47 ทกั ษะชีวติ ทวั่ ไป และทกั ษะชีวติ เฉพำะ เมื่อแบ่งเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม คือเดก็ ปกติ เดก็ กลุ่มเสี่ยง และเด็กที่มีปัญหาแลว้ ทกั ษะชีวติ จะ เป็ นกลยทุ ธ์สาคญั ในการส่งเสริมภูมิคุม้ กนั ทางสังคม ให้กบั เด็กปกติและเด็กทุกคน สาหรับเด็กกลุ่ม เสี่ยงตอ้ งมีการสอนทกั ษะชีวิตเฉพาะแต่ละปัญหา มีครูที่ปรึกษาและระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรียน รองรับ เดก็ ที่มีปัญหาแลว้ ใชก้ ารดูแลเป็นรายบุคคล และระบบส่งต่อยงั วชิ าชีพเฉพาะท่ีเก่ียวขอ้ ง ดงั น้นั นอกจากการสร้างทกั ษะชีวติ ทว่ั ไป 12 องคป์ ระกอบดงั กล่าวแลว้ ยงั สามารถสร้างทกั ษะ ชีวิตเฉพาะเพ่ือป้องกนั เด็กกลุ่มเส่ียงในปัญหาเฉพาะเร่ือง เช่น เพศและเอดส์ ยาเสพติด ประชาธิปไตย และความเป็ นพลเมือง สิ่ งแวดล้อม ฯลฯ โดยใช้ปัญหาเป็ นตัวต้ังในการสร้างทักษะชีวิตแต่ละ องคป์ ระกอบ เพื่อป้องกนั ปัญหาน้นั ๆ ตวั อยา่ ง เช่น
48 ทกั ษะชีวติ ในเรื่องเพศและเอดส์ องค์ประกอบ วตั ถุประสงค์ ทกั ษะชีวติ คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ รู้/เขา้ ใจ ธรรมชาติและการเปล่ียนแปลงตามพฒั นาการทางเพศของตนเอง วเิ คราะห์สถานการณ์เสี่ยงทางเพศได้ คิดสร้างสรรค์ มีแนวทางป้องกนั /แกไ้ ข ปัญหาและสถานการณ์เสี่ยงทางเพศได้ ตระหนกั รู้ในตน ตระหนกั วา่ เพศและโรคเอดส์เป็นเร่ืองใกลต้ วั และรู้เทา่ ทนั สถานการณ์เส่ียง เขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ื่น เขา้ ใจ/เห็นใจ ผทู้ ี่ไดร้ ับผลกระทบ/มีปัญหา ทางเพศและโรคเอดส์ เห็นคุณคา่ ตนเอง ตระหนกั ถึงคุณคา่ ภายในตนเองซ่ึงเป็นคุณค่าที่แทแ้ ละสร้างไดเ้ อง ไม่ใช่ รูปลกั ษณ์ภายนอกและวตั ถุซ่ึงเป็ นคุณค่าเทียมที่ไม่ยงั่ ยนื เพราะตอ้ งอาศยั รับผดิ ชอบสังคม ปัจจยั ภายนอก มีเพศสัมพนั ธ์เมื่อมีความพร้อมที่จะรับผดิ ชอบ ปลอดภยั และไมเ่ กิดผล การสื่อสาร กระทบใด ๆ ตามมา การสร้างสมั พนั ธภาพ สามารถปฏิเสธการมีพฤติกรรมเสี่ยง เตือนเพื่อนที่เส่ียง หาคาปรึกษา ให้ การตดั สินใจ คาปรึกษาที่ดีแก่ผอู้ ่ืนได้ การแกไ้ ขปัญหา ตดั สินใจดว้ ยเหตุผล สามารถหาทางออกที่เหมาะสมในปัญหาตา่ ง ๆ ได้ การจดั การอารมณ์ การจดั การความเครียด จดั การกบั อารมณ์และความรู้สึกทางเพศได้ มีวธิ ีระบายออกไดเ้ หมาะสม
49 ทกั ษะชีวติ สำหรับลูกเสือต้ำนภยั ยำเสพติด องค์ประกอบ วตั ถุประสงค์ ทกั ษะชีวติ คิดวเิ ครำะห์วจิ ำรณ์ รู้/เขา้ ใจ ภยั อนั ตราย และวเิ คราะห์ความเส่ียงต่อปัญหายาเสพติดได้ คดิ สร้ำงสรรค์ มีแนวทางในการป้องกนั ตนเองจากปัญหายาเสพติด ตระหนักรู้ในตน ตระหนกั วา่ ปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องใกลต้ วั ตอ้ งรู้เท่าทนั และหลีกเล่ียงได้ เข้ำใจ/เหนนใจผู้อ่ืน เขา้ ใจ/เห็นใจ ผไู้ ดร้ ับผลกระทบจากปัญหายาเสพติด เหนน คุณค่ำตนเอง ภูมิใจ และเห็นคุณคา่ ของตนเอง ใหค้ วามสาคญั กบั คุณค่าภายในตนเองซ่ึง เป็นคุณค่าท่ีแทแ้ ละสร้างไดเ้ อง ไม่ใช่รูปลกั ษณ์ภายนอกและวตั ถุซ่ึงเป็น คุณค่าเทียมที่ไมย่ ง่ั ยนื เพราะตอ้ งอาศยั ปัจจยั ภายนอก รับผดิ ชอบสังคม รับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม หลีกเล่ียงยาเสพติด และตระหนกั วา่ ทุกคน ตอ้ งมีส่วนร่วมในการป้องกนั ปัญหายาเสพติด กำรสื่อสำร สามารถปฏิเสธการมีพฤติกรรมเส่ียง เตือนเพื่อนท่ีเสี่ยง หาคาปรึกษา ให้ กำรสร้ำงสัมพนั ธภำพ คาปรึกษาที่ดีแก่ผอู้ ่ืนได้ กำรตดั สินใจ ตดั สินใจดว้ ยเหตุผล สามารถหาทางออกท่ีเหมาะสมในปัญหาต่าง ๆ ได้ กำรแก้ไขปัญหำ กำรจัดกำรอำรมณ์ จดั การกบั อารมณ์และความเครียดได้ มีวธิ ีระบายออกไดเ้ หมาะสม ไม่ใชย้ า กำรจัดกำรควำมเครียด เสพติด
50 ทกั ษะชีวติ สำหรับลกู เสือประชำธิปไตยและควำมเปน นพลเมือง องค์ประกอบ วตั ถุประสงค์ ทกั ษะชีวติ คดิ วเิ ครำะห์วจิ ำรณ์ รู้/เขา้ ใจ หลกั การประชาธิปไตยที่ถูกตอ้ ง และหนา้ ที่พลเมือง คิดสร้ำงสรรค์ มีแนวทางท่ีเหมาะสมในการส่งเสริ มประชาธิปไตยและความเป็ นพลเมือง สาหรับตนเองและผอู้ ื่น ตระหนักรู้ในตน ตระหนกั วา่ ประชาธิปไตยตอ้ งเริ่มท่ีตนเองก่อน รักษาและใชส้ ิทธิของ ตนเองในทางท่ีถูกตอ้ ง เข้ำใจ/เหนนใจผ้อู ่ืน เคารพสิทธิผอู้ ่ืน เขา้ ใจ ยอมรับ และเคารพในความคิดเห็น ความเช่ือ ของ ผอู้ ื่นที่แตกต่างจากตนเอง เหนน คุณค่ำตนเอง ตระหนกั และเห็นคุณคา่ ของความเป็นพลเมืองไทย รับผดิ ชอบสังคม ใหค้ วามสาคญั ในการมีส่วนร่วมรับผดิ ชอบสงั คมและประเทศชาติ กำรสื่อสำร สามารถสร้างความเขา้ ใจ จดั การความขดั แยง้ ชกั ชวน รณรงค์ ปฏิเสธ ให้ กำรสร้ำงสัมพนั ธภำพ คาปรึกษา หาคาปรึกษา สร้างและรักษาสมั พนั ธภาพที่ดีกบั ผอู้ ื่น กำรตดั สินใจ ตดั สินใจดว้ ยเหตุผล สามารถหาทางออกที่เหมาะสมในปัญหาต่าง ๆ ได้ กำรแก้ไขปัญหำ กำรจัดกำรอำรมณ์ จดั การกบั อารมณ์และความเครียดได้ มีวธิ ีระบายออกไดเ้ หมาะสม ไม่ใช้ กำรจัดกำรควำมเครียด อารมณ์และความรุนแรงในการแกป้ ัญหา
51 3. ลกั ษณะและกระบวนกำรเรียนรู้ของกจิ กรรมลกู เสือทเี่ สริมสร้ำงทกั ษะชีวติ กระบวนกำรเรียนรู้ทสี่ ร้ำงทกั ษะชีวติ ทักษะชีวิตเกิดข้ึนได้จากการเรียนรู้เองตามธรรมชาติ ข้ึนกับประสบการณ์และการมี แบบอย่างท่ีดี จึงไม่มีทิศทางการเรียนรู้ท่ีแน่นอน และกว่าจะเรียนรู้ก็อาจช้าเกินไป จาเป็ นตอ้ งมี กระบวนการเรียนรู้ท่ีสร้างทกั ษะชีวติ ใหเ้ ด็ก ในทิศทางที่ชดั เจนและตรงกบั ปัญหาของเด็กแต่ละวยั ซ่ึง ทาได้ 2 วธิ ีการใหญ่ ๆ คือ 1. สร้างทกั ษะชีวติ ใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. สร้างทกั ษะชีวติ ในกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ท้งั กิจกรรมในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียน 8 โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้ที่ยดึ ผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลาง ซ่ึงมีลกั ษณะ 5 ประการ ไดแ้ ก่ 1. การสร้างความรู้ (construction) เป็นการจดั กิจกรรมใหผ้ ูเ้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมทางสติปัญญา และทางความคิด ไดม้ ีการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ เพื่อสร้างองคค์ วามรู้ใหม่ ร่วมกนั ซ่ึงทาให้เกิดทกั ษะชีวิต 2 องค์ประกอบท่ีเป็ นแกนหลกั คือ ความคิดวิเคราะห์วิจารณ์ และ ความคิดสร้างสรรค์ การอภิปรายแลกเปล่ียนประสบการณ์และความคิดเห็นด้วยเหตุผล ทาให้เกิดความเขา้ ใจ และยอมรับผอู้ ่ืนมากข้ึน ขณะเดียวกนั ก็ไดไ้ ตร่ตรองและทาความเขา้ ใจตนเองดว้ ย เป็ นองคป์ ระกอบ ทกั ษะชีวติ ดา้ นจิตพสิ ัยคือการตระหนกั รู้ตนเองและเขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ื่น 2. การมีปฏิสัมพนั ธ์ (Interaction) ท้งั ระหว่างผูเ้ รียนดว้ ยกนั และระหวา่ งผูเ้ รียนกบั ผูส้ อน รวมท้ังแหล่งเรียนรู้อ่ืน ๆ ที่หลากหลาย เพื่อทากิจกรรมร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย ทาให้เกิด
52 องค์ประกอบทกั ษะชีวิตดา้ นทกั ษะพิสัย ท้งั 3 คู่ คือ การส่ือสารและสร้างสัมพนั ธภาพ การตดั สินใจ และแกไ้ ขปัญหา การจดั การอารมณ์และความเครียด การยอมรับจากกลุ่ม การทางานสาเร็จ การไดร้ ับคาชม ทาให้เกิดความภูมิใจและเห็นคุณค่า ตนเอง เม่ือประกอบกบั กบั ความตระหนกั วา่ ตนเองเป็ นส่วนหน่ึงของกลุ่ม จึงนาไปสู่ความรับผดิ ชอบ มากข้ึน เกิดองคป์ ระกอบทกั ษะชีวติ ดา้ นจิตพิสยั คือเห็นคุณคา่ ตนเองและรับผดิ ชอบสังคม 3. จดั กิจกรรมอย่างเป็ นกระบวนการ (Process Learning) การเรียงลาดับกิจกรรม การ ออกแบบกลุ่ม และการออกแบบงานในแต่ละกิจกรรมตอ้ งช่วยให้ผเู้ รียนเกิดความเขา้ ใจชดั เจนและทา กิจกรรมที่มอบหมายไดส้ าเร็จตามวตั ถุประสงค์ 4. การมีส่วนร่วมทางกาย ไดล้ งมือทาดว้ ยตนเอง (Physical Participation) ช่วยกระตุ้นให้ ผ้เู รียนเกดิ ควำมสนใจ สนุกสนำนเพลดิ เพลนิ เกดิ กำรรับรู้และเรียนรู้ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ 5. มีการประยุกต์ใช้ (Application) เป็ นการเชื่อมโยงองค์ความรู้ที่ได้กบั ชีวิตจริงของผูเ้ รียน ไดน้ าไปประยุกตใ์ ช้ให้เกิดประโยชน์ท้งั ต่อตนเองและผูอ้ ่ืนอยา่ งเป็ นรูปธรรม ทาให้เห็นประโยชน์ และคุณคา่ ของการเรียนรู้ที่ไดร้ ับ และกระตุน้ ความตอ้ งการเรียนรู้มากยงิ่ ข้ึน กระบวนกำรลกู เสือ (Scout movement) ตำมคำนิยำมของลูกเสือโลก เป็ นกระบวนการเรียนรู้และพฒั นาตนเองอย่างต่อเนื่องสาหรับเยาวชน เพ่ือสร้างเยาวชนท่ีมีจิตใจ เสียสละ รับผดิ ชอบและอุทิศตนแก่สังคม ดว้ ยวธิ ีการลูกเสือ จำกแนวกำรจัดกจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน 2552 - สพฐ. เป็ นกระบวนการทางการศึกษาส่วนหน่ึง ซ่ึงมุ่งพฒั นา สมรรถภาพของบุคคล ท้งั ทางสมอง ร่างกาย จิตใจ และศีลธรรม เพื่อให้เป็ นบุคคลท่ีมีความประพฤติดีงาม ไม่กระทาตนเป็ นปัญหาของสังคม ดารงชีวติ อยา่ งมีความหมาย และสุขสบาย หลกั กำรลูกเสือ (Scout principle) ลูกเสือโลกเนน้ หนา้ ที่หลกั 3 ประการ 1. หนา้ ที่ต่อพระเจา้ /ศาสนา (ดา้ นจิตวิญญาณ) คือการแสวงหาและดาเนินชีวติ อย่างมีคุณค่า และมีความหมาย 2. หนา้ ท่ีตอ่ ผอู้ ื่น คือการเคารพ ใหเ้ กียรติ ช่วยเหลือผอู้ ่ืน/ รวมถึงสงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม 3. หนา้ ท่ีต่อตนเอง ไดแ้ ก่ พฒั นาตนเองท้งั ดา้ น ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และจิตวญิ ญาณ
53 ลูกเสือไทยมีหนา้ ท่ีหลกั 5 ประการ (ใช้หลกั การลูกเสือโลก แต่ไดป้ รับให้เขา้ กบั สังคมไทย โดยแยก ขอ้ 4 และ 5 ออกมาใหเ้ ด่นชดั ข้ึน) 1. รับผดิ ชอบต่อการพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนื่อง 2. เข้าร่วมพฒั นาสังคม ยอมรับ เคารพในเกียรติและศกั ด์ิศรีผูอ้ ื่นและเพื่อนมนุษยท์ ุกคน รวมท้งั ธรรมชาติ และสรรพสิ่งท้งั หลายในโลก 3. มีศาสนาเป็นหลกั ยดึ ทางใจ 4. จงรักภกั ดีตอ่ พระมหากษตั ริยแ์ ละประเทศชาติ 5. ยดึ มน่ั ในคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ วธิ ีกำรลูกเสือ (Scout method) วธิ ีการลูกเสือไทย (ตามหลกั สูตรแกนกลางฯ 2551) มี 7 องคป์ ระกอบ 1. การฝึกอบรมเพ่ือความกา้ วหนา้ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2. การสนบั สนุนโดยผใู้ หญ่ 3. ยดึ มนั่ ในคาปฏิญาณและกฎ 4. การใชส้ ญั ลกั ษณ์ร่วมกนั 5. ระบบหมู่ 6. การศึกษาธรรมชาติ 7. เรียนรู้จากการกระทา (วธิ ีการลูกเสือโลกมี 8 ขอ้ คือเพ่ิมขอ้ 8. เรียนรู้จากการบริการ) ลกั ษณะของกจิ กรรมลูกเสือ หลักการลูกเสือสอดคล้องกับทกั ษะชีวิตหลายองค์ประกอบ และวิธีการลูกเสือก็จดั เป็ น กระบวนการเรียนรู้ที่ยึดผูเ้ รียนเป็ นศูนยก์ ลางรูปแบบหน่ึง ท่ีเรียนรู้ในระบบหมู่ ผ่านกิจกรรมที่ สนุกสนานเพลิดเพลิน ร่วมกบั องคป์ ระกอบอ่ืนๆ ท่ีเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตามวธิ ีการลูกเสือ คุณคา่ ของส่ือการเรียนการสอนประเภทกิจกรรม 1. ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนกลา้ แสดงออกและทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นได้ 2. กระตุน้ ให้ผูเ้ รียนเกิดความสนใจ เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทาให้มีการรับรู้และการ เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ผเู้ รียนสามารถเรียนไดม้ ากข้ึนแต่เสียเวลานอ้ ยลง ซ่ึงเป็ นลกั ษณะเฉพาะ ของสื่อการสอนประเภทกิจกรรม 3. เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการกาหนดขอบขา่ ย เน้ือหา และวตั ถุประสงค์ 4. ผเู้ รียนไดฝ้ ึ กฝน พฤติกรรมการเรียนรู้ท้งั ทางดา้ นความรู้ เจตคติ ทกั ษะ รวมท้งั จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ โดยเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ดว้ ยตนเอง
