Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา เหล่าทหารม้า ปี4 (ชาย)

วิชา เหล่าทหารม้า ปี4 (ชาย)

Published by military2 student, 2022-05-03 02:23:05

Description: วิชา เหล่าทหารม้า ปี4 (ชาย)

Search

Read the Text Version

เราจะสบื สาน รกั ษา และตอ่ ยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชน์สขุ แหง่ อาณาราษฎรตลอดไป พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทรงเปน็ จอมทพั ไทยมาทกุ ยคุ ทกุ สมยั สืบทอดกันมาต้ังแต่บรรพบุรุษที่ได้รวบรวมเผ่าไทย ตั้งขึ้นเป็น ราชอาณาจักรไทย ณ ผนื แผ่นดินไทยแหง่ นี้ ค�ำวา่ “พระมหากษตั รยิ ”์ หมายถึง นักรบผยู้ ่งิ ใหญ่ หรอื จอมทัพ เพราะในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ชาติท่ีเข้มแข็ง เทา่ นนั้ จงึ จะดำ� รงคงความเปน็ ชาตอิ ยไู่ ด้ ชาตทิ อ่ี อ่ นแอ กจ็ ะตกไป เปน็ ผทู้ อี่ ยใู่ นครอบครองของชาตอิ น่ื ความเขม้ แขง็ ทสี่ ำ� คญั ยงิ่ คอื ความเขม้ แข็งทางการทหาร ความเขม้ แข็งในดา้ นอน่ื ๆ เปน็ ส่วน ประกอบ ซ่งึ กจ็ ะขาดเสียมิได้ เนือ่ งจากการศกึ มิไดท้ ำ� อย่ตู ลอดไป ระยะเวลาว่างศึกมีอยู่มากกว่า ในห้วงเวลาดังกล่าว ก็จะมีการ สร้างเสริมความแข็งแกร่งในด้านต่าง ๆ เพ่ือความเจริญรุ่งเรือง ของประเทศ และความอยดู่ กี นิ ดขี องอาณาประชาราษฎร์ ชาตไิ ทย เป็นชาตทิ ม่ี อี ารยธรรมสงู มาแต่โบราณกาล ดังนัน้ องค์ประกอบ อนั เปน็ แบบฉบบั แสดงถงึ ความเปน็ จอมทพั ไทยจงึ มอี ยา่ งครบถว้ น สมบูรณ์ มีสัญลักษณ์ท่ีเป็นเอกลักษณ์ของไทย มีความสง่างาม สมพระเกียรตยิ ศแห่งจอมทัพไทย

คู่มอื นักศึกษาวิชาทหารชาย ชั้นปี ท่ี 4 (เหล่าทหารมา้ )



คำ� น�ำ การฝกึ นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร มวี ตั ถปุ ระสงคท์ างดา้ นยทุ ธการ คอื การผลติ กำ� ลงั พล ส�ำรองระดับผู้บังคับบัญชาให้กับกองทัพ เพื่อเป็นการเตรียมกำ� ลังพลส�ำรองที่เข้มแข็ง ไวใ้ หพ้ รอ้ มสำ� หรบั การปอ้ งกนั ประเทศ วตั ถปุ ระสงคท์ างดา้ นยทุ ธศาสตร์ คอื การปลกู ฝงั เยาวชนให้เป็นผู้มีระเบียบวินัย มีอุดมการณ์ความรักชาติ ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ มีจิตอาสา เป็นพลเมืองคุณภาพของประเทศ โดยใช้หลักสูตรการฝึก วชิ าทหาร สำ� หรบั นกั ศึกษาวิชาทหาร ชัน้ ปีที่ 1 - 5 ของกระทรวงกลาโหม หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ได้จัดท�ำ “คู่มือนักศึกษาวิชาทหาร” ประจ�ำ ปีการศึกษา 2563 เพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารได้ค้นคว้าหาความรู้ และท�ำความเข้าใจ เน้ือหาวิชาต่าง  ๆ ท่ีก�ำหนดไว้ตามหลักสูตร (ภาคปกติ) 80 ช่ัวโมง โดยประกอบด้วย วิชาทหารที่ส�ำคัญ ท่ีนักศึกษาวิชาทหารแต่ละชั้นปีควรรู้และน�ำไปปฏิบัติได้ เพื่อ ตอบสนองวัตถปุ ระสงคด์ ้านยุทธการ และวชิ าทัว่ ไป ม่งุ เนน้ การตอบสนองวตั ถปุ ระสงค์ ดา้ นยุทธศาสตร์ดว้ ยการปลูกฝังและเสริมสร้างใหน้ ักศกึ ษาหาความรู้ ก่อน หรือภายหลัง จากการรับการฝึก - สอน หวังว่า คู่มือนักศึกษาวิชาทหารเล่มน้ี จะเป็นแหล่งข้อมูล ด้านวิชาการ ในการศึกษาค้นคว้าเพ่ือให้มีความพร้อมส�ำหรับการเป็นก�ำลังพลส�ำรอง ระดบั ผ้บู งั คบั บัญชา และการเปน็ พลเมอื งคุณภาพของประเทศในอนาคต สบื ไป พลโท (ปราการ ปทะวานชิ ) ผู้บัญชาการหน่วยบญั ชาการรักษาดินแดน

หลักสตู รประกอบเวลา และคะแนนสอบประจำ� วิชา นศท. ชั้นปีท่ี 4 ชาย (เหลา่ ทหารมา้ ) คะแนน ล�ำ ดับ เรอื่ ง ช่ัวโมง ประ ำจ� ิวชา ่รวมกิจกรรม งานมอบ 1. ภาคปกติ 80 1.1 การฝึกทบทวนบคุ คลทา่ เบ้ืองต้น (8) 1.2 วิชาระเบยี บการน�ำ หน่วย (4) 10 1.3 วชิ าผนู้ �ำ (8) 20 1.4 วิชาหนว่ ยทหารขนาดเล็ก (8) 20 1.5 วชิ าศาสตร์พระราชา (8) 20 1.6 วชิ าอุดมการณค์ วามรกั ชาติ (4) 10 1.7 วิชาพลเมอื งดวี ถิ ีประชาธิปไตย (4) 10 1.8 วิชากฎหมาย (4) 10 1.9 วิชาเหลา่ เหลา่ ทหารม้า (24) 50 1.10 การทดสอบสมรรถภาพรา่ งกาย (4) 1.11 การฝกึ อบรมหรอื ทำ�กจิ กรรมจิตอาสา (4) 2. ภาคสนาม 45 2.1 การฝกึ ภาคสนาม 7 วนั (4) 30 2.2 ฝึกความช�ำนาญเฉพาะต�ำแหน่ง (4) 50 2.3 ฝึกการยงิ ปืนตามหลกั สตู ร (2) 30 2.4 ฝึกไต่หน้าผา - ลงทางด่งิ (2) 30 2.5 ฝกึ เลื่อนชว่ ยชวี ิต - ขา้ มล�ำนำ้� เร่งดว่ น (18) 120 2.6 ฝกึ การปฏิบตั ิหนว่ ยทหารขนาดเลก็ (20) 140 2.7 ฝกึ ปญั หาตอ่ เนือ่ ง (2) 2.8 ปลกู ฝังอดุ มการณ์ความรกั ชาติ (2) 2.9 สร้างการรบั รู้

หลักสตู รประกอบเวลา และคะแนนสอบประจ�ำวชิ า นศท. ช้ันปีท่ี 4 ชาย (เหลา่ ทหารมา้ ) คะแนน ล�ำ ดบั เรื่อง ช่วั โมง ประ ำจ� ิวชา ่รวมกิจกรรม งานมอบ 3. เบด็ เตล็ด 12 3.1 การปฐมนเิ ทศ 3.2 การสอบภาคปฏิบตั ิ (4) - 3.3 การสอบภาคทฤษฎี (4) 100 รวม (4) 200 150 850 50 100 1,000

สารบญั หน้า เหลา่ ทหารม้า บทที่ 1 ประวตั ิศาสตรแ์ ละเกียรติภมู ิของทหารม้าไทย 1-16 บทท่ี 2 วชิ าอาวธุ 17-35 บทท่ี 3 การปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธ์ของทหารม้า 36-49 บทท่ี 4 ภารกิจ ขีดความสามารถและการจัดของ 50-103 ทหารมา้ บรรทกุ ยานเกราะ บทที่ 5 กองรอ้ ยทหารม้า (ลาดตระเวน) (อจย. 17-57 พ.) 104-154 บทท่ี 6 แผ่นจดระยะของรถถัง 155-158 บทท่ี 7 การปรับการยิง ป. และ ค. 159-192 บทที่ 8 ชดุ วทิ ยุ AN/PRC-77 (RADIO SET AN/PRC-77) 193-233 ภาคผนวก

บทท่ี เห ่ลาทหาร ้มา 1 ประวตั ิศาสตร์และเกยี รตภิ ูมิ ของทหารม้าไทย เม่ือปีพุทธศักราช 2309 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซ่ึงขณะนั้น ทรงพระยศ เปน็ พระยาวชริ ปราการ ทรงพจิ ารณาเหน็ วา่ กรงุ ศรอี ยธุ ยาราชธานี คงตอ้ ง เสยี ทแี กข่ า้ ศกึ เปน็ แนแ่ ท้ จงึ ตดั สนิ พระทยั รวบรวมทหารกลา้ ไดจ้ ำ� นวนหนงึ่ อนั ประกอบ ด้วย ทหารเอกคู่พระทยั 4 คน คอื หลวงพิชยั อาสา, หลวงพรหมเสนา, ขนุ อภยั ภักดี และหม่ืนราชเสน่หา พร้อมด้วยทหารเดินเท้าและครอบครัวอีกประมาณ 500 คน ตฝี า่ วงลอ้ มของขา้ ศกึ มาทางทศิ ตะวนั ออก ครนั้ ถงึ บรเิ วณบา้ นพรานนก ปจั จบุ นั ตง้ั อยใู่ น เขตอ�ำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็เป็นเวลาพลบคำ่� พอดี ทรงรับส่ังให้หยุด พกั แรมเพอ่ื ใหท้ หารทสี่ รู้ บมาตลอดไดพ้ กั ผอ่ น พยาบาลผบู้ าดเจบ็ และหาเสบยี งระหวา่ ง การลาดตระเวนหาข่าวและเสบยี ง กไ็ ด้ทราบว่า มีทหารฝ่ายข้าศึกยกกำ� ลังตดิ ตามมา ซึง่ ส่วนล่วงหน้าเป็นทหารม้า จำ� นวน 30 ม้า สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราชจึงเสด็จข้นึ ทรงม้าน�ำทหารเอกคู่พระทยั 4 คน และทหารเดนิ เท้าอีกจำ� นวนหนง่ึ ออกสู้รบกับข้าศกึ ทนั ที ยังผลให้ทหารม้าของฝ่ายข้าศกึ ถกู ฆ่าตายทง้ั หมดทรงได้รบั ชัยชนะอย่างเด็ดขาด ซึ่งเหตุการณ์ในคร้งั นน้ั เกิดขนึ้ เม่ือวนั อาทติ ย์ ขึน้ 5 คำ่� เดือนย่ี ปีจอ จลุ ศักราช 1128 ตรงกบั วนั ที่ 4 มกราคม พทุ ธศกั ราช 2309 ซง่ึ ทหารมา้ ไทยไดย้ ดึ ถอื วา่ ในวนั ที่ 4 มกราคม ของทกุ ปี เป็นวนั ทหารม้า

2 เหลา่ ทหารมา้ จากชัยชนะท่ีบ้านพรานนกในคร้ังนั้น ท�ำให้ทหารไทยมีใจฮึกเหิม มีก�ำลังใจ ในการสรู้ บกบั ขา้ ศกึ ตลอดมา จนในทสี่ ดุ กส็ ามารถกอบกเู้ อกราชของชาตไิ ทยกลบั คนื มาได้ ภายในระยะเวลาเพยี ง 7 เดอื นเทา่ นนั้ ดว้ ยพระปรชี าสามารถและวรี กรรมของพระองคท์ า่ น ดังได้กล่าวมาเพียงย่อ ๆ นี้ มวลทหารม้าแห่งกองทัพไทย ต่างก็เทิดทูนพระองค์ เยย่ี งพระบรู พาจารยแ์ หง่ การสรู้ บบนหลงั มา้ และเปน็ พระบดิ าแหง่ ตน สบื ทอดกนั มาชา้ นาน ตราบเท่าทกุ วันน้ี ประวัติศาสตร์ บทบาทของเหลา่ ทหารมา้ กล่าวท่ัวไป เหลา่ ทหารมา้ ตงั้ แตส่ มยั โบราณมาจนถงึ ปจั จบุ นั ประเทศมหาอำ� นาจทกุ ประเทศ ได้มีการพัฒนาการจัดและหลักนิยมการใช้โดยแน่นอน โดยถือว่าเป็นส่วนกำ� ลังรบหลัก เปน็ หนว่ ยกำ� ลงั ทางบกทที่ รงประสทิ ธภิ าพในการทำ� ลายกำ� ลงั ทางบกของขา้ ศกึ เปน็ เครอื่ งมอื หลกั อนั สำ� คญั ยง่ิ ของผบู้ งั คบั บญั ชาในการใชต้ ดั สนิ การยทุ ธแ์ ตกหกั ณ ยทุ ธบรเิ วณทก่ี ำ� หนด ทหารม้ามิใช่หน่วยสนับสนุนการรบอย่างที่เคยเข้าใจกัน ทหารม้าเป็นหน่วยท่ีใช้ส�ำหรับ ด�ำเนินกลยทุ ธ์เข้าท�ำลายล้างอำ� นาจกำ� ลังรบของข้าศึก ไม่ยึดพนื้ ที่เหนยี วแน่น จะหยุดยึด พื้นท่ีก็เพ่อื ปรบั ก�ำลงั ใหม่เข้าดำ� เนินกลยทุ ธ์ต่อไป ทหารม้าของไทยเราน�ำหลักนิยมการจัดวิธีรบ ของหน่วยยานเกราะของ กองทัพบกสหรัฐฯ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางการยุทธ์ของประเทศ ต้ังแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา หลักนิยม การจัด และวิธีรบ เหล่าทหารม้า ของ ทบ. ไทย จงึ ยงั ไมไ่ ดก้ ำ� หนดขน้ึ โดยแนช่ ดั อยา่ งไรกต็ าม หลกั นยิ ม และวธิ รี บของทหารมา้ โดยท่ัวไปของทุกชาติดูจะไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาลเวลาท่ีผ่านมา มิได้เปลี่ยนแปลงหลักนิยมพื้นฐานของทหารม้าเลย แต่ได้มีการพัฒนาให้ก้าวหน้าไปตาม เทคนิคของอาวุธสมัยใหม่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพเหนือฝ่ายตรงข้าม ด้วยคุณลักษณะของ ความคล่องแคล่วในการเคล่ือนท่ีในทุกสภาพภูมิประเทศ อ�ำนาจการยิงท่ีรุนแรง อ�ำนาจ แรงกระแทกหรอื ก�ำลังชน รวมก�ำลังเข้าประชดิ ข้าศึกได้อย่างรวดเรว็ และรนุ แรง ก่อให้เกิด อำ� นาจการทำ� ลายและขม่ ขวญั สงู ทำ� ใหท้ หารมา้ มหี ลกั นยิ มและวธิ รี บเปน็ ของตนเอง รวมทงั้ บทเรยี นจากการรบทผ่ี ่านมาของท้งั กองทัพบกไทย และของต่างประเทศ ทำ� ให้เราสามารถ

