201 ระบบพกิ ดั ตำรำง (Grid Coordinates) ระบบน้ีเป็ นระบบที่กาหนดท่ีต้งั ของสิ่งตา่ งๆ ใน แผนที่ โดยอาศยั เส้นตรง 2 ชุด คือ - เส้นตรงขนานกนั ในแนวตะวนั ออก – ตก - เส้นตรงขนานกนั ในแนวเหนือ – ใต้ เส้นตรงท้งั 2 ชุด จะตดั กนั เป็นรูปสี่เหล่ียมจตุรัส หรือเรียกวา่ พิกดั กริด ซ่ึงพิมพไ์ วบ้ นแผนที่พร้อม ท้งั มีตวั เลขสีดาแสดงกากบั เส้นกริดแตล่ ะเส้น หลกั ในกำรอ่ำนพกิ ดั ตำรำงในแผนที่ คือ ตอ้ งอา่ นไปทางขวาและข้ึนขา้ งบน (read right up) 80 81 82 83 84 54 54 53 53 A 52 52 51 51 50 50 80 81 82 83 84 จำกตำรำงพกิ ดั รูป ก. สมมติวา่ ตอ้ งการหาพิกดั ของจุด A จะหาไดด้ งั น้ี 1. ดูตารางท่ีเป็นกรอบก้นั จุด A 2. อา่ นเส้นพกิ ดั ไปขวานนั่ คือ อ่านตวั เลขท่ีกากบั เส้นยนื จากซา้ ยไปขวา หนา้ จุ A คือ เส้น 81 ต่อไปให้ดูวา่ จุด A อยทู่ างขวาของเส้น 81 มากนอ้ ยเพียงใด ก็โดยการแบ่งช่องระหวา่ ง 81 - 82 เป็น 10 ช่อง ๆ ละเท่า ๆ กนั ในรูป จุด A จะอยไู่ ปทางขวาของเส้น 8 เป็นระยะห่าง 3 ช่อง
202 ดงั น้นั เรากอ็ ่านไดว้ า่ 813 (81 คือเส้นยนื ท่ีอยจู่ ุด A และ 3 คือ ตาแหน่งที่จุด A อยหู่ ่างจากเส้น 81 ไปทางขวา 3 ช่อง) 3. อ่านเส้นพิกดั ข้ึนบน นน่ั คือ อ่านตวั เลขที่กากบั เส้นนอกจากล่างข้ึนบน คือ 52 ต่อไปให้ ดูวา่ จุด A อยเู่ หนือเส้น 52 มากนอ้ ยเพียงใด ก็โดยการแบ่งช่องระหวา่ ง 52 – 53 เป็น 10 ช่อง เท่าๆ กนั ในรูปจุด A จะอยเู่ หนือเส้น 52 เป็นระยะห่าง 5 ช่อง ดงั น้นั เราก็อ่านได้ 525 (52 คือ เส้นนอกท่ี อยใู่ ตจ้ ุด A และ 5 คือ ตาแหน่งที่จุด A อยเู่ หนือเส้น 52 ข้ึนไป 5 ช่อง) 4. นาเลข 2 ชุด ในขอ้ 2 และ 3 มาเรียงต่อกนั จะได้ 813525 ตวั เลขน้ีคือพิกดั ของจุด A ท่ี ตอ้ งการ 2. ระยะทำง (Distance) เน่ืองจากแผนที่เป็นภาพยอ่ ของภูมิประเทศจริงทุก ๆ สิ่งบนแผนที่จะตอ้ งลดขนาดลงโดย มาตราส่วน ดงั น้นั มาตราส่วนที่พิมพอ์ ยบู่ นแผนที่น้นั จะช่วยใหส้ ามารถระยะในภูมิประเทศไดจ้ าก แผนท่ีน้นั ๆ มำตรำส่วน (Scale) คืออตั ราส่วนระหวา่ งระยะในแผนท่ีกบั ระยะในภูมิประเทศ เราสามารถคานวณหรือวดั หาระยะทางไดโ้ ดยใชส้ ูตร มาตราส่วน = ระยะในแผนที่ ระยะในภูมิประเทศ ชนิดของมำตรำส่วน มาตราส่วนมี 3 ชนิด 1. มำตรำส่ วนเศษส่ วน จะบอกเป็นเศษส่วนหรืออตั ราส่วนเปรียบเทียบเช่น 1 50,000 1 : 50,000 หมายความวา่ 1 หน่วยของระยะท่ีวดั บนแผนที่จะเทา่ กบั 50,000 หน่วย ที่เป็นชนิด เดียวกนั ในภูมิประเทศ ดงั น้นั เรากจ็ ะไดว้ า่ ถา้ ระยะในแผนท่ี 1 ซม. จะเท่ากบั ระยะในภูมิประเทศจริง 50,000 ซม.หรือในแผนที่ 1 นิ้ว ต่อ 1 กิโลเมตร ฯลฯ 2. มำตรำส่วนคำพดู จะบอกเป็นอกั ษรเป็นภาษาคาพดู เช่น 1 นิ้วต่อ 1 ไมล์ หรือ 1 นิ้วตอ่ 1 กิโลเมตร ฯลฯ 3. มำตรำส่วนเส้นบรรทดั จะพมิ พไ์ ว้ ณ ที่ขอบด่านล่างของแผนที่แตล่ ะฉบบั ถา้ ผใู้ ชแ้ ผนท่ี ตอ้ งการทราบวา่ ระยะในแผนที่ ระหวา่ ง 2 ตาบล หรือ 2 จุดมีความยาวเท่าใดในภูมิประเทศจริง เรากว็ ดั ระยะในแผนท่ีแลว้ นาเอาระยะท่ีวดั ไดไ้ ปเทียบกบั มาตราส่วนเส้นบรรทดั ก็จะทราบระยะจริง ในภูมิประเทศไดเ้ ลย ไมต่ อ้ งไปคานวณใหเ้ สียเวลามาตราส่วน เส้นบรรทดั จะมีแสดงไวห้ ลายหน่วย เป็นไมล์ เมตร หลา หรือ ไมลท์ ะเล อยากทราบระยะในหน่วยใดกเ็ ปรียบเทียบกบั ระยะในหน่วยน้นั
203 3. ทศิ ทำง (Direction) บนแผนที่จะมีแผนภาพมุมเย้อื ง (Declination Diagram) เพอ่ื ใหผ้ ใู้ ชแ้ ผนที่วางแผนที่ใหถ้ ูก ทิศไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งแผนภาพมุมเย้อื งน้ีจะแสดงใหท้ ราบถึงความสัมพนั ธ์ซ่ึงกนั และกนั ระหวา่ งทิศ เหนือจริง ทิศเหนือกริดและทิศเหนือแม่เหลก็ กำรบอกทศิ บอกไดห้ ลายอยา่ ง เช่น 1. บอกทศิ เป็ นชื่อ คือทิศเหนือ ใต้ ตะวนั ออก ตะวนั ตก ซ่ึงอาจจะบอกเป็นระบบ 8 ทิศ 16 ทิศ 38 ทิศ ก็ได้ 2. บอกทศิ เป็ นมลิ (Mil) โดยแบง่ มุมรอบจุดหรือวงกลมออกเป็ น 6,400 มิล เทียบกบั องศา ไดด้ งั น้ี 360 องศา = 6,400 มิล 6,400 1 องศา = 360 = 17.8 มิล เพื่อความสะดวกนิยมใช้ 1 องศา = 18 มิล ทหารปื นใหญ่ใชบ้ อกทิศเป็นมิล เพราะบอกไดล้ ะเอียด กวา่ 3. บอกทศิ เป็ นเกรด (grade) มุมรอบจุดจะมี 400 หน่วยแต่ละหน่วยเรียกวา่ 1 เกรด 4. บอกทศิ เป็ นองศำ (degree) มุมรอบจุดมี 360 หน่วยแต่ละหน่วยเรียก 1 องศา และยงั แบ่ง 1 องศา มี 60 ลิปดา (minute) 1 ลิปดา มี 60 ฟิ ลิบดา (Second) 5. บอกทศิ เป็ นแอซิมัธ (azimuth) มุมราบหรือมุมทางระดบั ที่วดั จากแนวทิศเหนือหลกั ไป ตามทางเดิมของเขม็ นาฬิกา N 45 N
204 ทศิ เหนือหลกั (base direction) ซ่ึงมีอยู่ 3 ชนิด คือ 1. ทศิ เหนือจริง แนวทิศเหนือภูมิศาสตร์ตามเส้นลองติจูด 2. ทศิ เหนือแม่เหลก็ คือแนวท่ีปลายช้ีเหนือของเขม็ ทิศช้ีไป 3. ทศิ เหนือกริด คือแนวตามเส้นตารางต้งั ของระบบเส้นตารางในแผนท่ี GN = ทิศเหนือแม่เหลก็ = ทิศเหนือจริง GN = ทิศใต้ ขอ้ ควรจา 1. ทิศท้งั 3 น้ีจะเปล่ียนตาแหน่งอยเู่ สมอไมต่ ายตวั 2. ทิศเหนือแมเ่ หลก็ จะใชเ้ มื่อปฏิบตั ิงานดว้ ยเขม็ ทิศ 3. ทิศเหนือกริดจะใชเ้ มื่อปฏิบตั ิงานดว้ ยแผนที่ ควำมสูงต่ำและทรวดทรง (Rellef and shape) การแสดงลกั ษณะความสูงต่าของผวิ โลกในแผนที่มีวธิ ี เช่น 1. แสดงดว้ ยแถบสี (Layer tinte) ในแผนที่ที่พิมพส์ อดสีมกั จะใชแ้ ถบสีแสดงระดบั สูงต่า ของผวิ โลกโดยเริ่มจากสีอ่อนไปหาสีแก่ ตามระดบั จากต่าไปหาสูง เช่น สีน้าเงินแก่ แสดงความลึกมาก ๆ ของน้าทะเล สีฟ้าอ่อน แสดงเขตน้าต้ืน หรือไหล่ทวปี สีเขียว แสดงที่ราบในระดบั ต่า สีเหลือง แสดงความสูงจากท่ีราบต่าข้ึนไป สีแสด แสดงความสูงของภูเขาท่ีปานกลาง สีแดง แสดงความสูงของภูเขาที่สูงมาก สีน้าตาล แสดงความสูงของภูเขาท่ีสูงมาก ๆ สีขาว แสดงความสูงของภูเขาที่สูงมากที่สุดจนมีหิมะปกคลุม
205 2. แสดงด้วยเส้นช้ันควำมสูง (Cotour line) คือเส้นความสูงเท่าน้นั เอง จุดทุกจุดที่เส้น ช้นั สูงสุดจากระดบั น้าทะเลปานกลางเทา่ กนั หมด และมีตวั เลขบอกความสูงกากบั ไว้ ในแผนท่ีเส้นช้นั ความสูงจะใชส้ ีน้าตาล ทรวดทรง ความหมายถึงลกั ษณะรูปร่างในทางสูงของพิภพ วธิ ีแสดงทรวดทรงบนแผนที่น้นั มีวธิ ีไดห้ ลายวธิ ีดว้ ยกนั แต่วธิ ีท่ีง่ายที่สุดคือแสดงดว้ ย 1. แสดงดว้ ยเส้นช้นั ความสูง ช่องวา่ งระหวา่ งเส้นช้นั ความสูง ยอ่ มจะแสดงถึงลกั ษณะทรวดทรง (1) เส้นช้นั ความสูงที่มีช่องวา่ งเท่า ๆ กนั และอยหู่ ่าง ๆ กนั แสดงวา่ เป็ นลาดนอ้ ย ๆ ท่ีสม่าเสมอ (2) เส้นช้นั ความสูงที่มีช่องวา่ งเทา่ ๆ กนั และอยใู่ กลช้ ิดกนั แสดงวา่ เป็นลาดชนั ท่ีสม่าเสมอ
206 (3) เส้นช้นั ความสูงที่มีช่องวา่ งชิดกนั ตอนยอดและห่างกนั ในตอนล่างแสดงวา่ เป็ นลาดเวา้ (4) เส้นช้นั ความสูงท่ีมีช่องวา่ งห่างกนั ตอนยอดและชิดกนั ในตอนล่างแสดงวา่ เป็ นลาดนูน 2. แสดงดว้ ยเงา ในแผนที่บางชนิดใชก้ ารเขียนเงา ถา้ เป็ นที่ชนั เงาจะเขม้ ถา้ เป็นที่ลาดเงาจะจาง
207 ประวตั ิควำมเป็ นมำของแผนที่ มนุษยร์ ู้จกั บนั ทึกสิ่งตา่ ง ๆ ลงบนแผนที่มาต้งั แตส่ มยั โบราณก่อนท่ีจะมีการประดิษฐ์ตวั อกั ษร ข้ึนใชแ้ ผนที่เก่าแก่ท่ีสุดท่ีคน้ พบ คือ แผนท่ีทาดว้ ยดินเหนียวแสดงกรรมสิทธ์ิท่ีดินแปลงหน่ึงใน เมโสโปเตเมีย เม่ือสมยั 2,300 ปี ก่อนพุทธศกั ราช ขดุ พบที่เมื่องกาเซอร์ บริเวณลุ่มน้ายเู ฟรตีส ซ่ึงเป็น แหล่งอารยธรรมโบราณ ลกั ษณะและรายละเอียดบนแผนที่แสดงบริเวณลุ่มน้าซ่ึงอยรู่ ะหวา่ งหุบเขา สัญลกั ษณ์ของภูเขาคลา้ ย ๆ เกลด็ ปลา และยงั บอกทิศทางไวท้ ี่ขอบของแผนท่ีดว้ ย ควำมเป็ นมำของแผนทป่ี ระเทศไทย ประวตั ิการทาแผนที่ของประเทศไทยไม่ปรากฏหลกั ฐานแน่ชดั คนไทยนิยมทาแผนที่ที่ เรียกวา่ “ลายแทง” หมายถึงแผนที่ท่ีนาไปสู่แหล่งมหาสมบตั ิ แต่แผนท่ีดงั กล่าวน้ีเป็ นเรื่องของ ความลบั มีเก็บไวเ้ ฉพาะตวั เท่าน้นั ไมแ่ พร่หลายเช่นแผนที่ทวั่ ไป แผนที่ของไทยมีปรากฏอยใู่ นแผนที่โลกของ “ปโตเลมี” (PTOLEMY) เป็นนกั ปราชญช์ าว กรีกท่ีมีชื่อเสียงมากผหู้ น่ึง มีชีวติ อยปู่ ระมาณปี ค.ศ. 90 – 168 ไดร้ วบรวมความรู้ทางภูมิศาสตร์และ แผนท่ีไว้ 8 เล่ม ชื่อ “Greographia” แผนที่ประเทศไทยท่ีนบั วา่ เก่าแก่ที่สุด คือ แผนที่ยทุ ธศาสตร์สมยั สมยั เด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ตน้ สมยั กรุงศรีอยธุ ยา ระหวา่ งปี พ.ศ. 1893 – 1912 ความเจริญในการทาแผนที่ของไทยเร่ิมจริงจงั เม่ือรัชสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั คือใน พ.ศ. 2418 ไดท้ รงต้งั กองทาแผนท่ี ข้ึนตามคาแนะนาของนายเฮนรี่ อาลาบาสเตอร์ (Henry Alabaster) ท่ีปรึกษาส่วนพระองค์ และในปี พ.ศ. 2424 รัฐบาลไทยไดจ้ า้ งชาวองั กฤษ คือ แมคคาร์ธี (James Maccarthy) มาเป็นเจา้ กรมแผนท่ี โดยมีการวางโครงข่ายสามเหลี่ยมเพ่ือโยงหลกั ฐานทางราบจากอินเดียผา่ นพม่าเขา้ สู่ไทยทางจงั หวดั กาญจนบุรี ถึงกรุงเทพฯ และโยงตอ่ ไปยงั ลาว – เขมร
208 ในระหวา่ งสงครามโลกคร้ังที่ 2 รัฐบาลประสบปัญหาในเร่ืองการขาดแคลนแผนท่ีภูมิ ประเทศที่ใชใ้ นกิจการทหาร และการวางแผนป้องกนั เพ่ือรักษาความปลอดภยั ของประเทศดงั น้นั ในปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลอเมริกาไดใ้ หค้ วามช่วยเหลือโดยส่งหน่วยงานทาแผนท่ี (Army Map Service) มาทาการสารวจและถ่ายภาพทางอากาศเพื่อทาแผนที่ภูมิประเทศ ขนาดมาตราส่วน 1 ตอ่ 50,000 ทวั่ ประเทศ ซ่ึงต่อมากรมแผนที่ไดด้ าเนินการแกไ้ ขปรับปรุงใหม่และใชป้ ระโยชนอ์ ยปู่ ัจจุบนั ประโยชน์ของแผนที่ แบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ทางใหญ่ คือ 1. ประโยชน์ทางดา้ นการเมือง เช่น ช่วยในการแบง่ เขตการปกครอง กาหนดพรมแดน ระหวา่ งประเทศ เป็นตน้ 2. ประโยชน์ทางดา้ นการทหาร เช่น ใชใ้ นการพจิ ารณาวางแผนยทุ ธศาสตร์ทางการทหาร 3. ประโยชนท์ างดา้ นเศรษฐกิจ เช่น ในการพฒั นาเศรษฐกิจของชาติ จกเป็นตอ้ งใชแ้ ผนที่ เป็นเคร่ืองมือในการวางแผนและในการปฏิบตั ิงานทุกข้นั ตอน ตวั อยา่ งที่เห็นไดช้ ดั คือการดาเนิน โครงการพฒั นาลุ่มน้าโขง การสร้างเขื่อน การใชท้ ี่ดินเพ่ือการเกษตร เป็ นตน้ กำรระวงั รักษำแผนท่ี เพ่อื ใหแ้ ผนท่ีใชก้ ารไดน้ าน เราจึงตอ้ งมีวธิ ีการเกบ็ รักษาใหถ้ ูกวธิ ี ส่วนมากแลว้ แผนท่ีมกั จะ พิมพด์ ว้ ยกระดาษจึงจาเป็ นตอ้ งมีการป้องกนั ไมใ่ หแ้ ผนที่น้นั ถูกน้า โคลนหรือฉีกขาดได้ ดงั น้นั ควร นาแผนท่ีไปผนึกหุม้ ดว้ ยพลาสติกใสเม่ือเวลานาไปใชป้ ฏิบตั ิในสนามควรใชด้ ินสอเขียนรายละเอียด ตา่ ง ๆ ลงบนแผน่ พลาสติกน้นั จะทาใหแ้ ผนที่ไม่สกปรกและยงั สามารถลบออกไดง้ ่ายดว้ ย
209 เขม็ ทิศ เขม็ ทิศ (Compass) หมายถึง เครื่องมือที่ใชใ้ นการหาแนวทิศเหนือ (ทิศเหนือแม่เหลก็ ) ประวตั ิ ผใู้ ดเป็นผคู้ ิดประดิษฐเ์ ขม็ ทิศข้ึนใชเ้ ป็ นคนแรกน้นั ไมม่ ีใครทราบ แต่มีหลาย ประเทศท่ีอา้ งวา่ คนในประเทศตนเป็ นผคู้ ิดข้ึน เราทราบกนั วา่ ในเทือกเขายรู าล ทางภาคตะวนั ออก ของยโุ รป มีหินประหลาดชนิดหน่ึง ซ่ึงคนในสมยั น้นั คิดวา่ เป็นหินศกั ด์ิสิทธ์ิ เพราะมนั มีอานาจดึงดูด เหลก็ ได้ และเม่ือทาเป็ นแท่งแขวนไว้ มนั จะแกวง่ ไกวไปมาแลว้ หยดุ อยใู่ นแนวหน่ึง ๆ เสมอ ดงั น้นั จึงเรียกกนั วา่ “หินนาทาง”(Lodestone or Leadstone) จากการคน้ พบน้ีจึงไดม้ ีการประดิษฐเ์ ขม็ ทิศข้ึน การทางานของเขม็ ทิศสมั พนั ธ์กบั การทางานของแม่เหล็ก คือปลายขา้ งหน่ึงจะช้ีไปทางทิศ เหนือเสมอ เรียกวา่ “ปลายช้ีเหนือ” ส่วนอีกปลายหน่ึงจะช้ีไปตรงกนั ขา้ ม ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะวา่ โลกมี คุณสมบตั ิเหมือนแทง่ เหล็กขนาดมหึมา มีข้วั แม่เหล็กโลกเหนือ (North magnetic pole) อยทู่ ี่ชายฝั่ง ทางเหนือของเกาะปรินซ์ ออฟ เวลล์ (Prince of Wales) ในแคนาดาเหนือคอยส่งอานาจดึงดูดใหป้ ลาย ช้ีเหนือของแม่เหลก็ ช้ีไปทางน้นั ส่วนทางข้วั แม่เหลก็ โลกใต้ (South magnetic pole) อยทู่ ่ีบริเวณเซาต์ วคิ ตอเรียแลนด์ (South Victoria Land) ในทวปี แอนตาร์กติกา ตาแหน่งของข้วั แม่เหล็กโลกเหนือน้นั มิไดอ้ ยคู่ งท่ีเสมอไป มนั เคล่ือนท่ีไปมาไดใ้ นแตล่ ะปี เม่ือเป็นเช่นน้ีข้วั เหนือของแมเ่ หลก็ ก็ เปลี่ยนแปลงไปดว้ ย แตว่ า่ เพียงปี ละเล็กนอ้ ยเท่าน้นั แต่เมื่อหลายปี เขา้ ก็สามารถคานวณไดว้ า่ เปลี่ยนแปลงไปเทา่ ไร เขม็ ทิศท่ีนิยมใชใ้ นวงการลูกเสือ คือ เขม็ ทิศซิลวา ของสวเี ดน เป็นเขม็ ทิศและไมโ้ ปรแทรค เตอร์รวมอยดู่ ว้ ยกนั ใชง้ ่ายและสะดวก เขม็ ทศิ ซิลวำ มีส่วนประกอบดงั น้ี 1. แผน่ ฐานทาดว้ ยวตั ถุโปร่งใส 2. ท่ีขอบฐานมีมาตราส่วนเป็ นนิ้วและเซนติเมตร 3. มีลูกศรช้ีทิศทางที่จะไป (Direction of Travel) 4. เลนซ์ขยาย 5. ตลบั เขม็ ทิศเป็นวงกลมหมุนไปมาได้ บนกรอบหนา้ ปัดของตลบั เขม็ ทิศแบ่งเป็น 360 องศา 6. ภายในตลบั เขม็ ทิศตรงกลางมีเขม็ แมเ่ หลก็ สีแดง ซ่ึงจะช้ีไปทางทิศเหนือเสมอ 7. ตาแหน่งสาหรับต้งั มุมและอ่านคา่ มุม อยตู่ รงปลายลูกศรช้ีทิศทาง
210 กำรใช้เขม็ ทศิ ซิลวำ ก. กรณีท่ีทราบคา่ หรือบอกมุมมาให้ และตอ้ งการรู้วา่ จะตอ้ งเดินทางไปทิศทางใด (สมมุติวา่ บอกมุมมาให้ 60 องศา) 1. ถือเขม็ ทิศบนฝ่ ามือหรือบนสมุดปกแขง็ ในแนวระดบั โดยใหเ้ ขม็ แม่เหล็กแกวง่ ไปมา ไดอ้ ิสระ 2. หมุนกรอบหนา้ ปัดของตลบั เขม็ ทิศใหเ้ ลข 60 อยตู่ รงขีดตาแหน่งต้งั มุมและอา่ นคา่ มุม (ดงั รูป ก) 3. จงหนั เหตวั เขม็ ทิศท้งั ฐานจนกวา่ เขม็ แม่เหลก็ แดงภายในตลบั เขม็ ทิศช้ีตรงกบั อกั ษร N บนกรอบหนา้ ปัด 4. เมื่อลูกศรช้ีทิศทาง (Direction of Travel) ช้ีไปทางทิศใดก็เดินไปตามทิศทางน้นั (การเดินทางไปตามลูกศรแดงช้ีน้นั ใหม้ องหาจุดเด่น เช่น ตน้ ไม้ กอ้ นหิน โบสถ์ เสาร้ัว ฯลฯ เป็นหลกั แลว้ เดินตรงไปยงั ส่ิงน้นั ) ข. กรณีท่ีจะหาค่าของมุมจากตาแหน่งที่เรายนื อยู่ ไปยงั ตาแหน่งที่เราจะเดินทางไป 1. ถือเขม็ ทิศบนฝ่ ามือหรือบนสมุดปกแขง็ ในแนวระดบั 2. หนั ลูกศรช้ีทิศทาง (Direction of Travel) ไปยงั จุดตาแหน่งที่เราจะเดินทาง (ดงั รูป ข)
211 3. หมุนกรอบหนา้ ปัดเขม็ ทิศไปจนกวา่ อกั ษร N บนกรอบหนา้ ปัดอยตู่ รงปลายเขม็ แมเ่ หลก็ แดงในตลบั เขม็ ทิศ 4. ตวั เลขบนกรอบหนา้ ปัดท่ีอยตู่ รงปลายลูกศรแดง คือ คา่ ของมุมท่ีเราตอ้ งการทราบ (ในรูปวดั มุมได้ 100 องศา ) (ดงั รูป ค) ข้อควรระวงั ในกำรใช้เข็มทศิ ควรจบั ถือเขม็ ทิศดว้ ยความระมดั ระวงั เพราะหนา้ ปัดและเขม็ แมเ่ หลก็ บอบบางออ่ นไหวง่าย แรงกระแทกอาจทาใหเ้ สียหายได้ การอา่ นเขม็ ทิศน้นั ไม่ควรกระทาใกล้ ๆ กบั สิ่งท่ีเป็นเหล็กหรือ วงจรไฟฟ้า ควรคานึงถึงระยะปลอดภยั ในการใชเ้ ขม็ ทิศโดยประมาณไวด้ งั ต่อไปน้ี สายไฟแรงสูง 60 หลา รถถงั 20 หลา รถยนต์ 20 หลา สายโทรศพั ท์ 10 หลา โทรศพั ท์ 10 หลา ลวดหนาม 10 หลา ปื นใหญ่ 10 หลา ปื นเลก็ 1 หลา หมวกเหล็ก 1 หลา
เร่ือง กำรผกู แน่น (ประชุมกองคร้ังท่ี 2) 212 บทเรียนที่ 17 เวลำ 90 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. ลกั ษณะการผกู แน่น 2. หลกั การและวธิ ีผกู แบบผกู ประกบ แบบกากบาท และแบบผกู ทแยง 3. ประโยชน์ของการผกู แบบต่าง ๆ จุดหมำย ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือมีความรู้ ความสามารถ และทกั ษะในการผกู แน่น วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. ผกู แบบผกู ประกบ 2 แบบกากบาท และแบบผกู ทแยงได้ 2. บอกประโยชน์ของการผกู แบบผกู ประกบ 2 แบบกากบาท และแบบผกู ทแยงได้ 3. นาไปประกอบการใชง้ านบุกเบิกในช้นั สูงต่อไปได้ วธิ ีสอน / กจิ กรรม 1. เปิ ดประชุมกอง + การเล่น 10 นาที 2. แบง่ ฐานออกเป็ น 3 ฐาน (ประกบ,กากบาท,ทแยง) 60 นาที 3. แขง่ ขนั สร้างเสาธงลอย 10 นาที 4. ปิ ดประชุมกอง 10 นาที สื่อกำรสอน 1. ไมพ้ ลอง ไมไ้ ผร่ วก 2. เชือก 3. เสาธงลอย (สาธิต) กำรประเมินผล 1. สังเกตผเู้ ขา้ รับการอบรม 2. ผลการปฏิบตั ิ เนื้อหำวชิ ำ การผกู แน่น หมายถึง การผกู ไมห้ รือเสา 2 ตน้ 3 ตน้ หรือ 4 ตน้ วางพาดหรือเรียงในลกั ษณะ ตา่ ง ๆเขา้ ดว้ ยกนั แบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ลกั ษณะดงั น้ี 1. กำรผูกประกบ (Sheer Lashing) เป็นการผกู ไมท้ ่ีจะต่อมาวางซอ้ นกนั 2 อนั หรือ 3 อนั การเรียกช่ือข้ึนอยกู่ บั การซอ้ นของไม้ มี ต้งั แตป่ ระกบ 2 , 3 หรือ 4
213 วธิ ีผกู วธิ ีผกู ประกบ 2 แผ่น ข้นั ท่ี 1 เอาไมท้ ี่จะตอ่ มาวางซอ้ นขนานกนั โดย ใหป้ ลายท่ีจะต่อ ซอ้ นกนั ราว 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 5 ของความยาวของไม้ จากน้นั เอาเชือกผกู เง่ือน ตะกรุดเบด็ ท่ีเสาตน้ ใดตน้ หน่ึงแลว้ บิดพนั ปลาย เชือกเขา้ กบั ตวั เชือก (แตง่ งาน) ใชล้ ่ิมขนาดเทา่ เส้นเชือกตอกระหวา่ งเสา ตำมรูป 1 ใชเ้ ชือก 2 เส้น เวลาผกู จริงผกู ทีละเส้น ข้นั ที่ 2 พนั เชือกรอบไมท้ ้งั สองอนั ใหเ้ ชือกเรียง กนั พนั จานวนรอบจนกวา้ งเท่ากบั ความกวา้ งของไม้ ท้งั สองอนั สอดเชือกเขา้ กลางระหวา่ งไมท้ ้งั สอง ซ่ึงยงั ห่างกนั อยเู่ พราะมีล่ิมตอกไวเ้ พือ่ เตรียมพนั หกั คอ ข้นั ที่ 3 หกั คอไก่โดยสอดเชือกในระหวา่ งไมพ้ นั รอบเชือกที่พนั อยทู่ ี่เดิม ดึงล่ิมออก รัดหกั คอไก่ ใหแ้ น่น ข้นั สุดท้ำย ผกู ปลายเชือกดว้ ยเง่ือนตะกรุดเบ็ดที่ ไม้ คนละอนั กบั อนั ข้ึนตน้ ประโยชน์ 1. ใชต้ อ่ ไมห้ ลาย ๆ ทอ่ นเขา้ ดว้ ยกนั ใหย้ าว 2. ใชผ้ กู ตอ่ ไมใ้ นการก่อสร้าง 3. ใชผ้ กู ต่อพลองทาเสาธงลอย
2. ผกู ทแยง (Diagonal Lashing) 214 ข้นั ท่ี 1 ใชป้ ลายเชือกดา้ นหน่ึงคลอ้ งรอบไมเ้ สาท้งั สองตน้ และผกู ดว้ ยเงื่อนผกู ซุง ข้นั ที่ 2 ดึงปลายเชือกลงทางขวา เพือ่ ให้เงื่อน แน่น แลว้ พนั ออ้ มรอบเสาท้งั สอง 3 – 4 รอบ ข้นั ที่ 3 พนั ทแยงรอบเสา ท้งั คู่อีก 3 รอบ ข้นั ท่ี 4 หกั คอไก่ 2 – 3 รอบ ข้นั สุดท้ำย ลงดว้ ยเง่ือนตะกรุดเบ็ด ประโยชน์ 1. ใชผ้ กู นงั่ ร้านในการก่อสร้าง 2. ผกู ไมค้ ้ายนั เสาป้องกนั เสาลม้ 3. ใชผ้ กู ตอม่อเสาสะพาน
3. ผกู กำกบำท (Square Lashing) 215 วธิ ีผูก ข้นั ท่ี 1 ผกู เง่ือนตะกรุดเบด็ ที่หลกั อนั ต้งั (อนั นอนกไ็ ด)้ แลว้ พนั ปลายเชือกส่วนที่เหลือให้เขา้ กนั เรียบร้อย ข้นั ที่ 2 ออ้ มเชือกลอดใตไ้ มอ้ นั นอนทางดา้ นขวา ดึงใหต้ ึง มือพาดขา้ มอนั ต้งั ดา้ นบน ลอดอนั นอน ดา้ นซา้ ยข้ึนมาพาดขา้ มอนั ดา้ นล่าง ลอดอนั นอน ดา้ นขวาเป็ นอนั ครบรอบ พนั อยา่ งน้ีสกั 3 – 4 รอบ ดึงใหต้ ึงทุก ๆ รอบ ข้นั ท่ี 3 หกั คอไก่(หกั คอไก่คือการพนั รอบ) ออ้ ม เงื่อนในข้นั ท่ี 2 เพือ่ รัดเชือกใหต้ ึงจะไดไ้ ม่รูดลง ข้นั สุดท้ำย เม่ือหกั คอไก่ได้ 2 – 3 รอบ และดึง เชือกใหต้ ึงแลว้ ใหจ้ บลงดว้ ยเงื่อนตะกรุดเบ็ดท่ีไม้ อนั นอน ซ่ึงเป็นคนละอนั กบั อนั ข้ึน ประโยชน์ 1. ใชผ้ กู นงั่ ร้านในการก่อสร้างตึกหรือสีทาอาคาร 2. ใชผ้ กู ในการสร้างคา่ ยพกั 3. ใชผ้ กู ในการทาร้ัวหรือคอกสตั ว์ 4. ใชผ้ กู ตอม่อสะพาน หมำยเหตุ ผกู กากบาทมีลาดบั ดงั น้ี 1. ข้ึนตน้ ดว้ ยเง่ือนตะกรุดเบ็ดท่ีหลกั ตน้ หน่ึง 2. แตง่ งานเชือกกบั ปลายเชือก 3. พนั เชือกออ้ มหลกั ท้งั สอง 4. หกั คอไก่เพือ่ รัดเชือกใหแ้ น่น 5. ลงทา้ ยดว้ ยเงื่อนตะกรุดเบ็ดท่ีหลกั คนละตน้ กบั ขอ้ 1
216 กำรเปิ ดประชุมกอง คร้ังที่ 2 เวลำ 90 นำที ( นำยหมู่ทำกำรตรวจ ) 1. พธิ ีเปิ ด (ชกั ธง สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 5 นาที 2. เกม (เพลง) 5 นาที 3. สอนตามระบบฐาน 60 นาที - ฐานท่ี 1 ผกู ประกบ 2 10 นาที - ฐานท่ี 2 ผกู กากบาท 5 นาที - ฐานที่ 3 ผกู ทแยง 5 นาที 4. สร้างเสาธงลอย 5. ผกู้ ากบั เล่าเร่ืองส้ันที่เป็นคติ 5. พิธีปิ ด (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลิก) --------------------------------------------------- เอกสำรอ้ำงองิ หนงั สือคูม่ ือการฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ข้นั ความรู้เบ้ืองตน้ หนงั สือการผกู เง่ือนลูกเสือ
217 เรื่อง กำรบริหำรงำนในกองลกู เสือสำมัญรุ่นใหญ่ บทเรียนท่ี 18 เวลำ 45 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. การจดั ต้งั หน่วยลูกเสือ 2. การบริหารงานในกองลูกเสือ จุดหมำย ส่งเสริมใหผ้ กู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ มีความรู้ ความเขา้ ใจ วธิ ีการดาเนินการจดั ต้งั กอง ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ และการบริหารงานในกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. อธิบายถึงวธิ ีดาเนินการจดั ต้งั กองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ได้ 2. บอกวธิ ีบริหารงานในกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญไ่ ด้ 3. ระบุเอกสารและทะเบียน ที่จาเป็นในการบริหารงานในกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ได้ วธิ ีสอน/กจิ กรรม 1. แนวการจดั กิจกรรมการสอน - อารัมภบท 10 นาที - บรรยาย 30 นาที - สรุป 5 นาที 2. กิจกรรมการสอน โดยการบรรยาย ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรม ซกั ถาม ส่ือกำรสอน 1. อุปกรณ์ที่จาเป็นในการฝึกอบรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ เ ช่น เชือก รอก ไมง้ ่าม ธงหมู่ ฯลฯ 2. เอกสารท่ีจาเป็นในการบริหารงานกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ เช่น - พระราชบญั ญตั ิลูกเสือ - ขอ้ บงั คบั ของคณะลูกเสือแห่งชาติ - กฎกระทรวงวา่ ดว้ ยเครื่องแบบ - สมุดบนั ทึกการประชุมผกู้ ากบั ลูกเสือ - สมุดบนั ทึกการประชุมคณะกรรมการดาเนินการกองลูกเสือ - แบบ ลส. ตา่ ง ๆ ฯลฯ 3. แผนภูมิ การจดั องคก์ รลูกเสือในโรงเรียน 4. รูปภาพการจดั กิจกรรม - การเปิ ดประชุมกอง
218 - การอยคู่ ่ายพกั แรม - พิธีการลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ฯลฯ กำรประเมินผล - สงั เกต ซกั ถาม เนื้อหำวชิ ำ การดาเนินงานในกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่เป็ นลูกเสือท่ีผา่ นข้นั ตอนการเป็ นลูกเสือถึงสองประเภทแลว้ คือ ลูกเสือสารองและลูกเสือสามญั ดงั น้นั ผกู้ ากบั จะตอ้ งมีความรู้ท่ีสัมพนั ธ์กนั ระหวา่ งลูกเสือท้งั 3 ประเภทน้ี ผกู้ ากบั จะตอ้ งมีความรู้ในเร่ืองการจดั ต้งั กองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ เรื่องระเบียบและแบบ พมิ พต์ ่าง ๆ ตลอดจนเนน้ ให้ทราบวา่ การบริหาร คือ “การบริการ” หมายความวา่ จะตอ้ งจดั หา อุปกรณ์และวสั ดุท้งั หลายที่จาเป็นในการสอนลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ มาใหล้ ูกเสือไดท้ ากิจกรรมเพ่ือ ความสมั ฤทธิผลของการฝึกอบรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ มีหลกั สูตรวชิ าพเิ ศษลูกเสือรวมท้งั หมด 76 วชิ า เพ่อื ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งเตม็ ที่แก่ลูกเสือสามญั รุ่นใหญใ่ นอนั ท่ีจะนาไปใชท้ ้งั ดา้ นการศึกษา และ อาชีพส่วนตวั ในภายหนา้ โดยเลือกตามความถนดั ของตน และตอ้ งเนน้ ใหม้ ากถึงความรับผดิ ชอบใน เรื่องการบริการต่อสงั คมท่ีตนดารงชีวติ อยู่ เน่ืองจากลูกเสือสามญั รุ่นใหญเ่ ป็นเดก็ ที่มีอายุระหวา่ ง 14 - 18 ปี หรือเดก็ ที่กาลงั เรียนอยใู่ น ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ และเป็ นวยั ที่ตอ้ งการแสดงออกตามความสามารถของตนเองให้เป็ นท่ียอมรับ ของหมูแ่ ละกองท่ีตนสงั กดั ดว้ ยเหตุผลน้ี หมู่ลูกเสือจึงตอ้ งประกอบไปดว้ ยลูกเสือจานวน 4 - 8 คน รวมท้งั นายหมูแ่ ละรองนายหมู่ดว้ ย กองหน่ึงประกอบลูกเสืออยา่ งนอ้ ย 2 หมู่และไม่เกิน 6 หมู่ ลูกเสือสามญั รุ่นใหญจ่ ึงควรใหแ้ ตล่ ะกองกาหนดแผนงานการดาเนินงาน การปกครองตลอด ท้งั การประเมินผลการฝึกกิจกรรมของตนเอง เพือ่ ใหไ้ ดม้ าตรฐานท่ีดีท่ีสุด ดว้ ยเหตุผลน้ี กิจกรรมต่าง ๆ จึงตอ้ งเป็นกิจกรรมใหมท่ ่ีทา้ ทายและใหป้ ระสบการณ์อยา่ งกวา้ งขวาง การบรรยายประกอบภาพพลิก หรือสไลดเ์ กี่ยวกบั กิจกรรมของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ที่จะนามา เสนอความตอ้ งการในการฝึกอบรม เช่น - การประชุมกอง - การผจญภยั - การอยคู่ า่ ยพกั แรม - การจดั หมู่ ช่ือหมู่ - พิธีการลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ - สายยงยศ - เครื่องหมายวชิ าพิเศษ - วชิ าลูกเสือหลวง - วชิ าผฝู้ ึกสอน ฯลฯ
219 กำรอภิปรำยกลุ่ม กำรประชุมกล่มุ ย่อยหรือกำรจัดนิทรรศกำร หลกั ในการจดั การบริหารมี 3 ประการ คือ 1. การแบ่งหนา้ ที่และความรับผดิ ชอบภายในกองลูกเสือ – อภิปรายกลุ่ม 2. การบริการและการประสานงานในชุมชน – ประชุมกลุ่มยอ่ ย อภิปรายกลุ่ม 3. ทะเบียนและแบบพมิ พต์ ่าง ๆ รวมท้งั เอกสารคู่มือจดั นิทรรศการ ทะเบยี น ลส.ต่ำง ๆ 1. ลส. 1 คาร้องขอจดั ต้งั กลุ่มลูกเสือหรือกองลูกเสือ 2. ลส. 2 ใบสมคั รขอผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ ผตู้ รวจการลูกเสือ และเจา้ หนา้ ที่ลูกเสือ 3. ลส. 3 ใบสมคั รเขา้ เป็นลูกเสือ 4. ลส. 4 ใบโอนกองลูกเสือ 5. ลส. 5 รายงานการลูกเสือ 6. ลส. 6 ทะเบียนกองลูกเสือสารอง 7. ลส. 7 ทะเบียนกองลูกเสือสามญั 8. ลส. 8 ทะเบียนกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 9. ลส. 9 ทะเบียนกองลูกเสือวสิ ามญั 10. ลส. 10 รายงานการเงินลูกเสือ 11. ลส. 11 ใบต้งั กองลูกเสือ 12. ลส. 12 ใบต้งั กลุ่มลูกเสือ 13. ลส. 13 ใบแต่งต้งั ผบู้ งั คบั บญั ชา ผตู้ รวจการ กรรมการลูกเสือ 14. ลส. 14 ใบสาคญั คูเ่ ขม็ ลูกเสือสมนาคุณ 15. ลส. 15 บตั รประจาตวั ลูกเสือสารอง 16. ลส. 16 บตั รประจาตวั ลูกเสือสามญั 17. ลส. 17 บตั รประจาตวั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 18. ลส. 18 บตั รประจาตวั ลูกเสือวสิ ามญั 19. ลส. 19 ใบเสร็จรับเงินคา่ บารุงลูกเสือ เอกสำรคู่มือและอุปกรณ์ 1. พ.ร.บ.ลูกเสือ 2. ขอ้ บงั คบั คณะลูกเสือแห่งชาติ 3. กฎกระทรวง 4. คูม่ ือผกู้ ากบั ลูกเสือ 5. หนงั สือเพลง – เกม 6. สมุดบนั ทึกการประชุมผกู้ ากบั ลูกเสือ 7. สมุดบนั ทึกการประชุมนายหมูล่ ูกเสือ ฯลฯ
220 อุปกรณ์ 1. เชือก 2. รอก 3. ไมง้ ่าม 4. เตน็ ท์ 5. หีบอุปกรณ์ ฯลฯ กำรขออนุมตั ิต้งั กองและแต่งต้งั ผู้บังคับบญั ชำลูกเสือ จากขอ้ บงั คบั คณะลูกเสือแห่งชาติ วา่ ดว้ ยการปกครอง หลกั สูตร และวชิ าพเิ ศษ พ.ศ. 2509 ขอ้ 64 การจดั ต้งั กลุ่มหรือกองลูกเสือตอ้ งไดร้ ับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือ แห่งชาติหรือผอู้ านวยการลูกเสือจงั หวดั แลว้ แตก่ รณี และผมู้ ีอานาจแตง่ ต้งั ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ คือ เลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ หรือผอู้ านวยการลูกเสือจงั หวดั แลว้ แตก่ รณี (ขอ้ บงั คบั พ.ศ. 2509 ขอ้ 53 และ 54) การดาเนินการก่อนขออนุมตั ิต้งั กองและแตง่ ต้งั ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ 1. ดาเนินการรับสมคั รเด็ก (ใชแ้ บบ ลส. 3 ใบสมคั รเขา้ เป็นลูกเสือ) กองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 1 กอง มีจานวนลูกเสือ 8 – 48 คน มีอายุ 14 – 48 ปี หรือกาลงั เรียนอยใู่ นช้นั มธั ยมศึกษา โดยแบง่ เด็กออกเป็นหมู่ ๆ อยา่ งนอ้ ย 2 หมู่ และไมเ่ กิน 6 หมู่ หมู่หน่ึงมี ลูกเสือ 4 – 8 คน รวมท้งั นายหมูแ่ ละรองนายหมู่ดว้ ย (ขอ้ บงั คบั คณะลูกเสือแห่งชาติ วา่ ดว้ ยการ ปกครองหลกั สูตรและวชิ าพิเศษลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ฉบบั ท่ี 14 พ.ศ. 2528) เมื่อรับสมคั รเดก็ เป็นท่ีเรียบร้อยแลว้ จะตอ้ งหาตวั ผกู้ ากบั ลูกเสือกองละ 1 คน และรองผู้ กากบั ลูกเสืออีก 1 คน หรือหลายคนเป็นผชู้ ่วย (วธิ ีปฏิบตั ิของสานกั งานคณะกรรมการบริหาร ลูกเสือแห่งชาติ ใหม้ ีรองผกู้ ากบั ลูกเสือไม่เกิน 10 คน ต่อ 1 กอง) 2. ผกู้ ากบั และรองผกู้ ากบั ลูกเสือ จะตอ้ งมีคุณสมบตั ิทวั่ ไปดงั ตอ่ ไปน้ี (ขอ้ บงั คบั ฯ ขอ้ 51) (1) เป็นผมู้ ีนิสัยใจคอและความประพฤติเรียบร้อย สมควรเป็นตวั อยา่ งที่ดีแก่เดก็ (2) เป็นผมู้ ีศาสนาและปฏิบตั ิพธิ ีกรรมทางศาสนา (3) เป็นผไู้ มม่ ีโรคซ่ึงเป็นที่รังเกียจแก่สงั คม (4) เป็นผมู้ ีสญั ชาติไทยตามกฎหมาย แต่ถา้ มิไดม้ ีสญั ชาติไทย ตอ้ งไดร้ ับอนุมตั ิจาก คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (5) มีความเขา้ ใจในวตั ถุประสงคแ์ ละวธิ ีการของลูกเสือ ฝักใฝ่ สนใจต่อการลูกเสือและ สมคั รใจที่จะดารงตาแหน่งทางลูกเสือ
221 (6) มีอายดุ งั ตอ่ ไปน้ี ก. ผกู้ ากบั ลูกเสือสารองและสามญั มีอายไุ มน่ อ้ ยกวา่ 20 ปี รองผกู้ ากบั ลูกเสือ สารองและสามญั มีอายไุ มน่ อ้ ยกวา่ 18 ปี ข. ผกู้ ากบั ลูกเสือสารองและสามญั มีอายตุ ่ากวา่ 23 ปี รองผกู้ ากบั ไมต่ ่ากวา่ 21 ปี (ขอ้ บงั คบั ฯ ฉบบั ที่ 14 พ.ศ. 2528) ค. ผกู้ ากบั ลูกเสือวสิ ามญั มีอายไุ ม่ต่ากวา่ 25 ปี รองผกู้ ากบั มีอายไุ ม่ต่ากวา่ 23 ปี (ขอ้ บงั คบั ฯ ฉบบั ที่ 15 พ.ศ. 2529) หมำยเหตุ - ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ (ครู - อาจารยช์ าย) ตอ้ งผา่ นการอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ช้นั ความรู้เบ้ืองตน้ มาแลว้ (ขอ้ บงั คบั ฉบบั ที่ 14 พ.ศ. 2528) ส่วนผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญท่ ่ีเป็ นครูสตรีตอ้ งไดร้ ับเครื่องหมายวชิ า ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ช้นั วดู แบดจ(์ หนงั สือสานกั งานคณะกรรมการบริหาร ลูกเสือแห่งชาติที่ 1050/2525 ลงวนั ท่ี 23 กรกฎาคม 2525) - รองผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญท่ ี่เป็ นครู – อาจารยช์ ายในโรงเรียนไม่ตอ้ งผา่ น การอบรมข้นั ความรู้เบ้ืองตน้ ก็ไดแ้ ละอนุญาตใหค้ รูสตรีที่ผา่ นการอบรมวชิ า ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญช่ ้นั ความรู้เบ้ืองตน้ เป็นรองผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่น ใหญไ่ ด้ (หนงั สือสานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ที่ 1740/2519 ลงวนั ที่ 29 ตุลาคม 2519) หมำยเหตุ - การแตง่ ต้งั บุคลภายนอกที่มิไดเ้ ป็นครู - อาจารยใ์ นโรงเรียนเป็นรองผกู้ ากบั ลูกเสือ ตอ้ งผา่ นการฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือข้นั ความรู้เบ้ืองตน้ ตามประเภทน้นั ๆ มาแลว้ (หนงั สือสานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ที่ 1136/2519 ลงวนั ท่ี 20 สิงหาคม 2519)
222 (สาเนา) ท่ี 18709/2532 สานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ วนั ที่…..เดือน…………พ.ศ. ..... เร่ือง การต้งั กองลูกเสือในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการประถมศึกษาจงั หวดั และอาเภอ เรียน ผอู้ านวยการลูกเสือจงั หวดั 72 จงั หวดั ดว้ ยในการประชุมคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ คร้ังที่ 11/2532 เม่ือวนั ท่ี 13 พฤศจิกายน 2532 ท่ีประชุมพจิ ารณาเห็นวา่ เพือ่ ใหก้ ารดาเนินงานกิจการลูกเสือสอดคลอ้ งกบั นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในการพฒั นากิจการลูกเสือใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ยง่ิ ข้ึน โดยเฉพาะ เกี่ยวกบั การต้งั กองลูกเสือในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาจงั หวดั และ อาเภอซ่ึงมีปัญหาเนื่องจากมีครูที่ยงั ไม่ผา่ นการฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือเป็นจานวนมาก จึงไม่ สามารถดาเนินการต้งั กองลูกเสือไดต้ ามระเบียบสานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ วา่ ดว้ ยการต้งั กองลูกเสือและแต่งต้งั ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ ดงั น้นั เพื่อใหก้ ารบริหารงานกิจการลูกเสือ ระดบั ประถมศึกษา สนองนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการท่ีประชุมจึงมีมติใหด้ าเนินการ ดงั น้ี 1. ใหผ้ อู้ านวยการลูกเสือจงั หวดั อนุมตั ิการต้งั กองลูกเสือในโรงเรียน สงั กดั สานกั งาน คณะกรรมการการประถมศึกษาจงั หวดั และอาเภอได้ โดยผอ่ นผนั ใหแ้ ต่งต้งั ครูท่ียงั ไม่มีวฒุ ิทาง ลูกเสือเป็นผกู้ ากบั ลูกเสือได้ 2. ขอใหจ้ งั หวดั ทุกจงั หวดั เร่งรัดการฝึกอบรมครูท่ีไม่ผา่ นการฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือ โดยด่วนท้งั น้ี เพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั การผอ่ นผนั ในขอ้ 1 จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และขอไดโ้ ปรดดาเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ บริหารฯ ดว้ ยจกั เป็นพระคุณยง่ิ ขอแสดงความนบั ถือ (ลงชื่อ) ปรีดา รอดโพธ์ิทอง (นายปรีดา รอดโพธ์ิทอง) อธิบดีกรมพลศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ สานกั งานคณะกรรมการบริหาร โทร. 02-2153539
223 ที่ 1050/2525 (สำเนำ) สานกั งานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแห่งชาติ วนั ที่…..เดือน…………พ.ศ..... เรื่อง อนุญาตแต่งต้งั ใหค้ รูสตรีดารงตาแหน่งผกู้ ากบั ลกู เสือสามญั , สามญั รุ่นใหญ่ และวสิ ามญั เรียน ผอู้ านวยการลูกเสือโรงเรียน ผกู้ ากบั กลุ่มลูกเสือ และผกู้ ากบั ลูกเสือ สงั กดั สานกั งานคณะ กรรมการบริหารลกู เสือแห่งชาติ ดว้ ยในการประชุมคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ คร้ังท่ี 5/2525 เมื่อวนั ที่ 17 พฤษภาคม 2525 ที่ประชุมพิจารณาเห็นวา่ ในปัจจุบนั กิจการลูกเสือสามญั สามญั รุ่นใหญ่ และวสิ ามญั เป็นท่ีนิยม แพร่หลายและอยใู่ นความสนใจของนกั เรียนและครู บรรดาครูสตรีซ่ึงไดเ้ คยผอ่ นผนั ใหเ้ ขา้ รับการฝึ กอบรม ในวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั สามญั รุ่นใหญ่ และวสิ ามญั ทุกระดบั มีจานวนมากข้ึนและต่างกม็ ีความปรารถนา ที่จะไดช้ ่วยงานของลูกเสืออยา่ งใกลช้ ิด จึงไดพ้ ิจารณาเห็นวา่ ถึงเวลาแลว้ ที่ครูสตรีจะไดร้ ับการพิจารณา แต่งต้งั ใหเ้ ป็นผูก้ ากบั ลกู เสือทุกประเภทดงั กล่าวได้ ดว้ ยเหตุผลคือ 1. เพ่ือเป็นการแบ่งเบาภาระของผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือชาย 2. เพื่อเป็นการเพ่ิมปริมาณการขยายตวั ต้งั กองลกู เสือ และจานวนลกู เสือใหม้ ากย่งิ ข้ึน 3. เพื่อช่วยขจดั ปัญหาในโรงเรียนที่มีผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือชายจานวนนอ้ ย 4. เป็นการส่งเสริมใหก้ องลกู เสือกบั เนตรนารีมีการปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกนั อยา่ งใกลช้ ิด จึงมีมติเห็นชอบใหแ้ ต่งต้งั ครูสตรีดารงตาแหน่งผกู้ ากบั ลกู เสือสามญั , สามญั รุ่นใหญแ่ ละวสิ ามญั ได้ ท้งั น้ีโดยมีเงื่อนไขวา่ ในการแต่งต้งั ครูสตรีเป็นผูก้ ากบั ลูกเสือประเภทใดกต็ ามจะตอ้ งมีรองผกู้ ากบั ลูกเสือ เป็นชายตามสมควร และครูสตรีผทู้ ี่จะขอแต่งต้งั ตอ้ งไดร้ ับเครื่องหมายวิชาผกู้ ากบั ลูกเสือ ข้นั วดู แบดจห์ รือ ข้นั ความรู้ช้นั สูง (A.T.C.) ตามประเภทของลูกเสือน้นั ๆ ดว้ ย จึงจะแต่งเป็นผกู้ ากบั ลูกเสือได้ จึงเรียนมาเพ่ือทราบและถือปฏิบตั ิต่อไปดว้ ย จะขอบพระคุณยิ่ง ขอแสดงความนบั ถือ (ลงชื่อ) สาอาง พ่วงบุตร (นายสาอาง พว่ งบุตร) อธิบดีกรมพลศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการบริหารลกู เสือแห่งชาติ สานกั งานคณะกรรมการบริหารฯ โทร. 2526959, 2526980
224 (สาเนา) ท่ี 1740/2519 สานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ วนั ท่ี…..เดือน…………พ.ศ. ...... เรื่อง แต่งต้งั สตรีเป็นรองผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั , ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ และลูกเสือวสิ ามญั เรียน ผอู้ านวยการลูกเสือโรงเรียน, ผกู้ ากบั กลุ่มลูกเสือ และผกู้ ากบั ลูกเสือ สังกดั สานกั งาน คณะกรรมการบริหารฯ ทุกโรงเรียน อา้ งถึง หนงั สือเวยี นสานกั งานคณะกรรมการบริหารฯ ท่ี 1571/2518 ลงวนั ท่ี 5 พฤศจิกายน 2518 ตามที่สานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ไดม้ ีหนงั สือเวยี นอนุญาตให้ครูสตรี ในโรงเรียนท่ีขาดแคลนผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือสามญั , สามญั รุ่นใหญ่, และวสิ ามญั เขารับการ ฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือช้นั ความรู้เบ้ืองตน้ ไดท้ ุกประเภทแลว้ น้นั ตอ่ มาที่ประชุมสภาลูกเสือแห่งชาติ คร้ังท่ี 12 ไดม้ ีมติอนุญาตใหแ้ ต่งต้งั ครูสตรีที่ผา่ นการ อบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั , สามญั รุ่นใหญ่ และวสิ ามญั ข้นั ความรู้เบ้ืองตน้ เป็นรองผกู้ ากบั ลูกเสือตามประเภทที่อบรมไดแ้ ละเสนอแนะใหม้ ีหนา้ ที่ช่วยเหลือผกู้ ากบั ลูกเสือในดา้ นงานธุรกิจ การฝึกอบรม ภาคทฤษฎี หรือวชิ าการ และภาคปฏิบตั ิเท่าที่จะสามารถทาได้ ฉะน้นั จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนบั ถือ (ลงช่ือ) บุญเจอ สุวรรณพฤกษ์ รองเลขาธิการ ปฏิบตั ิราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ สานกั งานคณะกรรมการบริหารฯ โทร. 2526959, 2526980
225 ท่ี 1136/2519 (สาเนา) สานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ วนั ท่ี…..เดือน…………พ.ศ...... เรื่อง การแต่งต้งั ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือในโรงเรียน เรียน ผอู้ านวยการลูกเสือโรงเรียน ผกู้ ากบั ลูกเสือและผกู้ ากบั ลูกเสือ สังกดั สานกั งานคณะ กรรมการบริหารฯทุกโรงเรียน เน่ืองจากในปัจจุบนั น้ีมีบุคคลซ่ึงมิไดเ้ ป็นครูแตม่ ีความสนใจในกิจการลูกเสือและไดผ้ า่ นการ ฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือข้นั ความรู้เบ้ืองตน้ หรือข้นั วดู แบดจเ์ ป็ นจานวนมาก บุคคลดงั กล่าวมีความ ปรารถนาดี ที่จะช่วยงานลูกเสือในดา้ นการสอนลูกเสือและช่วยเหลืองานอ่ืน ๆ เกี่ยวแก่กิจการลูกเสือ แตย่ งั ไม่มีตาแหน่งทางลูกเสือจึงมิอาจเขา้ ไปทาการช่วยเหลือสนบั สนุนกองลูกเสือในโรงเรียนได้ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติไดพ้ ิจารณาเห็นวา่ เพ่ือใหบ้ ุคคลที่มีไดเ้ ป็นครูหรือเป็น ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ แตม่ ีความรู้ความสามารถในเร่ืองวชิ าลูกเสือไดม้ ีโอกาสช่วยเหลือสนบั สนุน งานลูกเสือในโรงเรียนตา่ ง ๆ จึงเห็นสมควรอนุญาตใหโ้ รงเรียนแต่งต้งั บุคคลซ่ึงมิใชค้ รูในโรงเรียน เป็นรองผกู้ ากบั ลูกเสือกรรมการกลุ่ม เป็นผชู้ ่วยสอนวชิ าลูกเสือและช่วยงานทวั่ ไปของกองลูกเสือใน โรงเรียนไดต้ ามท่ีทา่ นจะพิจารณาเห็นเหมาะสม จึงเรียนมาเพ่อื ทราบ ขอแสดงความนบั ถืออยา่ งสูง (ลงช่ือ) บุญเจอ สุวรรณพฤกษ์ (นายบุญเจอ สุวรรณพฤกษ)์ รองเลขาธิการ ปฏิบตั ิราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ สานกั งานคณะกรรมการบริหารฯ โทร.2526959, 2526980 สาเนาถูกตอ้ ง (ลงช่ือ) เฉลิมศกั ด์ิ สานนท์ (นายเฉลิมศกั ด์ิ สานนท)์ เจา้ หนา้ ท่ีฝึกอบรม กองลูกเสือ
เร่ือง บทบำทและหน้ำท่ีของผ้กู ำกบั ลูกเสือสำมัญรุ่นใหญ่ 226 บทเรียนที่ 19 เวลำ 45 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 5 ประการ 2. การสร้างมนุษยสมั พนั ธ์และความสมั พนั ธ์กบั สมาชิกผรู้ ่วมงาน 3. การช่วยเหลือ สนบั สนุนในสังคมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ จุดหมำย ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ที่ผา่ นการฝึกอบรม มีจิตสานึกในการรับผดิ ชอบในหนา้ ที่ ผกู้ ากบั ลูกเสือ ตลอดจนมีมนุษยสมั พนั ธ์กบั เพอ่ื นร่วมงานในสังคมลูกเสือ เพอ่ื ช่วยเหลือ สนบั สนุน กิจการลูกเสือใหป้ ระสบความสาเร็จ วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. มีความเขา้ ใจและอธิบายหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบของผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญไ่ ด้ 2. บรรยาย การสร้างมนุษยสมั พนั ธ์ กบั สมาชิกผรู้ ่วมงานได้ 3. อธิบายแนวทางการช่วยเหลือสนบั สนุนกิจการลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ได้ วธิ ีสอน/กจิ กรรม 1. แนวการจดั กิจกรรมการสอน - นาเขา้ สู่บทเรียน 10 นาที - อภิปรายกลุ่ม 20 นาที - รายงาน 10 นาที - สรุป 5 นาที 2. กิจกรรมของผเู้ ขา้ อบรม - รับฟังการบรรยาย - ปฏิบตั ิตามใบงาน - รายงาน สื่อกำรสอน 1. เอกสารประกอบ 2. ภารกิจ สาคญั ของผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 3. การสร้างมนุษยสมั พนั ธ์ 4. ใบงาน 5. ภาพ การประชุมกลุ่ม/กรรมการกลุ่ม/การชุมนุมลูกเสือ
227 6. แผนภูมิ การปฏิบตั ิภารกิจของผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 7. แผนภูมิแสดงรายละเอียดรายวชิ า กำรประเมินผล 1. ผเู้ ขา้ อบรมระบุหนา้ ที่รับผิดชอบของผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. สงั เกตการมีความสัมพนั ธ์กบั สมาชิกผเู้ ขา้ อบรม 3. ผเู้ ขา้ อบรมบอกแนวทางการช่วยเหลือกิจการลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล เนื้อหำวชิ ำ/เอกสำรประกอบ 1. ยกขอ้ ความวตั ถุประสงคค์ ณะลูกเสือแห่งชาติมาอา้ งอิง แลว้ เนน้ หนกั ตรงขอ้ ความวา่ “ช่วยสร้างสรรคส์ งั คมใหเ้ จริญกา้ วหนา้ 2. ใหผ้ แู้ ทนแต่ละกลุ่มช่วยกนั ใหค้ านิยามวา่ สงั คมคืออะไร 3. ช้ีแนะแนวทางที่จะใหล้ ูกเสือสามญั รุ่นใหญช่ ่วยเหลือสังคมในโอกาสตา่ ง ๆ เช่น การจราจร รักษาการณ์งานต่าง ๆ ประสานกบั กองอานวยการกรณีเดก็ พลดั หลงในงาน เป็นตน้ 4. บรรยายตามเอกสารประกอบ ในหวั ขอ้ ภารกิจ 5 ประการ ของผกู้ ากบั ลูกเสือ และการ สร้างมนุษยสมั พนั ธ์ งำนอภปิ รำยกลุ่ม 1. หนา้ ท่ีและความรับผิดชอบของผกู้ ากบั มีอะไรบา้ ง บอกมาเป็นขอ้ ๆ 2. ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่มีความสมั พนั ธ์กบั คณะกรรมการกลุ่มและท่ีประชุมกลุ่ม ลูกเสืออยา่ งไรบา้ ง 3. ถา้ ทา่ นเป็นผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ในโรงเรียนแห่งหน่ึง ซ่ึงมีลูกเสือเป็นจานวนมาก ผปู้ กครองไมน่ ิยมสนบั สนุนใหเ้ ด็กที่อยใู่ นความปกครองของเขามาเป็ นลูกเสือ ทา่ นจะมีวธิ ีการหรือ ขอ้ เสนอแนะอะไรบา้ ง ท่ีจะทาใหผ้ ปู้ กครองเหล่าน้นั ยอมใหเ้ ดก็ ในความปกครองเขาเขา้ มาเป็น ลูกเสือ 4. ถา้ ในกองลูกเสือของทา่ นขาดแคลนผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ ท่านจะมีวธิ ีหาผกู้ ากบั หรือ รองผกู้ ากบั ลูกเสือจากที่ใด และมีวธิ ีการอยา่ งไรท่ีจะทาใหบ้ ุคคลเหล่าน้นั มาช่วยทา่ นสอนลูกเสือได้ 5. ท่านเป็นผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ในโรงเรียนแห่งหน่ึง ท่านจะใหค้ วามช่วยเหลือและ ขอความช่วยเหลือในการฝึกอบรม หรือดา้ นกิจกรรมของลูกเสือจากกองลูกเสือในโรงเรียนของทา่ น อยา่ งไร ในเมื่อโรงเรียนเหล่าน้นั มีลูกเสือประเภทตา่ ง ๆ เช่น สารอง สามญั สามญั รุ่นใหญ่ และ วสิ ามญั
228 บทบำทและหน้ำทข่ี องผ้กู ำกับลกู เสือสำมญั รุ่นใหญ่ เอกสำรประกอบ อดุ มกำรณ์หรือวตั ถุประสงค์ของกำรลกู เสือ คณะลูกเสือแห่งชาติมีอุดมการณ์หรือวตั ถุประสงค์ เพ่อื พฒั นาลูกเสือท้งั ทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม เพอ่ื ใหเ้ ป็ นพลเมืองดีมีความรับผดิ ชอบ ช่วยสร้างสรรคส์ ังคมใหม้ ีความ เจริญกา้ วหนา้ เพ่ือความสงบสุขและความมน่ั คงของประเทศชาติ วตั ถุประสงคข์ องลูกเสือดงั กล่าวขา้ งตน้ น้ี คณะลูกเสือไทยไดเ้ ขียนข้ึนเพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั มติท่ีประชุมสมชั ชาลูกเสือโลกซ่ึงไดม้ ีการประชุมนครมอนทรีออล ประเทศแคนนาดาเป็นการ ประชุมคร้ังท่ี 26 เมื่อ พ.ศ. 2524 ที่ประชุมไดม้ ีการปรับปรุงแกไ้ ขวตั ถุประสงคข์ องลูกเสือสากลข้ึน ใหมเ่ พ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั กาลเวลาที่เปล่ียนไป อนั เก่ียวเนื่องไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพของ ความเป็นอยใู่ นสังคมอีกดว้ ย ผทู้ ่ีเป็นผกู้ ากบั ลูกเสือตอ้ งยอมรับในวตั ถุประสงคข์ องคณะลูกเสือแห่งชาติ และปฏิบตั ิตาม วตั ถุประสงคน์ ้นั โดยเคร่งคดั เมื่อเป็ นเช่นน้ีผกู้ ากบั ลูกเสือจะเห็นวา่ มีงานจะตอ้ งทาร่วมกบั บุคคลอื่น มากมายแทบจะไม่มีเวลา ผกู้ ากบั ลูกเสือจะตอ้ งมีบทบาทเกี่ยวขอ้ งกบั สิ่งรอบตวั หนา้ ที่ปฏิบตั ิงาน สารพดั อยา่ ง การปฏิบตั ิจะสาเร็จไปดว้ ยดี กต็ อ้ งอาศยั ความร่วมมือกบั บุคคลอื่นและองคก์ รอ่ืน ๆ ดว้ ย ผกู้ ากบั ลูกเสือจึงตอ้ งมีความรับผดิ ชอบ และตอ้ งคน้ ควา้ หาความรู้อยเู่ สมอ ดงั น้นั ผกู้ ากบั ลูกเสือ จะทางานร่วมกบั บุคคลอื่น ๆ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพจะตอ้ งมีความรู้ ความสามารถท่ีสาคญั ๆ 5 ประการ 1. มคี วำมรู้ในเร่ืองกำรปฏิบัตงิ ำน คือ การปฏิบตั ิงานธุรการในหนา้ ท่ีใหส้ าเร็จ ผกู้ ากบั ลูกเสือ จะตอ้ งคอยสนใจติดตามดูงานที่กาหนดไวใ้ นหนา้ ที่น้นั ไดบ้ รรลุผลสาเร็จแลว้ หรือพยายามทางาน อยา่ งหน่ึงอยา่ งใดใหแ้ ลว้ เสร็จ ไม่วา่ จะเป็นเร่ืองการวางแผนไปอยคู่ า่ ยพกั แรม การทากาหนดการ ประจาสัปดาห์ การดูแลหมู่บริการทาความสะอาดหอ้ งประชุม การจดั ทารายงานประจาปี เสนอ ฯลฯ เหล่าน้ีเป็ นงานท่ีจะตอ้ งทาร่วมกบั บุคคลตา่ ง ๆ ท้งั สิ้น ผกู้ ากบั ลูกเสือตอ้ งมีความรับผดิ ชอบใน เร่ือง “ทางานใหเ้ สร็จ” ท้งั สิ้นงานในความรับผดิ ชอบที่ผกู้ ากบั ลูกเสือจะตอ้ งมีความรู้ความสามารถ พอจะจาแนกออกเป็ นหลกั ใหญ่ ๆ ได้ 3 ทาง คือ 1) ทางการบริหาร 2) ทางการปกครองบงั คบั บญั ชา 3) ทางวชิ าการ 2. มคี วำมรู้ในเร่ืองกำรทำงำนร่วมกนั เป็ นกล่มุ คาวา่ “กลุม่ ” ในความหมายน้ี คือ กลุ่ม ลูกเสือตลอดจนบิดามารดาหรือกลุ่มบุคคลภายนอกที่สนใจและเขา้ มาเก่ียวขอ้ งกบั การลูกเสือ การที่ ผกู้ ากบั ลูกเสือตอ้ งมีบทบาทต่อ “กลุ่ม” กเ็ พราะในชีวติ ของคนเราน้นั มกั มีชีวติ ผกู พนั ตนเองอยกู่ บั กลุ่มคนไม่วา่ เป็นชีวติ ในบา้ น ท่ีทางาน หรือเวลาสนั ทนาการ เราจะพบตวั เองมีชีวติ เก่ียวขอ้ งอยกู่ บั
229 กลุ่มคนท้งั สิ้นชีวติ ในกองลูกเสือก็เป็นเช่นน้ีเหมือนกนั กองลูกเสือมีผกู้ ากบั และรองผกู้ ากบั มีที่ ประชุมนายหมูแ่ ละมีหมู่ลูกเสือซ่ึงเป็นหน่วยกิจกรรมท่ีสาคญั ผกู้ ากบั กลุ่มลูกเสือมีภาระท่ีจะตอ้ ง รักษากลุ่มใหอ้ ยรู่ วมกนั มีความสามคั คี ดูแลใหก้ ลุ่มน้นั มีความผาสุกโดยมีกรรมการกลุ่ม ท่ีประชุม กลุ่ม เป็นเครื่องมือในการบริหารงานใหก้ องลูกเสือสามารถทางานร่วมกนั ได้ ประสานกิจกรรมต่าง ๆ ใหเ้ ขา้ ดว้ ยกนั ผกู้ ากบั ลูกเสือจะตอ้ งปฏิบตั ิภาระความรับผดิ ชอบในประเด็นเหล่าน้ีร่วมกบั รองผกู้ ากบั อื่น ๆ และพยายามส่งเสริมใหผ้ อู้ ่ืนเป็นผไู้ ดท้ างานดว้ ยตนเองและนอ้ ยคร้ังมากท่ีผกู้ ากบั ส่งั ใหท้ าโดย อาศยั หลกั ความจริงท่ีวา่ ปุถุชนธรรมดาไม่ชอบรับคาสัง่ แต่อยา่ งเดียว แตพ่ อใจท่ีจะไดร้ ับความ สนบั สนุนใหส้ ามารถทางานดว้ ยตนเองผกู้ ากบั จะตอ้ งไม่ละทิ้งความรับผดิ ชอบงานท่ีมีต่อกลุ่ม ผกู้ ากบั จะรู้เป็นอยา่ งดีวา่ กลุ่มของตนจะไดร้ ับผลสาเร็จอยา่ งไรถึงแมว้ า่ เขาไมป่ รากฏตวั ออกคาสงั่ อยู่ เสมอ 3. มีควำมรู้ในกำรสร้ำงสัมพันธภำพต่อบุคคล ผกู้ ากบั จะตอ้ งมีความรู้สึกไวตอ่ ปัญหาและ ความรู้สึกของทุกคนในกลุ่มเพ่อื ทาใหเ้ ขาเกิดความรู้สึกวา่ เป็นพวกเดียวกนั ทาใหเ้ ห็นวา่ ทุกคนมี ความสาคญั และมีโอกาสท่ีจะมีส่วนร่วมในกิจกรรม การกระทาดงั น้ีเป็ นการทาให้เกิดความอบอุ่นใจ และภราดรภาพ บุคคลเหล่าน้นั จะซาบซ้ึงถึงบรรยากาศที่มีตอ่ การตอ้ นรับคร้ังแรกท่ีกา้ วเขา้ มาในกอง ถา้ บุคคลอ่ืน ๆ มีความรู้สึกเหมือนผกู้ ากบั แลว้ บุคคลเหล่าน้นั ท่ีเขา้ มาอยากจะอยดู่ ว้ ย ผูก้ ากบั ที่รู้จกั และเขา้ ใจบุคคลตา่ ง ๆ แต่ละคนเป็นอยา่ งดี จะช่วยใหม้ องเห็นความตอ้ งการของบุคคลแตล่ ะคน และสามารถหาทางสนองความตอ้ งการได้ ความสามารถที่จะติดต่อสมั พนั ธ์กบั บุคคลต่าง ๆ เป็นส่วน หน่ึงของทกั ษะของผกู้ ากบั ผกู้ ากบั จะช่วยเหลือใหบ้ ุคคลเหล่าน้นั สร้างสัมพนั ธภาพอยา่ งฉนั ทม์ ิตร กบั ผอู้ ื่นอยา่ งสม่าเสมอ 4. มีควำมรู้ในกำรสร้ำงสัมพนั ธภำพต่อสังคม ผกู้ ากบั ลูกเสือควรตระหนกั ถึงการพฒั นาทาง สัมพนั ธภาพเป็นเสมือนส่วนหน่ึงที่สอดแทรกอยใู่ นกิจการของกองลูกเสือ กลุ่มลูกเสือควรจะได้ เรียนรู้ถึงการร่วมมือ การให้และการรับแสดงบทบาทผกู้ ากบั และเรียนรู้ถึงการยอมรับในคุณคา่ และ บุคลิกภาพของบุคคลอื่น ๆ เพราะไมม่ ีใครจะอยไู่ ดอ้ ยา่ งเดียวดาย จะเห็นไดว้ า่ ระบบหมู่ของลูกเสือ จะช่วยใหล้ ูกเสือแตล่ ะคนเขา้ รวมกนั เป็ นกลุ่มที่ประกอบดว้ ยบุคคลในรุ่นเดียวกนั และมีความสนใจ คลา้ ยคลึงกนั ในสภาพเช่นน้ี ลูกเสือสามารถทดลองทกั ษะในการทางานในกลุ่มเลก็ ๆ ซ่ึงจะมีส่วน ช่วยเขาในอนาคตท้งั ท่ีทางานและท่ีบา้ น 5. มีควำมรู้ในกำรสร้ำงสัมพันธภำพต่อชุมชน ก็คือความพร้อมและความสามารถใหบ้ ริการ แก่ผอู้ ่ืน ผบู้ งั คบั บญั ชาควรกระตุน้ ใหล้ ูกเสือไดเ้ ขา้ มีส่วนร่วมในชุมชนอยา่ งเขม้ แขง็ ไม่วา่ จะเป็นการ บาเพญ็ ประโยชน์ประจาวนั เฉพาะตวั หรือปฏิบตั ิการร่วมกนั ท้งั หมู่ในโครงการบาเพญ็ ประโยชน์ตาม เจตคติ และทกั ษะดงั กล่าว จะเป็นทกั ษะท่ีมีคา่ และมีความสาคญั ถา้ ในวนั หน่ึงลูกเสือไดร้ ับการ กระตุน้ ใหเ้ ป็ นผทู้ ี่มีส่วนช่วยสร้างสรรคส์ ังคม ชุมชนในสงั คมน้นั ก็จะมีความประทบั ใจในผลงาน ของลูกเสือ
230 กำรสร้ำงมนุษยสัมพนั ธ์ มนุษยสัมพนั ธ์ หรือ Human Relationship อาจตีความหมายไปหลายนยั Oiph Davis ได้ ใหค้ านิยามคาวา่ มนุษยสัมพนั ธ์ดงั น้ี “มนุษยสัมพนั ธ์ หมายความถึง กรรมวธิ ีที่จะก่อใหเ้ กิด วตั ถุประสงคแ์ ละพลงั ทางจิตใหแ้ ก่บุคคลในกลุ่มใหร้ ่วมแรงร่วมใจการทางานใหบ้ รรลุเป้าหมายโดยมี ประสิทธิภาพท้งั น้ีบุคคลในกลุ่มจะตอ้ งพอใจในชีวติ ความเป็นอยขู่ องเขา ท้งั ในดา้ นเศรษฐกิจใน ครอบครัว และในดา้ นสงั คมดว้ ย” Ebwin B.Flipp ไดใ้ หค้ วามหมายของคาวา่ มนุษยสัมพนั ธ์ ไดด้ งั น้ี “มนุษยสัมพนั ธ์ หมายถึง การรวมคนใหร้ ่วมแรงร่วมใจกนั ทางานในลกั ษณะท่ีก่อใหเ้ กิด ความร่วมมือ ประสานงานและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพอื่ ใหง้ านบรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมายโดย มีประสิทธิภาพ ถา้ ความผกู พนั น้นั เป็ นไปในทางที่ดีแลว้ เช่นมีการรวมกลุ่มก่อการสไตรคห์ รือนดั หยดุ งาน หรือปฏิบตั ิงานผดิ ไปจากเป้าหมายกเ็ ป็นเหตุให้เกิดความเสียหายข้ึนได้ มนุษยส์ ัมพนั ธ์มีความสาคญั และจาเป็นเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิงานอยา่ งมาก การปฏิบตั ิงานใด ๆ ใหบ้ รรลุผลสาเร็จตามเป้าหมายน้นั ข้ึนอยกู่ บั สมรรถภาพของผดู้ าเนินการบริหารงานใหส้ าเร็จลุล่วง ไป แต่ลาพงั ผกู้ ากบั ลูกเสือเพยี งคนเดียวแมจ้ ะมีความสามารถหรือสมรรถภาพในการทางานดีเพียงใด ก็ตาม ถา้ ไม่ไดร้ ับความร่วมมือจากผปู้ ฏิบตั ิงานแลว้ งานกไ็ มอ่ าจลุล่วงสาเร็จลุล่วงไปได้ จึงจาเป็ น อยา่ งยง่ิ ท่ีผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือจะตอ้ งสร้างมนุษยสมั พนั ธ์ใหเ้ กิดข้ึนระหวา่ งผูร้ ่วมงานทวั่ ไป โดยเหตุ น้ีผกู้ ากบั ลูกเสือจะตอ้ งให้เขา้ ถึงจิตใจของผูร้ ่วมงานทุกระดบั ช้นั หรือมีศิลปะในการครองใจคน สามารถดึงดูดน้าใจบุคคลอ่ืน ๆ ใหร้ ่วมแรงร่วมใจกนั ทางานเพ่ือใหเ้ กิดผลดีมีประสิทธิภาพ มนุษย สมั พนั ธ์จึงมีความสาคญั และจาเป็นเก่ียวกบั การปฏิบตั ิงานดว้ ยสาเหตุผลดงั กล่าวมาแลว้
231 เร่ือง ลกู เสือกบั กำรอนุรักษ์ธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อม บทเรียนที่ 20 เวลำ 45 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. มีความรู้เร่ืองทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม 2. ความหมายของการอนุรักษท์ รัพยากร 3. หลกั การอนุรักษ์ วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. บรรยายเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มโดยสงั เขปได้ 2. อธิบายหลกั การอนุรักษท์ รัพยากรและสิ่งแวดลอ้ มในส่วนที่เก่ียวขอ้ งกบั กิจการลูกเสือได้ วธิ ีสอน/กจิ กรรม 1. การบรรยาย 10 นาที 2. การทางานตามโครงการ 10 นาที 3. กิจกรรมภาคปฏิบตั ิ 25 นาที ส่ือกำรสอน 1. แผนภูมิ แผน่ โปร่งใส 2. ภาพสไสด์ หรือ วีดีโอ เนื้อหำวชิ ำ ทรัพยากรธรรมชาติ มีบทบาทสาคญั ต่อชีวติ ความเป็นอยขู่ องมวลมนุษยแ์ ละประเทศชาติ ทรัพยากรธรรมชาติเป็ นสิ่งที่คอยค้าจุนความเจริญในทุก ๆ ดา้ นของมนุษยชาติ ประเทศท่ีมีทรัพยากร ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ประชาชนในชาติรู้จกั หลกั วธิ ีการอนุรักษห์ รือการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากร น้นั ๆ อยา่ งชาญฉลาดในการอนุรักษแ์ ลว้ ประชาชนในประเทศน้นั จะมง่ั คง่ั สมบูรณ์ มีความเป็นอยู่ สุขสบาย ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีอุดมสมบูรณ์เป็ นอู่ขา้ วอู่น้า แต่ประชาชนยงั ใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งไม่ประหยดั และขาดหลกั การอนุรักษ์ อนาคตของประเทศอาจตกอยใู่ น ฐานะที่น่าเป็นห่วง ถา้ หากยงั มีสภาพเช่นน้ีต่อไป การใหค้ วามรู้แก่ลูกเสือไดเ้ ห็นคุณค่าและหวงแหน ทรัพยากรธรรมชาติเป็ นหนทางเดียวท่ีจะช่วยบรรเทาความน่าวติ กใหเ้ บาบางลง
232 ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สิ่งตา่ ง ๆ ที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติและมนุษยส์ ามารถ นาไปใชป้ ระโยชน์ได้ เช่น ดิน น้า ป่ าไม้ ทุ่งหญา้ สัตวป์ ่ า แร่ธาตุ พลงั งาน และกาลงั งานมนุษย์ ท้งั ทางร่างกายและจิตใจเป็นตน้ ทรัพยากรธรรมชาติในโลกน้ีแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดว้ ยกนั คือ 1. ทรัพยำกรทใี่ ช้แล้วหมดไป หมายถึง ทรัพยากรท่ีนามาใชแ้ ลว้ จะสิ้นเปลืองและหมดไป ในที่สุด โดยไม่เกิดข้ึนมาใหมอ่ ีก เช่น พวกแร่ธาตุ ท้งั ที่เป็นโลหะ อโลหะ และท่ีใชเ้ ป็นเช้ือเพลิง ชนิดตา่ ง ๆ เป็ นตน้ นอกจากน้นั ทิวทศั นท์ ่ีสวยงามตามธรรมชาติทวั่ ๆ ไป เช่น น้าตก หนา้ ผา และ จุดเด่นตามธรรมชาติท่ีสวยงาม สิ่งเหล่าน้ี ถา้ หากใชไ้ มเ่ ป็นหรือทาลายไปแลว้ จะไม่สามารถหามา ทดแทนใหม่ได้ การใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรประเภทน้ีจึงตอ้ งใชอ้ ยา่ งประหยดั และมีความ ระมดั ระวงั เป็นพิเศษ 2. ทรัพยำกรทใี่ ช้ไม่หมด หมายถึง ทรัพยากรที่นามาใชป้ ระโยชนแ์ ลว้ กย็ งั เกิดข้ึนมาใหม่ เรื่อย ๆ ไม่รู้จกั หมด เช่น แสงอาทิตย์ อากาศ และน้า ที่หมุนเวยี นอยใู่ นโลก เป็ นตน้ ถา้ หาก ทรัพยากรพวกน้ีหมดเม่ือใด กห็ มายถึงวา่ มนุษยเ์ ราก็ตอ้ งตายและหมดไปจากโลกน้ีดว้ ยอยา่ งไรกต็ าม ถึงแมว้ า่ อากาศและน้าจะไมร่ ู้จกั หมด มนุษยก์ ็ควรใชป้ ระโยชนใ์ หถ้ ูกตอ้ ง เพอ่ื จะไดไ้ มเ่ กิดปัญหาน้า เสียและอากาศเป็ นพิษข้ึนได้ 3. ทรัพยำกรทสี่ ำมำรถเกดิ ทดแทนหรือรักษำให้คงอย่ไู ด้ หมายถึง ทรัพยากรจาพวกที่เม่ือใช้ ประโยชน์แลว้ สามารถรักษาใหค้ งอยหู่ รือเจริญเติบโตออกลูกหลานสืบทอดต่อ ๆ กนั ไปได้ ถา้ หาก รู้จกั ใชป้ ระโยชนแ์ ละจดั การใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ กจ็ ะมีใหใ้ ชต้ ลอดไป ทรัพยากรประเภทน้ี ไดแ้ ก่ เน้ือดิน น้าท่ีอยู่ ณ ท่ีใดที่หน่ึง ป่ าไม้ ทุ่งหญา้ สัตวป์ ่ า และกาลงั งานของมนุษย์ เป็นตน้ ส่ิงแวดล้อม หมายถึง วตั ถุ พฤติกรรม และสภาพการณ์ต่าง ๆ ท่ีอยรู่ อบ ๆ ตวั เรา เช่น ลม ฟ้า อากาศ ดิน และสิ่งเหล่าน้ีจะทาปฏิกิริยาร่วมกนั ซ่ึงที่สุดสิ่งแวดลอ้ มเหล่าน้ีจะมีอิทธิพลเป็น ตวั กาหนดรูปร่างความเป็ นอยู่ รวมท้งั การอยรู่ อดของแต่ละชีวติ หรือสังคมของสิ่งมีชีวติ น้นั เราอาจ แบ่งส่ิงแวดลอ้ มออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดว้ ยกนั คือ 1. ส่ิงแวดล้อมตำมธรรมชำติ (Natural environment) ซ่ึงแบง่ ยอ่ ยออกเป็น 2 ชนิด ไดแ้ ก่ ก. สิ่งแวดลอ้ มท่ีมีชีวติ อนั ไดแ้ ก่ พืช สัตว์ และมนุษย์ ข. ส่ิงแวดลอ้ มที่ไม่มีชีวติ หรือส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพ ไดแ้ ก่ ลมฟ้าอากาศ ดิน ภูมิประเทศ และไฟ เป็นตน้ 2. ส่ิงแวดล้อมทม่ี นุษย์สร้ำงขึน้ (Man-made environment) ซ่ึงมีความสาคญั ต่อแบบ แผนการดาเนินชีวติ ของสังคมมนุษย์ สิ่งแวดลอ้ มเหล่าน้ี ไดแ้ ก่ ขนบธรรมเนียมประเพณี
233 ศิลปวฒั นธรรม ส่ิงก่อสร้าง หรือสถาปัตยกรรม ศาสนา ระบบเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง การศึกษา และวทิ ยาการต่าง ๆ จะเห็นวา่ สิ่งแวดลอ้ มดงั กล่าวไม่วา่ จะเป็นสิ่งแวดลอ้ มตามธรรมชาติหรือท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน ลว้ นมีอิทธิพลเกี่ยวขอ้ งสมั พนั ธ์กบั มนุษยเ์ ราเป็นอนั มาก เช่น มนุษยท์ ่ีมีชีวติ อาศยั อยภู่ ายใตส้ ภาพ ภูมิอากาศ ศาสนา วฒั นธรรม ระบบเศรษฐกิจ และการเมืองที่ต่างกนั ยอ่ มจะมีอุปนิสัยใจคอความ เป็นอยู่ แนวความคิด และแบบแผนในการดาเนินชีวติ แตกต่างกนั ไปดว้ ย ความแตกต่างในทุก ๆ ดา้ นของมนุษยเ์ ท่าที่เป็นอยทู่ ว่ั ทุกมุมโลกในวนั น้ี จะเป็นความแตกต่างในดา้ นความเป็ นอยหู่ รือ แนวความคิดก็ตามลว้ นมีผลสืบเน่ืองมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดลอ้ มต่าง ๆ ดงั กล่าวท้งั สิ้น แต่ท้งั น้ี ไม่ใช่เพราะปัจจยั แวดลอ้ มอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเทา่ น้นั ท่ีเป็ นตวั กาหนด แต่ผลน้นั เกิดจากการกระทา ร่วมกนั ของปัจจยั แวดลอ้ มทุกอยา่ งท่ีมีตอ่ มนุษยเ์ รา อยา่ งไรกต็ ามใช่วา่ ส่ิงแวดลอ้ มจะมีอิทธิพลตอ่ ความเป็นอยขู่ องมนุษยเ์ ราแต่ฝ่ ายเดียว ในโลกของเทคโนโลยสี มยั ใหม่ เช่นปัจจุบนั มนุษยเ์ รามี อิทธิพลทาใหส้ ่ิงแวดลอ้ มตอ้ งเปล่ียนแปลงไปดว้ ยเช่นกนั จะเห็นวา่ ที่ใดท่ีมนุษยเ์ ขา้ ไปถึงส่ิงแวดลอ้ ม ที่นนั่ กจ็ ะถูกดดั แปลงแกไ้ ขไปดว้ ยเสมอ จนบางคร้ังการเปลี่ยนแปลงส่ิงแวดลอ้ มของมนุษย์ กลบั กลายเป็นผลร้ายทาลายมนุษยเ์ อง ท้งั น้ีเนื่องจากส่ิงแวดลอ้ มกบั มนุษยน์ ้นั ต่างมีความสัมพนั ธ์กนั อยา่ ง ใกลช้ ิด การกระทาใด ๆ ท่ีมีผลกระทบตอ่ สิ่งแวดลอ้ มยอ่ มมีผลตอบสนองตอ่ ความเป็ นอยขู่ องมนุษย์ ดว้ ยเสมอ ดงั น้นั การศึกษาถึงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมนุษยก์ บั ส่ิงแวดลอ้ ม จึงจาเป็ นท่ีมนุษยเ์ ราไม่ ควรมองขา้ มไปเสีย ปัจจุบนั วชิ านิเวศวทิ ยา (Ecology) ซ่ึงเป็นวชิ าท่ีวา่ ดว้ ยความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง สิ่งมีชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ มและระหวา่ งส่ิงม่ีชีวติ ดว้ ยกนั เองจึงมีบทบาทสาคญั ยง่ิ ข้ึนทุกวนั ควำมหมำยของกำรอนุรักษ์ การอนุรักษ์ หมายถึงการรู้จกั ใชท้ รัพยากรอยา่ งฉลาดและประหยดั โดยใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ มากที่สุดและสูญเปล่านอ้ ยที่สุด รวมท้งั กระจายการใชป้ ระโยชนใ์ หแ้ ก่มหาชนโดยทว่ั ถึงกนั ดว้ ย ท้งั น้ีจะตอ้ งเขา้ ใจวา่ การอนุรักษไ์ ม่ไดห้ มายถึงการเกบ็ รักษาทรัพยากรไวเ้ ฉยๆ แตจ่ ะตอ้ งทะนุบารุง และนาทรัพยากรมาใชป้ ระโยชน์ใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมตามกาลเทศะ (Time and space) และพยายาม ใหเ้ กิดผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ มนอ้ ยที่สุดดว้ ย ปัจจุบนั มกั จะเกิดปัญหาความขดั แยง้ ข้ึนระหวา่ งการอนุรักษก์ บั การพฒั นา ซ่ึงความจริงน่าจะ มีทางเลือกท่ีรวมกนั ได้ หากผทู้ ี่มีหนา้ เกี่ยวขอ้ งจะเป็นผมู้ องการณ์ไกลใหค้ วามสาคญั ต่อทรัพยากรทุก ประเภทอยา่ งเท่าเทียมกนั และดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ โดยคานึงถึงประโยชนข์ องมหาชนเป็นที่ต้งั รวมท้งั ยอมรับความจริงถึงขีดจากดั ของระบบธรรมชาติที่มีต่อการพฒั นา ก็เชื่อวา่ ผลดีจะเกิดแก่ ประเทศชาติในท่ีสุด แตก่ ็เป็นความจริงที่วา่ เราไม่สามารถใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรชนิดหน่ึงโดยไมใ่ หก้ ระทบต่อ ทรัพยากรชนิดอื่น ๆ ได้ ดงั น้นั จึงควรที่จะไดพ้ ิจารณาตดั สินใจวา่ ควรจะไดใ้ ชท้ รัพยากรแต่ละ ประเภทในสัดส่วนที่เหมาะสมอยา่ งไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด และเกิดผลกระทบตอ่ ทรัพยากร
234 อื่น ๆ นอ้ ยที่สุด การใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรอยา่ งหน่ึงบนความหายนะของทรัพยากรอื่น ๆ เป็นสิ่งที่ ไม่ควรทาอยา่ งยง่ิ แนวควำมคดิ และหลกั กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรและส่ิงแวดล้อม ในการอนุรักษท์ รัพยากรและสิ่งแวดลอ้ ม มีแนวความคิดและหลกั การพอสรุปไดด้ งั น้ี 1. การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ หมายถึง การรู้จกั ใชท้ รัพยากรธรรมชาติอยา่ งชาญฉลาด ใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อมหาชนมากท่ีสุด ยาวนานท่ีสุด ถูกตอ้ งตามกาลเทศะ (Time and Space) 2. ทรัพยากรธรรมชาติจาแนกอยา่ งกวา้ ง ๆ ออกเป็นทรัพยากรท่ีเกิดข้ึนใหม่ได้ เช่น ดิน น้า ป่ าไม้ สัตวป์ ่ า ทุง่ หญา้ และกาลงั งานมนุษยก์ บั ทรัพยากรท่ีไม่สามารถเกิดข้ึนได้ เช่น น้ามนั และแร่ ต่าง ๆ เป็นตน้ 3. ปัญหาสาคญั ที่เกี่ยวกบั การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ ไดแ้ ก่ การอนุรักษท์ รัพยากรดินท่ี ยงั อุดมสมบูรณ์อยใู่ หค้ งคุณสมบตั ิที่ดีตลอดไป ในขณะเดียวกนั จะเป็นผลดีต่อทรัพยากรอื่น ๆ เช่น น้า ป่ าไม้ และสตั วป์ ่ า ดว้ ย 4. การอนุรักษห์ รือการจดั การกบั ทรัพยากรธรรมชาติ ตอ้ งคานึงถึงทรัพยากรอยา่ งอื่นใน เวลาเดียวกนั ดว้ ยไมค่ วรแยกพจิ ารณาเฉพาะอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เพยี งอยา่ งเดียวเท่าน้นั เพราะ ทรัพยากรทุกอยา่ งมีส่วนเกี่ยวขอ้ งสมั พนั ธ์กนั อยา่ งใกลช้ ิด 5. ในการวางแผนการจดั การกบั ทรัพยากรอยา่ งชาญฉลาดน้นั จะตอ้ งไมแ่ ยกมนุษยอ์ อกจาก สภาพแวดลอ้ มทางสังคมหรือวฒั นธรรม หรือสภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาติ เพราะวา่ วฒั นธรรมและ สงั คมของมนุษยไ์ ดพ้ ฒั นาตวั เองมาพร้อม ๆ กบั การใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติของสังคมน้นั ๆ กล่าวโดยทว่ั ๆ ไป การอนุรักษถ์ ือไดว้ า่ เป็นทางแห่งการดาเนินชีวติ เพราะมีส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั เศรษฐกิจและสังคมไม่เฉพาะอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง แต่ทุก ๆ อยา่ งรวมกนั ซ่ึงมีบทบาทต่อชีวติ มนุษย์ เป็นอนั มาก 6. ไม่มีโครงการอนุรักษใ์ ดที่จะประสบความสาเร็จ นอกเสียจากผใู้ ชท้ รัพยากรธรรมชาติจะ ไดต้ ระหนกั ถึงความสาคญั ของทรัพยากรน้นั ๆ และใชอ้ ยา่ งชาญฉลาดใหเ้ กิดผลดีในทุก ๆ ทางต่อ สังคมมนุษย์ และควรใชท้ รัพยากรใหอ้ านวยประโยชน์หลาย ๆ ดา้ นในเวลาเดียวกนั ดว้ ย 7. อตั ราการใชท้ รัพยากรธรรมชาติในปัจจุบนั จะเป็นท่ีใดกต็ ามยงั ไม่อยใู่ นระดบั ที่จะพยงุ ซ่ึงฐานะความอยดู่ ีกินดีโดยทว่ั ถึงได้ เนื่องจากการกระจายของการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรเป็นไป โดยไม่ทว่ั ถึง 8. การอนุรักษเ์ ก่ียวขอ้ งกบั คนทุกคนไม่วา่ จะอยใู่ นเมืองหรือชนบท ความมง่ั คง่ั สุขสมบูรณ์ ของประเทศข้ึนอยกู่ บั ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และข้ึนอยกู่ นั ทรัพยากรกาลงั งาน มนุษย์ ซ่ึงเป็นผใู้ ชท้ รัพยากรอ่ืน ๆ ของประเทศน้นั 9. การทาลายทรัพยากรธรรมชาติใด ๆ ดว้ ยเหตุใดก็ตาม เท่ากบั เป็นการทาลายความศิวไิ ลซ์ ของมนุษยอ์ ยา่ งไรกต็ าม มนุษยจ์ ะตอ้ งยอมรับความจริงวา่ การทาลายทรัพยากรธรรมชาติไดเ้ กิด
235 ข้ึนอยทู่ ุกหนทุกแห่งท่ีมีการใชท้ รัพยากร เพราะทุกคร้ังที่มีการใชท้ รัพยากรจะตอ้ งเกิดการสูญเปล่า ปัญหาจึงอยทู่ ี่วา่ ทาอยา่ งไรถึงจะใหเ้ กิดการสูญเสียนอ้ ยที่สุด 10. การดารงชีวติ ของมนุษยข์ ้ึนอยกู่ บั สิ่งมีชีวติ ไม่วา่ จะเป็ นพืชหรือสัตวซ์ ่ึงตา่ งก็เกิดมาจาก ทรัพยากรอ่ืน ๆ เช่น ดิน น้า อีกทอดหน่ึง กาลงั งานของมนุษยต์ ลอดจนการอยดู่ ีกินดี ท้งั ทาง ร่างกายและจิตใจข้ึนอยกู่ บั คุณค่าของอาหารท่ีบริโภค นอกจากปลาและอาหารทะเลอ่ืน ๆ แลว้ อาหาร ทุกอยา่ งจะเป็น ผกั ผลไม้ ถวั่ งา ขา้ ว หรือในรูปของนม เน้ือสตั ว์ ซ่ึงเป็นผลผลิตจากพืชท่ีสตั ว์ บริโภคเขา้ ไป ลว้ นเกิดมาจากดินท้งั สิ้น 11. มนุษยจ์ าเป็นตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจในธรรมชาติและเช่ือในความเป็ นไปตามธรรมชาติ มนุษยส์ ามารถนาเอาวทิ ยาการตา่ ง ๆ มาช่วยหรือบรรเทากระบวนการต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ ได้ แตม่ นุษยไ์ ม่สามารถจะนาส่ิงใดมาทดแทนธรรมชาติไดท้ ้งั หมดทีเดียวอยา่ งแน่นอน 12. การอนุรักษน์ อกจากจะเพ่อื การอยดู่ ีกินดีของมวลมนุษยแ์ ลว้ ยงั จาเป็นตอ้ งอนุรักษ์ ธรรมชาติเพ่ือความสมบูรณ์และเป็นผลดีทางจิตใจดว้ ย เช่น การอนุรักษส์ ภาพธรรมชาติ การ อนุรักษส์ ตั วป์ ่ าเพือ่ ความสวยงามและสาหรับการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ หรือเป็นเกมกีฬา เป็นตน้ 13. เป็นความจริงท่ีวา่ ประชากรของโลกเพิ่มมากข้ึนทุกวนั แตท่ รัพยากรธรรมชาติกลบั ลด นอ้ ยถอยลงทุกทีไม่มีใครทราบไดว้ า่ การใชท้ รัพยากรในบ้นั ปลายน้นั จะเป็นอยา่ งไร อนาคตจึงเป็น สิ่งท่ีมืดมนถา้ หากทุกคนไมเ่ ริ่มตน้ อนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติต้งั แต่เด๋ียวน้ี สรุปไดว้ า่ แนวทางในการอนุรักษท์ รัพยากรและสิ่งแวดลอ้ มเป็นเร่ืองที่ยงุ่ ยากสลบั ซบั ซอ้ น และมกั เป็นปัญหาเกี่ยวขอ้ งกบั เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซ่ึงนอกเหนือความสามารถของนกั เรียน ลูกเสือ เนตรนารี นิสิต นกั ศึกษาและแต่ละบุคคลจะแกไ้ ขโดยลาพงั ได้ จาเป็นจะตอ้ งไดร้ ับความ ร่วมมือจากทุกฝ่ าย แตท่ ุกคนกม็ ีส่วนช่วยเหลือท้งั โดยทางตรงและทางออ้ มตามควรแก่สภาพไดด้ งั น้ี คือ 1. พยายามศึกษาและใหค้ วามสนใจเก่ียวกบั การอนุรักษท์ รัพยากรและส่ิงแวดลอ้ ม 2. พยายามส่งเสริมเผยแพร่ความรู้ดงั กล่าวไปยงั ผอู้ ื่นใหข้ ยายวงกวา้ งข้ึน 3. พยายามฝึกตนเองให้เป็นคนรักธรรมชาติ รักตน้ ไม้ และเมตตาสตั ว์ 4. ช่วยเหลือและร่วมมือในการปลูกตน้ ไมท้ ุกคร้ังที่มีโอกาส 5. พยายามใชท้ รัพยากรทุกอยา่ งโดยประหยดั และใหเ้ ป็ นประโยชน์มากที่สุด 6. ใหค้ วามร่วมมือในการอนุรักษท์ รัพยากรและส่ิงแวดลอ้ มในทุกโอกาสท่ีจะทาได้
236 บทเรียนที่ 21 เร่ือง กำรทดสอบสมรรถภำพ (ประชุมกองลกู เสือ คร้ังท่ี 3) เวลำ 75 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. เพ่อื ส่งเสริมใหผ้ กู้ ากบั ไดร้ ับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการจดั กิจกรรมลูกเสือมาพฒั นาลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ท้งั ทางดา้ นร่างกายและจิตใจ 2. เพอื่ เป็ นแนวทางการจดั วชิ าทกั ษะทางลูกเสือ และวชิ าพเิ ศษลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ในการฝึกอบรม โดยการเปิ ดประชุมกอง จุดหมำย ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือไดฝ้ ึกทกั ษะในการทดสอบสมรรถภาพ เพื่อปัญหาท้งั ทางดา้ นร่างกาย และจิตใจ วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. จดั ทากาหนดการฝึกอบรมเพ่อื ใหล้ ูกเสือมีประสบการณ์ใหม่ ๆ และเกิดการพฒั นาทางกายและจิตใจได้ 2. จดั วชิ าทกั ษะเกี่ยวกบั วชิ าการลูกเสือ ไปใชใ้ นกองลูกเสือของตนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. นาเอาวชิ าพิเศษลูกเสือสามญั รุ่นใหญม่ าบรรจุไวใ้ นการฝึกอบรมใหเ้ กิดความกา้ วหนา้ ได้ วธิ ีสอน / กจิ กรรม 1. แนวการจดั กิจรรมการสอน - เปิ ดประชุมกอง (ชกั ธงชาติข้ึน สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 10 นาที - บรรยายในท่ีประชุม 10 นาที - ภาคปฏิบตั ิกิจกรรมในสนาม 40 นาที - ประเมินผลและเสนอแนะ 10 นาที - ปิ ดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจ ชกั ธงลง เลิก) 5 นาที 2. กิจกรรมของผเู้ ขา้ รับการฝึ กอบรม - ฟังการบรรยาย - ปฏิบตั ิกิจกรรม ส่ือกำรสอน 1. อุปกรณ์ทดสอบสมรรถภาพแตล่ ะหมวด 2. ใบรายการทดสอบสมรรถภาพ กำรประเมินผล ตรวจใบรายการทดสอบสมรรถภาพ
237 เนื้อหำวชิ ำ กำรทดสอบสมรรถภำพ (ประชุมกองลูกเสือ คร้ังที่ 3) ใหผ้ รู้ ับการฝึกอบรมเขา้ ใจถึงการจดั โครงการฝึกสอนลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ โดยใหค้ านึงถึง ความหมายเก่ียวกบั กิจกรรมทดสอบทางร่างกาย ทางสมอง ทางจิตใจ ทางสงั คม ทางวฒั นธรรม และทางภารดรภาพ เตือนวทิ ยากรประจาหมวดต่าง ๆ ใหก้ าหนดขีดความสามารถแตล่ ะอยา่ งไวเ้ สมือนเป็น มาตรฐานท่ีกาหนดใหห้ ากผใู้ ดกระทาไดถ้ ึงมาตรฐาน จึงจะลงชื่อรับรองในแผน่ กิจกรรมน้นั เตือนใหว้ ทิ ยากรประจาหมวดระลึกถึงความปลอดภยั ไวใ้ หม้ าก โดยเฉพาะหมวดพลศึกษา ระวงั อยา่ ใหม้ ีอุบตั ิเหตุเกิดข้ึนเป็นอนั ขาด แตล่ ะหมวดไมค่ วรอยไู่ กลกนั มากเกินไป ควรจดั เป็ นรูปวงกลม ท้งั น้ีเพื่อความสะดวกและ รวดเร็วตอ่ การเปลี่ยนหมวดของผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรม ใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมไดท้ ราบถึงความมุ่งหมายของการเปิ ดประชุมกอง นอกจากจะเป็ น การฝึกทกั ษะและทดสอบทกั ษะของลูกเสือแลว้ ยงั เป็นการสอนใหล้ ูกเสือไดร้ ะลึกถึงชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ โดยการสวดมนต์ สงบน่ิง ระลึกถึงผมู้ ีพระคุณตามข้นั ตอนของพิธีเปิ ดและปิ ดการ ประชุมกอง รำยละเอยี ดเกี่ยวกบั สถำนีทดสอบ สถำนีท่ี 1 หมวดพลศึกษำ 1. โยนห่วงใส่หลกั 2. ลุกนง่ั 15 คร้ัง 3. ดึงขอ้ 10 คร้ัง 4. วดิ พ้นื 15 คร้ัง 5. ยดื ดว้ ยแขน 6. เคาะลูกปิ งปอง 10 คร้ัง 7. เคาะตะกร้อ 5 คร้ัง 8. ขวา้ งจกั ร 9. เล้ียงลูกบอลผา่ นเครื่องกีดขวาง 10. กระโดดเชือกขา้ งหนา้ 15 คร้ัง ขา้ งหลงั 15 คร้ัง 11. กระโดดสูงคร่ึงหน่ึงของส่วนสูงของตวั เอง 12. วงิ่ กลบั ตวั 10 เมตร 10 คร้ัง
238 สถำนีที่ 2 หมวดวฒั นธรรม 1. จดั โตะ๊ อาหารสาหรับ 4 คน 2. ถวายบงั คม 3. วางตวั หมากรุกและวธิ ีเดิน 4. จดั พานดอกไม้ 5. แสดงดนตรี 6. ร้องเพลงไทยเดิมสร้างประกอบจงั หวะ 7. กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ 8. ร้องเพลงลูกเสือพร้อมแสดงท่าทางประกอบ สถำนีที่ 3 หมวดลูกเสือ 1. บอกช่ือเง่ือนอยา่ งนอ้ ย 5 ชื่อ 2. สามารถบอกขนาดสดั ส่วนของร่างกายตวั เอง 3. คาดคะเนน้าหนกั 4. ไต่เชือก 5. โยนเชือกช่วยชีวติ 6. ผกู เงื่อนตะกรุดเบด็ โดยตวั อยนู่ อกวงกลม 7. เกบ็ เชือกตามแบบของลูกเสือ 8. ปี นตน้ ไมส้ ูง 5 เมตร 9. บอกสัญญาณนกหวดี พร้อมปฏิบตั ิ 3 อยา่ ง 10. บอกสญั ญาณมือรูปแถว 5 ขอ้ สถำนีที่ 4 หมวดพจิ ำรณำ สังเกต และจำ 1. สามารถบอกรอยเทา้ สัตว์ 5 ชนิด 2. สามารถบอกชื่อใบไม้ ดอกไม้ 5 ชนิด 3. สามารถบอกชื่อแมน่ ้าสาคญั ในประเทศไทย 5 ชื่อ 4. สามารถบอกชื่อสะพานขา้ มแมน่ ้า 5 สะพาน 5. สามารถบอกช่ือค่ายลูกเสือในประเทศไทย 5 ชื่อ หมำยเหตุ อุปกรณ์ของหมวดพลศึกษาบางชนิดที่เป็นอนั ตรายอาจเปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม
กำรประชุมกองลกู เสือสำมญั รุ่นใหญ่คร้ังที่ 3 (กำรทดสอบสมรรถภำพ) 239 เอกสำรประกอบ กำรประชุมกอง คร้ังท่ี 3 (75 นำที) 1. พธิ ีเปิ ด (ชกั ธง สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 10 นาที 2. การทดสอบสมรรถภาพ 55 นาที 3. ปิ ด (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธง เลิก) 10 นาที รำยละเอยี ดเกยี่ วกบั กำรทดสอบ 1. หมวดพลศึกษำ - โยนห่วงใส่หลกั - ลุก-นง่ั 15 คร้ัง - ดึงขอ้ 10 คร้ัง - ยดื ดว้ ยแขน - ยนื ดว้ ยศีรษะ - กระโดดเชือกขา้ หนา้ 15 คร้ัง ขา้ งหลงั 15 คร้ัง - วดิ พ้นื 15 คร้ัง - กระโดดสูงคร่ึงหน่ึงของส่วนสูงของตวั เอง - เดาะตะกร้อ 5 คร้ัง - วงิ่ กลบั ตวั 10 เมตร 10 คร้ัง - เดาะปิ งปอง 10 คร้ัง - เล้ียงลูกบอลผา่ นเครื่องกีดขวาง 2. หมวดลูกเสือ - คาดคะเนน้าหนกั - เง่ือนตะกรุดเบด็ โดยตวั อยนู่ อกวงกลม - บอกช่ือเงื่อนอยา่ งนอ้ ย 5 เง่ือน - โยนเชือกช่วยชีวติ - ไต่เชือก - เกบ็ เชือกตามแบบลูกเสือ - บอกสญั ญาณมือรูปแถวมา 5 ชื่อ - บอกสัญญาณนกหวดี พร้อมท้งั ปฏิบตั ิ 3 อยา่ ง ส่วนสูงจาก ศีรษะ ถึงเทา้ ………ซม. ส่วนสูงจาก นยั นต์ า ถึงเทา้ ………ซม. ส่วนสูงจากปลายนิ้วกลาง ถึงเทา้ ………ซม. ส่วนยาวจากปลายนิ้วกลางท้งั สองขา้ ง (เมื่อกางแขนเสมอไหล่) ………ซม. ส่วนยาวจากปลายนิ้วกลางท้งั ขอ้ ศอก (เม่ือต้งั ขอ้ ศอกตรง) ………ซม. ส่วนของกา้ ว (จากปลายเทา้ หลงั ถึงปลายเทา้ หนา้ ) ………ซม. 3. หมวดพจิ ำรณำ สังเกต และจำ - สามารถบอกรอยเทา้ สตั ว์ 5 ชนิด - สามารถบอกช่ือใบไม้ ดอกไม้ อยา่ งละ 5 ชนิด
240 - สามารถบอกชื่อแม่น้าสาคญั ในประเทศไทย 5 ช่ือ - สามารถบอกช่ือสะพานขา้ มแม่น้า 5 สะพาน - สามารถบอกชื่อคา่ ยลูกเสือในประเทศไทย 5 ช่ือ - บอกชื่อเพื่อนในหมู่อยา่ งนอ้ ย 5 ช่ือ - บอกช่ือวทิ ยากร อยา่ งนอ้ ย 5 ชื่อ - อ่ืน ๆ 4. หมวดวฒั นธรรม - จดั โตะ๊ อาหารสาหรับ 4 คน - ผกู เนคไทแบบสามเหล่ียม - วางตวั หมากรุกและวธิ ีเดิน - จดั พานดอกไม้ - แสดงดนตรี - ร้องเพลงไทยเดิม
241 ท่ำนสำมำรถเพยี งไร ใหท้ ุกทา่ นพยายามทดสอบตวั ของท่านวา่ สามารถปฏิบตั ิในสิ่งต่อไปน้ีไดเ้ พยี งไรโดยจดั เป็นคู่ เลขที่ วชิ ำ ลำยเซ็น หมวดพลศึกษำ 1. โยนห่วงใส่หลกั ……………………………………… 2. ลุก - นงั่ 15 คร้ัง ……………………………………… 3. ดึงขอ้ 10 คร้ัง ……………………………………… 4. กระโดดสูงคร่ึงหน่ึงของส่วนสูงของตวั เอง ……………………………………… 5. ยดื ดว้ ยแขน ……………………………………… 6. ขวา้ งจกั ร ……………………………………… 7. เคาะตะกร้อ 5 คร้ัง ……………………………………… 8. เคาะลูกปิ งปอง 10 คร้ัง ……………………………………… 9. เล้ียงลูกบอลผา่ นเครื่องกีดขวาง ……………………………………… 10. กระโดดเชือก ……………………………………… 11. วดิ พ้ืน 10 คร้ัง ……………………………………… 12. วงิ่ กลบั ตวั 10 เมตร 10 คร้ัง ……………………………………… หมวดวฒั นธรรม ……………………………………… 1. จดั โตะ๊ อาหารสาหรับ 4 คน ……………………………………… 2. ถวายบงั คม ……………………………………… 3. วางตวั หมารุกและวธิ ีเดิน 4. จดั พานดอกไม้ ……………………………………… 5. แสดงดนตรี ……………………………………… 6. ร้องเพลงไทยเดิมพร้อมประกอบจงั หวะ ……………………………………… 7. กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ……………………………………… 8. ร้องเพลงลูกเสือพร้อมแสดงทา่ ทางประกอบ ……………………………………… หมวดวชิ ำลกู เสือ ……………………………………… 1. บอกชื่อเงื่อนอยา่ งนอ้ ย 5 ชื่อ ……………………………………… 2. สามารถบอกขนาดสดั ส่วนของร่างกายตนเอง ……………………………………… ……………………………………… 3. คาดคะเนน้าหนกั 4. ไต่เชือก
242 เลขท่ี วชิ ำ ลำยเซ็น 5. โยนเชือกช่วยชีวติ ……………………………………… 6. ผกู เงื่อนตะกรุดเบด็ โดยตวั อยนู่ อกวงกลม ……………………………………… 7. เก็บเชือกตามแบบลูกเสือ ……………………………………… 8. ปื นตน้ ไมส้ ูง 5 เมตร ……………………………………… 9. บอกสญั ญาณนกหวดี พร้อมปฏิบตั ิ 3 อยา่ ง ……………………………………… 10. บอกสัญญาณมือรูปแถว 5 ช่ือ ……………………………………… หมวดพจิ ำรณำสังเกตและจำ 1. สามารถบอกรอยเทา้ สตั ว์ 5 ชนิด ……………………………………… 2. สามารถบอกชื่อใบไม้ ดอกไม้ อยา่ งละ 5 ชนิด ……………………………………… 3. สามารถบอกช่ือแม่น้าสาคญั ในประเทศไทย 5 ชื่อ ……………………………………… 4. สามารถบอกชื่อสะพานขา้ มแม่น้า 5 สะพาน ……………………………………… 5. สามารถบอกชื่อค่ายลูกเสือในประเทศไทย 5 ช่ือ ……………………………………… 6. บอกชื่อเพื่อในหมู่ 5 ชื่อ ……………………………………… 7. บอกชื่อวทิ ยากร 5 ช่ือ ……………………………………… หมำยเหตุ ตวั อยา่ งทกั ษะท่ียกมาเป็นเพยี งบางส่วน แตถ่ า้ จะใหเ้ กิดประโยชน์ ตามความสามารถ ของแตล่ ะบุคคล ควรคิดการประเมินทางทกั ษะพสิ ัยโดยใชว้ ชิ าทกั ษะประกอบ
243 เรื่อง พธิ ีกำรลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ บทเรียนท่ี 22 เวลำ 45 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. พธิ ีส่งลูกเสือสามญั ไปเป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 2. พธิ ีเขา้ ประจากองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. บรรยายความสาคญั ของพิธีการของลูกเสือสามญั รุ่นใหญไ่ ด้ 2. สาธิตพธิ ีการลูกเสือสามญั รุ่นใหญไ่ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. กระทาพธิ ีส่งตวั ลูกเสือสามญั ไปเป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่และกระทาพิธีเจา้ ประจากองลูกเสือ สามญั รุ่นใหญใ่ นโรงเรียนได้ วธิ ีสอน/กจิ กรรม 1. อารัมภบท 10 นาที 2. การสาธิตและการปฏิบตั ิตาม 30 นาที 3. สรุป 5 นาที สื่อกำรสอน 1. ธงประจากองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ และธงประจากองลูกเสือสามญั อยา่ งละผนื 2. ป้ายคติพจน์ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ “มองไกล” และป้ายคติพจนล์ ูกเสือสามญั “จงเตรียมพร้อม” อยา่ งละป้าย 3. แผน่ ภาพหรือแผน่ ใสแสดงการสาธิตพธิ ีส่งตวั ลูกเสือสามญั ไปเป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่และ พธิ ี เขา้ ประจากองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ กำรประเมินผล 1. สังเกตสาธิตพร้อมปฏิบตั ิตาม 2. การอภิปราย ซกั ถาม 3. ผลสัมฤทธ์ิของพธิ ี เนื้อหำวชิ ำ พิธีการลูกเสือเป็นเร่ืองสาคญั มากท่ีผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือทุกคนตอ้ งเอาใจใส่และปฏิบตั ิเพราะ การเป็นลูกเสือแมว้ า่ เดก็ จะเขา้ มาเป็นลูกเสือดว้ ยใจสมคั รก็ตาม ส่ิงท่ีเด็กจะเกิดความภูมิใจมากท่ีสุดก็ ตอ่ เม่ือเขาไดแ้ ตง่ เคร่ืองแบบ และไดป้ ฏิบตั ิ ใหค้ ามน่ั สญั ญาต่อผบู้ งั คบั บญั ชาของเขา ความดีใจ ความภาคภูมิใจของเขาท่ีมีต่อผบู้ งั คบั บญั ชาและความภาคภูมิใจที่ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือท่ีมีต่อลูกเสือ ใตบ้ งั คบั บญั ชาของเขา เป็ นสิ่งที่มีคุณค่าหาที่เปรียบมิได้
244 ขา้ ราชการ เจา้ หนา้ ที่ คนงาน ลูกจา้ งของหน่วยงานทุกแห่ง เมื่อเขาไดส้ ัมผสั กบั การให้ โอวาทจากผบู้ งั คบั บญั ชาของเขา ก่อนเขาเขา้ รับการปฏิบตั ิหนา้ ที่ จิตใจยอ่ มจะเปี่ ยมลน้ ไปดว้ ยความ ภาคภูมิใจพร้อมที่จะอุทิศร่างกาย จิตใจเพ่ืองานของเขาอยา่ งไม่ตอ้ งสงสัยเยยี่ งผคู้ รองตาแหน่งอศั วนิ ท้งั หลาย เมื่อเขาไดใ้ หค้ าสัตยป์ ฏิญาณตนต่อพระพกั ตร์พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ต่อหนา้ ผบู้ งั คบั บญั ชา ต่อสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ และตอ่ บรรดาผมู้ ีเกียรติและลูกเมีย ก่อนเขาไดร้ ับตาแหน่งอศั วิน เขาจะมีความภาคภูมิใจเป็นอยา่ งยง่ิ ต่อสิ่งที่เขาไดร้ ับเป็นหลายพนั เท่าพิธีการของลูกเสือเช่นเดียวกนั อน่ึง พิธีการตา่ ง ๆ ของลูกเสือน้นั ไมใ่ ช่ของยากแต่เป็นไปอยา่ งส้นั ๆ ง่าย ๆ และดว้ ยใจจริง เป็นเร่ืองของการทาจริงตามขอ้ บงั คบั ๆ ไมใ่ ช่สิ่งสมมติ ผลท่ีไดร้ ับจากพธิ ีการน้นั ก็คือ 1. ความมีระเบียบวนิ ยั ในตวั เอง 2. ไดม้ ีโอกาสตระหนกั และรักษาคามนั่ สญั ญา (คาปฏิญาณ) 3. ทาใหเ้ กิดความใกลช้ ิดระหวา่ งผกู้ ากบั รองผกู้ ากบั และลูกเสือในกองของตนเอง 4. ทาใหเ้ กิดความภาคภูมิใจในเกียรติท่ีไดร้ ับพธิ ีการน้นั ๆ พธิ ีการของลูกเสือโดยทวั่ ๆ ไปแลว้ สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. พธิ ีการปกติ คือพธิ ีการที่เป็นแบบธรรมเนียมของลูกเสือท่ีไดป้ ฏิบตั ิอยเู่ ป็นประจา ไดแ้ ก่ การเปิ ดประชุมกองและการปิ ดประชุมกอง ตามขอ้ บงั คบั ขอ้ 292 ซ่ึงตอ้ งปฏิบตั ิเป็นประจาเม่ือ มีการเรียนการสอนทุกคร้ัง 2. พธิ ีการพิเศษ คือ พธิ ีการท่ีไมไ่ ดม้ ีการปฏิบตั ิเป็นประจา แต่อาจปฏิบตั ิในโอกาสพิเศษ เม่ือถึงกาหนดเวลาไดแ้ ก่ 2.1 พธิ ีส่งลูกเสือสามญั ไปเป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ตามขอ้ บงั คบั ขอ้ 294 2.2 พิธีเขา้ ประจากองลูกเสือ ตามขอ้ บงั คบั ขอ้ 295 หมำยเหตุ 1. พธิ ีเขา้ ประจากองน้ีต่างกองตา่ งจดั ทาของตนเอง (ไม่ใช่มารวมทากนั เป็ นกลุ่ม) และพธิ ีน้ี อาจจะเชิญผปู้ กครองมาร่วมเป็นเกียรติดว้ ยก็ได้ 2. ส่วนที่ไม่มีในขอ้ บงั คบั และควรทาพิธีใหก้ บั ลูกเสือของทา่ นไดก้ ค็ ือพธิ ีประดบั เคร่ืองหมายวชิ าพิเศษ การประดบั สายสะพายและสายยงยศ เป็นตน้
245 พธิ ีกำรลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ เอกสำรประกอบ (1) ตำมข้อบังคับคณะลกู เสือแห่งชำตวิ ่ำด้วยกำรปกครอง ฯ พ.ศ. 2509 ข้อ 294 พธิ ีส่งตัวลกู เสือสำมญั ไปเป็ นลกู เสือสำมัญรุ่นใหญ่ ใหป้ ฏิบตั ิดงั ต่อไปน้ี 1) จดั ลูกเสือให้เขา้ แถวรูปคร่ึงวงกลม 2 วง - ลูกเสือสามญั วงหน่ึง ลูกเสือสามญั รุ่นใหญว่ งหน่ึง หนั หนา้ เขา้ หากนั ระยะห่างกนั พอสมควร - ตรงกลางระหวา่ งแดนท้งั สองน้นั จะมี (1) ผกู้ ากบั กลุ่มลูกเสือ (2) ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั (3) ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญย่ นื อยู่ ถา้ ไม่มีผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่จะให้ รองผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญแ่ ทนกไ็ ด้ (4) มีนายหมูล่ ูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ที่จะรับตวั ลูกเสือใหม่ยนื อยดู่ ว้ ย (5) จดั ใหม้ ีธงประจากองลูกเสือสามญั และธงประจากองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่อยู่ ทางแดน ของตนกไ็ ด้ 2) ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั นาลูกเสือที่จะมอบตวั ใหเ้ ป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ มายนื อยู่ ตรงหนา้ ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่แลว้ กล่าวา่ (1) “ข้ำนำ ….(ออกนามลูกเสือ)….ซ่ึงได้เป็ นลกู เสือสำมญั มำหลำยปี แล้วมำมอบให้ อย่ใู นกองลูกเสือสำมัญรุ่นใหญ่ ท่ำนจะรับไว้ได้หรือไม่” (2) ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ตอบวา่ “ข้ำพร้อมทจ่ี ะรับ…..(ออกนำมลูกเสือ) ไว้ในกองลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่” แลว้ หนั ไปพูดกบั ลูกเสือใหมว่ า่ “ขณะนีเ้ จ้ำมอี ำยุทเี่ ป็ นลูกเสือสำมัญ รุ่นใหญ่แล้ว เจ้ำเต็มใจทจี่ ะเป็ นลูกเสือสำมัญรุ่นใหญ่ในกองของเรำหรือ” ลูกเสือใหม่ ตอบวา่ “ข้ำเต็มใจ” (3) ผกู้ ากบั กลุ่มพูดกบั ลูกเสือใหมว่ า่ “กำรทเี่ จ้ำจะเป็ นลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่น้ัน เจ้ำ มหี น้ำทสี่ ำคัญอกี ข้ันหน่ึงทจี่ ะต้องปฏิบัติต่อไป ข้ำได้เหน็ ผลงำนอนั ดีที่เจ้ำได้ปฏิบัตมิ ำแล้ว และ ภำคภูมิใจทจ่ี ะได้เห็นควำมสำเร็จของเจ้ำในกจิ กำรลกู เสือสำมัญรุ่นใหญ่ในอนำคต” (4) ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่พดู กบั ลูกเสือใหม่วา่ “ในนำมของลกู เสือสำมัญรุ่น ใหญ่ ข้ำยนิ ดรี ับเจ้ำเข้ำไว้ในกองของเรำ” เมื่อผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญก่ ล่าวจบแลว้ สมั ผสั มือกบั ลูกเสือใหม่แลว้ นา ลูกเสือใหมไ่ ปมอบตวั ใหก้ บั นายหมู่ นายหมูน่ าลูกเสือใหมไ่ ปยงั หมูข่ องตน อาจจะพาไปแนะนา สมาชิกภายในหมูใ่ หท้ ราบทุกคนแลว้ ใหไ้ ปยนื ติดกบั รองนายหมู่ เพอื่ ให้รองนายหมูไ่ ดช้ ่วยฝึกอบรม (โปรดดูรูป)
246 รูป พธิ ีส่งตัวลูกเสือสำมัญไปเป็ นลกู เสือสำมัญรุ่นใหญ่ จะกระทำพธิ ีส่งตัวลกู เสือสำมญั ไปเป็ นลกู เสือสำมญั รุ่นใหญ่เมื่อไร 1) เม่ือผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือสามญั หรือกองลูกเสือสามญั ขอร้อง 2) เม่ือลูกเสือสามญั คนน้นั สอบไดล้ ูกเสือเอกแลว้ 3) เมื่อลูกเสือสามญั คนน้นั มีอายคุ รบตามเกณฑท์ ่ีกาหนด 4) เม่ือลูกเสือสามญั คนน้นั กาลงั เรียนอยใู่ นช้นั มธั ยมศึกษา 5) ไดร้ ับความตกลงยนิ ยอมระหวา่ งกองลูกเสือสามญั และกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่แลว้ จะกระทำพธิ ีส่งตวั กนั ทไี่ หน 1) สถานท่ีซ่ึงกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญท่ ่ีจะรับลูกเสือใหม่กาหนดข้ึน อาจเป็นห้องประชุม โรงเรียน หอ้ งลูกเสือท่ีมีโตะ๊ หมูบ่ ูชาและเครื่องเคารพสกั การะครบ และมีเน้ือท่ีกวา้ งขวางท่ีสามารถ กระทา.พิธีการน้นั ไดโ้ ดยสะดวก 2) ท่ีปะราที่จดั ข้ึนในสนามหนา้ โรงเรียน
247 พธิ ีกำรลูกเสือสำมัญรุ่นใหญ่ เอกสำรประกอบ (2) ตำมข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชำติ ฯ พ.ศ. 2509 ข้อ 295 และปรับให้เข้ำกบั ปัจจุบัน พธิ ีเข้ำประจำกอง พิธีเขา้ ประจากองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ใหป้ ฏิบตั ิดงั น้ี ก. มกี องลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่อยู่ก่อนแล้ว 1. กองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ จดั แถวเป็ นรูปคร่ึงวงกลม 2. ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ยนื อยใู่ นคร่ึงวงกลม 3. ธงประจากองลูกเสือ ใหร้ องผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ถือไวใ้ นท่าตรงดา้ นขวามือ ของผกู้ ากบั และห่างจากผูก้ ากบั พอสมควร 4. ลูกเสือใหม่ (แต่งเคร่ืองแบบครบยกเวน้ อินทรธนูอยทู่ ่ีผกู้ ากบั ) ยนื อยนู่ อกคร่ึงวงกลม หลงั หมู่ของตนท่ีจะเขา้ ไปอยู่ 5. ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ เรียกลูกเสือใหมเ่ ขา้ มายืนตรงหนา้ ผกู้ ากบั แลว้ ถาม ผกู้ ากบั “…..(ออกชื่อลูกเสือใหม่)..เจา้ เตม็ ใจท่ีจะปฏิญาณตนเป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่หรือ” ลูกเสือใหม่ “ขา้ เตม็ ใจ” ผกู้ ากบั “เจา้ เขา้ ใจหรือไมว่ า่ การที่เขา้ มาเป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ จะตอ้ งปฏิบตั ิตนใหเ้ ป็ น ตวั อยา่ งที่ดีแก่ลูกเสือรุ่นนอ้ งในกลุ่มลูกเสือของเรา ตอ้ งแสดงใหเ้ ห็นความกา้ วหนา้ ในชีวติ ลูกเสือของเจา้ และตอ้ งปฏิบตั ิตนตามกฎและคาปฏิญาณของลูกเสือทุกเม่ือ” ลูกเสือใหม่ “ขา้ ทราบและปฏิบตั ิได”้ ผกู้ ากบั “เจา้ พร้อมท่ีจะยนื ยนั และปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณแลว้ หรือ” ลูกเสือใหม่ “ขา้ พร้อมแลว้ ” ผกู้ ากบั “ดว้ ยเกียรติของขา้ ขา้ สัญญาวา่ ” ขอ้ 1 ขา้ จะจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ขอ้ 2 ขา้ จะช่วยเหลือผอู้ ื่นทุกเม่ือ ขอ้ 3 “ขา้ จะปฏิบตั ิตามกฎของลกเสือ” (ลูกเสือทุกคนท่ีอยใู่ นพิธีตอ้ งแสดงรหสั ของลูกเสือ และจะเอามือลงต่อเม่ือลูกเสือกล่าวจบ) ผกู้ ากบั “ขา้ เชื่อในเกียรติของเจา้ จะปฏิบตั ิตามคาสัญญาที่เจา้ ไดก้ ล่าวไว”้ ผกู้ ากบั ติดอินทรธนูใหก้ บั ให้กบั ลูกเสือใหม่แลว้ กล่าววา่ “บดั น้ีเจา้ ไดเ้ ขา้ เป็ นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ และเป็ นสมาชิกผหู้ น่ึงของคณะพีน่ อ้ ง ลูกเสือแห่งโลกอนั ยงิ่ ใหญ่แลว้ ขอใหเ้ จา้ ปฏิบตั ิหนา้ ที่ของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ และมีความสุขความเจริญตลอกกาลนาน”
248 (โอกาสน้ีผกู้ ากบั อาจมอบบตั รประจาตวั หรือเคร่ืองหมายอ่ืนผกู้ ากบั กลุ่มลูกเสือ และผบู้ งั คบั บญั ชา ลูกเสือจะแสดงความยนิ ดีต่อลูกเสือใหมด่ ว้ ยก็ได)้ ลูกเสือใหม่กลบั หลงั หนั แสดงความเคารพตอ่ กองลูกเสือดว้ ยทา่ วนั ทยหตั ถ์ แลว้ กลบั เขา้ ประจาหมู่ของตน โดยออกคาสั่งวา่ “ลูกเสือใหม่เขา้ ประจาหมู่ – วงิ่ ” ลูกเสือใหม่วงิ่ เขา้ ประจาหมู่ของตน รูป พธิ ีเข้ำประจำกองลูกเสือสำมัญรุ่นใหญ่มกี องอยู่แล้ว ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ 1. ใหม้ ีรองผกู้ ากบั ถือพานท่ีใส่อินทรธนูสาหรับที่จะประดบั ใหก้ บั ลูกเสือใหมโ่ ดยใหย้ นื อยู่ ทางขวามือของผกู้ ากบั 2. ใหม้ ีธงประจากองประดิษฐานไวห้ รือรองผกู้ ากบั เป็นผถู้ ือ อยทู่ างซา้ ยของผกู้ ากบั คือ ทางขวาของกองลูกเสือท่ีทาพธิ ีนนั่ เอง ข. ในกรณที ี่ยงั ไม่มกี องลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ (ต้งั กองขนึ้ ใหม่นั่นเอง) 1) ลูกเสือท้งั หมดเขา้ แถว เป็ นแถวตอนหมูห่ นา้ ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ แต่งเครื่องแบบควรยกเวน้ อินทรธนูท่ีผกู้ ากบั 2) ธงประจากองลูกเสือ ให้รองผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ถือไวใ้ นท่าตรงดา้ นขวามือ ของผกู้ ากบั และห่างจากผูก้ ากบั พอสมควร 3) ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่เรียกลูกเสือใหม่ออกมายนื เป็นแถวหนา้ กระดานหนา้ ผกู้ ากบั คร้ังละหมูโ่ ดยเรียกช่ือทีละคน 4) ผกู้ ากบั สอบถามลูกเสือใหม่ (เหมือนอยา่ งมีกองลูกเสืออยกู่ ่อนแลว้ ) 5) เมื่อผกู้ ากบั ติดอินทรธนูใหล้ ูกเสือใหมแ่ ลว้ ใหล้ ูกเสือใหม่ไปเขา้ แถวเตรียมเป็ นรูป คร่ึงวงกลม (หมายความวา่ เมื่อทุกหมูเ่ ขา้ แถวเรียบร้อยแลว้ จะเป็นรูปคร่ึงวงกลม ลอ้ มรอบผกู้ ากบั )
249 โดยออกคาสัง่ วา่ “ลูกเสือใหมเ่ ขา้ ประจาที่ – วง่ิ ” ลูกเสือใหมว่ ง่ิ ไปเขา้ ที่ของตน (ซ่ึงผกู้ ากบั นดั หมายไวก้ ่อนแลว้ ) หมำยเหตุ ลูกเสือสามญั รุ่นใหญใ่ หใ้ ชไ้ มง้ ่ามแทนไมพ้ ลอง ผงั แสดงกำรเข้ำประจำกองแบบต้งั กองใหม่ จะกระทำพธิ ีเข้ำประจำกองลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ให้แก่ลกู เสือใหม่เมื่อไร 1) เมื่อลูกเสือสามญั ท่ีรับมาเป็นลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่และไดย้ นื่ ใบสมคั ร ลส.3 ต่อผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่แลว้ 2) ผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญท่ ี่รับสมคั รลูกเสือสามญั ไวแ้ ละไดบ้ รรจุชื่อลงในทะเบียน ลูกเสือ (ลส.8) วา่ ใหอ้ ยใู่ นหมูใ่ ดหมู่หน่ึง และกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงท่ีกองลูกเสือกองน้นั สังกดั อยู่ เป็น การเรียบร้อย 3) เมื่อลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ท่ีรับมาใหม่ไดร้ ับการฝึกอบรมและสอบไดเ้ ครื่องหมายลูกเสือ โลกแลว้ จะกระทำพธิ ีเข้ำประจำกองที่ไหน 1) สถานท่ีซ่ึงกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ที่จะรับลูกเสือใหมก่ าหนดข้ึน อาจเป็ นห้องประชุม โรงเรียน หอ้ งลูกเสือท่ีมีโตะ๊ หมู่บูชาและเครื่องเคารพสกั การะครบ และมีเน้ือที่กวา้ งขวางที่สามารถ กระทาพธิ ีการน้นั ไดโ้ ดยสะดวก 2) ที่ปะราท่ีจดั ข้ึนในสนามหนา้ โรงเรียน
250 ลูกเสือสำมัญรุ่นใหญ่เข้ำพธิ ีประจำกองทำไม 1) เพอ่ื ใหค้ าสัตยป์ ฏิญาณตนหรือให้คามน่ั สญั ญาต่อผกู้ ากบั วา่ จะรับการฝึกอบรมวชิ าลูกเสือ ดว้ ยจิตใจของลูกเสืออยา่ งแทจ้ ริง โดยไมล่ ะเมิดสิทธิของบุคคลอ่ืน 2) เพอื่ ยอมรับปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ และยดึ ถือปฏิบตั ิเป็นกิจวตั ร ประจาวนั เกิดความภาคภูมิใจในเกียรติที่ตนไดร้ ับและความดีที่ผอู้ ่ืนยกยอ่ ง 3) เพอ่ื จะบาเพญ็ ตนเพื่อสาธารณประโยชน์ และมุ่งที่สร้างแตค่ วามดีตลอดไป 4) เพือ่ เผยแพร่กิจการลูกเสือและสนบั สนุนกิจการลูกเสือของชาติใหเ้ จริญกา้ วหนา้ โดยการ ประพฤติปฏิบตั ิเป็นตวั อยา่ งที่ดีแก่บุคคลอื่น 5) เพ่อื เป็นการฝึกใหร้ ู้จกั หนา้ ที่รับผดิ ชอบ เพ่อื ช่วยรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรมและป้องกนั รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ สามสถาบนั ของเราไวต้ ้งั แต่ยงั เป็นลูกเสือ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293