Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อและวิธีการสอนภาษาไทยที่ประสบผลสำเร็จ

สื่อและวิธีการสอนภาษาไทยที่ประสบผลสำเร็จ

Description: สื่อและวิธีการสอนภาษาไทยที่ประสบผลสำเร็จ

Search

Read the Text Version

โครงการพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนภาษาไทย โดยใชภ้ าษาทอ้ งถ่นิ รว่ มจดั การเรียนรู้ สอ่ื และวิธีการสอนภาษาไทย ทป่ี ระสบผลสำ�เร็จ สำ�หรับผู้เรยี นท่ี ใชภ้ าษาท้องถิน่ ส�ำ นักวิช�ก�รและม�ตรฐ�นก�รศกึ ษ� ส�ำ นักง�นคณะกรรมก�รก�รศกึ ษ�ขั้นพ้นื ฐ�น

ส่อื และวิธกี ารสอนภาษาไทย ท่ีประสบผลสำ�เร็จ ส�ำ หรบั ผเู้ รียนท่ีใช้ภาษาท้องถิ่น โครงการพัฒนาการจดั การเรียนการสอนภาษาไทย โดยใชภ้ าษาทอ้ งถน่ิ ร่วมจัดการเรยี นรู้ สถาบนั ภาษาไทย ส�ำ นักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำ�นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน

สื่อและวธิ ีการสอนภาษาไทยทป่ี ระสบผลส�ำเรจ็ ส�ำหรับผเู้ รยี นที่ใชภ้ าษาท้องถิ่น จดั ทำ� โดย สถาบนั ภาษาไทย ส�ำนักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ถนนราชดำ� เนนิ นอก เขตดสุ ิต กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐ ISBN : 978-616-395-865-5 พมิ พค์ รัง้ ที่ ๑ จ�ำนวน ๑๕,๐๐๐ เล่ม พิมพท์ ่ี โรงพมิ พต์ �ำรวจ สำ� นักงานต�ำรวจแหง่ ชาติ ถนนเศรษฐศริ ิ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๖๖๘ ๒๘๑๑-๑๓ โทรสาร ๐ ๒๒๔๑ ๔๖๕๘ ลขิ สิทธิข์ องส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ถนนราชด�ำเนินนอก เขตดสุ ติ กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๔๗ โทรสาร ๐ ๒๖๒๘ ๕๓๔๓

ค�ำน�ำ “สื่อและวิธีการสอนภาษาไทยที่ประสบผลส�ำเร็จ ส�ำหรับผู้เรียนที่ใช้ภาษาท้องถ่ิน” จัดท�ำข้ึน เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยและยกระดับคุณภาพการจัดเรียนการสอน ภาษาไทย ส�ำหรับโรงเรียนและเขตพื้นท่ีการศึกษาที่มีความหลากหลายของการใช้ภาษาท้องถ่ินต่าง ๆ ของผู้เรียนท่ีจ�ำเป็นต้องอาศัยส่ือการเรียนรู้และวิธีการสอนที่กระตุ้นและสอดคล้องกับการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยได้รวบรวมรวบนวัตกรรมสื่อและวิธีการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยที่ประสบผลส�ำเร็จ ซ่ึงได้ทดลอง ใช้จากประสบการณ์จริง จนเกิดผลส�ำเร็จในการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ ต่อครูและศึกษานิเทศก์และผู้ที่สนใจสามารถศึกษาและเลือกใช้รูปแบบวิธีการสอนและสื่อการสอน ทห่ี ลากหลาย สามารถน�ำไปปรับใช้ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพปัญหาการอา่ นการเขียนของผูเ้ รียนทีม่ คี วามแตกต่าง จากภาษาไทย และน�ำไปประยุกตใ์ ช้ใหเ้ ขา้ กับสภาพบรบิ ทของผู้เรยี นในโรงเรยี น ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานขอขอบคุณครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ และคณะทำ� งาน ทุกท่าน ที่ให้ข้อเสนอแนะและผลงานประกอบการจัดท�ำหนังสือเล่มนี้ จนท�ำให้ประสบผลส�ำเร็จด้วยดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาและโรงเรียนจะน�ำเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอน และสื่อการสอนภาษาไทยท่ีประสบผลส�ำเร็จไปใช้เป็นแนวทางการพัฒนาการอ่านการเขียนโดยเฉพาะกลุ่มผู้เรียน ท่ีใช้ภาษาท้องถ่นิ สื่อสารในชวี ติ ประจ�ำวันใหเ้ กิดการพฒั นาทักษะการฟงั – พดู – อ่าน – เขยี น ให้สามารถ เรียนรู้ได้อย่างเข้าใจและสามารถเรียนรู้ต่อยอดในระดับท่ีสูงขึ้น เพ่ือเป็นประชากรท่ีดีมีความรู้ของประเทศชาติ ตอ่ ไป (นายการุณ สกุลประดิษฐ์) เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน



สารบญั เร่อื ง หนา้ ค�ำน�ำ สารบัญ บทน�ำ ๑ ความเป็นมา ๑ วตั ถุประสงค ์ ๒ ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รับ ๒ การจัดการเรยี นการสอนภาษาไทย รูปแบบการจดั การเรียนการสอนภาษาไทย ๓ การจดั การเรยี นการสอนภาษาไทยที่มปี ระสิทธิผล ๖ วิธีการสอนและสอ่ื การสอนท่ีประสบผลส�ำเรจ็ ๑๓ รูปแบบวิธกี ารสอนและส่ือการสอน ๑. นวัตกรรมพจนานกุ รมไทย - ลาหู่ สู่การเรยี นรคู้ �ำตามมาตราภาษาไทย “ชนเผ่าลาหู”่ ๑๘ ๒. หนังสืออา่ นเพ่มิ เติม ชุดบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง “ชนเผา่ ลาวอสิ าน” ๒๗ ๓. พัฒนาการอ่านภาษาไทยดว้ ยหนงั สือเล่มเล็กสองภาษา (ไทย - กวย) ๓๗ “ชนเผา่ กูย, กวย, สว่ ย” ๔. การจดั การเรียนการสอนภาษาไทย โดยใชห้ นังสือรูปภาพ “ชนเผา่ ม้ง” ๔๕ ๕. การพัฒนาทักษะการอ่าน - เขยี นภาษาไทยโดยใช้หนังสือเลม่ ยกั ษ์ “ชนเผ่า โทรํ (โส)้ ” ๕๓ ๖. การพัฒนาทกั ษะภาษาไทยโดยใช้แบบเรียนเชื่อมโยง “ชนเผ่า ม้ง” ๕๙ ๗. การพัฒนาทกั ษะการฟงั - พูดภาษาไทยโดยใชก้ ารสอนแบบตอบสนองทางรา่ งกาย ๖๗ (TPR - Total Physical Response) “ชนเผ่า ม้ง” ๘. การพฒั นาทกั ษะการเขียนภาษาไทยดว้ ยวิธีการจัดการเรียนรู้ (ทีพีอาร)์ “ชนเผ่าชอง” ๗๖ ๙. การพฒั นาทักษะการคดิ และการสือ่ สารโดยฉากภาพวัฒนธรรม ๘๒ (เทคนิคการถาม - ตอบ) “ชนเผ่า เขมรถนิ่ ไทย”

เรอื่ ง หนา้ ๑๐. การสอนแบบ “สุนันทส์ เุ ณร์” “ชนเผ่า มลายถู น่ิ ” ๙๒ ๑๑. การจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ี่สอดคล้องกับกระบวนการทำ� งานของสมอง ๑๐๖ (Brain - Based Learning : BBL) “ชนเผา่ มง้ /เม่ียน/เหนอื /อสี าน” ๑๒. การจัดการเรียนการสอนภาษาไทยตามแนวทาง BBL บรู ณาการกบั การสอน ๑๒๐ แบบ TPR และการแจกลูกสะกดค�ำ “ชนเผ่า ลาหแู่ ละอาขา่ ” ๑๓. โครงการครอู าสาแกป้ ัญหาเดก็ อ่านไมอ่ อกเขียนไมไ่ ด้แก้ง่ายนดิ เดียว ๑๓๑ ๑๔. ประสานความห่วงใยด้วยถอ้ ยค�ำวันละประโยค “ชนเผ่า มาลาย”ู ๑๓๙ รปู แบบวิธีการนิเทศการศกึ ษา ๑. การนิเทศการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาความสามารถด้านภาษา (Literacy) ๑๕๖ ดว้ ยเทคนคิ การนเิ ทศ แบบ “ดาวเจ็ดดวง” ๒. การจดั ประสบการณ์เสริมทักษะการฟังและดภู าษาไทยด้วยวธิ ีการจัดการเรียนร ู้ ๑๖๘ แบบ Total Physical Response (TPR) ๓. การพฒั นาความสามารถดา้ นการอา่ นออกเสียงค�ำศพั ท์ภาษาไทย ๑๗๓ โดยใชเ้ ทคนิคการนิเทศแบบ วิ ๖ “ภาษาถ่นิ ไทเลย” ๔. แนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนภาษาไทย เพ่ือยกระดับผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ๑๘๓ “ดอกแก้วเมอื งสุรนิ ทร”์ ๕. การพัฒนาครผู ู้สอนภาษาไทย เนน้ การอ่านออกเขียนได้ โดยรูปแบบของ ๑๙๒ กัลยาณมติ รนเิ ทศถงึ ห้องเรียน บรรณานุกรม ภาคผนวก ๑๙๙ คำ� สง่ั แตง่ ตง้ั คณะทำ� งานจดั ท�ำแนวทางการจัดการเรยี นการสอนภาษาไทย ๒๐๓ โรงเรยี นแนวชายแดน พ้ืนทส่ี ูง และพน้ื ทีพ่ ิเศษ คณะผู้จดั ท�ำ ๒๐๕

บทน�ำ ความเป็นมา ประเทศไทยมบี ริเวณพ้ืนท่แี นวชายแดนท้งั ในภาคเหนือ ตะวันตก ตะวนั ออก ตะวันออกเฉียงเหนอื และแนวชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่มีความหลากหลายทางภาษา วัฒนธรรม และกลุ่มชาติพันธุ์ มีเด็กและ เยาวชนจำ� นวนมากเปน็ กลุ่มชาตพิ นั ธต์ุ า่ ง ๆ ใช้ภาษาท้องถ่ินแตกตา่ งจากภาษาไทย เมอ่ื ถึงวยั เรยี นท�ำให้เกิด ปัญหาการส่ือสารในโรงเรียน นับเป็นปัจจัยหน่ึงท่ีท�ำให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ ไม่สามารถเรียนรู้ภาษาไทย ได้เช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนไทยท่ัวไปที่ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจ�ำวัน ดังนั้น การจัดการเรียนการสอน ให้มีความเหมาะสมกับพื้นฐานทางภาษาและสังคมวัฒนธรรมของประชากรไทยชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในพื้นท่ี ตามแนวชายแดนและในพนื้ ท่พี เิ ศษของประเทศ ต้องมีลักษณะและวิธีการทแ่ี ตกตา่ งจากพ้ืนที่ปกติ โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ แก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ พัฒนาสติปัญญา ทักษะในการคิด วิเคราะห์ อนั จะนำ� ไปสู่การเพ่ิมผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น (O-NET, PISA) และความพร้อมในการเป็นประชากรไทย ที่มคี ุณภาพต่อไป จากผลส�ำรวจข้อมูลการใช้ภาษาท้องถิ่นของนักเรียนในโรงเรียนสังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการ- การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ท่ีต้งั อย่ใู นบรเิ วณพืน้ ทีต่ ามแนวชายแดนภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนอื เมื่อปี ๒๕๕๔ พบว่า มโี รงเรยี นจำ� นวนมากทีม่ นี ักเรียนส่วนใหญพ่ ูดภาษาทอ้ งถ่ิน ซงึ่ แตกต่างจากภาษาไทย โดยบางโรงเรียนมีนักเรียนทุกคนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใช้ภาษาท้องถ่ินน้ัน ๆ และบางโรงเรียนมีนักเรียนกลุ่ม ชาติพันธุ์ปะปนกัน และจากการติดตามประเมินผลเชิงประจักษ์ในพ้ืนที่ท่ีมีนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ มีอัตราการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้สูงในพื้นที่จังหวัดชายแดน โรงเรียนส่วนใหญ่ต้องใช้ วธิ กี ารจัดการเรยี นการสอนทยี่ ุ่งยากซบั ซอ้ นมากกว่าโรงเรยี นในพ้ืนท่ีปกติ มปี ัจจยั ที่สำ� คัญคือ ๑. ด้านหลกั สูตรและการจดั การเรียนการสอน พบว่า หลกั สูตรก�ำหนดกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๘ กลมุ่ ทุกระดับชั้น ไม่สอดคล้องเหมาะสมกับนักเรียนในพ้ืนท่ีชายแดนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใช้ภาษาท้องถิ่น ในชีวิตประจำ� วัน ต้ังแต่ระดับปฐมวัยจนถงึ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ โรงเรียนต้องจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ ตรยี ม ความพร้อมดา้ นภาษากอ่ นทจ่ี ะเข้าสกู่ ารเรยี นในสาระการเรียนรอู้ ่ืน ๆ ๒. ด้านการบริหารจัดการ พบว่า ๑) ฝ่ายบริหารส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความส�ำคัญของภาษาไทย ขาดการส่งเสรมิ สนับสนุนและติดตามประเมนิ ผลอยา่ งจรงิ จงั และ ๒) โรงเรยี นในพ้นื ทีจ่ ังหวัดชายแดนมตี ้งั อย่บู น พื้นที่สงู ทุรกนั ดาร การคมนาคมยากลำ� บาก บุคลากรครแู ละผูบ้ ริหารย้ายบ่อย ทำ� ให้การจดั การเรยี นการสอน ไม่ต่อเนอื่ ง ๓. ด้านผู้เรียน พบว่า ๑) โรงเรียนส่วนใหญ่นักเรียนจ�ำนวนมากมีปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ โดยเฉพาะชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ พบว่า นักเรียนสว่ นใหญ่ขาดเรียนบอ่ ย เน่ืองมาจากครอบครวั ยากจน พอ่ แม่ ผู้ปกครองเป็นแรงงานย้ายถ่นิ ขาดการดูแลเอาใจใส่ ๒) นักเรียนส่วนใหญเ่ ป็นกลุม่ ชาติพนั ธใ์ุ ช้ภาษาท้องถ่นิ ในชีวิตประจ�ำวัน และ ๓) นักเรียนอกี จำ� นวนหน่งึ มีปัญหาปว่ ยเรือ้ รัง หรอื มีแนวโนม้ บกพรอ่ งทางการเรียนรู้ 1

จากปัจจัยข้างต้น ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ตระหนักและเห็นความส�ำคัญ ในการแก้ปญั หาดังกลา่ ว โดยเฉพาะในดา้ นพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนในโรงเรียนแนวชายแดน พืน้ ที่สงู และพนื้ ที่ พิเศษ ในด้านการอ่านออกเขียนได้ ซ่ึงได้ด�ำเนินงานโครงการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย เพื่อด�ำเนินการก�ำหนดแนวทางวิธีการด�ำเนินงาน การบริหารจัดการ การสนับสนุนงบประมาณ การนิเทศ ติดตาม และการประเมนิ ผล พร้อมท้ังการพัฒนาบคุ ลากรครูผสู้ อน การสนับสนุนการใช้นวัตกรรมสือ่ การเรยี นรู้ ท่ีหลากหลาย ส�ำหรับผู้เรียนที่ใช้ภาษาท้องถ่ินส่ือสารในชีวิตประจ�ำวัน หรือใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง ต้ังแต่เร่ิมเรียนในช้ันอนุบาลเป็นต้นไป นอกจากนี้ มีการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริหารและบุคลากร ของสถานศกึ ษาและเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาในเรอ่ื งดังกล่าว ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานหวังว่าหนังสือ “สื่อและวิธีการสอนภาษาไทย ทป่ี ระสบผลสำ� เรจ็ ส�ำหรบั ผู้เรียนทีใ่ ช้ภาษาท้องถิน่ ” จะเป็นประโยชน์ต่อครผู ้สู อน ศกึ ษานิเทศก์ และผทู้ ศี่ กึ ษา ในการน�ำไปประยุกต์ใช้และจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีสภาพปัญหา และบรบิ ทเดยี วกันใหม้ ีความพรอ้ มในการเรียนรู้ เรยี นรภู้ าษาไทยอยา่ งเขา้ ใจ มีทกั ษะพรอ้ มทั้งการฟัง การพดู การอา่ น การเขยี น และทกั ษะการคดิ ในเชิงสร้างสรรค์ สามารถเรยี นรูใ้ นสาระวชิ าอ่ืน ๆ ได้ในระดับทีส่ งู ข้ึน ต่อไป วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้ครูผู้สอนและศึกษานิเทศก์น�ำไปใช้เป็นแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ภาษาไทย ส�ำหรับผู้เรียนทใ่ี ช้ภาษาท้องถิน่ สอื่ สารในชวี ิตประจ�ำวัน โรงเรยี นแนวชายแดน พน้ื ทสี่ งู และพน้ื ที่ พิเศษ ๒. เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดเรียนการสอนภาษาไทยส�ำหรับผู้เรียนท่ีใช้ภาษาท้องถ่ินสื่อสาร ในชีวติ ประจำ� วัน ในโรงเรียนแนวชายแดน พื้นท่สี ูง และพื้นทพ่ี เิ ศษ ท่มี ีโรงเรยี นทีม่ นี ักเรยี นสอื่ สารภาษาทอ้ งถิ่น ในชีวิตประจำ� วัน ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รับ ๑. ครูผู้สอนระดับปฐมวัย/ประถมศึกษาและศึกษานิเทศก์ได้ศึกษาวิธีการจัดการเรียนการสอน ที่ประสบผลส�ำเร็จ เพื่อเป็นแนวทางการการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับธรรมชาติของผู้เรียน ทีใ่ ช้ภาษาไทยเปน็ ภาษาที่สอง ๒. ครูผู้สอนระดับปฐมวัย/ประถมศึกษามีส่ือการเรียนรู้ต้นแบบที่เน้นการแก้ไขตามสภาพปัญหา ของผู้เรียน ซง่ึ สามารถนำ� ไปปรับประยุกตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สภาพของผู้เรยี นท่ใี ช้ภาษาทอ้ งถิ่นอื่น ๆ ตามบรบิ ท ของโรงเรียน โดยการสร้างการมีส่วนร่วมในการผลติ ส่อื จากผ้เู รยี นและชมุ ชน ๓. ส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาและสถานศึกษาน�ำแนวทางนิเทศการเรียนการสอนภาษาไทย ที่ประสบผลส�ำเร็จไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ของโรงเรียนในพื้นท่ีท่ีผู้เรียนภาษาท้องถิ่น สอ่ื สารในชวี ติ ประจ�ำวนั 2

การจดั การเรียนการสอนภาษาไทย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กำ� หนดสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเกณฑ์การพฒั นาคุณภาพผู้เรียน ให้เปน็ ผู้เรียนเปน็ คนดี มปี ญั ญา มีความสขุ มีศักยภาพในการศึกษาตอ่ สามารถประกอบอาชีพ และศึกษาตลอดชีวิต โดยมีสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเป็นสาระการเรียนรู้ ที่สถานศึกษาตอ้ งใชเ้ ปน็ หลักการจัดการเรยี นการสอนเพอ่ื สร้างฐานการคิด และเปน็ กลยุทธ์ในการแก้ปัญหา และเปน็ รากฐานการพฒั นาการศกึ ษาของคนในชาติ เนอื่ งจากภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ใชเ้ ปน็ เครื่องมอื ในการตดิ ต่อสื่อสาร เพอื่ สรา้ งความเขา้ ใจ สรา้ งสมั พันธภาพอันดี เป็นเครอ่ื งมือแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนา ความรู้ กระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ นอกจากนี้ภาษายังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญา ของบรรพบุรุษสืบสานภมู ิปญั ญา ศลิ ปะ วฒั นธรรม และประเพณีอนั ลำ�้ คา่ ของชนชาติไทย การพฒั นาทักษะ ภาษาไทยจึงต้องมกี ารฝกึ ฝนทั้งการฟัง การดู การพดู การอา่ น การเขียน ตามหลักการใช้ภาษาไทย การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการส�ำคัญในการพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน เป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ ส�ำคัญ ของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ส�ำหรับพัฒนาเด็ก และเยาวชนผู้สอนต้องพยายามคดั สรรกระบวนการเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ เพือ่ พัฒนาผู้เรียนใหม้ คี ุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรูท้ งั้ ๘ กลมุ่ สาระ เรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนา ทักษะตา่ ง ๆ อนั เปน็ สมรรถนะสำ� คัญที่ต้องการใหเ้ กดิ แกผ่ ู้เรียน โดยยึด หลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญซ่ึงยึดประโยชน์ท่ีจะเกิด กับผู้เรียน จึงต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาตามธรรมชาติและ เต็มตามศักยภาพ ค�ำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความส�ำคัญ ทัง้ ความรู้ และคณุ ธรรม ผเู้ รยี นจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ทห่ี ลากหลายเป็นเครือ่ งมอื ที่จะน�ำพาตนเอง ไปส่เู ปา้ หมายของหลกั สูตร อาทิ กระบวนการเรยี นรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือท�ำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้ของตนเอง และกระบวนการพัฒนาลักษณะนิสยั ดังน้ัน ผู้สอนจึงต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ช้ีวัดสมรรถนะ ของผู้เรียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้ โดยเลือกใช้วิธีสอนและ เทคนิค การสอน/สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพและ บรรลมุ าตรฐาน การเรยี นรู้ซง่ึ เปน็ เปา้ หมายท่กี ำ� หนด 3

บทบาทของผสู้ อนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและผู้เรียนควรมี บทบาท ดงั น๑้ี บทบาทของผสู้ อน l ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล และน�ำข้อมูลมาใช้ ในการวางแผนการจดั การเรียนรู้ l ก�ำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียนด้านความรู้ และทกั ษะ รวมทงั้ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ l ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนอง ความแตกต่างระหว่างบุคคลและพฒั นาการทางสมอง l จัดบรรยากาศทเ่ี อื้อตอ่ การเรยี นรู้ และดูแลช่วยเหลือผูเ้ รียน ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ l จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม น�ำภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ในการสอน l ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติของวิชาและ ระดับพัฒนาการของผู้เรียน และน�ำผลการประเมินมาใช้ซ่อมเสรมิ และพัฒนาผเู้ รียน บทบาทของผ้เู รยี น l ก�ำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรู้ ของตนเอง l เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ ้อความรู้ ต้ังค�ำถาม คิดหาคำ� ตอบหรอื แนวทาง แก้ปัญหาดว้ ยวิธกี ารต่าง ๆ l ลงมือปฏิบัติจริง สรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และน�ำ ความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นสถานการณ์ต่าง ๆ l ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื ง ๑กระทรวงศึกษาธกิ าร.  (๒๕๕๓).  หลกั สูตรแกนกลางการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. หน้า ๒๖-๒๗. 4

ส่อื การเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมสนับสนุน การจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐาน การเรียนรู้ของหลกั สูตรไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สอื่ การเรียนรู้ มีหลากหลายประเภท ทั้งส่ือธรรมชาติ สื่อส่ิงพิมพ์ สอ่ื เทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรตู้ ่าง ๆ ที่มใี นทอ้ งถิ่น การเลือกใช้ส่ือควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับ พฒั นาการและลลี าการเรยี นรู้ท่หี ลากหลายของผูเ้ รียน การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำ� และพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้ อย่างมีคณุ ภาพจากสอื่ ต่าง ๆ ท่ีมอี ยูร่ อบตัวเพ่ือนำ� มาใชป้ ระกอบในการจดั การเรยี นรู้ท่ีสามารถสง่ เสรมิ และ ส่ือสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียงเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษา หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและผู้มีหน้าท่ีจัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน ควรด�ำเนินการ ดังน้ี ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้และเครือข่าย การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพ่ือการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียน ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ทอ้ งถิน่ ชุมชน สังคมโลก ๒. จัดท�ำและจัดหาส่ือการเรียนรู้ส�ำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้ังจดั หาส่งิ ท่มี ีอยใู่ นท้องถิน่ มาประยุกตใ์ ชเ้ ปน็ สอ่ื การเรยี นรู้ ๓. เลือกและใชส้ ื่อการเรียนรทู้ ่ีมคี ุณภาพ มคี วามเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคลอ้ งกับวิธี การเรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผ้เู รียน ๔. ประเมนิ คุณภาพของสือ่ การเรยี นรทู้ ่ีเลอื กใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ ๕. ศึกษาค้นควา้ วิจัย เพื่อพฒั นาส่อื การเรยี นร้ใู หส้ อดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน ๖. จัดให้มีการก�ำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเก่ียวกับสื่อและการใช้ส่ือ การเรียนรูเ้ ป็นระยะ ๆ และสม�ำ่ เสมอ ในการจดั ท�ำ การเลือกใช้ ตดิ ตาม ประเมนิ คณุ ภาพสื่อการเรียนร้ทู ใี่ ชใ้ นสถานศกึ ษา ควรคำ� นงึ ถึง หลักการส�ำคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ กจิ กรรมการเรียนรู้ การจดั ประสบการณ์ให้ผู้เรยี น เนอื้ หามคี วามถกู ต้องและทนั สมยั ไม่กระทบความมั่นคง ของชาติ ไมข่ ดั ต่อศีลธรรม มีการใชภ้ าษาท่ีถกู ตอ้ ง รูปแบบการนำ� เสนอทีเ่ ข้าใจงา่ ย และนา่ สนใจ 5

รูปแบบการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย การจดั การเรียนการสอนแบบธรรมชาตหิ รือแบบองคร์ วม (Integrated Whole Language Curriculum) การสอนภาษาแบบธรรมชาติ หรือแบบองค์รวมมีพื้นฐานมาจาก ทฤษฎีงานวิจัยและการปฏิบัติผ่านการเรียนการสอน (Goodman, ๑๙๘๙ ; Pearson, ๑๙๙๐; Wells, ๑๙๘๖) โดยเกดิ จากความพยายามของนกั การศึกษา และนกั ภาษาศาสตร์ อาทิ ดวิ อ้ี (Dewey, ๑๙๓๘) เพียเจท์ (Piaget, ๑๙๗๒) ไวก็อตสก้ี (Vygotsky, ๑๙๖๒) เป็นต้น การมองเห็นปัญหาการเรียนรู้ภาษา ของเดก็ ที่เกดิ จากการสอนทค่ี รมู งุ่ เน้นสาระทางภาษาเป็นหลัก ทำ� ใหก้ ารเรยี น การสอนไม่น่าสนใจและไม่เป็นไปตามธรรมชาติ กล่าวคือ ไม่เหมาะสมกับวัย ความสนใจและความสามารถของเด็ก นอกจากน้ันเมื่อพิจารณาถึงการใช้ ภาษาในชีวิตประจ�ำวันของเด็กก็พบว่า การสอนแบบเดิม (traditional approaches) ไม่เน้นความส�ำคัญ ของประสบการณ์และภาษาที่เด็กใช้ในชีวิตประจ�ำวัน จึงได้พัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนภาษาแนวใหม่ขึ้น เพ่อื น�ำแนวทางนไี้ ปใช้ ในการจดั การเรียนการสอน (ภรณี คุรุรตั นะ, ๒๕๔๒) นกั การศกึ ษาในแนวการสอน ภาษาแบบธรรมชาตมิ คี วามเชือ่ รว่ มกันวา่ ๒ ๑. มนษุ ย์เรยี นรภู้ าษาแบบองค์รวม (holistic) ในสภาพการณ์จรงิ และ มีความหมายตอ่ ตนเอง เรียนรูก้ ารพดู โดยผ่านการฟงั และการเรียนรูก้ ารอา่ น โดยผ่านงานเขยี นท้งั ของตนเองและบุคคลรอบข้าง ๒. การเรียนรู้ภาษายืดหยุ่นได้ การท่ีเด็กสามารถอ่านออกเขียนได้ก่อนหรือช้ากว่าเมื่อขึ้น ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ถอื วา่ เป็นเรอ่ื งไมผ่ ิดปกติแต่อย่างใด ๓. การเรยี นรภู้ าษาเป็นกระบวนการทางสงั คม เรยี นร้ภู าษาจากการสงั เกตและมปี ฏิสัมพันธก์ ับ บคุ คลรอบขา้ ง ๔. การเรียนรู้ภาษาของเด็กเป็นพัฒนาการท่ีต่อเน่ือง ตั้งแต่วัยทารก เด็กจะเรียนรู้ภาษาและค�ำต่าง ๆ ขณะที่ผู้ใหญ่ เล่าเร่ือง โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กเรียนรู้ภาษาก่อนการเข้าโรงเรียน เช่น เด็กวยั ๓ ขวบ มาโรงเรียนพรอ้ มกับทักษะต่าง ๆ ทางภาษา ๕. เด็กเรียนรู้ภาษาโดยการสร้างความเข้าใจของ ตนเองเกี่ยวกับภาษา เช่น การมีประสบการณ์เกี่ยวกับภาษา โดยผ่านการอ่าน การฟงั และการเขียนจะชว่ ยให้เด็กได้ส�ำรวจและทำ� ความเขา้ ใจกับภาษามากข้นึ ๖. ผู้ปกครองและครมู บี ทบาทส�ำคัญในการส่งเสรมิ พฒั นาการทางภาษาของเดก็ โดยการเปน็ แมแ่ บบทด่ี ที างภาษา ๗. การเรียนรู้ภาษา เด็กจะเรียนรู้หน้าที่หรือความหมายของภาษาก่อนเรียนรู้การสะกดค�ำ ไวยากรณแ์ ละเสียง ๒สำ� นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.  (๒๕๕๑).  รายงานการวิจัย เรื่อง การพัฒนาการเรียนการสอน ภาษาไทยในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้. หน้า ๒๘-๓๐. 6

การจัดการเรยี นการสอนภาษาไทยโดยอาศัยสิง่ แวดลอ้ มเป็นสอ่ื ชาตรี สำ� ราญ (๒๕๔๔) ไดน้ �ำเสนอหลกั การเรียนการสอนภาษาไทยโดยอาศยั ส่ิงแวดลอ้ มเปน็ ส่อื ซึง่ มขี ้นั ตอนการสอนดังน๓้ี ๑. ขั้นก�ำหนดบทเรียน หลักส�ำคัญ คือ ผู้สอนจะต้องมีความเคยชินกับผู้เรียน ผู้เรียน มีความไว้วางใจผู้สอน ท�ำให้ผู้เรียนกล้าคิด กล้าแสดงออกจึงต้องให้ผู้เรียนต้องเป็นผู้ก�ำหนดบทเรียน ด้วยตนเอง เพอื่ ..สอนในสิ่งท่เี ด็กอยากเรยี นมากกว่าสอนในสง่ิ ที่ครอู ยากสอน ... ๒. ขั้นการสอนจรงิ พาเดก็ ไปสัมผัสสง่ิ แวดล้อมขา้ งนอก ไปดูดอกไม้ ตน้ ไม้ ๓. ข้ันส�ำรวจพื้นฐานความรู้เดิม ขณะที่ ผู้เรียนเร่ิมสัมผัสกับส่ือส่ิงแวดล้อม ผู้สอนจะต้องสังเกต พ้ืนฐานความรู้เดิมของผู้เรียนว่า มีความรู้เกี่ยวกับ กิจกรรมและสื่อเหล่านัน้ มากน้อยเพยี งใด เรือ่ งใดท่ผี เู้ รียน มีความรู้มาก อย่างเพียงพอแล้ว ก็ไม่ต้องน�ำมาสอนอีก ทส่ี �ำคัญ คือ ตอ้ งสำ� รวจพนื้ ฐานของผู้เรยี น เพอ่ื จะได้สอน เฉพาะสง่ิ ทีผ่ เู้ รียนตอ้ งการจะรเู้ ท่าน้นั ๔. ขน้ั สอนความรู้ใหม่ หลักส�ำคัญคอื ชว่ ยให้ เด็กป้อนความรู้ใหม่สู่กันและกัน ผู้สอนเพียงแต่คอย อ�ำนวยการ ใหก้ ารเรียนเป็นไปอย่างถูกตอ้ ง ๕. ขนั้ เสริมทกั ษะ หลักส�ำคญั คือ การเสริมแรง ให้ผู้เรียนท�ำแบบฝึกหัด ท่องจ�ำหรือเล่นเกม เด็ก ๆ ผลดั กนั ออกมาอา่ นคำ� บนกระดานดำ� ทเี่ ขยี นไว้อา่ นบตั รคำ� แล้วน�ำมาเรียงประโยคที่ต้องการ ลอกค�ำหรือข้อความ ลงในสมุด วันรุ่งข้ึน ก็ด�ำเนินการใหม่ต้ังแต่ข้ันแรก คือ ทบทวนคำ� เดิม อ่านข้อความทเ่ี ขียนเพ่ิมเติมค�ำใหม่ เพือ่ เปน็ การเรยี นรู้ค�ำและข้อความท่เี พ่ิมมากข้นึ ท่สี ำ� คัญ คือ ครตู อ้ งบันทกึ ค�ำท่เี ด็กอ่านไดแ้ ละเขยี น ตวั โต ๆ ปิดไว้ขา้ งฝาผนัง เด็ก ๆ หรอื กลุ่มจะอ่านทบทวนดว้ ย ตนเองได้ ส่วนข้อความที่เป็นเร่ืองราวเขียนไว้ในหนังสือเล่มใหญ่และลอกข้อความท�ำเป็นหนังสือเล่มเล็ก ให้เดก็ อ่านเพ่ือจะช่วยให้เดก็ รกั การอา่ นและถอื วา่ ตนเองอา่ นหนังสอื ได้ ๖. ขัน้ แจกลูกผสมค�ำ ธรรมชาตขิ องเด็กชอบเรียนคำ� ใหญ่ ๆ หรอื เป็นชดุ ไม่ชอบเรยี นคำ� ปลกี ย่อย ข้นั แรก ครูควรสอนเป็นชุดเปน็ เรื่องราวก่อน แลว้ จึงจะสอนเป็นคำ� ๆ และแจกลูกสะกดค�ำทหี ลงั สอนแจก ลกู ผสมค�ำ สอนใหง้ ่ายใหส้ นุก ๗. ข้ันขยายประสบการณ์การเรียนรู้ ข้ันน้ีต้องการขยายผลการเรียนรู้ เม่ือผู้เรียนมีทักษะกับ ความรู้ใหม่ ที่ได้รับพอสมควรแล้ว จะต้องขยายประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนให้กว้างขวางย่ิงขึ้น โดยเนน้ การบรู ณาการเพอ่ื น�ำไปใชใ้ นชวี ิตประจำ� วนั ๓สำ� นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.  (๒๕๕๑).  รายงานการวิจัย เร่ือง การพัฒนาการเรียนการสอน ภาษาไทยในสามจงั หวัดชายแดนภาคใต.้ หนา้ ๔๐-๔๑. 7

การจดั การเรยี นการสอนภาษาแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา การสอนภาษาแบบมุ่งประสบการณ์เป็นการบูรณาการทักษะทางภาษา ท้ังทางด้านการฟัง การพูด การอา่ น การเขียน โดยใช้การอา่ นเป็นกิจกรรมน�ำในการฝกึ ทกั ษะ เนน้ การใชภ้ าษาเพื่อการส่อื สาร การน�ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวันและสอดคล้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนของผู้เรียน ล�ำดับกระบวนการเรียนการสอนตามหลักการพัฒนาภาษาของผู้เรียนในการรับรู้และเรียนรู้ธรรมชาติ โดยค�ำนึงถึงความแตกต่างระหว่างระดับความสามารถ ความถนัด ความสนใจ และสติปัญญาของผู้เรียน วธิ สี อนแบบมุง่ ประสบการณ์ภาษามี ๓ รูปแบบ ดังน๔ี้ ๑. วธิ สี อนแบบมงุ่ ประสบการณ์ภาษา รูปแบบท่ี ๑ (การสอนระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๒) ผู้เรียนสามารถฟังเร่ืองราวง่าย ๆ ซึ่งเป็นภาษาท่ีเกี่ยวข้องในชีวิตประจ�ำวันได้อย่างเข้าใจ สามารถจ�ำสัญลักษณ์ ของค�ำและเขา้ ใจความหมายของคำ� ในประโยคต่าง ๆ ตามความคิดเหน็ ของตนเองได้ มีข้นั ตอนการสอน คือ ๑. ครูอ่านเรอ่ื งใหน้ กั เรยี นฟัง ๒. นักเรียนเล่าเร่ืองกลับ ล�ำดับเรื่องสนทนา อภปิ รายอ่านเรื่องแสดงบทบาทสมมุติ ๓. นักเรยี นเขียนเรอ่ื งร่วมกันกบั ครู ๔. นักเรยี นท�ำหนงั สอื เล่มใหญ่ ๕. ทำ� กิจกรรมฝึกทักษะทางภาษา เชน่ เลน่ เกม และกิจกรรม การอา่ น การเขียนการฟงั และการพูดเพ่มิ เติม ๒. วิธีสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา รปู แบบท่ี ๒ เปน็ การสอนระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ - ๔ เมื่อนักเรียนได้ประสบการณใ์ นการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี นในรปู แบบท่ี ๑ แลว้ ใน ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ - ๔ นักเรียนจะเริม่ ฝึกอา่ นและเขยี นเรื่องตา่ ง ๆ ที่มลี กั ษณะการเขยี นทห่ี ลากหลาย พร้อมท้ังใช้ความสามารถในการคิดแต่งความด้วยตนเองมากขึ้น อาศัยการเลียนแบบหรืออิงแบบจากบทเรียน เช่น หนังสือ โคลงกลอน บทความ จดหมาย เอกสารต่าง ๆ หรือจากกิจกรรมที่ผู้สอนเสนอแนะในชั้น ในรูปแบบที่ ๒ นี้ มีการจดั กิจกรรมการสอนอยู่ ๕ ข้นั ตอน คือ ๑. ให้นักเรียนอ่านเร่ืองร่วมกันและอภิปรายสนทนาเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอ่านร่วมกับครู/ท�ำแผนภูมิ สรุปความ ๒. ครูโยงเรื่องที่อ่านเข้าสู่เร่ืองของนักเรียน แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั ๓. เขียนเรื่องร่วมกันกับครูในกลุ่ม/เขียนเรื่อง ของนักเรียนเองเปน็ กลุ่มยอ่ ยหรือตามลำ� พงั ๔. อภิปราย สนทนา และวิเคราะหอ์ รรถลกั ษณะ รว่ มกนั เกี่ยวกบั เรื่องในเนื้อความทนี่ ักเรยี นเขยี นขน้ึ ในขนั้ ท่ี ๓ ๕. ท�ำกิจกรรมทางภาษาเพื่อทบทวนฝึก ความแมน่ ย�ำ และเสริมทักษะทางภาษา ๔เสาวลกั ษณ์ รตั นวชิ ช.์   (๒๕๓๓).  การพฒั นาการสอนภาษาไทยแบบมุ่งประสบการณภ์ าษา เลม่ ๑. หนา้ ๒๒. 8

๓. วธิ ีสอนแบบมุง่ ประสบการณภ์ าษา รูปแบบที่ ๓ เปน็ การสอนระดับชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๕ - ๖ เนน้ ความหลากหลายของการอ่านการใชภ้ าษาต่าง ๆ ตามความสนใจ และเน้นความหลากหลาย ของการประมวลผลประสบการณ์ต่าง ๆ ฝึกไปให้นักเรียนรู้จัก ค้นคว้าหาข้อมูล จากแหล่งสื่อด้วยตนเอง เริ่มให้นักเรียนรู้จักวิเคราะห์เรื่องที่อ่าน มีการคิดรูปแบบการเขียนร่วมกันก่อนท่ีจะแยกเขียนอย่างอิสระ โดยมีครเู ป็นผ้คู อยแนะนำ� ซ่ึงการสอนแบบมงุ่ ประสบการณภ์ าษาในรูปแบบน้มี อี ยู่ ๖ ขั้นตอน ดงั น้ี ๑. ปฐมนเิ ทศเตรยี มวเิ คราะห์ความหมายเรือ่ งทผ่ี า่ น โดยการเดา/สรุป/ล�ำดับความ ๒. สะทอ้ นความคดิ เร่อื งท่ีอ่านไปสกู่ ารกำ� หนดเปา้ หมาย หรอื การวางแผนการเรียน ๓. บันทกึ ยอ่ สาระของเร่อื งตามเปา้ หมายหรอื แผนการเรียน ๔. สังเคราะห์สาระของเรอื่ งและเขียนเรอ่ื งนน้ั ในขั้นร่าง ๕. ทบทวน ตรวจสอบ และแกไ้ ขงานเขยี น ๖. เขียนเรื่องในขนั้ สดุ ท้ายและท�ำกจิ กรรมเสริมทกั ษะภาษา การจัดการเรยี นการสอนภาษาแบบ ทพี ีอาร์ (TPR -Total Physical Response) ผู้คิดค้นโดย ดร.เจมส์ แอชเชอร์ (Asher J. James : ๑๙๘๒) และต่อมา ดร.ซูซาน และ ดร.เดนนิส มาโลน (Dr. Susan and Dennis Malone) เปน็ ผนู้ ำ� กระบวนการสอนภาษาทส่ี องแบบ ทพี ีอาร์ มาใช้ในโครงการจัดการเรยี นการสอนภาษาไทย - ท้องถนิ่ ในประเทศไทย ใชก้ ลวธิ กี ารเรยี นการสอนภาษาไทย เป็นภาษาที่ ๒ เน้นเรียนรู้ความหมายจากการฟังและการปฏิบัติ เน้นการเรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ ฝกึ จากสิง่ ใกลต้ ัวออกไปสูส่ ิง่ ไกลตวั หรอื นามธรรม สร้างความพรอ้ มจากทักษะการฟัง - พดู ก่อนการฝกึ ทักษะ อา่ น - เขยี น ฝกึ ท�ำซำ�้ ๆ ชุดคำ� ศพั ทล์ ะ ๓ ค�ำ และทบทวน ในวนั ตอ่ ไป เด็ก ๆ จะเขา้ ใจความหมายและ จดจ�ำได้ไมล่ มื ๕ การสอนแบบทีพีอาร์ เป็นกระบวนการท่ีสอดคล้องกับสมอง และระบบประสาทในการรับรู้ภาษา เป็นข้ันตอนพื้นฐานของการเรียน ภาษาท่ีสอง ซ่ึงเป็นระบบท่ีมีล�ำดับการพัฒนาทางภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ มากที่สุด เด็กเล็กจะค่อย ๆ เรียนรู้ภาษาจนมีความคล่องแคล่วแม่นย�ำ เรยี นร้จู ากการฟังและผฟู้ ังแสดงออกถงึ ความเข้าใจสาระนน้ั ๆ โดยการปฏิบตั ิ หรอื แสดงออกทางทา่ ทางเรม่ิ จากการเรยี นและฝกึ ฝนการใชค้ ำ� เพยี งหนงึ่ คำ� แล้วเพ่ิมเป็นกลุ่มค�ำ เป็นประโยคส้ัน ๆ ประโยคยาวข้ึน ประโยคซ้อน จนถึงเป็นประโยคต่อเน่ืองหรือเรื่องราวท่ีมีความหมาย จะไม่บังคับให้ผู้เรียน พูดเม่ือยงั ไมพ่ รอ้ ม แตจ่ ะเรยี นรูแ้ ละทบทวนฝกึ ฝนทุก ๆ วนั อย่างต่อเนื่อง จนผู้เรียนมีความมั่นใจในความหมาย และการใชค้ �ำศพั ทท์ เ่ี รียนในบริบทต่าง ๆ พอถงึ ชว่ งเวลา เหมาะสม ผูเ้ รยี นกจ็ ะอยากพูดภาษาใหมน่ ัน้ ด้วยตนเอง ๕ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา.  (๒๕๕๖).  แนวทาง กลวิธีและสื่อการเรียนการสอนส�ำหรับ นักเรียนที่พดู ภาษาทอ้ งถน่ิ ประจ�ำวนั การจดั การเรียนการสอนแนวทางทวภิ าษา (ภาษาไทย - ทอ้ งถ่นิ . หน้า ๙๒. 9

ขนั้ ตอนการสอนภาษาไทยท่ีเน้นทกั ษะการฟงั - พูด แบบทพี ีอาร์ ๑. ขัน้ ทบทวนคำ� ศัพท์ ทบทวนคำ� ศัพท์ท่เี รยี นมาแล้วทุกครง้ั ๒. ขนั้ การสอนค�ำศัพทใ์ หม่ ครพู ูดคำ� ศพั ทใ์ หม่และสาธิตตามความหมายหลงั จากทพี่ ูด/ปฏบิ ตั ิจ�ำนวน ๓ ครงั้ ๓. ข้ันปฏบิ ัติ ๑) ครูชวนอาสาสมัครนักเรียนออกมาเพอ่ื ปฏิบตั ิพร้อมกัน ๒) ครพู ดู คำ� ศพั ท์เดมิ และสาธติ กริยานน้ั พร้อมอาสาสมคั ร ๓ รอบ ๓) ครูพูดค�ำศัพทเ์ ดมิ ทลี ะคำ� ส่งั และให้อาสาสมัครปฏิบัติ ๓ รอบ ๔) ครูพดู ใหเ้ ด็กทงั้ หอ้ งปฏิบตั พิ ร้อมกัน ๓ รอบ ๔. การทดสอบการปฏิบตั ิ ๕. ข้นั ขยายและประเมินผล ครูทดสอบผู้เรียนทีละคน เม่ือปฏิบัติได้ การน�ำค�ำศัพท์ท่ีเรียนไปผสมกับค�ำศัพท์ใหม่ ใหส้ ลับค�ำส่ังจาก ๑ ๒ ๓ เป็นค�ำส่ัง ๒ ๓ ๑ หรอื ให้เป็นชุดค�ำศัพท์ที่มีความหมายซ้อน แล้วส่ังให้ ๑ ๓ ๒ เพื่อให้เด็กมีความเข้าใจตามค�ำสั่ง ผเู้ รยี นปฏิบัติ เช่น ยนื นง่ั ยนื กระโดด น่งั ยืน อย่างแทจ้ ริง ยนื กระโดด นง่ั ยืน กระโดด เดนิ ไป เป็นตน้ 10

การจดั การเรยี นรู้ทีส่ อดคล้องกับพฒั นาการของสมอง พรพไิ ล เลิศวิชา และอคั รภูมิ จารภุ ากร (๒๕๕๐) ได้อธบิ ายหลักการส�ำคัญ เก่ียวกับการเรยี นรู้ ด้วยสมอง ซ่ึงสามารถสรปุ ได้ ดงั น้ี ๑. สมองเกิดมาเพ่อื เรยี นรู้ รักท่ีจะเรียนรู้และรู้วิธีเรียน ๒. เด็กเรยี นรู้จากสงิ่ ท่ตี นเองฝกึ ฝน และจากการไดแ้ กไ้ ขความผิดพลาด ๓. เดก็ เรยี นร้สู ิ่งทฝี่ ึกปฏบิ ตั จิ ากทกุ ประสาทสัมผัส ๔. การเรยี นร้ตู อ้ งใชร้ ะยะเวลา และการใช้เวลาของแต่ละคนไมเ่ ทา่ กนั ๕. หากเดก็ ไมไ่ ด้ใช้สมอง ก็จะสูญเสียเซลล์สว่ นนน้ั ไป ๖. อารมณม์ ีผลกระทบตอ่ ความสามารถในการเรียนรู้ การคดิ และการจำ� ของสมอง ๗. เดก็ ทุกคนยอ่ มเกดิ มาเพอ่ื เรียนรูไ้ ดโ้ ดยธรรมชาติเหมอื นกัน กระบวนการเบอ้ื งต้นทีส่ �ำคัญของการสอน กระบวนการการผ่อนคลาย (Relaxed Alertness) การสร้างอารมณ์ บรรยากาศในการเรียนรู้ให้ดีท่ีสุด มีลักษณะผ่อนคลาย ท้าทาย ให้มีความรู้สึกสามารถเรียนรู้ได้ อย่างม่ันใจ อยากจะเรียน จัดสิ่งแวดล้อม โอกาสประสบการณ์ ที่ผู้เรียนสามารถเข้าเรียนร่วมได้และเชื่อมโยงการเรียนรู้ให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ ตามเป้าหมายของแต่ละคนทีส่ นใจ กระบวนการสร้างความตระหนัก จดจ่อ (Orchestrated Immersion) การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ต้องสัมพันธ์กับความรู้สกึ ตระหนัก จดจ่อทจ่ี ะเรียนของผู้เรยี นโดยผา่ นการได้เห็น ได้ยนิ ได้ดม สัมผัส ได้ชิมรส และได้เคลื่อนไหวร่างกายได้เช่ือมโยงความรู้เดิม มาใช้กับการเรียนรู้ส่ิงใหม่ มีความกระตือรือร้นท่ีจะแก้ปัญหา ที่เข้ามาเผชิญหน้าฝึกปฏิบัตคิ น้ หาค�ำตอบ หลักการจัดประสบการณ์ที่เป็นกระบวนการอย่างกระตือรือร้น (Active Processing of Experience) การจัดประสบการณ์ท่ีสร้างสรรค์น�ำไปสู่ความแข็งแกร่งในการเรียนรู้ มีกิจกรรมที่มีความหมาย ครูใช้ค�ำถามเพื่อให้นักเรียนพิจารณา หรือค้นหาค�ำตอบ ข้อมูลสารสนเทศอย่างกระตือรือร้น และ feed back ของนกั เรียน อย่างสมำ่� เสมอ เพ่อื ตอ้ งการกระตนุ้ ใหผ้ ้เู รียนไดค้ ดิ หาทางพสิ จู น์หรือค้นหาคำ� ตอบ วเิ คราะห์สถานการณบ์ นพื้นฐานของพวกเขาได้ ฝกึ ทักษะการตดั สนิ ใจในช่วงวิกฤติ และสอื่ สารบนความเข้าใจ ของตนเอง 11

วธิ กี ารจดั การเรียนการสอนภาษาไทย ตามแนวทางพัฒนาการทางสมอง (BBL) ด้วยกุญแจ ๕ ดอก๖ ๑ สนามเดก็ เลน่ เปลี่ยนสนามเด็กเล่น เพื่อพัฒนาสมองน้อย และไขสันหลังให้ แข็งแกร่ง ถ้าเด็กได้ออกก�ำลังกายร่างกายจะส่งเลือดไปเล้ียงสมอง มากขึ้น ทำ� ใหก้ ารเรยี นร้มู ีประสิทธภิ าพมากขึ้น ๒ หอ้ งเรยี นเปล่ียนสมอง เปลีย่ นห้องเรยี น เพือ่ เปล่ยี นสมองของเด็ก สงิ่ แวดลอ้ มที่แปลกใหม่ มีความเข้มข้น มีสีสันช่วยกระตุ้นให้เด็กสามารถเรียนรู้และจดจ�ำ เนือ้ หาทีเ่ รยี นได้ดีขึ้น ๓ พลิกกระบวนการเรยี นรู้ ออกแบบกระบวนการเรียนรู้โดยเข้าใจสมองของนักเรียน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีกระตุ้นสมองน้อย สมองสองซีก และสมอง ทั้งสีส่ ว่ นเพอื่ ใหก้ ารเรียนรมู้ ีประสทิ ธิภาพสูงสดุ ๔ หนงั สือเรยี นและใบงาน ใช้หนังสือและใบงานท่ีได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับ การท�ำงานของสมอง เพอื่ ช่วยกระตนุ้ สมองของนักเรยี น ฝกึ ให้เดก็ คิด ทีละขั้นตอน และน�ำทักษะและความรู้ในแต่ละข้ัน มาประกอบกัน เปน็ ความเขา้ ใจ (concept) ในทีส่ ดุ ๕ ส่อื และนวัตกรรมการเรยี นรู้ ใช้ส่ือและนวัตกรรมที่แปลกใหม่น่าต่ืนเต้น และมีสีสัน และมี จ�ำนวนเพียงพอ ส�ำหรับนักเรียนทุกคน เคร่ืองมือเหล่าน้ีจะช่วย ในการเรียนรู้ และกระตนุ้ ให้เดก็ รู้สึกสนกุ สนาน พึงพอใจ เกิดความตั้งใจ ท่จี ะเรียนรเู้ นื้อหาท่ซี ับซอ้ น ๖พรพไิ ล เลิศวชิ า.  (๒๕๕๘).  Roadmap...การพลกิ โฉม ป.๑ อา่ นออก เขียนได้ ใน ๑ ปี.  หน้า ๑๒, ๒๐, ๒๖, ๓๘ และ ๔๒. 12

การจดั การเรียนการสอนภาษาไทยทีม่ ีประสทิ ธผิ ล ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ได้ด�ำเนินการพัฒนาการอ่านการเขียนภาษาไทย มีนโยบายการจัดการศึกษาเพ่ือส่งเสริมสนับสนุน เร่งรัดพัฒนาการแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ของผู้เรียน โดยมีมาตรการให้ทั้งส่วนกลาง ส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และสถานศึกษาร่วมกันเร่งรัด พัฒนา การจัดการศึกษาของทุกภาคส่วน ซึ่งมีแนวทางการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอนท่ีมี ประสิทธภิ าพ ดังน๗ี้ การบรหิ ารจัดการของส�ำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา ๑) ให้ความส�ำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทย โดยก�ำหนดเป็นกลยุทธ์ แนวทางการด�ำเนินงาน ท่ีต่อเน่ืองชัดเจน ให้สถานศึกษามุ่งส่งเสริมสมรรถภาพการเรียนรู้ภาษไทยของนักเรียน ท่ีต่อเน่ืองชัดเจน จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการด�ำเนินงาน อยา่ งเพียงพอเชน่ เดียวกับกล่มุ สาระการเรียนร้อู นื่ ๒) สร้างความเข้มแข็งทางวิชาการภาษาไทย เช่น จัดแลกเปล่ียนองค์ความรู้เป็นระยะ ๆ ส่งเสริมพัฒนาครูภาษาไทย และครูกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ประเมินผลความรู้ภาษาไทย สร้างหรือจดั หาเครอ่ื งมอื ชว่ ยครมู แี บบฝกึ อ่าน ฝึกเขียน หนังสอื เพ่มิ เติม ความรู้ส�ำหรับครู เป็นต้น สนับสนุนการผลิตสื่อของสถานศึกษาและ ของท้องถิน่ ให้ไดม้ าตรฐานและแพร่หลาย ๓) สร้างเครือข่ายพัฒนาครูภาษาไทยต้นแบบ และสนับสนุนช่วยเหลือสถานศึกษาที่มีปัญหา ขาดแคลนครู ๔) ประสานขอความร่วมมือจากองค์กรท้องถิ่น ทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยพัฒนาการเรียน การสอนภาษาไทย ๕) ก�ำกบั ติดตามและพฒั นาการดำ� เนนิ งาน อยา่ งเปน็ ระบบและยง่ั ยืน ๖) ส่งเสริมสถานศกึ ษาที่มนี ักเรียนจ�ำนวนมากใชภ้ าษาท้องถ่นิ ในชีวิตประจำ� วัน หรอื ในพื้นที่พิเศษ โดยสร้างสภาพแวดล้อมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งรวมทั้งครูและบุคลากรในสถานศึกษาด้วย เช่น อบรมความรู้ ความเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมท้องถ่ิน ใช้ภาษาท้องถ่ินเป็นส่ือเชื่อมโยงการเรียนรู้ภาษาไทยของเด็กวัยเร่ิมเรียน และลดการใช้ภาษาทอ้ งถ่นิ ตามสภาพการเรยี นในชัน้ ท่ีสูงขนึ้ เพอ่ื สรา้ งความเข้มแขง็ ในการใช้ภาษาไทย ๗ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา.  (ม.ป.ป.).  ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานและ ส�ำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษากบั การแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได.้ หนา้ ๒๒ - ๒๕. 13

การจดั และสง่ เสรมิ การเรียนการสอนภาษาไทยของสถานศึกษา ๑) สร้างความตระหนักแก่ครูทุกคนให้เห็นความส�ำคัญ ของภาษาไทย แมค้ รทู ่ีสอนสาระการเรียนร้อู ื่น โดยเป็นแบบอย่างทดี่ ี และร่วมกันส่งเสรมิ การใชภ้ าษาไทยของนกั เรียน ๒) คัดเลือกครูที่ดีมีประสิทธิภาพให้สอนภาษาไทย เชน่ เข้าใจเด็ก อดทน และเสยี สละเวลา ใหค้ วามส�ำคัญแกเ่ ด็กที่มี ปัญหาการเรียน รู้จักช่ืนชมความดีความสามารถของเด็กให้ปรากฏ สนับสนุนเด็กท่ีมีความสามารถให้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ ทั้งน้ี มีตัวอย่างแสดงทีช่ ดั เจนวา่ ครทู ่ีจบการศึกษาสาขาอน่ื ท่ไี ม่ใชภ่ าษาไทย สามารถจัดการเรียนการสอนภาษาไทยอย่างมีประสิทธิภาพได้ ถ้ามีความต้ังใจจริง เข้าใจเลือกสรรวิธีสอน และสามารถสร้างส่ือ การสอนทเ่ี หมาะสมแกน่ ักเรยี น ๓) วิเคราะห์และจัดอัตราเวลาเรียนที่เหมาะสม ในการสอนภาษาไทย แต่ละช่วงชั้น จัดเวลาส�ำหรับซ่อมเสริม และพัฒนาความสามารถของนักเรยี นเป็นกลุม่ หรือรายบุคคล ๔) สง่ เสรมิ ให้ครเู ลือกสรรวธิ สี อนและวดั ผลประเมนิ ผล รูปแบบต่าง ๆ จัดการเรียนการสอนให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะ ทางภาษาทุกด้านอย่างปกติ มิใช่เน้นการท�ำข้อทดสอบ และเน้น นักเรียนเข้าประกวดกจิ กรรมภาษาไทยเฉพาะรายเท่านนั้ ๕) บูรณาการการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย ร่วมกับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านการเขียนและการเรียน สาระการเรยี นรู้อนื่ อย่างเหมาะสม สร้างความรบั ผิดชอบ รว่ มกันของครูและบคุ ลากรในสถานศกึ ษา ๖) สนับสนุนครูให้จัดท�ำส่ือเสริมต่าง ๆ สำ� หรบั นักเรียน อย่างเหมาะสมและเพียงพอ พัฒนาสือ่ ที่มีในท้องถ่ินให้ได้มาตรฐานและแพร่หลาย รวมท้ัง ส่งเสริมนักเรียนให้สามารถผลิตสื่อได้เองด้วย เช่น การแต่งเรื่องประกอบภาพ การจัดท�ำหนังสือท�ำมือ เปน็ ต้น ๗) นิเทศภายในสถานศึกษาและพัฒนา อย่างเปน็ ระบบ 14

สื่อการเรียนรู้และวธิ ีสอนทดี่ ี สอื่ การเรียนรู้ทดี่ ี สอื่ การเรยี นการสอนท่ีจัดทำ� ขนึ้ ตอ้ งค�ำนึง ถึงความเหมาะสม สอดคล้องกับเนื้อหา และจุดประสงค์ของหลักสูตร เพื่อจะท�ำให้สื่อนั้นมีคุณภาพสามารถส่งเสริมกระบวนการเรียนการสอน ใหบ้ รรลุจดุ หมายของหลกั สูตรไดอ้ ย่างมีคณุ ภาพ ลกั ษณะของสือ่ การเรยี นการสอนที่ดี ๑. เหมาะสมกับวยั และความสามารถของผเู้ รยี น ๒. ใหค้ วามรแู้ ก่ผูเ้ รยี นเปน็ ขั้นตอนจากงา่ ย ไปหายาก ๓. ช่วยใหผ้ ูเ้ รียนสามารถเรียนรไู้ ดเ้ ร็วและประหยดั เวลา ๔. ผเู้ รียนมีส่วนร่วมในการผลิต การใชแ้ ละประเมินผลส่อื ๕. เรา้ ความสนใจของผ้เู รยี นและผเู้ รียนสามารถตอบสนองได้ทันที ๖. สง่ เสรมิ เจตคตทิ ีด่ ีตอ่ เนื้อหาท่สี อน ๗. มีความประณีต ขนาดเหมาะสมกับผู้เรียนท่ีจะใช้ประกอบกิจกรรมระหว่างเรียน และเหมาะสม กับการสอนของครู เชน่ ขนาด รปู ร่าง สีเร้าความสนใจ และมีความชดั เจน ๘. มคี วามคุม้ คา่ ท้งั เวลา และแรงงาน ๙. สื่อทีด่ คี วรผา่ นการทดลองใช้ และแกไ้ ขปรบั ปรงุ ก่อนน�ำไปใช้จริง 15

วิธกี ารสอนท่ีดขี องครู ๑. แสดงให้นักเรียนตระหนักถึงความส�ำคัญของ การอ่านการเขียน โดยครูเป็นแบบอย่างที่ดี มิใช่เป็นเพียง ผู้แนะน�ำเท่าน้ัน ต้องอา่ นหนังสือให้เด็กฟังบ้าง ตอ้ งเขียนหนังสือ ใหเ้ ด็กอ่านบา้ ง ใหน้ กั เรยี นได้เห็นตัวอย่าง งานเขียนของผูเ้ ขยี น คนอ่นื ๆ อยา่ งหลากหลาย และสม่�ำเสมอ ๒. กระตอื รอื ร้น ตัง้ ใจจริง มีความสัมพนั ธ์ท่ีดตี อ่ ครู ในโรงเรียนและผู้ปกครองท่ีจะร่วมแก้ปัญหายกระดับการเรียน การสอนภาษาไทย ๓. เช่ือว่านักเรียนทุกคนมีความสามารถในการอ่าน การเขียน และเข้าใจพัฒนาการของนักเรียน สร้างความ กระตอื รอื รน้ ใหน้ กั เรยี นแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง โดยไมต่ ้อง ใช้แรงจูงใจภายนอกรู้จักสร้างอารมณ์ให้นักเรียนรู้สึกต้องการ ท่จี ะอา่ นและตอ้ งการทจี่ ะเขียน ๔. รอบรู้ส่ือการอ่านประเภทต่าง ๆ รู้แหล่งท่ีมาของสื่อ สามารถสร้างส่ือและเลือกใช้ส่ือได้ตรง กับความสนใจของนักเรยี น ๕. ร้จู ักเลือกวิธีการสอนอ่าน สอนเขียนแบบตา่ ง ๆ ทไ่ี ด้ผลและเหมาะสมแกน่ กั เรยี น ท้งั เปน็ กล่มุ และรายบคุ คล จัดกจิ กรรมใหน้ กั เรยี นอา่ นหนงั สอื หรอื งานเขียนต่าง ๆ เป็นประจ�ำอย่างสม�ำ่ เสมอ บรู ณาการ การอา่ นและการเขียน สมั พนั ธ์ทักษะฟงั และพดู อยา่ งเหมาะสม สาธติ การอา่ น การใชพ้ จนานกุ รม ฝกึ ปฏบิ ัติ การเขียนเป็นประจ�ำและต่อเน่ืองให้นักเรียนมีผลงานการเขียนท่ีชัดเจน เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นแก่นักเรียน และชว่ ยแก้ปัญหาใหล้ ุล่วง ๖. ประเมินความก้าวหน้าการอ่านการเขียนของนักเรียนสม่�ำเสมอ และประเมินการสอนของครู โดยประเมนิ ตนเอง และใหน้ กั เรยี นรว่ มประเมนิ ด้วย 16

สุคนธรตั น์ ชูเชิด หนังสือเลม่ เล็กพฒั นาการอา่ น ภาษาไทย - กวย จินดา กอ่ บุญ หนังสือเลม่ เล็กพัฒนาการอ่าน ภาษาไทย - กวย ศิรดิ า ยานะสิทธิ์ อนุชติ สุวรรณผกู นวตั กรรมพจนานกุ รม ทพี อี ารพ์ ฒั นาการฟงั - พดู ไทย - ลาหู่ ภาษาไทย - ม้ง ภคพร สันธิ แบบเรยี นเช่อื มโยง สู่การอ่าน - เขยี นภาษาไทย วาสนา บัวศรี กาญจนา ปราศรยั หนังสอื เล่มยกั ษก์ ารพฒั นาการอ่าน - เขยี น หนังสอื รปู ภาพสู่การพัฒนาการฟงั - พูด ภาษาไทย ภาษาไทย - มง้ 17

นวตั กรรมพจนานกุ รมไทย - ลาหู่ สกู่ ารเรยี นรู้ค�ำตามมาตราภาษาไทย “ชนเผา่ ลาห”ู่ โดย: ศริ ิดา ยานะสทิ ธิ์ ครโู รงเรยี นดอยเวียงวทิ ยา สพป.เชียงราย เขต ๒ เหตุผลและความจ�ำเป็น ปัจจุบันในประเทศไทยมีชนเผ่าลาหู่ (มูเซอ) อาศัยอยู่ราว ๑.๕ แสนคน ชาวลาหู่มีภาษาที่ใช้ ในการสอ่ื สารเปน็ ของตนเอง โรงเรยี นดอยเวียงวทิ ยาเปน็ อีกโรงเรยี นหนึ่งทม่ี นี กั เรียนเป็นชนเผ่าลาห่รู อ้ ยละ ๘๐ และชนเผ่าลีซอร้อยละ ๒๐ แต่ทั้งสองชนเผ่าใช้ภาษาลาหู่ในการส่ือสารในชีวิตประจ�ำวันเหมือนกัน จึงท�ำให้เกิดปัญหาเรื่อง การเรียนรู้ภาษาไทยเป็นอย่างมาก เพราะภาษาลาหู่เป็นภาษาท้องถ่ินที่แตกต่าง จากภาษาไทยโดยส้ินเชิง การเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนจึงเป็นไปได้ช้ากว่านักเรียนปกติเพราะนักเรียน ไม่เข้าใจความหมายของค�ำในภาษาไทย ท�ำให้ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ตามไปด้วย ครูผู้สอนจึงต้องใช้เทคนิค วิธีการที่เหมาะสมในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียน ดังนั้น ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๓ ผูน้ �ำเสนอจึงไดเ้ ร่ิมคดิ คน้ นวัตกรรม ทจี่ ะนำ� มาใช้ในการแก้ไขปัญหาการไมร่ คู้ วามหมาย ของค�ำในภาษาไทยของนักเรียน นวัตกรรมน้ันคือ พจนานุกรมไทย - ลาหู่ (ฉบับใช้ในชีวิตประจ�ำวัน) และพัฒนานวัตกรรมจนเป็นนวัตกรรมชุดล่าสุด คือ พจนานุกรมไทย - ลาหู่ สู่การเรียนรู้ค�ำตามมาตรา ภาษาไทย ซง่ึ เป็นนวตั กรรมประเภทชุดฝกึ ทกั ษะ วัตถปุ ระสงค์ ๑) เพ่ือให้นักเรียนสามารถบอกความหมายของค�ำ ตามมาตราภาษาไทยไดถ้ กู ต้อง ๒) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนค�ำตามมาตรา ภาษาไทยของนักเรยี น กลมุ่ เป้าหมาย นกั เรยี นระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ 18

วิธีการจัดกจิ กรรม/กระบวนการจดั การเรยี นการสอน วิธกี ารจดั ทำ� นวตั กรรม วิธีการจดั ทำ� พจนานุกรมไทย - ลาหู่ สูก่ ารเรียนร้คู �ำตามมาตราภาษาไทย มขี นั้ ตอนดังต่อไปนี้ ๑. สรา้ งพจนานุกรมไทย - ลาหู่ ชดุ คำ� ตามมาตราภาษาไทย จ�ำนวน ๑ เลม่ ซ่ึงได้คดั เลอื กคำ� ตามมาตราภาษาไทย จากบัญชีค�ำพ้ืนฐานช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๒ ท่ีสามารถส่ือความเป็นรูปภาพ มาจัดท�ำ โดยแบง่ ออกเป็น ๙ หมวด (คดั เลือกค�ำท่ีจะใช้ หมวดละ ๔๐ ค�ำ) ตามมาตราภาษาไทย โดยผ่านการตรวจ สอบความถกู ต้องจากเจ้าของภาษาซึ่งเป็นผู้นำ� ชุมชน ๒. การจัดท�ำชุดฝึกทักษะ พจนานุกรมไทย-ลาหู่ สู่การเรียนรู้ค�ำตามมาตราภาษาไทย แบง่ ออกเป็น ๙ ชดุ ดงั น้ี ชุดท่ี ๑ มาตราแม่ ก กา ในแตล่ ะชุดฝึกประกอบด้วย ชุดที่ ๒ มาตราตวั สะกดแม่ กง ชดุ ฝึกที่ ๑.๑ ศกึ ษาพจนานุกรมไทย - ลาหู่ ชุดท่ี ๓ มาตราตวั สะกดแม่ กน ชุดฝกึ ท่ี ๑.๒ ใบความรูเ้ ร่อื ง มาตราภาษาไทย ชุดที่ ๔ มาตราตัวสะกดแม่ กม ชดุ ฝึกที่ ๑.๓ การอา่ นแจกลกู และอา่ นสะกดค�ำ ชุดท่ี ๕ มาตราตัวสะกดแม่ เกย ตามมาตราภาษาไทย ชดุ ที่ ๖ มาตราตัวสะกดแม่ เกอว ชุดฝกึ ท่ี ๑.๔ ท�ำแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำ� ชุดที่ ๗ มาตราตัวสะกดแม่ กก ตามมาตราภาษาไทย ชุดที่ ๘ มาตราตวั สะกดแม่ กด จำ� นวน ๑๐ แบบฝกึ ชดุ ที่ ๙ มาตราตวั สะกดแม่ กบ กระบวนการจดั การเรยี นการสอน ใช้เวลา ๒๐ ชวั่ โมง ๑. ขน้ั นำ� ๑) นกั เรียนและครูสนทนากันถึงเรือ่ ง ความส�ำคญั ของการเรียนรู้ภาษาไทย และการใชภ้ าษาไทย ใหถ้ กู ต้อง ๒) นกั เรียนฟงั ครูชี้แจงจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓) นกั เรียนวางแผนการเรียนรู้เรอื่ งมาตราภาษาไทยรว่ มกนั 19

๒. ขน้ั สอน ๑) ใหน้ ักเรยี นท�ำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น (กอ่ นเรยี น) ซ่ึงแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี น มจี �ำนวน ๒๑ ข้อ ๓๐ คะแนน ๒) ให้นักเรยี นฝกึ ทักษะตามพจนานกุ รมไทย - ลาหู่ สกู่ ารเรียนรู้คำ� ตามมาตราภาษาไทยทลี ะชุด เรยี งตามล�ำดบั ต้งั แตช่ ดุ ท่ี ๑ - ๙ โดยมวี ิธีการฝึกทักษะในแต่ละชดุ ดังน้ี ๒.๑) นักเรียนท�ำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นของชดุ ฝกึ ที่ ๑ จ�ำนวน ๑๐ ขอ้ ๒.๒) นักเรียนเรียนรู้ความหมายของค�ำตามมาตราภาษาไทยจากชุดฝึกที่ ๑.๑ ศึกษา พจนานุกรม ไทย - ลาหู่ โดยให้นักเรียนดูรูปภาพแล้วพูดออกเสียงค�ำในมาตราภาษาไทย เป็นภาษาลาหู่ และแปลเปน็ ภาษาไทยพรอ้ ม ๆ กนั ๒.๓) นักเรียนเรียนรู้เร่ืองความหมายของมาตราภาษาไทยจากชุดฝึกท่ี ๑.๒ ใบความรู้ เรื่องมาตราภาษาไทย ๒.๔) นักเรียนฝึกอ่านแจกลูก และอ่านสะกดค�ำ ตามชุดฝึกที่ ๑.๓ การอ่านแจกลูกและ อา่ นสะกดคำ� ตามมาตราภาษาไทย ๒.๕) นักเรียนฝึกทักษะการอ่านและเขียนค�ำตามมาตราภาษาไทยจากการท�ำชุดฝึกท่ี ๑.๔ ซงึ่ เปน็ แบบฝกึ ทกั ษะ มที ้งั หมด ๑๐ แบบฝกึ ๒.๖) นกั เรียนท�ำแบบทดสอบหลังเรียนในแตล่ ะชดุ ฝกึ จ�ำนวน ๑๐ ขอ้ ๒.๗) เม่อื เรยี นรชู้ ดุ ฝึกที่ ๑ เรียบรอ้ ยแลว้ ก็ต่อด้วยชุดฝกึ ที่ ๒ - ๙ ตามล�ำดบั โดยมขี ้นั ตอน ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเหมือนกับการเรียนรู้ในชุดท่ี ๑ (ครูผู้สอน อาจสอดแทรกการเล่นเกม ต่าง ๆ หรือกจิ กรรมอื่นตามความเหมาะสม กอ่ นทจี่ ะใหน้ ักเรยี นเรียนชุดฝึกเล่มใหม)่ ๓. ข้ันสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่อง มาตราภาษาไทย โดยเขียนเป็นแผนท่ีความคิด และให้นักเรียน ท�ำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน (หลงั เรยี น) มจี �ำนวน ๒๑ ขอ้ ๓๐ คะแนน และน�ำผลการทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนท่ีนักเรียนเคยท�ำไว้ มาเปรียบเทียบกับผลทดสอบหลังเรียน เพ่ือดู ความกา้ วหนา้ ทางการเรยี นของนักเรียน ในเรือ่ งการอ่านและการเขยี นค�ำตามมาตราภาษาไทย ส่อื การเรยี นการสอน ๑) พจนานุกรมไทย - ลาหู่ (ฉบับเรียงตามบัญชีค�ำพ้ืนฐานช้ันประถมศึกษาปีที่ ๒ ชุดค�ำ ตามมาตราภาษาไทย) จ�ำนวน ๑ เลม่ ๒) พจนานุกรมไทย - ลาหู่ ส่กู ารเรียนรคู้ ำ� ตามมาตราภาษาไทย จ�ำนวน ๙ เล่ม ๓) บตั รภาพและบตั รค�ำ 20

ภาพสือ่ /นวัตกรรม การวัดและประเมนิ ผล ๑) การทำ� แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นกอ่ นและหลงั เรยี น จ�ำนวน ๒๑ ข้อ ๓๐ คะแนน ๒) การทำ� แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียนของแต่ละชุดฝึก ชดุ ฝกึ ละ ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน ๓) การทำ� แบบฝึก ๔) การสังเกตพฤติกรรม ในด้านนักเรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้ นักเรียนมีมารยาทในการอ่าน นักเรยี นมมี ารยาทในการเขียน และ นกั เรยี นมจี ิตสำ� นึกรกั ษ์ถนิ่ โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรม 21

ผลสำ� เรจ็ ๑. ด้านผเู้ รยี น ประสิทธิภาพของนวัตกรรมท่ีใช้ในการพัฒนานักเรียนในปีการศึกษา ๒๕๕๖ (จากการน�ำ นวตั กรรม พจนานุกรมไทย - ลาหู่ สู่การเรียนร้คู �ำตามมาตราภาษาไทยมาเป็นเคร่อื งมือของงานวิจยั ) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนด้านการอ่าน การเขียนค�ำตามมาตราภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ มีคะแนนทดสอบก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ ๓๐.๒๔ คะแนน ทดสอบหลังเรียนคดิ เปน็ ร้อยละ ๘๖.๑๙ ซึ่งคะแนนหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน และมีคะแนนความก้าวหน้า คิดเป็นร้อยละ ๕๕.๙๕ โดยคะแนนร้อยละหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ท่ีโรงเรียนก�ำหนด ซึ่งโรงเรียนก�ำหนดไว้ รอ้ ยละ ๗๐ ผลการประเมินคุณภาพการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานเพ่ือการพัฒนาผ้เู รยี น (LAS) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทยชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒ - คะแนนเฉล่ียของผลการประเมินคุณภาพการศึกษาข้ันพื้นฐานเพ่ือการพัฒนาผู้เรียน (LAS) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปีการศึกษา ๒๕๕๕ คดิ เปน็ คา่ เฉลีย่ รอ้ ยละ ๒๕.๖๓ - คะแนนเฉลี่ยของผลการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานเพ่ือการพัฒนาผู้เรียน (LAS) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๖ คิดเป็นคา่ เฉลีย่ ร้อยละ ๓๖.๔๓ ผลจากการใช้นวัตกรรมอย่างต่อเน่อื ง ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๘ ผลการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานเพอ่ื การพัฒนาผู้เรียน (LAS) กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ คดิ เป็นคา่ เฉลยี่ ร้อยละ ๖๕.๘๓ ๒. ดา้ นครูผู้สอน วนั /เดอื น/ปี รางวัลทีไ่ ดร้ บั ๑๖ มกราคม ๒๕๕๔ รางวัลครูดเี ดน่ จากส�ำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาเชียงรายเขต ๒ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ รางวัลนวัตกรรมยอดเย่ียมอันดับท่ี ๔ ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงราย เขต ๒ จากเรื่อง พจนานุกรมลาหู่ - ไทย (เพือ่ ใชพ้ ัฒนาทักษะทางภาษาไทย ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ของนกั เรียนชนเผา่ ลาห)ู่ รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมอันดับท่ี ๒ ระดับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ๑๑ มกราคม ๒๕๕๖ เชียงราย เขต ๒ จากเรื่อง ชุดการเรียนรสู้ องภาษาเพื่อพัฒนานกั เรยี นชนเผา่ ลาหู่ เจ้าของผลงาน ชุดการเรียนรู้สองภาษาเพ่ือพัฒนานักเรียนชนเผ่าลาหู่ พจนานุกรมไทย - ลาหู่ ตามหนังสือรับรองการแจ้งข้อมูลลิขสิทธ์ิของ ส�ำนักลขิ สทิ ธ์ิ เลขที่ ว. ๓๐๘๗๗ 22

วนั /เดอื น/ปี รางวัลทีไ่ ดร้ ับ ๒ กันยายน ๒๕๕๖ รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมอันดับที่ ๑ ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา เชยี งราย เขต ๒ จากเรือ่ ง ชดุ ฝกึ ทักษะการอา่ นและเขยี นคำ� ตามมาตราภาษาไทย ๑๖ มกราคม ๒๕๕๗ จากบญั ชีค�ำพืน้ ฐานช้นั ป.๒ สำ� หรบั นกั เรียนชนเผา่ ลาหู่ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๗ รางวัลครูดีเด่น สายงานการสอนระดับดี กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จากส�ำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาเชยี งราย เขต ๒ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ รางวัลนวัตกรรมระดับเหรียญทองจากการประกวดกิจกรรมคลินิกครู ในงาน ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นภาคเหนือ ครง้ั ที่ ๖๓ ประจำ� ปกี ารศึกษา ๒๕๕๖ ที่จงั หวัด เพชรบูรณ์ ช่ือนวัตกรรม พจนานกุ รมไทย - ลาหู่ สูก่ ารเรยี นรู้คำ� ตามมาตราภาษาไทย ได้รบั ค�ำสง่ั แตง่ ตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่ง ครู อันดับ คศ.๓ วิทยฐานะ ชำ� นาญการพเิ ศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ด้วยนวัตกรรมท่ีชื่อ พจนานุกรมไทย - ลาหู่ สู่การเรียนรคู้ ำ� ตามมาตราภาษาไทย ๓. โรงเรยี น/ชมุ ชน ๑) ครูผสู้ อนภายในโรงเรยี นใหก้ ารยอมรบั และนำ� นวัตกรรมไปใชก้ ับนักเรียนในหอ้ งเรียนของตนเอง ๒) ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นให้ค�ำปรกึ ษาและให้การสนบั สนนุ ในการจดั ทำ� นวตั กรรม ๓) ชุมชนมีความภาคภูมิใจในนวัตกรรม เพราะนวัตกรรมท่ีสร้างขึ้นมีส่วนส�ำคัญในการช่วยให้ นักเรียนชนเผ่าลาหูไ่ ดเ้ รยี นรคู้ วามหมายของคำ� ในภาษาไทยได้เป็นอย่างดี ปจั จัยสคู่ วามส�ำเรจ็ ๑. ภายใน ๑) ผู้จัดท�ำนวัตกรรมได้พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเน่ือง และน�ำไปใช้ และปรับปรุงแก้ไข เพ่อื ให้ได้นวตั กรรมทส่ี มบูรณ์ ๒) นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๒ และนักเรียนช้ันอ่ืน ๆ ที่คุณครูประจ�ำชั้นยืมไปใช้ ให้ข้อเสนอแนะและคำ� ตชิ ม ๓) คณะครภู ายในโรงเรียนทีใ่ หค้ วามชว่ ยเหลือ ตชิ ม และข้อแนะนำ� ในการจัดทำ� นวตั กรรม ๔) ผูบ้ ริหารโรงเรียนให้ค�ำปรกึ ษาและคำ� แนะนำ� ในการจดั ท�ำนวตั กรรม พจนานกุ รมไทย - ลาหู่ สกู่ ารเรยี นรู้ค�ำตามมาตราภาษาไทย เพือ่ ให้ได้นวตั กรรมที่มีคณุ ภาพ ๒. ภายนอก ๑) ผู้เชี่ยวชาญท่ีมีความรู้ความสามารถทางด้านภาษาไทย และการจัดท�ำผลงานวิชาการ ได้ให้ค�ำปรกึ ษาและคำ� แนะน�ำในการจัดท�ำนวตั กรรม 23

๒) ผู้น�ำและผ้มู ีความรูเ้ ร่อื งภาษาลาหเู่ ปน็ อยา่ งดขี องชุมชน เป็นผู้ตรวจทานและให้คำ� แนะน�ำ ๓) คณะครโู รงเรียนอน่ื ๆ ได้รบั การเผยแพร่นวัตกรรม ให้ค�ำตชิ ม และขอ้ แนะนำ� ๔) คณะกรรมการการประเมินในการประกวดนวัตกรรม ให้ค�ำติชมและข้อเสนอแนะ ในการพฒั นานวตั กรรมให้เปน็ นวตั กรรมท่ีมีคุณภาพและเหมาะสมกบั ผเู้ รยี นมากท่ีสุด ขอ้ เสนอแนะ ๑. การเริม่ ตน้ จัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ครคู วรอธบิ าย และชแ้ี จงให้นักเรยี นเขา้ ใจวิธกี ารใช้ ชดุ ฝึกอยา่ งละเอยี ด ๒. สามารถน�ำรูปแบบของพจนานุกรมไทย - ลาหู่ สกู่ ารเรยี นรู้เรอ่ื งอืน่ ๆ ได้ เชน่ พจนานุกรม ไทย - ลาหู่ สู่การเรียนรเู้ รอ่ื งคำ� ควบกล�้ำ พจนานุกรมไทย - ลาหู่ สกู่ ารเรยี นรู้เรื่องคำ� ท่ีมีอกั ษรน�ำ เปน็ ต้น ๓. ส�ำเนียงของภาษาลาหู่แต่ละท้องถ่ินอาจแตกต่างกันออกไป สามารถน�ำนวัตกรรมไปปรับใช้ กบั นักเรียนชนเผา่ ลาหูก่ ลมุ่ อื่น ๆ ได้ ๔. สามารถน�ำรูปแบบของพจนานุกรมไทย - ลาหู่ สู่การเรียนรู้ค�ำตามมาตราภาษาไทย ไปบูรณาการกับภาษาอนื่ ได้ เช่น พจนานกุ รมไทย - อาขา่ ส่กู ารเรยี นรู้เรอ่ื งมาตราภาษาไทย เปน็ ต้น ตวั อย่างแผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ...../......... หนว่ ยการเรียนรู้ เรือ่ ง พจนานุกรมไทย - ลาหู่ สูก่ ารเรยี นรคู้ ำ� ตามมาตราภาษาไทย เวลา ๒๐ ชว่ั โมง แผนการเรยี นที่ ๒ มาตราแม่ ก กา เวลา ๑ ชวั่ โมง _ส_อ_น_ว_ัน_ท_ี่_._.._.._..._.._._เ_ด_อื _น__.._.._.._.._.._.._..._._พ_._ศ_._._.._.._.._.._..._.._._______________________________________ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ : การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือน�ำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดำ� เนินชวี ิตและมีนิสัยรกั การอา่ น สาระที่ ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นส่อื สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรปู แบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ สาระที่ ๔ : หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ 24

๒. สาระสำ� คัญ มาตราแม่ ก กา คือ คำ� หรอื พยางคท์ ป่ี ระสมกบั สระตา่ ง ๆ โดยไมม่ ีตัวสะกด อยขู่ ้างท้าย การอ่าน และการเขียนค�ำตามมาตราแม่ ก กา ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางภาษา จะส่งผลให้เกิดทักษะการอ่าน การเขยี นได้อยา่ งรวดเรว็ และถูกตอ้ ง และเป็นพน้ื ฐานท่ีดีในการเรยี นรใู้ นระดบั สูงตอ่ ไป ๓. ตวั ช้วี ดั ท ๑.๑ ป.๒/๑ อ่านออกเสียงคำ� ค�ำคล้องจอง ขอ้ ความและบทรอ้ ยกรองงา่ ย ๆ ได้ถูกต้อง ท ๑.๑ ป.๒/๒ อธิบายความหมายของคำ� และขอ้ ความท่ีอ่าน ท ๑.๑ ป.๒/๘ มมี ารยาทในการอา่ น ท ๒.๑ ป.๒/๔ มีมารยาทในการเขียน ท ๔.๑ ป.๒/๕ เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถน่ิ ได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ ๑) นกั เรียนสามารถบอกค�ำทอ่ี ย่ใู นมาตราแม่ ก กา ไดถ้ กู ต้อง ๒) นกั เรียนสามารถบอกความหมายของคำ� ในมาตราแม่ ก กา ได้ถูกต้อง ดา้ นทักษะกระบวนการ ๓) นักเรียนสามารถอา่ นแจกลกู และอ่านเปน็ ค�ำตามมาตราแม่ ก กา ไดถ้ ูกต้อง ดา้ นคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ๔) นกั เรยี นมคี วามสนใจใฝเ่ รียนรู้ ๕) นกั เรยี นมจี ติ ส�ำนกึ รักษถ์ ่นิ ๖) นกั เรยี นมมี ารยาทในการอา่ น ๗) นกั เรยี นมมี ารยาทในการเขยี น ๕. สาระการเรียนรู้ ๑) การอา่ นออกเสียงและการบอกความหมายของค�ำในมาตราแม่ ก กา ๒) การแจกลกู และการอ่านเปน็ ค�ำในมาตราแม่ ก กา ๓) ภาษาไทยมาตรฐาน ๔) ภาษาทอ้ งถ่นิ (ภาษาลาห)ู่ ๖. กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั น�ำ ๑) ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นร้ใู ห้นักเรียนทราบ และใหน้ ักเรียนทำ� แบบทดสอบกอ่ นเรียนเรอื่ ง มาตราแม่ ก กา ๒) แบ่งนักเรียนออกเป็น ๒ กลุม่ เทา่ ๆ กนั และให้นักเรียนเล่นเกมกระซบิ 25

ข้ันสอน ๑) แบ่งกลมุ่ นักเรยี น และให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ศึกษาพจนานุกรมไทย - ลาหู่ จากชดุ ฝึกท่ี ๑.๑ โดยให้นักเรียนดูรูปภาพแล้วพูดออกเสียงค�ำในมาตราแม่ ก กา เป็นภาษาลาหู่และแปลเป็นภาษาไทย พร้อม ๆ กัน หากคำ� ไหนนักเรยี นแปลเป็นภาษาไทยไมไ่ ด้ ครูใหค้ ำ� แนะน�ำ เพือ่ ให้นกั เรยี นไดเ้ รยี นรคู้ ำ� และ ความหมายของคำ� ในมาตราภาษาไทยจากรปู ภาพและคำ� เทยี บทีเ่ ปน็ ภาษาลาหู่ ๒) ใหน้ ักเรยี นทุกคนศึกษาชดุ ฝึกที่ ๑.๒ ใบความรู้เร่ือง มาตราแม่ ก กา ๓) จากน้นั ครยู กตัวอย่างวิธกี ารอ่านแจกลกู สะกดค�ำในมาตราแม่ ก กา ๔) นักเรยี นแต่ละกลุม่ ฝึกอ่านแจกลกู และอา่ นสะกดคำ� ในชุดฝึกท่ี ๑.๓ เรอื่ ง การอา่ นแจกลูกและ อ่านสะกดคำ� ตามมาตราแม่ ก กา ๕) ให้นักเรยี นเริ่มท�ำชดุ ฝกึ ท่ี ๑.๔ โดยเริม่ จาก แบบฝึกท่ี ๑.๔.๑ - แบบฝกึ ที่ ๑.๔.๓ ๖) ให้นกั เรยี นมาทดสอบการอา่ นแจกลูกกบั ครูทลี ะคน ตามแบบฝึกที่ ๑.๔.๔ ขั้นสรปุ ๑) นักเรยี นและครชู ่วยกนั สรปุ เก่ียวกบั ความหมายของมาตราแม่ ก กา และคำ� ทีอ่ ยใู่ นมาตราแม่ ก กา ๒) นักเรียนและครูช่วยกันสรุปเก่ียวกับการอ่านแจกลูกและอ่านสะกดค�ำตามมาตราแม่ ก กา เพ่ือประโยชน์ในการอา่ น และการเขียนใหถ้ ูกต้องตอ่ ไป ๓) มอบหมายใหน้ กั เรยี นไปทบทวนเรอื่ งการฝึกอา่ นแจกลูกและอา่ นสะกดค�ำตามมาตรา แม่ ก กา เพ่ือฝกึ ทกั ษะการอา่ นใหค้ ลอ่ ง ๗. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ ๑) แถบประโยค ๒) บตั รคำ� ๓) พจนานุกรมไทย - ลาหู่ สู่การเรียนรคู้ ำ� ตามมาตราภาษาไทย ชุดที่ ๑ มาตราแม่ ก กา ๘. การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ ๑) จากการทำ� แบบฝึกทกั ษะ ๒) จากการทดสอบการอา่ นรายบคุ คล ๓) จากการสงั เกตพฤตกิ รรม ๙. เครอื่ งมอื การวดั ผลและประเมนิ ผล ๑) แบบบันทึกคะแนนตามแบบฝกึ ทักษะ ๒) แบบบนั ทึกการอา่ นรายบคุ คล ๓) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 26

หนงั สอื อา่ นเพิม่ เตมิ ชดุ บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง “ชนเผ่า ลาวอสิ าน” โดย: จินดา กอ่ บญุ ครูโรงเรียนบา้ นบะนกทา สพป.สกลนคร เขต ๓ เหตผุ ลและความจำ� เปน็ สืบเนื่องจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทยแล้วพบปัญหาท่ีเกิดกับผู้เรียนหลายด้าน ได้แก่ ด้านการพูด การฟัง การอ่าน การเขียน และด้านความหมาย ซึ่งการใช้ภาษาท้องถ่ินของผู้เรียน ก่อให้เกิดปัญหา ที่สับสนและยุ่งยาก ในการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนในระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ โรงเรียนบ้านบะนกทา เห็นความจ�ำเป็นอย่างย่ิงในการท่ีพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยทั้ง ๕ ทักษะ คือการฟัง ดู พูด อ่านและเขียนไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากเป็นทักษะท่ีจ�ำเป็นในการส่ือสารและใช้ใน ชวี ติ ประจำ� วัน ตลอดจนใช้ ในการจดั การเรียนการสอน ในฐานะท่ีเปน็ คุณครปู ระจำ� ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ จงึ ไดต้ ระหนกั และเหน็ ความส�ำคัญของการใช้ ภาษาไทย และภาษาท้องถ่ิน จึงต้องการพัฒนาทักษะ การฟัง ดู พูดและการอ่านการเขียน อันเป็น กระบวนการท่ีจะน�ำไปสู่การเรียนรู้และเป็นสิ่งที่นักเรียนต้องฝึกฝนให้เกิดความคล่องแคล่วไปสู่การอ่าน เรื่องราวและ เกิดกระบวนการคิด เช่ือมโยงไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจ�ำวันได้อย่างมีคุณภาพ จึงได้จัดท�ำ หนังสืออ่านเพิ่มเติม ชุดบูรณาการตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียงและแผ่นภาพภาษาไทย - ท้องถ่ินขึ้น เพือ่ ใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน การจัดท�ำหนังสืออ่านเพ่ิมเติมชุดบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง จ�ำนวน ๔ เล่ม ได้แก่ ๑) เรารัก เมืองไทย ๒) ฝนช่วยชีวิต ๓) กิ้งก่าได้ทอง ๔) ภูมิปัญญาควรรู้สู่ความเป็นไทย เพื่อพัฒนาทักษะฟัง ดูพูด อ่านเขียน ในเชิงสร้างสรรค์ เป็นหนังสือประกอบภาพประเภทบูรณาการแบบสหวิชา แต่งโดยใช้ลักษณะ ค�ำประพันธ์ กลอนแปด วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ใหร้ ู้และเขา้ ใจคำ� ศัพท์ ระหว่างภาษาไทย กับภาษาทอ้ งถ่นิ ได้ถกู ต้อง ๒. เพอื่ ใหอ้ อกเสยี งค�ำไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจน ๓. เพอื่ ให้อ่านเร่ืองราวเขา้ ใจและถกู ตอ้ งและรูค้ วามหมาย กลุ่มเป้าหมาย นกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 27

แผนภมู ิกระบวนการ/กรอบแนวคิด ๑. แผน่ ภาพสองภาษา ทักษะการฟงั ดู พดู ต่อยอด ๒. อา่ น - เขยี น ทักษะอ่านและเขียน ดว้ ยการสง่ เสรมิ ๓. ท�ำความเขา้ ใจ เข้าใจเร่ืองราว/ส่อื สาร ๑. การเขียนเรียงความ ๔. อา่ นเรอื่ งราว เขยี นสอ่ื ความเชงิ สรา้ งสรรค์ ๒. การเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ ๕. เขยี นเชิงสร้างสรรค์ วธิ ีการจัดกจิ กรรม/กระบวนการจดั การเรยี นการสอน ๑. ข้นั นำ� ๑. ครเู ตรียมความพร้อมดว้ ยการซกั ถามสนทนาเป็นภาษาท้องถิน่ (ลาว) เรอ่ื งเก่ียวกบั สภาพแวดลอ้ ม ในทอ้ งถ่นิ ของตนเองวา่ มีความอดุ มสมบรู ณ์มากน้อยเพียงไร เหน็ ได้จากอะไร นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบ ๒. ครูตั้งค�ำถามเพ่ือกระตุ้นการคิด เช่น “เราจะช่วยกันน�ำทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ ในชวี ิตประจ�ำวันไดอ้ ย่างไร” “เราจะช่วยกนั อนรุ ักษไ์ ด้อย่างไรบ้าง” ชว่ ยกันยกตวั อย่าง ๒. ขั้นสอน ๓. ครูน�ำหนังสืออ่านเพิ่มเติมชุดบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง เรารักเมืองไทย มาเปิดให้ นกั เรยี นดูภาพทลี ะหน้าตั้งแตห่ นา้ แรก จนถึงหนา้ สุดทา้ ย ๔. ครูเล่าเร่ืองเป็นภาษาท้องถ่ิน (ลาว) ให้นักเรียนฟังตามภาพทีละหน้า และพูดให้นักเรียนฟัง เป็นภาษาไทย ๕. ครูน�ำแผ่นภาพภาษาไทย - ท้องถ่ิน ท่ีถอดมาจากหนังสืออ่านเพ่ิมเติมมาแนะน�ำให้นักเรียน ท�ำความรู้จกั และอา่ นทลี ะภาพ ๖. นักเรียนอา่ นเป็นรายกล่มุ และรายบคุ คล จนคลอ่ ง ๗. ครูใช้ค�ำถามสร้างกระบวนการคิด เช่น ผลไม้อะไรเอ่ย มีตารอบตัว รสชาติเปร้ียวอมหวาน ภาษาท้องถิน่ เรยี กวา่ “หมากนดั ” ใหน้ ักเรียนพดู เปน็ ภาษาไทยวา่ อย่างไร ฯลฯ ๘. เฉลยปริศนาค�ำทาย ด้วยแผ่นภาพสองภาษา และร่วมกันพูดสลับกันระหว่างภาษาไทย กับภาษาทอ้ งถนิ่ โดยนักเรียนชายพูดไทย นักเรยี นหญงิ พูดภาษาท้องถิ่น จนเกดิ ความเขา้ ใจ ๙. ครูน�ำ BIG BOOK แล้วเล่าเร่ืองไปพร้อม ๆ กันกับนักเรียนทีละแผ่น จนนักเรียนเริ่มอ่าน และ มคี วามเขา้ ใจเรอื่ งราวของหนงั สืออ่านเพิ่มเตมิ ชดุ บรู ณาการ “เรารักเมืองไทย” ๑๐. ครแู นะน�ำหนังสอื อ่านเพม่ิ เตมิ ให้นักเรยี นเรียนรรู้ ว่ มกนั และให้ศกึ ษาเปน็ กลุ่ม ๑๑. ตัวแทนนักเรียนชาย ๑ คน และนักเรียนหญิง ๑ คน ออกมาเล่าเรื่อง “เรารักเมืองไทย” หนา้ ห้องใหเ้ พอื่ นฟงั โดยมคี รูคอยเสรมิ และเพิ่มเตมิ 28

๓. ขัน้ สรุป ๑๒. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ความส�ำคญั ให้นกั เรียนฟงั คอื ภาษาไทย เป็นภาษาประจำ� ชาติ เป็นมรดกวัฒนธรรมอันล้�ำค่าที่ควรเรียนรู้อย่างถ่องแท้และใช้สื่อสารอย่างถูกต้อง ควบคู่กับภาษาท้องถ่ิน ซึ่งต้องเข้าใจความหมายให้ตรงกัน จะท�ำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ น�ำไปเช่ือมโยงการอ่านเป็นเรื่องราว จากหนงั สอื อยา่ งสรา้ งสรรค์ ส่ือการเรยี นการสอน ๑) หนงั สอื อ่านเพ่ิมเติมชดุ บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒) แผ่นภาพสองภาษา ๓) พจนานกุ รม การวัดและประเมินผล ๑) แบบประเมินการอา่ นเขียน ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรม 29

ผลสำ� เร็จ ๑. ดา้ นผู้เรียน รางวลั /ผลงานนักเรียน ๑) รางวลั ชนะเลศิ การเขยี นเร่อื งจากภาพ ระดบั ชนั้ ป.๑ - ๓/รางวลั ชนะเลศิ การเขียนเรียงความ ระดับช้นั ป.๔ - ๖/รางวัลรองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ การคัดลายมอื ระดับชั้นป.๔ - ๖ ในโครงการรักษภ์ าษาไทย เนอ่ื งในวันภาษาไทยแห่งชาติ - รางวลั ยอดเย่ยี ม การแต่งค�ำประพันธก์ ลอนสักวา ระดับ สพฐ. ในโครงการค่ายศลิ ปะการเขยี น เชงิ สรา้ งสรรค์ ในโครงการคา่ ยการเขยี นเชงิ สร้างสรรค์ เทิดพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ - รางวัล การเขียนเรื่องจากภาพ ระดับชนั้ ป.๑ - ๓ ระดับ สพฐ. โครงการรักษภ์ าษาไทย เน่อื งในวนั ภาษาไทยแห่งชาติ - รางวลั เหรยี ญเงนิ การเขียนเรียงความ ระดบั ชัน้ ป.๑ - ๓ ในงานศิลปหตั ถกรรมครั้งที่ ๖๔ ท่เี มอื งทองธานี - รางวัล Top twenty การเขียนเรียงความระดับชั้น ป.๔ - ๖ ในโครงการรักษ์ภาษาไทย เน่ืองในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘ ๒) ผู้เรียนได้รับความรู้ในด้านการอ่านบทร้อยแก้ว และร้อยกรอง การใช้ภาษา หลักภาษา วรรณคดี วรรณกรรม ๓) ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาด้านการน้อมน�ำหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ตามวิถีชีวิต ในชนบททต่ี นอาศัยอยู่ สร้างการสำ� นึกรกั บา้ นเกิดและเหน็ คุณคา่ ในเมอื งไทย ท่ียงั มคี วามอดุ มสมบูรณอ์ กี ดว้ ย ๔) ผลการสอบ NT อยใู่ นระดับสูงกว่าประเทศ คือ ปกี ารศึกษา ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ฯลฯ ๒. ด้านครูผู้สอน รางวัลเกยี รตยิ ศ/ผลงานระดบั ชาติ ๑) รางวลั เชดิ ชูเกยี รตคิ รุ ุสดุดี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒) รางวลั ครผู สู้ อนดีเด่นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยของครุ ุสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓) รางวัลการพัฒนารปู แบบการสอนภาษาไทยทีป่ ระสบผลสำ� เรจ็ ระดับ สพฐ. ๔) รางวลั ยอดเย่ยี ม ผู้ฝึกซอ้ มการแต่งคำ� ประพันธ์กลอนสกั วา ระดบั สพฐ. ในโครงการค่ายศิลปะ การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ ในโครงการค่ายการเขียนเชงิ สร้างสรรค์ เทดิ พระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ๕) การพัฒนาการเรยี นการสอนที่ประสบผลส�ำเร็จ ระดับ สพฐ. ๖) ผู้ฝึกซ้อมการเขียนเร่ืองจากภาพ Top twenty ระดับชั้น ป.๑ - ๓ ระดับ สพฐ. โครงการ รกั ษ์ภาษาไทย เนอ่ื งในวันภาษาไทยแหง่ ชาติ ๗) รางวลั ครดู ีในดวงใจระดับ สพฐ. คร้ังท่ี ๙ พ.ศ. ๒๕๕๕ 30

๘) ได้รับคัดเลือกให้พิจารณาหนังสือต้นฉบับแบบเรียนภาษาไทย ชุดภาษาพาที วรรณคดีล�ำน�ำ ระดับช้ัน ป.๓ และ ป.๖ ระดบั สพฐ. ๙) คณะกรรมการการบริหารเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการศึกษาระดับเขตพ้ืนที่ การศกึ ษา ค�ำสงั่ แตง่ ตั้ง จาก สพฐ. ๑๐) รางวัลเหรียญเงินระดับชาติครูผู้ฝึกซ้อมการเขียนเรียงความคัดลายมือ ระดับชั้น ป.๑ - ๓ งานศิลปหัตถกรรม ปีการศกึ ษา ๒๕๕๖ ๓. โรงเรยี น/ชมุ ชน ชุมชนให้ความร่วมมือด้านการอ่านการเขียนโดยการบริจาคทุนทรัพย์เป็นทุนการศึกษา และ บริจาคปัจจัยเพอ่ื พฒั นาโรงเรียนให้มคี วามเจริญก้าวหนา้ ปจั จัยสคู่ วามส�ำเร็จ ๑. ภายใน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณและค�ำแนะน�ำจากผู้อ�ำนวยการ คณะครู ในการด�ำเนินงาน แก้ปัญหาและพัฒนาการอ่านภาษาไทยของผู้เรียน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองในการพัฒนา เปน็ อยา่ งดี ๒. ภายนอก โรงเรียนได้รับข้อเสนอแนะจากศึกษานิเทศก์ในเขตพ้ืนที่การศึกษาและโรงเรียนอยู่ในชุมชน การท่องเท่ียว มีแหล่งเรียนรู้ที่เอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้ เช่น ศูนย์คชศึกษา และทางโรงเรียนยังได้รับ งบประมาณจากองค์การบริหารสว่ นจังหวัด สนับสนนุ ในการพัฒนาผ้เู รยี นทกั ษะการใชภ้ าษาไทยให้ชุมชน ข้อเสนอแนะ ๑. ควรนำ� นวตั กรรมมาประยกุ ตก์ ารเรยี นการสอนบรู ณาการแบบสหวิชา ๒. ควรเผยแพร่วิธีการสอน รูปแบบและสอ่ื /นวัตกรรมทางวชิ าการ ๓. ควรสรา้ งความตระหนักในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมประเพณีท้องถ่ิน 31

แผนการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๓ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ เรอื่ ง ปา่ น้ีมคี ณุ เวลาเรียน ๑ ช่ัวโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑ เร่อื งการฟัง ดู พดู อ่าน เขยี นค�ำควบกลา้ ร โดยใช้แผ่นภาพสองภาษาและหนังสืออ่านเพ่มิ เติม เวลา ๑ ช่ัวโมง _ส_อ_น_ว_ัน_ท_่ี_._.._.._. _เด_ือ_น__._.._.._.._.._พ__.ศ_._._.._.._.._._ภ_า_ค_เ_ร_ีย_น_ท_ี่ _๑__ป_ีก_า_ร_ศ_ึก_ษ_า__๒_๕__๕_๙_______________________ สาระท่ี ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑.๑ : สามารถอ่านได้ถูกต้องหลักการอ่าน อ่านได้คล่องและเร็ว เข้าใจความหมาย ของคำ� และขอ้ ความที่อา่ น สาระที่ ๓ : การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท. ๓.๑. ๑ : สามารถจับใจความส�ำคัญ สงิ่ ทีไ่ ด้ฟงั ได้ดแู ละเขา้ ใจเนอื้ เรอื่ งถอ้ ยคำ� การใชน้ ำ�้ เสยี ง และกริ ิยา ท่าทางของผู้พูดและแสดงทรรศนะเรอ่ื งท่ีฟงั และดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ : สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ๑. สาระส�ำคัญ ค�ำควบกล้�ำ ร เปน็ คำ� ควบกล้�ำทอ่ี อกเสียงกลำ้� กันระหว่างพยญั ชนะสองตัว พยัญชนะตวั หลังเป็น ร ประสมสระเดยี วกัน ออกเสยี งกล�้ำกันสนทิ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นกั เรียนสามารถฟงั พดู อ่านและเขียนออกเสียงค�ำควบกล้�ำ ร ไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน ๒.๒ มีทักษะในการอา่ น เขยี นคำ� ควบกล�้ำ ร ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒.๓ นักเรียนมีความสขุ ในการรว่ มกิจกรรม ๓. สาระการเรียนรู้ การอา่ นค�ำควบกลำ�้ ร จากหนงั สอื อ่านเพ่มิ เตมิ และแผน่ ภาพภาษาไทย - ท้องถน่ิ ๔. กระบวนการเรยี นรู้ ๔.๑ ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเร่ืองราวในภาพ โดยร่วมกันสร้างความเข้าใจระหว่างภาษาไทย และภาษาทอ้ งถน่ิ จากแผน่ ภาพสองภาษา ๔.๑.๑ ครใู ช้ค�ำถามวา่ ค�ำควบกล�ำ้ ทนี่ ักเรยี นไดเ้ รียนผา่ นมาแล้วมีก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง ๔.๑.๒ ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงเร่ืองการอ่านค�ำควบกล�้ำท่ีถูกต้องว่ามีลักษณะ การอ่านอย่างไรและรว่ มกันศึกษาใบความรู้คนละ ๑ ชดุ 32

๔.๑.๒ ครู และนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงลักษณะหรือหลักเกณฑ์การออกเสียง ค�ำควบกล้�ำ ร ท่ีถูกต้องร่วมกันคือ พร้อมกับยกตัวอย่างปากเปล่าโดยการสุ่มนักเรียนประมาณ ๓ - ๕ คน ใหอ้ อกเสียงตามแผนภูมทิ คี่ รูน�ำคำ� ควบกลำ�้ จากแผ่นภาพสองภาษามาให้ศึกษารว่ มกัน ๔.๒ นักเรียนอ่านแผนภูมิค�ำควบกล้�ำ ร ร่วมกันท้ังชั้นอีกคร้ัง โดยมีครูคอยสังเกตการอ่าน ให้ถูกตอ้ งและออกเสียงชดั เจน ๔.๓ ครูแนะน�ำและชี้แจงการอ่านหนังสืออ่านเพ่ิมเติม เรื่อง เรารักเมืองไทย ซึ่งเป็นหนังสือ ภาพประกอบประเภทกลอนแปด มาให้นกั เรียนอ่านจ�ำนวน ๑ เล่มพร้อม ๆ กนั ซง่ึ ฝกึ การอ่านตงั้ แต่หนา้ แรก จนถึงหนา้ สดุ ท้าย โดยการอา่ นอิสระเป็นรายบุคคล ๔.๔ ครูแนะน�ำนักเรียนและฝึกอ่านเป็นกลุ่มและฝึกออกเสียงค�ำที่ควบกล้�ำ ร ร่วมกันอีกครั้ง ได้แก่ ค�ำว่า ครอบครัว ประโยชน์ ประทัง ปรีดิ์เปรม สมุนไพร ไพรวัลย์ โครงการ ประชา ไพร่ฟ้า พระเจริญ รักใคร่ เช้าตรู่ กระรอก กระแต ซ่ึงค�ำเหล่านี้เป็นค�ำท่ีอยู่ในหนังสืออ่านเพิ่มเติม จนนักเรียน อ่านคล่อง ๔.๕ นักเรียนศึกษาอภิธานศัพท์ และท�ำแบบฝึกหัดท้ายหนังสืออ่านเพิ่มเติม โดยมีครูคอยดูแล อยา่ งใกลช้ ดิ ๔.๖ ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรเู้ รอ่ื งคำ� ควบกลำ�้ ร อีกคร้ัง ๕. ส่ือการเรยี นการสอน ๕.๑ ใบความรู้ ๕.๒ แผนภูมคิ �ำควบกล้ำ� ๕.๓ แผน่ ภาพภาษาไทย - ทอ้ งถิ่น ๕.๔ หนงั สือชุดบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียงเรอื่ ง เรารกั เมอื งไทย ๖. การวัดผลและประเมินผล วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน - ต้องผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ๑. สงั เกตการอ่าน ออกเสยี งรายบคุ คล ๑. แบบสังเกตการอา่ น อยูใ่ นระดับดี ร้อยละ ๘๐ ๒. ตรวจผลงาน ออกเสียงรายบุคคล ๒. ผลงานนกั เรยี น 33

๗. ข้อเสนอแนะและความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ าร ด ี พอใช ้ ปรบั ปรงุ ๑. กระบวนการจัดการเรียนรู้    ๒. แผนเน้นผ้เู รยี นเป็นสำ� คญั    ๓. แผนสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นร ู้    ๔. แผนสอดคลอ้ งกับเน้ือหา กจิ กรรม สอ่ื    ๕. แผนสอดคลอ้ งกับจุดประสงค์    ๖. แผนสอดคล้องกบั การวดั ผลประเมนิ ผล    ๗. แผนใชป้ ระกอบการสอนได้    ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ - (....................................................) ตำ� แหน่ง ผอู้ �ำนวยการโรงเรียนบ้านบะนกทา ......../............../.......... ๘. บนั ทกึ ผลหลังการสอน ๘.๑ ผลการสอน ๘.๑.๑ จากกิจกรรมการอ่านโดยใช้หนังสืออ่านเพ่ิมเติม แผนภาพภาษาไทย - ท้องถ่ิน สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ได้คือ นักเรียนสนใจใฝ่เรียนและมีความเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือที่มี ภาพประกอบและค�ำกลอนประเภทกลอนแปด เป็นอย่างดี ๘.๑.๒ นักเรียนทกุ คนสามารถอา่ นคำ� ควบกล้�ำ ร ไดแ้ ก่ คำ� ว่า ครอบครวั ประโยชน์ ประทงั ปรีดิ์เปรม สมุนไพร ไพรวลั ย์ โครงการ ประชา ไพร่ฟ้า พระเจริญ รกั ใคร่ เชา้ ตรู่ กระรอก กระแต ซ่ึงเป็นค�ำควบกล�้ำจากหนังสืออ่านเพิ่มเติม ได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางภาษา และออกเสียงกลำ้� กันไดถ้ กู ตอ้ งทกุ ค�ำ คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๐๐ ๘.๑.๓ นักเรียนมีความพึงพอใจและมีความสุขเรียนรู้จากการได้อ่านหนังสืออ่านเพ่ิมเติม เน้อื เรอื่ งและสนใจแผ่นภาพทกุ คน ๘.๒ ปญั หาและอปุ สรรค - ๘.๓ ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข - ลงช่อื .........................................ผู้สอน (นางจินดา ก่อบุญ) 34

แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ โรงเรียนบา้ นบะนกทา เกณฑ์การประเมิน ผผู้ า่ นการประเมนิ ต้องได้คะแนนรวมรอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป เลขท่ี ชื่อ-สกุล การ ่อานถูก ้ตอง ัชดเจน รวม สรปุ ผล การเ ีขยนถูก ้ตองตาม ัอกขรวิ ีธ การประเมิน ประเ ิมนสภาพจ ิรง ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ / ๒ ๙ ๑๐ ๑๐ ๒๙ / ๓ ๙ ๙ ๑๐ ๒๘ ๔ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ๕ ๙ ๑๐ ๑๐ ๒๙ ๖ ๙ ๙ ๑๐ ๒๘ ๗ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ๘ ๙ ๑๐ ๑๐ ๒๙ ๙ ๙ ๙ ๑๐ ๒๘ ลงชื่อ..........................................ผ้ปู ระเมิน (นางจนิ ดา ก่อบญุ ) ภาคผนวก ใบความรู้ เรอ่ื งคำ� ควบกล�ำ้ ร ค�ำควบกล้�ำ ร คอื ค�ำควบกล�้ำแท้ ที่ออกเสียงพยัญชนะสองตัวกล�ำ้ กัน อา่ นออกเสียงพรอ้ มกัน เชน่ ครอบครัว ประโยชน์ ประทงั ปรดี ิ์เปรม สมนุ ไพร ไพรวัลย์ โครงการ ประชา เชา้ ตรู่ ไพรฟ่ า้ พระเจริญ รกั ใคร่ กระรอก กระแต 35

แผ่นภาพสองภาษาและหนงั สืออ่านเพ่ิมเติม แผนภูมคิ ำ� ควบกล�้ำ แผน่ ภาพสองภาษาและหนังสืออา่ นเพิ่มเติม ควบ กร ได้แก่ กราบ ฝึกอ่าน = กะรอ ➝ กรอ กะรา ➝ กรา กรา ➝ บ = กราบ เกรง ฝกึ อา่ น = กะ เร ➝ เกร ➝ เกร ➝ ง = เกรง ควบ พร ได้แก่ พรกิ ฝกึ อา่ น พรอ อิ ➝ ก ➝ พรกิ พรำ� ฝึกอา่ น พรอ ➝ อำ� ➝ พร�ำ ควบ คร ครวั ฝึกอ่าน ครอ ➝ ั ว = ครัว ใคร ฝกึ อ่าน ครอ ➝ ไอ = ใคร ควบ ตร ตรอง ฝึกอา่ น ตรอ ➝ ออ ➝ ง ➝ ตรอง เตรยี ม ฝึกอ่าน ตรอ ➝ เอีย ➝ ม ➝ เตรียม แผ่นภาพสองภาษาและหนังสอื อา่ นเพม่ิ เตมิ 36

พัฒนาการอา่ นภาษาไทย ด้วยหนงั สอื เลม่ เล็กสองภาษา (ไทย - กวย) “ชนเผา่ กูย, กวย, สว่ ย” โดย: สคุ นธรตั น์ ชูเชดิ ครูโรงเรยี นบา้ นตากลาง สพป.สุรนิ ทร์ เขต ๒ เหตผุ ลและความจำ� เป็น โรงเรยี นบ้านตากลาง เปน็ โรงเรียนขนาดเลก็ สงั กดั ส�ำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ ต้ังอย่ใู นชุมชนการทอ่ งเที่ยว (หมูบ่ า้ นชา้ งเล้ยี งทใี่ หญ่ทีส่ ดุ ในโลก) ผู้เรียนส่วนใหญ่ใชภ้ าษาท้องถน่ิ (กวย) สื่อสารในชีวิตประจ�ำวัน ผู้ปกครองส่วนหน่ึงมีอาชีพเล้ียงช้างและอาชีพเสริมในแหล่งท่องเที่ยว มีเวลาดูแล เอาใจใส่ในการศึกษาของบุตรไม่เต็มท่ี เป็นสาเหตุหน่ึงท่ีท�ำให้การจัดการเรียนการสอนภาษาไทยไม่ได้ผล เท่าท่ีควร ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ด้านภาษาไทยต่�ำกว่าเป้าหมายที่ต้ังไว้ จากผลการทดสอบระดับชาติ (NT) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ อยู่ในระดับ ต้องปรับปรุง จ�ำนวน ๓ คน พบว่า ความสามารถด้านภาษา ต่ำ� กว่าเกณฑ์ตามพฤตกิ รรมบ่งชี้ ดงั น้ี ๑. บอกความหมายของค�ำและประโยคจากเรื่องท่ฟี งั และดู ๒. อา่ นเร่อื งแล้วตอบค�ำถามจากเร่ืองทฟี่ งั และดู ๓. บอกหรอื เล่าเรอื่ งราวทีไ่ ด้จากการฟังและดู ๔. อ่านอย่างงา่ ย ๆ คาดคะเนเหตกุ ารณท์ ่จี ะเกดิ ขึน้ จากเรอ่ื งท่ีฟงั และดู ๕. อ่านและสื่อสารความรู้ ความเขา้ ใจ ขอ้ คดิ เหน็ จากเร่อื งท่ีฟัง ดแู ละอ่าน และจากผลการประเมินความสามารถดา้ นการอ่าน ของนกั เรยี นท่มี คี วามบกพร่องด้านการอ่าน ในระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ จำ� นวน ๓ คน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ จำ� นวน ๓ คน จากสภาพปัญหาดังกล่าว ถือว่าเป็นสภาพปัญหาเร่งด่วน ทางโรงเรียนจึงประชุมหารือผู้ที่มีส่วน เกย่ี วขอ้ ง ประกอบด้วย ผู้อ�ำนวยการ คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษาและผูป้ กครองนักเรยี น หาวิธีการ ร่วมกันแก้ปญั หา โดยออกแบบสือ่ การสอนเพ่อื พัฒนาการอ่าน ในรูปแบบหนังสอื เล่มเล็กสองภาษา ไทย - กวย โดยเน้อื หาในเล่ม จะเสนอเรอื่ งราวที่เกีย่ วขอ้ งกับชวี ติ ประจำ� วนั ผ้เู รียน โดยใช้แหลง่ เรยี นรจู้ รงิ ในชุมชนของผู้เรียน วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ พัฒนาการอา่ นของนักเรยี นทใ่ี ช้ภาษาทอ้ งถ่นิ (กวย) ส่อื สารในชวี ิตประจำ� วนั ทม่ี คี วามบกพร่อง ด้านการอ่านภาษาไทย กลุ่มเป้าหมาย นกั เรยี นระดับช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ - ๖ 37

วธิ ีการจัดกิจกรรม ๑. ครูแนะน�ำเรือ่ งท่อี ่าน โดยให้ผเู้ รียนดภู าพหนา้ ปก และสนทนาเกยี่ วกบั ภาพ พรอ้ มตัง้ คำ� ถาม ผู้เรียนเก่ียวกับประสบการณเ์ กีย่ วกบั เรอื่ งทอ่ี ่าน เช่น ครจู ะสอน เรอ่ื งศาลปะก�ำในหนงั สือเล่มเล็กสองภาษา (ไทย - กวย) เรื่อง ซุอาเจยี ง ครสู ามารถถามนกั เรยี นว่า ผ้เู รียนรจู้ ักศาลปะก�ำหรือไม่ บ้านใครมีบ้าง ๒. ครูให้ผเู้ รียนดูภาพและสนทนาเก่ียวกับภาพในหนังสือเลม่ เล็กสองภาษา (ไทย - กวย) ครอู ่าน เร่ือง ศาลปะกำ� ฉบบั ภาษาไทยให้ผเู้ รยี นฟังทลี ะหนา้ จนจบ โดยไม่ตอ้ งใหผ้ ู้เรยี นพดู เกย่ี วกับรปู ภาพ จากนน้ั ให้ผู้เรียนเล่าเรื่องกลับ โดยใช้ภาษาตามความเข้าใจของตนและครูต้ังค�ำถามเกี่ยวกับเร่ือง เช่น ชอบเร่ืองน้ี หรอื ไม่ ทำ� ไม ........... ๓. ครอู ่านเร่อื งฉบับทีเ่ ป็นภาษาไทยพรอ้ มผู้เรียนหรอื อาสาสมัคร ๔. สุ่มเลอื กผ้เู รยี นออกมาอา่ นเปน็ ภาษาท้องถ่ิน (กูย กวย หรือสว่ ย) โดยเลือกอ่านหน้าใดก็ได้ แล้วให้เพื่อนอ่านตามพร้อมกับสนทนาถึงความหมาย ของภาษาท้องถนิ่ ๕. ครูและผู้เรียนทั้งหมดอ่านพร้อมกันทีละภาษาจนจบทั้งสองเล่ม สองภาษา เพอ่ื ใหเ้ กิดความเช่อื มโยงเข้าใจในความหมายของเรอื่ งทีอ่ า่ น ๖. ครูพาผู้เรียนไปศึกษาเรื่องท่ีอ่านจากภูมิปัญญาในแหล่งเรียนรู้จริง ในชุมชน ๗. ครูแจกใบกิจกรรมผู้เรียนเขียนเรื่องราวหรือรูปภาพที่ไปศึกษา แหล่งเรียนรจู้ ริง ๘. สมุ่ ผเู้ รยี นออกมาเลา่ เรอื่ งตามผลงานของตนให้เพอื่ น ๆ ฟงั โดยการสนทนาแลกเปล่ียน ครสู งั เกต พฤติกรรมการเรียนรู้ วัดและประเมินผล เป็นรายคนโดยครแู ละผ้ปู กครอง กระบวนการจัดการเรยี นการสอน ๑. วิเคราะห์สภาพผู้เรียนตามตัวช้ีวัดที่มีปัญหาจากคะแนน NT (จ�ำนวน ๓ คน) ต่�ำกว่าเกณฑ์ และนักเรียนบกพร่องด้านการอ่าน จากการคัดกรองในช้ันเรียน (ประถมศึกษาปีที่ ๕ -๖ จ�ำนวน ๖ คน) รวมผ้เู รยี นกลุม่ เป้าหมาย ๙ คน ๒. พานักเรยี นส�ำรวจแหลง่ การเรยี นรู้ท่ีมีในท้องถิน่ (ศูนยค์ ชศกึ ษา คชอาณาจักร สุสานชา้ ง วงั ทะลุ) ๓. จัดท�ำแผนการจดั การเรยี นรู้ (ตามตวั ชว้ี ดั ท่ตี อ้ งการพัฒนา คอื สาระการอ่าน ฟงั ดู และพูด) ๔. รว่ มกันจัดท�ำสอื่ การเรียนรู้ (จัดทำ� หนงั สือ คณะครู ผ้เู รยี นประกอบการสอนเล่มเล็กสองภาษา ภูมิปญั ญาท้องถิ่น โดยได้รับการเสนอแนะจากศกึ ษานิเทศก์) ประกอบด้วย หนงั สือเลม่ เลก็ สองภาษา (ไทย - กวย) จ�ำนวน ๓ เรอื่ ง (เป็นเร่อื งท่เี กย่ี วข้องกบั ชวี ิตประจ�ำวนั ของผ้เู รยี น) คือ ๑) ไซกะตวม ๒) ซอุ าเจยี ง ๓) จียามนุกอน 38

สื่อการเรียนการสอน ๑. หนังสอื เลม่ เล็กสองภาษาไทย - กวย จำ� นวน ๓ เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ ไซกะตวม ซุอาเจยี ง และ จียามนกุ อน ๒. ใบกจิ กรรม ๓. ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ๔. ศนู ย์การเรียนรชู้ มุ ชน การวัดและประเมนิ ผล ๑. ประเมนิ การอา่ นโดยใช้ แบบประเมนิ การอา่ นออกเสียง ๑) ความถูกตอ้ งในการอ่าน ๒) น้�ำเสียง การเวน้ วรรคตอนในการอา่ น ๓) คุณลักษณะ (มีความมั่นใจในการอ่าน) ๒. ทดสอบความสามารถด้านการเรียนรู้ โดยใช้แบบทดสอบความสามารถด้านภาษาจากเกณฑ์ การสอบ NT (ทงั้ แบบปรนยั และอัตนัย) ๑) บอกความหมายของคำ� และประโยคจากเรอ่ื งที่ฟัง - ดู - อ่าน ๒) อ่านเรือ่ งแล้วตอบคำ� ถามจากเรือ่ งทฟี่ ัง - ดู - อ่าน ๓) บอกหรือเลา่ เรอื่ งราวทไ่ี ดจ้ ากการฟงั - ดู - อา่ น ๔) อา่ นอยา่ งงา่ ย ๆ คาดคะเนเหตกุ ารณ์ทจ่ี ะเกดิ ขึน้ จากเรอื่ งที่ฟัง - ดู - อา่ น ผลสำ� เร็จ ๑. ดา้ นผเู้ รียน   ๑) ผู้เรยี นในกลุม่ เปา้ หมาย ๙ คน มีพฒั นาการความสามารถด้านการอา่ นออกเสียงจากการประเมิน การอ่านครง้ั ที่ ๒ โดยตวั แทนผู้ปกครองมีสว่ นร่วมเพิ่มขน้ึ ๒) ผ้เู รยี นสนใจแสวงหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรู้ในท้องถน่ิ ของตนได้มากข้นึ ๓) ท�ำใหผ้ ลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของผเู้ รียนชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ มคี ะแนน O - net เมือ่ เปรยี บเทียบ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๗-๒๕๕๘ จะเห็นวา่ สงู ข้ึน โดยภาพรวม ๑๒.๒๔ % ปีการศึกษา ไทย คณติ วทิ ย์ สงั คม องั กฤษ รวม เฉลย่ี ๒๕๕๘ ๔๙.๖๙ ๔๒.๕๐ ๔๗.๑๙ ๕๒.๒๕ ๓๒.๑๙ ๒๒๓.๘๒ ๔๔.๗๖ ๒๕๕๗ ๓๗.๔๕ ๒๕.๙๑ ๓๓.๙๕ ๓๗.๐๙ ๒๖.๕๙ ๑๖๐.๙๙ ๓๒.๑๙ ผลตา่ ง ๑๒.๒๔ ๑๖.๕๙ ๑๓.๒๔ ๑๕.๑๖ ๕.๖๐ ๖๒.๘๓ ๑๒.๕๗ 39

๒. ด้านครูผ้สู อน ๑) ครผู ู้สอนมีความภาคภูมิใจในความส�ำเรจ็ ผู้เรียนเรียนรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ ๒) ครูผสู้ อนไดร้ บั ความไวว้ างใจจากผู้ปกครองเป็นอย่างดี ๓. โรงเรยี น/ชมุ ชน ๑) โรงเรยี นได้สง่ ผู้เรียนเข้าร่วมกจิ กรรมในชมุ ชน เป็นมคั คุเทศก์น้อย (Little Guide) โดยได้รบั ความร่วมมอื จากภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วและการเรียนรู้ในชุมชน (ศูนยค์ ชศกึ ษา) เป็นอย่างดี ๒) โรงเรยี นและชุมชนมคี วามสมั พันธ์อันดีตอ่ กันอย่างต่อเนื่อง ปจั จัยสู่ความส�ำเรจ็ ๑. ภายใน ครู บคุ ลากร ให้ความสนใจในรปู แบบการสอน การผลิตส่ือ การใช้เกม เพลง สอนใหน้ กั เรียน เกิดการสร้างองคค์ วามร้ไู ด้ดว้ ยตนเอง และสามารถอธบิ ายได้ ๒. ภายนอก องค์กรอื่นให้การสนับสนุนเงินทุนพัฒนาโรงเรียนและปัจจัยในการส่งเสริมการศึกษา เช่น กองทุนการศึกษามอบ (โครงการปดิ ทองหลังพระ) ดา้ นทนุ การศกึ ษา อบต. ตำ� บลในเขตที่รบั ผิดชอบ ฯลฯ ข้อเสนอแนะ การน�ำเร่ืองราวใกล้ตัวที่เก่ียวข้องกับชีวิตประจ�ำวันของผู้เรียนมาเป็นสื่อในการพัฒนาการอ่าน ในกรณี ที่ผู้เรียนเคยชินกับการใช้ภาษาท้องถิ่น จะท�ำให้ผู้เรียนเข้าใจภาษาไทยได้เร็วข้ึน ครูผู้สอนสามารถ พัฒนาความสามารถในภาษาอืน่ ๆ ได้ 40

แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่อื ง การอา่ นออกเสียงเรื่องในหนังสอื สองภาษาไทย - กวย เวลา ๑๐ ชัว่ โมง แผนท่ี ๑ เรอื่ ง ศาลปะกำ� เวลา ๑ ชัว่ โมง ส__อ_น_ว_ัน_ท_่ี_._.._.._..._.._.เ_ด_อื _น_._.._.._.._.._.._.._.._.._.._พ_.ศ__. _.._.._.._.._.._ ____________________ผ_้สู _อ_น__น_า_ง_ส_คุ _น_ธ_ร_ัต_น__์ ช_ูเ_ช_ิด__ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อน�ำไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา ในการด�ำเนินชวี ิตและมีนิสยั รกั การอ่าน ตัวชวี้ ดั ป.๔/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและร้อยกรองไดถ้ กู ต้อง ป.๔/๕ สรุปความรู้และข้อคิดจากเร่ืองท่อี ่านเพือ่ นำ� ไปใชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็นวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนำ� ไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จริง ตวั ชี้วัด ป.๔/๒ อธิบายข้อคิดจากการอ่านเพ่ือนำ� ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ กลุม่ สาระการเรยี นรูบ้ รู ณาการ - ภาษาไทย (สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม) - สังคมศึกษา (ความเช่อื และการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม) - ศิลปะ (การแสดงในพิธีเซ่นไหว้) ทักษะทเี่ กดิ กบั ผ้เู รยี น - ทักษะการสังเกต - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะกระบวนการกลุ่ม - ทักษะการฟงั ดู พดู อา่ น และเขยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การใฝเ่ รยี นรู้ จดุ ประสงค์ ๑. นักเรียนสามารถอา่ น ฟงั ดู พูดและเขียนภาษาไทยจากเรือ่ งศาลปะกำ� (กยู , กวย, ส่วย) ได้ ๒. นกั เรียนบอกความหมายของค�ำภาษาท้องถน่ิ เป็นภาษาไทยได้ ๓. นักเรยี นสนกุ สนาน เพลดิ เพลินในการอ่าน ฟัง พดู และเขยี นภาษาไทย จากเรอ่ื ง ศาลปะกำ� ภาษาไทยและภาษาท้องถน่ิ (กวย) 41

กระบวนการเรียนรู้ ๑. ขัน้ น�ำเข้าส่บู ทเรยี น ๑.๑ ครแู ละนกั เรยี น ร่วมกันรอ้ งเพลงชา้ ง และสนทนาเก่ยี วกบั อาหารของช้างในท้องถนิ่ ๑.๒ ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างอาหารของช้าง คนละ ๑ ชื่อ ครูเขียนค�ำตอบของนักเรียน บนกระดาน และ ช่ือเรียกในภาษาท้องถิ่น (กวย, สว่ ย) ๒. กระบวนการจดั การเรียนการสอน ๒.๑ ครจู ดั ผเู้ รยี นเข้ากลุม่ ๒ กลุ่ม คละความสามารถและความถนดั และมหี ัวหน้ากลุ่ม ๒.๒ ครูสนทนากับผู้เรียนเกีย่ วกบั สถานทีท่ ่องเทยี่ วที่ส�ำคญั ในชมุ ชนของเรา ๒.๓ ครูแนะนำ� เรื่องทอ่ี ่าน โดยใหผ้ ้เู รียนดูภาพหน้าปก และสนทนาเกยี่ วกบั ภาพ พร้อมตั้งค�ำถาม ผู้เรียนเก่ียวกับประสบการณ์ท่ีเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน เช่น ครูจะสอน เรื่องศาลปะก�ำในหนังสือเล่มเล็ก สองภาษาไทย - กวย เรอื่ ง ซอุ าเจียง ครูสามารถถามนกั เรยี นวา่ ผูเ้ รยี นรู้จักศาลปะกำ� หรอื ไม่ บ้านใครมบี ้าง ๒.๔ ครูให้ผู้เรียนดูภาพและสนทนาเกี่ยวกับภาพในหนังสือเล่มเล็กสองภาษา (ไทย - กวย) หลังจากนน้ั ครอู ่านเรือ่ ง ศาลปะกำ� ฉบับภาษาไทยใหผ้ ูเ้ รียนฟังทลี ะหน้าจนจบ โดยไมต่ อ้ งให้ผู้เรียนพดู เกี่ยวกับ รูปภาพ หลังจากนั้นให้ผู้เรียนเล่าเร่ืองกลับ โดยใช้ภาษาตามความเข้าใจของตนหรือครูต้ังค�ำถาม เช่น ชอบเรอ่ื งนี้หรือไม่ ทำ� ไม ... ๒.๕ ครอู ่านพรอ้ มผู้เรียนท้ังหอ้ ง จนจบท้งั สองภาษา เพ่ือให้เกิดความเชื่อมโยงเขา้ ใจในความหมาย ของเรือ่ งท่ีอา่ น ๒.๖ ครพู าผ้เู รียนไปศกึ ษาเร่อื งทอ่ี ่านในแหล่งเรยี นรจู้ ริงในชมุ ชน (คชอาณาจักร) ๒.๗ ครแู จกใบกิจกรรมผเู้ รยี นเขียนเรอื่ งราวเป็นตวั หนงั สอื หรอื รปู ภาพทีศ่ กึ ษามา ๒.๘ สมุ่ ผเู้ รียนออกมาเลา่ เรื่องตามผลงานของตนให้เพอ่ื น ๆ ในกลุ่มฟัง ๒.๙ ร่วมกันสรปุ ข้อคิดและแนวปฏบิ ตั ิ จัดใส่แฟ้มผลงาน ๓. ข้ันสรปุ รว่ มกันสรุป ขอ้ คดิ และแนวปฏิบัติ จัดใสแ่ ฟ้มผลงาน 42

กิจกรรมเสรมิ /การขยายผล การจัดท�ำหนังสือเล่มเล็กเก่ียวกับเร่ืองราวต่าง ๆ ในชีวิต ประจ�ำวนั ในท้องถน่ิ และถอดชนดิ ของชนดิ ตา่ ง ๆ เช่น คำ� นาม ค�ำกริยา ค�ำวิเศษณ์ และค�ำบุพบท จัดท�ำเป็นสมุดเล่มเล็กประมวลค�ำเป็นส่ือ ในการเรียนรตู้ อ่ ไป สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนังสือเล่มเล็กสองภาษาไทย - กวย เรอ่ื ง ซุอาเขียง (ศาลปะกำ� ) ๒. ใบกิจกรรม ๓. ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ พธิ กี ารเซ่นไหว้ศาลปะกำ� ๔. ศนู ยค์ ชศึกษา (ศาลปะกำ� ) การประเมนิ ผล ตวั ชว้ี ัด เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรียนสามารถอา่ น ฟงั ดูและ แบบประเมินการอ่าน ผา่ น นักเรยี นสามารถอ่านฟัง ดู และพูด ภาษาไทย พูด ภาษาไทยจากเร่ือง ซุอาเจียง ฟงั ดู พดู และเขยี น จากภาษาท้องถ่ินได้ (ศาลปะกำ� ) ทั้งสองภาษาได้ (K) ไมผ่ า่ น นักเรียนสามารถอ่าน ฟัง ดู และพดู ภาษาไทย จากภาษาทอ้ งถ่ินไดไ้ ม่ถึงเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ๒. นักเรียนบอกความหมายของค�ำ ใบกิจกรรม ผ่าน นกั เรยี นสามารถบอกความหมายภาษาทอ้ งถน่ิ ภาษาทอ้ งถ่นิ เป็นภาษาไทยได้ (P) จากเรื่องทีเ่ รียนได้ ไม่ผ่าน นักเรียนไม่สามารถบอกความหมาย ภาษาท้องถิ่นเปน็ ภาษาไทยได้ ๓. นักเรียนสนุกสนาน เพลิดเพลิน แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่าน นักเรยี นสนุกสนานเพลดิ เพลินในการร่วมกิจกรรม ในการฟัง พูด อ่านภาษาไทยจาก การเรียนรู้ ฟังพูดและอ่านเร่ืองศาลปะก�ำเป็นภาษาไทยและ เรือ่ ง ศาลปะกำ� ภาษาทอ้ งถิ่น (กยู , ภาษาท้องถ่ินได้ สว่ ย) และภาษาไทย (A) ไม่ผา่ น นักเรียนไมร่ ว่ มปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ขอ้ เสนอแนะ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ าร ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .............................................. (.............................................) ต�ำแหนง่ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรียนบ้านตากลาง 43