54 หลกั สูตรลกู เสือทเี่ สริมสร้ำงทักษะชีวติ หลกั สูตรลูกเสือเดิมใชว้ ชิ าเป็ นตวั ต้งั ในการกาหนดวตั ถุประสงคห์ ลกั สูตร เน้นท่ีทกั ษะการ ดารงชีวิต ส่วนหลกั สูตรการจดั กิจกรรมลูกเสือท่ีเสริมสร้างทกั ษะชีวิต ไดใ้ ช้เหตุการณ์สาคญั และ สภาพปัญหาในชีวิตจริงของเด็กแต่ละวยั เป็ นตวั กาหนดวตั ถุประสงคห์ ลกั สูตร โดยพิจารณาร่วมกบั วตั ถุประสงคห์ ลกั สูตรลูกเสือโลก และแนวทางการพฒั นาลูกเสือไทย 8 ประการ เม่ือรวบรวมและตดั ทอนส่วนท่ีซ้าซ้อนออกไป จึงสรุปไดเ้ ป็ นแนวทางพฒั นาลูกเสือเพ่ือเสริมสร้างทกั ษะชีวติ 4 ดา้ น คือ ดา้ นร่างกายและสิ่งแวดลอ้ ม /ดา้ นสติปัญญาค่านิยมและเจตคติ /ดา้ นจิตใจ ศีลธรรม และสัมพนั ธภาพ ระหว่างบุคคล /ด้านสัมพนั ธภาพกบั ชุมชน สังคม และวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ในแนวทางพฒั นา ลูกเสือเพ่ือเสริมสร้างทกั ษะชีวติ ท้งั 4 ดา้ น ไดร้ วมท้งั หมด 15 หน่วย ดงั ตารางต่อไปน้ี ตำรำงเปรียบเทยี บวตั ถปุ ระสงค์หลกั สูตรลูกเสือโลก 6 ด้ำน แนวทำงพฒั นำลกู เสือไทย 8 ประกำร และหลกั สูตรลกู เสือทเี่ สริมสร้ำงทกั ษะชีวติ 4 ด้ำน หลกั สูตรลูกเสือโลก แนวทำงพฒั นำลูกเสือไทย หลกั สูตรลูกเสือทเ่ี สริมสร้ำง 6 ด้ำน 8 ประกำร ทกั ษะชีวติ 4 ด้ำน ร่างกาย ร่างกาย ร่างกายและสิ่งแวดลอ้ ม รับผดิ ชอบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม สติปัญญา สติปัญญา สติปัญญา ค่านิยม และเจตคติ สร้างคา่ นิยมและเจตคติ จริยธรรม จิตใจ ศีลธรรม และ จิตใจ จิตใจ ศีลธรรม สมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคล จิตวญิ ญาณ สมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคล สมั พนั ธภาพกบั ชุมชนและสงั คม สมั พนั ธภาพทางสงั คม สมั พนั ธภาพตอ่ ชุมชน สมั พนั ธภาพทางสงั คม แนวทางพฒั นาลูกเสือท่ีเนน้ ทกั ษะชีวติ 4 ดา้ น จะครอบคลุมทกั ษะชีวติ ท้งั 12 องคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ดา้ นร่างกายและสิ่งแวดลอ้ ม (รับผดิ ชอบต่อตนเองและสงั คม) 2. ดา้ นสติปัญญา ค่านิยมและเจตคติ (คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ คิดสร้างสรรค์ เขา้ ใจตนเอง ตดั สินใจ แกไ้ ขปัญหา) 3. ดา้ นจิตใจ ศีลธรรม และสัมพนั ธภาพระหวา่ งบุคคล (ส่ือสาร/สร้างสัมพนั ธภาพ เห็นคุณค่า ตนเอง เขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ่ืน จดั การอารมณ์/ความเครียด) 4. ดา้ นสัมพนั ธภาพกบั ชุมชนและสงั คม (รับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม)
55 ตำรำงวเิ ครำะห์ผลกำรเรียนรู้ในแนวทำงพฒั นำลูกเสือเพ่ือเสริมสร้ำงทกั ษะชีวติ 4 ด้ำน ด้ำนกำรพฒั นำ ผลกำรเรียนรู้ ด้ำนร่ำงกำยและส่ิงแวดล้อม หน่วยที่ 1 สาระสาคญั ของการลูกเสือ หน่วยที่ 2 ทกั ษะลูกเสือ หน่วยท่ี 3 สุขภาพอนามยั ดี หน่วยที่ 4 ความปลอดภยั หน่วยท่ี 5 ดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หน่ วยท่ี 6 อนุรักษ์และร่วมแก้ไขทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม ด้ำนสตปิ ัญญำ ค่ำนิยม หน่วยที่ 7 การคิดวเิ คราะห์ ตดั สินใจ แกไ้ ขปัญหา และเจตคติ หน่วยที่ 8 จุดดี จุดดอ้ ย และการพฒั นาตนเอง ด้ ำนจิตใจ ศีลธรรม และ หน่วยที่ 9 รักและศรัทธา สถาบนั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ สัมพนั ธภำพระหว่ำงบุคคล หน่วยท่ี 10 ปฏิบตั ิตามวถิ ีไทย และภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน หน่วยท่ี 11 คุณธรรม – จริยธรรม หน่วยท่ี 12 สมั พนั ธภาพและการสื่อสาร ด้ำนสัมพนั ธภำพกบั ชุมชน หน่วยที่ 13 มีจิตอาสา สังคม หน่วยท่ี 14 รักและหวงแหน สาธารณสมบตั ิของชุมชน/ชาติ หน่วยท่ี 15 รับผดิ ชอบปัญหาสงั คม
56 ลกั ษณะของกจิ กรรมลกู เสือทเ่ี สริมสร้ำงทกั ษะชีวติ การจดั กิจกรรมลูกเสือท่ีเสริมสร้างทกั ษะชีวติ น้นั ไดร้ ักษาจุดเด่น เอกลกั ษณ์ หลกั การ วิธีการ ของลูกเสือไว้ โดยสอดแทรกการเรียนรู้ทกั ษะชีวิตเพ่ิมเขา้ ไปเพื่อตอบสนองวตั ถุประสงค์ท่ีรอบด้าน ครอบคลุมการดารงชีวิตในปัจจุบนั ให้ชดั เจนข้ึน ให้เด็กได้ฝึ กคิด วิเคราะห์ ได้ตรวจสอบความคิด ความเชื่อของตนกบั คนส่วนใหญ่ ยอมรับความคิดและเคารพสิทธิผูอ้ ่ืน ตดั สิ นใจ แก้ไขปัญหา ใน สถานการณ์สมมุติ รวมท้งั ไดฝ้ ึ กฝนทกั ษะทางจิตสังคมที่จาเป็ น ฯลฯ เพื่อให้เกิดทกั ษะชีวติ ท่ีตอ้ งการ สร้าง ท้งั ทกั ษะชีวติ ทว่ั ไป และทกั ษะชีวติ เฉพาะ เม่ือจดั ประเภทตามทกั ษะ/ความสามารถ ในการปฏิบตั ิกิจกรรม แบง่ ออกไดเ้ ป็ น 5 ประเภท คือ 1. กิจกรรมการแสดงออก เป็ นกิจกรรมท่ีเปิ ดโอกาสให้ลูกเสือไดใ้ ช้ความสามารถในการ แสดงออก แสดงความคิดสร้างสรรค์/จินตนาการในรูปแบบต่าง ๆ ซ่ึงมักจะเป็ นการจาลอง ประสบการณ์ต่าง ๆ มาเพื่อการเรียนรู้ไดง้ ่ายและสะดวกข้ึน หรือเป็ นสิ่งที่ใชแ้ ทนประสบการณ์จริง เพราะศาสตร์ต่างๆ ในโลก มีมากเกินกวา่ ท่ีจะเรียนรู้ไดห้ มดสิ้นจากประสบการณ์ตรงในชีวติ และบาง กรณีก็อยใู่ นอดีต หรือซบั ซอ้ นเร้นลบั หรือเป็ นอนั ตราย ไม่สะดวกต่อการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ตวั อยา่ งกิจกรรม เช่น 1.1 สถานการณ์จาลอง เป็นการจดั สภาพแวดลอ้ มเลียนแบบความจริงให้ใกลเ้ คียงกบั สภาพความเป็ นจริงมากที่สุด เพ่ือให้ผเู้ รียนไดฝ้ ึ กฝน แกป้ ัญหาและตดั สินใจจากสภาพการณ์ที่กาลงั เผชิญอยนู่ ้นั แลว้ นาประสบการณ์แห่งความสาเร็จไปเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหา 1.2 การสาธิต กระบวนการที่ผูส้ อนช่วยให้ผูเ้ รียนได้เกิดการเรียนรู้ตามวตั ถุประสงค์ โดยการแสดงหรือกระทาให้ดูเป็ นตวั อย่าง ให้ความสาคญั กบั กระบวนการท้งั หมดท่ีผูเ้ รียนจะตอ้ งเฝ้า สังเกตอยโู่ ดยตลอด 1.3 การเล่านิทาน 1.4 ละคร หุ่นจาลอง 1.5 เพลง ดนตรี การเคล่ือนไหวตามจงั หวะดนตรี หมายถึง กิจกรรมท่ีเน้นการใช้ ดนตรีเป็นสื่อในการเรียนรู้ท้งั ในแง่เน้ือหาและความบนั เทิง ผอ่ นคลาย และเขา้ ถึงวฒั นธรรมตา่ ง ๆ 1.6 ศิลปะ แขนงอ่ืน ๆ เช่น การวาดรูป การป้ันดินเหนียว งานหตั ถกรรม การร้อยดอกไม้ 1.7 การโตว้ าที ฯลฯ 2. กิจกรรมการรายงานและการสารวจ เป็ นกิจกรรมที่เนน้ ให้ลูกเสือไดเ้ รียนรู้จากความเป็ น จริง /เหตุการณ์จริง ในชีวิตประจาวนั ผ่านประสบการณ์ตรงดว้ ยตนเอง ซ่ึงเป็ นรากฐานสาคญั ของ การศึกษา เช่น การทาแผนท่ี การสารวจ หมายถึง การเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จริงดว้ ยการลงพ้ืนท่ี สารวจ และจาลองสิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้สู่แผนท่ี ภาพ หรือสัญลกั ษณ์ เพื่อแสดงความคิดรวบยอดของส่ิงท่ีได้
57 เรียนรู้น้นั ตวั อยา่ งกิจกรรม เช่น การสมั ภาษณ์ การเป็นผสู้ ่ือข่าว การทาสารคดี การศึกษานอกสถานท่ี ชุมชนศึกษา การผลิตส่ือ การทาปูม การจดั นิทรรศการ การสอดแนม สารวจ แผนที่ เขียนเรียงความฯลฯ 3. กิจกรรมการวิเคราะห์และการประเมิน เป็ นการเรียนรู้ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นและร่วมกนั วิเคราะห์/ประเมิน สิ่งต่างๆที่เกิดข้ึน ตวั อยา่ งกิจกรรม เช่น การเปรียบเทียบคุณค่า การประเมินความเสี่ยง การทาแผนท่ีความคิด ฯลฯ 4. เกมและการแข่งขนั 4.1 เกม เป็ น กิจกรรมที่มีกฎกติกา และลาดบั ข้นั ตอน ที่เอ้ือใหล้ ูกเสือเกิดการเรียนรู้ ผา่ นการเล่นเกม ใหข้ อ้ คิดท่ีสอดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้ท่ีตอ้ งการ 4.2 การแข่งขนั เป็ นกิจกรรมที่มีกติกาในการแข่งขนั และมีการตดั สินหาผูช้ นะ เช่น การตอบปัญหาในเร่ืองต่าง ๆ เพอ่ื กระตุน้ ใหเ้ กิดความสนใจใฝ่ รู้มากข้ึน ฯลฯ 5. กิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน์ เป็ นกิจกรรมสร้างสรรคท์ ี่เนน้ การฝึ กความเสียสละของลูกเสือ ได้แก่ การจดั กิจกรรมการกุศล การซ่อมของเล่นให้น้อง การดูแลทาความสะอาดสถานที่ การปลูก และดูแลตน้ ไม้ การเกบ็ ผกั จากแปลงไปประกอบอาหารเล้ียงนอ้ ง ฯลฯ กระบวนกำรเรียนรู้ของกจิ กรรมลูกเสือสร้ำงทกั ษะชีวติ ได้อย่ำงไร กิจกรรมลูกเสือ มีองค์ประกอบครบท้งั 5 ประการ ของกระบวนการเรียนการสอนท่ียึด ผเู้ รียน เป็นศูนยก์ ลาง การสร้างทกั ษะชีวติ ท้งั 12 องคป์ ระกอบ เกิดข้ึนดว้ ยกิจกรรมดงั ตารางตอ่ ไปน้ี องค์ประกอบทกั ษะชีวติ กจิ กรรม คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ คิดสร้างสรรค์ การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ เพอ่ื สร้างองคค์ วามรู้ ใหมร่ ่วมกนั ตระหนกั รู้ในตน กิจกรรมท่ีตอ้ งคิดนอกกรอบ สร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ งานศิลป์ งานฝีมือ การ เขา้ ใจ/เห็นใจผอู้ ื่น แสดง ฯลฯ เห็นคุณคา่ ตนเอง การอยรู่ ่วมกนั ในหมู่ลูกเสือ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความ คิดเห็นดว้ ยเหตุผล ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจและยอมรับผอู้ ื่นมากข้ึน รับผดิ ชอบสังคม ขณะเดียวกนั กไ็ ดไ้ ตร่ตรองและทาความเขา้ ใจตนเองดว้ ย การเป็นที่ยอมรับในหมู่ลูกเสือ/ทุกคนเคารพใหเ้ กียรติซ่ึงกนั และกนั /การ ทางานสาเร็จ ไดร้ ับคาชม ทาใหเ้ กิดความภูมิใจและเห็นคุณค่าตนเอง ตระหนกั วา่ ตนเองเป็นส่วนหน่ึงของหมูล่ ูกเสือที่จะตอ้ งมีส่วนร่วม รับผดิ ชอบ จึงทาใหม้ ีวินยั และรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและส่วนรวมมากข้ึน
58 การสื่อสาร การทางานร่วมกนั ในหมู่ลูกเสือ ตอ้ งสื่อสารและมีสัมพนั ธภาพที่ดีต่อกนั การสร้างสัมพนั ธภาพ ตอ้ งตดั สินใจและแกไ้ ขปัญหาตา่ ง ๆ ท่ีเกิดในการทางานร่วมกนั รวมท้งั การตดั สินใจ ควบคุมอารมณ์และความเครียดที่เกิดข้ึนจากความขดั แยง้ คิดเห็นตา่ งกนั การแกไ้ ขปัญหา ดว้ ย นอกจากน้ียงั ตอ้ งมีปฏิสัมพนั ธ์ กบั ลูกเสือหมูอ่ ื่น ผกู้ ากบั และแหล่ง การจดั การอารมณ์ เรียนรู้อื่น ๆ ดว้ ย เพอ่ื ทากิจกรรมร่วมกนั ใหบ้ รรลุเป้าหมาย การจดั การความเครียด กิจกรรมลูกเสือเพื่อเสริมสร้างทกั ษะชีวิตในคู่มือครูท่ีจัดทำขึน้ เปน นเพียงตัวช่วยให้เกิดกำร เรียนกำรสอนข้ันต่ำสุดโดยไม่เกิดปัญหำเท่ำน้ัน ผู้กำกับลูกเสือสำมำรถท่จี ะพัฒนำให้ดีขึน้ กว่ำเดิมได้ ตลอดเวลำ เพรำะสังคมเปล่ียนตลอดเวลำเช่นกนั
เรื่อง วนิ ัย ควำมเปน นระเบยี บเรียบร้อย และ สัญญำณต่ำงๆ 59 บทเรียนท่ี 4 เวลำ 75 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. ใหร้ ู้และเขา้ ใจความหมายของระเบียบวนิ ยั ท่ีใชใ้ นการฝึกอบรมลูกเสือ 2 . ใหแ้ ตง่ เคร่ืองแบบไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและรู้วา่ โอกาสใดที่จะแต่งอยา่ งไร 3. ใหร้ ู้จกั ใชแ้ ละปฏิบตั ิตามสญั ญาณมือและสญั ญาณนกหวดี จุดหมำย - รู้และเขา้ ใจแตง่ เครื่องแบบลูกเสือตามกฎกระทรวง และสามารถปฏิบตั ิตามความหมายของ วนิ ยั ลูกเสือ ระเบียบแถวสากล สญั ญาณมือ และสัญญาณนกหวดี วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. บรรยายความสาคญั ของวนิ ยั ลูกเสือได้ 2. อธิบายและแต่งเคร่ืองแบบไดถ้ ูกตอ้ งตามโอกาสที่เหมาะสม 3. ใชส้ ัญญาณมือเรียกแถวสากลและสัญญาณนกหวดี ไดถ้ ูกตอ้ ง วธิ ีสอน/กจิ กรรม 1. บรรยายประกอบการสาธิต 2. การฝึกใหป้ ฏิบตั ิ 3. หรือชมวดี ีโอ หรือภาพยนตร์ (ถา้ มี) สื่อกำรสอน 1.แผนภูมิ 2.แผน่ โปร่งใส หรือภาพสไลด์ 3.วดิ ีโอ หรือภาพยนตร์ (ถา้ มี) 4.เครื่องหมายตา่ งๆ 5.เอกสารประกอบ