นำ� มาพฒั นาเปน็ หลกั นยิ มและวธิ รี บของเหลา่ ทหารมา้ กองทพั บกไทย เพอื่ เปน็ หลกั พน้ื ฐาน เห ่ลาทหาร ้มา 3 อันเป็นแนวทางยดึ ถือในการปฏบิ ตั ขิ องหน่วยทหารม้าทกุ ระดับต่อไป โดยธรรมชาติของเหล่าทหารม้า เป็นอาวุธเชิงรุก และท�ำการรบบนยานรบ เคลื่อนที่เร็ว (ไม่นยิ มท�ำการรบด้วยการเดนิ เท้า) ทหารมา้ ทหารม้า เป็นแนวความคิดในการใช้คุณลักษณะของความคล่องแคล่วในการ เคล่ือนท่ี อ�ำนาจการยิงและอ�ำนาจการท�ำลายและข่มขวัญ เข้าท�ำการรบด้วยยานเกราะ ท่ีมีอำ� นาจสูงสดุ ท�ำให้กำ� ลังรบข้าศกึ พ่ายแพ้ไป หน่วยทหารม้าจะประกอบด้วย หน่วยรถถัง หน่วยทหารม้าบรรทุกยานเกราะ หน่วยทหารม้าลาดตระเวน และหน่วยที่แบ่งมอบให้กับหน่วยทหารม้า ได้แก่ ปืนใหญ่ ทหารช่าง และหน่วยบินทหารบกสนับสนุนด้วยข่ายการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วคล่องตัว และระบบการส่งกำ� ลงั บำ� รุงแบบเคล่อื นที่ บทบาทของทหารม้า บทบาทของหน่วยทหารม้าเป็นการปฏบิ ตั ิที่ต้องการความเดด็ ขาด ในการยุทธ์ เคล่ือนที่เร็วทางพื้นดิน โดยใช้ยานรบทางพ้ืนดินและทางอากาศ โดยปกติทหารม้าจะมี ลกั ษณะทเี่ ขา้ ทำ� การรบดว้ ยวธิ รี กุ เปน็ หลกั และดำ� รงคณุ ลกั ษณะไดด้ ว้ ยการใชย้ านรบอยา่ ง ช�ำนาญ บทบาทน้ีปฏิบัติได้โดยใช้หน่วยทหารม้าในกองพลทหารม้า และหน่วยทหารม้า นอกกองพลทหารม้า บทบาททเ่ี หมาะสมสำ� หรบั หนว่ ยทหารมา้ สามารถกำ� หนดใหเ้ หน็ เดน่ ชดั ได้ 2 แบบ คอื ก. ท�ำการรบอย่างเป็นปึกแผ่น ปฏิบัติการเป็นอิสระ โดยให้ภารกิจข้ึนกับ ความเร็ว อ�ำนาจการยิง อ�ำนาจการท�ำลายข่มขวัญ และรัศมีปฏิบัติการไกล ท�ำการรบ ตามหลกั นยิ มของทหารม้า โดยเป็นหน่วยแรกทจ่ี ะเข้าทำ� การสู้รบด้วยการปฏบิ ตั กิ ารเชงิ รกุ เปน็ อาวธุ ทผ่ี บู้ งั คบั บญั ชาสามารถใชส้ ำ� หรบั การรบแตกหกั ตามปกติ บทบาทนจ้ี ะปฏบิ ตั โิ ดย กรมทหารม้า กองพลทหารม้า และหน่วยทหารม้าที่ใหญ่กว่ากองพล

4 เหลา่ ทหารมา้ ข. ท�ำการรบร่วมกับทหารเหล่าอ่ืน ตามปกติบทบาทน้ีจะปฏิบัติโดยหน่วย ทหารม้าที่แบ่งมอบให้กับหน่วยทหารราบ เช่น กองพันรถถัง กองพลทหารราบ หรือ บางคร้งั กองพนั รถถงั อาจไปข้นึ สมทบกับกองพลนาวกิ โยธนิ กไ็ ด้ ภารกิจของทหารม้า ทหารมา้ เปน็ หนว่ ยกำ� ลงั รบของกองทพั บก ภารกจิ ของทหารมา้ โดยทว่ั ไปคงเปน็ เช่นเดียวกับภารกิจของหน่วยรบอ่ืน ๆ คือ ท�ำลายและจับข้าศึกเป็นเชลย ยึดรักษาหรือ ขัดขวางการใช้ภูมิประเทศ ป้องกันกำ� ลังส่วนใหญ่ และหาข่าวสาร ทหารม้า เป็นหน่วย กำ� ลงั รบในลกั ษณะการผสมกำ� ลงั เพอื่ ใหม้ รี ะดบั ความสามารถสงู ในเรอื่ งความคลอ่ งแคลว่ ในการเคลอื่ นที่ อำ� นาจการยงิ ทรี่ นุ แรง การตดิ ตอ่ สอ่ื สารทอี่ อ่ นตวั รวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพ ด้วยหน่วยยานรบทั้งทางพ้ืนดินและทางอากาศ ทหารม้าสามารถทำ� การรบได้ทุกข้ันตอน ของสงครามทกุ แบบของการรบในสภาพลมฟา้ อากาศทเี่ ลวรา้ ย และทกุ ภมู ปิ ระเทศ โดยการ จัดก�ำลงั ผสมให้เหมาะสมกบั สถานการณ์ท่ีเกิดขึน้ แม้ในสงครามทีม่ ีการใช้อาวธุ นวิ เคลยี ร์ ทหารม้าก็เป็นหน่วยท่ีเหมาะสมที่จะใช้ในการรบเนื่องจากมีเกราะป้องกันความร้อน และแรงกดดนั อย่างรุนแรง รวมทัง้ รังสจี ากการระเบดิ ของอาวธุ นวิ เคลียร์ สามารถป้องกัน พลประจำ� รถให้ปลอดภยั ได้ในระดบั หนง่ึ ทำ� ให้ทหารม้าสามารถดำ� เนนิ กลยุทธ์และต่อสู้ได้ ในขณะทห่ี นว่ ยทหารเหลา่ อน่ื ๆ ตอ้ งขดุ หลมุ กำ� บงั ตวั หรอื ตอ้ งหลกี เลย่ี งจากพนื้ ทร่ี งั สตี กคา้ ง จากการทหี่ นว่ ยทหารมา้ เปน็ หนว่ ยกำ� ลงั รบทมี่ รี ะดบั ความสามารถสงู กวา่ กำ� ลงั รบอน่ื ในดา้ นความคลอ่ งแคลว่ ในการเคลอ่ื นท่ี มอี ำ� นาจการยงิ อยา่ งรนุ แรงในตวั เอง มเี กราะ ก�ำบงั ซง่ึ ก่อให้เกดิ อ�ำนาจการทำ� ลายข่มขวญั สงู สุด รวมท้งั ความอ่อนตวั ในการจดั ด้วยการ ผสมก�ำลังได้อย่างเหมาะสม และมีระบบการติดต่อสื่อสารท่ีรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพอ่ื สนองตอบคำ� สงั่ ทตี่ อ้ งการอำ� นาจกำ� ลงั รบสงู สดุ ในทกุ สถานการณ์ ทหารมา้ จงึ เหมาะสม ที่จะใช้ส�ำหรับปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุกเป็นอย่างย่ิง เพื่อเข้าประชิดและทำ� ลายก�ำลังข้าศึก ขยายผลแห่งความมชี ยั และขยายผลจากการใช้อาวธุ นิวเคลยี ร์ ชวี ะ เคมี ก. ภารกจิ ท่คี วรมอบให้ทหารม้า คอื 1. การเจาะลกึ และการโอบปีกกว้าง หนว่ ยทหารมา้ ขนาดใหญใ่ นรปู ขบวนรบทมี่ คี วามคลอ่ งแคลว่ ในสนามรบ และมีขีดความสามารถในการด�ำเนินกลยุทธ์อย่างเป็นปึกแผ่นด้วยก�ำลังเป็นกลุ่มก้อน

ท้ังหมดหรือเพียงบางส่วน เพื่อก่อให้เกิดความกดดันอย่างมหาศาลจากการยิงสนับสนุน เห ่ลาทหาร ้มา 5 กอ่ ใหเ้ กดิ กำ� ลงั รบทที่ รงอำ� นาจ และมพี ลงั โถมกระแทกในการเจาะลกึ และโอบปกี กวา้ ง ในพน้ื ท่ี สว่ นหลงั ของขา้ ศกึ หนว่ ยทหารมา้ สว่ นนจี้ ะมเี สรใี นการปฏบิ ตั อิ ยา่ งยง่ิ เมอ่ื ใชด้ ำ� เนนิ กลยทุ ธ์ เพอื่ ยดึ ทีห่ มายแตกหกั ท�ำลายการตดิ ต่อสื่อสาร ท่บี ังคับการ ท่ตี ั้งจรวด ปืนใหญ่ กองหนุน หรอื ทตี่ ั้งทางการส่งกำ� ลงั 2. การขยายผลและไล่ติดตาม หน่วยทหารม้า จะมีอ�ำนาจก�ำลังรบเพียงพอท่ีจะเลือกโอกาสในการ ขยายผล หรอื ไล่ตดิ ตามได้เอง ท้ังยงั เป็นหน่วยกำ� ลงั รบแตกหกั ให้ผู้บงั คบั บัญชาใช้ในการ ขยายผล หรอื ไล่ตดิ ตาม ต่อจากความส�ำเร็จของหน่วยอืน่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย 3. การตงั้ รบั แบบคล่องตวั หน่วยทหารม้า เป็นหน่วยในอดุ มคติทม่ี ีความเหมาะสมอย่างยงิ่ ในการ ปฏิบัติการต้ังรับแบบคล่องตัวในพ้ืนท่ีกว้างด้านหน้ามาก อย่างไรก็ตาม เน่ืองจากหน่วย ทหารม้ามีพ้ืนฐานการจัดส�ำหรับการปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุก การใช้หน่วยทหารม้าได้ดี ที่สดุ ในการรบด้วยวธิ ีรับก็คือ เป็นก�ำลังในการตีโต้ตอบ หรือเป็นกองหนุนของหน่วยเหนือ ทท่ี รงอ�ำนาจในการท�ำลายกำ� ลังเข้าตขี องข้าศึก ณ ยทุ ธบริเวณทก่ี �ำหนด 4. การทำ� ลายรปู ขบวนยานเกราะข้าศกึ การทำ� ลายรปู ขบวนยานเกราะขา้ ศกึ เปน็ สง่ิ จำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ ตอ่ ผลสำ� เรจ็ ในการรบทางภาคพ้ืนดิน และต้องกระทำ� อย่างต่อเน่ือง ท้ังในการรบด้วยวิธีรุกและวิธีรับ โดยรถถงั ของทหารม้าจะเป็นอาวธุ เคล่ือนทห่ี ลักในการท�ำลายยานเกราะข้าศกึ 5. การลาดตระเวนและการระวงั ป้องกนั เนอ่ื งจากอาวธุ สมยั ใหมม่ รี ะยะยงิ ไกลขน้ึ และมอี ำ� นาจการทำ� ลายมากขน้ึ หน่วยต้องกระจายกำ� ลงั กนั ออกไป เพื่อลดอันตรายท่จี ะเกิดร่วมกันท�ำให้ความจำ� เป็น และ ความตอ้ งการในการลาดตระเวนและระวงั ปอ้ งกนั เพม่ิ ขนึ้ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ภารกจิ ลาดตระเวน และระวังป้องกันต้องการหน่วยท่ีมีความสามารถในการรบทางพื้นดินท่ีมีความคล่องแคล่ว ในการเคล่ือนท่ีสูง ซึ่งในบางสถานการณ์หน่วยอาจต้องทำ� การรบในขีดความสามารถของ ตนเอง เพอื่ คลี่คลายสถานการณ์ และแจ้งเตอื นเกี่ยวกบั ข้าศกึ หน่วยทหารม้าลาดตระเวน สามารถท�ำการลาดตระเวนให้กับหน่วยเหนือท้ังทางพ้ืนดินและทางอากาศ เป็นก�ำลังที่ เหมาะสมส�ำหรับผู้บังคับบัญชาใช้ในการลาดตระเวน การก�ำบัง การคุ้มกัน การท�ำฉาก

6 เหลา่ ทหารมา้ ก�ำบัง การระวังป้องกันพ้ืนท่ีส่วนหลัง หรือใช้สนับสนุนการปฏิบัติการยุทธ์เคลื่อนที่ทาง อากาศ และยังเป็นหน่วยท่ีเหมาะสมอย่างย่ิงที่จะใช้ในการต่อต้านการปฏิบัติการยุทธ์ ส่งทางอากาศ การปฏบิ ตั กิ ารเคลอ่ื นทีท่ างอากาศ และการรบแบบกองโจร 6. การออมก�ำลัง ทหารม้าลาดตระเวน เป็นการจัดและการประกอบก�ำลังตามอุดมคติ เพ่ือปฏิบัติภารกิจการออมก�ำลังอ�ำนวยให้ผู้บังคับบัญชาสามารถใช้ก�ำลังรบส่วนใหญ่ ดำ� เนินกลยทุ ธ์ในพ้นื ท่อี ื่นท่หี วงั ผลแตกหักได้ 7. การรบร่วมกบั ทหารเหล่าอ่นื ภารกิจน้ีส่วนใหญ่กระท�ำให้ส�ำเร็จได้โดย กองพันทหารม้ารถถังของ กองพลทหารราบ ไม่ว่าจะใช้เป็นหน่วยกองพัน หรือแยกสมทบกรมทหารราบ กองพัน ทหารม้ารถถังจะเพิ่มอ�ำนาจการยิงและความคล่องแคล่วในการเคล่ือนท่ีให้กับทหารราบ ในการเข้าตแี ละต้ังรบั และให้มขี ดี ความสามารถของอ�ำนาจการทำ� ลายยานเกราะสงู ข้นึ ข. ภารกิจมลู ฐานของทหารม้าจำ� แนกได้ดงั นี้ คือ 1. ภารกจิ ของทหารม้าลาดตระเวน 2. ภารกจิ ของทหารม้ารถถงั และทหารม้าบรรทุกยานเกราะ 1. ภารกิจของทหารม้าลาดตระเวนมีภารกิจมูลฐานคือ การลาดตระเวน และการระวังป้องกัน รวมถึงการปฏิบัติเป็นหน่วยออมก�ำลังให้กับหน่วยเหนือหรือหน่วย ท่ไี ปขน้ึ สมทบ เป็นภารกิจท่ีต้องการหน่วยที่สามารถปฏิบัติการเป็นอิสระได้อย่าง อ่อนตัวตามสถานการณ์เฉพาะท่ีจะเกิดข้ึน และมีความคล่องแคล่วในการเคล่ือนที่สูงกว่า ความคล่องแคล่วของก�ำลังรบฝ่ายเดียวกันและก�ำลังรบฝ่ายข้าศึก สามารถท�ำการสู้รบ ด้วยยานรบทั้งทางพ้ืนดินหรือทางอากาศหรือลงรบเดินดิน ซึ่งจะจัดเป็นหน่วยทหารม้า ลาดตระเวน โดยมีโครงสร้างการจัดเป็นชุดรบผสมท่ีเหมาะกับสถานการณ์ทุกชนิด คือมี ส่วนลาดตระเวน ส่วนดำ� เนินกลยทุ ธ์ทางพื้นดนิ ส่วนรถถงั และส่วนยิงสนับสนุนในตวั เอง ต้ังแต่ระดับหมวดข้ึนไปจนถึงระดับกองพันท�ำให้สามารถปฏิบัติภารกิจมูลฐานบรรลุ ผลส�ำเร็จได้เป็นอย่างดี โดยอาจพิจารณาใช้เป็นหน่วยลาดตระเวนหน่วยก�ำบังหรือคุ้มกัน หรอื ทำ� ฉากกำ� บงั ใหก้ บั หนว่ ยทหารขนาดใหญเ่ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของกองหนนุ เกาะขา้ ศกึ หรอื เปน็

