Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรการฝึกอบรมผู้กำกับลูกเสือสามัญรุ๋นใหญ่_ขั้นความรู้เบื้องต้น

หลักสูตรการฝึกอบรมผู้กำกับลูกเสือสามัญรุ๋นใหญ่_ขั้นความรู้เบื้องต้น

Published by DaiNo Scout, 2021-11-13 07:55:00

Description: หลักสูตรการฝึกอบรมผู้กำกับลูกเสือสามัญรุ๋นใหญ่_ขั้นความรู้เบื้องต้น

Search

Read the Text Version

51 ทกั ษะชีวติ สำหรับลกู เสือต้ำนภัยยำเสพติด องค์ประกอบ วตั ถุประสงค์ ทกั ษะชีวติ คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ รู้/เขา้ ใจ ภยั อนั ตราย และวเิ คราะห์ความเส่ียงต่อปัญหายาเสพติดได้ คิดสร้างสรรค์ มีแนวทางในการป้องกนั ตนเองจากปัญหายาเสพติด ตระหนกั รู้ในตน ตระหนกั วา่ ปัญหายาเสพติดเป็นเร่ืองใกลต้ วั ตอ้ งรู้เท่าทนั และหลีกเล่ียงได้ เขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ื่น เขา้ ใจ/เห็นใจ ผไู้ ดร้ ับผลกระทบจากปัญหายาเสพติด ความภาคภูมิใจ ภูมิใจ และเห็นคุณคา่ ของตนเอง ใหค้ วามสาคญั กบั คุณค่าภายในตนเองซ่ึง ในตนเอง เป็นคุณค่าที่แทแ้ ละสร้างไดเ้ อง ไมใ่ ช่รูปลกั ษณ์ภายนอกและวตั ถุซ่ึงเป็น คุณคา่ เทียมที่ไมย่ งั่ ยนื เพราะตอ้ งอาศยั ปัจจยั ภายนอก รับผดิ ชอบต่อสังคม รับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม หลีกเล่ียงยาเสพติด และตระหนกั วา่ ทุกคน ตอ้ งมีส่วนร่วมในการป้องกนั ปัญหายาเสพติด การส่ือสาร สามารถปฏิเสธการมีพฤติกรรมเส่ียง เตือนเพื่อนท่ีเสี่ยง หาคาปรึกษา ให้ การสร้างสมั พนั ธภาพ คาปรึกษาที่ดีแก่ผอู้ ่ืนได้ การตดั สินใจ ตดั สินใจดว้ ยเหตุผล สามารถหาทางออกท่ีเหมาะสมในปัญหาต่าง ๆ ได้ การแกไ้ ขปัญหา การจดั การกบั อารมณ์ จดั การกบั อารมณ์และความเครียดได้ มีวธิ ีระบายออกไดเ้ หมาะสม ไมใ่ ช้ การจดั การความเครียด ยาเสพติด

52 ทกั ษะชีวติ สำหรับลูกเสือประชำธิปไตยและควำมเป็ นพลเมือง องค์ประกอบทกั ษะ วตั ถุประสงค์ ชีวติ คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ รู้/เขา้ ใจ หลกั การประชาธิปไตยที่ถูกตอ้ ง และหนา้ ท่ีพลเมือง คิดสร้างสรรค์ มีแนวทางท่ีเหมาะสมในการส่งเสริ มประชาธิปไตยและความเป็ นพลเมือง สาหรับตนเองและผอู้ ่ืน ตระหนกั รู้ในตน ตระหนกั วา่ ประชาธิปไตยตอ้ งเร่ิมท่ีตนเองก่อน รักษาและใชส้ ิทธิของ ตนเองในทางท่ีถูกตอ้ ง เขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ่ืน เคารพสิทธิผอู้ ื่น เขา้ ใจ ยอมรับ และเคารพในความคิดเห็น ความเชื่อ ของ ผอู้ ื่นที่แตกต่างจากตนเอง ความภาคภูมิใจ ตระหนกั และเห็นคุณค่าของความเป็นพลเมืองไทย ในตนเอง รับผดิ ชอบต่อสังคม ใหค้ วามสาคญั ในการมีส่วนร่วมรับผดิ ชอบสงั คมและประเทศชาติ การสื่อสาร สามารถสร้างความเขา้ ใจ จดั การความขดั แยง้ ชกั ชวน รณรงค์ ปฏิเสธ ให้ การสร้างสัมพนั ธภาพ คาปรึกษา หาคาปรึกษา สร้างและรักษาสมั พนั ธภาพที่ดีกบั ผอู้ ่ืน การตดั สินใจ ตดั สินใจดว้ ยเหตุผล สามารถหาทางออกที่เหมาะสมในปัญหาต่าง ๆ ได้ การแกไ้ ขปัญหา การจดั การกบั อารมณ์ จดั การกบั อารมณ์และความเครียดได้ มีวธิ ีระบายออกไดเ้ หมาะสม ไม่ใช้ การจดั การความเครียด อารมณ์และความรุนแรงในการแกป้ ัญหา

53 3. ลกั ษณะและกระบวนกำรเรียนรู้ของกจิ กรรมลูกเสือเพื่อเสริมสร้ำงทกั ษะชีวติ กระบวนกำรเรียนรู้ทส่ี ร้ำงทกั ษะชีวติ ทกั ษะชีวติ เกิดข้ึนไดจ้ ากการเรียนรู้เองตามธรรมชาติ ข้ึนอยกู่ บั ประสบการณ์และการมี แบบอยา่ งท่ีดี จึงไมม่ ีทิศทางการเรียนรู้ที่แน่นอน และกวา่ จะเรียนรู้ก็อาจชา้ เกินไป จาเป็นตอ้ งมี กระบวนการเรียนรู้ท่ีสร้างทกั ษะชีวติ ใหเ้ ด็ก ในทิศทางท่ีชดั เจนและตรงกบั ปัญหาของเด็กแตล่ ะวยั ซ่ึง ทาได้ 2 วธิ ีการใหญ่ ๆ คือ 1. สร้างทกั ษะชีวติ ใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. สร้างทกั ษะชีวติ ในกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ท้งั กิจกรรมในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียน 8 กิจกรรมสร้างทกั ษะชีวติ โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้ท่ียดึ ผเู้รียนเป็นศูนยก์ ลางซ่ึงมีลกั ษณะ5ประการ ไดแ้ ก่ 1. การสร้างความรู้ (construction) เป็นการจดั กิจกรรมใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมทางสติปัญญา และทางความคิด ไดม้ ีการอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดและประสบการณ์ เพื่อสร้างองคค์ วามรู้ใหม่ร่วมกนั ซ่ึงทาใหเ้ กิดทกั ษะชีวติ 2องคป์ ระกอบที่เป็นแกนหลกั คือความคิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ และความคิดสร้างสรรค์ การอภิปรายแลกเปล่ียนประสบการณ์และความคิดเห็นดว้ ยเหตุผล ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจ และยอมรับผอู้ ่ืนมากข้ึน ขณะเดียวกนั กไ็ ดไ้ ตร่ตรองและทาความเขา้ ใจตนเองดว้ ย เป็ นองคป์ ระกอบ ทกั ษะชีวติ ดา้ นจิตพิสัยคือการตระหนกั รู้ตนเองและเขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ่ืน 2. การมีปฏิสัมพนั ธ์ (Interaction) ท้งั ระหวา่ งผเู้ รียนดว้ ยกนั และระหวา่ งผเู้ รียนกบั ผสู้ อน รวมท้งั แหล่งเรียนรู้อ่ืน ๆ ท่ีหลากหลาย เพ่ือทากิจกรรมร่วมกนั ใหบ้ รรลุเป้าหมาย ทาให้เกิด

54 องคป์ ระกอบทกั ษะชีวติ ดา้ นทกั ษะพิสัย ท้งั 3 คู่ คือ การสื่อสารและสร้างสัมพนั ธภาพ การตดั สินใจ และแกไ้ ขปัญหา การจดั การกบั อารมณ์และความเครียด การยอมรับจากกลุ่ม การทางานสาเร็จ การได้ รับคาชม ทาใหเ้ กิดความภูมิใจและเห็นคุณค่าตนเอง เม่ือประกอบกบั ความตระหนกั วา่ ตนเองเป็นส่วน หน่ึงของกลุ่ม จึงนาไปสู่ความรับผดิ ชอบมากข้ึน ทาใหเ้ ห็นคุณคา่ ตนเองและรับผดิ ชอบต่อสงั คม 3. จดั กิจกรรมอยา่ งเป็ นกระบวนการ (Process Learning) การเรียงลาดบั กิจกรรม การออกแบบ กลุ่มและการออกแบบงานในแตล่ ะกิจกรรมตอ้ งช่วยใหผ้ ูเ้ รียนเกิดความเขา้ ใจชดั เจนและทากิจกรรม ท่ีมอบหมายไดส้ าเร็จตามวตั ถุประสงค์ 4. การมีส่วนร่วมทางกาย ไดล้ งมือทาดว้ ยตนเอง (Physical Participation) ช่วยกระตุน้ ให้ ผเู้ รียนเกิดความสนใจ สนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดการรับรู้และเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 5. มีการประยกุ ตใ์ ช้ (Application) เป็นการเช่ือมโยงองคค์ วามรู้ท่ีไดก้ บั ชีวติ จริงของผูเ้ รียน ได้ นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ท้งั ต่อตนเองและผอู้ ่ืนอยา่ งเป็นรูปธรรม ทาใหเ้ ห็นประโยชน์ และ คุณคา่ ของการเรียนรู้ท่ีไดร้ ับ และกระตุน้ ความตอ้ งการเรียนรู้มากยงิ่ ข้ึน ขบวนกำรลูกเสือ (Scout movement) - ตำมคำนิยำมของลกู เสือโลก เป็นกระบวนการเรียนรู้และพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเน่ืองสาหรับเยาวชน เพอ่ื สร้างเยาวชนท่ีมี จิตใจเสียสละ รับผดิ ชอบและอุทิศตนแก่สังคม ดว้ ยวธิ ีการลูกเสือ - จำกแนวกำรจัดกจิ กรรมพฒั นำผ้เู รียน 2552 - สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ัน พืน้ ฐำน เป็นกระบวนการทางการศึกษาส่วนหน่ึง ซ่ึงมุง่ พฒั นา สมรรถภาพของบุคคล ท้งั ทางสมอง ร่างกาย จิตใจ และศีลธรรม เพือ่ ใหเ้ ป็นบุคคลท่ีมีความประพฤติดีงาม ไมก่ ระทาตนเป็ นปัญหาของ สังคม ดารงชีวติ อยา่ งมีความหมาย และสุขสบาย 4. หลกั กำรลูกเสือ (Scout principle) 4.1 หลกั กำรลูกเสือโลก ลูกเสือโลกเนน้ หนา้ ที่ตามหลกั การ 3 ประการ คือ 1. หนา้ ที่ต่อพระเจา้ /ศาสนา (ดา้ นจิตวญิ ญาณ) คือการแสวงหาและดาเนินชีวติ อยา่ งมีคุณคา่ และมีความหมาย 2. หนา้ ท่ีต่อผอู้ ื่น คือการเคารพ ใหเ้ กียรติ ช่วยเหลือผูอ้ ่ืน รวมถึงสงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม 3. หนา้ ที่ต่อตนเอง ไดแ้ ก่ พฒั นาตนเองท้งั ดา้ น ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และจิตวิญญาณ 4.2 หลกั กำรลกู เสือไทย ลูกเสือไทยมีหนา้ ท่ีตามหลกั การ 5 ประการ คือ 1. รับผดิ ชอบต่อการพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนื่อง

55 2. เขา้ ร่วมพฒั นาสังคม ยอมรับ เคารพในเกียรติและศกั ด์ิศรีผอู้ ่ืนและเพอื่ นมนุษยท์ ุกคน รวมท้งั ธรรมชาติ และสรรพสิ่งท้งั หลายในโลก 3. มีศาสนาเป็นหลกั ยดึ ทางใจ 4. จงรักภกั ดีต่อพระมหากษตั ริยแ์ ละประเทศชาติ 5. ยดึ มน่ั ในคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ 5. วธิ กี ำรลูกเสือ (Scout method) วธิ ีการลูกเสือไทย มี 7 ประการ 5.1 การฝึกอบรมเพือ่ ความกา้ วหนา้ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 5.2 การสนบั สนุนโดยผใู้ หญ่ 5.3 ยดึ มนั่ ในคาปฏิญาณและกฎ 5.4 การใชส้ ัญลกั ษณ์ร่วมกนั 5.5 ระบบหมู่ 5.6 การศึกษาธรรมชาติ 5.7 เรียนรู้จากการกระทา 6. ลกั ษณะของกจิ กรรมลูกเสือ หลกั การลูกเสือสอดคลอ้ งกบั ทกั ษะชีวติ หลายองคป์ ระกอบ และวธิ ีการลูกเสือกจ็ ดั เป็น กระบวนการเรียนรู้ท่ียดึ ผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลางรูปแบบหน่ึง ท่ีเรียนรู้ในระบบหมู่ ผา่ นกิจกรรมท่ี สนุกสนานเพลิดเพลิน ร่วมกบั องคป์ ระกอบอื่นๆ ท่ีเป็ นเอกลกั ษณ์เฉพาะตามวธิ ีการลูกเสือ คุณคา่ ของส่ือการเรียนการสอนประเภทกิจกรรม (สื่อการจดั กิจกรรม) 1. ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนกลา้ แสดงออกและทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนได้ 2. กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจ เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทาใหม้ ีการรับรู้และการ เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ผเู้ รียนสามารถเรียนไดม้ ากข้ึนแต่เสียเวลานอ้ ยลง ซ่ึงเป็นลกั ษณะเฉพาะ ของส่ือการสอนประเภทกิจกรรม 3. เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการกาหนดขอบข่าย เน้ือหา และวตั ถุประสงค์ 4. ผเู้ รียนไดฝ้ ึกฝน พฤติกรรมการเรียนรู้ท้งั ทางดา้ นความรู้ เจตคติ ทกั ษะ รวมท้งั จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ โดยเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ดว้ ยตนเอง หลกั สูตรลูกเสือทเี่ สริมสร้ำงทักษะชีวติ หลกั สูตรลูกเสือท่ีใชจ้ ดั กิจกรรมมาแต่เดิมใชว้ ชิ าเป็ นตวั ต้งั ตน้ ในการกาหนดวตั ถุประสงค์ ของหลกั สูตรกิจกรรมลูกเสือซ่ึงเนน้ ทกั ษะการดารงชีวติ เป็ นส่วนใหญ่ ส่วนหลกั สูตรการจดั กิจกรรม ลูกเสือเพ่อื เสริมสร้างทกั ษะชีวติ ไดใ้ ชเ้ หตุการณ์สาคญั และสภาพปัญหาในชีวติ จริงของเดก็ แตล่ ะวยั

56 เป็นตวั ต้งั ตน้ การกาหนดวตั ถุประสงคข์ องหลกั สูตร โดยพิจารณาร่วมกบั วตั ถุประสงคข์ องหลกั สูตร ลูกเสือโลกและแนวทางการพฒั นาลูกเสือไทย 8 ประการ เม่ือหลอมรวมตดั ทอนส่วนที่ซ้าซอ้ น ออกไป และสรุปเป็นแนวทางการพฒั นาลูกเสือเพ่ือเสริมสร้างทกั ษะชีวติ 4 ดา้ น คือ ดา้ นร่างกาย และสิ่งแวดลอ้ ม ดา้ นสติปัญญาค่านิยมและเจตคติ ดา้ นจิตใจ ศีลธรรมและสมั พนั ธภาพระหวา่ ง บุคคล ดา้ นสัมพนั ธภาพกบั ชุมชน สงั คม จากน้นั ไดว้ ิเคราะห์ผลการเรียนรู้ตามแนวทางพฒั นาลูกเสือ เพอื่ เสริมสร้างทกั ษะชีวติ ท้งั 4 ดา้ น แลว้ กาหนดเป็นหน่วยการจดั กิจกรมการเรียนรู้ไดจ้ านวน 15 หน่วยการเรียนรู้ ดงั ตารางต่อไปน้ี ตำรำง เปรียบเทยี บวตั ถุประสงค์ของหลกั สูตรลูกเสือโลก 6 ด้ำน กบั แนวทำงพฒั นำลูกเสือไทย 8 ประกำรและหลกั สูตรลกู เสือทเ่ี สริมสร้ำงทกั ษะชีวติ 4 ด้ำน หลกั สูตรลูกเสือโลก แนวทำงพฒั นำลูกเสือไทย หลกั สูตรลูกเสือทเี่ สริมสร้ำง 6 ด้ำน 8 ประกำร ทกั ษะชีวติ 4 ด้ำน ร่างกาย ร่างกาย ร่างกายและส่ิงแวดลอ้ ม รับผดิ ชอบต่อสิ่งแวดลอ้ ม สติปัญญา สติปัญญา สติปัญญา คา่ นิยม และเจตคติ สร้างค่านิยมและเจตคติ จริยธรรม จิตใจ ศีลธรรม และ จิตใจ จิตใจ ศีลธรรม สมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคล จิตวิญญาณ สมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคล สัมพนั ธภาพกบั ชุมชน และ สัมพนั ธภาพทางสังคม สมั พนั ธภาพต่อชุมชน สงั คม สัมพนั ธภาพทางสังคม แนวทำงพฒั นำลูกเสือทีเ่ น้นทกั ษะชีวติ 4 ด้ำน จะครอบคลุมทกั ษะชีวติ ท้งั 12 องคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ดา้ นร่างกายและส่ิงแวดลอ้ ม (รับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม) 2. ดา้ นสติปัญญา ค่านิยมและเจตคติ (คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ คิดสร้างสรรค์ เขา้ ใจตนเอง ตดั สินใจแกไ้ ขปัญหา) 3. ดา้ นจิตใจ ศีลธรรม และสัมพนั ธภาพระหวา่ งบุคคล (สื่อสาร/สร้างสมั พนั ธภาพ เห็น คุณคา่ ตนเอง เขา้ ใจเห็นใจผอู้ ่ืน จดั การกบั อารมณ์และความเครียด) 4. ดา้ นสมั พนั ธภาพกบั ชุมชนและสงั คม (รับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม)

57 ตำรำง กำรวเิ ครำะห์ผลกำรเรียนรู้ในแนวทำงพฒั นำลกู เสือเพื่อเสริมสร้ำงทกั ษะชีวติ 4 ด้ำน ด้ำนกำรพฒั นำ หน่วยกจิ กรรมกำรเรียนรู้ (ผลกำรเรียนรู้) ด้ำนร่ำงกำยและสิ่งแวดล้อม หน่วยที่ 1 สาระสาคญั ของการลูกเสือ หน่วยที่ 2 ทกั ษะลูกเสือ หน่วยที่ 3 สุขภาพอนามยั ดี หน่วยที่ 4 ความปลอดภยั หน่วยท่ี 5 ดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หน่วยท่ี 6 อนุรักษแ์ ละร่วมแกไ้ ขทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม ด้ำนสติปัญญำ ค่ำนิยม หน่วยที่ 7 การคิดวเิ คราะห์ ตดั สินใจ แกไ้ ขปัญหา และเจตคติ หน่วยที่ 8 จุดดี จุดดอ้ ย และการพฒั นาตนเอง ด้ำนจิตใจ ศีลธรรม และ หน่วยที่ 9 รักและศรัทธา สถาบนั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ สัมพนั ธภำพระหว่ำงบุคคล หน่วยที่ 10 ปฏิบตั ิตามวถิ ีไทย และภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น หน่วยท่ี 11 คุณธรรม – จริยธรรม หน่วยท่ี 12 สมั พนั ธภาพและการส่ือสาร ด้ำนสัมพนั ธภำพกบั ชุมชน หน่วยที่ 13 มีจิตอาสา สังคม หน่วยท่ี 14 รักและหวงแหน สาธารณสมบตั ิของชุมชน/ชาติ หน่วยท่ี 15 รับผดิ ชอบปัญหาสงั คม

58 7. ลกั ษณะของกจิ กรรมลูกเสือเพ่ือเสริมสร้ำงทกั ษะชีวติ การจดั กิจกรรมลูกเสือท่ีเสริมสร้างทกั ษะชีวิตน้นั ไดร้ ักษาจุดเด่น เอกลกั ษณ์ หลกั การ วธิ ีการ ของลูกเสือไว้ โดยสอดแทรกการเรียนรู้ทกั ษะชีวติ เพิ่มเขา้ ไปเพื่อตอบสนองวตั ถุประสงคท์ ี่รอบดา้ น ครอบคลุมการดารงชีวติ ในปัจจุบนั ใหช้ ดั เจนข้ึน ให้เด็กไดฝ้ ึกคิด วเิ คราะห์ ไดต้ รวจสอบความคิด ความเช่ือของตนกบั คนส่วนใหญ่ ยอมรับความคิดและเคารพสิทธิผอู้ ่ืน ตดั สินใจ แกไ้ ขปัญหา ใน สถานการณ์สมมุติ รวมท้งั ไดฝ้ ึกฝนทกั ษะทางจิตสงั คมที่จาเป็น เพ่ือใหเ้ กิดทกั ษะชีวติ ที่ตอ้ งการสร้าง ท้งั ทกั ษะชีวติ ทว่ั ไป และทกั ษะชีวติ เฉพาะ เมื่อจดั ประเภทตามทกั ษะและความสามารถ ในการปฏิบตั ิกิจกรรม แบง่ ออกไดเ้ ป็น 5 ประเภท คือ 1. กจิ กรรมกำรแสดงออก เป็ นกิจกรรมท่ีเปิ ดโอกาสใหล้ ูกเสือไดใ้ ชค้ วามสามารถในการ แสดงออก แสดงความคิดสร้างสรรค/์ จินตนาการในรูปแบบต่าง ๆ ซ่ึงมกั จะเป็นการจาลอง ประสบการณ์ตา่ ง ๆ มาเพื่อการเรียนรู้ไดง้ ่ายและสะดวกข้ึน หรือเป็ นสิ่งที่ใชแ้ ทนประสบการณ์จริง เพราะศาสตร์ต่างๆ ในโลก มีมากเกินกวา่ ท่ีจะเรียนรู้ไดห้ มดสิ้นจากประสบการณ์ตรงในชีวติ และ บางกรณีก็อยใู่ นอดีต หรือซบั ซอ้ นหรือเป็ นอนั ตราย ไม่สะดวกต่อการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ตวั อยา่ งกิจกรรม เช่น 1.1 สถานการณ์จาลอง เป็นการจดั สภาพแวดลอ้ มเลียนแบบความจริงใหใ้ กลเ้ คียง กบั สภาพความเป็นจริงมากท่ีสุด เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกฝน แกป้ ัญหาและตดั สินใจจากสภาพการณ์ท่ี กาลงั เผชิญอยนู่ ้นั แลว้ นาประสบการณ์แห่งความสาเร็จไปเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหา 1.2 การสาธิต กระบวนการท่ีผสู้ อนช่วยใหผ้ เู้ รียนไดเ้ กิดการเรียนรู้ตามวตั ถุประสงค์ โดยการแสดงหรือกระทาให้ดูเป็ นตวั อยา่ ง ใหค้ วามสาคญั กบั กระบวนการท้งั หมดท่ีผูเ้ รียนจะตอ้ งเฝ้า สังเกตอยโู่ ดยตลอด 1.3 การเล่านิทาน 1.4 ละคร หุ่นจาลอง 1.5 เพลง ดนตรี การเคล่ือนไหวตามจงั หวะดนตรี หมายถึง กิจกรรมท่ีเนน้ การใช้ ดนตรีเป็นสื่อในการเรียนรู้ท้งั ในแง่เน้ือหาและความบนั เทิง ผอ่ นคลาย และเขา้ ถึงวฒั นธรรมต่าง ๆ 1.6 ศิลปะ แขนงอื่น ๆ เช่น การวาดรูป การป้ันดินเหนียว งานหตั ถกรรม การร้อย ดอกไม้ 1.7 การโตว้ าที ฯลฯ 2. กจิ กรรมกำรรำยงำนและกำรสำรวจ เป็นกิจกรรมที่เนน้ ใหล้ ูกเสือไดเ้ รียนรู้จากความเป็น จริง /เหตุการณ์จริง ในชีวติ ประจาวนั ผา่ นประสบการณ์ตรงดว้ ยตนเอง ซ่ึงเป็นรากฐานสาคญั ของ การศึกษา เช่น การทาแผนที่ การสารวจ หมายถึง การเรียนรู้ผา่ นสถานการณ์จริงดว้ ยการลงพ้ืนที่

59 สารวจ และจาลองส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้สู่แผนที่ ภาพ หรือสัญลกั ษณ์ เพื่อแสดงความคิดรวบยอดของส่ิงที่ได้ เรียนรู้น้นั ตวั อยา่ งกิจกรรม เช่น การสมั ภาษณ์ การเป็ นผสู้ ื่อข่าว การทาสารคดี การศึกษานอกสถานที่ ชุมชนศึกษา การผลิตสื่อ การทาปูม การจดั นิทรรศการ การสอดแนม สารวจ แผนท่ี เขียนเรียงความ 3. กจิ กรรมกำรวิเครำะห์และกำรประเมิน เป็นการเรียนรู้ท่ีเกิดจากการแลกเปล่ียนความ คิดเห็นและร่วมกนั วเิ คราะห์ ประเมินส่ิงตา่ งๆที่เกิดข้ึน ตวั อยา่ งกิจกรรม เช่น การเปรียบเทียบคุณค่า การประเมินความเส่ียง การทาแผนที่ความคิด ฯลฯ 4. เกมและกำรแข่งขัน 4.1 เกม เป็น กิจกรรมท่ีมีกฎกติกา และลาดบั ข้นั ตอน ที่เอ้ือใหล้ ูกเสือเกิดการเรียนรู้ผา่ น การเล่นเกม ใหข้ อ้ คิดท่ีสอดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้ที่ตอ้ งการ 4.2 การแขง่ ขนั เป็นกิจกรรมท่ีมีกติกาในการแขง่ ขนั และมีการตดั สินหาผชู้ นะ เช่น การ ตอบปัญหาในเรื่องต่าง ๆ เพื่อกระตุน้ ใหเ้ กิดความสนใจใฝ่ รู้มากข้ึน ฯลฯ 5. กจิ กรรมบำเพญ็ ประโยชน์ เป็นกิจกรรมสร้างสรรคท์ ่ีเนน้ การฝึกความเสียสละของลูกเสือ ไดแ้ ก่ การจดั กิจกรรมการกุศล การซ่อมของเล่นใหน้ อ้ ง การดูแลทาความสะอาดสถานที่ การปลูก และดูแลตน้ ไม้ การเกบ็ ผกั จากแปลงไปประกอบอาหารเล้ียงนอ้ ง

60 กระบวนกำรเรียนรู้ของกจิ กรรมลกู เสือสร้ำงทกั ษะชีวติ กิจกรรมลูกเสือ มีองคป์ ระกอบครบท้งั 5 ประการ ของกระบวนการเรียนการสอนที่ยดึ ผเู้ รียน เป็นศูนยก์ ลาง การสร้างทกั ษะชีวติ ท้งั 12 องคป์ ระกอบ เกิดข้ึนดว้ ยกิจกรรมดงั ตารางต่อไปน้ี องค์ประกอบทกั ษะชีวติ กจิ กรรม คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ การอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดและประสบการณ์ เพ่อื สร้างองคค์ วามรู้ คิดสร้างสรรค์ ใหม่ร่วมกนั กิจกรรมที่ตอ้ งคิดนอกกรอบ สร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ งานศิลป์ งานฝีมือ การ แสดง ตระหนกั รู้ในตน การอยรู่ ่วมกนั ในหมู่ลูกเสือ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความ เขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ื่น คิดเห็นดว้ ยเหตุผล ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจและยอมรับผอู้ ื่นมากข้ึน ขณะเดียวกนั ก็ไดไ้ ตร่ตรองและทาความเขา้ ใจตนเองดว้ ย ภาคภูมิใจในตนเอง การเป็นที่ยอมรับในหมูล่ ูกเสือ/ทุกคนเคารพใหเ้ กียรติซ่ึงกนั และกนั /การ รับผดิ ชอบสังคม ทางานสาเร็จ ไดร้ ับคาชม ทาใหเ้ กิดความภูมิใจและเห็นคุณคา่ ตนเอง ตระหนกั วา่ ตนเองเป็นส่วนหน่ึงของหมู่ลูกเสือท่ีจะตอ้ งมีส่วนร่วม รับผดิ ชอบ จึงทาใหม้ ีวนิ ยั และรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและส่วนรวมมากข้ึน การส่ือสาร การทางานร่วมกนั ในหมู่ลูกเสือ ตอ้ งสื่อสารและมีสัมพนั ธภาพท่ีดีต่อกนั การสร้างสัมพนั ธภาพ ตอ้ งตดั สินใจและแกไ้ ขปัญหาตา่ ง ๆ ท่ีเกิดในการทางานร่วมกนั รวมท้งั การตดั สินใจ ควบคุมอารมณ์และความเครียดท่ีเกิดข้ึนจากความขดั แยง้ คิดเห็นตา่ งกนั การแกไ้ ขปัญหา ดว้ ย นอกจากน้ียงั ตอ้ งมีปฏิสัมพนั ธ์ กบั ลูกเสือหมูอ่ ่ืน ผกู้ ากบั และแหล่ง การจดั การกบั อารมณ์ เรียนรู้อื่น ๆ ดว้ ย เพือ่ ทากิจกรรมร่วมกนั ใหบ้ รรลุเป้าหมาย การจดั การกบั ความเครียด กิจกรรมลูกเสือเพื่อเสริมสร้างทกั ษะชีวติ ในคู่มือครูทจี่ ัดทำขนึ้ เป็ นเพยี งตวั ช่วยให้เกดิ กำร เรียนกำรสอนข้ันต่ำสุดโดยไม่เกดิ ปัญหำเท่ำน้ัน ผ้กู ำกบั ลูกเสือสำมำรถทจ่ี ะพฒั นำให้ดีขนึ้ กว่ำเดิมได้ ตลอดเวลำ เพรำะสังคมมกี ำรเปลย่ี นตลอดเวลำเช่นกัน

61 เรื่อง จุดหมำย วธิ ีกำรและธรรมชำตขิ องลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ บทเรียนท่ี 3 เวลำ 45 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. จุดหมาย ประวตั ิ วธิ ีการ และสาระสาคญั ของการลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 2. ลกั ษณะนิสัย และธรรมชาติของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 3. ความตอ้ งการและค่านิยม อนั จาเป็นของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 4. แนวทางและการฝึกอบรมที่สนองตอบความตอ้ งการของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ จุดหมำย เพอ่ื ใหผ้ กู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญม่ ีความรู้ความเขา้ ใจ จุดหมาย วธิ ีการ ลกั ษณะนิสัย และธรรมชาติของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ เพอื่ เป็ นแนวทางในการจดั กิจกรรมที่ตอบสนองความ ตอ้ งการ และค่านิยมของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ วตั ถุประสงค์ เม่ือจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรมีความสามารถดงั น้ี 1. อธิบายประวตั ิ จุดหมาย วธิ ีการและสาระสาคญั ของการลูกเสือได้ 2. บอกลกั ษณะนิสยั ธรรมชาติและความตอ้ งการอนั จาเป็ นของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ได้ 3. ระบุแนวทางและวธิ ีการฝึ กอบรมใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของลูกเสือสามญั รุ่นใหญไ่ ด้ 4. ระบุแนวทางการพฒั นาค่านิยมตามวยั ของลูกเสือสามญั รุ่นใหญไ่ ด้ วธิ ีสอน/กจิ กรรม 10 นาที 1. บรรยายใหค้ วามรู้ 20 นาที 2. อภิปรายกลุ่ม 10 นาที 3. รายงานผลการอภิปรายกลุ่ม 5 นาที 4. สรุป ส่ือกำรสอน 1. Power Point หรือ แผนภูมิประกอบการบรรยาย 2. เอกสารประกอบบทเรียนเรื่อง ธรรมชาติของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 3. เอกสารประกอบบทเรียนเรื่อง สาระสาคญั ของการลูกเสือ 4. เอกสารคู่มือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ เพ่ือเสริมสร้างทกั ษะชีวติ 5. ใบกิจกรรมกลุ่ม

62 กำรประเมินผล 1. สงั เกตการปฏิบตั ิงาน 2. รายงานผลการอภิปรายกลุ่ม 3. อภิปราย ซกั ถาม เนื้อหำวชิ ำ 1. ประวตั ิ หลกั สูตรกำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำน พุทธศกั รำช 2551 กำหนดใหล้ ูกเสือช้นั มธั ยมศึกษำ ตอนตน้ ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 1 – 3 เป็นลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ ซ่ึงแตกตำ่ งจำกประเทศอ่ืน ๆ เช่น ประเทศองั กฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกำที่ไม่มีลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ แต่จะมีลูกเสืออีกประเภทหน่ึงซ่ึง อำจเปรียบไดก้ บั ลูกเสือวสิ ำมญั ของประเทศไทย ที่มีอำยอุ ยรู่ ะหวำ่ ง 14 – 18 ปี กำรลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ไดก้ ่อกำเนิดหลงั จำก บี -พี ถึงแก่กรรมไปแลว้ (เกิดปี พ.ศ.2489) สำหรับประเทศไทยน้นั ไดต้ ้งั กองลูกเสือสำมญั รุ่นใหญก่ องแรกท่ีโรงเรียนเทพศิรินทร์ กรุงเทพมหำนคร เมื่อวนั ท่ี 28 กมุ ภำพนั ธ์ 2508 เป็นกองลูกเสือประเภทสุดทำ้ ยของไทย 2. จุดหมำยของกำรลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ จุดหมำยของกำรลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ มุ่งเนน้ ท่ีจะพฒั นำเยำวชนวยั รุ่นใหเ้ ป็ นพิเศษ ท้งั ทำงกำย สติปัญญำ จิตใจสูงข้ึนและผดิ แผกแตกตำ่ งไปจำกลูกเสือสำมญั เพอื่ เป็นกำรเตรียมตวั ที่จะ เป็นวยั รุ่นโตข้ึน คือ ลูกเสือวสิ ำมญั จึงมีคติพจน์ประจำตวั วำ่ “มองไกล” หมำยถึง ใหม้ องห่ำงจำกหมู่ ห่ำงจำกองออกไปสู่สงั คมและชุมชน จะคิดจะทำอะไร ใหค้ ำนึงถึงประโยชนห์ รือกำรพฒั นำชุมชน รอบตวั รอบตำบล และสังคมส่วนใหญ่

สำระสำคัญของกำรลกู เสือ 63 เอกสำรประกอบ(1) ขอ้ บงั คบั ของคณะลูกเสือไดก้ าหนดหลกั สูตรการฝึกอบรมใหก้ วา้ งขวางออกไปสู่ชุมชนและ สังคมแทบทุกวชิ า เช่น นกั ดาราศาสตร์ นกั อุตุนิยมวทิ ยา นกั เดินทางไกล นกั ดบั เพลิง มคั คุเทศก์ นกั โบราณคดี การพดู ในท่ีสาธารณะ การช่วยผปู้ ระสบภยั การสาธารณสุขการพยาบาล การประชาสัมพนั ธ์ การสงั คมสงเคราะห์ เป็ นตน้ ในดา้ นการปกครอง ขอ้ บงั คบั คณะลูกเสือแห่งชาติกไ็ ดก้ าหนดใหล้ ูกเสือมีสงั คมกลุ่มเพ่อื น เช่น ใหม้ ีคณะกรรมการดาเนินงานกอง ประกอบดว้ ย นายหมู่ และรองนายหมู่ ซ่ึงในลูกเสือสามญั น้นั จะประชุมวางแผนกนั ระหวา่ งนายหมู่เท่าน้นั ซ่ึงเยาวชนระดบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่จะมองไกลข้ึน มีความรับผดิ ชอบมากข้ึนจะวางแผนใดจะตอ้ งอาศยั ความคิดเห็นจากการประชุม และสมาชิกใน คณะกรรมการดาเนินงานกองลูกเสือตอ้ งแบ่งหนา้ ที่กนั ทากิจกรรม เป็นประธาน รองประธาน เลขานุการ เหรัญญิก ประชาสัมพนั ธ์ ปฏิคม และอื่น ๆ เพื่อจาลองรูปแบบการเสริมสร้างประชาธิปไตย ในเยาวชนใหส้ ูงข้ึน ดว้ ยเหตุน้ีวธิ ีการของการฝึกอบรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่จึงแตกตา่ งจากลูกเสือสารองและ สามญั มีการจดั แผนการฝึ กอบรมที่กา้ วหน้า สนุกสนาน ดึงดูดใจ ทา้ ทายความสามารถโดยใช้ คาปฏิญาณ กฎ และคติพจนเ์ ป็นบรรทดั ฐานในการฝึกอบรมท้งั การเล่นเกม กีฬา เพลง หรือวชิ า ทกั ษะอื่น ๆ วตั ถุประสงคค์ ณะลูกเสือแห่งชาติ กม็ ุ่งพฒั นาลูกเสือท้งั ดา้ นการฝึกนิสยั ใหส้ งั เกต จดจา เช่ือฟัง การพ่ึงตนเอง รวมท้งั ระเบียบวนิ ยั การบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อสังคมและชุมชน 1. ขบวนกำรลูกเสือคืออะไร ขบวนการลูกเสือ คือ ขบวนการพฒั นาเด็กและเยาวชน มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือฝึกอบรมให้ การศึกษาและพฒั นาเยาวชนใหเ้ ป็นพลเมืองดี โดยไม่คานึงถึงเช้ือชาติ ศาสนา ท้งั น้ีเป็ นไปตามความ มุ่งประสงค์ หลกั การและวธิ ีการ ซ่ึงผใู้ หก้ าเนิดลูกเสือโลกไดใ้ หไ้ ว้ ขบวนการลูกเสือน้ีเป็นขบวนการ ระดบั โลก 2. องค์ประกอบสำคญั ของกำรลูกเสือ 1) ลูกเสือ 2) ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ 3) มีจุดหมาย หรืออุดมการณ์ 4) กิจกรรม 5) การบริหารงาน

64 3. จุดหมำยหรืออดุ มกำรณ์ของคณะลูกเสือแห่งชำติ ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบญั ญตั ิลูกเสือ พ.ศ. 2551 คณะลูกเสือแห่งชาติมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ พฒั นาลูกเสือท้งั ทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม ใหเ้ ป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ ช่วย สร้างสรรคใ์ หม้ ีความเจริญกา้ วหนา้ เพ่ือความสงบสุขและความมน่ั คงของประเทศชาติ 4. หลกั กำรสำคัญของลกู เสือ 1) มีศาสนา 2) มีความจงรักภกั ดีต่อประเทศชาติของตน 3) มีความศรัทธาในมิตรภาพและความเป็นพี่นอ้ งของลูกเสือทวั่ โลก 4) การบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อผอู้ ่ืน 5) การยอมรับและปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ 6) การเขา้ เป็นสมาชิกดว้ ยความสมคั รใจ 7) มีความเป็นอิสระต่ออิทธิพลทางการเมือง 8) มีกาหนดการพิเศษสาหรับการฝึกอบรมโดยอาศยั - ระบบหมู่ ระบบกลุ่ม - การทดสอบเป็นข้นั ๆ - เครื่องหมายวชิ าพิเศษ - กิจกรรมกลางแจง้ 5. วธิ ีกำร วธิ ีการท่ีจะบรรลุถึงจุดหมายหรืออุดมการณ์ของคณะลูกเสือแห่งชาติ คือ การจดั ใหม้ ีการ ฝึกอบรมท่ีกา้ วหนา้ สนุกสนาน ดึงดูดใจ โดยอาศยั คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เป็ นบรรทดั ฐาน มี ผใู้ หญเ่ ป็ นผคู้ อยใหค้ าแนะนา กุศโลบำยในกำรฝึกอบรมลูกเสือ ใชห้ ลกั กำรสำคญั ต่อไปน้ี 1) เคร่ืองแบบลกู เสือ ถือวำ่ เป็นเครื่องแบบท่ีมีเกียรติ เป็นเครื่องหมำยแห่งชำติแห่งควำมดี ดงั น้นั ลูกเสือจะตอ้ งพถิ ีพิถนั ในกำรแต่งกำยเครื่องแบบลูกเสือท่ีถูกตอ้ ง และสะอำด เรียบร้อยอยูเ่ สมอ กบั ท้งั จะตอ้ งประพฤติดีปฏิบตั ิตนใหส้ มกบั ที่ไดช้ ่ือวำ่ เป็นลูกเสือ เพอื่ เป็ นกำรรักษำชื่อเสียงของตน และคณะลูกเสือแห่งชำติ ส่วนเจำ้ หนำ้ ที่ทุกคน ก็ควรแต่งกำยเคร่ืองแบบลูกเสือในโอกำสอนั ควร และ ถือวำ่ เคร่ืองแบบลูกเสือเป็นเครื่องแบบแห่งควำมเสียสละ ในกำรที่ตนไดม้ ีบทบำทในกำรฝึกอบรมเดก็ ใหเ้ ป็นพลเมืองดี 2) คำปฏิญำณและกฎของลกู เสือ ผกู้ ากบั พึงหมน่ั ฝึกอบรมใหเ้ ด็กเขา้ ใจและปฏิบตั ิตามคา ปฏิญาณและกฎของลูกเสืออยเู่ สมอ โดยเฉพาะในเร่ืองความจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ความเป็นพ่ีนอ้ งของลูกเสืออื่นทวั่ โลก และการกระทาความดีต่าง ๆ โดยเนน้ ให้เห็น

65 วา่ ผเู้ ป็นพลเมืองดีน้นั จะตอ้ งเป็นผกู้ ระทาความดีและใชค้ วามดีน้นั ให้เป็นประโยชนม์ ิใช่เป็นคนดีโดย อยเู่ ฉย ๆ ไม่ทาอะไร 3) กำรบำเพญ็ ประโยชน์ต่อผ้อู ่ืน เรื่องน้ีเป็นเรื่องที่ทาให้กิจการลูกเสือมีชื่อเสียงและเป็นท่ี รู้จกั ของบุคคลทว่ั ไป รากฐานของคติพจน์ของลูกเสือท้งั 4 ประเภท เก่ียวขอ้ งกบั อุดมการณ์ของลูกเสือ ในการบาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ผอู้ ื่น “ทาดีท่ีสุด” คือ การทาเพอื่ คนอ่ืนหรือเพือ่ ส่วนรวม เป็นการกระทาที่ดีที่สุด “จงเตรียมพร้อม” คือ พร้อมที่จะทาความดี พร้อมเพอื่ สร้าง พร้อมเพื่อส่วนรวม “มองไกล” คือ มองใหเ้ ห็นเหตุผล มองใหเ้ ห็นคนอ่ืน มองใหเ้ ห็นส่วนรวม มิใช่มองแต่ ประโยชนข์ องตวั เอง “บริการ” คือ การใหค้ วามช่วยเหลือแก่ผอู้ ่ืน แก่ส่วนรวม นอกจากน้ี คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ กไ็ ดร้ ะบุถึงการบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อผูอ้ ื่นโดยถือวา่ สาคญั มาก แหล่งหรือโอกาสที่ลูกเสือจะบาเพญ็ ประโยชนน์ ้นั ควรเร่ิมจากส่ิงใกลต้ วั ก่อน แลว้ ขยาย ใหก้ วา้ งขวางออกไปตามวยั และความสามารถของเดก็ 4) การฝึกอบรมที่ต่อเนื่องกนั และกา้ วหนา้ สูงข้ึน 5) ระบบหมู่ ฝึกความรับผดิ ชอบ การเป็ นผนู้ า ผตู้ าม การปกครองระบบประชาธิปไตย 6) ระบบเครื่องหมายวชิ าพเิ ศษมีมากมายหลายอยา่ ง ซ่ึงลูกเสืออาจเลือกเรียนเรื่องที่ตนสนใจ ไดแ้ ละเม่ือไดผ้ า่ นการทดสอบแลว้ กจ็ ะไดร้ ับเครื่องหมายซ่ึงนามาประดบั กบั เคร่ืองแบบเป็น เคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติและแสดงสมรรถภาพของตนส่วนหน่ึง 7) กิจกรรมโดยเฉพาะกิจกรรมกลางแจง้ เช่น เดินทางไกล อยคู่ า่ ยพกั แรม ฯลฯ 8) การเล่น (เกมต่าง ๆ ) 9) การร้องเพลงและการชุมนุมรอบกองไฟ 6. แนวกำรพฒั นำลูกเสือ 8 ประกำร 1) พฒั นาทางกาย 2) พฒั นาทางสติปัญญา 3) พฒั นาทางจิตใจและศีลธรรม 4) พฒั นาในเร่ืองการสร้างค่านิยมและเจตคติ 5) พฒั นาทางสมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคล 6) พฒั นาทางสมั พนั ธภาพทางสงั คม 7) พฒั นาทางสมั พนั ธภาพต่อชุมชน 8) พฒั นาทางดา้ นความรับผิดชอบต่อส่ิงแวดลอ้ ม

66 7. พลเมืองดใี นทัศนะของลูกเสือ 1) มีความจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 2) มีเกียรติเช่ือถือได้ 3) มีระเบียบวนิ ยั สามารถบงั คบั ใจตนเองได้ 4) สามารถพ่งึ ตนเองได้ 5) เตม็ ใจและสามารถช่วยเหลือชุมชน และบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ื่นไดท้ ุกเม่ือ 8. ประโยชน์ของกำรลูกเสือ 1) เป็นการศึกษานอกแบบ 2) ช่วยเสริมการศึกษาในโรงเรียนในดา้ น - ความประพฤติ นิสยั ใจคอ สติปัญญา - ความมีระเบียบวินยั - สุขภาพและพลงั - การฝีมือและทกั ษะ - หนา้ ท่ีพลเมืองและการบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อผอู้ ่ืน 9. ท่ำนได้อะไรจำกกำรลกู เสือ 1) ไดผ้ จญภยั (Adventure) 2) ไดม้ ิตรภาพ (Friendship) 3) มีชีวติ กลางแจง้ (Outdoor life) 4) สนุก (Enjoyment) 5) ความสมั ฤทธิผล (Achievement) 10. กจิ กำรลกู เสือต้องกำรอะไร 1) ตอ้ งการเยาวชนมาสมคั รเป็นลูกเสือมากข้ึน (พลเมืองดีมีคุณภาพจะมากข้ึน) 2) ตอ้ งการผบู้ งั คบั บญั ชาท่ีมีสมรรถภาพในการฝึกอบรม 3) ตอ้ งการเงินเพียงพอ เพ่ือนามาใชใ้ นการฝึกอบรมและบริหารกิจการลูกเสือ

ธรรมชำติของลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ 67 เอกสำรประกอบ (2) ลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ เป็ นเยำวชนวยั รุ่นที่มีนิยำมเรียกแตกต่ำงกนั เช่น วยั พำยบุ ุแคม (Storm and Stress) วยั หวั เล้ียวหวั ต่อ วยั รัก วยั แห่งควำมสบั สน วยั เตรียมเป็ นผใู้ หญ่ เป็นตน้ ซ่ึงแสดงถึง ลกั ษณะธรรมชำติ กำรพฒั นำกำรทำงร่ำงกำย จิตใจ อำรมณ์ สังคม และสติปัญญำ ท่ีแปรเปล่ียนไปจำก วยั ลูกเสือสำมญั ลกั ษณะทางกาย น้ำหนกั ส่วนสูงเพิ่มข้ึน เสียงหำ้ วข้ึน มีขนหนำ้ แขง้ มีสิวตำมใบหนำ้ และลูกกระเดือกโตข้ึน เห็นไดช้ ดั เจน (ถำ้ เป็นหญิง สะโพกผำยกวำ้ งข้ึน มีขนในท่ีลบั เตำ้ นมโตข้ึน และมีสิวตำมใบหนำ้ เช่นกนั ) ลกั ษณะทางจิตใจ อำรมณ์หวน่ั ไหวง่ำย มีกำรตดั สินใจเร็ว อนั เนื่องมำจำกกำรเช่ือมนั่ ในตนเอง ชอบหำปมเด่น ใหแ้ ก่ตนเอง ตอ้ งกำรใหผ้ ูอ้ ื่นยอมรับ จึงมกั แสดงออกในลกั ษณะกำ้ วร้ำว พดู จำไม่ไพเรำะไมม่ ีน้ำเสียง บำงคร้ังอำรมณ์หงุดหงิด ชอบเลียนแบบดำรำ นกั ร้องหรือบุคคลเด่นในสงั คม และติดเพ่ือน ค่านิยมตามวยั ลกู เสือสามญั รุ่นใหญ่ วยั รุ่นเป็ นวยั ท่ีตอ้ งกำรอิสระ เป็นตวั ของตวั เอง ฟังเพื่อนมำกกวำ่ พอ่ แม่ อนั เป็นสำเหตุหน่ึง ของปัญหำวยั รุ่นที่ชอบรวมกลุ่ม ต้งั แก๊งท่ีไมเ่ หมำะสม วยั รุ่นมีคุณลกั ษณะตำมวยั ท่ีตอ้ งไดร้ ับกำรพฒั นำ 2 ประกำร คือ ค่ำนิยมทำงเพศ กบั คำ่ นิยม ทำงสังคม ควำมต้องกำรของลูกเสือสำมัญรุ่นใหญ่ ลูกเสือวยั รุ่นหนุ่มตามขอ้ บงั คบั ของคณะลูกเสือแห่งชาติ วา่ ดว้ ยการปกครองฯ เรียกคนหนุ่ม ในวยั น้ีวา่ ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ มีอายตุ ้งั แต่ 14 ปี ข้ึนไป ลูกเสือรุ่นหนุ่มท่ีมีอายุ 14 ปี ข้ึนไปน้นั เป็ นบุคคลที่มีความทะเยอทะยานมาก เขาอยากจะทา โน่นทาน่ีหลายอยา่ ง เขาคิดจะทาใหส้ ังคมที่เขาอาศยั อยมู่ ีสภาพท่ีดี แต่ขณะเดียวกนั เขาก็มีความรู้สึก อยา่ งหน่ึงแทรกอยใู่ นความทะเยอทะยานน้นั ความรู้สึกเช่นน้นั คือ ความกลวั กลวั ผอู้ ื่นจะมองเห็น วา่ เขายงั เป็นเด็กเกินไป ทาอะไรไปอยา่ งโง่ ๆ เขากลวั ความกระตือรือร้นของเขาที่เขามีหรือสิ่งท่ีเขา แสดงออกเม่ือจะทางานใหญ่ใหก้ บั สงั คม มนั อาจมากเกินไปทาใหเ้ ดก็ รุ่นหนุ่มขาดความมนั่ ใจ ลูกเสือวยั รุ่นหนุ่มอยากจะเป็ นคนเก่ง อยากจะเป็ นนกั ประดิษฐท์ ี่เรืองนาม เป็นนกั อุตสาหกรรม เป็ นนกั การเมืองท่ีมีชื่อเสียงโด่งดงั นอกจากส่ิงน้นั แลว้ เขาอยากเติบโตข้ึนและมีความ สง่างามในกิริยามารยาท ซ่ึงเป็นคุณสมบตั ิที่ผใู้ หญ่พึงจะมีแต่ผใู้ หญ่บางคนเม่ือเห็นเหตุการณ์อะไร เกิดข้ึน และไม่แน่ใจวา่ ควรแสดงออกอยา่ งไรจึงจะดี ผใู้ หญป่ ระเภทน้ีมกั จะพยายามคุมสติของตนไว้

68 ทาตนประหน่ึงเป็นคนรอบคอบหนกั แน่นวางตนเสมือนหน่ึงวา่ เป็นผทู้ ่ีจะควบคุมเหตุการณ์น้นั ได้ การทาเช่นน้นั ผใู้ หญ่ประเภทน้นั จะไม่หลอกตวั เอง แต่จากการวางท่าทางเช่นวา่ น้นั อาจหลอกลวงทา ใหผ้ ใู้ หญค่ นอ่ืน ๆ เขา้ ใจผดิ ไปบา้ งกไ็ ดโ้ ดยเฉพาะเด็กวยั หนุ่มที่กาลงั จอ้ งดูทา่ นอยเู่ พื่อจาเอาไปเป็ น ตวั อยา่ งที่จะถือปฏิบตั ิในการดารงชีวติ ต่อไป ฉะน้นั เม่ือพิจารณาถึงพฤติกรรมของคนรุ่นหนุ่มน้นั พลงั ท้งั 2 ที่วา่ น้นั ไดแ้ ก่ 1. พลงั ที่คิดจะทางานใหญ่โต 2. พลงั ความกงั วลใจ เกรงวา่ การกระทาของตวั เองจะเป็ นท่ีน่าเยย้ หยนั ของผูอ้ ื่น ตอ่ ไปน้ีเราลองมาพิจารณาดูวา่ คนวยั รุ่นหนุ่ม 14 – 18 ปี เป็นใครมีความรู้สึกนึกคิดอยา่ งไรมี ความตอ้ งการอะไรบา้ ง ทำงร่ำงกำย เขายา่ งเขา้ สู่ชีวิตความเป็นหนุ่มสาว กา้ วยา่ งเขา้ ไปในโลกแห่งความคิดท่ี กวา้ งขวางยง่ิ ข้ึน เรียนรู้มากข้ึน แนวความคิดของเขามีวงกวา้ งออกไป มีความกงั วล ไวตอ่ ความรู้สึก และมีความระวงั ต่ืนตวั เสมอ เป็นคนเจา้ ความคิด เป็นคนที่มีอุดมการณ์และพร้อมท่ีจะรับภารกิจท่ีจะ จดั ระเบียบสังคมใหเ้ ป็ นไปตามครรลองท่ีเขาเชื่อวา่ ถูกตอ้ งและเป็นธรรม อีกท้งั เขามีความรู้สึก ซาบซ้ึงในสุนทรียภาพ ความดีงามและความจริง จึงพยายามแสวงหาตวั เอง ความสามารถและ อนาคตของตวั เอง ดงั น้นั เยาวชนรุ่นหนุ่มจึงตอ้ งการการพฒั นาจากกิจกรรมลูกเสือ ดงั น้ี 1. ต้องกำรตัวอย่ำงกำรดำรงชีวติ เขาอยากจะทางานอยา่ งท่ีผใู้ หญ่กระทากนั เยาวชนรุ่นหนุ่มท้งั หลาย จะมองดูผกู้ ากบั เป็ น ตวั อยา่ ง ผกู้ ากบั ตอ้ งพยายามปฏิบตั ิตนใหเ้ ป็ นแบบเป็ นตวั อยา่ งของคนผทู้ ่ีผกู้ ากบั ประสงคจ์ ะใหค้ น วยั รุ่นถือเอาเป็ นแบบฉบบั กล่าวคือคนที่มีลกั ษณะนิสัยดี ความประพฤติดี มีความสนใจในสิ่งต่าง ๆ อยา่ งกวา้ งขวาง มีความเขา้ ใจเห็นอกเห็นใจ บุคคลอื่น 2. ต้องกำรควำมเหน็ อกเห็นใจและควำมเข้ำใจ เยาวชนวยั น้ีกาลงั อยใู่ นวยั แห่งการเปล่ียนแปลงของชีวติ การเปล่ียนแปลงเช่นน้ีจะทาให้ เยาวชนรุ่นหนุ่มไมม่ ีความแน่นอน ความคิดมกั จะแตกแยกกนั ไปหลายทางตามความประสงค์ เขาจึง ตอ้ งการมีใครคนหน่ึงที่เขาพอจะไวเ้ น้ือเชื่อใจได้ เสมือนหน่ึงเพ่อื นท่ีมีความเขา้ ใจในความยงุ่ ยากและ ความรู้สึกนึกคิดของเราและเป็นท่ีพ่งึ ได้ ผกู้ ากบั ลูกเสือ คือ ตวั แบบของเขา ถา้ ผกู้ ากบั สามารถรักษา ความเป็นมิตรกบั ลูกเสือวยั รุ่นน้ีไวไ้ ด้ ผกู้ ากบั คือบุคคลท่ีมีอิทธิพลและตวั อยา่ งที่ดีของเขาต่อไป 3. ต้องกำรกำรฝึ กอบรมทด่ี ีนำไปสู่กำรเป็ นผู้ใหญ่และกำรยอมรับหรือเชื่อมั่นในตัวเอง ในการฝึกอบรมลูกเสือวยั รุ่นหนุ่มน้ี ผกู้ ากบั ควรจดั กิจกรรมลูกเสือที่ลูกเสือวยั รุ่นหนุ่มมี โอกาสที่จะพสิ ูจน์ตนเองใหเ้ กิดความเช่ือมน่ั ในพลงั ของตน และเวลาเดียวกนั ก็ไดเ้ รียนรู้วา่ จุดอ่อน ของตนอยทู่ ี่ไหนบา้ ง เป็นหลกั การเบ้ืองตน้ อนั พงึ คานึงถึง เมื่อจะจดั กาหนดการฝึกอบรมใหก้ บั เยาวชนวยั รุ่นหนุ่ม

69 ดว้ ยเหตุน้ีจึงเป็ นเหตุผลสาคญั วา่ การดาเนินการบริหารกองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่น้นั ตอ้ ง จดั ทาโดย เยาวชนวยั รุ่นหนุ่มเอง โดยผา่ นที่ประชุมกรรมการดาเนินงานกองและประชุมกอง (Troop in Council) อนั จะสร้างประสบการณ์ท่ีมีคุณคา่ ต่อตวั ของลูกเสือเอง เตรียมพร้อมการเป็นผใู้ หญท่ ่ีดีใน อนาคต 4. กำรมีระเบียบวนิ ัย เม่ือมาถึงระยะน้ีเยาวชนวยั รุ่นหนุ่ม จะมาถึงช่วงเวลาหน่ึงของชีวติ เม่ือเขาจะละทิ้งความ เป็นระเบียบวนิ ยั ของโรงเรียนไวข้ า้ งหลงั ส่วนระเบียบวนิ ยั ทางบา้ นน้นั เล่าเขาก็ปล่อยปละละเลยให้ หยอ่ นยานตามวถิ ีทางของชีวิต เขากาลงั เปลี่ยนแปลงเยาวชนวยั รุ่นหนุ่มกาลงั สร้างระเบียบใหมใ่ น การครองชีวติ การทาเช่นน้นั เป็นการตดั สินใจที่ยากและลาบาก เมื่อทุกสิ่งทุกอยา่ งในชีวิตยงั ไมย่ ตุ ิ และไม่แน่นอน ณ จุดน้ีแห่งชีวติ ของเยาวชน วยั รุ่นหนุ่ม ระเบียบวนิ ยั ของทางบา้ นและของทาง กองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ จึงเป็นแหล่งสาคญั สาหรับเยาวชนหนุ่มที่จะรับเอาปัญหาซ่ึงเกิดข้ึนทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม อนั จะกา้ วไปสู่ความเป็นผใู้ หญ่กองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่จึงมีความ สนใจเร่ืองระเบียบวินยั ใหม้ าก 5. กำรช่วยเหลือให้นับถือศำสนำ หากเยาวชนวยั รุ่นหนุ่มจะเติบโตเป็ นผใู้ หญเ่ ป็นพลเมืองดี มีความรับผดิ ชอบตามอุดมการณ์ ของลูกเสือ ผกู้ ากบั รองผกู้ ากบั ควรจะพยายามชกั จูงสนบั สนุนใหล้ ูกเสือนบั ถือศาสนาตามคติ ประเพณีที่ผปู้ กครองบิดามารดาของเยาวชนวยั รุ่นหนุ่มน้นั นบั ถืออยู่ ดงั น้นั การฝึกอบรมเยาวชนวยั น้ี จึงตอ้ งกาหนดกิจกรรม วธิ ีการใหส้ อดคลอ้ งกบั คุณลกั ษณะ คา่ นิยมและความตอ้ งการที่จาเป็นต่อการพฒั นาทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ตาม วยั ของเขา มิฉะน้นั แลว้ การฝึ กอบรมอาจจะไม่บรรลุวตั ถุประสงค์ และการพฒั นาเยาวชนอาจไมถ่ ูก ทิศทาง ........................................................ เอกสำรอ้ำงองิ 1. คูม่ ือการฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือสามญั รุ่นใหญข่ ้นั ความรู้เบ้ืองตน้ 2. ขอ้ บงั คบั ของคณะลูกเสือแห่งชาติ วา่ ดว้ ยหลกั สูตรและการปกครองฉบบั ท่ี 14 (พ.ศ. 2528)

70 กจิ กรรมกลุ่ม ใหห้ มู่ของทา่ นอภิปรายและสรุปตามประเด็นลงในตารางท่ีกาหนดให้ ใชเ้ วลา 20 นาที 1. ลกั ษณะนิสัยที่สังเกตเห็นของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 2. ความตอ้ งการของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ 3. จดั กิจกรรมอยา่ งไรจึงจะตอบสนองความตอ้ งการของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ลกั ษณะนิสัยทส่ี ังเกตเห็น ควำมต้องกำร กจิ กรรมทต่ี อบสนองควำมต้องกำร

เรื่อง ประวตั ิและกจิ กำรลูกเสือโลก 71 บทเรียนที่ 4 เวลำ 45 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. วตั ถุประสงค์ หลกั สาคญั วธิ ีการลูกเสือ 2. ประวตั ิผใู้ หก้ าเนิดลูกเสือโลก 3. ภูมิหลงั ของการลูกเสือโลก 4. การประชุมสมชั ชาลูกเสือโลก 5. คณะกรรมการลูกเสือโลก 6. สานกั งานลูกเสือโลก จุดหมำย เพือ่ ใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมทราบภูมิหลงั และกิจการลูกเสือโลก วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. บอกวตั ถุประสงค์ หลกั สาคญั และวธิ ีการลูกเสือไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. บอกประวตั ิใหผ้ กู้ าเนิดลูกเสือโลกได้ 3. อธิบายภูมิหลงั ของกิจการลูกเสือโลกได้ 4. อธิบายลกั ษณะและผลการประชุมสมชั ชาลูกเสือโลกได้ 5. อธิบายลกั ษณะและอานาจหนา้ ท่ีของคณะกรรมการลูกเสือโลกได้ 6. บอกลกั ษณะการบริหารกิจการลูกเสือโลกได้ วธิ ีสอน / กจิ กรรม 1. นาสู่บทเรียน และช้ีแจงวตั ถุประสงค์ 5 นาที 2. บรรยายโดยใชส้ ่ือการสอนประกอบ 30 นาที 3. สรุป 10 นาที ส่ือกำรสอน 1. เครื่องฉายสไลด์ 2. เครื่องฉายภาพขา้ มศีรษะ 3. ตวั อยา่ งหวั ขอ้ ในแผน่ โปร่งใสและภาพสไลด์ 4. อื่น ๆ กำรประเมินผล 1. สงั เกตความสนใจการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2. อภิปราย - ซกั ถาม

72 เนื้อหำวชิ ำ ผใู้ หก้ าเนิดลูกเสือโลก คือ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ช่ือเตม็ วา่ Robert Stephenson Smyth Baden-powell ช่ือยอ่ คือ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ เกิดเมื่อวนั ที่ 22 กมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ.1857 (พ.ศ.2400) บิดาเป็นคริสตศ์ าสนา เป็ นศาสตราจารยใ์ นมหาวทิ ยาลยั Oxford เป็นนกั วทิ ยาศาสตร์ สนใจ ในธรรมชาติศึกษามาก ครอบครัวมิสู้จะร่ารวยนกั บิดาตายเม่ือ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ อายไุ ด้ 3 ขวบ เพอื่ จะทาใหเ้ พ่ือนสนุกสนาน ขบขนั เขามกั ทาเสียงนกหรือเสียงสตั วร์ ้องใหเ้ พื่อน ๆ ฟัง ชีวติ ในวยั เรียน ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ มิไดเ้ ป็ นนกั เรียนหรือนกั กีฬาท่ีดีเด่นนกั แต่เม่ือเขา้ ร่วมในกิจกรรมใด ๆ ของโรงเรียนแลว้ มกั จะทาอยา่ งเอาจริงเอาจงั ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ เป็นคนร่างเล็ก แตร่ ่างกายแขง็ แรง สุขภาพดี ใกลโ้ รงเรียนมีป่ าอยแู่ ห่งหน่ึง นกั เรียนถูกหา้ มมิใหเ้ ขา้ ไปเท่ียวเล่นในป่ าน้ี แต่ป่ าน้ียวั่ ยวนใจ นกั เรียนที่ชอบผจญภยั ใหเ้ ขา้ ไปเที่ยวเล่นมากลอร์ดเบเดนโพเอลล์ แอบหนีไปเที่ยวเล่นในป่ าน้ีบ่อย ๆ จบั กระต่ายมาทาเป็นอาหาร โดยใชไ้ ฟมิใหเ้ กิดควนั เพือ่ ปกปิ ดครูมิใหร้ ู้ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ เรียนรู้การใชม้ ีดและขวาน และวธิ ีการเคล่ือนไหวในป่ าโดยมิให้มีเสียง สตั วป์ ่ าเป็นที่ดึงดูดใจของ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ มาก เขามกั ซุ่มตวั อยนู่ าน ๆ เพื่อศึกษาธรรมชาติของ สัตวเ์ หล่าน้นั น่ีคือ กิจกรรมของลูกเสือกาลงั ฟักตวั เม่ืออายุ 19 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ยงั ไม่แน่ใจวา่ เขาตอ้ งการชีวติ เป็นอะไรดี เขาชอบเดินทาง ไปตา่ งประเทศ แต่แม่ของเขาอยากใหไ้ ปเรียนท่ีมหาวทิ ยาลยั Oxford เช่นเดียวกบั พีช่ ายอีก 2 คน แต่ เมื่อจบโรงเรียนมธั ยมแลว้ เขากลบั ไปสอบไล่เขา้ เป็นนกั เรียนโรงเรียนนายร้อยในกองทพั บก เพราะได้ เห็นประกาศติดไวต้ ามขา้ งถนน เขาสอบไล่ไดด้ ีมาก จนเป็นท่ีแปลกใจของตวั เขาเองและคนอื่นที่รู้จกั เขา เขาไดร้ ับการยกเวน้ มิตอ้ งเขา้ รับการฝึกอบรมตามข้นั ตอนธรรมดาของนกั เรียนนายร้อยทหารบก และไดร้ ับการบรรจุเขา้ เป็นนายทหารใน กองร้อยที่ 13 ในประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ.1876 เขาลงเรือเดินทางไปอินเดีย ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอยา่ งขยนั ขนั แขง็ ในปี ค.ศ.1884 ไดร้ ับคาสัง่ ใหก้ ลบั องั กฤษ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ รู้สึกวา่ ชีวติ ในกรมกอง ทหารน่าเบื่อมาก ในปี ค.ศ.1886 ลุงของ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดร้ ับคาสงั่ จากกองทพั บกใหไ้ ปประจาที่ Cape Town ในแอฟริกาใต้ ไดน้ าลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไปเป็นนายทหารคนสนิท ในปี ค.ศ.1888 ความยงุ่ ยากไดเ้ กิดข้ึนกบั พวก Zulu ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดเ้ ขา้ ร่วมกบั กอง กาลงั ทหารองั กฤษลอ้ มจบั หวั หนา้ เผา่ Zulu ชื่อ Dinizulu ได้ ในโอกาสน้นั ลอร์ด เบเดน โพเอลล์

73 ไดร้ ับลูกปัดสายคลอ้ งคอ (Necklace) จากหวั หนา้ เผา่ Zulu หลายปี ต่อมา ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ไดร้ ับ ลูกปัดสายคลอ้ งคอน้ีใหแ้ ก่ Gilwell Park ซ่ึงเป็นเครื่องหมายวดู แบดจ์ ต่อมาจนถึงปัจจุบนั น้ี ในปี ค.ศ.1895 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ไดร้ ับมอบใหเ้ ดินทางไปยงั เมือง Ashanti ในแอฟริกา ตะวนั ตก เพื่อปราบ King Prempeh ในการเดินทางไปที่เมือง Ashanti คร้ังน้ี ไดม้ ีสิ่งเกี่ยวขอ้ งกบั กิจการลูกเสือ ซ่ึงควรจะนามา กล่าวอยู่ 3 ประการ กล่าวคือ 1. หมวกปี ก ในเมือง Ashanti ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดส้ วมหมวกปี กหรือหมวกคาวบอย เป็นคร้ังแรก และไดส้ วมเป็ นประจาอยตู่ ลอดมา เพราะเหตุน้ีชาวเมืองจึงเรียก ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ วา่ \"Kantakye\" คนหมวกใหญ่ 2. ไม้พลอง ลอร์ด เบเดน โพเอลล์สงั เกตเห็นวา่ หวั หนา้ วศิ วกรที่ควบคุมการทาถนนและ สร้างที่พกั จากฝ่ังแอฟริกา ตะวนั ตกไปยงั เมืองหลวงน้นั มกั ถือไมพ้ ลองยาว มีเคร่ืองหมายแบ่งเป็น ฟุตและนิ้ว ลอร์ด เบเดน โพเอลล์อธิบายวา่ ไมพ้ ลองน้นั มีประโยชน์มาก ใชเ้ ป็นถ่อค้ายนั เวลาขา้ ม ทอ้ งร่อง ใชว้ ดั ความลึกของบึงน้ากไ็ ด้ ใชเ้ ป็นเครื่องวดั ส่วนสูงก็ได้ 3. กำรจับมือซ้ำย ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดร้ ับความรู้ดว้ ยวา่ การจบั มือซา้ ยน้นั ชาวเมืองถือ วา่ เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นมิตร ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ กลบั องั กฤษพร้อมดว้ ยช่ือเสียงดียงิ่ ข้ึน และไดเ้ ล่ือนยศทางทหารดว้ ย ในปี ค.ศ. 1897 เขาไดเ้ ดินทางกลบั ไปอินเดียอีก ปี ค.ศ. 1899 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดร้ ับอนุญาตใหล้ าพกั และเดินทางกลบั องั กฤษ เม่ือไปถึง องั กฤษเขามีหนงั สือเล่มหน่ึงช่ือ Aids to Scouting \"ส่ิงสนบั สนุนกิจการสอดแนม\" ซ่ึงเขาไดเ้ ขียน ขณะที่พกั ผอ่ นในแควน้ Kashmir หนงั สือเล่มน้ีวา่ ดว้ ยวธิ ีการสอดแนมสาหรับทหาร ลอร์ด เบเดน โพ เอลล์ ต้งั ใจจะใหห้ นงั สือเล่มน้ีเป็นคูม่ ือของทหาร อาจใชไ้ ดท้ ุกเหล่า แต่หนงั สือน้ีกลบั ไปเป็นท่ีสนใจ ของเยาวชนวยั รุ่นดว้ ย ซ่ึงจะเป็น Boy Scouts \"เด็กชายผสู้ อดแนม\" ต่อไป กำรไปแอฟริกำใต้ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไปอยูท่ ่ีประเทศองั กฤษไดไ้ ม่นานนกั สงครามจะเกิดข้ึนในแอฟริกาใต้ ระหวา่ งองั กฤษกบั พวก Boers (Boers คือ พวก Dutch ที่ไดอ้ พยพไปต้งั ถ่ินฐานอยใู่ นแอฟริกาใต)้ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดร้ ับคาส่งั ใหเ้ ดินทางไปแอฟริกาใต้ ใหจ้ ดั ต้งั กองทหารข้ึนเพอ่ื ป้องกนั ดินแดนดา้ นเหนือและดา้ นตะวนั ออกเฉียงเหนือ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไปถึง เมือง Cape Town เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1899

74 ศึกเมือง Mafeking เดือนตุลาคม ค.ศ.1899 ไดม้ ีการประกาศสงครามระหวา่ งองั กฤษกบั พวกของฮอลนั ดา Boers มีทหาร 9,000 คน เดินทพั เขา้ บุกเมือง Mafeking เพราะคิดวา่ อยใู่ นที่ราบ อาจบุกไดง้ ่าย และไมม่ ีการป้องกนั ที่เขม้ แข็ง ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ มีทหารประมาณ 1,000 คน ไมม่ ีประสบการณ์ในการทาสงครามมา ก่อน มีพลเมืองใน Mafeking ประมาณ 8,000 คน แต่พลเมืองไม่ร่วมมือในการทาสงครามดว้ ย ปื น ใหญ่ กระสุนก็ลา้ สมยั ฝ่ ายพวก Boers มีอาวธุ ที่ทนั สมยั ทำไม Mafeking จึงปะทะข้ำศึกได้ถงึ 7 เดือน คาตอบมีอยา่ งเดียว คือ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ เป็นผรู้ อบรู้ มีใจร่าเริง ไม่ยอ่ ทอ้ ต่อความ ยากลาบาก พวก Boers ไมร่ ู้วา่ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ จะทาอะไร รู้วา่ การป้องกนั ท่ีดีคือการรุก ลอร์ด เบเดน-โพเอลล์ รู้ดว้ ยวา่ ถา้ ใหท้ ุกคนมีงานทา ขวญั ของเขาจะดี เมื่อผจญขา้ ศึก แผนการยทุ ธบางอยา่ งของ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ เป็นแผนหลอกลวง เช่น ฝังทุ่นระเบิด หลอกรอบเมือง Mafeking ประดิษฐไ์ ฟฉายเคล่ือนที่ดว้ ยแก๊ส Acetylene ทาใหพ้ วก Boers คิดวา่ ใน เมือง Mafeking มีไฟฉายรอบเมือง ทาลวดหนามปลอมลอ้ มเมือง โดยใหพ้ วกทหารทาทา่ เดินขา้ ม โดย กา้ วสูง ๆ หลอก พวก Boers นึกวา่ มีลวดหนามรอบเมือง ทุกคืน ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ออกจากเขตเมืองเพ่ือดูปื นขา้ ศึกวา่ อยทู่ ่ีไหน พวก Boers เคล่ือน เขา้ มาใกลเ้ มืองหรือเปล่า ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไมไ่ ดห้ ลบั นอน เขาหลบั นอนกลางวนั วนั คืนผา่ นไป สถานการณ์ภายในเมืองคบั ขนั มากข้ึน อาหารเร่ิมขาดแคลนมากข้ึน ทุกวนั มา้ ลาถูกฆ่ากินเป็นอาหารไปมาก แนวรบขยายกวา้ งออกไป ทหารตายมากข้ึน พลรบลดจานวนนอ้ ยลง หน่วยสอดแนมของเมือง Mafeking คณะเสนาธิการของลอร์ด เบเดน โพเอลล์คิดจะใชเ้ ดก็ หนุ่มชาวเมืองใหเ้ ป็นผสู้ ่ือขา่ วทาหนา้ ที่ บุรุษพยาบาล จึงหาเครื่องแบบสีกากีและหมวกปี กกวา้ ง (หมวกคาวบอย) พบั ปี กใหเ้ ขาและมอบให้ เด็กหนุ่มคนหน่ึงช่ือ Good Year เป็นผนู้ า ตอนแรกเดก็ หนุ่มเหล่าน้ีใชล้ าเป็นพาหนะ แต่ต่อมาลาถูกฆ่ากินเป็นอาหารหมด เดก็ หนุ่ม จึง ไดใ้ ช้ จกั รยานแทน สมรรถภาพและความกลา้ หาญ ใจร่าเริงของเด็กหนุ่มเหล่าน้ีประทบั ใจ ลอร์ด เบ เดน โพเอลล์ มาก วนั หน่ึง เด็กหนุ่มคนหน่ึงขี่จกั รยานฝ่ ากระสุนขา้ ศึกซ่ึงยงิ ต่อสู้กนั เขา้ มาหา ลอร์ด เบเดน โพ เอลล์ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์พูดกบั เดก็ คนน้นั วา่ “ถา้ เธอขี่จกั รยานเช่นน้ีในขณะท่ีมีการยงิ ตอ่ สู้กนั เธอ จะถูกยงิ ตายสกั วนั หน่ึง” เด็กหนุ่มตอบวา่ “ผมถีบเร็วมากครับ เขาคงยงิ ผมไม่ถูก”

75 ในที่สุดขา่ วที่วา่ จะมีกองทหารองั กฤษมาช่วยกม็ าถึง เมื่อวนั ท่ี 16 พฤษภาคม ค.ศ.1900 กองทหารช่วยก็มาถึง เมือง Mafeking ไดย้ นื หยดั สู้พวก Boers ถึง 217 วนั ข่าวน้ีไดแ้ พร่ไปถึงเมืองลอนดอน ชาว องั กฤษดีใจมาก ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดก้ ลายเป็นวรี บุรุษไปโดยฉบั พลนั กำรลูกเสือสำหรับเด็กชำย Scouting for Boys ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ กลบั ถึงองั กฤษ เขาแปลกใจที่ไดเ้ ห็นหนงั สือคูม่ ือทหาร Aids to Scouting มาใชฝ้ ึกอบรมเด็กชายในโรงเรียนและในสโมสรเยาวชนตา่ ง ๆ เพือ่ น ๆ ไดแ้ นะนาให้ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ เขียนหนงั สือน้ีเสียใหม่ เพือ่ ใชอ้ บรมเยาวชน ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ จึงนาเดก็ จานวน 20 คน ซ่ึงเป็นบุตรของเพอื่ นบา้ งและเป็นเด็กจากสโมสร เยาวชนบา้ งนาเด็กเหล่าน้ีไปอยคู่ า่ ยที่เกาะ Brown Sea Island ในอ่าว Poole ทางตอนใตข้ องเกาะ องั กฤษ ในระหวา่ งวนั ที่ 31 กรกฎาคม - 9 สิงหาคม ค.ศ.1907 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ แบง่ เด็ก 20 คน เป็น 4 หมู่ เรียกชื่อวา่ Wolves, Curlew, Bulls และ Raven น้ีเป็นกองลูกเสือสามญั กองแรกท่ีเกิดข้ึน ภายหลงั การนาเดก็ หนุ่มไปอยคู่ ่ายที่เกาะ Brown Sea แลว้ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไดเ้ ขียน หนงั สือ Scouting for Boys จนแลว้ เสร็จ ไดพ้ มิ พเ์ ป็น 6 ตอน ออกพมิ พจ์ าหน่ายทุกสัปดาห์ ราคาเล่ม ละ 8 เพนนี เล่มแรกออกจาหน่ายในเดือนมกราคม ค.ศ.1908 จาหน่ายไดด้ ีมาก เยาวชนอ่านกนั มาก แลว้ รวมกนั ต้งั เป็นหมู่ข้ึน แลว้ ไปชกั ชวนผใู้ หญท่ ี่เขาเห็นวา่ เหมาะสมท่ีจะเป็นผนู้ าเขาได้ มาเป็นผนู้ า หรือผกู้ ากบั กิจการลูกเสือใหม่น้ีไดก้ ระจายและมีจานวนทวมี ากข้ึนอยา่ งรวดเร็ว กจิ กำรลกู เสือขยำยไป นอกจากองั กฤษและประเทศในเครือจกั รภพ แลว้ ชิลีเป็นประเทศแรกท่ีรับเอากิจการลูกเสือ ไปต้งั ข้ึนในปี ค.ศ.1909 ปี ค.ศ.1910 - อเมริกา - Mr. William D.Boyce นกั หนงั สือพิมพ์ ปี ค.ศ.1911 - ไทย คริสตลั พำเลช Crystal Palace ปี ค.ศ.1909 ลูกเสือในราชอาณาจกั รมาชุมนุม (Rally) กนั เป็นคร้ังแรกจานวนนบั หมื่นคน ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ไปร่วมชุมนุมดว้ ย เด็กหญิงกลุ่มหน่ึงสวมหมวกลูกเสือ เช่น เด็กชาย เด็กหญิงเหล่าน้นั อธิบายตอ่ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ วา่ เขาตอ้ งการเป็นลูกเสือ เช่น พ่ชี ายของเขา ปี ค.ศ.1916 ไดจ้ ดั ต้งั ลูกเสือสารอง Cub Scouts ข้ึน ปี ค.ศ.1918 ไดจ้ ดั ต้งั ลูกเสือวสิ ามญั Rover Scouts ข้ึน

76 กจิ กำรเนตรนำรี Girl Guide กิจการเนตรนารี Girl Guide จึงไดเ้ กิดข้ึนในปี น้ี (ค.ศ.1916) First Jamboree ปี ค.ศ.1914 – ค.ศ.1918 เป็นปี ระหวา่ งสงครามโลก คร้ังที่ 1 ปี ค.ศ.1920 ไดม้ ีการชุมนุม (Jamboree) คร้ังแรกที่ Olympia มีคา่ ยอยทู่ ี่ Richmond มีลูกเสือ มาชุมนุม 30,000 คน จาก 21 ประเทศ ในการชุมนุมคร้ังน้ี ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ไดร้ ับการประกาศแต่งต้งั จากคณะลูกเสือท่ีไป ชุมนุมใหเ้ ป็นประมุขลูกเสือโลก คณะผกู้ ากบั ลูกเสือมีมติวา่ จะมีการประชุมกนั ทุก 2 ปี และจดั ต้งั สานกั งานข้ึนเรียกวา่ International Bureau ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ถึงแก่อนิจกรรมท่ีเมืองไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวนั ที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1941 ในทวปี แอฟริกา และไดเ้ ขียนสาส์นฉบบั สุดทา้ ย ถึงลูกเสือ ดงั มีขอ้ ความสาคญั ดงั น้ี 1. จงทาตนเองใหม้ ีอนามยั และแขง็ แรงในขณะท่ีเป็นเด็ก 2. จงมีความพอใจในสิ่งท่ีเธอมีอยู่ และทาสิ่งน้นั ใหด้ ีที่สุด 3. จงมองเร่ืองราวตา่ ง ๆ ในแง่ดี แทนท่ีจะมองในแง่ร้าย 4. ทางอนั แทจ้ ริงท่ีจะหาความสุข คือ โดยการใหค้ วามสุขแก่ผอู้ ื่น 5. จงพยายามปล่อยอะไรทิ้งไวใ้ นโลกน้ีใหด้ ีกวา่ ท่ีเธอไดพ้ บ 6. จึงยดึ มนั่ ในคาปฏิญาณของลูกเสือของเธอไวเ้ สมอ กจิ กำรลกู เสือโลก ภูมิหลงั การลูกเสือเริ่มตน้ ท่ีประเทศองั กฤษ เม่ือ พ.ศ.2450 (ค.ศ.1907) มาจากแนวความคิดของ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ และหนงั สือ \"การลูกเสือสาหรับเดก็ ชาย\" หนงั สือเล่มน้นั ประกอบดว้ ยเรื่องราวและ โปรแกรมตา่ ง ๆ ชวนให้ เด็ก ๆ เกิดความคิดตรงกนั ในอนั ที่จะร่วมใจกนั ทากิจกรรมอยา่ งใดอยา่ ง อยา่ งหน่ึงนนั่ คือ การจดั ต้งั หมู่ลูกเสือข้ึนโดยอิสระและกระจายออกไปทวั่ โลกอยา่ งรวดเร็ว แมใ้ น ปัจจุบนั น้ีโปรแกรมหรือโครงการฝึกอบรมเหล่าน้นั ยงั เป็ นท่ีนิยมแพร่หลายอยทู่ วั่ ทุกมุมโลก หลกั การ แห่งคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือไดก้ ่อใหเ้ กิดภราดรภาพลูกเสือข้ึนมา ซ่ึงโดยแทท้ ่ีจริงแลว้ น้นั ก็คือ การเตรียมตวั เด็กเพ่ือท่ีจะใหเ้ ป็นผใู้ หญ่ในโลกของวนั น้ี ต่อมาจึงไดเ้ กิด ธรรมนูญลูกเสือโลกเพอื่ เป็น แนวปฏิบตั ิ

77 หลกั สำคัญของกำรลูกเสือ หลกั การและการปฏิบตั ิของลูกเสืออยทู่ ่ีคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ 1. หลกั การสาคญั ของการลูกเสือท่ีไดก้ าหนดข้ึนโดยผใู้ ห้กาเนิดการลูกเสือโลก มีดงั ต่อไปน้ี 1.1 ลูกเสือเป็นผมู้ ีศาสนา 1.2 ลูกเสือมีความจงรักภกั ดีต่อชาติบา้ นเมือง 1.3 ลูกเสือมีความเชื่อมนั่ ในมิตรภาพและภราดรแห่งโลก 1.4 ลูกเสือเป็นผบู้ าเพญ็ ประโยชนต์ ่อผอู้ ื่น 1.5 ลูกเสือเป็นผยู้ ดึ มน่ั และปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ 1.6 ลูกเสือเป็นผอู้ าสาสมคั ร 1.7 ลูกเสือยอ่ มไม่เก่ียวขอ้ งกบั การเมือง 1.8 ขบวนการลูกเสือเป็นโครงการฝึกอบรมเดก็ ชายและชายหนุ่ม เพื่อให้เป็น พลเมืองดี มีความรับผดิ ชอบโดย ใชว้ ธิ ีการระบบหมู่และระบบกลุ่มตามระดบั ของหลกั สูตรและวชิ า พเิ ศษลูกเสือ และเป็นกิจกรรมกลางแจง้ 2. คำปฏิญำณ ท่ีผใู้ หก้ าเนิดลูกเสือไดก้ าหนดไว้ คือ ดว้ ยเกียรติของขา้ ขา้ สัญญาวา่ ขอ้ 1 ขา้ จะจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ขอ้ 2 ขา้ จะช่วยเหลือผอู้ ่ืนทุกเม่ือ ขอ้ 3 ขา้ จะปฏิบตั ิตามกฎของลูกเสือ 3. กฎของลกู เสือ คือ ขอ้ 1 ลูกเสือมีเกียรติเช่ือถือได้ ขอ้ 2 ลูกเสือมีความจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และซ่ือตรงต่อ ผมู้ ีพระคุณ ขอ้ 3 ลูกเสือมีหนา้ ที่กระทาตนใหเ้ ป็ นประโยชน์และช่วยเหลือผอู้ ่ืน ขอ้ 4 ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพน่ี อ้ งกบั ลูกเสืออื่นทว่ั โลก ขอ้ 5 ลูกเสือเป็นผสู้ ุภาพเรียบร้อย ขอ้ 6 ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์ ขอ้ 7 ลูกเสือเช่ือฟังคาสง่ั บิดามารดาและผบู้ งั คบั บญั ชาดว้ ยความเคารพ ขอ้ 8 ลูกเสือมีใจร่าเริงและไม่ยอ่ ทอ้ ต่อความยากลาบาก ขอ้ 9 ลูกเสือเป็นผมู้ ธั ยสั ถ์ ขอ้ 10 ลูกเสือประพฤติชอบดว้ ยกาย วาจา ใจ 4. เจตนำรมณ์แห่งกฎและคำปฏิญำณ ลูกเสือของผใู้ หก้ าเนิดลูกเสือน้ี คือ ขอ้ กาหนดซ่ึง สมาชิกท้งั หมด ของขบวนการลูกเสือยอมรับ

78 5. สมำชิกภำพ ประเทศหน่ึงจะมีคณะลูกเสือแห่งชาติไดเ้ พยี งหน่ึงเท่าน้นั และจะเป็นตวั แทน ของคณะลูกเสือท้งั หมด ในการประชุมสมชั ชาลูกเสือโลก คณะลูกเสือแห่งชาติอาจประกอบดว้ ย สมาคมลูกเสือมากกวา่ หน่ึงรวมกนั มีรูปแบบสหพนั ธ์ก็ได้ โดยมีวตั ถุประสงคข์ องการลูกเสือร่วมกนั กำรประชุมสมัชชำลกู เสือโลก (WORLD SCOUT CONFERENCE) ท่ีประชุม (CONFERENCE) คือ “สมชั ชาใหญ่” (GENERAL ASSEMBLY) ของการลูกเสือมี ประเทศสมาชิก 162 ประเทศ จานวนลูกเสือ และผกู้ ากบั ลูกเสือมากกวา่ 40 ลา้ น ประเทศหน่ึง ๆ จะมี สมาคมลูกเสือไดเ้ พียงแห่งเดียว กบั แตล่ ะประเทศสมาชิกจะมีผแู้ ทนเขา้ ร่วมการประชุมสมชั ชา ได้ ประเทศละ6 คน และผสู้ ังเกตการณ์อีกจานวนหน่ึง กบั มีสิทธิออกเสียงได้ 6 เสียง ถา้ ประเทศใดมี สมาคมลูกเสือมากกวา่ 1 แห่ง เพอื่ สะดวกในการดาเนินงาน ใหร้ วมกนั เขา้ เป็ นรูปสหพนั ธ์ ในการรับรองประเทศต่าง ๆ เขา้ เป็นสมาชิกสมชั ชาลูกเสือทุกประเทศจะตอ้ งยอมรับใน หลกั การข้นั มูลฐานของลูกเสือโลก เช่น สมาคมลูกเสือแห่งประเทศน้นั ๆ จะตอ้ งไม่เก่ียวขอ้ งกบั การเมือง และยอมรับในเร่ืองขบวนการลูกเสือเป็ นขบวนการอาสาสมคั ร ฯลฯ เป็นตน้ การประชุมสมชั ชาลูกเสือโลก จะมีการประชุมทุกระยะ 2 ปี ต้งั แต่คร้ังที่ 1 ถึงคร้ังที่ 32 และ จะเปลี่ยนเป็นการประชุมทุกระยะ 3 ปี โดยเร่ิมต้งั แต่คร้ังท่ี 33 ซ่ึงจะจดั ข้ึน ณ ประเทศไทย พ.ศ. 2536 โดยไดจ้ ดั ข้ึนที่ประเทศตา่ ง ๆ ดงั น้ี คือ 1. คร้ังที่ 1 พ.ศ. 2463 ประเทศองั กฤษ 2. คร้ังท่ี 2 พ.ศ. 2464 ประเทศฝรั่งเศส 3. คร้ังท่ี 3 พ.ศ. 2467 ประเทศเดนมาร์ค 4. คร้ังที่ 4 พ.ศ. 2469 ประเทศสวสิ เซอร์แลนด์ 5. คร้ังที่ 5 พ.ศ. 2472 ประเทศองั กฤษ 6. คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2474 ประเทศออสเตรีย 7. คร้ังท่ี 7 พ.ศ. 2476 ประเทศฮงั การี 8. คร้ังท่ี 8 พ.ศ. 2478 ประเทศสวเี ดน 9. คร้ังที่ 9 พ.ศ. 2480 ประเทศเนเธอร์แลนด์ 10. คร้ังท่ี 10 พ.ศ. 2482 ประเทศสกอตแลนด์ 11. คร้ังที่ 11 พ.ศ. 2490 ประเทศฝรั่งเศส 12. คร้ังท่ี 12 พ.ศ. 2492 ประเทศนอรเวย์ 13. คร้ังท่ี 13 พ.ศ. 2494 ประเทศออสเตรีย 14. คร้ังท่ี 14 พ.ศ. 2496 ประเทศลิเชนสไตน์ 15. คร้ังท่ี 15 พ.ศ.2498 ประเทศแคนาดา 16. คร้ังท่ี 16 พ.ศ.2500 ประเทศองั กฤษ

79 17. คร้ังท่ี 17 พ.ศ. 2502 ประเทศอินเดีย 18. คร้ังที่ 18 พ.ศ. 2504 ประเทศโปรตุเกส 19. คร้ังที่ 19 พ.ศ. 2506 ประเทศกรีซ 20. คร้ังท่ี 20 พ.ศ. 2508 ประเทศเมก็ ซิโก 21. คร้ังท่ี 21 พ.ศ. 2510 ประเทศสหรัฐอเมริกา 22. คร้ังที่ 22 พ.ศ. 2512 ประเทศฟิ นแลนด์ 23. คร้ังท่ี 23 พ.ศ. 2514 ประเทศญ่ีป่ ุน 24. คร้ังท่ี 24 พ.ศ. 2516 ประเทศเคนยา 25. คร้ังท่ี 25 พ.ศ. 2518 ประเทศเดนมาร์ค 26. คร้ังท่ี 26 พ.ศ. 2520 ประเทศแคนาดา 27. คร้ังที่ 27 พ.ศ. 2522 ประเทศองั กฤษ 28. คร้ังที่ 28 พ.ศ. 2524 ประเทศเซเนกลั 29. คร้ังท่ี 29 พ.ศ. 2526 ประเทศสหรัฐอเมริกา 30. คร้ังท่ี 30 พ.ศ. 2528 ประเทศเยอรมนั นีตะวนั ตก 31. คร้ังที่ 31 พ.ศ. 2531 ประเทศออสเตรเลีย 32. คร้ังท่ี 32 พ.ศ. 2532 ประเทศฝรั่งเศส 33. คร้ังท่ี 33 พ.ศ. 2536 ประเทศไทย 34. คร้ังท่ี 34 พ.ศ. 2539 ประเทศนอร์เวย์ 35. คร้ังที่ 35 พ.ศ. 2542 ประเทศแอฟริกาใต้ 36. คร้ังท่ี 36 พ.ศ. 2545 ประเทศกรีซ 37. คร้ังท่ี 37 พ.ศ. 2548 ประเทศตุนีเซีย 38. คร้ังท่ี 38 พ.ศ. 2551 ประเทศเกาหลีใต้ 39. คร้ังท่ี 39 พ.ศ. 2554 ประเทศบราซิล 40. คร้ังท่ี 40 พ.ศ. 2557 ประเทศสโลวเี นีย คณะกรรมกำรลกู เสือโลก (WORLD SCOUT COMMITTEE) 1. คณะกรรมการลูกเสือโลก มีสมาชิก 14 คน กรรมการจากการเลือกต้งั จานวน 12 คน มี วาระการดารงตาแหน่งคราวละ 3 ปี ติดต่อกนั ไม่เกิน 2 วาระ และกรรมการโดยตาแหน่งอีก 2 คน คือ เลขาธิการและเหรัญญิก ซ่ึงผแู้ ทนของแตล่ ะสมาคมท่ีมาร่วมประชุมสมชั ชาฯ จะเป็ นผลู้ งคะแนน เสียงในการเลือกต้งั โดยวธิ ีลบั คร่ึงหน่ึงของจานวนกรรมการลูกเสือโลก จะหมดวาระ และจะตอ้ งมี การเลือกต้งั ใหม่ทุก ๆ 3 ปี ที่มีการประชุมสมชั ชาลูกเสือโลกแตล่ ะคร้ัง และอาจมีการเลือกต้งั ซ่อม แทนตาแหน่งท่ีวา่ งลง เนื่องจากกรณีที่ลาออกก่อนวาระกาหนดหรือตาย หรือดว้ ยกรณีใด ๆ

80 สานกั งานลูกเสือโลกจะเป็นผแู้ จง้ ใหบ้ รรดาประเทศสมาชิกทราบล่วงหนา้ 6 เดือนและใหป้ ระเทศ สมาชิกแจง้ ความจานงขอสมคั รเขา้ รับการเลือกต้งั ไปยงั สานกั งานลูกเสือโลก ภายใน 8 สัปดาห์ ประเทศท่ีมีบุคคลร่วมเป็นกรรมการลูกเสือโลกอยแู่ ลว้ ไม่มีสิทธิในการขอส่งผสู้ มคั รเขา้ รับการ เลือกต้งั อีก 2. คณะกรรมการลูกเสือโลกจะมีการประชุมอยา่ งนอ้ ยปี ละ 1 คร้ัง โดยคณะกรรมการจะ เป็นผกู้ าหนดสถานที่ประชุม ประธานคณะกรรมการลูกเสือเขตฯ (Chairman, Regional Scout Committee) อาจไดร้ ับเชิญใหเ้ ขา้ ร่วมการประชุมดว้ ย แต่ไม่มีสิทธ์ิออกเสียง 3. เลขาธิการสานกั งานลูกเสือโลก จะทาหนา้ ท่ีเป็นเลขาธิการคณะกรรมการลูกเสือโลก 4. คณะกรรมการลูกเสือโลกมีอานาจและหนา้ ที่ดงั ต่อไปน้ี 4.1 มอี ำนำจในกำร 4.1.1 ส่งเสริมภราดรพี่นอ้ งลูกเสือร่วมโลก โดยการเยย่ี มเยยี นติดต่อทางจดหมาย การฝึกอบรมและการร่วมชุมนุมอ่ืน ๆ 4.1.2 เป็นตวั แทนสมชั ชาลูกเสือโลกในระหวา่ งการประชุม 4.1.3 ใหค้ าแนะนาและช่วยเหลือในการดาเนินงานตา่ ง ๆ ของการลูกเสือ 4.1.4 สนบั สนุนในการท่ีจะยอมรับประเทศตา่ ง ๆ ที่ยนื่ คาร้องเพื่อขอเขา้ เป็ นสมาชิก รับและถอนการจดทะเบียนดงั กล่าว 4.1.5 เพิกถอนหรือระงบั ขอ้ บงั คบั และระเบียบวาระแห่งท่ีประชุมสมชั ชาลูกเสือ โลกพจิ ารณา ขอ้ เสนอแนะซ่ึงมาจากประเทศสมาชิกท้งั หลาย 4.1.6 แต่งต้งั ตาแหน่งเลขาธิการสานกั งานลูกเสือโลก 4.1.7 ดูแลการดาเนินงานของสานกั งานลูกเสือโลก 4.1.8 รับผดิ ชอบในการหาเงินกองทุนเพมิ่ เติม 4.1.9 เป็นตวั แทนของสานกั งานลูกเสือในกิจการระหวา่ งชาติ หรือนานาชาติ 4.1.10 อนุมตั ิการใหอ้ ิสริยาภรณ์แก่ผบู้ ริการประโยชน์ต่อขบวนการลูกเสือแห่งโลก 4.2 มีหน้ำทด่ี ังนี้ 4.2.1 แต่งต้งั กรรมการเฉพาะคราวตามวาระความจาเป็นในการดาเนินงานเก่ียวกบั ปัญหาฉุกเฉินที่เกิดข้ึน 4.2.2 แต่งต้งั อนุกรรมการซ่ึงจาเป็นตอ้ งปฏิบตั ิแทนเฉพาะเร่ือง โดยปกติจะแตง่ ต้งั จากบุคคล ซ่ึงเป็ นสมาชิกในขบวนการลูกเสือโลก (เช่น การใหเ้ คร่ืองราชอิสริยาภรณ์ การเงิน เป็นตน้ ) 4.2.3 แต่งต้งั กรรมการเฉพาะกิจหรือกรรมการท่ีไดร้ ับเลือกใหท้ าหนา้ ท่ีเฉพาะเพ่ือ พจิ ารณา ปัญหาเฉพาะซ่ึงอาจเกิดข้ึนเป็ นคร้ังคราว 4.2.4 เป็นผอู้ ยใู่ นฐานะท่ีปรึกษาต่อคณะกรรมการลูกเสือเขต ฯ โดยคณะบุคคล เทา่ น้นั ไดร้ ับ การเลือกต้งั มาจากสมชั ชาลูกเสือเขตน้นั ๆ ซ่ึงมีธรรมนูญการปกครองของตน โดยไดร้ ับ

81 ความยนิ ยอมเห็นชอบของคณะกรรมการลูกเสือโลกแลว้ และโดยเน้ือหาแห่งธรรมนูญลูกเสือโลก คณะกรรมการลูกเสือเขต ฯ ยอ่ มมีภารกิจและหนา้ ท่ีเก่ียวกบั ขบวนการลูกเสือเขตของตน 4.2.5 แต่งต้งั กรรมการท่ีปรึกษาตามความจาเป็ นเฉพาะเรื่องเกี่ยวกบั เทคนิค ซ่ึงมี ผลกระทบ กระเทือนต่อการพฒั นาอนั มนั่ คง หรืออาจเป็นผลประโยชน์ที่แทจ้ ริงของขบวนการ ลูกเสือ 4.2.6 กรรมการลูกเสือโลกอยใู่ นฐานะที่จะทาใหค้ าปรึกษาหารือแก่องคก์ ารท้งั หลาย ซ่ึงอาจใหค้ วามช่วยเหลือแก่ขบวนการลูกเสือได้ 4.2.7 แตง่ ต้งั กรรมการเกี่ยวกบั การศึกษาหรือคณะท่ีปรึกษาตามความจาเป็ นเฉพาะ เรื่อง เพ่อื ปฏิบตั ิงานตามภารกิจและหนา้ ที่ ซ่ึงคณะกรรมการลูกเสือโลกจะเป็ นผพู้ ิจารณาตามความ ตอ้ งการในเร่ืองน้นั ๆ สำนักงำนลูกเสือโลก กำเนิดสำนักงำนลูกเสือโลกโดยสังเขป ในปี พ.ศ.2463 ไดม้ ีการชุมนุมลูกเสือโลกข้ึนคร้ังแรกท่ีตาบล Olympia กรุงลอนดอน และใน การชุมนุมคร้ังน้ีไดจ้ ดั ใหม้ ีการประชุมบรรดาผนู้ าทางการลูกเสือนานาชาติคร้ังแรกดว้ ย ในท่ีประชุม เห็นควรใหจ้ ดั ต้งั สานกั งานของลูกเสือโลกข้ึน เพ่ือจะไดท้ าหนา้ ที่เป็นส่ือกลางประสานงานของคณะ ลูกเสือนานาชาติเผยแพร่และพฒั นาการลูกเสือแก่นานาประเทศ จนกระทง่ั วนั ท่ี 11 ตุลาคม 2463 สานกั งานลูกเสือนานาชาติ (Boy Scouts International Bureau) ก็ไดเ้ ปิ ดดาเนินการข้ึนภายในอาคาร สานกั งานคณะลูกเสือแห่งประเทศองั กฤษ ในกรุงลอนดอน โดยขอเช่าสถานที่จากสานกั งานคณะ ลูกเสือองั กฤษ ในการดาเนินงานของสานกั งานลูกเสือนานาชาติน้ี Mr.Frederick F.Peabody ซ่ึงเป็นคหบดีผมู้ ง่ั คงั่ ชาวสหรัฐอเมริกาเป็ นผอู้ อกทุนค่าใชจ้ า่ ยแก่ สานกั งานฯ โดยตลอด สาหรับปี แรก ผอู้ านวยการกิตติมศกั ด์ิคนแรกคือ Mr.Huhert S.Martin และยงั ดารงตาแหน่งเป็นผตู้ รวจการ ลูกเสือฝ่ ายตา่ งประเทศของคณะลูกเสือองั กฤษดว้ ย Camp Chief ดารงตาแหน่งอยไู่ ด้ 1 ปี ก็ถึงแก่ กรรมเม่ือปี พ.ศ.2481 ผรู้ ับช่วงต่อมาก็คือ พนั เอก J.S.Wilson ไดร้ ับตาแหน่งผอู้ านวยการกิตติมศกั ด์ิคนท่ี 2 เม่ือพนั เอก Wilson ไดร้ ับแต่งต้งั กไ็ ดย้ า้ ยท่ีทาการของสานกั งานลูกเสือนานาชาติไปท่ีใหมค่ ือ 38 ถนนบค๊ั กิ้งแฮม พาเลซ ในกรุงลอนดอน ในปี ตอ่ มา คือ พ.ศ.2482 สงครามโลกคร้ังท่ี 2 ก็เกิดข้ึน งานของสานกั งานแห่งน้ีกซ็ บเซาลง เพราะการติดต่อสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศตา่ ง ๆ น้นั เป็นไปโดยไม่สะดวก ในปี พ.ศ.2488 สานกั งานลูกเสือนานาชาติก็เร่ิมคึกคกั ข้ึนอีก และไดย้ า้ ยท่ีทาการของ สานกั งานไปอยทู่ ี่ 172 Ebury Street, Westminiorer เพราะสถานท่ีเดิมหมดสัญญาเช่า

82 ในปี พ.ศ.2489 - 2496 ก็ไดห้ นั มาฟ้ื นฟูการลูกเสือในประเทศลาตินอเมริกาและประเทศอ่ืน ๆ ท่ีชะงกั ไปขณะท่ีเกิดสงคราม ในปี พ.ศ.2496 น้นั เอง พลตรี D.C.Spry ก็ไดร้ ับเลือกต้งั เป็ นผอู้ านวยการสานกั งานน้ี คณะกรรมการบริหารของสานกั งานน้ีเห็นวา่ ควรจะยา้ ยที่ทาการของสานกั งาน ฯ ไปอยใู่ นทวปี อเมริกา เพราะสะดวกแก่การหาเงินและรายได้ เพ่อื จะไดม้ าค้าจุนในการดาเนินงานของสานกั งาน ลูกเสือนานาชาติ เพราะลาพงั ค่าธรรมเนียมสมาชิกประจาจากประเทศต่าง ๆน้นั ไม่พอท่ีจะดาเนินงาน และขณะน้นั เศรษฐกิจของประเทศในยโุ รปต่ามากเกือบทุกประเทศ การหาเงินมาบารุงสานกั งานจึง ทาไดล้ าบาก ดงั น้นั สานกั งานลูกเสือโลกจึงยา้ ยจากกรุงลอนดอนไปอยกู่ รุงออตตาวา ในประเทศแคนาดา เม่ือวนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ.2501 พ.ศ. 2508 ในคราวการประชุมสมชั ชาลูกเสือโลก คร้ังท่ี 20 ณ เมืองเมก็ ซิโก ระหวา่ งวนั ท่ี 26 กนั ยายน ถึงวนั ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2508 พลตรี D.C.Spry กพ็ น้ จากตาแหน่งผอู้ านวยการสานกั งาน ลูกเสือโลกไปตามวาระ คงให้ Mr.Richard T.Lund รักษาการในตาแหน่ง จนกระทง่ั ถึง พ.ศ.2510 ใน คราวการประชุมสมชั ชาลูกเสือโลกคร้ังที่ 21 ณ เมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตนั ประเทศสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการลูกเสือโลกไดป้ ระกาศแตง่ ต้งั Dr.Laszlo nagy แทนตาแหน่งผอู้ านวยการท่ีวา่ งอยู่ โดย เรียกตาแหน่งเสียใหมว่ า่ เลขาธิการ (Secretary general) เม่ือวนั ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2510 (ค.ศ.1967) และนอกจากน้นั ท่ีประชุมสมชั ชาลูกเสือโลกยงั ไดม้ ีมติเห็นพอ้ งตอ้ งกนั วา่ ใหย้ า้ ยสานกั งานใหญ่ สานกั งานลูกเสือโลก ออตตาวา ไปอยทู่ ่ีเจนีวา ซ่ึงเป็นศูนยแ์ ห่งยโุ รป และการคมนาคมท่ีสะดวกท่ีสุด และขณะน้ี เจนีวา กเ็ ป็ นท่ีต้งั สานกั งานนานาชาติหลายสาขา ในปี พ.ศ.2531 Dr.Laszlo Nagy ไดพ้ น้ วาระจากการเป็นเลขาธิการ ฯ ซ่ึงไดต้ อ่ อายมุ าหลาย คร้ังแลว้ รวมระยะเวลาที่ดารงตาแหน่งเลขาธิการฯ เป็ นเวลา 21 ปี ผทู้ ี่ไดร้ ับการคดั เลือกเป็น เลขาธิการฯ คนใหม่ คือ Dr.Jacques Morelion ซ่ึงเป็นชาวสวสิ และไดด้ ารงตาแหน่งผอู้ านวยการฝ่ าย ต่างประเทศของสภากาชาดโลก ก่อนจะมารับตาแหน่งน้ี หลงั จากน้นั Dr.Eduardo Missoni ชาวอิตาลี และ Mr.Luc Panissod ชาวฝรั่งเศส ดารงตาแหน่งต่อมา ปัจจุบนั Mr.Scott Teare ชาวอเมริกนั ดารงตาแหน่งเลขาธิการฯ (ขอ้ มูล พ.ศ. 2557) หน้ำที่ของสำนักงำนลูกเสือโลก มีดงั น้ี 1. เป็นศูนยก์ ลางประสานงานและติดต่อกบั องคก์ ารลูกเสือนานาชาติท่ีเป็นสมาชิกทว่ั โลก 2. ใหค้ วามช่วยเหลือและคาแนะนาแก่องคก์ ารลูกเสือนานาชาติท่ีร้องขอไป 3. ทาหนา้ ท่ีวจิ ยั คน้ ควา้ และวางโครงการระยะยาวในการพฒั นาการลูกเสือโลก และ กรรมการบริหารลูกเสือโลก

83 4. ส่งเสริมใหม้ ีการก่อต้งั องคก์ ารลูกเสือใหม่ ๆ เพ่ิมข้ึนตามความจาเป็น และช่วยพฒั นา องคก์ ารลูกเสือเหล่าน้นั โดยการช่วยส่งเอกสารเกี่ยวกบั การลูกเสือ จดั ให้เจา้ หนา้ ที่สานกั งานลูกเสือ โลกไปเยยี่ มเยยี นและจดั ใหม้ ีการฝึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ 5. จดั การติดต่อโดยตรงกบั ประเทศในเครือสมาชิก โดยการไปเยยี่ มเยยี นของเลขาธิการและ ผตู้ รวจการสานกั งานลูกเสือโลกเสมอ 6. แต่งต้งั ผตู้ รวจการฝ่ ายบริหารและผตู้ รวจการฝ่ ายฝึกอบรมในเขตต่าง ๆ ซ่ึงประเทศสมาชิก ในสังกดั ตอ้ งการท่ีจะไดร้ ับความช่วยเหลือ 7. จดั ใหม้ ีการประชุมผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือนานาชาติ สองปี ตอ่ คร้ัง และจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ระหวา่ งลูกเสือนานาชาติ สาหรับประเทศในเครือสมาชิกอยา่ งเพียงพอ 8. ทาหนา้ ท่ีเป็นสานกั เลขาธิการคณะกรรมการลูกเสือโลกท้งั ตาแหน่งประจาและตาแหน่ง ชว่ั คราว เช่น คณะกรรมการลูกเสือโลก ฝ่ ายฝึกอบรม ฯลฯ 9. ส่งเสริมใหม้ ีการฝึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือนานาชาติตามเขตต่าง ๆ ของสานกั งาน ลูกเสือโลก และใหม้ ีอนุกรรมการฝ่ ายฝึกอบรมประจาเขตน้นั ๆ 10. ออกวารสารลูกเสือฉบบั ประจาเดือน (World Scouting Julletin) และวารสารลูกเสือ ประจาเขตแตล่ ะเขต เพ่ือเผยแพร่ข่าวสารการลูกเสือ 11. ส่งเสริมใหม้ ีการเยย่ี มเยยี นระหวา่ งประเทศตา่ ง ๆ เป็ นการตอบแทนซ่ึงกนั และกนั รวมท้งั ใหค้ าแนะนาและความช่วยเหลือตามโครงการตา่ ง ๆ ท่ีจาเป็น 12. ช่วยเหลือในการปรับปรุงกิจการลูกเสือ ตามโปรแกรมการประชาสมั พนั ธ์ทว่ั โลก 13. ทาหนา้ ท่ีติดต่อกบั องคก์ ารอื่น ๆ ของโลก เช่นสานกั งานลูกเสือหญิงแห่งโลก องคก์ าร สหประชาชาติ ยเู นสโก และองคก์ ารอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งในการพฒั นาชุมชนให้เป็นพลเมืองดี สำนักงำนลูกเสือโลก ไดแ้ บง่ การบริหารลูกเสือโลกเป็นเขต ๆ แตล่ ะเขตก็มีผูต้ รวจการฝ่ าย บริหารประจาเขตของตน และมีศูนยก์ ลางดาเนินงานของแต่ละเขตดงั น้ี คือ 1. เขตกลุ่มประเทศลาตินอเมริกนั (Inter American Region) อยทู่ ่ีเมืองซานติเอโก ใน ประเทศชิลี 2. เขตกลุ่มประเทศในยุโรป (European Region) สานกั งานต้งั อยทู่ ่ีเมืองบรัสเซลส์ ประเทศ เบลเยยี่ ม 3. เขตกลุ่มอาหรับ (Arab Region) สานกั งานต้งั อยเู่ มืองไคโร ประเทศอียปิ ต์ 4. เขตเอเซีย-แปซิฟิ ก (Asia-Pacific Region) สานกั งานต้งั อยทู่ ่ีเมืองมะนิลา ประเทศ ฟิ ลิปปิ นส์ 5. เขตอาฟริกา (Africa Region) สานกั งานต้งั อยทู่ ี่เมืองไนโรบี ประเทศเคนยา 6. เขตยเู รเซีย (Eurasia Region) สานกั งานต้งั อยทู่ ี่เมืองยลั ตา้ ประเทศยเู ครน

84 กำรชุมนุมลูกเสือโลก (World Jamboree) คือ การจดั ใหล้ ูกเสือประเทศต่าง ๆ ทว่ั โลก ไปอยคู่ า่ ยพกั แรม ณ สถานที่ท่ีกาหนดให้และให้ ลูกเสือท่ีไปร่วมการชุมนุมไดม้ ีโอกาสประกอบกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามที่กาหนดไว้ การชุมนุมลูกเสือโลกคร้ังแรกจดั ข้ึนท่ีประเทศองั กฤษ ในปี ค.ศ. 1920 (พ.ศ.2463) หลงั จาก น้นั โดยปกติมีการชุมนุมลูกเสือโลกทุก ๆ 4 ปี ดงั น้ี คร้ังท่ี 1 ปี ค.ศ. 1920 (2463) Olympia, London องั กฤษ คร้ังที่ 2 ปี ค.ศ. 1924 (2467) Ermelunedn, Copenhagen เดนมาร์ก คร้ังท่ี 3 ปี ค.ศ. 1929 (2472) Arrowe Park องั กฤษ คร้ังที่ 4 ปี ค.ศ. 1933 (2476) Godollo ฮงั การี คร้ังที่ 5 ปี ค.ศ. 1937 (2480) Vegelengzang เนเธอร์แลนด์ คร้ังท่ี 6 ปี ค.ศ. 1947 (2490) Moisson ฝรั่งเศส คร้ังที่ 7 ปี ค.ศ. 1951 (2499) Bad Ischl ออสเตรีย คร้ังท่ี 8 ปี ค.ศ. 1955 (2498) Niagare-on-Lake แคนาดา คร้ังท่ี 9 ปี ค.ศ. 1957 (2500) Sutton Coldfield องั กฤษ คร้ังที่ 10 ปี ค.ศ. 1959 (2502) Makiling Park ฟิ ลิปปิ นส์ คร้ังที่ 11 ปี ค.ศ. 1963 (2506) Marathon กรีซ คร้ังที่ 12 ปี ค.ศ. 1967 (2511) Farragut State Park สหรัฐอเมริกา คร้ังที่ 13 ปี ค.ศ. 1971 (2514) Asagiri Hights ญ่ีป่ ุน คร้ังที่ 14 ปี ค.ศ. 1975 (2518) Lillelhammor นอรเวย์ คร้ังที่ 15 ปี ค.ศ. 1983 (2526) Galgary, Alberta แคนาดา คร้ังท่ี 16 ปี ค.ศ. 1988 (2531) Cataract Scout Park New Scouth Wales ออสเตรเลีย คร้ังที่ 17 ปี ค.ศ. 1991 (2534) Seoul เกาหลี คร้ังที่ 18 ปี ค.ศ. 1995 (2538) Dronten เนเธอร์แลนด์ คร้ังท่ี 19 ปี ค.ศ. 1999 (2542) Picarquin, Santiego ชิลี คร้ังท่ี 20 ปี ค.ศ. 2003 (2546) Haadyao Chonburi ไทย คร้ังที่ 21 ปี ค.ศ. 2007 (2550) Hiland England องั กฤษ คร้ังที่ 22 ปี ค.ศ. 2011 (2554) Kristianstad สวเี ดน คร้ังที่ 23 ปี ค.ศ. 2015 (2558) Yamaguchi ญี่ป่ ุน

85 ภูมหิ ลงั ของทปี่ ระชุมสมัชชำลกู เสือเขตเอเซีย-แปซิฟิ ค (ASIA-PACIFIC REGIONAL SCOUTCONFERENCE) กรรมการลูกเสือโลกไดจ้ ดั ต้งั สานกั งานเขตตะวนั ออกไกล (FAR-EAST REGION) ข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2499 ขณะน้นั มีประเทศสมาชิกอยเู่ พียง 10 ประเทศ รวมประเทศไทยดว้ ย คร้ันต่อมาการลูกเสือ ในเขตน้ีก็ขยายตวั ข้ึนเร่ือย ๆ สองปี ต่อมามีประเทศสมาชิกเพ่มิ ข้ึนเป็น 14 ประเทศ จึงไดจ้ ดั ใหม้ ีการ ประชุมลูกเสือเขตตะวนั ออกไกลข้ึน (FAR-EAST SCOUT CONFERENCE) เป็นคร้ังแรก ณ เมือง บาเกียว ประเทศฟิ ลิปปิ นส์ และต่อมากม็ ีการประชุมทุก 2 ปี ในปี พ.ศ.2513 (ค.ศ.1970) ประเทศสมาชิกเพ่มิ ข้ึนเป็ น 18 ประเทศ และไดเ้ ปลี่ยนช่ือจากเขต ตะวนั ออกไกล เป็นเขตเอเซีย-แปซิฟิ ก (ASIA-PACIFIC REGION) และปัจจุบนั น้ีประเทศสมาชิก เพิม่ ข้ึนเป็น 24 ประเทศแลว้ ท่ีเพิม่ ข้ึนมามี เนปาล บงั คลาเทศ ฟิ จิ ปาปัวนิวกีนี และบรูไน คณะกรรมกำรลกู เสือเขตเอเซีย-แปซิฟิ ก (ASIA-PACIFIC REGION SCOUT COMMITTEE) จากธรรมนูญเขตเอเชีย-แปซิฟิ ก กาหนดใหม้ ีคณะกรรมการ 11 คน จาก 11 ประเทศ อยใู่ น ตาแหน่ง คราวละ 6 ปี โดยท่ีประชุมลูกเสือเขตเอเชีย-แปซิฟิ ก เป็นผเู้ ลือกต้งั ทุกระยะ 2 ปี ที่มีการ ประชุม คณะกรรมการ ชุดน้ีจะมีการประชุมทุกปี และอาจจะแตง่ ต้งั อนุกรรมการหรือกรรมการ ดาเนินการในเร่ืองหน่ึงก็ยอ่ มทาไดต้ ามความจาเป็นในเขตของตน เกยี่ วกบั กำรเงิน (FINANCING) โดยมติท่ีประชุมสมชั ชาลูกเสือโลก คร้ังท่ี 31 (11-16 มกราคม พ.ศ.2531) ณ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กาหนดใหเ้ ก็บค่าบารุงลูกเสือโลกสาหรับลูกเสือในเครื่องแบบ คนละ 0.39 ฟรังกส์ วสิ (มีผลใชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2531) และเพิ่มข้ึนคนละ 0.42 ฟรังกส์ วสิ (มีผลใช้ บงั คบั ต้งั แตว่ นั ท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ.2532) ตามลาดบั นอกจากน้นั มาจากรางวลั หรือเงินบริจาคจากมูลนิธิ บริษทั และบุคคลในวงการต่าง ๆ มี หลายประเทศท่ีดอ้ ยพฒั นาไดร้ ับความช่วยเหลือจากกองเงินลงทุนลูกเสือนานาชาติ ซ่ึงนาไป ช่วยเหลือพ่นี อ้ งของเรา และสานกั งานลูกเสือโลกเจนีวา เป็นผจู้ ดั สรรในเรื่องงบประมาณและไดน้ า เงินกองทุนไปฝากไวใ้ นธนาคารตา่ ง ๆ 10 แห่ง ใน 9 ประเทศ หมำยเหตุ รำยละเอยี ดเพมิ่ เติมศึกษำได้จำก www.scout.org

86 เรื่อง ประวตั ิและโครงสร้ำงของกำรลูกเสือไทย บทเรียนที่ 5 เวลำ 45 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. พระราชประวตั ิโดยสังเขปของรัชกาลที่ 6 2. ประวตั ิการลูกเสือไทย 3. โครงสร้างคณะลูกเสือแห่งชาติ จุดหมำย เพื่อใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรม มีความรู้เร่ืองประวตั ิลูกเสือไทย โครงสร้าง อานาจหนา้ ท่ีของ คณะลูกเสือแห่งชาติ วตั ถุประสงค์ เม่ือจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. บรรยายพระราชประวตั ิรัชกาลท่ี 6 ไดโ้ ดยสงั เขป 2. อธิบายกิจการลูกเสือไทยต้งั แตเ่ ร่ิมตน้ จนถึงปัจจุบนั ได้ 3. อธิบายโครงสร้างการบริหารงานของคณะลูกเสือแห่งชาติได้ วธิ ีสอน / กจิ กรรม 1. นาสู่บทเรียน และช้ีแจงวตั ถุประสงค์ 5 นาที 2. บรรยาย 20 นาที 3. สรุป 5 นาที ส่ือกำรสอน 1. แผนภูมิ 2. แผน่ โปร่งใส 3. แผน่ สไลด์ , ภาพยนตร์ , วดี ิทศั น์ กำรประเมินผล 1. สังเกตความสนใจการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2. อภิปราย - ซกั ถาม เนื้อหำวชิ ำ 1. พระรำชประวตั สิ ังเขปของพระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้ำเจ้ำอย่หู ัว พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระ จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระศรีพชั รินทราบรมราชินีนาถ (สมเด็จพระนางเจา้ เสาวภาผอ่ งศรี) ทรงพระราชสมภพเมื่อวนั เสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ไดร้ ับพระราชทานพระนามวา่ สมเดจ็ เจา้ ฟ้า วชิราวธุ เม่ือทรงพระเยาวไ์ ดศ้ ึกษาวชิ าหนงั สือไทยกบั พระยาศรีสุนทรโวหาร เมื่อพระชนมายไุ ด้

87 13 พรรษา เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศองั กฤษในสาขาประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วรรณคดี ท่ี มหาวทิ ยาลยั ออ๊ กซ์ฟอร์ด และวชิ าทหารบกท่ีโรงเรียนแซนด์-เฮิสต์ รวม 9 ปี พระองคไ์ ดเ้ สด็จเถลิงถวลั ยราชสมบตั ิตอ่ จากสมเด็จพระบรมชนกนาถ เมื่อวนั ที่ 23 ตุลาคม 2453 ขณะน้นั มีพระชนมายไุ ด้ 31 พรรษา ตลอดรัชสมยั ของพระองคไ์ ดท้ รงประกอบพระราช กรณียกิจทานุบารุงประเทศชาติในดา้ นการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคม การศาสนา โดยเฉพาะทางวรรณคดีทรงพระราชนิพนธ์ท้งั ร้อยแกว้ ร้อยกรอง ประมาณ 200 เร่ือง ดว้ ยพระปรีชาสามารถของพระองค์ ประชาชนจึงถวายพระสมญั ญาแด่พระองคว์ า่ “พระ มหาธีรราชเจา้ ” ทรงอยใู่ นราชสมบตั ิเพียง 16 ปี เสด็จสวรรคตเม่ือวนั ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 พระชนมายุ 46 พรรษา แตเ่ นื่องดว้ ยพระราชกรณียกิจของพระองคท์ าใหเ้ กิดคุณประโยชนแ์ ก่ บา้ นเมืองอยา่ งใหญ่หลวง รัฐบาลกบั ประชาชนจึงร่วมใจกนั สร้างพระบรมรูปของพระองค์ ประดิษฐานไวท้ ี่สวนลุมพนิ ี และคณะลูกเสือแห่งชาติร่วมดว้ ยคณะลูกเสือทว่ั ราชอาณาจกั ร ไดส้ ร้าง พระบรมรูปของพระองคป์ ระดิษฐานไวห้ นา้ คา่ ยลูกเสือวชิราวธุ อาเภอศรีราชา จงั หวดั ชลบุรี ในระยะท่ีมีการก่อต้งั ลูกเสือข้ึนในโลกน้นั ประเทศไทยตรงกบั รัชสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ -เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 6 สถานการณ์ของโลกในขณะน้นั กาลงั ทวคี วามคบั ขนั อิทธิพล ของวฒั นธรรมตะวนั ตกเริ่มไหลเขา้ สู่เมืองไทย พร้อมกบั การแพร่ระบาดของระบอบมหาชนรัฐ และ ภยั ของชาติไทยก็คือการถูกรุกเงียบ แต่ดว้ ยพระปรีชาญาณของสมเด็จพระมหาธีรราชเจา้ พระองคท์ รง เล็งเห็นการณ์ไกล จึงทรงมีพระราชดาริวา่ การลูกเสืออนั สืบเน่ืองมาแตง่ านปลุกชาติทางตรงน้นั หาก ไดน้ ามาปรับปรุงใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั เดก็ ไทยก็จะเป็นคุณประโยชน์อนั ใหญ่หลวงแก่ชาติบา้ นเมืองทรง มนั่ พระราชหฤทยั เป็ นอยา่ งยิ่ง พร้อมท้งั ทรงประกอบดว้ ยความกลา้ หาญฝ่ าอุปสรรคท้งั ปวง เป็นตน้ วา่ คาตาหนิติเตียนอนั เกิดจากประชาชนท่ียงั ไม่เขา้ ใจวตั ถุประสงคแ์ ละกิจการลูกเสือดีพอ ทาใหม้ ี อุปสรรคเกิดข้ึนจากท่ีเห็นไดช้ ดั ดงั เช่น ผปู้ กครองเด็กโดยมากไมใ่ คร่เตม็ ใจยนิ ยอมใหเ้ ด็กของตน สมคั รเขา้ เป็ นลูกเสือ โดยเขา้ ใจไปวา่ การลูกเสือก็คือการเป็นทหารนนั่ เอง ประกอบท้งั การลูกเสือตอ้ ง เป็นการเสียสละดว้ ยความเตม็ ใจ จึงเป็นการลาบากอยมู่ ากในช้นั แรกพระองคไ์ ดด้ าเนินกศุ โลบาย โดย ไดท้ รงพระอุตสาหะจดั ต้งั “กองเสือป่ า” ข้ึนก่อน เมื่อวนั ที่ 1 พฤษภาคม 2454 ทรงฝึกพวกผใู้ หญ่ (ส่วนใหญ่เป็นพวกขา้ ราชการ) เรียกวา่ พวกพอ่ เสือ ดว้ ยพระองคเ์ อง โปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ีการซอ้ มรบ และฝึกซอ้ มกลยทุ ธ์ต่าง ๆ ตามหลกั วชิ าการทหาร ที่พระองคไ์ ดร้ ับการอบรมมา ท้งั น้ีเพ่ือเป็นการ ปลูกฝังความนิยมใหป้ ระชาชนชาวไทยรู้จกั คุณคา่ แห่งการทหาร ดว้ ยทรงเล็งเห็นวา่ ประเทศจะดารง อิสรภาพอยไู่ ดก้ ็ดว้ ยประชาชนท้งั หลายรักประเทศ ตอ่ มาไดท้ รงพระดาริวา่ กองเสือป่ าไดต้ ้งั ข้ึนเป็ น หลกั ฐานแลว้ พอท่ีจะหวงั ไดว้ า่ จะเป็นผลดีแตผ่ ทู้ ่ีจะเป็ นเสือป่ าน้นั ตอ้ งนบั วา่ เป็นผใู้ หญ่แลว้ ฝ่ าย เดก็ ผชู้ ายท่ียงั อยใู่ นวนั เดก็ ก็เป็นผทู้ ี่สมควรไดร้ ับการฝึกฝนท้งั ในส่วนร่างกายและจิตใจ ใหม้ ีความรู้ ทางเสือป่ า เพ่อื วา่ โตข้ึนจะไดร้ ู้จกั หนา้ ที่ผชู้ ายไทยทุกคนควรประพฤติใหเ้ ป็นประโยชน์แก่ชาติ บา้ นเมืองอนั เป็นบา้ นเกิดเมืองนอนของตน และการฝึกฝนปลุกใจใหค้ ิดถูกเช่นน้ี ตอ้ งรีบฝึกฝนเสีย

88 ต้งั แตย่ งั เยาว์ เปรียบเหมือนไมท้ ่ียงั อ่อน จะดดั ใหเ้ ป็ นรูปอยา่ งไรกเ็ ป็นไดโ้ ดยง่ายและงดงาม แต่ถา้ รอ ไวจ้ นแก่เสียแลว้ เมื่อจะดดั ก็ตอ้ งเขา้ ไฟ และมกั จะหกั ลิไดใ้ นขณะท่ีดดั ดงั น้ีฉนั ใดสันดานคนก็ฉนั น้นั เม่ือมีพระราชดาริดงั น้ีแลว้ จึงโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ้งั กองลูกเสือข้ึนตามโรงเรียนและสถานที่อนั สมควร และโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ีกาหนดขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครองลูกเสือข้ึนไว้ เม่ือวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2454 พระราชประสงคท์ ่ีไดค้ ิดจดั ใหม้ ีลูกเสือข้ึนน้นั ก็โดยปรารถนาท่ีจะใหเ้ ดก็ ไทยไดศ้ ึกษาและจดจาขอ้ สาคญั 3 ประการ คือ 1. ความจงรักภกั ดีตอ่ ผทู้ รงดารงรัฐสีมาอาณาจกั รโดยตอ้ งตามนิติธรรมประเพณี 2. ความรักชาติบา้ นเมือง และนบั ถือพระศาสนา 3. ความสามคั คีในคณะ และไม่ทาลายซ่ึงกนั และกนั ซ่ึงท้งั 3 ประการน้ีเป็นรากฐานแห่งความมน่ั คงที่จะนาให้ชาติดารงอยเู่ ป็นไทยไดส้ มนาม กองลูกเสือของประเทศไทยท่ีต้งั นบั ไดว้ า่ เป็นลาดบั ท่ี 3 ของประเทศท่ีมีการลูกเสือในโลก และกองลูกเสือกองแรกต้งั ข้ึนท่ีโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวธุ วทิ ยาลยั ในปัจจุบนั ) ลูกเสือคนแรก คือ นายชพั น์ บุนนาค นกั เรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซ่ึงถือวา่ ไดแ้ ตง่ เครื่องแบบ ลูกเสือเป็นคนแรกและ ผทู้ ่ีไดก้ ล่าวคาปฏิญาณของลูกเสือเป็นคนแรก โดยพระองคท์ ่านไดม้ ีพระราช โองการวา่ “อา้ ยชพั น์ เอง็ เป็นลูกเสือแลว้ ” ต่อมากิจการลูกเสือก็ไดแ้ พร่หลายไปยงั ทอ้ งถิ่นต่าง ๆ ใน ประเทศไทย 2. ประวตั กิ ำรลูกเสือไทย การลูกเสือไดอ้ ุบตั ิข้ึนเป็ นแห่งแรกของโลก ณ ประเทศองั กฤษ เมื่อ พ.ศ.2451โดย พลโท ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ เป็นผใู้ หก้ าเนิดข้ึน มูลเหตุแห่งความประทบั ใจท่ีทาใหก้ ่อกาเนิดการลูกเสือข้ึนมาคือในปี พ.ศ.2442 ท่านไดถ้ ูก ราชการทหารส่งไปทาหนา้ ที่รักษาเมืองมาฟิ คิง (Mafeking) อนั เป็นเมืองข้ึนขององั กฤษในสหภาพ อฟั ริกาใต้ ในคราวเกิดสงครามกบั พวกบวั ร์ ซ่ึงทา่ นมีทหารอยใู่ นบงั คบั บญั ชาอยเู่ พียง 2 กองพนั แต่ ตอ้ งทาการต่อสู้กบั ศตั รู ซ่ึงมี กาลงั มากกวา่ ถึง 3 เท่า โดยตกอยใู่ นวงลอ้ มของขา้ ศึกถึง 217 วนั ทหาร ในบงั คบั บญั ชาไดเ้ สียชีวติ และลม้ เจบ็ ลงเป็นจานวนมาก แต่ท่านกป็ ระวงิ เวลาขา้ ศึกไวไ้ ดโ้ ดยไม่เสียท่ี มนั่ จนมีกองทพั หนุนส่งไปร่วม การท่ีทา่ นรักษาเมืองมาฟิ คิง ไวไ้ ดน้ ้ีเน่ืองจากทา่ นไดต้ ้งั กองทหารเด็กข้ึนหน่วยหน่ึง เพอื่ ใช้ เป็นกาลงั ช่วยเหลือในดา้ นต่าง ๆ ซ่ึงปรากฏวา่ ไดผ้ ลดีมากเพราะเด็ก ๆ ไดป้ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่รับมอบหมาย ไดอ้ ยา่ งดีไม่แพผ้ ใู้ หญ่ และบางอยา่ งกลบั ปฏิบตั ิไดด้ ีกวา่ ผใู้ หญ่ดว้ ย เม่ือกลบั จากสงครามทา่ นจึงเริ่ม โครงการอบรมเดก็ ข้ึน โดยนาเดก็ 20 คน ไปอยคู่ ่ายพกั แรมท่ีเกาะบราวน์ซี ในปี พ.ศ.2450 ปรากฏวา่ ไดผ้ ลดี สมความมุง่ หมาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2451 กองลูกเสือจึงไดเ้ ริ่มต้งั ข้ึนอยา่ งจริงจงั เป็นคร้ังแรก ในประเทศองั กฤษ

89 2.1 กำรลูกเสือไทยในสมยั พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หวั (รัชกำลที่ 6) พระบาทสมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ 6 พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงเป็ นพระราชโอรสองคท์ ี่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเจา้ หลวง พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเด็จพระศรี พชั รินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพนั ปี หลวง มีพระชาติมงคลสมยั ณ วนั เสาร์ เดือนยี่ ข้ึน 12 ค่า ปี มะโรง ตรงกบั วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ไดเ้ สด็จเถลิงถวลั ยร์ าชสมบตั ิ เมื่อวนั เสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 แลว้ พระองคไ์ ดท้ รงมี พระราชดารัสท่ีไดต้ รัสแก่ราษฎร เมื่องานพระราชพธิ ีบรม ราชาภิเษก มีความตอนหน่ึงวา่ “การต้งั กองเสือป่ าข้ึนดว้ ยความมุง่ หมายจะใหค้ นไทยทวั่ กนั รู้สึกวา่ ความจงรักภกั ดีตอ่ ผดู้ ารงรัฐสีมาอาณาจกั ร โดยตอ้ งตามมติธรรมประเพณีประการ 1 ความรักชาติ บา้ นเมืองและนบั ถือพระศาสนาประการ 1 ความสามคั คีในคณะและไมท่ าลายซ่ึงกนั และกนั นอกจากน้ียงั มีพระราชปรารภในการจดั ต้งั กองลูกเสือป่ าข้ึนวา่ มีพลเรือนบางคนท่ีเป็ นขา้ ราชการและ ที่มิไดเ้ ป็นขา้ ราชการ มีความปรารถนาจะไดร้ ับความฝึกหดั อยา่ งทหาร แต่ยงั มิไดม้ ีโอกาสฝึกหดั เพราะติดหนา้ ที่ราชการเสียบา้ ง การฝึกหดั เป็ นทหารน้นั ยอ่ มมีคุณประโยชน์แก่บา้ นเมืองอยหู่ ลาย อยา่ งที่เป็นขอ้ ใหญ่ ขอ้ สาคญั ก็คือกระทาใหบ้ ุคคลซ่ึงไดร้ ับความฝึกฝนเช่นน้นั เป็นราษฎรดีข้ึน กล่าวคือ ทาใหก้ าลงั กายและความคิดแก่กลา้ ในทางที่เป็นประโยชนด์ ว้ ยเป็นธรรมดาของคน ถา้ ไม่มี ผใู้ ดหรือส่ิงใดบงั คบั ใชก้ าลงั และความคิดของตนแลว้ กม็ กั จะกลายเป็นคนออ่ นแอไป” จึงไดท้ รง พระกรุณาโปรดเกลา้ สถาปนาเสือป่ าข้ึนไวต้ ้งั แตว่ นั ท่ี 1 พฤษภาคม พ.ศ.2454 เม่ือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงสถาปนากิจการเสือป่ า ผา่ นไปได้ 2 เดือน กไ็ ดท้ รงพระราชทานกาเนิดลูกเสือข้ึนเม่ือวนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2454 ซ่ึงเป็นเวลา 3 ปี หลงั จากการ ลูกเสือไดถ้ ูกสถาปนาข้ึนในประเทศองั กฤษ โดยทรงมีพระราชปรารภวา่ “กองเสือป่ าไดต้ ้งั ข้ึนเป็ น หลกั ฐานแลว้ พอจะเป็นที่หวงั ไดว้ า่ จะเป็นผลดีตามพระราชประสงค์ แต่ผทู้ ี่จะเป็ นเสือป่ าตอ้ งเป็ นผทู้ ี่ นบั วา่ เป็นผใู้ หญ่แลว้ ฝ่ ายเด็กชายที่ยงั อยใู่ นปฐมวยั กเ็ ป็นผทู้ ี่สมควรจะไดร้ ับความฝึกฝนท้งั ในส่วน ร่างกายและในส่วนใจใหม้ ีความรู้ในทางเสือป่ า เพื่อวา่ เมื่อเติบใหญ่ข้ึนแลว้ จะไดร้ ู้จกั หนา้ ที่ ซ่ึงผชู้ าย ไทยทุกคนควรจะประพฤติใหเ้ ป็นประโยชน์แก่ชาติบา้ นเมืองอนั เป็นท่ีเกิดเมืองนอนของตน และการ ฝึกฝนปลุกใจใหค้ ิดถูกเช่นน้ี ตอ้ งเริ่มฝึกฝนเสียแตเ่ มือยงั เยาวอ์ ยู่ เปรียบเหมือนไมท้ ี่ยงั อ่อน จะไดด้ ดั ไปเป็นรูปอยา่ งไรก็เป็นไปไดง้ ่ายและงดงาม แต่ถา้ รอไวจ้ นแก่เสียแลว้ เมื่อจะตอ้ งดดั ก็ตอ้ งเขา้ ไฟ และมกั จะหกั ลิไดใ้ นขณะที่ดดั ดงั น้ีฉนั ใด สันดานคนก็ฉนั น้นั ” จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ี กาหนดขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครองลูกเสือข้ึน และทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตใหจ้ ดั ต้งั กองลูกเสือข้ึนตามโรงเรียนและสถานท่ีอนั สมควร กิจการลูกเสือจึงเริ่มกาเนิดข้ึนในประเทศไทย ต้งั แตว่ นั ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2454 เป็นตน้ มา โดยพระองคไ์ ดพ้ ระราชทานเหรียญราชนิยมใหแ้ ก่ ลูกเสือโทฝ้าย บุญเล้ียง แห่งกองลูกเสือมณฑลสุราษฎร์ที่อายุ 14 ปี ซ่ึงไดช้ ่วยชีวติ ชายชรา และ เด็กหญิงผอ่ ง ใหร้ อดพน้ จากความตายเมื่อโดยสารเรือ “บางเบิด” จากกรุงเทพ ฯ จะไปสุราษฎร์ธานี ในตอนตน้ เดือนพฤษภาคม 2456 และเรือไดเ้ กิดอบั ปางลงเมื่อเวลาราว 22.00 น. ในที่ซ่ึงไมส่ ู้จะห่าง

90 จากเกาะสีชงั เทา่ ไรนกั ลูกเสือโทฝ้าย ไดพ้ ยายามช่วยชีวติ ชายชราและเด็กหญิงผอ่ งอยา่ งเตม็ ความสามารถ บุคคลท้งั สามตอ้ งอยใู่ นน้าเป็นเวลานาน 8 ชว่ั โมง จนกระทง่ั รุ่งเชา้ จึงมีเรือกลไฟช่ือ “ฮอลวาด” ไดแ้ ล่นไปพบเขา้ และนาตวั ไปส่งท่ีเกาะสีชงั พิธีพระราชทานเหรียญราชนิยมใหแ้ ก่ลูกเสือโทฝ้ายไดก้ ระทาอยา่ งมโหฬารเม่ือวนั ที่ 1 0 พฤศจิกายน 2457 อนั เป็นพระราชพธิ ีฉตั รมงคล โดยโปรดใหต้ ้งั พระท่ีนงั่ ชุมสายข้ึนท่ีศาลาหนา้ ท่ีพระ ท่ีนงั่ อาภรณ์ภิโมกข-ปราสาท ในพระบรมมหาราชวงั ต่อมาลูกเสือโทฝ้ายผนู้ ้ี ไดร้ ับพระราชทานนามสกลุ วา่ \"บุญเล้ียง\" และเม่ือสาเร็จการศึกษา แลว้ ไดเ้ ขา้ รับราชการเป็ นครู ไดร้ ับพระราชทานบรรดาศกั ด์ิ เป็น ขนุ วรศาสน์ดรุณกิจ ภายหลงั จากท่ีไดต้ ราขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครองลูกเสือออกมาแลว้ เพอื่ ใหก้ ารไดด้ าเนินไปดงั พระราชประสงค์ จึงไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ้งั สภากรรมการกลางข้ึนโดยไดท้ รงพระกรุณา เขา้ รับตาแหน่งหนา้ ท่ี เป็ นสภานายกแห่งสภากรรมการกลางดว้ ยพระองคเ์ อง พร้อมกนั น้ีไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารง ราชานุภาพ ซ่ึงขณะน้นั ยงั ทรงดารงพระอิสริยศเป็นสมเด็จกรมพระฯ และกาลงั ดารงตาแหน่งเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย อยเู่ ป็นผตู้ รวจการใหญ่และเป็นอุปนายกดว้ ยตามขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครอง ลูกเสือน้นั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้เจา้ พระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปี ย มาลากุล) ซ่ึง เวลาน้นั กาลงั ดารงตาแหน่งผูร้ ้ังตาแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการเป็ นกรรมการ และทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาบุรีนวราษฐเ์ ป็ นเลขานุการ ตาแหน่งผตู้ รวจการใหญ่ และอุปนายกดงั กล่าวน้ี ตอ่ มาในปี พ.ศ.2457 สมเด็จกรมพระยา ดารงราชานุภาพ ไดก้ ราบถวายบงั คมลาพกั ราชการไป จึงไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯใหเ้ จา้ พระยา เสดจ็ สุเรนทราธิบดี เขา้ รับตาแหน่งแทนสืบมา จนถึงเวลาที่ท่านผนู้ ้ีตอ้ งป่ วยหนกั และชราภาพมาก ได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาไพศาลศิลปศาสตร์ (รื่น ศยามานนท)์ ต่อมาไดเ้ ลื่อนข้ึนเป็นพระ ยาราชนุกลู วบิ ูลภกั ดี) อธิบดีกรมศึกษาธิการ เขา้ รับตาแหน่งแทนต่อมาต้งั แตว่ นั ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2457 และไดด้ ารงอยใู่ นตาแหน่งน้ีตลอดมาจนสิ้นรัชสมยั ต่อจากต้งั สภากรรมการกลาง และผตู้ รวจการใหญ่แลว้ เพื่อใหก้ องลูกเสือไดต้ ้งั ข้ึนโดยเร็วใน มณฑลกรุงเทพ ฯ อนั เป็นมณฑลราชธานี เพ่ือจะไดเ้ ป็นตวั อยา่ งแก่มณฑลอ่ืน ๆ ต่อไป จึงไดท้ รงพระ กรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ีสภากรรมการประจามณฑลกรุงเทพ ฯ ข้ึนในอนั ดบั ต่อมา โดยไดโ้ ปรด ฯ ให้ เจา้ พระยายมราช (ป้ันสุขมุ ) เสนาบดีกระทรวงนครบาลอยูใ่ นขณะน้นั เป็ นสภานายก การท่ีพระองค์ ทรงต้งั กิจการลูกเสือไทยน้นั นอกจากพระราชปรารภที่พระองคท์ รงไดก้ ล่าวไวแ้ ลว้ พระองคย์ งั ได้ ทรงพระราชนิพนธ์เก่ียวกบั วตั ถุประสงคข์ องการต้งั กองลูกเสือไวใ้ นพระราชนิพนธ์ เรื่องประโยชน์ แห่งเสือป่ าและลูกเสือในเวลาสงครามวา่ ...การที่จะคิดหวงั ใหล้ ูกเสือทาการตอ่ สู้ศตั รูจริง ๆ จงั ๆ น้นั ยอ่ มไมไ่ ดอ้ ยเู่ อง เพราะโดยมาก ลูกเสือไมม่ ีปื นที่จะยงิ แต่กม็ ีหนทางที่จะช่วยปลดเปล้ืองกงั วลแห่งฝ่ ายทหารมี อาทิ คือ

91 1. อาจจะเล็ดลอดไปส่ือข่าวคราวไดใ้ นท่ีบางแห่ง 2. เป็นผสู้ ่งข่าวระหวา่ งกองกบั กองได้ ขอ้ น้ีเป็นประโยชนไ์ ดม้ ากเพราะไม่ตอ้ งถอนพลรบไป ทาหนา้ ที่ไปรษณียบ์ ุรุษ 3. ช่วยสะกดรอยตามและจบั ผทู้ ่ีน่าสงสัยวา่ เป็นผลู้ กั ลอบสอดแนมได้ กิจน้ีปรากฏวา่ องั กฤษ ไดใ้ ชแ้ ลว้ ไดป้ ระโยชน์ดีมาก ในการสงครามคราวน้ีลูกเสือองั กฤษจบั คนลกั ลอบสอดแนมของ เยอรมนั ในเมืององั กฤษไดแ้ ลว้ หลายคน กระทรวงทหารบกองั กฤษ จึงออกประกาศรับรองคณะ ลูกเสือเป็นคณะผชู้ ่วยพลรบคณะหน่ึง 4. ช่วยระวงั รักษาการติดต่อ เช่น สายโทรเลข สะพานและทางรถไฟ เป็นตน้ ซ่ึงท้งั องั กฤษ และฝร่ังเศสใชล้ ูกเสือในงานสงครามปี น้ี 5. ช่วยคุมเสบียงส่งที่ฐานทพั กิจน้ีฝรั่งเศสไดใ้ ชล้ ูกเสือกระทาอยโู่ ดยมาก นบั วา่ เป็น ประโยชน์เพราะไมต่ อ้ งถอนกาลงั พลรบไปในทางที่ห่างไกลสนามรบ 6. ช่วยรักษาความสงบภายในเมืองใหญ่ ๆ กิจน้ีลูกเสือท้งั องั กฤษและฝรั่งเศสไดแ้ สดงใหเ้ ห็น ปรากฏแลว้ วา่ สามารถทาไดด้ ี เช่น ท่ีปารีสเมื่อก่อนจะเกิดสงครามหน่วยหน่ึง ลูกเสือฝร่ังเศสประมาณ 40 คน ไดต้ ่อสู้กบั พวก \"อะปัช\" (คนจรจดั ) 100 กวา่ คนซ่ึงมีปื นพกใชย้ งิ และถือไมก้ บั ขวา้ งกอ้ นอิฐ พวกลูกเสือใชพ้ ลองเขา้ รุกไล่ ตีพวกจรจดั เจบ็ ถึงตอ้ งเขา้ โรงพยาบาล 2 หรือ 3 คน หวั แตกอีกหลายคน นอกน้นั หนีไป 7. ช่วยในการพยาบาลคนถูกอาวธุ และคนไข้ คือช่วยหา้ มเลือด และวงิ่ เตน้ ตา่ ง ๆ เป็นตน้ กิจเหล่าน้ี ลว้ นเป็ นสิ่งซ่ึงลูกเสือสามารถจะทาไดโ้ ดยแท้ และเป็นขอ้ ควรลูกเสือไทยเราจะ เตรียมตวั ไวพ้ ร้อมที่จะทา เพ่ือเป็นประโยชน์และเพื่อกล่าวไดว้ า่ ถึงยงั เป็นเดก็ กไ็ ดท้ าการช่วยบา้ นเมือง กองลูกเสือกองแรกของประเทศไทยไดต้ ้งั ข้ึนที่โรงเรียนมหาดเลก็ หลวง (โรงเรียนวชิราวธุ วทิ ยาลยั ในปัจจุบนั ) พระองคท์ รงไดเ้ อาเป็นพระราชธุระในการอบรมสงั่ สอนตลอดจนการดาเนินงาน ทว่ั ๆ ไปของกองลูกเสือน้ีโดยตรง ท้งั น้ีเพอ่ื ทรงหวงั จะให้เป็นแบบอยา่ งสาหรับโรงเรียนอ่ืน ๆ หรือ สถานท่ีต่าง ๆ ที่มีความประสงคจ์ ะต้งั กองลูกเสือข้ึน จะไดย้ ดึ เป็นแบบอยา่ งต่อไป กองลูกเสือกองน้ี จึงไดน้ ามวา่ “กองลูกเสือกรุงเทพ ฯ ท่ี 1” ผทู้ ่ีเป็นลูกเสือคนแรกคือ นายชพั น์ บุนนาค เพราะสามารถ กล่าวคาปฏิญาณไดเ้ ป็นคนแรก คร้ันต่อมาวนั ที่ 2 กนั ยายน พ.ศ. 2454 ไดพ้ ระราชทานพระบรมราชวโรกาสใหก้ องลูกเสือท่ี 1 ไดเ้ ขา้ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ สโมสรสถานเสือป่ า และไดส้ อบซอ้ มวชิ าลูกเสือตามแบบท่ีทรง พระราชนิพนธ์ไวส้ าหรับสง่ั สอนเสือป่ าและลูกเสือ และไดท้ รงพระราชทานนามกองลูกเสือมหาดเลก็ หลวง ซ่ึงเป็นกองแรกในประเทศไทยน้ีวา่ “กองลูกเสือหลวง” กิจการลูกเสือก็ไดแ้ พร่หลายไปทวั่ กรมศึกษาธิการ กระทรวงธรรมการ (ในสมยั น้นั ) จึงได้ เร่ิมฝึกฝนผทู้ ี่จะเป็นผกู้ ากบั และรองผกู้ ากบั จนมีจานวนมากข้ึน จึงทาใหส้ ามารถนาไปส่งั สอนอบรม นกั เรียนใหม้ ีความรู้ในวชิ าลูกเสือมากข้ึน จากการน้ีเอง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ้งั กอง

92 ลูกเสือเพมิ่ ข้ึนเป็นลำดบั ตอ่ มำ พระองคจ์ ึงทรงใหต้ ้งั กองฝึกหดั ผกู้ ำกบั ลูกเสือข้ึนในบริเวณสโมสร คณะเสือป่ ำ ณ พระรำชวงั สวนดุสิต สำหรับเป็นสำนกั ศึกษำวชิ ำผกู้ ำกบั ลูกเสือ โดยกำหนดใหม้ ี กำหนดเวลำเล่ำเรียน 2 เดือนเตม็ เริ่มต้งั แต่วนั ท่ี 1 พฤศจิกำยน เป็นตน้ ไปจนถึงวนั ท่ี 31 ธนั วำคม เสมอไปทุก ๆ ปี เมื่อนกั เรียนผใู้ ดศึกษำวชิ ำครบหลกั สูตรและสอบไล่ไดต้ ำมหลกั สูตรกท็ รงพระกรุณำโปรด เกลำ้ ฯ พระรำชทำนใบประกำศนียบตั รเป็นสำคญั หลงั จำกที่กองลูกเสือไทยไดก้ ำเนิดข้ึนประมำณ 6 - 7 เดือน ขำ่ วจำกประเทศไทยก็แพร่สะพดั ไปยงั ประเทศตำ่ ง ๆ วำ่ พระเจำ้ แผน่ ดินไทยทรงใฝ่ พระทยั ในกิจกำรลูกเสือเป็นอยำ่ งยงิ่ ดว้ ยเหตุน้ี มิสเตอร์ซิดนีย์ ริเชส ผกู้ ำกบั กองลูกเสือท่ี 4 กรุงลอนดอน จึงไดม้ ีหนงั สือกรำบ บงั คมทูลพระกรุณำขออญั เชิญพระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั ใหเ้ ป็นองคอ์ ุปถมั ภ์ และขอพระรำชทำน นำมกองลูกเสือน้ีวำ่ “กองลูกเสือรักษำพระองคพ์ ระเจำ้ แผน่ ดินสยำม” (THE KING OF SIAM'S OWN BOY SCOUT GROUP) พระองคไ์ ดท้ รงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ตำมที่ขอมำ และใหก้ องลูกเสือ องั กฤษกองน้ีติดเครื่องหมำยเป็นรูปธงชำติพ้นื สีแดงเคร่ืองหมำยชำ้ งเผอื กอยตู่ รงกลำงท่ีแขนเส้ือท้งั สองขำ้ ง ซ่ึงกองลูกเสือกองน้ียงั ปรำกฏอยตู่ รำบเท่ำทุกวนั น้ี ตอ่ มำกำรฝึกอบรมลูกเสือไดป้ รำกฏผลดีเป็นอยำ่ งยงิ่ พระองคท์ รงใหม้ ีพธิ ีเขำ้ ประจำกอง ลูกเสือข้ึนเป็นคร้ังแรกในวนั ท่ี 3 สิงหำคม พ.ศ. 2454 โดยใหล้ ูกเสือหลวงท่ีสอบไล่ไดแ้ ลว้ น้นั เขำ้ กระทำพธิ ีประจำกองต่อหนำ้ พระท่ีนง่ั ณ พระท่ีนงั่ อภิเศกดุสิต ในพธิ ีน้ีทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ ใหก้ องลูกเสือต่ำง ๆ ที่มีอยใู่ นกรุงเทพ ฯ ในเวลำน้นั เขำ้ เฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำทดว้ ย เพื่อศึกษำพิธี กำรประจำกองดว้ ย เม่ือลูกเสือไดท้ ำพิธีเขำ้ ประจำกองกนั บำ้ งแลว้ จึงทรงพระรำชทำนธงประจำกอง เพ่อื รักษำไวต้ ำ่ งพระองคต์ ำมลำดบั ไป กองลูกเสือหลวงไดร้ ับพระรำชทำนธงเป็นกองแรกในปี พ.ศ.2457 และไดท้ รงพระรำชทำนใหก้ บั กองลูกเสือตำ่ ง ๆ ในโอกำสอนั สมควร เช่น กำรเสด็จหวั เมืองตำ่ ง ๆ เป็ นตน้ ธงที่พระรำชทำนใหก้ องลูกเสือน้ีมีรูปร่ำงลกั ษณะที่แตกต่ำงกนั ไป สุดแตจ่ ะทรง คิดข้ึน พระรำชทำนใหต้ ำมควำมเหมำะสมของแตล่ ะมณฑล ในวนั ท่ี 1 เมษำยน 2457 พระองคจ์ ึงทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ใหม้ ีพระรำชกำหนดเครื่อง แตง่ ตวั ลูกเสือใหเ้ ปล่ียนแปลงเสียใหม่เพื่อใหเ้ หมำะสมกบั สมยั ตอ่ มำในวนั ท่ี 10 เมษำยน พ.ศ. 2459 ไดท้ รงมีประกำศพระรำชทำนพระบรมรำชำนุญำตใหล้ ูกเสือมณฑลปัตตำนี ใชห้ มวกกลมแบบมลำยู ดว้ ยเหตุผลวำ่ เนื่องจำกลูกเสือในมณฑลปัตตำนีน้ี เป็ นบุตรหลำนชำวมลำยู ซ่ึงนบั ถือศำสนำอิสลำม จึงทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ พระรำชทำนพระบรมรำชำนุญำตใหก้ องลูกเสือมณฑลปัตตำนีใช้ หมวกสักหลำดหรือกำมะหย่ีสีดำชนิดกลมแบบหมวกมลำยเู ป็นพิเศษ ตอ่ มำในปี พทุ ธศกั รำช 2461 พระองคจ์ ึงทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ ให้ออกขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครองลูกเสือ พทุ ธศกั รำช 2461 เสียใหม่ เพรำะขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครองลูกเสือ

93 พทุ ธศกั รำช 2454 น้นั ไดม้ ีกำรแกไ้ ขหลำยคร้ัง ทำใหม้ ีกำรกระจดั กระจำยอยสู่ มควรท่ีจะรวบรวม เพ่อื ใหเ้ กิดควำมเรียบร้อยข้ึน โดยที่ทรงมีพระปรีชำญำณและพระรำชดำริวำ่ พลเมืองทุกเพศทุกวยั ยอ่ มเป็นทรัพยำกรของ ชำติ เม่ือชำติเจริญกย็ อ่ มเจริญดว้ ยกนั และเม่ือชำติพินำศล่มจมใคร่เล่ำจะอยไู่ ด้ ดว้ ยเหตุน้ีเองภำยหลงั จำกไดท้ รงสถำปนำกำรลูกเสือข้ึนเป็ นหลกั ฐำนแลว้ ยงั ไดท้ รงเตรียมกำรท่ีจะสถำปนำ “เนตรนำรี (GIRL GUIDE)” หรือที่เรียกกนั วำ่ “ลูกเสือหญิง” ข้ึนมำดว้ ย เพอื่ ใหเ้ ป็ นสิ่งคูก่ บั ลูกเสือ ซ่ึงไดต้ ้งั ข้ึน เรียบร้อยแลว้ สำหรับเดก็ ชำยยงั ขำดอยแู่ ต่เด็กหญิงเท่ำน้นั จึงทรงมีพระรำชประสงคท์ ่ีจะใหม้ ีกำร ฝึกฝนในแบบเดียวกนั ใหก้ บั เด็กหญิงบำ้ งเพื่อควำมสมบูรณ์แห่งทรัพยำกรดงั กล่ำว พระองคจ์ ึงทรง มอบใหพ้ ระยำไพศำลศิลปศำสตร์ไปร่ำงกฎระเบียบไว้ กำรร่ำงกฎ ระเบียบต่ำง ๆ เสร็จเรียบร้อย แต่ยงั ไม่ทนั ประกาศต้งั พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ สวรรคตเสียก่อน ในปี พ.ศ.2463 ไดม้ ีการจดั งานชุมนุมลูกเสือโลกข้ึนเป็นคร้ังแรก ณ โอลิมเปี ย กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ใหค้ ดั เลือกเอานกั เรียนกระทรวงธรรมการ ซ่ึงกาลงั ศึกษาอยใู่ นประเทศองั กฤษ เป็นผแู้ ทนคือ นายสวสั ด์ิ สุมิตร นายศิริ หพั นานนท์ นายส่ง เทพาสิต นายศิริ แกว้ โกเมน ในปี พ.ศ. 2465 คณะลูกเสือไทยก็ไดส้ มคั รเขา้ เป็นสมาชิกของคณะลูกเสือโลก ซ่ึงใน ขณะน้นั มีสมาชิกรวมท้งั สิ้น 31 ประเทศ ท้งั 31 ประเทศที่เขา้ เป็นสมาชิกรุ่นแรกน้ี ถือวา่ เป็นสมาชิก ผกู้ ่อต้งั (FOUNDATION MEMBERS) ปี พ.ศ. 2467 ส่งผแู้ ทนลูกเสือไทย 10 คน ไปร่วมการชุมนุมลูกเสือโลกคร้ังท่ี 2 ณ ประเทศ เดนมาร์ค โดยมีพระยาภรตราชา ผดู้ ูแลนกั เรียนไทยในประเทศองั กฤษ เป็นหวั หนา้ คณะ ส่วนผแู้ ทน ลูกเสือไทยอีก 9 คน เป็นนกั เรียนท่ีกาลงั ศึกษาอยใู่ นประเทศองั กฤษ คือ นายประเวศ จนั ทนยง่ิ ยง นายป่ ุน มีไผแ่ กว้ นายสวสั ด์ิ สุมิตร นายเล็ก สุมิตร นายนารถ โพธิประสาท ม.ล.พนั ธุ์ ศิริวงศ์ ณ อยธุ ยา นายทวี บุณยเกตุ นายศิริ หพั นานนท์ และ นายวงศ์ กลุ พงศ์ และในปี เดียวกนั น้ี ในฐานะที่พระองคท์ รงดารงอยใู่ นราชสมบตั ิมาจะครบ 15 ปี ในปี พ.ศ. 2468 จึงไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ตรียมจดั งานพระราชพธิ ีเฉลิมฉลองข้ึนเป็ นการสมโภชสิริ ราชสมบตั ิเสมอดว้ ยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั รัชกาลท่ี 2 พร้อมกนั น้นั ก็ไดโ้ ปรดเกลา้ ใหเ้ ตรียมจดั งานสยามรัฐพิพธิ ภณั ฑข์ ้ึนท่ีสวนลุมพนิ ีดว้ ย ในการเตรียมการสมโภชน้ี ไดท้ รงพระ กรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ พระยารามราฆพ เป็ นผอู้ านวยการ และพระยาไพศาลศิลปศาสตร์เป็น เลขาธิการ การจดั งานชุมนุมลูกเสือไดม้ ีการเตรียมการไวท้ ุกอยา่ งพร้อมหมดแลว้ ไดม้ ีประกาศการ ชุมนุมลูกเสือแห่งชาติคร้ังแรกและขอ้ กาหนดต่าง ๆ ไวอ้ ยา่ งพร้อมมูลแต่แลว้ ในวนั ที่ 25 พฤศจิกายน

94 2468 เหตุการณ์มหาวปิ โยคกไ็ ดบ้ งั เกิดข้ึนอยา่ งไม่มีใครคาดคิดมาก่อน พระองคท์ รงมีพระอาการ ประชวรดว้ ยพระโรคเก่ียวกบั พระอนั ตะ (ไส้ติ่ง) ซ่ึงแพทยห์ ลวงคาดวา่ พระอาการจะไมห่ นกั ซ่ึง ขณะน้นั พระองคท์ รงมีพระชนมายเุ พียง 45 พรรษา เทา่ น้นั แตก่ ็เสด็จสู่สวรรคาลยั โดยฉบั พลนั อนั เป็ นผลใหง้ านต่าง ๆ ที่เตรียมไวต้ อ้ งหยดุ ชะงกั งนั ในบดั ดล งานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติคร้ังแรกจึง พลอยตอ้ งหยดุ ชะงกั ไปดว้ ยโดยปริยาย 2.2 กำรลูกเสือไทยในสมัยพระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว (รัชกำลท่ี 7) เมื่อพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ สวรรคตลงไดท้ าใหต้ าแหน่งสภานายก สภากรรมการกลางวา่ งลง คณะกรรมการสภากรรมการกลางจดั การลูกเสือ จึงนาความข้ึนกราบบงั คม ทูลพระกรุณาขออญั เชิญใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ขออญั เชิญใหท้ รงรับตาแหน่งนายก สภากรรมการกลาง กป็ รากฏวา่ ไดร้ ับพระมหากรุณาธิคุณทรงรับตาแหน่ง ความกา้ วหนา้ ของกิจการ ลูกเสือไทย จึงกา้ วหนา้ ไปอยา่ งไมห่ ยดุ ย้งั ในปี พ.ศ.2468 ผอู้ านวยการสมาคมลูกเสือนานาชาติไดแ้ จง้ ยงั คณะลูกเสือไทยวา่ คณะลูกเสือองั กฤษจะจดั ใหม้ ีการประชุมในเร่ืองเก่ียวกบั ลูกเสือรุ่นใหญ่ (ROVERS) ข้ึน ณ กรุงลอนดอน พระองคก์ ็ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ดั เลือกนกั เรียนไทย 2 คน ไปร่วมประชุม คือ นายป่ ุน มีไผแ่ กว้ กบั นายประเวศ จนั ทนยงิ่ ยง ซ่ึงกาลงั ศึกษาอยทู่ ่ีประเทศองั กฤษ เป็นผเู้ ขา้ ร่วมประชุม ในคราวชุมนุมลูกเสือนานาชาติ ณ เมืองคนั เดอร์เสตก ประเทศสวสิ เซอร์แลนด์ ระหวา่ งวนั ท่ี 22 - 28 สิงหาคม พ.ศ.2469 พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ คดั เลือก นกั เรียนไทยท่ีกาลงั ศึกษาอยทู่ ี่ประเทศองั กฤษ ซ่ึงเคยเป็นรองผกู้ ากบั หรือนายหมู่ลูกเสือเอกแลว้ ไป เขา้ ร่วมชุมนุมคร้ังน้ี และทรงพระ-กรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานใหเ้ รียนฝึกหดั วชิ าผกู้ ากบั (Scoutmaster’s Training Course) ดว้ ยซ่ึงมีผไู้ ดร้ ับการคดั เลือกคือ 1. นายสวสั ด์ิ สุมิตร 2. นายทวศี กั ด์ิ บุญหลง 3. นายประเวศ จนั ทนยงิ่ ยง 4. นายป่ ุน มีไผแ่ กว้ 5. นายศิริ หพั นานนท์ 6. นายกี ศุนวตั 7. นายเชิน สุนทรวจิ ารณ์ 8. นายจรัส บุนนาค อนั เนื่องมำจำกกำรเตียมกำรจดั งำนชุมนุมลูกเสือแห่งชำติคร้ังแรกในสมยั รัชกำลที่ 6 ได้ หยดุ ชะงกั ลงอยำ่ งฉบั พลนั เนื่องดว้ ยเหตุมหำวปิ โยค ดงั น้นั ในปี พ.ศ.2470 พระบำทสมเดจ็ พระปกเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั จึงไดท้ รงใหม้ ีกำรจดั งำนชุมนุมลูกเสือแห่งชำติ คร้ังแรกข้ึนในงำนพระรำชพธิ ี ฉตั รมงคลในปลำยปี พ.ศ.2470 โดยทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ ใหจ้ ดั งำนชุมนุมข้ึน ระหวำ่ งวนั ที่ 26

95 กุมภำพนั ธ์ ถึงวนั ที่ 3 มีนำคม ซ่ึงกำรชุมนุมคร้ังน้ีมีลูกเสือเขำ้ ร่วมชุมนุมรวมท้งั สิ้น 14 มณฑลดว้ ยกนั โดยมีกำรจดั ที่พระรำชอุทยำนสรำญรมย์ เน่ืองจำกงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติที่จดั ข้ึนเป็ นคร้ังแรก ไดผ้ ลดียงิ่ สมพระราชประสงค์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ กาหนดใหม้ ีการชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ คร้ังต่อไป ทุก 3 ปี ต่อคร้ัง ตาแหน่งอุปนายกสภากรรมการกลางจดั การลูกเสือแห่งชาติ (ซ่ึงในเวลาน้นั ใชค้ าวา่ \"แห่ง สยาม\") ซ่ึงพระยาไพศาลศลิ ปศาสตร์ ดารงตาแหน่งสนองพระเดชพระคุณมาเป็นเวลาชา้ นานนบั แต่ รัชสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั และไดส้ ร้างสรรคค์ วามเจริญรุ่งเรืองให้แก่วงการ ลูกเสือไทยเป็นอเนกประการน้นั คร้ันมาในตอนน้ีไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหย้ า้ ยพระยา ไพศาล ศิลปศาตร์จากกระทรวงธรรมการไปรับ ราชการทางดา้ นกระทรวงมหาดไทยจึงทรงพระ กรุณาโปรดเกลา้ ใหพ้ ระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ธานีนิวตั ิ (ต่อมาคือพระวรวงศเ์ ธอกรมหมื่นพิทยลาภ พฤฒิยากร) เสนาบดีกระทรวงธรรมการในขณะน้นั ทรงเขา้ รับหนา้ ท่ีน้ีแทนต้งั แตว่ นั ท่ี 14 พฤษภาคม พ.ศ.2472 เป็นตน้ มา ตอ่ มาสภากรรมการกลางตอ้ งการที่จะใหม้ ีการปรับปรุงกิจการลูกเสือใหม้ ีความ เจริญกา้ วหนา้ มากข้ึนจึงไดจ้ ดั ใหม้ ีการอบรมวชิ าผกู้ ากบั ข้ึน ณ สมคั ยาจารยส์ มาคม (เดิมต้งั อยใู่ น บริเวณสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั ) ระหวา่ งวนั ท่ี 29 สิงหาคม ถึงวนั ที่ 4 กนั ยายน พ.ศ. 2472 และในปี พ.ศ. 2473 จึงไดม้ ีการจดั งานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติคร้ังท่ีสองข้ึน โดยกาหนดไวใ้ นวนั ที่ 1 มกราคม ถึงวนั ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2473 ซ่ึงใหม้ ีการจดั ข้ึนท่ีพระราชอุทยานสราญรมย์ เช่นเดิม ซ่ึงตรงกบั อภิลกั ขิตสมยั คลา้ ยวนั พระบรมราชสมภพแห่งพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั การชุมนุมคร้ังน้ีลูกเสือ ญ่ีป่ ุนไดม้ าร่วมชุมนุมดว้ ยจานวน 22 คน เมื่อเสร็จสิ้นงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ คร้ังท่ี 2 น้ี ซ่ึงไดผ้ ลดี เป็นอยา่ งยง่ิ และเพอ่ื ใหก้ ิจการลูกเสือมีความเจริญยงิ่ ข้ึนจึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน สถานท่ีในบริเวณพระรามราชนิเวศน์ จงั หวดั เพชรบุรี (พระราชวงั บา้ นปื น) เป็นสถานที่อบรม โดยให้ จดั ข้ึนทุกปี โดยใชเ้ วลาระหวา่ งหยดุ ภาคเรียนฤดูร้อน 2 เดือนในการอบรม ประเทศไทยไดเ้ กิดการปฏิวตั ิเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มา เป็นระบอบประชาธิปไตย เม่ือวนั ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 เป็นผลใหพ้ ระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สภานายกสภากรรมการกลางจดั การลูกเสือแห่งชาติ ตอ้ งสละราชสมบตั ิในกาลต่อมา ทาให้ กิจการลูกเสือไทยท่ีพระองคท์ รงเก้ือกูลอยตู่ า่ งพลอยซบเซาไปดว้ ย ประกอบกบั พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ธานีนิวตั ิ ไดท้ รงลาออกไป เนื่องจากตอ้ งทรงพน้ จากตาแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาประมวลวชิ าพูล (วงศ์ บุญหลง) เขา้ รับหนา้ ท่ีแทน เมื่อวนั ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2475 แต่ดารงตาแหน่งอยูเ่ พยี งปี เศษ ก็กราบถวายบงั คมทูลลาออก เน่ืองจากตอ้ งยา้ ย ตาแหน่งหนา้ ที่จากตาแหน่งเดิม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ใหพ้ ระยาปรีชานุสาสน์ (เสริม ปัณยา รชุน) ดารงตาแหน่งแทน แต่อยใู่ นตาแหน่งไมถ่ ึงปี ก็ตอ้ งกราบบงั คมทูลลาออกอีก เน่ืองจากมีอาการ เจบ็ ป่ วย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ให้ พระยาประมวลวชิ าพลู กลบั เขา้ มารักษาการในตาแหน่งอีก

96 วาระหน่ึง จนกระทง่ั ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ น.ท.หลวงศุภชลาศยั (ยศขณะน้นั ) เป็นอธิบดี กรมพลศึกษา เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2477 ตาแหน่งอุปนายกสภากรรมการการจดั การลูกเสือแห่งชาติ จึงตกมาอยแู่ ก่ อธิบดีกรมพลศึกษา นบั ต้งั แตบ่ ดั น้นั ความผนั ผวนทางการเมืองหลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครองยงั ไม่มีท่ีสิ้นสุด ท้งั น้ีเน่ืองจาก ไดม้ ีการเกิดปฏิวตั ิเกิดข้ึน เรียกกนั วา่ “กบฏบวรเดช” การปฏิวตั ิคร้ังน้ีปรากฏวา่ ลูกเสือไดเ้ ขา้ ช่วยฝ่ าย ราชการทหารอยา่ งกลา้ หาญ จนไดร้ ับคาชมเชยจากฝ่ ายทหารเป็ นอนั มาก และในระหวา่ งท่ีมีความผนั ผวนทางการเมืองอยนู่ ้ี ไดม้ ีการประกาศในพระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารราชการแผน่ ดินฉบบั ใหม่ ดว้ ย ซ่ึงมีผลทาใหต้ อ้ งมีการแกไ้ ขขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครองลูกเสือ พุทธศกั ราช 2461 ไปดว้ ย ท้งั น้ีเพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั พระราชบญั ญตั ิ วา่ ดว้ ยระเบียบราชการบริหารแผน่ ดินนนั่ เอง โดยใหม้ ีการยบุ สภากรรมการจดั การลูกเสือมณฑล และ ใหม้ ีคณะกรรมการจดั การลูกเสือจงั หวดั ข้ึน โดยข้ึนตรงต่อสภากรรมการกลาง จดั การลูกเสือและใหม้ ี คณะกรรมการจดั การลูกเสืออาเภอข้ึน โดยข้ึนตรงต่อคณะกรรมการจดั การลูกเสือจงั หวดั ทาหนา้ ที่ บริหารกิจการลูกเสือจงั หวดั และอาเภอดว้ ย ในขณะเดียวกนั ไดม้ ีการจดั รูปแบบการบริหารราชการ ของกระทรวงธรรมการเสียใหม่ ทาใหม้ ีกรมใหม่เกิดข้ึนคือ กรมพลศึกษา และกรมพลศึกษาไดม้ ีการ แบง่ ส่วนราชการออกเป็นกองตา่ ง ๆ โดยมี กองลูกเสือ สงั กดั อยใู่ นกรมพลศึกษาดว้ ย การลูกเสือไทย จึงอยใู่ นความรับผดิ ชอบของกรมพลศึกษานบั แต่น้นั มา เนื่องดว้ ยรัฐบาลในสมยั น้นั ไดม้ ีนโยบายท่ีจะ ใหม้ ีการฝึกหดั อบรมวชิ าทหารแก่นกั เรียนดงั น้นั กระทรวงธรรมการจึงไดอ้ อกระเบียบวา่ ดว้ ยนกั เรียน ท่ีจะสมคั รเขา้ รับการฝึกอบรมวชิ าทหารไดน้ ้นั “จะตอ้ งสอบวชิ า ลูกเสือเอกไดแ้ ลว้ และยงั คงเป็น ลูกเสือประจากองอย”ู่ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ช่วงระยะน้ีกิจการลูกเสือไดร้ ับความเอาใจใส่จากรัฐบาลเป็น อยา่ งดี ท้งั น้ีเป็ นผลสะทอ้ นมาจากการที่ลูกเสือไดช้ ่วยปราบจลาจล ทาใหร้ ัฐบาลไดเ้ ห็นความสาคญั ของการลูกเสือเป็ นอยา่ งดี กิจการลูกเสือของไทยในยคุ ลภายหลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไดม้ ีลูกเสือเกิดข้ึนอีก หน่ึงเหล่า คือ เหล่าสมุทรเสนา โดยท่ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชดาริวา่ เป็นการ สมควรที่จะจดั การฝึกอบรมและอบรมเด็กที่มีภูมิลาเนาอยใู่ นทอ้ งถ่ินที่สมควรจะตอ้ งมีความรู้ ความสามารถในวทิ ยาการทางทะเล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั ต้งั กองลูกเสือเหล่าสมุทร เสนาในจงั หวดั ชายทะเล หรือในทอ้ งถ่ินท่ีมีการคมนาคมทางน้าติดต่อกบั ทะเล ก็ใหต้ ้งั กองลูกเสือ เหล่าสมุทรเสนาได้ ความจริงการลูกเสือสมุทรเสนาน้ี มิใช่เป็นของแปลกใหมอ่ นั ใดในรัชสมยั ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ก็ไดม้ ีการฝึกฝนอบรมกนั ข้ึนตามจงั หวดั ชายทะเลมาแลว้ โดยเลียนแบบจาก “กองเสือน้ารักษาพระองค”์ แต่ทวา่ ในคร้ังน้นั ยงั มิไดม้ ีการแยกหน่วย ประเภท หลกั สูตร และการฝึกฝนอบรมตลอดจนเครื่องแบบตา่ งกนั แตอ่ ยา่ งใด คงใชว้ ธิ ีฝึกรวม ๆ กนั ไปใน หน่วยของลูกเสือเสนานน่ั เอง หลงั จากที่มีการประกาศต้งั การลูกเสือสมุทรเสนาไดเ้ พยี ง 7 วนั พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ก็ทรงสละราชสมบตั ิต้งั แต่วนั ท่ี 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 เป็นตน้ ไป

97 2.3 กำรลูกเสือไทยในสมยั พระบำทสมเดจ็ พระปรเมนทร์มหำอำนันทมหิดล รัชกำลท่ี 8 เมื่อพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 7 ทรงสละราชสมบตั ิแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล ก็ไดเ้ สด็จข้ึนเถลิงถวลั ยร์ าชสมบตั ิสืบสนองตามกฎมณเฑียรบาลวา่ ดว้ ยการสืบสันตติวงศต์ ่อมา เป็นรัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศจ์ กั รี ขณะน้นั พระองคย์ งั ทรงพระเยาวม์ าก มี พระชนมายเุ พยี ง 9 พรรษา และกาลงั ประทบั ศึกษาวชิ าการอยู่ ณ ต่างประเทศ จึงตอ้ งมีคณะผสู้ าเร็จ ราชการแทนพระองค์ บริหารราชการแผน่ ดินในพระปรมาภิไธย การลูกเสือในยคุ ประชาธิปไตยท่ี เร่ิมตน้ เป็ นยคุ แห่งความซบเซาของลูกเสือเป็นอนั มากท้งั น้ี เกิดจากวกิ ฤตการณ์ทางการเมืองท้งั ภายใน และภายนอก วกิ ฤตการณ์ภายในน้นั ไดเ้ กิดขอ้ ขดั แยง้ ท้งั ใน ฝ่ ายสถาบนั บริหารและสถาบนั นิติบญั ญตั ิ จนถึงกบั ตอ้ งยบุ สภาเปลี่ยนรัฐบาลใหมห่ ลายคร้ัง วกิ ฤตการณ์ภายนอกเกิดจากลทั ธิเผด็จการได้ คุกคามสนั ติภาพของโลกโดยทว่ั ไปในที่สุดกเ็ กิดสงครามโลกข้ึนในปี พ.ศ.2482ประเทศไทยกเ็ กิด กรณีพพิ าทเร่ืองดินแดนอินโดจีนของฝรั่งเศสข้ึนอีก จนถึงข้นั ปะทะกนั เป็นสงครามที่มิไดป้ ระกาศ แตพ่ อเรื่องสงบลง ประเทศญ่ีป่ ุนกจ็ ุดชนวนสงครามทางดา้ นเอเชียบูรพาข้ึนมา เมื่อวนั ที่ 8 ธนั วาคม 2484 สงครามไดล้ ุกลามมาถึงประเทศไทยดว้ ย วกิ ฤตการณ์เหล่าน้ีมีผลกระทบถึงกิจการลูกเสือไทยเป็นอนั มาก เพราะรัฐบาลไดห้ นั ไปสนใจ ดา้ นความมน่ั คงของประเทศที่สาคญั กวา่ และเม่ือสงครามเกิดข้ึนกม็ ีผลกระทบใหค้ ู่สงครามตดั ความสมั พนั ธ์ทางการทูตกนั ดว้ ย เป็นผลใหค้ วามสมั พนั ธ์ของกิจการลูกเสือนานาชาติตอ้ งหยดุ ชะงกั ไปดว้ ย ประกอบรัฐบาลในสมยั น้นั ไดจ้ ดั มีการจดั ต้งั ยวุ ชนทหารข้ึนมาซอ้ นกบั กิจการของลูกเสือ ท้งั น้ี เพ่อื ไวใ้ ชป้ ระโยชน์ในการรับสถานการณ์คบั ขนั ของโลก ซ่ึงทวคี วามรุนแรงเพมิ่ ข้ึนอยา่ งรวดเร็ว เจริญเติบโตข้ึนมา แทนที่การลูกเสืออยา่ งรวดเร็ว เป็นผลใหก้ ารลูกเสือประสบกบั ความซบเซาเป็นอนั มาก จนถึงท่ีสุดกถ็ ึงกบั ยบุ ลงกลายสภาพเป็นหน่วยหน่ึงขององคก์ ารยวุ ชนทหาร เม่ือปี พ.ศ.2486 เป็น การสิ้นสุดสมยั ของรัชกาลที่ 8 กิจการลูกเสือนบั ต้งั แต่องคพ์ ระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสถาปนาข้ึนเมื่อวนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ.2454 ยงั ไม่เคยมีดวงตราเป็นสัญลกั ษณ์ประจาคณะเลย คง ใชเ้ ครื่องหมายเป็นรูปเสือตวั เล็ก ๆ ในทา่ กาลงั ยา่ ง เดินยกเทา้ -หนา้ ขา้ งขวาข้ึนทางหน่ึง อยภู่ ายใน วงกลมธรรมดาบา้ งเป็ นรูป หนา้ เสือเฉย ๆ บางทีกม็ ีคาขวญั วา่ “เสียชีพ อยา่ เสียสตั ย”์ อยภู่ ายใตห้ นา้ เสือ ซ่ึงเคร่ืองหมายเหล่าน้ีเคยใชใ้ นราชการเสือป่ ามาก่อน คร้ันทรงพระ-กรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ถาปนา ลูกเสือข้ึน จึงไดใ้ ชร้ วมกนั เร่ือยมา ในฐานะท่ีลูกเสือเป็ นส่วนหน่ึงของเสือป่ า แตม่ ิไดม้ ีการประกาศ เป็นทางราชการไว้ แต่เมื่อมีความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมีตราประจาคณะลูกเสือแห่งชาติ เพราะสถาบนั ต่าง ๆ ท่ีเป็นราชการต่างก็มีตราประจาคณะของตนดว้ ยกนั ท้งั สิ้น และลูกเสือต่างประเทศทวั่ โลกต่างกม็ ี ดวงตราเป็นเอกลกั ษณ์ของตนเองท้งั สิ้น เพือ่ ใหเ้ ขา้ กบั หลกั สากล และสอดคลอ้ งกบั การลูกเสือ

98 นานาชาติ จึงจาเป็นตอ้ งมีตราคณะลูกเสือแห่งชาติข้ึนโดยตราคณะลูกเสือแห่งชาติมีรูป เฟอร์ เดล ลีร์ กบั รูปหนา้ เสือประกอบกนั และมีตวั อกั ษรจารึกภายใตว้ า่ “เสียชีพอยา่ เสียสัตย”์ และเมื่อกิจการลูกเสือไดเ้ วยี นมาบรรจบในวนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ.2479 ครบ 25 ปี ทางสภา กรรมการกลางในขณะน้นั ไม่สามารถจะจดั งานสมโภชเฉลิมฉลองใหใ้ หญโ่ ตไดก้ ารจดั งานชุมนุม ลูกเสือแห่งชาติ กไ็ มส่ ามารถจะจดั ได้ ท้งั น้ีเพราะเหตุการณ์ตา่ ง ๆ บีบบงั คบั อยู่ อุปนายกสภากรรมการ กลางจึงไดม้ ีโครงการท่ีจะสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระผู้ พระราชทานกาเนิดลูกเสือไทยข้ึนโดยจะอญั เชิญประดิษฐานไว้ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ เพอ่ื แสดง ความกตญั ญูกตเวทีตอบแด่องคพ์ ระผพู้ ระราชทานกาเนิดลูกเสือไทย แตต่ อ่ มาทางสานกั นายกรัฐมนตรี ไดม้ ีประกาศสร้างพระบรมรูปเช่นเดียวกนั จึงไดม้ ีการยบุ รวมสร้างเป็ นองคเ์ ดียวกนั และประดิษฐานอยทู่ ่ีหนา้ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานครจวบจนทุกวนั น้ี ดว้ ยเหตุผลที่วา่ เนื่องจาก ระบอบการปกครองในปัจจุบนั เป็นประชาธิปไตยแลว้ ประกอบกบั ขอ้ บงั คบั ลกั ษณะที่ปกครอง ลูกเสือ พ.ศ.2461 ไดใ้ ชม้ าเป็นเวลานานแลว้ และมีการแกไ้ ขเพ่ิมเติมกนั อีกหลายคร้ังดว้ ยเหตุดงั กล่าว จึงไดม้ ีการออกพระราชบญั ญตั ิลูกเสือพุทธศกั ราช 2482 ข้ึน ซ่ึงเป็นพระราชบญั ญตั ิฉบบั แรกของ ลูกเสือในระบอบประชาธิปไตย ท่ีเป็นตอนสาคญั คือ “ใหค้ ณะลูกเสือแห่งชาติมีสภาพเป็นนิติบุคคล” และในปี เดียวกนั น้ี “เสือป่ า” ซ่ึงไดม้ ีอนั หยดุ ชะงกั ไปเพราะไม่มีใครเอาใจใส่บารุง หลงั จากท่ีรัชกาลที่ 6 ทรงเสดจ็ สวรรคตแลว้ และไม่ไดม้ ีการประกาศยกเลิกกิจการน้ีในที่ใด ๆ ดว้ ยเหตุน้ีรัฐบาลจึงไดอ้ อก พระราชบญั ญตั ิใหท้ รัพยส์ ินกองเสือป่ า ตกเป็นของคณะลูกเสือแห่งชาติ จึงมีผลเทา่ กบั เป็นการ ประกาศเลิกลม้ กองเสือป่ าใหส้ ิ้นสภาวะไปโดยปริยาย จะเห็นไดว้ า่ กิจการลูกเสือไทยในสมยั รัชกาลท่ี 8 น้นั มีการซบเซาเป็ นอนั มาก ท้งั น้ี เน่ืองมาจากวกิ ฤตการณ์หลาย ๆ ดา้ นดว้ ยกนั จวบจนสิ้นรัชกาล พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล ซ่ึงถูกลอบปลงพระชนม์ ณ พระท่ีนงั่ บรมพมิ าน เมื่อวนั ท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เวลา 09.00 น. 2.4 กำรลกู เสือไทยในสมยั พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอย่หู วั ภูมิพลอดุลยเดช (รัชกำลท่ี 9) คร้ันถึงรัชกาลของสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช การลูกเสือไดเ้ ริ่มมีการฟ้ื นฟูข้ึนใหม่ อีกคร้ังหน่ึง และเพือ่ ใหก้ ิจการลูกเสือไทยไดด้ าเนินการต่อไป จึงไดม้ ีการออกพระราชบญั ญตั ิลูกเสือ พุทธศกั ราช 2490 อีกฉบบั หน่ึง ซ่ึงมีหลกั การคลา้ ยกบั พระราชบญั ญตั ิลูกเสือฉบบั ปี พุทธศกั ราช 2482 แตม่ ีสาระสาคญั ท่ีเพิม่ ข้ึน คือ “กาหนดใหพ้ ระมหากษตั ริย์ ทรงดารงตาแหน่งบรมราชูปถมั ภค์ ณะ ลูกเสือแห่งชาติ” และไดม้ ีการโอนทรัพยส์ ินของลูกเสือซ่ึงตกเป็นขององคก์ ารยวุ ชนทหารกลบั มาเป็น คณะลูกเสือแห่งชาติอยา่ งเดิม ซ่ึงเท่ากบั องคก์ ารยวุ ชนทหารแห่งชาติตอ้ งสลายตวั ไปดว้ ยตาม พระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี เนื่องจากงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ซ่ึงเคยไดจ้ ดั มาแลว้ 2 คร้ัง แต่มีอนั ตอ้ งหยดุ ชะงกั ไปดว้ ย วกิ ฤตการณ์ต่าง ๆ ซ่ึงวา่ งเวน้ ไปถึง 24 ปี เตม็ ทางราชการจึงไดก้ าหนดใหม้ ีการจดั งานชุมนุมลูกเสือ แห่งชาติคร้ังท่ี 3 ข้ึน อีกคร้ังหน่ึง ในระหวา่ งวนั ที่ 20 - 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2497 ณ กรีฑาสถาน

99 แห่งชาติ และในการออกพระราชบญั ญตั ิพทุ ธศกั ราช 2490 น้ี ยงั ไดก้ าหนดใหเ้ หรียญลูกเสือ 2 ชนิด คือ เหรียญลูกเสือสรรเสริญและเหรียญลูกเสือสดุดี เหรียญลูกเสือสรรเสริญมีการแบ่งเป็ น 3 ช้นั คือ ช้นั ท่ี 1 ช้นั ที่ 2 ช้นั ท่ี 3 โดยถือเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชนิดหน่ึง สาหรับพระราชทานแก่ลูกเสือผมู้ ี ความดีความชอบที่ไดบ้ ญั ญตั ิไวเ้ ป็นช้นั ๆ ไป เหรียญลูกเสือสดุดี มีช้นั เดียว โดยถือเป็น เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อีกชนิดหน่ึง สาหรับพระราชทานแก่ผมู้ ีความดีความชอบตามที่ไดบ้ ญั ญตั ิไว้ กิจการลูกเสือในสมยั รัชกาลน้ีไดม้ ีความกา้ วหนา้ เป็นอยา่ งมาก และแพร่ขยายไปอยา่ งรวดเร็ว ท้งั ในโรงเรียนและประชาชนในปี พ.ศ.2507 รัฐบาลไดอ้ อกพระราชบญั ญตั ิลูกเสือพุทธศกั ราช 2507 เพมิ่ ข้ึนอีก 1 ฉบบั เพื่อปรับปรุงกฎหมายวา่ ดว้ ยลูกเสือใหท้ นั สมยั และเหตุการณ์โดยมีหลกั การสาคญั คือ มาตรา 5 ใหค้ ณะลูกเสือแห่งชาติ ประกอบดว้ ยบรรดาลูกเสือท้งั ปวง ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ ผตู้ รวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือและเจา้ หนา้ ท่ีลูกเสือ มาตรา 8 พระมหากษตั ริย์ ทรงเป็นประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ ต่อมาปี พ.ศ. 2509 ไดม้ ีการออกพระราชบญั ญตั ิลูกเสือ (ฉบบั ที่ 2) อีกหน่ึงฉบบั โดยมี หลกั การท่ีสาคญั แกไ้ ขมาตราท่ี 43 พระราชบญั ญตั ิลูกเสือฉบบั แรก ในปี พ.ศ. 2528 ไดม้ ีการออกพระราชบญั ญตั ิลูกเสือ (ฉบบั ที่ 3) ซ่ึงไดม้ ีการแกไ้ ขเพ่ิมเติม หลกั การหลายประการดว้ ยกนั รวมท้งั ไดก้ าหนดให้เหรียญลูกเสือสดุดีแบง่ เป็น 3 ช้นั ดว้ ย ในปี พ.ศ. 2530 ไดม้ ีการออกพระราชบญั ญตั ิลูกเสือ (ฉบบั ท่ี 4) อีกช้นั ดว้ ย 1 ฉบบั โดยมี หลกั การที่สาคญั คือ กาหนดใหม้ ีเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อนั เป็นสิริยงิ่ รามกีรติลูกเสือสดุดีช้นั พิเศษ เพิม่ ข้ึนอีก 1 เหรียญ นอกจากการมีการออกพระราชบญั ญตั ิลูกเสือฉบบั ตา่ ง ๆ แลว้ กิจการลูกเสือในสมยั รัชกาลน้ี ไดเ้ ขา้ ถึงประชาชนดว้ ย โดยไดม้ ีการเปิ ดการฝึ กอบรมลูกเสือชาวบา้ นข้ึนดว้ ย เม่ือวนั ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ณ หมูบ่ า้ นเหล่ากอหก ตาบลแสงพา กิ่งอาเภอนาแหว้ อาเภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลย ข้นั เป็น รุ่นแรกของประเทศไทย โดยมี พ.ต.ต. สมควร หริกุล ผกู้ ากบั การตารวจตระเวนชายแดน เขต 4 ในขณะน้นั นายวิโรจน์ พลู สุข อดีตศึกษาธิการเขตเขตการศึกษา 9 จงั หวดั อุดรธานี นายสมเกียรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร ผตู้ รวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมดว้ ยวทิ ยากรจากกองกากบั การ ตารวจตระเวนชายแดน เขต 4 และวทิ ยากรจากเขตการศึกษา 9 เป็นผรู้ ิเริ่มจดั ทาหลกั สูตรและ ดาเนินการฝึกอบรม ปรากฏวา่ ไดผ้ ลดีเป็นอนั มาก เม่ือพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ นาง เจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ไดเ้ สดจ็ พระราชดาเนินไปทอดพระเนตร การฝึกอบรม เม่ือวนั ท่ี 19 มีนาคม พ.ศ. 2519 เป็นที่พอพระราชหฤทยั จึงไดท้ รงรับกิจการลูกเสือชาวบา้ น ไวใ้ นพระบรมราชานุเคราะห์ ต้งั แต่น้นั มา กิจการลูกเสือชาวบา้ นไดแ้ พร่ขยายไปทวั่ ประเทศอยา่ งรวดเร็ว จนในปัจจุบนั น้ีมีลูกเสือ ชาวบา้ นทวั่ ประเทศไทยนบั เป็นพนั ๆ รุ่น ดา้ นวชิ าการและการฝึกอบรม ในยคุ น้ีความกา้ วหนา้ ทางดา้ นวชิ าการและการฝึกอบรม นบั วา่ มีความกา้ วหนา้ ไปมากท้งั ทางดา้ นการฝึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือทุกประเภทและทุกระดบั และ

100 การฝึกอบรมของสมาคมลูกเสือโลก ท้งั น้ีเพ่อื ใหเ้ ป็นเอกภาพ ทางดา้ นวชิ าการทุกประเทศ ทางดา้ น การฝึกอบรมลูกเสือไดม้ ีการต้งั กองลูกเสือเหล่าสมุทรและกองลูกเสือเหล่าอากาศเพมิ่ ข้ึนไดม้ ีคาสงั่ ของกระทรวงศึกษาธิการใหน้ าหลกั สูตรวชิ าลูกเสือเขา้ อยใู่ นหลกั สูตรของโรงเรียนมีการจดั ต้งั กอง ลูกเสือวสิ ามญั ข้ึนในโรงเรียน มีการจดั ต้งั คา่ ยลูกเสือ ระดบั จงั หวดั และระดบั อาเภอทวั่ ประเทศ เพอ่ื ใชเ้ ป็ นที่ฝึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือ และลูกเสือ ดา้ นกิจกรรมของลูกเสือภายในประเทศไดม้ ีการจดั ชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ จานวนหลายคร้ัง และเป็นเจา้ ภาพในการจดั งานชุมนุมลูกเสือเขตเอเชีย-แปซิฟิ ก คร้ังที่ 5 เป็นเจา้ ภาพในการจดั ประชุม สมชั ชาลูกเสือโลกเขตเอเชีย-แปซิฟิ ก ในปี พ.ศ.2529 มีคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติหลาย ทา่ นไดร้ ับเลือกใหเ้ ป็นคณะกรรมการบริหารลูกเสือประจาสานกั งานลูกเสือโลกและกรรมการบริหาร ลูกเสือเขตเอเชีย-แปซิฟิ ก และมีคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติไดร้ ับเกียรติใหไ้ ดร้ ับเหรียญ ลูกเสือโลก และศูนยฝ์ ึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชา-ลูกเสือนานาชาติ แห่งกิลเวลปาร์ค ประเทศองั กฤษได้ ทูลเกลา้ ถวายเครื่องหมายแสดงคุณวฒุ ิทางลูกเสือช้นั สูงสุดของโลกแด่องคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช (เครื่องหมายวดู แบดจ์ 4 ทอ่ น) ในฐานะที่พระองคท์ รงเป็นพระประมุขของ คณะลูกเสือแห่งชาติ และเป็ นเพียงพระองคเ์ ดียวในโลกท่ีไดร้ ับการทูลเกลา้ ถวายเคร่ือง-หมายน้ีใน ดา้ นกิจกรรมในต่างประเทศ ไดม้ ีการส่งผแู้ ทนเขา้ ร่วมชุมนุมลูกเสือโลก การชุมนุมลูกเสือเขตเอเชีย- แปซิฟิ กทุกคร้ัง และงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติของประเทศต่าง ๆ ท่ีไดเ้ ชิญมา การลูกเสือในยคุ น้ีจึงนบั ไดว้ า่ เป็นยคุ ท่ีมีความกา้ วหนา้ รุ่งเรืองมากท่ีสุดกวา่ ทุกยคุ และมีความ เจริญรุดหนา้ ประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศที่เป็นสมาชิกของสมาคมลูกเสือโลก ซ่ึงมีอยทู่ ้งั หมด 158 ประเทศ เป็นยคุ ที่มีความกา้ วหนา้ กวา่ ทุกยคุ นของการลูกเสือไทยในทุกดา้ น ท้งั ทางดา้ นอุดมการณ์ ดา้ นการบริหารดา้ นวชิ าการ และดา้ นกิจกรรม นอกจากน้ี กิจกรรมบางอยา่ งยงั มีความกา้ วหนา้ ที่ ประเทศอื่น ๆ ยงั ไม่มีนน่ั คือลูกเสือชาวบา้ น ซ่ึงเป็นกิจกรรมที่ทาใหป้ ระชาชนเกิดความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และมีความสามคั คีกนั ตลอดจนการรู้จกั พฒั นาตนเอง และสงั คมในชุมชุน ของตนให้ดีข้ึนเป็นอนั มาก