60 เนื้อหำวชิ ำ ประเทศชาติที่เจริญรุ่งเรืองและสามารถพฒั นาใหก้ า้ วหนา้ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ลว้ นแตเ่ พราะ พลเมืองของประเทศน้ีไดร้ ับการฝึกอบรมใหเ้ ป็นผมู้ ีระเบียบวนิ ยั มีความรับผดิ ชอบต่อสังคมและ ประเทศชาติ สาหรับประเทศไทย จากประวตั ิศาสตร์เป็นที่ประจกั ษว์ า่ การกอบกูอ้ ิสรภาพของสมเดจ็ พระนเรศวร-มหาราชและสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชน้นั เพราะความมีวินยั ท่ีดีของบรรพบุรุษ ไทยในยคุ น้นั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลมหาราช ไดท้ รงมีพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั เร่ืองวนิ ยั ไว้ หลายประการในโอกาสต่างๆ กนั วา่ “สามคั คี มีวนิ ยั คือปัจจยั สร้างชาติ” “ระเบียบวนิ ยั ดี เป็ นสิ่งช้ีความเจริญ” “ถา้ ต้งั ใจศึกษาฝึ กหดั ตนตามระเบียบวนิ ยั และแบบธรรมเนียมของลูกเสือใหแ้ น่วแน่ตอ่ ไปกจ็ ะ มี ความรู้ ความดีความเจริญอย่างเต็มท่ี และสามารถท่ีจะคุ้มครองรักษาประเทศชาติไวไ้ ด้อย่าง แน่นอน” “หลกั การและจรรยาของลูกเสือน้นั เมื่อไดฝ้ ึ กหดั อบรมให้ถูกตอ้ งครบถว้ นโดยบริสุทธ์ิแลว้ ยอ่ มจะทาให้บุคคลมีจิตใจที่พร้อมเพรียง มุ่งดีมุ่งเจริญต่อกนั ยง่ิ ข้ึน และเขม้ แขง็ เชื่อมน่ั ในความดีงาม มากข้ึน ท้งั มีระเบียบวนิ ยั ที่ดีในท่ีสุด” “วินัย” มีคาจากดั ความตามตามพจนานุกรมไทย ฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ว่า คือ การอยใู่ นระเบียบแบบแผนและขอ้ บงั คบั ขอ้ ปฏิบตั ิ “วนิ ยั ” ไม่ใช่เป็ นเร่ืองของทหารหรือตารวจเท่าน้นั เป็ นเร่ืองของทุกคนในชาติไม่วา่ จะอยใู่ น ฐานะตาแหน่งหน้าท่ีการงานใดๆ ในหน่วยราชการ องค์การ ห้างร้าน แมแ้ ต่งานส่วนตวั ย่อม ตอ้ งการไดผ้ ทู้ ่ีมีระเบียบวนิ ยั เขา้ มาร่วมดว้ ยกนั ท้งั น้นั
วนิ ัย ควำมเปน นระเบยี บเรียบร้อย และสัญญำณต่ำงๆ 61 เอกสำรประกอบ(1) วนิ ัยมีควำมจำเปน นอย่ำงไร การประกอบกิจกรรมทุกอยา่ งหรือการฝึกอบรมทุกประเภทที่ทากบั คนหมูม่ าก ถา้ ขาดวนิ ยั เสียแลว้ ก็เทา่ กบั เป็นการลม้ เหลวทุกสิ่งทุกอยา่ งโดยสิ้นเชิง ลูกเสือท่ีมีระเบียบวนิ ยั เชื่อฟังปฏิบตั ิตาม คาส่ังผบู้ งั คบั บญั ชา ยอ่ มท่ีจะเป็นพลเมืองท่ีดีในอนาคต ลูกเสือที่ไดร้ ับการฝึกอบรมอยา่ งดีสามารถ เป็นผนู้ าได้ เพราะวา่ เป็นคนที่รักษาสัตย์ ประพฤติตนตามกฎกติกา เป็นคนมีน้าใจเมตตาอารี เสียสละ ส่ิงเหล่าน้ียอ่ มติดตวั ไปเป็นนิสัยเกิดข้ึนในตวั เองตลอดเวลา วนิ ยั จึงเป็ นส่ิงจาเป็นมากใน กองลูกเสือ คนที่มีคุณภาพควรไดร้ ับการฝึกฝนใหม้ ีระเบียบวนิ ยั ทาใหร้ ู้จกั การทาตนเป็นผอู้ ยใู่ ต้ บงั คบั บญั ชาของผทู้ ี่เป็นหวั หนา้ หรือทาตนในฐานะเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาเป็นอยา่ งที่ดีได้ ซ่ึงจะนา ประโยชนม์ าให้ตนท้งั ในดา้ นส่วนตวั และหนา้ ที่การงาน วนิ ยั มีความจาเป็ นอยา่ งยงิ่ ที่สร้างและส่งเสริม เยาวชนจะไดเ้ ป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพ ต้งั แต่ยงั อยใู่ นเยาวว์ ยั เมื่อเติบใหญจ่ ะเป็นกาลงั สาคญั ช่วยพฒั นาประเทศชาติใหเ้ จริญรุ่งเรืองสืบไป 1. วนิ ัยมี 2 ประกำร วนิ ัยภำยนอก ซ่ึงเกิดจาการใหก้ ระทาหรืองดเวน้ การกระทาในการฝึกอบรมตอ้ งเขม้ งวดตาม ลกั ษณะหรือกิจการ แตล่ ะประเภท เพอ่ื ท่ีจะใหป้ ฏิบตั ิจนเกิดลกั ษณะนิสัยวนิ ยั ภายนอกไม่ยง่ั ยนื อยไู่ ด้ นาน หากวา่ ผทู้ ่ีไมพ่ อใจกอ็ าจละเลย หรือวา่ งเฉย เม่ือไม่มีการกาหนดไว้ หรือไมม่ ีใครรู้เห็น วนิ ัยภำยใน เป็นที่พงึ ประสงคเ์ พราะเป็นวนิ ยั ที่จะปฏิบตั ิดว้ ยความเตม็ ใจเพราะเห็นคุณคา่ การฝึกอบรมจึงตอ้ งเนน้ หนกั ในการสร้างวนิ ยั ภายใน ดว้ ยการกวดขนั การประพฤติปฏิบตั ิอยา่ งจริงจงั และต่อเน่ือง วนิ ยั ภายในเป็นสิ่งท่ีตอ้ งการใหม้ ีอยใู่ นทุกตวั ตน วนิ ยั ที่ดีเกิดจากความรักความเล่ือมใสศรัทธา เดก็ ๆ ยอ่ มเช่ือฟังและเคารพเล่ือมใสผทู้ ี่ฉลาด กวา่ ตน อายมุ ากกวา่ ตน รูปร่างใหญ่กวา่ ตน ผกู้ ากบั ลูกเสือจึงเป็นกุญแจดอกสาคญั ในการสร้างวนิ ยั ใหเ้ กิดข้ึนในตวั เด็ก ผกู้ ากบั ลูกเสือจึงตอ้ งวางตวั ใหด้ ีที่สุด มีบุคลิกภาพท่ีน่านบั ถือ ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส พดู จาชดั ถอ้ ยชดั คา เด็กก็จะเกิดความสนใจรักใคร่นบั ถือนิยมชมชอบและเล่ือมใสศรัทธา เดก็ ก็จะให้ ความร่วมมือในอนั ท่ีจะปฏิบตั ิตามกฎเกณฑต์ า่ งๆ ซ่ึงผลที่สุดการปฏิบตั ิตามคาสง่ั หรือปฏิบตั ิตวั ให้ อยใู่ นระเบียบวนิ ยั ของลูกเสือกจ็ ะดูเป็นของง่าย และผกู้ ากบั ลูกเสือกค็ วรจะกวดขนั ในเร่ืองวนิ ยั และ การเช่ือฟังปฏิบตั ิตามคาส่ังดว้ ยความรวดเร็ว และเคร่งครัดแมใ้ นเร่ืองเลก็ ๆ นอ้ ย กไ็ ม่ควรปล่อยเลย ไป กองลูกเสือใดมีระเบียบวินยั ท่ีดีแลว้ กองลูกเสือน้นั กจ็ ะมีความสุข ประสบผลสาเร็จใน กิจการตา่ งๆ ไดโ้ ดยง่าย ส่ิงท่ีจะช่วยทาใหล้ ูกเสือไดม้ ีระเบียบวนิ ยั ที่ดีไดแ้ ก่
62 1. การใชค้ าส่ังใหป้ ฏิบตั ิอยา่ งง่ายๆ เป็นคาสง่ั ตรงๆ มีจุดหมายท่ีแน่นอน ไม่ใช่เป็นคาส่ังที่เกิด จากการข่มขู่ 2. พธิ ีการต่างๆ เพราะในพธิ ีการตา่ งๆ ทาใหล้ ูกเสืออยใู่ นอาการสารวม 3. การตรวจในการเปิ ดประชุมกองและปิ ดประชุมกอง หรือการตรวจการอยคู่ า่ ยพกั แรมใน ตอนเชา้ เป็นการช่วยใหล้ ูกเสือไดร้ ักษามาตรฐานและระเบียบวนิ ยั ของกองลูกเสือใหม้ ีระบบดีข้ึน 4. เครื่องแบบมีความหมายสาหรับชื่อเสียงของขบวนการลูกเสือ บุคคลภายนอกเขาจะมอง และตดั สินเราดว้ ยสิ่งท่ีเขาเห็นเท่าน้นั ผแู้ ต่งเคร่ืองแบบจะตอ้ งสารวมกิริยาวาจา ไม่กระทาการใดที่จะ ทาใหเ้ สื่อมเสีย 5. การอยคู่ า่ ยพกั แรมตอ้ งทางานร่วมกนั อยา่ งมีประสิทธิภาพ 6. การเดินทางไกล ไดร้ ับความเหน็ดเหน่ือย ตอ้ งอดทน เห็นใจซ่ึงกนั และกนั 7. ระเบียบแถว เป็นวธิ ีการฝึกท่ีจะตอ้ งใหป้ ฏิบตั ิตามคาสั่ง 8. สิ่งแวดลอ้ ม ท่ีมองเห็นเป็นแบบอยา่ งท่ีจะกระทาตาม 9. ตวั อยา่ งท่ีดีของผกู้ ากบั เป็นเร่ืองสาคญั ที่สุดท่ีลูกเสือจะเกิดศรัทธายดึ ถือเป็นแบบอยา่ ง 2. เคร่ืองแบบ องคป์ ระกอบสาคญั อยา่ งหน่ึงของการลูกเสือ คือ เคร่ืองแบบ มีความสาคญั ท่ีจะให้รู้กนั ภายในของขบวนการลูกเสือและบุคคลภายนอกโดยทวั่ ไป เป็นส่วนหน่ึงที่จะส่งเสริมใหเ้ กิดวนิ ยั ที่ดี ได้ เครื่องแบบลูกเสือไทยมีความหมายและสาคญั วา่ ลูกเสือประเทศอื่นๆ ดว้ ยเหตุวา่ เครื่องแบบไดร้ ับ พระราชทานจากพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มีพระราชดาริออกแบบนามาใช้ และเป็น เครื่องทรงขององคพ์ ระมหากษตั ริยม์ าทุกรัชกาลจนถึงปัจจุบนั ส่วนประกอบของเคร่ืองแบบลูกเสือไทย จาแนกไดอ้ อกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่ม 1 องคพ์ ระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ และพระบรมวงศานุวงศ์ กลุ่ม 2 ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือทวั่ ไป ผตู้ รวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือและเจา้ หนา้ ที่ลูกเสือ กลุ่ม 3 ผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสือประเภทต่างๆ รวมท้งั ลูกเสือเหล่าสมุทรและเหล่าอากาศ กลุ่ม 4 นายหมู่ รองนายหมู่ และลูกเสือ รวมท้งั ลูกเสือเหล่าสมุทรและเหล่าอากาศ 2.1 เคร่ืองแบบแตล่ ะกลุ่มมีท้งั ชายและหญิง ท้งั ทวั่ ไปและเคร่ืองแบบพเิ ศษ ประกอบดว้ ย 2.1.1 หมวก 2.1.2 เส้ือ 2.1.3 กางเกง กระโปรง 2.1.4 ผา้ ผกู คอ 2.1.5 เขม็ ขดั 2.1.6 ถุงเทา้ 2.1.7 รองเทา้
63 2.2 เคร่ืองแบบและเคร่ืองหมายประกอบเคร่ืองแบบลูกเสือ สาหรับพระประมุขของคณะ ลูกเสือแห่งชาติ 2.3 เคร่ืองหมายประกอบเครื่องแบบผบู้ งั คบั บญั ชา ผตู้ รวจการลูกเสือและเจา้ หนา้ ท่ีลูกเสือ 2.3.1 เคร่ืองหมายจงั หวดั 2.3.2 สายนกหวดี 2.3.3 เครื่องหมายตาแหน่ง 2.3.4 เคร่ืองหมายรูปตราคณะลูกเสือแห่งชาติ (เฉพาะผตู้ รวจการลูกเสือ และ เจา้ หนา้ ท่ีลูกเสือ สงั กดั สานกั งานฯ) 2.3.5 เคร่ืองหมายสังกดั 2.3.6 เครื่องหมายวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือข้นั เบ้ืองตน้ 2.3.7 เคร่ืองหมายวชิ าผกู้ ากบั ลูกเสือข้นั วดู แบดจ์ 2.4 เคร่ืองหมายประกอบเคร่ืองแบบผบู้ งั คบั บญั ชาและลูกเสือหน่วยพเิ ศษ 2.4.1 กองลูกเสือสามญั วชิราวธุ วทิ ยาลยั 2.4.2 กองลูกเสือสามญั ที่ 1 พระปฐมวทิ ยาลยั ในพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 2.4.3 หน่วยสวสั ดิภาพนกั เรียน 2.4.4 หน่วยดุริยางค์ 2.4.5 หน่วยดบั เพลิง 2.4.6 หน่วยสารวตั ร
วนิ ัย ควำมเปน นระเบียบเรียบร้อย และสัญญำณต่ำงๆ 64 เอกสำรประกอบ(2) สัญญำณมือรูปแถวของลกู เสือสำกล การใชส้ ัญญาณมือเรียกแถวในรูปตา่ งๆ ในการฝึกอบรมลูกเสือตามแบบสากลของลูกเสือ ทุกประเภท ผบู้ งั คบั บญั ชาท่ีจะเรียกแถวน้นั จะตอ้ งเลือกสถานที่ใหเ้ หมาะสมเสียก่อน และยนื ตรงแลว้ จึงเรียกและใหส้ ัญญาณ (ลูกเสือสารองใหค้ าวา่ “แพค็ ” ลูกเสือสามญั และวสิ ามญั ใชค้ าวา่ “กอง” ) 1. หน้ำกระดำนแถวเด่ียว ผเู้ รียกแถวยนื อยใู่ นท่าตรง มือแบท้งั สองขา้ ง เหยยี ดตรงเสมอตรงแนวไหล่ หนั ฝ่ ามือไป ขา้ งหนา้ แลว้ เรียก “แพค็ ” ใหร้ องนายหมูๆ่ ที่ 3 และนายหมูๆ่ ที่ 4 ระยะเคียง 1 กา้ ว เป็นหลกั อยู่ ตรงหนา้ ห่างจากผูเ้ รียกประมาณ 6 กา้ ว หมูต่ ่อๆไปคือ หมูท่ ี่ 1 และหมู่ที่ 2 อยทู่ างซา้ ยมือของผเู้ รียก ลูกเสือทุกคนสะบดั หนา้ ไปทางซ้าย ถือ รองนายหมูท่ ี่ 3 เป็ นหลกั จดั แถวหนา้ กระดานชาเลืองดูอกคน ที่ 3 เป็นหลกั หมู่ที่ 5 และหมู่ท่ี 6 อยทู่ างขวามือผเู้ รียกลูกเสือทุกคนสะบดั หนา้ ไปทางขวา ถือนาย หมูท่ ี่ 4 เป็นหลกั จดั แถวหนา้ กระดาน ชาเลืองดูอกคนท่ี 3 เป็นหลกั การเขา้ แถว ใหล้ ูกเสือทุกคน (เวน้ คนอยซู่ า้ ยสุดของแถว) ยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพกใหฝ้ ่ ามือ อยบู่ นตะโพกนิ้วมือเหยยี ดชิดและช้ีลงพ้นื นิ้วกลางอยปู่ ระมาณแนวตะเขบ็ กางเกง ศอกอยเู่ สมอแนว ลาตวั การจดั แถวใชแ้ ขนขวาจดปลายศอกซา้ ย เป็นการจดั ระยะเคียงระหวา่ งบุคคล ส่วนระยะเคียง ระหวา่ งหมู่ห่าง 1 ช่วงแขนหรือประมาณ 1 กา้ ว ผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ สัง่ “นิ่ง” ลูกเสือ ทุกคนลดแขนลงพร้อม กบั สะบดั หนา้ กลบั มาอยใู่ นท่าตรง 2. แถวตอนหมู่ ผเู้ รียกแถวยนื อยใู่ นทา่ ตรง มือแบท้งั สองขา้ งเหยยี ดตรงไปขา้ งหนา้ ขนานกบั พ้นื หนั ฝ่ ามือเขา้ หากนั และขนานกนั เรียก “แพค็ ” ใหล้ ูกเสือทุกหมู่มาเขา้ แถวหนา้ ผเู้ รียก นายหมูอ่ ยหู่ นา้ ลูกหมู่เรียง กนั ตอ่ ไป ใหน้ ายหมู่หมู่ท่ี 3 และนายหมูท่ ี่ 4 เป็นหมูห่ ลกั อยตู่ รงหนา้ ผเู้ รียก ห่างจากผูเ้ รียกประมาณ 6 กา้ ว หมู่ต่อๆ ไป คือ หมูท่ ่ี 1 และหมู่ท่ี 2 อยทู่ างซา้ ยมือของผเู้ รียก นายหมู่สะบดั หนา้ ไปทางซา้ ย ถือ ถือนายหมูท่ ่ี 3 เป็นหลกั หมู่ท่ี 5 และหมู่ 6 อยทู่ างขวามือของผเู้ รียก นายหมู่สะบดั หนา้ ไป ทางขวา ถือนายหมูท่ ี่ 4 เป็นหลกั นอกน้นั ลูกเสือทุกคนจดั ใหร้ ะยะต่อระหวา่ งบุคคลของแต่ละหมู่ ประมาณ 1 ช่วงแขน หรือประมาณ 1 กา้ ว และใหต้ รงคอคนหนา้ การเขา้ แถว ใหล้ ูกเสือทุกคน (เวน้ คนอยซู่ า้ ยสุดของแถว) ยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพก (เหมือน ดงั หนา้ กระดานแถวเดี่ยว) เป็นการจดั ระยะเคียงระหวา่ งบุคคล ผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ สัง่ “น่ิง” ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อมกบั สะบดั หนา้ มาอยใู่ นทา่ ตรงและน่ิง
65 3. แถวหน้ำกระดำนหมู่ปิ ดระยะ ผเู้ รียกแถวยนื อยใู่ นท่าตรง มือกาท้งั สองขา้ ง เหยยี ดตรงไปขา้ งหนา้ ขนานกบั พ้นื งอขอ้ ศอก ข้ึนเป็นมุมฉากหนั หนา้ มือเขา้ หากนั แลว้ เรียก “แพค็ ” ให้ลูกเสือหมูท่ ่ี 1 มาเขา้ แถวหนา้ ผเู้ รียกนายหมู่ อยขู่ วามือลูกหมูอ่ ยซู่ า้ ยมือเขา้ แถวเป็นแถวหนา้ กระดาน โดยใหก้ ่ึงกลางของหมูอ่ ยูต่ รงหนา้ ผเู้ รียก ห่างจากผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว หมูต่ อ่ ๆ ไปเขา้ แถวหนา้ กระดานเช่นเดียวกนั แต่อยตู่ ่อหลงั จากหมู่ แรกตามลาดบั ระยะตอ่ ระหวา่ งหมูห่ ่างประมาณ 1 ช่วงแขน หรือประมาณ 1 กา้ ว การเขา้ แถวใหล้ ูกเสือทุกคน (เวน้ คนอยซู่ า้ ยสุดของแถว) ยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพก สะบดั หนา้ ไปทางขวา เป็นการจดั ระยะเคียงระหวา่ งบุคคล ผเู้ รียกแถวตรวจจดั แถวแลว้ สง่ั “นิ่ง” ลูกเสือ ทุกคนลดแขนลงพร้อมกบั สะบดั หนา้ มาอยทู่ ่าตรงและนิ่ง 4. แถวหน้ำกระดำนตอนหมู่เปิ ดระยะ ผเู้ รียกแถวยนื อยใู่ นทา่ ตรง มือกาท้งั สองขา้ ง งอขอ้ ศอกเป็ นมุมฉาก แขนทอ่ นบนแบะออก จนเป็นแนวเดียวกบั ไหล่ หนั หนา้ แขนไปขา้ งหนา้ เรียก “แพค็ ” ใหล้ ูกเสือทุกคนมาเขา้ แถวเหมือน แถวหนา้ กระดานปิ ดระยะ แต่ระยะต่อของทุกหมูข่ ยายออกไปทางดา้ นหลงั ห่างประมาณ 3 ช่วง แขน หรือประมาณ 3 กา้ ว การจดั แถวและการสัง่ “น่ิง” ปฏิบตั ิเหมือนแถวหนา้ กระดานตอนหมูป่ ิ ดระยะ 5. แถวคร่ึงวงกลมหรือรูปเกือกม้ำ ผเู้ รียกยนื อยใู่ นท่าตรง มือแบท้งั สองขา้ งเหยยี ดตรงลงขา้ งล่าง ควา่ ฝ่ ามือเขา้ หาตวั โบกผา่ น ลาตวั ประสานกนั ดา้ นหนา้ ชา้ ๆ เป็นรูปคร่ึงวงกลม เรียก “แพค็ ” ใหล้ ูกเสือหมู่ที่ 1 ยนื ดา้ นซา้ ยมือ ของผเู้ รียกโดยนายหมู่ที่ 1 ยนื อยแู่ นวเดียวกบั ผเู้ รียก ห่างจากผเู้ รียกพอสมควร กบั แถวที่จะทาเป็น คร่ึงวงกลม หมู่ท่ี 2 และหมู่ต่อๆ ไป อยดู่ า้ นซา้ ยของหมู่แรกตามลาดบั จนคนสุดทา้ ยของหมูส่ ุดทา้ ย หรือรองนายหมู่ สุดทา้ ยยนื อยเู่ ป็นเส้นตรงเดียวกนั กบั ผเู้ รียก และนายหมูๆ่ แรกถือผเู้ รียกเป็นจุด ศูนยก์ ลาง ระยะเคียงระหวา่ งบุคคล ระหวา่ งหมูแ่ ละการตรวจแถวสัง่ “นิ่ง” ปฏิบตั ิเหมือนหนา้ กระดานแถวเด่ียว 6. แถววงกลม ผเู้ รียกยนื อยใู่ นท่าตรง มือแบท้งั สองขา้ ง เหยยี ดตรงลงขา้ งล่าง คว่าฝ่ ามือเขา้ หาตวั โบกผา่ น ลาตวั ประสานกนั จากดา้ นหนา้ ถึงดา้ นหลงั ชา้ ๆ เป็นรูปวงกลม เรียก “แพค็ ”ใหห้ มูท่ ่ี 1 ยนื เคียงขา้ ง ทางซา้ ยมือของผเู้ รียกโดยนายหมูท่ ี่ 1 วงิ่ มายนื เคียงขา้ งทางซา้ ยมือของผเู้ รียก ระยะเคียงห่างผเู้ รียก 1 ฝ่ ามือ หมูท่ ่ี 2 และหมู่ตอ่ ๆ ไป อยดู่ า้ นซา้ ยมือของหมูท่ ี่ 1 ไปตามลาดบั จนถึงรองนายหมูส่ ุดทา้ ยจะมา ยนื เคียงขา้ งทางขวามือของผเู้ รียก ระยะเคียงประมาณ 1 ฝ่ ามือ
66 7. แถวรัศมหี รือล้อเกวียน ผเู้ รียกยนื อยใู่ นท่าตรง มือขวาแบควา่ กางนิ้วออกทุกนิ้ว ชูแขนไปขา้ งหนา้ ทามุมประมาณ 45 องศาใหม้ องเห็นได้ แลว้ เรียก “แพค็ ” ใหล้ ูกเสือทุกหมูม่ าเขา้ แถวเป็ นรูปแถวตอนหนา้ ผเู้ รียก ห่างจากผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว เป็น รูปรัศมี โดยใหห้ มูท่ ่ี 1 อยดู่ า้ นหนา้ ทางซา้ ยมือผเู้ รียกประมาณ 45 องศา หมูท่ ี่ 2 และหมู่ท่ี 2 และหมู่ ต่อๆ ไป อยดู่ า้ นซา้ ยของหมู่ที่ 1 ตามลาดบั ถือผเู้ รียกเป็ นจุดศูนยก์ ลาง ระยะต่อของแต่ละคนในหมู่ ห่างประมาณ 1 ช่วงแขน ระยะเคียงระหวา่ งนายหมูต่ ่อนายหมูห่ ่างพอสมควร และนายหมู่ ๆ สุดทา้ ย จะอยดู่ า้ นหนา้ ขวามือของผเู้ รียกประมาณ 45 องศา 8. แถวสี่เหลยี่ มเปิ ด ผเู้ รียกแถวยนื อยใู่ นท่าตรง งอขอ้ ศอกท้งั สองขา้ งข้ึน แบฝ่ ามือหงายไปขา้ งหนา้ ใหฝ้ ่ ามือ ขวาทบั หลงั มือซา้ ยเสมอระดบั ตา แลว้ เรียก “แพค็ ” ใหล้ ูกเสือหมูท่ ่ี 1 มาเขา้ แถวหนา้ กระดานทาง ซา้ ยมือของผเู้ รียก ใหน้ ายหมู่อยเู่ สมอกบั ผเู้ รียก ติดตามดว้ ยหมูท่ ่ี 2 ส่วนหมู่ท่ี 3 และหมทู่ ี่ 4 ใหม้ าเขา้ แถวหนา้ กระดานตรงหนา้ ผเู้ รียกใหต้ อ่ จากหมูท่ ี่ 2 ตามลาดบั โดยให้ระยะเคียงระหวา่ งหมูท่ ่ี 3 และ หมู่ท่ี 4 อยตู่ รงกบั ผเู้ รียกทามุมฉากกบั แถวของหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 และใหห้ มูท่ ่ี 5 และหมู่ท่ี 6 เขา้ แถวหนา้ กระดานทางขวามือผเู้ รียก โดยต่อจากหมูท่ ่ี 4 ตามลาดบั และใหห้ มู่ที่ 5 และหมู่ท่ี 6 เป็น แถวหนา้ กระดานเป็นมุมฉากกบั แถวของหมูท่ ี่ 3 และหมู่ที่ 4 และรองนายหมู่ที่ 6 อยเู่ สมอกบั ผเู้ รียก ทุกหมูห่ นั หนา้ เขา้ หากนั การเขา้ แถว การจดั ระยะเคียงและการตรวจการจดั แถวแลว้ สงั่ “น่ิง” เหมือนหนา้ กระดานแถวเดี่ยว 9. หมู่แถวตอนเรียงสอง ผเู้ รียกยนื อยใู่ นท่าตรง ชูแขนท้งั สองขา้ งไปขา้ งหนา้ เหยียดตรงเสมอไหล่ หนั หลงั มือเขา้ หา กนั ทาชา้ ๆ แลว้ เรียก “แพค็ ” ใหล้ ูกเสือหมู่ที่ 1 และหมูท่ ่ี 4 เป็นหลกั วง่ิ มาเขา้ แถวตอนตรงหนา้ ผเู้ รียกและใหน้ ายหมู่ท้งั สอง เป็นหลกั อยหู่ ่างจากผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว ใหห้ มู่ที่ 2 และหมูท่ ี่ 3 มา เขา้ แถวตอนต่อจากหมูท่ ี่ 1 ตามลาดบั และหมู่ท่ี 5 และหมูท่ ่ี 6 มาเขา้ แถวตอนต่อจากหมูท่ ่ี 4 ตามลาดบั การเขา้ แถว ใหจ้ ดั ระยะเคียงระหวา่ งหมู่ห่างประมาณ 3 ช่วงแขน หรือประมาณ 3 กา้ ว ระยะต่อระหวา่ งบุคคลในหมู่ห่าง 1 ช่วงแขน ระยะระหวา่ งหมู่ใหเ้ วน้ ระยะพองาม คือ ใหเ้ กินกวา่ 1 ช่วงแขนบา้ งเลก็ นอ้ ย แต่ละแถวใหจ้ ดั แถวตรงคอคนหนา้ ผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ สั่ง “น่ิง” กำรใช้สัญญำณมือสั่งแถว “ตรง” “น่ิง” หรือ “พกั ” ก. ผกู้ ากบั ลูกเสือ อาจใชค้ าส่งั วาจาหรือดว้ ยทา่ ทางกไ็ ด้ คือใชแ้ ขนขวา มือกากระตุกหรือ สปริงแขนเขา้ หาตวั โดยให้กามืออยเู่ สมอหวั เขม็ ขดั แทนคาส่งั “ตรง” หรือ “น่ิง”
67 ข. มือกา สลดั หรือสปริงแขนขวาออกไปจากลาตวั ทางขวา แทนคาสัง่ “ตามระเบียบ พกั ” เพ่ือใหเ้ กิดความพร้อมเพรียงและมีระเบียบ ก่อนจะใชส้ ญั ญาณมือสงั่ แถว ควรใชเ้ สียงเรียกเตือนดว้ ย คาวา่ “กอง” (ถา้ เป็นลูกเสือสารองเรียก “แพค็ ”) แลว้ จึงใชส้ ัญญาณมือสงั่ แถว หมำยเหตุ 1. การสัง่ แถว “แยก” เม่ือจบการฝึกตอนหน่ึง เพ่อื จะไปฝึ กต่อในวชิ าอ่ืน หรือเพอื่ ยา้ ย สถานท่ีฝึกใหส้ ่ังลูกเสืออยใู่ น “ท่าตรง” ก่อนแลว้ ส่งั วา่ “แพค็ /กอง…แยก” เมื่อลูกเสือไดร้ ับคาส่ังให้ ทุกคนทาขวาหนั เดินแยกออกไปทางขวามือของตนตามลาพงั 2. เม่ือเสร็จสิ้นการฝึกอบรมในวนั น้นั ๆ แลว้ ใหส้ ัง่ ลูกเสืออยใู่ นท่าตรงก่อนแลว้ สัง่ วา่ “แพค็ / กอง, เลิก” เมื่อลูกเสือไดร้ ับคาส่ังใหท้ ุกคนทาวนั ทยหตั ถ์ ตามลาพงั ตนเอง และกล่าว ถอ้ ยคาวา่ “ขอบคุณครับ/ค่ะ” แลว้ เอามือลงและทาขวาหนั เดินออกไปทางขวามือของตน
วนิ ัย ควำมเปน นระเบยี บเรียบร้อย และสัญญำณต่ำงๆ 68 เอกสำรประกอบ (3) สัญญำณมือในกำรเรียกแถวของลกู เสือสำกล การใชส้ ญั ญาณมือเรียกแถวรูปต่างๆ ในการฝึกอบรมลูกเสือตามแบบสากลของลูกเสือทุก ประเภท ผบู้ งั คบั บญั ชาที่จะเรียกแถวน้นั จะตอ้ งเลือกสถานที่ใหเ้ หมาะสมเสียก่อน และยนื ตรงแลว้ จึง เรียกและใหส้ ญั ญาณ (ลูกเสือสารองใชค้ าวา่ แพค็ ลูกเสือสามญั สามญั รุ่นใหญ่ และวสิ ามญั ใชค้ าวา่ กอง) 1. แถวหน้ำกระดำนแถวเด่ียว ผเู้ รียกเหยยี ดแขนท้งั สองไปดา้ นขา้ งเสมอแนวไหล่ มือแบ หนั ฝ่ ามือไปขา้ งหนา้ ใหล้ ูกเสือ เขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียว ขา้ งหนา้ ผเู้ รียกใหแ้ นวตรงก่ึงกลางของแถวอยหู่ ่างผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว หนั หนา้ เขา้ หาผเู้ รียก กรณีหมูเ่ ดียว – ใหน้ ายหมู่ยนื แลตรงเป็ นหลกั ทางขวา (ทางซา้ ยมือของผเู้ รียก) ลูกแถวเขา้ แถวตามลาดบั ทางซา้ ยของนายหมู่ ยนื เรียงเคียงกนั เป็นแถวหนา้ กระดาน ไปจนถึงลูกแถวคนสุดทา้ ย และปิ ดหมู่ ดว้ ยรองนายหมู่ซ่ึงอยซู่ า้ ยสุดทุกคน (ยกเวน้ นายหมู่) จดั แถวทางขวา (แลขวา) การจดั ระยะเคียง ถา้ เป็น “ปิ ดระยะ” ระยะเคียงของลูกเสือในแถวหนา้ กระดาน คือ ช่วงแขน ซา้ ยของลูกเสือ ท่ีอยทู่ างขวา ยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพก ให้ฝ่ ามือพกั อยบู่ นตะโพก นิ้วเหยยี ดชิดกนั อยู่ ประมาณแนวตะเขบ็ กางเกงศอกอยเู่ สมอแนวลาตวั การจดั แถวใชแ้ ขนขวาจดปลายศอกซา้ ย ผเู้ รียก แถวจดั การตรวจแถว แลว้ ส่งั น่ิง ลูกเสือทุกคนลดมือลงพร้อมกนั สะบดั หนา้ มาอยใู่ นท่าตรงและนิ่ง ถา้ เป็น “เปิ ดระยะ” ระยะเคียงของลูกเสือในแถวหนา้ กระดาน คือ สุดช่วงแขนของลูกเสือที่ อยทู่ างขวาใหป้ ลายนิ้วกลางมือซา้ ยจดไหล่ขวา นบั จากนายหมูเ่ ป็นตน้ มาจนถึงลูกแถวคนสุดทา้ ย ก่อนถึงรองนายหมู่ กรณีหลายหมู่ – ใหแ้ ตล่ ะหมูเ่ ขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียว เหมือนกบั ที่เป็นหมู่เดียว ใน แนวตรงก่ึงกลางของแถวอยูห่ ่างจากผเู้ รียก 6 กา้ วโดยประมาณ และระยะเคียง ระหวา่ งหมู่ (ระหวา่ งนายหมู่ถดั ไปทางซา้ ยกบั รองนายหมูท่ างขวา) เป็นไปตามปกติ และระยะเคียง 1 ช่วง กรณี “เปิ ดระยะ” เม่ือเขา้ แถวเรียบร้อยแลว้ ผูเ้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ ส่ังนิ่ง 3. แถวตอนหมู่ ผเู้ รียกเหยยี ดแขนท้งั สองไปขา้ งหนา้ เสมอแนวไหล่ มือแบ หนั ฝ่ ามือเขา้ หากนั ใหล้ ูกเสือ เขา้ แถวตอนเรียงหน่ึงขา้ งหนา้ ผเู้ รียก นายหมูห่ ลกั ซ่ึงอยหู่ นา้ ผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว กรณีหมูเ่ ดียว - ใหน้ ายหมูว่ ง่ิ มายนื ในทา่ ตรงเป็นหลกั ขา้ งหนา้ ผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว ลูก แถวเขา้ แถวหลงั นายหมูห่ ลกั ยนื ใหต้ รงคอนายหมู่ขา้ งหนา้ ระยะตอ่ สุดช่วงแขนของลูกเสือเม่ือยนื่ ไปจดหลงั ทอ่ นบนของผูอ้ ยขู่ า้ งหนา้ ลูกแถวคนอ่ืนๆ ก็เขา้ แถวซอ้ นไปขา้ งหลงั ของลูกแถวขา้ งหนา้ ตามลาดบั ระยะตอ่ สุดช่วงแขนดงั เดิม และเขา้ แถวต่อซอ้ นกนั ไปจนถึงคนสุดทา้ ย และปิ ดทา้ ยดว้ ย
69 รองนายหมู่ ในระยะต่อสุดช่วงแขนเช่นกนั เมื่อผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ ส่ังนิ่ง ทุกคนลด แขนลงอยใู่ นทา่ ตรงเพ่ือฟังคาส่งั ต่อไป กรณีหลายหมู่ ใหห้ มู่หลกั เขา้ แถวตอนตรงหนา้ ผูเ้ รียกห่างจาก ผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว โดย มีหมู่อื่นๆ เขา้ แถวตอนเป็นแนวเดียวกนั ไปทางซา้ ยและทางขวาของหมู่หลกั ระยะเคียงระหวา่ งหมู่ ประมาณ 1 ช่วงศอก ส่วนระยะต่อ 1 ช่วงแขนโดยประมาณ (ไม่ตอ้ งยกแขน) 3. แถวหน้ำกระดำนหมู่ปิ ดระยะ ผเู้ รียกกามือท้งั 2 ขา้ ง เหยยี ดตรงไปขา้ งหนา้ ขนานกบั พ้นื งอขอ้ ศอกข้ึนเป็ นมุมฉาก หนั หนา้ มือเขา้ หากนั ใหล้ ูกเสือหมู่ที่ 1 มาเขา้ แถวหนา้ ผูเ้ รียก นายหมูอ่ ยขู่ วามือ ลูกหมู่อยซู่ า้ ยมือเรียงกนั เป็น แถวหนา้ กระดานโดยให้ตรงก่ึงกลางของหมู่อยตู่ รงหนา้ ผูเ้ รียก ห่างจากผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว หมู่ ตอ่ ๆ ไป เขา้ แถวหนา้ กระดานเช่นเดียวกนั ขา้ งหลงั หมู่แรกตามลาดบั ระยะหมู่ต่อหมู่ประมาณ 1 ช่วงแขน การเขา้ แถว ใหล้ ูกเสือทุกคน (เวน้ คนอยทู่ างซา้ ยสุด) ยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพก (เหมือนดงั ท่ี กล่าวไวใ้ นหมู่แถวหนา้ กระดาน) ระยะตอ่ ระหวา่ งหมูต่ อ่ หมูป่ ระมาณ 1 ช่วงแขน (ไม่ตอ้ งยกแขน) สะบดั หนา้ ไปทางขวา เม่ือผเู้ รียกแถวตรวจ การจดั แถวแลว้ สั่งน่ิง ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อม สะบดั หนา้ มาอยใู่ นทา่ ตรง 4. แถวหน้ำกระดำนหมู่เปิ ดระยะ ผเู้ รียกกามือท้งั 2 ขา้ ง งอขอ้ ศอกเป็นมุมฉาก แขนท่อนบนแบะออกเป็ นแนวเดียวกบั ไหล่ หนั หนา้ มือไปขา้ งหนา้ ใหล้ ูกเสือทุกคนเขา้ แถวเหมือนแถวหนา้ กระดานหมู่ปิ ดระยะ แต่ระยะตอ่ ระหวา่ ง หมูข่ องทุกหมู่ขยายออกไปทางดา้ นหลงั ห่างกนั หมู่ละประมาณ 3 ช่วงแขน การเขา้ แถว ใหล้ ูกเสือทุกคน (เวน้ คนซา้ ยสุด) ยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพก สะบดั หนา้ ไป ทางขวา (ยกเวน้ นายหมู่หมู่แรก) เม่ือผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ ส่งั น่ิง ลูกเสือทุกคนลดแขน ลงพร้อมสะบดั หนา้ มาอยใู่ นทา่ ตรง 5. แถวรูปครึ่งวงกลม ผเู้ รียกแถว มือแบท้งั 2 ขา้ ง เหยยี ดตรงลงขา้ งล่างควา่ ฝ่ ามือเขา้ หาตวั โบกผา่ นลาตวั ประสานกนั ดา้ นหนา้ ชา้ ๆ เป็นรูปคร่ึงวงกลม ใหล้ ูกเสือหมู่แรกยนื ดา้ นซา้ ยมือของผูเ้ รียก โดยนาย หมู่หมูแ่ รกยนื อยเู่ ป็นแนวเดียวกบั ผเู้ รียก หมู่ที่ 2 และหมูต่ อ่ ๆ ไป อยทู่ างดา้ นซา้ ยของหมูแ่ รก ตามลาดบั จนคนสุดทา้ ยของหมู่สุดทา้ ยอยเู่ ป็นเส้นตรงแนวเดียวกบั ผเู้ รียกและนายหมู่แรก โดยถือวา่ ผเู้ รียกเป็นจุดศูนยก์ ลาง การเขา้ แถว ใหล้ ูกเสือทุกคน (เวน้ คนซา้ ยสุด) ยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพก สะบดั หนา้ ไป ทางขวา (ยกเวน้ นายหมู่หมู่แรก) เม่ือผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ สั่งน่ิง ลูกเสือทุกคนลดแขนลง พร้อมสะบดั หนา้ มาอยใู่ นท่าตรง
70 6. แถวรูปวงกลม วงกลม ก.(แบบผู้เรียกแถวยืนอยู่ทจี่ ุดศูนย์กลำง) ผเู้ รียกแถวมือแบท้งั สองขา้ ง เหยยี ดตรงลงขา้ งล่าง ควา่ ฝ่ ามือเขา้ หาตวั โบกผา่ นลาตวั ประสานกนั ดา้ นหนา้ จดดา้ นหลงั เป็นรูปวงกลม ใหล้ ูกเสือหมู่แรกยนื ดา้ นซา้ ยมือของผูเ้ รียก โดยนาย หมูห่ มูแ่ รกยนื แนวเดียวกบั ผเู้ รียก หมูท่ ่ี 2 และหมูต่ ่อๆ ไปอยทู่ างดา้ นซา้ ยของหมูแ่ รกตามลาดบั จนคนสุดทา้ ยของหมูส่ ุดทา้ ยไปจดกบั นายหมูข่ องหมูแ่ รกถือผเู้ รียกเป็ นจุดศูนยก์ ลาง การเขา้ แถวใหล้ ูกเสือทุกคนยกมือซา้ ยข้ึนเทา้ ตะโพก สะบดั หนา้ ไปทางขวา (ยกเวน้ นายหมู่ หมู่แรก)เม่ือผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวเรียบร้อยแลว้ สง่ั นง่ั ลูกเสือทุกคนลดแขนลงและสะบดั หนา้ มาอยใู่ นทา่ ตรง (การเขา้ แถว)และการจดั แถวอนุโลมตามแบบ ก.) วงกลม ข. (แบบผู้เรียกยืนอยู่ทเี่ ส้นรอบวง) ผเู้ รียกแถวมือขวากาเหยยี ดแขนยกไปขา้ งหนา้ ข้ึนขา้ งบน และเลยไปหลงั ใหล้ ูกเสือหมู่แรก ยนื ดา้ นซา้ ยมือของผเู้ รียกโดยนายหมูแ่ รกยนื ชิดกบั ผูเ้ รียกหมู่ท่ี 2 และหมูต่ อ่ ๆ ไปอยดู่ า้ นซา้ ยมือของ ผเู้ รียกตามลาดบั จนคนสุดทา้ ยของหมู่สุดทา้ ย ไปจดกบั ผเู้ รียกดา้ นขวามือ ถือผูเ้ รียกเป็ นเส้นรอบวง ดว้ ย 7. แถวส่ีเหลย่ี มเปิ ดด้ำนหน่ึง ผเู้ รียกแถวยนื อยดู่ า้ นหน่ึง (ซ่ึงเป็นดา้ นเปิ ด) ศอกงอยกแขนท้งั สองข้ึนขา้ งหนา้ ใหห้ นา้ แขน ท้งั สองไขวก้ นั ตรงฝ่ ามือ ฝ่ ามือท้งั สองแบเหยยี ดหนั ไปขา้ งหนา้ ฝ่ ามือขวาไขวท้ บั มือซา้ ยประมาณ แนวลูกคาง เป็นสญั ญาณ ถา้ มี ลูกเสือ 3 หมู่ ใหเ้ ขา้ แถวในอีก 2 ดา้ น ท่ีเหลือ โดยมีนายหมู่ 1 เขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียวทางดา้ นซา้ ยของผเู้ รียกหนั หนา้ เขา้ ในรูปส่ีเหล่ียมหมู่ 2 เขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียวดา้ นตรงขา้ มกบั ผเู้ รียก หนั หนา้ เขา้ หาผเู้ รียก และหมู่ 3 เขา้ แถวหนา้ กระดานแถว เดี่ยวดา้ นตรงขา้ มกบั หมู่ 1 ทางดา้ นขวาของผเู้ รียก การเขา้ แถวใหล้ ูกเสือทุกคนปฏิบตั ิเหมือนกบั การเขา้ แถวหนา้ กระดาน เวน้ ระยะตรงมุมของ แต่ละดา้ นใหเ้ ท่ากนั พอสมควรไม่ซอ้ นหรือตรงกนั ถา้ มีลูกเสือมากกวา่ 3 หมู่ ใหอ้ ยใู่ นดุลพินิจของผเู้ รียกแถว แต่ควรใหด้ า้ นซา้ ยมือกบั ดา้ น ขวามือมีจานวนเทา่ กนั เม่ือผเู้ รียกแถวตรวจแถวเรียบร้อยแลว้ สัง่ นิ่ง ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อมสะบดั หนา้ อยใู่ น ทา่ ตรง 8. แถวรัศมหี รือล้อเกวียน ผเู้ รียกแถวยนื อยใู่ นท่าตรง มือขวาแบควา่ กางนิ่งออกทุกนิ้ว ชูแขนไปขา้ งหนา้ ทามุม ประมาณ 45 องศา ใหม้ องเห็นได้ แลว้ เรียก “แพค็ ” หรือ “กอง”
71 ใหล้ ูกเสือทุกหมู่มาเขา้ แถวเป็ นรูปหมูแ่ ถวตอนหนา้ ผเู้ รียก ห่างจากผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว เป็นรูปรัศมีโดยใหห้ มูแ่ รกอยดู่ า้ นหนา้ ทางซา้ ยมือผเู้ รียกประมาณ 45 องศา หมูท่ ี่ 2 และหมูต่ ่อๆ ไป อยดู่ า้ นซา้ ยของหมูแ่ รกตามลาดบั ถือผเู้ รียกเป็นจุดศูนยก์ ลาง ระยะตอ่ ของแตล่ ะหมูร่ ะหวา่ งบุคคล ประมาณ 1 ช่วงแขน ระยะเคียงระหวา่ งนายหมู่ต่อนายหมู่พอสมควร และนายหมูห่ มู่สุดทา้ ยจะอยู่ ดา้ นหนา้ ทางขวามือของผเู้ รียกประมาณ 45 องศา การเขา้ แถว ใหล้ ูกเสือทุกคน (เวน้ คนอยหู่ วั แถวของแต่ละหมู่) เหยยี ดแขนซา้ ยไปขา้ งหนา้ สูงเสมอแนวไหล่ควา่ ฝ่ ามือใหป้ ลายนิ้วมือจรดหลงั ของคนหนา้ พอดี ผเู้ รียกแถวจดั แถวแลว้ สั่ง “น่ิง” ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อมกนั และน่ิง 9. กำรใช้สัญญำณมือเปน นคำสั่งให้แถว “พกั ” และ “ตรง” ในการเขา้ แถวของหมู่ลูกเสือ จะเป็นแถวหนา้ กระดานกด็ ี หรือแถวหนา้ กระดานตอนหมูร่ ูป คร่ึงวงกลม หรือวงกลม ตลอดจนแถวรูปสี่เหล่ียมจตั ุรัสเปิ ดดา้ นหน่ึงก็ดี ผเู้ รียกแถวอาจใชส้ ัญญาณ มือเป็นคาสงั่ ใหแ้ ถว “พกั ” จากทา่ ตรง และเป็ นคาสงั่ ใหแ้ ถวตรงจากท่าพกั กไ็ ด้ โดยผเู้ รียกแถวทา 2 จงั หวะ ดงั น้ี จงั หวะ 1 กามือขวา งอแขนตรงศอกใหม้ ือที่กาอยปู่ ระมาณตรงหวั เขม็ ขดั หนั ฝ่ ามือท่ีกาเขา้ หา หวั เขม็ ขดั จงั หวะ 2 สลดั มือท่ีกาและหนา้ แขนไปทางขวาเป็ นมุม 180๐ ประมาณแนวเดียวกบั แนว เขม็ ขดั เป็ นสัญญาณให้ “พกั ” ตามระเบียบ (ลูกเสือทุกคนปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั ท่าพกั ตามระเบียบ) กรณีที่จะใหส้ ญั ญาณมือเป็นคาส่งั ให้ “ตรง” ผเู้ รียกแถวทา 2 จงั หวะดงั น้ี จงั หวะ 1 กามือในลกั ษณะเหมือนกบั เมื่อตอนสลดั แขน สง่ั “พกั ” จงั หวะ 2 จงั หวะ 2 กระตุกหนา้ แขนใหก้ ามือกลบั มาอยตู่ รงหวั เขม็ ขดั (จงั หวะ 1 ของสัญญาณสงั่ “พกั ” ) ลูกเสือทุกคนชิดเทา้ เทา้ ซา้ ย ลดแขนท่ีไขวห้ ลงั ลงและอยใู่ นทา่ ตรง หมำยเหตุ 1. การส่งั แถว “แยก” เม่ือจบการฝึกตอนหน่ึง เพ่ือจะไปฝึ กตอ่ ในวชิ าอื่น หรือเพอื่ ยา้ ย สถานท่ีฝึกใหส้ ง่ั ลูกเสืออยใู่ น “ทา่ ตรง” ก่อนแลว้ สัง่ วา่ “แพค็ …แยก” เม่ือลูกเสือไดร้ ับคาส่งั ใหท้ ุกคน ทาขวาหนั เดินแยกออกไปทางขวามือของตนตามลาพงั 2. เม่ือเสร็จสิ้นการฝึกอบรมในวนั น้นั ๆ แลว้ ใหส้ ัง่ ลูกเสืออยใู่ นท่าตรงก่อนแลว้ ส่ังวา่ “แพค็ ...เลิก” เมื่อลูกเสือไดร้ ับคาส่ังใหท้ ุกคนทาวนั ทยหตั ถ์ ตามลาพงั ตนเอง และกล่าว ถอ้ ยคาวา่ “ขอบคุณครับ/คะ่ ” แลว้ เอามือลงและทาขวาหนั เดินออกไปทางขวามือของตน
72 สัญญำณนกหวดี สาหรับการฝึกประจาวนั หรือในโอกาสที่ผบู้ งั คบั บญั ชาอยหู่ ่างไกลลูกเสือ ใชส้ ญั ญาณ ประเภทอ่ืน ไม่สะดวกก็ใชส้ ญั ญาณนกหวดี แทนคือ 1. หวดี ยาว 1 คร้ัง (-) ถา้ เคล่ือนที่ใหห้ ยดุ ถา้ หยดุ อยเู่ ตือน เตรียมตวั หรือคอยฟังคาสั่ง 2. หวดี ยาว 2 คร้ัง (- -) เดินตอ่ ไป,เคลื่อนท่ีต่อไป ทางานต่อไป 3. หวดี ส้นั 1 คร้ัง ,หวดี ยาว 1 คร้ัง สลบั กนั ไป(- -- - ---)เกิดเหตุ 4. หวดี ส้ัน 3 คร้ัง หวดี ยาม 1 คร้ัง ติดตอ่ กนั ไป ( - - - -----,- - - ----) เรียกนายหมูม่ ารับคา สั่ง 5. หวดี ส้นั ติดกนั หลายๆ คร้ัง ( - - - - )ประชุม รวม หมำยเหตุ เมื่อจะใชส้ ัญญาณ (2) (3) (4) หรือ (5) ใหใ้ ชส้ ญั ญาณ (1) ก่อนทุกคร้ัง
ช่ือวชิ ำ คำปฏิญำณและกฎของลูกเสือ 73 บทเรียนที่ 5 เวลำ 60 นำที ขอบข่ำยรำยวชิ ำ 1. ความหมายของคาปฏิญาณและกฎ 2. คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารอง 3. การแปลความหมายของคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารอง 4. วธิ ีการและกิจกรรมที่ใชใ้ นการแปลความหมายของคาปฏิญาณและกฎใหเ้ หมาะสมกบั วยั ของลูกเสือสารอง จุดหมำย เพ่อื ใหผ้ กู้ ากบั ลูกเสือสารองไดด้ าเนินการจดั กิจกรรมที่ไดน้ าไปสู่คาปฏิญาณและกฎของ ลูกเสือสารองได้ วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะมีความสามารถ 1. ช้ีแจงถึงความหมายของคาปฏิญาณและกฎได้ 2. ทอ่ งคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือได้ 3. อธิบายถึงวธิ ีการและกิจกรรมท่ีใชใ้ นการแปลความหมายของคาปฏิญาณและกฎให้ ลูกเสือสารองเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สมวยั และความสามารถของลูกเสือสารองได้ 4. นาเอาวธิ ีการและกิจกรรมที่ไดร้ ับจากการฝึกอบรมคร้ังน้ีไปฝึกอบรมใหก้ บั ลูกเสือสารองได้ วธิ ีสอน / กจิ กรรม 5 นาที 1. นาเขา้ สู่บทเรียน 5 นาที 2. ช้ีแจงวตั ถุประสงคแ์ ละความหมายของคาปฏิญาณและกฎ 20 นาที 3. ทางานตามโครงการเป็นหมู่ 20 นาที 4. รายงานต่อท่ีประชุมใหญ่ 10 นาที 5. ซกั ถามและสรุป
74 ส่ือกำรสอน 1. แผนภูมิหรือแผน่ โปร่งใส 2. เครื่องฉายภาพขา้ มศีรษะ 3. โครงการทางานของหมู่ กำรประเมินผล 1. สังเกต พฤติกรรม 2. ดูจากผลงาน 3. ซกั ถาม เนื้อหำวชิ ำ คำปฏิญำณ หมายถึง การใหค้ ามน่ั สัญญากบั ตนเองวา่ จะประพฤติปฏิบตั ิตามคาพูดที่ กล่าวไว้ ทุกประการดว้ ยความสุจริต กฎ หมายถึง ขอ้ กาหนดหรือแนวทางที่ถูกต้งั ข้ึนหรือเขียนข้ึนมา เม่ือนาไป ประพฤติ ปฏิบตั ิแลว้ เป็นการสร้างนิสัยท่ีดีแก่ตนเองและส่วนรวม คตพิ จน์ หมายถึง ถอ้ ยคาหรือขอ้ ความหรือคาพูดท่ีเป็นคติสอนให้คนเราไดย้ ดึ ถือ และ ปฏิบตั ิเพื่อตนเองและส่วนรวม คำปฏญิ ำณของลูกเสือสำรอง ขา้ สัญญาวา่ .- 1. ขา้ จะจงรักภกั ดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 2. ขา้ จะยดึ มน่ั ในกฎของลูกเสือสารอง และบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผูอ้ ่ืนทุกวนั กฎของลกู เสือสำรอง 1. ลูกเสือสารองทาตามลูกเสือรุ่นพ่ี 2. ลูกเสือสารองไมท่ าตามใจตนเอง คตพิ จน์ของลูกเสือสำรอง “ทาดีท่ีสุด” คติพจน์ทว่ั ๆ ไป ของลูกเสือ “เสียชีพอยา่ เสียสตั ย”์
75 กำรแปลควำมหมำยของคำปฏิญำณของลูกเสือของลูกเสือสำรอง จำกคำปฏิญำณข้อที่ 1 “ขา้ จะจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ หมายถึง ลูกเสือสารอง ตอ้ งเคารพ ยดึ มนั่ และเทอดทูนไวซ้ ่ึงชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ โดยประพฤติ และปฏิบตั ิตน ตามวฒั นธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอนั ดีงามของไทย ปฏิบตั ิตามคาสง่ั สอนของ พระศาสดาและประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนาท่ีตนเองนบั ถือ ด้วยควำมเคำรพสักกำระ ไม่ลบหลู่ดู หมิ่นศาสนาอ่ืนพร้อมดว้ ยการเทิดทูนพระมหากษตั ริย์ และพระบรมวงศานุวงศท์ ุกพระองค์ และจะ ปกป้องสถาบนั ท้งั 3 น้ี โดยยอมเสียสละเลือดเน้ือและชีวติ ตามโอกาสอนั พึงกระทาได้ หน้ำทต่ี ่อชำติ ลูกเสือสารองจะตอ้ งประพฤติตนเป็ นพลเมืองดี ปฏิบตั ิตามกฎหมายระเบียบ แบบแผนของบา้ นเมือง มีความสานึกในการหวงแหนชาติ และป้องกนั ชาติ ลูกเสือสารองจะ ช่วยเหลือ ชาติไดด้ ว้ ยการรักษาสมบตั ิของชาติ ไมท่ าลายสาธารณสมบตั ิหรือสาธารณสถานที่ใช้ ร่วมกนั และอนุรักษท์ รัพยากรของชาติดว้ ย หน้ำทตี่ ่อศำสนำ ทุกศาสนามีความมุ่งหมายสอนใหเ้ ป็ นคนดีโดยละเวน้ อบายมุขและความ ชวั่ ท้งั ปวงกระทาแตค่ วามดีรู้จกั เคารพสักการะปฏิบตั ิศาสนกิจตามจารีตประเพณีฉะน้นั ลูกเสือสารอง จะตอ้ งรู้จกั สวดมนตไ์ หวพ้ ระก่อนนอนเป็นประจาทุกคืนและทุกคร้ังท่ีมีการเปิ ดประชุมกอง ขณะ สวดมนตแ์ ละสงบนิ่งจะระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ผู้ ทรงพระราชทานกาเนิดลูกเสือไทย และระลึกถึงผมู้ ีพระคุณทุกท่าน หน้ำทตี่ ่อพระมหำกษตั ริย์ ลูกเสือสารองทุกคนตอ้ งสามารถร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และแสดงความเคารพตอ่ พระมหากษตั ริย์ ไดถ้ ูกตอ้ งเพราะพระองคท์ รงเป็นพระประมุขของชาติและ พระประมุขของคณะลูกเสือไทยเป็นที่รวมแห่งความรัก ความสามคั คีของคนไทยท้งั ชาติ และลูกเสือ สารองควรสนใจพระราชกรณียกิจของพระองคท์ ่ีทรงอุทิศใหแ้ ก่ประเทศชาติ ทรงเป็ นแบบอยา่ งท่ีดี ยง่ิ ในการเสียสละความสุขความสุขส่วนพระองค์ เพื่อบาเพญ็ ประโยชน์สุขแก่ปวงชน จำกคำปฏิญำณข้อที่ 2 ที่วา่ ขา้ จะยดึ มนั่ ในกฎของลูกเสือสารองและบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่ืน ทุกวนั หมายถึง ลูกเสือสารองจะยดึ มน่ั และประพฤติปฏิบตั ิตามกฎของลูกเสือสารองโดยเคร่งครัด พร้อมกบั จะช่วยเหลือผอู้ ื่นตามโอกาสทุกวนั โดยจะปฏิบตั ิตามระเบียบขอ้ บงั คบั ของลูกเสือจะไม่ กระทาส่ิงใด ๆ ทีจะก่อใหเ้ กิดใหเ้ กิดความเสื่อมเสียต่อกิจการลูกเสือ และพร้อมท่ีจะหาโอกาสบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อสาธารณชน และช่วยเหลือผอู้ ื่นไมว่ า่ จะเป็นท่ีโรงเรียน ที่บา้ นและชุมชนทุกวนั ฯลฯ โดยไมต่ อ้ งการรับรางวลั หรือส่ิงตอบแทน กำรแปลควำมหมำยกฎลูกเสือสำรอง จากกฎของลูกเสือสารอง ขอ้ ที่ 1 “ลูกเสือสารองทาตามลูกเสือรุ่นพ่ี” หมายถึง ลูกเสือ สารอง ทาตนเป็นผตู้ ามท่ีดี
76 ลูกเสือรุ่นพี่ หมายถึง บุคคลใดกต็ ามท่ีมีหนา้ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การลูกเสือและเป็นท่ีเคารพนบั ถือของตวั ลูกเสือ เช่น นายหมู่ ครู-อาจารย์ ลูกเสือสามญั สามญั รุ่นใหญ่ วสิ ามญั ญาติ ผบู้ งั คบั บญั ชา ลูกเสือ ฯลฯ ลูกเสือสารองจะตอ้ งเช่ือฟังและปฏิบตั ิตาม โดยยอมรับวา่ จะเป็นผตู้ ามที่ดี จากกฎของลูกเสือสารองขอ้ ที่ 2 ท่ีวา่ “ลูกเสือสารองไม่ทาตามใจตนเอง” ลูกเสือสารอง จะตอ้ งรู้จกั บงั คบั ใจตนเอง มีระเบียบวนิ ยั และกระทาการใด ๆ ในส่ิงท่ีจนเองไมร่ ู้วา่ อาจจะ ก่อใหเ้ กิดความเสียหายแก่ตนเองและกิจการลูกเสือได้ วธิ ีกำรและกจิ กรรมที่ทำให้ลูกเสือสำรองปฏบิ ัติตำมคำปฏิญำณ 1. ปฏิบตั ิตนตามกฎหมายบา้ นเมือง 2. รักหวงแหนชาติป้องกนั ชาติ 3. ไมท่ าลายสาธารณประโยชนแ์ ละสาธารณอนั เป็ นสมบตั ิของชาติ 4. ช่วยอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ 5. ร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 6. ทุกคร้ังท่ีไดย้ นิ เพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีจะตอ้ งหยดุ ยนื ตรง 7. ใหค้ วามเคารพและเช่ือฟังคาสั่งสอนของพระสงฆ์ 8. ไปร่วมทาบุญทาทานในวนั สาคญั ทางศาสนา 9. ไม่ฆา่ สตั ว์ ไม่ลกั ทรัพย์ ไมพ่ ูดปด 10. พยายามทาความดี ละเวน้ กระทาชว่ั 11. ประพฤติตนเรียบร้อยอยูเ่ สมอ 12. ยนื ตรงถวายความเคารพเม่ือพระมหากษตั ริยเ์ สดจ็ ผา่ น 13. เฝ้าดูและถวายความอารักขา ความปลอดภยั แก่พระองคท์ ่าน 14. ละเวน้ การกระทาใด ๆ ที่ทาใหเ้ ป็นเคร่ืองราคาญพระองคด์ ว้ ย 15. มีความอดกล้นั อดทน เม่ืออยใู่ นพธิ ีการตา่ ง ๆ วธิ ีกำรและกจิ กรรมที่ทำให้ลูกเสือปฏบิ ัติตำมกฎของลูกเสือ 1. เคารพเชื่อฟังคาส่ังนายหมู่ , ผบู้ งั คบั บญั ชาตลอดจนผใู้ หญ่ที่เคารพนบั ถือ 2. เป็นผตู้ ามท่ีดี 3. รู้จกั บงั คบั ใจตนเอง 4. มีระเบียบวนิ ยั
77 ตวั อย่ำงงำนคำปฏิญำณและกฎของลูกเสือสำรอง 1. ค่านิยม ใหแ้ ต่ละคนเขียนลงในกระดาษวา่ ท่านคิดวา่ ท่านควรจะมีอะไรที่ท่านเห็นวา่ เป็น ส่ิงที่มีคา่ ที่สุดที่ท่านควรมีไว้ ของเหล่าน้ีจะมีคุณค่าแก่ทา่ นอยา่ งไรบา้ ง หากทา่ นหลงทางอยคู่ นเดียว ในป่ าแห่งหน่ึง หรือเรือล่มอยกู่ ลางทะเล คา่ ของส่ิงของที่เรากาหนดใหแ้ ก่ส่ิงต่างๆ น้นั ยอ่ ม เปลี่ยนไปตามกาลเทศะและเหตุการณ์ ของสามอยา่ งที่มีค่ามาท่ีสุดสาหรับลูกเสือสารองอายุ 8 ขวบ (หรือเนตรนารี) มีอะไรบา้ ง ถา้ เดก็ โต อายุ 19 ปี ของมีคา่ 3 อยา่ งน้นั คืออะไร มีอะไรบา้ งไหมท่ีมี คา่ ไมเ่ ปล่ียนแปลงตลอดชีวิตของคน และไม่เปลี่ยนแปลงไปมากมายแมว้ า่ กาลเทศะและเหตุการณ์ จะเปล่ียนแปลงไป ขอ้ ที่ลูกเสือสารอง (หรือเนตรนารี) ไดเ้ ขียนไวข้ า้ งตน้ น้นั มีขอ้ ไหนบา้ งไหมท่ีมีค่านิยม คือ ค่าดงั กล่าวไวใ้ นคาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือ 2. จงระบุการบาเพญ็ ประโยชนต์ า่ ง ๆ ท่ีลูกเสือสารองควรจะทาได้ และอาจจะทาไดใ้ น ทอ้ งถ่ิน ของทา่ นของท่ีระบุมาน้นั ควรมีขอ้ เสนอแนะเกี่ยวกบั ปัญหาต่อไปน้ีดว้ ย ก. ลูกเสือสารองใหมท่ ่ียงั ไม่ไดเ้ ขา้ ประจากอง ข. ลูกเสือท่ีอาจทาไดท้ ่ีบา้ นของตนเอง ค. ลูกเสือที่อาจทาไดเ้ กี่ยวกบั การบริการในดาวดวงที่ 3 ง. กองลูกเสือสารองท้งั กองร่วมกนั ทางานบาเพญ็ ประโยชน์ในนามของกองของตน จงบรรยายกิจกรรมของกองลูกเสือสารองมา 3 กิจกรรม ที่จะฝึกลูกเสือในกองใหท้ ากิจกรรม เหล่าน้ีอยา่ งไดผ้ ลดี จงสาธิตมาใหด้ ูสกั อยา่ งหน่ึงดว้ ย 3.จงเขียนเป็ นบทสวมบทบาทอนั เก่ียวกบั คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารองตามเร่ือง ต่อไปน้ีเพียง 1 เร่ือง ก. จงทาดีที่สุด ข. จงคิดถึงประโยชน์ของผอู้ ื่นยงิ่ กวา่ ของตน ค. การบาเพญ็ ประโยชน์ ง. การบนั เทิงในกองลูกเสือสารอง จ. การเล่นกีฬาระหวา่ งประเทศ 4. จงนาภาพหนงั ตะลุงหรือหุ่น แสดงชีวติ คนสาคญั วรี บุรุษของไทยในอดีต แลว้ แสดงเป็น เร่ืองใหท้ ่ีประชุมชมดว้ ย 5. จงคิดนิทานส้ันเรื่องหน่ึง เพื่อเล่าใหล้ ูกเสือสารองอายุ 8 ขวบฟัง ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นถึง ความหมายของคาวา่ “จะทาดีที่สุด “ 6. จงเลือกตดั ภาพจากหนงั สือรายสัปดาห์หรือหนงั สือพมิ พท์ ่ีจดั ไวใ้ ห้ ปิ ดลงสมุดภาพที่ทา ข้ึนใหม่ เพอื่ แสดงถึงกิจกรรมที่ลูกเสือสารองควรปฏิบตั ิ มีการชกั ธงชาติข้ึน มีการร้องเพลง สรรเสริญพระบารมีในโรงมหรสพ หรือในงานสาคญั อื่น ๆ
78 7. จงตดั และรวบรวมพระบรมรูปสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ท่ีท่านไดพ้ บเห็นไวใ้ หม้ ากท่ีสุด ข้อเสนอแนะ (ก). การทางานเป็นหมู่ตามโครงการโดยมีวทิ ยากรเป็ นที่ปรึกษา ลูกเสือสารองอยใู่ นวยั ที่กาลงั เจริญเติบโตเขามกั คิดถึงส่ิงท่ีเห็นไดช้ ดั ๆ ยงิ่ กวา่ ส่ิงท่ีไมม่ ตี วั ตน ดงั น้นั การที่จะใหล้ ูกเสือเขา้ ใจในคุณค่าของคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือจึงควรช้ีแจงใหล้ ูกเสือเห็น ประจกั ษด์ ว้ ยการปฏิบตั ิเรื่องตา่ ง ๆ บทเรียนน้ีควรใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมไดม้ ีโอกาสเขา้ ร่วมในกิจกรรมภาคปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง และควรไดร้ ับความคิดเห็นจากผเู้ ขา้ รับการอบรมอื่น ๆ ในระหวา่ งกลุ่มตา่ งๆ กลบั มารายงานต่อที่ ประชุมใหญค่ วรแบง่ ผูเ้ ขา้ รับการฝึกอบรมออกเป็นกลุ่มโดยมีวทิ ยากรเป็นท่ีปรึกษา (หรือแบ่งผเู้ ขา้ รับ การฝึกอบรมออกเป็นคู่ๆ ถา้ มีผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมจานวนนอ้ ย) ผสู้ อนบทเรียนน้ีควรพยายามใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมพจิ ารณาเร่ืองต่างๆ เก่ียวกบั คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารองในเรื่องตา่ งๆ อยา่ ง กวา้ งขวางเทา่ ที่สามารถจะทาได้ แต่ละกลุ่มควรจะศึกษาเอกสารประกอบเร่ือง “คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารอง\"ในขณะ ที่ปฏิบตั ิงานตามโครงการที่กาหนดให้ และผสู้ อนควรเนน้ ถึงจุดสาคญั ๆ หรือช้ีใหเ้ ห็นถึงบางจุดที่ กลุ่มตา่ งๆไมไ่ ดง้ านที่เสนอแนะไวส้ าหรับทาในหมู่ (ข). บนั ทึกสาหรับวทิ ยากร วทิ ยากรถึงเขา้ ใจวา่ วตั ถุประสงคข์ องบทเรียนน้ีคือการแปลความหมายของคาปฏิญาณและกฎ ของลูกเสือสารองใหล้ ูกเสือสารองเขา้ ใจ และมิใช่เป็นบทเรียนที่มุง่ หมายจะช่วยผใู้ หญ่ใหย้ อมรับ และปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารองวทิ ยากรพึงมีความรู้ที่แน่นอนวา่ จะตอ้ งการอะไร จากโครงการแต่ละโครงการน้นั และจะตอ้ งช่วยกลุ่มของตนใหเ้ พง่ เล็งการพิจารณาในเรื่องน้ีอยา่ ง ถูกตอ้ งโดยการซกั ถาม สรุปเร่ืองและช่วยผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมใหส้ ารวจและคนหาความรู้ท่ีตอ้ งการ ช่วยให้ เขา้ รับการฝึกอบรมระลึกถึงกองลูกเสือสารองของเขาเอง มองเห็นอุปสรรคต่าง ๆ รู้วา่ จะ ขอรับความช่วยเหลือไดจ้ าก ณ ท่ีใด และช่วยทาใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมมีความมนั่ ใจในตนเอง ยง่ิ ข้ึน โดยเพมิ่ เติมทกั ษะของผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมในการใชป้ ฏิกิริยาทนั ทีทนั ใดของลูกเสือสารอง สาหรับประกอบการพิจารณาส่งเสริมการพฒั นาการของลูกเสือสารองเหล่าน้นั (ค). การรายงานต่อท่ีประชุมใหญ่ บทเรียนที่กาหนดใหก้ ลุ่มตา่ งๆ กลบั ไปรายงานตอ่ ที่ประชุมใหญใ่ นเรื่องเดียวกนั บางคร้ังอาจ ก่อใหเ้ กิดความเบ่ือหน่าย แต่สาหรับบทเรียนน้ีเป็ นการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มต่าง ๆ เกี่ยวกบั คา ปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารองในแง่ตา่ งๆเพ่อื เป็นการแลกเปล่ียนความรู้ซ่ึงกนั และกนั จากบทเรียน น้ีเรื่องสาคญั คือ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมจะตอ้ งพยายามศึกษาคาแนะนาต่าง ๆ ที่เป็ นประโยชน์จาก รายงานของผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมอื่นๆ สาหรับนาไปใชป้ ฏิบตั ิในการจดั ทากิจกรรมต่าง ๆ ในกอง ลูกเสือสารองของตน นอกจากน้นั ในบทเรียนน้ีผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรถือเป็ นโอกาสที่จะศึกษา
79 เร่ืองหน่ึงเร่ืองใดใหล้ ึกซ้ึงเป็นพิเศษดว้ ยดงั น้นั ผสู้ อนบทเรียนน้ีจึงควรแบ่งเวลาใหก้ ลุ่มต่าง ๆ มี โอกาสเสนอรายงานต่อที่ประชุมใหญ่พอสมควร นอกจากน้นั ผสู้ อนควรจะเนน้ ถึงจุดสาคญั ต่างๆ ตามรายงานของกลุ่มและกล่าวถึงเร่ืองสาคญั ที่ไมป่ รากฏในรายงานของกลุ่มดว้ ย ถา้ วทิ ยากรไดร้ ับ การซกั ซอ้ มอยา่ งถว้ นถ่ีถว้ นจุดสาคญั ท่ีควรจะปรากฏในรายงานของกลุ่มที่นามาเสนอต่อท่ีประชุม ใหญ่ ผสู้ อนก็จะเสียเวลาแต่เพียงเลก็ นอ้ ยเทา่ น้นั ในการใหข้ อ้ สังเกตเกี่ยวกบั รายงานของกลุ่ม บนั ทกึ คำชี้แจง ผสู้ อนควรกล่าวถึงการแปลความหมายของคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารอง และแนว ปฏิบตั ิในการฝึกอบรมลูกเสือสารอง ใหค้ วามสาคญั และปฏิบตั ิและปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณและกฎของ ลูกเสือสารองโดยสงั เขป แลว้ แนะนาใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมไปศึกษาจากเอกสารเรื่องคาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือสารองท่ีแจกให้ หลงั จากน้นั ใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมไปประชุมกลุ่มเพอื่ ปฏิบตั ิ ตามโครงการเสนอแนะ แลว้ กลบั มารายงานตอ่ ท่ีประชุมใหญ่
ช่ือวชิ ำ กำรร้องเพลง 80 บทเรียนท่ี 6 เวลำ 30 นำที ขอบข่ำยรำยวชิ ำ 1. ความสาคญั และประโยชนข์ องเพลง 2. หลกั เกณฑใ์ นการสอนและนาการร้องเพลง 3. ลกั ษณะและประเภทของเพลงที่ควรนามาร้อง จุดหมำย เพื่อใหผ้ กู้ ากบั ลูกเสือสารองไดม้ ีความรู้ และเทคนิคในการสอนร้องเพลง และเลือกเพลง ที่นามาร้องไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. บอกความสาคญั และประโยชนข์ องเพลงได้ 2. อธิบายหลกั เกณฑก์ ารสอนและการนาร้องเพลงได้ 3. เลือกเพลงที่จะนามาร้องไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วธิ ีสอน / กจิ กรรม 5 นาที 1. นาเขา้ สู่บทเรียน 5 นาที 2. บรรยายและซกั ถามตามขอบข่ายของเน้ือหา 15 นาที 3. ฝึกหดั การนาร้องเพลง 5 นาที 4. ซกั ถามและสรุป สื่อกำรสอน 1. แผนภูมิ, หรือแผน่ โปร่งใสท่ีเขียนสรุปขอบข่ายเน้ือหาวชิ า 2. เอกสาร ตวั อยา่ งเพลงลูกเสือสารองและเพลงอื่น 3. กระดานดา, ชอลก์ และแปรงลบกระดาน
81 กำรประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรม 2. ผลจากการฝึกหดั ร้องเพลง 3. ซกั ถาม เนื้อหำวชิ ำ 1. ความสาคญั และความจาเป็ นในการร้องเพลง การร้องเพลงเป็นกิจกรรมการแสดงออกทาง อารมณ์ ของมนุษยเ์ รามาต้งั แต่สมยั ประวตั ิศาสตร์อนั ยาวนานแลว้ และสืบทอดกนั มาจนถึงปัจจุบนั น้ี ที่เป็น เช่นน้ีได้ กเ็ น่ืองจากวา่ การร้องเพลงน้นั มีความสาคญั และความจาเป็นที่มนุษยเ์ ราจะขาดไม่ได้ เพราะเพลงน้นั แสดง ใหเ้ ห็นถึงความเป็ นธรรมชาติ สติปัญญา ส่ือกลางในการติดต่อสร้างความเขา้ ใจอนั ดีต่อกนั พฒั นา อารมณ์ให้เบิกบานแจม่ ใส เป็นเครื่องช่วยในการระบายอารมณ์ ความรู้สึก ดีใจ เสียใจ ช่วยใหม้ ี สุขภาพดีท้งั ทางร่างกายและจิตใจ ผทู้ ี่ร้องเพลงอยบู่ ่อยๆ หรือเป็นประจาจะช่วยใหร้ ะบบการหายใจดี ปอดไดร้ ับการบริหารทาใหเ้ กิดความแขง็ แรงและส่งผลใหท้ รวงอกเติบโตและแขง็ แรงไปดว้ ย จึง สมควรที่จะไดม้ ีการปลูกฝังใหเ้ ดก็ หรือลูกเสือสารอง รักและชอบที่จะร้องเพลง 2. ประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการร้องเพลง 2.1 เพอื่ ช่วยใหจ้ ิตใจผอ่ งใส 2.2 เพ่ือช่วยใหเ้ กิดความสนุกสนานรื่นเริง 2.3 เพอ่ื ก่อใหเ้ กิดความรัก ความสามคั คีข้ึนในหมูค่ ณะ 2.4 เพอ่ื ผอ่ นคลายความตึงเครียด 2.5 เพอ่ื ช่วยความจาในบทเรียนใหแ้ มน่ ยายง่ิ ข้ึน 2.6 เพ่ือช่วยแกค้ วามง่วงนอน 3. หลกั เกณฑใ์ นการสอนและนาร้องเพลง 3.1 ผสู้ อนตอ้ งมีความมนั่ ใจในตวั เอง เช่น จาเน้ือร้องทานองของเพลงท่ีจะร้องไดเ้ ป็น อยา่ งดี 3.2 เพลงที่นามาสอนคร้ังแรกควรเป็นเพลงง่าย ๆ ส้ัน ๆ 3.3 ร้องใหฟ้ ังก่อน 2 เท่ียว 3.4 ใหล้ ูกเสือร้องตามทีละวรรคจนหมดท้งั ชุดเลย 3.5 เมื่อเห็นวา่ ร้องพอไดแ้ ลว้ ก็ใหร้ ้องใหม่ และมีการใหส้ ัญญาณเพ่ือใหเ้ กิดความพร้อม เพรียงกนั
82 เช่นการนบั 1 – 2 – 3 หรือ การปรบมือ กระทืบเทา้ หรือสญั ญาณอ่ืนใดที่เห็นวา่ เหมาะสม 3.6 เลือกเพลงที่ดีจงั หวะง่าย ๆ ต่อการร้อง เช่น จงั หวะมาร์ช หรือจงั หวะกลาง ๆ 3.7 เวลาร้องอยา่ ออมเสียง หรือตะเบง็ เสียง แต่ให้ร้องเตม็ ท่ีและร้องดว้ ยถอ้ ยคาที่ชดั เจน 4. ลกั ษณะของเพลงท่ีควรนามาร้อง 4.1 เพลงท่ีรู้จกั กนั ทวั่ ไป พอข้ึนตน้ ก็ร้องได้ 4.2 เพลงส้ัน ๆ ท่ีจะช่วยใหจ้ าไดง้ ่าย 4.3 เพลงที่ร้องไล่กนั ไดร้ อบวง 4.4 เพลงประกอบท่าทาง 4.5 เพลงท่ีมีลูกคู่ 5. ประเภทของเพลงท่ีควรนามาร้อง 5.1 เพลงท่ีใชใ้ นโอกาสเฉพาะหรือโอกาสพเิ ศษ 5.2 เพลงท่ีเกี่ยวกบั ความระลึกถึงเรื่องในประวตั ิศาสตร์ 5.3 เพลงปลุกใจ หรือรักชาติบา้ นเมือง 5.4 เพลงที่เกี่ยวกบั ความซาบซ้ึงในศาสนา 5.5 เพลงประกอบบทเรียน 5.6 เพลงสนุกสนานทวั่ ไป (ถอ้ ยคาไม่หยาบโลน) แต่แฝงไวด้ ว้ ยคติธรรมระเบียบประเพณี วฒั นธรรม คำสอน ฯลฯ
83 1. เพลงลกู เสือธีรรำช เหล่าลูกเสือของธีรราช ทะนงองอาจสืบชาติเช้ือพงศพ์ นั ธ์ สมคั รสมานโดยมีสามคั คีมน่ั พวกเราจะรักร่วมกนั จะผกู สัมพนั ธ์ตลอดกาล มีจรรยารักษาชื่อ สร้างเกียรติระบือเลื่องลือต่อไปชา้ นาน ร่าเริงแจ่มใสใฝ่ ใจรักใหย้ นื นาน พวกเราลว้ นชื่นบานเพราะกิจการลูกเสือไทย 2. เพลงวชิรำวุธรำลกึ วชิราวธุ พระมงกุฏเกลา้ เจา้ ประชา ก่อกาเนิดลูกเสือมา ขา้ เล่ือมใส พวกเราลูกเสือเช้ือชาติไทย เทอดเกียรติพระองคไ์ วด้ ว้ ยภกั ดี ลูกเสือราลึกนึกพระคุณเทอดบูชา ปฏิญญารักกษตั ริย์ ชาติ ศาสน์ศรี มาเถิดลูกเสือสร้างความดี เพือ่ ศกั ด์ิศรีลูกเสือไทยดงั ใจปอง 3. เพลงเดย๋ี วเดยี ว เด๋ียวเดียว เจอะกนั ประเด๋ียวเดียว สนิทสนมกลมเกลียว เด๋ียวเดียวก็รักกนั ได(้ ซ้า) แปลกใจเรารักกนั ไดอ้ ยา่ งไร(ซ้า ) เรารักกนั ไดก้ ็เพราะลูกเสืออยา่ งเดียว 4. เพลงยนิ ดีทพี่ บกัน วนั น้ี ยนิ ดีที่เราไดม้ าพบกนั วนั น้ียนิ ดีท่ีเราไดม้ าพบกนั มาเถิดมา เรามาร่วมสนุก ยนิ ดี ยนิ ดี ยนิ ดี มาเถิดมา เรามาร่วมจิต ปลดเปล้ือง ความทุกขใ์ หม้ นั สิ้นไป ใหก้ ารลูกเสือเจริญ ช่วยกนั คิดทา 5. เพลงลูกเสือสำรองทำดี (ทำนองมอเปอแล) เราลูกเสือสารอง เราตอ้ งทาความดี คติพจน์เรามี ทาใหด้ ีท่ีสุด 6. เพลงยมิ้ ยมิ้ ยมิ้ ยมิ้ ยมิ้ มาหนา้ ตาหวานชื่น ยมิ้ นิดชีวติ ยงั่ ยนื สดช่ืนอุราอยา่ มวั รอ (ซ้า) มายมิ้ กนั หนอเพอ่ื นเอย
84 7. เพลงสร้อยเพลง ใครมาเป็นเจา้ เขา้ ครอง คงจะตอ้ งบงั คบั ขบั ไส เค่ียวเขญ็ เยน็ ค่ากราไป ตามวสิ ัยเชิงเช่นผเู้ ป็นนาย เขาจะเห็นแก่หนา้ ค่าช่ือ จะนบั ถือพงษพ์ นั ธุ์น้นั อยา่ หมาย ไหนจะตอ้ งเหนื่อยยากลาบากกาย ไหนจะอายทวั่ ท้งั โลกา 8. เพลงข้ำวโพดสำลี พรวนดินกนั เสียใหห้ มด จะปลูกขา้ วโพดสาลี (ซ้าท้งั 2 วรรค) โอ้ เจา้ ดวงดารา เจา้ ไม่เมตตาตวั พ่ี ขา้ วโพดสาลี ขา้ วโพดสาลี ป่ านฉะน้ีจะโรยรา 9. เพลงลูกเสือสำรอง (นำครำช) อนั ลูกเสือสารองตอ้ งทาตาม ใหง้ ดงามรุ่นพี่ดีขยนั ไม่ตามใจตนเองเกรงใจกนั นี่เป็นกฎสาคญั ตอ้ งท่องไว้ เราเป็ นลูกเสือเดก็ ยงั เล็กอยู่ จาตอ้ งรู้เคารพนบผใู้ หญ่ โตข้ึนจะเป็นผูด้ ีมีวนิ ยั ใคร ๆ ไดเ้ ห็นไม่เวน้ ชม 10. เพลงหำกว่ำเรำกำลงั สบำย (1) หากวา่ เรากาลงั สบายจงตบมือพลัน หากวา่ เรากาลงั สบายจงตบมือพลัน หากวา่ เรากาลงั มีสุขหมดเร่ืองทุกขใ์ ด ๆทุกส่ิง มวั ประวงิ อะไรอะไรกนั เล่าจงตบมือพลนั (2) กระทืบเทา้ พลนั (3) ผงกหวั พลนั (4) จงส่งเสียงดงั (5) จงออกทา่ ทาง 11. เพลงไตรรงค์ธงไทย ไตรรงคธ์ งไทยปลิวไสวสวยงามสง่า สีแดงคือชาติ สีขาวศาสนา น้าเงินหมายวา่ พระมหากษตั ริยไ์ ทย พระมหากษตั ริยไ์ ทย
85 12. เพลงยนิ ดีที่รู้จัก ยนิ ดีที่รู้จกั เพื่อนรักขอเชิญร่วมจิต เรารักกนั ฉนั ทม์ ิตรรักสนิทเหมือนพนี่ อ้ ง กนั ยนิ ดีที่รู้จกั เพอื่ นรักขอร่วมใจมนั่ ขอใหผ้ กู สมั พนั ธ์ร่วมรักกนั ใหน้ านเถิด เอย 13. เพลงลกู เสือไม่จับมือขวำ ลูกเสือเขาไม่จบั มือขวา ยนื่ ซา้ ยมาจบั มือกนั มนั่ มือขวาใชเ้ คารพกนั (ซ้า) ยนื่ ซา้ ยออกมาพลนั จบั มือ จบั มือ จบั มือน้นั หมายถึงมิตร เหมือนญาติสนิทควรคิดยดึ ถือ ยมิ้ ดว้ ยเวลาจบั มือ (ซ้า) เพราะพวกเราคือลูกเสือดว้ ยกนั (ซ้า)
เร่ือง หลกั สูตรและวชิ ำพเิ ศษลูกเสือสำรอง 86 บทเรียนท่ี 7 เวลำ 90 นำที ขอบข่ำยวชิ ำ 1. หลกั สูตรลูกเสือสารอง 2. การจดั กิจกรรมลูกเสือสารองเพอื่ เสริมสร้างทกั ษะชีวติ 3. วชิ าพเิ ศษลูกเสือสารอง และเครื่องหมายลูกเสือสัมพนั ธ์ 4. แนวทางหรือวธิ ีการที่ใชฝ้ ึกอบรมลูกเสือสารองของทุกระดบั วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. ช้ีแจงหลกั สูตรของลูกเสือสารองโดยสงั เขปได้ 2. บอกจุดเนน้ การจดั กิจกรรมลูกเสือสารองเพือ่ เสริมสร้างทกั ษะชีวติ ได้ 3. อธิบายถึงวชิ าพิเศษ เครื่องหมายลูกเสือสัมพนั ธ์ได้ 4. นาแนวทางหรือวธิ ีการฝึกอบรมไปใชก้ บั ลูกเสือสารองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วธิ ีสอน/กจิ กรรม 1. นาเขา้ สู่บทเรียน ช้ีแจงวตั ถุประสงค์ 5 นาที 2. บรรยายหลกั สูตร วชิ าพิเศษ เครื่องหมายลูกเสือสมั พนั ธ์ประกอบวิดีทศั น์ 20 นาที 3. วเิ คราะห์ความเชื่อมโยงระหวา่ งหลกั สูตรกบั กิจกรรมลูกเสือสารอง เพอื่ เสริมสร้างทกั ษะชีวติ 15 นาที 4. สาธิตเกี่ยวกบั การจดั กิจกรรมลูกเสือสารองเพ่ือเสริมสร้างทกั ษะชีวติ 20 นาที 5. ตรวจสอบความรู้ ความเขา้ ใจ เกี่ยวกบั หลกั สูตรและกิจกรรมลูกเสือ เพือ่ เสริมสร้างทกั ษะชีวติ 15 นาที 6. สรุป 15 นาที 7. จดั กลุ่มเฉพาะกิจหรือสอนเป็ นฐานเพ่ือสาธิตวธิ ีการฝึกอบรมในการประชุมกองคร้ังที่ 1 สื่อกำรสอน 1. ภาพ/Power Point เกี่ยวกบั กิจกรรมลูกเสือสารอง 2. หนงั สือขอ้ บงั คบั คณะลูกเสือแห่งชาติวา่ ดว้ ยการปกครอง หลกั สูตรและวชิ าพเิ ศษลูกเสือสารอง 3. คู่มือการจดั กิจกรรมลูกเสือสารองเพื่อเสริมสร้างทกั ษะชีวติ 4. ตวั อยา่ งเครื่องหมายวชิ าพเิ ศษและเคร่ืองหมายลูกเสือสมั พนั ธ์
87 กำรประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรม 2. ซกั ถาม 3. ทดสอบภาคปฏิบตั ิ เนื้อหำวชิ ำ เรียนในระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 หลกั สูตรเตรียมลูกเสือสารอง เรียนในระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 ดาวดวงท่ี 1 เรียนในระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ดาวดวงที่ 2 เรียนในระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3 ดาวดวงที่ 3 หลกั สูตรเครื่องหมำยลกู เสือสัมพนั ธ์ ตอ้ งสอบไดด้ าวดวงที่ 3 แลว้ หลกั สูตรเครื่องหมำยวชิ ำพิเศษ มีท้งั หมด 18 วชิ า ผกู้ ากบั ควรจะจดั สอนตามความเหมาะสม กบั วยั ของเด็ก เพ่ือให้เด็กแสดงทกั ษะ และความสามารถของตนเอง เป็ นการพฒั นาเด็กให้มีความ พยายามตลอดจนเกิดความภาคภูมิใจในการท่ีสอบไดเ้ คร่ืองหมายวชิ าพเิ ศษ แผนการฝึ กอบรมลูกเสือสารองมีระดบั สูงข้ึนตามวยั และสมรรถภาพของเด็กแต่ละคน แบ่ง ตามลาดบั ช้นั คือ เตรียมลูกเสือสารอง หลกั สูตรดาวดวงที่ 1 2 และ 3 หลกั สูตรลกู เสือสำรอง 1. มีความรู้เกี่ยวกบั นิทานเร่ืองเมาคลี และประวตั ิการเร่ิมกิจการลูกเสือสารอง 2. รู้จกั การทาความเคารพเป็นหมู่ (แกรนดฮ์ าวล)์ และระเบียบแถวเบ้ืองตน้ 3. รู้จกั การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจบั มือซา้ ย และคติพจนข์ องลูกเสือ 4. รู้จกั คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารอง หลกั สูตรลูกเสือสารองดาวดวงที่ 1 2 และ 3 จะเห็นไดว้ า่ มีเน้ือหาเหมือนกนั ท้งั 12 เร่ือง แตค่ วาม ยากง่ายก็จะสูงข้ึนตามลาดบั ข้นั (ดูรายละเอียดขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยการปกครองหลกั สูตร และวิชา พิเศษลูกเสือสารอง) ก่อนที่จะเรียนหลกั สูตรดาวดวงที่ 1 ตอ้ งเรียนหลกั สูตรเตรียมลูกเสือสารอง ก่อนและจะตอ้ งผ่านการทดสอบข้นั ตน้ เพื่อขอรับเคร่ืองหมายลูกเสือสารอง ทาพิธีเขา้ ประจากอง จึงนบั วา่ เป็นลูกเสือสารองโดยสมบูรณ์ นอกจากน้ียงั มีเครื่องหมายลูกเสือสัมพนั ธ์สาหรับลูกเสือท่ี จะพน้ วยั ลูกเสือสารองและพร้อมท่ีจะสมคั รเขา้ เป็นลูกเสือสามญั ต่อไป
88 การลูกเสือสารอง คือ การฝึ กอบรมเพื่อให้เกิดการพฒั นาเป็ นรายบุคคล และให้เด็กไดเ้ กิด ทกั ษะบางอย่างช่วยให้เขาไดพ้ ฒั นาในดา้ นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคล สิ่งเหล่าน้ีไม่ไดถ้ ือเป็ นเรื่อง พิเศษสาหรับสารองเท่าน้ัน แต่พึงถือวา่ เป็ นขอ้ ปฏิบตั ิต่อเน่ืองกนั ไปในกองลูกเสือสามญั สามญั รุ่น ใหญ่ และวสิ ามญั เพื่อจะไดม้ ีโอกาสเพมิ่ พูนประสบการณ์ใหก้ บั ตนเองมากยงิ่ ข้ึน การฝึกอบรมลูกเสือสารองตามหลกั สูตรน้นั มีแผนเพอ่ื ก่อใหเ้ กิดความสมดุล ดงั น้ี 1. มีการพฒั นาการทางดา้ นพลานามยั และมีบุคลิกภาพดี 2. สนใจในงานอดิเรกและงานอาชีพ 3. รู้จกั บาเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ผอู้ ื่น 4. ยดึ มนั่ และปฏิบตั ิตามคาสอนของศาสนา การสอนก็ดี การทดสอบก็ดี ไม่ควรดาเนินการตามแบบแผนมากเกินไป แต่ควรกาหนดให้ งานเป็ นโครงการกิจกรรมที่ตื่นเตน้ เหมาะกบั วยั ของลูกเสือสารอง และเสนอสิ่งท่ีทา้ ทายให้เขาได้ แสดงความสามารถ หลกั สูตรลูกเสือสารองไม่ใช่เคร่ืองจกั ร ซ่ึงเด็กทุกคนจะตอ้ งทาในกิจกรรมอยา่ ง เดียวกนั เพ่ือให้ไดม้ าตรฐานอยา่ งเดียวกนั หมด เมื่อกาหนดกิจกรรมแต่ละอยา่ งตามที่ตอ้ งการไวอ้ ยา่ ง ชดั เจนแลว้ เป็ นหนา้ ที่ของผกู้ ากบั ลูกเสือ จะดาเนินตามจดั มุ่งหมายที่จะนาเด็กไปสู่ความสาเร็จดว้ ยการ ยืดหยุน่ ตามเหตุการณ์ ทาให้กิจกรรมลูกเสือสารองเหมาะกบั เด็กๆ มากกวา่ ที่จะทาให้เด็กๆ เขา้ กบั กิจกรรมลูกเสือสารอง วิธีน้ีจะช่วยให้ผูก้ ากบั ได้ฝึ กฝนเด็กแต่ละคนด้วยวิธีการของตวั เอง ในกอง ลูกเสือตามกระบวนการของเขา แตใ่ นเวลาเดียวกนั กต็ อ้ งอยใู่ นขอบข่ายของหลกั สูตรลูกเสือสารอง ผูก้ ากบั ลูกเสือที่อยใู่ นชนบทอาจใช้วธิ ีการต่างๆ ให้สอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ มและ ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถ่ินให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มท่ี ตัวอย่างเช่น เด็กท่ีอยู่ในชนบทอาจให้ ผูป้ กครองช่วยเหลือจดั ทาสมุดสะสมเกี่ยวกบั ธรรมชาติศึกษาก็ได้ ตรงกันข้ามกบั เด็กในเมืองท่ี ผูป้ กครองไม่สามารถช่วยเหลือได้ เด็กอาจจะไปยืมสมดุลยภาพจากกองลูกเสือกองใดกองหน่ึงใน ชนบท นามาอา้ งอิงไดว้ า่ เขาไดพ้ บเห็นธรรมชาติใดบา้ งที่แตกต่างไปจากของเขา ประการสาคญั อยูท่ ่ีการฝึ กเด็กแต่ละคนน้นั ให้เหมาะกบั วยั ความตอ้ งการ ความสนใจและ ความถนดั ของเขาจะช่วยใหเ้ ด็กไดพ้ ฒั นาตนเอง เรียนรู้ดว้ ยตนเอง
89 โครงสร้ำงของกจิ กรรมลกู เสือเพื่อเสริมสร้ำงทกั ษะชีวติ แผนกำรจัดกจิ กรรมลูกเสือสำรอง ช้ันประถมศึกษำปี ท่ี 1 ด้ำนกำรพฒั นำ ช่ือหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เร่ือง ช่ัวโมง ด้ำนร่ำงกำยและ ทกั ษะชีวติ สิ่งแวดล้อม หน่วยที่ 1 1. นิทานเมาคลี 2 ทกั ษะชีวติ สาระสาคญั ของการ2. เลียนแบบตวั ละครเร่ืองเมาคลี 1 ลกู เสือ 3. ประวตั ิการเร่ิมกิจการลูกเสือ 2 สารอง ทกั ษะลูกเสือและ 4. การทาความเคารพเป็ น 1 กิจกรรมกลางแจง้ รายบุคคลและการจบั มือซา้ ย หน่วยที่ 2 5. การทาความเคารพเป็ นหมู่ 1 (แกรนฮาวล)์ 6. ระเบียบแถวเบ้ืองตน้ 3 7. ความสามารถเชิงทกั ษะ 1 8. การผกู เง่ือนต่อเชือก 1 หน่วยท่ี 3 9. รู้ทนั ป้องกนั โรค 2 สุขภาพอนามยั 10. อาหารดีมีคุณค่า 1 หน่วยที่ 4 11. ความปลอดภยั ในบา้ น 1 ความปลอดภยั 12. การเดินขา้ มถนนอยา่ งปลอดภยั 2 13. การช่วยเหลือผบู้ าดเจบ็ จาก 1 อุบตั ิเหตุ หน่วยที่ 5 ดาเนินชีวติ ตาม หลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงใช้ ทรัพยากรอยา่ งคุม้ ค่า
90 ด้ำนกำรพฒั นำ ช่ือหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เร่ือง ช่ัวโมง ด้ำนสตปิ ัญญำ หน่วยท่ี 6 14. ค่ำนยิ ม และเจตคติ รู้จกั และสมั ผสั ธรรมชาติ 1 อนุรักษแ์ ละร่วมแกไ้ ข รู้เท่าทนั โฆษณาชวนเชื่อ นาทีวกิ ฤต ปัญหา ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม หน่วยที่ 7 15. 1 ทกั ษะชีวติ 1 ทกั ษะชีวติ การคิดวเิ คราะห์ 1 ทกั ษะชีวติ ตดั สินใจแกไ้ ขปัญหา16. 1 หน่วยท่ี 8 17. การวเิ คราะห์ตนเอง 1 1 จุดดี จุดดอ้ ยและการ 1 ทกั ษะชีวติ 1 ทกั ษะชีวติ พฒั นาตนเอง 1 ทกั ษะชีวติ 1 ด้ำนจติ ใจ ศีลธรรม หน่วยท่ี 9 18. รักและศรัทธาสถาบนั ชาติ และสัมพนั ธภำพ ระหว่ำงบุคคล รักและศรัทธา สถาบนั ศาสน์ กษตั ริย์ ด้ำนสัมพนั ธภำพกบั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 19. ประวตั ิธงชาติ ชุมชน สังคม 20. วถิ ีไทยและภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน หน่วยที่ 11 21. คาปฏิญาณและกฎลกู เสือ คุณธรรม จริยธรรม สารอง 22. หลีกเลี่ยงความรุนแรงตอ่ สตั ว์ หน่วยที่ 12 23. ทกั ษะการส่ือสาร สมั พนั ธภาพและการ24. การรับรู้อารมณ์ สื่อสาร หน่วยท่ี 13 25.สว้ มสะอาด จิตอาสา/บริการ
91 ด้ำนกำรพฒั นำ ชื่อหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ รวม 4 ด้ำน เร่ือง ช่ัวโมง หน่วยที่ 14 รักและหวงแหนสา 26. กิจกรรมสารวจ 1 ธารณสมบตั ิของ ชุมชน/ชาติ รวม 26 แผนกำรจดั กจิ กรรม 1 หน่วยที่ 15 32 รับผดิ ชอบปัญหา สงั คม รวม 13 หน่วย โครงสร้ำงของกจิ กรรมลกู เสือเพื่อเสริมสร้ำงทกั ษะชีวติ แผนกำรจัดกจิ กรรมลกู เสือสำรอง ช้ันประถมศึกษำปี ท่ี 2 ด้ำนกำรพฒั นำ ชื่อหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เรื่อง ชั่วโมง ด้ำนร่ำงกำยและ ทกั ษะชีวติ ส่ิงแวดล้อม หน่วยท่ี 1 ทกั ษะชีวติ ทกั ษะชีวติ สาระสาคญั ของการ ลกู เสือ หน่วยท่ี 2 1. สมรรถนะทางกาย 1 ทกั ษะลูกเสือและ 2. การผกู เงื่อน เชือก 1 กิจกรรมกลางแจง้ 3. ระเบียบแถว 2 4. กิจกรรมกลางแจง้ 2 หน่วยท่ี 3 5. อาหารดีมีคุณค่า 2 สุขภาพอนามยั 6. รู้เท่าทนั สถานการณ์สุขภาพ 1 หน่วยที่ 4 7. ความปลอดภยั จากภยั อนั ตราย 1 ความปลอดภยั ทางน้า หน่วยท่ี 5 ดาเนินชีวติ ตามหลกั 8.ใชน้ ้าอยา่ งประหยดั 1 ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงใชท้ รัพยากร คุม้ คา่
92 ด้ำนกำรพฒั นำ ชื่อหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เร่ือง ช่ัวโมง ด้ำนสตปิ ัญญำ หน่วยที่ 7 ค่ำนยิ ม และเจตคติ การคิดวเิ คราะห์ 9.รู้เท่าทนั โฆษณาชวนเชื่อ 1 ทกั ษะชีวติ ตดั สินใจแกป้ ัญหา 10.นาทีวกิ ฤต 1 ทกั ษะชีวติ ด้ำนจติ ใจ ศีลธรรม หน่วยที่ 8 11.ธงลูกเสือและธงชาติของ 2 และสัมพนั ธภำพ จุดดี จุดดอ้ ยและการ ประเทศอ่ืน ๆ ระหว่ำงบุคคล พฒั นาตนเอง หน่วยท่ี 9 12.วถิ ีไทยและภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน รักและศรัทธา 2 สถาบนั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ หน่วยท่ี 10 ปฏิบตั ิตามวถิ ีไทย และภูมิปัญญา ทอ้ งถิ่น หน่วยท่ี 11 13.คติพจน์ลกู เสือสารองกฎลูกเสือ 1 คุณธรรม จริยธรรม สารอง 14.ทาตามลกู เสือรุ่นพ่ี 1 15.ไมท่ าตามใจตนเอง 1 หน่วยท่ี 12 16. คุยกนั ฉนั ทเ์ พ่อื น 1 ทกั ษะชีวติ สมั พนั ธภาพและการ 17.การควบคุมอารมณ์ 2 ทกั ษะชีวติ สื่อสาร ด้ำนสัมพนั ธภำพกบั หน่วยที่ 13 18. การปฐมพยาบาล 1 ชุมชน สังคม จิตอาสา/บริการ 19. การกาจดั ยงุ ลาย 1 หน่วยที่ 14 20. โรงเรียนของฉนั 2 รักและหวงแหนสา ธารณสมบตั ิของ ชุมชน/ชาติ
93 ด้ำนกำรพฒั นำ ช่ือหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เรื่อง ช่ัวโมง รวม 4 ด้ำน หน่วยที่ 15 รับผดิ ชอบปัญหา รวม 20 แผนกำรจดั กจิ กรรม 27 สงั คม รวม 11หน่วย โครงสร้ำงของกจิ กรรมลูกเสือเพ่ือเสริมสร้ำงทกั ษะชีวติ แผนกำรจัดกจิ กรรมลกู เสือสำรอง ช้ันประถมศึกษำปี ท่ี 3 ด้ำนกำรพฒั นำ ช่ือหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เร่ือง ช่ัวโมง ด้ำนร่ำงกำยและ สิ่งแวดล้อม หน่วยท่ี 1 สาระสาคญั ของการ ลกู เสือ หน่วยที่ 2 1. สมรรถนะทางกาย 2 2 ทกั ษะลูกเสือและ 2. ทกั ษะเงื่อน เชือก 1 1 กิจกรรมกลางแจง้ 3. ทิศท้งั 8 1 1 ทกั ษะชีวติ 4. การใชเ้ ขม็ ทิศ 1 ทกั ษะชีวติ 1 ทกั ษะชีวติ 5. การเดินทางสารวจ 2 หน่วยท่ี 3 6. รู้ทนั ป้องกนั ได้ สุขภาพอนามยั 7. อาหารบน่ั ทอนสุขภาพ หน่วยท่ี 4 8. ความปลอดภยั จากอบุ ตั ิภยั ทาง ความปลอดภยั น้า หน่วยท่ี 5 ดาเนินชีวติ ตามหลกั 9.พ่ึงตนเอง(ซ่อมแซมเส้ือผา้ ดว้ ย ปรัชญาเศรษฐกิจ มือ) พอเพียงใชท้ รัพยากร คุม้ คา่ 9. รู้จกั และสมั ผสั ธรรมชาติ 1 ทกั ษะชีวติ 1 ทกั ษะชีวติ 10. ใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งประหยดั
94 ด้ำนกำรพฒั นำ ชื่อหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เร่ือง ช่ัวโมง ด้ำนสตปิ ัญญำ ค่ำนยิ ม และเจตคติ หน่วยท่ี 6 11. สารวจธรรมชาติและดูแล 1 ทกั ษะชีวติ อนุรักษแ์ ละร่วมแกไ้ ข สิ่งแวดลอ้ ม ปัญหา ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม หน่วยท่ี 7 12. รู้เท่าทนั สื่อโฆษณา 1 ทกั ษะชีวติ 1 ทกั ษะชีวติ การคิดวเิ คราะห์ ตดั สินใจแกไ้ ขปัญหา13. นาทีวกิ ฤต 1 หน่วยที่ 8 จุดดี จุดดอ้ ยและการ พฒั นาตนเอง ด้ำนจติ ใจ ศีลธรรม หน่วยท่ี 9 14. ธงชาติและธงประเทศต่าง ๆ และสัมพนั ธภำพ ระหว่ำงบุคคล รักและศรัทธา สถาบนั ด้ำนสัมพนั ธภำพกบั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ชุมชน สังคม หน่วยท่ี 10 ปฏิบตั ิตามวถิ ีไทยและ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน หน่วยที่ 11 15. ลูกเสือสารองทาดีท่ีสุด 1 คุณธรรม จริยธรรม 1 ทกั ษะชีวติ 1 ทกั ษะชีวติ หน่วยที่ 12 16. การส่ือสารทางบวก 1 สมั พนั ธภาพและการ17. ไมล่ อ้ เลียนกนั ไดไ้ หม 2 สื่อสาร หน่วยท่ี 13 18. การเคลื่อนยา้ ยผปู้ ่ วย จิตอาสา/บริการ 19 การปฐมพยาบาล หน่วยที่ 14 20.รักษส์ าธารณสถานในทอ้ งถิ่น รักและหวงแหนสา ธารณสมบตั ิของ ชุมชน/ชาติ
95 ด้ำนกำรพฒั นำ ช่ือหน่วยกจิ กรรม แผนกำรจดั กจิ กรรม จำนวน หมำยเหตุ เรื่อง ชั่วโมง หน่วยท่ี 15 รับผดิ ชอบปัญหา 21.ตา้ นภยั ห่างไกลยาเสพติด 1 ทกั ษะชีวติ สงั คม รวม 4 ด้ำน รวม12หน่วย รวม 21 แผนกำรจดั กจิ กรรม 30 เครื่องหมำยวชิ ำพเิ ศษลูกเสือสำรอง เป็ นการทดสอบ เพ่ือเสริมสร้างทกั ษะให้แก่เด็ก ตามความสามารถที่แตกต่างกนั ออกไป เช่น วิชาจิตรกร นกั กรีฑา นกั อ่านหนงั สือ นกั ธรรมชาติ ฯลฯ วิชาพิเศษของลูกเสือสารอง มีท้งั หมด 18 วิชา ในระหว่างที่ลูกเสือกาลงั เรียนหลกั สูตรดาวดวงที่ 1-3 ผูก้ ากบั อาจให้ลูกเสือเลือกเรียนไดต้ าม ความถนดั ช้นั ละ 2 วิชา ส่วนลูกเสือสารองท่ีไดด้ าวดวงท่ี 3 แลว้ สามารถเลือกเรียนวิชาพิเศษไดท้ ุก วชิ า เครื่องหมายวิชาพิเศษลูกเสือสารอง มุ่งหมายที่จะให้การฝึ กอบรมท่ีสูงข้ึนในกิจกรรมท้งั 12 เรื่อง ตามที่ไดก้ าหนดไวใ้ นหลกั สูตรดาวดวงท่ี 1-3 เมื่อลูกเสือเรียนและสอบวชิ าพิเศษไดแ้ ลว้ ควรให้ มีพิธีประดบั เครื่องหมายวิชาพิเศษ ท้งั น้ีลูกเสือจะเกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง เครื่องหมายวชิ าพิเศษลูกเสือสารองถา้ สอบไดไ้ ม่เกิน 9 วชิ า ให้ติดท่ีแขนเส้ือขา้ งขวาก่ึงกลางระหวา่ ง ไหล่กับศอกเรียงกันเป็ นแถวตามแนวนอน แถวใดกิน 3 วิชา ให้ข้ึนแถวใหม่ เวน้ ระยะระหว่าง เครื่องหมาย และระหว่างแถว 1 เซนติเมตร ถ้าสอบได้เกิน 9 วิชา ให้มีสายสะพายจากบ่าซ้ายไป ประจบที่ใตเ้ อวขวา ทาด้วยต่วนหรือสักหลาดสีเหลืองกวา้ ง 8 เซนติเมตร ขลิบริมสีขาบขา้ งละ 1 เซนติเมตร และปักเคร่ืองหมายวชิ าพเิ ศษ หลกั สูตรเครื่องหมายวิชาพิเศษ มีท้งั หมด 18 วชิ า ผกู้ ากบั ควรจะจดั สอนตามความเหมาะสม กบั วยั ของเด็ก เพ่ือให้เด็กแสดงทกั ษะ และความสามารถของตนเอง เป็ นการพฒั นาเด็กให้มีความ พยายามตลอดจนเกิดความภาคภูมิใจในการท่ีสอบไดเ้ ครื่องหมายพิเศษ วชิ ำพเิ ศษลกู เสือสำรอง 1. จิตรกร 7. นกั ปฐมพยาบาล 13.นกั อ่านแผน่ ท่ี 2. นกั กรีฑา 8. นกั สารพดั ช่าง 14.นกั ธรรมชาติศึกษา 3. นกั อา่ นหนงั สือ 9. งานอดิเรก 15.นกั ถ่ายภาพ 4. นกั จกั รยานสองลอ้ 10.การช่วยเหลืองานบา้ น 16.นกั วา่ ยน้า 5. นกั แสดงการบนั เทิง 11.นกั กีฬา 17.ผชู้ ่วยคนตกน้า 6. นกั สารวจ 12.การอนุรักษธ์ รรมชาติ 18.นกั วทิ ยาศาสตร์
96 เคร่ืองหมำยลกู เสือสัมพนั ธ์ เคร่ืองหมายลูกเสือสัมพนั ธ์เป็ นการบ่งช้ีถึงความสัมพนั ธ์ของกองลูกเสือสารอง และกอง ลูกเสือสามญั มีวตั ถุประสงคท์ ่ีจะช่วยเด็กจากลูกเสือสารองท่ีเล่ือนไปเป็นสมาชิกในกองลูกเสือสามญั ลกั ษณะของเคร่ืองหมายลูกเสือสัมพนั ธ์ มีลกั ษณะเป็ นรูปลูกเสือกระโดดขา้ มห่วงบนพ้ืนสี เขียวผูก้ ากบั ลูกเสือสารองเป็ นผรู้ ับผดิ ชอบในการใหเ้ ครื่องหมายน้ี และควรหาทางส่งเสริมให้ลูกเสือ สารองทุกคนปฏิบตั ิงานเพอื่ ใหเ้ ขา้ เกณฑท์ ่ีจะไดร้ ับเครื่องหมายน้ี ประโยชน์จากกิจการลูกเสือท่ีเด็กชายจะได้รับระหวา่ งที่เขาอยูใ่ นวยั เด็กคือ ความสาเร็จใน การที่ผู้กากับลูกเสื อสามารถส่งตัวเด็กไปเป็ นสมาชิกของกองลูกเสื อสามัญ ซ่ึงถือได้ว่าเป็ น ความสาเร็จของเขาอีกข้นั หน่ึง บญั ชีตรวจสอบเกี่ยวกบั ทกั ษะข้นั พ้ืนฐานสาหรับผูก้ ากบั ลูกเสือสารองเก่ียวกบั หลกั สูตรการ ฝึ กอบรมลูกเสือสารอง ทกั ษะเป็ นปัจจยั สาคญั ของผกู้ ากบั ลูกเสือสารองในการท่ีจะสามารถดาเนินการฝึ กอบรมเด็ก ไดส้ าเร็จตามหลกั สูตรที่กาหนดไว้ อยา่ งไรก็ดี ก่อนท่ีจะปฏิบตั ิในเรื่องน้ี ตวั ผกู้ ากบั ฯ จะตอ้ งมีความรู้ เก่ียวกบั ทกั ษะหลายๆ อยา่ ง บญั ชีตรวจสอบทกั ษะขา้ งล่างน้ี มีจุดมุง่ หมายอยู่ 2 ประการ คือ (1) เพอ่ื ช่วยใหท้ า่ นพิสูจนไ์ ดว้ า่ วชิ าใดที่ทา่ นมีความรู้และทกั ษะ ซ่ึงสามารถนาไปใชไ้ ดท้ นั ดี และ (2) เพอ่ื ช่วยใหท้ า่ นช้ีลงไปวา่ วชิ าใดที่ทา่ นยงั ตอ้ งการพฒั นาความรู้และทกั ษะเป็นการ เพิ่มเติม หมำยเหตุ ทกั ษะบางอย่างเป็ นเพียงข้นั ตน้ (แต่เอามารวมเขา้ ไวใ้ นที่น้ี เพ่ือให้รายการตรวจสอบ สมบูรณ์ข้ึน) หน่วยกจิ กรรมหรือทกั ษะ ข้ำพเจ้ำเข้ำใจ ข้ำพเจ้ำยงั และสำมำรถ ต้องกำรได้รับกำร 1.อนำมยั (ดำวดวงท่ี 1) ปฏิบัตไิ ด้ (ก) รู้จกั วธิ ีและเหตุผลในการรักษาฟัน มือ เทา้ และเลบ็ ใหส้ ะอาด ฝึ กอบรมอกี (ข) รู้จกั วธิ ีหายใจอยา่ งถูกตอ้ ง และรู้จกั วธิ ีป้องกนั โรคหวดั ไม่ใหแ้ พร่ออกไป (ค) แสดงวธิ ีปฏิบตั ิในเม่ือมีแผลถลอกเลก็ นอ้ ยและเขา้ ใจถึงความสาคญั ในการที่ จะขอความช่วยเหลือจากผใู้ หญใ่ นเมื่อมีอุบตั ิเหตเุ กิดข้ึน อนำมยั (ดำวดวงที่ 2) (ก) รู้จกั ความสาคญั ของการนอนหลบั สนิทในตอนกลางคนื
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283