หน่วยติดต่อระหว่างก�ำลังฝ่ายเรา ตั้งรับรั้งหน่วงเข้าตีโฉบฉวยในพื้นท่ีส่วนหลังของข้าศึก เห ่ลาทหาร ้มา 7 รบกวน หรอื เข้าตลี วง ฯลฯ หน่วยลาดตระเวนทางอากาศหรือท่ีเรียกว่าหน่วยทหารม้าอากาศ มีขีดความสามารถในการลาดตระเวน การระวังป้องกัน และการเฝ้าตรวจทางอากาศ และเพื่อให้มีผลดีย่ิงขึ้น ทหารม้าอากาศจะต้องปฏิบัติการร่วมกับทหารม้าลาดตระเวน ภาคพ้ืนดนิ จงึ จะเกิดประสทิ ธภิ าพสงู สดุ 2. ภารกิจของทหารม้ารถถังและทหารม้าบรรทุกยานเกราะ ได้แก่ การ ปฏิบัติเป็นหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์หลัก โดยเน้นการปฏิบัติร่วมกันในลักษณะกองร้อยชุดรบ, กองพันเฉพาะกิจ, กรมเฉพาะกิจ ภารกิจที่ควรมอบให้ ได้แก่ การเข้าตี, ตั้งรับ, ร่นถอย เป็นต้น ภารกิจนี้จะจัดทหารม้าในรูปของหน่วยทหารม้ารถถัง และหน่วย ทหารม้าบรรทกุ ยานเกราะ ก) หนว่ ยทหารมา้ รถถงั มภี ารกจิ มลู ฐานคอื เขา้ ประชดิ และทำ� ลายกำ� ลงั ขา้ ศกึ ดว้ ยการยงิ การดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ และอำ� นาจการทำ� ลายขม่ ขวญั โดยประสานกบั กำ� ลงั รบ หน่วยอ่ืน หน่วยทหารม้ารถถังสามารถปฏิบัติได้ทุกรูปแบบของการยุทธ์ และทุกประเภท ของการด�ำเนินกลยุทธ์ เพราะว่าหน่วยทหารม้ารถถังมีอ�ำนาจการยิงอยู่ในตัว มีความ คล่องแคล่วในการเคล่อื นท่มี ีเกราะก�ำบัง และมีอำ� นาจการทำ� ลายข่มขวญั หน่วยทหารม้า รถถงั จงึ สามารถพจิ ารณาใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของหนว่ ยไดค้ อื ด�ำเนนิ กลยทุ ธภ์ ายใต้ การยิงท�ำลายยานเกราะข้าศึก ขยายผลด้วยการทะลุทะลวง และขยายผลจากการใช้ อาวุธท�ำลาย ภายใต้การสนับสนุนด้วยการยิงของอาวุธในอัตรา และใช้สนับสนุนหน่วย ทหารราบและทหารราบยานยนต์ ข) หนว่ ยทหารมา้ บรรทกุ ยานเกราะมภี ารกจิ มลู ฐานคอื เขา้ ประชดิ ขา้ ศกึ ด้วยการยิงและการด�ำเนินกลยุทธ์ เพื่อท�ำลายล้างหรือจับเป็นเชลยหรือเพ่ือผลักดันการ เขา้ ตขี องขา้ ศกึ ดว้ ยการยงิ การรบประชดิ และการตโี ตต้ อบ หนว่ ยทหารมา้ บรรทกุ ยานเกราะ เหมาะส�ำหรับการปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุกเป็นอย่างย่ิง โดยจะไม่ยึดพ้ืนที่เหนียวแน่น จะหยุดยึดพื้นที่เฉพาะเพื่อปรับก�ำลังใหม่และเข้าด�ำเนินกลยุทธ์ต่อไป และเป็นหน่วยที่ สามารถปฏบิ ตั ภิ ารกิจร่วมกบั หน่วยทหารม้ารถถงั ได้อย่างดียิง่

8 เหลา่ ทหารมา้ ดงั นนั้ เพ่อื ให้บรรลภุ ารกิจของเหล่าทหารม้า การจดั หน่วยทหารม้าเพ่อื เข้าทำ� การรบแบบมาตรฐาน จึงมกี ารจัดเป็น 3 ประเภท คอื ทหารม้าลาดตระเวน ทหาร ม้ารถถัง และทหารม้าบรรทกุ ยานเกราะ ซ่ึงท้งั 3 ประเภทนี้ กองทัพบกเรยี กว่า “ทหารม้า” ท้งั สน้ิ คุณลักษณะของทหารม้า ความส�ำเร็จในการปฏิบัติการของทหารม้า ขึ้นอยู่กับการใช้คุณลักษณะอย่าง เหมาะสมของเกราะปอ้ งกนั ตวั อ�ำนาจการยงิ ความคลอ่ งแคลว่ ในการเคลอื่ นท่ี อ�ำนาจการ ทำ� ลายและข่มขวญั การตดิ ต่อสือ่ สารทก่ี ว้างไกลและอ่อนตัว 1. อ�ำนาจการยงิ ภายใต้เกราะก�ำบงั หน่วยทหารม้าประกอบด้วยอาวุธเคล่ือนที่ท่ีมีเกราะป้องกัน ได้แก่ ปืนกล เครื่องยิงลกู ระเบดิ ปืนใหญ่วถิ ีโค้ง และปืนใหญ่รถถัง การใช้ทหารม้าจึงอยู่บนพน้ื ฐานของ การรวบรวมระบบอาวธุ ซงึ่ ประกอบดว้ ย อาวธุ ของทหารมา้ รถถงั ทหารมา้ บรรทกุ ยานเกราะ ทหารม้าลาดตระเวนท้ังทางพื้นดินและทางอากาศ ปืนใหญ่วิถีโค้ง และอาวุธสนับสนุน อ่นื ๆ รถถงั จะเป็นอาวธุ หลกั ของทหารม้าเป็นระบบอาวธุ ที่สมบรู ณ์ในตัวเอง ซงึ่ ออกแบบ ให้เข้าต่อสู้กับเป้าหมายข้าศึกได้ทุกชนิดในการรบบนยานรบ ปืนใหญ่รถถังเป็นอาวุธ ยงิ เลง็ ตรง โดยใชเ้ ปน็ หลกั ในการตอ่ สรู้ ถถงั ขา้ ศกึ และเปา้ หมายทม่ี คี วามแขง็ แรงอนื่ ๆ ปนื กล ของรถถังใช้ตดั รอนหรอื ท�ำลายกำ� ลังทหารและเป้าหมายบอบบาง ทหารม้าบรรทุกยานเกราะใช้อาวุธขนาดเล็กของหน่วยเข้าประชิดและ ทำ� ลายข้าศกึ โดยลงรบเดนิ ดนิ ในระยะประชดิ ทหารม้าลาดตระเวน ท้ังทางพื้นดินและทางอากาศเปรียบเสมือนตาและ หใู นการตรวจการณ์และฟังการณ์ เพื่อก�ำหนดทต่ี ง้ั ข้าศกึ ปืนใหญ่ และอาวธุ ยงิ สนบั สนนุ อื่น ๆ ท�ำการยิงสนับสนุนเพ่ือช่วยเหลือหน่วยทหารม้ารถถัง และหน่วยทหารม้าบรรทุก ยานเกราะในการเข้าประชดิ และท�ำลายกำ� ลังข้าศกึ ส่วนก�ำลังรบและส่วนสนับสนุนการรบของทหารม้า ประกอบด้วย ยานยนต์หุ้มเกราะซง่ึ สามารถป้องกนั กระสุนปืนเลก็ สะเกด็ ระเบดิ จากกระสนุ ปืนใหญ่และ เครอ่ื งยงิ ลกู ระเบดิ ของขา้ ศกึ รวมทงั้ ผลจากการใชอ้ าวธุ นวิ เคลยี ร์ ชวี ะ เคมไี ด้ จากคณุ ลกั ษณะ

ดงั กลา่ ว ทำ� ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาสามารถใชท้ หารมา้ เขา้ ดำ� เนนิ กลยทุ ธภ์ ายใตก้ ารยงิ ของขา้ ศกึ เห ่ลาทหาร ้มา 9 และสามารถขยายผลได้สูงสดุ จากการยิงของอาวธุ ยงิ สนับสนนุ ของฝ่ายเรา 2. ความคลอ่ งแคล่วในการเคลื่อนที่ หน่วยทหารม้ามคี วามคล่องแคล่วในการเคล่อื นทไ่ี ด้ 100% ก�ำลงั พล และ อาวุธยุทโธปกรณ์สำ� คญั ได้กำ� หนดให้บรรทุกบนยานรบ ส่วนรบ และส่วนสนับสนนุ การรบ มคี วามคลอ่ งแคลว่ ในการเคลอ่ื นทใี่ นภมู ปิ ระเทศสงู จากคณุ ลกั ษณะดงั กลา่ วทำ� ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาโยกยา้ ยอำ� นาจการยงิ และเปลย่ี นแปลงการจดั เฉพาะกจิ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และในเวลา อันสั้นที่ทหารม้าสามารถเพ่ิมพูนความแข็งแกร่งให้มีประสิทธิภาพในการสู้รบเหนือข้าศึก ณ พนื้ ทีต่ ่าง ๆ หน่วยบนิ ทหารบกทแ่ี บ่งมอบให้กับหน่วยทหารม้าจะเพิ่มความคล่องแคล่ว ในการเคล่ือนที่อย่างรวดเร็วของหน่วยทหารม้าให้มากข้ึน โดยให้ปฏิบัติการเฝ้าตรวจ การลาดตระเวน การส่งก�ำลัง การส่งกลับสายแพทย์อย่างจ�ำกัด และการเคล่ือนย้าย หน่วยทหาร 3. อำ� นาจการท�ำลายข่มขวญั อ�ำนาจการท�ำลายข่มขวัญ เป็นการผสมอ�ำนาจการท�ำลายทางวัตถุกับ ผลทางจิตวิทยาต่อข้าศึก ซ่ึงเกิดจากการเข้าปะทะอย่างรุนแรง ด้วยอ�ำนาจการยิงภายใต้ เกราะก�ำบังของรถถัง และจากอาวุธยิงสนับสนุนของหน่วยทหารม้าบรรทุกยานเกราะ การรวมอ�ำนาจการยิงอย่างมหาศาล ผสมกับการเคลื่อนที่ด้วยยานรบอย่างรวดเร็วของ ทหารม้า ท�ำให้เกิดอ�ำนาจการท�ำลายข่มขวัญอย่างรุนแรงต่อข้าศึก อ�ำนาจการท�ำลาย ข่มขวัญของทหารม้าจะยิ่งสูงข้ึนถ้าเพ่ิมเติมจ�ำนวนรถถังและใช้อย่างเป็นปึกแผ่นเป็น กล่มุ กอ้ น โดยผลของอ�ำนาจการท�ำลายข่มขวญั ในการใชท้ หารม้าเข้าโจมตอี ย่างเหมาะสม น้ีนอกจากจะสามารถให้ผลในการท�ำลายขวัญข้าศึกอย่างเด็ดขาดแล้ว ยังเป็นการบำ� รุง ขวญั ทหารฝ่ายเราอกี ด้วย 4. การติดต่อสอื่ สารท่กี วา้ งไกลและอ่อนตัว วทิ ยเุ ปน็ เครอื่ งมอื ตดิ ตอ่ สอ่ื สารหลกั ของหนว่ ยทหารมา้ ท�ำใหห้ นว่ ยทหารมา้ มีระบบการติดต่อส่ือสารที่จะน�ำมาใช้ได้ในทันที และมีความอ่อนตัวสูงในการติดต่อกับ หน่วยเหนือหน่วยรอง หน่วยข้างเคียงและหน่วยสนับสนุน การติดต่อส่ือสารเพิ่มเติม จะกำ� หนดข้นึ และใช้ตามความต้องการของสถานการณ์ทางยทุ ธวิธี

