Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระวิทย์2564

หลักสูตรกลุ่มสาระวิทย์2564

Published by วรัญญา แก้วล่องลอย, 2022-01-26 03:28:28

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระวิทย์2564

Search

Read the Text Version

หน้า 201 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 จาํ นวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกติ ภาคเรียนที่ 1 จาํ นวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกิต รายวิชาพ้นื ฐาน ว33184 วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ จาํ นวน 40 ชวั่ โมง 1.0 หนว่ ยกิต รายวชิ าเพ่ิมเติม จาํ นวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกิต ว33207 ฟิสกิ ส์เสรมิ ทักษะความรู้ ภาคเรียนท่ี2 รายวิชาพื้นฐาน - รายวิชาเพิม่ เติม ว33208 ฟิสกิ ส์เครอ่ื งกล ว33290 เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) 3 หลักสูตรกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หน้า 202 คาํ อธิบายรายวชิ า ม.ปลาย สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพนื้ ฐาน รายวิชาพน้ื ฐาน ว31181 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ช่วั โมง จํานวน 1.5 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาความหมายและประเภทของไบโอม ความสัมพันธ์ของสภาพภูมิศาสตร์บนโลกกับความ หลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบทาง กายภาพ และองค์ประกอบทางชีวภาพท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากร สิ่งมีชีวิตในระบบ นิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในระดับประเทศ และระดับโลก แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โครงสร้างและสมบัติของเยื่อ หุ้มเซลล์ท่ีสัมพันธ์กับการลําเลียงสาร การลําเลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์แบบต่างๆ การควบคุมดุลยภาพของ น้ําและสารในเลือด โดยการทํางานของไต การควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของเลือดโดยการทํางานของ ไตและปอด การควบคุมดุลยภาพของอุณหภูมิภายในรา่ งกายโดยระบบหมุนเวียนเลือด ผิวหนังและกล้ามเน้ือ โครงร่างกลไกการต่อต้าน หรือทําลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่จําเพาะ และแบบจําเพาะของร่างกายโรคหรือ อาการที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องท่ีมีสาเหตุมาจากการติดเช้ือ HIV ชนิดของสารอาหารที่พืชสังเคราะห์ได้ การใช้ประโยชน์จากสารต่างๆที่พืชบางชนิดสร้างขึ้นปัจจัยภายนอก ท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชที่มนุษย์สังเคราะห์ข้ึน เพื่อนํามา ประยุกต์ใช้ทางด้านการเกษตร การตอบสนองของพืชต่อส่ิงเร้าในรูปแบบต่างๆ ที่มีผลต่อการดํารงชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างยีนการสังเคราะห์โปรตีนและลักษณะทางพันธุกรรมหลัก การถ่ายทอดลักษณะท่ีถูก ควบคุมด้วยยีนที่อยู่บนโครโมโซมเพศ และมัลติเปิลแอลลีลผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมใน DNA ต่อการแสดงลักษณะของสิ่งมีชีวิตการนํามิวเทชันไปใช้ประโยชน์ ผลของเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอที่มีต่ อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากววิ ัฒนาการ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวิตของตน มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มท่ีเหมาะสม ตวั ชว้ี ัด ว 1.1 ม.4/1-4,ว 1.2 ม4/1-12 ,ว 1.3 ม.4/1-6 รวมทงั้ หมด 22 ตวั ชว้ี ัด หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หน้า 203 รายวิชาพนื้ ฐาน ว32182 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (สาระเคมี) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 60 ชัว่ โมง จาํ นวน 1.5 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาวิเคราะห์ เกี่ยวกับธาตุและสารประกอบ อะตอม และไอออนแบบจําลองอะตอมของโบร์ และแบบอะตอมจําลองแบบกลุ่มหมอก จํานวนโปรตอน นิวตรอนและอิเล็กตรอนของอะตอมและไอออน ท่ีเกิดจากอะตอมเดียวกัน สัญลักษณ์นิวเคลียส ไอโซโทป การจัดเรียงอิเล็กตรอน ตําแหน่งของธาตุโลหะ อโลหะถึงโลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททิฟและแทรนซิช่ันในตารางธาตุ การนําไฟฟ้า การให้และรับอิเล็กตรอน ระหว่างธาตุในกลุ่มโลหะและอโลหะ ประโยชน์และอันตรายที่เกิดจากธาตุเรพรีเซนเททิฟและแทรนซิชั่น ในตารางธาตุพันธะโคเวเลนต์ สูตรโมเลกุลและสูตรโครงสร้าง แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล สารมีขั้วและสาร ไม่มีขั้ว พันธะไฮโดรเจน พันธะไอออนิก สูตรเอมพิริคัล การละลายนํ้าแบบแตกตัวและการละลายน้ําแบบ ไม่แตกตัว สารละลายอิเล็กโทรไลต์และสารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ สารประกอบอินทรีย์และอนินทรีย์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนอ่ิมตัวและไม่อ่ิมตัว ความหมายและสมบัติทางกายภาพของพอลิเมอร์และมอ นอเมอร์ ความเป็นกรดเบสของสารละลายอินทรีย์ การละลายในตัวทําละลายชนิดต่างๆของสาร สมบัติเ ทอร์โมพลาสติกและเทอร์มอเซตของพอลิเมอร์ โครงสร้างของพอลิเมอร์ การนําพอลิเมอร์ไปใช้ประโยชน์ ผลกระทบ แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ สมการเคมี ผลของ ความเข้มข้น พ้ืนท่ีผิวและอัตราเร่งท่ีมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา การใช้ประโยชน์จากความรู้เกี่ยวกับ ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิยา ความหมายของปฏิกิริยารีดอกซ์ สมบัติของสารกัมมันตภาพรังสี ความหมายของคร่ึงชีวิต วิธีการคํานวณคร่ึงชีวิตและปริมาณของสารกัมมันตภาพรังสี ประโยชน์ของสาร กัมมนั ตภาพรงั สี และการปอ้ งกนั อันตรายที่เกิดจากกัมมันตภาพรังสี โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภปิ รายและสรุปเพอื่ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สานสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตน มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ มที่เหมาะสม รหัสตวั ชี้วัด ว 2.1 ม.5/1-25 รวมทั้งหมด 25 ตวั ชว้ี ดั หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 204 รายวชิ าพ้นื ฐาน ว32183 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (สาระฟสิ กิ ส์) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 60 ช่ัวโมง จาํ นวน 1.5 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาวิเคราะห์ อธิบายความหมาย ข้อมูลความเร็วกับเวลาของการเคลื่อนท่ีของวัตถุวิเคราะห์และ แปล เพื่ออธิบายความเร่งของวัตถุแรงหลายแรงกระทําต่อวัตถุในระนาบเดียวกัน สามารถหาแรงลัพธ์ได้ โดยการรวมแบบเวกเตอร์ การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม การเคลื่อนที่แบบสั่น การเกิดสนามแม่เหล็กเน่ืองจากกระแสไฟฟ้า แรงแม่เหล็กท่ีกระทําต่ออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้าและลวด ตัวนําท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านในนามแม่เหล็ก รวมทั้งหลักการทํางานของมอเตอร์ การเกิดอีเอ็มเอฟเหนี่ยวนํา และหลักการทํางานของ เครื่องกําเนิดไฟฟ้าอย่างง่าย แรงเข้มและแรงอ่อนพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชันและ ฟิวชันและความสัมพันธ์ระหว่างมวลกับพลังงานท่ีปลดปล่อยออกมาจากฟิชชัน และฟิวชันการเปลี่ยน พลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้าการสะท้อนการหักเหการเล้ียวเบนและการรวมคลื่นความถ่ีธรรมชาต การส่ันพ้องและผลท่ีเกิดข้ึนจากการสั่นพ้อง การสะท้อนการหักเหการเล้ียวเบนและการรวมคลื่นของคลื่น เสียงความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มเสียงกับระดับเสียง และผลของความถี่กับระดับสียงท่ีมีต่อการได้ยิน เสียงการเกิดเสียงสะท้อนกลับเสียงก้องบีตดอปเพลอร์ และการส่ันพ้องของเสียงการนําความรู้เก่ียวกับ เสียงไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจําวัน การมองเห็นสีของวัตถุและความผิดปกติในการมองเห็น สีการทํางาน ของแผ่นกรองแสงสี การผสมแสงสีการผสมสารสีและการนําไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจําวันคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าส่วนประกอบของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า และหลักการทํางานของอุปกรณ์บางชนิดท่ีอาศัยคล่ืนแม่เหล็ก ไฟฟ้า การสื่อสารโดยอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งผ่านสารสนเทศ และเปรียบเทียบการสื่อสารด้วย สญั ญาณแอนะลอ็ กกับสญั ญาณดิจทิ ัล โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สานสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมทีเ่ หมาะสม ตวั ชว้ี ดั ว 2.2 ม.5/1-22 รวมท้ังหมด 22 ตัวชี้วดั หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 205 รายวิชาพืน้ ฐาน ว33184 วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จํานวน 1.5 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ การกําเนิดเอกภพตามทฤษฎีบิกแบงวิวัฒนาการของเอกภพหลักฐานสนับสนุน ทฤษฎีบิกแบงองค์ประกอบ และโครงสร้างของกาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิดดาวฤกษ์สมบัติของ ดาวฤกษ์ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ การเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะดาว เคราะห์ท่ีเอื้อต่อการดํารงชีวิตและดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ โครงสร้างของดวงอาทิตย์การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มีต่อโลกเทคโนโลยีอวกาศ และประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ การแบ่งชั้นและสมบัติ ของโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมีและตามสมบัติเชิงกล หลักฐานทางธรณีวิทยาที่สนับสนุน การเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณีการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีตามทฤษฎีธรณีแปรสัณฐานและผลที่เกิดข้ึน สาเหตุ กระบวนการเกิดและผลจากการเกิดภูเขาไฟระเบดิ แผ่นดินไหวและสึนามิ แนวทางการเฝ้าระวังและปฏิบตั ิตน ให้ปลอดภัยจากภูเขาไฟระเบิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ปัจจัยสําคัญท่ีส่งผลต่อการรับพลังงานจากดวงอาทิตย์ ท่ีแตกต่างกันในแต่ละบริเวณของโลก การหมุนเวียนของอากาศที่เป็นผลจากความแตกต่างของความกด อากาศทิศทาง การเคลื่อนท่ีของอากาศท่ีเป็นผลมาจากการหมุนรอบตัวเองของโลก การหมุนเวียนของ อากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศปัจจัยท่ีทําให้เกิดการหมุนเวียนของนําผิวหน้าในมหาสมุทร และรูปแบบการหมุนเวียนของนํ้าผิวหน้าในมหาสมุทร ผลของการหมุนเวียนของอากาศและนํ้าผิวหน้าใน มหาสมุทรที่มีต่อลักษณะภูมิอากาศ ลม ฟ้า อากาศ ส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปล่ียน แปลงภูมิอากาศโลก แนวปฏิบัติในการลดกิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก สัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศที่สําคัญ และการแปลความหมายการแปลความหมายสภาพลมฟ้าอากาศจากแผน ทอี่ ากาศผวิ พน้ื โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะ ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สานสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตน มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม ตวั ชว้ี ัด ว 3.1 ม.1/1-10, ว 3.2 ม.1/1-14 รวมทง้ั หมด 24 ตวั ชวี้ ดั หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หน้า 206 ว31185 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 รายวิชาพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 20 ชัว่ โมง จาํ นวน 0.5 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาแนวคิดหลักของเทคโนโลยี การเปล่ียนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น และ ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อ่ืน ออกแบบ สร้าง หรือพัฒนาผลงานสําหรับแก้ปัญหาที่คํานึงถึง ผลกระทบต่อสังคมในประเด็นที่เก่ียวข้องกับสุขภาพและการบริการโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมซึ่งใช้ความรู้ ทักษะและเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือแก้ ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย คํานึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ และนาํ เสนอผลงาน ตัวชี้วดั ว4.1 ม.4/1-5 รวมท้งั หมด 5 ตวั ชว้ี ัด หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 207 รายวชิ าพ้นื ฐาน ว31188 เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) 1 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ช่วั โมง จํานวน 1.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาหลักการของแนวคิดเชิงคํานวณ การแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา การหารูปแบบ การคิดเชิงนามธรรม ตวั อย่างและประโยชน์ของแนวคิดเชิงคํานวณเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจําวัน ประยุกต์ ใช้แนวคิดเชิงคํานวณใน การออกแบบข้ันตอนวิธีสําหรับแก้ปญั หา การแก้ปัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ การระบุ ข้อมูลเข้า ข้อมูลออกและเง่ือนไขของปัญหา การออกแบบข้ันตอนวิธีการทําซ้ํา การจัดเรียง และค้นหาข้อมูล ตัวอย่างการออกแบบข้ันตอนวิธีเพ่ือแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ การศึกษาตัวอย่างโครงงานทางเทคโนโลยี สารสนเทศ การกําหนดปัญหา ศึกษา วางแผน ดําเนินงาน สรุปผลและเผยแพร่ ในการพัฒนาโครงงานที่มี การบูรณาการร่วมกบั วิชาอ่นื และเชือ่ มโยงกับชวี ติ จรงิ ตวั ชวี้ ัด ว. 4.2 ม.4/1 รวมทัง้ หมด 1 ตวั ช้ีวดั หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หนา้ 208 รายวชิ าเพมิ่ เติม รายวชิ าเพ่ิมเตมิ ว31201 ฟิสกิ ส์ 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 80 ชวั่ โมง จาํ นวน 2.0 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งพัฒนาการของหลักการและแนวคิด ทางฟิสิกส์ที่มีผลต่อการแสวงหาความรู้ใหม่และการพัฒนาเทคโนโลยี การวัดและการรายงานผลการวัด ปริมาณทางฟิสิกส์ หลักการของกลศาสตร์ในเร่ืองการเคล่ือนท่ีของวัตถุในแนวตรง แรง การหาแรงลัพธ์ ของแรงสองแรงที่ทํามุมต่อกัน การเขียนแผนภาพวัตถุอิสระ กฎการเคล่ือนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วง สากล แรงเสยี ดทานระหว่างผิวสัมผัสของวตั ถุคหู่ น่งึ ๆ ในกรณีที่วัตถหุ ยดุ นิง่ และวัตถุเคล่ือนท่ี โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต วิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะ ปฏิบตั ิการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิด และการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิต วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านิยมทเี่ หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สืบคน้ และอธิบายการคน้ หาความรู้ทางฟสิ ิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทง้ั พฒั นาการของ หลกั การแนวคดิ ทางฟสิ ิกส์ทีม่ ีผลตอ่ การแสวงหาความรูใ้ หม่และการพัฒนาเทคโนโลยี 2. วัดและรายงานผลการวดั ปริมาณทางฟสิ กิ ส์ได้ถูกตอ้ งเหมาะสม โดยนาํ ความคลาดเคลื่อนใน การวดั มาพิจารณาในการนาํ เสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปกราฟ วิเคราะหแ์ ละ แปลความหมายจากกราฟเส้นตรง 3. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตาํ แหนง่ การกระจดั ความเรว็ และความเรง่ ของการ เคล่อื นของวัตถุในแนวตรงทีม่ ีความเรง่ คงตวั จากกราฟและสมการ รวมท้ังทดลองหาคา่ ความเรง่ โนม้ ถว่ งของโลกและคํานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วขอ้ ง 4. อธบิ ายแรง รวมท้งั ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงท่ที าํ มุมต่อกัน 5. เขียนแผนภาพวัตถุอสิ ระทดลองและอธิบายกฎการเคล่อื นที่ของนิวตนั และการใชก้ ฎการ เคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตันกับสภาพการเคลือ่ นทอ่ี งวตั ถุ รวมท้งั คํานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วข้อง 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโนม้ ถว่ งทที่ าํ ให้วตั ถมุ ีนํา้ หนกั รวมทั้งคํานวณ ปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง 7. วเิ คราะห์ อธิบายคาํ นวณแรงเสียดทานระหวา่ งผิวสัมผสั ของวตั ถุคู่หน่งึ ๆ ในกรณที ่วี ตั ถุหยุด น่ิงและวัตถุเคลือ่ นที่ รวมทั้งทดลองหาสัมประสิทธค์ิ วามเสียดทานระหวา่ งผิวสัมผัสองวัตถคุ ู่ หน่งึ ๆ และนําความรู้เรอ่ื งแรงเสยี ดทานไปใชใ้ นชวี ิตประจําวัน รวมทง้ั หมด 7 ผลการเรียนรู้ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 209 รายวชิ าเพิ่มเติม ว31202 ฟิสกิ ส์ 2 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 80 ชว่ั โมง จํานวน 20 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาหลักการของกลศาสตร์ในเร่ืองสมดุลกล และเง่ือนไขท่ีทําให้วัตถุหรือระบบอยู่ในสมดุลกล ศูนย์กลางมวลของวัตถุและผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ งาน พลังงาน ความสัมพันธ์ระห ว่างงานและพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง และความสัมพันธ์ระหว่าง นาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก แรงอนุรักษ์ กฎการอนุรักษ์พลังงาน กําลัง เครื่องกล อย่างง่าย ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเคร่ืองกลอย่างง่ายบางชนิด โมเมนตัม การชนกันของ วัตถุในหน่ึงมิติ การดล แรงดล และกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ และการ เคลื่อนท่แี บบวงกลมในระนาบระดบั โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต วิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภปิ ราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะ ปฏิบัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิด และการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิต วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มที่เหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายสมดุลกลของวัตถโุ มเมนต์และผลรวมของโมเมนต์ท่มี ตี ่อการหมนุ แรงคู่ควบและผลของ แรงคู่ควบทมี่ ีต่อสมดลุ ของวัตถุ เขยี นแผนภาพวัตถุอสิ ระเมื่อวตั ถุอยูใ่ นสมดุลกลและคาํ นวณ ปรมิ าณต่าง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง รวมท้งั ทดลองและอธิบายสมดุของแรงสามแรง 2. สังเกตและอธบิ ายสภาพการเคล่อื นท่ีของวตั ถุ เม่อื แรงทก่ี ระทาํ ต่อวตั ถุผา่ นศูนย์กลางมวลของ วตั ถุและของศนู ย์ถว่ งท่มี ตี อ่ เสถยี รภาพของวตั ถุ 3. วิเคราะห์ และคาํ นวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพืน้ ท่ใี ตก้ ราฟความสมั พันธ์ระหว่าง แรงกบั ตําแหนง่ รวมทงั้ อธิบายและคาํ นวณกําลังเฉลยี่ 4. อธบิ ายและคํานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลงั งานกล ทดลองหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง งานกับพลังงานจลน์ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานกับพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถ่วง ความสัมพนั ธ์ระหว่าง ขนาดของแรงท่ใี ช้ดึงสปรงิ กบั ระยะทีส่ ปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงาน ศักย์ยืดหยุน่ รวมทงั้ อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานของแรงลพั ธ์และพลงั งานจลน์ คาํ นวณ งานท่เี กดิ ขึน้ จากแรงลพั ธ์ 5. อธบิ ายกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกลรวมท้งั วเิ คราะห์ และคํานวณปรมิ าณตา่ งๆ ทเี่ กีย่ วข้องกบั การเคลือ่ นทีข่ องวตั ถใุ นสถานการณ์ต่างๆ โดยใช้กฎการอนุรักษพ์ ลงั งานกล 6. อธิบายการทาํ งาน ประสิทธภิ าพและการได้เปรยี บเชิงกลอยา่ งงา่ ยบางชนิด โดยใชค้ วามรเู้ ร่ือง งานและสมดลุ กล รวมทัง้ คาํ นวณประสทิ ธิภาพและการไดเ้ ปรยี บเชงิ กล 7. อธิบายและคาํ นวณโมเมนตมั ของวตั ถุ และการดลจากสมการและพนื้ ทีใ่ ต้กราฟความสัมพันธ์ ระหวา่ งแรงลพั ธ์กบั เวลา รวมท้ังอธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม 8. ทดลอง อธิบายและคาํ นวณปริมาณตา่ งๆ เกี่ยวกบั การชนของวัตถุในหนงึ่ มติ ทิ ง้ั แบบยืดหยุน่ ไมย่ ดื หย่นุ การดดี ตวั แยกจากกนั ในหนง่ึ มิตซิ ึ่งเปน็ ไปตามกฏการอนุรกั ษ์โมเมนตัม หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์

หนา้ 210 9. ทดลอง อธิบายคาํ นวณปริมาณตา่ ง ๆ เกีย่ วขอ้ งกบั การเคลื่อนทแี่ บบโพรเจกไทล์และทดลอง การเคล่อื นท่ีแบบโพรเจกไทล์ 10. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรงสศู่ ูนยก์ ลาง รศั มีของการเคล่อื นที่ อตั ราเร็วเชงิ เสน้ อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวตั ถุในการเคลือ่ นทีแ่ บบวงกลมในระนาบระดับ รวมท้ัง คํานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วข้อง และประยุกตใ์ ชค้ วามรกู้ ารเคล่ือนทแ่ี บบวงกลมใน การอธิบายการโคจรดาวเทยี ม รวมทั้งหมด 10 ผลการเรียนรู้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หน้า 211 รายวิชาเพมิ่ เตมิ ว32203 ฟิสิกส์ 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 80 ช่ัวโมง จํานวน 20 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา อธิบาย คํานวณการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุติดปลายสปริงลูกตุ้มอย่าง ง่าย รวมท้ังคํานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องความถี่ธรรมชาติของวัตถุการเกิดการสั่นพ้องปรากฏการณ์ คล่ืน ชนิดของคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น การแผ่ของหน้าคลื่นด้วยหลักการของฮอยเกนส์การรวมกันของ คล่ืนตามหลักการซ้อนทับ คํานวณอัตราเร็ว ความถ่ี ความยาวคล่ืนการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของคล่ืนผิวนํ้าการเกิดเสียง การเคลื่อนท่ีของเสียง ความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นการกระจัด ของอนุภาคกับคลื่นความดัน ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วของเสียงในอากาศท่ีข้ึนกับอุณหภูมิในหน่วย องศาเซลเซียส สมบัติของคลื่นเสียงความเข้มเสียง ระดับเสียง องค์ประกอบของการได้ยิน คุณภาพเสียง และมลพิษทางเสียง การเกิดการส่ันพ้องของอากาศในท่อปลายเปิดหนึ่งด้าน การเกิดบีต คล่ืนน่ิง ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ คลื่นกระแทกของเสียง สมบัติการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง สมบัติการเลี้ยวเบนและการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตเดี่ยวการสะท้อนของแสงที่ผิววัตถุตามกฎการสะท้อน เขียนรังสี ของแสง ตําแหน่งและขนาดภาพของวัตถุเม่ือแสงตกกระทบกระจกเงาราบ และกระจกเงาทรง กลม ความสัมพันธ์ระหว่างดรรชนีหักเห มุมตกกระทบและมุมหักเห รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ความลึกจริงและความลึกปรากฏ มุมวิกฤตและการสะท้อนกลับหมดของแสง เขียนรังสีของแสงเพื่อแสดง ภาพท่ีเกิดจากเลนส์บาง หาตําแหน่ง ขนาด ชนิดของภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างระยะวัตถุ ระยะภาพ และความยาวโฟกัส ปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเกี่ยวกับแสง การมองเห็นแสงสี สีของวัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนํา ความร้ไู ปใชใ้ นชวี ิตของตน มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. ทดลองและอธิบายการเคล่อื นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของวตั ถตุ ิดปลายสปริงและลกู ต้มุ อยา่ งง่าย รวมทัง้ คาํ นวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กีย่ วข้อง 2. อธิบายความถธี่ รรมชาตขิ องวตั ถุ และการเกิดการส่นั พ้อง 3. อธบิ ายปรากฏการณ์คลน่ื ชนดิ ของคลื่น ส่วนประกอบของคลน่ื การแผ่ของหน้าคลนื่ ด้วย หลกั การของฮอยเกนส์และการรวมกันของคลนื่ ตามหลักการซอ้ นทบั พรอ้ มทัง้ คํานวณอัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่น 4. สังเกตและอธบิ ายการสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด และการเลยี้ วเบนของคลื่นผวิ นา้ํ รวมทัง้ คาํ นวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หนา้ 212 5. อธบิ ายการเกดิ เสยี ง การเคล่อื นที่ของเสียง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งคลน่ื การกระจัดของอนุภาค กับคลนื่ ความดัน ความสมั พนั ธร์ ะหว่างอัตราเร็วของเสยี งในอากาศท่ีข้ึนกับอุณหภูมใิ นหนว่ ย องศาเซลเซียส สมบัติของคลน่ื เสยี ง ได้แก่ การสะท้อน การหกั เห การแทรกสอด การเล้ยี วเบน รวมท้งั คํานวณปรมิ าณตา่ งๆ ท่ีเกย่ี วข้อง 6. อธบิ ายความเข้มเสียง ระดบั เสยี ง องค์ประกอบของการไดย้ นิ คณุ ภาพเสียง และมลพิษทาง เสยี งรวมทั้งคาํ นวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วข้อง 7. ทดลองและอธิบายการเกิดการสั่นพ้องของอากาศในท่อปลายเปดิ หนึง่ ดา้ น รวมท้ังสังเกตและ อธิบายการเกดิ บตี คลื่นน่ิง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คล่นื กระแทกของเสียง คาํ นวณปรมิ าณ ตา่ ง ๆท่ีเก่ยี วขอ้ ง และนาํ ความร้เู รือ่ งเสียงไปใช้ในชวี ิตประจาํ วัน 8. ทดลองและอธิบายสมบัตกิ ารแทรกสอดของแสงผ่านสลติ ค่แู ละเกรตตงิ สมบัติการเลี้ยวเบน และการแทรกสอดของแสงผา่ นสลิตเด่ยี วรวมทง้ั คํานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง 9. ทดลองและอธบิ ายการสะท้อนของแสงทผ่ี วิ วัตถุตามกฎการสะทอ้ น เขียนรงั สีของแสงและ คาํ นวณตาํ แหนง่ และขนาดภาพของวัตถเุ มอื่ แสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรง กลม รวมท้ังอธบิ ายการนาํ ความร้เู ร่ืองการสะทอ้ นของแสงจากกระจกเงาราบและกระจกเงา ทรงกลมไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาํ วัน 10. ทดลองและอธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ และมมุ หกั เห รวมท้งั อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างความลึกจริงและความลกึ ปรากฏ มมุ วกิ ฤตและการสะทอ้ นกลบั หมดของแสง และคํานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง 11. ทดลองและเขยี นรงั สีของแสงเพือ่ แสดงภาพท่เี กดิ จากเลนสบ์ าง หาตําแหนง่ ขนาด ชนดิ ของ ภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั รวมทั้งคํานวณ ปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ ง และอธิบายการนาํ ความรู้เรือ่ งการหกั เหของแสงผ่านเลนสบ์ างไปใช้ ประโยชน์ ในชีวิต ประจําวนั 12. อธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาตทิ ี่เก่ยี วกบั แสง เช่น รุ้ง การทรงกลด มริ าจ และการเห็นทอ้ งฟ้า เป็นสีต่าง ๆ ในช่วงเวลาตา่ งกัน 13. สังเกตและอธิบายการมองเหน็ แสงสี สีของวัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี รวมท้ัง อธิบายสาเหตุของการบอด รวมทงั้ หมด 13 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์

หนา้ 213 รายวชิ าเพม่ิ เติม ว32204 ฟิสกิ ส์ 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 80 ชัว่ โมง จํานวน 2.0 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ อธิบาย และคํานวณ การทําวัตถุที่เป็นกลางทางไฟฟ้าให้มีประจุไฟฟ้าโดยการขัด สีกันและการเหน่ียวนําไฟฟ้าสถิตแรงไฟฟ้าตามกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้าแรงไฟฟ้าที่กระทํากับอนุภาคท่ี มีประจไุ ฟฟ้าท่ีอยู่ในสนามไฟฟ้ารวม ทั้งหาสนามไฟฟ้าลัพธ์เน่ืองจากระบบจุดประจุโดยรวมกันแบบเวกเตอร์ พลังงานศักย์ไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า และความต่างศักย์ระหว่างสองตําแหน่งใด ๆส่วน ประกอบของตัวเก็บประจุ ความสัมพันธ์ระหว่างประจุไฟฟ้า ความต่างศักย์ ความจุของตัวเก็บประจุ พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ ความจุสมมูล ไฟฟ้าสถิตการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนําความสัมพันธ์ ระหว่างกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนํากับความเร็วลอยของอิเล็กตรอนอิสระ ความหนาแน่นของอิเล็กตรอนใน ลวดตัวนําและพ้ืนท่ีหน้าตัดของลวดตัวนํากฎของโอห์ม ความสัมพันธ์ระหว่างความต้านทานกับความยาว พ้ืนท่ีหน้าตัด และสภาพต้านทานของตัวนําโลหะท่ีอุณหภูมิคงตัวและคํานวณปริมาณต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง รวมทั้ง อธิบายและคํานวณความต้านทานสมมูลเมื่อนําตัวต้านทานมาต่อกันแบบอนุกรมและแบบขนาน ทดลอง อธิบายและคํานวณอีเอ็มเอฟของแหล่งกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมทั้งอธิบายและคํานวณพลังงาน ไฟฟ้า และกําลังไฟฟ้าอีเอ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอร่ีแบบอนุกรมและแบบขนาน วงจรไฟฟ้ากระแส ตรงแบตเตอรี่และตัวต้านทาน การเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีอ่ืน ๆที่นํามาแก้ ปญั หาหรือตอบสนองความต้องการทางด้านพลงั งาน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ิตของตน มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. ทดลองและอธบิ ายการทําาวัตถทุ ีเ่ ป็นกลางทางไฟฟา้ ให้มีประจุไฟฟา้ โดยการขดั สีกนั และ การเหน่ียวนําไฟฟา้ สถติ 2. อธบิ ายและคํานวณแรงไฟฟา้ ตามกฎของคลู อมบ์ 3. อธิบายและคาํ านวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้าทีก่ ระทํากบั อนุภาคทม่ี ปี ระจไุ ฟฟา้ ทอ่ี ยู่ใน สนามไฟฟา้ รวมทง้ั หาสนามไฟฟา้ ลัพธ์เนอื่ งจากระบบจุดประจุโดยรวมกนั แบบเวกเตอร์ 4. อธิบายและคาํ นวณพลังงานศักยไ์ ฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้าและความต่างศกั ย์ระหวา่ งสองตําแหน่งใด ๆ 5. อธบิ ายสว่ นประกอบของตวั เกบ็ ประจุ ความสมั พันธร์ ะหว่างประจุไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และ ความจุของตวั เกบ็ ประจุ และอธบิ ายพลังงานสะสมในตวั เกบ็ ประจุ และความจสุ มมูล รวมท้งั คาํ นวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง 6. นําความรูเ้ รอ่ื งไฟฟา้ สถิตไปอธบิ ายหลักการทํางานของเครื่องใชไ้ ฟฟ้าบางชนดิ และปรากฏการณ์ ในชวี ติ ประจําวัน 7. อธบิ ายการเคลอื่ นทขี่ องอเิ ล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นําความสมั พนั ธร์ ะหว่าง กระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนํากับความเร็วลอยของอิเล็กตรอนอสิ ระ ความหนาแน่นของอิเลก็ ตรอน หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หน้า 214 ในลวดตัวนาํ และพน้ื ท่หี น้าตัดของลวดตัวนําและคาํ นวณปรมิ าณต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง 8. อธิบายกฎของโอห์ม ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความตา้ นทานกบั ความยาว พืน้ ท่ีหน้าตดั และสภาพ ต้านทานของตวั นาํ โลหะที่อุณหภูมิคงตวั และคาํ นวณปริมาณต่างๆที่เกี่ยวขอ้ ง รวมทัง้ อธิบาย และคาํ นวณความต้านทานสมมลู เม่ือนาํ ตัวตา้ นทานมาตอ่ กันแบบอนุกรมและแบบขนาน 9. ทดลอง อธิบายและคํานวณอเี อ็มเอฟของแหล่งกาํ เนิดไฟฟา้ กระแสตรง รวมทั้งอธบิ ายและ คาํ นวณพลังงานไฟฟา้ และกาํ ลงั ไฟฟ้า 10. ทดลองและคาํ นวณอเี อ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรมและแบบขนาน รวมทั้ง คํานวณปรมิ าณต่าง ๆทีเ่ กี่ยวข้องในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงซงึ่ ประกอบด้วยแบตเตอรี่และตวั ต้านทาน 11. อธิบายการเปล่ยี นพลังงานทดแทนเป็นพลงั งานไฟฟา้ รวมทัง้ สืบคน้ และอภิปรายเกยี่ วกบั เทคโนโลยอี ่นื ๆทนี่ าํ มาแก้ปัญหาหรอื ตอบสนองความตอ้ งการทางด้านพลงั งาน รวมทง้ั หมด 11 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หนา้ 215 รายวิชาเพ่ิมเติม ว33205 ฟสิ กิ ส์ 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 80 ชัว่ โมง จาํ นวน 2.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาอธิบายคํานวณเส้นสนามแม่เหล็ก ฟลักซ์แม่เหล็กในบริเวณที่กําาหนด สนามแม่เหล็กที่เกิด จากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนําเส้นตรงและโซเลนอยด แรงแม่เหล็กท่ีกระทําต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า เคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กท่ีกระทําต่อเส้นลวดท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รัศมีความโค้งของการเคล่ือนที่เม่ือประจุเคลื่อนท่ีตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กแรงระหว่างเส้นลวดตัวนํา คู่ขนานท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านหลักการทํางานของแกลแวนอมิเตอร์ และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงการเกิดอี เอ็มเอฟเหน่ียวนํากฎการเหนี่ยวนําของฟาราเดย์ ความต่างศักย์อาร์เอ็มเอส และกระแสไฟฟ้าอาร์เอ็มเอส หลักการทํางานและประโยชน์ของเครื่องกําเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส การแปลงอีเอม็ เอฟของหม้อแปลงและ คํานวณปริมาณต่าง ๆท่ีเกี่ยวข้องการเกิดและลักษณะเฉพาะของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไมโพลาไรส์ แสง โพลาไรส์เชิงเส้นแผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งการนําคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่ต่างๆ ไปประยุกต์ใช้และ หลักการทํางานของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องการสื่อสาร โดยอาศัยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งผ่านสารสนเทศ และเปรียบเทยี บการส่อื สารดว้ ยสัญญาณแอนะลอ็ กกบั สัญญาณดิจทิ ัล โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สานสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ิตของตน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สังเกตและอธบิ ายเส้นสนามแมเ่ หลก็ อธบิ ายและคําานวณฟลกั ซแ์ ม่เหลก็ ในบรเิ วณทก่ี ําหนด รวมทัง้ สังเกตและอธิบายสนามแมเ่ หล็กทเ่ี กดิ จากกระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนาํ เสน้ ตรงและโซ เลนอยด์ 2. อธบิ ายและคําานวณแรงแมเ่ หล็กที่กระทําาต่ออนภุ าคท่ีมีประจุไฟฟา้ เคลอื่ นทใ่ี นสนาม แม่เหลก็ แรงแมเ่ หล็กทก่ี ระทาํ าต่อเสน้ ลวดท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหลก็ รศั มีความโค้ง ของการเคล่ือนทีเ่ มือ่ ประจุเคลอื่ นที่ตัง้ ฉากกบั สนามแมเ่ หล็กรวมท้ังอธิบายแรงระหว่างเสน้ ลวด ตวั นาํ คูข่ นานที่มกี ระแสไฟฟ้าผา่ น 3. อธบิ ายหลักการทําางานของแกลแวนอมเิ ตอรแ์ ละมอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสตรงและคาํ นวณ ปริมาณต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง 4. สังเกตและอธิบายการเกิดอีเอ็มเอฟเหนี่ยวนาํ ากฎการเหน่ยี วนําาของฟาราเดย์และคําานวณ ปรมิ าณตา่ งๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง รวมทง้ั นาํ าความรเู้ ร่อื งอีเอม็ เอฟเหนี่ยวนาํ าไปอธิบายการทาํ างาน ของเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า 5. อธิบายและคําานวณความตา่ งศักยอ์ าร์เอ็มเอสและกระแสไฟฟ้าอารเ์ อม็ เอส 6. อธบิ ายหลกั การทํางานและประโยชนข์ องเครือ่ งกาํ าเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส การแปลง อีเอม็ เอฟของหมอ้ แปลงและคํานวณปริมาณต่างๆทเ่ี กีย่ วขอ้ ง หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หนา้ 216 7. อธิบายการเกดิ และลักษณะเฉพาะของคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรสเ์ ชงิ เส้น และแผ่นโพลารอยดร์ วมทัง้ อธบิ ายการนาํ คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าในช่วงความถตี่ า่ งๆไปประยกุ ต์ใช้ และหลักการทํางานของอุปกรณ์ทีเ่ กย่ี วข้อง 8. สบื คน้ และอธิบายการสอื่ สารโดยอาศยั คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในการสง่ ผ่านสารสนเทศและ เปรยี บเทยี บการสื่อสารด้วยสญั ญาณแอนะลอ็ กกับสญั ญาณดจิ ิทัล รวมท้งั หมด 8 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์

หนา้ 217 รายวชิ าเพ่ิมเติม ว33206 ฟิสกิ ส์ 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 80 ชวั่ โมง จาํ นวน 20 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาการเกิดคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า สเปตรัมของคลื่นแม่เหล็กฟ้า โพลาไรเซชันของคล่ืนแม่เหล็ก ไฟฟ้า การส่ือสารโดยอาศัยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า สมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์ โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค เสถียรภาพของนิวเคลียส กัมมันตภาพรังสี ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนวิ เคลยี รแ์ ละฟิสิกสอ์ นุภาค โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต วิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบายอภิปรายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งทักษะในทศวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวันของตนเอง มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มท่ีเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายการเกดิ และลกั ษณะเฉพาะของคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แสงไมโ่ พลาไรส์และแสงโพลาไรส เชงิ เส้นและแผ่นโพลารอยดร์ วมทงั้ การนาํ คลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าในชว่ งความถตี่ ่างๆ ไปประยุกตใ์ ช้ และหลักการทาํ งานของอุปกรณ์ที่เกีย่ วข้อง 2. สบื ค้นและอธิบายการสื่อสารโดยอาศยั คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าในการส่งผ่านสารสนเทศและ เปรยี บเทยี บการสือ่ สารด้วยสัญญาณอะนาลอกกบั สญั ญาณดจิ ทิ ลั 3. อธิบายสมมติฐานของพลงั ค์ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ และการเกิดเสน้ สเปกตรมั ของอะตอม ไอโดรเจนรวมทงั้ คาํ นวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 4. อธบิ ายปรากฏการโฟโตอเิ ล็กทริกและคาํ นวณพลงั งานโฟตอน พลังงานจลนข์ องโฟโต อเิ ลก็ ตรอนและฟังกช์ ันงานของโลหะ 5. อธบิ ายทวิภาวะของคลืน่ และอนุภาค รวมทง้ั อธบิ ายและคํานวณความยาวคลืน่ ของเดอบรอยล์ 6. อธิบายกมั มันตภาพรงั สีและความแตกตา่ งของรงั สอี ลั ฟา บีตาและแกมมา 7. อธิบายและคํานวณกัมมนั ตภาพของนิวเคลยี สกัมนั ตรังสรี วมทัง้ ทดลอง อธิบายและคาํ นวณ จํานวนนวิ เคลียสกมั มนั ตรงั สที เ่ี หลือจากการสลายและครึ่งชวี ติ 8. อธิบายแรงนิวเคลียร์ เสถยี รภาพของของนิวเคลียสและพลงั งานยึดเหนย่ี ว รวมท้งั คาํ นวณ ปริมาณตา่ งๆ ท่ีเก่ยี วข้อง 9. อธบิ ายปฏิกริ ยิ านิวเคลยี ร์ ฟิชชนั และฟิวชนั รวมทงั้ คํานวณพลังงานนวิ เคลียร์ 10. อธบิ ายประโยชน์ของพลงั งานนิวเคลยี ร์และรงั สี รวมท้ังอันตรายและการป้องกันรงั สีในด้านต่างๆ 11. อธิบายการคน้ ความวจิ ยั ดา้ นฟิสกิ ส์อนภุ าค แบบจําลองมาตรฐานและการใช้ประโยชนจ์ าก การค้นควา้ วจิ ัยด้านฟิสกิ สอ์ นุภาคในดา้ นต่างๆ รวมท้ังหมด 11 ผลการเรียนรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 218 รายวิชาเพิ่มเตมิ ว31221 เคมี 1 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชว่ั โมง จํานวน 15 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ ข้อปฏิบัติเบื้องต้นในการทําปฏิยาเคมี การป้องกัน การเกิดอุบัติเหตุในห้อง ปฏิบัติการเคมี การแก้ไขผลท่ีเกิดขึ้นกลางอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการเคมี หลักการที่คํานึงถึงความเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม การกําจัดสารเคมีต่างๆ เทคนิคการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือสําหรับช่ัง ตัว วัด ถ่ายเทสาร และให้ความร้อน หน่วยวัดปริมาตรต่างๆสารเคมีในระบบไอเอส การเปลี่ยนหน่วยโดยใช้เวกเตอร์เปล่ียน หน่วยวิวัฒนาการของแบบจําลองอะตอม การทดลองของนักวิทยาศาสตร์เก่ียวข้องกับแบบจําลองอะตอม สมบตั ิบางประการของโปรตอน นวิ ตรอนและอิเล็กตรอน สัญลักษณ์นวิ เคลียสเลขอะตอม เลขมวล ความหมาย ของไอโซโทป การจัดเรียงอิเลก็ ตรอนในระดับพลังงานหลกั และระดับพลังงานย่อย ออร์บิทัลเวเลนซอ์ ิเล็กตรอน วิวัฒนาการทองตารางธาตุ การระบุหมู่และคาบของธาตุในตารางธาตุ การจัดกลุ่มในตารางธาตุตามสมบัติ บางประการ แนวโน้มขนาดอะตอม พลังงานไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกาติวิตีและสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน ของธาตุเรนเททีฟหรือธาตุหมู่หลักตามหมู่และตามคาบ ขนาดของอะตอม จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่นของ ธาตุ สีของธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุทรานซิชัน ความไวในการเกิด ปฏิกิริยากับน้ําของโลหะในกลุ่มธาตุแทรนซิชันและกลุ่มธาตุธาตุเรพรีเซนเททีฟหรือธาตุหมู่หลกั ธาตุกมั มนั ตรังสี ไอโซโทปกัมมันตรังสี รังสีแอลฟา รังสีเบต้า และรังสีแกมมา สมการนิวเคลียส ครึ่งชีวิตของไอโซโทป กัมมันตภาพรังสี อันตรายและประโยชน์ของไอโซโทปกัมมันตภาพรังสี การนําธาตุมาใช้ประโยชน์ตามสมบัติ ของธาตุ ผลกระทบต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมจากการนําธาตุมาใช้ประโยชน์ พันธะเคมีสัญลักษณ์แบบ จุดของลิวอิส กฎออกเตตการเกิดพันธะไอออนิก การเขียนสูตรสารประกอบไอออนิก การเรียกชื่อสาร ประกอบไอออนิก พลังงานรวมของปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิก วัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ สมบัติ ของธาตุไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิ การเกิดพันธะโคเวเลนต์ พันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม โครงสร้าง ลิวอิสการเขียนสูตรสูตรสารประกอบโคเวเลนต์ การเรียกช่ือสารประกอบโคเวเลนต์ ความยาว พันธะและพลังงานพันธะ รูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ตามทฤษฎีการค้าระหว่างคู่อิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์ สภาพ ขั้วของพันธะโคเวเลนต์ สภาพข้ัวโมเลกุลโคเวเลนต์ ชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ ความสัมพันธ์ระหว่างชนิดของแรงยึดเหน่ียวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์กับจุดหลอมเหลวจุดเดือดและ ก ารละลายนํ้าการเกิดพันธะโลหะ สมบัตขิ องโลหะสมบัตบิ างประการและประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สาร โคเวเลนต์และโลหะ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวิตของตน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมทเี่ หมาะสม หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หน้า 219 ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายโครงสร้างตน้ และปฏิบตั ิตนท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการทําปฏบิ ตั ิการเคมเี พื่อให้มี ความปลอดภัยทง้ั ต่อตนเองผอู้ ่นื และสงิ่ แวดล้อมและเสนอแนวทางแกไ้ ขเมือ่ เกิดอุบตั เิ หตุ 2. เลอื กและใช้อุปกรณ์หรือเคร่อื งมือในการทาํ ปฏบิ ัติ และวดั ปรมิ าณตา่ งๆไดอ้ ย่างเหมาะสม 3. นําเสนอแผนการทดลอง ทดลอง ได้เขียนรายงานการทดลอง 4. ระบหุ นว่ ยวดั ปรมิ าตรตา่ งๆของสาร และเปลย่ี นหนว่ ยวัดให้เป็นหนว่ ยในระบบ SI ด้วยการใช้ เปลย่ี นหน่วย 5. สมมตฐิ านการทดลอง การทดลองหรือผลการทดลองที่เปน็ ประจักษ์พยานในการเสนอแบบ จาํ ลองอะตอมของนักวิทยาศาสตร์และอธิบายวิวัฒนาการของแบบจําลองอะตอม 6. เขยี นสัญลักษณน์ วิ เคลยี สของธาตแุ ละระบจุ าํ นวนโปรตอนนิวตรอนและอเิ ลก็ ตรอนของ อะตอมจากสัญลกั ษณ์นิวเคลียสรวมทงั้ บอกความหมายของไอโซโทป 7. อธบิ ายและเขียนการจดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลงั งานหลกั และระดบั พลังงานยอ่ ยเม่ือทราบ เลขอะตอมของธาตุ 8. ระบุหมู่ ภาพความเปน็ โลหะอโลหะและกึง่ โลหะของธาตเุ รพรเี ซนเททีฟ ธาตแุ ทรนซิชันใน ตารางธาตุ 9. วิเคราะหแ์ ละออกแนวโนม้ สมบตั ิของธาตุ เรพรเี ซนเททฟี ตามหม่แู ละตามคาบ 10. บอกสมบัตขิ องโลหะทรานซิชนั และเปรียบเทียบสมบัติซบั โลหะในกลุ่มธาตุ เรพรีเซนเททฟี 11. อธิบายสมบตั ิและจํานวนครง่ึ ชวี ิตของไอโซโทปกมั มนั ตภาพรงั สี 12. สบื คน้ ขอ้ มลู และยกตวั อยา่ งการสมั ภาษณ์มาใชป้ ระโยชน์ รวมทัง้ ผลกระทบต่อส่งิ มีชีวิตและ สง่ิ แวดลอ้ ม 13. อธบิ ายการเกิดไอออนกิ รายการเกดิ พนั ธะไอออนกิ โดยใช้แผนภาพหรอื สัญลกั ษณแ์ บบจดุ ของลวิ อสิ 14. เขียนสูตรสารประกอบไอออนกิ 15. คาํ นวณพลงั งานท่ีเกยี่ วขอ้ งกับปฏิกิรยิ าการเกดิ สารประกอบไอออนิกจากวัฏจักรบอร์นฮาเบอร์ 16. อธิบายสมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก 17. เขียนสมการไอออนิกและสมบตั ไิ อออนิกสทุ ธิของปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไอออนิก 18. อธิบายการเกดิ พันธะโคเวเลนตแ์ บบพนั ธะเด่ยี ว พนั ธะคู่ พนั ธะสามดว้ ยโครงสร้างลวิ อิส 19. ยงั โสดและเรียกชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์ 20. วเิ คราะห์และเปรียบเทียบความยาวพนั ธและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทง้ั คาํ นวณ พลังงานที่เกยี่ วเกยี่ วข้องกับปฏิกิริยาของสารโคเวเลนตจ์ ากพลังงานพันธะ 21. คาดคะเนรูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างค่อู เิ ลก็ ตรอนในวงวาเลนและ ระบุสภาพข้ัวโมเลกุลโคเวเลนต์ 22. ระบชุ นดิ แรงยึดเหนย่ี วระหว่างโมเลกุล โคเวเลนต์ และเปรยี บเทียบจดุ หลอมเหลว จุดเดือด และสารละลายนาํ้ ของสารโคเวเลนต์ 23. สบื ค้นขอ้ มลู และอธบิ ายสมบตั ิของสารโคเวเลนตโ์ ครงรา่ งตาขา่ ยชนดิ ตา่ งๆ 24. อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสารประกอบโคเวเลนต์ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หนา้ 220 25. เปรยี บเทยี บสมบตั ิบางประการของสารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบคน้ ข้อมลู และนาํ เสนอตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์และโลหะ ไดอ้ ย่างเหมาะสม รวมท้ังหมด 25 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 221 รายวิชาเพิ่มเติม ว31222 เคมี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ช่ัวโมง จํานวน 15 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับมวลอะตอมของธาตุ มวลอะตอมเฉล่ียของธาตุ มวลโมเลกุล และมวลสูตร ความหมายของโมล ความสัมพันธ์ระหว่างโมลจํานวนอนุภาคมวล และปริมาตรของแก๊สท่ี STP กฎสัดส่วน คงท่ีสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกุลความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยร้อยละส่วนในล้านส่วนส่วนใน พันล้านส่วนโมลาริตี โมแลลิตีและเศษส่วนโมล วิธีการเตรียมสารละลายสมบัติเกี่ยวกับจุดเดือดและจุด เยือกแข็งของสารละลายกับสารบริสุทธิ์ สมการเคมีการดุลสมการเคมีการคํานวณปริมาณของสารใน ปฏิกิริยาเคมีท่ีเก่ียวข้องกับมวลสารความเข้มข้นของสารละลายปริมาตรแก๊สและปฏิกิริยาเคมีหลาย ขน้ั ตอนสารกําหนดปริมาณ การคํานวณปรมิ าณสารตา่ งๆ เม่อื มีสารกาํ หนดปริมาณ ผลไดร้ อ้ ยละ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตน มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคํานวณมวลอะตอมเฉลย่ี ของธาตุ มวลโมเลกุล และมวลสตู ร 2. อธบิ ายและคํานวณปริมาณใดปรมิ าณหน่งึ จากความสมั พันธข์ องโมล จาํ นวนอนุภาค มวล และปริมาตรของแกส๊ ที่ STP 3. คาํ นวณอตั ราส่วนโดยมวลของธาตอุ งค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดสว่ นคงที 4. คํานวณสูตรอย่างงา่ ยและสูตรโมเลกุลของสาร 5. คํานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหนว่ ยต่าง ๆ 6. อธิบายวธิ กี ารและเตรียมสารละลายใหม้ คี วามเขม้ ขน้ ในหนว่ ยโมลารติ ี และปริมาตรของ สารละลายตามที่กาํ หนด 7. เปรียบเทียบจุดเดือดและจุดเยือกแข็งของสารละลายกบั สารบริสทุ ธ์ิ รวมท้งั คํานวณจุดเดอื ด และจดุ เยือกแข็งของสารละลาย 8. แปลความหมายสัญลักษณใ์ นสมการเคมี เขียนและดลุ สมการเคมีของปฏิกริ ิยาเคมบี างชนิด 9. คํานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมที เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั มวลสาร 10. คํานวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ิริยาเคมที เ่ี กย่ี วข้องกบั ความเข้มข้นของสารละลาย 11. คํานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมีท่ีเก่ยี วข้องกับปริมาตรแกส๊ 12. คาํ นวณปริมาณของสารในปฏิกิรยิ าเคมีหลายข้ันตอน 13. ระบุสารกําหนดปรมิ าณและคํานวณปรมิ าณสารตา่ ง ๆ ในปฏกิ ริ ิยาเคมี 14. คาํ นวณผลได้รอ้ ยละของผลติ ภัณฑใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี รวมทั้งหมด 14 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์

หนา้ 222 รายวชิ าเพิม่ เตมิ ว32223 เคมี 3 กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ชว่ั โมง จํานวน 1.5 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีจลน์ของแก๊ส กฎของบอยล์กฎของชาร์ลและกฎของเกย์–ลูสแซกกฎรวมแก๊ส กฎของอาโวกาโดรและกฎแก๊สอุดมคติ กฎความดันย่อยของดอลตันการแพร่ของแก๊สกฎการแพร่ผ่านของ เกรแฮมปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับแก๊สการประยุกต์ใช้ความรู้เก่ียวกับแก๊สในชีวิตประจําวันและอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของสารเม่ือเกิดปฏิกิริยาเคมี การคํานวณอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีแนวคิดเก่ียวกับการเกิด ปฏิกิริยาเคมีทฤษฎีการชน พลังงานก่อกัมมันต์ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ปฏิกิริยาผันกลับ ได้ภาวะสมดุลและสมดุลพลวัตการเปล่ียนแปลงความเข้มข้นของสารและอัตราการเกิดปฏิกิริยาของระบบ เม่ือเข้าสู่ภาวะสมดุลค่าคงที่สมดุล และความเข้มข้นของสารท่ีภาวะสมดุลปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสมดุลและ ค่าคงท่ีสมดุลหลักของเลอชาเตอลิเอ สมดุลเคมีของกระบวนการที่เกิดขึ้นในส่ิงมีชีวิตปรากฏการณ์ในธรรมชาติ และกระบวนการในอุตสาหกรรมกระบวนการฮาเบอร์ ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนีย เบรินสเตด–ลาวรี และลิวอิส คู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรีสารแอมโฟเทอริก การคําานวณ ความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออน หรือไฮดรอกไซด์ไอออนในสารละลายกรด และเบสร้อยละการแตกตัว ของกรดอ่อนหรือเบสอ่อนค่าคงที่การแตกตัวของกรดอ่อนหรือเบสอ่อน ค่าคงท่ีการแตกตัวของนํ้าการคํานวณ ค่า pH ของสารละลายกรด และเบสการคํานวณความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออน หรือไฮดรอกไซด์ไอออน ของสารละลายกรด และเบสการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส ปฏิกิริยาสะเทินและปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส การเขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบสปฏิกิริยาสะเทินและปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส ความเป็น กรด-เบสของสารละลายเกลือ สารละลายมาตรฐานจุดสมมูลจุดยุติและหลักการการไทเทรตการเลือกใช้ อินดิเคเตอร์ท่ีเหมาะสมสําหรับการไทเทรตการคํานวณปริมาณสาร หรือความเข้มข้นของสารละลายกรด หรือเบสจากการไทเทรต สมบัติองค์ประกอบและประโยชน์ของสารละลายบัฟเฟอร์การใช้ประโยชน์และ การแก้ปัญหาโดยใชค้ วามรเู้ รอื่ งกรด-เบส โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตน มจี ติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายความสมั พันธ์และคํานวณปริมาตร ความดนั หรืออุณหภูมขิ องแก๊สทภ่ี าวะต่างๆ ตาม กฎของบอยล์ กฎของชารล์ กฎของเกย์–ลูสแซก 2. คํานวณปรมิ าตร ความดนั หรอื อุณหภมู ิของแก๊สท่ภี าวะต่าง ๆ ตามกฎรวมแกส๊ 3. คาํ นวณปรมิ าตร ความดนั อุณหภูมิ จาํ นวนโมล หรอื มวลของแก๊ส จากความสมั พนั ธต์ ามกฎ ของอาโวกาโดร และกฎแกส๊ อดุ มคต 4. คาํ นวณความดนั ย่อยหรอื จํานวนโมลของแก๊สในแก๊สผสม โดยใช้กฎความดันย่อยของดอลตัน 5. อธิบายการแพรข่ องแก๊สโดยใช้ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ คํานวณและเปรียบเทียบอัตราการแพร่ของ แก๊ส โดยใช้กฎการแพรผ่ ่านของเกรแฮม หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 223 6. สืบค้นขอ้ มลู นาํ เสนอตัวอยา่ ง และอธบิ ายการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้เก่ยี วกับสมบัตแิ ละกฎต่างๆ ของแกส๊ ในการอธบิ ายปรากฏการณ์ หรือแกป้ ัญหาในชีวิตประจําวนั และในอุตสาหกรรม 7. ทดลอง และเขียนกราฟการเพ่ิมขน้ึ หรือลดลงของสารท่ีทําการวัดในปฏิกริ ยิ า 8. คํานวณอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี และเขียนกราฟการลดลงหรอื เพิ่มขึน้ ของสารทไ่ี ม่ไดว้ ดั ใน ปฏิกริ ิยา 9. เขยี นแผนภาพและอธบิ ายทศิ ทางการชนกนั ของอนภุ าคและพลงั งานที่ส่งผลตอ่ อัตราการเกิด ปฏกิ ิรยิ าเคมี 10. ทดลองและอธบิ ายผลของความเข้มข้น พน้ื ทผี่ ิวของสารตั้งต้น อณุ หภูมิ และตัวเร่งปฏิกิรยิ าท่ี มตี ่ออตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี 11. เปรียบเทียบอตั ราการเกิดปฏกิ ิริยาเม่ือมีการเปล่ยี นแปลงความเข้มข้น พน้ื ท่ผี ิวของสารตงั้ ตน้ อณุ หภมู ิ และตัวเร่งปฏิกิริยา 12. ยกตัวอย่างและอธบิ ายปัจจัยท่ีมผี ลต่ออัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีในชวี ติ ประจาํ วันหรือุตสาหกรรม 13. ทดสอบและอธิบายความหมายของปฏกิ ิรยิ าผนั กลบั ได้และภาวะสมดลุ 14. อธิบายการเปลีย่ นแปลงความเข้มข้นของสาร อตั ราการเกิดปฏิกิริยาไปขา้ งหน้า และอัตรา การเกดิ ปฏิกิรยิ าย้อนกลบั เมอื่ เร่มิ ปฏิกริ ยิ าจนกระทง่ั ระบบอย่ใู นภาวะสมดุล 15. คาํ นวณคา่ คงท่ีสมดลุ ของปฏิกิรยิ า 16. คํานวณความเข้มขน้ ของสารทภ่ี าวะสมดลุ 17. คาํ นวณค่าคงท่ีสมดลุ หรือความเขม้ ข้นของปฏกิ ิรยิ าหลายขัน้ ตอน 18. ระบุปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อภาวะสมดุลและค่าคงที่สมดลุ ของระบบรวมทัง้ คาดคะเนการเปลย่ี นแปลง ท่เี กิดข้ึนเมื่อภาวะสมดลุ ของระบบถูกรบกวนโดยใชห้ ลักของเลอชาเตอลิเอ 19. ยกตัวอยา่ งและอธบิ ายสมดลุ เคมีของกระบวนการทีเ่ กดิ ขนึ้ ในสิง่ มชี ีวติ ปรากฏการณ์ใน ธรรมชาตแิ ละกระบวนการในอตุ สาหกรรม 20. ระบแุ ละอธบิ ายว่าสารเป็นกรดหรือเบส โดยใช้ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนยี ส เบรนิ สเตด- ลาวรี และลิวอิส 21. ระบุคูก่ รด-เบสของสารตามทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวร 22. คาํ นวณและเปรยี บเทียบความสามารถในการแตกตัวของกรดและเบส 23. คํานวณคา่ pH ความเข้มขน้ ของไฮโดรเนียมไอออนหรอื ไฮดรอกไซดไ์ อออนของสารละลาย กรดและเบส 24. เขยี นสมการเคมีแสดงปฏิกิรยิ าสะเทินและระบุความเป็นกรด-เบสของสารละลายหลังการสะเทิน 25. เขียนปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิสของเกลอื และระบคุ วามเป็นกรด-เบสของสารละลายเกลอื 26. ทดลองและอธิบายหลักการการไทเทรตและเลือกใช้อนิ ดิเคเตอรท์ ่ีเหมาะสมสาํ หรับการไทเทรต กรด-เบส 27. คาํ นวณปรมิ าณสารหรือความเข้มข้นของสารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต 28. อธิบายสมบตั ิ องคป์ ระกอบ และประโยชนข์ องสารละลายบัฟเฟอร์ 29. สืบคน้ ข้อมูลและนาํ เสนอตัวอย่างการใช้ประโยชน์และการแก้ปญั หา โดยใช้ความรเู้ กยี่ วกับ กรด–เบส รวมทั้งหมด 29 ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หนา้ 224 รายวชิ าเพ่มิ เติม ว32224 เคมี 4 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ชัว่ โมง จาํ นวน 15 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ และอธิบายเลขออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรีดิวซ์ และตัวออกซิไดส์คร่ึง ปฏิกิริยาออกซิเดชันและคร่ึงปฏิกิริยารีดักชัน ความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรือตัวออกซิไดส ความ สามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรือตัวออกซิไดส์ การดุลสมการรีดอกซ์ด้วยการใช้เลขออกซิเดชันและวิธีคร่ึง ปฏิกิริยา องค์ประกอบของเซลล์เคมีไฟฟ้า สมการเคมีของปฏิกิริยาที่แอโนดและแคโทด และปฏิกิริยารวม แผนภาพเซลล์ ความหมายและการคํานวณค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของครึ่งเซลล์และค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐาน ของเซลล์ประเภท และหลักการเบื้องต้นของเซลล์กัลป์วานิก และเซลล์อิเล็กโทรลิติก หลักการทํางานของ เซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ ทุติยภูมิสมการแสดงปฏิกิริยาของเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภูมิ การแยกสารเคมี ด้วยกระแสไฟฟ้า การชุบโลหะ การทําโลหะให้บริสุทธิ์ การป้องกัน การกัดกร่อนของโลหะปฏิกิริยารีดอกซ์ ในชีวิตประจําวันหรอื อุตสาหกรรม ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีที่เกย่ี วข้องกับเซลล์เคมไี ฟฟ้า โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตน มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มท่ีเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. คํานวณเลขออกซิเดชนั และระบปุ ฏกิ ริ ิยาที่เป็นปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ 2. วเิ คราะหก์ ารเปล่ยี นแปลงเลขออกซิเดชันและระบุตวั รดี วิ ซ์และตวั ออกซไิ ดส์ รวมทง้ั เขียนครึง่ ปฏิกริ ิยาออกซเิ ดชนั และครง่ึ ปฏิกิริยารดี กั ชนั ของปฏิกิริยารีดอกซ์ 3. ทดลองและเปรยี บเทยี บความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรอื ตัวออกซิไดส์ และเขยี นแสดง ปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์ 4. ดลุ สมการรีดอกซ์ด้วยการใชเ้ ลขออกซเิ ดชันและวิธคี รึง่ ปฏกิ ิริยา 5. ระบุองคป์ ระกอบของเซลลเ์ คมีไฟฟา้ และเขยี นสมการเคมขี องปฏิกริ ิยาที่แอโนดและแคโทด ปฏกิ ิริยารวม และแผนภาพเซลล์ 6. คํานวณคา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ มาตรฐานของเซลล์ และระบุประเภทของเซลลเ์ คมีไฟฟ้า ข้ัวไฟฟ้าและ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีท่ีเกิดขึ้น 7. อธิบายหลกั การทํางานและเขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าของเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุตยิ ภมู 8. ทดลองชบุ โลหะและแยกสารเคมดี ้วยกระแสไฟฟา้ และอธบิ ายหลักการทางเคมีไฟฟ้าทใี่ ชใ้ น การชบุ โลหะ การแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้ การทาํ โลหะให้บริสุทธ์ิ และการป้องกนั การกัด กร่อนของโลหะ 9. สบื คน้ ขอ้ มลู และนาํ เสนอตวั อยา่ งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับเซลล์เคมีไฟฟ้าใน ชีวิตประจาํ วนั รวมทงั้ หมด 9 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หน้า 225 รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ว33225 เคมี 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 60 ชวั่ โมง จาํ นวน 1.5 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์และอธิบายความหมายของสารประกอบอินทรีย์ ธาตุองค์ประกอบและพันธะเคมี ในสารประกอบอินทรีย์ ความหลากหลายของสารประกอบอินทรีย์ การเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตร โครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นของสารประกอบอินทรีย์ ประเภทและหมู่ฟังก์ชันของสาร ประกอบอินทรีย์ การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ ไอโซเมอรซิ ึม ไอโซเมอร์โครงสรา้ งของสารประกอบอินทรยี ์ สภาพขั้วของโมเลกุลของสารประกอบอินทรีย์ แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของสารประกอบอินทรีย์ จุดเดือด ของสารประกอบอินทรีย์ การละลายของสารประกอบอินทรีย์ในตัวทําละลาย สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ปฏิกิริยาการเผาไหม้ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนของสารประกอบไฮโดร คาร์บอน ปฏิกิริยากับสารละลายโพแทสเซียม-เปอร์แมงกาเนตของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ปฏิกิริยา เอสเทอริฟิเคชันปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส ปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน การนําสาร ประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ ความหมายของพอลิเมอร์และมอนอเมอร์ ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบ เติมและแบบควบแน่น โครงสร้างของพอลิเมอร์ ความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับสมบัติของพอลิเมอร์ และการนําไปใช้ประโยชน์ พอลิเมอร์เทอร์มอพลาสติก พอลิเมอร์เทอร์มอเซต ประโยชน์ของพลาสติกและ ผลิตภัณฑ์ยาง การปรับเปลี่ยนโครงสร้างและการสังเคราะห์พอลิเมอร์ ผลกระทบจากการใช้และการกําจัด ผลิตภณั ฑ์พอลิเมอรแ์ ละแนวทางแกไ้ ข โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สืบค้นข้อมูลและนําเสนอตัวอย่างสารประกอบอนิ ทรยี ์ทีม่ ีพนั ธะเดยี่ ว พนั ธะคู่หรอื พนั ธะสาม ที่พบในชวี ิตประจําวนั 2. เขียนสตู รโครงสรา้ งลิวอสิ สตู รโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเสน้ ของสารประกอบ อนิ ทรีย์ 3. วเิ คราะหโ์ ครงสร้าง และระบปุ ระเภทของสารประกอบอินทรีย์จากหมู่ฟงั กช์ ัน 4. เขียนสตู รโครงสร้างและเรียกชอ่ื สารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทตา่ ง ๆ ทม่ี หี มูฟ่ งั กช์ นั ไมเ่ กนิ 1 หมู่ตามระบบ IUPAC 5. เขียนไอโซเมอรโ์ ครงสร้างของสารประกอบอินทรยี ป์ ระเภทต่าง ๆ 6. วเิ คราะห์ และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในนาํ้ ของสารประกอบอนิ ทรียท์ ่ีมีหมู่ฟงั ก์ชนั ขนาดโมเลกุล หรือโครงสรา้ งต่างกนั 7. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิรยิ าการเผาไหม้ปฏิกิริยา กบั โบรมีนหรือปฏิกริ ิยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หนา้ 226 8. เขยี นสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเอสเทอรฟิ เิ คชนั ปฏกิ ิริยาการสงั เคราะห์เอไมด์ ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลิซสิ และปฏกิ ริ ยิ าสะปอนนฟิ ิเคชนั 9. ทดสอบปฏิกิรยิ าเอสเทอรฟิ เิ คชัน ปฏกิ ริ ิยาไฮโดรลซิ ิส และปฏกิ ริ ิยาสะปอนนฟิ เิ คชัน 10. สืบค้นข้อมูลและนําเสนอตัวอยา่ งการนําสารประกอบอินทรีย์ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาํ วัน และอตุ สาหกรรม 11. ระบุประเภทของปฏกิ ิรยิ าการเกิดพอลเิ มอร์จากโครงสรา้ งของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอ 12. วิเคราะห์และอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างโครงสรา้ งกบั สมบตั ขิ องพอลิเมอร์ รวมท้ังการนํา ไปใชป้ ระโยชน์ 13. ทดสอบและระบุประเภทของพลาสตกิ และผลิตภัณฑย์ าง รวมทั้งการนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ 14. อธิบายผลของการปรับเปลยี่ นโครงสร้างและการสังเคราะห์พอลิเมอร์ท่ีมีต่อสมบัติของพอลเิ มอร์ 15. สืบค้นขอ้ มลู และนาํ เสนอตัวอย่างผลกระทบจากการใชแ้ ละการกาํ จัดผลิตภณั ฑพ์ อลเิ มอร์ และแนวทางแกไ้ ข รวมท้ังหมด 15 ผลการเรียนรู้ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หน้า 227 รายวชิ าเพมิ่ เติม ว33226 เคมี 6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ชว่ั โมง จาํ นวน 15 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ที่เกิดข้ึนในชีวิตประจําวัน การประกอบ อาชีพหรืออุตสาหกรรม โดยใช้ความรู้ทางเคมีและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม การบูรณาการความรู้ทางเคมีร่วมกับสาขาวิชาอื่น โดยใช้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เพ่ือแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเด็นที่สนใจ วิธีการ และรูปแบบการนําเสนอผลงานหรือช้ินงานโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รูปแบบของงานวิชาการประเภท ต่างๆ (งานนิทรรศการการสัมมนาการประชุมวิชาการ) วิธีการท่ีเหมาะสมในการแลกเปล่ียนและแสดง ความคิดเห็น โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ มที่เหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. กาํ หนดปญั หา และนําเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาโดยใช้ความรู้ทางเคมจี ากสถานการณท์ ี่เกิด ขึน้ ในชวี ิตประจําวนั การประกอบอาชีพหรอื อตุ สาหกรรม 2. แสดงหลกั ฐานถึงการบูรณาการความรู้ทางเคมรี ว่ มกับสาขาวชิ าอน่ื รวมทั้งทกั ษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตรห์ รอื กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยเน้นการคิดวิเคราะห์ การแกป้ ญั หา และความคดิ สร้างสรรค์ เพ่ือแก้ปัญหาในสถานการณห์ รือประเด็นที่สนใจ 3. นําเสนอผลงานหรือช้นิ งานทีไ่ ด้จากการแกป้ ัญหาในสถานการณห์ รือประเดน็ ทส่ี นใจโดยใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. แสดงหลักฐานการเขา้ ร่วมการสมั มนา การเข้ารว่ มประชมุ วชิ าการ หรือการแสดงผลงาน ส่ิงประดษิ ฐ์ในงานนิทรรศการ รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้ หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หน้า 228 รายวิชาเพิ่มเติม ว31241 ชวี วทิ ยา 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ชว่ั โมง จํานวน 15 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์สมบัติที่สําคัญของส่ิงมีชีวิต ความสัมพันธ์ของการจัดระบบในส่ิงมีชีวิต การบอก ความสําคัญของการระบุปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา สมมติฐาน และวิธีการตรวจสอบสมมติฐาน การออกแบบการทดลอง เพ่ือตรวจสอบสมมติฐานสมบัติของน้ํา และความสําคัญของนํ้าที่มีต่อสิ่งมีชีวิต ตัวอย่างธาตุที่มีความสําคัญในการเป็นองค์ประกอบ และการทํางานของเซลล์ส่ิงมีชีวิต และระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ตัวอย่างมอโนแซ็กคาไรด์ ไดแซ็กคาไรด์ และพอลิแซ็กคาไรด์ ความสําคัญของคาร์โบไฮเดรตในการเป็นแหล่งพลังงาน และเป็นโครงสร้างของเซลล์โครงสร้างของโปรตีน ความสําคัญของโปรตีนในการเป็นโครงสร้างและควบคุมการทํางานของเซลล์ ตัวอย่างลิพิดกลุ่มสําคัญที่พบ ในสิ่งมีชีวิตเช่น กรดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ ฟอสโฟลิพิดสเตอรอยด์ เป็นต้น ความสําคัญของลิพิดในการเป็น แหล่งพลังงานรักษาดุลยภาพของน้ําและอุณหภูมิ ป้องกันอวัยวะในร่างกายโครงสร้างของกรดนิวคลิอิก และนิวคลีโอไทด์ ความสําคัญของกรดนิวคลิอิกในการเก็บ และถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมปฏิกิริยาคาย พลังงาน และปฏิกิริยาดูดพลังงานในส่ิงมีชีวิต การทํางานของเอนไซม์ปัจจัยทมี่ ีผลต่อการทํางานของเอนไซม์ การเตรียมตัวอย่างท่ีถูกต้อง และเหมาะสมกับชนิดของส่ิงมีชีวิตในการศึกษาสิ่งมีชีวิตภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ใช้แสงการใช้ การเก็บรักษา และการดูแลกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงให้ใช้งานได้นาน โครงสร้างและหน้าที่ของ เย่ือหุ้มเซลล์ โครงสร้างและหน้าที่ของผนังเซลล์ ชนิด โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของออร์แกเนลล์โครงสร้างและ หน้าท่ีของนิวเคลียส การแพร่ ออสโมซิส และการแพร่แบบฟาซิลิเทตแอกทีฟทรานสปอร์ต กระบวนการ เอกโซไซโทซิส กระบวนการเอนโดไซโทซิส วัฏจกั รเซลล์ การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิสและการแบ่งนิวเคลียส แบบไมโอซิส การหายใจระดับเซลล์ในภาวะที่มีออกซิเจนเพียงพอ และภาวะที่มีออกซิเจนไม่เพียงพอข้ันตอน ไกลโคลิซิส วัฏจักรเครบส์ และกระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอนกระบวนการหมักแอลกอฮอล์และกระบวนการ หมักกรดแลกติก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ิตของตน มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มทเี่ หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายและสรปุ สมบัติทส่ี ําคญั ของส่งิ มีชวี ิต และความสัมพันธ์ของการจัดระบบในส่งิ มชี วี ติ ท่ี ทําให้ส่ิงมีชวี ิตดํารงชีวติ อยู่ได้ 2. อภปิ รายและบอกความสําคัญของการระบุปัญหา ความสมั พนั ธ์ระหว่างปญั หา สมมตฐิ านและ วิธีการตรวจสอบสมมตฐิ านรวมท้งั ออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมติฐาน 3. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายเกยี่ วกบั สมบัติของนา้ํ และบอกความสาํ คัญของนํา้ ท่ีมีตอ่ สงิ่ มีชวี ิตและ ยกตวั อยา่ งธาตตุ า่ งๆ ทีม่ คี วามสําคญั ต่อรา่ งกายสงิ่ มีชวี ิต 4. สบื ค้นข้อมูล อธบิ ายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต รวมท้ังความสาํ คญั ของคาร์โบไฮเดรตทมี่ ตี อ่ สงิ่ มีชวี ติ หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 229 5. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างของโปรตีน และความสําคญั ของโปรตีนทีม่ ีต่อส่งิ มีชีวิต 6. สบื คน้ ข้อมูล อธิบายโครงสร้างของลพิ ดิ และความสําคญั ของลพิ ิดทมี่ ตี ่อสงิ่ มีชวี ติ 7. อธิบายโครงสร้างของกรดนิวคลิอิก ระบุชนดิ ของกรดนิวคลอิ กิ และความสําคัญของกรด นิวคลอิ กิ ที่มีต่อสงิ่ มีชวี ิต 8. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายปฏกิ ริ ยิ าเคมที เี่ กดิ ขน้ึ ในสง่ิ มีชวี ติ 9. อธิบายการทํางานของเอนไซม์ในการเรง่ ปฏิกิรยิ าเคมีในส่ิงมีชีวิตและระบปุ ัจจยั ที่มผี ลตอ่ การทาํ งานของเอนไซม์ 10. บอกวิธีการและเตรียมตวั อยา่ งสิ่งมีชวี ติ เพ่อื ศึกษาภายใต้กล้องจลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สง วดั ขนาด โดยประมาณและวาดภาพทีป่ รากฏภายใต้กล้องบอกวธิ ีการใช้และการดแู ลรักษากล้อง จุลทรรศนใ์ ชแ้ สงทถี่ กู ต้อง 11. อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ทีข่ องสว่ นที่ห่อห้มุ เซลลข์ องเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ 12. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ าย และระบุชนดิ และหน้าท่ีของออร์แกเนลล์ 13. อธิบายโครงสร้างและหน้าทข่ี องนิวเคลยี ส 14. อธิบายและเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซิลเิ ทตและแอกทีฟทรานสปอร์ต 15. สบื คน้ ข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนภาพการลําเลยี งสารโมเลกลุ ใหญอ่ อกจากเซลล์ด้วย กระบวนการเอกโซไซโทซสิ และการลําเลยี งสารโมเลกลุ ใหญเ่ ขา้ สูเ่ ซลลด์ ้วยระบวนการ เอนโดโซโทซิส 16. สังเกตการแบ่งนวิ เคลยี สแบบไมโทซิสและแบบไมโอซสิ จากตวั อยา่ งภายใต้กลอ้ งจุลทรรศน์ พร้อมทงั้ อธิบายและเปรียบเทยี บการแบ่งนวิ เคลยี สแบบไมโทซิสและแบบไมโอซสิ 17. อธิบาย เปรยี บเทียบ และสรุปขนั้ ตอนการหายใจระดับเซลลใ์ นภาวะทม่ี อี อกซิเจนเพียงพอ และภาวะท่ีมอี อกซิเจนไมเ่ พยี งพอ รวมทงั้ หมด 17 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หน้า 230 รายวชิ าเพ่ิมเตมิ ว31242 ชวี วิทยา 2 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ช่วั โมง จํานวน 15 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์หลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของเมนเดล กฎการแยกและกฎการรวม กลุ่มอย่างอิสระ การนํากฎของเมนเดลไปอธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การคํานวณโอกาสใน การเกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์แบบต่างๆ ของรุ่น F1 และ F2 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็น ส่วนขยายของพันธุศาสตร์ของเมนเดล การคํานวณโอกาสการเกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์ของรุ่น F1 และ F2 ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมีการแปรผันไม่ต่อเนื่องและลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันต่อเน่ือง การถ่าย ทอดยีนบนโครโมโซม ลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนบนโตโซม และยีนบนโครโมโซมเพศ สมบัติและหน้าท่ีของสารพันธุกรรมโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของ DNA การจําลอง DNA ข้ันตอน ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนิดในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน ความสัมพันธ์ระหว่างสารพันธุกรรม แอลลีลโปรตีน ลักษณะทางพันธุกรรม และความเชื่อมโยงกับความรู้ เร่ืองพันธุศาสตร์เมนเดลการเกิดมิวเทชันระดับยีน และมิวเทชันระดับโครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเทชัน โรคและกลุ่มอาการท่ีเป็นผลของการเกิดมิวเทชัน หลักการสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมโดยใช้ดีเอ็นเอ รีคอมบิแนนท์การนําเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอไปประยุกต์ในด้านสิ่งแวดล้อม นิติวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร และอุตสาหกรรม ข้อควรคํานึงถึงด้านชีวจริยธรรมในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอห ลักฐานที่สนับสนุน และข้อมูลที่ใช้อธิบายการเกิดวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของ ส่ิงมีชีวิต ซองลามาร์กทฤษฎีเก่ียวกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตของชาลส์ดาร์วิน หลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก และเงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยที่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลใน ประชากร การหาความถ่ีของแอลลีลและจีโนไทป์ของประชากร โดยใช้หลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก กระบวนการเกดิ สปชี ีส์ใหม่ของส่ิงมีชวี ิต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวิตของตน มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมท่เี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายและสรุปผลการทดลองของเมนเดล 2. อธบิ ายและสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลุม่ อย่างอสิ ระ และนํากฎของเมนเดลไป อธิบายการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมและใช้ในการคํานวณโอกาสในการเกิดฟโี นไทปแ์ ละ จีโนไทป์แบบต่าง ๆ ของรนุ่ F1 และ F2 3. สบื ค้นขอ้ มูล วิเคราะห์ อธบิ าย และสรปุ เกี่ยวกบั การถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วน ขยายของพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล 4. สบื ค้นข้อมลู วิเคราะห์ และเปรยี บเทียบลกั ษณะทางพันธุกรรมที่มกี ารแปรผนั ไม่ตอ่ เนื่องและ ลักษณะทางพนั ธุกรรมท่มี กี ารแปรผนั ตอ่ เนื่อง หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หนา้ 231 5. อธบิ ายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม พรอ้ มทั้งยกตวั อย่างลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทถ่ี ูกควบคุม ดว้ ยยีนบนออโตโซมและยนี บนโครโมโซมเพศ 6. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายสมบตั ิและหน้าที่ของสารพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมี ของ DNA และสรุปการจาํ ลอง DNA 7. อธิบายและระบขุ ั้นตอนในกระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตนี และหน้าท่ขี อง DNA และ RNA แต่ ละชนดิ ในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตีน 8. สรปุ ความสมั พันธ์ระหวา่ งสารพนั ธกุ รรม แอลลีล โปรตนี ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม และเชอื่ มโยง กับความรู้เรือ่ งพันธศุ าสตร์เมนเดล 9. สบื คน้ ข้อมูล อธิบายการเกิดมวิ เทชันระดบั ยีน และระดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกิดมิวเทชนั รวมทัง้ ยกตัวอยา่ งโรคและกลมุ่ อาการท่ีเปน็ ผลของการเกิดมิวเทชนั 10. อธิบายหลักการสร้างสิ่งมีชีวติ ดดั แปรพนั ธุกรรมโดยใช้ดเี อ็นเอรคี อมบิแนนท์ 11. สืบค้นข้อมูล ยกตวั อยา่ ง และอภิปรายการนําเทคโนโลยที างดีเอน็ เอไปประยุกต์ ทั้งในด้าน สง่ิ แวดลอ้ มนิติวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตรและอุตสาหกรรม และข้อควรคํานึงถงึ ดา้ น ชวี จรยิ ธรรม 12. สืบค้นข้อมูล และอธบิ ายเก่ียวกับหลักฐานที่สนับสนุนและข้อมูลที่ใช้อธบิ ายการเกดิ วิวฒั นาการ ของสิ่งมชี ีวติ 13. อธบิ ายและเปรยี บเทียบแนวคดิ เก่ียวกบั วิวัฒนาการของส่งิ มีชีวติ ของซอง ลามารก์ และทฤษฎี เกีย่ วกับวิวฒั นาการของสงิ่ มีชวี ติ ของชาลส์ดาร์วิน 14. ระบสุ าระสาํ คญั และอธิบายเงือ่ นไขของภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจยั ทีท่ ําใหเ้ กิดการ เปล่ียนแปลงความถขี่ องแอลลีลในประชากรพร้อมท้ัง คํานวณหาความถ่ีของแอลลลี และจโี นไทป์ ของประชากรโดยใช้หลักการของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก 15. สบื คน้ ขอ้ มลู อภิปราย และอธิบายกระบวนการเกดิ สปชี ีส์ใหม่ของสิง่ มชี ีวิต รวมทั้งหมด 15 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หนา้ 232 รายวิชาเพ่มิ เตมิ ว32243 ชวี วิทยา 3 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จํานวน 15 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วิเคราะห์ ชนิดและลักษณะของเน้ือเยื่อพืช โครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเด่ียวและ รากพืชใบเลี้ยงคู่ จากการตัดตามขวางโครงสร้างภายในของลําต้นพืชใบเล้ียงเด่ียวและลําต้นพืชใบเล้ียงคู่ จากการตัดตามขวางโครงสร้างภายในของใบพืช จากการตัดตามขวางชนิดและหน้าที่ของใบท่ีเปลี่ยนแปลง ไปทําหน้าท่ีพิเศษ กลไกการเปิดปิดปากใบ การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ํากลไกการลําเลียงนํ้าและธาตุ อาหารของพืช ความสําคัญของธาตุอาหารท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ตัวอย่างธาตุอาหารท่ีสําคัญที่มี ผลต่อการเจริญเติบโตของพืช กลไกการลําเลียงอาหารในพืชการศึกษาท่ีได้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ ในอดีตเกี่ยวกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ขั้นตอนท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช C3 กลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C4 และพืช CAM ปัจจัยท่ีมีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ และเซลล์สืบพันธ์ุเพศเมียของพืชดอก การปฏิสนธิในพืชดอก การเกิดเมล็ดและการเกิดผลโครงสร้างของเมล็ดและผลการเกิดผลเดี่ยว ผลกลุ่ม และผลรวมประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆ ของเมล็ด และผลปัจจัยท่ีมีผลต่อการงอกของเมล็ดสภาพพักตัว ของเมล็ด และแนวทางในการแก้ไขบทบาทและหน้าที่ของออกซิน ไซโทไคนินจิบเบอเรลลิน เอทิลีนและ กรดแอบไซซิก การนําข้อมูลเก่ียวกับสารเคมีสังเคราะห์ท่ีมีสมบัติเหมือนกับสารควบคุมการเจริญเติบโตท่ี พชื สร้างขึ้นมาใชป้ ระโยชนท์ างการเกษตร สงิ่ เรา้ ภายนอกท่มี ผี ลต่อการเจริญเติบโตของพชื โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ิตของตน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายเกี่ยวกบั ชนิดและลกั ษณะของเนอื้ เย่อื พชื และเขยี นแผนผังเพื่อสรุปชนดิ ของเน้ือเยอื่ พชื 2. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทยี บโครงสร้างภายในของรากพชื ใบเล้ยี งเดี่ยวและรากพชื ใบเลย้ี งคู่ จากการตัดตามขวาง 3. สังเกต อธบิ าย และเปรียบเทยี บโครงสรา้ งภายในของลําตน้ พชื ใบเลี้ยงเดยี่ วและลําตน้ พืชใบ เล้ยี งค่จู ากการตัดตามขวาง 4. สงั เกต และอธบิ าย โครงสรา้ งภายในของใบพชื จากการตดั ตามขวาง 5. สบื คน้ ขอ้ มูล สงั เกต และอธิบายการแลกเปลย่ี นแกส๊ และการคายนํ้าของพืช 6. สบื คน้ ขอ้ มูลและอธิบายกลไกการลาํ เลียงนํ้าและธาตอุ าหารของพืช 7. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายความสําคัญของธาตุอาหาร และยกตวั อยา่ งธาตุอาหารที่สาํ คัญท่มี ผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืช 8. อธิบายกลไกการลาํ เลยี งอาหารในพืช 9. สบื คน้ ข้อมูลและสรปุ การศกึ ษาท่ไี ดจ้ ากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเก่ียวกับ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หน้า 233 10. อธิบายข้ันตอนทีเ่ กิดข้นึ ในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื C3 11. เปรียบเทยี บกลไกการตรงึ คาร์บอนไดออกไซดใ์ นพชื C3พืช C4และ พชื CAM 12. สบื ค้นขอ้ มลู อภปิ รายและสรุปปัจจยั ความเข้มของแสง ความเข้มขน้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์ และอุณหภูมิ ท่ีมผี ลต่อการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื 13. อธิบายวัฏจักรชวี ติ แบบสลับของพชื ดอก 14. อธิบายและเปรยี บเทยี บกระบวนการสร้างเซลล์สบื พนั ธุ์เพศผูแ้ ละเพศเมียของพชื ดอกและ อธิบายการปฏิสนธิของพืชดอก 15. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกดิ ผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตวั อยา่ ง การใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงสร้างตา่ งๆ ของเมลด็ และผล 16. ทดลอง อธิบาย และอภิปรายเก่ยี วกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตวั ของเมลด็ และบอกแนวทางในการแก้สภาพพักตวั ของเมล็ด 17. สบื ค้นข้อมูล อธิบายบทบาทและหน้าทขี่ องออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลนิ เอทลิ ีนและ กรดแอบไซซิกและอภปิ รายเกย่ี วกบั การนําไปใชป้ ระโยชนท์ างการเกษตร 18. สบื ค้นขอ้ มูล ทดลอง และอภปิ รายเก่ียวกับสง่ิ เร้าภายนอกท่มี ีผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืช รวมท้ังหมด 18 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์

หนา้ 234 รายวิชาเพ่มิ เติม ว32244 ชวี วทิ ยา 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ช่วั โมง จํานวน 15 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษา วิเคราะห์โครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหาร สัตว์ที่มี ทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ และสัตว์ท่ีมีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์การกินอาหารของไฮดรา และ พลานาเรีย โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะในระบบย่อยอาหารของมนุษย์ กระบวนการย่อยอาหารและ การดูดซึมสารอาหารภายในระบบย่อยอาหารของมนุษย์ โครงสร้างที่ทําหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊สของฟองน้ํา ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน แมลงปลา กบ และนกโครงสร้างของปอดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านมโครงสร้าง ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนแก๊ส และกระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สของมนุษย์การทํางานของปอด และการวัด ปริมาตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ ระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิด และระบบหมุนเวียน เลือดแบบปิด ทิศทางการไหลของเลือดและการเคลอ่ื นที่ของเซลล์เม็ดเลือดในหลอดเลือด ขนาดตา่ งๆของหาง ปลา ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของหลอดเลือดกับความเร็วในการไหลของเลือด โครงสร้างและการ ทํางานของหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์ โครงสร้างหัวใจของสัตว์เล้ียงลูกด้วยนํ้านม ทิศทางการไหลของ เลือดผ่านบริเวณหัวใจของมนุษย์ และการหมุนเวียนเลือดในร่างกายมนุษย์ ความแตกต่างของเซลล์เม็ด เลือดแดงเซลล์เม็ดเลือดขาว เพลตเลตและพลาสมา หมู่เลือดระบบ ABO และระบบ Rh หลักการให้และ รับเลือดในระบบ ABO และระบบ Rh ส่วนประกอบและหน้าท่ีของนํ้าเหลืองโครงสร้างและหน้าที่ของ หลอดน้ําเหลืองและต่อมนํ้าเหลือง กลไกการต่อต้านหรือทําลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่จําเพาะ และแบบ จําเพาะภูมิคุ้มกันก่อเองและภูมิคุ้มกันรับมาวัคซีน ทอกซอยด์ และซีรัมสําหรับโรคหรืออาการต่างๆ ความ ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทําให้เกิดเอดส์ ภูมิแพ้ และการสร้างภูมิต้านทานต่อเนื้อเยื่อตนเอง โครงสร้าง และหน้าที่ใน การกําจัดของเสียออกจากร่างกาย ในฟองนํ้าไฮดรา พลานาเรียไส้เดือนดิน แมลง และสัตว์มี กระดูกสันหลังโครงสร้างและหน้าที่ของไต โครงสร้างที่ใช้ลําเลียงปัสสาวะออกจากร่างกาย กลไกการ ทํางานของหน่วยไตในการกําจัดของเสียออกจากร่างกาย ขั้นตอนการกําจัดของเสียออกจากร่างกาย โดย หน่วยไตความผิดปกติของไตอนั เนือ่ งมาจากโรคตา่ ง ๆ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ิตของตน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านิยมท่ีเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สบื ค้นข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทยี บเกี่ยวกับโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสตั ว์ ทไ่ี ม่มที างเดนิ อาหาร สัตว์ทม่ี ีทางเดนิ อาหารแบบไม่สมบูรณ์และสตั วท์ ี่มีทางเดนิ อาหารแบบ สมบูรณ์ 2. สังเกต อธบิ าย การกนิ อาหารของไฮดราและพลานาเรยี 3. อธิบายเกีย่ วกบั โครงสร้าง หน้าท่ี และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหาร ภายในระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 235 4. สืบค้นข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสร้างท่ที ําหน้าทแี่ ลกเปล่ียนแกส๊ ของฟองนา้ํ ไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง ปลา กบ และนก 5. สังเกต และอธบิ ายโครงสรา้ งของปอดในสตั วเ์ ลย้ี งลกู ด้วยน้ํานม 6. อธบิ ายโครงสรา้ งท่ใี ช้ในการแลกเปลย่ี นแกส๊ และกระบวนการแลกเปลีย่ นแก๊สของมนษุ ย์ 7. อธิบายการทาํ งานของปอด และทดลองวัดปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ 8. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบระบบหมุนเวยี นเลือดแบบเปดิ และระบบหมนุ เวียนเลือด แบบปิด 9. สงั เกตและอธบิ ายทิศทางการไหลของเลือดและการเคลอื่ นท่ีของเซลล์เมด็ เลือดในหางปลา และสรปุ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งขนาดของหลอดเลอื ดกับความเร็วการไหลของเลอื ด 10. อธบิ ายโครงสรา้ งและการทํางานของหัวใจและหลอดเลอื ดในมนุษย์ 11. สงั เกตและอธิบายโครงสร้างหัวใจของสตั ว์เลย้ี งลูกดว้ ยน้าํ นม ทิศทางการไหลของเลอื ดผา่ น หัวใจของมนษุ ย์และเขียนแผนผังสรปุ การหมุนเวยี นเลอื ดของมนษุ ย์ 12. สืบคน้ ข้อมูล ระบคุ วามแตกตา่ งของเซลลเ์ ม็ดเลือดแดง เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว เพลตเลตและ พลาสมา 13. อธบิ ายหมเู่ ลอื ด และหลกั การใหแ้ ละรับเลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh 14. อธบิ าย และสรปุ เกี่ยวกบั ส่วนประกอบและหน้าทข่ี องนํ้าเหลือง รวมทง้ั โครงสรา้ งและหน้าท่ี ของหลอดนํา้ เหลือง และตอ่ มนํา้ เหลือง 15. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย และเปรียบเทียบกลไกการต่อตา้ นหรอื ทาํ ลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่ จาํ เพาะและแบบจําเพาะ 16. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรยี บเทยี บการสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ก่อเองและภูมคิ ุ้มกันรบั มา 17. สบื ค้นข้อมูลและอธบิ ายเก่ียวกับความผดิ ปกติของระบบภมู ิคุ้มกันทีท่ าํ ใหเ้ กดิ เอดส์ ภมู ิแพ้ การสรา้ งภมู ิตา้ นทานต่อเนื้อเย่ือตนเอง 18. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสรา้ งและหนา้ ที่ในการกาํ จดั ของเสยี ออกจาก ร่างกายของฟองนํา้ ไฮดรา พลานาเรยี ไส้เดือนดิน แมลงและสตั ว์มกี ระดูกสันหลงั 19. อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของไต และโครงสร้างที่ใชล้ ําเลยี งปสั สาวะออกจากร่างกาย 20. อธิบายกลไกการทาํ งานของหน่วยไตในการกําจดั ของเสยี ออกจากรา่ งกาย และเขียนแผนผงั สรุปข้ันตอนการกาํ จัดของเสียออกจากร่างกายโดยหน่วยไต 21. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และยกตวั อย่างเกี่ยวกับความผดิ ปกตขิ องไตอันเนือ่ งมาจากโรคตา่ งๆ รวมทัง้ หมด 21 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หนา้ 236 รายวิชาเพมิ่ เตมิ ว33245 ชวี วทิ ยา 5 กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ช่วั โมง จํานวน 1.5 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา อธิบายและวิเคราะห์โครงสร้างและหนา้ ที่ของระบบประสาทขอไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดนิ กุ้ง หอย แมลง และสัตว์มีกระดูกสันหลัง โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ประสาทการเปลี่ยนแปลงของ ศักย์ไฟฟ้าที่เยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาท และกลไกการถ่ายทอดกระแสประสาท โครงสร้างของระบบ ประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก โครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ในสมองส่วนหน้า สมอง ส่วนกลาง สมองส่วนหลังและไขสันหลัง การทํางานของระบบประสาทโซมาติกและระบบประสาทอัตโนวัติ โครงสร้างและหน้าที่ของ ตา หู จมูก ลิ้นและผิวหนังของมนุษย์ โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะท่ีเกี่ยวข้อง กับการเคลื่อนท่ีของแมงกะพรุน หมึก ดาวทะเล ไส้เดือนดิน แมลง ปลาและนก โครงสร้างและหน้าท่ีของ กระดูกและกล้ามเนื้อท่ีเก่ียวข้องกับการเคล่ือนไหวและการเคลื่อนท่ีของมนุษย์ การทํางานของข้อต่อชนิด ต่าง ๆ และการทํางานของกล้ามเน้ือโครงร่างท่ีเก่ียวข้องกับการเคลื่อนไหวและการเคลื่อนท่ีของมนุษย์ หน้าที่ ของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและเนื้อเยื่อที่สร้างฮอร์โมน การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและการสืบพันธ์ุแบบ อาศัยเพศในสัตว์ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชาย และระบบสืบพันธ์ุเพศหญิง กระบวนการสร้างสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่และการปฏิสนธิในมนุษย์ การเจริญเติบโตระยะเอ็มบริโอ และระยะหลังเอ็มบริโอของกบ ไก่และมนุษย์ พฤติกรรมท่ีเป็นมาแต่กําเนิดและพฤติกรรมที่เกิดจาก การเรียนรู้ของสัตว์ ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกับวิวัฒนาการของระบบประสาท การสื่อสารระหว่าง สัตวท์ ท่ี าํ ให้สัตวแ์ สดงพฤติกรรม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ิตของตน มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สบื คน้ ข้อมูล อธิบาย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและหนา้ ทีข่ องระบบประสาทขอไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดือนดนิ ก้งุ หอย แมลง และสัตว์มกี ระดูกสันหลัง 2. อธิบายเกย่ี วกบั โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องเซลล์ประสาท 3. อธิบายเกี่ยวกับการเปลย่ี นแปลงของศกั ยไ์ ฟฟ้าที่เย่ือห้มุ เซลล์ของเซลล์ประสาทและกลไก การถา่ ยทอดกระแสประสาท 4. อธบิ ายและสรุปเกีย่ วกับโครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก 5. สืบคน้ ข้อมลู อธิบายโครงสร้างและหน้าทข่ี องสว่ นต่างๆ ในสมองส่วนหน้า สมองสว่ นกลาง สมองส่วนหลงั และไขสนั หลงั 6. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ าย เปรยี บเทียบ และยกตัวอยา่ งการทํางานของระบบประสาทโซมาตกิ และ ระบบประสาทอัตโนวตั ิ 7. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ที่ของ ตา หู จมูก ล้ินและผิวหนงั ของมนุษย์ ยกตัวอยา่ ง โรคต่างๆ ท่เี กย่ี วข้อง และบอกแนวทางในการดูแลป้องกันและรักษา หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 237 8. สงั เกตและอธบิ ายการหาตาํ แหนง่ ของจดุ บอดและโฟเวยี ของตา และความไวในการรับสัมผสั ของผิวหนัง 9. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและหนา้ ท่ขี องอวัยวะท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การ 10. อธิบายโครงสรา้ งและหน้าท่ขี องกระดูกและกล้ามเนือ้ ทเ่ี ก่ียวข้องกบั การเคลอ่ื นไหวและการ เคล่อื นทข่ี องมนษุ ย์ 11. สงั เกตและอธบิ ายการทํางานของข้อตอ่ ชนดิ ตา่ ง ๆ และการทาํ งานของกล้ามเน้อื โครงร่างที่ เกย่ี วข้องกบั การเคล่ือนไหวและการเคลอ่ื นที่ของมนุษย์ 12. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย และยกตัวอย่างการสบื พันธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศและการสบื พันธ์แุ บบอาศัย เพศในสตั ว์ 13. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของอวยั วะในระบบสืบพันธ์ุเพศชายและระบบ สืบพนั ธเ์ุ พศหญงิ 14. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ และการปฏสิ นธใิ นมนุษย์ 15. อธบิ ายการเจรญิ เติบโตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลงั เอ็มบริโอของกบ ไก่ และมนุษย์ 16. สืบค้นข้อมูล และอธิบายหนา้ ทขี่ องฮอร์โมนจากต่อมไรท้ อ่ และเน้อื เยือ่ ทส่ี ร้างฮอร์โมน 17. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ าย เปรียบเทียบ และยกตวั อยา่ งพฤตกิ รรมทเี่ ป็นมาแตก่ าํ เนดิ และ พฤติกรรมที่เกิดจากการเรยี นรขู้ องสัตว์ 18. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายและยกตวั อยา่ งความสัมพันธ์ระหวา่ งพฤติกรรมกับวิวฒั นาการของระบบ ประสาท 19. สบื ค้นข้อมลู อธบิ ายและยกตัวอย่างการสอื่ สารระหว่างสตั วท์ ่ีทําให้สัตว์แสดงพฤตกิ รรม รวมทั้งหมด 19 ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์

หนา้ 238 รายวชิ าเพม่ิ เติม ว33246 ชีววทิ ยา 6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ชว่ั โมง จํานวน 1.5 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา อธิบายและวิเคราะห์ความสําคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยง ระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายของสปีชีส์ และความหลากหลายของระบบ นิเวศ การเกิดเซลล์เร่ิมแรกของสิ่งมีชีวิต และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ส่ิงมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรีย กลุ่มโพรทิสต์ กลุ่มพืช สิ่งมีชีวิต วิธีการเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ในลําดับข้ันสปีชีส์ การถ่ายทอดพลังงานใน ระบบนิเวศ การเกิดไบโอแมกนิฟิเคชันวัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรกํามะถัน และวัฏจักรของไบโอมที่กระจาย อยู่ตามเขตภูมิศาสตร์ต่างๆ บนโลกการเพ่ิมของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล และการเพิ่มของประชากร แบบลอจิสติก มลพิษทางอากาศและผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม ผลกระทบท่ีมีต่อมนุษย์และ สิง่ แวดลอ้ ม ผลกระทบท่เี กดิ จากการทาํ ลายป่าไมผ้ ลกระทบทที่ ําให้สัตวป์ า่ มจี าํ นวนลดลง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ิตของตน มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อภิปรายความสาํ คญั ของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชอื่ มโยงระหว่างความ หลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายของสปชี ีส์และความหลากหลายของระบบนเิ วศ 2. อธบิ ายการเกดิ เซลล์เรมิ่ แรกของส่งิ มชี วี ิตและววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ิตเซลล์เดยี ว 3. อธิบายลักษณะสําคญั และยกตัวอย่างสงิ่ มชี วี ิตกลุ่มแบคทีเรยี ส่ิงมชี ีวิตกลุม่ โพรทิสต์ สิง่ มชี ีวติ กลุ่มพืช ส่งิ มชี ีวติ กลุ่มฟังไจ และส่ิงมชี วี ติ กลุ่มสตั ว์ 4. อธิบายและยกตวั อย่างการจาํ แนกส่งิ มชี ีวติ จากหมวดหมู่ใหญจ่ นถงึ หมวดหมู่ย่อย และวิธีการ เขยี นชือ่ วิทยาศาสตรใ์ นลําดบั ขน้ั สปชี สี ์ 5. สร้างไดโคโทมัสคีย์ในการระบุสิ่งมชี วี ิตหรือตวั อยา่ งทก่ี าํ หนดออกเปน็ หมวดหมู่ 6. วิเคราะห์ อธิบาย และยกตวั อยา่ งกระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนิเวศ 7. อธบิ าย ยกตวั อย่างการเกิดไบโอแมกนิฟเิ คชัน และบอกแนวทางในการลดการเกดิ ไบโอแมก นฟิ ิเคชัน 8. สืบคน้ ขอ้ มลู และเขยี นแผนภาพเพ่ืออธบิ ายวัฏจกั รไนโตรเจน วัฏจกั รกําามะถัน และวฏั จกั ร ฟอสฟอรสั 9. สบื ค้นขอ้ มูล ยกตัวอยา่ ง และอธบิ ายลักษณะของไบโอมท่ีกระจายอยู่ตามเขตภมู ศิ าสตรต์ า่ งๆ บนโลก 10. สบื ค้นขอ้ มูล ยกตวั อย่าง อธิบาย และเปรียบเทยี บการเปลีย่ นแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมแิ ละ การเปลย่ี นแปลงแทนทแ่ี บบทตุ ยิ ภมู ิ 11. สบื ค้นข้อมลู อธบิ าย ยกตัวอย่างและสรุปเกยี่ วกับลักษณะเฉพาะของประชากรของส่งิ มีชวี ิต บางชนดิ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หน้า 239 12. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ าย เปรยี บเทยี บ และยกตัวอย่างการเพิ่มของประชากรแบบเอ็กโพเนน เชียลและการเพ่มิ ของประชากรแบบลอจสิ ตกิ 13. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งปจั จยั ที่ควบคมุ การเติบโตของประชากร 14. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หาการขาดแคลนน้าํ การเกดิ มลพษิ ทางนํา้ และผลกระทบ 15. วิเคราะห์ อภิปราย และสรปุ ปัญหามลพิษทางอากาศ และผลกระทบทม่ี ีตอ่ มนษุ ย์และ สิ่งแวดล้อม รวมทัง้ เสนอแนวทางการแกไ้ ขปญั หา 16. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ปัญหาทเ่ี กิดกับทรพั ยากรดนิ และผลกระทบทีม่ ตี ่อมนษุ ย์และ สง่ิ แวดล้อม รวมทงั้ เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา 17. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หา ผลกระทบท่เี กดิ จากการทําลายปา่ ไม้ รวมท้ังเสนอ แนวทางในการป้องกันการทําลายป่าไมแ้ ละการอนรุ กั ษป์ ่าไม 18. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรุปปญั หาผลกระทบที่ทาํ ใหส้ ตั ว์ปา่ มีจาํ นวนลดลง และแนวทางใน การอนุรักษส์ ัตว์ป่า รวมทั้งหมด 18 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 240 รายวชิ าเพ่ิมเติม ว31216 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1 กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ช่วั โมง จํานวน 10 หนว่ ยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาการแบ่งช้ันและสมบัติของโครงสร้างโลก รอยต่อระหว่างช้ันโครงสร้างโลกพร้อมหลักฐาน สนับสนุน ศึกษาการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณีตามทฤษฎีธรณีแปรสัณฐานพร้อมหลักฐานสนับสนุน ศึกษา สาเหตุและรูปแบบ แนวรอยต่อของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี และหลักฐานที่เป็น ผลจากการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี ศึกษาสาเหตุ กระวนการเกิดและผลจากการเกิดภเู ขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ พร้อมแนวทางการเฝ้าระวังและปฏิบัติตนให้ปลอดภัย รวมท้ังอธิบายลําดับเหตุการณ์ทางธรณี วิทยาในอดีตจากการใชห้ ลกั ฐานที่พบในปัจจบุ นั โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นขอ้ มูล การสังเกต การ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ มีทักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนํา ความร้ไู ปใช้ในชีวิตของตน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มทีเ่ หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายการแบง่ ชัน้ และสมบัตขิ องโครงสรา้ งโลก พรอ้ มยกตวั อย่างข้อมลู ทีส่ นบั สนนุ 2. อธบิ ายหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาท่สี นับสนนุ การเคลอื่ นที่องแผน่ ธรณี 3. ระบุสาเหตุ และอธบิ ายแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณที ีส่ มั พนั ธ์การเคล่ือนที่ของแผ่นธรณพี รอ้ ม ยกตวั อย่างหลกั ฐานทางธรณวี ิทยาท่พี บ 4. วเิ คราะห์หลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาที่พบในปัจจุบันและอธบิ ายลําดับเหตุการณท์ างธรณีวิทยาในอดีต 5. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบดิ และปจั จยั ทท่ี ําให้ความรนุ แรงของการปะทุและ รูปร่าง ของภเู ขาไฟแตกต่างกนั รวมทัง้ สืบค้นขอ้ มลู พน้ื ที่เสย่ี งภยั ออกแบบและนําเสนอแนว ทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภยั 6. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรนุ แรงและผลจากแผ่นดนิ ไหว รวมทั้งสบื ค้น ข้อมลู พื้นท่ีเสี่ยงภยั ออกแบบและนาํ เสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภัย 7. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสนึ ามิ รวมทั้งสบื ค้นข้อมลู พ้นื ท่ีเส่ยี งภัย ออกแบบ และนาํ เสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและการปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัย รวมท้ังหมด 7 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หนา้ 241 รายวิชาเพิม่ เตมิ ว31262 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จาํ นวน 10 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาการชนดิ แร่และหิน สมบตั ิของแร่และหิน การจําแนกแรต่ ามสมบัติของแร่ การจําแนกหนิ ตาม ลักษณะการเกิดและเนื้อหิน และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่และหินท่ีเหมาะสม ศึกษากระบวนการเกิด และการสํารวจแหล่งปิโตรเลียม และถ่านหินโดยใช้ความรู้พ้ืนฐานธรณีวิทยาด้านต่าง ๆ รวมทั้งวิธีการและ เทคนคิ ที่เหมาะสม เพื่อนําทรัพยากรมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน ศึกษาองค์ประกอบและการแปลความหมาย ของแผนที่ภูมิประเทศและแผนท่ีธรณีวิทยา พร้อมท้ังนําเสนอการนําขอ้ มูลจากแผนที่ภูมิประเทศและแผนที่ ธรณีวิทยาไปใชป้ ระโยชน์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและค่านิยมท่เี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. ตรวจสอบและระบุชนดิ แร่ รวมทัง้ วิเคราะห์สมบัติและนําเสนอการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากร แรท่ เ่ี หมาะสม 2. ตรวจสอบ จําแนกประเภทและระบชุ อื่ หนิ รวมท้ังวเิ คราะห์สมบตั ิและนําเสนอการใชป้ ระโยชน์ ของทรัพยากรหินที่เหมาะสม 3. อธิบายกระบวนการเกิดและการสาํ รวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหนิ โดยใช้ข้อมูลทางธรณวี ทิ ยา 4. อธิบายสมบตั ขิ องผลิตภณั ฑ์ทไ่ี ด้จากปโิ ตรเลยี มและถา่ นหิน โดยใช้ข้อมูลทางธรณีวิทยา 5. อ่านและแปลความหมายจากแผนที่ภมู ปิ ระเทศ และแผนที่ธรณวี ทิ ยาของพนื้ ทีท่ กี่ าํ หนด พรอ้ ม ท้ังอธบิ ายและยกตัวอย่างการนําไปใชป้ ระโยชน์ รวมทั้งหมด 5 ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สปี ระชาสรรค์

หนา้ 242 ว32263 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 3 รายวิชาเพ่ิมเตมิ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จาํ นวน 1.0 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษากระบวนการที่ทําให้เกิดสมดุลพลังงานของโลก ปัจจัยที่ส่งผลต่อการรับรังสีดวงอาทิตย์ของ พื้นผิวโลก ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนที่และการหมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขต ละติจูดและผลที่มีตอ่ ภูมิอากาศ ปัจจัยท่ีทําใหเ้ กิดการแบ่งชั้นน้ําในมหาสมุทร ปัจจัยที่ทําให้เกิดการหมุนเวียน ของน้ําในมหาสมุทร และรูปแบบการหมุนเวียนองนํ้าในมหาสมุทร ผลของการหมุนเวียนน้ําในมหาสมุทรท่ี มตี อ่ ลกั ษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมชี ีวติ และส่งิ แวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวิตของตน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายปจั จยั สําคญั ท่มี ีผลตอ่ การรบั และคายพลงั งานจากดวงอาทติ ย์แตกตา่ งกนั และผลทมี่ ี ต่ออุณหภูมิอากาศในแต่ละบริเวณของโลก 2. อธิบายกระบวนการทท่ี าํ ให้เกิดสมดุลพลังงานของโลก 3. อธบิ ายผลของแรงเน่ืองจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลสิ แรงสูศ่ นู ย์กลาง และแรงเสยี ดทานทม่ี ตี อ่ การหมุนเวยี นองอากาศ 4. อธบิ ายการหมุนเวยี นของอากาศตามเขตละติจดู และผลทมี่ ตี ่อภูมิอากาศ 5. อธิบายปัจจัยทีท่ ําให้เกดิ การแบง่ ชน้ั นา้ํ ในมหาสมทุ ร 6. อธิบายปจั จัยท่ีทําให้เกดิ การหมุนเวียนของนาํ้ ในมหาสมุทรและรปู แบบการหมนุ เวยี นของน้าํ ใน มหาสมุทร 7. อธิบายผลของการหมุนเวยี นของนํา้ ในมหาสมทุ รท่ีมตี ่อลักษณะลมฟา้ อากาศ สิ่งมีชวี ิต สง่ิ แวดล้อม รวมทง้ั หม 7 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 243 รายวิชาเพม่ิ เตมิ ว32264 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 4 กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ชวั่ โมง จาํ นวน 10 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเสถียรภาพอากาศและการเกิดเมฆ กลไกการยกตัวของอากาศกับการเกิดเมฆ การเกิดแนว ปะทะอากาศแบบต่าง ๆ และลักษณะลมฟ้าอากาศท่ีเกี่ยวข้อง ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ของโลกและข้อมูลสนับสนุน ผลจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและแนวปฏิบัติของมนุษย์ที่มีส่วนช่วยชะลอ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก การแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศบนแผนท่ีอากาศ ภาพถ่าย ดาวเทียมและข้อมูลเรดาร์ตรวจอากาศ การคาดการณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้นจากข้อมูลสารสนเทศ ทางอุตุนิยมวทิ ยาเพอ่ื วางแผนในการประกอบอาชพี และการดําเนินชวี ติ ให้สอดคล้องกับสภาพลมฟา้ อากาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชีวติ ของตน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านิยมทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างสเถยี รภาพอากาศและการเกิดเมฆ 2. อธบิ ายการเกดิ แนวปะทะอากาศแบบตา่ ง ๆ และลักษณะมฟ้าอากาศที่เก่ยี วข้อง 3. อธบิ ายปัจจัยตา่ งๆ ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศองโลก พรอ้ มยกตวั อย่างข้อมูลสนับสนนุ 4. วิเคราะห์ และอภิปรายเหตุการณ์ทีเ่ ป็นผลจากการเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศ และนําเสนอแนว ปฏิบตั ขิ องมนุษย์ท่มี ีส่วนชว่ ยชะลอการเปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศโลก 5. แปลความหมายสญั ลกั ษณ์ลมฟา้ อากาศบนแผนที่อากาศ 6. วเิ คราะห์ และคาดการณล์ กั ษณะลมฟ้าอากาศเบ้อื งตน้ จากแผนทีอ่ ากาศและขอ้ มูลสารสนเทศ เพ่ือวางแผนในการประกอบอาชีพและการดําเนนิ ชวี ติ ใหส้ อดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศ รวมทง้ั หมด 6 ผลการเรียนรู้ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 244 รายวิชาเพ่ิมเตมิ ว33265 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จํานวน 10 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษาสมั พนั ธ์ของสิ่งต่าง ๆ ท่อี ยใู่ นเอกภพ โดยทําความเข้าใจเกี่ยวกบั กาํ เนดิ ววิ ฒั นาการของ เอกภพ และหลกั ฐานทสี่ นับสนุนทฤษฎีบกิ แบง โครงสร้าง องค์ประกอบของกาแล็กซที างช้างเผือก ตาํ แหนง่ ของระบบสรุ ิยะ และการสังเกตเห็นทางช้างเผอื ก กระบวนการเกิดวิวัฒนาการ การสร้างพลงั งาน และสมบัติของดาวฤกษ์ กระบวนการเกดิ ระบบสรุ ยิ ะ การแบ่งเขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์ ลักษณะของ ดาวเคราะห์ท่ีเอื้อต่อการดํารงชีวิตและการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ โครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะ และปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์ที่เก่ียวข้องกับผลของลมสุริยะ และพายุสุริยะ และเทคโนโลยีอวกาศกับการพัฒนาคุณภาพชวี ติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายการกําเนดิ และการเปล่ียนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมขิ องเอกภพหลงั เกิด บิกแบงในชว่ งเวลาตา่ ง ๆ ตามวิวฒั นาการของเอกภพ 2. อธบิ ายหลักฐานท่ีสนบั สนุนทฤษฎบี ิกแบง จากความสมั พนั ธร์ ะหว่างความเร็วกบั ระยะทางของ กาแล็กซี รวมทง้ั ขอ้ มลู การคน้ พบไมโครเวฟพนื้ หลังจากอวกาศ 3. อธบิ ายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีท่ างช้างเผือก และระบุตําแหน่งของระบบ สรุ ยิ ะพรอ้ มอธบิ ายเช่ือมโยงกบั การสงั เกตเหน็ ทางช้างเผอื กของคนบนโลก 4. อธิบายกระบวนการเกดิ ดาวกฤษ์ โดยแสดงการเปลีย่ นแปลงความดนั อุณหภูมิ ขนาด จาก ดาวฤกษก์ อ่ นเกดิ จนเปน็ ดาวฤกษ์ 5. อธิบายกระบวนการสรา้ งพลงั งานของดาวฤกษแ์ ละผลท่เี กิดขึ้น โดยวิเคราะหป์ ฏกิ ิรยิ าลกู โซ่ โปรตอน-โปรตอน และวฏั จักรคารบ์ อน ไนโตรเจน ออกซเิ จน 6. ระบปุ ัจจัยที่ส่งผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างความสอ่ ง สวา่ งกบั โชติมาตรของดาวฤกษ์ 7. อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสี อณุ หภูมิผิว และสเปกตรัมองดาวฤกษ์ 8. อธิบายวธิ กี ารหาระยะทางของดาวฤกษ์ดว้ ยหลักการแพรลั แลกซ์ พร้อมคํานวณหาระยะทาง ของดาวฤกษ์ 9. อธบิ ายลาํ ดบั วิวฒั นาการที่สัมพันธก์ บั มวลตัง้ ต้น และวเิ คราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงสมบัติบาง ประการของดาวฤกษ์ในลําดบั วิวัฒนาการ จากแผนภาพเฮริ ์ซปรุง - รสั เซลล์ 10. อธิบายกระบวนการเกิดระบบสรุ ิยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทติ ย์ และลกั ษณะของ ดาวเคราะห์ท่เี อ้อื ต่อการดาํ รงชวี ิต หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์

หนา้ 245 11. อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตยด์ ้วยกฏเคพเลอร์ และกฎความโน้มถว่ งของ นิวตันพร้อมคาํ นวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์ 12. อธบิ ายโครงสรา้ งของดวงอาทิตย์ การเกดิ ลมสุริยะ พายุสรุ ยิ ะ และวเิ คราะห์ นาํ เสนอ ปรากฏการณห์ รอื เหตกุ ารณ์ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั ผลของลมสุรยิ ะ พายสุ รุ ยิ ะที่มีผลต่อโลกรวมทั้ง ประเทศไทย 13. สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ ายการสํารวจอวกาศโดยใช้กล้องโทรทัศนใ์ นชว่ งความยาวคล่ืนต่าง ๆ ดาวเทียมยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนําเสนอแนวคดิ การนาํ ความรทู้ างดา้ นเทคโนโลยี อวกาศมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาํ วนั หรอื ในอนาคต รวมทั้งหมด 13 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 246 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ ว33266 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 6 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชัว่ โมง จํานวน 1.0 หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์ โดยทําความเข้าใจเก่ียวกับองค์ประกอบของทรง กลมฟ้า การระบุพิกัดของดาวในระบบขอบฟ้าและระบบศูนย์สูตร เส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์ และดาวฤกษ์ การกาํ หนดเวลาสุริยคติ และตําแหน่งปรากฏของดาวเคราะหซ์ ง่ึ สงั เกตไดจ้ ากโลก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปรายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะกระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ ในชวี ติ ของตน มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมท่เี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สรา้ งแบบจาํ ลองทรงกลมฟ้า สังเกต และเชือ่ มโยงจดุ และเสน้ สาํ คัญของแบบจาํ ลองทรงกลม ฟ้ากบั ทอ้ งฟ้าจรงิ และอธิบายการระบพุ กิ ัดของดาวในระบบขอบฟ้า และระบบศูนย์สูตร 2. สังเกตท้องฟา้ และอธิบายเสน้ ทางการข้นึ ตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ 3. อธิบายเวลาสรุ ยิ คตปิ รากฏ โดยรวบรวมข้อมูล และเปรยี บเทยี บเวลาขณะทด่ี วงอาทติ ยผ์ า่ น เมรเิ ดียนของผ้สู งั เกตในแต่ละวัน 4. อธิบายเวลาสุรยิ คตปิ านกลาง และการเปรียบเทียบเวลาของแตล่ ะเขตเวลาบนโลก 5. อธบิ ายมุมห่างทีส่ ัมพนั ธก์ บั ตาํ แหนง่ ในวงโคจร และอธบิ ายเชื่อมโยงกบั ตาํ แหน่งปรากฏของ ดาวเคราะหท์ ี่สงั เกตได้จากโลก 6. สบื คน้ ขอ้ มูล ออกแบบและนาํ เสนอกิจกรรมการสังเกตดาวบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าและ/หรือ กล้องโทรทรรศน์ รวมท้งั หมด 6 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หนา้ 247 รายวิชาเพ่มิ เตมิ ว32281 โครงงานวิจยั วทิ ยาศาสตร์ 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จํานวน 1.0 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษา สบื คน้ วเิ คราะห์ อภปิ รายและทดลอง เกี่ยวกบั เรือ่ งทส่ี นใจจากแหล่งเรยี นรู้ต่างๆหรือ ภูมิปัญญาท้องถิ่นนํามาจัดทําโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสํารวจ ประเภททดลอง ประเภททฤษฎีและ ประเภทประดิษฐ์ หรือท้ังสี่ประเภท การเขียนเค้าโครงของโครงงาน การวางแผนการทดลอง และดําเนินการ ตามตามเค้าโครงการนําเสนอผลงานได้อย่างเหมาะสม และสามารถวิเคราะห์โครงงานวิทยาศาสตร์อย่าง ง่ายตามรูปแบบได้ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะ/กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ สามารถนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การทดลอง การปฏิบัติจริง การใช้กระบวนการกลุ่มในการเรียนรู้ การใช้ แหล่งการเรียนรู้และเทคโนโลยี การวัดและประเมินผลใช้วิธีการท่ีหลากหลายตามสภาพจริงให้สอดคล้อง กับสาระ ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะที่พึงประสงค์และความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขยี น ทีต่ อ้ งการวดั ผลการเรียนรู้ 1. ใชท้ ักษะทางวทิ ยาศาสตร์ในการแสวงหาความร้เู บอื้ งตน้ ได้ 2. อธบิ าย นาํ เสนอวธิ ีการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ท่กี าํ หนดใหด้ ว้ ยวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ใช้เครื่องมอื พื้นฐานทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์แก้ปญั หาท่ีกําหนดใหไ้ ด้ ถูกต้องเหมาะสมตามขนั้ ตอนและปลอดภยั 4. คดิ และเลอื กเรื่องโครงงานไดอ้ ย่างเหมาะสม 5. ศึกษาปัญหาทางวิทยาศาสตร์ท่ตี นเองสนใจโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ ีเ่ หมาะสม 6. ทําโครงงานโดยอาศัยทักษะทางวิทยาศาสตรไ์ ด้เหมาะสม รวมทง้ั หมด 6 ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสปี ระชาสรรค์

หน้า 248 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ ว32282 โครงงานวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชวั่ โมง จาํ นวน 10 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา สืบค้น วิเคราะห์ อภิปรายและทดลอง เก่ียวกับเร่ืองที่สนใจจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆหรือ ภูมิปัญญาท้องถ่ินนํามาจัดทําโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทต่าง ๆ ศึกษาบทบาทหน้าที่ของสมาชิกกลุ่ม โครงงานวิทยาศาสตร์ เรียนรู้การปฏิบัติงานร่วมกันเป็นกลุ่ม การวางแผนเพื่อศึกษาตามข้ันตอนกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ การออกแบบการทดลองที่เหมาะสมกับโครงงาน การเก็บข้อมูลเพ่ือนํามาวิเคราะห์ข้อมูล สรุปและการเขียนรายงานผลการปฏิบัติในรูปแบบรายงาน 5 บท นําเสนอผลรายงานกลุ่มเพื่อเผยแพร่แก่ ผู้ท่สี นใจ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะ/กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติทางวิทย าศาสตร์ เห็นคุณคา่ ของวิทยาศาสตร์ สามารถนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวนั ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีเน้น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การทดลอง การปฏิบัติจริง การใช้ กระบวนการกลุ่มในการเรียนรู้ การใช้แหล่งการเรียนรู้และเทคโนโลยี การวัดและประเมินผลใช้วิธีการท่ี หลากหลายตามสภาพจริงให้สอดคล้องกับสาระทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์และความ สามารถด้านการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี นทีต่ อ้ งการวดั ผลการเรียนรู้ 1. ดําเนนิ การทําโครงงานวิทยาศาสตร์ตามแผนการปฏบิ ตั ิงาน 2. เขยี นรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ 3. เสนอผลงานโครงงานวิทยาศาสตรใ์ นโรงเรยี น หรอื ชมุ ชน รวมทง้ั หมด 3 ผลการเรียนรู้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์

หน้า 249 รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ว31281 วิทยาการคอมพวิ เตอร์ 1 (สายวทิ ย์ - คณิต) กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชวั่ โมง จํานวน 1.0 หน่วยกติ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาความหมายของคอมพิวเตอร์กราฟิก หลักการวธิ กี ารออกแบบกราฟกิ ซอฟต์แวร์ด้านกราฟิก ระบบคอมพวิ เตอร์สําหรับงานคอมพวิ เตอร์กราฟกิ การใช้งานซอฟต์แวร์ด้านกราฟกิ ใช้เคร่ืองมือและอุปกรณ์ ต่าง ๆรวมถึงคาํ สงั่ ที่สําคัญในการออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟกิ ในโปรแกรมกราฟิกได้อยา่ งชาํ นาญ โดยการนาํ ภาพจากแหล่งภาพต่างๆ มาสร้างสรรค์งานกราฟกิ ให้มจี ินตนาการตามความคิดริเริม่ ทงั้ ยังศกึ ษาหลัก การออกแบบเทคนิคการใช้โปรแกรมการออกแบบคอมพวิ เตอร์กราฟกิ ได้จากเว็บไซตต์ ่างๆเพ่ือนํามาประยกุ ต์ ใช้ในการสรา้ งสรรค์งานปฏบิ ตั ิ การออกแบบคอมพวิ เตอรก์ ราฟกิ ด้วยโปรแกรมกราฟิก เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ซอฟต์แวรด์ ้านกราฟิกออกแบบ และสร้างสรรค์ผลงานด้านกราฟิก เผยแพร่ สู่สาธารณะชนได้อย่างมีคุณธรรม และจริยธรรมมีความรับผิดชอบ มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีได้ อยา่ งเหมาะสม มีเจตคติทีด่ ตี ่อการทํางาน ผลการเรียนรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายพน้ื ฐานของคอมพวิ เตอรก์ ราฟกิ ได้ 2. นกั เรียนสามารถใชเ้ ครอ่ื งมือและกล่มุ คําสั่งตา่ ง ๆ ในโปรแกรมประยกุ ตไ์ ด้ 3. นักเรียนสามารถสร้างสรรคง์ านกราฟกิ ดว้ ยโปรแกรมประยุกตไ์ ดอ้ ยา่ งมจี ินตนาการ 4. สร้างสรรคง์ านกราฟกิ อย่างมจี ติ นาการและยดึ หลักคณุ ธรรมและความรับผดิ ชอบเปน็ สําคญั 5. นกั เรยี นสามารถสร้างสรรค์งานงานกราฟกิ ให้สวยงามและมีจินตนาการอยา่ งมอื อาชีพได้ รวมทง้ั หมด 5 ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์

หน้า 250 ว31282 วทิ ยาการคอมพิวเตอร์ 2 (สายวิทย์ - คณิต) รายวิชาเพม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 40 ชวั่ โมง จาํ นวน 1.0 หนว่ ยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------- ค้นคว้า หาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆตลอดจนทําการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต อันจะนํา ไปสู่การระบุเรื่อง หัวข้อหรือปัญหา สําหรับการจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร์ ค้นคว้าเอกสารทางด้านทฤษฎี และเทคนคิ การปฏิบตั ิการเกี่ยวกับการทาํ โครงงานที่จะรวบรวมข้อมูลเบื้องตน้ ศึกษาความหมาย วิธีการ ประเภท ขั้นตอนการทํา การออกแบบ การวางแผน เขียนและนําเสนอ เค้าโครง เทคนิคการนําเสนอโครงงาน การเผยแพร่ผลงาน จัดทําโครงงานตามข้ันตอนการเขียนรายงาน และนาํ เสนอโครงงานได้โดยใช้เทคโนโลยไี ปใช้ในการทาํ โครงงาน เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจและทักษะในการจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร์ตลอดจนการนําเสนอและ เผยแพรผ่ ลงาน และสามารถนาํ ความร้แู ละผลงานโครงการไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาํ วันได้ ผลการเรียนรู้ 1. สามารถแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 2. พัฒนาโครงงานคอมพวิ เตอร์ได้ 3. มคี วามร้ใู นการตดิ ต่อสอื่ สาร คน้ หาขอ้ มูลผา่ นอนิ เทอร์เนต็ 4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนําเสนองานในรปู แบบที่เหมาะสม ตรงตามวตั ถุประสงค์ของงาน 5. ใช้คอมพิวเตอรช์ ่วยสรา้ งชน้ิ งานหรือโครงงานอยา่ งมีจติ สาํ นกึ และความรบั ผดิ ชอบ รวมท้งั หมด 5 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : โรงเรยี นหารเทารงั สีประชาสรรค์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook