Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คำอธิบายการบริหารงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

คำอธิบายการบริหารงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

Published by mrnok, 2019-09-07 05:22:51

Description: คำอธิบายการบริหารงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

Search

Read the Text Version

คำอธิบำย กำรบรหิ ำรงำนกำลงั พล สำนกั งำนตำรวจแหง่ ชำติ พนั ตำรวจเอก อนชุ ัย ณ วชั รเจรญิ

คาอธิบายการบรหิ ารงานกาลังพล สานักงานตารวจแหง่ ชาติ ผู้เขยี น : อนชุ ยั ณ วชั รเจรญิ พิมพ์ครง้ั ที่ ๑ : มิถนุ ายน 25๖๒ ขอ้ มูลทางบรรณานกุ รมของสานกั หอสมดุ แหง่ ชาติ อนชุ ยั ณ วชั รเจรญิ คาอธิบายการบริหารงานกาลังพล สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ --ยะลา : โอ.เค. ก๊อปปเ้ี ซน็ เตอร์ แอนด์ ปริ๊นต้ิง, 2562 250 หนา้ . 1. การบรหิ ารงานกาลังพล. I. ช่ือเร่ือง ๓53.36 ISBN 978-616-497-220-9 ISBN 978-616-429-058-7 จัดพมิ พ์และเผยแพรโ่ ดย พนั ตารวจเอก อนชุ ัย ณ วชั รเจรญิ โทรศพั ท์ 08 7478 6806 E-mail : [email protected] ลขิ สทิ ธขิ์ อง พนั ตารวจเอก อนชุ ัย ณ วัชรเจริญ ©สงวนลิขสทิ ธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ (ฉบับเพ่ิมเติม) พ.ศ. ๒๕๕๘ การผลติ และการลอกเลียนแบบหนงั สือเล่มนไี้ ม่วา่ รูปแบบใดทัง้ สิ้น ตอ้ งไดร้ บั อนุญาตเป็นลายลักษณอ์ กั ษรจากผเู้ ขยี นเจ้าของลขิ สิทธิแ์ ลว้ เท่าน้ัน พสิ จู น์อักษร : ประเทือง อินทสโร พิมพ์ที่ : โอ.เค. ก๊อปป้ีเซน็ เตอร์ แอนด์ ปรนิ๊ ต้งิ

คำนำ พระราชบญั ญัติตารวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ เป็นกฎหมายหลักท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติ และขา้ ราชการตารวจใช้เป็นแนวทางในการปฏบิ ัติหน้าท่ีราชการ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มท่ี ๑๒๑ ตอนที่ ๑๘ ก เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ และมีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ซง่ึ ไดม้ กี ารแกไ้ ขปรับปรุง เปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้การบริหารงานบุคคลของสานักงาน ตารวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และได้กาหนดให้ออกกฎหมายลาดับรอง เพื่อกาหนดแนวทางในการปฏิบัติงานด้านต่างๆ ตามที่ได้ระบุไว้ในพระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ งานด้านกาลงั พลซง่ึ เป็นหัวใจสาคัญในการบริหารงานบุคคล ผู้เขียนได้ศึกษา ค้นคว้า รวบรวมข้อมูล กฎ ระเบียบ ข้อกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องในงานด้านกาลังพล และจัดทาเป็นหนังสือ คาอธิบายการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติเล่มน้ีขึ้น เน้ือหาสาระที่นามารวบรวม เป็นหนังสือเล่มนี้เกิดจากการศึกษา ค้นคว้าจากระเบียบ กฎหมายและตาราวิชาการร่วมกัน โดยยึดถือ ตัวบทกฎหมายที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นข้อมูลหลัก พร้อมท้ังได้จัดทาคาอธิบาย รายละเอียดโดยใช้ข้อมูลจากที่ได้ศึกษาค้นคว้าและจากประสบการณ์ของผู้เขียน ท้ังนี้เพื่อมุ่งเน้น ให้ผู้อ่านได้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติ รวมท้ัง สามารถนาไปใชป้ ระกอบในการศกึ ษา ค้นคว้าเพิม่ เติมและอ้างอิงทางวิชาการได้ หนังสือคาอธิบายการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติเล่มนี้ มีเนื้อหา และรายละเอียดทั้งหมด จานวน ๙ บท ประกอบด้วย บทที่ ๑ ยศและชั้นข้าราชการตารวจ ตาแหน่งข้าราชการตารวจ บทที่ ๒ การบรรจุ แต่งตั้ง โอน การทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ และการประเมินผลการปฏิบัติราชการ บทท่ี ๓ การส่ังประจาหรือสารองราชการ การลาออก จากราชการและการส่ังให้ออก บทที่ ๔ เงินเดือน เงินเพิ่ม บทที่ ๕ การดาเนินการทางวินัย บทที่ ๖ การอุทธรณ์ บทท่ี ๗ การร้องทุกข์ บทที่ ๘ ทะเบียนประวัติและการควบคุมเกษียณอายุ และบทท่ี ๙ การแบ่งส่วนราชการสานักงานตารวจแห่งชาติ พร้อมทั้งได้อ้างอิงเอกสารประกอบไว้ ในบรรณานุกรมอย่างครบถ้วน นอกจากน้ีได้สรุปเน้ือหาทั้งเล่มออกเป็นหัวข้อแสดงไว้ในดัชนี ตอนทา้ ยเล่มเพ่ืออานวยความสะดวกในการค้นหาสาหรับผอู้ า่ น ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งจากความต้ังใจท่ีได้จัดทาและเผยแพร่ข้อมูลความรู้ตามที่ปรากฏ ในหนังสือเล่มนี้ว่าจะเป็นประโยชน์สาหรับข้าราชการตารวจ ผู้อ่านและผู้สนใจ นอกจากนี้ผู้เขียน หวังว่าจะเป็นการสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เขียนกับผู้มีความรู้หรือนักวิชาการ ตารวจท่านอ่ืน เพื่อร่วมกันส่งเสริมและพัฒนางานด้านวิชาการเกี่ยวกับตารวจ ให้สมบูรณ์ครบถ้วน มากยิ่งข้ึน หากมีข้อผิดพลาดประการใดในการจัดทาและเผยแพร่หนังสือเล่มน้ีผู้เขียนขอน้อมรับท้ังสิ้น และหากมีข้อแนะนาเพิ่มเติมกรุณาแจ้งผู้เขียนทราบเพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนา ใหม้ ีความถูกตอ้ งสมบูรณ์ยิ่งขนึ้ ในโอกาสต่อไป

-๒- ขอขอบพระคุณ พลตารวจตรี อาคม สายสมยั ผู้บงั คบั การศูนยฝ์ ึกอบรมตารวจภูธรภาค ๙ ที่ไดก้ รุณาเขยี นคานิยมและให้การสนับสนนุ ในการจัดพิมพ์หนังสือเพื่อแจกจ่ายสาหรับหน่วยงานในสังกัด และหน่วยเกี่ยวข้อง นับเป็นขวัญและกาลังใจอย่างยิ่งที่ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบและให้ความสาคัญ กบั ผลงานและความตง้ั ใจ ผ้เู ขยี นจะใชค้ วามพยายามและทุ่มเทปฏิบัติหน้าท่ีและจัดทาผลงานทางวิชาการ ให้ดยี ง่ิ ขน้ึ สุดท้ายน้ี ขอขอบพระคุณทุกท่านท่ีให้การสนับสนุนข้อมูลและให้คาแนะนาเพ่ือให้การจัดทา หนงั สือเล่มน้เี สรจ็ สมบรู ณ์ด้วยดี พันตารวจเอก อนุชยั ณ วัชรเจรญิ มถิ ุนายน ๒๕๖๒

คำนิยม หนังสือคาอธิบายการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติ จัดทาขึ้นโดยมี เป้าหมายเพ่ือให้ข้าราชการตารวจและผู้ท่ีสนใจใช้เป็นเอกสารอ้างอิงทางวิชาการ ซึ่งได้รวบรวมกฎหมาย และระเบยี บต่างๆ ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับงานด้านกาลังพลเอาไว้โดยเฉพาะ นับตั้งแต่พระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ มีผลบังคับใช้เมื่อวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ อันเป็นกฎหมายหลักท่ี สานักงานตารวจแห่งชาติและข้าราชการตารวจต้องยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ซ่ึงข้าราชการตารวจทุกนายจาเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจหลักการเหตุผล ท่ีมา และเน้ือหาสาระของ พระราชบัญญัติฉบับนี้โดยละเอียด ตลอดจนกฎหมายลาดับรอง กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ แนวทาง การปฏบิ ัติด้านตา่ งๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงงานด้านกาลังพลซ่ึงเป็นหัวใจสาคัญในการบริหารงานบุคคล ให้เป็นไปตามที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และมปี ระสทิ ธิภาพ ข้าพเจ้าขอขอบคุณ พันตารวจเอก อนุชัย ณ วัชรเจริญ ผู้เขียน ซึ่งมีประสบการณ์ และได้ทุ่มเท เสียสละเวลาในการศึกษาค้นคว้า สร้างสรรค์ผลงานเป็นหนังสือคาอธิบายการบริหารงาน กาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติ เล่มนี้ และขอช่ืนชมในความมุ่งม่ัน วิริยะ อุตสาหะ เป็นแบบอย่าง ของครูและนักวิชาการตารวจที่ดี เพื่อพัฒนางานวิชาการและการศึกษาอบรมของสานักงาน ตารวจแหง่ ชาติให้กา้ วหน้า ซง่ึ หนังสอื เลม่ น้ีมีประโยชน์ตรงกบั การปฏิบตั งิ านของขา้ ราชการตารวจ ศูนย์ฝึกอบรมตารวจภูธรภาค ๙ ได้เล็งเห็นประโยชน์และคุณค่าของหนังสือเล่มน้ี ประกอบกับเพือ่ เปน็ การพฒั นางานดา้ นวชิ าการใหส้ มบูรณ์ครบถ้วน จึงได้จัดพิมพ์เผยแพร่และให้แจกจ่าย สาหรับหน่วยงานในสังกัดศูนย์ฝึกอบรมตารวจภูธรภาค ๙ และหน่วยเกี่ยวข้อง เพ่ือใช้เป็นคู่มือประกอบ การศึกษาค้นควา้ อา้ งอิง และใช้เป็นคู่มือสาหรับการปฏิบัติงานของข้าราชการตารวจและประชาชน โดยทว่ั ไปทสี่ นใจต่อไป พลตารวจตรี อาคม สายสมัย ผู้บงั คบั การศนู ยฝ์ ึกอบรม ตารวจภูธรภาค ๙



สารบัญ หน้า บทท่ี ๑ ยศและช้ันขา้ ราชการตารวจ ตาแหน่งข้าราชการตารวจ ....................................... ๑ ยศและชัน้ ข้าราชการตารวจ ๑ หลักเกณฑ์และวธิ ีการแต่งตงั้ ยศ...................................................................... ๒ การออกประทวนยศ....................................................................... ๗ การขอพระราชทานยศ.................................................................................... ๘ การขอพระราชทานยศร้อยตารวจตรีเปนนกรณพี เิ ศษให้แกจ่ า่ สบิ ตารวจ และดาบตารวจทีจ่ ะเกษยี ณอายุ ๙ ตาแหนง่ ขา้ ราชการตารวจ....................................................................................... ๑๐ บทที่ ๒ การบรรจุ แตง่ ตั้ง โอน การทดลองปฏบิ ัติหนา้ ท่ีราชการและการประเมนิ ผล การปฏิบตั ิราชการ ................................................................................................ ๒๓ การบรรจุ แตง่ ตั้ง................................................... ๒๓ การบรรจบุ คุ คลเขา้ รับราชการตารวจ.................................................. . ๒๓ การสั่งให้ขา้ ราชการตารวจได้รับเงินเดือนตามคณุ วฒุ ิ. ๒๔ การบรรจุขา้ ราชการที่ออกจากราชการไปแล้วกลับเข้ารบั ราชการ เปนน ขา้ ราชการตารวจ ๒๕ คุณสมบตั ิและลักษณะต้องห้ามของการเปนนขา้ ราชการตารวจ. ๒๗ การไดร้ ับเงนิ เดอื นสูงกวา่ ขัน้ ต่าของขา้ ราชการตารวจชนั้ พลตารวจ ช้ันประทวน และชัน้ สญั ญาบัตร..................................... ๒๙ หลกั เกณฑ์และวธิ ีการคดั เลือกหรอื การสอบแข่งขันบุคคลเพอ่ื บรรจุ เข้ารบั ราชการเปนนขา้ ราชการตารวจ...................... ๓๐ การบรรจแุ ละแตง่ ตง้ั ขา้ ราชการตารวจผไู้ ด้รบั อนมุ ตั จิ ากคณะรฐั มนตรี ใหอ้ อกจากราชการไปปฏิบตั ริ าชการใดๆ กลบั เขา้ รบั ราชการ เปนน ข้าราชการตารวจ............. ๓4 การบรรจแุ ละแต่งตั้งข้าราชการตารวจผอู้ อกจากราชการไปแล้ว กลบั เข้ารบั ราชการเปนน ขา้ ราชการตารวจ ๓๖ การบรรจุและแต่งตั้งขา้ ราชการซึ่งมิใชข่ ้าราชการตารวจหรอื การบรรจุ และแตง่ ตง้ั พนักงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ซึ่งออกจากราชการ หรอื ออกจากงานไปแล้ว กลบั เขา้ รับราชการเปนน ขา้ ราชการตารวจ ๓๗ ผู้มีอานาจส่งั บรรจแุ ละแต่งตงั้ บคุ คลเขา้ รับราชการเปนน ข้าราชการตารวจ.. ๓8 .............

สารบัญ (ต่อ) หน้า การคัดเลือกและแตง่ ต้งั ข้าราชการตารวจชัน้ พลตารวจเปนนขา้ ราชการ ตารวจชนั้ ประทวนและการคัดเลือกและแต่งตั้งขา้ ราชการตารวจ ช้ันประทวนหรอื ชั้นพลตารวจเปนน ข้าราชการตารวจช้นั สัญญาบตั ร. 39 การแตง่ ตั้งข้าราชการตารวจ............. ๔0 การกาหนดลาดบั อาวโุ สของข้าราชการตารวจในการรักษาราชการแทน........... ๔6 การโอน............. ๔7 การโอนข้าราชการซึ่งไมใ่ ชข่ า้ ราชการตารวจหรอื การโอนพนักงานของ องคก์ ารปกครองส่วนท้องถิ่นมาบรรจุและแต่งตั้งเปนนขา้ ราชการตารวจ... ๔8 การทดลองปฏิบัติหน้าท่รี าชการ............. 49 การประเมนิ ผลการปฏบิ ัติราชการ............. ๕0 บทที่ ๓ การสงั่ ประจาหรือสารองราชการ การลาออกจากราชการและการสั่งใหอ้ อก ..... ๕3 การส่งั ประจาหรือสารองราชการ................................................................................... ๕3 การลาออกจากราชการ................................................................................... ๕5 การส่ังใหอ้ อก................................................................................... ๕7 บทท่ี ๔ เงินเดอื น เงินเพม่ิ .................................................................................................. 59 เงินเดอื น........................................................................ 59 การกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารพิจารณาเลอื่ นเงินเดอื นข้าราชการตารวจ 59 แนวทางปฏบิ ัตใิ นการเลอื่ นเงินเดอื นขา้ ราชการตารวจ และเลอ่ื นขั้นคา่ จา้ ง ลกู จา้ งประจา... ๖4 ผ้มู อี านาจสั่งเลอ่ื นเงนิ เดอื นข้าราชการตารวจ ๘2 เงินเพมิ่ .................................................................................. ๘2 ผปู้ ฏิบัตหิ นา้ ทีด่ ้านปอ้ งกนั ปราบปราม ดา้ นสืบสวน และด้านจราจร............... ๘2 ผู้ปฏบิ ัติงานดา้ นการสาธารณสุข ๘5 ผู้ปฏบิ ตั งิ านทาลายวตั ถรุ ะเบิด.................... ๘6 ผู้ปฏบิ ัตหิ นา้ ทที่ างเรือ.................................................................................. 88 นกั ประดานา้ .................................................................................. 89 ผู้ทาการในอากาศ.................................................................................. ๙1 นักโดดร่ม.................................................................................. ๙5 ผ้ปู ฏบิ ัตงิ านด้านนติ วิ ทิ ยาศาสตร์ 97

สารบัญ (ต่อ) หนา้ ผปู้ ฏบิ ัตงิ านกู้ภัย..................................................................................... 99 ผู้ทาหน้าท่ีปกครองโรงเรยี น............................................................ ๑๐1 ผปู้ ฏบิ ัติงานด้านอารักขาบุคคลสาคญั ๑๐3 ตาแหนง่ ทีป่ ระจาอยู่ในตา่ งประเทศ ๑๐5 ผู้ทาหนา้ ทีต่ รวจสอบสานวนอัยการและให้ความเห็นทางกฎหมาย ๑08 ผู้ทาหนา้ ทตี่ อ่ ต้านการกอ่ การรา้ ย ๑๑0 ผ้ทู าหน้าทน่ี ติ ิกร..................................................................................... ๑๑3 ผู้ปฏบิ ัตหิ น้าท่ดี ้านสอบสวน.................................................... . ๑๑6 ผทู้ าหน้าท่สี อบสวนคดี..... ๑18 ผบู้ งั คับอากาศยาน สานักงานตารวจแหง่ ชาติ ๑๒1 บทที่ ๕ การดาเนินการทางวินัย........................................................................................ ๑๒3 การดาเนนิ การทางวนิ ยั ..................................................................................... ๑๒3 การสืบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ ........................................................................... ๑๒3 กรณที ีเ่ ปนนความผดิ ที่ปรากฏชดั แจ้ง............... ๑๓3 การสอบสวนพจิ ารณา............................................................................ ๑๓4 การสัง่ พกั ราชการและการส่ังให้ออกจากราชการไวก้ ่อน ๑46 หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารดาเนนิ การให้ผ้ถู ูกลงโทษตามคาสงั่ เดิมรับโทษ ท่เี พิม่ ข้ึนหรือกลับคนื ส่ฐู านะเดิม ๑49 คณะกรรมการพจิ ารณากลัน่ กรองการพจิ ารณาสั่งลงโทษ ๑๕0 อานาจการลงโทษ อตั ราโทษ และการลงโทษภาคทณั ฑ์ ทัณฑกรรม กักยาม กกั ขงั หรอื ตดั เงนิ เดือน ๑๕2 วิธกี ารออกคาส่งั เก่ยี วกบั การลงโทษ ๑๕3 เหตจุ าเปนนในการขยายระยะเวลาการพจิ ารณาสงั่ การทางวินัย ๑๕3 วนั ออกจากราชการของข้าราชการตารวจ ๑๕4 การรายงานการดาเนินการทางวนิ ัยและการออกจากราชการของ ข้าราชการตารวจ ๑56 วิธกี ารเสริมสรา้ งและพัฒนาใหข้ า้ ราชการตารวจมีวินัยและปอ้ งกัน มิให้ข้าราชการตารวจกระทาผดิ วินัย ๑57 ความประพฤตแิ ละระเบยี บวินยั ๑59

สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ ๖ การอทุ ธรณ์........................................................................................................... ๑๖3 การอุทธรณ์ ๑๖3 การอทุ ธรณ์และการพิจารณาการอทุ ธรณ์ ๑๖3 เหตุจาเปนนในการขยายระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณ์ ๑๗1 บทที่ ๗ การรอ้ งทกุ ข์.......................................................................................................... ๑๗3 การร้องทุกข์ ๑๗3 การรอ้ งทุกข์ ๑๗3 แนวทางการพิจารณาของ อ.ก.ตร. รอ้ งทุกข์ ๑๘0 บทที่ ๘ ทะเบยี นประวตั ิและการควบคมุ เกษยี ณอายุ ........................................................ ๑๘1 ทะเบียนประวตั ิและการควบคุมเกษยี ณอายุ ๑๘1 ประวตั ิ ๑83 บทท่ี ๙ การแบ่งส่วนราชการสานกั งานตารวจแห่งชาติ ................................................... 195 การแบง่ ส่วนราชการสานกั งานตารวจแห่งชาติ 195 การแบ่งส่วนราชการเปนน กองบังคับการหรือส่วนราชการทเ่ี รยี กชอ่ื อยา่ งอ่ืน ในสานักงานตารวจแหง่ ชาติ ๒07 บรรณานกุ รม......................................................................................................................... ๒25 ภาคผนวก ............................................................................................................................. ๒33 ดชั นี....................................................................................................................................... ๒35

คาอธิบายพระราชบญั ญตั ติ ารวจแหง่ ชาติ  1 บทที่ ๑ ยศและชัน้ ข้าราชการตารวจ ตาแหน่งข้าราชการตารวจ ยศและชั้นข้าราชการตารวจ ยศตารวจมีตามลาดับดังตอ่ ไปน้ี พลตารวจเอก พลตารวจโท พลตารวจตรี พนั ตารวจเอก พันตารวจโท พนั ตารวจตรี ร้อยตารวจเอก รอ้ ยตารวจโท ร้อยตารวจตรี ดาบตารวจ จา่ สิบตารวจ สบิ ตารวจเอก สิบตารวจโท สบิ ตารวจตรี ว่าที่ยศใดให้ถือเสมือนมียศนั้น ถ้าผู้ซึ่งมียศตารวจเป็นหญิง ให้เติมคาว่า “หญิง” ท้ายยศ ตารวจนน้ั ด้วย ช้ันขา้ ราชการตารวจมดี ังต่อไปนี้ (๑) ช้นั สญั ญาบัตร ไดแ้ ก่ ผูม้ ียศต้ังแตร่ ้อยตารวจตรีขึน้ ไป (๒) ชั้นประทวน ได้แก่ ผู้มียศสิบตารวจตรี สิบตารวจโท สิบตารวจเอก จ่าสิบตารวจ และดาบตารวจ (๓) ช้ันพลตารวจ ไดแ้ ก่ พลตารวจสารอง พลตารวจสารอง คือ ผู้ที่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตารวจ โดยได้รับการคัดเลือก หรอื สอบแข่งขนั เข้ารับการศึกษาอบรมในสถานศกึ ษาของสานกั งานตารวจแหง่ ชาติ

2  อนชุ ยั ณ วัชรเจรญิ หลกั เกณฑ์และวิธีการแตง่ ตัง้ ยศ การแต่งต้ังยศตารวจช้ันสัญญาบัตร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎ ก.ตร. และใหท้ าโดยประกาศพระบรมราชโองการ การแต่งต้งั ยศตารวจช้ันสญั ญาบัตรเป็นกรณพี ิเศษ อาจกระทาไดโ้ ดยประกาศพระบรมราชโองการ ในระหว่างที่ยังไม่มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งยศตารวจชั้นสัญญาบัตร จะแต่งต้ัง วา่ ทีย่ ศตารวจชั้นสญั ญาบัตรเป็นการชว่ั คราวก็ได้ โดยให้ผมู้ อี านาจดังต่อไปนเ้ี ป็นผสู้ ่งั แต่งตง้ั (๑) ตัง้ แตว่ ่าท่ียศพลตารวจตรีขนึ้ ไป ใหน้ ายกรัฐมนตรเี ป็นผสู้ ่ังแตง่ ตั้ง (๒) ตง้ั แตว่ า่ ที่ยศร้อยตารวจตรีข้ึนไปแต่ไม่สูงกว่าว่าท่ียศพันตารวจเอก ให้ผู้บัญชาการ ตารวจแห่งชาตเิ ป็นผูส้ ่ังแตง่ ต้งั การแต่งตั้งยศตารวจชั้นประทวน ให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติหรือผู้บังคับบัญชา ระดับผู้บัญชาการขึ้นไป ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง ทงั้ นต้ี ามหลักเกณฑ์และวธิ ีการทก่ี าหนดในกฎ ก.ตร. กฎ ก.ตร. ข้างต้น ได้แก่ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งยศ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘ ตอนท่ี ๔๓ ก วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔) และกฎ ก.ตร. ว่าด้วย หลกั เกณฑ์และวิธีการแต่งต้ังยศ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๔ ก วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๒) กาหนดว่า “ยศ” หมายความรวมถึงว่าที่ยศนั้นๆ ด้วย “การแต่งต้ังยศ” หมายความว่า การแต่งตั้งผู้ซึ่งเข้ารับราชการตารวจให้มียศหรือการแต่งตั้งข้าราชการตารวจ ให้ดารงยศสูงข้ึนตามลาดับช้ันยศ “จานวนปีที่รับราชการ” หมายความว่า จานวนปีท่ีรับราชการ แต่ละช้ันยศและจานวนปีที่รับราชการรวม “จานวนปีท่ีรับราชการแต่ละช้ันยศ” หมายความว่า จานวนปที ่ตี อ้ งรับราชการอยู่ในแต่ละชั้นยศตามกฎ ก.ตร. นี้ ท้ังน้ีให้เริ่มนับต้ังแต่วันท่ีได้รับยศนั้นๆ โดยไม่นับรวมวันราชการทวีคูณ และ “จานวนปีที่รับราชการรวม” หมายความว่า จานวนปีที่รับราชการ นับตั้งแตว่ นั ท่เี ป็นขา้ ราชการตารวจชั้นประทวนหรือช้ันสัญญาบัตรคร้ังแรกแล้วแต่กรณี ตาม กฎ ก.ตร.น้ี โดยไมน่ บั รวมวนั ราชการทวีคณู หลักเกณฑท์ ่ัวไปของการแตง่ ตง้ั ยศ การแต่งตั้งยศให้แก่ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตารวจให้แต่งตั้งยศต่าสุดก่อน คือ ข้าราชการตารวจชั้นประทวนให้แต่งตั้งยศสิบตารวจตรี และข้าราชการตารวจชั้นสัญญาบัตร ให้แต่งตั้งยศร้อยตารวจตรี ยกเว้นการแต่งตั้งยศข้าราชการตารวจให้แก่ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุกลับ หรือรบั โอนมาเป็นข้าราชการตารวจให้ดาเนินการตามกฎหรอื ระเบียบวา่ ด้วยการน้นั การแต่งต้งั ยศสงู ข้ึน ตอ้ งมอี งคป์ ระกอบดังนี้ 1. ดารงตาแหนง่ ซึ่งมีระดับเงนิ เดอื นของชั้นยศท่ีจะแต่งต้ังได้ 2. มีจานวนปีทร่ี ับราชการตามท่ีกาหนดไวใ้ นกฎ ก.ตร. 3. รับเงนิ เดอื นไมต่ า่ กวา่ ขัน้ ตา่ สดุ ของยศท่จี ะแตง่ ต้ัง หลกั เกณฑ์การนบั จานวนปีทรี่ ับราชการ ใหน้ ับเต็มปี (สิบสองเดือน) เว้นแต่การแต่งต้ังยศสูงขน้ึ เป็นร้อยตารวจโทหรือสิบตารวจโทแล้วแต่กรณี เศษของปีไม่น้อยกว่าแปดเดือนให้นับเป็นหน่ึงปี เศษของเดือนให้นับเป็นหน่ึงเดือน ซึ่งการนับจานวนปีท่ีรับราชการถ้าต้องนับรวมกันหลายช่วงเวลา ใหน้ ับสิบสองเดอื นเปน็ หนึ่งปีและสามสบิ วันเปน็ หนึง่ เดือน

คาอธิบายการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติ  3 ผู้ที่ลาติดตามคู่สมรสซง่ึ ปฏบิ ตั ิราชการ ณ ต่างประเทศ โดยไม่ได้รับเงินเดือน ไม่ให้นับเวลา ระหวา่ งนนั้ เป็นเวลารับราชการ ผู้ที่ถูกสั่งพักราชการ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ให้ออกจากราชการหรือถูกลงโทษ ปลดออก หรือไล่ออกและทางราชการสง่ั ใหก้ ลับเขา้ รับราชการ ให้นับเวลารับราชการระหวา่ งน้ันตามอัตราส่วน ของการจา่ ยเงินเดอื นตามทีก่ ฎหมายวา่ ดว้ ยการนั้นกาหนดไว้ ผู้ท่ีถูกลงโทษทางวินัยสูงกว่าภาคทัณฑ์หรือถูกศาลพิพากษาลงโทษ เว้นแต่คดีความผิด ที่ได้กระทาโดยประมาทและคดีความผิดลหุโทษ ให้งดนับจานวนปีท่ีรับราชการในชั้นยศปัจจุบัน มีกาหนดหนงึ่ ปีตอ่ การถกู ลงโทษหนง่ึ ครั้ง ผอู้ ยูใ่ นหลกั เกณฑ์ท่จี ะไดร้ บั การพิจารณาแตง่ ตงั้ ยศสูงขึน้ ตามทีก่ าหนดในกฎ ก.ตร. ในเดือนใด ให้แต่งตั้งยศต้ังแต่วันที่หน่ึงของเดือนถัดไป ยกเว้นการแต่งตั้งยศพันตารวจตรีขึ้นไปให้แต่งตั้งยศ ตั้งแต่วนั ทมี่ คี ณุ สมบัติครบถว้ น การแต่งตง้ั ยศสูงขึ้นใหแ้ กข่ ้าราชการตารวจช้ันประทวนใหม้ ีจานวนปีที่รับราชการดังนี้ ยศ จานวนปีที่รบั ราชการแตล่ ะชนั้ ยศ (ปี) จานวนปีที่รับราชการรวม (ป)ี สบิ ตารวจตรี ๓ ๓ สบิ ตารวจโท ๓ ๖ สบิ ตารวจเอก ๓ ๙ จา่ สบิ ตารวจ ๓ ๑๒ ดาบตารวจ - - ในกรณีที่แต่งตั้งยศสูงขึ้นโดยใช้จานวนปีที่รับราชการรวม ต้องมีเวลารับราชการในชั้นยศ ทีด่ ารงอยูก่ ่อนการพิจารณาแต่งตั้งยศไม่น้อยกวา่ หนึง่ ปี ข้าราชการตารวจชั้นประทวนซ่ึงจะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งยศสูงขึ้น ต้องมีจานวนปี ทรี่ ับราชการตามข้างต้น ยกเวน้ ผูท้ ี่บรรจใุ นคณุ วุฒิดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรืออนุปริญญาหรือเทียบเท่า ให้รับราชการในช้ันยศ สบิ ตารวจตรีสองปี ๒. ปริญญาตรีหรือประกาศนียบัตรจากโรงเรียนนายสิบตารวจหลักสูตรการศึกษา ไม่น้อยกว่าสองปีต่อจากคุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรืออนุปริญญาหรือเทียบเท่า ใหร้ บั ราชการในชน้ั ยศสิบตารวจตรหี นึง่ ปี สิบตารวจโทสองปี ในส่วนของคุณวุฒิปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตร จากสถาบันการศึกษาท้ังใน และนอกประเทศท่ี ก.ตร.รบั รอง นอกจากที่กาหนดไว้ ใหร้ ับราชการในช้ันยศตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ ในข้อ ๑ หรอื ๒ โดยอนุโลม สาหรับการแต่งต้ังยศสูงข้ึนให้แก่ข้าราชการตารวจชั้นสัญญาบัตร ต้องมีจานวนปีท่ีรับราชการ อยา่ งหนึ่งอยา่ งใดตามท่กี าหนดไวด้ ังน้ี ยศ จานวนปที ร่ี ับราชการแตล่ ะช้นั ยศ (ป)ี จานวนปีทีร่ บั ราชการรวม (ปี) รอ้ ยตารวจตรี ๓ ๓ ร้อยตารวจโท ๓ ๖ รอ้ ยตารวจเอก ๓ ๙

4  อนุชัย ณ วัชรเจริญ พันตารวจตรี ๓ ๑๒ พนั ตารวจโท ๓ ๑๕ พนั ตารวจเอก ๓ ๑๘ พนั ตารวจเอก ๒ ๒๐ อตั ราเงินเดือน พนั ตารวจเอก (พเิ ศษ) พลตารวจตรี - - พลตารวจโท - - พลตารวจเอก - - ยกเว้นผทู้ ี่บรรจใุ นคณุ วฒุ ดิ ังต่อไปนี้ (๑) ปริญญาตรหี รอื เทียบเท่า ซ่ึงมีหลักสตู รกาหนดเวลาศึกษาไมน่ ้อยกว่าสี่ปี ให้รับราชการ ในชน้ั ยศร้อยตารวจตรีหน่งึ ปี (๒) ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ซึ่งมีหลักสูตรกาหนดเวลาศึกษาไม่น้อยกว่าห้าปีหรือ ปริญญาตรีทางกฎหมายและสอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ให้รบั ราชการในชน้ั ยศรอ้ ยตารวจตรีหนึ่งปี ร้อยตารวจโทสองปี (๓) ประกาศนียบัตรชั้นสูง ซ่ึงมีหลักสูตรการศึกษารวมท้ังปริญญาตรีไม่น้อยกว่าห้าปี ให้รบั ราชการในชั้นยศรอ้ ยตารวจตรหี นึ่งปี ร้อยตารวจโทสองปี (๔) ประกาศนียบัตรช้ันสูง ซึ่งมีหลักสูตรการศึกษารวมทั้งปริญญาตรีไม่น้อยกว่าหกปี ใหร้ บั ราชการในชั้นยศรอ้ ยตารวจตรหี นง่ึ ปี ร้อยตารวจโทหนึ่งปี (๕) ปริญญาทันตแพทยศาสตร์หรือสัตวแพทยศาสตร์ ซึ่งมีหลักสูตรกาหนดเวลาศึกษา ไมน่ ้อยกวา่ หกปี ใหร้ บั ราชการในช้ันยศรอ้ ยตารวจตรีหนึ่งปี ร้อยตารวจโทหน่งึ ปี (๖) ปริญญาแพทยศาสตร์ ซ่ึงมีหลักสูตรกาหนดเวลาศึกษาไม่น้อยกว่าหกปีและได้รับ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแล้ว ให้รับราชการในช้ันยศร้อยตารวจตรีหน่ึงปี ร้อยตารวจโทหน่ึงปี รอ้ ยตารวจเอกสองปี (๗) ปรญิ ญาแพทยศาสตรแ์ ละได้รับวุฒิบัตรแสดงว่าเป็นผู้มีความรู้ความชานาญในการ ประกอบวชิ าชพี แพทย์เฉพาะทางโดยศึกษาและฝึกหัดงาน มีกาหนดเวลาไม่น้อยกว่าสามปี ให้รับราชการ ในชั้นยศร้อยตารวจตรีหนง่ึ ปี ร้อยตารวจโทหน่งึ ปี ร้อยตารวจเอกหนึ่งปี (๘) ปริญญาโท ซึ่งมีหลักสูตรกาหนดเวลาศึกษา รวมทั้งปริญญาตรีไม่น้อยกว่าหกปี ให้รับราชการในชั้นยศร้อยตารวจตรีหน่ึงปี ร้อยตารวจโทหนงึ่ ปี (๙) ปริญญาโท ซึ่งมีหลักสูตรกาหนดเวลาศึกษา รวมทั้งปริญญาตรีไม่น้อยกว่าเจ็ดปี ให้รบั ราชการในชัน้ ยศร้อยตารวจตรีหนึ่งปี รอ้ ยตารวจโทหนึ่งปี ร้อยตารวจเอกสองปี (๑๐) ปริญญาโท ซงึ่ มีหลักสูตรกาหนดเวลาศึกษา รวมท้ังปริญญาตรีไม่น้อยกว่าแปดปี ใหร้ บั ราชการในชัน้ ยศร้อยตารวจตรหี นง่ึ ปี รอ้ ยตารวจโทหนึ่งปี ร้อยตารวจเอกหน่งึ ปี (๑๑) ปริญญาเอก ให้รับราชการในช้ันยศร้อยตารวจตรีหน่ึงปี ร้อยตารวจโทหนึ่งปี ร้อยตารวจเอกหน่ึงปี

คาอธิบายการบรหิ ารงานกาลงั พล สานกั งานตารวจแห่งชาติ  5 ปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูงจากสถาบันการศึกษาทั้งในและนอกประเทศ ที่ ก.ตร. รับรองนอกจากที่กาหนดไว้ดังกล่าว ให้รับราชการในชั้นยศตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ ในขอ้ (๑) - (๑๑) โดยอนโุ ลม ขา้ ราชการตารวจทจ่ี ะไดร้ ับการแต่งต้งั ยศสงู ขึน้ ในฐานะเปน็ ผู้มคี ณุ วฒุ ติ ามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนด ต้องเป็นผู้ท่ีได้รับการบรรจุให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒินั้นหรือเป็นผู้ได้รับอนุญาตหรืออนุมัติหรือได้รับ ทุนรัฐบาลให้ไปศึกษาตามระเบียบของทางราชการเท่านั้น ทั้งนี้ให้นับระยะเวลาจานวนปีท่ีรับราชการ ดังกล่าวต้ังแต่วันท่ีได้รับการบรรจุให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิน้ัน สาหรับผู้ที่ไม่ได้รับการบรรจุให้ได้รับ เงินเดือนตามคณุ วฒุ ิให้นบั ตั้งแตว่ นั ที่สาเร็จการศกึ ษา แตไ่ ม่ก่อนวนั ท่กี ลับมาปฏิบัติหนา้ ทร่ี าชการตามปกติ การโอนขา้ ราชการจากกระทรวง ทบวง กรมหรือส่วนราชการอื่นมาบรรจุเป็นข้าราชการตารวจ ใหน้ ับจานวนปีท่ีรบั ราชการตั้งแต่วันมีผลในการรบั โอน เวน้ แต่ ๑. ผู้ซึ่งโอนมาเป็นข้าราชการตารวจช้ันสัญญาบัตร ให้นับจานวนปีที่รับราชการรวมต้ังแต่ วันที่ต้นสังกัดเดิมมีคาส่ังให้เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ ๓ หรือประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ หรอื เทยี บเท่าขน้ึ ไป หรอื ข้าราชการอ่ืนในระดบั ท่เี ทียบเทา่ แล้วแตก่ รณี ๒. ผู้ซึ่งโอนมาจากข้าราชการทหาร ให้นับจานวนปีที่รับราชการรวมต้ังแต่วันท่ีได้รับ การบรรจุและแตง่ ต้ังเป็นนายทหารประทวนหรือสญั ญาบัตรแล้วแตก่ รณี ขา้ ราชการตารวจทอี่ อกจากราชการไปแล้วและกลบั เข้ารับราชการ ให้นับจานวนปีที่รับราชการ ก่อนออกจากราชการเป็นจานวนปีที่รับราชการ โดยไม่นับรวมระยะเวลาในช่วงที่ออกจากราชการ เวน้ แต่ข้าราชการตารวจทีไ่ ด้รับอนุมตั ิจากคณะรฐั มนตรใี หอ้ อกจากราชการไปปฏิบัตงิ านและกลับเข้า รับราชการตามมาตรา ๖๓ (๒) (ก) แห่งพระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้นับจานวนปี ท่ีรับราชการในช่วงท่ีออกจากราชการไปปฏิบตั ิงานตอ่ เน่ืองรวมกันได้ ผเู้ ขา้ รับราชการเป็นขา้ ราชการตารวจตามมาตรา ๖๓ (๒) (ค) แหง่ พระราชบัญญตั ิตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ การแตง่ ตั้งยศ การนับจานวนปที ่ีรบั ราชการ ให้ใช้หลกั เกณฑ์ตามท่ีกาหนดไว้ โดยอนโุ ลม ในกรณีท่ีมีเหตุผลเป็นพิเศษเกี่ยวกับการนับจานวนปีที่รับราชการนอกเหนือจากหลักเกณฑ์ และวธิ กี ารที่กาหนดในกฎ ก.ตร. ให้ผู้บญั ชาการตารวจแหง่ ชาติเสนอ ก.ตร. พิจารณาอนุมัติเป็นกรณีๆ ไป และในกรณีที่มปี ญั หาเก่ียวกบั การปฏบิ ตั ิตามกฎ ก.ตร. ให้เสนอ ก.ตร. วินิจฉัย คาวินิจฉัยของ ก.ตร. ให้เปน็ ท่ีสดุ การแต่งตง้ั ยศตารวจชัน้ ประทวนเปน็ กรณีพิเศษ ให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติเป็นผู้ส่ังแต่งตั้ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎ ก.ตร. ได้แก่ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ แต่งต้ังยศตารวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนที่ ๕๖ ก วันท่ี ๒ กนั ยายน ๒๕๔๗) สรุปได้ว่าการแต่งต้ังยศตารวจช้ันประทวนเป็นกรณีพิเศษให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ทีก่ าหนดไว้ในกฎ ก.ตร. นี้ ผู้ทจี่ ะได้รับการพิจารณาแต่งต้ังยศตารวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ อยา่ งหนึง่ อยา่ งใดดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) เปน็ ขา้ ราชการตารวจ ซง่ึ ไดร้ บั อันตรายหรอื ปวุ ยเจ็บถึงเสียชีวิต หรือจนไม่สามารถ รบั ราชการต่อไปได้ เน่อื งจากการปฏบิ ัติการตามหนา้ ทห่ี รือจากการไดร้ ับคาสง่ั ใหป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ที่ราชการ