10 เหลา่ ทหารมา้ 5. ความออ่ นตัว ทหารม้าเป็นหน่วยท่ีอ่อนตัว หน่วยทหารม้าสามารถจัดก�ำลังรวมกันหรือ แยกหนว่ ยไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ตามความตอ้ งการเมอื่ เขา้ เผชญิ กบั สถานการณท์ เี่ ปลย่ี นแปลงไป ความคลอ่ งแคลว่ ในสนามรบของหนว่ ยทหารมา้ ทำ� ใหเ้ ปลย่ี นแปลงการจดั เฉพาะกจิ ไดอ้ ยา่ ง รวดเร็ว แม้ในขณะที่หน่วยก�ำลังปะทะกับข้าศึกในภูมิประเทศทุกรูปแบบ มีปัจจัยหลาย ประการท่ที �ำให้หน่วยทหารม้ามคี วามอ่อนตวั ได้แก่ การจดั หน่วยแยกเป็นส่วน ๆ ระบบ การติดต่อสื่อสารท่ีมีความอ่อนตัวสูงมีหน่วยสนับสนุนการรบและหน่วยสนับสนุน การช่วยรบท่เี คลอ่ื นที่เรว็ และความคล่องแคล่วในจิตใจของผู้บงั คับหน่วยทหารม้า 6. การตอบสนองค�ำสัง่ เนอ่ื งจากความคล่องแคล่วในการเคลอ่ื นที่ ความอ่อนตวั การตดิ ต่อสอื่ สาร ทกี่ วา้ งไกลและออ่ นตวั ทำ� ใหท้ หารมา้ สามารถตอบสนองคำ� สงั่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี หนว่ ยทหารมา้ สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายต่อค�ำสั่งแบบมอบภารกิจ ซ่ึงต้องการ เปล่ียนแปลงภารกิจการจัดเฉพาะกิจและทิศทางการเคล่ือนที่ ความง่ายในการติดต่อ ส่ือสารท�ำให้การส่งค�ำแนะน�ำในการปฏิบัติกระท�ำได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันความ อ่อนตัวและความคล่องแคล่วในการเคลอ่ื นท่ี จะเปิดโอกาสให้สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ตามคำ� ส่ัง ในการเปลย่ี นแปลงการจัดหน่วยทางยทุ ธวิธี และสามารถเคลอ่ื นท่อี ย่างรวดเร็วไปยังพ้นื ที่ ทสี่ �ำคญั หรอื พน้ื ท่ีการรบแตกหกั ขีดความสามารถของทหารมา้ ทหารม้าสามารถให้การคุ้มครองพ้ืนที่ปฏิบัติการท่ีมีกว้างด้านหน้า และมี ความลึกมาก ท้ังน้ี จากคุณลักษณะของทหารม้าดังกล่าวแล้ว การใช้หน่วยทหารม้า ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ควรใหป้ ฏบิ ตั ดิ ว้ ยความกลา้ หาญ ตามขดี ความสามารถทสี่ ำ� คญั ดังต่อไปน้ี 1. ด�ำเนินกลยทุ ธ์ภายใต้การยงิ ทม่ี เี กราะป้องกนั ในสนามรบ 2. เคลอื่ นทอ่ี ย่างรวดเรว็ ในพน้ื ทหี่ นง่ึ และเข้าปะทะกบั ข้าศกึ เพอื่ ตดั สนิ การรบ ณ จดุ วกิ ฤต 3. กระจายกำ� ลงั และรวมกำ� ลังอย่างรวดเร็ว 4. เข้าปฏิบตั กิ ารในสนามรบสมยั ใหม่ ด้วยระบบป้องกนั ทมี่ ีประสทิ ธิภาพสงู

5. เข้าปะทะและผละจากการสู้รบกับข้าศกึ ได้อย่างรวดเรว็ เห ่ลาทหาร ้มา 11 6. เข้าโจมตอี ย่างหนักหน่วงต่อท่มี ัน่ ข้าศกึ 7. ด�ำเนินกลยทุ ธ์เข้าสู่ทางปีก หรือด้านหลังของข้าศกึ ได้อย่างรวดเร็ว 8. ดำ� เนนิ กลยทุ ธเ์ ขา้ สพู่ นื้ ทส่ี ว่ นหลงั ของขา้ ศกึ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เพอื่ ใหเ้ สยี สมดลุ ยานรบและอาวธุ ทปี่ ระจำ�การในกองทัพบกไทย 1. รถสายพานล�ำเลียงพล แบบ 85 ผลิตในประเทศจีน - พลประจำ� รถ 13 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 13.6 ตนั - ระยะปฏบิ ตั กิ าร 500 กม. - อาวุธประจำ� รถ ปก. 12.7 มม. 2. รถสายพานลำ� เลียงพล เอม็ . 113 ผลิตใน USA - พลประจำ� รถ 11 นาย - น้�ำหนักพร้อมรบ 11.4 ตัน - ระยะปฏบิ ตั กิ าร 483 กม. - อาวธุ ปก.ตอ. 12.7 มม. - ปก. 7.62 มม.

12 เหลา่ ทหารมา้ 3. รถสายพาน แบบ 85 ตดิ ต้งั ค. ขนาด 82 มม. (สปจ.) - พลประจำ� รถ 6 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 13.8 ตนั - ระยะปฏิบตั กิ าร 500 กม. - อาวุธ ค. 82 มม. - ปก.ตอ. 12.7 มม. 4. รถสายพาน แบบ 85 ตดิ ต้ัง ค. ขนาด 120 มม. (สปจ.) - พลประจำ� รถ 6, 7 นาย - น�้ำหนกั พร้อมรบ 14.1 ตนั - ระยะปฏิบตั กิ าร 500 กม. - อาวุธ ค. 120 มม. - ปก.ตอ. 12.7 มม. 5. รถเกราะ V-150 ตดิ ตง้ั ค. 81 มม. (USA) - พลประจำ� รถ 5 นาย - น�้ำหนกั พร้อมรบ 9.9 ตัน - ระยะปฏิบัตกิ าร 800 กม. - อาวธุ ค. 81 มม. - อาวุธ ปก. 7.62 มม.

6. รถเกราะ V-150 ล�ำเลยี งพล เห ่ลาทหาร ้มา 13 (USA) - พลประจำ� รถ 11 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 9.9 ตนั - ระยะปฏบิ ัตกิ าร 800 กม. - อาวุธ ปก. 7.62 มม. 7. รถเกราะ V-150 ตดิ ตง้ั ปถ. 90 มม. ผลติ ใน USA - พลประจำ� รถ 5 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 9.9 ตนั - อาวุธปืนใหญ่ ขนาด 90 มม. - ปก. 7.62 มม. 2 กระบอก 8. รถถงั เบา 21 FV.101 ผลติ ในอังกฤษ (UK) - พลประจำ� รถ 3 นาย - น้�ำหนักพร้อมรบ 7.9 ตัน - ระยะปฏบิ ัตกิ าร 644 กม. - อาวุธ ปถ. 76 มม. - ปก.ร่วมแกน 7.62 มม.

14 เหลา่ ทหารมา้ 9. รถถังเบา M.41 A-3 (USA) - พลประจำ� รถ 4 นาย - น�้ำหนักพร้อมรบ 25 ตนั - ระยะปฏิบตั กิ าร 160 กม. - อาวธุ ปถ. 76 มม. - ปก.93 - ปก.ร่วมแกน 7.62 มม. 10. รถถงั คอมมานโดสติงเรย์ (USA) - พลประจำ� รถ 4 นาย - น้�ำหนักพร้อมรบ 23.18 ตัน - ระยะปฏบิ ตั กิ าร 483 กม. - อาวธุ ปถ. 105 มม. - ปก. 12.7 มม. - ปก.ร่วมแกน 7.62 มม. 11. รถถังหลกั 30 T.69-2 (สปจ.) - พลประจำ� รถ 4 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 37 ตนั - ระยะปฏิบตั กิ าร 440 กม. - อาวุธ ปถ. 100 มม. - ปก. 12.7 มม. - ปก. (2) 7.62 มม.

12. รถถัง M.48 A-5 เห ่ลาทหาร ้มา 15 (USA) - พลประจำ� รถ 4 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 52 ตนั - ระยะปฏบิ ตั กิ าร 498 กม. - อาวุธ ปถ. ขนาด 105 มม. - ปก. 7.62 มม. - ปก.ร่วมแกน 7.62 มม. 13. รถถงั M.60 A-1 (USA) - พลประจำ� รถ 4 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 52.6 ตัน - ปก. 12.7 มม. - ระยะปฏบิ ตั กิ าร 500 กม. - อาวธุ ปถ. ขนาด 105 มม. - ปก.ร่วมแกน 7.62 มม. 14. รถถังหลัก M.60 A-3 ผลิตใน USA - พลประจำ� รถ 4 นาย - ระยะปฏบิ ตั กิ าร 500 กม. - อาวธุ ปืนใหญ่ 105 มม. - น�้ำหนักพร้อมรบ 52.6 ตนั - ปก.ร่วมแกน 7.62 มม. - ปก. 12.7 มม.

16 เหลา่ ทหารมา้ 15. รถสายพานกู้ซอ่ มขนาดกลาง M.88 A.1 - พลประจำ� รถ 4 นาย - น้�ำหนักพร้อมรบ 56 ตัน - ระยะปฏิบตั กิ าร 357 กม. - อาวธุ ปก. 12.7 มม. 16. รถถงั เบา 21 กู้ซอ่ ม FV-106 ผลิตใน UK - พลประจำ� รถ 4 นาย - น้�ำหนกั พร้อมรบ 8.7 ตนั - ระยะปฏบิ ตั กิ าร 483 กม. - อาวุธ ปก. 7.62 มม. 17. ฮ.จ.1 โจมตี - นักบิน 2 นาย - ความเรว็ 130 นอต - เวลาบนิ 2 ชม. - อาวุธจรวดโทว์ 8 นดั - จรวด 2.75 น้วิ จ�ำนวน 76 นดั - ปืนใหญ่อากาศ ขนาด 20 มม. 3 ลำ� กล้อง กระสนุ 750 นดั

บทที่ เห ่ลาทหาร ้มา 17 วชิ าอาวุธ ปอ้ มปนื ถ.เบา 21 สกอร์เปีย้ น หลกั ฐาน คูม่ ือ การใชง้ านและการปรนนบิ ตั บิ �ำ รุงอาวธุ ถ.เบา 21 หมายเลข 24 การท�ำ ความค้นุ เคยปอ้ มปืน ถ.เบา 21 1. กลา่ วน�ำ รถถังเบา 21 สกอร์เปี้ยน เป็นรถถังส�ำหรับลาดตระเวนและยิงสนับสนุน การยงิ เลง็ ตรงดว้ ยปนื ใหญก่ วา้ งปากลำ� กลอ้ ง 76 มม. 1 กระบอก ปอ้ มปนื สามารถหมนุ ได้รอบตวั และตดิ ตั้ง ปก.ร่วมแกน ขนาด 7.62 มม. 1 กระบอก ทั้งยงั ตดิ ตั้งเครื่องยิง ลูกระเบิดควันข้างป้อมปืนข้างละ 4 ลำ� กล้อง รถถังเบา 21 มีพลประจ�ำรถ 3 นาย ได้แก่ 1) ผบ.รถ 2) พลยงิ 3) พลขับ

2. มาตราทาน พลประจำ� รถ 3 นาย (ผบ.รถ/พลบรรจ,ุ พลยงิ /พลวิทยุ และพลขบั ) 2.1 ขนาด - ความยาว 4.55 เมตร - ความสูง 2.10 เมตร - ความกว้าง 2.18 เมตร 2.2 นำ้� หนักพร้อมรบ 7,928 กก. 2.3 น�้ำหนกั กดพ้นื ดิน 5 ฟตุ ปอนด์/ตารางนว้ิ 3. ขีดความสามารถ - ระยะห่างใต้ท้องรถ 0.35 เมตร - ข้ามเครอ่ื งกดี ขวางทางดง่ิ 0.50 เมตร - ข้ามคกู ว้าง 2.06 เมตร - ไต่ลาด 60 เปอร์เซ็นต์ 18 เหลา่ ทหารมา้ 4. เครื่องทัศนะ ผ้บู งั คับรถ - กล้องตรวจการณ์หมายเลข 71 MK 1 มกี ำ� ลงั ขยาย 10 เท่า และ 1 เท่า - กลอ้ งตรวจการณ์ AV หมายเลข 43 หรอื 48 MK 3 จำ� นวน 7 กลอ้ ง รอบป้อมปืน มีก�ำลังขยาย 1 เท่า พลยงิ - ศูนย์เล็งชนิดกล้องตรวจการณ์ (เวลากลางวัน) AV หมายเลข 54 MK 1 หรอื L 20 มีก�ำลังขยาย 10 เท่า และ 1 เท่า - กล้องตรวจการณ์หมายเลข 43 จ�ำนวน 2 กล้อง มีกำ� ลังขยาย 1 เท่า - ศูนย์เล็งชนิดกล้องตรวจการณ์ (เวลากลางคืน) AV II L5 A1. มกี �ำลังขยาย 5.8 เท่า พลขับ - กล้องตรวจการณ์ (เวลากลางวัน) AV หมายเลข 44 MK 2 - กล้องตรวจการณ์ (เวลากลางคนื ) AV II L5 A1

5. เคร่อื งควบคมุ การใช้ป้อมปนื 5.1 การหมุนป้อมปืน มี 2 ระบบ - หมนุ ด้วยมอื มี 2 ความเรว็ (ความเร็วสงู และความเร็วต่�ำ) - หมนุ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (มบี างคนั ) 5.2 การให้ทางสงู - ให้ทางสงู ด้วยมือ 6. อาวุธ 6.1 อาวุธหลกั ปืนใหญ่ขนาด 76 มม. L23 A 1 - มุมยกของปืน +600 มลิ เลียม - มมุ กดของปืน -180 มลิ เลียม 6.2 ปืนกลร่วมแกนขนาด 7.62 มม. L43 A1 6.3 จ�ำนวนกระสนุ บรรทุกบนรถ 6.3.1 กระสนุ ปืนใหญ่ ขนาด 76 มม. 40 นัด เห ่ลาทหาร ้มา 19 - กระสุนระเบดิ กะเทาะเกราะ (HESH) - กระสนุ ระเบิด (HE) - กระสุนควนั (WP) - กระสุนลกู ปราย (CANISTER) - กระสุนซ้อมยงิ (PRACTICE) 6.3.2 กระสุนปืนกลร่วมแกนขนาด 7.62 มม. 3,000 นดั 6.3.3 ลกู ระเบิดควนั 16 ลกู 6.3.4 ลกู ระเบิดสังหาร 6 ลกู 6.4 การทำ� ฉากควนั มีชุดเคร่อื งยงิ 2 ชดุ ชุดละ 4 ล�ำกล้อง ติดต้งั ข้างป้อมฯ 6.5 การทำ� งานของหมู่เครอื่ งล่ันไกมี 2 ระบบ 6.5.1 ลนั่ ไกดว้ ยไฟฟา้ พลยงิ มสี วติ ชล์ นั่ ไกทด่ี า้ มคนั บงั คบั เครอื่ งใหท้ างสงู 6.5.2 ล่นั ไกด้วยเชงิ กล พลยงิ ใช้เท้าซ้ายกดแผ่นล่ันไก

20 เหลา่ ทหารมา้ 7. เครื่องรับแรงถอย มี 2 ระบบ - ระบบเครื่องรบั แรงถอยใช้น้ำ� มนั - ระบบเครอ่ื งส่งปืนกลบั เข้าที่ ใช้อากาศทม่ี คี วามดันและน้�ำมัน 8. เคร่อื งตัง้ มุมยิงประจ�ำ ปืน QFC. NO.16 MK 1 9. เคร่ืองก�ำ หนดมุมภาคทศิ แบบแรงขับด้วยเชงิ กล ปืนใหญ่ขนาด 76 มม. L23 A1 1. กลา่ วท่วั ไป ปืนใหญ่ขนาด 76 มม. พร้อมฐานติดตั้งและเครื่องเล็ง ใช้เป็นอาวุธหลักของ รถถังเบาสกอร์เปี้ยน ปืนใหญ่สามารถหมุนได้รอบตัว ให้มุมสูงได้ +600 มิลเลียม และ -180 มิลเลียม ออกแบบให้สามารถใช้ยิงด้วยกระสุนท่ีมีความเร็วต้นต่�ำและความเร็วต้น ปานกลางได้ ใช้กระสนุ ดังต่อไปน้คี อื - กระสุนระเบดิ แบบพเิ ศษ (HESH) - กระสุนระเบดิ (HE) - กระสนุ ควนั (SMOKE BE) L32 - กระสนุ ลูกปราย (CANISTER) และมีกระสุนซ้อมยงิ อกี 2 ชนดิ 2. คณุ ลกั ษณะ รายละเอยี ดและการทำ�งาน ก. ช่ือ ปืนใหญ่ขนาด 76 มม. L23 A1 ข. ขนาดกว้างปากลำ� กล้อง 76 มม. ค. ความเรว็ ต้นที่ปากล�ำกล้อง

- ความเรว็ ต้นปานกลาง 533 เมตร/วินาที - ความเรว็ ต้นต�่ำ 290 เมตร/วนิ าที ง. ระยะยิงไกลสดุ - ยิงเลง็ ตรง 2,200 เมตร - กงึ่ ยิงเลง็ ตรง 5,000 เมตร จ. การทำ� งาน - การบรรจุ ในข้ันแรกต้องเปิดเคร่อื งปิดท้ายด้วยมือ - การยงิ การลน่ั ไก กระทำ� ไดโ้ ดยลนั่ ไกดว้ ยไฟฟา้ และดว้ ยเชงิ กล (ดว้ ยเทา้ ) - การถอย เมอ่ื ทำ� การยงิ ปนื ใหญป่ นื จะถอยมาขา้ งหลงั ประมาณ 11 นวิ้ หรอื 28 ซม. - การเลกิ บรรจปุ ืนกลบั เข้าทีแ่ ท่งลูกเลือ่ นจะเปิดโดยอัตโนมัติ 3. ปืนใหญ่ เห ่ลาทหาร ้มา 21 ประกอบด้วยชน้ิ ส่วนหลัก ๆ ดงั นี้ 3.1 ล�ำกล้องปืน ล�ำกล้องปืนที่ใช้อยู่มี 3 แบบคือ แบบ L1 A1, L1 A2, L1 A3 3.2 โครงเครื่องปิดท้าย เซาะเป็นร่องเพื่อรับแท่งลูกเลื่อน เปิด-ปิดในทางด่ิง มีคันขึ้นนกอยู่ทางด้านซ้าย มตี �ำแหน่งห้ามไก ยิง และข้ึนนกได้ 3.3 ข้อต่อเครื่องรับแรงถอยยึดติดอยู่กับโครงเครื่องปิดท้ายท�ำหน้าที่เชื่อมโยง ระหว่างปืนกบั ระบบเคร่อื งรบั แรงถอย 3.4 แทง่ ลกู เลอื่ นใชเ้ ปน็ เครอื่ งปดิ ท้ายลำ� กลอ้ งปนื แทง่ ลกู เลอ่ื นจะเปดิ ออกเมอ่ื ท�ำการยิงไปแล้ว พร้อมกบั คดั ปลอกกระสนุ ระบบเครื่องรับแรงถอย 1. กล่าวน�ำ ระบบเคร่ืองรับแรงถอย ประกอบด้วย เครื่องรับแรงถอย และเครื่องส่งปืน กลบั เขา้ ทแี่ บบใชอ้ ากาศและนำ้� มนั พรอ้ มทง้ั กระบอกรบั นำ�้ มนั ชดเชย การทำ� งานของระบบ เครื่องรบั แรงถอย คอื

22 เหลา่ ทหารมา้ ก. ช่วยให้ปืนใหญ่อยู่ในต�ำแหน่งใช้ทำ� การยิงได้ทุกมมุ ยงิ ข. รบั แรงถอยของปืน ค. จ�ำกัดระยะถอยของปืน ให้มรี ะยะถอยเท่ากันทกุ มุมยิง ง. ส่งปืนกลบั เข้าท่ใี ห้อยู่ต�ำแหน่งพร้อมทำ� การยิงได้ทุกมุมยงิ 2. ลกั ษณะรายละเอยี ด ก. เคร่ืองรับแรงถอย ประกอบด้วย กระบอกเคร่ืองรับแรงถอย ซ่ึงติดต้ังอยู่ ข้างเปลปืนในตำ� แหน่งประมาณ 11 นาฬิกา มจี กุ เกลียวช่องเตมิ น�้ำมนั ตรงด้านหน้ามีท่อ น�้ำมันต่อออกไปยงั กระบอกรบั น�้ำมนั ชดเชย กระบอกเครอ่ื งรับแรงถอยภายในมลี ูกสบู และ ก้านสูบต่อออกมาทางด้านหลัง ภายในกระบอกเคร่ืองรับแรงถอยเติมด้วยน�้ำมัน OM-13 หรอื AERO SHELL FLUID-1 ข. กระบอกรับน้�ำมันชดเชย ประกอบด้วย กระบอกสูบ ติดตั้งอยู่ต�ำแหน่ง ประมาณ 1 นาฬิกาของเปลปืน ภายนอกมีจุกเติมนำ้� มันและท่อน้�ำมันต่อไปยังกระบอก เครื่องรับแรงถอย ภายในกระบอกสูบมีลูกสูบและก้านสูบต่อออกมาข้างหลังเพ่ือเป็น เครอ่ื งหมายบอกปรมิ าณน้�ำมันในเครอ่ื งรับแรงถอย ค. เครอื่ งส่งปืนกลับเข้าทแ่ี บบใช้น้�ำมนั และอากาศ ประกอบด้วย 1. กระบอกเครอ่ื งสง่ ปนื กลบั เขา้ ท่ี ตดิ ตงั้ อยปู่ ระมาณ 4 นาฬกิ าของเปลปนื ภายในมลี ูกสูบ และก้านสบู เตมิ ด้วยน้�ำมัน OM-13 หรอื AERO SHELL FLUID-1 2. กระบอกรบั อากาศและนำ�้ มนั เครอื่ งส่งปืนกลบั เข้าที่ ตดิ ตงั้ อยู่ประมาณ 7 นาฬิกาของเปลปืน ก้านสูบที่โผล่ออกมาทางด้านหลังสามารถตรวจปริมาณน�้ำมันจาก เคร่ืองหมายท่กี ้านสบู คือ N และ C/F กระบอกสบู ส่วนหลงั เตมิ นำ้� มนั OM-13 ส่วนหน้า เติมไนโตรเจน หมายเหต ุ 1. เมื่อเคร่ืองรับแรงถอยไม่ร้อนก้านวัดน�้ำมันที่กระบอกรับน�้ำมัน ชดเชยควรโผล่ออกมาประมาณ 4 1/2 นิว้ (11.4 ซม.) 2. การตรวจเครื่องส่งปืนกลับเข้าท่ี ตรวจดูความดันอากาศใน เครอ่ื งส่งปืนกลบั เข้าทีต่ ้องไม่ต่�ำกว่า 200 ปอนด์/ตร.น้วิ

เคร่ืองบงั คบั ปืน เห ่ลาทหาร ้มา 23 1. เคร่อื งให้ทางทศิ เครอื่ งใหท้ างทศิ ดว้ ยมอื ประกอบดว้ ยสว่ นส�ำคญั คอื คนั บงั คบั การหมนุ ปอ้ มปนื ด้วยมอื และหีบเฟืองเครื่องหมนุ ป้อม มี 2 ความเรว็ คอื ความเร็วสงู (ตำ� แหน่งบน) และ ความเรว็ ต�่ำ (ตำ� แหน่งล่าง) 2. เครอ่ื งให้ทางสงู เครอื่ งใหท้ างสงู ประกอบดว้ ยสว่ นสำ� คญั 2 สว่ นคอื ลอ้ ควงบงั คบั เครอ่ื งใหท้ างสงู และหมู่เฟืองเคร่อื งให้ทางสงู 3. เครอื่ งล่ันไก 3.1 เครือ่ งลนั่ ไกปืนใหญ่ขนาด 76 มม. และปืนกลร่วมแกนขนาด 7.62 มม. เป็นแบบใช้ไฟฟ้าร่วมกบั แรงกล นอกจากนัน้ ปืนใหญ่ขนาด 76 มม. ยังมีเครอื่ งลัน่ ไกแบบ ใช้แรงกลต่างหากอกี ด้วย 3.2 วงจรล่ันไกของปืนใหญ่และปืนกลร่วมแกน จะมีหีบควบคุมการยิงติดต้ัง อยบู่ นผนงั ปอ้ มปนื ทางดา้ นขวา กลอ้ งเลง็ ของพลยงิ ทห่ี บี ควบคมุ การยงิ มสี วติ ชบ์ งั คบั การยงิ 3 ตำ� แหน่ง คอื CO-AX, OFF และ MAIN เครื่องเลง็ เครอ่ื งควบคมุ การยงิ และเครอื่ งมือตรวจการณ์ 1. กลา่ วท่วั ไป 1. เคร่ืองเล็งและเคร่ืองควบคุมการยิงของรถถังสกอร์เปี้ยน ถูกออกแบบให้ พลประจำ� รถสามารถใช้ท�ำการยงิ ต่อเป้าหมายได้อย่างรวดเรว็ และแม่นย�ำ 2. เครอื่ งมือเหล่าน้ี แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคอื ก. เครือ่ งเลง็

24 เหลา่ ทหารมา้ ข. เครอื่ งควบคมุ การยิง และเคร่ืองมือตรวจการณ์ 1. เคร่อื งเล็งของ ผบ.รถ ผู้บังคับรถมีเคร่ืองเล็งแบบกล้องตรวจการณ์ แบบ AV No.71 และกล้อง ตรวจการณ์ AV No.43 และ 48 เคร่ืองเล็งสามารถหมุนทางทิศได้ข้างละ 500 มิลเลียม จากกึง่ กลางทง้ั ซ้ายและขวา 2. เครือ่ งเลง็ ของพลยิง พลยงิ มเี ครอื่ งเลง็ แบบกล้องตรวจการณ์ AV No.54 หรอื L20 และ AV No.43 อกี 2 กล้อง และมกี ล้องเล็งเวลากลางคนื AV II L3A1 อกี หนึ่งกล้อง 3. เครอื่ งกำ� หนดมุมภาค พลยิงมีเคร่ืองก�ำหนดมุมภาคแบบแรงขับด้วยเชิงกล เพื่อใช้ตั้งปืนตาม ทิศทางท่ี ผบ.รถ สั่ง 4. เครอื่ งตั้งมุมยิง เคร่ืองตั้งมุมยิง QFC. No.16 ประกอบติดอยู่ทางด้านขวาของเปลปืน ประกอบด้วย มาตราตง้ั มมุ และหลอดระดับ การใช้ ใช้วดั มุมพ้นื ท่ี และใช้ในการต้งั ปืน กลอ้ งหาระยะดว้ ยแสงเลเซอร์ L20 กล้องหาระยะด้วยแสงเลเซอร์ L20 เป็นกล้องหาระยะแบบหักศอก ออกแบบ สำ� หรับพลยิงประจำ� รถถังเบาสกอร์เปี้ยน และรถทใ่ี ช้ป้อมปืนของรถถงั สกอร์เปี้ยน การทำ�งานของกลอ้ งหาระยะด้วยแสงเลเซอร์ L20 ค�ำเตือน แสงเลเซอร์อาจท�ำอันตรายต่อดวงตาได้ จะต้องถือเสมือนว่าการ ใช้แสงเลเซอร์คือการใช้อาวุธชนิดหน่ึง ฉะน้ันจึงต้องมีความเข้มงวดในการใช้ ผู้ที่ใช้กล้อง หาระยะดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ท่ีมีความช�ำนาญโดยเฉพาะ โดยเฉพาะในเรื่องการทดสอบ และการซ่อมบ�ำรงุ

1. เปดิ สวติ ชเ์ ครื่องหาระยะ เห ่ลาทหาร ้มา 25 1.1 ตรวจสอบว่ามีการจ่ายพลังงานเข้าเคร่ือง และลั่นไกด้วยเท้า และ ตรวจสอบว่า ข้วั ต่อหน่วยบอกระยะของ ผบ.รถ ต่อเข้ากันอย่างเรยี บร้อย 1.2 ตรวจสอบว่าชุดอิเล็กทรอนิกส์และชุดเคร่ืองหาระยะต่อเข้ากันอย่าง เรยี บร้อย 1.3 สอดกุญแจและบิดไปตำ� แหน่ง “ON” จะปรากฏไฟสีแดง การประจุ แสงเลเซอร์จะต้องเป็นแบบอตั โนมตั แิ ละใช้เวลาเพียงเส้ียววนิ าที 1.4 เครอื่ งหาระยะพร้อมใช้งาน 2. การใช้เครอื่ งหาระยะ 2.1 เปิดสวิตช์เครอ่ื งหาระยะ (โดยใช้กุญแจ) 2.2 บิดสวิตช์ FIRST/LAST LOGIC ไปต�ำแหน่ง “FIRST” 2.3 เล็งให้จดุ ปรับเส้นเล็ง (MBS) ไปอยู่ก่ึงกลางของท่หี มาย 2.4 กดปุ่มยงิ เลเซอร์ หรือเหยียบสวติ ช์ล่ันไกด้วยเท้า 2.5 ระยะควรจะแสดงให้เห็นท่ีเลนส์ตาขยาย 10 เท่า คือท่ีตอนล่างของ ย่านการเหน็ และบนจอบอกระยะของ ผบ.รถ ด้วย 2.6 ถ้าปรากฏเลข “0005” แสดงว่า ก. จดุ เลง็ ทาบอยู่บนเป้าหมายถกู ต้องหรือไม่ ข. เปา้ หมายอย่ใู นระยะนอ้ ยกว่า 300 เมตร หรอื มากกว่า 9,995 เมตร ค. อกี ประการหนงึ่ แท่งแก้วกล้องเลง็ แท่งแก้วหวั กล้อง ช่องวงจรเข้า และช่องวงจรออก สะอาดเพยี งพอหรอื ไม่ 2.7 เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยและท�ำการยิงซ้�ำ เมื่อยังปรากฏเลข “0005” เช่นเดิม ควรส่งซ่อม หรือรายงานเจ้าหน้าที่ซ่อมบ�ำรุง (ปรากฏ 0005 ข้ึนบนจอแสดงว่า ยิงเลเซอร์ไปแล้ว แต่ไม่สะท้อนกลบั ) 2.8 หากตัวเลขที่แสดงในกล้องหรือบนจอบอกระยะของ ผบ.รถ มีจุด เกิดข้นึ ระหว่างตวั เลข เช่น 1.7.8.5 แสดงว่ามีเป้าหมายซ้อนกันอยู่ 2.9 ถ้าปรากฏเลข “0000” ขึ้น แสดงว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดข้ึนจึงควรหยุด การใช้งาน และรายงานส่งิ ผิดปกตไิ ปยงั เจ้าหน้าทีซ่ ่อมบ�ำรุง

26 เหลา่ ทหารมา้ 3. ในกรณีทม่ี เี ปา้ หมายซอ้ นกัน ให้ปฏบิ ัติดงั น้ี ในกรณที มี่ กี ารสะทอ้ นคลนื่ จากหลาย ๆ เปา้ หมาย ควรบดิ สวติ ชไ์ ปยงั FIRST PULSE LOGIC และทำ� การยิงแสงเลเซอร์ใหม่ 3.1 บิดสวติ ช์ FIRST/LAST LOGIC ไปยังต�ำแหน่ง “FIRST” 3.2 ให้จุดปรับเส้นเล็ง (MBS) เล็งไปยงั ก่งึ กลางเป้าหมาย 3.3 ลน่ั ไกปุ่มแสงเลเซอร์ 3.4 ระยะท่ปี รากฏบนเลนส์ตาของพลยิง จะเป็นเป้าหมายแรก 3.5 บิดสวติ ช์ FIRST/LAST SWITCH ไปตำ� แหน่ง “LAST” 3.6 ยิงแสงเลเซอร์ 3.7 อ่านระยะ (ระยะนจี้ ะเป็นเป้าหมายหลงั ) 4. อัตราเร็วในการยิง 4.1 ควรจะทำ� การยิงต่อเน่ือง 1 ครง้ั /วนิ าที 4.2 ระยะยิงทป่ี รากฏควรจะปรากฏนานประมาณ 10 วนิ าที หากทำ� การ ยงิ อกี ในเวลาเดยี วกัน ระยะท่ไี ด้ใหม่จะปรากฏขน้ึ ทนั ที เคร่ืองยงิ ลกู ระเบดิ ควนั 1. กลา่ วท่วั ไป ทด่ี า้ นหนา้ ทงั้ สองขา้ งของปอ้ มปนื มเี ครอ่ื งยงิ ลกู ระเบดิ ควนั ตดิ ตง้ั อยขู่ า้ งละ 1 ชดุ เมื่อท�ำการยิงออกไป ลูกระเบิดจะกระจายออกเต็มกว้างด้านหน้ารถเมื่อทำ� การยิงทั้งสอง ชดุ พรอ้ มกนั การยงิ ลกู ระเบดิ ใชก้ ารบงั คบั ดว้ ยไฟฟา้ โดยมสี วติ ชแ์ บบกดจากภายในปอ้ มปนื 2. ความมุง่ หมาย ความมุ่งหมายของการใช้ลูกระเบิดควันน้ีเพ่ือท�ำฉากควันก�ำบังตนเองในระยะ ใกล้และในเวลาจำ� กดั ตวั อย่างเช่น ต่อต้านการจู่โจมของข้าศกึ ในระยะใกล้ หรอื จะทำ� การ ถอนตวั เม่อื ถูกข้าศึกกดดนั

3. ลกู ระเบิดยงิ เห ่ลาทหาร ้มา 27 ลกู ระเบดิ ยิงมอี ยู่ด้วยกัน 3 ชนดิ คือ L5 ควันสขี าว L7 ควันสเี ขยี ว และ L8 ฟอสฟอรัส L5 ยิงได้ไกล 60 เมตร ท�ำควันได้นาน 90 วินาที L7 ยงิ ได้ไกล 60 เมตร ท�ำควนั ได้นาน 90 วนิ าที L8 ยงิ ได้ไกล 25 เมตร ท�ำควันได้นาน 1 นาที การหลอ่ ล่นื ปอ้ มปนื ถ.เบา 21 วัสดุที่ใช้ในการหล่อลื่นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดใช้ในการหล่อล่ืน ไม่เหมือนกนั รวมถึงอุณหภูมทิ ี่แตกต่างกันไป ฉะน้นั จึงต้องเลือกใช้นำ้� มนั ทท่ี �ำการหล่อล่นื ให้ถูกต้อง 1. ชนิดของน�ำ้ มันหลอ่ ลื่น ได้แก่ OM-13 ใช้ในระบบเครอ่ื งรับแรงถอยปืนใหญ่รถถังขนาด 76 มม. OMD-75 เป็นน�้ำมนั แร่ ใช้ทำ� ความสะอาดและหล่อลื่น OX-18 ใช้หล่อลืน่ ปืนกลขนาด 7.62 มม. 2. ชนิดของไขขน้ ได้แก่ XG-264 ไขข้นแกรไฟท์ ใช้หล่อล่ืนรองล�ำกล้องปืนใหญ่ XG-279 ไขข้นใช้งานทว่ั ไป XG-315 ไขข้นซลิ ิโคน ใช้หล่อล่ืนโลหะท่พี ื้นผวิ ด้าน (ไม่ได้ขดั มนั ) 3. ชนดิ ของน�้ำยาป้องกันสนมิ ได้แก่ PX-4 ใช้หล่อลืน่ ป้องกันสนมิ ในระยะเวลาส้นั ๆ PX-7 ไขข้นทาอปุ กรณ์เก็บเข้าคลงั

ปืนกล L 43 A1 ขนาด 7.62 มม. หลกั ฐานอา้ งองิ คมู่ อื การใชแ้ ละการปรนนบิ ตั บิ ำ� รงุ อาวธุ ถ.เบา 21 (สกอรเ์ ปย้ี น) 1. กลา่ วทัว่ ไป ปืนกล L 43 A1 ขนาด 7.62 มม. เป็นปืนกลตระกูล FN ติดต้ังเป็นปืนกล ร่วมแกนในรถถงั เบา 21 (Scorpion) 28 เหลา่ ทหารมา้ 2. คุณลักษณะ อนั หนึ่ง 2.1 ท�ำงานด้วยแก๊ส 2.2 ระบบการทำ� งานของปืนเป็นแบบอตั โนมตั ิ 2.3 มอี ตั ราในการยงิ สงู ระบายความร้อนด้วยอากาศ 2.4 การถอดประกอบง่ายและรวดเรว็ 2.5 ป้อนกระสุนด้วยสายกระสนุ 2.6 ยิงจากหน้าลูกเลื่อนเปิด ซ่ึงนับว่าเป็นลักษณะให้ความปลอดภัยของปืน 3. มาตราทาน 3.1 ขนาดกว้างปากลำ� กล้อง 7.62 มม. 3.2 เกลยี วภายในลำ� กล้อง 4 เกลยี ว เวียนขวา 3.3 ความเร็วต้นทป่ี ากล�ำกล้อง 850 เมตร/วนิ าที 3.4 ระยะยิงไกลสดุ (ขน้ึ อยู่กบั มาตรา) 2,000 เมตร 3.5 อัตราการยงิ 750 นดั /นาที (เมอ่ื จดั แกส๊ รทู ี่ 2) 3.6 ความยาวของปืน 1,041 มม. (41 น้ิว) 3.7 นำ�้ หนกั ปืน 10.43 กก. (23 ปอนด์) 3.8 นำ้� หนักลำ� กล้อง 2.6 กก. (5 3/4 ปอนด์) 3.9 ลำ� กล้องยาว 629 มม. (24.75 นวิ้ )

4. สว่ นประกอบหลัก เห ่ลาทหาร ้มา 29 ก. ปืนกล L 43 A1 ประกอบด้วยชน้ิ ส่วนหลกั ดังนี้ 1. ห้องลูกเลอื่ น (โครงปืน) 2. หมู่ลำ� กล้อง 3. หมู่เคร่อื งรบั แรงถอย (เครื่องรบั แรงกระแทก) 4. หมเู่ ครอื่ งลนั่ ไก และเครอ่ื งแมเ่ หลก็ ลน่ั ไก (เครอ่ื งลน่ั ไกดว้ ยไฟฟา้ L 1 A1) ข. หมายเลข ทกุ กระบอกมีหมายเลขประทบั ไว้ที่ช้นิ ส่วนใหญ่ 3 ชิ้นส่วน คือ 1. ตวั ปืน (ห้องลกู เลอ่ื น) ด้านซ้าย 2. ลำ� กล้อง ด้านขวาหน้ากลอนยึดลำ� กล้อง 3. แท่งลกู เล่อื น ด้านขวา หมายเหตุ เมื่อประกอบปืน โดยเฉพาะอย่างย่ิงเม่ือใช้ปืนร่วมกันหลาย กระบอกต้องตรวจให้หมายเลขตรงกนั อย่าให้สับปืน หากไม่ระมัดระวงั อาจเป็นเหตุให้เกิด การช�ำรุดเสยี หาย บาดเจบ็ และอนั ตราย 5. การใช้งาน 5.1 ก่งึ บรรจุ - ส่วนเคล่ือนที่อยู่หน้าสุด และเหล็กกดเหล็กยึดกระสุน (แผ่นปลดสาย กระสุน) อยู่ทางซ้ายมอื - เปิดฝาปิดห้องลูกเลื่อนวางสายกระสุนบนถาดป้อนกระสุน ให้กระสุน นดั แรกชดิ เหล็กกันกระสนุ - จับสายกระสนุ ให้อยู่กบั ท่แี ล้วปิดฝาปิดห้องลกู เล่อื น 5.2 การบรรจุจากกึ่งบรรจุ ดึงคันร้ังลูกเลื่อนมาข้างหลังจนสุดเพ่ือขึ้นนก ห้ามไกแล้วปล่อยคนั รัง้ ลูกเลอ่ื น 5.3 การเลกิ บรรจุ - ดงึ คนั รั้งลูกเล่อื นมาข้างหลงั จนสุดเพอ่ื ขึ้นนก - ห้ามไกแล้วปล่อยคนั ร้งั ลูกเล่อื น - เปิดฝาปิดห้องลูกเล่อื น น�ำกระสุนและสายกระสุนออก

30 เหลา่ ทหารมา้ - ยกถาดปอ้ นกระสนุ ขนึ้ และตรวจรงั เพลงิ หนา้ ลกู เลอ่ื น และหอ้ งลกู เลอ่ื น ว่าไม่มกี ระสุน - ลดถาดป้อนกระสุนและปิดฝาปิดห้องลกู เลื่อน - ปลดหา้ มไกและดงึ คนั รง้ั ลกู เลอื่ นมาขา้ งหลงั สดุ เหนยี่ วไกแลว้ ผอ่ นคนั รง้ั ให้ส่วนเคลอ่ื นทไ่ี ปข้างหน้า 6. การถอดแบบปกติ สามารถถอดแยกเป็นส่วนใหญ่ ๆ ดังน้ี (ให้ตรวจความปลอดภัยของปืน เสยี ก่อน ในข้อ 5.3) 6.1 หมู่ล�ำกล้อง 6.2 ปลอกจัดแก๊ส 6.3 เครื่องลั่นไก 6.4 เคร่ืองรบั แรงกระแทก 6.5 แหนบส่งลกู เลื่อน 6.6 ลกู เลื่อน 6.7 ลกู สบู 6.8 เหลก็ รงั้ กระสุน 6.9 เคร่ืองป้อนกระสุน 7. การประกอบ ให้ท�ำกลับกันกบั การถอด 8. การทดสอบ การทดสอบ 8 ประการ เพอื่ เป็นการทดสอบว่าปืนท�ำงานได้ถกู ต้องก่อนทีจ่ ะใช้ ปืนท�ำการยิงต้องทดสอบตามวธิ ีดงั กล่าวต่อไปน้ี 8.1 แทง่ ลกู เลอื่ น ประกอบสว่ นตา่ ง ๆ ของลกู สบู กา้ นสบู ใหส้ มบรู ณ์ แตไ่ มต่ อ้ ง ประกอบเข้ากบั ห้องลูกเลื่อน ใช้มือข้างหน่งึ จบั ก้านสูบ ใช้อกี มือดึงลูกเลือ่ นมาข้างหลังสุด เข็มแทงชนวนต้องโผล่ไปพ้นหน้าลกู เลอ่ื น

8.2 ลูกสูบ โดยยังไม่ต้องประกอบหมู่ลูกสบู เข้ากับปืน เมือ่ หมนุ ก้านสูบเบา ๆ เห ่ลาทหาร ้มา 31 ก้านสูบต้องเล่อื นตัว โดยการท�ำงานของก้านต่อก้านสูบ 8.3 ความคล่องตัวของหัวลูกสูบประกอบหมู่ลูกสูบเข้ากับตัวปืนโดยไม่ต้อง ประกอบแหนบส่งลูกสูบผลกั หมู่ลกู สูบไปข้างหน้าสดุ แล้วดงึ กลับ เพอื่ ตรวจความคล่องตวั ของลูกสูบทเ่ี คลอ่ื นทีภ่ ายในกระบอกสบู 8.4 เคร่ืองรบั แรงกระแทก (เหล็กปิดท้ายห้องลูกเลือ่ น) ก. ตรวจหัวเครื่องรับแรงกระแทกต้องประกอบโดยติดแน่นกับแหวนรอง และกลอนยดึ ต้องท�ำงานได้คล่อง ข. ตรวจสภาพร่องนำ� ให้เรยี บร้อย 8.5 หมู่เครอ่ื งล่นั ไก ก. เมื่อประกอบปืนเรียบร้อยแล้วขึ้นนก ห้ามไก แล้วทดลองเหนี่ยวไก ชิน้ ส่วนเคลอ่ื นที่ต้องถูกยดึ อยู่กับท่ี ข. ปลดห้ามไก แล้วทดลองเหนี่ยวไก ชิ้นส่วนเคล่ือนที่ต้องเคล่ือนไป ข้างหน้า 8.6 เครอื่ งป้อนกระสนุ เปิดฝาปิดห้องลูกเลื่อนแล้วทดสอบ ดงั ต่อไปน้ี ก. กลอนยึดฝาปิดต้องทำ� งานได้โดยมีแรงดันของแหนบ ข. แหนบคันเลือ่ นสายกระสนุ ดนั ต่อคนั เล่อื น ค. แหนบคนั เล่อื นสายกระสนุ เข้าท่เี รียบร้อย ง. เมอ่ื เลอ่ื นเหลก็ ปอ้ นกระสนุ คนั เลอ่ื นสายกระสนุ ตอ้ งเลอื่ นไปตามจงั หวะ จ. แหนบเหลก็ ป้อนกระสุนใช้การได้และดนั ต่อเหลก็ ป้อนกระสุน ฉ. แหนบเหลก็ น�ำและเหลก็ ปลดกระสุนใช้การได้ดี ช. ลาดบังคับหัวกระสุน ร่องกระสุน เหล็กกันกระสุน ถาดป้อนกระสุน ต้องยึดแน่น ไม่มรี อยช�ำรดุ หรือเยนิ ซ. ลกู กลงิ้ บงั คบั เลอื่ นสายกระสนุ ตดิ กบั ลกู เลอื่ นแนน่ และแหนบใชก้ ารได้ 8.7 กระบอกจัดแก๊ส ถอดล�ำกล้องออกตรวจดูว่ากระบอกจัดแก๊สไว้ที่รู หมายเลข 2 สลกั จดั แก๊สขันติดแน่น 8.8 ปลอกลดแสง ตรวจดูปลอกลดแสง ต้องประกอบติดแน่นมแี หวนรองและ ยำ�้ ติดแน่น

9. การท�ำ งาน มีทัง้ หมด 8 ข้นั ตอนเหมอื นปืนกลทว่ั ไป มปี ลอกจดั แก๊สควบคมุ อัตราความเรว็ ในการยิงปกติจัดไว้ท่ีช่องหมายเลข 2 เม่ือปล่อยไกปืนจะหยุดยิง โดยลูกเลื่อนค้างอยู่ ข้างหลงั และจะไม่มลี กู กระสนุ ค้างอยู่ในรงั เพลงิ 10. การแก้ไขเหตตุ ิดขดั ทันทีทันใด เมื่อกระสุนไม่ล่ันให้ขึ้นนกใหม่แล้วยิงไปอีก ถ้าไม่สามารถขึ้นนกได้ ก็ให้ดึง คนั รงั้ มาเท่าทดี่ งึ มาได้แล้วอยา่ ปลอ่ ยคนั รง้ั กลบั ไปขา้ งหน้า ทง้ั นเ้ี พอ่ื คน้ หาสาเหตแุ ละแก้ไข ต่อไป 11. การปรนนิบัติบำ�รุง 11.1 ก่อนการยงิ เช็ดชิน้ ส่วนต่อไปน้ีให้แห้งคอื - ภายในลำ� กล้องและรงั เพลิง - ปลอกลดแสง 32 เหลา่ ทหารมา้ - ในกระบอกสบู และปลอกจดั แก๊ส - หน้าลูกเลอ่ื น - ลกู สูบ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ตรวจหวั ลกู สูบ และระหว่างแหวนลกู สบู 11.2 ระหวา่ งการยงิ เมอ่ื มโี อกาส ในระหวา่ งทม่ี กี ารพกั การยงิ ใหเ้ ปดิ ฝาปดิ หอ้ ง ลกู เลอื่ น หยอดนำ�้ มนั ลน่ั หลอ่ ลน่ื ประมาณ 2 - 3 หยด ทกี่ ลอนลกู เลอ่ื น ขอ้ ตอ่ กลอนลกู เลอื่ น และลาดกลอนท่ขี ้อต่อกลอนลูกเลอ่ื น 11.3 ภายหลังการยิง ท�ำความสะอาดภายในล�ำกล้อง รังเพลิง กระบอกสูบ และส่วนท่ีถูกแก๊สให้สะอาด ตรวจสภาพแล้วชโลมน้�ำมันโดยปฏิบัติดังกล่าวติดต่อกัน ไม่น้อยกว่า 5 วนั (วนั ละ 1 ครั้ง) 12. กระสนุ ใช้กระสนุ ขนาด 7.62 x 51 มม. ของ ทบ.ไทย และกลุ่มนาโต้ เช่นเดยี วกบั ปก. M60, M240, MG3 และ ปก .38 ขนาด 7.62 มม. แบบ MAG58 M240G

กระสุนปืนใหญข่ นาด 76 มม. ถ.เบา 21 เห ่ลาทหาร ้มา 33 1. กลา่ วน�ำ กระสนุ ปืนใหญ่ขนาด 76 มม. ถ.เบา 21 เป็นแบบกระสุนรวม มีคลปิ รองทาง จานท้าย เพ่อื ป้องกนั ชนวนท้ายปลอกกระสุน 2. ชนดิ กระสนุ 2.1 กระสุนระเบดิ กะเทาะเกราะ (HESH L 29) - ตัวลกู กระสนุ บรรจุดนิ ระเบดิ RDX - ชนวนลูกกระสนุ เป็นแบบชนวนท้าย - ตัวลูกกระสนุ พ่นสดี �ำ หัวลูกกระสนุ พ่นสีเหลอื ง เครอ่ื งหมายและอกั ษร สที อง - ใช้ยิงแทนกระสนุ ระเบิด จะเกิดแรงผลกั ดนั และมสี ะเก็ดระเบิด - ใช้ต่อสู้ยานเกราะ - ระยะยิง (เลง็ ตรง) 2,200 เมตร - ระยะยงิ (กง่ึ เลง็ ตรง) 5,000 เมตร 2.2 กระสุนฝึกยงิ ระเบดิ กะเทาะเกราะ (PRAC SH L 40) - รูปร่าง ขนาด นำ�้ หนกั เหมือนกับกระสนุ ระเบดิ กะเทาะเกราะ - ใช้ฝึกยงิ แทนกระสนุ ระเบดิ กะเทาะเกราะ - ตัวลูกกระสนุ เป็นเหล็กตนั - ตัวลูกกระสนุ พ่นสฟี ้าเข้ม เครอ่ื งหมายและอกั ษรสขี าว - ระยะยิง (เลง็ ตรง) 2,200 เมตร - ระยะยงิ (ก่งึ ยิงเล็งตรง) 5,000 เมตร 2.3 กระสุนระเบดิ (HE L 24) - ตวั ลกู กระสนุ บรรจดุ ินระเบิด RDX/TNT - ชนวนลกู กระสุน เป็นแบบชนวนหวั - ตวั ลูกกระสนุ พ่นสีบรอนซ์ เคร่อื งหมายและอกั ษรสเี หลอื ง - ใช้ต่อสู้ยานยนต์ไม่หุ้มเกราะ หรอื หน่วยทหารเป็นกลุ่มก้อน

34 เหลา่ ทหารมา้ - ระยะยิง (เลง็ ตรง) 2,200 เมตร - ระยะยงิ (ก่งึ เลง็ ตรง) 5,000 เมตร 2.4 กระสุนฝึกยงิ ระเบิด (PRAC HE L 25) - รูปร่าง ขนาด นำ้� หนัก เหมือนกับกระสนุ ระเบิด - ใช้ฝึกยงิ แทนกระสนุ ระเบดิ - ภายในบรรจวุ ตั ถุแทนดนิ ระเบดิ - ตัวลกู กระสนุ พ่นสฟี ้าเข้ม เครือ่ งหมายและอักษรสขี าว - ระยะยงิ (เลง็ ตรง) 2,200 เมตร - ระยะยิง (กง่ึ เลง็ ตรง) 5,000 เมตร 2.5 กระสนุ ควนั (SMOKE BE L 32) - มกี ระปกุ ควนั 3 กระปุก ขับออกทางซ้าย - วัตถทุ �ำควัน COMPOSITION - ใช้ชนวนหวั ตงั้ เวลา หมายเลข 390 - ใช้กญุ แจตง้ั เวลาตามระยะยิง - ตวั ลกู กระสนุ พ่นสีตะกัว่ เคร่ืองหมายและอักษรสีน้�ำตาล - ระยะยงิ ไกลสุด 3,700 เมตร 2.6 กระสุนลกู ปราย (CANISTER L 33) - ตวั ลกู กระสนุ ทรงกระบอก - ภายในบรรจุลกู ปราย 800 ลกู - ใช้ต่อสู้หน่วยทหารในระยะใกล้ - ตัวลูกกระสนุ พ่นสเี ขียวบรอนซ์ เครอื่ งหมายและอกั ษรสขี าว - ระยะยิงหวงั ผล 150 เมตร 2.7 กระสุนซ้อมรบ (BLANK L 1, L 2) - ใช้ส�ำหรับซ้อมรบ เกดิ เสียงดัง - ใช้ยิงสลตุ - ภายในบรรจุดนิ ปืน G-12 2.8 กระสนุ ระเบดิ กะเทาะเกราะ (HESH-T NR 503) - นำ�้ หนกั 7.6 กก.

- ความยาว 59.1 ซม. เห ่ลาทหาร ้มา 35 - ความเรว็ ต้น 800 เมตร/นาที - ระยะยงิ หวงั ผลไกลสดุ (เลง็ ตรง) 2,200 เมตร - ระยะศนู ย์รบ 800 เมตร 2.9 กระสุนระเบิด (HE-T NR 501) - นำ�้ หนกั 8.3 กก. - ความยาว 63.5 ซม. - ความเรว็ ต้น 700 เมตร/วนิ าที - ระยะยิงหวงั ผลไกลสดุ (เลง็ ตรง) 2,200 เมตร - ระยะศนู ย์รบ 800 เมตร 2.10 กระสนุ ควนั (SMOKE PHOSPHORUS NR 502) - นำ�้ หนกั 8.6 กก. - ความยาว 63.5 ซม. - ความเรว็ ต้น 690 เมตร/วนิ าที - ระยะยงิ หวงั ผลไกลสุด (เล็งตรง) 2,200 เมตร - ระยะศนู ย์รบ 800 เมตร 2.11 กระสนุ ลกู ปราย (CANISTER ANTIPERSONEL NR 125) - นำ�้ หนกั 6.15 กก. - ความเรว็ ต้น 520 เมตร/วนิ าที - ระยะยิงหวงั ผลไกลสดุ 300 เมตร - ลูกปรายจำ� นวน 1,400 ลูก หมายเหตุ กระสนุ ท่พี ัฒนาเมอ่ื ค.ศ. 1980 คอื 2.12 กระสุนระเบิดสงั หารบุคคลชนดิ สะเกด็ ระเบดิ (HE--APERFRAG NR 29) - นำ้� หนกั 10.6 กก. - ความยาว 64.2 ซม. - ความเรว็ ต้น 320 เมตร/วนิ าที - ระยะยิงหวงั ผล (เล็งตรง) 1,000 เมตร - ระยะยงิ ไกลสุด (ยกปืน 30 องศา) 6,000 เมตร

36 เหลา่ ทหารมา้ บทที่ การปฏบิ ัติการยทุ ธ์ของทหารม้า 1. กลา่ วท่ัวไป หลักมูลฐานในการปฏิบัติการยุทธ์ของทหารม้าน้ัน กระท�ำโดยใช้การยิง และการด�ำเนินกลยุทธ์ ด้วยการประกอบก�ำลัง และควบคุมก�ำลังรบส่วนใหญ่ในอันที่ จะสามารถก่อให้เกดิ การปฏบิ ัตอิ ันทรงพลังและรนุ แรง ณ เวลาและตำ� บลทท่ี ่จี ะก่อให้ เกดิ ผลแตกหกั ผ้บู งั คบั บญั ชาจะตอ้ งใช้คณุ ลกั ษณะและขดี ความสามารถของทหารม้า อย่างสูงสุด และต้องด�ำรงความมุ่งหมายท่ีจะใช้ตามบทบาทในรูปการรวมกำ� ลังอย่าง เป็นปึกแผ่น ซึ่งจะท�ำให้มีอ�ำนาจก�ำลังรบสงู สุดอยู่ในก�ำมือ เพ่ือเข้าเผชิญกับข้าศึกซ่ึง จะทำ� ใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ ตามภารกจิ ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย และพรอ้ มทจ่ี ะตอบโตไ้ ดโ้ ดยพลนั แตส่ ถานการณท์ ผ่ี นั แปรไปการปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธข์ องทหารมา้ นนั้ จะตอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเชงิ รกุ อยู่ร�่ำไปด้วยความรนุ แรง และหวงั ผลแตกหกั เสมอ 2. ทหารมา้ ในการยทุ ธด์ ้วยวิธีรุก ทหารม้าเป็นก�ำลังยุทธวิธีท่ีใช้ตัดสินการรบ สามารถเข้าตีเหนือระยะทาง ท่กี ว้างไกล และใช้กำ� ลังเข้าทำ� การรบได้อย่างฉับพลนั ทั้งจากรปู ขบวนเดนิ และจากที่ การวางกำ� ลงั ด้วยความรนุ แรงทดั เทยี มกนั บทบาทของทหารม้ากำ� หนดข้ึนในลักษณะ

ใช้ท�ำการรบด้วยวิธีรุกเป็นหลัก ดังน้ัน ความส�ำคัญของความส�ำเร็จในการปฏิบัติการรบ เห ่ลาทหาร ้มา 37 ของทหารมา้ คอื การปฏบิ ตั กิ ารรกุ ถงึ แมเ้ มอ่ื จำ� เปน็ ตอ้ งทำ� การตง้ั รบั ผบู้ งั คบั หนว่ ยทหารมา้ สามารถปฏบิ ัติภารกจิ ให้บรรลผุ ลส�ำเร็จได้ดีที่สดุ ด้วยการใช้กลยุทธ์รกุ การยทุ ธด์ ว้ ยวธิ รี กุ มคี วามมงุ่ หมาย 3 ประการ คอื คน้ หาและทำ� ลายกำ� ลงั ขา้ ศกึ บีบบังคับให้ข้าศึกเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา, ยึดพ้ืนที่หรือภูมิประเทศซ่ึง มีความสำ� คญั ในการปฏบิ ตั ิการรบต่อไป การปฏบิ ัตกิ ารรกุ ในสนามรบทำ� ให้ผู้บังคับบัญชา ใช้ความริเร่ิมให้ได้เปรียบ แสวงหาโอกาส หรือขยายผลจากสถานการณ์เกื้อกูล ซ่ึงความ มุ่งหมายนี้จะกระท�ำให้ส�ำเร็จได้โดยง่าย โดยผู้บังคับบัญชาจะเลือกเข้าตีต่อท่ีหมาย ภูมิประเทศส�ำคัญปมคมนาคมส�ำคัญ หรือในบางครั้งอาจเป็นการปฏิบัติการไล่ติดตาม กำ� ลงั รบหลกั ของขา้ ศกึ ทหี่ มายทก่ี ำ� หนดขน้ึ จะเปน็ พนื้ ฐานในการเตรยี มการวางแผนอยา่ งดี ทส่ี ดุ ทง้ั ของผบู้ งั คบั บญั ชา และของหนว่ ยรอง ดงั นน้ั ทหี่ มายจงึ เปน็ จดุ รวมแหง่ ความพยายาม ของหน่วยเข้าตที ุกหน่วยท่มี ุ่งกระท�ำตามคำ� ส่ังท่ไี ด้รบั มอบ หลกั ปรชั ญาของทหารมา้ คอื ปฏบิ ตั กิ ารดว้ ยความกลา้ หาญ รกุ รบใชป้ ระโยชน์ สงู สุดจากความคล่องแคล่วในการเคล่ือนที,่ อำ� นาจการยงิ และอำ� นาจการท�ำลายข่มขวญั เพอื่ เพม่ิ ผลการปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ โดยสญู เสยี ก�ำลงั นอ้ ยทส่ี ดุ ทหารมา้ จะตอ้ ง วางแผนอย่างห้าวหาญแต่ละเอียดรอบคอบ และปฏิบัติตามแผนเข้าตีด้วยความรุนแรง แผนในการปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธด์ ว้ ยวธิ รี กุ ของทหารมา้ จะเกยี่ วพนั ครอบคลมุ พน้ื ทอี่ ยา่ งกวา้ งขวาง ท�ำให้ต้องใช้ความระมัดระวังเร่ืองจังหวะเวลา และจำ� เป็นอย่างย่ิงที่จะต้องวางแผนอย่าง ละเอียดส�ำหรับหน่วยสนับสนุนทางการช่วยรบ ผู้บังคับบัญชาจะต้องเชื่อมั่นว่าการเข้าตี ของหนว่ ยรองไดม้ กี ารประสานกนั อยา่ งดี และมสี ว่ นชว่ ยใหบ้ รรลภุ ารกจิ โดยผบู้ งั คบั บญั ชา มอบหมายกิจเฉพาะ, แบ่งมอบอ�ำนาจก�ำลังรบ และก�ำหนดมาตรการควบคุมตามความ จ�ำเป็นในการวางแผน ผู้บังคับบัญชาจะต้องน�ำคุณลักษณะของหน่วยทหารม้ามาใช้ให้ เกิดความได้เปรียบสูงสุด เพื่อมั่นใจว่าได้รวมอ�ำนาจก�ำลังรบสูงสุด ณ เวลาและพื้นท่ี การรบแตกหกั อำ� นาจกำ� ลงั รบซง่ึ ใชต้ อ่ สกู้ บั ขา้ ศกึ นี้ กระทำ� ใหส้ ำ� เรจ็ ไดโ้ ดยจดั กำ� ลงั ผสมเหลา่ ทม่ี คี วามคลอ่ งแคลว่ ในการเคลอ่ื นที่ การเขา้ ตจี ะเปน็ การรวมยานรบเขา้ ดว้ ยกนั ซง่ึ จะทำ� ให้ บรรลุผลส�ำเร็จได้ก�ำลังรบน้ีจะประกอบด้วย หน่วยสนับสนุนการรบ และหน่วยสนับสนุน ทางการช่วยรบ

38 เหลา่ ทหารมา้ หน่วยทหารม้าจะท�ำการเข้าตีโดยใช้การยิงและการด�ำเนนิ กลยุทธ์ การยงิ และ การด�ำเนนิ กลยทุ ธ์จะกระท�ำให้สำ� เร็จได้โดยฐานยงิ และส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ ฐานยิงจะตรงึ ข้าศึกให้อยู่กับที่ และตัดรอนท�ำลายอาวุธยิงของข้าศึก เพื่อให้ส่วนด�ำเนินกลยุทธ์มีเสรี ในการปฏบิ ตั ิฐานยิงประกอบด้วย เคร่ืองยงิ ลกู ระเบดิ ในอัตรา ปืนใหญ่ในอัตรา หรือท่ีมา สนับสนุนในบางสถานการณ์ รวมถึงหน่วยบินทางยุทธวิธี และอาจมีปืนใหญ่เข้าร่วมด้วย รถถังเป็นอาวุธโจมตีจะไม่รวมส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ มีภารกิจเข้าประชิดและท�ำลายข้าศึก ก�ำลังรบสูงสุดจะให้กับส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ และเม่ือไรก็ตามเม่ือสามารถกระท�ำได้ ส่วน ด�ำเนินกลยุทธ์ควรเป็นกำ� ลังผสมระหว่างรถถัง และทหารม้าบรรทุกยานเกราะ หรือทหาร ราบยานยนต์ อาจจะต้องมีแผนเพ่ือท�ำการขยายผลได้ทันทีเม่ือมีความได้เปรียบระหว่าง การเขา้ ตี จงึ จำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งมหี นว่ ยกำ� ลงั รบสำ� หรบั ผบู้ งั คบั บญั ชา สามารถใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการขยายแห่งความสำ� เรจ็ เมอ่ื ใดก็ตามท่ีมีโอกาสจะปฏิบตั กิ ารแตกหักเกดิ ขน้ึ ผู้บังคบั บัญชาจะต้องใช้อ�ำนาจก�ำลังรบทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อตัดสินการรบ ความผิดพลาดใด ๆ ใน ส่วนของผู้บังคับบัญชาท่ีไม่ฉวยโอกาสอาจท�ำให้การเข้าตีช้าลง และการรบต้องยืดเย้ือ ซงึ่ จะต้องประสบความสญู เสยี อย่างใหญ่หลวง อ�ำนาจการท�ำลายข่มขวัญจะไม่เกิดขึ้น ถ้าปราศจากการปฏิบัติท่ีรุนแรง เม่ือ การเขา้ ตเี รมิ่ ตน้ ขน้ึ หนว่ ยทหารมา้ จะเขา้ ยดึ ทหี่ มายอยา่ งรวดเรว็ โดยใชค้ วามรวดเรว็ รนุ แรง และห้าวหาญ จากกำ� ลังพล ยานรบ และก�ำลงั ยงิ ใช้ความพยายามสงู สุดเพ่ือบดขยี้ ฆ่า และทำ� ลายล้างก�ำลังข้าศกึ ในการปะทะ ขดั ขวาง ตัดรอน การสนบั สนุน และการเพม่ิ เตมิ ก�ำลังของข้าศกึ น้คี ือ อ�ำนาจการทำ� ลายและข่มขวญั อ�ำนาจการยิงทีเ่ หนือกว่าจากฐานยิง และอ�ำนาจการยิงเฉพาะต�ำบลที่เหนือกว่า โดยส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ต้ังแต่เร่ิมต้นจนตลอด การเข้าตี ท�ำให้เกดิ เสรใี นการปฏบิ ัตแิ ก่ส่วนด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ โดยมหี ลักการสูญเสียน้อยกว่า ที่ก�ำหนด ส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ที่เข้าตีจะขยายผลจากการยิงของฐานยิง เพื่อหลีกเลี่ยงการ สญู เสยี มากเกนิ ควร และเข้าประชดิ ท�ำลายข้าศกึ โดยการเข้าตะลุมบอน หลักนยิ มของทหารมา้ ในการยทุ ธ์ดว้ ยวธิ รี กุ ทหารม้าโดยกำ� เนิดมีลักษณะพ้ืนฐานเพ่ือปฏิบัติการรุกเป็นหลัก ทหารม้าต้อง ปฏิบัตกิ ารอย่างห้าวหาญ รุกรบด้วยความรวดเรว็ โดยใช้ความคล่องแคล่วในการเคลือ่ นที่

อ�ำนาจการยิง และอ�ำนาจการท�ำลายข่มขวัญสูงสุด หวังผลแตกหักเพ่ือตัดสินการรบ เห ่ลาทหาร ้มา 39 ในสมรภูมิท่ีกว้างไกล และอาจลึกเข้าไปในดินแดนของข้าศึก ทหารม้าจึงมีหลักนิยม ในการรบด้วยวธิ รี ุก ดังน้ี หน่วยทหารม้า ใช้การยิงและการด�ำเนินกลยุทธ์ในการเข้าตีเพื่อเข้าข่มและ ท�ำลายล้างข้าศึก เพื่อเข้าควบคุมภูมิประเทศ หรือเพ่ือเข้ารบกวนต่อพื้นที่ส่วนหลังของ ข้าศึก ทหารม้าต้องวางแผนการรบอย่างห้าวหาญและถ่ถี ้วน และเข้าตอี ย่างรวดเร็วรนุ แรง ท้ังนี้เพ่ือให้เกิดอ�ำนาจการท�ำลายและข่มขวัญสูงสุด ในการเข้าท�ำลายล้างข้าศึก รวมท้ัง อาวุธยุทโธปกรณ์และเจตจำ� นงในอันท่ีจะต่อสู้ของข้าศึกด้วย ความรนุ แรงดังกล่าวนี้จะก่อ ให้เกดิ ผลสำ� เร็จได้โดยทำ� ให้ข้าศกึ ต้องอ่อนก�ำลังลงจนถงึ ณ จุดจดุ หนง่ึ ซึง่ ข้าศึกจะไม่อาจ ต้านทานการเข้าตตี ่อไป ผู้บังคับหน่วยทหารม้า จะใช้ปืนใหญ่ป้องกันภัยทางอากาศ และก�ำลังทาง อากาศ ท่ีได้รับการแบ่งมอบในบทบาทท่ีไม่เพียงแต่เข้าคุมที่หมายและขยายขอบเขตแห่ง อ�ำนาจออกไปเท่านน้ั แต่จะต้องใช้กำ� ลงั เหล่านเี้ พ่ือป้องกนั หน่วยที่ปฏบิ ตั กิ ารเข้าตี ให้พ้น จากผลกระทบกระเทอื น อนั เน่อื งมาจากการตโี ต้ตอบทางอากาศของข้าศึกให้ได้อกี ด้วย การใช้หน่วยรบแบบกองโจรให้เข้าร่วมในการปฏิบัติการยุทธ์ของทหารม้า ให้บังเกิดผลสูงสุด ในระหว่างท่ีหน่วยทหารม้าปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุกน้ัน หน่วยทหารม้า อาจไดพ้ บหนว่ ยรบแบบกองโจรของฝา่ ยเดยี วกนั หนว่ ยรบแบบกองโจรนจ้ี ะมคี วามรเู้ กย่ี วกบั ภูมิประเทศ และข้าศึกในพื้นท่ีรับผิดชอบของตนอย่างละเอียด ฉะน้ัน จึงควรใช้หน่วยรบ แบบกองโจรเหล่าน้สี นบั สนุนการปฏบิ ัติการรกุ ของทหารม้าได้เป็นอย่างดี การใชห้ น่วยทหารม้าในการยทุ ธด์ ว้ ยวธิ รี ุก ในการรุก หน่วยทหารม้าอาจถูกใช้ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ในทุกรูปแบบของ การยทุ ธด์ ว้ ยวธิ รี กุ ไดแ้ ก่ การเคลอ่ื นทเี่ ขา้ ปะทะ การลาดตระเวนดว้ ยกำ� ลงั การเขา้ ตปี ระสาน การขยายผล และการไล่ตดิ ตาม ก. การเคลอ่ื นท่ีเขา้ ปะทะ เป็นการปฏิบัติการยทุ ธ์ด้วยวธิ รี ุก เพ่ือปะทะหรอื กลบั เขา้ ปะทะขา้ ศกึ มคี วามมงุ่ หมายเพอื่ คลค่ี ลายสถานการณแ์ ตเ่ นน่ิ เพอ่ื ใหไ้ ดเ้ ปรยี บทาง ยทุ ธวธิ ีก่อนท่จี ะเข้าปฏบิ ตั กิ ารขัน้ แตกหกั

40 เหลา่ ทหารมา้ ข. การลาดตระเวนด้วยก�ำลัง กระท�ำโดยหน่วยทหารม้าเพ่ือค้นหาและ ทดสอบ การวางก�ำลงั การประกอบก�ำลงั และขนาดของก�ำลังข้าศกึ ถงึ แม้ว่าจดุ มุ่งหมาย หลักคือการลาดตระเวน แต่หน่วยท่ีปฏิบัติการลาดตระเวนด้วยก�ำลังอาจค้นพบจุดอ่อน ในการวางกำ� ลงั ของข้าศกึ ซงึ่ ถ้าหากทำ� การขยายผลอย่างรวดเร็วจะก่อให้เกดิ ความส�ำเรจ็ ในทางยทุ ธวธิ ี การใชห้ นว่ ยทหารมา้ ลาดตระเวน และทหารม้าอากาศอยา่ งกลา้ หาญ รกุ รบ ทำ� ให้มโี อกาสสูงสดุ ในการปะทะและพสิ จู น์ทราบหน่วยข้าศกึ สามารถเข้าวางกำ� ลงั แต่เนน่ิ ทีส่ ดุ เมอ่ื มโี อกาส เพ่ือให้ข้าศกึ ติดกบั และถกู ท�ำลาย ค. การเข้าตีประสาน มีลกั ษณะเฉพาะ คอื การประสานการใช้อ�ำนาจการยงิ และการด�ำเนินกลยุทธ์โดยหน่วยทหารม้าเข้าด้วยกัน เพื่อเข้าประชิดและท�ำลายข้าศึก หรือจับเป็นเชลย การเคลื่อนท่ีเข้าปะทะและการลาดตระเวนด้วยก�ำลัง สามารถคล่ีคลาย สถานการณ์อย่างเพียงพอท่ีจะให้ผู้บังคับบัญชาใช้หน่วยของตนอย่างแตกหักในการเข้าตี ประสาน ง. การขยายผล ในการขยายผลการเข้าประจัญอย่างหนักหน่วงของหน่วย ทหารมา้ เปน็ ความพยายามทจ่ี ะตดิ ตามผลสำ� เรจ็ ทเี่ พมิ่ ขน้ึ ในการปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธด์ ว้ ยวธิ รี กุ หน่วยเข้าตีรุกคืบหน้าด้วยความเร็วสูงสุดลึกเข้าไปในพื้นที่ด้านหลังของข้าศึก เพื่อทำ� ลาย หนทางที่ข้าศึกจะจัดระเบียบการต้ังรับขึ้นใหม่ หรือเพ่ือป้องกันการถอนตัวอย่างมีระเบียบ ของข้าศึก การยิงจากอาวุธยิงสนับสนุนจะใช้เพื่อท�ำลายการต้านทานของข้าศึกตามปกติ การรบปะทะจะเกดิ ขน้ึ บอ่ ยครงั้ ในการปฏบิ ตั กิ ารรกุ ดว้ ยวธิ นี ้ี หนว่ ยทหารมา้ จะตอ้ งแสวงหา หนทางอ้อมผ่านหย่อมการต้านทาน เพ่ือตัดขบวนส่วนใหญ่ของข้าศึก ท�ำลายระบบการ ตดิ ต่อสือ่ สารส่วนสนบั สนุนและการเพิม่ เตมิ ก�ำลังของข้าศกึ ตอ่ จากการขยายผล จดุ มงุ่ หมายของการไลต่ ดิ ตาม คอื การทำ� ลายกำ� ลงั ขา้ ศกึ ด้วยการด�ำรงความกดดนั ต่อข้าศกึ อย่างต่อเนอ่ื ง และใช้ส่วนโอบล้อมผ่านไปทางด้านหลัง ขา้ ศกึ เพอ่ื ตดั เสน้ ทางถอยหนี หนว่ ยทหารมา้ เคลอ่ื นทอี่ ยา่ งรวดเรว็ เขา้ โจมตตี อ่ ปกี ของขา้ ศกึ บงั คบั ให้ข้าศกึ ต้องกระจายก�ำลังและเพ่มิ อัตราการเส่ียงต่อการถกู ท�ำลาย แบบของการด�ำเนินกลยุทธ์ แบบของการด�ำเนินกลยุทธ์ในการยุทธ์ด้วย วิธรี กุ เป็นผลสบื เนอ่ื งมาจากการเคล่อื นท่ี หรอื ทศิ ทางการเข้าตี 2 แบบ โดยคำ� นงึ ถึงข้าศกึ เปน็ หลกั นนั่ เอง คอื การโอบปกี และการเคลอื่ นทตี่ รงหนา้ แบบของการดำ� เนนิ กลยทุ ธเ์ หลา่ น้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook