหาอัตราสว่ นโดยมวลของธาตุที่รวมตัวกนั เป็นสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงท่ไี ด้ 10. สรปุ ข้อความของกฎเกย์–ลสู แซกและกฎอาโวกาโดรได้ 11. คํานวณหาจาํ นวนโมล มวลของสาร ปริมาตรของแกส๊ ท่ี STP หรอื จาํ นวนอนุภาคของสาร จากสมการเคมีได้ 12. ระบสุ ารกาํ หนดปรมิ าณและใชค้ าํ นวณหาปรมิ าณของสารอื่นในปฏิกิริยาเคมีได้ 13. คาํ นวณหาผลไดร้ อ้ ยละของสารจากการทดลองที่กาํ หนดให้ได้ 14. อธิบายสมบตั บิ างประการของของแข็งได้ หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
หนา้ 196 15. อธิบายเหตผุ ลทที่ าํ ใหธ้ าตุบางชนิดปรากฏเป็นรปู ตา่ งๆ ได้ 16. อธิบายสมบัติของของเหลวเกี่ยวกับความตึงผิว การระเหยและการเกิดความดันไอได้ 17. อธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างความดันไอกบั จดุ เดอื ดของของเหลวได้ 18. ใช้ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ อธบิ ายสมบตั บิ างประการของแกส๊ ได้ 19. อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งอณุ หภูมิความดนั และปริมาตรของแกส๊ ได้ 20. ใชก้ ฎต่างๆ ของแก๊สคํานวณหาปรมิ าตรความดัน อุณหภูมแิ ละจาํ นวนโมลหรอื มวลของแกส๊ ได้ 21. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งการแพรข่ องแกส๊ กบั มวลโมเลกลุ รวมท้ังสามารถเปรยี บเทียบ อัตราการแพรแ่ ละอัตราการแพร่ผ่านของแก๊สได้ รวมทงั้ หมด 21 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หน้า 197 รายวิชาเพมิ่ เติม ว23255 วิทยาศาสตรโ์ อลิมปิกชวี วิทยา (สอวน.) กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จาํ นวน 1.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะท่ีสําคัญของส่ิงมีชีวิต การใช้ความรู้และกระบวนการทางชีววิทยาท่ีเป็น ประโยชน์ต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม การศึกษาชีววิทยาโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และการนําความรู้ เกี่ยวกับชีววิทยามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน ศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบ ในเซลล์ของส่ิงมีชีวิต โครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียสท่ีศึกษาด้วย กล้องจุลทรรศน์ การส่ือสารระหว่างเซลล์ การเปล่ียนแปลงสภาพของเซลล์และการชราภาพของเซลล์ โครงสร้างและการทํางานของระบบย่อยอาหารในร่างกายของสัตว์และมนุษย์การสลายสารอาหารระดับ เซลล์เพื่อให้ได้พลังงานในรูปของ ATP โครงสร้างและการทํางานของระบบสืบพันธ์ุและการเจริญเติบโต ของสัตว์และมนษุ ย์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูลการสังเกต การวิเคราะห์การทดลอง การอภิปราย การอธิบายและสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ความคิดความเข้าใจ มีความ สามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งท่ีเรยี นรู้และนาํ ความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเองมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สบื คน้ ขอ้ มูลและอธิบายเก่ยี วกับลกั ษณะท่สี ําคัญของส่ิงมีชีวิต 2. อธบิ ายและสรุปเก่ียวกับกระบวนการทางชวี วิทยา ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ มนษุ ยแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม 3. นําวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์มาออกแบบการทดลอง ทดลองอภปิ รายและสรปุ เกย่ี วกบั ชีววทิ ยา 4. อธบิ ายเกีย่ วกับโครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องสารเคมใี นเซลล์ของสิง่ มีชวี ิต 5. สืบคนื ขอ้ มูลอภิปราย และอธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องส่วนประกอบภายในเซลล์ที่ ศึกษาด้วยกล้องจลุ ทรรศน์ 6. อภิปรายและสรุปเก่ยี วกับการสื่อสารระหวา่ งเซลลก์ ารเปล่ียนแปลงสภาพของเซลลแ์ ละ การชราภาพของเซลล์ 7. สืบค้นขอ้ มลู อภิปราย และสรปุ เกย่ี วกบั โครงสรา้ งและการทํางานของระบบยอ่ ยอาหารและ การสลายสารอาหารระดับเซลล์ในร่างกายของสตั วแ์ ละมนษุ ย์ 8. สบื คืนขอ้ มลู อภปิ ราย และสรปุ เกี่ยวกบั โครงสร้างและการทํางานของระบบสบื พันธ์แุ ละ การเจริญเตบิ โตของสัตวแ์ ละมนุษย์ 9. สบื คนื ขอ้ มูลอภปิ รายและนาํ ความรู้เกีย่ วกบั ชีววิทยามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาํ วนั รวมทัง้ หมด 9 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์
หนา้ 198 โครงสรา้ ง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (แผนการเรยี นวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 จํานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี 1 จาํ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกติ รายวชิ าพน้ื ฐาน จํานวน 80 ชั่วโมง 2.0 หนว่ ยกิต จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต - จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกิต รายวิชาเพ่มิ เตมิ ว31241 ชวี วทิ ยา 1 จํานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกติ ว31221 เคมี 1 จํานวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกิต ว31201 ฟิสกิ ส์ 1 นวน 40 ช่ัวโมง 1.0 หนว่ ยกิต ว31261 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1 จํานวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ว31281 วิทยาการคอมพิวเตอร์ 1 จาํ นวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี2 จาํ นวน 80 ชั่วโมง 2.0 หน่วยกิต รายวิชาพืน้ ฐาน จํานวน 40 ชวั่ โมง 1.0 หนว่ ยกติ ว31181 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ จํานวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกติ ว31185 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 ว31188 เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) 1 รายวิชาเพ่มิ เตมิ ว31242 ชีววทิ ยา 2 ว31222 เคมี 2 ว31202 ฟิสิกส์ 2 ว31262 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 ว31282 วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 จํานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกติ ภาคเรยี นที่1 จาํ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกติ รายวชิ าพ้ืนฐาน จาํ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว32182 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ (สาระเคมี) จาํ นวน 90 ช่วั โมง 2.0 หน่วยกติ รายวชิ าเพิม่ เตมิ จํานวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกติ ว32243 ชีววทิ ยา 3 จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกติ ว32223 เคมี 3 ว32203 ฟิสิกส์ 3 ว32263 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 ว32281 โครงงานวิจยั วิทยาศาสตร์ 1 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์
ภาคเรยี นที่2 จาํ นวน 60 ชั่วโมง หน้า 199 รายวิชาพนื้ ฐาน จํานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ว32183 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ (สาระฟสิ กิ ส์) จํานวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกติ รายวิชาเพม่ิ เติม จาํ นวน 90 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ว32244 ชวี วิทยา 4 จาํ นวน 40 ชั่วโมง 2.0 หนว่ ยกิต ว32224 เคมี 4 จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกิต ว32204 ฟิสิกส์ 4 จํานวน 20 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต ว32264 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 จํานวน 40 ชวั่ โมง 0.5 หน่วยกติ ว 32282 โครงงานวิจัยวิทยาศาสตร์ 2 1.0 หนว่ ยกิต ว32287 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 จํานวน 60 ชว่ั โมง ว32289 เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) 2 จํานวน 60 ชัว่ โมง 1.5 หน่วยกิต จํานวน 60 ช่วั โมง 1.5 หนว่ ยกติ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 จํานวน 90 ชั่วโมง 1.5 หนว่ ยกิต ภาคเรียนท่ี 1 จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 2.0 หนว่ ยกิต รายวชิ าพนื้ ฐาน 1.0 หน่วยกติ ว33184 วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ จาํ นวน 60 ชั่วโมง รายวิชาเพ่มิ เตมิ จํานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว33245 ชวี วทิ ยา 5 จํานวน 90 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว33225 เคมี 5 จํานวน 40 ชั่วโมง 2.0 หน่วยกติ ว33205 ฟสิ ิกส์ 5 จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกติ ว32265 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 5 1.0 หน่วยกิต ภาคเรียนที่2 รายวชิ าพื้นฐาน - รายวิชาเพ่ิมเตมิ ว33246 ชีววิทยา 6 ว33226 เคมี 6 ว33206 ฟิสกิ ส์ 6 ว33266 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 6 ว33290 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) 3 หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์
หน้า 200 โครงสร้าง กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (แผนการเรยี นศลิ ป์ - ท่วั ไป) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 จํานวน 60 ชวั่ โมง 1.5 หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี 1 จาํ นวน 40 ชวั่ โมง 1.0 หนว่ ยกิต รายวิชาพน้ื ฐาน ว31181 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ จํานวน 20 ชั่วโมง 0.5 หน่วยกติ ว รายวิชาเพม่ิ เติม จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกติ ว31247 ชีววทิ ยาเสริมทกั ษะความรู้ จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต ภาคเรียนที่2 จาํ นวน 40 ชัว่ โมง 1.0 หน่วยกติ รายวิชาพน้ื ฐาน ว31185 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 31188 เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) 1 รายวิชาเพ่ิมเติม ว31248 นติ วิ ิทยาศาสตร์ ว31284 วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ 1 ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 จํานวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี1 จํานวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกิต รายวชิ าพ้นื ฐาน ว32182 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 (สาระเคมี) จาํ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต รายวชิ าเพิ่มเตมิ จาํ นวน 40 ชั่วโมง 1.0 หนว่ ยกิต ว32227 เคมีเสรมิ ทักษะความรู้ จํานวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกติ ภาคเรยี นท่ี2 จํานวน 20 ช่วั โมง 0.5 หนว่ ยกติ รายวิชาพื้นฐาน จาํ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต ว32183 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (สาระฟิสกิ ส)์ รายวชิ าเพม่ิ เติม ว32228 เคมสี ืบสวน ว32285 วิทยาการคอมพวิ เตอร์ 2 ว32287 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 ว32289 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) 2 หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274