6  อนุชยั ณ วชั รเจริญ (๒) เปน็ ขา้ ราชการตารวจ ซ่ึงไดก้ ระทาการจนก่อให้เกิดผลดีย่ิงแก่ประเทศชาติหรือในราชการ สานกั งานตารวจแห่งชาติ (๓) เป็นผ้มู คี วามประพฤตดิ ีและเสยี สละช่วยเหลือในงานราชการของสานักงานตารวจแห่งชาติ จนไดร้ บั อันตรายหรอื ปวุ ยเจ็บถึงเสียชวี ิต การแต่งต้ังยศตารวจช้นั ประทวนเป็นกรณีพิเศษตาม (๑) ให้เป็นไปตามกฎระเบียบหรือข้อบังคับ ทวี่ า่ ดว้ ยการน้นั การแต่งต้ังยศตารวจช้ันประทวนเป็นกรณพี เิ ศษตาม (๒) และ (๓) ให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหน่ึงเรียกว่าคณะกรรมการพิจารณา แต่งตั้งยศตารวจชั้นประทวน เป็นกรณีพิเศษ มีหน้าที่พิจารณา ตรวจสอบ ประสานงานหรือดาเนินการอื่นใดที่เห็นสมควร เพื่อมีความเห็นเสนอผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติพิจารณามีคาสั่งแต่งตั้งยศตารวจชั้นประทวน เป็นกรณพี เิ ศษต่อไป เนอ่ื งจากผทู้ ่ดี ารงอยใู่ นยศตารวจสมควรจะประพฤติหรือวางตนให้เหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ มฉิ ะนั้นยอ่ มเป็นทางนาความเสอ่ื มเสียมาสู่หมู่คณะ โดยเหตุผลดังกล่าวหากผู้ใดประพฤติหรือวางตน ให้เหมาะสมแก่เกียรติศักด์ิไม่ได้ก็ไม่สมควรจะดารงอยู่ในยศตารวจต่อไป สานักงานตารวจแห่งชาติ จึงออกระเบียบสานกั งานตารวจแหง่ ชาตวิ ่าดว้ ยการถอดยศตารวจ พ.ศ.๒๕๔๗ ลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๔๗ เพ่ือเสนอขอถอดยศตารวจ การถอดหรือการออกจากยศตารวจช้นั สัญญาบตั ร ให้เป็นไปตามระเบียบสานักงานตารวจแห่งชาติ และให้ทาโดยประกาศพระบรมราชโองการ การให้ออกจากวา่ ท่ยี ศตารวจช้ันสัญญาบตั รหรือการถอดหรือการออกจากยศตารวจชั้นประทวน ให้ผูม้ ีอานาจสั่งตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม หรอื มาตรา ๒๗ แหง่ พระราชบญั ญตั ติ ารวจแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ แล้วแตก่ รณี สั่งได้ตามระเบยี บสานกั งานตารวจแหง่ ชาติ ระเบียบสานักงานตารวจแห่งชาตวิ ่าดว้ ยการถอดยศตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ กาหนดการเสนอ ขอถอดยศตารวจท้ังแก่ผู้ที่อยู่ในราชการตารวจและที่พนจากราชการตารวจไปแลว ใหกระทาได เม่ือมีเหตอุ ยางใดอยางหนึง่ ดังตอไปนี้ (๑) ต้องคาพิพากษาของศาลถึงที่สุดว่าทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แม้ศาลจะพิพากษา รอการกาหนดโทษ หรอื กาหนดโทษแตร่ อการลงโทษไว้ก็ตาม (๒) ต้องคาพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจาคุกหรือโทษที่หนักกว่าจาคุก เว้นแต่ ความผิดลหโุ ทษหรอื ความผดิ ท่ีไดก้ ระทาโดยประมาท (๓) ต้องคาพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลายเพราะก่อให้เกิดหนี้สินข้ึน โดยทจุ ริต (๔) กระทาผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมคี าสัง่ ลงโทษไล่ออกจากราชการ (๕) ประพฤตชิ ่วั อย่างร้ายแรง สาหรบั ผู้ทมี่ ิไดอ้ ยูใ่ นราชการหรอื หน่วยงานของรัฐ (๖) ตอ้ งหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สาหรบั ผ้ทู ม่ี ิได้อย่ใู นราชการหรอื หน่วยงานของรฐั (๗) ถูกสั่งให้ออกจากราชการเพราะขาดคุณสมบัติมาต้ังแต่ก่อนได้รับการบรรจุเป็น ขา้ ราชการตารวจ

คาอธิบายการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแหง่ ชาติ  7 หนา้ ท่ีความรบั ผิดชอบในการพจิ ารณาและดาเนนิ การถอดยศตารวจ (๑) ขา้ ราชการตารวจช้ันสัญญาบัตร ให้กองวินัยหรือผู้บังคับบัญชาท่ีได้รับมอบอานาจ ในการดาเนนิ การทางวินัยมีหน้าท่ีรับผิดชอบในการพิจารณาว่าผู้ใดมีเหตุท่ีจะต้องดาเนินการถอดยศ แล้วแจ้งผลการพิจารณาพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้กองทะเบียนพลดาเนินการรวบรวม เสนอสานักงานตารวจแห่งชาติพิจารณาถอดยศ เว้นแต่กรณีตาม (๗) เม่ือมีคาส่ังให้ออกจากราชการ แล้วให้หน่วยต้นสังกัดดาเนินการส่งเร่ืองให้กองทะเบียนพลรวบรวมเสนอสานักงานตารวจแห่งชาติ พิจารณาถอดยศต่อไป (๒) ข้าราชการตารวจชั้นประทวน ให้ผู้มีอานาจแต่งตั้งยศเป็นผู้รับผิดชอบในการ พิจารณาว่าผู้ใดมีเหตุท่ีจะต้องดาเนินการถอดยศ แล้วดาเนินการสั่งถอดยศพร้อมทั้งรายงานให้ สานักงานตารวจแหง่ ชาติ (ผ่านกองทะเบียนพล) ทราบ (๓) ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสานักงานตารวจแห่งชาติ ท่ีรับทราบข้อมูลการต้องหา คดีอาญาหรือถกู ฟอู งคดีอาญาหรือถูกฟูองในคดีล้มละลายอันเน่ืองมาจากการก่อหน้ีสินข้ึนโดยทุจริต ของผทู้ ่ีดารงยศตารวจ ทั้งในส่วนของผู้ที่พ้นจากราชการไปแล้วหรือยังคงรับราชการอยู่ในหน่วยงานอ่ืน ของรัฐ หาข้อมูลเบ้ืองต้นให้แน่ชัดแล้วส่งเร่ืองให้กองวินัยพิจารณาหากเห็นว่าผู้ใดมีเหตุที่จะต้อง ดาเนินการถอดยศก็ให้ส่งเรื่องไปยังกองทะเบียนพลดาเนินการรวบรวมเสนอสานักงานตารวจแห่งชาติ พิจารณาถอดยศต่อไป การออกประทวนยศ ยศของข้าราชการตารวจช้ันประทวน ได้แก่ สิบตารวจตรี สิบตารวจโท สิบตารวจเอก จ่าสิบตารวจ และดาบตารวจ ถา้ ผซู้ ่งึ มยี ศตารวจเป็นหญงิ ให้เติมคาวา่ “หญิง” ทา้ ยยศตารวจนัน้ ด้วย ประทวนยศ ออกให้กับข้าราชการตารวจชั้นประทวนที่ได้รับการแต่งตั้งยศไม่ว่าจะเป็น ชั้นยศใด เพ่อื ให้เก็บไวเ้ ปน็ หลักฐาน และเป็นเกียรติประวัติแก่ข้าราชการตารวจผู้น้ันและวงศ์ตระกูล ในการปฏบิ ัตหิ น้าทรี่ าชการสบื ไป ให้กองบัญชาการหรือเทียบเท่าจัดพิมพ์แบบประทวนยศสาหรับกองบังคับการหรือเทียบเท่า ในสานกั งานผบู้ ญั ชาการตารวจแหง่ ชาติ ให้สานักงานกาลังพลเปน็ ผจู้ ดั พมิ พ์ การจดั ทาประทวนยศ ให้ดาเนินการดังนี้ ๑. ให้กองบังคับการหรือเทียบเท่า หน่วยงานที่มีรองผู้บังคับการเป็นหัวหน้าที่ไม่ได้ อยู่ในสังกัดกองบังคับการใด หรือฝุายอานวยการสาหรับกองบัญชาการที่ไม่มีกองบังคับการอานวยการ รับผิดขอบการกรอกข้อความในประทวนยศของข้าราชการตารวจในสังกัดโดยใช้หมึกสีดา และให้ผู้ดารง ตาแหน่งรองผู้กากับการหรือตาแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป เป็นผู้ลงลายมือช่ือรับรองความถูกต้องไว้ที่ ด้านหลังมุมล่างด้านซ้ายของประทวนยศ โดยดาเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันท่ี ข้าราชการตารวจผนู้ น้ั ไดร้ ับการแต่งต้ังยศ ๒. ให้ส่งกองบังคับการอานวยการ หรือฝายอานวยการสาหรับกองบัญชาการท่ีไม่มี กองบังคับการอานวยการ หรือกองทะเบียนผลสาหรับกองบังคับการหรือเทียบเท่าในสานักงาน ผู้บัญชาการตารวจแหง่ ชาตแิ ล้วแต่กรณี เพือ่ ดาเนินการดงั น้ี ๒.๑ ประทับตราลายมอื ชอ่ื ผมู้ ีอานาจแต่งตง้ั ยศด้วยหมกี สดี า

8  อนุชยั ณ วชั รเจรญิ ๒.๒ ประทับตราเคร่ืองหมายราชการประจาสานักงานตารวจแห่งชาติรูปพระแสง ดาบเขนและโล่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางวงนอก ๔ เซนติเมตร วงใน ๓ เชนติเมตร ด้วยหมึกสีแดง บนลายมือช่ือนั้น ๒.๓ รบั รองตราลายมอื ซอ่ื และตราประทับไว้ที่ด้านหลังมุมล่างต้านขวาของประทวนยศ โดยหัวหนา้ หน่วยงาน หรอื ผูท้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย ๒.๔ จัดทาทะเบียนออกเลขท่ีในประทวนยศให้เรียบร้อยแล้วส่งมอบคืนต้นสังกัด เพอื่ มอบใหผ้ รู้ ับตอ่ ไป การขอพระราชทานยศ การขอพระราชทานยศประจาปีของข้าราชการตารวจชั้นสัญญาบัตร สาหรับผู้ที่มี “ว่าท่ี” นาหนา้ ยศจะดาเนินการปลี ะสองครงั้ คอื เดือนเมษายนและเดือนตลุ าคม โดยให้ปฏบิ ัติดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. ให้กองบัญชาการหรือเทียบเท่า และกองบังคับการหรือเทียบเท่าในสานักงาน ผู้บญั ชาการตารวจแห่งชาติ สารวจขา้ ราชการตารวจชน้ั สัญญาบัตรในสงั กัดท่ียังมี “ว่าท่ี” นาหน้ายศ แล้วจัดทาบัญชีขอพระราชทานยศท้ังผู้สมควรและผู้ไม่สมควรขอพระราชทานยศ ตามแบบ หากรายใด ขอพระราชทานยศล่าช้าหรือมีผู้ไม่สมควรขอพระราชทานยศ ให้แจ้งเหตุผลด้วยว่าเพราะเหตุใด แล้วเสนอไปยังสานักงานตารวจแห่งชาติ (ผ่านสานักงานกาลังพล) ภายในวันท่ี ๑๙ เมษายน และ วันที่ ๑๙ ตลุ าคม ของทุกปี ๒. ผไู้ มส่ มควรขอพระราชทานยศ ต้องมีเหตุอยา่ งใดอย่างหนึง่ ดังตอ่ ไปนี้ ๒.๑ อยู่ระหว่างถูกสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีกระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงตาม กฎ ก.ตร. ว่าดว้ ยกรณที ่เี ป็นความผิดท่ีปรากฏชัดแจ้ง ๒.๒ อยู่ระหวา่ งถกู ต้ังกรรมการสอบสวนว่ากระทาผดิ วนิ ัยอย่างรา้ ยแรง ๒.๓ อยู่ระหว่างต้องหาคดีอาญาหรือถูกฟูองคดีอาญาซ่ึงศาลประทับรับฟูองแล้ว เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอันเน่ืองมาจากการปฏิบัติ หน้าท่ีราชการซ่ึงพนักงานอัยการรับเป็นทนายแก้ต่าง หรือความผิดท่ีคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรอง การพจิ ารณาส่งั ลงโทษทางวนิ ัยพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ เป็นความผิดที่เกย่ี วกับการปฏบิ ัติหน้าทีร่ าชการ ๒.๔ อยู่ระหว่างถูกต้ังกรรมการสอบสวนว่าหย่อนความสามารถในอันท่ีจะปฏิบัติ หน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าท่ีราชการ ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตาแหน่งในอันที่จะปฏิบัติ หน้าทรี่ าชการ ๒.๕ อยูร่ ะหว่างทดลองปฏบิ ตั หิ น้าทรี่ าชการ ๒.๖ ถูกลงโทษทางวินัยสูงกว่าภาคทัณฑ์หรือถูกศาลพิพากษาลงโทษ เว้นแต่ความผิด ทีไ่ ดก้ ระทาโดยประมาท หรือความผดิ ลหโุ ทษ ในวงรอบทจ่ี ะเสนอขอพระราขทานยศ ๒.๗ เหตอุ ่นื ใดท่สี านักงานตารวจแหง่ ชาติเห็นวา่ ไมส่ มควรขอพระราชทานยศ ๓. ผู้ท่ีหน่วยเสนอขอพระราชทานยศไปแล้ว หากภายหลังปรากฏว่ามีเหตุตามข้อ ๒ ใหร้ ีบรายงานเพิ่มเติมไปยงั สานักงานตารวจแหง่ ชาติ (ผ่านสานกั งานกาลังพล) โดยด่วน

คาอธบิ ายการบรหิ ารงานกาลังพล สานกั งานตารวจแห่งชาติ  9 การขอพระราชทานยศร้อยตารวจตรีเป็นกรณีพิเศษให้แก่จ่าสิบตารวจ และดาบตารวจทจี่ ะเกษียณอายุ ๑. จา่ สบิ ตารวจและดาบตารวจที่จะได้รับการพิจารณาขอพระราชทานยศ ต้องมีคุณสมบัติ และไมม่ ลี กั ษณะตอ้ งห้ามดังต่อไปนี้ ๑.๑ เป็นผูท้ ม่ี ีเวลารับราชการเหลือ ๑ ปี กอ่ นเกษยี ณอายุ ๑.๒ เป็นผู้มีเวลารับราชการตารวจมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๔ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันที่ ๓๐ กันยายน กอ่ นเกษยี ณอายุ ๑ ปี ๑.๓ เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย ปฏิบัติงานด้วยความวิริยะอุตสาหะเป็นผลดี ต่อทางราชการและมีบคุ ลกิ ลักษณะเหมาะสมแก่การทีจ่ ะขอพระราชทานยศให้ ๑.๔ ไม่เป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัยสูงกว่าภาคทัณฑ์หรือถูกศาลพิพากษาลงโทษ เว้นแต่ความผดิ ทไี่ ดก้ ระทาโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ ในรอบปีงบประมาณก่อนปีงบประมาณ ทจี่ ะเกษียณอายุ ๑ ปี ๑.๕ ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีกระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตาม กฎ ก.ตร. ว่าดว้ ยกรณีท่ีเปน็ ความผิดท่ีปรากฏชดั แจง้ ๑.๖ ไม่เปน็ ผอู้ ยูร่ ะหว่างถูกตง้ั กรรมการสอบสวนว่ากระทาผดิ วนิ ัยอยา่ งร้ายแรง ๑.๗ ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างต้องหาคดีอาญาหรือถูกฟูองคดีอาญา ซึ่งศาลประทับ รับฟูองแล้ว เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอันเน่ืองมาจาก การปฏิบัติหน้าที่ราชการซึ่งพนักงานอัยการรับเป็นทนายแก้ต่าง หรือความผิดท่ีคณะกรรมการพิจารณา กล่ันกรองการพิจารณาส่ังลงโทษทางวินัยพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดที่เก่ียวกับการ ปฏิบัติ หนา้ ทีร่ าชการ ๑.๘ ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกต้ังกรรมการสอบสวนว่าหย่อนความสามารถในอันท่ีจะ ปฏิบัติหน้าท่ีราชการ บกพร่องในหน้าท่ีราชการ ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตาแหน่งในอันที่จะ ปฏิบัตหิ นา้ ทีร่ าชการ ๒. เมอ่ื มีกรณีอยา่ งหนึ่งอยา่ งใดตามข้อ ๑.๕-๑.๘ ให้รอการเสนอขอพระราชทานยศไว้ก่อน หากผลการสืบสวนข้อเท็จจริง การสอบสวน หรือการพิจารณาทางคดีถึงที่สุดปรากฏว่าไม่มีความผิด หรือมคี วามผดิ แต่ถูกลงโทษไมส่ งู กว่าโทษภาคทณั ฑ์หรอื ไมถ่ กู ศาลพิพากษาลงโทษจงึ ขอพระราชทานยศให้ และในกรณีท่ีรู้ผลภายหลังจากท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติเสนอขอพระราชทานประจาปีนั้นไปแล้ว กใ็ หน้ าไปพิจารณาในปถี ัดไป ๓. การพิจารณาดาเนนิ การให้ถอื ปฏิบัติดงั นี้ ๓.๑ ให้กองบังคับการหรือเทียบเท่า หรือหน่วยงานที่มีรองผู้บังคับการเป็นหัวหน้า ที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดกองบังคับการใด หรือฝุายอานวยการสาหรับกองบัญชาการท่ีไม่มีกองบังคับการ อานวยการ แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกจ่าสิบตารวจและดาบตารวจในสังกัดที่มีคุณสมบัติ ตามข้อ ๑ พร้อมจัดทาบัญชีผู้สมควรขอพระราชทานยศและบัญชีผู้ไม่สมควรขอพระราชทานยศ ตามแบบท้ายระเบียบนี้ แล้วเสนอผลการพิจารณาตามลาดับชั้นไปยังสานักงานตารวจแห่งชาติ (ผา่ นสานักงานกาลงั พล) ภายในวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ของทกุ ปี

10  อนุชัย ณ วัชรเจรญิ ๓.๒ การลงรายการในบัญชีตาม ๓.๑ ให้เรียงตามลาดับยศและระดับขั้นเงินเดือน จากสูงไปหาต่า พร้อมทัง้ ระบุเหตุผลของการขอและไมข่ อให้ชัดเจน ๓.๓ เม่อื ได้ส่งบญั ชขี อพระราชทานยศไปยังสานักงานตารวจแห่งชาตแิ ลว้ หากปรากฏว่า เป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามข้อ ๑ หรือมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด เช่น เปลี่ยนซื่อตัว ชื่อสกุล เป็นต้น ใหร้ ีบรายงานเพม่ิ เตมิ ไปยังสานักงานกาลงั พลโดยดว่ น ๔. การขอพระราชทานยศใหแ้ กจ่ า่ สิบตารวจและดาบตารวจทีจ่ ะเกษียณอายุตามระเบียบน้ี ไม่กระทบกระเทือนถึงการรอเลื่อนเงินเดือนประจาปีข้าราชการตารวจที่เกษียณอายุ ซึ่งจะต้องขอเลื่อน เงินเดือนในระดับเงินเดือนของยศเติม โดยไม่ขอเลื่อนเงินเดือนในระดับเงินเดือนของยศที่สูงขึ้น แต่อยา่ งโด ๕. เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศแล้ว ให้กองบัญชาการ หรือเทียบเท่า หรือกองบังคับการหรือเทียบเท่าในสานักงานผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ ดาเนินการ ประดับยศตามความเหมาะสมโดยเรว็ หมายเหตุ การออกประทวนยศ การขอพระราชทานยศ และการขอพระราชทานยศ ร้อยตารวจตรีเป็นกรณีพิเศษให้แก่จ่าสิบตารวจและดาบตารวจท่ีจะเกษียณอายุ อ้างอิงจากระเบียบ สานักงานตารวจแห่งชาติว่าด้วยประมวลระเบียบการตารวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะท่ี ๗ ยศตารวจ (ฉบบั ที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ตาแหน่งข้าราชการตารวจ ตาแหนง่ ขา้ ราชการตารวจ มีดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ผบู้ ัญชาการตารวจแห่งชาติ (๒) จเรตารวจแห่งชาติ และรองผู้บญั ชาการตารวจแห่งชาติ (๓) ผชู้ ว่ ยผ้บู ญั ชาการตารวจแหง่ ชาติ (๔) ผู้บัญชาการ (๕) รองผบู้ ญั ชาการ (๖) ผบู้ ังคับการ (๗) รองผบู้ งั คบั การ (๘) ผกู้ ากบั การ (๙) รองผกู้ ากับการ (๑๐) สารวตั ร (๑๑) รองสารวตั ร (๑๒) ผบู้ งั คับหมู่ (๑๓) รองผู้บังคบั หมู่ ก.ตร. จะกาหนดให้มีตาแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น โดยจะให้มีช่ือตาแหน่งใดเทียบกับตาแหน่ง ตามวรรคหนงึ่ ก็ได้ โดยให้กาหนดไวใ้ นกฎ ก.ตร.

คาอธบิ ายการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแหง่ ชาติ  11 การกาหนดตาแหน่งนอกจากเป็นไปตามมาตรา ๔๔ วรรคแรก ก.ตร. ได้ดาเนินการตาม มาตรา ๔๔ วรรคสอง โดยออกกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกชื่อ อยา่ งอน่ื และการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจทเ่ี รยี กชือ่ อย่างอ่ืนกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ กฎ ก.ตร. ข้างต้น ได้แก่ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ือ อย่างอื่นและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๘ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒ ตอนท่ี ๗๓ ก วันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๘) ให้มีช่ือตาแหน่ง ข้าราชการตารวจที่เรียกชื่ออย่างอ่ืน โดยเทียบกับตาแหน่งข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัตติ ารวจแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ดงั ต่อไปน้ี ชอื่ ตาแหน่งท่เี รยี กชอ่ื อย่างอืน่ เทียบกับตาแหน่ง (๑) ครู (ปท ๑) ผูบ้ งั คบั หมู่ (๒) เจา้ หน้าทกี่ ารเงนิ และบัญชี (ปท ๑) (๓) เจ้าหน้าที่ธรุ การ (ปท ๑) (๔) เจ้าหนา้ ทปี่ ระชาสมั พันธ์ (ปท ๑) (๕) เจ้าหน้าทพี่ ัสดุ (ปท ๑) (๖) เจา้ หนา้ ทพี่ มิ พ์ดีด (ปท ๑) (๗) เจ้าหนา้ ทว่ี ทิ ยุส่ือสาร (ปท ๑) (๘) ชา่ ง (ปท ๑) (๙) ช่างเคร่ืองยนต์ (ปท ๑) (๑๐) ช่างไฟฟาู สอ่ื สาร (ปท ๑) (๑๑) ชา่ งภาพ (ปท ๑) (๑๒) ช่างอากาศยาน (ปท ๑) (๑๓) นักประดานา้ (ปท ๑) (๑๔) ผชู้ ่วยทนั ตแพทย์ (ปท ๑) (๑๕) ผู้ช่วยพนกั งานสอบสวน (ปท ๑) (๑๖) ผู้ชว่ ยพยาบาล (ปท ๑) (๑๗) พนักงานขบั รถ (ปท ๑) (๑๘) ครู (สบ ๑) รองสารวตั ร (๑๙) เจา้ หน้าทก่ี ารเงนิ และบญั ชี (สบ ๑) (๒๐) เจา้ หนา้ ทีต่ รวจสอบภายใน (สบ ๑) (๒๑) เจ้าหน้าท่ธี ุรการ (สบ ๑) (๒๒) เจา้ หนา้ ท่ีพสั ดุ (สบ ๑) (๒๓) เจา้ หน้าที่วเิ คราะหง์ านบุคคล (สบ ๑) (๒๔) เจ้าหนา้ ทีว่ ิทยสุ ือ่ สาร (สบ ๑)

12  อนุชัย ณ วชั รเจรญิ รองสารวตั ร (๒๕) เจ้าหนา้ ที่วิเทศสัมพนั ธ์ (สบ ๑) (๒๖) เจ้าหนา้ ทส่ี าธารณสขุ (สบ ๑) (๒๗) ชา่ ง (สบ ๑) (๒๘) ชา่ งเคร่อื งยนต์ (สบ ๑) (๒๙) ชา่ งไฟฟูาสื่อสาร (สบ ๑) (๓๐) ช่างภาพ (สบ ๑) (๓๑) ช่างภาพการแพทย์ (สบ ๑) (๓๒) ชา่ งอากาศยาน (สบ ๑) (๓๓) ตน้ ปืน (สบ ๑) (๓๔) ตน้ เรือ (สบ ๑) (๓๕) ต้นหน (สบ ๑) (๓๖) ทนั ตแพทย์ (สบ ๑) (๓๗) นกั กายภาพบาบดั (สบ ๑) (๓๘) นกั จติ วทิ ยา (สบ ๑) (๓๙) นักเทคนิคการแพทย์ (สบ ๑) (๔๐) นักบิน (สบ ๑) (๔๑) นกั ประดาน้า (สบ ๑) (๔๒) นกั รังสีการแพทย์ (สบ ๑) (๔๓) นักรงั สีเทคนคิ (สบ ๑) (๔๔) นกั วทิ ยาศาสตร์ (สบ ๑) (๔๕) นกั วทิ ยาศาสตร์การแพทย์ (สบ ๑) (๔๖) นักสังคมสงเคราะห์ (สบ ๑) (๔๗) นายช่างกลเรอื (สบ ๑) (๔๘) นายแพทย์ (สบ ๑) (๔๙) นายเวร (สบ ๑) (๕๐) นิติกร (สบ ๑) (๕1) บรรณารักษ์ (สบ ๑) (๕๒) บุคลากร (สบ ๑) (๕๓) ผชู้ ่วยนายเวร (สบ ๑) (๕๔) ผชู้ ว่ ยพยาบาล (สบ ๑) (๕๕) ผูบ้ งั คับหมวด (สบ ๑) (๕๖) พนักงานสอบสวน (สบ ๑) (๕๗) พยาบาล (สบ ๑)

คาอธิบายการบรหิ ารงานกาลังพล สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ  13 (๕๘) เภสัชกร (สบ ๑) รองสารวตั ร (๕๙) โภชนากร (สบ ๑) สารวัตร (๖๐) วศิ วกรไฟฟูาสอื่ สาร (สบ ๑) (๖๑) วิศวกรอากาศยาน (สบ ๑) (๖๒) อาจารย์ (สบ ๑) (๖๓) ครู (สบ ๒) (๖๔) เจ้าหนา้ ที่ตรวจสอบภายใน (สบ ๒) (๖๕) เจ้าหนา้ ท่ธี ุรการ (สบ ๒) (๖๖) เจ้าหนา้ ทีว่ ิเคราะห์งานบคุ คล (สบ ๒) (๖๗) เจา้ หนา้ ทว่ี ทิ ยุสือ่ สาร (สบ ๒) (๖๘) เจา้ หนา้ ท่ีวเิ ทศสมั พนั ธ์ (สบ ๒) (๖๙) เจ้าหน้าที่สาธารณสขุ (สบ ๒) (๗๐) ชา่ ง (สบ ๒) (๗๑) ชา่ งเครอื่ งยนต์ (สบ ๒) (๗๒) ช่างไฟฟาู ส่ือสาร (สบ ๒) (๗๓) ช่างภาพ (สบ ๒) (๗๔) ชา่ งภาพการแพทย์ (สบ ๒) (๗๕) ชา่ งอากาศยาน (สบ ๒) (๗๖) ต้นปนื (สบ ๒) (๗๗) ตน้ เรอื (สบ ๒) (๗๘) ต้นหน (สบ ๒) (๗๙) ทันตแพทย์ (สบ ๒) (๘๐) นักกายภาพบาบัด (สบ ๒) (๘๑) นักเทคนคิ การแพทย์ (สบ ๒) (๘๒) นักจติ วทิ ยา (สบ ๒) (๘๓) นักบนิ (สบ ๒) (๘๔) นกั ประดานา้ (สบ ๒) (๘๕) นักรังสกี ารแพทย์ (สบ ๒) (๘๖) นักรังสีเทคนิค (สบ ๒) (๘๗) นักวิทยาศาสตร์ (สบ ๒) (๘๘) นกั วิทยาศาสตร์การแพทย์ (สบ ๒) (๘๙) นักสงั คมสงเคราะห์ (สบ ๒) (๙๐) นายช่างกลเรือ (สบ ๒)

14  อนุชยั ณ วัชรเจรญิ สารวตั ร รองผ้กู ากับการ (๙๑) นายตารวจราชสานักประจา (สบ ๒) (๙๒) นายแพทย์ (สบ ๒) (๙๓) นายเวร (สบ ๒) (๙๔) นิติกร (สบ ๒) (๙๕) บรรณารักษ์ (สบ ๒) (๙๖) บุคลากร (สบ ๒) (๙๗) ผู้ชว่ ยนายเวร (สบ ๒) (๙๘) ผู้ชว่ ยพยาบาล (สบ ๒) (๙๙) ผู้บงั คบั กองรอ้ ย (สบ ๒) (๑๐๐) ผบู้ งั คับการเรอื (สบ ๒) (๑๐๑) พนกั งานสอบสวน (สบ ๒) (๑๐๒) พยาบาล (สบ ๒) (๑๐๓) เภสัชกร (สบ ๒) (๑๐๔) โภชนากร (สบ ๒) (๑๐๕) วศิ วกรไฟฟาู ส่อื สาร (สบ ๒) (๑๐๖) วิศวกรอากาศยาน (สบ ๒) (๑๐๗) หวั หน้า (สบ ๒) (๑๐๘) อาจารย์ (สบ ๒) (๑๐๙) ครู (สบ ๓) (๑๑๐) เจ้าหนา้ ที่ตรวจสอบภายใน (สบ ๓) (๑๑๑) เจา้ หนา้ ที่ธุรการ (สบ ๓) (๑๑๒) เจ้าหน้าทว่ี ิเคราะห์งานบคุ คล (สบ ๓) (๑๑๓) เจา้ หน้าทว่ี ิทยสุ อ่ื สาร (สบ ๓) (๑๑๔) เจา้ หนา้ ทวี่ ิเทศสมั พันธ์ (สบ ๓) (๑๑๕) เจ้าหน้าทส่ี าธารณสุข (สบ ๓) (๑๑๖) ช่าง (สบ ๓) (๑๑๗) ช่างเครอ่ื งยนต์ (สบ ๓) (๑๑๘) ชา่ งไฟฟาู สอ่ื สาร (สบ ๓) (๑๑๙) ชา่ งภาพ (สบ ๓) (๑๒๐) ช่างภาพการแพทย์ (สบ ๓) (๑๒๑) ช่างอากาศยาน (สบ ๓) (๑๒๒) ตน้ ปืน (สบ ๓) (๑๒๓) ตน้ เรือ (สบ ๓)

คาอธิบายการบริหารงานกาลงั พล สานักงานตารวจแหง่ ชาติ  15 (๑๒๔) ต้นหน (สบ ๓) รองผู้กากับการ (๑๒๕) ทันตแพทย์ (สบ ๓) ผูก้ ากับการ (๑๒๖) นกั กายภาพบาบดั (สบ ๓) (๑๒๗) นกั จติ วทิ ยา (สบ ๓) (๑๒๘) นกั เทคนคิ การแพทย์ (สบ ๓) (๑๒๙) นักบนิ (สบ ๓) (๑๓๐) นักประดานา้ (สบ ๓) (๑๓๑) นกั รังสีการแพทย์ (สบ ๓) (๑๓๒) นักรังสเี ทคนิค (สบ ๓) (๑๓๓) นกั วิทยาศาสตร์ (สบ ๓) (๑๓๔) นกั วิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ (สบ ๓) (๑๓๕) นกั สังคมสงเคราะห์ (สบ ๓) (๑๓๖) นายช่างกลเรอื (สบ ๓) (๑๓๗) นายตารวจราชสานักประจา (สบ ๓) (๑๓๘) นายแพทย์ (สบ ๓) (๑๓๙) นายเวร (สบ ๓) (๑๔๐) นิติกร (สบ ๓) (๑๔๑) บรรณารกั ษ์ (สบ ๓) (๑๔๒) บคุ ลากร (สบ ๓) (๑๔๓) ผู้ช่วยนายเวร (สบ ๓) (๑๔๔) ผู้ช่วยพยาบาล (สบ ๓) (๑๔๕) ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ (สบ ๓) (๑๔๖) ผบู้ ังคับการเรอื (สบ ๓) (๑๔๗) พนักงานสอบสวน (สบ ๓) (๑๔๘) พยาบาล (สบ ๓) (๑๔๙) เภสัชกร (สบ ๓) (๑๕๐) โภชนากร (สบ ๓) (๑๕๑) วิศวกรไฟฟาู สอ่ื สาร (สบ ๓) (๑๕๒) วศิ วกรอากาศยาน (สบ ๓) (๑๕๓) หวั หนา้ (สบ ๓) (๑๕๔) อาจารย์ (สบ ๓) (๑๕๕) ครู (สบ ๔) (๑๕๖) เจา้ หน้าท่ีตรวจสอบภายใน (สบ ๔)

16  อนุชยั ณ วชั รเจรญิ ผกู้ ากบั การ (๑๕๗) เจา้ หน้าทวี่ เิ คราะหง์ านบคุ คล (สบ ๔) (๑๕๘) เจา้ หน้าทีว่ เิ ทศสมั พันธ์ (สบ ๔) (๑๕๙) เจา้ หน้าที่สาธารณสขุ (สบ ๔) (๑๖๐) ช่างเครอ่ื งยนต์ (สบ ๔) (๑๖๑) ช่างไฟฟูาส่ือสาร (สบ ๔) (๑๖๒) ช่างอากาศยาน (สบ ๔) (๑๖๓) ทนั ตแพทย์ (สบ ๔) (๑๖๔) นักกายภาพบาบัด (สบ ๔) (๑๖๕) นักจติ วิทยา (สบ ๔) (๑๖๖) นกั เทคนคิ การแพทย์ (สบ ๔) (๑๖๗) นกั บิน (สบ ๔) (๑๖๘) นักรงั สกี ารแพทย์ (สบ ๔) (๑๖๙) นักรงั สีเทคนคิ (สบ ๔) (๑๗๐) นกั วิทยาศาสตร์ (สบ ๔) (๑๗๑) นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ (สบ ๔) (๑๗๒) นักสงั คมสงเคราะห์ (สบ ๔) (๑๗๓) นายตารวจราชสานกั ประจา (สบ ๔) (๑๗๔) นายแพทย์ (สบ ๔) (๑๗๕) นายเวร (สบ ๔) (๑๗๖) นติ กิ ร (สบ ๔) (๑๗๗) บรรณารกั ษ์ (สบ ๔) (๑๗๘) บคุ ลากร (สบ ๔) (๑๗๙) ผ้ชู ว่ ยนายเวร (สบ ๔) (๑๘๐) ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ (สบ ๔) (๑๘๑) ผ้บู ังคับการเรือ (สบ ๔) (๑๘๒) พนกั งานสอบสวน (สบ ๔) (๑๘๓) พยาบาล (สบ ๔) (๑๘๔) เภสัชกร (สบ ๔) (๑๘๕) โภชนากร (สบ ๔) (๑๘๖) รองศาสตราจารย์ (สบ ๔) (๑๘๗) วศิ วกรไฟฟูาสือ่ สาร (สบ ๔) (๑๘๘) วิศวกรอากาศยาน (สบ ๔) (๑๘๙) หวั หนา้ (สบ ๔) (๑๙๐) อาจารย์ (สบ ๔)

คาอธบิ ายการบรหิ ารงานกาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติ  17 (๑๙๑) เจา้ หนา้ ที่ตรวจสอบภายใน (สบ ๕) รองผบู้ งั คับการ (๑๙๒) เจา้ หน้าทว่ี ิเคราะหง์ านบคุ คล (สบ ๕) (๑๙๓) เจ้าหน้าทว่ี ิเทศสมั พนั ธ์ (สบ ๕) (๑๙๔) เจา้ หนา้ ที่สาธารณสุข (สบ ๕) (๑๙๕) ช่างเครอื่ งยนต์ (สบ ๕) (๑๙๖) ช่างไฟฟาู ส่ือสาร (สบ ๕) (๑๙๗) ช่างอากาศยาน (สบ ๕) (๑๙๘) ทันตแพทย์ (สบ ๕) (๑๙๙) นักกายภาพบาบัด (สบ ๕) (๒๐๐) นกั จิตวิทยา (สบ ๕) (๒๐๑) นักเทคนิคการแพทย์ (สบ ๕) (๒๐๒) นกั บนิ (สบ ๕) (๒๐๓) นกั รังสีการแพทย์ (สบ ๕) (๒๐๔) นกั รังสีเทคนิค (สบ ๕) (๒๐๕) นักวิทยาศาสตร์ (สบ ๕) (๒๐๖) นกั วิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ (สบ ๕) (๒๐๗) นักสงั คมสงเคราะห์ (สบ ๕) (๒๐๘) นายตารวจราชสานักประจา (สบ ๕) (๒๐๙) นายแพทย์ (สบ ๕) (๒๑๐) นายเวร (สบ ๕) (๒๑๑) นิติกร (สบ ๕) (๒๑๒) บรรณารกั ษ์ (สบ ๕) (๒๑๓) บุคลากร (สบ ๕) (๒๑๔) พนักงานสอบสวน (สบ ๕) (๒๑๕) พยาบาล (สบ ๕) (๒๑6) เภสัชกร (สบ ๕) (๒๑๗) โภชนากร (สบ ๕) (๒๑๘) รองเลขานุการตารวจแหง่ ชาติ (สบ ๕) (๒๑๙) รองศาสตราจารย์ (สบ ๕) (๒๒๐) วิศวกรไฟฟาู สอื่ สาร (สบ ๕) (๒๒๑) วิศวกรอากาศยาน (สบ ๕) (๒๒๒) ศาสตราจารย์ (สบ ๕) (๒๒๓) หัวหนา้ (สบ ๕) (๒๒๔) อาจารย์ (สบ ๕)

18  อนชุ ัย ณ วัชรเจรญิ (๒๒๕) เจา้ หนา้ ทตี่ รวจสอบภายใน (สบ ๖) ผบู้ งั คบั การ (๒๒๖) เจา้ หนา้ ที่วิเคราะหง์ านบุคคล (สบ ๖) (๒๒๗) ทนั ตแพทย์ (สบ ๖) (๒๒๘) นักบิน (สบ ๖) (๒๒๙) นกั วิทยาศาสตร์ (สบ ๖) (๒๓๐) นายตารวจราชสานกั ประจา (สบ ๖) (๒๓๑) นายแพทย์ (สบ ๖) (๒๓๒) นติ กิ ร (สบ ๖) (๒๓๓) พนกั งานสอบสวน (สบ ๖) (๒๓๔) เลขานุการตารวจแห่งชาติ (สบ ๖) (๒๓๕) วศิ วกรไฟฟาู สอ่ื สาร (สบ ๖) (๒๓๖) วศิ วกรอากาศยาน (สบ ๖) (๒๓๗) ศาสตราจารย์ (สบ ๖) (๒๓๘) อาจารย์ (สบ ๖) (๒๓๙) ทปี่ รึกษา (สบ ๗) รองผบู้ ัญชาการ (๒๔๐) นายตารวจราชสานกั ประจา (สบ ๗) (๒๔๑) นิติกร (สบ ๗) (๒๔๒) รองจเรตารวจ (สบ ๗) (๒๔๓) รองนายแพทยใ์ หญ่ (สบ ๗) (๒๔๔) จเรตารวจ (สบ ๘) ผู้บัญชาการ (๒๔๕) ทป่ี รกึ ษา (สบ ๘) (๒๔๖) รองหวั หน้านายตารวจราชสานกั ประจา (สบ ๘) (๒๔๗) นายแพทยใ์ หญ่ (สบ ๘) (๒๔๘) นิติกร (สบ ๘) (๒๔๙) ท่ีปรึกษา (สบ ๙) ผชู้ ่วยผบู้ ัญชาการ ตารวจแห่งชาติ (๒๕๐) รองจเรตารวจแห่งชาติ (สบ ๙) (๒๕๑) รองหวั หนา้ นายตารวจราชสานกั ประจา (สบ ๙) (๒๕๒) ผู้เชีย่ วชาญพเิ ศษด้านนติ กิ าร (สบ ๙) (๒๕๓) ผเู้ ช่ียวชาญพิเศษดา้ นการแพทย์ (สบ ๙) (๒๕๔) ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) จเรตารวจแห่งชาติ และรองผูบ้ ญั ชาการ ตารวจแหง่ ชาติ (๒๕๕) หัวหน้านายตารวจราชสานกั ประจา (สบ ๑๐)

คาอธิบายการบริหารงานกาลงั พล สานักงานตารวจแห่งชาติ  19 กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๒๔ ตอนที่ ๔๘ ก วนั ที่ ๒๘ สงิ หาคม ๒๕๕๐) ใหม้ ชี ่ือตาแหน่งขา้ ราชการตารวจ ท่ีเรยี กช่ืออย่างอืน่ โดยเทยี บกับตาแหนง่ ข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยเพิ่มเติมจากชื่อตาแหน่งท่ีกาหนดใน กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอื่นและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ือ อย่างอน่ื กับตาแหน่งข้าราชการตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๘ ดงั ตอ่ ไปนี้ ชอื่ ตาแหน่งที่เรยี กช่อื อยา่ งอนื่ เทียบกบั ตาแหนง่ (๑) นายตารวจฝุายอานวยการประจาผูบ้ งั คบั บัญชา (สบ ๑) รองสารวตั ร (๒) นายตารวจฝาุ ยอานวยการประจาผู้บงั คับบัญชา (สบ ๒) สารวัตร (๓) นายตารวจฝุายอานวยการประจาผู้บังคับบัญชา (สบ ๓) รองผกู้ ากับการ (๔) สารวัตรใหญ่ (๕) นายตารวจฝุายอานวยการประจาผู้บงั คบั บัญชา (สบ ๔) ผกู้ ากับการ (๖) นายตารวจฝาุ ยอานวยการประจาผูบ้ งั คบั บญั ชา (สบ ๕) รองผู้บงั คับการ (๗) ผูต้ รวจราชการ (สบ ๕) รองผ้บู งั คับการ (๘) หวั หนา้ ฝุายอานวยการประจาผูบ้ ังคับบัญชา (สบ ๕) (๙) นายตารวจฝุายอานวยการประจาผบู้ งั คบั บญั ชา (สบ ๖) ผู้บงั คับการ (๑๐) ผูต้ รวจราชการ (สบ ๖) (๑๑) หัวหนา้ ฝาุ ยอานวยการประจาผู้บังคับบัญชา (สบ ๖) (๑๒) นายตารวจฝุายอานวยการประจาผบู้ ังคบั บัญชา (สบ ๗) รองผู้บญั ชาการ (๑๓) หัวหนา้ ฝุายอานวยการประจาผู้บงั คับบัญชา (สบ ๗) (๑๔) หวั หนา้ ฝาุ ยอานวยการประจาผู้บังคับบัญชา (สบ ๘) ผบู้ ัญชาการ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๑๕ ก วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๓) ให้มีช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจ ท่เี รยี กชื่ออยา่ งอ่ืน โดยเทยี บกับตาแหนง่ ขา้ ราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยเพ่ิมเติมจากช่ือตาแหน่งที่กาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกชื่อ อย่างอืน่ กับตาแหน่งขา้ ราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๘ และท่แี กไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๐ ดังต่อไปน้ี ชอื่ ตาแหนง่ ท่เี รยี กชอื่ อย่างอืน่ เทยี บกับตาแหน่ง นายตารวจราชสานักประจา (สบ ๘) ผบู้ ญั ชาการ

20  อนุชัย ณ วัชรเจรญิ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๕ (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๑๑๓ ก วันท่ี ๓ ธนั วาคม ๒๕๕๕) ใหม้ ีชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจ ท่ีเรียกชอ่ื อยา่ งอน่ื โดยเทียบกับตาแหน่งขา้ ราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยเพ่ิมเติมจากชื่อตาแหน่งที่กาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอื่นและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจ ที่เรียกชื่อ อย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๘ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมฉบับท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๕๐ และ ฉบบั ที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังตอ่ ไปน้ี ช่อื ตาแหนง่ ทีเ่ รยี กชือ่ อยา่ งอน่ื เทยี บกบั ตาแหน่ง (๑) ผเู้ ชยี่ วชาญด้านการเดนิ เรือ (สบ ๕) รองผบู้ งั คบั การ (๒) ผู้เชย่ี วชาญพิเศษด้านการเดินเรือ (สบ ๖) ผ้บู ังคับการ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๕๖ (ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม ๑๓๐ ตอนท่ี ๘๐ ก วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖) ให้มีช่ือตาแหน่งข้าราชการ ตารวจที่เรียกชื่ออย่างอื่น โดยเทียบกับตาแหน่งข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แห่ง พระราชบัญญัตติ ารวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ โดยเพมิ่ เตมิ จากช่ือตาแหน่งทก่ี าหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วย การกาหนดชอ่ื ตาแหน่งขา้ ราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจ ที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๕๐ ฉบบั ท่ี ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ และฉบบั ที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังตอ่ ไปน้ี ช่ือตาแหนง่ ที่เรียกชือ่ อยา่ งอน่ื เทียบกับตาแหนง่ นายเวร (สบ ๖) ผ้บู งั คับการ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๖ (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๓๐ ตอนที่ ๑๑๕ ก วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖) ใหม้ ีชอื่ ตาแหนง่ ขา้ ราชการตารวจ ท่เี รียกชอ่ื อยา่ งอน่ื โดยเทียบกับตาแหน่งข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยเพิ่มเติมจากช่ือตาแหน่งท่ีกาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจ ที่เรียกช่ือ อยา่ งอืน่ กบั ตาแหนง่ ข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๘ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ฉบับท่ี ๒ พ.ศ.๒๕๕๐ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๕ และฉบับท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๕๖ ดงั ต่อไปน้ี ชอ่ื ตาแหน่งทเ่ี รียกชอ่ื อย่างอ่ืน เทียบกบั ตาแหนง่ ผู้ช่วยนายเวร (สบ ๕) รองผูบ้ งั คบั การ

คาอธิบายการบริหารงานกาลงั พล สานักงานตารวจแห่งชาติ  21 กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๗ ก วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) ให้มีช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจ ทเี่ รียกชอ่ื อยา่ งอื่น โดยเทยี บกบั ตาแหน่งขา้ ราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยเพิ่มเติมจากชื่อตาแหน่งที่กาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืน และการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่อ อย่างอนื่ กบั ตาแหนง่ ข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๘ และทแี่ กไ้ ขเพ่ิมเติม ฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๕๐ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ ฉบบั ท่ี ๔ พ.ศ. ๒๕๕๕ ฉบบั ท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๕๖ และฉบับท่ี ๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ ดังต่อไปน้ี ชือ่ ตาแหนง่ ที่เรยี กชื่ออย่างอ่ืน เทยี บกบั ตาแหนง่ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ (สบ ๒) สารวตั ร กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๕๙ (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๓๓ ตอนท่ี ๙๘ ก วนั ท่ี ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๙) ให้มีช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจ ทเ่ี รยี กช่อื อยา่ งอ่ืน โดยเทยี บกบั ตาแหน่งข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ แก้ไขเพมิ่ เติมโดยคาส่งั หัวหนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๗/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยเพ่ิมเติมจากชื่อตาแหน่งท่ีกาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดช่ือ ตาแหนง่ ขา้ ราชการตารวจทีเ่ รยี กช่อื อย่างอน่ื และการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกชื่ออย่างอื่น กบั ตาแหน่งข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๘ และทแ่ี ก้ไขเพมิ่ เติม ดงั ต่อไปน้ี ชอื่ ตาแหน่งที่เรียกชอ่ื อยา่ งอนื่ เทียบกับตาแหนง่ (๑) ทปี่ รึกษาพิเศษสานักงานตารวจแห่งชาติ จเรตารวจแหง่ ชาติ และรองผู้บัญชาการ ตารวจแหง่ ชาติ (๒) ผทู้ รงคุณวฒุ พิ เิ ศษสานักงานตารวจแหง่ ชาติ ผบู้ ัญชาการ (๓) ผทู้ รงคณุ วุฒิสานักงานตารวจแห่งชาติ ผ้บู งั คับการ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและการเทียบ ตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ (ฉบับท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ (ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๗๑ ก วันท่ี ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐) ใหม้ ชี ือ่ ตาแหน่งข้าราชการตารวจ ทเี่ รียกชื่ออยา่ งอนื่ โดยเทยี บกบั ตาแหนง่ ข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติท่ี ๗/๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยเพ่ิมเติมจากช่ือตาแหน่งท่ีกาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่อ อย่างอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๘ และทแ่ี ก้ไขเพมิ่ เติม ดังตอ่ ไปนี้

22  อนชุ ยั ณ วัชรเจรญิ ช่อื ตาแหน่งทเี่ รียกชื่ออยา่ งอ่ืน เทียบกบั ตาแหน่ง (๑) นายแพทย์ (สบ ๗) รองผบู้ ัญชาการ (๒) นายแพทย์ (สบ ๘) ผบู้ ัญชาการ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นและการเทียบ ตาแหนง่ ข้าราชการตารวจทเี่ รยี กชือ่ อยา่ งอื่นกับตาแหน่งขา้ ราชการตารวจ (ฉบับท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๐ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๑๒๔ ก วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๐) ให้มีช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจ ท่ีเรียกช่ืออย่างอน่ื โดยเทียบกบั ตาแหนง่ ข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยคาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติท่ี ๗/๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยเพ่ิมเติมจากชื่อตาแหน่งท่ีกาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ชื่อตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ือ อย่างอน่ื กับตาแหนง่ ขา้ ราชการตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๘ และทแ่ี กไ้ ขเพ่มิ เติม ดังตอ่ ไปน้ี ชื่อตาแหน่งท่ีเรยี กช่ืออยา่ งอื่น เทยี บกับตาแหนง่ (๑) ประจา (สบ ๑) รองสารวัตร (๒) ประจา (สบ ๒) สารวตั ร (๓) ประจา (สบ ๓) รองผู้กากับการ (๔) ประจา (สบ ๔) ผกู้ ากับการ (๕) ประจา (สบ ๕) รองผบู้ งั คบั การ (๖) ประจา (สบ ๖) ผูบ้ ังคับการ (๗) ประจา (สบ ๗) รองผบู้ ญั ชาการ (๘) ประจา (สบ ๘) ผบู้ ัญชาการ (๙) ประจา (สบ ๙) ผชู้ ว่ ยผู้บญั ชาการ ตารวจแห่งชาติ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและการเทียบ ตาแหนง่ ขา้ ราชการตารวจท่ีเรียกชอ่ื อย่างอ่ืนกบั ตาแหนง่ ข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๐ (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๒๒ ก วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) ให้มีช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจ ท่ีเรียกช่อื อยา่ งอ่นื โดยเทยี บกบั ตาแหน่งข้าราชการตารวจตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๗/๒๕๕๙ ลงวนั ท่ี ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยเพิ่มเติมจากชื่อตาแหน่งที่กาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนด ช่ือตาแหน่งข้าราชการตารวจที่เรียกช่ืออย่างอ่ืน และการเทียบตาแหน่งข้าราชการตารวจท่ีเรียกชื่อ อยา่ งอื่นกับตาแหน่งข้าราชการตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๘ และทแี่ ก้ไขเพมิ่ เติมดงั ต่อไปน้ี ช่ือตาแหน่งทเ่ี รยี กชอ่ื อย่างอืน่ เทียบกบั ตาแหนง่ (๑) นกั วิชาการคอมพวิ เตอร์ (สบ ๑) รองสารวตั ร (๒) นักวิชาการคอมพิวเตอร์ (สบ ๒) สารวัตร (๓) นกั วิชาการคอมพวิ เตอร์ (สบ ๓) รองผูก้ ากับการ (๔) นกั วิชาการคอมพิวเตอร์ (สบ ๔) ผูก้ ากับการ

คาอธบิ ายการบริหารงานกาลังพล สานักงานตารวจแห่งชาติ  23 บทที่ ๒ การบรรจุ แต่งต้งั โอน การทดลองปฏบิ ัติหน้าที่ราชการ และการประเมนิ ผลการปฏิบัติราชการ การบรรจุ แตง่ ตั้ง การบรรจบุ ุคคลเขา้ รบั ราชการตารวจ ระเบีย บส านั กงาน ตาร ว จ แห่ งชาติว่าด้ว ย ปร ะมว ล ร ะเบีย บการตาร ว จ ไม่เก่ีย ว กับคดี ลักษณะที่ ๔ การบรรจุ พ.ศ.๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖ ได้กาหนดเร่ืองการบรรจุบุคคล เข้ารับราชการตารวจไวด้ ังนี้ 1. การบรรจุบุคคลผู้ได้รับการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันได้เข้ารับราชการตารวจ ให้ดาเนินการตามกฎหมายว่าด้วยตารวจแห่งชาติ โดยผู้ที่จะได้รับการบรรจุต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยตารวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตารวจ รวมท้ังต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่ง ตามท่ี ก.ตร. กาหนดหรอื ไดร้ ับอนมุ ตั ิจาก ก.ตร. ตามกฎหมายว่าดว้ ยตารวจแห่งชาติ 2. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตารวจ จะบรรจุในชั้นยศใดให้เป็นไปตาม กฎ ก.ตร. ว่าดว้ ยหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารแตง่ ต้ังยศ การบรรจบุ ุคคลเขา้ รับราชการตารวจเพ่อื เข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษา ของสานักงานตารวจแห่งชาตใิ หบ้ รรจเุ ป็นพลตารวจสารองตามกฎหมายว่าด้วยตารวจแห่งชาติ 3. การบรรจุบคุ คลผ้มู ีคุณวฒุ ิใดเขา้ รับราชการตารวจในชั้นยศใด ตาแหนง่ ใด ให้เป็นไป ตามท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติกาหนด โดยต้องเป็นวุฒิปริญญา อนุปริญญาหรือประกาศนียบัตร ท่ี ก.ตร. รับรอง ทง้ั น้ีจะได้รับอตั ราเงนิ เดอื นใดให้เปน็ ไปตามที่ ก.ตร. กาหนด 4. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตารวจให้หน่วยงานที่รับสมัครรับผิดชอบรวบรวม และตรวจสอบหลักฐานประกอบการรับสมัครให้ครบถ้วนถูกต้องตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขท่ี สานักงานตารวจแห่งชาตกิ าหนด 5. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตารวจใหม่ ห้ามมิให้สั่งบรรจุและแต่งตั้งย้อนหลัง ไปก่อนวันออกคาสั่ง เว้นแต่ในกรณีผู้ที่จะได้รับการบรรจุได้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าท่ีราชการแล้ว ก็ให้สั่งบรรจุและแต่งตัง้ ย้อนหลังไปไดไ้ ม่ก่อนวนั ท่ีผู้น้ันได้รายงานตวั เข้าปฏิบตั ิหน้าทีร่ าชการ

24  อนุชัย ณ วชั รเจรญิ 6. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตารวจแต่ละกรณี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ แนวทางท่ีสานักงานตารวจแหง่ ชาติกาหนด ๗. การพิจารณาว่าผู้ใดจะถือว่าเป็นผู้ประพฤติเส่ือมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ตามกฏ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตารวจ ให้พิจารณา ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เป็นรายๆ ไป โดยคานึงถึงเกียรติของข้าราชการ ความรังเกียจของสังคม และความหมายของศีลธรรมในหลักพระพุทธศาสนาประกอบ (ระเบียบสานักงานตารวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตารวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๔ การบรรจุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ ลงวนั ท่ี ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๗) การสง่ั ให้ข้าราชการตารวจได้รับเงนิ เดือนตามคุณวฒุ ิ การสั่งให้ข้าราชการตารวจได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิสาหรับผู้มีคุณวุฒิสูงขึ้นตามที่ ก.ตร. กาหนด โดยให้ทกุ หนว่ ยงานถอื ปฏิบัติดงั ต่อไปน้ี ๑. ข้าราชการตารวจผู้มีสิทธิได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ ได้แก่ ข้าราชการตารวจ ผู้มีคณุ สมบตั ิกรณีใดกรณหี น่ึงดงั ตอ่ ไปนี้ ๑.๑ ไดร้ ับอนุญาตให้ลาศกึ ษาตามระเบียบของทางราชการ ๑.๒ ได้รับอนุมัติจากสานักงานตารวจแห่งชาติให้ไปศึกษาตามระเบียบท่ีสานักงาน ตารวจแหง่ ชาติกาหนด ๑.๓ ไดร้ ับทุนรฐั บาลไปศึกษาตามความตอ้ งการของสานักงานตารวจแหง่ ชาติ ๒. คุณวฒุ ิที่ได้รับสูงขึ้นต้องเป็นคุณวุฒิท่ีตรงตามโครงการความต้องการของหน่วยงาน และตรงกับคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่งที่ใช้รองรับการแต่งตั้งผู้สาเร็จการศึกษาตามข้อ ๑ และเปน็ คุณวฒุ ิปรญิ ญา อนุปรญิ ญา หรือประกาศนยี บัตรที่ ก.ตร. รบั รอง ๓. โครงการความตอ้ งการข้าราชการตารวจผ้มู ีคุณวุฒติ ่างๆ ต้องมสี าระสาคัญดังต่อไปน้ี ๓.๑ คุณวุฒิที่หน่วยงานต้องการต้องตรงกับคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่ง ท่ใี ช้รองรับการแตง่ ต้ังและตรงกบั หนา้ ทก่ี ารงานของหนว่ ยงานนั้นๆ ๓.๒ หนว่ ยงานนน้ั ๆ มคี วามจาเป็นทจี่ ะใชผ้ มู้ ีคุณวุฒนิ น้ั ๓.๓ การอนุญาตหรอื อนมุ ตั ใิ ห้ข้าราชการตารวจลาหรือไปศึกษาตามข้อ ๑ ท่ีมีข้อผูกพัน ว่าจะต้องแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิที่ได้รับอนุญาตหรืออนุมัติให้ลาหรือไปศึกษา ต่อ จะตอ้ งตรวจสอบและกันตาแหน่งและอัตราเงินเดือนไปยังสานักงานตารวจแห่งชาติ (ผ่านสานักงาน กาลงั พล) ก่อน เพอื่ ใหส้ อดคล้องกบั แผนการสรรหากาลังพลของสานกั งานตารวจแหง่ ชาติ ๔. ให้ข้าราชการตารวจผู้ได้รับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตร ซ่ึงมีคุณสมบัติ ครบถ้วนและประสงค์จะขอรับเงินเดือนตามคุณวุฒิ รายงานเสนอผ่านผู้บังคับบัญชาตามลาดับช้ัน แล้วให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบและพิจารณาเสนอผู้มีอานาจส่ังเล่ือนเงินเดือนโดยให้แนบเอกสาร หลกั ฐานประกอบการพิจารณาดงั นี้ ๔.๑ หลักฐานการตรวจสอบคณุ สมบตั ิ ตามขอ้ ๑ ๔.๒ หลักฐานการตรวจสอบคณุ วฒุ ิ ตามข้อ ๒ ๔.๓ ผลการตรวจสอบของสถานศึกษาท่ยี ืนยันวา่ ข้าราชการตารวจผู้น้ันสาเร็จการศึกษา จากสถานศกึ ษาดังกล่าวจรงิ หรือไม่

คาอธบิ ายการบริหารงานกาลงั พล สานกั งานตารวจแห่งชาติ  25 ๔.๔ หลักฐานการตรวจสอบการกันอัตราเงนิ เดอื นทจ่ี ะใชร้ องรับการสั่งให้ข้าราชการตารวจ ไดร้ บั เงินเดือนตามคุณวุฒิ ๕. การออกคาส่ังให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิให้ออกคาส่ังย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ ข้าราชการตารวจผู้นัน้ สาเรจ็ การศกึ ษาและไดร้ ายงานตวั เข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการในตาแหน่งตามโครงการ ทไ่ี ด้รบั อนมุ ตั ิ ๖. ให้ข้าราชการตารวจที่ได้รับอนุญาตหรืออนุมัติให้ลาศึกษาในสถาบันการศึกษา ภายในประเทศหรือต่างประเทศต้องปฏิบัติหน้าท่ีในตาแหน่งตามโครงการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับแต่วันที่สาเร็จการศึกษาและรายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตาแหน่งตามโครงการที่ได้รับอนุญาต หรืออนุมัติให้ลาศึกษา สาหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตหรืออนุมัติให้ลาศึกษาในระดับดุษฎีบัณฑิตต้อง ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีในตาแหนง่ ตามโครงการเปน็ เวลาไม่นอ้ ยกว่า ๔ ปี นับแต่วันทส่ี าเร็จการศกึ ษาและรายงานตัว เข้าปฏิบัติหน้าท่ีในตาแหน่งตามโครงการที่ได้รับอนุญาตหรืออนุมัติให้ลาศึกษา ไม่ว่าผู้น้ันจะได้รับ การเล่ือนเงินเดือนตามคุณวุฒิหรือไม่ก็ตาม พร้อมท้ังระบุเงื่อนไขดังกล่าวท้ายคาสั่งให้ข้าราชการตารวจ ได้รับเงนิ เดือนตามคุณวุฒิ เวน้ แต่ไดร้ บั การแตง่ ต้ังเลอ่ื นตาแหน่งสงู ขึ้น การบรรจุข้าราชการที่ออกจากราชการไปแล้วกลับเข้ารับราชการ เป็นขา้ ราชการตารวจ ๑. ข้าราชการตารวจ ข้าราชการซงึ่ มิใชข่ ้าราชการตารวจหรือพนักงานขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นผู้ใด ออกจากราชการหรือออกจากงานไปแล้ว ถ้าประสงค์จะขอกลับเข้ารับราชการ เป็นขา้ ราชการตารวจและสานักงานตารวจแห่งชาติต้องการที่จะรับผู้น้ันกลับเข้ารับราชการให้ดาเนินการ ตามกฎหมายว่าด้วยตารวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตารวจ ผอู้ อกจากราชการไปแล้วกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ หรือ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการบรรจุ และแตง่ ตง้ั ข้าราชการซ่งึ มิใช่ขา้ ราชการตารวจหรอื การบรรจุและแต่งตั้งพนักงานขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินซ่ึงออกจากราชการหรือออกจากงานไปแล้วกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ แลว้ แต่กรณี ๒. ให้ผู้สมัครยื่นคาขอตามแบบแนบท้ายบทนี้ต่อหน่วยงานเดิมที่เคยรับราชการอยู่ก่อน หรอื หน่วยงานใดท่ีมีความประสงค์จะสมคั รเขา้ รบั ราชการ ดังน้ี ๒.๑ หน่วยงานที่ไม่ได้สังกัดสานักงานผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ ให้ยื่นที่กองบัญชาการ หรือเทียบเท่า ๒.๒ หน่วยงานในสังกัดสานักงานผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ ให้ยื่นท่ีกองบัญชาการ กองบังคับการหรอื เทียบเทา่ แล้วแตก่ รณี ๓. คณุ สมบัติของผ้สู มัครกลบั เขา้ รบั ราชการเปน็ ขา้ ราชการตารวจ มีดงั น้ี ๓.๑ ไม่เป็นผู้ท่ีออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือออกจากงาน ในระหวา่ งทดลองปฏิบตั งิ าน ๓.๒ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยตารวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. วา่ ดว้ ยคุณสมบัตแิ ละลกั ษณะต้องหา้ มของการเป็นขา้ ราชการตารวจ

26  อนุชยั ณ วชั รเจรญิ ๓.๓ ไม่เปน็ ผู้ทอี่ อกจากราชการ หรือออกจากงานด้วยเหตุผลใดเหตผุ ลหนง่ึ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๓.๓.๑ หย่อนความสามารถ ๓.๓.๒ ประพฤติตนไมเ่ หมาะสมหรอื บกพร่องต่อหน้าท่ี ๓.๓.๓ กระทาผิดทางวนิ ัยหรอื ทางอาญา ๓.๓.๔ ลาออกโดยอยู่ระหว่างถูกกล่าวหาหรือถูกฟูองคดีอาญาหรือถูกดาเนินการ ทางวนิ ัย และผลการดาเนนิ คดอี าญาหรอื วินยั ยังไม่แลว้ เสร็จ ๓.๓.๕ ถูกใหอ้ อกจากราชการหรือออกจากงานเน่ืองจากมมี ลทินมวั หมอง ๔. หนว่ ยงานทผ่ี สู้ มัครยนื่ ความจานงขอสมัครกลับเข้ารับราชการ ให้ดาเนินการเก่ียวกับหลักฐาน เพ่อื เสนอสานกั งานตารวจแหง่ ชาตพิ จิ ารณาสง่ั การดงั น้ี ๔.๑ แบบคาขอสมัครเข้ารบั ราชการตามแบบท่กี าหนด ๔.๒ ผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลตารวจ ซง่ึ ตรวจมาแลว้ ไมเ่ กนิ ๖ เดือน ๔.๓ ผลการตรวจสอบประวัติและลายพิมพ์น้ิวมือจากสถานีตารวจท่ีผู้สมัครมีภูมิลาเนาอยู่ ซ่ึงตรวจมาแล้วไม่เกนิ ๖ เดอื น ๔.๔ แบบบันทกึ ข้อมูลบุคคลตามท่สี านกั งานตารวจแห่งชาตกิ าหนด ๔.๕ หนังสือรับรองว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามของการเป็น ข้าราชการตารวจตามกฎหมายว่าด้วยตารวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะ ต้องห้ามของการเป็นขา้ ราชการตารวจ โดยมผี ูบ้ งั คับบญั ชาหน่วยงานตามขอ้ ๔ ตงั้ แตต่ าแหน่งผบู้ งั คับการ หรอื ตาแหนง่ เทียบเทา่ ข้นึ ไปรับรอง ๔.๖ คาสง่ั ใหอ้ อกจากราชการหรอื ออกจากงาน ๔.๗ สาเนาทะเบียนบ้าน สาเนาบัตรประจาตัวประชาชนและรูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไมส่ วมหมวกและแว่นตาสีเขม้ ขนาด ๑.๕ x ๒ นวิ้ จานวน ๓ รูป ซึ่งถา่ ยมาแล้วไม่เกนิ ๖ เดอื น ๔.๘ หนังสือรับรองว่าระหว่างที่ออกจากราชการหรือออกจากงานได้ช่วยเหลือราชการตารวจ ปฏิบัติงานท่ีใด อย่างไร มีความประพฤตเิ ป็นอย่างไร โดยมหี ัวหน้าสว่ นราชการนนั้ เป็นผ้รู บั รอง ๔.๙ ประวัติการรับราชการหรือการปฏิบัติงานที่เคยทามาก่อนนั้นทุกแห่ง โดยมี หนังสือรับรองของผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต้นสังกัดเดิม ว่ามีความประพฤติอย่างไรและออกจากราชการ หรือออกจากงานน้ันไปเพราะเหตใุ ด ดงั น้ี ๔.๙.๑ กรณีข้าราชการตารวจ ใหผ้ บู้ งั คบั บัญชาต้นสังกดั ตาแหน่งไม่ตา่ กวา่ ผู้บังคับการ หรือตาแหน่งเทยี บเท่าเป็นผูร้ บั รอง ๔.๙.๒ กรณขี า้ ราชการทหาร ใหผ้ ู้บังคบั บญั ชาตนั สังกดั ตาแหน่งไม่ตา่ กว่าผู้บังคับการ หรอื ตาแหน่งเทียบเทา่ เปน็ ผรู้ บั รอง ๔.๙.๓ กรณีข้าราชการพลเรือน ให้ผู้บังคับบัญชาตันสังกัดไม่ตา่ กว่าระดับกอง หรอื เทียบเทา่ เปน็ ผู้รับรอง ๔.๙.๔ กรณีพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ทเ่ี ปน็ หัวหนา้ หนว่ ยงานเป็นผู้รบั รอง ๔.๑๐ ประวัตกิ ารทางานระหว่างอย่นู อกราชการจนถงึ วันยนื่ ใบสมัครเขา้ รบั ราชการทุกแห่ง โดยมีหนงั สอื รับรองของผ้บู ังคับบัญชาว่ามีความประพฤติอย่างไร ทางานในหน้าท่ีใด ผลของงานในหน้าท่ี เปน็ อยา่ งไร และออกจากงานน้ันไปเพราะเหตุใด

คาอธบิ ายการบริหารงานกาลงั พล สานกั งานตารวจแห่งชาติ  27 ๕. การบรรจุผู้ท่ีออกจากราชการ หรือออกจากงานไปแล้วให้ได้รับอัตราเงินเดือนสูงกว่าระดับ หรือข้ันท่ีเคยได้รับอยู่เดิมก่อนออกจากราชการ ให้พิจารณาโดยคานึงถึงประโยชน์ท่ีทางราชการจะได้รับ และต้องมีคุณสมบตั เิ ฉพาะสาหรบั ตาแหน่งตามท่ี ก.ตร.กาหนด หรือได้รับอนุมัติจาก ก.ตร. ตามกฎหมาย ว่าด้วยตารวจแห่งชาติ ในกรณีที่หน่วยงานนั้นๆ พิจารณาถึงเหตุผลและความจาเป็นแล้วเห็นว่า ไม่มีความจาเป็นที่จะขออนุมัติสานักงานตารวจแห่งชาติเพ่ือดาเนินการบรรจุ และไม่ต้องการรับบรรจุ เข้ารับราชการให้ระงับไว้โดยไม่ต้องเสนอสานักงานตารวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาส่ังการแต่อย่างใด แล้วแจ้งให้ผสู้ มัครทราบ ๖. ข้าราชการตารวจผู้ใดได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ออกจากราชการไปปฏิบัติงานใดๆ ถา้ ประสงคจ์ ะขอกลับเขา้ รับราชการให้ย่ืนคาขอสมัครกลับเข้ารับราชการตามแบบท่ีกาหนดต่อหน่วยงาน สังกัดเดิมที่เคยรับราชการหรือสานักงานตารวจแห่งชาติ (ผ่านสานักงานกาลังพล) และดาเนินการ ตามข้อ ๑ ข้อ ๒ และ ๔.๑ - ๔.๘ ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการให้ดาเนินการตามกฎหมายว่าด้วย ตารวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการบรรจุและแต่งต้ังข้าราชการตารวจผู้ได้รับอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรใี หอ้ อกจากราชการไปปฏิบัติงานใดๆ กลบั เข้ารบั ราชการเปน็ ขา้ ราชการตารวจ คณุ สมบตั ิและลักษณะตอ้ งห้ามของการเปน็ ข้าราชการตารวจ ผู้ท่ีจะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ ต้องหา้ มดังต่อไปนี้ ๑. มสี ญั ชาตไิ ทยโดยการเกิด ๒. มีอายุไม่ตา่ กวา่ สิบแปดปบี รบิ ูรณ์ ๓. เปน็ ผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุข ๔. ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ ผบู้ ริหารทอ้ งถิ่น ๕. ไมเ่ ป็นผดู้ ารงตาแหนง่ ใดๆ ในพรรคการเมือง ๖. มคี ุณสมบตั แิ ละไม่มลี กั ษณะต้องหา้ มอืน่ ตามทก่ี าหนดในกฎ ก.ตร. กฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๗ (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๒๑ ตอนที่ ๖๒ ก วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๗) และ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓ ตอนที่ ๑๑๘ ก วันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) ได้กาหนดการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ เปน็ ข้าราชการตารวจ ผูท้ ี่จะได้รบั การบรรจุนอกจากต้องมีคุณสมบตั ิและไมม่ ลี กั ษณะตอ้ งหา้ มดังน้ี (๑) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามพระราชบญั ญัตินห้ี รอื กฎหมายอน่ื (๒) ไม่เป็นผู้ประพฤตเิ ส่ือมเสยี หรอื บกพร่องในศลี ธรรมอันดี (๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับ ความผิดทก่ี ระทาโดยประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ

28  อนุชัย ณ วชั รเจรญิ (๕) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือปลดออก หรือไล่ออกจากรัฐวิสาหกิจหรือ หน่วยงานอ่นื ของรฐั (๖) ไมเ่ ป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรอื ปลดออก เพราะกระทาผดิ วนิ ัยตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หรือกฎหมายอ่นื (๗) ไมเ่ ปน็ ผู้เคยถูกลงโทษไลอ่ อก เพราะกระทาผิดวนิ ยั ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้หรอื กฎหมายอืน่ (๘) ไมเ่ ป็นผู้เคยกระทาการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ (๙) ในกรณีท่เี ป็นชาย (ก) ถา้ เป็นผ้มู ภี มู ลิ าเนาอยู่ในเขตที่ใช้กฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารต้องลงบัญชี ทหารกองเกินตามกฎหมายน้ันแล้ว (ข) ร่างกายต้องสูงไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร และรอบอกต้องไม่น้อยกว่า เจ็ดสบิ เจด็ เซนติเมตร ในกรณที เี่ ปน็ หญงิ รา่ งกายต้องสูงไม่น้อยกวา่ หน่งึ รอ้ ยหา้ สบิ เซนติเมตร (๑๐) มอี ายไุ ม่เกินสามสบิ หา้ ปบี รบิ รู ณ์ ในกรณมี ีการเปดิ รับสมัครคัดเลือกหรือสอบแข่งขัน ให้นับอายุสามสิบห้าปีบริบูรณ์ ถึงวันปิดรับสมัคร ยกเว้นผู้สมัครกลับเข้ารับราชการ หรือโอนมารับ ราชการตารวจ (๑๑) ไม่เป็นผู้มสี ายตาผิดปกติ ตรวจแบบเสนลเลน (ปกติ ๖/๖) (๑๒) ไมเ่ ป็นผมู้ ีตาบอดสี (๑๓) ไม่เป็นผู้มีแผลเป็น ไฝ ปาน รอยสัก หูด หรือซีสต์ ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งมีขนาดใหญห่ รือมากจนแลดนู ่าเกลียด (๑๔) ไม่เป็นโรคหรืออาการใด ที่ไม่ควรเป็นข้าราชการตารวจตามบัญชีแนบท้าย ผู้ที่ขาดคุณสมบัติตามข้อ ๒ (๒) หรือข้อ ๒ (๔) ก.ตร. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ ส่วนผู้ท่ีขาดคุณสมบัติตามข้อ ๒ (๕) หรือข้อ ๒ (๖) ถ้าผู้นั้นได้ออกจากงานหรือออกจากราชการไป เกินสองปีแล้ว หรือผู้ที่ขาดคุณสมบัติตามข้อ ๒ (๗) ถ้าผู้นั้นออกจากงานหรือออกจากราชการ เกินสามปีแล้ว และมิใช่กรณีออกจากงานหรือออกจากราชการเพราะกระทาผิดในกรณีทุจริต ต่อหน้าที่ ก.ตร. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ มติ ก.ตร. ในการประชุมยกเว้นเช่นนี้ ตอ้ งเปน็ เอกฉันท์ การลงมตใิ ห้กระทาโดยลับ ในกรณีท่ีหน่วยงานใดมีความจาเป็นต้องรับสมัครบุคคลท่ีมีอายุเกินสามสิบห้าปีขึ้นไป ให้เสนอสานักงานตารวจแห่งชาติพิจารณาอนุมัติพร้อมท้ังเหตุผลและความจาเป็น เป็นรายๆไป ผู้ซ่ึงขาดคุณสมบัติตามข้อ ๒ (๑๑) (๑๒) (๑๓) หรือ (๑๔) ถ้าเป็นการรับสมัครเพื่อบรรจุเป็น ข้าราชการตารวจในตาแหน่งที่ปฏิบัติหน้าท่ีซึ่งต้องใช้คุณวุฒิเฉพาะ หรือต้องใช้ความรู้ความชานาญ ในทางวิชาการเป็นพิเศษ เช่น ผู้ปฏิบัติหน้าท่ีทางด้านการแพทย์ นักดนตรี ช่าง เจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าท่ีเก็บกู้วัตถุระเบิด และอื่นๆ ก็ให้แพทย์ตรวจไปตามระเบียบ หากเห็นว่าการขาดคุณสมบัติน้ัน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ ก็ให้เสนอสานักงานตารวจแห่งชาติพิจารณาอนุมัติ ยกเว้น เปน็ กรณีพเิ ศษเฉพาะเป็นรายๆ ไป ถ้าเป็นการรับสมัครเพ่ือบรรจุข้าราชการตารวจซ่ึงออกจากราชการไปแล้วกลับเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการตารวจ ให้ยกเว้นการขาดคุณสมบัติตามข้อ ๒ (๙) (ข) (๑๑) (๑๒) และ (๑๓) ให้เป็น กรณีพเิ ศษทุกรายไป

คาอธบิ ายการบรหิ ารงานกาลงั พล สานกั งานตารวจแห่งชาติ  29 การส่ังให้ข้าราชการตารวจออกจากราชการตามมาตรา ๑๐๐ (๓) ให้สั่งได้เม่ือปรากฏว่า ข้าราชการตารวจผู้น้นั ขาดคุณสมบตั หิ รือมลี กั ษณะต้องห้ามดงั ต่อไปน้ี (๑) เปน็ ผู้ตอ้ งคาพพิ ากษาของศาลถงึ ท่สี ุดใหเ้ ป็นบุคคลล้มละลาย (๒) เปน็ ผูม้ กี ายทพุ พลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหนา้ ที่ได้ ไร้ความสามารถ หรือจิตฟ่ันเฟือน ไมส่ มประกอบ (๓) เปน็ โรคเร้ือนในระยะติดตอ่ หรือในระยะที่ปรากฏอาการเป็นทรี่ งั เกียจแก่สงั คม (๔ เปน็ วณั โรคในระยะอนั ตราย (๕) เป็นโรคเทา้ ชา้ งในระยะที่ปรากฏอาการเปน็ ท่รี ังเกยี จแก่สงั คม (๖) เป็นโรคติดยาเสพติดใหโ้ ทษ (๗) เป็นโรคพษิ สุราเรอื้ รงั โรคหรอื อาการตามขอ้ ๔ (๓) ถงึ (๗) ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ คณะกรรมการแพทย์โรงพยาบาลตารวจ เหน็ วา่ ไมค่ วรรับราชการตารวจ การไดร้ ับเงนิ เดอื นสูงกวา่ ขน้ั ตา่ ของข้าราชการตารวจช้ันพลตารวจ ชน้ั ประทวน และช้ันสญั ญาบัตร กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการได้รับเงินเดอื นสงู กวา่ ขัน้ ตา่ ของขา้ ราชการตารวจชน้ั พลตารวจชนั้ ประทวน และชั้นสัญญาบตั ร พ.ศ.๒๕๔๗ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนที่ ๒๕ ก วันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๗) กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นต่าของข้าราชการตารวจชั้นพลตารวจ ชั้นประทวน และชั้นสัญญาบัตร (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๒๖ ก วันท่ี ๑๖ มนี าคม ๒๕๕๕) และ กฎ ก.ตร. วา่ ด้วยการได้รบั เงินเดอื นสูงกว่าข้ันต่าของข้าราชการตารวจช้ันพลตารวจ ชนั้ ประทวน และช้นั สัญญาบตั ร (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๖๓ ก วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙) กาหนดให้ข้าราชการตารวจผู้ที่จะได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นต่าของ ชนั้ พลตารวจ ชน้ั ประทวน และช้ันสัญญาบัตร จะต้องเปน็ ผู้ท่มี ีคณุ สมบัตขิ อ้ ใดข้อหนงึ่ ดงั ต่อไปน้ี (๑) สาเร็จหลักสูตรนักเรียนนายสิบตารวจหรือหลักสูตรที่เทียบเท่า (๒) สาเร็จหลักสูตรนักเรียนผู้ช่วยพยาบาลตารวจ (๓) สาเร็จหลักสูตรนักเรียนนายร้อยตารวจ (๔) สาเร็จหลักสูตรนักศึกษาพยาบาลตารวจ (๕) ผ่านการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุหรือแต่งตั้งเป็นข้าราชการตารวจ ชั้นประทวนหรือช้ันสัญญาบัตร (๖) สาเร็จหลักสูตรการศึกษาหรือฝึกอบรมเพ่ือแต่งตั้งเป็นข้าราชการตารวจชั้นประทวน หรือช้ันสัญญาบัตร ตามหลักสูตรท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติกาหนดโดยความเห็นชอบของ ก.ตร. ในระยะเริ่มแรก ให้ถือว่าหลักสูตรการศึกษาและหลักสูตรการฝึกอบรมของ สานักงานตารวจแห่งชาติตามท่ีมีอยู่เดิมเป็นหลักสูตรการศึกษาและหลักสูตรการฝึกอบรมที่ ก.ตร. ให้ความเห็นชอบไปพลางกอ่ น (๗) มีคุณวุฒิสูงข้ึนโดยได้รับอนุญาตให้ลาศึกษาตามเงื่อนไขระเบียบของทางราชการ (๘) ผ่านการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันเป็นข้าราชการตารวจชั้นพลตารวจ

30  อนชุ ยั ณ วัชรเจรญิ (๙) เป็นข้าราชการตารวจช้ันพลตารวจท่ีกาลังศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาใน (๑) ถึง (๔) และให้รวมถึงผู้ที่ไม่สาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรใน (๓) และ (๔) ที่สมควรจะให้รับราชการ เปน็ ข้าราชการตารวจต่อไปตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการที่สานักงานตารวจแห่งชาตกิ าหนด การสง่ั ใหข้ า้ ราชการตารวจได้รับอตั ราเงินเดือนตามข้อ ๒ ให้ได้รับเงินเดือนตามที่ ก.ตร. กาหนด โดยคานึงถึงอัตราเงินเดือนที่ ก.พ. กาหนด สาหรับผู้ได้รับปริญญา อนุปริญญาหรือประกาศนียบัตร เดียวกนั ดว้ ย แตถ่ า้ ผู้นนั้ ได้รับเงนิ เดอื นสงู กวา่ อัตราทกี่ าหนดไวก้ ็ใหไ้ ด้รับเงินเดือนในอตั ราเท่ากับเงินเดือน ที่ไดร้ บั อยู่หรือในข้ันทเี่ ทยี บไดต้ รงกับอัตราเงนิ เดือนตามตารางเทยี บขน้ั เงินเดือนข้าราชการตารวจ ในระยะเริม่ แรก ใหถ้ อื ว่าบัญชกี าหนดอัตราเงินเดอื นสาหรบั หลักสตู รการศกึ ษาจากสถานศึกษา ของสานักงานตารวจแห่งชาติ และปริญญาหรือประกาศนียบัตรจากสถานศึกษาในประเทศที่ ก.ตร. รับรองตามที่มีอยู่เดิม เป็นอัตราเงินเดือนที่ ก.ตร. กาหนดสาหรับหลักสูตรการศึกษา ปริญญาหรือ ประกาศนยี บัตรท่ี ก.ตร. กาหนดไปพลางก่อน หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุ เข้ารบั ราชการเปน็ ขา้ ราชการตารวจ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุ เข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนพิเศษ ๒๕ ก วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๗) กฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันบุคคล เพ่อื บรรจุเข้ารบั ราชการเปน็ ขา้ ราชการตารวจ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๕๕ (ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนท่ี ๘๔ ก วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๕) และ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก หรือการสอบแข่งขันบุคคลเพ่ือบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ (ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๖๓ ก วันท่ี ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙) ได้กาหนดวิธีการคัดเลือก หรอื การสอบแข่งขันบคุ คลเพ่ือบรรจุเข้ารบั ราชการเป็นข้าราชการตารวจให้ดาเนนิ การดังนี้ (๑) วิธีการคัดเลือก ให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติหรือผู้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบอานาจ จากผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติเป็นผู้ดาเนินการคัดเลือกโดยพิจารณาถึงความรู้ความสามารถ ความประพฤติ และหรือบุคลิกภาพ ให้เหมาะสมกับตาแหน่งท่ีจะบรรจุและแต่งต้ัง ทั้งนี้ อาจดาเนินการ โดยวิธีสัมภาษณ์ วิธีสอบข้อเขียน วิธีสอบปฏิบัติ หรือวิธีอื่นใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีก็ได้ตาม ความเหมาะสม ในการนี้ อาจต้ังคณะกรรมการ กรรมการ หรือเจ้าหน้าท่ีให้ดาเนินการในเรื่องต่างๆ ได้ ตามความจาเปน็ (๒) วธิ ีการสอบแขง่ ขนั ให้ดาเนนิ การดงั น้ี (ก) ให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ หรือผู้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบอานาจจาก ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ เปน็ ผูด้ าเนนิ การสอบแข่งขัน (ข) ให้ผู้ดาเนินการสอบแข่งขัน ต้ังข้าราชการตารวจช้ันสัญญาบัตรเป็นคณะกรรมการ ดาเนนิ การสอบแขง่ ขนั ไมน่ อ้ ยกว่าสามคน โดยใหต้ ัง้ กรรมการคนหนึง่ เป็นประธานกรรมการ (ค) คณะกรรมการดาเนินการสอบแขง่ ขัน อาจตงั้ อนกุ รรมการ หรือเจ้าหน้าท่ีดาเนินการ ในเร่อื งทีเ่ กีย่ วกบั การสอบแขง่ ขันได้ตามความจาเปน็

คาอธบิ ายการบรหิ ารงานกาลังพล สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ  31 (ง) ให้คณะกรรมการดาเนินการสอบแข่งขันกาหนดวันเวลา สถานที่สอบและระเบียบ เกี่ยวกับการสอบได้เท่าที่จาเป็น และไม่ขัดต่อหลักสูตรและวิธีดาเนินการเกี่ยวกับการสอบแข่งขันนี้แล้ว ใหป้ ระธานกรรมการประกาศก่อนวันสอบไม่น้อยกว่าเจด็ วัน (จ) หลกั สูตรการสอบแขง่ ขัน มรี ายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี ๑) ภาคความรู้ความสามารถท่ัวไป ให้ทดสอบความรู้ความสามารถดังต่อไปน้ีโดยวิธีสอบข้อเขียน โดยคานึงถึง ระดบั ความรูค้ วามสามารถทต่ี ้องการของตาแหน่งทจ่ี ะบรรจุและแต่งตัง้ ก) ความสามารถทว่ั ไป ให้ทดสอบความสามารถในการคิดหาเหตุผล โดยใช้ข้อมูลหรือปัญหา ทางสังคมหรือทางเศรษฐกิจ หรือทางอ่ืนท่ีเหมาะสมแก่การทดสอบความสามารถดังกล่าวทางใดทางหน่ึง หรอื หลายทางกไ็ ด้ ทั้งนี้ เมื่อจะใชข้ ้อมูลหรือปัญหาทางใดทดสอบความสามารถในการคิดหาเหตุผล ให้ระบุไวใ้ นประกาศรบั สมัครสอบด้วย ข) ภาษาไทย ให้ทดสอบความร้แู ละความสามารถในการใช้ภาษา โดยให้สรุปความและหรือ ตีความจากข้อความสั้นๆ หรือบทความ และให้พิจารณาเลือกใช้ภาษาในรูปแบบต่างๆ จากข้อความส้ันๆ ประโยค กลุ่มคา หรือคา หรือให้ทดสอบโดยรูปแบบอย่างอื่นที่เหมาะสมกับการทดสอบความรู้ ความสามารถดงั กลา่ ว ๒) ภาคความรคู้ วามสามารถท่ีใชเ้ ฉพาะตาแหน่ง ให้ทดสอบความรู้ความสามารถในทางท่ีจะใช้ในการปฏิบัติงานในตาแหน่ง ที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีสอบข้อเขียน หรือให้ทดลองปฏิบัติงาน หรือวิธีอื่นวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือ หลายวธิ กี ็ไดต้ ามความเหมาะสม ๓) ภาคความเหมาะสมกับตาแหนง่ ให้ประเมนิ บุคคลเพ่ือพิจารณาความเหมาะสมกับตาแหน่งหน้าที่ที่จะบรรจุ แต่งตั้งจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทางาน และพฤติกรรมที่ปรากฏทางอื่น ของผู้เข้าสอบและจากการสัมภาษณ์ ท้ังน้ีอาจใช้วิธีอื่นใดเพิ่มเติมอีกก็ได้ เพ่ือพิจารณาความเหมาะสม ในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ที่อาจใช้เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่และความรู้ในเร่ืองการรักษา ความปลอดภัยแห่งชาติ ความสามารถ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ จริยธรรม และคุณธรรม การปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน รวมท้ังสังคมและส่ิงแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏภิ าณไหวพริบและบุคลิกภาพอยา่ งอ่นื เป็นตน้ (ฉ) ในการสอบแข่งขนั คณะกรรมการดาเนินการสอบแข่งขันจะกาหนดให้ผู้สมัครสอบ สอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป หรือภาคความรู้ความสามารถท่ีใช้เฉพาะตาแหน่งภาคใดภาคหนึ่ง หรือทั้งสองภาคก่อน แล้วจึงให้ผู้สอบได้คะแนนตามเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ในข้อ ๒ (๓) (ฏ) สอบในภาคอ่ืน ต่อไปกไ็ ด้

32  อนชุ ยั ณ วชั รเจรญิ (ช) ให้ผู้ดาเนินการสอบแข่งขัน ประกาศรับสมัครสอบโดยระบุช่ือตาแหน่งที่จะบรรจุ และแต่งต้ัง คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิสมัครสอบ เงินเดือนตามคุณวุฒิ วันเวลาและสถานที่รับสมัคร และวิธีการสอบแข่งขัน เกณฑ์การตัดสิน การประกาศรายช่ือผู้สอบแข่งขันได้ และเร่ืองอ่ืนที่ผู้สมัครสอบ ควรทราบ เช่น จะไมร่ บั โอนผ้สู อบแขง่ ขนั ได้ เปน็ ต้น ประกาศรับสมัครนั้น ให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่รับสมัครสอบหรือสถานท่ี ทเ่ี หมาะสมกอ่ นวันเร่ิมรบั สมคั รสอบไมน่ ้อยกว่าเจ็ดวัน และจะประกาศทางวิทยุกระจายเสียง หรือสื่ออ่ืนใด ตามความเหมาะสมกไ็ ด้ (ซ) ให้ผู้ดาเนินการสอบแข่งขัน จัดให้มีเจ้าหน้าที่รับสมัครสอบและกาหนดให้มี เวลารบั สมัครไม่นอ้ ยกวา่ สบิ ห้าวันทาการ ในกรณีที่มเี หตผุ ลและความจาเปน็ ตามท่ีคณะกรรมการดาเนินการสอบแข่งขัน เสนอแนะ ผู้ดาเนินการสอบแข่งขันอาจประกาศขยายกาหนดเวลารับสมัครสอบได้ แต่ท้ังน้ีเวลาที่ขยาย ต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันทาการนับแต่วันถัดจากวันสุดท้ายของการรับสมัครสอบ และต้องประกาศ การขยายเวลานั้นกอ่ นวันปดิ รบั สมัครสอบคร้ังน้ัน (ฌ) ให้ผู้สมัครสอบเสียค่าธรรมเนียมสอบตามจานวนท่ีผู้ดาเนินการสอบกาหนดตาม ความเหมาะสม และคา่ ใช้จา่ ยอนื่ ตามจานวนทีห่ นว่ ยงานหรอื สว่ นราชการที่เกีย่ วขอ้ งกาหนด (ญ) ใหผ้ ู้ดาเนินการสอบแข่งขนั ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบก่อนวันสอบไม่น้อยกว่า เจ็ดวัน (ฎ) ในกรณที ปี่ รากฏวา่ มีการทุจรติ หรือส่อไปในทางทจุ ริตอันอาจจะทาให้เกิดความ ไม่เป็นธรรมในการสอบแข่งขัน ให้คณะกรรมการดาเนินการสอบแข่งขันรายงานให้ผู้ดาเนินการ สอบแข่งขันทราบ เพ่ือพิจารณาว่าจะสมควรยกเลิกการสอบครั้งนั้นท้ังหมด หรือจะพิจารณายกเลิก การสอบเฉพาะวิชา หรือเฉพาะภาคที่เกิดการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริตตามแต่จะเห็นสมควร ถา้ หากผู้ดาเนินการสอบแขง่ ขนั ให้ยกเลิกการสอบเฉพาะวิชาใด หรือเฉพาะภาคใดแลว้ กใ็ ห้ดาเนนิ การสอบ เฉพาะวิชาน้นั หรอื เฉพาะภาคนั้นใหม่ สาหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริต ไม่มสี ิทธิเข้าสอบอีกตอ่ ไปโดยใหผ้ ูด้ าเนนิ การสอบประกาศแจง้ ให้ผ้สู มคั รสอบทราบด้วย (ฏ) การตัดสินว่าผู้ใดเป็นผู้สอบแข่งขันได้ ให้ถือเกณฑ์ว่าต้องเป็นผู้สอบได้คะแนน แต่ละภาคทส่ี อบตามหลกั สูตรไม่ตา่ กวา่ ร้อยละ ๖๐ ท้งั นใี้ หค้ านึงถงึ หลกั วชิ าการวดั ผลดว้ ย (ฐ) ให้คณะกรรมการดาเนินการสอบแข่งขันรายงานผลการสอบต่อผู้ดาเนินการ สอบแข่งขัน เพ่ือผู้ดาเนินการสอบแข่งขันจะได้ประกาศรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้และดาเนินการเกี่ยวกับ การบรรจุและแตง่ ต้งั ตอ่ ไป (ฒ) การประกาศรายช่ือผู้สอบแข่งขันได้ให้เรียงลาดับจากที่สอบได้คะแนนรวมสูง ลงมาตามลาดับ ในกรณีที่มีผู้สอบได้คะแนนรวมเท่ากันให้ผู้สอบได้คะแนนภาคความเหมาะสม กับตาแหน่งมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลาดับที่สูงกว่า ถ้าได้คะแนนภาคความเหมาะสมกับตาแหน่งเท่ากัน ให้ผู้สอบได้คะแนนภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตาแหน่งมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลาดับท่ีสูงกว่า ถ้าได้คะแนนภาคความรู้ความสามารถท่ีใช้เฉพาะตาแหน่งเท่ากันให้ผู้ได้คะแนนภาษาไทยในภาคความรู้ ความสามารถทั่วไปมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลาดับที่สูงกว่า ถ้ายังได้คะแนนเท่ากันอีกให้ผู้ท่ีสมัครสอบก่อน เป็นผู้อยู่ในลาดับทส่ี ูงกว่า ถ้าเวลาสมัครสอบพรอ้ มกันใหใ้ ช้วิธกี ารจับฉลาก

คาอธบิ ายการบริหารงานกาลังพล สานกั งานตารวจแห่งชาติ  33 (ณ) ถ้ามีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปน้ีให้หมดสิทธิในการบรรจุสาหรับการสอบ แข่งขันในครง้ั น้นั ๑) ผนู้ ั้นได้ขอสละสทิ ธิในการบรรจแุ ละแต่งต้งั ๒) ผูน้ ้นั ไมม่ ารายงานตัวเพ่อื รบั การบรรจแุ ละแต่งตง้ั ภายในเวลาที่ผู้ดาเนินการ สอบแข่งขันหรือผู้มีอานาจสั่งบรรจุกาหนด โดยมีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแจ้งให้ทราบ กาหนดเวลาลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกวา่ สิบวนั นับต้ังแตว่ ันทีท่ ี่ทาการไปรษณยี ร์ บั ลงทะเบียน ๓) ผู้นั้นมีเหตุที่ไม่อาจเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ตามกาหนดเวลาที่จะบรรจุและ แต่งตั้งในตาแหนง่ ท่ีสอบได้ การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจขั้นสัญญาบัตร ชั้นประทวน และ ชัน้ พลตารวจ ให้ใช้วธิ ีการดังตอ่ ไปน้ี (๑) การบรรจุบคุ คลเป็นข้าราชการตารวจชั้นพลตารวจ หรือช้ันประทวน ให้ได้รับเงินเดือน ขนั้ ต่าหรือตามท่ี ก.ตร. กาหนดไว้ในกฎ ก.ตร. วา่ ดว้ ยการไดร้ บั เงินเดือนสูงกว่าขัน้ ต่าของข้าราชการตารวจ ช้ันพลตารวจ ช้ันประทวน และชั้นสัญญาบัตร สาหรับช้ันพลตารวจหรือชั้นประทวนท่ีเข้ารับการศึกษา หรือฝึกอบรมในสถานศึกษาของสานักงานตารวจแห่งชาติตามหลักสูตรท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติ กาหนดเพ่ือแต่งตั้งเป็นข้าราชการตารวจชั้นประทวนหรือชั้นสัญญาบัตร รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ ให้ดาเนินการด้วยวิธีการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขัน กรณีใดจะใช้วิธีใดให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ หรอื ผ้บู ังคับบญั ชาทไี่ ดร้ บั มอบอานาจจากผู้บัญชาการตารวจแหง่ ชาติเป็นผกู้ าหนด หลักสูตรการศึกษาหรือการฝึกอบรมตามความใน (1) ให้สานักงานตารวจแห่งชาติ พิจารณากาหนดโดยคานึงถึงวัตถุประสงค์ในการสรรหาบุคคลเข้ารับราชการ และพ้ืนความรู้ของผู้เข้ารับ การศึกษาหรือผูเ้ ข้ารบั การฝึกอบรมดังนี้ (ก) หลกั สูตรการศกึ ษาสาหรบั ผูไ้ ด้รับการบรรจุเข้ารับราชการเพื่อเข้ารับการศึกษา ใหก้ าหนดหลกั สูตรทีส่ รา้ งองคค์ วามรู้ เสริมสร้างทักษะและปรบั ปรงุ บคุ ลิกภาพในการปฏิบัตริ าชการ (ข) หลักสตู รการฝึกอบรมผไู้ ด้รบั การบรรจเุ ข้ารับราชการในฐานะผู้สาเรจ็ การศึกษา ได้รับประกาศนียบัตร อนุปริญญา หรือปริญญา ให้กาหนดหลักสูตรท่ีเสริมสร้างและปรับปรุงบุคลิกภาพ เพ่อื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพและทักษะในการปฏบิ ัติงานนอกเหนือไปจากพนื้ ความรู้ทใ่ี ช้บรรจุเขา้ รับราชการ หลักสูตรการศึกษาหรือการฝึกอบรมตาม (ก) และ (ข) ต้องได้รับความเห็นชอบ จาก ก.ตร. ในระยะเร่ิมแรกให้ถือว่าหลักสูตรการศึกษาและหลักสูตรการฝึกอบรมของ สานักงานตารวจแห่งชาติตามท่ีมีอยู่เดิม เป็นหลักสูตรการศึกษาและหลักสูตรการฝึกอบรมท่ี ก.ตร. ใหค้ วามเหน็ ชอบไปพลางกอ่ น (๒) การบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการตารวจชั้นประทวนให้ได้รับเงินเดือนขั้นต่าของ ชั้นประทวน เข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติกาหนดในข้อ ๓ (๑) (ข) เพ่ือเล่ือนให้ไดร้ ับเงินเดอื นตามคุณวฒุ ิ ให้ดาเนนิ การดว้ ยวธิ กี ารคัดเลอื ก (๓) การบรรจุบุคคลผไู้ ด้รบั ประกาศนยี บัตร อนุปริญญา หรือปริญญา เป็นข้าราชการตารวจ ช้ันประทวนหรือชั้นสัญญาบัตร รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ ให้ดาเนินการด้วยวิธีการสอบแข่งขัน ยกเว้น กรณีดังต่อไปนี้จะดาเนนิ การด้วยวิธีการคดั เลอื กก็ได้

34  อนุชัย ณ วัชรเจรญิ (ก) ผูส้ าเรจ็ การศึกษาไดร้ บั ประกาศนียบตั ร อนุปริญญา หรือปริญญา ในสาขาวิชา ท่ี ก.ตร. กาหนดให้เป็นวฒุ ทิ ี่ใช้คดั เลอื กเพื่อบรรจเุ ขา้ รบั ราชการตารวจได้ ประกาศนียบัตร อนุปริญญา หรือปริญญา ที่ ก.ตร. กาหนดให้เป็นวิชาชีพ ที่ขาดแคลนที่ ก.ตร. กาหนด ก่อนกฎ ก.ตร. นี้ใช้บังคับ ให้ถือเป็นวุฒิที่ใช้คัดเลือกเพื่อบรรจุ เขา้ รับราชการตารวจได้ตามกฎ ก.ตร. น้ี (ข) ผู้ที่ขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หรือคณะกรรมการข้าราชการประเภทอื่น หรือส่วนราชการท่ีได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หรือคณะกรรมการข้าราชการประเภทอื่น เป็นผู้ดาเนินการสอบแข่งขัน หรือผทู้ ่ผี ูบ้ ัญชาการตารวจแห่งชาติ หรือผู้บงั คบั บัญชาทีไ่ ดร้ บั มอบอานาจจากผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ ให้เป็นผู้ดาเนินการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ ประกาศรายชอ่ื ใหเ้ ปน็ ผู้ได้รับคัดเลือกหรือผู้สอบแขง่ ขนั ไดใ้ นลาดบั สารอง (ค) ผูไ้ ด้รบั ทนุ รัฐบาลไปศกึ ษาตามความตอ้ งการของสานักงานตารวจแหง่ ชาติ (ง) การบรรจทุ ายาทของข้าราชการตารวจผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่ราชการที่เสียชีวิต หรือพิการหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้และถูกสั่งให้ออกจากร าชการ เพราะเหตแุ ห่งความพกิ ารหรือทพุ พลภาพนน้ั (จ) กรณีท่มี ีเหตพุ ิเศษตามที่ ก.ตร. กาหนด การคดั เลือกหรอื การสอบแข่งขนั ตามความในวรรคแรก ไม่ตัดสิทธิข้าราชการตารวจท่ีจะเข้ารับ การคัดเลือกหรือการสอบแข่งขัน ทั้งนี้ข้าราชการตารวจที่ได้รับการคัดเลือกหรือสอบแข่ง ขันได้ ใหด้ าเนนิ การแตง่ ต้งั ตามมาตรา ๕๒ ผ้ทู อ่ี ยู่ระหว่างถกู สอบสวนพจิ ารณาทางวนิ ัยหรือถูกฟูองคดีอาญาหรือต้องหาว่ากระทาผิดอาญา ใหเ้ ขา้ รับการคัดเลือกหรอื สอบแข่งขนั ได้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลอื กหรือสอบแข่งขันได้ตามข้อ ๓ (๓) ให้รอการบรรจุไว้ก่อน เม่ือการสอบสวน หรือการพจิ ารณาถึงท่ีสุดแล้ว ปรากฏว่าไม่มีกรณีการขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญตั ติ ารวจแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้ดาเนินการบรรจุได้ การบรรจุและแต่งต้ังข้าราชการตารวจผู้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้ออกจากราชการไปปฏบิ ตั งิ านใดๆ กลบั เขา้ รบั ราชการ เป็นขา้ ราชการตารวจ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตารวจผู้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ใหอ้ อกจากราชการ ไปปฏบิ ัตงิ านใดๆ กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๗ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนพิเศษ ๖๒ ก วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๗) ระบุไว้ว่าเม่ือคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ ข้าราชการตารวจผใู้ ดออกจากราชการไปปฏิบัติงานใดๆ ตามมาตรา ๖๓ (๒) (ก) ให้จัดตาแหน่งและ อตั ราเงินเดอื นไวส้ าหรับบรรจแุ ละแตง่ ตั้งผ้นู นั้ กลับเข้ารบั ราชการภายในกาหนดเวลาทคี่ ณะรฐั มนตรอี นมุ ัติ ผู้ประสงค์จะขอกลับเข้ารับราชการตามมาตรา ๖๓ (๒) (ก) ให้ย่ืนคาขอตามแบบที่สานักงาน ตารวจแห่งชาติกาหนด ภายในสามสิบวนั กอ่ นวันส้ินกาหนดเวลาท่ีคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ไปปฏิบัติงานใดๆ พรอ้ มกับหนังสือรับรองประวัติการทางานของตน โดยมีหัวหน้างานท่ีไปปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เปน็ ผู้รับรอง

คาอธิบายการบรหิ ารงานกาลังพล สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ  35 ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๔๙ ตรวจสอบเอกสารตามข้อ ๓ เมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงตามเอกสาร ดังกล่าวถูกต้อง และผู้น้ันได้ออกจากงานท่ีไปปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีความเสียหาย ประกอบกับผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๘ และมีคุณสมบัติเฉพาะสาหรับ ตาแหน่งตามท่ี ก.ตร. กาหนดไว้ตามมาตรา ๔๕ หรือได้รับอนุมัติจาก ก.ตร. ตามมาตรา ๕๙ วรรคแรก ให้ผูม้ อี านาจดงั กล่าวส่ังบรรจุและแต่งตั้งผู้น้ันกลับเข้ารับราชการในตาแหน่งที่ไม่สูงกว่าเดิม โดยให้ได้รับ อตั ราเงนิ เดือนตามเกณฑ์ดังน้ี (๑) ในกรณีผู้ออกไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรี และได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง กลับเข้ารับราชการ ผู้ใดมีเวลาที่ออกไปปฏิบัติงานใดๆ ตามมติของคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่ ๖ เดือนข้ึนไป แต่ไม่ถึง ๑ ปี ให้สั่งบรรจุและแต่งต้ังผู้นั้นกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ โดยให้ได้รับ อตั ราเงนิ เดือนในระดับเดมิ และในขัน้ ที่สูงกว่าเดมิ ได้ไม่เกินครง่ึ ขน้ั หากมีเศษของ ๖ เดือนท่ีออกไปปฏิบัติงานใดๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อนาเศษ ทเ่ี หลอื ไปรวมกับระยะเวลาในการปฏิบตั งิ านของครึ่งปีทีแ่ ลว้ มาของผนู้ ้ัน ก่อนออกจากราชการไปปฏิบัติงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีแล้วได้ครบ ๖ เดือน ก็ให้สั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้นั้นกลับเข้ารับราชการ โดยให้ได้รับ อตั ราเงินเดอื นในระดบั เดมิ และในข้นั ทส่ี ูงกวา่ เดิมได้อีกไม่เกินครึง่ ขนั้ (๒) ในกรณีผู้ออกไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีและได้รับการบรรจุและแต่งต้ัง กลบั เข้ารับราชการผ้ใู ดมเี วลาท่ีออกไปปฏบิ ตั ิงานใดๆ ตามมตขิ องคณะรฐั มนตรคี รบ ๑ ปี ให้สั่งบรรจุ และแต่งต้ังผู้น้ันกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ โดยให้ได้รับอัตราเงินเดือนในระดับเดิม และในขัน้ ทีส่ งู กว่าเดิมได้ไมเ่ กินปลี ะหน่งึ ขั้น (๓) ในกรณีผู้ออกไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรี และได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง กลับเข้ารับราชการ ผู้ใดมีเวลาที่ออกไปปฏิบัติงานใดๆ ตามมติของคณะรัฐมนตรี ต้ังแต่ ๑ ปี ข้ึนไป เศษของปีท่ีออกไปปฏิบัติงานที่เหลือจากการพิจารณาตามเกณฑ์ใน (๒) แล้ว หากมีระยะเวลาเหลือ ครบ ๖ เดือน ให้สัง่ บรรจุและแตง่ ตัง้ ผ้นู ้นั กลับเขา้ รบั ราชการเปน็ ข้าราชการตารวจ โดยให้ได้รับอัตรา เงินเดือนในระดับเดิม และในขั้นที่สูงกว่าเดิม เพิ่มจาก (๒) ได้อีกไม่เกินครึ่งขั้นสาหรับระยะเวลา ท่ีคานวณได้ครบ ๖ เดือน และหากยังมีเศษเหลือจากการคานวณครั้งสุดท้ายอีกแต่ไม่ครบ ๖ เดือน ให้พจิ ารณาคานวณตามเกณฑ์ใน (๑) วรรคสอง ทง้ั นี้ การให้ได้รบั อตั ราเงินเดือนสงู กวา่ เดิมตาม (๑) (๒) และ (๓) นั้น จะต้องไม่ได้รับประโยชน์ มากกวา่ ผูท้ ่ีมไิ ดอ้ อกจากราชการไปปฏิบตั งิ านตามมตคิ ณะรฐั มนตรี และต้องไม่เกินขั้นสูงของอัตราเงินเดือน สาหรบั ชน้ั ยศเดิม ในกรณีที่ผู้มีอานาจตามมาตรา ๔๙ พิจารณาเห็นว่า มีเหตุผลและความจาเป็นสมควรบรรจุ ผอู้ อกไปปฏบิ ตั ิงานตามมตคิ ณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการในตาแหน่ง หรือรับอัตราเงินเดือนในขั้นท่ี สูงกวา่ ทีก่ าหนดในกฎ ก.ตร. น้ี ก็ใหเ้ สนอ ก.ตร. พจิ ารณาเปน็ รายๆ ไป การบรรจแุ ละแต่งต้งั ผสู้ มคั รกลับเขา้ รับราชการ ซ่ึงออกจากราชการไปกอ่ นวนั ท่ีพระราชบัญญตั ิ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ใช้บังคับ หากปรากฏว่าก่อนกลับเข้ารับราชการได้มีกฎหมายหรือ มติคณะรัฐมนตรีแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือปรับอัตราเงินเดือน เงินเพิ่มพิเศษรายเดือน เงินเพิ่มอื่น หรอื เงินช่วยเหลอื ของขา้ ราชการตารวจให้ได้รับเป็นประการใด ให้ปรับอัตราเงินเดือน เงินเพ่ิมพิเศษ รายเดือน เงินเพิ่มอื่น หรือเงินช่วยเหลือท่ีผู้น้ันได้รับอยู่ก่อนออกจากราชการให้เข้าระดับ ขั้น และ อัตราเงินเดือน เงินเพิ่มพิเศษรายเดือน เงินเพ่ิมอื่น หรือเงินช่วยเหลือตามกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรี

36  อนุชยั ณ วชั รเจรญิ ดงั กลา่ วเสียกอ่ นแล้วจงึ ปรบั อตั ราเงินเดอื น เงนิ เพมิ่ พิเศษรายเดอื น เงินเพิ่มอื่น หรือเงินชว่ ยเหลือของผ้นู นั้ ให้เข้าระดับขั้น และอัตราเงินเดือนปกติ เงินเพ่ิมพิเศษรายเดือน เงินเพิ่มอื่น หรือเงินช่วยเหลือ ตามพระราชบญั ญัติตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ การบรรจุและแต่งต้ังข้าราชการตารวจผู้ออกจากราชการไปแล้ว กลับเขา้ รบั ราชการเป็นข้าราชการตารวจ กฎ ก.ตร. ว่าดว้ ยการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตารวจผู้ออกจากราชการไปแล้วกลับเข้า รับราชการเป็นข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๗ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนพิเศษ ๖๒ ก วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๗) กาหนดว่าข้าราชการตารวจผู้ใดออกจากราชการไปแล้ว ประสงค์จะขอกลับเข้ารับ ราชการตามมาตรา ๖๓ (๒) (ข) ในหน่วยงานใด ให้ย่นื คาขอตามแบบทีส่ านักงานตารวจแห่งชาตกิ าหนด ผู้ท่ีจะสมัครกลับเข้ารับราชการ จะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๘ และต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่งตามที่ ก.ตร. กาหนดไว้ตามมาตรา ๔๕ (การกาหนด ตาแหน่งข้าราชการตารวจ) หรือได้รับอนุมัติจาก ก.ตร. ตามมาตรา ๕๙ วรรคแรก (การบรรจุและแต่งตั้ง ข้าราชการตารวจตอ้ งตรงตามคณุ วฒุ เิ ฉพาะตาแหนง่ ) ให้ผู้บังคับบัญชาท่ีเป็นหัวหน้าหน่วยงานท่ีมีผู้ยื่นคาขอสมัครกลับเข้ารับราชการพิจารณา โดยคานึงถึงอายุตัว อายุราชการ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ความชานาญงานของผู้สมัคร กลับเขา้ รับราชการ เปรยี บเทียบกับขา้ ราชการตารวจผู้รบั ราชการในหนว่ ยงานและประโยชน์ทีท่ างราชการ จะได้รับเป็นสาคัญ เม่ือพิจารณาแล้วเห็นว่าการบรรจุและแต่งต้ังผู้นั้นกลับเข้ารับราชการในสังกัด แล้วจะเกิดประโยชน์ต่อทางราชการให้เสนอตาแหน่งและอัตราเงินเดือนท่ีจะใช้รองรับการบรรจุ พร้อมทงั้ รวบรวมรายละเอียดขอ้ มลู หลักฐานต่างๆ เกยี่ วกบั ประวัติการรับราชการและประวัติส่วนตัว หน้าท่ีความรับผิดชอบของตาแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง และเหตุผลความจาเป็น ไปให้สานักงาน ตารวจแห่งชาตพิ จิ ารณา ในกรณีท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติ เห็นสมควรจะรับผู้สมัครกลับเข้ารับราชการ ให้ผู้มีอานาจ ตามมาตรา ๔๙ ส่ังบรรจุและแต่งต้ังกลับเข้ารับราชการ ในตาแหน่งท่ีไม่สูงกว่าเดิม และให้ได้รับ อัตราเงินเดือนไม่สูงกว่าระดับและขั้นที่เคยได้รับอยู่เดิมก่อนออกจากราชการ เว้นแต่มีเหตุผล และความจาเป็นสมควรจะบรรจุผู้สมัครกลับเข้ารับราชการในตาแหน่งท่ีสูงกว่าเดิม หรือให้ได้รับ อัตราเงนิ เดือนสูงกวา่ ระดับ และข้นั ทเ่ี คยไดร้ บั อยเู่ ดิมให้เสนอ ก.ตร. พจิ ารณาอนมุ ตั ิเป็นรายๆ ไป การบรรจแุ ละแต่งต้ังผสู้ มัครกลบั เขา้ รบั ราชการ ซ่ึงออกจากราชการไปก่อนวนั ท่ีพระราชบัญญตั ิ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ใช้บังคับ หากปรากฏว่าก่อนกลับเข้ารับราชการได้มีกฎหมายหรือ มติคณะรัฐมนตรี แก้ไขเปล่ียนแปลง หรือปรับอัตราเงินเดือน เงินเพิ่มพิเศษรายเดือน เงินเพ่ิมอื่น หรอื เงินช่วยเหลอื ของข้าราชการตารวจ ใหไ้ ดร้ บั เปน็ ประการใด ใหป้ รับอัตราเงินเดือน เงินเพิ่มพิเศษ รายเดือน เงินเพิ่มอื่น หรือเงินช่วยเหลือท่ีผู้น้ันได้รับอยู่ก่อนออกจากราชการให้เข้าระดับ ข้ัน และ อัตราเงนิ เดือน เงินเพ่มิ พิเศษรายเดือน เงินเพ่ิมอ่ืน หรือเงินช่วยเหลือตามกฎหมาย หรือมติคณะรัฐมนตรี ดังกล่าวเสียก่อน แล้วจึงปรับอัตราเงินเดือน เงินเพิ่มพิเศษรายเดือน เงินเพ่ิมอ่ืน หรือเงินช่วยเหลือ ของผู้น้ันให้เข้าระดับ ขั้น และอัตราเงินเดือนปกติ เงินเพ่ิมพิเศษรายเดือน เงินเพิ่มอ่ืน หรือเงินช่วยเหลือ ตามพระราชบัญญตั ิตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗

คาอธิบายการบรหิ ารงานกาลงั พล สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ  37 การบรรจแุ ละแต่งตงั้ ขา้ ราชการซ่ึงมใิ ชข่ ้าราชการตารวจหรือการบรรจุ และแต่งต้ังพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซ่ึงออกจากราชการ หรือออกจากงานไปแลว้ กลับเข้ารับราชการเปน็ ขา้ ราชการตารวจ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการบรรจุและแต่งต้ังข้าราชการซ่ึงมิใช่ข้าราชการตารวจหรือการบรรจุ และแต่งต้ังพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งออกจากราชการหรือออกจากงานไปแล้ว กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๗ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนพิเศษ ๖๒ ก วนั ท่ี ๒๘ กนั ยายน ๒๕๔๗) และ กฎ ก.ตร. ว่าดว้ ยการบรรจุและแตง่ ต้งั ข้าราชการซง่ึ มิใช่ขา้ ราชการตารวจ หรือการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซึ่งออกจากราชการหรือออกจากงาน ไปแล้วกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๑ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๔ ก วันท่ี ๗ มกราคม ๒๕๖๒) ให้ข้าราชการซึ่งมิใช่ข้าราชการตารวจ หรือพนักงานของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งออกจากราชการหรือออกจากงานไปแล้ว ประสงค์จะสมัครกลับเข้า รับราชการเปน็ ข้าราชการตารวจตามมาตรา ๖๓ (๒) (ค) ในหน่วยงานใด ให้ยื่นคาขอตามแบบท่ีสานักงาน ตารวจแห่งชาตกิ าหนด ผ้ทู ีจ่ ะสมัครกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ จะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ ต้องห้ามตามมาตรา ๔๘ และต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่งตามท่ี ก.ตร. กาหนดไว้ตาม มาตรา ๔๕ หรือได้รบั อนุมัติจาก ก.ตร. ตามมาตรา ๕๙ วรรคแรก ใหผ้ บู้ ังคับบัญชาทเี่ ป็นหัวหน้าหน่วยงานที่มีผู้ยื่นคาขอสมัครกลับเข้ารับราชการตรวจสอบ ประวัติการรบั ราชการและการทางานทกุ แหง่ ของผู้สมัคร โดยให้สอบถามไปยังส่วนราชการหรือหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้องเพ่ือให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงมากท่ีสุดมาประกอบการพิจารณา โดยคานึงถึงอายุตัว อายุราชการ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ความชานาญงานของผู้สมัครกลับเข้ารับราชการ เปรียบเทียบกับขา้ ราชการตารวจผ้รู บั ราชการในหน่วยงาน และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสาคัญ เม่อื พิจารณาแลว้ เหน็ ว่าการบรรจุและแต่งตงั้ ผนู้ ัน้ กลับเข้ารบั ราชการจะเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ ให้เสนอตาแหน่ง ช้นั ยศ และอัตราเงินเดือนจะท่ใี ช้รองรบั การบรรจุ พร้อมท้ังรวบรวมรายละเอียดข้อมูล หลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับประวัติการรับราชการและประวัติส่วนตัว หน้าที่ความรับผิดชอบของตาแหน่ง ทีจ่ ะบรรจุและแตง่ ตัง้ และเหตผุ ลความจาเป็น ไปใหส้ านักงานตารวจแหง่ ชาติพิจารณา การพิจารณาเกี่ยวกับตาแหน่ง ช้ันยศ และอัตราเงินเดือนท่ีจะบรรจุและแต่งต้ังกลับเข้า รบั ราชการเปน็ ข้าราชการตารวจ ใหพ้ จิ ารณาดงั น้ี (๑) ตาแหน่ง ให้พิจารณาตาแหน่งที่จะบรรจุและแต่งต้ังกลับเข้ารับราชการ ตามเหตุผล ความจาเป็นของหน่วยงานที่เสนอขอบรรจกุ ลับ (๒) ชั้นยศ ให้พิจารณาว่าหากผู้สมัครเป็นข้าราชการตารวจมาตั้งแต่เร่ิมแรกจนถึงวันที่ ออกจากราชการ จะได้รับยศชั้นใดตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งยศ ก็ให้รับยศน้ัน ทั้งนีต้ อ้ งสอดคลอ้ งกับตาแหนง่ ทจี่ ะบรรจแุ ละแตง่ ตั้งกลับเขา้ รบั ราชการดว้ ย (๓) เงินเดือน ให้ได้รับอัตราเงินเดือนไม่สูงกว่าอัตราเงินเดือนที่ได้รับขณะรับราชการ ทางสังกัดเดมิ กอ่ นออกจากราชการ

38  อนุชัย ณ วัชรเจรญิ เพ่ือประโยชน์ในการนับเวลาราชการ ให้ถือเวลาราชการหรือเวลาทางานของผู้สมัครกลับเข้า รับราชการในขณะที่เป็นข้าราชการตามกฎหมายอ่ืนหรือพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นเวลาราชการของข้าราชการตารวจตามพระราชบัญญตั นิ ดี้ ้วย ใน ก ร ณีที่สา นัก ง า น ตา ร ว จ แ ห่งช า ติเห็น ส มค ว ร จ ะ บ ร ร จุแ ล ะแ ต่ง ตั้ง ผู้ส มั ค ร ก ลับ เ ข้า รับราชการให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๔๙ สั่งบรรจุและแต่งต้ังกลับเข้ารับราชการ ในตาแหน่ง ช้ันยศ และอัตราเงินเดือนตามหลักเกณฑ์ เว้นแต่มีเหตุผลและความจาเป็นสมควรจะบรรจุและแต่งต้ังผู้สมัคร กลับเข้ารับราชการในตาแหน่งที่สูงกว่าเดิม หรือให้ได้รับอัตราเงินเดือนสูงกว่าระดับและข้ันท่ีเคยได้รับ อยเู่ ดิมให้เสนอ ก.ตร. พจิ ารณาอนมุ ตั เิ ปน็ รายๆ ไป การบรรจแุ ละแต่งตงั้ ผสู้ มคั รกลบั เข้ารบั ราชการ ซึ่งออกจากราชการไปก่อนวันทพี่ ระราชบญั ญตั ิ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ใช้บังคับ หากปรากฏว่าก่อนกลับเข้ารับราชการได้มีกฎหมายหรือ มติคณะรัฐมนตรี แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือปรับอัตราเงินเดือน เงินเพ่ิมพิเศษรายเดือน เงินเพิ่มอ่ืน หรือเงินช่วยเหลอื ของขา้ ราชการตารวจ ใหไ้ ด้รบั เปน็ ประการใด ให้ปรบั อตั ราเงินเดือน เงินเพ่ิมพิเศษ รายเดือน เงินเพิ่มอ่ืน หรือเงินช่วยเหลือท่ีผู้นั้นได้รับอยู่ก่อนออกจากราชการให้เข้าระดับ ข้ัน และ อัตราเงนิ เดอื น เงินเพิ่มพิเศษรายเดือน เงินเพ่ิมอ่ืน หรือเงินช่วยเหลือตามกฎหมาย หรือมติคณะรัฐมนตรี ดังกล่าวเสียก่อน แล้วจึงปรับอัตราเงินเดือน เงินเพ่ิมพิเศษรายเดือน เงินเพิ่มอื่น หรือเงินช่วยเหลือ ของผู้น้ันให้เข้าระดับ ข้ัน และอัตราเงินเดือนปกติ เงินเพ่ิมพิเศษรายเดือน เงินเพ่ิมอื่น หรือเงินช่วยเหลือ ตามพระราชบัญญตั ติ ารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ผู้มีอานาจส่ังบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการ ตารวจ ระเบียบ ก.ตร. วา่ ดว้ ยผ้มู ีอานาจสั่งบรรจแุ ละแต่งตงั้ บคุ คลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ พ.ศ.๒๕๔๗ กาหนดว่าการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ ให้ผู้บังคับบัญชา ดงั ตอ่ ไปนี้ เป็นผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งตง้ั (1) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ ตาแหน่งผู้บัญชาการ ตารวจแห่งชาติ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งบรรจุจากผู้ท่ี ก.ต.ช.ให้ความเห็นชอบ แล้วให้นายกรัฐมนตรี นาความกราบบังคมทลู เพือ่ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ แตง่ ตงั้ (2) การบรรจุและแต่งต้ังบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ ตาแหน่งจเรตารวจ แห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติหรือตาแหน่งเทียบเท่าลงมาถึงตาแหน่งผู้บังคับการ หรอื ตาแหน่งเทียบเท่า ใหผ้ บู้ ัญชาการตารวจแหง่ ชาติ เป็นผู้สั่งบรรจุจากผู้ท่ี ก.ตร. ให้ความเห็นชอบ แล้วให้นายกรฐั มนตรนี าความกราบบงั คมทลู เพื่อทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ต้งั (3) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ ตาแหน่งตั้งแต่ รองผู้บังคับการหรือตาแหน่งเทียบเท่าลงมาถึงตาแหน่งสารวัตรหรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้ผู้บัญชาการ ตารวจแห่งชาติ หรอื ผู้บังคับบญั ชาทไ่ี ดร้ ับมอบอานาจจากผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ เป็นผู้สั่งบรรจุ และแต่งตง้ั จากผู้ท่ี ก.ตร. ใหค้ วามเหน็ ชอบ

คาอธบิ ายการบรหิ ารงานกาลังพล สานักงานตารวจแหง่ ชาติ  39 (4) การบรรจแุ ละแต่งตัง้ ในตาแหน่งตาม (๓) หากเปน็ การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตารวจ ซึ่งออกจากราชการไปแล้วกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจตามมาตรา ๖๓(๒) (ก) และ (ข) ในตาแหน่งที่ไม่สูงกว่าเดิม ให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติหรือผู้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบอานาจจาก ผูบ้ ัญชาการตารวจแห่งชาตเิ ปน็ ผู้ส่งั บรรจแุ ละแต่งต้ัง การบรรจแุ ละแตง่ ตง้ั ตามวรรคแรกในหนว่ ยงานระดบั กองบัญชาการ ให้ผู้บัญชาการ หรือผดู้ ารงตาแหน่งเทียบเทา่ เปน็ ผู้ส่ังบรรจแุ ละแต่งต้ัง (5) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจ ตาแหน่งต้ังแต่ รองสารวตั รหรือตาแหนง่ เทียบเท่าลงมาถึงตาแหน่งรองผู้บังคับหมู่หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้ผู้บัญชาการ ตารวจแหง่ ชาติหรอื ผู้บังคับบญั ชาท่ีไดร้ บั มอบหมาย เป็นผู้สงั่ บรรจแุ ละแตง่ ตง้ั การบรรจุและแต่งตั้งตามวรรคแรกในหน่วยงานระดับกองบัญชาการ ให้ผู้บัญชาการ หรอื ผดู้ ารงตาแหนง่ เทยี บเทา่ เปน็ ผู้ส่ังบรรจุและแต่งตง้ั การคัดเลอื กและแตง่ ตัง้ ขา้ ราชการตารวจชัน้ พลตารวจเป็นข้าราชการ ตารวจชั้นประทวน และการคัดเลือกและแต่งต้ังข้าราชการตารวจชั้นประทวน หรอื ช้ันพลตารวจเป็นขา้ ราชการตารวจชนั้ สญั ญาบัตร กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการคัดเลือกและแต่งต้ังข้าราชการตารวจชั้นพลตารวจเป็นข้าราชการตารวจ ช้ันประทวนและการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการตารวจช้ันประทวนหรือช้ันพลตารวจเป็น ข้าราชการตารวจชั้นสัญญาบัตร พ.ศ. ๒๕๔๗ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนพิเศษ ๒๕ ก วันที่ ๒๑ มถิ ุนายน ๒๕๔๗) และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการคัดเลือกและแต่งต้ังข้าราชการตารวจช้ันพลตารวจ เป็นข้าราชการตารวจช้ันประทวนและการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการตารวจชั้นประทวนหรือ ชน้ั พลตารวจเป็นข้าราชการตารวจชั้นสัญญาบัตร (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๕๕ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๒๖ ก วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕) การแต่งตั้งขา้ ราชการตารวจชั้นพลตารวจเปน็ ขา้ ราชการตารวจ ชน้ั ประทวนมยี ศสบิ ตารวจตรี ให้แต่งต้งั จาก (๑) ขา้ ราชการตารวจผู้สาเร็จหลักสูตรนักเรียนนายสิบตารวจหรือหลักสูตรท่ีเทียบเท่า หรอื หลักสูตรการศกึ ษาหรอื ฝกึ อบรมตามทสี่ านกั งานตารวจแหง่ ชาตกิ าหนด (๒) ขา้ ราชการตารวจผู้สาเร็จหลกั สูตรนักเรยี นผชู้ ว่ ยพยาบาลตารวจ (๓) นกั เรียนนายรอ้ ยตารวจท่ีไม่สาเร็จการศึกษาตามหลกั สตู รการศึกษาอบรม (๔) นักศึกษาพยาบาลตารวจที่ไม่สาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการศกึ ษาอบรม การแต่งตัง้ ข้าราชการตารวจช้นั ประทวนหรอื ชั้นพลตารวจเป็นข้าราชการตารวจชั้นสัญญาบัตร มยี ศรอ้ ยตารวจตรี ใหแ้ ต่งตง้ั จาก (๑) ข้าราชการตารวจผสู้ าเรจ็ หลักสูตรนกั เรียนนายร้อยตารวจ (๒) ขา้ ราชการตารวจผสู้ าเร็จหลกั สูตรนักศกึ ษาพยาบาลตารวจ (๓) ข้าราชการตารวจผู้ไดร้ บั การคัดเลือก หรอื สอบแข่งขนั ได้ ตามมาตรา ๕๐ (๔) ข้าราชการตารวจผู้สอบแขง่ ขนั เพ่ือเข้ารับการฝึกอบรมหลกั สูตรการฝึกอบรมขา้ ราชการ ตารวจชั้นสัญญาบัตรได้ ทั้งนี้ การสอบแข่งข้ันให้นาหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันบุคคล เพ่ือบรรจุเข้ารับราชการเป็นขา้ ราชการตารวจตามกฎ ก.ตร. มาตรา ๕๐ มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook